Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore WriterBible3.6_Book_R13

WriterBible3.6_Book_R13

Published by jarun funrew, 2020-05-29 23:36:34

Description: WriterBible3.6_Book_R13

Search

Read the Text Version

การส่ังพิมพ์ซองจดหมายหรือเอกสารท่ีมีการใช้ฟิลด์ข้อมูล มีวิธีพิเศษสาํ หรับกรณีนี้โดยเฉพาะ ให้ดูวิธีการพิมพ์ในข้อ 20.2 ง. การพิมพจ์ ดหมายเวียน หน้า 261 ภาพท่ี 387 เป็นผลหลังพิมพ์หน้าซองจดหมายที่ใช้ฟิลด์ข้อมูลจากฐานข้อมูล จาํ นวนซองจดหมายมีเท่ากับจํานวน บรรทัด(Record)ในฐานข้อมูล เน้อื ความของจดหมายส่วนที่ไมซ่ ํ้าเปลยี่ นไปตามฟิลด์ในฐานขอ้ มลู ชอื่ ของผู้รบั จงึ ไมซ่ ํา้ กนั เลย ภาพที่ 387 : หลังพิมพซ์ องจดหมาย 19.7 การพิมพ์ฉลาก (Labels) ฉลาก(Labels) ในทนี่ ้ีหมายถึง ปา้ ยสตกิ๊ เกอร์ขนาดเล็กหลายๆปา้ ย ท่ีเรียงกันบนหนา้ กระดาษแผน่ เดยี ว ก. การพมิ พฉ์ ลากท่ีมีเนอ้ื หาเหมือนกันหมด ขั้นตอนการพิมพ์ฉลาก 1. ไปที่ File → New → Labels... จะปรากฎหนา้ ต่าง Labels 2. แทบ็ Label ช่อง Label text พมิ พ์ข้อความลงไป (ตามภาพท่ี 388 ข้อความคือ “ราคา 299.-”) ภาพท่ี 388 : ข้ันตอนที่ 1 และ 2 บทที่ 19 : การพิมพ์และส่งออก 251

3. แท็บ Format กาํ หนดขนาดฉลาก ขนาดกระดาษ และระยะช่องวา่ ง การต้งั ค่าตามภาพท่ี 389 ฉลาก 1 ป้ายมีขนาด 5x1.9 ซม. กระดาษทั้งแผน่ มีฉลากจาํ นวน 3 สดมน์ 10 แถว ขนาดกระดาษฉลากท้งั หน้ามีขนาด 22.2x16.8 ซม. ระยะห่างระหว่างแตล่ ะฉลาก คือ 0.3 ซม. ชอ่ ง Horizontal pitch คอื ความกว้างฉลาก+ชอ่ งว่างระหว่างฉลาก = 5+0.3 = 5.3 cm ช่อง Vertical pitch คือ ความสูงฉลาก+ช่องว่างระหว่างฉลาก = 1.9+0.3 = 2.2 cm ชอ่ ง Width คือ ความกว้างฉลาก = 5 cm ชอ่ ง Height คือ ความสูงฉลาก = 1.9 cm ชอ่ ง Left margin คือ ระยะเวน้ ขอบกระดาษจากทางซ้าย = 0.7 cm ช่อง Top margin คือ ระยะเว้นขอบกระดาษจากด้านบน = 0.3 cm ชอ่ ง Columns คอื จาํ นวนสดมนข์ องปา้ ยฉลาก = 3 cm ช่อง Rows คอื จาํ นวนแถวของป้ายฉลาก = 10 cm ช่อง Page width คือ ความกวา้ งของกระดาษฉลากทง้ั หนา้ = 16.8 cm ชอ่ ง Page Height คอื ความสงู ของกระดาษฉลากทง้ั หนา้ = 22.2 cm ภาพที่ 389 : ขั้นตอนที่ 3 4. แท็บ Options กําหนดวิธีพิมพ์ เช่น พิมพ์ท้ังหน้า(Entire page) หรือ พิมพ์เพียง 1 ฉลาก(Single label)โดยเลือก ว่าจะพิมพ์ลงบนป้ายไหน (สดมน์ทีเ่ ท่าไร? แถวที่เทา่ ไร? กําหนดท่ีช่อง Column และ Row ตามลําดับ) ภาพท่ี 390 : ขน้ั ตอนท่ี 4-5 5. คลิกทป่ี มุ่ New Document โปรแกรมจะสรา้ งเอกสารใหม่ ที่แบง่ ฉลากออกเป็นบล็อค (ตามภาพท่ี 391) 252 คัมภีร์ LibreOffice Writer 3.6 (หา้ มตพี มิ พ์เพอื่ การพาณชิ ย์)

ภาพที่ 391 : เอกสารพร้อม พิมพฉ์ ลาก แต่ละบล็อคของฉลากในเอกสาร สร้างมาจากกรอบ(Frame) ซึ่งสามารถเข้าไปแก้สี แก้ตัวอักษรได้ตามสะดวก นอกจากนี้อาจจะแก้ระยะขอบซ้าย หรอื ขอบขวาบา้ งเล็กนอ้ ยก่อนพิมพ์ กรอบ(Frame)ของป้ายฉลากทุกกรอบ ถูกกํากับรูปแบบโดยสไตล์กรอบ Label หากต้องการตกแต่งหรือแก้ไขกรอบ ให้แก้ท่ีไสตล์กรอบ Label จะสะดวกท่สี ดุ เพราะมผี ลต่อทกุ ๆกรอบในครงั้ เดยี ว ข. การพิมพฉ์ ลากจากแหล่งข้อมูล(Data sources) (หวั ข้อนี้ ใช้เทคนคิ เดยี วกบั การสร้างจดหมายเวียน ในบทท่ี 20 หน้า 255) การพิมพฉ์ ลากจากแหลง่ ข้อมูล(Data Sources) เป็นการพมิ พ์ฉลากทแ่ี ต่ละปา้ ยฉลากมีเนื้อหาไม่ซา้ํ กนั เชน่ 1 ฉลากต่อ 1 ข้อความ หากตอ้ งพมิ พฉ์ ลากเปน็ จํานวนมากท่ีเน้อื หาไม่เหมอื นกนั แตม่ าจากตารางข้อมูลเดียวกนั เทคนคิ ทอี่ ธบิ ายในหวั ขอ้ นี้จะชว่ ยใหง้ านดงั กล่าวง่ายขึน้ มาก การพิมพ์ฉลากจากแหล่งขอ้ มลู ตอ้ งใช้ฐานขอ้ มลู มาเปน็ แหลง่ ข้อมูลในการพมิ พ์ (ดูวิธกี ารสร้างฐานข้อมูลไดใ้ นขอ้ 20.2 ก. การสร้างฐานข้อมูลจากไฟล์ .ods หน้า 256) การพมิ พ์ฉลากจากแหล่งข้อมูล ตา่ งจากท่ีอธิบายในข้อ ก. เพยี งแค่ขน้ั ตอนการพิมพ์ขอ้ ความเท่านั้น โดยจะใช้ การใส่ ฟิลด์ขอ้ มูลจากฐานข้อมลู แทนการพมิ พ์ขอ้ ความ ตามขน้ั ตอนในภาพท่ี 392 ภาพที่ 392 : ใส่ฟลิ ดข์ ้อมลู ลงในฉลาก หลังสร้างฉลากจากฐานข้อมูล ฟิลด์ข้อมูลที่ใส่ลงในฉลาก จะปรากฎเป็นชื่อฟิลด์ เช่น <Title> เป็นต้น (ตาม ภาพที่ 393) เมื่อสั่งพิมพ์ซองจดหมาย ส่วนท่ีเป็นชื่อฟิลด์ข้อมูลจะเป็นส่วนที่ไม่ซํา้ กัน เพราะ Writer จะดึงข้อมูลจากฐาน ข้อมลู มาใส่ บทท่ี 19 : การพมิ พแ์ ละส่งออก 253

ภาพท่ี 393 : ฉลากหลงั ใสฟ่ ิลด์ข้อมลู จากฐานขอ้ มลู การสั่งพิมพ์ฉลากหรือเอกสารท่ีมีการใช้ฟิลด์ข้อมูล มีวิธีพิเศษสาํ หรับกรณีน้ีโดยเฉพาะ ให้ดูวิธีการพิมพ์ในข้อ 20.2 ง. การพมิ พจ์ ดหมายเวียน หน้า 261 ภาพที่ 394 เป็นผลหลงั พมิ พ์ฉลาก แตล่ ะฉลากดงึ ขอ้ มลู มาจากฐานขอ้ มลู ฉลากจึงไม่ซา้ํ กนั เลย ภาพที่ 394 : หลงั พมิ พฉ์ ลาก 254 คัมภีร์ LibreOffice Writer 3.6 (หา้ มตพี ิมพเ์ พือ่ การพาณิชย์)

บทท่ี 20 : จดหมำยเวียน (Mail-merge)

20.1 จดหมายเวยี น (Mail merge) จดหมายเวยี น (Mail-merge) คอื เอกสารหรือจดหมายทมี่ ีเนือ้ หาซาํ้ ๆ แต่มเี พียงบางส่วนของเน้ือหาแตกต่างกัน เชน่ จดหมายขอบคณุ ท่สี ่งถึงผรู้ บั 500 คน เนื้อหาจดหมายเหมอื นกนั หมด ตา่ งกันท่ีรายละเอยี ดของผู้รับ เป็นตน้ จากตัวอยา่ งในข้างตน้ หากสร้างจดหมายดังกลา่ วด้วยกระบวนการปกติ ต้องสร้างจดหมาย 500 หนา้ และต้องพิมพ์ราย ละเอียดของผู้รับเองทุกหน้า ซ่ึงเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเลย เทคนิคของจดหมายเวียนที่อธิบายไว้ในบทนี้ เป็นเครื่องมือท่ีจะช่วยให้ งานดังกล่าวงา่ ยข้ึน โดยสามารถกาํ หนดเนือ้ หาส่วนท่แี ตกตา่ งกนั ได้ง่ายๆ 20.2 การสร้างจดหมายเวียน การสร้างจดหมายเวยี น มีอยู่ 3 ขั้นตอนใหญ่ๆ ก็คอื 1. สร้างฐานขอ้ มลู (ข้อ ก.) 2. สร้างจดหมายเวยี น (ข้อ ค.) 3. พิมพ์จดหมายเวียน (ข้อ ง.) ก. การสรา้ งฐานข้อมูลจากไฟล์ .ods ส่วนทแ่ี ตกต่างกันในเน้อื หาของจดหมายเวยี น จะถกู แทนทด่ี ว้ ยขอ้ มลู จากฐานข้อมลู ท่ีลงทะเบยี นไว้กับ LibreOffice ในตวั อยา่ งนี้ จะสรา้ งฐานขอ้ มลู จากไฟล์ .ods (ท่ีสรา้ งด้วย Calc) ซ่งึ เป็นวธิ ที ่ีง่ายท่สี ุด ภาพดา้ นล่างเป็นตารางขอ้ มูล ของไฟล์ .ods ทจ่ี ะนํามาสรา้ งจดหมายเวยี น ภาพท่ี 395 : ขอ้ มูลในไฟล์ .ods ในข้นั ตอนนจี้ ะตอ้ งใช้งานโปรแกรม LibreOffice Base ดว้ ย แต่ใชเ้ พยี งเลก็ นอ้ ยเท่านั้น 61 การใช้งาน LibreOffice Base จะต้องติดตง้ั JRE การสรา้ งฐานขอ้ มลู ดว้ ยโปรแกรม LibreOffice Base จะตอ้ งตดิ ตง้ั JRE ไวด้ ว้ ย ซ่ึงปกตจิ ะตดิ ตั้งมาด้วยอยู่ แลว้ (ดูเพิ่มเตมิ ในข้อ 1.4 การตดิ ต้ัง LibreOffice บน Windows หนา้ 25 ) 256 คมั ภีร์ LibreOffice Writer 3.6 (หา้ มตีพมิ พ์เพ่ือการพาณิชย์)

ขนั้ ตอนการสร้างฐานข้อมลู จากไฟล์ .ODS 1. ที่ Writer ไปที่ File → New → Database... จะปรากฎหน้าตา่ ง Database Wizard 2. Steps 1 : Select database (เลือกฐานขอ้ มูล) 2.1 ต๊กิ ที่ ตวั เลอื กวงกลม Connect to an existing database(ตดิ ตอ่ กบั ฐานขอ้ มลู ทม่ี อี ยแู่ ล้ว) และเลอื กเป็น Spreadsheet เพือ่ สร้างฐานข้อมลู จากไฟลต์ ารางคํานวณ อยา่ งเช่น .ods หรือ .xls เปน็ ต้น 2.2 คลิกปุม่ Next เพ่อื ไปที่ Step 2 ภาพท่ี 396 : ข้นั ตอนท่ี 1 และ 2 3. Steps 2 : Setup Spreadsheeet connection (ต้งั การเชื่อมต่อกบั ไฟลต์ ารางคํานวณ) 3.1 คลิกที่ปมุ่ Browse... จะปรากฎหน้าต่างมาให้เลือกไฟล์ตารางคาํ นวณ 3.2 เลอื กไฟล์ .ods (ตามภาพที่ 397 ไฟล์ท่เี ลือกก็คอื DB_Customer_Names.ods) 3.3 คลกิ ท่ีปุ่ม Open จะกลับมาที่หนา้ ต่าง Database Wizard 3.4 คลกิ ปมุ่ Next เพอื่ ไปท่ี Step 3 ภาพท่ี 397 : ขัน้ ตอนท่ี 3 บทท่ี 20 : จดหมายเวียน(Mail-merge) 257

4. Steps 3 : Save and proceed (บันทึกและดาํ เนนิ การ) 4.1 ต๊ิกท่ีตวั เลอื กวงกลม Yes, register the database for me เพอ่ื ลงทะเบยี นฐานข้อมลู ดงั กลา่ วกับ LibreOffice ผลกค็ อื ฐานข้อมลู จะปรากฎอยูใ่ นแหลง่ ข้อมูล(Data Source)ในทกุ โปรแกรมของ LibreOffice 4.2 คลกิ ป่มุ Finish จะปรากฎหนา้ ตา่ งมาให้ตงั้ ช่ือไฟล์ฐานขอ้ มูล 4.3 ตัง้ ชอื่ ไฟล์ฐานข้อมูล(ไฟลน์ ามสกลุ .odb) และระบตุ ําแหน่งเกบ็ ไฟล์ดังกล่าว 4.4 คลิกทปี่ ุม่ Save เพอื่ บันทกึ ไฟล์ ภาพท่ี 398 : ข้นั ตอนท่ี 4 5. ไฟล์ฐานข้อมูลท่ีบันทึก จะถูกเปดิ ด้วย LibreOffice Base ขน้ึ มาให้ดู ภาพท่ี 399 : ฐานข้อมูลที่ถกู สรา้ ง ตรวจสอบแหล่งข้อมูล(Data sources) ใน Writer หลังสร้างฐานขอ้ มูลและลงทะเบียนแลว้ จะสามารถเรียกใช้ฐานข้อมูลดังกล่าวได้ผ่านทางแหล่งข้อมูล(Data Sources) ให้เปิดโปรแกรม LibreOffice Writer แล้วเปิดแหล่งข้อมูลออกมาดู โดยไปที่ View → Data sources หรือกด <F4> หรือ คลิกทปี่ มุ่ (Data Sources)บนแถบเคร่อื งมือมาตรฐาน จะปรากฏรายการฐานข้อมูลท่ลี งทะเบยี นไว้กับ LIbreOffice 258 คัมภีร์ LibreOffice Writer 3.6 (หา้ มตีพมิ พเ์ พ่อื การพาณิชย์)

ท่ีแหล่งข้อมูล ให้ตรวจสอบว่ามีช่ือฐานข้อมูลที่ได้สร้างไปหรือไม่? ถ้ามี ให้คลิกที่ช่ือตารางในฐานข้อมูล เพื่อดูว่ามี ขอ้ มูลหรือไม่? (ช่ือตารางในฐานขอ้ มลู ใช้ช่อื เดยี วกับชือ่ ช้ีทในไฟล์ .ods) เท่าน้ีก็พร้อมสรา้ งจดหมายเวียนแลว้ ภาพท่ี 400 : แหลง่ ขอ้ มูล ข. การจดั การฐานขอ้ มลู เบ้ืองตน้ ไฟล์ .ods และ ไฟล์ .odb ลงิ คก์ นั อยู่ การสร้างฐานข้อมลู จากไฟล์ .ods ในขา้ งตน้ ไฟล์ฐานขอ้ มูล(.odb)ท่ไี ด้ จะลิงค์อยูก่ บั ไฟล์ .ods ดังนนั้ การเปลย่ี นแปลง ทไ่ี ฟล์ .ods จะมผี ลใหไ้ ฟล์ .odb เปล่ยี นแปลงด้วย การลบ การปลี่ยนชื่อ หรือการย้ายไฟล์ .ods จะทาํ ให้ลิงค์เสีย แต่ข้อมูลในฐานข้อมูลยังอยู่ เพียงแต่จะไม่อัพเดทตาม ไฟล์ .ods ไดอ้ ีกแลว้ กรณีย้ายไฟล์ หรือเปลีย่ นชอื่ ไฟล์ .ods จะตอ้ งตามไปผูกลิงค์ใหม่ ซง่ึ สามารถทําได้ดังนี้ ข้นั ตอนการผกู ลงิ ค์ระหว่างไฟล์ .ods กับไฟล์ .odb 1. ดบั เบิ้ลคลกิ ทีไ่ ฟล์ .odb จะเปดิ ไฟล์ดงั กลา่ วด้วย LibreOffice Base ขึ้นมา 2. ไปที่ Edit → Database → Properties .. จะปรากฎหนา้ ต่าง Database Properties (ตามภาพท่ี 401) 3. คลิกท่ีป่มุ Browse จะปรากฎหน้าต่างมาให้ระบตุ าํ แหนง่ ไฟล์ .ods ทถี่ ูกยา้ ยตาํ แหน่งหรือถกู เปลีย่ นช่ือ 4. คลิกท่ีปุ่ม OK ภาพท่ี 401 : หน้าตา่ ง Database Properties ภาพที่ 401 ปุ่ม Test Connection ใช้สําหรับตรวจสอบการลิงค์ ถ้าไฟล์ .ods และ .odb ลิงค์กันได้จะปรากฎ ข้อความตามภาพที่ 402 กค็ อื “การเช่ือมต่อสําเร็จ” บทที่ 20 : จดหมายเวียน(Mail-merge) 259

ภาพที่ 402 : ไฟล์ .ods และ .odb ยังลิงค์กนั อยู่ ดูฐานข้อมลู ท่ีลงทะเบียนไว้กับ LibreOffice ให้ไปที่ Tool → Options → เมนู LibreOffice Base → เมนูย่อย Database จะปรากฎหน้าต่าง Options ตามภาพ ท่ี 403 ทก่ี รอบ Registered databases แสดงรายการและตําแหนง่ ไฟลฐ์ านข้อมูลที่ลงทะเบยี นไวก้ ับ LibreOffice ภาพท่ี 403 : รายการฐานข้อมูล การจดั การเม่ือมกี ารยา้ ยไฟล์ฐานขอ้ มลู (ไฟล.์ odb) ในกรณีมีการยา้ ยไฟล์ฐานข้อมูล(ไฟล์.odb) จะต้องตามไปผูกตาํ แหน่งใหม่ท่ีย้ายไปด้วย ไม่เช่นนั้น LibreOffice จะหา ฐานข้อมูลดังกล่าวไม่เจอ ให้ไปท่ี Tool → Options → เมนู LibreOffice Base → เมนูย่อย Database จะปรากฎหน้าต่าง Options (ตามภาพท่ี 403) จากน้ันคลิกท่ีปุ่ม Edit.. จะปรากฎหน้าต่าง Edit Database Link(ตามภาพที่ 404) คลิกท่ีปุ่ม Browse จะปรากฎหนา้ ตา่ งมาใหเ้ ลอื กไฟล์ .odb ทอี่ ย่ใู นตาํ แหนง่ ใหม่ ภาพที่ 404 : หนา้ ตา่ ง Edit Database Link การลบฐานขอ้ มลู ออกจากแหลง่ ข้อมูล การลบฐานขอ้ มลู ออกจากแหลง่ ข้อมูล มอี ยู่ 2 ข้นั ตอน ก็คือ 1. ลบลิงคห์ รือลบ Registered databases ออก ให้ไปท่ี Tool → Options → เมนู LibreOffice Base → เมนูย่อย Database จะปรากฎหน้าต่าง Options ตาม ภาพที่ 403 ใหค้ ลกิ เลือกฐานขอ้ มลู จากน้ันคลิกทปี่ มุ่ Delete เพือ่ ลบการลงทะเบียน(แต่ไฟลย์ ังอยู่) 2. ลบไฟล์ .odb ออก (ตามลิงคท์ ่แี สดง) 260 คัมภีร์ LibreOffice Writer 3.6 (หา้ มตีพมิ พ์เพอ่ื การพาณชิ ย์)

ค. การสรา้ งจดหมายเวยี น ขัน้ ตอน 1. พมิ พ์เนอ้ื ความจดหมาย (สว่ นซ้ํากัน) 2. ไปที่ View → Data sources หรือกด <F4> หรือคลิกที่ปุ่ม (Data Sources)บนแถบเครื่องมือมาตรฐาน เพอ่ื เปิดแหลง่ ขอ้ มูล 3. ใส่ฟลิ ดข์ ้อมูลลงในจดหมาย(สว่ นท่ไี ม่ซํ้ากัน) 3.1 เลือกฐานข้อมูล และ เลือกตารางในฐานข้อมูล 3.2 คลิกค้างที่ชื่อฟลิ ด์(ในแหล่งขอ้ มลู ) แล้วลากมาวางในจดหมาย จะปรากฎชอื่ ฟิลด์ เช่น <Title> เปน็ ตน้ ภาพท่ี 405 : แทรกฟิลดข์ ้อมลู ลงในจดหมาย ง. การพิมพ์จดหมายเวียน การส่ังพิมพ์จดหมายเวียน ให้ไปที่ File → Print.. หรือกด <Ctrl><P> จะปรากฎหน้าต่างตามภาพท่ี 406 มาถามว่า “เนื้อหาในเอกสารมีฟิลด์ของฐานข้อมูลอยู่ด้วย ต้องการจะพิมพ์ในรูปแบบจดหมายหรือไม่?” ให้คลิกท่ีปุ่ม Yes (หากคลิกท่ี ปุ่ม No จะเข้าสู่การพิมพ์เอกสารปกติ) ภาพที่ 406 : จะพมิ พเ์ อกสารในรปู แบบของจดหมายหรือไม่? หลังคลิกปุ่ม Yes จะปรากฎหน้าต่าง Mail Merge(ตามภาพท่ี 407) มาให้กาํ หนดรายละเอียดการพิมพ์ โดยสามารถ กาํ หนดได้ว่า จะพิมพ์บรรทัด(Record)ใดบ้างในฐานข้อมูล และสามารถส่ังพิมพ์เป็นไฟล์ได้หลายชนิด เช่น ไฟล์ .pdf, ไฟล์ .odt เปน็ ต้น บทที่ 20 : จดหมายเวียน(Mail-merge) 261

ภาพที่ 407 : หนา้ ตา่ ง Mail Merge ตวั เลือกวงกลม Save as single document : ใชพ้ มิ พจ์ ดหมายเวียนออกมาเปน็ ไฟลเ์ ดียว ผลหลังพมิ พ์ ตามตวั อยา่ ง ในภาพท่ี 408 ตัวเลือกวงกลม Save as individual documents : ใช้พิมพ์จดหมายเวียนออกมาเป็นหลายไฟล์ ตามจํานวนของ บรรทดั (Record)ในฐานข้อมูล ซงึ่ สามารถกาํ หนดวธิ ตี ้ังชอ่ื ไฟลแ์ ละชนดิ ของไฟลไ์ ด้ทชี่ อ่ งอนื่ ๆในสว่ นล่าง ภาพที่ 408 เป็นตัวอย่างหลังส่ังพิมพ์จดหมายเวียนเป็นไฟล์ .pdf ผลท่ีได้ เอกสารท่ีมีจํานวนหน้าเท่ากับจาํ นวน บรรทดั (Record)ในฐานข้อมูล เนื้อความของจดหมายส่วนที่ไม่ซ้ําเปลี่ยนไปตามฟลิ ดใ์ นฐานข้อมูล เช่น ชื่อของผู้รับในจดหมาย ไม่ซํา้ กันเลย เปน็ ต้น ภาพท่ี 408 : ผลลพั ทห์ ลังพมิ พ์เป็นไฟล์ .pdf 262 คมั ภีร์ LibreOffice Writer 3.6 (หา้ มตีพิมพเ์ พ่อื การพาณชิ ย์)

บทท่ี 21 : แม่แบบเอกสำร (Template)

21.1 แมแ่ บบเอกสารคืออะไร? แม่แบบเอกสาร(Template) คอื เอกสารต้นแบบทีจ่ ัดรูปแบบไว้แล้ว สะดวกสําหรับเร่มิ ตน้ สร้างเอกสารโดยไมต่ ้องต้ัง คา่ ตา่ งๆซ้าํ อกี เม่ือเปิด Writer หรือไปที่ File → New → Text Document เพ่ือเริ่มต้นสร้างเอกสารใหม่ โปรแกรมจะเริ่มจาก เอกสารท่ีมีพื้นหลังสีขาว ต้ังระยะขอบโดยรอบไว้ 2 ซม. กําหนดขนาดกระดาษไว้แล้ว ชื่อไฟล์เริ่มต้นคือ Untitled+ตัวเลข เป็นตน้ ซงึ่ จากน้ัน เรากจ็ ะตัง้ คา่ ตา่ งๆสําหรับงานเอกสารแต่ละอยา่ งทแ่ี ตกต่างกนั ไป แล้วบนั ทึกไฟล์เปน็ ช่อื ใหม่ เมื่อสร้างเอกสารใหม่ โปรแกรมจะสร้างเอกสารจาก แมแ่ บบเอกสารปรยิ าย(Default template) ทต่ี ง้ั คา่ ตา่ งๆไว้แล้ว เอกสารเร่มิ ตน้ ของ Writer จึงมีลักษณะตามที่อธบิ ายในข้างต้น ภาพท่ี 409 : สรา้ งเอกสารใหม่ Writer เร่มิ ต้นสร้างจากแม่แบบเอกสารปริยาย ดว้ ยระบบของแม่แบบเอกสาร ทําให้เราสามารถเรม่ิ ต้นสรา้ งเอกสารใหม่จากแม่แบบเอกสารตา่ งๆ ที่มีหนา้ ตาแตกต่าง ไป และยังสามารถบันทึกเอกสารที่เราตั้งค่าต่างๆไว้เป็นแม่แบบเอกสารได้ด้วย คร้ังต่อไป เม่ือต้องการสร้างเอกสารใหม่ จึงไม่ ต้องมาต้ังค่าตา่ งๆซา้ํ อีก 21.2 การบันทึกเอกสารเปน็ แม่แบบเอกสาร หากมเี อกสารที่ใชบ้ อ่ ย เช่น แบบฟอร์มตา่ งๆ หรอื มเี อกสารที่จดั รปู แบบไวแ้ ลว้ เช่น สรา้ งสไตลไ์ ว้ หรือจดั หน้ากระดาษ ไว้ เปน็ ตน้ เราสามารถบันทึกเอกสารนัน้ ไว้เป็นแมแ่ บบเอกสาร เพ่ือทจี่ ะสามารถสร้างเอกสารใหม่จากแมแ่ บบเอกสารดังกลา่ ว ได้ง่ายๆ ขั้นตอนการบนั ทกึ เอกสารเปน็ แมแ่ บบเอกสาร 1. เปิดไฟล์ท่ีต้องการบนั ทกึ เปน็ แม่แบบเอกสาร 2. ไปที่ File → Templates → Save... จะปรากฏหนา้ ตา่ ง Templates 3. ทหี่ น้าต่าง Templates 3.1 ชอ่ ง New template ตั้งช่อื แม่แบบเอกสาร 3.2 ชอ่ ง Catagories เลือกเปน็ My Templates (เป็นตาํ แหนง่ เกบ็ ไฟล์แม่แบบเอกสาร) 4. คลิกปุ่ม OK เพ่อื บันทกึ 264 คมั ภีร์ LibreOffice Writer 3.6 (หา้ มตีพมิ พเ์ พอื่ การพาณิชย์)

ภาพที่ 410 : ขั้นตอนการบนั ทกึ แมแ่ บบเอกสาร ไฟล์แม่แบบเอกสาร จะถกู บนั ทึกเป็นไฟลน์ ามสกลุ .ott ใหไ้ ปที่ File → Templates → Edit... จะปรากฎหนา้ ตา่ ง Open (ตามภาพที่ 411) ณ ตําแหน่งที่เก็บไฟล์(ตามภาพท่ี 411) เราสามารถเข้าไปโยกย้ายหรือคัดลอกไฟล์ไปใช้งานได้เหมือนไฟล์ปกติท่ัวๆไป เพยี งแต่เปน็ ไฟล์แมแ่ บบเอกสาร ภาพที่ 411 : ตาํ แหน่งเก็บไฟล์แมแ่ บบเอกสาร 21.3 การสร้างเอกสารจากแมแ่ บบเอกสาร เราสามารถเรมิ่ ต้นสรา้ งเอกสาร จากแมแ่ บบเอกสารท่ีไดด้ ังนี้ ข้นั ตอนการสรา้ งเอกสารจากแม่แบบเอกสาร 1. ไปที่ File → New → Templates and Documents จะปรากฏหน้าตา่ ง Templates and Documents 2. ทห่ี น้าต่าง Templates and Documents เลือกแมแ่ บบเอกสารท่ตี ้องการ 2.1 ทก่ี รอบซ้ายสดุ คลิก Templates 2.2 เขา้ ไปในโฟลเดอร์ My Templates 2.3 เลือกไฟล์แมแ่ บบเอกสาร 3. คลกิ ปมุ่ Open จากนนั้ Writer จะสร้างเอกสารจากแม่แบบเอกสารท่ีเลอื ก แม่แบบเอกสารมกั เก็บไวท้ ี่โฟลเดอร์ Templates และจากภาพที่ 412 มีแม่แบบเอกสารอยู่ 5 ตัวเทา่ นน้ั (ท้งั ของ Calc และ Impress ดว้ ย) ทง้ั นีส้ ามารถบันทกึ เพม่ิ เติมหรือดาวนโ์ หลดแมแ่ บบเอกสารสาํ เร็จรปู จากอินเตอรเ์ น็ตมาใส่เพ่มิ เตมิ ได้ บทท่ี 21 : แม่แบบเอกสาร(Template) 265

ภาพที่ 412 : ขั้นตอนการสรา้ งเอกสารจากแม่แบบเอกสาร 21.4 การส่งออกไฟล์แมแ่ บบเอกสารเปน็ ไฟล์ .ott ในกรณีท่ีต้องการนาํ ไฟล์แม่แบบเอกสารไปใช้กับเคร่ืองอ่ืนๆ ให้ส่งออกไฟล์แม่แบบเอกสารไปเป็นไฟล์ .ott จากน้ันก็ สามารถโยกยา้ ยไฟลด์ ังกลา่ วไปทีไ่ หนก็ได้ ขน้ั ตอนการส่งออกเปน็ ไฟล์ .ott 1. ไปที่ File → Templates → Organize... จะปรากฏหนา้ ต่าง Template Management 2. ทก่ี รอบซ้ายสดุ เลอื กแมแ่ บบเอกสาร ทีจ่ ะสง่ ออกเป็นไฟล์ .ott 3. คลิกท่ีป่มุ Command → Export Template... จะปรากฎหน้าตา่ ง Save มาให้ตั้งช่ือ ไฟล์ .ott 4. ตง้ั ชื่อไฟล์ .ott และเลอื กตําแหนง่ เก็บไฟล์ จากน้นั คลกิ ปุม่ Save เพ่ือบนั ทึก ภาพท่ี 413 : ขนั้ ตอนการสง่ ออกแม่แบบเอกสารเปน็ ไฟล์ .ott หรืออีกวิธหี น่ึง ให้เข้าไปยังโฟลเดอร์ที่เกบ็ ไฟลแ์ ม่แบบเอกสารแลว้ คดั ลอกไฟลอ์ อกมา (พาธไปยังโฟลเดอร์ดังกล่าว ให้ ดูตามภาพที่ 411) 266 คมั ภีร์ LibreOffice Writer 3.6 (หา้ มตพี มิ พ์เพ่ือการพาณชิ ย์)

21.5 การนําเข้าไฟลแ์ มแ่ บบเอกสาร ไฟล์ .ott ซึ่งเป็นไฟล์แม่แบบเอกสาร สามารถหาดาวน์โหลดได้มากมายจากอินเตอร์เน็ต หรือสร้างเก็บไว้เองก็ได้ (ตามท่ีอธิบายในข้อ 21.2 หนา้ 264) เม่ือได้ไฟล์ .ott มาแล้ว สามารถดับเบิ้ลคลิกเพ่ือใช้งานเลยก็ได้ Writer ก็จะเปิดไฟล์แม่ แบบเอกสารข้ึนมาให้ ซง่ึ จากนัน้ ก็สามารถทาํ งานและบันทกึ ไปเป็นไฟล์ .odt ตอ่ ได้ แต่ถ้านาํ เข้า(Import) สู่ LibreOffice ก่อน LibreOffice จะคัดลอกไฟล์แม่แบบเอกสารไปยังตําแหน่งเก็บโดยเฉพาะ เพอ่ื ให้เรยี กใช้ได้ง่ายๆ ไม่ตอ้ งไปคน้ หาไฟล์แม่แบบเอกสารว่าอยูท่ ี่ไหนใหย้ ุ่งยาก ขนั้ ตอนการนําเข้าไฟล์ .ott 1. ไปท่ี File → Templates → Organize... จะปรากฏหนา้ ต่าง Template Management 2. ทก่ี รอบซา้ ยสุดเลอื กโฟลเดอร์ My Templates 3. คลิกทป่ี ุ่ม Command → Import Template... จะปรากฎหนา้ ตา่ ง Open มาใหเ้ ลอื กไฟล์ .ott 4. ทหี่ นา้ ตา่ ง Open เลอื กไฟล์ .ott ทจ่ี ะนาํ เขา้ 5. คลิกปมุ่ Open กจ็ ะไดไ้ ฟล์ .ott มาไว้ทโี่ ฟลเดอร์ My Templates ภาพท่ี 414 : ขัน้ ตอนการนําเขา้ แมแ่ บบเอกสาร 21.6 การตง้ั แม่แบบเอกสารให้เป็นแมแ่ บบเอกสารปรยิ าย เม่ือเปิด Writer ข้ึนมา หรือสร้างเอกสารใหม่ (ไปท่ี File → New → Text Document) โปรแกรมจะเริ่มต้นสร้าง เอกสารจากแมแ่ บบเอกสารปริยายเสมอ(Default Template) ซงึ่ เราสามารถกําหนดไดเ้ องวา่ จะใหแ้ ม่แบบเอกสารตัวใด เปน็ แมแ่ บบเอกสารปริยาย บทท่ี 21 : แม่แบบเอกสาร(Template) 267

ขน้ั ตอนการต้ังแม่แบบเอกสารเป็นแม่แบบเอกสารปริยาย 1. ไปที่ File → Templates → Organize... จะปรากฏหนา้ ตา่ ง Template Management 2. คลกิ เม้าส์ขวาท่ีช่อื แม่แบบเอกสาร → Set As Default Template ภาพที่ 415 : ขั้นตอนการตงั้ แมแ่ บบเอกสารเปน็ แมแ่ บบเอกสารปริยาย เม่ือสร้างเอกสารหรือเปิด Writer ขึ้นมา Writer จะเร่ิมต้นจากแมแ่ บบเอกสารที่ถูกต้ังเป็นแม่แบบเอกสารปริยายทุก ครง้ั หากต้องการรเี ซต็ กลบั ไปเปน็ แม่แบบเอกสารเดิมๆท่ี Writer ตั้งไว้ สามารถทาํ ไดด้ ังนี้ ข้นั ตอนการรีเซต็ แมแ่ บบเอกสารปริยาย 1. ไปท่ี File → Templates → Organize... จะปรากฏหน้าตา่ ง Template Management 2. คลิกเม้าส์ขวาท่ีชื่อแม่แบบเอกสาร(ตวั ใดก็ได)้ → Reset Default Template → Text Document ภาพท่ี 416 : ขัน้ ตอนรเี ซ็ตแม่แบบเอกสารปริยาย 268 คัมภีร์ LibreOffice Writer 3.6 (หา้ มตีพิมพ์เพอ่ื การพาณิชย์)

บทที่ 22 : ฟลิ ด์(Fields)

22.1 ฟิลด์คืออะไร? ฟลิ ด์(Field) ฟิลด์เปน็ ขอ้ มูลเลก็ ๆสั้นๆทส่ี ามารถเปล่ียนแปลงข้อมูลของตัวเองไดเ้ องตามสถานการณ์ เชน่ เลขหน้าท่ีมี การเปล่ียนแปลงเองตามหน้ากระดาษปัจจุบัน, ช่ือหนังสือ, ช่ือผู้เขียน, จาํ นวนหน้ากระดาษ, การอ้างอิงแบบไขว้(Cross- Reference) เปน็ ตน้ ซึ่งท้ังหมดล้วนเปน็ ขอ้ มูลท่ีเปล่ยี นแปลงไดง้ ่าย 22.2 ฟลิ ด์พ้ืนฐาน การแทรกฟลิ ดพ์ ื้นฐาน คลกิ ณ ตาํ แหน่งทีจ่ ะแทรกฟลดิ ์ จากนนั้ ไปที่ Insert → Fields → (เลอื กฟิลดท์ ีต่ อ้ งการแทก) ภาพที่ 417 : การแทรกฟลิ ด์ลงในเอกสาร ฟิลด์พื้นฐานที่ Writer มีมาให้ ก็คือ Date(วันท่ี), Time(เวลา), Page Number(เลขหน้า), Page Count(จํานวน หน้า) , Subject(หวั ขอ้ /ประเด็น), Title(ชอ่ื เรือ่ ง) และ Author(ผแู้ ต่ง) ฟลิ ด์ Date, Time, Page Number และ Page Count ไมต่ ้องต้งั ค่าอะไร เมื่อแทรกฟิลด์กลุ่มดงั กล่าว จะปรากฎขอ้ มลู ในทันที แต่ฟิลด์ Subject, Title และ Author โปรแกรมจะดึงข้อมูลมาจากข้อมูลผู้ใช้(User data) และ คุณสมบัติของ ไฟล์(File Properties) ซึ่งตอ้ งตงั้ คา่ ก่อนจึงจะมีขอ้ มูลปรากฎให้เหน็ ฟลิ ด์ Author ตั้งได้ที่ ข้อมลู ผใู้ ช้(User data) ตามภาพที่ 418 (ไปท่ี Tools → Options → เมนู LibreOffice → เมนู ยอ่ ย User data เพือ่ เปดิ หน้าตา่ งตามภาพ) ภาพท่ี 418 : ตงั้ ฟิลด์ Author ฟิลด์ Subject และ Title ตั้งได้ท่ี คุณสมบัติของไฟล์(File Properties) ตามภาพที่ 419 (ไปท่ี File → Properties เพอ่ื เปดิ หนา้ ต่างตามภาพ) ภาพที่ 419 : ตงั้ ฟิลด์ Subject และ Title 270 คมั ภีร์ LibreOffice Writer 3.6 (หา้ มตพี ิมพ์เพอ่ื การพาณิชย์)

ตวั อยา่ งฟิลด์พืน้ ฐานแบบต่างๆ (ข้อมลู แบบฟิลดจ์ ะมีแถบสีเทาคาดอยู่) ภาพท่ี 420 : ตวั อย่างฟิลดพ์ น้ื ฐานแบบตา่ งๆ การแก้ไขรูปแบบฟิลด์ หลังแทรกฟิลด์ลงในเอกสาร รูปแบบของฟิลด์อาจไม่เป็นอย่างท่ีต้องการ เข่น ฟิลด์ Date(วันท่ี) หลังแทรกจะข้ึนเป็น 19/11/12 ท่ตี ้องการจริงๆ ก็คือ 19 พ.ย. 2555 วธิ แี ก้ไขรูปแบบฟิลด์ ให้ดบั เบลิ้ คลิกทฟี่ ลิ ด์ จะปรากฎหน้าตา่ ง Edit fields จากนัน้ เลือกรูปแบบตามตอ้ งการ ภาพท่ี 421 : หน้าต่าง Edit Fields สําหรับฟลิ ด์ Date คีย์ลัดทเี่ ก่ียวกับฟิลด์ ปดิ /เปดิ แถบสขี องฟลิ ด์ <Ctrl><F8> : ปดิ /เปดิ ชอ่ื ฟลิ ด์ <Ctrl><F9> : อพั เดทฟิลด์ <F9> : เปดิ หน้าตา่ ง Fields <Ctrl><F2> : 22.3 ฟลิ ด์ตัวเลขเรยี งลาํ ดบั ฟิลด์ตัวเลขเรียงลําดับ(Number Range) เป็นตัวเลขเรียงลําดับท่ีเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างอัตโนมัติ เมื่อมีฟิลด์ตัว เดยี วกนั หลายๆตัวในเอกสาร ตวั แรกสุดจะนบั 1 ตวั ทอ่ี ยถู่ ัดไปนับ 2 เป็นอย่างนไ้ี ปเร่ือยๆ การใช้งานฟิลด์ตัวเลขท่ีเรียงลําดับ เช่น ใช้กับตารางที่มีการแทรกแถว ลบแถว หรือเปลี่ยนแปลงแถวบ่อยๆ ส่งผลให้ ตอ้ งแก้เลขลาํ ดับของแถวบ่อยๆ เป็นตน้ ฟลิ ดต์ วั เลขเรียงลาํ ดบั จะอพั เดทข้อมูลตัวเองอย่างอตั โนัมัติ หากถูกลบหรอื ถกู แทรก ฟิลด์ตัวเลขเรียงลาํ ดับ เป็นฟิลด์ท่ีสําคัญ เพราะเคร่ืองมือ อย่างเช่น สารบัญอัตโนมัติ, คําบรรยายอัตโนมัติ (AutoCaption - ตาราง,ภาพ,...) ทมี่ กี ารนบั เรียงตัวเลขอัตโนมัติ ต่างก็ใช้เทคนิคน้ี เพียงแต่ไม่ได้สร้างตามขั้นตอนท่ีได้อธิบาย ไว้ในน้ี (ดเู ร่ืองคาํ บรรยายอตั โนมัติ ในข้อ 15.20 ข. หนา้ 208) อยา่ งไรกด็ ี เมอ่ื สร้างคําบรรยายอตั โนมตั ิ โปรแกรมจะสรา้ งฟิลด์ ตวั เลขเรียงลาํ ดบั มาใหด้ ว้ ย บทที่ 22 : ฟลิ ด์(Fields) 271

ก. การสร้างฟลิ ด์ตัวเลขเรยี งลาํ ดบั ขั้นตอนการสรา้ งฟิลดต์ ัวเลขเรยี งลําดบั 1. ไปท่ี Insert → Fields → Other... หรือกด <Ctrl><F2> จะปรากฎหน้าต่าง Fields 2. ท่แี ทบ็ Variables 2.1 ทช่ี ่อง Type เลอื ก Number range 2.2 ทชี่ อ่ ง Format เลือก Arabic(1 2 3) หรอื เลือกตัวอ่ืนๆตามตอ้ งการ ช่องนีเ้ ป็นรูปแบบของตวั เลขเรียงลาํ ดบั เชน่ 1,2,3.. , I,II,III,... เปน็ ต้น 3. ตั้งชอ่ื ฟิลด์ตัวเลขเรียงลําดับ ทช่ี ่อง Name (ตามภาพท่ี 422 ตัง้ ช่ือว่า StepNumber) 4. คลกิ ป่มุ Insert (ครงั้ ท่ี 1) ชอ่ื ของฟลิ ด์ตวั เลขเรียงลาํ ดับจะถูกเพม่ิ ลงในช่อง Selection พร้อมกนั นนั้ ฟิลดก์ ถ็ ูก แทรกลงในเอกสารด้วย เร่ิมต้นจากนบั 1 ก่อน 5. คลกิ ทปี่ ุ่ม Insert อกี ฟลิ ดต์ วั เลขเรียงลําดบั กจ็ ะเปลย่ี นเปน็ 2,3,4... ไปเรื่อยๆ ภาพที่ 422 : ข้นั ตอนการสร้างฟลิ ด์ตัวเลขเรยี งลาํ ดบั 62 ใส่ฟลิ ด์ตัวเลขเรียงลาํ ดับตวั ต่อไปด้วยการคัดลอก เพ่ือความสะดวก เม่อื แทรกฟิลด์ตวั เลขเรียงลาํ ดับลงในเอกสารแล้ว ไมจ่ าํ เป็นต้องเปดิ หนา้ Fields ขึ้นมาทุก คร้ัง เพื่อแทรกฟิลด์ สามารถใช้การคัดลอกฟลิ ด์ตัวเลขเรียงลาํ ดบั ตัวใดกไ็ ดแ้ ลว้ วาง ตวั เลขก็จะนับตอ่ กัน อยา่ งอัตโนมตั ิ หากมีการลบหรอื แทรกฟลิ ด์ตัวเลขเรยี งลําดบั ฟลิ ด์ทง้ั ชดุ จะทําการปรับเปลย่ี นลําดบั ใหอ้ ยา่ งอตั โนมตั ิ ข. เริม่ นบั 1 ใหม่ ฟลิ ดต์ วั เลขเรียงลําดับ จะนับตอ่ กนั ไปเร่ือยๆ หากตอ้ งการเริม่ นบั 1 ใหม่ สามารถทาํ ได้ดงั นี้ 272 คัมภีร์ LibreOffice Writer 3.6 (หา้ มตีพมิ พ์เพ่ือการพาณชิ ย์)

ข้นั ตอนการเร่ิมนับ 1 ใหม่ 1. ไปที่ Insert → Fields → Other... หรอื กด <Ctrl><F2> จะปรากฎหนา้ ต่าง Fields 2. ทีแ่ ท็บ Variables 2.1 ทชี่ ่อง Type เลอื ก Number range 2.2 ทช่ี อ่ ง Selection เลอื กฟลิ ด์ตัวเลขเรียงลําดับท่สี รา้ งไว้ 2.3 ทช่ี ่อง Value(คา่ ของฟิลด)์ พมิ พ์เลข 1 ลงไป เพือ่ เร่ิมนับ 1 ใหมเ่ มือ่ มกี ารแทรกฟิลด์ 3. คลิกปมุ่ Insert (ครงั้ ที่ 1) ฟลิ ด์ตวั เลขเรยี งลําดบั ทถ่ี ูกใสล่ งในเอกสาร จะเร่มิ นับจาก 1 ใหม่ ภาพที่ 423 : ข้นั ตอนท่ี 1-3 4. กลบั มาที่ชอ่ ง Value อีกคร้ัง พมิ พ์ (ช่อื ฟิลด์)+1 เพอื่ เพม่ิ คา่ ให้กบั ฟิลด์ทีละ 1 เม่ือมกี ารแทรกฟิลด์ ( ตามภาพที่ 424 ใสเ่ ปน็ StepNumber+1) 5. คลกิ ท่ีปุม่ Insert ฟิลดต์ ัวเลขเรียงลาํ ดบั ก็จะเปลี่ยนเป็น 2,3,4... ไปเรื่อยๆ ภาพที่ 424 : ข้ันตอนที่ 4-5 บทท่ี 22 : ฟลิ ด์(Fields) 273

22.4 การลบฟิลด์ทสี่ ร้างเอง การลบฟลิ ด์ทเี่ ราสร้างข้ึนมาเอง สามารถทําได้ดงั น้ี ขนั้ ตอน 1. ลบฟลิ ด์ในเอกสารทง้ั หมด (ถ้าลบไม่หมดคาํ สั่งลบจะไมท่ าํ งาน) 2. ไปที่ Insert → Fields → Other... หรอื กด <Ctrl><F2> จะปรากฎหนา้ ต่าง Fields 3. เลือกฟลิ ด์ทต่ี อ้ งการลบ หากฟิลดใ์ นเอกสารถกู ลบออกหมดแล้ว สญั ลักษณก์ ากะบาทจะทํางาน 4. คลกิ ท่ีสัญลักษณก์ ากะบาทเพ่ือลบฟิลดอ์ อก ภาพท่ี 425 : ขัน้ ตอนการลบฟลิ ด์ ทส่ี ร้างเอง 22.5 รจู้ ักกับการอ้างองิ แบบไขว(้ Cross-reference) การอ้างถึงข้อมลู ขององคป์ ระกอบในเอกสาร เชน่ หัวขอ้ , คําบรรยายอตั โนมตั ิ หรือ ทขี่ ั้นหนงั สือ เป็นตน้ มีโอกาสสูงท่ี จะเกิดความผิดพลาด หากเราอ้างอิงแบบตายตัวโดยการพิมพ์ข้อความปกติ เช่น “ดูเพิ่มเติมในหัวข้อ...”, “ดูเรื่อง xxx ใน หน้า...” เพราะสิง่ ท่ีเราอา้ งถึง อาจมีการเปล่ยี นแปลงได้ระหวา่ งการทาํ งาน เชน่ ยา้ ยจากหนา้ หนง่ึ ไปอกี หน้าหน่งึ , เปลี่ยนชอ่ี หวั ข้อ เปน็ ตน้ การอ้างอิงแบบไขว้(Cross-reference) เป็นฟิลด์ชนิดหน่ึง ท่ีอ้างอิงถึงข้อมูลขององค์ประกอบในเอกสาร ข้อดีของ การอ้างองิ แบบไขว้กค็ อื เมอื่ องคป์ ระกอบในเอกสารเปลีย่ น การอ้างอิงแบบไขวก้ ็จะเปลยี่ นใหส้ อดคล้องอยา่ งอตั โนมตั ิ ให้ไปท่ี Insert → Cross-reference... หรือกด <Ctrl><F2> จะปรากฎหน้าต่างเดียวกันก็คือหน้าต่าง Fields ฟิลด์ การอ้างอิงแบบไขว้อยทู่ ่ีแทบ็ Cross-reference 274 ภาพที่ 426 : แทบ็ Cross-reference ในหนา้ ตา่ ง Fields คัมภีร์ LibreOffice Writer 3.6 (หา้ มตีพิมพ์เพอื่ การพาณชิ ย์)

ตวั อย่างการอา้ งองิ แบบไขว้(Cross-reference) เราสามารถสร้างฟิลด์การอ้างอิงแบบไขว้ โดยอ้างอิงถึง หัวข้อใดก็ได้ และเลือกอ้างอิงข้อมูลอะไรก็ได้ท่ีเก่ียวกับหัวข้อ น้นั ๆ เช่น ข้อความของหัวข้อ, หน้าท่ีหวั ข้อนน้ั อยู่ เป็นต้น เมื่อข้อความของหัวข้อนั้นเปล่ียน หรือเปลี่ยนหน้า ฟิลด์การอ้างอิง แบบไขว้ทอี่ ้างถึงหวั ข้อดังกลา่ ว กจ็ ะเปลยี่ นแปลงเองอยา่ งอัตโนมตั ิ 22.6 ฟิลด์การอ้างอิงแบบไขว้ โดยใชท้ ่ขี ้ันหนังสอื (Bookmark) การแทรกฟลิ ด์การอ้างอิงแบบไขว้โดยใช้ท่ีข้ันหนังสือ(Bookmark) จะตอ้ งแทรกทีข่ ้นั หนงั สอื ลงในเอกสารก่อน เป็นการ ระบตุ ําแหน่งทจ่ี ะใช้อ้างองิ ซงึ่ สามารถทาํ ไดด้ งั น้ี ข้นั ตอนการแทรกทีข่ นั้ หนงั สอื 1. เลอื กข้อความ หรอื คลิกเมา้ ส์ ณ ตําแหน่งท่ตี อ้ งการแทรกทข่ี ้ันหนังสอื 2. ไปที่ Insert → Bookmark... จะปรากฎหน้าต่าง Insert Bookmark 3. ต้งั ชอ่ื ที่ข้นั หนงั สือ 4. คลิกปมุ่ OK ภาพที่ 427 : ขัน้ ตอนการแทรกท่ขี ั้นหนงั สือ เมื่อแทรกท่ีขนั้ หนงั สือแล้ว จะไมป่ รากฎเคร่อื งหมายใดๆ แต่จะ ปรากฏเปน็ รายชือ่ ท่ีข้นั หนงั สือในหนา้ ตา่ ง Navigator(กด <F5>) หมวด Bookmarks เม่ือดบั เบ้ิลคลิกท่ชี ือ่ ทขี่ ้ันหนังสือ ตัวชี้พิมพข์ อ้ ความจะโดดไปยงั ตําแหน่งของที่ขน้ั หนงั สอื ดังกลา่ ว ภาพท่ี 428 : รายการที่ขน้ั หนงั สอื ในหน้าตา่ ง Navigator การแทรกฟลิ ด์การอ้างองิ แบบไขว้ ถึงที่ขั้นหนังสือ 1. คลิกเม้าส์ ณ ตาํ แหน่งทต่ี ้องการแทรกฟลิ ด์ 2. ไปที่ Insert → Cross-reference... หรือกด <Ctrl><F2> จะปรากฎหน้าต่าง Fields 3. ทแ่ี ทบ็ Cross-reference 3.1 ทช่ี ่อง Type เลือก Bookmarks 3.2 ทช่ี อ่ ง Selection เลอื กท่ีข้ันหนังสือ 3.3 ทชี่ ่อง Insert reference to เลือกส่งิ ทจ่ี ะอ้างองิ ถึงทข่ี ้นั หนงั สอื เช่น เลขหน้าทที่ ขี่ ัน้ หนังสอื อยู่(Page) เป็นต้น 4. คลกิ ที่ปมุ่ Insert จะได้ฟลิ ดท์ ่ีอ้างอิงถงึ ทีข่ ัน้ หนงั สอื ในข้างตน้ (ตามภาพท่ี 429) บทที่ 22 : ฟลิ ด์(Fields) 275

ภาพท่ี 429 : ข้ันตอนการแทรกฟิลด์การอ้างองิ แบบไขว้ถงึ ทขี่ ั้นหนังสอื ภาพท่ี 430 : ส่ิงท่ีอ้างองิ ถึงท่ีข้นั หนงั สือ การบรหิ ารจัดการท่ขี ้นั หนังสอื การบรหิ ารจดั การท่ขี ัน้ หนังสือ เชน่ การลบ, การ เปล่ยี นช่อื ใช้หน้าต่าง Navigator จะสะดวกทส่ี ดุ สามารถเรียกใช้คาํ ส่ังได้โดย คลกิ เมา้ ส์ขวาทีช่ อ่ื ทีข่ ้นั หนงั สอื → Bookmark → (เลือกคําส่งั ) การลบที่ข้ันหนังสืออีกวิธีหน่ึง ให้คลิกท่ีช่ือที่ขั้นหนังสือ จากนั้นกดปุ่ม <Delete> จะลบออกทันที ภาพท่ี 431 : คลกิ เม้าสข์ วาที่ชอ่ื ทขี่ ั้นหนังสอื 22.7 ฟลิ ด์การอ้างอิงแบบไขว้ โดยการต้งั จดุ อา้ งองิ (Set Reference) การแทรกฟิลด์การอ้างอิงแบบไขว้ โดยการต้ังจุดอ้างอิง(Set Reference) จะต้องตั้งจุดอ้างอิงก่อน ซึ่งสามารถทําได้ ดังนี้ ข้นั ตอนการตง้ั จุดอ้างองิ 1. เลอื กข้อความที่ตอ้ งการตัง้ เปน็ จดุ อา้ งอิง ภาพท่ี 432 ได้เลือกข้อความ “ประสบการณ์แห่งความล้มเหลว” ไว้ 2. ไปที่ Insert → Cross-reference... หรือกด <Ctrl><F2> จะปรากฎหนา้ ต่าง Fields 3. ทแี่ ท็บ Cross-references 3.1 ทช่ี อ่ ง Type เลือก Set Reference 3.2 ทชี่ อ่ ง Name ตั้งช่ือจุดอา้ งอิง ภาพที่ 432 ตง้ั เปน็ “ประสบการณแ์ ห่งความล้มเหลว(SR)” 4. คลิกปมุ่ Insert จะปรากฎชื่อของจดุ อ้างองิ ท่ีชอ่ ง Selection และขอ้ ความทถี่ ูกต้ังเป็นจดุ อ้างองิ จะมแี ถบสีเทาคาด 276 คัมภีร์ LibreOffice Writer 3.6 (หา้ มตีพิมพเ์ พอ่ื การพาณิชย์)

ภาพท่ี 432 : ขั้นตอนการตง้ั จุดอ้างอิง ขัน้ ตอนการแทรกฟลิ ดก์ ารอ้างอิงแบบไขว้ ถงึ จุดอ้างอิง 1. คลกิ เมา้ ส์ ณ ตาํ แหนง่ ที่ตอ้ งการแทรกฟลิ ด์ 2. ไปที่ Insert → Cross-reference... หรือกด <Ctrl><F2> จะปรากฎหนา้ ตา่ ง Fields 3. ที่แทบ็ Cross-reference 3.1 ทชี่ อ่ ง Type เลือก Insert Reference 3.2 ทช่ี ่อง Selection เลอื กจดุ อ้างอิง 3.3 ทช่ี ่อง Insert reference to เลือกสิง่ ทจ่ี ะอา้ งองิ ถงึ จุดอา้ งองิ เช่น เลขหน้าที่จุดอา้ งอิงอย(ู่ Page) เป็นต้น 4. คลกิ ที่ปุม่ Insert จะได้ฟิลดท์ ่ีอ้างอิงถงึ จุดอา้ งอิงในขา้ งตน้ ภาพที่ 433 : ขน้ั ตอนการแทรกฟิลด์แบบไขว้ ถึงจดุ อ้างองิ สงิ่ ทมี่ ใี ห้อ้างองิ ถึงของจดุ อ้างองิ มีเหมือนกับที่ขน้ั หนังสือ ตามภาพที่ 430 บทท่ี 22 : ฟลิ ด์(Fields) 277

ข้อดีของการอ้างอิงแบบไขวโ้ ดยการต้ังจดุ อ้างองิ (Set Reference) ก็คอื ข้อความทเี่ ป็นจดุ อ้างองิ (ต้นทาง)สามารถแกไ้ ข ได้งา่ ย โดยการพมิ พข์ ้อความตามปกติ ซง่ึ ฟลิ ด์ทีอ่ า้ งอิงถึง ก็จะเปลีย่ นตามอยา่ งอตั โนมัติ (ในกรณแี ก้ไขข้อความทีจ่ ุดอา้ งอิงแลว้ ฟลิ ด์ที่อ้างองิ ถงึ ไม่เปลยี่ นตาม ให้กด <F9> เพื่ออพั เดทฟลิ ด์) 22.8 ฟลิ ด์การอา้ งองิ แบบไขว้ โดยใช้ Heading (ใหข้ ้ามหวั ข้อนี้ไปก่อน หากยังไมไ่ ด้อา่ นบทที่ 23) เอกสารท่ีจัดโครงสร้างโดยใช้โครงร่างเลขนํา(Outline Numbering ) ตามที่อธิบายไว้ในบทท่ี 23 สามารถอ้างอิงถึง หวั ขอ้ ตา่ งๆ ในเอกสารไดด้ งั น้ี ขนั้ ตอนการแทรกฟลิ ด์การอ้างองิ แบบไขว้ ถงึ Heading 1. คลกิ เมา้ ส์ ณ ตาํ แหนง่ ท่ีต้องการแทรกฟลิ ด์ 2. ไปที่ Insert → Cross-reference... หรอื กด <Ctrl><F2> จะปรากฎหน้าตา่ ง Fields 3. ท่ีแท็บ Cross-reference 3.1 ทชี่ อ่ ง Type เลอื ก Headings 3.2 ทช่ี อ่ ง Selection เลือกหวั ข้อทีจ่ ะอ้างองิ (ชอ่ งน้ีจะไมม่ รี ายการใดๆ หากไมใ่ สโ่ ครงรา่ งเลขนําให้กับเอกสาร) 3.3 ทชี่ อ่ ง Insert reference to เลือกส่งิ ท่จี ะอา้ งองิ ถงึ 4. คลิกทปี่ มุ่ Insert จะได้ฟดิ ล์ทีอ่ า้ งอิงถงึ หวั ขอ้ ในข้างตน้ ภาพที่ 434 : ข้นั ตอนการแทรกฟลิ ด์แบบไขว้ถงึ Heading(หวั ขอ้ ) 22.9 ฟิลด์การอ้างอิงแบบไขว้ โดยใช้หมวดหมู่ของคําบรรยายอัตโนมตั ิ เมื่อสร้างคําบรรยายอัตโนมัติให้กับองค์ประกอบในเอกสารเช่น ภาพหรือตาราง (ตัวอย่างตามที่อธิบายไว้ในข้อ 15.20 ข. หนา้ 208) ช่ือของหมวดหมู่คาํ บรรยายจะไปปรากฎในแท็บ Cross-reference ให้ด้วย ทาํ ให้สามารถแทรกฟิลด์การ อา้ งองิ แบบไขวถ้ ึงคาํ บรรยายตา่ งๆได้ 278 คัมภีร์ LibreOffice Writer 3.6 (หา้ มตีพมิ พเ์ พ่อื การพาณชิ ย์)

ขัน้ ตอนการแทรกฟลิ ดก์ ารอ้างอิงแบบไขว้ ถึงหมวดหมู่ของคําบรรยายอัตโนมัติ 1. คลกิ เมา้ ส์ ณ ตาํ แหน่งทตี่ ้องการแทรกฟลิ ด์ 2. ไปท่ี Insert → Cross-reference... หรือกด <Ctrl><F2> จะปรากฎหนา้ ตา่ ง Fields 3. ทีแ่ ทบ็ Cross-reference 3.1 ทชี่ ่อง Type เลอื กหมวดหมคู่ ําบรรยาย (ตามภาพเลอื กทห่ี มวด “รูปท”่ี ) 3.2 ทช่ี ่อง Selection เลือกคาํ บรรยายท่จี ะอา้ งองิ 3.3 ทชี่ อ่ ง Insert reference to เลอื กส่ิงที่จะอ้างองิ ถงึ 4. คลิกท่ีปุ่ม Insert จะได้ฟดิ ลท์ ี่อา้ งอิงถงึ คาํ บรรยายในข้างต้น ภาพที่ 435 : ขน้ั ตอนการแทรกฟลิ ด์การอา้ งอิงแบบไขว้ ถงึ หมวดหมู่ของคาํ บรรยายอัตโนมตั ิ 22.10 ฟิลด์ตวั แปร ฟิลด์หลายๆตัว ตอ้ งใช้ตัวแปรรวมด้วย จงึ ต้องสร้างตวั แปรขนึ้ มากอ่ น การสรา้ งฟิลด์ตวั แปร ข้นั ตอนการสร้างฟลิ ด์ตัวแปร 1. คลิกเม้าส์ ณ ตําแหนง่ ที่ต้องการแทรกฟลิ ด์ 2. ไปท่ี Insert → Fields → Other... หรือกด <Ctrl><F2> จะปรากฎหน้าตา่ ง Fields 3. ทแี่ ท็บ Variables 3.1 ทช่ี ่อง Type เลือก Set Variable(ตั้งตวั แปร) 3.2 ทชี่ ่อง Format เลือกรปู แบบของตวั แปร ตามภาพที่ 436 เลอื กเป็น Text (เปน็ ตัวแปรแบบขอ้ ความ) 3.3 ทชี่ อ่ ง Name พิมพ์ชือ่ ตัวแปร ตามภาพท่ี 436 ตัวแปรชอ่ื X 3.4 ทชี่ ่อง Value กาํ หนดค่าใหต้ วั แปร ตามภาพที่ 436 คา่ ของตัวแปรคอื 1 4. คลกิ ที่ปุ่ม Insert เพื่อแทรกฟลิ ดต์ วั แปรลงในเอกสาร ซง่ึ ปรากฎคา่ ของตวั แปรกค็ อื 1 (ตามภาพท่ี 436) บทที่ 22 : ฟลิ ด์(Fields) 279

ภาพท่ี 436 : ขัน้ ตอนการสร้างฟิลดต์ วั แปร เมอื่ กด <Ctrl><F9> เพอื่ ดชู ื่อฟิลด์ จะพบว่า ฟิลดด์ ังกลา่ วเปน็ แบบ Set variables(ตงั้ ตัวแปร) ชอื่ ตวั แปรคือ X มีคา่ เป็น 1 (ตามภาพท่ี 437) ภาพท่ี 437 : ชอ่ื ฟิลดข์ องตวั แปร X การกําหนดค่าใหม่ให้ตวั แปร หากต้องการกําหนดคา่ ใหต้ วั แปรใหม่ ใหท้ าํ ซา้ํ ขัน้ ตอนเดมิ เพยี งแต่ ที่ช่อง Value ให้พมิ พค์ า่ ใหม่ของตัวแปรลงไป ภาพท่ี 438 : ขนั้ ตอนการกําหนดคา่ ใหม่ให้ตวั แปร 280 คัมภีร์ LibreOffice Writer 3.6 (หา้ มตีพมิ พเ์ พื่อการพาณิชย์)

หลังกด <Ctrl><F9> เพื่อดชู ่ือฟิลด์ จะพบว่า ฟลิ ด์ ตวั แปร ณ แตล่ ะช่วงมีค่าไมเ่ ท่ากนั ซึ่งเป็นขอ้ ดีทีส่ ามารถนาํ ไป ใช้ในการสรา้ งฟลิ ด์แบบใช้เงื่อนไข ภาพท่ี 439 : คา่ ของตัวแปรแตล่ ะชว่ งไม่เทา่ กัน 22.11 ฟลิ ด์ Conditional text (ข้อความตามเง่ือนไข) ฟิลด์ Conditional text หรือ ข้อความตามเงื่อนไข เป็นฟิลด์ท่ีสามารถเปล่ียนข้อความได้เองตามเงื่อนไข เช่น แสดงขอ้ ความ “ยนิ ดที ่ไี ด้ร้จู กั ” หากคา่ ของตัวแปรเปน็ “ไทย” หรือแสดงขอ้ ความ “Nice to meet you” หากค่าของตวั แปร เปน็ อย่างอื่น การสร้างฟิลด์ Conditional text มีอยู่ 2 ข้ันตอน กค็ ือ 1. สรา้ งตัวแปรและกําหนดค่าเรมิ่ ต้น (ตามทีอ่ ธบิ ายในขอ้ 22.10 หน้า 279) 2. แทรกฟลิ ด์ Conditional text ข้ันตอนท่ี 1 : สรา้ งตวั แปรและกําหนดคา่ เร่มิ ต้น ในขั้นตอนนี้ไดส้ รา้ งตวั แปรชอื่ X เป็นตวั แปรแบบข้อความ(Text) และกาํ หนดคา่ เร่ิมตน้ เป็น “ไทย” ข้ันตอนท่ี 2 : แทรกฟลิ ด์ Conditional text 1. คลกิ เมา้ ส์ ณ ตําแหน่งท่ตี อ้ งการแทรกฟลิ ด์ 2. ไปที่ Insert → Fields → Other... หรอื กด <Ctrl><F2> จะปรากฎหน้าต่าง Fields 3. ทแ่ี ทบ็ Functions 3.1 ทชี่ อ่ ง Type เลอื ก Conditional Text 3.2 ทช่ี อ่ ง Condition ใสเ่ งอื่ นไข ตามภาพท่ี 440 ใสเ่ ปน็ X==“ไทย” (ถ้าค่าของ X เทา่ กบั ข้อความ “ไทย”) *** ชอื่ ของตัวแปรตวั เลก็ หรอื ตวั ใหญน่ น้ั ต่างกนั (Case sensitive) 3.3 ทชี่ อ่ ง Then ใส่ขอ้ ความเมอื่ เงอื่ นไขเป็นจริง ตามภาพที่ 440 ใส่เป็น “ยนิ ดที ี่ไดร้ ้จู กั ” 3.4 ทชี่ ่อง Else ใสข่ ้อความเม่อื เงื่อนไขเปน็ เท็จ ตามภาพท่ี 440 ใส่เป็น “Nice to meet you” 4. คลิกที่ปุม่ Insert จะปรากฎฟลิ ด์ Conditional text ตามภาพที่ 440 ภาพท่ี 440 : ขน้ั ตอนการแทรกฟลิ ด์ Conditional text บทที่ 22 : ฟลิ ด์(Fields) 281

ภาพที่ 441 : เมื่อกด <Ctrl><F9> เพ่อื แสดงชื่อฟิลด์ หากมีการกาํ หนดค่าใหต้ วั แปรใหม่ เชน่ กําหนดค่าของ X เปน็ “อังกฤษ” จะทําใหเ้ งอื่ นไขเปน็ เทจ็ ขอ้ ความของฟลิ ดท์ ่ี แสดงจึงเปลีย่ นเปน็ “Nice to meet you” (ตวั อยา่ งตามภาพท่ี 442) ภาพท่ี 442 : ผลของฟิลด์ Conditional text เมอ่ื มกี ารตั้งค่าตัวแปรต่างกนั 63 การแทรกฟิลด์ Conditional text ครงั้ ตอ่ ไป หลงั แทรกฟิลด์ Conditional text และปิดหนา้ ต่าง Fields ต่อเมื่อมาจะแทรก ฟลิ ด์ Conditional text อีก จะตอ้ งกําหนดเง่ือนไขใหม่ทง้ั หมด หากตอ้ งการแทรกฟลิ ด์โดยใช้เงื่อนไขเดมิ ให้ใชก้ ารคัดลอกฟลิ ด์ Conditional text ไปวางจะง่ายทส่ี ุด หรือใช้ AutoText ก็ง่ายเช่นเดียวกนั 64 เครอื่ งหมายท่ีใช้เปรยี บเทียบเง่อื นไข X == 1 หรือ X EQ 1 ความหมาย X เทา่ กับ 1 X != 1 หรอื X NEQ 1 ความหมาย X ไม่เทา่ กับ 1 X == “A” หรือ X EQ “A” ความหมาย X เทา่ กับ A (A เป็นข้อความ/ตวั อักษร) 22.12 ฟลิ ด์ Hidden text(ซ่อนข้อความ) ฟิลด์ Hidden text หรือ ฟิลด์ซ่อนข้อความ เป็นฟิลด์ที่สามารถซ่อนข้อความได้ตามเงื่อนไข เช่น ให้ซ่อนนามสกุล หากค่าของตัวแปรเปน็ “ช่อื ” เปน็ ต้น 282 คัมภีร์ LibreOffice Writer 3.6 (หา้ มตพี มิ พเ์ พื่อการพาณชิ ย์)

การสร้างฟิลด์ Hidden text มอี ยู่ 2 ขั้นตอน ก็คือ 1. สรา้ งตวั แปรและกําหนดค่าเร่ิมตน้ (ตามทีอ่ ธิบายในขอ้ 22.10 หนา้ 279) 2. แทรกฟลิ ด์ Hidden text ข้ันตอนท่ี 1 : สร้างตวั แปรและกําหนดค่าเริ่มตน้ ในขั้นตอนนีไ้ ดส้ รา้ งตัวแปรชอื่ Y เปน็ ตัวแปรแบบขอ้ ความ(Text) และกําหนดค่าเร่มิ ตน้ เปน็ “ชอ่ื ” ขน้ั ตอนท่ี 2 : แทรกฟลิ ด์ Hidden text ภาพท่ี 443 : ข้ันตอนการแทรกฟลิ ด์ Hidden text 1. คลิกเมา้ ส์ ณ ตําแหน่งท่ตี อ้ งการแทรกฟลิ ด์ 2. ไปท่ี Insert → Fields → Other... หรือกด <Ctrl><F2> จะปรากฎหน้าต่าง Fields 3. ท่ีแทบ็ Functions 3.1 ทชี่ ่อง Type เลือก Hidden text 3.2 ทช่ี ่อง Condition ใสเ่ งอื่ นไข ตามภาพที่ 443 ใส่เป็น Y==“หนงั สือ” (ถ้าคา่ ของ Y เทา่ กบั ข้อความ “หนงั สือ”) *** ชือ่ ของตัวแปรตวั เล็กหรอื ตัวใหญ่นน้ั ต่างกัน(Case sensitive) 3.3 ทช่ี อ่ ง Hidden text ใส่ข้อความที่จะถูกซ่อนเมือ่ เง่อื นไขเปน็ จริง ตามภาพท่ี 443 ใส่เปน็ “(ตามประสบการณ์ของผม)” 4. คลกิ ที่ป่มุ Insert จะปรากฎฟลิ ด์ Hidden text ตามภาพที่ 443 หากมีการกําหนดค่าให้ตัวแปรใหม่ เช่น กําหนดค่าของ Y เป็น “ไม่ใช่ช่ือหนังสือ” จะทาํ ให้เง่ือนไขเป็นเท็จ ข้อความ ของฟลิ ด์จึงถูกแสดง (ตัวอย่างตามภาพท่ี 444) ภาพที่ 444 : ผลของฟิลด์ Hidden text เมอื่ มีการตง้ั ค่าตัวแปรตา่ งกัน 283 บทที่ 22 : ฟลิ ด์(Fields)

22.13 ฟิลด์ Hidden paragraph (ซ่อนยอ่ หน้า) ฟลิ ด์ Hidden paragraph หรือ ฟิลด์ซอ่ นยอ่ หน้า เป็นฟลิ ด์ทส่ี ามารถซอ่ นยอ่ หนา้ ไดต้ ามเงื่อนไข การสร้างฟลิ ด์ Hidden Paragraph มีอยู่ 2 ขน้ั ตอน ก็คือ 1. สร้างตวั แปรและกาํ หนดค่าเร่มิ ต้น (ตามท่อี ธบิ ายในข้อ 22.10 หน้า 279) 2. แทรกฟลิ ด์ Hidden Paragraph ข้ันตอนท่ี 1 : สรา้ งตัวแปรและกําหนดคา่ เร่มิ ต้น ในขน้ั ตอนน้ีได้สร้างตัวแปรช่อื Z เปน็ ตัวแปรแบบข้อความ(Text) และกาํ หนดค่าเร่มิ ตน้ เป็น “1” ขน้ั ตอนท่ี 2 : แทรกฟิลด์ Hidden Paragraph 1. คลกิ เม้าส์ทย่ี ่อหนา้ ที่ต้องการจะซอ่ น/แสดงตามเง่ือนไข 2. ไปท่ี Insert → Fields → Other... หรือกด <Ctrl><F2> จะปรากฎหนา้ ต่าง Fields 3. ท่ีแทบ็ Functions 3.1 ทช่ี อ่ ง Type เลือก Hidden Paragraph 3.2 ทช่ี อ่ ง Condition ใสเ่ งื่อนไข ตามภาพท่ี 445 ใสเ่ ป็น Z==“1” (ถ้าคา่ ของ Z เท่ากบั ขอ้ ความ “1”) ยอ่ หนา้ จะถกู ซ่อนเมื่อเงื่อนไขเปน็ จรงิ *** ชอ่ื ของตัวแปรตวั เลก็ หรือตัวใหญ่น้นั ตา่ งกัน(Case sensitive) 4. คลกิ ทป่ี มุ่ Insert เพื่อแทรกฟลิ ด์ Hidden Paragraph ซึ่งทาํ ให้ทั้งยอ่ หน้าถกู ซอ่ น ตามภาพท่ี 445 ภาพท่ี 445 : ขัน้ ตอนการแทรกฟิลด์ Hidden Paragraph หากมีการกําหนดคา่ ใหต้ ัวแปรใหม่ เช่น กําหนดค่าของ Z เป็น “2” จะทําให้เงื่อนไขเป็นเท็จ ยอ่ หน้าทมี่ ีฟลิ ด์ Hidden Paragraph อยู่จึงถกู แสดง (ตามภาพท่ี 446) ภาพท่ี 446 : ผลของฟิลด์ Hidden Paragraph เมือ่ มีการตั้งค่าตัวแปรตา่ งกนั 284 คมั ภีร์ LibreOffice Writer 3.6 (หา้ มตีพมิ พเ์ พ่ือการพาณชิ ย์)

65 การปิดแสดงยอ่ หน้าท่ถี กู ซอ่ น และ การแกไ้ ขย่อหน้าท่ีถูกซ่อน เพือ่ ใหฟ้ ลิ ด์ Hidden Paragraph แสดงผลอยา่ งถกู ต้อง ให้ปดิ แสดง(ติ๊กออก)ย่อหน้าท่ถี กู ซอ่ น โดยไปท่ี View → Hidden Paragraphs หากเมนูนเี้ ปิดอยู่(ถกู ต๊กิ ) ไม่ว่าเงือ่ นไขจะจริงหรือเทจ็ ย่อหน้าจะถกู แสดง ทุกกรณี สําหรบั การแก้ไขยอ่ หนา้ ท่ถี กู ซ่อน ก็ใหเ้ ปดิ แสดงยอ่ หน้า จากน้ันแก้ไขข้อความตามปกติ 22.14 ฟลิ ด์ Input List ฟลิ ด์ Input List มลี กั ษณะคล้ายกลอ่ งรายการ(List box) ที่เมื่อถกู คลิกจะปรากฎรายการขอ้ ความใหเ้ ลอื ก ข้ันตอนการสรา้ งฟิลด์ Input List 1. คลกิ เม้าส์ ณ ตาํ แหนง่ ทต่ี ้องการแทรกฟลิ ด์ 2. ไปท่ี Insert → Fields → Other... หรอื กด <Ctrl><F2> จะปรากฎหนา้ ตา่ ง Fields 3. ท่ีแท็บ Functions 3.1 ทชี่ อ่ ง Type เลอื ก Input list 3.2 ทช่ี อ่ ง Name ใสช่ อื่ ฟิลด์ ภาพที่ 447 ตัง้ ช่ือฟลิ ดว์ ่า “Unit” 3.3 ทช่ี อ่ ง Item พมิ พ์รายการ 3.4 คลกิ ท่ีปุ่ม Add เพอ่ื เพมิ่ รายการเขา้ สูช่ อ่ ง Item on list(รายการทีเ่ ป็นสมาชิก) 3.5 ทําซา้ํ ข้อ 3.3-3.4 เพ่ือเพม่ิ รายการอนื่ ๆ 4. คลกิ ท่ีปุ่ม Insert เพื่อแทรกฟิลด์ Input List ลงในเอกสาร จะได้ผลตามภาพที่ 447 ภาพที่ 447 : ข้ันตอนการแทรกฟลิ ด์ Hidden Paragraph การเลือกรายการในฟลิ ด์ Input List คลกิ ท่ีฟลิ ด์ Input List จะปรากฎหนา้ ตา่ ง Choose Item : (ชื่อฟิลด์) ตามภาพที่ 448 มาใหเ้ ลือกรายการ การแกไ้ ขรายการในฟิลด์ ภาพท่ี 448 : หนา้ ต่าง Choose Item : (ช่ือฟิลด)์ ทหี่ นา้ ต่าง Choose Item : (ชือ่ ฟลิ ด์) ตามภาพที่ 448 คลิกทป่ี ุม่ Edit จะปรากฎหน้าต่าง Edit Fields : Function มาให้แกไ้ ขหรอื เปล่ยี นแปลงรายการในฟิลด์ บทที่ 22 : ฟลิ ด์(Fields) 285

22.15 ฟลิ ด์ Placeholder ฟิลด์ Placeholder คอื สญั ลกั ษณห์ รือข้อความ ท่สี ามารถถูกแทนทด่ี ว้ ยองค์ประกอบในเอกสารชนดิ อืน่ ๆ ทงั้ น้ขี ึน้ กบั ชนิดของฟลิ ด์ Placeholder ฟิลด์ Placeholder เหมาะกับการสร้างฟอร์ม ที่ให้แก้ไขบางส่วน แต่คงเน้ือหาส่วนใหญ่ไว้ เช่น เนื้อความจดหมาย “ขอเรียนเชิญท่านสมาชิกร่วมประชุมวาระประจําเดือน ใน <วนั ที่>” ส่วนทเ่ี ปน็ <วนั ที่> ก็คือ ฟลิ ด์ Placeholder เปน็ สว่ น ทส่ี ามารถแทนท่ีดว้ ยขอ้ ความใหม่หรือแทนท่ดี ว้ ยองค์ประกอบอื่นๆตามแต่ชนดิ ของ Placeholder ขนั้ ตอนการแทรกฟลิ ด์ Placeholder 1. คลกิ เม้าส์ ณ ตาํ แหนง่ ที่ต้องการแทรกฟิลด์ 2. ไปที่ Insert → Fields → Other... หรอื กด <Ctrl><F2> จะปรากฎหนา้ ตา่ ง Fields 3. ที่แท็บ Functions 3.1 ทชี่ อ่ ง Type เลือก Placeholder 3.2 ทชี่ อ่ ง Format เลอื กชนิดของฟลิ ด์ Placeholder ภาพท่ี 449 เลือกเป็น Graphics(ภาพ) 3.3 ทชี่ อ่ ง Placeholder ใสข่ ้อความท่ีจะปรากฎในฟลิ ด์ Placeholder 3.4 ทช่ี อ่ ง Reference ใส่ขอ้ ความอ้างอิง เมื่อนําเมา้ สไ์ ปช้ีที่ฟิลด์ Placeholder จะปรากฎข้อความน้ี 4. คลกิ ทปี่ ุ่ม Insert เพ่ือแทรกฟิลด์ Placeholder จะได้ผลตามภาพท่ี 449 ภาพท่ี 449 : ขน้ั ตอนการแทรกฟลิ ด์ Placeholder การใช้งาน คลิกทฟ่ี ิลด์ Placeholder หากเป็นชนิดข้อความ(Text) จะเลือกท้งั ฟลิ ด์เพอื่ ใหพ้ มิ พ์ข้อความทับ หากเป็น ชนิดอื่นๆ จะ ปรากฎหน้าต่างเพื่อให้สร้างหรือเลือกองค์ประกอบชนิดนั้นมาใส่แทน เข่น หากเป็นฟิลด์ Placeholder ชนิด Graphics จะ ปรากฎหน้าต่างมาให้เลอื กภาพมาใส่ 286 คัมภีร์ LibreOffice Writer 3.6 (หา้ มตีพมิ พ์เพื่อการพาณชิ ย์)

บทที่ 23 : โครงรำ่ งเลขนำำ (Outline Numbering) การทาํ ความเข้าใจกบั บทนี้ จะตอ้ งทาํ ความเขา้ ใจเรอื่ ง สไตล(์ Styles)ใหด้ ีก่อน

23.1 โครงรา่ งเลขนําคอื อะไร? โครงร่างเลขนํา(Outline Numbering) ใช้แบ่งเน้ือหาทั้งเอกสารออกเป็นบทๆ(แบ่งเป็น Chapters) โดยใช้สไตล์ ย่อหนา้ เปน็ ตัวแบ่งวา่ จากไหนถงึ ไหนเป็นบทอะไร นอกจากนี้สารบัญอตั โนมตั ิกใ็ ช้ข้อมลู จากโครงร่างเลขนาํ ไปทําสารบญั ด้วย โครงรา่ งเลขนํา(Outline Numbering) เปน็ ระบบลาํ ดบั อัตโนมัตอิ ีกระบบหนงึ่ มีลกั ษณะคล้ายเลขนํา(Numbering) ตามท่อี ธิบายในบทท่ี 10 (หนา้ 109) แตใ่ นเอกสาร 1 ไฟล์มโี ครงร่างเลขนําได้ชุดเดียว ตา่ งจากเลขนาํ ทีม่ ีก่ชี ุดก็ได้ 23.2 การตงั้ คา่ โครงร่างเลขนาํ กอ่ นใช้งาน ก. โครงสร้างของโครงรา่ งเลขนํา โครงร่างเลขนําแบ่งเป็น 10 ระดับเหมือนกับเลขนาํ (Numbering) Writer ได้ผูกโครงร่างเลขนําท้ัง 10 ระดับไว้กับ สไตล์ย่อหน้า Heading 1- Heading 10 แล้ว ฉะน้ันจงึ สามารถใช้งานโครงร่างเลขนาํ ได้ทันที โดยไม่ต้องสร้างสไตล์ย่อหน้า (หรอื จะสร้างเองแลว้ ใชแ้ ทน สไตล์ย่อหน้า Heading 1- Heading 10 ก็ได้ ) นอกจากนี้ สไตล์ย่อหน้า Heading 1-Heading 3 ถูกตั้งคีย์ลัดไว้แล้ว ก็คือ <Ctrl><1> ถึง <Ctrl><3> ตามลาํ ดับ เมอ่ื คลกิ ท่ยี ่อหน้าใดๆ จากนั้นกด <Ctrl><1> จะเปน็ การใส่สไตล์ Heading 1 ให้กับย่อหนา้ ดังกล่าว พร้อมกนั นั้น ยอ่ หน้านน้ั จะกลายเปน็ โครงรา่ งเลขนําระดับที่ 1 ในทนั ทีโดยไม่ต้องตง้ั ค่าอะไร หลังใส่โครงรา่ งเลขนาํ ให้กบั ย่อหนา้ ใดๆแลว้ สังเกตุที่ หน้าต่าง Navigator ขอ้ ความในยอ่ หน้า จะถูกเพิ่มเปน็ รายการ จดุ กระโดดในหมวด Heading (ตัวอยา่ งตามภาพท่ี 450) เมอ่ื ใส่โครงร่างเลขนําโดยยงั ไม่ตง้ั ค่าใดๆ จะยงั ไมม่ ี ตวั เลขเรียงลําดับขึ้น ภาพท่ี 450 มกี ารต้งั ค่าใหก้ ับโครงร่างเลข นําแล้ว จงึ ปรากฎตัวเลขเรยี งลาํ ดับ บทท่ี 1, บทที่ 2,... โครงร่างเลขนําในแต่ละระดบั แบ่งเป็น 2 สว่ น(ตามภาพ ที่ 451) กค็ ือ 1. ตวั เลขเรียงลําดบั เปน็ ส่วนที่ถกู กําหนดโดย คุณสมบัติของโครงรา่ งเลขนาํ 2. ขอ้ ความ เป็นขอ้ ความที่พมิ พ์เอง ภาพที่ 450 : รายการจุดกระโดดในหมวด Heading ภาพท่ี 451 : โครงสร้างของโครงร่างเลขนํา 288 คมั ภีร์ LibreOffice Writer 3.6 (หา้ มตีพมิ พ์เพ่อื การพาณชิ ย์)

ข. คุณสมบตั ติ า่ งๆในหน้าต่าง Outline Numbering ถงึ แม้จะใช้งานโครงรา่ งเลขนําได้ในทนั ที แต่การใชง้ านจริงๆจะต้องเข้าไปตง้ั คา่ โครงร่างเลขนาํ ในแต่ละระดับก่อนเสมอ เพอ่ื ใหไ้ ด้รปู แบบตามตอ้ งการ ใหไ้ ปท่ี Tool → Outline Numbering... จะปรากฎหนา้ ต่าง Outline Numbering ตามภาพที่ 452 ภาพที่ 452 : หนา้ ตา่ ง Outline Numbering แท็บ Numbering หน้าต่าง Outliine Numbering มี 2 แท็บ แทบ็ Numbering ใช้สาํ หรับกาํ หนดรูปแบบของตวั เลขเรียงลําดับในแต่ละ ระดบั แท็บ Position ใช้สําหรบั กาํ หนดระยะและการเวน้ ชอ่ งวา่ งระหวา่ งสว่ นของตัวเลขเรยี งลําดบั และสว่ นของขอ้ ความ คณุ สมบัตใิ นแทบ็ Numbering ช่อง Level : ใช้เลือกระดับของโครงร่างเลขนํา ก่อนการต้ังค่าในช่องอื่นๆจะต้องเลือกระดับของโครงร่างเลขนําก่อน เป็นการบอกว่าจะตัง้ คา่ ให้กับระดับใด ช่อง Paragraph : ใช้ผูกสไตลย์ ่อหน้าเข้ากับโครงรา่ งเลขนาํ ในระดับตา่ งๆ เม่ือผูกสไตล์ย่อหน้าใดไวก้ ับโครงร่างเลขนาํ ควรจะสงวนไว้ใช้สําหรบั โครงรา่ งเลขนาํ เพยี งอยา่ งเดยี ว ชอ่ ง Number : ใช้เลือกชนดิ ของตวั เลขเรยี งลาํ ดับ เช่น 1, 2, 3,... , a, b, c,… , ก, ข, ค,… , i, ii, iii,.. เป็นตน้ ชอ่ ง Character Style : ใช้เลือกสไตลต์ ัวอกั ษรที่กํากับรูปแบบส่วนที่เปน็ ตวั เลขเรยี งลาํ ดับ(ไมร่ วมขอ้ ความท่ีอยหู่ ลัง) ช่อง Show sublevels : ใช้กาํ หนดจํานวนระดับที่จะแสดง เช่น มีการออกแบบโครงร่างเลขนําระดับที่ 1 เป็น 1, 2, 3,... ระดบั ท่ี 2 เปน็ 1, 2, 3,... ระดบั ที่ 3 เปน็ a, b, c,... ทโี่ ครงร่างเลขนาํ ระดับท่ี 3 หากกําหนด Show sublevels เป็น 1 จะแสดงเฉพาะตวั เลขเรียงลําดบั ในระดบั ของตัวเอง จะได้โครงร่างเลขนําของระดับท่ี 3 เปน็ a., b., c, ... ท่ีโครงร่างเลขนาํ ระดับที่ 3 หากกําหนด Show sublevels เป็น 2 จะแสดงตัวเลขเรียงลาํ ดับในระดับของตัวเอง และ ระดบั ก่อนหน้า 1 ระดับ จะได้โครงร่างเลขนาํ ของระดบั ที่ 3 เป็น 1.a., 1.b., 1.c. ,... ที่โครงร่างเลขนําระดับท่ี 3 หากกาํ หนด Show sublevels เป็น 3 จะแสดงตัวเลขเรียงลาํ ดับในระดับของตัวเองและ ระดับก่อนหน้า 2 ระดับ จะได้โครงร่างเลขนําของระดบั ท่ี 3 เป็น 1.1. a., 1.1. b., 1.1.c. ,... ช่อง Before : ใช้ใส่ตัวอักษรไว้ก่อนตวั เลขเรียงลําดับ เช่น ใส่ “บทที่ ” จะได้ตวั เลขเรียงลาํ ดับเป็น บทท่ี 1, บทที่ 2, บทที่ 3, ... ชอ่ ง After : ใชใ้ สต่ ัวอกั ษรไว้หลังตวั เลขเรยี งลาํ ดับ เช่น ใส่ “).” จะได้ตวั เลขเรียงลําดบั เปน็ 1)., 2)., 3)., ... ช่อง Start at : ใช้กําหนดการเริ่มต้นนับ หากระบุเป็น 1 จะเร่ิมนับจาก 1 หรือเรม่ิ นบั จากอักษรตัวแรก ก็คอื ก หรือ a หากระบุเปน็ 2 จะเรม่ิ นบั จาก 2 หรือจากอักษรตวั ที่ 2 ก็คือ ข หรอื b บทท่ี 23 : โครงรา่ งเลขนํา (Outline Numbering) 289

คุณสมบัตติ า่ งๆในแท็บ Position ภาพที่ 453 เป็นตาํ แหน่งและช่องว่างของโครงร่างเลขนําระดับท่ี 1 (ระดับอื่นๆก็มีคุณสมบัติของตาํ แหน่งเหมือนกัน เพียงแต่ระยะแตกต่างกันไป) เม่ือคลิกที่ระดับที่ 1 จะปรากฎตัวชี้รูปสามเหลี่ยมบนไม้บรรทัด 2 ตวั (ลกั ษณะเหมือนตัวชี้กั้น ย่อหน้าแต่ก้ันคนละอย่างกนั ) ก็คือ 1.ตวั ชี้กนั้ ขอ้ ความ และ 2.ตัวชี้กนั้ ตวั เลขเรียงลาํ ดับ ซึ่งจะกน้ั ตัวเลขเรยี งลําดับไปทางซา้ ย หรือขวาของตวั ชี้ สามารถเลือกได้ ระยะหา่ งระหว่างตัวเลขเรียงลาํ ดบั และขอ้ ความ กค็ ือ ชอ่ งว่าง ซ่ึงสามารถตงั้ ได้เช่นเดยี วกัน ภาพท่ี 453 : ตําแหนง่ และชอ่ งวา่ งของโครงรา่ งเลขนาํ ระดับที่ 1 ตําแหนง่ และช่องว่างของโครงร่างเลขนํา ถกู กําหนดโดยคุณสมบัติในแท็บ Position ซ่ึงมรี ายละเอียดดังน้ี ภาพท่ี 454 : หนา้ ตา่ ง Outline Numbering แทบ็ Position ช่อง Numbering followed by : ใช้ระบุการเว้นช่องว่างระหว่างตัวเลขเรียงลําดับกับข้อความ ตัวเลือกที่มีก็คือ Space(เคาะ <Spacebar> 1 ครั้ง) และ Tab(กดปุ่ม <Tab> 1 คร้ัง) สาํ หรับ ช่อง at จะทาํ งานก็ต่อเมื่อช่อง Numbering followed by เลือกเป็น Tab ช่อง at ใช้ระบุตําแหน่งเมื่อกดปุ่ม <Tab> 1 คร้ัง เพ่ือกระโดดไปยังตาํ แหน่งท่ีระบุ ซึ่งเป็น ตาํ แหนง่ เริม่ ตน้ ของขอ้ ความ ชอ่ ง Numbering Alignment : ใช้กาํ หนดการวางแนวตัวเลขเรียงลาํ ดับ ให้จดั ชดิ ซา้ ย เข้ากลาง หรือจัดชิดขวา ตาม แนวของตัวชี้กน้ั ตัวเลขเรียงลําดับ ช่อง Aligned at : ใชร้ ะบตุ ําแหนง่ ของตัวชี้กนั้ ตัวเลขเรียงลาํ ดับ (ตาํ แหนง่ ของตวั ช้ี ตามภาพที่ 453) ช่อง Indent at : ใชร้ ะบตุ ําแหนง่ ของตวั ชี้ก้ันขอ้ ความ (ตาํ แหน่งของตวั ช้ี ตามภาพที่ 453)ค่าที่ช่องน้ีจะไมม่ ผี ล ถา้ ค่าที่ ชอ่ ง Numbering followed by เลือกเปน็ Space 290 คมั ภีร์ LibreOffice Writer 3.6 (หา้ มตพี มิ พ์เพอ่ื การพาณชิ ย์)

ค. ออกแบบโครงร่างเลขนํา การใช้งานโครงร่างเลขนํา จะต้องออกแบบก่อนว่า จะให้โครงร่างเลขนําแต่ละระดับมีลักษณะอย่างไร ในข้อนี้ขอยก ตวั อย่างการแบง่ เอกสารออกเปน็ บทๆ 3 ระดับ ก็คือ ระดบั ที่ 1 เปน็ ชื่อบท โดยจะแสดงตวั เลขเรยี งลาํ ดับ บทท่ี <ตวั เลขเรยี งลาํ ดบั > : อย่างอัตโนมัติ เม่ือใส่สไตล์ย่อหน้า Heading 1 ให้กับย่อหน้า ระดับท่ี 2 เป็นหัวในแต่ละบท โดยจะแสดงตัวเลขเรียงลําดับในรูปแบบ <เลขบท>.<ตัวเลขเรียงลําดับ> อย่าง อัตโนมตั ิ เมื่อใสส่ ไตล์ยอ่ หน้า Heading 2 ใหก้ บั ยอ่ หนา้ ระดับท่ี 3 เป็นหัวข้อย่อยของหัวข้อในบท โดยจะแสดงตัวเลขเรียงลาํ ดับในรูปแบบ <ตัวอักษรไทยเรียงลําดับ>). อยา่ งอัตโนมตั ิ เม่อื ใส่สไตลย์ ่อหนา้ Heading 3 ให้กบั ยอ่ หนา้ ง. ตัง้ ค่าโครงรา่ งเลขนาํ (หลังออกแบบ) ไปท่ี Tool → Outline Numbering... จะปรากฎหน้าต่าง Outline Numbering จากนั้นกําหนดคุณสมบัติของโครง ร่างเลขนําระดบั ท่ี 1-3 ดังต่อไปน้ี ตงั้ ค่าโครงร่างเลขนําระดับท่ี 1 ตามภาพที่ 455 ภาพที่ 455 : กําหนดคุณสมบัตติ า่ งๆให้กับโครงรา่ งเลขนาํ ระดบั ที่ 1 - ช่อง Paragraph Style เลือกเปน็ Heading 1 เพือ่ ผกู สไตล์ย่อหนา้ Heading 1 ไวก้ ับโครงร่างเลขนาํ ระดบั ท่ี 1 - ชอ่ ง Number เลือกเป็น 1,2,3,... - ช่อง Character Style เลือกสไตลต์ ัวอักษรที่ใช้กาํ กับรปู แบบส่วนทเี่ ป็นตัวเลขเรยี งลาํ ดับ ตามภาพเลือกเปน็ WK_char_level1(สรา้ งข้ึนมาเอง) - ช่อง Before ใสค่ ําวา่ “บทท”่ี เพอ่ื ให้ขน้ึ ขอ้ ความดังกล่าวกอ่ นตวั เลขเรยี งลาํ ดบั - ชอ่ ง After ใส่ตวั อักษร “: ” เพ่ือใหข้ น้ึ อกั ษรดงั กลา่ วหลงั ตวั เลขเรียงลําดบั - ช่อง Start at เลือกเปน็ 1 เพอื่ เริม่ นับจาก 1 (แทบ็ Postion ตง้ั ตามภาพที่ 455 หรอื ขา้ มไปกอ่ นกไ็ ด้) บทท่ี 23 : โครงรา่ งเลขนํา (Outline Numbering) 291

ตงั้ คา่ โครงรา่ งเลขนําระดบั ที่ 2 ตามภาพท่ี 456 ภาพที่ 456 : กาํ หนดคุณสมบัติต่างๆใหก้ ับโครงร่างเลขนาํ ระดับท่ี 2 - ช่อง Paragraph Style เลอื กเปน็ Heading 2 เพ่ือผกู สไตลย์ ่อหน้า Heading 2 ไว้กับโครงร่างเลขนาํ ระดบั ท่ี 2 - ช่อง Number เลอื กเปน็ 1,2,3,... - ชอ่ ง Character Style เลอื กสไตลต์ วั อักษรทใ่ี ช้กํากับรูปแบบส่วนทีเ่ ปน็ ตัวเลขเรียงลําดับ ตามภาพเลอื กเปน็ WK_char_level2 (สรา้ งข้นึ มาเอง) - ชอ่ ง Show Sublevels เลอื กเปน็ 2 เพอ่ื แสดงตวั เลขเรียงลาํ ดบั ของตัวเอง และของระดับก่อนหน้า 1 ระดับ ตวั เลข เรยี งลําดบั ของระดับนจ้ี ึงถกู แสดงในรปู แบบ 1.1,1.2,1.3,... - ช่อง Before เว้นวา่ งไว้ - ชอ่ ง After เว้นวา่ งไว้ - ชอ่ ง Start at เลอื กเปน็ 1 เพ่อื เร่ิมนบั จาก 1 (แท็บ Postion ตัง้ ตามภาพท่ี 456 หรือขา้ มไปก่อนก็ได้) ตง้ั ค่าโครงร่างเลขนําระดบั ท่ี 3 ตามภาพที่ 457 ภาพที่ 457 : กําหนดคุณสมบตั ิต่างๆใหก้ ับโครงร่างเลขนาํ ระดบั ที่ 3 292 คัมภีร์ LibreOffice Writer 3.6 (หา้ มตพี ิมพ์เพอ่ื การพาณิชย์)

- ชอ่ ง Paragraph Style เลอื กเป็น Heading 3 เพอื่ ผูกสไตล์ยอ่ หน้า Heading 3 ไวก้ ับโครงร่างเลขนําระดบั ที่ 3 - ชอ่ ง Number เลอื กเป็น ก,ข,ค,... เพื่อนับหัวขอ้ แบบเรยี งเป็นตัวอกั ษรไทย - ช่อง Character Style เลอื กสไตล์ตัวอกั ษรทีใ่ ช้กาํ กับรปู แบบส่วนที่เป็นตัวเลขเรยี งลาํ ดบั ตามภาพเลอื กเปน็ WK_char_level3 (สร้างขนึ้ มาเอง) - ช่อง Show Sublevels เลอื กเปน็ 1 เพือ่ แสดงตวั เลขเรยี งลาํ ดับเฉพาะลําดับของตัวเองเท่านนั้ ตัวเลขเรยี งลาํ ดับของ ระดับนีจ้ ึงถูกแสดงในรปู แบบ ก,ข,ค.,... - ช่อง Before เว้นวา่ งไว้ - ช่อง After ใส่ตวั อักษร “).” เพ่ือใหข้ นึ้ ตัวอักษรดงั กลา่ วหลังตวั เลขเรยี งลําดบั - ช่อง Start at เลือกเป็น 1 เพื่อเร่มิ นบั จาก 1 (แทบ็ Postion ตงั้ ตามภาพท่ี 457 หรือข้ามไปกอ่ นกไ็ ด้) 23.3 การใช้งานโครงรา่ งเลขนํา ความยุ่งยากของโครงร่างเลขนาํ นั้นอยู่ที่การต้ังค่า(ตามท่ีอธิบายในข้อ 23.2) แต่การใช้งานน้ันง่ายมาก เพียงใส่สไตล์ ย่อหนา้ ทผี่ ูกไว้กับโครงร่างเลขนํา ให้กบั ย่อหนา้ ใดๆ ย่อหน้าน้ันกจ็ ะกลายเป็นโครงร่างเลขนํา จากน้ันก็สามารถพมิ พ์หรือแก้ไข ส่วนท่ีเป็นข้อความไดต้ ามปกติ ต่อจากข้อ 23.2 หลงั กาํ หนดคณุ สมบตั ิของโครงรา่ งเลขนาํ ตอ่ มาได้ใสโ่ ครงรา่ งเลขนาํ ใหก้ บั ยอ่ หนา้ ตามภาพที่ 458 ภาพท่ี 458 : หลงั ใส่โครงร่างเลขนําให้กับย่อหน้าต่างๆ บทที่ 23 : โครงรา่ งเลขนาํ (Outline Numbering) 293

บทหรือหวั ข้อที่ไมต่ ้องการให้มีตวั เลขเรียงลําดบั บางบทหรอื บางหัวขอ้ ทีไ่ ม่ตอ้ งการใหม้ ตี ัวเลข เรียงลาํ ดบั สามารถลบออกได้ โดยคงเฉพาะส่วนทเี่ ป็น ขอ้ ความไว้ (แตย่ งั เปน็ โครงรา่ งเลขนาํ อยู่) การลบออกทาํ ไดโ้ ดย คลิกเมา้ สท์ ่ีหลังส่วนท่ีเป็น ตวั เลขเรียงลําดบั จากนนั้ กด <Backspace> หลงั ลบ แล้ว ตวั เลขเรยี งลาํ ดบั อ่ืนๆ จะข้ามบทหรือขา้ มหวั ข้อนนั้ ไป ภาพท่ี 459 : ลบส่วนทเ่ี ป็นตัวเลขเรียงลาํ ดับออก ปัญหาทเ่ี กดิ ขน้ึ บอ่ ย ปญั หาทีเ่ กดิ ขน้ึ กับการใช้งานโครงร่างเลขนํา ส่วนใหญเ่ กดิ ทีก่ ารตง้ั ค่า โดยปญั หาทเี่ กดิ บ่อยๆมี 2 ปญั หาดังนี้ 1. รปู แบบตัวอกั ษรส่วนตัวเลขเรยี งลําดับและส่วนขอ้ ความไมเ่ หมือนกนั ส่วนท่ีเป็นตัวเลขเรียงลาํ ดับ ไม่สามารถเข้าไปจัดรูปแบบได้โดยตรง ต้องกําหนดสไตล์ตัวอักษรให้กํากับส่วนดังกล่าว (แท็บ Numbering ช่อง Character Style) ส่วนท่ีเป็นข้อความ ถูกกํากับรูปแบบโดยสไตล์ย่อหน้าของโครงร่างเลขนํา นอกจากนี้ยังสามารถจัดรูปแบบโดยตรงได้อีกด้วย เนื่องจากทั้ง 2 ส่วนถูกกํากับรูปแบบด้วยสไตล์ที่ต่างกัน จึงต้องทาํ ความ เขา้ ใจให้ดี วิธีแก้ปัญหาดังกล่าว ผู้เขียนจะสร้างสไตล์ตัวอักษร ไว้ใช้กําหนดรูปแบบอักษรของส่วนที่เป็นตัวเลขเรียงลําดับโดย เฉพาะ ซึ่งต้องไปกําหนดให้ผูกกันที่หน้าต่าง Outline Numbering(แท็บ Numbering ช่อง Character Style) และใช้สไตล์ ตัวอักษรดังกล่าว ใส่ให้กบั ส่วนทเี่ ปน็ ข้อความดว้ ย 2. ระยะการเวน้ ช่องว่างระหว่างส่วนตวั เลขเรียงลาํ ดับและส่วนข้อความ การเว้นช่องว่าง ระหว่างส่วนตัวเลขเรียงลาํ ดับและส่วนข้อความ กําหนดโดยคา่ ที่ ชอ่ ง Numbering followed by ท่ี แท็บ Position หากเลือกเป็น Tab จะต้องเข้าไปตั้งค่าท่ีช่อง at ด้วยว่า จะกระโดดไปตรงไหนเพ่ือเป็นตําแหน่งเร่ิมต้นพิมพ์ สว่ นของขอ้ ความ หากเลือกเปน็ Space ปัญหาจะนอ้ ยกวา่ แตจ่ ะมีปัญหากค็ อื ตวั เลขเลขลาํ ดบั ที่มี 1 หลกั หรือ 2 หลกั ไม่ตรง กัน เชน่ 1 และ 12 เปน็ ตน้ 66 โครงรา่ งเลขนําเป็นสารบญั ให้กบั ไฟล์ .pdf เม่ือสง่ ออก(Export)เอกสารท่ีจดั โครงสรา้ งโดยใช้ โครงร่างเลขนําไปเปน็ ไฟล์ .pdf หวั ข้อต่างๆ จะ กลายเปน็ สารบญั ใหก้ บั เอกสาร .pdf ด้วย แน่นอนว่าสามารถคลิกที่สารบัญเพอื่ โดดไปยัง ตาํ แหน่งตา่ งๆในเอกสารได้ด้วย ภาพท่ี 460 : เอกสาร .pdf 294 คัมภีร์ LibreOffice Writer 3.6 (หา้ มตพี ิมพ์เพือ่ การพาณิชย์)

23.4 การใช้งานโครงรา่ งเลขนํากบั เครอื่ งมืออืน่ ๆ โครงรา่ งเลขนําเป็นเคร่ืองมอื ท่ีดมี ากๆ ในการแบ่งเอกสารออกเป็นบทๆ เพราะบริการจดั การงา่ ย นอกจากน้ี เครื่องมือ อ่นื ๆ อยา่ งเช่น ฟลิ ด์หรือสารบัญอัตโนมัติ บางตัวสามารถใชง้ านร่วมกบั โครงร่างเลขนําไดด้ ว้ ย บางตัวจําเป็นตอ้ งสร้างโครงร่าง เลขนําก่อนจึงจะใชง้ านได้ เป็นต้น ก. การแทรกฟิลด์ Chapter ฟิลด์ Chapter เป็นฟิลด์ที่เก็บข้อมูลของโครงร่างเลขนําไว้ เราสามารถแทรกฟิลด์ Chapter ไว้ท่ีหัวกระดาษหรือท้าย กระดาษ เพ่ือแปะชื่อบทหรือเลขที่บทไว้ท่ีหัวกระดาษหรือท้ายกระดาษ โดยที่ของบทไหนก็แสดงชื่อบทหรือเลขท่ีบทของบท นน้ั ๆ สะดวกท่ไี ม่ต้องพมิ พห์ รือแก้ไขเพราะจะเปน็ ไปตามโครงร่างเลขนํา ข้นั ตอนการแทรกฟลิ ด์ Chapter 1. คลกิ เม้าส์ ณ ตาํ แหนง่ ทตี่ อ้ งการแทรกฟลิ ด์ (ตามภาพคลิกทห่ี ัวกระดาษ) 2. ไปท่ี Insert → Cross-reference... หรอื กด <Ctrl><F2> จะปรากฎหน้าตา่ ง Fields 3. ที่แทบ็ Document 3.1 ทชี่ อ่ ง Type เลอื ก Chapter 3.2 ทชี่ ่อง Level เลอื กระดบั ของโครงรา่ งเลขนํา 3.3 ทช่ี อ่ ง Format เลอื กสงิ่ ทจ่ี ะแทรก ตวั เลือกทม่ี ีก็คอื - Chapter (เฉพาะช่อื บท) - Chapter number (เฉพาะเลขท่ีบท) - Chapter number and name (เลขทบ่ี ทและช่ือบท) - Chapter number without separator (เฉพาะเลขที่บท ไมร่ วมตัวอกั ษรก่อนและหลงั ) 4. คลกิ ที่ปุม่ Insert ภาพท่ี 461 : ขั้นตอนการแทรกฟิลด์ Chapter หลังแทรกฟิลด์ตามข้ันตอนในข้างต้น เมื่อเลื่อนไปดูหัวกระดาษของบทอ่ืนๆ ฟิลด์ Chapter จะเปล่ียนไปตามบทน้ันๆ ถ้าแต่ละบทใช้สไตลห์ น้ากระดาษเดยี วกนั เพราะเป็นหัวกระดาษทา้ ยกระดาษตัวเดยี วกนั แตถ่ ้าใชส้ ไตล์หนา้ กระดาษแบบแยก บทด้วย จะต้องแทรกฟิลด์ Chapter ให้กบั ทุกบท บทที่ 23 : โครงรา่ งเลขนํา (Outline Numbering) 295

ข. การแทรกฟิลด์เลขหนา้ แบบแยกบท โดยปกติ การแทรกฟิลด์เลขหน้า(Page Number)ลงในเอกสาร ฟลิ ด์จะนบั เรียงเลขหน้าแบบ 1,2,3... ไปเร่อื ยๆ แตก่ าร แทรกฟิลดแ์ บบแยกบท จะนบั เรยี งหน้าแบบ 1-1, 1-2, 2-1, 2-2, 2-3... เปน็ ต้น เลขตัวแรก หมายถงึ บทท่ี เลขตวั ทส่ี อง หมายถงึ ลําดบั ของหนา้ ใน บทนั้นๆ(ตามภาพท่ี 462) คาํ บรรยายภาพหรอื คาํ บรรยายตารางแบบแยก บท ก็มลี กั ษณะเดยี วกนั ภาพที่ 462 : การนับหน้ากระดาษแบบแยกบท การแทรกฟลิ ดเ์ ลขหนา้ แบบแยกบทน้ันไมย่ าก แตจ่ ะทาํ ได้ต้องมีการเตรยี มพร้อมกอ่ น ดังนี้ ขน้ั ตอนการเตรยี มพรอ้ ม 1. ใชโ้ ครงร่างเลขนาํ แบ่งเอกสารเป็นบทๆ ตามทีอ่ ธิบายในข้อ 23.2(หนา้ 288) และ 23.3(หนา้ 293) 2. ต้องออกแบบสไตลห์ น้ากระดาษมาเพอ่ื การนบั หนา้ กระดาษแบบแยกบทโดยเฉพาะ 2.1 แตล่ ะบทตอ้ งใช้สไตล์หน้ากระดาษแบบแยกบท เช่น บทที่ 1 กใ็ ชส้ ไตลห์ น้ากระดาษเฉพาะของบทท่ี 1 เปน็ ต้น โดยสามารถเวน้ หน้าแรกของบทไว้เปน็ สไตลอ์ น่ื สาํ หรบั เป็นหนา้ ทใ่ี ช้พมิ พ์ช่ือบทได้ (ตวั อยา่ งตามภาพท่ี 463) (การขน้ึ หน้าใหมโ่ ดยใชส้ ไตลห์ น้ากระดาษอ่นื อธบิ ายไวใ้ นขอ้ 17.3 หน้า 231) ภาพท่ี 463 เปน็ โครงสร้างของสไตล์หน้ากระดาษที่ออกแบบไว้สาํ หรบั เอกสารทนี่ ับแลขหนา้ แบบแยกบท 2.2 ต้องเร่ิมนับหน้าเป็น 1 ใหม่ เม่ือขึ้นบทใหม่ แต่ท้ังน้ี สามารถเริ่มนับ 1 ที่หน้าที่ 2 ของบทก็ได้ โดยเว้นหน้าแรก ไว้เปน็ ชื่อบท (ตัวอย่างตามภาพที่ 463) ภาพที่ 463 : หน้ากระดาษที่ออกแบบไว้ (สาํ หรบั แทรกฟลิ ดเ์ ลขหน้าแบบแยกบท) 296 คมั ภีร์ LibreOffice Writer 3.6 (หา้ มตีพิมพเ์ พ่อื การพาณชิ ย์)

เม่ือองค์ประกอบครบแล้ว จากนั้นก็สามารถแทรกฟิลด์เลขหน้าแบบแยกบทได้แล้ว ฟิลด์เลขหน้าแบบแยกบท ประกอบไปดว้ ย 2 ฟดิ ลด์ ว้ ยกัน ฟลิ ด์ตัวแรก กค็ ือ ฟลิ ด์ Chapter (ดวู ิธแี ทรกฟิลด์ Chapter ในขอ้ ก.) โดยเลือกสิง่ ท่ีจะแทรกเป็น Chapter number without separator ก็คือ แทรกเฉพาะเลขท่ีบทไมร่ วมตวั อกั ษรกอ่ นและหลัง ฟิลด์ตัวท่ีสอง ก็คือ ฟิลด์ Page Number(เลขหน้า) การแทรกน้ันไม่ต้องใช้หน้าต่าง Fields ให้ไปที่ Insert → Fields → Page Number ภาพท่ี 464 เป็นตวั อยา่ งหลงั แทรกฟิลดแ์ ล้ว ภาพท่ี 464 : ตวั อยา่ งหลงั แทรกฟลิ ด์เลขหน้าแบบแยกบท 67 แถบแสดงสถานะของเอกสารที่นบั เลขหน้าแบบแยกบท เม่อื มกี ารขน้ึ หนา้ ใหม่ โดยใชส้ ไตลห์ น้ากระดาษอนื่ ๆ และเริม่ ต้นนบั หน้ากระดาษเป็น 1 ใหม่ ให้สังเกตทุ ี่ แถบแสดงสถานะจะเปลยี่ นไป โดยจะแสดงเลข หนา้ ในบทเพ่มิ เตมิ เข้ามาดว้ ย ตามภาพที่ 465 ภาพที่ 465 : หน้ากระดาษท่อี อกแบบไว้ ค. การใส่คาํ บรรยายอตั โนมตั ิแบบแยกบท คําบรรยายอัตโนมัติ(AutoCaption) สามารถใส่ให้กบั องค์ประกอบในเอกสารได้หลายอย่าง เช่น ตาราง, ภาพ, กรอบ, สูตรทางคณิตศาสตร์ เป็นต้น ทั้งหมดมีขึ้นตอนเหมือนกันตามที่ได้อธิบายไว้ในข้อ 15.20 หน้า 206 (การใส่คําบรรยายให้กับ ภาพ) คําบรรยายอัตโนมัติ ส่ิงท่ีอัตโนมัติคือตัวเลขที่นับเรียงต่อกัน เข่น ตารางที่ 1, ตารางที่ 2, ตารางที่ 3, .... เป็นต้น คํา บรรยายอตั โนมตั ิแบบแยกบท จะนับในลักษณะ ตารางที่ 1-1, ตารางท่ี 1-2, ตารางท่ี 2-1,... เปน็ ตน้ เลขตวั แรก หมายถงึ บทที่ เลขตวั ที่สอง หมายถงึ ลาํ ดบั ของตารางในบทน้นั ๆ เป็นต้น การใส่คาํ บรรยายอัตโนมัติแบบแยกบท จะทําไดก้ ็ตอ่ เมื่อมกี ารเตรยี มพร้อมกอ่ น ก็คือ 1. ใช้โครงร่างเลขนาํ แบ่งเอกสารเปน็ บทๆ ตามท่อี ธบิ ายในขอ้ 23.2(หน้า 288) และ 23.3(หน้า 293) 2. ตั้งอ๊อพชัน่ เพอ่ื สร้างหมวดหมู่คาํ บรรยายอตั โนมัติแบบแยกบท บทที่ 23 : โครงรา่ งเลขนํา (Outline Numbering) 297

การตงั้ ออ๊ พชน่ั เพื่อสรา้ งหมวดหมู่คําบรรยายอตั โนมตั ิแบบแยกบท ตวั อย่างนีเ้ ป็นการตัง้ อ๊อพช่นั เพอื่ สร้างหมวดหมู่คําบรรยายอัตโนมตั ิแบบแยกบทให้กบั ตาราง ให้ไปท่ี Tool → Options → เมนู LibreOffice Writer → เมนยู อ่ ย AutoCaption จากน้นั กาํ หนดคุณสมบัตติ า่ งๆ ตามภาพท่ี 466 โดยคําบรรยายอตั โนมตั แิ บบแยกบททอี่ อกแบบไว้ รูปแบบก็คือ ตารางท่ี <บทท่ี>-<ลาํ ดบั ตารางในบท> : ภาพท่ี 466 : ต้ังใหใ้ ส่คําบรรยายอตั โนมตั แิ บบแยกบทสาํ หรับตาราง ภาพที่ 466 กําหนดคุณสมบัตติ า่ งๆไว้ ดงั นี้ - ตก๊ิ ท่ีกลอ่ งตัวเลอื ก LibreOffice Writer Table เพ่ือสรา้ งหมวดหมู่คาํ บรรยายสําหรับตาราง - ที่กรอบ Caption ชอ่ ง Category พมิ พข์ ้อความทตี่ อ้ งการใหข้ น้ึ อัตโนมตั ิหน้าตัวเลขเรียงลําดบั เชน่ “ตารางท่ี” - ทก่ี รอบ Caption ช่อง Numbering เลอื กชนดิ ของตวั เลขลําดบั เช่น 1,2,3,... หรือ A,B,C,.... เป็นต้น - ที่กรอบ Caption ชอ่ ง Separator พมิ พต์ ัวขน้ั ที่ขน้ั ระหวา่ ง ส่วนท่ีขน้ึ อัตโนมตั กิ บั คําบรรยายทพ่ี มิ พ์เอง ก็คือ “:” - ที่กรอบ Caption ชอ่ ง Above กําหนดตําแหนง่ ของคาํ บรรยาย เลอื กเป็น Above(ด้านบน) - ทีก่ รอบ Category and frame format ช่อง Level ใส่เป็น 1 เพอื่ แสดงเลขของโครงร่างเลขนาํ ระดับท่ี 1(เลขท่บี ท) - ทก่ี รอบ Category and frame format ช่อง Separator พิมพ์ตัวขน้ั ท่ีข้ันระหว่าง เลขบทกับลําดบั ตาราง กค็ อื “-” การใสค่ าํ บรรยายอตั โนมตั ิแบบแยกบท เมื่อสร้างตารางใหม่จะปรากฎคําบรรยายอัตโนมัติให้ทันที แต่ถ้าเกิดความผิดพลาด เช่น ลบออก, ไม่ข้ึน หรือคัดลอก ตารางมาวาง สามารถใส่ทหี ลงั ได้ การใส่คําบรรยายอัตโนมัติแบบแยกบทกบั แบบธรรมดานัน้ ใชว้ ิธเี ดียวกนั ตามท่ีอธิบายไว้ใน ข้อ 15.20 หน้า 206 (การใส่คําบรรยายให้กับภาพ) เพยี งแตใ่ หเ้ ลอื กหมวดหมู่ของคําบรรยายอตั โนมตั ติ ามที่ตงั้ ไว้ท่อี อ๊ พช่ัน 298 ภาพท่ี 467 : ตวั อย่างคาํ บรรยายอัตโนมัติแบบแยกบทของตาราง คัมภีร์ LibreOffice Writer 3.6 (หา้ มตีพิมพ์เพ่อื การพาณิชย์)

บทท่ี 24 : กำรสรำ้ งสำรบัญอตั โนมัติ การทําความเขา้ ใจกับบทน้ี จะต้องทาํ ความเขา้ ใจกบั โครงร่างเลขนํา ในบทท่ี 23(หนา้ 287) กอ่ น เพราะการสร้าง สารบญั จําเป็นต้อง ใส่โครงรา่ งเลขนาํ ให้กบั เอกสารก่อน

24.1 การสร้างสารบัญ (Table of Contents) บทน้ีเป็นบทท่ีต่อเน่ืองจากบทที่ 23 (เฉพาะข้อ 23.1 ถึง 23.3) เพราะการสร้างสารบัญ Writer จะดึงข้อมูลจากโครง ร่างเลขนําระดับต่างๆ มาทาํ เป็นหวั ข้อในสารบญั ฉะน้ันหากวางแผนท่ีจะสร้างสารบัญ จะต้องใส่โครงร่างเลขนําใหก้ ับเอกสาร ดว้ ย การสร้างสารบัญในที่นี้ มีข้อดีท่ีเมื่อมีการเปล่ียนแปลงหัวข้อท่ีเป็นสารบัญ เช่น ย้ายหน้า, แก้ไขข้อความ ก็สามารถสั่ง ให้สารบัญอพั เดทตามได้ นอกจากนย้ี ังสามารถตกแตง่ ได้อยา่ งสวยงามขน้ึ อยูก่ ันการออกแบบ การสรา้ งสารบญั มอี ยู่ 3 ขนึ้ ตอน ก็คือ 1. ใช้โครงร่างเลขนําแบ่งเอกสารเปน็ บทๆ ตามท่อี ธิบายในข้อ 23.2(หนา้ 288) และ 23.3(หนา้ 293) 2. สร้างสารบญั (ขอ้ ข.) 3. ปรับแตง่ สารบญั (ขอ้ 24.2) ก. ใช้โครงร่างเลขนาํ แบง่ เอกสารเป็นบทๆ ในข้อ 23.2 และ 23.3 หลังใส่โครงร่างเลขนําให้กับเอกสาร เอกสารถูกแบ่งเป็นบทๆ 3 ระดับตามภาพที่ 468 เม่ือเปิด หนา้ ต่าง Navigator(กด <F5>) รายการหัวข้อต่างๆในหมวด Heading จะเปน็ สว่ นท่ีถกู นําไปทาํ เปน็ สารบญั ภาพท่ี 468 : หลังใสโ่ ครงร่างเลขนาํ ให้กบั ย่อหนา้ ต่างๆ ข. การสรา้ งสารบญั การสร้างสารบัญนนั้ ไม่ยาก ความยุ่งยากอยู่ที่การสรา้ งโครงร่างเลขนําและการปรับแต่งสารบัญ หลังใส่โครงร่างเลขนํา ให้กับเอกสารแลว้ สามารถสร้างสารบัญไดด้ งั น้ี ข้ันตอนการสร้างสารบญั 1. คลกิ ท่ีหน้ากระดาษท่เี ตรียมไวส้ ําหรับพน้ื ท่สี ารบัญ 2. ไปท่ี Insert → Indexes and Tables จะปรากฎหนา้ ตา่ ง Insert Index/Table 3. ท่ี แทบ็ Index/Table กําหนดวิธีการสรา้ งสารบญั ดังนี้ 300 คัมภีร์ LibreOffice Writer 3.6 (หา้ มตพี ิมพ์เพอื่ การพาณชิ ย์)


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook