Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ic-manual-2019

ic-manual-2019

Published by wiangnon.pongsai519, 2020-03-14 00:24:43

Description: ic-manual-2019

Search

Read the Text Version

การป้องกันการตดิ เชอ้ื ไวรัสเอชไอวี ไวรัสตบั อักเสบบี ไวรสั ตบั อักเสบซี 139 ในบคุ ลากรทางการแพทย์ ภายหลงั สมั ผัสเลอื ดหรือสารคดั หล่ังจากการปฏิบตั ิงาน 4.2 ความเส่ยี งโดยเฉล่ยี ต่อการติดเชอ้ื ไวรัสตับอกั เสบบี ถ้าเลือดของผู้ป่วยมีท้ัง HBs Antigen และ HBe Antigen เป็นบวก บุคลากรจะมีโอกาสเส่ียง ตอ่ การเกดิ ภาวะตบั อกั เสบจากการตดิ เชอื้ ไวรสั นร้ี อ้ ยละ 22-31 ถา้ บคุ ลากรมภี มู คิ มุ้ กนั โรคไวรสั ตบั อกั เสบบไี มถ่ อื วา่ เป็นความเสี่ยงตอ่ การติดเชอื้ ไวรัสตบั อกั เสบบีและไม่มีความจำ� เปน็ ท่ีจะต้องได้รบั วัคซีนปอ้ งกันโรค window period ของการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี หมายถึง ระยะท่ีตรวจไม่พบ HBsAg ทั้งๆ ทีม่ กี ารติดเชือ้ ไวรสั ตบั อกั เสบบีแลว้ เนอื่ งจากโดยปกตใิ ชเ้ วลาประมาณ 3-4 สัปดาห์ ถา้ ผูป้ ่วยไม่มีความเสีย่ งของ การติดเช้ือไวรัสตับอักเสบบี ไม่มีอาการที่บ่งว่ามีการติดเชื้อแบบเฉียบพลัน มีการท�ำงานของตับปกติร่วมกับมี ผลการตรวจ HBsAg เป็นลบ ผปู้ ว่ ยรายนีไ้ มน่ ่าจะอยใู่ น window period 4.3 ความเส่ยี งโดยเฉลยี่ ตอ่ การติดเชอื้ ไวรัสตบั อักเสบซี รอ้ ยละ 1.8 โอกาสติดเช้ือไวรสั ตับอักเสบ ซี จากการสมั ผสั เลือดผา่ นทางเยอื่ บุรวมถงึ ผวิ หนังที่มบี าดแผลหรอื รอยถลอกมีนอ้ ยมาก window period ของการติดเชื้อ ไวรัสตับอักเสบซี หมายถึง ระยะที่ร่างกายอาจจะยังไม่สร้าง ภูมิตา้ นทานท้งั ๆ ที่มีการติดเชอ้ื ไวรัสตับอักเสบซีแล้ว เน่ืองจากโดยปกติใช้เวลาประมาณ 3-6 เดือน ถา้ ผปู้ ่วยไม่มี ความเสี่ยงของการติดเช้ือไวรัสตับอักเสบซี ไม่มีอาการท่ีบ่งชี้ว่ามีการติดเชื้อแบบเฉียบพลัน มีการท�ำงานของ ตับปกตริ ่วมกับมผี ลการตรวจ anti-HCV เปน็ ลบ ผู้ปว่ ยรายนไี้ ม่น่าจะอยู่ใน window period 4.4 การแบ่งระดบั ความเส่ยี ง 4.4.1 ไม่มีความเส่ียง (No risk) หมายถึง เลือด และ สารคัดหล่ังของผู้ป่วยท่ีสัมผัสมีผลเลือด เอชไอวี ไวรัสตับอักเสบบี ไวรัสตับอักเสบซี เป็นลบ (negative for HIV, HBV, HCV) และบุคลากรมีภูมิคุ้มกัน โรคไวรัสตบั อักเสบบแี ลว้ 4.4.2 ความเส่ียงต่�ำ (Low risk) หมายถึง สัมผัสเลือดหรือสารคัดหลั่งบริเวณ Mucous membrane หรอื ผิวหนังท่มี บี าดแผล/อกั เสบจ�ำนวนเลก็ น้อย ระยะเวลาส้ัน ผู้ปว่ ยมีเลือด HIV, HBV HCV บวก หรอื ติดเช้อื เอดส์ระยะไมร่ ุนแรง - ของมคี ม หรอื เขม็ ตนั ทสี่ มั ผสั เลอื ดหรอื สารคดั หลงั่ ทะลผุ วิ หนงั ตนื้ และผปู้ ว่ ยมเี ลอื ดบวก หรอื ตดิ เช้ือเอดส์ระยะไมร่ ุนแรง - ไม่แน่ใจว่าได้ใช้ของมีคม หรือเป็นของผู้ป่วยเป็นโรคหรือมีผลเลือด HIV positive, HBV positive, HCV positive 4.4.3 ความเสย่ี งสูง (High risk) หมายถงึ - สมั ผสั เลือดหรือสารคัดหล่งั บริเวณ Mucous membrane หรือ ผิวหนังท่มี ีบาดแผล/ อักเสบจ�ำนวนมาก ระยะเวลานาน หรือถูกเข็มตันท่ีสัมผัสเลือด /สารคัดหลั่ง แทงทะลุผิวหนังและผู้ป่วย มีเลอื ดบวกหรือติดเชอ้ื เอดสร์ ะยะรนุ แรง - ของมคี ม หรอื กลวงทส่ี มั ผสั เลอื ดหรอื สารคดั หลง่ั ทะลผุ วิ หนงั ลกึ /เขม็ ทใี่ ชแ้ ทงเสน้ เลอื ดแดง หรือเสน้ เลอื ดดำ� ผู้ป่วยมาก่อนและผูป้ ่วยมีเลอื ดบวก หรือตดิ เชอ้ื เอดสท์ ุกระยะ - ผูป้ ว่ ยเปน็ โรคหรือมีผลเลอื ด HIV positive, HBV positive, HCV positive

140 คมู่ อื การป้องกันและควบคุมการติดเช้ือ โรงพยาบาลศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ขอนแกน่ 5. การพจิ ารณาใหย้ าตา้ นไวรสั เอชไอวแี ละวคั ซนี ปอ้ งกนั ไวรสั ตบั อกั เสบบภี ายหลงั การสมั ผสั เลอื ดหรอื สารคดั หล่ังเพือ่ ปอ้ งกนั ภายหลังการสัมผัสเชอ้ื (Occupational Post-exposure prophylaxis: oPEP) 5.1 การพิจารณาให้ยาต้านไวรัสเอชไอวี ภายหลังสัมผัสเลือดหรือสารคัดหลั่งอื่นๆ ของผู้ป่วย ต้องพิจารณาถึงความเสี่ยงต่อการติดเช้ือเป็นส�ำคัญ เน่ืองจาก ยามีผลข้างเคียงมาก ราคาแพงและยังไม่ทราบถึง ผลขา้ งเคยี งระยะยาว การใหย้ าตา้ นไวรสั เอชไอวี ภายหลังสมั ผัสเลือดหรือสารคัดหลั่งอืน่ ๆ ของผู้ป่วยเพ่ือปอ้ งกัน การตดิ เชอื้ ควรให้เร็วท่สี ุดภายหลงั เกิดเหตกุ ารณ์ ควรไดร้ ับยา oPEP ใหเ้ ร็วท่สี ดุ หลังสัมผัส ภายใน 2 ชวั่ โมง และ อย่างช้าไมเ่ กิน 72 ชัว่ โมงหลังสัมผัส ดงั นี้ 5.1.1 ในกลุ่มเสี่ยงสูงท่ีคนไข้เป็น HIV หรือไม่ทราบผลเลือด หลังเจาะเลือดบุคลากรแล้วให้รอ ผลเลอื ดก่อน อาจพจิ ารณาใหย้ า oPEP Stat dose ได้ โดย dose 2-5 ใหพ้ ิจารณาปรบั ขนาดยาตามผลค่า Cr. 5.1.2 ในกลุ่มความเสย่ี งต�่ำ รอผลตรวจเลือดก่อนสงั่ ยา oPEP โดยส่งั ยาให้ไม่เกนิ 5 วัน 5.1.3 หากบคุ ลากรมีผล Anti-HIV เป็นบวก ใหน้ ดั ตรวจที่คลินกิ โรคตดิ เช้อื บุคลากรปฏิบัติตามแนวทางการดูแลบุคลากรเมื่อถูกของมีคมท่ิมต�ำและสัมผัสสารคัดหล่ังของผู้ป่วย ขณะปฏบิ ัติงานใน โรงพยาบาลศรนี ครนิ ทร์ เพื่อสง่ ต่อพบแพทย์สาขาโรคตดิ เชือ้ พจิ ารณาการใหย้ าต่อไป 5.1.4 กรณีผลการตรวจ HIV เป็นบวก ให้ยานาน 4 สัปดาห์ การปรับสูตรยาให้อยู่ในดุลยพินิจ ของแพทย์ โดยพจิ ารณาตามประวตั กิ ารไดร้ บั ยาตา้ นไวรสั การดอ้ื ตอ่ ยาตา้ นไวรสั ของผปู้ ว่ ย และผลขา้ งเคยี ง ทเี่ กดิ ขน้ึ ยาท่ีเป็นทางเลือกท่ีอาจปรับเปลี่ยนได้แก่ AZT, 3TC, ABC, LPV/r, ATV/r, DRV/r, Raltegravir ยา oPEP สูตรยา 3 ตัวท่ีแนะน�ำประกอบด้วยยา Tenofovir/Emtricitabine (300/200) 1 เม็ด วันละครั้ง ร่วมกับ Rilpivirine 25 mg 1 เมด็ วันละคร้งั ดงั ตารางที่ 5 5.1.5 กรณีผลการตรวจ HIV เปน็ ลบ ไม่แนะนำ� ให้บคุ ลากรรบั ประทานยาต้านไวรัส ตารางที่ 5 สูตรยาตา้ นไวรัสส�ำหรบั HIV oPEP* หมายเหตุ สตู รยาตา้ นไวรัส** TDF 300mg OD +3TC 300mg OD RPV 25mg OD หากกินยาสูตร RPV ควรกนิ พรอ้ มมือ้ ทางเ ืลอก แนะ �นำ หรือ + ATV/r 300/100mg OD อาหาร หา้ มใช้ boosted PI เช่น TDF 300mg./FTC 200mg. OD LPV/r 400/100mg BID หรือ ATV/r, DRV/r หรอื LPV/r รว่ มกับ 800/200 mg OD หรอื ยากล่มุ ergotamine เชน่ Cafergot DRV/r 800/100mg OD และตอ้ งแนะนำ� ไม่ใหผ้ ู้สัมผสั เช้อื ใช้ยา TDF 300mg OD +3TC 300mg OD + RAL 400 mg BID หรือ หรอื ซื้อยาแกป้ วดไมเกรนเอง TDF 300mg./FTC 200mg. OD DTG 50 mg OD หรือ EFV 600mg OD กรณไี ตมปี ัญหา: AZT 300mg ทุก 12 ชม.แทน TDF ในสตู รแนะนำ� หรือสตู รทางเลอื ก ในผปู้ ่วยทม่ี ี CrCl<60ml/ นาที TDF-Tenofovir, 3TC-lamivudine, RPV - Rilpivirine, FTC- Emtricitabine, ATV/r- Atazanavir/ritonavir, LPV/r- Lopinavir/ ritonavir, RAL-Raltegravir, DTG –Dolutegravir, EFV-Efavirenz * บคุ ลากรทุกรายควรติดต่อเจา้ หน้าท่หี นว่ ยควบคมุ การตดิ เชื้อเพ่ือส่งตอ่ พบแพทยโ์ รคตดิ เชื้อ ภายใน 5 วนั ** การสั่งยาอ่ืนๆ นอกเหนอื จากนี้ เชน่ กรณี source patient มีปญั หาหรือสงสัยว่าจะมีปัญหา drug-resistant HIV ใหป้ รกึ ษา แพทย์ผูเ้ ช่ียวชาญโรคตดิ เชือ้

การป้องกันการตดิ เชือ้ ไวรัสเอชไอวี ไวรสั ตบั อักเสบบี ไวรัสตับอักเสบซี 141 ในบคุ ลากรทางการแพทย์ ภายหลงั สัมผสั เลอื ดหรอื สารคัดหล่ังจากการปฏบิ ัติงาน 5.2 การพจิ ารณาใหย้ าตา้ นไวรสั ตบั อกั เสบบี คำ� แนะนำ� เกย่ี วกบั การปอ้ งกนั การตดิ เชอื้ ไวรสั ตบั อกั เสบบี ภายหลงั ถกู เขม็ หรอื ของมคี มทมิ่ ตำ� หรอื เยอื่ บสุ มั ผสั กบั เลอื ดของผปู้ ว่ ยในบคุ ลากรทย่ี งั ไมเ่ คยตดิ เชอ้ื ไวรสั ตบั อกั เสบบี มาก่อนได้สรุปไว้ในตารางที่ 6 ถ้าบุคลากรเคยติดเชื้อมาก่อน ไม่จ�ำเป็นต้องให้วัคซีนป้องกันเน่ืองจากภูมิคุ้มกัน ที่เกิดข้ึนภายหลังการติดเช้ือสามารถป้องกันการติดเช้ือซ้�ำ แต่ถ้ายังไม่เคยติดเช้ือมาก่อนควรสอบถามเก่ียวกับ ประวตั ิการได้รบั วคั ซนี ปอ้ งกันไวรสั ตบั อกั เสบบแี ละพจิ ารณาดังน้ี 5.2.1 บุคลากรไม่เคยได้วัคซีนมาก่อน พิจารณาให้วัคซีนไวรัสตับอับเสบบีทุกรายและให้ Hepatitis B immunoglobulin ขนาด 0.06 มล./กก. ฉีดเขา้ กล้ามเนอื้ เฉพาะในรายทีผ่ ปู้ ่วยมีผล HBs antigen เปน็ บวก ดงั ตารางท่ี 6 5.2.2 บุคลากรเคยได้วัคซีนครบมาก่อน และตอบสนองดี (anti-HBs >10mIU/mL) ไม่ต้องให้ การรักษาใดๆ แต่ถ้าตอบสนองตอ่ วัคซีนไม่ดี (anti-HBs <10mIU/mL) และผู้ปว่ ยมีผล HBs antigen เป็นบวก หรือมีความเสี่ยงสูงที่จะมาจากผู้ป่วยท่ีมีผล HBs antigen เป็นบวก พิจารณาให้เริ่มฉีดวัคซีนใหม่อีก 1 course และให้ Hepatitis B immunoglobulin เช่นเดียวกับในข้อ 1 แต่ถ้าเคยได้รับวัคซีน course ท่ี 2 มาก่อนแล้ว และไม่ตอบสนอง ควรพิจารณาให้ Hepatitis B immunoglobulin 2 ครั้ง หา่ งกนั 1 เดอื น ดงั ตารางที่ 6 5.2.3 บุคลากรเคยได้วัคซีนครบมาก่อนแต่ไม่ทราบว่าตอบสนองดีหรือไม่ และผู้ป่วยมีผล HBs antigen เป็นบวก ให้ตรวจระดับ anti-HBs ถ้า >10mIU/mL ไม่ต้องให้การรักษาใดๆ ถ้า <10mIU/mL พจิ ารณาใหฉ้ ดี วคั ซนี 1 เขม็ เป็น boosted dose และให้ Hepatitis B immunoglobulin เชน่ เดยี วกบั ในขอ้ 1 ในกรณไี มท่ ราบแหลง่ ทมี่ าของเลอื ดและผปู้ ว่ ยไดร้ บั วคั ซนี ครบ coarse มากอ่ น ไมต่ อ้ งใหก้ ารรกั ษา แตถ่ า้ ไดไ้ มค่ รบ course พิจารณาให้ฉีดวัคซีน 1 เข็มเป็น boosted dose และตรวจหาระดับ anti-HBs อีกครั้งที่ 1-2 เดือน หลังจากนั้น ดงั ตารางที่ 6 5.3 การพิจารณาให้ยาต้านไวรัสตับอักเสบซี ส�ำหรับไวรัสตับอักเสบซี ในปัจจุบันยังไม่มีค�ำแนะน�ำ เกยี่ วกบั การให้ยาต้านไวรัส เพ่อื ปอ้ งกันการติดเช้อื ภายหลงั สมั ผัสเช้ือ

142 คูม่ ือการป้องกนั และควบคุมการติดเชือ้ โรงพยาบาลศรีนครนิ ทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ตารางท่ี 6 การดแู ลและประเมนิ บคุ ลากรกรณี Hepatitis B virus Postexpoure management of health-care personnel after occupational percutaneous and mucosal exposure to blood and body fluids, by health-care personnel Hep B vaccination and response status Health-care Postexposure testing Postexposure prophylaxis Postvaccination personnel status Source patient HCP testing Serologic HBIG* Vaccination Testing+ (HBs Ag.) (anti-HBs) Documented responder§ after Complete series No action needed (>3 doses) HBIGx2 ---** separated Documented Positive/ --- No nonresponder¶ unknown By 1 month after 6 doses Negative No action needed Response unknown Positive/ <10mlU/mL** HBIGx1 Initiate Yes after3 doses unknown <10mlU/mL None Revaccination Negative Any result ≥10mlU/mL No action needed Unvaccinted/ Positive/ ---** HBIGx1 Complete Yes incompletely unknown --- None Vaccination Yes V accinated or Negative Complete vaccine refusers vaccination Abbrevlations : HCP = health-care personnel; HBsAg=hepatitis B surface antigen; anti-HBs=antibody to hepa- titis B surface antigen; HBIG=hepatitis B immune globulin. * HBIG should be anmninistered intramuscularly as soon as possible after exposure when indicated. The ef- fectiveness of HBIG when adnubustered > 7days after Percutaneous, mucosal, or nonintact skin exposures is unknown. HBIG dosage is 0.06 mL/kg. +should be performed 1-2 months after the last dose of the Hep B vaccine series (and 4-6 months after administration of HBIG to avoid detection of passively Administered anti-HBs) using a quantitative method that allows detection of the protective concentration of anti-HBs(>10 mlU/Ml). §A responder is defined as a person with anti-HBs >10 mlU/mL. after >3 doses of Hep B vaccine. A nonresponder is defined as a person with anti-HBs <10 mlU/mL after >6 doses of Hep B vaccine. ** HCP who have anti-HBs <10 mlU/mL, or who are unvaccinated or incompletely vaccinated, and sustain an exposureto asource patient who is HBsAg-positive or Has unknown HBsAg status, should undergo baselinetesting for HBV infection as soon as possible after expo- sure, and follow-up testing approximately 6 months Later.Initial baseline tests consist of total anti-HBc; testing at approximately 6 monthsconsists of HBsAg and total anti-HBc.

การปอ้ งกนั การติดเชอื้ ไวรสั เอชไอวี ไวรัสตับอักเสบบี ไวรัสตับอักเสบซี 143 ในบุคลากรทางการแพทย์ ภายหลงั สัมผสั เลอื ดหรือสารคดั หลัง่ จากการปฏบิ ตั งิ าน 6. การให้ค�ำแนะน�ำและติดตาม พบพยาบาล (Infection control nurse: ICN) ที่หน่วยควบคุม การติดเชื้อ อาคาร สว.1 ช้ัน 17 ในเวลาราชการ เพ่ือให้ค�ำแนะน�ำและติดตามการรักษา และจัดเตรียมเอกสาร การส่งตอ่ การดูแลรกั ษา บุคลากรทางการแพทย์ทุกรายที่เกิดอุบัติการณ์ถูกเข็มหรือของมีคมทิ่มต�ำท่ีสัมผัสกับเลือดหรือ สารคัดหลงั่ อ่นื ๆ ของผปู้ ่วยในขณะปฏบิ ัติงานทุกรายควรไดร้ ับคำ� แนะนำ� เน้นย้ำ� ใหเ้ ห็นความสำ� คญั และการปฏิบตั ิ ตามหลักการป้องกันการติดเชื้อจากการให้บริการทางการแพทย์และสาธารณสุข โดยบุคลากรที่มีความเสี่ยงต่อ การติดเชื้อให้เขียนบันทึกรายงานการบาดเจ็บและให้แพทย์เวรอุบัติเหตุและฉุกเฉินหรือแพทย์ใช้ทุนอายุรศาสตร์ ทีอ่ ยเู่ วร ตรวจประเมินความเส่ียง และเปน็ ผสู้ งั่ ยา oPEP โดยระบใุ นใบสั่งยา “Post-exposure prophylaxis” ตามแนวทางการให้ยาป้องกันภายหลังการสัมผัสเช้ือไวรัสเอดส์ จ�ำนวน 5 วัน และรับยาได้ท่ีห้องยาฉุกเฉิน ซึ่งห้องยาจะด�ำเนินการจัดยาให้ แล้วรีบแจ้งพยาบาลหน่วยควบคุมการติดเช้ือทราบโดยเร็วท่ีสุดในเวลาราชการ โทรศพั ท์ 66593, 66594 ,66599 เพอ่ื รบั คำ� แนะนำ� ปรกึ ษาและบนั ทกึ ประวตั กิ ารไดร้ บั บาดเจบ็ โดยนำ� แบบรายงาน การบาดเจ็บท่ีบันทึกแล้วมาด้วย พยาบาลหน่วยควบคุมการติดเชื้อจะเป็นผู้ประสานงานและส่งต่อให้บุคลากร พบแพทยส์ าขาโรคตดิ เชอื้ เพอื่ ประเมนิ ความเสยี่ ง ตลอดจนพจิ ารณาใหย้ าปอ้ งกนั หลงั สมั ผสั เลอื ด และสารคดั หลงั่ ผ้ปู ่วย (Occupational Post-exposure prophylaxis: oPEP) บคุ ลากรทแี่ พทยพ์ จิ ารณาใหร้ บั ประทานยาปอ้ งกนั ไวรสั เอชไอวี จะตอ้ งรบั ประทานยาตดิ ตอ่ กนั จนครบ 4 สปั ดาห์ หากเกดิ อาการขา้ งเคยี งหรือมีปัญหาภาวะแทรกซ้อนจากการกนิ ยา หา้ มเลกิ หรือหยดุ ยาเองให้ปรึกษา แพทยผ์ สู้ งั่ ยาและติดตอ่ พยาบาลทหี่ นว่ ยควบคมุ การตดิ เชอื้ เพือ่ รบั คำ� ปรกึ ษาและบนั ทกึ ประวัตกิ ารไดร้ ับบาดเจบ็ และประวัตกิ ารรบั ประทานยาให้สมบรู ณ์ เมื่อได้ประเมินแล้วว่าบุคลากรมีความเส่ียงต่อการติดเชื้อจากอุบัติการณ์ที่เกิดขึ้น ควรเจาะเลือด เพ่อื ตดิ ตามวา่ มกี ารติดเชื้อเกิดขึน้ หรอื ไม่ โดย 1. ให้เจาะเลอื ดบคุ ลากรซ�้ำเพ่อื ตรวจ anti-HIV ในเดือนที่ 1, 3 หลงั ได้รับอุบัตกิ ารณ์ 2. ให้ตรวจหา anti-HBV ในเดือนท่ี 3 และ 6 ในกรณีที่บุคลากรไม่มีภูมิคุ้มกันโรคไวรัส ตับอักเสบบี และผู้ป่วยมีการตดิ เชื้อไวรัสตับอกั เสบบี 3. ให้บุคลากรตรวจหา anti-HCV ในเดอื นท่ี 3 และ 6 ในกรณที บี่ คุ ลากรมีการสัมผสั เลอื ดและ สารคัดหลัง่ ของผปู้ ่วยติดเช้ือไวรัสตับอักเสบซี 4. หากสัมผัสกับเลือดหรือสารคัดหลั่งอื่นๆ ของผู้ป่วยท่ีติดเชื้อ ไวรัสเอชไอวี ร่วมกับไวรัส ตบั อกั เสบซี ควรเจาะเลือดบคุ ลากรเพอ่ื ตรวจหา anti-HIV ท่ี 6 เดือนหลงั เกดิ อุบัตกิ ารณ์ ดังตารางที่ 1 5. บุคลากรท่ีไม่มีความเส่ียง การเจาะเลือดตรวจทางห้องปฏิบัติการให้ข้ึนอยู่กับความสมัครใจ ของบุคลากร ซึ่งอาจตรวจ Anti-HIV ในวนั แรกทส่ี มั ผสั และ 3 เดอื นหลงั สมั ผัส แนะน�ำบุคลากรงดบริจาคเลือด อวัยวะหรืออสุจิ ให้สวมถุงยางอนามัยทุกคร้ังเมื่อมีเพศสัมพันธ์ ต้องไม่ต้ังครรภ์ จนกว่าจะทราบผลเลือดครั้งสุดท้ายว่าไม่มีการติดเช้ือ และแนะน�ำเก่ียวกับอาการของการติดเช้ือ เอชไอวีระยะเฉียบพลัน (acute retroviral syndrome) ได้แก่ ไข้ ผ่ืน ปวดเม่ือยตามตัว เหนื่อยเพลีย ตอ่ มนำ�้ เหลืองโต เพ่อื พบแพทย์ทนั ทีท่ีมอี าการสงสัย ควรเจาะเลอื ดตรวจ anti-HIV ในบคุ ลากรทมี่ อี าการดงั กลา่ ว เพ่อื ตดิ ตามดูภาวะ seroconversion ไม่แนะนำ� ให้ตรวจ direct viral assays เนือ่ งจากมผี ลบวกลวงสงู

144 คู่มอื การป้องกันและควบคุมการตดิ เชือ้ โรงพยาบาลศรีนครนิ ทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยขอนแกน่ ในบุคลากรท่ีต้องได้รับยาต้านไวรัสเอชไอวีเพื่อป้องกันการติดเชื้อ ควรนัดมาติดตามการรักษา เพ่ือประเมินผลข้างเคียงจากยา ซึ่งเป็นปัจจัยส�ำคัญท่ีท�ำให้หยุดรับประทานยาก่อนก�ำหนด ควรเน้นให้บุคลากร เห็นความส�ำคัญของการรับประทานยาอย่างสม่�ำเสมอและให้การรักษาผลข้างเคียงท่ีเกิดข้ึน บุคลากรต้องได้รับ การตรวจ complete blood count, creatinine และ liver function test กอ่ นเรม่ิ รบั ประทานยาและ 2 สปั ดาห์ หลังรับประทานยา เพ่ือประเมินผลข้างเคียงท่ีเกิดจากยา พิจารณาให้การรักษาหรือปรับเปล่ียนสูตรยาต่อไป กรณที ไี่ ดร้ บั ยาในกลมุ่ PI ควรติดตามระดับนำ�้ ตาลในเลอื ด บคุ ลากรทม่ี ีความเส่ียงไดร้ บั การตรวจจากหอ้ งตรวจ OPD AE ตามแนวทางการดแู ลบุคลากร visit 1 พบพยาบาลหน่วยควบคุมการติดเช้ือ (ICN) ประเมินความเส่ียง และลงข้อมูลการดูแลบุคลากรในใบรายงานให้ ครบถ้วน ติดตามผลการตรวจเลือดของผู้ป่วย และบุคลากร ประเมินความเส่ียงต่อการติดเช้ือ ถ้าไม่มีความเส่ียง ไมต่ อ้ งนดั และไมต่ อ้ งตดิ ตามการตรวจเลอื ดหลงั เกดิ อบุ ตั กิ ารณ์ หากมคี วามเสยี่ งสงู ตอ่ การตดิ เชอื้ HIV, HBV, HCV แนะน�ำพบแพทยอ์ ายุรกรรมสาขาโรคตดิ เชอ้ื โดยเตรยี มเอกสาร ดังนี้ 1. ใบรายงานอุบตั กิ ารณ์ 2. นัดในระบบคอมพิวเตอร์ (Health Object: HO) ท่ีห้องตรวจอายุรกรรม 8 และพิมพ์ใบนัด และประทบั “Needle stick injury” 3. แฟ้มประวัติผู้ป่วย (OPD card) 4. บันทกึ ข้อความสง่ ต่อการดูแลบุคลากร 7. พบอาจารยแ์ พทย์สาขาโรคตดิ เช้ือที่ OPD 8 เพือ่ ประเมนิ ความเส่ียง และความจำ� เปน็ ในการรับยา HIV oPEP และวคั ซนี ภมู คิ ้มุ กันโรคไวรสั ตบั อกั เสบบี ต่อเน่ือง (visit 2) พบแพทยต์ ามเวลานดั ทห่ี ้องตรวจอายุรกรรม 8 เพื่อประเมินความเสี่ยงและความจำ� เปน็ ในการรับยา HIV oPEP และวัคซนี ภมู ิคมุ้ กนั โรคไวรสั ตบั อักเสบบี ต่อเนือ่ ง ในวนั เวลา ดงั นี้ วนั จันทร ์ เวลา 09.00 - 12.00 น. วันองั คาร เวลา 13.00 - 16.00 น. วนั พธุ เวลา 09.00 - 12.00 น. วนั ศกุ ร ์ เวลา 09.00 - 12.00 น. ตามข้ันตอนการดูแลบุคลากรที่ได้รับบาดเจ็บจากของมีคมท่ิมต�ำและสัมผัสสารคัดหล่ังของผู้ป่วย ขณะปฏบิ ตั ิงาน สำ� หรับบคุ ลากร บุคลากรเข้าตรวจตามระบบการตรวจคัดกรองผู้ป่วยท่ีห้องตรวจอายุรกรรม 8 เปิดประวัติการเข้า รบั การรักษาในโปรแกรม HO วัดสญั ญาณชีพ เข้าพบแพทย์สาขาโรคตดิ เชอ้ื เพ่อื ตรวจรักษา ประเมินความเสี่ยง และการไดร้ ับยาปอ้ งกันการติดเชื้อหลังสัมผสั และพิมพใ์ บน�ำทาง ประทบั ตรา “Needle stick injury” ไปรับยา ตอ่ ท่ีหอ้ งยากลาง หากตอ้ งรับการฉีดวคั ซนี ป้องกันโรคไวรสั ตบั อกั เสบบี ใหร้ ับยาทีห่ ้องจ่ายยากลางแลว้ น�ำกลบั มา ฉีดที่ห้องตรวจ อายุรกรรม 8 ส่วนค่าใช้จ่ายท่ีเกิดข้ึนในระบบ HO ให้พยาบาลที่ห้องตรวจ key consult สังคมสงเคราะห์ (สปร.) ค่าใช้จ่ายระบุ comment “บุคลากรถูกเข็มท่ิมต�ำ/สัมผัสสารคัดหลั่ง” และนัดติดตาม การรักษาในระบบ HO หลังจากตรวจเสร็จให้บุคลากรพบพยาบาลควบคุมการติดเชื้อเพ่ือส่งเอกสารการรายงาน อบุ ตั ิการณ์

การป้องกันการตดิ เช้ือไวรสั เอชไอวี ไวรสั ตบั อักเสบบี ไวรัสตบั อักเสบซี 145 ในบคุ ลากรทางการแพทย์ ภายหลงั สมั ผัสเลอื ดหรือสารคดั หลง่ั จากการปฏิบัติงาน ขน้ั ตอนการดูแลบุคลากรท่ีได้รับบาดเจ็บจากของมีคมทิม่ ต�ำและสมั ผัสสารคัดหลง่ั ของผูป้ ่วย ขณะปฏบิ ัติ งานในโรงพยาบาลศรนี ครนิ ทร์ ส�ำหรบั บุคลากร OPD 8 ผรู้ ับผิดชอบ ขน้ั ตอนการปฏบิ ัติ ผู้เกีย่ วขอ้ ง บคุ ลากร บคุ ลากร ไดร้ บั บาดเจ็บจากของมคี ม ผบู้ งั คับบัญชา/ ผูร้ ่วมงาน สมั ผัสสารคัดหล่งั ของผปู้ ่วย พยาบาล OPD 8 Registration Visit 2 ในโปรแกรม HO ผูช้ ่วยพยาบาล Record V/S พรอ้ มบนั ทึกข้อมลู ในโปรแกรม HO บคุ ลากร พยาบาล OPD 8 พยาบาล OPD 8 ส่งพบแพทย์สาขาโรคตดิ เชอ้ื ตรวจรกั ษา PEP 2**** พยาบาล OPD 8 Lab บุคลากร พยาบาล OPD 8 พยาบาล OPD 8 *Key consult สปร. คา่ ใช้จา่ ย ระบุ Comment “เข็มท่มิ ต�ำ” นักสงั คมสงเคราะห์ และนดั ติดตามการรักษาในระบบ HO Key ใบน�ำทาง บุคลากร **ประทับตรา Needle stick injury บคุ ลากร ในใบน�ำทางเพื่อรบั ยา PEP/Lab Key นัดตดิ ตามการรกั ษา บคุ ลากร พยาบาล OPD 8 แนะนำ� บุคลากรเจาะเลือด / รับยาและรับใบนัดหมายการรักษาครั้งตอ่ ไป บุคลากร พยาบาล ICN พยาบาล OPD 8 ***สง่ พบ ICN * หมายถึง บุคลากรไมต่ อ้ งไปพบสังคมสงเคราะห์ ** หมายถึง ประทบั ตรา Needle stick injury ใหเ้ หน็ ชดั เจน *** หมายถึง สง่ พบ ICN ในเวลาราชการ **** หมายถงึ Ricovir EM (Truvada) 1x1 และ Endurant (Rilpivirine) 25 mg. 1x1 จำ� นวน 23 วนั (PEP2)

146 คู่มอื การป้องกนั และควบคุมการตดิ เชอ้ื โรงพยาบาลศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยขอนแกน่ 8. การติดตามเพื่อประเมินความสม�่ำเสมอในการรับประทานยาและผลข้างเคียงจากยา ในกรณีท่ี ต้องไดร้ บั ยาตา้ นไวรสั เอชไอวี และประเมินว่ามีการติดเชื้อเกิดขน้ึ จากอุบตั ิการณด์ งั กลา่ วหรอื ไม่ (แผนภูมทิ ี่ 1) บุคลากรที่ได้รับอุบัติการณ์การบาดเจ็บจากของมีคมท่ิมต�ำและสัมผัสสารคัดหล่ังที่ได้รับการดูแล ตรวจตามข้ันตอนท่ีทางโรงพยาบาลได้ก�ำหนดแล้ว พยาบาลหน่วยควบคุมการติดเชื้อติดตามเพ่ือประเมิน ความสม�่ำเสมอในการรับประทานยาและผลข้างเคียงจากการกินยาในกรณีที่ต้องได้รับยาต้านไวรัสเอชไอวี และประเมนิ วา่ มกี ารตดิ เชอื้ เกดิ ขนึ้ จากอบุ ตั กิ ารณ์ โดยตดิ ตามการตรวจเลอื ดหลงั จากการดแู ลรกั ษาตามตารางที่ 1 แล้วรวบรวมรายงานเอกสารเพือ่ รายงานผู้บรหิ ารตอ่ ไป การปฏิบัตงิ านทางการแพทย์ ควรมกี ารเตรียมความพรอ้ มองคป์ ระกอบของระบบบรกิ าร ทง้ั ในสว่ นของสถานทป่ี ฏบิ ัตงิ าน บคุ ลากร และอุปกรณ์เคร่ืองมือ เคร่ืองใช้ ท้ังข้ันตอนก่อนการปฏิบัติงาน ขณะปฏิบัติงาน และหลังปฏิบัติงาน โดยการจัด ระบบบริการดงั กล่าวประกอบไปด้วย 1. แนวทางปฏิบัติเพื่อการปอ้ งกันการตดิ เชอ้ื จากการสัมผัส เปน็ แนวทางปฏบิ ตั พิ นื้ ฐานทบ่ี คุ ลากรทกุ สาขา และทกุ ระดบั ควรทราบ และยดึ เปน็ แนวทางปฏบิ ตั ิ เพอ่ื การป้องกนั การติดเช้อื จากการสมั ผัส ปฏิบตั ิการพยาบาลตามเทคนิคการป้องกนั การตดิ เชือ้ และการปอ้ งกัน แบบมาตรฐานอยา่ งเคร่งครัด (Standard precaution) เป็นการปฏิบัติในการดแู ลผปู้ ว่ ยทกุ รายทีเ่ ข้ารับการรกั ษา ในโรงพยาบาล โดยไมค่ �ำนงึ ว่าผู้ป่วยจะมีการติดเชอ้ื หรอื ไม่ หรือไดร้ ับการวินจิ ฉัยวา่ ป่วยเป็นโรคใด ท่มี า : รูปภาพจาก CDC standard precaution การป้องกนั การติดเชอ้ื จากการใหบ้ รกิ ารทางการแพทย์ มหี ลักการท่สี ำ� คัญ 3 ประการ คือ 1. การปอ้ งกนั การเกิดอุบตั กิ ารณจ์ ากการปฏิบัตงิ าน (avoid accidents) 2. การใช้อุปกรณ์ป้องกันอย่างเหมาะสม (protective barriers) ได้แก่ การใช้ถุงมือ เสื้อคลุม แวน่ ตา ผ้าปดิ ปากและจมูก เปน็ ต้น 3. การทำ� ลายเชอ้ื และการทำ� ใหป้ ราศจากเชอื้ อยา่ งถกู ตอ้ ง รวมทง้ั การจดั การสง่ิ แวดลอ้ ม สถานท่ี ท�ำงานใหเ้ ป็นระเบยี บเรียบร้อย (sanitation and hygiene) การท�ำความสะอาดมือและการก�ำจัดมลู ฝอยตดิ เชอื้

การปอ้ งกนั การติดเชอ้ื ไวรสั เอชไอวี ไวรสั ตบั อักเสบบี ไวรัสตบั อักเสบซี 147 ในบุคลากรทางการแพทย์ ภายหลังสมั ผสั เลือดหรือสารคดั หลั่งจากการปฏบิ ตั งิ าน 2. ระวังอุบตั ิการณจ์ ากของมคี ม การป้องกันอุบัติการณ์จากการถูกเข็มและของมีคมขณะปฏิบัติงาน บุคลากรของโรงพยาบาลมีโอกาส รบั เชอ้ื จากผู้ป่วยสูง เนอ่ื งจากปฏบิ ัตงิ านใกล้ชดิ กบั ผู้ป่วยและลักษณะงานทป่ี ฏบิ ตั อิ าจทำ� ใหบ้ ุคลากรได้รบั อบุ ตั ิการณไ์ ด้ เพอ่ื ป้องกนั มิใหไ้ ด้รับอุบตั ิการณ์จากการถกู เข็มหรือของมีคมทม่ิ ต�ำหรอื บาด บุคลากรควรปฏบิ ตั ิตามแนวทางต่อไปนี้ 1. ทนั ทที ฉี่ ดี ยาหรอื เจาะเลอื ดผปู้ ว่ ยเสรจ็ ทง้ิ เขม็ และกระบอกฉดี ยาทใี ชแ้ ลว้ ลงในภาชนะทมี่ ดิ ชดิ ซง่ึ เขม็ ไมส่ ามารถแทงทะลอุ อกมาภายนอกได้ ไมถ่ อดเขม็ ออกจากกระบอกฉดี ยา ไมส่ วมปลอกเขม็ กลบั ไมห่ กั หรอื งอเข็ม หากจ�ำเป็นต้องสวมปลอกเข็มให้ใช้วิธี (one-handed technique) โดยใช้ปลายเข็มเกี่ยวปลอกขึ้นมา ตงั้ เขม็ และปลอกขนึ้ จนปลอกสวมลงไปสนทิ หา้ มสวมปลอกเขม็ กลบั โดยใชม้ อื หนง่ึ จบั เขม็ และอกี มอื หนง่ึ จบั ปลอกเขม็ (Two - handed technique) หรอื ใชอ้ ปุ กรณช์ ว่ ยปลดเขม็ แลว้ นำ� ไปทง้ิ ในภาชนะตดิ เชอื้ ทหี่ นาทนการแทงทะลุ ทีเ่ ตรยี มไวเ้ ฉพาะ 2. หลอดบรรจุยาหรือน้�ำกลั่นปราศจากเชื้อท่ีท�ำด้วยแก้ว เม่ือต้องการเปิดใช้ควรใช้ใบเล่ือยบริเวณ คอหลอดยาแล้วใช้ผา้ กอ๊ ซรองก่อนที่จะหักหลอดยา ทง้ั น้เี พอ่ื ป้องกนั มใิ หห้ ลอดยาบาดมอื ถ้าคาดว่าการเจาะเลอื ดผู้ปว่ ย หรือการท�ำหัตถการใดๆ ที่มีความยากล�ำบาก ควรมีการเตรียมผู้ป่วยอย่างดี มีการปฏิบัติโดยผู้ท่ีมีความช�ำนาญและ ร่างกายมีความพรอ้ มทส่ี ุดเป็นผ้ทู �ำหัตถการน้นั 3. ไม่ห่ออุปกรณ์และของมคี มในผ้า เพราะอาจทำ� ให้เกิดอุบตั ิการณข์ ณะน�ำอุปกรณอ์ อกจากผ้า หรอื เซตอุปกรณ์ ขณะทหี่ ยิบจบั อุปกรณ์ 4. การส่งเครื่องมอื มคี มในหอ้ งผ่าตัด ใหใ้ ช้วิธี no touch technique โดยวางเครือ่ งมือผ่าตดั ลง บนภาชนะ เชน่ ถาด หรือชามรปู ไต แล้วส่งเครื่องมอื ท้ังภาชนะ ไมส่ ่งเคร่อื งมอื จากมือสมู่ อื โดยตรง 5. ขณะเย็บแผลผู้ป่วยตอ้ งระมัดระวงั เปน็ พิเศษโดยเฉพาะการเย็บแผลในที่ลึก เชน่ การเยบ็ ชอ่ ง คลอด ควรใช้ retractor เปน็ ตัวกนั ไม่จบั เข็มดว้ ยมอื โดยตรง ให้ใช้คีมจับเขม็ (needle holder) จับเสมอ 6. ระหวา่ งทมี่ กี ารใชเ้ ขม็ เยบ็ แผล หลงั จากใชค้ รง้ั แรกแลว้ ใหซ้ อ่ นปลายเขม็ เพอ่ื ปอ้ งกนั อบุ ตั กิ ารณ์ เข็มตำ� ตนเองและผอู้ นื่ เชน่ ใช้คมี จับเขม็ (needle holder) จบั ใกล้ปลายเขม็ แลว้ วางคว�ำ่ ไว้ในถาด 7. การปลดและใสใ่ บมดี ใหใ้ ชเ้ ครอ่ื งมอื ชว่ ย เชน่ Clamp หรอื Needle Holder ชว่ ยคบี ไมใ่ ชม้ อื เปลา่ 8. หา้ มสง่ ของมคี มจากมอื คนหนง่ึ สมู่ อื อกี คนหนง่ึ โดยตรง ใหส้ ง่ โดยการวางบนภาชนะรองรบั แลว้ หยบิ 9. ห้ามวางของมีคมให้ส่วนแหลมคมยื่นออกมานอกภาชนะ ให้วางอุปกรณ์นั้นโดยให้ส่วนมีคม ราบขนานกบั ภาชนะเชน่ ถาด ชามรปู ไต ถ้วยสแตนเลส เปน็ ตน้ 10. ผู้ท่ีใช้ของมีคมจะต้องเป็นผู้เก็บและท้ิงของมีคม ถ้ามีของมีคมในห่ออุปกรณ์ท่ีใช้แล้ว ให้แจ้ง บุคลากรทเ่ี กย่ี วข้องทราบทกุ คร้งั 11. จดั หาภาชนะรองรบั เขม็ ทที่ ำ� จากวสั ดอุ ยา่ งหนาไมแ่ ทงทะลแุ ละวางไวใ้ กลบ้ รเิ วณใชง้ านมากทส่ี ดุ 12. อุปกณ์ของมีคมต่างๆ หลังจากใช้แล้วต้องหยิบ จับถือ ด้วยความระมัดระวัง เช่น เข็ม หลังเจาะเลือด ฉดี ยา 13. เขม็ หรอื ของมคี มทใี่ ชซ้ ำ�้ ไดห้ ลงั จากใชแ้ ลว้ ควรวางไวใ้ นภาชนะทป่ี อ้ งกนั การทม่ิ แทงขณะเคลอ่ื น ย้ายไปทำ� ความสะอาดและท�ำใหป้ ราศจากเชื้อ เชน่ ถว้ ยสแตนเลส ชามรปู ไต ถาด 14. การล้างเคร่ืองมืออุปกรณ์ทางการแพทย์ท่ีใช้แล้วโดยเฉพาะเคร่ืองมืออุปกรณ์ท่ีแหลมคม ควรกระทำ� ดว้ ยความระมัดระวงั เปน็ พิเศษ

148 คูม่ อื การปอ้ งกนั และควบคมุ การติดเชื้อ โรงพยาบาลศรีนครนิ ทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลยั ขอนแก่น 15. บุคลากรควรสวมถุงมือและผ้าปิดปากและจมูก สวมแว่นตาหรือหน้ากากป้องกันใบหน้า รวมท้ัง สวมเสอื้ คลมุ หากการทำ� หตั ถการมผี ลทำ� ใหเ้ กดิ การฟงุ้ กระจายหรอื กระเดน็ ของเลอื ดและสารคดั หลง่ั บคุ ลากรทท่ี ำ� คลอด ทางชอ่ งคลอดหรอื ผา่ ตดั ทางหนา้ ทอ้ ง การใสท่ อ่ ชว่ ยหายใจ และผชู้ ว่ ยควรสวมถงุ มอื และเสอ้ื คลมุ หรอื ผา้ กนั เปอ้ื น แวน่ ตา ลักษณะของภาชนะสำ� หรับทงิ้ เขม็ และของมีคมท่ดี ี มีดังน้ี 1. เขม็ และของมคี มไมส่ ามารถแทงทะลอุ อกมาได้ มคี วามคงทน มขี นาดพอเหมาะปอ้ งกนั การรว่ั ซมึ ได้ สามารถเผาทำ� ลายได้ มบี รเิ วณเปดิ สำ� หรบั ทง้ิ เขม็ และของมีคมได้พอเหมาะ 2. สามารถปดิ ฝาไดแ้ นน่ เมอื่ จะนำ� ไปทำ� ลาย ควรมจี ำ� นวนเพยี งพอและจดั วางไวท้ ส่ี ามารถทง้ิ เขม็ และ ของมคี มไดส้ ะดวก ขนาดภาชนะควรใหญ่พอดี ท้งิ ประมาณ ¾ ของถัง 3. จัดวางอุปกรณส์ �ำหรับทิ้งของมคี มท่ีใชแ้ ล้วไว้ใน บริเวณที่ปฏบิ ตั ิงานเพื่อสะดวกในการใช้งาน ภาพที่ 1 ถงั ท้ิงของมคี มขนาดเลก็ และขนาดใหญ่

การปอ้ งกนั การติดเชอื้ ไวรัสเอชไอวี ไวรสั ตบั อกั เสบบี ไวรัสตบั อักเสบซี 149 ในบคุ ลากรทางการแพทย์ ภายหลังสัมผสั เลือดหรือสารคัดหล่ังจากการปฏิบัตงิ าน ภาคผนวก 1. แนวทางการปฏบิ ตั สิ ำ� หรบั บคุ ลากรทไ่ี ดร้ บั บาดเจบ็ จากของมคี มทมิ่ ตำ� หรอื สมั ผสั สารคดั หลงั่ ของ ผปู้ ว่ ยขณะ ปฏิบัตงิ านในโรงพยาบาลศรนี ครินทร์ 2. ขนั้ ตอนการดแู ลบคุ ลากรทไ่ี ดร้ บั บาดเจบ็ จากของมคี มทมิ่ ตำ� และสมั ผสั สารคดั หลง่ั ของผปู้ ว่ ยขณะปฏบิ ตั งิ าน โรงพยาบาลศรนี ครินทร์ 3. ขน้ั ตอนการดแู ลบคุ ลากรทไี่ ดร้ บั บาดเจบ็ จากของมคี มทมิ่ ตำ� และสมั ผสั สารคดั หลงั่ ของผปู้ ว่ ยขณะปฏบิ ตั งิ าน ส�ำหรบั บคุ ลากร OPD AE 4. ขน้ั ตอนการดแู ลบคุ ลากรทไ่ี ดร้ บั บาดเจบ็ จากของมคี มทมิ่ ตำ� และสมั ผสั สารคดั หลง่ั ของผปู้ ว่ ยขณะปฏบิ ตั งิ าน ส�ำหรบั บุคลากร OPD 8 5. ขนั้ ตอนการดแู ลบคุ ลากรทไ่ี ดร้ บั บาดเจบ็ จากของมคี มทม่ิ ตำ� และสมั ผสั สารคดั หลงั่ ของผปู้ ว่ ยขณะปฏบิ ตั งิ าน สำ� หรบั แพทย์ OPD AE 6. ขน้ั ตอนการดแู ลบคุ ลากรทไี่ ดร้ บั บาดเจบ็ จากของมคี มทม่ิ ตำ� และสมั ผสั สารคดั หลง่ั ของผปู้ ว่ ยขณะปฏบิ ตั งิ าน สำ� หรับบคุ ลากร สำ� หรบั งานเภสัชกรรม 7. ขนั้ ตอนการดแู ลบคุ ลากรทไี่ ดร้ บั บาดเจบ็ จากของมคี มทมิ่ ตำ� และสมั ผสั สารคดั หลง่ั ของผปู้ ว่ ยขณะปฏบิ ตั งิ าน สำ� หรบั บุคลากร สำ� หรบั งานปฏบิ ตั กิ ารเวชศาสตรช์ นั สูตร 8. ขน้ั ตอนการดแู ลบคุ ลากรทไี่ ดร้ บั บาดเจบ็ จากของมคี มทม่ิ ตำ� และสมั ผสั สารคดั หลงั่ ของผปู้ ว่ ยขณะปฏบิ ตั งิ าน ส�ำหรบั บคุ ลากร ส�ำหรบั งานสงั คมสงเคราะห์

150 คมู่ อื การป้องกันและควบคมุ การติดเชอื้ โรงพยาบาลศรนี ครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ขอนแก่น แนวทางการดูแลบคุ ลากรทีไ่ ดร้ ับบาดเจ็บจากของมคี มทม่ิ ต�ำหรือสมั ผสั สารคดั หล่ังของผปู้ ว่ ย ขณะปฏบิ ตั ิงานในโรงพยาบาลศรนี ครนิ ทร์

การป้องกันการติดเชอ้ื ไวรัสเอชไอวี ไวรสั ตบั อักเสบบี ไวรสั ตบั อักเสบซี 151 ในบคุ ลากรทางการแพทย์ ภายหลงั สัมผสั เลอื ดหรือสารคดั หลงั่ จากการปฏิบัติงาน ข้ันตอนการดูแลบคุ ลากรที่ได้รบั บาดเจบ็ จากของมีคมท่ิมตำ� และสมั ผัสสารคดั หลง่ั ของผปู้ ว่ ย ขณะปฏิบัตงิ านในโรงพยาบาลศรนี ครนิ ทร์ ผ้รู ับผิดชอบ ข้ันตอนการปฏิบตั ิ ได้รับบาดเจ็บจากของมีคม ผูเ้ กยี่ วขอ้ ง บคุ ลากร สมั ผสั สารคดั หลงั่ ของผ้ปู ่วย ผูบ้ งั คับบัญชา/ บคุ ลากร ผรู้ ว่ มงาน บุคลากร ปฐมพยาบาล บคุ ลากร พบแพทย์ แพทย์ OPD AE/ พยาบาล/ Registration Visit 1 (OPD AE) OPD 8 ผ้ชู ว่ ยพยาบาล/ OPD AE/OPD 8 Registration Visit 2 (OPD8) แพทย์ OPD AE/ แพทยโ์ รคตดิ เชอื้ Record V/S และบนั ทึกในระบบ HO บคุ ลากร พยาบาล OPD AE/OPD 8 แพทย์ประเมินความเสยี่ ง /ส่ังยา/เจาะเลือด บุคลากร พยาบาล OPD AE/OPD 8 *Key consult. สปร.คา่ ใชจ้ ่าย ระบุ comment “เข็มทิ่มตำ� ” นกั สังคมสงเคราะห์ และนดั ตดิ ตามการรกั ษาในระบบ HO บุคลากร ** ประทบั ตรา Needle stick injury ในใบน�ำสง่ และใบนดั พยาบาล OPD AE HIV, HCV, HBV ฯลฯ เจาะ Lab งานห้องปฏิบัตกิ าร รับยา PEP เวชศาสตรช์ ันสตู ร เจ้าหน้าทหี่ ้อง Lab Visit 1 สตู รยาแนะน�ำ จ�ำนวน 5 วนั ***พบ ICN เภสัชกรห้องยา AE/ บคุ ลากร Visit 2 ตามการพิจารณาของแพทย์ สรปุ รายงานประจำ� เดือน ห้องยากลาง บุคลากร พยาบาลควบคมุ ให้ค�ำปรึกษา การติดเชอ้ื บนั ทกึ ประวตั กิ ารบาดเจ็บ ผู้บรหิ าร รพ. หน่วยควบคุม ตดิ ตามการรักษา การติดเชอ้ื * หมายถึง บคุ ลากรไม่ตอ้ งไปพบสังคมสงเคราะห์ ** หมายถงึ ประทับตรา Needle stick injury ใหเ้ หน็ ชัดเจน *** หมายถึง ส่งพบ ICN ในเวลาราชการ ปรับปรุง ณ วันที่ 19 กรกฎาคม 2562

152 คู่มอื การปอ้ งกนั และควบคมุ การติดเชื้อ โรงพยาบาลศรนี ครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยขอนแก่น ข้ันตอนการดแู ลบคุ ลากรทีไ่ ดร้ ับบาดเจ็บจากของมีคมทม่ิ ต�ำและสมั ผสั สารคดั หลง่ั ของผปู้ ว่ ย ขณะปฏบิ ตั ิงานในโรงพยาบาลศรีนครนิ ทร์ สำ� หรับบคุ ลากร OPD AE ผู้รบั ผดิ ชอบ ขนั้ ตอนการปฏบิ ัติ ผู้เกี่ยวขอ้ ง บคุ ลากร ผู้บงั คับบญั ชา/ บุคลากร ได้รับบาดเจ็บจากของมีคม ผ้รู ่วมงาน สมั ผัสสารคดั หล่ังของผู้ป่วย บคุ ลากร ปฐมพยาบาล พยาบาล OPD AE ชกั ประวตั กิ ารบาดเจบ็ ฯ บคุ ลากร พยาบาล OPD AE Registration Visit 1 พยาบาล OPD AE สง่ พบแพทย์ EM ส่ังยา/เจาะเลอื ด บคุ ลากร นังสังคมสงเคราะห์ พยาบาล OPD AE *Key consult สปร. ค่าใช้จา่ ย ระบุ Comment “เข็มทิ่มต�ำ” บุคลากร บุคลากร พยาบาล OPD AE Key นัดติดตามการรักษาที่ OPD 8 ใน Visit 2 พยาบาล OPD AE Key ใบน�ำทาง พยาบาล OPD AE **ประทบั ตรา Needle stick injury บคุ ลากร พยาบาล OPD AE ในใบนำ� ทางเพือ่ รบั ยา PEP บุคลากร พยาบาล OPD AE เจาะ Lab บุคลากร แนะน�ำบคุ ลากรพบแพทยต์ าม Visit 2 ที่ OPD 8 พยาบาล OPD AE ***แนะน�ำการรับยา PEP1 ท่ีหอ้ งยา AE บุคลากร พยาบาล OPD AE ****สง่ พบ ICN พยาบาล ICN * หมายถงึ บุคลากรไมต่ อ้ งไปพบสงั คมสงเคราะห์ ** หมายถึง ประทบั ตรา Needle stick injury ให้เหน็ ชดั เจน *** หมายถึง Ricovir EM (Truvada) 1x1 และ Endurant (Rilpivirine) 25 mg. 1x1 จ�ำนวน 5 วนั (PEP1) **** หมายถงึ ส่งพบ ICN ในเวลาราชการ ปรับปรงุ ณ วันท่ี 19 กรกฎาคม 2562

การปอ้ งกันการตดิ เชอื้ ไวรสั เอชไอวี ไวรัสตบั อักเสบบี ไวรัสตบั อกั เสบซี 153 ในบุคลากรทางการแพทย์ ภายหลงั สมั ผสั เลอื ดหรือสารคดั หล่งั จากการปฏบิ ตั งิ าน ขัน้ ตอนการดูแลบคุ ลากรท่ไี ด้รับบาดเจ็บจากของมคี มทิ่มต�ำและสัมผสั สารคดั หลง่ั ของผปู้ ่วย ขณะปฏบิ ตั ิงานในโรงพยาบาลศรนี ครินทร์ สำ� หรบั บคุ ลากร OPD 8 ผู้รับผดิ ชอบ ขัน้ ตอนการปฏบิ ตั ิ ผู้เกย่ี วขอ้ ง บคุ ลากร บุคลากร ได้รบั บาดเจ็บจากของมีคม ผูบ้ ังคับบัญชา/ สัมผัสสารคดั หลัง่ ของผู้ป่วย ผู้รว่ มงาน พยาบาล OPD 8 Registration Visit 2 ในโปรแกรม HO ผูช้ ่วยพยาบาล บคุ ลากร Record V/S พร้อมบันทกึ ข้อมูลในโปรแกรม HO พยาบาล OPD 8 สง่ พบแพทย์สาขาโรคตดิ เชือ้ ตรวจรักษา PEP 2**** บุคลากร พยาบาล OPD 8 Lab พยาบาล OPD 8 พยาบาล OPD 8 *Key consult สปร. คา่ ใชจ้ ่าย ระบุ Comment “เข็มทิม่ ต�ำ” นักสงั คมสงเคราะห์ พยาบาล OPD 8 และนัดติดตามการรักษาในระบบ HO Key ใบนำ� ทาง บคุ ลากร **ประทบั ตรา Needle stick injury บคุ ลากร ในใบนำ� ทางเพ่อื รบั ยา PEP/Lab บุคลากร Key นัดตดิ ตามการรักษา พยาบาล OPD 8 แนะน�ำบุคลากรเจาะเลอื ด / รับยาและรับใบนัดหมายการรักษาครง้ั ต่อไป บคุ ลากร พยาบาล OPD 8 ***ส่งพบ ICN พยาบาล ICN * หมายถงึ บคุ ลากรไมต่ อ้ งไปพบสงั คมสงเคราะห์ ** หมายถงึ ประทบั ตรา Needle stick injury ใหเ้ ห็นชดั เจน *** หมายถึง ส่งพบ ICN ในเวลาราชการ **** หมายถงึ Ricovir EM (Truvada) 1x1 และ Endurant (Rilpivirine) 25 mg. 1x1 จำ� นวน 23 วัน (PEP2) ปรับปรงุ ณ วันที่ 19 กรกฎาคม 2562

154 คมู่ ือการปอ้ งกนั และควบคุมการติดเชอื้ โรงพยาบาลศรีนครนิ ทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแกน่ ขน้ั ตอนการดแู ลบุคลากรท่ไี ด้รับบาดเจ็บจากของมคี มท่มิ ตำ� และสัมผัสสารคดั หล่งั ของผู้ป่วย ขณะปฏิบตั ิงานในโรงพยาบาลศรนี ครินทร์ สำ� หรับ แพทย์ OPD AE ผรู้ บั ผิดชอบ ขั้นตอนการปฏิบัติ ผเู้ กย่ี วข้อง บคุ ลากร ผบู้ ังคับบัญชา/ บุคลากร ได้รบั บาดเจบ็ จากของมคี ม ผ้รู ่วมงาน สมั ผัสสารคดั หล่ังของผู้ปว่ ย พยาบาล ซักประวตั ิการบาดเจ็บฯ บคุ ลากร แพทย์ ประเมินความเสี่ยงการตดิ เชอื้ บุคลากร HIV, HCV, HBV แพทย์ Key การรกั ษาในโปรแกรม HO หอ้ งยา AE แพทย์ *ส่งั เจาะ Lab ตาม Protocal พยาบาล แพทย์ **ส่งั ยา PEP 5 วนั /ตามสตู รแนะน�ำ บคุ ลากร แพทย์ แนะนำ� ผลข้างเคยี ง ของยา PEP และการรกั ษาตอ่ เนอ่ื ง ใน Visit 2 แพทย์ แจ้งพยาบาล พยาบาล OPD AE * หมายถงึ สั่งเจาะ Lab : Anti-HBs, Anti-HBc, HBs Ag., Anti-HCV และ Anti-HIV ** หมายถึง Ricovir EM (Truvada) 1x1 และ Endurant (Rilpivirine) 25 mg. 1x1 จำ� นวน 5 วัน (PEP1) ปรับปรงุ ณ วนั ที่ 19 กรกฎาคม 2562

การปอ้ งกนั การตดิ เชอื้ ไวรสั เอชไอวี ไวรัสตับอกั เสบบี ไวรัสตับอักเสบซี 155 ในบคุ ลากรทางการแพทย์ ภายหลงั สัมผสั เลอื ดหรือสารคัดหลง่ั จากการปฏบิ ตั งิ าน ข้นั ตอนการดูแลบคุ ลากรทไ่ี ดร้ บั บาดเจ็บจากของมีคมทิม่ ต�ำและสมั ผสั สารคดั หลัง่ ของผปู้ ว่ ย ขณะปฏบิ ัติงานในโรงพยาบาลศรนี ครินทร์ สำ� หรบั งานเภสชั กรรม ผูร้ บั ผิดชอบ ขน้ั ตอนการปฏบิ ตั ิ ผู้เก่ียวข้อง บุคลากร บคุ ลากร ได้รบั บาดเจบ็ จากของมีคม ผู้บังคบั บัญชา/ สัมผัสสารคดั หลง่ั ของผูป้ ว่ ย ผูร้ ่วมงาน เภสชั กร บุคลากร เภสัชกร ตรวจสอบใบนำ� ทาง Visit 1 * แพทย์ ผู้ช่วยเภสัชกร ประทบั ตรา Needle stick injury Visit 2 ** เภสชั กร ตรวจสอบรายการยา PEP จดั ยาตามใยสงั่ ยา เภสัชกร จา่ ยยา PEP บุคลากร บคุ ลากร รวมใบสั่งยาและเอกสารดา้ นการเงิน เภสชั กร งานเภสัชกรรม สง่ ให้หวั หน้างานเภสัชกรรม ธรุ การ หัวหน้างาน งานเภสัชกรรม รวบรวมเอกสารส่งใหห้ น่วยควบคุมการตดิ เชื้อ เภสัชกรรม ธุรการ หนว่ ยควบคุม งานเภสัชกรรม การตดิ เชอ้ื * หมายถงึ Ricovir EM (Truvada) 1x1 และ Endurant (Rilpivirine) 25 mg. 1x1 จำ� นวน 5 วัน (PEP1) ** หมายถึง Ricovir EM (Truvada) 1x1 และ Endurant (Rilpivirine) 25 mg. 1x1 จำ� นวน 23 วัน (PEP2) ปรบั ปรุง ณ วันท่ี 19 กรกฎาคม 2562

156 คมู่ ือการปอ้ งกนั และควบคมุ การตดิ เชอ้ื โรงพยาบาลศรนี ครนิ ทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ข้นั ตอนการดูแลบคุ ลากรทไ่ี ด้รับบาดเจ็บจากของมคี มท่มิ ต�ำและสมั ผสั สารคดั หลง่ั ของผูป้ ว่ ย ขณะปฏิบัติงานในโรงพยาบาลศรนี ครินทร์ สำ� หรบั หอ้ งปฏิบัติการเวชศาสตร์ชนั สตู ร ผู้รบั ผิดชอบ ขัน้ ตอนการปฏบิ ัติ ผูเ้ ก่ียวขอ้ ง บคุ ลากร บุคลากร ไดร้ ับบาดเจ็บจากของมคี ม ผบู้ ังคับบญั ชา/ นักเทคนคิ การแพทย์ สมั ผัสสารคัดหลัง่ ของผูป้ ว่ ย ผรู้ ่วมงาน ตรวจสอบใบนำ� ทาง บคุ ลากร ประทบั ตรา Needle stick injury นกั เทคนิคการแพทย์ ตรวจสอบรายการเจาะเลือด นกั เทคนคิ การแพทย์ เจาะเลือด บคุ ลากร นกั เทคนคิ การแพทย์ สง่ ตรวจตามสาขา หนว่ ยทะเบียนกลาง หอ้ งปฏิบตั ิการฯ งานห้องปฏิบัตกิ ารฯ รายงานผล Lab แพทย์/ICN หวั หน้างาน ธรุ การ รวบรวมเอกสารดา้ น Lab และใบนำ� ส่ง ใหห้ วั หนา้ งานฯ ห้องปฏิบตั กิ ารฯ งานห้องปฏบิ ตั กิ ารฯ หนว่ ยควบคุม การติดเช้ือ ธุรการ รวบรวมเอกสารทเี่ กีย่ วข้องส่งให้หนว่ ยควบคมุ การติดเช้ือ งานหอ้ งปฏิบตั กิ ารฯ ปรับปรงุ ณ วันที่ 19 กรกฎาคม 2562

การปอ้ งกันการตดิ เช้ือไวรัสเอชไอวี ไวรัสตับอักเสบบี ไวรัสตบั อกั เสบซี 157 ในบุคลากรทางการแพทย์ ภายหลังสมั ผัสเลือดหรอื สารคัดหล่งั จากการปฏบิ ัติงาน ข้ันตอนการดูแลบุคลากรทไ่ี ด้รับบาดเจ็บจากของมีคมทม่ิ ต�ำและสมั ผัสสารคัดหล่งั ของผปู้ ว่ ย ขณะปฏบิ ัตงิ านในโรงพยาบาลศรีนครนิ ทร์ ส�ำหรับงานสงั คมสงเคราะห์ ผูร้ ับผิดชอบ ขนั้ ตอนการปฏบิ ัติ ผเู้ กี่ยวข้อง บคุ ลากร *บคุ ลากร ไดร้ ับบาดเจบ็ จากของมคี ม ผบู้ ังคับบญั ชา/ สมั ผัสสารคดั หลั่งของผปู้ ว่ ย ผู้รว่ มงาน นักสังคมสงเคราะห์ ตรวจสอบการ Consult สปร. ค่าใชจ้ ่ายท่ีมี Comment “เข็มท่ิมตำ� ” หน่วยควบคมุ จาก OPD AE, OPD 8 ในโปรแกรม HO การตดิ เช้อื นักสังคมสงเคราะห์ รวบรวมรายการค่าใชจ้ ่าย คา่ ยา/ค่า lab ของบุคลากร หัวหนา้ งาน สงั คมสงเคราะห์ นักสงั คมสงเคราะห์ Agreement สวัสดิการตรวจความเสี่ยงจากการท�ำงาน หวั หนา้ งาน นักสงั คมสงเคราะห์ Settle Bill สังคมสงเคราะห์ หน่วยเงนิ ธรุ การ สำ� เนาคา่ ใช้จ่ายท่ีเกยี่ วข้องใหห้ นว่ ยควบคุมการติดเช้อื และรายได้ สรุปรายงานการขอสังคมสงเคราะหป์ ระจ�ำเดอื น หน่วยควบคมุ นกั สงั คมสงเคราะห์ การติดเชอ้ื งานสงั คมสงเคราะห์ ผู้บรหิ าร โรงพยาบาล * หมายถึง บุคลากรไม่ต้องไปพบสงั คมสงเคราะห์ ปรบั ปรงุ ณ วนั ท่ี 19 กรกฎาคม 2562

158 ค่มู อื การป้องกนั และควบคุมการติดเชอ้ื โรงพยาบาลศรนี ครนิ ทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแกน่ แบบรายงาน No…………/เดือน………………./พ.ศ.……………..….. คู่มือการกรอกขอ้ มลู แบบรายงาน การบาดเจ็บจากของมีคมและสารคัดหล่งั ของผูป้ ่วยกระเดน็ ถูกอวยั วะหรอื เย่ือบุ ขณะปฏิบัติงานในโรงพยาบาลศรีนครินทร์ แบบรายงานหน้าที่ 2 1. เมื่อบคุ ลากรได้รบั บาดเจบ็ จากของมีคมหรือเข็มต�ำ ขอให้ปฏบิ ตั ิตามค�ำแนะน�ำเบ้อื งต้นและรีบรายงาน ใหผ้ บู้ งั คบั บญั ชาทราบเรว็ ทสี่ ดุ เทา่ ทจ่ี ะทำ� ได้ (ผลเสยี ของการรายงานลา่ ชา้ คอื ผบู้ งั คบั บญั ชาอาจไมส่ ามารถยนื ยนั ไดว้ า่ เหตกุ ารณน์ นั้ เกดิ ขนึ้ หรอื เกย่ี วขอ้ งกบั การปฏบิ ตั งิ านหรอื ไม่ หรอื หากมมี าตรการรกั ษาหรอื ปอ้ งกนั ซงึ่ อาจตอ้ ง กระท�ำทนั ทกี ม็ อิ าจปฏบิ ัตไิ ด)้ 2. หัวหนา้ ภาควชิ า หรือหวั หน้าหน่วยงานหรือผู้ได้รบั มอบหมายอย่างถาวรจาก หวั หนา้ ภาควชิ า/หวั หน้า หน่วยงาน หวั หนา้ เวร ท�ำหนา้ ท่ีเป็นผ้สู มั ภาษณ ์ ลงลายมือชื่อรบั รองใหก้ ับบคุ ลากรทไ่ี ด้รับบาดเจ็บจากของมีคม หรอื เขม็ ต�ำตามแบบรายงานในหน้า 2 3. หวั หนา้ หนว่ ยงานแจง้ ใหพ้ ยาบาลควบคมุ การตดิ เชอื้ หรอื แพทยโ์ รคตดิ เชอ้ื ทราบทนั ทหี ลงั จากลงลายมอื ช่อื รบั รองแล้ว แบบรายงานหน้าที่ 3 1. พยาบาลควบคมุ การตดิ เชอื้ ทำ� หนา้ ทใ่ี หค้ ำ� แนะนำ� ตามแบบรายงานหนา้ ที่ 2, 3 และลงลายมอื ชอ่ื รบั รอง ตามแบบรายงานหนา้ ที่ 3 2. พยาบาลควบคมุ การตดิ เช้ือด�ำเนนิ การเพ่ือให้มกี ารตรวจสอบทางห้องปฏิบัตกิ ารอันเหมาะสม ภายใต้ การควบคมุ ของแพทย์โรคติดเชื้อ 3. ผลการตดิ ตามทงั้ หมดจะไดน้ ำ� เสนอขอความคิดเห็นจากแพทย์โรคติดเช้อื 4. พยาบาลควบคมุ การตดิ เชอื้ ตดิ ตามและเฝา้ ระวงั การตดิ เชอื้ ของบคุ ลากรและการดแู ลรกั ษา พรอ้ มสรปุ ผลการบาดเจบ็ และคา่ ใช้จ่ายในการดแู ล เสนอตอ่ ผูอ้ �ำนวยการโรงพยาบาลตอ่ ไป ขัน้ ตอนการดำ� เนินการ visit 2 1. เปดิ visit 2. พบ ICN เตรียมเอกสารใบนัด ใบสง่ ต่อห้องตรวจเบอร์ 8 3. พบแพทย์ทคี่ ลินิกโรคติดเชอ้ื ห้องตรวจเบอร์ 8 4. รับยาทหี่ อ้ งจ่ายยา 5. ถา้ มยี าฉีด ใหฉ้ ดี ยาท่ีห้องตรวจเบอร์ 8 6. กรุณาสง่ เอกสารกลับหน่วยควบคุมการตดิ เชื้อหลงั จากตรวจเสร็จ

การปอ้ งกนั การตดิ เชอื้ ไวรัสเอชไอวี ไวรสั ตบั อกั เสบบี ไวรัสตับอักเสบซี 159 ในบคุ ลากรทางการแพทย์ ภายหลังสมั ผัสเลอื ดหรือสารคดั หลงั่ จากการปฏบิ ัติงาน แบบรายงาน No…………/เดอื น………………./พ.ศ.……………..….. แบบรายงานการบาดเจบ็ จากของมคี มและสารคัดหลง่ั ของผ้ปู ่วยกระเดน็ ถูกอวยั วะหรือเยอ่ื บุ ขณะปฏิบัตงิ านในโรงพยาบาลศรีนครินทร์ ชอื่ บคุ ลากร.........................................................,.......HN……………............…อายุ..............ปี เบอร์โทรศัพท.์ ................................. ประวัติการเข้ารบั การอบรมการป้องกนั การบาดเจบ็ จากของมีคมทิม่ ตำ�  เคย  ไมเ่ คย ระบุปที อ่ี บรม................................ ตำ� แหนง่  แพทย ์  วสิ ญั ญีแพทย ์  พยาบาล  ผู้ช่วยพยาบาล  พนักงานการแพทย ์  คนงาน  นักเทคนคิ การแพทย  นกั ศกึ ษา(ระบุ)................................  อื่นๆ (ระบุ)............................................... สถานท่ีเกดิ อุบัติการณ์.................................................................…………วันทเี่ กดิ การบาดเจ็บ......…….…….เวลา……...................น. ชื่อผปู้ ่วยท่เี ก่ยี วขอ้ ง.........……….............................................................................HN........................................................………… ผลเลอื ดของผู้ป่วย  1. ผ้ปู ่วยมผี ลการตรวจเลือด HIV / HBV/ HCV เป็นบวก HIV  2. ผปู้ ว่ ยมผี ลการตรวจเลอื ด HIV / HBV/ HCV เปน็ ลบ HBV  3. ผูป้ ่วยไมเ่ คยตรวจเลือดมาก่อน/ไม่ทราบผลการตรวจเลือด HCV  3.1 ผูป้ ่วยไมอ่ นุญาตให้ตรวจเลือด/ไม่สามารถตรวจเลือดได้  3.2 ผปู้ ว่ ยอนุญาตใหต้ รวจเลอื ด ผลเลือด (ระบุ)  HIV Positive  HBsAg Positive  HCV Positive  Negative ทกุ ตวั 1. ชนดิ ของการเกิดอุบตั กิ ารณ์  1.1 บาดเจ็บจากของมคี ม บริเวณทไ่ี ด้รบั บาดเจบ็ (ระบุ)………………….....………....................................……………  1.2 สารคดั หลงั่ ของผ้ปู ่วยกระเดน็ เขา้ อวัยวะหรอื เย่ือบุ (ระบ)ุ ……….......…………..........................……...........……… 1.3 ชนิดของสารคดั หลงั่  เลือด  น�้ำเชื้ออสุจิ  น้�ำจากชอ่ งคลอด  น้ำ� ลาย/เสมหะ  น้�ำแช่เครือ่ งมือ  อื่นๆ ระบุ.......................... 1.4 อวัยวะทส่ี ัมผสั สารคดั หล่ัง  ตา  จมกู  ปาก  บาดแผลสด  อืน่ ๆ ระบุ.........................................………… 2. กิจกรรมท่ที �ำใหเ้ กดิ อุบัตกิ ารณ์  สวมปลอกเขม็ กลับคืน  ทำ� ผ่าตัด/ชว่ ยผ่าตัด  ล้างท�ำความสะอาดอุปกรณ ์  ท�ำหัตถการ (ระบุ)…………….............…….………….........  เจาะเลอื ด/ฉีดยา/ให้น้�ำเกลือ (ขณะแทงเสน้ )  ถูกเขม็ ที่ทง้ิ ไวต้ ามท่ตี า่ งๆ ต�ำ  การเกบ็ ขยะ  อื่นๆ (ระบุ)............................................................................... 3. การปฏบิ ตั ติ นหลงั เกดิ อบุ ตั ิการณ์  ลา้ งท�ำความสะอาดด้วยนำ้� ยาฆา่ เชือ้ /สบ ู่  เช็ดดว้ ย 70% Alcohol  ลา้ งดว้ ยนำ้� สะอาด  ไม่ไดท้ �ำอะไรเลย 4. การใสเ่ ครอื่ งป้องกนั ร่างกาย (PPE)..................................................................................................................................... ขอรบั รองวา่ ขอ้ ความข้างตน้ เปน็ ความจริงทุกประการ ลายมือช่ือบุคลากร ........................................…….………………………. ลายมือชือ่ ผรู้ บั รอง ...............................…………….……………………….

160 คู่มือการปอ้ งกนั และควบคมุ การติดเชอื้ โรงพยาบาลศรนี ครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ขอนแกน่ ค�ำแนะน�ำทใ่ี หแ้ กบ่ คุ ลากรที่ได้รับบาดเจ็บจากของมคี ม และสารคัดหล่งั ของผูป้ ว่ ยกระเด็นเข้าอวัยวะหรอื เย่ือบุ ขณะปฏบิ ัตงิ าน (ผ้ใู ห้ค�ำปรึกษา/พยาบาลควบคุมการติดเช้ือกรอกรายละเอยี ดข้อมูล) 1. ระดับความเสี่ยงของอุบตั ิการณ์  1.1 ไมม่ คี วามเสย่ี ง เหตผุ ล......................................................................................................................................  1.2 ความเส่ียงตำ�่ เหตผุ ล.....................................................................................................................................  1.3 ความเส่ยี งสูง เหตผุ ล...................................................................................................................................... 1.3.1 การตรวจเลอื ด  ใหบ้ คุ ลากรสง่ เลือดตรวจ  บุคลากรเลือกที่จะไมต่ รวจเลอื ด เหตผุ ล................................... 1.3.2 การรกั ษาด้วยยา Prophylaxis  ให้รบั ประทานยา oPEP ระบ.ุ .......................................................................................................  ให้การรักษาด้วยยาอืน่ ๆ (ระบ)ุ ………………………….………………………………………………….....………. 2. ผลการตรวจเลือดบุคลากร 2.1 HBV ในวันแรก ......./........./....... ผลตรวจ Hbs Ag............. Anti-Hbs........... Anti-Hbc ………… 3 เดอื น ......../......../....... ผลตรวจ Hbs Ag...................... 2.2 HCV ในวนั แรก ......./......./......... ผลตรวจ .....................………….. 3 เดอื น ......../......./........ ผลตรวจ .....................………….. 6 เดือน ......../....../........ ผลตรวจ .....................………….. (กรณผี ู้ปว่ ยเปน็ HIV รว่ มกับ HCV) 2.3 HIV ในวนั แรก ........./......./....... ผลตรวจ .....................………….. 1 เดอื น ......../......./........ ผลตรวจ .......................………… 3 เดอื น ......../......./....... ผลตรวจ .......................………… 6 เดือน ......../....../........ ผลตรวจ .......................………… (กรณผี ูป้ ่วยเปน็ HIV ร่วมกบั HCV) 2.4 CBC /Cr/ ALT (SGPT) ในวนั แรก............./............./................ 3. การดูแลต่อเน่ือง/การส่งต่อ ………………………………………………………………………………………………………………. 4. สรปุ ความเห็นของ ICP…..........................…………………………………….…………………..........…….............…............................. .......................................................................................................................................................................................................... ลายมือช่ือบคุ ลากร…................................…………………......……………....…. ลายมอื ชือ่ ICP/ ICN.................................................................................... 5. การตดิ ตามการรักษา การรับประทานยา HIV oPEP  ครบ  ไม่ครบ กนิ ยา………….วนั ผลการสมั ผสั เลือดละสารคัดหล่ังในครงั้ นี้  ปกต ิ  ผิดปกติ ระบ.ุ ................................................. 6. สรุปคา่ รกั ษา รวม ........................................................................................บาท ความเหน็ ของผ้อู ำ� นวยการโรงพยาบาล ..........................................………..........…………………...........……….………….......................... .......................................................................................................................................................................................................... ลายมือชอ่ื ผอู้ �ำนวยการโรงพยาบาล ..............................................................

การปอ้ งกนั การตดิ เชื้อไวรัสเอชไอวี ไวรัสตับอกั เสบบี ไวรัสตับอกั เสบซี 161 ในบคุ ลากรทางการแพทย์ ภายหลังสัมผสั เลอื ดหรอื สารคัดหลั่งจากการปฏบิ ตั ิงาน บรรณานุกรม คณะกรรมการป้องกันและควบคมุ การติดเช้ือโรงพยาบาลศรนี ครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแกน่ . (2557). คมู่ อื การป้องกนั และควบคมุ การตดิ เชือ้ ในโรงพยาบาลศรีนครินทร์ ปี 2557– 2560. ขอนแกน่ : โรงพมิ พ์คลังนานาวิทยา. งานป้องกันและควบคุมโรคติดเช้ือ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล. (2558). คู่มือ ปฏิบัติงานการควบคุมโรคติดเช้ือในโรงพยาบาล 2558. กรุงเทพฯ : คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาล รามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหดิ ล. สถาบนั บำ� ราศนราดรู กรมควบคมุ โรค กระทรวงสาธารณสขุ . (2556). คมู่ อื ปฏบิ ตั กิ ารปอ้ งกนั และควบคมุ การตดิ เชื้อในโรงพยาบาล. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ชมุ นมุ สหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย. อะเคอ้ื อณุ หเลขกะ. (2556). ระบาดวิทยาและแนวปฏบิ ัตใิ นการป้องกันการตดิ เช้ือในโรงพยาบาล. เชียงใหม่ : มิ่งเมือง. APIC. Guide to Preventing Catheter - Associated Urinary Tract Infections. (2014). Retrive june 10, 2018. from: http://apic.org/Resource_/EliminationGuideForm American Journal of Infection Control. (2014). APIC releases updated Guide to Preventing Catheter-Associated Urinary Tract Infections. 42(8), 819. Carolyn VG, Craig AU, Rajender KA, Gretchen K, David AP, HICPAC. (2009). Guideline for prevention of catheter-associated urinary tract infections 2009. Retrive june 10, 2018. from: http://www. cdc.gov/hicpac/pdf/CAUTI/CAUTI guideline2009final.pdf. Evelyn Lo, Lindsay E. Nicolle, Susan E. Coffin, Carolyn Gould, Lisa L. Maragakis, Jennifer Meddings, David A. Pegues, Ann Marie Pettis, Sanjay Saint, Deborah S. Yokoe. (2014). Strategies to Prevent Catheter-Associated Urinary Tract Infections in Acute Care Hospitals: 2014 Update. shea/idsa practice recommendation : infection control and hospital epidemiology. 35(5), 463-479. Lo, E., Nicolle, L. E., Coffin, S. E., Gould, C., Maragakis, L. L., Meddings, J., … Yokoe, D. S. (2014). Strategies to Prevent Catheter-Associated Urinary Tract Infections in Acute Care Hospitals: 2014 Update. Infection Control and Hospital Epidemiology, 35(5), 464–479.

162 คูม่ อื การป้องกนั และควบคุมการติดเชื้อ โรงพยาบาลศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแกน่ การใช้น้ำ� ยาท�ำลายเชอื้ และการท�ำความสะอาดในโรงพยาบาล จรัสพร สอนส*ี ภญ.รชั ฎาพร สุนทรภาส** ศศธิ ร เรอื งประเสริฐกุล*** สมสมยั ศรปี ระไหม**** ความสำ� คญั การท�ำลายเช้ือและการท�ำให้ปราศจากเช้ือเป็นองค์ประกอบที่ส�ำคัญย่ิงในการป้องกันการติดเชื้อ ในโรงพยาบาล เครื่องมือแพทย์ท่ีใช้ในการตรวจรักษาที่สามารถน�ำกลับมาใช้ซ้�ำได้ ต้องได้รับการท�ำลายเชื้อ ให้ได้ตามมาตรฐาน เพ่ือความปลอดภัยของผู้ป่วยและบุคลากรผู้ปฏิบัติงาน จากข้อมูลของ Dancer และคณะ ไดส้ อบสวนการระบาดของการตดิ เชอื้ ทต่ี ำ� แหนง่ แผลผา่ ตดั ชนดิ แผลสะอาดของสถานพยาบาลแหง่ หนง่ึ ในประเทศ องั กฤษ ในผปู้ ว่ ยทไ่ี ดร้ บั การผา่ ตดั กระดกู และใสเ่ ครอ่ื งมอื เขา้ ในรา่ งกายและผปู้ ว่ ยผา่ ตดั ตา ชว่ งระยะเวลา 10 เดอื น ในปี ค.ศ. 2011 พบว่ามีผู้ป่วยติดเชื้อบริเวณแผลผ่าตัดกระดูก 15 ราย และติดเชื้อจากการผ่าตัดตา 5 ราย สว่ นใหญเ่ ป็นเช้อื Coagulase negative staphylococci และ Bacillus spp. ซึง่ พบทั้งในผู้ป่วยและห่อเครอื่ งมือ ผ่าตัดเน่ืองจากการจัดการเครื่องมือแพทย์ปราศจากเช้ือท่ีไม่ดี เช่น โครงสร้างไม่เหมาะสม มีฝุ่นละออง และการ ไม่ลา้ งมอื กอ่ นหยิบหอ่ เครอื่ งมือทผ่ี ่านการทำ� ปราศจากเชอ้ื แลว้ จากการเฝ้าระวังการติดเช้ือต�ำแหน่งแผลผ่าตัดสะอาดของคณะกรรมการป้องกันและควบคุมการติดเชื้อ ในโรงพยาบาลศรีนครนิ ทร์ ปี 2559 และ 2560 พบวา่ อัตราการตดิ เชอื้ แผลผ่าตดั สะอาดเท่ากบั 0.17 และ 0.33 ซ่ึงมีอัตราการติดเชื้อเพ่ิมข้ึน และผลประเมินการปฏิบัติตามมาตรฐานด้านการท�ำความสะอาดและท�ำลายเช้ือใน อุปกรณเ์ ครอ่ื งมือ เคร่ืองใช้ทางการแพทยแ์ ละสง่ิ แวดล้อมรอบตัวผปู้ ว่ ย ปฏิบัตไิ ดร้ อ้ ยละ 97.73 แต่ผลการตรวจ เยี่ยมภายในหน่วยงานยังพบว่า การจัดการเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์ก่อนน�ำส่งหน่วยงานจ่ายกลาง ยังไม่ปฏิบัติตามแนวทาง การจัดเก็บอุปกรณ์ปราศจากเช้ือยังไม่ถูกต้อง และการท�ำความสะอาดส่ิงแวดล้อม ของผู้ป่วยไม่ถูกต้องครบถ้วนตามมาตรฐาน จึงจ�ำเป็นต้องทบทวนและปรับปรุงแนวทางในการปฏิบัติการท�ำลาย เชือ้ และทำ� ให้ปราศจากเช้ือเครอื่ งมืออุปกรณก์ ารแพทย์ใหไ้ ดม้ าตรฐานและบคุ ลากรสามารถปฏิบัติได้ถกู ต้อง * พยาบาลปฏบิ ตั กิ าร หนว่ ยควบคุมการติดเชอ้ื โรงพยาบาลศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ขอนแกน่ ** เภสชั กร ช�ำนาญการพเิ ศษ งานเภสชั กรรม โรงพยาบาลศรนี ครนิ ทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลยั ขอนแก่น *** พยาบาลชำ� นาญการพิเศษ งานจา่ ยกลาง โรงพยาบาลศรีนครนิ ทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ขอนแก่น **** พยาบาลชำ� นาญการพิเศษ แผนกการพยาบาลหอ้ งผ่าตดั โรงพยาบาลศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยขอนแกน่

การใช้นำ้� ยาท�ำลายเชอื้ และการท�ำความสะอาดในโรงพยาบาล 163 การทำ� ลายเช้ือในโรงพยาบาล การทำ� ลายเชอ้ื (Disinfection) หมายถงึ การกำ� จดั เชอื้ จลุ ชพี ทปี่ นเปอ้ื นบนอปุ กรณเ์ ครอ่ื งมอื ทางการแพทย์ หรอื บนพนื้ ผวิ ตา่ งๆ ทำ� ไดโ้ ดยการใชส้ ารเคมหี รอื ใชว้ ธิ กี ารทางกายภาพ การทำ� ลายเชอื้ ในโรงพยาบาลอาจแบง่ ตาม วัตถปุ ระสงค์ได้เปน็ 3 ขอ้ คอื ทำ� ลายเชอ้ื ท่ีผวิ หนงั และเยอื่ บุของรา่ งกาย (Disinfection of Skin and Mucous Membrane) การทำ� ลายเชอื้ ในอปุ กรณท์ างการแพทย์ (Disinfection of Hospital Equipment) และการทำ� ลาย เชอื้ ในส่ิงแวดลอ้ มของโรงพยาบาล (Disinfection of Hospital Environment) 1. การทำ� ลายเชอื้ ทผ่ี วิ หนงั และเยอ่ื บขุ องรา่ งกาย (Disinfection of Skin and Mucous Membrane) สารเคมที ใ่ี ชท้ ำ� ลายเชอื้ ทผ่ี วิ หนงั และสว่ นตา่ งๆ ของรา่ งกาย เรยี กวา่ นำ�้ ยาระงบั เชอ้ื (Antiseptics) โดย การท�ำลายเชือ้ ทีผ่ วิ หนังและเยอ่ื บุของรา่ งกาย ประกอบดว้ ย 1.1 การเตรยี มผวิ หนงั กอ่ นฉดี ยาหรอื ผา่ ตดั การเตรยี มผวิ หนงั บรเิ วณทจ่ี ะฉดี ยาควรลา้ งดว้ ยสบแู่ ละ น้�ำก่อน (ถ้าสกปรก) ควรหลีกเลี่ยงการฉีดยาหรือผ่าตัดผ่านผิวหนังบริเวณที่มีบาดแผลหรือที่มีการอักเสบ ส่วนการเตรียมผิวหนังก่อนผ่าตัดแนะน�ำให้อาบน้�ำท�ำความสะอาดท่ัวร่างกาย (full body) ด้วยสบู่และ น�้ำ (antimicrobial or nonantimicromicrobial) หรือน�้ำยาฆ่าเช้ือ (antiseptic agents) คืนก่อนวันผ่าตัด ซง่ึ การเตรียมผวิ หนังเพ่ือลดจ�ำนวนแบคทีเรยี กอ่ นการทำ� หัตถการ มีรายละเอยี ดดงั นี้ หัตถการ Antiseptics การปฏิบัติ 1. การทำ� ความสะอาดผวิ หนงั กอ่ นฉดี ยา - 2% chlorhexidine in 70% Alcohol - เช็ดผิวหนัง รอจนผิวหนังแห้งแล้วจึง เจาะเลือด หรือให้สารน้�ำทางหลอด - 70% Alcohol หรอื ฉดี ยา (ใชเ้ วลาประมาณ 10 วินาท)ี เลือดดำ� - 10% Providone-iodine - เช็ดผิวหนัง รอจนผิวหนังแห้งแล้วจึง - ผู้ปว่ ยท่วั ไปแนะนำ� ใหใ้ ช้ ฉีดยา (ใช้เวลาประมาณ 30 วินาที - - ผู้ป่วยที่มีข้อห้าม ภูมิต้านทานต�่ำเสี่ยง 2 นาที) ต่อการเกิดอาการแพ้ และผู้ป่วยที่ มอี ายุนอ้ ยกว่า 2 เดอื น 2. การทำ� หัตถการเล็กในหอผู้ป่วย - 10% Providone - iodine - เชด็ ผวิ หนงั บรเิ วณทจ่ี ะทำ� หตั ถการดว้ ย 10% Providine iodine รอจนผวิ หนงั แห้ง (ใช้เวลาประมาณ 30 วินาที – 2 นาที) แล้วจึงท�ำหตั ถการ 3. การทำ� ความสะอาดผวิ หนงั กอ่ นผา่ ตดั - สบูแ่ ละน้ำ� หรอื 4% Chlorhexidine - อาบหรอื เชด็ ทำ� ความสะอาดทวั่ รา่ งกาย - กอ่ นสง่ ผ่าตัด Scrub และสระผม (full body) คืนก่อน ผา่ ตดั ไมจ่ ำ� เปน็ ต้องโกนขน ยกเวน้ ใน กรณมี ขี นจะทำ� ใหก้ ารผา่ ตดั ไมส่ ะดวก โดยใช้ Electronic clipper โกนขนท่ี หน้าหอ้ งหรอื ในหอ้ งผ่าตดั - กอ่ นท�ำผ่าตดั - 4% Chlorhexidine - ฟอกผิวหนังก่อนท�ำการผ่าตัดด้วย4% - 10% Providone-iodine Chlorhexidine จนสะอาดแลว้ ซบั ออก ดว้ ยผา้ ปลอดเชอื้ เชด็ ผวิ หนงั บรเิ วณนน้ั อกี คร้งั ด้วย 10% Providone-iodine

164 คูม่ อื การป้องกันและควบคุมการติดเช้อื โรงพยาบาลศรนี ครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลยั ขอนแกน่ 1.2 การท�ำความสะอาดอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอก การท�ำความสะอาดอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอก ควร ทำ� ประจำ� กอ่ นการตรวจภายใน (การตรวจทางชอ่ งคลอด เตรยี มคลอดและเวลามบี าดแผลและกอ่ นการผา่ ตดั ) และ การสวนปัสสาวะท้ังชายและหญิงควรจะท�ำความสะอาดและท�ำลายเชื้อให้ถูกต้อง เพ่ือลดการติดเช้ือที่อาจเกิด แทรกซอ้ นจากการทำ� หัตถการ มรี ายละเอยี ดดงั น้ี หัตถการ Antiseptics การปฏบิ ตั ิ 1. การทำ� ความสะอาดกอ่ นการ - Savlon 1:100 - ใช้ส�ำลีปราศจากเช้ือชุบ Savlon ตรวจทางช่องคลอด (Chlorhexidine + Cetrimide) 1:100 ทำ� ความสะอาดอวยั วะสบื พนั ธ์ุ ภายนอก หรือช่องคลอดก่อนตรวจ ภายใน 2. การสวนลา้ ง - Savlon 1:1000 - ท�ำความสะอาดในช่องคลอดโดยใช้หวั ช่องคลอด (Vaginal douche) (Chlorhexidine + Cetrimide) สวนล้าง (Douche) ด้วย Savlon /0.9%normal 1:1000 หรอื 0.9%normal saline หรือ Providone-iodine saline / Providone-iodine 3. Vaginal paint - Sterile water หรอื 0.9% normal saline - ใช้ Speculum ถ่างช่องคลอดและใช้ ส�ำลีปราศจากเช้ือชุบ Sterile water หรือ 0.9% normal saline ป้าย บริเวณ ภายในช่องคลอดให้ทัว่ 4. การสวนปัสสาวะ - นำ�้ และสบู่ - ทำ� ความสะอาดอวยั วะสบื พนั ธโ์ุ ดยใชน้ ำ�้ - Savlon 1:100 หรอื 0.5% Hibitane in water และสบู่ฟอกจนสะอาด หรือเช็ดด้วย - Sterile water หรอื 0.9% normal saline Savlon 1:100 หรอื 0.5% Hibitane in water (กรณีท�ำหัตถการห้องส่อง กลอ้ งผา่ ตดั ) หลงั จากนั้นใชส้ �ำลีชบุ Sterile water หรือ 0.9% normal saline เช็ด ท�ำความสะอาดรูเปิดท่อปัสสาวะอีก ครง้ั กอ่ นการสอดใสส่ ายสวนปสั สาวะ 5. การท�ำความสะอาดอวัยวะ - น�้ำและสบู่ - การใช้น�้ำยาท�ำความสะอาดอวัยวะ สบื พันธ์ุภายนอก - Chlorhexidine + Cetrimide (Savlon) 1:100 สืบพันธุ์ให้เลือกปฏิบัติแล้วแต่กรณี ตามข้อบ่งชี้ กรณีท่ัวไปใช้น้�ำ และสบู่ ฟอกจนสะอาด หากมีคราบเลอื ดหรอื กลน่ิ เหมน็ คาว โดยไมส่ ามารถทำ� ความ สะอาดด้วยน�้ำสบู่ ได้ให้ใช้ Savlon 1:100 ทำ� ความสะอาด

การใช้น�ำ้ ยาทำ� ลายเชื้อและการท�ำความสะอาดในโรงพยาบาล 165 1.3 การทำ� แผล ชนดิ ของบาดแผล Antiseptics วธิ กี าร 1. แผลสะอาด - 0.9% NaCl (NSS) กรณีแผลแห้ง - 70% Alcohol - ท�ำความสะอาดแผลโดยใช้ส�ำลีปราศจากเช้ือชุบ NSS (Clean wound) และปิดแผลด้วยก๊อซปราศจากเชื้อกรณีแผลมีส่ิงระบาย 2. แผลสะอาดปนเปื้อน ต่างๆ ตดิ ทแ่ี ผล (Clean contaminated - ทำ� ความสะอาดแผลโดยใชส้ ำ� ลปี ราศจากเชอื้ ชบุ NSS หรอื wound) 70% Alcohol เช็ดผิวหนังรอบๆ แผลเป็นวงกว้างหลัง จากนน้ั ใชส้ ำ� ลปี ราศจากเชอื้ ชบุ NSS เชด็ แผลใหส้ ะอาด 3. แผลปนเปือ้ น และปดิ แผลดว้ ยกอ๊ ซปราศจากเช้อื (Contaminated wound) - 0.9% NaCl (NSS) - วิธกี ารเช่นเดยี วกบั การทำ� แผลสะอาด - 70% Alcohol - 0.9% NaCl (NSS) - 70% Alcohol - ท�ำความสะอาดแผลโดยใช้ส�ำลีปราศจากเช้ือชุบ NSS - 10% Providone-iodine และ หรอื 70% Alcohol เช็ดผวิ หนงั รอบๆ แผลเปน็ วงกว้าง Antiseptic solution อื่นๆ หลงั จากน้ัน ใชส้ ำ� ลีปราศจากเชอื้ ให้เลือกใช้แล้วแต่กรณีตามข้อบ่งชี้ ชุบ NSS เช็ดแผลให้สะอาด และปิดแผลด้วยก๊อซ หรอื ดลุ ยพินิจของแพทย์ ปราศจากเช้ือ หมายเหตุ : การใช้ Antiseptic solution ทำ� แผลใหเ้ ลอื ก ปฏิบัติแล้วแตก่ รณตี าม ขอ้ บง่ ชห้ี รือดุลยพนิ จิ ของแพทย์ 4. แผลสกปรก - 0.9% NSS กรณแี ผลมหี นองแตไ่ มม่ เี น้อื ตาย (Dirty wound) - 70% Alcohol วธิ กี ารเช่นเดยี วกบั การท�ำแผลปนเปอ้ื น และเช็ดผวิ หนงั - 10% Providone-iodine บรเิ วณนน้ั อกี ครงั้ ดว้ ย 10% Providone-iodine และ Antiseptic solution อน่ื ๆ กรณีแผลมหี นองและมเี นอ้ื ตาย ให้เลือกใช้แล้วแต่กรณีตามข้อบ่งชี้ วิธีการเช่นเดียวกับการท�ำแผลปนเปื้อนและเช็ดผิวหนัง หรอื ดลุ ยพินิจของแพทย์ บริเวณนัน้ อกี คร้ังด้วย 10% Providone-iodine หมายเหตุ : การใช้ผ้าก๊อซปราศจากเช้ือชุบ NSS หรือ Antiseptic solution บดิ พอหมาดปดิ แผลโดยเว้นขอบ แผลไวแ้ ลว้ ปดิ แผลดว้ ยกอ๊ ซปราศจากเชอ้ื ใหเ้ ลอื กปฏบิ ตั ิ แล้วแต่กรณตี ามข้อบง่ ชหี้ รอื ดุลย-พินิจของแพทย์

166 คู่มอื การป้องกันและควบคมุ การตดิ เชอ้ื โรงพยาบาลศรนี ครนิ ทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ขอนแกน่ 2. การทำ� ลายเชอ้ื ในอุปกรณก์ ารแพทย์ (Disinfection of Hospital Equipment) 2.1 หลักการท่ัวไปของการท�ำลายเชื้อและการท�ำให้ปราศจากเช้ือ เป็นองค์ประกอบที่ส�ำคัญยิ่ง ในการป้องกันการติดเช้ือในโรงพยาบาล ต้องปฏิบัติตามมาตรฐานเพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วยและบุคลากร ผู้ปฏิบัติงาน โดยมีหลักการท่ัวไป ดังนี้ 2.1.1 การทำ� ความสะอาด (Cleaning) หมายถงึ การขจดั อนิ ทรยี ส์ าร สงิ่ สกปรก ฝนุ่ ละอองและ สง่ิ ปนเปอ้ื นตา่ งๆ ออกจากอปุ กรณก์ ารแพทย์ ทำ� ไดโ้ ดยการใชน้ ำ�้ และสารขดั ลา้ ง (detergent) เนอื่ งจากเชอื้ จลุ ชพี จะฝงั ตัวอยู่ในอินทรยี ์สารได้แกเ่ ลอื ด หนอง เยอ่ื เมอื กหรืออจุ จาระ การล้างจะชว่ ยขจดั เชอื้ จลุ ชีพออกจากอุปกรณ์ ชว่ ยใหก้ ารทำ� ลายเชอื้ และการทำ� ใหป้ ราศจากเชอื้ กระทำ� ไดง้ า่ ยขน้ึ ซงึ่ จะตอ้ งทำ� กอ่ นการทำ� ลายเชอื้ และการทำ� ให้ ปราศจากเช้ือ จึงถอื เปน็ กระบวนการข้ันแรกของการท�ำลายเชือ้ และการทำ� ใหป้ ราศจากเชือ้ ท่ีมปี ระสทิ ธภิ าพ 2.1.2 การท�ำลายเช้ือ (Disinfection) หมายถึง การก�ำจัดเช้ือจุลชีพที่แปดเปื้อนบนอุปกรณ์ เครื่องมือทางการแพทย์ หรือบนพื้นผิวต่างๆ โดยไม่สามารถท�ำลายสปอร์ของเช้ือจุลชีพหรือไพออน ด้วยวิธีการ ทางกายภาพ เช่น ความร้อน หรือวิธีการทางเคมีท่ีใช้ท�ำลายเชื้อบนเครื่องมือหรือบนพื้นผิวต่างๆ เรียกว่า น้�ำยาท�ำลายเชื้อ (Disinfectants) สารเคมีท่ีใช้ท�ำลายเชื้อท่ีผิวหนังและส่วนต่างๆ ของร่างกาย เรียกว่า Antiseptics ระดับการท�ำลายเช้อื แบ่งตามประสิทธภิ าพเปน็ 3 ระดับ คอื การท�ำลายเชื้อระดับสูง (High level disinfection) น้�ำยาท�ำลายเชื้อระดับสูงสามารถ ทำ� ลายเชอ้ื แบคทเี รยี เชอ้ื ไวรัสทุกชนดิ เชือ้ ราและเช้ือไมโครแบคทีเรยี (เชน่ M. Tuberculosis) แต่ไม่สามารถท�ำ ลายสปอรข์ องเชอ้ื แบคทเี รยี ได้ นำ�้ ยาทำ� ลายเชอื้ ระดบั สงู ไดแ้ ก่ ≥2% glutaraldehyde, 6% hydrogen peroxide, 0.2% peracetic acid, 1% sodium hypochlorite และ 0.55% ortho-ophthalaldehyde(OPA) เป็นตน้ การท�ำลายเชอ้ื ระดับกลาง (Intermediate level disinfection) น้ำ� ยาทำ� ลายเชื้อระดับ กลางไม่สามารถท�ำลายสปอร์ของเช้ือแบคทีเรียได้ แต่สามารถท�ำลายเชื้อ M. Tuberculosis var.bovis น�้ำยา ทำ� ลายเชื้อระดบั กลาง ได้แก่ 70% alcohol, 0.5% sodium hypochlorite, Phenolic หรือ Iodophor เปน็ ตน้ การท�ำลายเชื้อระดับต�่ำ (Low level disinfection) สามารถท�ำลายเช้ือแบคทีเรีย ไวรัส และเชื้อราบางชนิด แต่ไม่สามารถท�ำลายเช้ือท่ีมีความคงทน เช่น Tubercle bacilli หรือสปอร์ของเชื้อ แบคทเี รยี ได้ นำ้� ยาทำ� ลายเชอ้ื ระดบั ตำ�่ ไดแ้ ก่ Quaternary ammonium compounds Phenolic หรอื Iodophor (ข้ึนอยู่กบั ความเข้มข้นของ Active ingredient ทอ่ี ยใู่ นนำ้� ยา) 2.1.3 การทำ� ใหป้ ราศจากเชอื้ (Sterilization) หมายถงึ กระบวนการทำ� ลายหรอื ขจดั เชอื้ จลุ ชพี ทกุ ชนดิ รวมทง้ั สปอร์ของแบคทเี รียในอุปกรณ์ทางการแพทย์ การท�ำใหป้ ราศจากเชือ้ ท�ำได้ 2 วธิ ี คอื วิธีการทางกายภาพ (Physical method) โดยใช้ความร้อน ได้แก่ การท�ำให้ปราศจาก เช้ือด้วยไอน�้ำ และการใช้ความร้อนแห้งหรือที่มักเรียกว่าการท�ำปราศจากเช้ือด้วยการใช้อุณหภูมิสูง (High temperature) วิธีการทางเคมี (Chemical method) ใช้กับเคร่ืองมือแพทย์ที่ไม่สามารถทนความร้อน และความชื้นได้ ได้แก่ การใช้น�้ำยาท�ำลายเชื้อระดับสูง และการอบแก๊สหรือที่มักเรียกว่าการท�ำปราศจากเช้ือ ด้วยการใชอ้ ุณหภูมติ �่ำ (Low temperature) ได้แก่ การใช้ Ethylene oxide gas (EO) หรอื Formaldehyde หรอื Hydrogen peroxide gas

การใชน้ ้ำ� ยาทำ� ลายเชอื้ และการทำ� ความสะอาดในโรงพยาบาล 167 2.2 การเลือกวิธีท�ำลายเช้ือและท�ำให้ปราศจากเชื้อ การปฏิบัติงานเกี่ยวกับการท�ำลายเชื้อและ การท�ำให้ปราศจากเชื้ออุปกรณ์การแพทย์ ให้ยึดตามแนวทางการท�ำลายเช้ือและการท�ำให้ปราศจากเช้ือ ตาม การแบ่งประเภทอปุ กรณ์ทางการแพทยต์ ามหลักของ Earle H. Spaulding เรยี กวา่ Spaulding classification โดยแบ่งอุปกรณ์การแพทย์ตามลักษณะการสัมผัสของอุปกรณ์กับอวัยวะหรือส่วนต่างๆ ของร่างกาย และ ความเสยี่ งต่อการทำ� ให้เกิดการตดิ เชือ้ ออกเป็น 3 ประเภท ดงั น้ี 2.2.1 เครื่องมือแพทย์กลุ่มวิกฤต (Critical items) หมายถึง อุปกรณ์การแพทย์ท่ีใช้สอดใส่ เข้าสู่เนื้อเยื่อของร่างกายที่ปราศจากเช้ือหรือเข้าสู่กระแสโลหิต หากอุปกรณ์ปนเปื้อนเชื้อจะท�ำให้ผู้ป่วยเสี่ยง ตอ่ การติดเชื้อสงู มาก ได้แก่ เครือ่ งมือผา่ ตัด เขม็ อวัยวะเทียม สายสวนหัวใจ สายสวนปัสสาวะ กล้องส่องตรวจ Endoscopic ultrasound scope เป็นต้น อุปกรณ์ต่างๆ เหลา่ นจี้ ะต้องปราศจากเชือ้ 2.2.2 เครอ่ื งมือแพทย์กลุ่มก่ึงวกิ ฤต (Semicritical item) หมายถงึ อปุ กรณท์ ส่ี มั ผสั กับเยื่อบุ ของร่างกาย (mucous membrane) หรือผิวหนังที่มีบาดแผล มีรอยถลอก เยื่อบุของร่างกายที่มีลักษณะปกติ (ไม่มีแผล ไม่มีรอยถลอก) สามารถป้องกันการติดเชื้อจากสปอร์ของเชื้อแบคทีเรียได้ แต่มีความไวต่อการติดเช้ือ Tubercle bacilli และเชอื้ ไวรสั ได้แก่ อุปกรณเ์ คร่ืองชว่ ยหายใจ อปุ กรณ์ดมยาสลบ เปน็ ตน้ ต้องใช้วิธกี ารท�ำลาย เชอื้ ระดบั สูง (High level disinfection) เปน็ อยา่ งนอ้ ยหรอื ควรทำ� ใหป้ ราศจากเชอื้ (Sterilization) 2.2.3 เครอ่ื งมือแพทยก์ ลุ่มไมว่ กิ ฤต (Noncritical items) หมายถึง อปุ กรณ์ทสี่ มั ผัสกบั ผิวหนัง ปกติ ผวิ หนงั ทไี่ มม่ บี าดแผลหรอื ไมม่ รี อยถลอก และไมไ่ ดส้ มั ผสั กบั เยอ่ื บขุ องรา่ งกาย จดั เปน็ อปุ กรณท์ ไ่ี มท่ ำ� ใหเ้ สย่ี ง ตอ่ การติดเชื้อผวิ หนังปกตสิ ามารถป้องกันเชื้อจุลชพี ได้ อปุ กรณใ์ นกลุ่มนีไ้ ด้แก่ หมอ้ นอน เคร่ืองวัดความดนั โลหิต ไม้ยันรกั แร้ ราวกน้ั เตยี ง เครอื่ งผา้ ภาชนะใส่อาหาร โต๊ะข้างเตียง เป็นตน้ อปุ กรณท์ างการแพทยท์ ่ใี ช้แล้วตอ้ งผ่าน การลา้ งและขจดั สารคดั หลงั่ ตา่ งๆ และทำ� ใหแ้ หง้ และเลอื กวธิ กี ารทำ� ลายเชอื้ ระดบั ตำ่� (Low level disinfection) ตารางท่ี 1 กลุม่ เครอื่ งมอื อปุ กรณก์ ารแพทย์ และขอ้ บง่ ชใ้ี นวธิ กี ารจัดการตาม Spaulding classification กลุ่มเครือ่ งมืออปุ กรณ์ ตัวอยา่ งเคร่อื งมืออปุ กรณ์ ข้อบ่งช้ีในวธิ กี ารจัดการ นำ�้ ยาทำ� ลายเชอื้ การแพทย์ การแพทย์ Critical items : เครื่อง - เครื่องมือผ่าตัด สายสวนหัวใจ ต้องท�ำให้ปราศจากเชือ้ ด้วย - ≥2% glutaraldehyde, มอื หรอื อปุ กรณก์ าร - สายสวนปัสสาวะ การน่ึงฆา่ เชื้อการใช้อุณหภูมิ - 6%hydrogen peroxide, แพทยท์ ใี่ ช้สอดใส่เข้าสู่ - เขม็ และกระบอกฉดี ยา สงู หากอุปกรณท์ นความ - 0.26%peracetic acid, เน้ือเย่อื ของร่างกาย - อวัยวะเทยี ม รอ้ นไมไ่ ด้ เลือกใชว้ ิธี - 0.55% OPA อุณหภูมติ �่ำ หรือใช้ น้ำ� ยา - กล้องส่องตรวจ Duodeno ทำ� ลายเชื้อระดบั สงู scope, Cystoscope, Bronchoscope ทำ� ลายเชอ้ื โดยใช้นำ้� ยา - 2%glutaraldehyde, Semi-critical item : - อุปกรณเ์ คร่อื งชว่ ยหายใจ เครอ่ื งมือหรอื อปุ กรณท์ ี่ - อปุ กรณด์ มยาสลบ ท�ำลายเชอ้ื ระดับสูง หรือทำ� - 6%hydrogen peroxide, สมั ผสั กับเยือ่ บุของ - Tonometer ปราศจากเชอื้ แบบอณุ หภมู ติ ำ่� - 0.2%peracetic acid, ร่างกาย หรือผิวหนังทม่ี ี - กลอ้ งส่องตรวจ Esophago ได้แก่ การอบแก๊ส - 0.55%OPA, บาดแผล มีรอยถลอก duodeno gastroscope - 1%sodium hypochlorite (EGD), Enteroscope, Sigmoidoscope, Colonoscope

168 คมู่ อื การป้องกนั และควบคมุ การตดิ เช้ือ โรงพยาบาลศรนี ครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ขอนแก่น กลุ่มเคร่ืองมืออปุ กรณ์ ตัวอย่างเครื่องมืออปุ กรณ์ ขอ้ บ่งช้ีในวิธีการจัดการ น�้ำยาท�ำลายเชือ้ การแพทย์ การแพทย์ ทำ� ความสะอาดด้วยน�ำ้ และ - Quarternary ammonium สารขดั ล้าง หรือใชน้ ำ�้ ยา compound Non-critical items : - เครือ่ งวัดความดนั โลหิต ท�ำลายเช้อื ระดับต่�ำ เคร่ืองมือหรอื อุปกรณ์ที่ - หม้อนอน ผา้ ราวกนั้ เตียง สัมผสั กบั ผวิ หนังปกติ - สายพันแขนวัดความดัน และไม่ไดส้ ัมผัสเยื่อบุของ รา่ งกาย ดัดแปลงจาก APSIC (2017) ; Selection of product/process for reprocessing, p34 2.3 แนวทางปฏบิ ตั กิ ารทำ� ความสะอาด เครื่องมืออปุ กรณ์ทางการแพทย์ เครอื่ งมืออปุ กรณท์ างการแพทย์ทใ่ี ช้แล้วถือว่ามีการปนเป้อื นเช้ือจุลชีพ หลังใชง้ านให้ทำ� การขจัด คราบเบอื้ งตน้ ดว้ ยการขจดั คราบสง่ิ สกปรกตา่ งๆ ทเ่ี ปอ้ื นตดิ พนื้ ผวิ เครอ่ื งมอื อปุ กรณท์ างการแพทย์ เชน่ สง่ิ สกปรก ชิ้นใหญ่ คราบสารคดั หลัง่ และคราบสารเคมีตา่ งๆ ณ จุดทีใ่ ช้งาน ทั้งขณะและหลงั ใช้งานดว้ ยวัสดุ โดยใช้ผ้าก๊อซ ส�ำลี ที่เหลือหรือกระดาษช�ำระ รวมทั้งการชุบน�้ำสะอาดที่สามารถเช็ดคราบต่างๆ ออก หน่วยงานหรือหอผู้ป่วย ควรน�ำเคร่ืองมืออุปกรณ์การแพทย์ท่ีใช้แล้วส่งไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบทันที โดยให้บรรจุอุปกรณ์ท่ัวไปลงใน ถุงพลาสติกสีใสบรรจุลงในภาชนะท่ีปิดมิดชิด (ที่จ่ายกลางเตรียมไว้ให้) โดยมีแนวทางปฏิบัติการท�ำความสะอาด เครื่องอุปกรณ์การแพทย์ ดังนี้ 2.3.1 ควรล้างท�ำความสะอาด และท�ำลายเช้ืออุปกรณท์ นั ทีหลังการใช้งาน 2.3.2 อุปกรณท์ ีซ่ อ้ื มาใหม่ ตอ้ งล้างทำ� ความสะอาด ก่อนนำ� ไปท�ำให้ปราศจากเช้อื กอ่ นเสมอ 2.3.3 ใหป้ ฏิบัตติ ามคู่มือการใชง้ านอยา่ งระมดั ระวัง 2.3.4 ในการทำ� ความสะอาดตอ้ งปฏบิ ตั ติ ามคำ� แนะนำ� การใช้ (Instruction for use : IFU) ปรมิ าณ ของนำ้� ยา ระยะเวลาการสมั ผสั และอณุ หภมู ิ ทก่ี ำ� หนดไวส้ ำ� หรบั การลา้ งทำ� ความสะอาด และการฆา่ เชอื้ อยา่ งเครง่ ครดั 2.3.5 ต้องเปดิ กางอุปกรณ์ทมี่ ีลกั ษณะเป็นข้อพบั บานพบั ออกเสมอ 2.3.6 ควรถอดแยกอปุ กรณ์ ชน้ิ ส่วนของอุปกรณอ์ อกเสมอ เมื่อตอ้ งลา้ งท�ำความสะอาด 2.3.7 ควรใชอ้ ุปกรณ์ในการลา้ งใหเ้ หมาะสมกับเครอ่ื งมือ 2.3.8 หลีกเล่ียงการวางเรียงอุปกรณ์ ที่หนาแน่นเกินไป ในการล้างท�ำความสะอาดด้วยเครื่อง Ultrasonic เพ่อื ไมใ่ หเ้ กดิ การทบั ซ้อนทจ่ี ะทำ� ใหก้ ารล้างไมท่ ่วั ถงึ อย่างสมบรู ณ์ 2.3.9 ควรใช้แปรงทรี่ ะบใุ นการใชก้ บั เครื่องมอื แพทย ์ ไม่ควรใช้แปรงโลหะ ฝอยขัดที่เป็นโลหะ ในการนำ� มาขดั ล้างเครอ่ื งมือ 2.3.10 ลา้ งนำ้� ใหท้ วั่ ถงึ ภายหลงั การลา้ งทำ� ความสะอาด ควรใช้ Softening water หรอื นำ้� Reveres osmosis:RO 2.3.11 ภายหลังการลา้ งท�ำความสะอาดต้องท�ำใหอ้ ุปกรณ์แห้งสนิท 2.3.12 ควรมกี ารตรวจสอบเครอื่ งมอื อปุ กรณก์ ารแพทย์ หากมกี ารชำ� รดุ จะตอ้ งมกี ารคดั แยกออก หา้ มนำ� ไปใชเ้ พอ่ื ความปลอดภยั อปุ กรณท์ ช่ี ำ� รดุ ตอ้ งนำ� ไปผา่ นกระบวนการฆา่ เชอ้ื กอ่ นสง่ ไปทำ� การซอ่ มบำ� รงุ รกั ษา 2.3.13 ท�ำการประกอบช้ินส่วนอุปกรณ์กลับเข้าเหมือนเดิม และท�ำการทดสอบการใช้งานว่า สามารถใชไ้ ดต้ ามปกติ กอ่ นการทดสอบควรหลอ่ ล่นื บรเิ วณขอ้ ต่อ/ข้อพับของอปุ กรณ์ให้เรยี บร้อย

การใชน้ ้ำ� ยาท�ำลายเช้อื และการทำ� ความสะอาดในโรงพยาบาล 169 ตารางท่ี 2 แนวทางปฏบิ ัติการใช้และการควบคมุ คุณภาพเครือ่ งมอื อุปกรณท์ างการแพทยป์ ลอดเชื้อ รายการ แนวทางปฏบิ ตั ิ 1. การจดั เกบ็ 1) บุคลากรต้องลา้ งมือและเช็ดมอื ให้แหง้ หรอื ถมู ือด้วย Alcohol hand rub กอ่ นจบั ตอ้ งอปุ กรณท์ กุ คร้ัง 2) สำ� รวจสภาพห่ออปุ กรณป์ ราศจากเชื้อก่อนนำ� ไปเกบ็ ถ้าพบห่อเปยี กชืน้ มสี ภาพไม่ปกติต้องแยกออก 3) จัดเรียงอุปกรณ์ตามล�ำดับวันผลิตและวันหมดอายุ ใช้หลักการจัดเก็บแบบเข้าก่อนออกก่อน (First in – First out) 4) บนั ทึกชนดิ และจำ� นวนห่ออุปกรณ์ปราศจากเชอื้ ทีเ่ กบ็ เข้าช้นั ทุกครั้ง 5) กำ� หนดปรมิ าณสงู สดุ และตำ�่ สดุ ของเครอื่ งมอื แตล่ ะประเภทตามปรมิ าณการใชง้ านเพอื่ ลดการ Re sterile 2. การนำ� ไปใช้และ 1) ตรวจสอบรายการเครื่องมอื อปุ กรณก์ ารแพทยป์ ลอดเช้ือตรงตามรายการ การตรวจสอบ 2) ตรวจสอบวนั ผลติ และวันหมดอายุ 3) ตรวจสภาพภายนอกและภายในของหอ่ อปุ กรณใ์ ห้อยูใ่ นสภาพสมบรู ณ์ ต้องไมเ่ ปยี ก ผา้ หอ่ ไม่ขาด ไม่มีรู ไม่เป้อื น 4) ตรวจสอบตวั บ่งชีท้ างเคมภี ายนอก ตอ้ งปรากฏบนเทปทดสอบผา่ นไมน่ อ้ ยกวา่ 3 แถบ 5) ตรวจสอบตัวบ่งชี้ทางเคมภี ายใน ตอ้ งปรากฏบนเทปทดสอบผา่ นเกณฑ์ 6) ตรวจสอบรายการเครอื่ งมอื ครบถว้ นรายการ หากไม่ครบต้องแจง้ งานจ่ายกลาง 7) ตรวจสอบสภาพเคร่ืองมืออุปกรณ์การแพทย์ต้องสะอาด ไม่มีคราบ ไม่มีสิ่งแปลกปลอม หรือปนเปื้อน และความพรอ้ มใชง้ าน 3. การ Re-sterile 1) ตรวจสอบรายการเครอื่ งมอื ตามวนั หมดอายุ 2) รวบรวมใสถ่ ุงใส ใสภ่ าชนะปิดมดิ ชิด นำ� สง่ งานจา่ ยกลาง 4. การ Re call ก�ำหนดนโยบายการเรียกคืนเคร่ืองมือแพทย์ท่ีไม่ผ่านเกณฑ์ ประกอบด้วย ผลการตรวจสอบตัวบ่งชี้ทาง การเรยี กคืนเคร่ือง กายภาพ ตวั บง่ ชที้ างเคมี ตวั บง่ ชท้ี างชวี ภาพไมผ่ า่ นเกณฑ์ เครอ่ื งมอื อปุ กรณก์ ารแพทยม์ ไ่ี มส่ ะอาด มคี ราบ มือแพทย์ ห่อเปียก (Wet pack) 5. หอ้ งเก็บของ 1) ควบคมุ อณุ ภมู แิ ละความช้นื สัมพัทธ์ให้อย่ใู นเกณฑ์มาตรฐาน อุณหภูมไิ มเ่ กนิ 24°C ความชืน้ สมั พัทธ์ไม่ ปลอดเช้อื เกิน 60% 2) ชั้นวางเครือ่ งมอื ปราศจากเชอ้ื ให้สงู จากพนื้ อย่างนอ้ ย 8 น้ิว หา่ งจากเดานอย่างนอ้ ย 18 นิ้ว และจาก ฝาผนงั 2 น้วิ 3) ทำ� ความสะอาดอยา่ งสม�ำ่ เสมอ ท้ังผนงั ห้อง ชน้ั วางเครือ่ งมือ พนื้ หอ้ ง อปุ กรณต์ ่างๆ ภายในห้อง 4) ไมค่ วรมอี ่างล้างมือ หรืออปุ กรณ์ที่ไม่เกี่ยวข้องไวใ้ นหอ้ งเกบ็ ของปลอดเชอื้ 5) ช้ันเกบ็ ของควรเลอื กวัสดทุ สี่ ามารถเช็ดท�ำความสะอาดได้งา่ ย และควรเปน็ ระบบปิด มีตู้เก็บทปี่ ิดมิดชดิ 6. การใช้กบั ผู้ปว่ ย 1) ควรใช้เครอ่ื งมืออุปกรณ์การแพทย์ชนดิ ใช้แล้วท้ิง ติดเชอ้ื 2) หลงั ใชง้ านทงิ้ เป็นขยะตดิ เช้ือ - HIV TB 1) บคุ ลากรสวมใสอ่ ปุ กรณ์ป้องกันตนเองส่วนบุคคล PPE 2) ควรแยกเครื่องมืออุปกรณ์ใสถ่ งุ พลาสตกิ ใส เป็นชดุ ๆ 3) ระบหุ รือเขียนปา้ ยการติดเชอ้ื บนถุงพลาสตกิ ใสหรือในถงุ พลาสติกใส

170 คู่มือการป้องกันและควบคุมการติดเชอื้ โรงพยาบาลศรนี ครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น รายการ แนวทางปฏบิ ัติ 7. การรวบรวม 1) หลงั ใชเ้ ครอื่ งมอื และอปุ กรณก์ ารแพทย์ หนว่ ยงานทำ� การขจดั คราบเบอ้ื งตน้ ดว้ ยการขจดั คราบสงิ่ สกปรก เคร่อื งมอื อุปกรณ์ ตา่ งๆ ที่เปอ้ื นตดิ พนื้ ผิวเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์ เช่น ส่ิงสกปรกช้นิ ใหญ่ คราบสารคดั หลง่ั และ ทางการแพทยก์ ่อน คราบสารเคมีต่างๆ ณ จุดที่ใช้งาน ท้ังขณะและหลังใช้งานด้วยวัสดุ โดยใช้ผ้าก๊อซ ส�ำลี ท่ีเหลือหรือ นำ� สง่ งานจ่ายกลาง กระดาษช�ำระ รวมท้งั การชุบน้ำ� สะอาดที่สามารถเชด็ คราบต่างๆ ออก (Collection of 2) หนว่ ยงานทมี่ บี รเิ วณชำ� ระลา้ ง ทมี่ รี ะบบระบายนำ�้ ทง้ิ ทใ่ี ชบ้ อ่ บำ� บดั ใหน้ ำ� เครอ่ื งมอื อปุ กรณท์ างกายแพทย์ contaminated ท่ีใช้งานแล้วมาขจัดคราบเบ้ืองต้นและล้างเครื่องมือผ่านน้�ำสะอาด ใส่ถุงพลาสติกใส วางไว้ในกล่องปิด medical device) ลอ็ กฝากล่อง 3) หนว่ ยงานท่ีไม่มบี ริเวณชำ� ระล้าง หรือหน่วยงานพเิ ศษทนี่ �ำเครื่องมืออุปกรณ์การแพทยท์ ่ใี ช้งานแล้ว มา ขจดั คราบเบอื้ งตน้ และใช้ Pre-cleaning enzyme spray ฉดี ทวั่ บรเิ วณพนื้ ผวิ หรอื ภายในชอ่ งเครอ่ื งมอื อปุ กรณท์ างการแพทยต์ ามเอกสารคำ� แนะนำ� วธิ ใี ชง้ าน ใสถ่ งุ พลาสตกิ ใส วางไวใ้ นกลอ่ ง ปดิ ลอ็ กฝากลอ่ ง 4) คัดแยกชนิดและจัดเก็บรวบรวมเครื่องมืออุปกรณ์การแพทย์ ตามแนวทางปฏิบัติการท�ำความสะอาด อุปกรณ์การแพทย์ โรงพยาบาลศรนี ครินทร์ 2561 5) เกบ็ ใสก่ ล่องภาชนะปิดมิดชดิ ทตี่ ิดปา้ ย Bio hazard ในสถานทีค่ วบคมุ ไม่มีคนพลุกพล่าน นำ� ส่งเครอ่ื ง มืออุปกรณก์ ารแพทยง์ านจ่ายกลางในเวลาไม่เกิน 24 ช่ัวโมง ตารางที่ 3 แนวทางการปฏิบัตกิ ารทำ� ความสะอาด เคร่อื งมอื อปุ กรณก์ ารแพทย์ รายการ แนวทางปฏิบตั กิ ารทำ� ความสะอาด 1. เคร่ืองมอื อุปกรณ์ที่เป็นแกว้ เชน่ 1) เทสารคัดหลั่งลงในชักโครก ขจดั คราบทตี่ ิดอยภู่ ายในใหส้ ะอาด ลา้ งผ่านนำ้� ขวดปากกว้าง ขวด Redivac 2) ควรแยกใสถ่ ุงพลาสติกใส วางไวใ้ นกล่องเพ่ือป้องกันการช�ำรดุ ของอปุ กรณ์ 2. Syring irrigate แยกกระบอกฉีดยาและลูกสบู ออกจากกันเพือ่ ปอ้ งกนั ไม่ให้ลกู สบู และกระบอกฉีดยาตดิ กัน ล้างผ่านน�้ำ ควรมดั ยางเป็นชดุ เพ่อื ความสะดวกในการจัดเตรยี ม วางไวบ้ นสดุ ของกลอ่ ง เพอ่ื ปอ้ งกนั การชำ� รดุ ของอุปกรณ์ 3. เครอ่ื งมืออปุ กรณ์ทีเ่ ปน็ ของมีคม ขจัดคราบทีต่ ิดเบือ้ งต้น ล้างผ่านน้�ำ ควรใสถ่ งุ ใสหรอื ภาชนะแยกต่างหาก เพ่ือป้องกันการ เชน่ กรรไกร ชำ� รุดของเครอ่ื งมอื 4. สายต่อ Suction ตอ้ งดดู น้ำ� สะอาดทุกครงั้ หลงั ใช้งาน แยกใส่ถงุ พลาสติก 5. เคร่ืองมืออุปกรณท์ เ่ี ป็นชดุ เช่น ควรแยกใสถ่ ุงพลาสตกิ เปน็ ชุดๆ ชดุ ช่วยหายใจ 6. อปุ กรณท์ ม่ี รี ู ทอ่ ควรล้างผ่านน�้ำภายในท่อใหห้ มด เพ่อื ป้องกันเลือด สารน�ำ้ หรอื สารหลั่งแหง้ ตดิ ภายในทอ่ 7. เข็มต่างๆ ล้างผา่ นน�้ำ ควรใสภ่ าชนะแยกตา่ งหาก อาจใชก้ ระบอกฉดี ยาฉดี ไล่น้ำ� เข้าไปในเข็ม 8. Powered instruments เชน่ 1) ศึกษาวธิ ีการลา้ งทำ� ความสะอาดท่บี รษิ ัทผ้ผู ลิตได้แนะน�ำไว้ (Instruction for use เลือ่ ยไฟฟา้ สว่านไฟฟ้า :IFU) หากเครื่องมือมสี ายไฟฟา้ เปน็ ส่วนประกอบ 9. เครื่องมืออุปกรณผ์ ิวเรยี บ เชน่ 2) ควรตรวจดสู ภาพของสายไฟฟ้าด้วยว่าอยู่ในสภาพดีใช้งานได้หรือไม่ ถ้วยสแตนเลส ชามรูปไต ขจัดคราบที่ตดิ เบอ้ื งตน้ ลา้ งผ่านนำ้� ควรแยกใส่ถงุ พลาสตกิ ใสเป็นชุดๆ วางไวใ้ นกลอ่ ง

การใชน้ ำ�้ ยาท�ำลายเชื้อและการทำ� ความสะอาดในโรงพยาบาล 171 ตารางท่ี 4 วธิ ีการท�ำลายเชือ้ และการท�ำปราศจากเช้ือส�ำหรับเครือ่ งมอื แพทย์ รายการประเภทเครือ่ งมอื /อุปกรณ์ การท�ำลายเช้อื /การท�ำให้ปราศจากเชอื้ 1. เครอ่ื งมอื สอ่ งตรวจภายในเพอื่ การวนิ จิ ฉยั และการรกั ษา - แนวทางการท�ำความสะอาดและการท�ำลายเชอ้ื ตามชนิดของ ไดแ้ ก่ Bronchoscope, Duodeno scope, Peritoneoscope, Rigid scope และ Flexible scope Cystoscope, Esophago duodeno gastroscope (EGD), หมายเหตุ: Proctoscope การท�ำให้ปราศจากเชื้อโดยการน่ึง Enteroscope, Sigmoidoscope, Colonoscope, ไอน�้ำ autoclave Proctoscope 2. อุปกรณ์เคร่ืองช่วยหายใจ ได้แก่ Ambu bag, bird’s - การทำ� ปราศจากเชอ้ื อบแกส๊ Formaldehyde หรอื Ethylene respirator, Humidifier, Neubulizer, Colar Mask, oxide Airway, Mask ครอบ, inflating bag, ชุด O2 mask, ชดุ O2 - การท�ำลายเช้ือ แช่ใน 2.4% Glutaraldehyde (Cidex) นาน T-Picec, กระเปาะพ่นยา อยา่ งนอ้ ย 20-30 นาที การทำ� ปราศจากเชอ้ื ใหแ้ ชน่ ำ้� ยานานอยา่ ง นอ้ ย 10ชวั่ โมง หมายเหตุ : ชุด O2 cannular ใชแ้ บบdisposable 3. โลหะสแตนเลสแบบพ้ืนผวิ เรยี บ ไดแ้ ก่ Tray Jug ถว้ ย - การท�ำปราศจากเชือ้ นึ่งไอน�้ำ autoclave น�ำ้ ยา ถาด กระปกุ สำ� ล ี ขนั ชามรูปไต เปน็ ต้น 4. อุปกรณ์เคร่ืองมือผ่าตัดท่ัวไปแบบโลหะสแตนเลส และ - การทำ� ปราศจากเช้อื น่ึงไอน�ำ้ autoclave โลหะสแตนเลสแบบมีเข้ยี ว มรี ่อง ได้แก่ Forceps, Clamp , Needle Holder, Sponge holder, Retractor, Mayo scissors, กรรไกร (Scissors) เปน็ ต้น 5. โลหะสแตนเลสแบบผ่าตัดตกแต่งหรือจุลศัยกรรมหรือ - การทำ� ปราศจากเชื้อ นง่ึ ไอน้ำ� autoclave ตรวจรกั ษาพิเศษ ได้แก่ ชุดเครอ่ื งมอื ผ่าตัดตา ชุดเครอ่ื งมอื ตรวจรกั ษาหคู อจมกู ชดุ เครอื่ งมอื ตรวจรกั ษาทนั ตกรรม เชน่ jewelers forceps, allis scissors, micro needle holder, eye speculum, ear speculum, micro suction tip, crocodile punch biopsy, skin hook เปน็ ต้น 6. ขวดแก้ว Drain containers ได้แก่ ขวดปากกว้าง - การทำ� ปราศจากเชอ้ื นึง่ ไอน้�ำ autoclave ขวด redivac 7. อปุ กรณ์ท�ำไตเทียม เอก๊ เรย์ cath-lab เปน็ ตน้ การทำ� ปราศจากเชือ้ 8. Laryngoscope - การนึ่งไอนำ�้ autoclave - Blade - การอบแก๊ส Formaldehyde หรอื Ethylene oxide หรือ H2O2 - การทำ� ปราศจากเชื้ออบแกส๊ Formaldehyde - Handle - การท�ำลายเช้อื ใช้สำ� ลชี บุ ดว้ ย 70% Alcohol เช็ดให้สะอาด ผ่งึ ให้แห้ง

172 คูม่ ือการปอ้ งกันและควบคุมการตดิ เชอ้ื โรงพยาบาลศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ขอนแก่น รายการประเภทเครือ่ งมือ/อปุ กรณ์ การทำ� ลายเชอ้ื /การท�ำให้ปราศจากเชื้อ 9. Tracheostomy Tube โลหะ การท�ำลายเชื้อ 10. Tracheostomy Tube พลาสติก - แยกส่วนประกอบออก แชน่ ้ำ� ยา 6%hydrogen peroxide 30 11. Stylet หรอื Guide wire นาที เพ่ือขจัดคราบเสมะและทำ� ลายเชือ้ เบอื้ งต้น หรือแชน่ �้ำอ่นุ 12. สายต่อ Suction ทง้ิ ไว้ 5-10 นาที ลา้ งทอ่ ชัน้ ในด้วยสบู่ หรือน�้ำยาลา้ งจาน ทง้ั ดา้ นนอกดา้ นใน แปรงทอ่ ด้านในดว้ ยแปรงขนาดเลก็ จนกว่า เสมหะหลดุ ออกหมด และล้างดว้ ยนำ้� สะอาด - แชน่ ้ำ� ยา 0.2% Peracetic acid (Perasafe) นานอย่างนอ้ ย 10 นาที โดยน้�ำยาตอ้ งทว่ มผิวของเคร่อื งมือ หรือแชน่ �้ำยา 1% Sodium hypochlorite (Virkon) นาน 10 นาที ห้ามแชไ่ วน้ าน เกนิ 10 นาที เพราะเม่อื แช่นานหลายๆ ครัง้ จะท�ำให้เกิดการ Oxidize โลหะกลายเปน็ สีด�ำได ้ - ลา้ งด้วยน้ำ� ตม้ สุก หรือ sterile water กอ่ นนำ� ไปใช้ กับผปู้ ว่ ย การท�ำปราศจากเชือ้ น่งึ ไอน�้ำ autoclave - การท�ำลายเช้ือแช่น�้ำยา 1% Sodium hypochlorite หรอื 0.2% Peracetic acid นาน 10 นาที วิธกี ารเช่นเดียวกบั Tube โลหะ - การท�ำปราศจากเชอ้ื อบแกส๊ Formaldehyde หรือ Ethylene oxide หรอื H2O2 - การอบแก๊ส Formaldehyde หรือ Ethylene oxide หรือ H2O2 - การอบแกส๊ Formaldehyde หรอื Ethylene oxide

การใช้นำ�้ ยาทำ� ลายเชื้อและการทำ� ความสะอาดในโรงพยาบาล 173 2.4 การท�ำความสะอาด การท�ำลายเชอ้ื และท�ำใหป้ ราศจากเช้อื กลอ้ งสอ่ งตรวจ Rigid scope สถานที่ อปุ กรณ์ และน้ำ� ยาทำ� ความสะอาด 1) สถานท่ีส�ำหรบั ลา้ งเครือ่ งมือต้องอยใู่ นเขตสกปรกของหน่วยบรกิ ารเครอื่ งมือผ่าตัด 2) ภาชนะส�ำหรับรองรับเคร่ืองมือสกปรก และส�ำหรับวางเครื่องมือหลังท�ำความสะอาด ได้แก่ กะละมัง 2 ใบ 3) แผน่ ฟองน้ำ� แปรงขนนมุ่ ส�ำหรบั ล้างเครอื่ งมอื ที่เปน็ รู หรอื ทอ่ 4) ลวดส�ำหรบั แยงเคร่อื งมือทเ่ี ปน็ รู หรอื ทอ่ 5) Syringe พลาสตกิ ขนาด 20 ml. 6) ผา้ สะอาดส�ำหรับแชเ่ คร่ืองมือ 7) นำ้� ยาทำ� ความสะอาดหรอื น�้ำยาลา้ งจาน 8) น�้ำยาท�ำลายเช้ือ 9) Enzyme การท�ำความสะอาดเครอื่ งมอื 1) ชดุ อปุ กรณผ์ ลติ และถา่ ยทอดสญั ญาณภาพ แยกลา้ งจากเครอื่ งมอื อนื่ ๆ ไดแ้ ก่ Telescope และสาย Fiber optic ให้ล้างทันทีที่ใช้เสร็จ ถ้าไม่สามารถล้างได้ให้แช่เลนส์ลงในอ่างน้�ำยาล้าง เพ่ือป้องกัน การแหง้ ตดิ ของคราบเลอื ดและสารคดั หลง่ั ใชฟ้ องนำ้� หรอื ผา้ นมุ่ ชบุ นำ�้ ยาเชด็ เบาๆ ตลอดจนถงึ หนา้ เลนสจ์ นสะอาด แล้วล้างด้วยน�้ำสะอาด แล้วเช็ดให้แห้งด้วยผ้านุ่มสะอาด ใช้ 70% alcohol หรือ Special cleaner เช็ดท�ำ ความสะอาดเลนส์ และหนา้ Eye piece 2) Camera head พรอ้ มสายสญั ญาณ ใชผ้ า้ นมุ่ สะอาดชบุ นำ�้ หมาดๆ เชด็ ตามดว้ ยผา้ แหง้ เชด็ ด้วย 70% Alcohol ก่อนจดั เก็บเข้าท่ี โดยม้วนเปน็ วงกว้างๆ ขนาดเสน้ ผ่าศนู ย์กลางไม่นอ้ ยกว่า 10 เซนติเมตร ระวังไม่ให้สายบิดหรือหักพับงอ เพราะจะท�ำให้สายไฟขาดช�ำรุด และเวลาใช้งานหรือม้วนเก็บไม่ถือโดยห้อย หัวกลอ้ งลง การทำ� ใหป้ ราศจากเช้อื 1) Telescope และสาย Fiber optic ทำ� ใหป้ ราศจากเช้อื โดยการแช่นำ้� ยา Peracetic acid นาน 10 นาที น�ำขึ้นวางในถาด Sterile ที่มีแผ่นพลาสติกกันกระแทก ชะล้างน�้ำยาออกด้วย Sterile water โดยวธิ ลี า้ งผา่ นน้�ำไหล (Running water) อยา่ งท่วั ถึง ขณะล้างใช้มอื ลูบถคู ราบนำ�้ ยาออกใหส้ ะอาด 2) Camera head ทำ� ใหป้ ราศจากเช้อื โดยการแช่น้ำ� ยา Peracetic acid นาน 10 นาที หรือ อาจใชเ้ ทคนคิ การสวมปลอกกลอ้ ง Sterile โดยใหร้ ะวงั เรอ่ื ง Sterile technique อยา่ งเครง่ ครดั วธิ เี ปดิ ขวด Sterile water หลงั จากเปดิ ฝาชั้นนอกออกแล้ว กอ่ นเปดิ ฝาขวดชัน้ ในเพื่อใช้ Sterile water ลา้ งเคร่ืองมอื ทท่ี �ำ Sterile แล้ว ให้ใช้ส�ำลีชุบ 70% alcohol เช็ดรอบๆ ปากขวด เปิดฝาขวดออกแล้วเทน้�ำทิ้งเพ่ือล้างปากขวดบริเวณ ที่น�้ำ Sterile water ไหลผา่ นลา้ งเครื่องมอื 3) วัสดุอุปกรณ์ผ่าตัด ได้แก่ Trocar, Instruments ต่างๆ, Grasping forceps scissors, Dissector, Suction irrigation probe, อุปกรณ์ห้ามเลือดชนิดต่างๆ Bipolar forceps จี้ Plasma Kinetic Harmonic scapel สายจไ้ี ฟฟา้ ชนิด monopolar bipolar เปน็ ต้น

174 คู่มือการปอ้ งกนั และควบคมุ การตดิ เชอื้ โรงพยาบาลศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแกน่ วิธกี ารทำ� ความสะอาด 1) ตรวจนับเครื่องมือและช้ินสว่ นใหค้ รบตามจ�ำนวน และความสมบูรณ์ หากพบตอ้ งรบี รายงาน เพอ่ื คน้ หา เพราะอาจตกคา้ งในตวั ผปู้ ว่ ย หรือบริเวณผา่ ตดั ซ่ึงอาจสูญหายได้ 2) ท�ำการถอดแยกส่วนประกอบของเคร่ืองมอื ท่ีสามารถถอดได้ เชน่ ถอดแยก Insert ออกจาก Sheath หรอื ปลดข้อตอ่ ออกจากกนั ฯลฯ 3) จัดเรียงเครื่องมือวางลงในตะแกรงโดยจัดเรียงแยกขนาดและประเภทเคร่ืองมือมีคมหรือมี ปลายแหลม เพื่อไมใ่ หค้ มช�ำรดุ หรอื ท่มิ ตำ� 4) นำ� เครอื่ งมอื ไปล้างคราบสกปรกผา่ นน�้ำสะอาด 5) น�ำเครื่องมือทั้งหมดลงแช่ในน�้ำยาละลายคราบเลือดและโปรตีน ได้แก่ น�ำยา Enzyme (3E-zyme) ที่ผสมเตรียมไว้ โดยใช้เวลาแช่นานประมาณ 30 นาที ส�ำหรับอุปกรณ์เครอื่ งมอื ทเ่ี ปน็ ทอ่ กรวงหรอื มีรู ต้อง push น้ำ� ยา Enzyme เขา้ ไปในทอ่ กรวงหรือรตู ่างๆ 6) นำ� เคร่ืองมอื ไปลา้ งดว้ ยเครอ่ื ง Ultrasonic 4-5 รอบ (รอบละ 10 นาที) 7) น�ำเครอื่ งมือไปล้างดว้ ยน้ำ� ยาล้างเครอื่ งมอื และนำ้� สะอาดอีกครงั้ โดยเปิดให้น้ำ� กอ๊ กไหลเบาๆ และให้น�ำ้ ไหลผ่านขณะล้างเคร่อื งมือ 7.1) ใชฟ้ องนำ�้ ชบุ นำ�้ ยาลา้ งเครอื่ งมอื ขดั ถใู นสว่ นพนื้ ผวิ ภายนอก ตามบรเิ วณทส่ี กปรกภายนอก ขยับบริเวณขอ้ ตอ่ และบานพบั ต่างๆ ในนำ้� ยาหลายๆ ครัง้ ให้เศษสง่ิ สกปรกท่ถี ูกหนบี ค้างนนั้ หลุดออก 7.2) ใชล้ วดแปรงขนนมุ่ ทม่ี ขี นาดเสน้ ผา่ ศนู ยก์ ลางเหมาะสมกบั ขนาดของทอ่ กลวงของเครอ่ื ง มือ เพื่อลา้ งถูภายในทอ่ กลวงของเคร่อื งมือ 7.3) ใช้ Syringe ดดู น้ำ� และฉีดพ่นล้างภายในท่อกลวงและรูต่างๆ ของเครื่องมือหลายๆ ครั้ง 7.4) Stopcocks จุกฝาครอบ แหวน (ring) seal spring และชิ้นส่วนเล็กๆ ระมัดระวัง การสูญหายในขณะล้าง หาตะแกรงปิดท่อน้�ำทิ้งไว้ หลังจากล้างสะอาดแล้วจัดใส่ภาชนะที่ปลอดภัย และจัดเรียง ใหเ้ ปน็ ระเบยี บ เพอ่ื รอการประกอบ 8) ท�ำใหแ้ หง้ โดยการเช็ดดว้ ยผา้ สะอาด และเปา่ ลม 9) หลังจากนน้ั น�ำอุปกรณ์ เครือ่ งมอื เหล่านี้เขา้ เครื่อง Airless อกี ครัง้ 10) ขัน้ ตอนสุดท้าย นำ� อปุ กรณ์ เครื่องมอื มาเปา่ ลมอกี ครั้ง กอ่ นบรรจใุ สซ่ องอบแก๊ส กรณผี ่าตดั ผู้ปว่ ยตดิ เชื้อ ปฏบิ ัติดงั น้ี 1) ชุดอุปกรณ์ผลิตและถ่ายทอดสัญญาณภาพ ได้แก่ Telescope และสาย Fiber optic Camera head 1.1) จดั เตรยี มหานำ�้ ยา Peracetic acid ทใ่ี ชแ้ ลว้ ใกลถ้ งึ วนั หมดอายไุ วแ้ ชเ่ ครอ่ื งมอื หลงั ใชง้ าน 1.2) หลงั จากเสรจ็ สน้ิ การผ่าตัด ใชผ้ ้าซบั เลอื ดหรือก๊อซเช็ดคราบเลือด สารคดั หลัง่ ออกจาก Telescope และสาย Fiber optic ใหส้ ะอาด 1.3) นำ� Telescope และสาย Fiber optic รวมทงั้ Camera head ไปแชใ่ นนำ้� ยา Peracetic acid นาน 10 นาที 1.4) น�ำไปล้างท�ำความสะอาดด้วยน้ำ� ยาลา้ งเคร่อื งมอื และน้ำ� สะอาดตามขั้นตอน 1.5) นำ� ถาดนำ�้ ยา Peracetic acid ทใี่ ชแ้ ลว้ เททงิ้ ลงอา่ งชะลา้ ง ลา้ งทำ� ความสะอาดถาดนำ้� ยา และหอ่ ผา้ สง่ ทำ� ปราศจากเชอ้ื ดว้ ยวธิ นี ึง่ ไอน�ำ้ เตรียมไว้ใช้ต่อไป

การใชน้ ำ�้ ยาทำ� ลายเชื้อและการทำ� ความสะอาดในโรงพยาบาล 175 2) อุปกรณ์ เคร่ืองมือผ่าตัด ได้แก่ Trocar, gasping forceps, sissors, Dissector, Suction irrigation probe อุปกรณ์ห้ามเลือดชนิดต่างๆ Bipolar forceps จ้ี Plasma Kinetic Harmonic scapel สายจ้ีไฟฟ้าชนดิ ตา่ งๆ เปน็ ต้น 2.1) หลงั เสรจ็ ผา่ ตัด Scrub nurse ใชผ้ า้ ซับเลอื ดหรอื กอ๊ ซเช็ดคราบเลือด สารคัดหลัง่ ออก ตรวจนบั เครอ่ื งมือและช้นิ ส่วนให้ครบตามจำ� นวน 2.2) ถอดช้นิ สว่ นประกอบออกและจัดเรียงอุปกรณเ์ คร่อื งมือ ลงในตะแกรงเครอื่ งมอื ตดิ เช้อื ทีเ่ ตรยี มไว้ตามแนวทางการจัดเกบ็ เครอ่ื งมอื ผา่ ตดั ติดเชอื้ 2.3) Trocar และ Veress needle ไม่น�ำกลับมาใชซ้ �ำ้ (ทิง้ ) 2.4) อปุ กรณ์ เครอื่ งมอื ผา่ ตดั อนื่ ๆ Gasping forceps Sissors Dissector Suction irrigation probe น�ำตะแกรงเครอ่ื งมือเขา้ ลา้ งด้วยเครอ่ื ง Washer ใช้โปรแกรมตดิ เชอื้ 2.5) นำ� อปุ กรณ์ เครอื่ งมอื ทอี่ อกจาก Washer ไปลา้ งทำ� ความสะอาดดว้ ยมอื เพม่ิ เตมิ ในกลมุ่ ทมี่ ชี ่องโพรงหรอื เป็นทอ่ ตามขน้ั ตอนการลา้ งดังกลา่ วมาแล้ว 2.5 การทำ� ความสะอาดและทำ� ลายเชอ้ื กล้องส่องตรวจ Flexible scope หนว่ ยงานทีใ่ ช้อุปกรณ์ และเครอ่ื งมอื ทางการแพทยก์ ลอ้ งสอ่ งตรวจ เชน่ หอ้ งตรวจสอ่ งกลอ้ ง หอ้ งตรวจโสต ศอ นาสกิ และลารงิ ซ์ เปน็ ตน้ การล้างท�ำความสะอาดและท�ำลายเชื้อกล้องส่องตรวจชนิด Flexible scope ตามแนวทางของสมาคมพยาบาล สอ่ งกลอ้ งทางเดนิ อาหาร (ประเทศไทย) ขน้ั ตอนในการลา้ งทำ� ความสะอาดและทำ� ลายเชอ้ื กลอ้ งสอ่ งตรวจประกอบ ด้วย 9 ขั้นตอน ดังนี้ ขนั้ ตอนที่ 1 Precleaning เปน็ การขจดั สง่ิ สกปรกตา่ งๆ ควรทำ� ทนั ทภี ายในหอ้ งทปี่ ฏบิ ตั งิ าน เพอ่ื ไมใ่ ห้คราบสกปรกแห้ง โดยเชด็ กล้องทันทที ่อี อกจากตวั ผู้ปว่ ย ระมดั ระวังถงุ มือหรือก๊อซที่เป้ือนไมใ่ หส้ มั ผสั Light source ปิด Light source สวม Cap กนั น้ำ� กอ่ นน�ำกล้องไปทำ� ความสะอาดท่หี อ้ งลา้ งทกุ ครัง้ ขนั้ ที่ 2 Leak testing เพอื่ ตรวจหาบรเิ วณรว่ั ซมึ ทงั้ ภายนอกและภายในกลอ้ งสอ่ งตรวจ เปน็ การ ป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายต่อกล้องส่องตรวจในการร่ัวซึมของน�้ำในขณะท�ำการแช่และในขั้นตอน การล้างถัดไป วิธีการทดสอบต้องท�ำตามคู่มือบริษัท และตรวจการรั่วซึมทุกคร้ัง (ไม่ว่าจะเป็นการล้างด้วยมือ (Manual cleaning) หรือใช้เคร่ืองล้างอัตโนมัติ (Automatic) ในการล้างท�ำความสะอาดกล้อง หากพบว่า กลอ้ งสอ่ งตรวจมกี ารรว่ั ใหห้ ยดุ การลา้ งขนั้ ตอนตอ่ ไป จากนนั้ สง่ กลอ้ งซอ่ มทบี่ รษิ ทั โดยตดิ Label “Contaminated endoscope” เพ่อื ใหร้ ะมัดระวังในการซอ่ ม ขนั้ ตอนท่ี 3 Manual cleaning เปน็ ขน้ั ตอนทส่ี ำ� คญั ทส่ี ดุ ในการกำ� จดั สงิ่ สกปรก กอ่ นทำ� ลายเชอื้ ถ้ายังมีสิ่งสกปรกเหลืออยู่จะส่งผลให้การแช่ท�ำลายเช้ือไม่มีประสิทธิภาพหลังใช้งาน แปรงและอุปกรณ์ต่างๆ ในการล้างต้องทำ� ความสะอาดและท�ำลายเช้อื กอ่ นนำ� ไปใชใ้ นรายตอ่ ไป (อยา่ งน้อย High level infectant หรอื Sterilization) ขนั้ ตอนที่ 4 Rinse after manual cleaning เพอ่ื ลา้ งนำ�้ ยา Enzymatic ออกจากกลอ้ งใหห้ มด ก่อนน�ำไปท�ำการแชน่ ำ้� ยาทำ� ลายเชือ้ ขน้ั ตอนท่ี 5 Visual inspection เปน็ ข้นั ตอนยนื ยันว่ากล้องส่องตรวจไดร้ ับการทำ� ความสะอาด และไม่มีสิ่งสกปรกตกค้างที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าเหลืออยู่บนอุปกรณ์ การตรวจสอบภายในช่องต่างๆ ของกลอ้ งสอ่ งตรวจนนั้ ทำ� ไดย้ าก ควรมกี ารสมุ่ ตรวจดว้ ยวธิ กี ารตา่ งๆ เปน็ ระยะหรอื กรณมี ี Outbreak เกดิ ขน้ึ เชน่ Endocheck (Hemo check, Pyromol check) และ ATP check เปน็ ต้น

176 คู่มอื การป้องกันและควบคมุ การตดิ เชอื้ โรงพยาบาลศรนี ครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแกน่ ขั้นตอนท่ี 6 การแชน่ �้ำยาทำ� ลายเชื้อ (High level disinfection) เป็นขน้ั ตอนตามมาตรฐาน การล้างกล้องส่องตรวจท่ีได้รับการยอมรับในหลายองค์กรระดับนานาชาติ แต่ High level disinfection; HLD จะไม่สามารถท�ำลายสปอร์ของแบคทีเรียได้ ประสิทธิภาพการแช่น้�ำยาท�ำลายเชื้อข้ึนอยู่กับประสิทธิภาพการล้าง การท�ำกล้องให้แห้งก่อนแช่ และการเตรียมน�้ำยาท่ีถูกต้อง ต้องตรวจสอบประสิทธิภาพของน้�ำยา (Minimum effective concentration : MEC) อย่างน้อยวันละครั้งก่อนปฏิบัติงาน หรือตามคู่มือบริษัทก�ำหนด กรณีที่ใช้ เคร่ืองล้างกลอ้ งอตั โนมตั ิ (Automatic endoscope reprocessor) สามารถนำ� กล้องและอุปกรณ์ตา่ งๆ ไปล้างใน เครอ่ื งได้เลย ขั้นตอนท่ี 7 Rinse after HDL เป็นข้ันตอนการล้างน้�ำยาท�ำลายเชื้อออกจากกล้องส่องตรวจ เพ่ือป้องกันอันตรายของน้�ำยาท�ำลายเช้ือที่ตกค้าง ซึ่งอาจจะท�ำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนัง และเย่ือบุอ่อน (Mucous membranes) ขนั้ ตอนท่ี 8 Drying เปน็ กระบวนการที่ส�ำคัญในขน้ั ตอนการล้างกลอ้ งส่องตรวจ เพราะความชื้น ท่ีตกค้างจะก่อให้เกิดคราบและการสะสมของเชื้อโรค เพื่อให้ม่ันใจว่ากล้องส่องตรวจแห้งดีแล้ว ควรท�ำ การฉีดแอลกอฮอลล์ 70% และเป่าใหแ้ ห้ง ขั้นตอนที่ 9 Storage กลอ้ งสอ่ งตรวจควรเก็บรักษาในสถานทส่ี ะอาด อากาศถ่ายเทสะดวก ไมม่ ี ฝนุ่ เพอ่ื ใหแ้ หง้ และปราศจากการปนเปอ้ื น ตเู้ กบ็ กลอ้ งสอ่ งตรวจมี 2 ชนดิ คอื ชนดิ ทวั่ ไป ตอ้ งแขวนกลอ้ งสอ่ งตรวจ ในแนวตั้งเท่าน้ัน และชนิดท�ำให้แห้ง มีการออกแบบท่ีมีการควบคุมคุณภาพของอากาศ ความช้ืน ภายในตู้ มฟี ิลเตอร์กรองแบคทเี รยี (High efficiency particulate air (HEPA) filter) มีระบบเปา่ อากาศเพ่ือให้กลอ้ งสอ่ ง ตรวจแหง้ อยู่ตลอดเวลา หมายเหตุ 1) Duodenoscope, Endoscopic ultrasound scope, Bronchoscope ตอ้ งทำ� ลายเชอื้ กอ่ นใชท้ กุ ครงั้ 2) Flexible scope ถ้าเก็บนานเกิน 72 ชว่ั โมง กอ่ นน�ำมาใชต้ ้องท�ำกระบวรการลา้ งและท�ำลายเชื้อใหม่ ทกุ ครงั้

การใช้นำ้� ยาทำ� ลายเชือ้ และการทำ� ความสะอาดในโรงพยาบาล 177 2.6 หลกั การใชน้ ำ้� ยาท�ำลายเชอื้ และน้ำ� ยาอืน่ ๆ รายการ วิธีการและระยะเวลาการใช้ การปฏิบตั ิ 1. 70% Alcohol - 60 วัน หลงั เปิดใช้ - ใชข้ วดบรรจุของผลติ ภัณฑ์โดยไม่ตอ้ งถ่ายเทไป สำ� หรบั ฉดี ยา ทำ� แผล บรรจใุ นภาชนะใหม่ (ขนาดบรรจุ 60 ml และ 450 - ทำ� ความสะอาดบรเิ วณภายนอกของขวดอยา่ ง ml) สม่�ำเสมอ - ถา้ นำ�้ ยาขุน่ หรอื มีตะกอนหรอื มสี ิ่งแปลกปลอมอยู่ ในนำ�้ ยา ไม่ควรใช้ 2. 2% chlorhexidine in 70% - 60 วัน หลงั เปิดใช้งาน - ใชข้ วดบรรจุของผลิตภณั ฑโ์ ดยไม่ต้องถา่ ยเทไป alcohol บรรจใุ นภาชนะใหม่ - ถา้ น้�ำยาขุ่นหรอื มีตะกอน หรือเปลีย่ นสี ไม่ควรใช้ 3. 10% Providone– iodine - ตามวนั หมดอายุของผลิตภัณฑ์ - ใชข้ วดบรรจขุ องผลิตภณั ฑ์โดยไม่ตอ้ งถ่ายเทไป ส�ำหรับทำ� แผล/ผ่าตัด (ขนาด บรรจใุ นภาชนะใหม่ บรรจุ 60 ml. และ 450 ml.) - ท�ำความสะอาดบรเิ วณภายนอกของขวดอย่าง สมำ�่ เสมอ 4. 4% Chlorhexidine - ตามวันหมดอายุของผลติ ภณั ฑ์ - การเปลย่ี นน�ำ้ ยาทุกครั้งให้ลา้ งภาชนะบรรจนุ �ำ้ ยา (Hibiscrub) ส�ำหรบั ทำ� ความ แต่ถ้าสารละลายของน้ำ� ยาขุ่นหรอื และท่ีกดใหส้ ะอาดด้วยน�้ำสบหู่ รอื นำ�้ ยาล้างจาน ลา้ ง สะอาดมือ เปลีย่ นสีใหเ้ ปล่ยี นน�ำ้ ยาทันที น้ำ� สะอาดและผึง่ ภาชนะให้แหง้ กอ่ นบรรจนุ ้�ำยาใหม่ 5. Waterless (5% chlorhexidine - 60 วัน หลังเปดิ ใชง้ าน - ทำ� ความสะอาดบรเิ วณภายนอกของขวดอย่าง in 95% alcohol) สำ� หรบั ทำ� ความ สมำ�่ เสมอ สะอาดมือ - ถา้ น้ำ� ยาขุน่ หรอื มีตะกอน หรอื เปลย่ี นสี ไมค่ วรใช้ 6. 2.4% Glutaraldehyde - น�ำ้ ยาผสมแล้วมีอายุ 14 วนั แต่ถ้า - ก่อนเปลยี่ นสารละลายของน้�ำยาทุกคร้งั ให้ล้าง (Cidex 14 DAY) สำ� หรบั แช่ สารละลายของนำ�้ ยาขุ่นหรอื ความ ภาชนะบรรจุสารละลายของน้ำ� ยาให้สะอาดผ่ึง เครือ่ งมอื ทางการแพทย์ เขม้ ข้นของนำ�้ ยาเปลย่ี นแปลงให้ ภาชนะใหแ้ หง้ เปล่ยี นนำ�้ ยาทนั ที 7. 70% Alcohol+Nitrite - เปล่ียนทุก 24 ช่ัวโมง - ภาชนะบรรจุน�ำ้ ยาตอ้ งปราศจากเชื้อ สำ� หรับ Transfer forceps 8. 0.9% NaCl (NSS) - หลังเปดิ ใชม้ อี ายุ 1 วนั - ให้ใช้ขวดบรรจุของผลติ ภณั ฑ์ - ใช้ใหห้ มดภายใน 1 วนั 9. Savlon 1:100 และ 1:1000 - หลงั เปดิ ใชม้ อี ายุ 1 วัน - ให้ใช้ขวดบรรจุของผลติ ภณั ฑ์ - ใชใ้ หห้ มดภายใน 1 วนั 10. 0.5% Sodium - การผสมนำ้� ยา ใช้ Virkon - บรรจใุ นภาชนะทบึ แสงทไ่ี มใ่ ช่โลหะ มฝี าปิดมดิ ชิด Hypochlorite (Virkon) 1 ซอง (5 gm) ผสมนำ�้ สะอาด กอ่ นเปลย่ี นสารละลายของน�้ำยาทกุ คร้ังใหล้ า้ ง 1 ลติ ร คนใหล้ ะลายประมาณ 1-2 ภาชนะบรรจสุ ารละลายของนำ้� ยาใหส้ ะอาด นาที จะได้สารละลายใสสชี มพู ผึง่ ภาชนะให้แห้ง 0.5% Sodium Hypochlorite - นำ้� ยาผสมแล้วมีอายุ 7 วนั หรือแต่ ถ้าสารละลายของน้�ำยาขุ่นหรอื สีจาง เป็นสขี าวใหเ้ ปลีย่ นน้�ำยา

178 คมู่ อื การปอ้ งกันและควบคมุ การติดเชื้อ โรงพยาบาลศรนี ครนิ ทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ขอนแก่น รายการ วธิ ีการและระยะเวลาการใช้ การปฏบิ ัติ 11. 0.26% Peracetic acid - การผสมนำ�้ ยา ใช้ Peracetic acid - บรรจุในภาชนะทบึ แสงที่ไมใ่ ชโ่ ลหะ ก่อนเปล่ยี น 1 ขวด (16.2Gm) ผสมนำ�้ สะอาด 1 สารละลายของน้ำ� ยาทกุ คร้ังใหล้ า้ งภาชนะบรรจุ ลติ ร จะไดส้ ารละลาย0.26% สารละลายของน้�ำยาให้สะอาด ผง่ึ ภาชนะให้แหง้ Peracetic acid - น�ำ้ ยาหลังผสมมีอายุ 3 วนั หรอื เปลย่ี นทุก 20 รอบของการแช่ อุปกรณ์ หรือเมอ่ื สารละลายของ นำ้� ยาขุ่น หมายเหตุ - น้ำ� ยาทกุ ชนดิ ตอ้ งระบุวันเวลาที่เปดิ ใช้ และวนั เวลาหมดอายขุ องน้�ำยา ไว้ที่ขวดบรรจุ - ปรมิ าณแอลกอฮอล์คงเหลือในขวดทเี่ ปิดใช้ เก็บทอี่ ณุ หภูมิหอ้ ง (24.5±0.6ºC) ในระยะเวลา 60 วัน มี ค่ามากกว่าร้อยละ 90 ของปริมาณเร่ิมต้น (เจษฎา นพวิญญูวงศ์ และคณะ. (2557). ความคงตัวทางเคมีของ แอลกอฮอล์ 70% หลงั เปิดใช้. ศรีนครนิ ทร์เวชสาร 29(6), 282-286.)

การใชน้ ้�ำยาท�ำลายเชื้อและการท�ำความสะอาดในโรงพยาบาล 179 3. การใชน้ ำ�้ ยาทำ� ลายเชอ้ื สำ� หรบั อปุ กรณแ์ ละสงิ่ แวดลอ้ มของโรงพยาบาล (Disinfection of Hospital Environment) 3.1 การทำ� ความสะอาดและทำ� ลายเชื้อส�ำหรบั เคร่ืองนอน รายการ นำ้� ยาและ/หรอื วธิ กี าร การปฏิบัติ 1. เตยี ง โตะ๊ ข้างเตียง เกา้ อ้ี - นำ้� และผงซกั ฟอก - เชด็ ทำ� ความสะอาดดว้ ยน�ำ้ ผงซักฟอกและเชด็ ตามด้วยน้�ำ ตขู้ า้ งเตยี ง รถเข็นผู้ปว่ ย เสา สะอาดอีกคร้งั แขวนน้�ำเกลอื - ทำ� ความสะอาดวันละ 2 ครัง้ หรือเม่ือยา้ ยหรือจ�ำหนา่ ยผู้ ป่วย 2. ตอู้ บ - น�ำ้ และน้�ำยาลา้ งจาน - เช็ดทำ� ความสะอาดด้วยนำ�้ ผสมนำ้� ยาล้างจานและเชด็ ดว้ ย ผา้ ชบุ น�ำ้ สะอาดจนหมดคราบน้�ำยาแล้วเช็ดหรอื ผง่ึ ให้แหง้ 3. ตอู้ บเด็กทต่ี ดิ เชื้อ - นำ้� และน้ำ� ยาล้างจาน - เช็ดท�ำความสะอาดดว้ ยน้ำ� ผสมน้�ำยาลา้ งจานและเช็ดดว้ ย - 70% Alcohol ผา้ ชุบน้ำ� สะอาดจนหมดคราบน้�ำยาแล้วเชด็ หรอื ผึง่ ใหแ้ หง้ หลังจากนนั้ เช็ดตามดว้ ย 70% Alcohol 4. หมอนและเบาะทน่ี อน - นำ้� และผงซกั ฟอก - เชด็ ถูเม่ือสกปรก หรอื เม่ือจำ� หนา่ ยผ้ปู ่วย (หุ้มดว้ ยพลาสตกิ ) - 0.5% Sodium ดว้ ยนำ้� ผงซักฟอกแลว้ เชด็ ดว้ ยน�้ำสะอาดอกี คร้งั ผ้าพลาสติกขวางเตยี ง hypochlorite (Virkon) - ใชผ้ ้าชุบน้�ำผงซกั ฟอกเชด็ คราบสกปรกทีต่ ดิ อยูใ่ ห้หลุดออก 5. วัสดใุ นขอ้ 1.- 4. - น�้ำและผงซกั ฟอก แลว้ ใชผ้ า้ ชบุ 0.5% Sodium hypochlorite ใหช้ ่มุ เช็ดใหท้ ่ัว ทีเ่ ปอื้ นเลอื ด เสมหะ ทง้ิ ไว้ 10 นาที ใชผ้ า้ ชบุ น้ำ� สะอาดบดิ หมาดๆ เช็ดซ�้ำ ทิง้ ไวใ้ ห้ อุจจาระ ฯลฯ แหง้ เพือ่ ปอ้ งกันสารเคมีตกคา้ งและระคายเคือง 6. ผ้าปเู ตยี ง ปลอกหมอน - นำ้� และผงซกั ฟอก - สง่ ซักทำ� ความสะอาดทหี่ นว่ ยซกั ฟอกโดยการซกั ล้างธรรมดา ผา้ ขวางเตียง เสอ้ื ผา้ ผู้ป่วย ผ้าหม่ ม่าน - ถ้าเป้อื นเป้อื น เลอื ด - น�ำ้ และผงซกั ฟอก - สง่ ซักทำ� ความสะอาดทห่ี นว่ ยซักฟอก (ซกั ดว้ ยเครอ่ื งซักผา้ เสมหะ อุจจาระ ฯลฯ โดยจัดโปรแกรมการซกั ผา้ ตดิ เชื้อ)

180 คูม่ ือการปอ้ งกนั และควบคมุ การตดิ เชื้อ โรงพยาบาลศรนี ครนิ ทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น 3.2 การทำ� ความสะอาดและทำ� ลายเช้ือสำ� หรับของใช้ของผปู้ ่วย รายการ น�้ำยาและ/หรอื วธิ กี าร การปฏิบตั ิ - ล้างทำ� ความสะอาดด้วยน�้ำและนำ�้ ยาล้างจานแล้วเชด็ ให้แหง้ 1. แกว้ นำ้� แกว้ ยา จาน ชาม - แก้วน�ำ้ จาน ชาม ช้อนสอ้ ม ถาดอาหารของงานโภชนาการให้ ชอ้ นสอ้ ม ถาดอาหาร เปน็ ตน้ สง่ กลบั ทงี่ านโภชนาการ โดยไมต่ อ้ งแยกภาชนะติดเชอ้ื - การท�ำความสะอาด เน่อื งจากเคร่อื งลา้ งจานมโี ปรแกรมใชไ้ อนำ้� ร้อนล้างและอบแหง้ - นำ�้ และนำ�้ ยาล้างจาน - การท�ำลายเชื้อ - เคร่ืองล้างจาน 2. ชามรปู ไต ไมก้ ดลิน้ - นำ้� และนำ�้ สบหู่ รอื น�ำ้ ยา - ล้างทำ� ความสะอาดด้วยน�ำ้ และน�้ำสบ่หู รือนำ้� ยาล้างจาน แล้ว - การท�ำความสะอาด ล้างจาน ผง่ึ ไวใ้ หแ้ ห้ง - การท�ำลายเชือ้ - การน่ึงไอน�้ำ autoclave - ส่งงานจ่ายกลางเพ่อื ท�ำปราศจากเชอื้ ดว้ ยการน่ึงไอนำ�้ autoclave 3. แฟม้ ใส่ประวัติผ้ปู ่วย - นำ้� และผงซักฟอก -ขดั ล้างทำ� ความสะอาดเดือนละ 1 คร้ังหรอื เมอื่ สกปรก (ชาร์ตเหลก็ ) - นำ้� และผงซักฟอก - ลา้ งท�ำความสะอาดด้วยน�้ำและผงซักฟอกแลว้ ผ่งึ ไวใ้ ห้แห้ง 4. กระโถนบ้วนนำ�้ ลาย การท�ำความสะอาด - - ล้างด้วยเคร่ือง Cyclo flush ทีม่ นี �้ำร้อนในการฆา่ เชื้อ 5. หมอ้ นอน (Bed pan, Urinal) - น้�ำและผงซกั ฟอก - เทส่ิงขับถา่ ยทง้ิ ลงในชกั โครกแล้วลา้ งทำ� ความสะอาดดว้ ยน�้ำ - การท�ำความสะอาด - 0.5% Sodium และผงซักฟอกแล้วผงึ่ ไว้ให้แหง้ ดว้ ยเครอ่ื ง Cyclo flush hypochlorlite (Virkon) - เทสงิ่ ขบั ถ่ายทิ้งลงในชักโครก แล้วแช่ด้วย 0.5% Sodium - กรณไี ม่มีเคร่ือง hypochlorite นาน 10 นาที เพ่ือทำ� ลายเช้ือเบ้อื งต้น ล้าง Cyclo flush อปุ กรณด์ ว้ ยผงซกั ฟอกและน้�ำให้สะอาด จากน้ันแช่ดว้ ย ผปู้ ว่ ยทั่วไป 0.5%Sodium hypochlorite นาน 10 นาที ลา้ งน้ำ� สะอาดผึง่ ใหแ้ หง้ ผ้ปู ว่ ยโรคติดเช้ือ

การใช้น�้ำยาท�ำลายเช้อื และการทำ� ความสะอาดในโรงพยาบาล 181 3.3 การทำ� ความสะอาดส�ำหรับเคร่อื งปอ้ งกันร่างกายสว่ นบคุ คลของบุคลากร รายการ นำ้� ยาและ/หรอื วธิ ีการ การปฏิบตั ิ 1. รองเทา้ บูต๊ ถุงมอื ยาง - นำ้� และผงซกั ฟอก - ซักลา้ งทำ� ความสะอาดด้วยนำ�้ และผงซกั ฟอกผึ่งไว้ใหแ้ หง้ 2. แวน่ ปอ้ งกันตา - น้�ำและน้ำ� ยาลา้ งจาน - ล้างทำ� ความสะอาดดว้ ยน้ำ� และน�ำ้ ยาลา้ งจานแลว้ เชด็ หรือผ่ึง ใหแ้ ห้ง 3. เส้อื คลุม ผา้ กันเป้อื น ผา้ - - สง่ ซักท�ำความสะอาดทีห่ น่วยซักฟอก ปดิ ปากปิดจมูกและหมวก - (ซกั ดว้ ยเคร่ืองซกั ผา้ ) 4. เส้อื คลุม ผ้ากันเป้ือน หมวก และผา้ ปิดปากปดิ จมูก - ส่งซกั ทำ� ความสะอาดทห่ี น่วยซักฟอก (ซักด้วยเครือ่ งซกั ผา้ ที่เป้ือนเลอื ด หรือส่ิงคัดหลั่ง โดยจัดโปรแกรมการ ซกั ผา้ ตดิ เช้ือ) 3.4 การทำ� ความสะอาดและท�ำลายเช้อื สำ� หรับสถานที่และสิง่ แวดลอ้ ม รายการ น�้ำยาและ/หรือวธิ ีการ การปฏบิ ัติ หมายเหตุ 1. พืน้ - นำ�้ และนำ�้ ยาท�ำความ - ถังน�้ำท่ใี ช้ถูพ้นื มี 2 ใบ ส�ำหรับใสน่ �ำ้ สะอาด - ไม่ควรกวาดพืน้ เพราะ สะอาดพืน้ ผสมตาม 1 ใบ และถังน้ำ� ผสมนำ�้ ยาท�ำความสะอาดพน้ื จะทำ� ใหฝ้ ุ่นและเช้ือโรค อตั ราสว่ นทกี่ ำ� หนด - เกบ็ กวาดส่ิงสกปรกกอ่ น(ควรใช้ไมด้ นั ฝนุ่ บนพน้ื ฟงุ้ กระจายควรใช้ แทนไม้กวาด) แล้วถูด้วยน้�ำผสมนำ้� ยาทำ� ความ วิธกี ารถพู น้ื ด้วยผา้ แทน สะอาดพน้ื -ทำ� ความสะอาดวนั ละ 2 ครง้ั - ถูพน้ื อีกคร้งั ดว้ ยน�้ำธรรมดา หรือเมอ่ื ยา้ ยหรอื จ�ำหนา่ ย จนสะอาด ผู้ปว่ ย - เปลย่ี นผ้าผืนใหม่ทกุ คร้งั ทเ่ี ปล่ยี นนำ�้ ทำ� ความ สะอาดหรือเมอื่ สกปรก - หลงั สนิ้ สดุ การถู ใหส้ ่งผ้าถพู ้นื ซกั ทำ� ความ สะอาดท่ีหน่วยซกั ฟอก 2. ห้องน้ำ� - น้ำ� และผงซกั ฟอก - ท�ำความสะอาดอยา่ งน้อย - อาจใช้ผงขดั รว่ มดว้ ย ห้องส้วม - นำ้� ยาทำ� ความสะอาด วนั ละ 2 ครั้ง และเมื่อสกปรก เป็นคร้งั คราว ในกรณที ่ี พน้ื หอ้ งนำ้� ผสมตาม สกปรกมาก อ่างล้างมือ อัตราสว่ นทีก่ �ำหนด โถสว้ ม ข้อ 1-2 ถ้าเป้ือน - 0.5% Sodium - ราดสง่ิ ปนเปือ้ นด้วยนำ�้ ยา 0.5% Sodium เลือด เสมหะ hypochlorite (Virkon) hypochlorite หรอื ผง Virkon จากรอบนอกสู่ อุจจาระ - น้ำ� และผงซกั ฟอก ดา้ นในทงิ้ ไว้ 10 นาที ก�ำจดั สิ่งปนเป้อื นออกดว้ ย - นำ�้ ยาท�ำความสะอาดพ้ืน ผ้าหรอื กระดาษทชิ ชู่ และทิง้ ลงในขยะติดเชือ้ จากนน้ั ท�ำความสะอาดดว้ ยน�้ำผงซักฟอกหรือ นำ�้ ยาท�ำความสะอาดพ้นื ราดด้วย 0.5% Sodium hypochlorite อีกครงั้ ทง้ิ ไว้ 10 นาที ใชผ้ ้าชุบน้ำ� สะอาดบดิ หมาดๆ เช็ดซำ้� ทิง้ ไว้ใหแ้ ห้ง

182 คู่มอื การปอ้ งกันและควบคุมการติดเชอ้ื โรงพยาบาลศรีนครนิ ทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น รายการ น้ำ� ยาและ/หรอื วธิ ีการ การปฏิบัติ หมายเหตุ 3. ฝาผนงั กระจก - นำ้� และผงซกั ฟอก - ท�ำความสะอาดเมื่อเหน็ วา่ สกปรก - อยา่ งนอ้ ยสัปดาห์ละคร้งั - ถอดลา้ ง หรือดดู ฝนุ่ ถา้ ถอดไม่ได้ หรอื เมอื่ สกปรก 4. มุ้งลวด - น้�ำและผงซกั ฟอก - อยา่ งนอ้ ยสปั ดาห์ละครั้ง หรือเมื่อสกปรก 5. เพดาน - ปดั ใยแมงมมุ ตามควร - อยา่ งน้อยสัปดาห์ละคร้งั ข้อ 3-5 ถา้ เป้ือน หรือเมอื่ สกปรก เลอื ด เสมหะ อุจจาระ - 0.5% Sodium - ใชผ้ า้ ชุบน้ำ� ผงซักฟอกเชด็ คราบสกปรกท่ีติด - ผ้าถพู ืน้ หลงั ใชใ้ ห้สง่ ซกั hypochlorite (Virkon) อยใู่ ห้หลุดออกกอ่ น แลว้ ใชผ้ า้ ชบุ 0.5% ท�ำความสะอาดทห่ี น่วย - น้ำ� และผงซกั ฟอก Sodium hypochlorite ให้ชุม่ เชด็ ให้ทวั่ ทิง้ ไว้ ซักฟอก 10 นาที ใช้ผ้าชบุ น้�ำสะอาดบิดหมาดๆ เชด็ ซ้ำ� ท้ิงไว้ให้แห้งเพอ่ื ป้องกนั สารเคมตี กค้าง ระคาย เคือง 6. ผ้าม่าน - น�้ำและผงซกั ฟอก - ท�ำความสะอาดเดือนละ 1 ครงั้ หรือเมือ่ - ส่งซักท�ำความสะอาดท่ี สกปรก หรอื เปลี่ยนท�ำความสะอาดทกุ ครั้งที่ หนว่ ยซกั ฟอก ใชก้ บั ผู้ป่วยติดเชือ้ แตล่ ะราย หมายเหตุ 1. การผสม Sodium hypochlorite ใชใ้ นการทำ� ลายเชอ้ื ผปู้ ฏบิ ตั ติ อ้ งสวมแวน่ ตา ผา้ ปดิ ปากปดิ จมกู เสอ้ื คลมุ แขนยาว ถุงมือยางยาวทุกครงั้ เมอ่ื ปฏิบตั ิงาน เพ่อื ป้องกนั การระคายเคืองตอ่ ผิวหนัง ตา และทางเดนิ หายใจ 2. อนิ ทรยี ส์ ารจากรา่ งกาย ไดแ้ ก่ เลอื ด สารคดั หลงั่ อจุ จาระ สารนำ้� ในรา่ งกาย อาเจยี น ทำ� ใหล้ ดประสทิ ธภิ าพ ของ Sodium hypochlorite จึงควรท�ำความสะอาดพื้นและส่ิงแวดล้อมผู้ป่วยที่มีการปนเปื้อนเลือดและสารคัด หลัง่ แลว้ เชด็ ถูดว้ ย 0. % Sodium hypochlorite เพือ่ ทำ� ลายเชอื้ 3. หากมกี ารผสม sodium hypochlorite กบั สารขดั ลา้ งทมี่ ีฤทธ์ิเป็นกรด เชน่ น้ำ� ยาล้างหอ้ งนำ�้ จะทำ� ให้ เกิดกา๊ ซพิษ หากจำ� เป็นตอ้ งใชส้ ารขัดล้างให้ล้างนำ้� ออกให้หมดกอ่ น 4. 0.5% Sodium hypochlorite อาจท�ำใหบ้ ริเวณทีส่ ัมผัสนำ้� ยามรี อยดา่ งและกดั กรอ่ นโลหะ 5. อปุ กรณเ์ ครอ่ื งมอื ทางการแพทยท์ ใี่ ชก้ บั ผปู้ ว่ ยโรคตดิ ตอ่ รนุ แรง เชน่ SARS (Severe Acute Respiratory Syndrome) ไขห้ วดั นก วณั โรค ใหแ้ ชน่ ำ�้ ยาทำ� ลายเชอ้ื 0.5% Sodium hypochlorite กอ่ นการลา้ งทำ� ความสะอาด 6. ผู้ป่วยท่ีมีข้อห้ามใช้ Sodium hypochlorite ได้แก่ ผู้ป่วยภูมิต้านทานต�่ำเสี่ยงต่อการเกิดอาการแพ ้ และผูป้ ว่ ยทม่ี อี ายุน้อยกวา่ 2 เดอื น

การใช้น้ำ� ยาท�ำลายเชื้อและการทำ� ความสะอาดในโรงพยาบาล 183

184 ค่มู อื การป้องกันและควบคุมการตดิ เชือ้ โรงพยาบาลศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแกน่ บรรณานุกรม งานป้องกันและควบคุมการติดเช้ือ คณะแพทย์ศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล. (2558). คู่มือ ปฏบิ ตั กิ ารควบคมุ โรคตดิ เชอื้ ในโรงพยาบาล. คณะแพทยศ์ าสตรโ์ รงพยาบาลรามาธบิ ดี มหาวทิ ยาลยั มหดิ ล. จนั ทรเ์ พญ็ บวั เผอื่ น, สายสมร พลดงนอก, รชั ฎาพร สนุ ทรภาส และศศธิ ร เรอื งประเสรฐิ กลุ . (2557). การใชน้ ำ้� ยา ฆา่ เชอ้ื และนำ�้ ยาทำ� ลายเชอื้ . อา้ งใน คมู่ อื การปอ้ งกนั และควบคมุ การตดิ เชอ้ื ในโรงพยาบาลศร-ี นครนิ ทร์ ปี 2557–2560. ขอนแก่น : คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแกน่ .(หนา้ 89-103). ศริ ิลกั ษณ์ อภิวาณิชย์ และถนอมวงศ์ มัณฑจ์ ติ ร.์ (2560). หลกั การใชน้ �้ำยาทำ� ลายเชอื้ และการท�ำความสะอาด หอผปู้ ว่ ย. คณะแพทศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบด.ี สถาบันบ�ำราศนราดูร กระทรวงสาธารณสุข. (2560). คู่มือปฏิบัติการป้องกันและควบคุมการติดเช้ือในโรง พยาบาล. พิมพค์ ร้ังท่ี 2. นนทบรุ ี : ส�ำนักพมิ พอ์ กั ษรกราฟฟคิ แอนดด์ ีไซน.์ สมาคมควบคุมการตดิ เชื้อแหง่ เอเชยี แปซิฟิก. (2559). แนวทางการปอ้ งกันการติดเชอื้ ในกระแสเลอื ดทีส่ ัมพนั ธ์ กับการใส่สายสวนทางหลอดเลือดด�ำส่วนกลาง (CLABSI) ของสมาคม APSIC ร่วมกับชมรมควบคุม การตดิ เชอ้ื ในโรงพยาบาลแหง่ ประเทศไทย. สมาคมควบคุมการติดเชือ้ แห่งเอเชียแปซิฟิก. สมาคมพยาบาลส่องกล้องทางเดินอาหารประเทศไทย. (2561). การล้างท�ำความสะอาดกล้องส่องตรวจระบบ ทางเดนิ อาหาร (Guideline of digestive endoscope reprocessing). สมาคมศูนย์กลางงานปราศจากเช้ือแห่งประเทศไทย. (2561). แนวปฏิบัติในการท�ำลายเชื้อและการท�ำให้ ปราศจากเช้อื เครอื่ งมอื แพทย์ Thailand CSSA guideline for disinfection and sterilization of medical devices. สมาคมศนู ยก์ ลางงานปราศจากเชื้อแหง่ ประเทศไทย. อะเคื้อ อณุ หเลขกะ. (2554). หลักและแนวปฏิบัตใิ นการทำ� ลายเชอ้ื และการท�ำใหป้ ราศจากเช้ือ. เชียงใหม่ : มิ่งเมอื งนวรัตน์ การพิมพ.์ อะเคื้อ อุณหเลขกะ. (2554). หลักและแนวปฏิบัติการป้องกันการติดเช้ือในโรงพยาบาล Prevention of nasocomial infection : principle and guidelines. พมิ พ์ครัง้ ที่ 2. เชยี งใหม่ : โรงพิมพ์ม่ิงเมอื ง. Centers for disease control and prevention. (2017). Guideline for disinfection and sterilization in healthcare facilities 2008 : 2017 update. Retrieved November5, 2017, from : https:// www.cdc.gov/infectioncontrol/guidelines/disinfection/ index.html. Centers for disease control and prevention. (2017). Guideline for prevention of surgical site infection. Retrieved November 5, 2017, from : http://www.cdc.gov/ ncidod/hip/iv/iv. htm. Gynaecology services management committee. (2011). Royal hospital for women local operating procedures clinical policies, procedures & guidelines manual : vaginal douching. approved by quality & patient Safety committee. Retrieved June22, 2018, from: https:// www.seslhd.health.nsw.gov.au/rhw/Manuals/ documents/Gynaecology/Vaginal%20Douchi. Healthcare infection control practices advisory committee. (2017). Guideline for prevention of catheter-associated urinary tract infections 2009 : an update. Retrieved June22, 2018, from : https://www.cdc.gov/infectioncontrol/pdf/ guidelines/cauti-guidelines.pdf

การใช้น้�ำยาท�ำลายเช้อื และการท�ำความสะอาดในโรงพยาบาล 185 บรรณานุกรม (ต่อ) Jenny L. Martino and Sten H. Vermund & PubMed central. (2008). Vaginal douching : evidence for risks or benefits to women’s health. Retrieved June22, 2018, from : https://www. ncbi.nlm.nih.gov/ pmc/articles/PMC2567125/ The Asia pacific society of infection control. APSIC guidelines for disinfection and sterilization of instruments in health care facilities. Retrieved September 11, 2018, from : http:// apsic-apac.org/wp-content/uploads/2017/01/APSIC-Sterilization-guidelines-2017.pdf

186 คูม่ อื การปอ้ งกนั และควบคุมการตดิ เชอื้ โรงพยาบาลศรีนครนิ ทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยขอนแก่น การจดั การผ้าเปือ้ นในโรงพยาบาล สงวน บญุ พูน* ภคมน อปุ ดษิ ฐ์** ความสำ� คัญ ผ้าเปื้อนในโรงพยาบาลส่วนใหญ่เป็นผ้าท่ีใช้กับผู้ป่วยและเป็นแหล่งสะสมของเช้ือโรค ผ้าท่ีเปื้อนเลือดหรือ สารคัดหล่ังจะพบมีการปนเปื้อนแบคทีเรียสูง 106-108 CFU/ผ้า 100 cm2 ซึ่งอาจท�ำให้เกิดโรคได้ ได้แก่ เช้ือแบคทีเรียกลุ่ม Salmonella spp., Bacillus cereus เช้ือไวรัส จ�ำพวก HBV, HCV, HIV เชื้อราจ�ำพวก Microsporum canis และเช้ือปาราสิตจ�ำพวกหิด (scabies) หากมีการบริหารจัดการผ้าเปื้อนท่ีไม่ถูกต้องและ ไมไ่ ดม้ าตรฐาน เชอ้ื โรคเหลา่ นส้ี ามารถเกดิ การแพรก่ ระจายเชอ้ื ไปสคู่ นได้ โดยการแพรก่ ระจายเชอ้ื โรคในงานบรกิ าร ผ้ามักพบว่ามีสาเหตุจากกระบวนการจัดการผ้าที่ไม่เหมาะสม ท่ีพบบ่อยเกิดจากการคัดแยกผ้าและสะบัดผ้า ซง่ึ หนทางการแพรก่ ระจายเชอื้ จากผ้าส่บู คุ ลากรงานบริการผ้า ได้แก่ การสมั ผสั โดยตรง การสัมผัสละออง/ฝนุ่ ผ้า ทมี่ กี ารปนเปอ้ื นเชอื้ โรคโดยผา่ นมาทางอากาศและจากถกู ของแหลมคมทมี่ กี ารปนเปอ้ื นเชอื้ โรคทต่ี ดิ มากบั ผา้ บาด/ ท่ิมต�่ำ ถึงแม้ว่าจะพบรายงานการติดเชื้อโรคที่เกิดจากผ้าเปื้อนน้อยมากแต่ส่งผลกระทบต่อรายจ่ายจำ� นวนมาก ในประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ประมาณการความเสียหายที่เกิดจากอุบัติการณ์ความเจ็บป่วยในหน่วยงานจัดการ ผา้ เปอื้ นประมาณ 5 พันล้านปอนด์ตอ่ ปี ท้งั ทมี่ ีมาตรการป้องกนั การแพร่กระจายเชื้อ (standard precautions) แตไ่ มส่ ามารถปอ้ งกันได้ สำ� หรบั โรงพยาบาลศรนี ครนิ ทร์ มหี นว่ ยซกั ฟอกซงึ่ สงั กดั งานแมบ่ า้ นมหี นา้ ทร่ี บั ผดิ ชอบในการจดั การผา้ เปอ้ื น ทกุ ประเภทสำ� หรบั ใหบ้ รกิ ารผปู้ ว่ ย โดยมบี คุ ลากรจำ� นวน 67 คน ปฏบิ ตั งิ านตามหนา้ ทท่ี ไ่ี ดร้ บั มอบหมาย นอกจาก ยงั มีบุคลากรในหอผปู้ ่วย/หนว่ ยงานต่างๆท่เี กยี่ วขอ้ งกับการจดั การผา้ จากการประเมนิ และการเย่ียมตรวจ ยงั พบ ประเด็นปัญหาการปฏิบัติที่แตกต่างกันระหว่างหน่วยงานและหน่วยซักฟอก เพ่ือให้การบริหารจัดการผ้าเปื้อนได้ ตามมาตรฐาน และเปน็ ไปในทางเดยี วกนั หนว่ ยควบคมุ การตดิ เชอื้ โรงพยาบาลศรนี ครนิ ทรแ์ ละหนว่ ยงานซกั ฟอก จึงได้มีการปรับปรุงแนวทางการจัดการผ้าเปื้อนให้ทันสมัยและได้มาตรฐานเพื่อความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติงาน ผรู้ ับบรกิ ารและสิ่งแวดลอ้ ม ค�ำจ�ำกัดความ ผ้าเปอื้ นในโรงพยาบาล หมายถงึ ผ้าทุกประเภททใ่ี ช้ในการสนับสนนุ การรักษาพยาบาลผ้ปู ่วย ไดแ้ ก่ เสอ้ื ผ้า ผู้ป่วย ผ้าปูที่นอน ผ้าขวางเตียง ผ้าหัตถการทุกชนิดที่ใช้ในการรักษาพยาบาลผู้ป่วย รวมทั้ง เป็นเคร่ืองป้องกัน อันตรายส่วนบุคคลของบุคลากรทางการแพทย์ในการปฏิบัติงานในโรงพยาบาล ได้แก่ เส้ือคลุม หมวกคลุมผม ผ้าปิดปาก-ปดิ จมกู และผา้ กนั เปื้อน * พยาบาลชำ� นาญการพิเศษ หนว่ ยควบคมุ การตดิ เชอ้ื โรงพยาบาลศรนี ครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลยั ขอนแก่น ** หัวหนา้ หน่วยซักฟอก งานแมบ่ า้ น คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น

การจดั การผา้ เปอื้ นในโรงพยาบาล 187 ประเภทของผา้ เปอ้ื น ผ้าเปื้อนโรงพยาบาลมีหลายชนิดตามลักษณะตามการใช้งานเพื่อให้สะดวกต่อการจัดเก็บ การซักและ การให้บรกิ ารผู้ป่วย สามารถแบ่งผ้าเปื้อนได้ 5 ประเภท ดงั นี้ 1. ผา้ เปื้อนตดิ เช้ือ หมายถงึ ผ้าทุกประเภทที่ปนเปอ้ื นเลอื ด สารคดั หล่งั อจุ จาระ ปัสสาวะของผปู้ ่วย และ ผ้าทุกประเภทท่ีใช้กบั ผปู้ ่วยโรคติดเชอื้ 2. ผ้าเปอ้ื นธรรมดา หมายถงึ ผ้าทุกประเภททเ่ี ปอื้ นเหง่อื ไคล ฝุ่นละอองตา่ งๆ ที่ใชก้ บั ผปู้ ว่ ยท่ัวไป 3. ผา้ หตั ถการทใี่ ช้ในการผา่ ตดั หมายถึง ผา้ ทุกประเภททีม่ สี ีเขยี วและสีที่ถกู กำ� หนดใหใ้ ช้ในกระบวนการ ผ่าตัดผปู้ ่วย รวมถงึ เส้อื ผ้าของบคุ ลากรท่ปี ฏิบตั งิ านในห้องผา่ ตดั 4. ผา้ เปอ้ื นสารเคมี หมายถงึ ผา้ เปอ้ื นทกุ ประเภททป่ี นเปอ้ื นสารเคมี เคมบี ำ� บดั ปสั สาวะของผปู้ ว่ ยทไี่ ดร้ บั การรักษาด้วยเคมีบ�ำบัด กัมมันตภาพรงั สี ฝงั แร่ ฉายแสงและปนเปอ้ื นสารเคมอี นั ตรายอ่นื ๆ 5. ผา้ เปื้อนอื่นๆ หมายถงึ ผ้าหอ่ เคร่ืองมือทางการแพทย์ทกุ ขนาด ผ้าถูพ้ืน และผา้ เปือ้ นอืน่ ทีไ่ มไ่ ด้ระบุไว้ ในข้อ 1 – 4 กระบวนการจดั การผ้าเปอ้ื น มี 7 ขั้นตอน ดังนี้ 1. การเก็บรวบรวมผ้าเป้อื น (Collection) เพ่ือลดการแพร่กระจายเชื้อจากการบริการผ้าให้กับผู้ป่วย รวมท้ังผ้าที่ใช้ในการดูแลและรักษาผู้ป่วย การเกบ็ ผ้าเปอ้ื นภายหลงั การดแู ลรักษาผูป้ ว่ ย มแี นวปฏบิ ัตดิ งั น ี้ 1.1 บุคลากรที่ปฏิบัติงานเกี่ยวกับผ้าเปื้อน ต้องสวมใส่เคร่ืองป้องกันอันตรายส่วนบุคคลอย่างถูกต้อง ได้แก่ ผา้ ปิดปาก – ปิดจมกู ถงุ มือ ยางยาว เส้ือคลุมกันเป้อื นหรอื เอื้อมยางกันเปื้อน เป็นต้น 1.2 ก่อนรวบผ้าเปื้อนใส่ภาชนะท่ีก�ำหนด ควรตรวจสอบว่าไม่มีของแหลมคมหรือวัตถุแปลกปลอม ติดไปกับผ้า เช่น เข็มฉีดยา/เจาะเลอื ด กระบอกฉดี ยา ผา้ อ้อมส�ำเร็จรปู สำ� ลี ก๊อซทำ� แผล เป็นต้น 1.3 การเก็บรวบรวมผา้ เป้อื นเลอื ด อุจจาระ ควรใช้วธิ มี ้วนผา้ ใหบ้ รเิ วณที่สกปรกอย่ดู า้ นใน โดยใหส้ ่วน ท่ีไมเ่ ปอื้ นอย่ดู า้ นนอก 1.4 การจดั การกบั ผา้ เปอ้ื นตอ้ งทำ� ดว้ ยความระมดั ระวงั ไมส่ ะบดั ผา้ ไมโ่ ยนทง้ิ ผา้ ลงบนพนื้ เพอื่ ปอ้ งกนั การแพรก่ ระจายเชอ้ื ในสิง่ แวดล้อม 1.5 ไมซ่ ักลา้ ง ท�ำความสะอาดหรอื แช่ผ้าเป้ือนดว้ ยน้�ำยาท�ำลายเชื้อบนหอผู้ปว่ ย 1.6 ถ้ามีก้อนเลือด ก้อนอุจจาระ หรืออาเจียน ให้ขจัดออกให้มากที่สุดก่อนบรรจุในถุงพลาสติกและ มัดปากถุงให้แนน่ ด้วยเชือกฟาง เพอื่ ป้องกนั ของเหลวซึมผ่านและการฟงุ้ กระจายของเชือ้ โรคในอากาศได้ 2. การคัดแยกผ้าเปื้อน (Sorting) เมอ่ื มกี ารใชผ้ า้ ในการดแู ลรกั ษาผปู้ ว่ ยและผา้ ปนเปอ้ื นสง่ิ สกปรก บคุ ลากรทางการแพทยค์ วรแยกประเภท ผา้ ใหช้ ดั เจน ไมค่ วรมกี ารตรวจนบั จำ� นวนผา้ ทใี่ ชแ้ ลว้ เพอื่ ปอ้ งกนั การแพรก่ ระจายเชอ้ื และจดั เกบ็ ไวใ้ นภาชนะรองรบั ผ้าทมี่ ฝี าปดิ มิดชิดในหนว่ ยงานต่างๆ ดังนี้ 2.1 ผ้าเป้ือนธรรมดา ให้แยกท้ิงตามประเภทถังผ้า ดงั น้ี - ถงั ผา้ เปอ้ื นธรรมดา ไดแ้ ก่ ผา้ ทกุ ชนดิ ทใ่ี ชก้ บั ผปู้ ว่ ยทง้ั ผา้ สแี ละผา้ ขาว ผา้ ยางและเอยี๊ มยาง ผา้ หอ เซตสีขาว ให้ทงิ้ ในถงุ ผ้าสีน�ำ้ เงนิ - ถงั ผา้ หอ่ เซตสีเขียว ทง้ิ ในถงุ พลาสติกใส ยกเวน้ กรณีทมี่ ถี ังผ้าเขียวหอ้ งผ่าตดั ทิ้งรวมกนั ได้ - ถงั ทิ้งผ้าห่ม ทิ้งในถังผ้าเป้ือนถงุ ผ้าสีนำ้� เงนิ - ถงั ผา้ เชด็ ตัว ผ้าเช็ดแก้ว ผา้ เชด็ มอื ถังผา้ ซับนำ�้ และผา้ เชด็ เจล ใหท้ ้ิงในถงั ผ้าเป้อื นถงุ พลาสตกิ ใส

188 คู่มอื การปอ้ งกันและควบคุมการติดเชอื้ โรงพยาบาลศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น 2.2 ผ้าเป้ือนตดิ เชอ้ื ให้แยกทง้ิ ตามประเภทถังผ้า ดงั นี้ - ถงั ผา้ เปอ้ื นตดิ เชอื้ ไดแ้ ก่ ผา้ ตดิ เชอื้ ทกุ ชนดิ ทงั้ ผา้ ขาวและผา้ สี ผา้ ยาง เสอ้ื คลมุ แขนยาว เสอื้ กโิ มโน ผา้ หม่ ผา้ เชด็ มอื ผปู้ ว่ ยอาคาร สว. และผา้ เชด็ ตวั ใหท้ งิ้ ในถงุ ผา้ สแี ดง กรณผี า้ เปอ้ื นเปยี กชมุ่ ใหใ้ สถ่ งุ พลาสตกิ ใสกอ่ น ทงิ้ ในถงุ ผา้ สีแดง - ถังผา้ มา่ นพลาสติก ใหท้ ิ้งถุงพลาสติกสแี ดง ติดชื่อหอผปู้ ว่ ยและบอกชนดิ ผ้ามา่ นสง่ -รบั เอง 2.3 ผ้าเปอ้ื นหตั ถการจากห้องผ้าตดั ให้แยกทง้ิ ในถุงผา้ สแี ดง 2.4 ผ้าเปื้อนสารเคมี ให้ทิ้งในถุงพลาสติกสีเหลืองหรือถุงผ้าสีเหลืองมัดปากถุงให้แน่นทุกครั้งก่อนส่ง ซกั ฟอก 2.5 ผ้าเปอ้ื นอนื่ ๆ ให้แยกทิง้ ดังน้ี - ถงั ผ้าทง้ิ ผ้าถูพ้ืน ผา้ ขรี้ ิว้ และผา้ ดันฝุน่ ท้งิ ในถงั ผ้าถุงพลาสติกใส - ถงั ผา้ มา่ น ทง้ิ ในถงั ผา้ เปอ้ื นถงุ ผา้ สนี ำ้� เงนิ ตดิ ชอื่ หอผปู้ ว่ ยและนำ� สง่ ดว้ ยตวั เองทซี่ กั ฟอก ซกั เฉพาะ วนั อาทิตย์ 3. การขนส่งผา้ เปือ้ น (Transportatiion) 3.1 การขนสง่ ผา้ เปอ้ื นจากหอผปู้ ว่ ย/หนว่ ยงาน ไปพกั ผา้ เปอ้ื นไว้ ณ จดุ พกั ผา้ เปอ้ื นในพนื้ ทท่ี โ่ี รงพยาบาล ก�ำหนด ปฏิบตั ดิ งั น้ี 3.1.1 คนงานที่ขนส่งผ้าต้องสวมเครื่องป้องกันร่างกายให้ถูกต้องเหมาะสม ได้แก่ เส้ือคลุม ผ้าปดิ ปาก-จมูก หมวก ถงุ มอื ยางหนาและรองเทา้ บตู๊ 3.1.2 ขนสง่ ผ้าแยกประเภทการขนส่งผ้าเปือ้ นไมป่ ะปนกัน โดยขนผ้าเป้ือนธรรมดาก่อนขนส่งผา้ ติดเช้ือหรือแบ่งพ้ืนที่รถขนส่งให้ชัดเจนไม่ปนกัน น�ำไปพักไว้ ณ จุดพักผ้าเปื้อนในพื้นท่ีท่ีโรงพยาบาลก�ำหนด (ดงั ตารางท่ี 1) ตารางท่ี 1 แสดงจุดพักผ้าเปือ้ นเพอื่ รอส่งซกั หอผูป้ ว่ ย จุดพักผา้ เป้อื น 2ค 2ง อาคารชั้น 2 ค-ง 3ค 3ง อาคารชน้ั 3 ค-ง 4ค 4ง 5ค และ 5ง อาคารชั้น 5 ค-ง 2ก 2ข 2จ และจติ เวช อาคารชั้น 2 ก-ข 3ก 3ข 3จ อาคารชน้ั 3 ก-ข 4ก 4ข 4จ อาคารชั้น 4 ก-ข 5ก 5ข 5จ อาคารชน้ั 5 ก-ข 6ก 6ข 6จ อาคารชน้ั 6 ก-ข AE1 AE2 AE3 AE4 และ OPD AE หอผู้ปว่ ย AE1 CCU, CVT-ICU บรเิ วณด้านข้างหอผปู้ ่วย Burn unit, S&EICU ที่พักขยะประจำ� หอผ้ปู ว่ ย 2ฉ 3ฉ ห้องตรวจผูป้ ว่ ยนอก อาคารเฉลมิ พระบารมี อาคารกัลยานวิ ัฒนานสุ รณ์ จุดพกั ผา้ อาคารกัลยานิวัฒนานสุ รณ์ หอ้ งผ่าตดั จดุ พกั ผา้ เป้ือนข้างห้องผา้ ตัด หมายเหต:ุ หอผปู้ ่วย 4ค 4ง ใหข้ นสง่ ข้นึ ลิฟต์ขนขยะ หมายเลข 8


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook