- 95 - มาตรา ๒๓ ใหรฐั มนตรีวาการกระทรวงมหาดไทยรกั ษาการตามพระราชบัญญตั ิน้แี ละใหมี อาํ นาจแตงต้ังเจา พนกั งานออกบัตร เจาพนักงานตรวจบัตร และพนักงานเจา หนาท่ี ออกกฎกระทรวงกําหนด อตั ราคาธรรมเนยี มไมเกินอัตราทา ยพระราชบัญญตั ินี้ ยกเวน คาธรรมเนยี มและกาํ หนดกิจการอนื่ เพือ่ ปฏบิ ตั ิการใหเปนไปตามพระราชบญั ญตั ินี้ กฎกระทรวงนั้น เมื่อไดป ระกาศในราชกจิ จานุเบกษาแลวใหใชบ งั คับได กฎหมายลําดบั รองทเี่ กยี่ วของ 1. คาํ สัง่ กระทรวงมหาดไทย ที่ 452/2542 เรอ่ื งแตงตง้ั เจา พนกั งานตรวจบตั รและ พนกั งานเจา หนา ที่ ลงวนั ท่ี 3 พฤศจิกายน 2542 1. ใหพนักงานฝายปกครองหรอื ตํารวจชัน้ ผใู หญ ปลัดอําเภอ และขาราชการตาํ รวจซงึ่ มียศ ตั้งแตรอ ยตํารวจตรหี รือเทยี บเทารอยตํารวจตรขี ้นึ ไป เปนเจาพนักงานตรวจบตั รภายในเขตอํานาจหนาท่ี 2. ใหพนักงานฝายปกครองหรือตํารวจ สมาชกิ กองอาสารักษาดนิ แดน และเจาหนา ทก่ี อง อาํ นวยการรกั ษาความมน่ั คงภายใน ซ่ึงปฏบิ ัตงิ านอยูตามดา นตรวจทต่ี ั้งขึ้นโดยชอบดว ยกฎหมายเปน เจาพนักงาน ตรวจบตั รเฉพาะดานตรวจนัน้ 7. ใหน ายอําเภอ ปลัดอาํ เภอผูเปน หวั หนา ประจาํ กงิ่ อาํ เภอ และปลดั อาํ เภอ เปน พนกั งาน เจา หนาทต่ี ามมาตรา 6 มาตรา 6ตรี มาตรา 6จตั วา มาตรา 8 มาตรา 9 มาตรา 10 และมาตรา 14 และในอาํ เภอหรือกิง่ อําเภอนั้น ยกเวนในจงั หวดั ท่กี ระทรวงมหาดไทยประกาศกําหนดใหเปนทองที่ สาํ หรับการออกบตั รดวยระบบคอมพิวเตอร ใหเ ปน พนักงานเจาหนาท่ีตามมาตรา 10 ท่ัวราชอาณาจกั ร 13. ใหนายอําเภอ ปลดั อําเภอผูเ ปนหวั หนาประจาํ ก่งิ อาํ เภอ ผูอํานวยการเขต ปลดั เทศบาล หวั หนา สาํ นักปลดั เมืองพทั ยา และหัวหนาแขวง เปน พนักงานเจา หนา ท่ีตามมาตรา 22 เฉพาะในอําเภอ กิง่ อําเภอ สํานักงานเขต เทศบาล เมืองพัทยา หรือแขวง สรปุ ประเด็นทนี่ ายอําเภอมีอํานาจหนาท่ี นายอาํ เภอเปน พนกั งานเจา หนา ทต่ี ามมาตรา 6 มาตรา 6 ตรี มาตรา 6 จตั วา มาตรา 8 มาตรา 9 มาตรา 10 และมาตรา 14 ตามพระราชบัญญตั บิ ตั รประจาํ ตวั ประชาชน พ.ศ. ๒๕๒๖ ในอําเภอหรอื กิ่งอาํ เภอนนั้ ยกเวน ในจงั หวดั ทก่ี ระทรวงมหาดไทยประกาศกําหนดใหเปน ทองท่สี ําหรับการออกบตั รดว ยระบบคอมพวิ เตอร ใหเปนพนักงานเจาหนาทีต่ ามมาตรา 10 ตามพระราชบัญญัติบัตรประจาํ ตัวประชาชน พ.ศ. ๒๕๒๖ ทว่ั ราชอาณาจกั ร และนายอาํ เภอ ปลดั อาํ เภอผเู ปน หวั หนา ประจาํ กง่ิ อาํ เภอ เปน พนกั งานเจา หนา ทต่ี ามมาตรา 22 ตามพระราชบัญญัตบิ ตั รประจาํ ตัวประชาชน พ.ศ. ๒๕๒๖ เฉพาะในอําเภอ กิ่งอําเภอ
- 96 - (21) พระราชบญั ญตั โิ รงแรม พ.ศ. 2547 มาตราท่เี กยี่ วขอ ง มาตรา 45 ในการปฏบิ ตั ิหนา ที่ ใหพนักงานเจาหนา ทท่ี ไี่ ดรบั มอบหมายเปน หนังสือจาก นายทะเบยี นมีอาํ นาจ ดังตอไปนี้ (1) เขาไปในโรงแรมในระหวางเวลาพระอาทิตยข ึ้นจนถึงพระอาทติ ยตกเพื่อตรวจสอบ ใบอนุญาต ทะเบียนผูพกั บัตรทะเบยี นผพู ัก สภาพและลกั ษณะของโรงแรม หรือตรวจสอบหองพกั ทีว่ าง หรือสวนหนึ่งสว นใดของโรงแรมทีเ่ ปดใชร วมกันหรือเขา ไปในโรงแรมในเวลาทาํ การเพื่อตรวจสอบจาํ นวน และประวัติของพนักงานโรงแรม ทัง้ น้ี เพ่ือควบคุมใหก ารเปนไปตามพระราชบัญญตั นิ ้ี (2) มีหนงั สอื เรียกผปู ระกอบธุรกิจโรงแรม ผูจดั การ หรอื เจา หนา ทข่ี องโรงแรมมาใหถอยคาํ หรือช้ีแจงหรอื สง เอกสารหรือหลักฐานท่ีเก่ยี วของมาเพื่อประกอบการพจิ ารณา เมอ่ื ไดเ ขาไปและลงมือทําการตรวจสอบตาม (1) แลว ถายังดําเนนิ การไมเ สร็จจะกระทําตอไป ในเวลากลางคนื หรือนอกเวลาทาํ การของโรงแรมน้นั ก็ได ท้ังนี้ เฉพาะในกรณีทีก่ ารตรวจสอบใกลจ ะเสร็จ สน้ิ หรือมเี หตุอนั ควรสงสัยวาหากเนิ่นชา ในการตรวจสอบจะมีการปกปดหรือแกไขเปลี่ยนแปลงเอกสาร หรือหลกั ฐานไปจากเดิม มาตรา 46 ในการปฏบิ ตั หิ นาที่ พนักงานเจาหนาที่ตองแสดงบัตรประจําตัวและหนังสือมอบหมาย จากนายทะเบียนแกบคุ คลซ่ึงเกี่ยวของ บัตรประจําตวั พนกั งานเจาหนาท่ี ใหเปนไปตามแบบท่รี ัฐมนตรปี ระกาศกาํ หนด มาตรา 47 ในการปฏบิ ัตหิ นาท่ีตามพระราชบัญญตั ินี้ ใหก รรมการสง เสริมและกํากับธรุ กจิ โรงแรม นายทะเบียน และพนักงานเจาหนา ทีเ่ ปน เจา พนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา สรปุ ประเดน็ ทนี่ ายอาํ เภอมอี ํานาจหนา ท่ี 1. อํานาจหนาที่นายอําเภอในฐานะพนกั งานเจาหนาทเี่ ม่ือไดร ับมอบหมายเปนหนังสอื จากนายทะเบยี น การที่นายอําเภอจะมีอํานาจในฐานะพนกั งานเจาหนาทตี่ ามพระราชบัญญัตโิ รงแรม พ.ศ. 2547 นัน้ จะตองไดรับมอบหมายเปน หนังสือจากนายทะเบียนเสยี กอน ซ่ึงตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง แตง ต้ังนายทะเบยี นตามพระราชบัญญัติโรงแรม พ.ศ. 2547 ไดกําหนดใหผดู ํารงตาํ แหนง อธิบดี กรมการปกครอง เปน นายทะเบยี นในเขตกรุงเทพมหานคร และผวู าราชการจงั หวดั เปนนายทะเบยี นในเขต จังหวัดนน้ั ๆ เมื่อนายอาํ เภอไดร ับมอบหมายแลวกจ็ ะมีอํานาจตามมาตรา 45 คือ (1) เขาไปในโรงแรมในระหวางเวลาพระอาทิตยข้ึนจนถึงพระอาทิตยต กเพ่ือตรวจสอบ ใบอนญุ าต ทะเบียนผูพัก บตั รทะเบียนผูพัก สภาพและลกั ษณะของโรงแรม หรอื ตรวจสอบหองพกั ท่วี าง หรือสวนหน่ึงสว นใดของโรงแรมที่เปดใชร ว มกันหรือเขา ไปในโรงแรมในเวลาทาํ การเพื่อตรวจสอบจํานวน และประวัติของพนักงานโรงแรม ท้งั นี้ เพื่อควบคุมใหก ารเปนไปตามพระราชบญั ญตั นิ ี้
- 97 - (2) มหี นังสอื เรียกผูประกอบธรุ กิจโรงแรม ผูจัดการ หรอื เจา หนา ท่ีของโรงแรมมาใหถอ ยคาํ หรอื ช้แี จงหรอื สงเอกสารหรือหลักฐานทเ่ี ก่ียวของมาเพื่อประกอบการพจิ ารณา เมอ่ื ไดเขาไปและลงมือทาํ การตรวจสอบตาม (1) แลว ถายงั ดาํ เนินการไมเสร็จจะกระทํา ตอ ไปในเวลากลางคนื หรือนอกเวลาทําการของโรงแรมน้นั ก็ได ทั้งน้ี เฉพาะในกรณีทีก่ ารตรวจสอบใกลจ ะ เสร็จสิ้นหรือมีเหตุอนั ควรสงสัยวาหากเน่ินชาในการตรวจสอบจะมีการปกปด หรอื แกไขเปล่ียนแปลงเอกสาร หรอื หลักฐานไปจากเดิม (22) พระราชบัญญัติโรงรบั จํานํา พ.ศ. 2505 มาตราทเ่ี ก่ียวขอ ง มาตรา 28 เจาพนักงานตรวจโรงรับจาํ นาํ ซง่ึ รัฐมนตรีแตง ตงั้ มอี าํ นาจเขาไปในโรงรบั จาํ นํา เพ่อื ตรวจทรัพยจ ํานําและเอกสารทเ่ี ก่ียวกับการรับจํานํา และผรู ับจํานําตอ งใหความสะดวกตามสมควร เจาพนักงานตรวจโรงรับจํา นํา ตองมีบตั รประจาํ ตวั ตามแบบที่กําหนดในกฎกระทรวง และ ตองแสดงบัตรประจาํ ตวั เม่ือผูที่เก่ยี วของรองขอ มาตรา 43 ใหรฐั มนตรวี าการกระทรวงมหาดไทยรกั ษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และใหมี อาํ นาจแตงตัง้ เจา พนกั งานผูออกใบอนญุ าต เจาพนักงานตรวจโรงรบั จาํ นํา และออกกฎกระทรวงกาํ หนด คา ธรรมเนียมไมเกินอัตราทายพระราชบัญญตั นิ ้ี และกําหนดกจิ การอ่ืนเพื่อปฏบิ ัติการตามพระราชบัญญัตนิ ้ี กฎกระทรวงนั้น เม่อื ประกาศในราชกิจจานเุ บกษาแลว ใหใ ชบ งั คบั ได กฎหมายลําดบั รองทเี่ ก่ียวของ 1. ประกาศกระทรวงมหาดไทย เร่ือง แตง ต้ังเจาพนักงานผอู อกใบอนญุ าต และเจา พนักงานตรวจ โรงรบั จํานํา ตามพระราชบัญญัติโรงรับจํานํา พ.ศ. 2505 ขอ 3 ใหแตง ต้ังผูดํารงตําแหนงตอไปน้ี เปนเจา พนักงานตรวจโรงรับจํานํา (1) อธิบดีกรมการปกครอง และขาราชการพลเรือนสามัญ สังกดั กรมการปกครองตั้งแต ระดับ 4 ข้นึ ไป ในเขตกรุงเทพมหานคร (2) ปลัดจงั หวัด นายอําเภอ ปลัดอําเภอผูเปนหัวหนาประจํากิ่งอําเภอ ปลัดอําเภอแหง ทอ งที่ในเขตจังหวดั อื่น สรปุ ประเด็นทีน่ ายอาํ เภอมีอํานาจหนาท่ี นายอาํ เภอเปนเจาพนกั งานตรวจโรงรบั จาํ นําในเขตอาํ เภอมีอํานาจหนาท่ีเขาไปในโรงรับ จํานาํ เพื่อตรวจทรพั ยจาํ นาํ และเอกสารทีเ่ ก่ียวกับการรับจํานาํ โดยผรู ับจํานาํ ตองใหค วามสะดวกตาม
- 98 - สมควร ท้ังนนี้ ายอําเภอในฐานะเจาพนักงานตรวจโรงรับจํานํา ตอ งมีบัตรประจาํ ตวั ตามแบบทก่ี ําหนดใน กฎกระทรวงและตองแสดงบัตรประจําตัวเม่ือผทู เ่ี กีย่ วของรองขอ (23) พระราชบญั ญตั ริ บั ราชการทหาร พ.ศ. ๒๔๙๗ มาตราที่เกย่ี วขอ ง มาตรา ๔ ในพระราชบญั ญตั ิน้ี (๙) “อําเภอ” หมายความรวมถึงก่งิ อําเภอดวย (๑๐) “ท่ีวาการอําเภอ” หมายความรวมถงึ ทวี่ าการก่ิงอําเภอดว ย (๑๑) “นายอําเภอ” หมายความรวมถึงปลดั อาํ เภอผเู ปน หัวหนา ประจาํ กิง่ อาํ เภอดว ย มาตรา ๕ บคุ คลซง่ึ ตอ งลงบัญชที หารกองเกนิ ใหล งบญั ชที อ่ี ําเภอดังตอไปนี้ (๑) บุคคลซงึ่ บดิ ายังมีชวี ิตอยู หรอื ถา บดิ าถึงแกก รรมแลวมารดายังมชี ีวิตอยู หรือถาทั้งบิดา และมารดาถึงแกกรรมแลวมีผปู กครอง ใหล งบัญชที หารกองเกินท่อี าํ เภอทอ งท่ีทบ่ี ดิ าหรือมารดาหรอื ผปู กครอง มภี มู ลิ าํ เนา แลว แตก รณี (๒) บุคคลซ่งึ เกดิ นอกสมรสและบดิ ามิไดจ ดทะเบยี นรบั รองบุตร หรอื ถา มารดาถงึ แกกรรม แลว มผี ปู กครอง ใหล งบัญชีทหารกองเกนิ ที่อาํ เภอทอ งท่ีทมี่ ารดาหรือผปู กครองมีภูมิลาํ เนาแลวแตก รณี (๓) บุคคลนอกจากทก่ี ลา วใน (๑) และ (๒) หรือบุคคลทไ่ี มอาจลงบัญชีทหารกองเกินตาม (๑) หรอื (๒) ได ไมวา ดว ยกรณใี ดก็ตาม ใหล งบญั ชีทหารกองเกนิ ทอี่ าํ เภอทองทีท่ ี่บุคคลนั้นมีภูมลิ ําเนา ถา บคุ คลนน้ั ไมปรากฏภูมลิ ําเนากใ็ หล งบัญชที หารกองเกินท่ีอําเภอทอ งที่ทีพ่ บตวั บุคคลนน้ั เมอื่ ไดลงบัญชที หารกองเกนิ แลว ใหถือวา ผูนนั้ มีภูมลิ ําเนาทหารอยใู นทองท่ีอําเภอท่ีไดล งบญั ชี ทหารกองเกนิ ภมู ลิ ําเนาทหารใหมไี ดเพยี งแหง เดยี ว มาตรา ๙ ทหารกองเกนิ ซึ่งมีอายุตงั้ แตส บิ แปดปบริบูรณแ ละยงั ไมถึงสามสิบปบรบิ ูรณ เปนผทู ีอ่ ยู ในระหวา งที่จะตองเขา รบั ราชการทหารกองประจาํ การ และเมอื่ ตอ งเขากองประจําการจะตอ งเขา รบั ราชการ ทหารกองประจําการมีกําหนดสองป สวนผูซง่ึ มีคุณวุฒิพิเศษหรอื เม่ือมีกรณีพเิ ศษ จะใหรับราชการทหาร กองประจาํ การนอยกวา สองปตามท่กี ําหนดในกฎกระทรวงกไ็ ดแ ตส ําหรับผซู ง่ึ มีคุณวุฒพิ เิ ศษนั้น จะอาง สทิ ธดิ งั กลา วไดตอเมื่อไดแสดงหลกั ฐานตอ คณะกรรมการตรวจเลอื กในวนั ตรวจเลอื ก หรอื ตอ หนวยทหาร ที่ตนรอ งขอเขา รบั ราชการในวนั รองขอ วนั เร่มิ เขา รบั ราชการทหารกองประจาํ การ ใหน ับแตวนั ขน้ึ ทะเบียนกองประจําการ ในกรณที ่ี ทหารกองเกนิ เขา รบั ราชการทหารกองประจาํ การแลว แตยังข้ึนทะเบียนกองประจําการใหไมไดใ นวนั ท่ที หาร กองเกนิ เขา รบั ราชการทหารกองประจาํ การนน้ั จะขน้ึ ทะเบยี นกองประจาํ การภายหลงั จากวนั เขา รบั ราชการ ทหารกองประจําการก็ได และใหถือวาผูนัน้ ไดข้ึนทะเบยี นกองประจาํ การต้งั แตว ันท่ีเขารบั ราชการทหาร กองประจาํ การ เม่ืออยูในกองประจาํ การจนครบกําหนดแลว ใหป ลดเปนทหารกองหนนุ ประเภทท่ี ๑ ดังนี้ กองหนุนชั้นที่ ๑ เจด็ ป
- 99 - กองหนนุ ช้ันท่ี ๒ สิบป กองหนุนชั้นท่ี ๓ หกป ตามลาํ ดับช้ันไปจนปลดพน ราชการทหารประเภทท่ี ๑ บคุ คลซึ่งสําเร็จการฝก วิชาทหารตามหลักสูตรท่กี ระทรวงกลาโหมกาํ หนดตามกฎหมายวา ดว ย การสง เสรมิ การฝก วชิ าทหาร และมลี กั ษณะตามท่ีกาํ หนดในกฎกระทรวง จะใหร บั ราชการทหารกองประจําการ นอยกวา สองป หรือใหขึ้นทะเบียนกองประจําการแลวปลดเปนทหารกองหนุนประเภทท่ี ๑ โดยมิตองเขา รับราชการทหารกองประจาํ การกไ็ ด ทงั้ น้ี ตามหลกั เกณฑและวธิ ีการท่กี าํ หนดในกฎกระทรวง แตจะอาง สทิ ธิดงั กลา วไดตอเม่ือไดแสดงหลักฐานตอ คณะกรรมการตรวจเลอื กในวันตรวจเลือก หรือตอ หนวยทหาร ที่ตนรองขอเขารบั ราชการในวนั รอ งขอ หรือตอ หนวยท่ีขนึ้ ทะเบียนกองประจําการ แลว แตกรณี สวนทจ่ี ะ ใหอ ยูในกองหนุนชัน้ ใดและเปนเวลาเทาใดน้ัน ใหป ฏิบัติเชนเดยี วกับการปลดทหารกองเกินทต่ี อ งเขารบั ราชการทหารกองประจําการตามวรรคสอง ใหผ วู าราชการจงั หวัดและสสั ดจี ังหวัดออกหนังสอื สําคญั ใหแกทหารท่ีถูกปลดเปน ทหาร กองหนนุ ไวเ ปน หลกั ฐาน หากหนังสือสําคัญชาํ รดุ หรือสูญหาย ใหผถู ือแจง ตอนายอําเภอทองที่เพ่ือขอรบั หนงั สือสําคญั ใหม โดยเสียคาธรรมเนียมฉบับละหนึ่งบาท แตถาการชํารดุ หรือสญู หายน้นั เปน เพราะเหตุ สุดวิสยั ก็ไมต องเสยี คาธรรมเนียม มาตรา ๑๒ บคุ คลซึ่งไดล งบัญชีทหารกองเกินตามมาตรา ๑๖ หรอื ทหารกองเกนิ หรอื ทหาร กองหนุนผใู ดประสงคจ ะไปอยตู างทองที่ในอําเภอเดียวกนั หรอื ตา งอําเภอเปนการชว่ั คราวเกนิ สามสบิ วนั ใหแจง ตอนายอําเภอทองท่ีที่ตนเขามาอยู และใหนายอาํ เภอทไ่ี ดร ับแจง ทาํ การสอบสวนและออกใบรับให แลวแจงใหนายอําเภอทองทีท่ ี่ผนู ั้นมีภูมิลาํ เนาทหารทราบ ถาบคุ คลตามวรรคหนึ่งประสงคจะยายภมู ลิ ําเนาทหาร ใหแจงตอนายอําเภอทอ งท่ีทีต่ นเขามา อยูน นั้ ใหน ายอําเภอที่ไดร ับแจงทําการสอบสวน เม่อื พจิ ารณาเห็นวาผขู อยา ยไดม าตั้งทาํ มาหาเลี้ยงชพี เปน ประจาํ หรือมที ีอ่ ยเู ปนหลักฐานและไมประสงคจะหลีกเลีย่ งการรับราชการทหาร กใ็ หแ จง ไปยงั นายอําเภอ ทอ งท่ีทเี่ ปน ภมู ิลําเนาทหารเดิมทราบ เมือ่ ไดรบั ตอบยืนยนั เปน การถูกตอ งจึงใหรับแจงการยา ยภูมิลาํ เนา ทหารของบุคคลนั้นและออกใบรับให แลว ใหน ายอาํ เภอท่ีเก่ียวของแจง ใหผ วู า ราชการจังหวัดของตนทราบ การแจง ยายตามวรรคหนึ่งและวรรคสองใหกระทําภายในสามสบิ วันนับแตว นั ทยี่ ายเขามาอยูในทอ งท่ี มาตรา ๑๒ ทวิ บุคคลซึ่งไดล งบญั ชีทหารกองเกินตามมาตรา ๑๖ หรือทหารกองเกินหรือ ทหารกองหนุนผใู ดไดรบั อนญุ าตใหเปลีย่ นชือ่ ตัวหรอื ชือ่ สกุล ใหผ ูน ั้นนําหลกั ฐานไปแจง ตอนายอําเภอ ทองท่ีทเ่ี ปนภูมลิ าํ เนาทหารทราบภายในสามสบิ วันนบั แตว นั ท่ไี ดรับอนุญาต ใหน ายอําเภอออกใบรับให และแกใบสําคญั และบญั ชใี หถูกตอง ในกรณีหนังสือสําคญั หรือใบสําคัญท่จี งั หวัดเปน ผูออก ใหสงผูวา ราชการจังหวดั และสสั ดีจังหวัดจัดการแก มาตรา ๑๓ บคุ คลดังตอไปนี้ ยกเวน ไมตองเขา รับราชการทหารกองประจาํ การ คอื (๑) พระภิกษทุ ี่มีสมณศักดิ์ หรือท่เี ปน เปรียญ และนกั บวชในพระพุทธศาสนาแหง นกิ ายจนี หรือญวนทมี่ สี มณศักดิ์ (๒) คนพิการทุพพลภาพ ซ่ึงไมส ามารถเปนทหารได (๓) บุคคลซึง่ ไมมีคุณวฒุ ทิ ่จี ะเปนทหารไดเฉพาะบางทองที่ ตามที่กําหนดในกฎกระทรวง
- 100 - มาตรา ๑๔ บคุ คลดงั ตอไปน้ี เม่ือลงบัญชีทหารกองเกนิ แลวไมเรยี กมาตรวจเลอื กเขา รับ ราชการทหารกองประจําการในยามปกติ คอื (๑) พระภิกษุ สามเณร และนักบวชในพระพทุ ธศาสนาแหงนกิ ายจีนหรือญวน ซง่ึ เปน นักธรรมตามที่กระทรวงศึกษาธิการรบั รอง (๒) นกั บวชศาสนาอนื่ ซึง่ มหี นาท่ปี ระจํา ในกจิ ของศาสนาตามทก่ี ําหนดในกฎกระทรวง และ ผูวา ราชการจังหวัดออกใบสําคัญใหไ ว (๓) บุคลซึง่ อยใู นระหวา งการฝก วิชาทหารตามหลักสูตรทรี่ ะทรวงกลาโหมกาํ หนด ตาม กฎหมายวา ดว ยการสงเสริมการฝก วิชาทหาร (๔) นักเรียนโรงเรียนเตรียมทหารของกระทรวงกลาโหม (๕) ครซู ึง่ ประจําทาํ การสอนหนังสอื หรอื วิชาการตาง ๆ ทอ่ี ยูในความควบคุมของกระทรวง ทบวง กรม หรอื ราชการสวนทองถิน่ ท้งั นี้ ตามทกี่ ําหนดในกฎกระทรวง และผวู าราชการจังหวัดออก ใบสําคัญใหไว (๖) นกั ศึกษาของศนู ยก ลางอบรมการศึกษาผใู หญข องกระทรวงศกึ ษาธกิ าร (๗) นกั ศึกษาของศนู ยฝ ก การบินพลเรือนของกระทรวงคมนาคม (๘) บุคคลซงึ่ ไดส ัญชาติไทยโดยการแปลงสญั ชาติ (๙) บคุ คลซึ่งไดร ับโทษจําคกุ โดยคําพิพากษาถึงที่สุดใหจ ําคุกครั้งเดียวตัง้ แตสบิ ปข ึ้นไป หรอื เคยไดร ับโทษจําคุกโดยคาํ พิพากษาถงึ ทส่ี ดุ ใหจ ําคกุ หลายครั้งรวมกันตั้งแตสิบปขนึ้ ไป หรอื เคยถูกศาล พพิ ากษาใหก กั กนั การไมเ รยี กมาตรวจเลอื กเขา รบั ราชการทหารกองประจาํ การในยามปกติ และการออก ใบสาํ คญั ตาม (๒) และ (๕) ใหเปนไปตามหลักเกณฑ วิธกี าร และแบบท่ีกาํ หนดในกฎกระทรวง มาตรา ๑๕ บคุ คลซ่ึงพนจากฐานะตามทกี่ ําหนดไวใ นมาตรา ๑๓ (๑) มาตรา ๑๔(๑) (๒) (๓) (๕) (๖) หรือ (๗) มาตรา ๒๗ (๒) หรอื มาตรา ๒๙ (๓) ใหแ จงดว ยตนเองตอนายอําเภอทองทที่ ี่ตนอยูหรือ ทาํ การประจํา ภายในสามสิบวันนบั แตวนั ท่พี น จากฐานะเชนน้นั และใหนายอําเภอออกใบรบั ให ถาผูนนั้ มี ภูมลิ ําเนาทหารอยใู นทองที่อําเภออน่ื ใหนายอาํ เภอทไี่ ดรับแจง แจงตอไปยงั นายอาํ เภอทองทท่ี ่ีเปน ภมู ิลาํ เนาทหารของผนู ัน้ มาตรา ๑๖ บรรดาชายซ่ึงมีสัญชาติไทย เมื่อมีอายยุ างเขา สิบแปดปในพทุ ธศักราชใด ใหไ ป แสดงตนเพื่อลงบัญชีทหารกองเกนิ ภายในพุทธศกั ราชนนั้ ผูใดไมส ามารถไปลงบัญชที หารกองเกนิ ดว ยตนเองได ตอ งใหบ คุ คลซ่ึงบรรลุนิติภาวะและ เชื่อถือไดไปแจง แทน ใหนายอาํ เภอสอบสวน เม่อื เห็นวา ถูกตอ ง ใหล งบัญชที หารกองเกินไว ถา ไมมีผูมา แจง แทน ใหถือวาผนู ั้นหลีกเลี่ยงขัดขนื ไมม าลงบญั ชที หารกองเกิน เมือ่ ไดร บั การขอลงบญั ชที หารกองเกนิ ตามมาตราน้ี ใหน ายอําเภอออกใบสําคญั หรือใบรับให ผขู อลงบัญชีทหารกองเกนิ ไวเ ปน หลักฐาน หากใบสาํ คญั ชํารดุ หรอื สูญหาย ใหผ ูถือแจงตอนายอาํ เภอ ทอ งท่ีเพ่ือขอรบั ใบสาํ คัญใหมโดยเสยี คาธรรมเนียมฉบบั ละหนึ่งบาท แตถาการชํารุดหรือสูญหายน้ันเปน เพราะเหตุสุดวสิ ยั ก็ไมตองเสียคา ธรรมเนยี ม
- 101 - ผูซึ่งไดล งบญั ชีทหารกองเกินตามมาตราน้แี ลว ใหถอื วา เปนทหารกองเกินต้งั แตวันท่ี ๑ มกราคม ของพทุ ธศักราชถดั ไป การลงบญั ชที หารกองเกินตามมาตรานี้ ใหเ ปน ไปตามหลกั เกณฑ วิธกี าร และแบบท่ีกาํ หนด ในกฎกระทรวง มาตรา ๑๗ ในเดือนกนั ยายนทกุ ป ใหนายอําเภอจัดการประกาศใหผ ูที่มอี ายุถึงเขตทจี่ ะตอง ลงบัญชที หารกองเกินไปลงบัญชที หารกองเกนิ ตามทก่ี ําหนดไวใ นมาตรา ๑๖ ประกาศเชนวา น้ี ให นายอาํ เภอปดไว ณ ท่วี า การอาํ เภอและ ณ ทเี่ ปด เผยตามชุมนมุ ชนในทอ งท่นี ัน้ กับใหน ายอาํ เภอสง ประกาศใหก าํ นนั ผูใหญบ า นเพ่ือนาํ ไปแจง ใหร าษฎรในทองทขี่ องตนทราบดว ย มาตรา ๑๘ บคุ คลซึ่งยงั มิไดลงบัญชีทหารกองเกนิ ทีอ่ ําเภอพรอมกบั คนชัน้ ปเ ดียวกันเพราะ เหตุใด ๆ กด็ ี ถา อายยุ งั ไมถงึ ส่ีสบิ หกปบรบิ ูรณ ใหป ฏบิ ัติทาํ นองเดียวกับมาตรา ๑๖ ภายในสามสบิ วันนบั แตว นั ท่ีสามารถจะปฏิบตั ิได แตจ ะใหผูอ่ืนแจง แทนไมได ถา นายอาํ เภอจะเรียกตวั ลงบัญชที หารกองเกินก็ ยอมทาํ ไดโดยไมต องคาํ นึงถงึ กําหนดเวลาดังกลาวแลว เมื่อไดร บั การลงบญั ชีทหารกองเกนิ ตามมาตราน้ี ใหน ายอําเภอออกใบสาํ คัญหรอื ใบรบั ใหไว เปนหลกั ฐาน หากใบสําคัญชาํ รุดหรือสูญหาย ใหผ ถู ือแจงตอนายอาํ เภอทองท่ีเพ่ือขอรบั ใบสาํ คัญใหมโดยเสยี คา ธรรมเนยี มฉบบั ละหนง่ึ บาท แตถาการชํารุดหรือสญู หายนัน้ เปนเพราะเหตสุ ดุ วิสัยก็ไมต องเสียคาธรรมเนียม ผซู ่ึงไดล งบัญชที หารกองเกนิ ตามมาตราน้แี ลว ใหถอื วา เปน ทหารกองเกินตัง้ แตวันลงบัญชี ทหารกองเกิน แตถามีอายคุ รบกําหนดปลดเปน ทหารกองหนุนประเภทท่ี ๒ ตามมาตรา ๓๙ เมือ่ ไดล งบญั ชที หารกองเกนิ แลว ใหปลดเปน ทหารกองหนุนประเภทท่ี ๒ ทันทีการลงบัญชี ทหารกองเกนิ ตามมาตรานี้ใหเปนไปตามหลักเกณฑ วิธีการ และแบบท่ีกาํ หนดในกฎกระทรวง มาตรา ๑๙ เม่ือจาํ เปน นายอําเภอมีอาํ นาจประกาศเรียกบุคคลที่ไดลงบญั ชที หารกองเกนิ ไว ท่ีอําเภอตามมาตรา ๑๖ หรอื มาตรา ๑๘ แลว ไปแสดงตนเพอื่ ลงบัญชที หารกองเกินใหมไดภายในกาํ หนด เกาสบิ วันนบั ตง้ั แตวนั ประกาศ ประกาศเชนวา นี้ ใหนายอําเภอปด ไว ณ ทว่ี า การอาํ เภอและ ณ ทีเ่ ปด เผยตามชุมนมุ ชนใน ทอ งท่ีนน้ั กบั ใหนายอําเภอสงประกาศใหกาํ นนั ผใู หญบานเพื่อนาํ ไปแจง ใหร าษฎรในทอ งทขี่ องตนทราบดว ย ผใู ดไมส ามารถจะไปลงบัญชีทหารกองเกนิ ดว ยตนเองได ตอ งใหบคุ คลซง่ึ บรรลุนติ ภิ าวะและ พอจะเช่อื ถือไดไปแจง แทน ถาไมมผี แู ทนใหถือวา ผนู ั้นหลกี เลย่ี งขดั ขนื เม่อื ไดรบั การขอลงบญั ชีทหารกองเกนิ ตามมาตรานี้ ใหนายอาํ เภอออกใบสําคญั หรอื ใบรับให ผขู อลงบญั ชที หารกองเกินไวเปนหลกั ฐาน ตามทกี่ ําหนดในกฎกระทรวง หากใบสาํ คัญชํารดุ หรอื สูญหาย ใหผ ูถอื แจงตอนายอําเภอทอ งที่เพื่อขอรบั ใบสาํ คัญใหมโดยเสียคา ธรรมเนยี มฉบบั ละหน่ึงบาท แตถ า การ ชํารุดหรอื สญู หายนน้ั เปน เพราะเหตุสุดวิสัย ก็ไมตอ งเสียคาธรรมเนยี ม มาตรา ๒๑ บุคคลดงั ตอไปน้ีไมต องไปแสดงตนตอ นายอําเภอ ตามมาตรา ๑๖ มาตรา ๑๘ หรือมาตรา ๑๙ คือ (๑) สามเณรเปรียญ (๒) ผซู งึ่ อยูใ นระหวา งควบคมุ หรือคุมขังของเจาพนักงาน แตใ หลงบญั ชีทหารกองเกินไวต ามหลักเกณฑ วิธกี าร และแบบท่ีกาํ หนดในกฎกระทรวง
- 102 - มาตรา ๒๔ การเรียกทหารกองเกนิ เขา รับราชการทหารกองประจาํ การน้ัน ใหนายอําเภอ ออกหมายเรยี กทหารกองเกนิ ซึง่ ลงบัญชีทหารกองเกินไวต ามมาตรา ๑๖ มาตรา ๑๘ และมาตรา ๑๙ มาตรวจเลอื ก ทง้ั นี้ ใหเปน ไปตามหลักเกณฑ วธิ ีการ และแบบทก่ี าํ หนดในกฎกระทรวง มาตรา ๒๕ ทหารกองเกินเมื่อมีอายุยา งเขา ยี่สิบเอด็ ปในพทุ ธศักราชใด ตอ งไปแสดงตนเพื่อ รับหมายเรียกท่ีอําเภอทอ งท่ีซึ่งเปนภมู ลิ าํ เนาทหารของตน ภายในพุทธศักราชนัน้ ทหารกองเกินท่ีพน จาก ฐานะการยกเวน ตามมาตรา ๑๔ (๓) หรอื การผอ นผนั ตามมาตรา ๒๗ (๒) และมาตรา ๒๙ (๓) ในพุทธศกั ราชใด ตองไปแสดงตนเพอื่ รบั หมายเรียกหรือเพ่ือจําหนายบัญชเี รียกทหารกองเกินตามแตกรณี ท่ีอําเภอทอ งท่ี ซึ่งเปนภมู ิลาํ เนาทหารของตน ภายในพทุ ธศกั ราชน้ัน ผูใ ดไมสามารถจะไปรับหมายเรยี กดวยตนเองได ตอ งใหบ ุคคลซ่ึงบรรลนุ ิติภาวะ และพอจะ เชือ่ ถือไดไปรบั หมายเรยี กแทน ถาไมมผี ูแทนใหถือวาผนู ้ันหลีกเลยี่ งขัดขนื มาตรา ๒๖ ในเดือนตลุ าคมทกุ ป ใหน ายอําเภอจดั การประกาศใหทหารกองเกินที่มีอายุยา ง เขาย่สี ิบเอ็ดปในพุทธศกั ราชน้ัน ไปแสดงตนเพอื่ รับหมายเรียกท่ีอําเภอตามทีก่ ําหนดไวในมาตรา ๒๕ ประกาศเชน วา นใ้ี หน ายอาํ เภอปด ไว ณ ทว่ี า การอาํ เภอและ ณ ทีเ่ ปดเผยตามชุมนมุ ชนในทอ งที่นั้น กับใหน ายอําเภอสงประกาศใหก าํ นนั ผูใหญบ า นเพ่ือนาํ ไปแจงใหราษฎรในทองท่ีของตนทราบดวย มาตรา ๒๗ ทหารกองเกินซ่งึ ถูกเรยี กตองมาใหคณะกรรมการตรวจเลอื กทําการตรวจเลือก ตามกาํ หนดหมายน้นั โดยนําใบสําคัญทหารกองเกนิ บัตรประจาํ ตัวประชาชน และประกาศนียบัตรหรือ หลักฐานการศกึ ษามาแสดงดวย ถาไมม าหรือมาแตไ มเ ขารับการตรวจเลอื กหรือไมอยจู นกวาการตรวจ เลอื กแลวเสร็จ ใหถอื วาทหารกองเกินน้ันหลกี เล่ียงขัดขนื ไมมาใหค ณะกรรมการตรวจเลือกทําการตรวจ เลือก เวน แต (๑) ขา ราชการซึ่งไดรบั คําสัง่ ของผบู งั คับบัญชาโดยปจ จุบันทันดว นใหไ ปราชการอนั สําคญั ย่ิง หรอื ไปราชการตางประเทศโดยคาํ ส่งั ของเจากระทรวง (๒) นักเรยี นซึ่งออกไปศึกษาวิชา ณ ตางประเทศ ตามทีก่ ําหนดในกฎกระทรวง (๓) ขา ราชการหรอื ผปู ฏิบัติงานในสถานท่ีราชการ หรอื โรงงานอ่ืนใด ในระหวางท่มี กี ารรบ หรือการสงคราม อันเปนอุปกรณในการรบหรือการสงครามและอยูในความควบคุมของกระทรวงกลาโหม (๔) บุคคลซึ่งกําลังปฏิบตั ิงานรว มกบั หนว ยทหารในราชการสนาม (๕) เกิดเหตสุ ุดวิสยั (๖) ไปเขาตรวจเลือกที่อ่นื (๗) ปว ยไมส ามารถจะมาได โดยใหบคุ คลซึ่งบรรลนุ ิติภาวะและเชือ่ ถอื ไดมาแจงตอ คณะกรรมการ ตรวจเลอื กในวันตรวจเลอื ก กรณตี าม (๑) (๒) (๓) หรือ (๔) ตองไดร ับการผอนผันเฉพาะคราวจากรฐั มนตรีวา การกระทรวงมหาดไทย หรือผูซงึ่ รัฐมนตรีวา การกระทรวงมหาดไทยมอบหมาย
- 103 - มาตรา ๒๘ จัตวา ใหน ายอําเภอทองทที่ มี่ ีการตรวจเลือกมหี นา ท่ีดังตอ ไปนี้ (๑) จดั สถานที่ทําการตรวจเลือก (๒) จัดเจาหนาท่ีและเอกสารเกีย่ วกับการตรวจเลอื กเพอื่ ใหคณะกรรมการตรวจเลอื ก ตรวจสอบไดใ นวนั ตรวจเลอื ก (๓) จัดคนซึง่ มาตรวจเลือกใหรวมอยูเ ปนตําบลเพื่อฟงเรยี กช่ือ (๔) สอบสวนบคุ คลซ่ึงรองขอในเหตผุ ลตาง ๆ แลว มอบเร่อื งใหคณะกรรมการตรวจเลือก พจิ ารณา (๕) ตรวจทานและบนั ทึกบัญชเี รยี กของอาํ เภอตามผลการตรวจเลือก (๖) ปฏบิ ัติการอื่นตามทีก่ ําหนดในกฎกระทรวง มาตรา ๒๙ เมื่อไดค ัดคนท่ียกเวนดว ยเหตุตาง ๆ ออกแลว ถา มจี ํานวนทหารกองเกินท่ีจะรบั ราชการ เปนทหารกองประจาํ การไดม ากกวา จํานวนท่ีฝา ยทหารตองการ ใหผอ นผนั แกป ระเภทบุคคล ดงั ตอไปน้ี (๑) บคุ คลท่จี ําเปนตอ งหาเล้ยี งบิดาหรือมารดาซ่ึงไรค วามสามารถ หรือพิการทุพพลภาพ หรอื ชราจนหาเลยี้ งชพี ไมไ ดและไมมีผูอ ่นื เลยี้ งดู แตถ า มบี ุตรหลายคนจะตอ งเขา กองประจาํ การพรอมกนั คงผอ นผัน ใหค นเดียวตามแตบิดาหรอื มารดาจะเลือก ถาบิดาหรือมารดาไมส ามารถจะเลือกได กใ็ หคณะกรรมการ ตรวจเลือกพิจารณาผอนผันใหหน่ึงคน (๒) บคุ คลที่จาํ เปนตองหาเลี้ยงบตุ รซ่ึงมารดาตายหรือไรความสามารถ หรือพกิ ารทุพพลภาพ และบุคคลท่ีจาํ เปนตองหาเล้ียงพหี่ รือนองรวมบดิ ามารดา หรือรว มแตบ ดิ าหรือมารดาซึง่ บิดามารดาตาย ท้ังน้ี เมอื่ บุตรหรอื พ่หี รอื นองน้นั หาเลี้ยงชพี ไมได และไมมีผูอ่ืนเลีย้ งดู (๓) บคุ คลท่ีอยูใ นระหวางการศึกษาตามที่กาํ หนดในกฎกระทรวงผูอางสิทธติ าม (๑) หรือ (๒) แหง มาตรานี้ ตองรอ งขอผอนผนั ตอนายอําเภอทองท่ีกอนวันตรวจเลอื กเขา กองประจาํ การไมน อ ยกวา สามสิบวัน เวนแตในกรณพี ิเศษซง่ึ ไมใ ชค วามผดิ ของผูรอง และผูรอ งตองรอ งตอ คณะกรรมการตรวจเลอื ก ในวันตรวจเลือกตามมาตรา ๓๐ อกี ครงั้ หนง่ึ นายอาํ เภอตอ งสอบสวนหลกั ฐานไวเ สียกอนวันตรวจเลือก เพื่อคณะกรรมการตรวจเลือกจะ ไดตดั สินไดทันที การขอผอนผันตาม (๓) ใหป ฏิบตั ิตามท่กี ําหนดในกฎกระทรวง ถา ไมส ามารถจะผอนผนั พรอมกนั ทง้ั สามประเภทได เพราะจะทําใหค นไมพอจํานวนท่ีฝาย ทหารตอ งการ ใหผอนผันคนประเภทที่ ๑ และประเภทท่ี ๒ รวมกนั กอ น ถาคนยงั เหลือจงึ ผอนผันคน ประเภทท่ี ๓ ถาจํานวนคนในประเภทใดจะผอ นผนั ไมไดท้ังหมดตอ งใหคนประเภทนั้นจับสลาก มาตรา ๓๒ ถาปรากฏวา ทหารกองเกนิ ซึ่งมีอายุเกนิ ย่สี บิ เอ็ดปบริบูรณ และยงั ไมถ ึงสามสิบป บรบิ ูรณในปท ่ีจะเขารับราชการทหารกองประจาํ การ ไปทํามาหาเล้ียงชีพในทองท่ีอําเภออืน่ และนายอําเภอ ทองท่ที ี่เปน ภูมิลําเนาทหารไดสงหมายเรยี กไปยังนายอําเภอทองท่ีท่ผี ูน ั้นไปอยูม อบแทนให เม่ือไดร ับหมายเรียกแลว แตไมสามารถจะไปตามหมายนั้นได เพราะไมม คี าพาหนะหรือจะไปไมท ัน ผนู ้นั ตองรบี ชีแ้ จงตอนายอําเภอ ทอ งที่ท่ีไปอยู เม่ือนายอําเภอทอ งทน่ี ้นั สอบสวนไดความจริงก็ใหเขา รับการตรวจเลือกพรอมกับคนในอําเภอ ทอ งที่ท่ีไปอยู แตถ า ไมส ามารถสง เขารบั การตรวจเลอื กในอําเภอทองที่นน้ั ได ก็ใหนายอาํ เภอรีบจัดสง ผนู นั้ ไปรบั การตรวจเลอื กยงั อาํ เภอทอ งท่ีใกลเคยี งตามทีเ่ หน็ สมควร
- 104 - ใหนายอําเภอทองทที่ รี่ บั เขาตรวจเลือกแจงตอนายอําเภอทองที่ที่ออกหมายเรียก มาตรา ๓๓ ทหารกองเกนิ ทีห่ ลกี เล่ียงขัดขืนตามมาตรา ๒๗ ถา ไมข ัดตอการเปน ทหารกอง ประจําการ ก็ใหสง ผนู ้ันเขา รบั ราชการทหารกองประจาํ การในปนน้ั หรอื ปถดั ไปโดยไมใหจ ับสลาก มาตรา ๓๔ ทหารกองเกนิ ท่ถี ูกเขากองประจําการผใู ด จักตอ งเร่มิ เขา รบั ราชการทหารกอง ประจาํ การเมือ่ ใด ใหน ายอําเภอทองทที่ ่รี บั เขา ตรวจเลือกเปนผกู าํ หนด และใหนายอําเภอออกหมายนัด เพือ่ ใหทหารกองเกนิ ผูนนั้ มา ณ ท่อี ําเภอทองทีต่ ามที่ไดกําหนดไวนัน้ เพอ่ื เขา รบั ราชการทหารกองประจําการ ถา ทหารกองเกินผนู ้ันไมมาตามนัด ใหถอื วาหลีกเล่ียงขดั ขืน มาตรา ๔๐ ทหารกองประจาํ การ ถา ตองจําขงั หรือจําคกุ ครั้งเดียว หรอื หลายครง้ั เมอ่ื มีกาํ หนด วนั ทจ่ี ะตองทณั ฑหรือตองโทษรวมไดไ มนอ ยกวา หนง่ึ ปก ด็ ี หรอื ทหารกองประจาํ การผใู ดซ่งึ กระทรวงกลาโหม เห็นวา จะกระทาํ ใหเ ส่ือมเสียแกราชการทหารดว ยประการใด ๆ ก็ดี จะปลดเปนทหารกองหนุนประเภท ท่ี ๒ ก็ได ใหผ วู า ราชการจังหวดั พรอ มดวยสัสดจี งั หวดั ออกใบสาํ คัญใหแกทหารทถี่ ูกปลดนี้ไวเปน หลักฐาน ใบสาํ คัญน้ี หากชาํ รดุ หรือสญู หาย ใหผถู ือแจงตอนายอําเภอทอ งท่ีเพื่อรับใหมโ ดยเสียคา ธรรมเนียม ฉบับละหนึ่งบาท แตถาการชํารุดหรือสญู หายนั้นเปน เพราะเหตสุ ดุ วิสัย กไ็ มต องเสยี คาธรรมเนยี ม สรปุ ประเดน็ ทน่ี ายอาํ เภอมีอํานาจหนา ท่ี 1. กรณหี นงั สือสาํ คญั ของทหารท่ีถกู ปลดเปน ทหารกองหนุนสูญหาย ใหผูถ อื แจง ตอ นายอาํ เภอ ทองท่ีเพ่ือขอรบั หนังสอื สาํ คัญใหม โดยเสยี คาธรรมเนียมฉบับละหนึง่ บาท แตถาการชาํ รุดหรอื สญู หายน้ัน เปนเพราะเหตสุ ุดวิสยั ก็ไมตอ งเสยี คาธรรมเนียม 2. กรณบี ุคคลซง่ึ ไดลงบญั ชที หารกองเกินตามมาตรา 16 หรอื ทหารกองเกนิ หรอื ทหารกองหนนุ ผูใดประสงคจ ะไปอยตู า งทอ งท่ใี นอําเภอเดียวกันหรือตางอําเภอเปนการชัว่ คราวเกินสามสิบวัน ใหแ จง ตอ นายอาํ เภอทอ งท่ที ่ตี นเขา มาอยู และใหน ายอําเภอท่ีไดรบั แจงทาํ การสอบสวนและออกใบรับให แลว แจง ใหนายอาํ เภอทองทีท่ ี่ผูนน้ั มีภูมลิ ําเนาทหารทราบ 3. กรณีบุคคลซงึ่ ไดลงบัญชีทหารกองเกินตามมาตรา 16 หรอื ทหารกองเกนิ หรอื ทหารกองหนนุ ผใู ดประสงคจ ะยายภูมิลาํ เนาทหาร ใหแจง ตอนายอําเภอทองทีท่ ี่ตนเขามาอยูนนั้ ใหนายอาํ เภอที่ไดรบั แจง ทาํ การสอบสวน เมอื่ พจิ ารณาเห็นวา ผูข อยายไดมาตัง้ ทํามาหาเลี้ยงชพี เปนประจาํ หรือมที ่อี ยเู ปนหลักฐานและไม ประสงคจ ะหลีกเล่ียงการรบั ราชการทหาร กใ็ หแ จงไปยงั นายอาํ เภอทองท่ีที่เปน ภูมลิ าํ เนาทหารเดิมทราบ เม่อื ไดรับตอบยืนยนั เปน การถูกตอ งจึงใหร บั แจงการยา ยภมู ิลําเนาทหารของบุคคลนนั้ และออกใบรับให แลว ใหน ายอาํ เภอท่ีเก่ยี วของแจงใหผ วู า ราชการจังหวดั ของตนทราบ 4. กรณีบคุ คลซึง่ ไดล งบัญชีทหารกองเกนิ ตามมาตรา 16 หรอื ทหารกองเกนิ หรอื ทหารกองหนนุ ผใู ดไดร ับอนญุ าตใหเ ปลย่ี นชอื่ ตัวหรอื ชื่อสกุล ใหผ ูน้ันนําหลกั ฐานไปแจงตอนายอาํ เภอทอ งทท่ี ีเ่ ปน ภูมลิ ําเนา ทหารทราบภายในสามสิบวันนบั แตวันทไ่ี ดร บั อนุญาต ใหน ายอาํ เภอออกใบรับใหและแกใบสาํ คัญและ บัญชใี หถ ูกตอง ในกรณหี นงั สือสาํ คญั หรือใบสําคัญทจ่ี งั หวดั เปน ผอู อก ใหส งผวู า ราชการจังหวดั และสัสดี จงั หวดั จดั การแก
- 105 - 5. บุคคลซ่งึ พนจากฐานะตามท่กี ําหนดไวใ นมาตรา ๑๓ (๑) มาตรา ๑๔(๑) (๒) (๓) (๕) (๖) หรือ (๗) มาตรา ๒๗ (๒) หรอื มาตรา ๒๙ (๓) ใหแ จง ดวยตนเองตอนายอําเภอทองที่ทีต่ นอยูหรือทําการ ประจํา ภายในสามสิบวันนบั แตวันท่พี นจากฐานะเชนน้นั และใหน ายอาํ เภอออกใบรบั ให ถาผนู ้นั มี ภูมลิ ําเนาทหารอยใู นทอ งทอ่ี ําเภออน่ื ใหนายอําเภอทีไ่ ดรบั แจงแจง ตอไปยงั นายอาํ เภอทองทที่ ่ีเปน ภูมิลาํ เนาทหารของผนู ้ัน 6. บรรดาชายซ่ึงมสี ญั ชาติไทย เมื่อมอี ายยุ า งเขาสบิ แปดปผ ใู ดไมสามารถไปลงบญั ชที หาร กองเกนิ ดวยตนเองได ตองใหบคุ คลซ่ึงบรรลุนิตภิ าวะและเชอ่ื ถือไดไปแจง แทน ใหนายอําเภอสอบสวน เมื่อเหน็ วา ถูกตอง ใหลงบญั ชีทหารกองเกินไว ถาไมม ผี มู าแจง แทน ใหถ อื วา ผูน ั้นหลกี เลีย่ งขัดขนื ไมมา ลงบัญชที หารกองเกิน เมอื่ ไดรบั การขอลงบญั ชที หารกองเกินตามมาตรานี้ ใหนายอาํ เภอออกใบสําคัญ หรือใบรบั ใหผ ขู อลงบัญชีทหารกองเกินไวเ ปนหลกั ฐาน หากใบสาํ คัญชาํ รดุ หรือสญู หาย ใหผถู อื แจงตอ นายอําเภอทองทเ่ี พือ่ ขอรับใบสาํ คัญใหมโดยเสียคา ธรรมเนยี มฉบบั ละหน่งึ บาท แตถ า การชาํ รดุ หรอื สูญหายนน้ั เปน เพราะเหตสุ ุดวิสยั ก็ไมตอ งเสียคาธรรมเนียม 7. ในเดือนกันยายนทกุ ป ใหน ายอาํ เภอมีหนา ทป่ี ระกาศใหผ ทู ี่มีอายุถงึ เขตที่จะตอ งลงบญั ชี ทหารกองเกินไปลงบญั ชที หารกองเกนิ ตามที่กาํ หนดไวในมาตรา ๑๖ ประกาศเชน วาน้ี ใหนายอําเภอปด ไว ณ ท่วี าการอําเภอและ ณ ทเี่ ปดเผยตามชุมนมุ ชนในทองท่ีนน้ั กบั ใหน ายอาํ เภอสงประกาศใหกํานนั ผูใหญบา นเพื่อนําไปแจงใหราษฎรในทองท่ขี องตนทราบดวย 8. บคุ คลซึ่งยังมิไดล งบัญชีทหารกองเกินท่ีอําเภอพรอ มกบั คนชัน้ ปเ ดยี วกันเพราะเหตุใดๆ ก็ดี ถา อายุยงั ไมถ ึงสี่สิบหกปบ ริบูรณ ใหปฏิบตั ทิ ํานองเดียวกับมาตรา ๑๖ ภายในสามสบิ วันนับแตวันที่ สามารถจะปฏิบัติได แตจะใหผูอ่ืนแจงแทนไมได ถานายอําเภอจะเรียกตวั ลงบัญชีทหารกองเกนิ ก็ยอมทาํ ได โดยไมต อ งคํานงึ ถงึ กําหนดเวลาดงั กลา วแลว และเม่อื ไดร บั การลงบัญชที หารกองเกินดงั กลาว ใหน ายอาํ เภอออก ใบสาํ คญั หรือใบรบั ใหไ วเ ปนหลักฐาน หากใบสาํ คญั ชํารุดหรือสูญหาย ใหผ ูถือแจงตอนายอําเภอทองท่เี พ่ือ ขอรบั ใบสาํ คัญใหมโดยเสยี คาธรรมเนียมฉบับละหนง่ึ บาท แตถา การชํารดุ หรือสูญหายน้นั เปนเพราะเหตุ สดุ วสิ ยั กไ็ มตอ งเสียคา ธรรมเนียม 9. เม่ือจาํ เปน นายอาํ เภอมีอาํ นาจประกาศเรียกบคุ คลท่ีไดล งบญั ชที หารกองเกินไวท่อี ําเภอ ตามมาตรา ๑๖ หรอื มาตรา ๑๘ แลว ไปแสดงตนเพ่ือลงบัญชที หารกองเกินใหมไดภ ายในกําหนดเกาสบิ วนั นับต้งั แตว ันประกาศ โดยประกาศเชนวา นี้ ใหนายอําเภอปดไว ณ ท่ีวาการอาํ เภอและ ณ ทเี่ ปดเผยตาม ชุมนุมชนในทองทน่ี ้นั กบั ใหน ายอําเภอสงประกาศใหกํานนั ผูใ หญบ า นเพ่ือนาํ ไปแจง ใหร าษฎรในทองท่ี ของตนทราบดวย หากผใู ดไมสามารถจะไปลงบัญชีทหารกองเกินดวยตนเองได ตองใหบุคคลซงึ่ บรรลนุ ิติ ภาวะและพอจะเช่ือถือไดไปแจง แทน ถาไมม ผี แู ทนใหถ ือวาผูน้ันหลกี เล่ียงขดั ขืน และเม่ือไดร บั การขอ ลงบัญชที หารกองเกนิ ตามมาตรานี้ ใหนายอําเภอออกใบสําคญั หรอื ใบรับใหผูข อลงบัญชีทหารกองเกินไว เปน หลกั ฐาน ตามท่ีกําหนดในกฎกระทรวง หากใบสาํ คัญชํารดุ หรือสูญหายใหผ ูถือแจงตอ นายอําเภอ ทอ งท่ีเพ่ือขอรับใบสาํ คัญใหมโดยเสียคาธรรมเนียมฉบบั ละหนง่ึ บาท แตถา การชํารุดหรือสูญหายน้ันเปน เพราะเหตสุ ุดวสิ ยั กไ็ มตองเสียคา ธรรมเนียม
- 106 - 10. การเรยี กทหารกองเกนิ เขา รบั ราชการทหารกองประจาํ การนน้ั ใหน ายอาํ เภอออกหมายเรยี ก ทหารกองเกนิ ซ่ึงลงบญั ชที หารกองเกนิ ไวต ามมาตรา ๑๖ มาตรา ๑๘ และมาตรา ๑๙ มาตรวจเลอื ก ทง้ั น้ี ใหเปน ไปตามหลกั เกณฑ วิธีการ และแบบท่ีกาํ หนดในกฎกระทรวง 11. ใหนายอาํ เภอทอ งทท่ี ี่มีการตรวจเลือกมีหนา ทด่ี ังตอไปนี้ (๑) จัดสถานทที่ ําการตรวจเลือก (๒) จดั เจาหนา ที่และเอกสารเกีย่ วกับการตรวจเลือกเพ่ือใหคณะกรรมการตรวจเลือก ตรวจสอบไดในวนั ตรวจเลอื ก (๓) จดั คนซึ่งมาตรวจเลือกใหร วมอยเู ปน ตําบลเพ่ือฟง เรยี กชื่อ (๔) สอบสวนบคุ คลซึ่งรอ งขอในเหตผุ ลตาง ๆ แลว มอบเร่ืองใหคณะกรรมการตรวจเลอื ก พิจารณา (๕) ตรวจทานและบนั ทึกบัญชเี รยี กของอําเภอตามผลการตรวจเลือก (๖) ปฏิบตั กิ ารอืน่ ตามที่กาํ หนดในกฎกระทรวง 12. เม่อื ไดคัดคนทยี่ กเวน ดว ยเหตุตาง ๆ ออกแลว ถา มีจํานวนทหารกองเกินทีจ่ ะรบั ราชการเปน ทหารกองประจาํ การไดมากกวาจํานวนท่ีฝา ยทหารตองการ ใหผ อ นผนั แกป ระเภทบุคคล โดยนายอําเภอ ตอ งสอบสวนหลกั ฐานไวเ สยี กอนวนั ตรวจเลอื ก เพื่อคณะกรรมการตรวจเลอื กจะไดต ดั สินไดทันที 13. ถา ปรากฏวา ทหารกองเกนิ ซ่ึงมีอายุเกินย่ีสบิ เอด็ ปบรบิ รู ณ และยงั ไมถึงสามสบิ ปบ รบิ รู ณ ในปท จี่ ะเขา รบั ราชการทหารกองประจําการ ไปทํามาหาเล้ียงชพี ในทองท่ีอาํ เภออื่น และนายอําเภอทอ งท่ี ทีเ่ ปน ภมู ลิ ําเนาทหารไดสงหมายเรยี กไปยงั นายอําเภอทองท่ีที่ผูนน้ั ไปอยูมอบแทนให เม่อื ไดร ับหมายเรียกแลว แตไมส ามารถจะไปตามหมายนนั้ ได เพราะไมม คี าพาหนะหรอื จะไปไมท นั ผูน น้ั ตองรบี ช้แี จงตอนายอาํ เภอ ทอ งทท่ี ่ีไปอยู เม่ือนายอําเภอทองทนี่ ัน้ สอบสวนไดความจริงก็ใหเขารับการตรวจเลอื กพรอมกับคนในอาํ เภอ ทองท่ีที่ไปอยู แตถ าไมสามารถสงเขา รบั การตรวจเลือกในอําเภอทองท่ีน้นั ได กใ็ หน ายอาํ เภอรบี จัดสงผูนนั้ ไปรับการตรวจเลือกยังอําเภอทองที่ใกลเคียงตามทเ่ี ห็นสมควร โดยใหน ายอาํ เภอทองทที่ ี่รับเขาตรวจเลอื ก แจง ตอนายอาํ เภอทองท่ที ่ีออกหมายเรียก 14. ทหารกองประจําการ ถา ตองจาํ ขงั หรือจําคุกคร้ังเดยี ว หรอื หลายครัง้ เมื่อมีกาํ หนดวนั ที่ จะตอ งทัณฑหรอื ตองโทษรวมไดไมนอ ยกวา หนึง่ ปก ็ดี หรอื ทหารกองประจาํ การผใู ดซ่งึ กระทรวงกลาโหมเหน็ วา จะกระทาํ ใหเ ส่ือมเสยี แกราชการทหารดว ยประการใด ๆ ก็ดี จะปลดเปนทหารกองหนุนประเภทที่ ๒ ก็ได และใหผูวาราชการจังหวัดพรอมดว ยสสั ดีจังหวดั ออกใบสําคญั ใหแกทหารที่ถกู ปลดน้ีไวเ ปน หลกั ฐาน หากใบสาํ คญั น้ชี าํ รดุ หรอื สญู หาย ใหผ ูถือแจง ตอนายอาํ เภอทอ งทเี่ พื่อรบั ใหมโดยเสียคา ธรรมเนยี มฉบบั ละหน่งึ บาท แตถ า การชํารุดหรือสูญหายน้นั เปนเพราะเหตุสุดวิสยั ก็ไมต องเสียคาธรรมเนยี ม (24) พระราชบญั ญัติลกั ษณะปกครองทองท่ี พุทธศกั ราช 2457 มาตราทเี่ กี่ยวขอ ง มาตรา 13 การเลอื กผูใหญบานตองเปนไปโดยสจุ ริตและเทีย่ งธรรม และใหกระทําโดยวธิ ลี บั ทั้งนี้ ตามหลกั เกณฑและวิธกี ารทีก่ ระทรวงมหาดไทยกําหนดโดยประกาศในราชกจิ จานุเบกษา
- 107 - เพ่อื ประโยชนในการเลือกผใู หญบาน ใหมีคณะกรรมการคณะหน่ึงซ่ึงนายอําเภอแตงตั้งจากเจา หนาที่ ของรฐั ไมเ กินสามคน และราษฎรผูมสี ิทธเิ ลือกผใู หญบ า นในหมูบาน ซ่ึงเปนทยี่ อมรับนบั ถอื ของราษฎร ในหมบู านจํานวนไมน อยกวาสี่คนแตไมเกินเจ็ดคน เพือ่ ทําหนาทีต่ รวจสอบคุณสมบัติและลักษณะตองหาม ของผูสมัครรับเลือกเปน ผใู หญบาน การแตงตัง้ กรรมการ วิธกี ารเลอื กประธานคณะกรรมการ และวธิ ีการตรวจสอบตามวรรคสอง ใหเ ปน ไปตามหลักเกณฑและวิธีการที่กระทรวงมหาดไทยกําหนดโดยประกาศในราชกิจจานเุ บกษา เมือ่ ราษฎรสวนใหญเลือกผูใ ดเปน ผูใหญบ า นแลว ใหนายอาํ เภอออกคําส่งั เพ่ือแตง ตั้งและ ใหถือวา ผนู น้ั เปนผูใหญบ านนับแตว ันทไี่ ดรบั แตง ต้งั ในกรณที ่ีผูร ับเลอื กมคี ะแนนเสยี งเทา กันใหใชวธิ ีจับสลาก ท้ังน้ี เมือ่ นายอําเภอไดมคี าํ สงั่ แตง ตั้งผูใหญบา นแลว ใหร ายงานใหผ ูว าราชการจงั หวดั เพ่อื ออกหนงั สือสาํ คญั ใหไว เปน หลักฐาน ในกรณที ่ีมีการคัดคา นวา ผูซึ่งไดรับเลือกเปนผใู หญบ านตามวรรคส่ีไดร ับเลือกมาโดยไมส จุ ริตและ เทย่ี งธรรม ใหน ายอําเภอดําเนนิ การสอบสวน และถา ผลการสอบสวนไดความตามทม่ี ีผูคัดคา นใหรายงานผวู าราชการ จงั หวดั และใหผวู า ราชการจังหวัดส่ังใหพนจากตําแหนงโดยเร็ว ทงั้ น้ี ภายในเกา สบิ วันนับแตวันทีน่ ายอําเภอ มีคาํ สัง่ แตงต้ัง การพนจากตาํ แหนง ของผูใ หญบานตามวรรคหา ไมกระทบกระเทอื นกิจการทผ่ี ูใหญบ า นไดก ระทํา ลงไปในขณะทดี่ ํารงตําแหนง มาตรา 14 ผใู หญบานตอ งพนจากตําแหนง ดว ยเหตใุ ดเหตุหนึ่งดังตอไปน้ี (1) มีอายุครบหกสิบป (2) ขาดคุณสมบัติหรอื มีลักษณะตองหามตามมาตรา 12 เวน แตในกรณีทไ่ี ดร ับอนญุ าตจาก ผูวาราชการจงั หวดั ใหล าอปุ สมบทหรอื บรรพชาตามประเพณี มิใหถือวา มลี ักษณะตองหามตามมาตรา 12 (5) (3) ตาย (4) ไดร ับอนญุ าตจากนายอําเภอใหลาออก (5) หมบู านทป่ี กครองถกู ยุบ (6) เมอื่ ราษฎรผมู คี ุณสมบัติและไมม ีลักษณะตอ งหา มตามมาตรา 11 ในหมบู า นนนั้ จํานวนไมนอ ย กวา ก่งึ หนง่ึ ของราษฎรผมู ีคณุ สมบตั แิ ละไมมลี กั ษณะตองหา มตามมาตรา 11 ท้งั หมดเขา ชือ่ กนั ขอใหออกจาก ตําแหนง ในกรณเี ชน นั้นใหน ายอําเภอสั่งใหพน จากตาํ แหนง (7) ผวู าราชการจังหวดั สัง่ ใหพน จากตาํ แหนง เม่ือไดร บั รายงานการสอบสวนของนายอาํ เภอวาบกพรอง ในหนาท่ี หรอื ประพฤตติ นไมเหมาะสมกับตําแหนง (8) ไปเสียจากหมูบา นที่ตนปกครองตดิ ตอกนั เกินสามเดือน เวนแตเมื่อมเี หตุอนั สมควรและ ไดรบั อนุญาตจากนายอําเภอ (9) ขาดการประชมุ ประจําเดอื นของกํานนั ผูใ หญบ านทน่ี ายอําเภอเรียกประชุมสามครง้ั ตดิ ตอกันโดยไมมีเหตอุ ันควร มาตรา 17 เมื่อผใู ดไดรับคดั เลอื กเปนผชู วยผใู หญบานฝายปกครองหรือผชู ว ยผใู หญบ าน ฝายรกั ษาความสงบ ใหกาํ นันรายงานไปยังนายอาํ เภอเพอ่ื ออกหนงั สือสาํ คัญไวเปนหลักฐาน และใหถือวา ผูน ั้นเปน ผูชวยผูใหญบ านฝา ยปกครองหรอื ผูช วยผูใ หญบ า นฝา ยรักษาความสงบตงั้ แตว นั ทน่ี ายอาํ เภอออกหนงั สือสําคัญ
- 108 - มาตรา 19 เม่ือปรากฏเหตอุ ยา งใดอยางหนงึ่ ดังตอไปน้ี ใหเ ลือกผูใหญบานขนึ้ ใหม (1) กรณที ี่หมูบานใดมจี ํานวนราษฎรเพิม่ ขน้ึ ไมวาดว ยเหตุใดกต็ าม เมื่อกํานันและผูใหญบานในตาํ บล น้ันปรึกษากนั เหน็ วา จาํ นวนราษฎรนัน้ เกินกวา ความสามารถของผใู หญบา นคนเดยี วจะดแู ลปกครองใหเรยี บรอยได ใหกาํ นันรายงานตอ นายอําเภอเพอ่ื พจิ ารณาและเสนอความเหน็ ไปยงั ผูวาราชการจังหวัด ในกรณีทีผ่ ูว า ราชการ จงั หวดั เหน็ สมควร ใหต ง้ั หมูบานข้นึ ใหมแ ละเลือกผใู หญบานเพิม่ เติมข้ึนใหมได (2) กรณที ีผ่ ูใหญบา นของหมบู า นใดวางลง ใหเ ลือกผใู หญบานภายในกาํ หนดสามสบิ วนั นบั แต วนั ท่ีผูใ หญบ านของหมบู านนั้นวา งลง ในกรณีมีความจําเปนไมอาจจัดใหมีการเลือกผูใ หญบานภายในกําหนดตาม (2)ได ใหผวู า ราชการจังหวัด ขยายเวลาออกไปไดเทาทจี่ ําเปน และในระหวา งทย่ี ังมิไดมีการเลอื กผูใหญบ าน ผวู าราชการจงั หวดั จะแตงตั้ง ผูใหญบ า นในตําบลน้ันคนหนึ่งเปน ผูรกั ษาการแทนผูใหญบ าน หรือจะแตงตัง้ บุคคลผูมีคณุ สมบัติและไมมีลกั ษณะ ตอ งหา มตามมาตรา 12 เปนผรู ักษาการผูใ หญบานจนกวา จะมกี ารเลอื กผูใหญบา นกไ็ ด มาตรา 20 เม่ือผูใหญบา นตองออกจากตําแหนง ดวยเหตปุ ระการใดๆ เปนหนาที่ของกํานนั นายตาํ บลนนั้ จะตอ งเรียกหมายตั้งและสํามะโนครัวทะเบียนบัญชที ไี่ ดท าํ ขึน้ ไวในหนาทผ่ี ูใหญบ า นนน้ั คนื มารกั ษาไว เมื่อผูใ ดรับตําแหนง เปน ผูใ หญบ า นแทน ก็ใหมอบสํามะโนครวั และทะเบียนบัญชีท้ังปวงให แตห มายตงั้ น้ันกํานนั ตอ งรบี สง ใหก รมการอาํ เภอ อนงึ่ การท่จี ะเรียกคืนหมายต้งั และสํามะโนครวั ทะเบียนบญั ชีทีไ่ ดก ลา วมา ในขอน้ี ถา ขัดของประการใด กาํ นันตอ งรบี แจงความตอ กรมการอําเภอ มาตรา 21 ถาผูใหญบานคนใดจะทาํ การในหนา ทีไ่ มไดใ นคร้งั หน่ึงคราวหน่ึงใหมอบหนาท่ี ใหแ กผ ชู ว ยผูใ หญบานฝา ยปกครองคนใดคนหนง่ึ เปนผูรกั ษาการแทนจนกวาผูใ หญบ านน้นั จะทาํ การในหนาทีไ่ ด และรายงานใหก าํ นนั ทราบ ถา การมอบหนาที่น้ันเกนิ กวา สิบหา วนั ใหก าํ นนั รายงานใหน ายอาํ เภอทราบดว ย มาตรา 22 ถา ในทองที่อาํ เภอใดมรี าษฎรไปตั้งชุมนุมทาํ การหาเล้ยี งชีพแตใ นบางฤดู ถา และ จํานวนราษฎรซงึ่ ไปตั้งทําการอยมู ากพอสมควรจะจดั เปน หมูบานไดตามพระราชบัญญัตลิ กั ษณะปกครองทอ งท่ี เพอ่ื ความสะดวกแกการปกครอง กใ็ หน ายอาํ เภอประชมุ ราษฎรในหมูน ั้นเลอื กวา ทผี่ ใู หญบา นคนหน่ึง หรอื หลายคนตามควรแกกาํ หนดที่วา ไวในพระราชบัญญัติลกั ษณะปกครองทอ งทน่ี ี้ มาตรา 24 ผูใหญบา นเชนนี้ ใหเ รยี กวา วาทผ่ี ูใ หญบาน เพราะเหตุทีเ่ ปน ตาํ แหนงช่ัวครัง้ หนงึ่ คราวหนง่ึ แตม ีอํานาจและหนา ท่ีเทาผูใหญบ านทุกประการ ถา ราษฎรเลือกผหู นึ่งผใู ดอันสมควรจะวา ท่ีผูใ หญบ านได ก็ใหร ายงานขอหมายตั้งตอผูวาราชการเมือง มาตรา 21 ตรี ในหมูบานหน่งึ ใหมีคณะกรรมการหมบู านประกอบดวยผูใหญบ า นเปนประธาน ผชู วยผูใหญบาน สมาชกิ สภาองคกรปกครองสวนทองถิ่นท่ีมีภูมลิ าํ เนาในหมูบาน ผนู ําหรอื ผแู ทนกลุมหรือ องคกรในหมูบ าน เปนกรรมการหมูบานโดยตําแหนง และกรรมการหมูบา นผทู รงคุณวุฒซิ ง่ึ นายอําเภอแตงตงั้ จากผซู ึ่งราษฎรในหมบู านเลอื กเปนกรรมการหมูบ านผูทรงคณุ วฒุ ิจํานวนไมน อ ยกวา สองคนแตไ มเกินสบิ คน คณะกรรมการหมบู า นมีหนาท่ชี ว ยเหลอื แนะนาํ และใหค ําปรึกษาแกผ ูใ หญบ านเกย่ี วกบั กิจการ อันเปนอํานาจหนา ทข่ี องผใู หญบ า น และปฏิบัตหิ นา ท่ีอน่ื ตามกฎหมาย หรือระเบียบแบบแผนของทาง ราชการ หรอื ทน่ี ายอําเภอมอบหมาย หรือท่ีผใู หญบานรอ งขอ
- 109 - ใหค ณะกรรมการหมูบ า นเปนองคก รหลักที่รบั ผิดชอบในการบรู ณาการจัดทําแผนพัฒนาหมบู า น และบริหารจดั การกิจกรรมท่ีดาํ เนินงานในหมบู านรวมกับองคกรอนื่ ทกุ ภาคสว น ผูนาํ หรือผแู ทนกลุม หรือองคก รใดจะมีสิทธิเปนกรรมการหมูบานตามวรรคหนึ่งใหเ ปนไปตาม หลกั เกณฑทก่ี ระทรวงมหาดไทยกําหนดโดยประกาศในราชกจิ จานเุ บกษา กรรมการหมบู า นผทู รงคณุ วุฒติ องมคี ุณสมบัติเชนเดียวกบั ผูมสี ทิ ธิเลือกผูใหญบ า น วธิ กี ารเลือกและการแตงตั้ง วาระการดาํ รงตาํ แหนง และการพนจากตาํ แหนง ของกรรมการผทู รงคณุ วฒุ ิ และการปฏบิ ตั หิ นาท่ี การประชมุ และการวนิ จิ ฉยั ช้ีขาด ของคณะกรรมการหมบู า นใหเ ปน ไปตามหลกั เกณฑ และวธิ กี ารที่กระทรวงมหาดไทยกําหนดโดยประกาศในราชกจิ จานเุ บกษา คาใชจ า ยในการจัดประชมุ คณะกรรมการหมบู าน ใหก ระทรวงมหาดไทยจา ยเปนเงนิ อดุ หนุน ใหตามหลักเกณฑทกี่ ระทรวงมหาดไทยกําหนด โดยความเหน็ ชอบของกระทรวงการคลงั มาตรา 29 ทวิ ในตําบลหน่ึงใหม ีกํานนั คนหน่ึง มีอาํ นาจหนา ทป่ี กครองราษฎรท่ีอยูในเขตตําบลน้ัน กาํ นันจะไดรับเงนิ เดือนแตมิใชจ ากเงนิ งบประมาณประเภทเงินเดอื น ในตาํ บลหนึง่ ใหมคี ณะกรรมการตําบลคณะหนงึ่ มหี นาที่เสนอขอ แนะนําและใหคําปรึกษาตอ กํานนั เก่ียวกบั กจิ การที่จะปฏบิ ัติตามอํานาจหนาทข่ี องกํานัน คณะกรรมการตําบลประกอบดว ยกํานนั ทองท่ี ผูใ หญบานทุกหมบู านในตําบลและแพทยป ระจําตําบล เปน กรรมการตําบลโดยตําแหนง และครูประชาบาลในตาํ บลหนง่ึ คนกรรมการหมูบานผูทรงคุณวุฒหิ มูบานละ หนง่ึ คน เปนกรรมการตาํ บลผทู รงคุณวุฒิ โดยนายอาํ เภอเปนผคู ดั เลือกแลว รายงานไปยังผวู า ราชการจังหวดั เพื่อออกหนงั สือสาํ คัญใหไวเ ปน หลักฐานและใหถ ือวาผูน้นั เปน กรรมการตําบลผูทรงคุณวฒุ ติ ง้ั แตวนั ที่ผวู าราชการ จงั หวัดออกหนงั สอื สําคัญ กรรมการตาํ บลผูทรงคณุ วุฒิอยูในตาํ แหนงคราวละหาป นอกจากออกจากตาํ แหนงตามวาระ กรรมการตาํ บลผูทรงคุณวุฒติ องออกจากตาํ แหนง เพราะ พนจากตาํ แหนง ครปู ระชาบาลหรือกรรมการหมูบา นผทู รงคณุ วุฒิ ถาตําแหนงกรรมการตําบลผทู รงคุณวุฒิวางลง ใหมกี ารคัดเลอื กข้นึ แทนใหเ ต็มตําแหนงทว่ี าง และใหอ ยูในตําแหนง ตามวาระของผซู ่ึงตนแทน การคัดเลอื กกรรมการตาํ บลผูทรงคณุ วฒุ ิข้ึนแทนตําแหนงท่ีวา ง ใหกระทําภายในหกสิบวันนับแตว ันท่ี ตาํ แหนงน้ันวา ง ถา ตาํ แหนงน้นั วางลงกอ นถงึ กาํ หนดออกตามวาระไมเ กนิ หน่งึ รอยแปดสิบวัน จะไมคัดเลอื กขน้ึ แทนก็ได มาตรา 30 ใหนายอําเภอเปน ประธานประชุมผใู หญบา นในตําบลนนั้ เพื่อปรึกษาหารือ คดั เลอื กผูใหญบานคนหนึง่ ในตําบลนนั้ ขนึ้ เปนกํานัน เม่ือผใู หญบ า นท่ีมาประชมุ เห็นชอบคดั เลอื กผูใดแลว ใหนายอาํ เภอคัดเลือกผูนน้ั เปนกาํ นัน ในกรณีที่มีผูสมควรไดรับการคัดเลือกเปน กํานนั มากกวาหนึง่ คน ใหน ายอําเภอจัดใหม กี าร ออกเสยี งลงคะแนน เมือ่ ผใู หญบานคนใดไดรับคะแนนสูงสุดใหน ายอําเภอคดั เลือกผูน ัน้ เปนกํานนั ในกรณี ท่ไี ดร ับคะแนนเทา กัน ใหใชว ิธีจับสลาก การลงคะแนนตองเปนไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม และใหก ระทําโดยวธิ ลี ับตามหลกั เกณฑ และวธิ กี ารทก่ี ระทรวงมหาดไทยกาํ หนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา
- 110 - เมอื่ คดั เลือกผูใดเปนกาํ นันตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสองแลว ใหน ายอาํ เภอรายงานไปยังผวู าราชการ จังหวัดเพอ่ื ออกหนงั สือสําคัญใหไวเปน หลักฐาน การประชุมผูใ หญบ า นตามวรรคหนึ่งตองมีผใู หญบานมาประชุมไมน อยกวา กง่ึ หน่งึ ของจาํ นวน ผใู หญบา นทัง้ หมดทมี่ ีอยูใ นตาํ บลนั้น จงึ เปน องคประชมุ ใหน ําบทบญั ญตั ใิ นวรรคหาและวรรคหกของมาตรา 13 มาใชบังคับกับการเลือกกํานันดวย โดยอนโุ ลม มาตรา 32 ในกรณที ต่ี าํ แหนงกํานนั วางลง ใหค ัดเลอื กกํานนั ข้ึนใหมภายในกาํ หนดเวลาสสี่ ิบ หา วนั นบั แตว ันท่ีนายอําเภอไดทราบการวา งนน้ั หากมีความจาํ เปน ไมอ าจจดั ใหม กี ารคดั เลอื กกาํ นันภายในกาํ หนดตามวรรคหนง่ึ ได ใหผูวา ราชการ จังหวดั ขยายเวลาออกไปไดเ ทาท่จี ําเปน และในระหวางท่ียงั มิไดมีการเลอื กกาํ นนั ผวู าราชการจงั หวดั จะแตงต้ัง บคุ คลผูมคี ุณสมบัติและไมม ลี ักษณะตองหา มตามมาตรา 12 เปนผรู ักษาการกํานันจนกวา จะมีการคัดเลือก กาํ นันก็ได มาตรา 33 ถากํานันทําการในหนาที่ไมได ในชัว่ คราวเวลาใด เชน ไปทางไกลเปนตน ใหม อบ อาํ นาจและหนาทไ่ี วแ กผ ใู หญบ านคนใดคนหนึ่ง ซ่งึ อยใู นตาํ บลเดียวกนั ใหท ําการแทน และใหผ ูแทนนมี้ อี ํานาจ เตม็ ทใี่ นตําแหนง กาํ นนั แตการทก่ี ํานนั จะมอบหมายหนา ที่ใหแ กผใู หญบานทําการแทนเชนนี้ ใหบ อก ผใู หญบ า นท้ังหลายในตาํ บลเดยี วกันและบอกกรมการอําเภอใหท ราบไวดว ย มาตรา 61 ทวิ กาํ นัน ผูใหญบ าน และแพทยประจาํ ตําบลตองรกั ษาวินยั โดยเครงครัดอยเู สมอ ผใู ดฝาฝนใหถือวาผนู ้ันกระทําผดิ ตองไดรบั โทษวินยั และโทษผดิ วินัยใหใชกฎหมายวาดว ยระเบยี บขา ราชการ พลเรือนโดยอนโุ ลมอํานาจการลงโทษ กาํ นนั ผใู หญบ าน และแพทยประจําตําบลใหเ ปน ไปดังนี้ (1) กาํ นนั มีอํานาจลงโทษภาคทัณฑผใู หญบา น (2) นายอําเภอมีอํานาจลงโทษกาํ นนั ผใู หญบาน และแพทยป ระจําตําบลดังน้ี (ก) ลดอันดับเงินเดือนไมเกินหนึ่งอันดับ (ข) ตดั เงินเดือน โดยเทียบในฐานะเปน ผูบังคับบัญชาช้นั หัวหนา แผนกกับผูกระทําผิดชน้ั เสมยี นพนกั งาน ตามท่ีกาํ หนดไวใ นกฎหมายวาดว ยระเบยี บขาราชการพลเรือน (ค) ลงโทษภาคทณั ฑ เมื่อกาํ นันผูใหญบานคนใดถูกฟองในคดีอาญา เวน แตคดคี วามผิดในลักษณะฐานลหุโทษ หรือ ความผดิ อนั ไดก ระทาํ โดยประมาท หรอื มีกรณีท่ีตอ งหาวาทําผดิ วินัยอยางรา ยแรงถกู สอบสวนเพอ่ื ไลออก หรอื ปลดออก ถานายอาํ เภอเหน็ วาจะคงใหอยูในตาํ แหนงจะเปน การเสยี หายแกราชการจะส่ังใหพักหนา ท่ี ก็ได แลว รายงานใหข า หลวงประจําจงั หวัดทราบการสัง่ ใหก ลบั เขารับหนาท่ตี ลอดถึงการวนิ ิจฉัยวา จะควร จา ยเงินเดอื นระหวางพักใหเพียงใดหรือไม ใหข า หลวงประจําจงั หวัดเปนผูพจิ ารณาสงั่ อนุโลมตาม กฎหมายวาดว ยระเบียบขา ราชการพลเรือน (3) ขาหลวงประจาํ จงั หวัดมอี ํานาจลงโทษกํานันผใู หญบ านและแพทยประจาํ ตาํ บลในทุกสถาน ในกรณีการลดอนั ดบั และตดั เงินเดือน ใหเทยี บขาหลวงประจาํ จงั หวดั ในฐานะเปน ผบู ังคับบัญชาชั้นหวั หนา กอง และกาํ นันผูใหญบานแพทยประจําตาํ บลเปนชั้นเสมยี นพนักงานตามที่กําหนดไวในกฎหมายวาดวยระเบยี บ ขาราชการพลเรือน
- 111 - โดยเฉพาะโทษปลด หรอื ไลอ อก ถา กาํ นันผูใหญบานและแพทยประจาํ ตาํ บลผถู ลู งโทษเห็น วาตนไมไดร บั ความเปนธรรม ก็มสี ทิ ธ์ริ อ งทุกขตอกระทรวงมหาดไทย การรองทกุ ขใหท ําคาํ รอ งลงลายมือช่ือย่นื ตอนายอาํ เภอภายในกาํ หนดสบิ หา วันนบั แตวนั ได ทราบคําส่ังการลงโทษเพ่ือนายอําเภอจักไดเ สนอตอไปยังขา หลวงประจําจังหวดั และกระทรวงมหาดไทยตามลาํ ดับ ภายในกาํ หนดสบิ หา วนั นับแตว นั ไดร ับคํารองทุกข พรอ มดวยคําชี้แจง ถา จะพึงมี ใหก ระทรวงมหาดไทยมี อาํ นาจส่งั ใหย กคํารองทุกขห รือเพิกถอนคําสัง่ การลงโทษหรือลดโทษ มาตรา 66 อําเภอหนึ่ง ใหมีพนักงานปกครองคณะหนง่ึ เรยี กรวมกนั วา กรมการอาํ เภอๆ แยกเปน รายตาํ แหนง ดังน้ี คอื (1) นายอาํ เภอ หรอื ถา เปน ตําแหนง พิเศษ เรยี กวา ผวู า ราชการอาํ เภอ เปน หวั หนา การปกครอง ทั่วไปในอําเภอ และข้ึนตรงตอผวู าราชการเมือง มอี าํ เภอละคนหน่ึง (2) ปลดั อําเภอเปน ผชู ว ยและผแู ทนนายอําเภออยูในบงั คับนายอาํ เภอ อําเภอหน่งึ มีจาํ นวน ปลัดอําเภอมากนอยตามสมควรแกราชการ (3) สมหุ บัญชอี ําเภอ คอื ขาราชการมสี ังกัดในกรมสรรพากรมีหนาทเ่ี ปน ผูชวยนายอําเภอ ในการเกบ็ ภาษอี ากรและผลประโยชนแผนดนิ อยูใ นบังคบั นายอาํ เภอ มาตรา 67 นายอาํ เภอ ปลดั อาํ เภอ สมหุ บญั ชซี งึ่ รวมเรยี กกันวา กรมการอําเภอน้ี แมม ีตาํ แหนง ตา งกนั ยอมมีหนา ท่แี ละความรับผดิ ชอบรวมกนั ในการท่จี ะใหก ารปกครองอาํ เภอน้นั เรียบรอ ย และเม่ือ ตาํ แหนงใดการมากเหลอื มือ หรอื วาวา งพนกั งานกรมการอําเภอ แมอยูในตําแหนงอนื่ ตองชวยและตอง ทาํ แทนกนั จะถือวาเปน พนักงานตา งกนั น้ันไมได มาตรา 68 นายอําเภอมีอํานาจในสวนธรุ การฝา ยพลเรือนเหนือขาราชการทุกแผนกท่ปี ระจาํ รกั ษาราชการในอําเภอน้นั อํานาจทว่ี า น้ไี มม ีแกอําเภอทต่ี ั้งที่วา การเมอื ง หรือทวี่ าการมณฑล มาตรา 75 เวลาตาํ แหนง ปลดั อาํ เภอ หรือสมหุ บ ัญชอี ําเภอวา ง ใหน ายอาํ เภอมอี ํานาจท่ีจะจัด ผูห น่ึงผใู ดในขณะกรมการอําเภอ หรือเสมียนพนักงานคนหนง่ึ คนใดเขาทําการในตําแหนงนัน้ ๆ ไดชัว่ คราว แตตอ งรีบบอกไปยังผูวา ราชการเมือง และใหผ นู ้ันทาํ การในตําแหนงนน้ั ไปกวาจะไดรบั คําสง่ั จากเจา พนักงาน ผูใหญใ หเ ปน ประการใด เวลาตาํ แหนง เสมยี นพนกั งานในอาํ เภอวา ง ใหน ายอาํ เภอมีอาํ นาจท่ีจะจดั คนเขา ทําการในตาํ แหนง นัน้ ๆ ไดช ว่ั คราว แตตอ งบอกขออนมุ ัติของผวู าราชการเมืองภายในเดอื นหน่งึ แลวแตผูวา ราชการเมืองจะ ต้ังผูน้นั หรอื ผูอ น่ื ใหเ ปนแทนในตําแหนงท่ีวา ง มาตรา 76 บรรดาขา ราชการซง่ึ มีสงั กดั ทําราชการอยูใ นที่วาการอําเภอนายอาํ เภอมีอาํ นาจ ทจี่ ะใหล าไดคราวละไมเกิน 15 วนั มาตรา 77 ถาและผูใ ดมีเหตอุ นั นายอาํ เภอเห็นวาจะใหท ําราชการอยใู นตาํ แหนงจะเสยี ราชการ นายอําเภอจะใหผ ูนัน้ พกั ราชการเสยี ชวั่ คราวกไ็ ด แตในการทีส่ ัง่ ใหพักราชการน้ี ตองบอกใหผูวาราชการเมอื ง ทราบภายใน 15 วัน คาํ ตัดสินเปนเด็ดขาดในเรื่องนนั้ ใหเปนหนา ทข่ี องผมู ีอํานาจที่จะตงั้ ตาํ แหนง ทีเ่ กิด เหตุนน้ั
- 112 - มาตรา 81 หนาทก่ี รมการอาํ เภอที่กลา วไวใ นพระราชบัญญตั ิน้กี ด็ ี หรอื ในท่ีอืน่ ก็ดี ถามไิ ด ระบวุ า เปน หนา ท่ีเฉพาะนายอําเภอ หรอื เฉพาะตําแหนง ใดในกรมการอําเภอไซร ใหพ ึงเขาใจวาเปนหนา ท่ี และรับผิดชอบรวมกัน นายอําเภอเปนหวั หนา จะทาํ การน้นั เอง หรือจะมอบหมายใหกรมการอําเภอคนใด ทําโดยอนุมตั ิของนายอาํ เภอก็ได แตน ายอําเภอจะหลกี ความรับผิดชอบในการทง้ั ปวง เพราะเหตุที่อางวา ไดใ หผูอ่นื ทาํ แทนน้นั ไมได มาตรา 82 ในการทีจ่ ะฟง บังคบั บญั ชาราชการทั่วไป กรมการอาํ เภออยใู นบังคบั บัญชาผวู า ราชการ เมอื งโดยตรง จะลบลางคําสงั่ ผูวา ราชการเมืองได แตผ สู ําเร็จราชการมณฑลหรือเสนาบดีเจา กระทรวงในกรงุ เทพฯ ผบู ัญชาการน้นั ๆ แตก ารโดยปกตซิ ่งึ ยอมมขี าราชการเปนเจาแผนกจากเมืองหรือมณฑลไปตรวจการเฉพาะแผนก ในทีว่ า การอําเภอ ถา และผตู รวจนนั้ กระทําการตามคาํ สั่งและรบั อํานาจไปจากผวู าราชการเมืองหรือผูส ําเรจ็ ราชการมณฑลหรือเจากระทรวง กรมการอาํ เภอตองเชือ่ ฟง เหมอื นคําสั่งผวู าราชการเมอื งผสู าํ เร็จราชการ มณฑลและเจา กระทรวงทใ่ี ชมาน้ัน ถาหากวา ผตู รวจการนนั้ มาโดยลําพังหนา ที่ของตน จะสง่ั ใหจ ัดการในแผนกนนั้ ๆ ประการใดกรมการอําเภอควรทาํ ตาม ตอเมื่อคําสง่ั ไมข ัดกับคําสง่ั ผูวา ราชการเมืองและนายอําเภอเหน็ ชอบดวย ถา มีเจา พนักงานมาส่ังการประการใดๆ กรมการอําเภอตองรายงานใหผ วู า ราชการเมืองทราบดว ยจงทุกคราว มาตรา 83 กรมการอาํ เภอตองตรวจตราและจดั การปกครองตําบลและหมูบา นใหเ ปนไปได จริงดงั พระราชบญั ญตั นิ น้ี อกจากอาํ นาจหนาท่ที ่ีกลาวโดยเฉพาะใหเปน อํานาจหนา ทขี่ องกรมการอําเภอ ใหก รมการอําเภอมีอาํ นาจหนาทีเ่ ชน เดยี วกับกํานนั ผูใหญบานดว ย มาตรา 84 กรมการอําเภอตองเอาใจใสสมาคมใหค ุนเคยกับกํานนั ผใู หญบ า นแพทยป ระจํา ตาํ บลเปน ท่ีปรึกษาหารอื และเปน ผรู ับชว ยแกไขความขดั ของใหแ กเ ขา มาตรา 85 ใหกรมการอําเภอเรยี กประชุมกาํ นนั ผูใหญบานแพทยป ระจําตําบลพรอมกัน หรือเรยี ก ประชมุ แตเฉพาะตาํ แหนงมปี ระชมุ กํานนั เปนตน ในเวลามีการจะตองปรึกษาหรือตอ งถามตอ งสง่ั ตาม สมควร มาตรา 86 กรมการอําเภอรับผดิ ชอบทจ่ี ะรักษาสถานทีว่ าการอําเภอสรรพหนังสือและบญั ชี ตลอดจนบริเวณทว่ี าการอําเภอใหเรียบรอ ย มาตรา 87 กรมการอําเภอตองใหราษฎรท่ีมกี จิ ธุระหาไดทุกเมื่อ ถา ราษฎรมารองทกุ ขอ ยางใด ซง่ึ กรมการอําเภอควรชวยได ตอ งชว ยตามสมควร มาตรา 88 กรมการอาํ เภอตอ งหมน่ั ตรวจทอ งท่ีในเขตอาํ เภอของตน และทองท่ีอําเภออื่นที่ ติดตอ กนั ใหร ูความเปนไปในทองทีน่ ้นั ๆ มาตรา 89 บรรดาหนงั สอื สาํ คญั ทต่ี อ งทาํ ตามกฎหมาย ถากฎหมายและขอบังคับมิไดร ะบุไวว า เปนหนา ทีข่ องพนักงานอ่ืนทําแลว ใหเปนหนาท่ีของกรมการอําเภอทจี่ ะทาํ สําหรับการในอาํ เภอนนั้ มาตรา 90 กรมการอาํ เภอเปนพนักงานทาํ หนังสือเดินทางสาํ หรบั ราษฎรในทอ งท่ีอําเภอนัน้ จะไปมาคาขายในที่อนื่
- 113 - มาตรา 91 หนา ที่ของกรมการอําเภอในการทําทะเบยี นบัญชีนน้ั คอื ทําบัญชสี ํามะโนครัว และทะเบียนทุกๆ อยาง บรรดาท่ตี อ งการใชใ นราชการ มาตรา 92 รายงานราชการทีก่ รมการอาํ เภอจะตอ งทํานัน้ จาํ แนกเปน กจิ ตางๆ ดังนี้ คอื ขอ 1 กรมการอําเภอเปน หูเปนตาของรัฐบาลตองเอาใจใสตรวจตราสืบสวนความทุกขส ขุ ของ ราษฎรและเหตุการณทีเ่ กิดมใี นทองท่ขี องตน การอันใดท่รี ฐั บาลควรรูเพื่อความสขุ ของราษฎรและประโยชนข องราชการ กรมการอําเภอตองถือเปนหนาที่ๆ จะรายงานใหร ฐั บาลทราบความตามท่ีเปน จริง ขอ 2 โดยปกตใิ หก รมการอาํ เภอรายงาน ตอผวู า ราชการเมอื งของตน แตถ ามีคาํ สง่ั โดยเฉพาะวาให รายงานการอยา งใดตอ ผูใดก็ดหี รือวา เหตกุ ารณอ ันใดเกดิ ขึน้ กรมการอาํ เภอเหน็ วา จะรายงานตอ ผวู า ราชการเมอื ง ของตนกอนจะไมท ันประโยชนของราชการจะรายงานไปยงั ทแ่ี หง นน้ั ๆ ซึง่ เห็นวาจะเปน ประโยชนอ ยางดีแก ราชการกไ็ ดแตต องบอกใหผ ูว าราชการเมืองของตนทราบจงทกุ คราว ขอ 3 รายงานประจาํ บอกเหตกุ ารณ และขอ ราชการบรรดามใี นอาํ เภอ ควรย่ืนตอ ผวู าราชการเมือง ไมนอยกวาเดือนละคร้ังหนงึ่ รายงานการจรนน้ั แลว แตก ําหนดในขอบงั คบั หรือเหตุการณอ นั ควรรายงาน สว นรายงาน ดว นบอกเหตุสาํ คญั ซ่งึ เปน ปจจบุ นั ทนั ดวนเกดิ ขึน้ นนั้ ตองรีบรายงานทนั ที และสง โดยโทรเลข หรอื โทรศพั ท อยา งเรว็ ที่สุดทจ่ี ะสงได มาตรา 93 เวลามกี ารประชมุ ชนมากในทใ่ี ด เชน ในเวลามกี ารนักขตั ฤกษเปน ตน กรมการอาํ เภอ กับกํานนั ผูใหญบ านตําบลนน้ั ตอ งจดั การรกั ษาความเรียบรอยในท่ปี ระชุมชน มาตรา 94 กรมการอาํ เภอตอ งคอยตรวจตราตักเตอื นกํานันผใู หญบา นใหมเี ครอ่ื งสัญญาเรียก ลกู บา นชว ยกันดบั ไฟ หรอื ระงับเหตุภยันตรายอยางอื่น หรือจบั โจรผูรายทกุ หมูบา น มาตรา 95 เม่ือกรมการอําเภอไดปรึกษากํานนั ผูใหญบ า นในทองท่ีน้ันแลว เห็นวาหมูบานใดอยูในท่ี ซึง่ สมควรจะจดั การลอมรว้ั ปองกันโจรได ใหกรมการอําเภอนาํ เสนอตอผวู าราชการเมอื ง เมื่อผวู าราชการเมอื ง เหน็ ชอบดว ยแลว กใ็ หกรมการอาํ เภอชี้แจงและส่ังผใู หญบ านและราษฎรในหมูบานนัน้ ทาํ รวั้ ลอมรอบหมบู าน มปี ระตูเปน ทางเขาออกกี่แหงแลว แตชาวบานน้นั จะเหน็ ควร เวลากลางคนื ใหผูใ หญบ านจัดราษฎรผลัดเปล่ียน กนั รกั ษาประตูปองกนั โจรผูรายใหท ัง้ หมูบ าน มาตรา 96 หมูบ านใดตัง้ อยใู กลป าพงอันเปนเช้อื ไฟ เม่อื ถงึ ฤดูพงแหง ใหกรมการอําเภอสง่ั ราษฎรในหมบู า นน้นั ใหชว ยกันถางพงใหเตียนออกไปหางบานเรือน ปองกันอยา ใหเปนอัคคีภัยแกหมบู านน้ัน มาตรา 97 เมือ่ กํานนั ตาํ บลใดรายงานมาวาเจา ของหรอื ผทู อี่ ยูในเหยา เรือนแหงใดที่รา งหรอื ทรุด โทรม ไมกระทําการตามคําสัง่ ใหจัดการซอมแซมรักษาเรือนนั้น ใหดีตามความที่กลาวไวในมาตรา 55 ใหกรมการอาํ เภอไตสวนและบังคบั ตามควรแกการ ถาไมทําตามบังคับใหกรมการอําเภอมีอํานาจรื้อเรือน น้ันได และเรยี กเอาคา รื้อแกเ จาของ มาตรา 98 ราษฎรคนใดไปปลูกเรือนอยใู นทเ่ี ปลยี่ ว อนั นา กลัวอันตรายดวยโจรผรู า ยกด็ ี หรือนา กลัวจะเปนท่ซี อนของโจรผูรา ยกด็ ี เมอ่ื กรมการอําเภอไดปรึกษากบั กํานนั ในทองที่น้ันเห็นดวยกนั แลว กใ็ หบังคบั ใหผนู ัน้ ยา ยเขา มาอยูเสียในหมบู า น
- 114 - มาตรา 99 ในเวลาอตั คดั อาหาร ใหกรมการอาํ เภอประกาศตกั เตือนราษฎรใหเ ก็บรักษาเขาไวใหพอ บริโภค มาตรา 100 ถาแหงใดขาวไมพ อแกร าษฎรในเวลาอัตคดั ใหก รมการอาํ เภอรบี รายงานและกะประมาณ จาํ นวนขาวท่ีขาด อันราษฎรจะไมพงึ ขวนขวายหาเองได แจงตอผูวาราชการเมือง ถาและรัฐบาลจัดสง ขาว หลวงมาแกอ ัตคดั ไซร เปน หนา ทีข่ องกรมการอาํ เภอทจี่ ะจัดการจําหนายขา วตามวิธีท่สี มควร คอื (1) ผูใดมที ุนพอซือ้ ใหผูน้ันซอื้ ไดเทาราคาทุน (2) ผูใดทาํ นาไวย งั ไมไดผล ใหผ ูน ัน้ ยืมโดยสัญญาสง เงนิ เมื่อขายขา วใหมไ ดเทา ราคาทนุ ทรี่ ับ ขา วไปในเวลาน้นั หรือใชดว ยขา วใหมเ ม่ือทาํ ได คดิ ตามราคาขา วใหมในเวลานั้นเทาทนุ ท่ีรฐั บาลใหยืมไป (3) ผใู ดทําการเพาะปลูก หรือหาสินคา ปาอันอาจจะหาสินคามาแลกขาวได กย็ อมรบั สินคาจาก ผูนั้น แลกขา วโดยคิดราคาตามสมควรและพอใจทง้ั ๒ ฝาย (4) ผใู ดอาจจะทําการไดแตดว ยแรง ก็หางานอันประกอบดวยสาธารณประโยชนเชน ขดุ สระ นํา้ ทําถนนหรอื ซอมแซมสถานทีท่ ําราชการเปน ตน ใหผนู ัน้ รับจา งทําคดิ ขา วใหตามราคาทุนเปน คา จา ง โดยอตั ราสูงกวา ท่เี ขาจางกนั ทําการในทน่ี นั้ 1 ใน 4 สวน คอื ถาอตั ราคาจา งเขาจา งกันโดยปกตวิ ันละ บาทหนงึ่ ใหใ หขา วเทา ราคาวันละ 1 บาท 25 สตางค เปนตน (5) หามมิใหๆ ขาวแกผูที่ยังสามารถกระทําการแลกไดดวยประการใดๆ แตผูซึ่งไมสามารถ กระทาํ การแลกไดจ รงิ ๆ เชน คนเจบ็ ไข ชรา ทพุ พลภาพ หรอื ทารกน้ัน ควรใหไ ดร บั ขาวของหลวงพอสมควรแตที่ จะเลีย้ งชีวิตในเวลาอัตคัดน้นั มาตรา 101 หนาทแี่ ละอํานาจของกรมการอําเภอในการท่ีเกย่ี วดว ยความอาญานน้ั มีดังตอไปนี้ คอื ขอ 1 บรรดาอาํ นาจซ่งึ กฎหมายกําหนดไวส ําหรบั ผใู หญบ านและกาํ นนั นนั้ ใหก รมการอําเภอ ใชไ ดท ุกอยา ง ขอ 2 ความอาญาเกิดข้ึนในทองทีอ่ ําเภอใด หรือตัวจําเลยมาอาศัยอยูในทองทีอ่ ําเภอใด ใหกรมการอําเภอมีอาํ นาจทีจ่ ะสั่งใหจ ับผตู อ งหามาไตส วนคดีเร่ืองนั้นในชนั้ ตน ขอ 3 ในการไตสวนในชั้นตน ก็ดี หรอื จดั การตามหมายอยา งใดๆ หรอื ตามคาํ สง่ั ของศาล หรอื คําสง่ั ในทางราชการอยางใดๆ ก็ดี ใหก รมการอาํ เภอมีอํานาจทีจ่ ะออกหมายเรยี กตัวคนมาสาบานใหก าร เปน พยานหมายคนบานเรือน หรอื หมายยดึ สิง่ ของได ขอ 4 ในการคน บานเรอื น หรอื ยดึ ส่ิงของน้ัน ถา นายอาํ เภอไปคน หรอื ยึดเองไมต องมีหมาย ถา จะ แตง ใหผูอ่นื ไปคนหรือยดึ กใ็ หนายอําเภอมหี มายสงั่ เจาพนกั งานผถู อื หมายมีอํานาจที่จะคนและยึดไดตามหมาย ขอ 5 ตวั ผตู องหาในคดีอาญา ซึ่งไดต ัวมาตอหนากรมการอําเภอน้นั โดยปกตนิ ายอําเภอควร ยอมใหม ีประกนั แตถา นายอาํ เภอเห็นวามีเหตุการณอยา งหนึ่งอยา งใดทจ่ี ะกลาวในมาตราน้ี กใ็ หเอาตัวไว คอื (ก) เปน คดีฉกรรจท ีต่ องดวยโทษจาํ คุกต้ังแต 10 ปข น้ึ ไปอยางหนึง่ หรอื (ข) ถาผตู องหาหลบหนจี ะจบั ได โดยยากอยางหนงึ่ หรอื (ค) เห็นไดวา ถา ปลอ ยผูนั้นไปจะทาํ ใหเ กิดเหตุอนั ตรายอยา งหน่ึง หรือ (ง) ถา ปลอยไปจะขัดของหรอื ลําบากแกการไตสวนคดใี นช้ันตน อยางหนึง่
- 115 - ขอ 6 การไตสวนคดใี นช้ันตน นั้น ตอ งลงมอื ภายใน 48 ชว่ั โมง ตั้งแตเวลาท่ีจับผตู องหา นายอาํ เภอ ตองรีบจัดการโดยเรว็ ทจ่ี ะทําได แลวสงตวั ผูต องหายังเมือง ใหสงตอไปยังศาลซึง่ มหี นา ทพี่ ิจารณาคดนี ั้น โดยวธิ ที ก่ี ลาวตอ ไปนี้ ถา เปนตําบลทมี่ ีศาลซ่ึงมีอํานาจ และที่วา การอาํ เภอตัง้ อยดู ว ยกัน ใหส งตัวผตู อ งหาตอศาล ภายใน 48 ชั่วโมง ต้งั แตเวลาท่ผี ูตอ งหาไดตกมาอยใู นความควบคมุ ของกรมการอําเภอ ถาเปน ที่อื่นๆ ใหส ง ตัวผูตองหายังศาลโดยเรว็ ท่ีจะทําได และหามมิใหกักขังตัวไวท่ีๆวาการอําเภอ เกนิ กวา 48 ชัว่ โมง โดยไมม ีเหตจุ าํ เปน ถาเมือ่ สง ผตู องหาไปยังศาล นายอาํ เภอทําการไตส วนคดใี นช้นั ตน ยงั ไมส ําเร็จ กใ็ หเจาพนกั งานเมือง รอ งตอศาลขอผัดใหม ีเวลาไตสวนตอ ไปตามสมควร ขอ 7 ในการไตส วนความอาญา ถานายอําเภอเห็นวาไมมหี ลักฐานขางฝา ยโจทกใหปลอ ยตวั ผตู องหาไป ถา ผูตอ งหาตองดว ยหมายส่ังจบั ของศาลอยแู ลว ก็ใหเ จา พนักงานเมอื งรองขอตอ ศาลใหสงั่ ปลอยตวั ผตู อ งหา มาตรา 102 กรมการอําเภอตองจดั พนกั งานออกตรวจตระเวนรักษาความเรียบรอย และ คอยสืบจับโจรผูรา ยในทองทขี่ องตน มาตรา 103 เม่ือมีเหตผุ คู นถูกกระทํารายตายลงในทองท่อี ําเภอใดกด็ ี ฟกชํ้าหรือมบี าดแผล เจบ็ ปวยสาหสั ก็ดี ผูท ่ีถกู กระทํารายฟกชํา้ หรือมบี าดแผลมาขอใหชันสูตรกด็ ี เปน หนา ท่ขี องกรมการอําเภอท่ีจะ ตรวจชันสตู รหรอื พลิกศพตามพระราชบัญญตั ิ และจดคําใหการพรอมดว ยพยาน และทําหนงั สือชนั สตู รไว เปนหลักฐาน มาตรา 104 เม่ือเกิดเหตเุ สียทรัพยแกผ ูหนึ่งผใู ดเชนถูกโจรภัยเปน ตนเปนหนาทข่ี องกรมการอาํ เภอ ทีจ่ ะทําคําตราสินตามคําขอรองของเจาทรัพย หรือเพื่อหลกั ฐานในราชการ มาตรา 105 ความผดิ อยางใดๆ อนั ตอ งตามประมวลกฎหมายอาญา หรือกฎหมายอนื่ กําหนดเปนลหโุ ทษก็ดี ความผดิ ลวงละเมิดพระราชบัญญัตภิ าษอี ากร อันเบี้ยปรับกําหนดไวใ นพระราชบญั ญัติ ไมเ กิน 200 บาทกด็ ี เม่อื กรมการอาํ เภอไตสวนเหน็ วา จาํ เลยมีพิรุธใหก รมการอําเภอมีอํานาจท่จี ะเปรียบเทียบ ใหตกลงกนั ไดถ าไมตกลงกันไดกด็ ี หรือกรมการอําเภอเหน็ วา โทษของจาํ เลยเกนิ กวา ปรับ 200 บาท หรือ เปน โทษทัง้ ปรับทั้งจาํ หรอื โทษจาํ อยางเดยี วก็ดี ก็ใหสงคดีเร่ืองน้ันไปยังเมือง มาตรา 106 ถามผี ูขอรองอายัดตวั คน หรอื สิ่งของโดยชอบดว ยกฎหมาย เปนหนา ท่ขี องกรมการ อาํ เภอทจี่ ะรับอายดั และทําหนงั สอื หลักฐานในการอายดั นั้น มาตรา 107 เงนิ กลางหรอื ของกลางในคดที ี่จะตอ งรกั ษาไวในอาํ เภอน้ันหรอื จะตอ งนําสงไปยงั เมือง เปนหนาที่ของกรมการอําเภอทจี่ ะจัดการรกั ษาและนําสง มาตรา 109 กรมการอําเภอตองคอยระวงั อยา ใหโ รครายแพรห ลายไปในประชมุ ชน ตองคอย ดูแลปอ งกนั หรอื เม่ือโรคเกิดขนึ้ กต็ องจดั การรักษาอยา ใหต ิดตอลกุ ลามไป มาตรา 110 เพราะเหตทุ โ่ี สโครกเปน แดนเกดิ ของโรครา ย คอื อหวิ าตกโรคและกาฬโรค เปนตน กรมการอําเภอตองคอยตรวจตราวากลาวคนในทองทีอ่ ยาใหทอดทิง้ หรือปลอยใหเกิดความโสโครกอันจะเปน เหตุใหเกิดโรคภยั ไขเจบ็ แกประชาชน
- 116 - มาตรา 111 กรมการอําเภอตองเอาเปนธุระตรวจตราอุดหนุนใหแพทยประจําตําบล ดแู ลการรกั ษาพยาบาล คอื การปลกู ทรพศิ ม และจาํ หนา ยยาหลวงเปน ตน และใหราษฎรไดร ับความปอ งกัน และรักษาโรคตามสมควรแกการทจ่ี ะเปนได มาตรา 112 ในเวลาเกดิ โรครายติดตอ ขึ้นในอําเภอนั้น หรือในทอ งทอ่ี ําเภออื่น ซง่ึ อาจจะลุกลาม มาถึงอําเภอน้ัน ใหกรมการอําเภอประกาศตักเตอื นแกราษฎรใหจดั การปอ งกนั และรักษาโรค ถา หากวาจะ ควรจดั การปองกันไดอยา งใด หรอื วา ควรจะรีบรอ งเรียนตอ ผใู หญขอกําลังอดุ หนนุ ประการใด ก็ใหก รมการอาํ เภอ จัดการตามสมควร มาตรา 113 ถาเกิดโรครา ยท่ตี ดิ ตอ ขน้ึ ในอาํ เภอใด ใหก รมการอาํ เภอนน้ั รบี บอกขา วโดยทางอยา ง เร็วที่สุดท่จี ะบอกไดใ หผ ใู หญเ หนือตนทราบ แลว ใหร ายงานเหตุความไขน้นั ตอ ไปเนอื งๆ จนกวา โรคจะสงบ มาตรา 114 กรมการอําเภอตองตรวจใหร ทู ําเลที่ทาํ มาหาเลย้ี งชีพของราษฎรในอําเภอน้นั คอื ท่ีนา ทส่ี วน ทจ่ี บั สัตวน ํา้ เปนตน และตองสอบสวนใหร วู า ทเี่ หลา น้ันอาศัยสายน้ําทางใด ควรทําบญั ชมี ที ะเบียนไว ในท่วี า การอําเภอ มาตรา 115 การบํารุงผลประโยชนในการหาเลยี้ งชพี ของราษฎรกด็ ี การปอ งกนั ภยนั ตราย มิใหเ กดิ แกการหาเลย้ี งชพี ของราษฎรก็ดี อันตองการความพรอมเพรยี งชว ยกันในหมรู าษฎร ยกตวั อยางดังบางคราว จะตอ งทําทํานบปด นํา้ บางคราวตอ งระบายนาํ้ สาํ หรบั การเพาะปลกู การเหลา นี้เปน หนาท่ีของกรมการอาํ เภอ จะตองเอาใจใสคอยตรวจตราและปรึกษากาํ นันผใู หญบาน ถามีการสมควรจะตองทําเพือ่ ใหเจริญผลประโยชนแก ราษฎรกด็ ี หรือเพ่ือปองกนั ความเสียหายแกผลประโยชนนน้ั ก็ดี ใหกรมการอําเภอเรยี กราษฎรชว ยกนั ทาํ การนั้นๆ ใหสําเร็จทนั ฤดกู าล มาตรา 116 การรกั ษาผลประโยชนใ นการหาเล้ยี งชพี ของราษฎร เชน การปด นํา้ และระบายนํ้า เชนกลา วมาในมาตรากอ นเปน ตน ตลอดจนอยา งอน่ื ๆ ถาหากเกิดเกย่ี งแยง กนั ในประโยชนทจ่ี ะพงึ ไดย กตวั อยาง ดังเชนชาวนาตองการใหปดนา้ํ ชาวเรือตองการใหเ ปดนาํ้ ใหเ รือเดินเปนตน ใหกรมการอาํ เภอเรียกกาํ นัน ประชุมปรกึ ษาหาวิธีที่จะรักษาประโยชนทั้ง 2 ฝาย หรอื ถา จะใหไ ดป ระโยชนไมไดท้ัง 2 ฝา ย ก็ใหร ักษาประโยชนใ หญโ ดยยอมทิ้งประโยชนนอยดวย ความจาํ เปนเมื่อเห็นดวยกันโดยมากประการใด ก็ใหกรรมการอําเภอจัดการตามน้นั มาตรา 117 หว ย คลอง และลํานาํ้ ตา งๆ ยอ มเปนของที่รัฐบาลปกปกรักษาเปนหนาที่ของ กรมการอําเภอจะตองตรวจตราอยา ใหเสยี และอยา ใหผใู ดทํา ใหเสยี สาธารณประโยชน ถา จะตองซอมแซม ตกแตงใหกรมการอําเภอเรยี กราษฎรชว ยกนั ทําอยา งกันปดนาํ้ ฉะนั้น มาตรา 118 กรมการอําเภอมหี นา ทจ่ี ะตองตรวจตราและจดั การรกั ษาทางบกทางนาํ้ อนั เปนทาง ท่รี าษฎรไปมาคา ขาย ใหไปมาโดยสะดวกตามที่จะเปนไดทุกฤดกู าลอันนี้ ถาจะตองทําการซอมแซม หรือ แกไ ขความขดั ของ ใหกรมการอาํ เภอเรียกราษฎรชวยกันทาํ อยางวามาแลว มาตรา 119 กรมการอําเภอตองตรวจตรารกั ษาปา ไม ซึง่ รฐั บาลหวงหามตามขอ บังคบั การ ปา ไม
- 117 - มาตรา 120 ทว่ี า งซึ่งรฐั บาลอนุญาตใหราษฎรทาํ การเพาะปลูกนน้ั เปน หนา ท่ีของกรมการอาํ เภอท่ี จะตอ งตรวจตราจดั การ ปองกนั การเกี่ยงแยง ในระหวา งราษฎรทีไ่ ปตงั้ ทําการเพาะปลกู กอนไดร ับโฉนด มาตรา 121 ท่ีนํา้ อนั เปน ที่รักษาพนั ธส ตั วนํา้ เปน หนา ทข่ี องกรมการอาํ เภอทจ่ี ะตรวจตรารกั ษา ปองกันมใิ หพืชพนั ธสัตวน้าํ สญู ไป มาตรา 122 นายอาํ เภอมหี นา ทร่ี ว มกับองคกรปกครองสว นทองถ่ินในการดูแลรกั ษาและคมุ ครอง ปอ งกนั ที่ดนิ อนั เปน สาธารณสมบตั ขิ องแผน ดินทป่ี ระชาชนใชป ระโยชนร ว มกนั และสง่ิ ซึ่งเปน สาธารณประโยชน อน่ื อันอยูในเขตอาํ เภอ นายอําเภอและองคกรปกครองสว นทองถิ่นไมมีอํานาจใชห รือยินยอมใหบุคคลอ่ืนใชท่ีดินตามวรรคหนึง่ เวน แตจะไดรับความเหน็ ชอบจากผวู า ราชการจังหวัดและปฏบิ ตั ิตามประมวลกฎหมายทีด่ ินและกฎหมายอ่นื ที่เกย่ี วของ ในกรณีทม่ี ีขอพิพาทหรอื คดีเกย่ี วกบั ท่ดี ินตามวรรคหนง่ึ นายอาํ เภอและองคกรปกครองสว นทองถน่ิ จะรว มกันดําเนินการหรอื ฝายใดฝา ยหน่ึงจะเปน ผดู ําเนนิ การ ก็ใหมอี ํานาจกระทาํ ได ทงั้ นี้ กระทรวงมหาดไทยจะ วางระเบียบกําหนดหลักเกณฑเ ปน แนวปฏบิ ตั ิดว ยกไ็ ด คา ใชจ า ยในการดาํ เนนิ การตามวรรคหนง่ึ และวรรคสามใหจ า ยจากงบประมาณขององคก รปกครอง สว นทองถ่นิ ตามระเบยี บทีก่ ระทรวงมหาดไทยกําหนด มาตรา 123 ทว่ี ัดหรือกศุ ลสถานอยา งอ่นื ซง่ึ เปนของกลางสําหรบั มหาชนกใ็ หอ ยูในหนาทกี่ รมการ อําเภอจะตอ งคอยตรวจตราอุดหนุนผปู กปกรกั ษาอยาใหผูใดรุกลํา้ เบียดเบียนที่อนั นัน้ มาตรา 124 กรมการอําเภอตองปรึกษาดวยกํานัน ผูใหญบาน และผูอุปการะการศึกษา ในทองท่ี มีพระภิกษุสงฆเปน ตน ชวยกนั แนะนาํ และจัดใหมีสถานที่เลาเรยี นใหพอแกเ ด็กในอาํ เภอน้นั มาตรา 125 กรมการอําเภอตองตรวจตราปรึกษาดวยกาํ นัน ผูใ หญบ าน และผูอปุ การะ การศึกษาในทองท่ี จดั บาํ รุงการส่ังสอนอยาใหเส่อื มทราม มาตรา 126 กรมการอําเภอตองคอยชีแ้ จงตักเตือนแกก ํานนั ผใู หญบ าน บดิ ามารดา และผปู กครอง เด็กใหสงบุตรหลานไปเลา เรยี น มาตรา 127 บรรดาภาษีอากร ซง่ึ มิไดมีกฎหมายหรือขอบังคบั ใหพ นักงานอ่ืนเกบ็ แลว เปน หนา ท่ขี องกรมการอําเภอท่จี ะจัดการเกบ็ ในอําเภอนนั้ มาตรา 128 ในการเกบ็ ภาษีอากร กรมการอําเภอตองคอยตรวจตราเวลาเกดิ อุบตั ิเหตุ หรอื เปนเวลาราษฎรอตั คดั ขัดสนเมือ่ ถึงกําหนดทจ่ี ะเกบ็ ภาษีอากรนั้นๆ ใหรูแ ละรายงานพรอมทัง้ ความเหน็ ท่คี วรจะ จดั การผอ นผนั อยางใด ใหผวู าราชการเมืองทราบ มาตรา 129 เงินหลวงทเ่ี กบ็ ภาษีอากรไดกด็ ี หรือทไี่ ดจากประเภทอนื่ กด็ ี ซึง่ จะตองนําสง พระคลงั เปน หนา ทขี่ องกรมการอาํ เภอทจี่ ะรักษาและนําสงถึงพระคลัง มาตรา 130 ในหนาทข่ี องกรมการอาํ เภอทจ่ี ะจดั การท้งั ปวงในอาํ เภอใหเรียบรอ ยน้ัน ถา หากวา กรมการอาํ เภอเหน็ วธิ กี ารงานอยา งใดยงั บกพรอ ง ใหร ายงานชแ้ี จงความเหน็ ตอ ผูวา ราชการเมอื ง ขออนุญาตแกไขตามท่ีคิดเหน็ วา เปนอยา งดี
- 118 - มาตรา 131 กรมการอําเภอมหี นา ที่จะตอ งชว ยราชการของอาํ เภออนื่ ท่ีใกลเคยี ง แมตา งเมอื งกัน และในการท่ีชว ยนี้ไมจ ําจะตองรอจนอําเภอนน้ั ขอใหช วย ถารูเหตุการณซ่ึงเหน็ วาตนควรจะชว ยเหลอื จงึ จะเปน ประโยชนแกราชการ ตองชว ยเหลือทเี ดยี ว มาตรา 132 หนา ท่ีของกรมการอาํ เภอนอกจากท่ีกลาวไวใ นพระราชบัญญตั ลิ ักษณะปกครอง ทอ งที่น้ี ยังตองทําตามความซ่ึงกําหนดไวใ นพระราชกําหนดกฎหมายอยา งอนื่ ๆอนั กําหนดไววา เปน หนาที่ ของกรมการอาํ เภอ แมพ ระราชกาํ หนดกฎหมายใดมไิ ดร ะบไุ วใ นพระราชกาํ หนดกฎหมายนน้ั ๆ วา เปน หนาทีข่ อง ผูใด ก็ใหพึงเขาใจวาเปนหนาทีข่ องกรมการอําเภอที่จะรักษาการใหเปนไปตามพระราชบัญญัตินั้นๆ กฎหมายลาํ ดับรองที่เก่ียวของ 1. ระเบียบกระทรวงมหาดไทย วาดว ยการเลือกผใู หญบาน พ.ศ. ๒๕๕๑ ขอ ๔ ในระเบียบนี้ “หนวยเลือกผูใหญบ าน” หมายความวา ทองที่ทก่ี ํา หนดใหทํา การเลอื กผใู หญบ า น “ทเี่ ลอื กผใู หญบ าน” หมายความวา สถานทีท่ ่ีกาํ หนดใหท าํ การลงคะแนนเลือกผใู หญบาน และใหหมายความรวมถงึ บรเิ วณท่กี ําหนดขน้ึ โดยรอบทเ่ี ลือกผูใ หญบ า น “ผมู ีสิทธิเลือก” หมายความวา ผมู สี ทิ ธเิ ลือกผูใหญบา นซ่ึงมคี ุณสมบัติและไมมลี กั ษณะตองหาม ตามทีก่ ฎหมายวาดว ยลกั ษณะปกครองทองที่กําหนดไว “ผูส มัคร” หมายความวา ผสู มัครรับเลอื กเปน ผูใ หญบ าน “คณะกรรมการเลอื ก” หมายความวา คณะกรรมการเลือกผูใหญบานตามคําส่งั แตง ตงั้ ของ นายอาํ เภอ “คณะกรรมการตรวจสอบ” หมายความวา คณะกรรมการตรวจสอบคณุ สมบตั แิ ละลกั ษณะ ตองหา มของผสู มัครรับเลือกเปน ผใู หญบ านตามคําสง่ั แตงตั้งของนายอําเภอ ขอ ๕ การปฏบิ ัติหนา ทตี่ ามระเบยี บนี้ นายอาํ เภออาจมอบหมายใหผ ูใตบังคับบัญชาปฏบิ ัติ หนา ท่ีแทนได ขอ ๖ ใหปลัดกระทรวงมหาดไทยรักษาการตามระเบียบนี้ และใหม ีอาํ นาจตีความวินิจฉัย ปญ หากําหนดหลักเกณฑ และวิธีปฏิบตั ิเพือ่ ดาํ เนนิ การใหเ ปนไปตามระเบียบนี้ แบบพมิ พ รูปแบบและลกั ษณะของบัตรเลือก ใหเปน ไปตามแบบทายระเบียบน้ี ขอ ๗ เม่ือมีการจัดต้งั หมบู านใหม หรือตําแหนง ผูใหญบ านวางลงไมวาดว ยเหตุใดใหน ายอาํ เภอ จดั ใหมกี ารเลือกผูใหญบานโดยวธิ ีลับ ภายในกําหนดเวลาสามสิบวนั นบั แตว นั ทม่ี กี ารจัดต้ังหมูบ า นใหม หรอื ตาํ แหนงผูใ หญบ านวางลง ขอ ๑๑ กรณีที่ตําแหนงผูใหญบา นของหมูบานใดวา งลง ใหน ายอําเภอจัดใหมกี ารเลอื ก ผูใหญบ า นภายในสามสบิ วันนบั แตวนั ทีต่ าํ แหนงผูใหญบานของหมูบา นนั้นวางลงเพ่ือประโยชนในการ จัดการเลอื กผใู หญบาน วันท่ีตาํ แหนงผูใหญบา นวา งใหเ ปนไป ดังนี้
- 119 - (๑) ในกรณที ่ผี ูใหญบา นตองพน จากตาํ แหนงตามมาตรา ๑๔ (๑) ใหถอื วา วันท่ีผูใหญบ า นมีอายุ ครบหกสิบปบริบูรณ เปน วันทต่ี าํ แหนงผใู หญบ า นของหมูบา นนน้ั วา งลง (๒) ในกรณีที่ผูใหญบา นตองพนจากตําแหนงตามมาตรา ๑๔ (๒) (๖) (๗)(๘) (๙) (๑๐) หรอื (๑๑) ใหถ ือวาวันท่ีมคี าํ สงั่ ใหผ ูใหญบาพนจากตําแหนง เปนวันท่ตี าํ แหนง ผใู หญบ า นของหมบู า นนนั้ วางลง (๓) ในกรณีท่ีผใู หญบา นตองพน จากตาํ แหนงตามมาตรา ๑๔ (๓) ใหถอื วา วันท่ีผใู หญบานน้ัน ตาย หรือวันทีน่ ายอําเภอรับทราบการตายของผูใหญบานน้ันเปน วนั ท่ตี าํ แหนง ผใู หญบ านของหมูบานน้ัน วางลง แลว แตก รณี (๔) ในกรณีทีผ่ ูใหญบ า นตองพน จากตําแหนง ตามมาตรา ๑๔ (๔) ใหถ อื วา วันทค่ี ําส่ังอนุญาต ใหล าออกไดระบุไวเ ปน วันท่ตี ําแหนง ผูใ หญบานของหมูบานน้นั วา งลง ถา นายอาํ เภอเห็นวา ไมอ าจจดั ใหม ีการเลือกผูใหญบา นไดภายในกาํ หนดเวลาสามสบิ วนั ให รายงานผูวา ราชการจงั หวดั ขยายเวลาออกไปไดเทา ทีจ่ าํ เปน ขอ ๑๒ การเลือกผใู หญบานใหนายอาํ เภอดําเนินการดงั นี้ (๑) ประกาศกําหนดใหมกี ารเลือกผใู หญบานตามแบบ ผญ. ๑ และปดประกาศภายในสามวัน นับแตว ันทตี่ ําแหนงผใู หญบ านของหมูบานนน้ั วา งลง หรือวันทีจ่ ัดต้ังหมูบานใหม ในประกาศตามแบบ ผญ. ๑ อยางนอยตองมสี าระสําคญั ดังนี้ ก. กําหนดหนวยเลอื กผใู หญบาน โดยระบุชอื่ หมูบ า น หมทู ่ี ตําบล อาํ เภอจงั หวดั วา เปน ทอ งทท่ี ่ี กาํ หนดใหทาํ การเลือกผูใหญบาน ข. กาํ หนดทเี่ ลอื กผใู หญบา น โดยกาํ หนดสถานท่ีใหเ ปนท่ีทาํ การลงคะแนนเลือกผใู หญบ า น ค. กําหนดระยะเวลาการรับสมัคร ตอ งกําหนดวันรบั สมคั รรบั เลอื กเปนผใู หญบาน ภายหลังการประชุมราษฎรแลว และตองอยภู ายในระยะเวลาสบิ วันนับแตว นั ที่ตาํ แหนง ผูใหญบ า นของ หมูบ า นน้นั วางลง ระยะเวลาการรับสมคั รตองไมน อยกวาสามวันไมเ วน วันหยุดราชการ ง. กําหนดวันเลือกตองไมเ กินสามสบิ วันนับแตวันที่ตาํ แหนงผใู หญบานของหมูบา นนน้ั วางลง จ. กําหนดระยะเวลาการลงคะแนน ใหเริม่ ต้ังแตเ วลา ๐๘.๐๐ นาฬิกา และสน้ิ สดุ การ ลงคะแนนเวลา ๑๕.๐๐ นาฬิกา ฉ. กาํ หนดใหมีการเพิ่มช่อื ถอนชือ่ ในบญั ชรี ายช่ือผูม ีสทิ ธิเลือกผใู หญบานไดว ันสดุ ทาย กอนวันเลือกไมนอยกวาสามวัน ช. กาํ หนดวันประชุมราษฎรในหมูบ า น ภายในเจ็ดวนั นับแตว ันท่ีตาํ แหนง ผูใหญบ า น ของหมูบา นนั้นวา งลง เพอื่ แจงรายละเอยี ดเก่ยี วกบั การเลอื ก การทาํ ความเขาใจในเร่ืองรูแพ รูชนะ รอู ภัย และการรูรักสามัคคี ตลอดจนการดาํ รงรักษาความเปนมติ ร เปนเพ่ือนบา นและความเปน ญาตพิ นี่ องในพ้ืนท่ี ทั้งกอนและหลงั การเลอื ก และใหราษฎรเสนอชื่อผสู มควรไดร บั การแตงต้ังเปนกรรมการตรวจสอบโดยให ทาํ บันทกึ รายงานการประชุมไวเ ปน หลกั ฐานตามแบบผญ. ๑๐ (๒) จดั ทาํ ประกาศบญั ชรี ายช่ือผูม สี ทิ ธเิ ลอื กผใู หญบ านตามแบบ ผญ. ๒ (๓) รับสมัครผูส มคั รรบั เลือกเปน ผใู หญบ านตามแบบ ผญ. ๓ (๔) ประกาศรายชื่อผยู ่นื ใบสมัครรบั เลือกเปน ผูใหญบา นตามแบบ ผญ. ๔
- 120 - (๕) ประกาศบญั ชรี ายชื่อผูสมคั ร ซึง่ มีคุณสมบัตแิ ละไมม ีลกั ษณะตองหาม สมัครรับเลือกเปน ผใู หญบ า นตามแบบ ผญ. ๖ (๖) ออกคาํ สง่ั แตงตั้งคณะกรรมการเลอื กและเจา หนา ทีร่ ักษาความสงบเรียบรอยตามแบบ ผญ. ๘ (๗) ออกคําสงั่ แตงต้งั คณะกรรมการตรวจสอบตามแบบ ผญ. ๙แบบตาม (๑) (๒) (๔) (๕) (๖) และ (๗) ใหปดประกาศไว ณ ทว่ี าการอาํ เภอที่เลือกผใู หญบาน สถานทีท่ นี่ ายอําเภอกาํ หนดตามขอ ๙ และสาํ รองแบบดังกลา วอยางละหน่ึงชดุ ไวใหคณะกรรมการเลือกนําไปใชห รือปด ณ ทเ่ี ลือกผูใหญบ านในวัน เลอื กผใู หญบาน ยกเวน แบบตาม (๒) ใหส ํารองไวส องชดุ สาํ หรับนาํ ไปใชหรือปด ณ ที่เลือกผูใหญบ า นในวัน เลือกผูใหญบ า น ขอ ๘๖ เม่อื การเลือกผูใหญบา นไดม ีการนบั คะแนนเสร็จสิ้นแลวใหค ณะกรรมการเลือกปดประกาศ ผลการนบั คะแนนตามแบบ ผญ. ๑๔ ไว ณ ท่ีเลอื กผใู หญบา นที่วา การอาํ เภอ และสถานทีท่ ี่นายอําเภอกาํ หนด ตามขอ ๘ ขอ ๘๗ เมอื่ นายอําเภอไดร ับรายงานผลการนับคะแนนตามแบบ ผญ. ๑๕ แลวใหออกคําสง่ั แตงตง้ั ผทู ่ีไดรับคะแนนสูงสดุ หรือผูท่จี ับสลากไดข อความวา “ไดรบั เลอื กเปนผูใหญบ าน” หรือผูส มคั รคนเดยี ว ตามขอ ๓๘ เปนผูใหญบานนับแตวนั ที่นายอาํ เภอมคี ําสัง่ แตง ต้งั แลวรายงานผวู าราชการจงั หวัดเพ่ือออก หนงั สอื สาํ คญั ใหแกผ ไู ดรับแตงต้ังเปน ผใู หญบา น ขอ ๘๘ เม่ือนายอาํ เภอมีคําสั่งแตงต้ังผูใ หญบา นแลว ผูใดเห็นวา การเลอื กเปนไปโดยไมสจุ ริต และเทย่ี งธรรม ใหทําคํารองคัดคา นเปน หนงั สอื ย่ืนตอ นายอําเภอไดภ ายในสิบหาวนั นับแตวนั ทน่ี ายอําเภอ มีคําส่งั แตง ตงั้ เมือ่ นายอาํ เภอไดร ับหนงั สือรองคัดคา นแลว ใหด าํ เนนิ การสอบสวน แลว รายงานผลการสอบสวน พรอ มความเห็นและหลกั ฐานใหผ ูว าราชการจังหวดั วินิจฉยั ช้ีขาด หากเหน็ วา การเลือกผใู หญบ านน้นั เปน ไปตามที่ ไดมกี ารรอ งคัดคา น หรอื ไดมกี ารกระทาํ ไปโดยไมส ุจรติ และเทย่ี งธรรม ใหผูว า ราชการจงั หวัดสงั่ ใหผ ใู หญบา นนนั้ พนจากตําแหนงภายในเกาสบิ วันนบั แตวันที่นายอําเภอมีคาํ ส่ังแตง ตั้ง กรณนี ายอําเภอไดด าํ เนินการตามวรรคสองแลว เห็นวามีความจําเปนตองเปดหีบบัตรเพือ่ ทําการ ตรวจสอบผลการนับคะแนน ใหร ายงานผวู า ราชการจงั หวดั แตงต้ังคณะกรรมการข้ึนทําการตรวจสอบ เพ่ือประกอบการ วนิ ิจฉยั ส่ังการของผูวาราชการจงั หวัดตอ ไป ขอ ๘๙ กรณมี ผี ูทักทวงการวนิ ิจฉยั บัตรเลือกในระหวา งการนับคะแนนเน่ืองจากการวนิ จิ ฉยั บัตรดี บตั รไมป ระสงคลงคะแนน หรอื บัตรเสยี วา เปน ไปโดยไมถูกตองตามระเบียบนี้ไวแ ลว และไดรอ ง คดั คานเรื่องดังกลา วตอนายอาํ เภอกอ นทนี่ ายอาํ เภอจะมีคาํ สั่งแตง ต้ังผูใหญบ า น ใหน ายอาํ เภอทาํ การตรวจสอบ ใหเสรจ็ ส้นิ ภายในสามวนั นบั แตว นั ที่ไดรบั การรองคัดคา น หากผลการตรวจสอบปรากฏวา มีมลู ใหนายอาํ เภอ เปดหบี บัตร เพอ่ื ทาํ การนบั คะแนนใหมโ ดยมนี ายอาํ เภอเปน ประธาน หวั หนา สว นราชการท่นี ายอําเภอ เหน็ สมควร ปลดั อาํ เภอ กรรมการเลอื กทีท่ าํ หนา ทน่ี บั คะแนน และผสู มคั รทุกคนรวมในการนับคะแนน ใหมด ว ยและรายงานผวู าราชการจังหวัดทราบ
- 121 - ถา การนบั คะแนนใหมป รากฏวา จาํ นวนผมู าใชส ทิ ธกิ บั จาํ นวนบตั รทใ่ี ชใ นการลงคะแนนมีจํานวน เทา กนั ผลการนบั คะแนนใหมเ ปน เชน ไรใหเ ปน ไปตามน้นั และใหน ายอําเภอมคี าํ สง่ั แตงต้งั ผูท ่ไี ดรับคะแนน สงู สุดในการนบั คะแนนใหมเปนผใู หญบ านนับแตวันท่ีนายอําเภอมคี ําส่ังแตงต้ัง ถา จาํ นวนผูมาใชส ิทธกิ บั จํานวนบัตรท่ีใชใ นการลงคะแนนมีจํานวนไมเทากนั ใหร ายงานผูวา ราชการ จงั หวดั จดั ใหม ีการลงคะแนนใหมต ามระเบยี บน้ี เวน แตผ ลการนับคะแนนทีไ่ มตรงกบั จํานวนผูมาใชส ิทธิ ลงคะแนนไมทําใหผ ลการเลือกน้ันเปลยี่ นแปลงไปไมตองจดั ใหม กี ารลงคะแนนใหม ขอ ๙๐ เมื่อนายอาํ เภอไดรบั คาํ รองคัดคา นการเลอื กผูใ หญบานวา เปน ไปโดยไมส จุ รติ และ เท่ยี งธรรม ถานายอาํ เภอพิจารณาขอ มลู คํารองคัดคา นแลวเห็นวา ผูรอ งคัดคา นสําคัญผิดในขอ กฎหมาย หรอื ขอ เท็จจรงิ เพือ่ ประโยชนแ หง การรรู กั สามัคคี ดว ยความพอใจของคูกรณใี หน ายอําเภอเรยี กผรู องคัดคา น และผูถ กู คัดคานเสนอขอเทจ็ จรงิ หรือขอมลู เพ่ิมเติม และชี้แจงทาํ ความเขา ใจเก่ยี วกับขอกฎหมายหรือ ขอเท็จจริงท่ีถูกตองแลว หากผูรอ งคัดคานไดเขาใจขอกฎหมาย หรือเขาใจในขอเทจ็ จริงท่ีถูกตองแลวผรู อง คดั คานไดขอถอนคาํ รองคัดคาน หรือไมประสงคใหพ ิจารณาเรอื่ งคํารองคัดคานตอไปใหบ นั ทกึ ถอยคาํ ผรู อง คัดคา นไวแ ละส่งั ยตุ เิ ร่ือง หากผรู อ งคดั คานยงั ไมพ อใจใหนายอาํ เภอทําการสอบสวน และจดั ทําความเห็น ประกอบขอฎหมายและขอเท็จจรงิ คํารอ งคดั คานเสนอตอผูวาราชการจังหวดั เพอ่ื พิจารณา ขอ ๙๑ กรณีท่ผี วู า ราชการจังหวดั มีคําส่งั ใหผ ูใ หญบ านพนจากตาํ แหนง ตามขอ ๘๘ ไมก ระทบกระเทอื นตอกิจการท่ีผูใ หญบา นนน้ั ไดกระทาํ ลงไปในขณะดาํ รงตําแหนง ขอ ๙๒ นายอําเภอจะทําลายบัตรเลือกและเอกสารท่ีเก็บอยูในหบี บตั รนั้นไดเม่อื พนกําหนด ระยะเวลาคดั คา นการเลอื กตามขอ ๘๘ แลว ไมน อยกวา เจ็ดวนั ในกรณีทีม่ กี ารคัดคา นการเลือกใหนายอาํ เภอ เกบ็ รักษาหบี บตั รจนกวาจะถึงทสี่ ุด 2. ระเบยี บกระทรวงมหาดไทย วา ดว ยการคัดเลือกกาํ นัน พ.ศ. ๒๕๕๑ ขอ ๔ ในระเบียบนี้ “ทค่ี ัดเลือกกํานัน” หมายความวา สถานท่ที ี่กําหนดใหทําการคัดเลอื กกํานัน “ผมู สี ิทธลิ งคะแนน” หมายความวา ผใู หญบ านในตําบลที่มีการคัดเลือกกํานันซ่งึ ไดมาประชุม เพอ่ื คดั เลอื กกาํ นนั และอยูในท่ปี ระชมุ น้นั ขณะถึงเวลาลงคะแนน ณ ท่คี ัดเลอื กนั้น” ขอ ๕ การปฏิบัตหิ นา ทตี่ ามระเบยี บนี้นายอาํ เภออาจมอบหมายใหผใู ตบงั คับบญั ชาปฏิบัติ หนาท่แี ทนได ขอ ๖ ใหปลัดกระทรวงมหาดไทยรักษาการตามระเบียบนี้ และใหมีอาํ นาจตีความวินจิ ฉัย ปญหา กาํ หนดหลกั เกณฑ และวธิ ปี ฏบิ ัตเิ พอ่ื ดาํ เนินการใหเปนไปตามระเบยี บนแ้ี บบพมิ พ รูปแบบ และ ลกั ษณะของบตั รเลือกใหเ ปนไปตามแบบทายระเบยี บ ขอ ๗ เม่อื ตาํ แหนง กาํ นันวางลงใหคดั เลือกกํานันข้นึ ใหมภายในกาํ หนดเวลาส่สี บิ หา วันนบั แตว ันที่ นายอาํ เภอไดทราบการวางนั้น หากมีความจาํ เปน ไมอาจจัดใหม ีการคัดเลือกกํานันไดภายในกาํ หนดเวลาส่สี บิ หา วันใหนายอาํ เภอ รายงานผวู าราชการจงั หวัดขอขยายเวลาออกไปไดเทา ท่จี าํ เปน
- 122 - ขอ ๘ การคัดเลือกกาํ นนั ตองเปน ไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม (๑) นับแตว นั ที่นายอําเภอประกาศใหม ีการคัดเลอื กกํานันจนถงึ วนั คัดเลือกหา มมใิ หผูใด กระทําการอยา งหนึ่งอยางใดเพื่อจูงใจใหผใู หญบานคนใด เสนอช่ือหรืองดเวน การเสนอช่ือหรือการลงคะแนน ใหแ กผ ใู หญบา นคนหนึ่งคนใดเพอ่ื รบั การคดั เลอื กเปน กาํ นนั หรอื มใิ หไดรบั การคัดเลือกเปก ํานัน ดว ยวิธีการ ดงั ตอ ไปน้ี ก. จัดทาํ ให เสนอให สญั ญาวา จะให หรอื จัดเตรยี มเพ่ือจะใหทรพั ยสินหรือผลประโยชน อืน่ ใดอันอาจคํานวณเปนเงนิ ไดแกผูใด ข. ให เสนอให หรือสญั ญาวา จะให เงินหรือทรัพยส นิ หรือประโยชนอ่ืนใดไมวา โดยทางตรง หรอื ทางออมแกช ุมชน สมาคม มูลนธิ ิ วัด มสั ยิด สเุ หรา ศาลเจา โรงเจ โบสถคริสต โบสถพราหมณ สาํ นักปฏิบัตธิ รรม สถาบนั การศึกษา สถานสงเคราะห สหกรณ กองทนุ สงเคราะห ชมุ นุม ชมรม สโมสร กลุม องคกร หรอื สถาบนั อืน่ ใดตามท่ีคณะกรรมการเลอื กตงั้ ตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนญู วาดวยการเลือกตงั้ สมาชิกสภาผแู ทน ราษฎรและการไดมาซงึ่ สมาชิกวฒุ สิ ภากาํ หนด ค. จดั ใหมีมหรสพหรือการรน่ื เริงตางๆ รวมทง้ั การแสดง และการละเลนอ่ืนๆ ง. เลย้ี งหรือรับจะจัดเลยี้ งผูใด รวมถงึ การจดั เล้ยี งหรอื รับจะจัดเล้ียง การประชุม อบรม สมั มนา ทศั นศกึ ษา หรือดงู าน เปนตน จ. หลอกลวง บงั คับ ขเู ข็ญ ใชอ ิทธพิ ลคุกคาม ใสร า ยดว ยความเท็จ หรอื จูงใจผูใดใหเขา ใจผิด ในคะแนนนิยมของผใู หญบ านรายอ่ืน (๒) ในวันคดั เลือก หา มมใิ หผ ใู ดทาํ การโฆษณาหาเสยี ง โดยวธิ กี ารใดๆ ไมว า จะเปน การไดเปรียบ หรอื เสยี เปรียบแกผใู หญบานคนใดจนสนิ้ สุดการคัดเลอื ก (๓) นับแตวันทนี่ ายอําเภอประกาศใหมีการคดั เลอื กกํานันจนสนิ้ สุดการคดั เลือกใหเจาหนาท่ี ผูรบั ผิดชอบในการคัดเลอื ก วางตวั เปน กลางโดยเครงครัด หามมใิ หก ารกระทําใดๆ อนั เปนการชว ยเหลอื หรอื สนบั สนุนผูใ หญบา นคนหน่ึงคนใด (๔) นบั แตว ันทน่ี ายอาํ เภอประกาศใหม ีการคดั เลือกกํานันจนส้นิ สุดการลงคะแนน หา มมใิ ห เจา หนาทข่ี องรัฐผูใดใชตําแหนง หนาท่ีโดยมชิ อบดว ยกฎหมายกระทําการใดๆ เพ่ือใหเ กดิ การไดเปรยี บ หรือเสยี เปรียบแกผ ูสมัครคนใด การกระทาํ ทฝ่ี า ฝนตาม (๑) (๒) (๓) หรือ (๔) เปนการคดั เลือกท่ีไมส ุจรติ และเทีย่ งธรรม ขอ ๙ กอ นวันคัดเลอื กกํานันตามขอ ๑๐ (๑) ข. หากปรากฏวาในตําบลน้นั มีตาํ แหนง ผใู หญบานวา งหรือมีหมบู า นที่ประกาศตง้ั ข้ึนใหม ใหด าํ เนนิ การเลือกผูใหญบ านน้นั เสยี กอน เวน แตจ ะมี ระยะเวลาไมเพียงพอทจ่ี ะดําเนนิ การเลอื กไดหรือมีเหตทุ ี่ไมสามารถเลือกผูใหญบา นนนั้ ไดใ หดําเนนิ การ คดั เลอื กกํานนั ตอไปโดยไมตองรอผลการเลือกผใู หญบ านในหมูบานน้นั ขอ ๑๐ การคัดเลือกกํานันใหนายอําเภอดาํ เนินการดังนี้ (๑) ประกาศกาํ หนดใหมกี ารคดั เลือกกาํ นนั ภายในสามวันนับแตวนั ทน่ี ายอําเภอไดท ราบการวา ง ตามแบบ กน. ๑ อยา งนอยตองมีสาระสาํ คญั ดังนี้ ก. กาํ หนดที่คัดเลอื กกาํ นนั
- 123 - ข. กาํ หนดวัน และเวลาประชุมคัดเลือกกํานัน โดยใหก ําหนดวนั คัดเลอื กกาํ นนั ภายหลังท่ี ไดดาํ เนนิ การเลอื กผใู หญบ านทวี่ างอยูกอนหรือวางอยูใ นวันท่มี ีประกาศใหมกี ารคดั เลอื กกํานัน แตทง้ั นี้ ตองไมเกนิ ส่สี บิ หา วนั นับแตวันทีน่ ายอําเภอไดทราบเหตุนน้ั (๒) ปดประกาศกาํ หนดใหม ีการประชมุ คัดเลือกกาํ นนั ตามแบบ กน. ๑ ณ ทีว่ า การอําเภอ หรอื สถานทที่ น่ี ายอําเภอกําหนดใหม ีการคัดเลือกกาํ นนั และท่ที ําการผูใ หญบานทุก หมบู านในตาํ บลท่ีมีการคัดเลือกกาํ นันภายในเจด็ วันนบั แตวนั ทนี่ ายอําเภอทราบเหตุนั้น (๓) แจงใหผูใหญบานทุกหมบู านในตําบลทราบเปน ลายลักษณอักษรลวงหนาไมน อยกวาสามวัน กอนวันประชุมคัดเลอื ก (๔) มคี ําสั่งแตงตัง้ คณะกรรมการคัดเลือกกาํ นันประกอบดวย นายอาํ เภอเปน ประธาน ผูท ่ีนายอาํ เภอ เห็นสมควรเปนกรรมการ และปลัดอําเภอเปนกรรมการและเลขานกุ ารทําหนาท่ีชว ยเหลือนายอาํ เภอ (๕) จัดประชุมผใู หญบ านในตําบลนัน้ เพือ่ ปรึกษาหารือคัดเลือกผูใ หญบานคนหนึ่งขึน้ เปนกํานนั ตามวนั เวลา และสถานทท่ี ี่กําหนดไวในแบบ กน. ๑ (๖) กรณที ผี่ ูใหญบานไดถ ูกเสนอชื่อเพื่อรับการคดั เลือกจากท่ีประชุมตาม (๕)มากกวาหนง่ึ คน ตองจดั ใหมกี ารลงคะแนนโดยวธิ ลี บั (๗) จดั เตรียมหีบบัตร บัตรเลอื ก บัญชรี ายชื่อผใู หญบา นในตําบลน้ัน แบบพมิ พแ ละอปุ กรณ ตา งๆ ท่ีตองใชในวันคัดเลือก ขอ ๑๑ ใหน ายอําเภอกาํ หนดใหทวี่ าการอําเภอเปน สถานที่คัดเลือกกํานัน หากมีความจาํ เปน ไมส ามารถใชสถานทีด่ ังกลาวได จะกาํ หนดสถานทอี่ ืน่ ทมี่ ีความสะดวกเหมาะสมเปน สถานที่คดั เลือกและ ไมเ ปนการไดเปรียบหรือเสียเปรยี บแกผ ูใหญบ า นคนหน่งึ คนใดเปนท่ีคดั เลือกกํานันก็ได ขอ ๑๒ ในการประชมุ คดั เลือกกํานัน ใหนายอําเภอเปนประธานในที่ประชมุ ปลัดอาํ เภอเปน เลขานกุ ารทาํ หนาทรี่ บั ลงทะเบียนผใู หญบ า นและกรรมการทีเ่ ขารว มประชมุ และจดั ทําบันทึกรายงานการ ประชมุ คดั เลือกกํานนั ตามแบบ กน. ๒ ใหนายอําเภอชแี้ จงรายละเอยี ด เพื่อทาํ ความเขา ใจในเร่ืองรูแ พ รชู นะ รอู ภัยและการรูร ัก สามคั คี ตลอดจนการดํารงรักษาความเปนมติ ร เปนเพ่ือนบาน และความเปน ญาติพ่ีนองในพ้ืนทท่ี ้ังกอน และหลังการคดั เลือกใหผใู หญบา นและราษฎรท่สี นใจติดตามการคดั เลือกกํานนั ไดรับทราบ ขอ ๑๓ การประชมุ คดั เลือกกาํ นันตองเปนไปโดยเปดเผยและตอ งมผี ูใ หญบา นมาประชุมไมนอ ย กวา ก่ึงหนึ่งของจาํ นวนผใู หญบา นท้ังหมดท่ีมีอยูในตําบลน้ัน กรณีมีความจําเปนนายอาํ เภออาจสั่งใหม ีการประชุมลับ และวนิ ิจฉัยวาสมควรจะใหผูใดอยใู นท่ี ประชมุ ลบั นัน้ กไ็ ด ผใู หญบ านในตาํ บลนนั้ คนหนึง่ มสี ิทธิเสนอชื่อผูใหญบานในตําบลนน้ั หรอื เสนอชือ่ ตนเองเปน กํานนั ไดหนงึ่ คน ผใู หญบ านท่ไี ดร บั การเสนอชื่อตองอยูใ นทปี่ ระชมุ และตองยนิ ยอมใหเ สนอชื่อตนได เวน แตมี เหตุจาํ เปน อยางยิ่งทไ่ี มอ าจเขา รว มประชุมไดใหทําหนงั สือยินยอมใหเสนอช่อื ตนเปน กํานันพรอ มท้ังแจง เหตุท่ี ไมสามารถเขา รว มประชุมตอนายอําเภออยางชา ในวันประชุมคัดเลอื ก
- 124 - ขอ ๑๔ กรณีมีการเสนอชื่อผสู มควรไดรับการคัดเลือกเปนกาํ นนั เพยี งคนเดียว ใหน ายอาํ เภอ คัดเลอื กผูนนั้ เปนกํานนั แลว ใหน ายอาํ เภอประกาศผลการคัดเลือกกํานันตามแบบกน. ๓ โดยปดประกาศ ณ ทวี่ าการอําเภอ และท่ที ําการผใู หญบ า นทกุ หมบู า นในตําบลนั้น ขอ ๑๕ กรณีมีการเสนอชื่อผูส มควรไดร ับการคัดเลือกเปน กํานันมากกวาหน่ึงคน ใหนายอาํ เภอ จดั ใหม กี ารออกเสยี งลงคะแนนโดยวธิ ลี บั และใหเ สรจ็ สน้ิ ในวนั ประชมุ คดั เลอื กการลงคะแนนโดยวธิ ลี บั ใหใชบ ัตร เลือกผูใหญบ านโดยอนโุ ลม ขอ ๑๖ กรณีมีการเสนอช่ือผูสมควรไดรับการคัดเลือกเปนกาํ นันมากกวาหนึ่งคน ใหนายอาํ เภอ ตกลงกับผไู ดรบั การเสนอช่ือเพ่ือกาํ หนดหมายเลขประจําตวั หากไมสามารถตกลงกนั ไดใหดําเนินการจบั สลาก สองคร้ัง ดงั น้ี (๑) การจับสลากคร้ังท่ีหน่ึง ใหนายอําเภอเขียนช่ือผูไดรบั การเสนอชื่อทตี่ องจับสลากบนสลากท่ี เหมอื นกนั แลว ใสในภาชนะใหสลากคละกัน แลว ใหน ายอําเภอเปน ผจู ับสลากจากในภาชนะดงั กลาวข้ึนมา ทลี ะหนึ่งใบ ชือ่ ผใู ดทีถ่ ูกจบั มาเปน ลาํ ดบั แรกใหถอื วาผนู ้นั เปน ผมู ีสิทธิจบั สลากในคร้งั ที่สองกอน ช่อื ผูใดท่ี ถกู จบั มาเปน ลําดบั ตอ ไป ใหถอื วาผนู ้ันเปนผมู สี ิทธิจับสลากในครัง้ ท่สี องเปน ลําดบั ถัดไปจนครบทกุ คน (๒) การจบั สลากครั้งที่สอง ใหน ายอาํ เภอเขยี นหมายเลขหน่ึงจนถงึ หมายเลขทเ่ี ทากบั จาํ นวน ผไู ดรับการเสนอชอ่ื บนสลากท่ีเหมือนกันแลว ใสในภาชนะใหส ลากคละกัน แลว ใหผไู ดรับการเสนอช่อื ตามลําดบั ของผลการจับสลากในครง้ั ที่หนึง่ ทําการจับสลากจากในภาชนะดังกลาว ผไู ดร ับการเสนอชื่อผูใดจบั สลาก ไดห มายเลขใดใหถ ือเปนหมายเลขประจาํ ตัวผนู น้ั ขอ ๑๗ กรณที ีไ่ มมีผูใดเสนอชื่อผสู มควรไดร ับการคดั เลือกเปน กาํ นนั ใหถอื วาผใู หญบ า นทกุ คน ทม่ี าประชุมไดรับการเสนอชอื่ และใหนายอําเภอจัดใหล งคะแนนโดยวิธลี บั โดยใหถือวาลาํ ดับทีข่ องหมูบ าน เปนหมายเลขประจําตวั ของผูใ หญบา น กรณผี ูใ หญบ านคนใดไมประสงคจะไดรบั การคดั เลอื กเปน กํานัน ใหแจงการสละสิทธิตอนายอําเภอ และใหบันทึกเปนหลกั ฐานไวใ นรายงานการประชุมตามแบบ กน. ๒ เมอ่ื ถึงเวลาลงคะแนนแลว ผูใ หญบ านคนใดไมอยใู นที่ประชมุ นนั้ ใหถอื วา ผูใหญบา นนั้นสละสิทธิ ลงคะแนน ขอ ๑๘ กรณมี กี ารออกเสียงลงคะแนนโดยวธิ ีลับ ใหค ณะกรรมการคดั เลือกทนี่ ายอําเภอ แตง ต้งั ตามขอ ๑๐ (๔) ทาํ หนา ท่ีจดั ใหผ ูใหญบ านลงช่ือในบญั ชรี ายชอ่ื ผใู หญบ า น มอบบตั รเลอื กใหผใู หญบาน ดแู ลคูหาลงคะแนน ดแู ลหบี บตั ร และดาํ เนินการในเร่อื งอ่ืนๆ เพื่อใหก ารออกเสยี งลงคะแนนคัดเลอื ก เปนไปดวยความเรียบรอย ขอ ๓๖ เมอ่ื ผวู าราชการจังหวดั ไดร บั รายงานประกาศผลการนับคะแนนตามแบบ กน. ๖ หรอื ผลการประชคุ ัดเลือกกาํ นันตามแบบ กน. ๓ แลว ใหออกหนังสือสําคัญใหแกผไู ดร บั คัดเลอื กเปนกํานันไว เปน หลักฐาน โดยใหถอื วา ผูนั้นเปนกํานนั นับแตวันที่ไดร บั การคัดเลอื กเปนตน ไป
- 125 - ขอ ๓๗ เมอ่ื นายอาํ เภอมปี ระกาศผลการนบั คะแนนตามแบบ กน. ๖ แลว ผใู ดเหน็ วา การคัดเลอื ก เปนไปโดยไมสุจริตและเทีย่ งธรรม ประสงคจะใหม ีการคัดเลือกกํานนั ใหม ใหทาํ คาํ รองคัดคา นเปนหนังสอื ย่ืนตอ นายอําเภอไดภายในสบิ หา วนั นับแตว นั ทมี่ ีประกาศดังกลา ว เมือ่ นายอาํ เภอไดรับคาํ รองคัดคานแลว ใหรายงานผูวา ราชการจังหวดั ทราบ และดําเนินการ สอบสวนแลว รายงานผลพรอมความเห็นและหลกั ฐานใหผ วู า ราชการจังหวดั วินจิ ฉัยช้ีขาดภายในสามสิบวัน นบั แตวันทไ่ี ดร ับคาํ รอ งคดั คาน หากผวู า ราชการจังหวัดเห็นวาการคดั เลือกกํานันคร้ังน้นั เปนไปตามที่ไดมี การรองคดั คา นหรือไดม ีการกระทําไปโดยไมสุจรติ และเทีย่ งธรรม ใหผวู าราชการจังหวดั สงั่ ใหกาํ นนั คนนัน้ พน จากตําแหนง ภายในเกา สิบวนั นบั แตวันทไ่ี ดร บั การคดั เลอื ก แลว ใหน ายอาํ เภอดาํ เนนิ การคดั เลอื กกาํ นนั ใหม ภายในสามสบิ วันนบั แตวนั ท่ไี ดม คี าํ สัง่ ใหกํานันดังกลาวพนจากตําแหนง ขอ ๓๘ เมอ่ื นายอาํ เภอไดร ับคาํ รองคัดคานการคัดเลอื กกาํ นนั วา เปนไปโดยไมส ุจรติ และเที่ยงธรรม ถา นายอาํ เภอพจิ ารณาขอมูลคาํ รองคดั คานแลวเห็นวาผรู องคัดคานสาํ คัญผิดในขอกฎหมายหรอื ขอ เทจ็ จริง เพ่ือประโยชนแหงการรรู ักสามัคคดี วยความพอใจของคูกรณี ใหน ายอําเภอเรียกผรู องคดั คา นและผูถ ูกคดั คา น เสนอขอเท็จจรงิ หรือขอมลู เพ่ิมเติมและชี้แจงทาํ ความเขา ใจเกี่ยวกับขอกฎหมายหรือขอเท็จจริงท่ถี ูกตองแลว หากผูรองคัดคา นไดเขา ใจขอกฎหมายหรอื เขาใจในขอ เท็จจรงิ ทถ่ี กู ตองแลวผูร อ งคดั คานไดข อถอนคํารอง คดั คาน หรือไมประสงคใหพิจารณาเรื่องคํารองคัดคานตอไป ใหบันทึกถอยคําผรู อ งคัดคานไวและส่ังยตุ เิ ร่ือง หากผรู องคัดคานยงั ไมพอใจ ใหน ายอาํ เภอทําการสอบสวนและจัดทาํ ความเหน็ ประกอบขอกฎหมาย และ ขอ เทจ็ จริงคํารอ งคดั คานเสนอตอผูวา ราชการจงั หวดั เพอื่ พิจารณา ขอ ๓๙ กรณีท่ีผูวาราชการจงั หวัดมคี าํ สั่งใหกํานนั พน จากตําแหนงตามขอ ๓๗คาํ สงั่ ดังกลาว ไมก ระทบกระเทือนตอกิจการทก่ี าํ นันน้ันไดกระทาํ ลงไปในขณะดาํ รงตําแหนง ขอ ๔๐ นายอําเภอจะทาํ ลายบตั รเลือกและเอกสารท่ีเกบ็ อยูในหีบบัตรนนั้ ไดเ มอ่ื พน กาํ หนด ระยะเวลาคัดคานการคดั เลือกตามขอ ๓๗ แลว ไมน อยกวาเจ็ดวนั ในกรณที ี่มกี ารคัดคา นการคัดเลือก ให นายอําเภอเกบ็ รกั ษาหบี บตั รจนกวา เรื่องคัดคานดังกลาวจะถงึ ที่สุด 3. ระเบยี บกระทรวงมหาดไทย วา ดวยหลักเกณฑการเปนกรรมการหมบู าน การปฏิบัตหิ นา ท่แี ละ การประชุมของคณะกรรมการหมบู า น พ.ศ. ๒๕๕๑ ขอ ๕ ในหมวดน้ี “กลุม” หมายความรวมถงึ องคก รในหมูบ านหรอื กลมุ อาชีพ “กลมุ บาน” หมายความวา บา นเรอื นทตี่ ั้งอยูในบริเวณเดยี วกนั เปน กลุมยอยภายในหมูบ า น โดยอาจแบงตามสภาพภูมปิ ระเทศ ประวตั ิความเปนมา วฒั นธรรมประเพณี หรือระบบเครือญาติ และให หมายความรวมถึง คุม บา น เขตบา น บานจดั สรร หรอื ทีเ่ รยี กชือ่ อยางอ่ืนทีม่ ลี กั ษณะเชนเดยี วกับกลมุ บา น “กลุมอาชพี ” หมายความวา กลุมท่ีมีการจัดตั้งขนึ้ มาโดยมีวตั ถปุ ระสงคเพื่อประโยชนในการ ประกอบอาชีพ เพิ่มพนู รายไดหรอื การพัฒนาอาชีพ “กลุมกิจกรรม” หมายความวา กลมุ ท่ีมีการจดั ตั้งขึ้นมาโดยมีวตั ถปุ ระสงคเพื่อกระทําการ อยา งใดอยา งหนงึ่ เพ่ือประโยชนข องสมาชิกในกลุมหรอื เพื่อประโยชนของสว นรวม
- 126 - “ผนู ํา” หมายความวา บุคคลซงึ่ ทําหนาท่ีเปน ประธาน หรอื หวั หนา ของกลมุ และหมายความ รวมถงึ ผแู ทนดว ย “ผแู ทน” หมายความวา บคุ คลที่ผูน ําของกลุมมอบหมาย หรือในกรณที ี่กลุมใดไมมผี ูน ํา ใหกลมุ ประชมุ เลอื กสมาชิกของกลมุ เปนผแู ทน ขอ ๖ ผูนําของกลุม ดังตอ ไปน้ี เปนกรรมการหมบู า นโดยตําแหนง (๑) กลุม บา น ตามประกาศของนายอําเภอ (๒) กลมุ หรือกลุมกิจกรรมทมี่ าจากการรวมตัวกันของสมาชิก ซ่งึ ตั้งขึน้ ตามกฎหมายระเบียบ ขอ บังคับ หรือคาํ สงั่ ของทางราชการ ตามท่ีกระทรวงมหาดไทยประกาศ (๓) กลุมอาชพี หรือกลุมกิจกรรมท่ีมาจากการรวมตวั กนั ของสมาชกิ หรอื ต้ังข้ึนเพือ่ ดําเนนิ กิจกรรมรวมกันระหวางสมาชิกภายในกลุม และตองมีลกั ษณะดงั ตอไปนี้ (ก) เปน กลมุ ท่ีมีสมาชกิ ไมนอยกวายสี่ ิบคน (ข) สมาชกิ ของกลุมไมนอยกวา กง่ึ หนง่ึ มีภมู ิลําเนาในหมูบา น (ค) เปนกลุมทีม่ ีการดาํ เนินกิจกรรมในหมูบา น อยา งตอเนอื่ งมาแลว ไมนอ ยกวาหกเดือน (ง) เปน กลมุ ทม่ี กี ฎระเบยี บทีก่ ําหนดไวช ัดเจน และตองเกิดจากสมาชกิ รวมกนั กาํ หนด ทั้งน้ี นายอําเภออาจพิจารณายกเวน ลกั ษณะตาม (ก) ได ในกรณที เ่ี หน็ สมควร ขอ ๗ ใหน ายอาํ เภอจัดทาํ ประกาศจํานวนและรายชอื่ ของกลมุ บานตามขอ ๖ (๑) ในแตล ะหมบู านปด ประกาศใหร าษฎรในหมบู า นทราบ โดยในกลุมบานหนึง่ ใหป ระกอบดวย บานเรือนจาํ นวนสิบหาถึงย่ีสิบหลงั คาเรือนโดยประมาณ เวนแตใ นกรณจี ําเปน นายอําเภออาจกาํ หนดใหม ี จํานวนบานเรือนมากหรือนอยกวา ทีก่ ําหนดไวนีก้ ็ได ขอ ๘ ใหผ ูใหญบ าน สมาชิกกลมุ อาชพี หรอื กลุมกจิ กรรมทีม่ ีคุณสมบัติตามขอ ๖ (๓) เสนอชอ่ื กลมุ อาชีพหรือกลุม กจิ กรรมใหน ายอาํ เภอพิจารณา โดยใหน ายอําเภอแตง ตง้ั คณะกรรมการคณะหนง่ึ จํานวนไมน อยกวาหา คนแตไมเกินเจด็ คน เพ่ือทาํ หนาท่ีพจิ ารณาตรวจสอบคุณสมบตั ิ ใหน ายอาํ เภอจดั ทําบัญชรี ายชอ่ื กลมุ อาชพี หรือกลุม กิจกรรมตามขอ ๖ (๓) ท่ไี ดรับความ เห็นชอบแลว ปดประกาศใหราษฎรในหมูบ านทราบ ขอ ๙ เมือ่ ไดมีประกาศตามขอ ๗ แลว ใหต ัวแทนครวั เรือนในกลุมบานเลือกบคุ คลในกลุมบา นคนหนง่ึ เปน ผนู ํากลมุ บา นในคณะกรรมการหมบู า น ผูนาํ กลมุ บา นตองมีคุณสมบตั เิ ชนเดียวกับผูม สี ิทธิเลอื กผูใ หญบาน ผูนํากลมุ บานมีหนา ท่ชี วยเหลอื การปฏิบัตงิ านของผูใหญบ าน ตามทผี่ ูใหญบานมอบหมาย ขอ ๑๒ การเปนกรรมการหมูบา นโดยตําแหนงของผูนาํ กลุมในหมูบ านส้ินสุดลงเมื่อมีการเลือก ผนู าํ ตามขอ ๙ หรอื ขอ ๑๐ ขน้ึ ใหม นอกจากการพน จากตาํ แหนงตามวรรคหนงึ่ แลว การเปนกรรมการหมบู า นโดยตําแหนง ของ ผูนาํ กลุม ในหมูบา นตองสน้ิ สดุ ลง ดว ยเหตใุ ดเหตหุ น่ึง ดงั ตอไปน้ี (๑) ขาดคุณสมบัติของผูม สี ิทธเิ ลือกผใู หญบาน (๒) ตาย
- 127 - (๓) เม่ือนายอําเภอมปี ระกาศใหกลมุ ตามขอ ๖ (๑) หรือ (๓) สน้ิ สุดสภาพของการเปนกลุม หรอื ขาดคณุ สมบตั ิของการเปนกลุม ขอ ๑๓ ในกรณที ่ีกลุมหรือองคกรตามขอ ๖ ถกู ยุบ เลกิ หรอื ไมมีการดําเนินกจิ กรรมตอ เน่ืองกัน เปนเวลาเกนิ หนึง่ ป ใหถือวาส้ินสดุ สภาพของการเปนกลมุ หรือขาดคุณสมบตั ิของการเปนกลุม และให กรรมการหมูบานรายงานใหนายอําเภอประกาศตามขอ ๘ ขอ ๑๔ ในหมวดน้ี “คณะกรรมการ” หมายความวา คณะกรรมการดําเนินการประชุมเลือกกรรมการหมูบ า น ผูทรงคณุ วุฒิ “วันประชุม” หมายความวา วันประชมุ เลือกกรรมการหมูบา นผูท รงคณุ วุฒิ “การประชุม” หมายความวา การประชมุ เลอื กกรรมการหมูบา นผูทรงคุณวฒุ ิ “ปลดั อาํ เภอประจาํ ตาํ บล” หมายความวา ปลดั อําเภอที่นายอาํ เภอมคี าํ สงั่ แตง ตั้งใหร บั ผดิ ชอบ ประจาํ ตําบล ขอ ๑๕ การประชุมเลือกกรรมการหมูบานผทู รงคุณวฒุ ิ ใหน ายอาํ เภอจดั ทําประกาศกําหนด วัน เวลา และสถานท่ีในการประชมุ เลือกกรรมการหมูบา นผูทรงคณุ วุฒิ ปด ประกาศและประชาสมั พันธให ราษฎรในหมบู านทราบลว งหนา ไมน อยกวา เจด็ วันกอนวนั ประชุม ขอ ๑๖ ในการประชุมเลือกกรรหมูบานผทู รงคุณวุฒิ ใหมีคณะการประกอบดว ยผใู หญบ า น เปน ประธาน ผชู ว ยผใู หญบ า นเปนกรรมการ ทาํ หนาที่ดําเนินการเลอื กและใหน ายอาํ เภอแตงต้ังปลัดอําเภอประจํา ตําบล ขา ราชการในอาํ เภอหนง่ึ คน และกาํ นันหรือผใู หญบาน ในอาํ เภอน้นั หน่ึงคน เปน ท่ปี รกึ ษาและทําหนาที่ สกั ขพี ยานดวย ผูมสี ิทธิเขา ประชุมตอ งมีคณุ สมบตั เิ ชนเดยี วกับผูม ีสิทธิเลือกผใู หญบ า น และใหน ายอาํ เภอ จัดทําบัญชรี ายช่อื ผมู ีสทิ ธเิ ขาประชุม ในวันประชุม ใหคณะกรรมการพรอมดวยที่ปรึกษาตามวรรคหนึ่ง ประชมุ ราษฎรผมู ีสิทธเิ ลอื ก ผใู หญบานในหมูบ าน เพ่ือแจงวัตถปุ ระสงคใ นการเลือก จาํ นวนและคุณสมบตั ขิ องกรรมการหมูบานผทู รงคุณวุฒิ ตลอดจนวิธีการเลอื กใหผ ูเขาประชุมไดทราบ เมือ่ ดําเนินการตามวรรคสามแลว ใหคณะกรรมการประกาศใหผ เู ขา ประชุมชวยกันตรวจสอบ วา มีบคุ คลที่ไมมสี ิทธเิ ขา ประชุมอยใู นที่ประชมุ หรือไม หากมีใหผ ูเ ขาประชมุ คดั คา นขึน้ ในขณะนน้ั แลว ใหค ณะกรรมการและที่ปรึกษา รวมกันตรวจสอบ ถา ไดค วามวา บุคคลน้นั เปนผไู มม สี ทิ ธเิ ขาประชมุ จริง ก็ใหคณะกรรมการเชิญบุคคลดังกลา วออกจากทีป่ ระชุม ขอ ๒๑ เมอ่ื ไดกรรมการหมบู า นผทู รงคุณวุฒแิ ลว ใหคณะกรรมการจัดทํารายงานการประชุม ไวเ ปนหลกั ฐานโดยใหท ี่ปรึกษาลงช่ือรับรอง แลวใหผ ใู หญบานรายงานใหนายอําเภอทราบเพอื่ แตง ตงั้ เปน กรรมการหมูบา นผทู รงคุณวฒุ ติ อไป ใหน ายอําเภอจัดทําประกาศแตงตั้งกรรมการหมูบา นผูทรงคุณวฒุ ิ ปด ประกาศใหราษฎร ในหมบู านทราบ พรอมทัง้ จัดทําทะเบยี นและออกหนังสือสําคญั ไวเ ปน หลกั ฐาน
- 128 - ขอ ๒๒ กรรมการหมูบานผูทรงคุณวฒุ ิอยูในตําแหนง คราวละสี่ป นบั แตว ันท่นี ายอําเภอไดม ปี ระกาศ แตง ต้งั นอกจากออกจากตาํ แหนง ตามวาระ กรรมการหมูบา นผทู รงคุณวฒุ ิตอ งออกจากตําแหนง ดว ย เหตใุ ดเหตหุ น่ึง ดังตอไปน้ี (1) ขาดคุณสมบัติของผมู สี ิทธิเลอื กผใู หญบาน (๒) ตาย (๓) ไดรบั อนญุ าตจากนายอําเภอใหลาออก (๔) นายอําเภอมีคาํ สั่งใหอ อก เม่อื สอบสวนแลวเหน็ วา มีความประพฤตเิ ส่ือมเสยี หรอื หากอยู ในตําแหนงตอไปอาจกอใหเ กิดความไมสงบเรียบรอ ยแกห มูบานได ขอ ๒๓ ในกรณีท่กี รรมการหมูบา นผทู รงคณุ วุฒิวางลง ถา กรรมการหมบู า นผูทรงคุณวุฒิ ทเ่ี หลืออยูมจี ํานวนไมน อยกวาสองคน ใหกรรมการหมูบานผูทรงคณุ วุฒเิ หลือเทาจํานวนท่มี ีอยู กรณีที่กรรมการหมูบา นผูทรงคุณวุฒวิ า งลง จนเปนเหตุใหกรรมการหมบู านผทู รงคุณวฒุ ทิ เี่ หลอื อยู มีจาํ นวนนอยกวา สองคน และกรรมการหมบู านผทู รงคุณวุฒิทีเ่ หลอื มวี าระการดํารงตําแหนงไมน อยกวา หนง่ึ รอยแปดสบิ วนั ใหน ายอาํ เภอจัดใหม ีการประชุมเลือกกรรมการหมูบานผทู รงคุณวฒุ ขิ น้ึ แทนตาํ แหนง ท่วี างภายในสามสิบวันนับแตวันท่ที ราบวาตําแหนง วางลงและใหอ ยูในตาํ แหนง ตามวาระของผูซ ึ่งตนแทน กรรมการหมูบ า นผูทรงคณุ วุฒิครบวาระการดํารงตาํ แหนง หรือพนจากตาํ แหนงพรอ มกัน ใหน ายอําเภอดาํ เนินการจัดใหมีการประชมุ เลือกกรรมการหมูบานผทู รงคุณวฒุ ิขึ้นใหมภ ายในสามสบิ วนั นบั แตว ันที่กรรมการหมูบ า นผูทรงคุณวุฒิครบวาระการดํารงตาํ แหนง หรือพนจากตําแหนง พรอ มกนั ขอ ๔๗ ใหน ายอําเภอมีอํานาจหนาทค่ี วบคุมดูแลการปฏิบตั ิหนา ทีข่ องคณะกรรมการหมูบาน หรือมติที่ประชมุ ประชาคมหมบู านใหเ ปน ไปตามกฎหมาย ระเบียบขอ บงั คบั ของทางราชการและใหปลดั อาํ เภอ ประจาํ ตาํ บล เปน ผูชว ยเหลอื นายอําเภอในการปฏบิ ตั ติ ามอาํ นาจหนา ที่ของนายอาํ เภอในตาํ บลท่ีรบั ผิดชอบ ในการปฏิบตั ิหนา ที่ตามวรรคหนึ่ง ใหน ายอาํ เภอและปลดั อาํ เภอประจําตําบล มีอาํ นาจเรียก กรรมการหมูบา นมาชแ้ี จงหรือใหขอเท็จจริง ตลอดจนเรยี กรายงานและเอกสารใดๆ จากคณะกรรมการ หมบู านมาตรวจสอบกไ็ ด ในกรณที ป่ี ลดั อาํ เภอประจาํ ตาํ บลเหน็ วา คณะกรรมการหมูบานปฏบิ ตั ิหนาที่ในทางท่อี าจ กอ ใหเกิดความเสยี หายแกห มูบา น หรอื เสยี หายแกทางราชการ และปลดั อําเภอประจาํ ตําบลไดชี้แจง แนะนําตักเตอื นแลวไมป ฏบิ ตั ิตาม ในกรณีฉุกเฉนิ หรือจําเปนเรงดว นทจ่ี ะรอชามิได ใหป ลดั อําเภอประจาํ ตาํ บลมีอาํ นาจออกคําส่ังระงับการปฏบิ ัตหิ นาท่ีของคณะกรรมการหมบู า นหรือมติทปี่ ระชุมประชาคมหมบู า น เปนการชว่ั คราวไวตามที่เห็นสมควรได แลวรีบรายงานนายอําเภอทราบภายในเจ็ดวนั เพือ่ ใหน ายอําเภอ วินจิ ฉยั ตามทเี่ หน็ สมควรโดยเรว็ การกระทาํ ของกรรมการหมูบ าน ทฝี่ า ฝน คาํ สง่ั ของปลดั อาํ เภอประจาํ ตาํ บลตามวรรคสาม ไมมผี ลผูกพนั กบั คณะกรรมการหมบู า น
- 129 - 4. ระเบยี บกระทรวงมหาดไทย วา ดว ยการชว ยเหลอื เจา พนักงานของหนว ยกําลงั คุมครองและรกั ษา ความสงบเรียบรอ ยภายในหมบู า น พ.ศ. ๒๕๕๑ ขอ ๓ ในระเบียบนี้ “หนว ยกําลังคมุ ครองและรกั ษาความสงบเรยี บรอ ยภายในหมูบา น” หมายความวา หนว ยกําลัง คมุ ครองและรกั ษาความสงบเรียบรอ ยภายในหมบู า น ตามกฎหมายวาดว ยจัดระเบียบบริหารหมูบ านอาสา พัฒนาและปองกนั ตนเอง และใหห มายความรวมถงึ ชุดรักษาความปลอดภัยหมบู า นตามระเบียบนี้ “ชุดรักษาความปลอดภยั หมบู า น” หมายความถงึ ราษฎรอาสาสมคั รในพน้ื ท่ี ท่ีผา นการฝกอบรม ตามหลักสูตรชุดรกั ษาความปลอดภยั หมบู าน ซ่งึ ไดรับการแตงตัง้ จากนายอําเภอใหปฏิบัติหนาทร่ี กั ษา ความปลอดภัยหมูบาน และใหเปนผชู ว ยเหลือเจา พนักงาน ตามกฎหมายวาดว ยลกั ษณะปกครองทองที่ เรยี กโดยยอ วา “ชรบ.” “หลกั สูตร ชรบ.” หมายความวา หลักสูตรชุดรักษาความปลอดภัยหมูบาน “นายอําเภอ” ใหห มายความรวมถงึ ปลัดอาํ เภอผูเปนหวั หนา ประจํากงิ่ อําเภอ “ปลัดอาํ เภอประจาํ ตําบล” หมายความวา ปลัดอําเภอซ่ึงทไี่ ดรับแตง ตั้งใหปฏบิ ัติหนาท่ี ประจําตาํ บลหรือเปน ปลดั อาํ เภอผเู ปนหวั หนาประจําตําบล ขอ ๔ ใหป ลัดกระทรวงมหาดไทยเปนผูรักษาการใหเปนไปตามระเบียบนี้ มีอํานาจตีความ วินจิ ฉัยปญหา และกาํ หนดหลักเกณฑแ ละวธิ กี ารปฏิบตั เิ พื่อดาํ เนนิ การใหเปน ไปตามระเบียบน้ี ขอ ๕ ใหก รมการปกครองจัดใหม ีการฝกอบรมหลกั สตู ร ชรบ. แกร าษฎรในพืน้ ท่ี ใหม จี าํ นวน เพยี งพอในการรกั ษาความสงบเรียบรอ ยและความปลอดภัยหมบู าน ตามความจําเปน และเหมาะสมของสถานการณ โดยในการฝกอบรมจะดําเนินการเองหรือหนวยงานอืน่ เปน ผดู ําเนินการก็ได ในกรณมี คี วามจาํ เปจงั หวัด หรอื อาํ เภอจะจดั ใหมกี ารฝกอบรมหลักสตู รดังกลาวในพ้ืนท่ีของตนเองก็ได ขอ ๙ ในอาํ เภอหนงึ่ ใหมีกองพันหนวยรักษาความปลอดภยั หมูบ า น โดยมนี ายอาํ เภอเปน ผูบังคบั กองพันหนว ยรักษาความปลอดภยั หมูบา น และมีปลดั อําเภอ นายตาํ รวจช้นั สญั ญาบตั ร และขา ราชการ ในพน้ื ที่ตามที่นายอาํ เภอแตงตัง้ เปนรองผูบ งั คับกองพนั หนวยรกั ษาความปลอดภัยหมูบาน ฝา ยยทุ ธการ และการขาว ฝายกจิ การมวลชน ฝา ยกําลงั พลและสง กําลงั บาํ รงุ และฝา ยสอ่ื สารและงบประมาณ ขอ ๑๐ ในตําบลหนึ่งใหม กี องรอ ย ชรบ. โดยมีปลัดอาํ เภอประจําตําบลเปน ผูบังคบั กองรอย ชรบ. และมขี าราชการอน่ื ตามทนี่ ายอาํ เภอแตงต้ัง เปนรองผูบังคับกองรอย ชรบ.ฝา ยยุทธการและการขาว ฝา ยกิจการมวลชน ฝา ยกาํ ลังพลและสงกําลังบาํ รุง และฝายส่ือสารและงบประมาณ โดยใหก ํานันในตาํ บลน้นั เปน ผูชวยผบู งั คับกองรอย ชรบ. ขอ ๑๑ ในหมูบานหนึง่ ใหม หี มวด ชรบ. โดยมีผใู หญบ านเปน ผูบังคบั หมวดชรบ. ทหาร ตํารวจหรอื สมาชกิ กองอาสารักษาดินแดน จํานวนสองคนเปนเจา หนา ทโี่ ครง ทําหนาทเ่ี ปน ผูชว ยผบู ังคับ หมวด ชรบ. ในหมวด ชรบ. ใหแ บง การปกครองบงั คับบัญชาออกเปน อยางนอยสองหมเู รียกวา “หมชู ุด รกั ษาความปลอดภัยหมบู า นที่ ๑ หมูช ดุ รักษาความปลอดภัยหมูบา นท่ี ๒ และหมชู ุดรกั ษาความปลอดภยั
- 130 - หมูบานที่ ... ตามลาํ ดับตอ ไป” โดยมผี ูชวยผใู หญบานเปนผูบงั คบั หมูช รบ. และหมู ชรบ. ใหมีจํานวนไมน อ ยกวา เจ็ดคน แตไมเกินสิบหา คน ตามความเหมาะสมโดยพิจารณาจากอัตรากําลังพลและสถานการณใ นพ้นื ท่ี ขอ ๑๒ ใหผ ูใหญบานพจิ ารณาคดั เลอื กราษฎรท่ผี านการฝกอบรมตาม ขอ ๕ ซึ่งมีคณุ สมบตั ิ ตามขอ ๖ และไมมีลักษณะตองหามตามขอ ๗ เสนอใหน ายอาํ เภอพิจารณาแตง ต้งั เปน ชรบ. ขอ ๑๓ ใหน ายอําเภอจดั ทาํ ทะเบยี นประวตั ิ ชรบ. ตามแบบทา ยระเบยี บน้ี และแกไ ขเปลี่ยนแปลง ใหเ ปนปจ จบุ นั แลวเก็บรักษาไวท่ีหมบู า น อาํ เภอ และจงั หวัด แหงละหนง่ึ ชดุ ขอ ๑๔ ชรบ. พนจากการปฏบิ ัตหิ นาที่เฉพาะตัว เมือ่ (๑) ตาย (๒) ลาออก โดยไดร ับการอนุมัติจากนายอาํ เภอ (๓) นายอาํ เภอสั่งใหพ นจากการปฏบิ ัตหิ นา ที่ตามขอ ๒๐ (๔) นายอําเภอสั่งใหพ นจากการปฏิบัตหิ นาท่ี โดยเห็นวาเปน ผขู าดคณุ สมบัติตามขอ ๖ หรอื มี ลักษณะตอ งหามตามขอ ๗ ขอ ๒๒ ใหนายอาํ เภอผสู ่งั ใหป ฏิบัตหิ นา ทอ่ี อกบัตรประจาํ ตวั ใหแก ชรบ. ตามแบบทา ยระเบียบนี้ บตั รประจําตวั ชรบ. มอี ายุหกป เมือ่ บตั รประจาํ ตวั ชาํ รดุ สญู หาย หมดอายุ หรือมกี าร เปล่ยี นแปลงในสาระสาํ คัญ เชน ชือ่ ตวั ชอื่ สกุล เปนตน ใหผ ขู อมีบัตรยน่ื คาํ ขอตามแบบทา ยระเบียบนี้ ตอ นายอําเภอ เพอ่ื ออกบัตรประจําตวั ใหม ในกรณที ่ี ชรบ. พนจากการปฏบิ ัตหิ นาที่กอนหกป ใหคนื บัตรประจาํ ตวั ชรบ.ตอผูบ งั คบั บญั ชา เหนือตนภายในเจ็ดวนั ใหนายอาํ เภอจดั ใหม ีทะเบยี นควบคุมบตั รประจาํ ตวั ตามแบบทะเบยี นควบคุมทา ยระเบียบนี้ โดยใหใ ชเ ลขลาํ ดับในทะเบยี นบัตรเปน เลขทบี่ ัตรตามลําดบั เมื่อส้นิ ปป ฏิทนิ ใหเ ริ่มเลขท่ใี หม เมอ่ื ออกบัตร ประจาํ ตัวใหแ กผ ูใดแลว ใหส าํ เนารายการบัตรประจําตัวไว แลวจดั เก็บพรอมแบบคําขอมีบัตรและหลกั ฐาน ประกอบอื่นๆ (ถา มี) ของแตล ะคน เพ่ือเปนหลกั ฐาน และแกไขเปลี่ยนแปลงใหเปนปจจุบันอยูเสมอ 5. ระเบยี บกระทรวงมหาดไทย วา ดวยการดูแลรักษาและคมุ ครองปอ งกนั ทด่ี ินอันเปนสาธารณสมบตั ิ ของแผนดนิ สาํ หรับพลเมืองใชรวมกนั พ.ศ. ๒๕๕๓ ขอ ๕ ท่ดี นิ อนั เปนสาธารณสมบตั ิของแผนดินสําหรบั พลเมืองใชรวมกันที่อยใู นบังคบั ของระเบียบน้ี หมายถึง ทด่ี นิ สําหรบั ประชาชนใชป ระโยชนร ว มกัน ไมว า เปนโดยสภาพธรรมชาตโิ ดยการใชรวมกันของประชาชน โดยทางนิติกรรม หรอื โดยผลของกฎหมาย เชน ทช่ี ายตล่งิ ทป่ี า ชา ทางบก ทางนํ้า สวนสาธารณะ ทเี่ ลี้ยงสตั ว และทีส่ าธารณะประจําตาํ บลหรือหมูบาน ขอ ๖ อํานาจหนา ทีใ่ นการดูแลรกั ษาและคุมครองปองกนั ที่ดนิ ตามขอ ๕ ใหเ ปน อาํ นาจหนา ที่ ของนายอําเภอรวมกับองคกรปกครองสว นทองถิ่นตามกฎหมายวา ดว ยลกั ษณะปกครองทองที่
- 131 - ในกรณมี ีขอพิพาทหรอื คดเี กี่ยวกับทดี่ ินตามวรรคหนึง่ ใหองคกรปกครองสว นทองถ่ินเปน ผดู าํ เนนิ การ ระงบั ขอพิพาทหรือรอ งทุกขก ลาวโทษภายในสามสบิ วนั นับแตร เู หตแุ หง ขอพิพาทหรือคดีน้ัน เวนแตคดจี ะขาด อายุความใหรอ งทุกขกลาวโทษโดยทันที หากมิไดม ีการดาํ เนนิ การตามวรรคสอง ใหอ งคกรปกครองสว นทองถน่ิ แจงเหตผุ ลและความ จําเปน ใหนายอําเภอทราบภายในเจด็ วนั นับแตวนั ท่คี รบกําหนด และใหนายอําเภอเปนผูดาํ เนนิ การหรือ นายอาํ เภอรวมกับองคกรปกครองสวนทองถ่นิ ดาํ เนินการก็ได การดําเนินการระงับขอพิพาทหรอื การดําเนนิ คดที ่อี งคกรปกครองสว นทองถิ่นหรอื นายอําเภอ ไดด ําเนินการไปกอ นระเบียบนี้ใชบ ังคบั ใหองคก รปกครองสว นทอ งถิ่น หรือนายอําเภอดําเนนิ การตอไป จนกวา จะถึงท่ีสุดความในวรรคสอง ไมเปนการตดั อาํ นาจหนาท่ขี องนายอําเภอทีจ่ ะดาํ เนินการฝายเดยี ว ขอ ๗ นายอําเภอและองคกรปกครองสวนทองถน่ิ ไมมีอํานาจใช หรือยินยอมใหบ คุ คลอ่ืนใช ท่ดี นิ อนั เปน สาธารณสมบตั ขิ องแผน ดนิ สําหรบั พลเมืองใชรวมกนั เวน แตจ ะไดรับความเห็นชอบจากผูวาราชการ จังหวดั และปฏบิ ัติตามประมวลกฎหมายทดี่ ิน กฎหมายอ่ืนท่เี ก่ยี วของ และระเบยี บท่ีกระทรวงมหาดไทย กาํ หนด ขอ ๘ การขอถอนสภาพที่ดนิ อนั เปน สาธารณสมบัตขิ องแผนดินสําหรับพลเมอื งใชร วมกนั ตามมาตรา ๘ วรรคสอง การขออนุญาตใชป ระโยชนใ นทด่ี ินของรัฐตามมาตรา ๙ และการขอสมั ปทาน ตามมาตรา ๑๒ แหง ประมวลกฎหมายท่ดี ิน ใหปฏิบตั ติ ามกฎ หรือระเบียบวาดวยการนัน้ ที่กระทรวงมหาดไทยกาํ หนด ขอ ๙ ทบวงการเมืองตามประมวลกฎหมายทด่ี นิ อาจขอเปลยี่ นสภาพการใชท ่ดี ินอนั เปน สาธารณ สมบตั ขิ องแผนดนิ สําหรับพลเมืองใชรว มกนั จากการใชเ พื่อประโยชนอ ยา งหนึ่งเปน อกี อยางหนึง่ ได ทั้งน้ี ใหปฏบิ ัติตามระเบียบวา ดวยการเปลยี่ นสภาพทีด่ ินอนั เปน สาธารณสมบัตขิ องแผนดนิ สาํ หรับพลเมืองใช รวมกนั ที่กระทรวงมหาดไทยกําหนด ขอ ๑๐ ที่ดนิ ตามขอ ๕ เวน แตท ่ชี ายตลิ่ง ทางบก ทางนาํ้ ลาํ กระโดง ลาํ รางสาธารณะหรือ ทางระบายนาํ้ รวมท้งั ท่เี รยี กช่อื อยา งอ่ืนในทํานองเดียวกัน ใหนายอาํ เภอรว มกบั องคกรปกครองสวนทอ งถ่ิน ดาํ เนินการจัดทําทะเบียนท่ดี ินสาธารณประโยชนต ามแบบทกี่ ระทรวงมหาดไทยกําหนดจาํ นวน ๔ ชุด โดยใหเก็บรกั ษาไวท ี่อาํ เภอ องคกรปกครองสว นทองถนิ่ สาํ นักงานท่ีดนิ จังหวดั และกรมที่ดิน แหงละ ๑ ชดุ ถาทดี่ นิ แปลงใดยังไมมีหนังสอื สาํ คญั สําหรับทหี่ ลวง ใหผ มู อี าํ นาจหนาท่ดี แู ลรักษาและคมุ ครอง ปองกนั ตามกฎหมาย เปน ผูดําเนินการขอออกหนังสือสําคัญสําหรับทีห่ ลวง สาํ หรบั ทะเบยี นท่ีดนิ สาธารณประโยชนท ี่ไดจ ัดทาํ ไวก อนระเบียบน้ี ใหอ งคกรปกครองสว น ทอ งถ่นิ ขอคดั สําเนามาเพ่ือจดั เกบ็ ไวท ี่องคกรปกครองสวนทองถนิ่ ทอ งท่ีดว ย ในการดาํ เนนิ การขา งตนใหสาํ นกั งานที่ดินจังหวดั หรือสาํ นกั งานที่ดนิ จังหวัดสาขาใหก าร สนับสนุนในการดําเนนิ การ เชน ดานขอมลู และการรังวัดทําแผนท่ี
- 132- ขอ ๑๑ กรณีท่ีไดดาํ เนินการออกหนังสือสําคัญสาํ หรบั ที่หลวงแลว ใหผูดูแลรักษาตรวจสอบทะเบียน ทดี่ ินสาธารณประโยชนฉ บบั ที่ผูด ูแลรักษาเก็บไว หากไมปรากฏหลกั ฐานในทะเบียนทีด่ ินสาธารณประโยชน หรือปรากฏหลกั ฐานแตรายละเอยี ดไมต รงกนั ใหแ จงเจาพนกั งานทีด่ ินดําเนนิ การลงรายการเกี่ยวกบั ทีด่ นิ แปลงนน้ั ในทะเบยี นใหครบถว น หรือดาํ เนนิ การแกไขทะเบียนท่ดี ินสาธารณประโยชนใหต รงตามขอ เท็จจริง เสร็จแลวลงลายมอื ชอื่ พรอมช่ือตวั บรรจงตําแหนง และวัน เดือน ป กาํ กับไว กรณีท่ไี ดมีพระราชบัญญัตหิ รอื พระราชกฤษฎีกาถอนสภาพทด่ี ินตามขอ ๕ หรอื มีพระราชบัญญตั ิ ใหโ อนที่ดนิ หรือมคี าํ พิพากษาหรอื คําส่งั ของศาลอันถงึ ท่ีสุดวาทด่ี ินดงั กลา วไมเปนทด่ี ินสาธารณประโยชน ทง้ั แปลง ใหเ จาพนักงานท่ีดินจําหนา ยทะเบียนโดยการขีดฆารายการทะเบยี นทีด่ นิ สาธารณประโยชน ตลอดทง้ั รายการ แตห ากกรณีเปนที่ดนิ สาธารณประโยชนบางสวน ใหเจา พนักงานทีด่ นิ แกไ ขรายการใหถูกตอ ง พรอ มท้ังหมายเหตุทา ยทะเบียนของทดี่ ินแปลงนน้ั ตามแตกรณวี า ทีด่ ินสาธารณประโยชนดงั กลา วไดโ อน หรอื ถอนสภาพตามพระราชบัญญัติ พระราชกฤษฎีกา คาํ พิพากษา หรอื คําสง่ั ศาลใด ต้ังแตเ ม่ือใด เสรจ็ แลว ลงลายมอื ชื่อพรอมชอ่ื ตัวบรรจงตาํ แหนง และวัน เดือน ป กาํ กับไว กรณที ่ียังมไิ ดมีการออกหนังสือสําคญั สําหรับที่หลวง เมอ่ื ปรากฏวา การจัดทําทะเบียนทดี่ นิ สาธารณประโยชนผ ิดพลาดคลาดเคล่ือน ใหส าํ นกั งานท่ดี นิ จงั หวดั รวบรวมขอ เทจ็ จริงและความเห็นของ องคกรปกครองสว นทองถน่ิ และอาํ เภอ เพ่ือรายงานผูวา ราชการจังหวัดใหค วามเห็นเพ่ือนําเสนอกระทรวงมหาดไทย พจิ ารณาสง่ั การ หากกระทรวงมหาดไทยเหน็ ชอบใหแ กไ ขหรอื จําหนา ยรายการทะเบยี นทด่ี นิ สาธารณประโยชน ใหเ จาพนักงานทด่ี ินแกไขรายการในทะเบียนที่ดินสาธารณประโยชนหรือหมายเหตุไวตอนทายของทะเบยี นวา “ไมมที ด่ี นิ ตามท่ีระบไุ วในทะเบยี นเดิม” เสร็จแลว ลงลายมือช่ือพรอมชื่อตัวบรรจง ตาํ แหนง และวัน เดอื น ป กํากบั ไว เมื่อไดม กี ารแกไขหรือหมายเหตุในทะเบียนทีด่ ินสาธารณประโยชนตามวรรคหน่งึ วรรคสอง และวรรคสามเสร็จแลว ใหจดั สง สาํ เนาทะเบียนท่ดี ินสาธารณประโยชนใหห นวยงานตามขอ ๑๐ แกไข หลกั ฐานทะเบยี นใหถกู ตองตรงกัน ขอ ๑๒ การตรวจสอบขอ เท็จจรงิ เกยี่ วกบั ทีด่ นิ ตามขอ ๕ เชน ประวตั ิความเปนมา ที่ตงั้ ขอบเขต สภาพปญ หาและการแกไ ขปญ หา ใหเ ปนหนาท่ีของนายอาํ เภอรวมกบั องคกรปกครองสวนทอ งถิ่น โดยใหส ํานักงานทดี่ ินจงั หวดั หรอื สาํ นักงานท่ีดนิ จังหวัดสาขาใหการสนับสนนุ ในการดําเนินการดว ย ขอ ๑๓ คาใชจายในการดําเนินการดูแลรักษาและคุมครองปองกันทีด่ ินอันเปนสาธารณสมบัติ ของแผน ดนิ สําหรบั พลเมืองใชประโยชนรวมกัน เชน การออกหนงั สือสําคัญสําหรับทหี่ ลวงการตรวจสอบ หนงั สอื สาํ คัญสาํ หรบั ทห่ี ลวง การดาํ เนนิ คดีกรณีมขี อพิพาท การรังวัดทาํ แผนที่การจัดทําทะเบียนที่ดิน สาธารณประโยชน รวมทงั้ คาใชจา ยอ่นื ใดทเี่ กี่ยวของ ใหเบิกจา ยจากงบประมาณขององคก รปกครอง สวนทอ งถ่ิน
- 133 - สรปุ ประเด็นท่นี ายอําเภอมอี ํานาจหนา ท่ี 1. การเลอื กผใู หญบา น ตามความในมาตรา ๑๓ แหงพระราชบญั ญัตลิ ักษณะปกครองทองที่ พระพทุ ธศกั ราช ๒๔๕๗ ซง่ึ แกไขเพมิ่ เตมิ โดยพระราชบัญญัตลิ กั ษณะปกครองทองท่ี (ฉบบั ท่ี ๑๑) พ.ศ. ๒๕๕๑ ประกอบกับระเบียบกระทรวงมหาดไทยวาดว ยการเลอื กผูใหญบ า น พ.ศ. ๒๕๕๑ 1.1 นายอาํ เภอมีอํานาจหนา ที่แตง ต้ังเจาหนาทีข่ องรัฐไมเ กินสามคน และราษฎรผูมสี ทิ ธิ เลือกผใู หญบ า นในหมบู า น ซึ่งเปน ท่ยี อมรบั นับถือของราษฎรในหมบู านจํานวนไมน อยกวา ส่คี นแตไมเกนิ เจด็ คนเปนคณะกรรมการ เพื่อทาํ หนาที่ตรวจสอบคุณสมบัตแิ ละลักษณะตองหา มของผูสมคั รรบั เลอื กเปน ผใู หญบา น 1.2 เมอื่ ราษฎรสวนใหญเลือกผใู ดเปนผใู หญบ านแลว ใหน ายอาํ เภอออกคาํ สัง่ เพ่ือแตง ต้ัง และใหถือวา ผูนนั้ เปนผใู หญบ า นนับแตวนั ท่ีไดรบั แตง ต้ัง ในกรณีทผ่ี ูรบั เลอื กมีคะแนนเสยี งเทากนั ใหใชว ธิ ีจับสลาก ทั้งนี้ เม่ือนายอําเภอไดมีคาํ ส่ังแตงต้ังผูใหญบ า นแลว ใหร ายงานใหผวู า ราชการจังหวดั เพื่อออกหนังสอื สาํ คัญ ใหไ วเ ปนหลักฐาน 1.3 ในกรณที ่ีมกี ารคัดคานวา ผซู ่ึงไดรบั เลือกเปน ผูใ หญบานตามวรรคส่ีไดรบั เลอื กมาโดยไมส จุ ริต และเทย่ี งธรรม ใหน ายอําเภอดําเนินการสอบสวน และถาผลการสอบสวนไดความตามท่ีมีผูค ัดคานใหร ายงาน ผวู าราชการจังหวัดและใหผูว าราชการจังหวดั สง่ั ใหพ นจากตาํ แหนงโดยเร็ว ทงั้ น้ี ภายในเกา สิบวันนับแต วนั ที่นายอาํ เภอมีคําสั่งแตงตงั้ 2. การพน จากตาํ แหนงผูใหญบา น 2.1 อนญุ าตใหผใู หญบ า นลาออกลาออก 2.2 ส่ังใหผูใหญบา นพน จากตาํ แหนง เม่ือราษฎรผมู ีคณุ สมบัตแิ ละไมมลี ักษณะตอ งหา มตาม มาตรา 11 ในหมูบา นน้ันจาํ นวนไมน อ ยกวากึ่งหนง่ึ ของราษฎรผูมีคณุ สมบัติและไมมีลักษณะตอ งหามตามมาตรา 11 ทั้งหมดเขาชอ่ื กนั ขอใหออกจากตาํ แหนง 2.3 สอบสวนผูใหญบ านกรณีบกพรองในหนา ที่ หรอื ประพฤติตนไมเหมาะสมกับตาํ แหนง และเสนอรายงานการสอบสวนตอ ผวู า ราชการจงั หวดั เพ่ือสง่ั ใหผูใหญบ านพน จากตาํ แหนง 3. การออกหนังสือสําคัญแกผ ูชว ยผูใ หญบาน นายอําเภอมีอาํ นาจหนาท่ีออกหนังสอื สาํ คัญไวเ ปน หลักฐานใหแ กผูไดร ับคัดเลือกเปนผูช ว ย ผใู หญบ า นฝายปกครอง หรอื ผชู ว ยผูใหญบ า นฝายรกั ษาความสงบ 4. การเลือกผใู หญบ านขึน้ ใหม 4.1 กรณีทห่ี มูบา นใดมจี ํานวนราษฎรเพ่มิ ขน้ึ ไมวา ดวยเหตใุ ดก็ตาม เม่อื กํานนั และผใู หญบ า น ในตําบลนน้ั ปรึกษากันเห็นวา จํานวนราษฎรน้ันเกินกวาความสามารถของผูใหญบ า นคนเดยี วจะดูแลปกครอง ใหเรยี บรอยได ใหก าํ นันรายงานตอ นายอาํ เภอเพื่อพิจารณาและเสนอความเหน็ ไปยงั ผวู าราชการจงั หวดั ในกรณีท่ี ผูวา ราชการจังหวดั เห็นสมควร ใหตัง้ หมูบานขน้ึ ใหมและเลอื กผูใหญบ า นเพ่ิมเตมิ ข้ึนใหมได 4.2 กรณีทผ่ี ูใหญบานของหมบู านใดวา งลง ใหเ ลอื กผูใ หญบานภายในกําหนดสามสิบวัน นบั แตว นั ทผ่ี ูใ หญบ า นของหมูบา นนน้ั วา งลง
- 134 - 5. การรบั มอบคนื หนังสอื สําคญั นายอําเภอในฐานะกรมการอําเภอ มีหนาที่รับมอบคืนหนังสือสําคัญเมื่อผูใ หญบาน ตองออกจากตาํ แหนงดวยเหตุประการใดๆ จากกาํ นนั ตําบลนัน้ 6. การรับรายงานกรณีผูใ หญบานคนใดมอบหนาทีใ่ หแกผูชวยผูใหญบานฝายปกครอง คนใดคนหนึ่งเปน ผูร ักษาการแทนเกนิ กวา สิบหา วัน นายอําเภอมีหนาทีร่ ับรายงานจากกํานันกรณีผูใหญบานคนใดมอบหนาที่ใหแก ผูช วยผใู หญบา นฝา ยปกครองคนใดคนหนึง่ เปนผูรักษาการแทนเกนิ กวา สบิ หา วนั 7. การเลือกวา ทผ่ี ูใ หญบา น ถาในทอ งท่ีอําเภอใดมีราษฎรไปตัง้ ชมุ นุมทําการหาเลีย้ งชีพแตในบางฤดู ถา และจาํ นวนราษฎร ซง่ึ ไปตัง้ ทําการอยูมากพอสมควรจะจดั เปนหมบู า นไดตามพระราชบญั ญตั ิลกั ษณะปกครองทองทีเ่ พอ่ื ความสะดวก แกการปกครอง ก็ใหนายอําเภอประชุมราษฎรในหมนู ้ันเลือกวาทีผ่ ใู หญบ านคนหน่งึ หรอื หลายคนตามควร แกกาํ หนดทว่ี าไวในพระราชบัญญัตลิ กั ษณะปกครองทองที่น้ี ผูใหญบ านเชนน้ี ใหเ รียกวา วาทผ่ี ูใ หญบ าน เพราะเหตทุ ่ีเปน ตาํ แหนงชว่ั ครั้งหน่ึงคราวหนึ่ง แตมีอํานาจและหนาที่เทาผูใหญบ า นทุกประการ ถา ราษฎรเลอื กผหู นงึ่ ผูใดอนั สมควรจะวา ทีผ่ ูใหญบานได กใ็ หร ายงานขอหมายตง้ั ตอผวู าราชการเมือง 8. คณะกรรมการหมบู าน ในหมูบานหนึ่งใหมีคณะกรรมการหมูบ านประกอบดว ยผใู หญบ า นเปนประธาน ผูชวยผูใหญบ าน สมาชิกสภาองคก รปกครองสว นทอ งถ่ินท่ีมีภูมิลําเนาในหมูบ า นผนู าํ หรือผูแทนกลุมหรอื องคกรในหมบู านเปน กรรมการ หมบู า นโดยตําแหนง และกรรมการหมบู านผูทรงคุณวฒุ ซิ ่ึงนายอําเภอแตงต้ังจากผูซ ึ่งราษฎรในหมบู า นเลอื ก เปนกรรมการหมูบ านผทู รงคณุ วฒุ ิจํานวนไมนอยกวาสองคนแตไมเ กินสบิ คน ตาม ระเบยี บกระทรวงมหาดไทย วา ดวยหลกั เกณฑการเปน กรรมการหมบู า น การปฏิบัติหนา ท่แี ละการประชมุ ของคณะกรรมการหมบู าน พ.ศ. ๒๕๕๑ คณะกรรมการหมบู า นมีหนาทช่ี วยเหลอื แนะนํา และใหคาํ ปรึกษาแกผ ใู หญบานเก่ยี วกับ กิจการอันเปน อาํ นาจหนา ท่ขี องผูใหญบ าน และปฏิบตั ิหนาท่อี นื่ ตามกฎหมาย หรือระเบียบแบบแผนของ ทางราชการ หรือท่ีนายอาํ เภอมอบหมาย หรอื ทีผ่ ูใหญบ า นรองขอ 9. คณะกรรมการตาํ บล ในตาํ บลหน่ึงใหม ีคณะกรรมการตาํ บลคณะหนงึ่ มหี นา ที่เสนอขอแนะนําและใหค ําปรึกษา ตอกํานนั เกยี่ วกบั กิจการทจี่ ะปฏบิ ตั ติ ามอํานาจหนา ที่ของกํานนั คณะกรรมการตําบลประกอบดว ยกํานนั ทอ งท่ี ผูใหญบ า นทุกหมบู านในตําบลและแพทยประจาํ ตาํ บล เปน กรรมการตําบลโดยตาํ แหนง และครูประชาบาล ในตําบลหน่ึงคนกรรมการหมบู านผูท รงคุณวฒุ หิ มบู านละหน่ึงคน เปน กรรมการตาํ บลผทู รงคุณวุฒิ โดยนายอําเภอ เปนผคู ดั เลือกแลวรายงานไปยังผวู า ราชการจงั หวดั เพ่ือออกหนงั สอื สาํ คญั ใหไวเ ปนหลกั ฐานและใหถ ือวา ผูนน้ั เปนกรรมการตาํ บลผูทรงคณุ วุฒติ ้ังแตว ันทีผ่ วู า ราชการจังหวดั ออกหนงั สอื สําคัญ กรรมการตาํ บล ผทู รงคณุ วฒุ อิ ยูในตาํ แหนง คราวละหาป
- 135 - นอกจากออกจากตาํ แหนง ตามวาระ กรรมการตาํ บลผูทรงคุณวฒุ ิตองออกจากตําแหนง เพราะพน จากตําแหนง ครปู ระชาบาลหรอื กรรมการหมบู านผูทรงคุณวฒุ ิ ถา ตําแหนงกรรมการตาํ บลผูทรงคณุ วุฒิ วางลง ใหม กี ารคัดเลือกขึน้ แทนใหเตม็ ตาํ แหนงทีว่ างและใหอยูในตําแหนงตามวาระของผูซ่งึ ตนแทน การคัดเลือกกรรมการตําบลผทู รงคุณวฒุ ิขึ้นแทนตาํ แหนงทีว่ า ง ใหก ระทาํ ภายในหกสบิ วนั นบั แตวันทีต่ าํ แหนง นั้นวา ง ถาตําแหนงน้นั วา งลงกอนถึงกาํ หนดออกตามวาระไมเกินหนง่ึ รอยแปดสบิ วัน จะไมค ัดเลือกขนึ้ แทนกไ็ ด 10. การเลอื กกํานัน ตามมาตรา ๓๐ และมาตรา ๓๒ แหง พระราชบัญญัติลักษณะปกครอง ทอ งท่ี พระพทุ ธศักราช ๒๔๕๗ ซึ่งแกไ ขเพ่ิมเตมิ โดยพระราชบัญญัติลักษณะปกครองทองที่ (ฉบบั ท่ี ๑๑) พ.ศ. ๒๕๕๑ ประกอบกับระเบยี บกระทรวงมหาดไทยวา ดว ยการคดั เลือกกํานนั พ.ศ. ๒๕๕๑ ใหนายอาํ เภอเปนประธานประชมุ ผูใหญบานในตําบลนั้น เพื่อปรกึ ษาหารอื คัดเลือก ผูใหญบ านคนหน่ึงในตําบลนัน้ ขึ้นเปนกํานัน เมือ่ ผใู หญบ า นทมี่ าประชมุ เห็นชอบคัดเลือกผูใดแลว ให นายอาํ เภอคัดเลอื กผูนน้ั เปน กํานัน ในกรณที ี่มผี สู มควรไดร บั การคดั เลือกเปนกํานนั มากกวาหนึ่งคน ใหนายอาํ เภอจัดใหม ี การออกเสยี งลงคะแนน เม่อื ผูใหญบา นคนใดไดรับคะแนนสูงสุดใหนายอาํ เภอคัดเลือกผูนั้นเปน กาํ นนั ในกรณที ี่ไดร บั คะแนนเทา กัน ใหใชว ธิ ีจบั สลาก การลงคะแนนตอ งเปน ไปโดยสจุ รติ และเทย่ี งธรรม และใหกระทาํ โดยวิธีลับตามหลกั เกณฑ และวธิ กี ารที่กระทรวงมหาดไทยกาํ หนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อคดั เลือกผใู ดเปนกํานนั ตามวรรคหน่ึงหรอื วรรคสองแลว ใหน ายอาํ เภอรายงานไปยงั ผูวา ราชการจังหวัดเพ่ือออกหนังสอื สาํ คญั ใหไวเปน หลกั ฐาน 11. การเลอื กกํานันข้ึนใหม ในกรณที ่ตี ําแหนงกํานันวางลง ใหค ัดเลอื กกํานนั ขนึ้ ใหมภายในกําหนดเวลาสสี่ บิ หา วนั นบั แตวนั ที่นายอําเภอไดทราบการวา งน้นั หากมีความจําเปน ไมอาจจัดใหมีการคัดเลือกกํานนั ภายในกาํ หนดตามวรรคหนง่ึ ได ใหผ วู า ราชการจังหวัดขยายเวลาออกไปไดเ ทา ทีจ่ าํ เปน และในระหวา งท่ียังมิไดมีการเลือกกาํ นัน ผวู า ราชการจังหวดั จะแตง ต้ังบุคคลผูมีคุณสมบตั ิและไมมลี ักษณะตอ งหา มตามมาตรา 12 เปนผูรกั ษาการกํานนั จนกวา จะมี การคดั เลือกกํานนั ก็ได 12. การรบั รายงานกรณกี าํ นันมอบหนา ทใี่ หแกผ ูชวยผูใหญบานฝายปกครองคนใดคนหน่งึ ในตาํ บลเดียวกัน เปนผูทําการแทน ถา กํานนั ทําการในหนาท่ีไมได ในช่ัวคราวเวลาใด เชนไปทางไกลเปน ตน ใหมอบอาํ นาจ และหนา ที่ไวแ กผูใหญบานคนใดคนหนึง่ ซ่งึ อยูใ นตําบลเดียวกันใหท าํ การแทน และใหผูแทนน้มี ีอาํ นาจ เตม็ ท่ีในตําแหนงกาํ นัน แตก ารท่ีกาํ นันจะมอบหมายหนาที่ใหแ กผใู หญบา นทําการแทนเชน น้ี ใหบ อกผูใหญบ า น ทงั้ หลายในตําบลเดียวกนั และบอกกรมการอาํ เภอใหทราบไวด ว ย 13. อาํ นาจในการลงโทษ กํานนั ผูใหญบา น และแพทยประจําตาํ บล นายอาํ เภอมีอํานาจลงโทษกํานัน ผใู หญบาน และแพทยประจําตําบลดงั น้ี (ก) ลดอันดบั เงนิ เดือนไมเ กนิ หน่งึ อันดับ
- 136 - (ข) ตดั เงนิ เดือน โดยเทียบในฐานะเปน ผบู งั คบั บัญชาชั้นหวั หนา แผนกกบั ผกู ระทาํ ผิด ชัน้ เสมียนพนกั งาน ตามที่กาํ หนดไวในกฎหมายวา ดวยระเบียบขาราชการพลเรอื น (ค) ลงโทษภาคทณั ฑ เม่อื กํานันผูใ หญบานคนใดถกู ฟองในคดีอาญา เวนแตคดคี วามผิดในลกั ษณะฐานลหโุ ทษ หรอื ความผดิ อันไดกระทาํ โดยประมาท หรอื มีกรณีท่ีตองหาวาทําผิดวินยั อยางรา ยแรงถูกสอบสวนเพื่อไลออก หรอื ปลดออก ถา นายอาํ เภอเหน็ วาจะคงใหอยใู นตาํ แหนง จะเปนการเสียหายแกราชการจะสัง่ ใหพ ักหนา ที่ กไ็ ด แลว รายงานใหขาหลวงประจําจงั หวดั ทราบการส่งั ใหก ลับเขารบั หนา ทต่ี ลอดถงึ การวนิ จิ ฉัยวา จะควร จา ยเงนิ เดือนระหวางพักใหเพยี งใดหรือไม ใหขาหลวงประจาํ จังหวัดเปน ผูพจิ ารณาสัง่ อนโุ ลมตามกฎหมายวา ดวย ระเบียบขา ราชการพลเรือน โดยเฉพาะโทษปลด หรอื ไลอ อก ถา กํานันผใู หญบา นและแพทยป ระจําตําบลผูถูลงโทษ เหน็ วา ตนไมไดรบั ความเปน ธรรม ก็มสี ทิ ธร์ิ องทกุ ขตอ กระทรวงมหาดไทย การรอ งทุกขใหท าํ คํารอ งลงลายมือช่ือยน่ื ตอนายอําเภอภายในกําหนดสิบหาวนั นบั แตวนั ไดทราบ คําสั่งการลงโทษเพ่อื นายอาํ เภอจกั ไดเสนอตอไปยงั ขาหลวงประจาํ จังหวดั และกระทรวงมหาดไทยตามลาํ ดบั ภายในกําหนดสบิ หาวนั นบั แตว ันไดรบั คํารองทุกข พรอมดว ยคําชแ้ี จง ถา จะพงึ มี ใหก ระทรวงมหาดไทยมีอาํ นาจ สงั่ ใหยกคํารองทุกขห รือเพิกถอนคาํ สั่งการลงโทษหรือลดโทษ 14. นายอําเภอในฐานะกรมการอําเภอ อําเภอหนง่ึ ใหมีพนักงานปกครองคณะหนึ่ง เรยี กรวมกนั วา กรมการอาํ เภอ โดยกรมการอาํ เภอ แยกเปน รายตําแหนง ดงั นี้ คอื (1) นายอําเภอ หรือถา เปนตาํ แหนง พิเศษ เรยี กวา ผวู า ราชการอําเภอ เปน หวั หนา การปกครอง ทั่วไปในอําเภอ และขึ้นตรงตอผวู า ราชการเมอื ง มอี ําเภอละคนหนง่ึ (2) ปลัดอาํ เภอเปน ผชู ว ยและผูแทนนายอําเภออยูใ นบังคับนายอาํ เภอ อําเภอหนงึ่ มีจํานวน ปลัดอําเภอมากนอยตามสมควรแกร าชการ (3) สมุหบญั ชอี าํ เภอ คอื ขาราชการมีสังกัดในกรมสรรพากรมหี นา ท่ีเปน ผูชวยนายอาํ เภอ ในการเกบ็ ภาษอี ากรและผลประโยชนแผนดินอยูใ นบงั คับนายอําเภอ นายอาํ เภอ ปลดั อาํ เภอ สมุหบ ัญชีซึ่งรวมเรยี กกนั วา กรมการอําเภอนี้ แมมีตําแหนงตางกัน ยอมมีหนาทแ่ี ละความรับผิดชอบรวมกนั ในการทจ่ี ะใหการปกครองอําเภอน้ันเรียบรอย และเมือ่ ตาํ แหนงใด การมากเหลือมือ หรือวาวางพนักงานกรมการอําเภอ แมอ ยใู นตําแหนงอ่นื ตอ งชว ยและตองทาํ แทนกนั จะถือวา เปน พนักงานตา งกนั นั้นไมได 15. อํานาจการบริหารงานอาํ เภอของนายอําเภอ นายอําเภอมอี าํ นาจในสวนธรุ การฝายพลเรือนเหนอื ขาราชการทุกแผนกท่ปี ระจาํ รักษา ราชการในอําเภอนน้ั อํานาจทีว่ า นไ้ี มมีแกอาํ เภอทตี่ ง้ั ทีว่ าการเมอื ง หรือที่วาการมณฑล กรณีตาํ แหนง ปลดั อาํ เภอ หรอื สมหุ บัญชอี ําเภอวาง ใหนายอําเภอมอี าํ นาจท่ีจะจดั ผหู นงึ่ ผูใด ในขณะกรมการอําเภอ หรอื เสมยี นพนักงานคนหนง่ึ คนใดเขาทาํ การในตําแหนงนน้ั ๆ ไดช วั่ คราว แตต อ งรีบ บอกไปยังผวู าราชการเมือง และใหผูน ้นั ทาํ การในตาํ แหนง น้ันไปกวา จะไดรับคําส่ังจากเจา พนักงานผูใหญใ หเ ปน ประการใด
- 137 - กรณตี ําแหนง เสมยี นพนักงานในอําเภอวา ง ใหน ายอาํ เภอมอี ํานาจทจ่ี ะจัดคนเขาทาํ การในตําแหนง นน้ั ๆ ไดช่วั คราว แตตองบอกขออนุมัติของผวู า ราชการเมืองภายในเดอื นหนึง่ แลวแตผ ูว าราชการเมืองจะตั้ง ผนู ้นั หรอื ผูอ่นื ใหเปน แทนในตําแหนง ทวี่ าง นายอําเภอมีอาํ นาจที่จะใหบ รรดาขาราชการซ่ึงมีสงั กัดทาํ ราชการอยูในท่วี า การอาํ เภอ นายอําเภอมอี ํานาจท่ีจะใหลาไดคราวละไมเกนิ 15 วัน ถาและผูใดมเี หตอุ ันนายอําเภอเหน็ วา จะใหทําราชการอยูใ นตําแหนง จะเสยี ราชการ นายอาํ เภอ จะใหผนู ั้นพกั ราชการเสยี ช่ัวคราวก็ได แตใ นการที่ส่ังใหพกั ราชการนี้ ตอ งบอกใหผ ูวาราชการเมืองทราบภายใน 15 วนั คาํ ตดั สินเปนเดด็ ขาดในเร่อื งน้นั ใหเปน หนาท่ีของผูมีอํานาจทจ่ี ะต้งั ตาํ แหนงทเ่ี กิดเหตุนัน้ หนา ทกี่ รมการอาํ เภอที่กลา วไวในพระราชบัญญัตินีก้ ด็ ี หรือในทอี่ ื่นกด็ ี ถามิไดร ะบวุ าเปนหนาท่ี เฉพาะนายอําเภอ หรือเฉพาะตําแหนงใดในกรมการอําเภอไซร ใหพึงเขาใจวาเปนหนาทีแ่ ละรับผิดชอบรวมกัน นายอําเภอเปนหวั หนาจะทําการนน้ั เอง หรอื จะมอบหมายใหกรมการอําเภอคนใดทาํ โดยอนมุ ัตขิ องนายอําเภอ ก็ได แตน ายอําเภอจะหลกี ความรบั ผิดชอบในการท้ังปวง เพราะเหตทุ ่ีอา งวาไดใ หผูอืน่ ทาํ แทนนั้นไมไ ด 16. นายอําเภอมีหนาทต่ี ามท่ีกฎหมายกําหนดไวว า เปน หนาทข่ี องกรมการอาํ เภอ เชน - กรมการอําเภอตอ งตรวจตราและจัดการปกครองตําบลและหมูบา นใหเ ปนไปไดจรงิ ดงั พระราชบญั ญตั ินี้ - นอกจากอาํ นาจหนา ทีท่ ก่ี ลาวโดยเฉพาะใหเ ปน อํานาจหนา ท่ขี องกรมการอาํ เภอแลว ให กรมการอาํ เภอมีอํานาจหนา ท่เี ชนเดียวกบั กํานันผใู หญบานดวย - กรมการอําเภอตอ งเอาใจใสส มาคมใหค ุนเคยกับกํานันผูใหญบา นแพทยป ระจําตาํ บลเปนท่ี ปรกึ ษาหารือ และเปน ผูรบั ชว ยแกไขความขดั ของใหแ กเ ขา - ใหกรมการอําเภอเรยี กประชุมกํานนั ผูใหญบานแพทยป ระจําตําบลพรอมกัน หรอื เรียก ประชุมแตเฉพาะตําแหนง มีประชุมกํานัน เปนตน ในเวลามกี ารจะตองปรึกษาหรือตองถามตอ งสงั่ ตาม สมควร - กรมการอําเภอรับผิดชอบที่จะรกั ษาสถานท่วี าการอําเภอสรรพหนงั สอื และบญั ชตี ลอดจน บริเวณท่ีวาการอําเภอใหเรียบรอ ย - กรมการอําเภอตองใหราษฎรท่มี ีกจิ ธุระหาไดทุกเมื่อ ถา ราษฎรมารองทุกขอยางใด ซ่ึงกรมการ อาํ เภอควรชวยได ตอ งชว ยตามสมควร - หนา ท่ีของกรมการอําเภอนอกจากท่ีกลาวไวใ นพระราชบัญญตั ลิ ักษณะปกครองทองทีน่ ้ี ยัง ตองทําตามความซ่ึงกําหนดไวในพระราชกําหนดกฎหมายอยา งอ่นื ๆอันกําหนดไวว า เปน หนาที่ของกรมการ อาํ เภอ แมพ ระราชกาํ หนดกฎหมายใดมิไดร ะบุไวใ นพระราชกาํ หนดกฎหมายนน้ั ๆ วา เปน หนาที่ของผูใ ด ก็ให พึงเขาใจวาเปนหนาที่ของกรมการอําเภอที่จะรักษาการใหเปนไปตามพระราชบัญญตั ิน้นั ๆ 17. การดแู ลรกั ษาและคุมครองปองกันทด่ี นิ อันเปน สาธารณสมบัติของแผนดินท่ปี ระชาชนใช ประโยชนร ว มกัน และสิ่งซงึ่ เปนสาธารณประโยชนอน่ื ตามระเบยี บกระทรวงมหาดไทย วา ดว ยการดูแล รักษาและคุมครองปองกันทด่ี ินอนั เปน สาธารณสมบตั ิของแผน ดนิ สาํ หรับพลเมืองใชร วมกนั พ.ศ. ๒๕๕๓
- 138 - นายอาํ เภอมีหนาที่รว มกับองคกรปกครองสวนทอ งถนิ่ ในการดแู ลรักษาและคุมครองปองกันที่ดนิ อันเปนสาธารณสมบัติของแผน ดนิ ท่ีประชาชนใชประโยชนร ว มกัน และส่ิงซ่ึงเปนสาธารณประโยชนอ ่ืนอันอยู ในเขตอําเภอ นายอาํ เภอและองคกรปกครองสวนทองถิ่นไมม ีอาํ นาจใชห รือยนิ ยอมใหบุคคลอน่ื ใชท่ีดิน ตามวรรคหนึง่ เวน แตจ ะไดรบั ความเห็นชอบจากผูวาราชการจังหวดั และปฏบิ ัติตามประมวลกฎหมายทีด่ ินและ กฎหมายอืน่ ที่เก่ยี วของ ในกรณีท่ีมีขอพิพาทหรือคดีเกย่ี วกับที่ดินตามวรรคหนึ่ง นายอําเภอและองคกรปกครองสว น ทองถิ่นจะรวมกนั ดําเนนิ การหรือฝายใดฝายหนง่ึ จะเปนผดู าํ เนนิ การก็ใหม ีอาํ นาจกระทาํ ได ทงั้ นี้ กระทรวงมหาดไทย จะวางระเบียบกาํ หนดหลกั เกณฑเปนแนวปฏบิ ัตดิ วยก็ได คาใชจ ายในการดําเนินการดูแลรักษาและคุมครองปองกันท่ีดินอันเปนสาธารณสมบัติของแผนดิน สาํ หรับพลเมืองใชป ระโยชนร วมกนั เชน การออกหนังสอื สาํ คัญสําหรับท่ีหลวงการตรวจสอบหนังสือสําคัญ สําหรบั ท่หี ลวง การดําเนินคดีกรณีมีขอพิพาท การรังวัดทําแผนที่การจัดทําทะเบียนท่ีดินสาธารณประโยชน รวมท้ังคาใชจ ายอื่นใดทเ่ี กี่ยวขอ ง ใหเบกิ จา ยจากงบประมาณขององคกรปกครองสวนทองถิ่น 18. อํานาจหนาที่นายอําเภอตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย วา ดวยการชวยเหลือ เจา พนกั งานของหนวยกําลังคมุ ครองและรักษาความสงบเรียบรอ ยภายในหมูบาน พ.ศ. ๒๕๕๑ (1) ในอําเภอหน่งึ ใหม กี องพันหนวยรักษาความปลอดภยั หมบู าน โดยมีนายอําเภอ เปน ผูบ ังคับกองพันหนว ยรักษาความปลอดภยั หมบู า น และมปี ลดั อาํ เภอ นายตาํ รวจชน้ั สญั ญาบตั ร และขา ราชการ ในพ้ืนท่ีตามทนี่ ายอาํ เภอแตงต้ัง เปน รองผบู ังคับกองพันหนวยรักษาความปลอดภยั หมูบา น ฝา ยยทุ ธการและการขาว ฝายกจิ การมวลชน ฝายกาํ ลังพลและสง กําลังบาํ รงุ และฝายสอื่ สารและงบประมาณ (2) ในตําบลหนงึ่ ใหม ีกองรอ ย ชรบ. โดยมปี ลดั อําเภอประจําตําบลเปนผบู งั คับกองรอ ย ชรบ. และมีขา ราชการอื่นตามทน่ี ายอาํ เภอแตง ตัง้ เปนรองผูบังคับกองรอ ย ชรบ.ฝา ยยุทธการและการขาว ฝา ยกจิ การ มวลชน ฝายกําลังพลและสงกําลังบาํ รงุ และฝายสอื่ สารและงบประมาณ โดยใหก าํ นันในตําบลนน้ั เปน ผูช ว ย ผูบงั คบั กองรอย ชรบ. (3) ในหมูบา นหนึ่ง ใหม หี มวด ชรบ. โดยมผี ใู หญบา นเปน ผบู ังคับหมวดชรบ. ทหาร ตาํ รวจ หรอื สมาชิกกองอาสารักษาดนิ แดน จาํ นวนสองคนเปนเจาหนาทโ่ี ครง ทาํ หนา ที่เปนผูช ว ยผบู ังคับหมวด ชรบ. ในหมวด ชรบ. ใหแบงการปกครองบังคับบัญชาออกเปนอยางนอยสองหมูเรียกวา “หมูชุด รกั ษาความปลอดภยั หมูบา นที่ ๑ หมชู ุดรกั ษาความปลอดภยั หมบู านท่ี ๒ และหมูชดุ รักษาความปลอดภัย หมบู านท่ี ... ตามลําดบั ตอไป” โดยมีผชู ว ยผใู หญบานเปนผูบงั คบั หมชู รบ. และหมู ชรบ. ใหม จี ํานวนไมน อย กวา เจ็ดคน แตไมเ กนิ สบิ หาคน ตามความเหมาะสมโดยพจิ ารณาจากอัตรากาํ ลังพลและสถานการณในพื้นที่ (4) ใหผ ใู หญบ านพจิ ารณาคัดเลือกราษฎรทผ่ี า นการฝกอบรม และไมม ลี ักษณะตองหา ม เสนอใหนายอําเภอพจิ ารณาแตง ตั้งเปน ชรบ. (5) ใหนายอาํ เภอจัดทําทะเบียนประวัติ ชรบ. และแกไขเปลี่ยนแปลงใหเปนปจจุบัน แลว เกบ็ รกั ษาไวทห่ี มบู าน อาํ เภอ และจงั หวดั แหง ละหนึง่ ชดุ
- 139 - (25) กฎเสนาบดีวาดว ยท่กี ศุ ลสถานชนิดศาลจา ว มาตราทีเ่ กีย่ วของ ขอ 5 ผใู ดมีความปรารถนาจะอทุ ิศท่ีดินของตนทม่ี หี รอื ยงั ไมมศี าลจาวตั้งอยูแลวใหเ ปนสมบตั ิ สําหรับศาลจาวโดยสิทธ์ิขาด ใหยืน่ เรื่องราวสําแดงความปราถนาเปนลายลักษณอักษรมอบหมายใหแก นายอําเภอผปู กครองทองท่ๆี ท่ดี นิ ตงั้ อยูในเร่ืองราวที่จะยืน่ ตองมีขอ ความดงั ตอไปน้ี คอื (ก) ช่อื และท่ีอยูของผซู ึง่ จะอทุ ิศท่ีดนิ ให (ข) รายการละเอียดของทดี่ นิ ซึ่งจะอุทิศใหพรอ มทั้งนาโฉนดหรือหลกั ถานสิ่งสาํ คญั สาํ หรบั ท่ีดนิ นั้นกํากับไปดวย ขอ 6 ที่ศาลจา วแหงใดซึง่ ตกอยูในความปกครองของรฐั บาลตามกฎน้ี ถา ผใู ดจะกระทําการ กอสรา งสิง่ หนง่ึ ส่ิงใดลงหรือมีความประสงคจ ะทาํ การสฐาปนาตอเตมิ ข้ึนใหมกด็ ี ใหแ จง ความประสงคเปนลายลกั ษณ อักษรตอนายอําเภอผปู กครองทองทีๆ่ ท่ดี ิน ตัง้ อยเู ม่ือไดร บั อนุญาตจากอธิบดกี รมพระนครบาลหรือนครบาล จังหวดั สมุหเทศาภิบาลหรือผูวาราชการจังหวดั แลวจึงกระทาํ การน้นั ได ขอ 17 เมื่อใดความปรากฎขึ้นชดั เจน หรือสงไสยวามีการสมคบกับเปนอัง้ ยี้หรือสองโจรผูราย หรือสมคบกนั เลน การพนนั ท่กี ฎหมายหา ม ในศาลจาวหรอื ในสถานท่ตี างๆ ซ่งึ อยูในบรเิ วณท่ีศาลจา วใด ใหผ ูจดั การปกครองหรือผูตรวจสอดสอ งศาลจา วนั้นรายงานแจง เหตกุ ารณตอ นายอําเภอผูปกครองทองที่ โดยละเอยี ด สรุปประเดน็ ทนี่ ายอาํ เภอมีอํานาจหนา ท่ี 1. นายอําเภอมีหนาทรี่ ับเรอื่ งการอุทิศทีด่ นิ จากผูท่ตี อ งการอุทิศท่ีดนิ ของตนท่มี หี รอื ยงั ไมมี ศาลจา วต้ังอยแู ลวใหเปนสมบัติสาํ หรับศาลจา วโดยสิทธิข์ าด โดยผูอทุ ิศตอ งทาํ เปน หนงั สือมขี อ ความแสดง ช่ือและท่ีอยขู องผซู ึ่งจะอทุ ิศที่ดินให และรายการละเอยี ดของท่ดี ินซ่งึ จะอทุ ิศใหพ รอมทั้งโฉนดหรือหลกั ฐาน ส่ิงสําคญั สําหรับท่ีดินนน้ั กํากับไปดว ย 2. ในกรณศี าลจา วซึ่งอยใู นความปกครองของรฐั บาลตามกฎนี้ ถา ผใู ดจะตอเติมกอ สรางสิง่ หน่ึงสง่ิ ใดลงในบริเวณศาลเจา ใหแ จง ความประสงคเ ปนลายลกั ษณอักษรตอนายอําเภอผูปกครองทองท่ีๆ ทีด่ นิ ต้งั อยเู ม่อื ไดรบั อนุญาตจากอธิบดกี รมการปกครองหรือผวู าราชการจงั หวัดแลว จงึ กระทําการนัน้ ได 3. นายอําเภอมีหนา ทร่ี ับรายงานเหตุการณจ ากผจู ดั การปกครองหรือผูตรวจสอดสองศาลจาว กรณคี วามปรากฏข้ีนชัดเจนหรือสงสยั วามกี ารสมคบกันเปน อั้งยี่หรือซองโจร หรือสมคบกันเลนการพนนั ที่ กฎหมายหา ม ในศาลจาวหรอื ในสถานทีต่ างๆ ซ่งึ อยูในบริเวณที่ศาลจาวน้นั
- 140 - (26) พระราชบญั ญัติวินยั กองอาสารกั ษาดินแดน พ.ศ. ๒๕๐๙ มาตราท่เี กย่ี วขอ ง มาตรา ๕ ผูบ งั คบั บญั ชา เจาหนา ที่ และสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน เฉพาะในขณะท่ี รวมกนั อยเู ปนหมู หมวด กองรอ ย หรอื ในเวลาปฏิบัติงานตามหนา ที่ ตอ งรกั ษาวินยั ตามทบ่ี ญั ญัติไวใ น หมวดน้ีโดยเครงครดั ผูกระทําผดิ วินัยตองรบั ทณั ฑต ามทีบ่ ัญญตั ิไวในหมวด ๒ มาตรา ๗ ผบู ังคบั บัญชามีหนา ที่สอดสองอบรมเจาหนาท่ีและสมาชิกกองอาสารกั ษาดนิ แดน ใหประพฤตหิ รอื ปฏิบตั ิตนอยใู นวนิ ยั โดยเครงครดั มาตรา ๑๓ ผใู ดมีอาํ นาจเปน ผลู งทณั ฑชน้ั ใด และผใู ดเปนผรู ับทณั ฑช้นั ใด ใหเ ปน ไปตามตาราง ช้ันผูลงทัณฑแ ละผรู ับทัณฑ และตารางกําหนดทณั ฑทายพระราชบัญญตั ิน้ี ผูรักษาการในตาํ แหนง ผรู กั ษาการแทน หรือผทู าํ การแทนในตําแหนงใด ใหถ อื เสมอื นเปนผูดาํ รง ตําแหนง นน้ั แตถ า ผูนั้นมียศตัง้ แตชัน้ นายหมูลงมา จะใชอาํ นาจของตําแหนง ผบู ังคับหมวดขึ้นไปในการลงทณั ฑ ดงั กลา วไมได ผูที่เปนวาท่ยี ศช้ันใด ใหถ อื เสมือนมยี ศชนั้ นัน้ สรปุ ประเด็นทน่ี ายอาํ เภอมอี ํานาจหนาท่ี นายอาํ เภอมฐี านะเปน ผบู งั คับกองรอยอาสารักษาดินแดนอาํ เภอ เปน ผบู ังคับบัญชาสมาชิกกอง อาสารกั ษาดินแดนสังกดั กองรอ ยอาสารักษาดนิ แดนอําเภอมีหนาที่สอดสองอบรมสมาชิกกองอาสารกั ษ ดนิ แดนใหประพฤตหิ รอื ปฏิบัตติ นอยใู นวนิ ยั โดยเครงครดั (27) พระราชบญั ญตั สิ ญั ชาติ พ.ศ. 2508 มาตราทีเ่ ก่ียวของ มาตรา 9 หญงิ ซึง่ เปนคนตา งดา วและไดส มรสกับผูมสี ัญชาตไิ ทย ถาประสงคจะไดส ญั ชาติ ไทย ใหยืน่ คําขอตอพนกั งานเจาหนา ที่ตามแบบและวิธกี ารทก่ี าํ หนดในกฎกระทรวง การอนญุ าตหรอื ไมอ นุญาตใหไ ดสัญชาติไทยใหอยใู นดลุ พนิ ิจของรฐั มนตรี มาตรา 12 ผใู ดประสงคจะขอแปลงสัญชาตเิ ปนไทย ใหย นื่ คําขอตอพนกั งานเจา หนาทีต่ ามแบบ และวิธีการทกี่ ําหนดในกฎกระทรวง ถา ผปู ระสงคจ ะขอแปลงสญั ชาติเปน ไทยตามวรรคหน่งึ มบี ุตรซ่ึงยงั ไมบรรลุนิติภาวะตามกฎหมายไทย และบุตรน้ันมีภมู ลิ ําเนาอยูในประเทศไทย อาจขอแปลงสัญชาตเิ ปนไทยใหแกบุตรพรอมกับตนได โดยบุตรนน้ั ไดร ับการยกเวน ไมตองมีคุณสมบัตติ ามมาตรา 10 (1) (3) (4) และ (5) การอนญุ าตหรอื ไมอ นญุ าตใหแ ปลงสญั ชาตเิ ปน ไทย ใหอ ยูในดุลพนิ จิ ของรฐั มนตรี เมื่อรัฐมนตรี เห็นสมควรอนุญาตใหน ําความกราบบังคมทูลขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต เมอื่ ไดรับพระราชทาน พระบรมราชานญุ าตแลว ใหผ ูข อแปลงสญั ชาติเปน ไทยปฏิญาณตนวา จะมคี วามซ่อื สัตยสจุ รติ ตอ ประเทศไทย
- 141 - เมือ่ มปี ระกาศตามมาตรา 5 แลว ใหพ นกั งานเจาหนา ท่ีออกหนงั สือสําคัญการแปลงสญั ชาติ เปนไทยใหไวแกผนู นั้ เปนหลกั ฐาน มาตรา 12/1 ในการขอแปลงสัญชาติเปนไทยตามมาตรา 12 นน้ั บุคคลอื่นอาจขอแปลง สญั ชาติเปน ไทยใหแกบ คุ คลซ่ึงไมมีสัญชาติไทยที่มีภูมิลาํ เนาอยใู นประเทศไทยไดใ นกรณี ดังตอ ไปน้ี (1) ผูอนุบาลตามคาํ ส่ังของศาลอาจขอแปลงสญั ชาตเิ ปนไทยใหแกค นไรความสามารถซ่ึงมี หลักฐานแสดงใหเ ช่อื ไดวาเปนผูเกิดในราชอาณาจักรไทย โดยใหไดรบั ยกเวน ไมต องมีคณุ สมบัติตามมาตรา 10 (3) และ (5) และรัฐมนตรีจะยกเวน ใหไมต องปฏญิ าณตนกไ็ ด (2) ผูป กครองสถานสงเคราะหของรฐั ตามท่รี ฐั มนตรกี าํ หนด เม่อื ไดรับความยินยอมของ ผูเ ยาวแลวอาจขอแปลงสัญชาตเิ ปนไทยใหแกผูเยาวซึ่งอยูในความดูแลของสถานสงเคราะหมาไมนอยกวา สิบป โดยใหไดร บั ยกเวนไมตอ งมคี ุณสมบตั ติ ามมาตรา 10 (1) และ (3) (3) ผูร บั บุตรบญุ ธรรมซึง่ เปน ผูมีสัญชาตไิ ทยอาจขอแปลงสัญชาตเิ ปนไทยใหแกบ ุตรบญุ ธรรม ที่ยงั ไมบ รรลนุ ิตภิ าวะซ่งึ ไดจ ดทะเบยี นรับบุตรบุญธรรมมาแลวไมน อยกวาหา ปและมีหลักฐานแสดงใหเช่ือ ไดวาเปนผูเกิดในราชอาณาจักรไทย โดยใหไดรับการยกเวนไมตองมคี ุณสมบตั ติ ามมาตรา 10 (1) และ (3) การขอแปลงสัญชาตเิ ปนไทยแทนบุคคลอน่ื ตามวรรคหน่ึงใหเปนไปตามหลกั เกณฑว ธิ ีการ และเงื่อนไขที่กาํ หนดในกฎกระทรวง มาตรา 13 ชายหรอื หญิงซึ่งมสี ัญชาตไิ ทยและไดส มรสกับคนตางดาวและอาจถอื สญั ชาตขิ อง ภรยิ าหรอื สามีไดตามกฎหมายวาดวยสญั ชาติของภริยาหรอื สามี ถา ประสงคจ ะสละสัญชาตไิ ทยใหแสดง ความจาํ นงตอพนักงานเจา หนาทีต่ ามแบบและวิธกี ารท่ีกาํ หนดในกฎกระทรวง มาตรา 14 ผูมสี ัญชาติไทยซึง่ เกดิ ในขณะท่ีบิดาหรือมารดาเปน คนตา งดา วและไดสัญชาติ ของบดิ าหรอื มารดาดว ยตามกฎหมายวา ดวยสญั ชาติของบิดาหรอื มารดา หรือผูซ ่ึงไดส ญั ชาตไิ ทยตาม มาตรา 12 วรรคสอง หรือมาตรา 12/1 (2) และ (3) ถา ยังประสงคจ ะถือสญั ชาตอิ ื่นอยูตอไป ใหแ สดง ความจํานงสละสัญชาติไทยตามแบบและวิธีการทก่ี าํ หนดในกฎกระทรวง ภายในหนง่ึ ปนับแตวนั ที่มอี ายุ ครบยี่สิบปบริบูรณ เมอื่ ไดพ ิจารณาความจํานงดงั กลาวแลว เหน็ วามหี ลกั ฐานเชื่อถือไดว า ผูนัน้ อาจถอื สญั ชาตขิ อง บิดาหรือมารดาหรือสญั ชาติอื่นไดจริงก็ใหรัฐมนตรีอนุญาต เวน แตใ นระหวา งประเทศไทยมกี ารรบหรอื อยู ในสถานะสงคราม รฐั มนตรจี ะสัง่ ระงบั การสละสญั ชาติไทยรายใดก็ได มาตรา 15 นอกจากกรณตี ามมาตรา 14 ผซู ง่ึ มีสญั ชาติไทยและสัญชาติอื่น หรอื ผซู ึ่งไดส ัญชาติ ไทยโดยการแปลงสญั ชาติ ถา ประสงคจะสละสัญชาตไิ ทย ใหย ่ืนคําขอตอ พนักงานเจาหนาทตี่ ามแบบและ วิธีการท่ีกําหนดในกฎกระทรวง การอนญุ าตหรอื ไมอนุญาตใหสละสญั ชาติไทย ใหอยใู นดลุ พินจิ ของรฐั มนตรี มาตรา 23 ชายหรือหญิงซึ่งมสี ัญชาติไทยและไดสละสัญชาติไทยในกรณที ่ีไดสมรสกับคนตาง ดาวตามมาตรา 13 ถาไดข าดจากการสมรสแลว ไมวาดวยเหตุใดๆ ยอ มมีสทิ ธิขอกลบั คืนสัญชาตไิ ทยได การขอกลบั คืนสัญชาตไิ ทยใหยนื่ แสดงความจํานงตอพนกั งานเจา หนา ท่ตี ามแบบและวธิ กี ารที่ กําหนดในกฎกระทรวง
- 142 - มาตรา 24 ผูซ่งึ มีสัญชาติไทยและไดเสยี สัญชาติไทยตามบิดาหรือมารดาขณะทต่ี นยงั ไมบรรลุนิตภิ าวะ ถา ประสงคจะกลบั คนื สัญชาติไทย ใหย ื่นคําขอตอพนักงานเจาหนาท่ีตามแบบและวธิ กี ารท่ีกําหนดในกฎกระทรวง ภายในสองปนับแตวันท่ีบรรลุนิติภาวะตามกฎหมายไทยและกฎหมายที่บุคคลนั้นมสี ัญชาติ การอนญุ าตหรอื ไมอ นุญาตใหกลบั คืนสญั ชาติไทย ใหอ ยูใ นดุลพนิ ิจของรัฐมนตรี กฎหมายลาํ ดบั รองที่เกย่ี วของ 1. ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง แตงตั้งเจาพนกั งานตามพระราชบัญญตั สิ ญั ชาติ พ.ศ. 2508 แกไขเพ่มิ เติม (ฉบบั ท่ี 2) (ฉบบั ท่ี 3) พ.ศ. 2535 อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 6 แหงพระราชบัญญัติสญั ชาติ พ.ศ. 2508 แกไขเพม่ิ เติม (ฉบบั ท่ี 2) (ฉบบั ท่ี 3) พ.ศ. 2535 รัฐมนตรีวาการกระทรวงมหาดไทย จงึ แตง ตงั้ ให (1) ปลดั กระทรวงมหาดไทย (2) อธบิ ดกี รมการปกครอง (3) ผูวา ราชการจังหวัด (4) ผูอํานวยการสาํ นกั บรหิ ารการทะเบียน (5) นายอาํ เภอ (6) ปลัดอาํ เภอผูเปนหวั หนา ประจําก่งิ อําเภอ เปนพนักงานเจาหนาที่ตามพระราชบัญญัติสญั ชาติ พ.ศ. 2508 แกไ ขเพิ่มเตมิ (ฉบบั ท่ี 2)( ฉบบั ท่ี 3) พ.ศ. 2535 โดยใหด าํ เนินการเกี่ยวกับสัญชาตทิ เี่ กย่ี วกับชนกลุมนอ ยทกุ กลุมทก่ี ระทรวงมหาดไทยได จดั ทําทะเบียนประวัติและบัตรประจาํ ตวั ไวต ามมตคิ ณะรัฐมนตรีและนโยบายทีก่ ําหนด สรุปประเด็นทีน่ ายอําเภอมอี ํานาจหนา ท่ี นายอําเภอเปนเจาพนักงานตามพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ. 2508 แกไขเพม่ิ เติม (ฉบับท่ี 2) (ฉบบั ท่ี 3) พ.ศ. 2535 โดยใหดําเนินการเก่ียวกับสัญชาติที่เกี่ยวกับชนกลุม นอยทุกกลุม ทีก่ ระทรวงมหาดไทย ไดจัดทาํ ทะเบียนประวัตแิ ละบัตรประจําตัวไวตามมติคณะรัฐมนตรีและนโยบายที่กําหนด (28) พระราชบญั ญตั สิ ถานบรกิ าร พ.ศ. 2509 มาตราทเี่ กยี่ วขอ ง มาตรา 19 ในการจัดใหมีการแสดงเพือ่ ความบันเทิง ผูรับอนุญาตต้ังสถานบรกิ ารมีหนาทต่ี อง ควบคุมการแสดงมิใหเ ปน ไปในทางลามกหรืออนาจาร และมิใหมสี ัตวร ายเขา รวมการแสดงในสภาพที่อาจ กอใหเกิดอันตรายแกผ ชู ม
- 143 - มาตรา 20 เม่ือปรากฏวา ผูไดรับอนุญาตต้ังสถานบริการฝาฝนมาตรา 19 ในกรงุ เทพมหานคร นายตาํ รวจทองที่ต้งั แตชัน้ สารวตั รขึ้นไป ในจงั หวดั อ่นื ตัง้ แตน ายอําเภอทอ งทข่ี น้ึ ไปมีอาํ นาจสัง่ ใหงดการ แสดงน้นั ได มาตรา 24 เม่ือพนกั งานฝา ยปกครองหรือตํารวจชัน้ ผูใ หญต ามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความ อาญามเี หตอุ นั ควรเชอ่ื หรือสงสัยวา มีการฝาฝน หรอื ไมปฏิบัตติ ามบทแหงพระราชบัญญตั นิ ้ี หรอื กฎกระทรวงซง่ึ ออกตามพระราชบัญญัตินใ้ี นสถานบรกิ ารแหงใด ใหเ จา พนกั งานนน้ั มอี าํ นาจเขา ไปตรวจภายในสถานบริการนัน้ ไดไ มว า ในเวลาใด ๆ ในการปฏิบัติหนา ท่ตี ามวรรคหน่ึง ใหเ จา พนกั งานผมู อี าํ นาจตรวจแสดงบตั รประจาํ ตวั ตอ บคุ คลที่ เกย่ี วของ มาตรา 25 ผูร บั อนุญาตตงั้ สถานบรกิ าร ผูด าํ เนนิ กจิ การ ลูกจา งหรอื คนรับใชข องสถานบรกิ าร ผใู ดสามารถใหความสะดวกแกเจา พนักงานซง่ึ ปฏบิ ัติการตามมาตรา 24 ได แตไมย อมใหความสะดวกนัน้ เมื่อเจาพนักงานรองขอ ตอ งระวางโทษจําคุกไมเ กนิ หน่งึ เดือน หรอื ปรับไมเกนิ หน่ึงพันบาท หรือท้ังจําท้ังปรับ สรปุ ประเดน็ ทน่ี ายอําเภอมอี ํานาจหนา ที่ 1. นายอาํ เภอมีอาํ นาจสง่ั ใหง ดการแสดงในสถานบริการทเี่ ปนไปในทางลามกหรอื อนาจาร และมิใหมสี ัตวรา ยเขา รวมการแสดงในสภาพที่อาจกอใหเกิดอนั ตรายแกผ ชู ม 2. หากมเี หตอุ ันควรเชอ่ื หรอื สงสัยวา มีการฝา ฝน หรอื ไมปฏบิ ัตติ ามบทแหงพระราชบญั ญัตนิ ี้ หรอื กฎกระทรวงซ่ึงออกตามพระราชบญั ญตั ิน้ใี นสถานบริการแหง ใด นายอาํ เภอในฐานะพนกั งานฝา ยปกครองหรอื ตาํ รวจชั้นผูใหญตามประมวลกฎหมายวิธีพจิ ารณาความอาญามอี ํานาจมีอํานาจเขาไปตรวจภายในสถานบริการ น้นั ไดไมวา ในเวลาใดๆ โดยในการปฏิบตั ิหนา ทดี่ ังกลา ว ใหเ จา พนักงานผูมอี ํานาจตรวจแสดงบัตรประจําตวั ตอบุคคล ที่เกยี่ วของ (29) พระราชบญั ญัตสิ ตั วพาหนะ พทุ ธศกั ราช ๒๔๘๒ มาตราที่เกีย่ วขอ ง มาตรา ๔ ในพระราชบัญญตั ินี้ “สัตวพาหนะ” หมายความวา ชาง มา โค กระบอื ลอ ลา ซง่ึ ไดท ําหรอื ตองทําต๋วั รปู พรรณ ตามพระราชบญั ญัตินี้ “ตําหนิรปู พรรณ” หมายความวา ลกั ษณะสณั ฐานโดยเฉพาะของสัตวพ าหนะแตละตัวซ่ึงเปน อยูเอง หรอื ซึง่ ทําใหมขี ้นึ ใชเปน เครอื่ งหมาย “ตัว๋ รูปพรรณ” หมายความวา เอกสารแสดงตําหนิรปู พรรณสตั วพ าหนะ “นายทะเบียน” หมายความวา นายอาํ เภอหรือผทู ําการแทน หรือผูซ ง่ึ รฐั มนตรีวา การ กระทรวงมหาดไทยแตงต้ังขึน้ ตามพระราชบัญญัติน้ี
- 144 - “เจา พนักงาน” หมายความวา พนกั งานฝายปกครองหรือตํารวจตามประมวลกฎหมายวิธี พิจารณาความอาญาและนายทะเบยี น มาตรา ๗ ใหร ัฐมนตรีวาการกระทรวงมหาดไทยมหี นา ที่รักษาการใหเ ปนไปตามพระราชบญั ญตั นิ ้ี และใหม ีอํานาจแตงตง้ั เจาพนักงานกบั ใหม ีอํานาจออกกฎกระทรวงกาํ หนดคาธรรมเนียมซ่งึ ตอ งไมเกนิ กวา อตั ราทายพระราชบัญญัตินี้ และกิจการอน่ื เพ่ือปฏิบตั ิการตามพระราชบัญญตั ินี้ กฎกระทรวงนั้น เมอ่ื ไดประกาศในราชกิจจานเุ บกษาแลว ใหใชบังคับได มาตรา ๘ เมือ่ สัตวพ าหนะดงั ตอ ไปนี้ คอื (๑) ชา งมอี ายยุ างเขาปท ่แี ปด (๒) สัตวอนื่ นอกจากโคตวั เมียมีอายุยา งเขา ปท ี่หก (๓) สัตวใ ดไดใ ชข ับขีล่ ากเข็นหรือใชง านแลว (๔) สัตวใดทีม่ ีอายุยางเขาปที่ส่ี เมอ่ื จะนาํ ออกนอกราชอาณาจักร (๕) โคตัวเมียมีอายยุ า งเขา ปท ่หี ก เมอื่ จะทําการโอนกรรมสิทธ์ิ เวน แตในกรณรี ับมรดก ใหเ จาของหรือตัวแทนพรอมดว ยผใู หญบานหรือพยาน ในกรณที ี่ไมมผี ูใหญบานหรือผูใหญบาน ไปดว ยไมได นําสัตวน้นั ไปขอจดทะเบียนทาํ ตั๋วรูปพรรณจากนายทะเบียนทองท่ีที่สัตวน้นั อยภู ายในกาํ หนด ดังตอ ไปนี้ เวน แตไมสามารถท่ีจะนาํ ไปได ก. สตั วในอนุมาตรา ๑ และอนมุ าตรา ๒ ตามท่ีนายทะเบียนจะไดประกาศเปนรายตาํ บลและ กําหนดระยะเวลาไมน อยกวา เกา สิบวนั ข. สตั วในอนุมาตรา ๓ ภายในกําหนดเกาสิบวันนับแตว ันไดใ ชข ับขลี่ ากเขน็ หรือใชง านแลว ค. สัตวในอนมุ าตรา ๔ และอนมุ าตรา ๕ ตองขอจดทะเบียนทําตว๋ั รูปพรรณกอ นนาํ ออกนอก ราชอาณาจักรหรือทําการโอนกรรมสิทธ์ิ สัตวท ีม่ ิไดอยูในบทบงั คับแหงอนุมาตรา ๑ ถงึ อนุมาตรา ๕ เจา ของจะขอจดทะเบยี นทาํ ตว๋ั รูปพรรณก็ได เมือ่ นายทะเบียนพรอมดวยเจาของหรือตวั แทนไดตรวจสอบตําหนิรูปพรรณเห็นเปนการถูกตอ ง และเจาของหรอื ตวั แทนไดช ําระคาธรรมเนยี มแลว ใหน ายทะเบยี นจดทะเบียนทําต๋ัวรปู พรรณให มาตรา ๙ สตั วพ าหนะซ่งึ นาํ จากตา งประเทศเขามาในราชอาณาจักรตอ งขอจดทะเบยี นทําตั๋ว รปู พรรณตามความในมาตรา ๘ โดยอนโุ ลม ถา ไดน าํ เขา มาเมอ่ื พนกาํ หนดระยะเวลาหรอื ภายในกาํ หนดนัน้ แตยงั เหลือเวลานอยกวา สามสิบวันตามประกาศในมาตรา ๘ ตอ งขอจดทะเบียนทําตว๋ั รปู พรรณภายในกาํ หนด สามสบิ วัน เวน แตน าํ เขามาชว่ั ครงั้ คราว มาตรา ๑๐ ตวั๋ รปู พรรณสัตวพาหนะของผูใ ดเปน อนั ตรายหรือสูญหาย ใหน ําพยานหลักฐาน ไปแจง ความตอ นายทะเบยี นทองท่ีที่มที ะเบียนสัตวน ้นั เพื่อขอรับใบแทนตวั๋ รปู พรรณ เมือ่ นายทะเบียนสอบสวนเห็นความบริสทุ ธ์ิแลว ใหเรยี กคาธรรมเนียมและออกใบแทนตว๋ั รปู พรรณให
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295