- 245 - 1.3 เจา พนกั งานประเมนิ ภาษี (รวมทง้ั นายอาํ เภอ) มอี าํ นาจในการประเมนิ ภาษแี ละแจง ไปยัง ผูตองเสียภาษี หรอื ผจู ัดการมรดกหรือทายาทหรอื ผูครอบครองทรัพยม รดก 1.4 เจาพนักงานประเมิน (รวมท้งั นายอําเภอ) มอี ํานาจในการออกหมายเรียกผยู ่นื ภาษี หรอื พยานมาใหข อเท็จจริง 1.5 เจา พนักงานประเมนิ (รวมทง้ั นายอาํ เภอ) มอี ํานาจแกไขจํานวนเงนิ ท่ยี ่นื ขอประเมินภาษี หรอื ทย่ี น่ื รายการไว ตามพยานหลักฐานท่ีปรากฏ 1.6 เจา พนกั งานประเมนิ (รวมทั้งนายอาํ เภอ) มีอาํ นาจประเมินภาษตี ามทรี่ ู หากผูต อ ง เสียภาษีไมยอมใหถอ ยคาํ 1.7 นายอําเภอและเจา พนักงานประเมินภาษมี ีอํานาจออกหมายเรียกผูไมยน่ื รายการภาษี มาไตส วน รวมถงึ พยานดว ย 1.8 เมอ่ื ไดดาํ เนนิ การตามมาตรา ๒๓ แลว นายอาํ เภอและเจา พนกั งานประเมนิ มีอํานาจ ประเมนิ ภาษีอากรทบี่ คุ คลนัน้ ตอ งเสยี 1.9 หากผตู องเสยี ภาษตี ามมาตรา ๒๓ ไมย อมมาตามหมายเรียกหรือไมช ําระภาษตี าม มาตรา ๒๔ นายอําเภอและเจาพนักงานประเมินมีอาํ นาจประเมนิ ภาษีตามที่เห็นวา ถูกตอง 2. ตามระเบียบการเก็บรักษาเงินและการนาํ สงคลังในหนา ท่ีของอําเภอและก่ิงอําเภอ พ.ศ. 2520 2.1 นายอําเภอมีอํานาจในการพิจารณาเรยี กใหช ดใชเงินยืม 2.2 นายอําเภอมหี นาท่ีในการสง มอบกุญแจตนู ิรภยั 2.3 นายอําเภอมีอํานาจในการแตง ต้งั หัวหนา สว นราชการในอําเภอนั้นเปน กรรมการ เกบ็ รกั ษาเงินของอําเภอ 2.4 นายอําเภอมีหนา ทใี่ นการสง มอบกุญแจตูนริ ภยั ใหแ กผ ูทําหนา ที่กรรมการช่ัวคราว 2.5 นายอาํ เภอมีอํานาจหนา ท่ีในการพจิ ารณาสงั่ การกรณลี กู กญุ แจตูน ิรภัยสูญหาย หรือมีการปลอมแปลง 2.6 นายอําเภอมหี นา ที่ในการรับทราบรายงานเงินคงเหลือประจําวัน 2.7 นายอําเภอมีอาํ นาจหนาท่ใี นการพจิ ารณาสั่งการกรณีพบวาเงนิ ทจี่ ะเกบ็ รักษาไมต รงกบั รายงานเงินคงเหลือประจําวนั 2.8 นายอําเภอมหี นาที่ในการรายงานผูวาราชการจังหวัดเพื่อขออนุมัติกระทรวงการคลงั ในการนําเงินทีต่ อ งนาํ สง ไปจา ยเปนเงนิ เดอื นหรอื เงินอืน่ ๆ เนอ่ื งจากการคมนาคมระหวา งอาํ เภอกบั สาํ นกั งาน คลังจงั หวดั ไมสะดวกหรอื ไมปลอดภยั 2.9 นายอําเภอมีอํานาจหนา ที่ในการพจิ ารณานาํ สง เงินที่ตองนาํ สง เปนเชค็ หรอื ดราฟท หรือวธิ ีการอื่น เน่ืองจากการคมนาคมระหวางอําเภอกบั สาํ นักงานคลงั จังหวัดไมส ะดวกหรือไมปลอดภยั 2.10 นายอําเภอมีอํานาจหนาท่ีในการแตงตง้ั คณะกรรมการนําเงินสง 2.11 นายอําเภอมอี ํานาจในการพิจารณาสง่ั การกรณีมีการปลอมแปลงจาํ นวนเงินใน บันทึกการรบั เงินเพ่ือนําสงไมตรงกบั จํานวนเงนิ ทีน่ ําสง จรงิ 2.12 นายอาํ เภอมีอํานาจในการแตงตงั้ คณะกรรมการรบั เงิน
- 246 - 2.13 กรณีการรับเงินเดือน ใหนายอําเภอแตงตั้งคณะกรรมการไปรบั เงินเดอื นของทุกสว น ราชการในคราวเดยี วกนั 2.14 นายอําเภอมอี ํานาจในการแตงตง้ั กรรมการตรวจสอบการเงินของสว นราชการ ประจาํ อําเภอ กรณีปกตหิ รือกรณีมีเหตุอันควร 2.15 นายอาํ เภอมอี ํานาจสัง่ การใหสว นราชการประจําอาํ เภอปฏิบัติใหถูกตองตาม ระเบียบการเก็บรักษาเงิน 2.16 นายอาํ เภอมอี ํานาจในการยา ยตูนิรภัยเปนการชัว่ คราว 2.17 นายอาํ เภอมีหนา ที่ในการรายงานเงินขาดบญั ชหี รือสญู หายตอผวู าราชการจงั หวดั 3.7 กระทรวง การทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ ม 3.7.1 กรมทรพั ยากรนาํ้ กรมทรพั ยากรนาํ้ มีกฎหมายท่เี กี่ยวขอ งกบั อาํ นาจหนาที่ของนายอําเภอ ดังน้ี (1) พระราชบญั ญตั ิวาดว ยการเวนคนื อสงั หารมิ ทรพั ย พ.ศ.๒๕๓๐ มาตราท่ีเกยี่ วขอ ง มาตรา ๙ เม่ือพระราชกฤษฎกี าท่ีออกตามมาตรา ๖ ใชบงั คับแลว ใหเจาหนาทหี่ รอื ผซู ึ่งไดรับ มอบหมายจากเจาหนา ทีด่ าํ เนินการสาํ รวจเพ่อื ทราบขอเทจ็ จริงเก่ียวกับอสังหาริมทรัพยท ีจ่ ะตอ งเวนคนื ท่แี นน อน ใหเสร็จภายในหนึ่งรอ ยแปดสิบวนั ถา เปนการเวนคืนเพอื่ สรางหรอื ขยายทางหลวง ทางรถไฟ ทางพเิ ศษ คลองชลประทาน หรือกิจการทค่ี ลา ยคลึงกัน ตอ งสํารวจใหแลวเสรจ็ ภายในสองปน บั แตวนั ใชบ งั คบั พระราช กฤษฎีกาดงั กลา ว เมอ่ื ไดด าํ เนินการสํารวจท่ที ี่จะตองเวนคืนเสร็จเปน บางสวนหรือแลวเสรจ็ ทั้งหมด ใหเจาหนาที่ เสนอรัฐมนตรีผูร ักษาการตามพระราชกฤษฎีกาแตงต้ังคณะกรรมการข้ึนคณะหน่ึงภายในสามสิบวันนับแต วันที่สํารวจแลวเสร็จ ประกอบดวยผูแ ทนของเจาหนาที่หนึง่ คน ผูแทนกรมที่ดินหนึ่งคน ผูแ ทนของ หนว ยงานอื่นของรฐั หน่งึ คน และผแู ทนของสภาทองถิน่ ท่เี ก่ียวของ เพ่อื ทําหนาที่กําหนดราคาเบื้องตนของ อสงั หาริมทรพั ยท ีจ่ ะตองเวนคืน และจํานวนเงินคา ทดแทนทีจ่ ะใหแกบุคคลตามมาตรา ๑๘ ในกรณที ่ีพระราชกฤษฎกี าท่ีออกตามมาตรา ๖ ผานเขตทองท่ีใด ใหม ผี ูแทนของสภาทองถ่ินนนั้ แหง ละหนงึ่ คนเขา รว มเปนกรรมการตามวรรคสองดวย ในการกาํ หนดราคาเบ้ืองตนของอสังหาริมทรพั ยแ ละจํานวนเงนิ คา ทดแทน ใหคณะกรรมการ กาํ หนดโดยอาศัยหลักเกณฑตามมาตรา ๑๘ มาตรา ๒๑ มาตรา ๒๒ และมาตรา ๒๔ และดาํ เนนิ การให แลว เสรจ็ และประกาศราคาทก่ี ําหนดไว ณ สถานท่ตี ามมาตรา ๗ ภายในหน่งึ รอยแปดสบิ วันนับแตว นั ท่ี ไดร บั แตง ตั้ง ในกรณที ี่มีเหตจุ าํ เปน ทําใหไ มสามารถดําเนนิ การใหแลวเสรจ็ ภายในกําหนดเวลาตามวรรคส่ไี ด คณะกรรมการจะขอใหร ฐั มนตรผี รู กั ษาการตามพระราชกฤษฎกี าดงั กลา วขยายเวลาออกไปอกี ก็ได แตตอ งไมเ กนิ หน่งึ รอยแปดสบิ วัน
- 247 - มาตรา ๑๒ ในกรณีทอ่ี สงั หารมิ ทรพั ยทจี่ ะซ้อื ขายตามมาตรา ๑๐ ไมมหี นงั สอื แสดงสทิ ธใิ นท่ดี ิน ใหเจาหนา ที่แตง ตง้ั คณะกรรมการขนึ้ คณะหน่ึง ประกอบดว ยนายอาํ เภอหรือปลดั อําเภอผูเปน หัวหนา ประจํา กิ่งอําเภอแหงทองทีท่ ่ีอสงั หาริมทรัพยดงั กลาวต้ังอยูห รอื ผแู ทน พนักงานท่ดี ินอาํ เภอหรือพนกั งานทีด่ ินกิ่งอาํ เภอ หรอื ผแู ทน ผูใหญบ านในทอ งท่ที อี่ สงั หาริมทรัพยด งั กลา วตั้งอยู และผแู ทนของเจาหนา ที่ เพ่อื ดําเนนิ การ สอบสวนใหท ราบถึงผมู ีสิทธใิ นอสงั หารมิ ทรัพยด งั กลา ว เมอ่ื ทราบถึงผมู ีสทิ ธใิ นอสังหารมิ ทรพั ยแ ลว จงึ ให ดาํ เนนิ การทาํ สัญญาซื้อขายอสงั หาริมทรัพยตามมาตรา ๑๑ ได ในการสอบสวนเพื่อทราบถงึ ผูมีสิทธใิ นอสังหารมิ ทรัพยตามวรรคหนึ่ง ใหนําบทบัญญตั แิ หง ประมวลกฎหมายทด่ี นิ เกย่ี วกับการรงั วัดทด่ี นิ มาใชบงั คบั โดยอนโุ ลม กฎหมายลําดับรองทีเ่ ก่ียวของ 1. คําสง่ั กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดลอ ม ท่ี 447/2551 ลงวันที่ 25 พฤศจกิ ายน 2551 เรอ่ื งแตง ต้ังคณะกรรมการกาํ หนดหลกั เกณฑและราคาทดแทนทรพั ยส ินเพือ่ การกอสรางแหลงนํา้ สรุปประเด็นทน่ี ายอาํ เภอมีอํานาจหนา ท่ี 1. นายอาํ เภอแหงทองทีเ่ ปน ประธานกรรมการ เจาพนักงานทดี่ ินจงั หวัด ผูแทนองคกรปกครอง สว นทองถนิ่ ที่เกย่ี วของ และเจา หนา ท่กี รมทรัพยากรนาํ้ เปน กรรมการ เฉพาะในการเวนคนื อสงั หารมิ ทรัพยเพ่อื ดําเนนิ โครงการพัฒนา อนรุ ักษ ฟน ฟูทรพั ยากรนา้ํ 2. นายอาํ เภอหรือปลดั อาํ เภอผเู ปน หวั หนา ประจํากิ่งอําเภอจะเปนกรรมการสอบสวนกรรมสิทธิ์ ในอสงั หารมิ ทรพั ยที่ถกู เวนคืน 3.7.2 กรมอุทยานแหง ชาติ สัตวป า และพันธพุ ชื กรมอทุ ยานแหงชาติ สตั วป า และพนั ธพุ ชื มกี ฎหมายทเ่ี กย่ี วของกบั อํานาจหนาท่ีของ นายอาํ เภอ ดังน้ี (1) พระราชบญั ญัตอิ ุทยานแหงชาติ พ.ศ. 2504 มาตราที่เกยี่ วของ มาตรา ๔ ในพระราชบัญญตั ิน้ี (๕) \"พนักงานเจาหนาท่ี\" หมายความวา ผูซ ่งึ รฐั มนตรีแตง ตั้งใหป ฏิบัตติ ามพระราชบญั ญตั ินี้ มาตรา ๕ ใหรฐั มนตรวี า การกระทรวงเกษตรและสหกรณร ักษาการตามพระราชบัญญตั ินี้ และใหมีอํานาจแตงตง้ั พนักงานเจา หนาท่ีและออกกฎกระทรวงเพือ่ ปฏิบตั กิ ารตามพระราชบัญญตั ิน้ี กฎกระทรวงน้นั เมอ่ื ไดประกาศในราชกจิ จานุเบกษาแลว ใหใ ชบังคบั ได
- 248 - กฎหมายลําดับรองทีเ่ ก่ยี วของ 1. ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอม ลงวันท่ี 30 กนั ยายน พ.ศ. 2547 เรอ่ื งแตงตงั้ พนักงานเจาหนาท่ตี ามพระราชบัญญัติอทุ ยานแหง ชาติ พ.ศ. 2534 และ พระราชบญั ญัติสงวนและคุมครองสัตวปา พ.ศ. 2535 สรุปประเดน็ ที่นายอําเภอมีอํานาจหนา ที่ นายอําเภอเปนพนักงานเจาหนาที่ซง่ึ รัฐมนตรีแตงตงั้ ตามมาตรา ๕ ของพระราชบัญญัติอทุ ยาน แหง ชาติ พ.ศ. 2534 มอี าํ นาจหนาท่ีในการจับกุมปราบปรามผกู ระทาํ ความผิดตามพระราชบญั ญัตอิ ุทยาน แหง ชาติ พ.ศ. 2534 (2) พระราชบัญญัตสิ งวนและคมุ ครองสตั วป า พ.ศ. 2535 มาตราทเี่ กยี่ วขอ ง มาตรา ๔ ในพระราชบญั ญัตินี้ “พนกั งานเจาหนาท”่ี หมายความวา ผูซ่ึงรัฐมนตรีแตง ต้งั ใหปฏิบตั ิการตามพระราชบัญญัตินี้ มาตรา ๕ ใหร ัฐมนตรีวาการกระทรวงเกษตรและสหกรณรักษาการตามพระราชบัญญตั ิน้ี และใหมีอาํ นาจแตงตั้งพนักงานเจาหนาที่กับออกกฎกระทรวงกาํ หนดคาธรรมเนียม ไมเกินอัตราทายพระราช บัญญตั นิ ี้ ลดหรือยกเวน คาธรรมเนียมและกาํ หนดกจิ การอื่นเพ่ือปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตนิ ี้ กฎกระทรวงนั้น เม่อื ไดประกาศในราชกิจจานุเบกษาแลว ใหใชบงั คบั ได กฎหมายลําดับรองท่ีเกย่ี วของ 1. ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอม ลงวันท่ี 30 กนั ยายน พ.ศ. 2547 เรอ่ื งแตงตงั้ พนักงานเจาหนา ที่ตามพระราชบญั ญตั ิอุทยานแหงชาติ พ.ศ. 2534 และ พระราชบัญญัตสิ งวนและคุมครองสตั วปา พ.ศ. 2535 สรุปประเดน็ ทน่ี ายอําเภอมีอํานาจหนา ที่ นายอําเภอเปน พนกั งานเจาหนาท่ีซ่งึ รฐั มนตรีแตง ต้งั ตามมาตรา ๕ ของพระราชบญั ญตั สิ งวน และคมุ ครองสัตวป า พ.ศ. 2535 มอี าํ นาจหนา ทใ่ี นการจบั กมุ ปราบปรามผกู ระทาํ ความผดิ ตามพระราชบญั ญัติ สงวนและคมุ ครองสตั วป า พ.ศ. 2535 3.7.3 กรมควบคมุ มลพษิ กรมควบคมุ มลพษิ มีกฎหมายท่ีเกี่ยวของกับอํานาจหนา ที่ของนายอาํ เภอ ดงั น้ี
- 249 - (3) พระราชบญั ญตั ิสงเสริมและรักษาคุณภาพสิง่ แวดลอม พ.ศ. 2535 มาตราทเ่ี กีย่ วของ มาตรา ๔ ในพระราชบัญญตั ินี้ “เจาพนักงานควบคมุ มลพิษ” หมายความวา ผซู ึ่งรฐั มนตรแี ตงต้ังใหปฏิบัตกิ ารเกยี่ วกับการ ควบคมุ มลพิษตามพระราชบัญญตั นิ ้ี มาตรา ๑๑ ใหนายกรัฐมนตรี และรฐั มนตรีวาการกระทรวงวิทยาศาสตร เทคโนโลยแี ละ ส่งิ แวดลอม รักษาการตามพระราชบญั ญัตนิ ้ี ท้งั น้ีในสว นทเี่ ก่ียวกับอํานาจหนาทข่ี องตน รฐั มนตรวี า การกระทรวงวทิ ยาศาสตร เทคโนโลยีและส่ิงแวดลอม มีอาํ นาจแตงตงั้ เจา พนักงาน ควบคมุ มลพิษและพนักงานเจาหนา ท่ี กบั ออกกฎกระทรวงกําหนดคา ธรรมเนียมไมเกินอตั ราทายพระราช - บญั ญตั ิน้ี และกําหนดกิจการอื่นเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบญั ญัตนิ ้ี กฎกระทรวงนั้น เมอ่ื ไดป ระกาศในราชกิจจานเุ บกษาแลวใหใ ชบงั คบั ได กฎหมายลาํ ดบั รองทีเ่ ก่ยี วขอ ง 1. ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอ ม ลงวันที่ ๒๗ กมุ ภาพนั ธ พ.ศ.๒๕๔๗ เร่อื งแตงตัง้ เจาพนกั งานควบคุมมลพิษ สรุปประเดน็ ท่ีนายอําเภอมีอํานาจหนาท่ี นายอาํ เภอและปลัดอาํ เภอผูเปนหวั หนา ประจาํ กง่ิ อําเภอ ไดร บั การแตงตัง้ เปนเจาพนักงาน ควบคมุ มลพษิ มีอาํ นาจหนา ท่ีปฏิบัติการตามพระราชบญั ญัตินี้ ภายในเขตทองที่ของตน 3.7.4 กรมปาไม กรมปาไม มกี ฎหมายท่ีเกี่ยวของกับอํานาจหนา ที่ของนายอําเภอ ดงั น้ี (4) พระราชบัญญัติปาไม พุทธศกั ราช 2484 มาตราทเี่ ก่ียวขอ ง มาตรา ๗๕ ใหรฐั มนตรีวา การกระทรวงทรัพยากร ธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอมรกั ษาการตาม พระราชบัญญัติน้ี กบั ใหมอี าํ นาจแตง ตัง้ พนักงานเจา หนาที่ และกําหนดอตั ราคา ธรรมเนียมไมเกนิ จํานวน อยางสูงท่ีกาํ หนดไวใ นบญั ชีตอทายพระราชบัญญัตินี้ และออกกฎกระทรวงเพื่อปฏบิ ัตกิ ารใหเ ปน ไปตาม พระราชบญั ญัติน้ี กฎกระทรวงนัน้ เม่อื ไดป ระกาศในราชกจิ จานุเบกษาแลวใหใ ชบงั คบั ได
- 250 - กฎหมายลาํ ดบั รองทีเ่ กีย่ วขอ ง 1. ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอม ลงวันที่ 25 มถิ ุนายน พ.ศ. 2547 เรอื่ งแตงต้งั พนักงานเจา หนา ทตี่ ามพระราชบญั ญัติปาไม พุทธศกั ราช 2484 2. ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอม ลงวันท่ี 16 ธนั วาคม พ.ศ. 2547 เร่ืองแตงตัง้ พนักงานเจา หนา ทตี่ ามพระราชบัญญัติปาไม พทุ ธศักราช 2484 สรปุ ประเดน็ ท่ีนายอาํ เภอมีอํานาจหนา ที่ ผวู า ราชการจงั หวดั นายอาํ เภอ และปลัดอําเภอผูเปนหัวหนา ประจํากิง่ อาํ เภอ รวมท้งั ขา ราชการ ในสงั กัดกระทรวงมหาดไทย เชน รองผวู า ราชการจังหวดั ปลดั จงั หวดั ปลดั อาํ เภอ กาํ นัน ผใู หญบ าน ฯลฯ ไดร ับการแตง ต้ังเปนพนักงานเจาหนาที่ตามประกาศทงั้ สองฉบับ มีอํานาจหนาที่ในการปองกัน จับกุม ปราบปราม ผูกระทําผิด และยึดของกลางตามกฎหมายภายในเขตทองท่รี ับผิดชอบ 3.8 กระทรวงสาธารณสุข 3.8.1 สาํ นกั งานคณะกรรมการอาหารและยา สาํ นกั งานคณะกรรมการอาหารและยา มีกฎหมายท่ีเกีย่ วขอ งกบั อํานาจหนา ทีข่ อง นายอําเภอสรปุ ได ดงั นี้ (1) พระราชบัญญัติยาเสพติดใหโทษ พ.ศ.2522 มาตราท่ีเก่ียวของ มาตรา ๖ ใหร ัฐมนตรวี า การกระทรวงสาธารณสขุ รักษาการตามพระราชบัญญตั ิน้แี ละใหมี อาํ นาจแตง ตัง้ พนักงานเจาหนาที่ ออกกฎกระทรวงกําหนดคา ธรรมเนยี มไมเ กินอัตราตามบัญชีทา ย พระราชบญั ญตั ิน้ี ยกเวนคา ธรรมเนียม และกําหนดกิจการอนื่ กบั ออกประกาศ ทงั้ น้ีเพื่อปฏิบัตกิ ารตาม พระราชบญั ญัติน้ี กฎกระทรวงและประกาศนั้น เมอ่ื ไดประกาศในราชกจิ จานเุ บกษาแลวใหใ ชบงั คับได มาตรา ๕๘/๑ วรรคสอง “พนกั งานฝา ยปกครอง หรือตาํ รวจ หรือพนักงานเจา หนาท่ตี ามพระราชบญั ญตั ิน้ีตําแหนงใด ระดบั ใด หรือช้นั ยศใดจะมอี ํานาจหนา ทตี่ ามที่ไดกาํ หนดไวตามวรรคหนึ่งท้งั หมดหรอื แตบางสวน หรือ จะตองไดร ับอนมุ ตั ิจากบุคคลใดกอ นดาํ เนนิ การ ใหเ ปนไปตามที่รัฐมนตรีประกาศกําหนดดว ยความ เหน็ ชอบของคณะกรรมการ โดยทาํ เอกสารมอบหมายใหไวป ระจาํ ตัวพนักงานฝายปกครอง หรอื ตาํ รวจ หรอื พนักงานเจาหนา ทผ่ี ูไดรบั มอบหมายนั้น”
- 251 - กฎหมายลําดบั รองที่เกย่ี วของ 1. ประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับท่ี 184) พ.ศ.2546 เร่ือง กาํ หนดอาํ นาจหนา ทขี่ อง พนักงานฝายปกครองหรอื ตํารวจหรือพนกั งานเจาหนา ที่ เพ่อื ปฏิบตั ติ ามกฎหมายวา ดวยยาเสพติด ใหโ ทษ ขอ 1 (3) 3.21 สรุปประเด็นทนี่ ายอําเภอมอี ํานาจหนาที่ นายอาํ เภอมีอํานาจหนาท่ใี นการปฏบิ ตั ิการตามมาตรา 58/1 แหงพระราชบัญญตั ยิ าเสพตดิ ใหโ ทษ พ.ศ. 2522 ซง่ึ กาํ หนดใหในกรณจี ําเปนและมีเหตุอนั ควรเชือ่ พนักงานฝายปกครอง มอี ํานาจ ตรวจหรือทดสอบหรือสงั่ ใหรับการตรวจสอบหรอื ทดสอบ บุคคลหรือกลมุ บุคคลวา มียาเสพติดใหโ ทษอยู ในรางกายหรือไม (2) พระราชกาํ หนดปอ งกนั การใชส ารระเหย พ.ศ.2533 มาตราที่เก่ยี วขอ ง มาตรา ๓๑ ใหรัฐมนตรีวาการกระทรวงสาธารณสขุ และรฐั มนตรวี า การกระทรวง อตุ สาหกรรมรักษาการตามพระราชกําหนดนี้ และใหม ีอํานาจแตง ตงั้ พนกั งานเจา หนา ที่ ออกกฎกระทรวง และประกาศเพื่อปฏิบตั กิ ารตามพระราชกาํ หนดนี้ กฎหมายลาํ ดบั รองที่เกีย่ วของ 1.ประกาศกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม (ฉบบั ที่ 22) พ.ศ.2546 เรอ่ื ง แตงตั้ง พนักงานเจา หนา ท่ีเพ่อื ปฏิบัติการตามกฎหมายวาดว ยการปอ งกนั การใชส ารระเหย สรปุ ประเดน็ ทีน่ ายอาํ เภอมีอํานาจหนาท่ี นายอําเภอมอี ํานาจหนาทีเ่ ปนพนักงานเจา หนาท่ีเพื่อปฏิบตั กิ ารตามกฎหมายวาดว ยการ ปอ งกนั การใชสารระเหย 3.8.2 กรมควบคมุ โรค กรมควบคมุ โรค มกี ฎหมายทเี่ กย่ี วของกบั อาํ นาจหนาท่ีของนายอําเภอสรุปได ดงั น้ี (1) พระราชบัญญัติโรคติดตอ พ.ศ. 2523 มาตราท่ีเก่ียวขอ ง มาตรา ๔ ในพระราชบญั ญัตนิ ี้
- 252 - (๑๙) “พนกั งานเจา หนา ท่ี” หมายความวา ผซู งึ่ รฐั มนตรแี ตง ต้งั ใหปฏิบัติการตามพระราชบญั ญัติน้ี มาตรา ๒๒ ใหร ฐั มนตรีวาการกระทรวงสาธารณสุขรักษาการตามพระราชบัญญัติน้ี กบั ใหม ี อํานาจแตง ต้งั พนกั งานเจา หนา ท่ี ออกกฎกระทรวงและกําหนดกจิ การอน่ื เพ่ือปฏบิ ัตกิ ารตามพระราชบญั ญัตินี้ กฎหมายลําดบั รองทีเ่ กีย่ วของ 1. ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรอื่ ง แตง ตั้งพนกั งานเจา หนา ที่เพ่อื ปฏิบัติการตาม พระราชบญั ญัตโิ รคติดตอ พ.ศ.2523 ประกาศ ณ วันที่ 8 ตลุ าคม 2545 ขอ 2 (4) สรุปประเด็นที่นายอาํ เภอมอี ํานาจหนา ท่ี นายอําเภอมอี ํานาจหนา ทรี่ บั แจง ความจากบุคคลในเขตอาํ เภอ ในกรณที ่ีมีโรคติดตออนั ตราย หรอื กรณีมีเหตสุ งสัยวา มีโรคติดตอ เกิดขน้ึ ภายในเขตอําเภอของตน (2) พระราชบญั ญตั ิคมุ ครองสขุ ภาพของผูไ มสูบบหุ ร่ี พ.ศ.2535 มาตราท่เี กี่ยวขอ ง มาตรา ๓ ในพระราชบญั ญัติน้ี “พนกั งานเจา หนาที่ “หมายความวา ผูซ่งึ รฐั มนตรแี ตงตง้ั ใหป ฏบิ ัติการตามพระราชบัญญตั ินี้ มาตรา ๑๕ ใหร ฐั มนตรีวา การกระทรวงสาธารณสขุ รักษาการตามพระราชบัญญัติน้ี และใหมี อํานาจแตงตั้งพนักงานเจาหนาท่ี กับออกประกาศเพอื่ ปฏบิ ัติการตามพระราชบัญญัติน้ี กฎหมายลําดบั รองทเ่ี กี่ยวของ 1. ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรือ่ ง แตงตั้งพนกั งานเจา หนา ท่ีเพ่อื ปฏิบัติการตาม พระราชบัญญัติคมุ ครองสุขภาพของผไู มสบู บุหร่ี พ.ศ. 2535 ขอ 5 (4) สรุปประเด็นทีน่ ายอําเภอมอี ํานาจหนาท่ี นายอาํ เภอมอี าํ นาจหนา ทีใ่ นการปฏิบตั หิ นา ท่ีเฉพาะในเขตทอ งท่ีทีม่ ีอํานาจดแู ลและรับผดิ ชอบ ในการปฏบิ ัตริ าชการตามพระราชบญั ญัตฉิ บับน้ี (3) พระราชบัญญัตคิ วบคมุ ผลติ ภัณฑยาสบู พ.ศ. 2535 มาตราทเ่ี กย่ี วขอ ง มาตรา ๓ ในพระราชบัญญตั ิน้ี
- 253 - “พนักงานเจาหนาที่ “หมายความวา ผซู ึ่งรฐั มนตรีแตงตง้ั ใหป ฏบิ ัติการตามพระราชบัญญัตินี้ มาตรา ๒๖ ใหรัฐมนตรีวาการกระทรวงสาธารณสุขรกั ษาการตามพระราชบัญญัตนิ ้ี และใหมี อาํ นาจแตง ตง้ั พนักงานเจา หนาท่ี กับออกประกาศเพอ่ื ปฏิบัติการตามพระราชบัญญตั นิ ้ี กฎหมายลําดับรองทเ่ี กีย่ วขอ ง 1. ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เร่ือง แตง ต้ังพนักงานเจา หนาทีเ่ พ่ือปฏบิ ัติการตาม พระราชบญั ญัตคิ วบคุมผลติ ภณั ฑย าสูบ พ.ศ. 2535 ประกาศ ณ วนั ที่ 13 พฤศจิกายน 2550 ขอ 5(4) สรุปประเด็นท่นี ายอําเภอมีอํานาจหนา ท่ี นายอําเภอเปน พนกั งานเจาหนาท่ี 1. มีอํานาจเขาไปในสถานทีเ่ พ่ือตรวจคน ในกรณที ่มี เี หตอุ ันควรสงสัยวา มีการกระทาํ ความผดิ ตามพระราชบญั ญัตนิ ี้ 2. นําผลติ ภณั ฑย าสบู ในปรมิ าณพอสมควรไปเปนตัวอยา งเพ่ือตรวจสอบ 3. ออกหนังสือสอบถามหรือเรียกบุคคลใดมาใหถอยคําหรือใหสง บญั ชเี อกสาร หลกั ฐานหรือ ส่ิงอ่ืนทีจ่ ําเปน มาประกอบการพจิ ารณาได (4) พระราชบญั ญตั คิ วบคุมเคร่ืองดมื่ แอลกอฮอล พ.ศ. 2551 มาตราทเี่ ก่ยี วขอ ง มาตรา ๓ ในพระราชบัญญัติน้ี “พนกั งานเจาหนาที่ “หมายความวา ผูซงึ่ รฐั มนตรแี ตงตงั้ ใหป ฏิบัติการตามพระราชบัญญตั ินี้ มาตรา ๔ ใหนายกรัฐมนตรีรักษาการตามพระราชบัญญัตนิ ้ี และใหม ีอาํ นาจแตงตัง้ พนักงาน เจา หนาท่ี ออกกฎกระทรวง ระเบียบ และประกาศ เพื่อปฏิบตั กิ ารตามพระราชบญั ญัติน้ี กฎหมายลาํ ดับรองทเ่ี กย่ี วขอ ง 1. ประกาศสํานกั นายกรัฐมนตรี เรอ่ื ง แตงตงั้ พนักงานเจา หนาท่ีเพื่อปฏบิ ตั ิการตาม พระราชบญั ญัตคิ วบคุมเครือ่ งดืม่ แอลกอฮอล พ.ศ. 2551 ประกาศ ณ วันที่ 14 พ.ย. 2551 ขอ 4 (4) สรปุ ประเด็นท่ีนายอําเภอมอี ํานาจหนา ท่ี นายอําเภอเปน พนกั งานเจา หนา ที่มีอํานาจหนาท่ี ดงั น้ี
- 254 - 1. เขา ไปในสถานท่ที ําการของผผู ลิตนาํ เขา หรอื ขายเคร่อื งด่ืมแอลกอฮอล สถานทเ่ี ก็บ เคร่อื งด่ืมแอลกอฮอลใ นเวลาทาํ การของสถานที่นั้น รวมถงึ เขา ตรวจสอบยานพาหนะเพ่อื ตรวจสอบการ ปฏิบัตติ ามพระราชบญั ญัตนิ ี้ 2. ยดึ หรอื อายดั เครอ่ื งด่ืมแอลกอฮอลของผูผลติ ผนู าํ เขาหรอื ผขู ายที่ฝา ฝน ไมปฏบิ ัตติ าม พระราชบญั ญตั ิน้ี 3. ออกหนังสือสอบถามหรือเรียกบคุ คลใดมาใหถ อ ยคาํ หรือใหส ง บัญชีเอกสาร หลกั ฐานหรอื สิง่ อ่ืนทจี่ ําเปน มาประกอบการพิจารณาได 3.9 กระทรวงวัฒนธรรม 3.9.1 สํานกั งานคณะกรรมการวฒั นธรรมแหงชาติ สาํ นักงานคณะกรรมการวฒั นธรรมแหง ชาติ มกี ฎหมายท่เี กี่ยวของกับอาํ นาจหนาที่ ของนายอาํ เภอสรุปได ดงั น้ี (1) พระราชบัญญตั ิภาพยนตรและวดี ทิ ัศน พ.ศ. 2551 มาตราท่ีเกย่ี วของ มาตรา 4 ในพระราชบัญญัตฉิ บับนี้ “ภาพยนตร” หมายความวา วัสดทุ ม่ี ีการบนั ทึกภาพ หรือภาพและเสยี งซึง่ สามารถ นํามาฉายใหเ หน็ เปน ภาพทเี่ คลือ่ นไหวไดอยางตอเนื่อง แตไ มร วมถึงวีดทิ ศั น “วีดทิ ศั น” หมายความวา วสั ดทุ ีม่ กี ารบันทึกภาพ หรือภาพและเสียงซึ่งสามารถนํามาฉาย ใหเหน็ เปนภาพท่เี คล่อื นไหวไดอ ยางตอเนอ่ื งในลกั ษณะท่ีเปนเกมการเลน คาราโอเกะที่มีภาพประกอบ หรือลกั ษณะอืน่ ใดตามที่กําหนดในกฎกระทรวง “ภาพยนตรไทย” หมายความวา ภาพยนตรท่ีใชภาษาไทยหรือภาษาทองถ่นิ ของประเทศไทยทง้ั หมด หรอื เปนสว นใหญในบทภาพยนตรตน ฉบบั สําหรบั การแสดงภาพยนตรแ ละเจาของลิขสทิ ธ์ิเปน ผมู สี ัญชาติไทย “สรา งภาพยนตร” หมายความวา การผลติ ถาย อดั บนั ทกึ หรอื ทําดวยวิธกี ารใดๆ เพ่ือให เปนภาพยนตร “ฉาย” หมายความวา การนาํ ภาพยนตรหรือวดี ิทศั นม ากระทาํ ใหป รากฏภาพ หรือภาพและ เสยี งดวยเคร่ืองฉาย หรือเครื่องมืออืน่ ใด และใหห มายความรวมถงึ การถายทอดดว ย “สอ่ื โฆษณา” หมายความวา สง่ิ ทใี่ ชเ ปนสอื่ ในการโฆษณาหรือประชาสัมพนั ธภ าพยนตรหรอื วดี ิทศั น แลวแตกรณี “โรงภาพยนตร” หมายความวา สถานทีฉ่ ายภาพยนตร ดงั ตอ ไปน้ี ท้ังน้ี เทาทม่ี ิไดอยภู ายใต บงั คบั ตามกฎหมายวา ดว ยการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน (๑) อาคารหรือสวนใดของอาคารท่ใี ชเปนสถานท่สี ําหรับฉายภาพยนตร (๒) สถานที่กลางแจง สําหรบั ฉายภาพยนตร (๓) สถานท่ีอน่ื ตามทก่ี าํ หนดในกฎกระทรวง
- 255 - “รานวดี ิทศั น” หมายความวา สถานทีท่ ี่จัดใหม ีเครือ่ งมือ หรืออุปกรณตลอดจนสงิ่ อาํ นวย ความสะดวกในการฉาย เลน หรอื ดูวดี ทิ ัศน “หมายเลขรหสั ” หมายความวา หมายเลขท่ีกําหนดสาํ หรับภาพยนตรหรือวดี ิทัศนท่ีผา นการ พิจารณาและไดรับอนญุ าตจากคณะกรรมการแลว “คณะกรรมการ” หมายความวา คณะกรรมการภาพยนตรแ ละวีดิทัศนแหงชาติ “กรรมการ” หมายความวา กรรมการภาพยนตรแ ละวดี ิทศั นแหง ชาติ “นายทะเบียน” หมายความวา นายทะเบยี นกลางหรอื นายทะเบยี นประจาํ จงั หวดั แลว แตกรณี “พนกั งานเจาหนาท่ี” หมายความวา เจา หนา ที่ของรฐั ซง่ึ รฐั มนตรีแตงต้งั ใหปฏบิ ตั กิ ารตาม พระราชบัญญตั ิน้ี พนกั งานเจาหนาทซี่ งึ่ รฐั มนตรีแตงต้ังตามวรรคหน่งึ ใหมีอํานาจเขา ไปในสถานที่สรางภาพยนตร จะตอ งเปน เจา หนาท่ีของรัฐซึ่งดาํ รงตาํ แหนงไมต ํ่ากวาขา ราชการพลเรอื นสามญั ระดับเจด็ หรอื เทยี บเทา “เจา หนา ทขี่ องรัฐ” หมายความวา ขา ราชการ พนกั งาน เจา หนา ท่ี หรอื ผปู ฏิบตั ิงานอื่นในกระทรวง ทบวง กรม ราชการสว นกลาง ราชการสว นภมู ภิ าค ราชการสวนทองถนิ่ หรือหนวยงานอื่นของรัฐ “รัฐมนตรี” หมายความวา รฐั มนตรผี รู กั ษาการตามพระราชบัญญัตนิ ้ี มาตรา 6 ใหร ัฐมนตรวี าการกระทรวงการทองเทยี่ วและกีฬาและรัฐมนตรวี า การกระทรวง วฒั นธรรมรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และใหม ีอํานาจแตง ตง้ั นายทะเบยี น พนกั งานเจาหนาท่ีกับ ออกกฎกระทรวงกําหนดคาธรรมเนียมไมเกินอัตราทายพระราชบญั ญัติน้ี และกาํ หนดกจิ การอน่ื หรือออก ประกาศเพื่อปฏิบัตกิ ารตามพระราชบญั ญัตินี้ ทั้งนี้ ในสว นท่เี กยี่ วกบั อาํ นาจหนา ท่ีของตน กฎกระทรวงและประกาศนั้น เมอื่ ไดประกาศในราชกจิ จานเุ บกษาแลวใหใชบ งั คบั ได กฎหมายลาํ ดับรองทเี่ กี่ยวของ 1. ประกาศกระทรวงวัฒนธรรม เร่ือง แตงตง้ั นายทะเบียนและพนกั งานเจาหนาทตี่ าม พระราชบญั ญัตภิ าพยนตรแ ละวดี ิทศั น พ.ศ. 2551 ขอ ๑ ใหผ ูว าราชการจังหวัดเปนนายทะเบยี นประจําจงั หวัด ตามพระราชบญั ญัติภาพยนตร และวีดิทศั น พ.ศ. ๒๕๕๑ ขอ ๒ ใหเจา หนาท่ขี องรฐั ดังตอไปนี้ เปน พนกั งานเจาหนา ทต่ี ามพระราชบญั ญัตภิ าพยนตร และวดี ิทัศน พ.ศ. ๒๕๕๑ (๑) ในเขตกรุงเทพมหานคร (ก) ขา ราชการพลเรือนสามัญในสาํ นักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแหง ชาติ ตง้ั แตระดบั ๓ หรือเทยี บเทาข้ึนไปท่ีไดรับมอบหมาย (ข) ขา ราชการพลเรือนสามญั ในสํานกั งานปลดั กระทรวงวฒั นธรรม กรมการศาสนา กรมศลิ ปากร และสาํ นักงานศิลปวฒั นธรรมรว มสมัย ต้ังแตระดบั ๓ หรอื เทยี บเทาขน้ึ ไปท่ีไดรบั มอบหมาย (ค) ผกู ํากบั การสถานีตํารวจนครบาล
- 256 - (ง) ผอู าํ นวยการเขต กรงุ เทพมหานคร (๒) ในเขตจงั หวัดอ่นื (ก) วัฒนธรรมจงั หวดั และขาราชการพลเรือนสามญั ในสาํ นักงานวัฒนธรรมจงั หวดั ซ่งึ ดํารงตาํ แหนง นักวชิ าการวัฒนธรรม ตง้ั แตร ะดบั ๓ ขน้ึ ไปหรอื เทยี บเทา (ข) นายอําเภอ ปลดั อําเภอผเู ปนหัวหนา ประจาํ กง่ิ อาํ เภอ และปลัดอําเภอ (ค) ปลดั เทศบาล (ง) ปลดั องคการบรหิ ารสว นตําบล (จ) ปลดั เมืองพทั ยา ขอ ๓ ใหพ นกั งานเจา หนาที่ตามขอ ๒ ซ่ึงดํารงตาํ แหนง ขา ราชการพลเรือนสามญั หรอื พนกั งานสวนทองถ่ินตงั้ แตร ะดับ ๓ ข้นึ ไปหรอื เทยี บเทา มีอํานาจเขาไปในโรงภาพยนตร รานวีดิทศั น สถานทป่ี ระกอบกจิ การใหเ ชา แลกเปลย่ี น หรอื จาํ หนายภาพยนตรหรือวีดทิ ัศนเพ่ือปฏบิ ัตกิ ารใหเ ปน ไป ตามท่บี ญั ญัติไวใ นมาตรา ๖๑ แหง พระราชบญั ญัติภาพยนตรและวดี ทิ ัศน พ.ศ. ๒๕๕๑ นอกเหนอื อาํ นาจตามวรรคหน่ึง ใหพ นักงานเจาหนาท่ีตามขอ ๒ ซึ่งดาํ รงตําแหนงขาราชการ พลเรือนสามญั หรือพนักงานสว นทองถ่ินตั้งแตระดับ ๗ หรอื เทียบเทา มีอํานาจเขาไปในสถานที่ทีม่ ีการสราง ภาพยนตรไ ด 2. ระเบียบกระทรวงวัฒนธรรมวาดวยสภาวัฒนธรรม พ.ศ. 2551 ขอ ๘ ในสวนภูมภิ าคใหม สี ภาวัฒนธรรมแตล ะระดับ ประกอบดวย (๑) สภาวฒั นธรรมภาค เปน องคกรท่ีเกิดจากการรวมตัวกันของสภาวฒั นธรรมจังหวัดในภมู ภิ าคนั้น ๆ โดยใหม เี พยี งภาคละ ๑ สภา การแบงภาคใหเ ปน ไปตามลักษณะพ้ืนฐานทางวัฒนธรรมทคี่ ลายคลงึ กนั โดยสาํ นกั งาน คณะกรรมการวัฒนธรรมแหงชาติ เปน ผูกําหนด (๒) สภาวัฒนธรรมจังหวัด เปน องคกรทเี่ กิดจากการรวมตัวกันของเครือขา ยวัฒนธรรมและ สภาวฒั นธรรมอาํ เภอ ทม่ี อี ยูในจังหวดั นน้ั ๆ โดยใหมเี พยี งจังหวดั ละ ๑ สภา (๓) สภาวฒั นธรรมอาํ เภอ เปน องคกรที่เกิดจากการรวมตัวกันของเครือขายวฒั นธรรมและ สภาวฒั นธรรมตาํ บล ท่มี ีอยูในอาํ เภอน้นั ๆ โดยใหม ีเพียงอําเภอละ ๑ สภา (๔) สภาวัฒนธรรมตําบล เปนองคกรท่เี กดิ จากการรวมตัวกันของเครือขายวัฒนธรรม หรอื ผแู ทนจากกลุมภูมปิ ญญาตา ง ๆ ท่ีมีอยูในตาํ บลน้ัน ๆ โดยใหม ีเพียงตาํ บลละ ๑ สภา (๕) การจัดตัง้ สภาวัฒนธรรมอน่ื ๆ นอกเหนอื จาก (๑) (๒) (๓) และ (๔) ในเขตจังหวดั ใหคณะกรรมการ สภาวฒั นธรรมจังหวัดพจิ ารณาใหม กี ารจัดต้ังไดตามความเหมาะสม สรุปประเดน็ ท่ีนายอําเภอมีอํานาจหนา ท่ี 1. นายอาํ เภอมอี าํ นาจหนาทตี่ ามพระราชบัญญตั ภิ าพยนตรแ ละวดี ทิ ัศน พ.ศ.2551 มาตรา 61 ดงั นี้
- 257 - (1) เขา ไปในสถานทมี่ ีการสรา งภาพยนตร โรงภาพยนตร รานวีดทิ ัศน สถานทป่ี ระกอบ กจิ การใหเชา แลกเปล่ียน หรอื จําหนายภาพยนตรหรอื วดี ทิ ัศนในระหวา งพระอาทิตยข้นึ จนถงึ พระอาทติ ยต ก หรือในเวลาทาํ การของสถานทน่ี ้ัน เพื่อตรวจสอบภาพยนตร วีดิทศั น ส่ือโฆษณา หรือการกระทาํ ใดที่อาจ ฝาฝน บทบัญญัตแิ หงพระราชบญั ญตั นิ ้ี (2) ตรวจ คน อายัด หรอื ยึดภาพยนตร วดี ิทัศน หรอื สื่อโฆษณาในกรณีท่มี เี หตุอันควร สงสยั วา การกระทาํ ทฝ่ี าฝน หรอื ไมป ฏบิ ตั ติ ามบทบญั ญัตแิ หงพระราชบัญญตั นิ ี้ ในระหวา งเวลาพระอาทติ ยขน้ึ จนถงึ พระอาทิตยตก หรอื ในเวลาทําการของสถานที่นนั้ (3) สง่ั ใหห ยดุ การสรา งภาพยนตรท ฝ่ี า ฝน มาตรา 21 (ไมส รา งภาพยนตรต ามบทภาพยนตร และเคาโครงตลอดจนเง่ือนไขทีไ่ ดร บั อนญุ าต) หรือมาตรา 23 วรรคหนึ่ง (สรางภาพยนตรในลักษณะท่ี เปนการบอนทาํ ลาย ขดั ตอความสงบเรียบรอยหรือศลี ธรรมอนั ดีของประชาชน หรืออาจกระทบกระเทือน ตอความมั่นคงและเกยี รตภิ ูมิของประเทศไทย (4) สงั่ หา มการฉาย ใหเ ชา แลกเปลีย่ นหรอื จาํ หนา ยภาพยนตร หรือวีดิทศั นทฝ่ี าฝน มาตรา 25 วรรคหนึ่ง (ภาพยนตรท น่ี าํ ออกฉาย ใหเ ชา แลกเปลย่ี น หรอื จาํ หนา ยในราชอาณาจกั ร ไมผาน การตรวจพิจารณาและไมไดร ับอนุญาตจากคณะกรรมการพิจารณาภาพยนตรและวีดทิ ัศน() หรอื มาตรา 47 วรรคหนึ่ง (วดี ีทัศนท่นี าํ ออกฉาย ใหเชา แลกเปลย่ี น หรือจาํ หนายในราชอาณาจกั ร (5) สงั่ ใหห ยุดการโฆษณาหรอื ประชาสัมพันธสอื่ โฆษณาท่ีฝา ฝน มาตรา 25 วรรคหนึ่ง (สื่อโฆษณาภาพยนตรแ ละส่ือโฆษณาวดี ิทัศนไ มผานการตรวจพิจารณาและไมไดรับอนุญาตจากคณะกรรมการ พจิ ารณาภาพยนตรแ ละวีดีทัศน) เม่อื ไดเขาไปและลงมือทาํ การตรวจสอบตาม (1) หรอื ทาํ การคนตาม (2) แลว ถายงั ดาํ เนินการ ไมเ สรจ็ จะกระทําตอ ไปในเวลากลางคืนหรือนอกเวลาทาํ การของสถานที่น้ันก็ได การคนตาม (2) ตองมีหมายคน เวนแตม ีเหตุอนั ควรเชื่อวาหากเน่ินชา กวาจะเอาหมายคน มาได หลักฐานดงั กลาวจะถูกยักยา ย ซุกซอน ทําลายหรือทําใหเปล่ียนสภาพไปจากเดิมใหด ําเนินการคน อายัด หรือยดึ หลกั ฐานที่เก่ยี วของกบั การกระทําความผิดไดโ ดยไมต องมหี มายคน แตตอ งปฏบิ ตั ิตามประมวล กฎหมายวธิ พี ิจารณาความอาญาวา ดวยการคน และมอี ํานาจตามประกาศกระทรวงวฒั นธรรมเรอ่ื งแตง ตั้ง นายทะเบียนและพนักงานเจา หนา ทีต่ ามพระราชบญั ญัตภิ าพยนตรและวีดิทศั น พ.ศ. 2551 ขอ 3 ดังนี้ (1) พนกั งานเจาหนา ท่ี ซึง่ ดาํ รงตําแหนง ขาราชการพลเรือนสามัญหรือพนักงานสวน ทอ งถ่นิ ตง้ั แตระดบั 3 ขน้ึ ไปหรอื เทียบเทามีอํานาจเขาไปในโรงภาพยนตร รา นวดี ิทศั นส ะถานท่ีประกอบ กิจการใหเ ชา แลกเปลีย่ นหรือจาํ หนา ยภาพยนตรหรอื วดี ทิ ัศน เพอื่ ปฏิบตั ิการใหเ ปนไปตามทบี่ ัญญัติไว ในมาตรา 61 แหงพระราชบัญญตั ิภาพยนตรและวดี ิทัศน พ.ศ. 2551 (2) พนกั งานเจาหนาที่ ซึง่ ดํารงตาํ แหนงขาราชการพลเรือนสามญั หรอื พนกั งานสว นทองถิน่ ตง้ั แตร ะดับ 7 หรือเทียบเทา มอี ํานาจเขาไปในสถานที่ท่มี กี ารสรา งภาพยนตรได 2. นายอําเภอมีอาํ นาจรับรองการไดม าของคณะกรรมการบรหิ ารสภาวฒั นธรรมอาํ เภอ คณะกรรมการบรหิ ารสภาวฒั นธรรมตาํ บล และคณะกรรมการบรหิ ารสภาวฒั นธรรมอืน่ ๆ ทจ่ี ดั ตง้ั ขนึ้ ในเขตอาํ เภอ
- 258 - 3.9.2 กรมศลิ ปากร กรมศิลปากร มกี ฎหมายที่เกีย่ วของกับอาํ นาจหนาทขี่ องนายอําเภอสรุปได ดงั น้ี (1) พระราชบญั ญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศลิ ปวัตถุ และพิพธิ ภัณฑสถานแหงชาติ พ.ศ. 2504 แกไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพธิ ภณั ฑสถานแหงชาติ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2535 มาตราที่เกยี่ วของ มาตรา 10ทวิ พนกั งานเจา หนา ทีม่ ีอํานาจเขาไปในโบราณสถานเพ่ือตรวจดวู าไดม ีการซอ มแซม แกไ ข เปลย่ี นแปลง รอ้ื ถอน ตอ เตมิ ทําลายเคล่อื นยายโบราณสถานหรอื สว นตา งๆ ของโบราณสถาน หรอื มีการ ขุดคนสงิ่ ใดๆ หรอื ปลูกสรางอาคารภายในบริเวณโบราณสถานหรอื ไม ในการนี้ใหพนักงานเจา หนาท่ีมอี ํานาจ ยึดหรืออายดั วตั ถุทม่ี ีเหตุอนั สมควรสงสยั วาจะเปน วัตถุท่ีไดมาจากการขดุ คน ในบริเวณโบราณสถานได การตรวจ ยดึ หรอื อายดั ตามความในวรรคหน่ึง ใหกระทาํ ไดร ะหวางพระอาทติ ยข น้ึ ถึงพระอาทติ ยต ก และเม่ือดาํ เนินการตรวจ ยึดหรืออายดั แลวในเขตกรุงเทพมหานครใหรายงานตอ อธบิ ดี ในเขตจังหวัดอน่ื ใหรายงานตอ ผวู าราชการจังหวดั และอธบิ ดเี พอื่ ทราบ มาตรา 21 ใหพนักงานเจาหนา ท่มี ีอํานาจเขา ไปในสถานทีผ่ ลติ สถานที่ทําการคา สถานท่ีแสดง หรอื สถานที่เก็บรักษาโบราณวตั ถหุ รอื ศิลปวัตถุ หรือสง่ิ เทียมโบราณวตั ถุหรอื สิง่ เทียมศลิ ปวตั ถุ ระหวาง พระอาทิตยขน้ึ ถึงพระอาทติ ยตกหรอื ระหวางเวลาทําการ เพื่อตรวจดวู าไดม ีการปฏิบัติถูกตองตามพระราชบัญญัติน้ี หรอื ไม หรอื เพื่อตรวจดวู ามโี บราณวตั ถุหรือศิลปวตั ถุ หรอื ส่ิงเทยี มโบราณวัตถุ หรือสิง่ เทียมศิลปวตั ถุที่ ไดมาโดยมิชอบดว ยกฎหมาย หรือมสี ่งิ เทียมโบราณวตั ถุ หรือสง่ิ เทยี มศิลปวัตถุท่ีมิไดป ฏิบัตติ ามประกาศ ท่ีอธิบดกี ําหนดตามมาตรา 18 ทวิ อยูในสถานท่ีนัน้ หรือไม และในกรณีท่ีมเี หตุอนั ควรสงสยั วามิไดม กี าร ปฏบิ ัติใหถูกตองตามพระราชบัญญัตินี้ หรือมโี บราณวัตถหุ รือศลิ ปวัตถุหรือสิ่งเทียมโบราณวัตถุหรือสิ่งเทียม ศลิ ปวตั ถุทไี่ ดมาโดยมิชอบดว ยกฎหมาย หรือสงิ่ เทยี มโบราณวัตถหุ รือสงิ่ เทียมศิลปวตั ถุท่ีมิไดปฏิบัตติ าม ประกาศที่อธิบดกี าํ หนดตามมาตรา 18 ทวิ ใหพ นักงานเจาหนา ท่ีมอี ํานายดึ หรอื อายัดโบราณวัตถุหรือ ศิลปวัตถุหรอื สงิ่ เทียมโบราณวัตถหุ รอื สง่ิ เทยี มศิลปวัตถุน้ัน เพือ่ ประโยชนในการดาํ เนินคดีได มาตรา 21ทวิ ในการปฏิบัติหนา ที่ อธบิ ดีหรือผูซ ่ึงอธิบดมี อบหมายหรือพนักงานเจา หนา ที่ แลว แตกรณี ตองแสดงบัตรประจาํ ตวั ตอ เจา ของ ผคู รอบครองผูรบั ใบอนญุ าตหรือผทู ่เี กีย่ วของในสถานท่ที ที่ ําการ ตรวจสอบตามมาตรา 14 ทวิ หรอื มาตรา 21 และใหเ จา ของผคู รอบครอง ผูร ับใบอนญุ าต หรือผูทเ่ี ก่ียวของ ดงั กลา วอํานวยความสะดวกตามสมควร บัตรประจําตวั พนกั งานเจาหนา ท่ีใหเ ปนไปตามแบบท่ีกําหนดในกฎกระทรวง มาตรา 21 ตรี ในการปฏิบัติหนาท่ี ใหอธบิ ดีหรือผซู ง่ึ อธบิ ดมี อบหมายหรอื พนกั งาน เจาหนาทเี่ ปน เจาพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา
- 259 - กฎหมายลาํ ดับรองท่ีเกยี่ วของ 1. คําสัง่ กระทรวงวัฒนธรรม ที่ 157/2547 เรือ่ ง แตงต้ังพนกั งานเจาหนาท่ีตามความใน พระราชบญั ญัตโิ บราณสถาน โบราณวตั ถุ ศิลปวตั ถุ และพิพธิ ภณั ฑสถานแหง ชาติ พ.ศ. 2504 ลงวนั ท่ี 23 เมษายน 2547 สรุปประเดน็ ทนี่ ายอาํ เภอมีอํานาจหนา ที่ นายอาํ เภอไดรับแตงต้ังเปน พนักงานเจาหนาทีต่ ามคาํ สง่ั กระทรวงวฒั นธรรม ที่ 157/2547 เรื่อง แตงตั้งพนักงานเจา หนาท่ตี ามความในพระราชบัญญัตโิ บราณสถานโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพธิ ภณั ฑสถาน แหงชาติ พ.ศ. 2504 ลงวนั ท่ี 23 เมษายน 2547 มอี าํ นาจหนาที่ ดังน้ี (1) เขาไปในโบราณสถานเพอื่ ตรวจดูวาไดมีการซอ มแซม แกไข เปล่ียนแปลง ร้ือถอน ตอ เติม ทําลาย เคลื่อนยา ยโบราณสถานหรือสว นตา ง ๆ ของโบราณสถานหรือมกี ารขดุ คนสงิ่ ใด ๆ หรือปลกู สรา ง อาคารภายในบริเวณโบราณสถานหรือไมใ นการนน้ี ายอําเภอในฐานะพนกั งานเจาหนาท่ีมีอาํ นาจยดึ หรอื อายัดวตั ถทุ ่ีมีเหตุอันควรสงสัยวาจะเปนวัตถุท่ีไดม าจากการขดุ คนในบริเวณโบราณสถานได ซ่ึงการตรวจ ยดึ หรอื อายดั ดังกลา วใหกระทําไดร ะหวา งพระอาทติ ยข้ึนถึงพระอาทิตยต ก และเมื่อดําเนินการตรวจ ยดึ หรืออายดั แลวเสรจ็ ใหรายงานตอผวู า ราชการจงั หวดั หรืออธิบดีกรมศลิ ปากรเพื่อทราบ (2) เขาไปในสถานท่ผี ลติ สถานทที่ าํ การคา สถานทแี่ สดง หรือสถานที่เกบ็ รักษาโบราณวัตถุ หรือศลิ ปวัตถุ หรอื สง่ิ เทียมโบราณวตั ถหุ รือส่ิงเทยี มศิลปวัตถุ เพ่อื - ตรวจดวู า ไดม ีการปฏิบัติถูกตองตามพระราชบัญญัตินห้ี รือไม หรือ - ตรวจดูวา มีโบราณวัตถหุ รือศิลปวตั ถุ หรือสง่ิ เทียมโบราณวัตถุ หรอื ส่ิงเทยี มศิลปวัตถุท่ี ไดมาโดยมิชอบดว ยกฎหมาย หรือมสี งิ่ เทยี มโบราณวัตถุ หรอื ส่ิงเทียมศลิ ปวัตถุท่ีมิไดป ฏิบัติตามประกาศ กรมศลิ ปากร เรื่อง กําหนด หลักเกณฑ วิธีการ และเง่ือนไขในการผลติ การคา หรอื มีไวใ นสถานท่ที าํ การคาซงึ่ สง่ิ เทียมโบราณวตั ถุหรือส่งิ เทียมศิลปวัตถุทคี่ วบคุมการทําเทียม ลงวันท่ี 29 กันยายน พ.ศ. 2541 (รจ.ฉบบั ประกาศทั่วไป เลม 115 ตอนที่ 92 ง วันท่ี 17 พ.ย.2541) อยใู นสถานที่นั่นหรอื ไม โดยในกรณที ีเ่ ขาไปตรวจสอบแลว พบวามเี หตอุ นั ควรสงสัยวามิไดม ีการปฏบิ ัตติ ามกฎหมายใหนายอําเภอ ในฐานะพนักงานเจาหนาทีม่ ีอํานาจยดึ หรอื อายดั โบราณวัตถหุ รือศลิ ปวัตถหุ รือส่งิ เทยี มโบราณวัตถุหรอื สิ่งเทยี มศลิ ปวตั ถนุ ้ันเพื่อประโยชนใ นการดาํ เนนิ คดีได (3) ในการปฏิบัตหิ นา ทขี่ องนายอําเภอในฐานะพนักงานเจาหนาทตี่ อ งแสดงบตั รประจาํ ตัว พนกั งานเจาหนาท่ี (4) นายอาํ เภอในฐานะพนักงานเจาหนาที่ถอื เปน เจา พนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา
- 260 - 3.10 กระทรวงกลาโหม 3.10.1 กองบัญชาการกองทัพไทย กองบญั ชาการกองทพั ไทย มีกฎหมายทเ่ี กยี่ วขอ งกับอํานาจหนาท่ีของนายอําเภอสรปุ ได ดังน้ี (1) พระราชบญั ญตั กิ ารเกณฑชว ยราชการทหาร พ.ศ. 2530 มาตราทเ่ี ก่ยี วขอ ง มาตรา 4 ในพระราชบญั ญัตนิ ้ี “เจา พนักงานปกครองทองท่ี” หมายความวา ผูวาราชการจงั หวัด ปลดั เมืองพัทยา นายอาํ เภอ ผูอํานวยการเขต ปลัดอําเภอ ผูเปนหวั หนาประจํากิ่งอาํ เภอ และผดู ํารงตําแหนงท่ีเรียกช่ืออยางอนื่ ซ่ึงมีอาํ นาจ และหนาที่ทํานองเดยี วกับผูด ํารงตําแหนง ดังกลา ว มาตรา 7 ในเดอื นมกราคมของทุกป ใหป ลดั เมอื งพทั ยา นายอาํ เภอ ผอู าํ นวยการเขต ปลัดอําเภอ ผูเปน หวั หนาประจําก่ิงอําเภอ หรอื ผูด ํารงตําแหนงท่ีเรียกช่ืออยางอืน่ ซ่งึ มอี ํานาจและหนาทท่ี ํานองเดียวกับ นายอําเภอ ทาํ บญั ชสี ง ไปยังรฐั มนตรวี า การกระทรวงกลาโหมหรือสว นราชการทร่ี ฐั มนตรวี า การกระทรวงกลาโหม กําหนด บญั ชดี งั กลา วใหเปน ไปตามแบบท่ีกาํ หนดในกฎกระทรวงซ่ึงมีรายการดังน้ี (1) สถานท่สี ําหรบั ใชพ กั แรม หรือสรา งที่พักแรม (2) ยานพาหนะ เสน ทางคมนาคม สถานพยาบาล ประชากร สาธารณปู โภค ผลติ ผลทางกสกิ รรม ปศุสัตว และสัตวพาหนะ (3) สถานที่เก็บรักษาหรือจําหนายเชื้อเพลิง น้าํ มันเชือ้ เพลิง สิ่งหลอลืน่ หรือกาซ (4) อาวธุ ปน เคร่ืองกระสุนปน และวตั ถุระเบดิ (5) เครือ่ งมือสือ่ สารและเครือ่ งมืออิเลคทรอนิกส (6) โรงงานตามกฎหมายวา ดว ยโรงงาน (7) สถานทจ่ี ําหนายอุปกรณและอะไหลสาํ หรับยานพาหนะ เครื่องมือส่ือสาร หรอื เคร่ืองมือ อเิ ลคทรอนิกส (8) เคร่ืองกล เครื่องมือ เคร่ืองใช และสิ่งอื่นทใี่ ชสาํ หรบั การสรา ง ซอมแซมหรือบํารงุ รักษา เสน ทางคมนาคม (9) ส่ิงอ่ืนตามท่ีทางราชการทหารกาํ หนด สรปุ ประเด็นทีน่ ายอําเภอมีอํานาจหนาท่ี 1. ใหน ายอาํ เภอเปน เจาพนกั งานปกครองทอ งท่ี 2. ใหน ายอาํ เภอทาํ บญั ชสี ง ไปยงั รฐั มนตรวี า การกระทรวงกลาโหมหรอื สว นราชการท่ีรฐั มนตรีวาการ กระทรวงกลาโหมกาํ หนด
- 261 - (2) พระราชบญั ญตั กิ องอาสารักษาดินแดน พ.ศ. 2497 มาตราทีเ่ ก่ยี วขอ ง มาตรา 9 ตําแหนง ผูบังคบั บัญชาและเจาหนาที่ ตลอดจนอาํ นาจการปกครองบงั คับบัญชา รวมทั้งการกําหนดอตั รากําลงั ของแตล ะหนวยในกองอาสารักษาดนิ แดน ใหกาํ หนดโดยกฎกระทรวง กฎหมายลําดับรองทีเ่ กยี่ วของ 1. กฎกระทรวง (พ.ศ. 2497) ออกตามความในพระราชบัญญตั ิกองอาสารกั ษาดนิ แดน พ.ศ. 2497 ขอ 4 ใหนายอาํ เภอเปน ผูบ ังคบั กองรอย เวน แตในทองทอี่ ําเภอใดมอี ตั รากาํ ลงั สมาชิกกองอาสา รักษาดินแดนมากกวาหนึ่งกองรอยหรือไมถึงหนึ่งกองรอยใหผบู ังคับการเปนผูแตงตั้งบุคคลใดท่เี ห็นสมควรเปนผูบังคับ กองรอ ยน้ัน และใหม ีอาํ นาจถอดถอนดว ย ผบู งั คบั กองรอ ยเปน ผปู กครองบงั คบั บญั ชาเจาหนาท่แี ละสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน ซึ่งสังกัด อยูในกองรอยนั้น สรปุ ประเดน็ ที่นายอําเภอมีอํานาจหนาท่ี นายอําเภอเปนผบู งั คับกองรอยอาสารักษาดินแดนอาํ เภอ เปนผปู กครองบังคับบญั ชาเจา หนา ที่ และสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน ซึ่งสงั กัดอยูใ นกองรอยน้ัน (3) พระราชบัญญัติอาวธุ ปน เครื่องกระสุนปน วัตถรุ ะเบิด ดอกไมเพลงิ และส่ิงเทียมอาวุธปน พ.ศ. 2490 มาตราท่เี ก่ยี วขอ ง มาตรา ๕ พระราชบัญญัตินี้ เวนแตมาตรา ๘ ทวิ มใิ หใ ชบ ังคับแก (๑) อาวุธปน เครื่องกระสนุ ปน วตั ถุระเบิด ดอกไมเ พลิง และส่งิ เทยี มอาวธุ ปน ของ (ก) ราชการทหารและตํารวจที่มีหรือใชใ นราชการ (ข) หนวยราชการที่มีหรือใชเ พ่ือปองกันประเทศหรือรักษาความสงบเรียบรอยของ ประชาชน (ค) หนว ยราชการหรือรฐั วิสาหกจิ ทม่ี ีและใชในการปอ งกนั และรกั ษาทรัพยสนิ อนั สาํ คัญ ของรฐั (ง) ราชการทหารและตาํ รวจตาม (ก) หรือหนวยราชการตาม (ข) ทม่ี อบใหป ระชาชนมี และใชเ พื่อชวยเหลอื ราชการของทหารและตํารวจ หรอื ของหนว ยราชการแลว แตกรณี (๒) อาวุธปนและเคร่ืองกระสุนปนประจาํ เรือเดินทะเล รถไฟและอากาศยานตามปกติ ซงึ่ ได แสดงและใหพนักงานศุลกากรตรวจตามกฎหมายแลว (๓) ดอกไมเ พลงิ สญั ญาณประจําเรอื เดนิ ทะเล อากาศยาน และสนามบนิ ตามปกติ
- 262 - หนว ยราชการหรือรฐั วิสาหกจิ ตามวรรคหนง่ึ (๑) (ข) หรือ (ค) รวมทง้ั ชนิดขนาดและการกําหนด จาํ นวน ตลอดจนการมีและใช การเก็บรักษา การพาติดตวั การซอมแซมหรือเปลีย่ นลักษณะ และการอยางอ่ืน ทีจ่ ําเปนเพื่อการรักษาความปลอดภยั อันเก่ียวกบั อาวธุ ปน เคร่อื งกระสุนปน วตั ถรุ ะเบิด ดอกไมเ พลงิ และ สิ่งเทยี มอาวธุ ปน ทใ่ี หห นว ยราชการหรอื รัฐวสิ าหกิจดงั กลา วมีและใชห รือมอบใหประชาชนมีและใชเพื่อชว ยเหลือ ราชการนนั้ ใหเปน ไปตามที่กําหนดในกฎกระทรวง มาตรา ๖ ใหร ฐั มนตรวี า การกระทรวงมหาดไทยรกั ษาการตามพระราชบญั ญัตนิ ้ีและใหมอี าํ นาจ แตงตัง้ นายทะเบยี นและเจา หนาที่อ่ืนและออกกฎกระทรวงในเร่ืองตอไปน้ี คอื (๑) จํากัดชนดิ และจาํ นวนอาวุธปนของกระทรวงทบวงกรมอ่ืนนอกจากของราชการทหาร และตาํ รวจหรอื หนว ยราชการตามมาตรา ๕ วรรคสอง (๒) วางระเบยี บการทะเบยี น การขอและการออกใบอนุญาต ในสว นทเี่ ก่ียวกับการออกกฎกระทรวงตามวรรคหน่ึง (๑) ตามมาตรา ๕ วรรคสอง และตาม มาตรา ๕ ใหร ัฐมนตรีวาการกระทรวงกลาโหมรว มรักษาการตามพระราชบัญญตั นิ ี้และใหม ี อํานาจออกกฎกระทรวงรวมกับรฐั มนตรวี าการกระทรวงมหาดไทยดว ย มาตรา ๗ หา มมใิ หผูใดทํา ซ้อื มี ใช ส่งั หรือนําเขา ซึ่งอาวุธปนหรือเคร่ืองกระสนุ ปน เวน แต จะไดรับใบอนุญาตจากนายทะเบยี นทองที่ มาตรา ๒๔ หา มมิใหผ ูใด ทาํ ประกอบ ซอ มแซม เปลย่ี นลักษณะ ส่งั นาํ เขา มี หรือจําหนาย ซ่ึงอาวธุ ปน หรอื เคร่อื งกระสนุ ปน สาํ หรบั การคา เวนแตจะไดรับใบอนุญาตจากนายทะเบียนทองที่ มาตรา ๓๘ หา มมใิ หผูใด ทาํ ซอ้ื มี ใช ส่งั นาํ เขา คา หรือจาํ หนายดวยประการใดๆ ซง่ึ วัตถรุ ะเบิด เวน แตไดรบั ใบอนุญาตจากนายทะเบยี นทองที่ นายทะเบียนจะออกใบอนุญาตไดตอเมือ่ ไดร ับอนุมัติจากรัฐมนตรี มาตรา ๕๕ ประเภท ชนดิ และขนาดของอาวธุ ปน เครื่องกระสุปน หรอื วตั ถุระเบิดทีน่ ายทะเบยี น จะออกใบอนุญาตใหไ ดตาม มาตรา ๗ มาตรา ๒๔ หรอื มาตรา ๓๘ ใหเ ปนไปตามท่ีกาํ หนดในกฎกระทรวง กฎหมายลาํ ดบั รองทเ่ี ก่ยี วขอ ง 1. ประกาศกระทรวงมหาดไทย เร่ือง แตง ต้ังนายทะเบยี น เจาพนกั งาน และเจาหนาท่ี ตาม พระราชบญั ญัติอาวธุ ปน เครอ่ื งกระสุนปน วตั ถรุ ะเบดิ ดอกไมเพลงิ และสงิ่ เทียมอาวธุ ปน พ.ศ. 2490 2. ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรือ่ ง แตง ตัง้ เจา พนักงานออกหนังสืออนญุ าตใหยา ยวตั ถรุ ะเบิด ตามพระราชบัญญตั ิอาวธุ ปน เครือ่ งกระสนุ ปน วตั ถุระเบดิ ดอกไมเพลิงและส่ิงเทียมอาวธุ ปน พ.ศ. 2490
- 263 - สรุปประเดน็ ทน่ี ายอําเภอมีอํานาจหนา ที่ 1. นายอาํ เภอเปน นายทะเบียนอาวุธปน ในทองที่อาํ เภอ 2. นายอาํ เภอเปนเจา พนกั งานออกหนังสืออนญุ าตใหยา ยวตั ถรุ ะเบดิ (4) พระราชบัญญตั ิควบคมุ ยุทธภัณฑ พ.ศ. 2530 มาตราทเ่ี กย่ี วของ มาตรา 5 ใหร ฐั มนตรวี าการกระทรวงกลาโหมรกั ษาการตามพระราชบัญญัตินี้และใหมี อํานาจแตง ตั้งพนักงานเจาหนา ท่ี ออกกฎกระทรวงกําหนดคา ธรรมเนยี มไมเกนิ อตั ราทา ยพระราชบัญญตั ินี้ และ ยกเวน คาธรรมเนียม กําหนดกิจการอื่นและออกประกาศ เพื่อปฏบิ ตั ิการตามพระราชบญั ญตั ิน้ี ในสว นท่ีเก่ยี วกบั การศลุ กากร ใหร ฐั มนตรวี า การกระทรวงการคลงั รกั ษาการตามพระราชบัญญตั ินี้ กฎกระทรวงและประกาศนน้ั เม่ือไดประกาศในราชกจิ จานเุ บกษาแลว ใหใชบงั คบั ได กฎหมายลาํ ดับรองท่เี ก่ียวขอ ง 1. ประกาศกระทรวงกลาโหม เรือ่ ง แตงตั้งพนักงานเจาหนาที่เพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัติ ควบคุมยุทธภณั ฑ พ.ศ. 2530 (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2543 ขอ 2 ใหแ ตง ตั้งผดู ํารงตาํ แหนงตอ ไปนเ้ี ปน นายทะเบียน (3) นายอาํ เภอในเขตอาํ เภอ สรปุ ประเด็นที่นายอาํ เภอมีอํานาจหนา ที่ นายอาํ เภอเปน พนักงานเจาหนา ท่ี เพื่อปฏบิ ัติการตามพระราชบญั ญัติควบคุมยทุ ธภณั ฑ พ.ศ. 2530 3.10.2 กองทัพบก กองทัพบก มีกฎหมายที่เกีย่ วของกบั อํานาจหนา ที่ของนายอําเภอสรปุ ได ดงั น้ี (1) พระราชบญั ญตั ริ บั ราชการทหาร พ.ศ. 2497 มาตราท่เี ก่ยี วของ มาตรา 4 ในพระราชบัญญตั ินี้ (1) วธิ ีนบั อายุ ถาเกดิ พทุ ธศักราชใดใหถอื วามีอายคุ รบหนง่ึ ปบ รบิ ูรณเ มอื่ ส้ินพุทธศักราชทีเ่ กดิ น้ัน สว นการนับอายตุ อไปใหน ับแตเ ฉพาะปท่สี นิ้ พุทธศักราชแลว ถาไมป รากฏปเกิดใหนายอําเภอทองที่ เปนผูกาํ หนด ตามท่ีกาํ หนดในกฎกระทรวง
- 264 - (2) “ทหารกองเกิน” หมายความวา ผซู งึ่ มีอายตุ ้งั แตสิบแปดปบรบิ ูรณแ ละยงั ไมถ งึ สามสิบป บรบิ ูรณ ซ่ึงไดลงบัญชีทหารกองเกินตามมาตรา 16 หรือผซู ่ึงไดลงบัญชที หารกองเกนิ ตามมาตรา 18 แลว (3) “ทหารกองประจาํ การ” หมายความวา ผูซ่ึงขน้ึ ทะเบยี นกองประจาํ การ และไดเ ขา รับราชการ ในกองประจําการจนกวาจะไดป ลด (4) “ทหารกองหนนุ ประเภทท่ี 1” หมายความวา ทหารทป่ี ลดจากกองประจาํ การ โดยรบั ราชการ ในกองประจาํ การจนครบกาํ หนด หรือทหารกองเกินซงึ่ สาํ เร็จการฝกวิชาทหารตามกฎหมายวาดวยการ สง เสริมการฝกวชิ าทหาร และไดข นึ้ ทะเบยี นกองประจําการแลวปลดเปนกองหนุนตามพระราชบัญญตั ินี้ (5) “ทหารกองหนุนประเภทท่ี 2” หมายความวา ทหารทปี่ ลดจากกองเกินตามมาตรา 39 หรอื ปลดจากกองประจาํ การตามมาตรา 40 (6) “พน ราชการทหารประเภทท่ี 1” หมายความวา ทหารซึง่ ถูกปลดโดยทไ่ี ดร บั ราชการในช้ันตางๆ จนครบกําหนดหรือโดยท่พี ิการทุพพลภาพ หรอื มีโรคซ่ึงไมสามารถจะรบั ราชการทหารไดในระหวางรับ ราชการทหารตามพระราชบัญญัตนิ ้ี (7) “พน ราชการทหารประเภทท่ี 2” หมายความวา ทหารกองหนนุ ประเภทท่ี 2 ทม่ี อี ายสุ สี่ ิบหกป บรบิ รู ณแลว หรือทหารกองเกนิ หรือทหารกองหนุนประเภทที่ 2 ซึ่งพิการทุพพลภาพ หรือมีโรคอันไมสามารถ จะรบั ราชการทหารไดในระหวางรับราชการทหารตามพระราชบญั ญตั นิ ้ี หรือนายทหารสัญญาบัตรทถ่ี ูกปลด โดยถกู ถอดหรือออกจากยศ (8) “ทหารประจําการ” หมายความวา ทหารซ่ึงรบั ราชการตามที่กระทรวงกลาโหมกาํ หนด ซง่ึ ไมใชท หารกองประจําการ (9) “อําเภอ” หมายความรวมถึงกงิ่ อาํ เภอดวย (10) “ทว่ี า การอําเภอ” หมายความรวมถงึ ท่ีวาการกง่ิ อาํ เภอดวย (11) “นายอําเภอ” หมายความรวมถงึ ปลัดอาํ เภอผเู ปนหวั หนาประจํากง่ิ อําเภอดว ย มาตรา 5 บุคคลซ่ึงตอ งลงบัญชที หารกองเกิน ใหลงบญั ชที ่อี ําเภอดังตอ ไปน้ี (1) บคุ คลซึง่ บดิ ายังมชี ีวิตอยู หรอื ถาบิดาถึงแกก รรมแลวมารดายังมีชีวติ อยู หรอื ถาทั้งบิดา และมารดาถึงแกก รรมแลวมผี ปู กครอง ใหล งบัญชีทหารกองเกนิ ท่ีอําเภอทองที่ท่ีบดิ าหรือมารดาหรอื ผปู กครองมีภูมิลําเนา แลวแตกรณี (2) บคุ คลซึง่ เกิดนอกสมรสและบดิ ามิไดจดทะเบยี นรับรองบตุ ร หรอื ถา มารดาถึงแกก รรม แลว มผี ปู กครอง ใหล งบัญชีทหารกองเกินท่ีอําเภอทองท่ที ่ีมารดาหรือผูปกครองมภี ูมลิ าํ เนา แลวแตก รณี (3) บคุ คลนอกจากทีก่ ลา วใน (1) และ (2) หรือบุคคลท่ไี มอาจลงบัญชที หารกองเกินตาม (1) หรอื (2) ไดไ มว าดว ยกรณีใดก็ตาม ใหล งบัญชีทหารกองเกนิ ท่อี ําเภอทองท่ีท่บี ุคคลน้ันมภี ูมลิ าํ เนา ถาบคุ คลนั้น ไมป รากฏภมู ิลาํ เนากใ็ หล งบญั ชที หารกองเกินที่อาํ เภอทอ งท่ีท่ีพบตวั บุคคลนั้น เมือ่ ไดลงบญั ชที หารกองเกนิ แลวใหถ ือวาผนู นั้ มภี ูมลิ ําเนาทหารอยูในทองที่อาํ เภอท่ีไดล งบญั ชี ทหารกองเกนิ ภมู ิลาํ เนาทหารใหม ีไดเ พยี งแหงเดยี ว
- 265 - มาตรา 6 การเรียกและการตรวจเลือกคนเขาเปน ตํารวจกองประจําการตลอดถงึ การยกเวน และการปลดตํารวจซงึ่ อยูในกองประจาํ การ ใหปฏบิ ัตเิ ชนเดียวกันกับการเรียกและการตรวจเลือกคนเขา เปนทหารกองประจําการ การยกเวน และการปลดทหาร การเรียกคนเขากองประจําการเปน ตํารวจ ใหก ระทรวงมหาดไทยทําไดโ ดยตกลงกบั กระทรวงกลาโหม มาตรา 9 ทหารกองเกินซ่ึงมีอายุตงั้ แตสิบแปดปบ ริบูรณและยังไมถ ึงสามสบิ ปบรบิ รู ณ เปนผทู ่ี อยใู นระหวา งทจ่ี ะตองเขารบั ราชการทหารกองประจาํ การ และเม่ือตองเขา กองประจําการจะตองเขา รบั ราชการทหารกองประจําการมีกําหนดสองป สวนผูซ ง่ึ มคี ุณวุฒิพิเศษหรือเม่ือมีกรณพี ิเศษ จะใหร บั ราชการทหาร กองประจาํ การนอ ยกวา สองปตามทก่ี ําหนดในกฎกระทรวงก็ได แตสาํ หรบั ผูซึ่งมคี ุณวุฒพิ ิเศษน้ัน จะอาง สิทธิดังกลา วไดตอเม่ือไดแสดงหลกั ฐานตอ คณะกรรมการตรวจเลือกในวนั ตรวจเลือก หรือตอ หนวยทหาร ท่ีตนรองขอเขารบั ราชการในวนั รองขอ วนั เริ่มเขารับราชการทหารกองประจําการ ใหนบั แตวนั ข้นึ ทะเบียนกองประจาํ การ ในกรณีท่ี ทหารกองเกินเขารับราชการทหารกองประจําการแลว แตยังขนึ้ ทะเบยี นกองประจําการใหไมไดใ นวนั ท่ี ทหารกองเกินเขารับราชการทหารกองประจําการนั้น จะขึ้นทะเบียนกองประจาํ การภายหลังจากวนั เขารับ ราชการทหารกองประจําการก็ได และใหถือวา ผนู นั้ ไดข้นึ ทะเบียนกองประจําการตั้งแตว ันทเ่ี ขา รบั ราชการ ทหารกองประจาํ การ เมอ่ื อยใู นกองประจาํ การจนครบกาํ หนดแลว ใหป ลดเปน ทหารกองหนนุ ประเภทท่ี ๑ ดงั น้ี กองหนุนชน้ั ท่ี 1 เจ็ดป กองหนนุ ชั้นท่ี 2 สิบป กองหนนุ ช้ันที่ 3 หกป ตามลําดับชนั้ ไปจนปลดพน ราชการทหารประเภทที่ 1 บคุ คลซึ่งสาํ เร็จการฝกวิชาทหารตามหลักสตู รที่กระทรวงกลาโหมกาํ หนดตามกฎหมายวาดว ย การสงเสริมการฝกวชิ าทหารและมลี ักษณะตามทก่ี ําหนดในกฎกระทรวง จะใหร ับราชการทหารกองประจําการ นอ ยกวาสองป หรอื ใหข ึน้ ทะเบยี นกองประจาํ การแลว ปลดเปน ทหารกองหนุนประเภทที่ 1 โดยมิตอ งเขา รบั ราชการทหารกองประจาํ การกไ็ ด ทง้ั น้ี ตามหลักเกณฑและวิธกี ารทกี่ ําหนดในกฎกระทรวง แตจะอา ง สทิ ธดิ ังกลาวไดตอเมื่อไดแสดงหลกั ฐานตอคณะกรรมการตรวจเลอื กในวันตรวจเลอื ก หรือตอ หนวยทหาร ท่ีตนรองขอเขารับราชการในวนั รอ งขอ หรือตอ หนว ยที่ขึ้นทะเบยี นกองประจาํ การ แลวแตกรณี สว นที่จะ ใหอ ยใู นกองหนุนช้ันใดและเปน เวลาเทาใดน้ัน ใหป ฏิบัตเิ ชนเดียวกับการปลดทหารกองเกนิ ทต่ี อ งเขา รบั ราชการ ทหารกองประจําการตามวรรคสอง ใหผูว าราชการจังหวัดและสัสดีจงั หวดั ออกหนังสอื สาํ คัญใหแกทหารทถี่ ูกปลดเปนทหารกองหนนุ ไวเปน หลักฐาน หากหนงั สือสําคัญชํารดุ หรอื สูญหาย ใหผถู ือแจงตอนายอําเภอทองที่เพื่อขอรับหนงั สือ สําคัญใหม โดยเสียคาธรรมเนียมฉบบั ละหนง่ึ บาท แตถาการชาํ รดุ หรือสญู หายน้ันเปน เพราะเหตุสดุ วิสัย กไ็ มตองเสียคาธรรมเนยี ม
- 266 - มาตรา 12 บคุ คลซึ่งไดลงบญั ชีทหารกองเกินตามมาตรา ๑๖ หรอื ทหารกองเกนิ หรอื ทหาร กองหนนุ ผใู ดประสงคจ ะไปอยูต า งทอ งทใ่ี นอําเภอเดียวกนั หรอื ตางอาํ เภอเปนการช่วั คราวเกินสามสิบวนั ใหแ จงตอนายอําเภอทองที่ท่ีตนเขา มาอยู และใหน ายอําเภอที่ไดร บั แจง ทาํ การสอบสวนและออกใบรับให แลว แจงใหน ายอําเภอทองท่ที ี่ผูนน้ั มภี มู ลิ ําเนาทหารทราบ ถา บุคคลตามวรรคหนงึ่ ประสงคจ ะยายภูมลิ าํ เนาทหาร ใหแ จงตอนายอําเภอทองท่ีที่ตนเขามา อยนู นั้ ใหน ายอําเภอท่ีไดรบั แจงทําการสอบสวน เมื่อพจิ ารณาเหน็ วาผขู อยายไดม าตั้งทํามาหาเลยี้ งชพี เปน ประจาํ หรือมที อ่ี ยูเปนหลักฐานและไมประสงคจะหลกี เลย่ี งการรับราชการทหาร กใ็ หแ จง ไปยังนายอําเภอ ทอ งที่ท่ีเปน ภมู ิลาํ เนาทหารเดิมทราบ เมื่อไดร บั ตอบยืนยนั เปน การถกู ตอ งจึงใหรับแจง การยา ยภูมิลาํ เนา ทหารของบคุ คลนัน้ และออกใบรบั ให แลวใหน ายอําเภอท่เี ก่ียวขอ งแจงใหผ ูวา ราชการจงั หวัดของตนทราบ การแจงยายตามวรรคหน่ึงและวรรคสองใหก ระทาํ ภายในสามสบิ วันนับแตว ันท่ียายเขา มาอยู ในทอ งท่ี มาตรา 12 ทวิ บุคคลซง่ึ ไดล งบัญชีทหารกองเกินตามมาตรา ๑๖ หรือทหารกองเกินหรือ ทหารกองหนนุ ผูใดไดรับอนุญาตใหเปล่ียนชอ่ื ตวั หรือชื่อสกุล ใหผูน นั้ นาํ หลักฐานไปแจงตอนายอําเภอ ทองที่ทเี่ ปน ภูมิลําเนาทหารทราบภายในสามสบิ วันนับแตวนั ทีไ่ ดร บั อนญุ าต ใหน ายอําเภอออกใบรับให และแกใบสําคัญและบัญชีใหถูกตอง ในกรณีหนงั สือสําคญั หรอื ใบสําคัญที่จงั หวัดเปน ผอู อก ใหส ง ผูวา ราชการจังหวดั และสสั ดีจงั หวัดจดั การแก มาตรา 13 บคุ คลดงั ตอไปน้ี ยกเวนไมต องเขา รบั ราชการทหารกองประจําการคือ (1) พระภกิ ษทุ มี่ สี มณศักดิ์ หรือทเี่ ปนเปรียญ และนักบวชในพระพุทธศาสนาแหงนิกายจนี หรอื ญวนท่มี ีสมณศักด์ิ (2) คนพกิ ารทุพพลภาพ ซึ่งไมสามารถเปน ทหารได (3) บคุ คลซึ่งไมมีคณุ วฒุ ทิ ่ีจะเปนทหารไดเฉพาะบางทองท่ี ตามท่ีกาํ หนดในกฎกระทรวง มาตรา 14 บคุ คลดงั ตอไปน้ี เมอื่ ลงบัญชที หารกองเกนิ แลว ไมเ รียกมาตรวจเลอื กเขา รบั ราชการทหารกองประจําการในยามปกติ คือ (1) พระภิกษุ สามเณร และนกั บวชในพระพุทธศาสนาแหง นิกายจนี หรอื ญวน ซงึ่ เปนนักธรรม ตามทก่ี ระทรวงศึกษาธกิ ารรับรอง (2) นกั บวชศาสนาอ่ืนซึ่งมีหนาทปี่ ระจําในกิจของศาสนาตามทก่ี ําหนดในกฎกระทรวง และ ผวู าราชการจงั หวัดออกใบสําคัญใหไว (3) บคุ คลซง่ึ อยใู นระหวา งการฝก วชิ าทหารตามหลกั สตู รทก่ี ระทรวงกลาโหมกําหนด ตามกฎหมาย วาดว ยการสงเสริมการฝกวชิ าทหาร (4) นักเรียนโรงเรียนเตรียมทหารของกระทรวงกลาโหม (5) ครูซึง่ ประจําทําการสอนหนังสอื หรอื วชิ าการตา ง ๆ ทอ่ี ยูในความควบคุมของกระทรวง ทบวง กรม หรือราชการสวนทอ งถ่ิน ทั้งน้ี ตามท่ีกาํ หนดในกฎกระทรวง และผวู า ราชการจังหวดั ออก ใบสาํ คญั ใหไว (6) นกั ศกึ ษาของศนู ยก ลางอบรมการศึกษาผใู หญข องกระทรวงศกึ ษาธกิ าร (7) นกั ศกึ ษาของศูนยฝกการบินพลเรือนของกระทรวงคมนาคม
- 267 - (8) บุคคลซ่งึ ไดส ัญชาติไทยโดยการแปลงสญั ชาติ (9) บคุ คลซึง่ ไดร ับโทษจําคกุ โดยคําพิพากษาถึงที่สุดใหจําคุกคร้ังเดยี วต้ังแตสิบปข ้ึนไป หรือ เคยไดรบั โทษจําคกุ โดยคาํ พิพากษาถึงทสี่ ดุ ใหจาํ คุกหลายคร้ังรวมกันต้งั แตสบิ ปข้นึ ไปหรือเคยถกู ศาล พพิ ากษาใหก กั กนั การไมเ รยี กมาตรวจเลอื กเขา รบั ราชการทหารกองประจาํ การในยามปกติ และการออกใบสาํ คัญ ตาม (2) และ (5) ใหเปน ไปตามหลกั เกณฑ วิธกี าร และแบบทกี่ าํ หนดในกฎกระทรวง มาตรา 15 บุคคลซ่ึงพนจากฐานะตามทกี่ ําหนดไวในมาตรา 13 (1) มาตรา 14 (1) (2) (3) (5) (6) หรอื (7) มาตรา 27 (2) หรือมาตรา 29 (3) ใหแจง ดว ยตนเองตอนายอําเภอทองที่ท่ีตนอยู หรือทําการประจํา ภายในสามสบิ วันนับแตว นั ทพ่ี น จากฐานะเชน นนั้ และใหน ายอําเภอออกใบรบั ให ถา ผูน ั้นมี ภมู ลิ าํ เนาทหารอยูใ นทองท่ีอําเภออนื่ ใหนายอําเภอท่ีไดร ับแจงแจงตอไปยังนายอําเภอทองท่ีทเี่ ปนภมู ิลําเนา ทหารของผนู ั้น มาตรา 16 บรรดาชายซง่ึ มีสญั ชาตไิ ทย เมือ่ มีอายุยางเขา สบิ แปดปใ นพทุ ธศกั ราชใด ใหไป แสดงตนเพ่ือลงบัญชที หารกองเกินภายในพุทธศักราชนั้น ผใู ดไมส ามารถไปลงบัญชีทหารกองเกินดว ยตนเองได ตองใหบ ุคคลซึง่ บรรลนุ ติ ภิ าวะและ เช่อื ถือไดไปแจง แทน ใหนายอําเภอสอบสวน เม่อื เหน็ วาถูกตอ ง ใหลงบัญชีทหารกองเกินไว ถาไมมผี มู า แจงแทน ใหถ ือวาผูน ้ันหลกี เลี่ยงขดั ขืนไมม าลงบัญชที หารกองเกิน เม่ือไดรับการขอลงบัญชีทหารกองเกินตามมาตราน้ี ใหนายอําเภอออกใบสําคัญหรือใบรบั ใหผ ูขอ ลงบัญชที หารกองเกินไวเปนหลกั ฐาน หากใบสําคัญชาํ รดุ หรอื สูญหาย ใหผ ูถือแจง ตอนายอําเภอทองท่ีเพ่ือขอรบั ใบสาํ คัญใหมโดยเสยี คาธรรมเนยี มฉบบั ละหนงึ่ บาท แตถาการชาํ รุดหรือสูญหายนั้นเปน เพราะเหตุสดุ วิสยั กไ็ มต องเสยี คา ธรรมเนียม ผซู ่งึ ไดลงบัญชีทหารกองเกินตามมาตรานแ้ี ลวใหถือวาเปนทหารกองเกนิ ต้ังแตวนั ที่ 1 มกราคม ของพทุ ธศักราชถดั ไป การลงบัญชที หารกองเกนิ ตามมาตรานี้ ใหเปนไปตามหลักเกณฑ วธิ กี ารและแบบที่กําหนด ในกฎกระทรวง มาตรา 17 ในเดอื นกันยายนทุกป ใหน ายอําเภอจัดการประกาศใหผ ูท่มี ีอายุถงึ เขตท่ีจะตอง ลงบัญชีทหารกองเกนิ ไปลงบัญชีทหารกองเกนิ ตามทกี่ ําหนดไวใ นมาตรา ๑๖ ประกาศเชนวาน้ี ใหนายอาํ เภอปด ไว ณ ท่วี า การอาํ เภอและ ณ ทีเ่ ปดเผยตามชุมนมุ ชนในทอ งที่น้ัน กับใหน ายอําเภอสงประกาศใหกาํ นนั ผูใหญบานเพอื่ นําไปแจง ใหราษฎรในทองท่ีของตนทราบดวย มาตรา 18 บคุ คลซึง่ ยงั มิไดล งบญั ชีทหารกองเกินทีอ่ ําเภอพรอมกบั คนช้ันปเดยี วกันเพราะ เหตใุ ดๆ กด็ ี ถาอายุยังไมถงึ ส่ีสิบหกปบรบิ รู ณ ใหปฏิบตั ทิ ํานองเดียวกบั มาตรา 16 ภายในสามสบิ วนั นบั แตว ันที่ สามารถจะปฏิบตั ิได แตจะใหผอู น่ื แจง แทนไมได ถานายอําเภอจะเรยี กตวั ลงบญั ชที หารกองเกนิ ก็ยอมทาํ ไดโ ดยไมต องคํานงึ ถึงกาํ หนดเวลาดังกลา วแลว เมอื่ ไดร บั การลงบัญชที หารกองเกินตามมาตราน้ี ใหนายอําเภอออกใบสําคัญหรือใบรบั ใหไ ว เปนหลกั ฐาน หากใบสําคญั ชํารดุ หรือสญู หาย ใหผ ถู อื แจงตอนายอาํ เภอทองทีเ่ พ่ือขอรบั ใบสําคัญใหมโดย
- 268 - เสียคาธรรมเนียมฉบบั ละหน่งึ บาท แตถาการชํารุดหรือสญู หายนั้นเปน เพราะเหตสุ ดุ วิสยั ก็ไมต องเสียคาธรรมเนยี ม ผูซึ่งไดล งบัญชที หารกองเกินตามมาตราน้ีแลว ใหถือวาเปน ทหารกองเกินตั้งแตวนั ลงบัญชี ทหารกองเกิน แตถ ามีอายุครบกาํ หนดปลดเปน ทหารกองหนุนประเภทท่ี ๒ ตามมาตรา ๓๙ เม่ือไดลงบัญชี ทหารกองเกนิ แลว ใหป ลดเปนทหารกองหนุนประเภทที่ ๒ ทนั ที การลงบญั ชีทหารกองเกินตามมาตรานใ้ี หเปนไปตามหลกั เกณฑ วธิ กี ารและแบบทก่ี ําหนดในกฎกระทรวง มาตรา 19 เมอ่ื จาํ เปน นายอาํ เภอมีอํานาจประกาศเรยี กบุคคลที่ไดล งบญั ชีทหารกองเกนิ ไว ทอ่ี าํ เภอตามมาตรา 16 หรือมาตรา 18 แลว ไปแสดงตนเพอ่ื ลงบญั ชที หารกองเกนิ ใหมได ภายในกําหนด เกา สิบวันนับตง้ั แตว นั ประกาศ ประกาศเชนวา นี้ ใหนายอําเภอปด ไว ณ ทีว่ า การอาํ เภอและ ณ ทีเ่ ปด เผยตามชมุ นมุ ชนในทอ งทน่ี ้นั กับใหน ายอําเภอสง ประกาศใหกาํ นันผูใหญบ า นเพอ่ื นาํ ไปแจงใหร าษฎรในทองที่ของตนทราบดวย ผใู ดไมส ามารถจะไปลงบัญชที หารกองเกนิ ดวยตนเองได ตอ งใหบ ุคคลซึง่ บรรลนุ ิติภาวะและ พอจะเชอ่ื ถือไดไ ปแจง แทน ถาไมมผี แู ทนใหถ ือวา ผูนนั้ หลีกเลี่ยงขัดขืน เมอื่ ไดรบั การขอลงบัญชที หารกองเกนิ ตามมาตรานี้ ใหนายอาํ เภอออกใบสําคญั หรือใบรับให ผูขอลงบญั ชีทหารกองเกนิ ไวเ ปนหลกั ฐาน ตามทก่ี ําหนดในกฎกระทรวง หากใบสาํ คัญชํารดุ หรือสูญหาย ใหผ ถู ือแจงตอนายอําเภอทอ งที่เพื่อขอรบั ใบสําคัญใหมโ ดยเสียคาธรรมเนยี มฉบบั ละหนึ่งบาท แตถ า การ ชํารุดหรอื สญู หายน้ันเปน เพราะเหตสุ ดุ วิสัย ก็ไมตองเสยี คาธรรมเนียม มาตรา 21 บุคคลดังตอไปน้ีไมต องไปแสดงตนตอนายอําเภอ ตามมาตรา 16 มาตรา 18 หรอื มาตรา 19 คือ (1) สามเณรเปรียญ (2) ผูซง่ึ อยใู นระหวา งควบคมุ หรือคุมขังของเจาพนักงาน แตใ หล งบญั ชที หารกองเกินไวตามหลักเกณฑ วธิ กี ารและแบบที่กําหนดในกฎกระทรวง มาตรา 22 บคุ คลที่อยใู นกําหนดออกหมายเรียกมาตรวจเลือกเขาเปนทหารกองประจาํ การ นัน้ คอื ผูทเี่ ปนทหารกองเกิน มาตรา 23 การทีจ่ ะเรียกทหารกองเกนิ เขารับราชการกองประจาํ การเม่ือใด อายุใดบา ง และก่ีครัง้ นน้ั ใหเปนไปตามที่กําหนดในกฎกระทรวง มาตรา 24 การเรียกทหารกองเกนิ เขา รบั ราชการทหารกองประจําการนั้น ใหน ายอําเภอ ออกหมายเรียกทหารกองเกนิ ซึง่ ลงบญั ชที หารกองเกนิ ไวต ามมาตรา 16 มาตรา 18 และมาตรา 19 มาตรวจเลือก ทั้งนี้ ใหเ ปน ไปตามหลักเกณฑ วิธีการ และแบบที่กําหนดในกฎกระทรวง มาตรา 25 ทหารกองเกนิ เมื่อมีอายุยางเขายสี่ บิ เอด็ ปในพุทธศักราชใด ตองไปแสดงตนเพ่ือรบั หมายเรียกท่ีอาํ เภอทอ งท่ีซ่งึ เปน ภูมลิ ําเนาทหารของตน ภายในพทุ ธศักราชนนั้ ทหารกองเกินท่ีพนจากฐานะการยกเวน ตามมาตรา 14 (3) หรือการผอนผนั ตามมาตรา 27 (2) และมาตรา 29 (3) ในพุทธศกั ราชใด ตองไปแสดงตนเพือ่ รับหมายเรียกหรือเพ่ือจําหนายบัญชเี รยี ก ทหารกองเกินตามแตกรณีท่ีอําเภอทองท่ซี ่งึ เปนภมู ิลําเนาทหารของตน ภายในพทุ ธศักราชน้ัน
- 269 - ผใู ดไมส ามารถจะไปรับหมายเรยี กดวยตนเองได ตองใหบ ุคคลซง่ึ บรรลนุ ิติภาวะ และพอจะ เช่อื ถอื ไดไปรับหมายเรียกแทน ถาไมมผี แู ทนใหถือวาผนู น้ั หลกี เลยี่ งขัดขืน มาตรา 26 ในเดอื นตุลาคมทกุ ป ใหนายอําเภอจัดการประกาศใหท หารกองเกินที่มีอายยุ า ง เขายส่ี ิบเอ็ดปในพุทธศกั ราชนั้น ไปแสดงตนเพ่ือรับหมายเรียกที่อําเภอตามทก่ี ําหนดไวใ นมาตรา 25 ประกาศเชน วานีใ้ หนายอาํ เภอปดไว ณ ทว่ี า การอาํ เภอและ ณ ท่ีเปดเผยตามชุมนุมชนใน ทอ งทน่ี นั้ กบั ใหนายอาํ เภอสง ประกาศใหกํานนั ผใู หญบา นเพื่อนาํ ไปแจง ใหราษฎรในทอ งท่ีของตนทราบดวย มาตรา 27 ทหารกองเกินซงึ่ ถูกเรียกตองมาใหค ณะกรรมการตรวจเลอื กทําการตรวจเลือก ตามกําหนดหมายนัน้ โดยนาํ ใบสําคัญทหารกองเกิน บัตรประจําตวั ประชาชนและประกาศนียบัตรหรอื หลกั ฐานการศกึ ษามาแสดงดว ย ถาไมม าหรือมาแตไมเ ขารบั การตรวจเลอื ก หรือไมอยจู นกวา การตรวจเลือก แลว เสรจ็ ใหถอื วา ทหารกองเกินนน้ั หลีกเลยี่ งขัดขนื ไมมาใหค ณะกรรมการตรวจเลือกทําการตรวจเลอื ก เวนแต (๑) ขา ราชการซ่ึงไดรับคําส่ังของผบู ังคบั บัญชาโดยปจ จบุ ันทันดว นใหไปราชการอนั สําคัญยิ่ง หรือไปราชการตางประเทศโดยคาํ สัง่ ของเจากระทรวง (๒) นักเรียนซ่ึงออกไปศึกษาวิชา ณ ตางประเทศ ตามที่กาํ หนดในกฎกระทรวง (3) ขา ราชการหรอื ผปู ฏบิ ตั ิงานในสถานทรี่ าชการ หรือโรงงานอ่นื ใด ในระหวา งท่ีมีการรบ หรือการสงคราม อันเปนอุปกรณในการรบหรือการสงครามและอยูในความควบคุมของกระทรวงกลาโหม (4) บุคคลซ่ึงกําลังปฏิบตั ิงานรว มกบั หนวยทหารในราชการสนาม (5) เกิดเหตุสุดวสิ ยั (6) ไปเขาตรวจเลอื กท่ีอืน่ (7) ปว ยไมส ามารถจะมาได โดยใหบุคคลซึง่ บรรลนุ ิติภาวะและเชือ่ ถือไดม าแจงตอคณะกรรมการ ตรวจเลือกในวนั ตรวจเลือก กรณีตาม (1) (2) (3) หรอื (4) ตองไดรับการผอนผันเฉพาะคราวจากรฐั มนตรวี า การ กระทรวงมหาดไทย หรือผซู ง่ึ รฐั มนตรวี า การกระทรวงมหาดไทยมอบหมาย มาตรา 28 ตรี ใหผูซงึ่ รัฐมนตรีวา การกระทรวงกลาโหมกาํ หนดตามมาตรา ๒๘ แตงตั้ง คณะกรรมการชน้ั สงู ข้ึนในทองทแ่ี ตล ะจังหวดั ประกอบดว ยผวู า ราชการจังหวดั หรอื ผแู ทนหนง่ึ คน เปน ประธาน กรรมการ เจาหนาที่สัสดีซึ่งดํารงตําแหนงไมตา่ํ กวาสัสดีจงั หวดั หนงึ่ คน และขาราชการอื่นซึง่ ดํารงตําแหนง ไมตํ่ากวาหัวหนา แผนกหรือเทียบเทา อีกหนึง่ คน เปน กรรมการ กรรมการช้นั สูงตอ งไมเปน บุคคลคนเดียวกบั กรรมการตรวจเลือก คณะกรรมการชั้นสงู มีอํานาจพจิ ารณาตัดสินกรณีทม่ี ีคํารองตามมาตรา ๓๑ หรอื กรณีท่ีมขี อ ขดั แยง ระหวา งกรรมการตรวจเลือกซง่ึ ทําคําช้ีแจงเสนอขนึ้ มา คาํ ตดั สินของคณะกรรมการช้นั สงู ใหเปนทีส่ ุด มาตรา 28 จัตวา ใหน ายอาํ เภอทอ งที่ทมี่ ีการตรวจเลอื กมหี นา ท่ดี ังตอไปนี้ (1) จัดสถานท่ที าํ การตรวจเลือก (2) จัดเจาหนา ทแ่ี ละเอกสารเกย่ี วกบั การตรวจเลอื กเพ่ือใหคณะกรรมการตรวจเลอื ก ตรวจสอบไดใ นวันตรวจเลือก
- 270 - (3) จัดคนซึ่งมาตรวจเลือกใหร วมอยเู ปน ตาํ บลเพื่อฟงเรียกช่ือ (4) สอบสวนบุคคลซ่ึงรองขอในเหตตุ างๆ แลว มอบเร่ืองใหคณะกรรมการตรวจเลอื กพิจารณา (5) ตรวจทานและบนั ทกึ บญั ชีเรียกของอําเภอตามผลการตรวจเลือก (6) ปฏิบัตกิ ารอน่ื ตามทีก่ ําหนดในกฎกระทรวง มาตรา 29 เม่อื ไดคดั คนทย่ี กเวนดวยเหตุตางๆ ออกแลว ถามีจํานวนทหารกองเกินท่ีจะรับ ราชการเปน ทหารกองประจาํ การไดมากกวา จํานวนที่ฝายทหารตอ งการ ใหผอ นผันแกประเภทบุคคล ดังตอ ไปน้ี (1) บคุ คลท่จี ําเปนตอ งหาเลีย้ งบดิ าหรือมารดาซึ่งไรค วามสามารถ หรอื พิการทพุ พลภาพ หรอื ชราจนหาเลี้ยงชพี ไมไ ดแ ละไมมีผูอน่ื เลยี้ งดู แตถามีบุตรหลายคนจะตองเขากองประจาํ การพรอมกนั คงผอ นผัน ใหคนเดยี วตามแตบดิ าหรอื มารดาจะเลอื ก ถา บดิ าหรือมารดาไมส ามารถจะเลือกไดกใ็ หคณะกรรมการ ตรวจเลอื กพิจารณาผอ นผันให หนง่ึ คน (2) บคุ คลที่จําเปนตองหาเลย้ี งบุตรซึ่งมารดาตายหรือไรค วามสามารถ หรือพกิ ารทุพพลภาพ และบุคคลที่จําเปนตองหาเลย้ี งพีห่ รือนองรว มบิดามารดา หรือรว มแตบ ิดาหรือมารดาซ่ึงบดิ ามารดาตาย ท้งั น้ี เมื่อบตุ รหรือพ่ีหรือนองน้นั หาเล้ียงชีพไมได และไมมผี อู ืน่ เลี้ยงดู (3) บุคคลที่อยใู นระหวางการศึกษาตามท่ีกาํ หนดในกฎกระทรวง ผอู างสิทธิตาม (1) หรือ (2) แหง มาตราน้ี ตองรองขอผอ นผนั ตอ นายอาํ เภอทอ งทีก่ อนวัน ตรวจเลอื กเขา กองประจําการไมน อ ยกวา สามสบิ วัน เวนแตในกรณีพเิ ศษซึ่งไมใชความผิดของผรู อง และ ผรู องตองรองตอคณะกรรมการตรวจเลือกในวนั ตรวจเลือกตามมาตรา ๓๐ อีกคร้งั หนง่ึ นายอาํ เภอตอง สอบสวนหลกั ฐานไวเ สยี กอ นวนั ตรวจเลอื ก เพอ่ื คณะกรรมการตรวจเลือกจะไดตัดสินไดทนั ที การขอผอ นผัน ตาม (3) ใหป ฏบิ ตั ิตามท่กี าํ หนดในกฎกระทรวง ถาไมส ามารถจะผอนผันพรอมกันทง้ั สามประเภทได เพราะจะทําใหคนไมพอจาํ นวนทฝี่ า ย ทหารตองการ ใหผ อ นผนั คนประเภทท่ี 1 และประเภทท่ี 2 รวมกันกอ น ถาคนยังเหลือจงึ ผอนผนั คน ประเภทท่ี 3 ถาจาํ นวนคนในประเภทใดจะผอ นผันไมไ ดท้งั หมดตองใหค นประเภทน้นั จบั สลาก มาตรา 31 ในการตรวจเลอื กคนเขากองประจาํ การนน้ั ถา ผทู ่ีตอ งเขากองประจําการเห็นวา คณะกรรมการตรวจเลือกตัดสนิ ไมถูกหรอื ไมยุตธิ รรม กใ็ หยนื่ คํารองตอคณะกรรมการชน้ั สูงได แตใหส ง ผนู น้ั เขากองประจาํ การกอนจนกวาจะไดร ับคาํ ตัดสนิ ของคณะกรรมการช้นั สูง มาตรา 32 ถา ปรากฏวา ทหารกองเกนิ ซึ่งมีอายเุ กินยี่สบิ เอด็ ปบรบิ ูรณ และยังไมถ งึ สามสบิ ป บรบิ ูรณในปท่ีจะเขารับราชการทหารกองประจําการ ไปทํามาหาเลย้ี งชีพในทองที่อาํ เภออน่ื และนายอําเภอ ทอ งที่ที่เปน ภมู ลิ ําเนาทหารไดส งหมายเรยี กไปยังนายอาํ เภอทองที่ทผ่ี ูน้ันไปอยูมอบแทนให เมื่อไดรับหมายเรยี กแลว แตไ มสามารถจะไปตามหมายนัน้ ได เพราะไมม คี าพาหนะหรือจะไปไมทนั ผนู ั้นตอ งรบี ช้แี จงตอนายอําเภอ ทอ งท่ที ่ีไปอยู เมื่อนายอําเภอทองทนี่ ้นั สอบสวนไดความจรงิ กใ็ หเขา รับการตรวจเลือกพรอมกับคนในอําเภอ ทองท่ีท่ไี ปอยู แตถา ไมสามารถสงเขารบั การตรวจเลือกในอําเภอทอ งทีน่ นั้ ได ก็ใหนายอําเภอรบี จัดสงผูนน้ั ไปรบั การตรวจเลือกยังอําเภอทองท่ีใกลเ คยี งตามทเี่ ห็นสมควร ใหนายอําเภอทองที่ท่ีรับเขา ตรวจเลอื กแจงตอ นายอําเภอทองทีท่ ี่ออกหมายเรยี ก
- 271 - มาตรา 34 ทหารกองเกินที่ถูกเขากองประจําการผใู ด จักตองเริ่มเขารับราชการทหารกอง ประจําการเม่ือใด ใหน ายอําเภอทองที่ท่รี บั เขาตรวจเลือกเปนผูกําหนด และใหนายอาํ เภอออกหมายนดั เพ่ือใหทหารกองเกินผนู ั้นมา ณ ที่อําเภอทองที่ตามท่ีไดก ําหนดไวนนั้ เพื่อเขารับราชการทหารกองประจําการ ถาทหารกองเกินผนู นั้ ไมมาตามนดั ใหถ อื วา หลีกเลีย่ งขัดขืน มาตรา 35 ทหารกองเกนิ ท่ีถูกเขา กองประจําการ เม่ือเรม่ิ เขารบั ราชการทหารกองประจําการ เม่ือใด ใหรีบขน้ึ ทะเบยี นกองประจาํ การโดยไมชกั ชา ทหารกองประจาํ การตอ งรบั ราชการประจําอยใู นหนว ยทหารตามทเ่ี จาหนา ท่ฝี า ยทหารจะกาํ หนดให มาตรา 36 ทหารกองเกินหรอื ทหารกองหนุนมีหนา ท่เี ขารับราชการทหารในการเรยี กพลเพ่ือ ตรวจสอบ เพ่อื ฝกวิชาทหาร หรอื เพ่ือทดลองความพร่ังพรอม และในการระดมพล กระทรวงกลาโหมมอี าํ นาจกาํ หนดใหท าํ การเรียกพลเพ่ือตรวจสอบ เพอ่ื ฝกวชิ าทหาร หรือ เพ่ือทดลองความพรงั่ พรอมตามท่เี ห็นสมควร สว นการระดมพลใหก ระทําโดยพระราชกฤษฎกี า การเรยี กเขา รบั ราชการทหารตามวรรคหนง่ึ ใหก ระทรวงกลาโหมเปน ผจู ดั เตรยี มและอํานวยการ และใหกระทรวงมหาดไทยเปน ผูดาํ เนนิ การเรยี กและสง ทหารเขา รบั ราชการตามความประสงคข องกระทรวงกลาโหม การผอนผนั ไมตอ งเรียกหรอื ไมตองเขา รบั ราชการทหารตามมาตราน้ี ใหเ ปนไปตาม หลักเกณฑและวิธีการทก่ี าํ หนดในกฎกระทรวง มาตรา 40 ทหารกองประจําการ ถาตองจําขังหรือจําคกุ ครั้งเดยี ว หรือหลายคร้ัง เมื่อมีกาํ หนด วันท่จี ะตองทัณฑห รือตองโทษรวมไดไมน อยกวาหน่ึงปกด็ ี หรือทหารกองประจําการผูใดซ่ึงกระทรวงกลาโหม เห็นวา จะกระทําใหเ สื่อมเสยี แกราชการทหารดว ยประการใดๆ กด็ ี จะปลดเปน ทหารกองหนนุ ประเภทท่ี 2 กไ็ ด ใหผ วู า ราชการจังหวัดพรอ มดว ยสัสดจี งั หวัดออกใบสําคัญใหแ กท หารที่ถูกปลดนีไ้ วเ ปน หลักฐาน ใบสาํ คญั นี้ หากชาํ รุดหรือสูญหาย ใหผถู ือแจงตอ นายอาํ เภอทองที่เพื่อรับใหมโดยเสียคาธรรมเนียม ฉบับละหนงึ่ บาท แตถาการชํารุดหรือสูญหายน้นั เปนเพราะเหตสุ ดุ วิสัย ก็ไมต องเสยี คาธรรมเนียม มาตรา 41 ทหารกองประจาํ การ ทหารกองเกิน หรือทหารกองหนนุ ซง่ึ ยังไมครบกําหนด ปลดพน ราชการทหาร ถาพิการทุพพลภาพ หรือมีโรคซึ่งไมสามารถจะรับราชการทหารไดตามทกี่ ําหนดใน กฎกระทรวง กใ็ หปลดพน ราชการทหารประเภทท่ี 1 หรอื ท่ี 2 แลว แตกรณี ถาเปน นายทหารสญั ญาบตั รถกู ถอดหรอื ออกจากยศ กใ็ หปลดเปน พน ราชการทหารประเภทท่ี 2 ท้งั นี้ ใหผวู าราชการจังหวัดพรอมดวยสสั ดีจงั หวัดออกหนงั สอื สําคญั หรือใบสาํ คญั ใหแกทหาร ตามประเภททถ่ี กู ปลดไวเ ปน หลกั ฐาน มาตรา 42 หนังสอื ซึง่ เจา หนาทไี่ ดใ หไ วแ กบุคคลใดถาชาํ รุดหรือสูญหายแลว บคุ คลนนั้ ไมแ จง ดว ยตนเองตอนายอาํ เภอทองที่ เพ่ือรับใหมตามความในมาตรา 9 มาตรา 16 มาตรา 18 มาตรา 19 หรอื มาตรา 40 ภายในกําหนดสามสิบวนั นับต้งั แตวนั ทส่ี ามารถแจงได มีความผดิ ตองระวางโทษปรับไมเ กนิ สบิ สองบาท มาตรา 43 ทหารกองเกนิ หรอื ทหารกองหนุนผูใดไมปฏิบตั ิตามมาตรา 12 มาตรา 12 ทวิ หรือมาตรา 15 ตอ งระวางโทษจําคกุ ไมเ กนิ หนึ่งเดือน หรอื ปรับไมเกินสองรอยบาท หรอื ทงั้ จําทั้งปรับ
- 272 - บคุ คลใดไดล งบัญชที หารกองเกินตามมาตรา 16 แลว แตยงั ไมเปน ทหารกองเกิน ไมปฏบิ ตั ิ ตามมาตรา 12 หรือมาตรา 12 ทวิ ตอ งระวางโทษจาํ คกุ ไมเกินหนึง่ เดือน หรอื ปรับไมเ กนิ หน่งึ รอยบาท หรือท้ังจาํ ทั้งปรับ มาตรา 44 บคุ คลใดไมมาลงบญั ชีทหารกองเกนิ ตามมาตรา 16 หรือมาตรา 18 หรอื ไมมา ลงบญั ชีทหารกองเกนิ ใหมตามมาตรา 19 หรอื ไมยอมลงบัญชีทหารกองเกนิ ตามมาตรา 21 หรือไมม ารับ หมายเรียกท่ีอําเภอตามมาตรา 25 ตองระวางโทษจําคุกไมเกินสามเดือน หรือปรับไมเกินสามรอยบาท หรือทัง้ จาํ ท้ังปรบั ถากอนทเี่ จาหนาท่ียกเร่ืองขึ้นพิจารณาความผิด บคุ คลนน้ั ไดม าขอลงบัญชีทหารกองเกนิ หรือ ขอลงบัญชีทหารกองเกนิ ใหม หรือมาขอรับหมายเรยี กท่ีอําเภอดวยตนเอง หรอื ใหบ คุ คลซ่ึงบรรลุนิติภาวะ และเชอ่ื ถือไดม าแทนตน แลว แตกรณี ตองระวางโทษจาํ คุกไมเกนิ หน่ึงเดอื น หรือปรับไมเ กินหน่ึงรอยบาท หรอื ทงั้ จาํ ทั้งปรับ มาตรา 45 บคุ คลใดหลกี เลี่ยงหรือขัดขืนไมม าใหคณะกรรมการตรวจเลอื กทําการตรวจเลอื ก เขา รบั ราชการทหารกองประจาํ การตามหมายเรยี กของนายอาํ เภอ หรอื มาแตไ มเ ขา รบั การตรวจเลอื ก หรอื ไมอ ยู จนกวาการตรวจเลอื กแลว เสร็จ หรอื หลีกเลย่ี ง หรอื ขัดขืนดวยประการใด ๆ เพอื่ จะไมใหเ ขา รบั ราชการ ทหารกองประจาํ การตามพระราชบญั ญัตนิ ้ี หรือบุคคลใดเขารับราชการทหารกองประจาํ การแทนผอู นื่ หรอื เรียก รับหรอื ยอมจะรบั ทรัพยส ินหรือประโยชนอ่นื ใดสาํ หรับตนเองหรือผอู ื่น โดยสัญญาวาจะชวยเหลือผูหนง่ึ ผูใดมใิ หต องเขารบั ราชการทหารกองประจําการ ตองระวางโทษจําคกุ ไมเ กนิ สามป มาตรา 46 ทหารกองเกินหรือทหารกองหนุนผูใ ดหลกี เลีย่ งหรอื ขัดขนื ไมเ ขารับราชการ ทหารในการเรียกพลเพอ่ื ฝกวิชาทหาร หรือเพ่ือทดลองความพร่ังพรอม หรือในการระดมพลตามมาตรา 36 ตองระวางโทษจาํ คกุ ต้ังแตสามเดือนถงึ สป่ี มาตรา 47 ทหารกองเกินหรอื ทหารกองหนุนผูใดหลีกเลยี่ งหรอื ขัดขนื ไมเ ขา รบั ราชการทหาร ในการเรียกพลเพ่ือตรวจสอบตามมาตรา ๓๖ ตองระวางโทษจาํ คุกไมเกินสามเดือน หรือปรบั ไมเกนิ สาม รอยบาท หรอื ท้ังจาํ ทั้งปรับ มาตรา 48 บคุ คลใดทํารา ยรางกายตนเอง หรอื ใหผ ูอน่ื ทําเพ่ือจะใหพน จากการรับราชการ ทหารตามพระราชบัญญัติน้ี มีความผิดตอ งระวางโทษจาํ คกุ ตัง้ แตห น่งึ ปขนึ้ ไปจนถึงแปดป ผูสมรเู ปนใจในการทํารายรา งกายเพอ่ื ความมุงหมายดงั กลา วน้ี มีความผดิ ตองระวางโทษ จําคุกต้งั แตหกเดือนข้นึ ไปจนถงึ สปี่ มาตรา 49 บคุ คลใดใชอ ุบายหลอกลวงใหเจาหนา ที่หลงเชื่อโดยเจตนาหลีกเลยี่ งใหพ น จาก การเขารบั ราชการทหารตามพระราชบญั ญัตินจ้ี นเปนผลสําเร็จ หรอื ยุยงเส้ยี มสอนจนเกิดความผดิ ตาม มาตราน้ี มีความผดิ ตองระวางโทษจาํ คุกไมเกนิ สามป มาตรา 51 ใหร ัฐมนตรวี า การกระทรวงกลาโหม และรฐั มนตรีวา การกระทรวงมหาดไทย รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และใหมีอํานาจออกกฎกระทรวงรว มกนั เพื่อปฏบิ ตั ิการใหเปน ไปตาม พระราชบัญญตั ิน้ี กฎกระทรวงน้ัน เมือ่ ไดประกาศในราชกิจจานุเบกษาแลวใหใชบงั คบั ได
- 273 - กฎหมายลําดบั รองทเ่ี กยี่ วของ 1. กฎกระทรวง ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2498) 2. กฎกระทรวง ฉบบั ท่ี 7 (พ.ศ. 2498) 3. กฎกระทรวง ฉบับท่ี 9 (พ.ศ. 2498) 4. กฎกระทรวง ฉบับท่ี 10 (พ.ศ. 2498) 5. กฎกระทรวง ฉบับที่ 9 (พ.ศ. 2498) 6. กฎกระทรวง ฉบบั ที่ 74 (พ.ศ. 2540) 7. กฎกระทรวง ฉบับที่ 36 (พ.ศ. 2516) 8. กฎกระทรวง ฉบับท่ี 37 (พ.ศ. 2516) 9. กฎกระทรวง ฉบบั ท่ี 39 (พ.ศ. 2516) 10.กฎกระทรวง ฉบับที่ 40 (พ.ศ. 2516) 11.กฎกระทรวงการผอนผันเขารับราชการเปนทหารกองประจาํ การแกบ คุ คลซึ่งอยูระหวาง การศึกษาหรอื เรียนรู พ.ศ. 2549 สรุปประเด็นทีน่ ายอาํ เภอมีอํานาจหนาท่ี 1. วธิ ีนับอายุ ถา ไมปรากฏปเกดิ ใหน ายอาํ เภอทองท่เี ปน ผกู าํ หนดโดยถอื เอาตามท่เี พ่ือนบาน เชื่อกนั วา อายเุ ทา ใด ประกอบกับการสังเกตรางกายเปน เกณฑส าํ หรบั กาํ หนดอายุ 2. ชายไทยอายยุ า งเขา 18 ป หรืออายุ 18 ปแ ตย งั ไมถึง 46 ปท ยี่ งั มิไดล งบญั ชีทหารกองเกนิ พรอมกับคนช้ันปเดียวกนั หรอื เม่ือจาํ เปนตองลงบัญชที หารกองเกินใหมตามคําส่ังนายอาํ เภอใหไปแสดง ตนลงบญั ชี 3. ทหารกองเกนิ ดวยตนเองหรอื ใหบ คุ คลซงึ่ บรรลุนิตภิ าวะและเช่ือถือไดแ จงแทน แลวแตกรณี ใหน ายอําเภอตรวจสอบหลักฐานสอบสวนขอเทจ็ จริงเม่ือเห็นวา ถกู ตอ งจงึ รับลงบัญชีและออกใบสาํ คัญ หรอื ใบรบั ให แลว รวบรวมรายงานใหจ งั หวดั ทราบตามกําหนด 4. ในเดอื นกนั ยายนทกุ ป ใหน ายอําเภอจดั การประกาศ ใหผูที่มอี ายุถึงกําหนดที่จะตองลงบญั ชี ทหารกองเกินไปแสดงตนลงบัญชีทหารกองเกิน ตามทีก่ ําหนดไวในมาตรา 16 5. สามเณรเปรียญ/ผอู ยรู ะหวางควบคุมหรอื คุมขังของเจาพนักงานเปน บุคคลท่ีไมต องไป แสดงตนลงบัญชีทหารกองเกินตอ นายอําเภอทองท่ี แตใหล งบญั ชีตามหลักเกณฑท่ีกาํ หนด 6. การเรียกทหารกองเกินเขารบั ราชการกองประจําการ ใหผูบ ัญชาการมณฑลทหารบก หรอื ผบู งั คบั การจงั หวัดทหารบก แลวแตกรณแี จงวา ตอ งการคนเทา ใด กําหนดรับคนเสร็จเม่อื ใด ตอ ผูว าราชการ จังหวดั ลว งหนา ไมน อยกวา 6 เดอื น เมื่อผูวา ราชการจงั หวัดไดรบั แจงแลวใหเ ฉล่ียคนทีถ่ ูกเรียกในจงั หวัด นน้ั เปนอําเภอตามสวนท่ีมีคนมากและนอย แลว แจง จาํ นวนคนท่ีเฉลี่ยแลว ใหผ ูบัญชาการมณฑลทหารบก หรือผูบ งั คบั การจังหวัดทหารบกทราบกอนวันตรวจเลอื กไมนอ ยกวา 3 เดือน และถาจํานวนคนที่เฉลย่ี ไว จาํ เปนจะตองเพิ่มขึ้นหรือลดลงใหผ ูวา ราชการจงั หวัดดาํ เนนิ การเฉลี่ยใหมกอ นหรือในวนั ตรวจเลือกได
- 274 - 7. การเรยี กทหารกองเกนิ เขารบั ราชการทหารกองประจาํ การนน้ั ใหน ายอาํ เภอ ออกหมายเรยี กฯ ทหารกองเกนิ ซ่ึงลงบญั ชีทหารกองเกนิ ไวตามมาตรา 16 มาตรา 18 และมาตรา 19 มาเขารบั การตรวจ เลอื กตามหลักเกณฑท่กี ําหนด 8. ทหารกองเกินอายยุ างเขา 21 ป และทหารกองเกินท่มี ีอายุตั้งแต 21 ป และยงั ไมถ งึ 30 ป ซึง่ อยูใ นกําหนดเรยี กฯ ตอ งไปแสดงตนรบั หมายเรยี ก ดวนตนเอง หรือใหบ คุ คลซึ่งบรรลนุ ติ ิภาวะ และเชอ่ื ถือไดร บั แทน แลวแตกรณี ใหนายอาํ เภอตรวจสอบหลักฐานและสอบสวนขอเท็จจริง เมอ่ื เห็นวา ถกู ตอง จึงมอบหมายเรยี กใหรับไป 9. ในเดือนตลุ าคมทุกป ใหน ายอําเภอจดั การประกาศใหท หารกองเกินทม่ี ีอายุยางเขา 21 ปในพุทธศกั ราชน้นั ไปแสดงตนเพ่ือรับหมายเรยี กที่อาํ เภอ ตามทีก่ ําหนดไวใน มาตรา 25 10. พระภกิ ษมุ ีสมณศกั ดิห์ รอื เปน เปรียญ/บุคคล ไมมีคุณวุฒทิ ่จี ะเปนทหารไดต ามกฎกระทรวง แจง ขอยกเวน ไมต องเขา รบั ราชการทหารกองประจาํ การใหน ายอาํ เภอตรวจสอบหลกั ฐานสอบสวนขอเท็จจริง เมอ่ื เหน็ วา ถูกตอง จงึ ดาํ เนนิ การยกเวน ให แลวแจง ใหจงั หวัดทราบ 11. พระภิกษุ สามเณร นักบวชในพุทธศาสนา ซ่งึ เปนนักธรรมฯ และบุคคลที่ไดสัญชาติไทย โดยการแปลงสัญชาติ หรือไดรบั โทษจาํ คกุ สิบปขึน้ ไปหรือโทษกักกัน แลวแตกรณีแจงขอยกเวน ไมเ รยี ก มาตรวจเลอื กเขา รับราชการทหารกองประจาํ การในยามปกติใหน ายอําเภอตรวจสอบหลกั ฐานและสอบสวน ขอเท็จจรงิ เมอื่ เหน็ วา ถูกตอง จงึ ดาํ เนนิ การยกเวน ให แลวแจงใหจ ังหวัดทราบ 12. นักบวชศาสนาอนื่ แจงขอยกเวนไมเ รียกมาตรวจเลือกเขารับราชการทหารกอง ประจาํ การในยามปกติ ใหน ายอาํ เภอตรวจสอบหลกั ฐานและสอบสวนขอเท็จจริง เมื่อเห็นวาถูกตอง จึงดําเนินการเสนอผูว าราชการจงั หวัดออกใบสําคัญยกเวน ให 13. ใหส ว นราชการท่เี ก่ียวของสงรายชื่อครูซึง่ จะไดร ับการยกเวน ไมเ รยี กมาตรวจเลือกเขา รับราชการทหารกองประจําการในยามปกติ ไปยงั ผูว าราชการจังหวัด ซึง่ ครูผนู ้ันทําการสอนอยูในทอ งท่ี กอนเดือน เมษายนของปท ถี่ ูกเรียก ไมนอยกวา 60 วัน เมื่อผวู าราชการจงั หวดั ออกใบสาํ คัญยกเวน แลว ใหแจงตอนายอําเภอ ทองทีท่ ี่เปน ภมู ิลําเนาทหารของครผู นู ัน้ ทราบ ถา ครูผนู ้นั มีภูมิลําเนาทหารอยใู นทอ งทจ่ี งั หวดั อื่น ใหผ ูว าราชการ จังหวดั ที่ออกใบสําคัญการยกเวน แจงตอผูวา ราชการจังหวดั ภมู ิลําเนาทหารเพ่ือดําเนินการแจง ตอนายอําเภอ ภมู ิลําเนาทหารของครผู ูนน้ั ทราบ ทง้ั นใ้ี หแจงตอกนั ภายใน 30 วัน 14. การผอนผนั เฉพาะคราวนักเรียนซง่ึ ออกไปศึกษาตางประเทศไมตอ งมาเขารบั การตรวจเลอื ก ตามหมายเรยี ก ซ่ึงรฐั มนตรวี า การกระทรวงมหาดไทยมอบอาํ นาจใหผ วู า ราชการจงั หวดั ในการพจิ ารณาอนุมัติ คอื (1) นกั เรยี นซ่ึงออกไปศกึ ษาตางประเทศโดยอยูใ นความปกครองท้ังฝา ยวิชาการและ ความประพฤติของผูดแู ลนักเรียนไทยของรฐั บาลไทย สาํ นักงาน ก.พ. ขอผอนผนั ตอผูวา ราชการจังหวัด (2) นักเรยี นซ่งึ ออกไปศึกษาตา งประเทศโดยไดร บั อนญุ าตจากกระทรวงมหาดไทย (ทุนสวนตัว และไมไดอยใู นความปกครองของ ก.พ.) ใหยื่นคํารองตอนายอําเภอภมู ลิ ําเนาทหาร เพ่อื ดําเนนิ การ ตรวจสอบหลักฐาน และสอบสวนขอเทจ็ จรงิ ตามหลักเกณฑท่ีกําหนด เมื่อเหน็ วาถูกตอ ง ใหรวบรวมหลักฐาน รายงานขอผอนผนั เฉพาะคราวตอ ผูวา ราชการจังหวดั 15. กรณที หารกองเกนิ ไมม าใหค ณะกรรมการตรวจเลอื กตามกาํ หนดในหมายเรยี กฯ ในกรณี เกิด เหตุสุดวิสัยไปเขาตรวจเลือกท่ีอน่ื หรือปว ยไมสามารถจะมาได ใหน ายอําเภอทาํ การตรวจสอบหลกั ฐาน และสอบสวนขอเท็จจริง แลวแจงผลการสอบสวนใหจังหวดั ทราบ
- 275 - 16. การผอ นผนั ไมส งเขา กองประจาํ การ ในคราวท่ีมคี นพอฯ คอื (1) บคุ คลท่จี าํ เปนตองหารเลีย้ งบิดาหรือมารดา ฯลฯ (2) บุคคลที่จําเปน ตองหาเล้ยี งบตุ รซงึ่ มารดาตายฯ หรอื ตองหาเล้ยี งพ่นี อ งรว มบิดา มารดา/รว มแตบดิ าหรือมารดา ซึ่งบดิ ามารดาตาย ซ่ึงบคุ คลตาม (1) , (2) ตองรองขอผอนผนั ตอนายอําเภอทองท่กี อนวันตรวจเลือกฯ ไมนอยกวา 30 วัน นายอําเภอตองสอบสวนหลกั ฐานไวกอ นวนั ตรวจเลือกเพ่ือใหค ณะกรรมการตรวจเลือกตดั สนิ ได ทนั ที (3) บุคคลที่อยูในระหวางการศึกษา การขอผอนผนั ใหสถานศึกษาตรวจสอบคณุ สมบัติ ผขู อผอ นผันแลว สงรายชื่อไปยังผวู าราชการจังหวัด ซ่งึ ผูน้นั มีภมู ลิ าํ เนาทหารอยู ภายในเดือนกุมภาพนั ธ ของปท่จี ะตองตรวจเลอื กฯ ผูไ ดร ับการการผอ นผนั ตาม (1) , (2) และ (3) จะตองไปแสดงตวั ตอ คณะกรรมการตรวจเลือก พระภกิ ษุ/สามเณร/นักบวชในพุทธศาสนา/ศาสนาอ่ืน/ผูอยรู ะหวางฝกวิชาทหาร/ครู/นกั ศกึ ษา/นักเรียนตางประเทศ และผูอยูระหวา งศึกษา ซ่ึงพน จากฐานะยกเวนและผอนผันท่กี ําหนด ใหแจงดว ยตนเองตอนายอาํ เภอทองที่ ภายใน 30 วนั นับแตว นั ที่พนจากฐานะเชน น้นั และใหนายอําเภอออกใบรับให ถา ผนู ้ันมีภูมิลาํ เนาทหารอยู ในทองทอ่ี ่ืนนายอาํ เภอทร่ี ับแจง แจง ตอ นายอําเภอทอ งท่ีภูมลิ ําเนาทหารของผูนน้ั วนั ตรวจเลือก 17. การเรยี กทหารกองเกนิ พลทหารกองหนนุ และนายทหารประทวน กองหนนุ เขารบั ราชการ ในการเรยี กพลเพือ่ ตรวจสอบ เพอื่ ฝก วชิ าทหารหรอื เพอื่ ทดลองความพรั่งพรอ มใหน ายอาํ เภอเปน ผูด ําเนินการ เรียกและสง ทหารเขารบั ราชการ 18. สําหรับการผอ นผนั ไมต องเรียกหรอื ไมตองเขา รับราชการในการเรยี กพลฯ ใหนายอําเภอ รบั คาํ รอ ง ดําเนนิ การตรวจสอบหลกั ฐานและสอบสวนทหารกองเกิน พลทหารกองหนุน และนายทหาร ประทวนกองหนนุ ทถ่ี ูกเรียกพล ตามหลักเกณฑทก่ี าํ หนดใหเปน อํานาจหนาที่และรวบรวมหลกั ฐาน รายงานใหผ วู าราชการจงั หวดั ทราบ 19. ใหผูซ ง่ึ รฐั มนตรวี าการกระทรวงกลาโหม กาํ หนดตามมาตรา 28 (แมท ัพภาค) มอี ํานาจ แตง ตง้ั คณะกรรมการชนั้ สงู ในทองท่ีแตล ะจังหวัด ประกอบดวย ผวู าราชการจงั หวดั /เจา หนาทสี่ ัสดไี มต าํ่ กวา สัสดจี งั หวดั และขาราชการอื่นไมตาํ่ กวา หวั หนาแผนกเปนกรรมการมีอํานาจพจิ ารณาตัดสนิ กรณีผทู ี่ตอ ง เขา กองประจาํ การ เหน็ วา คณะกรรมการตรวจเลือกตัดสินไมถูกตอง หรือไมย ตุ ิธรรม หรอื ในกรณมี ีขอขัดแยง ระหวางกรรมการตรวจเลอื ก ซึ่งทาํ คําชแี้ จงเสนอขึน้ มา 20. ใหนายอําเภอทอ งทที่ ม่ี ีการตรวจเลือก มหี นา ท่ีดังตอไปน้ี (1) จัดสถานท่ีทาํ การตรวจเลือก (2) จดั เจา หนาทแี่ ละเอกสารเกยี่ วกับการตรวจเลือก (3) จัดคนซ่งึ มาตรวจเลอื กใหร วมอยูเปนตําบล (4) สอบสวนบคุ คลซง่ึ รองขอในเหตุตาง ๆ (5) ตรวจทานและบันทกึ บญั ชเี รยี กของอําเภอตามผลการตรวจเลอื ก (6) ปฏิบัติการอืน่ ตามทีก่ ําหนดในกฎกระทรวง
- 276 - 21. ทหารกองเกนิ อายุเกิน 21 ป และยังไมถงึ 30 ป ไปประกอบอาชีพในทองท่ีอําเภออนื่ และนายอําเภอทองท่ีท่ไี ปอยูมอบแทนแลว หากไมสามารถไปตามหมายเรียกได เพราะไมม คี าพาหนะหรือ ไปไมทนั ใหน ายอําเภอทองที่ที่ไปอยูทาํ การสอบสวนขอเทจ็ จรงิ เมื่อเหน็ วาเปนความจริงใหรบั ตัวเขาทําการ ตรวจเลอื กหรือสงไปอําเภอใกลเคยี ง แลวแตกรณี 22. ทหารกองเกนิ ที่ถูกเขากองประจําการผูใด จักตองเริ่มเขารับราชการทหารกอง ประจาํ การเมื่อใด ใหน ายอําเภอทอ งท่ีทีร่ ับเขาตรวจเลอื กเปน ผูก ําหนดและออกหมายนัด 23. ทหารกองเกนิ ที่ถูกกําหนดสง เขากองประจาํ การ ภายหลังวนั ตรวจเลือกใหนายอําเภอ ทองท่ีเปน ผนู ําตวั ขนึ้ ทะเบยี นกองประจําการ 24. การปลดทหาร ตํารวจ ออกจากกองประจําการ และบุคคลซ่งึ สาํ เร็จการฝก วชิ าทหาร ทไ่ี ดขึน้ ทะเบียนกองประจาํ การแลว ปลดเปนทหารกองหนุน หรือการปลดทหารกองเกนิ ทหารกองหนนุ ที่พิการทุพพลภาพหรือมีโรคซ่ึงไมสามารถรับราชการทหารได เปนพนราชการทหาร แลวแตกรณี ใหปฏิบัติ ตามหลกั เกณฑที่กําหนดไวใ นบนั ทึกขอตกลงฯ ขอ 16-24 สาํ หรับอาํ เภอภมู ลิ ําเนาทหารเมอ่ื ไดรบั แจง การปลดจากจงั หวัดแลวใหด าํ เนินการบนั ทกึ การปลดในบัญชีทหารในสวนของอาํ เภอใหถูกตองตรงกัน 25. กรณีไดร ับแจงวา ผลู งบญั ชีทหารกองเกิน/ทหารกองเกิน/ทหารกองหนนุ ตาย ใหนายอาํ เภอ ทองที่ตรวจสอบหลักฐานและสอบสวนขอเท็จจริงเมอื่ เห็นวาถกู ตองใหด าํ เนินการจําหนา ยทะเบียนบัญชี ตามระเบยี บ แลวแจงใหจ งั หวดั ทราบ 26. ผลู งบญั ชที หารกองเกิน/ทหารกองเกนิ /ทหารกองหนุนใหแจง ตอนายอาํ เภอเมื่อไปอยู ตา งทอ งที่ชัว่ คราว เกิน 30 วนั ใหนายอําเภอทไ่ี ดรบั แจงทําการสอบสวน และออกใบรบั ให แลว แจง ให นายอําเภอทองทที่ ีผ่ ูนน้ั มีภมู ลิ ําเนาทหารทราบ 27. ผลู งบัญชที หารกองเกิน/ทหารกองเกิน/ทหารกองหนนุ ท่ตี อ งโทษตามคาํ พิพากษา ของศาล เมอ่ื รับตัวเขา คุมขงั ฯ แลวหรือเมื่อพนโทษเจาหนาทีผ่ ูควบคุมตองแจงตอผูวา ราชการจังหวัด แลว ผูวา ราชการจงั หวัดแจงไปยังนายอําเภอภมู ิลําเนาทหารของผูนน้ั 28. ผลู งบญั ชีทหารกองเกนิ /ทหารกองเกนิ /ทหารกองหนนุ ใหแ จงตอนายอําเภอทองทท่ี ีเ่ ขา มาอยเู มื่อมีความประสงคจะยายภมู ิลาํ เนาทหารใหน ายอําเภอท่ีไดร ับแจง ทําการตรวจสอบหลักฐานและ สอบสวนขอ เท็จจริง แลว แจงไปยังนายอาํ เภอทองท่ที เ่ี ปน ภูมิลาํ เนาทหารเดิมทราบ เมื่อไดรับตอบยนื ยนั เปนการถูกตอง จึงใหรบั แจง การยายภูมิลําเนาทหารของบุคคลนั้นและรบั ลงบญั ชที หารฯ พรอมกับออกในรับให แลว นายอําเภอที่เกีย่ วของแจงใหผ วู า ราชการจังหวัดของตนทราบ เพ่ือดําเนินการในสว นของจังหวดั ตอไป 29. ผลู งบญั ชที หารกองเกิน/ทหารกองเกิน/ทหารกองหนนุ เมอ่ื ไดรับอนุญาตใหเ ปลี่ยน ช่ือตัว หรือช่ือสกุลใหแจงตอนายอําเภอทอ งที่ทีเ่ ปนภมู ลิ ําเนาทหารและใหนายอําเภอออกใบรับให พรอมท้งั แกไ ขใบสาํ คญั และบัญชฯี ใหถ กู ตอง แลว รวบรวมหลักฐานรายงานใหจังหวัดทราบเพือ่ แกไ ขบญั ชฯี ใหถ ูกตอ ง ตรงกนั สว นหนังสือสําคัญหรือใบสาํ คญั ทจี่ งั หวดั ออกใหต องสง สําเนาหลักฐานการเปลย่ี นชอ่ื ใหจงั หวัดดาํ เนินการ แกไ ข 30. หนังสือสําคญั /ใบสาํ คัญซ่งึ เจาหนาท่ีใหไวแกผ ลู งบัญชีทหารกองเกิน/ทหารกองเกนิ / ทหารกองหนนุ ชํารดุ หรอื สูญหาย ไมแจง ตอนายอาํ เภอดวยตนเอง ภายใน 30 วนั นับแตว ันที่สามารถ แจง ไดเ พ่อื รบั ใหม ตามมาตรา 9 , 16, 18, 19, 40 ตอ งระวางโทษปรบั ไมเกนิ 12 บาท
- 277 - 31. กรณที หารกองเกิน หรอื ทหารกองหนนุ ไมปฏบิ ตั ติ าม มาตรา 12 , 12 ทวิ , 15 , 16 , 18 , 19, 21, 25 ใหน ายอําเภอรอ งทกุ ขกลา วโทษตอ พนกั งานสอบสวน เพอื่ ดําเนนิ คดี ตามมลู ฐานความผิด 32. กรณที หารกองเกนิ หลกี เลีย่ งขดั ขนื ไมเขารบั การตรวจเลือกหรอื บุคคลใดกระทาํ การ ทจุ รติ เพื่อชว ยเหลือผูห นึ่งผใู ด ไมใหต องเขารบั ราชการทหารกองประจาํ การ ใหนายอาํ เภอรองทุกข กลา วโทษ ตอ พนักงานสอบสวนเพอ่ื ดําเนินคดตี ามมลู ฐานความผิด 33. ใหรฐั มนตรวี า การกระทรวงกลาโหมและรฐั มนตรวี า การกระทรวงมหาดไทย รกั ษาการ ตามพระราชบัญญตั นิ ี้ ใหมีอํานาจออกกฎกระทรวงรว มกนั เพือ่ ปฏิบัติการใหเปน ไปตามพระราชบัญญัตินี้ 3.๑๑ กระทรวงศึกษาธกิ าร 3.11.๑ สํานักงานปลัดกระทรวง กระทรวงศกึ ษาธิการ สํานักงานปลดั กระทรวง กระทรวงศึกษาธิการ มกี ฎหมายทเี่ กีย่ วของกบั อํานาจหนา ท่ี ของนายอําเภอสรุปได ดังนี้ (1) พระราชบญั ญตั โิ รงเรยี นเอกชน พ.ศ. ๒๕๕๐ มาตราทเ่ี กย่ี วขอ ง มาตรา ๔ ในพระราชบัญญัตนิ ้ี “โรงเรียน” หมายความวา สถานศึกษาของเอกชนทจ่ี ัดการศึกษาไมว า จะเปนโรงเรยี นในระบบ หรอื โรงเรยี นนอกระบบ ทม่ี ิใชเ ปนสถาบันอุดมศกึ ษาของเอกชนตามกฎหมายวาดวยสถาบนั อดุ มศึกษาเอกชน “โรงเรียนในระบบ” หมายความวา โรงเรียนทีจ่ ัดการศกึ ษาโดยกําหนดจุดมุงหมาย วิธกี าร ศกึ ษา หลกั สตู ร ระยะเวลาของการศึกษา การวดั และประเมินผลซึง่ เปน เงื่อนไขของการสาํ เร็จการศึกษา ทแี่ นนอน “โรงเรียนนอกระบบ” หมายความวา โรงเรยี นท่ีจดั การศึกษาโดยมีความยดื หยุนในการกําหนด จุดมงุ หมาย รูปแบบ วธิ ีการจดั การศึกษา ระยะเวลาของการศกึ ษา การวดั และประเมนิ ผล ซ่งึ เปนเงือ่ นไข สําคญั ของการสาํ เรจ็ การศึกษา “นักเรยี น” หมายความวา ผรู ับการศกึ ษาในโรงเรยี น “ผรู ับใบอนญุ าต” หมายความวา ผรู ับใบอนุญาตใหจ ดั ต้ังโรงเรยี น “ผจู ดั การ” หมายความวา ผูจัดการของโรงเรียนในระบบ “ผอู ํานวยการ” หมายความวา ผูอํานวยการของโรงเรียนในระบบ “ผบู ริหาร” หมายความวา ผูบริหารของโรงเรียนนอกระบบ “ครู” หมายความวา บุคลากรวชิ าชีพซงึ่ ทําหนาทหี่ ลักทางดานการเรียนการสอนและสง เสรมิ การเรยี นรดู วยวธิ ีการตาง ๆ ในโรงเรียน “ผูส อน” หมายความวา ผทู ําหนาที่ดา นการเรยี นการสอนและสง เสรมิ การเรียนรดู วยวิธกี ารตางๆ ในโรงเรียนนอกระบบ
- 278 - “บคุ ลากรทางการศกึ ษา” หมายความวา ผูส นับสนนุ การศกึ ษาซง่ึ เปนผูทาํ หนา ท่ีใหบริการ หรอื ปฏบิ ตั งิ านเกย่ี วเนอ่ื งกบั การจดั กระบวนการเรยี นการสอน การนเิ ทศ และการบรหิ ารการศกึ ษาในโรงเรียน “ผูอนญุ าต” หมายความวา เลขาธกิ ารคณะกรรมการสง เสรมิ การศกึ ษาเอกชนหรอื ผอู าํ นวยการ สํานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาซ่งึ เลขาธกิ ารคณะกรรมการสงเสรมิ การศึกษาเอกชนมอบหมาย “คณะกรรมการ” หมายความวา คณะกรรมการสง เสรมิ การศึกษาเอกชน “ตราสารจดั ตงั้ ” หมายความวา ตราสารจัดตั้งนติ บิ คุ คลของโรงเรียนในระบบ “กองทนุ ” หมายความวา กองทุนสงเสริมโรงเรียนในระบบ “พนักงานเจาหนาท่ี” หมายความวา ขาราชการซึ่งรัฐมนตรีแตงต้งั ใหป ฏิบัติการตาม พระราชบญั ญตั ิน้ี “รัฐมนตรี” หมายความวา รัฐมนตรผี รู กั ษาการตามพระราชบัญญตั ินี้ มาตรา ๗ ใหร ัฐมนตรวี า การกระทรวงศกึ ษาธิการรักษาการตามพระราชบญั ญตั นิ ้ี และใหม ีอาํ นาจ แตง ต้ังพนักงานเจาหนาทก่ี ับออกกฎกระทรวงกําหนดอตั ราคาธรรมเนยี มไมเกินอัตราทา ยพระราชบัญญตั ินี้ และกาํ หนดกจิ การอื่นตามพระราชบญั ญตั นิ ี้ กฎกระทรวง นัน้ เม่ือไดประกาศในราชกิจจานุเบกษาแลว ใหใ ชบ ังคบั ได มาตรา ๙๓ เมอื่ ความปรากฏตอพนักงานเจาหนาที่หรือมีผรู องเรียนวา โรงเรยี นในระบบ กอ ใหเกิดความเดอื ดรอนหรอื เสยี หายแกป ระชาชน มีพฤติการณอนั เปน ภัยตอความสงบเรียบรอ ยหรอื ศลี ธรรมอนั ดขี องประชาชน หรอื มกี ารฝาฝนพระราชบัญญัตินี้ ใหพนักงานเจาหนา ทีม่ หี นาทดี่ ําเนินการ ตรวจสอบเพ่อื ทราบขอเทจ็ จริงโดยเรว็ แลว รายงานผลการตรวจสอบตอ ผูอ นุญาตเพ่ือพจิ ารณาส่ังการ ตามอํานาจหนาทต่ี อไป มาตรา ๑๒๗ ใหนาํ บทบญั ญัติดังตอไปน้ี รวมทงั้ บทกําหนดโทษท่ีเก่ียวของมาใชบงั คับแก โรงเรียนนอกระบบโดยอนุโลม (๑) มาตรา ๒๑ มาตรา ๒๒ มาตรา ๒๘ มาตรา ๒๙ มาตรา ๓๓ และมาตรา ๔๓ วรรคหนึ่งและ วรรคสาม และมาตรา ๔๘ (๓) (๔) และ (๕) (๒) มาตรา ๗๓ มาตรา ๗๔ มาตรา ๗๕ มาตรา ๗๖ มาตรา ๗๗ มาตรา ๗๘ มาตรา ๗๙ และมาตรา ๘๐ สาํ หรบั ผบู รหิ าร ครู และบคุ ลากรทางการศึกษา (๓) บทบญั ญตั สิ วนที่ ๖ สวนท่ี ๗ สว นที่ ๘ สว นที่ ๙ และสวนที่ ๑๑ ของหมวด ๒ มาตรา ๑๒๘ ในการปฏิบัตหิ นาท่ีตามพระราชบัญญัตนิ ้ี ใหพนักงานเจา หนา ทม่ี อี ํานาจเขาไป ในโรงเรยี นในระหวา งเวลาทาํ การ และมหี นงั สือเรยี กผซู ึ่งเกยี่ วของมาใหถ อยคาํ สง เอกสาร หรือวัตถทุ ี่เกีย่ วของ เพือ่ ประกอบการพิจารณา การเขา ไปในโรงเรยี นตามวรรคหนง่ึ พนกั งานเจา หนา ทต่ี อ งแสดงบัตรประจําตวั แกผซู ง่ึ เก่ยี วขอ ง และใหผ ซู ่ึงเกยี่ วขอ งอํานวยความสะดวกแกพนักงานเจา หนา ทีต่ ามสมควร บตั รประจําตวั พนักงานเจาหนาที่ ใหเ ปน ไปตามท่ีกําหนดในกฎกระทรวง มาตรา ๑๒๙ ในการปฏิบัตหิ นาท่ตี ามพระราชบัญญัตนิ ี้ ใหพ นักงานเจาหนา ท่ีและกรรมการ วนิ ิจฉยั อทุ ธรณตามมาตรา ๑๑๗ เปน เจาพนกั งานตามประมวลกฎหมายอาญา
- 279 - กฎหมายลาํ ดับรองท่ีเกย่ี วขอ ง 1. ประกาศกระทรวงศกึ ษาธิการ เรอ่ื ง แตงต้งั พนกั งานเจา หนาท่ตี ามพระราชบัญญัตโิ รงเรียน เอกชน พ.ศ. ๒๕๕๐ อาศัยอํานาจตามมาตรา 7 แหงพระราชบญั ญตั ิโรงเรียนเอกชน พ.ศ. 2550 รัฐมนตรวี าการ กระทรวงศกึ ษาธิการ จึงแตงต้ังพนักงานเจาหนา ทตี่ ามพระราชบญั ญัติโรงเรียนเอกชน พ.ศ. 2550 ดังตอไปนี้ 16. ผูวา ราชการจงั หวดั รองผูว าราชการจังหวัด นายอาํ เภอ ปลัดอาํ เภอหัวหนา กิ่งอาํ เภอ สรุปประเดน็ ท่นี ายอําเภอมอี ํานาจหนาที่ นายอาํ เภอเปนพนักงานเจาหนาที่ มีอํานาจหนาท่ี ดงั นี้ 1. ดาํ เนนิ การตรวจสอบเพอ่ื ทราบขอ เทจ็ จรงิ โดยเรว็ แลว รายงานผลการตรวจสอบตอ ผูอนญุ าต เพ่ือพจิ ารณาสง่ั การ กรณีความปรากฏวา โรงเรยี นในระบบรวมทง้ั โรงเรยี นนอกระบบกอใหเกิดความเสยี หาย แกประชาชน มีพฤติการณอันเปนภัยตอความสงบเรียบรอยหรือศิลธรรมอันดีของประชาชน 2. เขาไปในโรงเรยี นในระหวา งเวลาทาํ การ และมีหนงั สือเรยี กผซู ่ึงเก่ียวของมาใหถอ ยคาํ สง เอกสารหรอื วตั ถทุ ่ีเก่ียวขอ งได 3. เปน เจา พนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา (๒) พระราชบญั ญัติคมุ ครองเด็ก พ.ศ. ๒๕46 มาตราท่เี ก่ียวขอ ง มาตรา ๔ ในพระราชบัญญตั นิ ้ี “เด็ก” หมายความวา บุคคลซ่ึงมีอายตุ ํ่ากวา สิบแปดปบ รบิ ูรณแ ตไมรวมถงึ ผูทบี่ รรลนุ ติ ภิ าวะ ดว ยการสมรส “เด็กเรรอน” หมายความวา เดก็ ที่ไมมบี ิดามารดาหรือผูปกครองหรือมีแตไมเ ลี้ยงดูหรอื ไมส ามารถ เลี้ยงดูไดจนเปนเหตุใหเด็กตองเรรอนไปในทีต่ างๆ หรือเด็กท่ีมีพฤติกรรมใชช ีวติ เรร อนจนนาจะเกิดอันตราย ตอสวัสดิภาพของตน “เดก็ กําพรา” หมายความวา เด็กทบี่ ิดาหรือมารดาเสียชีวิต เดก็ ท่ีไมปรากฏบิดามารดาหรือไมส ามารถ สืบหาบดิ ามารดาได “เดก็ ที่อยใู นสภาพยากลาํ บาก” หมายความวา เดก็ ท่ีอยูในครอบครวั ยากจนหรือบิดามารดา หยา รา ง ทิ้งราง ถกู คมุ ขงั หรือแยกกนั อยูแ ละไดรบั ความลาํ บาก หรอื เด็กทตี่ องรับภาระหนาที่ในครอบครัว เกินวยั หรอื กําลงั ความสามารถและสติปญ ญา หรอื เด็กทไี่ มสามารถชว ยเหลือตวั เองได “เดก็ พกิ าร” หมายความวา เด็กทีม่ ีความบกพรองทางรางกาย สมอง สตปิ ญ ญาหรือจิตใจ ไมว า ความบกพรองนนั้ จะมีมาแตกําเนดิ หรือเกิดขนึ้ ภายหลงั
- 280 - “เดก็ ทเ่ี สย่ี งตอ การกระทําผดิ ” หมายความวา เด็กทีป่ ระพฤติตนไมส มควร เด็กที่ประกอบ อาชีพหรอื คบหาสมาคมกบั บุคคลท่ีนาจะชักนําไปในทางกระทําผดิ กฎหมายหรือขัดตอศลี ธรรมอนั ดีหรือ อยูในสภาพแวดลอมหรอื สถานทอ่ี ันอาจชกั นาํ ไปในทางเสียหาย ทงั้ นี้ ตามที่กําหนดในกฎกระทรวง “นกั ศึกษา” หมายความวา เด็กซ่ึงกาํ ลังรับการศึกษาระดับอุดมศึกษาหรือเทยี บเทาอยูใ นสถานศึกษา ของรฐั หรอื เอกชน “นักเรยี น” หมายความวา เด็กซึง่ กําลังรับการศกึ ษาข้นั พ้ืนฐานระดับประถมศึกษาและ มธั ยมศกึ ษา ทง้ั ประเภทสามัญศึกษาและอาชวี ศึกษาหรอื เทียบเทา อยใู นสถานศึกษาของรฐั หรือเอกชน “บิดามารดา” หมายความวา บิดามารดาของเดก็ ไมวา จะสมรสกันหรือไม “ผปู กครอง” หมายความวา บิดามารดา ผอู นุบาล ผูร ับบุตรบุญธรรม และผปู กครองตาม ประมวลกฎหมายแพง และพาณชิ ย และใหห มายความรวมถึงพอเลี้ยงแมเล้ยี งผปู กครองสวสั ดภิ าพ นายจา ง ตลอดจนบุคคลอน่ื ซ่ึงรับเดก็ ไวใ นความอปุ การะเล้ียงดหู รือซงึ่ เด็กอาศยั อยดู ว ย “ครอบครวั อปุ ถัมภ” หมายความวา บคุ คลท่ีรับเด็กไวอปุ การะเลีย้ งดูอยางบุตร “การเลีย้ งดโู ดยมิชอบ” หมายความวา การไมใ หก ารอปุ การะเลี้ยงดูอบรมส่ังสอนหรอื พัฒนา เดก็ ตามมาตรฐานข้นั ต่ําท่กี ําหนดในกฎระทรวง จนนาจะเกิดอันตรายแกรางกายหรือจิตใจของเด็ก “ทารุณกรรม” หมายความวา การกระทําหรือละเวนการกระทาํ ดวยประการใดๆ จนเปน เหตุ ใหเ ดก็ เส่ือมเสียเสรภี าพหรอื เกิดอนั ตรายแกร างกายหรือจิตใจ การกระทําผิดทางเพศตอเดก็ การใชเด็กให กระทาํ หรือประพฤติในลักษณะท่ีนา จะเปนอนั ตรายแกรางกายหรือจติ ใจหรือขัดตอกฎหมายหรอื ศีลธรรม อนั ดี ท้ังนี้ ไมว า เด็กจะยนิ ยอมหรอื ไมกต็ าม “สืบเสาะและพนิ ิจ” หมายความวา การคนหาและรวบรวมขอเท็จจริงเกี่ยวกับบุคคลและ นํามาวเิ คราะหว ินิจฉัยตามหลักวิชาการทางสังคมสงเคราะหแพทย จติ วทิ ยา กฎหมายและหลกั วชิ าการ อ่นื ท่เี กีย่ วขอ งกบั บุคคลและครอบครัวของบคุ คลน้นั “สถานรับเล้ยี งเดก็ ” หมายความวา สถานทร่ี ับเลี้ยงและพัฒนาเด็กทม่ี ีอายุไมเกนิ หกปบริบูรณและ มจี ํานวนตั้งแตหกคนข้ึนไป ซ่งึ เดก็ ไมเกีย่ วของเปนญาตกิ ับเจา ของหรือผูดําเนินการสถานรับเล้ียงเด็กดงั กลาว ทั้งน้ี ไมร วมถึงสถานพยาบาลหรอื โรงเรียนทั้งของรฐั และเอกชน “สถานแรกรับ” หมายความวา สถานทีร่ ับเด็กไวอปุ การะเปน การช่วั คราวเพ่ือสืบเสาะและ พนิ ิจเด็กและครอบครวั เพอื่ กําหนดแนวทางในการสงเคราะหและคมุ ครองสวัสดิภาพทเ่ี หมาะสมแกเ ด็ก แตล ะราย “สถานสงเคราะห” หมายความวา สถานที่ใหการอปุ การะเลีย้ งดูและพัฒนาเดก็ ท่จี าํ ตอง ไดร บั การสงเคราะห ซึ่งมีจาํ นวนตั้งแตห กคนขึ้นไป “สถานคมุ ครองสวสั ดิภาพ” หมายความวา สถานท่ีใหก ารศึกษา อบรม ฝกอาชีพ เพื่อแกไข ความประพฤตบิ ําบัด รกั ษา และฟนฟสู มรรถภาพท้งั ทางดา นรางกายและจติ ใจแกเ ด็กที่พึงไดรบั การคมุ ครอง สวัสดภิ าพ “สถานพัฒนาและฟน ฟู” หมายความวา สถานที่ โรงเรียน สถาบัน หรือศนู ยท่ีจัดขึน้ เพื่อให การบําบดั รกั ษา การฟน ฟสู มรรถภาพท้งั ทางดา นรา งกายและจิตใจ ตลอดจนการศึกษาแนะแนว และการ ฝก อบรมอาชพี แกเ ด็กท่ีจาํ ตองไดรับการสงเคราะหห รือคุมครองสวัสดภิ าพเปน กรณีพเิ ศษ
- 281 - “สถานพนิ จิ ” หมายความวา สถานพินจิ และคุมครองเด็กและเยาวชนกรงุ เทพมหานครสถาน พินิจและคุมครองเดก็ และเยาวชนจงั หวดั และสถานพนิ ิจและคุมครองเด็กและเยาวชนของแผนกคดีเยาวชน และครอบครวั ในศาลจังหวดั ซ่ึงจดั ต้ังขึ้นตามกฎหมายวาดวยการจัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวและวธิ ี พิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว “กองทนุ ” หมายความวา กองทุนคุมครองเด็ก “คณะกรรมการ” หมายความวา คณะกรรมการคมุ ครองเด็กแหงชาติ “พนกั งานเจา หนาท”ี่ หมายความวา ผซู ึง่ รัฐมนตรีแตงต้ังใหปฏิบัติการตามพระราชบญั ญตั ินี้ “ผวู า ราชการจังหวัด” หมายความรวมถึงผวู าราชการกรุงเทพมหานครและผซู ่ึงไดร ับมอบหมาย จากผวู าราชการจังหวดั “ปลัดกระทรวง” หมายความวา ปลดั กระทรวงการพฒั นาสงั คมและวามมน่ั คงของมนุษย และหมายความรวมถึงผูซึง่ ไดรบั มอบหมายจากปลดั กระทรวง “รัฐมนตรี” หมายความวา รัฐมนตรผี รู ักษาการตามพระราชบัญญตั ินี้ มาตรา ๖ ใหรัฐมนตรีวา การกระทรวงการพฒั นาสงั คมและความมั่นคงของมนุษย รฐั มนตรีวาการกระทรวงมหาดไทย รฐั มนตรวี า การกระทรวงศึกษาธกิ าร และรฐั มนตรวี าการกระทรวง ยุตธิ รรม รกั ษาการตามพระราชบัญญตั ิน้แี ละใหรฐั มนตรีแตล ะกระทรวงมีอํานาจแตง ตงั้ พนกั งาน เจา หนาท่กี บั ออกกฎกระทรวงหรือระเบยี บเพ่ือปฏบิ ัติการตามพระราชบัญญตั นิ ี้ ท้งั นี้ ในสวนท่ีเกยี่ วกบั ราชการของกระทรวงนั้น กฎกระทรวงหรือระเบียบนั้น เม่ือไดประกาศในราชกจิ จานุเบกษาแลวใหใชบ งั คบั ได มาตรา ๖๔ นกั เรยี นและนกั ศกึ ษาตองประพฤติตนตามระเบยี บของโรงเรยี นหรอื สถานศึกษาและ ตามทก่ี ําหนดในกฎกระทรวง มาตรา ๖๕ นักเรียนหรอื นักศึษาผูใ ดฝาฝนมาตรา ๖๔ ใหพ นกั งานเจา หนา ท่ีปฏิบัตติ ามระเบียบ ที่รฐั มนตรกี าํ หนด และมีอาํ นาจนาํ ตัวไปมอบแกผูบรหิ ารโรงเรียนหรือสถานศึกษาของนักเรียนหรือนกั ศึกษาน้ัน เพ่ือดําเนินการสอบถามและอบรมสัง่ สอนหรอื ลงโทษตามระเบียบ ในกรณีท่ีไมส ามารถนําตัวไปมอบได จะแจงดว ยวาจาหรือเปน หนงั สือกไ็ ด เมอ่ื ไดอ บรมส่งั สอนหรอื ลงโทษนักเรียนหรอื นักศึกษาแลว ใหพ นักงานเจา หนา ทห่ี รอื ผบู ริหาร โรงเรียนหรือสถานศึกษาแจงใหผ ูปกครองวา กลา วตกั เตือนหรือสง่ั สอนเด็กอีกชัน้ หนง่ึ การลงโทษนกั เรียนหรือนกั ศึกษาใหกระทําเทาท่ีสมควรเพ่ือการอบรมสัง่ สอนตามระเบียบ ทร่ี ัฐมนตรกี ําหนด มาตรา ๖๖ พนกั งานเจา หนาที่ตามหมวดน้มี ีอํานาจดําเนินการเพือ่ สง เสริมความประพฤติ นกั เรยี นและนักศึกษา ดงั ตอ ไปนี้ (๑) สอบถามครู อาจารยหรือหวั หนา สถานศึกษา เกย่ี วกบั ความประพฤติการศกึ ษา นสิ ยั และ สติปญญาของนักเรียนหรือนักศกึ ษาท่ฝี าฝน มาตรา ๖๔ (๒) เรยี กใหผูปกครอง ครูอาจารยห รือหัวหนา สถานศึกษาท่นี ักเรียนหรอื นักศึกษานน้ั กาํ ลงั ศกึ ษาอยมู ารับตัวนักเรยี นหรือนกั ศึกษา เพื่อวา กลาวอบรมสงั่ สอนตอไป (๓) ใหคําแนะนําแกผ ปู กครองในเรือ่ งการอบรมและสัง่ สอนนักเรยี นหรอื นักศึกษา
- 282 - (๔) เรยี กผูป กครองมาวา กลาวตักเตือน หรอื ทําทัณฑบนวา จะปกครองดแู ลมใิ หน ักเรียนหรือ นกั ศึกษาฝา ฝนมาตรา ๖๔ อกี (๕) สอดสองดแู ลรวมทั้งรายงานตอคณะกรรมการเกยี่ วกบั พฤติกรรมของบุคคลหรือแหลง ท่ี ชักจูงนกั เรียนหรอื นักศึกษาใหป ระพฤตใิ นทางมชิ อบ (๖) ประสานงานกับผูบริหารโรงเรียนหรือสถานศึกษา ครผู ปู กครอง ตาํ รวจ หรอื พนักงาน เจา หนาท่ีอื่นเพ่ือดาํ เนินการใหเปน ไปตามหมวดนี้ มาตรา ๖๗ ในกรณีมเี หตุอันควรสงสยั วา มีการฝาฝน กฎหมายระเบยี บเกย่ี วกับความประพฤติ ของนักเรยี นหรอื นักศึกษา ใหพนักงานเจาหนา ท่ีมีอาํ นาจเขาไปในเคหสถาน สถานที่ หรือยานพาหนะใดๆ ในระหวางเวลาพระอาทติ ยขน้ึ ถงึ พระอาทติ ยตก หรอื ในระหวา งเวลาทาํ การเพ่ือทําการตรวจสอบการฝาฝน ดงั กลา วได ในการปฏบิ ตั หิ นาทีต่ ามวรรคหนึง่ พนกั งานเจาหนาทตี่ องแสดงบตั รประจาํ ตัวกอนและให บุคคลท่เี กย่ี วของอาํ นายความสะดวกตามสมควร บัตรประจาํ ตวั พนักงานเจาหนาที่ ใหเ ปนไปตามแบบที่รฐั มนตรีกาํ หนดโดยประกาศในราช กจิ จานเุ บกษา กฎหมายลําดับรองท่ีเกีย่ วขอ ง 1. ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง แตงต้งั เจาหนา ที่ของรัฐใหป ฏิบตั หิ นา ท่ีพนกั งานเจาหนา ที่ สง เสรมิ ความประพฤตินักเรียนและนักศึกษา ลงวนั ที่ 13 กนั ยายน 2548 ขอ 3 ใหขาราชการสังกัดกระทรวงมหาดไทย ซึ่งดํารงตําแหนงตอไปนี้ เปนพนักงาน เจา หนาทส่ี งเสรมิ ความประพฤตินักเรยี นนักศกึ ษา (1) ผวู าราชการจังหวัด (๒) อธบิ ดกี รมสง เสริมการปกครองทอ งถน่ิ (3) รองผูวา ราชการจงั หวัด (4) รองอธบิ ดีกรมสง เสรมิ การปกครองทอ งถิน่ (5) ปลัดจังหวดั (6) ผตุ รวจราชการกรมสงเสริมการปกครองทองถ่นิ (7) ผูอาํ นวยการสาํ นกั ประสานและพัฒนาการจัดการศกึ ษาทอ งถน่ิ (8) นายอาํ เภอ (9) ผอู ํานวยการสว นสงเสรมิ การศึกษานอกระบบและพัฒนากิจกรรมเยาวชน (10) ผอู ํานวยการสวนวิชาการและมาตรฐานการศึกษาทอ งถน่ิ (11) ปลัดอาํ เภอผูเ ปนหวั หนาประจํากง่ิ อําเภอ
- 283 - ๒. ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ วาดวยการปฏิบัติหนาทีข่ องพนักงานเจาหนาที่สงเสริมความ ประพฤตินกั เรียนและนักศึกษา พ.ศ. 2548 ขอ ๔ ในระเบียบนี้ “พนักงานเจาหนาที่” หมายความวา พนักงานเจาหนาทีส่ งเสริมความประพฤตินักเรียน นกั ศึกษา ตามหมวด 7 แหงพระราชบัญญัตคิ มุ ครองเด็ก พ.ศ. 2546 ขอ ๔ พนักงานเจาหนาทีม่ ีอํานาจดําเนินการเพื่อสงเสริมความประพฤตินักเรียนและ นกั ศกึ ษา ดังตอไปน้ี (1) สอบถามครู อาจารย หรอื หัวหนาสถานศึกษา เก่ียวกับความประพฤติ การศึกษา นสิ ัย และสตปิ ญญา ของนักเรียนหรือนักศึกษาที่ฝาฝนกฎกระทรวงวา ดว ยความประพฤติของนักเรียนและนักศึกษา หรือระเบียบของโรงเรียนหรือสถานศึกษา (2) เรยี กใหผ ูปกครอง ครู อาจารย หรือหวั หนาสถานศึกษาท่ีนกั เรียนหรือนักศกึ ษานั้นกาํ ลังศึกษาอยู มารับตวั นักเรยี นหรือนักศกึ ษา เพ่อื วากลาว อบรม สงั่ สอน ตอไป (3) ใหคําแนะนําแกผูปกครองในเรื่องการอบรมและส่ังสอนนักเรยี นหรือนกั ศกึ ษา (4) เรียกผูป กครองมาวา กลา วตกั เตอื นหรือทาํ ทัณฑบนวาจะปกครองดแู ลมใิ หนักเรียนหรือ นักศกึ ษาฝา ฝนกฎกระทรวงวาดวยความประพฤติของนักเรียนและนักศึกษา หรือระเบียบของโรงเรียน หรอื สถานศึกษาอกี (5) สอดสอ ง ดแู ล รวมท้ังรายงานตอคณะกรรมการคมุ ครองเดก็ แหง ชาตเิ กี่ยวกับพฤติกรรม ของบุคคลหรือแหลงท่ชี กั จูงนักเรยี นหรือนักศกึ ษาใหป ระพฤติในทางมิชอบ (6) ประสานงานกบั ผูบรหิ ารโรงเรยี นหรอื สถานศึกษา ครู ผูปกครอง ตาํ รวจ หรือพนักงาน เจาหนา ท่ีอ่ืน ขอ 5 เมือ่ พนักงานเจาหนาที่พบเห็นนักเรียนหรือนักศึกษาประพฤติตนไมเหมาะสมตาม กฎกระทรวงวาดวยความประพฤติของนักเรียนและนักศึกษา หรือระเบียบของโรงเรียน หรือสถานศึกษา ใหป ฏิบตั ิดังน้ี (1) แสดงบัตรประจาํ ตัวพนกั งานเจา หนา ท่ี (2) บนั ทึกขอ มูลทเี่ กยี่ วกบั นกั เรยี นหรอื นกั ศึกษา และพฤตกิ ารณการกระทํา ณ สถานที่ท่พี บเห็น การกระทํานัน้ (3) ซักถามขอ เท็จจรงิ ท่ีเกีย่ วกบั การกระทําของนกั เรยี นหรอื นกั ศึกษา โดยไมบังคบั ขมขู กล่ันแกลง หรือทําใหหวาดกลัว รวมทงั้ ใหก ารอบรมสงั่ สอนอยางสภุ าพ และชวยเหลือในเบ้ืองตน โดยคาํ นงึ ถงึ อายุ และสภาพจิตใจของนักเรยี นหรือนักศกึ ษา (4) นาํ ตัวไปสง มอบแกผบู รหิ ารโรงเรียนหรือสถานศกึ ษาของนักเรียนหรือนกั ศึกษานั้น เพอ่ื ดาํ เนนิ การ สอบถามและอบรมสัง่ สอนหรือลงโทษตามระเบียบ ในกรณที ีม่ สามารถนําตัวไปมอบไดจ ะแจงดว ยวาจาหรอื เปน หนงั สือกไ็ ด
- 284 - ขอ 6 ในกรณีพนักงานเจาหนาทีพ่ บนักเรียนหรือนักศึกษามีพฤติการณเขาขายกระทําความผิดอาญา และอาจกอ ใหเ กิดภยันตรายอยา งรา ยแรง หรือกอ เหตุทะเลาะววิ าทจนไมอ าจควบคมุ สถานการณไวได ใหแ จง เจา พนักงานตาํ รวจ เพื่อระงบั เหตุ รวมทั้งประสานงานกับโรงเรียนหรือสถานศึกษา และสวนราชการตน สงั กัดโดยเร็ว ขอ 7 ในกรณที ีม่ ีนักเรียนหรือนักศึกษาถูกกลา วหาวา กระทําความผดิ อาญาและถูกจบั กุม ควบคุมตัว ใหพ นักงานเจาหนาท่ปี ระสานใหส ถานศกึ ษาและผูปกครอง เพ่ือใหความสงเคราะหชวยเหลือเบ้ืองตนโดยเร็ว สรปุ ประเดน็ ทนี่ ายอําเภอมีอํานาจหนา ท่ี นายอําเภอเปน พนักงานเจา หนาท่ีสง เสริมความประพฤตนิ ักเรยี นและนักศกึ ษา มีอํานาจหนาที่ ดังน้ี 1. มีหนา ทป่ี ฏบิ ัตติ ามระเบยี บท่ีรฐั มนตรวี าการกระทรวงศึกษาธิการกาํ หนด และมีอํานาจ นําตวั นักเรียนหรอื นกั ศกึ ษา ผฝู า ฝน ตามมาตรา 65 ไปมอบแกผ ูบรหิ ารโรงเรยี นหรอื สถานศกึ ษา เพอ่ื ดําเนนิ การ สอบถาม 2. ดาํ เนนิ การเพือ่ สงเสริมความประพฤตินกั เรยี นและนักศกึ ษา ดังน้ี 2.1 สอบถามครู อาจารย หรือหวั หนา สถานศกึ ษา เกย่ี วกบั ความประพฤติ การศกึ ษา นิสัย และสติปญ ญา ของนกั เรียนหรือนักศึกษาทีฝ่ าฝน มาตรา 64 2.2 เรียกใหผปู กครอง ครู อาจารย หรือหัวหนาสถานศึกษา มารับตัวนักเรยี นหรือนกั ศกึ ษา เพอ่ื วากลา วอบรมส่ังสอนตอไป 2.3 ใหคําแนะนาํ แกผ ูป กครองในเร่ืองการอบรมและส่งั สอนนักเรยี นหรือนักศกึ ษา 2.4 เรยี กผูป กครองมาวากลา วตักเตอื น หรอื ทาํ ทณั ฑบ น วาจะปกครองดูแลมิใหน ักเรยี น หรือนักศึกษาฝาฝน มาตรา 64 อกี 2.5 สอดสองดูแลรวมทง้ั รายงานตอ คณะกรรมการคมุ ครองเด็กแหงชาติ เกย่ี วกับพฤตกิ รรม ของบุคคลหรือแหลง ทชี่ ักจูงนักเรยี นหรือนกั ศึกษาใหป ระพฤติในทางมชิ อบ 2.6 ประสานงานกับผูบริหารโรงเรียนหรอื สถานศกึ ษา ครู ผูปกครอง ตํารวจ หรอื พนักงานเจาหนา ท่ีอ่นื 2.7 เขา ไปในเคหสถาน สถานท่ี หรือยานพาหนะใดๆ ในระหวา งพระอาทติ ยขน้ึ ถึงพระอาทิตยตก หรอื ในระหวา งเวลาทาํ การ เพอื่ ทําการตรวจสอบการฝาฝน 2.8 หากพบนกั เรยี นหรือนักศึกษาประพฤตติ นไมเหมาะสม ใหบนั ทกึ ขอ มูลและพฤติการณ การกระทาํ ซักถามขอ เท็จจริง อบรมสั่งสอน นําตัวไปสง มอบแกผูบริหารโรงเรียนหรือสถานศึกษา เพื่อสอบถาม อบรมสั่งสอน หรือลงโทษตามระเบียบ 2.9 หากพบนักเรยี นหรือนักศึกษามีพฤติการณเขาขา ยกระทาํ ความผิดอาญา และอาจกอใหเ กดิ ภยันตรายอยางรายแรง หรือกอ เหตุทะเลาะวิวาทจนไมอาจควบคมุ สถานการณไวไ ด ใหแจงเจาพนักงาน ตํารวจเพ่อื ระงบั เหตุ รวมทั้งประสานงานกับโรงเรยี นหรือสถานศึกษาและสวนราชการตนสังกัดโดยเรว็ 2.10 กรณีนกั เรียนหรือนกั ศกึ ษาถูกกลา วหาวา กระทาํ ความผดิ อาญา และถูกจบั กมุ ควบคมุ ตัว ใหประสานสถานศกึ ษาและผูปกครอง เพื่อใหค วามสงเคราะหช วยเหลือเบื้องตนโดยเร็ว
- 285 - (3) พระราชบัญญตั ิลกู เสอื พ.ศ. ๒๕๕๑ มาตราท่เี กยี่ วขอ ง มาตรา ๒๙ ใหมีคณะกรรมการลูกเสือจังหวัด ประกอบดวย (๑) ผวู าราชการจังหวดั เปนประธานกรรมการ (๒) กรรมการโดยตําแหนง ไดแ ก รองผวู าราชการจงั หวดั เปนรองประธานกรรมการ ปลัดจงั หวดั นายกเหลากาชาดจังหวัด ผบู ังคบั การตํารวจภูธรจงั หวัด นายกองคการบรหิ ารสว นจงั หวดั นายอาํ เภอ นายกเทศมนตรี นายกสมาคมการศกึ ษาเอกชนจงั หวดั และผอู าํ นวยการสํานกั งานเขตพ้ืนท่ี การศกึ ษา (๓) กรรมการประเภทผแู ทนจาํ นวนหา คน ไดแก ผแู ทนสถาบนั อดุ มศึกษา ผแู ทนสถานศึกษา อาชวี ศึกษา ผูแทนคา ยลูกเสือจังหวดั ผแู ทนสมาคมหรือสโมสรลกู เสอื และผแู ทนจากลูกเสือชาวบา นซงึ่ เลือกกันเอง กลมุ ละหนงึ่ คน (๔) กรรมการผูทรงคณุ วุฒจิ าํ นวนไมเกนิ สิบคน ซ่งึ ประธานกรรมการแตงต้งั โดยคาํ แนะนาํ ของกรรมการลูกเสอื จังหวัดตาม (๒) และ (๓) ในจาํ นวนนี้จะตองแตง ตงั้ จากภาคเอกชนไมนอยกวา กึง่ หน่งึ ใหผ อู ํานวยการสํา นกั งานเขตพื้นท่กี ารศึกษาเขต ๑ เปนกรรมการและเลขานกุ าร ใหผูอ าํ นวยการศนู ยการศึกษานอกโรงเรียนจังหวัด เปนกรรมการและผชู วยเลขานกุ าร หลกั เกณฑและวิธกี ารในการเลือกกรรมการตาม (๓) ใหเ ปนไปตามขอบังคับคณะกรรมการ บริหารลกู เสือแหง ชาติ มาตรา ๓๐ ใหนาํ บทบญั ญัติมาตรา ๑๖ มาใชบงั คบั กับวาระการดํารงตําแหนงและการพน จากตาํ แหนง ของกรรมการตามมาตรา ๒๙ (๓) และ (๔) โดยอนุโลม มาตรา ๓๑ คณะกรรมการลูกเสือจงั หวดั มอี ํานาจหนาทภี่ ายในเขตจงั หวัดดังตอ ไปนี้ (๑) ควบคุมดแู ลกจิ การลูกเสือใหเปน ไปตามกฎหมาย ขอ บังคับ และระเบยี บของทางราชการ และคณะกรรมการบรหิ ารลูกเสอื แหง ชาติ (๒) สงเสรมิ และสนับสนนุ ความมน่ั คงและความเจรญิ กาวหนาของกิจการลูกเสอื (๓) สนับสนุนและสง เสรมิ ใหมีการพัฒนาบุคลากรทางการลกู เสือ (๔) ควบคมุ ดูแลทรพั ยส นิ ในกิจการของลูกเสือจงั หวัด (๕) พิจารณาคําขอการจัดตงั้ คายลูกเสือตามมาตรา ๓๒ (๖) พจิ ารณารายงานประจําปของสาํ นักงานลูกเสอื จงั หวัด (๗) ใหความเห็นชอบแผนปฏิบตั ิการประจาํ ป (๘) ใหคาํ แนะนําผอู ํานวยการลกู เสือเขตพ้นื ที่การศึกษาในการปฏิบตั ิงานลูกเสอื (๙) จัดใหมีทะเบยี นและสถติ ิตา งๆ เกี่ยวกับการดาํ เนินกจิ การลูกเสอื (๑๐) ออกระเบียบปฏิบตั ิเกีย่ วกบั กิจการลูกเสือ เพ่ือความเหมาะสมแกก ารปกครองในจังหวดั ซงึ่ จะตองไมข ดั หรือแยงกับกฎหมาย ขอ บงั คับ และระเบยี บของทางราชการและคณะกรรมการบรหิ าร ลกู เสือแหงชาติ
- 286 - (๑๑) จัดทาํ รายงานประจาํ ปและรายงานทเ่ี กี่ยวขอ งกบั กิจการลูกเสอื ในจังหวดั เสนอตอ คณะ กรรมการบรหิ ารลูกเสอื แหง ชาติ (๑๒) แตง ตงั้ คณะอนุกรรมการเพื่อดําเนินการอยา งหนงึ่ อยางใด ตามที่คณะกรรมการลูกเสือ จงั หวดั มอบหมาย (๑๓) ปฏบิ ัติงานอนื่ ตามท่คี ณะกรรมการบริหารลูกเสอื แหง ชาตมิ อบหมาย มาตรา ๓๒ การจดั ตั้งคายลูกเสือในจังหวดั ใดตองไดร บั อนญุ าตเปนหนังสือจากคณะกรรมการ ลกู เสือจงั หวัด และใหคณะกรรมการลูกเสือจังหวดั รายงานตอคณะกรรมการบริหารลูกเสอื แหง ชาตทิ ราบ การขออนญุ าตและการอนุญาตใหเ ปน ไปตามหลกั เกณฑ วิธกี าร และเงื่อนไขทค่ี ณะกรรมการ บริหารลกู เสือแหง ชาติกาํ หนด สรุปประเดน็ ทน่ี ายอาํ เภอมีอํานาจหนาท่ี นายอําเภอเปน กรรมการโดยตําแหนงในคณะกรรมการลูกเสือจังหวดั …………………………………………
คําสั่งสํานกั การสอบสวนและนติ กิ าร ที่ 7/2553 เรื่อง แตงต้ังคณะทํางานรวบรวมกฎหมายท่นี ายอาํ เภอมอี าํ นาจหนาทหี่ รือเกย่ี วขอ ง เนือ่ งจากในปจจุบันมีกฎหมายจํานวนมากทั้งที่อยูในความรับผิดชอบของกระทรวงมหาดไทย หรือกระทรวงอ่ืนๆ ไดบัญญัติเกีย่ วกับอํานาจหนาทีข่ องนายอําเภอหรือทีน่ ายอําเภอมีสวนเกีย่ วของไวโดยท่ี ยังไมเคยมีการรวบรวมเอาไวในทีเ่ ดียวกันใหสะดวกแกการคนหาและนํามาใชในการปฏิบัติงานในหนาที่ ของนายอําเภอแตอยางใด สํานักการสอบสวนและนิติการ จึงไดรับมอบหมายจากผูบังคับบัญชาใหรวบรวม กฎหมายซึ่งนายอําเภอมีอํานาจหนาทีห่ รือเกีย่ วของซึง่ อยูใ นความรับผิดชอบของทัง้ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงอืน่ เพือ่ นําเผยแพรแกขาราชการกรมการปกครอง อันจะทําใหการปฏิบัติงานในหนาทีแ่ ละ การประสานงานกับสวนราชการตาง ๆ ของนายอําเภอมีประสิทธิภาพมากยิง่ ขึน้ รวมทัง้ เปนการอํานวย ความสะดวกแกข า ราชการกรมการปกครองในการคน ควา ขอ กฎหมายตางๆ มาใชใ นการปฏิบตั งิ าน ดังน้ัน เพ่ือใหการรวบรวมกฎหมายท่ีนายอําเภอมีอํานาจหนาท่ีหรือเก่ียวของเปนไปดวยความ เรียบรอย จึงแตงตัง้ คณะทํางานรวบรวมกฎหมายที่นายอําเภอมีอํานาจหนาที่หรือเกี่ยวของ โดยมี องคประกอบและอาํ นาจหนา ท่ี ดงั น้ี 1. องคป ระกอบ 1.1 นายกติ ตศิ กั ด์ิ ฤกษทวีสขุ หัวหนาคณะทํางาน ผอู าํ นวยการสวนงานนติ กิ าร 1.2 นายมังกร เรอื งกาญจน รองหัวหนาคณะทํางาน หัวหนากลุมกฎหมายและระเบียบ สวนงานนิติการ 1.3 นายชยั รนิ ทร นกุ ลู กิจ รองหัวหนาคณะทํางาน นิตกิ รชาํ นาญการพิเศษ สว นงานนติ ิการ 1.4 นายสมชยั เลศิ ประสิทธพิ ันธ คณะทาํ งาน นติ กิ รชํานาญการ สว นงานนติ ิการ 1.5 นายพิษณุ ประภาธนานันท คณะทาํ งาน นิตกิ รชํานาญการ ฝา ยบรหิ ารทั่วไป /1.6 นายณัฏฐกร ...
- 288 - 1.6 นายณฏั ฐกร ศิริผองแผว คณะทํางาน นิติกรชาํ นาญการ สว นงานนติ กิ าร 1.7 น.ส.เดือนฉาย หงษทอง คณะทํางาน นิติกรชํานาญการ สว นงานนิติการ 1.8 นายวรี รัตน ธรี มิตร คณะทํางาน เจา พนกั งานปกครองชาํ นาญการ สวนงานนติ ิการ 1.9 นางวนิดา ประจันนวล คณะทํางาน นติ ิกรชาํ นาญการ สวนงานนิตกิ าร 1.10 นายภาณุ ประทีป ณ ถลาง คณะทาํ งาน นติ ิกรชํานาญการ สาํ นักงานผูเชี่ยวชาญเฉพาะดานกฎหมาย สาํ นักการสอบสวนและนิตกิ าร 1.11 นางสริ ญิ กัญญา มะลิ คณะทํางาน เจา พนกั งานปกครองชํานาญการ สว นงานนิตกิ าร 1.12 น.ส.นวลปรางค จติ ตธ รรม คณะทํางาน เจาพนกั งานปกครองปฏบิ ตั ิการ สว นงานนติ ิการ 1.13 น.ส.มนนัทธ เทยี นสวสั ดิ์ คณะทาํ งาน นกั วิชาการคอมพิวเตอรปฏิบัตกิ าร ฝา ยบรหิ ารทั่วไป 1.14 นายพิสทิ ธิ์ ศรีวรานนั ท คณะทาํ งานและเลขานุการ นติ กิ รชาํ นาญการ สว นงานนติ ิการ 1.15 น.ส.เนตมิ า โหมดเทศ คณะทํางานและผชู ว ยเลขานุการ เจา พนกั งานปกครองชาํ นาญการ สวนงานนิตกิ าร 2. อาํ นาจหนาที่ ใหคณะทํางานรวบรวมกฎหมายทนี่ ายอําเภอมอี าํ นาจหนาท่ีหรือเกี่ยวของมีอาํ นาจหนาที่ ดงั น้ี 2.1 ดําเนินการคนควา ศกึ ษา วเิ คราะห และรวบรวมกฎหมายทนี่ ายอาํ เภอมีอาํ นาจ หนาทห่ี รือเกีย่ วของทง้ั หมด ทั้งที่อยใู นความรบั ผิดชอบของกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงอน่ื ๆ 2.2 ดําเนินการจัดประชุมคณะทาํ งานฯ ประสานงานกบั กระทรวง ทบวง กรม หรอื หนว ยงานตาง ๆ ซง่ึ รับผดิ ชอบกฎหมายท่ีนายอําเภอมีอํานาจหนาทห่ี รือเก่ียวขอ ง หรือดําเนินการใด เพื่อใหภารกิจการรวบรวมกฎหมายดงั กลา วบรรลผุ ล /2.3 ดาํ เนินการ ...
- 289 - 2.3 ดําเนินการนํากฎหมายท่รี วบรวมไดท ้ังหมดเผยแพรใน website ของกรมการปกครอง และจัดทาํ เปนคมู ือการปฏิบัติงานของนายอําเภอ 2.4 พจิ ารณาดําเนนิ การตามท่ผี ูบ งั คับบัญชามอบหมาย ทงั้ นี้ ตงั้ แตบดั นีเ้ ปนตนไป สัง่ ณ วันที่ 11 กมุ ภาพนั ธ พ.ศ. 2553 สมคิด ใจย้มิ (นายสมคิด ใจยม้ิ ) ผอู ํานวยการสํานักการสอบสวนและนิตกิ าร
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295