Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เกี่ยวกับนายอำเภอ

เกี่ยวกับนายอำเภอ

Description: เกี่ยวกับนายอำเภอ

Search

Read the Text Version

- 245 - 1.3 เจา พนกั งานประเมนิ ภาษี (รวมทง้ั นายอาํ เภอ) มอี าํ นาจในการประเมนิ ภาษแี ละแจง ไปยัง ผูตองเสียภาษี หรอื ผจู ัดการมรดกหรือทายาทหรอื ผูครอบครองทรัพยม รดก 1.4 เจาพนักงานประเมิน (รวมท้งั นายอําเภอ) มอี ํานาจในการออกหมายเรียกผยู ่นื ภาษี หรอื พยานมาใหข อเท็จจริง 1.5 เจา พนักงานประเมนิ (รวมทง้ั นายอาํ เภอ) มอี ํานาจแกไขจํานวนเงนิ ท่ยี ่นื ขอประเมินภาษี หรอื ทย่ี น่ื รายการไว ตามพยานหลักฐานท่ีปรากฏ 1.6 เจา พนกั งานประเมนิ (รวมทั้งนายอาํ เภอ) มีอาํ นาจประเมินภาษตี ามทรี่ ู หากผูต อ ง เสียภาษีไมยอมใหถอ ยคาํ 1.7 นายอําเภอและเจา พนักงานประเมินภาษมี ีอํานาจออกหมายเรียกผูไมยน่ื รายการภาษี มาไตส วน รวมถงึ พยานดว ย 1.8 เมอ่ื ไดดาํ เนนิ การตามมาตรา ๒๓ แลว นายอาํ เภอและเจา พนกั งานประเมนิ มีอํานาจ ประเมนิ ภาษีอากรทบี่ คุ คลนัน้ ตอ งเสยี 1.9 หากผตู องเสยี ภาษตี ามมาตรา ๒๓ ไมย อมมาตามหมายเรียกหรือไมช ําระภาษตี าม มาตรา ๒๔ นายอําเภอและเจาพนักงานประเมินมีอาํ นาจประเมนิ ภาษีตามที่เห็นวา ถูกตอง 2. ตามระเบียบการเก็บรักษาเงินและการนาํ สงคลังในหนา ท่ีของอําเภอและก่ิงอําเภอ พ.ศ. 2520 2.1 นายอําเภอมีอํานาจในการพิจารณาเรยี กใหช ดใชเงินยืม 2.2 นายอําเภอมหี นาท่ีในการสง มอบกุญแจตนู ิรภยั 2.3 นายอําเภอมีอํานาจในการแตง ต้งั หัวหนา สว นราชการในอําเภอนั้นเปน กรรมการ เกบ็ รกั ษาเงินของอําเภอ 2.4 นายอําเภอมีหนา ทใี่ นการสง มอบกุญแจตูนริ ภยั ใหแ กผ ูทําหนา ที่กรรมการช่ัวคราว 2.5 นายอาํ เภอมีอํานาจหนา ท่ีในการพจิ ารณาสงั่ การกรณลี กู กญุ แจตูน ิรภัยสูญหาย หรือมีการปลอมแปลง 2.6 นายอําเภอมหี นา ที่ในการรับทราบรายงานเงินคงเหลือประจําวัน 2.7 นายอําเภอมีอาํ นาจหนาท่ใี นการพจิ ารณาสั่งการกรณีพบวาเงนิ ทจี่ ะเกบ็ รักษาไมต รงกบั รายงานเงินคงเหลือประจําวนั 2.8 นายอําเภอมหี นาที่ในการรายงานผูวาราชการจังหวัดเพื่อขออนุมัติกระทรวงการคลงั ในการนําเงินทีต่ อ งนาํ สง ไปจา ยเปนเงนิ เดอื นหรอื เงินอืน่ ๆ เนอ่ื งจากการคมนาคมระหวา งอาํ เภอกบั สาํ นกั งาน คลังจงั หวดั ไมสะดวกหรอื ไมปลอดภยั 2.9 นายอําเภอมีอํานาจหนา ที่ในการพจิ ารณานาํ สง เงินที่ตองนาํ สง เปนเชค็ หรอื ดราฟท หรือวธิ ีการอื่น เน่ืองจากการคมนาคมระหวางอําเภอกบั สาํ นักงานคลงั จังหวัดไมส ะดวกหรือไมปลอดภยั 2.10 นายอําเภอมีอํานาจหนาท่ีในการแตงตง้ั คณะกรรมการนําเงินสง 2.11 นายอําเภอมอี ํานาจในการพิจารณาสง่ั การกรณีมีการปลอมแปลงจาํ นวนเงินใน บันทึกการรบั เงินเพ่ือนําสงไมตรงกบั จํานวนเงนิ ทีน่ ําสง จรงิ 2.12 นายอาํ เภอมีอํานาจในการแตงตงั้ คณะกรรมการรบั เงิน

- 246 - 2.13 กรณีการรับเงินเดือน ใหนายอําเภอแตงตั้งคณะกรรมการไปรบั เงินเดอื นของทุกสว น ราชการในคราวเดยี วกนั 2.14 นายอําเภอมอี ํานาจในการแตงตง้ั กรรมการตรวจสอบการเงินของสว นราชการ ประจาํ อําเภอ กรณีปกตหิ รือกรณีมีเหตุอันควร 2.15 นายอาํ เภอมอี ํานาจสัง่ การใหสว นราชการประจําอาํ เภอปฏิบัติใหถูกตองตาม ระเบียบการเก็บรักษาเงิน 2.16 นายอาํ เภอมอี ํานาจในการยา ยตูนิรภัยเปนการชัว่ คราว 2.17 นายอาํ เภอมีหนา ที่ในการรายงานเงินขาดบญั ชหี รือสญู หายตอผวู าราชการจงั หวดั 3.7 กระทรวง การทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ ม 3.7.1 กรมทรพั ยากรนาํ้ กรมทรพั ยากรนาํ้ มีกฎหมายท่เี กี่ยวขอ งกบั อาํ นาจหนาที่ของนายอําเภอ ดังน้ี (1) พระราชบญั ญตั ิวาดว ยการเวนคนื อสงั หารมิ ทรพั ย พ.ศ.๒๕๓๐ มาตราท่ีเกยี่ วขอ ง มาตรา ๙ เม่ือพระราชกฤษฎกี าท่ีออกตามมาตรา ๖ ใชบงั คับแลว ใหเจาหนาทหี่ รอื ผซู ึ่งไดรับ มอบหมายจากเจาหนา ทีด่ าํ เนินการสาํ รวจเพ่อื ทราบขอเทจ็ จริงเก่ียวกับอสังหาริมทรัพยท ีจ่ ะตอ งเวนคนื ท่แี นน อน ใหเสร็จภายในหนึ่งรอ ยแปดสิบวนั ถา เปนการเวนคืนเพอื่ สรางหรอื ขยายทางหลวง ทางรถไฟ ทางพเิ ศษ คลองชลประทาน หรือกิจการทค่ี ลา ยคลึงกัน ตอ งสํารวจใหแลวเสรจ็ ภายในสองปน บั แตวนั ใชบ งั คบั พระราช กฤษฎีกาดงั กลา ว เมอ่ื ไดด าํ เนินการสํารวจท่ที ี่จะตองเวนคืนเสร็จเปน บางสวนหรือแลวเสรจ็ ทั้งหมด ใหเจาหนาที่ เสนอรัฐมนตรีผูร ักษาการตามพระราชกฤษฎีกาแตงต้ังคณะกรรมการข้ึนคณะหน่ึงภายในสามสิบวันนับแต วันที่สํารวจแลวเสร็จ ประกอบดวยผูแ ทนของเจาหนาที่หนึง่ คน ผูแทนกรมที่ดินหนึ่งคน ผูแ ทนของ หนว ยงานอื่นของรฐั หน่งึ คน และผแู ทนของสภาทองถิน่ ท่เี ก่ียวของ เพ่อื ทําหนาที่กําหนดราคาเบื้องตนของ อสงั หาริมทรพั ยท ีจ่ ะตองเวนคืน และจํานวนเงินคา ทดแทนทีจ่ ะใหแกบุคคลตามมาตรา ๑๘ ในกรณที ่ีพระราชกฤษฎกี าท่ีออกตามมาตรา ๖ ผานเขตทองท่ีใด ใหม ผี ูแทนของสภาทองถ่ินนนั้ แหง ละหนงึ่ คนเขา รว มเปนกรรมการตามวรรคสองดวย ในการกาํ หนดราคาเบ้ืองตนของอสังหาริมทรพั ยแ ละจํานวนเงนิ คา ทดแทน ใหคณะกรรมการ กาํ หนดโดยอาศัยหลักเกณฑตามมาตรา ๑๘ มาตรา ๒๑ มาตรา ๒๒ และมาตรา ๒๔ และดาํ เนนิ การให แลว เสรจ็ และประกาศราคาทก่ี ําหนดไว ณ สถานท่ตี ามมาตรา ๗ ภายในหน่งึ รอยแปดสบิ วันนับแตว นั ท่ี ไดร บั แตง ตั้ง ในกรณที ี่มีเหตจุ าํ เปน ทําใหไ มสามารถดําเนนิ การใหแลวเสรจ็ ภายในกําหนดเวลาตามวรรคส่ไี ด คณะกรรมการจะขอใหร ฐั มนตรผี รู กั ษาการตามพระราชกฤษฎกี าดงั กลา วขยายเวลาออกไปอกี ก็ได แตตอ งไมเ กนิ หน่งึ รอยแปดสบิ วัน

- 247 - มาตรา ๑๒ ในกรณีทอ่ี สงั หารมิ ทรพั ยทจี่ ะซ้อื ขายตามมาตรา ๑๐ ไมมหี นงั สอื แสดงสทิ ธใิ นท่ดี ิน ใหเจาหนา ที่แตง ตง้ั คณะกรรมการขนึ้ คณะหน่ึง ประกอบดว ยนายอาํ เภอหรือปลดั อําเภอผูเปน หัวหนา ประจํา กิ่งอําเภอแหงทองทีท่ ่ีอสงั หาริมทรัพยดงั กลาวต้ังอยูห รอื ผแู ทน พนักงานท่ดี ินอาํ เภอหรือพนกั งานทีด่ ินกิ่งอาํ เภอ หรอื ผแู ทน ผูใหญบ านในทอ งท่ที อี่ สงั หาริมทรัพยด งั กลา วตั้งอยู และผแู ทนของเจาหนา ที่ เพ่อื ดําเนนิ การ สอบสวนใหท ราบถึงผมู ีสิทธใิ นอสงั หารมิ ทรัพยด งั กลา ว เมอ่ื ทราบถึงผมู ีสทิ ธใิ นอสังหารมิ ทรพั ยแ ลว จงึ ให ดาํ เนนิ การทาํ สัญญาซื้อขายอสงั หาริมทรัพยตามมาตรา ๑๑ ได ในการสอบสวนเพื่อทราบถงึ ผูมีสิทธใิ นอสังหารมิ ทรัพยตามวรรคหนึ่ง ใหนําบทบัญญตั แิ หง ประมวลกฎหมายทด่ี นิ เกย่ี วกับการรงั วัดทด่ี นิ มาใชบงั คบั โดยอนโุ ลม กฎหมายลําดับรองทีเ่ ก่ียวของ 1. คําสง่ั กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดลอ ม ท่ี 447/2551 ลงวันที่ 25 พฤศจกิ ายน 2551 เรอ่ื งแตง ต้ังคณะกรรมการกาํ หนดหลกั เกณฑและราคาทดแทนทรพั ยส ินเพือ่ การกอสรางแหลงนํา้ สรุปประเด็นทน่ี ายอาํ เภอมีอํานาจหนา ท่ี 1. นายอาํ เภอแหงทองทีเ่ ปน ประธานกรรมการ เจาพนักงานทดี่ ินจงั หวัด ผูแทนองคกรปกครอง สว นทองถนิ่ ที่เกย่ี วของ และเจา หนา ท่กี รมทรัพยากรนาํ้ เปน กรรมการ เฉพาะในการเวนคนื อสงั หารมิ ทรัพยเพ่อื ดําเนนิ โครงการพัฒนา อนรุ ักษ ฟน ฟูทรพั ยากรนา้ํ 2. นายอาํ เภอหรือปลดั อาํ เภอผเู ปน หวั หนา ประจํากิ่งอําเภอจะเปนกรรมการสอบสวนกรรมสิทธิ์ ในอสงั หารมิ ทรพั ยที่ถกู เวนคืน 3.7.2 กรมอุทยานแหง ชาติ สัตวป า และพันธพุ ชื กรมอทุ ยานแหงชาติ สตั วป า และพนั ธพุ ชื มกี ฎหมายทเ่ี กย่ี วของกบั อํานาจหนาท่ีของ นายอาํ เภอ ดังน้ี (1) พระราชบญั ญัตอิ ุทยานแหงชาติ พ.ศ. 2504 มาตราที่เกยี่ วของ มาตรา ๔ ในพระราชบัญญตั ิน้ี (๕) \"พนักงานเจาหนาท่ี\" หมายความวา ผูซ ่งึ รฐั มนตรีแตง ตั้งใหป ฏิบัตติ ามพระราชบญั ญตั ินี้ มาตรา ๕ ใหรฐั มนตรวี า การกระทรวงเกษตรและสหกรณร ักษาการตามพระราชบัญญตั ินี้ และใหมีอํานาจแตงตง้ั พนักงานเจา หนาท่ีและออกกฎกระทรวงเพือ่ ปฏิบตั กิ ารตามพระราชบัญญตั ิน้ี กฎกระทรวงน้นั เมอ่ื ไดประกาศในราชกจิ จานุเบกษาแลว ใหใ ชบังคบั ได

- 248 - กฎหมายลําดับรองทีเ่ ก่ยี วของ 1. ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอม ลงวันท่ี 30 กนั ยายน พ.ศ. 2547 เรอ่ื งแตงตงั้ พนักงานเจาหนาท่ตี ามพระราชบัญญัติอทุ ยานแหง ชาติ พ.ศ. 2534 และ พระราชบญั ญัติสงวนและคุมครองสัตวปา พ.ศ. 2535 สรุปประเดน็ ที่นายอําเภอมีอํานาจหนา ที่ นายอําเภอเปนพนักงานเจาหนาที่ซง่ึ รัฐมนตรีแตงตงั้ ตามมาตรา ๕ ของพระราชบัญญัติอทุ ยาน แหง ชาติ พ.ศ. 2534 มอี าํ นาจหนาท่ีในการจับกุมปราบปรามผกู ระทาํ ความผิดตามพระราชบญั ญัตอิ ุทยาน แหง ชาติ พ.ศ. 2534 (2) พระราชบัญญัตสิ งวนและคมุ ครองสตั วป า พ.ศ. 2535 มาตราทเี่ กยี่ วขอ ง มาตรา ๔ ในพระราชบญั ญัตินี้ “พนกั งานเจาหนาท”่ี หมายความวา ผูซ่ึงรัฐมนตรีแตง ต้งั ใหปฏิบตั ิการตามพระราชบัญญัตินี้ มาตรา ๕ ใหร ัฐมนตรีวาการกระทรวงเกษตรและสหกรณรักษาการตามพระราชบัญญตั ิน้ี และใหมีอาํ นาจแตงตั้งพนักงานเจาหนาที่กับออกกฎกระทรวงกาํ หนดคาธรรมเนียม ไมเกินอัตราทายพระราช บัญญตั นิ ี้ ลดหรือยกเวน คาธรรมเนียมและกาํ หนดกจิ การอื่นเพ่ือปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตนิ ี้ กฎกระทรวงนั้น เม่อื ไดประกาศในราชกิจจานุเบกษาแลว ใหใชบงั คบั ได กฎหมายลําดับรองท่ีเกย่ี วของ 1. ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอม ลงวันท่ี 30 กนั ยายน พ.ศ. 2547 เรอ่ื งแตงตงั้ พนักงานเจาหนา ที่ตามพระราชบญั ญตั ิอุทยานแหงชาติ พ.ศ. 2534 และ พระราชบัญญัตสิ งวนและคุมครองสตั วปา พ.ศ. 2535 สรุปประเดน็ ทน่ี ายอําเภอมีอํานาจหนา ที่ นายอําเภอเปน พนกั งานเจาหนาท่ีซ่งึ รฐั มนตรีแตง ต้งั ตามมาตรา ๕ ของพระราชบญั ญตั สิ งวน และคมุ ครองสัตวป า พ.ศ. 2535 มอี าํ นาจหนา ทใ่ี นการจบั กมุ ปราบปรามผกู ระทาํ ความผดิ ตามพระราชบญั ญัติ สงวนและคมุ ครองสตั วป า พ.ศ. 2535 3.7.3 กรมควบคมุ มลพษิ กรมควบคมุ มลพษิ มีกฎหมายท่ีเกี่ยวของกับอํานาจหนา ที่ของนายอาํ เภอ ดงั น้ี

- 249 - (3) พระราชบญั ญตั ิสงเสริมและรักษาคุณภาพสิง่ แวดลอม พ.ศ. 2535 มาตราทเ่ี กีย่ วของ มาตรา ๔ ในพระราชบัญญตั ินี้ “เจาพนักงานควบคมุ มลพิษ” หมายความวา ผซู ึ่งรฐั มนตรแี ตงต้ังใหปฏิบัตกิ ารเกยี่ วกับการ ควบคมุ มลพิษตามพระราชบัญญตั นิ ้ี มาตรา ๑๑ ใหนายกรัฐมนตรี และรฐั มนตรีวาการกระทรวงวิทยาศาสตร เทคโนโลยแี ละ ส่งิ แวดลอม รักษาการตามพระราชบญั ญัตนิ ้ี ท้งั น้ีในสว นทเี่ ก่ียวกับอํานาจหนาทข่ี องตน รฐั มนตรวี า การกระทรวงวทิ ยาศาสตร เทคโนโลยีและส่ิงแวดลอม มีอาํ นาจแตงตงั้ เจา พนักงาน ควบคมุ มลพิษและพนักงานเจาหนา ท่ี กบั ออกกฎกระทรวงกําหนดคา ธรรมเนียมไมเกินอตั ราทายพระราช - บญั ญตั ิน้ี และกําหนดกิจการอื่นเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบญั ญัตนิ ้ี กฎกระทรวงนั้น เมอ่ื ไดป ระกาศในราชกิจจานเุ บกษาแลวใหใ ชบงั คบั ได กฎหมายลาํ ดบั รองทีเ่ ก่ยี วขอ ง 1. ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอ ม ลงวันที่ ๒๗ กมุ ภาพนั ธ พ.ศ.๒๕๔๗ เร่อื งแตงตัง้ เจาพนกั งานควบคุมมลพิษ สรุปประเดน็ ท่ีนายอําเภอมีอํานาจหนาท่ี นายอาํ เภอและปลัดอาํ เภอผูเปนหวั หนา ประจาํ กง่ิ อําเภอ ไดร บั การแตงตัง้ เปนเจาพนักงาน ควบคมุ มลพษิ มีอาํ นาจหนา ท่ีปฏิบัติการตามพระราชบญั ญัตินี้ ภายในเขตทองที่ของตน 3.7.4 กรมปาไม กรมปาไม มกี ฎหมายท่ีเกี่ยวของกับอํานาจหนา ที่ของนายอําเภอ ดงั น้ี (4) พระราชบัญญัติปาไม พุทธศกั ราช 2484 มาตราทเี่ ก่ียวขอ ง มาตรา ๗๕ ใหรฐั มนตรีวา การกระทรวงทรัพยากร ธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอมรกั ษาการตาม พระราชบัญญัติน้ี กบั ใหมอี าํ นาจแตง ตัง้ พนักงานเจา หนาที่ และกําหนดอตั ราคา ธรรมเนียมไมเกนิ จํานวน อยางสูงท่ีกาํ หนดไวใ นบญั ชีตอทายพระราชบัญญัตินี้ และออกกฎกระทรวงเพื่อปฏบิ ัตกิ ารใหเ ปน ไปตาม พระราชบญั ญัติน้ี กฎกระทรวงนัน้ เม่อื ไดป ระกาศในราชกจิ จานุเบกษาแลวใหใ ชบงั คบั ได

- 250 - กฎหมายลาํ ดบั รองทีเ่ กีย่ วขอ ง 1. ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอม ลงวันที่ 25 มถิ ุนายน พ.ศ. 2547 เรอื่ งแตงต้งั พนักงานเจา หนา ทตี่ ามพระราชบญั ญัติปาไม พุทธศกั ราช 2484 2. ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอม ลงวันท่ี 16 ธนั วาคม พ.ศ. 2547 เร่ืองแตงตัง้ พนักงานเจา หนา ทตี่ ามพระราชบัญญัติปาไม พทุ ธศักราช 2484 สรปุ ประเดน็ ท่ีนายอาํ เภอมีอํานาจหนา ที่ ผวู า ราชการจงั หวดั นายอาํ เภอ และปลัดอําเภอผูเปนหัวหนา ประจํากิง่ อาํ เภอ รวมท้งั ขา ราชการ ในสงั กัดกระทรวงมหาดไทย เชน รองผวู า ราชการจังหวดั ปลดั จงั หวดั ปลดั อาํ เภอ กาํ นัน ผใู หญบ าน ฯลฯ ไดร ับการแตง ต้ังเปนพนักงานเจาหนาที่ตามประกาศทงั้ สองฉบับ มีอํานาจหนาที่ในการปองกัน จับกุม ปราบปราม ผูกระทําผิด และยึดของกลางตามกฎหมายภายในเขตทองท่รี ับผิดชอบ 3.8 กระทรวงสาธารณสุข 3.8.1 สาํ นกั งานคณะกรรมการอาหารและยา สาํ นกั งานคณะกรรมการอาหารและยา มีกฎหมายท่ีเกีย่ วขอ งกบั อํานาจหนา ทีข่ อง นายอําเภอสรปุ ได ดงั นี้ (1) พระราชบัญญัติยาเสพติดใหโทษ พ.ศ.2522 มาตราท่ีเก่ียวของ มาตรา ๖ ใหร ัฐมนตรวี า การกระทรวงสาธารณสขุ รักษาการตามพระราชบัญญตั ิน้แี ละใหมี อาํ นาจแตง ตัง้ พนักงานเจาหนาที่ ออกกฎกระทรวงกําหนดคา ธรรมเนยี มไมเ กินอัตราตามบัญชีทา ย พระราชบญั ญตั ิน้ี ยกเวนคา ธรรมเนียม และกําหนดกิจการอนื่ กบั ออกประกาศ ทงั้ น้ีเพื่อปฏิบัตกิ ารตาม พระราชบญั ญัติน้ี กฎกระทรวงและประกาศนั้น เมอ่ื ไดประกาศในราชกจิ จานเุ บกษาแลวใหใ ชบงั คับได มาตรา ๕๘/๑ วรรคสอง “พนกั งานฝา ยปกครอง หรือตาํ รวจ หรือพนักงานเจา หนาท่ตี ามพระราชบญั ญตั ิน้ีตําแหนงใด ระดบั ใด หรือช้นั ยศใดจะมอี ํานาจหนา ทตี่ ามที่ไดกาํ หนดไวตามวรรคหนึ่งท้งั หมดหรอื แตบางสวน หรือ จะตองไดร ับอนมุ ตั ิจากบุคคลใดกอ นดาํ เนนิ การ ใหเ ปนไปตามที่รัฐมนตรีประกาศกําหนดดว ยความ เหน็ ชอบของคณะกรรมการ โดยทาํ เอกสารมอบหมายใหไวป ระจาํ ตัวพนักงานฝายปกครอง หรอื ตาํ รวจ หรอื พนักงานเจาหนา ทผ่ี ูไดรบั มอบหมายนั้น”

- 251 - กฎหมายลําดบั รองที่เกย่ี วของ 1. ประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับท่ี 184) พ.ศ.2546 เร่ือง กาํ หนดอาํ นาจหนา ทขี่ อง พนักงานฝายปกครองหรอื ตํารวจหรือพนกั งานเจาหนา ที่ เพ่อื ปฏิบตั ติ ามกฎหมายวา ดวยยาเสพติด ใหโ ทษ ขอ 1 (3) 3.21 สรุปประเด็นทนี่ ายอําเภอมอี ํานาจหนาที่ นายอาํ เภอมีอํานาจหนาท่ใี นการปฏบิ ตั ิการตามมาตรา 58/1 แหงพระราชบัญญตั ยิ าเสพตดิ ใหโ ทษ พ.ศ. 2522 ซง่ึ กาํ หนดใหในกรณจี ําเปนและมีเหตุอนั ควรเชือ่ พนักงานฝายปกครอง มอี ํานาจ ตรวจหรือทดสอบหรือสงั่ ใหรับการตรวจสอบหรอื ทดสอบ บุคคลหรือกลมุ บุคคลวา มียาเสพติดใหโ ทษอยู ในรางกายหรือไม (2) พระราชกาํ หนดปอ งกนั การใชส ารระเหย พ.ศ.2533 มาตราที่เก่ยี วขอ ง มาตรา ๓๑ ใหรัฐมนตรีวาการกระทรวงสาธารณสขุ และรฐั มนตรวี า การกระทรวง อตุ สาหกรรมรักษาการตามพระราชกําหนดนี้ และใหม ีอํานาจแตง ตงั้ พนกั งานเจา หนา ที่ ออกกฎกระทรวง และประกาศเพื่อปฏิบตั กิ ารตามพระราชกาํ หนดนี้ กฎหมายลาํ ดบั รองที่เกีย่ วของ 1.ประกาศกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม (ฉบบั ที่ 22) พ.ศ.2546 เรอ่ื ง แตงตั้ง พนักงานเจา หนา ท่ีเพ่อื ปฏิบัติการตามกฎหมายวาดว ยการปอ งกนั การใชส ารระเหย สรปุ ประเดน็ ทีน่ ายอาํ เภอมีอํานาจหนาท่ี นายอําเภอมอี ํานาจหนาทีเ่ ปนพนักงานเจา หนาท่ีเพื่อปฏิบตั กิ ารตามกฎหมายวาดว ยการ ปอ งกนั การใชสารระเหย 3.8.2 กรมควบคมุ โรค กรมควบคมุ โรค มกี ฎหมายทเี่ กย่ี วของกบั อาํ นาจหนาท่ีของนายอําเภอสรุปได ดงั น้ี (1) พระราชบัญญัติโรคติดตอ พ.ศ. 2523 มาตราท่ีเก่ียวขอ ง มาตรา ๔ ในพระราชบญั ญัตนิ ี้

- 252 - (๑๙) “พนกั งานเจา หนา ท่ี” หมายความวา ผซู งึ่ รฐั มนตรแี ตง ต้งั ใหปฏิบัติการตามพระราชบญั ญัติน้ี มาตรา ๒๒ ใหร ฐั มนตรีวาการกระทรวงสาธารณสุขรักษาการตามพระราชบัญญัติน้ี กบั ใหม ี อํานาจแตง ต้งั พนกั งานเจา หนา ท่ี ออกกฎกระทรวงและกําหนดกจิ การอน่ื เพ่ือปฏบิ ัตกิ ารตามพระราชบญั ญัตินี้ กฎหมายลําดบั รองทีเ่ กีย่ วของ 1. ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรอื่ ง แตง ตั้งพนกั งานเจา หนา ที่เพ่อื ปฏิบัติการตาม พระราชบญั ญัตโิ รคติดตอ พ.ศ.2523 ประกาศ ณ วันที่ 8 ตลุ าคม 2545 ขอ 2 (4) สรุปประเด็นที่นายอาํ เภอมอี ํานาจหนา ท่ี นายอําเภอมอี ํานาจหนา ทรี่ บั แจง ความจากบุคคลในเขตอาํ เภอ ในกรณที ่ีมีโรคติดตออนั ตราย หรอื กรณีมีเหตสุ งสัยวา มีโรคติดตอ เกิดขน้ึ ภายในเขตอําเภอของตน (2) พระราชบญั ญตั ิคมุ ครองสขุ ภาพของผูไ มสูบบหุ ร่ี พ.ศ.2535 มาตราท่เี กี่ยวขอ ง มาตรา ๓ ในพระราชบญั ญัติน้ี “พนกั งานเจา หนาที่ “หมายความวา ผูซ่งึ รฐั มนตรแี ตงตง้ั ใหป ฏบิ ัติการตามพระราชบัญญตั ินี้ มาตรา ๑๕ ใหร ฐั มนตรีวา การกระทรวงสาธารณสขุ รักษาการตามพระราชบัญญัติน้ี และใหมี อํานาจแตงตั้งพนักงานเจาหนาท่ี กับออกประกาศเพอื่ ปฏบิ ัติการตามพระราชบัญญัติน้ี กฎหมายลําดบั รองทเ่ี กี่ยวของ 1. ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรือ่ ง แตงตั้งพนกั งานเจา หนา ท่ีเพ่อื ปฏิบัติการตาม พระราชบัญญัติคมุ ครองสุขภาพของผไู มสบู บุหร่ี พ.ศ. 2535 ขอ 5 (4) สรุปประเด็นทีน่ ายอําเภอมอี ํานาจหนาท่ี นายอาํ เภอมอี าํ นาจหนา ทีใ่ นการปฏิบตั หิ นา ท่ีเฉพาะในเขตทอ งท่ีทีม่ ีอํานาจดแู ลและรับผดิ ชอบ ในการปฏบิ ัตริ าชการตามพระราชบญั ญัตฉิ บับน้ี (3) พระราชบัญญัตคิ วบคมุ ผลติ ภัณฑยาสบู พ.ศ. 2535 มาตราทเ่ี กย่ี วขอ ง มาตรา ๓ ในพระราชบัญญตั ิน้ี

- 253 - “พนักงานเจาหนาที่ “หมายความวา ผซู ึ่งรฐั มนตรีแตงตง้ั ใหป ฏบิ ัติการตามพระราชบัญญัตินี้ มาตรา ๒๖ ใหรัฐมนตรีวาการกระทรวงสาธารณสุขรกั ษาการตามพระราชบัญญัตนิ ้ี และใหมี อาํ นาจแตง ตง้ั พนักงานเจา หนาท่ี กับออกประกาศเพอ่ื ปฏิบัติการตามพระราชบัญญตั นิ ้ี กฎหมายลําดับรองทเ่ี กีย่ วขอ ง 1. ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เร่ือง แตง ต้ังพนักงานเจา หนาทีเ่ พ่ือปฏบิ ัติการตาม พระราชบญั ญัตคิ วบคุมผลติ ภณั ฑย าสูบ พ.ศ. 2535 ประกาศ ณ วนั ที่ 13 พฤศจิกายน 2550 ขอ 5(4) สรุปประเด็นท่นี ายอําเภอมีอํานาจหนา ท่ี นายอําเภอเปน พนกั งานเจาหนาท่ี 1. มีอํานาจเขาไปในสถานทีเ่ พ่ือตรวจคน ในกรณที ่มี เี หตอุ ันควรสงสัยวา มีการกระทาํ ความผดิ ตามพระราชบญั ญัตนิ ี้ 2. นําผลติ ภณั ฑย าสบู ในปรมิ าณพอสมควรไปเปนตัวอยา งเพ่ือตรวจสอบ 3. ออกหนังสือสอบถามหรือเรียกบุคคลใดมาใหถอยคําหรือใหสง บญั ชเี อกสาร หลกั ฐานหรือ ส่ิงอ่ืนทีจ่ ําเปน มาประกอบการพจิ ารณาได (4) พระราชบญั ญตั คิ วบคุมเคร่ืองดมื่ แอลกอฮอล พ.ศ. 2551 มาตราทเี่ ก่ยี วขอ ง มาตรา ๓ ในพระราชบัญญัติน้ี “พนกั งานเจาหนาที่ “หมายความวา ผูซงึ่ รฐั มนตรแี ตงตงั้ ใหป ฏิบัติการตามพระราชบัญญตั ินี้ มาตรา ๔ ใหนายกรัฐมนตรีรักษาการตามพระราชบัญญัตนิ ้ี และใหม ีอาํ นาจแตงตัง้ พนักงาน เจา หนาท่ี ออกกฎกระทรวง ระเบียบ และประกาศ เพื่อปฏิบตั กิ ารตามพระราชบญั ญัติน้ี กฎหมายลาํ ดับรองทเ่ี กย่ี วขอ ง 1. ประกาศสํานกั นายกรัฐมนตรี เรอ่ื ง แตงตงั้ พนักงานเจา หนาท่ีเพื่อปฏบิ ตั ิการตาม พระราชบญั ญัตคิ วบคุมเครือ่ งดืม่ แอลกอฮอล พ.ศ. 2551 ประกาศ ณ วันที่ 14 พ.ย. 2551 ขอ 4 (4) สรปุ ประเด็นท่ีนายอําเภอมอี ํานาจหนา ท่ี นายอําเภอเปน พนกั งานเจา หนา ที่มีอํานาจหนาท่ี ดงั น้ี

- 254 - 1. เขา ไปในสถานท่ที ําการของผผู ลิตนาํ เขา หรอื ขายเคร่อื งด่ืมแอลกอฮอล สถานทเ่ี ก็บ เคร่อื งด่ืมแอลกอฮอลใ นเวลาทาํ การของสถานที่นั้น รวมถงึ เขา ตรวจสอบยานพาหนะเพ่อื ตรวจสอบการ ปฏิบัตติ ามพระราชบญั ญัตนิ ี้ 2. ยดึ หรอื อายดั เครอ่ื งด่ืมแอลกอฮอลของผูผลติ ผนู าํ เขาหรอื ผขู ายที่ฝา ฝน ไมปฏบิ ัตติ าม พระราชบญั ญตั ิน้ี 3. ออกหนังสือสอบถามหรือเรียกบคุ คลใดมาใหถ อ ยคาํ หรือใหส ง บัญชีเอกสาร หลกั ฐานหรอื สิง่ อ่ืนทจี่ ําเปน มาประกอบการพิจารณาได 3.9 กระทรวงวัฒนธรรม 3.9.1 สํานกั งานคณะกรรมการวฒั นธรรมแหงชาติ สาํ นักงานคณะกรรมการวฒั นธรรมแหง ชาติ มกี ฎหมายท่เี กี่ยวของกับอาํ นาจหนาที่ ของนายอาํ เภอสรุปได ดงั น้ี (1) พระราชบัญญตั ิภาพยนตรและวดี ทิ ัศน พ.ศ. 2551 มาตราท่ีเกย่ี วของ มาตรา 4 ในพระราชบัญญัตฉิ บับนี้ “ภาพยนตร” หมายความวา วัสดทุ ม่ี ีการบนั ทึกภาพ หรือภาพและเสยี งซึง่ สามารถ นํามาฉายใหเ หน็ เปน ภาพทเี่ คลือ่ นไหวไดอยางตอเนื่อง แตไ มร วมถึงวีดทิ ศั น “วีดทิ ศั น” หมายความวา วสั ดทุ ีม่ กี ารบันทึกภาพ หรือภาพและเสียงซึ่งสามารถนํามาฉาย ใหเหน็ เปนภาพท่เี คล่อื นไหวไดอ ยางตอเนอ่ื งในลกั ษณะท่ีเปนเกมการเลน คาราโอเกะที่มีภาพประกอบ หรือลกั ษณะอืน่ ใดตามที่กําหนดในกฎกระทรวง “ภาพยนตรไทย” หมายความวา ภาพยนตรท่ีใชภาษาไทยหรือภาษาทองถ่นิ ของประเทศไทยทง้ั หมด หรอื เปนสว นใหญในบทภาพยนตรตน ฉบบั สําหรบั การแสดงภาพยนตรแ ละเจาของลิขสทิ ธ์ิเปน ผมู สี ัญชาติไทย “สรา งภาพยนตร” หมายความวา การผลติ ถาย อดั บนั ทกึ หรอื ทําดวยวิธกี ารใดๆ เพ่ือให เปนภาพยนตร “ฉาย” หมายความวา การนาํ ภาพยนตรหรือวดี ิทศั นม ากระทาํ ใหป รากฏภาพ หรือภาพและ เสยี งดวยเคร่ืองฉาย หรือเครื่องมืออืน่ ใด และใหห มายความรวมถงึ การถายทอดดว ย “สอ่ื โฆษณา” หมายความวา สง่ิ ทใี่ ชเ ปนสอื่ ในการโฆษณาหรือประชาสัมพนั ธภ าพยนตรหรอื วดี ิทศั น แลวแตกรณี “โรงภาพยนตร” หมายความวา สถานทีฉ่ ายภาพยนตร ดงั ตอ ไปน้ี ท้ังน้ี เทาทม่ี ิไดอยภู ายใต บงั คบั ตามกฎหมายวา ดว ยการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน (๑) อาคารหรือสวนใดของอาคารท่ใี ชเปนสถานท่สี ําหรับฉายภาพยนตร (๒) สถานที่กลางแจง สําหรบั ฉายภาพยนตร (๓) สถานท่ีอน่ื ตามทก่ี าํ หนดในกฎกระทรวง

- 255 - “รานวดี ิทศั น” หมายความวา สถานทีท่ ี่จัดใหม ีเครือ่ งมือ หรืออุปกรณตลอดจนสงิ่ อาํ นวย ความสะดวกในการฉาย เลน หรอื ดูวดี ทิ ัศน “หมายเลขรหสั ” หมายความวา หมายเลขท่ีกําหนดสาํ หรับภาพยนตรหรือวดี ิทัศนท่ีผา นการ พิจารณาและไดรับอนญุ าตจากคณะกรรมการแลว “คณะกรรมการ” หมายความวา คณะกรรมการภาพยนตรแ ละวีดิทัศนแหงชาติ “กรรมการ” หมายความวา กรรมการภาพยนตรแ ละวดี ิทศั นแหง ชาติ “นายทะเบียน” หมายความวา นายทะเบยี นกลางหรอื นายทะเบยี นประจาํ จงั หวดั แลว แตกรณี “พนกั งานเจาหนาท่ี” หมายความวา เจา หนา ที่ของรฐั ซง่ึ รฐั มนตรีแตงต้งั ใหปฏบิ ตั กิ ารตาม พระราชบัญญตั ิน้ี พนกั งานเจาหนาทซี่ งึ่ รฐั มนตรีแตงต้ังตามวรรคหน่งึ ใหมีอํานาจเขา ไปในสถานที่สรางภาพยนตร จะตอ งเปน เจา หนาท่ีของรัฐซึ่งดาํ รงตาํ แหนงไมต ํ่ากวาขา ราชการพลเรอื นสามญั ระดับเจด็ หรอื เทยี บเทา “เจา หนา ทขี่ องรัฐ” หมายความวา ขา ราชการ พนกั งาน เจา หนา ท่ี หรอื ผปู ฏิบตั ิงานอื่นในกระทรวง ทบวง กรม ราชการสว นกลาง ราชการสว นภมู ภิ าค ราชการสวนทองถนิ่ หรือหนวยงานอื่นของรัฐ “รัฐมนตรี” หมายความวา รฐั มนตรผี รู กั ษาการตามพระราชบัญญัตนิ ้ี มาตรา 6 ใหร ัฐมนตรวี าการกระทรวงการทองเทยี่ วและกีฬาและรัฐมนตรวี า การกระทรวง วฒั นธรรมรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และใหม ีอํานาจแตง ตง้ั นายทะเบยี น พนกั งานเจาหนาท่ีกับ ออกกฎกระทรวงกําหนดคาธรรมเนียมไมเกินอัตราทายพระราชบญั ญัติน้ี และกาํ หนดกจิ การอน่ื หรือออก ประกาศเพื่อปฏิบัตกิ ารตามพระราชบญั ญัตินี้ ทั้งนี้ ในสว นท่เี กยี่ วกบั อาํ นาจหนา ท่ีของตน กฎกระทรวงและประกาศนั้น เมอื่ ไดประกาศในราชกจิ จานเุ บกษาแลวใหใชบ งั คบั ได กฎหมายลาํ ดับรองทเี่ กี่ยวของ 1. ประกาศกระทรวงวัฒนธรรม เร่ือง แตงตง้ั นายทะเบียนและพนกั งานเจาหนาทตี่ าม พระราชบญั ญัตภิ าพยนตรแ ละวดี ิทศั น พ.ศ. 2551 ขอ ๑ ใหผ ูว าราชการจังหวัดเปนนายทะเบยี นประจําจงั หวัด ตามพระราชบญั ญัติภาพยนตร และวีดิทศั น พ.ศ. ๒๕๕๑ ขอ ๒ ใหเจา หนาท่ขี องรฐั ดังตอไปนี้ เปน พนกั งานเจาหนา ทต่ี ามพระราชบญั ญัตภิ าพยนตร และวดี ิทัศน พ.ศ. ๒๕๕๑ (๑) ในเขตกรุงเทพมหานคร (ก) ขา ราชการพลเรือนสามัญในสาํ นักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแหง ชาติ ตง้ั แตระดบั ๓ หรือเทยี บเทาข้ึนไปท่ีไดรับมอบหมาย (ข) ขา ราชการพลเรือนสามญั ในสํานกั งานปลดั กระทรวงวฒั นธรรม กรมการศาสนา กรมศลิ ปากร และสาํ นักงานศิลปวฒั นธรรมรว มสมัย ต้ังแตระดบั ๓ หรอื เทยี บเทาขน้ึ ไปท่ีไดรบั มอบหมาย (ค) ผกู ํากบั การสถานีตํารวจนครบาล

- 256 - (ง) ผอู าํ นวยการเขต กรงุ เทพมหานคร (๒) ในเขตจงั หวัดอ่นื (ก) วัฒนธรรมจงั หวดั และขาราชการพลเรือนสามญั ในสาํ นักงานวัฒนธรรมจงั หวดั ซ่งึ ดํารงตาํ แหนง นักวชิ าการวัฒนธรรม ตง้ั แตร ะดบั ๓ ขน้ึ ไปหรอื เทยี บเทา (ข) นายอําเภอ ปลดั อําเภอผเู ปนหัวหนา ประจาํ กง่ิ อาํ เภอ และปลัดอําเภอ (ค) ปลดั เทศบาล (ง) ปลดั องคการบรหิ ารสว นตําบล (จ) ปลดั เมืองพทั ยา ขอ ๓ ใหพ นกั งานเจา หนาที่ตามขอ ๒ ซ่ึงดํารงตาํ แหนง ขา ราชการพลเรือนสามญั หรอื พนกั งานสวนทองถ่ินตงั้ แตร ะดับ ๓ ข้นึ ไปหรอื เทยี บเทา มีอํานาจเขาไปในโรงภาพยนตร รานวีดิทศั น สถานทป่ี ระกอบกจิ การใหเ ชา แลกเปลย่ี น หรอื จาํ หนายภาพยนตรหรือวีดทิ ัศนเพ่ือปฏบิ ัตกิ ารใหเ ปน ไป ตามท่บี ญั ญัติไวใ นมาตรา ๖๑ แหง พระราชบญั ญัติภาพยนตรและวดี ทิ ัศน พ.ศ. ๒๕๕๑ นอกเหนอื อาํ นาจตามวรรคหน่ึง ใหพ นักงานเจาหนาท่ีตามขอ ๒ ซึ่งดาํ รงตําแหนงขาราชการ พลเรือนสามญั หรือพนักงานสว นทองถ่ินตั้งแตระดับ ๗ หรอื เทียบเทา มีอํานาจเขาไปในสถานที่ทีม่ ีการสราง ภาพยนตรไ ด 2. ระเบียบกระทรวงวัฒนธรรมวาดวยสภาวัฒนธรรม พ.ศ. 2551 ขอ ๘ ในสวนภูมภิ าคใหม สี ภาวัฒนธรรมแตล ะระดับ ประกอบดวย (๑) สภาวฒั นธรรมภาค เปน องคกรท่ีเกิดจากการรวมตัวกันของสภาวฒั นธรรมจังหวัดในภมู ภิ าคนั้น ๆ โดยใหม เี พยี งภาคละ ๑ สภา การแบงภาคใหเ ปน ไปตามลักษณะพ้ืนฐานทางวัฒนธรรมทคี่ ลายคลงึ กนั โดยสาํ นกั งาน คณะกรรมการวัฒนธรรมแหงชาติ เปน ผูกําหนด (๒) สภาวัฒนธรรมจังหวัด เปน องคกรทเี่ กิดจากการรวมตัวกันของเครือขา ยวัฒนธรรมและ สภาวฒั นธรรมอาํ เภอ ทม่ี อี ยูในจังหวดั นน้ั ๆ โดยใหมเี พยี งจังหวดั ละ ๑ สภา (๓) สภาวฒั นธรรมอาํ เภอ เปน องคกรที่เกิดจากการรวมตัวกันของเครือขายวฒั นธรรมและ สภาวฒั นธรรมตาํ บล ท่มี ีอยูในอาํ เภอน้นั ๆ โดยใหม ีเพียงอําเภอละ ๑ สภา (๔) สภาวัฒนธรรมตําบล เปนองคกรท่เี กดิ จากการรวมตัวกันของเครือขายวัฒนธรรม หรอื ผแู ทนจากกลุมภูมปิ ญญาตา ง ๆ ท่ีมีอยูในตาํ บลน้ัน ๆ โดยใหม ีเพียงตาํ บลละ ๑ สภา (๕) การจัดตัง้ สภาวัฒนธรรมอน่ื ๆ นอกเหนอื จาก (๑) (๒) (๓) และ (๔) ในเขตจังหวดั ใหคณะกรรมการ สภาวฒั นธรรมจังหวัดพจิ ารณาใหม กี ารจัดต้ังไดตามความเหมาะสม สรุปประเดน็ ท่ีนายอําเภอมีอํานาจหนา ท่ี 1. นายอาํ เภอมอี าํ นาจหนาทตี่ ามพระราชบัญญตั ภิ าพยนตรแ ละวดี ทิ ัศน พ.ศ.2551 มาตรา 61 ดงั นี้

- 257 - (1) เขา ไปในสถานทมี่ ีการสรา งภาพยนตร โรงภาพยนตร รานวีดทิ ัศน สถานทป่ี ระกอบ กจิ การใหเชา แลกเปล่ียน หรอื จําหนายภาพยนตรหรอื วดี ทิ ัศนในระหวา งพระอาทิตยข้นึ จนถงึ พระอาทติ ยต ก หรือในเวลาทาํ การของสถานทน่ี ้ัน เพื่อตรวจสอบภาพยนตร วีดิทศั น ส่ือโฆษณา หรือการกระทาํ ใดที่อาจ ฝาฝน บทบัญญัตแิ หงพระราชบญั ญตั นิ ้ี (2) ตรวจ คน อายัด หรอื ยึดภาพยนตร วดี ิทัศน หรอื สื่อโฆษณาในกรณีท่มี เี หตุอันควร สงสยั วา การกระทาํ ทฝ่ี าฝน หรอื ไมป ฏบิ ตั ติ ามบทบญั ญัตแิ หงพระราชบัญญตั นิ ี้ ในระหวา งเวลาพระอาทติ ยขน้ึ จนถงึ พระอาทิตยตก หรอื ในเวลาทําการของสถานที่นนั้ (3) สง่ั ใหห ยดุ การสรา งภาพยนตรท ฝ่ี า ฝน มาตรา 21 (ไมส รา งภาพยนตรต ามบทภาพยนตร และเคาโครงตลอดจนเง่ือนไขทีไ่ ดร บั อนญุ าต) หรือมาตรา 23 วรรคหนึ่ง (สรางภาพยนตรในลักษณะท่ี เปนการบอนทาํ ลาย ขดั ตอความสงบเรียบรอยหรือศลี ธรรมอนั ดีของประชาชน หรืออาจกระทบกระเทือน ตอความมั่นคงและเกยี รตภิ ูมิของประเทศไทย (4) สงั่ หา มการฉาย ใหเ ชา แลกเปลีย่ นหรอื จาํ หนา ยภาพยนตร หรือวีดิทศั นทฝ่ี าฝน มาตรา 25 วรรคหนึ่ง (ภาพยนตรท น่ี าํ ออกฉาย ใหเ ชา แลกเปลย่ี น หรอื จาํ หนา ยในราชอาณาจกั ร ไมผาน การตรวจพิจารณาและไมไดร ับอนุญาตจากคณะกรรมการพิจารณาภาพยนตรและวีดทิ ัศน() หรอื มาตรา 47 วรรคหนึ่ง (วดี ีทัศนท่นี าํ ออกฉาย ใหเชา แลกเปลย่ี น หรือจาํ หนายในราชอาณาจกั ร (5) สงั่ ใหห ยุดการโฆษณาหรอื ประชาสัมพันธสอื่ โฆษณาท่ีฝา ฝน มาตรา 25 วรรคหนึ่ง (สื่อโฆษณาภาพยนตรแ ละส่ือโฆษณาวดี ิทัศนไ มผานการตรวจพิจารณาและไมไดรับอนุญาตจากคณะกรรมการ พจิ ารณาภาพยนตรแ ละวีดีทัศน) เม่อื ไดเขาไปและลงมือทาํ การตรวจสอบตาม (1) หรอื ทาํ การคนตาม (2) แลว ถายงั ดาํ เนินการ ไมเ สรจ็ จะกระทําตอ ไปในเวลากลางคืนหรือนอกเวลาทาํ การของสถานที่น้ันก็ได การคนตาม (2) ตองมีหมายคน เวนแตม ีเหตุอนั ควรเชื่อวาหากเน่ินชา กวาจะเอาหมายคน มาได หลักฐานดงั กลาวจะถูกยักยา ย ซุกซอน ทําลายหรือทําใหเปล่ียนสภาพไปจากเดิมใหด ําเนินการคน อายัด หรือยดึ หลกั ฐานที่เก่ยี วของกบั การกระทําความผิดไดโ ดยไมต องมหี มายคน แตตอ งปฏบิ ตั ิตามประมวล กฎหมายวธิ พี ิจารณาความอาญาวา ดวยการคน และมอี ํานาจตามประกาศกระทรวงวฒั นธรรมเรอ่ื งแตง ตั้ง นายทะเบียนและพนักงานเจา หนา ทีต่ ามพระราชบญั ญัตภิ าพยนตรและวีดิทศั น พ.ศ. 2551 ขอ 3 ดังนี้ (1) พนกั งานเจาหนา ท่ี ซึง่ ดาํ รงตําแหนง ขาราชการพลเรือนสามัญหรือพนักงานสวน ทอ งถ่นิ ตง้ั แตระดบั 3 ขน้ึ ไปหรอื เทียบเทามีอํานาจเขาไปในโรงภาพยนตร รา นวดี ิทศั นส ะถานท่ีประกอบ กิจการใหเ ชา แลกเปลีย่ นหรือจาํ หนา ยภาพยนตรหรอื วดี ทิ ัศน เพอื่ ปฏิบตั ิการใหเ ปนไปตามทบี่ ัญญัติไว ในมาตรา 61 แหงพระราชบัญญตั ิภาพยนตรและวดี ิทัศน พ.ศ. 2551 (2) พนกั งานเจาหนาที่ ซึง่ ดํารงตาํ แหนงขาราชการพลเรือนสามญั หรอื พนกั งานสว นทองถิน่ ตง้ั แตร ะดับ 7 หรือเทียบเทา มอี ํานาจเขาไปในสถานที่ท่มี กี ารสรา งภาพยนตรได 2. นายอําเภอมีอาํ นาจรับรองการไดม าของคณะกรรมการบรหิ ารสภาวฒั นธรรมอาํ เภอ คณะกรรมการบรหิ ารสภาวฒั นธรรมตาํ บล และคณะกรรมการบรหิ ารสภาวฒั นธรรมอืน่ ๆ ทจ่ี ดั ตง้ั ขนึ้ ในเขตอาํ เภอ

- 258 - 3.9.2 กรมศลิ ปากร กรมศิลปากร มกี ฎหมายที่เกีย่ วของกับอาํ นาจหนาทขี่ องนายอําเภอสรุปได ดงั น้ี (1) พระราชบญั ญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศลิ ปวัตถุ และพิพธิ ภัณฑสถานแหงชาติ พ.ศ. 2504 แกไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพธิ ภณั ฑสถานแหงชาติ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2535 มาตราที่เกยี่ วของ มาตรา 10ทวิ พนกั งานเจา หนา ทีม่ ีอํานาจเขาไปในโบราณสถานเพ่ือตรวจดวู าไดม ีการซอ มแซม แกไ ข เปลย่ี นแปลง รอ้ื ถอน ตอ เตมิ ทําลายเคล่อื นยายโบราณสถานหรอื สว นตา งๆ ของโบราณสถาน หรอื มีการ ขุดคนสงิ่ ใดๆ หรอื ปลูกสรางอาคารภายในบริเวณโบราณสถานหรอื ไม ในการนี้ใหพนักงานเจา หนาท่ีมอี ํานาจ ยึดหรืออายดั วตั ถุทม่ี ีเหตุอนั สมควรสงสยั วาจะเปน วัตถุท่ีไดมาจากการขดุ คน ในบริเวณโบราณสถานได การตรวจ ยดึ หรอื อายดั ตามความในวรรคหน่ึง ใหกระทาํ ไดร ะหวางพระอาทติ ยข น้ึ ถึงพระอาทติ ยต ก และเม่ือดาํ เนินการตรวจ ยึดหรืออายดั แลวในเขตกรุงเทพมหานครใหรายงานตอ อธบิ ดี ในเขตจังหวัดอน่ื ใหรายงานตอ ผวู าราชการจังหวดั และอธบิ ดเี พอื่ ทราบ มาตรา 21 ใหพนักงานเจาหนา ท่มี ีอํานาจเขา ไปในสถานทีผ่ ลติ สถานที่ทําการคา สถานท่ีแสดง หรอื สถานที่เก็บรักษาโบราณวตั ถหุ รอื ศิลปวัตถุ หรือสง่ิ เทียมโบราณวตั ถุหรอื สิง่ เทียมศลิ ปวตั ถุ ระหวาง พระอาทิตยขน้ึ ถึงพระอาทติ ยตกหรอื ระหวางเวลาทําการ เพื่อตรวจดวู าไดม ีการปฏิบัติถูกตองตามพระราชบัญญัติน้ี หรอื ไม หรอื เพื่อตรวจดวู ามโี บราณวตั ถุหรือศิลปวตั ถุ หรอื ส่ิงเทยี มโบราณวัตถุ หรือสิง่ เทียมศิลปวตั ถุที่ ไดมาโดยมิชอบดว ยกฎหมาย หรือมสี ่งิ เทียมโบราณวตั ถุ หรือสง่ิ เทยี มศิลปวัตถุท่ีมิไดป ฏิบัตติ ามประกาศ ท่ีอธิบดกี ําหนดตามมาตรา 18 ทวิ อยูในสถานท่ีนัน้ หรือไม และในกรณีท่ีมเี หตุอนั ควรสงสยั วามิไดม กี าร ปฏบิ ัติใหถูกตองตามพระราชบัญญัตินี้ หรือมโี บราณวัตถหุ รือศลิ ปวัตถุหรือสิ่งเทียมโบราณวัตถุหรือสิ่งเทียม ศลิ ปวตั ถุทไี่ ดมาโดยมิชอบดว ยกฎหมาย หรือสงิ่ เทยี มโบราณวัตถหุ รือสงิ่ เทียมศิลปวตั ถุท่ีมิไดปฏิบัตติ าม ประกาศที่อธิบดกี าํ หนดตามมาตรา 18 ทวิ ใหพ นักงานเจาหนา ท่ีมอี ํานายดึ หรอื อายัดโบราณวัตถุหรือ ศิลปวัตถุหรอื สงิ่ เทียมโบราณวัตถหุ รอื สง่ิ เทยี มศิลปวัตถุน้ัน เพือ่ ประโยชนในการดาํ เนินคดีได มาตรา 21ทวิ ในการปฏิบัติหนา ที่ อธบิ ดีหรือผูซ ่ึงอธิบดมี อบหมายหรือพนักงานเจา หนา ที่ แลว แตกรณี ตองแสดงบัตรประจาํ ตวั ตอ เจา ของ ผคู รอบครองผูรบั ใบอนญุ าตหรือผทู ่เี กีย่ วของในสถานท่ที ที่ ําการ ตรวจสอบตามมาตรา 14 ทวิ หรอื มาตรา 21 และใหเ จา ของผคู รอบครอง ผูร ับใบอนญุ าต หรือผูทเ่ี ก่ียวของ ดงั กลา วอํานวยความสะดวกตามสมควร บัตรประจําตวั พนกั งานเจาหนา ท่ีใหเ ปนไปตามแบบท่ีกําหนดในกฎกระทรวง มาตรา 21 ตรี ในการปฏิบัติหนาท่ี ใหอธบิ ดีหรือผซู ง่ึ อธบิ ดมี อบหมายหรอื พนกั งาน เจาหนาทเี่ ปน เจาพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา

- 259 - กฎหมายลาํ ดับรองท่ีเกยี่ วของ 1. คําสัง่ กระทรวงวัฒนธรรม ที่ 157/2547 เรือ่ ง แตงต้ังพนกั งานเจาหนาท่ีตามความใน พระราชบญั ญัตโิ บราณสถาน โบราณวตั ถุ ศิลปวตั ถุ และพิพธิ ภณั ฑสถานแหง ชาติ พ.ศ. 2504 ลงวนั ท่ี 23 เมษายน 2547 สรุปประเดน็ ทนี่ ายอาํ เภอมีอํานาจหนา ที่ นายอาํ เภอไดรับแตงต้ังเปน พนักงานเจาหนาทีต่ ามคาํ สง่ั กระทรวงวฒั นธรรม ที่ 157/2547 เรื่อง แตงตั้งพนักงานเจา หนาท่ตี ามความในพระราชบัญญัตโิ บราณสถานโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพธิ ภณั ฑสถาน แหงชาติ พ.ศ. 2504 ลงวนั ท่ี 23 เมษายน 2547 มอี าํ นาจหนาที่ ดังน้ี (1) เขาไปในโบราณสถานเพอื่ ตรวจดูวาไดมีการซอ มแซม แกไข เปล่ียนแปลง ร้ือถอน ตอ เติม ทําลาย เคลื่อนยา ยโบราณสถานหรือสว นตา ง ๆ ของโบราณสถานหรือมกี ารขดุ คนสงิ่ ใด ๆ หรือปลกู สรา ง อาคารภายในบริเวณโบราณสถานหรือไมใ นการนน้ี ายอําเภอในฐานะพนกั งานเจาหนาท่ีมีอาํ นาจยดึ หรอื อายัดวตั ถทุ ่ีมีเหตุอันควรสงสัยวาจะเปนวัตถุท่ีไดม าจากการขดุ คนในบริเวณโบราณสถานได ซ่ึงการตรวจ ยดึ หรอื อายดั ดังกลา วใหกระทําไดร ะหวา งพระอาทติ ยข้ึนถึงพระอาทิตยต ก และเมื่อดําเนินการตรวจ ยดึ หรืออายดั แลวเสรจ็ ใหรายงานตอผวู า ราชการจงั หวดั หรืออธิบดีกรมศลิ ปากรเพื่อทราบ (2) เขาไปในสถานท่ผี ลติ สถานทที่ าํ การคา สถานทแี่ สดง หรือสถานที่เกบ็ รักษาโบราณวัตถุ หรือศลิ ปวัตถุ หรอื สง่ิ เทียมโบราณวตั ถหุ รือส่ิงเทยี มศิลปวัตถุ เพ่อื - ตรวจดวู า ไดม ีการปฏิบัติถูกตองตามพระราชบัญญัตินห้ี รือไม หรือ - ตรวจดูวา มีโบราณวัตถหุ รือศิลปวตั ถุ หรือสง่ิ เทียมโบราณวัตถุ หรอื ส่ิงเทยี มศิลปวัตถุท่ี ไดมาโดยมิชอบดว ยกฎหมาย หรือมสี งิ่ เทยี มโบราณวัตถุ หรอื ส่ิงเทียมศลิ ปวัตถุท่ีมิไดป ฏิบัติตามประกาศ กรมศลิ ปากร เรื่อง กําหนด หลักเกณฑ วิธีการ และเง่ือนไขในการผลติ การคา หรอื มีไวใ นสถานท่ที าํ การคาซงึ่ สง่ิ เทียมโบราณวตั ถุหรือส่งิ เทียมศิลปวัตถุทคี่ วบคุมการทําเทียม ลงวันท่ี 29 กันยายน พ.ศ. 2541 (รจ.ฉบบั ประกาศทั่วไป เลม 115 ตอนที่ 92 ง วันท่ี 17 พ.ย.2541) อยใู นสถานที่นั่นหรอื ไม โดยในกรณที ีเ่ ขาไปตรวจสอบแลว พบวามเี หตอุ นั ควรสงสัยวามิไดม ีการปฏบิ ัตติ ามกฎหมายใหนายอําเภอ ในฐานะพนักงานเจาหนาทีม่ ีอํานาจยดึ หรอื อายดั โบราณวัตถหุ รือศลิ ปวัตถหุ รือส่งิ เทยี มโบราณวัตถุหรอื สิ่งเทยี มศลิ ปวตั ถนุ ้ันเพื่อประโยชนใ นการดาํ เนนิ คดีได (3) ในการปฏิบัตหิ นา ทขี่ องนายอําเภอในฐานะพนักงานเจาหนาทตี่ อ งแสดงบตั รประจาํ ตัว พนกั งานเจาหนาท่ี (4) นายอาํ เภอในฐานะพนักงานเจาหนาที่ถอื เปน เจา พนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา

- 260 - 3.10 กระทรวงกลาโหม 3.10.1 กองบัญชาการกองทัพไทย กองบญั ชาการกองทพั ไทย มีกฎหมายทเ่ี กยี่ วขอ งกับอํานาจหนาท่ีของนายอําเภอสรปุ ได ดังน้ี (1) พระราชบญั ญตั กิ ารเกณฑชว ยราชการทหาร พ.ศ. 2530 มาตราทเ่ี ก่ยี วขอ ง มาตรา 4 ในพระราชบญั ญัตนิ ้ี “เจา พนักงานปกครองทองท่ี” หมายความวา ผูวาราชการจงั หวัด ปลดั เมืองพัทยา นายอาํ เภอ ผูอํานวยการเขต ปลัดอําเภอ ผูเปนหวั หนาประจํากิ่งอาํ เภอ และผดู ํารงตําแหนงท่ีเรียกช่ืออยางอนื่ ซ่ึงมีอาํ นาจ และหนาที่ทํานองเดยี วกับผูด ํารงตําแหนง ดังกลา ว มาตรา 7 ในเดอื นมกราคมของทุกป ใหป ลดั เมอื งพทั ยา นายอาํ เภอ ผอู าํ นวยการเขต ปลัดอําเภอ ผูเปน หวั หนาประจําก่ิงอําเภอ หรอื ผูด ํารงตําแหนงท่ีเรียกช่ืออยางอืน่ ซ่งึ มอี ํานาจและหนาทท่ี ํานองเดียวกับ นายอําเภอ ทาํ บญั ชสี ง ไปยังรฐั มนตรวี า การกระทรวงกลาโหมหรือสว นราชการทร่ี ฐั มนตรวี า การกระทรวงกลาโหม กําหนด บญั ชดี งั กลา วใหเปน ไปตามแบบท่ีกาํ หนดในกฎกระทรวงซ่ึงมีรายการดังน้ี (1) สถานท่สี ําหรบั ใชพ กั แรม หรือสรา งที่พักแรม (2) ยานพาหนะ เสน ทางคมนาคม สถานพยาบาล ประชากร สาธารณปู โภค ผลติ ผลทางกสกิ รรม ปศุสัตว และสัตวพาหนะ (3) สถานที่เก็บรักษาหรือจําหนายเชื้อเพลิง น้าํ มันเชือ้ เพลิง สิ่งหลอลืน่ หรือกาซ (4) อาวธุ ปน เคร่ืองกระสุนปน และวตั ถุระเบดิ (5) เครือ่ งมือสือ่ สารและเครือ่ งมืออิเลคทรอนิกส (6) โรงงานตามกฎหมายวา ดว ยโรงงาน (7) สถานทจ่ี ําหนายอุปกรณและอะไหลสาํ หรับยานพาหนะ เครื่องมือส่ือสาร หรอื เคร่ืองมือ อเิ ลคทรอนิกส (8) เคร่ืองกล เครื่องมือ เคร่ืองใช และสิ่งอื่นทใี่ ชสาํ หรบั การสรา ง ซอมแซมหรือบํารงุ รักษา เสน ทางคมนาคม (9) ส่ิงอ่ืนตามท่ีทางราชการทหารกาํ หนด สรปุ ประเด็นทีน่ ายอําเภอมีอํานาจหนาท่ี 1. ใหน ายอาํ เภอเปน เจาพนกั งานปกครองทอ งท่ี 2. ใหน ายอาํ เภอทาํ บญั ชสี ง ไปยงั รฐั มนตรวี า การกระทรวงกลาโหมหรอื สว นราชการท่ีรฐั มนตรีวาการ กระทรวงกลาโหมกาํ หนด

- 261 - (2) พระราชบญั ญตั กิ องอาสารักษาดินแดน พ.ศ. 2497 มาตราทีเ่ ก่ยี วขอ ง มาตรา 9 ตําแหนง ผูบังคบั บัญชาและเจาหนาที่ ตลอดจนอาํ นาจการปกครองบงั คับบัญชา รวมทั้งการกําหนดอตั รากําลงั ของแตล ะหนวยในกองอาสารักษาดนิ แดน ใหกาํ หนดโดยกฎกระทรวง กฎหมายลําดับรองทีเ่ กยี่ วของ 1. กฎกระทรวง (พ.ศ. 2497) ออกตามความในพระราชบัญญตั ิกองอาสารกั ษาดนิ แดน พ.ศ. 2497 ขอ 4 ใหนายอาํ เภอเปน ผูบ ังคบั กองรอย เวน แตในทองทอี่ ําเภอใดมอี ตั รากาํ ลงั สมาชิกกองอาสา รักษาดินแดนมากกวาหนึ่งกองรอยหรือไมถึงหนึ่งกองรอยใหผบู ังคับการเปนผูแตงตั้งบุคคลใดท่เี ห็นสมควรเปนผูบังคับ กองรอ ยน้ัน และใหม ีอาํ นาจถอดถอนดว ย ผบู งั คบั กองรอ ยเปน ผปู กครองบงั คบั บญั ชาเจาหนาท่แี ละสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน ซึ่งสังกัด อยูในกองรอยนั้น สรปุ ประเดน็ ที่นายอําเภอมีอํานาจหนาท่ี นายอําเภอเปนผบู งั คับกองรอยอาสารักษาดินแดนอาํ เภอ เปนผปู กครองบังคับบญั ชาเจา หนา ที่ และสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน ซึ่งสงั กัดอยูใ นกองรอยน้ัน (3) พระราชบัญญัติอาวธุ ปน เครื่องกระสุนปน วัตถรุ ะเบิด ดอกไมเพลงิ และส่ิงเทียมอาวุธปน พ.ศ. 2490 มาตราท่เี ก่ยี วขอ ง มาตรา ๕ พระราชบัญญัตินี้ เวนแตมาตรา ๘ ทวิ มใิ หใ ชบ ังคับแก (๑) อาวุธปน เครื่องกระสนุ ปน วตั ถุระเบิด ดอกไมเ พลิง และส่งิ เทยี มอาวธุ ปน ของ (ก) ราชการทหารและตํารวจที่มีหรือใชใ นราชการ (ข) หนวยราชการที่มีหรือใชเ พ่ือปองกันประเทศหรือรักษาความสงบเรียบรอยของ ประชาชน (ค) หนว ยราชการหรือรฐั วิสาหกจิ ทม่ี ีและใชในการปอ งกนั และรกั ษาทรัพยสนิ อนั สาํ คัญ ของรฐั (ง) ราชการทหารและตาํ รวจตาม (ก) หรือหนวยราชการตาม (ข) ทม่ี อบใหป ระชาชนมี และใชเ พื่อชวยเหลอื ราชการของทหารและตํารวจ หรอื ของหนว ยราชการแลว แตกรณี (๒) อาวุธปนและเคร่ืองกระสุนปนประจาํ เรือเดินทะเล รถไฟและอากาศยานตามปกติ ซงึ่ ได แสดงและใหพนักงานศุลกากรตรวจตามกฎหมายแลว (๓) ดอกไมเ พลงิ สญั ญาณประจําเรอื เดนิ ทะเล อากาศยาน และสนามบนิ ตามปกติ

- 262 - หนว ยราชการหรือรฐั วิสาหกจิ ตามวรรคหนง่ึ (๑) (ข) หรือ (ค) รวมทง้ั ชนิดขนาดและการกําหนด จาํ นวน ตลอดจนการมีและใช การเก็บรักษา การพาติดตวั การซอมแซมหรือเปลีย่ นลักษณะ และการอยางอ่ืน ทีจ่ ําเปนเพื่อการรักษาความปลอดภยั อันเก่ียวกบั อาวธุ ปน เคร่อื งกระสุนปน วตั ถรุ ะเบิด ดอกไมเ พลงิ และ สิ่งเทยี มอาวธุ ปน ทใ่ี หห นว ยราชการหรอื รัฐวสิ าหกิจดงั กลา วมีและใชห รือมอบใหประชาชนมีและใชเพื่อชว ยเหลือ ราชการนนั้ ใหเปน ไปตามที่กําหนดในกฎกระทรวง มาตรา ๖ ใหร ฐั มนตรวี า การกระทรวงมหาดไทยรกั ษาการตามพระราชบญั ญัตนิ ้ีและใหมอี าํ นาจ แตงตัง้ นายทะเบยี นและเจา หนาที่อ่ืนและออกกฎกระทรวงในเร่ืองตอไปน้ี คอื (๑) จํากัดชนดิ และจาํ นวนอาวุธปนของกระทรวงทบวงกรมอ่ืนนอกจากของราชการทหาร และตาํ รวจหรอื หนว ยราชการตามมาตรา ๕ วรรคสอง (๒) วางระเบยี บการทะเบยี น การขอและการออกใบอนุญาต ในสว นทเี่ ก่ียวกับการออกกฎกระทรวงตามวรรคหน่ึง (๑) ตามมาตรา ๕ วรรคสอง และตาม มาตรา ๕ ใหร ัฐมนตรีวาการกระทรวงกลาโหมรว มรักษาการตามพระราชบัญญตั นิ ี้และใหม ี อํานาจออกกฎกระทรวงรวมกับรฐั มนตรวี าการกระทรวงมหาดไทยดว ย มาตรา ๗ หา มมใิ หผูใดทํา ซ้อื มี ใช ส่งั หรือนําเขา ซึ่งอาวุธปนหรือเคร่ืองกระสนุ ปน เวน แต จะไดรับใบอนุญาตจากนายทะเบยี นทองที่ มาตรา ๒๔ หา มมิใหผ ูใด ทาํ ประกอบ ซอ มแซม เปลย่ี นลักษณะ ส่งั นาํ เขา มี หรือจําหนาย ซ่ึงอาวธุ ปน หรอื เคร่อื งกระสนุ ปน สาํ หรบั การคา เวนแตจะไดรับใบอนุญาตจากนายทะเบียนทองที่ มาตรา ๓๘ หา มมใิ หผูใด ทาํ ซอ้ื มี ใช ส่งั นาํ เขา คา หรือจาํ หนายดวยประการใดๆ ซง่ึ วัตถรุ ะเบิด เวน แตไดรบั ใบอนุญาตจากนายทะเบยี นทองที่ นายทะเบียนจะออกใบอนุญาตไดตอเมือ่ ไดร ับอนุมัติจากรัฐมนตรี มาตรา ๕๕ ประเภท ชนดิ และขนาดของอาวธุ ปน เครื่องกระสุปน หรอื วตั ถุระเบิดทีน่ ายทะเบยี น จะออกใบอนุญาตใหไ ดตาม มาตรา ๗ มาตรา ๒๔ หรอื มาตรา ๓๘ ใหเ ปนไปตามท่ีกาํ หนดในกฎกระทรวง กฎหมายลาํ ดบั รองทเ่ี ก่ยี วขอ ง 1. ประกาศกระทรวงมหาดไทย เร่ือง แตง ต้ังนายทะเบยี น เจาพนกั งาน และเจาหนาท่ี ตาม พระราชบญั ญัติอาวธุ ปน เครอ่ื งกระสุนปน วตั ถรุ ะเบดิ ดอกไมเพลงิ และสงิ่ เทียมอาวธุ ปน พ.ศ. 2490 2. ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรือ่ ง แตง ตัง้ เจา พนักงานออกหนังสืออนญุ าตใหยา ยวตั ถรุ ะเบิด ตามพระราชบัญญตั ิอาวธุ ปน เครือ่ งกระสนุ ปน วตั ถุระเบดิ ดอกไมเพลิงและส่ิงเทียมอาวธุ ปน พ.ศ. 2490

- 263 - สรุปประเดน็ ทน่ี ายอําเภอมีอํานาจหนา ที่ 1. นายอาํ เภอเปน นายทะเบียนอาวุธปน ในทองที่อาํ เภอ 2. นายอาํ เภอเปนเจา พนกั งานออกหนังสืออนญุ าตใหยา ยวตั ถรุ ะเบดิ (4) พระราชบัญญตั ิควบคมุ ยุทธภัณฑ พ.ศ. 2530 มาตราทเ่ี กย่ี วของ มาตรา 5 ใหร ฐั มนตรวี าการกระทรวงกลาโหมรกั ษาการตามพระราชบัญญัตินี้และใหมี อํานาจแตง ตั้งพนักงานเจาหนา ท่ี ออกกฎกระทรวงกําหนดคา ธรรมเนยี มไมเกนิ อตั ราทา ยพระราชบัญญตั ินี้ และ ยกเวน คาธรรมเนียม กําหนดกิจการอื่นและออกประกาศ เพื่อปฏบิ ตั ิการตามพระราชบญั ญตั ิน้ี ในสว นท่ีเก่ยี วกบั การศลุ กากร ใหร ฐั มนตรวี า การกระทรวงการคลงั รกั ษาการตามพระราชบัญญตั ินี้ กฎกระทรวงและประกาศนน้ั เม่ือไดประกาศในราชกจิ จานเุ บกษาแลว ใหใชบงั คบั ได กฎหมายลาํ ดับรองท่เี ก่ียวขอ ง 1. ประกาศกระทรวงกลาโหม เรือ่ ง แตงตั้งพนักงานเจาหนาที่เพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัติ ควบคุมยุทธภณั ฑ พ.ศ. 2530 (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2543 ขอ 2 ใหแ ตง ตั้งผดู ํารงตาํ แหนงตอ ไปนเ้ี ปน นายทะเบียน (3) นายอาํ เภอในเขตอาํ เภอ สรปุ ประเด็นที่นายอาํ เภอมีอํานาจหนา ที่ นายอาํ เภอเปน พนักงานเจาหนา ท่ี เพื่อปฏบิ ัติการตามพระราชบญั ญัติควบคุมยทุ ธภณั ฑ พ.ศ. 2530 3.10.2 กองทัพบก กองทัพบก มีกฎหมายที่เกีย่ วของกบั อํานาจหนา ที่ของนายอําเภอสรปุ ได ดงั น้ี (1) พระราชบญั ญตั ริ บั ราชการทหาร พ.ศ. 2497 มาตราท่เี ก่ยี วของ มาตรา 4 ในพระราชบัญญตั ินี้ (1) วธิ ีนบั อายุ ถาเกดิ พทุ ธศักราชใดใหถอื วามีอายคุ รบหนง่ึ ปบ รบิ ูรณเ มอื่ ส้ินพุทธศักราชทีเ่ กดิ น้ัน สว นการนับอายตุ อไปใหน ับแตเ ฉพาะปท่สี นิ้ พุทธศักราชแลว ถาไมป รากฏปเกิดใหนายอําเภอทองที่ เปนผูกาํ หนด ตามท่ีกาํ หนดในกฎกระทรวง

- 264 - (2) “ทหารกองเกิน” หมายความวา ผซู งึ่ มีอายตุ ้งั แตสิบแปดปบรบิ ูรณแ ละยงั ไมถ งึ สามสิบป บรบิ ูรณ ซ่ึงไดลงบัญชีทหารกองเกินตามมาตรา 16 หรือผซู ่ึงไดลงบัญชที หารกองเกนิ ตามมาตรา 18 แลว (3) “ทหารกองประจาํ การ” หมายความวา ผูซ่ึงขน้ึ ทะเบยี นกองประจาํ การ และไดเ ขา รับราชการ ในกองประจําการจนกวาจะไดป ลด (4) “ทหารกองหนนุ ประเภทท่ี 1” หมายความวา ทหารทป่ี ลดจากกองประจาํ การ โดยรบั ราชการ ในกองประจาํ การจนครบกาํ หนด หรือทหารกองเกินซงึ่ สาํ เร็จการฝกวิชาทหารตามกฎหมายวาดวยการ สง เสริมการฝกวชิ าทหาร และไดข นึ้ ทะเบยี นกองประจําการแลวปลดเปนกองหนุนตามพระราชบัญญตั ินี้ (5) “ทหารกองหนุนประเภทท่ี 2” หมายความวา ทหารทปี่ ลดจากกองเกินตามมาตรา 39 หรอื ปลดจากกองประจาํ การตามมาตรา 40 (6) “พน ราชการทหารประเภทท่ี 1” หมายความวา ทหารซึง่ ถูกปลดโดยทไ่ี ดร บั ราชการในช้ันตางๆ จนครบกําหนดหรือโดยท่พี ิการทุพพลภาพ หรอื มีโรคซ่ึงไมสามารถจะรบั ราชการทหารไดในระหวางรับ ราชการทหารตามพระราชบัญญัตนิ ้ี (7) “พน ราชการทหารประเภทท่ี 2” หมายความวา ทหารกองหนนุ ประเภทท่ี 2 ทม่ี อี ายสุ สี่ ิบหกป บรบิ รู ณแลว หรือทหารกองเกนิ หรือทหารกองหนุนประเภทที่ 2 ซึ่งพิการทุพพลภาพ หรือมีโรคอันไมสามารถ จะรบั ราชการทหารไดในระหวางรับราชการทหารตามพระราชบญั ญตั นิ ้ี หรือนายทหารสัญญาบัตรทถ่ี ูกปลด โดยถกู ถอดหรือออกจากยศ (8) “ทหารประจําการ” หมายความวา ทหารซ่ึงรบั ราชการตามที่กระทรวงกลาโหมกาํ หนด ซง่ึ ไมใชท หารกองประจําการ (9) “อําเภอ” หมายความรวมถึงกงิ่ อาํ เภอดวย (10) “ทว่ี า การอําเภอ” หมายความรวมถงึ ท่ีวาการกง่ิ อาํ เภอดวย (11) “นายอําเภอ” หมายความรวมถงึ ปลัดอาํ เภอผเู ปนหวั หนาประจํากง่ิ อําเภอดว ย มาตรา 5 บุคคลซ่ึงตอ งลงบัญชที หารกองเกิน ใหลงบญั ชที ่อี ําเภอดังตอ ไปน้ี (1) บคุ คลซึง่ บดิ ายังมชี ีวิตอยู หรอื ถาบิดาถึงแกก รรมแลวมารดายังมีชีวติ อยู หรอื ถาทั้งบิดา และมารดาถึงแกก รรมแลวมผี ปู กครอง ใหล งบัญชีทหารกองเกนิ ท่ีอําเภอทองที่ท่ีบดิ าหรือมารดาหรอื ผปู กครองมีภูมิลําเนา แลวแตกรณี (2) บคุ คลซึง่ เกิดนอกสมรสและบดิ ามิไดจดทะเบยี นรับรองบตุ ร หรอื ถา มารดาถึงแกก รรม แลว มผี ปู กครอง ใหล งบัญชีทหารกองเกินท่ีอําเภอทองท่ที ่ีมารดาหรือผูปกครองมภี ูมลิ าํ เนา แลวแตก รณี (3) บคุ คลนอกจากทีก่ ลา วใน (1) และ (2) หรือบุคคลท่ไี มอาจลงบัญชที หารกองเกินตาม (1) หรอื (2) ไดไ มว าดว ยกรณีใดก็ตาม ใหล งบัญชีทหารกองเกนิ ท่อี ําเภอทองท่ีท่บี ุคคลน้ันมภี ูมลิ าํ เนา ถาบคุ คลนั้น ไมป รากฏภมู ิลาํ เนากใ็ หล งบญั ชที หารกองเกินที่อาํ เภอทอ งท่ีท่ีพบตวั บุคคลนั้น เมือ่ ไดลงบญั ชที หารกองเกนิ แลวใหถ ือวาผนู นั้ มภี ูมลิ ําเนาทหารอยูในทองที่อาํ เภอท่ีไดล งบญั ชี ทหารกองเกนิ ภมู ิลาํ เนาทหารใหม ีไดเ พยี งแหงเดยี ว

- 265 - มาตรา 6 การเรียกและการตรวจเลือกคนเขาเปน ตํารวจกองประจําการตลอดถงึ การยกเวน และการปลดตํารวจซงึ่ อยูในกองประจาํ การ ใหปฏบิ ัตเิ ชนเดียวกันกับการเรียกและการตรวจเลือกคนเขา เปนทหารกองประจําการ การยกเวน และการปลดทหาร การเรียกคนเขากองประจําการเปน ตํารวจ ใหก ระทรวงมหาดไทยทําไดโ ดยตกลงกบั กระทรวงกลาโหม มาตรา 9 ทหารกองเกินซ่ึงมีอายุตงั้ แตสิบแปดปบ ริบูรณและยังไมถ ึงสามสบิ ปบรบิ รู ณ เปนผทู ่ี อยใู นระหวา งทจ่ี ะตองเขารบั ราชการทหารกองประจาํ การ และเม่ือตองเขา กองประจําการจะตองเขา รบั ราชการทหารกองประจําการมีกําหนดสองป สวนผูซ ง่ึ มคี ุณวุฒิพิเศษหรือเม่ือมีกรณพี ิเศษ จะใหร บั ราชการทหาร กองประจาํ การนอ ยกวา สองปตามทก่ี ําหนดในกฎกระทรวงก็ได แตสาํ หรบั ผูซึ่งมคี ุณวุฒพิ ิเศษน้ัน จะอาง สิทธิดังกลา วไดตอเม่ือไดแสดงหลกั ฐานตอ คณะกรรมการตรวจเลือกในวนั ตรวจเลือก หรือตอ หนวยทหาร ท่ีตนรองขอเขารบั ราชการในวนั รองขอ วนั เริ่มเขารับราชการทหารกองประจําการ ใหนบั แตวนั ข้นึ ทะเบียนกองประจาํ การ ในกรณีท่ี ทหารกองเกินเขารับราชการทหารกองประจําการแลว แตยังขนึ้ ทะเบยี นกองประจําการใหไมไดใ นวนั ท่ี ทหารกองเกินเขารับราชการทหารกองประจําการนั้น จะขึ้นทะเบียนกองประจาํ การภายหลังจากวนั เขารับ ราชการทหารกองประจําการก็ได และใหถือวา ผนู นั้ ไดข้นึ ทะเบียนกองประจําการตั้งแตว ันทเ่ี ขา รบั ราชการ ทหารกองประจาํ การ เมอ่ื อยใู นกองประจาํ การจนครบกาํ หนดแลว ใหป ลดเปน ทหารกองหนนุ ประเภทท่ี ๑ ดงั น้ี กองหนุนชน้ั ท่ี 1 เจ็ดป กองหนนุ ชั้นท่ี 2 สิบป กองหนนุ ช้ันที่ 3 หกป ตามลําดับชนั้ ไปจนปลดพน ราชการทหารประเภทที่ 1 บคุ คลซึ่งสาํ เร็จการฝกวิชาทหารตามหลักสตู รที่กระทรวงกลาโหมกาํ หนดตามกฎหมายวาดว ย การสงเสริมการฝกวชิ าทหารและมลี ักษณะตามทก่ี ําหนดในกฎกระทรวง จะใหร ับราชการทหารกองประจําการ นอ ยกวาสองป หรอื ใหข ึน้ ทะเบยี นกองประจาํ การแลว ปลดเปน ทหารกองหนุนประเภทที่ 1 โดยมิตอ งเขา รบั ราชการทหารกองประจาํ การกไ็ ด ทง้ั น้ี ตามหลักเกณฑและวิธกี ารทกี่ ําหนดในกฎกระทรวง แตจะอา ง สทิ ธดิ ังกลาวไดตอเมื่อไดแสดงหลกั ฐานตอคณะกรรมการตรวจเลอื กในวันตรวจเลอื ก หรือตอ หนวยทหาร ท่ีตนรองขอเขารับราชการในวนั รอ งขอ หรือตอ หนว ยที่ขึ้นทะเบยี นกองประจาํ การ แลวแตกรณี สว นที่จะ ใหอ ยใู นกองหนุนช้ันใดและเปน เวลาเทาใดน้ัน ใหป ฏิบัตเิ ชนเดียวกับการปลดทหารกองเกนิ ทต่ี อ งเขา รบั ราชการ ทหารกองประจําการตามวรรคสอง ใหผูว าราชการจังหวัดและสัสดีจงั หวดั ออกหนังสอื สาํ คัญใหแกทหารทถี่ ูกปลดเปนทหารกองหนนุ ไวเปน หลักฐาน หากหนงั สือสําคัญชํารดุ หรอื สูญหาย ใหผถู ือแจงตอนายอําเภอทองที่เพื่อขอรับหนงั สือ สําคัญใหม โดยเสียคาธรรมเนียมฉบบั ละหนง่ึ บาท แตถาการชาํ รดุ หรือสญู หายน้ันเปน เพราะเหตุสดุ วิสัย กไ็ มตองเสียคาธรรมเนยี ม

- 266 - มาตรา 12 บคุ คลซึ่งไดลงบญั ชีทหารกองเกินตามมาตรา ๑๖ หรอื ทหารกองเกนิ หรอื ทหาร กองหนนุ ผใู ดประสงคจ ะไปอยูต า งทอ งทใ่ี นอําเภอเดียวกนั หรอื ตางอาํ เภอเปนการช่วั คราวเกินสามสิบวนั ใหแ จงตอนายอําเภอทองที่ท่ีตนเขา มาอยู และใหน ายอําเภอที่ไดร บั แจง ทาํ การสอบสวนและออกใบรับให แลว แจงใหน ายอําเภอทองท่ที ี่ผูนน้ั มภี มู ลิ ําเนาทหารทราบ ถา บุคคลตามวรรคหนงึ่ ประสงคจ ะยายภูมลิ าํ เนาทหาร ใหแ จงตอนายอําเภอทองท่ีที่ตนเขามา อยนู นั้ ใหน ายอําเภอท่ีไดรบั แจงทําการสอบสวน เมื่อพจิ ารณาเหน็ วาผขู อยายไดม าตั้งทํามาหาเลยี้ งชพี เปน ประจาํ หรือมที อ่ี ยูเปนหลักฐานและไมประสงคจะหลกี เลย่ี งการรับราชการทหาร กใ็ หแ จง ไปยังนายอําเภอ ทอ งที่ท่ีเปน ภมู ิลาํ เนาทหารเดิมทราบ เมื่อไดร บั ตอบยืนยนั เปน การถกู ตอ งจึงใหรับแจง การยา ยภูมิลาํ เนา ทหารของบคุ คลนัน้ และออกใบรบั ให แลวใหน ายอําเภอท่เี ก่ียวขอ งแจงใหผ ูวา ราชการจงั หวัดของตนทราบ การแจงยายตามวรรคหน่ึงและวรรคสองใหก ระทาํ ภายในสามสบิ วันนับแตว ันท่ียายเขา มาอยู ในทอ งท่ี มาตรา 12 ทวิ บุคคลซง่ึ ไดล งบัญชีทหารกองเกินตามมาตรา ๑๖ หรือทหารกองเกินหรือ ทหารกองหนนุ ผูใดไดรับอนุญาตใหเปล่ียนชอ่ื ตวั หรือชื่อสกุล ใหผูน นั้ นาํ หลักฐานไปแจงตอนายอําเภอ ทองที่ทเี่ ปน ภูมิลําเนาทหารทราบภายในสามสบิ วันนับแตวนั ทีไ่ ดร บั อนญุ าต ใหน ายอําเภอออกใบรับให และแกใบสําคัญและบัญชีใหถูกตอง ในกรณีหนงั สือสําคญั หรอื ใบสําคัญที่จงั หวัดเปน ผอู อก ใหส ง ผูวา ราชการจังหวดั และสสั ดีจงั หวัดจดั การแก มาตรา 13 บคุ คลดงั ตอไปน้ี ยกเวนไมต องเขา รบั ราชการทหารกองประจําการคือ (1) พระภกิ ษทุ มี่ สี มณศักดิ์ หรือทเี่ ปนเปรียญ และนักบวชในพระพุทธศาสนาแหงนิกายจนี หรอื ญวนท่มี ีสมณศักด์ิ (2) คนพกิ ารทุพพลภาพ ซึ่งไมสามารถเปน ทหารได (3) บคุ คลซึ่งไมมีคณุ วฒุ ทิ ่ีจะเปนทหารไดเฉพาะบางทองท่ี ตามท่ีกาํ หนดในกฎกระทรวง มาตรา 14 บคุ คลดงั ตอไปน้ี เมอื่ ลงบัญชที หารกองเกนิ แลว ไมเ รียกมาตรวจเลอื กเขา รบั ราชการทหารกองประจําการในยามปกติ คือ (1) พระภิกษุ สามเณร และนกั บวชในพระพุทธศาสนาแหง นิกายจนี หรอื ญวน ซงึ่ เปนนักธรรม ตามทก่ี ระทรวงศึกษาธกิ ารรับรอง (2) นกั บวชศาสนาอ่ืนซึ่งมีหนาทปี่ ระจําในกิจของศาสนาตามทก่ี ําหนดในกฎกระทรวง และ ผวู าราชการจงั หวัดออกใบสําคัญใหไว (3) บคุ คลซง่ึ อยใู นระหวา งการฝก วชิ าทหารตามหลกั สตู รทก่ี ระทรวงกลาโหมกําหนด ตามกฎหมาย วาดว ยการสงเสริมการฝกวชิ าทหาร (4) นักเรียนโรงเรียนเตรียมทหารของกระทรวงกลาโหม (5) ครูซึง่ ประจําทําการสอนหนังสอื หรอื วชิ าการตา ง ๆ ทอ่ี ยูในความควบคุมของกระทรวง ทบวง กรม หรือราชการสวนทอ งถ่ิน ทั้งน้ี ตามท่ีกาํ หนดในกฎกระทรวง และผวู า ราชการจังหวดั ออก ใบสาํ คญั ใหไว (6) นกั ศกึ ษาของศนู ยก ลางอบรมการศึกษาผใู หญข องกระทรวงศกึ ษาธกิ าร (7) นกั ศกึ ษาของศูนยฝกการบินพลเรือนของกระทรวงคมนาคม

- 267 - (8) บุคคลซ่งึ ไดส ัญชาติไทยโดยการแปลงสญั ชาติ (9) บคุ คลซึง่ ไดร ับโทษจําคกุ โดยคําพิพากษาถึงที่สุดใหจําคุกคร้ังเดยี วต้ังแตสิบปข ้ึนไป หรือ เคยไดรบั โทษจําคกุ โดยคาํ พิพากษาถึงทสี่ ดุ ใหจาํ คุกหลายคร้ังรวมกันต้งั แตสบิ ปข้นึ ไปหรือเคยถกู ศาล พพิ ากษาใหก กั กนั การไมเ รยี กมาตรวจเลอื กเขา รบั ราชการทหารกองประจาํ การในยามปกติ และการออกใบสาํ คัญ ตาม (2) และ (5) ใหเปน ไปตามหลกั เกณฑ วิธกี าร และแบบทกี่ าํ หนดในกฎกระทรวง มาตรา 15 บุคคลซ่ึงพนจากฐานะตามทกี่ ําหนดไวในมาตรา 13 (1) มาตรา 14 (1) (2) (3) (5) (6) หรอื (7) มาตรา 27 (2) หรือมาตรา 29 (3) ใหแจง ดว ยตนเองตอนายอําเภอทองที่ท่ีตนอยู หรือทําการประจํา ภายในสามสบิ วันนับแตว นั ทพ่ี น จากฐานะเชน นนั้ และใหน ายอําเภอออกใบรบั ให ถา ผูน ั้นมี ภมู ลิ าํ เนาทหารอยูใ นทองท่ีอําเภออนื่ ใหนายอําเภอท่ีไดร ับแจงแจงตอไปยังนายอําเภอทองท่ีทเี่ ปนภมู ิลําเนา ทหารของผนู ั้น มาตรา 16 บรรดาชายซง่ึ มีสญั ชาตไิ ทย เมือ่ มีอายุยางเขา สบิ แปดปใ นพทุ ธศกั ราชใด ใหไป แสดงตนเพ่ือลงบัญชที หารกองเกินภายในพุทธศักราชนั้น ผใู ดไมส ามารถไปลงบัญชีทหารกองเกินดว ยตนเองได ตองใหบ ุคคลซึง่ บรรลนุ ติ ภิ าวะและ เช่อื ถือไดไปแจง แทน ใหนายอําเภอสอบสวน เม่อื เหน็ วาถูกตอ ง ใหลงบัญชีทหารกองเกินไว ถาไมมผี มู า แจงแทน ใหถ ือวาผูน ้ันหลกี เลี่ยงขดั ขืนไมม าลงบัญชที หารกองเกิน เม่ือไดรับการขอลงบัญชีทหารกองเกินตามมาตราน้ี ใหนายอําเภอออกใบสําคัญหรือใบรบั ใหผ ูขอ ลงบัญชที หารกองเกินไวเปนหลกั ฐาน หากใบสําคัญชาํ รดุ หรอื สูญหาย ใหผ ูถือแจง ตอนายอําเภอทองท่ีเพ่ือขอรบั ใบสาํ คัญใหมโดยเสยี คาธรรมเนยี มฉบบั ละหนงึ่ บาท แตถาการชาํ รุดหรือสูญหายนั้นเปน เพราะเหตุสดุ วิสยั กไ็ มต องเสยี คา ธรรมเนียม ผซู ่งึ ไดลงบัญชีทหารกองเกินตามมาตรานแ้ี ลวใหถือวาเปนทหารกองเกนิ ต้ังแตวนั ที่ 1 มกราคม ของพทุ ธศักราชถดั ไป การลงบัญชที หารกองเกนิ ตามมาตรานี้ ใหเปนไปตามหลักเกณฑ วธิ กี ารและแบบที่กําหนด ในกฎกระทรวง มาตรา 17 ในเดอื นกันยายนทุกป ใหน ายอําเภอจัดการประกาศใหผ ูท่มี ีอายุถงึ เขตท่ีจะตอง ลงบัญชีทหารกองเกนิ ไปลงบัญชีทหารกองเกนิ ตามทกี่ ําหนดไวใ นมาตรา ๑๖ ประกาศเชนวาน้ี ใหนายอาํ เภอปด ไว ณ ท่วี า การอาํ เภอและ ณ ทีเ่ ปดเผยตามชุมนมุ ชนในทอ งที่น้ัน กับใหน ายอําเภอสงประกาศใหกาํ นนั ผูใหญบานเพอื่ นําไปแจง ใหราษฎรในทองท่ีของตนทราบดวย มาตรา 18 บคุ คลซึง่ ยงั มิไดล งบญั ชีทหารกองเกินทีอ่ ําเภอพรอมกบั คนช้ันปเดยี วกันเพราะ เหตใุ ดๆ กด็ ี ถาอายุยังไมถงึ ส่ีสิบหกปบรบิ รู ณ ใหปฏิบตั ทิ ํานองเดียวกบั มาตรา 16 ภายในสามสบิ วนั นบั แตว ันที่ สามารถจะปฏิบตั ิได แตจะใหผอู น่ื แจง แทนไมได ถานายอําเภอจะเรยี กตวั ลงบญั ชที หารกองเกนิ ก็ยอมทาํ ไดโ ดยไมต องคํานงึ ถึงกาํ หนดเวลาดังกลา วแลว เมอื่ ไดร บั การลงบัญชที หารกองเกินตามมาตราน้ี ใหนายอําเภอออกใบสําคัญหรือใบรบั ใหไ ว เปนหลกั ฐาน หากใบสําคญั ชํารดุ หรือสญู หาย ใหผ ถู อื แจงตอนายอาํ เภอทองทีเ่ พ่ือขอรบั ใบสําคัญใหมโดย

- 268 - เสียคาธรรมเนียมฉบบั ละหน่งึ บาท แตถาการชํารุดหรือสญู หายนั้นเปน เพราะเหตสุ ดุ วิสยั ก็ไมต องเสียคาธรรมเนยี ม ผูซึ่งไดล งบัญชที หารกองเกินตามมาตราน้ีแลว ใหถือวาเปน ทหารกองเกินตั้งแตวนั ลงบัญชี ทหารกองเกิน แตถ ามีอายุครบกาํ หนดปลดเปน ทหารกองหนุนประเภทท่ี ๒ ตามมาตรา ๓๙ เม่ือไดลงบัญชี ทหารกองเกนิ แลว ใหป ลดเปนทหารกองหนุนประเภทที่ ๒ ทนั ที การลงบญั ชีทหารกองเกินตามมาตรานใ้ี หเปนไปตามหลกั เกณฑ วธิ กี ารและแบบทก่ี ําหนดในกฎกระทรวง มาตรา 19 เมอ่ื จาํ เปน นายอาํ เภอมีอํานาจประกาศเรยี กบุคคลที่ไดล งบญั ชีทหารกองเกนิ ไว ทอ่ี าํ เภอตามมาตรา 16 หรือมาตรา 18 แลว ไปแสดงตนเพอ่ื ลงบญั ชที หารกองเกนิ ใหมได ภายในกําหนด เกา สิบวันนับตง้ั แตว นั ประกาศ ประกาศเชนวา นี้ ใหนายอําเภอปด ไว ณ ทีว่ า การอาํ เภอและ ณ ทีเ่ ปด เผยตามชมุ นมุ ชนในทอ งทน่ี ้นั กับใหน ายอําเภอสง ประกาศใหกาํ นันผูใหญบ า นเพอ่ื นาํ ไปแจงใหร าษฎรในทองที่ของตนทราบดวย ผใู ดไมส ามารถจะไปลงบัญชที หารกองเกนิ ดวยตนเองได ตอ งใหบ ุคคลซึง่ บรรลนุ ิติภาวะและ พอจะเชอ่ื ถือไดไ ปแจง แทน ถาไมมผี แู ทนใหถ ือวา ผูนนั้ หลีกเลี่ยงขัดขืน เมอื่ ไดรบั การขอลงบัญชที หารกองเกนิ ตามมาตรานี้ ใหนายอาํ เภอออกใบสําคญั หรือใบรับให ผูขอลงบญั ชีทหารกองเกนิ ไวเ ปนหลกั ฐาน ตามทก่ี ําหนดในกฎกระทรวง หากใบสาํ คัญชํารดุ หรือสูญหาย ใหผ ถู ือแจงตอนายอําเภอทอ งที่เพื่อขอรบั ใบสําคัญใหมโ ดยเสียคาธรรมเนยี มฉบบั ละหนึ่งบาท แตถ า การ ชํารุดหรอื สญู หายน้ันเปน เพราะเหตสุ ดุ วิสัย ก็ไมตองเสยี คาธรรมเนียม มาตรา 21 บุคคลดังตอไปน้ีไมต องไปแสดงตนตอนายอําเภอ ตามมาตรา 16 มาตรา 18 หรอื มาตรา 19 คือ (1) สามเณรเปรียญ (2) ผูซง่ึ อยใู นระหวา งควบคมุ หรือคุมขังของเจาพนักงาน แตใ หล งบญั ชที หารกองเกินไวตามหลักเกณฑ วธิ กี ารและแบบที่กําหนดในกฎกระทรวง มาตรา 22 บคุ คลที่อยใู นกําหนดออกหมายเรียกมาตรวจเลือกเขาเปนทหารกองประจาํ การ นัน้ คอื ผูทเี่ ปนทหารกองเกิน มาตรา 23 การทีจ่ ะเรียกทหารกองเกนิ เขารับราชการกองประจาํ การเม่ือใด อายุใดบา ง และก่ีครัง้ นน้ั ใหเปนไปตามที่กําหนดในกฎกระทรวง มาตรา 24 การเรียกทหารกองเกนิ เขา รบั ราชการทหารกองประจําการนั้น ใหน ายอําเภอ ออกหมายเรียกทหารกองเกนิ ซึง่ ลงบญั ชที หารกองเกนิ ไวต ามมาตรา 16 มาตรา 18 และมาตรา 19 มาตรวจเลือก ทั้งนี้ ใหเ ปน ไปตามหลักเกณฑ วิธีการ และแบบที่กําหนดในกฎกระทรวง มาตรา 25 ทหารกองเกนิ เมื่อมีอายุยางเขายสี่ บิ เอด็ ปในพุทธศักราชใด ตองไปแสดงตนเพ่ือรบั หมายเรียกท่ีอาํ เภอทอ งท่ีซ่งึ เปน ภูมลิ ําเนาทหารของตน ภายในพทุ ธศักราชนนั้ ทหารกองเกินท่ีพนจากฐานะการยกเวน ตามมาตรา 14 (3) หรือการผอนผนั ตามมาตรา 27 (2) และมาตรา 29 (3) ในพุทธศกั ราชใด ตองไปแสดงตนเพือ่ รับหมายเรียกหรือเพ่ือจําหนายบัญชเี รยี ก ทหารกองเกินตามแตกรณีท่ีอําเภอทองท่ซี ่งึ เปนภมู ิลําเนาทหารของตน ภายในพทุ ธศักราชน้ัน

- 269 - ผใู ดไมส ามารถจะไปรับหมายเรยี กดวยตนเองได ตองใหบ ุคคลซง่ึ บรรลนุ ิติภาวะ และพอจะ เช่อื ถอื ไดไปรับหมายเรียกแทน ถาไมมผี แู ทนใหถือวาผนู น้ั หลกี เลยี่ งขัดขืน มาตรา 26 ในเดอื นตุลาคมทกุ ป ใหนายอําเภอจัดการประกาศใหท หารกองเกินที่มีอายยุ า ง เขายส่ี ิบเอ็ดปในพุทธศกั ราชนั้น ไปแสดงตนเพ่ือรับหมายเรียกที่อําเภอตามทก่ี ําหนดไวใ นมาตรา 25 ประกาศเชน วานีใ้ หนายอาํ เภอปดไว ณ ทว่ี า การอาํ เภอและ ณ ท่ีเปดเผยตามชุมนุมชนใน ทอ งทน่ี นั้ กบั ใหนายอาํ เภอสง ประกาศใหกํานนั ผใู หญบา นเพื่อนาํ ไปแจง ใหราษฎรในทอ งท่ีของตนทราบดวย มาตรา 27 ทหารกองเกินซงึ่ ถูกเรียกตองมาใหค ณะกรรมการตรวจเลอื กทําการตรวจเลือก ตามกําหนดหมายนัน้ โดยนาํ ใบสําคัญทหารกองเกิน บัตรประจําตวั ประชาชนและประกาศนียบัตรหรอื หลกั ฐานการศกึ ษามาแสดงดว ย ถาไมม าหรือมาแตไมเ ขารบั การตรวจเลอื ก หรือไมอยจู นกวา การตรวจเลือก แลว เสรจ็ ใหถอื วา ทหารกองเกินนน้ั หลีกเลยี่ งขัดขนื ไมมาใหค ณะกรรมการตรวจเลือกทําการตรวจเลอื ก เวนแต (๑) ขา ราชการซ่ึงไดรับคําส่ังของผบู ังคบั บัญชาโดยปจ จบุ ันทันดว นใหไปราชการอนั สําคัญยิ่ง หรือไปราชการตางประเทศโดยคาํ สัง่ ของเจากระทรวง (๒) นักเรียนซ่ึงออกไปศึกษาวิชา ณ ตางประเทศ ตามที่กาํ หนดในกฎกระทรวง (3) ขา ราชการหรอื ผปู ฏบิ ตั ิงานในสถานทรี่ าชการ หรือโรงงานอ่นื ใด ในระหวา งท่ีมีการรบ หรือการสงคราม อันเปนอุปกรณในการรบหรือการสงครามและอยูในความควบคุมของกระทรวงกลาโหม (4) บุคคลซ่ึงกําลังปฏิบตั ิงานรว มกบั หนวยทหารในราชการสนาม (5) เกิดเหตุสุดวสิ ยั (6) ไปเขาตรวจเลอื กท่ีอืน่ (7) ปว ยไมส ามารถจะมาได โดยใหบุคคลซึง่ บรรลนุ ิติภาวะและเชือ่ ถือไดม าแจงตอคณะกรรมการ ตรวจเลือกในวนั ตรวจเลือก กรณีตาม (1) (2) (3) หรอื (4) ตองไดรับการผอนผันเฉพาะคราวจากรฐั มนตรวี า การ กระทรวงมหาดไทย หรือผซู ง่ึ รฐั มนตรวี า การกระทรวงมหาดไทยมอบหมาย มาตรา 28 ตรี ใหผูซงึ่ รัฐมนตรีวา การกระทรวงกลาโหมกาํ หนดตามมาตรา ๒๘ แตงตั้ง คณะกรรมการชน้ั สงู ข้ึนในทองทแ่ี ตล ะจังหวดั ประกอบดว ยผวู า ราชการจังหวดั หรอื ผแู ทนหนง่ึ คน เปน ประธาน กรรมการ เจาหนาที่สัสดีซึ่งดํารงตําแหนงไมตา่ํ กวาสัสดีจงั หวดั หนงึ่ คน และขาราชการอื่นซึง่ ดํารงตําแหนง ไมตํ่ากวาหัวหนา แผนกหรือเทียบเทา อีกหนึง่ คน เปน กรรมการ กรรมการช้นั สูงตอ งไมเปน บุคคลคนเดียวกบั กรรมการตรวจเลือก คณะกรรมการชั้นสงู มีอํานาจพจิ ารณาตัดสินกรณีทม่ี ีคํารองตามมาตรา ๓๑ หรอื กรณีท่ีมขี อ ขดั แยง ระหวา งกรรมการตรวจเลือกซง่ึ ทําคําช้ีแจงเสนอขนึ้ มา คาํ ตดั สินของคณะกรรมการช้นั สงู ใหเปนทีส่ ุด มาตรา 28 จัตวา ใหน ายอาํ เภอทอ งที่ทมี่ ีการตรวจเลอื กมหี นา ท่ดี ังตอไปนี้ (1) จัดสถานท่ที าํ การตรวจเลือก (2) จัดเจาหนา ทแ่ี ละเอกสารเกย่ี วกบั การตรวจเลอื กเพ่ือใหคณะกรรมการตรวจเลอื ก ตรวจสอบไดใ นวันตรวจเลือก

- 270 - (3) จัดคนซึ่งมาตรวจเลือกใหร วมอยเู ปน ตาํ บลเพื่อฟงเรียกช่ือ (4) สอบสวนบุคคลซ่ึงรองขอในเหตตุ างๆ แลว มอบเร่ืองใหคณะกรรมการตรวจเลอื กพิจารณา (5) ตรวจทานและบนั ทกึ บญั ชีเรียกของอําเภอตามผลการตรวจเลือก (6) ปฏิบัตกิ ารอน่ื ตามทีก่ ําหนดในกฎกระทรวง มาตรา 29 เม่อื ไดคดั คนทย่ี กเวนดวยเหตุตางๆ ออกแลว ถามีจํานวนทหารกองเกินท่ีจะรับ ราชการเปน ทหารกองประจาํ การไดมากกวา จํานวนที่ฝายทหารตอ งการ ใหผอ นผันแกประเภทบุคคล ดังตอ ไปน้ี (1) บคุ คลท่จี ําเปนตอ งหาเลีย้ งบดิ าหรือมารดาซึ่งไรค วามสามารถ หรอื พิการทพุ พลภาพ หรอื ชราจนหาเลี้ยงชพี ไมไ ดแ ละไมมีผูอน่ื เลยี้ งดู แตถามีบุตรหลายคนจะตองเขากองประจาํ การพรอมกนั คงผอ นผัน ใหคนเดยี วตามแตบดิ าหรอื มารดาจะเลอื ก ถา บดิ าหรือมารดาไมส ามารถจะเลือกไดกใ็ หคณะกรรมการ ตรวจเลอื กพิจารณาผอ นผันให หนง่ึ คน (2) บคุ คลที่จําเปนตองหาเลย้ี งบุตรซึ่งมารดาตายหรือไรค วามสามารถ หรือพกิ ารทุพพลภาพ และบุคคลที่จําเปนตองหาเลย้ี งพีห่ รือนองรว มบิดามารดา หรือรว มแตบ ิดาหรือมารดาซ่ึงบดิ ามารดาตาย ท้งั น้ี เมื่อบตุ รหรือพ่ีหรือนองน้นั หาเล้ียงชีพไมได และไมมผี อู ืน่ เลี้ยงดู (3) บุคคลที่อยใู นระหวางการศึกษาตามท่ีกาํ หนดในกฎกระทรวง ผอู างสิทธิตาม (1) หรือ (2) แหง มาตราน้ี ตองรองขอผอ นผนั ตอ นายอาํ เภอทอ งทีก่ อนวัน ตรวจเลอื กเขา กองประจําการไมน อ ยกวา สามสบิ วัน เวนแตในกรณีพเิ ศษซึ่งไมใชความผิดของผรู อง และ ผรู องตองรองตอคณะกรรมการตรวจเลือกในวนั ตรวจเลือกตามมาตรา ๓๐ อีกคร้งั หนง่ึ นายอาํ เภอตอง สอบสวนหลกั ฐานไวเ สยี กอ นวนั ตรวจเลอื ก เพอ่ื คณะกรรมการตรวจเลือกจะไดตัดสินไดทนั ที การขอผอ นผัน ตาม (3) ใหป ฏบิ ตั ิตามท่กี าํ หนดในกฎกระทรวง ถาไมส ามารถจะผอนผันพรอมกันทง้ั สามประเภทได เพราะจะทําใหคนไมพอจาํ นวนทฝี่ า ย ทหารตองการ ใหผ อ นผนั คนประเภทท่ี 1 และประเภทท่ี 2 รวมกันกอ น ถาคนยังเหลือจงึ ผอนผนั คน ประเภทท่ี 3 ถาจาํ นวนคนในประเภทใดจะผอ นผันไมไ ดท้งั หมดตองใหค นประเภทน้นั จบั สลาก มาตรา 31 ในการตรวจเลอื กคนเขากองประจาํ การนน้ั ถา ผทู ่ีตอ งเขากองประจําการเห็นวา คณะกรรมการตรวจเลือกตัดสนิ ไมถูกหรอื ไมยุตธิ รรม กใ็ หยนื่ คํารองตอคณะกรรมการชน้ั สูงได แตใหส ง ผนู น้ั เขากองประจาํ การกอนจนกวาจะไดร ับคาํ ตัดสนิ ของคณะกรรมการช้นั สูง มาตรา 32 ถา ปรากฏวา ทหารกองเกนิ ซึ่งมีอายเุ กินยี่สบิ เอด็ ปบรบิ ูรณ และยังไมถ งึ สามสบิ ป บรบิ ูรณในปท่ีจะเขารับราชการทหารกองประจําการ ไปทํามาหาเลย้ี งชีพในทองที่อาํ เภออน่ื และนายอําเภอ ทอ งที่ที่เปน ภมู ลิ ําเนาทหารไดส งหมายเรยี กไปยังนายอาํ เภอทองที่ทผ่ี ูน้ันไปอยูมอบแทนให เมื่อไดรับหมายเรยี กแลว แตไ มสามารถจะไปตามหมายนัน้ ได เพราะไมม คี าพาหนะหรือจะไปไมทนั ผนู ั้นตอ งรบี ช้แี จงตอนายอําเภอ ทอ งท่ที ่ีไปอยู เมื่อนายอําเภอทองทนี่ ้นั สอบสวนไดความจรงิ กใ็ หเขา รับการตรวจเลือกพรอมกับคนในอําเภอ ทองท่ีท่ไี ปอยู แตถา ไมสามารถสงเขารบั การตรวจเลือกในอําเภอทอ งทีน่ นั้ ได ก็ใหนายอําเภอรบี จัดสงผูนน้ั ไปรบั การตรวจเลือกยังอําเภอทองท่ีใกลเ คยี งตามทเี่ ห็นสมควร ใหนายอําเภอทองที่ท่ีรับเขา ตรวจเลอื กแจงตอ นายอําเภอทองทีท่ ี่ออกหมายเรยี ก

- 271 - มาตรา 34 ทหารกองเกินที่ถูกเขากองประจําการผใู ด จักตองเริ่มเขารับราชการทหารกอง ประจําการเม่ือใด ใหน ายอําเภอทองที่ท่รี บั เขาตรวจเลือกเปนผูกําหนด และใหนายอาํ เภอออกหมายนดั เพ่ือใหทหารกองเกินผนู ั้นมา ณ ที่อําเภอทองที่ตามท่ีไดก ําหนดไวนนั้ เพื่อเขารับราชการทหารกองประจําการ ถาทหารกองเกินผนู นั้ ไมมาตามนดั ใหถ อื วา หลีกเลีย่ งขัดขืน มาตรา 35 ทหารกองเกนิ ท่ีถูกเขา กองประจําการ เม่ือเรม่ิ เขารบั ราชการทหารกองประจําการ เม่ือใด ใหรีบขน้ึ ทะเบยี นกองประจาํ การโดยไมชกั ชา ทหารกองประจาํ การตอ งรบั ราชการประจําอยใู นหนว ยทหารตามทเ่ี จาหนา ท่ฝี า ยทหารจะกาํ หนดให มาตรา 36 ทหารกองเกินหรอื ทหารกองหนุนมีหนา ท่เี ขารับราชการทหารในการเรยี กพลเพ่ือ ตรวจสอบ เพ่อื ฝกวิชาทหาร หรอื เพ่ือทดลองความพร่ังพรอม และในการระดมพล กระทรวงกลาโหมมอี าํ นาจกาํ หนดใหท าํ การเรียกพลเพ่ือตรวจสอบ เพอ่ื ฝกวชิ าทหาร หรือ เพ่ือทดลองความพรงั่ พรอมตามท่เี ห็นสมควร สว นการระดมพลใหก ระทําโดยพระราชกฤษฎกี า การเรยี กเขา รบั ราชการทหารตามวรรคหนง่ึ ใหก ระทรวงกลาโหมเปน ผจู ดั เตรยี มและอํานวยการ และใหกระทรวงมหาดไทยเปน ผูดาํ เนนิ การเรยี กและสง ทหารเขา รบั ราชการตามความประสงคข องกระทรวงกลาโหม การผอนผนั ไมตอ งเรียกหรอื ไมตองเขา รบั ราชการทหารตามมาตราน้ี ใหเ ปนไปตาม หลักเกณฑและวิธีการทก่ี าํ หนดในกฎกระทรวง มาตรา 40 ทหารกองประจําการ ถาตองจําขังหรือจําคกุ ครั้งเดยี ว หรือหลายคร้ัง เมื่อมีกาํ หนด วันท่จี ะตองทัณฑห รือตองโทษรวมไดไมน อยกวาหน่ึงปกด็ ี หรือทหารกองประจําการผูใดซ่ึงกระทรวงกลาโหม เห็นวา จะกระทําใหเ สื่อมเสยี แกราชการทหารดว ยประการใดๆ กด็ ี จะปลดเปน ทหารกองหนนุ ประเภทท่ี 2 กไ็ ด ใหผ วู า ราชการจังหวัดพรอ มดว ยสัสดจี งั หวัดออกใบสําคัญใหแ กท หารที่ถูกปลดนีไ้ วเ ปน หลักฐาน ใบสาํ คญั นี้ หากชาํ รุดหรือสูญหาย ใหผถู ือแจงตอ นายอาํ เภอทองที่เพื่อรับใหมโดยเสียคาธรรมเนียม ฉบับละหนงึ่ บาท แตถาการชํารุดหรือสูญหายน้นั เปนเพราะเหตสุ ดุ วิสัย ก็ไมต องเสยี คาธรรมเนียม มาตรา 41 ทหารกองประจาํ การ ทหารกองเกิน หรือทหารกองหนนุ ซง่ึ ยังไมครบกําหนด ปลดพน ราชการทหาร ถาพิการทุพพลภาพ หรือมีโรคซึ่งไมสามารถจะรับราชการทหารไดตามทกี่ ําหนดใน กฎกระทรวง กใ็ หปลดพน ราชการทหารประเภทท่ี 1 หรอื ท่ี 2 แลว แตกรณี ถาเปน นายทหารสญั ญาบตั รถกู ถอดหรอื ออกจากยศ กใ็ หปลดเปน พน ราชการทหารประเภทท่ี 2 ท้งั นี้ ใหผวู าราชการจังหวัดพรอมดวยสสั ดีจงั หวัดออกหนงั สอื สําคญั หรือใบสาํ คญั ใหแกทหาร ตามประเภททถ่ี กู ปลดไวเ ปน หลกั ฐาน มาตรา 42 หนังสอื ซึง่ เจา หนาทไี่ ดใ หไ วแ กบุคคลใดถาชาํ รุดหรือสูญหายแลว บคุ คลนนั้ ไมแ จง ดว ยตนเองตอนายอาํ เภอทองที่ เพ่ือรับใหมตามความในมาตรา 9 มาตรา 16 มาตรา 18 มาตรา 19 หรอื มาตรา 40 ภายในกําหนดสามสิบวนั นับต้งั แตวนั ทส่ี ามารถแจงได มีความผดิ ตองระวางโทษปรับไมเ กนิ สบิ สองบาท มาตรา 43 ทหารกองเกนิ หรอื ทหารกองหนุนผูใดไมปฏิบตั ิตามมาตรา 12 มาตรา 12 ทวิ หรือมาตรา 15 ตอ งระวางโทษจําคกุ ไมเ กนิ หนึ่งเดือน หรอื ปรับไมเกินสองรอยบาท หรอื ทงั้ จําทั้งปรับ

- 272 - บคุ คลใดไดล งบัญชที หารกองเกินตามมาตรา 16 แลว แตยงั ไมเปน ทหารกองเกิน ไมปฏบิ ตั ิ ตามมาตรา 12 หรือมาตรา 12 ทวิ ตอ งระวางโทษจาํ คกุ ไมเกินหนึง่ เดือน หรอื ปรับไมเ กนิ หน่งึ รอยบาท หรือท้ังจาํ ทั้งปรับ มาตรา 44 บคุ คลใดไมมาลงบญั ชีทหารกองเกนิ ตามมาตรา 16 หรือมาตรา 18 หรอื ไมมา ลงบญั ชีทหารกองเกนิ ใหมตามมาตรา 19 หรอื ไมยอมลงบัญชีทหารกองเกนิ ตามมาตรา 21 หรือไมม ารับ หมายเรียกท่ีอําเภอตามมาตรา 25 ตองระวางโทษจําคุกไมเกินสามเดือน หรือปรับไมเกินสามรอยบาท หรือทัง้ จาํ ท้ังปรบั ถากอนทเี่ จาหนาท่ียกเร่ืองขึ้นพิจารณาความผิด บคุ คลนน้ั ไดม าขอลงบัญชีทหารกองเกนิ หรือ ขอลงบัญชีทหารกองเกนิ ใหม หรือมาขอรับหมายเรยี กท่ีอําเภอดวยตนเอง หรอื ใหบ คุ คลซ่ึงบรรลุนิติภาวะ และเชอ่ื ถือไดม าแทนตน แลว แตกรณี ตองระวางโทษจาํ คุกไมเกนิ หน่ึงเดอื น หรือปรับไมเ กินหน่ึงรอยบาท หรอื ทงั้ จาํ ทั้งปรับ มาตรา 45 บคุ คลใดหลกี เลี่ยงหรือขัดขืนไมม าใหคณะกรรมการตรวจเลอื กทําการตรวจเลอื ก เขา รบั ราชการทหารกองประจาํ การตามหมายเรยี กของนายอาํ เภอ หรอื มาแตไ มเ ขา รบั การตรวจเลอื ก หรอื ไมอ ยู จนกวาการตรวจเลอื กแลว เสร็จ หรอื หลีกเลย่ี ง หรอื ขัดขืนดวยประการใด ๆ เพอื่ จะไมใหเ ขา รบั ราชการ ทหารกองประจาํ การตามพระราชบญั ญัตนิ ้ี หรือบุคคลใดเขารับราชการทหารกองประจาํ การแทนผอู นื่ หรอื เรียก รับหรอื ยอมจะรบั ทรัพยส ินหรือประโยชนอ่นื ใดสาํ หรับตนเองหรือผอู ื่น โดยสัญญาวาจะชวยเหลือผูหนง่ึ ผูใดมใิ หต องเขารบั ราชการทหารกองประจําการ ตองระวางโทษจําคกุ ไมเ กนิ สามป มาตรา 46 ทหารกองเกินหรือทหารกองหนุนผูใ ดหลกี เลีย่ งหรอื ขัดขนื ไมเ ขารับราชการ ทหารในการเรียกพลเพอ่ื ฝกวิชาทหาร หรือเพ่ือทดลองความพร่ังพรอม หรือในการระดมพลตามมาตรา 36 ตองระวางโทษจาํ คกุ ต้ังแตสามเดือนถงึ สป่ี  มาตรา 47 ทหารกองเกินหรอื ทหารกองหนุนผูใดหลีกเลยี่ งหรอื ขัดขนื ไมเ ขา รบั ราชการทหาร ในการเรียกพลเพ่ือตรวจสอบตามมาตรา ๓๖ ตองระวางโทษจาํ คุกไมเกินสามเดือน หรือปรบั ไมเกนิ สาม รอยบาท หรอื ท้ังจาํ ทั้งปรับ มาตรา 48 บคุ คลใดทํารา ยรางกายตนเอง หรอื ใหผ ูอน่ื ทําเพ่ือจะใหพน จากการรับราชการ ทหารตามพระราชบัญญัติน้ี มีความผิดตอ งระวางโทษจาํ คกุ ตัง้ แตห น่งึ ปขนึ้ ไปจนถึงแปดป ผูสมรเู ปนใจในการทํารายรา งกายเพอ่ื ความมุงหมายดงั กลา วน้ี มีความผดิ ตองระวางโทษ จําคุกต้งั แตหกเดือนข้นึ ไปจนถงึ สปี่  มาตรา 49 บคุ คลใดใชอ ุบายหลอกลวงใหเจาหนา ที่หลงเชื่อโดยเจตนาหลีกเลยี่ งใหพ น จาก การเขารบั ราชการทหารตามพระราชบญั ญัตินจ้ี นเปนผลสําเร็จ หรอื ยุยงเส้ยี มสอนจนเกิดความผดิ ตาม มาตราน้ี มีความผดิ ตองระวางโทษจาํ คุกไมเกนิ สามป มาตรา 51 ใหร ัฐมนตรวี า การกระทรวงกลาโหม และรฐั มนตรีวา การกระทรวงมหาดไทย รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และใหมีอํานาจออกกฎกระทรวงรว มกนั เพื่อปฏบิ ตั ิการใหเปน ไปตาม พระราชบัญญตั ิน้ี กฎกระทรวงน้ัน เมือ่ ไดประกาศในราชกิจจานุเบกษาแลวใหใชบงั คบั ได

- 273 - กฎหมายลําดบั รองทเ่ี กยี่ วของ 1. กฎกระทรวง ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2498) 2. กฎกระทรวง ฉบบั ท่ี 7 (พ.ศ. 2498) 3. กฎกระทรวง ฉบับท่ี 9 (พ.ศ. 2498) 4. กฎกระทรวง ฉบับท่ี 10 (พ.ศ. 2498) 5. กฎกระทรวง ฉบับที่ 9 (พ.ศ. 2498) 6. กฎกระทรวง ฉบบั ที่ 74 (พ.ศ. 2540) 7. กฎกระทรวง ฉบับที่ 36 (พ.ศ. 2516) 8. กฎกระทรวง ฉบับท่ี 37 (พ.ศ. 2516) 9. กฎกระทรวง ฉบบั ท่ี 39 (พ.ศ. 2516) 10.กฎกระทรวง ฉบับที่ 40 (พ.ศ. 2516) 11.กฎกระทรวงการผอนผันเขารับราชการเปนทหารกองประจาํ การแกบ คุ คลซึ่งอยูระหวาง การศึกษาหรอื เรียนรู พ.ศ. 2549 สรุปประเด็นทีน่ ายอาํ เภอมีอํานาจหนาท่ี 1. วธิ ีนับอายุ ถา ไมปรากฏปเกดิ ใหน ายอาํ เภอทองท่เี ปน ผกู าํ หนดโดยถอื เอาตามท่เี พ่ือนบาน เชื่อกนั วา อายเุ ทา ใด ประกอบกับการสังเกตรางกายเปน เกณฑส าํ หรบั กาํ หนดอายุ 2. ชายไทยอายยุ า งเขา 18 ป หรืออายุ 18 ปแ ตย งั ไมถึง 46 ปท ยี่ งั มิไดล งบญั ชีทหารกองเกนิ พรอมกับคนช้ันปเดียวกนั หรอื เม่ือจาํ เปนตองลงบัญชที หารกองเกินใหมตามคําส่ังนายอาํ เภอใหไปแสดง ตนลงบญั ชี 3. ทหารกองเกนิ ดวยตนเองหรอื ใหบ คุ คลซงึ่ บรรลุนิตภิ าวะและเช่ือถือไดแ จงแทน แลวแตกรณี ใหน ายอําเภอตรวจสอบหลักฐานสอบสวนขอเทจ็ จริงเม่ือเห็นวา ถกู ตอ งจงึ รับลงบัญชีและออกใบสาํ คัญ หรอื ใบรบั ให แลว รวบรวมรายงานใหจ งั หวดั ทราบตามกําหนด 4. ในเดอื นกนั ยายนทกุ ป ใหน ายอําเภอจดั การประกาศ ใหผูที่มอี ายุถึงกําหนดที่จะตองลงบญั ชี ทหารกองเกินไปแสดงตนลงบัญชีทหารกองเกิน ตามทีก่ ําหนดไวในมาตรา 16 5. สามเณรเปรียญ/ผอู ยรู ะหวางควบคุมหรอื คุมขังของเจาพนักงานเปน บุคคลท่ีไมต องไป แสดงตนลงบัญชีทหารกองเกินตอ นายอําเภอทองท่ี แตใหล งบญั ชีตามหลักเกณฑท่ีกาํ หนด 6. การเรียกทหารกองเกินเขารบั ราชการกองประจําการ ใหผูบ ัญชาการมณฑลทหารบก หรอื ผบู งั คบั การจงั หวัดทหารบก แลวแตกรณแี จงวา ตอ งการคนเทา ใด กําหนดรับคนเสร็จเม่อื ใด ตอ ผูว าราชการ จังหวดั ลว งหนา ไมน อยกวา 6 เดอื น เมื่อผูวา ราชการจงั หวัดไดรบั แจงแลวใหเ ฉล่ียคนทีถ่ ูกเรียกในจงั หวัด นน้ั เปนอําเภอตามสวนท่ีมีคนมากและนอย แลว แจง จาํ นวนคนท่ีเฉลี่ยแลว ใหผ ูบัญชาการมณฑลทหารบก หรือผูบ งั คบั การจังหวัดทหารบกทราบกอนวันตรวจเลอื กไมนอ ยกวา 3 เดือน และถาจํานวนคนที่เฉลย่ี ไว จาํ เปนจะตองเพิ่มขึ้นหรือลดลงใหผ ูวา ราชการจงั หวัดดาํ เนนิ การเฉลี่ยใหมกอ นหรือในวนั ตรวจเลือกได

- 274 - 7. การเรยี กทหารกองเกนิ เขารบั ราชการทหารกองประจาํ การนน้ั ใหน ายอาํ เภอ ออกหมายเรยี กฯ ทหารกองเกนิ ซ่ึงลงบญั ชีทหารกองเกนิ ไวตามมาตรา 16 มาตรา 18 และมาตรา 19 มาเขารบั การตรวจ เลอื กตามหลักเกณฑท่กี ําหนด 8. ทหารกองเกินอายยุ างเขา 21 ป และทหารกองเกินท่มี ีอายุตั้งแต 21 ป และยงั ไมถ งึ 30 ป ซึง่ อยูใ นกําหนดเรยี กฯ ตอ งไปแสดงตนรบั หมายเรยี ก ดวนตนเอง หรือใหบ คุ คลซึ่งบรรลนุ ติ ิภาวะ และเชอ่ื ถือไดร บั แทน แลวแตกรณี ใหนายอาํ เภอตรวจสอบหลักฐานและสอบสวนขอเท็จจริง เมอ่ื เห็นวา ถกู ตอง จึงมอบหมายเรยี กใหรับไป 9. ในเดือนตลุ าคมทุกป ใหน ายอําเภอจดั การประกาศใหท หารกองเกินทม่ี ีอายุยางเขา 21 ปในพุทธศกั ราชน้นั ไปแสดงตนเพ่ือรับหมายเรยี กที่อาํ เภอ ตามทีก่ ําหนดไวใน มาตรา 25 10. พระภกิ ษมุ ีสมณศกั ดิห์ รอื เปน เปรียญ/บุคคล ไมมีคุณวุฒทิ ่จี ะเปนทหารไดต ามกฎกระทรวง แจง ขอยกเวน ไมต องเขา รบั ราชการทหารกองประจาํ การใหน ายอาํ เภอตรวจสอบหลกั ฐานสอบสวนขอเท็จจริง เมอ่ื เหน็ วา ถูกตอง จงึ ดาํ เนนิ การยกเวน ให แลวแจง ใหจงั หวัดทราบ 11. พระภิกษุ สามเณร นักบวชในพุทธศาสนา ซ่งึ เปนนักธรรมฯ และบุคคลที่ไดสัญชาติไทย โดยการแปลงสัญชาติ หรือไดรบั โทษจาํ คกุ สิบปขึน้ ไปหรือโทษกักกัน แลวแตกรณีแจงขอยกเวน ไมเ รยี ก มาตรวจเลอื กเขา รับราชการทหารกองประจาํ การในยามปกติใหน ายอําเภอตรวจสอบหลกั ฐานและสอบสวน ขอเท็จจรงิ เมอื่ เหน็ วา ถูกตอง จงึ ดาํ เนนิ การยกเวน ให แลวแจงใหจ ังหวัดทราบ 12. นักบวชศาสนาอนื่ แจงขอยกเวนไมเ รียกมาตรวจเลือกเขารับราชการทหารกอง ประจาํ การในยามปกติ ใหน ายอาํ เภอตรวจสอบหลกั ฐานและสอบสวนขอเท็จจริง เมื่อเห็นวาถูกตอง จึงดําเนินการเสนอผูว าราชการจงั หวัดออกใบสําคัญยกเวน ให 13. ใหส ว นราชการท่เี ก่ียวของสงรายชื่อครูซึง่ จะไดร ับการยกเวน ไมเ รยี กมาตรวจเลือกเขา รับราชการทหารกองประจําการในยามปกติ ไปยงั ผูว าราชการจังหวัด ซึง่ ครูผนู ้ันทําการสอนอยูในทอ งท่ี กอนเดือน เมษายนของปท ถี่ ูกเรียก ไมนอยกวา 60 วัน เมื่อผวู าราชการจงั หวดั ออกใบสาํ คัญยกเวน แลว ใหแจงตอนายอําเภอ ทองทีท่ ี่เปน ภมู ิลําเนาทหารของครผู นู ัน้ ทราบ ถา ครูผนู ้นั มีภูมิลําเนาทหารอยใู นทอ งทจ่ี งั หวดั อื่น ใหผ ูว าราชการ จังหวดั ที่ออกใบสําคัญการยกเวน แจงตอผูวา ราชการจังหวดั ภมู ิลําเนาทหารเพ่ือดําเนินการแจง ตอนายอําเภอ ภมู ิลําเนาทหารของครผู ูนน้ั ทราบ ทง้ั นใ้ี หแจงตอกนั ภายใน 30 วัน 14. การผอนผนั เฉพาะคราวนักเรียนซง่ึ ออกไปศึกษาตางประเทศไมตอ งมาเขารบั การตรวจเลอื ก ตามหมายเรยี ก ซ่ึงรฐั มนตรวี า การกระทรวงมหาดไทยมอบอาํ นาจใหผ วู า ราชการจงั หวดั ในการพจิ ารณาอนุมัติ คอื (1) นกั เรยี นซ่ึงออกไปศกึ ษาตางประเทศโดยอยูใ นความปกครองท้ังฝา ยวิชาการและ ความประพฤติของผูดแู ลนักเรียนไทยของรฐั บาลไทย สาํ นักงาน ก.พ. ขอผอนผนั ตอผูวา ราชการจังหวัด (2) นักเรยี นซ่งึ ออกไปศึกษาตา งประเทศโดยไดร บั อนญุ าตจากกระทรวงมหาดไทย (ทุนสวนตัว และไมไดอยใู นความปกครองของ ก.พ.) ใหยื่นคํารองตอนายอําเภอภมู ลิ ําเนาทหาร เพ่อื ดําเนนิ การ ตรวจสอบหลักฐาน และสอบสวนขอเทจ็ จรงิ ตามหลักเกณฑท่ีกําหนด เมื่อเหน็ วาถูกตอ ง ใหรวบรวมหลักฐาน รายงานขอผอนผนั เฉพาะคราวตอ ผูวา ราชการจังหวดั 15. กรณที หารกองเกนิ ไมม าใหค ณะกรรมการตรวจเลอื กตามกาํ หนดในหมายเรยี กฯ ในกรณี เกิด เหตุสุดวิสัยไปเขาตรวจเลือกท่ีอน่ื หรือปว ยไมสามารถจะมาได ใหน ายอําเภอทาํ การตรวจสอบหลกั ฐาน และสอบสวนขอเท็จจริง แลวแจงผลการสอบสวนใหจังหวดั ทราบ

- 275 - 16. การผอ นผนั ไมส งเขา กองประจาํ การ ในคราวท่ีมคี นพอฯ คอื (1) บคุ คลท่จี าํ เปนตองหารเลีย้ งบิดาหรือมารดา ฯลฯ (2) บุคคลที่จําเปน ตองหาเล้ยี งบตุ รซงึ่ มารดาตายฯ หรอื ตองหาเล้ยี งพ่นี อ งรว มบิดา มารดา/รว มแตบดิ าหรือมารดา ซึ่งบดิ ามารดาตาย ซ่ึงบคุ คลตาม (1) , (2) ตองรองขอผอนผนั ตอนายอําเภอทองท่กี อนวันตรวจเลือกฯ ไมนอยกวา 30 วัน นายอําเภอตองสอบสวนหลกั ฐานไวกอ นวนั ตรวจเลือกเพ่ือใหค ณะกรรมการตรวจเลือกตดั สนิ ได ทนั ที (3) บุคคลที่อยูในระหวางการศึกษา การขอผอนผนั ใหสถานศึกษาตรวจสอบคณุ สมบัติ ผขู อผอ นผันแลว สงรายชื่อไปยังผวู าราชการจังหวัด ซ่งึ ผูน้นั มีภมู ลิ าํ เนาทหารอยู ภายในเดือนกุมภาพนั ธ ของปท่จี ะตองตรวจเลอื กฯ ผูไ ดร ับการการผอ นผนั ตาม (1) , (2) และ (3) จะตองไปแสดงตวั ตอ คณะกรรมการตรวจเลือก พระภกิ ษุ/สามเณร/นักบวชในพุทธศาสนา/ศาสนาอ่ืน/ผูอยรู ะหวางฝกวิชาทหาร/ครู/นกั ศกึ ษา/นักเรียนตางประเทศ และผูอยูระหวา งศึกษา ซ่ึงพน จากฐานะยกเวนและผอนผันท่กี ําหนด ใหแจงดว ยตนเองตอนายอาํ เภอทองที่ ภายใน 30 วนั นับแตว นั ที่พนจากฐานะเชน น้นั และใหนายอําเภอออกใบรับให ถา ผนู ้ันมีภูมิลาํ เนาทหารอยู ในทองทอ่ี ่ืนนายอาํ เภอทร่ี ับแจง แจง ตอ นายอําเภอทอ งท่ีภูมลิ ําเนาทหารของผูนน้ั วนั ตรวจเลือก 17. การเรยี กทหารกองเกนิ พลทหารกองหนนุ และนายทหารประทวน กองหนนุ เขารบั ราชการ ในการเรยี กพลเพือ่ ตรวจสอบ เพอื่ ฝก วชิ าทหารหรอื เพอื่ ทดลองความพรั่งพรอ มใหน ายอาํ เภอเปน ผูด ําเนินการ เรียกและสง ทหารเขารบั ราชการ 18. สําหรับการผอ นผนั ไมต องเรียกหรอื ไมตองเขา รับราชการในการเรยี กพลฯ ใหนายอําเภอ รบั คาํ รอ ง ดําเนนิ การตรวจสอบหลกั ฐานและสอบสวนทหารกองเกิน พลทหารกองหนุน และนายทหาร ประทวนกองหนนุ ทถ่ี ูกเรียกพล ตามหลักเกณฑทก่ี าํ หนดใหเปน อํานาจหนาที่และรวบรวมหลกั ฐาน รายงานใหผ วู าราชการจงั หวดั ทราบ 19. ใหผูซ ง่ึ รฐั มนตรวี าการกระทรวงกลาโหม กาํ หนดตามมาตรา 28 (แมท ัพภาค) มอี ํานาจ แตง ตง้ั คณะกรรมการชนั้ สงู ในทองท่ีแตล ะจังหวัด ประกอบดวย ผวู าราชการจงั หวดั /เจา หนาทสี่ ัสดไี มต าํ่ กวา สัสดจี งั หวดั และขาราชการอื่นไมตาํ่ กวา หวั หนาแผนกเปนกรรมการมีอํานาจพจิ ารณาตัดสนิ กรณีผทู ี่ตอ ง เขา กองประจาํ การ เหน็ วา คณะกรรมการตรวจเลือกตัดสินไมถูกตอง หรือไมย ตุ ิธรรม หรอื ในกรณมี ีขอขัดแยง ระหวางกรรมการตรวจเลอื ก ซึ่งทาํ คําชแี้ จงเสนอขึน้ มา 20. ใหนายอําเภอทอ งทที่ ม่ี ีการตรวจเลือก มหี นา ท่ีดังตอไปน้ี (1) จัดสถานท่ีทาํ การตรวจเลือก (2) จดั เจา หนาทแี่ ละเอกสารเกยี่ วกับการตรวจเลือก (3) จัดคนซ่งึ มาตรวจเลอื กใหร วมอยูเปนตําบล (4) สอบสวนบคุ คลซง่ึ รองขอในเหตุตาง ๆ (5) ตรวจทานและบันทกึ บญั ชเี รยี กของอําเภอตามผลการตรวจเลอื ก (6) ปฏิบัติการอืน่ ตามทีก่ ําหนดในกฎกระทรวง

- 276 - 21. ทหารกองเกนิ อายุเกิน 21 ป และยังไมถงึ 30 ป ไปประกอบอาชีพในทองท่ีอําเภออนื่ และนายอําเภอทองท่ีท่ไี ปอยูมอบแทนแลว หากไมสามารถไปตามหมายเรียกได เพราะไมม คี าพาหนะหรือ ไปไมทนั ใหน ายอําเภอทองที่ที่ไปอยูทาํ การสอบสวนขอเทจ็ จรงิ เมื่อเหน็ วาเปนความจริงใหรบั ตัวเขาทําการ ตรวจเลอื กหรือสงไปอําเภอใกลเคยี ง แลวแตกรณี 22. ทหารกองเกนิ ที่ถูกเขากองประจําการผูใด จักตองเริ่มเขารับราชการทหารกอง ประจาํ การเมื่อใด ใหน ายอําเภอทอ งท่ีทีร่ ับเขาตรวจเลอื กเปน ผูก ําหนดและออกหมายนัด 23. ทหารกองเกนิ ที่ถูกกําหนดสง เขากองประจาํ การ ภายหลังวนั ตรวจเลือกใหนายอําเภอ ทองท่ีเปน ผนู ําตวั ขนึ้ ทะเบยี นกองประจําการ 24. การปลดทหาร ตํารวจ ออกจากกองประจําการ และบุคคลซ่งึ สาํ เร็จการฝก วชิ าทหาร ทไ่ี ดขึน้ ทะเบียนกองประจาํ การแลว ปลดเปนทหารกองหนุน หรือการปลดทหารกองเกนิ ทหารกองหนนุ ที่พิการทุพพลภาพหรือมีโรคซ่ึงไมสามารถรับราชการทหารได เปนพนราชการทหาร แลวแตกรณี ใหปฏิบัติ ตามหลกั เกณฑที่กําหนดไวใ นบนั ทึกขอตกลงฯ ขอ 16-24 สาํ หรับอาํ เภอภมู ลิ ําเนาทหารเมอ่ื ไดรบั แจง การปลดจากจงั หวัดแลวใหด าํ เนินการบนั ทกึ การปลดในบัญชีทหารในสวนของอาํ เภอใหถูกตองตรงกัน 25. กรณีไดร ับแจงวา ผลู งบญั ชีทหารกองเกิน/ทหารกองเกิน/ทหารกองหนนุ ตาย ใหนายอาํ เภอ ทองที่ตรวจสอบหลักฐานและสอบสวนขอเท็จจริงเมอื่ เห็นวาถกู ตองใหด าํ เนินการจําหนา ยทะเบียนบัญชี ตามระเบยี บ แลวแจงใหจ งั หวดั ทราบ 26. ผลู งบญั ชที หารกองเกิน/ทหารกองเกนิ /ทหารกองหนุนใหแจง ตอนายอาํ เภอเมื่อไปอยู ตา งทอ งที่ชัว่ คราว เกิน 30 วนั ใหนายอําเภอทไ่ี ดรบั แจงทําการสอบสวน และออกใบรบั ให แลว แจง ให นายอําเภอทองทที่ ีผ่ ูนน้ั มีภมู ลิ ําเนาทหารทราบ 27. ผลู งบัญชที หารกองเกิน/ทหารกองเกิน/ทหารกองหนนุ ท่ตี อ งโทษตามคาํ พิพากษา ของศาล เมอ่ื รับตัวเขา คุมขงั ฯ แลวหรือเมื่อพนโทษเจาหนาทีผ่ ูควบคุมตองแจงตอผูวา ราชการจังหวัด แลว ผูวา ราชการจงั หวัดแจงไปยังนายอําเภอภมู ิลําเนาทหารของผูนน้ั 28. ผลู งบญั ชีทหารกองเกนิ /ทหารกองเกนิ /ทหารกองหนนุ ใหแ จงตอนายอําเภอทองทท่ี ีเ่ ขา มาอยเู มื่อมีความประสงคจะยายภมู ิลาํ เนาทหารใหน ายอําเภอท่ีไดร ับแจง ทําการตรวจสอบหลักฐานและ สอบสวนขอ เท็จจริง แลว แจงไปยังนายอาํ เภอทองท่ที เ่ี ปน ภูมิลาํ เนาทหารเดิมทราบ เมื่อไดรับตอบยนื ยนั เปนการถูกตอง จึงใหรบั แจง การยายภูมิลําเนาทหารของบุคคลนั้นและรบั ลงบญั ชที หารฯ พรอมกับออกในรับให แลว นายอําเภอที่เกีย่ วของแจงใหผ วู า ราชการจังหวัดของตนทราบ เพ่ือดําเนินการในสว นของจังหวดั ตอไป 29. ผลู งบญั ชที หารกองเกิน/ทหารกองเกิน/ทหารกองหนนุ เมอ่ื ไดรับอนุญาตใหเ ปลี่ยน ช่ือตัว หรือช่ือสกุลใหแจงตอนายอําเภอทอ งที่ทีเ่ ปนภมู ลิ ําเนาทหารและใหนายอําเภอออกใบรับให พรอมท้งั แกไ ขใบสาํ คญั และบัญชฯี ใหถ กู ตอง แลว รวบรวมหลักฐานรายงานใหจังหวัดทราบเพือ่ แกไ ขบญั ชฯี ใหถ ูกตอ ง ตรงกนั สว นหนังสือสําคัญหรือใบสาํ คญั ทจี่ งั หวดั ออกใหต องสง สําเนาหลักฐานการเปลย่ี นชอ่ื ใหจงั หวัดดาํ เนินการ แกไ ข 30. หนังสือสําคญั /ใบสาํ คัญซ่งึ เจาหนาท่ีใหไวแกผ ลู งบัญชีทหารกองเกิน/ทหารกองเกนิ / ทหารกองหนนุ ชํารดุ หรอื สูญหาย ไมแจง ตอนายอาํ เภอดวยตนเอง ภายใน 30 วนั นับแตว ันที่สามารถ แจง ไดเ พ่อื รบั ใหม ตามมาตรา 9 , 16, 18, 19, 40 ตอ งระวางโทษปรบั ไมเกนิ 12 บาท

- 277 - 31. กรณที หารกองเกิน หรอื ทหารกองหนนุ ไมปฏบิ ตั ติ าม มาตรา 12 , 12 ทวิ , 15 , 16 , 18 , 19, 21, 25 ใหน ายอําเภอรอ งทกุ ขกลา วโทษตอ พนกั งานสอบสวน เพอื่ ดําเนนิ คดี ตามมลู ฐานความผิด 32. กรณที หารกองเกนิ หลกี เลีย่ งขดั ขนื ไมเขารบั การตรวจเลือกหรอื บุคคลใดกระทาํ การ ทจุ รติ เพื่อชว ยเหลือผูห นึ่งผใู ด ไมใหต องเขารบั ราชการทหารกองประจาํ การ ใหนายอาํ เภอรองทุกข กลา วโทษ ตอ พนักงานสอบสวนเพอ่ื ดําเนินคดตี ามมลู ฐานความผิด 33. ใหรฐั มนตรวี า การกระทรวงกลาโหมและรฐั มนตรวี า การกระทรวงมหาดไทย รกั ษาการ ตามพระราชบัญญตั นิ ี้ ใหมีอํานาจออกกฎกระทรวงรว มกนั เพือ่ ปฏิบัติการใหเปน ไปตามพระราชบัญญัตินี้ 3.๑๑ กระทรวงศึกษาธกิ าร 3.11.๑ สํานักงานปลัดกระทรวง กระทรวงศกึ ษาธิการ สํานักงานปลดั กระทรวง กระทรวงศึกษาธิการ มกี ฎหมายทเี่ กีย่ วของกบั อํานาจหนา ท่ี ของนายอําเภอสรุปได ดังนี้ (1) พระราชบญั ญตั โิ รงเรยี นเอกชน พ.ศ. ๒๕๕๐ มาตราทเ่ี กย่ี วขอ ง มาตรา ๔ ในพระราชบัญญัตนิ ้ี “โรงเรียน” หมายความวา สถานศึกษาของเอกชนทจ่ี ัดการศึกษาไมว า จะเปนโรงเรยี นในระบบ หรอื โรงเรยี นนอกระบบ ทม่ี ิใชเ ปนสถาบันอุดมศกึ ษาของเอกชนตามกฎหมายวาดวยสถาบนั อดุ มศึกษาเอกชน “โรงเรียนในระบบ” หมายความวา โรงเรียนทีจ่ ัดการศกึ ษาโดยกําหนดจุดมุงหมาย วิธกี าร ศกึ ษา หลกั สตู ร ระยะเวลาของการศึกษา การวดั และประเมินผลซึง่ เปน เงื่อนไขของการสาํ เร็จการศึกษา ทแี่ นนอน “โรงเรียนนอกระบบ” หมายความวา โรงเรยี นท่ีจดั การศึกษาโดยมีความยดื หยุนในการกําหนด จุดมงุ หมาย รูปแบบ วธิ ีการจดั การศึกษา ระยะเวลาของการศกึ ษา การวดั และประเมนิ ผล ซ่งึ เปนเงือ่ นไข สําคญั ของการสาํ เรจ็ การศึกษา “นักเรยี น” หมายความวา ผรู ับการศกึ ษาในโรงเรยี น “ผรู ับใบอนญุ าต” หมายความวา ผรู ับใบอนุญาตใหจ ดั ต้ังโรงเรยี น “ผจู ดั การ” หมายความวา ผูจัดการของโรงเรียนในระบบ “ผอู ํานวยการ” หมายความวา ผูอํานวยการของโรงเรียนในระบบ “ผบู ริหาร” หมายความวา ผูบริหารของโรงเรียนนอกระบบ “ครู” หมายความวา บุคลากรวชิ าชีพซงึ่ ทําหนาทหี่ ลักทางดานการเรียนการสอนและสง เสรมิ การเรยี นรดู วยวธิ ีการตาง ๆ ในโรงเรียน “ผูส อน” หมายความวา ผทู ําหนาที่ดา นการเรยี นการสอนและสง เสรมิ การเรียนรดู วยวิธกี ารตางๆ ในโรงเรียนนอกระบบ

- 278 - “บคุ ลากรทางการศกึ ษา” หมายความวา ผูส นับสนนุ การศกึ ษาซง่ึ เปนผูทาํ หนา ท่ีใหบริการ หรอื ปฏบิ ตั งิ านเกย่ี วเนอ่ื งกบั การจดั กระบวนการเรยี นการสอน การนเิ ทศ และการบรหิ ารการศกึ ษาในโรงเรียน “ผูอนญุ าต” หมายความวา เลขาธกิ ารคณะกรรมการสง เสรมิ การศกึ ษาเอกชนหรอื ผอู าํ นวยการ สํานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาซ่งึ เลขาธกิ ารคณะกรรมการสงเสรมิ การศึกษาเอกชนมอบหมาย “คณะกรรมการ” หมายความวา คณะกรรมการสง เสรมิ การศึกษาเอกชน “ตราสารจดั ตงั้ ” หมายความวา ตราสารจัดตั้งนติ บิ คุ คลของโรงเรียนในระบบ “กองทนุ ” หมายความวา กองทุนสงเสริมโรงเรียนในระบบ “พนักงานเจาหนาท่ี” หมายความวา ขาราชการซึ่งรัฐมนตรีแตงต้งั ใหป ฏิบัติการตาม พระราชบญั ญตั ิน้ี “รัฐมนตรี” หมายความวา รัฐมนตรผี รู กั ษาการตามพระราชบัญญตั ินี้ มาตรา ๗ ใหร ัฐมนตรวี า การกระทรวงศกึ ษาธิการรักษาการตามพระราชบญั ญตั นิ ้ี และใหม ีอาํ นาจ แตง ต้ังพนักงานเจาหนาทก่ี ับออกกฎกระทรวงกําหนดอตั ราคาธรรมเนยี มไมเกินอัตราทา ยพระราชบัญญตั ินี้ และกาํ หนดกจิ การอื่นตามพระราชบญั ญตั นิ ี้ กฎกระทรวง นัน้ เม่ือไดประกาศในราชกิจจานุเบกษาแลว ใหใ ชบ ังคบั ได มาตรา ๙๓ เมอื่ ความปรากฏตอพนักงานเจาหนาที่หรือมีผรู องเรียนวา โรงเรยี นในระบบ กอ ใหเกิดความเดอื ดรอนหรอื เสยี หายแกป ระชาชน มีพฤติการณอนั เปน ภัยตอความสงบเรียบรอ ยหรอื ศลี ธรรมอนั ดขี องประชาชน หรอื มกี ารฝาฝนพระราชบัญญัตินี้ ใหพนักงานเจาหนา ทีม่ หี นาทดี่ ําเนินการ ตรวจสอบเพ่อื ทราบขอเทจ็ จริงโดยเรว็ แลว รายงานผลการตรวจสอบตอ ผูอ นุญาตเพ่ือพจิ ารณาส่ังการ ตามอํานาจหนาทต่ี อไป มาตรา ๑๒๗ ใหนาํ บทบญั ญัติดังตอไปน้ี รวมทงั้ บทกําหนดโทษท่ีเก่ียวของมาใชบงั คับแก โรงเรียนนอกระบบโดยอนุโลม (๑) มาตรา ๒๑ มาตรา ๒๒ มาตรา ๒๘ มาตรา ๒๙ มาตรา ๓๓ และมาตรา ๔๓ วรรคหนึ่งและ วรรคสาม และมาตรา ๔๘ (๓) (๔) และ (๕) (๒) มาตรา ๗๓ มาตรา ๗๔ มาตรา ๗๕ มาตรา ๗๖ มาตรา ๗๗ มาตรา ๗๘ มาตรา ๗๙ และมาตรา ๘๐ สาํ หรบั ผบู รหิ าร ครู และบคุ ลากรทางการศึกษา (๓) บทบญั ญตั สิ วนที่ ๖ สวนท่ี ๗ สว นที่ ๘ สว นที่ ๙ และสวนที่ ๑๑ ของหมวด ๒ มาตรา ๑๒๘ ในการปฏิบัตหิ นาท่ีตามพระราชบัญญัตนิ ้ี ใหพนักงานเจา หนา ทม่ี อี ํานาจเขาไป ในโรงเรยี นในระหวา งเวลาทาํ การ และมหี นงั สือเรยี กผซู ึ่งเกยี่ วของมาใหถ อยคาํ สง เอกสาร หรือวัตถทุ ี่เกีย่ วของ เพือ่ ประกอบการพิจารณา การเขา ไปในโรงเรยี นตามวรรคหนง่ึ พนกั งานเจา หนา ทต่ี อ งแสดงบัตรประจําตวั แกผซู ง่ึ เก่ยี วขอ ง และใหผ ซู ่ึงเกยี่ วขอ งอํานวยความสะดวกแกพนักงานเจา หนา ทีต่ ามสมควร บตั รประจําตวั พนักงานเจาหนาที่ ใหเ ปน ไปตามท่ีกําหนดในกฎกระทรวง มาตรา ๑๒๙ ในการปฏิบัตหิ นาท่ตี ามพระราชบัญญัตนิ ี้ ใหพ นักงานเจาหนา ท่ีและกรรมการ วนิ ิจฉยั อทุ ธรณตามมาตรา ๑๑๗ เปน เจาพนกั งานตามประมวลกฎหมายอาญา

- 279 - กฎหมายลาํ ดับรองท่ีเกย่ี วขอ ง 1. ประกาศกระทรวงศกึ ษาธิการ เรอ่ื ง แตงต้งั พนกั งานเจา หนาท่ตี ามพระราชบัญญัตโิ รงเรียน เอกชน พ.ศ. ๒๕๕๐ อาศัยอํานาจตามมาตรา 7 แหงพระราชบญั ญตั ิโรงเรียนเอกชน พ.ศ. 2550 รัฐมนตรวี าการ กระทรวงศกึ ษาธิการ จึงแตงต้ังพนักงานเจาหนา ทตี่ ามพระราชบญั ญัติโรงเรียนเอกชน พ.ศ. 2550 ดังตอไปนี้ 16. ผูวา ราชการจงั หวดั รองผูว าราชการจังหวัด นายอาํ เภอ ปลัดอาํ เภอหัวหนา กิ่งอาํ เภอ สรุปประเดน็ ท่นี ายอําเภอมอี ํานาจหนาที่ นายอาํ เภอเปนพนักงานเจาหนาที่ มีอํานาจหนาท่ี ดงั นี้ 1. ดาํ เนนิ การตรวจสอบเพอ่ื ทราบขอ เทจ็ จรงิ โดยเรว็ แลว รายงานผลการตรวจสอบตอ ผูอนญุ าต เพ่ือพจิ ารณาสง่ั การ กรณีความปรากฏวา โรงเรยี นในระบบรวมทง้ั โรงเรยี นนอกระบบกอใหเกิดความเสยี หาย แกประชาชน มีพฤติการณอันเปนภัยตอความสงบเรียบรอยหรือศิลธรรมอันดีของประชาชน 2. เขาไปในโรงเรยี นในระหวา งเวลาทาํ การ และมีหนงั สือเรยี กผซู ่ึงเก่ียวของมาใหถอ ยคาํ สง เอกสารหรอื วตั ถทุ ่ีเก่ียวขอ งได 3. เปน เจา พนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา (๒) พระราชบญั ญัติคมุ ครองเด็ก พ.ศ. ๒๕46 มาตราท่เี ก่ียวขอ ง มาตรา ๔ ในพระราชบัญญตั นิ ้ี “เด็ก” หมายความวา บุคคลซ่ึงมีอายตุ ํ่ากวา สิบแปดปบ รบิ ูรณแ ตไมรวมถงึ ผูทบี่ รรลนุ ติ ภิ าวะ ดว ยการสมรส “เด็กเรรอน” หมายความวา เดก็ ที่ไมมบี ิดามารดาหรือผูปกครองหรือมีแตไมเ ลี้ยงดูหรอื ไมส ามารถ เลี้ยงดูไดจนเปนเหตุใหเด็กตองเรรอนไปในทีต่ างๆ หรือเด็กท่ีมีพฤติกรรมใชช ีวติ เรร อนจนนาจะเกิดอันตราย ตอสวัสดิภาพของตน “เดก็ กําพรา” หมายความวา เด็กทบี่ ิดาหรือมารดาเสียชีวิต เดก็ ท่ีไมปรากฏบิดามารดาหรือไมส ามารถ สืบหาบดิ ามารดาได “เดก็ ที่อยใู นสภาพยากลาํ บาก” หมายความวา เดก็ ท่ีอยูในครอบครวั ยากจนหรือบิดามารดา หยา รา ง ทิ้งราง ถกู คมุ ขงั หรือแยกกนั อยูแ ละไดรบั ความลาํ บาก หรอื เด็กทตี่ องรับภาระหนาที่ในครอบครัว เกินวยั หรอื กําลงั ความสามารถและสติปญ ญา หรอื เด็กทไี่ มสามารถชว ยเหลือตวั เองได “เดก็ พกิ าร” หมายความวา เด็กทีม่ ีความบกพรองทางรางกาย สมอง สตปิ ญ ญาหรือจิตใจ ไมว า ความบกพรองนนั้ จะมีมาแตกําเนดิ หรือเกิดขนึ้ ภายหลงั

- 280 - “เดก็ ทเ่ี สย่ี งตอ การกระทําผดิ ” หมายความวา เด็กทีป่ ระพฤติตนไมส มควร เด็กที่ประกอบ อาชีพหรอื คบหาสมาคมกบั บุคคลท่ีนาจะชักนําไปในทางกระทําผดิ กฎหมายหรือขัดตอศลี ธรรมอนั ดีหรือ อยูในสภาพแวดลอมหรอื สถานทอ่ี ันอาจชกั นาํ ไปในทางเสียหาย ทงั้ นี้ ตามที่กําหนดในกฎกระทรวง “นกั ศึกษา” หมายความวา เด็กซ่ึงกาํ ลังรับการศึกษาระดับอุดมศึกษาหรือเทยี บเทาอยูใ นสถานศึกษา ของรฐั หรอื เอกชน “นักเรยี น” หมายความวา เด็กซึง่ กําลังรับการศกึ ษาข้นั พ้ืนฐานระดับประถมศึกษาและ มธั ยมศกึ ษา ทง้ั ประเภทสามัญศึกษาและอาชวี ศึกษาหรอื เทียบเทา อยใู นสถานศึกษาของรฐั หรือเอกชน “บิดามารดา” หมายความวา บิดามารดาของเดก็ ไมวา จะสมรสกันหรือไม “ผปู กครอง” หมายความวา บิดามารดา ผอู นุบาล ผูร ับบุตรบุญธรรม และผปู กครองตาม ประมวลกฎหมายแพง และพาณชิ ย และใหห มายความรวมถึงพอเลี้ยงแมเล้ยี งผปู กครองสวสั ดภิ าพ นายจา ง ตลอดจนบุคคลอน่ื ซ่ึงรับเดก็ ไวใ นความอปุ การะเล้ียงดหู รือซงึ่ เด็กอาศยั อยดู ว ย “ครอบครวั อปุ ถัมภ” หมายความวา บคุ คลท่ีรับเด็กไวอปุ การะเลีย้ งดูอยางบุตร “การเลีย้ งดโู ดยมิชอบ” หมายความวา การไมใ หก ารอปุ การะเลี้ยงดูอบรมส่ังสอนหรอื พัฒนา เดก็ ตามมาตรฐานข้นั ต่ําท่กี ําหนดในกฎระทรวง จนนาจะเกิดอันตรายแกรางกายหรือจิตใจของเด็ก “ทารุณกรรม” หมายความวา การกระทําหรือละเวนการกระทาํ ดวยประการใดๆ จนเปน เหตุ ใหเ ดก็ เส่ือมเสียเสรภี าพหรอื เกิดอนั ตรายแกร างกายหรือจิตใจ การกระทําผิดทางเพศตอเดก็ การใชเด็กให กระทาํ หรือประพฤติในลักษณะท่ีนา จะเปนอนั ตรายแกรางกายหรือจติ ใจหรือขัดตอกฎหมายหรอื ศีลธรรม อนั ดี ท้ังนี้ ไมว า เด็กจะยนิ ยอมหรอื ไมกต็ าม “สืบเสาะและพนิ ิจ” หมายความวา การคนหาและรวบรวมขอเท็จจริงเกี่ยวกับบุคคลและ นํามาวเิ คราะหว ินิจฉัยตามหลักวิชาการทางสังคมสงเคราะหแพทย จติ วทิ ยา กฎหมายและหลกั วชิ าการ อ่นื ท่เี กีย่ วขอ งกบั บุคคลและครอบครัวของบคุ คลน้นั “สถานรับเล้ยี งเดก็ ” หมายความวา สถานทร่ี ับเลี้ยงและพัฒนาเด็กทม่ี ีอายุไมเกนิ หกปบริบูรณและ มจี ํานวนตั้งแตหกคนข้ึนไป ซ่งึ เดก็ ไมเกีย่ วของเปนญาตกิ ับเจา ของหรือผูดําเนินการสถานรับเล้ียงเด็กดงั กลาว ทั้งน้ี ไมร วมถึงสถานพยาบาลหรอื โรงเรียนทั้งของรฐั และเอกชน “สถานแรกรับ” หมายความวา สถานทีร่ ับเด็กไวอปุ การะเปน การช่วั คราวเพ่ือสืบเสาะและ พนิ ิจเด็กและครอบครวั เพอื่ กําหนดแนวทางในการสงเคราะหและคมุ ครองสวัสดิภาพทเ่ี หมาะสมแกเ ด็ก แตล ะราย “สถานสงเคราะห” หมายความวา สถานที่ใหการอปุ การะเลีย้ งดูและพัฒนาเดก็ ท่จี าํ ตอง ไดร บั การสงเคราะห ซึ่งมีจาํ นวนตั้งแตห กคนขึ้นไป “สถานคมุ ครองสวสั ดิภาพ” หมายความวา สถานท่ีใหก ารศึกษา อบรม ฝกอาชีพ เพื่อแกไข ความประพฤตบิ ําบัด รกั ษา และฟนฟสู มรรถภาพท้งั ทางดา นรางกายและจติ ใจแกเ ด็กที่พึงไดรบั การคมุ ครอง สวัสดภิ าพ “สถานพัฒนาและฟน ฟู” หมายความวา สถานที่ โรงเรียน สถาบัน หรือศนู ยท่ีจัดขึน้ เพื่อให การบําบดั รกั ษา การฟน ฟสู มรรถภาพท้งั ทางดา นรา งกายและจิตใจ ตลอดจนการศึกษาแนะแนว และการ ฝก อบรมอาชพี แกเ ด็กท่ีจาํ ตองไดรับการสงเคราะหห รือคุมครองสวัสดภิ าพเปน กรณีพเิ ศษ

- 281 - “สถานพนิ จิ ” หมายความวา สถานพินจิ และคุมครองเด็กและเยาวชนกรงุ เทพมหานครสถาน พินิจและคุมครองเดก็ และเยาวชนจงั หวดั และสถานพนิ ิจและคุมครองเด็กและเยาวชนของแผนกคดีเยาวชน และครอบครวั ในศาลจังหวดั ซ่ึงจดั ต้ังขึ้นตามกฎหมายวาดวยการจัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวและวธิ ี พิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว “กองทนุ ” หมายความวา กองทุนคุมครองเด็ก “คณะกรรมการ” หมายความวา คณะกรรมการคมุ ครองเด็กแหงชาติ “พนกั งานเจา หนาท”ี่ หมายความวา ผซู ึง่ รัฐมนตรีแตงต้ังใหปฏิบัติการตามพระราชบญั ญตั ินี้ “ผวู า ราชการจังหวัด” หมายความรวมถึงผวู าราชการกรุงเทพมหานครและผซู ่ึงไดร ับมอบหมาย จากผวู าราชการจังหวดั “ปลัดกระทรวง” หมายความวา ปลดั กระทรวงการพฒั นาสงั คมและวามมน่ั คงของมนุษย และหมายความรวมถึงผูซึง่ ไดรบั มอบหมายจากปลดั กระทรวง “รัฐมนตรี” หมายความวา รัฐมนตรผี รู ักษาการตามพระราชบัญญตั ินี้ มาตรา ๖ ใหรัฐมนตรีวา การกระทรวงการพฒั นาสงั คมและความมั่นคงของมนุษย รฐั มนตรีวาการกระทรวงมหาดไทย รฐั มนตรวี า การกระทรวงศึกษาธกิ าร และรฐั มนตรวี าการกระทรวง ยุตธิ รรม รกั ษาการตามพระราชบัญญตั ิน้แี ละใหรฐั มนตรีแตล ะกระทรวงมีอํานาจแตง ตงั้ พนกั งาน เจา หนาท่กี บั ออกกฎกระทรวงหรือระเบยี บเพ่ือปฏบิ ัติการตามพระราชบัญญตั นิ ี้ ท้งั นี้ ในสวนท่ีเกยี่ วกบั ราชการของกระทรวงนั้น กฎกระทรวงหรือระเบียบนั้น เม่ือไดประกาศในราชกจิ จานุเบกษาแลวใหใชบ งั คบั ได มาตรา ๖๔ นกั เรยี นและนกั ศกึ ษาตองประพฤติตนตามระเบยี บของโรงเรยี นหรอื สถานศึกษาและ ตามทก่ี ําหนดในกฎกระทรวง มาตรา ๖๕ นักเรียนหรอื นักศึษาผูใ ดฝาฝนมาตรา ๖๔ ใหพ นกั งานเจา หนา ท่ีปฏิบัตติ ามระเบียบ ที่รฐั มนตรกี าํ หนด และมีอาํ นาจนาํ ตัวไปมอบแกผูบรหิ ารโรงเรียนหรือสถานศึกษาของนักเรียนหรือนกั ศึกษาน้ัน เพ่ือดําเนินการสอบถามและอบรมสัง่ สอนหรอื ลงโทษตามระเบียบ ในกรณีท่ีไมส ามารถนําตัวไปมอบได จะแจงดว ยวาจาหรือเปน หนงั สือกไ็ ด เมอ่ื ไดอ บรมส่งั สอนหรอื ลงโทษนักเรียนหรอื นักศึกษาแลว ใหพ นักงานเจา หนา ทห่ี รอื ผบู ริหาร โรงเรียนหรือสถานศึกษาแจงใหผ ูปกครองวา กลา วตกั เตือนหรือสง่ั สอนเด็กอีกชัน้ หนง่ึ การลงโทษนกั เรียนหรือนกั ศึกษาใหกระทําเทาท่ีสมควรเพ่ือการอบรมสัง่ สอนตามระเบียบ ทร่ี ัฐมนตรกี ําหนด มาตรา ๖๖ พนกั งานเจา หนาที่ตามหมวดน้มี ีอํานาจดําเนินการเพือ่ สง เสริมความประพฤติ นกั เรยี นและนักศึกษา ดงั ตอ ไปนี้ (๑) สอบถามครู อาจารยหรือหวั หนา สถานศึกษา เกย่ี วกบั ความประพฤติการศกึ ษา นสิ ยั และ สติปญญาของนักเรียนหรือนักศกึ ษาท่ฝี าฝน มาตรา ๖๔ (๒) เรยี กใหผูปกครอง ครูอาจารยห รือหัวหนา สถานศึกษาท่นี ักเรียนหรอื นักศึกษานน้ั กาํ ลงั ศกึ ษาอยมู ารับตัวนักเรยี นหรือนกั ศึกษา เพื่อวา กลาวอบรมสงั่ สอนตอไป (๓) ใหคําแนะนําแกผ ปู กครองในเรือ่ งการอบรมและสัง่ สอนนักเรยี นหรอื นักศึกษา

- 282 - (๔) เรยี กผูป กครองมาวา กลาวตักเตือน หรอื ทําทัณฑบนวา จะปกครองดแู ลมใิ หน ักเรียนหรือ นกั ศึกษาฝา ฝนมาตรา ๖๔ อกี (๕) สอดสองดแู ลรวมทั้งรายงานตอคณะกรรมการเกยี่ วกบั พฤติกรรมของบุคคลหรือแหลง ท่ี ชักจูงนกั เรียนหรอื นักศึกษาใหป ระพฤตใิ นทางมชิ อบ (๖) ประสานงานกับผูบริหารโรงเรียนหรือสถานศึกษา ครผู ปู กครอง ตาํ รวจ หรอื พนักงาน เจา หนาท่ีอื่นเพ่ือดาํ เนินการใหเปน ไปตามหมวดนี้ มาตรา ๖๗ ในกรณีมเี หตุอันควรสงสยั วา มีการฝาฝน กฎหมายระเบยี บเกย่ี วกับความประพฤติ ของนักเรยี นหรอื นักศึกษา ใหพนักงานเจาหนา ท่ีมีอาํ นาจเขาไปในเคหสถาน สถานที่ หรือยานพาหนะใดๆ ในระหวางเวลาพระอาทติ ยขน้ึ ถงึ พระอาทติ ยตก หรอื ในระหวา งเวลาทาํ การเพ่ือทําการตรวจสอบการฝาฝน ดงั กลา วได ในการปฏบิ ตั หิ นาทีต่ ามวรรคหนึง่ พนกั งานเจาหนาทตี่ องแสดงบตั รประจาํ ตัวกอนและให บุคคลท่เี กย่ี วของอาํ นายความสะดวกตามสมควร บัตรประจาํ ตวั พนักงานเจาหนาที่ ใหเ ปนไปตามแบบที่รฐั มนตรีกาํ หนดโดยประกาศในราช กจิ จานเุ บกษา กฎหมายลําดับรองท่ีเกีย่ วขอ ง 1. ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง แตงต้งั เจาหนา ที่ของรัฐใหป ฏิบตั หิ นา ท่ีพนกั งานเจาหนา ที่ สง เสรมิ ความประพฤตินักเรียนและนักศึกษา ลงวนั ที่ 13 กนั ยายน 2548 ขอ 3 ใหขาราชการสังกัดกระทรวงมหาดไทย ซึ่งดํารงตําแหนงตอไปนี้ เปนพนักงาน เจา หนาทส่ี งเสรมิ ความประพฤตินักเรยี นนักศกึ ษา (1) ผวู าราชการจังหวัด (๒) อธบิ ดกี รมสง เสริมการปกครองทอ งถน่ิ (3) รองผูวา ราชการจงั หวัด (4) รองอธบิ ดีกรมสง เสรมิ การปกครองทอ งถิน่ (5) ปลัดจังหวดั (6) ผตุ รวจราชการกรมสงเสริมการปกครองทองถ่นิ (7) ผูอาํ นวยการสาํ นกั ประสานและพัฒนาการจัดการศกึ ษาทอ งถน่ิ (8) นายอาํ เภอ (9) ผอู ํานวยการสว นสงเสรมิ การศึกษานอกระบบและพัฒนากิจกรรมเยาวชน (10) ผอู ํานวยการสวนวิชาการและมาตรฐานการศึกษาทอ งถน่ิ (11) ปลัดอาํ เภอผูเ ปนหวั หนาประจํากง่ิ อําเภอ

- 283 - ๒. ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ วาดวยการปฏิบัติหนาทีข่ องพนักงานเจาหนาที่สงเสริมความ ประพฤตินกั เรียนและนักศึกษา พ.ศ. 2548 ขอ ๔ ในระเบียบนี้ “พนักงานเจาหนาที่” หมายความวา พนักงานเจาหนาทีส่ งเสริมความประพฤตินักเรียน นกั ศึกษา ตามหมวด 7 แหงพระราชบัญญัตคิ มุ ครองเด็ก พ.ศ. 2546 ขอ ๔ พนักงานเจาหนาทีม่ ีอํานาจดําเนินการเพื่อสงเสริมความประพฤตินักเรียนและ นกั ศกึ ษา ดังตอไปน้ี (1) สอบถามครู อาจารย หรอื หัวหนาสถานศึกษา เก่ียวกับความประพฤติ การศึกษา นสิ ัย และสตปิ ญญา ของนักเรียนหรือนักศึกษาที่ฝาฝนกฎกระทรวงวา ดว ยความประพฤติของนักเรียนและนักศึกษา หรือระเบียบของโรงเรียนหรือสถานศึกษา (2) เรยี กใหผ ูปกครอง ครู อาจารย หรือหวั หนาสถานศึกษาท่ีนกั เรียนหรือนักศกึ ษานั้นกาํ ลังศึกษาอยู มารับตวั นักเรยี นหรือนักศกึ ษา เพ่อื วากลาว อบรม สงั่ สอน ตอไป (3) ใหคําแนะนําแกผูปกครองในเรื่องการอบรมและส่ังสอนนักเรยี นหรือนกั ศกึ ษา (4) เรียกผูป กครองมาวา กลา วตกั เตอื นหรือทาํ ทัณฑบนวาจะปกครองดแู ลมใิ หนักเรียนหรือ นักศกึ ษาฝา ฝนกฎกระทรวงวาดวยความประพฤติของนักเรียนและนักศึกษา หรือระเบียบของโรงเรียน หรอื สถานศึกษาอกี (5) สอดสอ ง ดแู ล รวมท้ังรายงานตอคณะกรรมการคมุ ครองเดก็ แหง ชาตเิ กี่ยวกับพฤติกรรม ของบุคคลหรือแหลงท่ชี กั จูงนักเรยี นหรือนักศกึ ษาใหป ระพฤติในทางมิชอบ (6) ประสานงานกบั ผูบรหิ ารโรงเรยี นหรอื สถานศึกษา ครู ผูปกครอง ตาํ รวจ หรือพนักงาน เจาหนา ท่ีอ่ืน ขอ 5 เมือ่ พนักงานเจาหนาที่พบเห็นนักเรียนหรือนักศึกษาประพฤติตนไมเหมาะสมตาม กฎกระทรวงวาดวยความประพฤติของนักเรียนและนักศึกษา หรือระเบียบของโรงเรียน หรือสถานศึกษา ใหป ฏิบตั ิดังน้ี (1) แสดงบัตรประจาํ ตัวพนกั งานเจา หนา ท่ี (2) บนั ทึกขอ มูลทเี่ กยี่ วกบั นกั เรยี นหรอื นกั ศึกษา และพฤตกิ ารณการกระทํา ณ สถานที่ท่พี บเห็น การกระทํานัน้ (3) ซักถามขอ เท็จจรงิ ท่ีเกีย่ วกบั การกระทําของนกั เรยี นหรอื นกั ศึกษา โดยไมบังคบั ขมขู กล่ันแกลง หรือทําใหหวาดกลัว รวมทงั้ ใหก ารอบรมสงั่ สอนอยางสภุ าพ และชวยเหลือในเบ้ืองตน โดยคาํ นงึ ถงึ อายุ และสภาพจิตใจของนักเรยี นหรือนักศกึ ษา (4) นาํ ตัวไปสง มอบแกผบู รหิ ารโรงเรียนหรือสถานศกึ ษาของนักเรียนหรือนกั ศึกษานั้น เพอ่ื ดาํ เนนิ การ สอบถามและอบรมสัง่ สอนหรือลงโทษตามระเบียบ ในกรณที ีม่ สามารถนําตัวไปมอบไดจ ะแจงดว ยวาจาหรอื เปน หนงั สือกไ็ ด

- 284 - ขอ 6 ในกรณีพนักงานเจาหนาทีพ่ บนักเรียนหรือนักศึกษามีพฤติการณเขาขายกระทําความผิดอาญา และอาจกอ ใหเ กิดภยันตรายอยา งรา ยแรง หรือกอ เหตุทะเลาะววิ าทจนไมอ าจควบคมุ สถานการณไวได ใหแ จง เจา พนักงานตาํ รวจ เพื่อระงบั เหตุ รวมทั้งประสานงานกับโรงเรียนหรือสถานศึกษา และสวนราชการตน สงั กัดโดยเร็ว ขอ 7 ในกรณที ีม่ ีนักเรียนหรือนักศึกษาถูกกลา วหาวา กระทําความผดิ อาญาและถูกจบั กุม ควบคุมตัว ใหพ นักงานเจาหนาท่ปี ระสานใหส ถานศกึ ษาและผูปกครอง เพ่ือใหความสงเคราะหชวยเหลือเบ้ืองตนโดยเร็ว สรปุ ประเดน็ ทนี่ ายอําเภอมีอํานาจหนา ท่ี นายอําเภอเปน พนักงานเจา หนาท่ีสง เสริมความประพฤตนิ ักเรยี นและนักศกึ ษา มีอํานาจหนาที่ ดังน้ี 1. มีหนา ทป่ี ฏบิ ัตติ ามระเบยี บท่ีรฐั มนตรวี าการกระทรวงศึกษาธิการกาํ หนด และมีอํานาจ นําตวั นักเรียนหรอื นกั ศกึ ษา ผฝู า ฝน ตามมาตรา 65 ไปมอบแกผ ูบรหิ ารโรงเรยี นหรอื สถานศกึ ษา เพอ่ื ดําเนนิ การ สอบถาม 2. ดาํ เนนิ การเพือ่ สงเสริมความประพฤตินกั เรยี นและนักศกึ ษา ดังน้ี 2.1 สอบถามครู อาจารย หรือหวั หนา สถานศกึ ษา เกย่ี วกบั ความประพฤติ การศกึ ษา นิสัย และสติปญ ญา ของนกั เรียนหรือนักศึกษาทีฝ่ าฝน มาตรา 64 2.2 เรียกใหผปู กครอง ครู อาจารย หรือหัวหนาสถานศึกษา มารับตัวนักเรยี นหรือนกั ศกึ ษา เพอ่ื วากลา วอบรมส่ังสอนตอไป 2.3 ใหคําแนะนาํ แกผ ูป กครองในเร่ืองการอบรมและส่งั สอนนักเรยี นหรือนักศกึ ษา 2.4 เรยี กผูป กครองมาวากลา วตักเตอื น หรอื ทาํ ทณั ฑบ น วาจะปกครองดูแลมิใหน ักเรยี น หรือนักศึกษาฝาฝน มาตรา 64 อกี 2.5 สอดสองดูแลรวมทง้ั รายงานตอ คณะกรรมการคมุ ครองเด็กแหงชาติ เกย่ี วกับพฤตกิ รรม ของบุคคลหรือแหลง ทชี่ ักจูงนักเรยี นหรือนกั ศึกษาใหป ระพฤติในทางมชิ อบ 2.6 ประสานงานกับผูบริหารโรงเรียนหรอื สถานศกึ ษา ครู ผูปกครอง ตํารวจ หรอื พนักงานเจาหนา ท่ีอ่นื 2.7 เขา ไปในเคหสถาน สถานท่ี หรือยานพาหนะใดๆ ในระหวา งพระอาทติ ยขน้ึ ถึงพระอาทิตยตก หรอื ในระหวา งเวลาทาํ การ เพอื่ ทําการตรวจสอบการฝาฝน 2.8 หากพบนกั เรยี นหรือนักศึกษาประพฤตติ นไมเหมาะสม ใหบนั ทกึ ขอ มูลและพฤติการณ การกระทาํ ซักถามขอ เท็จจริง อบรมสั่งสอน นําตัวไปสง มอบแกผูบริหารโรงเรียนหรือสถานศึกษา เพื่อสอบถาม อบรมสั่งสอน หรือลงโทษตามระเบียบ 2.9 หากพบนักเรยี นหรือนักศึกษามีพฤติการณเขาขา ยกระทาํ ความผิดอาญา และอาจกอใหเ กดิ ภยันตรายอยางรายแรง หรือกอ เหตุทะเลาะวิวาทจนไมอาจควบคมุ สถานการณไวไ ด ใหแจงเจาพนักงาน ตํารวจเพ่อื ระงบั เหตุ รวมทั้งประสานงานกับโรงเรยี นหรือสถานศึกษาและสวนราชการตนสังกัดโดยเรว็ 2.10 กรณีนกั เรียนหรือนกั ศกึ ษาถูกกลา วหาวา กระทาํ ความผดิ อาญา และถูกจบั กมุ ควบคมุ ตัว ใหประสานสถานศกึ ษาและผูปกครอง เพื่อใหค วามสงเคราะหช วยเหลือเบื้องตนโดยเร็ว

- 285 - (3) พระราชบัญญตั ิลกู เสอื พ.ศ. ๒๕๕๑ มาตราท่เี กยี่ วขอ ง มาตรา ๒๙ ใหมีคณะกรรมการลูกเสือจังหวัด ประกอบดวย (๑) ผวู าราชการจังหวดั เปนประธานกรรมการ (๒) กรรมการโดยตําแหนง ไดแ ก รองผวู าราชการจงั หวดั เปนรองประธานกรรมการ ปลัดจงั หวดั นายกเหลากาชาดจังหวัด ผบู ังคบั การตํารวจภูธรจงั หวัด นายกองคการบรหิ ารสว นจงั หวดั นายอาํ เภอ นายกเทศมนตรี นายกสมาคมการศกึ ษาเอกชนจงั หวดั และผอู าํ นวยการสํานกั งานเขตพ้ืนท่ี การศกึ ษา (๓) กรรมการประเภทผแู ทนจาํ นวนหา คน ไดแก ผแู ทนสถาบนั อดุ มศึกษา ผแู ทนสถานศึกษา อาชวี ศึกษา ผูแทนคา ยลูกเสือจังหวดั ผแู ทนสมาคมหรือสโมสรลกู เสอื และผแู ทนจากลูกเสือชาวบา นซงึ่ เลือกกันเอง กลมุ ละหนงึ่ คน (๔) กรรมการผูทรงคณุ วุฒจิ าํ นวนไมเกนิ สิบคน ซ่งึ ประธานกรรมการแตงต้งั โดยคาํ แนะนาํ ของกรรมการลูกเสอื จังหวัดตาม (๒) และ (๓) ในจาํ นวนนี้จะตองแตง ตงั้ จากภาคเอกชนไมนอยกวา กึง่ หน่งึ ใหผ อู ํานวยการสํา นกั งานเขตพื้นท่กี ารศึกษาเขต ๑ เปนกรรมการและเลขานกุ าร ใหผูอ าํ นวยการศนู ยการศึกษานอกโรงเรียนจังหวัด เปนกรรมการและผชู วยเลขานกุ าร หลกั เกณฑและวิธกี ารในการเลือกกรรมการตาม (๓) ใหเ ปนไปตามขอบังคับคณะกรรมการ บริหารลกู เสือแหง ชาติ มาตรา ๓๐ ใหนาํ บทบญั ญัติมาตรา ๑๖ มาใชบงั คบั กับวาระการดํารงตําแหนงและการพน จากตาํ แหนง ของกรรมการตามมาตรา ๒๙ (๓) และ (๔) โดยอนุโลม มาตรา ๓๑ คณะกรรมการลูกเสือจงั หวดั มอี ํานาจหนาทภี่ ายในเขตจงั หวัดดังตอ ไปนี้ (๑) ควบคุมดแู ลกจิ การลูกเสือใหเปน ไปตามกฎหมาย ขอ บังคับ และระเบยี บของทางราชการ และคณะกรรมการบรหิ ารลูกเสอื แหง ชาติ (๒) สงเสรมิ และสนับสนนุ ความมน่ั คงและความเจรญิ กาวหนาของกิจการลูกเสอื (๓) สนับสนุนและสง เสรมิ ใหมีการพัฒนาบุคลากรทางการลกู เสือ (๔) ควบคมุ ดูแลทรพั ยส นิ ในกิจการของลูกเสือจงั หวัด (๕) พิจารณาคําขอการจัดตงั้ คายลูกเสือตามมาตรา ๓๒ (๖) พจิ ารณารายงานประจําปของสาํ นักงานลูกเสอื จงั หวัด (๗) ใหความเห็นชอบแผนปฏิบตั ิการประจาํ ป (๘) ใหคาํ แนะนําผอู ํานวยการลกู เสือเขตพ้นื ที่การศึกษาในการปฏิบตั ิงานลูกเสอื (๙) จัดใหมีทะเบยี นและสถติ ิตา งๆ เกี่ยวกับการดาํ เนินกจิ การลูกเสอื (๑๐) ออกระเบียบปฏิบตั ิเกีย่ วกบั กิจการลูกเสือ เพ่ือความเหมาะสมแกก ารปกครองในจังหวดั ซงึ่ จะตองไมข ดั หรือแยงกับกฎหมาย ขอ บงั คับ และระเบยี บของทางราชการและคณะกรรมการบรหิ าร ลกู เสือแหงชาติ

- 286 - (๑๑) จัดทาํ รายงานประจาํ ปและรายงานทเ่ี กี่ยวขอ งกบั กิจการลูกเสอื ในจังหวดั เสนอตอ คณะ กรรมการบรหิ ารลูกเสอื แหง ชาติ (๑๒) แตง ตงั้ คณะอนุกรรมการเพื่อดําเนินการอยา งหนงึ่ อยางใด ตามที่คณะกรรมการลูกเสือ จงั หวดั มอบหมาย (๑๓) ปฏบิ ัติงานอนื่ ตามท่คี ณะกรรมการบริหารลูกเสอื แหง ชาตมิ อบหมาย มาตรา ๓๒ การจดั ตั้งคายลูกเสือในจังหวดั ใดตองไดร บั อนญุ าตเปนหนังสือจากคณะกรรมการ ลกู เสือจงั หวัด และใหคณะกรรมการลูกเสือจังหวดั รายงานตอคณะกรรมการบริหารลูกเสอื แหง ชาตทิ ราบ การขออนญุ าตและการอนุญาตใหเ ปน ไปตามหลกั เกณฑ วิธกี าร และเงื่อนไขทค่ี ณะกรรมการ บริหารลกู เสือแหง ชาติกาํ หนด สรุปประเดน็ ทน่ี ายอาํ เภอมีอํานาจหนาท่ี นายอําเภอเปน กรรมการโดยตําแหนงในคณะกรรมการลูกเสือจังหวดั …………………………………………

คําสั่งสํานกั การสอบสวนและนติ กิ าร ที่ 7/2553 เรื่อง แตงต้ังคณะทํางานรวบรวมกฎหมายท่นี ายอาํ เภอมอี าํ นาจหนาทหี่ รือเกย่ี วขอ ง เนือ่ งจากในปจจุบันมีกฎหมายจํานวนมากทั้งที่อยูในความรับผิดชอบของกระทรวงมหาดไทย หรือกระทรวงอ่ืนๆ ไดบัญญัติเกีย่ วกับอํานาจหนาทีข่ องนายอําเภอหรือทีน่ ายอําเภอมีสวนเกีย่ วของไวโดยท่ี ยังไมเคยมีการรวบรวมเอาไวในทีเ่ ดียวกันใหสะดวกแกการคนหาและนํามาใชในการปฏิบัติงานในหนาที่ ของนายอําเภอแตอยางใด สํานักการสอบสวนและนิติการ จึงไดรับมอบหมายจากผูบังคับบัญชาใหรวบรวม กฎหมายซึ่งนายอําเภอมีอํานาจหนาทีห่ รือเกีย่ วของซึง่ อยูใ นความรับผิดชอบของทัง้ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงอืน่ เพือ่ นําเผยแพรแกขาราชการกรมการปกครอง อันจะทําใหการปฏิบัติงานในหนาทีแ่ ละ การประสานงานกับสวนราชการตาง ๆ ของนายอําเภอมีประสิทธิภาพมากยิง่ ขึน้ รวมทัง้ เปนการอํานวย ความสะดวกแกข า ราชการกรมการปกครองในการคน ควา ขอ กฎหมายตางๆ มาใชใ นการปฏิบตั งิ าน ดังน้ัน เพ่ือใหการรวบรวมกฎหมายท่ีนายอําเภอมีอํานาจหนาท่ีหรือเก่ียวของเปนไปดวยความ เรียบรอย จึงแตงตัง้ คณะทํางานรวบรวมกฎหมายที่นายอําเภอมีอํานาจหนาที่หรือเกี่ยวของ โดยมี องคประกอบและอาํ นาจหนา ท่ี ดงั น้ี 1. องคป ระกอบ 1.1 นายกติ ตศิ กั ด์ิ ฤกษทวีสขุ หัวหนาคณะทํางาน ผอู าํ นวยการสวนงานนติ กิ าร 1.2 นายมังกร เรอื งกาญจน รองหัวหนาคณะทํางาน หัวหนากลุมกฎหมายและระเบียบ สวนงานนิติการ 1.3 นายชยั รนิ ทร นกุ ลู กิจ รองหัวหนาคณะทํางาน นิตกิ รชาํ นาญการพิเศษ สว นงานนติ ิการ 1.4 นายสมชยั เลศิ ประสิทธพิ ันธ คณะทาํ งาน นติ กิ รชํานาญการ สว นงานนติ ิการ 1.5 นายพิษณุ ประภาธนานันท คณะทาํ งาน นิตกิ รชํานาญการ ฝา ยบรหิ ารทั่วไป /1.6 นายณัฏฐกร ...

- 288 - 1.6 นายณฏั ฐกร ศิริผองแผว คณะทํางาน นิติกรชาํ นาญการ สว นงานนติ กิ าร 1.7 น.ส.เดือนฉาย หงษทอง คณะทํางาน นิติกรชํานาญการ สว นงานนิติการ 1.8 นายวรี รัตน ธรี มิตร คณะทํางาน เจา พนกั งานปกครองชาํ นาญการ สวนงานนติ ิการ 1.9 นางวนิดา ประจันนวล คณะทํางาน นติ ิกรชาํ นาญการ สวนงานนิตกิ าร 1.10 นายภาณุ ประทีป ณ ถลาง คณะทาํ งาน นติ ิกรชํานาญการ สาํ นักงานผูเชี่ยวชาญเฉพาะดานกฎหมาย สาํ นักการสอบสวนและนิตกิ าร 1.11 นางสริ ญิ กัญญา มะลิ คณะทํางาน เจา พนกั งานปกครองชํานาญการ สว นงานนิตกิ าร 1.12 น.ส.นวลปรางค จติ ตธ รรม คณะทํางาน เจาพนกั งานปกครองปฏบิ ตั ิการ สว นงานนติ ิการ 1.13 น.ส.มนนัทธ เทยี นสวสั ดิ์ คณะทาํ งาน นกั วิชาการคอมพิวเตอรปฏิบัตกิ าร ฝา ยบรหิ ารทั่วไป 1.14 นายพิสทิ ธิ์ ศรีวรานนั ท คณะทาํ งานและเลขานุการ นติ กิ รชาํ นาญการ สว นงานนติ ิการ 1.15 น.ส.เนตมิ า โหมดเทศ คณะทํางานและผชู ว ยเลขานุการ เจา พนกั งานปกครองชาํ นาญการ สวนงานนิตกิ าร 2. อาํ นาจหนาที่ ใหคณะทํางานรวบรวมกฎหมายทนี่ ายอําเภอมอี าํ นาจหนาท่ีหรือเกี่ยวของมีอาํ นาจหนาที่ ดงั น้ี 2.1 ดําเนินการคนควา ศกึ ษา วเิ คราะห และรวบรวมกฎหมายทนี่ ายอาํ เภอมีอาํ นาจ หนาทห่ี รือเกีย่ วของทง้ั หมด ทั้งที่อยใู นความรบั ผิดชอบของกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงอน่ื ๆ 2.2 ดําเนินการจัดประชุมคณะทาํ งานฯ ประสานงานกบั กระทรวง ทบวง กรม หรอื หนว ยงานตาง ๆ ซง่ึ รับผดิ ชอบกฎหมายท่ีนายอําเภอมีอํานาจหนาทห่ี รือเก่ียวขอ ง หรือดําเนินการใด เพื่อใหภารกิจการรวบรวมกฎหมายดงั กลา วบรรลผุ ล /2.3 ดาํ เนินการ ...

- 289 - 2.3 ดําเนินการนํากฎหมายท่รี วบรวมไดท ้ังหมดเผยแพรใน website ของกรมการปกครอง และจัดทาํ เปนคมู ือการปฏิบัติงานของนายอําเภอ 2.4 พจิ ารณาดําเนนิ การตามท่ผี ูบ งั คับบัญชามอบหมาย ทงั้ นี้ ตงั้ แตบดั นีเ้ ปนตนไป สัง่ ณ วันที่ 11 กมุ ภาพนั ธ พ.ศ. 2553 สมคิด ใจย้มิ (นายสมคิด ใจยม้ิ ) ผอู ํานวยการสํานักการสอบสวนและนิตกิ าร


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook