Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore รวมไฟล์วารสารฉบับที่ 25 วารสาร มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร

รวมไฟล์วารสารฉบับที่ 25 วารสาร มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร

Published by wasana.wit, 2019-03-04 06:31:42

Description: รวมไฟล์วารสารฉบับที่ 25 วารสาร มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร

Search

Read the Text Version

90 ตอ่ สงั คม สอดคลอ้ งกบั ผลการวจิ ยั ของ สอนนารนิ ทร์ ปทั ทุม (2559, บทคดั ยอ่ ) ได้ทาการวจิ ยั เรื่องปจั จยั การบริหาร ทีส่ ง่ ผลตอ่ ประสิทธิผลการบริหารวชิ าการในโรงเรียน สงั กัดสานกั งานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษามัธยมศกึ ษา เขต 22 พบวา่ ประสิทธิผลการบริหารงานวชิ าการ โดยรวมอยใู่ นระดบั มาก 3. ภาวะผู้นาทางวชิ าการของผบู้ ริหารโรงเรียน ตามความคิดเห็นของผู้บริหารและครผู ู้สอน จาแนกตาม สถานภาพ พบวา่ ท้ังโดยรวมและรายด้านทกุ ด้านไม่แตกต่างกัน ไมเ่ ปน็ ไปตามสมมติฐานทีต่ ั้งไว้ ทงั้ น้อี าจเปน็ เพราะว่า ผู้บริหารและครผู ู้สอนต่างมคี วามคาดหวังให้ตัวผู้บริหารนน้ั มภี าวะผู้นาทางวชิ าการในดา้ นตา่ งๆ ไมว่ า่ จะเป็นดา้ นการ กาหนดเป้าหมายและพันธกิจการเรียนรู้ ด้านการบริหารจัดการหลักสตู รและการเรียนการสอน ด้านการพฒั นาผู้เรียน ด้านการพัฒนาครู และด้านการสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ สอดคล้องกับผลการวิจยั ของ นนั ทนา เทพนิ (2556, บทคดั ยอ่ ) ได้ศึกษาปัจจัยดา้ นภาวะผู้นาทางวชิ าการของผู้บริหารสถานศกึ ษาทีส่ ง่ ผลตอ่ ประสิทธิผลการบริหารงาน วชิ าการของโรงเรียน สังกัดสานกั งานเขตพ้ืนทีก่ ารศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต 23 ผลการวจิ ัยพบวา่ ผู้บริหารสถานศกึ ษา ตามความคิดเหน็ ของผู้บริหารสถานศกึ ษา ครผู สู้ อนและประธานคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพ้ืนฐาน มีความคิดเหน็ เกี่ยวกับภาวะผู้นาทางวชิ าการของผู้บริหารสถานศกึ ษาของโรงเรียนสงั กัดสานกั งานเขตพ้นื ที่การศกึ ษามัธยมศกึ ษา เขต 23 ไมแ่ ตกตา่ งกนั จาแนกตามประสบการณ์ในการปฏบิ ัตงิ าน พบวา่ โดยรวมแตกต่างกนั อย่างมนี ยั สาคญั ทาง สถิตทิ ี่ระดับ .01 เปน็ ไปตามสมมติฐานที่ตั้งไว้ ทั้งนีอ้ าจเปน็ เพราะว่า ผู้ที่มีประสบการณ์ในการปฏบิ ตั งิ านมากกว่าผา่ น การทางานในรูปแบบที่หลากหลาย เจอผู้บริหารที่แตกต่างกันมากมาย จึงทาใหไ้ ด้เรียนรู้และมีมุมมองความคิดเห็น ที่มากกวา่ สอดคล้องกับผลการวิจัยของ กันยารตั น์ ศรีเนตร (2559, บทคัดยอ่ ) ได้ศึกษาภาวะผู้นาทางวชิ าการของ ผู้บริหารสถานศกึ ษา สงั กดั สานกั งานเขตพ้ืนทีก่ ารศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต 18 ผลการวจิ ัยพบวา่ ภาวะผู้นาทางวชิ าการ ของผู้บริหารสถานศกึ ษา สังกัดสานักงานเขตพ้นื ที่การศึกษามัธยมศกึ ษา เขต 18 จาแนกตามประสบการณ์การทางาน โดยรวม รายองค์ประกอบและรายด้าน แตกตา่ งกันอย่างไม่มนี ยั สาคญั ทางสถิตยิ กเวน้ องค์ประกอบการจัดการด้าน การเรียนการสอนโดยรวม และด้านนเิ ทศและประเมินผลดา้ นการสอน แตกตา่ งกนั อย่างมนี ัยสาคญั ทางสถิตทิ ี่ระดับ .05 และจาแนกตามสงั กดั ของโรงเรียน พบวา่ ทง้ั โดยรวมและรายดา้ นทกุ ด้านไม่แตกต่างกนั ไมเ่ ป็นไปตามสมมติฐาน ทีต่ ้ังไว้ ทั้งนีอ้ าจเป็นเพราะว่า ภาวะผู้นาทางวชิ าการของผู้บริหารเป็นสง่ิ ที่ครตู อ้ งการ เพราะถ้าหากผู้บริหารมภี าวะ ผู้นาทางวชิ าการการบริหารงานดา้ นวชิ าการก็จะเปน็ ไปดว้ ยความราบรืน่ ส่งผลให้เกิดประสิทธิภาพในการทางาน ครูทกุ คนไมว่ า่ จะอยู่ในโรงเรียนรัฐบาลหรือโรงเรียนเอกชนต่างก็ต้องการผู้บริหารที่มีคณุ สมบัตมิ ภี าวะผู้นาทาง วชิ าการไม่ต่างกัน ดงั คาสัมภาษณข์ อง Bunheng Norng (สมั ภาษณ์, 20 กมุ ภาพนั ธ์ 2561) ได้เสนอวา่ ผู้บริหารตอ้ ง สร้างขวัญและกาลังใจให้กับครแู ละนักเรียนที่สามารถพัฒนาความรู้ความสามารถให้เปน็ ทีป่ ระจักษแ์ ละยอมรับของ ทกุ คน ผู้บริหารตอ้ งเปน็ ตัวอยา่ งในการพฒั นาตนเองอยเู่ สมอ มีเจตคติทีด่ ตี อ่ การพฒั นาตนเอง สามารถนามาให้ ความรู้ต่อบคุ ลากรของตนได้ ซงึ่ สิง่ เหลา่ นผี้ ู้บริหารทกุ คนตอ้ งมี ผู้ทีอ่ ยใู่ นโรงเรียนรฐั บาลและโรงเรียนเอกชน จึงมคี วามคิดเห็นไม่แตกต่างกัน 4. ประสิทธิผลงานวิชาการของโรงเรียน จาแนกตามสถานภาพ พบวา่ โดยรวมไม่แตกต่างกัน ไมเ่ ปน็ ไปตาม สมมติฐานทีต่ งั้ ไว้ ทง้ั น้อี าจเปน็ เพราะว่าผู้บริหารโรงเรียนและครผู ู้สอนต่างมคี วามคาดหวังในประสิทธิผลงานวิชาการ เหมอื นๆ กนั สอดคลอ้ งกบั ผลการวิจัยของ สอนนารนิ ทร์ ปทั ทุม (2559, บทคดั ยอ่ ) ได้ทาการวจิ ยั เรื่องปจั จยั การ บริหารทีส่ ง่ ผลตอ่ ประสิทธิผลการบริหารวชิ าการในโรงเรียน สังกัดสานักงานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษามัธยมศกึ ษา เขต 22 พบวา่ ประสิทธิผลการบริหารงานวชิ าการ จาแนกตามสถานภาพการดารงตาแหน่ง พบวา่ ผู้ทมี่ สี ถานภาพการดารง ตาแหนง่ ที่แตกต่างกัน มคี วามคดิ เหน็ เกี่ยวกับประสิทธิผลการบริหารงานวชิ าการ ไมแ่ ตกต่างกนั จาแนกตาม ประสบการณ์ในการปฏิบตั งิ าน พบวา่ โดยรวมแตกต่างกนั อยา่ งมนี ยั สาคัญทางสถิติที่ระดับ .01 เป็นไปตามสมมติฐาน ที่ต้ังไว้ ท้ังนอี้ าจเปน็ เพราะว่าผทู้ ีม่ ีประสบการณ์มากกวา่ ผา่ นการทางานวิชาการในโรงเรียนมานาน และมี

91 ประสบการณ์ในการทางานในดา้ นตา่ งๆ มาก่อน ทาให้มีความคดิ เห็นมากกวา่ สอดคล้องกบั ผลการวจิ ยั ของ อโนทยั ประสาน (2555, หนา้ 36 - 43) ได้ศึกษาประสิทธิผลการบริหารงานวชิ าการโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา สังกัดสานกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษาประถมศึกษานครศรีธรรมราช เขต 3 ผลการวจิ ยั พบวา่ ประสิทธิผลการ บริหารงานวชิ าการโรงเรียน จาแนกตามประสบการณ์ในการปฏิบตั ริ าชการ โดยภาพรวมแตกตา่ งกนั อย่างมนี ัยสาคญั ทางสถิตทิ ีร่ ะดบั .05 และจาแนกตามสงั กดั ของโรงเรียน พบวา่ โดยรวมไม่แตกต่างกัน ไมเ่ ปน็ ไปตามสมมตฐิ านที่ตั้งไว้ ทั้งนีอ้ าจเป็นเพราะว่าทงั้ ผู้บริหารและครทู ี่สงั กัดโรงเรียนรัฐบาลและโรงเรียนเอกชน ตา่ งมีความตอ้ งการและความ คาดหวงั เกีย่ วกับประสิทธิผลงานวชิ าการของโรงเรียน เพราะทุกคนตา่ งมุ่งหวังให้งานประสบความสาเรจ็ ดังคา สัมภาษณข์ อง Chamraen Phath (สัมภาษณ,์ 23 กมุ ภาพนั ธ์ 2561) ได้เสนอวา่ การทางานดา้ นการบริหารหลกั สูตร ควรศกึ ษาความตอ้ งการของชุมชน เพือ่ กาหนดหลกั สตู รการเรียนการสอน ศกึ ษาหลกั สูตรของตา่ งประเทศเพอ่ื การ ผลิตหลักสตู รทีท่ นั สมยั สนับสนุนให้ครูมวี ธิ ีการสอนที่หลากหลาย เพือ่ ให้สอดคลอ้ งกับสภาพของนักเรียน ควรหา นวตั กรรมใหม่ๆ ท้ังเรือ่ งการพฒั นาหลักสตู รและเทคนิคการสอนตา่ งๆ นาเสนอให้ครผู ู้สอนไดเ้ รียนรู้เพ่อื การสอนทีม่ ี ประสิทธิภาพ ซึง่ สิง่ เหลา่ นจี้ ะตอ้ งทาทงั้ โรงเรียนรฐั บาลและโรงเรียนเอกชนเพ่อื ให้เกิดประโยชน์สูงสดุ และประสิทธิผล งานวชิ าการในโรงเรียน 5. ภาวะผู้นาทางวชิ าการของผบู้ ริหารโรงเรียนโดยรวม กบั ประสิทธิผลงานวิชาการของโรงเรียนโดยรวม พบวา่ มคี วามสัมพนั ธ์ทางบวก อยู่ในระดับสูง อยา่ งมีนยั สาคัญทางสถิตทิ ี่ระดับ .01 เป็นไปตามสมมติฐานทีต่ ้ังไว้ ท้ังนี้ อาจเป็นเพราะว่า ผู้บริหารโรงเรียน และครูผู้สอน มีความเข้าใจและมีความคิดเห็นว่าภาวะผู้นาทางวชิ าของผู้บริหาร โรงเรียนและประสิทธิผลงานวิชาการของโรงเรียนนั้นมคี วามสัมพนั ธ์กันทางบวก สอดคล้องกบั ผลการวจิ ยั ของ นันทนา เทพนิ (2556, บทคดั ยอ่ ) ได้ศึกษาปจั จัยดา้ นภาวะผู้นาทางวิชาการของผู้บริหารสถานศกึ ษาทีส่ ง่ ผลตอ่ ประสิทธิผลการบริหารงานวชิ าการของโรงเรียน สงั กดั สานกั งานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต 23 ผลการวจิ ยั พบวา่ ภาวะผู้นาทางวชิ าการของผู้บริหารสถานศกึ ษากับประสทิ ธิผลการบริหารงานวชิ าการของโรงเรียน สังกดั สานกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต 23 สมั พนั ธ์กนั เชงิ บวก อยา่ งมีนัยสาคญั ทางสถติ ทิ ี่ระดับ .01 6. ภาวะผู้นาทางวชิ าการของผบู้ ริหารโรงเรียน ด้านการบริหารจัดการหลักสตู รและการเรียนการสอน (X2) ด้านการสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ (X5) ด้านการพฒั นาผู้เรียน (X3) ด้านการพฒั นาครู (X4) และด้านกาหนด เป้าหมาย และพนั ธกิจการเรียนรู้ (X1) สามารถพยากรณ์ประสิทธิผลงานวิชาการของโรงเรียนได้ ซึ่งสามารถรว่ มกัน พยากรณ์ประสิทธิผลงานวิชาการของโรงเรียน ได้ร้อยละ 55.10 และมีความคลาดเคลอ่ื นมาตรฐานของการพยากรณ์ เท่ากับ ± 0.294 ทั้งนอี้ าจเป็นเพราะว่าภาวะผู้นาทางวชิ าการของผู้บริหารโรงเรียนเป็นพฤติกรรมของผู้บริหาร โรงเรียนทีส่ ง่ ผลตอ่ การพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียน ซึ่งในดา้ นที่สามารถพยากรณ์ได้ดีทีส่ ดุ คือดา้ นการบริหารจดั การ หลักสตู รและการเรียนการสอน อาจเป็นเพราะว่าการบริหารจัดการหลกั สตู รและการเรียนการสอนเป็นการ ดาเนนิ การด้านหลกั สตู รและการเรียนการสอน ของผู้บริหารโรงเรียนมธั ยมศกึ ษาในกรงุ พนมเปญ ประเทศกมั พชู า มกี ารบริหารจดั การทรัพยากรทางการศกึ ษาให้เอ้ือตอ่ การพัฒนาหลกั สตู รสถานศกึ ษา ให้สอดคล้องกบั หลักสูตร แกนกลางการศึกษาข้ันพืน้ ฐาน และจดั การเรียนการสอน สอดคล้องกบั ผลการวจิ ัยของ ณัฐพงศ์ บุณยารมย์ (2553, หนา้ 107 – 111) ได้ศึกษาภาวะผู้นาของผู้บริหารโรงเรียนที่ส่งผลตอ่ ประสิทธิผลการบริหารงานวชิ าการ ของโรงเรียน ที่เปิดสอนช่วงช้ันที่ 3 – 4 สังกัดสานกั งานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษา ในจงั หวัดนครพนม ผลการวจิ ยั พบวา่ ภาวะผู้นา ของผู้บริหารโรงเรียนสามารถพยากรณ์ประสิทธิผลการบริหารงานวชิ าการได้

92 ข้อเสนอแนะ 1. ข้อเสนอแนะในการนาผลการวิจยั ไปใช้ 1.1 จากผลการวจิ ยั พบวา่ ภาวะผู้นาทางวชิ าการของผู้บริหารโรงเรียนทีม่ ีอานาจในการพยากรณ์ ประสิทธิผลงานวิชาการของโรงเรียนมธั ยมศกึ ษา ในกรงุ พนมเปญ ประเทศกัมพชู า มีจานวน 5 ด้าน โดยตัวแปรที่มี อานาจพยากรณ์ดที ีส่ ดุ คือ ด้านการบริหารจัดการหลกั สูตรและการเรียนการสอน ดงั น้ันควรพฒั นาภาวะผู้นาทาง วชิ าการของผู้บริหารโรงเรียนด้านดังกล่าวให้อยใู่ นระดบั มากถงึ มากทส่ี ุด เพือ่ ให้เกิดประโยชนส์ งู สดุ ในการจัดการศึกษา เพ่อื สง่ ผลถึงประสิทธิผลงานวิชาการของโรงเรียนมัธยมศกึ ษา 1.2 จากผลการวิจัยพบวา่ ภาวะผู้นาทางวชิ าการของผู้บริหารโรงเรียนทีส่ ง่ ผลตอ่ ประสิทธิผลงานวิชาการ ของโรงเรียนมธั ยมศกึ ษา ในกรุงพนมเปญ ประเทศกมั พูชา โดยรวมและรายด้านอยู่ในระดับมาก ในการบริหารงานควรมี การเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจ และเสริมทักษะการพัฒนาภาวะผู้นาทางวชิ าการของผู้บริหารโรงเรียน เพ่อื ให้ สามารถนาไปพฒั นาประสิทธิผลงานวชิ าการของโรงเรียนได้ 2. ข้อเสนอแนะสาหรบั การทาวิจัย คร้ังต่อไป 2.1 ควรนาภาวะผู้นาทางวชิ าการของผู้บริหารโรงเรียนที่สง่ ผลตอ่ ประสิทธิผลงานวิชาการของโรงเรียน ไปทาการวจิ ัยในรูปแบบการวจิ ยั เชงิ ปฏบิ ตั กิ าร เพือ่ แก้ปญั หาและพัฒนาภาวะผู้นาทางวชิ าการของผู้บริหารโรงเรียน ที่สง่ ผลตอ่ ประสิทธิผลงานวิชาการของโรงเรียนมธั ยมศกึ ษา ในกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา และเมอื งอืน่ ๆ ตอ่ ไป เอกสารอา้ งองิ กันยารัตน์ ศรีเนตร. (2559). ภาวะผู้นาทางวชิ าการของผู้บริหารสถานศกึ ษา สังกัดสานกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษา มัธยมศกึ ษา เขต 18. งานนพิ นธ์ กศ.ม. ชลบุรี: มหาวิทยาลัยบูรพา. ณัฐพงศ์ บณุ ยารมย.์ (2553). ภาวะผู้นาของผู้บริหารโรงเรียนที่สง่ ผลตอ่ ประสิทธิผลการบริหารงานวชิ าการ ของโรงเรียนทีเ่ ปิดสอนชว่ งช้ันที่ 3 – 4 สงั กัดสานกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษา ในจงั หวดั นครพนม. วารสารมหาวิทยาลัยนครพนม, 1(1), 107 - 111. นนั ทนา เทพนิ (2556). ปัจจยั ดา้ นภาวะผู้นาทางวชิ าการของผบู้ ริหารสถานศกึ ษาที่สง่ ผลตอ่ ประสิทธิผล การบริหารงานวชิ าการของโรงเรียน สังกดั สานักงานเขตพ้นื ที่การศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต 23. วทิ ยานพิ นธ์ ค.ม. สกลนคร: มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร. รุ่งฤดี อทุ มุ . (2559). ภาวะผู้นาทางวิชาการของผู้บริหารสถานศกึ ษาในโรงเรียนมธั ยมศกึ ษา สงั กัดสานักงานเขตพ้ืนที่ การศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต 32. วทิ ยานพิ นธ์ ค.ม. บุรีรมั ย์: มหาวิทยาลัยราชภฏั บรุ ีรมั ย.์ สอนนารินทร์ ปัททมุ . (2559). ปัจจยั การบริหารงานทีส่ ง่ ผลตอ่ ประสิทธิผลการบริหารงานวชิ าการในโรงเรียน สงั กดั สานักงานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต 22. วทิ ยานพิ นธ์ ค.ม. สกลนคร : มหาวทิ ยาลัยราชภฏั สกลนคร. อโนทัย ประสาน. (2555). ประสิทธิผลการบริหารงานวชิ าการโรงเรียนขยายโอกาสทางการศกึ ษา สังกดั สานักงานเขต พ้ืนทีก่ ารศึกษาประถมศึกษานครศรีธรรมราช เขต 3. วารสารบัณฑิตศกึ ษา มหาวิทยาลยั ราชภฏั สงขลา, 11(55), 36 - 43. Ministry of Youth and Sports Phnom Penh. (2017). Education Congress 2017. Phnom Penh: Ministry of Youth and Sports.

93 สภาพการปฏิบตั ิ และประสิทธิผลการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา สงั กดั สานกั งานเขตพืน้ ที่การศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต 23 States of Practice and the Effectiveness of Internal Quality Assurance in Schools under the Office of Sakon Nakhon Secondary Educational Service Area 23 พินจิ นันทเวช* ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร.สวสั ดิ์ โพธิวัฒน์** ดร.ชรินดา พิมพบตุ ร*** บทคดั ย่อ การวจิ ัยคร้ังนมี้ คี วามมุ่งหมายเพอ่ื 1) ศึกษาสภาพการปฏบิ ตั ิ และประสิทธิผลการประกันคุณภาพภายใน สถานศกึ ษา 2) เปรียบเทียบสภาพการปฏบิ ัติ และประสิทธิผลการประกนั คุณภาพภายในสถานศึกษา จาแนกตาม ขนาดโรงเรียน สหวทิ ยาเขต และระยะห่างจากสานกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษา และ 3) หาแนวทางในการพฒั นาเพือ่ ยกระดับประสิทธิผลการประกันคุณภาพภายในสถานศกึ ษา สงั กดั สานกั งานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษามัธยมศกึ ษา เขต 23 กลุ่มตัวอยา่ งทใ่ี ชใ้ นการวิจัยครง้ั น้ี คือ โรงเรียนในสังกัดสานกั งานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษามัธยมศกึ ษา เขต 23 จานวน 40 โรงเรียน เคร่อื งมือทีใ่ ชใ้ นการเกบ็ ขอ้ มูลเป็นแบบสอบถามแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดบั ค่าความเที่ยงตรง รายข้อ (IOC) อยรู่ ะหว่าง .80-1.00 ค่าความเชื่อมนั่ ของแบบสอบถามทง้ั ฉบับ เท่ากับ 0.98 และหาแนวทางการ พฒั นาเพือ่ ยกระดบั ประสิทธิผลการประกนั คุณภาพภายในสถานศึกษาโดยวิธีการสัมภาษณ์ สถิตทิ ีใ่ ช้ในการวิเคราะห์ ข้อมลู ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าคะแนนเฉลีย่ ค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐาน และทดสอบสมมุติฐานโดยใชก้ ารวเิ คราะห์ F-test (One Way ANOVA) ผลการวจิ ัย พบวา่ 1. สภาพการปฏบิ ตั ิ และประสิทธิผลการประกันคณุ ภาพภายในสถานศกึ ษา อยู่ในระดบั มาก 2. ผลการเปรียบเทียบการประกันคณุ ภาพภายในสถานศกึ ษา 2.1 สภาพการปฏบิ ตั กิ ารประกนั คุณภาพภายในสถานศกึ ษา โดยภาพรวมไม่แตกต่าง เมื่อจาแนก ตามสหวทิ ยาเขต และระยะห่างจากสานกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษาเม่อื จาแนกตามขนาดโรงเรียน แตกตา่ งกนั อย่างมี นัยสาคัญทางสถิติทีร่ ะดบั .01 2.2 ประสิทธิผลการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา โดยภาพรวมไม่แตกต่าง เมือ่ จาแนกตาม ขนาดโรงเรียน สหวทิ ยาเขต และระยะห่างจากสานักงานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษา พบวา่ ไมแ่ ตกตา่ งกนั 3. แนวทางการพัฒนาเพ่อื ยกระดบั ประสิทธิผลการประกนั คณุ ภาพภายในสถานศึกษา ผู้เชย่ี วชาญได้ เสนอแนวทางการพฒั นาแยกเปน็ รายดา้ น คือ ด้านคณุ ภาพผู้เรยี น ใชก้ ระบวนการ PLC ผู้บริหารตอ้ งมีเป้าหมายของ การพฒั นาผู้เรียน การจัดการเรียนการสอนของครูตอ้ งมีคณุ ภาพ สร้างความมงุ่ มั่น สร้างวฒุ ภิ าวะให้กบั นกั เรียน ด้านกระบวนการบริหารและการจดั การของผู้บริหารสถานศกึ ษาส่งเสริมให้ครไู ด้รบั การพัฒนาวชิ าชีพครู พัฒนา ความรู้ในการจัดการเรียนการสอน ต้องกาหนดเป้าหมาย วิธีการในการพฒั นาคณุ ภาพผู้เรียน ผู้บริหารตอ้ งกากับ ตดิ ตามตลอด สนับสนุนครปู ระเมินสมรรถนะตนเอง และทา ID-Plan ด้านกระบวนการจดั การเรียนการสอนที่เนน้ คาสาคัญ : สภาพการปฏิบัติ, ประสทิ ธิผลการประกนั คุณภาพภายในสถานศึกษา * ครศุ าสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบรหิ ารการศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร ** อาจารย์ประจาหลกั สตู รครุศาสตรมหาบัณฑิต และหลกั สตู รปรชั ญาดษุ ฎีบณั ฑิต สาขาวิชาการบรหิ ารการศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร *** ผู้อานวยการชานาญการพิเศษโรงเรียนบ้านปลวกธาตโุ สภาวิทยา สงั กดั สานักงานเขตพืน้ ที่การศึกษาประถมศึกษา สกลนคร เขต 2

94 ผู้เรียนเป็นสาคัญจัดการเรียนการสอนที่สร้างโอกาสใหผ้ ู้เรียนทุกคนมีส่วนร่วม นาเอาภูมปิ ัญญาทอ้ งถ่นิ มาเปน็ เน้ือหา นกั เรียนได้สร้างชนิ้ งานหรือนวตั กรรมทีส่ ร้างสรรค์ในการเรียนรู้ และด้านระบบประกนั คุณภาพภายในสถานศึกษา ดาเนนิ การตามหลกั เกณฑ์และแนวปฏบิ ัตขิ องการดาเนนิ การประกนั คณุ ภาพภายในสถานศกึ ษา 8 ขั้นตอน ให้ครบถ้วนสมบรู ณ์ ABSTRACT The purposes of this research were 1) to investigate states of practice and the effectiveness of internal quality assurance, 2) to compare states of practice and the effectiveness of internal quality assurance specified by school size, school campus and distance from the Office of Sakon Nakhon Secondary Educational Service Area 23, and 3) to establish the guidelines for developing the effectiveness of internal quality assurance in schools under the Office of Sakon Nakhon Secondary Educational Service Area 23. The samples were 40 schools under the Office of Sakon Nakhon Secondary Educational Service Area 23. The instrument for data collection was a set of 5-level rating scale questionnaires with a validity between .80-1.00 and a reliability of 0.980. Statistics for data analysis were mean, standard deviation, percentage, t-test (Independent Samples), F-test (One way ANOVA). The results of this research were as follows: 1. The states of practice and the effectiveness of internal quality assurance was at the high level. 2. The comparison of internal quality assurance in schools were as follows. 2.1 The states of practice internal quality assurance in schools was not different in overall. The states specified by school campus, distance from the educational office and school size were significantly different at the .01 level. 2.2 The effectiveness of internal quality assurance in schools was not different in overall. The effectiveness specified by school campus, distance from the educational office and school size were not different. 3. The guidelines for developing the effectiveness of internal quality assurance in schools by the experts indicated that 1) student quality using PLC process, administrators aim to develop student, teachers’ quality learning management, and creating intention and maturity for students 2) administrators’ management and administration were enhancing teachers to have professional development, teaching and learning development, determining goal and method to develop students, monitoring and supporting teachers to have self-assessment and ID plan 3) student center learning management creating participatory chance to students, applying local wisdom into content, students inventing creative product or innovation in learning 4) internal quality assurance system implementing 8 steps of criterions and practicing guidelines of internal quality assurance in schools. Keywords : States of Practice, Effectiveness of Internal Quality Assurance in School.

95 ภูมหิ ลงั การพฒั นาประเทศไทยในช่วงแผนพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560-2564) อยู่ในห้วงเวลาของการปฏริ ปู ประเทศเพอ่ื แกป้ ญั หาพื้นฐานหลายดา้ นที่ส่ังสมมานานท่ามกลางสถานการณโ์ ลก ทีเ่ ปลีย่ นแปลงอยา่ งรวดเร็วและเชอ่ื มโยงกันใกล้ชิดมากยิ่งข้ึน ช่วงแผนพฒั นาเศรษฐกิจและสังคมแหง่ ชาติ ฉบบั ที่ 12 นับเปน็ จังหวะเวลาทีท่ ้าทายอย่างมากที่ประเทศไทยตอ้ งปรับตัวขนานใหญ่ โดยจะตอ้ งเร่งพัฒนาวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี การวิจัยและพฒั นา และนวตั กรรมให้เปน็ ปัจจยั หลกั ในการขับเคลื่อนการพัฒนาในทกุ ด้านเพ่อื เพ่มิ ขดี ความสามารถในการแขง่ ขนั ของประเทศไทย มีข้อจากดั หลายดา้ น อาทิ คณุ ภาพคนไทยยังตา่ และมีความเหลอ่ื มล้า สงู ที่เปน็ อปุ สรรค ดังกล่าว ในทกุ ภาคส่วนตระหนกั รว่ มกนั ว่าการพัฒนาประเทศไทยตอ้ งกา้ วไปสู่การเปน็ ประเทศ ทีพ่ ัฒนาแล้ว มคี วามมน่ั คง มั่งคัง่ และย่งั ยืนในระยะยาวได้น้ัน ประเทศต้องเร่งพัฒนาปจั จยั พ้ืนฐานเชงิ ยทุ ธศาสตร์ ในทุกด้าน (สานกั งานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแหง่ ชาติ, 2559, หนา้ 1) ภายใตแ้ ผนพฒั นาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบบั ที่ 12 ยทุ ธศาสตร์ที่ 1 ทีม่ ุ่งเนน้ ในการเสริมสร้างและ พัฒนาศกั ยภาพทนุ มนษุ ย์ โดยมีแนวทางการพฒั นาเพือ่ ยกระดบั คุณภาพการศึกษา การพัฒนาทกั ษะและการเรียนรู้ ตลอดชีวิต เชื่อมโยงกับพัฒนาการและผลสมั ฤทธิข์ องผู้เรียน สร้างเครอื ขา่ ยแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในการจดั การเรียน การสอนที่สามารถวดั และประเมินผลคุณภาพผู้เรียน ทง้ั ด้านทกั ษะความรู้ และสมรรถนะ รวมท้ังสง่ เสริมให้มีระบบ การจดั การความรู้ที่เป็นภูมปิ ัญญาทอ้ งถ่นิ (สานักงานคณะกรรมการพฒั นาการเศรษฐกิจและสังคมแหง่ ชาติ, 2559, หนา้ 69-70) และการทีจ่ ะใหใ้ หส้ งั คมไทยมคี ่านยิ มตามบรรทดั ฐานทีด่ ที างสังคม และมีทักษะการดารงชีวิตในโลก ศตวรรษที่ 21 กระทรวงศึกษาธิการมภี ารกิจด้านการศึกษา เพ่อื จัดทาแผนพัฒนาการศึกษาของกระทรวงศึกษาธกิ าร ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560-2564) โดยสอดคลอ้ งกบั นโยบายรฐั มนตรีว่าการระทรวงศึกษาธกิ าร ทต่ี อ้ งการยกระดับ คุณภาพการศึกษาท่ดี ีข้นึ มีประสิทธิภาพ ประสิทธิผลและลดความเหล่อื มล้าอยา่ งทัว่ ถึง ผลิตและพฒั นากาลงั คน ให้สอดคลอ้ งกับความตอ้ งการและรองรบั การพัฒนาประเทศ (สานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธกิ าร, 2559, หนา้ 15) เพอ่ื ให้แผนพฒั นาการศึกษามคี ณุ ภาพในระดบั สถานศกึ ษา พระราชบัญญัติการศกึ ษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2542 แก้ไขเพม่ิ เตมิ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 และ (ฉบบั ที่ 3) พ.ศ. 2553 มาตรา 9 (3) มีการกาหนดมาตรฐานการศึกษา และจัดระบบประกนั คณุ ภาพการศกึ ษาทุกระดบั และ ประเภทการศึกษา (พรบ.การศึกษาแห่งชาติ, 2553) ซึ่งการประกันคณุ ภาพภายในสถานศกึ ษาเปน็ กระบวนการที่สร้างความมัน่ ใจแก่ทุกฝ่ายว่าการจดั การศกึ ษาทกุ ระดับ มคี ณุ ภาพและจะคงรกั ษาไวซ้ ึง่ มาตรฐาน (สานักทดสอบทางการศึกษา, 2559, หนา้ ก) การประกนั คณุ ภาพการศึกษา เป็นกลไกสาคญั ประการหนง่ึ ทส่ี ามารถขับเคลื่อน การพฒั นาคณุ ภาพการศึกษา ให้ดาเนินไปอย่างตอ่ เน่อื ง ปฏบิ ตั งิ านได้อย่างเปน็ ระบบ มีคณุ ภาพตามมาตรฐาน เพ่อื ให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้อยา่ งมี คณุ ภาพตามทีค่ าดหวงั กระบวนการประกันคณุ ภาพการศึกษา จึงเปน็ เครอ่ื งมือทีม่ ีความสาคญั อย่างยิ่งในการจัด การศึกษาในปจั จบุ นั และต้องดาเนินการอย่างตอ่ เน่อื ง (สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพนื้ ฐาน, 2556, หนา้ 1-3 อา้ งถึงใน วาลิช ลีทา, 2559, หนา้ 1-2) จากทก่ี ล่าวมาข้างต้น ผู้วิจยั เชอ่ื ว่าสถานศกึ ษาทีม่ ีประสิทธิผลการประกนั คณุ ภาพภายในสถานศกึ ษาที่ดี ตามที่ได้วางแผนการดาเนนิ งาน กาหนดวตั ถุประสงค์ ลงมือปฏบิ ัติ ติดตามตรวจสอบ แก้ไขข้อผิดพลาด และมีการ สรุปผลวา่ มีการดาเนินงานบรรลุตามวตั ถุประสงค์ จะชว่ ยให้กระบวนการบริหารและการจดั การของผู้บริหาร กระบวนการจัดการเรียนการสอนที่เนน้ ผู้เรียนเป็นสาคญั รวมถึงคุณภาพผู้เรียนเกิดประสิทธิผลอย่างสูง เปน็ การ สร้างความเชอ่ื มนั่ ให้ประเทศชาติ ผู้วิจัยจึงมคี วามสนใจทจ่ี ะศกึ ษาเกย่ี วกบั สภาพการปฏบิ ตั ิ และประสิทธิผลการ ประกนั คุณภาพภายในสถานศกึ ษา สงั กัดสานักงานเขตพืน้ ทีก่ ารศกึ ษามัธยมศกึ ษา เขต 23 จาแนกตามขนาดโรงเรียน สหวทิ ยาเขต และระยะห่างจากสานักงานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต 23

96 คาถามการวิจัย 1. สภาพการปฏบิ ัติ และประสิทธิผลการประกันคณุ ภาพภายในสถานศกึ ษา เป็นอยา่ งไร 2. สภาพการปฏบิ ัติ และประสิทธิผลการประกนั คณุ ภาพภายในสถานศึกษา มคี วามแตกตา่ งกนั หรือไม่ เมอ่ื จาแนกตามขนาดโรงเรียน สหวทิ ยาเขต และระยะห่างจากสานกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษามัธยมศกึ ษา เขต 23 3. มีแนวทางในการพฒั นาเพอ่ื ยกระดับประสิทธิผลการประกนั คณุ ภาพภายในสถานศกึ ษา สังกดั สานกั งาน เขตพ้นื ทีก่ ารศึกษามัธยมศกึ ษา เขต 23 อย่างไรบ้าง ความม่งุ หมายของการวิจัย 1. เพ่อื ศึกษาสภาพการปฏบิ ัติ และประสิทธิผลการประกนั คุณภาพภายในสถานศึกษา 2. เพอ่ื เปรียบเทียบสภาพการปฏบิ ตั ิ และประสิทธิผลการประกนั คณุ ภาพภายในสถานศกึ ษา จาแนกตาม ขนาดโรงเรียน สหวทิ ยาเขต และระยะห่างจากสานักงานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษามัธยมศกึ ษา เขต 23 3. เพ่อื หาแนวทางในการพฒั นาเพ่อื ยกระดับประสิทธิผลการประกนั คุณภาพภายในสถานศึกษา สังกัดสานักงานเขตพ้นื ที่การศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต 23 กรอบแนวคดิ การวิจยั ตวั แปรอสิ ระ ตวั แปรตาม สภาพการปฏบิ ัติ และประสิทธิผลการประกัน ขนาดโรงเรียน คณุ ภาพภายในสถานศกึ ษา ประกอบด้วย 4 ด้าน ดังนี้ 1. โรงเรียนขนาดเลก็ (จานวนนักเรียนไม่เกิน 499) 1. คณุ ภาพผู้เรียน 2. กระบวนการบริหารและการจัดการของ 2. โรงเรียนขนาดกลาง (จานวนนกั เรียน 500 – 1499 คน) ผู้บริหารสถานศกึ ษา 3. กระบวนการจัดการเรียนการสอนที่เนน้ 3. โรงเรียนขนาดใหญ่ (จานวนนกั เรียน 1,500 คนขนึ้ ไป) ผู้เรียนเป็นสาคัญ 4. ระบบประกันคณุ ภาพภายในสถานศึกษา สหวิทยาเขต แนวทางในการพฒั นาเพือ่ ยกระดบั ประสิทธิผล 1. สกลราช 2. ปญั จวิทย์ การประกนั คุณภาพภายในสถานศึกษา สังกัดสานกั งานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษามธั ยมศกึ ษา 3. เบญจพัฒน์ 4. ดารงธรรม เขต 23 5. ลุ่มนา้ อูน 6. สวา่ งศกึ ษา 7. ลุ่มนา้ ยาม 8. แมน่ า้ สงคราม ระยะหา่ งจากสานักงานเขตพนื้ ที่ 1. ระยะห่างนอ้ ยกว่า 50 กโิ ลเมตร 2. ระยะห่าง 50 – 80 กิโลเมตร 3. ระยะห่างมากกว่า 80 กิโลเมตร ภาพประกอบ 1 กรอบแนวคิดการวิจัย

97 วิธีดาเนนิ การวิจยั ประชากรและกลมุ่ ตัวอยา่ ง 1. ประชากร ได้แก่ โรงเรียนมัธยมศึกษา สังกัดสานักงานเขตพ้นื ที่การศึกษามัธยมศกึ ษา เขต 23 จาแนกเป็นโรงเรียนขนาดใหญ่ จานวน 9 โรงเรียน โรงเรียนขนาดกลาง จานวน 19 โรงเรียน โรงเรียนขนาดเลก็ จานวน 17 โรงเรียน มีทั้งหมดจานวน 45 โรงเรียน 2. กลุ่มตวั อยา่ ง ได้แก่ โรงเรียนมธั ยมศกึ ษา 40 โรงเรียน สงั กดั สานกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษามัธยมศกึ ษา เขต 23 โดยใชต้ ารางของ Krejcie and Morgan (บุญชม ศรีสะอาด, หนา้ 43) และใชว้ ธิ ีการสุ่มแบบหลายขน้ั ตอน (Multi-Stage Random Sampling) จาแนกเป็นโรงเรียนขนาดใหญ่ จานวน 8 โรงเรียน โรงเรียนขนาดกลาง จานวน 17 โรงเรียน โรงเรียนขนาดเลก็ จานวน 15 โรงเรียน และกาหนดผู้ให้ขอ้ มลู ในหน่วยตัวอยา่ ง (โรงเรียน) คือ ผู้บริหาร สถานศกึ ษาและขา้ ราชการครู โดยโรงเรียนขนาดเลก็ ใชส้ ดั สว่ น 1 : 4 โรงเรียนขนาดกลางใชส้ ดั ส่วน 2 : 8 และโรงเรียนขนาดใหญใ่ ชส้ ัดสว่ น 3 : 12 ผู้ให้ขอ้ มลู รวมท้ังส้นิ 365 คน เครือ่ งมอื ทใี่ ชใ้ นการเกบ็ รวบรวมข้อมลู เคร่อื งมือทีใ่ ช้ในการรวบรวมขอ้ มลู เปน็ แบบสอบถาม ซึ่งผู้วิจยั สร้างขนึ้ แบ่งออกเปน็ 3 ตอน ตอนที่ 1 เป็นขอ้ มลู เกีย่ วกบั โรงเรียน ได้แก่ ขนาดโรงเรียน สหวทิ ยาเขต และระยะห่างจากสานกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษา มธั ยมศกึ ษา เขต 23 ตอนที่ 2 เป็นแบบสารวจรายการ (Check List) แบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดบั ค่าความ เทีย่ งตรงรายข้อ (IOC) อยรู่ ะหว่าง .80-1.00 คา่ ความเชือ่ ม่ันของแบบสอบถามทงั้ ฉบับ เท่ากบั 0.980 ตอนที่ 3 เปน็ ขอ้ มูลเกี่ยวกบั ปัญหาและข้อเสนอแนะ การเก็บรวบรวมขอ้ มูล ผู้วิจัยเสนอคารอ้ งต่อผู้อานวยการบัณฑิตวทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลัยราชภัฏสกลนคร ให้ทาหนงั สอื ขอความ อนุเคราะห์ในการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู จากผู้อานวยการโรงเรียน สังกดั สานกั งานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษามัธยมศกึ ษา เขต 23 เพอ่ื ขอความอนุเคราะห์ในการเก็บรวบรวมขอ้ มูล และจดั สง่ แบบสอบถามจานวน 365 ฉบับ ไปยังโรงเรียนที่มีกลมุ่ ตวั อยา่ ง และหลงั จากกลุ่มตัวอยา่ งตอบแบบสอบถามแล้ว ผู้วิจยั ไปรบั แบบสอบถามด้วยตนเอง สถิตทิ ใี่ ชใ้ นการวิเคราะหข์ อ้ มลู ค่าเฉลี่ย (Mean) คา่ เบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) ค่าร้อยละ (Percentage) การวิเคราะห์ ความแปรปรวนทางเดียว F-test (One way ANOVA) ทดสอบความแตกต่างเปน็ รายคู่โดยวธิ ีของเชฟเฟ่ (Seheffe) สรุปผลการวิจยั ในการวิจยั ครั้งนี้ ผู้วิจยั ไดส้ รปุ ผลการวจิ ยั ดังนี้ 1. สภาพการปฏบิ ตั ิ และประสิทธิผลการประกันคณุ ภาพภายในสถานศกึ ษา อยู่ในระดบั มาก 2. ผลการเปรียบเทียบการประกนั คณุ ภาพภายในสถานศกึ ษา เม่อื จาแนกตามตวั แปรตา่ งๆ 2.1 สภาพการปฏบิ ตั กิ ารประกันคุณภาพภายในสถานศกึ ษา โดยภาพรวมไม่แตกต่าง จาแนกตาม สหวทิ ยาเขต และระยะห่างจากสานกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษา เมอ่ื จาแนกตามขนาดโรงเรียน แตกตา่ งกนั อย่างมี นัยสาคญั ทางสถิติทีร่ ะดับ .01

98 2.2 ประสิทธิผลการประกนั คุณภาพภายในสถานศึกษา โดยภาพรวมไม่แตกต่าง เมือ่ จาแนกตาม ขนาดโรงเรียน สหวทิ ยาเขต และระยะห่างจากสานักงานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษา 3. แนวทางการพัฒนาเพ่อื ยกระดับประสิทธิผลการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา ได้แก่ ด้านคุณภาพผู้เรียน บุคลากรในสถานศกึ ษา ควรศกึ ษามาตรฐานและตัวช้วี ัดกลุ่มสาระการเรียนรู้ ชน้ั ต่างๆ ให้ละเอียด เข้าใจ ใชก้ ระบวนการ PLC ส่งเสริมและสนบั สนุนให้ครูจดั กิจกรรมการเรียนรู้ดว้ ยโครงงาน เพ่อื ให้ผู้เรียน ไดฝ้ ึกทักษะ กระบวนการด้านการคิดวเิ คราะห์ และครคู วรทาวิจัยในช้ันเรียน มีการสะท้อนผล ควรมรี ะบบนเิ ทศ กากับ ติดตาม และรายงานผลการดาเนนิ การ เพอ่ื นามาปรบั ปรุงการพฒั นาคณุ ภาพและการยกระดบั ผลสมั ฤทธิท์ างวิชาการของ ผู้เรียน ส่วนดา้ นกระบวนการบริหารและการจดั การของผู้บริหารสถานศกึ ษา ผู้บริหารใชก้ ระบวนการ PLC เพอ่ื ให้เกิด ความร่วมมอื จากครูและบุคลากรร่วมกนั วางแผนการพฒั นา สนับสนนุ ส่งเสริมให้ครูได้รบั การพฒั นาวชิ าชีพครู ผู้บริหารตอ้ งกากับติดตามตลอด และต้องมเี ป้าหมายในการจดั การศึกษาทา ID-Plan มรี ะบบการนิเทศทีช่ ดั เจน และตอ่ เนอ่ื ง ตอ้ งมีการสร้างวัฒนธรรมการใชข้ ้อมลู ให้เกิดข้ึนในโรงเรียน นาข้อมูลภาพรวมของผู้เรียนมาวเิ คราะห์ และตรวจสอบ เพื่อการพฒั นาคณุ ภาพครูและบคุ ลากรทางการศึกษา คุณภาพนกั เรียนและคุณภาพการจดั การศึกษา อย่างไรก็ตามดา้ นกระบวนการจดั การเรียนการสอนทีเ่ นน้ ผู้เรียนเปน็ สาคญั ต้องศกึ ษาบริบทของโรงเรียน วิเคราะห์ มาตรฐาน สาระการเรียนรู้เพอ่ื เช่อื มโยงกับผู้มปิ ัญญาทอ้ งถ่นิ พฒั นาการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ทีเ่ นน้ ผู้เรียนเป็นสาคญั จัดการเรียนการสอนทีส่ ร้างโอกาสให้ผู้เรียนทกุ คนมีส่วนร่วม โดยนาเอาภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถน่ิ มาเปน็ เน้ือหา อกี ทง้ั ในการจดั การเรียนรู้ ควรมที ้ังภาคหลกั การ ทฤษฎี และภาคปฏบิ ตั ิ อีกทั้งโรงเรียนตอ้ งให้การสนับสนนุ วัสดุ อปุ กรณ์ ให้พร้อมตอ่ การจดั การเรียนการสอน และสร้างอตั ลกั ษณข์ องโรงเรียนจากบริบทท้องถิน่ ตอ้ งมีการให้ นักเรียนได้สร้างชนิ้ งานหรือนวัตกรรมทีส่ ร้างสรรค์ในการเรียนรู้ และสุดทา้ ยดา้ นระบบประกันคณุ ภาพภายใน สถานศกึ ษา ต้องมกี ารจัดการประกันคุณภาพภายในสถานศกึ ษา ดังน้ี จดั ระบบบริหารข้อมูลสาระสนเทศ จัดระบบ มาตรฐานการศึกษาในโรงเรียน จัดทาแผนพัฒนาคณุ ภาพการศกึ ษา ดาเนินการตามแผนพัฒนาคณุ ภาพการศึกษา ตรวจสอบและทบทวนคณุ ภาพการศึกษา ประเมินคณุ ภาพการศกึ ษา รายงานคณุ ภาพการศึกษา และสดุ ท้าย คือการผดงุ คณุ ภาพการศึกษาให้มคี ณุ ภาพ อภปิ รายผลการวิจยั 1. สภาพการปฏบิ ตั ิ และประสิทธิผลการประกนั คณุ ภาพภายในสถานศกึ ษา 1.1 สภาพการปฏบิ ัตกิ ารประกันคณุ ภาพภายในสถานศกึ ษา โดยภาพรวมอยใู่ นระดบั มาก ซึง่ สอดคลอ้ ง กับสมมตฐิ านในการวิจยั ทีก่ าหนดไว้ เม่อื พิจารณาเป็นรายดา้ นพบวา่ มีสภาพการปฏบิ ตั อิ ยู่ในระดบั มากทกุ ด้าน ท้ังนี้ อาจมีสาเหตุมาจากแผนพัฒนาการศึกษาของกระทรวงศึกษาธกิ าร ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560-2564) (สานักงาน ปลดั กระทรวงศึกษาธกิ าร, 2559, หนา้ 1) ทม่ี เี ป้าประสงค์ตามประเดน็ ยทุ ธศาสตร์ ได้แก่ 1) หนว่ ยงานมรี ะบบบริหาร จดั การที่มีประสิทธิภาพ 2) ผู้รับบริการมีและใชร้ ะบบเทคโนโลยดี ิจิทลั ที่มีประสิทธิภาพในการบริหาร การบริการ และการเรียนรู้ 3) ผู้เรียนได้รบั การศึกษาท่มี คี ุณภาพ 4) ผู้เรียนได้รับโอกาสทางการศึกษาอย่างทวั่ ถึงและเท่าเทียม 5) ข้าราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษามคี วามก้าวหนา้ ในวชิ าชีพมศี ักยภาพในการปฏบิ ตั งิ านและการจดั การศึกษาทม่ี คี ณุ ภาพ (สานักงานปลดั กระทรวงศึกษาธกิ าร, 2559, หนา้ 45) ส่งผลให้สภาพการปฏบิ ัตอิ ยู่ในระดบั มาก ซึ่งสอดคล้องกบั งานวิจยั ของ มานพ แจ้งพลอย (2556, บทคดั ยอ่ ) ได้ทาการวจิ ัย เรือ่ ง การศึกษาสภาพการ ดาเนนิ งานประกนั คุณภาพภายในสถานศึกษา สงั กดั สานักงานเขตพ้นื ที่การศึกษาประถมศึกษาจนั ทบรุ ี ผลการวจิ ัย พบวา่ สภาพการดาเนนิ งานประกนั คุณภาพภายในสถานศึกษา สงั กดั สานักงานเขตพ้นื ที่การศึกษาประถมศึกษา โดยภาพรวมอยใู่ นระดบั มาก

99 1.2 ประสิทธิผลการประกนั คณุ ภาพภายในสถานศึกษา โดยภาพรวมอยใู่ นระดบั มาก ซึ่งสอดคล้องกับ สมมติฐานในการวิจัยที่กาหนดไว้ ทง้ั น้อี าจมสี าเหตมุ าจากการประกนั คุณภาพการศึกษาทม่ี กี ารพัฒนาคุณภาพ การศึกษาให้ดาเนินไปอย่างตอ่ เน่อื ง ปฏบิ ัตงิ านได้อย่างเปน็ ระบบ มีคณุ ภาพตามมาตรฐาน ผู้ทจี่ บการศึกษามีคุณภาพ ตามทีม่ ุ่งหวงั ผู้ปกครอง ชุมชน และองคก์ ร/ สถานประกอบการที่รับชว่ ง ผู้จบการศึกษาเขา้ ศกึ ษาต่อหรือรบั เข้า ทางาน มคี วามมัน่ ใจว่าการจัดการศึกษาของสถานศึกษา แตล่ ะแห่งมคี ณุ ภาพได้มาตรฐาน แมจ้ ะไมเ่ ท่ากนั แตก่ ็แตกต่างกนั ไมม่ ากนกั นักเรียนทีจ่ บการศึกษา จากสถานศกึ ษาทกุ แห่งมคี วามรู้ความสามารถ มีทกั ษะและมี คุณลักษณะทีพ่ ึงประสงค์ตามทหี่ ลักสูตรสถานศกึ ษากาหนด เพ่อื ให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้อยา่ งมคี ณุ ภาพตามที่ คาดหวงั (สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพนื้ ฐาน, 2556, หนา้ 1-3 อ้างถึงใน วาลิช ลที า, 2559, หนา้ 1-2) ซี่งไมส่ อดคล้องกับงานวิจัยของ อทุ ัยวรรณ โมธรรม (2552, บทคดั ยอ่ ) ทท่ี าการวจิ ัย เรือ่ ง ความสัมพนั ธ์ระหว่างการ ดาเนนิ งานกับประสิทธิผลการประกนั คุณภาพ ภายในสถานศึกษาในโรงเรียนที่เปิดสอนช่วงชนั้ ที่ 1-3 สังกัดสานักงาน เขตพ้นื ทีก่ ารศึกษานครพนม ผลการวิจัยพบวา่ ประสิทธิผลการประกันคุณภาพการศึกษาภายในสถานศึกษา โดยรวม อยู่ในระดับปานกลาง 2. การเปรียบเทียบสภาพการปฏบิ ตั ิ และประสิทธิผลการประกนั คุณภาพภายในสถานศกึ ษา เมอ่ื จาแนกตาม ขนาดโรงเรียน ผลการวจิ ยั พบวา่ 2.1 สภาพการปฏบิ ัตกิ ารประกนั คณุ ภาพภายในสถานศกึ ษา เมอ่ื จาแนกตามขนาดโรงเรียน พบวา่ โดย ภาพรวมไมแ่ ตกตา่ งกนั ซึ่งไมส่ อดคลอ้ งกับสมมติฐานการวิจยั ทีไ่ ด้กาหนดไว้ ทง้ั น้ีอาจมสี าเหตมุ าจากโรงเรียนขนาด ตา่ งๆ มีการวางแผนในการประกันคณุ ภาพภายในสถานศกึ ษา ได้จัดทาแผนปฏบิ ตั กิ ารประจาปีไว้ รวมถึงการให้ ความรู้ ข้อมลู ข่าวสารจากสานกั งานเขตพ้ืนที่ ที่เปน็ หน่วยงานต้นสังกดั ทาให้สภาพการปฏบิ ตั กิ ารประกนั คุณภาพ ภายในสถานศึกษาไมแ่ ตกตา่ งกนั ตามขนาดโรงเรียน ซึง่ ไมส่ อดคล้องกบั งานวิจยั ของ มานพ แจ้งพลอย (2556, บทคัดยอ่ ) ได้ทาการวจิ ัย เรือ่ ง การศึกษาสภาพการดาเนนิ งานประกันคุณภาพภายในสถานศกึ ษา ผลการวิจยั พบวา่ สถานศกึ ษาขนาดกลางและขนาดใหญ่ มีสภาพการดาเนนิ งานประกันคณุ ภาพภายในสถานศกึ ษาแตกต่างกัน 2.2 ประสิทธิผลการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา เมอ่ื จาแนกตามขนาดโรงเรียน พบวา่ โดย ภาพรวมไมแ่ ตกตา่ งกนั ซึง่ ไมส่ อดคลอ้ งกบั สมมติฐานการวิจัยที่ได้กาหนดไว้ ทง้ั น้ีอาจเน่อื งมาจากการวางแผนทเ่ี ป็น ระบบ โดยมีกระบวนการกาหนดมาตรฐานการศึกษาท่ชี ดั เจน จดั ทาแผนพฒั นาการจัดการศึกษาแผนปฏบิ ัตกิ าร ประจาปี รวมถึงระบบการบริหารของผู้บริหารสถานศกึ ษาและการปฏบิ ตั หิ นา้ ท่ขี องครู เพือ่ ให้การประเมินคุณภาพ ภายในเปน็ ไปตามมาตรฐานการศกึ ษา ซึง่ สอดคล้องกับงานวิจัยของ อุทัยวรรณ โมธรรม (2552, บทคัดยอ่ ) ทีท่ าการ วจิ ยั เรื่อง ความสมั พนั ธ์ระหว่างการดาเนนิ งานกับประสิทธิผลการประกนั คณุ ภาพ ภายในสถานศึกษาในโรงเรียน ทีเ่ ปิดสอนช่วงช้ันที่ 1-3 สงั กดั สานกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษานครพนม ผลการวจิ ัยพบวา่ ประสิทธิผลการดาเนนิ งาน การประกนั คณุ ภาพการศึกษาภายในสถานศึกษาทม่ี ขี นาดตา่ งกนั พบวา่ ไมแ่ ตกตา่ งกัน 3. เปรียบเทียบสภาพการปฏบิ ัติ และประสิทธิผลการประกันคณุ ภาพภายในสถานศกึ ษา เมื่อจาแนกตาม สหวทิ ยาเขต ผลการวจิ ยั พบวา่ 3.1 สภาพการปฏบิ ัตกิ ารประกนั คุณภาพภายในสถานศกึ ษา เม่อื จาแนกตามสหวทิ ยาเขต พบวา่ โดยภาพรวมไม่แตกต่างกัน ซึง่ ไมส่ อดคล้องกับสมมติฐานการวิจัยที่ได้กาหนดไว้ ทง้ั น้ีอาจเป็นผลมาจากการกระจาย อานาจจากส่วนกลาง คือ สานกั งานเขตพ้ืนทีก่ ารศึกษา โดยมสี หวทิ ยาเขตเปน็ ตวั กลางระหวา่ งโรงเรียนกับสานักงาน เขตพ้นื ทีก่ ารศึกษา เพอ่ื รับทราบขอ้ มลู ข่าวสารด้านการประกนั คุณภาพภายในสถานศกึ ษา ทาให้แต่ละสหวิทยาเขต มสี ภาพการปฏบิ ตั กิ ารประกันคณุ ภาพทีไ่ ม่แตกต่างกัน ซึ่งไมส่ อดคล้องกบั งานวิจัยของ บญุ ยวรี ์ พัฒนธนกิตตโิ ชค (2559, บทคัดยอ่ ) ท่ไี ด้ทาการวจิ ยั เรื่อง สภาพการบริหารงบประมาณของสถานศกึ ษาในสหวทิ ยาเขตเมอื งบุรีรมั ย์

100 สังกัดสานกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษามัธยมศกึ ษา เขต 32 ผลการวจิ ัยพบวา่ สภาพการบริหารงบประมาณของ สถานศกึ ษาในสหวทิ ยาเขตเมอื งบุรีรัมย์ สงั กัดสานักงานเขตพน้ื ทีก่ ารศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต 32 โดยรวมแตกต่าง 3.2 ประสิทธิผลการประกนั คุณภาพภายในสถานศึกษา เมอ่ื จาแนกตามสหวทิ ยาเขต พบวา่ โดยภาพรวม ไมแ่ ตกตา่ งกนั ซึ่งไมส่ อดคล้องกบั สมมตฐิ านการวิจยั ที่ไดก้ าหนดไว้ ท้ังนีอ้ าจเนือ่ งมาจากการทีโ่ รงเรียนในสงั กดั สานกั งานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษามัธยมศกึ ษา เขต 23 ได้รับการประชาสัมพนั ธ์อยา่ งทวั่ ถึง รบั ทราบถึงข้อมูลการประกัน คณุ ภาพภายในสถานศกึ ษา ทง้ั ในเรื่องของมาตรฐานการประกันคุณภาพภายในสถานศกึ ษาข้ันพน้ื ฐาน และแนวทาง ในการประกันคณุ ภาพภายใน ทม่ี กี ารนาสกู่ ารปฏบิ ตั อิ ย่างชดั เจน มีการนิเทศ ตดิ ตาม ตรวจสอบ เก็บข้อมูลการ ประกันคุณภาพภายในสถานศกึ ษาของแตล่ ะปี ซึง่ เปน็ ผลดีกับแตล่ ะโรงเรียน ทาให้ประสิทธิผลการประกนั คณุ ภาพ ภายในสถานศึกษาของแตล่ ะสหวทิ ยาเขตโดยรวมไม่แตกต่างกัน 4. เปรียบเทียบสภาพการปฏบิ ัติ และประสิทธิผลการประกนั คณุ ภาพภายในสถานศกึ ษา เมื่อจาแนกตาม ระยะห่างจากสานักงานเขตพ้นื ที่การศึกษา 4.1 สภาพการปฏบิ ตั กิ ารประกนั คณุ ภาพภายในสถานศกึ ษา เมือ่ จาแนกตามระยะหา่ งจากสานักงานเขต พ้ืนที่การศึกษา พบวา่ โดยภาพรวมไม่แตกต่างกนั ซึ่งไมส่ อดคลอ้ งกบั สมมติฐานการวจิ ัยที่ไดก้ าหนดไว้ ทั้งนีอ้ าจ เน่อื งมาจากปจั จุบันมีการติดต่อสอ่ื สารทีง่ า่ ยขนึ้ และไรพ้ รมแดน เช่น การใชอ้ นิ เตอร์เนต็ และสือ่ สงั คมออนไลน์ ทาให้ ระยะทางไม่มปี ญั หาต่อการตดิ ตอ่ สอ่ื สารเหมอื นในอดีต ท่จี าเป็นจะต้องใช้บริการของไปรษณีย์ เพราะปัจจบุ นั มีการส่ง จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ เทคโนโลยที ี่ทนั สมัยทาให้เกิดผลสาเร็จของการดาเนนิ งานตามมาตรฐานการศึกษาขั้นพนื้ ฐาน ทาให้สภาพการปฏบิ ตั กิ ารประกันคุณภาพการศึกษาไมแ่ ตกตา่ งกันตามระยะห่างจากสานกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษา 4.2 ประสิทธิผลการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา เมอ่ื จาแนกตามระยะห่างจากสานกั งานเขตพ้นื ที่ การศึกษา พบวา่ โดยภาพรวมไมแ่ ตกตา่ งกัน ซึง่ ไมส่ อดคล้องกบั สมมติฐานการวจิ ัยที่ได้กาหนดไว้ อาจเปน็ ผลมาจาก โรงเรียนมกี ารวางแผนการประกนั คุณภาพ การนาสู่การปฏบิ ตั ิ และมีการประเมินผลทกุ ปตี ามแผนการปฏบิ ัตงิ าน ประจาปี และนาผลการประกันคณุ ภาพภายในมาปรับปรงุ พัฒนาเพ่อื ให้การประกนั คณุ ภาพมปี ระสิทธิผลสงู ยง่ิ ขน้ ซึ่ง สอดคล้องกับ ชาญณรงค์ พรรุ่งโรจน์ (สมั ภาษณ,์ 19 กมุ ภาพนั ธ์ 2559) กล่าวว่า โรงเรียนระดับขนั้ พืน้ ฐาน ขนาดเล็ก แมว้ า่ บางโรงเรียนอยใู่ นพืน้ ทีห่ า่ งไกล หากมีการนาผลการประเมินมาใชใ้ นการปรบั ปรุง พฒั นา และดาเนนิ การประกนั คุณภาพ โดยมฐี านขอ้ มูลในการจดั เก็บให้เป็นระบบและตอ่ เน่อื ง ก็จะส่งผลให้การยกระดบั คณุ ภาพสถานศกึ ษาสงู ข้นึ ทาให้ประสิทธิผลการประกนั คณุ ภาพภายในสถานศกึ ษาไม่แตกต่างกันตามระยะหา่ งจากสานกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษา 5. แนวทางการพฒั นาเพอ่ื ยกระดบั ประสิทธิผลการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา สังกัดสานักงานเขต พ้ืนทีก่ ารศึกษามัธยมศกึ ษา เขต 23 5.1 แนวทางการพัฒนาเพ่อื ยกระดับประสิทธิผลการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา ด้านคณุ ภาพ ผู้เรียน พบวา่ บุคลากรในสถานศกึ ษา ควรศกึ ษามาตรฐานและตัวชวี้ ัดกลุ่มสาระการเรียนรู้ชั้นตา่ งๆ ให้ละเอียดเข้าใจ ทีส่ าคญั คือการใชก้ ระบวนการ PLC ผู้บริหารตอ้ งมีเป้าหมายของการพฒั นาผู้เรียน ส่งเสริมและสนบั สนุนให้ครูจดั กิจกรรมการเรียนรู้ดว้ ยโครงงาน เพือ่ ให้ผู้เรียนได้ฝึกทักษะกระบวนการด้านการคิดวเิ คราะห์ ครูออกแบบการเรียนรู้ ให้ผู้เรียนได้แลกเปลีย่ นเรียนรู้ระหวา่ งกนั ทาให้ผู้เรียนกล้าแสดงออก ตอ้ งมีการสร้างความมงุ่ มน่ั สร้างวุฒิภาวะใหก้ บั เด็กมากขึ้น วรทาวิจัยในช้ันเรียน การพัฒนาด้านคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ มีการสะท้อนผลเพอ่ื ที่ครจู ะได้พฒั นา การเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งข้นึ สอนซ่อมเสริม จัดทาวจิ ยั ในชน้ั เรียน เพ่ือแกป้ ัญหานกั เรียนทีเ่ รียนอ่อน ประเมินผลตามสภาพจรงิ สรปุ การประเมินผลเพ่อื ปรับปรงุ พัฒนาอย่างตอ่ เนอ่ื ง ควรมรี ะบบนิเทศ กากับ ติดตาม และรายงานผลการดาเนนิ การซงึ่ สอดคล้องกบั งานวิจยั ของ สรุ พล พมิ พส์ อน (2557, หนา้ 67) วา่ นโยบายดา้ นการ นเิ ทศ กากบั และติดตามการ พฒั นาคณุ ภาพการศึกษาของสานักงานเขตพ้นื ที่ การศึกษาทาให้ผู้เรียนมี คณุ ภาพดขี นึ้ อยใู่ นระดบั มาก เพอ่ื นาผลมาปรับปรงุ การพัฒนาและการยกระดบั ผลสมั ฤทธิท์ างวิชาการของผู้เรียน

101 5.2 แนวทางการพัฒนาเพ่อื ยกระดบั ประสิทธิผลการประกันคุณภาพภายในสถานศกึ ษาด้านกระบวนการ บริหารและการจัดการของผู้บรหิ ารสถานศกึ ษา พบวา่ ผู้บริหารใชก้ ระบวนการ PLC เพ่อื ให้เกดิ ความร่วมมอื จากครู และบุคลากร ในการศึกษาวิเคราะห์ปัญหา หาแนวทางพฒั นา ดาเนนิ การพฒั นา เรียนรู้แลกเปลีย่ นแนวการ ดาเนนิ งาน สนับสนนุ ส่งเสริมให้ครูได้รบั การพฒั นาวชิ าชีพครู ความรู้ในการจัดการเรียนการสอน ต้องกาหนด เป้าหมาย วิธีการในการพัฒนาคณุ ภาพผู้เรียน ผู้บริหารตอ้ งกากับติดตามตลอด โดยใชว้ ธิ ีการทีห่ ลายหลาย ให้เหมาะ กับคนและคุณภาพงานเปน็ สาคญั ทา ID-Plan โรงเรียนจัดทาแผนพัฒนาบคุ ลากร โดยเนน้ พฒั นาครูผู้สอนเปน็ หลัก มรี ะบบการนเิ ทศที่ชัดเจนและตอ่ เน่อื ง ผู้บริหารควรตอ้ งรู้ถึงบริบทของโรงเรียน ตอ้ งมีการร่วมมอื จากบุคลากรทุกฝ่าย ตอ้ งมีการสร้างวัฒนธรรมการใชข้ ้อมลู ของผู้เรียนให้เกิดข้ึนในโรงเรียน โดยนามาวิเคราะห์ และตรวจสอบเพอ่ื ผู้บริหาร จะได้สนบั สนนุ ส่งเสริมและชว่ ยเหลอื ครูในการพฒั นาคุณภาพผเู้ รียนอยา่ งต่อเนอ่ื ง ให้ทุกคนในองค์กรมสี ่วนร่วม เปิดโอกาสให้ชมุ ชนมสี ่วนร่วมในการจดั การศึกษา ในรปู แบบภาคีเครอื ขา่ ย จัดการนิเทศ ตดิ ตามงานตามสายงาน อย่างสมา่ เสมอ ซึ่งสอดคล้องกบั งานวจิ ยั ของ ประวิตา มเี ปี่ยมสมบูรณ์ (2556, หนา้ 91) ว่าผบู้ ริหารตอ้ งมีความรู้ ความเข้าใจขอบข่ายของงานการพฒั นาหลกั สูตร การจัดการเรียนการสอน การจดั แหลง่ ความรู้และการนิเทศ การเรียนการสอนเพ่อื การพัฒนาคณุ ภาพครแู ละบุคลากรทางการศึกษา คณุ ภาพนักเรียนและคณุ ภาพ การจัดการศกึ ษา 5.3 แนวทางการพัฒนาเพ่อื ยกระดับประสิทธิผลการประกนั คณุ ภาพภายในสถานศกึ ษาด้านกระบวนการ จัดการเรียนการสอนทีเ่ นน้ ผู้เรียนเปน็ สาคัญ พบวา่ ตอ้ งศึกษาบริบทของโรงเรียน วิเคราะห์มาตรฐาน สาระการเรียนรู้ เพ่อื เชอ่ื มโยงกบั ผู้มิปญั ญาทอ้ งถ่นิ พัฒนาการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ทีเ่ น้นผู้เรียนเป็นสาคัญ จดั การเรียนการสอน ทีส่ ร้างโอกาสใหผ้ ู้เรียนทกุ คนมีส่วนร่วม ควรมลี ักษณะ ดงั น้ี โดยเริ่มจากการวางแผนการจดั กจิ กรรมการเรียน การสอน ควรใหผ้ ู้เรียนได้มสี ่วนร่วมในการวางแผนการเรียนรู้ นาเอาภูมิปัญญาทอ้ งถน่ิ มาเปน็ เน้อื หาเพ่อื จัดทาเปน็ หนว่ ยการเรียนรู้ในหลักสตู รสถานศกึ ษา การจดั การเรียนรู้ควรมีทฤษฎีและภาคปฏิบัติ ใชส้ อ่ื แหลง่ เรียนรู้ท้องถิน่ ตลอดจนวทิ ยากรในท้องถิ่น เพอ่ื ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ ซึง่ สอดคลอ้ งกบั งานวจิ ัยของ สุรพล พมิ พส์ อน (2557, หนา้ 68) วา่ สถานศกึ ษาจึงมคี วามจาเป็น ตอ้ งปรับห้องสมุดให้เปน็ ศนู ย์กลางของสอ่ื ต่างๆ ใหผ้ ู้เรียนอยา่ งเพียงพอเหมาะสมกับ เน้ือหา สะดวก และ ปราชญ์ท้องถิ่นมีสว่ นร่วมในการพัฒนาหลกั สูตร มีการสนับสนนุ วสั ดุ อุปกรณ์ ให้พร้อมตอ่ การ จดั การเรียนรู้ และตอ้ งมีการใหน้ กั เรียนได้สร้างชิน้ งานหรือนวัตกรรม 5.4 แนวทางการพัฒนาเพ่อื ยกระดบั ประสิทธิผลการประกันคณุ ภาพภายในสถานศึกษา ด้านระบบ ประกนั คณุ ภาพภายในสถานศกึ ษา พบวา่ ในการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา ต้องมกี ระบวนการในการประกัน ที่ชัดเจน จดั ระบบบริหารข้อมูลสารสนเทศ โรงเรียนต้องนาผลการประเมินคณุ ภาพภายใน โดยหน่วยงานต้นสงั กดั มา ใชใ้ นการปรบั ปรงุ /พฒั นาสถานศึกษา จดั ระบบมาตรฐานการศกึ ษาโดยยดึ หลักการกระจายอานาจ ตรวจสอบได้ การ ประกันคณุ ภาพการศึกษาจึงต้องมกี ระบวนการดาเนนิ การทีส่ มั พันธ์ต่อเน่อื งกนั จดั ทาแผนพฒั นาคุณภาพการศึกษา ทีส่ ง่ ผลตอ่ คณุ ภาพผู้เรียนอยา่ งมรี ปู ธรรม มีขน้ั ตอนอย่างชดั เจน ผู้เกีย่ วข้องทกุ ฝา่ ยให้ความร่วมมอื ในการวางระบบ และดาเนินงานประกนั คุณภาพเปน็ อยา่ งดีซึ่งสอดคล้องกับงานวจิ ยั ของ สรุ พล พมิ พส์ อน (2557, หนา้ 67) วา่ จัด โครงสร้าง และระบบเพ่อื สนับสนนุ การขบั เคลื่อน ไปสู่เป้าหมายทีต่ ้องการจากระบบตัวใครตวั มนั มา เป็นระบบทีม หรือวฒั นธรรมรวมหมู่ ดาเนนิ การตามแผนพัฒนาคุณภาพการศกึ ษากาหนดแนวทางการดาเนนิ การกาหนด ผู้รับผิดชอบ ระยะเวลาในการดาเนินการชดั เจน มีกระบวนการตรวจสอบภายใน รวมถึงต้องมกี ารนเิ ทศ ตดิ ตาม ตรวจสอบและทบทวนคุณภาพการศึกษา ประเมินคณุ ภาพการศกึ ษา รายงานคณุ ภาพการศึกษาให้ครอบคลมุ ดา้ น ผู้บริหาร ด้านครแู ละด้านผู้เรียน จดั ทาการประกันคณุ ภาพภายในสถานศกึ ษาอย่างตอ่ เน่อื ง เพ่อื พัฒนาระบบการ ประกนั คุณภาพภายในสถานศกึ ษาให้มีประสิทธิภาพเพอ่ื การผดงุ คณุ ภาพการศึกษาให้มีคณุ ภาพ

102 ขอ้ เสนอแนะ 1. ขอ้ เสนอแนะในการนาผลการวิจัยไปใช้ 1.1 จากผลการวจิ ัยประสิทธิผลการประกันคณุ ภาพภายในสถานศึกษา พบวา่ ระดบั ประสิทธิผลการ ประกนั คณุ ภาพภายในสถานศกึ ษา ทุกด้าน มีระดับประสิทธิผลทีใ่ กล้เคียงกัน ดังนั้นผู้วิจัยจึงทาการหาแนวทางในการ พฒั นาเพอ่ื ยกระดับประสิทธิผลการประกนั คณุ ภาพภายในสถานศึกษาทงั้ 4 ด้าน ไดแ้ ก่ ดา้ นคณุ ภาพผู้เรียน ด้านกระบวนการบริหารและการจัดการของผู้บริหารสถานศกึ ษา ด้านกระบวนการจดั การเรียนการสอนทีเ่ นน้ ผู้เรียน เป็นสาคญั และด้านระบบประกนั คุณภาพภายในสถานศกึ ษา 1.2 ผลการวจิ ัยมกี ารเปรียบเทียบตัวแปร ซึ่งมีความเหมอื นและแตกตา่ งกัน ดงั นน้ั ควรมกี ารศึกษา รายละเอยี ด ในเรื่องการประกันคุณภาพภายในสถานศกึ ษา เพอื่ ให้การดาเนนิ งานเกิดประสิทธิผลสงู สุด 1.3 ผู้บริหารโรงเรียนควรนาข้อค้นพบจากงานวิจยั และแนวทางในการพฒั นาการประกันคุณภาพภายใน สถานศกึ ษาไปเป็นขอ้ มลู ในการกาหนดนโยบาย พัฒนาและนาสู่การปฏบิ ตั เิ พ่อื ให้เกิดประสิทธิผลตอ่ ไป 2. ขอ้ เสนอแนะสาหรับการทาวิจยั ครง้ั ต่อไป 2.1 ควรมวี จิ ยั เชงิ สารวจ สภาพการปฏบิ ัติ และประสิทธิผลการประกันคณุ ภาพภายในสถานศกึ ษา ในเขตพ้นื ทีอ่ ื่นๆ เพอ่ื ให้ได้ข้อมูลที่เปน็ ปัจจุบนั และเป็นขอ้ มูลที่ใชใ้ นการเปรียบเทียบ 2.2 ควรมกี ารทาวิจัยปฏบิ ตั กิ าร โดยนาเอาผลการวจิ ยั น้ไี ปใชเ้ ปน็ ขอ้ มูลในการวจิ ัยเชงิ ปฏบิ ตั กิ าร เพอ่ื พฒั นาสถานศึกษาในดา้ นการประกันคณุ ภาพภายในสถานศกึ ษา หรอื เรือ่ งทีเ่ กี่ยวข้องต่อไป เอกสารอา้ งองิ บุญยวรี ์ พฒั นธนกิตตโิ ชค. (2559). สภาพการบริหารงบประมาณของสถานศกึ ษาในสหวิทยาเขตเมอื งบรุ ีรมั ย์ สังกดั สานักงานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษามัธยมศกึ ษา เขต 32. วิทยานพิ นธ์ ค.ม. บุรีรมั ย์: มหาวิทยาลยั ราชภัฏบุรีรมั ย์. ประวิตา มเี ปี่ยมสมบูรณ (2556). ปจั จัยทีส่ ง่ ผลตอ่ มาตรฐานคณุ ภาพผู้เรียน ของโรงเรียนประถมศึกษา สังกัด สานกั งาน เขตพ้นื ทีก่ ารศึกษาประถมศึกษานครปฐม, วทิ ยานพิ นธ์ กษ.ม. ชลบรุ ี: มหาวทิ ยาลยั บูรพา ภาณพ แจ้งพลอย. (2556). การศกึ ษาสภาพการดาเนนิ งานประกนั คณุ ภาพภายในสถานศึกษา สงั กัดสานกั งานเขต พ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาจันทบรุ ี. วทิ ยานพิ นธ์ ค.ม. จันทบุรี: มหาวทิ ยาลัยราชภฏั ราไพพรรณี. วาลิช ลีทา. (2559). สภาพ ปญั หาและแนวทางการพัฒนาการประกนั คณุ ภาพภายในสถานศกึ ษา สงั กัดสานักงาน เขตพ้นื ทีก่ ารศึกษามัธยมศกึ ษา เขต 6. วทิ ยานพิ นธ์ กศ.ม. ชลบรุ ี: มหาวิทยาลัยบูรพา. สรุ พล พมิ พส์ อน (2557). กลยทุ ธ์การพฒั นาคุณภาพผู้เรียนของสถานศกึ ษา สงั กดั สานกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษา มธั ยมศกึ ษา เขต 41. วารสารครศุ าสตร์, 42(3), 67. สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน. (2559). คู่มอื การประเมินคณุ ภาพตามมาตรฐานการศึกษาขั้นพืน้ ฐาน เพอ่ื การประกันคณุ ภาพภายในของสถานศึกษา. กรุงเทพฯ: สานักทดสอบทางการศกึ ษา. สานักนายกรฐั มนตรี. (2559). แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติ ฉบบั ที่ ๑๒ พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๖๐. กรงุ เทพ: สานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแหง่ ชาต.ิ อุทัยวรรณ โมธรรม. (2552). ความสัมพนั ธ์ระหว่างการดาเนนิ งานกับประสิทธิผลการประกนั คุณภาพภายใน สถานศกึ ษา ในโรงเรียนที่เปิดสอนชว่ งช้ันที่ 1-3 สงั กดั สานกั งานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษานครพนม. วทิ ยานพิ นธ์. ค.ม. นครพนม: มหาวทิ ยาลยั นครพนม.

103 ปจั จัยทางการบริหารท่สี ง่ ผลตอ่ ประสิทธิผลโรงเรยี นตามทัศนะของบุคลากรในโรงเรียน สงั กดั สานักงานเขตพืน้ ที่การศึกษาประถมศึกษาบึงกาฬ Administrative Factors Affecting the School Effectiveness Bueng Kan Primary Education Service Area Office ประภาษ จิตรักศิลป์* ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร.สวัสดิ์ โพธิวัฒน์** ดร.รชั ฎาพร พิมพิชยั *** บทคดั ย่อ การวจิ ยั คร้ังนมี้ คี วามมุ่งหมายเพอ่ื 1) ศึกษาปัจจยั ทางการบริหารของโรงเรียนและประสิทธิผลโรงเรียน 2) เปรียบเทียบปัจจยั ทางการบริหารของโรงเรียนและประสิทธิผลโรงเรียน จาแนกตามสถานภาพการดารงตาแหน่ง และขนาดโรงเรียนที่ต่างกัน 3) ศกึ ษาปจั จยั ทางการบริหารทีเ่ ลอื กมาศึกษาครงั้ น้มี ีความสมั พันธ์กับประสิทธิผล โรงเรียน 4) หาปัจจัยทางการบริหาร ทเ่ี ป็นตวั พยากรณ์ทีด่ ขี องประสิทธิผลโรงเรียน และสมการพยากรณ์และ 5) หาแนวทางการพฒั นาปจั จยั ทางการบริหารที่สง่ ผลตอ่ ประสิทธิผลโรงเรียน ในสังกดั สานกั งานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษา ประถมศึกษาบงึ กาฬ กลุ่มตัวอยา่ ง ได้แก่ ผู้บริหารและครผู ู้สอนในโรงเรียนสังกดั สานกั งานเขตพืน้ ทีก่ ารศึกษา ประถมศึกษาบงึ กาฬ ปีการศึกษา 2560 จานวน 334 คน เครอื่ งมือที่ใชใ้ นการเก็บรวบรวมขอ้ มูล เป็นแบบสอบถาม เกีย่ วกบั ปัจจัยทางการบริหารของโรงเรียน มีคา่ ความเชื่อม่นั เท่ากบั 0.935 และเกีย่ วกบั ประสิทธิผลโรงเรียน มคี ่าความเชอ่ื มัน่ เท่ากบั 0.861 และแบบสัมภาษณแ์ นวทางการพฒั นาปจั จยั ทางการบริหารทีส่ ง่ ผลตอ่ ประสิทธิผล โรงเรียน สถิตทิ ีใ่ ชใ้ นการวิเคราะห์ขอ้ มูล ได้แก่ คา่ เฉลย่ี ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบที (t - test) ชนิด Independent Samples การวเิ คราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One way ANOVA) คา่ สมั ประสทิ ธิ์สหสมั พันธ์ อย่างง่ายของเพยี ร์สัน (Pearson Product - Moment Correlation Coefficient) และการวเิ คราะหก์ ารถดถอยพหุคูณ แตล่ ะข้ันตอน (Stepwise Multiple Regression analysis) ผลการวจิ ยั พบวา่ 1. ปจั จัยทางการบริหารของโรงเรียน โดยรวมและรายด้านทกุ ด้านอยใู่ นระดบั มาก 2. ประสิทธิผลโรงเรียน โดยรวมและรายด้านทุกด้านอยใู่ นระดบั มาก 3. ปจั จยั ทางการบริหารของโรงเรียน จาแนกตามสถานภาพการดารงตาแหนง่ และขนาดโรงเรียน โดยรวมแตกต่างกันอยา่ งมีนัยสาคัญทางสถิตทิ ีร่ ะดับ .01 4. ประสิทธิผลโรงเรียน จาแนกตามสถานภาพการดารงตาแหนง่ ทง้ั โดยรวมและรายด้านทุกด้าน ไมแ่ ตกตา่ งกนั แต่จาแนกตามขนาดโรงเรียน ทง้ั โดยรวมและรายด้านทกุ ด้าน แตกตา่ งกนั อย่างมนี ัยสาคัญทางสถิติ ทีร่ ะดบั .01 5. ปัจจัยทางการบริหารของโรงเรียน กบั ประสิทธิผลโรงเรียน โดยรวมพบวา่ มคี วามสมั พนั ธ์ทางบวก อยู่ในระดบั ปานกลาง อย่างมนี ยั สาคญั ทางสถิตทิ ีร่ ะดบั .01 คาสาคญั : ปัจจยั ทางการบรหิ าร, ประสิทธิผลโรงเรียน * ครุศาสตรมหาบณั ฑิต สาขาวิชาการบรหิ ารการศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร ** อาจารย์ประจาหลกั สตู รครุศาสตรมหาบณั ฑิต และหลกั สูตรปรัชญาดษุ ฎีบณั ฑิต สาขาวิชาการบรหิ ารการศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร *** ครชู านาญการพิเศษ โรงเรียนอนบุ าลเต่างอย สงั กัดสานกั งานเขตพนื้ ทีก่ ารศกึ ษาประถมศึกษาสกลนคร เขต 1

104 6. ปัจจยั ทางการบริหารของโรงเรียน ด้านการพัฒนาทมี งาน (X8) ด้านการตดิ ตอ่ ส่อื สาร (X4) ด้านบรรยากาศและวฒั นธรรมองคก์ าร (X1) และด้านการจงู ใจ (X5) สามารถพยากรณ์ประสิทธิผลโรงเรียนได้ โดยสามารถร่วมกนั พยากรณ์ประสิทธิผลโรงเรียน ได้ร้อยละ 46.80 และมีความคลาดเคลอ่ื นมาตรฐานของการ พยากรณ์เท่ากับ ± 0.20006 สามารถเขียนสมการวเิ คราะห์การถดถอยพหคุ ณู ในรูปคะแนนดบิ ได้ดังน้ี Y’ = 1.749 + 0.286 X8 + 0.114 X4 + 0.094 X1 + 0.076 X5 และสามารถเขียนสมการวเิ คราะห์การถดถอยในรูป คะแนนมาตรฐาน ได้ดังน้ี Z’ = 0.435 ZX8 + 0.172 ZX4 + 0.130 ZX1 + 0.105 ZX5 7. แนวทางการพัฒนาปจั จัยทางการบริหารที่สง่ ผลตอ่ ประสิทธิผลโรงเรียน เสนอแนะไว้ 4 ด้าน ประกอบด้วย ด้านบรรยากาศและวฒั นธรรมองค์การ ด้านการตดิ ตอ่ ส่อื สาร ด้านการจูงใจ และด้านการพฒั นา ทีมงาน ABSTRACT The purposes of this research were: to examine the level of administrative factors and school effectiveness; to compare administrative factors and school effectiveness as perceived by school administrators and teachers with different working position and school sizes; to investigate the relationship between the administrative factors and school effectiveness; to study the predictive power of the administrative factors affecting the school effectiveness; and to establish the guidelines for developing administrative factors affecting the school effectiveness Bueng Kan Primary Education Service Area Office. The samples consisted of a total of 334 participants including 120 school administrators and 214 teachers in schools Bueng Kan Primary Education Service Area Office in the 2017 academic year. The instrument for data collection was a set of questionnaires concerning school administrative factors and school effectiveness. The statistics used for data analysis were mean, standard deviation, t – test (Independent Samples), F – test (One – Way ANOVA), Pearson Product - Moment Correlation Coefficient and Stepwise Multiple Regression Analysis. The findings were as follows: 1. The school administrative factors, as a whole and each aspect were at a high level. 2. The school effectiveness, as a whole and each aspect were at a high level. 3. The school administrative factors as perceived by school administrators and teachers with different working position and school sizes, as a whole were different at a statistical significance of the .01 level. 4. The school effectiveness as perceived by school administrators and teachers with different working position as a whole were not different but school sizes, as a whole were different at a statistical significance of the .01 level. 5. The school administrative factors and the school effectiveness, as a whole had a positive relationship at the statistical significance of the .01 level. 6. The school administrative factors were; personnel development (X8), communication (X4), atmosphere and organization culture (X1) and Motivation (X5) which were able to predict the school effectiveness. The equation could be summarized in raw scores as follows; Y’ = 1.749 + 0.286 X8 + 0.114 X4 + 0.094 X1 +

105 0.076 X5 and the predictive equation standardized scores was Z’ = 0.435 ZX8 + 0.172 ZX4 + 0.130 ZX1 + 0.105 ZX5 7. The guidelines for developing the administrative factors affecting the school effectiveness involved six aspects: atmosphere and organization culture, communication, Motivation and personnel development. Keywords: Administrative Factors, School Effectiveness ภูมหิ ลงั การจดั การศกึ ษาของประเทศไทยในช่วงที่ผ่านมาดาเนนิ การภายใต้กระแสการเปลี่ยนแปลงที่เปน็ พลวตั ของ โลกศตวรรษที่ 21 และสภาวการณ์ทีเ่ ป็นแรงกดดนั ทั้งจากภายในและภายนอกประเทศ โดยใชก้ รอบและแนวทางการ จดั การศกึ ษาตามพระราชบญั ญตั กิ ารศึกษาแห่งชาติพทุ ธศกั ราช 2542 และฉบับแก้ไขเพม่ิ เตมิ พ.ศ. 2545 และแผนการศึกษาแห่งชาติ ฉบบั ปรบั ปรงุ (พ.ศ. 2552 – 2559) บริบทของการจัดการศกึ ษา และผลการพัฒนา การศึกษาของไทยในช่วงปี 2552 - 2558 ในดา้ นคุณภาพของการศึกษาพบวา่ ผลสมั ฤทธิท์ างการเรียนระดับการศกึ ษา ข้ันพ้ืนฐาน ซงึ่ เปน็ การประเมินผลตามหลักสตู รการศึกษาข้ันพนื้ ฐานในระดับชั้นประถมศึกษาปที ี่ 6 ชั้นมธั ยมศกึ ษา ปีที่ 3 และช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ 6 พบว่าอยู่ในระดบั ทีไ่ ม่น่าพงึ พอใจ (สานกั งานเลขาธกิ ารสภาการศกึ ษา, 2560, หนา้ 10 - 34) การปฏริ ปู การศึกษา จึงเปน็ โจทยส์ าคญั สาหรับทกุ ภาคส่วน จาเป็นอยา่ งย่งิ ที่จะต้องมกี ารดาเนนิ การ ปฏริ ูปที่มีประสิทธิภาพ และจะสาเรจ็ ได้กต็ อ้ งด้วยการบริหารจดั การทีม่ ีประสิทธิภาพ พรอ้ มรับกบั ความท้าทายความ เปลี่ยนแปลงทีเ่ กิดข้ึน ซึ่งทกั ษะสาคัญสาหรบั คนยุคศตวรรษที่ 21 และการเป็นไทยแลนด์ 4.0 ดงั กล่าว จาเปน็ ต้องอาศยั การบริหารจดั การ การมีทุนมนษุ ย์ (Human Capital) ที่มีประสิทธิภาพ (พรชัย เจดามาน และคณะ, 2559, หนา้ 5) การบริหารการศึกษาในสถานศกึ ษาเพอ่ื ให้สถานศึกษาประสบผลสาเร็จและสอดคลอ้ งกับแนวการปฏริ ปู การศึกษานนั้ ปัจจัยสาคญั ตอ่ การเสริมสร้างการเรียนรู้ในโรงเรียน คือ ระบบการบริหารจดั การทีม่ ีประสิทธิภาพและ การมสี ่วนร่วม ดงั นนั้ ผู้บริหารสถานศกึ ษาจึงมบี ทบาทที่สาคัญอย่างยิ่ง ในฐานะผู้นาหลัก ซึ่งมภี าระหน้าที่สาคัญคือ เป็นผู้นาทางการศกึ ษา มีความรับผิดชอบในการบริหารงานดา้ นต่างๆ ท่เี กีย่ วข้อง และสอดคลอ้ งกบั พระราชบัญญตั ิ การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และที่แกไ้ ขเพม่ิ เตมิ (ฉบบั ที่ 2) พ.ศ. 2545 และ (ฉบบั ที่ 3) พ.ศ. 2553 มาตรา 39 ได้กาหนดให้มีการกระจายอานาจการบริหารและการจัดการศกึ ษาท้ัง 4 ด้าน คือ ด้านวชิ าการ งบประมาณ การบริหารงานบุคคล และการบริหารงานทว่ั ไป ไปยงั คณะกรรมการและสานกั งานเขตพ้นื ที่การศกึ ษา และสถานศกึ ษาในเขตพ้นื ที่การศึกษาโดยตรง เพือ่ ให้เกิดประสิทธิผลของโรงเรียน โดยเป็นความสามารถของผู้บริหาร โรงเรียนและครทู ี่ทางานรว่ มกัน จนสามารถทาให้นักเรียนใฝ่รู้ รกั การอา่ น แสวงหาความรดู้ ้วยตนเอง (สานักงาน คณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ สานกั นายกรัฐมนตรี, 2553, หนา้ 14) และประสิทธิผลโรงเรียน หมายถึง ผลสาเร็จ ของการจดั การศกึ ษาของโรงเรียนทีเ่ กิดจากความสามารถของผู้บริหารสถานศกึ ษา ครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษา ในโรงเรียนในการทางานรว่ มกนั เพื่อให้งานด้านการจดั การศึกษาประสบผลสาเร็จ บรรลุเป้าหมาย และบรรลุ วัตถุประสงค์ในการจัดการศึกษา ซึ่งมีนกั การศึกษาหลายท่านได้ให้ความเห็นที่ตรงกันเกีย่ วกับประสิทธิผลโรงเรียน ประกอบด้วย 1) ด้านผลสมั ฤทธิ์ทางวิชาการของเรียน 2) ด้านคณุ ลกั ษณะของผู้เรียน และ 3) ดา้ นความพงึ พอใจ ในการทางานของครู การบริหารทุกๆ องค์การจะเกิดประสิทธิผลได้ต้องขึน้ อยกู่ ับปจั จัยหลายอยา่ ง แตป่ จั จยั ที่เปน็ ตัวกาหนด สาคญั ทส่ี ดุ ของประสิทธิผลทางการบริหารของผู้บริหารอาจมี 3 ด้าน คือ ปัจจัยดา้ นคณุ ลักษณะผู้นาของผู้บริหาร การบริหาร และปัจจยั ด้านสถานการณข์ องโรงเรียน โดยเฉพาะโรงเรียนประถมศึกษา สังกดั สานกั งานคณะกรรมการ

106 การศึกษาขั้นพืน้ ฐาน อาจกลา่ วได้ว่าปจั จยั ดังกล่าวมคี วามสาคญั และมีสว่ นเกี่ยวข้องกับความสาเรจ็ ในการบริหาร ของผู้บริหารโรงเรียนเป็นอยา่ งมาก ทั้งนี้ เพราะผู้บริหารโรงเรียนมอี านาจในการตัดสนิ ใจดาเนนิ งานต่างๆ 4 งาน ทั้งดา้ นโรงเรียน ด้านการบริหาร ด้านครู และอืน่ ๆ ภายในโรงเรียนเปน็ สว่ นใหญ่ จากสภาพการณแ์ ละหลักการที่กลา่ วมาข้างตน้ จึงเป็นส่งิ ที่ท้าทายผู้บริหารองค์การ สมาชิกทุก คน ตลอดจนผู้เกีย่ วข้องขององค์การทุกระดบั จะตอ้ งร่วมมอื กนั พัฒนาองค์การให้มีประสิทธิผลให้จงได้ ดังนน้ั ผู้วิจยั จึง สนใจทีจ่ ะศกึ ษาปัจจัยทางการบริหารทีส่ ง่ ผลตอ่ ประสิทธิผลของโรงเรียน ในสังกัดสานกั งานสานกั งานเขตพ้นื ที่ การศึกษาประถมศึกษาบงึ กาฬ เพอ่ื เปน็ แนวทางในการพัฒนาทม่ี งุ่ ผลตอ่ ความสาเรจ็ ของโรงเรียน สังกดั สานักงาน สานกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษาประถมศึกษาบงึ กาฬ ให้มีคุณภาพ เกิดประสิทธิผล และจัดการศึกษาให้ดียิ่งข้ึนตอ่ ไป คาถามการวิจัย 1. ปัจจยั ทางการบริหารของโรงเรียน สงั กัดสานกั งานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษาประถมศึกษาบงึ กาฬ ตามทัศนะ ของบคุ ลากรในโรงเรียน มีการดาเนนิ การอยใู่ นระดับใด 2. ประสิทธิผลโรงเรียน สังกดั สานกั งานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษาประถมศึกษาบงึ กาฬ ตามทศั นะของบุคลากร ในโรงเรียน มีมากน้อยเพยี งใด 3. ปัจจัยทางการบริหารของโรงเรียน สังกัดสานักงานเขตพ้นื ที่การศกึ ษาประถมศึกษาบงึ กาฬ ตามทศั นะ ของบคุ ลากรในโรงเรียน จาแนกตามสถานภาพการดารงตาแหนง่ และขนาดโรงเรียนที่ต่างกัน แตกตา่ งกันหรือไม่ อย่างไร 4. ประสิทธิผลโรงเรียน สังกดั สานกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษาประถมศึกษาบงึ กาฬ ตามทศั นะของบคุ ลากร ในโรงเรียน จาแนกตามสถานภาพการดารงตาแหน่ง และขนาดโรงเรียนที่ต่างกัน แตกตา่ งกันหรือไมอ่ ย่างไร 5. ปัจจยั ทางการบริหารทีเ่ ลอื กมาศกึ ษาครั้งนมี้ คี วามสมั พนั ธ์กบั ประสิทธิผลโรงเรียน สังกัดสานักงานเขต พ้ืนทีก่ ารศึกษาประถมศึกษาบงึ กาฬ หรือไมอ่ ย่างไร 6. ปจั จยั ทางการบริหาร ทเ่ี ปน็ ตวั พยากรณ์ทีด่ ขี องประสิทธิผลโรงเรียนสงั กัดสานักงานเขตพ้นื ที่การศึกษา ประถมศึกษาบงึ กาฬ และสมการพยากรณ์เป็นอยา่ งไร 7. แนวทางการพัฒนาปจั จัยทางการบริหารที่สง่ ผลตอ่ ประสิทธิผลโรงเรียน ในสงั กดั สานักงานเขตพ้นื ที่ การศึกษาประถมศึกษาบงึ กาฬ เปน็ อยา่ งไร ความมงุ่ หมายของการวิจัย 1. เพ่อื ศึกษาปัจจยั ทางการบริหารของโรงเรียน สังกัดสานักงานเขตพ้นื ที่การศึกษาประถมศึกษาบงึ กาฬ ตามทัศนะของบุคลากรในโรงเรียน 2. เพ่อื ศึกษาประสิทธิผลโรงเรียน สงั กดั สานักงานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษาประถมศึกษาบงึ กาฬ ตามทศั นะ ของบุคลากรในโรงเรียน 3. เพอ่ื เปรียบเทียบปัจจยั ทางการบริหารของโรงเรียน สงั กดั สานักงานเขตพ้นื ที่การศึกษา ประถมศึกษา บึงกาฬ ตามทัศนะของบุคลากรในโรงเรียน จาแนกตามสถานภาพการดารงตาแหน่ง และขนาดโรงเรียนที่ตา่ งกัน 4. เพ่อื เปรียบเทียบประสิทธิผลโรงเรียน สงั กดั สานกั งานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษา ประถมศึกษาบงึ กาฬ ตามทศั นะ ของบุคลากรในโรงเรียน จาแนกตามสถานภาพการดารงตาแหนง่ และขนาดโรงเรียนทีต่ ่างกนั

107 5. เพอ่ื ศึกษาปจั จยั ทางการบริหารทีเ่ ลอื กมาศึกษาครง้ั น้มี ีความสัมพนั ธ์กับประสิทธิผลโรงเรียน สงั กัดสานักงานเขตพ้นื ที่การศึกษาประถมศึกษาบงึ กาฬ 6. เพ่อื หาปจั จัยทางการบริหาร ท่เี ปน็ ตวั พยากรณ์ทีด่ ขี องประสิทธิผลโรงเรียน สงั กัดสานักงานเขตพ้นื ที่ การศึกษาประถมศึกษาบงึ กาฬ และสมการพยากรณ์ 7. เพ่อื หาแนวทางการพฒั นาปจั จัยทางการบริหารที่ส่งผลตอ่ ประสิทธิผลโรงเรียน ในสังกดั สานกั งานเขต พ้ืนทีก่ ารศึกษาประถมศึกษาบงึ กาฬ กรอบแนวคดิ ของการวิจยั ตวั แปรอสิ ระ 1. สถานภาพการดารงตาแหนง่ ตวั แปรเกณฑ์ 1.1 ผู้บริหารโรงเรียน 1.2 ครูผู้สอน ได้แก่ปจั จยั ทางการบริหาร 8 ดา้ น ประกอบด้วย 2. ขนาดโรงเรียน 2.1 โรงเรียนขนาดเลก็ 1. บรรยากาศและวัฒนธรรมองค์การ 2.2 โรงเรียนขนาดกลาง 2.3 โรงเรียนขนาดใหญ่ 2. โครงสร้างองคก์ าร 3. ระบบเทคโนโลยสี ารสนเทศ 4. การตดิ ตอ่ สอ่ื สาร 5. การจงู ใจ 6. ภาวะผู้นา 7. การบริหารแบบมสี ่วนร่วม 8. การพัฒนาทีมงาน แนวทางการพฒั นาปจั จัยทางการ ตวั แปรพยากรณ์ บริหารทีส่ ง่ ผลตอ่ ประสิทธิผล ได้แก่ประสิทธิผลโรงเรียน 3 ดา้ น ประกอบด้วย โรงเรียน ในสังกดั สานกั งานเขตพ้นื ที่ การศึกษาประถมศึกษาบงึ กาฬ 1. ผลสัมฤทธิท์ างวิชาการของผู้เรียน 2. คุณลกั ษณะของผู้เรียน 3. ความพงึ พอใจในการทางานของครู ภาพประกอบ 1 กรอบแนวคิดการวิจยั วิธีดาเนนิ การวิจยั ประชากรและกลุ่มตวั อยา่ ง 1. ประชากรการวจิ ัย (Research Population) ได้แก่ บคุ ลากรในโรงเรียนสังกัดสานกั งานเขตพ้นื ที่ การศึกษาประถมศึกษาบงึ กาฬ ปีการศึกษา 2560 จานวนทั้งสน้ิ 2,362 คน ประกอบด้วยผู้บริหาร 248 คน และครผู ู้สอนจานวน 2,114 คน จากทง้ั หมด 212 โรงเรียน 2. กลุ่มตัวอยา่ ง (Sample) ได้แก่ บุคลากรในโรงเรียนสังกัดสานกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษาประถมศึกษา บึงกาฬ ปกี ารศึกษา 2560 จานวน 334 คน ประกอบด้วยผู้บรหิ ารโรงเรียน จานวน 120 คน และครผู ู้สอน จานวน 214 คน กาหนดขนาดกลุ่มตัวอยา่ งตามตารางเครจซี่และมอร์แกน (Krejcie & Morgan, 1970, pp. 607 - 610, อา้ งถึงใน บญุ ชม ศรีสะอาด, 2556, หนา้ 43) โดยเลอื กกลุ่มตวั อยา่ งใชว้ ธิ ีการสุ่มแบบหลายขนั้ ตอน (Multi-Stage Random Sampling)

108 เครือ่ งมอื ทใี่ ชใ้ นการเกบ็ รวบรวมข้อมูล เป็นแบบสอบถามเกี่ยวกับปัจจัยทางการบริหารของโรงเรียน มีคา่ ความเชือ่ มนั่ เท่ากับ 0.935 และเกีย่ วกบั ประสิทธิผลโรงเรียน มีคา่ ความเชือ่ มน่ั เท่ากับ 0.861 และแบบสมั ภาษณแ์ นวทางการพฒั นาปัจจยั ทางการบริหารที่สง่ ผลตอ่ ประสิทธิผลโรงเรียน การเก็บรวมรวบขอ้ มลู 1. การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ผู้วิจยั เสนอคารอ้ งต่อสานกั งานบณั ฑิตวทิ ยาลัย มหาวิทยาลัยราชภฏั สกลนคร ให้ออกหนงั สอื ขอความร่วมมอื ไปยงั โรงเรียน เพ่อื ความร่วมมอื ในการตอบแบบสอบถาม 2. ผู้วิจยั ขอความร่วมมอื จากผอู้ านวยการโรงเรียน สงั กัดสานกั งานเขตพ้ืนทีก่ ารศึกษาประถมศึกษา บึงกาฬ โดยนาหนงั สอื ขอความอนุเคราะห์ความร่วมมอื พร้อมกบั แบบสอบถามไปมอบให้กบั ผู้อานวยการโรงเรียน สงั กัดสานักงานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษาประถมศึกษาบงึ กาฬ และกลมุ่ ตัวอย่าง จานวน 334 ฉบับ เกบ็ ข้อมลู ดว้ ยตนเอง ได้แบบสอบถามกลับคืนมา 334 ฉบับ คิดเปน็ ร้อยละ 100 สถิตทิ ใี่ ชใ้ นการวิเคราะหข์ ้อมลู ค่าเฉลี่ย ส่วนเบีย่ งเบนมาตรฐาน การทดสอบที (t - test) ชนิด Independent Samples การวเิ คราะห์ ความแปรปรวนทางเดียว (One way ANOVA) ค่าสัมประสิทธิ์สหสมั พนั ธ์อยา่ งง่ายของเพยี ร์สนั (Pearson Product - Moment Correlation Coefficient) และการวเิ คราะห์การถดถอยพหุคูณแต่ละขั้นตอน (Stepwise Multiple Regression analysis) สรุปผลการวิจยั 1. ปจั จัยทางการบริหารของโรงเรียน โดยรวมอยใู่ นระดบั มาก เม่อื พิจารณาเปน็ รายดา้ นพบวา่ อยู่ในระดบั มากทกุ ดา้ น เรียงตามลาดับค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย 3 ลาดบั แรก คือ ด้านบรรยากาศและวฒั นธรรมองค์การ ด้านการจูงใจ และด้านภาวะผู้นา ตามลาดับ 2. ประสิทธิผลโรงเรียน โดยรวมอยใู่ นระดับมาก เมอ่ื พิจารณาเป็นรายดา้ นพบวา่ อยู่ในระดบั มากทกุ ด้าน เรียงตามลาดับค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย 3 ลาดับแรก คือ ดา้ นความพงึ พอใจในการทางานของครู ด้านผลสัมฤทธิ์ ทางวิชาการของผู้เรียน และด้านคุณลกั ษณะของผู้เรียน ตามลาดับ 3. ปัจจยั ทางการบริหารของโรงเรียน จาแนกตาม สถานภาพการดารงตาแหนง่ พบว่า โดยรวม แตกตา่ งกัน อย่างมนี ัยสาคญั ทางสถิติที่ระดบั .01 โดยผู้บริหารโรงเรียนมคี วามคิดเหน็ มากกวา่ ครูผู้สอน และจาแนกตามขนาด โรงเรียน โดยรวม พบวา่ แตกตา่ งกันอย่างมีนยั สาคัญทางสถิตทิ ี่ระดับ .01 และเม่อื พิจารณาเป็นรายคู่ โดยรวม พบวา่ ผู้ที่อยใู่ นโรงเรียนขนาดกลางมีความคิดเห็นมากกวา่ ผู้ทีอ่ ยใู่ นโรงเรียนขนาดเลก็ อยา่ งมีนัยสาคัญทางสถิตทิ ี่ระดบั .01 4. ประสิทธิผลโรงเรียน จาแนกตามสถานภาพการดารงตาแหนง่ พบว่า ทง้ั โดยรวมและรายด้านทกุ ด้าน ไมแ่ ตกตา่ งกัน และจาแนกตามขนาดโรงเรียน พบวา่ ทั้งโดยรวมและรายด้านทกุ ด้าน แตกต่างกันอย่างมนี ยั สาคัญ ทางสถิตทิ ี่ระดบั .01 และเมอ่ื พิจารณาเปน็ รายคู่ โดยรวม พบวา่ ผู้ทีอ่ ยใู่ นโรงเรียนขนาดกลางและโรงเรียนขนาดใหญ่ มคี วามคิดเห็นมากกวา่ ผู้ที่อยใู่ นโรงเรียนขนาดเลก็ อยา่ งมีนัยสาคญั ทางสถิตทิ ี่ระดบั .01 5. ปจั จัยทางการบริหารของโรงเรียนโดยรวม (Xt) กับประสิทธิผลโรงเรียนโดยรวม (Yt) พบวา่ มคี วามสัมพันธ์ ทางบวก อยู่ในระดบั ปานกลาง อย่างมนี ัยสาคัญทางสถิติที่ระดบั .01 โดยมีคา่ สมั ประสิทธิ์สหสมั พันธ์ 0.633

109 6. ปัจจัยทางการบริหารของโรงเรียน ท่นี ามาวิเคราะห์จานวน 8 ด้าน พบวา่ มีจานวน 4 ด้าน ทส่ี ามารถ พยากรณ์ประสิทธิผลโรงเรียนได้ โดยมีนัยสาคญั ทางสถิติที่ระดับ .01 จานวน 2 ด้าน ได้แก่ ดา้ นการพัฒนาทมี งาน (X8) และด้านการตดิ ตอ่ ส่อื สาร (X4) และมีนยั สาคัญทางสถิติทีร่ ะดบั .05 จานวน 2 ด้าน คือ ด้านบรรยากาศและ วฒั นธรรมองค์การ (X1) และด้านการจูงใจ (X5) ซึ่งตัวแปรทั้ง 4 ด้านนี้ สามารถรว่ มกันพยากรณป์ ระสิทธิผลโรงเรียน ได้ร้อยละ 46.80 และมคี วามคลาดเคลื่อนมาตรฐานของการพยากรณ์เท่ากับ ± 0.20006 สามารถเขยี นสมการ วเิ คราะห์การถดถอยพหุคณู ในรปู คะแนนดบิ ได้ดงั น้ี Y’ = 1.749 + 0.286 X8 + 0.114 X4 + 0.094 X1 + 0.076 X5 และสามารถเขียนสมการวเิ คราะห์การถดถอยในรูปคะแนนมาตรฐาน ได้ดงั น้ี Z’ = 0.435 ZX8 + 0.172 ZX4 + 0.130 ZX1 + 0.105 ZX5 7. แนวทางการพัฒนาปัจจยั ทางการบริหารทีส่ ง่ ผลตอ่ ประสิทธิผลโรงเรียน 7.1 ด้านบรรยากาศและวัฒนธรรมองค์การ มีแนวทางการพัฒนา ดงั น้ี ควรส่งเสริมบรรยากาศที่ดเี อ้ือตอ่ การปฏบิ ตั งิ านของครู โดยเนน้ การมีสว่ นร่วมในการปฏบิ ตั งิ าน มกี ารจัดโครงสร้างการบริหารในโรงเรียนที่ชัดเจน สรา้ งบรรยากาศแห่งความเปน็ มติ ร ให้เกิดความไว้ใจ ความเชอ่ื ใจ และความเช่อื มั่นในความรู้ความสามารถของผู้นา ควรสร้างความตระหนกั ในการทางานเปน็ ทีม 7.2 ด้านการติดต่อส่อื สาร มีแนวทางการพฒั นา ดังน้ี ควรสร้างช่องทางการสอ่ื สารทีห่ ลากหลาย มคี วามชดั เจน ก่อให้เกิดความสะดวกรวดเรว็ และมี ประสิทธิภาพ รวมถึงผู้บริหารควรใชเ้ ทคนิคการสื่อสารที่เปน็ มิตรเพ่อื ให้มคี วามรู้สกึ อยากร่วมงาน จัดกจิ กรรมกลุ่ม ให้มกี ารแลกเปลี่ยนเรียนรู้ผลการปฏบิ ตั งิ าน 7.3 ด้านการจูงใจ มีแนวทางการพัฒนา ดงั น้ี ควรมกี ารสร้างแรงจงู ใจทงั้ ทางบวกและทางลบ มีการสร้างขวญั และกาลังใจในการทางานอยา่ ง ยุติธรรม ควรกระตุ้นให้บุคลากรในโรงเรียนกระตอื รือร้นในการปฏบิ ัตงิ าน มอบหมายหนา้ ทค่ี วามรบั ผิดชอบให้ บุคลากรได้ปฏบิ ัตงิ านตามความถนดั และความสามารถ จดั กิจกรรมประกาศเกียรตคิ ุณให้บุคลากรที่มีผลงานดีเด่น 7.4 ด้านการพฒั นาทีมงาน มีแนวทางการพฒั นา ดงั น้ี การพัฒนาทีมงานนนั้ ควรมกี ารมอบหมายงานให้ร่วมรับผิดชอบกนั เปน็ ทีม สนบั สนุนส่งเสริมให้มีการ ทางานเป็นทีม โดยการจัดกิจกรรม Walk rally เพ่อื พัฒนาโรงเรียน และเปิดโอกาสให้บคุ ลากรมสี ่วนร่วมในการวาง แผนการปฏบิ ัตงิ าน การนิเทศผลการปฏบิ ตั งิ าน ควรสง่ เสริมให้สมาชกิ ศกึ ษานวตั กรรมใหม่ๆ เพือ่ นามาพฒั นาโรงเรียน อภปิ รายผลการวิจัย 1. ปัจจยั ทางการบริหารของโรงเรียน โดยรวมอยใู่ นระดับมาก เป็นไปตามสมมติฐานที่ตั้งไว้ เมอ่ื พิจารณาเปน็ รายดา้ นพบวา่ อยู่ในระดบั มากทกุ ด้าน เรียงตามลาดบั ค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย 3 ลาดับแรก คือ ด้านบรรยากาศ และวฒั นธรรมองค์การ ด้านการจูงใจ และด้านภาวะผู้นา ตามลาดับ ทงั้ น้ีอาจเปน็ เพราะว่า ปจั จัยทางการบริหาร เป็นสง่ิ ที่จะมาสนบั สนนุ การดาเนนิ งานทางการบริหาร สอดคลอ้ งกับผลการวจิ ัยของ วุฒิพร ประทมุ พงษ์ (2556, บทคดั ยอ่ ) ได้ทาการวจิ ยั เรื่องปจั จยั ทางการบริหารที่สง่ ผลตอ่ ประสิทธิผลของโรงเรียนขนาดเล็ก สงั กดั สานกั งานเขต พ้ืนทีก่ ารศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี เขต 3 พบวา่ ปจั จยั ทางการบริหารในภาพรวมมีคา่ เฉลย่ี อยใู่ นระดับมาก เมอ่ื พิจารณาในรายละเอยี ด พบวา่ ปัจจยั ทางการบริหารด้านภาวะผู้นา มีค่าเฉลี่ยมากทส่ี ดุ อยใู่ นระดบั มาก และทีม่ ีคา่ เฉล่ยี น้อยทีส่ ุด คือ ปจั จยั ทางการบริหารด้านการพฒั นาครู มีคา่ เฉลี่ยอยู่ในระดับมาก

110 2. ประสิทธิผลโรงเรียน โดยรวมอยใู่ นระดบั มาก เป็นไปตามสมมติฐานทีต่ ้ังไว้ เม่อื พิจารณาเปน็ รายดา้ น พบวา่ อยู่ในระดับมากทุกด้าน เรียงตามลาดบั ค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย 3 ลาดับแรก คือ ด้านความพงึ พอใจในการ ทางานของครู ด้านผลสมั ฤทธิท์ างวิชาการของผู้เรียน และดา้ นคณุ ลักษณะของผู้เรียน ตามลาดับ ทงั้ น้ีอาจเป็น เพราะว่า ประสิทธิผลโรงเรียนเป็นผลสาเร็จของโรงเรียนทีเ่ กิดจากความรว่ มมือระหว่างผู้บริหาร ครแู ละบคุ ลากร ทางการศกึ ษาในโรงเรียนในการทางานรว่ มกัน เพ่อื ทาให้งานด้านการจดั การศึกษาประสบผลสาเร็จ บรรลุเป้าหมาย วทิ ยา สวนกหุ ลาบ (2558, บทคดั ยอ่ ) ได้ทาการวจิ ยั เรื่องปัจจยั ทีส่ ง่ ผลตอ่ ประสิทธิผลการจดั การศึกษาของ สถานศกึ ษา สังกัดสานกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษาประถมศึกษากาแพงเพชร เขต 1 พบวา่ ประสิทธิผลการจัดการศกึ ษา ของสถานศึกษา โดยภาพรวม พบวา่ อยู่ในระดับมาก โดยด้านที่มีคา่ เฉลี่ยมากท่สี ุด คือ ดา้ นความพงึ พอใจในงาน ของครู รองลงมาคือ ด้านคณุ ลกั ษณะของผู้เรียน และน้อยที่สุด คือ ด้านผลสมั ฤทธิท์ างการเรียน 3. ปจั จัยทางการบริหารของโรงเรียน จาแนกตามสถานภาพการดารงตาแหนง่ พบว่า โดยรวมแตกตา่ งกนั อย่างมนี ัยสาคญั ทางสถิติทีร่ ะดบั .01 เป็นไปตามสมมตฐิ านที่ต้ังไว้ โดยผู้บริหารโรงเรียนมคี วามคิดเหน็ ทั้งโดยรวม และรายดา้ นทุกด้านมากกว่าครผู ู้สอน ทง้ั น้อี าจเป็นเพราะว่า ผบู้ ริหารเป็นผู้ทีม่ ีความสามารถในการบริหารจัดการ สามารถโน้มน้าวหรือจูงใจให้ทุกฝ่ายในโรงเรียนปฏบิ ัตงิ านในหน้าที่ตามความรับผิดชอบของตนอย่างเต็มที่ สอดคล้อง กับผลการวจิ ยั ของ พชั รารตั น์ แสงวงศ์ (2556, บทคัดยอ่ ) ได้ทาการวจิ ัยเรือ่ งปัจจัยทางการบริหารทีส่ ง่ ผลตอ่ การ จดั การเรียนรู้ของครเู พ่อื ความพร้อมสคู่ วามเปน็ ประชาคมอาเซียน สังกัดสานกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษา สกลนคร เขต 2 พบวา่ ผลการเปรียบเทียบระดับความคดิ เหน็ ของผู้บริหารและครผู ู้สอนที่มีต่อปจั จัยทางการบริหาร ทีม่ ีสถานภาพแตกตา่ งกนั โดยรวมแตกต่างกันอยา่ งมีนยั สาคญั ทางสถิตทิ ี่ระดบั .05 และจาแนกตามขนาดโรงเรียน โดยรวม พบวา่ แตกตา่ งกนั อย่างมนี ยั สาคัญทางสถิติที่ระดับ .01 เปน็ ไปตามสมมติฐานที่ตั้งไว้ และเมอ่ื พิจารณา เป็นรายคู่ โดยรวม พบวา่ ผู้ที่อยใู่ นโรงเรียนขนาดกลางมีความคิดเหน็ มากกวา่ ผู้ทีอ่ ยใู่ นโรงเรียนขนาดเลก็ อยา่ งมี นัยสาคัญทางสถิติทีร่ ะดับ ทั้งนอี้ าจเปน็ เพราะว่า โรงเรียนที่มีขนาดใหญ่กวา่ ได้รบั ปจั จยั ทางการบริหารมากกวา่ โรงเรียนที่มีขนาดเล็ก จึงทาให้มมุ มองที่มีต่อปัจจยั ทางการบริหารโดยภาพรวมมากว่า สอดคลอ้ งกบั ผลการวจิ ัยของ เมรินทกาล พฒั นทรัพย์พิศาล (2560, บทคดั ยอ่ ) ได้ทาการวจิ ยั เรือ่ งปัจจัยทางการบริหารที่สง่ ผลตอ่ ประสิทธิผล โรงเรียน สังกัดสานักงานเขตพน้ื ทีก่ ารศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต 23 พบวา่ ปจั จัยการบริหารของโรงเรียน ตามความ คิดเหน็ ของผู้บริหารและครูผู้สอน จาแนกตามขนาดโรงเรียน โดยรวมแตกต่างกนั อยา่ งมีนยั สาคญั ทางสถิตทิ ี่ระดบั .01 4. ประสิทธิผลโรงเรียน จาแนกตามสถานภาพการดารงตาแหนง่ พบว่า ทงั้ โดยรวมและรายด้านทุกด้าน ไมแ่ ตกตา่ งกนั ไมเ่ ป็นไปตามสมมตฐิ านทีต่ ั้งไว้ ท้ังนอี้ าจเป็นเพราะว่า ท้ังผู้บริหารและครผู ู้สอน ตา่ งมีความมงุ่ หวงั และตอ้ งการใหโ้ รงเรียนมปี ระสิทธิผล สอดคล้องกับผลการวจิ ยั ของ กรชนก แยม้ อทุ ัย (2557, บทคดั ยอ่ ) ได้ทาการ วจิ ยั เรือ่ งประสิทธิผลสถานศกึ ษาตามทรรศนะของบคุ ลากรทางการศกึ ษา พบวา่ ประสิทธิผลสถานศกึ ษาตาม ทรรศนะของบคุ ลากรทางการศกึ ษา เมื่อจาแนกตามตาแหนง่ หนา้ ทห่ี ลักในโรงเรียน พบวา่ ไมแ่ ตกตา่ งกนั และจาแนก ตามขนาดโรงเรียน พบวา่ ท้ังโดยรวมและรายด้านทกุ ด้าน แตกตา่ งกันอย่างมนี ยั สาคัญทางสถติ ทิ ีร่ ะดบั .01 เปน็ ไป ตามสมมตฐิ านที่ต้ังไว้ และเม่อื พิจารณาเป็นรายคู่ โดยรวม พบวา่ ผู้ที่อยใู่ นโรงเรียนขนาดกลางและโรงเรียนขนาด ใหญ่มีความคิดเห็นมากกวา่ ผู้ทอี่ ยู่ในโรงเรียนขนาดเลก็ อยา่ งมีนยั สาคญั ทางสถิตทิ ีร่ ะดบั ทั้งนอี้ าจเปน็ เพราะว่า ในโรงเรียนทีม่ ีขนาดใหญ่กวา่ มคี วามพร้อมในการจดั การศึกษา ทรัพยากรสนับสนนุ รวมไปถึงตวั นกั เรียนทีม่ ี ความพร้อมในการเรียนรู้มากกวา่ ในโรงเรียนขนาดเลก็ สอดคลอ้ งกับผลการวจิ ยั ของ ณรงฤทธิ์ นามเหลา (2560, บทคดั ยอ่ ) ได้ทาการวจิ ยั เรื่อง คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ของผบู้ ริหารโรงเรียนที่สง่ ผลตอ่ ประสิทธิผลโรงเรียน สงั กัดสานกั งานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต 23 พบวา่ ประสิทธิผลโรงเรียน ตามความคดิ เหน็ ของผู้บริหาร

111 โรงเรียน หัวหน้ากลุ่มงานและครผู ู้สอน จาแนกตามขนาดโรงเรียนที่ปฏบิ ตั งิ าน ทง้ั ภาพรวมและรายด้านแตกตา่ งกัน อย่างมนี ัยสาคัญทางสถิติทีร่ ะดบั .01 5. ปัจจยั ทางการบริหารของโรงเรียนโดยรวม (Xt) กบั ประสิทธิผลโรงเรียนโดยรวม (Yt) พบวา่ มคี วามสัมพนั ธ์ ทางบวก อยู่ในระดบั ปานกลาง อย่างมนี ยั สาคัญทางสถิติที่ระดบั .01 เป็นไปตามสมมติฐานที่ต้ังไว้ โดยมคี ่า สมั ประสิทธิ์สหสมั พนั ธ์ 0.633 ท้ังนอี้ าจเป็นเพราะว่าผู้บริหารโรงเรียนและครผู ู้สอน มีความเข้าใจและมีความคิดเหน็ ว่า ปจั จยั ทางการบริหารและประสิทธิผลโรงเรียนนั้นมคี วามสัมพนั ธ์กนั ทางบวก สอดคล้องกับผลการวจิ ยั ของ วราภรณ์ เนาเพช็ ร (2558, บทคัดยอ่ ) ได้ทาการวจิ ัยเรื่องความสมั พันธ์ระหว่างปจั จัยทางการบริหารกบั ประสิทธิผล สถานศกึ ษา สังกัดสานักงานเขตพ้นื ที่การศึกษาประถมศึกษาประทมุ ธานี เขต 1 พบวา่ ความสมั พันธ์ระหว่างปัจจัย ทางการบริหารกบั ประสิทธิผลสถานศกึ ษา สังกดั สานกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาประทุมธานี เขต 1 มคี วามสมั พันธ์กันสงู อย่างมนี ยั สาคัญทางสถิติทีร่ ะดับ .01 6. ปัจจัยทางการบริหารของโรงเรียน ท่นี ามาวิเคราะห์จานวน 8 ด้าน พบวา่ มีจานวน 4 ด้าน ท่สี ามารถ พยากรณ์ประสิทธิผลโรงเรียนได้ โดยมีนัยสาคญั ทางสถิติทีร่ ะดบั .01 จานวน 2 ด้าน ได้แก่ ดา้ นการพฒั นาทีมงาน (X8) และด้านการตดิ ตอ่ สอ่ื สาร (X4) และมีนัยสาคญั ทางสถิตทิ ีร่ ะดบั .05 จานวน 2 ด้าน คือ ด้านบรรยากาศและ วัฒนธรรมองค์การ (X1) และด้านการจงู ใจ (X5) ซึง่ ตัวแปรท้ัง 4 ด้านนี้ สามารถรว่ มกนั พยากรณป์ ระสิทธิผลโรงเรียน ได้ร้อยละ 46.80 และมคี วามคลาดเคลือ่ นมาตรฐานของการพยากรณ์เท่ากับ ± 0.20006 จากผลการวจิ ัยพบวา่ ตัวแปรที่มีอานาจพยากรณป์ ระสิทธิผลการบริหารงานบคุ คลในโรงเรียนได้ มีท้ังหมด 4 ด้าน ประกอบด้วย ด้าน บรรยากาศและวัฒนธรรมองค์การ ด้านการติดต่อส่อื สาร ดา้ นการจงู ใจ และดา้ นการพฒั นาทีมงาน ทง้ั น้ีอาจเปน็ เพราะว่าโรงเรียนที่ประสบความสาเร็จเกิดประสิทธิผลของโรงเรียนต้องอาศยั การพัฒนาทมี งาน ซึ่งการพัฒนาทมี งาน ในบริบทน้คี อื การพัฒนาครู ซึ่งการพัฒนาทีมงานเป็นการเพ่มิ พนู ความรู้ ทักษะ และประสบการณ์ เพื่อให้เปน็ ประโยชนต์ อ่ องค์การ การค้นหาวิธีการ และเคร่อื งมือตา่ งๆ ทจ่ี ะสร้างบรรยากาศในการทางานเพ่อื กระตุ้นให้ ทรัพยากรมนษุ ยม์ คี วามคิดริเริ่มสร้างสรรค์ให้มากท่สี ดุ เท่าที่เปน็ ไปได้ สร้างบรรยากาศองค์การให้เป็นองค์การ แห่งการเรียนรู้ และการเปลี่ยนค่านยิ มให้ถกู ต้องในเรือ่ งความรบั ผิดชอบ หากครไู ด้รับการพฒั นาแลว้ กย็ ่อมนาส่งิ ที่ พัฒนาลงสู่การจดั การเรียนการสอนให้ผู้เรียนเรียนรู้ได้อยา่ งเต็มศกั ยภาพของตวั ผู้เรียน เกิดผลสมั ฤทธิ์ที่สงู ข้นึ มคี ุณลกั ษณะที่ดี สอดคลอ้ งกับผลการวจิ ยั ของ ณฐั พงศ์ พลศรี (2556, บทคัดยอ่ ) ได้ทาการวจิ ัยเรือ่ งปจั จยั ทางการ บริหารทีส่ ง่ ผลตอ่ ประสิทธิผลของโรงเรียนในสังกดั เทศบาล จงั หวัดอุดรธานี พบวา่ ปัจจยั วฒั นธรรมโรงเรียน ปัจจัย เทคโนโลยี ปัจจัยบรรยากาศในโรงเรียน และปัจจัยงบประมาณ เปน็ ตัวพยากรณ์ที่สง่ ผลตอ่ ประสิทธิผลของโรงเรียน ในสงั กัดเทศบาล จังหวดั อดุ รธานที ีด่ ที ี่สุด อยา่ งมีนยั สาคญั ทางสถิตทิ ีร่ ะดบั .01 โดยมีคา่ สัมประสิทธิส์ หสมั พนั ธ์ พหคุ ูณเท่ากบั .863 มคี ่าอานาจการพยากรณ์ร้อยละ 74.50 ขอ้ เสนอแนะ 1. ขอ้ เสนอแนะในการนาผลการวิจัยไปใช้ 1.1 จากผลการวจิ ยั พบวา่ ปัจจยั ทางการบริหารของโรงเรียนที่มอี านาจในการพยากรณ์ประสทิ ธิผล โรงเรียน ในสังกัดสานกั งานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษาประถมศึกษาบงึ กาฬ มจี านวน 4 ด้าน โดยตวั แปรที่มีอานาจพยากรณด์ ี ทีส่ ดุ คือ ด้านการพัฒนาทมี งาน รองลงมาคือ ด้านการติดต่อส่อื สาร ด้านบรรยากาศและวัฒนธรรมองค์การและด้าน การจูงใจ ตามลาดบั ดงั นั้นควรมกี ารสง่ เสริมปจั จยั ทางการบริหารของโรงเรียนดา้ นดังกล่าวให้อยใู่ นระดบั มากถึงมาก ที่สดุ โดยการส่งเสริมและกระตนุ้ ให้บคุ ลากรพัฒนาตนเองให้มคี วามรู้ความสามารถเพือ่ เกิดประสิทธิผลโรงเรียน

112 1.2 จากผลการวิจัยพบวา่ ปัจจยั ทางการบริหารของโรงเรียนที่ส่งผลตอ่ ประสิทธิผลโรงเรียน โดยรวม และรายดา้ นอยู่ในระดับมาก ในการบริหารงานควรมกี ารเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจ และเสริมทกั ษะการพัฒนา ปัจจัยทางการบริหารของโรงเรียน เพอ่ื ให้สามารถนาไปพัฒนาประสิทธิผลโรงเรียนได้ 2. ข้อเสนอแนะสาหรับการทาวิจยั ครั้งต่อไป 2.1 ควรนาปจั จยั ทางการบริหารของโรงเรียนที่สง่ ผลตอ่ ประสิทธิผลโรงเรียน ไปทาการวจิ ยั ในรปู แบบ การวจิ ัยเชงิ ปฏบิ ตั กิ าร เพือ่ แก้ปญั หาและพัฒนาปัจจัยทางการบริหารของโรงเรียนทีส่ ง่ ผลตอ่ ประสิทธิผลโรงเรียน สังกดั สานักงานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษาประถมศึกษาบงึ กาฬ และเขตอื่นๆ ตอ่ ไป เอกสารอา้ งองิ กรชนก แย้มอทุ ัย. (2557). ประสิทธิผลสถานศกึ ษาตามทรรศนะของบุคลากรทางการศกึ ษา. การคน้ ควา้ อิสระ ศษ.ม. นครปฐม : มหาวทิ ยาลยั ศลิ ปากร. ณรงฤทธิ์ นามเหลา. (2560). คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ของผบู้ ริหารโรงเรียนที่สง่ ผลตอ่ ประสิทธิผลโรงเรียน สังกดั สานกั งานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษามัธยมศกึ ษา เขต 23. วิทยานพิ นธ์ ค.ม. สกลนคร : มหาวทิ ยาลัยราชภฏั สกลนคร. ณัฐพงศ์ พลศรี. (2556). ปจั จยั ทางการบริหารที่สง่ ผลตอ่ ประสิทธิผลของโรงเรียนในสังกัดเทศบาล จงั หวดั อุดรธานี. วทิ ยานพิ นธ์ ค.ม. อุดรธานี : มหาวทิ ยาลัยราชภัฏอุดรธานี. บุญชม ศรีสะอาด. (2556). การวจิ ัยเบือ้ งต้น. (พิมพค์ รงั้ ที่ 9). กรุงเทพฯ : สุวรี ิยาสาส์น. พรชัย เจดามานและคณะ. (2559). ยุทธศาสตร์การพฒั นาเพื่อการบริหารจดั การสู่การเปลี่ยนผ่านศตวรรษที่ 21 : ไทยแลนด์ 4.0. วารสารหลกั สูตรและการเรียนการสอนคณะครุศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยราชภฏั มหาสารคาม, 2(1), 1 – 14. พัชรารัตน์ แสงวงศ.์ (2556). ปจั จัยทางการบริหารที่สง่ ผลตอ่ การจดั การเรียนรู้ของครูเพ่ือเตรียมความพร้อมสคู่ วาม เปน็ ประชาคมอาเซียน สังกดั สานักงานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษาประถมศึกษาสกลนคร เขต 2. วทิ ยานพิ นธ์ ค.ม. สกลนคร : มหาวิทยาลยั ราชภฏั สกลนคร. เมรินทกาล พฒั นทรัพย์พิศาล. (2560). ปจั จัยการบริหารทีส่ ง่ ผลตอ่ ประสิทธิผลโรงเรียน สงั กดั สานักงานเขตพ้นื ที่ การศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต 23. วทิ ยานพิ นธ์ ค.ม. สกลนคร : มหาวิทยาลัยราชภฏั สกลนคร. วราภรณ์ เนาเพ็ชร. (2558). ปจั จัยทางการบริหารกบั ประสิทธิผลสถานศกึ ษา สงั กดั สานักงานเขตพ้นื ที่การศึกษา ประถมศึกษาประทมุ ธานี เขต 1. วทิ ยานพิ นธ์ ศษ.บ. ปทุมธานี : มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลธัญบรุ ี. วทิ ยา สวนกุหลาบ. (2558). ปัจจยั ที่สง่ ผลตอ่ ประสิทธิผลการจดั การศึกษาของสถานศึกษา สงั กดั สานกั งานเขตพ้นื ที่ การศึกษาประถมศึกษากาแพงเพชร เขต 1. วิทยานพิ นธ์ ค.ม. กาแพงเพชร : มหาวิทยาลัยราชภฏั กาแพงเพชร. วฒุ พิ ร ประทมุ พงษ์. (2556). ปัจจยั ทางการบริหารที่สง่ ผลตอ่ ประสิทธิผลของโรงเรียนขนาดเลก็ สงั กัดสานกั งานเขต พ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาอดุ รธานี เขต 3. วทิ ยานพิ นธ์ ศษ.ม. ขอนแก่น : มหาวิทยาลัยขอนแก่น. สานักงานคณะกรรมการศึกษาแห่งชาติ สานักนายกรัฐมนตรี. (2553). พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2553. กรุงเทพฯ : พริกหวานกราฟฟิค. สานกั งานปลัดกระทรวงศึกษาธกิ าร. (2559). แผนพัฒนาการศึกษาของกระทรวงศึกษาธกิ าร ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560 - 2564). กระทรวงศึกษาธกิ าร. สานกั งานเลขาธกิ ารสภาการศึกษา. (2560). แผนการศกึ ษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560 – 2579. กรงุ เทพฯ : พริกหวาน กราฟฟิค.

113 การพัฒนาศกั ยภาพครูในการจัดทาแผนปฏิบตั ิการของโรงเรยี นบ้านดงเสียว สังกดั สานกั งานเขตพืน้ ที่การศึกษาประถมศึกษาสกลนคร เขต 3 The Development of Teachers’ Potential in Creating Action Plans of Ban Dong Siao School under Sakon Nakhon Primary Educational Service Area 3 แสงบญุ เถาโคตรศรี * ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร.ไชยา ภาวะบุตร ** ดร.วีระวัฒน์ ดวงใจ *** บทคดั ย่อ การวจิ ัยครงั้ น้มี ีความมงุ่ หมายของการวจิ ยั เพอ่ื 1) ศกึ ษาสภาพและปัญหาในการจดั ทาแผนปฏบิ ตั กิ ารของ โรงเรียน 2) หาแนวทางในการพฒั นาศกั ยภาพครใู นการจัดทาแผนปฏบิ ัตกิ ารของโรงเรียน และ 3) ตดิ ตามผลในการ พัฒนาศกั ยภาพครูในการจัดทาแผนปฏิบตั กิ ารของโรงเรียน กลุ่มเป้าหมายของการวจิ ยั คร้ังนี้ คอื กลมุ่ ผู้ร่วมวจิ ยั จานวน 16 คน กลมุ่ ผใู้ ห้ขอ้ มูล และกลุ่มผู้นเิ ทศ จานวน 3 คน ใชว้ ธิ ีการวิจยั เชงิ ปฏบิ ตั กิ าร ประกอบด้วย 4 ข้ันตอน คือ 1) การวางแผน 2) การปฏบิ ัตกิ าร 3) การสงั เกตการณ์ 4) การสะท้อนกลบั ดาเนนิ การ 2 วงรอบ เครื่องมอื ที่ใชใ้ น การวจิ ัยได้แก่ แบบสมั ภาษณ์ แบบสอบถามและแบบสงั เกต การวเิ คราะห์ขอ้ มลู เชงิ ปริมาณ ใชค้ ่าสถิติ คา่ รอ้ ยละ ค่าเฉลีย่ ค่าสว่ นเบี่ยงเบนมาตรฐาน คา่ รอ้ ยละความก้าวหนา้ การวิเคราะห์ขอ้ มลู เชงิ คณุ ภาพ ใชก้ ารวเิ คราะห์ เชงิ เน้ือหา ผลการวจิ ัย พบวา่ 1. สภาพและปัญหาในการจดั ทาแผนปฏบิ ัตกิ ารของโรงเรียนบ้านดงเสียว ดังน้ี 1.1 สภาพในการจดั ทาแผนปฏบิ ัตกิ ารของโรงเรียนบ้านดงเสียว พบวา่ โรงเรียนบ้านดงเสียวมกี าร ดาเนนิ การจัดทาแผนปฏบิ ตั กิ ารทกุ ปกี ารศึกษาแต่มีแผนการดาเนนิ งานในการจดั ทาแผนปฏบิ ัตกิ ารไม่ชดั เจน ไมเ่ ป็นไปตามข้ันตอน 1.2 ปญั หาในการจัดทาแผนปฏบิ ัตกิ ารของโรงเรียนบ้านดงเสียว พบวา่ ครแู ละบคุ ลากรทางการ ศกึ ษายงั ขาดทักษะความรู้ ความเข้าใจในการจดั ทาแผนปฏบิ ตั กิ าร ทาใหใ้ นการจดั ทาแผนปฏบิ ตั กิ ารโรงเรียน ไมค่ รบตามขน้ั ตอน และชมุ ชนยังไมเ่ ข้าใจเรือ่ งการจดั ทาแผนปฏบิ ัตกิ ารโรงเรียนวา่ มีความสาคญั อย่างไร 2. แนวทางการพัฒนาศกั ยภาพครใู นการจัดทาแผนปฏบิ ตั กิ ารของโรงเรียนบ้านดงเสียว ได้แก่ 2.1 การศึกษาดงู าน 2.2 การประชมุ เชงิ ปฏบิ ตั กิ าร 2.3 การดาเนนิ งานการพัฒนาศกั ยภาพครูในการจดั ทาแผน ปฏบิ ัตกิ าร 2.4 การนเิ ทศภายใน 3. ผลการพัฒนาศกั ยภาพครใู นการจดั ทาแผนปฏบิ ัตกิ ารของโรงเรียนบ้านดงเสียว รายละเอยี ดดงั น้ี 3.1 การศึกษาดูงานการจัดทาแผนปฏบิ ัตกิ ารของโรงเรียนบ้านขวั ก่าย อาเภอวานรนวิ าส จังหวดั สกลนคร สงั กดั สานกั งานเขตพน้ื ที่การศึกษาประถมศึกษาสกลนคร เขต 3 เพ่อื ศึกษาดงู าน และผลงานของโรงเรียน เปน็ การกระตุ้นให้เกิดแนวคิดและสร้างความตระหนกั ในการดาเนินงานการจัดทาแผนปฏบิ ตั กิ ารของโรงเรียน ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันและนาแบบอย่างเพ่อื เปน็ แนวทางในการพัฒนางานต่อไป คาสาคัญ : การพัฒนาศักยภาพครู, แผนปฏิบตั ิการโรงเรียน * ครศุ าสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบรหิ ารการศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร ** อาจารย์ประจาหลกั สตู รครุศาสตรมหาบณั ฑิต และหลกั สตู รปรชั ญาดษุ ฎีบัณฑิต สาขาวิชาการบรหิ ารการศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร *** ข้าราชการบานาญ

114 3.2 การประชมุ เชงิ ปฏบิ ตั กิ าร เพ่อื พฒั นาศักยภาพครใู นการจัดทาแผนปฏบิ ัตกิ ารของโรงเรียนบ้านดง เสียว เพือ่ พัฒนาความรคู้ วามเข้าใจ เพิ่มทักษะในการจัดทาแผนปฏบิ ัตกิ าร โดยกลมุ่ ผู้ร่วมวจิ ยั มคี วามรู้ความเข้าใจ ก่อนการประชุมเชงิ ปฏบิ ัตกิ ารอยใู่ นระดบั น้อย ( X =2.32) และหลังจากการประชมุ เชงิ ปฏบิ ตั กิ าร กลุ่มผู้ร่วมวจิ ัย มคี วามรู้ ความเข้าใจเพิ่มขนึ้ ในระดับมาก ( X =4.32) มคี ่าร้อยละความกา้ วหนา้ เท่ากับ 74.63 3.3 การดาเนนิ งานการพัฒนาศกั ยภาพครใู นการจดั ทาแผนปฏบิ ตั กิ ารของโรงเรียนบ้านดงเสียว พบวา่ โดยภาพรวมหลงั การพฒั นาในวงรอบที่ 2 อยู่ในระดับมาก ( X =4.24) และในวงรอบที่ 1 อยู่ในระดบั น้อย ( X =2.07) มคี ่าร้อยละความกา้ วหนา้ เท่ากับ 74.06 3.4 การนเิ ทศภายในติดตามผลการดาเนนิ งานการจดั ทาแผนปฏบิ ัตกิ ารเพ่อื ช่วยเหลอื แนะนา และตดิ ตามผลการดาเนนิ งานการพัฒนาศักยภาพครูในการจัดทาแผนปฏบิ ตั กิ าร ABSTRACT The purposes of this study were 1) to investigate conditions and problems in creating school action plans; 2) to establish guidelines for developing teachers’ potential in creating school action plans; and 3) to follow up the effects after the intervention. The target group involved 16 co-researchers, informants, and three supervisors. The action research employed two-spirals of four phases of planning, action, observation and reflection. The research instruments comprised interview forms, a set of questionnaires, assessment forms, and observation forms. The quantitative data were analyzed through percentage, mean, standard deviation and percentage of progress. The content analysis was also employed to analyze qualitative data. The findings of this study were as follows: 1. The conditions and problems in creating school action plans of Ban Dong Siao School revealed that: 1.1 In terms of conditions, the school processed the action plans in every academic year, but the operational plan was not clear and systematical. 1.2 In terms of problems, teachers and staff faced a lack of knowledge and understanding in creating action plans, resulting in missing elements or steps in setting up school action plans. 2. The proposed guidelines for developing teachers' potential in creating action plans of Ban Dong Siao School involved: 2.1 a best practice visit, 2.2 a training workshop, 2.3 an implementation intervention concerning teacher potentiality development in creating action plans, and 2.4 an internal supervision. 3. The effects after teacher potentiality development in creating action Plans of Ban Dong Siao School were: 3.1 The best practice visit was held at Ban Kau Khai School, Wanonniwat district, Sakon Nakhon under the Office of Sakon Nakhon Primary Educational Service Area 3 with concentration of school work-related accomplishment to encourage teachers’ concepts and to build awareness in operating school action plans. Teachers also had opportunities to share experience and to put forward exemplary practices to develop guidelines for future work.

115 3.2 After the training workshop, the target group gained knowledge and understanding at a high level with the percentage of progress of 74.63, compared to pre-training mean scores with a low level. 3.3 The effects after teachers’ potentiality development in creating school action plans revealed that in the second spiral, the mean scores as a whole were rated at a high level, compared to a low level of mean scores in the first spiral. The percentage of progress was 74.06. 3.4 The internal supervision resulted in the teachers being helped, suggested being offered and followed for potentiality development in creating school action plans. Keywords : The Teachers’ Potentiality Development, School Action Plan. ภูมหิ ลัง ในการจัดทาแผนปฏบิ ัตกิ ารแตล่ ะครงั้ ก็เปน็ เพยี งการนาแผนเดิมมาปรับปรงุ ใหมเ่ พยี งเลก็ น้อย โดยหลกั การ แลว้ แทบจะไมไ่ ด้เปลีย่ นแปลงอะไรเลย กลยทุ ธ์ทีว่ างไวก้ ็ไมไ่ ด้ตรงตามนโยบายที่กาหนดออกมาใหม่ เม่อื มีการจดั ทา แผนปฏิบัตกิ ารแลว้ ก็ไมไ่ ด้ประชาสมั พันธ์ไปยงั ผู้มสี ่วนเกี่ยวข้องให้รบั ทราบ บคุ ลากรของโรงเรียนยงั ขาดความรู้ ความเข้าใจ ในระเบียบกฎหมาย วธิ ีการดาเนินงาน ทเ่ี กี่ยวข้องกบั การจดั ทาแผนปฏบิ ตั กิ ารของโรงเรียนบ้านดงเสียว โดยเฉพาะอยา่ งย่งิ ผู้ที่ปฏบิ ัตงิ านในดา้ นอ่นื ยิ่งไม่ใหค้ วามสาคัญในดา้ นการจัดทาแผนปฏบิ ัติการปล่อยให้เป็นหน้าที่ ของผู้บริหารและผู้จดั ทาแผนปฏบิ ัตกิ ารแตเ่ พยี งฝ่ายเดียว พฤติกรรมดังกลา่ วยอ่ มไมเ่ ป็นการบริหารงานแบบมี ส่วนร่วมและโปร่งใส ย่อมเปน็ ทีย่ ากต่อการตรวจสอบ อาจเสี่ยงตอ่ การทุจรติ ได้ (โรงเรียนบ้านดงเสียว, 2559, หนา้ 1-2) จากการประชุมครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษาโรงเรียนบ้านดงเสียวครั้งที่ 8/2557 วันที่ 18 สิงหาคม 2557 ทีป่ ระชมุ มีมตใิ ห้ครูและบุคลากรทางการศกึ ษาทุกคนตอ้ งเปน็ ผู้รับผิดชอบจดั ทาโครงการ อย่างนอ้ ยคนละ 1 โครงการ เพอ่ื ให้เกิดการมีสว่ นในการวางแผนพัฒนาการศกึ ษาข้ันพ้ืนฐานและแผนปฏบิ ัตกิ ารโรงเรียนบ้านดงเสียว จาตอ้ งมีการ พัฒนาครูให้มศี ักยภาพในการจดั ทาแผนปฏบิ ตั กิ ารแลว้ จึงจะสง่ ผลให้ครทู ราบ และตระหนกั ถงึ วสิ ัยทศั น์ของโรงเรียน และยึดเอาแผนดงั กล่าวไปปฏบิ ัตใิ ห้สาเร็จตามที่วางแผนเอาไว้ เพราะแผนปฏบิ ัตกิ ารที่ร่วมกนั จัดทาขึ้นนน้ั ย่อมคานึง ความสอดคล้องของนโยบายและมาตรฐานการศึกษาของโรงเรียน เมอ่ื ครูเป็นผู้จัดทาเองแล้ว ย่อมมคี วามเข้าใจ และสามารถปฏบิ ัตติ ามแผน ส่งผลให้เกิดการพฒั นาคุณภาพการศกึ ษาของโรงเรียน ทาให้การปฏบิ ัตงิ านของโรงเรียน สาเร็จตามวตั ถปุ ระสงค์ที่ตั้งไว้ ดังนนั้ ผู้วจิ ยั ซึง่ มีหนา้ ทร่ี บั ผิดชอบเกีย่ วกบั การจัดทาแผนปฏบิ ตั กิ ารโรงเรียนบ้านดงเสียวมาโดยตลอด จึงมคี วามสนใจท่จี ะศกึ ษาการพฒั นาศกั ยภาพครูในการจดั ทาแผนปฏบิ ตั กิ ารโรงเรียนบ้านดงเสียวและเพอ่ื ให้ครู ได้มีสว่ นร่วมในการจัดทาแผนปฏบิ ตั กิ ารให้มปี ระสิทธิภาพดียิง่ ข้นึ คาถามการวิจัย การวจิ ยั คร้ังนผี้ ู้วิจยั ได้ตั้งคาถามการวจิ ัยไว้ดงั น้ี 1. สภาพและปัญหาในการจดั ทาแผนปฏบิ ัตกิ ารโรงเรียนบ้านดงเสียว สังกัดสานกั งานเขตพ้ืนทกี่ ารศึกษา ประถมศึกษาสกลนคร เขต 3 เป็นอยา่ งไร 2. แนวทางการพฒั นาศกั ยภาพครูในการจัดทาแผนปฏบิ ตั กิ ารโรงเรียนบ้านดงเสียว สังกัดสานักงานเขต พ้ืนทีก่ ารศึกษาประถมศึกษาสกลนคร เขต 3 เปน็ อยา่ งไร

116 3. ผลของการพัฒนาศกั ยภาพครูในการจัดทาแผนปฏิบัตกิ ารโรงเรียนบ้านดงเสียว สังกัดสานกั งานเขต พ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาสกลนคร เขต 3 เปน็ อยา่ งไร ความมุง่ หมายของการวิจยั การวจิ ัยคร้ังนผี้ ู้วิจัยได้กาหนดความมงุ่ หมายของการวจิ ัยไวด้ งั น้ี 1. เพ่อื ศึกษาสภาพและปัญหาในการจัดทาแผนปฏบิ ตั กิ ารโรงเรียนบ้านดงเสียว สงั กดั สานกั งานเขตพ้นื ที่ การศึกษาประถมศึกษาสกลนคร เขต 3 2. เพอ่ื หาแนวทางการพฒั นาศักยภาพครูในการจดั ทาแผนปฏบิ ัตกิ ารโรงเรียนบ้านดงเสียว สังกัดสานักงานเขตพ้นื ที่การศึกษาประถมศึกษาสกลนคร เขต 3 3. เพอ่ื ศึกษาผลของการพัฒนาศกั ยภาพครูในการจัดทาแผนปฏบิ ัตกิ ารโรงเรียนบ้านดงเสียว สงั กัดสานักงานเขตพ้นื ที่การศึกษาประถมศึกษาสกลนคร เขต 3 กรอบแนวคดิ การวิจยั ผู้วิจยั ไดก้ าหนดกรอบแนวคิดการวิจยั รายละเอยี ดดังภาพประกอบ 1 วงรอบท่ี 2 วงรอบที่ 1 1. ไดท้ ราบปญั หาด้านการจดั ทาแผนปฏิบัติการ 2. ไดแ้ นวทางการพัฒนาศักยภาพครูในการจัดทา ขั้นที่ 1 ขั้นวางแผน (Planning) แผนปฏิบตั ิการของโรงเรียนบ้านดงเสยี ว ประชมุ วิเคราะห์เกีย่ วกับปญั หาการจดั ทาแผนปฏิบตั ิ การโรงเรียนบ้านดงเสียวและหาแนวทางการพฒั นา 1. ไดแ้ นวทางการปฏิบตั ิงานจากโรงเรียนที่ศกึ ษาดงู าน ศักยภาพครใู นการจดั ทาแผนปฏบิ ตั ิการของโรงเรียน 2. มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกบั จดั ทาแผนปฏิบัติการ บ้านดงเสียว 3. ไดค้ าแนะนาในการจัดทาแผนไปเป็นแนวทางในการ จดั ทาแผน ข้ันที่ 2 ข้ันการปฏิบัติการ (Action) ดาเนินการวิจัยตามแผนทีว่ างไว้คือ 1. การศึกษาดงู าน 2. การประชมุ เชิงปฏบิ ัติการ 3. การนิเทศติดตามหลงั จากการประชมุ เชิงปฏิบตั ิการ ขั้นที่ 3 ข้ันการสังเกตการณ์ (Observation) ไดท้ ราบผลการการพัฒนาศกั ยภาพครู ตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงที่เกดิ ขึน้ ใน ในการจัดทาแผนปฏิบัตกิ ารโรงเรียนบ้านดงเสียว แต่ละกิจกรรมด้วยความรอบคอบโดยอาศัยเครื่องมือ ในการเก็บรวบรวมข้อมลู ขั้นที่ 4 ข้ันการสะท้อนกลับ (Reflection) 1. ทราบระดับความรคู้ วามเขา้ ใจการจดั ทาแผนปฏิบัติ สอบถามความคดิ เหน็ และการสะท้อนผลการพฒั นา การโรงเรียนบ้านดงเสียว ศักยภาพครูในการจัดทาแผนปฏบิ ัติการโรงเรียน 2. ผลการพัฒนาความสามารถในการจัดทา บ้านดงเสียว แผนปฏิบัติการของครโู รงเรียนบ้านดงเสียว ภาพประกอบ 1 กรอบแนวคิดการวิจยั

117 วิธีดาเนนิ การวิจัย ประชากรและกลุ่มตวั อยา่ ง การวจิ ัยคร้ังนผี้ ู้วิจัยได้กาหนดขอบเขตของการวจิ ยั รายละเอียดดงั นี้ 1. กลมุ่ ผ้รู ว่ มวิจัย การพฒั นาศกั ยภาพครใู นการจัดทาแผนปฏบิ ัตกิ ารของโรงเรียนบ้านดงเสียว ครง้ั น้ีมีกลมุ่ ผู้ร่วมวจิ ัย จานวน 16 คน ประกอบด้วย 1) ผู้วิจัย จานวน 1 คน 2) ครูและบุคลากรทางการศกึ ษา ผู้มีสว่ นร่วมในการจัดทาแผนและรว่ มเสนอโครงการของโรงเรียน จานวน 15 คน 2. กลมุ่ ผใู้ หข้ อ้ มลู กลุ่มผู้มสี ่วนได้สว่ นเสียของโรงเรียน จานวน 2 คน ประกอบด้วย 1) ประธาน คณะกรรมการสถานศึกษา จานวน 1 คน 2) ผู้อานวยการโรงเรียน จานวน 1 คน 3. กลมุ่ ผนู้ เิ ทศ มกี ลุ่มผู้นิเทศ จานวน 3 คน ประกอบด้วย 1) ประธานกรรมการสถานศึกษา ข้ันพ้ืนฐาน จานวน 1 คน 2) ผู้บริหารโรงเรียน จานวน 1 คน และ 3) หัวหนา้ ฝ่ายแผนและงบประมาณ จานวน 1 คน เครื่องมอื ทใี่ ช้ในการเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล 1. แบบสัมภาษณแ์ บบมโี ครงสร้าง สภาพ ปัญหาและแนวทางการพฒั นาศักยภาพครใู นการจดั ทา แผนปฏิบัตกิ ารของโรงเรียนบ้านดงเสียว สงั กดั สานกั งานเขตพน้ื ทีก่ ารศึกษาประถมศึกษาสกลนคร เขต 3 2. แบบสัมภาษณแ์ บบมโี ครงสร้าง การศึกษาดูงานการจดั ทาแผนปฏบิ ตั กิ ารของโรงเรียนบ้านขวั ก่าย สังกัดสานักงานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษาประถมศึกษาสกลนคร เขต 3 3. แบบประเมินความพงึ พอใจในการศึกษาดูงาน การพฒั นาศักยภาพครูในการจดั ทาแผนปฏบิ ตั กิ าร ของโรงเรียนบ้านขัวก่าย สงั กัดสานักงานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษาประถมศึกษาสกลนคร เขต 3 4. แบบประเมินความรู้ ความเข้าใจก่อนและหลงั การประชุมเชงิ ปฏบิ ตั กิ าร การจัดทาแผนปฏบิ ตั กิ าร ของโรงเรียนบ้านดงเสียว สงั กัดสานกั งานเขตพ้ืนทีก่ ารศึกษาประถมศึกษาสกลนคร เขต 3 5. แบบประเมินผลการพฒั นาศกั ยภาพครูในการจดั ทาแผนปฏบิ ตั กิ ารของโรงเรียนบ้านดงเสียว สังกัดสานักงานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษาประถมศึกษาสกลนคร เขต 3 6. แบบสังเกต การพัฒนาศักยภาพครูในการจัดทาแผนปฏบิ ตั กิ ารของโรงเรียนบ้านดงเสียว สังกดั สานกั งานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษาประถมศึกษาสกลนคร เขต 3 โดยกลุ่มผู้นเิ ทศ วิธีการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู 1. วิธีรวบรวมขอ้ มลู ดงั นี้ 1.1) ศึกษาสภาพและปัญหาของครูในการจดั ทาแผนปฏบิ ัตกิ ารของโรงเรียน 1.2) ศึกษาดงู าน 1.3) ประชมุ เชิงปฏบิ ัตกิ าร 1.4) ประชุมวางแผนปฏบิ ตั กิ ารในการจัดทาแผนปฏบิ ตั กิ ารของโรงเรียน สถิตทิ ใี่ ช้ในการวิเคราะห์ขอ้ มลู 1. สถิติที่ใชใ้ นการวิเคราะห์ขอ้ มลู ประกอบด้วย 1.1) ค่าความเที่ยงตรงเชงิ เน้อื หา 1.2) ค่าร้อยละ 1.3) ค่าเฉลีย่ 1.4) ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน 1.5) คา่ รอ้ ยละความกา้ วหนา้ สรปุ ผลการวิจัย 1. สภาพและปญั หาในการจดั ทาแผนปฏบิ ตั กิ ารของโรงเรียนบ้านดงเสียว สงั กัดสานักงานเขตพน้ื ทีก่ ารศึกษา ประถมศึกษาสกลนคร เขต 3 ดงั น้ี

118 1.1 สภาพในการจดั ทาแผนปฏบิ ตั กิ ารของโรงเรียนบ้านดงเสียว พบวา่ โรงเรียนบ้านดงเสียวมกี าร ดาเนนิ การจัดทาแผนปฏบิ ตั กิ ารทุกปกี ารศึกษา แตม่ แี ผนการดาเนนิ งานในการจดั ทาแผนปฏบิ ัตกิ ารไม่ชัดเจน ไมเ่ ปน็ ไปตามข้ันตอน 1.2 ปญั หาในการจัดทาแผนปฏบิ ตั กิ ารของโรงเรียนบ้านดงเสียว พบวา่ ครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษา ยงั ขาดทกั ษะความรู้ ความเข้าใจในการจัดทาแผนปฏิบัตกิ าร ทาให้ในการจดั ทาแผนปฏบิ ัตกิ ารโรงเรียนไม่ครบตาม ข้ันตอน และชุมชนยงั ไม่เข้าใจเรอื่ งการจัดทาแผนปฏบิ ัตกิ ารโรงเรียนวา่ มีความสาคัญอย่างไร 2. แนวทางการพฒั นาศักยภาพครใู นการจดั ทาแผนปฏบิ ัตกิ ารของโรงเรียนบ้านดงเสียว สังกดั สานักงานเขต พ้ืนทีก่ ารศึกษาประถมศึกษาสกลนคร เขต 3 ประกอบไปด้วย 2.1 การศึกษาดงู านการจัดทาแผนปฏบิ ัตกิ ารของโรงเรียนบ้านขวั ก่าย อาเภอวานรนวิ าส จงั หวดั สกลนคร สงั กัดสานกั งานเขตพน้ื ที่การศึกษาประถมศึกษาสกลนคร เขต 3 เพอ่ื ศึกษาดูงาน และผลงานของโรงเรียน เปน็ การกระตุ้นให้เกิดแนวคิดและสร้างความตระหนกั ในการดาเนินงานการจัดทาแผนปฏบิ ตั กิ ารของโรงเรียน ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันและนาแบบอย่างเพอ่ื เป็นแนวทางในการพัฒนางานต่อไป 2.2 การประชุมเชงิ ปฏิบัตกิ าร เพอ่ื พฒั นาศักยภาพครูในการจดั ทาแผนปฏบิ ัตกิ ารของโรงเรียนบ้าน ดงเสียว เพ่อื พฒั นาความรคู้ วามเข้าใจ เพิม่ ทกั ษะในการจดั ทาแผนปฏิบัตกิ าร โดยกลมุ่ ผู้ร่วมวจิ ยั มคี วามรู้ความเข้าใจ ก่อนการประชุมเชงิ ปฏบิ ตั กิ ารอยใู่ นระดับน้อย ( X =2.32) และหลงั จากการประชุมเชงิ ปฏบิ ัตกิ าร กลุ่มผู้ร่วมวจิ ัย มคี วามรู้ ความเข้าใจเพิม่ ขนึ้ ในระดับมาก ( X =4.32) มคี ่าร้อยละความกา้ วหนา้ เท่ากับ 74.63 2.3 การดาเนนิ งานการพฒั นาศกั ยภาพครูในการจัดทาแผนปฏบิ ตั กิ ารของโรงเรียนบ้านดงเสียว สงั กัดสานกั งานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษาประถมศึกษาสกลนคร เขต 3 2.4 การนิเทศภายในติดตามผลการดาเนนิ งานการจดั ทาแผนปฏบิ ัตกิ ารเพ่อื ช่วยเหลอื แนะนาและติดตาม ผลการดาเนนิ งานการพัฒนาศกั ยภาพครใู นการจดั ทาแผนปฏบิ ัตกิ าร 3. ผลการพัฒนาศักยภาพครใู นการจดั ทาแผนปฏบิ ัตกิ ารของโรงเรียนบ้านดงเสียว สังกัดสานกั งานเขตพ้ืนที่ การศึกษาประถมศึกษาสกลนคร เขต 3 ผลการพัฒนา พบวา่ โดยภาพรวมหลังการพฒั นาในวงรอบที่ 2 อยู่ในระดับมาก ( X =4.24) และในวงรอบที่ 1 อยู่ในระดบั น้อย ( X =2.07) มคี ่าร้อยละความก้าวหนา้ เท่ากบั 74.06 อภปิ รายผลการวิจยั 1. การศึกษาสภาพและปญั หาในการจัดทาแผนปฏบิ ตั กิ ารของโรงเรียน ผู้วิจยั ได้ศึกษาข้อมลู เบือ้ งต้นของ โรงเรียนบ้านดงเสียว จากคู่มอื การจดั ทาแผนปฏบิ ตั กิ ารประจาปขี องสถานศึกษา รายงานผลการประเมินคณุ ภาพ การศึกษา (สมศ.) รอบสาม และเอกสารอืน่ ๆ ทีเ่ กี่ยวข้องกับการบริหารงานดา้ นการจัดทาแผนปฏบิ ตั กิ ารของโรงเรียน และสมั ภาษณ์ ครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษา พบวา่ 1.1 ด้านสภาพในการจัดทาแผนปฏบิ ัตกิ ารของโรงเรียนบ้านดงเสียว พบวา่ โรงเรียนบ้านดงเสียวมกี าร ดาเนนิ การจดั ทาแผนปฏบิ ัตกิ ารทกุ ปกี ารศึกษา แตม่ แี ผนการดาเนนิ งานในการจัดทาแผนปฏบิ ัตกิ ารไม่ชดั เจน ไมเ่ ปน็ ไปตามข้ันตอนซึง่ มคี วามสอดคล้องกับงานวิจยั ของ ผราวุธ แสนโสม (2555, บทคดั ยอ่ ) ได้ทาการศกึ ษา เพอ่ื พัฒนาแผนกลยทุ ธ์และแผนปฏบิ ัตกิ ารโรงเรียนดอนเสียวแดงพทิ ยาคม สังกัดสานกั งานเขตพ้ืนทีก่ ารศึกษา มัธยมศกึ ษา เขต 22 พบวา่ 1) สภาพการจดั ทาแผนกลยุทธ์ และแผนปฏิบัตกิ ารโรงเรียนดอนเสียวแดงพทิ ยาคม พบวา่ สภาพปัจจุบัน คณะกรรมการสถานศึกษาข้ันพนื้ ฐานมีส่วนร่วมในการพัฒนาแผนกลยุทธ์และแผนปฏบิ ัตกิ ารโรงเรียน อยู่ในระดบั น้อย และมีความสอดคล้องกับงานวิจยั ของ Henderson (2000, pp. 611-1A อา้ งถึงใน ผราวธุ แสนโสม,

119 2555, หนา้ 81) ได้ศึกษาเชงิ ลึกเกีย่ วกบั บทบาทหน้าที่ของคณะกรรมการในการพฒั นาและการนาแผนปฏิบัตกิ ารไปใช้ ในโรงเรียนประถมศึกษา แผนบรู ณาการเปน็ เอกสารที่จดั ทาขึ้นเปน็ รายโรง โดยระบุถึงแหลง่ ข้อมูลเพอ่ื สร้าง และกาหนดเป้าหมายในการปรับปรงุ โรงเรียน ซึง่ ในงานวิจัยนบี้ อกแนวทางทค่ี ณะกรรมการจะมสี ่วนร่วมในการ วางแผน และค้นหากระบวนการที่จะทาให้คณะกรรมการบรรลุตามเป้าหมายและวตั ถุประสงค์ โดยการสังเกต และสมั ภาษณใ์ นโรงเรียน การศกึ ษา พบวา่ 1) ครผู ู้สอนมภี าระงานมาก ไมม่ เี วลาไปปรึกษาคณะกรรมการเพ่อื ดาเนนิ การตามแผน 2) ในประเด็นครูและผู้ปกครองได้รบั การฝกึ อบรมเกี่ยวกับแผนของโรงเรียน พบวา่ อยู่ในระดับ นอ้ ย หรอื ไม่ได้รับการฝึกอบรมเลย ทาให้ขาดความเข้าในในวัตถปุ ระสงค์ของแผน 1.2 ด้านปัญหาในการจดั ทาแผนปฏบิ ตั กิ ารของโรงเรียนบ้านดงเสียว พบวา่ ครแู ละบคุ ลากรทางการ ศกึ ษายังขาดทักษะความรู้ ความเข้าใจในการจดั ทาแผนปฏบิ ตั กิ าร ทาใหใ้ นการจัดทาแผนปฏบิ ัตกิ ารโรงเรียนไม่ครบ ตามขน้ั ตอน และชมุ ชนยังไมเ่ ข้าใจเรื่องการจดั ทาแผนปฏบิ ตั กิ ารโรงเรียนวา่ มีความสาคัญอย่างไร ซึ่งสอดคล้องกับ งานวจิ ัยของ ผราวุธ แสนโสม (2555, บทคดั ยอ่ ) ได้ทาการศึกษาเพือ่ พฒั นาแผนกลยทุ ธ์และแผนปฏบิ ัตกิ ารโรงเรียน ดอนเสียวแดงพทิ ยาคม สังกดั สานักงานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษามัธยมศกึ ษา เขต 22 พบวา่ 1) สภาพการจดั ทาแผนกลยทุ ธ์ และแผนปฏบิ ัตกิ ารโรงเรียนดอนเสียวแดงพิทยาคม พบวา่ สภาพปัจจบุ ัน คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพนื้ ฐาน มสี ่วนร่วมในการพัฒนาแผนกลยุทธ์และแผนปฏบิ ตั กิ ารโรงเรียนอยใู่ นระดบั น้อย ส่วนปัญหาการพฒั นาแผนกลยทุ ธ์ และแผนปฏบิ ตั กิ ารโรงเรียนดอนเสียวแดงพิทยาคม พบวา่ เจ้าหน้าที่ไม่เข้าใจบทบาทในการพฒั นาแผนกลยุทธ์ และแผนปฏบิ ตั กิ ารโรงเรียน สอดคล้องกับงานวิจัยของ เกษมณี ชยั สิทธิ์วาทนิ (2553, บทคัดยอ่ ) ได้ศึกษาปญั หา การวางแผนปฏิบตั กิ ารประจาปขี องสถานศึกษาสังกัดสานกั งานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษาระยอง เขต 2 พบวา่ 1) ปญั หาการ วางแผนปฏบิ ตั กิ ารประจาปขี องสถานศกึ ษาสังกัดสานักงานเขตพ้ืนทีก่ ารศึกษาระยอง เขต 2 โดยรวมและรายด้าน ทกุ ด้านได้แก่ขน้ั การวางแผนขนั้ การปฏบิ ตั ติ ามแผนขั้นการตรวจสอบและประเมินผลข้ันการปรบั ปรงุ แก้ไขทกุ ด้าน มปี ัญหาอยู่ในระดบั ปานกลาง 2) การเปรียบเทียบปญั หาการวางแผนปฏบิ ตั กิ ารประจาปขี องสถานศกึ ษาโดยรวม และรายดา้ นพบวา่ ปัญหาการวางแผนปฏบิ ัตกิ ารประจาปขี องสถานศกึ ษาจาแนกตามสถานภาพวุฒิการศึกษา ประสบการณ์และขนาดสถานศกึ ษาไม่แตกตา่ งกัน และสอดคลอ้ งกับงานวจิ ยั ของ Henderson (2000, pp. 611-1A อา้ งถึงใน ผราวธุ แสนโสม, 2555, หน้า 81) ได้ศึกษาเชิงลกึ เกย่ี วกบั บทบาทหน้าที่ของคณะกรรมการในการพฒั นา และการนาแผนปฏบิ ัตกิ ารไปใชใ้ นโรงเรียนประถมศึกษา แผนบรู ณาการเปน็ เอกสารทีจ่ ดั ทาขึ้นเป็นรายโรง โดยระบถุ ึง แหลง่ ข้อมลู เพอ่ื สร้างและกาหนดเป้าหมายในการปรบั ปรงุ โรงเรียน ซึง่ ในงานวจิ ยั น้ีบอกแนวทางทีค่ ณะกรรมการ จะมสี ่วนร่วมในการวางแผน และค้นหากระบวนการทีจ่ ะทาให้คณะกรรมการบรรลตุ ามเป้าหมายและวัตถุประสงค์ โดยการสังเกตและสัมภาษณใ์ นโรงเรียน การศกึ ษาพบวา่ 1) ครผู ู้สอนมภี าระงานมาก ไมม่ เี วลาไปปรึกษา คณะกรรมการเพ่อื ดาเนนิ การตามแผน 2) ในประเดน็ ครแู ละผู้ปกครองได้รับการฝึกอบรมเกี่ยวกบั แผนของโรงเรียน พบวา่ อยู่ในระดบั น้อย หรือไมไ่ ด้รับการฝึกอบรมเลย ทาให้ขาดความเข้าในในวตั ถุประสงค์ของแผน 2. การหาแนวทางพัฒนาศกั ยภาพครูในการจัดทาแผนปฏบิ ตั กิ ารของโรงเรียนบ้านดงเสียว สงั กดั สานักงาน เขตพ้นื ที่การศึกษาประถมศึกษาสกลนคร เขต 3 ผู้วจิ ัยและกลมุ่ ผู้ร่วมวจิ ัยได้ลงมติร่วมกันใชแ้ นวทางการพฒั นา ทีป่ ระกอบไปด้วย 1) ศึกษาดูงาน 2) จดั การประชุมเชงิ ปฏบิ ัตกิ าร 3) ดาเนนิ งานการจัดทาแผนปฏบิ ตั กิ าร และ 4) การนิเทศภายในเพื่อตดิ ตามผลการจดั ทาแผนปฏบิ ัตกิ าร จึงประสบผลสาเรจ็ ตามความมงุ่ หมายที่กาหนดไว้ ซึง่ สอดคลอ้ งกบั งานวจิ ัยของ วณิช นิรันตรานนท์ และ Gahavong (2550, บทคดั ยอ่ ) ได้ทาการศึกษาเรื่อง การพฒั นา บคุ ลากรเกีย่ วกับการจัดทาแผนงบประมาณ สถาบันการพลศึกษาวิทยาเขตอุดรธานี พบวา่ ผู้ศึกษาค้นควา้ ได้ ดาเนนิ การพฒั นาบคุ ลากรเกี่ยวกบั การจัดทาแผนงบประมาณ โดยใชก้ ลยุทธ์ การประชมุ เชงิ ปฏิบัตกิ ารและการนเิ ทศ กากบั ตดิ ตาม การพฒั นาในวงรอบที่ 1 ใชก้ ลยทุ ธ์การประชุมเชิงปฏบิ ตั กิ ารเพอ่ื ให้กลุ่มผู้ร่วมศึกษาค้นควา้ เกดิ การ

120 เรียนรู้ควบคู่การปฏบิ ตั จิ รงิ มคี วามรู้ ความเข้าใจเกีย่ วกับการจดั ทาแผนงบประมาณเพิ่มมากขึ้นและสามารถนาความรู้ ที่ได้ไปจดั ทาคู่มอื เกี่ยวกับขน้ั ตอนการจัดทาแผนงบประมาณของสถานศกึ ษาได้ และใชก้ ลยทุ ธ์การนิเทศ กากบั ตดิ ตาม เพ่อื ให้กลุ่มผู้ร่วมศึกษาค้นควา้ มคี วามรู้ความเข้าใจทไ่ี ด้มาใชใ้ นการปฏบิ ตั งิ านได้อย่างถกู ต้องและจดจาข้ันตอนการ จัดทาแผนงบประมาณได้อยา่ งแมน่ ยายิง่ ขนึ้ ยกเว้นการกาหนดขอ้ มูลพ้ืนฐานเพ่อื เตรียมการในหัวขอ้ การกาหนด เป้าหมายห้องเรียน ห้องพเิ ศษและสิ่งก่อสร้างการกาหนดครุภณั ฑ์ทีข่ าดแคลนจงึ ได้ดาเนินการ การพัฒนาในวงรอบ ที่ 2 พบว่า กลุ่มผู้ศึกษาค้นควา้ ได้นาความรคู้ วามเข้าใจท่ไี ด้รับจากการฝกึ ปฏิบตั ใิ นดา้ นการกาหนดขอ้ มูลหอ้ งเรียน ห้องพเิ ศษ และสิ่งกอ่ สร้าง การกาหนดครภุ ณั ฑ์ขาดแคลนมาใชไ้ ด้อยา่ งถกู ตอ้ ง การวเิ คราะห์ตวั เลขความตอ้ งการ ความขาดแคลนมคี วามถกู ต้อง ทาให้การจดั ทากรอบงบประมาณรายจา่ ยลว่ งหน้าระยะปานกลางมีความสมบรู ณ์ ถูกต้อง สอดคล้องกับงานวจิ ัยของงานวิจยั ต่างประเทศของ Bugg (2000, pp. 6111-A อา้ งถึงใน ผราวุธ แสนโสม, 2555, หนา้ 81) ได้ทาการศึกษาเรือ่ ง การประกนั คณุ ภาพและการวางแผน ส่งเสริมเสริมการแก้ไขในโรงเรียน มัธยมศกึ ษาอลิ ีนอยส์ ผลการศึกษาพบวา่ มกี ารวางแผนสง่ เสริมและชว่ ยพฒั นาระบบการเรียน ในการประกนั คุณภาพการศึกษา ของโรงเรียนมธั ยมอลิ ีนอยส์และมีการกาหนดขอบเขตการปฏบิ ัตงิ านให้เกิดประโยชนใ์ น กระบวนการประกันคุณภาพการศกึ ษา ผลจากการศกึ ษาวจิ ยั จะมีขอ้ ปฏบิ ตั อิ ยู่ 3 ระยะ คือ จะมกี ารปฏบิ ตั ริ ่วมกนั การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึง่ กันและกัน จากการร่วมประชมุ ผู้บริหารสถานศกึ ษา จะเปน็ ผู้พจิ ารณาเอกสารของ โรงเรียนทั้งคณุ ภาพภายในและคณุ ภาพภายนอก การรายงานมกี ารตง้ั คาถามเกี่ยวกบั การส่งเสริมแผนพฒั นาโรงเรียน และตอ้ งรวมขอ้ มลู ให้แล้วเสร็จภายใน 6 วนั โดยนาข้อมูลเล่านนั้ เสนอตอ่ คณะกรรมการให้ลงนามเห็นชอบในการ ประชมุ คณะกรรมการโรงเรียน จากแนวทางพัฒนาศักยภาพครูในการจดั ทาแผนปฏบิ ตั กิ ารของโรงเรียนบ้านดงเสียว สงั กดั สานกั งานเขต พ้ืนทีก่ ารศึกษาประถมศึกษาสกลนคร เขต 3 ทาให้เกิดการมสี ่วนร่วมของคณะครแู ละบคุ ลกรทางการศกึ ษา คณะกรรมการสถานศึกษาและชุมชนในการจดั ทาแผนปฏบิ ัตกิ ารของโรงเรียน ให้การสนับสนุน ส่งเสริมสถานศกึ ษา ในดา้ นตา่ งๆ เพอ่ื ให้เกิดคณุ ภาพการจดั การศึกษาของสถานศกึ ษาเป็นไปตามความคาดหวงั ของชมุ ชน และคณะครู และบุคคลกรทางการศกึ ษา คณะกรรมการสถานศึกษาและชุมชนมกี ารรบั รู้และเขา้ ใจในเรือ่ งการจดั ทาแผนปฏบิ ัติ การหรือเรื่องของแผนปฏบิ ตั กิ ารของโรงเรียนมากขึน้ ครูและบุคลากรทางการศกึ ษาได้รบั คาแนะนาอย่างใกล้ชิด จากการนเิ ทศภายในเพือ่ ตดิ ตามผลการดาเนนิ งานการจดั ทาแผนปฏบิ ตั กิ ารของโรงเรียน 3. ผลการพัฒนาศักยภาพครูในการจัดทาแผนปฏบิ ัตกิ ารของโรงเรียนบ้านดงเสียว จากการเปรียบเทียบผล การพัฒนาศักยภาพครูในการจดั ทาแผนปฏบิ ตั กิ ารของโรงเรียนทั้ง 2 วงรอบ พบว่า ในวงรอบที่ 1 มรี ะดบั คุณภาพของ ผลการดาเนนิ งานโดยภาพรวมอยใู่ นระดับน้อย ( X =2.07) ผลการพัฒนาในวงรอบที่ 2 พบวา่ มรี ะดับคุณภาพ โดยภาพรวมอยใู่ นระดับมาก ( X =4.24) เมอ่ื พิจารณาผลการดาเนนิ งานทั้ง 2 วงรอบแลว้ ปรากฏว่ามคี ่าร้อยละ ความก้าวหนา้ ของการพฒั นาศกั ยภาพครูในการจดั ทาแผนปฏบิ ัตกิ ารของโรงเรียนบ้านดงเสียว เท่ากบั 74.06 ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจยั ของ ผราวุธ แสนโสม (2555, บทคดั ยอ่ ) ได้ทาการศกึ ษาเพ่อื พัฒนาแผนกลยุทธ์ และแผน ปฏบิ ตั กิ ารโรงเรียนดอนเสียวแดงพทิ ยาคม สงั กัดสานกั งานเขตพ้ืนทีก่ ารศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต 22 พบวา่ 1) สภาพ การจัดทาแผนกลยุทธ์ และแผนปฏบิ ัตกิ ารโรงเรียนดอนเสียวแดงพทิ ยาคม พบวา่ สภาพปจั จบุ ัน คณะกรรมการ สถานศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน มีสว่ นร่วมในการพฒั นาแผนกลยุทธ์และแผนปฏิบตั กิ ารโรงเรียนอยใู่ นระดับน้อย ส่วนปัญหา การพัฒนาแผนกลยุทธ์และแผนปฏบิ ตั กิ ารโรงเรียนดอนเสียวแดงพทิ ยาคม พบวา่ เจ้าหน้าที่ไม่เขา้ ใจบทบาทในการ พัฒนาแผนกลยทุ ธ์ และแผนปฏบิ ัตกิ ารโรงเรียน 2) การพฒั นาแผนกลยุทธ์และแผนปฏบิ ัตกิ าร ประกอบด้วย การวเิ คราะห์ เอกสารที่เกีย่ วกบั การดาเนินงานแผนกลยทุ ธ์และแผนปฏิบัตกิ าร การสัมภาษณ์ ศกึ ษาดูงานโรงเรียน ตวั อยา่ งจานวน 2 โรงเรียน การประชุมครู การพฒั นาแผนกลยทุ ธ์และแผนปฏบิ ตั กิ ารดว้ ยโครงการอบรมเชงิ

121 ปฏบิ ตั กิ ารดา้ นที่มีให้แก่คณะครใู นโรงเรียน 3) ผลการพัฒนาแผนกลยุทธ์และแผนปฏบิ ัตกิ ารโรงเรียน พบวา่ ด้านการ ปรบั เปลี่ยนการดาเนนิ งาน โดยรวมอยใู่ นระดบั มาก ด้านความพงึ พอใจต่อการดาเนนิ งานตามความเหน็ ของ ผู้รับบริการ โดยรวมอยใู่ นระดับมาก และดา้ นผลการตรวจสอบ การดาเนนิ งานแผนกลยุทธ์และแผนปฏบิ ัตกิ าร จากหน่วยตรวจสอบภายใน สานักงาน เขตพ้ืนที่การศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต 22 โดยรวมอยใู่ นระดับมาก ผลการ ดาเนนิ งานตามข้ันตอนต่างๆ ทาให้งานแผนกลยทุ ธ์และแผนปฏบิ ตั กิ ารโรงเรียนพฒั นาขึ้นและคณะครูในโรงเรียน ก็ได้รับการพฒั นาศักยภาพดา้ นงานแผนงานเพม่ิ ข้ึน สอดคล้องกับงานวิจัยของ วณิช นิรนั ตรานนท์ และ Gahavong (2550, บทคดั ยอ่ ) ได้ทาการศกึ ษาเรื่อง การพฒั นาบุคลากรเกีย่ วกบั การจดั ทาแผนงบประมาณ สถาบนั การพลศึกษา วทิ ยาเขตอดุ รธานี พบวา่ ผู้ศึกษาค้นควา้ ได้ดาเนินการพฒั นาบุคลากรเกีย่ วกบั การจดั ทาแผนงบประมาณ โดยใชก้ ลยทุ ธ์ การประชมุ เชงิ ปฏบิ ตั กิ ารและการนเิ ทศ กากบั ตดิ ตาม การพัฒนาเพอ่ื ให้กลุ่มผู้รว่ มศึกษาค้นควา้ มคี วามรู้ความเข้าใจท่ไี ด้มาใชใ้ นการปฏบิ ัตงิ านได้อย่างถูกต้องและจดจาขั้นตอนการจัดทาแผนงบประมาณได้อยา่ ง แมน่ ยายิง่ ขนึ้ ทาให้การจดั ทากรอบงบประมาณรายจา่ ยลว่ งหน้าระยะปานกลางมีความสมบรู ณ์ ถกู ต้องและ สอดคล้องกับงานวิจยั ต่างประเทศของ Henderson (2000, pp. 611-1A อา้ งถึงใน ผราวธุ แสนโสม, 2555, หนา้ 81) ได้ศึกษาเชิงลกึ เก่ยี วกบั บทบาทหน้าทีข่ องคณะกรรมการในการพัฒนาและการนาแผนปฏบิ ัตกิ ารไปใชใ้ นโรงเรียน ประถมศึกษา แผนบรู ณาการเปน็ เอกสารทีจ่ ดั ทาขึ้นเปน็ รายโรง โดยระบถุ ึงแหลง่ ข้อมลู เพ่อื สร้างและกาหนดเป้าหมาย ในการปรับปรุงโรงเรียน ซึง่ ในงานวิจยั นบี้ อกแนวทางท่คี ณะกรรมการจะมีสว่ นร่วมในการวางแผน และค้นหา กระบวนการทีจ่ ะทาให้คณะกรรมการบรรลตุ ามเป้าหมายและวัตถุประสงค์ โดยการสังเกตและสัมภาษณใ์ นโรงเรียน การศึกษาพบวา่ 1) ครผู ู้สอนมภี าระงานมาก ไมม่ เี วลาไปปรึกษาคณะกรรมการเพอ่ื ดาเนนิ การตามแผน 2) ในประเด็น ครูและผู้ปกครองได้รบั การฝึกอบรมเกีย่ วกบั แผนของโรงเรียน พบวา่ อยู่ในระดับน้อย หรือไมไ่ ด้รับการฝึกอบรมเลย ทาให้ขาดความเข้าในในวัตถุประสงค์ของแผน จากการพัฒนาศกั ยภาพครใู นการจดั ทาแผนปฏบิ ัตกิ ารของโรงเรียนบ้านดงเสียว สังกัดสานกั งานเขตพ้นื ที่ การศึกษาประถมศึกษาสกลนคร เขต 3 ทาให้เกิดผลจากการดาเนนิ งานการจัดทาแผนปฏบิ ตั ขิ องโรงเรียนทีเ่ พ่มิ ข้ึน โดยภาพรวมอยใู่ นระดับมาก ( X =4.24) และเม่อื พิจารณาการเปรียบเทียบผลการพฒั นาศักยภาพครูในการจดั ทา แผนปฏิบตั กิ ารของโรงเรียนบ้านดงเสียว สงั กัดสานักงานเขตพน้ื ทีก่ ารศึกษาประถมศึกษาสกลนคร เขต 3 โดยภาพรวมหลังการพฒั นาท้ัง 2 วงรอบแลว้ ปรากฏว่ามคี ่าร้อยละความก้าวหนา้ เท่ากบั 74.06 ขอ้ เสนอแนะ 1. ข้อเสนอแนะในการนาผลการวิจยั ไปใช้ 1.1 ควรจัดอบรมให้ความรู้เพม่ิ เตมิ กับบคุ ลากรในโรงเรียน เกีย่ วกบั เรือ่ งการจดั ทาแผนปฏบิ ัตกิ ารของ โรงเรียนอยา่ งต่อเนอ่ื งและครบทุกคน เพอ่ื สร้างความตระหนักให้เกิดข้ึนกบั บุคลากร ทาให้เกิดการมสี ่วนร่วม ในองค์กร 1.2 ควรจดั ไปศกึ ษาดงู านโรงเรียนต้นแบบ เพือ่ ศกึ ษา Best practices ด้านการจดั ทาแผนปฏบิ ตั กิ ารของ โรงเรียนอยา่ งต่อเน่อื งสม่าเสมอ 1.3 ควรมกี ารนเิ ทศติดตามประเมนิ ผลการจดั ทาแผนปฏบิ ตั กิ ารอย่างเป็นระบบตามระยะเวลาอยา่ ง ตอ่ เน่อื งจนส้นิ สุดตามแผน มีการรายงานสรุปโครงการเพ่อื หาปัญหาและอปุ สรรคของการปฏบิ ตั งิ านพร้อมท้ังจดั ทา เอกสารเครอ่ื งมือและระยะเวลาที่ชัดเจน

122 2. ข้อเสนอแนะสาหรบั การทาวิจัย ครงั้ ตอ่ ไป 2.1 ควรมกี ารศึกษาเกย่ี วกับการพัฒนาบคุ ลากรในการวางแผนงาน การจัดทาโครงการเพ่อื จดั ทา แผนปฏิบตั กิ ารของโรงเรียน 2.2 ควรศกึ ษารปู แบบการดาเนินงานของโรงเรียนทีป่ ระสบความสาเรจ็ ในการดาเนินงานการจดั ทา แผนปฏิบตั กิ าร 2.3 ควรศกึ ษาเกีย่ วกับการจดั ทาแผนปฏบิ ตั กิ ารของโรงเรียนอืน่ เพอ่ื แกป้ ญั หาและนามาพฒั นาซึง่ จะ ส่งผลใหก้ ารจัดทาแผนปฏบิ ัตกิ ารของโรงเรียนมปี ระสิทธิภาพเพม่ิ มากขึน้ เอกสารอา้ งองิ เกษมณีชยั สทิ ธิว์ าทนิ . (2553). การศึกษาปัญหาการวางแผนปฏบิ ตั กิ ารประจาปีของสถานศกึ ษาสงั กดั สานกั งานเขต ของโรงเรียนทองทิพยว์ ิทยา ภายหลงั การประเมินคณุ ภาพการศกึ ษาจากภายนอก. บญุ ส่ง มณมี โนรมย.์ (2550). การทาการศกึ ษาเรือ่ ง การจัดทาแผนปฏิบัตกิ ารพฒั นาคุณภาพการศึกษา ผราวธุ แสนโสม. (2555). การวจิ ยั เชงิ ปฏบิ ัตกิ ารแบบมสี ่วนร่วมเพ่อื พฒั นาแผนกลยทุ ธ์ และแผนปฏบิ ตั กิ าร พ้ืนทีก่ ารศึกษาระยอง เขต 2. วทิ ยานพิ นธ์ ค.ม. จนั ทบรุ ี: มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั ราไพพรรณี. มหาวทิ ยาลัยราชภฏั สกลนคร. มานพ อนิ ธิแสง. (2557). การพฒั นาศักภาพครูในการผลิตบทเรียนคอมพวิ เตอร์ช่วยสอนโรงเรียนบ้านใหม่พฒั นา ระบบการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา. กรมวชิ าการ. กระทรวงศึกษาธกิ าร. โรงเรียนดอนเสียวแดงพิทยาคม สงั กดั สานักงานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษามธั ยมศึกษา เขต 22. วทิ ยานพิ นธ์ ค.ม. ลาปาง : มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏลาปาง. วทิ ยานพิ นธ์ ค.ม. สกลนคร : มหาวิทยาลยั ราชภัฏสกลนคร. สังกดั สานกั งานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษาประถมศึกษาสกลนคร เขต 1. วทิ ยานพิ นธ์ ค.ม. สกลนคร : สานกั ทดสอบทางการศกึ ษา. (2553). การประกันคุณภาพการศกึ ษาภายในสถานศึกษาระดบั การศึกษาข้ันพืน้ ฐาน Bruce D. Baker. (2014). Evaluating the Recession’s Impact on State School Finance Systems. Retrieved from : http://epaa.asu.edu/ojs/article/view/1721/ Bugg, Andrew, K. (2000). Quality Assurance and Improvement Planning in Illinois High School. Dissertation Abstract International. Don Jones & Marie-Anne Mundy. (2014). Responding to School Finance Challenges: a Survey of School Superintendents in Texas. Retrieved From : http://eds.b.ebscohost.com/eds/detail/. Henderson, L.L.K. (2000). The development of elementary school’ consolidate plan for improvement : A case study of a newly established Kentucky school- Making committee structure. Dissertation Abstract International. James E. Reed. (2003). Budget Preparation, Execution and Methods at the Major Claimant /Budget Submitting Office level. Retrieved from : http://calhoun.nps.edu/bitstream/handle/10945/3416/02Dec_Reed.pdf?sequence=1/

123 ประสิทธิผลการดาเนินงานส่งเสรมิ คุณธรรม จรยิ ธรรมนักเรยี น โรงเรยี นในเครืออัครสังฆมณฑลท่าแร่-หนองแสง Effectiveness of School Management of Students’ Moral and Ethical Promotion in the Schools under the Office of Arch Diocese Tharae Nongsaeng Sakonakorn รัตนากร มะหตั กลุ * ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร.ไชยา ภาวะบุตร** ดร.ชรินดา พิมพบตุ ร*** บทคดั ยอ่ การวจิ ัยครั้งนี้ มคี วามมุ่งหมายเพอ่ื ศึกษาและเปรียบเทียบประสิทธิผลการดาเนนิ งานสง่ เสริม คณุ ธรรม จรยิ ธรรมนักเรียน โรงเรียนในเครอื อัครสงั ฆมณฑลท่าแร่-หนองแสง กลุ่มตวั อยา่ ง ทีใ่ ชใ้ นการวจิ ัย ประกอบด้วย ผู้บริหาร ครูผู้สอนและครผู ู้รบั ผดิ ชอบโรงเรียนในเครอื อคั รสังฆมณฑล ท่าแร่-หนองแสง จานวน 245 คน เคร่อื งมือ ที่ใชใ้ นการวิจัย คือ แบบสอบถามมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ (5 Rating Scale) ที่ผ่านการตรวจสอบคุณภาพ มคี ่าอานาจจาแนก รายขอ้ ระหว่าง 0.45-0.89 และมีคา่ ความเชอ่ื มั่น ของแบบสอบถามทง้ั ฉบบั เท่ากบั 0.96 สถิตทิ ีใ่ ช้ ในการวิเคราะห์ขอ้ มลู ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลีย่ ค่าส่วนเบีย่ งเบนมาตรฐาน การทดสอบความแตกตา่ งของค่าเฉลีย่ โดยใช้ t-test และ F-test ชนิด ความแปรปรวนทางเดียว (One-Way ANOVA) ผลการวจิ ยั พบวา่ 1. ประสิทธิผลการดาเนนิ งานสง่ เสริมคุณธรรม จรยิ ธรรมนกั เรียน โรงเรียนในเครอื อคั รสังฆมณฑล ท่าแร่-หนองแสง ตามความคิดเห็นของผู้บริหาร ครผู ู้สอนและครูผู้รบั ผิดชอบ โดยรวมและรายด้าน อยู่ในระดับมาก 2. การเปรียบเทียบประสิทธิผลการดาเนนิ งานสง่ เสริมคณุ ธรรม จรยิ ธรรมนักเรียน จาแนกตามเพศ โดยรวมและรายด้าน ไมแ่ ตกตา่ งกนั 3. การเปรียบเทียบประสิทธิผลการดาเนนิ งานสง่ เสริมคณุ ธรรม จรยิ ธรรมนกั เรียน จาแนกตาม สถานภาพทีป่ ฏบิ ัตงิ าน พบวา่ โดยรวมและรายด้าน ไม่แตกตา่ งกนั 4. ประสิทธิผลการดาเนนิ งานสง่ เสริมคณุ ธรรม จรยิ ธรรม จาแนกตามประสบการณ์ในการทางาน ตา่ งกัน พบวา่ โดยรวมและรายด้าน ไม่แตกตา่ งกนั 5. ประสิทธิผลการดาเนนิ งานสง่ เสริมคุณธรรม จรยิ ธรรมนกั เรียน จาแนกตามทีต่ ั้งอยใู่ นสถานที่ต่างกัน พบวา่ โดยรวมแตกต่างกนั อยา่ งมนี ยั สาคัญทางสถิติทีร่ ะดับ .01 รายดา้ นแตกตา่ งกันอย่างมนี ยั สาคัญทางสถิตทิ ี่ระดับ .01 คือ ด้านการจดั สภาพแวดลอ้ ม ด้านการจดั การเรียนการสอน และด้านการวัดและประเมินผล แตกต่างกันอยา่ งมี นัยสาคัญทางสถิติทีร่ ะดับ .05 คือ ด้านการบริหารจดั การ ด้านการปลกู ฝงั คุณธรรมจรยิ ธรรม ด้านการบูรณาการกับ วถิ ีชีวิต ทงั้ ในและนอกโรงเรียน ส่วนดา้ นการจดั อบรมและพฒั นาครู ไมแ่ ตกตา่ งกนั 6. ประสิทธิผลการดาเนนิ งานสง่ เสริมคณุ ธรรม จรยิ ธรรมนักเรียนในโรงเรียน ท่ปี ฏบิ ัตงิ านในโรงเรียน จาแนกตามลกั ษณะการเปิดสอนของโรงเรียน พบวา่ โดยรวมและรายด้าน ไม่แตกต่างกัน คาสาคญั : ประสิทธิผล, คณุ ธรรม, จริยธรรม, การดาเนินงานโรงเรียนเครืออัครสงั ฆมณฑล ท่าแร่-หนองแสง * ครศุ าสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบรหิ ารการศึกษา มหาวิทยาลยั ราชภฏั สกลนคร ** อาจารย์ประจาหลกั สูตรครุศาสตรมหาบณั ฑิต และหลกั สตู รปรชั ญาดษุ ฎีบณั ฑิต สาขาวิชาการบรหิ ารการศึกษา มหาวิทยาลัยราชภฏั สกลนคร *** ผู้อานวยการชานาญการพิเศษ โรงเรียนบ้านปลวกธาตุโสภาวิทยา สงั กัดสานักงานเขตพืน้ ทีก่ ารศกึ ษาประถมศึกษาสกลนคร เขต 2

124 7. แนวทางในการพฒั นาการดาเนนิ งานสง่ เสริมคุณธรรม จรยิ ธรรมนกั เรียนในโรงเรียนในเครือ อคั รสงั ฆมณฑล ทา่ แร-่ หนองแสง มี 4 ด้าน ด้านการจดั สภาพแวดลอ้ ม ด้านการจดั การเรียนการสอน ด้านการ ปลูกฝังคุณธรรมจรยิ ธรรม และด้านการวัดและประเมินผล ABSTRACT The purpose of this research was to study ad compare the effectiveness of school management of students’ moral and ethical promotion in the schools under the office of Arch Diocese Tharae Nongsaeng Sakonakorn. The sampling groups consisted of 245 administrators, teachers, and teachers in charge. The instrument was a set of 5-level rating scale questionnaires with discrimination ranging 0 .45-0.89 and 0.96 of reliability. Statistic for data analysis were percentage, mean, standard deviation, t-test (independent Samples) and F-test (ANOVA) The results were as follow: 1. The effectiveness of school management of students’ moral and ethical promotion as perceives by the administrators and teachers, teachers in charge was at high level as a whole. 2. The effectiveness of school management of students’ moral and ethical promotion as compared by different sex showed no significance difference. 3. The effectiveness of school management of students’ moral and ethical promotion as Perceived by working status showed no significance difference. 4. The effectiveness of school management of students’ moral and ethical promotion as perceived by working experience both as a whole and in each aspect showed no significance difference. 5. The effectiveness of school management of students’ moral and ethical promotion as perceived from different location showed at .05 a level of significance difference. 6. The effectiveness of school management of students’ moral and ethical promotion as perceived by method of teaching both as a whole and each aspect showed no significance difference over all. 7. The proposed guideline for the effectiveness of school management of students’ moral and ethical promotion consisted of four aspects; environmental management; learning management; cultivation of morality and ethics; assessment and evaluation Keywords : effectiveness, morality, ethics, school management promotion under the Office of Arch Diocese Tharae Nongsaeng Sakonakorn. ภูมหิ ลงั แผนพฒั นาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบบั ที่ 12 (2560-2564, หนา้ 6) ได้จดั ทาขึ้นในช่วงเวลาของการ ปฏริ ูปประเทศและสถานการณ์โลกทเ่ี ปลี่ยนแปลงอยา่ งรวดเรว็ และเชอ่ื มโยงกนั ใกล้ชิดกันมากขนึ้ มีวตั ถุประสงค์และ เป้าหมายการพัฒนาในช่วงแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 12 แนวทางการพัฒนาท่สี าคัญ ประกอบด้วย 1) ปรับเปลี่ยนค่านยิ ม คนไทยให้มีคณุ ธรรม จรยิ ธรรม มวี นิ ัย จิตสาธารณะ และพฤตกิ รรมทีพ่ ึงประสงค์ 2) พัฒนาศกั ยภาพคนให้มีทักษะ ความรู้ และความสามารถในการดารงชวี ติ อยา่ งมี 3) ยกระดับคุณภาพการศึกษาและการเรียนรู้ตลอดชวี ติ

125 4) ลดปัจจยั เสีย่ งด้านสขุ ภาพและให้ทุกภาคส่วนคานึงถึงผลกระทบตอ่ สุขภาพ 5) เพ่มิ ประสิทธิภาพการบริหารจดั การ ระบบสุขภาพภาครัฐและปรับระบบการเงินการคลังดา้ นสุขภาพ 6) พัฒนาระบบการดแู ลและสร้างสภาพแวดลอ้ ม ทีเ่ หมาะสมกับสังคมสูงวยั และ 7) ผลกั ดนั ให้สถาบันทางสงั คมมสี ่วนร่วมพัฒนาประเทศอยา่ งเข้มแขง็ สอดคล้องกบั ยทุ ธศาสตร์การสร้างความเปน็ ธรรมและลดความเหลอ่ื มลา่ ในสงั คม ทม่ี วี ัตถปุ ระสงค์ เพ่อื วาง รากฐานให้คนไทย เปน็ คนทีส่ มบรู ณ์ มคี ุณธรรมจริยธรรม มรี ะเบียบวนิ ัย ค่านยิ มที่ดี มจี ิตสาธารณะ และมีความสขุ มคี วามเป็นไทย โดยพัฒนาคนให้เหมาะสมตามชว่ งวัย เพ่อื ให้เตบิ โตอยา่ งมีคุณภาพ การหลอ่ หลอมให้คนไทยมีคา่ นิยมตามบรรทัดฐาน ที่ดที างสงั คม เปน็ คนดี มสี ขุ ภาวะที่ดี มคี ณุ ธรรมจรยิ ธรรม มรี ะเบียบวนิ ัย และมีจิตสานึกที่ดตี อ่ สังคมส่วนรวม และทกั ษะที่จาเปน็ ต่อการดารงชีวิตในศตวรรษที่ 21 แผนพัฒนาการศกึ ษาของกระทรวงศึกษาธกิ าร ฉบบั ที่ 12 (พ.ศ. 2560-2564) เป็นแผนแมบ่ ทในการพัฒนา ประเทศที่ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นกฎหมาย บังคับใชต้ ง้ั แตว่ นั ที่ 1 ตลุ าคม 2559 ถึงวันที่ 30 กนั ยายน 2564 นนั้ มีหลกั การสาคัญคือ “ยดึ คนเปน็ ศูนย์กลางของการพัฒนา” มงุ่ สร้างคุณภาพชีวิตทีด่ สี าหรบั คนไทย พฒั นา คนให้มคี วามเปน็ คนทีส่ มบูรณ์ มวี นิ ัย ใฝ่รู้ มีความรู้ มีทกั ษะมคี วามคิดสร้างสรรค์ มที ัศนคติที่ดี รบั ผิดชอบตอ่ สงั คม มคี ุณธรรมและจรยิ ธรรม ซึ่งกระทรวงศึกษาธกิ ารในฐานะหนว่ ยงานหลักในภาคการจัดการศึกษาเพื่อพฒั นาคุณภาพ คนของประเทศ ได้ตระหนกั ถึงความสาคัญดงั กล่าว ดังนน้ั ภายใตว้ สิ ยั ทศั น์ “มงุ่ พฒั นาผู้เรียนให้มีความรู้คคู่ ุณธรรม มคี ุณภาพชีวิตทีด่ ี มีความสขุ ในสังคม” การจัดการศกึ ษาคาทอลิกได้มบี ทบาทในการสร้างคุณภาพชีวิต และใหก้ ารบริการ การศึกษา เพอ่ื แบ่งเบา ภาระของภาครัฐมาต้ังแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ใน พ.ศ. 2208 มกี ารจดั ตงั้ โรงเรียนคาทอลิกแหง่ แรกขึ้น มงุ่ เนน้ วชิ าการและคณุ ธรรม จนเปน็ ที่ยอมรับ และให้ความมั่นใจกบั สังคมมาถึงปัจจบุ นั จากท่กี ล่าวมาข้างต้น ผู้วิจัยในฐานะครผู ู้สอน และผู้รับผิดชอบฝา่ ยงานอภบิ าลแพร่ธรรมของคณะภคินี รกั กางเขนแหง่ ท่าแร่ และฝ่ายงานอภิบาลของอัครสังฆมณฑลท่าแร่-หนองแสง ได้ตระหนักถึงความสาคัญในการ พฒั นานกั เรียน ตามหลกั ปรชั ญาการศึกษาโรงเรียนในเครอื อัครมณฑลท่าแร่-หนองแสง และตามนโยบายของสภา การศึกษาคาทอลกิ แห่งประเทศไทย ให้นักเรียนเปน็ ทั้ง “คนดี คนเกง่ ” ปลูกฝงั ส่งเสริมพฒั นาคณุ ธรรม จริยธรรม ซึ่งเปน็ อนาคตของประเทศชาติตอ่ ไป จึงสนใจทจ่ี ะศกึ ษา ประสทิ ธิผลการดาเนนิ งานสง่ เสริมคณุ ธรรม จรยิ ธรรม นักเรียนโรงเรียนในเครอื อคั รมณฑล ทา่ แร่ - หนองแสง เพือ่ เปน็ ขอ้ มูลสาหรับสถานศกึ ษาโรงเรียนในเครอื อคั รมณฑล ท่าแร่ หนองแสง เป็นแนวทางในการวางแผนพฒั นาการศึกษาต่อไป คาถามการวิจยั 1. ประสิทธิผลการดาเนนิ งานสง่ เสริมคุณธรรม จรยิ ธรรมนักเรียน โรงเรียนในเครอื อัครสงั ฆมณฑล ทา่ แร่- หนองแสง ตามความคิดเห็นของผู้บริหาร ครูผู้สอนและครผู ู้รับผิดชอบอยู่ในระดับใด 2. ประสิทธิผลการดาเนนิ งานสง่ เสริมคุณธรรม จรยิ ธรรมนกั เรียน โรงเรียนในเครอื อคั รสงั ฆมณฑล ทา่ แร่- หนองแสง ตามความคิดเหน็ ของผู้บริหาร ครูผู้สอนและครผู ู้รบั ผิดชอบ ที่มีเพศตา่ งกันมีความแตกตา่ งกันหรือไม่ อย่างไร 3. ประสิทธิผลการดาเนนิ งานสง่ เสริมคณุ ธรรม จรยิ ธรรมนกั เรียนในโรงเรียนในเครอื อัครสังฆมณฑล ท่าแร่-หนองแสง ตามความคิดเห็นของผู้บริหาร ครผู ู้สอนและครผู ู้รับผิดชอบในโรงเรียน ท่มี สี ถานภาพการปฏบิ ตั งิ าน ที่แตกต่างกัน มคี วามแตกตา่ งกนั หรือไมอ่ ย่างไร

126 4. ประสิทธิผลการดาเนนิ งานสง่ เสริมคุณธรรม จรยิ ธรรมนักเรียนในโรงเรียนในเครอื อคั รสงั ฆมณฑล ท่าแร่-หนองแสง ตามความคิดเหน็ ของผู้บริหาร ครผู ู้สอนและครูผู้รับผิดชอบในโรงเรียน ท่มี ปี ระสบการณ์ในการ ทางานทแ่ี ตกตา่ งกัน มคี วามแตกต่างกันหรือไมอ่ ย่างไร 5. ประสิทธิผลการดาเนนิ งานสง่ เสริมคุณธรรม จรยิ ธรรมนักเรียนในโรงเรียนในเครอื อคั รสงั ฆมณฑล ท่าแร่-หนองแสง ตามความคิดเห็นของผู้บริหาร ครูผู้สอน และครูผู้รับผิดชอบ ทป่ี ฏบิ ตั งิ านในโรงเรียน ทีต่ ั้ง สถานที่ ศกึ ษาแตกต่างกนั มคี วามแตกตา่ งกนั หรือไมอ่ ย่างไร 6. ประสิทธิผลการดาเนนิ งานสง่ เสริมคณุ ธรรม จรยิ ธรรมนกั เรียนในโรงเรียนในเครอื อัครสังฆมณฑล ท่าแร่-หนองแสง ตามความคิดเหน็ ของผู้บริหาร ครผู ู้สอน ครผู สู้ อน และครผู ู้รับผิดชอบ ท่ปี ฏบิ ัตงิ านในโรงเรียน ตามลกั ษณะการเปิดสอนของโรงเรียน มีความแตกต่างกันหรือไม่อย่างไร 7. แนวทางในการพฒั นาประสทิ ธิผลการดาเนนิ งานสง่ เสริมคุณธรรม จรยิ ธรรมนักเรียนในโรงเรียน เครอื อัครสังฆมณฑล ทา่ แร-่ หนองแสง ความมงุ่ หมายของการวิจยั 1. เพอ่ื ศึกษาประสิทธิผลการดาเนนิ งานสง่ เสริมคุณธรรม จรยิ ธรรมนกั เรียน โรงเรียนในเครือ อคั รสังฆมณฑล ทา่ แร-่ หนองแสง ตามความคิดเห็นของผู้บริหาร ครผู ู้สอนและครผู ู้รบั ผิดชอบ 2. เพ่อื เปรียบเทียบประสิทธิผลการดาเนนิ งานสง่ เสริมคณุ ธรรม จรยิ ธรรมนักเรียน โรงเรียนในเครอื อัครสังฆมณฑล ทา่ แร-่ หนองแสง ตามความคิดเห็นของผู้บริหาร ครผู ู้สอนและครผู ู้รบั ผิดชอบ ทีม่ ีเพศตา่ งกนั 3. เพอ่ื เปรียบเทียบประสิทธิผลการดาเนนิ งานสง่ เสริมคณุ ธรรม จรยิ ธรรมนักเรียน ในโรงเรียนในเครอื อัครสงั ฆมณฑล ทา่ แร-่ หนองแสง ตามความคิดเหน็ ของผู้บริหาร ครูผู้สอนและครผู ู้รับผิดชอบ ในโรงเรียนที่มี สถานภาพการปฏบิ ตั งิ านทีแ่ ตกตา่ งกัน 4. เพ่อื เปรียบเทียบประสิทธิผลการดาเนนิ งานสง่ เสริมคุณธรรม จรยิ ธรรมนักเรียน ในโรงเรียนในเครอื อัครสงั ฆมณฑล ทา่ แร-่ หนองแสง ตามความคิดเห็นของผู้บริหาร ครผู ู้สอนและครผู ู้รบั ผิดชอบ ในโรงเรียน ทีม่ ีประสบการณ์ในการทางานทีแ่ ตกต่างกัน 5. เพอ่ื เปรียบเทียบประสิทธิผลการดาเนนิ งานสง่ เสริมคณุ ธรรม จรยิ ธรรมนกั เรียนในโรงเรียนในเครอื อคั รสังฆมณฑลท่าแร-่ หนองแสง ตามความคิดเห็นของผู้บริหาร ครูผู้สอน และครผู ู้รบั ผิดชอบ ท่ปี ฏบิ ัตงิ าน ในโรงเรียน ซึ่งมีสถานทแ่ี ตกตา่ งกนั 6. เพอ่ื เปรียบเทียบประสิทธิผลการดาเนนิ งานสง่ เสริมคุณธรรม จรยิ ธรรมนกั เรียนในโรงเรียนในเครอื อัครสังฆมณฑลท่าแร-่ หนองแสง ตามความคิดเหน็ ของผู้บริหาร ครูผู้สอน และครูผู้รับผิดชอบ ท่ปี ฏบิ ตั งิ าน ในโรงเรียนตามลักษณะการเปิดสอนของโรงเรียนที่มีความแตกต่างกัน 7. เพ่อื หาแนวทางในการพัฒนาประสิทธิผลการดาเนนิ งานสง่ เสริมคุณธรรม จรยิ ธรรมนกั เรียนในโรงเรียน ในเครอื อคั รสงั ฆมณฑลท่าแร่-หนองแสง มี 4 ด้าน ด้านการจดั สภาพแวดลอ้ ม ด้านการจัดการเรียนการสอน ด้านการปลกู ฝงั คุณธรรมจรยิ ธรรม และด้านการวัดและประเมนิ ผล

127 กรอบแนวคดิ การวิจยั ตัวแปรตาม ตัวแปรอสิ ระ 1. สถานภาพ ประสิทธิผลการดาเนนิ งานสง่ เสริมคณุ ธรรม 1.1 ผู้บริหาร จรยิ ธรรมให้แก่นักเรียน 1.2 ครผู ู้สอน 1.3 ครผู ู้รับผิดชอบ 1) ด้านการบริหารจดั การ 2) ด้านการจดั สภาพแวดลอ้ ม 2. ประสบการณ์ในการปฏบิ ัตงิ าน 3) ด้านการจดั การเรียนการสอน 2.1 น้อยกว่า 10 ปี 4) ด้านการจดั อบรมและพฒั นาครู 2.2 ระหว่าง 11-20 ปี 5) ด้านการปลกู ฝังคุณธรรมจรยิ ธรรม 2.3 มากกวา่ 20 ปี 6) ด้านการบูรณาการกับวิถีชีวติ ท้ังใน และนอกโรงเรียน 3. ทีต่ ั้งสถานศึกษา 7) ด้านการวัดและประเมินผล 3.1 กรงุ เทพมหานคร 3.2 จังหวัดสกลนคร แนวทางในการพัฒนาประสิทธิผลการดาเนนิ งาน 3.3 จังหวดั นครพนม ส่งเสริมคณุ ธรรม จรยิ ธรรมนักเรียนโรงเรียนในเครอื 3.4 จงั หวัดกาฬสินธ์ุ อัครสงั ฆมณฑลท่าแร่-หนองแสง 3.5 จงั หวัดมกุ ดาหาร 4. ลกั ษณะการเปิดการสอนของโรงเรียน 4.1 เปิดสอนไม่เกิน ป.6 4.2 เปิดสอนไม่เกิน ม.3 ภาพประกอบ 1 กรอบแนวคิดการวิจยั วิธีดาเนนิ การวิจัย ประชากรและกลมุ่ ตัวอยา่ ง 1. ประชากร ได้แก่ ผู้บริหาร ครผู ู้สอนและครูผู้รบั ผิดชอบในโรงเรียนในเครอื สังฆมณฑลท่าแร่- หนองแสง ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศกึ ษา 2560 ประกอบด้วย ผู้บริหารโรงเรียนจานวน 21 คน ครูผู้สอน จานวน 426 คน และครผู ู้รบั ผิด ชอบจานวน 21 คน รวมทั้งส้นิ 468 คน จาก 7 โรงเรียน 2. กลุ่มตวั อยา่ ง ได้แก่ ผู้บริหาร ครผู ู้สอนและครผู ู้รับผิดชอบ โรงเรียนในเครอื สงั ฆมณฑลท่าแร่- หนองแสง ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศกึ ษา 2560 ร่วมทั้งส้นิ 468 คน การกาหนดขนาดของกลุ่มตวั อยา่ งใชต้ ามตาราง ของเครจซีแ่ ละมอร์แกน (Krejcie and M0rgan) (บุญชม ศรีสะอาดและคณะ, 2553, หนา้ 35) การได้มาซึ่งกลุ่ม ตัวอยา่ งใชก้ ารสมุ่ แบบแบ่งชั้น (Stratified Random Sampling) จาแนกเปน็ ผู้บริหาร 21 คน ครูผสู้ อน 203 คน และครู ผู้รบั ผิดชอบ 21 คน รวม 245 คน

128 เครือ่ งมอื ทใี่ ช้ในการเกบ็ รวบรวมข้อมลู เคร่อื งมือทีใ่ ชใ้ นการเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล เปน็ แบบสอบถาม แบ่งออกเปน็ 2 ตอน ดังน้ี ตอนที่ 1 เปน็ แบบสอบถามเกี่ยวกับข้อมูลพ้นื ฐาน ได้แก่ สถานภาพของผู้ตอบแบบสอบถาม สถานภาพทีป่ ฏบิ ัตงิ าน ประสบการณ์ในการปฏบิ ตั งิ าน สถานทีป่ ฏบิ ตั งิ าน และลักษณะการเปิดการสอนของโรงเรียน เป็นลักษณะแบบ ตรวจสอบรายการ (Check List) ตอนที่ 2 เป็นแบบสอบถามเกี่ยวกับความคิดเห็นของผู้บริหาร ครูผู้สอน และครู ผู้รับผิดชอบเกี่ยวกบั ประสิทธิผลการดาเนนิ งานสง่ เสริมคณุ ธรรม จรยิ ธรรมนกั เรียนโรงเรียนในเครอื อคั รสงั ฆมณฑล ท่าแร่-หนองแสง ตามกรอบแนวความคิด 7 ดา้ น ประกอบไปดว้ ย เป็นแบบสอบถามมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดบั ตามแนวความคิดของลิเคอร์ท (Likert’s Scale บุญชม ศรีสะอาดและคณะ 2553, หน้า 71) มีลกั ษณะให้แสดง ความคิดเห็น 5 ระดับ คือ มากทีส่ ดุ มาก ปานกลาง น้อย นอ้ ยทีส่ ดุ ผู้วิจยั สร้างนาแบบสอบถามทผ่ี า่ นการตรวจสอบจากทป่ี รึกษาวทิ ยานพิ นธ์แล้ว เสนอให้ผู้เชย่ี วชาญ จานวน 5 ท่าน เพ่อื ตรวจสอบความตรงเชงิ เน้ือหา (Content Validity) แก้ไขปรบั ปรุง นาแบบสอบถามไปทดลองใช้ กับผู้บริหาร ครผู ู้สอน และครผู รู้ บั ผิดชอบเกีย่ วกับประสิทธิผลการดาเนินงานสง่ เสริมคุณธรรม จรยิ ธรรมนักเรียน โรงเรียนในเครอื อคั รสังฆมณฑล ทา่ แร่-หนองแสง จานวน 64 ชดุ เพื่อหาค่าอานาจจาแนกรายข้อโดยการหาคา่ สหสัมพันธ์อยา่ งง่าย (Item total Correlation) ของ Pearson และหาค่าความเชือ่ มน่ั ของครอนบาค (Cronbach’s Alpha Coefficient) โดยมีคา่ อานาจจาแนก อยรู่ ะหว่าง 0.457 – 0.897 ค่าความเช่อื มนั่ ทง้ั ฉบับ เท่ากบั 0.9839 การเกบ็ รวบรวมข้อมูล ผู้วิจัยนาหนังสอื จากสานกั งานบณั ฑิตวทิ ยาลัยมหาวทิ ยาลยั ราชภัฏสกลนคร ส่งถึงผู้อานวยการ สถานศกึ ษา โรงเรียนในเครอื อัครสงั ฆมณฑล ทา่ แร่-หนองแสง เพ่อื ขอความอนุเคราะห์ในการเก็บรวบรวมขอ้ มูล และจัดส่งแบบสอบถามจานวน 245 ฉบบั ไปยังโรงเรียนทีม่ ีกลมุ่ ตวั อย่าง และหลังจากกลุ่มตัวอย่างตอบ แบบสอบถามแล้ว ผู้วิจยั ไปรับแบบสอบถามด้วยตนเอง สถิตทิ ใี่ ชใ้ นการวิเคราะห์ขอ้ มลู ค่าเฉลีย่ (Mean) คา่ เบีย่ งเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) ค่าร้อยละ (Percentage) การทดสอบค่า t (t-test) แบบ Independent Samples การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว F-test (One way ANOVA) สรปุ ผลการวิจยั 1. ประสิทธิผลการดาเนนิ งานสง่ เสริมคณุ ธรรม จรยิ ธรรมนกั เรียน โรงเรียนในเครอื อคั รสงั ฆมณฑล ทา่ แร่- หนองแสง ตามความคิดเห็นของผู้บริหาร ครูผู้สอนและครผู ู้รับผิดชอบ โดยรวมอยใู่ นระดับมาก 2. ประสิทธิผลการดาเนนิ งานสง่ เสริมคุณธรรม จรยิ ธรรมนกั เรียน โรงเรียนในเครอื อคั รสังฆมณฑล ท่าแร่-หนองแสง ตามความคิดเห็นของผู้บริหาร ครูผู้สอนและครูผู้รับผิดชอบ ที่มีเพศตา่ งกัน พบวา่ โดยภาพรวม และรายดา้ น ไมแ่ ตกต่างกัน 3. ประสิทธิผลการดาเนนิ งานสง่ เสริมคณุ ธรรมจรยิ ธรรมนกั เรียน โรงเรียนในเครอื อคั รสังฆมณฑลท่าแร่- หนองแสง ตามความคิดเหน็ ของผู้บริหาร ครูผู้สอนและครผู ู้รับผิดชอบ ในโรงเรียนทีม่ ีสถานภาพของผู้ตอบ แบบสอบถามต่างกัน พบวา่ โดยภาพรวมและรายดา้ น ไมแ่ ตกตา่ งกัน

129 4. ประสิทธิผลการดาเนนิ งานสง่ เสริมคณุ ธรรมจรยิ ธรรมนกั เรียน โรงเรียนในเครอื อคั รสังฆมณฑล ท่าแร่-หนองแสง ตามความคิดเห็นของผู้บริหาร ครแู ละครผู ู้รบั ผิด ชอบ ในโรงเรียนที่มีประสบการณ์ในการปฏบิ ตั งิ าน ทีต่ ่างกัน โดยภาพรวมและรายด้านไม่แตกต่างกัน 5. ประสิทธิผลการดาเนนิ งานสง่ เสริมคณุ ธรรมจรยิ ธรรมนกั เรียน โรงเรียนในเครอื อคั รสงั ฆมณฑลท่าแร่- หนองแสง ตามความคิดเห็นของผู้บริหาร ครผู ู้สอนและครผู ู้รับผิดชอบ ในโรงเรียนทีม่ ีที่ตั้งสถานศึกษาต่างกัน พบวา่ โดยภาพร่วมและรายดา้ น มีความแตกตา่ งกันอย่างมนี ยั สาคญั ทางสถิตทิ ีร่ ะดบั .01 มี 6 ด้าน คือ ด้านการบริหาร จัดการ ด้านการจดั สภาพแวดลอ้ ม ด้านการจัดการเรียนการสอน ด้านการปลูกฝงั คุณธรรมจรยิ ธรรม ด้านการ บรู ณาการกับวิถีชีวิตทั้งในและนอกโรงเรียน และด้านการวัดและประเมินผล ส่วนด้านการจดั อบรมและพัฒนาครู ไมม่ คี วามแตกตา่ งกัน ดงั นน้ั ผู้วจิ ยั จึงนาผลวจิ ัยที่แตกต่างกัน ไปทาการทดลองความแตกตา่ งเปน็ รายคู่ ด้วยวิธีการ ของ เชฟเฟ่ (Scheffe’S method) ดงั ตาราง 30 - 43 6. การเปรียบเทียบประสิทธิผลการดาเนนิ งานสง่ เสริมคณุ ธรรมจรยิ ธรรมนกั เรียน ตามความคิดเหน็ ของ ผู้บริหาร ครผู ู้สอนและครผู ู้รับผดิ ชอบ ในโรงเรียนที่มีลกั ษณะการเปิดสอน ของโรงเรียนที่ต่างกัน พบวา่ โดยภาพรวม และรายดา้ น ไมแ่ ตกต่างกนั 7. แนวทางในการพฒั นาประสทิ ธิผลการดาเนนิ งานสง่ เสริมคุณธรรม จริยธรรมนักเรียนโรงเรียนในเครอื อัคร สงั ฆมณทลท่าแร่-หนองแสง ดา้ นที่มีคา่ เฉล่ยี ต่ากว่าคา่ เฉล่ยี รวม มี 4 ด้าน คือ ด้านการจัดสภาพแวดลอ้ ม ควรจัดกิจกรรมสง่ เสริม ให้นักเรียน ได้มีสว่ นในการดูแล รกั ษาสภาพแวดลอ้ มในโรงเรียน ด้านการจัดการเรียน การสอน ผู้บริหารแตง่ ตง้ั คณะกรรมการ รับผิดชอบโครงการด้านคณุ ธรรมอยา่ งเป็นรูปธรรมชดั เจน ด้านการปลกู ฝงั คุณธรรม จรยิ ธรรม ครูผู้สอนควรจดั กิจกรรมโดยใหผ้ ู้ปกครอง หรอื คนในชมุ ชน ร่วมกันคิด รว่ มกนั วางแผน ในการ พัฒนาชมุ ชน ด้านการวัดและประเมินผล ผู้บริหารควรจดั ประชมุ ผู้ทีเ่ กี่ยวข้องทุกฝ่าย เพอ่ื ประเมินความพงึ พอใจ และผลสาเร็จในการดาเนนิ งาน อภปิ รายผลการวิจัย 1. จากสมมตฐิ านข้อที่ 1 ตง้ั ไวว้ า่ ประสิทธิผลการดาเนนิ งานสง่ เสริมคุณธรรม จรยิ ธรรมนักเรียน โรงเรียนในเครอื อัครสังฆมณฑลท่าแร่-หนองแสง ตามความคดิ เห็นของผู้บริหาร ครผู ู้สอนและครผู ู้รับผิดชอบ อยู่ในระดับปานกลาง ผลการศกึ ษาพบวา่ ประสิทธิผลการดาเนนิ งานสง่ เสริมคุณธรรม จริยธรรมนกั เรียนโรงเรียน ในเครอื อคั รสังฆมณฑลท่าแร่-หนองแสง โดยภาพรวมและรายด้านอยใู่ นระดบั มาก ซึ่งไมส่ อดคล้องกบั สมมติฐาน ในการวิจัยที่กาหนดไว้ ทงั้ น้ี อาจเปน็ เพราะว่า การดาเนนิ งาน ส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรมนักเรียนโรงเรียนในเครอื อัครสงั ฆมณฑลท่าแร-่ หนองแสง ได้บริหารจดั การยดึ และปฏิบตั กิ ารดาเนนิ ตามนโยบายของกระทรวง ศกึ ษาธิการ และสานกั งานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพืน้ ฐานอย่างเครง่ ครัด ทางโรงเรียนในเครอื อัครสังฆมณฑลท่าแร่- หนองแสง โดยฝา่ ยการศึกษาของอคั รสงั ฆมณฑลท่าแร่-หนองแสงปี (2558, หนา้ 10) ไดก้ าหนดไว้วา่ โรงเรียน ในเครอื อัครสังฆมณฑลท่าแร่-หนองแสง จะตอ้ งนานโยบายโดยเนน้ พัฒนาด้าน “คณุ ธรรม นาความร”ู้ ทั้งผู้บริหาร สถานศกึ ษา ได้กาหนดวิสยั ทศั นใ์ ห้เปน็ รปู ธรรมชดั เจน มีนโยบายและแผนงานชัดเจน เขา้ ใจได้งา่ ย ทกุ ฝ่ายดาเนินตาม นโยบายของโรงเรียนในเครอื เป็นแนวทางเดียวกนั คือ พัฒนานกั เรียนให้ถึงพร้อมสมรรถนะ คณุ ลกั ษณะอนั พึง ประสงค์ อัตลักษณ์ และเอกลกั ษณ์ของโรงเรียน พฒั นานักเรียนให้รักการเรียนรู้ มีทกั ษะดา้ นวชิ าการ สามารถนาไป ประยุกตใ์ ชใ้ นชีวิตประจาวัน รเู้ ท่าทันเทคโนโลยที ี่ก้าวลา้ และพร้อมสสู่ ากล

130 2. จากสมมติฐานข้อที่ 2 ตงั้ ไวว้ า่ ประสิทธิผลการดาเนนิ งานสง่ เสริมคุณธรรม จรยิ ธรรมนักเรียน ตามความ คิดเหน็ ของผู้บริหาร ครผู ู้สอนและครูผู้รับผิดชอบ ทีม่ ีเพศตา่ งกนั ในโรงเรียนในเครอื อัครสังฆมณฑล ทา่ แร่- หนองแสง มีความแตกตา่ งกัน” ผลการศึกษาพบวา่ ประสิทธิผลการดาเนนิ งานสง่ เสริมคุณธรรม จรยิ ธรรมนักเรียน โรงเรียนในเครอื อัครสงั ฆมณฑลท่าแร่-หนองแสง ตามความคดิ เหน็ ของผู้บริหาร ครผู ู้สอนและครูผู้รับผิดชอบ ทีม่ ีเพศ ตา่ งกัน พบวา่ โดยภาพรวมและรายดา้ นไมแ่ ตกตา่ ง ซึง่ ไมส่ อดคล้องกับสมมติฐานในการวิจยั ที่กาหนดไว้ ทั้งนี้ อาจ เป็นเพราะว่าการดาเนนิ งานสง่ เสริมคณุ ธรรม จรยิ ธรรมนกั เรียน ตามความคิดเหน็ ของผู้บริหาร ครูผู้สอน และครูผู้รบั ผิดชอบ ทีม่ ีเพศตา่ งกนั เกิดความคิดเห็นทีไ่ ม่แตกตา่ ง ท้ังนอี้ าจเปน็ เพราะว่า ทั้งหญิงและชาย ทีด่ าเนนิ งาน ในสถานศึกษา ไมป่ ระสบกบั ปัญหาในการดาเนนิ งาน เพราะทกุ คน ตา่ งรบู้ ทบาทหน้าทีข่ องตนเอง ทีต่ ้องดาเนนิ ตาม นโยบายของสถานศกึ ษาทีไ่ ด้วางเอาไว้เปน็ อยา่ งดี โรงเรียนก็ได้พยายามพัฒนาบคุ ลากร ฝึกฝน อบรมและสง่ เสริมให้ บคุ คลได้เสริมสร้างความรู้ความเข้าใจ ในนโยบายทีไ่ ด้วา่ งเอาไว้ ให้เดินไปในทิศทางเดียวกนั รว่ มถึงได้สร้างทัศนคติ และประสบการณ์ในทางสร้างสรรค์ของแตล่ ะบคุ คล ให้สามารถทจ่ี ะพัฒนาสมรรถภาพ ไปสู่ประสิทธิภาพ ในการทางาน ให้บรรลุเป้าหมาย ตามบทบาทหน้าทีข่ อง 3. ประสิทธิผลการดาเนนิ งานสง่ เสริมคณุ ธรรม จรยิ ธรรมนกั เรียน ตามความคิดเห็นของผู้บริหาร ครูผู้สอน และครผู ู้รับผิดชอบ ทม่ี สี ถานภาพที่ปฏบิ ัตงิ าน ในโรงเรียนในเครอื อคั รสงั ฆมณฑล ทา่ แร่-หนองแสง มคี วามแตกต่าง กัน ผลการศึกษาพบวา่ โดยภาพรวมไมม่ คี วามแตกตา่ ง สมมตฐิ านที่ผู้วจิ ยั ตง้ั ไว้ เม่อื พิจารณาเปน็ รายดา้ น พบวา่ ด้านการจดั อบรมและพฒั นาจรยิ ธรรม มคี วามแตกตา่ งกนั อย่างมนี ยั สาคัญทางสถิติทีร่ ะดับ .01 ส่วนด้านการปลูกฝงั คุณธรรมจรยิ ธรรม มคี วามแตกตา่ งกนั อย่างมีนยั สาคัญทางสถติ ทิ ีร่ ะดบั .05 ซึง่ สอดคล้องกับสมมุตฐิ านในการวิจัย ที่กาหนดไว้ สอดคล้องกับ ช่อลดั ดา ติบตุ ร (2550, บทคดั ยอ่ ) ได้ศึกษาความสัมพนั ธ์ระหว่าสง่ เสริมจรยิ ธรรมความมี วนิ ัยในตนเองกบั การปฏบิ ัตติ ามค่านยิ มพ้ืนฐานของนกั เรียนในโรงเรียนสังกัดสานักงานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษานครพนม เขต 2 พบวา่ โดยรวม อยู่ในระดบั และยงั สอดคล้องกับงานวิจยั ของ วกิ รานต์ พพิ ธิ ภัณฑ์ (2553, หนา้ 151) ได้ศกึ ษา สภาพการดาเนนิ งานสง่ เสริมคุณธรรม จรยิ ธรรมนักเรียน ในโรงเรียนสงั กดั สานักงานเขตพ้นื ที่การศึกษาสกลนคร เขต 1 ตามความคิดเห็นของ ผู้บริหาร และครูผู้สอนไม่แตกต่างกนั 4. ประสิทธิผลการดาเนนิ งานสง่ เสริมคุณธรรม จรยิ ธรรมนักเรียน ตามความคิดเหน็ ของผู้บริหาร ครูผู้สอน และครผู ู้รบั ผิดชอบ ท่มี ปี ระสบการณ์ในการ มคี วามแตกตา่ งกนั ผลการศึกษา พบว่า โดยภาพรวมและรายด้าน ไมแ่ ตกตา่ งกัน ซึ่งไมส่ อดคล้องกับสมมตฐิ านในการวิจัยทีก่ าหนดไว้ อาจเปน็ เพราะว่า ตง้ั แตผ่ บู้ ริหาร ครูผู้สอนและ เจ้าหนา้ ท่ี บุคคลรอบข้าง เพือ่ นๆ และทุกส่วนอืน่ ๆ ไม่วา่ จะดารงตาแหน่ง หรือมปี ระสบการณ์การดาเนนิ งานมามาก นอ้ ยเท่าไหรไ่ มส่ าคัญ ทกุ คนไดป้ ฏบิ ตั ติ ามนโยบาย การพฒั นาคณุ ธรรม จริยธรรมในโรงเรียนในเครอื อัครสังฆมณฑล ท่าแร่-หนองแสงอยา่ งดี (สภาการศึกษาคาทอลกิ แห่งประเทศไทย ปี 2559 หนา้ 12-14 เพอ่ื ให้สอดรบั กับ นโยบาย สานักงานประเมินและรับรองคุณภาพการศึกษา, 2554, หนา้ 13-16) ท่ี สอดคล้องกบั ผลการวจิ ัยของ จวน พงษ์จุมพล (2550, บทคดั ยอ่ ) ได้ศึกษาสภาพการปฏบิ ตั งิ านสง่ เสริมคณุ ธรรม จรยิ ธรรมและค่านยิ มทีพ่ ึงประสงค์ตอ่ นักเรียนในสถานศกึ ษา สงั กดั สานกั งานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษามหาสารคาม เขต 2 พบวา่ โดยรวมและรายด้านทกุ ด้าน อยู่ในระดบั มาก สอดคล้องกับผลการศึกษาของ ประภาพร นาแวน่ (2556, บทคัดยอ) ได้ศึกษา ประสิทธิผลการ ดาเนนิ งานสง่ เสริมคุณธรรม จรยิ ธรรมนกั เรียน ในโรงเรียนในเครอื คณะภคนิ รี กั กางเขนแหง่ ท่าแร่ ได้เปรียบเทียบ ประสิทธิผลการดาเนนิ งานสง่ เสริมคณุ ธรรม จรยิ ธรรมนักเรียนในโรงเรียนในเครอื คณะภคนิ รี ักกางเขนแหง่ ท่าแร่ ตามความคิดเห็นของผู้บริหาร และครูผู้สอน ในโรงเรียนที่มีประสบการณ์ ในการปฏบิ ตั งิ านทีแ่ ตกต่างกัน พบวา่ โดยภาพรวมและรายด้าน ทกุ ดา้ นไมแ่ ตกตา่ งกัน

131 5. ประสิทธิผลการดาเนนิ งานสง่ เสริมคุณธรรม จรยิ ธรรมนกั เรียน ตามความคิดเหน็ ของผู้บริหาร ครผู ู้สอน และครผู ู้รับผิดชอบ ท่จี าแนกตามทีต่ ้ังสถานที่ ในโรงเรียนในเครอื อคั รสังฆมณฑลท่าแร่-หนองแสง มีความต่างกัน ผลการศึกษาพบวา่ กลุ่มตัวอยา่ งที่อยใู่ นจังหวัดนครพนม มปี ระสิทธิผลการดาเนนิ งานสง่ เสริมคณุ ธรรม จริยธรรม นักเรียนในภาพรวม สูงกว่ากลุ่มตัวอยา่ งทอ่ี ยู่ในจงั หวดั มุกดาหาร สกลนคร กาฬสินธ์ุ และกรงุ เทพมหานคร อย่างมี นัยสาคญั ทางสถิตทิ ี่ระดับ .05 ท้ังนี้ อาจเน่อื งมาจาก กลุ่มตัวอยา่ งท่อี ยู่ในจงั หวดั นครพนม ด้านสภาพของชุมชน บริบท พืน้ ที่ และหนว่ ยงานโรงเรียน มีกระบวนการดาเนินงานทีแ่ ตกต่างกนั เปิดทาการสอนนักเรียนชายและหญิงไป กลับตั้งแต่ช้ันอนุบาล ถึงช้ันประถมศึกษาปที ี่ 6 ไมเ่ ปิดถึงระดับมธั ยม ซงึ้ กร็ กู้ ันวา่ การสง่ เสริมคณุ ธรรม จริยธรรมใน โรงเรียนที่เปิดสอนในระดบั มัธยมทาได้ไม่ดเี ท่าทีค่ วร ผู้บริหาร ดังกล่าว ใชห้ ลัก “คณุ ธรรม” เพอ่ื เสริมสร้าง “ความรู้” ด้วยการมงุ่ ส่งเสริมและพฒั นาผเู้ รียนและบุคลากรของโรงเรียน ให้เปน็ บคุ คลคุณภาพ มีความ สามารถครบทกุ ด้าน โดยใชห้ ลกั ธรรมเป็นเครอ่ื งมือในการพัฒนาองค์ความรู้ทั้งมวลโดยยึดหลกั ปรชั ญาการศึกษา “คณุ ธรรม นาความร”ู้ 6. แนวทางพัฒนาประสิทธิผลการดาเนนิ งานสง่ เสริมคณุ ธรรม จริยธรรมนักเรียนโรงเรียนในเครืออัคร สงั ฆมณฑลท่าแร่-หนองแสง ทค่ี วรได้รับการพัฒนา จานวน 4 ด้าน คือ ด้านการจัดสภาพแวดล้อม ด้านการจดั การ เรียนการสอน ด้านการปลกู ฝงั คุณธรรมจรยิ ธรรม และด้านการวัดและประเมินผล ซึง่ วิธีการพฒั นาประกอบด้วย แนวทางพัฒนาประสิทธิผลการดาเนนิ งานสง่ เสริมคุณธรรม จริยธรรมนกั เรียน โรงเรียนในเครืออัครสงั ฆมณฑล ท่าแร่-หนองแสง โดยพิจารณาจากค่าประสิทธิ ผลการดาเนนิ งานในแต่ละดา้ น นาด้านที่คา่ เฉลย่ี ต่ากว่าค่าเฉลย่ี รวม นามาสร้างคาถามเพ่อื ใชใ้ นการสัมภาษณ์ ผู้วิจัยใชก้ ารสมั ภาษณ์ผู้เช่ยี วชาญ จานวน 10 คน จากการวิจยั คร้ังนพี้ บวา่ รายดา้ น ท่มี คี ่าเฉลีย่ ต่ากว่าค่าเฉลี่ยรวม มี 4 ด้าน ดงั นี้ ด้านการจดั สภาพแวดลอ้ ม ครูควรจดั กจิ กรรมสง่ เสริมให้ นกั เรียน ได้มีสว่ นในการดูแลรกั ษาสภาพแวดล้อมในโรงเรียน เชน่ การประกวดห้องเรียนน่าอยู่ ห้องเรียนมชี วี ติ พร้อมท้ังประสานกบั ชุมชน และหนว่ ยงานทีเ่ กีย่ วข้อง เพื่อขอรับการสนบั สนุน ท้ังปัจจยั ส่อื อปุ กรณ์ หรอื เอกสาร เกี่ยวข้องที่หลากหลาย ส่งเสริมให้นักเรียนได้มสี ่วนร่วมในการดแู ลรกั ษาสภาพแวดลอ้ มในโรงเรียน ให้สะอาดนา่ อยู่ ปลอดจากอบายมขุ ต่างๆ ด้านการจดั การเรียนการสอน ผู้บริหาร ครสู ่งเสริมให้จดั กิจกรรมคุณธรรม จริยธรรม โดยการแสดงบทบาทสมมติ ละครคุณธรรมจรยิ ธรรม สอดแทรกคุณธรรม ประกวดรอ้ งเพลงคณุ ธรรม, ประกวด บทความ หรอื เรียงความคุณธรรม, วาดภาพ การเรียนการสอน ตอ้ งเนน้ ให้นกั เรียนคิดเปน็ แก้ปญั หาเป็น สามารถ นาไปปรบั ใชใ้ นการดารงชีวิตทีด่ ไี ด้ในสังคม ส่งเสริมให้มีกิจกรรมทีด่ งี าน อาสาสมัคร การแบ่งปนั กิจกรรมดา้ นศาสนา โดยส่งเสริมกิจกรรมแต่ละศาสนา ให้ชดั เจนมากยิ่งขนึ้ ด้านการปลกู ฝังคุณธรรมจรยิ ธรรม ส่งเสริมให้นกั เรียนสร้าง จิตสานกึ ด้วยตนเอง โดยมุ่งให้เกิดผลทง้ั ที่บ้าน โรงเรียนและสร้างให้เกิดคณุ ธรรม จริยธรรม จนเปน็ นิสัย และสรา้ ง เครอื ขา่ ยขยายผล สู่สถานศกึ ษาอ่นื ๆ จดั กิจกรรมสง่ เสริมให้ครแู ละนกั เรียนร่วมทากิจกรรม โครงงานทีห่ ลากหลาย เพ่อื พฒั นาคุณธรรม จริยธรรมให้เกิดข้ึนจนเปน็ นิสยั จดั กิจกรรมปลกู ฝังให้เกิดศรัทธา และแรงบนั ดาลใจ ดา้ นการมี คณุ ธรรม จริยธรรม ผ่านกิจกรรมประจาวันของโรงเรียนทกุ วัน ส่งเสริมให้นกั เรียนรู้จกั พึง่ ตนเอง ใชช้ วี ติ ประจาวนั อย่างมศี กั ดศ์ิ รี มีความคิดเหน็ ที่ถูกต้อง และรจู้ กั คณุ คา่ ของตนเอง ด้านการวดั และประเมินผล ผู้บริหารควรจัดประชุม ผู้ทีเ่ กีย่ ว ข้องทุกฝ่าย เพือ่ ประเมนิ ความพงึ พอใจ และผลสาเร็จในการดาเนินงาน ส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม ของโรงเรียน เปิดโอกาสให้ครู และนักเรียนมสี ่วนร่วมในการออกแบบเครอ่ื งมือ ในการวัดและประเมินผล แต่งต้ัง คณะกรรมการรับผิดชอบโครงการดา้ นคณุ ธรรมจรยิ ธรรม ให้ชดั เจน ควรให้มีการแลกเปลี่ยน ประสบการณ์ดา้ น คุณธรรมจรยิ ธรรมโรงเรียนให้มากขึน้ และพยายามมงุ่ เนน้ คณุ ธรรมสากล ไมอ่ งิ ศาสนาใดศาสนาหนึง่ มากเกินไป นาผลการประเมินไปปรบั ปรงุ พัฒนาอย่างเปน็ ระบบ และต่อเน่ือง สร้างเครอ่ื งมือประเมินผลการดาเนนิ งานสง่ เสริม คุณธรรมจรยิ ธรรมนกั เรียนทีห่ ลากหลาย และสอดคลอ้ งตามตวั ชีว้ ัด และกิจกรรมทีก่ าหนดอยา่ งเป็นระบบ

132 และตอ่ เน่อื ง เชน่ การสร้างสถานการณจ์ าลองแบบทดสอบ แบบสังเกต แบบสมั ภาษณ์ และจดั ให้บคุ ลากรครู ไปศกึ ษาดงู าน ด้านคณุ ธรรมจรยิ ธรรมจากสถานที่ต่างๆ เพ่อื นาไปสู่การพฒั นาอย่างตอ่ เน่อื งและเปน็ ระบบ ข้อเสนอแนะการวิจัย 1. ข้อเสนอแนะในการนาผลการวิจัยไปใช้ 1.1 ด้านการจัดสภาพแวดลอ้ ม ผู้บริหาร ครูผู้สอน ควรจดั กิจกรรมสง่ เสริมให้นกั เรียน ได้มีสว่ น ในการดแู ลรักษา สภาพแวดลอ้ มในโรงเรียน เชน่ การประกวดห้องเรียนน่าอยู่ และมุมหอ้ งคณุ ธรรม 1.2 ด้านการจัดการเรียนการสอน ครูผู้สอน ควรสอดแทรกคณุ ธรรม จริยธรรมในการเรียนการสอน ไปพร้อมๆ กัน เนน้ ให้นกั เรียนคิดเป็น แก้ปัญหาเปน็ และสามารถนาไปปรับใชใ้ นการดารงชีวิตทีด่ ไี ด้ในสังคม 1.3 ด้านการปลกู ฝงั คณุ ธรรมจริยธรรม ผู้บริหารส่งเสริมให้ ครูจดั กิจกรรมปลกุ จิตสานกึ ศรัทธาเพือ่ ให้ เกิดแรงจงู ใจ ให้มีคุณธรรมจรยิ ธรรม สร้างจิต สานกึ ด้วยตนเอง 1.4 ด้านการวัดและประเมินผล ผู้บริหารควรจดั ประชุมผู้ที่เกี่ยวข้องทกุ ฝ่าย เพ่อื ประเมินความพงึ พอใจ และผลสาเร็จในการดาเนนิ งาน ส่งเสริมคณุ ธรรม จริยธรรม ของโรงเรียน 2. ข้อเสนอแนะสาหรบั การทาวิจยั ครง้ั ตอ่ ไป 2.1 ควรศกึ ษา ตัวแปรอน่ื เพม่ิ เติมในการวจิ ยั รายได้ ระดับการศกึ ษา เพื่อให้ได้ขอ้ มลู ที่ครอบคลมุ 2.2 ควรพัฒนาการศกึ ษาในเรื่องการสง่ เสริมคุณธรรมจรยิ ธรรมให้มากขึ้น และหานวัตกรรมใหม่ๆ มาใช้ ในการส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม 2.3 ควรศกึ ษาผลท่เี กิดข้ึน หลังจากมีโครงการส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม ว่าพฤตกิ รรมของ นักเรียน เปน็ ไปในทิศทางใด เอกสารอา้ งองิ กระทรวงศึกษาธกิ าร. (2553). หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พนื้ ฐาน. กรงุ เทพฯ : โรงพมิ พช์ มุ นมุ สหกรณ์ การเกษตรแห่งประเทศไทย. การศึกษาคาทอลกิ ในประเทศไทย. (2559-2560). รายงานดาเนนิ งานฝ่ายการศึกษาโรงเรียนคาทอลิกในประเทศไทย. กรงุ เทพฯ: สมาคมการศึกษาคาทอลกิ ในประเทศไทย. การศึกษาคาทอลกิ แห่งประเทศไทย. (2558-2559). การประชมุ สัมมนาประจาป.ี ณ โรงแรมเอเชยี พทั ยา จังหวัดชลบรุ ี : 23-26 สิงหาคม 2559. ชอ่ ลัดดา ตยิ ะบุตร. (2550). ความสมั พนั ธ์ระหว่างส่งเสริมจรยิ ธรรมความมวี นิ ัยในตนเองกับการปฏบิ ัตติ ามค่านยิ ม พ้ืนฐานของนกั เรียนในโรงเรียนสังกดั สานักงานเขตพ้นื ที่การศึกษานครพนม เขต 2. : วทิ ยานพิ นธ์ ค.ม. สกลนคร : มหาวทยาลยั ราชภัฏสกลนคร. ประภาพร นาแว่น. (2556). ประสิทธิผลการดาเนนิ งานสง่ เสริมคุณธรรม จริยธรรมในโรงเรียนในเครอื คณะภคนิ ี รักกางเขนแหง่ ท่าแร่. จังหวัดสกลนคร: วทิ ยานพิ นธ์ ค.ม. มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏสกลนคร. แผนพฒั นาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบบั ที่ 12. (2560-2564). การพฒั นาคนไทยทกุ กลุ่มวยั อยา่ งเป็นองค์รวม. วกิ รานต์ พพิ ทิ ธภัณฑ.์ (2553). สภาพและปญั หาการดาเนนิ งานสง่ เสริมคณุ ธรรม จริยธรรมนักเรียนในโรงเรียน สงั กัดเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษาสกลนคร เขต 1. วทิ ยานพิ นธ์ ค.ม. สกลนคร : มหาวทิ ยาลัยราชภฏั สกลนคร.

133 การพัฒนาศกั ยภาพบคุ ลากรตาแหน่งเลขานุการ ในวิทยาลยั ครสู ะหวนั นะเขต สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว Personnel Potential Development in Secretarial Position at Savannakhet Teacher Training College in Lao People’s Democratic Republic ปาดถะหนา กุลาวง* ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร.เพลินพิศ ธรรมรัตน์** ดร.ระภีพรรณ ร้อยพิลา*** บทคดั ยอ่ การวจิ ยั คร้ังนมี้ คี วามมุ่งหมายเพ่อื 1) ศึกษาสภาพและปญั หาดา้ นการดาเนนิ งานเลขานกุ าร วทิ ยาลยั ครู สะหวันนะเขต สาธารณรฐั ประชาธิปไตยประชาชนลาว 2) หาแนวทางการพฒั นาศกั ยภาพบุคลากรตาแหน่ง เลขานกุ าร ในวทิ ยาลัยครสู ะหวันนะเขต สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และ 3) ติดตามผลการพัฒนา ศกั ยภาพบุคลากรตาแหนง่ เลขานุการ ในวทิ ยาลยั ครสู ะหวนั นะเขต สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว กลุ่มเป้าหมาย จานวน 54 คน ประกอบด้วย กลุ่มผู้ร่วมวจิ ัย ซงึ่ เปน็ ผู้วจิ ยั และทีมงานเลขานกุ ารในวทิ ยาลยั ครู สะหวันนะเขต ปี ค.ศ. 2017 จานวน 11 คน กลุ่มผใู้ ห้ขอ้ มูล ซึ่งเป็นหัวหนา้ แผนกจาก 10 แผนก และหวั หน้าหนว่ ยงาน จานวน 43 คน การวิจยั คร้ังนใี้ ชก้ ารวจิ ยั เชงิ ปฏบิ ตั กิ าร 4 ขั้นตอน คือ ข้ันการวางแผน ขั้นการปฏบิ ัตกิ าร ข้ันการ สังเกตการณ์ และข้ันการสะท้อนกลับ โดยดาเนินการ 2 วงรอบ เครือ่ งมอื ที่ใชใ้ นการวิจัย ประกอบด้วย คู่มอื ปฏบิ ัตงิ านเลขานกุ าร แบบสอบถาม แบบทดสอบ แบบสงั เกตแบบสัมภาษณแ์ บบบนั ทึกการนิเทศภายใน แบบประเมินผล แบบประเมินความพงึ พอใจ และแบบบนั ทึกการประชุม แนวทางในการพัฒนา ได้แก่ การอบรมเชงิ ปฏบิ ัตกิ าร การศกึ ษาดงู าน และการนเิ ทศภายใน สถิตทิ ี่ใชใ้ นการวิเคราะห์ขอ้ มูล ได้แก่ ความถี่ รอ้ ยละ ค่าเฉลีย่ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และรอ้ ยละความก้าวหนา้ ผลการวจิ ัย พบวา่ 1. สภาพและปัญหาดา้ นการดาเนนิ งานเลขานกุ าร วิทยาลัยครสู ะหวันนะเขต สาธารณรฐั ประชาธิปไตย ประชาชนลาว พบวา่ 1.1 สภาพในการดาเนนิ งานเลขานุการ ในวทิ ยาลัยครูสะหวนั นะเขต สาธารณรฐั ประชาธิปไตย ประชาชนลาวโดยรวมอยใู่ นระดบั ปานกลาง 1.2 ปัญหาในการดาเนินงานเลขานุการ ในวทิ ยาลัยครสู ะหวนั นะเขต สาธารณรฐั ประชาธิปไตย ประชาชนลาวโดยรวมอยใู่ นระดับมาก 2. แนวทางการพฒั นาศกั ยภาพบุคลากรตาแหนง่ เลขานกุ าร ในวทิ ยาลัยครสู ะหวนั นะเขต สาธารณรฐั ประชาธิปไตยประชาชนลาว กลุ่มผู้ร่วมวจิ ัยดาเนนิ การตามแนวทางการพฒั นา 3 แนวทาง คือ การอบรมเชงิ ปฏบิ ตั กิ าร การศกึ ษาดูงาน และการนเิ ทศภายใน 3. ผลการพฒั นาศกั ยภาพบคุ ลากรตาแหน่งเลขานกุ าร ในวทิ ยาลยั ครูสะหวันนะเขต สาธารณรัฐ ประชาธิปไตยประชาชนลาว พบวา่ ผลการอบรมเชงิ ปฏิบัตกิ าร มีสว่ นช่วยให้กลุ่มผู้ร่วมวจิ ยั มคี วามรู้ ความเข้าใจ คาสาคญั : การพัฒนาศกั ยภาพ, เลขานุการ *ครศุ าสตรมหาบณั ฑิต สาขาวิชาการบรหิ ารการศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร **อาจารย์ประจาหลักสตู รครุศาสตรมหาบณั ฑิต และหลักสูตรปรชั ญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวชิ าการบรหิ ารการศกึ ษา มหาวิทยาลยั ราชภัฏสกลนคร ***ผู้อานวยการกลุ่มพฒั นาการศึกษา สานกั งานศึกษาธกิ ารภาค 11

134 เกีย่ วกับงานเลขานุการเพม่ิ ข้ึนผลการศึกษาดงู าน พบว่า กลุ่มผรู้ ับการพฒั นาศักยภาพมีความเข้าใจในแนวทางการ ปฏบิ ัตติ นและการปฏบิ ัตงิ านในหน้าที่เลขานุการเปน็ อยา่ งมาก เพราะได้รบั ความรู้ดา้ นการเสริมสร้างบคุ ลิกภาพ เทคนิคการสื่อสาร และแนวทางในการดาเนินงานวชิ าการของเลขานกุ าร รวมถึงการปฏบิ ตั งิ านในหน้าที่เลขานุการ ด้านต่างๆ ทาใหก้ ลุ่มผู้รบั การพฒั นาศักยภาพ มีความรู้ เทคนิค วิธีการทีจ่ ะทาใหก้ ารดาเนนิ งานเลขานุการ มปี ระสิทธิภาพมากยิ่งข้นึ ผลการนเิ ทศภายใน พบวา่ หลังการดาเนินงานพัฒนาศกั ยภาพบุคลากรตาแหนง่ เลขานกุ าร ในวทิ ยาลัยครสู ะหวนั นะเขต สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว กลุ่มผู้รบั การพฒั นาศกั ยภาพทั้ง 10 คน มคี วามรู้ ความเข้าใจและทักษะเกี่ยวกบั งานเลขานกุ าร มากยิ่งขนึ้ สามารถนาไปใชใ้ นการปฏบิ ตั งิ านได้อย่างมี ประสิทธิภาพ แสดงให้เหน็ ว่า การวิจยั เชงิ ปฏบิ ัตกิ ารเพอ่ื พฒั นาศักยภาพบุคลากรตาแหนง่ เลขานุการ ในวทิ ยาลยั ครู สะหวนั นะเขต สาธารณรฐั ประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยใชห้ ลกั การวจิ ยั เชงิ ปฏบิ ตั กิ าร (Action Research) ในคร้ังนี้ ทาให้กลมุ่ ผู้รับการพฒั นาศกั ยภาพ สามารถพฒั นาตนเองได้อยา่ งมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ทุกฝา่ ยทีเ่ กีย่ วข้องมคี วาม พงึ พอใจในการปฏบิ ตั งิ านเลขานุการเปน็ อยา่ งมาก ABSTRACT The objectives of this research were 1) to investigate conditions and problems on secretarial operations at Savannakhet Teacher Training College in the Lao People’s Democratic Republic, 2) to establish the guidelines for developing secretarial personnel, and 3) to follow up the potential development of secretarial personnel. The target group involved 54 participants including the researcher and ten co-researchers working in secretarial positions at Savannakhet Teacher Training College. The 43 informants included10 Heads of Departments and 43 Unit Heads. This action research employed the two spirals of four phases of planning, action, observation, and reflection. The instruments used in this research were a handbook for secretaries, a questionnaire, a test, an observation form, an interview form, an internal supervision form, an evaluation form, a satisfaction assessment form and meeting records. The statistics used for data analysis were frequency, percentage, mean, standard deviation and the percentage point progress. The findings were as follows: 1. The conditions and problems on the potential development of secretarial personnel at Savannakhet Teacher Training College in the Lao People’s Democratic Republic revealed that: 1.1 In terms of conditions, secretarial operations as a whole were at a moderate level. 1.2 The problems on secretarial operations as a whole were at a high level. 2. The proposed guidelines for potential development of secretarial personnel involved three means: 1) a training workshop, 2) a study tour, and 3) an internal supervision. 3. The effects after the intervention found that: 3.1 After the training workshop, the co-researchers gained better knowledge and understanding on secretarial work of 42 percent. 3.2 After the study tour concerning personality enhancement, communication techniques, the guidelines for secretarial operations, and secretarial task performances, the ten co-researchers obtained better

135 understanding on self and professional performances and knowledge on techniques and approaches to effective secretarial work at the highest level. 3.3 The results based on the internal supervision revealed that: The ten co-researchers gained better knowledge, understanding and skills on secretarial work and were able to perform tasks effectively. This can be concluded that the action research for potential development of secretarial personnel at Savannakhet Teacher Training College in the Lao People’s Democratic Republic, helped co-researchers improve individual potential secretarial work effectively. As a result, all parties concerned satisfied with the performance of the secretarial personnel. Keywords : Personnel potential development, Secretarial Position. ภมู หิ ลงั การดาเนนิ การบริหารจัดการในวทิ ยาลัยครูสะหวนั นะเขต ล้วนอาศัยบคุ คลทท่ี างานด้านเลขานกุ าร คอยชว่ ยเหลอื ในการให้ข้อมลู หรือรายละเอยี ดเกีย่ วกบั การปฏิบตั งิ าน ดังน้ันจึงถือได้วา่ หนา้ ทเ่ี ลขานกุ ารมบี ทบาท ทีส่ าคัญอย่างมาก ในการทาใหอ้ งคก์ รสามารถดาเนินงานได้อยา่ งราบรื่น โดยบทบาทมุ่งที่การให้การสนับสนนุ ตอ่ ผู้บริหาร และผู้ร่วมงาน เพือ่ ประสิทธิภาพของการทางานเปน็ ทีม ต้องเป็นผู้มสี มรรถภาพในการทางานสูง พฒั นา ศกั ยภาพของตนเองอยเู่ สมอ แก้ไขข้อบกพร่องและนาจุดเด่นมาใชใ้ ห้เกิดประโยชนส์ ูงสดุ เลขานุการจึงจาเป็นต้อง ศกึ ษาถึงทักษะใหม่ๆ เพื่อการพฒั นาและเสริมสร้างประสิทธิภาพในการทางาน เพ่อื ก้าวสกู่ ารเปน็ หัวหนา้ สานักงาน หรือผู้ชว่ ยผู้บริหารมอื อาชพี ทีป่ ระสบความสาเร็จ ก้าวทันยคุ สมัย (ผ่องใส ถาวรจัดร์, 2553, หนา้ 1-2) แตใ่ นสภาพ ปจั จุบนั พบวา่ ผู้ที่ทาหน้าที่เลขานุการในวทิ ยาลัยครสู ะหวนั นะเขต ไมไ่ ดจ้ บดา้ นน้โี ดยตรง (วทิ ยาลยั ครูสะหวันนะเขต, 2015, หนา้ 7) จึงเป็นอปุ สรรคอย่างยิ่งในการดาเนินงานในดา้ นเลขานกุ าร เนอ่ื งจากบุคลากรขาดความชานาญและ รอบรู้ในขอบข่ายงานของตน ส่งผลให้การดาเนนิ งานต่างๆ ขาดความราบรืน่ คล่องตัว ทาให้เกดิ ผลกระทบตา่ งๆ ตอ่ องค์กรตามมา (วิทยาลัยครูสะหวันนะเขต, 2016, หนา้ 55) วทิ ยาลยั ครูสะหวันนะเขต สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เป็นสถาบันในสังกดั กระทรวงศึกษาธกิ ารและกีฬา เปน็ องค์กรหลกั ที่มีหน้าทีใ่ นการประสาน ส่งเสริมและสนบั สนุน การจดั การศึกษาให้มี คณุ ภาพเป็นที่ยอมรับ มีศกั ยภาพ สามารถแข่งขันในระดบั สากล เพื่อให้สอดคลอ้ งกับนโยบายของรฐั บาลทีต่ ้องการให้ การศึกษา เปน็ รากฐานสาคัญในการพัฒนาประเทศชาติ มรี ะบบการบริหารงานคือ ผู้อานวยการ รองผู้อานวยการ ฝ่ายวิชาการ รองผู้อานวยการฝา่ ยกิจการนกั ศึกษา รองผู้อานวยการฝ่ายวัดผลประเมินผล และพฒั นาครู โดยมี จานวน 10 แผนก ทใ่ี ชใ้ นการดาเนนิ งาน ได้แก่ แผนกการบริหารการเงิน แผนกการจดั ตง้ั พนักงาน แผนกการสง่ เสริม วชิ าการ แผนกกิจการนกั ศกึ ษา แผนกการพฒั นาครู แผนกการวดั และประเมินผล แผนกภาษาตา่ งประเทศ แผนกวิทยาศาสตร์สังคม แผนกวทิ ยาศาสตร์ธรรมชาติ และแผนกอนุบาล-ประถม มพี นักงาน ครูอาจารย์ท้ังหมด 212 คน และมีนักศึกษาทงั้ หมด 2,625 คน (วทิ ยาลัยครูสะหวนั นะเขต, 2017, หนา้ 48) จากเหตุผลขา้ งต้น ผู้วจิ ัยในฐานะเป็นอาจารย์ และทาหน้าทีเ่ กี่ยวกับงานเลขานกุ ารในวิทยาลยั ครู สะหวันนะเขต จึงต้องการพัฒนาศักยภาพบคุ ลากรตาแหนง่ เลขานกุ าร ในวทิ ยาลัยครสู ะหวันนะเขต สาธารณรัฐ ประชาธิปไตยประชาชนลาว ให้ผู้ทีท่ าหน้าที่เลขานกุ ารได้แนวทางในการพัฒนาตนเองและใชเ้ ปน็ แนวทางในการ ปฏบิ ัตงิ าน ให้เกิดความคล่องตวั และมปี ระสิทธิภาพ มภี าพลักษณ์ที่ดสี ร้างความนา่ เชือ่ ถือให้กบั ผู้บังคบั บญั ชา และผู้ทีม่ าติดต่อประสานงาน อนั จะส่งผลให้การบริหารจัดการในองค์กรมปี ระสิทธิภาพและประสิทธิผลมากยิง่ ข้ึน

136 คาถามการวิจยั 1. สภาพและปญั หาการดาเนนิ งานเลขานุการ วิทยาลยั ครสู ะหวนั นะเขต สาธารณรฐั ประชาธิปไตย ประชาชนลาว เป็นอยา่ งไร 2. แนวทางการพฒั นาศักยภาพบคุ ลากรตาแหนง่ เลขานุการ ในวทิ ยาลัยครูสะหวนั นะเขต สาธารณรัฐ ประชาธิปไตยประชาชนลาว มีอะไรบ้าง 3. ผลการพฒั นาศักยภาพบคุ ลากร ด้านการดาเนินงานเลขานุการ วิทยาลยั ครูสะหวนั นะเขต สาธารณรฐั ประชาธิปไตยประชาชนลาว เป็นอยา่ งไร ความมุ่งหมายของการวิจัย 1. เพื่อศกึ ษาสภาพและปญั หาดา้ นการดาเนนิ งานเลขานกุ าร วทิ ยาลัยครูสะหวนั นะเขต สาธารณรัฐ ประชาธิปไตยประชาชนลาว 2. เพอ่ื หาแนวทางการพฒั นาศกั ยภาพบุคลากรตาแหนง่ เลขานกุ าร ในวทิ ยาลัยครูสะหวันนะเขต สาธารณรัฐ ประชาธิปไตยประชาชนลาว 3. เพอ่ื ติดตามผลการพัฒนาศักยภาพบุคลากรตาแหนง่ เลขานุการ ในวทิ ยาลยั ครูสะหวันนะเขต สาธารณรฐั ประชาธิปไตยประชาชนลาว กรอบแนวคดิ การวิจัย วงรอบที่ 1 --การวางแผนการอบรมเชิงปฏิบตั กิ ารเพือ่ พัฒนาศกั ยภาพบุคลากร ด้านการ ดาเนินงานเลขานกุ าร ขั้นที่ 1 การวางแผน -การศึกษาสภาพและปญั หาและกาหนดแนวทาง การพัฒนา (Planning) วงรอบท่ี 2 ข้ันที่ 2 การปฏิบตั ิการ ดาเนินการตามแผนและแนวทางที่กาหนดไว้ ได้แก่ การอบรมเชิงปฏิบตั ิการ (Action) การศึกษาดูงาน และการนิเทศภายใน ขั้นที่ 3 การสงั เกตการณ์ 1. จากการอบรมเชงิ ปฏิบัตกิ ารโดยใชแ้ บบสงั เกตพฤติกรรมผู้เข้าอบรม (Observation) 2. จากการศึกษาดงู านโดยใช้แบบสมั ภาษณ์จากการศึกษาดูงาน 3. จากการนิเทศภายใน โดยใช้แบบบนั ทึกการนิเทศภายใน แบบประเมินผล ขั้นที่ 4 การสะท้อนกลบั การดาเนินงาน (Reflection) ประเมินความพงึ พอใจผลการดาเนินงาน และไดส้ ารสนเทศที่เป็นประโยชน์ ในการปรับปรงุ แก้ไข และพฒั นาการดาเนินงาน ภาพประกอบ 1 กรอบแนวคิดการวิจัย วิธีดาเนนิ การวิจัย ประชากรและกลุม่ ตวั อยา่ ง การวจิ ยั ครั้งนมี้ กี ลุ่มเป้าหมายและวิธีการได้มาดังนก้ี ลุ่มผู้ร่วมวจิ ัย จานวน 11 คน ซึง่ เป็นผู้วจิ ยั จานวน 1 คน และกลุ่มผู้รับการพฒั นาศกั ยภาพ โดยเป็นทีมงานเลขานุการในวิทยาลยั ครูสะหวนั นะเขต ปี ค.ศ. 2017

137 จานวน 10 คน กลุ่มผใู้ ห้ขอ้ มลู จานวน 43 คน ซึ่งเปน็ หวั หนา้ แผนกจานวน 10 คน และหัวหนา้ หนว่ ยงานจานวน 33 คน วทิ ยากร จานวน 2 คน และผู้นิเทศ จานวน 2 คน คือ รองผู้อานวยการวทิ ยาลัยครูสะหวนั นะเขต สาธารณรฐั ประชาธิปไตยประชาชนลาว และรองหวั หน้าแผนกบริหารการเงนิ วิทยาลยั ครสู ะหวันนะเขต สาธารณรฐั ประชาธิปไตยประชาชนลาว เครื่องมอื ทใี่ ช้ในการเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล 1. เครื่องมอื ที่ใชใ้ นการปฏบิ ตั กิ าร ได้แก่ เอกสารประกอบการอบรมเชงิ ปฏิบัตกิ าร ประกอบด้วย คู่มอื ปฏบิ ัตงิ านเลขานุการ และแบบทดสอบก่อนและหลังการอบรมเชงิ ปฏิบตั กิ าร 2. เคร่อื งมือที่ใชใ้ นการสะทอ้ นกลบั ได้แก่ แบบสอบถาม สภาพ ปัญหาการดาเนนิ งานเลขานกุ าร วทิ ยาลัยครสู ะหวนั นะเขต แบบสังเกตพฤตกิ รรม แบบสงั เกตระหว่างการศึกษาดงู าน แบบสมั ภาษณก์ ารศึกษาดูงาน แบบบนั ทึกการนิเทศภายใน แบบประเมินผลการดาเนนิ งาน แบบประเมินความพงึ พอใจ และแบบบันทึกการประชุม วิธีการเก็บรวบรวมขอ้ มลู 1. การวางแผน (Planning) เป็นการศึกษาสภาพ ปัญหาการการพัฒนาศักยภาพบคุ ลากรตาแหนง่ เลขานกุ าร ในวทิ ยาลยั ครสู ะหวนั นะเขต สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยรวบรวมขอ้ มลู โดยใชเ้ ครอ่ื งมือ การศึกษาเอกสารและงานวจิ ยั ที่เกีย่ วข้องแบบบนั ทึกการประชุม และแบบสอบถามสภาพ/ปญั หา 2. การปฏบิ ัตกิ าร (Action) เป็นข้ันตอนการดาเนินกิจกรรมการพฒั นาศักยภาพบุคลากรตาแหนง่ เลขานุการ โดยรวบรวมขอ้ มูลโดยใชเ้ คร่อื งมือ แบบทดสอบ คู่มือปฏบิ ตั งิ านเลขานกุ าร แบบสงั เกตพฤตกิ รรมผู้เข้าร่วม อบรม และแบบสงั เกตระหว่างการศึกษาดงู าน 3. การสงั เกตการณ์ (Observation) เปน็ ขนั้ ตอนสังเกตการณด์ าเนนิ กิจกรรมการเรียนรู้ของครู นักเรียน โดยรวบรวมขอ้ มูลจาก แบบบนั ทึกการนิเทศภายใน แบบประเมินผลการดาเนนิ งาน และแบบบนั ทึกการประชุมเพอ่ื การสะท้อนกลบั 4. การสะท้อนกลับ (Reflection) เป็นขน้ั ตอนการประเมิน ตรวจสอบกระบวนการ โดยรวบรวมขอ้ มลู โดยใชแ้ บบประเมินความพงึ พอใจ และแบบบันทึกการประชมุ สถิตทิ ใี่ ชใ้ นการวิเคราะห์ ผู้วิจัยดาเนินการวเิ คราะห์ขอ้ มูลทางสถิตพิ ้ืนฐานคอื สถติ พิ ้ืนฐาน ได้แก่ ความถี่ รอ้ ยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และร้อยละความก้าวหนา้ (บญุ ชม ศรีสะอาด, 2549, หน้า 59 – 112) สรปุ ผลการวิจยั การวจิ ยั เชงิ ปฏบิ ัตกิ ารเพ่อื การพัฒนาศกั ยภาพบคุ ลากรตาแหนง่ เลขานุการ ในวทิ ยาลยั ครสู ะหวันนะเขต สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ผู้วจิ ยั ได้สรปุ ผลการวิจยั ดงั น้ี 1. ผลศึกษาสภาพและปญั หาด้านการดาเนินงานเลขานกุ าร วิทยาลัยครสู ะหวันนะเขต สาธารณรัฐ ประชาธิปไตยประชาชนลาว พบวา่ เจ้าหนา้ ทม่ี สี ภาพการดาเนนิ งานโดยรวม อยู่ในระดับปานกลาง ซึง่ สง่ ผลให้เกิด ปญั หาสาคัญที่อยใู่ นระดบั มากถึงมากที่สุด 2. แนวทางการพัฒนาศักยภาพบคุ ลากรตาแหนง่ เลขานุการ ในวทิ ยาลยั ครู สะหวนั นะเขต สาธารณรฐั ประชาธิปไตยประชาชนลาว กลุ่มผู้ร่วมวจิ ัยดาเนนิ การตามแนวทางการพฒั นา 3 แนวทาง ได้แก่ การอบรมเชงิ ปฏบิ ัตกิ าร การศกึ ษาดงู าน และนิเทศภายใน

138 3. ผลการพัฒนาศักยภาพบุคลากรตาแหน่งเลขานกุ าร ในวทิ ยาลัยครสู ะหวันนะเขต สาธารณรัฐ ประชาธิปไตยประชาชนลาว พบวา่ ผลการอบรมเชงิ ปฏิบตั กิ าร จากการสังเกตพฤตกิ รรมผู้เข้าร่วมอบรมเชงิ ปฏบิ ตั กิ าร โดยรวมอยใู่ นระดบั มาก ผลการศึกษาดูงาน จากการสมั ภาษณห์ ลังการศึกษาดงู าน พบว่า กลุ่มผู้รบั การ พัฒนาศกั ยภาพมคี วามเข้าใจในแนวทางการปฏบิ ัตติ นและการปฏบิ ัตงิ านในหนา้ ท่เี ลขานุการเปน็ อยา่ งมาก ผลการ นเิ ทศภายใน จากการประเมินผลการดาเนนิ งาน พบวา่ มผี ลการดาเนนิ งานดา้ นงานเลขานกุ าร ทั้งโดยรวมและรายได้ อยู่ในระดบั มาก ขึ้นไป และผลการประเมินความพงึ พอใจ เกี่ยวกับผลการดาเนนิ งานพัฒนาศกั ยภาพบคุ ลากร ตาแหนง่ เลขานกุ ารในวิทยาลยั ครสู ะหวันนะเขต สาธารณรฐั ประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยรวมและรายด้าน อยู่ใน ระดับมาก แสดงให้เห็นว่า การวจิ ยั เชงิ ปฏบิ ตั กิ ารเพ่อื พฒั นาศักยภาพบุคลากรตาแหนง่ เลขานกุ ารในวิทยาลยั ครู สะหวันนะเขต สาธารณรฐั ประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยใชห้ ลักการวจิ ยั เชงิ ปฏบิ ัตกิ าร (Action Research) ในครั้งนี้ ทาให้กลมุ่ ผู้รบั การพัฒนาศกั ยภาพ สามารถพฒั นาตนเองได้อยา่ งมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ทุกฝา่ ยทีเ่ กีย่ วข้องมคี วาม พงึ พอใจในการปฏบิ ตั งิ านเลขานกุ ารเป็นอยา่ งมาก อภปิ รายผลการวิจยั 1. ผลศึกษาสภาพและปัญหาด้านการดาเนินงานเลขานกุ าร วิทยาลยั ครูสะหวนั นะเขต สาธารณรัฐ ประชาธิปไตยประชาชนลาว พบวา่ 1.1 สภาพในการดาเนินงานเลขานกุ าร ในวทิ ยาลัยครูสะหวนั นะเขต สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชน ลาว โดยรวมอยใู่ นระดบั ปานกลาง โดยด้านคณุ สมบัตสิ ่วนตัว มสี ภาพการดาเนนิ งานเรียงจากมากไปหาน้อย ได้แก่ อนั ดับที่ 1 ดา้ นการส่อื สาร มีสภาพการดาเนนิ งาน อยู่ในระดบั ปานกลาง โดยบคุ ลากรใชช้ อ่ งทางส่อื สารตดิ ตอ่ งาน เพยี งทางวาจาและทางโทรศพั ท์ และใชภ้ าษาอย่างไมเ่ ปน็ ทางการในการสื่อสาร อนั ดบั ที่ 2 ด้านงานวชิ าการ มสี ภาพ การดาเนนิ งาน อยู่ในระดบั ปานกลาง โดยคณุ สมบตั สิ ่วนตวั ของบคุ ลากรส่วนใหญ่ยงั ไมต่ รงกับสายงานเลขานุการ ความรับผิดชอบอยู่ในระดับปานกลาง ใชเ้ วลาในการทางานแตล่ ะอย่างค่อนขา้ งมาก และอนั ดบั ที่ 3 ด้านบุคลิกภาพ มสี ภาพ การดาเนนิ งาน อยใู่ นระดบั ปานกลาง โดยบุคลากรยังไมป่ รบั ตวั เข้ากับสถานการณ์ต่างๆ เท่าทีค่ วร ขาดความ กระตอื รือร้นในการทางาน ความมมี นษุ ยสมั พันธ์ที่ดยี ังมนี อ้ ย ขาดรอยยมิ้ ในการทางาน มาทางานค่อนขา้ งสาย และมี การลากิจหรือลาปว่ ยอยู่บ่อยครั้ง ตามลาดับ ส่วนด้านงานในหนา้ ท่เี ลขานกุ าร มีสภาพการดาเนนิ งานเรียงจากมาก ไปหาน้อย ได้แก่ อนั ดบั ที่ 1 งานสร้างภาพพจน์ มีสภาพการดาเนนิ งาน อยู่ในระดบั มาก โดยบคุ ลากรมกี ารให้ข้อมูล ข่าวสารทีข่ าดความชดั เจนถกู ต้องและครบถ้วน ขาดการศึกษาค้นควา้ เพอ่ื นาความรมู้ าพัฒนาปรับปรงุ งานให้มี ประสิทธิภาพมากขึ้น และไมท่ นั ตอ่ เหตุการณ์มีขอ้ มลู ทีจ่ าเปน็ มากนัก อนั ดับที่ 2 งานประจา มสี ภาพการดาเนนิ งาน อยู่ในระดับมาก โดยบคุ ลากร ยงั จัดทาแผนงานประจาวนั ของผบู้ งั คับบัญชาไม่ชัดเจน ขาดการออกแบบ และจดั ทา แบบฟอร์มงานตา่ งๆ ด้วยตนเอง ยังตอ้ งอาศยั คาแนะนาจากผอู้ น่ื อยเู่ สมอในการรวบรวมขอ้ มูล บนั ทึกสถิติ เขียนสรปุ รายงาน อนั ดบั ที่ 3 งานสว่ นตวั ของผู้บงั คับ บญั ชา มีสภาพการดาเนนิ งาน อยู่ในระดับปานกลาง โดยบุคลากรยังต้อง มกี ารกากับดูแลการจัดการเกีย่ วกบั การเงินตามทีผ่ ู้บงั คับบญั ชามอบหมายจากผู้อื่นอยู่เสมอ และอนั ดบั ที่ 4 งานอานวยความสะดวก มสี ภาพการดาเนนิ งาน อยู่ในระดับปานกลาง โดยบางครงั้ บุคลากรมคี วามผิดพลาดในการ จัดการเกีย่ วกับการนัดหมายของผู้บังคับบญั ชา การตอ้ นรับผู้มาติดต่อกับผู้บังคับบญั ชายงั ตอ้ งคอยให้คาแนะนา เกีย่ วกับภารกิจตา่ งๆ และไมม่ ขี อ้ เสนอความคิดเห็นเรื่องเกีย่ วกับงานเม่อื ผู้บงั คับบัญชาขอความคิดเห็น ตามลาดับ ทีเ่ ป็นเชน่ นี้ สืบเนอ่ื งมาจาก บุคลากรที่ทาหน้าทีเ่ ลขานกุ ารในวทิ ยาลยั ครูสะหวันนะเขตส่วนใหญ่ ไมไ่ ด้จบด้านนี้ โดยตรง ซึ่งผู้ทจี่ บดา้ นน้โี ดยตรงมจี านวนเพยี ง 3 คน คิดเปน็ ร้อยละ 30 ของบุคลากรทาหน้าที่เลขานกุ าร (วิทยาลัยครู สะหวนั นะเขต, 2015, หนา้ 7) จงึ เป็นอุปสรรคอย่างยิง่ ในการดาเนนิ งานในด้านเลขานกุ าร เนอ่ื งจากบคุ ลากรขาด

139 ความชานาญและรอบรู้ในขอบขา่ ยงานของตน ส่งผลให้การดาเนนิ งานต่างๆ ขาดความราบรืน่ คล่องตวั บุคลากร ส่วนใหญ่ทีป่ ฏบิ ตั หิ นา้ ท่ใี นฝ่ายเลขานุการ ขาดความรู้ ความเข้าใจ ขาดทักษะ ความชานาญ ความเชย่ี วชาญในการ ปฏบิ ัตงิ านในหน้าที่ของตน จึงแสดงบทบาทและปฏิบตั หิ นา้ ทข่ี องตน เพียงบางส่วน ไมส่ ามารถปฏบิ ตั งิ านได้อย่างเต็ม ความสามารถ จึงไมค่ รอบคลมุ กับขอบข่ายงาน ส่งผลให้การบริหารจดั การในองค์กร เกิดความตดิ ขดั ล่าช้าและภาระ งานไม่เรียบร้อยสมบูรณ์ 1.2 ปัญหาในการดาเนินงานเลขานกุ าร ในวทิ ยาลยั ครสู ะหวนั นะเขต สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชน ลาว โดยรวมอยใู่ นระดบั มาก โดยดา้ นคณุ สมบัตสิ ่วนตวั มีปญั หาการดาเนนิ งานเรียงจากมากไปหาน้อย ได้แก่ อนั ดบั ที่ 1 ดา้ นบุคลิกภาพ มปี ัญหาในการดาเนนิ งาน อยู่ในระดับมาก โดยบุคลากรทีท่ าหน้าทีเ่ ลขานกุ าร ยงั ขาดความเปน็ นกั คิด จึงไมค่ ่อยมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ความสะอาด ถูกตอ้ ง ตรงตอ่ เวลายงั มีน้อย ขาดความเช่อื มนั่ ในตนเอง ไมส่ ามารถปรบั ตวั เข้ากบั สถานการณ์ได้อยา่ งเหมาะสม ขาดความกระตอื รือร้นในการทางาน ไมส่ ามารถแสดงออกซึง่ พฤตกิ รรมทีเ่ หมาะสม มีความจาไมด่ ี ไมช่ อบการสังเกต ขาดมนษุ ยสัมพันธ์ทีด่ ี การดูแลสขุ ภาพยงั ไม่ดเี ท่าทีค่ วร ขาดปฏภิ าณไหวพริบ สมาธิ ความละเอียดรอบคอบ และขาดความมบี ุคลิกภาพที่ดี อนั ดับที่ 2 ด้านงานวชิ าการ มปี ัญหาในการดาเนินงาน อยใู่ นระดับมาก โดยบคุ ลากรที่ทาหน้าทีเ่ ลขานกุ าร มีความรบั ผิดชอบอยู่ในระดบั น้อย ขาดความรอบรู้ท้ังในงานเลขานกุ ารและงานทีเ่ กีย่ วข้อง รวมถึงไมส่ ามารถบริหารเวลาได้อยา่ งมปี ระสิทธิภาพ และอันดบั ที่ 3 ด้านการส่อื สาร มปี ญั หาในการดาเนินงาน อยใู่ นระดับมาก โดยบคุ ลากรที่ทาหน้าทีเ่ ลขานกุ าร ยังขาดทักษะการสอ่ื สาร ไมส่ ามารถใชช้ อ่ งทางสือ่ สารติดต่องานได้อย่างมปี ระสิทธิภาพ รวมถึงขาดความคล่องแคล่ว ในดา้ นการใช้ภาษา ด้านงานอานวยความสะดวก บุคลากรทีท่ าหน้าทีเ่ ลขานุการ ไมส่ ามารถทาหนา้ ท่คี อยเป็นกนั ชน หรือแก้ไขปญั หากรณผี ู้บังคบั บัญชา มีขอ้ ขัดแยง้ การตอ้ นรบั ผู้มาติดต่อกบั ผู้บงั คับบัญชายงั ไมด่ ีพอ การจดั การ เกี่ยวกับการนดั หมายยังผิดพลาดอยู่มาก และไมค่ ่อยเสนอความคิดเหน็ เรื่องเกีย่ วกับงานเม่อื ผู้บงั คับ บญั ชาขอความ คิดเหน็ ตามลาดับ ส่วนด้านงานในหน้าที่เลขานกุ าร มีปญั หาในการดาเนนิ งานเรียงจากมากไปหาน้อย ได้แก่ อนั ดับที่ 1 งานอานวยความสะดวก มปี ญั หาในการดาเนนิ งาน อยู่ในระดับมาก อันดับที่ 2 งานสร้างภาพพจน์ มปี ญั หาในการ ดาเนนิ งาน อยู่ในระดับปานกลาง บคุ ลากรที่ทาหน้าทีเ่ ลขานกุ าร ขาดการศึกษาค้นควา้ นาความรู้มาพฒั นาปรับปรงุ งานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ให้ขอ้ มูลข่าวสารไมช่ ัดเจนถกู ต้องและครบถ้วน ข้อมูลทีจ่ าเปน็ ลา่ ชา้ ไมท่ ันต่อเหตกุ ารณ์ และไมอ่ ทุ ิศตน อยา่ งเต็มกาลงั ความสามารถ เพ่อื ทางานให้สาเรจ็ ตามเป้าหมาย อนั ดับที่ 3 งานประจา มปี ญั หาใน การดาเนนิ งาน อยู่ในระดบั ปานกลาง โดย บคุ ลากรทีท่ าหน้าทีเ่ ลขานกุ าร ยงั ไมส่ ามารถรวบรวมขอ้ มูล บันทึกสถิติ เขียนสรุปรายงานได้ ไมส่ ามารถจัดทาแผนงานประจาวนั ของผบู้ ังคับบัญชาได้สมบรู ณ์ และการออกแบบ และจดั ทา แบบฟอร์มงานตา่ งๆ ยงั ตอ้ งอาศยั คาแนะนาจากผู้บงั คับบญั ชาเปน็ สว่ นใหญ่และอนั ดบั ที่ 4 งานสว่ นตัวของ ผู้บงั คบั บญั ชามปี ญั หาในการดาเนนิ งาน อยู่ในระดับ ปานกลาง โดยบุคลากรที่ทาหน้าทีเ่ ลขานกุ าร ไมส่ ามารถดแู ล จดั การเกีย่ วกับการเงินตามทีผ่ บู้ งั คบั บญั ชามอบหมายได้ ตามลาดบั ท่เี ป็นเชน่ นีส้ บื เน่อื งมาจาก บุคลากรส่วนใหญ่ ที่ปฏบิ ตั หิ นา้ ทใ่ี นฝ่ายเลขานกุ าร ขาดความตระหนกั ในคณุ สมบัตทิ วั่ ไปของเลขานกุ ารบางข้อ สง่ ผลให้เกิดผลกระทบ ตา่ งๆ ตอ่ องค์กรตามมา เช่น ความสามารถในการใช้ภาษาส่อื สาร การมบี ุคลิกภาพและอปุ นสิ ัยที่ดี รจู้ ักกาลเทศะและ มปี ฏภิ าณไหวพริบ ความคล่องแคล่วในการปฏบิ ตั งิ าน การมีความรบั ผิดชอบงาน ความอดทนในการทางานภายใน สภาพกดดนั และการมมี นุษยส์ ัมพนั ธ์ทีด่ ี การเกบ็ ความลบั ของผู้บงั คับบัญชาและองค์กร ความสามารถในการต้อนรับ ผู้มาติดต่อ เพือ่ สร้างภาพลักษณ์ของผู้บังคบั บัญชา และองค์กร รวมถึงการเป็นผู้อุทิศเวลาให้แก่การทางาน เปน็ ต้น ซึ่งคุณสมบัตเิ หลา่ นี้ ล้วนแลว้ แตส่ าคญั ที่ผู้ทีท่ าหน้าที่เลขานกุ ารต้องตระหนัก เพ่อื ให้การปฏบิ ตั งิ านเปน็ ไปอยา่ งมี ประสิทธิภาพ และเกิดประโยชนส์ ูงสดุ ต่อองคก์ าร ซึง่ สอดคล้องกบั งานวิจยั ของ คมนัย ชารมาลย์ (2552, หนา้ 85- 87) ได้ศึกษาการพฒั นาระบบงานธุรการกลุ่มบริหารงานบุคคล สานักงานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษากาฬสินธ์ุ เขต 3 พบว่า