290 อภปิ รายผลการวิจยั 1. สภาพการบริหารสถานศกึ ษาตามหลกั หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งในโรงเรียนสงั กัดสานกั บริหารงาน การศึกษาพิเศษ ภาคตะวันออกเฉียงเหนอื โดยภาพรวมมีการปฏบิ ัตอิ ยู่ในระดบั มาก ทั้งนเี้ พราะว่าการบริหาร งบประมาณ เป็นส่งิ สาคญั ของการบริหารงานตา่ งๆ เพ่อื ให้การดาเนนิ งานเปน็ ไปอยา่ งมีประสิทธิภาพ ซึ่งสอดคล้องกบั งานวจิ ยั เพญ็ นภา ธีรทองดี (2553) ไดศกึ ษาเรื่อง การนาหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งไปใชใ้ นการบริหารจัดการ ของสถานศึกษา สงั กดั สานกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษาราชบรุ ี เขต 2 ผลการศึกษา พบวา่ 1) ผู้บรหิ ารสถานศกึ ษาและครมู ี ความคิดเห็นต่อการนาหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งไปใชใ้ นการบริหารจดั การของสถานศกึ ษา โดยรวมและราย ด้านทกุ ด้านอยใู่ นระดบั มาก 2) ความคิดเหน็ ผู้บริหารสถานศกึ ษาและครูมคี วามคิดเหน็ ต่อการนาหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพยี งไปใชใ้ นการบริหารจัดการของสถานศึกษา จาแนกตามตาแหนง และประเภทของสถานศึกษา พบวา่ มี ความแตกตา่ งกันอย่างมนี ัยสาคญั ทางสถิตทิ ีร่ ะดับ .01 ท้ังโดยรวมและรายด้าน 3) ผลการศึกษาปัญหาอุปสรรค และข้อเสนอแนะเกีย่ วกับการนาหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งไปใชใ้ นการบริหารจดั การของสถานศกึ ษา สังกดั สานกั งานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษาราชบุรี เขต 2 โดยการจดั สนทนากลุ่ม (Focus Group) ในดา้ นการบริหารงานท่วั ไปยังขาด แคลนงบประมาณและขาดวธิ ีการในการประเมินโครงการ ด้านวชิ าการพบปัญหาในการบูรณาการในการจดั การเรียน การสอนและการประเมินผล สว่ นด้านบุคลากรนน้ั ยงั ขาดความรูความเข้าใจในหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง และสถานศกึ ษายงั ไมใหค้ วามสาคญั ในการดาเนนิ การด้านความสมั พนั ธ์กบั ชมุ ชน 1.1 ด้านการบริหารงบประมาณ พบวา่ สภาพการบริหารสถานศกึ ษาตามหลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง ในโรงเรียน สงั กดั สานกั บริหารงานการศึกษาพิเศษ ภาคตะวันออกเฉียงเหนอื โดยภาพรวมมีการปฏบิ ตั อิ ยู่ในระดบั มาก ท้ังนีเ้ ปน็ เพราะว่า มกี ารตรวจสอบ ติดตามประเมินผล รายงานแสดงการดาเนนิ งานตามแผนงานงบประมาณ สถานศกึ ษาตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งแกผ่ ู้ทีเ่ กี่ยวข้องรับทราบ การตรวจสอบ ตดิ ตาม ประเมินผล มาพัฒนา ปรับปรงุ การบริหารจัดการงบประมาณตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง สนับสนนุ การจัดสภาพ ห้องเรียนให้เอ้อื ตอ่ การเรียนการสอน ใชแ้ หลง่ การเรียนรู้ในสถานศกึ ษาและในท้องถิน่ เพอ่ื ประโยชนใ์ นการเรียน การสอนหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง จดั ทาทะเบียนการบริหารงบประมาณทใ่ี ชต้ ามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจ พอเพยี งได้อยา่ งเหมาะสม ดาเนนิ งานตามแผนงบประมาณของสถานศกึ ษาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง โดยมีการเบิกจ่ายงบประมาณและใชท้ รพั ยากรตามความจาเปน็ สอดคลอ้ งกับงานวจิ ัยของสญั ญา จารจุ ินดา (2551) ได้ศึกษาแนวทางการบริหารจดั การในการนอ้ มนาแนวคิดเศรษฐกิจพอเพยี งสู่การปฏบิ ัตใิ นโรงเรียนประถมศึกษา อาเภอขุนยวง จังหวดั แมฮ่ ่องสอน พบวา่ แนวทางการบริหารจดั การในการนอ้ มนาแนวคิดเศรษฐกิจพอเพยี งสู่การ ปฏบิ ตั ขิ องโรงเรียนประถมศึกษา ท้ัง 4 ด้าน คือด้านบริหารงานวชิ าการ ด้านบริหารงบประมาณ ด้านบริหารงาน บคุ คล และด้านบริหารทว่ั ไป ในภาพรวมอยใู่ นระดับดีมาก ส่วนแนวทางการพฒั นาครูนนั้ ในด้านบริหารวชิ าการควรมี การจดั ประชุมทางวิชาการทกุ เดือนเพ่ือแลกเปลีย่ นเรียนรู้เกีย่ วกับเศรษฐกิจพอเพยี ง ด้านบริหารงบประมาณควร ส่งเสริมให้ครูมกี ารวางแผนการใชง้ บประมาณให้สอดคลอ้ งกบั แนวคิดเศรษฐกิจพอเพยี ง ด้านบริหารงานบุคคลควรมี การจัดอบรมให้ความรู้แกค่ รใู นโรงเรียนเพอ่ื ให้ครมู คี วามรู้ความเข้าใจหลักเศรษฐกิจพอเพยี งรวมท้ังการนาไปปฏบิ ตั ิ ในชีวิตประจาวัน ส่วนดา้ นบริหารทวั่ ไป ควรส่งเสริมให้ครูทางานร่วมกับชมุ ชนและหนว่ ยงานราชการอืน่ ที่เกีย่ วข้อง เพ่อื ทีจ่ ะให้ ทกุ ภาคส่วนนน้ั มสี ่วนร่วมในการจัดการศกึ ษา และยงั สอดคลอ้ งกับวจิ ัยของ พรทิพย์ บรรเทา (2558) ทาการศกึ ษาเรือ่ ง แนวทางการบริหารสถานศึกษาตามหลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี งของสานกั งานเขตพ้นื ที่ การศึกษามัธยมศกึ ษา เขต 19 (เลย-หนองบัวลาภ)ู ผลการวจิ ัยพบวา่ ด้านการบริหารงบประมาณ โดยภาพรวม อยู่ในระดับมาก เม่อื พิจารณาเป็นรายข้อพบวา่ ข้อทีม่ ีการปฏบิ ตั สิ งู สุด โรงเรียนมกี ารตรวจสอบ ติดตามประเมินผล
291 รายงานแสดงการดาเนินงานตามแผนงานงบประมาณสถานศกึ ษาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งแกผ่ ู้ที่ เกีย่ วข้องรับทราบ 2. การเปรียบเทียบสถานศกึ ษาตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งในโรงเรียน สงั กดั สานกั บริหารงาน การศึกษาพิเศษ ภาคตะวันออกเฉียงเหนอื จาแนกตามประสบการณ์การทางาน ได้แก่ ประสบการณ์น้อยกวา่ 5 ปี ประสบการณ์ 5-10 ปี ประสบการณ์มากกวา่ 10 ปี โดยภาพรวมแตกต่างกนั อยา่ งมีนยั สาคญั ทางสถิตทิ ี่ระดบั .05 ท้ังนีเ้ ปน็ เพราะว่าข้าราชการครมู ปี ระสบการณ์ทีแ่ ตกต่างกันในการทางานข้าราชการครทู ี่ทางานมานานจะมี ประสบการณ์ในการทางานมากกว่า เพราะมีการอบรมพัฒนาตนเองอยา่ งต่อเน่อื ง จึงมมี มุ มองหรือความคิดเหน็ ที่แตกต่างจนนาไปสกู่ ารดาเนนิ งานให้เกิดประสิทธิผลรว่ มกัน สอดคล้องกับงานวิจัยของบญั ัติ นนทามาลย์ (2551) ได้ทาการศกึ ษาสภาพการจดั การศกึ ษา โดยยึดหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งของโรงเรียนในเขตอาเภองาว จังหวัดลาปาง ซึง่ พบวา่ ประสบการณ์เกีย่ วกบั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งไม่มีผลทาให้ความรู้ความเข้าใจเกีย่ วกับ หลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งของบคุ ลากรทางการศกึ ษา และสภาพการนาหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ไปใชใ้ นการจดั การศกึ ษาของโรงเรียน แตกตา่ งกัน พรสกุล เขตจานันท์ (2553) ทาการศึกษาเรื่อง การบริการจัดการ สถานศกึ ษาตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งของสถานศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน สงั กดั สานักงานเขตพ้นื ที่การศึกษา อุดรธานี เขต 4 ผลการวจิ ัยพบวา่ 1) ด้านการบริหารงานวชิ าการ โดยภาพรวมอยใู่ นระดบั มาก เมอ่ื พิจารณาพบวา่ โรงเรียนได้กาหนดนโยบายการพฒั นาหลักสูตรสถานศกึ ษาโดยสอดแทรกหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง มกี าร นาผลการประเมินการใช้หลกั สตู รสถานศกึ ษาเปน็ ขอ้ มูลในการพฒั นาหลกั สตู รทุก 5 ปี และมกี ารจัดกระบวนการ เรียนรู้ที่มีเป้าหมายให้ผู้เรียนดาเนนิ ชีวิตด้วยความไม่ประมาท 2) ด้านการบริหารงบประมาณ โดยภาพรวมอยใู่ นระดับ มาก เมอ่ื พิจารณาพบวา่ โรงเรียนสนบั สนนุ งบประมาณในการดาเนินงานตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง โรงเรียนมกี ารบริหารงบประมาณตามความจาเปน็ และเหมาะสม โรงเรียนมกี ารวางแผนการจดั การใช้งบประมาณของ สถานศกึ ษาในการดาเนนิ งานตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง 3) ด้านการบริหารบคุ คล โดยภาพรวมอยใู่ น ระดบั มาก เม่อื พิจารณาพบวา่ โรงเรียนสร้างความตระหนักให้บคุ ลากรในโรงเรียนเลง็ เห็นประโยชนข์ องหลกั ปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพยี ง บุคลากรในโรงเรียนมกี ารดาเนนิ ชีวิตอย่างมีความสขุ และภาคภมู ใิ จในตนเอง และบคุ ลากรนา ความรู้เกี่ยวกบั หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งที่ได้มาปรับใชใ้ นการดารงชีวิตและ 4) ด้านการบริหารท่วั ไป โดยภาพรวมอยใู่ นระดบั มาก เมอ่ื พิจารณาพบวา่ โรงเรียนมกี ารแก้ไขปญั หาทีเ่ กิดข้ึนตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจ พอเพยี ง โรงเรียนมกี ารบริหารจัดการอาคารสถานทีไ่ ด้อยา่ งคมุ้ ค่า และโรงเรียนได้รบั ความร่วมมอื จากองค์กร และชมุ ชนให้มีการจดั การเรียนการสอนตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ขอ้ เสนอแนะ 1. ขอ้ เสนอแนะสาหรบั การนาผลการวิจยั ไปใช้ 1.1 สถานศกึ ษาควรมกี ารศึกษา วิเคราะห์ วจิ ยั เกี่ยวกบั หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง เพอ่ื พฒั นาการจดั การเรียนการสอนในหน่วยการเรียนรู้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง 1.2 สถานศึกษาควรจัดทาทะเบียนการบริหารงบประมาณท่ใี ชต้ ามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง เพ่อื การจัดสรรงบประมาณจะได้เปน็ ไปอยา่ งเหมาะสมตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง 1.3 สถานศึกษาควรกาหนดแผนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกบั หลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ระหว่างครภู ายในและภายนอกโรงเรียนเพ่ือครจู ะได้มีวิสยั ทัศน์ที่กวา้ งไกลพร้อมรองรบั การเปลีย่ นแปลงในอนาคต ตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง
292 2. ข้อเสนอแนะสาหรับการทาวิจัย ครง้ั ต่อไป 2.1 ควรศกึ ษาวจิ ัยและพัฒนารปู แบบการมสี ่วนร่วมของผู้ปกครองและชุมชนในการพัฒนาสถานศกึ ษา ตามหลกั ปรชั ญาเศรษฐกิจพอพยี ง 2.2 ควรศกึ ษารปู แบบทางการบริหารสถานศกึ ษาตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งของโรงเรียน สังกดั สานักบริหารงานการศึกษาพิเศษ ในศตวรรษที่ 21 2.3 ควรศกึ ษาปจั จัยที่สง่ ผลตอ่ การบริหารสถานศกึ ษาตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งของ โรงเรียนสังกดั สานักบริหารงานการศึกษาพิเศษ เอกสารอา้ งองิ เกรยี งศกั ดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์. (2550). ปจั จยั ทีส่ ง่ ผลตอ่ การบริหารที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลขององค์กร. เข้าถึงได้ถึงจาก http://www.ifd.or.th สบื ค้น เม่อื วันที่ 25 มกราคม 2561 การศึกษา บัณฑิตศกึ ษา มหาวทิ ยาลัยราชภฏั ศรีสะเกษ. ธนธรรม มที อง (2552). การบริหารจัดการสถานศกึ ษาตามแนวคดิ เศรษฐกิจพอเพยี ง : กรณศี กึ ษา โรงเรียนบ้านรองแซง. การศึกษาคนควาอิสระ ศษ.ม. ขอนแก่น: มหาวทิ ยาลัยขอนแกน. บุญชม ศรีสะอาด. (2554). การวจิ ยั เบือ้ งต้น. พมิ พค์ รงั้ ที่ 9. กรงุ เทพฯ : สวุ รี ิยาสาส์น. บญั ญตั ิ นนทามาลย.์ (2551). สภาพการจัดการศึกษาโดยยึดหลัก ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี งของโรงเรียน ในเขตอาเภองาว จงั หวดั ลาปาง. การศกึ ษาค้นคว้าดว้ ยตนเอง ศษ.ม. พิษณุโลก: มหาวทิ ยาลยั นเรศวร,. พรทิพย์ บรรเทา. (2559). รปู แบบการบริหารสถานศกึ ษาตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งในสถานศกึ ษา สงั กัดสานักงานเขตพ้นื ที่การศึกษามธั ยมศกึ ษาเขต 19 (เลย-หนองบวั ลาภ)ู . สบื ค้น เมอ่ื วันที่ 8 มนี าคม 2561, จากhttps://edu.msu.ac.th/ncer/fullpaper/paper/N28.pdf พรสกลุ เขตจานันท์. (2553). การบริหารจัดการสถานศกึ ษาตามหลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี งของสถานศกึ ษา ขั้นพ้ืนฐาน สังกดั สานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาอดุ รธานี เขต 4. วทิ ยานพิ นธ์ ค.ม. ขอนแก่น : มหาวทิ ยาลัยขอนแก่น เพญ็ นภา ธีรทองดี. (2553). การนาหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งไปใชใ้ นการบริหารจดั การของ สถานศกึ ษา สังกดั สานกั งานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษาราชบรุ ี เขต 2. ปริญญา ค.ม. จงั หวัดราชบรุ ี: มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั หมูบ้านจอมบึง. ศรประภา พงษห์ ตั ถาศลิ ป์. (2557). การบริหารสถานศกึ ษาตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในโรงเรียน สังกัดสานกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษาประถมศึกษาสมทุ รสาคร. กรุงเทพฯ : สถาบันบณั ฑิตพฒนศาสตร์. สัญญา จารจุ ินดา. (2551). แนวทางการบริหารจัดการในการน้อมนาแนวคิดเศรษฐกิจพอเพยี งสู่การปฏบิ ัตใิ น โรงเรียนประถมศึกษา อาเภอขุมยวม จังหวดั แมฮ่ ่องสอน. วทิ ยานพิ นธ์ ค.ม. เชียงราย: มหาวทิ ยาลยั ราชภัฎเชยี งราย. สานักบริหารงานการศึกษาพิเศษ. (2550). การจัดการศึกษาพิเศษเพ่อื เด็กพิการและด้อยโอกาส ปีงบประมาณ 2551. กรุงเทพฯ: สานักฯ. สานกั งานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแหง่ ชาต.ิ (2551). แผนพฒั นาสขุ ภาพแห่งชาติในช่วง แผนพฒั นาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 10 (พ.ศ. 2550-2554), กรุงเทพ : สานกั พฒั นา สงั คมและคณุ ภาพชีวิต.
293 ความสมั พันธ์ระหว่างการบริหารงานวิชาการกบั ประสิทธิผลของสถานศึกษา สังกัดสานกั งานเขตพืน้ ที่การศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 3 The Relationship Between Academic Administration and The Effectiveness of School Under Chaiyaphum Primary Educational Service Area Office 3 ชนิกา บรรจงปรุ* ดร.สรุ นิ ทร์ ภสู ิงห์** บทคดั ยอ่ การวจิ ัยคร้ังนมี้ วี ตั ถปุ ระสงค์เพอ่ื 1) ศึกษาระดบั การบริหารงานวชิ าการของสถานศกึ ษา สงั กัดสานักงาน เขตพ้นื ทีก่ ารศึกษาประถมศึกษาชยั ภมู ิ เขต 3 ตามความคิดเหน็ ของข้าราชการครู 2) ศึกษาระดบั ประสิทธิผลของ สถานศกึ ษา สงั กัดสานักงานเขตพ้นื ที่การศึกษาประถมศึกษาชยั ภมู ิ เขต 3 ตามความคิดเห็นของขา้ ราชการครู และ 3) เพือ่ ศกึ ษาความสัมพันธ์ระหว่างการบริหารงานวชิ าการกับประสิทธิผลของสถานศึกษา สังกัดสานกั งานเขต พ้ืนทีก่ ารศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 3 กลุ่มตัวอยา่ งท่ใี ชใ้ นการวิจัย เป็นขา้ ราชการครสู ังกดั สานักงานเขตพ้นื ที่ การศึกษาประถมศึกษาชยั ภูมิ เขต 3 ท่ปี ฏบิ ัตงิ านในปกี ารศึกษา 2557 จานวน 313 คน กาหนดขนาดกลุ่มตัวอยา่ ง โดยใชต้ ารางสาเร็จรปู ของเครซี่และมอร์แกน แลว้ ทาการสุ่มแบบแบ่งชั้น เครื่องมอื ที่ใชใ้ นการวิจยั เปน็ แบบสอบถามมี 3 ตอนคือ ตอนที่ 1 ข้อมูลท่ัวไปของผู้ตอบแบบสอบถามมีลกั ษณะเปน็ แบบตรวจสอบรายการ ตอนที่ 2 ความคิดเหน็ ตอ่ การบริหารงานวชิ าการของสถานศกึ ษา และตอนที่ 3 ความคิดเหน็ ต่อประสิทธิผลของสถานศึกษา มลี ักษณะเปน็ แบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดบั โดยแบบสอบถามเกี่ยวกบั การบริหารงานวชิ าการของสถานศกึ ษา มีคา่ ความ เช่อื มนั่ เท่ากบั .905 และแบบสอบถามเกี่ยวกบั ประสิทธิผลของสถานศึกษา มคี า่ ความเชือ่ มั่นเท่ากับ .862 สถิติทีใ่ ชใ้ น การวเิ คราะห์ขอ้ มลู ไดแ้ ก่ คา่ รอ้ ยละ ค่าเฉลี่ย และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ส่วนสถิติทีใ่ ชใ้ นการทดสอบสมมุติฐาน ใชก้ ารวเิ คราะห์หาคา่ สัมประสิทธิส์ หสัมพันธ์ของเพยี ร์สนั ผลการวจิ ยั พบวา่ 1. การบริหารงานวชิ าการของสถานศกึ ษา สังกดั สานกั งานเขตพ้ืนทีก่ ารศึกษาประถมศึกษาชยั ภมู ิ เขต 3 ตามความคิดเห็นของข้าราชการครู ดา้ นการพฒั นาหลกั สตู รและสถานศกึ ษา โดยภาพรวมอยใู่ นระดบั มาก เม่อื พิจารณารายดา้ นพบวา่ ด้านทีม่ ีคา่ เฉลย่ี สงู ทีส่ ดุ คือ ด้านการสง่ เสริมและสนบั สนนุ งานแก่บคุ คล ครอบครัว องคก์ ร หนว่ ยงาน และสถาบนั อน่ื ทีจ่ ัดการศึกษา รองลงมา ไดแ้ ก่ดา้ นการสง่ เสริมความรู้ดา้ นวชิ าการแกช่ มุ ชนุ และดา้ นการพฒั นาระบบประกนั คณุ ภาพภายในสถานศกึ ษา ตามลาดับ 2. ประสิทธิผลของสถานศึกษา สังกดั สานกั งานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษาประถมศึกษาชยั ภูมิ เขต 3 ตามความ คิดเหน็ ของข้าราชการครู โดยภาพรวมอยใู่ นระดับมาก เม่อื พิจารณารายดา้ นพบวา่ ด้านทีม่ ีคา่ เฉลี่ยสูงที่สดุ คือ ด้านการแก้ปญั หาภายในสถานศกึ ษา อยู่ในระดับมากรองลงมา ได้แก่ดา้ นการกาหนดเป้าหมายในการพฒั นาผู้เรียน และด้านความเหมาะสมของบุคลากรกบั งานที่ได้รบั มอบหมาย ตามลาดับ คาสาคญั : การบรหิ ารงานวิชาการ, ประสิทธิผลของสถานศึกษา * ครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบรหิ ารการศึกษา มหาวิทยาลัยราชภฏั ชัยภมู ิ ** รองอธิการบดีฝ่ายศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภฏั ชัยภูมิ
294 3. การบริหารงานวชิ าการกับประสิทธิผลของสถานศึกษา สงั กดั สานกั งานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษา ประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 3โดยภาพรวมมีความสมั พนั ธ์กนั อยา่ งมนี ัยสาคัญทางสถิติทีร่ ะดับ .01 และมีความสมั พันธ์ ทางบวกในระดบั สูง ABSTRACT The purposes of the present study were fourfold: 1) to study the academic in school under Chaiyaphum Primary Educational Service Area Office 3 according to the opinions of the teacher.; 2) to study the effectiveness under Chaiyaphum Primary Educational Service Area Office 3 according to the opinions of the teacher; and 3) to study the relationship between academic administration and the effectiveness under Chaiyaphum Primary Educational Service Area Office 3. The research sample were 313 the teacher under Chaiyaphum Primary Educational Service Area Office 3, work in academic year 2014. Set the sample size using the ready-made table by Krejcie & Morgan, by the stratified random sampling technique. The research instrument was a questionnaire have 3 episode, episode 1 general information of the respondents is as a checklist, episode 2 opinions on the academic in school and episode 3 opinions on the effectiveness was a rating scale which is performed to choose 5 kind, a reliability of .905. The statistical used to analyze the data were percentage, average and standard deviation, The statistical used to test hypothesis was Pearson’s product–moment correlation coefficient. The findings of the research were as follows: 1. The academic in school under Chaiyaphum Primary Educational Service Area Office 3 according to the opinions of the teacher development of curriculum and schools. The overall level is very high. When considering each side, found that. The highest average was the promotion and support for individuals, families, organizations, agencies and other institutes that provided education, followed by the promotion of academic knowledge to the community. And the development of quality assurance system in the school, respectively. 2. The effectiveness under Chaiyaphum Primary Educational Service Area Office 3 according to the opinions of the teacher the overall level is very high. When considering each side, found that. The highest mean is the solution within the school. At the very lowest level. The goal is to develop students. The appropriateness of personnel and assigned tasks respectively. 3. The academic in school under Chaiyaphum Primary Educational Service Area Office 3 found that the positive correlation as statiscally significant at the .01 and were highs level positive correlation. ภูมหิ ลงั สถานศกึ ษาจะทาหนา้ ทส่ี มบูรณ์กต็ อ่ เม่อื ผู้บริหารให้ความสาคญั แก่งานวชิ าการในสถานศกึ ษาเปน็ อยา่ งดี ดงั นนั้ การบริหารงานวชิ าการจึงเป็นอีกงานหนึ่งที่มีผู้บริหาร ควรได้ศึกษาทา ความเขา้ ใจและทาหนา้ ทใ่ี นพนั ธกิจนี้ อย่างมงุ่ มัน่ และทมุ่ เทตอ่ ไป เพราะงานวชิ าการโดยเฉพาะการจดั การเรียนการสอนและการเรียนรู้น้ัน ถือได้ว่าเป็น หัวใจของการจดั การศึกษาและการบริหารการศึกษาหรอื ที่ Hoy and Miskel (2005, p. 40 อ้างถึงในสุปญั ญา หาแก้ว, 2556, หนา้ 1-4) เรียกว่า เทคนิคหลกั ขององค์การ (Technical Core) ขององค์การทางการศกึ ษาและเป็นเหตุผลหลกั ท่ี
295 มกี ารจดั ตงั้ หนว่ ยงานทางการศึกษาขึ้นมาในสังคม คือ เพือ่ จัดการเรียนการสอนและการเรียนรู้ของสมาชิกของสังคม (สมาน อัศวภูม,ิ 2549, หนา้ 239) การบริหารงานวชิ าการจึงนับวา่ มบี ทบาทสาคัญตอ่ ความสาเร็จหรอื ความลม้ เหลวของการบริหาร สถานศกึ ษา แต่การบริหารงานวชิ าการในโรงเรียนจะมคี ณุ ภาพดีมากน้อยเพยี งใดยอ่ มขึน้ อยกู่ บั ความร่วมมอื ระหว่าง ผู้บริหารโรงเรียนและครูเปน็ สาคญั งานวชิ าการเปน็ งานหลักของการบริหารสถาบนั การศึกษาทกุ ระดับและทกุ ประเภทไมว่ า่ จะเปน็ การบริหารงานในมหาวิทยาลยั สถานศกึ ษาชน้ั สูงอืน่ ๆ หรือการบริหารงานในสถานศึกษาข้ัน พ้ืนฐาน (อนศุ ักดิ์ สมิตสนั ต์, 2540, หนา้ 1) การบริหารงานวชิ าการ จึงถือวา่ เปน็ หัวใจของการบริหารสถานศกึ ษา ทั้งนี้ เพราะจดุ มงุ่ หมายของสถานศึกษา คือ การจดั การศึกษา คณุ ภาพและมาตรฐานของสถานศกึ ษา จึงอยทู่ ี่งานด้าน วชิ าการซึง่ จะประกอบด้วยงานด้านหลกั สตู รและการจดั การเรียนการสอน การจดั บุคลากรทีเ่ กี่ยวข้อง การจดั สง่ เสริม งานดา้ นวชิ าการ รวมถึงงานด้านการวดั และประเมินผล ข้ันตอนการดาเนินงานดา้ นวชิ าการจะมขี ้ันการวางแผนงาน ด้านวิชาการ ขั้นการจัดและดาเนนิ การและข้ันสง่ เสริมและตดิ ตามผลดา้ นวชิ าการ หลกั การบริหารงานดา้ นวชิ าการ คือ หลักแห่งประสิทธิภาพและประสิทธิผล ความสาเร็จของงานวชิ าการในสถานศกึ ษาจาเปน็ ที่ผู้บริหารจะตอ้ งมี ความรู้ความสามารถในการบรหิ ารงานวชิ าการ ตัดสินใจ แก้ปัญหา อานวยการควบคุม บารุงขวญั เปน็ กาลงั ใจให้กบั คณะครูผู้ร่วมงาน การจัดการศึกษาจึงต้องการบริหารงานทีม่ ีประสิทธิภาพสงู ผู้บริหารสถานศกึ ษาจึงเปน็ บคุ คล สาคัญอยา่ งย่งิ ที่ทาให้การจัดการศกึ ษาในระดบั น้ีมุ่งไปสู่ความสาเรจ็ ตามวตั ถปุ ระสงค์ได้ (ชูศรี ถนอมกิจ, 2550, หนา้ 2) จึงมคี วามจาเปน็ อยา่ งยง่ิ ทีส่ ถานศึกษาต้องสร้างองค์การของตนเองให้เปน็ องค์การทีม่ ีคณุ ภาพตามมาตรฐาน เพอ่ื ทาหน้าทีเ่ ป็นผู้จัดการความรู้ พฒั นาความคิด และพฒั นาศกั ยภาพการจัดการศึกษาให้เกิดประสิทธิภาพ ประสิทธิผล เพอ่ื ประโยชนแ์ ละบุคลากรในโรงเรียนทีจ่ ะได้เรียนรู้จากกระบวนการบริหารของผบู้ ริหาร และความรู้ ความสามารถที่นกั เรียนจะได้รบั จากการสอนของครูที่มีคณุ ภาพ อันหมายถึงผลการจัดการศกึ ษาของสถานศกึ ษา ทีบ่ รรลตุ ามวัตถุประสงค์อย่างมปี ระสิทธิผล (รัชพล คชชารงุ่ โรจน์, 2548, หนา้ 7) ความสาเร็จหรือประสิทธิผลของ สถานศกึ ษาเปน็ ตัวบ่งชี้ หรือนาไปสู่ความสาเร็จของการจัดการศกึ ษาและตวั การที่เปน็ เคร่อื งตัดสนิ ใจในขนั้ สดุ ท้ายว่า การบริหารประสบความสาเร็จหรอื ไม่เพยี งใดนน้ั จะต้องศกึ ษาหรือทาความเขา้ ใจเกี่ยวกับประสิทธิผลขององค์การ เหลา่ น้ัน การศึกษาถึงประสิทธิผลของสถานศกึ ษาจึงเป็นขอ้ มูลความสาเรจ็ ของสถานศกึ ษา โดยมีตัวบ่งช้ที ีส่ าคญั คือ ผลสมั ฤทธิท์ างการเรียนของนักเรียนและยังมตี วั บ่งชีอ้ ่นื ๆ เชน่ บรรยากาศของสถานศกึ ษา การดาเนนิ การบริหาร ดงั นนั้ ประสิทธิผลของสถานศึกษาคือความสาเรจ็ ของสถานศกึ ษาทส่ี ามารถทาหน้าทีใ่ ห้บรรลเุ ป้าหมายที่ตั้งไว้ทั้งนเี้ กิด จากประสิทธิภาพของผู้บริหารสถานศกึ ษาทีส่ ามารถใชค้ วามรคู้ วามสามารถและประสบการณ์ในการบริหารงาน เพ่อื ให้โน้มน้าวใหผ้ ู้ใต้บงั คับบญั ชาปฏบิ ัตงิ านให้เกิดผลตามที่ต้ังเป้าหมายเอาไว้ เปรมสุรีย์ เช่อื มทอง (2536, หนา้ 9) โดยการวจิ ัยในครงั้ น้ผี ู้วจิ ัยเลอื กการวัดและประเมินประสิทธิผลขององค์กรตามกรอบแนวคิดของ มอทท์ (Mott, 1972 อา้ งถึงใน กรณุ า บุญแก้ว, 2552, หนา้ 3) โดยใชเ้ ครอ่ื งมือวัดประสิทธิผลขององค์การ IPOE (Index of Perceived Organizational Effectiveness) เปน็ ตัวชวี้ ดั ประสิทธิผลในการบริหารงานวชิ าการของสถานศกึ ษา ผู้วิจัยซึ่งปจั จบุ ันปฏบิ ัตหิ นา้ ทก่ี ารสอนอยใู่ นระดบั การศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน ซึ่งเกีย่ วข้องกบั งานวิชาการโดยตรง จึงสนใจทจ่ี ะศกึ ษาวา่ การบริหารงานวชิ าการมีความสมั พนั ธ์กับประสิทธิผลของสถานศึกษาข้ันพ้ืนฐาน สงั กัด สานกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 3 หรอื ไมอ่ ย่างไร เพื่อผลที่ได้จากการศึกษาจะเป็นประโยชน์ สามารถใช้เปน็ แนวทางในการวางแผนการดาเนินงานวชิ าการแก่ผู้วิจยั และสถานศกึ ษาอน่ื ๆ เพอื่ ให้เกิดประโยชนส์ ูงสุด แก่ผู้เรียนต่อไป
296 คาถามของการวิจยั ในการวิจยั ครั้งนผี้ ู้ทาวจิ ยั ได้กาหนดคาถามการวจิ ยั ไวด้ งั น้ี 1. การบริหารงานวชิ าการการของสถานศกึ ษา สังกดั สานักงานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 3 เปน็ อยา่ งไร 2. ประสิทธิผลของสถานศึกษา สังกัดสานกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษาประถมศึกษาชัยภมู ิ เขต 3 เป็นอยา่ งไร 3. ความสัมพนั ธ์ของการบริหารงานวชิ าการกับประสิทธิผลของสถานศกึ ษา สังกัดสานักงานเขตพ้นื ที่ การศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 3 เป็นอยา่ งไร ความมงุ่ หมายของการวิจัย ในการวิจยั คร้ังนผี้ ู้ทาวจิ ยั ได้กาหนดความมุ่งหมายของการทาวิจยั ไวด้ งั น้ี 1. เพ่อื ศึกษาระดับการบริหารงานวชิ าการของสถานศกึ ษา สงั กัดสานกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษา ประถมศึกษาชัยภมู ิ เขต 3 ตามความคิดเหน็ ของข้าราชการครู 2. เพอ่ื ศึกษาระดบั ประสิทธิผลของสถานศกึ ษา สังกดั สานกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษาประถมศึกษาชยั ภมู ิ เขต 3 ตามความคิดเหน็ ของข้าราชการครู 3. เพอ่ื ศึกษาความสัมพันธ์ระหวา่ งการบริหารงานวชิ าการกบั ประสิทธิผลของสถานศึกษา สังกัดสานักงานเขตพ้นื ที่การศึกษาประถมศึกษาชยั ภมู ิ เขต 3 กรอบแนวคดิ การวิจัย ตวั แปรตน้ ตัวแปรตาม การบริหารงานวชิ าการ ประกอบด้วย ประสิทธิผลของสถานศกึ ษา ประกอบด้วย 1. การพฒั นาหลักสูตรสถานศึกษา 1. การกาหนดเป้าหมายในการพัฒนาผู้เรียน 2. การพัฒนากระบวนการเรียนรู้ 2. ผลในการพัฒนาผเู้ รียน 3. การวดั ผล ประเมินผลและเทียบโอนผลการเรียน 3. การแก้ปญั หาในการทางาน 4. การวิจยั เพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษา 4. การแก้ปญั หาภายในสถานศกึ ษา 5. การพฒั นาสื่อ นวัตกรรม และเทคโนโลยี 5. ความสามารถในการแกป้ ัญหาในการทางาน เพื่อการศึกษา 6. ความเหมาะสมของบคุ ลากรกับงานที่ได้รับมอบหมาย 6. การพฒั นาแหลง่ เรียนรู้ 7. การตอบสนองต่อความต้องการของบุคลากรในการ 7. การนิเทศการศึกษา ทางานอย่างมีเหตผุ ล 8. การแนะแนวการศึกษา 8. ระดับความสาเรจ็ ที่ตอ้ งการ 9. การประเมินระบบประกนั คณุ ภาพภายในสถานศึกษา 10. การส่งเสรมิ ความรู้ด้านวิชาการแก่ชุมชน 11. การประสานความร่วมมือในการพัฒนาวิชาการกับ สถานศึกษาอื่น 12. การส่งเสรมิ และสนบั สนนุ งานวิชาการแก่บคุ คล ครอบครวั องคก์ ร ภาพประกอบ 1 กรอบแนวคิดการวิจัย
297 วิธีดาเนนิ การวิจยั การวจิ ัยในครง้ั น้เี ป็นการวิจยั เพ่อื ศึกษาความสมั พนั ธ์ระหว่างการบริหารงานวชิ าการกับประสิทธิผลของ สถานศกึ ษา สังกัดสานักงานเขตพ้นื ที่การศึกษาประถมศึกษาชัยภมู ิ เขต 3 ซงึ่ ผู้วิจยั ใชห้ ลักการวิจยั เชงิ สารวจ (Survey Research) โดยมีลาดับขั้นตอนการดาเนนิ การ ดงั น้ี ประชากรและกลุ่มตัวอยา่ ง การวจิ ยั คร้ังนี้ ผู้วจิ ัยได้กาหนดขอบเขตของการวจิ ยั ไว้ดงั น้ี 1. ประชากรที่ใชใ้ นการวิจยั คร้ังน้ี ได้แก่ ข้าราชการครู สังกดั สานกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษา ประถมศึกษาชยั ภมู ิ เขต 3 ท่ปี ฏบิ ตั งิ านในปกี ารศึกษา 2557 จานวน 1,690 คน จากจานวน 197 โรงเรียน จาแนกเปน็ ผู้บริหารสถานศกึ ษา 196 คน และครผู ู้สอน 1,494 คน 2. กลุ่มตัวอยา่ งท่ใี ชใ้ นการวิจัยครง้ั น้ี ได้แก่ ข้าราชการครสู งั กดั สานักงานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษา ประถมศึกษาชยั ภูมิ เขต 3 ท่ปี ฏบิ ัตงิ านในปกี ารศึกษา 2557 จานวน 313 คน เครือ่ งมอื ทใี่ ชใ้ นการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู เคร่อื งมือที่ใชใ้ นการวิจัยเปน็ แบบสอบถามมี 3 ตอนคือ ตอนที่ 1 ข้อมลู ท่ัวไปของผู้ตอบแบบสอบถามมี ลักษณะเป็นแบบตรวจสอบรายการ ตอนที่ 2 ความคิดเหน็ ต่อการบริหารงานวชิ าการของสถานศกึ ษา และตอนที่ 3 ความคิดเห็นต่อประสิทธิผลของสถานศึกษา มลี ักษณะเปน็ แบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดบั โดยแบบสอบถาม เกีย่ วกับการบริหารงานวชิ าการของสถานศกึ ษา มีคา่ ความเชื่อม่นั เท่ากับ .905 และแบบสอบถามเกีย่ วกับประสิทธิผล ของสถานศกึ ษา มีคา่ ความเชื่อมนั่ เท่ากบั .862 การเก็บรวบรวมข้อมลู 1. ขอหนังสอื ขอความอนเุ คราะห์ในการเก็บรวบรวมขอ้ มลู จากบณั ฑิตวทิ ยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏ ชยั ภูมิถึงสานักงานเขตพ้นื ที่การศึกษาประถมศึกษาชัยภมู ิ เขต 3 เพือ่ ขออนุญาตใชแ้ บบสอบถามในการเกบ็ รวบรวม ข้อมลู จากสถานศกึ ษาทีเ่ ป็นกลุ่มตวั อยา่ ง 2. ส่งแบบสอบถามพร้อมหนงั สอื ขอความอนเุ คราะห์ในการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ไปยังกลุ่มตวั อยา่ ง และตดิ ตอ่ ขอรับคืนด้วยตนเอง ระหว่างเดอื นพฤศจิกายน 2557-เดอื นมนี าคม 2558 สถิตทิ ใี่ ช้ในการวิเคราะหข์ อ้ มลู 1. ค่าร้อยละ 2. ค่าเฉล่ยี 3. คา่ เบีย่ งเบนมาตรฐาน 4. ค่าสมั ประสิทธิ์สหสมั พันธ์ของเพยี ร์สัน สรปุ ผลการวิจัย ในการวิจยั ครั้งนี้ ผู้วิจัยได้สรปุ ผลการวจิ ัย ดงั น้ี 1. ระดับการบริหารงานวชิ าการของสถานศกึ ษา สงั กัดสานกั งานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษาประถมศึกษาชัยภมู ิ เขต 3 ตามความคิดเห็นของข้าราชการครู พบว่าโดยภาพรวมและรายด้านทกุ ด้านอยใู่ นระดบั มาก (X = 3.95, S.D.= 0.56) เม่อื พิจารณารายดา้ น พบวา่ ข้าราชการครมู คี วามคิดเหน็ ต่อการบริหารงานวชิ าการอยใู่ นระดับมากทกุ ด้าน ซึ่งด้านที่มีคา่ เฉล่ยี สูงที่สดุ 3 อนั ดบั แรกได้แก่ ด้านการสง่ เสริมและสนบั สนุนงานแก่บคุ คล ครอบครัว องค์กร หนว่ ยงาน และสถาบนั อ่นื ที่จดั การศึกษา ( X = 4.29, S.D.= 0.77) ด้านการส่งเสริมความรู้ดา้ นวชิ าการแก่ชมุ ชนุ
298 ( X =4.21, S.D.=0.55) และด้านการพฒั นาระบบประกนั คุณภาพภายในสถานศึกษา ( X = 4.20, S.D.=0.78) ตามลาดับ ส่วนดา้ นที่มีคา่ เฉลย่ี น้อยที่สุด ได้แก่ ด้านการพฒั นากระบวนการเรียนรู้ ( X = .66, S.D.=0.84) 2. ระดับประสิทธิผลของสถานศึกษา สังกัดสานกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาชัยภาพ เขต 3 ตามความคิดเหน็ ของข้าราชการครู โดยภาพรวมอยใู่ นระดับมาก ( X =3.86, S.D.=0.89) เม่อื พิจารณารายดา้ น พบว่า ข้าราชการครูมคี วามคิดเหน็ ต่อประสิทธิผลของสถานศึกษาสังกดั สานักงานเขตพ้นื ที่การศึกษาประถมศึกษาชยั ภูมิ เขต 3 ทกุ ด้านอยใู่ นระดบั มาก โดยด้านที่มีคา่ เฉล่ยี สูงทีส่ ดุ 3 อนั ดบั แรก ได้แก่ ดา้ นการแก้ปัญหาภายในสถานศกึ ษา ( X = 4.30, S.D.=0.81) ด้านการกาหนดเป้าหมายในการพัฒนาผู้เรียน ( X = 4.08, S.D.= 0.61) และด้าน ความสามารถในการแกป้ ัญหาในการทางาน (X = 4.01, S.D.= 0.87) ตามลาดับ ส่วนด้านที่มีคา่ เฉลีย่ นอ้ ยทีส่ ดุ ได้แก่ ด้านความสาเร็จทต่ี อ้ งการ (X =3.39, S.D.=1.07) 3. การวเิ คราะหค์ วามสมั พนั ธ์ระหว่างการบริหารงานวชิ าการกบั ประสิทธิผลของสถานศึกษา สงั กดั สานกั งานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษาประถมศึกษาชยั ภมู ิ เขต 3 พบว่าการบริหารงานวชิ าการกับประสิทธิผลของสถานศึกษา สงั กดั สานักงานเขตพ้นื ที่การศึกษาประถมศึกษาชยั ภมู ิ เขต 3 โดยภาพรวมมีความสมั พันธ์กันทางบวกในระดับสงู อย่างมนี ัยสาคญั ทางสถิติทีร่ ะดบั .01 (r = .753) เม่อื พิจารณารายดา้ น พบว่า ทกุ ดา้ นของการบริหารงานวชิ าการกับ ประสิทธิผลของสถานศึกษาสงั กัดสานกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษาประถมศึกษาชยั ภูมิ เขต 3 มีความสัมพันธ์ทางบวก อย่างมนี ยั สาคัญทางสถิติที่ระดบั .01 ทกุ ด้าน ยกเวน้ ความสมั พันธ์ดา้ นการพฒั นากระบวนการเรียนรู้กบั ด้านการ นเิ ทศการศกึ ษา ความสัมพันธ์ดา้ นการพัฒนากระบวนการเรียนรู้กับด้านการแนะแนวการศึกษา ความสมั พันธ์ดา้ น การพฒั นากระบวนการเรียนรู้กับด้านการพฒั นาระบบประกนั คุณภาพภายในสถานศกึ ษา และความสมั พันธ์ดา้ นการ ประสานความรว่ มมือในการพฒั นาวิชาการกับสถานศึกษาอน่ื กับการส่งเสริมและสนบั สนุนงานแก่บุคคล ครอบครวั องคก์ ร หนว่ ยงาน และสถาบนั อ่นื ที่จดั การศึกษาความสัมพนั ธท์ างบวกอย่างมนี ัยสาคญั ทางสถิตทิ ีร่ ะดับ .05 โดยมคี ่า ความสัมพนั ธ์ทางบวกอยู่ในระดบั ต่ามาก (r = .106) ถึงระดบั สงู (r = .745) ยกเว้นความสมั พันธ์ระหว่างดา้ นการ พฒั นากระบวนการเรียนรู้กบั การประสานความรว่ มมือในการพฒั นาวิชาการกับสถานศึกษาอน่ื (r = .083) และความสมั พันธ์ระหว่างดา้ นการพฒั นากระบวนการเรียนรู้กบั การสง่ เสริมและสนับสนนุ งานแก่บคุ คล ครอบครัว องคก์ ร หนว่ ยงาน และสถาบนั อ่นื ทีจ่ ดั การศึกษา (r = .106) ทพ่ี บวา่ มีความสัมพนั ธ์ทางบวกกนั อย่างไม่มนี ยั สาคญั ทางสถิติ อภปิ รายผลการวิจยั ความสมั พันธ์ระหว่างการบริหารงานวชิ าการกบั ประสิทธิผลของสถานศึกษา สงั กดั สานกั งานเขตพ้นื ที่ การศึกษาประถมศึกษาชัยภมู ิ เขต 3 ครงั้ น้โี ดยใชร้ ปู แบบการวจิ ยั วจิ ยั เชงิ สารวจ (Survey Research) ผู้วิจัยนา ผลการวจิ ยั มาอภิปราย ดังน้ี 1. ผลการศึกษาระดบั การบริหารงานวชิ าการของสถานศึกษา สงั กัดสานักงานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษา ประถมศึกษาชยั ภูมิ เขต 3 ตามความคิดเหน็ ของข้าราชการครู พบวา่ โดยภาพรวมและรายด้านทุกด้านอยใู่ นระดบั มาก ( X =3.95, S.D.=0.78) เมอ่ื พิจารณารายด้าน พบวา่ ขา้ ราชการครูมคี วามคิดเห็นต่อการบริหารงานวชิ าการอยใู่ น ระดับมากทุกด้าน ซงึ่ ด้านที่มีคา่ เฉลีย่ สงู ที่สุด 3 อันดบั แรกได้แก่ ด้านการสง่ เสริมและสนับสนนุ งานแก่บคุ คล ครอบครัว องค์กร หน่วยงาน และสถาบันอืน่ ทีจ่ ดั การศึกษา (X = 4.29, S.D.= 0.77) ด้านการส่งเสริมความรู้ ด้านวิชาการแก่ชมุ ชุน (X = 4.21, S.D.= 0.55) และดา้ นการพัฒนาระบบประกันคุณภาพภายในสถานศกึ ษา ( X = 4.20, S.D.= 0.78) ตามลาดบั ทงั้ น้อี าจเปน็ เพราะการบริหารงานวิชาการเป็นกระบวนการหนึ่งทีส่ ถานศึกษา
299 ทกุ แห่งต้องดาเนนิ การจัดทาโดยผู้บริหารสถานศกึ ษาเป็นผู้นาและทางานร่วมกบั ครปู ระสานใหค้ รทู ุกคนทางานร่วมกนั อย่างมปี ระสิทธิภาพ มีกระบวนการทางาน และปฏบิ ตั ภิ าระกจิ อย่างเปน็ ระบบและเพอ่ื จัดการศกึ ษาให้สอดคล้องกบั พระราชบญั ญัติการศกึ ษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2542 และทีแ่ ก้ไขเพ่มิ เตมิ (ฉบบั ที่ 2) พ.ศ. 2545 ทบ่ี ัญญตั ิให้มีการกระจาย อานาจการบริหารและการจัดการศึกษา ทั้งดา้ นวชิ าการ งบประมาณ การบริหารงานบุคคล และการบริหารท่ัวไปยงั สถานศกึ ษาโดยตรง ดังน้ันจึงทาให้ผู้บริหารตอ้ งเร่งพฒั นางานวชิ าการอยา่ งจริงจงั เพ่อื เพ่มิ คณุ ภาพงานวิชาการ เพราะงานวชิ าการเปน็ งานที่สาคญั ที่สุดของการบริหารงานในสถานศกึ ษา โดยงานวชิ าการสามารพฒั นาคนในดา้ น สตปิ ัญญา ความรู้ความสามารถและความนกึ คิดของผู้เรียน เพอ่ื ประโยชนใ์ นการดารงชีวิตในสงั คม ดังนน้ั การ พจิ ารณาว่าสถาบนั ใดมมี าตรฐานหรือไมจ่ ะพจิ ารณาจากผลงานทางวิชาการเป็นสาคญั งานวชิ าการจะมปี ระสิทธิภาพ เพยี งใดขนึ้ อยกู่ ับการบริหารงานวชิ าการเป็นอันดับแรก ทั้งนอี้ าจกล่าวได้ว่าผู้บริหารสถานศกึ ษาอาศัยความรู้ ความสามารถ ความเช่ยี วชาญและประสบการณ์ในการทางานอนั ยาวนานจึงทาให้รู้จกั วิธีการในการสร้าง ความสมั พนั ธ์อนั ดแี ละสร้างความสามัคคใี ห้เกิดข้ึนในทีมงาน เพือ่ ให้เกิดประโยชนส์ งู สุดแกส่ ถานศกึ ษาจึงทาใหก้ าร บริหารงานวชิ าการอยใู่ นระดับมาก ผลการศึกษาสอดคลอ้ งกบั เสกสนั ต์ รอดย้อยและพรเทพ รแู้ ผน (2560, หนา้ 105-106) ได้ศึกษาความสมั พันธ์ระหว่างการบริหารงานวชิ าการของผู้บริหารสถานศกึ ษากบั ประสิทธิผลของ สถานศกึ ษา สงั กัดสานกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษาประถมศึกษาพระนครศรีอยุธยา เขต 1 ผลการศึกษาพบวา่ 1) สภาพ การบริหารงานวชิ าการของผู้บริหารสถานศกึ ษาในภาพรวมมีการปฏบิ ตั อิ ยู่ในระดับมาก และนภิ าพร เหล็กหลี (2559, หน้า85-88) ได้ทาการศกึ ษาการบริหารงานวชิ าการที่สง่ ผลตอ่ ประสิทธิผล ของสถานศกึ ษา สังกดั สานกั งาน เขตพ้นื ที่การศึกษาประถมศึกษานครปฐม เขต 2 ผลการศึกษาพบวา่ การบริหารงานวชิ าการโดยภาพรวมมีคา่ เฉลย่ี อยู่ในระดับมาก 2. ผลการศึกษาระดับประสิทธิผลของสถานศึกษา สังกัดสานักงานเขตพ้นื ที่การศึกษาประถมศึกษา ชัยภมู ิ เขต 3 ตามความคิดเห็นของขา้ ราชการครู โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก (X = 3.86, S.D.= 0.89) เม่อื พิจารณารายดา้ น พบว่า ขา้ ราชการครูมคี วามคิดเห็นต่อประสิทธิผลของสถานศึกษา สังกดั สานกั งานเขตพ้นื ที่ การศึกษาประถมศึกษาชยั ภมู ิ เขต 3 ทุกดา้ นอยู่ในระดบั มาก โดยด้านที่มีคา่ เฉลย่ี สงู ที่สุด 3 อนั ดบั แรก ได้แก่ ด้านการแก้ปญั หาภายในสถานศกึ ษา ( X = 4.30, S.D.= 0.81) ดา้ นการกาหนดเป้าหมายในการพฒั นาผู้เรียน ( X = 4.08, S.D.= 0.61) และด้านความสามารถในการแกป้ ัญหาในการทางาน (X = 4.01, S.D.= 0.87) ตามลาดับ ส่วนดา้ นทีม่ ีคา่ เฉลย่ี น้อยทีส่ ดุ ได้แก่ ด้านความสาเร็จท่ตี อ้ งการ ( X = 3.39, S.D.= 1.07) ท้ังนอี้ าจเปน็ เพราะ สถานศกึ ษามบี ุคลากรทีม่ ีคุณภาพมคี วามสามคั คีเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในการพฒั นางานประกอบกับผู้บริหารมี วสิ ัยทัศน์ มีทกั ษะในการบริหารงาน มีการปฏบิ ัตติ ามแผนที่เป็นระบบรวมถึงมีทกั ษะในการแก้ปญั หามีครแู ละบุคลากร ทางการศกึ ษาที่มีความต้ังใจในการพัฒนานกั เรียนให้มคี วามรู้ มที ักษะในการเรียนรู้อยา่ งเต็มศักยภาพ ผลการศึกษา สอดคล้องกับกรุณา บญุ แก้ว (2552, หน้า 107-113) ได้ศกึ ษาความสมั พนั ธ์ระหว่างการบริหารงานวชิ าการกับ ประสิทธิผลของโรงเรียนขยายโอกาสทางการศกึ ษา อาเภอวงั สมบรู ณ์ สานักงานเขตพ้นื ที่การศึกษาสระแก้ว เขต 1 ผลการวจิ ยั พบวา่ 1) ประสิทธิผลของโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา อาเภอวังสมบรู ณ์ เม่อื จาแนกตามวุฒิ การศึกษาและประสบการณ์การสอนของครูโดยรวมอยใู่ นระดบั มาก 2) ประสิทธิผลของโรงเรียนขยายโอกาสทาง การศึกษา อาเภอวังสมบรู ณ์ จาแนกตามวฒุ ิการศึกษาและประสบการณ์ในการสอนของครูด้านความสามารถในการ ผลิตนกั เรียนทีม่ ีผลสัมฤทธิท์ างการเรียนสูงและด้านความสามารถในการปรับเปลี่ยนและพฒั นาให้เข้ากบั สิ่งแวดลอ้ ม แตกตา่ งกนั อย่างมนี ัยสาคญั ทางสถิติ 3. ผลการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการบริหารงานวชิ าการกบั ประสิทธิผลของสถานศึกษา สงั กัด สานกั งานเขตพืน้ ทีก่ ารศึกษาประถมศึกษาชยั ภูมิ เขต 3 ตามความคิดเหน็ ของข้าราชการครู จากการวเิ คราะห์
300 ความสมั พนั ธ์ระหว่างการบริหารงานวชิ าการกับประสิทธิผลของสถานศึกษา สังกัดสานักงานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษา ประถมศึกษาชยั ภูมิ เขต 3 พบวา่ การบริหารงานวชิ าการกับประสิทธิผลของสถานศึกษาสังกดั สานักงานเขตพ้นื ที่ การศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 3 โดยภาพรวมทกุ ด้านมคี วามสมั พนั ธ์ทางบวกอย่างมนี ัยสาคัญทางสถิติทีร่ ะดบั .01 ยกเว้นความสัมพนั ธ์ดา้ นการพฒั นากระบวนการเรียนรู้กบั ด้านการนเิ ทศการศกึ ษา ความสัมพันธ์ดา้ นการพัฒนา กระบวนการเรียนรู้กบั ด้านการแนะแนวการศึกษา ความสัมพนั ธ์ดา้ นการพัฒนากระบวนการเรียนรู้กบั ด้านการพฒั นา ระบบประกนั คณุ ภาพภายในสถานศกึ ษา และความสมั พันธ์ดา้ นการประสานความรว่ มมือในการพัฒนาวิชาการ กับสถานศึกษาอน่ื กบั การสง่ เสริมและสนบั สนุนงานแก่บุคคล ครอบครัว องค์กร หน่วยงาน และสถาบันอื่นที่จดั การศึกษาความสมั พนั ธ์ทางบวกอย่างมนี ัยสาคัญทางสถิตทิ ี่ระดับ .05 โดยมคี ่าความสมั พนั ธ์ทางบวกอยู่ในระดับ ตา่ มาก (r = .106) ถึงระดับสูง (r = .745) ทางสถิติท้ังนีเ้ นอ่ื งมาจากผู้บริหารมสี ่วนกาหนดแนวทางในการดาเนิน กิจการภายในสถานศกึ ษา โดยเฉพาะการบริหารงานวชิ าการ นนั่ คอื การบริหารงานวชิ าการของผู้บริหารยอ่ มมี ความสัมพนั ธ์กบั ประสิทธิผลของสถานศึกษา ผลการศึกษาสอดคล้องกับสงวนพงศ์ ชวนชม (2557, หน้า 88-89) ได้ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการบริหารงานวชิ าการกับประสิทธิผลของสถานศึกษาสังกดั องค์การบริหาร ส่วนจังหวัดนครราชสมี า ผลการศกึ ษาพบว่า ความสัมพันธ์ระหวา่ งการบริหารงานวชิ าการกบั ประสิทธิผลของ สถานศกึ ษาสงั กดั องคก์ ารบริหารส่วนจังหวัดนครราชสมี า โดยภาพรวมมีความสมั พนั ธ์ทางบวกอยู่ในระดับสงู อย่างมี นัยสาคญั ทางสถิติที่ระดบั .01 เมอ่ื พิจารณาเป็นรายดา้ นพบวา่ การบริหารงานวชิ าการของสถานศึกษาทุกดา้ น มคี วามสมั พันธ์ทางบวกกบั ประสิทธิผลของสถานศึกษาอย่างมนี ัยสาคญั ทางสถิติทีร่ ะดบั .01 ขอ้ เสนอแนะ 1. ข้อเสนอแนะสาหรับการนาผลการวิจัยไปใช้ 1.1 สถานศกึ ษาควรส่งเสริมนสิ ยั รักการอา่ นและแสวงหาความรู้ดว้ ยตนเองจากห้องสมุด แหลง่ เรียนรู้ และส่ือต่างๆ รอบตัว เพอ่ื ก่อใหเ้ กิดทักษะในการแสวงหาความรดู้ ้วยตนเอง รกั การเรียน และพัฒนาตนเองอยา่ ง ตอ่ เนอ่ื ง 1.2 ผู้บริหารควรส่งเสริมให้ผู้สอนศึกษาหลกั สตู รสถานศกึ ษา มาตรฐานการเรียนรู้ ตวั ชวี้ ดั สมรรถนะ สาคญั และคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์แลว้ นามาออกแบบการจดั การเรียนรู้โดยเลอื กวธิ ีสอน เทคนิคการสอน สื่อ/ แหลง่ เรียนรู้ การวดั และประเมินผล เพือ่ ให้ผู้เรียนได้พฒั นาเตม็ ตามศักยภาพ 1.3 ผู้บริหารควรมกี ารพฒั นากระบวนการเรียนรู้โดยสง่ เสริมให้ครูวเิ คราะห์หลกั สตู ร จดั กระบวนการ เรียนรู้ตามสาระและหนว่ ยการเรียนรู้ โดยเนน้ ผู้เรียนเปน็ สาคญั จดั กิจกรรมทีป่ ลกู ฝงั คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ให้แก่ นกั เรียน 1.4 สถานศกึ ษาควรมกี ารดาเนนิ งานนิเทศ ตดิ ตาม ประเมินการดาเนนิ งานและรายงานผลประจาปีตาม แผนและตามระยะเวลาท่กี าหนด โดยพัฒนาการจัดการนิเทศการศกึ ษาอย่างเปน็ ระบบมกี ารดาเนินการนเิ ทศใน รูปแบบทีห่ ลากหลายและเหมาะสมกับสถานศึกษา มกี ารแลกเปลีย่ นเรียนรู้ประสบการณ์นิเทศกับสถานศกึ ษาอน่ื 1.5 สถานศึกษาควรพัฒนาการวดั ประเมินผล และเทียบโอนผลการเรียน โดยพัฒนาเครื่องมอื การวัด และประเมินผลให้ได้มาตรฐาน 1.6 สถานศึกษาควรสง่ เสริมการวจิ ัยเพ่อื พัฒนาคณุ ภาพการศึกษาโดยการส่งเสริมการทาวิจยั ในช้ันเรียน ของครแู ละนาผลการวจิ ยั มาใชใ้ นกระบวนการพฒั นาการเรียนรู้
301 2. ข้อเสนอแนะสาหรบั การทาวิจยั ครง้ั ตอ่ ไป 2.1 ควรศกึ ษาถึงขอบข่ายของประสิทธิผลของโรงเรียนให้กว้างขวางยง่ิ ขนึ้ 2.2 ควรมกี ารศึกษาวิจยั ถึงปัจจยั อื่นๆ ทีม่ ีอิทธิพลตอ่ การบรหิ ารงานวชิ าการกับ ประสิทธิผลของ สถานศกึ ษา เพือ่ นาความรู้ทีไ่ ดร้ บั มาเปน็ แนวทางในการบริหารงานวชิ าการของสถานศกึ ษาใหม้ ปี ระสิทธิผลท่สี งู ขนึ้ 2.3 ควรมกี ารวจิ ยั เชงิ คณุ ภาพทเี่ กี่ยวกับปจั จยั ทีส่ ง่ ผลตอ่ ประสิทธิผลของสถานศึกษา เอกสารอา้ งองิ กรุณา บุญแก้ว. (2552). ความสมั พันธ์ระหว่างการบริหารงานวชิ าการกับประสิทธิผลของโรงเรียนขยายโอกาส ทางการศกึ ษา อาเภอวังสมบรู ณ์ สานกั งานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษาสระแก้ว เขต 1. วทิ ยานพิ นธ์ ศษ.ม. ชลบรุ ี มหาวทิ ยาลยั บรู พา. ชศู รี ถนอมกิจ. (2550). ความสมั พันธ์ระหว่างการบริหารงานวชิ าการของผู้บริหารกบั ประสิทธิผลของสถานศึกษา สงั กัดสานักงานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษาชลบุรี. วทิ ยานพิ นธ์ ศษ.ม. ชลบรุ ี มหาวทิ ยาลยั บูรพา นภิ าพร เหลก็ หล.ี (2559). การบริหารงานวชิ าการทีส่ ง่ ผลตอ่ ประสิทธิผลของสถานศึกษา สงั กัดสานักงานเขตพ้นื ที่ การศึกษาประถมศึกษานครปฐม เขต 2. วทิ ยานพิ นธ์ ศษ.ม. นครปฐม มหาวทิ ยาลยั มหามกุฎราชวทิ ยาลยั . บญุ ชม ศรีสะอาด. (2554). การวจิ ัยเบือ้ งต้น. กรุงเทพฯ : สุวรี ิยาสาส์น. เปรมสรุ ีย์ เช่อื มทอง. (2536). จิตลกั ษณะของผู้บริหารและสภาวการณข์ องกลมุ่ ทีเ่ กี่ยวข้องกบั ประสิทธิผล ของโรงเรียน. วทิ ยานพิ นธ์ กศ.ด. กรุงเทพฯ มหาวทิ ยาลยั ศรนี ครินทรวโิ รฒ. สงวนพงศ์ ชวนชม. (2557). ความสมั พนั ธ์ระหว่างการบริหารงานวชิ าการกับประสิทธิผลของสถานศกึ ษา สังกดั องคก์ ารบริหารส่วนจังหวดั นครราชสมี า. วารสารวิชาการสมาคมสถาบนั อดุ มศกึ ษาเอกชน แห่งประเทศไทย (สสอท.). 20(2) : 59-68. สมาน อัศวภมู .ิ (2549). การบริหารการศกึ ษาสมยั ใหม่ : แนวคดิ ทฤษฎี และการปฏบิ ัต.ิ พมิ พค์ รง้ั ที่ 2. อุบลราชธานี : อบุ ลกิจออฟเซทการพิมพ.์ สุปัญญา หาแก้ว. (2556). ปจั จยั ที่สง่ ผลตอ่ ประสิทธิผลในการบริหารงานวชิ าการของสถานศกึ ษา สังกดั สานกั งาน เขตพ้นื ที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแกน่ เขต 3. รายงานการศกึ ษาค้นคว้าอสิ ระ กศ.ม. มหาสารคาม มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม. เสกสนั ต์ รอดย้อย และพรเทพ รแู้ ผน. (2560). ความสัมพันธ์ระหว่างการบริหารงานวชิ าการของผู้บริหารสถานศกึ ษา กับประสิทธิผลของสถานศึกษา สังกัดสานักงานเขตพ้นื ที่การศึกษาประถมศึกษาพระนครศรีอยุธยา เขต 1. วารสารวิจัยราชภัฏกรุงเก่า. 4(3) : 25-32. อนุศักด์ิ สมิตสนั ต์. (2540). การบริหารวชิ าการ. กรุงเทพฯ : ภาควิชาการบริหารหารศึกษา มหาวทิ ยาลยั ศรีนครนิ ทรวโิ รฒ.
302 Book Review หลัก ทฤษฎี และปฏบิ ัติ การบรหิ ารการศกึ ษา (Principles, Theories and Practices of Educational Administration) โดย ไชยา ภาวะบุตร ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร.ไชยา ภาวะบุตร* ข้อมลู เกย่ี วกับผ้เู ขียน มตี าแหนง่ ทางวิชาการ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั สกลนคร สาเรจ็ การศึกษาระดบั ปริญญาเอก ทางบริหารการศึกษา จากมหาวทิ ยาลัยขอนแก่น มปี ระสบการณ์ทางการบริหารประธานกรรมการบริหารหลักสูตร ปริญญาโท สาขาวิชาการบริหารการศึกษา และประธานกรรมการบริหารหลักสตู รปริญญาเอก สาขาวชิ าการบริหาร การศึกษาและภาวะผู้นา สาขาวชิ าการบริหารการศึกษา และคณบดีคณะครศุ าสตร์ มหาวทิ ยาลัยราชภฏั สกลนคร นอกจากน้ันเคยทาหน้าที่ประธานสภาคณาจารย์และข้าราชการ กรรมการสภา (ตวั แทนสภาคณาจารย์) กรรมการบริหารมหาวทิ ยาลัย ผู้อานวยการโครงการจดั ต้ังบัณฑิตวทิ ยาลัย ผู้ทรงคณุ วฒุ ทิ างดา้ นการบริหาร การศึกษาใน อกคศ. ผู้ทรงคณุ วฒุ ิประเมินผลงานเข้าสตู่ าแหนง่ ชานาญการพิเศษ สาระสาคัญของหนงั สือ หลกั ทฤษฎี และปฏิบตั ิ การบรหิ ารการศกึ ษา (Principles, Theories and Practices of Educational Administration) ในปี 2560 ประเทศไทยได้ทาการปฏริ ปู การศึกษาในหลายๆ ดา้ นท้ังการปฏริ ูปโครงสร้าง การปฏริ ูปบุคลากร และปฏริ ูปการจัดการเรียนการสอน ซึง่ มีท้ังการปรับเปลีย่ นท้ังแนวคิด วธิ ีการ ซงึ่ ผู้บริหารสถานศึกษาหรอื ผู้บริหาร การศึกษาจึงจาเป็นอยา่ งยง่ิ ที่จะตอ้ งปรับกระบวนทัศน์ให้ทนั กับกระแสสังคม กระแสโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงไปอยา่ ง รวดเร็ว ทั้งดา้ นแนวคิด วธิ ีการ ทกั ษะ และเทคนิคการบริหารสมยั ใหม่ รวมทั้งการบริหารตามโครงสร้างการปฏริ ูป การศึกษาของไทย ท้ังนกี้ ็เพื่อใหก้ ารบริหารจดั การสถานศกึ ษา เปน็ ไปอยา่ งมีประสิทธิผลและกอ่ ให้เกิดประสิทธิภาพ สงู สดุ เอกสารคาสอนเล่มน้ี เปน็ ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560 ได้เพม่ิ เตมิ เน้ือหาให้มีความทนั สมยั เปน็ ปัจจบุ นั มากยง่ิ ขึน้ โดยมีเน้ือหาสาระประกอบด้วย ความรู้พืน้ ฐานทางการบริหารและทฤษฎที างการบริหาร การพัฒนาและการเปลี่ยนแปลง องค์การ แนวคิดทางการบริหารที่สาคญั เทคนคิ และทักษะที่สาคัญในการบริหารการศกึ ษา การบริหารการศกึ ษาไทยยุค ปฏริ ูปการศกึ ษา และการบริหารสถานศกึ ษาข้ันพ้ืนฐานที่เป็นนติ บิ ุคคล ซึง่ เปน็ ประโยชนต์ อ่ ผู้บริหารการศึกษาหรอื * บรรณาธิการ วารสารบริหารการศึกษาและภาวะผู้นา มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏสกลนคร
303 ผู้บริหารสถานศกึ ษา ทีจ่ ะต้องมคี วามรู้ ความเข้าใจ ในหลกั ทฤษฎี และสามารถนาไปสู่การปฏบิ ตั เิ พ่อื ให้เกิดประโยชน์ สูงสดุ ต่อองคก์ ารของตนตอ่ ไป ซึ่งผู้เขียนได้ปรับปรงุ เน้อื หาสาระให้ทนั สมยั ท้ังแนวคิด ทฤษฎี และงานวิจยั มเี น้ือหา สาระสาคญั คือ ความรู้พนื้ ฐานเกีย่ วกบั หลักการ ทฤษฎี และววิ ฒั นาการของกระบวนทศั น์ทฤษฎีการบริหาร ทฤษฎี รปู แบบ และระบบบริหารการศึกษา การบริหารการเปลี่ยนแปลง การบริหารความขดั แย้ง และการบริหารความเสีย่ ง ภาวะผู้นา จิตวทิ ยาการบริหาร และการเจรจาต่อรอง ภารกิจการบริหารการศึกษา การบริหารสถานศกึ ษา และบทบัญญตั ิในกฎหมายทีเ่ กยี่ วข้อง การบริหารคุณภาพการศกึ ษา และการจดั ระบบสารสนเทศเพ่อื การบรหิ าร คุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณวชิ าชีพผู้บริหารการศึกษาและผู้บริหารสถานศกึ ษา การวเิ คราะห์ทฤษฎี และหลกั การบริหารการศึกษา เพอ่ื ประยกุ ตใ์ ชใ้ นการพัฒนาสถาบนั การศึกษาและสถานศกึ ษา และแบ่งเปน็ บท เพอ่ื ความชดั เจนประกอบด้วย บทที่ 1 ความรู้พืน้ ฐานและทฤษฎที างการบริหาร มีเน้อื หาท่สี าคญั คือ ความหมาย ความสาคัญของทฤษฎี วิวัฒนาการของทฤษฎี ศาสตร์และศลิ ป์ของการบริหาร ทรพั ยากรทางการบริหาร ทักษะของ ผู้บริหาร กระบวนการบริหาร บทที่ 2 การพัฒนาและการเปลี่ยนแปลงองค์การ มีเน้ือหาท่สี าคญั คือ การวิเคราะห์ องคก์ าร โครงสร้างองคก์ ารและสายการบงั คับบัญชา หลกั การจดั การองคก์ ารที่ดี วัฒนธรรมองค์การ บรรยากาศ องคก์ าร ประสิทธิภาพองคก์ าร การประเมินผลการพัฒนาองคก์ าร บทที่ 3 แนวคิดทางการบริหารที่สาคัญ มีเน้อื หา ทีส่ าคญั คือ การบริหารแบบมสี ่วนร่วม การบริหารตามวตั ถุประสงค์ การบริหารโดยการเดิน การแบบบริหารแบบ มงุ่ ผลสมั ฤทธิ์ การบริหารจดั การคณุ ภาพโดยรวม การบริหารแบบ Six Sigma บทที่ 4 เทคนิคและทกั ษะสาคัญ ในการบริหารการศึกษา มเี น้อื หาท่สี าคัญ คือ ผู้นา ภาวะผู้นา มนษุ ยสมั พนั ธ์ ความเป็นผู้บริหารมอื อาชพี การบริหาร เพ่อื การเปลี่ยนแปลง ผู้บริหารกับความเป็นเลิศในเชงิ การบริหาร บทที่ 5 การบริหารการศึกษาไทยยคุ ปฏิรูป การศึกษา มเี น้อื หาท่สี าคัญคือ การกระจายอานาจ การมอบหมายงาน ความเปน็ มาของการปฏริ ูปการศึกษา โครงสร้างการบริหารการศึกษาปจั จุบัน การบริหารโดยใชโ้ รงเรียนเปน็ ฐาน ซึง่ เน้อื หาทง้ั หมดใชเ้ ป็นเอกสารคาสอน รายวชิ า 71065113 อีกทั้งเปน็ ประโยชนต์ อ่ ผู้บริหารการศึกษา ผู้บริหารสถานศกึ ษา หัวหน้ากลมุ่ สาระการเรียนรู้ ครผู ู้สอน และผู้สนใจอน่ื ๆ ท่จี ะตอ้ งมีความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกบั ภาวะผู้นาทางวชิ าการ และสามารถนาไปสกู่ าร ปฏบิ ัตเิ พ่อื ให้เกิดประโยชนส์ งู สุดตอ่ การจัดการเรียนการสอนในสถานศึกษาต่อไป ปัจจบุ นั ความเจรญิ ของศาสตร์ทางการบริหารได้พัฒนาอย่างตอ่ เน่อื ง มที ฤษฎี มขี ้อมลู กระบวนการ ในการศึกษาค้นควา้ โดยวิธีการวิทยาศาสตร์ จนได้รบั การยอมรับ สามารถจะนามาฝึกฝนใหก้ ารศึกษาอบรมกบั ผู้นา หรือผู้บริหารรุ่นใหมใ่ ห้เกิดแนวคิดนามาปฏบิ ัตงิ านบริหารจัดการได้จนประสบความสาเร็จ ประเทศไทยได้ให้ ความสาคัญในเรื่องน้ี ผู้บริหารตอ้ งเปน็ มอื อาชพี พฒั นาตนเองให้มีมาตรฐานทางวิชาชพี มกี ฎหมายเข้ามาควบคุมดแู ล กาหนดหลักประกันเบอื้ งต้นคือมใี บอนญุ าตประกอบวิชาชพี จึงจะบริหารได้ ผู้บริหารจะตอ้ งใหค้ วามสาคัญกับคนใน องคก์ าร มองวา่ องคก์ ารมชี วี ติ มคี นจานวนมากมายมาทางานรว่ มกนั องคก์ ารเป็นระบบที่เปิดเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ผู้บริหารจะตอ้ งอาศยั คนอ่นื ทางานให้องค์การประสบความสาเรจ็ อยา่ งมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล การทางานกับ คน กลุ่มคน การบริหารงานจึงเริม่ ซบั ซ้อนและเริ่มมคี วามยงุ่ ยากมากขึ้น ดงั นนั้ ผู้บริหารตอ้ งนาศาสตร์หลายศาสตร์ มาประยกุ ตใ์ ชอ้ ย่างมศี ลิ ป์ จึงจะประสบความสาเร็จได้เพราะต่างคน ตา่ งเวลา ตา่ งโอกาส และสภาพแวดลอ้ ม แตกตา่ งกัน แมเ้ ปน็ ผู้บริหารคนเดียวกนั ตดั สนิ ใจในการบริหารงานโรงเรียนหนึง่ อาจจะประสบความสาเรจ็ และกต็ ดั สนิ ใจเหมือนกันกบั อกี โรงเรียนหนึ่งกอ็ าจจะไมส่ าเร็จ ผบู้ ริหารควรยดึ แนวทางให้ความสาคัญในการบริหาร จาเป็นต้องอาศัยท้ังหลัก ทฤษฎีซึ่งเปน็ ศาสตร์ทางการบริหาร และแนวคิดวิธีทางที่เหมาะสมซึง่ เปน็ ศลิ ป์มาประยุกตใ์ ชใ้ ห้ เหมาะกับคนกลุ่มคนที่อยใู่ นสถานการณ์ทีแ่ ตกตา่ งเพ่อื ให้ผู้ปฏบิ ัตงิ านพอใจ และทาให้องค์การบรรลุวัตถปุ ระสงค์ก็นบั วา่ ผู้บริหารมีทั้งศาสตร์และศลิ ป์โดยสมบูรณ์
304 สาหรบั เน้อื หาท่ผี ู้รีวิวได้นาเสนอในการรีวิวหนงั สือเล่มน้นี ั้น เปน็ เพยี งเน้ือหาบางส่วน หากผู้อ่านมคี วามสนใจ สามารถศึกษาเพิม่ เตมิ ได้จากหนังสอื ฉบบั เต็ม ตามรายละเอยี ดของหนังสอื ที่ผู้รีวิวได้ใหไ้ ว้ ณ ตอนต้นของการรีวิวน้ี เอกสารอา้ งองิ ไชยา ภาวะบตุ ร. (2560). หลกั ทฤษฎี และปฏิบตั ิ การบริหารการศึกษา (Principles, Theories and Practices of Educational Administration). ฉบบั ปรับปรงุ 2560. สกลนคร: มหาวทิ ยาลัยราชภฏั สกลนคร.
305 คำแนะนำในกำรเสนอบทควำมเพือ่ ตพี ิมพ์ในวำรสำรบรหิ ำรกำรศกึ ษำและภำวะผู้นำ มหำวทิ ยำลัยรำชภัฏสกลนคร สาขาวิชาการบริหารการศึกษาและภาวะผู้นา มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏสกลนคร ได้จดั ทาวารสารบริหาร การศึกษาและภาวะผู้นาขึ้นโดยมวี ตั ถุประสงค์เพอ่ื 1) เป็นส่อื กลางแสดงความคิดเหน็ ทางวิชาการ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ และส่งเสริมการพฒั นาวชิ าการทางการศกึ ษาและบริหารการศกึ ษา 2) เผยแพร่ผลงานทางวิชาการ งานวิจัย และการศกึ ษาค้นควา้ ของคณาจารย์ นกั วิชาการ นกั ศกึ ษาและผู้สนใจ ทง้ั ในและนอกสถาบนั โดยมีขอบเขตเน้อื หา เกีย่ วข้องกับสาสตร์ดา้ นการศึกษาและการบริหารการศึกษา สาขาวิชาทร่ี บั ตพี มิ พไ์ ด้แก่ ครศุ าสตร์/ศกึ ษาศาสตร์ จิตวทิ ยา/เทคโนโลย/ี สหวทิ ยาการดา้ นมนษุ ศาสตร์และสงั คมศาสตร์ โดยทกุ บทความจะได้รบั การตรวจสอบทาง วชิ าการจากผู้ทรงคุณวฒุ ไิ มน่ อ้ ยกวา่ 2 ทา่ นตอ่ หนึง่ บทความ ผสู้ ่งบทความตอ้ งยึดรูปแบบตามคาแนะนานี้ บทความ ทีม่ ีรปู แบบไมต่ รงตามกาหนดและไม่อยใู่ นขอบเขตเน้อื หาทก่ี าหนดไว้ ทางกองบรรณาธกิ ารขอสงวนสิทธิใ์ นการที่จะไม่ รับพจิ ารณาตีพิมพ์ 1. ประเภทของบทควำมทีต่ ีพมิ พ์ 1.1 บทความวชิ าการ 1.2 บทความวจิ ยั 1.3 บทความปริทรรศนห์ นงั สือ 2. กำรเตรียมตน้ ฉบบั ขนาดของตน้ ฉบบั พมิ พห์ นา้ เดียวบนกระดาษ A4 ด้วยโปรแกรม Word รปู แบบอักษร TH Niramit AS ขนาด 14 pt และ 12 pt โดยเนน้ ระยะขอบด้านละ 1 น้วิ จานวนหนา้ บทความไมเ่ กิน 10 หนา้ ตน้ ฉบบั จะเป็นภาษาไทยหรือ ภาษาอังกฤษกไ็ ด้ หากบทความเป็นภาษาองั กฤษตอ้ งมีบทคัดย่อเปน็ ภาษาไทยด้วย 3. กำรเขียนอ้ำงองิ และบรรณำนกุ รม 3.1 การอ้างองิ แทรกในเน้ือหา ระบุผู้แตง่ ปีพิมพแ์ ละเลขหนา้ ดงั ตัวอย่าง - สมาน อัศวภูมิ (2552, หนา้ 126) กล่าวว่า ครเู ปน็ องค์ประกอบที่สาคัญของคณุ ภาพการศึกษาในทกุ ด้าน และเกีย่ วข้องกบั คณุ ภาพดา้ นอน่ื ๆ ไมท่ างตรงก็ทางอ้อม หรือ - ครเู ปน็ องค์ประกอบที่สาคัญของคณุ ภาพการศึกษาในทกุ ด้าน และเกีย่ วข้องกบั คณุ ภาพดา้ นอน่ื ๆ ไมท่ างตรงก็ทางอ้อม (สมาน อศั วภมู ิ หนา้ 126) ซึง่ กลา่ วไวใ้ นมาตรฐานการศึกษาข้ันพืน้ ฐานด้านครู 3.2 การเขียนอ้างองิ ท้ายบทความ (1) กรณีเปน็ หนงั สอื ผู้แต่ง.// ปีทีพ่ ิมพ.์ //ชอ่ื เรอ่ื ง.//สถานท่พี มิ พ.์ //โรงพมิ พ.์ ตวั อย่ำง วทิ ยากร เชียงกูล.(2555). รายงานสภาวะการศึกษาไทย ปี 2547/2548. กรุงเทพ : สานักงานเลขาธกิ ารการศึกษา. Kemmis, S. and R. Mctaggart. (2000). The Action Research Planner 3 rd.Victoria : darkin university Press. (2) กรณีเปน็ วทิ ยานพิ นธ์ ผู้วิจยั .// ปีที่พิมพ.์ //ช่อื วิทยานพิ นธ์.//ประเภทของวิทยานพิ นธ์และช่อื หลักสตู ร.//สถาบัน. ตัวอยำ่ ง ภวู ดล ถวิลคา. (2555). การวจิ ยั เชงิ ปฏบิ ัตกิ ารแบบมสี ่วนร่วมเพื่อพัฒนาการดาเนนิ งานระบบดูชว่ ยเหลอื นักเรียน โรงเรียนอากาศอานวยศกึ ษา สานักงานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต 23. วทิ ยานพิ นธ์ ค.ม. สกลนคร : มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏสกลนคร
306 ขั้นตอนกำรสง่ บทควำมเพื่อตพี ิมพ์วำรสำรบรหิ ำรกำรศกึ ษำและภำวะผนู้ ำ มหำวิทยำลยั รำชภฏั สกลนคร เตรยี มเอกสารดังนี้ 1) แบบเสนอบทความ 1 ชดุ 2) ไฟล์บทความ word และ pdf โดยเลือกส่ง 2 ช่องทางดงั นี้ • ส่งด้วยตัวเองที่ อาคารบัณฑิตวทิ ยาลยั ชนั้ 2 สาขาวิชาการบรหิ ารการศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร • ส่งไปรษณยี ์มาที่ กองบรรณาธิการวารสารบรหิ ารการศึกษาและภาวะผู้นา (ผศ.ดร.ไชยา ภาวะบตุ ร) สาขาวิชาการบรหิ ารการศึกษา มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏ สกลนคร อาเภอเมือง จงั หวัดสกลนคร 47000 ไมผ่ ่านการพจิ ารณา กองบรรณาธกิ ารพจิ ารณา แจ้งเจ้าของบทความ บทความเบือ้ งต้น ทราบบทความ บทความทราบ แจ้งเจ้าของบทความชาระค่าธรรมเนยี ม และส่งผู้ทรงคณุ วฒุ ิ (Peer Review) จานวน 2 ท่าน เพ่อื กล่นั กลองบทความ แจ้งผลไปยงั เจ้าของบทความ ไมผ่ า่ นการพิจารณา ผ่านการพจิ ารณา เจ้าของบทความแก้ไขตามคาแนะนาของผู้ทรงคณุ วฒุ แิ ละส่งกลบั กองบรรณาธกิ าร กองบรรณาธกิ ารตรวจสอบการแก้ไข ไมผ่ ่าน แก้ไขครบถ้วน ออกหนังสอื ตอบรับ และรวบรวมบทความตพี มิ พ์
307 รูปแบบกำรเขียนบทควำม ช่อื เรือ่ งภาษาไทย ชอ่ื เรือ่ งภาษาองั กฤษ ชอ่ื เจ้าของผลงาน1 ชอ่ื เจ้าของผลงาน2 ชอ่ื เจ้าของผลงาน3 บทคดั ย่อ การวจิ ยั ครั้งนมี้ วี ตั ถุประสงค์เพ่อื .................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................. Abstract The purposes of this research were to…………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. Keywords : …………. , ……….. , …………… (เปน็ คาส้ันๆ ที่ใชใ้ นการคน้ หา มีความหมายตรงกับคาสาคญั ในภาษาไทย) บทนำ ...(กล่าวถึงความเปน็ มาและความสาคัญของปญั หาท่นี าไปสู่การวจิ ยั )........................................................... .................................................................................................................................................................................. คำถำมกำรวิจัย 1) ................................................................................................................................................................ 2) ............................................................................................................................................................... ควำมมงุ่ หมำยของกำรวิจยั 1) ............................................................................................................................................................... 2) .............................................................................................................................................................. กรอบแนวคดิ กำรวิจัย (ใส่กรอบแนวคิดการวิจยั ) วิธีดำเนนิ กำรวิจัย ประชำกรและกล่มุ ตวั อยำ่ ง ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. เครือ่ งมอื ทใี่ ช้ในกำรเกบ็ รวมรวมข้อมลู ..................................................................................................................................................... คำสำคัญ : ตาแหนง่ เจ้าของผลงาน* ตาแหนง่ เจ้าของผลงาน** ตาแหนง่ เจ้าของผลงาน ***
308 วิธีกำรรวบรวมข้อมลู ..................................................................................................................................................... สถิตทิ ใี่ ชใ้ นกำรวิเครำะห์ขอ้ มลู ..................................................................................................................................................... สรปุ ผลกำรวิจัย ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................. อภปิ รำยผลกำรวิจยั ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................. ข้อเสนอแนะกำรวิจัย 1. ขอ้ เสนอแนะในกำรนำผลกำรวิจยั ไปใช้ 1.1................................................................................................................................................. 1.2................................................................................................................................................ 2. ข้อเสนอแนะในกำรทำวิจัยครั้งต่อไป 2.1................................................................................................................................................ 2.2............................................................................................................................................... เอกสำรอำ้ งองิ (ตอ้ งมีรายละเอยี ดครบทุกรายการตามที่อ้างไว้ในเน้ือหาบทความ เรียงตามลาดบั ตัวอกั ษร และมีรูปแบบ การเขียนบรรณานกุ รมตามรูปแบบของวารสาร)
309 แบบเสนอบทควำมเพื่อพิจำรณำตพี ิมพใ์ นวำรสำรบรหิ ำรกำรศกึ ษำและภำวะผนู้ ำ มหำวทิ ยำลัยรำชภัฏสกลนคร วนั ที่ ..........เดอื น..................พ.ศ......................... เรียน บรรณาธกิ ารวารสารวารสารวิชาการการบริหารการศึกษาและภาวะผู้นา มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั สกลนคร เรือ่ ง ขอตีพิมพว์ ารสารวิชาการการบริหารการศึกษาและภาวะผู้นา มหาวทิ ยาลัยราชภัฏสกลนคร ประเภทบทความ (....) บทความวิจยั (....) บทความวิชาการ ข้าพเจ้า......................................................... นกั ศกึ ษา บคุ คลภายนอก อาจารย์ บคุ คลทั่วไป อ่นื ๆ สาขาวิชา/หน่วยงาน .......................................................สถาบัน/องคก์ ร ............................................................... ช่อื บทควำม (ภาษาไทย).................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................. (ภาษาอังกฤษ)……………………………………………………………….………………………………………………………………………………… ……………………………..…………………………………………………………………………………………………………………….…………………………………… ประธานที่ปรึกษาวิทยานพิ นธ์ ……………………………………………………………………………………………………….………… กรรมการทีป่ รึกษาวิทยานพิ นธ์ ………………………………………………………………………………………………………………… ที่อยผู่ ู้สง่ บทความ...................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................. เบอร์โทรศัพท์ ......................................................... E-mail : ................................................................................ ขอสง่ แบบฟอร์มน้เี พอ่ื ประกอบการพจิ ารณาขอตพี มิ พล์ งในวารสารการบริหารการศึกษาและภาวะผู้นา มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั สกลนคร. ตน้ ฉบบั ทีส่ ง่ ให้พิจารณาเพอ่ื พิมพเ์ ผยแพร่ในวารสารน้ี ไมอ่ ยใู่ นระหว่างการพิจารณาของวารสารอื่น และยนิ ดแี ก้ไขตามทีก่ องบรรณาธกิ ารเสนอแนะ ลงชือ่ ...............................................ผู้สง่ บทความ (………………………………………..……………………………) วันที่ …….. เดอื น .......... พ.ศ. ......... ความเห็นชอบจากประธาน/กรรมการที่ปรึกษาวิทยานพิ นธ์ .................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................. ลงชือ่ ...............................................ทีป่ รึกษาวิทยานพิ นธ์ (………………………………………..……………………………) ยนิ ดรี ับบทความเพอ่ื เสนอให้ Peer Review เพอ่ื พิจารณาก่อนตอบรบั ให้ตีพิมพล์ งวารสารการบริหารการศึกษา มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏสกลนคร ลงชือ่ .............................................. (ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ไชยา ภาวะบุตร) บรรณาธกิ าร วันที่..............เดอื น...........................พ.ศ.................
310 คำ่ ธรรมเนียม เปิดรบั บทความท้ังจากบุคคลภายในและถายนอกมหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร ค่ำตพี ิมพ์วำรสำร 3,000 บำท (สำมพนั บำทถว้ น) ต่อ 1 บทควำม หมำยเหตุ โอนเงินเข้าบัญชี นายไชยา ภาวะบตุ รนางสาวนุชรา กุลยะ เลขที่บญั ชี 421-1-32327-4 ธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขามหาวิยาลยั ราชภฏั สกลนคร และสง่ หลักฐานการโอนเงินมายงั กองบรรณาธกิ ารวาสาร ทาง E-mail : [email protected] หรือทางไลน์ เบอร์ 0821093887 ID LINE : boykab2532
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321