Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore รวมไฟล์วารสารฉบับที่ 25 วารสาร มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร

รวมไฟล์วารสารฉบับที่ 25 วารสาร มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร

Published by wasana.wit, 2019-03-04 06:31:42

Description: รวมไฟล์วารสารฉบับที่ 25 วารสาร มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร

Search

Read the Text Version

240 ก่อให้เกิดความเสียหายตามมาอกี มากมาย (วโิ รจน์ สารวัฒนะ, 2548, หนา้ 16) ดังนั้นสถานศกึ ษาตอ้ งมีระบบการ บริหารที่มีประสิทธิภาพในการบริหารการจัดการสถานศกึ ษาในทุกระดบั สอดคลอ้ งบทบญั ญัติแห่งพระราชบัญญัติ การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ที่แกไ้ ขเพ่มิ เตมิ (ฉบบั ที่ 3) พ.ศ. 2553 มาตรา 39 ซึง่ ใหก้ ระทรวงกระจายอานาจ การบริหารและการจดั การศึกษาทงั้ ด้านวชิ าการ งบประมาณ การบริหารงานบคุ คลและการบริหารงานทั่วไป ไปยงั คณะกรรมการและสานกั งานเขตพนื้ ที่การศึกษา และสถานศกึ ษาในเขตพ้นื ที่การศึกษาโดยตรง ประกอบกับมาตรา 22 ระบวุ า่ การจัดการศกึ ษาตอ้ งยดึ หลักวา่ ผู้เรียนทุกคนมีความสามารถเรียนรู้และพฒั นา ตนเองได้ และถือวา่ ผู้เรียน มคี วามสาคญั ท่สี ดุ กระบวนการจัดการศกึ ษาตอ้ งส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาตามธรรมชาติและเต็มตาม ศักยภาพ (พระราชบัญญัติการศกึ ษาแหง่ ชาติ, 2553, หนา้ 8) และการจดั การศึกษาแก่ผู้เรียนที่มีความต้องการพเิ ศษ ไวใ้ นมาตรา 10 วรรคสอง ความวา่ “การจดั การศึกษาสาหรับบคุ คลซึ่งมีความบกพร่องทางรา่ งกาย จิตใจ สติปญั ญา อารมณ์ สงั คม การสอ่ื สารและการเรียนรู้ หรือมรี ่างกายพกิ ารทพุ พลภาพ หรือบุคคลซึง่ ไม่สามารถพึง่ ตนเองได้ หรือไมม่ ผี ู้ดแู ล หรอื ดอ้ ยโอกาสตอ้ งจัดให้บุคคลดังกล่าวมสี ิทธิและด้อยโอกาสได้รับการศึกษาขั้นพืน้ ฐานเปน็ พิเศษ” โรงเรียนเฉพาะความพกิ าร ได้จดั การศึกษาสาหรบั นักเรียนทีม่ ีความบกพร่องทางการได้ยิน นกั เรียนที่มีความบกพร่อง ทางสตปิ ญั ญา นักเรียนที่บกพร่องทางรา่ งกายหรือการเคลื่อนไหวหรือสุขภาพตงั้ แตร่ ะดับอนบุ าล 1 ถึงระดบั ช้ัน มธั ยมศกึ ษาปีที่ 6 ในรปู แบบประจา และไป-กลับ โดยมุ่งหวงั ใหน้ กั เรียนเหลา่ นมี้ คี ณุ ภาพชีวิตที่ดี และสามารถ ดารงชวี ติ อยใู่ นสังคมได้อยา่ งมคี วามสุข ซงึ่ การทีน่ กั เรียนเหลา่ นจี้ ะอยู่ในสังคมได้อยา่ งดีจะต้องได้รับการพัฒนา อย่างตอ่ เน่อื ง ทั้งในดา้ นทกั ษะการดารงชีวิต และทกั ษะการทางานอาชีพตามความรู้ความสามารถของแต่ละบคุ คล ให้สอดคลอ้ งกับสภาพบริบทของท้องถิ่นและสังคมในปจั จบุ ัน จากผลการวิจัย เรือ่ ง การศึกษาปัญหาและแนวทางการ บริหารงานวชิ าการของสถานศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน ชว่ งชั้นที่ 3 และ 4 สงั กดั สานกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษาชยั ภูมิ เขต 2 (บังอร หนนุ วงษ์, 2552, บทคัดยอ่ ) พบวา่ ปัญหาการบริหารงานวชิ าการของสถานศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน โดยภาพรวม และรายดา้ นที่มีปัญหาอยู่ในระดบั “ปานกลาง” เรียงจากมากไปหาน้อย คือ การวางแผนและการบริหารงานวชิ า การการประกนั คุณภาพภายในสถานศกึ ษา การประเมินผลการปฏบิ ตั งิ านวชิ าการ การวัดผลประเมินผล การเทียบ โอนผลการเรียน และงานทะเบยี นนกั เรียน จากรายงานการวิจัย เรือ่ ง การบริหารงานวชิ าการของศูนยก์ ารศึกษาพิเศษประจาจงั หวัดชยั ภูมสิ านัก บริหารงานการศึกษาพิเศษ สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพนื้ ฐานกระทรวงศึกษาธกิ าร (ดวงชนก ลนั ดา, 2554, บทคัดยอ่ ) พบว่าเด็กพิการทีม่ ารับบริการยงั ไมไ่ ด้รับการพฒั นาอย่างเต็มที่จะได้เหน็ จากข้อมลู การส่งต่อ และผลจากการพัฒนาเดก็ ในแตล่ ะด้านจากงานวิชาการ ยงั ไม่ชดั เจน และยงั ไม่มผี ลการพัฒนาทีแ่ น่นอน ซึง่ เท่ากับว่า ศนู ยก์ ารศึกษาพิเศษประจาจังหวัดชัยภมู ยิ ังมีปัญหาด้านการบริหารงานวชิ าการในภาพรวม เชน่ ด้านหลักสูตรการ จดั การเรียนการสอน การนเิ ทศติดตาม การดูแลช่วยเหลอื นักเรียน การทาวิจยั และระบบการประกันคณุ ภาพที่เป็น งานใหม่ ซึง่ ยงั ไม่สามารถระบไุ ด้ว่าสว่ นใดทีท่ าให้การจัดการเรียนการสอนไมเ่ ปน็ ไปตามเป้าหมายทีต่ ้ังไว้ จากความเปน็ มาและความสาคญั ของปญั หาของปญั หาดงั กล่าว นบั เป็นสง่ิ ทีจ่ าเปน็ ที่จะชว่ ยให้รู้ถึงสภาพ และปญั หาในการบริหารงานวชิ าการของโรงเรียนโสตศึกษาจังหวัดชัยภูมิ จากความเปน็ มาและความสาคญั ของ ปญั หาดังกล่าว ผู้วิจยั จึงมคี วามสนใจทีจ่ ะศกึ ษาเกี่ยวกบั การศกึ ษาปัญหาและแนวทางแก้ปัญหาการบริหารงาน วชิ าการของโรงเรียนการศึกษาพิเศษ สงั กัดสานกั บริหารงานการศึกษาพิเศษ ภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื ตามขอบข่าย การบริหารงานวชิ าการ 6 ด้าน คือ การพัฒนาหลักสูตรสถานศกึ ษา การพัฒนากระบวนการเรียนรู้ การวัด และการประเมินผล การประกันคณุ ภาพการศึกษา การนเิ ทศการศกึ ษา การวจิ ยั และพัฒนาคณุ ภาพการศึกษา เพ่อื จะได้นาผลจากการศึกษาคร้ังนใี้ ชเ้ ป็นแนวทางในการพัฒนาและปรบั ปรงุ การบริหารงานวิชาการ และแนวทางการ บริหารงานวชิ าการได้อยา่ งมีประสิทธิภาพของ ผู้บริหารสถานศกึ ษาและหนว่ ยงานที่เกี่ยวข้องตอ่ ไป

241 คาถามการวิจยั 1. ปัญหาการบริหารงานวชิ าการในโรงเรียนการศึกษาพิเศษ สังกัดสานกั บริหารงานการศึกษาพเิ ศษ ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื ตามความคิดเหน็ ของข้าราชการครอู ยู่ในระดับใด 2. ความคิดเห็นของข้าราชการครตู อ่ ปญั หาการบริหารงานวชิ าการในโรงเรียนการศึกษาพิเศษ สงั กดั สานกั บริหารงานการศึกษาพิเศษ ภาคตะวันออกเฉียงเหนอื จาแนกตามประสบการณ์ทางาน แตกตา่ งกนั หรือไม่ 3. ข้อเสนอแนะสาหรบั การพฒั นาการบริหารงานวชิ าการในโรงเรียนการศึกษาพิเศษ สังกัดสานกั บริหารงาน การศึกษาพิเศษ ภาคตะวันออกเฉียงเหนอื มอี ะไรบ้าง ความมงุ่ หมายของการวิจัย 1. เพ่อื ศึกษาระดับปญั หาการบริหารงานวชิ าการในโรงเรียนการศกึ ษาพเิ ศษ สังกัดสานกั บริหารงาน การศึกษาพิเศษ ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื 2. เพ่อื เปรียบเทียบความคิดเห็นของข้าราชการครูเกีย่ วกับปัญหาการบริหารงานวชิ าการของโรงเรียน การศึกษาพิเศษ ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื จาแนกตามประสบการณท์ างาน 3. เพอ่ื ศึกษาข้อเสนอแนะเพอ่ื พัฒนาการบริหารงานวชิ าการในโรงเรียนการศึกษาพิเศษ สงั กัดสานกั บริหารงานการศึกษาพิเศษ ภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื กรอบแนวคดิ การวิจยั ตวั แปรตาม ปญั หาการบริหารงานวชิ าการในโรงเรียนการศึกษาพิเศษ สังกดั สานกั ตัวแปรต้น บริหารงานการศึกษาพิเศษ ในภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื ประสบการณท์ างานได้แก่ 1. ประสบการณ์ทางานน้อยกว่า 5 ปี 1. การพฒั นาหลักสูตรสถานศกึ ษา 2. การพัฒนากระบวนการเรียนรู้ 2. ประสบการณ์ทางาน 5-10 ปี 3. การวดั และการประเมินผล 4. การนิเทศการศึกษา 3. ประสบการณ์ทางานมากกว่า 10 ปี 5. การวิจัยและพฒั นาคุณภาพการศึกษา ข้อเสนอแนะเพือ่ พฒั นาการบรหิ ารงานวิชาการในสถานศึกษา สังกดั สานักบรหิ ารงานการศึกษาพิเศษ ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ ภาพประกอบ 1 กรอบแนวคิดในการวิจัย วิธีการดาเนินการวิจัย ประชากรและกลุ่มตวั อยา่ ง 1. ประชากร ได้แก่ ขา้ ราชการครใู นโรงเรียนสงั กัดสานักบริหารงานการศึกษาพิเศษ ภาคตะวันออกเฉียงเหนอื ปีการศึกษา 2560 จานวน 234 คน 2. กลุ่มตัวอยา่ ง ได้แก่ ข้าราชการครูในโรงเรียนสงั กัดสานกั บริหารงานการศึกษาพิเศษ ในภาค ตะวันออกเฉียงเหนอื จานวน 10 โรงเรียน จานวน 148 คน โดยกาหนดขนาดของกลุ่มตัวอยา่ งตามตารางสาเร็จรปู ของ เครจซีแ่ ละมอร์แกนแล้วทาการสุ่มอย่างง่าย

242 เครื่องมอื ทใี่ ช้ในการเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล การวจิ ัยในครงั้ น้ผี ู้วจิ ัยได้จดั ทาเครือ่ งมอื การวิจัยไว้ 2 ประเภท ดังนี้ 1. แบบสอบถามการบริหารงานวชิ าการในโรงเรียนสังกัดสานกั งานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษาประถมศึกษา ชัยภมู ิ เขต 1 จานวน 3 ตอน ไดแ้ ก่ ตอนที่ 1 ประสบการณ์ในการทางาน มลี กั ษณะเป็นแบบตรวจสอบรายการ (Check List) ตอนที่ 2 ความคิดเหน็ ต่อปญั หาแนวทางการบริหารงานวชิ าการของโรงเรียนการศึกษาพิเศษ มลี กั ษณะเปน็ แบบ มาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดบั การบริหารงานวชิ าการ ตามขอบข่ายการบริหารงานวชิ าการ มี 6 ด้าน และมีค่า อานาจจาแนกตั้งแต่ .486-.900 ค่าความเชอ่ื มัน่ เท่ากับ .979 และตอนที่ 3 ข้อเสนอแนะสาหรบั การพฒั นาการ บริหารงานวชิ าการของข้าราชการครใู นของโรงเรียนการศึกษาพิเศษ สงั กัดสานักบริหารงานการศึกษาพิเศษ ภาคตะวันออกเฉียงเหนอื มลี ักษณะเป็นแบบปลายเปิด (Open Ended) 2. แบบสมั ภาษณแ์ บบมโี ครงสร้าง เพอ่ื ศึกษาข้อเสนอแนะในการพัฒนาการบริหารงานวชิ าการ ในโรงเรียนการศึกษาพิเศษ สังกัดสานกั บริหารงานการศึกษาพิเศษ ภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื ตามกรอบแนวคิด การวจิ ัย วิธีการเก็บรวบรวมข้อมลู 1. แบบสอบถาม ผู้วิจัยนาหนงั สอื ขอความอนเุ คราะห์ในการเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลจากบณั ฑิตวทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลัยราชภฏั ชัยภูมิ ถึงโรงเรียนการศึกษาพิเศษ สงั กัดสานกั บริหารงานการศึกษาพิเศษ ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื เพอ่ื ขออนญุ าตใชแ้ บบถามในการเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลจากผู้บริหารและครทู างไปรษณีย์ และด้วยตนเอง 2. แบบสมั ภาษณแ์ บบมโี ครงสร้าง ผู้วจิ ัยดาเนนิ การสัมภาษณผ์ ทู้ รงคณุ วฒุ ิ จานวน 10 คน ประกอบด้วย ผู้บริหาร จานวน 6 คน ครูชานาญการพิเศษ จานวน 2 คน ครผู ู้สอนในสถานศกึ ษา จานวน 3 คน สถิตทิ ใี่ ชใ้ นการวิเคราะหข์ อ้ มลู 1. แบบสอบถามตอนที่ 1 ประสบการณ์ทางานผู้ตอบแบบสอบถามวิเคราะห์โดยใชว้ ธิ ีการแจกแจงความถี่ (Frequency) และหารอ้ ยละ (Percentage) แสดงคา่ เฉล่ยี และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานของปญั หาการบริหารงานวชิ าการ การวเิ คราะห์การพัฒนาการบริหารงานวชิ าการในโรงเรียนการศึกษาพิเศษ สงั กดั สานักบริหารงานการศึกษาพเิ ศษ ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื ตอนที่ 2 โดยคานวณหาค่าเฉลี่ย (Mean) และค่าส่วนเบีย่ งเบนมาตรฐาน (Standard devitation) แลว้ แปลผลตามเกณฑ์ ส่วนการทดสอบสมมติฐานใช้ F–test แบบ One-Way ANOVA เพ่อื เปรียบเทียบ ความคิดเหน็ ของข้าราชการครทู ี่มีต่อปัญหาการบริหารงานวชิ าการในโรงเรียนการศึกษาพิเศษ สงั กดั สานักบริหารงาน การศึกษาพิเศษ ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื จาแนกตามประสบการณท์ างาน 2. ข้อมูลจากการสัมภาษณ์ นามาจัดหมวดหมู่ตามกรอบแนวคดิ ในการวจิ ัย โดยทาการวเิ คราะห์เน้อื หา แลว้ นาเสนอในพรรณนาวเิ คราะห์ (Description Analysis) สรุปผลการวิจัย 1. ข้าราชการครมู คี วามคิดเหน็ ตอ่ ปญั หาการบริหารวชิ าการโรงเรียนการศึกษาพิเศษ สงั กัดสานกั บริหารงาน การศึกษาพิเศษ ภาคตะวันออกเฉียงเหนอื จาแนกตามประสบการณท์ างาน โดยภาพรวมอยใู่ นระดับน้อย เมอ่ื พิจารณาเปน็ รายดา้ น พบว่า ด้านทีม่ ีคา่ เฉล่ยี สูงสดุ คือ ด้านการพัฒนาหลักสูตรสถานศกึ ษา รองลงมา ได้แก่

243 ด้านการนเิ ทศการศกึ ษา ด้านการพฒั นากระบวนการเรียนรู้ ด้านการประกันคุณภาพการศึกษา และด้านการวจิ ยั และพัฒนาคณุ ภาพการศึกษา ตามลาดบั มีความแตกต่างกันอยา่ งมีนัยสาคัญทางสถิตทิ ีร่ ะดับ .05 2. ผลการเปรียบเทียบความคิดเหน็ ต่อปญั หาการบริหารงานวชิ าการของโรงเรียนการศึกษาพิเศษ ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื จาแนกตามประสบการณ์ทางาน วเิ คราะห์โดยจาแนกตามประสบการณ์ทางาน ระหว่าง ประสบการณ์ทางานน้อยกวา่ 5 ปี ประสบการณ์ทางานระหวา่ ง 5-10 ปี และประสบการณท์ างานมากกว่า 10 ปี ขึน้ ไป โดยภาพรวมมีความแตกตา่ งกันอย่างมนี ยั สาคัญทางสถติ ทิ ีร่ ะดบั .05 เมอ่ื พิจารณารายด้าน มคี วามคิดเหน็ แตกตา่ งกนั อย่างมนี ยั สาคญั ทางสถิติที่ระดับ .05 3. ข้อเสนอแนะแนวทางเพื่อพฒั นาการบริหารงานวชิ าการของโรงเรียนการศึกษาพิเศษ สังกัดสานกั บริหารงานการศึกษาพิเศษ ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื คือ การนาหลักสูตรแกนกลางมาใชใ้ นสถานศกึ ษาควรจะตอ้ ง ปรบั ปรุงให้เข้ากับบริบทของโรงเรียนเฉพาะความพกิ ารแตล่ ะโรงเรียน การนเิ ทศการศกึ ษาควรมกี ารกากับ ติดตาม อย่างตอ่ เน่อื งและเปน็ ระบบ ส่งเสรมิ ให้ครเู ข้าอบรมและพัฒนาตนเองอยา่ งต่อเน่อื ง เพ่อื นามาจดั การเรียนรู้กบั ผู้เรียน ครจู ะตอ้ งจัดสภาพหอ้ งเรียนหรือพัฒนาแหล่งเรียนรู้ให้เอ้ืออานวยตอ่ การเรียนการสอน การประกนั คณุ ภาพการศึกษา ดาเนนิ การพฒั นาระบบการประกันคุณภาพภายในสถานศกึ ษาให้เข้มแขง็ เพือ่ เปน็ ตวั ขับเคลื่อนคุณภาพโรงเรียน และจดั ทาเอกสารให้เปน็ ปจั จบุ นั มีการนเิ ทศติดตามอยู่เสมอ เพ่อื นาปญั หาทีพ่ บไปปรบั ปรงุ แก้ไข การวจิ ัยเพอ่ื พฒั นา คุณภาพการศึกษา ควรมกี ารวจิ ัยอย่างตอ่ เน่อื ง โดยนาปญั หาของการวจิ ยั คร้ังนีไ้ ปใชใ้ นครงั้ ถดั ไป ทงั้ น้ีจะเป็นการ ทราบถึงการพฒั นาการของผู้เรยี นได้ สถานศกึ ษาควรจัดอบรมแนวทางการวัดผลและประเมินผลเพ่อื เพม่ิ พนู ความรู้ ความเข้าใจแก่ครผู ู้สอนในการวดั ผลประเมินผลจะต้องคานึงถงึ ความแตกตา่ งระหวา่ งบคุ คล พฒั นาการของผู้เรียน เม่อื วดั ผลประเมินผลแลว้ ตอ้ งมีการประเมินวา่ ดีหรือไม่ อภปิ รายผลการวิจยั จากการสรุปผลการวจิ ัย เรือ่ ง ศกึ ษาปญั หาและแนวทางการบริหารงานวชิ าการของโรงเรียนการศึกษาพิเศษ สังกัดสานกั บริหารงานการศึกษาพิเศษ ภาคตะวันออกเฉียงเหนอื ผู้วิจยั ได้นาประเดน็ สาคญั มาอภิปรายผล ดังน้ี 1. ปัญหาการบริหารงานวชิ าการของโรงเรียนการศึกษาพิเศษ สงั กดั สานกั บริหารงานการศึกษาพิเศษ ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื ครูมีความคิดเห็นต่อปัญหาการบริหารวชิ าการโรงเรียน โดยภาพรวมอยใู่ นระดบั น้อย ด้านที่มีคา่ เฉล่ยี สงู สุด คือ ด้านการพัฒนาหลักสตู รสถานศกึ ษา ท้ังนอี้ าจเนื่องมาจาก การบริหารงานวชิ าการ ในโรงเรียนการศึกษาพิเศษ สังกดั สานักบริหารงานการศึกษาพิเศษ ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื น้ัน ครูตอ้ งทาความ เข้าใจเรือ่ งการพฒั นาหลกั สูตรสถานศกึ ษา ซงึ่ เปน็ หัวใจสาคญั ของการจัดกระบวนการเรียนรู้ เพ่อื ให้ผู้เรียนสามารถ เรียนรู้ และเปลี่ยนแปลงพฤตกิ รรมไปในทางท่กี าหนดไว้ โดยสถานศกึ ษาจะต้องจดั ทาหลกั สตู รสถานศกึ ษา และใช้ หลักสตู รสถานศกึ ษา รวมถึงการวางแผนปรับปรงุ พฒั นาหลักสตู รอย่างตอ่ เนอ่ื งให้เหมาะสบกับผู้เรียนอยา่ งต่อเน่อื ง สอดคล้องกบั งานวิจัยของ สลุ ัดดาวลั ย์ อัฐนาคและอศั วฤทธิ์ อุทัยรตั น์ (2559, บทคดั ยอ่ ) ได้ศึกษาสภาพและปัญหา การบริหารงานวชิ าการในโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา สังกัดสานักงานเขตพ้ืนทีก่ ารศึกษาประถมศึกษา อบุ ลราชธานี เขต 3 พบวา่ การบริหารงานวชิ าการของโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา มสี ภาพการบริหารงาน วชิ าการโดยรวมและรายด้านทกุ ด้านอยใู่ นระดับมาก และมีปญั หาการบริหารงานวชิ าการโดยรวมและรายด้านทกุ ด้าน อยู่ในระดบั น้อย ซึ่งสอดคล้องกับ ปรียาพร วงศ์อนตุ รโรจน์ (2553, หนา้ 1) บริหารงานวชิ าการ ถือเปน็ วา่ เป็นหัวใจ สาคัญของการบริหารสถานศกึ ษา ทง้ั น้เี พราะจุดมงุ่ หมายของ สถานศกึ ษาคือการบริหารงานวชิ าการเป็นกระบวนการ บริหารกิจกรรมทกุ อย่างที่เกีย่ วกับการพัฒนาปรับปรงุ การเรียนการสอนให้ดีข้นึ ต้ังแตก่ ารกาหนด นโยบายการ

244 วางแผน การจัดการเรียนการสอน การประเมินผล ให้เปน็ ไปตามจุดมงุ่ หมายของหลกั สตู ร และจุดมุ่งหมายของ สถานศกึ ษาให้เกิดประโยชนส์ ูงสุดแก่ผู้เรียน และฆนัท ธาตทุ อง (2550, หนา้ 4) กล่าววา่ หลักสตู รมคี วามสาคัญต่อ การพัฒนาคนในสังคมให้มีคณุ ลกั ษณะทีส่ ังคมคาดหวัง หลักสตู รเปน็ เคร่ืองมือที่จะทาให้การศึกษาบรรลตุ ามจุดหมาย ทีก่ าหนดไว้ โดยหลกั สูตรมสี ่วนสาคญั ในการสง่ เสริมความเจรญิ งอกงามของบคุ คลสามารถปลกู ฝังพฤตกิ รรม คณุ ธรรม จรยิ ธรรม วางรากฐานความคิด ทีเ่ ปน็ การสนบั สนุนและสอดคล้องกบั สภาพสงั คม เศรษฐกิจ การเมอื ง การปกครอง เพ่อื ให้ผู้เรียนเปน็ สมาชกิ ทด่ี ีของสงั คม สามารถทาให้ผู้เรียนค้นพบความสามารถ ความสนใจ ความถนัด ที่แท้จริงของตนเอง และพัฒนาได้เต็มตามศกั ยภาพ นอกจากนยี้ งั เปน็ โครงการ แผนงาน ข้อกาหนด ทีช่ ีแ้ นะให้ ผู้บริหารการศึกษา ครู อาจารยแ์ ละผู้ทีม่ ีสว่ นทีเ่ กี่ยวข้อง นาไปดาเนนิ งานสปู่ ฏบิ ตั อิ ย่างเปน็ ระบบและมีประสิทธิภาพ 2. ผลการเปรียบเทียบความคิดเหน็ ของข้าราชการครตู อ่ ปัญหาการบริหารงานวชิ าการของโรงเรียน การศึกษาพิเศษ สงั กัดสานกั บริหารงานการศึกษาพิเศษ ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื จาแนกตามประสบการณ์ทางาน โดยภาพรวมแตกต่างกนั ทงั้ น้อี าจเนอ่ื งมาจากการบริหารงานวชิ าการในโรงเรียนการศึกษาพิเศษ สงั กดั สานกั บริหารงานการศึกษาพิเศษ ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื นั้น ครูทีม่ ีประสบการณ์การทางานตา่ งกัน มีความคิดเหน็ ต่อ ปญั หาการบริหารงานวชิ าการขอ้ มูล พบวา่ ข้าราชการที่มปี ระสบการณ์ทางาน 5-10 ปี มคี ่าเฉลีย่ สูงสุด รองลงมา ข้าราชการที่มีประสบการณ์ทางานน้อยกวา่ 5 ปี และขา้ ราชการที่มีขา้ ราชการครทู ี่มีประสบการณ์ทางานมากกวา่ 10 ปีข้ึนไป ทงั้ น้อี าจเป็นเพราะการบริหารงานวชิ าการของผู้บริหารโรงเรียนแตกต่างกัน อาจเปน็ เพราะว่าผู้บริหาร โรงเรียนการศึกษาพิเศษ ในสงั กดั สานักบริหารงานการศึกษาพิเศษ ภาคตะวันออกเฉียงเหนอื ได้เปิดโอกาสใหผ้ ู้ทีม่ ี ประสบการณ์ทางานต่างกันเข้ามามีส่วนร่วมในการปฏบิ ัตงิ านวชิ าการทีเ่ ป็นเป้าหมาย และนโยบายของสถานศกึ ษา ทาให้การรับรู้ในการบริหารงานวชิ าการจึงแตกตา่ งกนั ซึ่งเป็นไปตามหลักการและแนวคิดของ สานกั งานปฏริ ปู การศึกษา (2543, หนา้ 82–84) ด้านวิชาการประกอบด้วย 1) มคี วามรู้และเป็นผู้นาดา้ นวชิ าการ 2) มคี วามรู้ มที กั ษะ มปี ระสบการณ์ดา้ นการบริหารงาน 3) สามารถใช้ความรู้และประสบการณ์แกป้ ัญหาเฉพาะหนา้ ได้ทนั ท่วงที 4) มวี สิ ัยทศั น์ 5) มคี วามคิดริเริ่มสร้างสรรค์ 6) ใฝ่เรียนใฝ่รู้มุ่งพฒั นาตนเองอยเู่ สมอ 7)รอบรู้ทางด้านการศึกษา 8) ความรับผิดชอบ 9) แสวงหาข้อมลู ขา่ วสาร 10) รายงานผลการปฏบิ ตั เิ ป็นระบบ 11) ใชน้ วัตกรรมทางการบริหาร 12) คานึงถึงมาตรฐานวชิ าการ และสอดคล้องกับงานวิจยั อภชิ า พุ่มพวง (2559, บทคดั ยอ่ ) ไดศ้ กึ ษาวจิ ยั เรื่อง ปัญหา และแนวทางการพัฒนาการบริหารงานวชิ าการโรงเรียนมธั ยมศกึ ษาจงั หวดั สมทุ รปราการ สงั กัดสานกั งานเขตพ้นื ที่ การศึกษามัธยมศกึ ษา เขต 6 ผลการวจิ ัย พบวา่ 1) ปญั หาการบริหารงานวชิ าการโรงเรียนมธั ยมศึกษา จงั หวัด สมทุ รปราการ สงั กัดสานักงาน เขตพ้นื ทีก่ ารศึกษามัธยมศกึ ษา เขต 6 โดยรวมและรายด้านอยใู่ นระดับปานกลาง เรียงลาดับจากมากไปหาน้อย ได้แก่ ด้านการวิจยั เพอ่ื พัฒนาคณุ ภาพการศึกษา ด้านการพฒั นาสื่อ นวัตกรรม และเทคโนโลยเี พอ่ื การศึกษา ดา้ นการพัฒนาหลักสตู รสถานศกึ ษาตามลาดบั 2) แนวทางการพฒั นาการบริหารงาน วชิ าการ พบวา่ ด้านการวจิ ัยเพ่อื พัฒนาคณุ ภาพการศึกษา ผู้บริหารควรช้แี จงให้ครูเหน็ ความสาคัญของการทาวิจยั สร้างแรงจูงใจและสนับสนนุใหค้ รูเผยแพรง่านวิจยั จัดอบรมเชงิ ปฏบิ ัตกิ าร และนิเทศประเมินผลการนา กระบวนการวจิ ยั ไปใช้ในการสอน ส่วนดา้ นการพฒั นาสอ่ื นวตั กรรม และเทคโนโลยี ควรวางแผนจัดสรรงบประมาณ การจดั ซื้อและการซ่อมบารุงใหช้ ุมชนมสี ่วนร่วม จัดหาและพัฒนาสอ่ื เทคโนโลยกี ารศึกษา จดั อบรมเชงิ ปฏิบตั กิ ารใช้ สอ่ื เทคโนโลยกี ารสอน นเิ ทศ และประเมินผล การใชส้ ่อื การสอน สร้างแรงจงู ใจให้ครผู ลิตส่อื การสอน และด้านการ พฒั นาหลักสตู รสถานศกึ ษา ควรจัดอบรมกระบวนการพฒั นาหลักสตู รสถานศกึ ษา ให้ชมุ ชนมสี ่วนร่วมจดั ทาหลักสูตร ปรบั ปรุงพฒั นาหลักสูตรให้ทนั สมัย จดั นเิ ทศการนาหลกั สตู รไปใชส้ อนแบบเชงิ รุกและเปน็ กลั ยาณมติ ร 3) ระดับความ คิดเห็นของผู้บริหารเกีย่ วกบั แนวทางการพัฒนาการบริหารงานวชิ าการ ทั้ง 3 ด้าน พบวา่ ผ่านการยอมรบั จาก ผู้บริหาร สามารถใชเ้ ปน็ แนวทางการบริหารงานวชิ าการได้ตรงตามปญั หาท่เี กิดข้ึน

245 ขอ้ เสนอแนะ 1. ขอ้ เสนอแนะในการนาผลการวิจัยไปใช้ 1.1 การนาหลกั สตู รแกนกลางมาใชใ้ นสถานศกึ ษาควรจะตอ้ งปรบั ปรงุ ให้เข้ากับบริบทของโรงเรียน เฉพาะความพกิ ารแต่ละโรง 1.2 ส่งเสริมให้ครูเข้าอบรมและพัฒนาตนเองอยา่ งต่อเนอ่ื ง เพ่อื นามาจัดการเรียนรู้กับผู้เรียน ครูจะต้อง จัดสภาพหอ้ งเรียนหรือพฒั นาแหล่งเรียนรู้ให้เอ้ืออานวยต่อการเรียนการสอน 1.3 ควรมกี ารสง่ เสริมให้ครูดาเนนิ การวดั ผล ประเมินผล การเรียนรู้ โดยเนน้ การประเมินตามสภาพจริง 1.4 ควรมกี ารประชุมสมั มนาในระดบั โรงเรียน เพ่อื ให้ผู้นเิ ทศและผู้รบั การนเิ ทศได้ตกลงร่วมกันถึง วตั ถปุ ระสงค์ในการนเิ ทศการศกึ ษา ควรมีการกากบั ตดิ ตามอยา่ งตอ่ เน่อื งและเป็นระบบ 1.5 ควรมกี ารใช้การวิจัยเปน็ สว่ นหน่งึ ของการแก้ปญั หาและพฒั นาการเรียนการสอน 2. ข้อเสนอแนะสาหรบั การทาวิจัย คร้ังตอ่ ไป 2.1 ควรมกี ารศึกษาความคิดเหน็ ของข้าราชการครทู ี่มีต่อปัญหาการบริหารงานดา้ นอน่ื ๆ ในสถานศกึ ษา เชน่ การบริหารงบประมาณ การบริหารงานบคุ ลากรและการบริหารทัว่ ไป ว่ามปี ัญหาอย่างไรบ้าง 2.2 ควรมกี ารศึกษาปัจจยั ทีส่ ง่ ผลตอ่ ประสิทธิภาพการบริหารงานวชิ าการในโรงเรียนต่างๆ ว่ามีอะไรบ้าง 2.3 ควรมกี ารศึกษานาข้อมูลที่ได้มาใชพ้ ัฒนาการศกึ ษาของโรงเรียนการศึกษาพิเศษตอ่ ไป ปัญหาการบริหารงานวชิ าการในโรงเรียนการศึกษาพิเศษ สังกัดสานักบริหารงานการศึกษาพิเศษในทว่ั ประเทศไทย เพ่อื นาข้อมูลทีไ่ ด้มาใช้พัฒนาการศกึ ษาของโรงเรียนการศึกษาพิเศษตอ่ ไป เอกสารอา้ งองิ กระทรวงศึกษาธกิ าร. (2553). พระราชบัญญตั ิการศกึ ษาแหง่ ชาติ พทุ ธศักราช 2542 แก้ไขเพม่ิ เตมิ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 และ (ฉบบั ที่ 3) พ.ศ. 2553. (ออนไลน์). แหล่งทีม่ า : https://person.mwit.ac.th/01-Statutes/NationalEducation.pdf. (23 มกราคม 2561). ฆนทั ธาตุทอง. (2550). เทคนิคการพัฒนาหลักสูตรสถานศกึ ษา. พิมพครงั้ ที่ 3. นครปฐม : เพชรเกษม. ดวงชนก ลันดา. (2554). การบริหารงานวชิ าการของศูนยก์ ารศึกษาพิเศษประจาจังหวดั ชยั ภมู ิ สานกั บริหารงานการศึกษาพิเศษ สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน กระทรวงศึกษาธกิ าร. [ระบบออนไลน์]. แหลง่ ทีม่ า www.chysec.org/. (30 พฤศจิกายน 2556). บังอร หนุนวงษ์. (2552). การศึกษาปัญหาและแนวทางการบริหารงานวชิ าการของสถานศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน ชว่ งชั้นที่ 3 และ 4 สังกัดสานักงานเขตพ้นื ทกี่ ารศึกษาชยั ภูมิเขต 2. วทิ ยานพิ นธ์ กศ.ม ชัยภูมิ : มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏชัยภูมิ. ปรียาพร วงศอ์ นุตรโรจน์. (2553ก). การบริหารงานวชิ าการ. กรงุ เทพฯ: ศนู ย์ส่อื เสริมกรุงเทพ. พะโยม ชนิ วงศ์. (2547). รายงานผลการประเมินโครงการการสอนแบบสองภาษาสาหรับเด็กหูหนวกโรงเรียน โสตศึกษาจงั หวัดนครปฐม. นครปฐม: โรงเรียนโสตศึกษาจงั หวดั นครปฐม. สานักงานส่งเสริมและพฒั นาคณุ ภาพชีวิตคนพกิ าร.(2551). พระราชบญั ญัติการจัดการศกึ ษาสาหรบั คนพกิ าร พ.ศ. 2551 และอนุบญั ญตั ิตามพระราชบญั ญตั ิฯ จานวน 6 ฉบบั .กรงุ เทพฯ :สานักบริหารงานการศึกษาพิเศษ.

246 วโิ รจน์ สาระรัตนะ.(2542). การบริหาร หลักการ ทฤษฎีและประเด็นทางการศกึ ษา. กรุงเทพฯ :ทิพยว์ สิ ุทธิ.์ สุลดั ดาวัลย์ อัฐนาค, อัศวฤทธิ์ อุทยั รตั น์. (2559). สภาพและปัญหาการบริหารงานวชิ าการในโรงเรียนขยายโอกาส ทางการศกึ ษา สงั กัดสานกั งานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษาประถมศึกษาอบุ ลราชธานี เขต 3. วทิ ยานพิ นธ์ ค.ม. อุบลราชธานี : มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏอุบลราชธานี อภิชา พมุ่ พวง. (2559). ปัญหาและแนวทางการพฒั นาการบริหารงานวชิ าการโรงเรียนมัธยมศกึ ษา จงั หวัดสมทุ รปราการ สงั กัดสานกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษามัธยมศกึ ษา เขต 6. วทิ ยานพิ นธ์ ศษ.ม. ชลบรุ ี: มหาวทิ ยาลัยบรู พา.

247 กลยุทธก์ ารใชภ้ าวะผนู้ าการเปลีย่ นแปลงในการบริหารงานวชิ าการของสถานศึกษาขั้นพืน้ ฐาน The Strategies for Transformational Leadership in Academic Administration of Basic Education Schools สจุ ิตรา แก้วสากล* รองศาสตราจารย์ ดร.สาเรจ็ ยุรชัย** บทคดั ยอ่ การวจิ ยั ครั้งนมี้ วี ตั ถปุ ระสงค์ 1) เพอ่ื ศึกษาสภาพปัจจบุ นั กบั สภาพทีพ่ ึงประสงค์ของการใชภ้ าวะผู้นา การเปลี่ยนแปลงในการบริหารงานวชิ าการของสถานศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน 2) เพ่อื สร้างกลยทุ ธ์การใชภ้ าวะผู้นา การเปลีย่ นแปลงในการบริหารงานวชิ าการของสถานศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน กลุ่มตวั อยา่ งทใ่ี ชใ้ นการวจิ ยั คร้ังนี้ คือ ผู้บริหาร สถานศกึ ษา และครูผู้สอน รวมท้ังส้นิ จานวน 458 คน เครือ่ งมอื ทีใ่ ชใ้ นการวิจยั เปน็ แบบสอบถาม 5 ระดบั มคี ่าความเทีย่ งทั้งฉบบั เท่ากับ 0.92 ผลการวจิ ัย พบวา่ 1. สภาพที่พึงประสงค์ของการใชภ้ าวะผู้นาการเปลี่ยนแปลงในการบริหารงานวชิ าการของสถานศึกษา ข้ันพ้ืนฐานในภาพรวมอยใู่ นระดบั มาก สภาพปัจจุบันของการใชภ้ าวะผู้นาการเปลีย่ นแปลงในการบริหารงานวชิ าการ ของสถานศึกษาขั้นพ้ืนฐาน ในภาพรวมอยใู่ นระดบั ปานกลาง 2. กลยทุ ธก์ ารใช้ภาวะผู้นาการเปลี่ยนแปลงในการบริหารงานวชิ าการของสถานศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน มี 6 กลยุทธ์ ได้แก่ 1) พฒั นาระบบนเิ ทศภายในโรงเรียน 2) ส่งเสรมิ การเพม่ิ ขดี ความสามารถในการพัฒนาสือ่ นวัตกรรม การเรียนรู้ให้สงู ข้นึ 3) พฒั นาคุณภาพการเรียนรู้ให้เปน็ ตามหลักเกณฑ์ของหลักสูตรสถานศกึ ษา 4) พัฒนา ครูเพอ่ื การสอนแบบบูรณาการการพัฒนาผู้เรียนอยา่ งรอบด้าน 5) ส่งเสริมศกั ยภาพในการวางแผนงานบริหารงาน วชิ าการของบุคลากรทกุ ฝา่ ย 6) ส่งเสริมการวัดประเมินเพ่อื การเรียนรู้ ABSTRACT The objectives of this research were 1) to study the current conditions and desirable conditions of leadership use Changes in academic administration of basic schools 2) To create leadership strategies Changes in academic administration of basic education institutions The samples used in this research were 458 school administrators and teachers. The research instruments were 5 levels of questionnaires. With the reliability of 0.92 The findings of the research indicated that; 1. On the whole, the desirable condition of transformational leadership in academic administration of basic education schools was at the high level. In term of the current condition of transformational leadership in academic administration of basic education schools, it was found that on the whole, it was at the moderate level. คาสาคัญ : กลยทุ ธ์การใชภ้ าวะผู้นาการเปลี่ยนแปลง, การบรหิ ารงานวชิ าการ * ปรัชญาดษุ ฎีบณั ฑิต สาขาวิชาการบรหิ ารการศึกษา มหาวิทยาลยั ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ** ประธานหลักสูตรครุศาสตรมหาบณั ฑิต สาขาวิชาการบรหิ ารการศึกษา มหาวิทยาลยั ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ

248 2. The strategies for transformational leadership in academic administration of basic education schools comprised 6 strategies; they were, 1) the development of School Supervision, 2) the promoting empowerment in the development of the media. Innovative learning performance, 3) the improving the quality of learning is based on the guidelines of the curriculum, 4) the teachers to teach students to develop an integrated all-round way, and 5) the potential in planning, administration, academic staff of all parties, and 6) the encourage assessment for learning. Keyword: Strategies for Transformational Leadership, Academic Administration ภูมหิ ลงั การพฒั นาประเทศไทยให้มีความพร้อมสาหรบั การแขง่ ขันในเวทีโลกนั้นจะตอ้ งพฒั นาคณุ ภาพของคนไทย ให้มีศักยภาพในการผลิต ซึง่ การลงทนุ ทางการศกึ ษาเท่านน้ั ทจ่ี ะชว่ ยพฒั นาประเทศแบบยง่ั ยืนได้ ความเจริญทางดา้ น เทคโนโลยที ีร่ ุดหนา้ อย่างไม่หยดุ ยงั้ ทาให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ทางดา้ นเศรษฐกิจ สงั คม และการเมอื งอันเป็นผล มาจากการพฒั นาท่กี ้าวเข้าสยู่ ุคโลกาภิวตั นใ์ นวงการศึกษามีการปรบั เปลีย่ นครั้งใหญ่ คือ การปฏริ ปู การศึกษา มกี ฎหมายการศกึ ษาเกิดข้ึนเป็นครั้งแรก ได้แก่ พระราชบัญญตั กิ ารศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ส่งผลใหก้ ารจดั การศึกษาต้องทาตามกฎหมายตอ้ งมีการเปลีย่ นทั้งกระบวนการเรียนการสอนซึ่งทาให้ครู นักเรียน ผู้ปกครอง และผู้มีสว่ นเกีย่ วข้องกับการศกึ ษา ตอ้ งศึกษา ทาความเขา้ ใจกบั การบริหารงานในหน่วยงานทางการศกึ ษาตามแนว ปฏริ ูปการศึกษาเพือ่ ให้การจดั การศึกษาเปน็ ไปเพ่อื พัฒนาคนให้เปน็ มนษุ ยท์ ี่สมบูรณ์ท้ังร่างกาย จิตใจ สตปิ ัญญา ความรู้และคุณธรรม มีจริยธรรมและวัฒนธรรมในการดารงชวี ติ สามารถเผชญิ และแก้ไขปญั หาได้อยา่ งมี ประสิทธิภาพ (วภิ าส ทองสทุ ธิ,์ 2551) พระราชบัญญตั ิการศกึ ษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพม่ิ เตมิ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 กาหนดให้ สถานศกึ ษา มีเอกภาพดาเนินนโยบาย และมีความหลากหลายในการปฏบิ ตั ิ มีการกระจายอานาจไปสู่เขตพ้นื ที่ การศึกษา สถานศกึ ษา ใหก้ ระจายอานาจการบริหารและการจดั การศึกษาทง้ั ด้านวชิ าการ งบประมาณ การบริหาร งานบุคคล และการบริหารทั่วไป การกระจายอานาจดังกลา่ ว จะทาให้สถานศกึ ษาคล่องตวั มอี สิ ระในการบริหาร จัดการเป็นไปตามหลักของการบริหารจัดการโดยใชโ้ รงเรียนเปน็ ฐาน (สานักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ, 2545) ซึง่ จะเปน็ การสร้างรากฐานและความเขม็ แข็งให้กับสถานศึกษาสามารถจัดการศึกษาไดอ้ ย่างมคี ุณภาพ มาตรฐานและสามารถพฒั นาอยา่ งต่อเนอ่ื งบคุ คลทม่ี คี วามสาคญั อย่างยิง่ ในทกุ ๆ ระดับของสังคม คือ ผู้นาเพราะการ พฒั นาองค์การและการจดั การในทกุ ระดับ ทงั้ ในระดับท้องถิน่ ระดับประเทศ หรือระดบั โลก ให้มีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล ล้วนข้นึ กับภูมปิ ญั ญา ความคิดอ่านและแนวปฏบิ ตั ทิ ีส่ ร้างสรรค์ ของผู้นาเน่อื งจากผู้นามีความสาคญั การ ปฏริ ูปการศึกษาจึงจาเป็นต้องใชผ้ ู้บริหารการศึกษาทม่ี ภี าวะผู้นาการเปลีย่ นแปลง จึงจะนาสถานศึกษา บรรลุ ความสาเรจ็ ตามภารกิจ และบทบาทหน้าทีข่ องสถานศกึ ษาผู้บริหารสถานศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน จึงควรมภี าวะผู้นาท่ี เปลีย่ นแปลงไป และผู้นาการเปลีย่ นแปลง (Transformational Leadership) คือ บุคคลทีเ่ ป็นกลไกสาคญั ยง่ิ ในการทีจ่ ะ นาพาองคก์ รไปสู่ความสาเร็จหรือความล้มเหลวได้ ในสภาวะการปัจจบุ นั โลกมีการเปลีย่ นแปลงในทุกๆ ด้าน อย่างรวดเร็ว ภาวะผู้นากต็ ้องเปลีย่ นไปดว้ ย ความเปลี่ยนแปลงเป็นสง่ิ ทีท่ ้าทายการทางาน ผู้นาในการที่จะนาพา องคก์ รไปสู่ เป้าหมายได้สาเรจ็ ผู้นาจึงต้องเรียนรู้และปรบั วสิ ยั ทศั น์ของการบริหารจัดการให้ทันสมัย และนาเครอ่ื งมือ ที่มีประสิทธิภาพมาใช้ ปจั จุบนั ความรู้เกีย่ วกบั การบริหารสถานศกึ ษามี ความสาคญั ต่อผู้นาเปน็ อยา่ งมาก เพราะสามารถทาใหผ้ ู้นามีแผนการดาเนนิ งานที่มีความรอบคอบ มากย่งิ ขนึ้ ผู้นาขององค์กรหลายแหง่ ทีป่ ระสบ

249 ความสาเร็จล้วนแตม่ คี วามเป็นผู้นาการเปลีย่ นแปลง สามารถสร้างความได้เปรียบในการแขง่ ขัน ซึ่งผู้นาต้องหาความรู้ ด้านการบริหารการเปลี่ยนแปลงให้มากขึ้นต้องพฒั นาตนเองใหเ้ ปน็ ผู้นาการเปลี่ยนแปลงการเป็นผู้นาการเปลีย่ นแปลง (Transformational Leadership) ตอ้ งสร้างกระบวนการในการกาหนดทิศทางกระตนุ้ และสร้างแรงบนั ดาลใจให้แก่ องคก์ าร ในการริเริ่มสร้างสรรค์สิง่ ต่างๆ ให้องคก์ รอยู่รอดต่อไปได้ (รงั สรรค์ ประเสริฐศรี, 2549) การเปน็ ผู้นาการ เปลี่ยนแปลงเป็นอีกหนง่ึ ในประเภทของภาวะผู้นาทจ่ี ะเปน็ ตัวผลกั ดันให้การบริหารการเปลี่ยนแปลงประสบ ความสาเร็จลุล่วงด้วยดตี ามแนวคิดของ (Bass and Avolio, 1991) ภาวะผู้นาการเปลีย่ นแปลง คือ กระบวนการในการ ก่อผู้ตามมคี วามตอ้ งการและความมุ่งมั่นที่จะปฏิบัตงิ านอย่างทุ่มเทไปสู่เป้าหมาย และจดุ ประสงค์ขององค์การร่วมกัน ผู้นาต้องมอี งคป์ ระกอบพฤติกรรมเฉพาะ 4 ประการ หรือทีเ่ รียกว่า “4I’s” (Four I’s) คือ 1) การมอี ทิ ธิพลอย่างมี อุดมการณ์ 2) การสร้างแรงบันดาลใจ 3) การกระตุ้นทางปญั ญา 4) การคานึงถึงความเปน็ ปัจเจกบุคคล แนวคดิ เกี่ยวกบั ภาวะผู้นาการเปลีย่ นแปลง ของ Bass and Avolio, 1991 ได้รับการยอมรบั และเปน็ ทีน่ ิยมจาก นกั การศึกษา นามาใชใ้ นการศึกษาพฤติกรรมของผู้บริหารกันมาก โดยเฉพาะอย่างยิง่ ผู้บริหารสถานศกึ ษาในยุคทม่ี กี าร เปลีย่ นแปลงที่เป็นไปอยา่ งรวดเร็ว ผู้บริหารจาเป็นต้องพัฒนาตนเอง ให้มีภาวะผู้นาท่สี อดคล้องกบั การเปลี่ยนแปลง รอบรู้ รู้รอบ รลู้ ึก นาการเปลีย่ นแปลง อย่างสร้างสรรค์มาสสู่ ถานศกึ ษา พฒั นาตนเองให้มวี สิ ยั ทัศน์ที่กวา้ งไกล ทาให้ผู้ร่วมงาน เกิดความพงึ พอใจในการทางานให้มากขึ้น ใชเ้ ทคนิคต่างๆ กระตุ้น ดลใจ หรอื สร้างความสมั พันธ์ กบั ผู้ร่วมงานเปน็ รายบุคคล และเปลีย่ นแปลงองค์การ ทั้งนกี้ ็เพื่อไปสู่การบริหารจัดการของสถานศกึ ษาให้มี ประสิทธิผลเป็นที่พึงพอใจของทุกฝ่ายทีม่ ีสว่ นเกี่ยวข้องนัน่ เอง เชน่ เดียวกัน ผู้บริหารสถานศกึ ษา ซึง่ เป็นบคุ คล ทีก่ ระทรวงศึกษาธกิ าร นักเรียน ผู้ปกครอง ตลอดจนชมุ ชน ตา่ งกค็ าดหวงั ว่าจะสามารถบริหารจดั การโรงเรียนให้ ได้รบั การพัฒนาให้มีคณุ ภาพเกดิ การเปลีย่ นแปลงในตัวผู้เรียนแบบองคร์ วม ท้ังทางด้านความรู้ ทักษะ เจตคติ ผู้บริหารมภี าวะผู้นาในการเปลีย่ นแปลง บริหารคน บริหารงาน และบริหารองคก์ ารให้บรรลุตามเป้าหมายที่กาหนดไว้ ได้อยา่ งมีประสิทธิภาพ (Bass, 1990) สถานศกึ ษาสงั กดั สานกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแกน่ เขต 2 มโี รงเรียนขนาด ตา่ งกนั และทรพั ยากรการบริหารที่แตกต่างหลากหลายกันไป ผบู้ ริหารตา่ งกบ็ ริหารงานตามหลักการบริหารตาม บริบทของแต่ละสถานศึกษาทาให้ประสิทธิภาพกระบวนการบริหารของผู้บริหารสถานศกึ ษาแตกต่างกัน ปัญหา ดงั กล่าว สะทอ้ นถึงภาวะผู้นาการเปลี่ยนแปลงในการบริหารงานวชิ าการของสถานศกึ ษาซึง่ มีหนา้ ท่บี ริหารจัดการตาม ภารกิจของสถานศึกษาโดยตรงส่งผลกระทบตอ่ คุณภาพของนกั เรียนจะเหน็ ได้จากผลการทดสอบระดบั ชาติขน้ั พนื้ ฐาน (O-NET) ระดบั ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ 6 ท้ัง 5 กลุ่มสาระโรงเรียนสังกัดสานักงานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษาประถมศึกษา ขอนแก่น เขต 2 ค่าคะแนนเฉลยี่ 5 วชิ า ระดับเขตพ้นื ที่เท่ากบั 40.78 ซึ่งค่าคะแนนเฉลีย่ 5 วชิ า ระดับประเทศ เท่ากบั 43.19 ซึ่งเปรียบเทียบผลตา่ ง เท่ากบั -2.41 ซึ่งเป็นคะแนนที่ต่า (June, 2017) และจากผลการประเมินของ สมศ. รอบสาม สรปุ ผลการประเมินโดยภาพรวมตามรายมาตรฐานพบวา่ ผลสัมฤทธิท์ างการเรียนของผู้เรียนต่ากว่าระดับ คณุ ภาพดี อยใู่ นระดับคุณภาพ พอใช้ ด้านสถานศกึ ษาขาดการดาเนนิ การที่ดี ด้านการนิเทศ กากบั ติดตาม การจดั กิจกรรมการเรียนการสอน การวดั ผลประเมินผล นาผลมาปรับปรุงพัฒนางาน และการประเมินผลตามแผนงาน โครงการ กจิ กรรมให้เปน็ ไปตามหลกั วชิ าการ โดยประเมินให้ตรงเป้าหมายของแผนงาน โครงการ ด้านครู ส่วนหน่งึ ขาดการพัฒนาสือ่ นวตั กรรมการเรียนรู้ ใชผ้ ลประเมินพัฒนาผลสมั ฤทธิท์ างการเรียนในแตล่ ะกลุ่มสาระการเรียนรู้ ให้อยใู่ นระดับดี (สานักงานเขตพ้นื ที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแกน่ เขต 2, 2559) ท้ังนสี้ ถานศกึ ษาสงั กดั สานกั งาน เขตพ้นื ที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแกน่ เขต 2 ประกอบด้วย อาเภอบ้านไผ่ อาเภอชนบท อาเภอโคกโพธิช์ ัย อาเภอมัญจาคีรี อาเภอเปือยน้อย และอาเภอบ้านแฮด มีโรงเรยี นขนาดตา่ งกนั และทรพั ยากรการบริหารทีแ่ ตกตา่ ง หลากหลายกันไป ผู้บริหารตา่ งกบ็ ริหารงานตามหลักการบริหารตามบริบทของแต่ละสถานศึกษาทาให้ประสิทธิภาพ

250 กระบวนการบริหารของผู้บริหารสถานศกึ ษาแตกต่างกนั ประเดน็ ปญั หาดังกล่าวขา้ งต้น ได้สะท้อนถึงภาวะผู้นา การเปลี่ยนแปลงในการบริหารงานวชิ าการของสถานศกึ ษาซึ่งเปน็ หน่วยงานทีม่ ีหน้าทีบ่ ริหารจัดการตามภารกิจของ สถานศกึ ษา โดยตรงส่งผลกระทบตอ่ คณุ ภาพของประชากรนกั เรียนระดบั การศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน ประกอบกับในปัจจุบัน สถานศกึ ษายงั ไมม่ กี ารนากลยุทธ์การใชภ้ าวะผู้นาการเปลีย่ นแปลงในการบริหารงานวชิ าการของสถานศกึ ษามาใชใ้ ห้ เป็นรปู ธรรม ดังนน้ั ผู้วจิ ัยจึงมคี วามสนใจท่จี ะศกึ ษาถึงกลยทุ ธภ์ าวะผู้นาการเปลี่ยนแปลงในการบริหารงานวชิ าการ ของสถานศึกษาขั้นพนื้ ฐาน เพ่อื ทราบถึงสภาพปจั จบุ ันกบั สภาพที่พึงประสงค์ภาวะผู้นาการเปลี่ยนแปลงในการ บริหารงานวชิ าการของสถานศกึ ษาขั้นพ้ืนฐานสาหรับใชเ้ ป็นแนวทางในการกาหนดนโยบายและแนวปฏบิ ัตใิ นการ บริหารสถานศกึ ษาที่สง่ ผลตอ่ ประสิทธิภาพและสอดคล้องกบั บริบทของแต่ละสถานศึกษาต่อไป คาถามการวิจัย 1. สภาพปัจจบุ ันกบั สภาพที่พึงประสงค์ของการใชภ้ าวะผู้นาการเปลีย่ นแปลงในการบริหารงานวชิ าการ ของสถานศึกษาขั้นพนื้ ฐานอยู่ในระดับใด 2. กลยุทธ์การใชภ้ าวะผู้นาการเปลี่ยนแปลงในการบริหารงานวชิ าการของสถานศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน ควรเป็นอยา่ งไร ความมุ่งหมายของการวิจยั 1. เพอ่ื ศึกษาสภาพปจั จุบนั กับสภาพที่พึงประสงค์ของการใชภ้ าวะผู้นาการเปลีย่ นแปลง ในการบริหารงาน วชิ าการของสถานศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน 2. เพ่อื สรา้ งกลยุทธ์การใชภ้ าวะผู้นาการเปลี่ยนแปลงในการบริหารงานวชิ าการของสถานศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน

251 กรอบแนวคดิ ในการวิจยั 1) ศกึ ษาเอกสาร แนวคิด สภาพปจั จุบนั และ ทฤษฎีและงานวิจยั ทีเ่ กี่ยวข้อง สภาพที่พึงประสงค์การ 1.องคป์ ระกอบภาวะผู้นา 2) ศกึ ษาสภาพปจั จบุ ันและ ใชภ้ าวะผู้นาการ การเปลีย่ นแปลง สภาพที่พึงประสงค์ การใช้ เปลีย่ นแปลงในการ 1) การมอี ทิ ธิพลอย่างมี ภาวะผู้นาการเปลี่ยนแปลง บริหารงานวชิ าการของ อุดมการณ์ ในการบริหารงานวชิ าการของ สถานศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน 2) การสร้างแรงบนั ดาลใจ สถานศึกษาข้ันพ้นื ฐานโดยใช้ 3) การคานงึ ถึงความเป็น เทคนิคประเมินความตอ้ งการ การสร้างกลยทุ ธ์การ ปจั เจกบคุ คล จาเป็น PNImodified ใชภ้ าวะผู้นาการ 4) การกระตุ้นการใช้ปญั ญา 3) ยกร่างกลยุทธ์การใชภ้ าวะ เปลี่ยนแปลงในการ 5) การสร้างวสิ ยั ทศั น์ ผู้นาการเปลี่ยนแปลงในการ บริหารงานวชิ าการของ 2. ขอบขา่ ยการบรหิ ารงาน บริหารงานวชิ าการของ สถานศึกษาข้ันพ้ืนฐาน วิชาการของสถานศึกษา สถานศกึ ษาข้ันพืน้ ฐาน ขั้นพื้นฐาน 4) การประเมินผลโดยการจัด 1) การวางแผนงาน สนทนากลุ่ม (Focus Group ด้านวิชาการ Discussion) 2) การพัฒนาหลักสูตร สถานศกึ ษา 3) การพฒั นากระบวนการ เรียนรู้ 4) การวัดผลประเมินผล และเทียบโอนผลการเรียน 5) การพฒั นาและใชส้ อ่ื เทคโนโลยเี พ่อื การศึกษา 6) การนเิ ทศการศกึ ษา กลยทุ ธ์การใชภ้ าวะผู้นาการเปลี่ยนแปลงในการบริหารงานวชิ าการของสถานศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน ภาพประกอบ 1 กรอบแนวคิดการวิจัย วิธีดาเนนิ การวิจัย การวจิ ัยกลยุทธ์การใชภ้ าวะผู้นาการเปลี่ยนแปลงในการบริหารงานวชิ าการของสถานศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน เป็นการวิจัยแบบผสมผสาน (Mixed Method Research) โดยมีลาดับขนั้ ตอนดังน้ี

252 ประชากรและกลมุ่ ตวั อยา่ ง ระยะท่ี 1 การวเิ คราะห์ขอ้ มลู พน้ื ฐาน มีกลุ่มเป้าหมายที่ใชใ้ นการวจิ ัยได้แก่ ผู้บริหารสถานศกึ ษา ครผู ู้สอน รวมท้ังส้นิ 458 คน ระยะท่ี 2 การสร้างกลยุทธ์ มีกลุ่มเป้าหมาย ท่ใี ชใ้ นการวิจัยโดยใชว้ ธิ ีการเลอื กแบบเจาะจง (Purposive Sampling) ประกอบด้วย ผู้ทรงคุณวฒุ ิสาหรับสนทนากลุ่มย่อย (Focus Group Discussion) จานวน 9 คน เครือ่ งมอื ทใี่ ชใ้ นการเก็บรวบรวมข้อมูล เคร่อื งมือทีใ่ ชใ้ นการวิจยั เป็นแบบสอบถามแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5ระดับ ซงึ่ ผู้วิจัยสร้างขึน้ เพ่อื สอบถามสภาพปัจจุบันและสภาพทีพ่ ึงประสงค์ของการใช้ภาวะผู้นาการเปลีย่ นแปลงในการบริหารงานวชิ าการ ของสถานศึกษาขั้นพ้ืนฐาน มี 2 ตอน ดงั น้ี ตอนที่ 1 ข้อมลู พนื้ ฐานของผู้ตอบแบบสอบถามมีลกั ษณะเป็นแบบตรวจสอบรายการ (Checklist) ตอนที่ 2 ข้อมลู เกีย่ วกบั สภาพปจั จุบนั และสภาพทีพ่ ึงประสงค์ของการใช้ภาวะผู้นาการเปลี่ยนแปลง ในการบริหารงานวชิ าการของสถานศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน ใชค้ าตอบแบบตอบสนองคู่ (Dual Responses) มาตราส่วน ประมาณค่า 5 ระดับ (Rating Scale) การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ผู้วิจัยทาการเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลโดยใชเ้ ครอ่ื งมือทีส่ ร้างขนึ้ ใชเ้ วลาดาเนนิ การตามระยะการวจิ ยั เป็นแบบสอบถาม แบบประเมินตามที่ได้ระบุขา้ งต้น และวิเคราะห์ขอ้ มูลตามลาดบั ขั้นตอนของการวจิ ยั สถิตทิ ใี่ ชใ้ นการวิเคราะหข์ อ้ มลู ตอนที่ 1 วเิ คราะห์สถานภาพของผู้ตอบแบบสอบถาม มลี กั ษณะเป็นแบบตรวจสอบรายการ (Checklist) วเิ คราะห์โดยการแจกแจงความถี่ (Frequency) และค่าร้อยละ (Percentage) ตอนที่ 2 วเิ คราะห์สภาพปจั จุบนั และสภาพที่พึงประสงค์ของการใช้ภาวะผู้นาการเปลีย่ นแปลงในการ บริหารงานวชิ าการของสถานศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน โดยการใชแ้ บบสอบถามท่กี ารวัดเปน็ มาตรประมาณค่าแบบ Likert ชนิด 5 ระดบั ใชว้ ธิ ีให้คะแนนตามนา้ หนักของตวั เลอื ก สรปุ ผลการวิจยั 1. สภาพปัจจุบันของการใช้ภาวะผู้นาการเปลี่ยนแปลงในการบริหารงานวชิ าการของสถานศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน ในภาพรวมอยใู่ นระดับปานกลาง ( X =3.22, SD= 0.84) ดา้ นที่มีคา่ เฉล่ยี สงู สุด ได้แก่ การวางแผนงานวชิ าการ ( X =3.76, SD= 0.80) สภาพที่พึงประสงค์ของการใช้ภาวะผู้นาการเปลีย่ นแปลงในการบริหารงานวชิ าการของ สถานศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน ในภาพรวมอยใู่ นระดับมาก ( X =4.25, SD= 0.73) ด้านที่มีคา่ เฉลย่ี สงู สุด ได้แก่ การวางแผน งานวชิ าการ ( X =4.79, SD= 0.42) PNI modified ของการใช้ภาวะผนู้ าการเปลีย่ นแปลงในการบริหารงานวชิ าการของ สถานศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน ในภาพรวม มคี ่า PNI modified เท่ากับ 0.28 มโี อกาสสาเร็จคิดเปน็ ร้อยละ 28 ด้านที่มีคา่ PNI modified สงู กวา่ ค่าเฉลย่ี รวม คือ การนิเทศการศกึ ษา, การพฒั นาและใชส้ อ่ื เทคโนโลยเี พ่ือการศึกษา, การพฒั นา หลักสตู รสถานศกึ ษา มีคา่ PNI modified เท่ากบั 0.30, 0.29, 0.26 มโี อกาสสาเร็จคิดเป็นร้อยละ 30, 29, 26 ตามลาดบั 2. กลยทุ ธ์การใชภ้ าวะผู้นาการเปลี่ยนแปลงในการบริหารงานวชิ าการของสถานศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน มี 6 กลยุทธ์ ประกอบด้วย 1) พัฒนาระบบนเิ ทศภายในโรงเรียน 2) ส่งเสริมการเพม่ิ ขดี ความสามารถในการพฒั นา

253 ส่อื นวัตกรรม การเรียนรู้ให้สงู ข้นึ 3) พัฒนาคณุ ภาพการเรียนรู้ให้เปน็ ตามหลกั เกณฑ์ของหลกั สูตรสถานศกึ ษา 4) ส่งเสริมศักยภาพในการวางแผนงานบริหารงานวชิ าการของบุคลากรทกุ ฝ่าย 5) ส่งเสริมศกั ยภาพในการวางแผน งานบริหารงานวชิ าการของบุคลากรทกุ ฝ่าย 6) ส่งเสริมการวัดประเมินเพอ่ื การเรยี นรู้ อภปิ รายผลการวิจัย การวจิ ัยกลยทุ ธ์การใชภ้ าวะผู้นาการเปลี่ยนแปลงในการบริหารงานวชิ าการของสถานศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน สามารถนามาอภปิ รายผลการวิจยั ได้ดงั นี้ 1. ผลการศึกษาสภาพปัจจบุ นั ของการใช้ภาวะผู้นาการเปลีย่ นแปลงในการบริหารงานวชิ าการของ สถานศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน พบว่า การใชภ้ าวะผู้นาการเปลีย่ นแปลงในการบริหารงานวชิ าการของสถานศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน ในภาพรวมอยใู่ นระดบั ปานกลาง ด้านที่มีคา่ เฉลย่ี สงู สุด ได้แก่ การวางแผนงานวชิ าการอาจเปน็ เพราะว่า ภาวะผู้นา การเปลีย่ นแปลง (Transformation Leadership) เป็นกระบวนการกระทาการหรือการแสดงกริ ิยาของผู้บริหาร สถานศกึ ษา เพือ่ ใชอ้ ทิ ธิพลหรืออานาจหนา้ ท่ี ของบุคคลหน่งึ เพ่อื วางแผน อานวยการ ชักจูง และเป็นเครอ่ื งมือในการ ดาเนนิ งานไปอยา่ งถูกตอ้ ง และได้รบั ความร่วมมอื ร่วมแรง รว่ มใจ จากผู้ร่วมงาน จนบรรลุผลสาเร็จของงาน โดยการเปลีย่ นสภาพหรือเปลี่ยนแปลงความพยายามของผู้ร่วมงานให้สูงขนึ้ กวา่ ความพยายามที่คาดหวัง พฒั นา ความสามารถของผู้ร่วมงานไปสู่ระดบั ทีส่ ูงข้นึ และมีศกั ยภาพมากขึ้นสอดคล้องกบั แนวคิดของ Lunenburg and Ornstein (2000) กล่าววา่ ภาวะผู้นาการเปลี่ยนแปลงเป็นพฤติกรรมของผู้นาท่กี ระตนุ้ จงู ใจผู้ใตบ้ ังคับบญั ชาให้กระทา มากกวา่ ทไ่ี ด้ต้ังความคาดหวงั ไว้ และสอดรับกบั งานวิจัยของ ศรวษิ ฐ์ ฤทธิ์มนตรี (2551) ได้ศึกษาวิจยั เรื่อง ภาวะผู้นา ทางวิชาการของผู้บริหารสถานศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน ศนู ยเ์ ครอื ขา่ ยทุ่งใหญ่ อาเภอกระนวน สงั กดั สานกั งานเขตพ้นื ที่ การศึกษาขอนแกน่ เขต 4 ผลการศึกษาวิจยั พบวา่ ภาวะผู้นาทางวิชาการของผู้บริหารสถานศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน ศนู ยเ์ ครอื ขา่ ยทุ่งใหญ่ อาเภอกระนวน สงั กดั สานกั งานเขตพ้ืนทีก่ ารศึกษาขอนแกน่ เขต 4 อยู่ในระดับมาก 2. กลยุทธ์การใชภ้ าวะผู้นาการเปลี่ยนแปลงในการบริหารงานวชิ าการของสถานศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน มี 6 กลยทุ ธ์ ประกอบด้วย 1) พัฒนาระบบนเิ ทศภายในโรงเรียน 2) ส่งเสริมการเพม่ิ ขดี ความสามารถในการพัฒนาสือ่ นวัตกรรม การเรียนรู้ให้สูงข้นึ 3) พฒั นาคุณภาพการเรียนรู้ให้เปน็ ตามหลกั เกณฑ์ของหลกั สูตรสถานศกึ ษา 4) ส่งเสริมศกั ยภาพในการวางแผนงานบริหารงานวชิ าการของบุคลากรทุกฝ่าย 5) ส่งเสริมศักยภาพในการวางแผน งานบริหารงานวชิ าการของบุคลากรทกุ ฝ่าย 6) ส่งเสริมการวัดประเมินเพอ่ื การเรยี นรู้ ซึ่งพบว่าสอดคลอ้ งกับแนวคิด ของ สเุ ทพ พงศ์ศรีวฒั น์ (2550) ได้สรปุ บทบาทของผู้นา การนาวสิ ยั ทศั น์ไปปฏบิ ตั เิ ป็นภารกิจผู้นาตอ้ งปฏบิ ตั หิ นา้ ท่ี โดยมีบทบาทของผู้นาในฐานะผสู้ อ่ื สาร วิสัยทัศน์ วิธีการสื่อสาร ผู้นาตอ้ งวิเคราะห์วิธีการ และรปู แบบที่ใชใ้ นการ ส่อื สารวสิ ยั ทศั น์ให้ผู้ปฏบิ ตั งิ านในองค์การรวมทั้งบุคคลภายนอก มีความเข้าใจตรงกันทีจ่ ะสร้างการยอมรับการ เปลี่ยนแปลงใหม่ๆทีจ่ ะเกดิ ขนึ้ ผนู้ าตอ้ งเลอื กใช้วิธีการสือ่ สารที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ การสร้างเครอื ขา่ ย ผู้นาท่มี ปี ระสิทธิภาพตอ้ งสามารถสร้างเครอื ขา่ ยการส่อื สารกับบคุ ลากรท้ังภายใน และภายนอกองค์การ ให้เกิดการ ยอมรบั วสิ ยั ทัศน์ใหม่ขององคก์ าร การนาวสิ ัยทัศน์ไปสกู่ ารปฏบิ ตั จิ รงิ จะต้องเปน็ บคุ คลท่มี บี คุ ลิกภาพแห่งการเป็น ตวั แทนของวสิ ัยทศั น์นั้นอย่างจรงิ จงั ผู้นาในฐานะผู้นาการเปลีย่ นแปลงองค์การ ผู้นาสงู สดุ ขององคก์ ารตอ้ งเปน็ ผู้นาให้มกี ารการเปลี่ยนแปลงวสิ ยั ทัศน์ใหม่พร้อมทั้งต้องเป็นผู้ให้การสนับสนุนในทกุ รปู แบบ จึงจะทาใหผ้ ู้ทีเ่ กีย่ วข้อง ทกุ คนเกิดความเข้าใจตรงกัน และมีความเช่อื มั่นวา่ การเปลี่ยนแปลงใหม่ขององคก์ ารจะเกดิ ขนึ้ และเปน็ การ เปลี่ยนแปลงไปในทางทีด่ กี ว่าเดิม บทบาททีผ่ ู้นาเชงิ กลยทุ ธ์จะนาวิธีคดิ การบริหารจัดการเชงิ กลยทุ ธ์โดยมงุ่ สู่ การเปลีย่ นแปลงหรือการพัฒนาวิสัยทศั น์

254 ข้อเสนอแนะ 1. ขอ้ เสนอแนะในการนาผลการวิจยั ไปใช้ 1.1 ด้านการนเิ ทศการศกึ ษา ผู้บริหารสถานศกึ ษาตอ้ งพัฒนาระบบนเิ ทศภายในโรงเรียน 1.2 ด้านการพัฒนาและใชส้ อ่ื เทคโนโลยเี พ่อื การศึกษา ผู้บริหารสถานศกึ ษาควรศกึ ษา วิเคราะห์ความ จาเป็นในการใช้สอ่ื นวัตกรรมและเทคโนโลยเี พ่อื การศึกษา เพอ่ื การจัดการเรียนการสอนและการบริหารงานวิชาการ ให้มีการบริหารจดั การที่ยง่ั ยนื 2. ขอ้ เสนอแนะสาหรบั การทาวิจัย ครง้ั ต่อไป 2.1 จากผลการวิจยั คร้ังนี้ พบวา่ ด้านการนเิ ทศการศกึ ษา มีระดับการปฏบิ ตั สิ งู ที่สุด จึงควรมกี าร ผู้บริหารสถานศกึ ษามกี ารจดั ระบบและกระบวนการการนเิ ทศงานวชิ าการ และการเรียนการสอนภายในสถานศึกษา โดยคานงึ ถึงความรู้ความสามารถความแตกต่างระหวา่ งบคุ คล 2.2 จากการจดั สนทนากลุ่มและลงภาคสนามเพ่อื เกบ็ รวบรวมข้อมลู ของผู้วิจยั ในครงั้ น้ี พบวา่ อาจมีปัจจยั ภายนอกอ่นื ที่ส่งผลตอ่ กลยุทธ์การใชภ้ าวะผู้นาการเปลี่ยนแปลงในการบริหารงานวชิ าการของสถานศกึ ษา ข้ันพ้ืนฐาน เชน่ นโยบายของรัฐบาล สมรรถนะของผู้บริหาร ครผู ู้สอน รวมถึงกรรมการสถานศกึ ษา และผู้ปกครอง แตล่ ะสถานศกึ ษา มีบทบาทหนา้ ทแ่ี ตกตา่ งกัน ซึ่งการวจิ ัยคร้ังตอ่ ไปควรนาตัวแปรนอกดงั กล่าวมาพจิ ารณาด้วย 2.3 กลยุทธ์ที่ได้สร้างขนึ้ สามารถนาไปศกึ ษาวจิ ัยเปน็ รูปแบบเทียบเคียงใชก้ ับสถาบันการศึกษา ขั้นพ้ืนฐานท้ังภาครัฐและเอกชน ซึ่งเป็นการพัฒนากลยทุ ธ์การใชภ้ าวะผู้นาการเปลีย่ นแปลงในการบริหารงานวชิ าการ ของสถานศึกษาขั้นพ้ืนฐานทั้งภาครฐั และเอกชนทีม่ คี ณุ ภาพ ตอ่ ไป 2.4 ควรมกี ารศึกษาวิจัยเชงิ คณุ ภาพ เกีย่ วกบั กลยทุ ธ์การใชภ้ าวะผู้นาการเปลี่ยนแปลงในการ บริหารงานวชิ าการของสถานศกึ ษาข้ันพ้ืนฐานไปใชใ้ นการบริหารในลาดับตอ่ ไป เอกสารอา้ งองิ รังสรรค์ ประเสริฐศรี. (2549). การจดั การสมยั ใหม.่ กรงุ เทพฯ : ธรรมสาร, 2549 วภิ าส ทองสทุ ธิ์. (2551). การบริหารจดั การทีด่ .ี กรุงเทพฯ : อนิ ทภาษ. ศรวษิ ฐ์ ฤทธิ์มนตรี. (2551). ภาวะผู้นาทางวชิ าการของผู้บริหารสถานศกึ ษาข้ันพ้ืนฐานศนู ย์เครอื ขา่ ยทุ่งใหญ่ อาเภอกระนวน สงั กดั สานกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษาขอนแกน่ เขต 4. วทิ ยานพิ นธ์ ปรด. ขอนแก่น : มหาวทิ ยาลยั ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื . สานักงานเขตพ้นื ที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแกน่ เขต 2. (2559). รายงานการประเมินตนเอง (SAR) ปีการศึกษา 2559. ขอนแก่น. สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาแหง่ ชาติ. (2545). พระราชบัญญัติการศกึ ษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2542 ทีแ่ กไ้ ขเพ่มิ เตมิ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545. กรงุ เทพฯ: สานักนายกรฐั มนตรี. สเุ ทพ พงศ์ศรีวัฒน์ (2550). ภาวะความเป็นผู้นา. กรงุ เทพฯ: เอก็ ซเปอร์เนท็ Bass, B. M., & Avolio, B. J. (1991). Developing transformational leadership: 1992 and beyond. Journal of European Industrial Training. 5(10), 21-27. Lunenburg, Fred C and Ornstein, Allan C. (2000). Educational Administration : Concepts and Practice. 3th ed. Australia : Wadsworth

255 กลยุทธ์การบริหารงานวิชาการแบบมีส่วนร่วมในสถานศึกษาขัน้ พื้นฐาน The Strategies for Participatory Academic Administration in Basic Education Schools ธญั ณิชา ขันตี* ดร.ถวิล ลดาวลั ย์** บทคดั ย่อ การวจิ ัยคร้ังนมี้ วี ัตถปุ ระสงค์ 1) เพ่อื ศึกษาสภาพปจั จบุ นั สภาพทีพ่ ึงประสงค์ในการบริหารงานวชิ าการ แบบมสี ่วนร่วมในสถานศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน 2) เพอ่ื สร้างกลยุทธ์การบริหารงานวชิ าการแบบมสี ่วนร่วมในสถานศกึ ษา ขั้นพ้ืนฐาน กลุ่มตวั อยา่ งทใ่ี ชใ้ นการวจิ ยั คร้ังนี้ คือ 1) ผู้บริหารสถานศกึ ษา 2) หัวหน้าฝ่ายวิชาการ 3) ผู้แทนครู 4) ประธานกรรมการสถานศึกษาข้ันพืน้ ฐาน รวมท้ังส้นิ จานวน 260 คน เครื่องมอื ทีใ่ ชใ้ นการวจิ ยั เปน็ แบบสัมภาษณ์ และแบบสอบถาม 5 ระดับ มีคา่ ความเที่ยงทั้งฉบบั เท่ากบั 0.98 ผลการวจิ ยั พบวา่ 1. สภาพทีพ่ ึงประสงค์ของกลยุทธ์การบริหารงานวชิ าการแบบมสี ่วนร่วมในสถานศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน ในภาพรวมอยใู่ นระดับมาก สภาพปัจจุบันของกลยุทธ์การบริหารงานวชิ าการแบบมสี ่วนร่วมในสถานศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน ในภาพรวมอยใู่ นระดับน้อย 2. กลยุทธ์การบริหารงานวชิ าการแบบมสี ่วนร่วมในสถานศึกษาข้ันพืน้ ฐาน 7 กลยุทธ์ ได้แก่ 1) พัฒนา กระบวนการบริหารหลกั สตู รสถานศกึ ษาอย่างมสี ่วนร่วม 2) สร้างเกณฑ์การวดั ผลประเมินผลเพอ่ื ยกระดบั คุณภาพ การเรียนรู้ 3) พัฒนาสื่อ นวตั กรรมและเทคโนโลยเี พอ่ื เพม่ิ ประสิทธิ ภาพการเรียน 4) ส่งเสริมและพฒั นาการ วางแผนการนิเทศภายในโรงเรียน 5) สร้างภาคีเครอื ขา่ ยและพฒั นาแหล่งเรียนรู้ 6) ส่งเสริมให้มีการพัฒนาระบบ และกลไกการจัดการเรียนการสอนอย่างมคี ุณภาพ 7) ส่งเสริมพฒั นาระบบการประกันคณุ ภาพภายในสถานศึกษา ABSTRACT The purposes of the research were 1) to investigate the current conditions and desirable conditions of participatory academic administration in basic education schools, and 2) to development the strategies for participatory academic administration in basic education schools. The samples used in the research were 260 1) school administrators, 2) seads of academic affairs, 3) teacher representatives, and 4) the chairman of the Basic Education Commission. The research instruments were intervirew and five-point Likert scale questionnaires with the overall reliability of 0.98. The findings of the research indicated that; 1. On the whole, the desirable conditions of participatory academic administration in basic education schools seemed to be at the high level. In terms of the current conditions of participatory academic administration in basic education schools, it was found that on the whole, they seemed to be at the low level. คาสาคญั : กลยุทธ์, การบรหิ ารงานวิชาการแบบมสี ่วนร่วม * ปรชั ญาดษุ ฎีบณั ฑิต สาขาวิชาการบรหิ ารการศึกษา มหาวิทยาลัยภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ ** ประธานหลกั สตู รปรชั ญาดษุ ฎีบณั ฑิต สาขาวิชาการบรหิ ารการศึกษา มหาวิทยาลัยภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ

256 2. The strategies for participatory academic administration in basic education schools consisted of 7 strategies; that is, 1) Process Management Academy participant, 2) Establish measurable criteria to assess the quality of learning, 3) Development of Innovation and Technology Increase the effectiveness of learning, 4) Promotion and Development Planning, School Supervision 5) Create a network of partners and resources, 6) Encourage the development and management mechanism of teaching quality, 7) Promote the development of quality assurance systems within the school. Keyword: Strategies, Participatory Academic Administration ภมู หิ ลงั พระราชบัญญตั ิการศกึ ษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2542 และทีแ่ กไ้ ขเพม่ิ เตมิ (ฉบบั ที่3) พ.ศ. 2553 ได้กาหนดรูปแบบ การบริหารจัดการศกึ ษาแนวใหมเ่ พ่อื นาไปสู่ความเจรญิ งอกงามของบคุ คลและสังคมพระราชบญั ญัติระเบียบราชการ กระทรวงศึกษาธกิ าร พ.ศ. 2546 มเี จตนารมณใ์ ห้มีการกระจายอานาจทางการบริหารจดั การศกึ ษาทั้งภารกิจอานาจ หนา้ ทค่ี วามรบั ผิดชอบและการตดั สนิ ใจในการบริหารงานจากกระทรวงลงสเู่ ขตพ้นื ทีก่ ารศึกษาและสถานศึกษา โดยตรงซึง่ การกระจายอานาจทางการศกึ ษาจะช่วยให้การศกึ ษามีประสิทธิภาพสอดคล้องกบั สภาพเศรษฐกิจสังคม และวัฒนธรรมของท้องถิน่ เสริมสร้างการมสี ่วนร่วมของท้องถิ่นในกระบวนการตดั สนิ ใจอันจะนาไปสู่อุดมการณข์ อง ประชาธิปไตยซึง่ เปน็ ระบบโครงสร้างทีใ่ กล้ชดิ ประชาชนมากกวา่ โปร่งใสกว่ามโี อกาสตรวจสอบได้มากกวา่ ระบบรวม อานาจอยู่ที่ศูนย์กลางโดยให้ความสาคญั กบั การมีเอกภาพด้านนโยบายและมคี วามหลากหลายในการปฏบิ ัติ ยุคปฏริ ูปการศึกษาการบริหารงานวชิ าการเปน็ เรื่องที่สถานศึกษาต้องปรบั ตวั อยา่ งมากผู้บริหารสถานศกึ ษาจะต้องมี ความรู้ความเข้าใจมีทกั ษะเกีย่ วกับการบริหารงานวชิ าการโดยเฉพาะเรือ่ งการบริหารหลักสตู รและกระบวนการ จดั การเรียนรู้มากยิง่ ข้นึ โรงเรียนทีป่ ระสบความสาเรจ็ ในการบริหารงานวชิ าการได้น้ันผู้บริหารตอ้ งเปน็ ผู้นาทาง วชิ าการทั้งดา้ นหลักสูตรและการเรียนการสอนรวมท้ังสามารถนาหลกั สตู รไปสู่การปฏบิ ัตอิ ย่างมคี ณุ ภาพดว้ ยการ จัดกระบวนการเรียนรู้ทีเ่ นน้ ผู้เรียนเป็นสาคญั พฒั นาสือ่ และเทคโนโลยกี ารเรียนรู้ที่เหมาะสมและการพัฒนาแหลง่ การเรียนรู้ที่เพยี งพอเหมาะสม (ปญั ญา แก้วกียรู , 2545) การบริหารงานวชิ าการนับวา่ เปน็ หัวใจสาคญั ของการบริหารสถานศกึ ษาและเป็นสว่ นหนง่ึ ของการบริหาร การศึกษาทผ่ี ู้บริหารจะตอ้ งให้ความสาคญั เป็นอยา่ งย่งิ ส่วนการบริหารด้านอืน่ ๆ นนั้ แม้จะมีความสาคัญเช่นเดียวกนั แตก่ ็เป็นเพยี งส่วนสง่ เสริมสนับสนนุ ให้งานวิชาการดาเนินไปไดอ้ ย่างมปี ระสิทธิภาพ ผู้บริหารสถานศกึ ษาซึง่ มีบทบาท หนา้ ท่ใี นการบริหารจะตอ้ งสนบั สนนุ ให้ครจู ดั กิจกรรมการเรียนการสอนให้บรรลจุ ุดหมายของหลกั สูตร กิจกรรม การบริหารงานวชิ าการจะเปลี่ยนแปลงไปตามสาระสาคญั ของหลักสูตรและนโยบายการบริหารงานของหนว่ ยงาน ระดบั กรม เช่น การเร่งรดั ในการพฒั นาคณุ ภาพการบริหาร การพฒั นาหลกั สูตรท้องถิน่ การนเิ ทศและการประเมิน คุณภาพภายใน ตลอดจนเปิดโอกาสให้ชมุ ชนเข้ามามสี ่วนร่วมในการบริหารสถานศกึ ษา เปน็ ต้น กิจกรรมเหลา่ นี้ นอกจากจะส่งผลโดยตรงตอ่ นกั เรียนแลว้ ยงั ส่งผลตอ่ การบริหารการศึกษาในระดับชาติอีกดว้ ย การดาเนนิ กิจกรรม ทางวิชาการจึงตอ้ งอาศยั ความร่วมมอื จากทกุ ฝ่าย ลาพงั ผู้บริหารสถานศกึ ษาเพยี งฝ่ายเดียวไมส่ ามารถเปน็ ผู้ชนี้ าได้ใน ทกุ เรือ่ งในการบริหารงานวชิ าการจึงจาเปน็ ที่คณะครู ทีมงาน หรือแมแ้ ตค่ ณะกรรมการสถานศกึ ษาขั้นพ้ืนฐานต้องมี ส่วนร่วมในการบริหาร นบั ตั้งแต่การแสดงความคิดเหน็ การวางแผนการตัดสนิ ใจ การปฏิบตั ิ การติดตามตรวจสอบ และประเมินผล การบริหารแบบมสี ่วนร่วมเปน็ วิธีที่ช่วยเพ่มิ ประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการทางานเปน็ วธิ ีการ ที่สามารถนามาใชไ้ ด้ทุกระดับ หลกั การสาคญั คือ ต้องคานึงวา่ จะใหใ้ คร มสี ่วนร่วมในเรือ่ งอะไรวธิ ีการมีสว่ นร่วม

257 ทาอย่างไร รว่ มมากน้อยแคไ่ หน ชว่ งเวลาใด ปญั หาของการมสี ว่ นร่วมที่นิยมกล่าวอ้างโดยที่ไมไ่ ด้เปิดโอกาสให้ ผู้เกี่ยวข้องได้เข้ามามสี ่วนร่วมอยา่ งแทจ้ รงิ คือ การให้มสี ่วนร่วมเพยี งผิวเผินหรือการมสี ่วนร่วมแต่เพยี งรูปแบบ เชน่ ให้ร่วมรับทราบ ให้ร่วมประชมุ แตไ่ มใ่ ห้โอกาสแสดงความคิดเหน็ แตไ่ มย่ อมนาไปปฏบิ ัติ เพราะมีการตัดสินใจล่วงหนา้ วา่ จะเอาอย่างไร (สุธรรม ธรรมทศั นานนท์, 2554) การจดั การเชงิ กลยุทธ์เปน็ การบรหิ ารงานแบบองคร์ วมที่ต้องมกี ารศึกษา วเิ คราะห์และประเมินสถานการณ์ เพ่อื การวางแผนและผลกั ดันกลยุทธ์ไปสเู่ ป้าหมาย โดยทีผ่ ู้บริหารจะตอ้ งรวบรวมขอ้ มลู ศกึ ษาและวเิ คราะห์ปจั จัย แวดลอ้ มตา่ งๆ อย่างละเอยี ด รอบคอบ และมีหลักการเพอ่ื เป็นแนวทาในการพิจารณาตดั สนิ ใจสร้างกลยทุ ธ์ ทีเ่ หมาะสม และวางแนวทางในการดาเนนิ งานและควบคุมการใชก้ ลยทุ ธ์อยา่ งมีประสิทธิภาพและเหมาะสมกับ สภาพการณ์ที่จะเกดิ ขนึ้ ในอนาคต และก่อให้เกิดประโยชนก์ บั องค์กร 4 ประการ คือ 1) กลยุทธ์เปน็ การกาหนดทิศทาง ขององค์กรได้อยา่ งเปน็ รปู ธรรม 2) สร้างความสอดคล้องในการปฏบิ ัติ 3) สร้างความพร้อมให้แก่องค์กร และ 4) สร้างประสิทธิภาพในการแข่งขนั ดังน้ันหากต้องการให้การบริหารงานวชิ าการมีประสิทธิผลมากยิ่งข้ึน ในการบริหารสถานศกึ ษาเพอ่ื ให้บรรลผุ ลตามเป้าหมายที่ได้ตง้ั ไวจ้ าเป็นอยา่ งยง่ิ ทีจ่ ะต้องแสวงหากลยุทธ์การ บริหารงานวชิ าการเพราะกลยุทธ์จะเป็นตวั นาทางให้สามารถบรรลุตามวตั ถุประสงค์ได้ ซึง่ สถานศึกษาเป็นหน่วยงาน หลกั ทีจ่ ัดกิจกรรมการเรียนการสอนเพ่อื พัฒนาผู้เรียนให้มคี ุณภาพตามจดุ มงุ่ หมายการจัดการศกึ ษาจาเปน็ ต้องมดี ัชนี ช้วี ัดผลสัมฤทธิ์ของงานและการประกันคุณภาพของสถานศกึ ษาแสดงผลงานความก้าวหนา้ ในการบริหารโรงเรียน ตามเป้าหมายทีก่ าหนดได้ (วนั ทยา วงศศ์ ลิ ปภริ มย์, 2533) ดงั นนั้ ผู้บริหารโรงเรียนจาเปน็ ต้องมีความรู้ความเข้าใจ ในแนวคิดของการบริหารจดั การศกึ ษาแนวใหมเ่ พอ่ื จดั การศึกษาให้บรรลุผลโดยต้องมวี สิ ยั ทศั น์ในการจดั การศึกษา แบบมสี ่วนร่วมซึ่งจะเปน็ วธิ ีทีท่ าให้องค์การได้ประโยชนจ์ ากบคุ ลากรมากขนึ้ นาไปสู่การใชป้ ระโยชนจ์ ากการสร้าง ทีมงานเพอ่ื เป็นกลไกการตัดสินใจแบบมสี ่วนร่วมของบคุ ลากรขบั เคลื่อนให้องค์การสังคมและประเทศกา้ วสู่เวทีโลก (ทองใบ สุดชาร,ี 2543) ภายใตก้ ารเปลี่ยนแปลงทีซ่ ับซ้อนและส่งผลให้นกั เรียนมคี ณุ ลักษณะไมเ่ ปน็ ทีพ่ ึงพอใจของครู ผู้ปกครองชุมชนในท้องถิ่นซึ่งอาจขึ้นอยู่กับหลายปจั จยั เชน่ บุคลากรตอ้ งรู้จกั หนา้ ทม่ี คี วามรบั ผดิ ชอบอย่างจรงิ จัง ผู้บริหารสถานศกึ ษาตอ้ งมีความตระหนักในความเป็นผู้นาทันสมยั ทนั เหตุการณ์ปรับเปลีย่ นพฤตกิ รรมได้ตลอดเวลา เพ่อื นาทมี งานไปสเู่ ป้าหมายที่ชัดเจนมศี กั ยภาพทีจ่ ะผลกั ดันบคุ ลากรในโรงเรียนให้ความร่วมมอื ประกอบกจิ กรรม ทกุ อย่างด้วยความเตม็ ใจและรกั ท่จี ะทา (ศศิกานต์ เจริญด,ี 2544) จากผลการประเมินของ สมศ.รอบสาม ของสถานศกึ ษาสังกัดเขตพ้นื ที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแกน่ เขต 2 สรุปผลการประเมินโดยภาพรวมตามรายมาตรฐานพบวา่ ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียนต่ากว่าระดับ คณุ ภาพดี อยใู่ นระดับคุณภาพ พอใช้ ด้านสถานศกึ ษาขาดการดาเนนิ การทีด่ ี ด้านการนิเทศ กากับ ติดตาม การจัด กิจกรรมการเรียนการสอน การวดั ผลประเมินผล นาผลมาปรบั ปรุงพฒั นางาน และการประเมินผลตามแผนงาน โครงการ กจิ กรรมให้เป็นไปตามหลกั วชิ าการ โดยประเมินให้ตรงเป้าหมายของแผนงาน โครงการด้านครู ส่วนหนง่ึ ขาดการพัฒนาสื่อ นวตั กรรมการเรียนรู้ ใชผ้ ลประเมินพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในแตล่ ะกลุ่มสาระการเรียนรู้ ให้อยใู่ นระดับ ดี (สานักงานเขตพ้นื ที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแกน่ เขต 2, 2559) ท้ังนีส้ ถานศกึ ษาสงั กดั สานกั งาน เขตพ้นื ทีก่ ารศึกษาประถมศึกษาขอนแกน่ เขต 2 ประกอบด้วย อาเภอบ้านไผ่ อาเภอชนบท อาเภอโคกโพธิช์ ยั อาเภอมญั จาคีรี อาเภอเปือยน้อย และอาเภอบ้านแฮด มีโรงเรยี นขนาดตา่ งกันและทรัพยากรการบริหารที่แตกต่าง หลากหลายกันไป ผู้บริหารตา่ งก็บริหารงานตามหลกั การบริหารตามบริบทของแต่ละสถานศึกษาทาให้ประสิทธิภาพ กระบวนการบรหิ ารของผู้บริหารสถานศกึ ษาแตกต่างกัน จากสภาพปัญหาดงั กล่าวขา้ งตน้ ผู้วิจัยจึงมคี วามสนใจท่จี ะ ศกึ ษา กลยทุ ธ์การบริหารงานวชิ าการแบบมสี ่วนร่วมในสถานศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน เพ่อื ให้ทราบถึงสภาพปจั จบุ นั กบั สภาพ ที่พึงประสงค์ของการบริหารงานวชิ าการแบบมสี ่วนร่วมในสถานศึกษาขั้นพื้นฐานและการนากลยทุ ธ์การบริหารงาน

258 วชิ าการแบบมสี ่วนร่วมในสถานศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน สาหรบั ใชเ้ ป็นแนวทางในการกาหนดนโยบายและแนวปฏบิ ัตใิ นการ บริหารสถานศกึ ษาทีส่ ง่ ผลตอ่ ประสิทธิภาพและสอดคล้องกบั บริบทของแต่ละสถานศึกษาต่อไป คาถามการวิจยั 1. สภาพปัจจุบนั กับสภาพทีพ่ ึงประสงค์ของการบริหารงานวชิ าการแบบมสี ่วนร่วมในสถานศกึ ษาข้ันพืน้ ฐาน อยู่ในระดับใด 2. กลยุทธ์การบริหารงานวชิ าการแบบมสี ่วนร่วมในสถานศกึ ษาขั้นพ้ืนฐานควรเป็นอยา่ งไร ความมงุ่ หมายของการวิจัย 1. เพอ่ื ศึกษาสภาพปัจจบุ ันและสภาพทีพ่ ึงประสงค์ในการบริหารงานวชิ าการแบบมสี ่วนร่วมในสถานศกึ ษาข้ัน พ้ืนฐาน 2. เพอ่ื สร้างกลยทุ ธ์การบริหารงานวชิ าการแบบมสี ่วนร่วมในสถานศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน กรอบแนวคดิ ในการวิจัย การบรหิ ารงานแบบมีส่วนร่วม 1) ศึกษาเอกสาร แนวคิด ทฤษฎี กลยุทธ์การบรหิ ารงาน 1) การมีส่วนรว่ มปรึกษาหารือ และงานวิจยั ทีเ่ กี่ยวข้อง วิชาการแบบมสี ่วนร่วมใน 2) การมีส่วนรว่ มการวางแผน 2) ศึกษาสภาพปัจจบุ นั และสภาพที่ สถานศึกษาขั้นพ้ืนฐาน 3) การมีส่วนรว่ มการตัดสินใจ พึงประสงค์การบริหารงานวิชาการ 4) การมีส่วนรว่ มปฏิบัตกิ าร แบบมีส่วนรว่ มในสถานศึกษาข้ัน 5) การมีส่วนรว่ มติดตามและ พนื้ ฐาน โดยใชเ้ ทคนิคประเมินความ ประเมินผล ต้องการจาเปน็ PNImodified 6) การมีส่วนรว่ มปรบั ปรุงและ 3) ยกร่างกลยุทธ์การบรหิ ารงาน พัฒนาขอบข่ายการบรหิ ารงาน วิชาการแบบมสี ่วนร่วมใน วิชาการของสถานศึกษาข้ันพ้ืนฐาน สถานศึกษาขั้นพ้ืนฐาน 1) การพฒั นาหลักสตู รสถานศึกษา 4) การประเมินผลโดยการจัด 2) การพัฒนากระบวนการเรียนรู้ สนทนากลมุ่ (Focus Group 3) การวัดผลประเมินผล และเทียบ Discussion) โอนผลการเรียน 4) การพัฒนาและใช้สื่อเทคโนโลยี ภาพประกอบ 1 กรอบแนวคิดการวิจัย เพื่อการศึกษา 5) การนิเทศการศึกษา 6) การพัฒนาแหลง่ เรียนรู้ 7) การพฒั นาประกันคณุ ภาพ ภายในสถานศึกษา วิธีดาเนนิ การวิจัย การวจิ ัยกลยุทธ์การบริหารงานวชิ าการแบบมสี ่วนร่วมในสถานศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน เป็นการวิจยั แบบผสมผสาน (Mixed Method Research) โดยมลี าดับข้ันตอนดังนี้

259 ประชากรและกลมุ่ ตัวอยา่ ง ระยะท่ี 1 การวเิ คราะห์ขอ้ มูลพน้ื ฐาน มีกลุ่มเป้าหมายที่ใชใ้ นการวจิ ยั ได้แก่ ผู้บริหารสถานศกึ ษา หัวหน้าฝ่ายวชิ าการ ผู้แทนครู และกรรมการสถานศึกษาข้ันพนื้ ฐาน ทั้งหมด 260 คน ระยะท่ี 2 การสร้างกลยทุ ธ์ มีกลุ่มเป้าหมาย ทีใ่ ชใ้ นการวิจัยโดยใชว้ ธิ ีการเลอื กแบบเจาะจง (Purposive Sampling) ประกอบด้วย ผู้ทรงคุณวุฒสิ าหรับสนทนากลุ่มย่อย (Focus Group Discussion) จานวน 9 คน เครือ่ งมอื ทใี่ ชใ้ นการเก็บรวบรวมขอ้ มลู เคร่อื งมือที่ใชใ้ นการวิจยั เป็นแบบสอบถามแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5ระดับ ซงึ่ ผู้วิจยั สร้างขนึ้ เพ่อื สอบถามสภาพปจั จุบันและสภาพที่พึงประสงค์ของการบริหารงานวชิ าการแบบมสี ่วนร่วมในสถานศกึ ษา ขั้นพ้ืนฐาน มี 2 ตอน ดงั น้ี ตอนที่ 1 ข้อมลู พนื้ ฐานของผู้ตอบแบบสอบถามมีลักษณะเปน็ แบบตรวจสอบรายการ (Checklist) ตอนที่ 2 ข้อมลู เกี่ยวกับสภาพปจั จบุ ันและสภาพที่พึงประสงค์ของการบริหารงานวชิ าการแบบมี ส่วนร่วมในสถานศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน ใชค้ าตอบแบบตอบสนองคู่ (Dual Responses) มาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดบั (Rating Scale) การเก็บรวบรวมขอ้ มลู ผู้วิจัยทาการเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลโดยใชเ้ ครอ่ื งมือทีส่ ร้างขนึ้ ใชเ้ วลาดาเนนิ การตามระยะการวจิ ยั เปน็ แบบสอบถาม แบบประเมินตามทีไ่ ด้ระบขุ า้ งต้น และวิเคราะห์ขอ้ มลู ตามลาดบั ข้ันตอนของการวจิ ยั สถิตทิ ใี่ ช้ในการวิเคราะหข์ ้อมลู ตอนที่ 1 วเิ คราะห์สถานภาพของผู้ตอบแบบสอบถาม มีลักษณะเปน็ แบบตรวจสอบรายการ (Checklist) วเิ คราะห์โดยการแจกแจงความถี่ (Frequency) และค่าร้อยละ (Percentage) ตอนที่ 2 วเิ คราะห์สภาพปัจจบุ นั และสภาพที่พึงประสงค์ของการบริหารงานวชิ าการแบบมสี ่วนร่วมใน สถานศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน โดยการใชแ้ บบสอบถามท่กี ารวัดเปน็ มาตรประมาณค่าแบบ Likert ชนิด 5 ระดบั ใชว้ ธิ ีให้ คะแนนตามนา้ หนกั ของตวั เลอื ก สรปุ ผลการวิจยั 1. สภาพทีพ่ ึงประสงค์ของการบริหารงานวชิ าการแบบมสี ่วนร่วมในสถานศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน ในภาพรวมอยใู่ น ระดบั มาก ( X =4.02) ด้านทีม่ ีคา่ เฉล่ยี สูงสุด ได้แก่ ด้านการวัดผลประเมินผล และเทียบโอนผลการเรียน ( X =4.29) สภาพปจั จบุ นั ของการบริหารงานวชิ าการแบบมสี ่วนร่วมในสถานศึกษาขั้นพนื้ ฐาน ในภาพรวมอยู่ในระดับน้อย ( X =2.35) ด้านที่มีคา่ เฉล่ยี สงู สดุ ได้แก่ ดา้ นการพัฒนาแหลง่ เรียนรู้ ( X =2.49) ความตอ้ งการจาเป็น (PNI) ของการ บริหารงานวชิ าการแบบมสี ่วนร่วมในสถานศกึ ษาขั้นพ้ืนฐานในภาพรวม PNI เท่ากับ 0.78 แสดงวา่ มีโอกาสสาเร็จ ร้อยละ 78 ด้านที่มี PNI สงู สดุ คือ ด้านการพัฒนาหลกั สูตรสถานศกึ ษา PNI เท่ากบั 0.78 แสดงวา่ มีโอกาสสาเร็จ ร้อยละ 78 2. กลยทุ ธ์การบริหารงานวชิ าการแบบมสี ่วนร่วมในสถานศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน มี 7 กลยทุ ธ์ ได้แก่ 1) พัฒนา กระบวนการบริหารหลักสตู รสถานศกึ ษาอย่างมสี ่วนร่วม 2) สร้างเกณฑ์การวดั ผลประเมินผลเพอ่ื ยกระดบั คณุ ภาพ การเรียนรู้ 3) พฒั นาสื่อ นวตั กรรมและเทคโนโลยเี พอ่ื เพม่ิ ประสิทธิ ภาพการเรียน 4) ส่งเสริมและพัฒนาการวาง

260 แผนการนเิ ทศภายในโรงเรียน 5) สร้างภาคีเครอื ขา่ ยและพฒั นาแหลง่ เรียนรู้ 6) ส่งเสริมให้มีการพัฒนาระบบ และกลไกการจดั การเรียนการสอนอย่างมคี ุณภาพ 7) ส่งเสริมพัฒนาระบบการประกันคณุ ภาพภายในสถานศกึ ษา อภปิ รายผลการวิจยั การวจิ ยั กลยทุ ธ์การบริหารงานวชิ าการแบบมสี ่วนร่วมในสถานศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน สามารถนามาอภิปราย ผลการวจิ ัยได้ดังน้ี 1. สภาพปจั จบุ ันของการบริหารงานวชิ าการแบบมสี ่วนร่วมในสถานศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน ในภาพรวมอยใู่ น ระดบั น้อย ท้ังนอี้ าจเป็นเพราะว่า การบริหารงานวชิ าการแบบมสี ่วนร่วมเปน็ กระบวนการที่บุคคลได้มีส่วนเกี่ยวข้อง ในการปฏบิ ตั งิ านท้ังทางด้านการแสดงความคิดเหน็ การตดั สินใจ การรบั ผิดชอบ การวางแผนการปฏบิ ตั งิ านตลอดจน การประเมินผล โดยใชค้ วามคิดสร้างสรรค์และความเชย่ี วชาญในการปฏบิ ัตงิ านเพอ่ื ให้บรรลวุ ัตถปุ ระสงค์หรือแก้ไข ปัญหาต่างๆ ทอ่ี าจเกดิ ขนึ้ จากการบริหารงานในองค์การ จากทกี่ ล่าวมาทั้งหมดสถานศกึ ษายงั มกี ารปฏบิ ัตอิ ยู่ในระดบั ต่าซึ่งนน่ั หมายความวา่ ยังมคี วามตอ้ งการให้อยใู่ นระดบั สูง และการมสี ่วนร่วม เมื่อเกิดข้ึนระหว่างชมุ ชนกับ สถาบันการศึกษาย่อมทาให้เกิดผลดยี อ่ มแก่การพัฒนาสังคมเพราะทาให้ทกุ ฝา่ ยไม่วา่ จะเป็นประชาชน ครผู ู้บริหาร รวมทั้งบคุ ลากรท้ังภายในและภายนอกสถาบันการศึกษา ได้เข้ามาผูกสัมพนั ธ์กันก่อให้เกิดความคิดร่วมกัน เข้าใจกัน ได้รับความรู้ที่หลากหลายสามารถพึง่ พาอาศยั ซึ่งกนั และกนั แลกเปลี่ยนความรู้ ความคิด และทรัพยากรที่ต่างมอี ยู่ ตอ่ กนั ได้อยา่ งสมานฉนั ท์น้ันเป็นความสาคัญแหง่ เป้าหมายที่จะนาไปสู่การพฒั นาประเทศชาติ ซึง่ ผลจากการวจิ ัย ด้านการวัดผลประเมินผล และเทียบโอนผลการเรียนอยา่ งมีสว่ นร่วม ด้านทีม่ ีคา่ เฉล่ยี สงู สุด เพราะว่า แนวทางการ พัฒนาการวดั และประเมินคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ใหข้ ้อมูลเกีย่ วกบั นยิ าม ตัวชีว้ ัด พฤตกิ รรมบ่งชแี้ ละเกณฑ์การ ให้คะแนนทุกระดับการศึกษา และมีการนาเสนอแนวคิด ทฤษฎี หลกั การเกีย่ วกบั การพฒั นาคณุ ลกั ษณะอนั พึง ประสงค์ การวัดและประเมิน ตลอดจนการรายงานผลการประเมิน คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ สอดคล้องกบั แนวทาง ของ สานักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน กระทรวงศึกษาธกิ าร (2550) กล่าวถงึ หลกั การดาเนนิ การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพนื้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551 เป็นกระบวนการเก็บรวบรวม ตรวจสอบ ตีความผลการเรียนรู้ และพฒั นาการดา้ นตา่ งๆ ของผู้เรียนตาม มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชวี้ ัดของหลักสูตร นาผลไปปรบั ปรงุ พฒั นาการจดั การเรียนรู้และใชเ้ ปน็ ขอ้ มลู สาหรบั การตัดสินผลการเรียน สถานศกึ ษาตอ้ งมีกระบวนการจดั การที่เป็นระบบ เพื่อให้การ ดาเนนิ การวัดและ ประเมินผล การเรียนรู้เปน็ ไปอยา่ งมีคุณภาพและประสิทธิภาพ และใหผ้ ลการประเมินที่ตรงตามความรู้ความสามารถ ทีแ่ ท้จริง ของผู้เรียน ถูกตอ้ งตามหลกั การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ รวมท้ังสามารถรองรับการประเมินภายในและ การประเมินภายนอกตามระบบประกันคณุ ภาพการศึกษาได้ สถานศกึ ษาจึงควรกาหนดหลกั การดาเนนิ การวดั และประเมินผลการเรียนรู้เพ่อื เป็นแนวทางในการตัดสนิ ใจเกี่ยวกับการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ตามหลักสตู ร สถานศกึ ษา และสอดรับกับงานวิจัยของ ธรรมเนยี ม เพช็ รพงษ์ (2547) ศกึ ษาเกีย่ วกับการศึกษาการบริหารแบบมี ส่วนร่วมในงานวิชาการของบคุ ลากร ในสถานศกึ ษาสังกัดสานกั งานการประถมศึกษาจังหวดั พจิ ิตรผลการวจิ ัยพบวา่ 1) การศึกษาการบริหารแบบมสี ่วนร่วมในงานวิชาการของบคุ ลากรในสถานศกึ ษาสังกดั สานกั งานการประถมศึกษา จังหวัดพจิ ิตร ในภาพรวมทั้ง 5 ด้าน มสี ่วนร่วมอยใู่ นระดับมากเมอ่ื พิจารณารายดา้ น พบวา่ ด้านการประกนั คุณภาพ การศึกษา ด้านการจัดการเรียนการสอน ด้านการวดั ผลและประเมินผลการศึกษา อยู่ในระดับมาก และงานวจิ ัยของ Gold (2000) ได้ศึกษาการเข้ามามสี ่วนร่วมของชุมชนในการจดั การศึกษาระดบั โรงเรียนมัธยมศกึ ษา โดยเนน้ การให้ ความร่วมมอื ระหว่างชมุ ชน ผู้ปกครอง และนักการศึกษาซึง่ ถอื เป็นสว่ นหน่งึ ของการปฏริ ปู การศกึ ษาในรัฐ

261 ฟิลลาเดลเฟีย ผลการศึกษาพบวา่ การจดั การของชุมชนเป็นส่อื กลางระหวา่ งผู้ปกครอง ครอบครวั กบั โรงเรียน เพ่อื เป้าหมายในการเสริมสร้างการอ่านออกเขียนได้ และการเรียนรู้ให้สอดคล้องกบั ชมุ ชน ทาให้ผู้ปกครองได้รบั ความรู้เกีย่ วกบั ชมุ ชน ดังนน้ั การสร้างหนุ้ สว่ นและความรว่ มมือระหว่างผู้ปกครองกบั นกั การศึกษา ทาให้เกิดทรัพยากร ที่มีคุณค่าทั้งในดา้ นสงั คมและวฒั นธรรมให้แก่โรงเรียน 2. สภาพทีพ่ ึงประสงค์ของการบริหารงานวชิ าการแบบมสี ่วนร่วมในสถานศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน ในภาพรวม อยู่ในระดบั มาก ด้านการพัฒนาและใชส้ อ่ื เทคโนโลยเี พอ่ื การศึกษาอย่างมสี ่วนร่วม มีคา่ เฉลย่ี สงู สุด ทง้ั น้ีอาจ เป็นเพราะว่า ชมุ ชนเข้ามามสี ่วนร่วมในการสารวจแหล่งเรียนรู้ทีเ่ กี่ยวข้องกับการพฒั นาคุณภาพการศึกษา ทั้งใน สถานศกึ ษา ชุมชน และทอ้ งถน่ิ กาหนดนโยบาย วางแผน วตั ถปุ ระสงค์ ในการนิเทศการศกึ ษา พร้อมทั้งร่วมในการ นเิ ทศ ตดิ ตาม กากบั การใชแ้ หลง่ เรียนรู้ของครูและนักเรียนรวมถึงการประเมินผลการพัฒนาการใชส้ ่อื นวัตกรรม และเทคโนโลยเี พอ่ื การศึกษา นอกจากนน้ั ยงั มสี ่วนร่วมในการประเมินผล การปรับปรงุ พฒั นางานนเิ ทศการศกึ ษา การจดั ตง้ั พฒั นาแหลง่ เรียนรู้ภายในสถานศึกษาและการจดั หาแหลง่ เรียนรู้ภายนอกสถานศึกษา และการมีสว่ นร่วม ในการส่งเสริมสนบั สนนุ ให้ครผู ู้เรียนได้ใช้แหล่งเรียนรู้ในการจดั กิจกรรมการเรียนสอนทั้งภายในและภายนอก สถานศกึ ษา สอดคลอ้ งกบั งานวจิ ัยของ ธรรมเนยี ม เพช็ รพงษ์ (2547) ศกึ ษาเกี่ยวกบั การศึกษาการบริหารแบบมี ส่วนร่วมในงานวิชาการของบคุ ลากร ในสถานศกึ ษาสงั กัดสานกั งานการประถมศึกษาจังหวดั พจิ ิตรผลการวจิ ยั พบวา่ 1) การศึกษาการบริหารแบบมสี ่วนร่วมในงานวิชาการของบคุ ลากรในสถานศกึ ษาสังกดั สานักงานการประถมศึกษา จงั หวัดพจิ ิตร ในภาพรวมท้ัง 5 ด้าน มสี ่วนร่วมอยใู่ นระดับมาก 3. กลยุทธค์ วามตอ้ งการจาเป็น (PNI) ของการบริหารงานวชิ าการแบบมสี ่วนร่วมในสถานศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน ในภาพรวม PNI เท่ากับ 0.67 แสดงวา่ มีโอกาสสาเร็จรอ้ ยละ 67 ท้ังนีอ้ าจเป็นเพราะว่า สถานศกึ ษามคี วามตอ้ งการ พฒั นาเกย่ี วกบั ด้านการพฒั นาหลกั สูตรสถานศกึ ษาอย่างมสี ่วนร่วม มี PNI เท่ากบั 0.87 ซึง่ มคี ่าสงู กว่า PNI รวมสถานศึกษาควรมีสว่ นร่วมในการวิเคราะห์ผล การประเมินผลการดาเนนิ งานเม่อื ส้นิ ภาคเรียนหรือสนิ้ ปีการศึกษา เพอ่ื เป็นแนวทางปรบั ปรุงพฒั นา มีสว่ นร่วมในการศกึ ษาเดก็ เปน็ รายบคุ คลและชว่ ยเหลอื เด็กทม่ี ปี ัญหาการเรียนรู้ และส่งเสริมเดก็ ทม่ี คี วามสามารถพิเศษ รว่ มในการศึกษาวิเคราะห์หลักสตู รการศึกษาขั้นพืน้ ฐานและสาระการเรียนรู้ สภาพปัจจุบันและความตอ้ งการของชุมชนสังคมและทอ้ งถน่ิ ร่วมในการวางแผน กาหนดวสิ ยั ทัศน์ เป้าหมาย และคณุ ลกั ษณะทีพ่ ึงประสงค์ของหลกั สตู รสถานศกึ ษา สอดคล้องกบั งานวิจยั ของ ธรรมเนยี ม เพช็ รพงษ์ (2547) ศกึ ษาเกี่ยวกับการศึกษาการบริหารแบบมสี ่วนร่วมในงานวิชาการของบุคลากร ในสถานศกึ ษาสังกดั สานกั งานการ ประถมศึกษาจงั หวัดพิจิตรผลการวจิ ยั พบวา่ 1) การศึกษาการบริหารแบบมสี ่วนร่วมในงานวิชาการของบุคลากร ในสถานศึกษาสังกัดสานักงานการประถมศึกษาจงั หวัดพิจิตร ในภาพรวมท้ัง 5 ด้าน มสี ่วนร่วมอยใู่ นระดบั มาก เมอ่ื พิจารณารายดา้ น พบวา่ ดา้ นการประกันคุณภาพการศึกษา ด้านการจดั การเรียนการสอน ด้านการวดั ผล และประเมินผลการศึกษา อยู่ในระดบั มาก ด้านหลักสูตรและการบริหารหลักสูตร และด้านการนเิ ทศภายใน อยู่ในระดับปานกลาง ข้อเสนอแนะ 1. ขอ้ เสนอแนะในการนาผลการวิจยั ไปใช้ 1.1 สถานศกึ ษาควรให้ความสาคัญต่อด้านการพฒั นาหลกั สตู รสถานศกึ ษาอย่างมสี ่วนร่วม คือ มสี ่วนร่วมในการวางแผน กาหนดวสิ ัยทัศน์ เป้าหมายและคุณลกั ษณะทีพ่ ึงประสงค์ของหลกั สูตรสถานศกึ ษา

262 1.2 ในขน้ั ตอนการพฒั นากลยุทธ์อาจใชก้ ารสมั ภาษณเ์ ชงิ ลึก และการประชุมกลมุ่ ย่อยร่วมกันก็ได้ ในกรณีทีม่ ีระยะเวลาในการดาเนนิ งานมากซึ่งจะทาใหไ้ ดผ้ ลการวจิ ัยมคี วามชัดเจนมากยิ่งข้นึ และมีประสิทธิภาพสงู สดุ 2. ข้อเสนอแนะสาหรบั การทาวิจัย ครง้ั ต่อไป 2.1 ควรศกึ ษาคณุ ลักษณะความตอ้ งการพฒั นากลยทุ ธ์การบริหารงานวชิ าการแบบมสี ่วนร่วม ในสถานศึกษาข้ันพนื้ ฐานโดยใชว้ ธิ ีการเก็บรวบรวมขอ้ มลู และการสมั ภาษณเ์ พ่อื ให้ได้ข้อมลู ที่มคี วามลุ่มลึกมากขึ้น 2.2 จากการจดั สนทนากลุ่มและลงภาคสนามเพ่อื เกบ็ รวบรวมข้อมลู ของผู้วิจัยในครงั้ น้ี พบวา่ อาจมีปจั จยั ภายนอกอน่ื ทีส่ ง่ ผลตอ่ กลยทุ ธ์การบริหารงานวชิ าการแบบมีส่วนร่วมในสถานศึกษาขั้นพืน้ ฐาน เชน่ นโยบายของรฐั บาล สมรรถนะของผู้บริหาร ครูผู้สอน รวมถึงกรรมการสถานศึกษา และผู้ปกครอง แตล่ ะสถานศกึ ษา มบี ทบาทหน้าที่แตกต่างกนั ซึ่งการวจิ ยั คร้ังต่อไปควรนาปัจจัยภายนอกดงั กลา่ วมาพจิ ารณาดว้ ย 2.3 กลยุทธ์ที่ได้สามารถนาไปศกึ ษาวิจัยเปน็ กลยุทธ์เทียบเคียงใชก้ ับสถาบันการศึกษาขั้นพืน้ ฐาน ทั้งภาครัฐและเอกชน ซึ่งเปน็ การพฒั นากลยุทธ์การบริหารงานวชิ าการแบบมสี ่วนร่วมในสถานศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน ท้ังภาครัฐและเอกชนทีม่ ีคุณภาพ ตอ่ ไป เอกสารอา้ งองิ ทองใบ สดุ ชาร.ี (2543). ทฤษฎีองค์การวิเคราะห์แนวความคิดทฤษฎีและการประยกุ ต.์ กรงุ เทพฯ: คณะวิทยาการจดั การ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี. ปญั ญา แก้วกียรู . (2545). การบริหารจดั การศกึ ษาในรูปแบบการใช้โรงเรียนหรือเขตพ้นื ทีก่ ารศกึ ษาเปน็ ฐาน. กรงุ เทพฯ : ภาพพมิ พ.์ รววี ัตร์ สิริภบู าล. (2544). “เทคโนโลยแี ละการส่อื สารการศึกษาปจั จยั การพัฒนาการศึกษา สงั คมและเศรษฐกิจ,” วารสารวิชาการ. ปีที4่ 1 : 42-48. วนั ทยา วงศศ์ ลิ ปภริ มย์. (2533). การศึกษาผลสมั ฤทธิ์ของนักเรียนที่สง่ ผลมาจากความพงึ พอใจในการเลอื กบทเรียน. ปริญญานพิ นธ์ กศ.ม. กรุงเทพฯ : มหาวทิ ยาลยั ศรีนครนิ ทรวโิ รฒ. ศศิกานต์ เจริญด.ี (2544). การศึกษาการทา งานเป็นทีมของผบู้ ริหารโรงเรียนประถมศึกษา. วทิ ยานพิ นธ์ ศษ.ด. ขอนแก่น. มหาวทิ ยาลัยขอนแก่น. สุธรรม ธรรมทัศนานนท์. (2554). หลักการ ทฤษฎแี ละนวตั กรรมการบริหารการศึกษา. พมิ พค์ รง้ั ที่ 2. มหาสารคาม. สานักงานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษาประถมศึกษาขอนแกน่ เขต 2. (2559). รายงานการดาเนนิ งานประจาปกี ารศึกษา 2559.

263 การพัฒนาดัชนีดลุ ยภาพเชิงวิชาการสาหรับการจดั การคุณภาพการศึกษาโรงเรียน มาตรฐานสากล : กรณีโรงเรียนแก้งครอ้ วิทยา สังกัดสานกั งานเขตพื้นทก่ี ารศึกษา มธั ยมศกึ ษา เขต 30 Development of an Academic Scorecard for Educational Quality Management in a World Class Standard School : A Case of Kaeng Khro Wittaya School Affiliated With the Secondary Education Regional Service Office Region 30. ช่อผกา ผลภิญโญ* รองศาสตราจารย์ ดร.จริยา ภกั ตราจนั ทร์** ดร.ไพโรจน์ พรหมมีเนตร*** บทคดั ย่อ การวจิ ยั ครั้งนมี้ งุ่ พัฒนาดัชนดี ลุ ยภาพเชงิ วชิ าการสาหรับจดั การคณุ ภาพการศึกษา โรงเรียนแก้งคร้อวทิ ยา จงั หวดั ชยั ภูมิ โครงการโรงเรียนมาตรฐานสากล ของกระทรวงศึกษาธกิ าร ผู้วจิ ยั ได้อาศยั หลกั การดชั นดี ลุ ยภาพ เชงิ วชิ าการ ของสานักทดสอบทางการศกึ ษา (ETS) เปน็ แนวทางในการพัฒนาดชั นีสาหรับมุมมองเชงิ วชิ าการ ทีส่ ามารถดาเนินการไดใ้ นเชงิ ปฏบิ ตั เิ พยี ง 3 ด้าน คือ การบริหารจดั การองคก์ รเพอ่ื ตอบสนองความตอ้ งการของ ผู้มีสว่ นได้สว่ นเสียทางวิชาการ การจัดโปรแกรมการศึกษา การเสริมสร้างเครอื ขา่ ยรวมถึงกระบวนการจัดสรร ทนุ การศึกษา และการเรียนรู้และพัฒนาศักยภาพของบุคลากรในโรงเรียน กลุ่มเป้าหมายในการศึกษาประกอบด้วย นกั เรียนและครผู ู้สอนช้ันมัธยมศกึ ษาตอนปลาย ผู้ปกครองนกั เรียน คณะกรรมการนักเรียนคณะกรรมการบริหารโรงเรียน คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพืน้ ฐานของโรงเรียน และคณะ ผู้เช่ยี วชาญทางวิชาการ การรวบรวมขอ้ มูลได้อาศยั การสงั เกตแบบมสี ่วนร่วมการสนทนากลุ่มระเบียบวธิ ีการจัดการ คุณภาพทวั่ ทั้งองค์กร เช่น วงจร Deming แผนผงั คุมกาหนดงานการวเิ คราะห์สาเหตุของปัญหา การทางานเปน็ ทีม การระดมสมองและการเทียบเคียงสมรรถนะ ในการวิเคราะห์ขอ้ มูลได้วิเคราะห์เอกสาร จุดแขง็ จุดออ่ นโอกาส และภยั อปุ สรรคองค์กร การวิเคราะห์น้าหนกั เฉพาะของดัชนเี ฉพาะและดัชนมี วลรวม การตรวจสอบความตรง เชงิ ประจักษแ์ ละความตรงตามสภาพการณ์ของดัชนดี ุลยภาพเชงิ วชิ าการกระบวนการวิจยั และพฒั นาประกอบด้วย 3 ข้ันตอน ขัน้ ตอนที่ 1: การศึกษาความเป็นไปได้และพฒั นาแบบจาลองเชงิ สมมติ ขัน้ ตอนที่ 2: การพฒั นา แบบจาลองช่ัวคราวได้ดาเนนิ กจิ กรรมตามแบบจาลองเชงิ สมมติ ข้ันตอนที่ 3: การพฒั นาแบบจาลองขั้นสมบูรณ์ ผลการวจิ ยั พบวา่ มุมมองด้านการบริหารจัดการองค์กรเพอ่ื ผู้มสี ่วนได้สว่ นเสียทางวิชาการ คือคณุ ลกั ษณะของผู้เรียน เท่ากับ 0.300 ด้านการจดั โปรแกรมการศึกษา การเสริมสร้างเครอื ขา่ ยรวมถึงกระบวนการจัดสรรทนุ การศึกษาคือ การเรียนรู้โดยอาศัยโครงการวจิ ยั เปน็ ฐานเท่ากับ 0.350 ด้านการเรียนรู้และการพัฒนาศักยภาพของบคุ ลากรใน องคก์ รคอื ผลงานด้านวชิ าการของครผู ู้สอนเท่ากบั 0.300 ความตรงตามสภาพการณ์ของดัชนดี ุลยภาพเชงิ วชิ าการ เท่ากับ 0.872 สาหรบั ค่านา้ หนกั เฉพาะของดชั นเี ฉพาะในมมุ มองทั้งสามด้าน พบวา่ ค่าสงู สดุ คือ ด้านการเรียนรู้และ คาสาคญั : ดัชนีดุลยภาพเชิงวิชาการ, โรงเรียนมาตรฐานสากล * ปรัชญาดษุ ฎีบณั ฑิต สาขาวิชาการบรหิ ารการศึกษา มหาวิทยาลยั ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ** อาจารยป์ ระจาสาขาวิชาการบรหิ ารการศึกษา มหาวทิ ยาลัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ *** อาจารย์ประจาสาขาวิชาการบรหิ ารการศึกษา มหาวิทยาลัยภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ

264 การพัฒนาศักยภาพของบคุ ลากร (0.277) รองลงมาคือการจัดโปรแกรมการศึกษา การเสริมสร้างเครอื ขา่ ยรวมถึง กระบวนการจัดสรรทุนการศึกษา (0.253) และการจัดการองคก์ รเพ่อื ผู้มสี ่วนได้สว่ นเสียทางวิชาการ (0.230) ตามลาดับ ABSTRACT This investigation aimed at development of an academic scorecard for educational quality management in KaengKhro Wittaya School participated in the World Class Standard School Project of the Ministry of Education. The author relies on the Educational Testing Service Academic Scorecard principles as a guideline for development focusing mainly on three academic perspectives which were practically accomplished in this R&D activities, i.e., organizational managements that response to academic stakeholders’ needs, educational program managements together with enhancement of networks and the process of allocating educational funds, and learning and potentiality development of school personnel. The target group consisted of upper secondary education students, teachers, parents and guardians, student council members, school administrative committee, basic education school committee, and the academic expert team. Data collections were done by means of participant observations, focused group discussions, the TQM methods, e.g., the Deming Wheel(PDCA), Gannt chart, Pareto analysis, team working, brainstorming sessions and benchmarking. Documentary analysis, SWOT, hierarchical analysis process, and composite and local indices analysis techniques were utilized for data analyses. Verification of the developed academic scorecard validity was consecutively performed by means of apparent validity and concurrent validity. The R&D process consisted of 3 phases. Phase I: The feasibility study and development of a hypothetical model. Phase II: Development of a tentative model. Phase III: Development of a finalized model. The research findings found that: The organizational managements perspective, the local weight for qualification of learners was 0.300. As concerns the educational program management and the potentiality development of school personnel perspectives; the one for the research-based learning and instructional method outputs was 0.350 and that for the teachers’ academic outputs was 0.300respectively. The calculated concurrent validity of the existing data was 0.872. The local weight of each perspectives’ index was ranked as follows: learning and potentiality development of school personnel (0.277), educational program management (0.253), and organizational managements which in accord with academic stakeholders’ needs (0.230). Keywords: Academic Scorecard, World Class Standard School ภูมหิ ลงั การพฒั นาประเทศขององคก์ รภาครฐั นบั ตงั้ แตม่ กี ารประกาศใชแ้ ผนพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติ ฉบับแรก ในปี พ.ศ. 2504 จนมาถึงปจั จุบัน เป็นเวลา 50 ปีนน้ั ได้สร้างความเจรญิ กา้ วหนา้ ทั้งในดา้ นเศรษฐกิจ สังคม และคณุ ภาพชีวิตของประชากรให้มีระดบั การศกึ ษาสงู ข้ึน โดยเฉพาะอยา่ งย่งิ ในช่วงที่สงั คมโลกอยู่ภายใต้กระแสโลกา ภวิ ตั นแ์ ละความเปลีย่ นแปลงของโลกท่เี กิดข้ึนอย่างรวดเรว็ นน้ั ช้ใี ห้เห็นว่า คนไทยจะต้องเผชญิ กบั

265 ความเปลยี่ นแปลงอันหลากหลาย สภาพการณ์ที่โลกในยคุ ปัจจบุ ันเต็มไปด้วยขอ้ มลู ข่าวสารที่ทาให้คนตอ้ งคดิ และ ตัดสนิ ใจรวดเร็วขนึ้ สงั คมมีความสลบั ซบั ซ้อนมากขึน้ ในขณะเดียวกนั บทบาทของสอ่ื สารมวลชนกเ็ ชอ่ื มโยงคนเข้าหากนั อย่างใกล้ชิดมากขนึ้ ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดข้ึนเหลา่ นที้ าให้เกิดคาถามเกี่ยวกับความรู้ความสามารถพ้ืนฐานของ คนไทยที่สามารถจะดารงชีวิตที่ดแี ละมีศกั ดิ์ศรีในสงั คมโลกในฐานะพลเมอื งของโลก (Global Citizen) เชน่ ความสามารถในการคดิ วเิ คราะห์เลอื กใช้ขอ้ มูลข่าวสารตัดสนิ ใจในการแกป้ ัญหาอย่างถกู ต้อง การก้าวทันกับการ เปลีย่ นแปลงของโลก และรวมไปถึงคาถามในระดับมหภาควา่ มนษุ ยจ์ ะอยู่ร่วมกับสิง่ แวดลอ้ มอย่างไร โดยที่จะ เกือ้ กลู และไม่ทาลายซึ่งและกัน การศึกษาจะนาคนไปสชู่ วี ติ ที่มีความสุขและการพฒั นาท่ยี ั่งยืนได้หรือไม่ และทีส่ าคัญ คือทกุ ฝ่ายท้ังประเทศและมนุษยชาติ จะเข้มแข็งพร้อมเผชญิ กบั ความก้าวหนา้ และการเปลี่ยนแปลงของยุคโลกาภวิ ัตน์ ร่วมกันอยา่ งไร (Reimers, 2009; สานกั งานคณะกรรมการพฒั นาการเศรษฐกิจและสงั คมแหง่ ชาติ, 2555) การพฒั นาประเทศในระยะแผนพัฒนาฯฉบับที่11 (พ.ศ. 2555-2559) นน้ั แนวคิดในการพฒั นาตอ่ เน่อื งจาก แผนพัฒนาฯ ฉบบั ที่ 8-10 โดยยงั คงยึดหลกั การปฏบิ ัตติ าม “ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง” และขับเคลื่อนให้บัง เกิดผลในทางปฏิบตั ทิ ีช่ ัดเจนย่งิ ขนึ้ ในทุกภาคส่วนทกุ ระดบั ยดึ แนวคดิ การพฒั นาแบบบูรณาการเป็นองค์รวมที่มี “คนเปน็ ศนู ย์กลางการพฒั นา” มกี ารเชอ่ื มโยงทกุ มิติของการพัฒนาอย่างบรู ณาการท้ังมิติตวั คนสังคม เศรษฐกิจ สิง่ แวดลอ้ มและการเมอื ง (สานกั งานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแหง่ ชาติ, 2555) อกี ทงั้ พระราชบญั ญัติการศกึ ษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2542 และแกไ้ ขเพ่มิ เตมิ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2553 หมวด ๑ มาตรา ๖ กล่าวไว้วา่ “การจดั การศกึ ษาตอ้ งเปน็ ไปเพอ่ื พฒั นาคนไทยให้เปน็ มนุษยท์ ี่สมบูรณ์ท้ังร่างกาย จิตใจ สติปญั ญา ความรู้และคณุ ธรรม มีจริยธรรมและวฒั นธรรมในการดารงชวี ติ สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อยา่ งมีความสุข” และหมวด 4 มาตรา 30 กล่าวไวว้ า่ “ให้สถานศกึ ษาพัฒนากระบวนการเรียนการสอนทีม่ ีประสิทธิภาพ รวมทั้งการส่งเสริมให้ผู้สอนสามารถวิจัยเพ่อื พฒั นาการเรียนรู้ทีเ่ หมาะสมกับผู้เรียนในแตล่ ะระดับการศึกษา” (สานักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ, 2553) ในปจั จุบันเป็นทีย่ อมรบั กันวา่ การบริหารสถานศกึ ษามคี วามสาคัญ เน่อื งมาจากเปน็ องค์กรที่ทาหน้าที่ จดั การบริหาร ได้แก่ คน เงิน และวัสดุอปุ กรณ์ เพือ่ ให้บรรลตุ ามเป้าหมายของสถานศึกษา หากไมม่ รี ะบบการบริหาร สถานศกึ ษากจ็ ะไมส่ ามารถดาเนนิ การปฏบิ ตั กิ ิจกรรมให้เปน็ ไปตามเป้าหมายได้ นอกจากนี้การบริหารสถานศึกษา ยงั เปน็ เคร่อื งมือที่ชถี้ ึงความสาเรจ็ หรอื ความลม้ เหลวของสถานศกึ ษา ผู้บริหารตอ้ งมีภาวะความเป็นผู้นาทางด้าน สตปิ ัญญาความดงี ามความรู้ความสามารถสว่ นตนทีช่ ักนาใหค้ นท้ังหลายมาประสานกนั และพากนั ไปสู่จดุ หมาย ที่ดงี ามอกี ด้วย (ธีระ รุญเจรญิ , 2550, หนา้ 140) ในช่วงเวลาสองทศวรรษที่ผ่านมา วงการศกึ ษาไทยได้มงุ่ เนน้ การ จัดการคณุ ภาพการศึกษา ทั้งการประกันคณุ ภาพภายในองคก์ รและการประเมินภายนอก เพือ่ ให้กา้ วทนั ความ เปลีย่ นแปลงในบริบทสากลทเ่ี กี่ยวเนอ่ื งกบั การจดั การคณุ ภาพ ซึง่ ได้มีการพฒั นาระบบการจดั การคณุ ภาพเชน่ ระบบ ควบคุมคณุ ภาพ (Quality Control : QC) กลยุทธ์ 5 ส การรอื้ ปรับระบบ (Reengineering) การบริหารเชงิ กลยทุ ธ์ (Strategic Management) และระบบ ISO เปน็ ต้น ระบบและแนวคดิ ดา้ นการบริหารจดั การคุณภาพเหลา่ นี้ ต่างกไ็ ด้ ดาเนนิ การและประสบความสาเรจ็ มาแล้วในหลายๆ แหง่ โดยเฉพาะในวงธรุ กิจ แตถ่ ้าหากนาแตล่ ะระบบมาวิเคราะห์ จะเหน็ ว่า ต่างก็มจี ดุ ออ่ นและจดุ แขง็ ทีแ่ ตกต่างกนั ไป (บรรจง จนั ทมาศ, 2542, หนา้ 8-9) ดังนน้ั การนาแนวคิด หลกั การและระบบการจัดการคณุ ภาพเหลา่ นมี้ าประยกุ ตใ์ ชใ้ นการพฒั นาสถานศึกษา จาเป็นต้องเลอื กและประยกุ ตใ์ ช้ ให้เหมาะสมกบั บริบทสถานศึกษาน้ันๆ จึงจะมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากทส่ี ดุ จากทไ่ี ด้กล่าวขา้ งต้นเกีย่ วกับความต่นื ตวั ในการพฒั นาคณุ ภาพการศึกษาของประเทศ เชน่ โครงการ โรงเรียนมาตรฐานสากล รวมท้ังแนวทางในการจัดการและประเมนิ คณุ ภาพการศกึ ษาเพอ่ื ให้ไดส้ ารสนเทศทีส่ มดลุ

266 และถ้วนทั่วทุกมมุ มอง และเทียบเคียงได้กบั สถาบนั การศึกษาอน่ื ๆ นั้น ในสภาพความเปน็ จริงของประเทศไทย ปรากฏ วา่ ผลการทดสอบทางการศกึ ษาระดบั ชาติ (O-Net) ปีการศึกษา 2554-2555 โดยสานกั ทดสอบทางการศกึ ษา (สทศ.) พบว่านักเรียนมคี ะแนนเฉลี่ยของ 5 วชิ าหลกั คอื ภาษาไทย สงั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม ภาษาองั กฤษ คณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ ต่ากว่าร้อยละ 50 ท้ัง 2 ปี นอกจากนี้ รายงานของโครงการสาหรับการประเมินผล นกั เรียนนานาชาติ (Programme for International Student Assessment : PISA) ของประเทศสมาชกิ OECD (Organization for Economic Co-operation and Development) กวา่ 65 ประเทศ ได้มีการประเมินการเรียนรู้ ด้านการ อา่ น คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ของนักเรียนอายุ 15 ปี (ชั้น ม.3 – ม.4) พบวา่ ในปี ค.ศ. 2012 คะแนนการอ่าน ของนักเรียนไทยได้คะแนนเฉลีย่ OECD อยู่ที่ 496 คะแนน จดั เปน็ อนั ดับที่ 48, คณิตศาสตร์มีคะแนนเฉลีย่ OECD อยทู่ ี่ 494 คะแนน อยู่ในอันดบั ที่ 50, และวิทยาศาสตร์ คะแนนเฉลีย่ OECD อยู่ท5ี่ 01คะแนน ได้เปน็ อนั ดบั ที่ 47 เมอ่ื เปรียบเทียบกับประเทศสมาชกิ OECD ทั้งหมด 65 ประเทศ (นวรตั น์ รามสตู และบัลลังก์ โรหิตเสถียร, 2556) จากสภาพการณป์ จั จุบันและปญั หาความสมดลุ ของมมุ มองทีใ่ ชช้ ้วี ดั ความสาเร็จทก่ี ล่าวมาแลว้ ข้างต้น ทาให้ ผู้วิจัยได้ตระหนกั ถึงความสาคญั และมีความสนใจทจ่ี ะศกึ ษา เพื่อหาแนวทางในการกาหนดตัวช้วี ัดดุลยภาพเชงิ วชิ าการที่มีเข้าโครงการโรงเรียนมาตรฐานสากล ของสานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพนื้ ฐาน ทีม่ ีคณุ ลกั ษณะ สาคญั คือเปน็ ดัชนดี ุลยภาพเชงิ วชิ าการที่สามารถสะทอ้ นระดบั คณุ ภาพการบริหารจัดการคณุ ภาพที่แท้จริง อันจะ นาไปสู่ความสามารถในการบรรลุวสิ ยั ทศั น์ พนั ธกิจ และเป้าประสงค์เชงิ กลยุทธ์ รวมทั้งการปรับปรุงพฒั นาองคก์ ร สู่ความเปน็ สากลและความเป็นเลิศอย่างยัง่ ยนื เปน็ ตัวชีว้ ดั ทีค่ รอบคลุมประเด็นสาคัญโดยคานงึ ถึงบริบทที่แตกต่าง ของแต่ละสถานศึกษา และสามารถรองรับการประเมินทุกระบบได้อยา่ งครบถ้วน ผู้วิจยั ได้ตระหนักถึงความสาคญั ของการดาเนนิ งานวิจัยและพัฒนาดัชนดี ุลยภาพเชงิ วชิ าการ เพ่อื นาไปใชป้ ระโยชนใ์ นการบริหารจัดการคุณภาพของ สถานศกึ ษา อันจะนามาซงึ่ ประสิทธิผลในการดาเนินการตามพนั ธกิจ และการตอบสนองตอ่ นโยบายของภาครฐั ให้เกิด ประโยชนส์ ูงสุดของการพฒั นาประเทศต่อไป คาถามการวิจัย ระบบการจดั การคณุ ภาพของโรงเรียนมาตรฐานสากลโดยอาศยั หลักการดชั นดี ุลยภาพจะมีประสิทธิผล หรือไม่ และในการพฒั นาคุณภาพเชงิ วชิ าการขององคก์ ร บุคลากรและผู้มีสว่ นได้ส่วนเสียในการจัดการศกึ ษา จะให้น้าหนกั ในมติ ใิ ดมากท่สี ดุ ความมงุ่ หมายของการวิจัย การวจิ ยั ครั้งนมี้ วี ัตถปุ ระสงค์ เพอื่ พฒั นาดชั นีดลุ ยภาพเชงิ วชิ าการสาหรบั การจดั การคุณภาพการศึกษา ในลกั ษณะดชั นีมวลรวม โดยมุ่งเนน้ ใน 3 ดา้ น คือ กระบวนการบริหารจดั การองคก์ รเพอ่ื ตอบสนองความตอ้ งการของ ผู้มีสว่ นได้สว่ นเสียทางวิชาการ การจดั โปรแกรมการศึกษา การเสริมสร้างเครอื ขา่ ยรวมถึงกระบวนการจัดสรร ทุนการศึกษาและการเรียนรู้และการพฒั นาศักยภาพของบคุ ลากรในองคก์ ร สาหรับโรงเรียนมาตรฐานสากล กรณโี รงเรียนแก้งคร้อวทิ ยา สังกัดสานักงานเขตพ้ืนทีก่ ารศึกษามัธยมศกึ ษา เขต 30

267 กรอบแนวคดิ ในการวิจยั แนวคิดการวิจัยและพัฒนา,การบริหารจัดการทว่ั ทั้งองค์กร ผู้มีสว่ นได้สว่ นเสีย เช่น ดชั นดี ุลยภาพเชงิ วชิ าการ และแนวทางการดาเนนิ งาน ผู้ปกครอง นักเรียน ภาคี โรงเรียนมาตรฐานสากล เครอื ขา่ ยของโรงเรียน SWOT Analysis (การวเิ คราะห์จุดแข็ง จดุ ออ่ น โอกาส และ ภยั อุปสรรค) การศึกษาความเป็นไปได้ (The Feasibility Study) ในการดาเนินการวจิ ยั และพัฒนา แบบจาลอง “เชงิ สมมต”ิ (The Hypothetical Model) การจดั การคุณภาพทางวชิ าการในโรงเรียนมาตรฐานสากล TQM มมุ มองดา้ นผู้มีสว่ นไดส้ ่วนเสียด้านวิชาการ TQM มุมมองด้านการเงิน มุมมองดา้ นการเรียนรู้และการพฒั นา วิสยั ทศั น์ ศักยภาพของบคุ ลากรในองคก์ ร พนั ธกจิ TQM มมุ มองดา้ นการจัดโปรแกรมการศึกษา การเสริมสรา้ ง TQM เครือข่าย และกระบวนการจดั สรรทุนการศกึ ษา พัฒนาแบบจาลองช่วั คราว (The Tentative Model) จากการประเมินแบบจาลอง เชงิ สมมติ ,(ตรวจสอบคณุ ภาพจากตวั ชีว้ ัด กาหนดน้าหนักเชงิ สถิต)ิ การพฒั นาแบบจาลองขั้นสุดท้าย(The Finalized Model) จากการผลการประเมินตรวจสอบคุณภาพแบบจาลองช่ัวคราว ดชั นดี ลุ ยภาพเชงิ วชิ าการสาหรับการจัดการคุณภาพการศึกษาโรงเรียน มาตรฐานสากล : กรณโี รงเรียนแก้งคร้อวทิ ยา สงั กัดสานกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษามัธยมศกึ ษา เขต 30 ภาพประกอบ 1 กรอบแนวคิดการวิจยั วิธีดาเนนิ การวิจัย การวจิ ัยและพัฒนาครง้ั น้เี พอ่ื พฒั นาดชั นีดุลยภาพเชงิ วชิ าการ สาหรบั การจัดการคุณภาพการศกึ ษา โรงเรียนแก้งคร้อวทิ ยา ซึ่งเปิดสอนในระดับชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 1-6 สงั กัดสานกั งานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษามัธยมศกึ ษา

268 เขต 30 โดยอาศยั ระเบียบวธิ ีวิจัยและพัฒนา ร่วมกับการประยุกตใ์ ชร้ ะเบียบวธิ ีการวิเคราะห์ของระบบการจัดการ คณุ ภาพทวั่ ท้ังองค์กร ซึ่งข้ันตอนของกระบวนการวจิ ยั และพัฒนา มีรายละเอยี ดดงั ตอ่ ไปนี้ ประชากรและกลุ่มตัวอยา่ ง กลุ่มเป้าหมายในการวิจยั ครั้งนี้ ประกอบด้วย 1. กลุ่มบุคลากรที่รบั ผิดชอบในการจัดการศึกษาโรงเรียนมาตรฐานสากลกรณศี กึ ษา 1.1 กลุ่มคณะกรรมการบริหารโรงเรียน จานวน 20 คน ซึ่งทาหนา้ ทเ่ี ปน็ ผู้นาองคก์ ร 1.2 คณะกรรมการสถานศึกษา ข้ันพ้ืนฐาน จานวน 15 คน 1.3 ครูผู้สอนชั้นมัธยมศกึ ษาตอนปลาย จานวน 75 คน 2. กลุ่มผู้มสี ่วนได้สว่ นเสีย 2.1 นักเรียน ระดบั ช้ันมัธยมศกึ ษาตอนปลาย จานวน 1,203 คน 2.2 คณะกรรมการนกั เรียน จานวน 70 คน 2.3 ผู้ปกครองนกั เรียน จานวน 147 คน เครื่องมอื ทใี่ ชใ้ นการเก็บรวบรวมข้อมลู การวจิ ยั คร้ังน้ี ผู้วจิ ยั ได้จาแนกการใชเ้ คร่อื งมือเป็นประเภทตามลกั ษณะของการดาเนนิ งาน ดังรายละเอยี ดต่อไปน้ี ขน้ั ตอนที่ 1 การศึกษาความเป็นไปได้ (The Feasibility Study) และพฒั นาแบบจาลองเชงิ สมมติ (The Hypothetical Model) ผู้วิจยั ได้ศึกษาเอกสารและงานวจิ ัยทีเ่ กีย่ วข้องกับการจัดการคณุ ภาพการศึกษา วเิ คราะห์ เอกสารได้ วิเคราะหจ์ ดุ แขง็ จุดออ่ น โอกาส และภยั อปุ สรรค (SWOT) ขององค์กรพร้อมท้ังประชุมคณะผู้บริหาร คณะกรรมการบริหารงานวชิ าการและกาหนดกรอบการดาเนนิ งานวจิ ยั และพฒั นาดัชนดี ลุ ยภาพเชงิ วชิ าการสาหรบั การจดั การคณุ ภาพการศึกษาโรงเรียนมาตรฐานสากล และพฒั นาแบบจาลองเชงิ สมมติ (The Hypothetical Model) ผู้วิจยั ได้นาเสนอรายชื่อผู้ทรงคณุ วุฒทิ างวิชาการและทางปฏิบตั ทิ ี่เป็นคณะกรรมการผู้นาองคก์ รในโรงเรียนแก้งคร้อ วทิ ยา จานวน 20 ท่าน เพอ่ื สะทอ้ น ปญั หา/อปุ สรรค ของโรงเรียน ความเปน็ ไปได้ของการดาเนนิ การวิจยั พร้อมท้ัง เสนอวธิ ีการแก้ไข ที่มีความเหมาะสมสอดคลอ้ งกับความตอ้ งการของกลุ่มเป้าหมาย เคร่อื งมอื ที่ใชใ้ นการวิจยั คอื แบบบนั ทึก กล้องบนั ทึกภาพ การสนทนากลุ่ม การประชุม เทปบนั ทึกเสียง ขัน้ ตอนที่ 2 การพฒั นาแบบจาลองชวั่ คราว (The Tentative Model) ผู้วิจัยได้จัดการสนทนากลมุ่ ผู้ทรงคุณวุฒิ (Focused Group Discussion) เพ่อื วิเคราะห์ วพิ ากษ์ วิจารณ์ ตลอดจนข้อเสนอแนะต่างๆ กาหนดค่าดัชนี สงู สดุ และตา่ สุด ของโรงเรยี นแก้งครอ้ วทิ ยา การคานวณค่าน้าหนกั ของตวั ช้วี ดั การวดั ผลการปฏบิ ัตงิ าน ของดชั นี ดลุ ยภาพเชงิ วชิ าการสาหรบั การจดั การคุณภาพการศึกษาโรงเรียนมาตรฐานสากล ขน้ั ตอนที่ 3 การพัฒนาแบบจาลองข้ันสดุ ท้าย (The Finalized Model) เม่อื ผู้วจิ ัยได้ แบบจาลอง ช่วั คราวแลว้ พัฒนาแบบจาลองชวั่ คราวหลงั จากทดลองใช้ องคป์ ระกอบและตวั ชวี้ ัดและตรวจสอบคณุ ภาพของ แบบจาลองชว่ั คราวของดชั นดี ลุ ยภาพเชงิ วชิ าการสาหรับการจดั การคณุ ภาพการศึกษาโรงเรียนแก้งคร้อวทิ ยาและได้ ทาการประเมินผลการทดลองใชแ้ บบจาลองช่วั คราวดัชนดี ุลยภาพเชงิ วชิ าการ ปรบั ปรุง สรปุ ผลการพฒั นาดัชนดี ลุ ย ภาพเชงิ วชิ าการสาหรับการจดั การคุณภาพการศึกษาโรงเรียนมาตรฐานสากล ตรวจสอบความตรงของแบบจาลอง ดัชนดี ุลยภาพเชงิ วชิ าการสาหรับการจดั การคณุ ภาพการศึกษาโรงเรียนมาตรฐานสากล การเก็บรวบรวมข้อมูล ผู้วิจยั ทาการเก็บรวบรวมขอ้ มูลโดยใชเ้ คร่อื งมือทีส่ ร้างขนึ้ ใชเ้ วลาดาเนนิ การตามระยะการวจิ ยั เปน็ สงั เกตแบบมสี ่วนร่วม การสนทนากลุ่ม การประชุม แบบบันทึก เทปบันทึกเสียง กล้องบันทึกภาพ ใชร้ ะเบียบ

269 วธิ ีการจัดการของการบริหารทัว่ ทั้งองค์กร ดงั นี้ 1) วงจร Deming : PDCA (Deming Wheel : PDCA) 2) แผนผังคมุ กาหนดงาน (Gannt Chart) 3) การวิเคราะห์สาเหตุของปญั หา (Pareto Analysis) 4) การทางานเปน็ ทีม (Teamwork) 5) แผนภมู แิ ท่ง (Bar Chart) 6) การระดมสมอง (Brain Storming) 7) การเทียบเคียงสมรรถนะ (Benchmarking) และวิเคราะห์ขอ้ มูลตามลาดับขนั้ ตอนของการวจิ ยั สถิตทิ ใี่ ชใ้ นการวิเคราะหข์ ้อมลู 1. การวเิ คราะห์เอกสาร (Documentary Analysis) 2. การวเิ คราะห์วาทกรรม (Discourse Analysis) ของกลมุ่ ผู้ทรงคุณวฒุ ิ และผู้เชย่ี วชาญจากการสนทนา กลุ่ม และจากการประชุม 3. การวเิ คราะห์รายงาน หรอื บันทึกการประชุม (Minute Analysis) 4. การวเิ คราะห์จดุ แขง็ จดุ ออ่ น โอกาส และภัยอปุ สรรคองค์กร (SWOT Analysis) 5. กระบวนการวเิ คราะห์ลาดบั ช้ัน (Analytical Hierarchy Process = AHP) 6. การวเิ คราะห์ดัชนีมวลรวม (Composite Index) 7. การวเิ คราะห์ดัชนีเฉพาะ (Local Index) 9. การตรวจสอบความเปน็ ทีน่ ่าเช่อื ถอื (Credibility) โดยการตรวจสอบความตรงเชงิ ประจกั ษ์ (Apparent Validity) ของตวั ชวี้ ัดคณุ ภาพ 10. การตรวจสอบความตรงตามสภาพเปน็ จริง (Concurrent Validity) ของแบบจาลอง สรปุ ผลการวิจยั 1. ดชั นดี ุลยภาพเชงิ วชิ าการ สาหรับการจดั การคุณภาพการศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล สามารถสรุป ผลการวจิ ยั และพัฒนาได้ดงั น้ี ผลจากการดาเนนิ งานวิจัยและพัฒนาโดยอาศัยหลกั การดัชนดี ุลยภาพเชงิ วชิ าการร่วมกับระบบการ จดั การคุณภาพทั่วท้ังองค์กรในครั้งนี้ ทาให้ได้ดชั นดี ลุ ยภาพเชิงวชิ าการ สาหรับการจัดการคุณภาพการศึกษาโรงเรียน มาตรฐานสากล ซึ่งมีดัชนมี วลรวม เท่ากับ 1.00 ประกอบด้วย 3 มติ ิ คือ มมุ มองด้านผู้มสี ่วนได้ส่วนเสียทางวิชาการ ซึง่ มีดชั นีเฉพาะ = 0.333 มคี ่านา้ หนักเฉพาะของตวั ชีว้ ดั ผลการปฏบิ ตั งิ าน คือ คุณลักษณะของผู้เรียน (0.300) ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียน (0.280) อัตราการเรียนต่อในระดบั อุดมศึกษา (0.230) อัตราการเพม่ิ ของรางวลั แข่งขัน ทกั ษะวชิ าการระดับชาติ (0.190) มุมมองด้านการจัดโปรแกรมการศึกษา การเสริมสร้างเครอื ขา่ ยรวมถึงกระบวนการ จดั สรรทนุ การศึกษา ซึ่งมีดชั นีเฉพาะ = 0.333 มคี ่านา้ หนกั เฉพาะของตวั ช้วี ดั ผลการปฏบิ ัตงิ าน คือ การเรียนรู้โดย อาศยั โครงการวิจัยเป็นฐาน (0.350) การเสริมสร้างเครอื ขา่ ยทางการศกึ ษา (0.250) การใชส้ ่อื นวตั กรรม และ เทคโนโลยเี พอ่ื เป็นเครอ่ื งมือในการเรียนรู้ (0.250) กระบวนการจัดสรรทนุ (0.150) และมมุ มองด้านการเรียนรู้และการ พัฒนาศักยภาพของบุคลากรในองคก์ ร ซึ่งมีดชั นีเฉพาะ = 0.333 มคี ่านา้ หนักเฉพาะของตวั ชีว้ ดั ผลการปฏบิ ตั งิ าน คือ ผลงานเชงิ วชิ าการของครูผู้สอน (0.300) การพัฒนาตนเอง (0.250) บุคลากรสามารถแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ประสบการณ์ ในการจัดการเรียนการสอนในประเทศและนานาชาติ (0.250) ความผกู พันของบคุ ลากรที่มีต่อองคก์ ร (0.200) 2. ตรวจสอบความตรงของแบบจาลอง ซึง่ ผู้วิจัยได้ดัชนดี ลุ ยภาพเชงิ วชิ าการ สาหรบั การจัดการคณุ ภาพทางวิชาการในโรงเรียนมาตรฐานสากล ที่ผู้เชย่ี วชาญและผู้ทรงคุณวุฒใิ ห้คา่ น้าหนักในแต่ละตวั ช้วี ดั แลว้ ผู้วิจยั ไดค้ านวณหาดัชนดี ลุ ยภาพเชงิ วชิ าการ สาหรบั

270 การจดั การคณุ ภาพทางวิชาการโรงเรียนแก้งคร้อวทิ ยา เปรียบเทียบ เพือ่ ดคู ณุ ภาพการศึกษา และเปน็ การตรวจสอบ ความตรงตามสภาพจรงิ ของโรงเรียนแก้งคร้อวทิ ยา ดังน้ี ดชั นมี วลรวม (Composite Index) ของโรงเรียนแก้งคร้อ วทิ ยา เท่ากับ 0.872 แสดงวา่ คณุ ภาพการจัดการศึกษาของโรงเรียนแก้งคร้อวทิ ยามคี ณุ ภาพระดบั สงู มาก และให้ ความสาคัญมากทีส่ ดุ คือ มุมมองด้านการเรียนรู้และการพฒั นาศักยภาพของบคุ ลากรในองคก์ ร (ดชั นเี ฉพาะ = 0.277) รองลงมามมุ มองด้านการจัดโปรแกรมการศึกษา การเสริมสร้างเครอื ขา่ ย รวมถึงกระบวนการจดั สรร ทนุ การศึกษา (ดัชนเี ฉพาะ = 0.253) และมมุ มองดา้ นผู้มีสว่ นได้ส่วนเสียทางวิชาการ (ดัชนเี ฉพาะ = 0.230) เมอ่ื พิจารณาตวั ช้วี ดั การวดั ผลการปฏบิ ตั งิ าน มมุ มองด้านผู้มีสว่ นได้สว่ นเสียทางวิชาการผู้เชย่ี วชาญและผลการ ดาเนนิ งานของโรงเรียนแก้งคร้อวทิ ยาให้ความสาคญั ตรงกนั คือคณุ ลักษณะของผู้เรียน และผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียน เป็นลาดบั รองลงมา มมุ มองด้านการจัดโปรแกรมการศึกษา การเสริมสร้างเครอื ขา่ ยรวมถึงกระบวนการจดั สรร ทุนการศึกษา ผู้เช่ยี วชาญและผลการดาเนนิ งานของโรงเรียนแก้งคร้อวทิ ยาให้ความสาคญั ตรงกนั คอื การเรียนรู้โดย อาศยั โครงการวิจยั เปน็ ฐาน และการเสริมสร้างเครอื ขา่ ยทางการศกึ ษา เปน็ ลาดบั รองลงมา มมุ มองด้านการเรียนรู้ และการพฒั นาศกั ยภาพของบคุ ลากรในองคก์ ร ผู้เชย่ี วชาญใหค้ วามสาคญั ของผลงานเชงิ วชิ าการของครผู ู้สอน และการพัฒนาตนเอง เป็นลาดับรองลงมา แต่ผลการดาเนนิ งานของโรงเรียนแก้งคร้อวทิ ยาให้ความสาคัญการพฒั นา ตนเอง ส่วนผลงานเชงิ วชิ าการของครผู ู้สอนเป็นลาดบั รองลงมา อภปิ รายผลการวิจัย การดาเนนิ งานวิจัยและพัฒนา กรณโี รงเรียนแก้งคร้อวทิ ยา อาเภอแก้งคร้อ จงั หวดั ชัยภมู ิ ผู้วจิ ยั ได้ ประยุกตใ์ ชห้ ลักการดุลยภาพเชงิ วชิ าการร่วมกบั ระบบการจดั การคุณภาพท่วั ทั้งองค์กร เพือ่ พฒั นาคณุ ภาพการศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากล กระบวนการดาเนนิ งานต่างๆ เป็นสง่ิ ทีช่ ่วยสง่ เสริมให้เกิดบรรยากาศแหง่ การเรียนรู้ในองคก์ ร มกี ารทางานเป็นทีม รวมทั้งสง่ ผลให้วิสัยทัศน์ขององคก์ รมีความชัดเจนในประเด็นของเป้าหมายทีเ่ กิดจากการร่วม วางแผน ร่วมคิด รว่ มปฏบิ ัติ เพื่อพฒั นาคน พฒั นางาน พัฒนาองคก์ ร โดยการสนับสนนุ ของผบู้ ริหาร คณะกรรมการ สถานศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน ชุมชนทีเ่ ล็งเหน็ ความสาคญั ของการจัดระบบการเรียนรู้ในโรงเรียนมาตรฐานสากลโดยใช้ วธิ ีการแลกเปลีย่ นเรียนรู้ สร้างเครอื ขา่ ยทางการศกึ ษา นิเทศ กากบั ติดตามการดาเนินงาน ในระบบจดั การคณุ ภาพ โดยอาศัยกระบวนการ PDCA การทางานเปน็ ทีมในการดาเนินกิจกรรมนนั้ จะเห็นได้ว่า กระบวนการดาเนนิ งานคลา้ ยคลึงกนั เพอ่ื มุ่งความสาเร็จของโรงเรียนมาตรฐานสากลที่ให้ผู้เรียนเป็นเลิศทางวิชาการ ส่อื สารได้อยา่ งน้อย 2 ภาษา ลา้ หน้าทางความคดิ ผลิตงานอย่างสร้างสรรค์และร่วมกนั รบั ผิดชอบตอ่ สังคมโลก ซึง่ เป็นกระบวนการพฒั นาทจ่ี ะนาไปสู่การบริหารจดั การด้วยระบบคณุ ภาพโรงเรียนมาตรฐานสากล แบบจาลองช่วั คราวดัชนดี ลุ ยภาพเชงิ วชิ าการสาหรบั การจดั การคณุ ภาพการศึกษาโรงเรียนมาตรฐานสากล ที่ผู้วจิ ัยได้พฒั นาขึ้นในครั้งนี้ ไดใ้ ห้ผู้เช่ยี วชาญจากหน่วยงานภายนอก จานวน 5 ท่าน ซึ่งมีประสบการณ์ด้านการ บริหารโรงเรียน มีความรู้เกี่ยวกบั โรงเรียนมาตรฐานสากลเปน็ อยา่ งดี ในการประชุมเชงิ ปฏบิ ตั กิ ารเพ่อื ตรวจสอบความ ถกู ต้อง ความตรงของตวั ชวี้ ดั แตล่ ะมุมมองและองคป์ ระกอบการดาเนนิ งาน และปรบั ปรุงแก้ไขดชั นดี ุลยภาพเชงิ วชิ าการในแบบจาลองเชงิ สมมตไิ ด้ให้ข้อคิดเกีย่ วกับตัวชวี้ ัดการประเมินผลการทางานของโรงเรียนมาตรฐานสากล ทาให้ผู้วจิ ยั ได้แนวคดิ การคานวณหาดชั นีของตัวชวี้ ัด ที่แตกต่างจากกระบวนการในขนั้ แบบจาลองเชงิ สมมติ โดยนาข้อมลู ทีเ่ ปน็ จริงของโรงเรียนกรณีศึกษา เปน็ ฐานของการนามาคานวณคา่ น้าหนกั ของตวั ช้วี ดั ผลจากการดาเนนิ งานวิจัยและพฒั นาโดยอาศยั หลักการดชั นดี ุลยภาพเชงิ วชิ าการร่วมกบั ระบบการจัดการ คณุ ภาพทัว่ ท้ังองค์กรในคร้ังนี้ ทาให้ได้ดัชนดี ลุ ยภาพเชงิ วชิ าการสาหรับการจดั การคณุ ภาพการศกึ ษาโรงเรียน

271 มาตรฐานสากล ซึ่งมีดัชนมี วลรวม เท่ากบั 1.00 ประกอบด้วย 3 มติ ิ คือ มมุ มองด้านผู้มสี ่วนได้ส่วนเสียทางวิชาการ ซึ่งมีดชั นีเฉพาะ = 0.333 มคี ่านา้ หนกั เฉพาะของตัวชีว้ ดั ผลการปฏบิ ัตงิ าน คือ คณุ ลักษณะของผู้เรียน (0.300) ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียน (0.280) อัตราการเรียนต่อในระดบั อุดมศึกษา (0.230) อตั ราการเพ่มิ ของรางวัล แข่งขนั ทักษะวชิ าการระดับชาติ(0.190) มมุ มองด้านการจดั โปรแกรมการศึกษา การเสริมสร้างเครอื ขา่ ยรวมถึงกระบวนการ จดั สรรทุนการศึกษาซึ่งมีดัชนเี ฉพาะ = 0.333 มคี ่านา้ หนกั เฉพาะของตัวชวี้ ดั ผลการปฏบิ ตั งิ าน คือ การเรียนรู้ โดยอาศยั โครงการวจิ ัยเป็นฐาน (0.350) การเสริมสร้างเครอื ขา่ ยทางการศกึ ษา (0.250) การใชส้ ่อื นวัตกรรม และเทคโนโลยเี พ่อื เป็นเคร่อื งมือในการเรียนรู้ (0.250) กระบวนการจัดสรรทนุ (0.150) และมุมมองด้านการเรียนรู้ และการพฒั นาศกั ยภาพของบคุ ลากรในองคก์ ร ซึ่งมี ดชั นเี ฉพาะ = 0.333 มคี า่ น้าหนักเฉพาะของตัวชวี้ ัดผลการ ปฏบิ ตั งิ าน คือผลงานเชงิ วชิ าการของครูผู้สอน (0.300) การพฒั นาตนเอง (0.250) บุคลากรสามารถแลกเปลีย่ น เรียนรู้ประสบการณ์ ในการจัดการเรียนการสอนในประเทศและนานาชาติ (0.250) ความผูกพนั ของบุคลากรทีม่ ีต่อ องคก์ ร (0.200) ท่เี ปน็ เชน่ นี้เพราะโรงเรียนมาตรฐานสากลเปน็ การพัฒนาโรงเรียนชั้นนาให้มีมาตรฐานเทียบเคียง มาตรฐานสากลโดยมุ่งเนน้ ให้โรงเรียนสามารถพฒั นาหลกั สตู รและการสอนทีเ่ ทียบเคียงมาตรฐานหลักสตู รและการ สอนมงุ่ สู่สากลและบริหารจัดการดว้ ยระบบคุณภาพรวมถึงสามารถสร้างผู้เรียนให้มศี กั ยภาพเปน็ พลโลก พฒั นา คุณภาพของผู้เรียนให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้ปกครอง ชุมชนและให้ทนั ต่อสภาวการณ์โลกปัจจุบนั มปี ณิธานไวว้ า่ โรงเรียนมาตรฐานสากลสร้างคนไทยรุ่นใหม่ ให้เปน็ คนดีของสังคมโลกและวิสัยทศั น์โรงเรียน มาตรฐานสากลคือ “สร้างผู้เรียนให้มศี กั ยภาพเปน็ พลโลกด้วยหลกั สูตร การเรียนการสอนและการบริหารจดั การ คณุ ภาพ ระดับมาตรฐานสากล” ซึง่ สอดคล้องกบั O’Neil, Bensimon, Diamon และ Moore (2000) ได้ทาวิจัยที่ University of Southern California ผู้บริหารระดับสงู ได้ตระหนักถึงความจาเปน็ ดังกลา่ วและมอบหมายให้ คณะวิชาและหน่วยงานของมหาวทิ ยาลยั พฒั นาระบบเมตริก(Metric System) ข้อเสนอแนะ 1. ข้อเสนอแนะในการนาผลการวิจัยไปใช้ 1.1 โรงเรียนมาตรฐานสากลควรนาความรู้ในแบบจาลองการพฒั นาดุลยภาพเชงิ วชิ าการในโรงเรียน มาตรฐานสากลไปประยุกตใ์ ชใ้ ห้เกิดเปน็ รปู ธรรมที่ชดั เจน 1.2 สาหรบั โรงเรียนควรดาเนนิ การพฒั นาคุณภาพการศึกษา โรงเรียนมาตรฐานสากลในสถานศกึ ษา ควรมกี ารศึกษาบริบทให้ชดั เจนเพ่อื จะได้กระบวนการและผลการพัฒนาท่ตี รงกบั บริบทศกึ ษา 1.3 การประมวลผลดชั นีดลุ ยภาพเชงิ วชิ าการ ควรมกี ารเกบ็ ขอ้ มูลให้ได้ขอ้ มลู ที่ชดั เจน โดยการทดสอบ วดั ศักยภาพของนักเรียนโดยตรง โดยผู้วจิ ยั ตอ้ งลงเก็บขอ้ มลู เอง ซึง่ จะได้ขอ้ มูลที่เทีย่ งตรง 1.4 กระบวนการดาเนนิ งาน การประชมุ วเิ คราะห์วาทกรรม จากผู้ทรงคณุ วุฒิ ผู้เช่ยี วชาญ ผู้วิจยั ควรมี การเก็บขอ้ มูล จดบนั ทึก ให้เป็นระเบียบเรียบร้อย เพือ่ ง่ายตอ่ การนามาเขยี นงานวจิ ยั 2. ข้อเสนอแนะสาหรับการทาวิจยั ครั้งตอ่ ไป 2.1 ผลจากการวิจยั และพฒั นาครง้ั น้ี ทาให้ไดค้ วามรู้พนื้ ฐานเกยี่ วกับการจดั การคณุ ภาพการศกึ ษาใน มุมมองด้านผู้มสี ่วนได้สว่ นเสียทางวิชาการ มมุ มองด้านการจดั โปรแกรมการศึกษา การเสริมสร้างเครอื ขา่ ยรวมถึง กระบวนการจดั สรรทุนการศึกษา และมมุ มองด้านการเรียนรู้และการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรในองคก์ ร ขอ เสนอแนะสาหรบั นกั วจิ ยั หรือคณะวิจยั ทีจ่ ะดาเนินงานวจิ ัยและพัฒนาต่อไปภายหนา้ ควรพจิ ารณามุมมองด้านการเงิน

272 และการบริหารงบประมาณเขา้ มารว่ มในการศึกษา เพ่อื ที่จะไดพ้ ฒั นาตวั ชวี้ ดั สาหรับมมุ มองด้านนใี้ ห้เกิดความโปร่งใส และเปน็ การบริหารจัดการที่มีความสมดลุ เป็นไปอยา่ งถ้วนทว่ั 2.2 ควรนาผลการศึกษาวิจัยติดตามความคงทนยัง่ ยนื ของประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการ ประยกุ ตใ์ ชด้ ชั นดี ุลยภาพเชงิ วชิ าการในลกั ษณะการประเมินโครงการเพ่อื ติดตามกระบวนการดาเนนิ งานและผลการ ดาเนนิ โครงการ เอกสารอา้ งองิ ธีระ รญุ เจรญิ . (2550). ความเปน็ มอื อาชพี ในการจดั และบริหารการศึกษายุคปฏริ ูปการศึกษา. (พิมพค์ รง้ั ที่ 4). กรุงเทพฯ : เอ็กซเปอร์เน็ท. นวรัตน์ รามสตู และบัลลงั ก์ โรหติ เสถียร. (2556). ผลประเมิน PISA 2012. ค้นเม่อื วันที่ 20 ธนั วาคม 2556, จากhttp://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php? NewsID=34982&Key=news_act บรรจง จันททาศ. (2542). การบริหารคุณภาพ ISO 9200. ฉบบั ปรับปรงุ . พิมพค์ รงั้ ที่ 12. กรงุ เทพฯ : ส.เอเชยี เพรช. สานกั นายกรัฐมนตรี, สานกั งานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสงั คมแหง่ ชาติ. (2555). สรปุ สาระสาคญั แผนพฒั นาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบบั ที่ 11 (พ.ศ. 2555–2559). กรงุ เทพฯ : กรงุ เทพมหานคร: ว.ี เจ. พร้นิ ต้งิ . สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาแหง่ ชาติ. (2553). พระราชบัญญัติการศกึ ษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2542 แก้ไขเพิ่มเตมิ ฉบบั ที่ 3 พ.ศ. 2553. กรงุ เทพฯ : พริกหวานกราฟฟิค. O’Neil, H., Bensimon, E., Diamond, M. and Moore, M. (2000). Designing and Implementing an Academic Scorecard. Edited by Jan R Williams and Craig E. Polhemus. Accounting Education News. American Accounting Association. Summer. Retrieved May 23 2014, from http://aaahq.org/facdev/teaching/aen/summer00/fd01.htm. Reimers, F. M. (2009).’Teaching for the 21st Century : Leading for Global Competency” Educational Leadership. September. 2009. Vol.67.No1. Sallis, E. (1993). Total Quality Management in Education. London : Kogan Page. Sen Amartya. (2010). Human Development Index. Retrieved May 23 2014, from http://en.wikipedia.org/wiki/Human_Development_Index. The Ohio State University. (2003). The Academic Scorecard. Retrieved 1 March 2014, from www.osu.edu/academicplan/scorecard.html.

273 ปัญหาและแนวทางการพัฒนาการบริหารงานวชิ าการในโรงเรยี น สงั กดั สานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชัยภมู ิ เขต 1 Problems and Guidelines for Developing Academic Affairs Administration in the Schools under Chaiyaphum Primary Educational Service Area Office 1 อมุ าภรณ์ คาจันทน์* ดร.สิริศักดิ์ อาจวิชยั ** บทคดั ยอ่ การวจิ ัยครั้งนมี้ วี ตั ถุประสงค์เพ่อื 1) ศกึ ษาระดบั ปัญหาการบริหารงานวชิ าการโรงเรียนประถมศึกษา สังกดั สานักงานเขตพ้ืนทีก่ ารศึกษาประถมศึกษาชยั ภมู ิ เขต 1 ตามความคิดเหน็ ของข้าราชการครู 2) เปรียบเทียบ ความคิดเห็นของข้าราชการครตู อ่ ระดบั ปัญหาการบริหารงานวชิ าการในโรงเรียนสงั กดั สานกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษา ประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 1 จาแนกตาม ตาแหนง่ หนา้ ท่ี และ 3) ศกึ ษาข้อเสนอแนะสาหรับการพฒั นาการบริหารงาน วชิ าการในโรงเรียนสงั กดั สานกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษาประถมศึกษาชยั ภมู ิ เขต 1 กลุ่มตวั อยา่ งที่ใชใ้ นการวิจัย คือ ข้าราชการครใู นโรงเรียนสงั กัดสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาชยั ภูมิ เขต 1 ปีการศึกษา 2560 ใน 240 โรงเรียน จานวนท้ังหมด 466 คน จาแนกเปน็ ผู้บริหาร 144 คน และครผู ู้สอน 322 คน ได้จากการกาหนด ขนาดกลมุ่ ตัวอย่างโดยใชต้ ารางสาเรจ็ รูปของเครซีม่ อร์แกนแล้วทาการสุ่มอย่างง่าย เครื่องมอื ที่ใชเ้ กบ็ ขอ้ มูลแบ่งเป็น 2 ฉบบั ได้แก่ 1) แบบสอบถามทีผ่ ู้วจิ ยั สร้างขนึ้ มลี ักษณะเปน็ แบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ มคี ่าอานาจจาแนก ตง้ั แต่ .534 - .867 คา่ ความเชอื่ มั่น .979 และ 2) แบบสมั ภาษณ์แบบมโี ครงสร้าง สถิตทิ ี่ใชใ้ นการวเิ คราะห์ขอ้ มลู ประกอบด้วย ความถี่ รอ้ ยละ คา่ เฉล่ยี และค่าส่วนเบีย่ งเบนมาตรฐาน และการทดสอบสมมติฐานการวจิ ัยโดยใช้ t-test แบบ Independent Samples ส่วนขอ้ มูลจากการสัมภาษณ์ใชว้ ธิ ีวิเคราะห์เน้ือหา (Content Analysis) ผลการวจิ ยั พบวา่ 1. ข้าราชการครูมคี วามคิดเห็นตอ่ ปัญหาการบริหารงานวชิ าการในโรงเรียนสงั กดั สานักงานเขตพ้ืนที่ การศึกษาประถมศึกษาชยั ภมู ิ เขต 1 โดยภาพรวมอยใู่ นระดบั มาก เมอ่ื พิจารณารายดา้ น พบว่า ด้านทีม่ ีคา่ เฉลย่ี สูงสุด คือ ด้านการวัดผล ประเมินผลและเทียบโอนผลการเรียน รองลงมา ได้แก่ ด้านการพัฒนาหลกั สูตรสถานศกึ ษา ด้านการพัฒนาระบบประกนั คุณภาพภายในสถานศกึ ษา และด้านการวจิ ัยเพอ่ื พฒั นาคณุ ภาพการศึกษา ตามลาดับ 2. ผลการเปรียบเทียบความคิดเห็นของข้าราชการครตู ่อระดบั ปัญหาการบริหารงานวชิ าการในโรงเรียน สงั กัดสานกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 1 จาแนกตามตาแหนง่ หนา้ ท่ี โดยภาพรวมไม่แตกต่างกนั 3. ข้อเสนอแนะเพ่อื พัฒนาการบริหารงานวชิ าการในโรงเรียนสังกดั สานกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษา ประถมศึกษาชัยภมู ิ เขต 1 ที่สาคัญคือ ควรจัดอบรมให้ความรู้ครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษาในการจัดทาหลักสตู ร สถานศกึ ษาเพอ่ื เป็นการพฒั นาหลกั สูตรให้มีประสิทธิภาพ ควรอบรมพัฒนาให้ความรู้แกค่ รูผู้สอนด้านการวดั ผล ประเมินผลเพ่อื พัฒนารูปแบบให้เปน็ ไปในแนวทางเดียวกัน สร้างเครอ่ื งมือเพอ่ื ความหลากหลาย และควรใหผ้ ู้ปกครอง มสี ่วนร่วมในการวัดและประเมินผลดว้ ย เพือ่ จะไดข้ ้อมูลทีเ่ ปน็ จริง ผู้บริหารจัดอบรมให้ครูผู้สอนเพ่อื ให้เห็นความ สาคญั ของ การวจิ ัยเพ่อื พัฒนาการศึกษา เนน้ การนาปญั หาที่เกิดจากสภาพจรงิ มาแก้ปญั หา โดยใชว้ ธิ ีการต่างๆ คาสาคญั : การบรหิ ารงานวิชาการ, ข้าราชการครู *ครศุ าสตรมหาบณั ฑิต สาขาวิชาการบรหิ ารการศึกษา มหาวิทยาลยั ราชภฏั ชัยภูมิ **กรรมการบรหิ ารหลักสตู รครุศาสตรมหาบณั ฑิต สาขาวิชาวิจัยและประเมินผลการศึกษา มหาวิทยาลยั ราชภฏั ชยั ภมู ิ

274 เพอ่ื พฒั นาคณุ ภาพ การศึกษา ผู้บริหารควรส่งเสริมสนับสนนุ ให้ครูผู้สอนจดั ทาและพัฒนาสือ่ ให้มีความหลากหลาย ทนั สมยั มกี ารใช้สอ่ื และเทคโนโลยเี พ่มิ มากขึน้ เพ่อื ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสดุ แกผ่ ู้เรียน ผู้บริหารตอ้ งศึกษาหลกั วธิ ีการ และสร้างความเข้าใจแกค่ รผู ู้สอนให้ตระหนักถึงความสาคญั ของการนเิ ทศการศกึ ษา ควรจดั อบรมเพ่อื ให้ครผู ู้สอนมี ความเข้าใจในสว่ นงานประกนั คณุ ภาพภายในสถานศกึ ษา ใหค้ รูทุกคนมีส่วนร่วมในการดาเนนิ การประกนั คณุ ภาพ ภายใน เพือ่ การปรบั ปรุงพฒั นาคณุ ภาพการศึกษา ABSTRACT This research aimed: 1) to study the level of the problems of the Academic Affairs administration in the schools under Chaiyaphum Primary Educational Service Area Office 1 (CPM PESAO1) towards the teachers’ opinions, 2) to compare the opinions of the teachers towards the problems of the Academic Affairs administration in the schools under CPM PESAO1 classified by the position, and 3) to study the guidelines for developing the problems of the Academic Affairs administration in the schools under CPM PESAO1. The samples were the school administrators from 240 schools under CPM PESAO1 in the academic year 2017. They were 144 school administrators and 322 teachers. The sample size was determined according to Krejcie and Morgan’s tables with the total number of 466. The research instruments for collecting the data were the 5-rating scale questionnaires conducted by the researcher with the discrimination range between .534-.867 and the reliability of .979 and the structured interview. The statistics were frequency, percentage, mean, and standard deviation. The hypothesis was tested by using t-test (Independent Samples) and the content analysis was employed for analyzing the interview data. The research results were as follows: 1. Teachers had the opinions on the problems of the Academic Affairs administration in the schools under CPM PESAO1 overall was at a high level. When considering each aspect, it was found that the highest mean scores were the measurement and evaluation and transfer of credits. It was followed by the aspect of school-based curriculum development, school internal assurance system, and the research for developing education, respectively. 2. The result of the comparison of the teachers’ opinions towards the level of the Academic Affairs administration in the schools under CPM PESAO1 classified by the positions as a whole was not different. 3. The guidelines for developing the Academic Affairs administration in the schools under CPM PESAO1 were: The school administrators should organize the training on school-based curriculum development in order to develop the effective curriculum. They should provide the training on the measurement and evaluation for the teachers so that they get the same concept including they are able to conduct the various assessment tools and they should collaborate with the guardians in the measurement and evaluation in concerning of the fact data. They should promote the training course for the teachers based on the research for developing education concerning the various methods in solving the problems. They should encourage the teachers to produce and develop the various types of modern media, promote the teachers to increase using media and technology to maximize the learners’ effectiveness. The school directors must know the principles, methods and

275 how to create the understanding for the teachers to realize the importance of the supervision. And the school directors should provide the training for the teachers based on the school internal assurance to make them participate in the process. Keywords : Academic Leadership School of Management ภมู หิ ลงั องคป์ ระกอบสาคญั ทีจ่ ะชว่ ยพฒั นาคุณภาพการศึกษาและคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ให้สอดคล้องกับการ พัฒนาเยาวชนไทยแห่งยุคศตวรรษที่ 21 คือ การบริหารงานวชิ าการในโรงเรียนการบริหารงานวชิ าการเป็นงานบริหาร ที่มีความสาคัญเป็นอนั ดับแรกของการบริหารงานทั้งหมด จะเหน็ วา่ ผู้บริหารตอ้ งสนใจ สนบั สนุน และปฏบิ ัตงิ านดา้ น วชิ าการซึง่ เกือบเปน็ ครึ่งหนึ่งของการบริหารการศึกษา (Smith, 1961 อา้ งถึงใน ปรียาพร วงศ์อนตุ รโรจน์, 2546, หนา้ 1) สอดคล้องกบั แนวคิดของ สันติ บญุ ภริ มย์ (2552, หนา้ 22) ทีก่ ลา่ วว่า การบริหารงานวชิ าการของโรงเรียน เปน็ การบริหารจัดการกิจกรรมทุกชนิด ทุกประเภทที่เกี่ยวกบั การเรียนการสอน ซึง่ มีอิทธิพลอยา่ งมากต่อการบริหาร โรงเรียน เปรียบเหมอื นเส้นเลอื ดใหญ่ไปหลอ่ เลยี้ งหัวใจ การบริหารจึงเป็นกิจกรรมที่สาคญั ที่สุดของการบริหารงาน วชิ าการทีจ่ ะทาให้งานวชิ าการเกิดพลวัตอยตู่ ลอดเวลา ส่งผลตอ่ ประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และคณุ ภาพของ การศึกษา งานวชิ าการเปน็ งานหลักหรอื เปน็ ภารกิจหลักของสถานศกึ ษาทีพ่ ระราชบัญญัติการศกึ ษาแหง่ ชาติ พุทธศกั ราช 2542 และทีแ่ กไ้ ขเพ่มิ เตมิ (ฉบบั ที่ 2) พ.ศ. 2545 มงุ่ ให้มีการกระจายอานาจในการบริหารจัดการไปสู่ สถานศกึ ษาและเขตพ้นื ที่การศกึ ษาให้มากทส่ี ดุ โดยมีเจตนารมณท์ ี่จะให้สถานศึกษาดาเนินการได้โดยอิสระคล่องตัว รวดเรว็ สอดคลอ้ งกับความตอ้ งการของผู้เรียนสถานศึกษา ชมุ ชนและท้องถิ่น และการมสี ่วนรว่ มจากผู้มสี ่วนได้เสีย ทกุ ฝ่าย ซงึ่ เปน็ ปจั จยั สาคญั สาคญั ให้สถานศกึ ษามคี วามเข้มแข็งในการบริหารและการจดั การ สามารถพฒั นา หลกั สูตรและกระบวนการเรียนการสอน ตลอดจนการวัดผลประเมินผล รวมทั้ง การจดั ปจั จยั เกือ้ หนนุ การพัฒนา ควบคุมการเรียนการสอนชุมชนท้องถิ่นได้อยา่ งมีคณุ ภาพและประสิทธิภาพ (กระทรวงศึกษาธกิ าร, 2546, หนา้ 35) การบริหารงานวชิ าการนั้นเปน็ งานที่เกี่ยวข้องกบั กจิ กรรมทุกชนิดในโรงเรียน โดยเฉพาะเกี่ยวกบั การ ปรบั ปรงุ คุณภาพการเรียนการสอน ซึ่งเปน็ จดุ มงุ่ หมายหลกั ของสถานศกึ ษาและเป็นเคร่อื งมือวดั ความสาเรจ็ ความสามารถของผู้บริหาร การบริหารงานวชิ าการจึงเปน็ กระบวนการบริหารกิจกรรมทุกอย่างในการปรบั ปรุงการ เรียนการสอนให้ดีข้นึ ต้ังแต่การกาหนดนโยบาย การวางแผนการปรับปรุงการเรียนการสอน การประเมินผลการสอน เพอ่ื ให้เป็นไปตามจุดหมายของหลกั สตู ร จุดมงุ่ หมายของการศึกษา เพ่อื ให้เกิดประโยชนส์ งู สุดกบั ผู้เรียน (ปรียาพร วงศอ์ นตุ รโรจน์, 2535, หนา้ 16) โรงเรียนในสังกดั สานักงานเขตพ้ืนทีก่ ารศึกษาประถมศึกษาชยั ภูมิ เขต 1 ได้ใหค้ วามสาคัญต่อการบริหาร งานวชิ าการ ดงั เห็นไดจ้ ากกลยทุ ธ์ที่ มงุ่ พัฒนาคณุ ภาพและมาตรฐานการศึกษาทุกระดบั ตามหลกั สตู รและส่งเสริม ความสามารถดา้ นเทคโนโลยเี พอ่ื เป็นเครอ่ื งมือในการเรียนรู้ ปลูกฝงั คุณธรรม ความสานึกในความเป็นชาติไทย และวิถชี วี ติ ตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ขยายโอกาสทางการศกึ ษาให้ท่วั ถึง ครอบคลมุ ผู้เรียนได้รบั โอกาส ในการพัฒนาเต็มตามศักยภาพ พัฒนาครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษาทงั้ ระบบ ให้สามารถจัดการเรียนการสอน ได้อยา่ งมีคณุ ภาพ และพฒั นาประสิทธิภาพการบริหารจดั การศกึ ษา เน้นการมสี ่วนร่วมจากทุกภาคส่วน (สานักงาน เขตพ้นื ที่การศึกษาประถมศึกษบาชัยภูมิ เขต 1)

276 นอกจากนี้สานกั งานเขตพ้ืนทีก่ ารศกึ ษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 1 ยังให้ความสาคญั ต่อการบริหารงาน วชิ าการเหน็ ได้จากสถานศกึ ษาตอ้ งมีระบบประกนั คุณภาพภายในทีอ่ ยใู่ นระดบั มาตรฐานของสานักงานเขตพ้นื ที่ การศึกษา ผา่ นการรบั รองจากสานกั งานรับรองมาตรฐานและประเมินคณุ ภาพการศึกษา (องคก์ ารมหาชน) โดยสานกั งานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษาประถมศึกษาชยั ภูมิ เขต 1 คอยกากับ ประสาน ส่งเสริมการจดั การศึกษา และมีสถานศกึ ษาในสังกัดเปน็ หน่วยปฏบิ ตั กิ ารในการจดั การศกึ ษา เพ่อื ให้ภารกิจสามารถตอบสนองสภาพปญั หาและ รองรบั การขับเคลื่อนนโยบายของรฐั บาล กระทรวง ศกึ ษาธิการ และสานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพนื้ ฐานได้ สาเรจ็ ตามเป้าหมายจากกลยุทธ์และจดุ เนน้ ในโรงเรียนสังกัดสานกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษาประถมศึกษาชยั ภมู ิ เขต 1 จากการศกึ ษาเบือ้ งต้นพบวา่ คณุ ภาพผู้เรียนของโรงเรียนสงั กดั สานกั งานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษาประถมศึกษา ชัยภูมิ เขต 1 โดยติดตามผลการทดสอบทางการศกึ ษาระดับชาติขนั้ พนื้ ฐาน (Ordinary National Education Test : O-Net) ของนกั เรียนปีการศึกษา 2559 เม่อื พิจารณาตามเกณฑ์ระดับคณุ ภาพของจานวนนักเรียน ผลคะแนนในระดับ เขตพ้นื ทีม่ ีผลคะแนนลดลงจากปีการศึกษา 2558 ดงั นน้ั โดรงเรียนและหน่วยงานที่เกีย่ วข้องจึงควรพัฒนาผลคะแนน สอบให้มีผลการทดสอบการศึกษาระดับชาติขนั้ พืน้ ฐานสูงขึน้ (สานักงานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษาประถมศึกษา เขต 1, 2559, ออนไลน์) ปญั หาทส่ี าคัญท่กี ่อให้เกิดสภาพดังกลา่ ว คือ ปัญหาอปุ สรรคและความต้องการเกี่ยวกบั การบริหารงาน วชิ าการ คือ การใชห้ ลกั สูตรสถานศกึ ษาไม่สอดคล้องกบั สภาพโรงเรียนและท้องถิ่น เนอ่ื งจากสว่ นใหญ่ครูยงั ยึดติดกบั แนวคิดแบบเดิม ภาระงานมมี ากทาให้ไมส่ ามารถบริหารงานดา้ นวชิ าการได้เตม็ ที่ ครสู ่วนใหญย่ ังใชว้ ธิ ีการสอน แบบเดิม ไมป่ รบั เปลี่ยนพฤตกิ รรมการเรียนการสอนที่เนน้ นกั เรียนเป็นสาคัญ มุ่งเนน้ ให้มสี ่วนกลางในการจดั ทา หลักสตู รให้เหมาะสมกบั สภาพของโรงเรียน เพือ่ ให้นักเรียนสามารถนาไปใชไ้ ด้อยา่ งมีประสิทธิภาพและเหมาะสมกับ สภาพของโรงเรียน ปรบั ปรุงหลักสูตรและแผนการจดั การเรียนรู้ให้เป็นแนวทางเดียวกนั หลกั สูตรไมม่ คี วามตอ่ เน่อื ง ระหว่างโรงเรียน งานและเอกสารทีเ่ กี่ยวข้องกบั การวดั ผลประเมินผลมมี ากเกินไปและการวดั ผลแต่ละโรงเรียนมี มาตรฐานแตกต่างกัน ภาระงานมาก ครูบางส่วนไมป่ รับพฤตกิ รรม ขาดแคลนครู ขาดบุคลากรสนบั สนนุ การเรียน การสอน และแหล่งเรียนรู้ งบประมาณไมเ่ พยี งพอ ภาระหนสี้ ิน และไมใ่ ชส้ อ่ื การสอน ขาดการวจิ ัยเพ่อื พฒั นาคุณภาพ การศึกษา ซึง่ ปัญหาดังกล่าวสง่ ผลให้ครขู าดประสิทธิภาพในการปฏบิ ตั งิ าน จากสภาพและปัญหาดงั กล่าว ผู้วิจัยจึง สนใจทีจ่ ะศกึ ษาปัญหาและแนวทางการพัฒนาการบริหารงานวชิ าการในโรงเรียนสังกดั สานักงานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษา ประถมศึกษาชัยภมู ิ เขต 1 เพ่อื นาผลการวจิ ัยไปเปน็ แนวทางในการพฒั นาและปรับปรุงการปฏบิ ัตงิ านวชิ าการให้มี ประสิทธิภาพมากยิง่ ข้นึ (สานกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 1 แผนปฏิบตั กิ ารประจาปกี ารศึกษา, 2558, หนา้ 7) คาถามการวิจยั 1. ปัญหาการบริหารงานวชิ าการในโรงเรียนสังกัดสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาชัยภมู ิ เขต 1 ตามความคิดเหน็ ของข้าราชการครูอยู่ในระดับใด 2. ความคิดเห็นของข้าราชการครตู อ่ ปัญหาการบริหารงานวชิ าการในโรงเรียนสงั กดั สานักงานเขตพ้นื ที่ การศึกษาประถมศึกษาชยั ภูมิ เขต 1 จาแนกตามตาแหนง่ หนา้ ท่ี แตกต่างกันหรือไม่ 3. ข้อเสนอแนะสาหรับการพฒั นาการบริหารงานวชิ าการในโรงเรียนสังกดั สานักงานเขตพ้นื ที่การศึกประถม ศกึ ษาชยั ภมู ิ เขต 1 มอี ะไรบ้าง

277 ความมงุ่ หมายของการวิจยั 1. เพอ่ื ศึกษาระดับปัญหาการบริหารงานวชิ าการในโรงเรียนสังกดั สานักงานเขตพ้นื ที่การศึกษาประถมศึกษา ชยั ภมู ิ เขต 1 ตามความคิดเหน็ ของขา้ ราชการครู 2. เพ่อื เปรียบเทียบความคิดเห็นของข้าราชการครตู อ่ ปัญหาการบริหารงานวชิ าการในโรงเรียนสงั กดั สานักงานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษาประถมศึกษาชัยภมู ิ เขต 1 จาแนกตามตาแหน่งหน้าที่ 3. เพอ่ื ศึกษาข้อเสนอแนะสาหรับการพัฒนาการบริหารงานวชิ าการในโรงเรียนสังกัดสานักงานเขตพ้นื ที่ การศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 1 กรอบแนวคดิ ในการวิจยั การศึกษาค้นควา้ ครง้ั น้ี ผู้วิจัยมงุ่ ศกึ ษาปัญหาและแนวทางการพฒั นางานวิชาการในโรงเรียนสงั กัดสานกั งาน เขตพ้นื ทีก่ ารศึกษาประถมศึกษาชยั ภมู ิ เขต 1 ตามโครงสร้างการบริหารงานวชิ าการของสานกั งานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษา ประถมศึกษาชยั ภูมิ เขต 1 ดงั ภาพประกอบที่ 1 ตัวแปรต้น ตัวแปรตาม ตาแหนง่ หนา้ ท่ี ได้แก่ ปัญหาการบรหิ ารงานวิชาการตามขอบขา่ ยการบรหิ ารงานวิชาการ 6 ดา้ น 1. ผู้บริหาร 1. การพัฒนาหลักสตู รของสถานศึกษา 2. ครผู ู้สอน 2. การวดั ผล ประเมินผลและเทยี บโอนผลการเรียน 3. การวจิ ัยเพอ่ื พัฒนาคณุ ภาพการศึกษา 4. การพฒั นาสอ่ื นวัตกรรมและเทคโนโลยกี ารศึกษา 5. การนเิ ทศการศกึ ษา 6. การพัฒนาระบบประกนั คณุ ภาพภายในการศึกษา ข้อเสนอแนะการพัฒนาการบริหารงานวชิ าการในโรงเรียนสังกัดสานกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ ภาพประกอบ 1 กรอเขบตแน1วคิดในการวิจัย วิธีการดาเนินการวิจัย ประชากรและกลมุ่ ตวั อยา่ ง 1. ประชากร ได้แก่ ผู้บริหารและครผู ู้สอนในโรงเรียนสังกดั สานกั งานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษาประถมศึกษา ชยั ภูมิ เขต 1 ปีการศึกษา 2560 ใน 240 โรงเรียน จานวนท้ังหมด 2,713 คน จาแนกเปน็ ผู้บริหาร 223 คน และครูผู้สอน 1,950 คน รวมทั้งหมด 2,713 คน 2. กลุ่มตัวอยา่ ง ได้แก่ ผู้บริหารและครูผู้สอนในโรงเรียนสังกัดสานักงานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษาประถมศึกษา ชัยภมู ิ เขต 1 ปีการศึกษา 2560 จานวน 466 คน ได้มาจากการกาหนดขนาดโดยใชต้ ารางสาเรจ็ รูปของเครซี่ และมอร์แกน แลว้ ทาการสุ่มอยา่ งง่าย

278 เครือ่ งมอื ทใี่ ชใ้ นการเกบ็ รวบรวมข้อมูล การวจิ ัยในครงั้ น้ผี ู้วจิ ยั ได้จดั ทาเครือ่ งมอื การวิจัยไว้ 2 ประเภท ดงั นี้ 1. แบบสอบถามการบริหารงานวชิ าการในโรงเรียนสังกดั สานักงานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษาประถมศึกษา ชัยภมู ิ เขต 1 จานวน 3 ตอน ไดแ้ ก่ ตอนที่ 1 ตาแหนง่ หนา้ ทก่ี ารปฏบิ ตั งิ านของผู้ตอบแบบสอบถาม ประกอบด้วย ผู้บริหารและครผู ู้สอน ตอนที่ 2 ความคิดเหน็ ของข้าราชการครูทีม่ ีต่อปัญหาการบริหารงานวชิ าการของข้าราชการครู ในโรงเรียนสงั กัดสานกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 1 มลี ักษณะเป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ และมคี ่าอานาจจาแนกตง้ั แต่ .534 - .867 คา่ ความเชอื่ มัน่ เท่ากบั .979 และตอนที่ 3 ข้อเสนอแนะสาหรับ การพฒั นาการบริหารงานวชิ าการของข้าราชการครูในโรงเรียนสังกัดสานักงานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 1 มลี กั ษณะเป็นแบบปลายเปิด (Open Ended) 2. แบบสมั ภาษณแ์ บบมโี ครงสร้าง เพ่อื ศึกษาข้อเสนอแนะในการพฒั นาการบริหารงานวชิ าการ ในโรงเรียนสงั กัดสานกั งานเขตพ้ืนทีก่ ารศึกษาประถมศึกษา เขต 1 ตามกรอบแนวคิดการวิจัย การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู 1. แบบสอบถาม ผู้วิจยั นาแบบสอบถามพร้อมสาเนาหนังสืออนญุ าตถึงผู้บริหารและครูผู้สอนในโรงเรียน สังกดั สานักงานเขตพ้นื ที่การศึกษาประถมศึกษาชยั ภูมิ เขต 1 ทางไปรษณีย์และด้วยตนเอง 2. แบบสัมภาษณแ์ บบมโี ครงสร้าง ผู้วจิ ัยดาเนนิ การสมั ภาษณผ์ ทู้ รงคุณวฒุ ิ จานวน 9 คน ประกอบด้วย ผู้อานวยการสานกั งานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 1 หรือผู้แทน ผู้บริหารสถานศกึ ษา และครผู ู้สอน สถิตทิ ใี่ ช้ในการวิเคราะหข์ อ้ มลู 1) สถิตทิ ีใ่ ชใ้ นการหาคณุ ภาพเครื่องมอื ได้แก่ คา่ อานาจจาแนกและค่าความเชือ่ ม่ัน 2) สถิตพิ ้ืนฐาน ได้แก่ การแจกแจงความถี่ (Frequency) ค่าร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย (Mean) และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard devitation) 3) สถิตทิ ใี่ ชท้ ดสอบสมมติฐานใช้ คา่ t-test (Independent Samples) 4) ข้อมูลจากการ สมั ภาษณ์ นามาจัดหมวดหมตู่ ามกรอบแนวคิดในการวจิ ยั โดยทาการวเิ คราะห์เน้อื หา แลว้ นาเสนอในพรรณนา วเิ คราะห์ (Description Analysis) สรปุ ผลการวิจัย 1. ข้าราชการครมู คี วามคิดเห็นตอ่ ปญั หาการบริหารงานวชิ าการในโรงเรียนสังกัดสานักงานเขตพ้ืนที่ การศึกษาประถมศึกษาชัยภมู ิ เขต 1 โดยภาพรวมอยใู่ นระดบั มาก เมอ่ื พิจารณารายดา้ น พบว่า ด้านทีม่ ีคา่ เฉล่ยี สงู สดุ คือ ด้านการวัดผล ประเมินผลและเทียบโอนผลการเรียน รองลงมา ได้แก่ ด้านการพฒั นาหลกั สูตรสถานศกึ ษา ด้านการพฒั นาระบบประกนั คณุ ภาพภายในสถานศกึ ษา และด้านการวจิ ัยเพ่อื พัฒนาคุณภาพการศึกษา ตามลาดบั 2. ผลการเปรียบเทียบความคิดเหน็ ของข้าราชการครูตอ่ ระดับปัญหาการบริหารงานวชิ าการในโรงเรียน สังกัดสานกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษาประถมศึกษาชยั ภมู ิ เขต 1 จาแนกตามตาแหนง่ หนา้ ท่ี โดยภาพรวมไม่แตกต่างกัน แตเ่ มอ่ื พิจารณาเปน็ รายดา้ น พบว่า ความคิดเหน็ ของข้าราชการครูต่อระดับปญั หาการบริหารงานวชิ าการดา้ นการ นเิ ทศการศกึ ษาแตกต่างกันอยา่ งมีนยั สาคญั ทางสถิตทิ ี่ระดับ .05 และดา้ นการพฒั นาระบบประกนั คณุ ภาพภายใน สถานศกึ ษาแตกต่างกนั อย่างมนี ัยสาคญั ทางสถิติทีร่ ะดับ .01 3. ข้อเสนอแนะเพ่อื พฒั นาการบริหารงานวชิ าการในโรงเรียนสงั กัดสานกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษาประถม ศกึ ษาชยั ภมู ิ เขต 1 สรปุ ได้ดงั น้ี ควรจดั อบรมให้ความรู้ครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษาในการจดั ทาหลกั สตู ร

279 สถานศกึ ษาและให้ทกุ ภาคส่วนมสี ่วนร่วมในการจัดทาหลักสูตรสถานศกึ ษาเพ่อื เปน็ การพัฒนาหลักสตู รให้มี ประสิทธิภาพ ควรอบรมพัฒนาให้ความรู้แกค่ รผู ู้สอนดา้ นการวดั ผล ประเมินผลเพอ่ื พฒั นารูปแบบการวดั ประเมินผล ให้เปน็ ไปในแนวทางเดียวกัน สอดคลอ้ งกับสภาพความเปน็ จริง สร้างเครอ่ื งมือวดั ผล ประเมินผลเพอ่ื ความ หลากหลาย และควรใหผ้ ู้ปกครองมีสว่ นร่วมในการวดั และประเมินผลดว้ ย เพื่อจะไดข้ ้อมลู ที่เป็นจริง ผู้บริหารตอ้ งจดั อบรมให้ความรู้ความเข้าใจแก่ครผู ู้สอนให้เหน็ ความสาคญั ของการวจิ ัยเพอ่ื พัฒนาการศกึ ษา เนน้ การนาปัญหาที่เกิด จากสภาพจริงมาพัฒนา แก้ปญั หา โดยใชว้ ธิ ีการต่างๆ เพื่อพฒั นาคณุ ภาพการศึกษาและนามาบรู ณาการในการ จัดการเรียนการสอน ส่งเสริม สนับสนุน ให้ครผู ู้สอนจดั ทาและพัฒนาสือ่ ให้มีความหลากหลาย ทนั สมัย มกี ารใช้ส่อื และเทคโนโลยเี พม่ิ มากขึน้ เพอ่ื ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสดุ แกผ่ ู้เรียน ผู้บริหารตอ้ งให้ความสาคัญกบั การนิเทศการศึกษา และศกึ ษาหลกั และวธิ ีการนิเทศการศกึ ษา สรา้ งความเขา้ ใจกบั ครูผู้สอนและให้ตระหนกั ถึงความสาคญั ของการนิเทศ การศึกษา ให้ทกุ ฝ่ายมีสว่ นร่วมในการนิเทศการศกึ ษา และควรจัดการนเิ ทศภายในสถานศึกษาอย่างตอ่ เน่อื งเพ่อื ให้ครู ใชเ้ ป็นแนวทางในการพัฒนาคุณภาพการศึกษา ควรจดั อบรมเพ่อื ให้ครูผู้สอนมคี วามเข้าใจในสว่ นงานประกนั คณุ ภาพ ภายในสถานศึกษา ให้ครูทกุ คนมสี ่วนร่วมในการดาเนนิ การและสร้างความตระหนกั ให้เหน็ ถึงความสาคัญของการ ประกนั คณุ ภาพภายใน เนน้ การปฏบิ ัตติ ามมาตรฐาน ตัวชีว้ ัดใหค้ รอบคลมุ ภารกิจของการจดั การศึกษา ส่งเสริม สนบั สนุนให้มีการนาผลการประเมินและตรวจสอบไปใชเ้ พ่อื การปรบั ปรุงพัฒนาคุณภาพการศึกษา อภปิ รายผลการวิจัย จากการสรุปผลการวจิ ยั เรือ่ ง ปญั หาการบริหารงานวชิ าการในโรงเรียนสังกดั สานกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษา ประถมศึกษาชยั ภูมิ เขต 1 ผู้วิจยั ได้นาประเด็นสาคัญมาอภิปรายผล ดงั นี้ 1. การบริหารงานวชิ าการในโรงเรียนสังกัดสานักงานเขตพ้นื ที่การศึกษาประถมศึกษาชยั ภูมิ เขต 1 โดยภาพรวมและรายด้านมีปัญหาอยู่ในระดับมาก ท้ังนอี้ าจเนื่องมาจากโรงเรียนในสังกดั สานกั งานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษา ประถมศึกษาชยั ภูมิ เขต 1 ส่วนใหญ่เป็นโรงเรียนขนาดกลางและขนาดเล็ก มีครไู ม่ครบชนั้ และสอนไมต่ รงกบั วิชาเอกท่ี จบการศึกษา ขาดวสั ดุและอปุ กรณ์ ทีใ่ ชใ้ นการจดั การเรียนรู้ ผู้บริหารและครผู ู้สอนขาดความรคู้ วามเข้าใจในหลักสูตร ทาให้ขาดการพฒั นาคณุ ภาพและมาตรฐานการศึกษา ซึง่ ไมเ่ ปน็ ไปตามหลักการของกระทรวงศึกษาธกิ าร (2546, หนา้ 33) ที่ได้สรุปไวว้ า่ งานวชิ าการเป็นงานหลัก หรือเปน็ ภารกิจหลักของสถานศกึ ษาทีพ่ ระราชบญั ญตั ิการศกึ ษา แห่งชาติ พ.ศ. 2542 และทีแ่ กไ้ ขเพ่ิมเตมิ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 มงุ่ ให้กระจายอานาจจากการบริหารจัดการไปให้ สถานศกึ ษามากทส่ี ดุ ดว้ ยเจตนารมณ์ทีจ่ ะให้สถานศกึ ษา ชุมชน ท้องถิ่น และจากการมีสว่ นร่วมจากผู้ทีม่ ีสว่ นได้ส่วน เสียทกุ ฝ่าย ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่สาคญั ที่ทาให้สถานศกึ ษามคี วามเข้มแข็งในการบริหารจดั การ สามารถพฒั นาหลักสูตร และกระบวนการเรียนรู้ตลอดจนการวัดผล ประเมินผล รวมทั้งการจดั ปจั จยั เกี่ยวหนนุ การพัฒนาคณุ ภาพนักเรียน ชุมชน ท้องถิน่ ได้อยา่ งมีคณุ ภาพและประสิทธิภาพ และ ฆนทั ธาตทุ อง (2550, หนา้ 4) กลา่ ววา่ หลักสูตรมี ความสาคญั ต่อการพฒั นาคนในสงั คมให้มคี ณุ ลกั ษณะทีส่ งั คมคาดหวัง หลกั สูตรเป็นเครอ่ื งมือที่จะทาให้การศึกษา บรรลตุ ามจดุ หมายที่กาหนดไว้ และมีส่วนสาคญั ในการส่งเสริมความเจรญิ งอกงามของบุคคล สามารถปลกู ฝัง พฤตกิ รรม คณุ ธรรม จรยิ ธรรม วางรากฐานความคิดทีส่ นบั สนนุ และสอดคล้องกบั สภาพสงั คม เศรษฐกิจ การเมอื ง การปกครอง เพอ่ื ให้ผู้เรียนเป็นสมาชกิ ทด่ี ีของสงั คม สามารถทาให้ผู้เรียนค้นพบความสามารถ ความสนใจ ความถนัด ที่แท้จริงของตนเอง และพฒั นาได้เต็มตามศักยภาพ นอกจากนยี้ งั เป็นโครงการ แผนงาน ข้อกาหนด ทีช่ ีแ้ นะให้ ผู้บริหารการศึกษา ครู บุคลากรและผู้ที่มีสว่ นทีเ่ กี่ยวข้อง นาไปดาเนนิ งานสปู่ ฏบิ ัตอิ ย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ ซึง่ สอดคล้องกบั ผลงานการวจิ ยั ของ จรัสรวี อินทวงศ์ (2550) ได้ศึกษา สภาพและปัญหาการบริหารงานวชิ าการของ

280 สถานศกึ ษาตามศึกษาตามแนวความคิดของครู สังกดั โรงเรียนเทศบาล จงั หวดั นนทบรุ ี ผลการวจิ ัย พบวา่ โดยภาพรวมและรายด้านอยใู่ นระดบั มากทกุ ด้าน โดยเรียงลาดบั ไวด้ ังน้ี ด้านการวดั ผลการประเมนิ การเรียนการสอน มคี ่าเฉลี่ยของการปฏบิ ตั ทิ ี่สดุ ด้านจดั การเรียนการสอนและการวจิ ัยในชนั้ เรียน ด้านการนเิ ทศภายในและการประชมุ อบรมทางวิชาการ ด้านการวางแผนวิชาการและพัฒนาแหล่งเรียนรู้ และด้านการบริหารหลักสตู รตามลาดับปัญหา การบริหารงานวชิ าการตามความคิดเหน็ ของครูสังกดั โรงเรียนเทศบาล จังหวดั นนทบุรี พบวา่ มกี ารวางแผนวิชาการ แตก่ ารปฏบิ ตั ยิ งั ไม่ได้ตามแผน ขาดความรว่ มมือ การติดตามผลไม่ตอ่ เน่อื ง การพัฒนาแหลง่ เรียนรู้ไม่ก้าวหน้า เท่าทีค่ วรและไมเ่ พยี งพอโดยเฉพาะห้องสมุดไมไ่ ด้มาตรฐาน ไมม่ แี หลง่ เรียนรู้ในชมุ ชน โดยใชภ้ มู ิปัญญาทอ้ งถ่นิ ด้านการบริหารจัดการหลักสตู ร การประชาสัมพันธ์การใชห้ ลักสูตรควรประชาสัมพันธ์ให้ชัดเจนและทวั่ ถึง ขาดงบประมาณในการบริการเอกสารให้แกค่ รู การบริหารหลกั สูตรตา่ งโรงเรียนต่างทาไมเ่ ปน็ ไปในทิศทางเดียวกนั 2. ผลการเปรียบเทียบความคิดเหน็ ของข้าราชการครูตอ่ ระดบั ปญั หาการบริหารงานวชิ าการในโรงเรียน สงั กดั สานกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษาประถมศึกษาชยั ภมู ิ เขต 1 จาแนกตาม ตาแหนง่ หนา้ ท่ี โดยภาพรวมไม่แตกต่างกนั ทั้งนีอ้ าจเนื่องมาจากโรงเรียนในสงั กดั สานกั งานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษาประถมศึกษาชยั ภูมิ เขต 1 ส่วนใหญ่ประสบปญั หา การบริหารจดั การที่คลา้ ยคลึงกนั ทง้ั ด้านปัจจยั นาเขา้ (Input) กระบวนการ (Process) จึงทาใหผ้ ลผลิต (Output) ไดแ้ ก่ นักเรียน ตลอดจนผลการประเมินคณุ ภาพการศึกษาทง้ั ภายในและภายนอก มีประสิทธิภาพต่า ไมว่ า่ จะเปน็ ผลการ ทดสอบในระดบั ต่างๆ ซึ่งสอดคล้องกบั งานวิจัยของ สมชาย คาปลิว (2549, หนา้ 69-74) ที่ได้ทาการวจิ ยั เรือ่ ง การศึกษาบทบาทการบริหารงานวชิ าการของผู้บริหารสถานศกึ ษาข้ันพืน้ ฐานระดบั มธั ยมศกึ ษา อาเภอราษไี ศล จังหวัดศรีสะเกษ พบวา่ โดยภาพรวมมีความคิดเห็นเกีย่ วกบั การบริหารงานวชิ าการของผู้บริหารสถานศกึ ษาอยู่ใน ระดับมากทุกด้านและเมื่อพจิ ารณาเปน็ รายดา้ น พบว่า การแนะแนวการศึกษาผู้บริหารมบี ทบาทสูงสดุ และรองลงมา คือการนเิ ทศการศกึ ษาโดยครูผสู้ อนที่มีเพศ อายุ และประสบการณ์ในการสอนต่างกัน มีความคิดเห็นต่อการบริหาร งานวชิ าการของผู้บริหารสถานศกึ ษาในภาพรวมไม่แตกต่างกนั ส่วนครทู ีม่ ีระดบั การศกึ ษาตา่ งกัน มีความคิดเห็นต่อ การบริหารงานวชิ าการของผู้บริหารสถานศกึ ษา ในภาพรวมแตกต่างกนั และมีขอ้ เสนอแนะคือ ผู้บริหารสถานศกึ ษา ควรมบี ทบาทสาคญั ในการบริหารงานวชิ าการในการจัดกระบวนการเรียนรู้ให้เกิดข้ึนในสถานศกึ ษาโดยผู้บริหารจะ ตอ้ งสื่อสารเผยแพร่ให้ครแู ละผปู้ กครองได้เข้าใจแสวงหาวิธีการที่จะส่งเสริมให้นกั เรียนสามารถเรียนรู้ได้ดว้ ยตนเอง เพ่อื ฝึกฝนให้เกิดทักษะการเรียนรู้อันจะส่งผลให้เกิดการเรียนรู้ตลอดชวี ติ ดงั นนั้ การส่งเสริมสนับสนนุ และเตรียมความ พร้อมผู้บริหารสถานศกึ ษาในดา้ นการบริหารงานวชิ าการจึงมคี วามสาคญั ตลอดถึงการพัฒนาครูผู้สอนและบคุ ลากร ทางการศกึ ษารวมท้ังแสวงหาความร่วมมอื กับหนว่ ยงานทางการศกึ ษาบุคคลในชมุ ชนมสี ่วนร่วมในการจัดการเรียนการ สอนโดยนาความรปู้ ระสบการณ์และภมู ปิ ัญญาทอ้ งถ่นิ ของบคุ คลมาใชใ้ ห้เอ้อื ตอ่ การเรียนรู้และพฒั นาตนเองของ นกั เรียน และการวจิ ัยของ นติ ยธ์ ิดา จันดาสงค์ (2558) ทีไ่ ด้วจิ ยั เรือ่ ง ปญั หาและแนวทางการพัฒนาการบริหารงาน วชิ าการของสถานศกึ ษาในกลุ่มโรงเรียนบ่อทอง สงั กดั สานักงานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษาประถมศึกษาชลบุรี เขต 2 ผลการวจิ ยั พบวา่ ปญั หาการบริหารงานวชิ าการ โดยรวมและรายดา้ นอยู่ในระดับมาก ส่วนแนวทางการพฒั นาการ บริหารงานวชิ าการ ผู้วิจัยได้เสนอให้ผู้บริหารโรงเรียน คณะครรู ่วมกนั กาหนดวสิ ยั ทัศน์และวางแผนรว่ มกนั ในการนา หลักสตู รไปใชต้ ามเจตนารมณข์ องหลกั สูตร การจดั อบรมครเู รื่องเทคนิคการสอนให้สอดคลอ้ งกบั หลักสตู ร การจัด อบรมเชงิ ปฏิบัตกิ ารเพอ่ื ให้ได้ความรู้และความเขา้ ใจเกีย่ วกับวธิ ีและข้ันตอนการวดั และประเมินผลการสร้างเคร่ืองมือ ในการวัดผลแบบตา่ งๆ การจัดทาแผนปฏบิ ตั กิ ารนเิ ทศภายในและกาหนดปฏทิ ินการดาเนนิ การ พร้อมท้ังมอบหมาย หนา้ ท่คี วามรบั ผิดชอบอย่างชัดเจน ควรสารวจความตอ้ งการ หลักสตู ร วัสดอุ ุปกรณก์ ารสอน วสั ดุฝึกสาหรับนักเรียน และจดั หาจดั ซือ้ ตามความตอ้ งการ ควรจดั ให้ครูทุกคนไดใ้ ชแ้ หล่งเรียนรู้ท้ังภายในและภายนอกสถานศึกษา สง่ เสริม สนับสนุนการทาวิจัยในช้ันเรียนเป็นประจาทกุ ปี ควรส่งเสริมให้ชุมชนเข้ามามสี ่วนร่วมในการจดั กิจกรรมดา้ นวชิ าการ

281 ส่วนความคิดเหน็ ของผู้บริหารและครูผู้สอนต่อระดับปัญหาการบริหารงานวชิ าการด้านการนเิ ทศการศกึ ษาแตกต่างกนั อยา่ งมนี ัยสาคญั ทางสถิติที่ระดบั .05 และดา้ นการพฒั นาระบบประกนั คุณภาพภายในสถานศกึ ษาแตกตา่ งกัน อยา่ งมี นยั สาคัญทางสถิติที่ระดบั .01 ทั้งนอี้ าจเนือ่ งมาจาก ผู้บริหารสถานศกึ ษาได้ปฏบิ ัตติ ามบทบาทหน้าที่ดา้ นการนเิ ทศ การศึกษาอย่างตอ่ เนอ่ื งและสมา่ เสมอ ซึ่งเป็นไปตามหลักการและแนวคดิ ของ สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาขั้น พ้ืนฐาน (2550, หนา้ 40) ไดก้ ลา่ วถึง บทบาทและหน้าที่ของการนเิ ทศการศกึ ษา ดงั น้ี 1) สร้างความตระหนกั ให้แก่ครู และผู้เกี่ยวข้องให้เข้าใจกระบวนการนเิ ทศภายใน วา่ เป็นกระบวนการทางานรว่ มกนั ทีใ่ ชเ้ หตุผล การนเิ ทศเปน็ สว่ นหน่งึ ของกระบวนการบริหาร เพ่อื ให้ทุกคนเกิดความเชอ่ื ม่นั วา่ ได้ปฏบิ ัตถิ กู ต้อง ก้าวหนา้ และเกิดประโยชนส์ ูงสุดต่อนกั เรียน และตวั ครเู อง 2) จัดการนเิ ทศภายในสถานศึกษาให้เชอ่ื มโยงกับระบบนเิ ทศการศกึ ษาของสานักงานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษา 3) จดั ระบบนเิ ทศภายในสถานศึกษาให้เชอ่ื มโยงกับระบบนเิ ทศการศึกษาของสานักงานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษา และภารดี อนนั ต์นาวี (2552, หน้า 284) ได้ให้แนวทางการปฏบิ ัตกิ ารนเิ ทศการศกึ ษาไว้ ดังน้ี 1) จัดระบบนเิ ทศงานวชิ าการ และการเรียนการสอนภายในสถานศกึ ษา 2) ดาเนนิ งานวิชาการและการเรียนการสอนในรูปแบบทีห่ ลากหลายและ เหมาะสมกบั สถานศกึ ษา 3) ประเมินผลการจัดระบบและกระบวนการนเิ ทศการศกึ ษาในสถานศกึ ษา 4) ตดิ ตาม ประสานงานกบั เขตพ้นื ที่การศึกษา เพ่อื พัฒนาระบบและกระบวนการนเิ ทศงานวชิ าการและการเรียนการสอนของงาน วชิ าการ 5) การแลกเปลี่ยนการเรียนรู้และประสบการณ์การจดั ระบบนเิ ทศการศกึ ษาในสถานศึกษากบั สถานศกึ ษาอ่นื หรือเครอื ขา่ ยการนิเทศภายในเขตพ้นื ที่การศึกษา และด้านการพฒั นาระบบประกนั คุณภาพภายในสถานศึกษา ซึ่ง เป็นไปตามแนวคดิ และหลักการของพระราชบัญญตั ิการศกึ ษาแหง่ ชาติ (กระทรวงศึกษาธกิ าร, 2546, หนา้ 17-18) โรงเรียนจะต้องพฒั นาระบบประกันคณุ ภาพภายในให้เป็นสว่ นหนง่ึ ของกระบวนการบริหารจัดการศกึ ษา โดยอาศยั หลกั การ ดงั นี้ 1) เป้าหมายสาคญั ของการประกนั คุณภาพคือการพฒั นาผู้เรียน 2) ถือวา่ การประกันคณุ ภาพการศึกษา เป็นสว่ นหนง่ึ ของกระบวนการบรหิ าร 3) ถือวา่ บคุ ลากรทกุ คนรวมท้ังทีเ่ กีย่ วข้อง (เชน่ คณะกรรมการสถานศึกษา) มหี นา้ ท่ี รว่ มรบั ผิดชอบในการประกนั คุณภาพตงั้ แตก่ ารวางแผน การตดิ ตามประเมินผล การพฒั นา การปรับปรุง การช่วยคดิ ชว่ ยทา ชว่ ยผลักดนั และสานักงานรบั รองมาตรฐาน และประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.) องค์กรมหาชน มหี นา้ ท่ี 6 ประการ คือ 1) พฒั นาระบบการประกันคณุ ภาพภายนอก 2) พัฒนามาตรฐานและเกณฑ์สาหรบั ประเมิน 3) ให้การรับรองงผู้ประเมินภายนอก 4) กากบั ดูแล กาหนดมาตรฐาน และให้การรบั รองมาตรฐานการประเมินคณุ ภาพ ภายนอก 5) พัฒนาและฝกึ อบรมผู้ประเมินภายนอก จดั ทาหลกั สูตรการฝึกอบรมและสนบั สนุนให้องค์กรเอกชน องคก์ รวิชาชพี หรือวชิ าการเข้ามามสี ่วนร่วม 6) จัดการประเมินคุณภาพภายนอกและมาตรฐานการศึกษาประจาปี เสนอตอ่ คณะรัฐมนตรี หนว่ ยงานที่เกีย่ วข้องและสาธารณชน ขอ้ เสนอแนะ 1. ข้อเสนอแนะสาหรับการนาผลการวิจยั ไปใช้ 1.1 ควรมกี ารจัดทาหลกั สตู รสถานศกึ ษาให้สอดคล้องกับหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน พ.ศ. 2551 1.2 ควรมกี ารสง่ เสริมให้ครดู าเนนิ การวัดผล ประเมินผล การเรียนรู้ โดยเนน้ การประเมินตามสภาพจริง 1.3 ควรมกี ารใช้การวิจัยเป็นสว่ นหน่งึ ของการแก้ปัญหาและพฒั นาการเรียนการสอน 1.4 ควรมกี ารจัดหาสือ่ นวัตกรรม และเทคโนโลยมี าใชใ้ นการจดั กิจกรรมการเรียนการสอน 1.5 ควรมกี ารปรับปรุงกระบวนการจดั การเรียนการสอนของครใู นสถานศึกษา 1.6 ควรมกี ารพัฒนาระบบประกนั คุณภาพการศึกษาของสถานศกึ ษา

282 2. ขอ้ เสนอแนะสาหรับการทาวิจยั ครั้งต่อไป 2.1 ควรมกี ารศึกษาความคิดเหน็ ของข้าราชการครทู ี่มีต่อปญั หาการบริหารงานดา้ นอน่ื ๆ ในสถานศกึ ษา เชน่ การบริหารงบประมาณ การบริหารงานบุคลากรและการบริหารท่ัวไป ว่ามปี ัญหาอย่างไรบ้าง 2.2 ควรมกี ารศึกษาปจั จยั ที่สง่ ผลตอ่ ประสิทธิภาพการบริหารงานวชิ าการในโรงเรียนต่างๆ ว่ามีอะไรบ้าง 2.3 ควรมกี ารศึกษาปญั หาการบริหารงานวชิ าการในโรงเรียนสังกัดสานักงานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษา ประถมศึกษาชยั ภมู ิเขตอื่นๆ เพ่ือนาข้อมลู ทีไ่ ด้มาใช้พัฒนาการศกึ ษาของจงั หวดั ชยั ภมู ติ อ่ ไป เอกสารอา้ งองิ กระทรวงศึกษาธกิ าร. (2546). พระราชบัญญตั ิการศกึ ษาแหงชาติพุทธศักราช 2542 และทีแ่ กไ้ ขเพ่มิ เตมิ (ฉบับที่ 2) พทุ ธศักราช 2545. กรุงเทพมหานคร : ครุ ุสภา ฆนัท ธาตทุ อง. (2550). เทคนิคการพัฒนาหลกั สูตรสถานศกึ ษา. พมิ พค์ รง้ั ที่ 4. นครปฐม : เพชรเกษมการพมิ พ.์ จรัสรวี อินทวงษ์. (2550). สภาพและปัญหาการบริหารงาน วชิ าการของสถานศึกษาตามความคิดเหน็ ของครู สังกดั โรงเรียนเทศบาลจังหวัดนนทบุรี. วทิ ยานพิ นธ์ ค.ม. กรุงเทพฯ มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏจันทรเกษม. นติ ย์ธิดา จนั ดาสงค์. (2558). ปญั หาและแนวทางการพัฒนาการบริหารงานวชิ าการของสถานศกึ ษาในกลุ่ม โรงเรียนบ่อทอง สังกัดสานกั งานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษาประถมศึกษาชลบรุ ี เขต 2. งานนพิ นธ์ กศ.ม. ชลบรุ ี มหาวทิ ยาลัยบรู พา. ปรียาพร วงศ์อนุตรโรจน์. (2535). การบริหารงานวชิ าการ. กรงุ เทพฯ : สหมติ รออฟเซท. _________. (2546). การบริหารงานวชิ าการ. กรุงเทพฯ : ศูนยส์ อ่ื เสริมกรุงเทพฯ. ภารดี อนนั ต์นาวี. (2552). หลักการ แนวคิด ทฤษฎีทางการบริหารการศึกษา. พมิ พค์ รงั้ ที่ 2. กรุงเทพฯ : มนตรี. สมชาย คาปลวิ . (2549). การศึกษาบทบาทการบริหารงานวชิ าการของผู้บริหารสถานศกึ ษาข้ันพ้ืนฐานระดับ มัธยมศกึ ษาอาเภอราศไี ศล จังหวัดศรีษะเกษ. ปริญญานพิ นธ์ ศษ.ม. ศรีสะเกษ : มหาวทิ ยาลยั เฉลิมกาญจนา. สันติ บุญภริ มย์. (2552). การบริหารงานวชิ าการ. กรุงเทพฯ : บุ๊คพอยท์. สานักงานเขตพ้นื ทีก่ ารศกึ ษาประถมศึกษา เขต 1. (2558). แผนปฏบิ ัตกิ ารประจาปกี ารศึกษา 2558. [ออนไลน]์ เข้าถึงได้จาก http://www.chaiyaphum1.go.th (12 ต.ค. 2560) สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน. (2550). แนวทางการกระจายอานาจบริหารและการจดั การศึกษา ให้คณะกรรมการ สานกั งานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษาและสถานศึกษาตามกฎกระทรวง กาหนดหลกั เกณฑ์ และวิธีการกระจายอานาจการบริหาร และการจัดการศกึ ษา. กรงุ เทพฯ : โรงพมิ พช์ มุ นมุ สหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย.

283 การบรหิ ารจดั การสถานศึกษาตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงในโรงเรยี น สงั กดั สานกั บริหารงานการศึกษาพิเศษ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ School Administration based on Sufficiency Economy Philosophy of the Schools under the Bureau of Special Education Administration in the Northeastern Region จารุรัตน์ ปลมื้ ชัย* ดร.ปณธิ าน วรรณวลั ย์** บทคดั ยอ่ การวจิ ยั ครั้งนมี้ วี ตั ถปุ ระสงค์เพอ่ื 1) ศกึ ษาสภาพการบริหารจัดการสถานศกึ ษาตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจ พอเพยี งในโรงเรียน สังกัดสานักบริหารงานการศึกษาพิเศษ ภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื 2) เปรียบเทียบความคิดเหน็ ข้าราชการครทู ี่มีต่อสภาพการบริหารจัดการสถานศกึ ษา ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งในโรงเรียน สังกัด สานกั บริหารงานการศึกษาพิเศษ ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื จาแนกตามประสบการณ์การทางาน 3) ศกึ ษาข้อเสนอ แนะสาหรบั การบริหารจดั การสถานศกึ ษาตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งในโรงเรียน สังกดั สานักบริหารงาน การศึกษาพิเศษ ภาคตะวันออกเฉียงเหนอื ปีการศึกษา 2560 จานวน 10 โรงเรียนจานวนข้าราชการครู 148 คน ได้จากการกาหนดขนาดกลุ่มตวั อย่างโดยใชต้ ารางสาเร็จรปู ของเครซี่ และมอร์แกนแล้วทาการสุ่มอย่างง่ายเคร่อื งมือ ทีใ่ ชเ้ ก็บขอ้ มูลเปน็ แบบสอบถามท่ผี ู้วิจยั สร้างขนึ้ มลี กั ษณะเปน็ แบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับมคี ่าอานาจจาแนก ตง้ั แต่ .226 - .361 คา่ ความเชอื่ ม่ัน .085 และแบบสัมภาษณแ์ บบมโี ครงสร้าง สถิตทิ ี่ใชใ้ นการวิเคราะห์ขอ้ มลู ประกอบด้วย ความถี่ รอ้ ยละ คา่ เฉลย่ี และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและการทดสอบสมมติฐานการวจิ ัยโดยใช้ F-test (One-Way ANOVA) ส่วนขอ้ มูลจากการสัมภาษณ์ใชว้ ธิ ีวิเคราะห์เน้อื หา ผลการวจิ ัย พบวา่ 1. ข้าราชการครเู ห็นว่าสภาพการบริหารจดั การสถานศกึ ษาตาม หลักปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี งใน โรงเรียนโรงเรียน สังกดั สานกั บริหารงานการศึกษาพิเศษ ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื โดยภาพรวมมีการปฏบิ ัตอิ ยู่ใน ระดบั มาก เมอ่ื พิจารนารายด้านพบ ด้านทีม่ ีคา่ เฉลย่ี สงู สดุ คือ ด้านการบริหารบุคคล รองลงมา ได้แก่ ด้านการ บริหารทว่ั ไป ด้านการบริหารงบประมาณ และด้านการบริหารวชิ าการตามลาดบั 2. ผลการเปรียบเทียบสภาพการบริหารสถานศกึ ษาตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี งในโรงเรียน สังกัดสานักบริหารงานการศึกษาพิเศษ ภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื จาแนกตามประสบการณก์ ารทางาน ได้แก่ ประสบการณ์น้อยกวา่ 5 ปี ประสบการณ์ 5-10 ปี ประสบการณ์มากกวา่ 10 ปี โดยภาพรวมแตกต่างกนั อย่างมี สาคญั ทางสถิติทีร่ ะดับ .05 3. ข้อเสนอแนะตอ่ การบริหารสถานศกึ ษาตามหลกั ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี งในโรงเรียนสงั กัดสานัก บริหารงานการศึกษาพิเศษ ภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื ทีส่ าคัญคือ ควรสร้างความตระหนกั ใหค้ รูเหน็ ความสาคญั ใน การสอนที่สอดแทรกหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ส่งเสริมให้ครแู ละนักเรียนมสี ่วนร่วมในการวางแผนและการ จัดกิจกรรมการเรียนการสอนตามหลักปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง มีกาหนดวธิ ีการจดั ส่อื เทคโนโลยที ี่สง่ เสริมการ สาคัญของการวิจัยเพ่อื พัฒนาการศกึ ษา เน้นการนาปัญหาทเ่ี กิดจากสภาพจรงิ มาแก้ปญั หา โดยใชว้ ธิ ีการต่างๆ คาสาคัญ: ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง, การบริหารสถานศึกษา * ครศุ าสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบรหิ ารการศึกษา มหาวิทยาลยั ราชภัฏชยั ภมู ิ ** กรรมการบรหิ ารหลกั สตู รครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบรหิ ารการศึกษา มหาวิทยาลยั ราชภัฏชัยภมู ิ

284 เพอ่ื พฒั นาคณุ ภาพการศึกษา นอ้ มนาแนวคิดหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งมาบูรณาการในหลกั สตู รสถานศกึ ษา อย่างเหมาะสม มกี ารตรวจสอบ ติดตามประเมินผล รายงานแสดงการดาเนนิ งานตามแผนงานงบประมาณ สถานศกึ ษา จดั ทาเอกสาร เวปไซด์ ซีดี เพอ่ื เผยแพร่และประชาสัมพันธ์การดาเนินการตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพยี งของโรงเรียนให้ชุมชน และหนว่ ยงานอน่ื ได้รบั ทราบอยา่ งสมา่ เสมอ พฒั นาศักยภาพ ความรู้ของครแู ละ ตรวจสอบ ติดตามประเมินผล รายงานแสดงการดาเนินงานตามแผนงานงบประมาณสถานศกึ ษาตามหลกั ปรชั ญา ของเศรษฐกิจพอเพยี งแกผ่ ู้ทีเ่ กี่ยวข้องรบั ทราบ ABSTRACT The purposes of this research were: 1) to study the school administration based on Sufficiency Economy Philosophy (SEP) of the schools under the Bureau of Special Education Administration (BSEA) in the Northeastern Region toward the teachers’ opinions, 2) to compare the opinions of the teachers toward the state of the school administration based onSEP of the schools under BSEA in the Northeastern Region classified by work experience, and 3) to study the suggestions for the schools administration based on SEP of the schools under BSEA in the Northeastern Region. The samples were 148 teachers under BSEA in the Northeastern Region in the academic year 2017. The sample size was determined according to Krejcie and Morgan’s tables. The research instruments were 5-rating scale questionnaires with the discrimination range between .226-.361 and the reliability of .850 and structured interview. The statistics were percentage, mean, and standard deviation. The hypothesis was tested by employing F-test (One-Way ANOVA). The research results showed that: 1. The state of the school administration based on SEP of the schools under BSEA in the Northeastern Region toward the teachers’ opinions overall was at a high level. When considering each aspect, the highest mean scores were Personnel Administration. It was followed by the aspect of General Administration and Academic Affairs Administration, respectively. 2. The teachers who had different work experiences had the opinions toward the school administration based on SEP of the schools under BSEA in the Northeastern Region significantly different at the level of .05. 3. The suggestions for the school administration based on SEP of the schools under BSEA in the Northeastern Region: the schools should study, analyze and do the research about SEP in order to develop the instruction in a unit of Principles of SEP. The school should record the budget administration following SEP that is for the appropriate budget allocation based on SEP. The schools should have a plan for the teachers to share the knowledge about the principles of SEP together both in the schools and with other schools. That is for encouraging the teachers’ broad vision and be ready to change to SEP in the future. The schools should create documents, websites, and CDs then publish and promote the implementation of SEP in the schools to the community and other organizations regularly. Keywords : Sufficiency Economy Philosophy, School Administration based

285 ภมู หิ ลงั ตามที่กระทรวงศึกษาธกิ าร ไดม้ นี โยบายการขับเคลือ่ นปรชั ญาของ เศรษฐกิจพอเพยี งสู่สถานศึกษา ในทกุ ระดบั เพ่อื ให้ ผู้บริหารองค์กร ครู ผู้บริหารสถานศกึ ษา บคุ ลากรด้านการศกึ ษาและนกั เรียน นักศกึ ษา มคี วามรู้ ความเข้าใจในหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง และสามารถนาหลักคิด หลกั ปฏิบตั ติ ามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพยี ง มาบูรณาการในการบริหารจัดการการเรียนการสอน ตลอดจนการประยุกตใ์ ชใ้ นชีวิตประจาวัน ก่อให้เกิด ความตระหนักและฝังรากลึกภายในตนเอง และผู้อื่น อย่างยัง่ ยนื ตลอดไป นน้ั กระทรวงศึกษาธกิ ารในฐานะหนว่ ยงานหลักในการพัฒนาคนและสร้างเยาวชนให้มคี ณุ ภาพของประเทศ ได้ตระหนักและเหน็ คณุ ค่า ในภารกิจดงั กลา่ ว จึงมีนโยบายในทางปลูกฝังหลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี งให้ผู้เรียน โดยนาหลกั ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี งมาจัดเปน็ หลกั สตู รการเรียนการสอน แล้วนาไปใชใ้ นโรงเรียนสังกัดสานกั งาน คณะกรรมการการศึกษาขั้นพนื้ ฐาน (สพฐ.) ซงึ่ ในระยะแรกนาไปใชใ้ นเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษาทง้ั 175 เขตทวั่ ประเทศ เขตพ้นื ทีล่ ะ 1 โรงเรียน เพ่อื เปน็ โรงเรียนนารอ่ ง แลว้ ขยายผลสู่โรงเรียนต่างๆ ทง้ั น้ีโรงเรียนแต่ละแหง่ สามารถ ปรบั เปลี่ยนรูปแบบการเรียนการสอนได้ตามบริบทในแต่ละพ้นื ที่ (เกียงศกั ด์ิ เจริญวงศ์ศกั ดิ,์ 2550) อยา่ งไรกต็ ามการ จะปลูกฝงั หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งให้เดก็ และเยาวชนไทยผ่านระบบการศึกษา ซึง่ เปน็ มติ ใิ หมใ่ ห้ประสบ ผลสาเรจ็ อยา่ งต่อเน่อื งและยง่ั ยืน มิใช่เปน็ นโยบายตามกระแสนยิ ม จะต้องอาศยั ปจั จยั สนบั สนนุ หลายๆ ดา้ น ทส่ี าคญั ทีส่ ดุ คือ ผู้บริหารสถานศกึ ษาจะต้องให้ความสาคัญ และลงมอื ปฏบิ ัตอิ ย่างเป็นรูปธรรม สานักบริหารงานการศึกษาพิเศษ ได้สนองนโยบายของกระทรวงศกึ ษาธิการ ในการน้อมนาหลักปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพยี งมาใชใ้ นการจดั การศึกษา โดยกาหนดยทุ ธศาสตร์ในการพัฒนาของสานกั บริหารงานการศึกษา พเิ ศษ (2560-2564) ซึ่งมีเป้าประสงค์ในการปรบั การเรียน เปลีย่ นการพฒั นาทักษะชวี ติ และทกั ษะสงั คมภายใต้หลกั ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง และจดุ เน้นการจดั การศกึ ษา ข้อที่ 6 สถานศกึ ษาเปน็ ศูนย์การเรียนรู้ตามแนวพระราชดาริ ได้ดาเนินการสง่ เสริมและสนบั สนุนการขับเคลือ่ นหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งสู่สถานศึกษา เพอ่ื ให้ผู้บริหาร การศึกษา ครู บคุ ลากรทางการศกึ ษาและนักเรียนมคี วามรู้ความเข้าใจในหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง และสามารถนาแนวคิดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง มาบรู ณาการในการจดั กระบวนการเรียนการสอน และการบริหารจดั การ ตลอดจนประยุกตใ์ ชใ้ นชีวิตประจาวัน โดยมีเป้าหมายในการขบั เคลื่อนหลักปรชั ญาของ เศรษฐกิจพอเพยี ง สู่การปฏบิ ัตใิ นสถานศึกษาและการบริหารจัดการ การดาเนนิ งานเกีย่ วกับการเรียนการสอน ตลอดจนการกาหนดยุทธศาสตร์การบริหารสู่การปฏบิ ัตติ ามยุทธศาสตร์ชาติ กระทรวง ศกึ ษาธิการและสานัก บริหารงานการศึกษาพิเศษ เพื่อให้บรรลตุ ามวัตถุประสงค์ตามหลกั สูตรสถานศกึ ษา ทาให้เดก็ พกิ ารและผู้ด้อยโอกาส ได้รบั การพัฒนาคณุ ภาพชีวิตใหม้ คี วามสมบรู ณ์ ท้ังทางด้านร่างกาย จิตใจ สามารถปรับตวั อยรู่ ่วมกับสังคม และสิง่ แวดลอ้ ม (สานกั บริหารงานการศึกษาพิเศษ, 2555) จากทศิ ทางการจดั การศึกษาท่ผี ่านมาในอดีต รวมท้ังปรากฏการณข์ องสภาพแวดลอ้ มในปจั จบุ ัน โรงเรียนซึ่ง เปน็ สถานบันการจัดการศึกษาขน้ั พืน้ ฐาน คงตอ้ งปรับเปลี่ยนกลยุทธ์หรือยทุ ธศาสตร์ในการวางแผนการจัดการศึกษา ให้เกิดปฏสิ มั พนั ธ์กบั ความตอ้ งการในการจดั การศึกษาในอนาคตโดยอาศัยกระบวนการการมสี ่วนร่วมของชมุ ชน ผู้บริหารสถานศกึ ษา ถือได้ว่ามบี ทบาทหน้าทีส่ าคญั ในการนานโยบายสสู่ ถานศกึ ษาและสง่ เสริมสนบั สนุนให้บคุ ลากร ในสถานศึกษาให้มีสว่ นร่วมในการนาหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งมาประยุกตใ์ ช้ และบรู ณาการในการจัดการ เรียนการสอน เพื่อพฒั นาผู้เรียนให้ตอบสนองเป้าหมายการจัดการศึกษาในปัจจุบันและตอบสนองการปฏริ ูปการจดั การศึกษาในสถานศกึ ษาของตนเองได้อยา่ งได้ผลและเปน็ ไปตามนโยบายของกระทรวงศึกษาธกิ าร ดงั นน้ั ผู้วิจยั จึง สนใจทีจ่ ะศกึ ษาการบริหารจดั การสถานศึกษาตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ในโรงเรียนสงั กัดสานัก

286 บริหารงานการศึกษาพิเศษ ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื เพ่อื สะท้อนให้ผู้บริหารได้ทราบถึงสภาพการบริหารงาน อันอาจจะนาไปสู่การเปลี่ยนแปลงและพฒั นาตนเองให้สอดคลอ้ งกบั ยุคปฏริ ูปการศึกษา รวมท้ังนาไปใช้เป็นแนวทาง ในการพฒั นาการบริหารสถานศกึ ษา และพัฒนาคณุ ภาพการจดั การเรียนการสอน อันจะส่งผลดตี อ่ คณุ ภาพ การศึกษาให้มีประสิทธิภาพ คาถามการวิจัย 1. สภาพการบริหารจัดการสถานศึกษาตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งในโรงเรียน สังกดั สานัก บริหารงานการศึกษาพิเศษ ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ตามความคิดเหน็ ของข้าราชการครอู ยู่ในระดับใด 2. ความคิดเห็นขา้ ราชการครทู ี่มีต่อสภาพการบริหารจัดการสถานศกึ ษาตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจ พอเพยี งในโรงเรียน สงั กดั สานักบริหารงานการศึกษาพิเศษ ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื จาแนกตามประสบการณ์ การทางาน แตกตา่ งกนั หรือไม่ 3. ข้อเสนอแนะสาหรับการบริหารจัดการสถานศกึ ษาตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งในโรงเรียน สังกดั สานกั บริหารงานการศึกษาพิเศษ ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื มอี ะไรบ้าง ความม่งุ หมายของการวิจยั 1. เพือ่ ศกึ ษาสภาพการบริหารจดั การสถานศกึ ษาตามหลกั ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี งในโรงเรียน สงั กัดสานักบริหารงานการศึกษาพิเศษ ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื 2. เพ่อื เปรียบเทียบความคิดเห็นขา้ ราชการครทู ีม่ ีต่อสภาพการบริหารจัดการสถานศกึ ษาตามหลกั ปรชั ญา เศรษฐกิจพอเพยี งในโรงเรียน สงั กดั สานักบริหารงานการศึกษาพเิ ศษ ภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื จาแนกตาม ประสบการณ์การทางาน 3. เพอ่ื ศึกษาข้อเสนอแนะสาหรับการบริหารจดั การสถานศกึ ษาตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจ พอเพยี งในโรงเรียน สงั กัดสานกั บริหารงานการศึกษาพิเศษ ภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื กรอบแนวคดิ ในการวิจยั ตวั แปรต้น ตวั แปรตาม ประสบการณ์ในการทางาน สภาพการบรหิ ารจัดการสถานศึกษาตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งใน 1. ประสบการณ์ไม่เกิน 5 ปี โรงเรียน สังกดั สานกั บรหิ ารงานการศึกษาพิเศษภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ 4 ด้าน คือ 2. ประสบการณ์ 5 – 10 ปี 1. ด้านการบรหิ ารงานวิชาการ 2. ด้านการบรหิ ารงบประมาณ 3. ประสบการณ์ 10 ปีขึน้ ไป 3. ด้านการบรหิ ารงานบคุ คล 4. ดา้ นการบรหิ ารงานท่ัวไป ข้อเสนอแนะการบรหิ ารจดั การสถานศึกษาตามหลักปรชั ญาขอเศรษฐกิจพอเพียงในโรงเรียน สงั กดั สานักบรหิ ารงานการศึกษาพิเศษ ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ ภาพประกอบ 1 กรอบแนวคิดในการวิจยั

287 วิธีการดาเนินการวิจยั ประชากรและกลมุ่ ตวั อยา่ ง 1. ประชากร ที่ใชใ้ นการดาเนินการคร้ังนี้ คือ ข้าราชการครใู นโรงเรียน สงั กดั สานกั บริหารงานการศึกษา พเิ ศษ ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ปีการศึกษา 2560 จานวน 10 โรงเรียน จานวนข้าราชการครูทั้งส้นิ 234 คน 2. กลุ่มตวั อยา่ งคือ ข้าราชการครูโรงเรียนในสงั กดั สานกั บริหารงานการศึกษาพิเศษภาค ตะวนั ออกเฉียงเหนอื ปีการศึกษา 2560 โดยการกาหนดขนาดกลุ่มตวั อยา่ งตามตารางสาเรจ็ รปู ของ Krejcie and Morgan (บญุ ชม ศรีสะอาด, 2554, หน้า 43) ได้ขนาดกลุ่มตวั อยา่ ง จานวน 148 คน โดยการสมุ่ ตวั อย่างแบบง่าย (Simple Random Samping) เครือ่ งมอื ทใี่ ช้ในการเก็บรวบรวมขอ้ มูล 1. แบบสอบถามการบริหารจัดการสถานศกึ ษาตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งในโรงเรียน สงั กัด สานกั บริหารงานการศึกษาพิเศษ จานวน 3 ตอน ไดแ้ ก่ ตอนที่ 1 ประสบการณ์การทางานของผู้ตอบแบบสอบถาม ตอนที่ 2 ความคิดเหน็ ของข้าราชการครทู ี่มีต่อสภาพการบริหารจดั การสถานศกึ ษาตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพยี งในโรงเรียน สงั กัดสานักบริหารงานการศึกษาพิเศษ มลี ักษณะเป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ และมีคา่ อานาจจาแนกตั้งแต่ มคี ่าอานาจจาแนก .226-.361 และมีคา่ ความเชื่อมน่ั .850 และตอนที่ 3 ข้อเสนอแนะ สาหรับการพฒั นาการบริหารจัดการสถานศกึ ษาตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งในโรงเรียน สงั กัดสานัก บริหารงานการศึกษาพิเศษ มลี ักษณะเปน็ แบบปลายเปิด (Open Ended) 2. แบบสัมภาษณแ์ บบมโี ครงสร้างเพือ่ ศกึ ษาข้อเสนอแนะในการพฒั นาการบริหารจัดการสถานศกึ ษา ตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งในโรงเรียน สังกดั สานกั บริหารงานการศึกษาพิเศษ ตามกรอบแนวคิดการวิจัย 4 ด้าน คือด้านการบริหารงานวชิ าการ ด้านการบริหารงบประมาณ ด้านการบริหารงานบุคคล ด้านการบริหารงาน ทว่ั ไป การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู 1. แบบสอบถาม ผู้วิจยั นาแบบสอบถามพร้อมสาเนาหนังสืออนุญาตถึงผู้อานวยการโรงเรียนการศกึ ษา พเิ ศษกลุ่มภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ในการเก็บรวบรวมขอ้ มูลข้าราชการครทู างไปรษณีย์ 2. แบบสมั ภาษณแ์ บบมโี ครงสร้างผู้วิจัยดาเนินการสมั ภาษณ์ผทู้ รงคุณวฒุ ิ จานวน 10 คน ประกอบด้วย ผู้อานวยการโรงเรียนทีม่ ีการบริหารจดั การสถานศกึ ษาตามแนวปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งใน โรงเรียน สังกดั สานกั บริหารงานการศึกษาพิเศษ ภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื ที่มีประสบการณ์การทางาน 10 ปี จานวน 4 คน รองผู้อานวยการโรงเรียน ผู้รบั ผิดชอบการปฏบิ ตั งิ านในการบริหารสถานศกึ ษาตามแนวปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพยี งในโรงเรียน สงั กดั สานักบริหารงานการศึกษาพิเศษ ภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื จานวน 3 คน ข้าราชการครู ผู้รับผิดชอบการปฏบิ ตั งิ านในการบริหารสถานศกึ ษาตามแนวปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งในโรงเรียน สังกดั สานัก บริหารงานการศึกษาพิเศษ ภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื จานวน 3 คน สถิตทิ ใี่ ชใ้ นวิเคราะห์ข้อมลู 1. สถิติทีใ่ ชท้ ดสอบสมมติฐาน อา้ งอิง (inferential statistics) เกี่ยวกับสภาพการบริหารจัดการสถานศกึ ษา ตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งในโรงเรียน สังกดั สานักบริหารงานการศึกษาพิเศษภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื เพ่อื เปรียบเทียบระหว่างกลุ่มตวั อยา่ ง 3 กลุ่มใชส้ ถิติ F–test (One-Way-ANOVA) หากมคี ่าเฉลยี่ แตกต่างกันอยา่ งมี

288 นัยสาคัญจะทดสอบรายคู่ดว้ ยวธิ ีการของเชฟเฟ่ (Schiff’s method) เพอ่ื เปรียบเทียบความคิดเห็นของข้าราชการครูทีม่ ี ต่อสภาพการการบริหารจดั การสถานศกึ ษาตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งในโรงเรียน สังกดั สานัก บริหารงานการศึกษาพิเศษภาคตะวันออกเฉียงเหนอื จาแนกตามประสบการณ์ทางาน 2. ข้อมลู จากการสมั ภาษณ์ นามาจดั หมวดหมู่ตามกรอบแนวคดิ ในการวจิ ยั โดยทาการวเิ คราะห์เน้ือหา แลว้ นาเสนอในพรรณนาวเิ คราะห์ (Description Analysis) สรุปผลการวิจยั 1. ข้าราชการครเู หน็ ว่าสภาพการบริหารจดั การสถานศกึ ษาตาม หลกั ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี งในโรงเรียน โรงเรียน สงั กดั สานักบริหารงานการศึกษาพิเศษ ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื โดยภาพรวมอยใู่ นระดับมาก เม่อื พิจารณา รายดา้ น ด้านทีค่ า่ เฉล่ยี สงู สุด คอื ดา้ นการบริหารงบประมาณ รองลงมาได้แก่ ด้านการบริหารบุคคล ด้านการ บริหารงานท่ัวไป และด้านการบริหารวชิ าการตามลาดับ 1.1 ดา้ นการบริหารวชิ าการ พบวา่ สภาพการบริหารสถานศกึ ษาตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง ในโรงเรียน สงั กัดสานกั บริหารงานการศึกษาพิเศษ ภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื ด้านการบริหารวชิ าการ โดยภาพรวมมี การปฏบิ ัตอิ ยู่ในระดับมาก และเมอ่ื พิจารณารายข้อพบวา่ ข้อที่มีคา่ เฉลย่ี สูงสุด คือ นอ้ มนาแนวคิดหลกั ปรชั ญาของ เศรษฐกิจพอเพยี งมาบูรณาการในหลักสตู รสถานศกึ ษาอย่างเหมาะสม รองลงมา ได้แก่ 1) ดาเนนิ การตามแผนงาน โครงการ กจิ กรรมดา้ นวชิ าการทีส่ ง่ เสริมการบูรณาการ หลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งสู่การเรียนการสอน อย่างเหมาะสม 2) สนับสนนุ การจัดสภาพหอ้ งเรียนให้เอ้ือตอ่ การเรียนการสอน ใชแ้ หลง่ การเรียนรู้ในสถานศกึ ษา และในท้องถิน่ เพอ่ื ประโยชนใ์ นการเรียนการสอนหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งอยา่ งเหมาะสม 3) วัดและ ประเมินผลดว้ ยวธิ ีการเคร่อื งมือทีห่ ลากหลายครอบคลุมหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ตามลาดับ 1.2 ด้านการบริหารงบประมาณ พบวา่ สภาพการบริหารสถานศกึ ษาตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพยี งในโรงเรียน สังกัดสานกั บริหารงานการศึกษาพิเศษ ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื โดยภาพรวมมีการปฏบิ ัตอิ ยู่ใน ระดบั มาก และเม่อื พิจารณารายขอ้ พบวา่ ข้อทีม่ ีคา่ เฉล่ยี สูงสุด คือ ตรวจสอบ ติดตามประเมินผล รายงานแสดงการ ดาเนนิ งานตามแผนงานงบประมาณสถานศกึ ษาตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งแกผ่ ู้ทเี่ กี่ยวข้องรบั ทราบ และเม่อื พิจารณารายข้อรองลงมา ได้แก่ 1) การตรวจสอบ ตดิ ตาม ประเมินผล มาพฒั นาปรบั ปรงุ การบริหารจดั การ งบประมาณตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งอยา่ งเหมาะสม 2) จดั สรรงบประมาณสถานศึกษา เพ่อื สนับสนนุ การดาเนนิ งานทีเ่ กีย่ วข้องกบั หลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งอย่างเหมาะสม 3) วางแผนการจดั หางบประมาณ สนบั สนนุ ดา้ นการเงิน วสั ดคุ รุภณั ฑ์เพอ่ื ใชใ้ นการจดั การศึกษาของสถานศกึ ษาตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง และ4) วิเคราะห์ จดั ทาแผนกลยทุ ธ์หรือแผนปฏิบตั กิ ารของสถานศกึ ษาให้ครอบคลมุ การพฒั นาการศกึ ษาตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งและวิเคราะห์ความเหมาะสมในการเสนอของบประมาณตามลาดบั 1.3 ด้านการบริหารบุคคล พบวา่ สภาพการบริหารสถานศกึ ษาตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ในโรงเรียนสังกัดสานักบริหารงานการศึกษาพิเศษ ภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื โดยภาพรวมมีการปฏบิ ตั อิ ยู่ในระดบั มาก และเมอ่ื พิจารณารายข้อพบวา่ ข้อทีม่ ีคา่ เฉลย่ี สูงสดุ คือ มกี าหนดวธิ ีการจดั สอ่ื เทคโนโลยที ีส่ ง่ เสริมการพฒั นา ศักยภาพ ความรู้ของครเู กีย่ วกบั หลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ตดิ ตาม ประเมินผลการทางานของครหู ลังจาก การผ่านการอบรมหรือดูงานดา้ นหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง และเมอ่ื พิจารณารายข้อรองลงมา ได้แก่ 1) ประชมุ อบรม สมั มนา ศึกษาดงู านแหล่งเรียนรู้ต่างๆ เพอ่ื สง่ เสริมการประยุกตใ์ ชห้ ลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพยี งในการดาเนนิ ชีวิตและปฏบิ ตั ภิ ารกิจหนา้ ท่ี 2) มีการวางแผนในการพฒั นาบุคลากรสู่การเรียนรู้ ในโรงเรียนให้

289 มคี วามรู้เกีย่ วกับการนาหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง และ 3) เปน็ แบบอย่างที่ดีในการดาเนนิ ชีวิตให้แกผ่ ู้อื่น ได้โดยยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งตามลาดบั 1.4 ด้านการบริหารท่วั ไป พบวา่ สภาพการบริหารสถานศกึ ษาตามหลักปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี งใน โรงเรียนสังกัดสานักบริหารงานการศึกษาพิเศษ ภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื โดยภาพรวมมีการปฏบิ ัตอิ ยู่ในระดับมาก และเม่อื พิจารณารายข้อพบวา่ ขอ้ ทีม่ ีคา่ เฉล่ยี สูงสดุ คือ เก็บรวบรวมขอ้ มูลและวเิ คราะห์สภาพของสถานศกึ ษาเพ่อื วางแผนดาเนนิ งานดา้ นหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งอยา่ งเหมาะสม และเมอ่ื พิจารณารายขอ้ รองลงมา ได้แก่ 1) จัดทาเอกสาร เวป็ ไซด์ ซีดี เพอ่ื เผยแพร่และประชาสมั พนั ธ์การดาเนินการตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ของโรงเรียนให้ชุมชน และหนว่ ยงานอ่นื ได้รับทราบอยา่ งสม่าเสมอ 2) ส่งเสริมให้นักเรียนได้ค้นคว้าความรู้ตามหลัก ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง โดยการใชส้ ่อื เทคโนโลยเี พอ่ื สง่ เสริมการแสวงหาความรู้ และ 3) ดาเนนิ งานตาม นโยบายและแผนปฏิบตั กิ าร ประจาปที ีน่ ้อมนาหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งมาขบั เคลือ่ นในสถานศกึ ษา อย่างเหมาะสมตามลาดับ 2. การเปรียบเทียบสภาพการบริหารสถานศกึ ษาตามหลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี งในโรงเรียนสังกัดสานกั บริหารงานการศึกษาพิเศษ ภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื จาแนกตามประสบการณ์การทางาน ได้แก่ ประสบการณ์น้อย กว่า 5 ปี ประสบการณ์ 5-10 ปี ประสบการณ์มากกวา่ 10 ปี โดยภาพรวมแตกต่างกันอยา่ งมนี ยั สาคญั ทางสถิติ ที่ระดับ .05 โดยพิจารณารายดา้ น พบว่า ด้านการบริหารวชิ าการ ด้านการบริหารงบประมาณ และด้านการบริหาร ท่ัวไป มีความคิดเหน็ แตกต่างกนั อยา่ งมีนัยสาคัญทางสถิตทิ ีร่ ะดบั .05 ส่วนด้านการบริหารบคุ คล มคี วามคดิ เห็น เกีย่ วกบั การบริหารสถานศกึ ษาตามหลักปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี งไม่แตกต่างกัน 3. ข้อเสนอแนะตอ่ การบริหารสถานศกึ ษาตามหลักปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี งในโรงเรียนสงั กัดสานัก บริหารงานการศึกษาพิเศษ ภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื สามารถสรุปผลแยกเปน็ รายดา้ น ได้ดงั น้ี 3.1 ด้านการบริหารวชิ าการ ควรสร้างความตระหนักให้ครูเหน็ ความสาคัญในการสอนทีส่ อดแทรกหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ส่งเสริมให้ครแู ละนกั เรียนมสี ่วนร่วมในการวางแผนและการจดั กิจกรรมการเรียนการ สอนตามหลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง สร้างความเข้าใจเพ่อื สร้างหลกั สตู รท้องถิน่ บรู ณาการแบบองคร์ วมและมีการ นามาใชใ้ นการเรียน การสอน และจดั ประกวดการจดั การเรียนการสอนที่สอดแทรกหลกั ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง ทุกระดบั ชนั้ 3.2 ด้านการบริหารงบประมาณ ควรจดั สรรงบประมาณให้สอดคลอ้ งกบั การดาเนนิ งานตามโครงการ ตา่ งๆ ควรใชห้ ลักความพอดีในการใช้จ่ายและการใช้จา่ ยงบประมาณท่ไี ด้จัดสรรมา และสถานศกึ ษาควรจดั ให้มีการ ประชมุ คณะกรรมการสถานศึกษาเพือ่ หาแนวทางในการระดมทรัพยากรร่วมกนั 3.3 ดา้ นการบริหารบคุ คล สร้างความรู้ความเข้าใจแก่บคุ ลากรท้ังผู้บริหาร ครูคณะกรรการสถานศกึ ษา และส่งเสริมให้ปฏบิ ตั ติ นตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง ควรจดั กิจกรรมตา่ งๆ เพ่อื สง่ เสริมให้บุคลากรมคี วามรกั ความสามคั คี และเกือ้ กูลกัน และควรติดตาม ประเมินผล บุคลากรในสถานศกึ ษาที่ยึดหลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง มาประยุกตใ์ ชใ้ นชีวิตประจาวัน 3.4 ด้านการบริหารท่วั ไป ประสานความร่วมมอื กบั ชมุ ชน หน่วยงาน สว่ นราชการ เพอ่ื การพัฒนาอาคาร สถานที่ และแหล่งเรียนรู้ในโรงเรียน ควรเสริมสร้างบรรยากาศและสภาพแวดลอ้ มให้เอ้ือตอ่ การเรียนรู้ ควรให้ ผู้ปกครองและชมุ ชนมสี ่วนร่วมในการแสดงความคิดเหน็ ในดา้ นปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี งในโรงเรียน และควรมี นโยบายในการประชาสมั พันธ์ และยกยอ่ งบุคลากรซึ่งสามารถทาตนเปน็ แบบอย่างทีด่ สี อดคล้องกับปรชั ญาเศรษฐกิจ พอเพยี งให้เปน็ ที่ประจกั ษ์