Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore รวมไฟล์วารสารฉบับที่ 25 วารสาร มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร

รวมไฟล์วารสารฉบับที่ 25 วารสาร มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร

Published by wasana.wit, 2019-03-04 06:31:42

Description: รวมไฟล์วารสารฉบับที่ 25 วารสาร มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร

Search

Read the Text Version

140 การดาเนนิ งานธุรการของกลุ่มโดยเฉพาะในสว่ นของงานสารบรรณ และงานประชาสัมพันธ์ ยังขาดระบบงานที่ เหมาะสม ส่งผลให้งานเกิดความลา่ ชา้ ขาดประสิทธิภาพ สอดคล้องกับงานวิจยั ของจารชุ า รชั ตสุภคั (2554, หนา้ 184-187) ได้ศึกษาการพฒั นาระบบงานสารบรรณโรงเรียนบรุ ีรัมย์พิทยาคม อาเภอเมอื ง จังหวัดบรุ ีรมั ย์ พบวา่ ระบบงานสารบรรณของโรงเรียนบุรีรมั ย์พิทยาคม ก่อนดาเนนิ การพฒั นาระบบงานมผี ู้ปฏบิ ัตงิ านนอ้ ย ทางานไม่ ทนั เวลาทีก่ าหนด เพราะปริมาณงานมาก ดา้ นการลงทะเบียน ปัญหาในการอ่านลายมอื มกี ารทางานซ้าซ้อน ระบบ การทางานไมช่ ดั เจน ไมส่ ามารถลดเวลาในการทางาน ลดการใชว้ สั ดุอุปกรณ์ การโต้ตอบหนังสอื ไม่ทนั ตามกาหนด และไมม่ กี ารทาลายหนังสือ และสอดคลอ้ งกับงานวจิ ยั ของ สาธิตา วไิ ลจิตต์ (2555, หนา้ 123-125) ได้ศึกษาการ พัฒนาระบบงาน สารบรรณโรงเรียนสญั ลักษณ์วิทยา อาเภอปากช่อง จงั หวัดนครราชสมี าพบวา่ การดาเนนิ งานสารบรรณของโรงเรียนท้ัง 4 ด้าน คือ การรับหนังสือ การส่งหนังสอื การเก็บรกั ษา และการทาลายหนังสือไมเ่ ปน็ ระบบระเบียบ ขาดแนวปฏบิ ตั ทิ ี่ชดั เจน 2. แนวทางการพฒั นาศกั ยภาพบุคลากรตาแหนง่ เลขานกุ าร ในวทิ ยาลยั ครู สะหวนั นะเขต สาธารณรฐั ประชาธิปไตยประชาชนลาว กลุ่มผู้ร่วมวจิ ัยดาเนนิ การตาม แนวทางการพัฒนา 3 แนวทาง คือ 1) การอบรมเชงิ ปฏบิ ตั กิ าร โดยดาเนินการในวนั ที่ 8 – 9 เดอื นมถิ นุ ายน พ.ศ. 2560 ณ ห้องประชมุ วิทยาลัยครสู ะหวนั นะเขต โดยมีหวั ข้อทีว่ ิทยากรให้ความรู้ คือ ด้านคุณสมบัตสิ ่วนตวั ประกอบด้วย บุคลิกภาพ การส่อื สาร และงานวชิ าการ และด้านงานในหน้าที่เลขานุการ ประกอบด้วย งานประจางานอานวย ความสะดวก งานสว่ นตวั ของผู้บงั คบั บญั ชา และงานสร้างภาพพจน์ โดยรวบรวมขอ้ มลู จากการทาแบบ ทดสอบ (ก่อนและหลัง) การอบรมเชิงปฏบิ ัตกิ าร และสังเกตพฤตกิ รรมผู้เข้าร่วมอบรมเชงิ ปฏิบตั กิ ารของกลุ่มผู้เข้ารับการพฒั นา 2) การศึกษาดงู าน โดยดาเนินการใน วนั ที่ 15 เดอื น มิถนุ ายน พ.ศ. 2560 ณ มหาวิทยาลัยสะหวนั นะเขต และรวบรวมขอ้ มูลจากการสังเกตการศึกษาดงู าน ที่หน่วยงานต้นแบบ ณ มหาวทิ ยาลัยสะหวันนะเขต และการสัมภาษณ์ผลการศกึ ษาดูงาน ของกลุ่มผู้เข้ารบั การพฒั นา และ 3) การนเิ ทศภายใน โดยไดด้ าเนนิ งานจัดกิจกรรมตง้ั แต่ วันที่ 28 เดอื น มิถุนายน พ.ศ. 2560 ถึงวนั ที่ 1 เดอื น กันยายน พ.ศ. 2560 โดยมผี ู้อานวยการวทิ ยาลยั ครสู ะหวนั นะเขตและรองผู้อานวยการวทิ ยาลัยครสู ะหวนั นะเขต เป็นผู้นเิ ทศภายใน และรวบรวมข้อมลู จากการนิเทศภายในตามปฏทิ ินการนเิ ทศภายในทก่ี าหนดไว้ และประเมินผลการ ดาเนนิ งาน ด้านงานเลขานกุ าร ซึ่งสอดคล้องกบั งานวิจัยของ ณรงค์ศักดิ์ ไชยชมพู (2550, หนา้ 21) ทาการศึกษาความ ตอ้ งการในการพัฒนาบคุ ลากรในโรงเรียนประถมศึกษาตามทศั นะของผู้บริหารโรงเรียนประถมศึกษา สังกดั สานกั งาน เขตพ้นื ทีก่ ารศึกษาเลย เขต 2 ผลการศึกษาพบวา่ การนเิ ทศภายในมีความสาคญั สาหรบั ครทู กุ คน เนือ่ งจากการนิเทศ ภายในเป็น การจัดกิจกรรมที่มีลกั ษณะการทางานรว่ มกนั ของผู้บริหาร ผู้นิเทศและผู้รับการนเิ ทศในโรงเรียนเดียวกัน โดยมีวัตถปุ ระสงค์เพ่อื ช่วยเหลอื บคุ ลากรที่เกี่ยวข้องกบั การจดั กิจกรรมดา้ นตา่ งๆ ให้ปฏบิ ตั หิ นา้ ท่ไี ด้อยา่ งมี ประสิทธิภาพ สอดคล้องกับงานวิจยั ของคมนยั ชารมาลย์ (2552, หนา้ 85-87) ได้ศึกษาการพฒั นาระบบงานธุรการ กลุ่มบริหาร งานบุคคล สานกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษากาฬสินธุ์ เขต 3 พบว่า ใชก้ ลยุทธ์การประชมุ เชงิ ปฏบิ ัตกิ าร การศึกษาดงู าน และการนเิ ทศ ปรากฏว่า ผลการพัฒนาในวงรอบที่ 1 สง่ ผลให้การบริหารงานธรุ การ ของกลุ่มงาน บคุ คลมีความสะดวก รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพยง่ิ ขึน้ สอดคลอ้ งกับงานวจิ ยั ของ Smith (2012, p. 4128-A) ได้ศกึ ษาความสมั พนั ธ์ระหว่างการรับรู้ของครูเกีย่ วกบั การพัฒนาบุคลากรกับการรบั รู้บรรยากาศในการสอ่ื สารใน ระดบั ช้ันตา่ งๆ ผลการศึกษาพบวา่ เม่อื ใดทบ่ี รรยากาศของโรงเรียนมคี วามเหมาะสมมากขึ้นจะทาให้เกิดความเปิดเผย และคลายใจ วางใจของบคุ คลในโรงเรียนนั้น ดงั นั้นครูใหญ่สามารถเปิดโอกาสให้ครไู ด้มีการพดู คยุ กนั เพ่อื แลกเปลี่ยน ความร–ู้ ประสบการณ์ มีส่วนร่วมในการแลกเปลี่ยนทกั ษะทางเทคนิค และใชก้ ารแกป้ ญั หาแบบร่วมมอื กัน เพอ่ื กาหนด วธิ ีการ ที่ดที ีส่ ดุ เพ่อื ช่วยเหลอื ให้นักเรียนประสบความสาเรจ็ ทางวชิ าการในระดับทีเ่ หมาะสม

141 3. ผลการพฒั นาศกั ยภาพบุคลากรตาแหน่งเลขานกุ าร ในวทิ ยาลัยครูสะหวนั นะเขต สาธารณรฐั ประชาธิปไตยประชาชนลาวพบวา่ 1) ผลการอบรมเชงิ ปฏบิ ัตกิ าร จากการสงั เกตพฤตกิ รรมผู้เข้าร่วมอบรมเชงิ ปฏบิ ตั กิ าร โดยรวมอยใู่ นระดบั มาก แสดงให้เห็นว่ากลุ่มผู้รบั การพฒั นาศกั ยภาพให้ความร่วมมอื ความสนใจ และมีความกระตือรือร้นในการพัฒนาตนเอง เพ่อื ให้ได้รบั ความรู้จากการอบรมเป็นอยา่ งมาก และจากการทดสอบ ก่อนและหลังการอบรมเชงิ ปฏบิ ัตกิ าร โดยคา่ เฉล่ยี ผลการทดสอบ หลงั การอบรมเชงิ ปฏบิ ตั กิ ารเพม่ิ ข้ึน คิดเปน็ ร้อยละ 42.00 แสดงให้เห็นว่าแนวทางทใ่ี ชใ้ นการอบรมเชงิ ปฏบิ ัตกิ าร มีสว่ นชว่ ยให้กลมุ่ ผู้ร่วมวจิ ัย มคี วามรู้ ความเข้าใจ เกีย่ วกับงานเลขานกุ ารเพ่มิ ข้ึน 2) ผลการศึกษาดูงาน จากการสัมภาษณห์ ลังการศึกษาดูงาน พบวา่ กลุ่มผู้รับการ พฒั นาศักยภาพมคี วามเข้าใจในแนวทางการปฏบิ ัตติ นและการปฏบิ ตั งิ านในหน้าที่เลขานกุ ารเปน็ อยา่ งมาก เพราะได้รับ ความรดู้ ้านการเสริมสร้างบคุ ลิกภาพ เทคนิคการสือ่ สาร และแนวทางในดาเนนิ งานวิชาการของเลขานกุ าร รวมถึงการ ปฏบิ ตั งิ านในหน้าทีเ่ ลขานุการดา้ นตา่ งๆ ทาใหก้ ลุ่มผู้รบั การพัฒนาศกั ยภาพ มีความรู้เทคนิค วธิ ีการที่จะทาให้การ ดาเนนิ งานเลขานกุ าร มีประสิทธิภาพมากยิ่งข้นึ และ 3) ผลการนิเทศภายใน จากการประเมินผลการดาเนนิ งาน พบวา่ มผี ลการดาเนนิ งาน ดา้ นงานเลขานกุ าร ทง้ั โดยรวมและรายได้ อยู่ในระดบั มาก ขนึ้ ไป แสดงใหเ้ ห็นว่า หลังการ ดาเนนิ งานพฒั นาศักยภาพบคุ ลากรตาแหน่งเลขานุการ ในวทิ ยาลยั ครสู ะหวันนะเขต สาธารณรฐั ประชาธิปไตย ประชาชนลาว กลุ่มผู้รบั การพฒั นาศักยภาพท้ัง 10 คน มีความรู้ ความเข้าใจและทกั ษะเกีย่ วกับงานเลขานุการ มากยิง่ ข้นึ สามารถนาไปใชใ้ นการปฏบิ ัตงิ านได้อย่างมปี ระสิทธิภาพและผลการประเมินความพงึ พอใจ เกีย่ วกับผลการ ดาเนนิ งานพฒั นาศกั ยภาพบุคลากรตาแหน่งเลขานกุ าร ในวทิ ยาลัยครูสะหวนั นะเขต สาธารณรัฐประชาธิปไตย ประชาชนลาว โดยรวมและรายด้าน อยู่ในระดับ มาก แสดงให้เห็นว่า การวิจัยเชงิ ปฏบิ ัตกิ ารเพ่อื พัฒนาศักยภาพ บคุ ลากรตาแหนง่ เลขานกุ าร ในวทิ ยาลยั ครสู ะหวนั นะเขต สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยใชห้ ลกั การวจิ ยั เชงิ ปฏบิ ตั กิ าร (Action Research) ในคร้ังนี้ ทาใหก้ ลุ่มผู้รบั การพฒั นาศกั ยภาพ สามารถพฒั นาตนเองได้ อย่างมปี ระสิทธิภาพ ส่งผลให้ทกุ ฝ่ายที่เกีย่ วข้องมคี วามพงึ พอใจในการปฏบิ ัตงิ านเลขานกุ ารเปน็ อยา่ งมาก ซึง่ สอดคล้องกบั งานวิจัยของอภริ ดี อนุเคราะห์กุล (2551, บทคดั ยอ่ ) ได้ศึกษา บทบาทที่คาดหวังและบทบาทที่เป็นจริง ในการปฏบิ ัตงิ านเลขานกุ ารผู้บริหาร ตามทัศนะผู้บริหารมหาวทิ ยาลัยของรัฐ ในเขตกรุงเทพมหานคร พบวา่ 1) ผู้บริหารมหาวทิ ยาลัยของรัฐมีทัศนะต่อบทบาท ทีค่ าดหวงั ในการปฏบิ ตั งิ านเลขานุการผู้บริหาร ด้านการเป็นผู้ ชว่ ยงานการบริหาร ด้านการปฏบิ ัตงิ านในหน้าที่ และดา้ นการตดิ ตอ่ สอ่ื สาร โดยรวมและแต่ละด้านอยใู่ นระดับมาก สอดคล้องกบั งานวิจัยของ จันทนา แสนสุข (2552, หนา้ 123) ได้ศึกษาบทบาทเลขานุการตามทศั นะของผู้บริหาร และผู้ปฏบิ ตั งิ านเลขานกุ าร ผลการวจิ ัยพบวา่ 1) ผู้บริหาร และผู้ปฏบิ ตั งิ านเลขานกุ าร มีทศั นะตอ่ บทบาทเลขานุการ ด้านการบริหาร ด้านการปฏบิ ัตงิ านในหน้าที่ ด้านการสร้างภาพพจนใ์ ห้กบั องคก์ าร และด้านการจดั การสานักงาน อัตโนมัติ โดยรวมอยใู่ นระดับความจาเป็นมาก โดยที่ดา้ นการสรา้ งภาพพจนใ์ หก้ บั องค์การอยใู่ นระดับความจา เปน็ มากที่สดุ ส่วนด้านที่อยใู่ นระดบั ความจาเป็นน้อยทีส่ ดุ ตามทัศนะของผู้บริหาร ได้แก่ ด้านการบริหาร ด้านที่จาเป็น นอ้ ยทีส่ ุดตามทัศนะของผู้ปฏบิ ัตงิ านเลขานุการ ได้แก่ ดา้ นการจดั การสานักงานอตั โนมตั ิ สอดคล้องกับงานวิจัยของ สาธติ า วิไลจิตต์ (2555, หนา้ 123-125) ได้ศึกษาการพฒั นา ระบบงาน สารบรรณโรงเรียนสัญลักษณว์ ทิ ยา อาเภอปากช่อง จงั หวดั นครราชสมี า พบว่า การพฒั นาระบบงานสารบรรณ โดยการประชุมกลมุ่ ย่อย เพอ่ื ศึกษาสภาพ ปัจจุบัน และปญั หาระบบงานสารบรรณร่วมกัน และเพือ่ วเิ คราะห์จุดแข็ง–จดุ ออ่ นของระบบงานสารบรรณเดิม เพอ่ื เป็นขอ้ มลู ในการพฒั นา ทาการศกึ ษาเอกสารระเบียบงานสารบรรณ สานกั นายกรัฐมนตรี พ.ศ. 2526 และศึกษา ดงู าน เพือ่ หาข้อมูลประกอบ การออกแบบระบบงานสารบรรณใหม่ ผลการดาเนนิ การพฒั นาระบบงานสารบรรณ ได้ช่วยให้เกิดการเปลี่ยนแปลงระบบงานสารบรรณไปในทิศทางทด่ี ีข้นึ มีระบบระเบียบตอบสนองความตอ้ งการของ ผู้ปฏบิ ตั งิ าน ผู้รบั บริการ และผบู้ ริหารได้

142 ขอ้ เสนอแนะ 1. ขอ้ เสนอแนะในการนาผลการวิจัยไปใช้ 1.1 จากการวจิ ัยพบวา่ เจา้ หน้าที่มีสภาพการดาเนนิ งานเลขานกุ ารโดยรวม อยู่ในระดบั ปานกลาง ซึง่ ส่งผลให้เกิดปญั หาสาคญั ในการดาเนนิ งานเลขานกุ าร ทอ่ี ยู่ในระดบั มากที่สดุ ถึงมาก แสดงให้เหน็ ว่า ในการ ดาเนนิ งานเลขานุการจึงจาเปน็ ต้องอาศยั ผู้ทีม่ ีความรู้ ความสามารถ มที กั ษะในการดาเนนิ งานเลขานุการเปน็ อยา่ ง มาก เพ่อื จะทาให้งานเลขานกุ ารเปน็ ไปอยา่ งมีประสิทธิภาพ ดงั นนั้ จึงควรมกี ารคดั เลอื กบุคลากรทีท่ าหน้าทีเ่ ลขานกุ าร ในหน่วยงานต่างๆ อยา่ งเขม้ งวด และจริงจัง เพือ่ จะได้บคุ ลากรที่มีความรู้ ความสามารถ มาทางานเลขานุการ อย่างแท้จริง 1.2 จากการวิจัยพบวา่ แนวพฒั นาศักยภาพบุคลากรตาแหนง่ เลขานุการ ในวทิ ยาลัยครสู ะหวนั นะเขต สาธารณรฐั ประชาธิปไตยประชาชนลาวคือ การอบรมเชงิ ปฏบิ ัตกิ าร การศกึ ษาดงู าน และการนิเทศภายใน แสดงให้ เห็นว่า ในการดาเนินการพฒั นาศักยภาพบุคลากรตาแหนง่ เลขานุการ ควรใชว้ ธิ ีการทีห่ ลากหลายควบคู่กัน และให้ เหมาะสมกบั ปญั หาทเ่ี กิดข้ึน เพือ่ จะได้ปรบั เปลี่ยน พฤตกิ รรมที่ไมพ่ งึ ประสงค์และส่งเสริมพฤตกิ รรมทีพ่ ึงประสงค์ของ บคุ ลากรได้ในระยะเวลาที่กาหนด 1.3 จากการวจิ ัยพบวา่ การพัฒนาศักยภาพบคุ ลากรตาแหนง่ เลขานุการ ในวทิ ยาลยั ครูสะหวันนะเขต สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว สามารถบรรลผุ ลได้ โดยใชก้ ารวจิ ัยเชงิ ปฏบิ ัตกิ าร แสดงให้เหน็ ว่า ในการ ดาเนนิ การพฒั นาศกั ยภาพบุคลากรตาแหน่งเลขานกุ าร ตอ้ งอาศยั กระบวนการปฏบิ ัตอิ ย่างมรี ะบบเพ่อื ปรับปรุง ประสิทธิภาพของการปฏบิ ัตงิ าน โดยผู้เกีย่ วข้องมสี ่วนร่วมในการปฏบิ ัตแิ ละวิเคราะห์วิจารณผ์ ลการปฏบิ ัติ ร่วมกนั อย่างตอ่ เนอ่ื งและเป็นระบบ จึงจะสามารถพัฒนางานเลขานุการได้อยา่ งมีประสิทธิภาพ 2. ข้อเสนอแนะสาหรับการทาวิจยั ครัง้ ต่อไป 2.1 ควรมกี ารพัฒนาศกั ยภาพงานในแผนกอน่ื ๆ ทงั้ ในหน่วยงานเดิมและหนว่ ยงานอ่นื ๆ ให้มีประสิทธิภาพ มากยิง่ ข้นึ 2.2 ควรมกี ารนากระบวนการปฏบิ ัติ หรอื เทคนิควธิ ีการอื่นๆ ที่หลากหลาย มาชว่ ยในการพฒั นา ศกั ยภาพงานในแตล่ ะแผนกอยา่ งเหมาะสม เพือ่ การพัฒนาอย่างตอ่ เน่อื ง เอกสารอา้ งองิ คมนัย ชารมาลย.์ (2552). การพฒั นาระบบงานธรุ การ กลุ่มบริหารงานบคุ คล สานกั งานเขตพน้ื ทีก่ ารศึกษากาฬสนิ ธ์ุ เขต 3. วทิ ยานพิ นธ์ ค.ม. มหาสารคาม: มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม. จันทนา แสนสขุ . (2552). บทบาทเลขานกุ ารตามทศั นะของผู้บริหารและผู้ปฏบิ ัตงิ านเลขานกุ าร. วทิ ยานพิ นธ์ บธ.ม. กรงุ เทพฯ: มหาวทิ ยาลยั ศรีนครนิ ทรวโิ รฒ. จารุชา รัชตสภุ ัค. (2554). การพัฒนาระบบงานสารบรรณโรงเรียนบรุ ีรัมย์พิทยาคม อาเภอเมืองบรุ ีรัมย์ จงั หวัดบุรีรมั ย์. วทิ ยานพิ นธ์ ค.ม. มหาสารคาม: มหาวิทยาลยั ราชภัฏมหาสารคาม. ณรงค์ศกั ดิ์ ไชยชมพ.ู (2550). ความตอ้ งการในการพฒั นาบุคลากรในโรงเรียนประถมศึกษา ตามทศั นะของผู้บริหาร โรงเรียนประถมศึกษา สังกัดสานักงานเขตพ้นื ที่การศึกษาเลย เขต 2. วทิ ยานพิ นธ์ ค.ม. มหาสารคาม: มหาวทิ ยาลัยราชภัฏมหาสารคาม. บุญชม ศรีสะอาด. (2549). สถิตทิ างการวจิ ัย. กรงุ เทพฯ: สวุ ีริยาสาส์น.

143 ผ่องใส ถาวรจดั ร์. (2553). วชิ าเลขานกุ าร. สมุทรปราการ: วทิ ยาลยั สารพัดช่าง สมุทรปราการ. วทิ ยาลยั ครสู ะหวันนะเขต. (2015). แผนกลยุทธ์ วิทยาลัยครสู ะหวันนะเขต ปี 2015 - 2020. สะหวนั นะเขต: วทิ ยาลัยครสู ะหวนั นะเขต. _________. (2016). รายงานการประเมินตนเอง ปี 2016.สะหวันนะเขต: วทิ ยาลัยครสู ะหวนั นะเขต. สาธติ า วิไลจิตต์. (2555). การพัฒนาระบบงานสารบรรณโรงเรียนสญั ลักษณ์วิทยา อาเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสมี า. วทิ ยานพิ นธ์ ค.ม. มหาสารคาม: มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏมหาสารคาม. องอาจ นยั พฒั น์. (2551). การออกแบบการวจิ ัย : เชิงปริมาณ เชงิ คุณภาพ และผสมผสานวธิ ีการ. กรุงเทพฯ: จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลัย. อภิรดี อนุเคราะห์กลุ . (2551). บทบาทที่คาดหวังและบทบาทที่เป็นจริงในการปฏบิ ัตงิ านเลขานุการผู้บริหาร ตามทศั นะผู้บริหารมหาวทิ ยาลยั ของรัฐ ในเขตกรุงเทพมหานคร. ปริญญานพิ นธ์ กศ.ม. กรงุ เทพฯ: มหาวทิ ยาลยั ศรีนครนิ ทรวโิ รฒ. Bennett, Marianne B. (2010). “The Need for Shorthand by Secretaries with Implications for Instruction in Business Education,” Dissertation Abstracts International. 45(8): 23-63; February. Crawford, Cheryle Saunders. (2008). “Critical Public Relations Tasks of Texas Public School Superintendents,” Dissertation Abstracts International. 58(7): 2474-A; January. Dempsey, John Mark. (2009). “School Public Relations in Crisis Situations: The Perceptions of Newspaper Education Writers and School PR Directors,” Dissertation Abstracts International. 57(1): 45-A; July. Smith, Clara Antoinette. (2012). “Teacher’s Perceptions of Staff Development Activities, Dissertation Abstracts International. 62(12): 4128-A; June.

144 สภาพ ปญั หา และแนวทางในการพัฒนาการบรหิ ารจดั การเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ในโรงเรียนมัธยมศกึ ษาสังกดั สานกั งานเขตพื้นท่กี ารศึกษามัธยมศกึ ษา เขต 23 States Problems and Guidelines for Developing 21st Century Learning Management in Schools under the Office of Secondary Educational Service Area 23 ณฐั ชลิดา ประกิ่ง* ดร.สุรัตน์ ดวงชาทม** ดร.ประภสั ร สภุ าสอน*** บทคดั ย่อ การวจิ ยั ครั้งนมี้ คี วามมุ่งหมายเพ่อื ศึกษา เปรียบเทียบ และหาแนวทางในการพฒั นาการบริหารจัดการเรียนรู้ ในศตวรรษที่ 21 ในโรงเรียนมัธยมศึกษาสังกดั สานกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษามัธยมศกึ ษา เขต 23 กลุ่มตวั อยา่ ง ได้แก่ ผู้อานวยการโรงเรียน รองผู้อานวยการโรงเรียนฝ่ายวชิ าการ และหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ ในโรงเรียน สงั กดั สานกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษามัธยมศกึ ษา เขต 23 ปีการศึกษา 2560 จานวน 230 คน ประกอบด้วย ผู้อานวยการ โรงเรียน จานวน 23 คน รองผู้อานวยการฝ่ายวชิ าการ จานวน 23 คน และหวั หน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ จานวน 184 คน เครือ่ งมอื ที่ใชใ้ นการเก็บรวบรวมขอ้ มลู เปน็ แบบสอบถามแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดบั ซึ่งมี ค่าอานาจจาแนกรายข้อระหว่าง .40-.97 และมีค่าความเชอ่ื มนั่ ท้ังฉบบั เท่ากบั .94 สถิตทิ ีใ่ ชใ้ นการวิเคราะห์ขอ้ มูล ได้แก่ ค่าเฉลีย่ ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่ารอ้ ยละ การทดสอบค่าที t-test (Independent samples) การวเิ คราะห์ ความแปรปรวนทางเดียว F-test (One way ANOVA) ผลการวจิ ยั พบวา่ 1. สภาพการบริหารจัดการเรียนรู้ ในศตวรรษที่ 21 ในโรงเรียนมัธยมศกึ ษา สงั กดั สานกั งานเขตพ้นื ที่ การศึกษามัธยมศกึ ษา เขต 23 โดยรวมอยใู่ นระดบั มาก 2. ปัญหาการบริหารจัดการเรียนรู้ ในศตวรรษที่ 21 ในโรงเรียนมธั ยมศกึ ษา สงั กัดสานักงานเขตพ้นื ที่ การศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต 23 โดยรวมอยใู่ นระดับปานกลาง 3. สภาพ และปญั หาการบริหารจัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ในโรงเรียนมัธยมศกึ ษา สังกัดสานกั งาน เขตพ้นื ทีก่ ารศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต 23 จาแนกตามสถานภาพ ไมม่ คี วามแตกตา่ งกัน 4. สภาพ และปญั หาการบริหารจัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ในโรงเรียนมธั ยมศกึ ษา สังกดั สานักงาน เขตพ้นื ที่การศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต 23 จาแนกตามประสบการณ์ในการทางาน ไมม่ คี วามแตกตา่ งกัน 5. สภาพและปัญหาการบริหารจดั การเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ในโรงเรียนมธั ยมศกึ ษา สงั กดั สานกั งาน เขตพ้นื ทีก่ ารศึกษามัธยมศกึ ษา เขต 23 จาแนกตามขนาดโรงเรียน โดยรวม มคี วามแตกตา่ งกัน อยา่ งมีนยั สาคัญ ทางสถิตทิ ีร่ ะดับ .01 6. การบริหารจดั การเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ในโรงเรียนมัธยมศึกษา สงั กัดสานกั งานเขตพ้ืนทีก่ ารศึกษา มัธยมศกึ ษา เขต 23 จานวน 3 ด้าน คือ 1) มาตรฐานและการประเมินในศตวรรษที่ 21 2) การพฒั นาครใู นศตวรรษที่ 21 และ 3) สภาพแวดลอ้ มการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ควรได้รบั การพฒั นาโดยผู้วจิ ยั ได้นาเสนอแนวทางการพัฒนาไวด้ ้วย คาสาคัญ : การบรหิ ารจดั การเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 * ครุศาสตรมหาบณั ฑิต สาขาวิชาการบรหิ ารการศึกษา มหาวิทยาลยั ราชภัฏสกลนคร ** อาจารย์ประจาหลักสตู รครุศาสตรมหาบณั ฑิต และหลกั สตู รปรัชญาดษุ ฎีบัณฑิต สาขาวิชาการบรหิ ารการศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร *** ผู้อานวยการสานกั งานคณะกรรมการส่งเสรมิ สวสั ดิการและสวสั ดภิ าพครูและบคุ ลากรทางการศึกษาจงั หวดั สกลนคร

145 ABSTRACT The purposes of this research were to investigate, compare, and establish the guidelines for developing 21st century learning management in schools under the Office of Sakon Nakhon Secondary Educational Service Area 23. The 230 samples consisted of 23 school directors, 23 academic school deputies, and 184 head of learning departments under the Office of Sakon Nakhon Secondary Educational Service Area 23 in the academic year 2017. The instrument for data collection was a set of 5-level rating scale questionnaires developed by the researcher with a discrimination between .40-.97 and a reliability of .94. Statistics for data analysis were mean, standard deviation, percentage, t-test (Independent Samples), F-test (One way ANOVA). The results of this research were as follows: 1. The states of 21st century learning management in schools under the Office of Sakon Nakhon Secondary Educational Service Area 23 was at the high level in overall. 2. The problems of 21st century learning management in schools under the Office of Sakon Nakhon Secondary Educational Service Area 23 was at the medium level in overall. 3. The states and problems of 21st century learning management in schools under the Office of Sakon Nakhon Secondary Educational Service Area 23 specified by status was not different. 4. The states and problems of 21st century learning management in schools under the Office of Sakon Nakhon Secondary Educational Service Area 23 specified by work experience was not different. 5. The states and problems of 21st century learning management in schools under the Office of Sakon Nakhon Secondary Educational Service Area 23 specified by school size was significantly different at the .01 level in overall. 6. The 21st century standards and assessment, the 21st century teachers’ development and the 21st century environments are 3 factors of 21st century learning management in schools should be developed and the researcher has proposed the guidelines for developing in this research. Keywords : 21st Learning Management ภูมหิ ลงั การศึกษามีความสาคญั ต่อการพัฒนาศักยภาพของทรัพยากรมนุษยใ์ ห้มีคุณภาพทีเ่ หมาะสมและสอดคลอ้ ง กับความเปน็ พลเมอื งโลก ซึง่ ในการพฒั นาประเทศสู่ความสมดลุ และยัง่ ยนื จะต้องใหค้ วามสาคญั กับการเสริมสร้างทนุ ของประเทศทีม่ ีอยใู่ ห้เข้มแขง็ และมพี ลงั เพยี งพอ ในการขบั เคลื่อนกระบวนการพัฒนามนษุ ยใ์ ห้พร้อมรบั การ เปลีย่ นแปลงในยุคศตวรรษที่ 21 ซึ่งสอดคล้องกับพระราชบัญญตั กิ ารศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2553 แกไ้ ขเพม่ิ เตมิ (ฉบบั ที่ 2) พ.ศ. 2545 และ (ฉบับที่ 3) ท่ไี ด้กลา่ วไวว้ า่ การพฒั นาผู้เรียนให้เป็นบคุ คลท่มี คี ุณภาพ ด้วยกระบวนการ เรียนรู้ เพ่อื ความเจรญิ งอกงามของบคุ คลและสังคม โดยถา่ ยทอดความรู้ การฝกึ การอบรม การสบื สานทาง วฒั นธรรม การสร้างสรรค์จรรโลง ความกา้ วหนา้ ทางวชิ าการ การสร้างองค์ความรู้อันเกิดจากการจัดสภาพแวดลอ้ ม สงั คม การเรียนรู้และปจั จยั เกือ้ หนนุ ให้บุคคลเรียนรู้อยา่ งต่อเน่ืองตลอดชวี ติ ซึ่งสอดคลอ้ งกบั แผนพัฒนาเศรษฐกิจ และสงั คมแหง่ ชาติฉบับที่ 11 มุ่งเนน้ การพฒั นาให้คนไทยมีการเรียนรู้อยา่ งต่อเนอ่ื งตลอดชวี ติ ทงั้ ในเรือ่ งการศึกษา การทางาน และการดาเนนิ ชีวิตเพอ่ื เปน็ ภมู คิ ุ้มกนั สาคญั ในการดารงชีวิต และปรบั ตัวให้ทนั กบั การเปลีย่ นแปลงของ

146 โลกในยคุ ศตวรรษที่ 21 โดยมีแนวทางในการพัฒนาหลักสตู รและปรบั กระบวนการเรียนการสอนที่เอ้ือตอ่ การพฒั นา ผู้เรียนอยา่ งรอบด้านทีเ่ ชอ่ื มโยงกับภมู ิสงั คมโดยบูรณาการ การเรียนรู้ให้หลากหลายทั้งดา้ นวชิ าการ ทกั ษะชีวิต และนันทนาการทีค่ รอบคลุมท้ังศิลปะ ดนตรี กีฬา วฒั นธรรม ศาสนา ประชาธิปไตย ความเปน็ ไทย และเรือ่ งอาเซียน ศกึ ษา ให้ความสาคัญกบั การเรียนรู้ท้ังในและนอกห้องเรียน สร้างนสิ ัยใฝ่รู้ มีทกั ษะในการคดิ วิเคราะห์ แก้ปัญหา เฉพาะหน้า รบั ฟงั ความคิดเห็นของผู้อืน่ และการต่อยอดสคู่ วามคิดสร้างสรรค์ ตลอดจนจัดกจิ กรรมอาสาสมคั ร เพอ่ื สาธารณะประโยชนร์ วมถึงเสริมสร้างทักษะชีวิตและพฤตกิ รรมสขุ ภาพทีเ่ หมาะสมและถูกตอ้ งให้แก่เดก็ โดยเฉพาะ การสร้างสัมพนั ธภาพทีด่ กี บั ผู้อนื่ สามารถจัดการ ควบคุม ดแู ลอารมณไ์ ด้อยา่ งเหมาะสม มคี วามรู้ความเข้าใจ ในหลักโภชนาการ และการออกกาลังกาย รวมถึงการใชเ้ วลาอยา่ งสร้างสรรค์และมีคุณภาพ (สานักงาน คณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสงั คมแหง่ ชาติ, 2554, หนา้ 39–46) สาหรบั การจดั การศกึ ษาของไทยในศตวรรษที่ 21 ให้สอดคล้องและเหมาะสมกบั สภาพบริบท เพื่อนาไปสู่การ กาหนดกรอบแนวคิดใหม่ภายใตก้ ระแสการเปลีย่ นแปลงของสงั คม (สานกั งานเลขาธกิ ารสภาการศึกษา, 2557, หนา้ 6) ในการเปลีย่ นแปลงในศตวรรษที่ 21 ได้ส่งผลตอ่ การปรับตวั ในดา้ นความทัดเทียมกบั การเปลี่ยนแปลงที่เกิดข้ึน ทางบริบทสงั คมทุกมิติรอบด้าน ทกั ษะพนื้ ฐานจาเปน็ ในการอา่ น เขียน และคิดคานวณ เปน็ ตวั แปรสาคญั ท่ที าให้คนใน ศตวรรษที่ 21 รู้จักใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่ือสารเปน็ เคร่อื งมือในการสืบค้น รวบรวมความรู้ ใชก้ ระบวนการ คิดอยา่ งมีวจิ ารณญาณให้เกิดการเท่าทนั สอ่ื สารสนเทศทีจ่ ะพิสจู นย์ นื ยนั ส่งิ ที่ตนและสงั คมอยากรไู้ ด้อยา่ งชาญฉลาด เกิดแรงบนั ดาลใจสร้างจินตนาการ ในการพฒั นา สร้างผลิตภัณฑ์ หรอื นวัตกรรมข้ึนใชใ้ นการดารงชวี ติ ในสังคมได้ (สานักงานการมัธยมศกึ ษาตอนปลาย, 2558, หนา้ 16) จากความสาคัญดงั กล่าวข้างตน้ ผู้วิจัยจึงสนใจต้องกาทราบสภาพและปัญหา การบริหารจัดการเรียนรู้ ในศตวรรษที่ 21 ในโรงเรียนมธั ยมศึกษา สังกัดสานักงานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษามัธยมศกึ ษา เขต 23 พร้อมทั้งมีความ ตอ้ งการพัฒนาการบริหารจดั การเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ในโรงเรียนมธั ยมศกึ ษา สังกดั สานกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษา มธั ยมศกึ ษา เขต 23 วา่ อยู่ในระดบั ใด เพือ่ จะได้นาผลจากการศึกษาวิจยั มาใชเ้ ปน็ แนวทางในการบริหารจัดการเรียนรู้ ในศตวรรษที่ 21 และปรบั ปรุงในการจดั กิจกรรมการเรียนการสอน เพื่อให้สอดคล้องกบั การจดั การศึกษา ในศตวรรษที่ 21 ซึ่งเป็นสง่ิ จาเป็นสาหรบั การพฒั นาศักยภาพของการบริหารจดั การ การเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ให้มีประสิทธิภาพ และก้าวทนั ตอ่ การเปลี่ยนแปลงในยุคโลกาภวิ ตั น์ต่อไป คาถามของการวิจัย 1. สภาพและปัญหาการบริหารจัดการเรียนรู้ ในศตวรรษที่ 21 ในโรงเรียนมธั ยมศกึ ษา สงั กัดสานกั งานเขต พ้ืนที่การศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต 23 อยู่ในระดบั ใด 2. สภาพและปญั หาการบริหารจัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ในโรงเรียนมธั ยมศกึ ษา ตามความคิดเห็นของ ผู้อานวยการโรงเรียน รองผู้อานวยการโรงเรียนฝ่ายวชิ าการ และหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ 8 กลุ่มสาระ ในโรงเรียนมธั ยมศกึ ษา สงั กัดสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษามัธยมศกึ ษา เขต 23 มคี วามแตกตา่ งกนั หรือไม่ อยา่ งไร 3. สภาพและปญั หาการบริหารจดั การเรียนรู้ ในศตวรรษที่ 21 ในโรงเรียนมัธยมศกึ ษา ตามความคิดเห็นของ ผู้อานวยการโรงเรียน รองผู้อานวยการโรงเรียนฝ่ายวชิ าการ และหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ 8 กลุ่มสาระ ในโรงเรียนมธั ยมศกึ ษา สังกัดสานกั งานเขตพ้ืนทีก่ ารศึกษามัธยมศกึ ษา เขต 23 ทีม่ ีประสบการณ์ในการทางานต่างกนั มคี วามแตกตา่ งกันหรือไม่ อยา่ งไร

147 4. สภาพและปญั หาการบริหารจดั การเรียนรู้ ในศตวรรษที่ 21 ในโรงเรียนมธั ยมศกึ ษา ตามความคิดเห็นของ ผู้อานวยการโรงเรียน รองผู้อานวยการโรงเรียนฝ่ายวชิ าการ และหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ 8 กลุ่มสาระ สงั กัด สานักงานเขตพ้นื ที่การศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต 23 ในโรงเรียนที่มขี นาดตา่ งกัน มคี วามแตกตา่ งกนั หรือไมอ่ ย่างไร 5. แนวทางทเ่ี หมาะสมในการพฒั นาการบริหารจดั การเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ในโรงเรียนมัธยมศึกษา สังกดั สานักงานเขตพ้นื ที่การศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต 23 มอี ะไรบ้าง ความมุ่งหมายของการวิจยั 1. เพื่อศกึ ษาสภาพและปญั หาในการบริหารจดั การเรียนรู้ ในศตวรรษที่ 21 ในโรงเรียนมัธยมศึกษา สังกดั สานกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต 23 2. เพอ่ื เปรียบเทียบสภาพและปัญหาในการบริหารจัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ในโรงเรียนมัธยมศกึ ษา ตามความคิดเหน็ ของผู้อานวยการโรงเรียน รองผู้อานวยการโรงเรียนฝ่ายวชิ าการ และหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ 8 กลุ่มสาระ ในโรงเรียนมธั ยมศึกษา สังกดั สานกั งานเขตพ้ืนทีก่ ารศึกษามัธยมศกึ ษา เขต 23 3. เพ่อื เปรียบเทียบสภาพและปัญหาในการบริหารจดั การเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ในโรงเรียนมัธยมศกึ ษา ตามความคิดเห็นของผู้อานวยการโรงเรียน รองผู้อานวยการโรงเรียนฝ่ายวชิ าการ และหวั หน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ 8 กลุ่มสาระ ในโรงเรียนมัธยมศึกษา สงั กัดสานกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษามัธยมศกึ ษา เขต 23 ทมี่ ปี ระสบการณ์ ในการทางานต่างกนั 4. เพ่อื เปรียบเทียบสภาพและปัญหาในการบริหารจดั การเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ในโรงเรียนมัธยมศกึ ษา ความคิดเห็นของผู้อานวยการโรงเรียน รองผู้อานวยการโรงเรียนฝ่ายวชิ าการ และหวั หนา้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ 8 กลุ่มสาระ ในโรงเรียนมัธยมศึกษา สงั กดั สานกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต 23 ทมี่ ขี นาดของโรงเรียน ตา่ งกนั 5. เพอ่ื ศึกษาแนวทางท่เี หมาะสมในการพัฒนาการบริหารจัดการเรียนรู้ ในศตวรรษที่ 21 ในโรงเรียน มัธยมศกึ ษาในโรงเรียนมัธยมศึกษา สงั กัดสานกั งานเขตพ้ืนทีก่ ารศึกษามัธยมศกึ ษา เขต 23 กรอบแนวคดิ ของการวิจัย ตวั แปรอสิ ระ ตวั แปรตาม 1. สถานภาพด้านตาแหนง่ สภาพ ปญั หาการบรหิ ารจัดการเรียนรู้ ใน 1.1 ผอู้ านวยการโรงเรียน ศตวรรษที่ 21 ในโรงเรียนมัธยมศึกษา สงั กดั 1.2 รองผอู้ านวยการโรงเรียนฝ่ายวิชาการ สานักงานเขตพ้ืนทกี่ ารศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต 23 1.3 หวั หน้ากลมุ่ สาระการเรียนรู้ 8 กลุ่มสาระ ใน 4 ด้าน 2. ประสบการณ์ในการทางาน 2.1 น้อยกว่า 10 ปี 2.2 10- 20 ปี 1. ด้านมาตรฐานและการประเมินผล 2.3 มากกว่า 20 ปี 2.ด้านหลักสูตรและการสอน 3. ขนาดของโรงเรียน 3. ด้านการพฒั นาครู 3.1 ขนาดเล็ก 3.2 ขนาดกลาง 4. ด้านสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ 3.3 ขนาดใหญ่และใหญ่พเิ ศษ แนวทางในการพฒั นาการบรหิ ารจดั การเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ในโรงเรียนมัธยมศึกษา สงั กัดสานักงานเขตพืน้ ที่การศึกษามธั ยมศึกษา เขต 23 ภาพประกอบ 1 กรอบแนวคิดการวิจยั

148 วิธีดาเนนิ การวิจยั ประชากรและกลมุ่ ตวั อยา่ ง เนอ่ื งจากการวิจยั นตี้ อ้ งการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู จากผู้ให้ขอ้ มลู ทมี่ สี ่วนเกีย่ วข้องในการที่จะตอบ แบบสอบถามตามวตั ถุประสงค์ของการวจิ ัยเกีย่ วกบั สภาพ ปญั หา และแนวทางในการพัฒนาการบริหารจดั การเรียนรู้ ในศตวรรษที่ 21 ในโรงเรียนมัธยมศกึ ษา สังกดั สานกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต 23 ได้อยา่ งครอบคลมุ ผู้วิจยั ไดก้ าหนดประชากรและกลุ่มตวั อยา่ ง ดังน้ี 1. ประชากร ได้แก่ ผู้อานวยการโรงเรียน รองผู้อานวยการฝ่ายวชิ าการ และและหัวหนา้ กลุ่มสาระ การเรียนรู้ 8 กลุ่มสาระ จาก 45 โรงเรียน สานกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษามัธยมศกึ ษา เขต 23 ปกี ารศึกษา 2559 จานวน 2,407 คน ประกอบด้วย ผู้อานวยการโรงเรียน จานวน 45 คน รองผู้อานวยการฝา่ ยวชิ าการ จานวน 45 คน และหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ จานวน 360 คน รวมประชากรท้ังส้นิ 450 คน 2. กลุ่มตวั อยา่ ง ได้แก่ ผู้อานวยการโรงเรียน รองผู้อานวยการโรงเรียนฝ่ายวชิ าการ และหัวหนา้ กลุ่ม สาระการเรียนรู้ทั้ง 8 กลุ่มสาระ จาก 45 โรงเรียน สานักงานเขตพนื้ ที่การศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต 23 ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2559 โดยใชต้ ารางของ Krejcie and Morgan (บญุ ชม ศรีสะอาด, 2545, หนา้ 43) ได้กลมุ่ ตัวอย่างขั้นตา่ จานวน 210 คนแตใ่ นการวจิ ยั ครั้งนกี้ าหนดกลุ่มตัวอยา่ งจานวน 230 คนและใชว้ ธิ ีการสุ่มแบบหลายขนั้ ตอน (Multi- Stage Random Sampling) ประกอบด้วย ผู้อานวยการโรงเรียน จานวน 23 คน รองผู้อานวยการฝ่ายวิชาการ จานวน 23 คน และหวั หนา้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ จานวน 184 คน เครือ่ งมอื ทใี่ ชใ้ นการเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล เครอ่ื งมือทีใ่ ชใ้ นการเก็บรวบรวมขอ้ มลู เปน็ แบบสอบถาม ใชส้ าหรบั ผู้บริหารโรงเรียน หัวหน้ากลุ่มสาระ การเรียนรู้ และครผู ู้สอน มีวัตถปุ ระสงค์เพ่อื ศึกษาสภาพปญั หา และแนวทางในการพฒั นาการบริหารจัดการบริหาร จดั การเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ในโรงเรียนมธั ยมศกึ ษา สงั กดั สานกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษามัธยมศกึ ษา เขต 23 เพอ่ื ใชเ้ ปน็ แนวทางในการปรบั ปรุงการบริหารจดั การเรียนรู้ในโรงเรียน แบ่งออกเปน็ 3 ตอน ดงั นี้ ตอนที่ 1 เป็นแบบสอบถามเกี่ยวกบั ข้อมลู พืน้ ฐานของผู้ตอบแบบสอบถาม ได้แก่ สถานภาพด้าน ตาแหนง่ ของผู้ตอบแบบสอบถาม ประสบการณ์ในการปฏบิ ตั งิ าน และขนาดของโรงเรียน เปน็ ลักษณะแบบตรวจสอบ รายการ (Check List) ตอนที่ 2 เป็นแบบสอบถามเกีย่ วกับความคิดเหน็ ของผู้อานวยการโรงเรียน รองผู้อานวยการโรงเรียน ฝ่ายวิชาการ และหัวหนา้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ 8 กลุ่มสาระเกี่ยวกับ สภาพ ปญั หา การบริหารจดั การบริหารจดั การ เรียนรู้ ในศตวรรษที่ 21 ของครูผู้สอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ในโรงเรียนมัธยมศกึ ษา สงั กัดสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษา มธั ยมศกึ ษา เขต 23 ตามกรอบแนวคิด 4 ด้าน ตอนที่ 3 เปน็ แบบสอบถามเกีย่ วกับข้อเสนอแนะแนวทางในการพฒั นาการบริหารจดั การเรียนรู้ ในศตวรรษที่ 21 ในโรงเรียนมัธยมศึกษาสงั กดั สานกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษามัธยมศกึ ษา เขต 23 การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ผู้วิจยั ได้ดาเนินการเกบ็ รวบรวมข้อมลู ดังน้ี 1. ขอหนงั สอื จากสานกั งานบัณฑิตวทิ ยาลยั มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร เพื่อขออนุญาต และขอความร่วมมอื จากโรงเรียน สงั กัดสานักงานเขตพ้นื ที่การศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต 23 ในการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู

149 2. ผู้วิจยั ส่งแบบสอบถามพร้อมหนังสอื ขอความร่วมมอื ในการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู กบั ครูที่เปน็ กลมุ่ ตวั อยา่ ง และกาหนดวนั รบั คืนดว้ ยตนเอง 3. ผู้วจิ ัยรบั แบบสอบถามคืนจากกลุ่มตัวอย่าง ของโรงเรียนในสงั กัดสานกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษา มัธยมศกึ ษา เขต 23 เพ่อื ดาเนนิ การต่อไป สถิตทิ ใี่ ช้ในการวิเคราะหข์ อ้ มลู ผู้วิจัยวิเคราะห์ขอ้ มูลโดยใชโ้ ปรแกรมสาเร็จรปู ทางสถิติ มีรายละเอยี ด ดงั นี้ 1. การศึกษาสภาพปญั หา การบริหารจดั การเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 สงั กัดสานกั งานเขตพ้นื ที่ การศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต 23 โดยใชส้ ถิตดิ งั น้ี 1.1 สถิติพนื้ ฐาน 1.1.1 ค่าร้อยละ (Percentage) 1.1.2 ค่าเฉลีย่ (Mean) 1.1.3 ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) 1.2 สถิติที่ใชใ้ นการหาคณุ ภาพเคร่อื งมือ 1.2.1 วิเคราะห์หาอานาจ จาแนกแบบสอบถามเป็นรายข้อ โดยใชค้ า่ สมั ประสิทธิส์ หสัมพันธ์อยา่ งง่ายระหว่างคะแนนรายขอ้ กับคะแนนรวม 1.2.2 หาค่าความเช่อื มัน่ ของแบบสอบถาม โดยใชว้ ธิ ีสมั ประสิทธิอ์ ัลฟา่ ของครอนบาค (Alpha Coefficient) 1.3 สถิติที่ใชใ้ นการทดสอบสมมติฐาน 1.3.1 การทดสอบสมมติฐานข้อที่ 1 “สภาพ/ปญั หา การบริหารจดั การเรียนรู้ใน ศตวรรษที่ 21 ในโรงเรียนมธั ยมศกึ ษา สังกัดสานกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต 23 อยู่ในระดบั ปานกลาง” สรุปผลการวิจัย 1. ระดบั สภาพ และปัญหาการบริหารจัดการเรียนรู้ ในศตวรรษที่ 21 ในโรงเรียนมัธยมศกึ ษา สังกัดสานักงานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต 23 สรปุ ดังน้ี 1.1 ระดบั สภาพการบริหารจดั การเรียนรู้ ในศตวรรษที่ 21 ในโรงเรียนมัธยมศกึ ษา สงั กดั สานกั งานเขต พ้ืนทีก่ ารศึกษามัธยมศกึ ษา เขต 23 โดยรวมอยใู่ นระดบั มาก (X = 4.04) เม่อื พิจารณาเปน็ รายดา้ นพบวา่ อยู่ในระดบั มากทุกดา้ น โดยเรียงลาดบั จากมากไปหาน้อย ดังน้ี หลกั สตู รและการสอนในศตวรรษที่ 21 สภาพแวดลอ้ มการเรียนรู้ ในศตวรรษที่ 21 การพัฒนาทางวิชาชพี ในศตวรรษที่ 21 และมาตรฐานในศตวรรษที่ 21 ตามลาดบั 1.2 ระดับปัญหาการบริหารจัดการเรียนรู้ ในศตวรรษที่ 21 ในโรงเรียนมัธยมศกึ ษา สงั กัดสานกั งานเขต พ้ืนทีก่ ารศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต 23 โดยรวมอยใู่ นระดบั ปานกลาง ( X = 2.56) เมอ่ื พิจารณาเปน็ รายดา้ นพบวา่ อยู่ในระดับปานกลาง 2 ด้าน โดยเรียงลาดับจากมากไปหาน้อย ดงั น้ี สภาพแวดลอ้ มการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 และหลักสตู รและการสอนในศตวรรษที่ 21 และอยู่ในระดบั น้อย 2 ด้าน โดยเรียงลาดับจากมากไปหาน้อย ดังน้ี การพัฒนาทางวิชาชพี ในศตวรรษที่ 21 และมาตรฐานในศตวรรษที่ 21 ตามลาดับ 2. เปรียบเทียบสภาพ และปัญหาการบริหารจัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ในโรงเรียนมัธยมศกึ ษา สังกดั สานกั งานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษามัธยมศกึ ษา เขต 23 ตามความคิดเห็นของผู้อานวยการโรงเรียน รองผู้อานวย การโรงเรียนฝ่ายวชิ าการ และหวั หน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ 8 กลุ่มสาระ ไมม่ คี วามแตกตา่ งกนั 3. เปรียบเทียบสภาพ และปญั หาการบริหารจดั การเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ในโรงเรียนมัธยมศกึ ษา สังกดั สานักงานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต 23 ตามความคิดเห็นของผู้อานวยการโรงเรียน รองผู้อานวยการ โรงเรียนฝ่ายวชิ าการ และหัวหนา้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ 8 กลุ่มสาระ ท่มี ปี ระสบการณ์ในการทางานต่างกัน ไมม่ คี วาม แตกตา่ งกัน 4. เปรียบเทียบระดบั สภาพ และปัญหาการบริหารจัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ในโรงเรียนมัธยมศกึ ษา สงั กดั สานกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษามัธยมศกึ ษา เขต 23 จาแนกตามขนาดโรงเรียน สรุป ดังนี้

150 4.1 สภาพการบริหารจัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ในโรงเรียนมัธยมศกึ ษา สงั กัดสานักงานเขตพ้นื ที่ การศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต 23 ตามความคิดเห็นของผู้อานวยการโรงเรียน รองผู้อานวยการโรงเรียนฝ่ายวชิ าการ และหวั หน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ 8 กลุ่มสาระ ทม่ี ขี นาดของโรงเรียนต่างกนั โดยรวม มคี วามแตกตา่ งกนั อย่างมี นัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ .01 โดยรวมของโรงเรียนขนาดเล็ก มีระดบั ความคดิ เห็นมากกวา่ โรงเรียนขนาดกลาง และโรงเรียนขนาดใหญ่และใหญ่พเิ ศษ อยา่ งมีนยั สาคัญทางสถิตทิ ีร่ ะดบั .01 4.2 ปญั หาการบริหารจดั การเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ในโรงเรียนมธั ยมศกึ ษา สงั กดั สานกั งานเขตพ้นื ที่ การศึกษามัธยมศกึ ษา เขต 23 ตามความคิดเหน็ ของผู้อานวยการโรงเรียน รองผู้อานวยการโรงเรียนฝ่ายวชิ าการ และหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ 8 กลุ่มสาระ ท่มี ปี ระสบการณ์ในการทางานต่างกนั โดยรวม มคี วามแตกตา่ งกนั อย่างมนี ัยสาคัญทางสถิติทีร่ ะดบั .01 โดยรวมของโรงเรียนขนาดเล็ก มีระดับความคดิ เหน็ มากกว่าโรงเรียนขนาดกลาง อย่างมนี ัยสาคญั ทางสถิติที่ระดบั .01 5. แนวทางการพฒั นาการบริหารจัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ในโรงเรียนมธั ยมศกึ ษา สังกดั สานักงานเขต พ้ืนทีก่ ารศึกษามัธยมศกึ ษา เขต 23 ที่ควรได้รับการพัฒนา จานวน 3 ดา้ น คือ 1) มาตรฐานและการประเมินใน ศตวรรษที่ 21 2) การพัฒนาครูในศตวรรษที่ 21 และ 3) สภาพแวดลอ้ มการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ซึง่ วธิ ีการพัฒนา ประกอบด้วย 1) จดั อบรมเชงิ ปฏบิ ัตกิ าร เพื่อเพ่มิ ทักษะและความรู้ให้กบั ครูผู้สอน 2) มีการนิเทศ ตดิ ตาม ผลการ ปฏบิ ัตงิ านอย่างสม่าเสมอ และ 3) ศึกษาดูงานโรงเรียนที่มีการปฏบิ ตั เิ ป็นเลิศ เน้นการประเมินตามสภาพจรงิ เข้าใจความแตกต่างระหว่างบุคคล พฒั นาครูให้เป็นแบบอย่างที่ดี ใชก้ ระบวนการ PLC มาประยุกตใ์ ชอ้ ย่างเหมาะสม สนับสนุนงบประมาณในการพัฒนาสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ อภปิ รายผลการวิจยั 1. การอภปิ รายเกีย่ วกบั ระดบั สภาพ และปัญหาการบริหารจดั การเรียนรู้ ในศตวรรษที่ 21 ในโรงเรียน มธั ยมศกึ ษา สังกัดสานกั งานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษามัธยมศกึ ษา เขต 23 มดี งั น้ี 1.1 ระดบั สภาพการบริหารจดั การเรียนรู้ ในศตวรรษที่ 21 ในโรงเรียนมัธยมศกึ ษา สังกดั สานกั งานเขต พ้ืนทีก่ ารศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต 23 โดยรวมอยใู่ นระดบั มาก (X = 4.04) เมอ่ื พิจารณาเป็นรายดา้ นพบวา่ อยู่ในระดับ มากทุกดา้ น โดยเรียงลาดบั จากมากไปหาน้อย ดังน้ี หลักสูตรและการสอนในศตวรรษที่ 21 สภาพแวดลอ้ มการเรียนรู้ ในศตวรรษที่ 21 การพฒั นาครูในศตวรรษที่ 21 และมาตรฐานและการประเมินในศตวรรษที่ 21 ตามลาดบั สอดคลอ้ ง กับสมมตฐิ านที่ผู้วจิ ัยตง้ั ไว้ สามารถอธิบายเหตุผลประกอบ ได้ดงั น้ี 1.1.1 มาตรฐานและการประเมินในศตวรรษที่ 21 อยู่ในระดับมาก เน่อื งจาก มกี ารใช้หลกั การวดั ประเมินผลทีม่ ีคณุ ภาพ โดยสร้างและพัฒนาระบบแฟม้ สะสมงานของผู้เรียนให้เปน็ มาตรฐานและมคี ุณภาพ มกี าร สร้างความสมดุลในการประเมินผลเชงิ คณุ ภาพ โดยการใชแ้ บบทดสอบมาตรฐานสาหรบั การประเมินผลในชนั้ เรียน และการส่งเสริมให้ครูและบุคลากรทางการศกึ ษาเสนอข้อคิดเหน็ เกีย่ วกบั ปัญหาและแนวทางแก้ไขเกี่ยวกบั มาตรฐาน และการประเมินผล ในศตวรรษที่ 21 ทีเ่ ปน็ เชน่ นอี้ าจเป็นเพราะ ผู้อานวยการโรงเรียน รองผู้อานวยการโรงเรียนฝ่าย วชิ าการ และหวั หน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ ในโรงเรียนมธั ยมศกึ ษา สังกดั สานกั งานเขตพ้นื ทีก่ ารศกึ ษามธั ยมศกึ ษา เขต 23 ได้รบั ข้อมลู เกีย่ วกับการจดั การเรียนรู้ให้สอดคล้องกับศตวรรษที่ 21 จากส่อื ต่างๆ ตลอดจนนโยบายทางการ ศกึ ษาที่มุ้งเนน้ ให้จดั การเรียนรู้เพือ่ เตรียมผู้เรียนให้พร้อม ให้มีทักษะชีวิตสาหรบั โลกในศตวรรษที่ 21 ทาให้ได้ศึกษา เกีย่ วกับมาตรฐานและการประเมินในศตวรรษที่ 21 จึงทาให้มีระดับสภาพการปฏบิ ตั ิ ด้านมาตรฐานและการประเมิน ในศตวรรษที่ 21 อยู่ในระดับมาก สอดคล้องกับแนวคิดของ วิจารณ์ พานิช (2555, หนา้ 16) ได้กลา่ วถึงมาตรฐานการ

151 เรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ไว้วา่ มาตรฐานการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 นนั้ ต้องเนน้ ทักษะ ความรแู้ ละความเช่ยี วชาญทีเ่ กิด กบั ผู้เรียน สร้างความรู้ความเขา้ ใจในการเรียนในเชงิ สหวทิ ยาการระหว่างวชิ าหลกั ทีเ่ ปน็ จุดเนน้ มุ่งเนน้ การสร้าง ความรแู้ ละเข้าใจในเชงิ ลึก มากกว่าการสร้างความรู้แบบผิวเผิน ยกระดบั ความสามารถผู้เรียนดว้ ยการให้ข้อมูล ที่เป็นจริง การใช้ส่อื หรือเครอ่ื งมอื ทีม่ ีคุณภาพจากการเรียนรู้ในสถานศกึ ษา การทางานและในการดารงชีวิตประจาวัน ผู้เรียนได้เรียนรู้อยา่ งมีความหมายและสามารถแก้ไขปญั หาท่ีเกิดข้ึนได้ ใช้หลกั การวัดประเมินผลที่มีคณุ ภาพระดับสงู 1.1.2 หลักสตู รและการสอนในศตวรรษที่ 21 เนอ่ื งจาก มกี ารสรา้ งวิธีการเรียนจากการใชป้ ัญหา เป็นฐาน (Problem-based) เพอ่ื การสร้างทกั ษะขั้นสงู ทางการคดิ บูรณาการแหลง่ เรียนรู้ (Learning Resources) จากชุมชนเข้ามาใชใ้ นโรงเรียน การสร้างโอกาสทีจ่ ะประยกุ ตท์ ักษะเชงิ บรู ณาการข้ามสาระ เนอ้ื หา และสรา้ งระบบ การเรียนรู้ที่เนน้ สมรรถนะเป็นฐาน และการสอนที่มุ่งเนน้ ให้เกิดทกั ษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 มงุ่ เนน้ เชงิ สหวทิ ยาการ ของวิชาแกนหลกั เปิดโอกาสใหผ้ ู้เรียนได้ร่วมลงมอื คน้ ควา้ และศกึ ษาในสิ่งทีส่ นใจ ทเ่ี ปน็ เชน่ นี้ อาจเป็นเพราะ ผู้อานวยการโรงเรียน รองผู้อานวยการโรงเรียนฝ่ายวชิ าการ และหวั หน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ ในโรงเรียนมัธยมศกึ ษา สงั กดั สานักงานเขตพ้นื ที่การศึกษามัธยมศกึ ษา เขต 23 ได้รบั ขอ้ มูลเกีย่ วกบั การจดั การเรียนรู้ให้สอดคลอ้ งกับศตวรรษ ที่ 21 จากสอ่ื ต่างๆ ตลอดจนนโยบายทางการศกึ ษาทีม่ ุ้งเนน้ ให้จดั การเรียนรู้เพ่อื เตรียมผู้เรียนให้พร้อม ให้มีทกั ษะชีวิต สาหรบั โลกในศตวรรษที่ 21 ทาให้ได้ศึกษาเกย่ี วกับหลักสตู รและการสอนในศตวรรษที่ 21 จึงทาให้มีระดับสภาพ การปฏบิ ตั ิ ด้านหลักสูตรและการสอนในศตวรรษที่ 21 อยู่ในระดับมาก สอดคล้องกบั แนวคิดของ สคุ นธ์ สินธพานนท์ (2558, หนา้ 9) ได้กลา่ วไวว้ า่ ทกั ษะท่สี าคญั ท่เี ดก็ และเยาวชนพงึ มใี นศตวรรษที่ 21 ซึง่ จะมีความสอดคล้องกนั โดยเนน้ ให้ผู้เรียนได้มที ักษะการคิดอย่างมวี จิ ารณญาณและทกั ษะในการแก้ปัญหา ทักษะการคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม ทกั ษะความร่วมมอื การทางานเป็นทีมและภาวะผู้นา ทกั ษะความเข้าใจตา่ งวฒั นธรรมตา่ งกระบวนการทศั น์ ทกั ษะ การสอ่ื สารข้อมลู สารสนเทศ ทกั ษะการเรียนรู้ และมีทกั ษะในการอ่าน การเขียนและการคดิ คานวณ ซึง่ ถา้ บุคลากร ทางการศกึ ษาโดยเฉพาะครูผู้สอนสามารถจดั การเรียนรู้ให้ผู้เรียนมที ักษะสาคญั ดงั กล่าวยอ่ มส่งผลดีต่อผู้เรียน 1.1.3 การพฒั นาครใู นศตวรรษที่ 21 เน่อื งจาก มกี ารสร้างความสมบรู ณ์แบบในมติ ขิ องการสอนด้วย เทคนิควธิ ีการสอนทีห่ ลากหลาย สร้างให้เกิดตวั แบบที่มีการพฒั นาทางวชิ าชีพได้อยา่ งม่ันคงและยงั่ ยืน และมีการใช้ เคร่อื งมือและกาหนดยทุ ธศาสตร์สกู่ ารปฏบิ ตั ใิ นชั้นเรียน และสร้างให้ครมู คี วามสามารถในการวเิ คราะห์ และกาหนดกจิ กรรมการเรียนรู้ได้เหมาะสม ท่เี ปน็ เชน่ นี้ อาจเปน็ เพราะ ผู้อานวยการโรงเรียน รองผู้อานวยการ โรงเรียนฝ่ายวชิ าการ และหัวหนา้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ ในโรงเรียนมัธยมศกึ ษา สงั กัดสานักงานเขตพ้นื ที่การศึกษา มัธยมศกึ ษา เขต 23 ได้รับข้อมลู เกีย่ วกบั การจดั การเรียนรู้ให้สอดคล้องกบั ศตวรรษที่ 21 จากสอ่ื ต่างๆ ตลอดจน นโยบายทางการศกึ ษาทีม่ ุ้งเนน้ ให้จัดการเรียนรู้เพอ่ื เตรียมผู้เรียนให้พร้อม ให้มีทกั ษะชีวิตสาหรบั โลกในศตวรรษที่ 21 ทาให้ได้ศึกษาเกย่ี วกบั การพัฒนาครใู นศตวรรษที่ 21 จึงทาให้มีระดับสภาพการปฏบิ ตั ิ ด้านการพฒั นาครูในศตวรรษ ที่ 21 อยู่ในระดบั มาก สอดคล้องกบั แนวคิดของ วิจารณ์ พานิช (2556, หนา้ 52-64) ได้กลา่ วถงึ บทบาทครวู า่ “การเรียนในศตวรรษที่ 21 “ครู” จะมบี ทบาทสาคัญย่งิ กว่าเดิมแตไ่ มใ่ ชใ่ นฐานะผู้สอน แตใ่ นฐานะผู้ฝกึ ให้เดก็ ได้เกิดทักษะที่จาเป็น ซึ่งครูต้องเปลี่ยนความคิดตอ้ งละท้งิ ความยดึ ม่ัน ถือม่นั ในเน้อื หาวิชาว่าถกู ท่สี ดุ แล้วปรับตวั มาสู่ การเป็นผู้ออกแบบการเรียนรู้ ตั้งคาถามเพ่อื กระตุ้นใหผ้ ู้เรียนไดค้ ิดและลงมอื ปฏบิ ตั ิ เพราะการลงมอื ทาจะชว่ ย สนบั สนนุ ให้เด็กได้เกิดทกั ษะการเรียนรู้ (Learning Skill) โดยอาจจะอยู่ในรปู แบบของโครงงานเพ่อื ให้เดก็ สามารถนา ความรู้ที่ได้ไปประยุกตใ์ ชก้ บั ชีวติ ตนเอง และครตู ้องไมต่ อบ คาถามของเดก็ ในทนั ที ไมด่ ดุ า่ ว่ากล่าวหากคาตอบนน้ั ไมถ่ ูกต้อง เพราะจะเปน็ การทารา้ ยเดก็ ในภายหลัง แตค่ วรใชว้ ธิ ีการต้ังคาถามไปเรือ่ ยๆ เพื่อนาไปสู่การลงมอื คน้ หาจน ได้คาตอบทีอ่ อกมาจากความคดิ ภายในตัวของเด็กเอง”

152 1.1.4 สภาพแวดล้อมการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 เน่อื งจาก มกี ารนาไปสกู่ ารพฒั นาและขยายผลสู่ ชมุ ชนทั้งในรปู แบบการเผชญิ หนา้ หรอื ระบบออนไลน์ โรงเรียนมกี ารบูรณาการหลอมรวมทกั ษะหลากหลายสกู่ าร ปฏบิ ตั ใิ นชั้นเรียน และโรงเรียนมกี ารจดั สภาพแวดลอ้ มการเรียนการสอนแบบโครงงานการพฒั นาครใู นศตวรรษที่ 21 หลกั สูตรและการสอนในศตวรรษที่ 21 ที่เป็นเชน่ นี้ อาจเป็นเพราะ ผู้อานวยการโรงเรียน รองผอู้ านวยการโรงเรียน ฝ่ายวิชาการ และหัวหนา้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ ในโรงเรียนมธั ยมศึกษา สงั กดั สานกั งานเขตพ้ืนทีก่ ารศึกษามัธยมศกึ ษา เขต 23 ได้รับข้อมลู เกีย่ วกับการจัดการเรียนรู้ให้สอดคล้องกบั ศตวรรษที่ 21 จากส่อื ต่างๆ ตลอดจนนโยบายทางการ ศกึ ษาทีม่ ุ้งเนน้ ให้จัดการเรียนรู้เพื่อเตรียมผู้เรียนให้พร้อม ให้มีทักษะชีวิตสาหรบั โลกในศตวรรษที่ 21 ทาให้ได้ศึกษา เกีย่ วกับสภาพแวดลอ้ มการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 จึงทาให้มีระดบั สภาพการปฏบิ ัติ ด้านสภาพแวดลอ้ มการเรียนรู้ ในศตวรรษที่ 21 อยู่ในระดบั มาก สอดคล้องกับแนวคิดของ บุษยพรรณ พรหมวาทย์ (2558, บทคัดยอ่ ) ได้ศึกษาภาวะ ผู้นาการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารสถานศกึ ษาและการพฒั นาทกั ษะการเรียนรู้ของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 สังกดั สานักงานเขตพ้นื ที่การศึกษาประถมศึกษาพะเยา เขต 1 ผลการวจิ ัยพบวา่ การพัฒนาทกั ษะการเรียนรู้ของผู้เรียน ในศตวรรษที่ 21 โรงเรียนขยายโอกาสทางการศกึ ษา สงั กัดสานกั งานเขตพ้ืนทีก่ ารศึกษาประถมศึกษาพะเยา เขต 1 ท้ัง 4 ด้าน โดยรวมและรายดา้ น มีการปฏบิ ัตอิ ยู่ในระดบั มาก 1.2 ระดบั ปญั หาการบริหารจดั การเรียนรู้ ในศตวรรษที่ 21 ในโรงเรียนมธั ยมศกึ ษา สงั กัดสานกั งานเขต พ้ืนที่การศึกษามัธยมศกึ ษา เขต 23 โดยรวมอยู่ในระดบั ปานกลาง (X = 2.56) เมอ่ื พิจารณาเปน็ รายดา้ นพบวา่ อยู่ในระดับปานกลาง 2 ด้าน โดยเรียงลาดับจากมากไปหาน้อย ดงั น้ี สภาพแวดลอ้ มการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 และหลักสตู รและการสอนในศตวรรษที่ 21 และอยู่ในระดับน้อย 2 ด้าน โดยเรียงลาดับจากมากไปหาน้อย ดังน้ี การพัฒนาทางครใู นศตวรรษที่ 21 และมาตรฐานและการประเมินในศตวรรษที่ 21 ตามลาดับ 1.2.1 มาตรฐานและการประเมินในศตวรรษที่ 21 มาตรฐานและการประเมินในศตวรรษที่ 21 อยู่ในระดบั มาก เน่อื งจาก มีการสร้างความรู้ความเข้าใจในการเรียนในเชงิ สหวทิ ยาการระหว่างวชิ าหลกั ทีเ่ ป็นจุดเนน้ (บูรณาการ) การมุ่งเนน้ สร้างความรู้และความเขา้ ใจในเชงิ ลึกมากกว่าการสร้างความรู้แบบผิวเผิน และการจดั การ เรียนการสอนโดยเนน้ ทักษะ ความรแู้ ละความเชย่ี วชาญให้เกิดกบั ผู้เรียน มากพอสมควร ท่เี ปน็ เชน่ นี้ อาจเปน็ เพราะ ผู้อานวยการโรงเรียน รองผู้อานวยการโรงเรียนฝ่ายวชิ าการ และหวั หน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ ในโรงเรียนมธั ยมศกึ ษา สงั กดั สานกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต 23 ได้รบั ขอ้ มลู เกีย่ วกับการจัดการเรียนรู้ให้สอดคล้องกบั ศตวรรษที่ 21 จากสอ่ื ต่างๆ ตลอดจนนโยบายทางการศกึ ษาที่มงุ้ เนน้ ให้จดั การเรียนรู้เพ่อื เตรียมผู้เรียนให้พร้อม ให้มีทักษะชีวิตสาหรบั โลกในศตวรรษที่ 21 ทาให้ได้ศึกษาเก่ยี วกบั มาตรฐานและการประเมินในศตวรรษที่ 21 มากพอสมควร จึงทาให้มีระดบั สภาพการปฏบิ ัติ ด้านมาตรฐานและการประเมินในศตวรรษที่ 21 อยู่ในระดับน้อย สอดคล้องกับแนวคิดของ สคุ นธ์ สินธพานนท์ (2558, หนา้ 9) ได้กลา่ วไวว้ า่ ทักษะทีส่ าคญั ทเ่ี ดก็ และเยาวชนพงึ มี ในศตวรรษที่ 21 ซึง่ จะมีความสอดคลอ้ งกันโดยเนน้ ให้ผู้เรียนไดม้ ที ักษะการคิดอย่างมวี จิ ารณญาณและทกั ษะในการ แก้ปัญหา ทกั ษะการคดิ สร้างสรรค์และนวัตกรรม ทักษะความร่วมมอื การทางานเป็นทีมและภาวะผู้นา ทักษะความ เข้าใจตา่ งวฒั นธรรมตา่ งกระบวนการทศั น์ ทักษะการสอ่ื สารข้อมลู สารสนเทศ ทกั ษะการเรียนรู้ และมีทกั ษะในการ อา่ น การเขียนและการคดิ คานวณ ซึ่งถา้ บุคลากรทางการศึกษาโดยเฉพาะครผู ู้สอนสามารถจัดการเรียนรู้ให้ผู้เรียน มที ักษะสาคัญดังกลา่ วยอ่ มส่งผลดตี อ่ ผู้เรียน 1.2.2 หลักสตู รและการสอนในศตวรรษที่ 21 เนอ่ื งจาก การใชห้ ลักสตู รเชงิ สหวทิ ยาการ ให้มคี วาม สอดคล้องกบั มาตรฐานการเรียนรู้และเน้นให้นกั เรียนนาไปปฏบิ ัตจิ รงิ และการสอนที่มุ่งเนน้ ใหเ้ กิดทกั ษะการเรียนรู้ ในศตวรรษที่ 21 มงุ่ เนน้ เชงิ สหวิทยาการของวชิ าแกนหลกั เปิดโอกาสใหผ้ ู้เรียนได้ร่วมลงมือค้นควา้ และศึกษาในส่งิ ที่ สนใจใชห้ ลกั สตู รทีส่ ง่ เสริมการสร้างนวัตกรรมและวิธีการเรียนรู้เชงิ บูรณาการทีม่ ีเทคโนโลยเี ป็นตัวเกือ้ หนุน ส่งเสริม

153 การเรียนรู้แบบสืบค้น ค่อนขา้ งนอ้ ย ท่เี ป็นเชน่ นี้ อาจเป็นเพราะ ผู้อานวยการโรงเรียน รองผู้อานวยการโรงเรียนฝ่าย วชิ าการ และหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ ในโรงเรียนมัธยมศกึ ษา สงั กดั สานักงานเขตพ้นื ที่การศกึ ษามธั ยมศกึ ษา เขต 23 มีหน้าทีป่ ฏบิ ตั งิ านพเิ ศษนอกเหนอื จากการสอนมากจนทาให้ไม่มีเวลามากพอทีจ่ ะเตรียมพฒั นาการจัดการ เรียนรู้ เพ่อื เตรียมผู้เรียนให้พร้อมสาหรับพลเมอื งในศตวรรษที่ 21 และอาจเป็นเพราะครูผู้สอนบางส่วนยังยึดติดกบั รูปแบบการสอนแบบเดิม คือเน้นการบรรยายจึงทาให้มีระดบั สภาพการปฏบิ ัติ ด้านหลักสูตรและการสอนในศตวรรษ ที่ 21 อยู่ในระดับปานกลาง สอดคล้องกับแนวคิดของ สคุ นธ์ สนิ ธพานนท์ (2558, หนา้ 9) ได้กล่าวไว้วา่ ทักษะที่ สาคญั ท่เี ด็กและเยาวชนพงึ มใี นศตวรรษที่ 21 ซึ่งจะมีความสอดคล้องกนั โดยเนน้ ใหผ้ ู้เรียนได้มีทกั ษะการคิดอย่างมี วจิ ารณญาณและทักษะในการแกป้ ญั หา ทกั ษะการคดิ สร้างสรรค์และนวัตกรรม ทักษะความรว่ มมอื การทางาน เปน็ ทีมและภาวะผู้นา ทกั ษะความเข้าใจตา่ งวัฒนธรรมตา่ งกระบวนการทัศน์ ทกั ษะการส่อื สารข้อมูลสารสนเทศ ทกั ษะการเรียนรู้ และมีทกั ษะในการอา่ น การเขียนและการคิดคานวณ ซึ่งถ้าบคุ ลากรทางการศึกษาโดยเฉพาะ ครผู ู้สอนสามารถจดั การเรียนรู้ให้ผู้เรียนมที กั ษะสาคญั ดังกล่าวยอ่ มส่งผลดีต่อผู้เรียน ซึ่งสอดคล้องกบั แนวคิดของ สถาบันบัณฑิตบริหารธรุ กิจ 1.2.3 การพัฒนาครใู นศตวรรษที่ 21 เน่อื งจาก มกี ารสง่ เสริมสนบั สนนุ ให้สถานศกึ ษามีกจิ กรรม ทีจ่ ะทาให้ผู้เรียนเกิดการพฒั นาความสามารถดา้ นการใช้ทกั ษะชวี ติ และการสนับสนนุ ให้เกิดการประเมินผู้เรียน อย่างตอ่ เน่อื งเพ่อื สร้างทกั ษะและเกิดการพฒั นาการเรียนรู้ มีการใชเ้ คร่อื งมือและกาหนดยทุ ธศาสตร์สกู่ ารปฏบิ ตั ิ ในชั้นเรียน และสร้างให้ครูมีความสามารถในการวิเคราะห์และกาหนดกิจกรรมการเรียนรู้ได้เหมาะสม ค่อนขา้ งมาก ที่เป็นเชน่ นี้ อาจเปน็ เพราะ ผู้อานวยการโรงเรียน รองผู้อานวยการโรงเรียนฝ่ายวชิ าการ และหวั หน้ากลุ่มสาระ การเรียนรู้ ในโรงเรียนมัธยมศกึ ษา สังกดั สานักงานเขตพ้นื ทีก่ ารศกึ ษามัธยมศกึ ษา เขต 23 ไดร้ ับข้อมูลเกีย่ วกับการ จัดการเรียนรู้ให้สอดคล้องกบั ศตวรรษที่ 21 จากส่อื ต่างๆ ตลอดจนนโยบายทางการศกึ ษาทีม่ ุ้งเนน้ ให้จดั การเรียนรู้เพอ่ื เตรียมผู้เรียนให้พร้อม ให้มีทกั ษะชีวิตสาหรบั โลกในศตวรรษที่ 21 ทาให้ได้ศึกษาเก่ยี วกับการพฒั นาครใู นศตวรรษที่ 21 มากพอสมควร จึงทาให้มีระดบั สภาพการปฏบิ ตั ิ ด้านการพัฒนาครูในศตวรรษที่ 21 อยู่ในระดับน้อย สอดคล้องกบั แนวคิดของ สานกั งานส่งเสริมสงั คมแหง่ การเรียนรู้และคณุ ภาพเยาชน (2557, หนา้ 16-17) ได้กลา่ วถึง การพฒั นา และประเมินครทู ี่ต้องเร่งดาเนนิ การในศตวรรษที่ 21 ไว้วา่ เพือ่ เปน็ การตอบสนองความจาเป็นเร่งดว่ น เหน็ สมควรเลอื ก ดาเนนิ การตามข้อเสนอข้างตน้ ก่อนโดยการปฏริ ปู ห้องเรียน พัฒนาและการประเมินครู โดยปรับเปลีย่ นรปู แบบการ สอนของครูให้เปน็ ผู้จัดกระบวนการเรียนรู้แทนการสอนแบบดั้งเดิม ปรับระบบการพฒั นาครูเป็นการพัฒนาท่ี สถานศกึ ษา อย่างเปน็ องค์รวมทั้งการเรียนรู้ด้วยตนเอง และปรบั ระบบการประเมนิ ผลการทางานของครดู ้วยวิธีการ ประเมินแบบค่าสัมพทั ธ์ (relative) ทีค่ านงึ ถึงความตา่ งระหวา่ งผลผลิตกบั ปัจจัย (net gain) 1.2.4 สภาพแวดล้อมการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 โรงเรียนสง่ เสริมการออกแบบแหลง่ เรียนรู้ทีม่ ี คุณภาพเหมาะสมกับการเรียนทีเ่ ปน็ กลุ่ม การนาไปสู่การพฒั นาและขยายผลสู่ชุมชนทั้งในรปู แบบการเผชญิ หนา้ หรอื ระบบออนไลน์ โรงเรียนมกี ารจัดสภาพแวดลอ้ มการเรียนการสอนแบบโครงงาน และโรงเรียนสง่ เสริมการสร้างโอกาส ในการเข้าถึงส่อื เทคโนโลยี หรอื แหล่งการเรียนรู้ที่มีคุณภาพ ค่อนขา้ งน้อย ทีเ่ ป็นเช่นนี้ อาจเปน็ เพราะ ผู้อานวยการ โรงเรียน รองผู้อานวยการโรงเรียนฝ่ายวชิ าการ และหัวหนา้ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ ในโรงเรียนมัธยมศกึ ษา สงั กดั สานกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษามัธยมศกึ ษา เขต 23 มหี นา้ ทป่ี ฏบิ ตั งิ านพเิ ศษนอกเหนอื จากการสอนมากจนทาใหไ้ มม่ ี เวลามากพอทีจ่ ะเตรียมพฒั นาการจัดการเรียนรู้ เพ่อื เตรียมผู้เรียนให้พร้อมสาหรบั พลเมอื งในศตวรรษที่ 21 จึงทาให้มี ระดับสภาพการปฏบิ ตั ิ ด้านสภาพแวดลอ้ มการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 อยู่ในระดบั ปานกลาง สอดคล้องกบั แนวคิดของ ณฏั ฐิณี ศรสุวรรณ (2558, บทคัดยอ่ ) ได้กลา่ วถึง ลักษณะของห้องเรียนในศตวรรษที่ 21 วา่ ห้องเรียนในศตวรรษที่ 21 จะเนน้ ไปทีผ่ ู้เรียนเปน็ ศนู ย์กลาง และครูกเ็ ป็นศูนย์กลางเชน่ เดียวกนั แต่ครูจะไมท่ าหนา้ ทเ่ี ป็นเพียงผู้บรรยายอกี ต่อไป

154 แตท่ าหน้าทีเ่ ปน็ ผู้อานวยความสะดวกในการเรียนรู้ โดยทีน่ กั เรียนกาลงั เรียนรู้ผ่านการลงมือทา และครทู าหน้าที่ เหมอื นผู้ฝึกสอน ช่วยนกั เรียนโดยให้นกั เรียนเปน็ ผู้ลงมอื ทาเอง นกั เรียนจะเรียนรู้ทีจ่ ะใชว้ ธิ ีการสอบถาม (inquiry method)และเรียนรู้ทีจ่ ะทางานร่วมกับผู้อื่น นีเ่ ปน็ เพยี งส่วนหนึ่งของโลกแห่งความเป็นจริงทีพ่ วกเขาจะได้เรียนรู้ก่อนที่ พวกเขาจะออกไปจากห้องเรียน 2. สภาพ และปัญหาการบริหารจดั การเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ในโรงเรียนมัธยมศกึ ษา สงั กดั สานักงานเขต พ้ืนที่การศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต 23 ตามความคิดเหน็ ของผู้อานวยการโรงเรียน รองผู้อานวยการโรงเรียนฝ่ายวชิ าการ และหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ 8 กลุ่มสาระ ไมม่ คี วามแตกตา่ งกัน ท่เี ป็นเชน่ นี้ อาจเปน็ เพราะผู้อานวยการโรงเรียน รองผู้อานวยการโรงเรียนฝ่ายวชิ าการ และหวั หน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ ได้ปฏบิ ัตหิ นา้ ท่ใี นการตรวจสอบ นิเทศ ตดิ ตาม และประเมิน การจัดการเรียนรู้ของครูผู้สอน เพ่อื ให้รองรับการเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่ 21 และได้เหน็ ภาพ การปฏบิ ัติ ตลอดจนประสบปัญหา เกีย่ วกบั การบริหารจัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 คล้ายๆ กนั จึงทาให้มีระดบั ความคิดเห็นไม่แตกตา่ งกัน ซึ่งไมส่ อดคล้องกบั สมมติฐานทีผ่ ู้วจิ ยั ต้ังไว้ สอดคล้องกบั ผลการวจิ ยั ของ อริศรา สอนไชยา (2556, บทคัดยอ่ ) ไดศ้ กึ ษา สภาพและปญั หาการจดั การเรียนรู้วิชาภาษาอังกฤษเพ่อื เรียมการเข้าสู่ ประชาคมอาเซียน ในโรงเรียนสังกัดสานกั งานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษาประถมศึกษาสกลนคร เขต 2 พบวา่ สภาพและ ปัญหาการจัดการเรียนรู้วิชาภาษาอังกฤษเพอ่ื เรียมการเข้าสปู่ ระชาคมอาเซียน ของครผู ู้สอนที่มีประสบการณ์ต่างกัน โดยภาพรวมไม่มคี วามแตกต่างกนั สอดคลอ้ งกบั ผลการวจิ ัยของ อาไพจิตร ไชยพันธ์ (2554, บทคัดยอ่ ) ได้ศึกษา สภาพและปญั หาการจัดการเรียนรู้ของครูสงั กัดสานักงานเขตพน้ื ทีก่ ารศึกษาประถมศึกษาสระบรุ ี พบวา่ สภาพและ ปัญหาการจดั การเรียนรู้ตามความคิดเหน็ ของครู จาแนกตามประสบการณ์ทางาน ไมแ่ ตกตา่ งกัน 3. สภาพ และปญั หาการบริหารจัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ในโรงเรียนมัธยมศกึ ษา สงั กัดสานกั งานเขต พ้ืนที่การศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต 23 ตามความคิดเห็นของผู้อานวยการโรงเรียน รองผู้อานวยการโรงเรียนฝ่ายวชิ าการ และหวั หน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ 8 กลุ่มสาระ ทม่ี ปี ระสบการณ์ในการทางานต่างกนั ไมม่ คี วามแตกตา่ งกนั ท่เี ป็น เชน่ นี้ อาจเป็นเพราะผู้อานวยการโรงเรียน รองผู้อานวยการโรงเรียนฝ่ายวชิ าการ และหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ ได้ปฏบิ ตั หิ นา้ ทใ่ี นการตรวจสอบ นิเทศ ตดิ ตาม และประเมินการจดั การเรียนรู้ของครูผู้สอน เพอ่ื ให้รองรบั การ เปลีย่ นแปลงในศตวรรษที่ 21 และได้เห็นภาพการปฏบิ ัติ ตลอดจนประสบปัญหา เกีย่ วกับการบริหารจัดการเรียนรู้ ในศตวรรษที่ 21 คล้ายๆ กนั จึงทาให้มีระดบั ความคดิ เห็นไม่แตกต่างกัน ซึ่งไมส่ อดคล้องกับสมมตฐิ านที่ผู้วจิ ยั ตง้ั ไว้ สอดคล้องกบั ผลการวจิ ัยของ อริศรา สอนไชยา (2556, บทคัดยอ่ ) ได้ศึกษา สภาพและปญั หาการจดั การเรียนรู้วิชา ภาษาอังกฤษเพ่อื เรียมการเข้าสปู่ ระชาคมอาเซียน ในโรงเรียนสังกัดสานกั งานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษาประถมศึกษา สกลนคร เขต 2 พบวา่ สภาพและปญั หาการจัดการเรียนรู้วิชาภาษาองั กฤษเพอ่ื เรียมการเข้าสปู่ ระชาคมอาเซียน ของครผู ู้สอนทีม่ ีประสบการณ์ต่างกนั โดยภาพรวมไม่มคี วามแตกตา่ งกัน 4. การอภิปรายสภาพ และปญั หาการบริหารจัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ในโรงเรียนมัธยมศึกษา สังกัดสานักงานเขตพ้นื ที่การศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต 23 จาแนกตามขนาดโรงเรียน มีดังน้ี 4.1 สภาพการบริหารจัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ในโรงเรียนมัธยมศกึ ษา สงั กัดสานักงานเขตพ้นื ที่ การศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต 23 ตามความคิดเห็นของผู้อานวยการโรงเรียน รองผู้อานวยการโรงเรียนฝ่ายวชิ าการ และหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ 8 กลุ่มสาระ ท่มี ขี นาดของโรงเรียนต่างกัน โดยรวม มคี วามแตกตา่ งกนั อย่างมี นยั สาคญั ทางสถิติทีร่ ะดับ .01 โดยรวมของโรงเรียนขนาดเล็ก มีระดบั ความคดิ เหน็ มากกวา่ โรงเรียนขนาดกลาง และโรงเรียนขนาดใหญ่และใหญ่พเิ ศษ อยา่ งมีนยั สาคัญทางสถิตทิ ีร่ ะดับ .01 ท่เี ปน็ เชน่ นี้ อาจเป็นเพราะผู้อานวยการ โรงเรียน รองผู้อานวยการโรงเรียนฝ่ายวชิ าการ และหัวหนา้ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ ในโรงเรียนขนาดเลก็ มีโอกาส

155 ได้แลกเปลีย่ นเรียนรู้ซึง่ กนั กนั ไดง้ ่ายและสะดวกกว่าโรงเรียนขนาดกลาง ขนาดใหญ่และใหญ่พิเศษ เนื่องจากมจี านวน ครูไม่มาก จึงทาให้สามารถมโี อกาสได้พูดคยุ สนทนา แลกเปลยี่ นเรียนรู้ได้ง่าย และการทางานกส็ ือ่ สารกนั ได้อยา่ ง ทัว่ ถึง และรวดเรว็ จึงสง่ ผลให้มรี ะดบั ความคดิ เหน็ ต่อสภาพการบริหารจดั การเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 มากกว่า โรงเรียนขนาดกลาง ขนาดใหญแ่ ละใหญ่พิเศษ สอดคลอ้ งกบั ผลการวจิ ยั ของ อริศรา สอนไชยา (2556, บทคัดยอ่ ) ได้ศึกษา สภาพและปัญหาการจัดการเรียนรู้วิชาภาษาองั กฤษเพ่อื เตรียมการเข้าสปู่ ระชาคมอาเซียน ในโรงเรียน สังกดั สานักงานเขตพ้นื ที่การศึกษาประถมศึกษาสกลนคร เขต 2 พบว่า สภาพและปญั หาการจดั การเรียนรู้วิชา ภาษาอังกฤษเพอ่ื เรียมการเข้าสปู่ ระชาคมอาเซียน ของครผู ู้สอนที่อยใู่ นโรงเรียนขนาดต่างกันประสบการณ์ต่างกนั โดยภาพรวมมีความแตกต่างกัน อยา่ งมีนัยสาคญั ทางสถิตทิ ี่ระดบั .01 4.2 ปัญหาการบริหารจดั การเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ในโรงเรียนมธั ยมศกึ ษา สงั กัดสานักงานเขตพ้นื ที่ การศึกษามัธยมศกึ ษา เขต 23 ตามความคิดเหน็ ของผู้อานวยการโรงเรียน รองผู้อานวยการโรงเรียนฝ่ายวชิ าการ และหวั หน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ 8 กลุ่มสาระ ทม่ี ปี ระสบการณ์ในการทางานต่างกัน โดยรวมมีความแตกต่างกัน อย่างมนี ัยสาคญั ทางสถิติทีร่ ะดบั .01 โดยรวมของโรงเรียนขนาดเล็ก มีระดบั ความคดิ เห็นมากกว่าโรงเรียนขนาดกลาง อย่างมนี ยั สาคญั ทางสถิติทีร่ ะดบั .01 ท่ีเปน็ เชน่ นี้ อาจเป็นเพราะผู้อานวยการโรงเรียน รองผู้อานวยการโรงเรียนฝ่าย วชิ าการ และหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ ในโรงเรียนขนาดเล็ก มีโอกาสได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกนั กนั ได้งา่ ยและ สะดวกกว่าโรงเรียนขนาดกลาง ขนาดใหญ่และใหญ่พิเศษ เนื่องจากมจี านวนครูไมม่ าก จึงทาให้สามารถมโี อกาส ได้พดู คยุ สนทนา แลกเปลี่ยนเรียนรู้ได้งา่ ย และการทางานก็สือ่ สารกันได้อยา่ งท่ัวถึงและรวดเรว็ แต่ก็ประสบปัญหา ในดา้ นสภาพแวดลอ้ มทีไ่ ม่เอ้อื ตอ่ การจัดการเรียนรู้ ตลอดจนอปุ กรณไ์ มเ่ พยี งพอและไมท่ ันสมยั และครกู ็มโี อกาสการ พัฒนาน้อยกวา่ โรงเรียนขนาดกลาง ขนาดใหญ่และใหญ่พิเศษจงึ ส่งผลให้มีระดับความคิดเหน็ ตอ่ ปัญหาการบริหาร จัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 มากกว่า โรงเรียนขนาดกลาง ขนาดใหญ่และใหญ่พิเศษ สอดคลอ้ งกบั ผลการวจิ ัยของ อริศรา สอนไชยา (2556, บทคัดยอ่ ) ได้ศึกษา สภาพและปัญหาการจดั การเรียนรู้วิชาภาษาองั กฤษเพ่อื เรียมการเข้าสู่ ประชาคมอาเซียน ในโรงเรียนสงั กัดสานักงานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษาประถมศึกษา สกลนคร เขต 2 พบว่า สภาพ และปัญหาการจัดการเรียนรู้วิชาภาษาอังกฤษเพอ่ื เรียมการเข้าสปู่ ระชาคมอาเซียน ของครผู ู้สอนทีอ่ ยใู่ นโรงเรียน ขนาดตา่ งกนั ประสบการณ์ต่างกัน โดยภาพรวมมีความแตกต่างกนั อยา่ งมีนยั สาคญั ทางสถิตทิ ีร่ ะดับ .01 จากผลการวเิ คราะห์ขอ้ มลู สรปุ ได้ว่า การพฒั นาการบริหารจัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ในโรงเรียนมธั ยมศกึ ษาในโรงเรียนมัธยมศกึ ษา สงั กัดสานักงานเขตพ้นื ที่การศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต 23 ผู้บริหารตอ้ ง ให้ความสาคญั ในดา้ น มาตรฐานและการประเมินในศตวรรษที่ 21 การพฒั นาครูในศตวรรษที่ 21 และสภาพแวดลอ้ ม การเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 เปน็ อนั ดับแรก เพอ่ื ให้มปี ระสิทธิภาพในการบริหารงาน และทาให้ผลการปฏบิ ตั งิ านบรรลุ ความมุ่งหมายของการจดั การศกึ ษา จึงจะส่งผลให้ผู้เรียนมที ักษะสาหรบั ศตวรรษที่ 21 และเป็นทรพั ยากรมนุษยท์ ี่มี คุณภาพ ขอ้ เสนอแนะ 1. ข้อเสนอแนะสาหรับการนาผลการวิจยั ไปใช้ 1.1 ปญั หาการบริหารจดั การเรียนรู้ ในศตวรรษที่ 21 ในโรงเรียนมธั ยมศกึ ษา สังกดั สานักงานเขตพ้นื ที่ การศึกษามัธยมศกึ ษา เขต 23 ตามความคิดเหน็ ของผู้อานวยการโรงเรียน รองผู้อานวยการโรงเรียนฝ่ายวชิ าการ และหวั หน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ 8 กลุ่มสาระ โดยรวมอยใู่ นระดบั อยปู่ านกลาง 2 ด้าน โดยเรียงลาดบั จากมากไปหา นอ้ ย ดงั นี้ สภาพแวดล้อมการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 และหลกั สตู รและการสอนในศตวรรษที่ 21 และอยใู่ นระดบั น้อย

156 2 ด้าน โดยเรียงลาดับจากมากไปหาน้อย ดงั น้ี การพัฒนาทางครใู นศตวรรษที่ 21 และมาตรฐานและการประเมิน ในศตวรรษที่ 21 ตามลาดับ ดังน้ันบคุ ลากรและหนว่ ยงานที่เกีย่ วข้องอันได้แก่สังกดั สานักงานเขตพนื้ ทีก่ ารศึกษา มัธยมศกึ ษาเขต 23 ควรมกี ารประชมุ แลกเปลีย่ นประสบการณ์ เพอ่ื กาหนดจุดมงุ่ หมายการบรหิ ารการจัดการเรียนรู้ ในศตวรรษที่ 21 โดยผู้อานวยการโรงเรียน รองผู้อานวยการโรงเรียนฝ่ายวชิ าการ และหัวหน้ากลุ่มสาระทั้ง 8 กลุ่มสาระ ต้องเปน็ ผู้สนบั สนุนและชว่ ยเหลอื ตอบสนองตอ่ การพฒั นาในดา้ น 1) มาตรฐานและประเมินผล 2) หลกั สตู รและการสอน 3) การพฒั นาครู และ 4) สภาพแวดลอ้ มการเรียนรู้ ตอ่ ไป 1.2 ปญั หาการบริหารจัดการเรียนรู้ ในศตวรรษที่ 21 ในโรงเรียนมธั ยมศกึ ษา สงั กดั สานักงานเขตพ้นื ที่ การศึกษามัธยมศกึ ษา เขต 23 โดยรวมตามความคิดเห็นของผอู้ านวยการโรงเรียน รองผู้อานวยการโรงเรียนฝ่าย วชิ าการ และหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ 8 กลุ่มสาระมคี วามแตกตา่ งกนั โดยโรงเรียนขนาดเล็ก มีระดบั ความ คิดเหน็ มากกวา่ โรงเรียนขนาดกลางและโรงเรียนขนาดใหญแ่ ละใหญ่พิเศษ ดงั น้ันการสร้างเครอื ขา่ ยทางสารสนเทศ เพ่อื แลกเปลี่ยนเรียนรู้และสนบั สนนุ ระบบการบริหารจดั การเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ระหว่างโรงเรียนจะสามารถ ส่งเสริม บุคลากร และหนว่ ยงานให้สามารถบริหารการจัดการเรียนรู้ได้อยา่ งมีประสิทธิภาพยง่ิ ขึน้ 2. ข้อเสนอแนะเพื่อการทาวิจัย ครั้งตอ่ ไป 2.1 ควรศกึ ษาตัวแปรด้านอืน่ ๆ ทีส่ ง่ ผลตอ่ พัฒนาการบริหารจัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ในโรงเรียน สังกัดสานักงานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษามัธยมศกึ ษา เขต 23 เชน่ ตัวแปรด้านการจัดการความรู้ ดา้ นวฒั นธรรมองค์กร ด้านการเปน็ ผู้นาทางวิชาการดา้ นการสร้างนวัตกรรม ด้านการวจิ ัยและพฒั นา เป็นต้น เพือ่ พฒั นาการบริหารจดั การ เรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 และจะทาให้ไดผ้ ลการวิจยั ที่หลากหลาย ซึง่ จะเป็นประโยชนต์ อ่ การพฒั นาการบริหารจดั การ เรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ตอ่ ไป 2.2 ควรศกึ ษาโรงเรียนที่ประสบความสาเร็จด้านการบริหารจดั การเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 หรือโรงเรียน ที่มีแนวปฏบิ ัตทิ างการบริหารที่เป็นเลิศ โดยเนน้ โรงเรียนที่เนน้ การบริหารจัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 เพ่อื ให้ได้ ผลการวจิ ยั ทีช่ ัดเจนเกีย่ วกับการบริหารจดั การเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 2.3 ควรสร้างรูปแบบการพัฒนาการบริหารจดั การเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 เพ่ือนาไปใชบ้ ริหาร สถานศกึ ษาให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากยิ่งข้นึ เอกสารอา้ งองิ กระทรวงศึกษาธกิ าร. (2554). สถิตกิ ารศึกษาฉบบั ยอ่ 2554. กรุงเทพฯ: สานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธกิ าร. วจิ ารณ์ พานชิ . (2555). การสร้างการเรียนรู้สศู่ ตวรรษที่ 21. กรุงเทพฯ: มูลนธิ ิสยามกัมมาจล. บุญชม ศรีสะอาด. (2553). การวจิ ยั เบอื้ งต้น. กรงุ เทพฯ: สุวีริยาสาสน.์ บษุ ยพรรณ พรหมวาทย.์ (2558). ภาวะผู้นาการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารสถานศกึ ษาและการพัฒนาทักษะการเรียนรู้ ของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 และเพ่อื ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างภาวะผู้นาการเปลีย่ นแปลงของผู้บริหาร การศึกษากบั การพฒั นาทกั ษะการเรียนรู้ของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 โรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา สงั กัดสานกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษาประถมศึกษาพะเยา เขต 1. วทิ ยานพิ นธ์ กศ.ม. พะเยา : มหาวทิ ยาลัยพะเยา, สถาบนั พัฒนาคณุ ภาพวิชาการ(พว). (2558). ยทุ ธศาสตร์ในการยกระดับผลสมั ฤทธิท์ างการเรียน O-NET ตามมาตรฐานสากล(IS)ด้วยการจดั การเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ด้วยกระบวนการ GPAS 5 STEPs. กรงุ เทพฯ:

157 สานักงานเลขาธกิ ารสภาการศึกษา. (2559). สภาวะการศึกษาไทย ปี 2557/2558 “จะปฏริ ูปการศึกษาไทยให้ทันโลก ในศตวรรษที่ 21 ได้อย่างไร”. กรุงเทพฯ: พมิ พด์ ีการพมิ พ์ จากัด. สานักงานเลขาธกิ ารสภาการศึกษา. (2557). บทวเิ คราะห์การศกึ ษาไทยในโลกศตวรรษที่ 21. กรงุ เทพฯ: สานักงานเลขาธกิ ารกระทรวงศกึ ษาธิการ. ______. (2554). กฎหมายวา่ ด้วยการศกึ ษาแหง่ ชาติ กฎหมายวา่ ด้วยระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธกิ าร กฎหมายว่าดว้ ยระเบียบข้าราชการครูและบคุ ลากรทางการศึกษา. กรงุ เทพฯ : วี.ที.ซี.คอมมวิ นเิ คชัน่ . สานักงานส่งเสริมสงั คมแหง่ การเรียนรู้และคณุ ภาพเยาชน. (2557). การยกระดบั คณุ ภาพครไู ทยในศตวรรษที่ 21. กรุงเทพฯ: กระทรวงศึกษาธกิ าร. สุคนธ์ สินธพานนท์.(2558). การจดั การเรียนรู้ของครูยุคใหมเ่ พ่อื พฒั นาทกั ษะผู้เรียน. กรุงเทพฯ: เทคนิคพรนิ้ ติง.

158 การพัฒนาชุดการเรียนรู้แบบกลวิธีสืบสอบรว่ มกบั หลกั อรยิ สจั 4 ท่มี ีผลต่อความรับผิดชอบ ความสามารถในการแกโ้ จทย์ปัญหา และผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ ของนักเรยี นช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ 1 The Developing Learning set Using the Inquiry Strategies With Four Noble Truths Affecting Responsibilities, Mathematical Problems Solving Ability and Learning Achievements Substance Of Math for Muttayomsuksa 1 Students ชลธิชา กลุ ยะ* ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร.มารศรี กลางประพันธ์** ดร.สมเกียรติ พละจิตต์*** บทคดั ย่อ การวจิ ยั ครั้งนมี้ คี วามมุ่งหมายเพอ่ื 1) พฒั นาชดุ การเรียนรู้แบบกลวิธีสบื สอบร่วมกับหลกั อริยสัจ 4 ของนกั เรียน ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 1 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เปรียบเทียบความรับผิดชอบของนักเรียน 3) เปรียบเทียบ ความสามารถในการแกโ้ จทย์ปญั หาของนกั เรียน 4) เปรียบเทียบผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียน และ 5) เปรียบเทียบ ความรับผิดชอบ ความสามารถในการแกโ้ จทย์ปญั หา และผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนทีเ่ รียนดว้ ยชดุ การ เรียนรู้แบบกลวธิ ีสบื สอบร่วมกับหลกั อริยสจั 4 จาแนกตามระดบั ความฉลาดทางอารมณข์ องนักเรียนกลุ่มสูง กลุ่มปานกลาง และกลุ่มตา่ ระหวา่ งก่อนเรียนและหลงั เรียน เครอ่ื งมือที่ใชใ้ นการวิจัยประกอบด้วย 1) ชุดการเรียนรู้ แบบกลวิธีสบื สอบร่วมกับหลักอริยสจั 4 จานวน 6 หน่วยการเรียนรู้ 2) แบบทดสอบวัดความรับผิดชอบ 3) แบบทดสอบวดั ความสามารถในการแกโ้ จทย์ปญั หา 4) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิท์ างการเรียน และ 5) แบบวัด ความฉลาดทางอารมณ์ ของกรมสขุ ภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข สถิตทิ ีใ่ ชใ้ นการวเิ คราะห์ขอ้ มลู ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลีย่ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิตทิ ดสอบค่าที (t–test for Dependent Samples) การวเิ คราะห์ความแปรปรวนทาง เดียว (One–Way ANOVA) การวิเคราะห์ความแปรปรวนพหคุ ณู (One–Way MANCOVA) และการวเิ คราะห์ ความแปรปรวนร่วมทางเดียว (One–Way ANCOVA) ผลการวจิ ยั พบวา่ 1. ชดุ การเรียนรู้แบบกลวธิ ีสบื สอบร่วมกบั หลกั อริยสัจ 4 ทส่ี ่งผลตอ่ ความรับผิดชอบ ความสามารถใน การแก้โจทยป์ ญั หา และผลสมั ฤทธิท์ างการเรียน ของนกั เรียนชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 1 มปี ระสิทธิภาพตามเกณฑ์ เท่ากับ 81.00/85.14 ซึง่ สูงกว่าเกณฑ์ 80/80 ท่กี าหนดไว้ 2. ความรับผิดชอบ ของนกั เรียนทีเ่ รียนโดยใช้ชดุ การเรียนรู้แบบกลวธิ ีสบื สอบร่วมกบั หลักอริยสจั 4 หลังเรียนสงู กวา่ ก่อนเรียนอยา่ งมนี ัยสาคัญทางสถิติทีร่ ะดบั .05 3. ความสามารถในการแกโ้ จทยป์ ัญหา ของนักเรียนทีเ่ รียนโดยใชช้ ุดการเรียนรู้แบบกลวิธีสืบสอบร่วมกับ หลกั อริยสจั 4 หลงั เรียนสูงกวา่ ก่อนเรียนอยา่ งมีนยั สาคัญทางสถิตทิ ี่ระดบั .05 คาสาคญั : ชุดการเรียนรู้, แบบกลวธิ ีสืบสอบ, หลกั อริยสจั 4, ความรับผดิ ชอบ, ความสามารถในการแก้โจทยป์ ญั หา, ผลสมั ฤทธทิ์ างการเรียน * ครศุ าสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการวิจยั และพฒั นาการศึกษา มหาวิทยาลัยราชภฏั สกลนคร ** อาจารย์ประจาหลกั สูตรครุศาสตรมหาบณั ฑิต สาขาการวิชาวิจยั และพฒั นาการศึกษา มหาวิทยาลยั ราชภฏั สกลนคร *** ผู้อานวยการชานาญการพิเศษ โรงเรียนชุมชนขัวสูงสวรรค์ สานกั งานเขตพืน้ ที่การศกึ ษาประถมศกึ ษาสกลนคร เขต 3

159 4. ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนทีเ่ รียนโดยใช้ชุดการเรียนรู้แบบกลวิธีสบื สอบรว่ มกับหลกั อริยสจั 4 หลังเรียนสูงกวา่ ก่อนเรียนอยา่ งมีนัยสาคญั ทางสถิตทิ ี่ระดับ .05 5. ความฉลาดทางอารมณ์ของนกั เรียนทีต่ ่างกนั หลงั เรียนโดยใช้ชดุ การเรียนรู้แบบกลวิธีสบื สอบร่วมกับ หลกั อริยสจั 4 มีความรบั ผิดชอบ ความสามารถในการแกโ้ จทยป์ ญั หา และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน มีความแตกต่าง กนั อยา่ งมีนัยสาคัญทางสถิตทิ ีร่ ะดบั .05 ปรากฏผลดังนี้ 5.1 นกั เรียนทีม่ ีระดับความฉลาดทางอารมณส์ ูง มีความรบั ผิดชอบสงู กว่านักเรียนทีม่ ีระดับความ ฉลาดทางอารมณ์ปานกลาง และต่า อย่างมนี ัยสาคญั ทางสถิตทิ ีร่ ะดบั .05 5.2 นกั เรียนทีม่ ีระดับความฉลาดทางอารมณส์ ูง มีความสามารถในการแกโ้ จทย์ปัญหาสงู กว่า นักเรียนที่มีระดับความฉลาดทางอารมณป์ านกลาง และต่าอย่างมนี ยั สาคัญทางสถิติทีร่ ะดบั .05 5.3 นกั เรียนทีม่ ีระดบั ความฉลาดทางอารมณ์สูง มีผลสมั ฤทธิท์ างการเรียนสูงกวา่ นกั เรียนที่มีระดบั ความฉลาดทางอารมณป์ านกลาง และต่าอย่างมนี ัยสาคญั ทางสถิตทิ ี่ระดบั .05 ABSTRACT The purposes of this study were to 1) develop learning set using the inquiry strategies with four noble truths affecting responsibilities, mathematical problems solving ability and learning achievements substance of math for Muttayomsuksa 1 students with efficiency of 80/80 2) compare responsibilities 3) compare mathematical problems solving ability 4) compare learning achievements 5) compare responsibilities, mathematical problems solving ability and learning achievements using learning set using the inquiry strategies with four noble truths by the level of emotional intelligence of students in the high. The instruments were composed of : 1) learning set using the inquiry strategies with four noble truths 2) test of responsibilities, 3) test of mathematical problems solving ability 4) test of learning achievements, and 5) a measure of emotional intelligence Department of Mental Health Ministry of Public Health. The statistics use to analyze data were percentage, comprised mean, standard deviation, t–test (Dependent Samples), Analysis of Variance (ANOVA), Multivariate Analysis of Variance (MANCOVA), and Analysis of Covariance (ANCOVA) The findings of this study were as follows : 1. The Development of learning set using the inquiry strategies with four noble truths affecting responsibilities, mathematical problems solving ability and learning achievements substance of math for Muttayomsuksa 1 students were 81.00/85.14 respectively. 2. The students’ responsibilities after learning set using the inquiry strategies with four noble truths was higher than before Instruction at the .05 level of significance. 3. The students’ mathematical problems solving ability after learning set using the inquiry strategies with four noble truths was higher than before Instruction at the .05 level of significance. 4. The students’ learning achievements after learning set using the inquiry strategies with four noble truths was higher than before Instruction at the .05 level of significance.

160 5. Students with different emotional intelligence after learning set using the inquiry strategies with four noble truths. Responsibilities, mathematical problems solving ability and learning achievement. Are different statistically significant at the .05 level. 5.1 The students whose emotional intelligence level was high had responsibilities higher than those whose emotional Intelligence level was moderate or low at the .05 level. 5.2 The students whose emotional intelligence level was high had mathematical problems solving ability higher than those whose emotional intelligence level was moderate or low at the .05 level. 5.3 The students whose emotional intelligence level was high had and learning achievements higher than those whose emotional intelligence level was moderate or low at the .05 level. Keywords : Learning Set, Inquiry Strategies, Four Noble Truths, Responsibilities, Mathematical Problems Solving Ability, Learning Achievements ภมู หิ ลงั หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พนื้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551 ไดก้ าหนดจุดมุ่งหมาย ใหผ้ ู้เรียนเกิดคุณลักษณะ อันพงึ ประสงค์ข้อหนง่ึ วา่ ผู้เรียนจะต้องมคี วามรู้อันเปน็ สากลและมีความสามารถในการสื่อสาร การคิด การแก้ปญั หา การใช้เทคโนโลยแี ละมีทักษะชีวติ (กระทรวงศึกษาธกิ าร, 2552, หนา้ 5) และเม่อื ผู้เรียนเรียนจบการศึกษาขั้นพนื้ ฐาน แลว้ ผู้เรียนจะต้อง ใชว้ ธิ ีการที่หลากหลายแก้ปัญหา ใชค้ วามรู้ ทักษะและกระบวนการทางคณติ ศาสตร์และเทคโนโลยี ในการแกป้ ัญหาในสถานการณต์ า่ งๆ ได้อยา่ งเหมาะสม ให้เหตผุ ลประกอบการตดั สนิ ใจและสรปุ ผลได้อย่างเหมาะสม ใชภ้ าษาและสัญลกั ษณท์ างคณติ ศาสตร์ในการส่อื สาร การส่อื ความหมายและการนาเสนอไดอ้ ย่างถกู ต้องและชัดเจน เชอ่ื มโยงความรู้ต่างๆ ในคณิตศาสตร์และนาความรู้ หลกั การ กระบวนการทางคณิตศาสตร์ไปเชอ่ื มโยงกบั ศาสตร์ อ่นื ๆ และมีความคิดริเริม่ สร้างสรรค์ (กระทรวงศึกษาธกิ าร, 2552, หนา้ 61) จากความสาคัญดงั กล่าว วรรณี โสมประยรู (2541, หนา้ 15-16) ได้กลา่ วว่า คณิตศาสตร์เปน็ วชิ าท่มี คี วามสาคญั และจาเปน็ มากต่อทุกๆ คนตลอดมา ตง้ั แตอ่ ดตี จนกระทั่งปจั จบุ นั และจะจาเป็นมากยง่ิ ขึน้ ต่อไปในอนาคต เพราะคณิตศาสตร์นอกจากจะเปน็ เครอ่ื งมือ สาหรับการดารงชีวิตประจาวันและเปน็ พนื้ ฐานในการเรียนรู้ทัว่ ไปของวทิ ยาการแขนงตา่ งๆ แลว้ คณิตศาสตร์ยังช่วย ทาให้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยที ้ังหลายเจริญก้าวหนา้ ไปได้ทนั ตามความตอ้ งการของคนเราด้วย สาหรบั ในดา้ นการ พัฒนาการศกึ ษาของประเทศชาติน้ัน เปน็ ทีย่ อมรับโดยทวั่ ไปวา่ คณิตศาสตร์เปน็ วชิ าทีม่ ีบทบาทสาคัญมากในการ เตรียมคนหรือทรพั ยากรมนุษย์ ให้เปน็ บคุ คลแห่งการเรียนรู้เพ่อื อยู่ในสงั คมขา่ วสารหรือสงั คมแห่งการเรียนรู้ ในอนาคตได้ จากความสาคญั และความเปน็ มาของปญั หาทก่ี ล่าวมาข้างตน้ จึงสนใจจะพฒั นาความรับผิดชอบ ความสามารถในการแกโ้ จทย์ปัญหา และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนดว้ ยกลวิธีสบื สอบร่วมกับอริยสัจ 4 กลุ่มสาระการ เรียนรู้คณติ ศาสตร์ ของนกั เรียนชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 1 โรงเรียนโพนสวรรค์ราษฎร์พฒั นา สงั กดั สานกั งานการศึกษา มัธยมศกึ ษานครพนม เขต 22 เพอ่ื ใชเ้ ป็นแนวทางในการวางแผนพัฒนาส่งเสริม สนับสนุน และปรบั ปรงุ แก้ไขให้ครไู ด้มี ส่วนร่วมในการเรียนการสอนให้มากขึ้น และเพ่อื ใหก้ ารเรียนการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์ ได้คณุ ลกั ษณะ ที่พึงประสงค์ตามเกณฑ์มาตรฐานการศึกษาต่อไป ซงึ่ เปน็ ความสามารถพ้ืนฐานที่สาคญั ย่งิ ในการเรียนรู้คณติ ศาสตร์ อนั จะเป็นรากฐานสาคญั ทีจ่ ะส่งเสริมให้ผู้เรียนเป็นคนมีเหตมุ ีผล มีคุณธรรมจรยิ ธรรม อยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อยา่ งมี ความสขุ

161 คาถามของการวิจยั 1. ชดุ การเรียนรู้แบบกลวธิ ีสบื สอบร่วมกบั หลักอริยสัจ 4 ทีม่ ีต่อความรบั ผิดชอบ ความสามารถในการ แก้โจทยป์ ญั หา และผลสมั ฤทธิท์ างการเรียนวชิ าคณิตศาสตร์ ของนกั เรียนช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ 1 ทีม่ ีประสิทธิภาพ ตามเกณฑ์ 80/80 หรือไม่ 2. ความรับผิดชอบ ของนกั เรียนช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ 1 ที่ได้รบั การเรียนรู้ดว้ ยชุดการเรียนรู้แบบกลวิธี สบื สอบร่วมกับหลักอริยสัจ 4 หลงั เรียนสงู กวา่ ก่อนเรียน หรือไมอ่ ย่างไร 3. ความสามารถในการแกโ้ จทยป์ ัญหา ของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 1 ทีไ่ ด้รับการเรียนรู้ดว้ ยชดุ การเรียนรู้แบบกลวิธีสบื สอบร่วมกบั หลักอริยสจั 4 หลงั เรียนสงู กวา่ ก่อนเรียน หรือไมอ่ ย่างไร 4. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวชิ าคณิตศาสตร์ ของนักเรียนช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ 1 ที่ได้รับการเรียนรู้ดว้ ย ชดุ การเรียนรู้แบบกลวธิ ีสบื สอบรว่ มกับหลักอริยสจั 4 หลังเรียนสูงกวา่ ก่อนเรียน หรือไมอ่ ย่างไร 5. ความรับผิดชอบ ความสามารถในการแกโ้ จทย์ปญั หา และผลสมั ฤทธิท์ างการเรียนของนกั เรียน ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 1 ที่มีความฉลาดทางอารมณต์ า่ งกัน (สูง ปานกลาง และตา่ ) เม่อื ได้รบั การจดั การเรียนรู้ดว้ ยชดุ การเรียนรู้แบบกลวิธีสบื สอบร่วมกับหลักอริยสจั 4 หลังเรียน มีความแตกต่างกนั หรือไม่ อยา่ งไร ความมงุ่ หมายของการวิจัย การวจิ ยั ในครงั้ น้ผี ู้วจิ ัยได้กาหนดความมงุ่ หมายของการวิจัย ดงั น้ี 1. เพือ่ พัฒนาชุดการเรียนรู้แบบกลวิธีสบื สอบร่วมกบั หลกั อริยสัจ 4 ทม่ี ตี อ่ ความรบั ผิดชอบ ความสามารถในการแกโ้ จทย์ปญั หา และผลสัมฤทธิท์ างการเรียนวชิ าคณิตศาสตร์ ของนกั เรียนช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ 1 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2. เพอ่ื เปรียบเทียบความรับผิดชอบ ของนักเรียนช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 1 ที่เรียนดว้ ยชุดการเรียนรู้ แบบกลวิธีสบื สอบร่วมกบั หลักอริยสจั 4 ระหวา่ งก่อนเรียนและหลังเรียน 3. เพอ่ื เปรียบเทียบความสามารถในการแกโ้ จทย์ปัญหา ของนกั เรียนชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 1 ทีเ่ รียนด้วยชุด การเรียนรู้แบบกลวิธีสบื สอบร่วมกับหลักอริยสัจ 4 ระหวา่ งก่อนเรียนและหลังเรียน 4. เพอ่ื เปรียบเทียบผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนวชิ าคณิตศาสตร์ ของนกั เรียนชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 1 ทีเ่ รียน ด้วยชุดการเรียนรู้แบบกลวธิ ีสบื สอบร่วมกับหลกั อริยสัจ 4 ระหวา่ งก่อนเรียนและหลังเรียน 5. เพอ่ื เปรียบเทียบความรบั ผิดชอบ ความสามารถในการแก้โจทยป์ ญั หา และผลสัมฤทธิท์ างการเรียน ของนักเรียนช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ 1 ทีม่ ีความฉลาดทางอารมณต์ า่ งกัน (สูง ปานกลาง และต่า) เมอื่ ได้รบั การจัดการ เรียนรู้ดว้ ยชดุ การเรียนรู้แบบกลวธิ ีสบื สอบร่วมกับหลักอริยสจั 4 กรอบแนวคดิ ของการวิจัย จากการศกึ ษาเอกสารและงานวจิ ัยทีเ่ กี่ยวข้อง ผู้วิจยั ได้ศกึ ษาการจัดการเรียนการสอนด้วยกลวธิ ีสบื สอบ ตามแนวคิดของ Wilks, (1995, pp. 8-13) ร่วมกบั อริยสจั 4 ตามแนวคิดของ ทศิ นา แขมมณี (2553, หนา้ 265) ความรับผิดชอบ ความสามารถในการแกโ้ จทย์ปญั หา ตามแนวคิดของ บุญชม ศรีสะอาด (2553, หนา้ 97) และผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียน ตามแนวคิดของ สมนกึ ภทั ทิยธนี (2546, หนา้ 37) ผู้วิจัยจึงได้นาหลกั การ แนวคิด ทฤษฎี และผลงานวจิ ยั ที่เกีย่ วข้องดงั กล่าวมาเขยี นเปน็ กรอบแนวคิดของการวจิ ยั ได้ดงั น้ี

162 ตัวแปรอสิ ระ ตวั แปรตาม การจัดการเรียนรู้ดว้ ยกลวธิ ีสืบสอบ ชุดการเรียนร้แู บบกลวธิ ีสืบสอบ 1. ความรับผดิ ชอบ ตามแนวคิดของวิลคส์ (Wilks) รว่ มกบั หลกั อริยสจั 4 ข้ันที่ 1 การเสนอปญั หา 2. ความสามารถในการ ข้ันที่ 2 การตั้งสมมติฐาน ข้ันที่ 1 กาหนดปญั หา แก้โจทยป์ ัญหา ขั้นที่ 3 การรวบรวมข้อมลู และทดสอบ ข้ันที่ 2 การตั้งสมมตุ ิฐานหาสาเหตุ 3. ผลสมั ฤทธิท์ าง สมมติฐาน ปญั หาและเกบ็ รวบรวมข้อมลู กาเรยี น ข้ันที่ 4 การนาความรทู้ ี่ไดร้ บั ไปปรับใช้ ข้ันที่ 3 ต้ังเป้าหมายในการ แก้ปญั หา ตวั แปรจดั ประเภท การสอนแบบหลกั อริยสจั 4 ข้ันที่ 4 กาหนดแนวทางในการ 1. ขั้นทกุ ข์ (การกาหนดรเู้ กีย่ วกบั แก้ปญั หา ปญั หาทเี่ กิดขนึ้ ) ขั้นที่ 5 ดาเนินการแกป้ ัญหา 2. ข้ันสมุทัย (การค้นหาสาเหตุของ ขั้นที่ 6 สรุปและนาความรู้ที่ ปัญหา) ไดร้ ับไปปรับใช้ 3. ขั้นนิโรธ (ตั้งเป้าหมายในการ แก้ปญั หาเพือ่ ใหป้ ัญหาสิ้นไป) ความฉลาดทางอารมณ์ 4. ข้ันมรรค (ค้นหาวธิ ีการแก้ปัญหา (สูง – ปานกลาง – ตา่ ) และตดั สินใจดาเนินการแก้ปญั หา ตามวิธีทีเ่ ลือก) ภาพประกอบ 1 กรอบแนวคิดของการวจิ ัย วิธีดาเนนิ การวิจยั ประชากรและกลมุ่ ตัวอยา่ ง 1. ประชากร ทีใ่ ชใ้ นการวิจัยครั้งน้ี เปน็ นกั เรียนชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 1 โรงเรียนโพนสวรรค์ราษฎร์พฒั นา สงั กัดสานักงานเขตพ้นื ที่การศึกษามัธยมศกึ ษา เขต 22 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศกึ ษา 2560 จานวน 5 ห้องเรียน นักเรียนรวม ท้ังส้นิ 162 คน 2. กลุ่มตวั อยา่ ง ที่ใชใ้ นการวิจยั น้ี เป็นนกั เรียนช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ 1 โรงเรียนโพนสวรรค์ราษฎร์พัฒนา สังกัดสานักงานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต 22 จานวน 31 คน ซึ่งได้มาด้วยการสมุ่ แบบแบ่งกลมุ่ (Cluster Random Sampling) นกั เรียนดังกลา่ วมีท้ังกลมุ่ สูง ปานกลาง และตา่ คละความสามารถกนั สามารถเปน็ ตวั แทนที่ดี ของประชากรได้ โดยใชห้ ้องเรียนเปน็ หน่วยในการสมุ่ เครื่องมอื ทใี่ ช้ในการวิจัยในครั้งนี้ ในการวิจยั คร้ังนมี้ เี ครอ่ื งมือที่ใชใ้ นการศึกษารวมท้ังส้นิ 4 ฉบับ ได้แก่ 1. ชดุ การเรียนรู้แบบกลวธิ ีสบื สอบร่วมกับหลักอริยสจั 4 2. แบบทดสอบวัดความรบั ผิดชอบ 3. แบบทดสอบความสามารถในการแกโ้ จทย์ปญั หา 4. แบบทดสอบวัดผลสมั ฤทธิท์ างการเรียน

163 การเกบ็ รวบรวมข้อมูล ในการวิจัยคร้ังนี้ ผู้วิจัยไดด้ าเนนิ การเก็บรวบรวมขอ้ มูล ตามข้ันตอนดังนี้ 1. ผู้วิจัยขอหนังสือจากสานกั งานบัณฑิตศกึ ษา มหาวิทยาลัยราชภฏั สกลนคร เพือ่ ขอความร่วมมือ จากชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 1 โรงเรียนโพนสวรรค์ราษฎร์พฒั นา สงั กัดสานักงานเขตพ้นื ที่การศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต 22 ขอความอนุเคราะห์ในการทดลองและเก็บรวบรวมขอ้ มูล 2. นาแบบวัดความรบั ผิดชอบ ความสามารถในการแก้โจทย์ปญั หา และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวชิ า คณิตศาสตร์ทดสอบก่อนเรียน (Pre – test) กบั กลมุ่ ตัวอย่างใช้เวลาในการทดสอบ 2 ช่วั โมง โดยใชเ้ วลานอกเวลาเรียน 3. ดาเนินการสอนตามชุดการเรียนรู้แบบกลวิธีสบื สอบรว่ มกบั หลักอริยสัจ 4 4. นาแบบวดั ความรบั ผิดชอบ ความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหา และผลสัมฤทธิท์ างการเรียนวชิ า คณิตศาสตรท์ ดสอบหลงั เรียน (Post - test) กบั กลมุ่ ตวั อย่างใช้เวลาในการทดสอบ 2 ชวั่ โมง โดยใชเ้ วลานอกเวลา เรียน ไปทาการวเิ คราะห์ โดยวธิ ีการทางสถิติ เพือ่ ทดสอบสมมติฐานและสรุปผลการวิจยั สถิตทิ ใี่ ช้ในการรวบรวมข้อมลู 1) ร้อยละ 2) ค่าเฉลีย่ 3) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 4) t – test for Dependent Samples 5) การวเิ คราะห์ ความแปรปรวนทางเดียว (One way ANOVA) 6) การคิดวิเคราะห์ความแปรปรวนร่วมทางเดียว (One way ANCOVA) 7) การวเิ คราะห์ความแปรปรวนพหคุ ูณร่วมทางเดียว (One – way MANCOVA) สรปุ ผลการวิจยั จากผลการวจิ ยั สรปุ ได้ดงั น้ี 1. ชุดการเรียนรู้แบบกลวธิ ีสบื สอบร่วมกบั หลกั อริยสัจ 4 ทส่ี ่งผลตอ่ ความรับผิดชอบ ความสามารถใน การแก้โจทยป์ ัญหา และผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียน ของนักเรียนชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 1 มปี ระสิทธิภาพตามเกณฑ์ เท่ากับ 81.00/85.14 ซึ่งสงู กว่าเกณฑ์ 80/80 ท่กี าหนดไว้ 2. คะแนนความรบั ผิดชอบ ของนกั เรียนช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ 1 ที่เรียนโดยชุดการเรียนรู้แบบกลวธิ ีสบื สอบ ร่วมกบั หลกั อริยสัจ 4 หลังเรียนสูงกวา่ ก่อนเรียนอยา่ งมีนัยสาคญั ทางสถิตทิ ีร่ ะดับ .05 3. คะแนนความสามารถในการแก้โจทยป์ ัญหา ของนักเรียนชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 1 ที่เรียนโดยใช้ชุดการ เรียนรู้แบบกลวธิ ีสบื สอบร่วมกับหลักอริยสัจ 4 หลงั เรียนสูงกวา่ ก่อนเรียนอยา่ งมีนยั สาคญั ทางสถิตทิ ีร่ ะดับ .05 4. คะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวชิ าคณิตศาสตร์ ของนักเรียนช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ 1 ทีเ่ รียนโดยใช้ชุด การเรียนรู้แบบกลวิธีสบื สอบร่วมกบั หลกั อริยสัจ 4 หลังเรียนสงู กวา่ ก่อนเรียนอยา่ งมีนัยสาคัญทางสถิตทิ ี่ระดับ .05 5. ความรับผิดชอบ ความสามารถในการแกโ้ จทย์ปัญหา และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวชิ าคณิตศาสตร์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 1 ทีม่ ีความฉลาดทางอารมณต์ า่ งกนั (สูง ปานกลาง และต่า) เมอื่ ได้รับการจดั การ เรียนรู้ดว้ ยชุดการเรียนรู้แบบกลวธิ ีสบื สอบร่วมกบั หลกั อริยสัจ 4 มีความแตกต่างกนั อยา่ งมีนยั สาคัญทางสถิติ ทีร่ ะดับ .05 ผลการวเิ คราะห์ตามลาดบั ดังกล่าว มีดังน้ี 5.1 นักเรียนทีม่ ีระดับความฉลาดทางอารมณส์ งู มีความรับผิดชอบสูงกว่านักเรียนทีม่ ีระดบั ความฉลาดทางอารมณป์ านกลาง และตา่ อยา่ งมีนยั สาคัญทางสถิตทิ ี่ระดับ .05 5.2 นกั เรียนที่มีระดับความฉลาดทางอารมณส์ งู มีความสารถในการแกโ้ จทย์ปัญหา สูงกว่านกั เรียน ที่มีระดับความฉลาดทางอารมณ์ปานกลาง และต่า อย่างมนี ยั สาคัญทางสถิติทีร่ ะดับ .05

164 5.3 นกั เรียนทีม่ ีระดับความฉลาดทางอารมณส์ ูง มีผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนวชิ าคณิตศาสตร์ สงู กว่า นกั เรียนทีม่ ีระดับความฉลาดทางอารมณป์ านกลาง และต่าอย่างมนี ยั สาคัญทางสถิติที่ระดบั .05 อภปิ รายผลการวิจยั การพฒั นาชุดการเรียนรู้แบบกลวธิ ีสบื สอบร่วมกับหลกั อริยสัจ 4 ทีม่ ีผลต่อความรับผิดชอบ ความสามารถ ในการแกโ้ จทย์ปัญหา และผลสมั ฤทธิท์ างการเรียนวชิ าคณิตศาสตร์ ของนักเรียนช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 1 ผู้วิจัยได้ อภิปรายผลตามสมมติฐานการวจิ ัย ดังนี้ 1. ชดุ การเรียนรู้แบบกลวิธีสบื สอบร่วมกบั หลกั อริยสจั 4 ทีส่ ง่ ผลตอ่ ความรบั ผิดชอบ ความสามารถ ในการแกโ้ จทย์ปญั หา และผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียน ของนักเรียนช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ 1 มปี ระสิทธิภาพเท่ากับ 81.00/85.14 ซึง่ สงู กว่าเกณฑ์ 80/80 ที่กาหนดไว้ หมายความวา่ นกั เรียนมคี ะแนนจากการประเมินพฤตกิ รรมระหว่าง เรียน ผลงาน และทาแบบทดสอบยอ่ ยท้ายชุดการเรียนรู้ ทุกหน่วย จานวน 6 หนว่ ย คิดเป็นร้อยละ 81.00 และคะแนน จากการทาแบบทดสอบวัดผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียน คิดเปน็ ร้อยละ 85.14 แสดงวา่ ชุดการเรียนรู้ ที่ผู้วจิ ัย สร้างขนึ้ มปี ระสิทธิภาพ ซึง่ เป็นไปตามสมมติฐานขอ้ 1 อาจเนือ่ งมาจาก ผู้วิจยั สร้างชุดการเรียนรู้แบบกลวิธีสบื สอบ ร่วมกบั หลกั อริยสจั 4 ซึ่งสอดคล้องกับผลงานวจิ ยั ของ ทศั นว์ รรณ ประจันตะเสน (2551, หนา้ 57) ได้ศึกษาผลการ สอนแบบสบื เสาะหาความรู้ที่มีผลสมั ฤทธิท์ างการเรียนและการคิดอยา่ งมีวจิ ารณญาณของนกั เรียนชั้นประถมศกึ ษา ปีที่ 6 พบวา่ นกั เรียนมผี ลสัมฤทธิ์ทางการเรียนผ่านเกณฑ์เป้าหมายของโรงเรียนคอื ร้อยละ 70 ของคะแนนเตม็ จานวน 22 คน คิดเป็นร้อยละ 73.33 ของนกั เรียนท้ังหมด และสอดคล้องกับงานวิจยั ของสรุ เกยี รติ ไชยนวุ ตั ิ (2553, หนา้ 54-55) ได้ศึกษาความสามารถในการคดิ วเิ คราะห์ของนักเรียนช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ 2 ด้วยกระบวนการแก้ปญั หา ตามหลักอริยสจั 4 ผลการศึกษาพบวา่ (1) นกั เรียนที่ได้รบั การจดั การเรียนรู้ ด้วยกระบวนการแกป้ ญั หาตามหลัก อริยสจั 4 มคี ะแนนเฉลี่ยเม่อื เปรียบเทียบคะแนนกับเกณฑ์มาตรฐาน มีความสามารถในการคิดวเิ คราะห์ มนี ัยสาคัญ ทางสถิตทิ ี่ระดบั .05 สงู กวา่ เกณฑ์ที่กาหนด (2) นักเรียนทีไ่ ด้รับการจดั การเรียนรู้ ด้วยกระบวนการแกป้ ญั หา ตามหลกั อริยสจั 4 มคี วามสามารถในการคิดวเิ คราะหห์ ลงั เรียน มีความพึงพอใจต่อการเรียนรู้ หลงั เรียนสงู กวา่ ก่อนเรียน มีนยั สาคัญทางสถิตทิ ี่ระดบั .05 2. ผลการเปรียบเทียบความรับผิดชอบ ของนกั เรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่เรียนดว้ ยชดุ การเรียนรู้ แบบกลวิธีสบื สอบร่วมกบั หลักอริยสัจ 4 ระหว่างก่อนเรียน และหลังเรียน พบวา่ ความรับผิดชอบของนกั เรียน ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 1 ที่เรียนดว้ ยชดุ การเรียนรู้แบบกลวธิ ีสบื สอบร่วมกับหลกั อริยสัจ 4 หลังเรียนสงู กวา่ ก่อนเรียน อย่างมนี ยั สาคัญทางสถิติที่ระดบั .05 ซึ่งเป็นไปตามสมมตฐิ านข้อ 2 ซึง่ สอดคล้องกบั อนุวตั ิ คณู แก้ว (2538, หนา้ 52 อา้ งถึงใน รงั รอง วภกั ดิเ์ พชร, 2557, หนา้ 86) กล่าววา่ ความรับผิดชอบ เป็นลกั ษณะหนึง่ ของคนทีม่ ีความสาคญั มาก เพราะจะทาให้หนา้ ทห่ี รืองาน ซงึ่ ได้รบั มอบหมายประสบความสาเร็จ และเสรจ็ ตามเวลาทีก่ าหนดซึง่ มีผลทาให้เปน็ คน ที่มีคณุ ภาพ ดังนั้น หลกั สูตรในปัจจุบัน จึงกาหนดให้มีการปลูกฝังและพฒั นาให้นกั เรียน นักศกึ ษามีความรับผิดชอบ พร้อมท้ังยังกาหนดให้มีการวัดในแต่ละรายวชิ าดว้ ย 3. ผลการเปรียบเทียบความสามารถในการแกโ้ จทย์ปัญหา ของนักเรียนชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 1 ผลการวจิ ยั พบวา่ ความสามารถในการแกโ้ จทย์ปัญหา ของนกั เรียนที่เรียนด้วยชดุ การเรียนรู้แบบกลวธิ ีสบื สอบร่วมกับหลกั อริยสจั 4 หลังเรียนสงู กว่าก่อนเรียนอยา่ งมีนยั สาคญั ทางสถิตทิ ี่ระดับ .05 พบวา่ นักเรียนมคี ะแนนเฉลี่ย ความสามารถในการแกโ้ จทย์ปญั หาทุกดา้ นในระดับมาก ซงึ่ เปน็ ไปตามสมมติฐานข้อที่ 3 ซงึ่ สอดคลอ้ งกับงานวจิ ัย ของกนษิ ฐา ผาโท (2549, หนา้ 45-46) ได้ศึกษาผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนและความสามารถในการแกป้ ัญหาทาง

165 วทิ ยาศาสตร์ของนกั เรียน ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 2 ที่ได้รบั การสอนแบบอริยสจั 4 ผลการวจิ ยั พบวา่ ความสามารถในการ แก้ปัญหาทางวทิ ยาศาสตร์ ของนักเรียนที่ได้รบั การสอนแบบอริยสัจ 4 หลงั เรียนสูงกวา่ ก่อนเรียนอยา่ งมีนยั สาคญั ทาง สถิตทิ ี่ระดบั .01 4. การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิท์ างการเรียนของนกั เรียนชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 1 ที่เรียนชดุ การเรียนรู้ แบบกลวิธีสบื สอบร่วมกับหลกั อริยสจั 4 ระหว่างก่อนเรียน และหลังเรียน พบวา่ ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนของนกั เรียน ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 1 ที่เรียนชุดการเรียนรู้แบบกลวิธีสบื สอบร่วมกบั หลกั อริยสัจ 4 หลังเรียนสงู กวา่ ก่อนเรียนอยา่ งมี นยั สาคญั ทางสถิติที่ระดับ .05 ซึง่ เปน็ ไปตามสมมติฐานข้อ 4 ทง้ั น้ีอาจเนอ่ื งมาจากผู้วิจยั ได้คานงึ ถึงหลักการ/แนวคิด การจดั การเรียนรู้ดว้ ยชุดการเรียนรู้ โดยนาการเรียนรู้แบบกลวิธีสบื สอบเป็นวัตกรรมการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเปน็ สาคัญ โดยมุ่งเนน้ ความถนดั ความแตกต่างระหว่างบคุ คล การใชส้ มองสองซีกอย่างสมดุล รวมทั้งการพัฒนาผู้เรียน ให้เต็มศกั ยภาพ เพอ่ื เปน็ คนดี คนเก่ง และมีความสขุ (ศุภวรรณ์ เลก็ วิไล, 2548, หนา้ 88) สว่ นหลกั ปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพยี งนั้น เปน็ หลักเกี่ยวกบั ความประพฤติที่ทาอะไรเพอ่ื ให้เกิดผล โดยมีเหตแุ ละผล คือเกิดผลมนั มาจาก เหตุ ถ้าทาเหตทุ ี่ดี ถ้าคิดให้ดี ใหผ้ ลที่ออกมาคือสิ่งที่ติดตามเหตุ การกระทากจ็ ะเป็นการกระทาทีด่ ี และผลของการ กระทานั้นกจ็ ะเปน็ ผลของการกระทาทีด่ ี ดีแปลวา่ มีประสิทธิผล ดีแปลวา่ มีประโยชน์ ดีแปลวา่ ทาให้มีความสขุ (สุนยั เศรษฐ์บญุ สร้าง, 2551, หนา้ 372) 5. ความรบั ผิดชอบ ความสามารถในการแกโ้ จทย์ปญั หา และผลสัมฤทธิท์ างการเรียน ของนักเรียนที่มี ความฉลาดทางอารมณ์ สงู ปานกลาง และตา่ เม่อื ได้รบั การสอนด้วยชดุ การเรียนรู้แบบกลวธิ ีสบื สอบร่วมกบั หลัก อริยสจั 4 อย่างมนี ยั สาคญั ทางสถิตทิ ีร่ ะดับ .05 ซึง่ เปน็ ไปตามสมมติฐานข้อที่ 5 ซึง่ สอดคล้องกับงานวิจยั ของ ปรมาภรณ์ อนพุ ันธ์ (2544, หน้า 89) ได้พฒั นาชุดการสอนคณติ ศาสตร์ทีเ่ กี่ยวข้องกบั ชีวิตประจาวันแบบสบื สวน สอบสวน ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 เรือ่ ง ตรรกศาสตร์เบอื้ งต้น ผลการวจิ ยั พบวา่ ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนวชิ าคณิตศาสตร์ เรื่อง ตรรกศาสตร์เบ้ืองตน้ ของผู้เรียนภายหลงั ได้รบั การ สอนโดย ใช้ชดุ การสอนคณิตศาสตรท์ ี่เกี่ยวข้องกับประจาวนั แบบสบื สวนสอบสวนสูงกว่าก่อน ได้รบั การสอนอยา่ งมีนัยสาคญั ทางสถิตทิ ี่ระดับ .01 ขอ้ เสนอแนะ 1. ข้อเสนอแนะในการนาผลการวิจยั ไปใช้ 1.1 จากการทีผ่ ู้วจิ ยั ได้นาชุดการเรียนรู้แบบกลวธิ ีสบื สอบร่วมกับหลักอริยสัจ 4 ไปใช้ พบว่า ชุดการ เรียนรู้สามารถพัฒนาผู้เรียนให้มคี วามกระตอื รือร้นในการเรียน มีความสุขและสนุกสนานกับการเรียน มีส่วนร่วม ในการปฏบิ ัตกิ ิจกรรมทกุ คน ส่งผลให้ความสามารถดา้ นความรบั ผิดชอบ ความสามารถในการแก้โจทยป์ ัญหาและ ผลสมั ฤทธิท์ างการเรียนวชิ าคณิตศาสตร์ ของนกั เรียนชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 1 สูงข้ึน ดังนนั้ ครผู ู้สอนและผู้ทีเ่ กี่ยวข้อง ในการจัดการศึกษาจึงควรนาไปใชจ้ ดั กิจกรรมการเรียนการสอนในรายวชิ าอื่นๆ และนกั เรียนชั้นอน่ื ๆ ต่อไป 1.2 จากการนาชดุ การเรียนรู้มาเป็นนวตั กรรมที่ประสบความสาเรจ็ สาหรบั ครูผู้สอนที่จะนาชดุ การ เรียนรู้แบบกลวธิ ีสบื สอบร่วมกับหลักอริยสัจ 4 ไปใช้ ควรจะศกึ ษานักเรียนเป็นรายบคุ คลให้เข้าใจเปน็ อยา่ งดีเพอ่ื วางแผนการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนให้สอดคลอ้ งกบั ความแตกต่างของนักเรียน และครจู ะต้องเตรียมสอ่ื วสั ดุ อปุ กรณ์ สถานทีใ่ ห้พร้อมและเพยี งพอในการจดั กจิ กรรม เพราะต้องใชส้ ถานที่ในการจัดนทิ รรศการ และใชเ้ วลา ในการจัดกจิ กรรมมากพอสมควร

166 1.3 ครูควรช้แี จงวธิ ีการเรียนรู้ให้นกั เรียนเข้าใจข้ันตอนการปฏบิ ัตกิ ิจกรรมตา่ งๆ เป็นอยา่ งดี โดยให้ นกั เรียนเปน็ ผู้ลงมอื ปฏบิ ัตกิ ิจกรรมดว้ ยตนเอง ช่วยเหลอื กันภายในกลุ่มและระหวา่ งกลุ่ม เห็นประโยชนข์ องการ ร่วมมอื กันปฏบิ ัตงิ านกลุ่ม เพ่อื ที่จะได้มาซึ่งผลงานที่ดี มีคณุ ภาพ 1.4 ครคู วรจัดบรรยากาศให้เหมาะแก่การเรียนรู้ คือ มีทั้งบรรยากาศที่ท้าทาย (Challenge) ด้วยกิจกรรม ทีน่ ่าสนใจสอดคล้องกับหวั ข้อและครูกระตุ้นให้กาลงั ใจนักเรียน ทาให้ผู้เรียนเกิดความเชอ่ื มนั่ ในตนเอง พยายามร่วม กิจกรรมหรือทางานให้สาเร็จ บรรยากาศที่มีอิสระ (Freedom) นกั เรียนมโี อกาสได้คดิ ได้ตัดสนิ ใจเลอื กส่งิ ที่มี ความหมายและมีคณุ ค่า รวมท้ังโอกาสท่จี ะทาผิดพลาดในการเรียนโดยปราศจากความกลวั และความวิตกกงั วล บรรยากาศทีม่ ีการยอมรับ (Respect) ครูแสดงให้เหน็ ว่า นักเรียนเปน็ บุคคลสาคญั มีคุณคา่ และสามารถเรียนรู้ได้ ซึ่งจะส่งผลให้นกั เรียนเกิดความเชอ่ื มน่ั ในตนเองและการยอมรบั นบั ถือตนเอง บรรยากาศที่มีความอบอนุ่ (Warmth) ครคู วรมคี วามเข้าใจนกั เรียน เป็นมติ ร ยอมรับและให้ความช่วยเหลอื จะทาให้นกั เรียนเกิดความอบอนุ่ สบายใจ รกั ครู รกั โรงเรียน และรกั การเรียน บรรยากาศการควบคุม (Control) ครคู วรฝึกให้นกั เรียนมรี ะเบียบวินัย ครตู อ้ งมีเทคนิค ในการปกครองนกั เรียน และฝกึ ให้นกั เรียนรู้จกั สิทธิหน้าทีข่ องตนเองอยา่ งมีขอบเขต และบรรยากาศแห่งความสาเร็จ (Success) ครูควรพดู ถึงสิ่งที่นกั เรียนประสบความสาเร็จให้มากกว่าความล้มเหลว 1.5 จากผลการวิจยั ที่นาชุดการเรียนรู้แบบกลวธิ ีสบื สอบร่วมกับหลกั อริยสัจ 4 มาใชซ้ ึ่งเกิดผลสาเร็จ ในการยกระดับผลสัมฤทธิ์ ครคู วรให้การเสริมแรงสาหรับนกั เรียนทีท่ างานประสบความสาเรจ็ เชน่ การให้รางวลั การยกย่อง ชมเชย และพดู ให้กาลงั ใจสาหรับนักเรียนทีเ่ รียนรู้ได้ช้า ซึ่งจะทาให้เขามีกาลงั ใจในการทางานให้ประสบ ความสาเรจ็ ต่อไป 2. ข้อเสนอแนะสาหรับการวจิ ัย ครั้งตอ่ ไป 2.1 ควรมกี ารศึกษาวิจยั ชุดการเรียนรู้แบบกลวิธีสบื สอบร่วมกับหลกั อริยสจั 4 กบั นกั เรียนชั้นอน่ื ดว้ ย เพอ่ื จะได้ขอ้ สรุปที่ครอบคลมุ และชดั เจนย่งิ ขนึ้ 2.2 ควรมกี ารศึกษาวิจยั ชุดการเรียนรู้แบบกลวิธีสบื สอบร่วมกับหลักอริยสจั 4 ในกลุ่มสาระอน่ื ดว้ ย วา่ จะไดผ้ ลประการใด เพื่อเป็นแนวทางในการจัดการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพยง่ิ ขึน้ 2.3 ควรมกี ารวจิ ยั ที่มีการศึกษาตวั แปรตามอื่นๆ ดว้ ย เช่น ความมวี นิ ยั ความคิดสร้างสรรค์ความ สามารถในการคดิ แก้ปัญหา 2.4 ควรศกึ ษาการวจิ ยั สาหรับนักเรียนที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ดว้ ยว่าจะสามารถพัฒนานักเรียน ที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ให้มคี วามสามารถด้านการคิดวเิ คราะห์ ความรบั ผิดชอบ และผลสัมฤทธิท์ างการ เรียนเพ่มิ ข้ึนหรือไม่ หรือนักเรียนจะมีพฒั นาการทางการเรียนเพ่มิ ข้ึนหรือไม่ เอกสารอา้ งองิ กนิษฐา ผาโท. (2549). การศึกษาผลสมั ฤทธิท์ างการเรียนและความสามารถในการแกป้ ญั หาทางวิทยาศาสตร์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 2 ท่ไี ด้รับการสอนแบบอริยสัจสี่. สารนิพนธ์ กศ.ม. กรงุ เทพฯ : มหาวทิ ยาลยั ศรีนครนิ ทรวโิ รฒ. กระทรวงศึกษาธกิ าร. (2552). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พนื้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551. กรุงเทพฯ : โรงพมิ พช์ ุมนมุ สหกรณก์ ารเกษตรแห่งประเทศไทย.

167 ทศั น์วรรณ ประจนั ตะเสน. (2551). ได้ศึกษาผลการสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ที่มีต่อผลสมั ฤทธิท์ างการเรียน และการคิดอยา่ งมีวจิ ารณญาณของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปที ี่ 6. วทิ ยานพิ นธ์ กศ.ม. ขอนแกน่ : มหาวทิ ยาลัยขอนแก่น. ปรมาภรณ์ อนุพันธ์. (2544). การพัฒนาชุดการสอนคณิตศาสตร์ทีเกีย่ วข้องกบั ชีวิตประจาวันแบบสบื สวนสอบสวน ชนั มธั ยมศกึ ษาปีที 4 เรือง ตรรกศาสตร์เบือ้ งต้น. วทิ ยานพิ นธ์ ค.ม. กรุงเทพฯ : มหาวทิ ยาลัยศรีนครนิ ทรวโิ รฒ. ประภาศรี สีหะอาไพ. (2550). พ้ืนฐานการศึกษาทางศาสนาและจริยธรรม. พิมพค์ รงั้ ที่ 4 ฉบับปรับปรงุ . กรงุ เทพฯ : สานกั พิมพจ์ ุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. พมิ พพ์ นั ธ์ เดชะคุปต.์ (2554). การเรียนการสอนทีเ่ นน้ ผู้เรียนเป็นสาคัญ. กรุงเทพฯ : เดอะมาสเตอร์กรุ๊ฟแมเนจเมน้ ท์. พระธรรมปิ ฎก (ป.อ.ปยตุ โต). (2543). ธรรมนญู ชีวิต. พิมพค์ รงั้ ที่ 30. กรุงเทพฯ : มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั . รงั รอง วภกั ดิเ์ พชร, (2557). การพัฒนาบทเรียนเสริมทักษะการอา่ นภาษาอังกฤษร่วมกบั การคดิ แบบโยนิโสมนสกิ าร ทีม่ ีต่อความรบั ผิดชอบทางการเรียน ความสามารถในการคิดวิเคราะห์และผลสัมฤทธิท์ างการเรียน ของนกั เรียนช้ันประถมศึกษาปที ี่ 5. วทิ ยานพิ นธ์. ค.ม. สกลนคร : มหาวทิ ยาลัยราชภฏั สกลนคร. วรรณี โสมประยรู . (2541). การวิจัยและพัฒนารปู แบบการสอนและส่อื การสอนคณิตศาสตร์ระดับประถมศึกษา. กรุงเทพฯ : คณะศึกษาศาสตร์มหาวิทยาลัยศรีนครนิ ทรวโิ รฒ. ศุภวรรณ์ เล็ก วิไล. (2548). นวตั กรรมการเรียนรู้สาหรับการวิจัยในชน้ั เรียน. กรงุ เทพฯ : เอส อาร์ ปรนิ้ ตงิ้ แมสโปรดกั ส์. สถาบนั ทดสอบทางการศกึ ษาแหง่ ชาติ. (2559). [ออนไลน์]. รายงานผลการทดสอบระดบั ชาติขน้ั พืน้ ฐาน (O-Net) ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ 1. เข้าถึงไดจ้ าก http//www.niets.or.th สนุ ัย เศรษฐ์บุญสร้าง. (2551). การเรียนรู้ร่วมกนั แบบมีเข็มมงุ่ สู่วิถีเศรษฐกิจพอเพยี ง (SEAL : Sufficiency Economy Active Learning). พมิ พค์ รง้ั ที่ 1. สรุ เกียรติ ไชยนวุ ตั ิ. (2553). ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ของนักเรียนช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ 2 ด้วย. กระบวนการ แก้ปญั หาตามหลกั อริยสัจ 4. วทิ ยานิพนธ์ค.ม. จันทบุรี : บณั ฑิตวทิ ยาลยั มหาวิทยาลยั ราชภัฏราไพพรรณี.

168 การพัฒนาชุดฝึกทกั ษะการอ่านภาษาอังกฤษโดยการเรียนแบบ MIA (Murdorch) ร่วมกับ แผนผงั ความคิด (Mind Map) ทม่ี ีตอ่ การคิดวิเคราะห์ ความสามารถในการอา่ น เพือ่ ความเขา้ ใจ และผลสมั ฤทธิท์ างการเรียน ของนักเรยี นช้ันประถมศึกษาปีท่ี 6 The Development Set of Skill Reading English by Approach Mia Murdoch Learning with Mind Map Affect Analytical Thinking, English Reading Comprehension and Learning Achievements for Prathomsuksa 6 Students รชั นี ศรีพรหม* ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร.มารศรี กลางประพนั ธ์ ** ดร.สมเกียรติ พละจิตต์ *** บทคดั ยอ่ การวจิ ยั คร้ังนมี้ คี วามมุ่งหมายเพ่อื 1) พฒั นาชดุ ฝึกทกั ษะการอา่ นภาษาองั กฤษโดยการเรียนแบบ MIA (Murdorch) ร่วมกับแผนผังความคิด (Mind Map) ของนักเรียนให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เปรียบเทียบ การคิดวิเคราะห์ 3) เปรียบเทียบความสามารถในการอา่ นเพ่อื ความเข้าใจ 4) เปรียบเทียบผลสมั ฤทธิท์ างการเรียน ของนักเรียน หลังได้รับได้รบั การสอนโดยใชช้ ุดฝึกทักษะการอ่านภาษาองั กฤษโดยการเรียนแบบ MIA (Murdorch) ร่วมกบั แผนผงั ความคิด (Mind Map)ระหว่างก่อนเรียนและหลงั เรียน 5) เปรียบเทียบการคิดวิเคราะห์ ความสามารถ ในการอ่านเพอ่ื ความเข้าใจ และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ทม่ี แี รงจงู ใจใฝ่สัมฤทธิ์ต่างกัน (สูง ปานกลาง และตา่ ) เมอ่ื ได้รับได้รับการสอนโดยใช้ ชุดฝกึ ทักษะการอา่ นภาษาองั กฤษโดยการเรียนแบบMIA (Murdorch) ร่วมกบั แผนผังความคิด (Mind Map) กลุ่มตัวอยา่ งเปน็ นกั เรียนชั้นประถมศกึ ษาปีที่ 6 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศกึ ษา 2560 จานวน 22 คน โรงเรียนบ้านคาข่า สงั กดั สานักงานเขตพ้นื ทีก่ ารศกึ ษาประถมศึกษาสกลนคร เขต 2 ซึ่งได้มาด้วยการ สุ่มแบบแบ่งกลมุ่ (Cluster Random Sampling) เครอ่ื งมือทีใ่ ชใ้ นการวิจยั ประกอบด้วย 1) ชุดฝึกทกั ษะการอ่าน ภาษาอังกฤษโดยการเรียนแบบ MIA (Murdorch) ร่วมกับแผนผังความคิด (Mind Map) 2) แบบวัดการคดิ วเิ คราะห์ 3) แบบวัดความสามารถในการอา่ นเพ่อื ความเข้าใจ และ 4) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน สถิตทิ ีใ่ ชใ้ นการ วเิ คราะห์ขอ้ มูลได้แก่ ค่าเฉลีย่ ส่วนเบีย่ งเบนมาตรฐาน ค่าดชั นีประสิทธิภาพ E1/E2 สถิตทิ ดสอบค่าที (t–test for Dependent Samples) การวเิ คราะห์ความแปรปรวนพหคุ ูณร่วมทางเดียว (One –way MANCOVA) และการวเิ คราะห์ ความแปรปรวนร่วมทางเดียว (One–way ANCOVA) ผลการวจิ ยั พบวา่ 1. ประสิทธิภาพของชุดฝึกทกั ษะการอ่านภาษาอังกฤษโดยการเรียนแบบ MIA (Murdorch) ร่วมกับแผนผงั ความคิด (Mind Map) ของนักเรยี นชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ 6 มีค่าประสิทธิภาพ E1/E2 เท่ากับ 82.67/ 85.23 สงู กว่า เกณฑ์ทีก่ าหนดไว้ คือ 80/80 2. นักเรียนมกี ารคิดวิเคราะห์ เม่อื เรียนดว้ ยชดุ ฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษโดยการเรียนแบบ MIA (Murdorch) ร่วมกับแผนผังความคิด (Mind Map) หลังเรียนสงู กวา่ ก่อนเรียนอยา่ งมีนยั สาคญั ทางสถิตทิ ี่ระดบั .05 คาสาคัญ : ชุดฝึกทักษะ, การอา่ นภาษาอังกฤษ, การเรียนแบบ MIA (Murdorch), แผนผงั ความคิด, การคิดวิเคราะห์, ความสามารถ ในการอา่ นเพือ่ ความเข้าใจ, ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน, แรงจงู ใจใฝ่สมั ฤทธิ์ * ครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการวิจยั และพฒั นาการศึกษา มหาวิทยาลัยราชภฏั สกลนคร ** อาจารย์ประจาหลักสตู รครศุ าสตรมหาบัณฑิต สาขาการวิชาวิจยั และพฒั นาการศึกษา มหาวิทยาลยั ราชภฏั สกลนคร *** ผู้อานวยการชานาญการพิเศษ โรงเรียนชมุ ชนขวั สูงสวรรค์ สานกั งานเขตพืน้ ที่การศกึ ษาประถมศกึ ษา สกลนคร เขต 3

169 3. นักเรียนมคี วามสามารถในการอ่านเพ่อื ความเข้าใจ เม่อื เรียนดว้ ยชดุ ฝึกทักษะการอ่านภาษาองั กฤษ โดยการเรียนแบบ MIA (Murdorch) ร่วมกับแผนผังความคิด (Mind Map) หลังเรียนสงู กวา่ ก่อนเรียนอยา่ งมีนยั สาคญั ทางสถิตทิ ี่ระดับ .05 4. นักเรียนมผี ลสัมฤทธิท์ างการเรียน เม่อื เรยี นด้วยชุดฝึกทักษะการอ่านภาษาองั กฤษโดยการเรียนแบบ MIA (Murdorch) ร่วมกับแผนผงั ความคิด (Mind Map) หลังเรียนสูงกวา่ ก่อนเรียนอยา่ งมีนัยสาคญั ทางสถิตทิ ี่ระดับ .05 5. นกั เรียนที่มีแรงจงู ใจใฝ่สมั ฤทธิท์ ี่แตกต่างกัน มีการคิดวเิ คราะห์ ความสามารถในการอ่านเพอ่ื ความ เข้าใจ และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน หลงั เรียนแตกต่างกนั อย่างมนี ยั สาคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ปรากฏผลดังนี้ 5.1 นกั เรียนที่มีระดับแรงจงู ใจใฝ่สมั ฤทธิ์สงู มกี ารคดิ วเิ คราะหส์ ูงกว่านกั เรียนทีม่ ีระดบั แรงจงู ใจ ใฝ่สัมฤทธิ์ ปานกลาง และตา่ อยา่ งมีนัยสาคัญทางสถิตทิ ีร่ ะดบั .05 5.2 นกั เรียนที่มีระดับแรงจงู ใจใฝ่สัมฤทธิส์ งู มคี วามสามารถในการอ่านเพ่อื ความเข้าใจสงู กว่า นักเรียนทีม่ ีระดบั แรงจงู ใจใฝ่สัมฤทธิ์ ปานกลาง และ ตา่ อย่างมนี ยั สาคญั ทางสถิติทีร่ ะดบั .05 5.3 นกั เรียนที่มีระดบั แรงจงู ใจใฝ่สัมฤทธิ์สงู มผี ลสมั ฤทธิท์ างการเรียนสูงกวา่ นักเรียนที่มีระดบั แรงจูงใจใฝ่สมั ฤทธิ์ปานกลาง และต่าอย่างมนี ยั สาคัญทางสถิตทิ ี่ระดบั .05 ABSTRACT The purposes of this study were to 1) developing set of skill reading English by approach MIA Murdoch learning with mind map students to be effective 80/80 2) compare the analytical thinking 3) to compare the English reading comprehension 4) compare the learning achievements 5) compare the analytical thinking, English reading comprehension and learning achievements of students which has achievement motive (high, medium and low) students the set of skill reading English by approach MIA Murdoch learning with mind map. The subjects were consisted of 22 Prathomsuksa 6 students. In the second semester of the 2018 academic year at Ban Khumkha School under the Office of Sakon Nakhon Primary Educational Service Area 2. They were obtained through cluster random sampling. The instruments included 1) set of skill reading English by approach Mia Murdoch learning with Mind Map, 2) test of analytical thinking, 3) test of English reading comprehension, and 4) test of learning achievements. The statistics employed were mean, standard deviation, Effectiveness Index (Effectiveness Index: E1/E2, t-test (Dependent Samples), One-way MANCOVA and One-way ANCOVA. The results of this research were as follows; 1. The set of skill reading English by approach Mia Murdoch learning with mind map contained its efficiency of 82.67/ 85.23 which was higher than the set criteria of 80/80. 2. The students have analytical thinking when studying with set of skill reading English by approach Mia Murdoch learning with mind map of students after learning than that before learning at the .05 level. 3. The students have English reading comprehension when studying with set of skill reading English by approach Mia Murdoch learning with mind map of students after learning than that before learning at the .05 level. 4. The students have learning achievements when studying with set of skill reading English by approach Mia Murdoch learning with mind map of students after learning than that before learning at the .05 level.

170 5. The students which has achievement motive were different after their have analytical thinking, English reading comprehension and learning achievements of students which has achievement motive. Students the set of skill reading English by approach Mia Murdoch learning with mind map after school is different were different after their learning at the .05 level. 5.1 The students whose achievement motive level was high had analytical thinking higher than those whose achievement motive level was moderate or low at the .05 level. 5.2 The students whose achievement motive level was high had English reading comprehension higher than those whose achievement motive level was moderate or low at the .05 level. 5.3 The students whose achievement motive level was high had and learning achievements higher than those whose achievement motive level was moderate or low at the .05 level. Keywords: Set of Skill, Reading English, Approach Mia Murdoch, Mind Map, Analytical Thinking, English Reading Comprehension, Learning Achievements ภมู หิ ลงั สังคมปัจจบุ นั การเรียนรู้ภาษาตา่ งประเทศ มคี วามสาคญั และจาเป็นอยา่ งย่งิ ในชีวิตประจาวนั เนื่องจากเปน็ เครอ่ื งมือสาคัญในการสื่อสารการศึกษา การแสวงหาความรู้การประกอบอาชพี การสร้างความเข้าใจเกี่ยววฒั นธรรม และวิสยั ทัศน์ของชมุ ชนโลก และตระหนกั ถึงความหลากหลายทางวัฒนธรรมและมุม มองของสังคมโลก นามาซึ่งมิตร ไมตรีและความรว่ มสมาชกิ ประชาคมอาเซียน ทาให้ภาษาองั กฤษย่งิ ทวคี วาม สาคัญและความจาเปน็ มากขนึ้ ดงั นน้ั จึงถึงเวลาทีจ่ ะต้องวางแผนและเตรียมพร้อมพฒั นาเดก็ เยาวชน และคนไทยให้มีคณุ ภาพและมคี ณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ตามทีส่ งั คมคาดหวงั ควบคู่ไปกบั การกระตุ้นเตอื นเดก็ และเยาวชน ซึง่ เป็นอนาคตของชาติให้เห็นถึง ความสาคญั ของภาษาอังกฤษ ในการใชเ้ ป็นเครอ่ื งมือในการแสวงหาความรู้ในสงั คมอาเซียนและเวทีโลกต่อไป ผู้วิจัยจึงมคี วามเช่อื ม่นั วา่ วิธีการสอนด้วยชดุ ฝึกทกั ษะการอ่านภาษาองั กฤษโดยการเรียนแบบ MIA (Murdorch) ร่วมกับแผนผงั ความคิด (Mind Map)น้นี ่าจะสามารถพฒั นาซึง่ นา่ จะสามารถแก้ปญั หา และพัฒนา ความสามรถในการอา่ นเพ่อื ความเข้าใจของนกั เรียน และพฒั นาผู้เรียนให้มคี วามสามารถในการคิดวเิ คราะห์ มที กั ษะ ในการแสวงหาความรู้ดว้ ยตนเอง และเป็นการพัฒนารปู แบบการสอน เพ่อื หาแนวทางในการพฒั นาการเรียนการสอน ภาษาอังกฤษต่อไป ในการใช้ในการวางแผนการจดั การเรียนการสอน ให้มีประสิทธิภาพมากยิง่ ข้นึ เพื่อนาผล การศึกษาไปประยุกตต์ นเอง สามารถอยู่ร่วมกับสังคมได้อย่างมคี วามสขุ เปน็ บุคคลทม่ี ปี ระสิทธิภาพในสงั คม และเปน็ พลังสาคัญในการพฒั นาประเทศชาติตอ่ ไป คาถามการวิจยั ในการวิจยั ครั้งนผี้ ู้วจิ ยั ได้กาหนดคาถามการวิจัย ไวด้ ังน้ี 1. ชุดฝึกทกั ษะการอ่านภาษาองั กฤษโดยการเรียนแบบ MIA (Murdorch) ร่วมกบั แผนผงั ความคดิ (Mind Map) ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปที ี่ 6 มปี ระสิทธิภาพตามเกณฑ์ E1/ E2 หรือไม่ อยา่ งไร 2. การคิดวิเคราะห์ ของนักเรียนช้ันประถมศึกษาปที ี่ 6 หลังได้รบั การสอนโดยใช้ชุดฝึกทักษะการอ่าน ภาษาองั กฤษโดยการเรียนแบบ MIA (Murdorch) ร่วมกบั แผนผงั ความคิด (Mind Map) สูงขนึ้ กวา่ ก่อนเรียนหรือไม่

171 3. ความสามารถในการอา่ นเพ่อื ความเข้าใจ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปที ี่ 6 มี หลังได้รบั การสอน โดยใชช้ ดุ ฝึกทักษะการอา่ นภาษาอังกฤษโดยการเรียน แบบMIA (Murdorch) ร่วมกบั แผนผังความคิด (Mind Map) สูงขนึ้ กวา่ ก่อนเรียนหรือไม่ อยา่ งไร 4. ผลสมั ฤทธิท์ างการเรียน ของนกั เรียนช้ันประถมศึกษาปที ี่ 6 หลังได้รบั การสอนโดยใช้ชุดฝกึ ทักษะ การอา่ นภาษาองั กฤษโดยการเรียนแบบ MIA (Murdorch) มสี งู ขนึ้ กวา่ ก่อนเรียนหรือไม่ 5. การคิดวิเคราะห์ ความสามารถในการอ่านเพอ่ื ความเข้าใจ ผลสมั ฤทธิท์ างการเรียนวชิ าภาษาอังกฤษ ของนกั เรียนชั้นประถมศึกษาปที ี่ 6 ทีม่ ีแรงจงู ใจใฝ่สมั ฤทธิต์ ่างกนั (สงู ปานกลาง และตา่ ) เม่อื ได้รับได้รบั การสอน โดยใชช้ ุดฝึกทกั ษะการอา่ นภาษาองั กฤษโดยการเรียนแบบ MIA (Murdorch) ร่วมกบั แผนผังความคิด (Mind Map) มคี วามแตกตา่ งกนั หรือไม่ อยา่ งไร ความม่งุ หมายของการวิจัย การวจิ ยั ในครงั้ น้ผี ู้วจิ ยั ได้กาหนดความมงุ่ หมายการวิจัย ไวด้ ังน้ี 1. เพื่อพัฒนาชดุ ฝึกทักษะการอา่ นภาษาองั กฤษโดยการเรียนแบบ MIA (Murdorch) ร่วมกับแผนผัง ความคิด (Mind Map) ของช้ันประถมศึกษาปที ี่ 6 มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ E1 / E2 2. เพ่อื เปรียบเทียบการคิดวิเคราะห์ของช้ันประถมศึกษาปที ี่ 6 ทไ่ี ด้รับการสอนโดยใช้ชุดฝึกทักษะ การอา่ นภาษาองั กฤษโดยการเรียนแบบ MIA (Murdorch) ร่วมกบั แผนผังความคิด (Mind Map) ระหว่างก่อนเรียน และหลงั เรียน 3. เพ่อื เปรียบเทียบความสามารถในการอา่ นเพอ่ื ความเข้าใจของนักเรียนช้ันประถมศึกษาปที ี่ 6 ท่ไี ด้รับ การสอนโดยใช้ ชดุ ฝึกทักษะการอา่ นภาษาอังกฤษโดยการเรียนแบบMIA (Murdorch) ร่วมกับแผนผงั ความคิด (Mind Map) ระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียน 4. เพ่อื เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนช้ันประถมศึกษาปที ี่ 6 หลงั ได้รบั ได้รับการสอน โดยใชช้ ุดฝึกทักษะการอา่ นภาษาองั กฤษโดยการเรียนแบบ MIA (Murdorch) ร่วมกบั แผนผงั ความคิด (Mind Map) ระหว่างก่อนเรียนและหลงั เรียน 5. เพ่อื เปรียบเทียบการคิดวิเคราะห์ ความสามารถในการอ่านเพอ่ื ความเข้าใจ และผลสมั ฤทธิ์ทางการ เรียน ของชั้นประถมศึกษาปที ี่ 6 ทม่ี แี รงจงู ใจใฝ่สัมฤทธิ์ต่างกัน (สูง ปานกลาง และตา่ ) เมอ่ื ได้รบั ได้รับการสอนโดยใช้ ชดุ ฝึกทกั ษะการอ่านภาษาองั กฤษโดยการเรียนแบบ MIA (Murdorch) ร่วมกบั แผนผังความคิด (Mind Map) กรอบแนวคดิ ของการวิจัย การวจิ ยั เรือ่ ง การพัฒนาชุดฝกึ ทกั ษะการอ่านภาษาอังกฤษโดยการเรียนแบบ MIA (Murdorch) ร่วมกบั แผนผังความคิด (Mind Map) ทมี่ ตี อ่ การคดิ วเิ คราะห์ ความสามารถในการอ่านเพอ่ื ความเข้าใจ และผลสมั ฤทธิ์ ทางการเรียน ของนักเรียนช้ันประถมศึกษาปที ี่ 6 ในการวิจยั ครงั้ น้ี ผู้วิจยั ได้นาทฤษฎหี ลกั การและแนวคิดเกีย่ วกบั การ สอนอา่ นที่ผู้สอนใชก้ ิจกรรมและกระบวนการสอนอา่ นตามแนวคิดของMurdoch. (1986, pp. 9-15) สว่ นแผนผงั ความคิด (Mind Map) ได้นาทฤษฎหี ลกั การและแนวคิดของTony Buzan. (1974, p. 96, อา้ งถึงใน พรพันธ์ อสิ ระ 2545, หนา้ 15) ผู้วิจัยได้กาหนดกรอบแนวคิดของการวจิ ัย ดงั ภาพประกอบ 1

172 ตวั แปรอสิ ระ (ตัวแปรจัดกระทา) ตัวแปรตาม การจดั การเรียนรูแ้ บบ MIA (Murdorch) ชดุ ฝกึ ทักษะการอา่ นภาษาอังกฤษ 1. การคิดวิเคราะห์ 1. ข้ันการถามนาก่อนการอา่ น โดยการเรยี นแบบ MIA (Murdorch) 2. ความสามารถใน 2. ข้ันการทาความเข้าใจคาศัพท์ ร่วมกับแผนผังความคิด (Mind Map) การอา่ นเพื่อ 3. ขั้นการอา่ นเนือ้ เรือ่ ง มี 7 ข้ันตอน ความเข้าใจ 4. ข้ันทาความเข้าใจเนือ้ เรือ่ ง 1. ขั้นตั้งคาถามก่อนการอา่ นการเรียน 3. ผลสมั ฤทธิ์ 5. ขั้นการถ่ายโอนข้อมลู ในรปู แบบอน่ื ๆ 2. ขั้นเข้าใจคาศพั ท์วาดมโนทศั น์รอง ทางการเรียน 6. ขั้นทาแบบฝึกหัดต่อชิ้นส่วนประโยค 3. ข้ันการอา่ นเนือ้ เรื่องและวาดมโนทศั น์ และเรียงโครงสรา้ งอนุเฉท ย่อย 7. การประเมินผลและการแก้ไข 4. ขั้นทาความเข้าใจเนือ้ เรื่องการใชภ้ าพ หรือสญั ลกั ษณส์ ื่อแทน การจดั การเรียนรแู้ บบ แผนผังความคิด 5. ข้ันการถ่ายโอนข้อมลู โดยเขียนคา (Mind Map) สาคญั 1. ข้ันการเขียน / วาดมโนทศั นห์ ลกั กงึ่ กลาง 6. ขั้นทาแบบฝึกหดั ต่อชิ้นส่วนประโยค กระดาษ 7. ขั้นประเมินผลและการแก้ไข 2. ข้ันการเขียน /วาดมโนทศั น์รอง 3. ขั้นการ เขียน /วาดมโนทศั น์ย่อย 4. ข้ันการใชภ้ าพ ตัวแปรจดั ประเภท หรือสัญลักษณส์ ื่อความหมายเป็นตวั แทน ความคดิ ให้มากที่สุด แรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ 5. ขั้นการเขียนคาสาคญั (Key Word) สงู ปานกลาง และตา่ 6. กรณีใช้สี ทั้งมโนทัศน์รองและยอ่ ยควร เป็นสีเดียวกัน 7. คิดอย่างอสิ ระมากที่สดุ ขณะทา ภาพประกอบ 1 กรอบแนวคิดของการวจิ ยั วิธีดาเนนิ การวิจัย ประชากรและกลมุ่ ตัวอยา่ ง 1. ประชากร ได้แก่ นกั เรียนช้ันประถมศึกษาปที ี่ 6 ของโรงเรียนในศนู ยเ์ ครอื ขา่ ยการศึกษาท่ี 3 อาเภอพรรณนานคิ ม สงั กดั สานักงานเขตพ้นื ที่การศึกษาประถมศึกษาสกลนคร เขต 2 ภาคเรยี นที่ 2 ปีการศกึ ษา 2560 จานวน 13 โรงเรียน ได้แก่ โรงเรียนบ้านคาข่า โรงเรียนบ้านไรบ่ ้านไฮ่ โรงเรียนบ้านโนนอดุ ม โรงเรียนบ้านหนิ แตก โรงเรียนบ้านโคกโรงเรียนบ้านคาแหว โรงเรียนบ้านเสาขวัญกดุ ก้อม โรงเรียนบ้านทิดไทย โรงเรียนหนองผือนาใน โรงเรียนบ้านผักคาภู โรงเรียนบ้านหว้ ยบุ่นนาทัน โรงเรียนบ้านอูนดง และโรงเรียนบ้านนาเหล่า จานวนห้องเรียน 13 ห้อง จานวนนักเรียน 132 คน 2. กลุ่มตวั อยา่ ง ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปที ี่ 6 โรงเรียนบ้านคาข่า อาเภอพรรณนานคิ ม สงั กัดสานกั งานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษาประถมศึกษาสกลนคร เขต 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศกึ ษา 2560 จานวน 22 คน ซึง่ ได้มาโดยการสุ่มแบบแบ่งกลมุ่ (Cluster Random Sampling) เน่อื งจากแต่ละโรงเรียนมกี ารจดั กิจกรรมการเรียน การสอนใกล้เคียงกัน โดยใชโ้ รงเรียนเปน็ หน่วยในการสมุ่

173 เครือ่ งมอื ทใี่ ช้ในการวิจยั ในครงั้ นี้ เคร่อื งมือที่ใชใ้ นการทดลองและเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลประกอบด้วย 5 ฉบบั ได้แก่ 1. ชดุ ฝึกทกั ษะการอ่านภาษาองั กฤษโดยการเรียนแบบ MIA (Murdorch) ร่วมกับแผนผงั ความคดิ (Mind Map) ของนกั เรียนช้ันประถมศึกษาปที ี่ 6 จานวน 8 ชุด รวมเวลาท้ังหมด จานวน 40 ช่วั โมง 2. แบบวดั การคดิ วเิ คราะห์ ช้ันประถมศึกษาปที ี่ 6 เปน็ แบบปรนยั ชนิด 4 ตวั เลอื ก จานวน 30 ข้อ 3. แบบวัดความสามารถในการอ่านเพอ่ื ความเข้าใจ ชั้นประถมศกึ ษาปีที่ 6 เป็นแบบปรนยั ชนิด 4 ตวั เลอื ก จานวน 30 ข้อ 4. แบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนชั้นประถมศึกษาปที ี่ 6 เปน็ แบบปรนัยชนดิ 4 ตวั เลอื ก จานวน 30 ข้อ 5. แบบวดั แรงจูงใจใฝส่ ัมฤทธิ์ ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 6 เปน็ แบบ ตวั เลอื ก จานวน 30 ข้อ การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ในการวิจยั ผู้วิจัยได้ดาเนินการทดลอง มีลาดบั ข้ันตอนดงั ต่อไปน้ี 1. ผู้วิจยั ขอหนังสือจากสานักงานบัณฑิตศกึ ษา มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั สกลนคร เพื่อขอความร่วมมอื จากโรงเรียนคาข่า ศนู ย์เครอื ขา่ ยการศึกษาข้ันพนื้ ฐานท่ี 3 สงั กดั สานักงานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษาประถมศึกษาสกลนคร เขต 2 ขอความอนุเคราะห์ในการทดลองและเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู 2. นาแบบวดั การคดิ วเิ คราะห์ แบบวัดความสามารถในการอ่านเพ่ือความเข้าใจ และแบบทดสอบ วัดผลสัมฤทธิท์ างการเรียนทดสอบก่อนเรียน (Pre – test) กบั กลมุ่ ตัวอย่างใช้เวลาในการทดสอบ 2 ชั่วโมง โดยใชเ้ วลา นอกเวลาเรียน 3. ดาเนินการสอนตามชดุ ฝกึ ทกั ษะการสอนการอา่ นภาษาองั กฤษแบบ MIA (Murdorch) ร่วมกบั แผนผังความคิด (Mind Map) 4. นาแบบวัดการคดิ วเิ คราะห์ แบบวดั ความสามารถในการอ่านเพอ่ื ความเข้าใจ และแบบวดั ผล สมั ฤทธิท์ างการเรียน ทดสอบหลังเรียน (Post - test) กบั กลมุ่ ตวั อย่างใช้เวลาในการทดสอบ 2 ชัว่ โมง โดยใชเ้ วลานอก เวลาเรียน ไปทาการวเิ คราะห์ โดยวิธีการทางสถิติ เพือ่ ทดสอบสมมติฐานและสรุปผลการวิจยั ผู้วิจัยได้ดาเนินการ ทดลองตามชดุ ฝึกทักษะการอ่านภาษาองั กฤษโดยการเรียนแบบ MIA (Murdorch) ร่วมกับแผนผังความคิด (Mind Map) ที่วางแผนไว้ ระหวา่ งวันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 ถึง วันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2560 ตามวนั เวลาทีใ่ ชส้ อน ดงั ตาราง สถิตทิ ใี่ ช้ในการรวบรวมขอ้ มลู 1) ค่าร้อยละ 2) ค่าเฉลีย่ 3) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 4) หาค่าความเที่ยงตรง (Validity) 5) ค่าความยาก 6) ค่าอานาจจาแนก (Discrimination) 7) ค่าความเช่อื มน่ั (Reliability) 8) ค่า E1/E2 9) t – test for Dependent Samples 10) การวเิ คราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One-way ANOVA) 11) การ วเิ คราะห์ความแปรปรวนร่วมพหคุ ูณทาง เดียว (One-way MANCOVA) 12) การวเิ คราะห์ความแปรปรวนร่วมแบบทางเดียว (One-way ANCOVA) สรปุ ผลการวิจัย 1. ประสิทธิภาพของชดุ ฝึกทกั ษะการอ่านภาษาอังกฤษโดยการเรียนแบบ MIA (Murdorch) ร่วมกบั แผนผัง ความคิด (Mind Map) ของนกั เรยี นชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 6 มีค่าประสิทธิภาพ E1/E2 เท่ากับ 82.67/ 85.23 แสดงวา่

174 ชุดฝึกทกั ษะการอ่านภาษาองั กฤษโดยการเรียนแบบ MIA (Murdorch) ร่วมกับแผนผงั ความคิด (Mind Map) มคี ่าประสิทธิภาพสงู กว่าเกณฑท์ ี่กาหนดไว้ คือ 80/80 2. นักเรียนมกี ารคิดวิเคราะห์ เม่อื เรียนดว้ ยชุดฝึกทกั ษะการอ่านภาษาองั กฤษโดยการเรียนแบบ MIA (Murdorch) ร่วมกบั แผนผังความคิด (Mind Map) ของนกั เรียนช้ันประถมศึกษาปที ี่ 6 หลังเรียนสงู กว่าก่อนเรียน อย่างมนี ัยสาคญั ทางสถิติทีร่ ะดบั .05 3. นักเรียนมคี วามสามารถในการอ่านเพ่อื ความเข้าใจ เม่อื เรียนดว้ ยชดุ ฝึกทกั ษะการอ่านภาษาองั กฤษ โดยการเรียนแบบ MIA (Murdorch) ร่วมกับแผนผังความคิด (Mind Map) ของนกั เรียนชั้นประถมศึกษา ปีที่ 6 หลังเรียนสูงกวา่ ก่อนเรียนอยา่ งมีนยั สาคญั ทางสถิตทิ ีร่ ะดบั .05 4. นกั เรียนมผี ลสมั ฤทธิ์ทางการเรียน นกั เรียนชั้นประถมศึกษาปที ี่ 6 เมอ่ื เรียนดว้ ยชดุ ฝึกทักษะการอ่าน ภาษาองั กฤษโดยการเรียนแบบ MIA (Murdorch) ร่วมกบั แผนผังความคิด (Mind Map) หลงั เรียนสูงกวา่ ก่อนเรียน อย่างมนี ัยสาคัญทางสถิติที่ระดบั .05 5. นักเรียนที่มีแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิท์ ี่แตกต่างกัน มีการคิดวเิ คราะห์ ความสามารถในการอ่านเพอ่ื ความเข้าใจ และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนกั เรียนช้ันประถมศึกษาปที ี่ 6 หลงั เรียนแตกต่างกนั อย่างมนี ยั สาคญั ทางสถิติ ทีร่ ะดบั .05 ปรากฏผลดงั นี้ 5.1 นักเรียนที่มีระดบั แรงจงู ใจใฝ่สัมฤทธิ์ สงู มีการคดิ วเิ คราะหส์ งู กว่านักเรียนที่มีระดบั แรงจงู ใจ ใฝ่สมั ฤทธิ์ ปานกลาง และต่า อยา่ งมีนยั สาคัญทางสถิตทิ ี่ระดับ .05 5.2 นักเรียนทีม่ ีระดับแรงจงู ใจใฝ่สมั ฤทธิ์ มีความสามารถในการอา่ นเพอ่ื ความเข้าใจสูงกว่านกั เรียน ทีม่ ีระดับแรงจงู ใจใฝ่สมั ฤทธิ์ ปานกลาง และ ต่า อย่างมนี ยั สาคญั ทางสถิตทิ ีร่ ะดับ .05 5.3 นกั เรียนทีม่ ีระดบั แรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์สงู มผี ลสัมฤทธิท์ างการเรียนสงู กวา่ นกั เรียนที่มีระดับแรงจูงใจ ใฝ่สัมฤทธิป์ านกลาง และตา่ อย่างมนี ยั สาคัญทางสถิติทีร่ ะดับ .05 อภปิ รายผลการวิจยั จากผลการวจิ ัย เรื่อง การพฒั นาชดุ ฝึกทกั ษะการอ่านภาษาอังกฤษโดยการเรียนแบบ MIA (Murdorch) ร่วมกับแผนผังความคิด (Mind Map) ทีม่ ีต่อการคิดวิเคราะห์ ความสามารถในการอา่ นเพอ่ื ความเข้าใจ และผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปที ี่ 6 ผู้วิจัยได้แยกอภปิ รายผลตามสมมติฐานการวิจัยได้ ดังน้ี 1. คุณภาพของชดุ ฝึกทักษะการอา่ นภาษาอังกฤษโดยการเรียนแบบ MIA (Murdorch) ร่วมกบั แผนผงั ความคิด (Mind Map) การจดั ชดุ ฝึกทักษะการอ่านภาษาองั กฤษโดยการเรียนแบบ MIA (Murdorch) ร่วมกบั แผนผัง ความคิด (Mind Map) ผู้วิจยั สรา้ งขึ้นมคี วามเหมาะสมและค่าประสิทธิภาพ E1/E2 เท่ากับ 82.67/ 85.23 แสดงวา่ การอา่ นภาษาอังกฤษโดยการเรียนแบบ MIA (Murdorch) ร่วมกบั แผนผังความคิด (Mind Map) มคี ่าประสิทธิภาพสงู กว่าเกณฑ์ทีก่ าหนดไว้ คือ 80/80 สอดคล้องกับผลการวจิ ัยของสุวทิ ย์ มูลคา และสนุ ันทา สุนทรประเสริฐ (2550, หนา้ 53) ศกึ ษาความสาคัญของแบบฝึกทักษะมคี วามสาคัญต่อผู้เรียน ผลการศึกษาพบวา่ แบบฝึกทักษะมี ความสาคญั ต่อผู้เรียน ไมน่ อ้ ย ในการทีจ่ ะชว่ ยส่งเสริมสร้างทักษะให้กับผู้เรียนได้เกิดการเรียนรู้และเข้าใจได้เร็วขนึ้ ชดั เจนขนึ้ กว้างขวางขนึ้ ทาให้การสอนของครแู ละการเรียนของนักเรียนประสบผลสาเร็จอยา่ งมีประสิทธิภาพ และเป็น การเรียนการสอนทีส่ ามารถพัฒนาทักษะด้าน ความคิดได้มวี ธิ ีหนึ่ง โดยเฉพาะกระบวนการคดิ ทีเ่ กี่ยวกบั การแก้ปัญหา 2. นกั เรียนมกี ารคิดวิเคราะห์ เมอ่ื เรียนดว้ ยชดุ ฝึกทกั ษะการอ่านภาษาองั กฤษโดยการเรียนแบบ MIA (Murdorch) ร่วมกับแผนผงั ความคิด (Mind Map) ของนักเรียนช้ันประถมศึกษาปที ี่ 6 ระหว่างกอ่ นเรียนและหลงั เรียน

175 จากผลการวจิ ัยพบวา่ นกั เรียนมกี ารคิดวิเคราะห์ หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอยา่ งมีนัยสาคัญทางสถิตทิ ี่ระดบั .05 เป็นการจดั การเรียนการสอน โดยเนน้ ให้ผู้เรียนเกิดความสามารถในการคดิ วเิ คราะห์ สอดคล้องกับผลการวจิ ยั ของ ประคองแก้ว ภูวงษ์ (2550, หนา้ 139) ศกึ ษาวจิ ัยการเปรียบเทียบผลสมั ฤทธิท์ างการเรียนการคดิ วเิ คราะห์ ด้านการ อา่ นของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปที ี่ 3 ระหว่างการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้โดยใชแ้ ผนผงั ความคดิ กบั การจัดกิจกรรม การเรียนรู้แบบจิ๊กซอ ผลการวจิ ัยพบวา่ แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใชแ้ ผนผังความคิดและการเรียนแบบจิ๊กซอ มดี ชั นปี ระสิทธิผลเท่ากับ 0.64 และ 0.58 ตามลาดบั 3. นกั เรียนมคี วามสามารถในการอ่านเพ่อื ความเข้าใจ เมอ่ื เรียนดว้ ยชดุ ฝึกทักษะการอ่านภาษาองั กฤษโดย การเรียนแบบ MIA (Murdorch) ร่วมกบั แผนผงั ความคิด (Mind Map) ของนกั เรียนชั้นประถมศึกษาปที ี่ 6 ระหว่างก่อน เรียนและหลงั เรียนจากผลการวจิ ยั พบวา่ นกั เรียนมคี วามสามารถในการอ่านเพ่อื ความเข้าใจ หลงั เรียนสูงกวา่ ก่อน เรียนอยา่ งมีนยั สาคัญทางสถิตทิ ี่ระดับ .05 สอดคล้องกบั ผลการวิจยั ของสุข์พีรญา บุรินทร์อทุ ัยกลุ เจรญิ ชยั (2551, หนา้ 89) ศึกษาการพฒั นากิจกรรมการอ่านภาษาอังกฤษ เพื่อความเข้าใจโดยใชผ้ งั ความคดิ สาหรบั นกั เรียนชั้น ประถมศึกษาปที ี่ 6 ผลการวจิ ยั พบวา่ การพัฒนากิจกรรมการเรียนการสอนภาษาอังกฤษเพอ่ื ความเข้าใจโดยใช้ แผนผงั ความคิด ด้วยรูปแบบการสอนอา่ น สามารถพฒั นาปรบั ปรุง ให้สอดคลอ้ งกบั สถานการณ์อยา่ งต่อเนอ่ื งใน แตล่ ะวงจรและส่งผลใหผ้ ลสัมฤทธิท์ างการเรียนวชิ าภาษาองั กฤษของนักเรียนอตั ราส่วนร้อยละ 81.14 ของคะแนนเตม็ และมีจานวนนักเรียน 34 คน ทผ่ี ่านเกณฑ์คิดเป็นอัตราส่วนร้อยละ 89.7 ซึ่งผ่านเกณฑ์ตามทกี่ าหนดไว้ 4. นักเรียนมผี ลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เมอ่ื เรยี นด้วยชุดฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษโดยการเรียนแบบ MIA (Murdorch) ร่วมกับแผนผังความคิด (Mind Map) ของนกั เรียนชั้นประถมศึกษาปที ี่ 6 ระหว่างกอ่ นเรียนและหลงั เรียน จากผลการวจิ ยั พบวา่ นกั เรียนมผี ลสมั ฤทธิ์ทางการเรียน หลังเรียนสูงกวา่ ก่อนเรียนอยา่ งมีนัยสาคญั ทางสถิติทีร่ ะดับ .05 สอดคล้องกับผลการวจิ ยั ของเอนก สงั ฆะมณี (2551, หนา้ 67) ศึกษาพัฒนาทกั ษะการอา่ นภาษาอังกฤษ โดยใช้ แบบฝึกการอา่ นภาษาอังกฤษในชวี ติ ประจาวัน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาตา่ งประเทศ สาหรับชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 3 ผลการวจิ ยั พบวา่ ผลสมั ฤทธิท์ างการเรียน หลังเรียนสูงกวา่ ก่อนเรียน อย่างมนี ยั สาคัญทางสถติ ทิ ี่ระดบั .01 5. นักเรียนที่มีแรงจงู ใจใฝ่สมั ฤทธิท์ ี่แตกต่างกนั มีการคิดวเิ คราะห์ ความสามารถในการอ่านเพ่อื ความเข้าใจ และผลสัมฤทธิท์ างการเรียนของนกั เรียนชั้นประถมศึกษาปที ี่ 6 หลงั เรียนแตกต่างกัน จากผลการวิจยั พบวา่ นกั เรียน ที่มีแรงจงู ใจใฝ่สมั ฤทธิ์ที่แตกต่างกนั มีการคดิ วเิ คราะห์ ความสามารถในการอ่านเพ่อื ความเข้าใจ และผลสมั ฤทธิ์ ทางการเรียนของนกั เรียนช้ันประถมศึกษาปที ี่ 6 หลังเรียนสงู กวา่ ก่อนเรียนอยา่ งมีนัยสาคญั ทางสถิตทิ ีร่ ะดับ .05 ซึง่ เป็นไปตามสมมติฐานข้อที่ 5 และจากการวเิ คราะห์ความแปรปรวน ทางเดียว (One–way ANOVA) พบวา่ นักเรียนช้ัน ประถมศึกษาปที ี่ 6 ที่มีแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ต่างกนั หลังเรียนโดยใช้ชุดฝึกทักษะการอ่านภาษาองั กฤษโดยการเรียนแบบ MIA (Murdorch) ร่วมกับแผนผังความคิด (Mind Map) มกี ารคดิ วเิ คราะห์ ความสามารถในการอ่านเพ่อื ความเข้าใจ และผลสมั ฤทธิท์ างการเรียนแตกต่างกนั อยา่ งมีนัยสาคญั ทางสถิตทิ ี่ระดับ .05 โดยนกั เรียนที่มีแรงจงู ใจใฝ่สมั ฤทธิ์สูง จะมกี ารคิดวิเคราะห์ ความมงุ่ มนั่ ในการทางาน และผลสมั ฤทธิท์ างการเรียน สูงกว่านกั เรียนทีม่ ีแรงจูงใจใฝ่สมั ฤทธิ์ ปานกลางและต่า สอดคลอ้ งกบั ผลการวจิ ัยของสรุ างค์ โค้วตระกูล (2552, หน้า 172) ศึกษา แรงจูงใจท่เี ปน็ แรงขบั ให้ บุคคลพยายามที่จะประกอบพฤตกิ รรมทีจ่ ะประสบสมั ฤทธิผลตามมาตรฐานความเป็นเลิศที่ตนเองตั้งไว้ จากการวจิ ัย พบวา่ บุคคลทม่ี แี รงจูงใจใฝส่ ัมฤทธิจ์ ะไมท่ างานเพราะหวงั รางวัล แตท่ าเพื่อจะประสบความสาเร็จตามวัตถปุ ระสงค์ ทีต่ ้ังไว้

176 ข้อเสนอแนะ 1. ขอ้ เสนอแนะสาหรับการนาผลการวิจัยไปใช้ 1.1 แผนการจดั การเรียนรู้ดว้ ยชุดฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษโดยการเรียนแบบ MIA (Murdorch) ร่วมกบั แผนผงั ความคิด (Mind Map) เป็นรูปแบบการสอนที่มีข้ันตอนการสอนละเอยี ดครบทุกองคป์ ระกอบ โดยเนน้ ผู้เรียนเป็นสาคัญ และผ่านการทดลองใชส้ อนแลว้ พบวา่ มปี ระสิทธิภาพในการพฒั นาการคดิ วเิ คราะห์ ความสามารถ ในการอ่านเพ่อื ความเข้าใจ และผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียน ของนักเรียนช้ันประถมศึกษาปที ี่ 6 ดังนนั้ จึงควรนารูปแบบ การจัดการเรียนรู้นไี้ ปใชก้ บั รายวชิ าภาษาองั กฤษและรายวชิ าอนื่ ๆ ในระดบั ชั้นประถมศึกษา มธั ยมศึกษา และอดุ มศกึ ษา ต่อไป 1.2 ควรช้แี จงขั้นตอนในการเรียนให้ผู้เรียนเข้าใจก่อนเรียน เน่อื งจากชุดฝกึ ทกั ษะเปน็ การเรียน ที่เนน้ กระบวนการคดิ วเิ คราะห์ การอ่าน การตรวจสอบและการประเมินผล ซึง่ มีความสาคญั ตอ่ การตระหนักรใู้ น ตนเองของผู้เรียนเป็นอย่างยิ่ง ดังนน้ั ผู้สอนควรเป็นผู้ทีก่ ระตอื รือร้นในการแสวงหากจิ กรรมหรือสอ่ื การเรียนการสอน ที่หลากหลาย 1.3 ควรมกี ารพฒั นาแรงจงู ใจใฝ่สัมฤทธิใ์ ห้แก่นกั เรียนดว้ ยเพราะจะชว่ ยส่งผลตอ่ ความเข้าใจในการอ่าน และผลสัมฤทธิท์ างการเรียน 2. ข้อเสนอแนะสาหรับการทาวิจัย ครั้งต่อไป 2.1 ควรนาชดุ ฝึกทักษะการอ่านภาษาองั กฤษโดยการเรียนแบบ MIA (Murdorch) ร่วมกับแผนผงั ความคิด (Mind Map) ไปทดลองใชเ้ พ่อื พฒั นาตวั แปรตามอื่นๆ เชน่ ความสามารถในการคดิ อย่างมวี จิ ารณญาณ คุณธรรม จรยิ ธรรมดา้ นตา่ งๆ พฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม เปน็ ต้น 2.2 ควรนาชุดฝึกทกั ษะการอ่านภาษาองั กฤษโดยการเรียนแบบ MIA (Murdorch) ร่วมกับแผนผงั ความคิด (Mind Map) ไปทดลองใชใ้ นเน้ือหาอน่ื หรือระดบั ช้ันอน่ื 2.3 ควรนาตัวแปรอสิ ระชนิดจดั ประเภท เช่น ตัวแปรพ้ืนฐานทางครอบครัว ความถนัดทางการเรียน ตัวแปรความวิตกกังวล การคดิ แก้ปัญหา เปน็ ต้น มาศึกษาเพือ่ ให้ได้องคค์ วามรู้เพม่ิ เตมิ ในการนาไปใชว้ างแผน จดั กิจกรรมการเรียนรู้ วิชาภาษาอังกฤษให้มปี ระสิทธิภาพยง่ิ ขนึ้ เอกสารอา้ งองิ ประคองแก้ว ภูวงษ์. (2550). การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน การคิดวเิ คราะห์ด้านการอ่านของนักเรียน ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 3 ระหว่างการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ โดยใชแ้ ผนผงั ความคิดกับการจัดกจิ กรรม การเรียนรู้แบบจิ๊กซอ. วทิ ยานพิ นธ์. กศ.ม. มหาสารคาม : มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม. สุข์พีรญา บรุ ินทร์อุทัยกลุ เจริญชยั . (2551). การพฒั นากิจกรรมการอ่านภาษาอังกฤษเพ่อื ความเข้าใจ โดยใช้ ผงั ความคิดสาหรบั นักเรียนช้ันประถมศึกษาปที ี่ 6 โรงเรียนชมุ ชนหนองเมก็ . สุรางค์ โค้วตระกูล. 2552. จิตวทิ ยาทางการศกึ ษา. กรุงเทพฯ. จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย. สวุ ทิ ย์ มลู คา และสุนนั ทา สุนทรประเสริฐ. 2550. การพฒั นาผลงานทางวิชาการ สู่การเลอื นวทิ ยฐานะ. กรงุ เทพฯ : อี เค บคุ ส.์ เอนก สงั ฆะมณ.ี (2551). การพฒั นาทักษะการอา่ นภาษาองั กฤษโดยใชแ้ บบฝึกทักษะการอา่ นภาษาองั กฤษ ในชีวิตประจาวนั สาหรับชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 3. สกลนคร: สานกั งานเขตพน้ื ทีก่ ารศึกษาสกลนครเขต 1.

177 การพัฒนาบทเรียนบนเว็บโดยใชก้ ารเรียนรู้แบบชี้แนะ ผงั กราฟิก และเทคนิค Jigsaw ทส่ี ง่ ผลต่อทกั ษะการคิดวิเคราะห์ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และความสุขในการเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี ของนกั เรยี นชั้นประถมศึกษาปีท่ี 4 A Development of Web-Based Instruction Using Direct Instruction, Graphic Organizer, and Jigsaw Technique Affecting Analytical Thinking Skills, Learning Achievement and Happiness in Learning Substance of Professional and Technology of fourth Grade Students ศศิวมิ ล สทุ ธิสุวรรณ* ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร.มารศรี กลางประพันธ์ ** ดร.สมเกียรติ พละจิตต์ *** บทคดั ย่อ การวจิ ัยครั้งนี้ มีความมงุ่ หมายเพอ่ื 1) พัฒนาบทเรียนบนเว็บโดยใชก้ ารเรียนรู้แบบช้แี นะ ผังกราฟกิ และเทคนิค Jigsaw ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 และมคี ่าดชั นปี ระสิทธิผล ต้ังแต่ 0.5 ขึน้ ไป 2) เปรียบเทียบ ทักษะการคิดวเิ คราะห์ และผลสมั ฤทธิท์ างการเรียน ของนักเรียนทีเ่ รียนดว้ ยบทเรียนบนเวบ็ โดยใชก้ ารเรียนรู้แบบ ช้แี นะ ผังกราฟกิ และเทคนิค Jigsaw ระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียน 3) ศกึ ษาความสุขในการเรียนของนักเรียน ที่เรียนดว้ ยบทเรียนบนเว็บโดยใชก้ ารเรียนรู้แบบชีแ้ นะ ผงั กราฟกิ และเทคนิค Jigsaw 4) เปรียบเทียบทักษะการคิด วเิ คราะห์ ผลสมั ฤทธิท์ างการเรียน ของนกั เรียนทีม่ ีความฉลาดทางอารมณต์ า่ งกัน (สูง ปานกลาง ต่า) หลังเรียนดว้ ย บทเรียนบนเวบ็ โดยใชก้ ารเรียนรู้แบบช้แี นะ ผงั กราฟกิ และเทคนิค Jigsaw กลุ่มตัวอยา่ งเปน็ นักเรียนช้ันประถมศึกษา ปีที่ 4 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2559 โรงเรียนบ้านนกเหาะ สานกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษาประถมศึกษานครพนม เขต 1 จานวน 28 คน ซึ่งได้มาโดยวิธีการสุ่มแบบแบ่งกลมุ่ (Cluster Random Sampling) โดยใชโ้ รงเรียนเปน็ หน่วย การสมุ่ เครือ่ งมอื ที่ใชใ้ นการวิจยั ประกอบด้วย 1) บทเรียนบนเว็บโดยใชก้ ารเรียนรู้แบบช้แี นะ ผังกราฟกิ และเทคนิค Jigsaw 2) แบบทดสอบวดั การคดิ วเิ คราะห์ 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิท์ างการเรียน 4) แบบประเมินความสขุ ในการเรียน 5) แบบประเมินความฉลาดทางอารมณ์ สถิตทิ ี่ใชใ้ นการวิเคราะห์ขอ้ มูล ได้แก่ รอ้ ยละ ค่าเฉลย่ี ส่วนเบีย่ งเบนมาตรฐาน การทดสอบค่าที (t-test) การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One-way ANOVA) การวเิ คราะห์ความแปรปรวนพหคุ ูณร่วมทางเดียว (One–way MANCOVA) และการวเิ คราะห์ความแปรปรวนร่วม ทางเดียว (One–way ANCOVA) ผลการวจิ ัย พบวา่ 1. บทเรียนบนเว็บโดยใชก้ ารเรียนรู้แบบช้แี นะ ผงั กราฟกิ และเทคนิค Jigsaw มคี ่าประสิทธิภาพ เท่ากับ 81.44/80.18 และมีคา่ ดัชนีประสิทธิผล เท่ากบั 0.69 2. ทักษะการคิดวเิ คราะห์ และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ของนกั เรียนทีเ่ รียนด้วยบทเรียนบนเว็บโดยใชก้ าร เรียนรู้แบบชีแ้ นะ ผังกราฟกิ และเทคนิค Jigsaw หลังเรียนสงู กวา่ ก่อนเรียนอยา่ งมีนัยสาคญั ทางสถิตทิ ีร่ ะดับ .05 คาสาคญั : บทเรียนบนเว็บ, การเรียนรู้แบบชีแ้ นะ, ผงั กราฟิก, เทคนิค Jigsaw, ทักษะการคิดวิเคราะห์, ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียน, ความสขุ ในการเรียน, ความฉลาดทางอารมณ์ * นักศึกษาหลักสูตรครุศาสตรมหาบณั ฑิต สาขาวิชาการวิจยั และพฒั นาการศึกษา มหาวิทยาลยั ราชภัฏสกลนคร ** อาจารย์ประจาหลักสตู รครุศาสตรมหาบณั ฑิต สาขาวิชาการวิจัยและพฒั นาการศึกษา มหาวิทยาลยั ราชภฏั สกลนคร *** ผู้อานวยการชานาญการพิเศษ โรงเรียนชมุ ชนขัวสูงสวรรค์ สานกั งานเขตพืน้ ที่การศกึ ษาสกลนคร เขต 3

178 3. ความสขุ ทางการเรียนของนกั เรียนหลงั เรียนดว้ ยบทเรียนบนเวบ็ โดยใชก้ ารเรียนรู้แบบช้แี นะ ผังกราฟกิ และเทคนิค Jigsaw อยใู่ นระดับมากทส่ี ุด 4. นกั เรียนทีม่ ีความฉลาดทางอารมณต์ า่ งกนั (สูง ปานกลาง ตา่ ) หลังเรียนด้วยบทเรียนบนเว็บโดยใช้ การเรียนรู้แบบช้แี นะ ผังกราฟกิ และเทคนิค Jigsaw มที กั ษะการคิดวเิ คราะห์ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน แตกตา่ งกัน อย่างมนี ัยสาคญั ทางสถิติทีร่ ะดบั .05 ABSTRACT The purposes of this study were to 1) develop web-based instruction by using direct instruction, graphic organizer, and jigsaw technique of students to have effectiveness at 80/80 and effectiveness index at least 0.5. 2) compare analytical thinking skills and achievement of students by learning web-based instruction by using direct instruction, graphic organizer, and jigsaw technique between before studying and after studying 3) study happiness in learning of students by learning web-based instruction by using direct instruction, graphic organizer, and jigsaw technique 5) compare analytical thinking skills and achievement of students there are different emotion intelligence (high, medium and low) after by learning web-based instruction by using direct instruction, graphic organizer, and jigsaw technique. The samples used in this study were of fourth grade students students, semester 2, Academic Year 2016, Bannokhoh, Nakhonpanom Primary Educational Service Area Office 1, 28 people were selected by cluster random sampling through the school as the random unit. The instruments of this research were 1) web-based instruction by using direct instruction, graphic organizer, and jigsaw technique 2) the analytical thinking ability test 3) achievement test and 4) happiness in learning test. Data were statistically analyzed using percentage, mean, standard deviation, one sample T-test, t-test for dependent samples, One-way ANOVA, One-way MANCOVA and One-way ANCOVA. The results of this research were as follows; 1. The web-based instruction by using direct instruction, graphic organizer, and jigsaw technique of students to had effectiveness was 81.44/80.18 and effectiveness index at 0.69. 2. Analytical thinking skills and achievement of students by learning web-based instruction by using direct instruction, graphic organizer, and jigsaw technique after studying was higher than before studying statistically at .05 level. 3. Happiness in learning of students by learning web-based instruction by using direct instruction, graphic organizer, and jigsaw technique after studying was highest level. 4. Students there are different emotion intelligence (high, medium and low) after by learning web-based instruction by using direct instruction, graphic organizer, and jigsaw technique after studying was different level of statistically at .05. Keyword : Web-Based Instruction, Direct Instruction, Graphic Organizer, Jigsaw Technique, Analytical Thinking Skills, Happiness in Learning, emotion intelligence

179 ภูมหิ ลงั ความเปลีย่ นแปลงของเทคโนโลยที าให้โลกปจั จุบนั ก้าวเข้าสยู่ ุคเทคโนโลยสี ารสนเทศ อนั ส่งผลตอ่ ความ เจรญิ ก้าวหนา้ ในวทิ ยาการทุกด้าน เทคโนโลยสี ารสนเทศเข้ามามบี ทบาทในความเปน็ อยขู่ องคนเราอย่างหลกี เลี่ยง ไมไ่ ด้ ดงั เห็นได้จากการดารงชวี ติ ของทกุ คนท่มี กี ารใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศในรปู แบบตา่ งๆ ไมว่ า่ จะเปน็ การทางาน การแพทย์ การพาณิชย์ การศึกษา การสอ่ื สาร ฯลฯ การนาเทคโนโลยสี ารสนเทศมาใช้ ในวงการศกึ ษาทาให้การ บริหารและการเรียนการสอนววิ ัฒน์รูปแบบใหมใ่ นการใชเ้ ทคโนโลยเี พอ่ื เอ้อื ประโยชนแ์ ละปฏริ ูปการศึกษาให้มี ประสิทธิภาพและเพม่ิ สัมฤทธิผลทางการเรียนการสอนมากยิ่งข้นึ (ชาญ กลิน่ ซ้อน, 2550, หนา้ 1) จากรายงานผลการทดสอบทางการศกึ ษาระดับชาติขนั้ พืน้ ฐาน (O-NET) ปีการศึกษา 2555-2557 สังกดั สานกั งานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษาประถมศึกษานครพนม เขต 1 ผลการประเมินผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนของนกั เรียนชั้น ประถมศึกษาปที ี่ 6 กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี ระดบั ประเทศ พบวา่ นักเรียนมคี ะแนนเฉลี่ย ร้อยละ 53.85, 53.16 และ 56.32 ตามลาดับ ในระดับสังกัด พบวา่ นักเรียนมคี ะแนนเฉลี่ยร้อยละ 52.20, 51.59 และ 55.24 ตามลาดับ ในระดบั จังหวดั พบว่า นกั เรียนมคี ะแนนเฉลีย่ ร้อยละ 48.72, 48.76 และ 49.84 ตามลาดับ (สถาบนั ทดสอบทางการศกึ ษาแหง่ ชาติ (องคก์ ารมหาชน), ออนไลน,์ 2555-2557) เม่อื เปรียบเทียบคะแนนเฉลีย่ ปีการศึกษา 2555-2557 ในระดับสงั กัด และระดบั จังหวดั มีคะแนนเฉลีย่ ตา่ กว่าระดบั ประเทศ แสดงให้เห็นว่าระดับ ผลการเรียนของนกั เรียนยังไมเ่ ป็นทีน่ ่าพงึ พอใจ และจากผลการประเมินภายนอกรอบ 2 พทุ ธศักราช 2549-2553 ของสานกั งานรบั รองมาตรฐานและประเมินคณุ ภาพการศึกษา (สมศ.) ของระดับการศกึ ษาข้ันพ้ืนฐานดา้ นผู้เรียนจาก โรงเรียนทั้งหมด 20,534 แห่ง โรงเรียนบ้านนกเหาะ พบวา่ มจี ดุ ทค่ี วรพฒั นาในดา้ นผู้เรียน คือ ทักษะการคิดวเิ คราะห์ คิดสังเคราะห์ มวี จิ ารณญาณ มคี วามคิดสร้างสรรค์และจินตนาการ นิสยั รักการอา่ น ใฝ่รู้ใฝ่เรียน สนใจแสวงหา ความรู้จากแหล่งเรียนรู้ต่างๆ เพือ่ นามาพฒั นาตนเองอยา่ งต่อเน่อื ง (โรงเรียนบ้านนกเหาะ, 2557, หนา้ 86) ในยคุ ของเทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่อื สาร ระบบการศึกษาไทยเราได้ทดลองใชบ้ ทเรียนบนเว็บ Web based Instruction (WBI) มาพอสมควร เพราะว่าสือ่ WBI นนั้ สามารถนาไปใชไ้ ด้ทันที ไมว่ า่ จะเปน็ เพ่อื การเรียนการ สอนหรือการฝึกอบรม ทง้ั ยงั เป็นได้ท้ังส่อื หลักหรอื ส่อื เสริมในช้ันเรียนอยา่ งดี (ภาสกร เรืองรอง, ออนไลน,์ 2551) และยงั สามารถนาเสนอข้อมูลได้ทั้งขอ้ ความ ภาพ เสียง VDO และสามารถสร้างจุดเชื่อมโยงไปยังตาแหนง่ ตา่ งๆ ได้ตามตอ้ งการ จึงสง่ ผลให้การพัฒนาสื่อการเรียนการสอนในรูปแบบ WBI เปน็ ที่นิยมอยา่ งสงู (ศวิ ไิ ล มงคล, 2551, หนา้ 3) ทงั้ น้ี บทเรียนบนเวบ็ เป็นบทเรียนทีอ่ าศัยคณุ สมบัติ และทรัพยากรทีม่ ีอยบู่ นอินเทอร์เน็ตมาเป็นสอ่ื กลางทีใ่ ช้ ในการถา่ ยทอดความรู้ เพอ่ื สง่ เสริมและสนับสนุนการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพ เปน็ วธิ ีที่จะชว่ ยส่งเสริม พัฒนา ผู้เรียนให้เกิดการเรียนรู้และเพิม่ ประสิทธิภาพทางการเรียน ซึ่งภายในบทเรียนจะประกอบไปด้วยสว่ นของเน้ือหา กิจกรรมการเรียน แบบฝึกหัดและแบบทดสอบ การเรียนในลกั ษณะนีน้ นั้ ผู้เรียนสามารถนากลบั มาใชด้ ูได้ตลอดเวลา ผู้เรียนจะถูกกระตนุ้ ให้มีปฏกิ ิริยาตอบสนองตอ่ เน้ือหาของบทเรียน และสามารถเช่อื มโยงกับแหล่งเรียนรู้อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเรียนในเน้อื หาวิชาได้อยา่ งมากมาย ทาให้ผู้เรียนมคี วามรู้ ความเข้าใจ ไมเ่ บือ่ หนา่ ยทีจ่ ะศกึ ษา บทเรียนและมคี วามสนใจในบทเรียนมากขนึ้ รวมท้ังมีแรงจงู ใจสงู และมีความสนกุ กบั การเรียน ซึง่ จะส่งผลตอ่ ผลสมั ฤทธิท์ างการเรียนได้ดว้ ย (อรชา นิลสนธิ, 2551) การเรียนรู้แบบช้แี นะ เป็นรูปแบบการสอนที่มีเป้าหมายเพ่อื ฝึกทกั ษะหรอื ให้ความรู้เบือ้ งต้นแก่ผู้เรียนเพอ่ื ให้มี พฤตกิ รรมตามวตั ถปุ ระสงค์ทีไ่ ด้กาหนด การเรียนการสอนแบบช้แี นะนมี้ พี ้ืนฐานมาจากทฤษฎที างจิตวทิ ยากลุ่ม พฤตกิ รรมนยิ ม และจิตวทิ ยากร ฝึกการเรียนการสอน เน้นการฝึกและเสริมแรงทางในขณะเรียนหรือฝึกปฏบิ ัตงิ าน และจะค่อยลดการเสริมแรงเมอ่ื ผู้เรียนมพี ฤตกิ รรมที่ต้องการ การเรียนการสอนจะเนน้ ให้ผู้เรียนสามารถทางานได้

180 อย่างมลี าดับข้ันตอน รวมท้ังสามารถทางานร่วมกบั คนอ่นื ได้ (สวุ ทิ ย์ มูลคา และอรทยั มลู คา, 2547, หนา้ 230-236) ผังกราฟกิ พฒั นามาจากการเรียนรู้อยา่ งมีความหมายของ Ausubel (1968, pp. 7-9 อ้างถึงใน พชิ ญาภา อนิ ธิแสง, 2557, หนา้ 5) กล่าวโดยสรปุ วา่ การที่ผู้เรียนได้เช่อื มโยงสิง่ ทีเ่ รียนรู้ใหม่เข้าสโู่ ครงสร้างทางปัญญา จะชว่ ย ให้ผู้เรียนสามารถคงความรู้และจดั ลาดับความคดิ เพื่อเชอ่ื มโยงความคดิ เพอ่ื เชอ่ื มโยงความรู้ทาให้เกิดความเข้าใจ เปน็ การเรียนรู้อยา่ งมีเป้าหมาย ในปัจจบุ นั ผังกราฟกิ ได้พัฒนาขนึ้ หลายรูปแบบ แต่ละรูปแบบมีความเหมาะสมในการ ใชแ้ ตกตา่ งกันออกไป ในการวิจยั ในคร้ังนี้ ผู้วิจัยเลอื กใช้ ผงั ความคิด ผงั มโนทัศน์ เวนน์ไดอะแกรม ผังก้างปลา ผังใยแมงมมุ และผงั ลาดับขั้นตอน เนือ่ งจากมีความเหมาะสมกบั เน้ือหาและวัยของผู้เรียน ธนวรรณ เทียนเจษฎา (2548, หนา้ 4-5) กลา่ วว่า เทคนิค Jigsaw มจี ดุ มุ่งหมายเพ่อื สง่ เสริมความร่วมมอื และพึง่ พาอาศยั กันในกลุ่ม สมาชกิ ในกลุ่มทกุ คนตอ้ งรบั ผิดชอบตอ่ การเรียนการทางานรว่ มกัน ทาให้พัฒนาทกั ษะ ทางสังคม ทกั ษะการทางานที่ดี ผู้เรียนมกี ารเคลื่อนไหวและแสดงออกระหวา่ งเรียนอันสอดคล้องกับธรรมชาติของ ผู้เรียน และการปฏบิ ัตกิ ิจกรรมกลุ่มยังช่วยสลายพฤตกิ รรมการเรียนที่ไม่พึงประสงค์ของผู้เรียนให้มคี วามรัก สามคั คี และชว่ ยเหลอื กนั เพ่อื ช่วยให้กลุ่มของตนเรียนรู้ได้อยา่ งมีประสิทธิภาพ ประเทศไทยได้หนั มาให้ความสาคัญกบั การขับเคลื่อนใหผ้ ู้เรียนมคี วามสขุ โดยถอื เป็นเป้าหมายในการพฒั นา ประเทศอยา่ งต่อเน่อื ง โดยจดั ทาแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสงั คมแหง่ ชาติ ฉบบั ที่ 11 (พ.ศ. 2555-2559) ทเ่ี นน้ การให้ สงั คมอยรู่ ่วมกันอยา่ งมีความสขุ และเพม่ิ เรื่องความเสมอภาค ความเปน็ ธรรม และการมภี มู ิคนุ้ กันต่อการ เปลี่ยนแปลง จะเห็นได้วา่ ความสขุ เป็นปจั จยั ที่สาคัญในการเรียนรู้ กล่าวคือ ความสุขทาใหก้ ารเรียนรู้มีความย่ังยนื และสามารถพัฒนาผู้เรียนให้เปน็ กาลังสาคญั ในสังคม (UNESCO, 2008, หนา้ 1-5 อา้ งถึงใน ลัดดา หวงั ภาษิต, 2557, หนา้ 4) ด้วยเหตุผลและความสาคัญดงั กล่าวข้างต้น ผู้วิจยั จึงสนใจที่จะพฒั นาบทเรียนบนเวบ็ โดยใชก้ ารเรียนรู้แบบ ช้แี นะ ผงั กราฟกิ และเทคนิค Jigsaw ที่สง่ ผลตอ่ ทกั ษะการคดิ วเิ คราะห์ ผลสัมฤทธิท์ างการเรียน และความสขุ ในการ เรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี ของนกั เรียนช้ันประถมศึกษาปที ี่ 4 ในเครือข่าย พระธาตุมหาชัย อาเภอปลาปาก สานักงานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษาประถมศึกษานครพนม เขต 1 คาถามของการวิจยั 1. บทเรียนบนเว็บโดยใชก้ ารเรียนรู้แบบช้แี นะ ผังกราฟกิ และเทคนิค Jigsaw มปี ระสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 หรือไม่ 2. บทเรียนบนเว็บโดยใชก้ ารเรียนรู้แบบช้แี นะ ผงั กราฟกิ และเทคนิค Jigsaw มคี า่ ดชั นีประสิทธิผล ตั้งแต่ 0.5 หรือไม่ 3. ทักษะการคิดวเิ คราะห์ และผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียน ของนักเรียน หลงั เรียนดว้ ยบทเรียนบนเวบ็ โดยใชก้ าร เรียนรู้แบบชแี้ นะ ผงั กราฟกิ และเทคนิค Jigsaw หลงั เรียนสูงกวา่ ก่อนเรียนหรือไม่ อย่างไร 4. ความสขุ ในการเรียนของนักเรียน หลงั เรียนดว้ ยบทเรียนบนเว็บโดยใชก้ ารเรียนรู้แบบช้แี นะ ผังกราฟกิ และเทคนิค Jigsaw อยู่ในระดับใด 5. ทักษะการคิดวเิ คราะห์ ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียน ของนักเรียนทีม่ ีความฉลาดทางอารมณต์ า่ งกัน (สงู ปานกลาง ตา่ ) หลงั เรียนดว้ ยบทเรียนบนเว็บโดยใชก้ ารเรียนรู้แบบช้แี นะ ผงั กราฟกิ และเทคนิค Jigsaw มคี วาม แตกตา่ งกนั หรือไม่ อยา่ งไร

181 ความม่งุ หมายของการวิจัย 1. เพอ่ื พัฒนาบทเรียนบนเว็บโดยใชก้ ารเรียนรู้แบบช้แี นะ ผงั กราฟกิ และเทคนิค Jigsaw ให้มีประสิทธิภาพ ตามเกณฑ์ 80/80 และมีค่าดชั นปี ระสิทธิผล ต้ังแต่ 0.5 ขึน้ ไป 2. เพ่อื เปรียบเทียบทักษะการคิดวเิ คราะห์ และผลสมั ฤทธิท์ างการเรียน ของนักเรียนทีเ่ รียนดว้ ยบทเรียนบน เวบ็ โดยใชก้ ารเรียนรู้แบบช้แี นะ ผังกราฟกิ และเทคนิค Jigsaw ระหว่างก่อนเรียนและหลงั เรียน 3. เพ่อื ศึกษาความสุขในการเรียนของนักเรียนที่เรียนดว้ ยบทเรียนบนเว็บโดยใชก้ ารเรียนรู้แบบชี้แนะ ผงั กราฟกิ และเทคนิค Jigsaw 4. เพอ่ื เปรียบเทียบทักษะการคิดวเิ คราะห์ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ของนักเรียนทีม่ ีความฉลาดทางอารมณ์ ตา่ งกนั (สงู ปานกลาง ต่า) หลงั เรียนดว้ ยบทเรียนบนเวบ็ โดยใช้การเรียนรู้แบบช้แี นะ ผังกราฟกิ และเทคนิค Jigsaw กรอบแนวคดิ ในการวิจยั ตัวแปรอสิ ระ (ตวั แปรจัดกระทา) 1. ทักษะการคิด วิเคราะห์ ตวั แปรตาม บทเรียนบนเว็บ (WBI) 2. ผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียน การเรียนรู้แบบชี้แนะ การเรียนรแู้ บบชีแ้ นะ ผงั กราฟิก 3. ความสขุ มีขั้นตอนดงั นี้ และเทคนิค Jigsaw ในการเรียน 1. ทบทวนความรู้เดิม 2. บอกวัตถปุ ระสงค์ 1. ข้ันนาเข้าสู่บทเรียน 3. นาเสนอเนือ้ หาใหม่ 1.1 ทบทวนความรู้เดมิ จากสือ่ 4. ฝึกโดยการชแี้ นะ 1.2 บอกวัตถปุ ระสงค์ 5. การฝึกโดยอิสระ 2. ข้ันสอน 6. การทบทวน 2.1 นาเสนอเนือ้ หาใหม่ 2.1.1 แบง่ เนือ้ หาที่เป็นหวั ข้อย่อย ผงั กราฟิก 2.1.2 ครจู ะจัดกลมุ่ นกั เรียน คละความสามารถ มีข้ันตอนดงั นี้ 2.1.3 ระดมสมองต่างกลุ่ม 1. ข้ันนาเข้าสู่บทเรียน 3. ขั้นสรุป 2. ขั้นสอน 3.1 แลกเปลี่ยนเรยี นรู้ในกลุ่ม ร่วมกนั สรุปความรู้ 3. ข้ันสรปุ เป็นผงั กราฟิก 3.1.1 ฝึกโดยการชแี้ นะ เทคนิค Jigsaw 3.1.2 การฝึกโดยอิสระ มีขั้นตอนดงั นี้ 3.1.2 การทบทวน 1. แบง่ เนือ้ หาเปน็ หัวข้อย่อย 3.2 นกั เรียนทกุ คนทาแบบทดสอบย่อย 2. จัดกลุ่มนักเรียน คละ 3.3 รายงานผลคะแนน ยกยอ่ งชมเชย ความสามารถกนั 3. ระดมสมองต่างกลมุ่ ตวั แปรอสิ ระ (ตัวแปรจดั ประเภท) วิธ4ีด.าแเลนกนิเปกลาีย่ รนวเริจยี ัยนรู้ในกลุ่ม ความฉลาดทางอารมณ์ สูง ปานกลาง และต่า 5. นักเรียนทกุ คนทาแบบ ทดสอบย่อย ภาพประกอบ 1 กรอบแนวคิดของการวจิ ยั 6. รายงานผลคะแนน ยกย่องชมเชย

182 วิธีดาเนนิ การวิจัย ประชากรและกล่มุ ตวั อยา่ ง 1. ประชากรที่ใชใ้ นการวิจัยคร้ังน้ี เป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปที ี่ 4 โรงเรียนในเครอื ขา่ ยพระธาตมุ หาชยั สังกดั สานกั งานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษาประถมศึกษานครพนม เขต 1 จานวน 11 โรงเรียน รวม 11 ห้องเรียน มีนกั เรียน ทั้งหมด 149 คน 2. กลุ่มตวั อยา่ งทใ่ี ชใ้ นการวิจยั ครงั้ น้ีเปน็ นักเรียนชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 4 โรงเรียนบ้านนกเหาะ เครอื ขา่ ย พระธาตุมหาชัย สานักงานเขตพ้ืนที่การศกึ ษาประถมศึกษานครพนม เขต 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2559 จานวน 28 คน ซึง่ ได้มาโดยวิธีการสมุ่ แบบแบ่งกลมุ่ (Cluster Random Sampling) โดยใชโ้ รงเรียนเป็นหน่วยการสุ่ม เครื่องมอื ทใี่ ช้ในการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู 1. บทเรียนบนเวบ็ โดยใชก้ ารเรียนรู้แบบช้แี นะ ผังกราฟกิ และเทคนิค Jigsaw ผลการประเมินคณุ ภาพ โดยผู้เชย่ี วชาญอยใู่ นระดบั 4.79 คือ เหมาะสมมากทีส่ ุด 2. แบบทดสอบวดั การคดิ วเิ คราะห์ แบบปรนัยชนิดเลอื กตอบ 4 ตัวเลอื ก จานวน 30 ข้อ ซึง่ มีคา่ ความ ยากรายข้อ (p) ตง้ั แต่ .33 ถงึ .67 และค่าอานาจจาแนกรายขอ้ (r) ตง้ั แต่ .22 ถึง .56 และค่าความเชอ่ื ม่ันท้ังฉบบั เท่ากบั .81 3. แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิท์ างการเรียน แบบปรนยั ชนิดเลอื กตอบ 4 ตัวเลอื ก จานวน 40 ขอ้ ซึง่ มีคา่ ความยากรายข้อ (p) ตง้ั แต่ .39 ถึง .67 และคา่ อานาจจาแนกรายข้อ (r) ตงั้ แต่ .22 ถึง .67 และค่าความเชอ่ื มัน่ ท้ังฉบับเท่ากับ .79 4. แบบประเมินความสุขในการเรียน แบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ จานวน 40 ข้อ ซึง่ มีคา่ ความเช่อื มัน่ ทั้งฉบับเท่ากบั .87 5. แบบประเมินความฉลาดทางอารมณ์ (EQ) ของกรมสุขภาพจติ สาหรับเดก็ อายุ 6-11 ปี มมี าตราส่วน บอกระดับความคดิ เห็น 4 ระดบั ประเมินคุณลักษณะ 3 ด้าน คือ ดี เก่ง และมีสุข จานวน 60 ข้อ การเกบ็ รวบรวมข้อมลู 1. ผู้วิจยั นาหนังสอื จากสานกั งานบัณฑิตวทิ ยาลยั มหาวทิ ยาราชภฏั สกลนคร เพื่อขอความร่วมมอื ไปยัง โรงเรียนบ้านนกเหาะ เครอื ขา่ ยพระธาตมุ หาชัย สานกั งานเขตพ้ืนทีก่ ารศึกษาประถมศึกษานครพนม เขต 1 ขอความอนเุ คราะห์ในการทดลองและเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู 2. ดาเนนิ การทดลองให้กบั กลุ่มตวั อยา่ งโดยใชบ้ ทเรียนบนเว็บโดยใชก้ ารเรียนรู้แบบช้แี นะ ผังกราฟกิ และเทคนิค Jigsaw ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศกึ ษา 2559 ตามแผนการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ทีว่ างแผนไว้ จานวน 14 แผน 14 คร้ัง ใชเ้ วลาดาเนนิ การทดลองท้ังหมด 38 ชว่ั โมง ตามตารางเรียนปกติและนอกเวลาเรียน สถิตทิ ใี่ ชใ้ นการรวบรวมขอ้ มลู 1) ร้อยละ 2) ค่าเฉลีย่ 3) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 4) t – test for Dependent Samples 5) One Sample t-test 6) การวเิ คราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One way ANOVA) 7) การคดิ วเิ คราะห์ ความแปรปรวนร่วมทางเดียว (One way ANCOVA) 8) การวเิ คราะห์ความแปรปรวนพหคุ ูณร่วมทางเดียว (One – way MANCOVA)

183 สรุปผลการวิจยั 1. บทเรียนบนเว็บโดยใชก้ ารเรียนรู้แบบช้แี นะ ผงั กราฟกิ และเทคนิค Jigsaw มคี ่าประสิทธิภาพ เท่ากับ 81.44/80.18 และมีคา่ ดัชนีประสิทธิผลเท่ากบั 0.69 2. ทกั ษะการคิดวเิ คราะห์ และผลสัมฤทธิท์ างการเรียน ของนักเรียนทีเ่ รียนด้วยบทเรียนบนเวบ็ โดยใชก้ าร เรียนรู้แบบชีแ้ นะ ผงั กราฟกิ และเทคนิค Jigsaw หลงั เรียนสูงกวา่ ก่อนเรียนอยา่ งมีนัยสาคญั ทางสถิตทิ ี่ระดับ .05 3. ความสขุ ทางการเรียนของนกั เรียนหลงั เรียนดว้ ยบทเรียนบนเว็บโดยใชก้ ารเรียนรู้แบบช้แี นะ ผังกราฟกิ และเทคนิค Jigsaw หลังเรียนอยใู่ นระดับมากที่สดุ 4. ทักษะการคิดวเิ คราะห์ และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ของนกั เรียนทีม่ ีความฉลาดทางอารมณต์ า่ งกนั (สูง ปานกลาง ตา่ ) หลังเรียนดว้ ยบทเรียนบนเว็บโดยใชก้ ารเรียนรู้แบบช้แี นะ ผังกราฟกิ และเทคนิค Jigsaw มคี วามแตกตา่ งกนั อย่างมนี ยั สาคัญทางสถิติทีร่ ะดบั .05 อภปิ รายผลการวิจัย 1. บทเรียนบนเว็บโดยใชก้ ารเรียนรู้แบบช้แี นะ ผงั กราฟกิ และเทคนิค Jigsaw พบวา่ มีค่าประสิทธิภาพ เท่ากับ 81.44/80.18 และมคี า่ ดชั นีประสิทธิผล เท่ากับ 0.69 ซึง่ สอดคล้องกับสมมติฐานทีผ่ ู้วจิ ัยตงั้ ไว้ สามารถอธิบาย เหตผุ ลประกอบ ได้ดังน้ี บทเรียนบนเวบ็ โดยใชก้ ารเรียนรู้แบบชี้แนะ ผังกราฟกิ และเทคนิค Jigsaw ที่ผู้วจิ ยั สร้างขนึ้ ได้ผ่านกระบวนการสร้างอย่างพถิ ีพถิ นั เป็นขน้ั ตอน มีระบบ และมีวธิ ีการทีเ่ หมาะสม คือศึกษาหลักสตู ร เนอื้ หาสาระ วชิ า ศกึ ษางานวจิ ยั ทฤษฎี การเรียนรู้ เทคนิควธิ ีการจัดการเรียนรู้ที่เหมาะสม จากเอกสาร หนงั สอื และ คู่มือตา่ งๆ ผ่านกระบวนการหาคุณภาพมกี ารตรวจ แก้ไขตามข้อเสนอแนะจากคณะกรรมการควบคมุ วทิ ยานพิ นธ์ ตลอดจน ผู้เชย่ี วชาญ จึงเปน็ บทเรียนบนเว็บที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล สอดคล้องกบั ผลการวจิ ยั ของ ทิพยก์ มล สนสมบัติ (2553, หนา้ 104-106) ท่ศี กึ ษาการเปรียบเทียบผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียน เรือ่ งสอ่ื สารข้อมลู และเครอื ขา่ ย แรงจงู ใจใฝ่สมั ฤทธิแ์ ละการคิดวเิ คราะห์ ระหว่างการเรียนดว้ ยบทเรียนบนเครอื ขา่ ยกับการเรียนปกติ ของนักเรียน ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 6 พบวา่ บทเรียนบนเครอื ขา่ ยมคี ่าประสิทธิภาพ 83.07/81.86 ซึง่ สงู กว่าเกณฑ์ที่กาหนด 80/80 และมีคา่ ดชั นีประสิทธิผล เท่ากบั 0.68 2. ทกั ษะการคิดวเิ คราะห์ และผลสัมฤทธิท์ างการเรียนของนักเรียนทีไ่ ด้รับการจดั การเรียนรู้ดว้ ยบทเรียนบน เวบ็ โดยใชก้ ารเรียนรู้แบบช้แี นะ ผงั กราฟกิ และเทคนิค Jigsaw หลงั เรียนสูงกวา่ ก่อนเรียนอยา่ งมนี ัยสาคัญทางสถิติ ที่ระดับ .05 ซึ่งสอดคล้องกบั สมมติฐานทีผ่ ู้วจิ ยั ตงั้ ไว้ สามารถอธิบายเหตุผลประกอบ ได้ดงั น้ี กิจกรรมการเรียนรู้ ด้วยบทเรียนบนเว็บโดยใชก้ ารเรียนรู้แบบช้แี นะ ผังกราฟกิ และเทคนิค Jigsaw เปน็ กิจกรรมการเรียนที่เนน้ ผู้เรียนเป็น สาคัญ ผู้เรียนได้ลงมอื ทา สร้างสรรค์ มีความสนใจและรว่ มทากิจกรรมกับกลุ่มเพอ่ื น มีการแบง่ หนา้ ท่รี บั ผิดชอบตอ่ งานทีไ่ ด้รบั มอบหมายเปน็ อยา่ งดี แลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน มีการระดมความคิด และมีการจัดลาดบั ความคิด มกี าร ให้คาชีแ้ นะเพ่อื เปน็ แนวทางในการคดิ หาคาตอบ ทาให้ผู้เรียนเกิดทกั ษะการคิด เกิดความเข้าใจในเน้ือหาทเ่ี รียนและ เมอ่ื สอบหลังเรียนทาให้คะแนนหลงั เรียนสูงข้นึ สอดคล้องกบั ผลการวจิ ัยของ ธิดารตั น์ ศกั ด์สิ จุ ริต (2555, หนา้ 171) ที่ศึกษาผลการใช้การจดั การเรียนรู้แบบซิปปารว่ มกบั เทคนิคผงั กราฟิก ทม่ี ตี อ่ ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียน ความสามารถ ในการคิดวเิ คราะห์ และความพงึ พอใจต่อการเรียนวชิ าวทิ ยาศาสตร์ ของนักเรียนช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 2 พบวา่ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ความสามารถในการคดิ วเิ คราะห์ ของนกั เรียน หลงั เรียนสูงกวา่ ก่อนเรียนอยา่ งมีนัยสาคัญ ทางสถิตทิ ี่ระดบั .05 สอดคล้องกบั ผลการวจิ ยั ของ ลกั ขณา อันทะปัญญา (2556, หนา้ 93) ทศ่ี กึ ษาการพฒั นา ความสามารถในการคดิ วเิ คราะห์และผลสมั ฤทธิท์ างการเรียนวิชาวทิ ยาศาสตร์ของนกั เรียนชั้นประถมศึกษาปที ี่ 6

184 โดยใชว้ ัฏจักรการสบื เสาะหาความรู้ร่วมกับผังกราฟกิ พบวา่ ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียน ความสามารถในการคดิ วเิ คราะห์ ของนกั เรียน หลังเรียน ผ่านเกณฑ์ที่กาหนดไว้ และสอดคลอ้ งกบั ผลการวจิ ัยของ กิตตพิ งษ์ แหนง่ สกลู (2557, หนา้ 102) ท่ศี กึ ษาการพัฒนาผลสัมฤทธิท์ างการเรียนและทกั ษะการปฏบิ ัตงิ าน เรื่องการใช้โปรแกรม ประมวลผลคา กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี ของนักเรียนช้ันประถมศึกษาปที ี่ 6 โดยวิธีการสอน แบบช้แี นะรว่ มกบั รปู แบบการเรียนการสอนทกั ษะปฏบิ ตั ขิ องแฮร์โรว์ พบวา่ ผลสมั ฤทธิท์ างการเรียนของนักเรียน หลังเรียนสูงกวา่ ก่อนเรียนอยา่ งมนี ัยสาคญั ทางสถิติทีร่ ะดบั .01 3. ความสขุ ในการเรียน ของนักเรียนที่มคี วามฉลาดทางอารมณส์ ูง ปานกลาง และตา่ มีความแตกตา่ งกนั เม่อื ได้รับการสอนดว้ ยบทเรียนบนเวบ็ โดยใชก้ ารเรียนรู้แบบชีแ้ นะ ผังกราฟกิ และเทคนิค Jigsaw หลงั เรียนอยใู่ นระดับ มากท่สี ุด ซึ่งสอดคล้องกับสมมตฐิ านที่ผู้วจิ ัยตงั้ ไว้ สามารถอธิบายเหตผุ ลประกอบ ได้ดงั น้ี การจัดกิจกรรมการเรียน ด้วยบทเรียนบนเวบ็ โดยใชก้ ารเรียนรู้แบบช้แี นะ ผงั กราฟกิ และเทคนิค Jigsaw มกี ารถา่ ยทอดความรู้ผ่านส่อื ที่ เหมาะสมช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ ดึงดดู ความสนใจ สามารถเรียนรู้ได้ดว้ ยตนเองอยา่ งอิสระ สะดวก รวดเรว็ ตามความสามารถ ทาให้สนกุ สนาน ต่นื เต้น เห็นคณุ ค่าของตนเองมากขึ้น ทาให้ผู้เรียนเกิดความภูมใิ จในตนเอง และนามาซึง่ ความสุขในการเรียน สอดคล้องกบั ผลการวิจยั ของ กานตฤ์ ทัย ชลวทิ ย์ (2553, หนา้ 76) ทีศ่ ึกษาการ วเิ คราะห์แบบการเรียน ความสขุ ในการเรียน และทักษะการเรียนเพอ่ื การเรียนรู้ ของนักเรียนช้ันมธั ยมศึกษาตอนต้น พบวา่ ความสขุ ในการเรียนอยใู่ นระดับมาก 4. ทักษะการคิดวเิ คราะห์ และผลสัมฤทธิท์ างการเรียน ของนักเรียนที่มีความฉลาดทางอารมณต์ า่ งกนั (สูง ปานกลาง ตา่ ) หลงั เรียนดว้ ยบทเรียนบนเว็บโดยใชก้ ารเรียนรู้แบบช้แี นะ ผงั กราฟกิ และเทคนิค Jigsaw มคี วาม แตกตา่ งกันอย่างมนี ัยสาคญั ทางสถิติที่ระดับ .05 ซงึ่ สอดคล้องกับสมมตฐิ านทีผ่ ู้วจิ ัยตงั้ ไว้ สามารถอธิบายเหตุผล ประกอบ ได้ดงั น้ี ผู้ที่มีความฉลาดทางอารมณ์สงู มองโลกในแงด่ ี ไม่ยอมแพก้ บั อปุ สรรคหรือปัญหา สนใจให้ ความสาคัญกบั ความรู้สกึ ของผอู้ ่นื รู้จักตนเองและอยู่ร่วมกับผู้อืน่ ได้ และผู้ทีม่ ีความฉลาดทางอารมณต์ า่ จะไม่ สามารถควบคมุ อารมณไ์ ด้ มกั เต็มไปด้วยความขดั แยง้ ภายในจติ ใจ ขาดสมาธใิ นการทางาน มคี วามคิดหมกมุ่นกงั วล ไมป่ ลอดโปร่ง ถกู ครอบงาโดยความกลวั หรือความวิตกกงั วล ดงั นนั้ การทีน่ กั เรียนมคี วามฉลาดทางอารมณต์ า่ งกนั จึงทาให้ทกั ษะการคดิ วเิ คราะห์ และผลสมั ฤทธิท์ างการเรียนแตกต่างกนั ดว้ ย สอดคล้องกับผลการวจิ ยั ของ สทิ ธิพล พหลทัก (2552, หนา้ 98) ที่ศึกษาการพัฒนาการเรียนรู้วิชาฟิสกิ ส์ โดยใชค้ ู่มอื การจดั การเรียนรู้วัฏจักรการเรียนรู้ แบบ 7E บนพนื้ ฐานการคิดแบบโยนิโสมนสกิ าร และคู่มอื การจดั การเรียนรู้สบื เสาะหาความรู้แบบ สสวท. ท่สี ่งผลตอ่ ความรับผิดชอบ การคดิ วเิ คราะห์ และ ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียน ของนักเรียนช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ 4 มีความฉลาดทาง อารมณ์ต่างกัน พบวา่ ความรบั ผิดชอบ การคดิ วเิ คราะห์ และผลสมั ฤทธิท์ างการเรียน ของนักเรียนหลงั เรียนดว้ ยคู่มอื การจัดการเรียนรู้สบื เสาะหาความรู้แบบ สสวท. มีความแตกต่างกันอย่างมนี ยั สาคัญทางสถิตทิ ี่ระดับ .05 ขอ้ เสนอแนะ 1. ข้อเสนอแนะสาหรับการนาผลการวิจัยไปใช้ 1.1 ก่อนทีจ่ ะใชบ้ ทเรียนบนเวบ็ โดยใชก้ ารเรียนรู้แบบช้แี นะ ผังกราฟกิ และเทคนิค Jigsaw ผู้สอนควร อธิบายวธิ ีเรียนให้นกั เรียนได้ทราบแนวปฏบิ ตั แิ ละขั้นตอนการเรียน 1.2 การจดั การเรียนรู้ตามบทเรียนบนเวบ็ โดยใชก้ ารเรียนรู้แบบช้แี นะ ผังกราฟกิ และเทคนิค Jigsaw สามารถนาไปปรบั ปรงุ และใชก้ บั เน้อื หาอ่นื ๆ และนักเรียนช้ันอ่ืนๆ ได้

185 2. ขอ้ เสนอแนะสาหรบั การทาวิจยั ครงั้ ตอ่ ไป 2.1 ควรพัฒนาบทเรียนบนเว็บโดยใชก้ ารเรียนรู้แบบช้แี นะ ผังกราฟกิ และเทคนิค Jigsaw ไปทดลองใช้ เพ่อื พฒั นาตัวแปรตามอืน่ ๆ เชน่ การคดิ สร้างสรรค์ การคดิ แก้ปญั หา 2.2 ควรพัฒนาบทเรียนบนเว็บโดยใชก้ ารเรียนรู้แบบช้แี นะ ผงั กราฟกิ และเทคนิค Jigsaw ไปเปรียบเทียบ กบั การเรียนการสอนในรูปแบบอน่ื เอกสารอา้ งองิ กานต์ฤทยั ชลวทิ ย.์ (2553). ทศี่ กึ ษาการวเิ คราะห์แบบการเรียน ความสขุ ในการเรียน และทักษะการเรียนเพอ่ื การ เรียนรู้ ของนกั เรียนชน้ั มัธยมศกึ ษาตอนตน้ . วทิ ยานพิ นธ์ ค.ม. กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั . กิตติพงษ์ แหนง่ สกลู . (2557). ที่ศึกษาการพฒั นาผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนและทกั ษะการปฏบิ ตั งิ าน เรื่องการใช้ โปรแกรมประมวลผลคา กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยขี องนกั เรียนช้ันประถมศึกษา ปีที่ 6 โดยวิธีการสอนแบบช้แี นะรว่ มกับรูปแบบการเรียนการสอนทกั ษะปฏบิ ัตขิ องแฮร์โรว์. วทิ ยานพิ นธ์ ศษ.ม. สงขลา : มหาวิทยาลยั หาดใหญ่. จุฑารตั น์ ศรีสารคาม. (2553). การพฒั นาทกั ษะการคิดวเิ คราะห์ กลุ่มสารการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศึกษา ปีที่ 3 โรงเรียนบ้านบ่อนอ้ ยหนองงวั สว่างวทิ ย์ โดยใชเ้ ทคนิคผังกราฟิก. วิทยานพิ นธ์ ค.ม. มหาสารคาม : มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั มหาสารคาม. ชาญ กลิ่นซ้อน. (2550). ศกึ ษาเจตคติและพฤติกรรมการใชส้ อ่ื เทคโนโลยสี ารสนเทศทางการศกึ ษาเพ่อื การเรียนรู้ ด้วยตนเองของนักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวทิ ยาลัยครสิ เตยี น. วทิ ยานพิ นธ์ ค.อ.ม. กรุงเทพฯ : มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยพี ระจอมเกล้าพระนครเหนอื . ทิพยก์ มล สนสมบัต.ิ (2553). การเปรียบเทียบผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียน เรือ่ งสอ่ื สารข้อมูลและเครอื ขา่ ยแรงจูงใจ ใฝ่สมั ฤทธิ์และการคิดวเิ คราะห์ ระหว่างการเรียนดว้ ยบทเรียนบนเครอื ขา่ ยกบั การเรียนปกติของนกั เรียน ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ 6. วทิ ยานิพนธ์ กศ.ม. มหาสารคาม : มหาวิทยาลยั มหาสารคาม. ธิดารตั น์ ศกั ดส์ิ ุจรติ . (2555). ผลการใช้การจัดการเรียนรู้แบบซิปปารว่ มกบั เทคนิคผงั กราฟิก ทม่ี ตี อ่ ผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียน ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ และความพึงพอใจต่อการเรียนวชิ าวทิ ยาศาสตร์ ของนักเรียนช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ 2. วทิ ยานพิ นธ์ ค.ม. สกลนคร : มหาวทิ ยาลัยราชภฏั สกลนคร. ธนวรรณ เทียนเจษฎา. (2548). การเปรียบเทียบผลการเรียนรู้ด้านการอา่ นจับใจความภาษาไทยช้ันประถมศึกษา ปีที่ 3 ระหวา่ งการจดั กิจกรรมกลุ่มแบบจิก๊ ซอว์กับการจดั กิจกรรมตามคมู่ อื ครู. วทิ ยานพิ นธ์ กศ.ม. มหาสารคาม : มหาวิทยาลยั มหาสารคาม. พชิ ญาภา อนิ ธิแสง. (2553). การพฒั นาความเขา้ ใจในการอ่านภาษาอังกฤษ ทักษะการคิดวเิ คราะห์ และความพึงพอใจต่อการเรียน โดยใชร้ ปู แบบการเรียนแบบร่วมมอื เทคนิค CIRC ร่วมกบั ผังกราฟิก ของนกั เรียนชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 2. วทิ ยานพิ นธ์ ค.ม. สกลนคร : มหาวทิ ยาลัยราชภฏั สกลนคร. ภาสกร เรืองรอง. (2551). การประยกุ ตใ์ ชบ้ ทเรียนบนเครอื ขา่ ย WBI กับขนั้ ตอนการสอน 9 ข้ันของกาเย่. [ออนไลน]์ . http://www.thaiwbi.com/topic/WBI_Gagne/WBI_Gagne.pdf. โรงเรียนบ้านนกเหาะ. (2557). รายงานประจาปขี องสถานศึกษา โรงเรียนบ้านนกเหาะ ประจาปี 2557.

186 ลักขณา อนั ทะปัญญา. (2556). การพัฒนาความสามารถในการคิดวเิ คราะห์และผลสัมฤทธิท์ างการเรียนวชิ า วทิ ยาศาสตร์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 6 โดยใชว้ ัฏจกั รการสบื เสาะหาความรู้ (Inquiry Cycle) ร่วมกบั เทคนิคผังกราฟิก (Graphic Organizer Technique). วทิ ยานิพนธ์ ศษ.ม. ขอนแก่น : มหาวทิ ยาลยั ขอนแก่น. ลัดดา หวงั ภาษิต. (2557). การพฒั นารปู แบบการเรียนรู้ภาษาอังกฤษทีเ่ สริมสร้างความสขุ ในการเรียนรู้ของ นักเรียนชั้นประถมศึกษา โรงเรียนสาธติ สังกัดสานกั งานคณะกรรมการการอดุ มศึกษา. ปริญญานพิ นธ์ กศ.ด. กรุงเทพฯ : มหาวทิ ยาลัยศรีนครนิ ทรวโิ รฒ. ศวิ ไิ ล มงคล. (2551). รายงานการพัฒนาเว็บชว่ ยสอน เรื่อง การสร้างสรรค์งานนาเสนอกลุ่มสาระการเรียนรู้ การงานอาชพี และเทคโนโลยี (สาระที่ 4 เทคโนโลยสี ารสเทศ) ช้ันประถมศึกษาปที ี่ 4 โรงเรียนบ้านเชงิ ดอยสุเทพ. วทิ ยานพิ นธ์ ค.ม. เชียงใหม่ : มหาวทิ ยาลัยเชยี งใหม่. สถาบนั ทดสอบทางการศกึ ษาแหง่ ชาติ (องคก์ ารมหาชน). (2555-2557). รายงานผลการทดสอบทางการศกึ ษา ระดับชาติขนั้ พืน้ ฐาน (O-NET) ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ 6 ปีการศกึ ษา 2555-2557 โรงเรียนบ้านนกเหาะ. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก www.niets.or.th. สวุ ิทย์ มูลคา และ อรทยั มลู คา. (2547). 19 วธิ ีจดั การเรียนรู้เพ่ือพฒั นาความรแู้ ละทกั ษะ. พมิ พค์ รง้ั ที่ 5. กรุงเทพมหานคร : ภาพพมิ พ.์ อรชา นิลสนธิ. (2551). การสร้างบทเรียนวิชาภาษาไทยบนเวบ็ เรื่อง การใชค้ าให้ถกู ตอ้ ง สาหรบั นกั เรียนชั้น มัธยมศกึ ษาปีที่ 3. การค้นควา้ แบบอสิ ระ ศษ.ม. เทคโนโลยที างการศกึ ษา. เชยี งใหม่ : มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม่.

187 ภาวะผนู้ านายกองค์การบรหิ ารสว่ นตาบลท่พี ึงประสงคข์ องประชาชนตาบลนาคูณใหญ่ อาเภอนาหว้า จังหวัดนครพนม Leadership of Desirable President of a Sub-district Administration Organization According to the People of Na-Khoon-Yai Sub-district, Nawah District, Nakhon Phanom Province ชาญชัย แมดมิง่ เหง้า* รองศาสตราจารย์ ดร.จิตติ กิตติเลิศไพศาล** ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร.ชาติชัย อดุ มกิจมงคล*** บทคดั ยอ่ การวจิ ัยคร้ังนมี้ วี ัตถุประสงค์เพอ่ื 1) ศึกษาภาวะผู้นานายกองคก์ ารบริหารส่วนตาบลที่พึงประสงค์ 2) เปรียบเทียบภาวะผู้นาของนายกองค์การบริหารส่วนตาบลที่พึงประสงค์ จาแนกตามคุณลักษณะส่วนบุคคล กลุ่มตัวอยา่ งทใ่ี ชใ้ นการวิจยั เป็นประชาชนทีอ่ าศัยอยู่ในเขตตาบลนาคณู ใหญ่ อาเภอนาหวา้ จงั หวดั นครพนม จานวน 303 ครวั เรือน โดยใชแ้ บบสอบถามเปน็ เครอ่ื งมือในการเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล และสถิติทีใ่ ชใ้ นการวเิ คราะห์ขอ้ มูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลย่ี ส่วนเบีย่ งเบนมาตรฐาน การทดสอบค่าที (t-test) และการวเิ คราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One-way ANOVA) ผลการวจิ ัย พบวา่ 1. ภาวะผู้นานายกองค์การบริหารสว่ นตาบล โดยภาพรวมอยใู่ นระดบั มาก เม่อื พิจารณารายดา้ นเรียง ตามลาดบั ค่าเฉลีย่ มากไปหาน้อย ได้แก่ ภาวะผู้นาเชิงศรทั ธาบารมี ภาวะผู้นาเชิงการเปลีย่ นแปลง ภาวะผู้นา เปลีย่ นแปลงทางสังคม ภาวะผนู้ าเชงิ วสิ ยั ทศั น์ และภาวะผู้นาเชงิ ยุทธศาสตร์ ตามลาดบั 2. เมอ่ื เปรียบเทียบความคิดเหน็ ของประชาชนผู้มสี ิทธิ์เลอื กตง้ั ต่อภาวะผู้นา นายกองคก์ ารบริหาร ส่วนตาบลที่พึงประสงค์ จาแนกตามคุณลกั ษณะส่วนบคุ คลด้านอายุ พบว่า ไมม่ คี วามแตกตา่ งกนั แตเ่ ม่อื เปรียบเทียบ ความคิดเห็นของประชาชนผู้มสี ทิ ธิเ์ ลอื กตงั้ ตอ่ ภาวะผู้นานายกองค์การบริหารส่วนตาบลที่พึงประสงค์ จาแนกตาม คุณลกั ษณะสว่ นบคุ คล ด้านเพศ อาชีพ ระดบั การศึกษาและรายได้เฉลี่ยตอ่ เดอื น พบว่า มคี วามแตกต่างกนั อยา่ งมี นยั สาคญั ทางสถิติที่ระดบั .05 ABSTRACT The purposes of this study were: 1) to investigate leadership of desirable president of a sub-district administration organization, 2) to compare leadership of desirable president of a sub-district administration organization as classified by personal background. A sample used in the study was people of 303 households who resided in the Na-Khoon-Yai sub-district area, Nawah district, Nakhon Phanom province. The instrument used in data collection was a questionnaire. Statistics used in data analysis were percentage, mean, standard deviation, t-test, and one-way ANOVA. คาสาคัญ : ภาวะผู้นา, นายกองค์การบรหิ ารส่วนตาบลที่พงึ ประสงค์ * รฐั ประศาสนศาสตรมหาบณั ฑิต สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏสกลนคร ** คณบดีคณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภฏั สกลนคร *** ประธานกรรมการบรหิ ารหลกั สตู รรฐั ประศาสนศาสตร์ สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภฏั สกลนคร

188 Findings of the study revealed as follows: 1 The overall leadership of desirable president of a sub-district administration organization was at high level. When considering each aspect in descending order, charismatic leadership came first, followed by transformational leadership, social change leadership, visionary leadership, and strategic leadership, respectively. 2. When comparing the opinion of the people who had the right to vote on leadership of desirable president of a sub-district administration organization as classified by personal background of age, it was found not different. and When comparing the opinion of the people who had the right to vote on leadership of desirable president of a sub-district administration organization as classified by personal backgrounds of sex, occupation and average income per month, it was found significantly different at the .05 level. Keywords: Leadership, Desirable President of a Sub-district Administration Organization. ภูมหิ ลงั รฐั ธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทย พ.ศ. 2550 ได้บญั ญตั ิเกี่ยวกบั องค์กรปกครองส่วนท้องถิน่ ไวถ้ ึง 10 มาตราในหมวด 14 การปกครองส่วนท้องถิ่น และในหมวดที่ 5 แนวนโยบายพ้ืนฐานแหง่ รฐั โดยเปิดช่องทางให้ ประชาชนในท้องถิน่ มีอานาจในการบริหาร ตรวจสอบ และถ่วงดลุ การจัดการในท้องถิน่ ในมาตรา 78 (3) “กระจาย อานาจ ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นพึ่งตนเองและตัดสนิ ใจในกิจการของท้องถิ่นได้เอง ส่งเสริมให้องค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่นมีสว่ นร่วมในการดาเนนิ การตามแนวนโยบายพ้นื ฐานแหง่ รฐั พัฒนาเศรษฐกิจของทอ้ งถ่นิ และระบบ สาธารณูปโภคและสาธารณูปการตลอดท้ังโครงสร้างพ้นื ฐานสารสนเทศในท้องถิน่ ให้ท่ัวถึงและเท่าเทียมกนั ทวั่ ประเทศ รวมท้ังพฒั นาจังหวดั ที่มคี วามพร้อมให้เป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิน่ ขนาดใหญ่ โดยคานึงถึงเจตนารมณ์ ของประชาชนในจงั หวดั นนั้ มาตรา 80 (4) ส่งเสริมและสนับสนุนการกระจายอานาจเพือ่ ให้องค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่น ชุมชน องค์การทางศาสนา และเอกชนมสี ่วนร่วมในการจัดการศกึ ษาเพอ่ื พฒั นามาตรฐานคุณภาพ การศึกษาให้เท่าเทียมและสอดคล้องกับแนวนโยบายพ้ืนฐานแห่งรฐั มาตรา 85 (5) ส่งเสริม บารุงรักษา และคุ้มครองคณุ ภาพสิ่งแวดล้อมตามหลักการพัฒนามาตรา 285 ประชาชนผู้มสี ิทธิเลอื กตง้ั ในองค์กรปกครอง ส่วนท้องถิน่ ใดเหน็ วา่ สมาชกิ สภาทอ้ งถ่นิ คณะผู้บริหารท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิน่ ผู้ใดขององค์กรปกครอง ส่วนท้องถิน่ น้ันไมส่ มควรดารงตาแหนง่ ตอ่ ไป ให้มีสทิ ธิลงคะแนนเสียงถอดถอนสมาชิกสภาทอ้ งถน่ิ คณะผู้บริหาร ท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น ผู้น้ันพน้ จากตาแหน่ง และ “มาตรา 286 ประชาชนผู้มสี ิทธิเลอื กตงั้ ในองค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่นมีสทิ ธิเข้าชื่อร้องขอตอ่ ประธานสภาทอ้ งถน่ิ เพ่อื ให้สภาทอ้ งถน่ิ พิจารณาออกข้อบัญญัตทิ ้องถิ่นได้…” “มาตรา 287 ประชาชนในท้องถิน่ มีสทิ ธิมีสว่ นร่วมในการบริหารกิจการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิน่ โดยองค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่นต้องจัดใหม้ วี ธิ ีการที่ให้ประชาชนมสี ่วนร่วมดงั กลา่ วได้ด้วย ในกรณีทีก่ ารกระทาขององคก์ ร ปกครองส่วนท้องถิน่ จะมีผลกระทบตอ่ ชีวิตความเป็นอยขู่ องประชาชนในท้องถิน่ ในสาระสาคญั องคก์ รปกครอง ส่วนท้องถิ่นต้องแจ้งขอ้ มูลรายละเอยี ดให้ประชาชนทราบก่อนกระทาการเปน็ เวลาพอสมควร และในกรณีที่เห็นสมควร หรือได้รบั การร้องขอจากประชาชนผู้มสี ิทธิเลอื กตง้ั ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องจดั ให้มกี ารรับฟงั ความคิดเห็น ก่อนการกระทานน้ั หรืออาจจดั ให้ประชาชนออกเสียงประชามติเพอ่ื ตัดสนิ ใจกไ็ ด้ องคก์ รปกครอง ส่วนท้องถิ่นต้องรายงานการดาเนนิ งานต่อประชาชนในเรื่องการจดั ทางบประมาณ การใชจ้ ่าย และผลการดาเนนิ งาน ในรอบปี เพื่อให้ประชาชนมสี ่วนร่วมในการตรวจสอบและกากับการบริหารจัดการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิน่ ” (รฐั ธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พทุ ธศักราช 2550) และใหป้ ระชาชนในท้องถิ่นมีสว่ นร่วมในการบริหารกิจการ

189 ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิน่ โดย อปท. ต้องจดั ใหม้ วี ธิ ีการที่ให้ประชาชนมสี ่วนร่วมและในกรณีทีก่ ารกระทาของ อปท. จะมผี ลกระทบตอ่ ชีวิตความเปน็ อยขู่ องประชาชนในท้องถิ่นในสาระสาคัญ อปท. ต้องแจง้ ข้อมูลรายละเอยี ด ให้ประชาชนทราบก่อนกระทาการเปน็ เวลาพอสมควร และในกรณีที่เห็นสมควร หรือได้รบั การร้องขอจากประชาชน ผู้มีสทิ ธิเลอื กตง้ั ใน อปท. ต้องจดั ให้มีการรบั ฟังความคิดเห็นก่อนการกระทานนั้ หรืออาจจดั ใหป้ ระชาชนออกเสียง ประชามตเิ พ่อื ตัดสนิ ใจกไ็ ด้ พรอ้ มท้ังจดั ทารายงานผลการดาเนนิ งาน ในรอบปีให้ประชาชนไดร้ ับทราบ เพอ่ื ประชาชน จะได้มีสว่ นร่วมในการตรวจสอบและกากบั การบริหารจดั การขององค์กรปกครองส่วนท้องถิน่ (มาตรา 287) (อภิชาต สถิตนริ ามัย, 2555, หนา้ 7-8) ปจั จบุ ันแผนการกระจายอานาจให้แกอ่ งคก์ รปกครองส่วนท้องถนิ่ พ.ศ. 2543 ซึ่งคณะกรรมการกระจาย อานาจฯ ได้จัดทาขึ้นตามพระราชบัญญัติกาหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอานาจให้แก่องคก์ รปกครอง ส่วนท้องถิน่ พ.ศ. 2542 และไดร้ ับความเหน็ ชอบจากคณะรฐั มนตรี เม่อื วนั ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2543 น้ัน มผี ลทาให้ กระทรวง ทบวง กรมต่างๆ ต้องถ่ายโอนภารกิจของรัฐไปให้องคก์ รปกครองส่วนท้องถิน่ ให้เสร็จสิ้นภายในปี พ.ศ. 2549 จากทิศทางตามบทบญั ญตั ิแห่งรฐั ธรรมนูญและพระราชบัญญัติกาหนดแผนและขน้ั ตอนการกระจาย อานาจแก่องคก์ รปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 ดังกล่าว ทาให้การจดั ระบบความสมั พนั ธ์ระหว่างสว่ นกลาง ส่วนภมู ภิ าค และส่วนท้องถิ่นโดยเฉพาะในสว่ นที่ว่าดว้ ยการกากับดแู ลองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องปรบั เปลี่ยนไป ในประการสาคญั ทม่ี งุ่ หมายที่จะให้ท้องถิน่ มีการบริหารจดั การงานท้องถิ่นทีด่ ี (Good Local Governance) และตลอดท้ัง การจัดบริการสาธารณะให้เป็นไปตามมาตรฐานตามที่ประชาชนมงุ่ หวงั เพ่อื คมุ้ ครองประโยชนข์ องประชาชนในท้องถน่ิ หรือเพอ่ื ประโยชนข์ องประเทศเปน็ ส่วนรวม (จิรายุทธ พุทธศรี, 2551, หนา้ 1) นายกองค์การบริหารส่วนตาบลในฐานะผู้บริหารท้องถิน่ หรือผู้นาทอ้ งถ่นิ ถือเปน็ บคุ คลท่สี าคญั ยง่ิ ความสาเรจ็ หรอื ความลม้ เหลวขององค์กรนน้ั ปัจจัยที่สาคญั ทสี่ ดุ คือ ผู้นา เพราะผู้นาเปน็ ผู้ที่มคี วามสาคญั ต่อความ อยู่รอดขององคก์ ร เป็นจุดรวมแห่งพลังของผู้ปฏบิ ัตงิ าน เป็นผกู้ าหนดเป้าหมายและกระตนุ้ ใหส้ มาชิกปฏบิ ตั งิ าน โดยแสดงความเป็นผู้นาผ่านการใชภ้ าวะผู้นาทเ่ี หมาะสม ซึง่ ภาวะผู้นาเป็นความสามารถของบุคคลทจ่ี ะนากลุ่มของตน ให้บรรลสุ เู่ ป้าหมายได้อยา่ งมีประสิทธิภาพ หน้าที่ที่สาคญั อกี ประการหน่งึ ของผู้นา คือ การบริหารทรัพยากรมนษุ ย์ ให้ปฏบิ ตั งิ านจนบรรลวุ ตั ถปุ ระสงค์ขององค์กรอย่างมปี ระสิทธิภาพ และเกิดประสิทธิผลสงู สุด การบริหารงานท้องถิ่น หรือองคก์ ารบริหารส่วนตาบล เปน็ กระบวนการ ทีต่ ้องผ่าน การตดั สนิ ใจ เพือ่ วางยุทธศาสตร์ โดยใชค้ วามรู้ ความสามารถของผู้บริหารท้องถิน่ และผ่านกระบวนการมสี ่วนร่วมของประชาชน องค์กรหรือหนว่ ยงานตา่ งๆ ในท้องถิน่ ดงั นน้ั นายกองคก์ ารบริหารส่วนตาบลจงึ ตอ้ งมีความรู้ ความสามารถ มีคุณธรรมจรยิ ธรรม และ มคี ณุ ลกั ษณะที่สอดคล้องกับความตอ้ งการของประชาชน เพ่ือให้การบริหารงานเปน็ ไปอยา่ งมีประสิทธิภาพ เกิดประสิทธิผลตรงกับ ความตอ้ งการของประชาชน (ขวัญลภา ยนิ ดสี ขุ , 2554, หนา้ 1) องคก์ ารบริหารส่วนตาบลนาคณู ใหญ่ อาเภอนาหวา้ จังหวดั นครพนม มจี านวน 7 หมบู่ ้าน คือ หมู่ที่ 1 บ้านม่วง หมู่ที่ 2 บ้านนาคณู ใหญ่ หมทู่ ี่ 3 บ้านนาคูณทงุ่ หมู่ที่ 4 บ้านนาคณู น้อย หมทู่ ี่ 5 บ้านหนองหวั งัว หมู่ที่ 6 บ้านนาคณู น้อย และหมทู่ ี่ 7 บ้านมว่ ง มีประชากรที่มีสทิ ธิ์เลอื กตงั้ อาศยั อยใู่ นเขตพ้นื ที่จานวน 4,509 คน ประชากร ส่วนใหญ่ประกอบอาชพี เกษตรกรรม และบางกลุ่มจบการศึกษาระดบั มธั ยมศกึ ษาตามนโยบายของ กระทรวงศึกษาธกิ าร มักจะประกอบอาชีพรับจ้างนอกบ้าน ในขณะเดียวกันชุมชนกไ็ ด้รับการพฒั นาเพ่มิ มากขึน้ ไมว่ า่ จะเปน็ ดา้ นคมนาคมการศกึ ษาตลอดจนการหารายได้มาเปน็ ค่าใช้จา่ ยในครอบครวั เพ่มิ ข้ึน แต่ยังไมเ่ ล็งเห็น ความสาคญั ถึงสทิ ธิประโยชนอ์ ันจะพงึ ได้รับในสวสั ดกิ ารตา่ งๆ จากการมสี ่วนร่วมของชมุ ชนในการพฒั นาตาบลทาให้ ขาดความรคู้ วามเข้าใจในการเลอื กผู้บริหารงานทีด่ มี าเป็นผู้นาชมุ ชนและพัฒนาชมุ ชนให้มคี วามเจรญิ ตอ่ ไป