Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการสอนของ ครูสิริณ สุวรรณโชติ

แผนการสอนของ ครูสิริณ สุวรรณโชติ

Published by ครรชิต แซ่โฮ่, 2021-11-13 04:12:18

Description: แผนการสอนของ ครูสิริณ สุวรรณโชติ

Search

Read the Text Version

ขน้ั ที่ 2 ข้ันสารวจและคน้ หา 1) ครูใหน้ ักเรียนศกึ ษา ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์ ชุดท่ี 5 เร่ือง เมฆและฝน และท้า ใบงานท่ี 1. เรื่อง เมฆ QR code เร่ือง การเกิดเมฆ 2) จากน้ันครูให้นักเรียนวาดและเขยี นอธบิ ายชั้นของเมฆโดยให้นักเรียนท้าลงในกระดาษขนาด A4 ซ่ึงก่อนการเรียน ในคาบที่แล้วครูสั่งให้นักเรียนเตรียมกระดาษ A4 ดินสอ และ สี โดยที่นักเรียนสามารถ เรยี นรู้ได้จากสื่ออินเทอรเ์ น็ตหรอื จากการสงั เกตจากท้องฟ้าจรงิ นอกหอ้ งเรียน ขนั้ ท่ี 3 ขั้นอธิบายและลงข้อสรปุ 1) นักเรียนและครูร่วมกันสรุปประเด็นเรื่องการเกิดเมฆและชั้นของเมฆ ดังน้ี “เมฆ” เป็นกลุ่ม ละอองน้าท่ีเกิดจากการควบแน่น ซ่ึงเกิดจากการยกตัวของกลุ่มอากาศ (Air parcel) ผ่านความสูงเหนือระดับ ควบแน่น และมอี ณุ หภมู ิลดตา่้ กวา่ จุดน้าคา้ ง คาบท่ี 2 ขน้ั ท่ี 3 ขน้ั อธบิ ายและลงข้อสรปุ นกั เรียน สามารถอธบิ ายการเรียกชื่อเมฆ เมฆซ่งึ เกิดขึน้ ในธรรมชาตมิ ี 2 รปู ร่างลักษณะคือ เมฆ ก้อน และเมฆแผ่น เราเรียกเมฆก้อนว่า “เมฆคิวมูลัส” (Cumulus) และเรียกเมฆแผ่นว่า “เมฆสเตรตัส” (Stratus) หากเมฆก้อนลอยชิดติดกัน เราน้าช่ือท้ังสองมารวมกัน และเรียกว่า “เมฆสเตรโตคิวมูลัส” (Stratocumulus) ในกรณีท่ีเป็นเมฆฝน เราจะเพิ่มค้าว่า “นิมโบ” หรือ “นิมบัส” ซ่ึงแปลว่า “ฝน” เข้าไป เช่น เราเรียกเมฆก้อนท่ีมีฝนตกว่า “เมฆคิวมูโลนิมบัส” (Cumulonimbus) และเรียกเมฆแผ่นท่ีมีฝนตกว่า “เมฆนิม โบสเตรตัส” (Nimbostratus) เราแบ่งเมฆออกเปน็ 3 ระดับ คือ เมฆชั้นสูง เมฆช้นั กลาง และเมฆช้ันต่า้ หากเป็น เมฆช้นั กลาง (2 - 6 กิโลเมตร) เราจะเติมคา้ วา่ “อลั โต” ซึ่งแปลว่า “ช้นั กลาง” ไว้ขา้ งหนา้ เชน่ เราเรียกเมฆก้อน ชั้นกลางว่า “เมฆอัลโตคิวมูลัส” (Altocumulus) และเรียกเมฆแผ่นชั้นกลางว่า “เมฆอัลโตสเตรตัส” (Altostratus) หากเป็นเมฆชั้นสูง (มากกว่า 6 กิโลเมตร) เราจะเติมค้าว่า “เซอโร” ซ่ึงแปลว่า “ช้ันสูง” ไว้ ข้างหน้า เช่น เราเรียกเมฆก้อนชั้นสูงวา่ “เมฆเซอโรคิวมูลสั ” (Cirrocumulus) เรียกเมฆแผ่นช้ันสงู ว่า “เมฆเซอ โรสเตรตัส” (Cirrostratus) และเรยี กช้นั สูงทีม่ ีรปู รา่ งเหมอื นขนนกวา่ “เมฆเซอรสั ” (Cirrus)

คาถาม แนวคาตอบ 1) ครูถามนักเรียนเพ่ือกระตุ้นให้นักเรียนคิดตาม โดย “เมฆ” เป็นกลุ่มละอองนา้ ท่ีเกิดจากการควบแน่น ซ่ึง ใช้ค้าถามดังน้ี “เมฆกับหมอกแตกต่างกันหรือไม่ เกิดการเปล่ียนแปลงอุณหภูมิจากการยกตัวของกลุ่ม อย่างไร” อากาศ (Air parcel) ผ่านความสูงเหนือระดับ ควบแน่น และมีอุณหภูมิลดต่้ากว่าจุดน้าค้าง ส่วน “หมอก” เกิดจากไอน้าเปลี่ยนสถานะควบแน่นเป็น หยดน้าเล็กๆ เช่นเดียวกับเมฆ แต่หมอกเกิดขึ้นจาก ความเย็นของพื้นผิว หรือการเพิ่มปริมาณไอน้าใน อากาศ 3) ครคู อยกระตุ้นให้นกั เรียนทุกคนมสี ว่ นร่วมในการตอบค้าถาม ขน้ั ท่ี 4 ขนั้ ขยายความรู้ 1) ครู อธิบายเพ่มิ เติมหรือส่ืออินเทอรเ์ น็ตเพมิ่ เติม แกน่ กั เรยี น 2) ครูแนะน้าให้นกั เรียนศกึ ษาเวบ็ ไซตท์ นี่ ่าสนใจเก่ียวกับเรื่องการเกิดเมฆ เช่น 3) ครูแนะน้าให้นักเรียนเข้าดูวีดิทัศน์แนะน้าการใช้ส่ือและอุปกรณ์วิชาวิทยาศาสตร์ ระดับชั้น มัธยมศึกษาตอนต้น เรือ่ ง การเกิดเมฆ 4) ครูอธิบายเพิ่มเติมเร่ืองสีของเมฆ กลา่ วคอื สีของเมฆทใ่ี ช้ในการบอกสภาพอากาศได้ เมฆสีเขียว จาง ๆ น้ันเกิดจากการกระเจิงของแสงอาทิตย์ เมื่อตกกระทบน้าแข็ง เมฆคิวมูโลนิมบัสท่ีมีสีเขียว น้ันบ่งบอกถึงการ ก่อตัวของ พายุฝน พายุลูกเห็บ หรือพายุทอร์นาโด เมฆสีเหลือง ไม่ค่อยได้พบเห็นบ่อยคร้ัง แต่อาจเกิดข้ึนได้ในช่วง ปลายฤดูใบไมผ้ ลิไปจนถึงช่วงตน้ ของฤดูใบไม้ร่วง ในช่วงทเ่ี กิดไฟปา่ ได้งา่ ย สีเหลอื งนั้นเกิดจากฝุ่นควันในอากาศ เมฆ สแี ดง สีส้ม หรือ สชี มพู น้ันโดยปกติเกิดในช่วง พระอาทิตย์ขนึ้ และ พระอาทิตย์ตก เกิดจากการกระเจิงของแสงใน ชั้นบรรยากาศ ไม่ได้เกิดจากเมฆโดยตรง เมฆเพียงเป็นตัวสะท้อนแสงนี้เท่านั้น ในกรณีท่ีมีพายุฝนขนาดใหญ่ในช่วง เดียวกันจะท้าให้เห็นเมฆ เป็นสีแดงเข้ม เหมือนสีเลือด เมฆเกิดจากการรวมตัวหรือเกาะกลุ่มของไอน้าในที่สุดก็จะ เกดิ การควบแนน่ และตกลงมาเปน็ ฝน

5) ครูใหน้ กั เรยี นดูสารคดเี พ่มิ เตมิ เรื่องการเกดิ เมฆ ทีม่ า : https://www.youtube.com/watch?v=KKwMJIER3ts ขั้นที่ 5 ข้ันประเมิน 1) ครปู ระเมินจากรปู เมฆท่ีนกั เรยี นถา่ ยภาพด้วยตนเองและเขยี นจา้ แนกชั้นของเมฆ 2) การตอบคา้ ถามในชั้นเรียน 8. ส่ือการเรยี นรู้ / แหลง่ เรยี นรู้ 8.1 กิจกรรมการวาดและเขยี นอธิบายชนั้ ของเมฆ 8.2 สอ่ื ออนไลน์ https://www.youtube.com/watch?v=KKwMJIER3ts https://www.dltv.ac.th https://www.proj14.ipst.ac.th/ 8.3 หนงั สอื เรยี นวิทยาศาสตร์พื้นฐาน ม.1 8.4 ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ ชุดท่ี 5 เรื่อง เมฆและฝน

9. การวดั และการประเมิน ตัวชี้วดั /ผลการเรียนรู้ วิธีการวดั เคร่อื งมือวดั เกณฑท์ ี่ใช้ในการประเมนิ 1 ดา้ นความรู้ :นกั เรียน - การตอบค้าถามนักเรียน - แบบประเมินการตอบ ผา่ นเกณฑ์ระดบั คณุ ภาพ 2 สามารถอธิบายการเกดิ ในชั้นเรยี น ค้าถาม ผ่านเกณฑร์ ะดับคณุ ภาพ 2 เมฆและชนดิ ของเมฆได้ 2. ดา้ นกระบวนการ : - รปู เมฆทีน่ กั เรียน - แบบประเมินการท้างาน ผ่านเกณฑร์ ะดบั คณุ ภาพ 2 นักเรียนสามารถถา่ ยภาพ ถา่ ยภาพด้วยตนเองและ รายบุคคล ด้วยตนเองและเขยี น เขียนจา้ แนกชั้นของเมฆ จ้าแนกชัน้ ของเมฆได้ - แบบประเมนิ การสังเกต 3. ดา้ นเจตคติ : นักเรียน - การสงั เกตพฤติกรรม ต้งั ใจเรียนและมุง่ ม่นั ใน นกั เรียน การทา้ งาน

บนั ทกึ หลังสอน รายวชิ า วิทยาศาสตรพ์ ้นื ฐาน 2 รหสั วชิ า ว 21102 ชัน้ ม.1 วันทสี่ อน... 21,24-27....มกราคม ...2565 แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี ...20...... เรอ่ื ง เมฆและชนิดของเมฆ นกั เรียนทผ่ี ่ำนเกณฑ์ นักเรียนท่ผี ่ำนเกณฑ์ แบบทดสอบก่อนเรียน แบบทดสอบหลังเรียน นักเรียนท้ังหมด จำนวนนักเรียนท่ีผ่ำน กำรประเ ิมน คิดเป็นร้อยละ จำนวนนักเรียนท่ีไ ่ม ่ผำนกำรประเ ิมน คิดเป็นร้อยละ ชนั้ จำนวน/ คิดเป็น จำนวน/ คิดเปน็ คน รอ้ ยละ คน รอ้ ยละ ม.1/2 39 38 97.44 0.00 36 92.31 39 100.00 ม.1/4 38 30 78.95 8 21.05 31 81.58 37 97.37 ม.1/6 37 32 86.49 5 13.51 34 91.89 35 94.59 ม.1/7 36 36 100.00 0.00 36 100.00 36 100.00 1. ผลกำรจดั กำรเรียนกำรสอน  สอนไดต้ ามแผนการจัดการเรียนรู้ มีจดุ ประสงค์ K P A 1) ดำ้ นควำมรู้ (K) นักเรยี นสามารถอธบิ ายการเกดิ เมฆและชนิดของเมฆได้ 2) ดำ้ นกระบวนกำร (P) นกั เรียนสามารถวาดและเขยี นอธิบายช้ันของเมฆได้ 3) ด้ำนเจตคติ (A) นกั เรียนต้ังใจเรยี นและมงุ่ มน่ั ในการทางาน 2. ผลกำรจดั กจิ กรรม ด้ำนทักษะกำรคดิ และคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ ชนั้ นกั เรียน จำนวนนกั เรยี นที่ผ่ำน คดิ เปน็ ร้อย จำนวนนกั เรยี นที่ไม่ คิดเปน็ ร้อยละ หมำยเหตุ ทั้งหมด กำรประเมนิ ละ ผำ่ นกำรประเมนิ 39 100 - ม.1/2 39 38 100 - - ม.1/4 38 37 100 - - ม.1/6 37 36 100 - - ม.1/7 36 -

3. ปัญหำและอุปสรรค  กิจกรรมการจดั การเรียนรู้ ไมเ่ หมาะสมกับเวลา  มีนักเรยี นทาใบงาน/ใบกิจกรรมไม่ทนั ตามกาหนดเวลา  มนี กั เรยี นที่ไมส่ นใจเรียน  อนื่ ๆ นกั เรยี นไมส่ ง่ งานตามเวลา 4. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทำงแก้ไข  ควรนาแผนไปปรับปรุง จากแผนการสอนที่ 20 ในกจิ กรรมถา่ ยรูป เมฆทบ่ี ้านของนักเรยี น เสริมเร่ืองลักษณะของเมฆ และปรับกิจกรรมให้มีการนาเสนอหน้าช้ันเรียน  แนวทางแก้ไขนักเรยี นที่ไม่ผา่ นการประเมิน/ไม่สนใจเรียน  ไมม่ ีข้อเสนอแนะ ลงชือ่ ........................................... ผู้บนั ทกึ (นางสาวสิริณ สวุ รรณโชต)ิ ครูผูส้ อน บนั ทกึ หลังการสอน ตามแผนการจัดการเรยี นรู้ฉบับนี้ ได้รบั การพิจารณาจากหัวหนา้ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ แล้ว ลงชือ่ ........................................... (นางภรู ิชญา ชูมณี) หวั หนา้ กลมุ่ สาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ชุดกิจกรรมการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ เรื่อง ลมฟ้าอากาศ หนา้ 21 ใบงานท่ี 1 เรื่อง เมฆ ชื่อ..................................................................................เลขท.่ี ......ชั้น........ คาช้ีแจง ให้นกั เรียนตอบคำถำมต่อไปน้ใี หถ้ ูกตอ้ ง (10 คะแนน) 1. เมฆ คอื 2. เมฆเซอรัส มีลกั ษณะอย่ำงไร 3. เมฆอัลโตคิวมลู สั เป็นเมฆชั้นใด มลี ักษณะอยำ่ งไร 4. เมฆสเตรตัส เป็นเมฆชน้ั ใด มลี ักษณะอยำ่ งไร 5. เมฆท่กี ่อตัวในแนวดิ่ง ท่ที ำใหเ้ กิดฝนตกหนัก ฟำ้ แลบ ฟ้ำรอ้ งคือเมฆชนิดใด ชุดท่ี 5 เมฆและฝน นางสาวสิรณิ สุวรรณโชติ โรงเรยี นคณะราษฎรบารุง จงั หวัดยะลา บรรยากาศ

ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ เรือ่ ง ลมฟ้าอากาศ หนา้ 1 คานา ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เร่ือง ลมฟ้าอากาศ สาหรับนักเรียนช้ัน มัธยมศึกษาปีที่ 1 จัดทาขึ้นเพ่ือใช้เป็นสื่อประกอบการจัดการเรียนการสอน รายวิชา วิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว21102 ซ่ึงเป็นชุดกิจกรรมท่ีเน้นให้นักเรียนได้ลงมือปฏิบัติจริง สง่ เสริมทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ สาหรับชุดกิจกรรมการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ เรอ่ื ง ลมฟ้าอากาศ ได้จดั ทาเป็น 8 ชุด ดงั นี้ ชุดท่ี 1 บรรยากาศ ชุดท่ี 2 อุณหภมู ิอากาศ ชดุ ที่ 3 ความกดอากาศและลม ชดุ ที่ 4 ความชน้ื ชดุ ที่ 5 เมฆและฝน ชุดที่ 6 การพยากรณ์อากาศ ชุดที่ 7 พายุ ชุดท่ี 8 การเปล่ยี นแปลงอุณหภมู ิอากาศ ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง ลมฟ้าอากาศ ชุดที่ 5 เมฆและฝน ประกอบด้วยเนื้อหาเกี่ยวกับ เมฆ ชนิดของเมฆ ฝน การเกิดฝน เครื่องวัดปริมาณฝน ผู้จัดทาหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์นี้ จะเป็นสื่อในการ แสวงหาความรู้แก่นักเรยี นไดอยา่ งมีประสทิ ธิภาพตรงตามเป้าหมายของหลักสูตร มีผลต่อ การพัฒนาการเรยี นรู้ของนักเรียน อันจะส่งผลให้นักเรียนมีผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนสูงข้ึน และมีเจตคติที่ดีต่อการเรียนวิทยาศาสตร์ รวมทั้งเกิดประโยชน์กับครูผู้สอนและผู้ท่ีสนใจ ศึกษาต่อไป ชดุ ที่ 5 เมฆและฝน นางสาวสิริณ สวุ รรณโชติ โรงเรยี นคณะราษฎรบารุง จังหวดั ยะลา บรรยากาศ

ชดุ กจิ กรรมการเรียนรูว้ ทิ ยาศาสตร์ เร่อื ง ลมฟ้าอากาศ หนา้ 2 สารบญั หนา้ 1 เรอื่ ง 2 คานา 4 สารบญั 5 สารบญั ภาพ 8 คู่มือการใช้ชุดกจิ กรรมการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์ 8 ชุดกจิ กรรมการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์ เรอ่ื ง ลมฟา้ อากาศ ชดุ ที่ 5 8 8 - มาตรฐานการเรยี นรู้ 8 - ตัวช้วี ดั 9 - สาระการเรียนรู้ 10 - จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 14 ขน้ั ตอนการใช้ชดุ กิจกรรมการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ 21 แบบทดสอบก่อนเรียน 22 ใบความรู้ท่ี 1 28 ใบงานท่ี 1 30 ใบความรู้ที่ 2 34 ใบงานท่ี 2 35 แบบทดสอบหลังเรียน แนวคาตอบใบงานท่ี 1 แนวคาตอบใบงานท่ี 2 ชุดที่ 5 เมฆและฝน นางสาวสริ ิณ สุวรรณโชติ โรงเรียนคณะราษฎรบารุง จังหวัดยะลา บรรยากาศ

ชดุ กจิ กรรมการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์ เร่อื ง ลมฟ้าอากาศ หนา้ 3 สารบัญ(ตอ่ ) หนา้ 37 เร่อื ง 38 เฉลยแบบทดสอบก่อนเรยี น 39 เฉลยแบบทดสอบหลงั เรยี น 41 เกณฑ์การใหค้ ะแนน 42 บรรณานกุ รม แบบบนั ทึกคะแนนการเรียนรู้ ชดุ ที่ 5 เมฆและฝน นางสาวสิริณ สวุ รรณโชติ โรงเรยี นคณะราษฎรบารงุ จังหวดั ยะลา บรรยากาศ

ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ เร่อื ง ลมฟ้าอากาศ หน้า 4 สารบญั ภาพ 14 15 เรื่อง 16 หน้า 16 17 ภาพท่ี 1 เมฆและฝน 17 ภาพที่ 2 เมฆเซอรัส 18 ภาพท่ี 3 เมฆเซอโรสคิวมลู สั 18 ภาพที่ 4 เมฆเซอโรสเตรตัส 19 ภาพที่ 5 เมฆอัลโตคิวมูลัส 19 ภาพที่ 6 เมฆอลั โตสเตรตัส 20 ภาพท่ี 7 เมฆสเตรตรัส 23 ภาพที่ 8 เมฆสเตรโตรควิ มลู ัส 24 ภาพที่ 9 เมฆนมิ โบสเตรตัส 24 ภาพท่ี 10 เมฆควิ มลู สั 25 ภาพท่ี 11 เมฆคิวมูโลนิมบสั 25 ภาพที่ 12 ลกู เหบ็ 26 ภาพที่ 13 การเกดิ ฝนพาความรอ้ น 26 ภาพที่ 14 การเกดิ ฝนภูเขา 27 ภาพที่ 15 พายหุ มนุ ภาพที่ 16 ฝนแนวปะทะ ภาพท่ี 17 เครื่องวัดนา้ ฝนแบบธรรมดาหรอื แบบแกว้ ตวง ภาพที่ 18 เครอ่ื งวัดนา้ ฝนแบบบันทึก ภาพท่ี 19 การวัดปรมิ าณน้าฝน ชุดที่ 5 เมฆและฝน นางสาวสริ ณิ สุวรรณโชติ โรงเรยี นคณะราษฎรบารุง จงั หวัดยะลา บรรยากาศ

ชดุ กจิ กรรมการเรียนรูว้ ทิ ยาศาสตร์ เรือ่ ง ลมฟ้าอากาศ หน้า 5 คมู่ อื การใช้ชุดกจิ กรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี 1 เร่อื ง ลมฟา้ อากาศ 1. ขอ้ เสนอแนะในการใช้ชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ การใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 1 เรื่อง ลมฟ้าอากาศ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ใช้ควบคู่กับแผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรยี นรู้ ลมฟ้าอากาศ 2. ส่วนประกอบของชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 1 เรือ่ ง ลมฟา้ อากาศ ประกอบด้วยเอกสารดังน้ี 2.1 คูม่ อื การใช้ชดุ กิจกรรมการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ 2.2 มาตรฐานการเรยี นรู้และตัวช้ีวัด สาระการเรยี นรู้/สาระสาคญั /จุดประสงค์การ เรยี นรู้ 2.3 ข้ันตอนการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรูว้ ทิ ยาศาสตร์ 2.4 แบบทดสอบกอ่ นเรียน 2.5 กิจกรรม 2.6 แบบทดสอบหลังเรยี น 3. ส่วนประกอบของกิจกรรม 3.1 ใบกจิ กรรม/ใบความรู้ 3.2 ใบงาน 3.3 แนวคาตอบกิจกรรม 3.5 แนวคาตอบใบงาน 3.6 เกณฑ์การใหค้ ะแนน 4. ส่วนประกอบของแบบทดสอบ 4.1 แบบทดสอบก่อนเรยี น-แบบทดสอบหลังเรียน 4.2 เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน-เฉลยแบบทดสอบหลังเรยี น 4.3 เกณฑ์การใหค้ ะแนน 5. คาชแ้ี จงสาหรับครผู ู้สอน 5.1 ครผู ูส้ อนศกึ ษาสาระการเรียนรู้และชุดกจิ กรรมการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตร์โดยละเอียด ดังนี้ ชดุ ท่ี 5 เมฆและฝน นางสาวสริ ณิ สวุ รรณโชติ โรงเรยี นคณะราษฎรบารุง จงั หวัดยะลา บรรยากาศ

ชุดกิจกรรมการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ เรอื่ ง ลมฟ้าอากาศ หน้า 6 5.1.1 ศึกษาคู่มือการใช้ชดุ กิจกรรมการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์ 5.1.2 ขอ้ เสนอแนะสาหรับครผู สู้ อน 5.1.3 จัดเตรยี มส่ือและกิจกรรมตามลาดบั การใช้ก่อน-หลัง 5.1.4 คาชแี้ จงในการปฏิบตั ิกิจกรรม 5.2 ครูผ้สู อนควรเตรียมวสั ดุอปุ กรณ์ที่ไม่ไดจ้ ดั ไว้ในชุดกิจกรรมการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ 5.3 ครผู ูส้ อนควรจัดเตรียมหอ้ งเรยี นตามความเหมาะสมของเนื้อหาท่ีเรยี น 5.4 ครูผู้สอนต้องศึกษาเน้ือหาท่ีจะสอนและศึกษาชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ โดยละเอียด 5.5 ก่อนสอนครูผสู้ อนชแ้ี จงใหน้ ักเรียนทราบบทบาทของนักเรยี นในการเรียน 5.6 ขน้ั ตอนการสอน โดยครูผู้สอนใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ 5 ขน้ั ตอน 5.6.1 ขน้ั สรา้ งความสนใจ 5.6.2 ขั้นสารวจและค้นหา 5.6.3 ขน้ั อธิบายและลงข้อสรปุ 5.6.4 ข้ันขยายความรู้ 5.6.5 ขนั้ ประเมนิ 5.7 ขณะที่นักเรยี นปฏิบัตกิ ิจกรรมครผู ้สู อนควรมีการกระตนุ้ เสรมิ แรง ใหก้ าลงั ใจและ คอยตอบคาถามหากนกั เรยี นมคี าถามและปญั หาในขณะปฏบิ ัติงาน 5.8 ครูผู้สอนควรดูแลนักเรียนขณะปฏิบัตกิ ิจกรรมอย่างใกลช้ ิด พร้อมกับประเมินด้าน ทักษะกระบวนการและคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 5.9 หลงั จากนักเรยี นทากิจกรรมครบตามข้ันตอนแลว้ ครเู ฉลยกจิ กรรมร่วมกบั นักเรียน 5.10 ครผู สู้ อนบันทกึ ผลการประเมนิ ทุกด้าน 6. สิ่งท่ีครูผสู้ อนตอ้ งเตรียมล่วงหน้า 6.1 ครูผสู้ อนศกึ ษาแผนการจัดการเรียนรเู้ พ่ือเตรยี มความพร้อมในการจดั กิจกรรมการ เรยี นรู้ 6.2 ครผู ู้สอนเตรียมแนวคาตอบกจิ กรรมและเกณฑ์การให้คะแนน 6.3 ครูผู้สอนเตรยี มส่ือการเรียนการสอนสาหรบั ปฏิบตั กิ ิจกรรมไว้ล่วงหนา้ ชดุ ท่ี 5 เมฆและฝน นางสาวสริ ณิ สวุ รรณโชติ โรงเรยี นคณะราษฎรบารุง จงั หวดั ยะลา บรรยากาศ

ชดุ กจิ กรรมการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์ เรอ่ื ง ลมฟ้าอากาศ หน้า 7 6.4 เมอื่ ศกึ ษาและปฏิบตั ิกจิ กรรมในชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์เรียบรอ้ ยแลว้ ใหน้ ักเรียนทาแบบทดสอบหลังเรียนจานวน 10 ข้อ 7. บทบาทของนักเรยี น ครูผสู้ อนต้องชีแ้ จงให้นักเรียนทราบถึงบทบาทของนักเรยี นดังนี้ 7.1 นักเรยี นฟังคาแนะนาในการปฏิบตั กิ ิจกรรมของชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ 7.2 นักเรยี นทาแบบทดสอบก่อนเรยี น จานวน 10 ขอ้ 7.3 นักเรยี นต้องตง้ั ใจปฏบิ ัตกิ ิจกรรมตามขน้ั ตอนทีก่ าหนดไวใ้ นชดุ กิจกรรม 7.4 เมื่อศึกษาและปฏิบตั ิกิจกรรมในชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตรเ์ รียบรอ้ ยแล้วให้ นักเรียนทาแบบทดสอบหลงั เรียนจานวน 10 ข้อ 8. การวัดประเมินผล (ถือเกณฑ์การผ่าน ร้อยละ 80) 8.1 ด้านความรู้ 8.2 ดา้ นทักษะกระบวนการ 8.3 ดา้ นจิตวิทยาศาสตร์ 8.4 แบบทดสอบหลังเรยี นชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลอื ก จานวน 10 ขอ้ ชุดที่ 5 เมฆและฝน นางสาวสิรณิ สุวรรณโชติ โรงเรียนคณะราษฎรบารงุ จงั หวัดยะลา บรรยากาศ

ชดุ กิจกรรมการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ เรอ่ื ง ลมฟ้าอากาศ หน้า 8 ชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ ชดุ ท่ี 5 เมฆและฝน มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 3.2 เข้าใจองคป์ ระกอบ และความสัมพนั ธข์ องระบบโลก กระบวนการเปลี่ยนแปลงภายในโลก และบนผิวโลก ธรณีพิบัติภยั กระบวนการ เปล่ียนแปลงลมฟ้าอากาศและภูมอิ ากาศโลกรวมทั้งผลต่อส่งิ มีชีวติ และสิง่ แวดลอ้ ม ตัวชีว้ ัด ว 3.2 ม.1/2 อธบิ ายปจั จัยท่ีมีผลตอ่ การเปลีย่ นแปลงองคป์ ระกอบของลมฟ้า อากาศจากข้อมูลทีร่ วบรวมได้ สาระการเรียนรู้ 1. เมฆและชนิดของเมฆ 2. การเกิดฝนการวัดปริมาณนา้ ฝน 3. การวดั ปริมาณน้าฝน จุดประสงค์การ เร1ยี. นอรธู้ ิบายการเกดิ เมฆและชนดิ ของเมฆได้ 2. อธบิ ายการเกิดฝนและแสดงการวดั ปรมิ าณน้าฝนได้ ชุดท่ี 5 เมฆและฝน นางสาวสิริณ สุวรรณโชติ โรงเรียนคณะราษฎรบารงุ จงั หวดั ยะลา บรรยากาศ

ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ เรอ่ื ง ลมฟ้าอากาศ หนา้ 9 ข้ันตอนการใชช้ ดุ กิจกรรมการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ อ่านคาช้ีแจง ทาแบบทดสอบก่อนเรยี น ศึกษาชุดกิจกรรม และทากิจกรรมระหว่างเรยี น ไมผ่ ่าน ทาแบบทดสอบหลงั เรียน ผา่ น สรปุ คะแนนจากการทากจิ กรรม แลว้ ศึกษาชุดกจิ กรรมเร่ืองตอ่ ไป ชดุ ท่ี 5 เมฆและฝน นางสาวสริ ิณ สุวรรณโชติ โรงเรียนคณะราษฎรบารงุ จงั หวดั ยะลา บรรยากาศ

ชุดกิจกรรมการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์ เรือ่ ง ลมฟ้าอากาศ หน้า 10 แบบทดสอบกอ่ นเรียน คาช้แี จง 1. ข้อสอบเป็นแบบปรนยั มีทั้งหมด 10 ข้อ 10 คะแนน 2. จงกาเคร่อื งหมาย X ลงในกระดาษคาตอบเลือกคาตอบทถี่ ูกตอ้ งที่สุด เพียงข้อเดยี ว 1. ประเทศไทยฝนตกหนักจะมีปริมาณน้าฝนเทยี บกับเกณฑ์การวดั นา้ ฝน เท่าไหร่ ก. 0.1 – 10 มิลลิเมตร ข. 10.1 – 35 มิลลเิ มตร ค. 35.1 – 90 มลิ ลิเมตร ง. 90.1 มลิ ลเิ มตรขึ้นไป 2. ฝนแนวปะทะเกดิ จากขอ้ ใด ก. นา้ ระเหยลอยตัวข้นึ เมื่อกระทบอากาศเยน็ ไอนา้ จะกล่ันตวั เป็นหยดน้าเล็กๆ ลอยตวั รวมกนั อยู่ในอากาศ ข. มวลอากาศชื้นไหลมาปะทะภเู ขาทข่ี วางก้นั ทิศทางลมมวลอากาศจะถกู ยกตัว ให้สงู ขน้ึ และเย็นลง มคี วามกดอากาศสงู ค. พายหุ มุนที่มีมวลอากาศไหลเขา้ สู่ศนู ยก์ ลางหยอ่ มความกดอากาศต่า มวลอากาศทไ่ี หลเข้ามาจะถกู ยกตวั ให้สงู ข้นึ อย่างรวดเร็ว ง. มวลอากาศร้อนกับมวลอากาศเย็นเคลื่อนมาปะทะกนั มวลอากาศเยน็ จะดัน ใหม้ วลอากาศรอ้ นทีช่ มุ่ ช้นื และเบากวา่ ลอยขึ้นสเู่ บือ้ งบน ชุดท่ี 5 เมฆและฝน นางสาวสิริณ สุวรรณโชติ โรงเรยี นคณะราษฎรบารงุ จงั หวดั ยะลา บรรยากาศ

ชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง ลมฟ้าอากาศ หนา้ 11 3. ฝนเกดิ ขนึ้ ไดอ้ ยา่ งไร ก. น้าที่เกิดจากกระบวนการกลั่นตัวของไอน้าในอากาศท่ีรวมกันเป็นเมฆ กลายเป็น หยดน้าเม่ือหยดน้ามีขนาดใหญ่และ มีน้าหนักมากจนอากาศไม่ สามารถอุม้ ไว้ได้ ข. มวลอากาศร้อนกับมวลอากาศเย็นเคล่ือนมาปะทะกัน มวลอากาศเย็นจะดันให้ มวลอากาศรอ้ นทชี่ มุ่ ชืน้ และเบากวา่ ลอยขึ้นสู่เบือ้ งบน ค. พายุหมุนท่ีมีมวลอากาศไหลเข้าสู่ศูนย์กลางหย่อมความกดอากาศต่า มวล อากาศทไี่ หลเข้ามาจะถูกยกตวั ให้สงู ขน้ึ อย่างรวดเร็ว ง. มวลอากาศช้ืนไหลมาปะทะภูเขาท่ีขวางกั้นทิศทางลมมวลอากาศจะถูกยกตัว ให้สูงข้ึนและเย็นลง มคี วามกดอากาศสงู 4. เมฆเกดิ ขนึ้ ไดอ้ ย่างไร ก. น้าระเหยลอยตัวข้ึนเมื่อกระทบอากาศเย็นไอน้าจะกล่ันตัวเป็นหยดน้าเล็กๆ ลอยตัวรวมกนั อยใู่ นอากาศ ข. มวลอากาศชื้นไหลมาปะทะภูเขาท่ีขวางกั้นทิศทางลมมวลอากาศจะถูกยกตัว ให้สงู ข้นึ และเย็นลง มคี วามกดอากาศสงู ค. พายุหมุนท่ีมีมวลอากาศไหลเข้าสู่ศูนย์กลางหย่อมความกดอากาศต่ามวล อากาศทไี่ หลเขา้ มาจะถกู ยกตัวใหส้ งู ขึ้นอย่างรวดเร็ว ง. มวลอากาศร้อนกบั มวลอากาศเย็นเคลื่อนมาปะทะกัน มวลอากาศเยน็ จะดันให้ มวลอากาศร้อนท่ีช่มุ ชื้นและเบากวา่ ลอยขึ้นส่เู บื้องบน 5. เมฆชนิดใดมีลกั ษณะเปน็ แผน่ ปกคลุมบริเวณกว้าง บริเวณฐานจะเปน็ สีเทาหรือสีฟ้า ก. เมฆเซอรัส ข. เมฆสเตรตสั ค. เมฆอลั โตควิ มลู ัส ง. เมฆอลั โตสเตรตัส ชุดท่ี 5 เมฆและฝน นางสาวสิรณิ สวุ รรณโชติ โรงเรยี นคณะราษฎรบารงุ จังหวัดยะลา บรรยากาศ

ชุดกจิ กรรมการเรียนรูว้ ทิ ยาศาสตร์ เรือ่ ง ลมฟ้าอากาศ หนา้ 12 6. ถ้าเราเห็นเมฆก่อตัวในแนวต้ัง มีลักษณะเป็นก้อนขนาดใหญ่ ส่วนยอดแผ่แบนออก คล้ายทัง่ แสดงวา่ อยา่ งไร ก. อากาศแจม่ ใส ลมพัดแรง ข. อากาศแหง้ ลมสงบ ค. อากาศชื้นเล็กนอ้ ย อาจมีฝนตกปรอย ๆ ง. อากาศชน้ื มาก และจะมีฝนตกฟา้ คะนอง 7. เมฆชนิดทเ่ี กิดในระดับสงู ก. เมฆอลั โตควิ มูลัส ข. เมฆเซอรัส ค. เมฆสเตรตัส ง. เมฆนมิ โบสเตรตัส 8. เมฆชนิดที่ทาให้ฝนตกหนกั ลมแรง และเกิดพายฝุ นฟา้ คะนอง ก. เมฆควิ มลู ัส ข. เมฆสเตรตสั ค. เมฆควิ มูโลนมิ บัส ง. เมฆนิมโบสเตรตสั 9. เมฆชนดิ ใดก่อให้เกิด “ฝน” ก. เมฆเซอรสั ข. เมฆนิมโบสเตรตัส ค. เมฆควิ มโู ลนิมบสั ง. ถกู ทั้ง ข และ ค ชุดท่ี 5 เมฆและฝน นางสาวสิริณ สุวรรณโชติ โรงเรยี นคณะราษฎรบารงุ จังหวดั ยะลา บรรยากาศ

ชุดกจิ กรรมการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ เรอ่ื ง ลมฟ้าอากาศ หน้า 13 10.สงิ่ ใดท่ีชว่ ยให้เมฆก่อตวั ได้ดขี ้ึนคืออะไร ก. ลม ข. ความรอ้ น ค. ฝนุ่ ละอองในอากาศ ง. ไมม่ ขี ้อถูก ไดค้ ะแนนน้อยไมเ่ ป็นไรนะครบั นแ่ี ค่การทดสอบเพอื่ วดั พื้นฐานความรู้ เท่านน้ั สู้ ๆ นะครับ ชดุ ที่ 5 เมฆและฝน นางสาวสิริณ สวุ รรณโชติ โรงเรยี นคณะราษฎรบารุง จงั หวัดยะลา บรรยากาศ

ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง ลมฟ้าอากาศ หน้า 14 ใบความรู้ที่ 1 เรื่อง เมฆและฝน แสงจากดวงอาทิตย์ที่ส่องมายังพ้ืนผิวโลกทาให้ อุณหภูมิของอากาศเหนือ พื้นน้าสงู ข้ึน น้าจึงระเหยลอยตัว ข้ึนเมื่อกระทบอากาศเย็นไอน้าบางส่วนจะกลนั่ ตัว เป็นหยด น้าเล็กๆ ลอยตัวรวมกันอยู่ในอากาศ เม่ือมีจานวนมากจะ เรียกว่า เมฆ ถ้าหยดนา้ ที่รวมกันเป็นเมฆมีขนาดใหญ่ข้ึน จนอากาศไม่สามารถอุ้มไว้ได้ก็จะตกลง มาเป็น ฝน เมฆ คือ อนุภาคน้าหรือผลึกน้าแข็งขนาดเล็กลอย อยู่ในอากาศ เมฆอาจ ประกอบดว้ ยนา้ หรอื ผลึกนา้ แขง็ ภาพท่ี 1 เมฆและฝน (ท่ีมา : นิรนาม.2562 : https://sites.google.com/site/brryakas201) ชดุ ท่ี 5 เมฆและฝน นางสาวสิริณ สุวรรณโชติ โรงเรยี นคณะราษฎรบารุง จงั หวดั ยะลา บรรยากาศ

ชดุ กิจกรรมการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ เรอื่ ง ลมฟ้าอากาศ หน้า 15 การแบง่ ชนิดของเมฆ การแบ่งชนิดของเมฆตามรูปรา่ งลักษณะ สามารถ แบ่งได้ 3 ประเภทใหญ่ๆ ดังนี้ 1. เมฆคิวมลู สั (cumulus cloud) มีรูปรา่ ง ลกั ษณะเป็นเมฆก้อน 2. เมฆสเตรตัส (stratus cloud) มีรูปร่าง ลกั ษณะเปน็ เมฆแผน่ หรอื เมฆชัน้ 3. เมฆเซอรัส (cirrus cloud) มีรูปรา่ งลกั ษณะ เป็นเมฆที่เป็นริ้วๆ คล้ายขนสัตว์ การแบง่ ชนดิ ของเมฆตามระดับความสูง การแบง่ ชนิดของเมฆตามระดับความสงู สามารถแบ่งได้ 3 ประเภทใหญ่ๆ 1. เมฆชัน้ สงู (High Clouds) จะอยู่ท่คี วามสงู 6,000 - 18,000 เมตร ข้นึ ไป ส่วน ใหญจ่ ะเป็นผลึกน้าแข็งเน่ืองจากอยูท่ ร่ี ะดับสงู มากมีสีขาวหรอื เทาอ่อน เมฆระดบั สงู มอี ยู่ 3 ชนดิ ดังน้ี 1.1 เมฆเซอรัส (Cirrus Cloud) มีลักษณะเป็น แผ่นบางสีขาวเจิดจ้าหรือสีเทา อ่อน ดวงอาทิตย์สามารถ ส่องผ่านได้อย่างดีเกิดจากผลึกน้าแข็งขนาดจิ๋ว มีหลายๆ รูปทรง เช่น เปน็ ฝอย เปน็ ปยุ คล้ายใยไหม คล้ายขนนกบาง ๆ หรือเป็นทางยาว ภาพท่ี 2 เมฆเซอรสั (ท่มี า : นิรนาม.2562 : https://sites.google.com/site/brryakas201) 1.2 เมฆเซอโรสควิ มลู ัส (Cirrocumulus Cloud) มลี ักษณะเป็นสีขาวกอ้ น เลก็ ๆ คล้ายระลอกคลน่ื หรอื ปุยนุ่น ชดุ ท่ี 5 เมฆและฝน นางสาวสิริณ สุวรรณโชติ โรงเรยี นคณะราษฎรบารุง จงั หวดั ยะลา บรรยากาศ

ชดุ กิจกรรมการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ เร่อื ง ลมฟ้าอากาศ หนา้ 16 ภาพที่ 3 เมฆเซอโรสคิวมูลสั (ที่มา : นิรนาม.2562 : https://sites.google.com/site/brryakas201 1.3 เมฆเซอโรสเตรตัส (Cirrostratus Cloud) มีลักษณะคล้ายกับเมฆเซอรัส แต่จะแผ่ออกเป็นแผ่นเยื่อบางๆ ต่อเนื่องเปน็ แผ่นตามทิศทางของลมในระดับสูง เมฆชนิดน้ี ทาใหเ้ กดิ วงแสงรอบๆ ดวงอาทติ ย์หรือดวงจนั ทร์ เรยี กว่า การทรงกลด ภาพท่ี 4 เมฆเซอโรสเตรตัส (ที่มา : นิรนาม.2562 : https://sites.google.com/site/brryakas201) ชุดท่ี 5 เมฆและฝน นางสาวสริ ิณ สุวรรณโชติ โรงเรียนคณะราษฎรบารุง จงั หวัดยะลา บรรยากาศ

ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์ เรือ่ ง ลมฟ้าอากาศ หน้า 17 2. เมฆชั้นกลาง (Middle Clouds) จะอยู่ทีค่ วามสูงระหวา่ ง 2,000 - 8,000 เมตร มีอยู่ 2 ชนิด ดงั น้ี 2.1 เมฆอัลโตคิวมูลัส (Altocumulus Cloud) มีลักษณะเป็นกลุ่มก้อนเล็กๆ มีลกั ษณะเปน็ คลนื่ เปน็ ลอนคล้าย ฝูงแกะท่ีอยู่รวมกัน กอ้ นเมฆมีสีขาวหรือ สีเทา ภาพที่ 5 เมฆอลั โตคิวมลู ัส (ทมี่ า : นิรนาม.2562 : https://sites.google.com/site/brryakas201) 2.2 เมฆอัลโตสเตรตัส (Altostratus Cloud) มีลักษณะเป็นแผ่นปกคลุม บริเวณกว้าง บริเวณฐานเมฆจะเป็นสีเทาหรือสีฟ้า สามารถบังดวงอาทิตย์หรือดวงจันทร์ ทาใหเ้ หน็ เป็นฝา้ ๆ อาจทาให้เกดิ ฝนละอองบาง ๆ ได้ ภาพท่ี 6 เมฆอลั โตสเตรตสั (ทีม่ า : นริ นาม.2562 : https://sites.google.com/site/brryakas201) ชดุ ที่ 5 เมฆและฝน นางสาวสิรณิ สวุ รรณโชติ โรงเรียนคณะราษฎรบารุง จังหวดั ยะลา บรรยากาศ

ชดุ กิจกรรมการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์ เรือ่ ง ลมฟ้าอากาศ หนา้ 18 3. เมฆชน้ั ตา่ (Low Clouds) จะอยู่ที่ความสูงไม่เกิน 2,000 เมตร มอี ยู่ 3 ชนิด ดงั นี้ 3.1 เมฆสเตรตรัส (Stratus Cloud) มีลักษณะเป็นแผ่นหรือเป็นชั้นสีเทา รวมตัวกันอยู่เป็นบริเวณไม่กว้างมากนัก บางครั้งอาจเกิดในระดับต่ามากคล้ายหมอก จะเคลอ่ื นทต่ี ามลมได้เรว็ และอาจทาใหเ้ กิดฝนละอองไดบ้ างครง้ั จะเหน็ ปกคลมุ อยบู่ นยอด ภาพที่ 7 เมฆสเตรตรสั (ท่ีมา : นริ นาม.2562 : https://sites.google.com/site/brryakas201) 3.2 เมฆสเตรโตรคิวมูลัส (Stratocumulus Cloud) มีลักษณะเป็นก้อนกลม คล้ายเมฆคิวมูลัส แต่เรียงติดกันเป็นแถวๆ รวมกันคล้ายคล่ืน บางคร้ังอาจจะแยกตัว ออกเป็นกลุม่ ท่ปี ระกอบด้วยเมฆก้อนเล็กๆจานวนมาก ภาพที่ 8 เมฆสเตรโตรคิวมลู ัส (ท่มี า : นริ นาม.2562 : https://sites.google.com/site/brryakas201) ชุดที่ 5 เมฆและฝน นางสาวสริ ิณ สุวรรณโชติ โรงเรียนคณะราษฎรบารงุ จังหวดั ยะลา บรรยากาศ

ชุดกจิ กรรมการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ เรือ่ ง ลมฟ้าอากาศ หน้า 19 3.3 เมฆนมิ โบสเตรตัส (Nimbostratus Cloud) มลี กั ษณะเป็นแผน่ สีเทาเขม้ ปกคลุมเปน็ บริเวณกวา้ งมากทาใหเ้ กดิ ฝนหรอื หิมะตกในปรมิ าณเล็กน้อยถึงปานกลาง ต่อเน่ืองเป็นเวลานานๆได้ เมฆชนิดนไี้ ม่มีฟา้ แลบฟ้ารอ้ ง ภาพท่ี 9 เมฆนมิ โบสเตรตัส (ที่มา : นริ นาม.2562 : https://sites.google.com/site/brryakas201) 4. เมฆก่อตัวในแนวตั้ง (Clouds with Vertical Development) จะเกิดเม่ือ อากาศ เหนือพื้นดินเม่ือได้รับความร้อนจากแสงอาทิตย์ อากาศร้อนจะลอยตัวสูงขึ้นและ เกดิ เปน็ เมฆ มีอยู่ 2 ชนิด 4.1 เมฆคิวมูลัส (Cumulus Cloud) เป็นเมฆท่ีลอยตัวขึ้นช้าๆ พร้อมกับอากาศ ที่ลอยตัวสูงข้ึน ถ้าขยายขนาดใหญ่ข้ึนเรื่อยๆอาจพัฒนาเป็นเมฆคิวมูโลนิมบัสได้ มี ลกั ษณะหนาทึบกระจัดกระจายเหมือนก้อนสาลี ภาพท่ี 10 เมฆคิวมลู ัส (ทมี่ า : นิรนาม.2562 : https://sites.google.com/site/brryakas201) ชุดที่ 5 เมฆและฝน นางสาวสริ ณิ สวุ รรณโชติ โรงเรียนคณะราษฎรบารงุ จงั หวดั ยะลา บรรยากาศ

ชดุ กิจกรรมการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ เร่ือง ลมฟ้าอากาศ หน้า 20 4.2 เมฆคิวมูโลนิมบัส (Cumulonimbus Cloud) เป็นเมฆหนาก้อนใหญ่ ก่อตัวสูงมาก บางครั้งยอดเมฆจะออกเป็นรูปทั่งทาให้เกิดฝนตกหนัก ฟ้าแลบ ฟ้าร้อง ลม แรง บางคร้ัง มีลกู เห็บตก จึงเรียกว่า เมฆฝนฟ้าคะนอง ภาพท่ี 11 เมฆคิวมูโลนมิ บสั (ท่มี า : นริ นาม.2562 : https://sites.google.com/site/brryakas201) ชดุ ที่ 5 เมฆและฝน นางสาวสิริณ สุวรรณโชติ โรงเรียนคณะราษฎรบารงุ จังหวดั ยะลา บรรยากาศ

ชุดกิจกรรมการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ เรื่อง ลมฟ้าอากาศ หนา้ 21 ใบงานท่ี 1 เรื่อง เมฆ ชื่อ..................................................................................เลขท.่ี ......ชั้น........ คาช้ีแจง ให้นกั เรียนตอบคาถามต่อไปน้ใี หถ้ ูกตอ้ ง (10 คะแนน) 1. เมฆ คอื 2. เมฆเซอรัส มีลกั ษณะอย่างไร 3. เมฆอัลโตคิวมลู สั เป็นเมฆชั้นใด มลี ักษณะอยา่ งไร 4. เมฆสเตรตัส เป็นเมฆชน้ั ใด มลี ักษณะอยา่ งไร 5. เมฆท่กี ่อตัวในแนวดิ่ง ท่ที าใหเ้ กิดฝนตกหนัก ฟา้ แลบ ฟ้ารอ้ งคือเมฆชนิดใด ชุดท่ี 5 เมฆและฝน นางสาวสิรณิ สุวรรณโชติ โรงเรยี นคณะราษฎรบารุง จงั หวัดยะลา บรรยากาศ

ชุดกจิ กรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรอ่ื ง ลมฟ้าอากาศ หน้า 22 ใบความรู้ที่ 2 เร่อื ง ฝน ฝน คือไอน้าในอากาศท่ีรวมกันเป็นเมฆ เม่ืออนุภาคของน้าหรือเกล็ดน้าแข็งใน เมฆ มีขนาดใหญ่ขึ้นและมีความหนาแน่นและมีน้าหนักมากขึ้นจนอากาศไม่สามารถอุ้ม นา้ หรือ เกล็ดนา้ แข็งไว้ได้จึงตกลงมายังพื้นโลกในรปู ต่างๆ เช่น เป็นฝน หิมะ หรอื ลูกเห็บ ซ่งึ เรียกวา่ หยาดน้าฟา้ หยาดน้าฟ้า (Precipitation) คือ ส่ิงที่เกิดข้ึนจากการควบแน่นของไอน้าใน อากาศและตกลงมาจากท้องฟ้าสู่พ้ืนดินสภาวะที่เป็นน้าหรือน้าแข็ง เช่น ฝน หิมะ หรอื ลกู เห็บ ซึง่ ตอ้ งอาศัยเมฆในการเกิด และหยาดนา้ ฟ้ามหี ลายชนดิ ชนิดของหยาดน้าฟา้ ในประเทศไทย มี 4 ชนิด คือ 1. ฝน เป็นหยดน้ามีขนาดประมาณ 0.5 – 5 มิลลิเมตร ฝนส่วนใหญ่ตก ลงมาจากเมฆนิมโบสเตรตัส และเมฆคิวมูโลนิมบัส ซึ่งฝนมีชื่อเรียกตามลักษณะของ การตก เชน่ ฝนซู่ เปน็ ฝนที่ตกหนกั ในระยะเวลาสนั้ ๆ แล้วหยุดทนั ที พายฝุ นฟ้าคะนอง เปน็ ฝนทเ่ี กิดขน้ึ พรอ้ มกบั พายุ ฟา้ แลบ ฟ้ารอ้ ง ฟ้าผา่ 2. ฝนละออง (Drizzle) เป็นหยดน้าขนาดเล็กกว่า 0.5 มิลลิเมตร เนอ่ื งจากมีขนาดเลก็ มาก จึงดูคลา้ ยเปน็ ละอองปลวิ ลงมา เกดิ จากเมฆสเตรตัส 3. ละอองหมอก (Mist) เป็นหยดน้าขนาด 0.005 – 0.05 มิลลิเมตร เกิด จากเมฆสเตรตสั ทาใหเ้ ราร้สู กึ ชื้นเม่ือเดนิ ผา่ น มกั พบบนยอดเขาสูง 4. ลูกเห็บ (Hail) เป็นก้อนน้าแข็งส่วนใหญ่มีขนาดใหญ่กว่า 5 มิลลิเมตร เกิดข้นึ จากกระแสในอากาศไหลขึ้น ( updraft) และไหลลง (downdraft) ภายในเมฆ ควิ มูโลนิมบัส พัดให้ผลกึ น้าแข็งปะทะกับอากาศเย็นกลายเป็นกอ้ นนา้ แข็ง และตกลง มาได้ ชดุ ที่ 5 เมฆและฝน นางสาวสริ ิณ สุวรรณโชติ โรงเรียนคณะราษฎรบารุง จังหวัดยะลา บรรยากาศ

ชุดกจิ กรรมการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ เรือ่ ง ลมฟ้าอากาศ หนา้ 23 ภาพที่ 12 ลกู เห็บ (ทม่ี า : นิรนาม.2562 : https://www.google.com/search) การเกิดฝน ฝนเป็นน้าท่ีเกิดจากกระบวนการกลั่นตัวของไอน้าในอากาศท่ีรวมกันเป็นเมฆ กลายเป็นหยดน้า เมื่อหยดน้ามีขนาดใหญ่และมีน้าหนักมากจนอากาศไม่สามารถอุ้มไว้ ได้จึงตกเป็นฝน โดยเฉลี่ยเม็ดฝนจะมีเส้นผ่านศูนย์กลางมากกว่า 0.5 มิลลิเมตร ถ้าต่า กว่า 0.5 มิลลิเมตรซงึ่ สามารถลอยปลิวไปตามกระแสลมได้เรียกว่า ฝนละออง ส่วนเม็ดฝน ขนาดใหญ่และตกลงมาในระยะเวลาส้ันๆ เรียกว่า ฝนไล่ช้างหรือฝนซู่ เป็นฝนท่ีตกหนัก ในระยะเวลาส้ันๆ แล้วหยุดทันที ฝนมีลักษณะการเกิดท่ีแตกต่างกัน แบ่งออกได้ 4 ชนิด ดังนี้ 1. ฝนพาความร้อน เป็นฝนที่เกิดจากเมฆที่ก่อตัวข้ึนจากมวลอากาศร้อน และลอยตัวข้ึนสูงจนไปกระทบกับอากาศเย็นทาให้เกิดฝนตกลงมา ฝนพาความ ร้อนมักจะตกในตอนบ่าย หรือตอนค่า เวลาฝนตกจะมีพายุ ฟ้าแลบ และฟ้าร้อง เกิดขึ้นเรียกว่า พายุฝนฟ้าคะนอง ในประเทศไทยฝนชนิดนี้จะพบมากในช่วงฤดู ร้อน ประมาณเดอื นมีนาคมถึงต้นเดือนพฤษภาคม ชุดท่ี 5 เมฆและฝน นางสาวสิริณ สุวรรณโชติ โรงเรยี นคณะราษฎรบารงุ จงั หวดั ยะลา บรรยากาศ

ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์ เรอื่ ง ลมฟ้าอากาศ หน้า 24 ภาพที่ 13 การเกิดฝนพาความรอ้ น (ทีม่ า : นิรนาม.2562 : https://sites.google.com/site/brryakas201) 2. ฝนภูเขา เป็นฝนท่ีเกิดจากมวลอากาศช้ืนไหลมาปะทะภูเขาท่ีขวางก้ัน ทิศทางลม มวลอากาศจะถูกยกตัวให้สูงขึ้นและเย็นลง ไอน้าจึงกล่ันตัวกลายเป็น เมฆหนาทึบและตกลงมาเป็นฝน โดยฝนจะตกหนักทางด้านต้นลม แต่ทางด้าน ปลายลมฝนจะตกนอ้ ยลง เรียกว่า เงาฝน ภาพท่ี 14 การเกดิ ฝนภเู ขา (ที่มา : นริ นาม.2562 : https://sites.google.com/site/brryakas201) ชุดท่ี 5 เมฆและฝน นางสาวสริ ิณ สุวรรณโชติ โรงเรียนคณะราษฎรบารุง จงั หวดั ยะลา บรรยากาศ

ชุดกจิ กรรมการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ เรื่อง ลมฟ้าอากาศ หนา้ 25 3. ฝนพายุหมุน เป็นฝนท่ีเกิดจากพายุหมุนที่มีมวลอากาศไหลเข้าสู่ ศนู ย์กลางหย่อมความกดอากาศตา่ มวลอากาศทีไ่ หลเข้ามาจะถูกยกตัวให้สูงข้นึ อยา่ ง รวดเร็ว ทาให้ไอน้ากล่ันตัวกลายเป็นเมฆหนาทึบและตกลงมาเป็นฝน ฝน ชนิดนี้จะตกหนักแผ่เป็นบริเวณกว้างและจะตกติดต่อกันเป็นเวลานาน เช่น ฝนจาก พายุดีเปรสชน่ั พายโุ ซนรอ้ น พายุไตฝ้ นุ่ เป็นต้น ภาพที่ 15 พายหุ มนุ (ทม่ี า : นิรนาม.2562 : https://sites.google.com/site/brryakas201 4. ฝนแนวปะทะ เป็นฝนท่ีเกิดจากมวลอากาศร้อนกับมวลอากาศเย็นเคล่ือน มา ปะทะกัน มวลอากาศเย็นจะดันให้มวลอากาศร้อนที่ชุ่มช้ืนและเบากว่าลอยข้ึนสู่ เบื้องบน ในมวลอากาศร้อนจะกล่ันตัวกลายเป็นเมฆและตกลงมาเป็นฝน ฝนแนว ปะทะจะตกไม่รุนแรงนกั แตต่ กสมา่ เสมอและตดิ ต่อกันเปน็ เวลานาน ภาพที่ 16 ฝนแนวปะทะ (ที่มา : นิรนาม.2562 : https://sites.google.com/site/brryakas201) ชุดท่ี 5 เมฆและฝน นางสาวสิริณ สวุ รรณโชติ โรงเรียนคณะราษฎรบารงุ จงั หวดั ยะลา บรรยากาศ

ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์ เร่อื ง ลมฟ้าอากาศ หน้า 26 เคร่อื งวดั น้าฝน เครื่องวัดนา้ ฝน มี 2 ชนิด มีดังนี้ 1. เคร่ืองวัดน้าฝนแบบธรรมดาหรือแบบแก้ว ตวง มีลักษณะเป็นรูปกระบอกโลหะ โดยส่วนหนึ่งของ กระบอกจะฝังอยู่ในพ้ืนดิน การวัดปริมาณน้าฝนจะวัด จากความสูงของน้าฝนที่เก็บจากจุดน้ันๆ แล้วนามาเทใส่ กระบอกตวง ปริมาณน้าฝนที่เก็บได้จะวัดหน่วยเป็น มลิ ลเิ มตร ภาพที่ 17 เคร่อื งวัดน้าฝนแบบธรรมดาหรอื แบบแก้วตวง (ทีม่ า : นริ นาม.2562 : https://sites.google.com/site/brryakas201) 2. เครื่องวัดน้าฝนแบบบันทึก สามารถวัดปริมาณน้าฝนแบบอัตโนมัติ สามารถบนั ทกึ ปริมาณนา้ ฝนไดต้ ลอด 24 ชวั่ โมงหรือตลอดสัปดาห์ . ภาพท่ี 18 เครอื่ งวัดนา้ ฝนแบบบันทกึ (ท่มี า : นิรนาม.2562 : https://sites.google.com/site/brryakas201) ชดุ ที่ 5 เมฆและฝน นางสาวสริ ิณ สุวรรณโชติ โรงเรยี นคณะราษฎรบารงุ จังหวดั ยะลา บรรยากาศ

ชุดกจิ กรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เร่ือง ลมฟ้าอากาศ หน้า 27 การวัดปริมาณนา้ ฝน ทาได้โดยใช้อุปกรณ์อย่างงา่ ย เป็นภาชนะทรงกระบอก รองรับน้าฝนโดยมีภาชนะท่ีมีลักษณะ เป็นกรวยเส้นผ่านศูนย์กลางของปากกรวย เทา่ กับปากภาชนะ ท่ีรองรับ การบอกปริมาณน้าฝนจะบอกเป็นมลิ ลเิ มตร ในการวัดปริมาณน้าฝน ถ้าจะใช้วัดโดยนาไปเทียบกับเกณฑ์การวัดน้าฝน ซง่ึ กาหนด เป็นมาตรฐานสาหรับประเทศไทย คอื ฝนตกเลก็ น้อย มีปริมาณ 0.1 - 10 มลิ ลิเมตร ฝนตกปานกลาง มปี ริมาณ 10.1 - 35 มิลลเิ มตร ฝนตกหนัก มปี รมิ าณ 35.1 - 90 มิลลเิ มตร ฝนตกหนกั มาก มปี ริมาณ 90.1 มิลลเิ มตรขนึ้ ไป ภาพที่ 19 การวัดปรมิ าณนา้ ฝน (ท่มี า : นิรนาม.2562 : https://sites.google.com/site/brryakas201) ชุดท่ี 5 เมฆและฝน นางสาวสิรณิ สุวรรณโชติ โรงเรียนคณะราษฎรบารุง จงั หวัดยะลา บรรยากาศ

ชดุ กิจกรรมการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์ เรอื่ ง ลมฟ้าอากาศ หนา้ 28 ใบงานท่ี 2 เรื่อง การเกิดฝน ชอ่ื กลมุ่ ............................................................................. สมาชิกในกล่มุ 1)…………………………………………………………….. เลขท่ี............... ประธาน 2)…………………………………………………………….. เลขที่............... สมาชิก 3)…………………………………………………………….. เลขท่ี............... สมาชิก 4)…………………………………………………………….. เลขที่............... เลขานกุ าร คาชแ้ี จง : ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มศึกษากิจกรรมการทดลอง ปฏบิ ัติการทดลอง แลว้ บนั ทึก ผลการทดลอง 1. จุดประสงคข์ องการทดลอง อธบิ ายการเกดิ ฝนได้ 2. อุปกรณก์ ารทดลอง 1. กานา้ ร้อนหรอื กระตกิ น้าร้อน 1 ใบ 2. ฝาหมอ้ 1 ใบ นาไปแช่นา้ เย็นไวจนเย็นจัด 3. น้าเปลา่ จานวน 1 แก้ว 4. เตาไฟ (ในกรณไี ม่มีกระตกิ น้ารอ้ นไฟฟ้า ) 3. วิธที ดลอง 1. นากาต้มนา้ มา 1 ใบ ต้มน้าใหเ้ ดอื ด 2. นาฝาหม้อท่ีถูกนาไปแชน่ ้าในตู้เย็นจนเยน็ นามาองั ไวบ้ รเิ วณปากของกาต้ม น้า ใหไ้ อน้าสมั ผัสกับฝาหมอ้ 4. สมมตุ ิฐาน………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………….. ชุดท่ี 5 เมฆและฝน นางสาวสิริณ สวุ รรณโชติ โรงเรียนคณะราษฎรบารุง จงั หวดั ยะลา บรรยากาศ

ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์ เร่ือง ลมฟ้าอากาศ หนา้ 29 5. ตารางบนั ทึกผลการทดลอง ส่งิ ทส่ี ังเกตเหน็ การทดลอง ต้มน้าในการให้เดือดนาฝาหม้อที่ถูกน้าไป แช่น้าในตู้เย็นจนเย็น นามาอังไว้บริเวณ ปากของกาต้มน้าให้ไอน้าสัมผัสกับ ฝา หมอ้ 6. คาถามหลงั การทดลอง เวลาต้มนา้ เดือด ทาไมจึงมีหยดนา้ ตดิ ทฝี่ าหมอ้ …………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………….. 7. สรุปผลการทดลอง ชุดท่ี 5 เมฆและฝน นางสาวสิรณิ สุวรรณโชติ โรงเรียนคณะราษฎรบารุง จงั หวดั ยะลา บรรยากาศ

ชุดกิจกรรมการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์ เรื่อง ลมฟ้าอากาศ หน้า 30 แบบทดสอบหลงั เรยี น คาช้ีแจง 1. ข้อสอบเป็นแบบปรนัยมที ้ังหมด 10 ขอ้ 10 คะแนน 2. จงกาเครอื่ งหมาย X ลงในกระดาษคาตอบเลือกคาตอบท่ีถูกตอ้ งที่สุด เพียงขอ้ เดียว 1. ฝนแนวปะทะเกดิ จากขอ้ ใด ก. น้าระเหยลอยตัวขน้ึ เมอ่ื กระทบอากาศเย็นไอน้าจะกล่ันตวั เป็นหยดนา้ เล็กๆ ลอยตัวรวมกนั อย่ใู นอากาศ ข. มวลอากาศชืน้ ไหลมาปะทะภูเขาทขี่ วางกั้นทิศทางลมมวลอากาศจะถกู ยกตวั ให้สงู ขึ้นและเย็นลง มีความกดอากาศสูง ค. พายุหมนุ ที่มีมวลอากาศไหลเข้าสู่ศูนย์กลางหย่อมความกดอากาศตา่ มวลอากาศทไี่ หลเข้ามาจะถกู ยกตวั ใหส้ งู ขน้ึ อยา่ งรวดเร็ว ง. มวลอากาศร้อนกบั มวลอากาศเยน็ เคล่ือนมาปะทะกนั มวลอากาศเย็นจะดนั ให้มวลอากาศร้อนทช่ี มุ่ ชนื้ และเบากวา่ ลอยขึ้นสู่เบอ้ื งบน 2. ประเทศไทยฝนตกหนกั จะมีปรมิ าณน้าฝนเทยี บกับเกณฑ์การวดั น้าฝน เท่าไหร่ ก. 0.1 – 10 มิลลเิ มตร ข. 10.1 – 35 มลิ ลิเมตร ค. 35.1 – 90 มลิ ลิเมตร ง. 90.1 มลิ ลเิ มตรข้ึนไป 3. เมฆเกิดข้ึนได้อยา่ งไร ก. น้าระเหยลอยตัวขึ้นเมื่อกระทบอากาศเย็นไอน้าจะกลั่นตัวเป็นหยดน้าเล็กๆ ลอยตวั รวมกนั อยูใ่ นอากาศ ข. มวลอากาศชื้นไหลมาปะทะภูเขาท่ีขวางกั้นทิศทางลมมวลอากาศจะถูกยกตัว ให้สงู ข้นึ และเยน็ ลง มีความกดอากาศสงู ค. พายุหมุนที่มีมวลอากาศไหลเข้าสู่ศูนย์กลางหย่อมความกดอากาศต่ามวล อากาศทไ่ี หลเขา้ มาจะถกู ยกตวั ใหส้ งู ขึน้ อย่างรวดเร็ว ง. มวลอากาศร้อนกบั มวลอากาศเย็นเคล่ือนมาปะทะกัน มวลอากาศเย็นจะดันให้ มวลอากาศร้อนทีช่ ่มุ ชื้นและเบากว่าลอยขึ้นสู่เบือ้ งบน ชุดท่ี 5 เมฆและฝน นางสาวสิริณ สวุ รรณโชติ โรงเรยี นคณะราษฎรบารงุ จังหวัดยะลา บรรยากาศ

ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เร่อื ง ลมฟ้าอากาศ หนา้ 31 4. เมฆชนดิ ใดทม่ี ีลักษณะเปน็ แผน่ ปกคลมุ บริเวณกว้าง บรเิ วณฐานจะเปน็ สเี ทาหรอื สีฟา้ ก. เมฆเซอรัส ข. เมฆสเตรตัส ค. เมฆอลั โตควิ มลู ัส ง. เมฆอัลโตสเตรตสั 5. ฝนเกดิ ขนึ้ ไดอ้ ยา่ งไร ก. น้าที่เกิดจากกระบวนการกล่ันตัวของไอน้าในอากาศท่ีรวมกันเป็นเมฆ กลายเป็น หยดน้าเม่ือหยดน้ามีขนาดใหญ่และ มีน้าหนักมากจนอากาศไม่ สามารถอมุ้ ไวไ้ ด้ ข. มวลอากาศร้อนกับมวลอากาศเย็นเคลื่อนมาปะทะกัน มวลอากาศเย็นจะดัน ให้ มวลอากาศร้อนทชี่ ุม่ ชน้ื และเบากวา่ ลอยขน้ึ สู่เบ้ืองบน ค. พายุหมุนท่ีมีมวลอากาศไหลเข้าสู่ศูนย์กลางหย่อมความกดอากาศต่า มวล อากาศทไ่ี หลเข้ามาจะถูกยกตัวให้สงู ข้นึ อย่างรวดเร็ว ง. มวลอากาศช้ืนไหลมาปะทะภูเขาท่ีขวางก้ันทิศทางลมมวลอากาศจะถูกยกตัว ใหส้ งู ขึ้นและเย็นลง มีความกดอากาศสูง 6. เมฆชนดิ ทีเ่ กิดในระดับสงู ก. เมฆอัลโตควิ มูลัส ข. เมฆเซอรัส ค. เมฆสเตรตสั ง. เมฆนมิ โบสเตรตัส 7. เมฆชนิดใดท่ที าใหฝ้ นตกหนัก ลมแรง และเกดิ พายุฝนฟ้าคะนอง ก. เมฆคิวมลู สั ข. เมฆสเตรตัส ค. เมฆคิวมูโลนิมบสั ง. เมฆนิมโบสเตรตสั ชดุ ที่ 5 เมฆและฝน นางสาวสริ ณิ สุวรรณโชติ โรงเรยี นคณะราษฎรบารุง จงั หวดั ยะลา บรรยากาศ

ชุดกิจกรรมการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ เร่ือง ลมฟ้าอากาศ หนา้ 32 8.ถ้าเราเห็นเมฆก่อตัวในแนวตั้ง มีลักษณะเป็นก้อนขนาดใหญ่ ส่วนยอดแผ่แบนออก คลา้ ยทงั่ แสดงวา่ อยา่ งไร ก. อากาศแจม่ ใส ลมพัดแรง ข. อากาศแห้ง ลมสงบ ค. อากาศชนื้ เลก็ น้อย อาจมฝี นตกปรอย ๆ ง. อากาศช้นื มาก และจะมีฝนตกฟา้ คะนอง 9. สง่ิ ใดที่ช่วยใหเ้ มฆก่อตวั ไดด้ ขี ึน้ ก. ลม ข. ความรอ้ น ค. ฝุ่นละอองในอากาศ ง. ไม่มขี ้อถกู 10. เมฆชนิดใดกอ่ ใหเ้ กดิ “ฝน” ก. เมฆเซอรสั ข. เมฆนมิ โบสเตรตัส ค. เมฆคิวมโู ลนมิ บัส ง. ถูกทัง้ ข และ ค ชดุ ที่ 5 เมฆและฝน นางสาวสริ ณิ สวุ รรณโชติ โรงเรียนคณะราษฎรบารงุ จังหวัดยะลา บรรยากาศ

ชุดกจิ กรรมการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ เรื่อง ลมฟ้าอากาศ หนา้ 33 แนวคาตอบใบงานที่ 1 เรื่อง เมฆ ชอื่ ..................................................................................เลขท่.ี ......ช้นั ........ คาชแี้ จง ให้นักเรียนตอบคาถามต่อไปนี้ให้ถูกตอ้ ง (10 คะแนน) 1.เมฆ คือ อนุภาคน้าหรือผลกึ น้าแข็งขนาดเลก็ ลอยอยู่ในอากาศ เมฆอาจประกอบดว้ ยน้า หรอื ผลกึ นา้ แขง็ 2. เมฆเซอรัส มีลกั ษณะอยา่ งไร รูปร่างลักษณะเป็นเมฆทเ่ี ป็นร้วิ ๆ คล้ายขนสัตว์ 3. เมฆอัลโตคิวมูลัส เป็นเมฆชัน้ ใดมีลักษณะอยา่ งไร ลักษณะเป็นกลุม่ กอ้ นเล็ก ๆ มีลักษณะเป็นคล่ืนเป็นลอนคล้าย ฝงู แกะทีอ่ ยู่รวมกัน กอ้ นเมฆมีสขี าวหรือสีเทา 4. เมฆสเตรตัส เป็นเมฆชั้นใดมีลกั ษณะอย่างไร มลี ักษณะะเป็นแผ่นหรือเป็นชั้นสเี ทา รวมตวั กันอยู่เปน็ บรเิ วณไม่กว้างมากนัก 5. เมฆทีก่ ่อตัวในแนวด่งิ ท่ที าใหเ้ กดิ ฝนตกหนกั ฟ้าแลบ ฟ้าร้องคือเมฆชนิดใด เมฆควิ มูโลนมิ บสั ชดุ ท่ี 5 เมฆและฝน นางสาวสิรณิ สวุ รรณโชติ โรงเรียนคณะราษฎรบารุง จังหวดั ยะลา บรรยากาศ

ชุดกจิ กรรมการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ เรือ่ ง ลมฟ้าอากาศ หน้า 34 แนวคาตอบใบงานที่ 2 เรือ่ ง การเกดิ ฝน ชอื่ กลมุ่ ............................................................................. สมาชกิ ในกลมุ่ 1)…………………………………………………………….. เลขท่.ี .............. ประธาน 2)…………………………………………………………….. เลขท่ี............... สมาชิก 3)…………………………………………………………….. เลขท่ี............... สมาชกิ 4)…………………………………………………………….. เลขที่............... เลขานกุ าร คาชี้แจง : ให้นกั เรียนแต่ละกลุ่มศึกษากิจกรรมการทดลอง ปฏิบตั ิการทดลอง แลว้ บนั ทึก ผลการทดลอง 1.จดุ ประสงค์ของการทดลอง อธบิ ายการเกิดฝนได้ 2.อปุ กรณก์ ารทดลอง 1. กาน้าร้อนหรือกระตกิ น้ารอ้ น 1 ใบ 2. ฝาหมอ้ 1 ใบ นาไปแช่นา้ เย็นไวจนเย็นจัด 3. น้าเปลา่ จานวน 1 แก้ว 4. เตาไฟ (ในกรณไี มม่ กี ระติกนา้ ร้อนไฟฟ้า ) 3. วิธีทดลอง 1. นากาตม้ นา้ มา 1 ใบ ตม้ น้าให้เดอื ด 2. นาฝาหมอที่ถกู นาไปแช่น้าในตเู้ ยน็ จนเย็น นามาอังไว้บรเิ วณปากของกาตม้ นา้ ให้ไอนา้ สัมผัสกับฝาหม้อ 4. สมมุติฐาน ไอน้าเมื่อไดร้ บั ความเยน็ จะกลั่นตัวเป็นหยดนา้ ชุดที่ 5 เมฆและฝน นางสาวสริ ิณ สุวรรณโชติ โรงเรยี นคณะราษฎรบารุง จังหวดั ยะลา บรรยากาศ

ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ เรือ่ ง ลมฟ้าอากาศ หนา้ 35 5. ตารางบันทกึ ผลการทดลอง การทดลอง สง่ิ ที่สังเกตเห็น ต้มน้าในการให้เดือดนาฝาหม้อท่ีถูกนาไป เกดิ หยดนา้ ข้นึ ท่ีฝาหมอ้ แช่น้าในตู้เยนจนเย็น นามาอังไว้บริเวณ ปากของกาต้มน้าให้ไอน้าสัมผัสกับ ฝา หมอ้ 6. คาถามหลงั การทดลอง เวลาตม้ นา้ เดือด ทาไมจึงมีหยดน้าตดิ ที่ฝาหม้อ เวลาต้มนา้ เดือดเกิดหยดนา้ ติดทีฝ่ าหม้อ เพราะไอนา้ จากหม้อต้มน้าเม่อื ลอยตวั ไป กระทบความเยน็ ที่ฝาหม้อ ก็จะกลนั่ ตวั เป็นหยดน้า 7. สรุปผลการทดลอง จากการทดลองจะพบว่า เกิดหยดน้าขึ้นทฝ่ี าหมอ้ ทีเ่ ป็นเช่นน้เี พราะไอน้าเม่ือไดร้ ับ ความเย็นก็จะกล่ันตวั เปน็ หยดนา้ ซึ่งเป็นหลักการเดียวกันกับการเกิดฝน ซ่ึงกอ้ นเมฆก็คือ ไอน้าน่ันเอง เม่อื กระทบกับความเย็นกจ็ ะกลั่นตัวตกลงมาเป็นฝน ชุดท่ี 5 เมฆและฝน นางสาวสิรณิ สวุ รรณโชติ โรงเรียนคณะราษฎรบารุง จังหวดั ยะลา บรรยากาศ

ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ เร่ือง ลมฟ้าอากาศ หนา้ 36 เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน ข้อ คาตอบ 1ค 2ง 3ก 4ก 5ง 6ง 7ข 8ค 9ง 10 ค ชดุ ที่ 5 เมฆและฝน นางสาวสิรณิ สวุ รรณโชติ โรงเรยี นคณะราษฎรบารุง จงั หวดั ยะลา บรรยากาศ

ชุดกจิ กรรมการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ เร่อื ง ลมฟ้าอากาศ หนา้ 37 เฉลยแบบทดสอบหลังเรยี น ขอ้ คาตอบ 1ง 2ค 3ก 4ง 5ก 6ข 7ค 8ง 9ค 10 ง ชดุ ที่ 5 เมฆและฝน นางสาวสริ ณิ สุวรรณโชติ โรงเรยี นคณะราษฎรบารุง จงั หวดั ยะลา บรรยากาศ

ชุดกิจกรรมการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ เร่อื ง ลมฟ้าอากาศ หนา้ 38 เกณฑก์ ารให้คะแนน ใบงานท่ี 1 คะแนนรวม 10 คะแนน ได้ 2 คะแนน ได้ 1 คะแนน - ตอบคาถามข้อละ 2 คะแนน ได้ 0 คะแนน คาตอบถกู ต้องสมบูรณ์ คาตอบถกู ต้องบางสว่ น คาตอบผิด/ไมม่ คี าตอบ ใบงานท่ี 2 คะแนนรวม 10 คะแนน การดาเนนิ การเตรียมการทดลอง 3 คะแนน 3 คะแนน 2 คะแนน 1 คะแนน 0 คะแนน ทดลองตามข้ันตอนที่ ทดลองตามขั้นตอนท่ี ทดลองตามขั้นตอนท่ี การทดลองไม่ กาหนดไว้ กาหนดไว้ ทันเวลา กาหนดไว้ เปน็ ไปตามข้ันตอน ทนั เวลา ใชอ้ ุปกรณ์ ใชอ้ ุปกรณ์อย่าง ทนั เวลา ใช้อุปกรณ์ ไมท่ ันเวลา ใช้ อย่างถูกต้อง ถูกต้อง คลอ่ งแคล่ว อยา่ งถูกต้อง อุปกรณ์ไมถ่ กู ต้อง คล่องแคล่ว และเหมาะสมบางคร้ัง คล่องแคล่ว และ ไมค่ ลอ่ ง และไม่ และหมาะสมทุกครั้ง ต้งั สมมตุ ฐิ านได้ เหมาะสมบางคร้งั ตั้ง เหมาะสมตั้ง ต้ังสมมุตฐิ านได้ ถูกต้อง สมมตุ ฐิ านไม่ สมมุตฐิ านไม่ ถกู ตอ้ ง ถกู ต้อง ถกู ต้อง บันทกึ ผลการทดลอง 2 คะแนน บันทึกผลถูกต้องสมบูรณ์ ได้ 2 คะแนน บนั ทึกผลคาตอบถูกตอ้ งบางส่วน ได้ 1 คะแนน บันทึกผลผดิ /ไม่บันทกึ ผล ได้ 0 คะแนน ชดุ ท่ี 5 เมฆและฝน นางสาวสิรณิ สุวรรณโชติ โรงเรียนคณะราษฎรบารุง จงั หวดั ยะลา บรรยากาศ

ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรือ่ ง ลมฟ้าอากาศ หน้า 39 ตอบคาถามหลังการทดลอง 2 คะแนน ได้ 2 คะแนน ได้ 1 คะแนน ตอบคาถามถกู ต้องสมบรู ณ์ ตอบคาถามถูกต้องบางส่วน ได้ 0 ตอบคาถามผดิ /ไม่มีคาตอบ ได้ 3 คะแนน คะแนน ได้ 2 คะแนน ได้ 1 คะแนน สรุปผลการทดลอง 3 คะแนน ได้ 0 คะแนน สรุปผลการทดลองถกู ต้องสมบูรณ์ สรปุ ผลการทดลอง ถูกต้องเป็นส่วนใหญ่ สรุปผลการทดลอง ถูกตอ้ งเลก็ นอ้ ย สรปุ ผลการทดลองผดิ /ไม่สรปุ ผลการทดลอง แบบทดสอบหลงั เรยี น คะแนนรวม 10 คะแนน แบบทดสอบมี 10 ข้อ 10 คะแนน (ข้อละ 1 คะแนน) 1 คะแนน ตอบถกู ได้ 0 คะแนน ตอบผิด ได้ ชดุ ที่ 5 เมฆและฝน นางสาวสิรณิ สวุ รรณโชติ โรงเรียนคณะราษฎรบารุง จังหวดั ยะลา บรรยากาศ

ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ เร่อื ง ลมฟ้าอากาศ หน้า 40 บรรณานุกรม สถาบันส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธกิ าร.(2561). หนงั สือ เรียนรายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 1 เล่ม 2. กรุงเทพมหานคร:โรงพิมพ์ สกสค.ลาดพรา้ ว สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศกึ ษาธิการ.(2561). แบบบนั ทึก กิจกรรมรายวชิ าพ้ืนฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 1 เลม่ 2. กรุงเทพมหานคร :โรงพมิ พ์ สกสค.ลาดพรา้ ว สถาบันสง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยกี ระทรวงศกึ ษาธิการ. คมู่ อื ครรู ายวิชา วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่1ี เลม่ 2. กรงุ เทพฯ : โรงพมิ พ์ สกสค. ลาดพราว, 2561 นิรนาม. (2561). ลมฟ้าอากาศ.สบื คน้ เมอ่ื 18 มกราคม2561. https://sites.google.com/site/brryakas201 ชุดที่ 5 เมฆและฝน นางสาวสิรณิ สุวรรณโชติ โรงเรียนคณะราษฎรบารุง จงั หวดั ยะลา บรรยากาศ

ชดุ กิจกรรมการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ เรอ่ื ง ลมฟ้าอากาศ หนา้ 41 แบบบันทกึ คะแนนการเรยี นรู้ ชดุ กิจกรรมการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์ ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 1 เร่ือง ลมฟา้ อากาศ ชุดที่ 5 เมฆและฝน ที่ ชอื่ - สกุล ใบงาน ีท่ 1 (10 คะแนน) ใบงาน ่ที 2 (10 คะแนน) แบบทดสอบ (10 คะแนน) รวม (30 คะแนน) ร้อยละ 25 ผลการประเคะมิแนนน เกณฑก์ ารประเมนิ คุณภาพ เกณฑก์ ารประเมิน คะแนน ดีมาก ผ่าน ผา่ น ร้อยละ 90 ข้ึนไป ดี ผ่าน รอ้ ยละ 80 - 89 พอใช้ ไม่ผา่ น รอ้ ยละ 70 - 79 ปรับปรุง ตา่ กวา่ รอ้ ยละ 69 ชดุ ท่ี 5 เมฆและฝน นางสาวสริ ิณ สุวรรณโชติ โรงเรียนคณะราษฎรบารงุ จงั หวัดยะลา บรรยากาศ

แบบบนั ทึกคะแนนการเรียนรู้ ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ 1 เรื่อง ลมฟ้าอากาศ ชุดที่ 5 เมฆและฝน ที่ ช่ือ- สกุล ใบงาน ่ีท 1 (10 คะแนน) ใบงาน ่ีท 2 (10 คะแนน) แบบทดสอบ (10 คะแนน) รวม (30 คะแนน) ้รอยละ ผลการประเ ิมน ม.1/2 9 10 8 27 54 ดีมาก 1 ด.ช.กฤษฎา คงถ่ิน 9 10 8 27 54 ดีมาก 2 ด.ช.จักร​พงศ์​ ชัยพันธ์ุ 9 10 9 28 56 ดีมาก 3 ด.ช.จิรภาส กูลณรงค์ 9 10 10 29 58 ดีมาก 4 ด.ช.ชิษณุพงศ์ เจยาคม 9 10 10 29 58 ดีมาก 5 ด.ช.ณพฐั กรณ์ พรหมวริ ตั น์ 9 10 10 29 58 ดีมาก 6 ด.ช.ณัฐวฒุ ิ สิทธกิ าญจน์ 9 10 8 27 54 ดีมาก 7 ด.ช.ทรงพล แย้มสุคนธ์ 9 10 8 27 54 ดีมาก 8 ด.ช.ธานินทร์ แซ่ต้ัง 10 10 9 29 58 ดีมาก 9 ด.ช.ธีรภาพ ตาสีแดง 9 10 10 29 58 ดีมาก 10 ด.ช.นราวชิ ญ์ เพชรัรตน์ 10 10 10 30 60 ดีมาก 11 ด.ช.ภูชนก คงพัน 9 10 9 28 56 ดีมาก 12 ด.ช.มูฮาหมัดนาเซร เจะโซะ 9 10 10 29 58 ดีมาก 13 ด.ช.วีรธิษศ์ ไชยวจิ ิตร 9 10 9 28 56 ดีมาก 14 ด.ช.ศรณั ย์กร กาวนั นา 10 10 10 30 60 ดีมาก 15 ด.ช.อภิลักษณ์ สุวรรณธารา 10 10 8 28 56 ดีมาก 16 ด.ช.อัครวัฒน์ แก้วบพธิ 10 10 10 30 60 ดีมาก 17 ด.ช.อาดิล ทา 9 10 10 29 58 ดีมาก 18 ด.ญ.โสรญา แวหามะ 9 10 9 28 56 ดีมาก 19 ด.ญ.กฤตชญา แก้วทอง 9 10 8 27 54 ดี 20 ด.ญ.กัญญ์กวี เรืองถาวรพันธ์ 9 10 8 27 54 ดี 21 ด.ญ.กัญญาณัฐ สะหะกะโร 10 10 8 28 56 ดีมาก 22 ด.ญ.ซุลฟาร์ เจะมะ 9 10 8 27 54 ผ 23 ด.ญ.ซูซัน อุเซ็ง 10 10 9 29 58 ดีมาก 24 ด.ญ.ณชั ชา ธรรมวสิ ุทธิ์

แบบบนั ทึกคะแนนการเรียนรู้ ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 1 เร่ือง ลมฟา้ อากาศ ชุดท่ี 5 เมฆและฝน ท่ี ช่ือ- สกุล ใบงาน ่ีท 1 (10 คะแนน) ใบงาน ่ีท 2 (10 คะแนน) แบบทดสอบ (10 คะแนน) รวม (30 คะแนน) ้รอยละ ผลการประเ ิมน 25 ด.ญ.ณัชชา ฮ่ินเซ่ง 9 10 10 29 58 ดีมาก 26 ด.ญ.ธนัชพร นวลแก้ว 9 10 10 29 58 ดีมาก 27 ด.ญ.นันทน์ ภสั จงไกรจักร 10 10 9 29 58 ดีมาก 28 ด.ญ.บุณยานุช ไสยผอม 10 10 10 30 60 ดีมาก 29 ด.ญ.ปณั ฑ์ชนิตา นกเกตุ 10 10 8 28 56 ดีมาก 30 ด.ญ.พรรณพชั ร กาละพนั ธ์ 9 10 10 29 58 ดีมาก 31 ด.ญ.พิมชนก พรทอง 10 10 9 29 58 ดีมาก 32 ด.ญ.พิมพช์ นก ปรียาวงศากุล 10 10 10 30 60 ดีมาก 33 ด.ญ.มนัญชยา ทองอร่าม 9 10 10 29 58 ดีมาก 34 ด.ญ.มนัสนันท์ เวชนิล 10 10 10 30 60 ดีมาก 35 ด.ญ.วรนิ ทร แซ่แต้ 10 10 8 28 56 ดีมาก 36 ด.ญ.สิตานัน บญุ กลึง 9 10 10 29 58 ดีมาก 37 ด.ญ.สุพตั รา พนั ธวุ์ ไิ ล 9 10 10 29 58 ดีมาก 38 ด.ญ.อะนีส ตือเง๊าะ 9 10 9 28 56 ดีมาก 39 ด.ญ.อังคณา ศรีพฒั น์ 10 10 9 29 58 ดีมาก ม.1/4 898 25 50 ดี 1 ด.ช.โพธกิ ร ศรสี ว่าง 898 25 50 ดี 2 ด.ช.กิตตินันท์ พรมอินทร์ 898 25 50 ดี 3 ด.ช.จิรวัฒน์ สอนสวัสดิ์ 898 25 50 ดี 4 ด.ช.จิรายุศ สุวรรณชาตรี 797 23 46 ดี 5 ด.ช.ชยณฎั แพทยา 898 25 50 ดี 6 ด.ช.ณัฏฐ์ รัตตัญญู 897 24 48 ผ 7 ด.ช.ณัฐดนัย ยืนยง 898 25 50 ดี 8 ด.ช.นิธิกร เพช็ รมาก 898 25 50 ดี 9 ด.ช.ภัทรชนน คงสุวรรณ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook