Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการจัดการเรียน​รู้​วิชาวงจรไฟฟ้ากระแสสลับ2_62

แผนการจัดการเรียน​รู้​วิชาวงจรไฟฟ้ากระแสสลับ2_62

Published by pennapa29darknight, 2020-10-07 13:02:09

Description: แผนการจัดการเรียน​รู้​วิชาวงจรไฟฟ้ากระแสสลับ2_62

Search

Read the Text Version

133 9. คณุ สมบัติวงจรขนาน RLC สภาวะ BL > BC ขอ้ ใดถกู ก. I = IR- j(IC- IL) ข. Y = G - j(BL+ BC) ค. θ = Tan−1 BL+BC ง. Pf = I G IR 10. คุณสมบตั ิวงจรขนาน RLC สภาวะ BL < BC ข้อใดถกู ก. I = IR+ j(IC+ IL) ข. Y = G+j(BL+ BC) ค. θ = −Tan−1 BL−BC ง. Pf = S GP ตอนท่ี 2 อธบิ ายให้ไดใ้ จความสมบูรณ์และแสดงวธิ ีทำให้สมบรู ณ์ถูกตอ้ ง 1. วงจรไฟฟา้ ตามรปู ต่ออยู่กับแรงดัน esคา่ 40√2 sin (314.6t+0°) V จงหาค่า (ก) ความนำไฟฟา้ (G), ซัสเซปแตนซต์ วั เหนย่ี วนำ (BL), แอดมติ แตนซ์ (Y) และอิมพีแดนซ์ (Z), (ข) กระแสไหลผ่าน R (IR), L (IL) และกระแสรวม (I), (ค) มมุ เฟส (θ) และแฟกเตอรก์ ำลัง (pf), (ง) กำลงั ไฟฟา้ จรงิ (P), กำลงั ไฟฟ้ารีแอกตีฟ (Q), กำลงั ไฟฟา้ ปรากฏก (S) 2. วงจรไฟฟ้าตามรปู ต่ออยู่กับแรงดัน esคา่ 120√2 sin (377t+0°) V จงหาคา่ (ก) ความนำไฟฟ้า (G), ซสั เซปแตนซ์ตัวเหนีย่ วนำ (BL), แอดมติ แตนซ์ (Y) และอิมพแี ดนซ์ (Z), (ข) กระแสไหลผ่าน R (IR), L (IL), C (IC) และกระแสรวม (I), (ค) มมุ เฟส (θ) และแฟกเตอร์กำลงั (pf), (ง) กำลงั ไฟฟ้า จรงิ (P), (จ) เขยี นเฟสเซอร์ไดอะแกรมรปู แรงดนั กระแส 3. วงจรไฟฟา้ ตามรปู ต่ออยู่กับแรงดัน ������s = 50∠0° V 50 Hzจงหาค่า (ก) ความนำไฟฟา้ (G), ซัส เซปแตนซ์ (B), แอดมิตแตนซ์ (Y) และอิมพีแดนซ์ (Z), (ข) กระแสไหลผ่าน ������1 (I1), ������2 (I2) และ กระแสรวม (I), (ค) มมุ เฟส (θ) และแฟกเตอร์กำลงั (pf)

134 แบบประเมนิ ผลการนำเสนอผลงาน ชื่อกลุ่ม……………………………………………ชั้น………………………ห้อง........................... รายช่ือสมาชกิ 1……………………………………เลขท…ี่ …. 2……………………………………เลขท…่ี …. 3……………………………………เลขท…ี่ …. 4……………………………………เลขท…่ี …. ที่ รายการประเมิน คะแนน ข้อคิดเหน็ 32 1 1 เน้ือหาสาระครอบคลมุ ชดั เจน (ความร้เู กย่ี วกับเน้ือหา ความถกู ต้อง ปฏิภาณในการตอบ และการแกไ้ ข ปัญหาเฉพาะหน้า) 2 รปู แบบการนำเสนอ 3 การมีส่วนรว่ มของสมาชิกในกลุ่ม 4 บุคลิกลกั ษณะ กริ ยิ า ท่าทางในการพูด น้ำเสียง ซง่ึ ทำให้ผู้ฟงั มคี วามสนใจ รวม ผปู้ ระเมนิ ………………………………………………… เกณฑ์การให้คะแนน 1. เนื้อหาสาระครอบคลมุ ชัดเจนถกู ต้อง 3 คะแนน = มสี าระสำคัญครบถว้ นถูกตอ้ ง ตรงตามจุดประสงค์ 2 คะแนน = สาระสำคญั ไมค่ รบถว้ น แตต่ รงตามจดุ ประสงค์ 1 คะแนน = สาระสำคัญไม่ถูกต้อง ไมต่ รงตามจุดประสงค์ 2. รูปแบบการนำเสนอ 3 คะแนน = มีรปู แบบการนำเสนอทีเ่ หมาะสม มีการใชเ้ ทคนคิ ที่แปลกใหม่ ใชส้ อื่ และเทคโนโลยี ประกอบการ นำเสนอทีน่ า่ สนใจ นำวสั ดุในทอ้ งถิน่ มาประยกุ ต์ใช้อย่าง คุ้มคา่ และประหยัด 2 คะแนน = มเี ทคนิคการนำเสนอที่แปลกใหม่ ใชส้ ่ือและเทคโนโลยปี ระกอบการ นำเสนอท่นี ่าสน ใจ แต่ขาดการประยุกต์ใช้ วัสดุในทอ้ งถนิ่ 1 คะแนน = เทคนคิ การนำเสนอไมเ่ หมาะสม และไม่น่าสนใจ 3. การมสี ว่ นรว่ มของสมาชกิ ในกลุ่ม 3 คะแนน = สมาชิกทกุ คนมีบทบาทและมีสว่ นรว่ มกิจกรรมกลมุ่ 2 คะแนน = สมาชิกสว่ นใหญม่ บี ทบาทและมีส่วนรว่ มกจิ กรรมกล่มุ

135 1 คะแนน = สมาชิกส่วนน้อยมบี ทบาทและมีสว่ นรว่ มกจิ กรรมกลุ่ม 4. ความสนใจของผู้ฟัง 3 คะแนน = ผู้ฟังมากกว่าร้อยละ 90 สนใจ และให้ความร่วมมือ 2 คะแนน = ผู้ฟังรอ้ ยละ 70-90 สนใจ และใหค้ วามรว่ มมอื 1 คะแนน = ผ้ฟู ังน้อยกว่ารอ้ ยละ 70 สนใจ และใหค้ วามร่วมมอื

136 แบบประเมินกระบวนการทำงาน ชอื่ กล่มุ ……………………………………………ชน้ั ………………………หอ้ ง........................... รายชอื่ สมาชิก 2……………………………………เลขท…่ี …. 4……………………………………เลขท…ี่ …. 1……………………………………เลขท…ี่ …. 3……………………………………เลขท…่ี …. ท่ี รายการประเมิน คะแนน ข้อคิดเห็น 321 1 การกำหนดเปา้ หมายร่วมกนั 2 การแบ่งหนา้ ท่ีรับผิดชอบและการเตรียม ความพร้อม 3 การปฏบิ ัติหน้าท่ที ี่ไดร้ ับมอบหมาย 4 การประเมนิ ผลและปรับปรุงงาน รวม ผูป้ ระเมนิ ………………………………………………… วันท่ี…………เดอื น……………………..พ.ศ…………... เกณฑ์การให้คะแนน 1. การกำหนดเปา้ หมายร่วมกัน 3 คะแนน = สมาชกิ ทกุ คนมีส่วนรว่ มในการกำหนดเป้าหมายการทำงานอย่างชัดเจน 2 คะแนน = สมาชิกสว่ นใหญ่มสี ว่ นร่วมในการกำหนดเป้าหมายในการทำงาน 1 คะแนน = สมาชิกสว่ นน้อยมีส่วนร่วมในการกำหนดเป้าหมายในการทำงาน 2. การมอบหมายหน้าทีร่ บั ผิดชอบและการเตรียมความพร้อม 3 คะแนน = กระจายงานได้ทั่วถึง และตรงตามความสามารถของสมาชิกทุกคนมาการ จัดเตรยี มสถานท่ี สอ่ื / อุปกรณ์ไว้อยา่ งพร้อมเพรยี ง 2 คะแนน = กระจายงานไดท้ ั่วถงึ แต่ไม่ตรงตามความสามารถ และมสี ่ือ / อปุ กรณ์ไว้ อย่างพรอ้ มเพรียง แต่ขาดการจัดเตรยี มสถานที่ 1 คะแนน = กระจายงานไม่ทั่วถงึ และมีส่อื / อุปกรณไ์ มเ่ พียงพอ 3. การปฏิบัติหนา้ ที่ทีไ่ ดร้ บั มอบหมาย 3 คะแนน = ทำงานไดส้ ำเร็จตามเป้าหมาย และตามเวลาที่กำหนด 2 คะแนน = ทำงานไดส้ ำเร็จตามเปา้ หมาย แต่ช้ากวา่ เวลาทก่ี ำหนด 1 คะแนน = ทำงานไม่สำเร็จตามเป้าหมาย

137 4. การประเมนิ ผลและปรับปรุงงาน 3 คะแนน = สมาชกิ ทกุ คนรว่ มปรกึ ษาหารือ ติดตาม ตรวจสอบ และปรบั ปรงุ งาน เป็นระยะ 2 คะแนน = สมาชิกบางส่วนมีส่วนรว่ มปรึกษาหารือ แต่ไมป่ รับปรงุ งาน 1 คะแนน = สมาชิกบางสว่ นไม่มีสว่ นรว่ มปรกึ ษาหารอื และปรบั ปรุงงาน

138 บันทึกหลังการสอน หนว่ ยท่ี 8 วงจรขนาน และวงจรผสม RLC ผลการใช้แผนการเรยี นรู้ 1. เนือ้ หาสอดคล้องกับจุดประสงค์เชงิ พฤติกรรม 2. สามารถนำไปใช้ปฏิบตั กิ ารสอนได้ครบตามกระบวนการเรียนการสอน 3. ส่อื การสอนเหมาะสมดี ผลการเรียนของนกั เรยี น 1. นกั ศกึ ษาสว่ นใหญ่มีความสนใจใฝ่รู้ เขา้ ใจในบทเรียน อภิปรายตอบคำถามในกลุ่ม และรว่ มกนั ปฏบิ ัติใบงานที่ได้รบั มอบหมาย 2. นกั ศึกษากระตือรือรน้ และรับผดิ ชอบในการทำงานกลุ่มเพ่ือให้งานสำเรจ็ ทนั เวลาที่ กำหนด ผลการสอนของครู 1. สอนเนื้อหาได้ครบตามหลักสตู ร 2. แผนการสอนและวิธกี ารสอนครอบคลุมเนื้อหาการสอนทำใหผ้ ูส้ อนสอนได้อย่างมั่นใจ 3. สอนได้ทันตามเวลาท่กี ำหนด ปัญหา แนวทางแกไ้ ข และข้อเสนอแนะ - ลงช่อื ………………………………………… (นางสาวเพ็ญนภา สุขย้อย) ครผู ู้สอน

139

139 แผนการสอน/แผนการเรยี นรู้ภาคทฤษฎี แผนการจัดการเรียนรู้ บทที่ 9 ช่อื วิชา วงจรไฟฟา้ กระแสสลบั สอนสัปดาหท์ ี่ 9 ชือ่ หนว่ ย วงจรเรโซแนนซ์ คาบรวม 36 ชื่อเรื่อง วงจรเรโซแนนซ จำนวนคาบ 4 หัวข้อเร่ือง 1. สภาวะเรโซแนนซ์ของวงจร RLC 2. วงจรเรโซแนนซแ์ บบอนุกรม 3. คา่ L และ C ใชใ้ นวงจรเรโซแนนซ์แบบอนุกรม 4. ตัวประกอบคณุ ภาพของวงจรเรโซแนนซแ์ บบอนุกรม 5. แบนด์วดิ ทใ์ นวงจรเรโซแนนซแ์ บบอนุกรม 6. วงจรเรโซแนนซ์แบบขนาน 7. คา่ L และ C ใช้ในวงจรเรโซแนนซแ์ บบขนาน 8. ตัวประกอบคณุ ภาพและแบนดว์ ิดท์ในวงจรเรโซแนนซ์แบบขนาน 9. บทสรปุ สาระสำคญั วงจรไฟฟ้ากระแสสลับที่วงจรประกอบด้วยตัวต้านทาน (R) ตัวเก็บประจุ (C) และตัว เหนี่ยวนำ (L) เมื่อนำไปใช้กับค่าความถี่ที่มีการเปลี่ยนแปลง ส่งผลให้ค่ารีแอกแตนซ์ตัวเก็บประจุ (XC) และรีแอกแตนซ์ตวั เหน่ยี วนำ (XL) เกดิ การเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย คา่ รแี อกแตนซ์ท้ังสองจะ เกิดการหกั ลา้ งกันตลอดเวลา จะพบว่าท่ีความถ่คี ่าหนึง่ มผี ลตอ่ วงจรทำให้คา่ รแี อกแตนซ์ XCเทา่ กบั XL เกิดการหักล้างกันระหว่าง XC กับ XL ทำให้ค่ารีแอกแตนซ์หมดไป เหลือเพียงค่าความ ต้านทานอย่างเดียว สภาวะดังกล่าวนเ้ี รยี กว่า เรโซแนนซ์ (Resonance) สมรรถนะอาชีพประจำหน่วย - บอกคุณสมบตั ิของวงจรเรโซแนนซ์แบบอนุกรมและแบบขนาน อยา่ งครบถ้วน - คำนวณคา่ สมการวงจรเรโซแนนซแ์ บบอนุกรมและแบบขนาน อยา่ งถูกต้อง สมบรู ณ์ - แกป้ ัญหาสมการวงจรเรโซแนนซแ์ บบอนุกรมและแบบขนานอยา่ งรอบคอบตาม หลักปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง จดุ ประสงค์การสอน/การเรยี นรู้ • จุดประสงค์ทั่วไป / บรู ณาการเศรษฐกิจพอเพียง 1. เพ่ือใหม้ ีความร้เู กีย่ วกับอธิบายสภาวะเรโซแนนซ์ของวงจร RLC (ดา้ นความรู้)

140 2. เพอื่ ใหม้ ที ักษะในการหาค่า L และ C ใช้ในวงจรเรโซแนนซแ์ บบอนกุ รม (ดา้ นทักษะ) 3. เพื่อใหม้ เี จตคติที่ดใี นการชแี้ จงตวั ประกอบคุณภาพและแบนดว์ ดิ ท์ในวงจรเรโซแนนซ์ แบบขนาน (ด้านจิตพสิ ัย) 4. เพอ่ื สรุป สรปุ วงจรเรโซแนนซ์ ใหถ้ กู ต้องเหมาะสม (ด้านด้านคุณธรรม จรยิ ธรรม/ บรู ณาการเศรษฐกจิ พอเพียง) • จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม / บูรณาการเศรษฐกิจพอเพยี ง 1. อธบิ ายสภาวะเรโซแนนซข์ องวงจร RLCได้ (ด้านความร)ู้ 2. บอกวงจรเรโซแนนซแ์ บบอนุกรมได้ (ด้านความรู้) 3. หาค่า L และ C ใชใ้ นวงจรเรโซแนนซ์แบบอนุกรมได้(ด้านทักษะ) 4. ประกอบคุณภาพของวงจรเรโซแนนซเ์ ปน็ แบบอนกุ รมได้ (ด้านทกั ษะ) 5. คำนวณหาค่าแบนด์วิดทใ์ นวงจรเรโซแนนซแ์ บบอนุกรมได้ (ดา้ นทกั ษะ) 6. คำนวณวงจรเรโซแนนซ์แบบอนกุ รมได้ (ด้านทกั ษะ) 7. หาคา่ L และ C ใช้ในวงจรเรโซแนนซ์แบบขนานได้ (ด้านทักษะ) 8. ชี้แจงตวั ประกอบคุณภาพและแบนด์วดิ ทใ์ นวงจรเรโซแนนซแ์ บบขนานได้ (ดา้ นจติ พสิ ยั ) 9. สรปุ วงจรเรโซแนนซ์ ให้ถกู ตอ้ งเหมาะสม (ด้านดา้ นคุณธรรม จริยธรรม/บรู ณาการ เศรษฐกิจพอเพยี ง) เน้ือหาสาระการสอน/การเรียนรู้ • ด้านความรู้(ทฤษฎี) 9.1 สภาวะเรโซแนนซ์ของวงจร RLC วงจรไฟฟ้ากระแสสลับที่วงจรประกอบด้วยตัวต้านทาน (R) ตัวเก็บประจุ (C) และตัว เหนี่ยวนำ (L) เมื่อนำไปใช้กับค่าความถี่ที่มีการเปลี่ยนแปลง ส่งผลให้ค่ารีแอกแตนซ์ตัวเก็บ ประจุ(XC) และรีแอกแตนซ์ตัวเหนี่ยวนำ (XL) เกิดการเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย ค่ารีแอกแตนซ์ท้ัง สองจะเกิดการหักล้างกันตลอดเวลา จะพบว่าที่ความถี่ค่าหนึ่งมีผลต่อวงจรทำให้ค่ารีแอกแตนซ์ XCเท่ากับ XL เกิดการหักล้างกันระหว่าง XC กับ XL ทำให้ค่ารีแอกแตนซ์หมดไป เหลือเพียงค่า ความต้านทานอย่างเดียว สภาวะดังกล่าวนี้เรียกว่า เรโซแนนซ์ (Resonance) ความถี่ที่ทำให้เกิด สภาวะเรโซแนนซ์เรียกว่า ความถี่เรโซแนนซ์ (Resonance Frequency ; fr) ในสภาวะเกิดการเร โซแนนซ์ ทำให้เกิดกำลังไฟฟ้าสูงสุดในวงจร ค่าเรโซแนนซ์ที่เกิดขึ้นเปลี่ยนแปลงไปตามค่ารีแอก แตนซ์ XC และ XL ทป่ี ระกอบวงจร สภาวะเรโซแนนซ์

141 รูปที่ 9.1 แสดงกราฟสภาวะเรโซแนนซ์ของวงจร RLC ต่อวงจรไฟฟ้ากระแสสลับ ท่ี ความถเี่ รโซแนนซ์ (fr) กราฟจะมคี วามแรงสงู สุด แสดงสภาวะตอบสนองต่อความถี่สูงสุด ความถี่ท่ี ตำ่ กว่าและสูงกว่าความถ่เี รโซแนนซจ์ ะเกดิ การตอบสนองที่ลดลง เปน็ คุณสมบตั ขิ องวงจร RLC วงจรเรโซแนนซ์ จะต้องประกอบด้วยตัวเก็บประจุและตัวเหนี่ยวนำเป็นหลัก แต่ในการ ทำงานวงจรจะเกิดค่าความต้านทานขึ้นมา ซึ่งเกิดจากความไม่บริสุทธิ์ของตัวเก็บประจุและตัว เหนี่ยวนำ หรือเกิดจากการเพมิ่ ความต้านทานเข้าในวงจร เพื่อควบคุมรูปร่าง และความแรงของ รูปกราฟเรโซแนนซ์ การต่อวงจรเรโซแนนซ์แบ่งออกได้ 2 ชนิด คือ วงจรเรโซแนนซ์แบบอนุกรม (Series Resonance Circuit) และวงจรเรโซแนนซ์แบบขนาน (Parallel Resonance Circuit) วงจรเรโซแนนซ์แต่ละแบบมคี ุณสมบัติท่ีแตกต่างกนั ไป 9.2 วงจรเรโซแนนซแ์ บบอนุกรม วงจรเรโซแนนซ์แบบอนุกรม เปน็ วงจรท่ีประกอบดว้ ยตัว LC ต่ออนุกรมในวงจร และมีตัว R ต่ออนุกรมร่วมดว้ ย ซ่ึงค่า R อาจเป็นคา่ ความตา้ นทานจากแหลง่ จ่าย (RS) เปน็ คา่ ความต้านทาน ที่ต่อเพิ่ม (RA) และค่าความต้านทานที่เกิดภายในตัวเหน่ียวนำ (RL) ค่าทั้งหมดถูกต่อในรูปวงจรเร โซแนนซแ์ บบอนกุ รม ลกั ษณะการต่อวงจรเรโซแนนซแ์ บบอนกุ รม แสดงดงั รปู ที่ 9.2 9.3 คา่ L และ C ใชใ้ นวงจรเรโซแนนซแ์ บบอนกุ รม การตอ่ วงจรเรโซแนนซแ์ บบอนุกรม บางคร้งั มีความจำเป็นต้องต่อวงจรเข้ากับความถี่ท่ีถูก กำหนดคา่ ไวแ้ ล้ว การจะทำใหว้ งจรสามารถใหก้ ารตอบสนองต่อความถท่ี ี่ตอ้ งการได้นั้น จำเป็นต้อง เลือกค่าความเหนี่ยวนำหรือค่าความจุที่เหมาะสมมาใช้งาน การหาค่าทำได้จากการใช้สมการหา ค่าความถี่เรโซแนนซ์

142 9.4 ตวั ประกอบคุณภาพของวงจรเรโซแนนซ์แบบอนกุ รม ตัวประกอบคุณภาพ (Quality Factor) ของวงจรเรโซแนนซ์แบบอนุกรม เป็นตัวแสดงถึง คุณสมบัติของวงจรอนุกรม RLC ในวงจรไฟฟ้ากระแสสลับขณะเรโซแนนซ์ เกิดกำลังไฟฟ้าในตัว เหนี่ยวนำ และตัวเก็บประจุมากน้อยเพียงไร ซึ่งมีผลต่อค่าความต้านทานในวงจรเรโซแนนซ์ และ ค่ากระแสที่เกิดขึ้นในวงจร ค่า R ในวงจรต่ำเกิดกระแสไหลในวงจรสูงส่งผลให้ค่าตัวประกอบ คุณภาพสูงด้วย และถ้าค่า R ในวงจรสูงเกิดกระแสไหลในวงจรต่ำส่งผลให้ค่าตัวประกอบคุณภาพ ต่ำดว้ ย ตัวประกอบคุณภาพของวงจรเรโซแนนซ์แบบอนุกรม (QS) ที่จุดเรโซแนนซ์เปน็ อัตราส่วน ระหว่างกำลังไฟฟ้ารแี อกตฟี (Q) หารด้วยกำลงั ไฟฟ้าจริง (P) 9.5 แบนดว์ ดิ ทใ์ นวงจรเรโซแนนซ์แบบอนกุ รม แบนด์วิดท์ (Bandwidth) ในวงจรเรโซแนนซ์แบบอนุกรม หรือย่านการตอบสนองความถ่ี เป็นช่วงความกว้างของความถี่ที่วงจรเรโซแนนซ์ให้การตอบสนอง สำหรับวงจรเรโซแนนซ์แบบ อนุกรมเป็นกระแสความถี่ที่ไหลผ่านวงจร โดยมีช่วงการลดลงของค่ากระแสที่สูงกว่าและต่ำกว่า ความถี่เรโซแนนซ์ เป็นความกว้างค่าหนึ่งที่วงจรเรโซแนนซ์แบบอนุกรมตอบสนอง เรียกค่านี้ว่า แบนดว์ ิดท์ (BW) คา่ แบนด์วดิ ทข์ องวงจรเรโซแนนซ์แบบอนุกรม 9.6 วงจรเรโซแนนซแ์ บบขนาน วงจรเรโซแนนซ์แบบขนาน คือการต่อวงจร RLC ในแบบขนานนำไปใช้งานท่จี ดุ เรโซแนนซ์ มีคุณสมบัติในการทำงานท่ีจดุ เรโซแนนซเ์ ป็นตรงข้ามกับวงจรเรโซแนนซ์แบบอนุกรม ดังนี้ ที่จุดเร โซแนนซ์จะมีค่าอิมพีแดนซ์ในวงจรสูงสุด เกิดกระแสไหลในวงจรที่จุดเรโซแนนซ์ต่ำสุด วงจรเร โซแนนซแ์ บบขนาน 9.7 คา่ L และ C ใช้ในวงจรเรโซแนนซแ์ บบขนาน การหาค่าความเหนี่ยวนำ และค่าความจุมาใช้งานในวงจรเรโซแนนซ์แบบขนาน ให้ได้ ความถี่ เรโซแนนซ์ตามต้องการ สามารถหาค่าได้โดยใช้สูตรเช่นเดียวกับวงจรเรโซแนนซ์แบบ อนกุ รม 9.8 ตวั ประกอบคุณภาพและแบนดว์ ิดทใ์ นวงจรเรโซแนนซแ์ บบขนาน ตัวประกอบคุณภาพของวงจรเรโซแนนซ์แบบขนาน (QP) เป็นสิ่งที่แสดงถึงคณุ สมบัติของ วงจร RLC ต่อขนานในวงจรไฟฟ้ากระแสสลับ ที่สภาวะเรโซแนนซ์จะเกิดกระแสไหลผ่านตัว เหนี่ยวนำและตัวเก็บประจุได้มากน้อยเพียงไร ซึ่งมีผลต่อความต้านทานในวงจรเรโซแนนซ์ตัว ประกอบคุณภาพของวงจรเรโซแนนซแ์ บบขนาน (QP) 9.9 บทสรุป ความถี่ค่าหนึ่งมีผลต่อวงจรทำให้ค่ารีแอกแตนซ์ XC เท่ากับ XL เกิดการหักล้างกัน ทำให้ คา่ รีแอกแตนซ์หมดไป เหลือเพยี งค่าความตา้ นทานอย่างเดียว สภาวะนี้เรียกวา่ เรโซแนนซ์ความถ่ี ทท่ี ำใหเ้ กดิ สภาวะเรโซแนนซ์เรยี กว่า ความถ่เี รโซแนนซ์ (fr) ในสภาวะเกิดการเรโซแนนซ์ทำให้เกิด กำลงั ไฟฟา้ สงู สุดในวงจร

143 วงจรเรโซแนนซ์แบบอนุกรม ที่ตำแหน่งเรโซแนนซ์ จะได้ค่าอิมพีแดนซ์ในวงจรต่ำสุดเกิด กระแสไหลในวงจรสูงสุด สว่ นตัวประกอบคณุ ภาพของวงจรเรโซแนนซแ์ บบอนุกรม เปน็ ตัวแสดงถึง คุณสมบัติของวงจรอนุกรม RLC ในวงจรไฟฟ้ากระแสสลับขณะเรโซแนนซ์ เกิดกำลังไฟฟ้าในตัว เหนี่ยวนำ และตัวเก็บประจุมากน้อยเพียงไร ซึ่งมีผลต่อค่าความตา้ นทานในวงจร และค่ากระแสที่ เกิดขน้ึ ในวงจร ถา้ คา่ R ในวงจรต่ำเกดิ กระแสไหลในวงจรสงู สง่ ผลให้คา่ ตวั ประกอบคุณภาพสูงด้วย และถ้าค่า R ในวงจรสูงเกิดกระแสไหลในวงจรต่ำส่งผลให้ค่าตัวประกอบคุณภาพต่ำด้วย สามารถ คำนวณค่าตา่ งๆ ในวงจรเรโซแนนซแ์ บบอนุกรม • ดา้ นทักษะ(ปฏิบัติ) 1. แบบฝึกหดั บทท่ี 9 • ด้านคณุ ธรรม/จริยธรรม/จรรยาบรรณ/บรู ณาการเศรษฐกิจพอเพยี ง (จุดประสงค์เชิง พฤตกิ รรมข้อที่ 9) 1. สรุปวงจรเรโซแนนซ์ ใหถ้ กู ต้องเหมาะสม

144 กจิ กรรมการเรยี นการสอนหรือการเรยี นรู้ ขน้ั ตอนการสอนหรือกิจกรรมของครู ขน้ั ตอนการเรยี นร้หู รือกิจกรรมของนักเรยี น 1. ขั้นนำเขา้ ส่บู ทเรยี น ( 15 นาที ) 1. ขน้ั นำเขา้ สูบ่ ทเรยี น ( 15 นาที ) 1. ผู้สอนแจ้งจุดประสงค์การเรียนของบทที่ 1. ผูเ้ รียนทำความเข้าใจเกยี่ วกบั 9 เร่อื ง วงจรเรโซแนนซ จดุ ประสงค์การเรยี นของบทท่ี 9 เรอ่ื ง 2. ผู้สอนให้ผู้เรียนอธิบายสภาวะเรโซแน วงจรเรโซแนนซ์ นซข์ องวงจร RLC 2. ผู้เรียนผู้เรียนอธิบายสภาวะเรโซแน นซ์ของวงจร RLC 2. ขน้ั ใหค้ วามรู้ ( 120 นาที ) 2. ขน้ั ใหค้ วามรู้ (120 นาที ) 1. ผู้สอนแนะนำให้ผเู้ รยี นเปิด 1. ผเู้ รยี นศกึ ษาจาก PowerPoint และ PowerPoint และให้ผูเ้ รียนเปิเอกสาร ให้ผู้เรียนเปิดเอกสารประกอบการสอนวิชา ประกอบการสอนวชิ า วงจรไฟฟ้ากระแสสลบั วงจรไฟฟ้ากระแสสลับ บทที่ 9 เรื่องวงจรเร บทท่ี 9 เรอื่ ง วงจรเรโซแนนซ และให้ผ้เู รียน โซแนนซโดยเลอื กจดบนั ทึกเน้ือหาที่สำคัญ ศึกษารายละเอียดดว้ ยตนเอง 2. ผู้เรียนซักถามข้อสงสัยที่เกิดขึ้นและ 2. ผู้สอนเปิดโอกาส ให้ผู้เรียนถามปัญหา ผู้เรยี นร่วมมอื กับผู้สอน และข้อสงสัยจากเนื้อหา โดยครูเป็นหาค่าลิมิต ของฟังก์ชนั 3. ข้ันประยกุ ตใ์ ช้ ( 60 นาที ) 3. ข้ันประยกุ ตใ์ ช้ ( 60 นาที ) 1. ผู้สอนให้ผูเ้ รียนทำแบบฝกึ หัดบทที่ 9 1. ผู้เรียนทำแบบฝกึ หดั บทท่ี 9 2. ผสู้ อนใหผ้ ูเ้ รยี นสบื คน้ ข้อมูลจาก 2. ผ้เู รียนสืบคน้ ขอ้ มูลจากอนิ เทอรเ์ นต็ อนิ เทอร์เน็ต 4. ขั้นสรปุ และประเมินผล ( 45 นาที ) 4. ขัน้ สรุปและประเมนิ ผล ( 45 นาที ) 1. ผู้สอนและผู้เรียนร่วมกันสรุปเนื้อหาที่ได้ 1. ผู้เรียนร่วมกันสรุปเนื้อหาที่ได้เรียนให้ เรยี นให้มีความเขา้ ใจในทศิ ทางเดียวกนั มีความเขา้ ใจในทศิ ทางเดยี วกัน 2. ผู้สอนให้ผู้เรียนศึกษาเพิ่มเติมนอก 2. ผู้เรียนศึกษาเพิ่มเติมนอกห้องเรียน หอ้ งเรียนดว้ ย PowerPoint ทจ่ี ัดทำขึ้น ด้วย PowerPoint ทจ่ี ัดทำข้นึ

145 งานทม่ี อบหมายหรอื กจิ กรรมการวัดผลและประเมนิ ผล ก่อนเรยี น 1. จัดเตรียมเอกสาร สื่อการเรยี นการสอนบทที่ 4 2. ทำความเข้าใจเก่ียวกับจดุ ประสงคก์ ารเรียนของบทที่ 4 และให้ความรว่ มมือในการ ทำกจิ กรรมใน บทท่ี 9 ขณะเรียน 1. ทำแบบฝกึ หดั ที่ 9 2. ร่วมกนั สรปุ “วงจรเรโซแนนซ” หลงั เรยี น 1. - ผลงาน/ชิ้นงาน/ความสำเร็จของผู้เรียน แบบฝกึ หัดบทที่ 9 สอ่ื การเรียนการสอน/การเรียนรู้ สื่อสิ่งพิมพ์ 1. เอกสารประกอบการสอนวชิ า วงจรไฟฟ้ากระแสสลับ (ใช้ประกอบการเรียนการสอน จดุ ประสงค์เชงิ พฤตกิ รรมขอ้ ที่ 1-9) 2. แบบฝึกหัดที่ 9 ขั้นประยกุ ต์ใช้ ข้อ 1 สอ่ื โสตทัศน์ (ถา้ มี) 1. เครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ 2. PowerPoint เรือ่ ง วงจรเรโซแนนซ สื่อของจริง 1. วงจรเรโซแนนซ (ใช้ประกอบการเรียนการสอนจุดประสงค์เชิงพฤติกรรมข้อท่ี 1-9)

146 การวดั และประเมนิ ผล การวัดผล การประเมนิ ผล (ใชเ้ ครอื่ งมอื ) (นำผลเทียบกับเกณฑแ์ ละแปลความหมาย) 1. แบบทดสอบก่อนเรียน (Pre–test) หน่วยที่ 9 (ไวเ้ ปรยี บเทียบกับคะแนนสอบหลังเรียน) 2. แบบสงั เกตการทำงานกลุม่ และนำเสนอ เกณฑผ์ ่าน 60% ผลงานกลมุ่ 3. แบบฝกึ หดั หน่วยท่ี 9 เกณฑ์ผา่ น 50% 4. แบบทดสอบหลงั เรยี น (Post–test)หน่วยที่ 9 เกณฑ์ผา่ น 50% 5. แบบประเมินคณุ ธรรม จรยิ ธรรม ตามสภาพ เกณฑผ์ า่ น 60% จรงิ รายละเอียดการประเมินผลการเรยี นรู้ • จุดประสงค์เชงิ พฤติกรรม ข้อที่ 1 อธิบายสภาวะเรโซแนนซข์ องวงจร RLCได้ 1. วธิ ีการประเมิน : ทดสอบ 2. เครอื่ งมอื : แบบทดสอบ 3. เกณฑ์การให้คะแนน : อธิบายสภาวะเรโซแนนซข์ องวงจร RLCได้ จะได้ 1 คะแนน • จุดประสงค์เชงิ พฤติกรรม ข้อที่ 2 บอกวงจรเรโซแนนซ์แบบอนุกรมได้ 1. วธิ กี ารประเมนิ : ทดสอบ 2. เครอ่ื งมือ : แบบทดสอบ 3. เกณฑ์การให้คะแนน : บอกวงจรเรโซแนนซ์แบบอนุกรมได้ จะได้ 1 คะแนน • จดุ ประสงค์เชงิ พฤติกรรม ข้อท่ี 3 หาค่า L และ C ใชใ้ นวงจรเรโซแนนซ์แบบอนุกรมได้ 1. วิธกี ารประเมนิ : ทดสอบ 2. เคร่อื งมือ : แบบทดสอบ 3. เกณฑ์การให้คะแนน : หาค่า L และ C ใช้ในวงจรเรโซแนนซ์แบบอนุกรมได้ จะ ได้ 1 คะแนน • จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม ข้อที่ 4 ประกอบคุณภาพของวงจรเรโซแนนซเ์ ป็นแบบอนุกรมได้ 1. วธิ กี ารประเมิน : ทดสอบ 2. เครือ่ งมอื : แบบทดสอบ 3. เกณฑ์การให้คะแนน : ประกอบคุณภาพของวงจรเรโซแนนซเ์ ปน็ แบบอนุกรมได้ จะได้ 1 คะแนน

147 • จดุ ประสงค์เชิงพฤติกรรม ข้อที่ 5 คำนวณหาค่าแบนดว์ ิดท์ในวงจรเรโซแนนซแ์ บบอนกุ รม ได้ 1. วิธีการประเมิน : ทดสอบ 2. เครอื่ งมอื : แบบทดสอบ 3. เกณฑ์การให้คะแนน : คำนวณหาค่าแบนด์วิดทใ์ นวงจรเรโซแนนซแ์ บบ อนกุ รมได้ จะได้ 1 คะแนน • จดุ ประสงค์เชิงพฤติกรรม ข้อท่ี 6 คำนวณวงจรเรโซแนนซอ์ นกุ รมได้ 1. วธิ ีการประเมนิ : ทดสอบ 2. เครอ่ื งมอื : แบบทดสอบ 3. เกณฑ์การให้คะแนน : คำนวณวงจรเรโซแนนซแ์ บบอนกุ รมได้ จะได้ 1 คะแนน • จดุ ประสงค์เชงิ พฤติกรรม ข้อท่ี 7 หาคา่ L และ C ใช้ในวงจรเรโซแนนซแ์ บบขนานได้ 1. วิธีการประเมิน : ทดสอบ 2. เครื่องมือ : แบบทดสอบ 3. เกณฑ์การให้คะแนน : หาค่า L และ C ใชใ้ นวงจรเรโซแนนซแ์ บบขนานได้ จะ ได้ 1 คะแนน • จุดประสงคเ์ ชงิ พฤติกรรม ข้อท่ี 8 ชแี้ จงตวั ประกอบคณุ ภาพและแบนดว์ ดิ ท์ในวงจรเร โซแนนซ์แบบขนานได้ 1. วิธีการประเมิน : ทดสอบ 2. เคร่อื งมือ : แบบทดสอบ 3. เกณฑ์การให้คะแนน : ชแ้ี จงตัวประกอบคณุ ภาพและแบนด์วิดท์ในวงจรเร โซแนนซ์แบบขนานได้ จะได้ 1 คะแนน • จุดประสงคเ์ ชงิ พฤติกรรม ข้อท่ี 9 สรปุ วงจรเรโซแนนซ์ ใหถ้ กู ต้องเหมาะสม 1. วธิ ีการประเมนิ : ทดสอบ 2. เครอื่ งมอื : แบบทดสอบ 3. เกณฑ์การให้คะแนน : สรุปวงจรเรโซแนนซ์ ใหถ้ ูกต้องเหมาะสม จะได้ 2 คะแนน

148 แบบฝกึ หัดบทท่ี 9 ตอนท่ี 1 เขยี นเครือ่ งหมายกากบาท (X) ลงในข้อท่ถี กู ตอ้ งท่ีสดุ 1. เรโซแนนซ์ของวงจร RLC คอื อะไร ก. สภาวะทีค่ ่ารแี อกแตนซห์ มดไป เหลือเพียงคา่ ความตา้ นทาน ข. สภาวะการตอบสนองความถขี่ อง XC และ XLตรงกัน ค. สภาวะทคี่ ่ารแี อกแตนซ์ XC และ XL ง. ถกู ทุกข้อ 2. จากรูปกราฟบอกให้ทรราบถงึ อะไร ก. จดุ fr เปน็ จดุ เรโซแนนซ์ ข. กราฟแสดงสภาวะการไมต่ อบสนองของวงจร RLC ค. ยอดเหลยี่ มของกราฟแสดงว่ามคี ่าความต้านทานสูง ง. ส่วนปลายฐานของกราฟแสดงว่ามีกระแสไหล ไดม้ าก 3. จากรูป ที่ความถี่เรโซแนนซ์ การหาค่าข้อใดถูกตอ้ ง ก. Z = R+ j(XL+ XC) ข. R = RA+RB-RC ค. XL= XC ง. ถกู ทุกข้อ 4. จากข้อ 3 ความถี่เรโซแนนซห์ าค่าได้อยา่ งไร ก. fr= 1 ข. fr2= 1 √2πLC (2π)2LC ค. fr= 1 ง. fr2= 1 (2π)2√LC (2πLC)2 5. จากข้อ 3 ทค่ี วามถเ่ี รโซแนนซ์จะหาคา่ Lr และ Cr ไดอ้ ยา่ งไร ก. Cr= 1 ข. Lr= 1 (2πfr)2L (2πfr)2L 1 1 ค. Cr= (2πfrL)2 ง. Lr= (2πfrC)2 6. ตัวประกอบคณุ ภาพของวงจรเรโซแนนซ์ RLC อนกุ รม ทจ่ี ดุ เรโซแนนซ์เปน็ ตวั แสดงถงึ อะไร ก. บอกผลตอ่ ความต้านทานในวงจรเรโซแนนซ์ และค่ากระแสที่เกิดขน้ึ ในวงจร ข. การเกิดกำลังไฟฟ้าในตัวเหนีย่ วนำ และตวั เก็บประจุมากนอ้ ยเพียงไร ค. อัตราส่วนระหวา่ งกำลงั ไฟฟ้ารีอกตฟี หารด้วยกำลงั ไฟฟ้าจรงิ ง. ถูกทกุ ขอ้ 7. วงจรรีโซแนนซ์แบบขนาน RLC ทจี่ ุดเรโซแนนซ์ มีคณุ สมบตั ิอยา่ งไร ก. มีกระแสไหลในวงจรสูงสดุ ข.มแี รงดันตกคร่อมวงจรต่ำสุด ค. มีคา่ อิมพีแดนซใ์ นวงจรสูงสุด

149 ง. มคี ่าอิมพแี ดนซเ์ ทา่ กบั ค่ารแี อกแตนซใ์ นวงจร 8. จากรูป ที่ความถีเ่ รโซแนนซ์ การหาค่าข้อใดถูกตอ้ ง ก. Y = G1+ G2+ j(BC+ BL) ข. Z = R1+ R2 ค BC= BL ง. ถกู ทุกขอ้ 9. จากข้อ 8 ความถเี่ รโซแนนซ์หาคา่ ไดอ้ ย่างไร ก. fr= 1 ข. fr2= 1 √2πRLC (2π)2LC ค. fr= 1 ง. fr2= 1 (2π)2√LC (2πRLC)2 10. จากขอ้ 8 ความถี่เรโซแนนซก์ ารหาค่าข้อใดถูกต้อง ก. IC= IL ข. I= IR ง. ถกุ ทุกขอ้ ค. fr= 1 2π√LC ตอนท่ี 2 อธิบายให้ได้ใจความสมบรู ณ์และแสดงวธิ ที ำใหส้ มบูรณถ์ ูกต้อง 1. วงจร RLC ตามรปู ตอ่ อยกู่ ับแหลง่ จ่ายแรงดนั Es มีคา่ 20∠0° V จงหาค่า (ก) ความถี่ เรโซแนนซ์ fr ของวงจร (ข) คา่ XL, XC และ Z (ค) คา่ กระแส I ของวงจร (ง) แรงดัน ER , EL และ EC (จ) คา่ Qs และ BW 2. วงจร RLC ตามรปู ต่ออยกู่ ับแหลง่ จ่ายแรงดัน Es มีคา่ 60∠0° V จงหาค่า (ก) ความถี่ เรโซแนนซ์ fr (ข) ค่า G, BL,และ BC (ค) ค่ากระแส IR, IL , IC และ I (ง) ค่า QP และ BW

150 แบบประเมนิ ผลการนำเสนอผลงาน ชื่อกลุ่ม……………………………………………ชั้น………………………ห้อง........................... รายช่ือสมาชกิ 1……………………………………เลขท…ี่ …. 2……………………………………เลขท…่ี …. 3……………………………………เลขท…ี่ …. 4……………………………………เลขท…่ี …. ที่ รายการประเมิน คะแนน ข้อคิดเหน็ 32 1 1 เน้ือหาสาระครอบคลมุ ชดั เจน (ความร้เู กย่ี วกับเน้ือหา ความถกู ต้อง ปฏิภาณในการตอบ และการแกไ้ ข ปัญหาเฉพาะหน้า) 2 รปู แบบการนำเสนอ 3 การมีส่วนรว่ มของสมาชิกในกลุ่ม 4 บุคลิกลกั ษณะ กริ ยิ า ท่าทางในการพูด น้ำเสียง ซง่ึ ทำให้ผู้ฟงั มคี วามสนใจ รวม ผปู้ ระเมนิ ………………………………………………… เกณฑ์การให้คะแนน 1. เนื้อหาสาระครอบคลมุ ชัดเจนถกู ต้อง 3 คะแนน = มสี าระสำคัญครบถว้ นถูกตอ้ ง ตรงตามจุดประสงค์ 2 คะแนน = สาระสำคญั ไมค่ รบถว้ น แต่ตรงตามจดุ ประสงค์ 1 คะแนน = สาระสำคัญไม่ถูกต้อง ไมต่ รงตามจุดประสงค์ 2. รูปแบบการนำเสนอ 3 คะแนน = มีรปู แบบการนำเสนอทีเ่ หมาะสม มีการใชเ้ ทคนคิ ที่แปลกใหม่ ใชส้ อื่ และเทคโนโลยี ประกอบการ นำเสนอทีน่ า่ สนใจ นำวัสดุในทอ้ งถิน่ มาประยกุ ต์ใช้อย่าง คุ้มคา่ และประหยัด 2 คะแนน = มเี ทคนคิ การนำเสนอที่แปลกใหม่ ใชส้ ่ือและเทคโนโลยปี ระกอบการ นำเสนอท่นี ่าสน ใจ แต่ขาดการประยุกต์ใช้ วัสดุในท้องถนิ่ 1 คะแนน = เทคนคิ การนำเสนอไมเ่ หมาะสม และไม่น่าสนใจ 3. การมสี ว่ นรว่ มของสมาชกิ ในกลุ่ม 3 คะแนน = สมาชิกทกุ คนมีบทบาทและมีสว่ นรว่ มกิจกรรมกลมุ่ 2 คะแนน = สมาชิกสว่ นใหญม่ บี ทบาทและมีส่วนร่วมกจิ กรรมกล่มุ

151 1 คะแนน = สมาชิกส่วนน้อยมบี ทบาทและมีสว่ นรว่ มกจิ กรรมกลุ่ม 4. ความสนใจของผู้ฟัง 3 คะแนน = ผู้ฟังมากกว่าร้อยละ 90 สนใจ และให้ความร่วมมือ 2 คะแนน = ผู้ฟังรอ้ ยละ 70-90 สนใจ และใหค้ วามรว่ มมอื 1 คะแนน = ผ้ฟู ังน้อยกว่ารอ้ ยละ 70 สนใจ และใหค้ วามร่วมมอื

152 แบบประเมินกระบวนการทำงาน ชอื่ กล่มุ ……………………………………………ชน้ั ………………………หอ้ ง........................... รายชอื่ สมาชิก 2……………………………………เลขท…่ี …. 4……………………………………เลขท…ี่ …. 1……………………………………เลขท…ี่ …. 3……………………………………เลขท…่ี …. ท่ี รายการประเมิน คะแนน ข้อคิดเห็น 321 1 การกำหนดเปา้ หมายร่วมกนั 2 การแบ่งหน้าท่ีรับผิดชอบและการเตรียม ความพร้อม 3 การปฏบิ ัติหน้าท่ที ี่ไดร้ ับมอบหมาย 4 การประเมินผลและปรับปรุงงาน รวม ผูป้ ระเมนิ ………………………………………………… วันท่ี…………เดอื น……………………..พ.ศ…………... เกณฑ์การให้คะแนน 1. การกำหนดเปา้ หมายร่วมกัน 3 คะแนน = สมาชกิ ทกุ คนมีส่วนรว่ มในการกำหนดเป้าหมายการทำงานอย่างชัดเจน 2 คะแนน = สมาชิกสว่ นใหญ่มสี ว่ นร่วมในการกำหนดเป้าหมายในการทำงาน 1 คะแนน = สมาชิกสว่ นน้อยมีส่วนร่วมในการกำหนดเป้าหมายในการทำงาน 2. การมอบหมายหน้าทีร่ บั ผิดชอบและการเตรียมความพร้อม 3 คะแนน = กระจายงานได้ทั่วถึง และตรงตามความสามารถของสมาชิกทุกคนมาการ จัดเตรยี มสถานท่ี สอ่ื / อุปกรณ์ไว้อยา่ งพร้อมเพรียง 2 คะแนน = กระจายงานไดท้ วั่ ถงึ แต่ไม่ตรงตามความสามารถ และมสี ่ือ / อปุ กรณ์ไว้ อย่างพรอ้ มเพรียง แต่ขาดการจัดเตรยี มสถานที่ 1 คะแนน = กระจายงานไม่ทั่วถงึ และมีส่อื / อุปกรณไ์ มเ่ พียงพอ 3. การปฏิบัติหนา้ ที่ทีไ่ ดร้ บั มอบหมาย 3 คะแนน = ทำงานไดส้ ำเร็จตามเปา้ หมาย และตามเวลาที่กำหนด 2 คะแนน = ทำงานไดส้ ำเร็จตามเปา้ หมาย แต่ช้ากวา่ เวลาทก่ี ำหนด 1 คะแนน = ทำงานไม่สำเร็จตามเป้าหมาย

153 4. การประเมนิ ผลและปรับปรุงงาน 3 คะแนน = สมาชกิ ทกุ คนรว่ มปรกึ ษาหารือ ติดตาม ตรวจสอบ และปรบั ปรงุ งาน เป็นระยะ 2 คะแนน = สมาชิกบางส่วนมีส่วนรว่ มปรึกษาหารือ แต่ไมป่ รับปรงุ งาน 1 คะแนน = สมาชิกบางสว่ นไม่มีสว่ นรว่ มปรกึ ษาหารอื และปรบั ปรุงงาน

154 บันทกึ หลังการสอน บทที่ 9 วงจรเรโซแนนซ์ ผลการใช้แผนการสอน 1. เนือ้ หาสอดคล้องกบั จดุ ประสงค์เชงิ พฤติกรรม 2. กิจกรรมการสอนเหมาะสมกับเนื้อหาและเวลาที่กำหนด 3. ส่อื การสอนเหมาะสมดี ผลการเรยี นของนักเรยี น 1. นักศึกษาส่วนใหญ่มีความเข้าใจในบทเรียน อภิปรายตอบคำถามในกลุ่ม และร่วมกัน ปฏบิ ตั งิ านท่ีได้รบั มอบหมาย 2. นักศึกษากระตือรือร้นและรับผิดชอบในการทำงานกลุ่มเพื่อให้งานสำเร็จทันเวลาท่ี กำหนด ผลการสอนของครู 1. สอนเนือ้ หาได้ครบตามหลกั สูตร 2. แผนการสอนและวธิ ีการสอนครอบคลุมเน้อื หาการสอนทำใหผ้ ้สู อนสอนได้อยา่ งมน่ั ใจ 3. สอนทนั ตามเวลาที่กำหนด ปญั หา แนวทางแกไ้ ข และข้อเสนอแนะ - ลงชอ่ื ………………………………………… (นางสาวเพ็ญนภา สขุ ยอ้ ย) ครูผูส้ อน

155

155 แผนการสอน/แผนการเรยี นรภู้ าคทฤษฎี แผนการจัดการเรยี นรู้ บทที่ 10 ชื่อวชิ า วงจรไฟฟา้ กระแสสลับ สอนสปั ดาหท์ ่ี 10 ชื่อหน่วย แฟกเตอรก์ ์กำลงั คาบรวม 40 ชือ่ เรื่อง แฟกเตอร์กก์ ำลงั จำนวนคาบ 4 หวั ข้อเรอ่ื ง 1. กำลังไฟฟา้ กระแสสลับ 2. แฟกเตอรก์ ำลงั 3. การคำนวณหาค่าแฟกเตอร์กำลัง 4. การแก้แฟกเตอรก์ ำลงั 5. บทสรุป สาระสำคญั ตัวต้านทาน (Resistor) ถือเป็นอุปกรณ์พื้นฐานที่นำไปใช้งานในวงจรต่างๆ มากที่สุด รวมถงึ ในวงจรไฟฟ้ากระแสสลบั ด้วย ตัวต้านทานแต่ละตวั จะมีค่าความตา้ นทา (Resistance) ภาย ในตัวแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับการกำหนดค่าจากการผลิต คุณสมบัติในการทำงานกับไฟฟ้า กระแสสลับ โดยทำหน้าที่เปลี่ยนพลังไฟฟ้าเป็นพลังงานความร้อน ทำงานกับแรงดันไฟสลับและ กระแสไฟสลับของสัญญาณคลื่นไซน์ จ่ายค่าเป็น RMS คุณสมบัติของแรงดันไฟสลับ E และ กระแสไฟสลับ I เกิดข้ึนบนตัวตา้ นทาน R มเี ฟสร่วมกนั วงจรและสญั ญาณ สมรรถนะอาชีพประจำหน่วย - บอกชนดิ ของกำลงั ไฟฟ้ากระแสสลับ อยา่ งถกู ตอ้ งสมบรู ณ์ - คำนวณคา่ แฟกเตอร์กำลงั ในวงจรแต่ละชนดิ ตามลำดบั เป็นข้นั ตอน - แกแ้ ฟกเตอร์กำลังอย่างรอบคอบตามหลักปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง จุดประสงคก์ ารสอน/การเรยี นรู้ • จดุ ประสงค์ท่ัวไป / บรู ณาการเศรษฐกจิ พอเพียง 1. เพื่อให้มีความรู้เกย่ี วกับการอธิบายกำลังไฟฟา้ กระแสสลับ (ด้านความรู)้ 2. เพอ่ื ใหม้ ที ักษะในเขยี นสมการของแฟกเตอร์กำลัง (ด้านทกั ษะ) 3. เพอ่ื ให้มีเจตคติที่ดใี นการชีแ้ จงการแก้แฟกเตอร์กำลงั (ด้านจติ พสิ ัย) 4. เพือ่ สรุปแฟกเตอร์กำลงั ได้อย่างถกู ต้องเหมาะสม (ด้านด้านคณุ ธรรม จรยิ ธรรม/ บรู ณาการเศรษฐกจิ พอเพยี ง) • จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม / บรู ณาการเศรษฐกจิ พอเพยี ง 1. อธิบายกำลงั ไฟฟ้ากระแสสลับได้ (ดา้ นความรู้)

156 2. เขยี นสมการของแฟกเตอร์กำลังได้ (ด้านทักษะ) 3. คำนวณหาแฟกเตอร์กำลงั ได้ (ดา้ นทักษะ) 4. ช้ีแจงการแก้แฟกเตอร์กำลงั ได้ (ดา้ นจติ พิสัย) 5. สรุปแฟกเตอร์กำลังได้อย่างถูกตอ้ งเหมาะสม (ดา้ นด้านคณุ ธรรม จริยธรรม/บรู ณาการ เศรษฐกจิ พอเพยี ง) เน้ือหาสาระการสอน/การเรยี นรู้ • ดา้ นความรู้(ทฤษฎี) 10.1 กำลงั ไฟฟา้ กระแสสลบั ในวงจรไฟฟ้ากระแสสลับ ระดับสัญญาณไฟฟ้ามีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา รวมถึงเฟส สัญญาณก็เกิดการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาเช่นเดียวกัน ผลการเปลี่ยนแปลงทำให้กำลังไฟฟ้าท่ี เกิดขึ้นมีการเปลี่ยนแปลงและแตกต่างกัน แบ่งออกได้ 3 ส่วน เขียนในรูปสามเหลี่ยมกำลังไฟฟ้า (Power Triangle) ประกอบด้วย กำลังไฟฟ้าจริง (P) กำลังไฟฟ้ารีแอกตีฟ (Q) และกำลังไฟฟ้า ปรากฏ (S) กำลงั ไฟฟ้าทัง้ 3 สว่ นมคี วามแตกต่างกนั ในคา่ ท่คี ำนวณออกมาได้ 10.1.1 กำลังไฟฟา้ จรงิ (P) กำลังไฟฟ้าจริง (P) หรืออาจเรยี กวา่ กำลังไฟฟ้าเฉลี่ย เป็นกำลังไฟฟ้าทีว่ งจรไดร้ บั จริง เกิด กำลังไฟฟ้าที่ถูกนำไปใช้งานจริง อาจเกิดได้กับอุปกรณ์จำพวกตัวต้านทานบริสุทธิ์แรงดันและ กระแสมีเฟสเหมือนกนั ในกรณีท่ีแรงดันและกระแสมเี ฟสไม่เหมือนกัน จะต้องจัดเฟสกระแสให้อยู่ ในตำแหน่งเฟสรว่ มกบั แรงดนั ในรปู Icosq เขยี นสมการกำลังไฟฟา้ จรงิ ได้ดังนี้ 10.1.2 กำลังไฟฟ้ารแี อกตฟี (Q) กำลังไฟฟ้ารีแอกตีฟ (Q) เป็นกำลังไฟฟ้าที่เกิดกบั อุปกรณ์จำพวกตัวเหน่ียวนำและตัวเกบ็ ประจุ โดยเกิดจากแรงดนั และกระแสในตวั เหนีย่ วนำและตัวเก็บประจุ กระแสในตวั เหนย่ี วนำจะล้า หลังแรงดันเป็นมุม q (ค่า q มีค่าระหว่าง 1o ถึง 90 องศา และกระแสในตัวเก็บประจุจะนำหน้า

157 แรงดนั เปน็ มุม q (ค่า q มีคา่ ระหว่าง 1o ถึง 90 องศา) กระแสทนี่ ำหนา้ และล้าหลังน้ี สามารถแตก ค่ากระแสใหอ้ ยู่ในตำแหนง่ เฟสรว่ ม และตา่ งเฟส 90 องศา กบั แรงดัน 10.1.3 กำลังไฟฟา้ ปรากฏ (S) กำลงั ไฟฟ้าปรากฏ (S) เป็นกำลังไฟฟ้าทแ่ี หล่งจ่ายกำลงั ไฟฟ้าต้องจา่ ยให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้า ต่างๆ โดยเกิดจากการคูณกันของแรงดันที่วัดได้จาก AC โวลต์มิเตอร์ กับกระแสวัดได้จาก AC แอมมเิ ตอร์ วัดคา่ ออกมาได้เปน็ ค่า RMS หรอื คา่ ประสิทธิผล 10.2 แฟกเตอรก์ ำลัง แฟกเตอร์กำลัง (pf) หรือประสิทธิภาพ (Efficiency) ของวงจร บอกให้ทราบว่าอุปกรณ์ ไฟฟา้ ที่ใช้อยู่มีประสิทธภิ าพในการทำงานมากน้อยเพียงไร แสดงออกมาในรปู เลขทศนิยม หาค่าได้ จากอัตราส่วนของกำลังไฟฟ้าจริง (P) หารด้วยกำลังไฟฟ้าปรากฏ (S) หรือมีค่าเท่ากับ cosqเขียน เป็นสมการได้ดงั นี้ 10.2.2 ภาระตวั เหนย่ี วนำ เป็นภาระทเ่ี กิดกระแสไหลผ่านมีเฟสล้าหลงั แรงดนั ตกคร่อมวงจร เกดิ มมุ ต่างเฟส qo เป็น แฟกเตอรก์ ำลังชนดิ ล้าหลงั (Lagging Power Factor) เขียนเฟสเซอรไ์ ดอะแกรมได้ดังรูปที่ 10.3

158 10.3 การคำนวณหาค่าแฟกเตอรก์ ำลัง ประสิทธิภาพของวงจรไฟฟ้าแสดงออกมาได้ด้วยแฟกเตอร์กำลัง (pf) การเลือกใช้ เครือ่ งใช้ไฟฟ้า ควรพิจารณาจากคา่ แฟกเตอร์กำลังท่ีมีค่าเขา้ ใกล้ 1 ยง่ิ มีคา่ เข้าใกล้ 1 มากข้ึนเท่าไร ยิ่งทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้ามีประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้นเท่านั้น การคำนวณหาค่าแฟกเตอร์ กำลังและคา่ กำลังไฟฟ้าตา่ งๆ เปน็ สงิ่ จำเปน็ 10.4 การแก้แฟกเตอร์กำลงั คา่ แฟกเตอรก์ ำลังท่ีบอกไว้เปน็ ค่าแสดงให้ทราบว่า อปุ กรณ์ไฟฟ้าทีใ่ ชอ้ ยมู่ ีประสิทธิภาพใน การทำงานมากนอ้ ยเพยี งไร ประสทิ ธภิ าพสงู สุดของอปุ กรณไ์ ฟฟา้ มีค่าแฟกเตอร์กำลัง (pf)เทา่ กบั 1 โดยการทำให้มุม q ของสามเหลี่ยมกำลังลดลงเป็น 0 องศา ซึ่งเป็นค่าที่บอกให้ทราบว่าอุปกรณ์ ไฟฟ้าทำงานได้ค่าสูงสุด เกิดกำลังไฟฟ้าในการทำงานมากที่สุด โดยไม่เกิดกำลังไฟฟ้าที่สูญเสียไป จากกำลังไฟฟ้ารีแอกตีฟ (Q) โดยปกติแล้วอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ผลิตมาใช้งาน ส่วนมากเป็นประเภทที่มีตัวเหนี่ยวนำต่อร่วม ในวงจรด้วย ซ่งึ มผี ลต่อเฟสของแรงดันและกระแสที่เกดิ ข้ึนในวงจรแตกตา่ งกนั ไป เฟสกระแสจะล้า

159 หลังแรงดันเสมอ เกิดแฟกเตอร์กำลังชนิดล้าหลังมีค่า pf น้อยกว่า 1 ทำให้อุปกรณ์ไฟฟ้าที่ใช้งาน กินกระแสในการทำงานมากขึ้น ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง และต้องจ่ายค่ากระแสมากข้ึน เป็นสิง่ ที่ไม่ตอ้ งการให้เกิดขนึ้ ดงั นั้นจงึ มคี วามจำเปน็ ต้องปรับค่าแฟกเตอร์กำลงั ใหมใ่ หม้ีค่า pf เข้า ใกล้ 1 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของอุปกรณ์ไฟฟ้า และยังช่วยประหยัดค่าใช้ไฟฟ้า ได้มากข้นึ การปรับแก้ค่าแฟกเตอร์กำลังให้เข้าใกล้ 1 ในวงจรการทำงานที่มีภาระเป็นประเภทตัว เหนี่ยวนำ เช่น มอเตอร์ มีค่าแฟกเตอร์กำลังล้าหลัง ทำได้โดยต่อเพิ่มตัวเก็บประจุขนานกับภาระ ของวงจร โดยใชค้ ่าความจุทเี่ หมาะสม ผลการแกแ้ ฟกเตอร์กำลังทำใหก้ ระแสไหลในวงจรลดลง มุม ตา่ งเฟสระหว่างแรงดันและกระแสน้อยลง สง่ ผลใหก้ ำลังไฟฟา้ ปรากฏ (S) และกำลงั ไฟฟา้ รีแอกตีฟ (Q) มคี ่าลดลง ช่วยใหค้ า่ แฟกเตอร์กำลงั มีคา่ เข้าใกล้ 1 มากข้นึ กรณีทภี่ าระเป็นตัวเกบ็ ประจุก็สามารถปรบั แก้ค่าแฟกเตอร์กำลังทำได้เช่นเดยี วกัน โดยต่อเพมิ่ ตัว เหนีย่ วนำมคี ่าพอเหมาะขนานกบั ภาระของวงจร เพ่อื ทำใหค้ า่ แฟกเตอรก์ ำลงั เขา้ ใกล้1 มากขึน้ การพจิ ารณาในการแก้แฟกเตอร์กำลังพจิ ารณาดังนี้ 1. กำลงั ไฟฟ้าจรงิ (P) ต้องคงที่ 2. กระแสในวงจร (I) ต้องลดลง 3. มมุ ตา่ งเฟส (q) ต้องลดลง 4. แฟกเตอร์กำลงั (pf) ตอ้ งเพ่มิ ขน้ึ 5. กำลังไฟฟ้าปรากฏ (S) ต้องลดลง 6. กำลังไฟฟ้ารแี อกตฟี (Q) ตอ้ งลดลง 10.5 บทสรุป กำลังไฟฟ้าแบ่งออกได้ 3 ส่วน ประกอบด้วย กำลังไฟฟ้าจริง (P) กำลังไฟฟ้ารีแอกตีฟ(Q) และกำลังไฟฟา้ ปรากฏ (S) แต่ละสว่ นหาคา่ ได้ดงั นี้

160 • ดา้ นทักษะ(ปฏิบัติ) 1. แบบฝึกหัดบทท่ี 10 • ด้านคณุ ธรรม/จริยธรรม/จรรยาบรรณ/บรู ณาการเศรษฐกจิ พอเพยี ง (จดุ ประสงคเ์ ชิง พฤติกรรมข้อท่ี 5) 1. สรุปแฟกเตอร์กำลงั ได้อย่างถกู ต้องเหมาะสม

161 กจิ กรรมการเรยี นการสอนหรอื การเรยี นรู้ ขั้นตอนการสอนหรอื กจิ กรรมของครู ขั้นตอนการเรียนรูห้ รือกจิ กรรมของนกั เรียน 1. ข้นั นำเข้าสูบ่ ทเรียน ( 15 นาที ) 1. ขนั้ นำเข้าสู่บทเรยี น ( 15 นาที ) 1. ผู้สอนแจ้งวัตถุประสงค์ของการเรียน 1. ผู้เรยี นทำความเขา้ ใจเกี่ยวกบั บทท่ี 10 เรอ่ื ง แฟกเตอร์ก์กำลงั วัตถุประสงค์ของการเรียน บทที่ 10 เรอื่ ง แฟก 2. ผูส้ อนให้ผเู้ รยี นอธบิ ายกำลงั ไฟฟ้า เตอรก์ ์กำลัง กระแสสลับ 2. ผเู้ รยี นอธบิ ายกำลังไฟฟา้ กระแสสลับ 2. ขนั้ ใหค้ วามรู้ (120 นาที ) 2. ข้นั ใหค้ วามรู้ (120 นาที ) 1. ผสู้ อนเปิด PowerPoint และให้ 1. ผเู้ รยี นศึกษาวธิ กี ารใช้ PowerPoint ผเู้ รียนเปดิ เอกสารประกอบการสอนวิชา กบั เอกสารประกอบการสอน วชิ า วงจรไฟฟ้า วงจรไฟฟ้ากระแสสลบั บทที่ 10 เร่อื ง แฟก กระแสสลับ บทท่ี 10 เรอ่ื ง แฟกเตอรก์ ์กำลงั เตอรก์ ์กำลงั พร้อมอธบิ ายเนื้อหาทีละส่วน พร้อมอธิบายเน้ือหาทลี ะส่วนโดยเลอื กจดบันทึก 2. ผู้สอนเปดิ โอกาสใหผ้ ู้เรยี นซักถามข้อ เน้ือหาทส่ี ำคัญ สงสยั ท่ีเกิดขน้ึ ระหวา่ งการเรยี นการสอน และ 2. ผูเ้ รยี นซกั ถามข้อสงสยั ทเ่ี กดิ ข้นึ ตอบขอ้ ซักถาม 3. ขน้ั ประยกุ ต์ใช้ (60 นาที ) 3. ขน้ั ประยกุ ต์ใช(้ 60 นาที ) 1. ผู้สอนให้ผู้เรียนทำแบบฝึกหัดบทท่ี 1. ผูเ้ รยี นทำแบบฝกึ หัดบทท่ี 10 10 2. ผู้เรยี นสบื คน้ ขอ้ มลู จากอนิ เทอร์เนต็ 2. ผสู้ อนให้ผเู้ รียนสืบคน้ ขอ้ มูลจาก อนิ เทอรเ์ นต็ 4. ขัน้ สรปุ และประเมนิ ผล ( 45 นาที ) 4. ขั้นสรปุ และประเมนิ ผล( 45 นาที ) 1. ผู้สอนและผู้เรียนร่วมกันสรุปเน้ือหาที่ 1. ผู้สอนและผู้เรียนร่วมกันสรุปเนื้อหาที่ได้ ได้เรียนใหม้ ีความเขา้ ใจในทิศทางเดยี วกนั เรียนใหม้ คี วามเขา้ ใจในทศิ ทางเดียวกัน 2. ผ้สู อนใหผ้ ู้เรยี นศึกษาเพ่ิมเติมนอก 2. ผู้สอนให้ผู้เรียนศึกษาเพิ่มเติมนอก หอ้ งเรียน ดว้ ย PowerPoint ท่จี ัดทำข้ึน ห้องเรยี น ดว้ ย PowerPoint ทจ่ี ดั ทำขนึ้

162 งานท่มี อบหมายหรอื กจิ กรรมการวดั ผลและประเมินผล ก่อนเรียน 1. จดั เตรียมเอกสาร ส่ือการเรียนการสอนบทท่ี 10 2. ทำความเข้าใจเก่ยี วกบั จุดประสงค์การเรียนของบทท่ี 10 และใหค้ วามรว่ มมือในการ ทำกิจกรรมใน บทที่ 10 ขณะเรียน 1. ทำแบบฝกึ หดั ท่ี 10 2. รว่ มกันสรปุ “แฟกเตอร์กก์ ำลงั ” หลังเรียน 1. - ผลงาน/ชนิ้ งาน/ความสำเร็จของผ้เู รียน แบบฝกึ หัดบทที่ 10 สือ่ การเรียนการสอน/การเรียนรู้ ส่ือสิ่งพมิ พ์ 1. เอกสารประกอบการสอนวชิ า วงจรไฟฟ้ากระแสสลับ (ใชป้ ระกอบการเรียนการสอน จุดประสงค์เชงิ พฤติกรรมขอ้ ที่ 1-5) 2. แบบฝกึ หดั ท่ี 10 ข้นั ประยุกต์ใช้ ข้อ 1 ส่อื โสตทศั น์ (ถ้ามี) 1. เครอ่ื งไมโครคอมพวิ เตอร์ 2. PowerPoint เรื่อง แฟกเตอรก์ ก์ ำลัง สือ่ ของจรงิ 1. แฟกเตอร์ก์กำลงั (ใช้ประกอบการเรยี นการสอนจดุ ประสงค์เชงิ พฤติกรรมขอ้ ท่ี 1-5)

163 การวัดและประเมนิ ผล การวดั ผล การประเมนิ ผล (ใชเ้ ครอ่ื งมือ) (นำผลเทียบกับเกณฑแ์ ละแปลความหมาย) 1. แบบทดสอบก่อนเรียน (Pre–test) หน่วยท่ี 9 (ไวเ้ ปรียบเทียบกบั คะแนนสอบหลงั เรียน) 2. แบบสงั เกตการทำงานกลุม่ และนำเสนอ เกณฑผ์ ่าน 60% ผลงานกลุ่ม 3. แบบฝกึ หัดหนว่ ยท่ี 9 เกณฑ์ผา่ น 50% 4. แบบทดสอบหลังเรยี น (Post–test)หนว่ ยที่ 9 เกณฑ์ผา่ น 50% 5. แบบประเมนิ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม ตามสภาพ เกณฑ์ผ่าน 60% จรงิ รายละเอยี ดการประเมินผลการเรียนรู้ • จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม ข้อท่ี 1 อธิบายกำลังไฟฟา้ กระแสสลับได้ 1. วิธกี ารประเมิน : ทดสอบ 2. เคร่ืองมอื : แบบทดสอบ 3. เกณฑ์การให้คะแนน : อธิบายกำลงั ไฟฟ้ากระแสสลบั ได้ จะได้ 2 คะแนน • จุดประสงค์เชงิ พฤติกรรม ข้อท่ี 2 เขียนสมการของแฟกเตอรก์ ำลงั ได้ 1. วิธีการประเมิน : ทดสอบ 2. เคร่ืองมือ : แบบทดสอบ 3. เกณฑ์การให้คะแนน : เขียนสมการของแฟกเตอร์กำลังได้ จะได้ 2 คะแนน • จุดประสงค์เชงิ พฤติกรรม ข้อที่ 3 คำนวณหาแฟกเตอรก์ ำลงั ได้ 1. วธิ กี ารประเมิน : ทดสอบ 2. เครอ่ื งมือ : แบบทดสอบ 3. เกณฑ์การให้คะแนน : คำนวณหาแฟกเตอร์กำลังได้ จะได้ 2 คะแนน • จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม ข้อท่ี 4 ชี้แจงการแกแ้ ฟกเตอร์กำลงั ได้ 1. วิธีการประเมนิ : ทดสอบ 2. เครือ่ งมือ : แบบทดสอบ 3. เกณฑ์การให้คะแนน : ชีแ้ จงการแก้แฟกเตอรก์ ำลังได้ จะได้ 4 คะแนน

164 • จุดประสงค์เชงิ พฤติกรรม ข้อท่ี 5 สรปุ แฟกเตอร์กำลังได้อยา่ งถูกต้องเหมาะสม 4. วิธกี ารประเมิน : ทดสอบ 5. เครื่องมือ : แบบทดสอบ 6. เกณฑ์การให้คะแนน : สรุปแฟกเตอร์กำลงั ได้อยา่ งถกู ต้องเหมาะสม จะได้ 2 คะแนน

165 แบบฝกึ หดั บทที่ 10 ตอนที่ 1 เขยี นเคร่ืองหมายกากบาท (X) ลงในข้อที่ถกู ตอ้ งที่สุด 1. สามเหลย่ี มกำลงั ไฟฟา้ ประกอบดว้ ยอะไรบ้าง ก. กำลงั ไฟฟ้าจริง, กำลังไฟ้ฟ้ารีแอกตฟี , กำลงั ไฟฟ้าปรากฏ ข. กำลังไฟฟ้าคงท่,ี กำลงั ไฟ้ฟา้ รีแอกตีฟ, กำลังไฟฟ้าปรากฏ ค. กำลังไฟฟา้ จรงิ , กำลังไฟฟ้ ้ารีแอกตีฟ, กำลังไฟฟา้ ค่าสูงสุด ง. กำลงั ไฟฟา้ คงที่, กำลงั ไฟ้ฟ้ารีแอกตฟี , กำลังไฟฟ้าคา่ สูงสดุ 2. กำลงั ไฟฟา้ P หาไดจ้ ากสมการใด ก. ESI ข. ERIR ง. E2C ค. IL2XL 3. กำลังไฟฟ้า Q หาได้จากสมการใด XC ก. ESI ข. IR2R ค. ELIL ง. I2Z 4. กำลงั ไฟฟ้า S หาได้จากสมการใด ก. ERIR ข. ELIL ค. IR2R ง. I2Z 5. คณุ สมบตั ิของเฟกเตอรก์ ำลงั บอกใหท้ ราบถึงอะไร ก. อุปกรณ์ไฟฟา้ ทใ่ี ช้อยมู่ ีประสทิ ธภิ าพในการทำงานมากน้อยเพยี งไร ข. อัตราสว่ นของกำลังไฟฟ้าจรงิ หารด้วยกำลังไฟฟ้าปรากฏ ค. ค่า cos θ ง. ถกู ทกุ ขอ้ 6. จากรูปสามเหลยี่ มกำลงั ไฟฟ้า กำลังไฟฟา้ Q มีคา่ เท่าไร ก. 24 Var ข. 28 Var ค. 32 Var ง. 40 Var 7. จากรูปขอ้ 6 แฟกเตอรก์ ำลังมคี า่ เท่าไร ก. 0.6 ข. 0.7 ค. 0.8 ง. 1

166 8. จากรูปแฟกเตอรก์ ำลังมีค่าเท่าไร ก. 0.257 ข. 0.45 ค. 0.707 ง. 0.816 9. จากรปู ข้อ 8 กำลงั ไฟฟ้า S มคี ่าเทา่ ไร ก. 0.45 VA ข. 50 VA ค. 78.6 VA ง. 137.6 VA 10. การแก้แฟกเตอร์กำลังที่มีภาระเป็นตวั เก็บประจุ จะต้องแกด้ ว้ ยวธิ ใี ด ก. ใช้ตัวเก็บประจคุ า่ เหมาะสมตอ่ ขนานวงจร ข. ใช้ตัวเหน่ยี วนำค่าเหมาะสมต่อขนานวงจร ค. ใช้ตัวเกบ็ ประจคุ า่ เหมาะสมต่ออนกุ รมวงจร ง. ใช้ตวั เหนย่ี วนำค่าเหมาะสมตอ่ อนกุ รมวงจร ตอนที่ 2 อธบิ ายให้ไดใ้ จความสมบรู ณแ์ ละแสดงวธิ ีทำให้สมบรู ณ์ถูกต้อง 1. วงจรไฟฟา้ ต่ออนกุ รมตามรูป จงหาคา่ (ก) กำลังไฟฟา้ จริง (ข) กำลงั ไฟฟ้ารีแอกตฟี (ค) กำลังไฟฟ้าปรากฏ (ง) แฟกเตอร์กำลงั (จ) เขียนเฟสเซอร์ไดอะแกรมกำลงั ไฟฟา้ 2. มอเตอร์เฟสเดยี วทำงานที่แฟกเตอร์กำลัง 90 % นำหน้า จา่ ยแรงดนั ใหม้ อเตอร์ 240 V ความถ่ี 100 Hz มกี ระแสไหลผ่าน 5 A วงจรแสดงตามรูป จงหาค่า (ก) กำลังไฟฟา้ จรงิ (ข) กำลังไฟฟ้ารีแอกตีฟ (ค) กำลังไฟฟา้ ปรากฏ (ง) เขียนเฟสเซอร์ไดอะแกรมกำลังไฟฟ้า

167 3. มอเตอร์ทำงานทแี่ ฟกเตอร์กำลงั 65 % ล้าหลัง จา่ ยแรงดนั ใหม้ อเตอร์ 220 V ความถ่ี 50 Hz มี กระแสไหลผา่ น 8 A วงจรแสดงตามรปู จงหาค่า (ก) ความจุมาต่อขนานแก้แฟกเตอร์กำลังใหม้ ีค่า pf = 1 (ข) เขยี นเฟสเซอร์ไดอะแกรมกำลังไฟฟ้าก่อนและหลงั แก้แฟกเตอร์กำลัง

168 แบบประเมินผลการนำเสนอผลงาน ชื่อกลุ่ม……………………………………………ช้ัน………………………ห้อง........................... รายช่ือสมาชกิ 1……………………………………เลขท…่ี …. 2……………………………………เลขท…่ี …. 3……………………………………เลขท…่ี …. 4……………………………………เลขท…่ี …. ที่ รายการประเมิน คะแนน ข้อคิดเหน็ 32 1 1 เน้ือหาสาระครอบคลมุ ชดั เจน (ความรเู้ ก่ยี วกับเนื้อหา ความถกู ต้อง ปฏิภาณในการตอบ และการแก้ไข ปัญหาเฉพาะหน้า) 2 รปู แบบการนำเสนอ 3 การมีส่วนรว่ มของสมาชิกในกล่มุ 4 บุคลิกลกั ษณะ กริ ยิ า ท่าทางในการพดู น้ำเสียง ซง่ึ ทำให้ผู้ฟงั มคี วามสนใจ รวม ผปู้ ระเมนิ ………………………………………………… เกณฑ์การให้คะแนน 1. เนื้อหาสาระครอบคลมุ ชัดเจนถูกต้อง 3 คะแนน = มสี าระสำคัญครบถ้วนถูกตอ้ ง ตรงตามจุดประสงค์ 2 คะแนน = สาระสำคญั ไมค่ รบถ้วน แตต่ รงตามจดุ ประสงค์ 1 คะแนน = สาระสำคญั ไมถ่ ูกตอ้ ง ไมต่ รงตามจุดประสงค์ 2. รูปแบบการนำเสนอ 3 คะแนน = มีรปู แบบการนำเสนอทเี่ หมาะสม มีการใชเ้ ทคนคิ ที่แปลกใหม่ ใชส้ อื่ และเทคโนโลยี ประกอบการ นำเสนอทนี่ ่าสนใจ นำวสั ดุในทอ้ งถิน่ มาประยกุ ต์ใช้อย่าง คุ้มคา่ และประหยัด 2 คะแนน = มเี ทคนคิ การนำเสนอที่แปลกใหม่ ใชส้ ่ือและเทคโนโลยปี ระกอบการ นำเสนอท่นี ่าสน ใจ แต่ขาดการประยกุ ต์ใช้ วัสดุในท้องถนิ่ 1 คะแนน = เทคนคิ การนำเสนอไมเ่ หมาะสม และไม่น่าสนใจ 3. การมสี ว่ นรว่ มของสมาชกิ ในกลุ่ม 3 คะแนน = สมาชิกทุกคนมีบทบาทและมีสว่ นรว่ มกิจกรรมกลมุ่ 2 คะแนน = สมาชิกสว่ นใหญม่ ีบทบาทและมีส่วนรว่ มกจิ กรรมกล่มุ

169 1 คะแนน = สมาชิกส่วนน้อยมบี ทบาทและมีสว่ นรว่ มกจิ กรรมกลุ่ม 4. ความสนใจของผู้ฟัง 3 คะแนน = ผู้ฟังมากกว่าร้อยละ 90 สนใจ และให้ความร่วมมือ 2 คะแนน = ผู้ฟังรอ้ ยละ 70-90 สนใจ และใหค้ วามรว่ มมอื 1 คะแนน = ผ้ฟู ังน้อยกว่ารอ้ ยละ 70 สนใจ และใหค้ วามร่วมมอื

170 แบบประเมินกระบวนการทำงาน ชอื่ กล่มุ ……………………………………………ชน้ั ………………………หอ้ ง........................... รายชอื่ สมาชิก 2……………………………………เลขท…่ี …. 4……………………………………เลขท…ี่ …. 1……………………………………เลขท…ี่ …. 3……………………………………เลขท…่ี …. ท่ี รายการประเมิน คะแนน ข้อคิดเห็น 321 1 การกำหนดเปา้ หมายร่วมกนั 2 การแบ่งหน้าท่ีรับผิดชอบและการเตรียม ความพร้อม 3 การปฏบิ ัติหน้าท่ที ี่ไดร้ ับมอบหมาย 4 การประเมินผลและปรับปรุงงาน รวม ผูป้ ระเมนิ ………………………………………………… วันท่ี…………เดอื น……………………..พ.ศ…………... เกณฑ์การให้คะแนน 1. การกำหนดเปา้ หมายร่วมกัน 3 คะแนน = สมาชกิ ทกุ คนมีส่วนรว่ มในการกำหนดเป้าหมายการทำงานอย่างชัดเจน 2 คะแนน = สมาชิกสว่ นใหญ่มสี ว่ นร่วมในการกำหนดเป้าหมายในการทำงาน 1 คะแนน = สมาชิกสว่ นน้อยมีส่วนร่วมในการกำหนดเป้าหมายในการทำงาน 2. การมอบหมายหน้าทีร่ บั ผิดชอบและการเตรียมความพร้อม 3 คะแนน = กระจายงานได้ทั่วถึง และตรงตามความสามารถของสมาชิกทุกคนมาการ จัดเตรยี มสถานท่ี สอ่ื / อุปกรณ์ไว้อยา่ งพร้อมเพรียง 2 คะแนน = กระจายงานไดท้ วั่ ถงึ แต่ไม่ตรงตามความสามารถ และมสี ่ือ / อปุ กรณ์ไว้ อย่างพรอ้ มเพรียง แต่ขาดการจัดเตรยี มสถานที่ 1 คะแนน = กระจายงานไม่ทั่วถงึ และมีส่อื / อุปกรณไ์ มเ่ พียงพอ 3. การปฏิบัติหนา้ ที่ทีไ่ ดร้ บั มอบหมาย 3 คะแนน = ทำงานไดส้ ำเร็จตามเปา้ หมาย และตามเวลาที่กำหนด 2 คะแนน = ทำงานไดส้ ำเร็จตามเปา้ หมาย แต่ช้ากวา่ เวลาทก่ี ำหนด 1 คะแนน = ทำงานไม่สำเร็จตามเป้าหมาย

171 4. การประเมนิ ผลและปรับปรุงงาน 3 คะแนน = สมาชกิ ทกุ คนรว่ มปรกึ ษาหารือ ติดตาม ตรวจสอบ และปรบั ปรงุ งาน เป็นระยะ 2 คะแนน = สมาชิกบางส่วนมีส่วนรว่ มปรึกษาหารือ แต่ไมป่ รับปรงุ งาน 1 คะแนน = สมาชิกบางสว่ นไม่มีสว่ นรว่ มปรกึ ษาหารอื และปรบั ปรุงงาน

172 บันทกึ หลังการสอน บทที่ 10 เรื่อง แฟกเตอร์กำลัง ผลการใช้แผนการสอน 1. เนื้อหาสอดคล้องกบั จดุ ประสงค์เชิงพฤติกรรม 2. กจิ กรรมการสอนเหมาะสมกับเนอ้ื หาและเวลาท่ีกำหนด 3. ส่ือการสอนเหมาะสมดี ผลการเรยี นของนกั เรียน 1. นักศึกษาสว่ นใหญม่ ีความเขา้ ใจในบทเรยี น อภิปรายตอบคำถามในกลมุ่ และร่วมกัน ปฏิบตั ิ ใบงานท่ีไดร้ บั มอบหมาย 2. นักศึกษากระตือรือร้นและรับผิดชอบในการทำงานกลุ่มเพื่อให้งานสำเร็จทันเวลาท่ี กำหนด ผลการสอนของครู 1. สอนเน้อื หาไดค้ รบตามหลกั สูตร 2. แผนการสอนและวธิ ีการสอนครอบคลุมเน้อื หาการสอนทำให้ผู้สอนสอนได้อยา่ งม่นั ใจ 3. สอนทันตามเวลาที่กำหนด ปัญหา แนวทางแกไ้ ข และข้อเสนอแนะ - ลงชือ่ ………………………………………… (นางสาวเพ็ญนภา สุขยอ้ ย) ครผู สู้ อน

173

173 แผนการสอน/แผนการเรยี นรู้ภาคทฤษฎี แผนการจดั การเรียนรู้ บทท่ี 11 ช่ือวิชา วงจรไฟฟ้ากระแสสลับ สอนสัปดาห์ที่ 11 ชอ่ื หนว่ ย ระบบไฟฟ้า 3 เฟส คาบรวม 44 ช่ือเรื่อง ระบบไฟฟา้ 3 เฟส จำนวนคาบ 4 หวั ข้อเรอ่ื ง 1. การกำเนดิ ไฟฟา้ กระแสสลับ 3 เฟส 2. การต่อเคร่ืองกำเนิดไฟฟา้ กระแสสลับ 3 เฟสแบบสตาร์ 3. การต่อเครื่องกำเนิดไฟฟ้า 3 เฟสแบบ Y เขา้ กับภาระแบบ Y 4. การตอ่ เครื่องกำเนิดไฟฟา้ กระแสสลับ 3 เฟสแบบเดลตา 5. การต่อเครื่องกำเนดิ ไฟฟ้า 3 เฟสแบบ r เข้ากบั ภาระแบบ r 6. การต่อเครื่องกำเนดิ ไฟฟ้า 3 เฟสเข้ากับภาระที่ไมส่ มดลุ 7. บทสรปุ สาระสำคัญ ไฟฟ้ากระแสสลับ 3 เฟส เกิดขึ้นจากเครื่องกำเนิดไฟฟ้ากระแสสลับ 3 เฟส โครงสรา้ งประกอบดว้ ยขดลวดกำเนดิ ไฟฟ้า 3 ชดุ มีขนาดเท่ากัน พันอยบู่ นอารเ์ มเจอร์เดียวกัน ขดลวดแต่ละชุดวางทำมุมแตกต่างกัน 120 องศา โครงสร้างและการกำเนิดไฟฟ้ากระแสสลับ ของเครอื่ งกำเนิดไฟฟ้า 3 เฟส สมรรถนะอาชีพประจำหน่วย - อธบิ ายการหาวงจรกำเนิดไฟฟ้ากระแสสลบั 3 เฟส อย่างเปน็ ข้ันตอน - คำนวณคา่ สมการวงจรกำเนดิ ไฟฟ้ากระแสสลบั 3 เฟส อย่างถูกต้องสมบูรณ์ - แกป้ ญั หาสมการวงจรเครื่องกำเนิดไฟฟา้ กระแสสลับ 3 เฟส อยา่ งรอบคอบตามหลัก ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง จุดประสงคก์ ารสอน/การเรียนรู้ • จดุ ประสงคท์ ่ัวไป / บรู ณาการเศรษฐกจิ พอเพียง 1. เพือ่ ใหม้ คี วามรเู้ กย่ี วกับอธิบายการกำเนิดไฟฟ้ากระแสสลบั 3 เฟส (ด้านความรู้) 2. เพ่ือให้มที ักษะในการตอ่ เคร่ืองกำเนิดไฟฟ้ากระแสสลับ 3 เฟสแบบสตาร์ (ด้านทักษะ) 3. เพือ่ ให้มีเจตคติท่ีดีในการชี้แจงการตอ่ เครื่องกำเนิดไฟฟา้ 3 เฟสเข้ากับภาระที่ไม่สมดลุ (ด้านจติ พสิ ยั ) 4. เพื่อสรุประบบไฟฟ้า 3 เฟส ได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม (ด้านด้านคุณธรรม จริยธรรม/บูรณาการเศรษฐกจิ พอเพยี ง)

174 • จุดประสงค์เชงิ พฤติกรรม / บรู ณาการเศรษฐกจิ พอเพยี ง 1. อธบิ ายการกำเนิดไฟฟา้ กระแสสลบั 3 เฟสได้ (ดา้ นความรู้) 2. ต่อเครื่องกำเนดิ ไฟฟ้ากระแสสลบั 3 เฟสแบบสตาร์ได้ (ด้านทักษะ) 3. ต่อเคร่ืองกำเนิดไฟฟา้ 3 เฟสแบบ Y เข้ากบั ภาระแบบ Yได้ (ดา้ นทกั ษะ) 4. ต่อเคร่ืองกำเนดิ ไฟฟ้ากระแสสลบั 3 เฟสแบบเดลตาได้ (ดา้ นทักษะ) 5. ตอ่ เครื่องกำเนิดไฟฟา้ 3 เฟสแบบ ∆ เขา้ กบั ภาระแบบ ∆ ได้ (ดา้ นทักษะ) 6. ช้แี จงการตอ่ เครอ่ื งกำเนดิ ไฟฟ้า 3 เฟสเข้ากบั ภาระท่ีไมส่ มดุลได้ (ด้านจติ พิสัย) 7. สรปุ ระบบไฟฟา้ 3 เฟส ได้อย่างถกู ต้องและเหมาะสม (ด้านด้านคุณธรรม จรยิ ธรรม/บูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง) เนื้อหาสาระการสอน/การเรียนรู้ • ดา้ นความรู้(ทฤษฎี) 11.1 การกำเนิดไฟฟ้ากระแสสลบั 3 เฟส ไฟฟ้ากระแสสลับ 3 เฟส เกิดขึ้นจากเครื่องกำเนิดไฟฟ้ากระแสสลับ 3 เฟส โครงสร้าง ประกอบด้วยขดลวดกำเนิดไฟฟา้ 3 ชดุ มีขนาดเท่ากัน พันอยบู่ นอารเ์ มเจอรเ์ ดยี วกนั ขดลวดแตล่ ะ ชุดวางทำมุมแตกต่างกัน 120 องศา โครงสร้างและการกำเนิดไฟฟ้ากระแสสลับของเครื่องกำเนิด ไฟฟา้ 3 เฟส จากรูปที่ 11.1 แสดงโครงสร้างและการกำเนิดไฟฟ้ากระแสสลับของเครื่องกำเนิดไฟฟ้า3 เฟส รูปที่ 11.1 (ก) เป็นโครงสร้างเบื้องต้นของเครื่องกำเนิดไฟฟ้ากระแสสลับชนิด 3 เฟสขดลวด กำเนิดไฟฟ้ากระแสสลับแบ่งเป็น 3 ชุด คือ ชุด A, B และ C แต่ละชุดวางทำมุมแตกต่างกัน 120 องศา เมื่อขดลวดตัดผ่านสนามแม่เหล็ก ขดลวดจะให้กำเนิดแรงดันไฟสลับขึ้นมา แต่ละขดให้

175 กำเนิดแรงดันไฟสลับมีเฟสสัญญาณแตกตา่ งกนั เป็นมุม 120 องศา เรยี งตามลำดับ เชน่ ขดลวดชุด A ให้กำเนดิ แรงดนั ไฟสลบั ที่มุมเฟส 0 องศา ขดลวดชุด B จะให้กำเนิดแรงดนั ไฟสลบั ที่มุมเฟส 11.2 การต่อเคร่ืองกำเนดิ ไฟฟ้ากระแสสลับ 3 เฟสแบบสตาร์ การต่อเครื่องกำเนิดไฟฟ้ากระแสสลับ 3 เฟสแบบสตาร์ (Star Connected Generator) หรือเรียกว่าต่อเครื่องกำเนิดไฟฟ้ากระแสสลับ 3 เฟสแบบวาย (Y Connected Generator) เป็น การต่อโดยนำปลายด้านหนึ่งของขดลวดตัวนำทั้ง 3 ชุดเข้าด้วยกัน เรียกจุดรวมนี้ว่าจุดนิวทรัล (Neutral : N) ปลายขดลวดตัวนำที่เหลือแต่ละชุดต่อออกมาเป็นขั้วจ่ายแรงดันออก สามารถต่อ ออกใช้งานได้ 2 แบบ คือ แบบ 3 เฟส 3 สาย (Three Phase Three Wire) และแบบ 3 เฟส 4 สาย (Three Phase Four Wire) การต่อวงจรเครอื่ งกำเนดิ ไฟฟ้ากระแสสลบั 3 เฟสแบบ Y 11.3 การต่อเครอื่ งกำเนิดไฟฟ้า 3 เฟสแบบ Y เข้ากบั ภาระแบบ Y การต่อเครื่องกำเนิดไฟฟ้า 3 เฟสแบบ Y เข้ากับภาระแบบ Y หรือเรียกว่าการต่อแบบY - Y (Y - Y Connection) 11.4 การตอ่ เครื่องกำเนดิ ไฟฟ้ากระแสสลับ 3 เฟสแบบเดลตา การต่อเครื่องกำเนิดไฟฟ้ากระแสสลับ 3 เฟสแบบเดลตา (Delta Connected Generator)เป็นการต่อโดยนำปลายขดลวดขดหนึ่งต่อเข้าต้นขดลวดอีกขดหนึ่ง ต่อขดลวดเป็น ลำดับกันไปจนครบขดลวดทั้ง 3 ชุด จุดต่อขดลวดแต่ละชุดต่อเป็นจดุ จ่ายออก การต่อวงจรเครื่อง กำเนิดไฟฟา้ กระแสสลับ 3 เฟสแบบเดลตา (r) 11.5 การต่อเครอื่ งกำเนิดไฟฟ้า 3 เฟสแบบ r เข้ากับภาระแบบ r การต่อเครื่องกำเนิดไฟฟ้า 3 เฟสแบบ r เข้ากับภาระแบบ r หรือเรียกว่าการต่อแบบr - r (r - r Connection) 11.6 การต่อเครอ่ื งกำเนิดไฟฟ้า 3 เฟสเขา้ กบั ภาระท่ีไมส่ มดลุ

176 11.7 บทสรปุ

177 • ด้านทกั ษะ(ปฏบิ ัติ) 1. แบบฝึกหัดบทท่ี 11 • ด้านคุณธรรม/จริยธรรม/จรรยาบรรณ/บรู ณาการเศรษฐกจิ พอเพยี ง (จุดประสงค์เชิง พฤตกิ รรมข้อท่ี 7) 1. สรปุ ระบบไฟฟา้ 3 เฟส ได้อย่างถกู ต้องและเหมาะสม

178 กิจกรรมการเรยี นการสอนหรอื การเรียนรู้ ข้นั ตอนการสอนหรอื กจิ กรรมของครู ขัน้ ตอนการเรยี นรหู้ รือกจิ กรรมของนกั เรียน 1. ขนั้ นำเข้าสบู่ ทเรยี น ( 15 นาที ) 1. ขัน้ นำเข้าสู่บทเรยี น ( 15 นาที ) 1. ผูส้ อนอธิบายการกำเนดิ ไฟฟา้ 1. ผู้เรียนฟังผู้สอนอธิบายการกำเนิด กระแสสลับ 3 เฟสให้ผเู้ รียนเขา้ ใจ ไฟฟา้ กระแสสลับ 3 เฟสอย่างเขา้ ใจ 2. ผู้สอนแจ้งวัตถุประสงคข์ องการเรียน บท 2. ผู้เรยี นทำความเข้าใจเกยี่ วกับ ที่ 11 เรอื่ ง ระบบไฟฟา้ 3 เฟส วตั ถุประสงค์ของการเรียนบทท่ี 11 เรื่อง ระบบไฟฟ้า 3 เฟส 2. ขั้นให้ความรู้ ( 120 นาที ) 2. ขัน้ ใหค้ วามรู้ (120 นาที ) 1. ผ้สู อนใหผ้ ้เู รยี นเปิดเอกสาร 1. ผูเ้ รียนศกึ ษาเอกสารประกอบการ ประกอบการสอนวิชา วงจรไฟฟา้ กระแสสลบั สอน วิชาวงจรไฟฟ้ากระแสสลบั บทที่ 11 บทท่ี 11 เรอื่ ง ระบบไฟฟา้ 3 เฟส พรอ้ ม เรอ่ื ง ระบบไฟฟา้ 3 เฟส พร้อมอธบิ าย อธิบายเน้อื หาทีละสว่ น เนื้อหาทลี ะส่วน 2. ผสู้ อนอธิบายความรู้เพ่มิ เติม 2. ผเู้ รยี นฟงั อธิบายความรู้เพ่ิมเตมิ นอกเหนือจากเอกสารประกอบการสอนวิชา นอกเหนือจากเอกสารประกอบการสอนวชิ า วงจรไฟฟ้ากระแสสลับ วงจรไฟฟ้ากระแสสลบั 3. ผ้สู อนเปดิ โอกาสใหผ้ ูเ้ รียนซักถามข้อ 3. ผูเ้ รียนซกั ถามขอ้ สงสยั ท่ีเกิดข้นึ สงสยั ท่เี กดิ ข้ึนระหวา่ งการเรียน และตอบข้อ ซักถาม 3. ขนั้ ประยกุ ต์ใช้ ( 60 นาที ) 3. ขัน้ ประยกุ ตใ์ ช้ ( 60 นาที ) 1. ผู้เรียนทำแบบฝกึ หดั บทท่ี 11 1. ผ้สู อนให้ผเู้ รยี นทำแบบฝึกหัดบทที่ 11 2. ผเู้ รียนสบื คน้ ขอ้ มูลจากอินเทอรเ์ นต็ 2. ผู้สอนใหผ้ ้เู รียนสบื คน้ ข้อมูลจาก อนิ เทอร์เน็ต 4. ขั้นสรปุ และประเมินผล ( 45 นาที ) 1. ผู้เรียนร่วมกันสรุปเนื้อหาที่ได้เรียนให้ 4. ขั้นสรุปและประเมนิ ผล ( 45 นาที ) 1. ผ้สู อนและผูเ้ รียนรว่ มกนั สรปุ เนื้อหาที่ได้ มีความเข้าใจในทศิ ทางเดยี วกัน 2. ผูส้ อนให้ผ้เู รยี นศกึ ษาเพ่ิมเติมนอก เรียนใหม้ ีความเข้าใจในทศิ ทางเดยี วกนั 2. ผสู้ อนใหผ้ ้เู รียนศกึ ษาเพิ่มเตมิ นอก หอ้ งเรยี น ดว้ ยเอกสารประกอบการสอนที่ จดั ทำขน้ึ ห้องเรียน ดว้ ยเอกสารประกอบการสอนท่ีจัดทำ ขึน้

179 งานท่มี อบหมายหรอื กิจกรรมการวัดผลและประเมินผล ก่อนเรียน 1. จดั เตรียมเอกสาร สื่อการเรยี นการสอนบทที่ 11 2. ทำความเข้าใจเกีย่ วกบั จดุ ประสงคก์ ารเรียนของบทที่ 11 และให้ความร่วมมือในการ ทำกิจกรรมใน บทที่ 11 ขณะเรยี น 1. ทำแบบฝกึ หดั ที่ 11 2. ร่วมกนั สรุป “ระบบไฟฟ้า 3 เฟส” หลงั เรยี น 1. - ผลงาน/ชนิ้ งาน/ความสำเร็จของผูเ้ รียน แบบฝกึ หัดบทท่ี 11 ส่อื การเรียนการสอน/การเรยี นรู้ สือ่ สิ่งพมิ พ์ 1. เอกสารประกอบการสอนวชิ า วงจรไฟฟา้ กระแสสลับ (ใชป้ ระกอบการเรยี นการสอน จุดประสงค์เชิงพฤติกรรมข้อที่ 1-7) 2. แบบฝึกหดั ที่ 11 ข้นั ประยกุ ต์ใช้ ขอ้ 1 สื่อโสตทศั น์ (ถ้ามี) 1. เครอื่ งไมโครคอมพิวเตอร์ 2. PowerPoint เร่ือง ระบบไฟฟ้า 3 เฟส ส่ือของจรงิ 1. ระบบไฟฟ้า 3 เฟส (ใชป้ ระกอบการเรียนการสอนจุดประสงค์เชิงพฤติกรรมข้อท่ี 1- 7)


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook