38 การเคลื่อนที่ของเส้นเฟสเซอร์ เคลื่อนที่ไปในทิศทางทวนเข็มนาฬิกา (CCW) จากเฟสเซอร์อ้างอิง ถือเป็นการเคลื่อนที่ไปทางบวก แสดงว่าเป็นเฟสนำหน้า ในทางตรงข้าม ถ้าการเคลื่อนที่ของเส้น เฟสเซอร์เคลื่อนที่ไปในทิศทางตามเข็มนาฬิกา (CW) จากเฟสเซอร์อ้างอิง ถือเป็นการเคลื่อนที่ไป ทางลบ แสดงว่าเป็นเฟสล้าหลัง ลกั ษณะการเขียนเฟสเซอร์ไดอะแกรม 3.4 ความสัมพนั ธร์ ะหว่างรปู คล่ืนไซนแ์ ละรูปคล่ืนโคไซน์ ความสัมพันธ์ระหว่างรูปคลื่นไซน์ (sin) และรูปคลื่นโคไซน์ (cos) มีขนาดมุมการเกิดคลืน่ แตกต่างกันอยู่ 90องศา หรือ p/2 ทำให้สามารถเปลี่ยนแปลงค่ากลับไปกลับมาได้ระหว่างค่าท้ัง สอง ซง่ึ มีความสัมพนั ธก์ นั 3.5 บทสรปุ เวกเตอร์ คือ สัญลักษณ์เขียนในรูปหัวลูกศรและความยาว ใช้เขียนแทนปริมาณไฟฟ้าค่า ตา่ งๆ โดยมีหัวลกู ศรเวกเตอรท์ ี่ช้ีไป แสดงทิศทางท่ีเกิดปริมาณไฟฟา้ ขนาดความยาวเวกเตอร์แทน ค่าขนาด หรือกำลังของปริมาณไฟฟ้า ทิศทางการหมุนเคลื่อนที่ของเวกเตอร์ หมุนในทิศทางทวน เข็มนาฬกิ ารอบตวั เอง หมุนเคลื่อนท่ีครบ 1 รอบ เป็นมมุ 360องศา การเกิดสัญญาณไฟสลับมากกว่าหนึ่งสัญญาณ มีมุมหรือเวลาที่เกิดขึ้นบนแกนเดียวกัน แตกตา่ งกนั ความแตกตา่ งท่เี กิดข้ึนนเี้ รียกว่า เฟส เรยี กมุมทีแ่ ตกต่างกนั วา่ มมุ เฟส แบ่งได้เป็นแบบ เฟสรว่ ม แบบเฟสตรงข้าม และแบบเฟสเล่ือน เฟสเซอร์ เป็นการใช้เวกเตอร์เขียนแทนสัญญาณไฟสลับ ที่มีขนาดคงที่ และความเร็ว เชิงมุมคงที่ เส้นตรงและหัวลูกศรหนึ่งเสน้ แทนปริมาณไฟฟ้าหนึง่ สญั ญาณ เส้นตรงแต่ละเส้นจะถกู เขียนจากจุดๆ หนึ่งมา ถือเป็นจุดเริ่มต้น ความยาวของเส้นตรงแต่ละเส้นเป็นปฏิภาคโดยตรงกับ ขนาดความแรงของปริมาณไฟฟ้า เฟสเซอร์บอกค่าปริมาณไฟฟ้าไว้ในรูปค่า RMSความสัมพันธ์ ระหว่างรูปคล่ืนไซน์ และรูปคลื่นโคไซน์ มีขนาดมุมการเกิดคลื่นแตกต่างกันอยู่ 90องศา หรือ p/2 ทำใหส้ ามารถเปลย่ี นแปลงค่ากลบั ไปกลบั มาได้ระหว่างค่าทั้งสอง • ดา้ นทกั ษะ(ปฏิบตั ิ) 1. แบบฝกึ หดั บทท่ี 3 • ด้านคุณธรรม/จริยธรรม/จรรยาบรรณ/บรู ณาการเศรษฐกจิ พอเพยี ง (จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรมข้อที่ 5) 1. สรปุ เวกเตอร์ และเฟสเซอร์ ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งและเหมาะสม
39 กจิ กรรมการเรยี นการสอนหรอื การเรียนรู้ ขัน้ ตอนการสอนหรอื กจิ กรรมของครู ข้ันตอนการเรยี นรู้หรอื กจิ กรรมของนักเรยี น 1. ขั้นเตรียม ( 15 นาที ) 1. ข้นั เตรียม ( 15 นาที ) 1. ผู้สอนแจ้งจุดประสงค์การเรียนของบทที่ 1. ผู้เรยี นทำความเข้าใจเก่ยี วกบั 3 เรื่อง แว็กเตอรแ์ ละเฟสเซอร์ จดุ ประสงค์การเรยี นของบทท่ี 3 เร่ือง แวก็ 2. ผู้สอนใหผ้ ู้เรยี นบอกลักษณะโครงสรา้ ง เตอรแ์ ละเฟสเซอร์ ของแว็กเซอร์ ระดมความคิดรว่ มกัน และ 2. ผู้เรียนบอกลักษณะโครงสร้างของ นำเสนอหนา้ ชน้ั เรียน แว็กเตอร์และเฟสเซอร์และนำเสนอหน้าชั้น เรียน 2. ข้นั ให้ความรู้ ( 120 นาที) 2. ขัน้ ใหค้ วามรู้ (120 นาที) 1. ผู้สอนเปิด PowerPoint เรื่องแว็กเตอร์ 1. ผ้เู รยี นศกึ ษา PowerPoint เร่ือง และเฟสเซอร์และเปิดเอกสารประกอบ การสอน แวก็ เตอรแ์ ละเฟสเซอร์ และเปิดเอกสาร วิชา วงจรไฟฟ้ากระแสสลับ บทที่ 3 หน้าที่ 45- ประกอบการสอน วิชาวงจรไฟฟา้ กระแสสลบั 58 บทที่ 3 หนา้ ที่ 45-58 พรอ้ มจดบนั ทึก 2. ผสู้ อนใหผ้ ้เู รยี นอธบิ ายความแตกตา่ งของ เนือ้ หาทส่ี ำคัญ เฟสสญั ญาณตามท่ีไดศ้ ึกษาจากPowerPoint 2. ผู้เรียนอธิบายความแตกต่างของเฟส สัญญาณตามทไ่ี ด้ศกึ ษาจาก PowerPoint 3. ขนั้ ประยกุ ต์ใช้ ( 60 นาที ) 3. ขน้ั ประยุกตใ์ ช้ ( 60 นาที ) 1. ผู้สอนใหผ้ เู้ รียนทำแบบฝึกหัดบทที่ 3 1. ผ้เู รียนทำแบบฝึกหัดบทท่ี 3 2. ผสู้ อนใหผ้ เู้ รียนสบื ค้นข้อมลู จาก 2. ผู้เรียนสบื ค้นขอ้ มูลจากอนิ เทอรเ์ นต็ อินเทอรเ์ น็ต 4. ข้นั สรุปและประเมนิ ผล ( 45 นาที ) 4. ขน้ั สรปุ และประเมนิ ผล ( 45 นาที ) 1. ผู้สอนและผู้เรียนร่วมกันสรุปเนื้อหาที่ได้ 1. ผู้เรยี นร่วมกันสรปุ เน้ือหาทไี่ ด้เรียนให้ เรียนใหม้ คี วามเข้าใจในทศิ ทางเดียวกัน มคี วามเข้าใจในทิศทางเดียวกัน 2. ผู้สอนให้ผู้เรียนศกึ ษาเพ่ิมเติมนอก 2. ผู้เรียนศึกษาเพิ่มเติมนอกห้องเรียน หอ้ งเรยี น ด้วย PowerPoint ท่ีจดั ทำขนึ้ ด้วย PowerPoint ที่จัดทำข้นึ
40 งานที่มอบหมายหรือกจิ กรรมการวัดผลและประเมินผล ก่อนเรียน 1. จดั เตรียมเอกสาร ส่ือการเรยี นการสอนบทท่ี 3 2. ทำความเข้าใจเกย่ี วกบั จุดประสงค์การเรยี นของบทที่ 3 และให้ความร่วมมอื ในการ ทำกิจกรรมใน บทที่ 3 ขณะเรียน 1. ทำแบบฝึกหดั ท่ี 3 2. รว่ มกนั สรุป “แวกเตอรแ์ ละเฟสเซอร์” หลังเรียน 1. - ผลงาน/ชิน้ งาน/ความสำเร็จของผู้เรียน แบบฝกึ หัดบทที่ 3 สื่อการเรยี นการสอน/การเรียนรู้ สื่อสง่ิ พิมพ์ 1. เอกสารประกอบการสอนวิชา วงจรไฟฟา้ กระแสสลบั (ใชป้ ระกอบการเรยี นการสอน จดุ ประสงค์เชิงพฤติกรรมข้อท่ี 1-5) แบบฝึกหัดท่ี 3 ขั้นประยุกต์ใช้ ขอ้ 1 สือ่ โสตทัศน์ (ถา้ มี) 1. เคร่อื งไมโครคอมพิวเตอร์ 2. PowerPoint เรือ่ ง แวกเตอรแ์ ละเฟสเซอร์ สอ่ื ของจริง 1. แวกเตอร์และเฟสเซอร์ (ใช้ประกอบการเรียนการสอนจุดประสงคเ์ ชงิ พฤติกรรมข้อที่ 1-5)
41 การวดั และประเมนิ ผล การวดั ผล การประเมนิ ผล (ใชเ้ ครือ่ งมอื ) (นำผลเทียบกับเกณฑ์และแปลความหมาย) 1. แบบทดสอบก่อนเรยี น (Pre–test) หน่วยท่ี 3 (ไว้เปรียบเทยี บกับคะแนนสอบหลงั เรยี น) 2. แบบสงั เกตการทำงานกลุ่มและนำเสนอ เกณฑผ์ า่ น 60% ผลงานกลุม่ 3. แบบฝึกหัดหน่วยท่ี 3 เกณฑผ์ ่าน 50% 4. แบบทดสอบหลังเรียน (Post–test)หนว่ ยท่ี 3 เกณฑผ์ ่าน 50% 5. แบบประเมนิ คุณธรรม จริยธรรม ตามสภาพ เกณฑ์ผ่าน 60% จริง รายละเอียดการประเมินผลการเรียนรู้ • จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม ข้อที่ 1 บอกลักษณะโครงสร้างของแว็กเตอร์ได้ 1. วธิ กี ารประเมิน : ทดสอบ 2. เครอื่ งมือ : แบบทดสอบ 3. เกณฑ์การให้คะแนน : บอกลักษณะโครงสรา้ งของแว็กเตอร์ได้ จะได้ 2 คะแนน • จุดประสงค์เชงิ พฤติกรรม ข้อที่ 2 อธบิ ายความแตกตา่ งของเฟสสัญญาณได้ 1. วธิ กี ารประเมนิ : ทดสอบ 2. เครอื่ งมือ : แบบทดสอบ 3. เกณฑ์การให้คะแนน : อธบิ ายความแตกต่าง จะได้ 2 คะแนน • จุดประสงค์เชงิ พฤติกรรม ข้อท่ี 3 เขียนเฟสเซอร์ได้ 1. วิธีการประเมนิ : ทดสอบ 2. เคร่ืองมือ : แบบทดสอบ 3. เกณฑ์การให้คะแนน : เขียนเฟสเซอรไ์ ด้ จะได้ 2 คะแนน • จุดประสงคเ์ ชงิ พฤติกรรม ข้อที่ 4 จำแนกความสัมพนั ธ์ระหวา่ งรูปคล่นื ไซน์และรปู คลื่น โคไซน์ได้ 1. วธิ กี ารประเมิน : ทดสอบ 2. เครอ่ื งมอื : แบบทดสอบ
42 3. เกณฑ์การให้คะแนน : จำแนกความสัมพนั ธร์ ะหว่างรูปคล่นื ไซน์และรูปคลื่น โคไซน์ได้ จะได้ 2 คะแนน • จดุ ประสงค์เชงิ พฤติกรรม ข้อท่ี 5 สรุปเวกเตอร์ และเฟสเตอร์ ได้อย่างถูกต้องเหมาะสม 1. วิธีการประเมนิ : ทดสอบ 2. เคร่อื งมอื : แบบทดสอบ 3. เกณฑ์การให้คะแนน : สรุปเวกเตอร์ และเฟสเตอร์ ได้อยา่ งถูกต้องเหมาะสม จะได้ 2 คะแนน
43 แบบฝึกหดั บทที่ 3 ตอนท่ี 1 เขียนเครื่องหมายกาก (X) ลงในข้อท่ีถกู ต้องท่สี ุด 1. เวกเตอร์ คอื อะไร ก. การแสดงขนาดและทศิ ทางปริมาณไฟฟ้า ข. สญั ลักษณเ์ ขยี นในรูปหัวลูกศรและความยาว ค. ปรมิ าณไฟฟา้ กระแสสลบั ที่มีทัง้ ขนาดและทิศทาง ง. การเขยี นแสดงค่าปริมาณไฟฟา้ ด้วยรปู สัญญาณจริง 2. เฟสสัญญาณไฟสลบั คืออะไร ก. สญั ญาณไฟฟา้ สลบั มากกวา่ หนึง่ ค่ามีความถ่ีแตกตา่ งกนั ข. สญั ญาณไฟฟา้ สลบั มากกว่าหนึ่งค่ามีความแรงแตกต่างกนั ค. สัญญาณไฟฟ้าสลบั มากกว่าหน่งึ ค่ามรี ปู ร่างสญั ญาณแตกต่างกนั ง. สัญญาณไฟฟา้ สลบั มากกว่าหน่ึงค่ามมี มุ หรอื เวลาเกดิ ข้ึนแตกต่างกันบนแกนเดยี วกนั 3. สัญญาณตามรปู เปน็ สัญญาณประเภทใด ก. เฟสเล่อื น ข. เฟสตา่ งกัน ค. เฟสรว่ มกนั ง. เฟสตรงข้ามกนั 4. สญั ญาณตามรูปมคี ณุ สมบตั ิอย่างไร ก. i มีเฟสลา้ หลัง e ข. i มเี ฟสรว่ มกัน e ค. i มเี ฟสนำหน้า e ง. i และ e มคี วามถ่ีตา่ งกัน θ 5. จากรูปคำอธบิ ายขอ้ ใดถกู ตอ้ ง ก. สัญญาณ E1 มเี ฟสนำหนา้ สญั ญาณ I ข. สญั ญาณ I มีเฟสนำหนา้ สัญญาณ E2 ค. ผลรวมของมมุ θ1 + θ2 มคี า่ เท่ากับ 90° ง. สัญญาณ E2 มีเฟสตามหลงั สญั ญาณ E1 6. จากรูปข้อ 5 เขยี นสมการชัว่ ขณะของแรงดนั E2 ไดเ้ ท่าไร ก. E������2 sin (ꙍt − θ1) ข. E������2 sin (ꙍt + θ1) ค. E������2 sin (ꙍt + θ1 + θ2) ง. E������2 sin (ꙍt + θ1 − θ2) 7. จากรูปข้อ 5 เขียนสมการเฟสเซอร์ของกระแส I ได้เท่าไร ก. Im∠ −θ2 ข. Im∠ +θ2 √2 √2 ค. I∠ −θ2 ง. √I2∠+θ2 √2
44 8. จากรปู ข้อ 5 เขยี นสมการเฟสเซอร์ของแรงดัน E1 ไดเ้ ท่าไร ก. √E12∠θ1 + θ2 ข. E1 ∠0° ข. E������1∠0° √2 ง. E1∠0° 9. สัญญาณตามรปู เขยี นออกในรูปแรงดันช่วั ขณะได้ตามข้อใด ก. E������ sin(ꙍt − 60°) ข. E������ sin(ꙍt + 60°) ค. E������ sin(ꙍt − 120°) ง. E������ sin(ꙍt + 120°) 10. สัญญาณตามรูปเขียนออกในรปู แรงดันช่ัวขณะพจิ ารณาที่ค่าโคไซนเ์ ปน็ หลกั ไดต้ ามข้อใด ก. E������ sin(ꙍt + 0) ข. E������ cองศาs(ꙍt + 0) ค. E������ cองศาs(ꙍt − 90°) ง. E������ cองศาs(ꙍt + 90°) ตอนท่ี 2 อธบิ ายให้ได้ใจความสมบูรณแ์ ละแสดงวิธที ำให้สมบรู ณ์ถูกตอ้ ง 1. เขียนเฟสเซอร์ไดอะแกรมจากสญั ญาณไซน์ตามรปู ก. ข. ค. ง.
45 2. ตามรปู กระแส I นำหน้าแรงดนั e เปน็ มุม 60° คา่ กระแส i ไหลสงู สดุ 15 A มคี วามถ่ี 50 Hz ต้องการหาคา่ กระแสชวั่ ขณะ i ท่ีเวลา 14 ms 3. สัญญาณไฟสลบั ตามรูป จงเขยี นสมการชัว่ ขณะและสมการเฟสเซอร์ ของสญั ญาณไฟสลับใน ตำแหนง่ ที่กำหนดให้
46 แบบประเมนิ ผลการนำเสนอผลงาน ชื่อกลุ่ม……………………………………………ชั้น………………………ห้อง........................... รายช่ือสมาชกิ 1……………………………………เลขท…่ี …. 2……………………………………เลขท…่ี …. 3……………………………………เลขท…ี่ …. 4……………………………………เลขท…ี่ …. ท่ี รายการประเมนิ คะแนน ข้อคิดเหน็ 32 1 1 เน้ือหาสาระครอบคลมุ ชดั เจน (ความรเู้ กยี่ วกับเน้ือหา ความถกู ตอ้ ง ปฏภิ าณในการตอบ และการแก้ไข ปัญหาเฉพาะหนา้ ) 2 รูปแบบการนำเสนอ 3 การมสี ว่ นร่วมของสมาชิกในกลมุ่ 4 บคุ ลิกลกั ษณะ กริ ิยา ท่าทางในการพูด นำ้ เสยี ง ซง่ึ ทำใหผ้ ฟู้ งั มคี วามสนใจ รวม ผปู้ ระเมิน………………………………………………… เกณฑ์การให้คะแนน 1. เน้อื หาสาระครอบคลมุ ชดั เจนถกู ต้อง 3 คะแนน = มสี าระสำคัญครบถ้วนถูกตอ้ ง ตรงตามจุดประสงค์ 2 คะแนน = สาระสำคญั ไม่ครบถ้วน แตต่ รงตามจุดประสงค์ 1 คะแนน = สาระสำคัญไมถ่ ูกต้อง ไม่ตรงตามจดุ ประสงค์ 2. รปู แบบการนำเสนอ 3 คะแนน = มีรปู แบบการนำเสนอท่เี หมาะสม มีการใช้เทคนคิ ที่แปลกใหม่ ใชส้ อื่ และเทคโนโลยี ประกอบการ นำเสนอทีน่ ่าสนใจ นำวสั ดใุ นท้องถิ่นมาประยุกต์ใชอ้ ย่าง ค้มุ คา่ และประหยดั 2 คะแนน = มเี ทคนคิ การนำเสนอทแ่ี ปลกใหม่ ใชส้ ื่อและเทคโนโลยปี ระกอบการ นำเสนอทนี่ า่ สน ใจ แตข่ าดการประยุกต์ใช้ วสั ดุในท้องถิ่น 1 คะแนน = เทคนิคการนำเสนอไมเ่ หมาะสม และไมน่ ่าสนใจ 3. การมสี ว่ นรว่ มของสมาชกิ ในกลุม่ 3 คะแนน = สมาชิกทกุ คนมีบทบาทและมสี ่วนรว่ มกิจกรรมกล่มุ 2 คะแนน = สมาชกิ สว่ นใหญ่มบี ทบาทและมีส่วนร่วมกจิ กรรมกลมุ่ 1 คะแนน = สมาชิกส่วนนอ้ ยมบี ทบาทและมสี ว่ นรว่ มกิจกรรมกลุ่ม
47 4. ความสนใจของผู้ฟัง 3 คะแนน = ผู้ฟงั มากกวา่ ร้อยละ 90 สนใจ และใหค้ วามรว่ มมอื 2 คะแนน = ผฟู้ ังร้อยละ 70-90 สนใจ และใหค้ วามรว่ มมอื 1 คะแนน = ผู้ฟงั นอ้ ยกว่ารอ้ ยละ 70 สนใจ และใหค้ วามรว่ มมือ
48 แบบประเมินกระบวนการทำงาน ช่อื กลุ่ม……………………………………………ช้ัน………………………หอ้ ง........................... รายชอ่ื สมาชกิ 2……………………………………เลขท…่ี …. 4……………………………………เลขท…ี่ …. 1……………………………………เลขท…่ี …. 3……………………………………เลขท…่ี …. ท่ี รายการประเมนิ คะแนน ข้อคิดเห็น 321 1 การกำหนดเป้าหมายรว่ มกัน 2 การแบ่งหนา้ ทรี่ ับผดิ ชอบและการเตรียม ความพร้อม 3 การปฏบิ ตั หิ น้าทที่ ่ีไดร้ ับมอบหมาย 4 การประเมินผลและปรับปรงุ งาน รวม ผู้ประเมิน………………………………………………… วันท่ี…………เดอื น……………………..พ.ศ…………... เกณฑ์การให้คะแนน 1. การกำหนดเป้าหมายร่วมกัน 3 คะแนน = สมาชกิ ทกุ คนมีส่วนรว่ มในการกำหนดเป้าหมายการทำงานอย่างชัดเจน 2 คะแนน = สมาชิกส่วนใหญม่ สี ว่ นรว่ มในการกำหนดเปา้ หมายในการทำงาน 1 คะแนน = สมาชกิ ส่วนน้อยมสี ว่ นรว่ มในการกำหนดเป้าหมายในการทำงาน 2. การมอบหมายหน้าที่รบั ผิดชอบและการเตรียมความพร้อม 3 คะแนน = กระจายงานได้ทว่ั ถงึ และตรงตามความสามารถของสมาชิกทกุ คนมาการ จดั เตรยี มสถานที่ สื่อ / อุปกรณ์ไว้อยา่ งพร้อมเพรียง 2 คะแนน = กระจายงานไดท้ ัว่ ถึง แต่ไมต่ รงตามความสามารถ และมีสอ่ื / อปุ กรณ์ไว้ อย่างพรอ้ มเพรียง แต่ขาดการจดั เตรยี มสถานที่ 1 คะแนน = กระจายงานไม่ทวั่ ถึงและมสี อื่ / อปุ กรณ์ไมเ่ พียงพอ 3. การปฏบิ ัติหน้าท่ีทไี่ ด้รบั มอบหมาย 3 คะแนน = ทำงานไดส้ ำเร็จตามเปา้ หมาย และตามเวลาที่กำหนด 2 คะแนน = ทำงานได้สำเร็จตามเป้าหมาย แต่ชา้ กว่าเวลาทกี่ ำหนด 1 คะแนน = ทำงานไมส่ ำเรจ็ ตามเปา้ หมาย
49 4. การประเมนิ ผลและปรบั ปรุงงาน 3 คะแนน = สมาชกิ ทุกคนร่วมปรกึ ษาหารือ ตดิ ตาม ตรวจสอบ และปรบั ปรงุ งาน เปน็ ระยะ 2 คะแนน = สมาชกิ บางสว่ นมสี ่วนร่วมปรกึ ษาหารือ แต่ไมป่ รบั ปรงุ งาน 1 คะแนน = สมาชกิ บางสว่ นไมม่ สี ว่ นร่วมปรึกษาหารือ และปรบั ปรุงงาน
50 บนั ทึกหลังการสอน บทท่ี 3 เวกเตอรแ์ ละเฟสเซอร์ ผลการใชแ้ ผนการเรยี นรู้ 1. เนือ้ หาสอดคล้องกบั จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม 2. สามารถนำไปใช้ปฏิบัติการสอนไดค้ รบตามกระบวนการเรียนการสอน 3. ส่อื การสอนเหมาะสมดี ผลการเรียนของนกั เรียน 1. นกั ศกึ ษาสว่ นใหญ่มีความสนใจใฝ่รู้ เข้าใจในบทเรียน อภิปรายตอบคำถามในกลุ่ม และร่วมกันปฏบิ ัตใิ บงานท่ีได้รับมอบหมาย 2. นกั ศึกษากระตือรอื ร้นและรบั ผดิ ชอบในการทำงานกลุ่มเพื่อให้งานสำเรจ็ ทนั เวลาที่ กำหนด ผลการสอนของครู 1. สอนเนอ้ื หาได้ครบตามหลักสูตร 2. แผนการสอนและวธิ กี ารสอนครอบคลมุ เนื้อหาการสอนทำใหผ้ ูส้ อนสอนได้อย่างม่นั ใจ 3. สอนไดท้ ันตามเวลาทก่ี ำหนด ปัญหา แนวทางแกไ้ ข และข้อเสนอแนะ ใหค้ วามสนใจแกน่ กั เรยี นทเี่ รยี นรู้ไดช้ ้า เพ่ือจะไดต้ ามทันเพอ่ื นๆ ลงช่อื ………………………………………… (นางสาวเพ็ญนภา สุขย้อย) ครูผูส้ อน
51
51 แผนการสอน/แผนการเรยี นรภู้ าคทฤษฎี แผนการจดั การเรียนรู้ บทที่ 4 ช่ือวิชา วงจรไฟฟ้ากระแสสลบั สอนสัปดาห์ท่ี 4 ช่ือหนว่ ย จำนวนเชงิ ซอ้ น คาบรวม 16 ชื่อเรือ่ ง จำนวนเชิงซ้อน จำนวนคาบ 4 หัวข้อเรอื่ ง 1. เลขจำนวนจริง 2. เลขจำนวนจินตภาพ 3. เลขจำนวนเชงิ ซอ้ น 4. รูปแบบจำนวนเชงิ ซ้อน 5. การบวกและลบจำนวนเชิงซอ้ น 6. การคณู จำนวนเชิงซ้อน 7. การหารจำนวนเชิงซอ้ น 8. การใช้งานจำนวนเชงิ ซ้อนในวงจรไฟฟ้ากระแสสลบั 9. บทสรุป สาระสำคัญ เลขจำนวนจริง (Real Number) คือ ตวั เลข หรอื จำนวนเลขที่มคี า่ จริง สามารถทราบ ค่าเลขเหล่านั้นได้ว่า มีจำนวนมากหรือน้อยเพียงไร ค่าเลขจำนวนจริงอาจเป็นเลขจำนวนเต็ม เลข ทศนิยม หรือเลขเศษส่วน มีค่าเป็นบวกหรือลบก็ได้ เลขจำนวนจริงแบ่งออกได้เป็น 2 ชนิด คือ จำนวนเลขลงตัว (Rational Number) และจำนวนเลขไม่ลงตัว (Irrational Number) สมรรถนะอาชีพประจำหน่วย - เขยี นสมการหาผลลัพธเ์ ลขจำนวนเชงิ ซอ้ นอย่างถกู ต้องแมน่ ยำ - คำนวณคา่ เลขจำนวนเชงิ ซ้อนรูปแบบตา่ งๆ อย่างถูกต้องครบถ้วน - หาผลลพั ธ์เลขจำนวนเชิงซ้อนอย่างมเี หตผุ ลตามหลกั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง จุดประสงคก์ ารสอน/การเรยี นรู้ • จุดประสงค์ทั่วไป / บรู ณาการเศรษฐกจิ พอเพียง 1. เพื่อใหม้ ีความรเู้ กยี่ วกับลักษณะเลขจำนวนจรงิ (ด้านความรู้) 2. เพื่อให้มที ักษะในการคณู จำนวนเชงิ ซอ้ น (ด้านทักษะ) 3. เพื่อใหม้ เี จตคติที่ดีในการช้แี จงการใชง้ านจำนวนเชงิ ซ้อนในวงจรไฟฟ้ากระแสสลบั (ดา้ นจิตพสิ ยั )
52 4. เพือ่ สรปุ จำนวนเชงิ ซอ้ น ได้อยา่ งถกู ต้องและเหมาะสม (ด้านดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรม/ บรู ณาการเศรษฐกิจพอเพยี ง) • จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรม / บรู ณาการเศรษฐกจิ พอเพยี ง 1. อธบิ ายลักษณะเลขจำนวนจรงิ ได้ (ดา้ นความร)ู้ 2. บอกลกั ษณะเลขจำนวนจินตภาพได้ (ด้านความรู้) 3. อธบิ ายลกั ษณะเลขจำนวนเชิงซอ้ นได้ (ดา้ นความรู้) 4. แยกแยะแตล่ ะรปู แบบจำนวนเชิงซอ้ นได้ (ดา้ นทักษะ) 5. บวกและลบจำนวนเชงิ ซ้อนได้ (ดา้ นทักษะ) 6. คณู จำนวนเชงิ ซ้อนได้ (ดา้ นทักษะ) 7. หารจำนวนเชงิ ซ้อนได้ (ด้านทักษะ) 8. ช้แี จงการใช้งานจำนวนเชงิ ซ้อนในวงจรไฟฟ้ากระแสสลับได้ (ด้านจิตพิสัย) 9. สรุป จำนวนเชงิ ซ้อน ไดอ้ ยา่ งถูกต้องและเหมาะสม (ดา้ นดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรม/ บรู ณาการเศรษฐกจิ พอเพยี ง) เน้อื หาสาระการสอน/การเรยี นรู้ • ด้านความรู้(ทฤษฎี) 4.1 เลขจำนวนจรงิ เลขจำนวนจริง (Real Number) คือ ตัวเลข หรือจำนวนเลขที่มีค่าจริง สามารถทราบค่า เลขเหล่านั้นได้ว่า มีจำนวนมากหรือน้อยเพียงไร ค่าเลขจำนวนจริงอาจเป็นเลขจำนวนเต็ม เลข ทศนิยม หรือเลขเศษส่วน มีค่าเป็นบวกหรือลบก็ได้ เลขจำนวนจริงแบ่งออกได้เป็น 2 ชนิด คือ จำนวนเลขลงตวั (Rational Number) และจำนวนเลขไมล่ งตัว (Irrational Number) 4.1.1 จำนวนเลขลงตวั จำนวนเลขลงตัว หรือจำนวนตรรกยะ คือ เลขที่แสดงค่าจริงและแน่นอนถูกต้องจำนวน เลขที่แสดงอาจเป็นจำนวนเต็ม เศษส่วน หรือทศนิยม ทีมีค่าสิ้นสุด ถอดรากที่สองมีค่าสิ้นสุด เชน่ 0, 2, 5, -4, -8, 11/2, -21/5, 0.35, -0.642, 9 เป็นตน้ 4.1.2 จำนวนเลขไม่ลงตัว จำนวนเลขไม่ลงตัว หรือจำนวนอตรรกยะ คือ เลขที่แสดงค่าจริงโดยประมาณไม่สามารถ หาค่าท่ีถูกตอ้ งแน่นอนจรงิ ๆ ได้ แสดงคา่ ในรูปเลขทศนยิ มไม่รู้จบ เลขจำนวนจรงิ ทงั้ หมด ไม่วา่ เป็นเลขลงตัวหรือเลขไมล่ งตัวก็ตาม ถอื ว่าเป็นเลขจำนวนจริง ท้งั หมด ตา่ งกนั เพียงค่าเลขจำนวนจริงมจี ุดสิ้นสดุ หรือไม่ส้ินสดุ เท่านัน้ ถ้ามจี ุดสนิ้ สุดถอื เปน็ ค่าจริง ที่ถูกต้อง ถ้าไม่มีจุดสิ้นสุดถือเป็นค่าจริงโดยประมาณ ค่าทั้งหมดสามารถกำหนดลงบนเส้นตรง จำนวนจรงิ (Real Number Line) ได้ ลักษณะเส้นตรงจำนวนจริง
53 4.2 เลขจำนวนจนิ ตภาพ เลขจำนวนจินตภาพ (Imaginary Number) คือ เลขทไ่ี มใ่ ช่เลขจำนวนจริง เลขเหล่าน้ีเกิด จากการถอดรากที่สองของเลขจำนวนจริงค่าติดลบ ซึ่งความจริงเลขเหล่านี้หาค่าไม่ได้ ทำให้นัก คณิตศาสตร์กำหนดเลขค่าดังกล่าวใหม่ เรียกว่าเลขจำนวนจินตภาพ เช่น√−1 ,√−2 , √−3, √−25 และ √−80 เปน็ ต้น 4.3 เลขจำนวนเชงิ ซ้อน เลขจำนวนเชิงซ้อน (Complex Number) คือ จำนวนเลขที่ประกอบด้วยเลขจำนวนจริง รวมกบั เลขจำนวนจินตภาพ เขียนไวใ้ นรปู สมการ ไดด้ งั นี้ เลขจำนวนจินตภาพปกติถูกเขียนลงในกราฟแกนจินตภาพ (Imaginary Axis) หรือแกน แนวตั้ง (y) และเลขจำนวนจริงปกติถูกเขียนลงในกราฟแกนจริง (Real Axis) หรือแกนแนวนอน (x) ใชเ้ ป็นกราฟในการหาค่าสมการของจำนวนเชิงซ้อน บนพื้นราบเชิงซอ้ น (Complex Plane) 4.4 รูปแบบจำนวนเชิงซ้อน วงจรไฟฟ้ากระแสสลับทำงานด้วยคลื่นไซน์ เมื่อนำคลื่นไซน์ผ่านเข้าวงจรที่ประกอบด้วย ตัวต้านทาน (R) ตัวเหนี่ยวนำ (L) และตัวเก็บประจุ (L) ทำให้คลื่นไซน์มีมุมเฟสที่เปลี่ยนแปลงไป การเขียนค่าสมการแสดงผลที่ได้ในรูปจำนวนเชิงซ้อน จะง่ายในการทำความเข้าใจ เพราะเลข จำนวนเชิงซ้อนแสดงค่าทั้งขนาดและทิศทางของปริมาณเวกเตอร์ สามารถใช้ในการคำนวณหาค่า ไดง้ ่าย ท้ังการบวก ลบ คณู หาร และถอดรากท่ีสอง รูปแบบของจำนวนเชงิ ซอ้ นมดี ว้ ยกนั 4 รูปแบบ คือ รูปแบบแกนมุมฉาก (Rectangular Form) รูปแบบเชิงขั้ว (Polar Form) รูปแบบตรีโกณมิติ (Trigonometric Form) และรูปแบบเอ็กซ์โพเนนเชียล (Exponential Form) แต่ละรูปแบบมี ความแตกต่างกนั แต่สามารถแปลงรูปแบบจำนวนเชิงซ้อน กลบั ไปกลบั มาได้ 4.4.1 จำนวนเชิงซ้อนรปู แบบแกนมมุ ฉาก จำนวนเชงิ ซ้อนรูปแบบแกนมุมฉาก แสดงปรมิ าณเวกเตอร์ด้วยดา้ นกว้างและด้านยาวของ สี่เหลี่ยมมมุ ฉาก ด้านหนึง่ เป็นจำนวนจริง อีกด้านหนึ่งเป็นจำนวนจนิ ตภาพ เขียนสมการออกมาได้ ดังน้ี
54 4.4.2 จำนวนเชิงซอ้ นรปู แบบเชงิ ข้ัว จำนวนเชิงซ้อนรูปแบบเชิงขั้ว เป็นการแสดงปริมาณเวกเตอร์ด้วยขนาด และทิศทางท่ี ชัดเจน สามารถอ่านค่าออกมาได้โดยตรงจากค่าที่แสดงไว้ เป็นรูปแบบที่นิยมใช้บอกค่าต่างๆ ใน การคำนวณทางไฟฟา้ เขยี นสมการออกมาได้ดังนี้ 4.4.3 จำนวนเชงิ ซ้อนรูปแบบตรีโกณมติ ิ จำนวนเชิงซ้อนรูปแบบตรีโกณมิติ เป็นการแสดงปริมาณเวกเตอร์ที่ประกอบด้วยค่าไซน์ และโคไซน์ของตรีโกณมิติรวมอยู่ เป็นการรวมกันระหว่างรูปแบบแกนมุมฉากกับรูปแบบเชิงข้ัว เขียนสมการออกมาได้ดังนี้ 4.4.4 จำนวนเชิงซอ้ นรปู แบบเอก็ ซโ์ พเนนเชยี ล จำนวนเชิงซ้อนรูปแบบเอ็กซ์โพเนนเชียล เป็นการแสดงปริมาณเวกเตอร์ในแบบยก กำลัง เขียนอยู่ในรูปเอ็กซ์โพเนนเชียล ยกกำลังด้วยมุมเฟสในหน่วยเรเดียน สัมพันธ์เกี่ยวข้องกับ รูปแบบตรีโกณมิติ แตกต่างเฉพาะรูปแบบท่ีเขยี น และมุมเฟสที่บอกค่าเป็นเรเดยี น ไม่บอกค่าเป็น องศา เขยี นสมการออกมาได้ดังนี้
55 4.5 การบวกและลบจำนวนเชิงซอ้ น การบวกและลบจำนวนเชิงซ้อน คือการรวมกันหรือหักล้างกันของเลขจำนวนเชิงซ้อน 2 จำนวน การบวกและลบจำนวนเชิงซ้อน ทำได้ในรูปแบบแกนมุมฉากเพียงรูปแบบเดียวการบวก หรือลบจำนวนเชิงซอ้ น ทำได้โดยการนำส่วนที่เป็นจำนวนจรงิ บวกหรือลบกันและนำส่วนจำนวนจิ นตภาพบวกหรอื ลบกัน เชน่ Z1 = x1 + jy1 และ Z2 = x2 - jy2 4.6 การคณู จำนวนเชงิ ซ้อน การคูณจำนวนเชิงซ้อน 2 จำนวน เข้าด้วยกัน สามารถคูณกันได้ 3 รูปแบบ คือ รูปแบบ แกนมุมฉาก รูปแบบเชิงขั้ว และรูปแบบเอ็กซ์โพเนนเชียล รูปแบบที่จะคูณกันต้องเป็นรูปแบบ เดยี วกนั ท้ัง 2 จำนวน 4.7 การหารจำนวนเชงิ ซอ้ น การหารจำนวนเชิงซ้อน 2 จำนวน เข้าด้วยกัน สามารถหารกันได้ 3 รูปแบบ เช่นเดียวกบั การคูณกนั คอื รปู แบบแกนมุมฉาก รูปแบบเชิงขัว้ และรปู แบบเอก็ ซโ์ พเนนเชียล รปู แบบท่ีจะหาร กันต้องเปน็ รปู แบบเดยี วกันทง้ั 2 จำนวน 4.8 การใช้งานจำนวนเชิงซ้อนในวงจรไฟฟ้ากระแสสลับ วงจรไฟฟ้ากระแสสลับที่อยู่ในรูปฟังก์ชันไซน์ เวลานำมาคำนวณค่าจะเกิดความยุ่งยาก ซับซ้อน เพราะสัญญาณไซน์เป็นปริมาณไฟฟ้าที่ทำงานสัมพันธ์กับเวลา การแก้ไขความยุ่งยาก ซับซ้อนนี้ทำได้โดยเขียนสัญญาณไซน์ให้อยู่ในรูปเฟสเซอร์ และรวมค่าเข้าด้วยกันโดยใช้จำนวน เชิงซอ้ นมาใช้งานในการบวก ลบ คณู หาร ไดเ้ ลย 4.9 บทสรปุ เลขจำนวนจรงิ เปน็ ตวั เลข หรือจำนวนเลขท่มี ีคา่ จริง สามารถทราบค่าเลขเหลา่ นั้นได้อาจ เป็นเลขจำนวนเต็ม เลขทศนิยม หรือเลขเศษส่วน มีค่าเป็นบวกหรือลบก็ได้ เลขจำนวนจริงแบ่ง ออกได้เป็น 2 ชนดิ คือ จำนวนเลขลงตวั หรือจำนวนตรรกยะ เปน็ เลขทแ่ี สดงค่าจรงิ แนน่ อนมคี ่า สิ้นสุด และจำนวนเลขไม่ลงตัว หรือจำนวนอตรรกยะ เป็นเลขที่แสดงค่าจรงิ โดยประมาณแสดงค่า ในรปู เลขทศนยิ มไม่รูจ้ บ เลขจำนวนจินตภาพ เป็นตัวเลขที่ไม่ใช่เลขจำนวนจริง เลขเหล่านี้เกิดจากการถอดรากท่ี สองของเลขจำนวนจริงค่าติดลบ ซึ่งความจริงเลขเหล่านี้หาค่าไม่ได้ ถูกกำหนดเป็นเลขค่าใหม่ กำหนดใหค้ า่ -1 แทนดว้ ยตวั j หรือ i
56 เลขจำนวนเชิงซ้อน เปน็ จำนวนเลขท่ปี ระกอบด้วย เลขจำนวนจรงิ รวมกับเลขจำนวนจินต ภาพ เขยี นไว้ในรูปสมการ รปู แบบของจำนวนเชงิ ซ้อนมีด้วยกนั 4 รูปแบบ คอื รปู แบบแกนมุมฉาก รปู แบบเชิงขวั้ รปู แบบตรโี กณมิติ และรปู แบบเอ็กซ์โพเนนเชยี ล สรุปรูปแบบจำนวนเชิงซ้อน รปู แบบแกนมุมฉาก Z = ± x ± jay รปู แบบเชิงขั้ว Z = ± r б q รปู แบบตรโี กณมิติ Z = ± r (cosq ± jsinq) รปู แบบเอก็ ซโ์ พเนนเชยี ล Z = ± r e±jq การบวกและลบจำนวนเชิงซ้อน คือการรวมกันหรือหักล้างกันของเลขจำนวนเชิงซ้อน 2 จำนวน ทำได้ในรูปแบบแกนมุมฉากเพียงรูปแบบเดียว โดยการนำส่วนที่เป็นจำนวนจริงบวกหรือ ลบกัน และนำสว่ นจำนวน จินตภาพบวกหรอื ลบ การคูณและการหารจำนวนเชิงซ้อน 2 จำนวน เข้าด้วยกัน สามารถทำได้ 3 รูปแบบ คือ รูปแบบแกนมุมฉาก รปู แบบเชงิ ข้วั และรูปแบบเอ็กซ์โพเนนเชียล รปู แบบทีจ่ ะคูณหรือหารกันต้อง เปน็ รปู แบบเดยี วกนั ทัง้ 2 จำนวน สัญญาณไซน์เป็นปริมาณไฟฟ้าที่ทำงานสัมพันธ์กับเวลา ในการคำนวณมีความยุ่งยาก ซับซ้อน แก้ไขได้โดยเขียนสัญญาณไซน์ให้อยู่ในรูปเฟสเซอร์ และรวมค่าเข้าด้วยกันโดยใช้จำนวน เชิงซอ้ นมาใชง้ านในการบวก ลบ คูณ หาร ได้ • ด้านทักษะ(ปฏิบตั ิ) 1. แบบฝกึ หดั บทที่ 4 • ด้านคณุ ธรรม/จรยิ ธรรม/จรรยาบรรณ/บูรณาการเศรษฐกิจพอเพยี ง (จดุ ประสงค์เชิง พฤตกิ รรมข้อท่ี 9) 1. หาคา่ ลิมติ ของฟงั ก์ชนั ในขั้นพ้ืนฐาน
57 กจิ กรรมการเรียนการสอนหรอื การเรยี นรู้ ขั้นตอนการสอนหรือกจิ กรรมของครู ขน้ั ตอนการเรียนรู้หรอื กจิ กรรมของนกั เรยี น 1. ข้ันนำเขา้ สบู่ ทเรียน ( 15 นาที ) 1. ข้นั นำเขา้ สู่บทเรยี น ( 15 นาที ) 1. ผสู้ อนแจง้ จดุ ประสงค์การเรยี นของหน่วย 1. ผเู้ รียนทำความเข้าใจเกีย่ วกับ ท่ี 4 เรื่อง จำนวนเชงิ ซอ้ น จดุ ประสงค์การเรียนของหนว่ ยที่ 4 เรื่อง 2. ผู้สอนให้ผู้เรียนอธิบายลักษณะของเลข จำนวนเชงิ ซ้อน จำนวนจรงิ ได้ 2. ผู้เรียนผู้เรียนอธิบายลักษณะของเลข จำนวนจริงได้ 2. ข้นั ใหค้ วามรู้ ( 120 นาที ) 2. ขน้ั ให้ความรู้ ( 120 นาที ) 1. ผ้สู อนแนะนำให้ผูเ้ รยี นเปิด 1. ผเู้ รยี นศกึ ษาจาก PowerPoint และ PowerPoint และให้ผูเ้ รยี นเปิเอกสาร ใหผ้ เู้ รยี นเปดิ เอกสารประกอบการสอนวชิ า ประกอบการสอนวชิ า วงจรไฟฟา้ กระแสสลบั วงจรไฟฟ้ากระแสสลบั บทที่ 4 เร่อื งจำนวน บทท่ี 4 เรอื่ ง จำนวนเชงิ ซ้อน และใหผ้ ูเ้ รียน เชงิ ซอ้ น โดยเลือกจดบนั ทกึ เนอ้ื หาทสี่ ำคัญ ศึกษารายละเอยี ดดว้ ยตนเอง 2. ผู้เรียนซักถามข้อสงสัยที่เกิดขึ้นและ 2. ผู้สอนเปิดโอกาส ให้ผู้เรียนถามปัญหา ผเู้ รยี นร่วมมือกับผู้สอน และข้อสงสัยจากเนื้อหา โดยครูเป็นหาค่าลิมิต ของฟังกช์ นั 3. ข้ันประยกุ ต์ใช้ ( 60 นาที ) 3. ข้นั ประยกุ ตใ์ ช้ ( 60 นาที ) 1. ผสู้ อนใหผ้ ู้เรียนทำแบบฝกึ หัดบทที่ 4 1. ผเู้ รียนทำแบบฝกึ หดั บทที่ 4 2. ผู้สอนให้ผู้เรยี นสบื คน้ ข้อมลู จาก 2. ผ้เู รียนสืบค้นข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต อนิ เทอร์เนต็ 4. ขั้นสรปุ และประเมนิ ผล ( 45 นาที ) 4. ขั้นสรุปและประเมินผล ( 45 นาที ) 1. ผู้สอนและผู้เรียนร่วมกันสรุปเนื้อหาที่ได้ 1. ผู้เรียนร่วมกันสรุปเนื้อหาที่ได้เรียนให้ เรียนใหม้ คี วามเขา้ ใจในทศิ ทางเดียวกัน มีความเขา้ ใจในทศิ ทางเดยี วกัน 2. ผู้สอนให้ผู้เรียนศึกษาเพิ่มเติมนอก 2. ผู้เรียนศึกษาเพิ่มเติมนอกห้องเรียน หอ้ งเรียน ด้วย PowerPoint ท่ีจัดทำข้นึ ด้วย PowerPoint ที่จัดทำขนึ้
58 งานทม่ี อบหมายหรือกจิ กรรมการวัดผลและประเมนิ ผล ก่อนเรียน 1. จดั เตรียมเอกสาร ส่อื การเรยี นการสอนบทที่ 4 2. ทำความเข้าใจเกี่ยวกับจดุ ประสงค์การเรียนของบทที่ 4 และให้ความรว่ มมือในการ ทำกิจกรรมใน บทท่ี 4 ขณะเรียน 1. ทำแบบฝกึ หัดท่ี 4 2. รว่ มกันสรุป “จำนวนเชิงซ้อน” หลงั เรียน 1. - ผลงาน/ชน้ิ งาน/ความสำเรจ็ ของผูเ้ รียน แบบฝึกหัดบทท่ี 4 สื่อการเรียนการสอน/การเรียนรู้ ส่ือสิ่งพิมพ์ 1. เอกสารประกอบการสอนวิชา วงจรไฟฟ้ากระแสสลบั (ใชป้ ระกอบการเรียนการ สอนจุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรมขอ้ ท่ี 1-9) 2. แบบฝึกหดั ท่ี 4 ข้นั ประยกุ ตใ์ ช้ ขอ้ 1 สื่อโสตทศั น์ (ถา้ มี) 1. เคร่ืองไมโครคอมพิวเตอร์ 2. PowerPoint เร่ือง จานวนเชิงซอ้ น สื่อของจริง 1. จานวนเชิงซอ้ น (ใชป้ ระกอบการเรียนการสอนจุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรมขอ้ ท่ี 1-9)
59 การวดั และประเมินผล การวัดผล การประเมินผล (ใชเ้ คร่ืองมอื ) (นำผลเทียบกบั เกณฑ์และแปลความหมาย) 1. แบบทดสอบก่อนเรยี น (Pre–test) หนว่ ยที่ 4 (ไว้เปรยี บเทยี บกบั คะแนนสอบหลงั เรยี น) 2. แบบสังเกตการทำงานกลมุ่ และนำเสนอ เกณฑ์ผ่าน 60% ผลงานกลุ่ม 3. แบบฝึกหัดหน่วยท่ี 4 เกณฑผ์ ่าน 50% 4. แบบทดสอบหลังเรยี น (Post–test)หน่วยที่ 4 เกณฑผ์ ่าน 50% 5. แบบประเมนิ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม ตามสภาพ เกณฑ์ผ่าน 60% จรงิ รายละเอียดการประเมินผลการเรียนรู้ • จดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤติกรรม ข้อที่ 1 อธิบายลกั ษณะเลขจำนวนจรงิ ได้ 1. วธิ กี ารประเมนิ : ทดสอบ 2. เคร่อื งมอื : แบบทดสอบ 3. เกณฑ์การให้คะแนน : อธบิ ายลักษณะเลขจำนวนจริงได้ จะได้ 1 คะแนน • จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม ข้อที่ 2 บอกลกั ษณะเลขจำนวนจนิ ตภาพได้ 1. วธิ กี ารประเมิน : ทดสอบ 2. เครอ่ื งมือ : แบบทดสอบ 3. เกณฑ์การใหค้ ะแนน : บอกลกั ษณะเลขจำนวนจินตภาพได้ จะได้ 1 คะแนน • จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม ข้อที่ 3 อธบิ ายลกั ษณะเลขจำนวนเชงิ ซอ้ นได้ 1. วิธกี ารประเมิน : ทดสอบ 2. เครื่องมอื : แบบทดสอบ 3. เกณฑ์การให้คะแนน : อธิบายลกั ษณะเลขจำนวนเชิงซอ้ นได้ จะได้ 1 คะแนน • จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม ข้อท่ี 4 แยกแยะแต่ละรปู แบบจำนวนเชิงซ้อนได้ 1. วิธกี ารประเมนิ : ทดสอบ 2. เครอื่ งมือ : แบบทดสอบ 3. เกณฑ์การให้คะแนน : แยกแยะแตล่ ะรปู แบบจำนวนเชิงซ้อนได้ จะได้ 1 คะแนน
60 • จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม ข้อท่ี 5 บวกและลบจำนวนเชงิ ซ้อนได้ 1. วิธีการประเมิน : ทดสอบ 2. เคร่อื งมือ : แบบทดสอบ 3. เกณฑ์การให้คะแนน : บวกและลบจำนวนเชงิ ซ้อนได้ จะได้ 2 คะแนน • จดุ ประสงค์เชิงพฤติกรรม ข้อท่ี 6 คูณจำนวนเชงิ ซ้อนได้ 1. วิธกี ารประเมิน : ทดสอบ 2. เครื่องมอื : แบบทดสอบ • จดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤติกรรม ข้อท่ี 7 หารจำนวนเชงิ ซอ้ นได้ 3. วธิ กี ารประเมิน : ทดสอบ 4. เครื่องมือ : แบบทดสอบ 5. เกณฑ์การให้คะแนน : หารจำนวนเชิงซ้อนได้ จะได้ 1 คะแนน • จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม ข้อที่ 8 ช้แี จงการใชง้ านจำนวนเชิงซ้อนในวงจรไฟฟ้ากระแสสลบั ได้ 6. วิธีการประเมนิ : ทดสอบ 7. เครอ่ื งมอื : แบบทดสอบ 8. เกณฑ์การให้คะแนน : ช้แี จงการใช้งานจำนวนเชิงซอ้ นในวงจรไฟฟ้า กระแสสลบั ได้ จะได้ 1 คะแนน • จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม ข้อท่ี 9 สรุป จำนวนเชิงซ้อน ได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม 9. วิธีการประเมิน : ทดสอบ 10. เคร่อื งมอื : แบบทดสอบ 11. เกณฑ์การให้คะแนน : สรปุ จำนวนเชิงซ้อน ได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม จะได้ 2 คะแนน
61 แบบฝกึ หัดบทที่ 4 ตอนท่ี 1 เขยี นเครือ่ งหมายกากบาท (X) ลงในข้อทถ่ี ูกตอ้ งที่สดุ 1. เลขจำนวนจรงิ ค่าใด ทีจ่ ดั เป็นจำนวนเลขท่ีไม่ลงตัว ก. 7 ข. 17 3 4 ค. 57 ง. 89 6 6 2. คา่ ใดจัดเปน็ เลขจำนวนจินตภาพ ก. j015 ข. j28 ค. j433 ง. j510 3. เลข√−147 ทำเป็นตัวเลขจำนวนจินตภาพไดต้ ามข้อใด ก. j6√3 ข. j7√3 ค. j12√3 ง. j73√3 4. เลขจำนวน –4+j12 เหมือนกบั จำนวนเลขตามข้อใด ก. 12.65∠ −18.44������ ข. 12.65∠ 18.44������ ค. 12.65∠ −71.57������ ง. 12.65∠ 71.57������ 5. เลขจำนวน 25∠ 50������ เหมอื นกับจำนวนเลขตามข้อใด ก. 16.07 + j19.15 ข. 19.15+ j16.07 ค. 21.13 + j45.32 ง. 45.32 + j21.13 6. เลขจำนวน 40∠ −30������ เหมอื นกบั จำนวนเลขตามขอ้ ใด ก. 40 ejπ6 ข. 40 ej56π ค. 40 ej116π ง. 40 ej1112π 7. เลขจำนวน 5 ej76π เหมอื นกบั จำนวนเลขตามขอ้ ใด ก. 4.33 – j2.5 ข. -4.33 – j2.5 ค. -4.33 + j2.5 ง. 4.33 + j2.5 8. เลขจำนวน 56 (cos75o − jsin75o) เหมือนกับจำนวนเลขตามข้อใด ก. 56 e−j71π2 ข. 56 ej1192π ค. 56 ej51π2 ง. 56 e−j51π2 9. ทำคอนจุเกตของค่า -12 – j28 คือคา่ ใด ก. 12 – j28 ข. -12 + j28 ค. 12 + j28 ง. -12 – j28 10. ผลลพั ธข์ อง 20ejπ4 มีคา่ เทา่ ไร 4ej45π ก. 5 ej(5π−16π) 20 ข. 5 ej(4π−920π)
62 ค. 5 ej(π−94π) ง. 5 ej(4π2−05π) ตอนท่ี 2 อธบิ ายให้ได้ใจความสมบูรณ์และแสดงวธิ ที ำใหส้ มบูรณ์ถกู ต้อง 1. จงหาตำแหนง่ ของเลขจำนวนเชงิ ซ้อนบนกราฟพ้ืนราบเชงิ ซ้อน ตามคา่ ตอ่ ไปน้ี (ก) Z1 = 5+j3 (ข) Z2 = -j6 (ค) Z3 = -8+j4 (ง) Z4 = -5-j8 (จ) Z5 = 3-j7 2. จงเปลยี่ นเลขจำนวนเชิงซ้อนต่อไปนี้ใหอ้ ยู่ในรปู แบบเชงิ ขัว้ (ก) Z1 = 15+j23 (ข) Z2 = -j16 (ค) Z3 = -28+j42 (ง) Z4 = -35-j48 3. จงหาผลลพั ธ์ของเลขจำนวนเชิงซอ้ นต่อไปน้ี (ก) (15+j23) + (-28+j42) – (40-j25) (ข) (45∠ )85������ - (24∠ )120������ + (45∠ )85������ + (12 ejπ4 ) 4. จงหาผลลพั ธข์ องเลขจำนวนเชงิ ซ้อนต่อไปน้ี (ก) (14 ej56π ) x (22 ej1112π ) (ข) (41+j25) / (-32+j12)
63 แบบประเมนิ ผลการนำเสนอผลงาน ชื่อกลุ่ม……………………………………………ชั้น………………………ห้อง........................... รายช่ือสมาชกิ 1……………………………………เลขท…่ี …. 2……………………………………เลขท…่ี …. 3……………………………………เลขท…ี่ …. 4……………………………………เลขท…ี่ …. ท่ี รายการประเมนิ คะแนน ข้อคิดเหน็ 32 1 1 เน้ือหาสาระครอบคลมุ ชดั เจน (ความรเู้ กยี่ วกับเน้ือหา ความถกู ตอ้ ง ปฏภิ าณในการตอบ และการแก้ไข ปัญหาเฉพาะหนา้ ) 2 รูปแบบการนำเสนอ 3 การมสี ว่ นร่วมของสมาชิกในกลมุ่ 4 บคุ ลิกลกั ษณะ กริ ิยา ท่าทางในการพูด นำ้ เสยี ง ซง่ึ ทำใหผ้ ฟู้ งั มคี วามสนใจ รวม ผปู้ ระเมิน………………………………………………… เกณฑ์การให้คะแนน 1. เน้อื หาสาระครอบคลมุ ชดั เจนถกู ต้อง 3 คะแนน = มสี าระสำคัญครบถ้วนถูกตอ้ ง ตรงตามจุดประสงค์ 2 คะแนน = สาระสำคญั ไม่ครบถ้วน แตต่ รงตามจุดประสงค์ 1 คะแนน = สาระสำคัญไมถ่ ูกต้อง ไม่ตรงตามจดุ ประสงค์ 2. รปู แบบการนำเสนอ 3 คะแนน = มีรปู แบบการนำเสนอท่เี หมาะสม มีการใช้เทคนคิ ที่แปลกใหม่ ใชส้ อื่ และเทคโนโลยี ประกอบการ นำเสนอทีน่ ่าสนใจ นำวสั ดใุ นท้องถิ่นมาประยุกต์ใชอ้ ย่าง ค้มุ คา่ และประหยดั 2 คะแนน = มเี ทคนคิ การนำเสนอทแ่ี ปลกใหม่ ใชส้ ื่อและเทคโนโลยปี ระกอบการ นำเสนอทนี่ า่ สน ใจ แตข่ าดการประยุกต์ใช้ วสั ดุในท้องถิ่น 1 คะแนน = เทคนิคการนำเสนอไมเ่ หมาะสม และไมน่ ่าสนใจ 3. การมสี ว่ นรว่ มของสมาชกิ ในกลุม่ 3 คะแนน = สมาชิกทกุ คนมีบทบาทและมสี ่วนรว่ มกิจกรรมกล่มุ 2 คะแนน = สมาชกิ สว่ นใหญ่มบี ทบาทและมีส่วนร่วมกจิ กรรมกลมุ่ 1 คะแนน = สมาชิกส่วนนอ้ ยมบี ทบาทและมสี ว่ นรว่ มกิจกรรมกลุ่ม
64 4. ความสนใจของผู้ฟัง 3 คะแนน = ผู้ฟงั มากกวา่ ร้อยละ 90 สนใจ และใหค้ วามรว่ มมอื 2 คะแนน = ผฟู้ ังร้อยละ 70-90 สนใจ และใหค้ วามรว่ มมอื 1 คะแนน = ผู้ฟงั นอ้ ยกว่ารอ้ ยละ 70 สนใจ และใหค้ วามรว่ มมือ
65 แบบประเมินกระบวนการทำงาน ช่อื กลุ่ม……………………………………………ช้ัน………………………หอ้ ง........................... รายชอ่ื สมาชกิ 2……………………………………เลขท…่ี …. 4……………………………………เลขท…ี่ …. 1……………………………………เลขท…่ี …. 3……………………………………เลขท…่ี …. ท่ี รายการประเมนิ คะแนน ข้อคิดเห็น 321 1 การกำหนดเป้าหมายรว่ มกัน 2 การแบ่งหนา้ ทรี่ ับผดิ ชอบและการเตรียม ความพร้อม 3 การปฏบิ ตั หิ น้าทที่ ่ีไดร้ ับมอบหมาย 4 การประเมินผลและปรับปรงุ งาน รวม ผู้ประเมิน………………………………………………… วันท่ี…………เดอื น……………………..พ.ศ…………... เกณฑ์การให้คะแนน 1. การกำหนดเป้าหมายร่วมกัน 3 คะแนน = สมาชกิ ทกุ คนมีส่วนรว่ มในการกำหนดเป้าหมายการทำงานอย่างชัดเจน 2 คะแนน = สมาชิกส่วนใหญม่ สี ว่ นรว่ มในการกำหนดเปา้ หมายในการทำงาน 1 คะแนน = สมาชกิ ส่วนน้อยมสี ว่ นรว่ มในการกำหนดเป้าหมายในการทำงาน 2. การมอบหมายหน้าที่รบั ผิดชอบและการเตรียมความพร้อม 3 คะแนน = กระจายงานได้ทว่ั ถงึ และตรงตามความสามารถของสมาชิกทกุ คนมาการ จดั เตรยี มสถานที่ สื่อ / อุปกรณ์ไว้อยา่ งพร้อมเพรียง 2 คะแนน = กระจายงานไดท้ ัว่ ถึง แต่ไมต่ รงตามความสามารถ และมีสอ่ื / อปุ กรณ์ไว้ อย่างพรอ้ มเพรียง แต่ขาดการจดั เตรยี มสถานที่ 1 คะแนน = กระจายงานไม่ทวั่ ถึงและมสี อื่ / อปุ กรณ์ไมเ่ พียงพอ 3. การปฏบิ ัติหน้าท่ีทไี่ ด้รบั มอบหมาย 3 คะแนน = ทำงานไดส้ ำเร็จตามเปา้ หมาย และตามเวลาที่กำหนด 2 คะแนน = ทำงานได้สำเร็จตามเป้าหมาย แต่ชา้ กว่าเวลาทกี่ ำหนด 1 คะแนน = ทำงานไมส่ ำเรจ็ ตามเปา้ หมาย
66 4. การประเมนิ ผลและปรบั ปรุงงาน 3 คะแนน = สมาชกิ ทุกคนร่วมปรกึ ษาหารือ ตดิ ตาม ตรวจสอบ และปรบั ปรงุ งาน เปน็ ระยะ 2 คะแนน = สมาชกิ บางสว่ นมสี ่วนร่วมปรกึ ษาหารือ แต่ไมป่ รบั ปรงุ งาน 1 คะแนน = สมาชกิ บางสว่ นไมม่ สี ว่ นร่วมปรึกษาหารือ และปรบั ปรุงงาน
67 บันทึกหลังการสอน บทท่ี 4 จำนวนเชงิ ซ้อน ผลการใชแ้ ผนการสอน 1. เนื้อหาสอดคลอ้ งกบั จดุ ประสงค์เชิงพฤติกรรม 2. กิจกรรมการสอนเหมาะสมกับเนอื้ หาและเวลาที่กำหนด 3. สื่อการสอนเหมาะสมดี ผลการเรยี นของนกั เรียน 1. นักศึกษาส่วนใหญ่มีความเข้าใจในบทเรียน อภิปรายตอบคำถามในกลุ่ม และร่วมกัน ปฏบิ ตั งิ านทไ่ี ด้รับมอบหมาย 2. นักศึกษากระตือรือร้นและรับผิดชอบในการทำงานกลุ่มเพื่อให้งานสำเร็จทันเวลาท่ี กำหนด ผลการสอนของครู 1. สอนเนือ้ หาได้ครบตามหลักสูตร 2. แผนการสอนและวธิ กี ารสอนครอบคลุมเนื้อหาการสอนทำใหผ้ สู้ อนสอนได้อย่างมนั่ ใจ 3. สอนทนั ตามเวลาท่ีกำหนด ปัญหา แนวทางแกไ้ ข และข้อเสนอแนะ นักเรียนบางคนเรียนตามเนื้อหาที่ครูสอนไม่ทันครูต้องใส่ใจนักเรียนเพื่อที่จะได้เรียนไป พร้อมๆกันกับเพือ่ นคนอืน่ ๆ ลงชอื่ ………………………………………… (นางสาวเพ็ญนภา สุขยอ้ ย) ครผู สู้ อน
68
68 แผนการสอน/แผนการเรียนรภู้ าคทฤษฎี แผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยที่ 5 ชอ่ื วชิ า วงจรไฟฟา้ กระแสสลบั สอนสัปดาหท์ ี่ 5 ชือ่ หนว่ ย RLC ในวงจรไฟฟา้ กระแสสลับ คาบรวม 20 ช่อื เร่ือง RLC ในวงจรไฟฟา้ กระแสสลับ จำนวนคาบ 4 หัวข้อเรอ่ื ง 1. ตวั ต้านทานในวงจรไฟฟา้ กระแสสลับ 2. ตัวเหนี่ยวนำในวงจรไฟฟา้ กระแสสลบั 3. ตัวเก็บประจใุ นวงจรไฟฟ้ากระแสสลับ 4. บทสรุป สาระสำคญั ตัวต้านทาน (Resistor) ถือเป็นอุปกรณ์พื้นฐานที่นำไปใช้งานในวงจรต่างๆ มากที่สุด รวมถึงในวงจรไฟฟ้ากระแสสลับด้วยตัวต้านทานแต่ละตัวจะมีค่าความต้านทา (Resistance) ภายในตัวแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับการกำหนดค่าจากการผลิต คุณสมบัติในการทำงานกับไฟฟ้า กระแสสลับ โดยทำหน้าที่เปลี่ยนพลังไฟฟ้าเป็นพลังงานความร้อน ทำงานกับแรงดันไฟสลับและ กระแสไฟสลับของสัญญาณคลื่นไซน์ จ่ายค่าเป็น RMS คุณสมบัติของแรงดันไฟสลับ E และ กระแสไฟสลบั I เกิดขนึ้ บนตวั ต้านทาน R มเี ฟสร่วมกัน วงจรและสญั ญาณ สมรรถนะอาชีพประจำหน่วย - เขยี นสมการหาค่าตา่ งๆ ของตวั ต้านทาน ตัวเหนย่ี วนำ ตัวเก็บประจุ อย่าง ถกู ต้อง - คำนวณคา่ ปรมิ าณไฟฟา้ ของตัวต้านทาน ตัวเหนย่ี วนำ ตัวเกบ็ ประจุ อย่าง ถูกต้องครบถ้วน - แกป้ ญั หาสมการทางไฟฟา้ อย่างมีเหตุผลตามหลกั ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง - จุดประสงคก์ ารสอน/การเรียนรู้ • จดุ ประสงค์ทั่วไป / บูรณาการเศรษฐกจิ พอเพียง 1. เพ่ือใหม้ ีความรูเ้ กีย่ วกับการบอกคณุ ลักษณะตวั ตา้ นทานในวงจรไฟฟ้ากระแสสลับ (ดา้ นความรู้) 2. เพือ่ ให้มที ักษะในการเขียนสมการตวั เหน่ยี วนำในวงจรไฟฟ้ากระแสสลบั (ด้าน ทกั ษะ)
69 3. เพ่อื ใหม้ ีเจตคติท่ีดใี นการคำนวณหาค่าตา่ ง ๆ ของตวั เกบ็ ประจใุ นวงจรไฟฟา้ กระแสสลบั (ด้านจติ พิสัย) 4. เพ่อื สรปุ RLC ในวงจรไฟฟ้ากระแสสลบั ไดอ้ ย่างถูกตอ้ งเหมาะสม (ด้านดา้ น คุณธรรม จรยิ ธรรม/บรู ณาการเศรษฐกจิ พอเพยี ง) • จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรม / บูรณาการเศรษฐกจิ พอเพียง 1. บอกคณุ ลักษณะตวั ต้านทานในวงจรไฟฟ้ากระแสสลบั ได้ (ด้านความร้)ู 2. เขยี นสมการตวั เหนี่ยวนำในวงจรไฟฟ้ากระแสสลับได้ (ด้านทกั ษะ) 3. คำนวณหาคา่ ต่าง ๆ ของตวั เก็บประจใุ นวงจรไฟฟ้ากระแสสลับได้ (ด้านจติ พสิ ัย) 4. สรปุ RLC ในวงจรไฟฟา้ กระแสสลับ ไดอ้ ย่างถูกต้องเหมาะสม (ด้านดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรม/บรู ณาการเศรษฐกิจพอเพียง) เนื้อหาสาระการสอน/การเรยี นรู้ • ดา้ นความรู้(ทฤษฎี) 5.1 ตัวตา้ นทานในวงจรไฟฟา้ กระแสสลับ ตัวต้านทาน (Resistor) ถือเป็นอุปกรณ์พื้นฐานที่นำไปใช้งานในวงจรต่างๆ มากที่สุด รวมถึงในวงจรไฟฟ้ากระแสสลับด้วย ตัวต้านทานแต่ละตัวจะมีค่าความต้านทาน (Resistance)ภายในตัวแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับการกำหนดค่าจากการผลิต คุณสมบัติในการ ทำงานกับไฟฟ้ากระแสสลับ โดยทำหน้าที่เปลี่ยนพลังไฟฟ้าเป็นพลังงานความร้อน ทำงานกับ แรงดันไฟสลบั และกระแสไฟสลับของสัญญาณคลื่นไซน์ จ่ายค่าเป็น RMS คุณสมบตั ิของแรงดันไฟ สลบั E และกระแสไฟสลบั I เกิดข้นึ บนตัวตา้ นทาน R มเี ฟสร่วมกัน วงจรและสัญญาณ 5.2 ตัวเหนี่ยวนำในวงจรไฟฟา้ กระแสสลับ ตวั เหนย่ี วนำ (Inductor) คือ ขดลวด (Coil) หรือโช้ค (Choke) เป็นอุปกรณท์ ีน่ ยิ มนำไปใช้ งานกับสัญญาณไฟสลับ นำตัวเหนี่ยวนำต่อในวงจรไฟฟ้าจะทำหน้าที่เปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าไปเป็น สนามแม่เหล็ก เมอ่ื นำตวั เหน่ยี วนำอยา่ งเดยี วต่อในวงจรไฟฟา้ กระแสสลับ คณุ สมบตั ขิ องแรงดันไฟ สลับ E เกิดขึ้นบนตัวเหนี่ยวนำ L มีเฟสนำหน้ากระแสไฟสลับ I เป็นมุม 90 องศา วงจรและ สญั ญาณ 5.3 ตัวเก็บประจใุ นวงจรไฟฟา้ กระแสสลบั ตัวเก็บประจุ (Capacitor) เป็นอุปกรณ์อีกชนิดหนึง่ ที่นิยมนำไปใชง้ านกับสัญญาณไฟสลับ นำตวั เกบ็ ประจตุ ่อในวงจรไฟฟา้ จะทำหน้าทสี่ ะสมพลังงานไฟฟ้าไว้ในรูปสนามไฟฟา้ เม่ือนำตัวเก็บ ประจุอย่างเดียวต่อในวงจรไฟฟ้ากระแสสลับ คุณสมบัติของแรงดันไฟสลับ E เกิดขึ้นบนตัวเก็บ ประจุ C มีเฟสลา้ หลงั กระแสไฟสลบั I เป็นมมุ 90 องศา
70 5.4 บทสรุป คุณสมบัติของแรงดันไฟสลับ E และกระแสไฟสลับ I เกิดขึ้นบนตัวต้านทาน R มีเฟส รว่ มกนั คุณสมบตั ติ ัวตา้ นทานต่อวงจรไฟฟ้ากระแสสลบั เป็นดังน้ี 1. กระแสและแรงดันมเี ฟสร่วมกนั q = 0 2. ค่าอมิ พีแดนซข์ องตัวต้านทานจะมีค่าเทา่ กับความต้านทาน ZR = R 3. กำลงั ไฟฟ้าเกดิ ข้นึ เปน็ กำลังไฟฟ้าใชง้ าน PR = EI = I2R =R 4. แฟกเตอร์กำลงั เปน็ 1 pf = cos 0 องศา = 1 คุณสมบัติของแรงดันไฟสลับ E เกิดขึ้นบนตัวเหนี่ยวนำ L มีเฟสนำหน้ากระแสไฟสลับ I เปน็ มุม 90o คณุ สมบัติตวั เหน่ียวนำตอ่ วงจรไฟฟ้ากระแสสลับเปน็ ดังน้ี 1. แรงดันมีเฟสนำหนา้ กระแส 90 องศา หรือ p / 2 rad เสมอ 2. คา่ อิมพแี ดนซ์ของตัวเหนยี่ วนำมีค่าเทา่ กับรีแอกแตนซต์ วั เหนย่ี วนำ ZL = jXL 3. ค่าแอดมติ แตนซ์ของตัวเหนีย่ วนำ (YL) มคี า่ เทา่ กบั คา่ ซัสเซปแตนซต์ ัวเหนี่ยวนำ (BL) YL = ZL 1 = -jBL 4. ไมเ่ กิดกำลังไฟฟ้าใชง้ านในวงจร PL = 0 5. แฟกเตอร์กำลังเปน็ 0 pf = cos 90 องศา = 0 คุณสมบัติของแรงดันไฟสลับ E เกิดขึ้นบนตัวเก็บประจุ C มีเฟสล้าหลังกระแสไฟสลับ I เปน็ มมุ 90o คณุ สมบตั ติ วั เกบ็ ประจุตอ่ วงจรไฟฟ้ากระแสสลับเป็นดังน้ี 1. กระแสมเี ฟสนำหนา้ แรงดนั 90 องศา หรอื p / 2 rad เสมอ 2. คา่ อมิ พแี ดนซข์ องตวั เกบ็ ประจมุ ีค่าเทา่ กบั รีแอกแตนซต์ วั เก็บประจุ ZC = -juco 3. ค่าแอดมติ แตนซ์ของตวั เกบ็ ประจุ (YC) จะมคี ่าเทา่ กบั ค่าซสั เซปแตนซต์ วั เกบ็ ประจุ(BC) YC =Z C1 = jBC 4. ไมเ่ กดิ กำลงั ไฟฟ้าใช้งานในวงจร PL = 0 5. แฟกเตอรก์ ำลงั เปน็ 0 pf = cos 90 องศา = 0 • ดา้ นทักษะ(ปฏิบตั ิ) 1. แบบฝึกหดั บทที่ 5 • ด้านคณุ ธรรม/จริยธรรม/จรรยาบรรณ/บูรณาการเศรษฐกิจพอเพยี ง (จดุ ประสงคเ์ ชิง พฤติกรรมข้อที่ 4) 1. สรปุ RLC ในวงจรไฟฟ้ากระแสสลับ ไดอ้ ยา่ งถูกต้องเหมาะสม
71 กจิ กรรมการเรียนการสอนหรอื การเรียนรู้ ขน้ั ตอนการสอนหรือกจิ กรรมของครู ขนั้ ตอนการเรียนรู้หรอื กิจกรรมของนกั เรียน 1. ขั้นนำเข้าสู่บทเรยี น ( 15 นาที ) 1. ข้ันนำเข้าสู่บทเรียน ( 15 นาที ) 1. ผู้สอนแจง้ วตั ถปุ ระสงค์ของการเรยี น 1. ผเู้ รียนทำความเข้าใจเก่ียวกับ บทที่ 5 เรือ่ ง RLC ในวงจรไฟฟ้ากระแสสลบั วตั ถุประสงค์ของการเรยี น บทที่ 5 เรื่อง RLC 2. ผู้สอนให้ผู้เรียนบอกคุณลักษณะตัว ในวงจรไฟฟ้ากระแสสลบั ตา้ นทานในวงจรไฟฟ้ากระแสสลับ 2. ผู้เรียนบอกคุณลักษณะตัวต้านทานใน 2. ข้นั ให้ความรู้ (120 นาที ) วงจรไฟฟ้ากระแสสลบั 1. ผ้สู อนเปิด PowerPoint และให้ 2. ขัน้ ใหค้ วามรู้ (120 นาที ) 1. ผู้เรียนศึกษาวิธกี ารใช้ PowerPoint ผูเ้ รยี นเปดิ เอกสารประกอบการสอนวชิ า กบั เอกสารประกอบการสอน วชิ า วงจรไฟฟา้ วงจรไฟฟ้ากระแสสลบั หนว่ ยท่ี 5 เร่อื ง RLC กระแสสลับ หน่วยที่ 5 เรือ่ ง RLC ใน ในวงจรไฟฟ้ากระแสสลับ พร้อมอธิบายเนื้อหา วงจรไฟฟ้ากระแสสลับ พรอ้ มอธิบายเน้ือหาที ทลี ะส่วน ละสว่ นโดยเลอื กจดบนั ทึกเนอ้ื หาท่สี ำคญั 2. ผู้สอนเปิดโอกาสให้ผู้เรียนซักถามข้อ 2. ผเู้ รยี นซกั ถามขอ้ สงสยั ทเี่ กดิ ข้นึ สงสัยที่เกิดขึ้นระหว่างการเรียนการสอน และ ตอบขอ้ ซักถาม 3. ข้นั ประยุกต์ใช้ (60 นาที ) 3. ขั้นประยกุ ต์ใช(้ 60 นาที ) 1. ผู้สอนใหผ้ ูเ้ รียนทำแบบฝึกหัดบทที่ 5 1. ผ้เู รียนทำแบบฝึกหดั บทที่ 5 2. ผูส้ อนใหผ้ เู้ รียนสืบค้นข้อมูลจาก 2. ผู้เรียนสบื ค้นขอ้ มลู จากอินเทอรเ์ น็ต อินเทอร์เนต็ 4. ข้ันสรปุ และประเมนิ ผล ( 45 นาที ) 4. ข้นั สรปุ และประเมนิ ผล( 45 นาที ) 1. ผู้สอนและผู้เรียนร่วมกันสรุปเนื้อหาที่ 1. ผู้สอนและผู้เรียนร่วมกันสรุปเนื้อหาท่ี ไดเ้ รยี นให้มคี วามเขา้ ใจในทิศทางเดยี วกนั ไดเ้ รียนให้มีความเขา้ ใจในทิศทางเดยี วกัน 2. ผู้สอนให้ผู้เรียนศึกษาเพิ่มเติมนอก 2. ผู้สอนให้ผู้เรียนศึกษาเพิ่มเติมนอก ห้องเรยี น ดว้ ย PowerPoint ทีจ่ ดั ทำขึ้น ห้องเรยี น ด้วย PowerPoint ทจี่ ัดทำขึน้
72 งานทีม่ อบหมายหรอื กิจกรรมการวดั ผลและประเมนิ ผล ก่อนเรียน 1. จดั เตรยี มเอกสาร ส่ือการเรียนการสอนบทท่ี 5 2. ทำความเข้าใจเก่ยี วกับจุดประสงค์การเรียนของบที่ 5และใหค้ วามร่วมมอื ในการทำ กิจกรรมใน บทท่ี 5 ขณะเรียน 1. ทำแบบฝึกหัดท่ี 5 2. รว่ มกันสรปุ “RLC ในวงจรไฟฟา้ กระแสสลับ” หลงั เรยี น 1. - ผลงาน/ชน้ิ งาน/ความสำเรจ็ ของผูเ้ รียน แบบฝึกหัดบทท่ี 5 ส่ือการเรียนการสอน/การเรียนรู้ สือ่ ส่งิ พมิ พ์ 1. เอกสารประกอบการสอนวชิ า วงจรไฟฟ้ากระแสสลับ (ใชป้ ระกอบการเรียนการสอน จุดประสงคเ์ ชงิ พฤติกรรมขอ้ ที่ 1-4) 2. แบบฝกึ หดั ที่ 5 ขั้นประยกุ ต์ใช้ ขอ้ 1 ส่ือโสตทศั น์ (ถ้ามี) 1. เครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ 2. PowerPoint เรอื่ ง RLC ในวงจรไฟฟ้ากระแสสลบั สือ่ ของจริง 1. RLC ในวงจรไฟฟ้ากระแสสลับ (ใชป้ ระกอบการเรยี นการสอนจดุ ประสงค์เชิง พฤติกรรมข้อท่ี 1-4)
73 การวัดและประเมินผล การวัดผล การประเมินผล (ใชเ้ ครื่องมอื ) (นำผลเทียบกบั เกณฑ์และแปลความหมาย) 1. แบบทดสอบก่อนเรียน (Pre–test) หน่วยที่ 5 (ไว้เปรยี บเทยี บกบั คะแนนสอบหลงั เรยี น) 2. แบบสงั เกตการทำงานกลมุ่ และนำเสนอ เกณฑผ์ า่ น 60% ผลงานกลมุ่ 3. แบบฝึกหัดหน่วยที่ 5 เกณฑผ์ า่ น 50% 4. แบบทดสอบหลงั เรียน (Post–test)หนว่ ยที่ 5 เกณฑ์ผ่าน 50% 5. แบบประเมินคุณธรรม จรยิ ธรรม ตามสภาพ เกณฑ์ผ่าน 60% จรงิ รายละเอียดการประเมินผลการเรยี นรู้ • จุดประสงค์เชงิ พฤติกรรม ข้อท่ี 1 บอกคณุ ลกั ษณะตวั ตา้ นทานในวงจรไฟฟา้ กระแสสลบั ได้ 1. วธิ ีการประเมนิ : ทดสอบ 2. เครอื่ งมือ : แบบทดสอบ 3. เกณฑ์การให้คะแนน : บอกคุณลักษณะตัวตา้ นทานในวงจรไฟฟา้ กระแสสลับ ได้ จะได้ 2 คะแนน • จดุ ประสงค์เชิงพฤติกรรม ข้อที่ 2 เขยี นสมการตัวเหนี่ยวนำในวงจรไฟฟ้ากระแสสลับได้ 1. วิธีการประเมนิ : ทดสอบ 2. เครอื่ งมอื : แบบทดสอบ 3. เกณฑ์การให้คะแนน : เขียนสมการตัวเหน่ยี วนำในวงจรไฟฟ้ากระแสสลับได้ จะได้ 2 คะแนน • จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม ข้อที่ 3 คำนวณหาค่าต่าง ๆ ของตวั เก็บประจใุ นวงจรไฟฟา้ กระแสสลับได้ 1. วธิ ีการประเมนิ : ทดสอบ 2. เครอื่ งมอื : แบบทดสอบ 3. เกณฑ์การให้คะแนน : คำนวณหาค่าตา่ ง ๆ ของตวั เก็บประจใุ นวงจรไฟฟา้ กระแสสลับได้ จะได้ 2 คะแนน
74 • จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม ข้อที่ 4 สรปุ RLC ในวงจรไฟฟ้ากระแสสลบั ได้อย่างถูกต้อง เหมาะสม 1. วิธกี ารประเมนิ : ทดสอบ 2. เคร่ืองมือ : แบบทดสอบ 3. เกณฑ์การให้คะแนน : สรปุ RLC ในวงจรไฟฟา้ กระแสสลบั ได้อยา่ งถกู ต้อง เหมาะสมจะได้ 4 คะแนน
75 แบบฝึกหดั บทที่ 5 ตอนที่ 1 เขียนเครอ่ื งหมายกากบาท (X) ลงในขอ้ ที่ถูกต้องทส่ี ดุ 1. คุณสมบตั ติ ัวต้านทานอย่างเดียวในวงจรไฟฟ้ากระแสสลบั ขอ้ ใดถูกต้อง ก. กระแสและแรงดนั มีเฟสร่วมกัน ข. E ∠ ,0������ I ∠ 0������ ค. pf = 1 ง. ถูกทกุ ขอ้ 2. ในวงจรไฟฟ้ากระสลับตัวต้านทานอย่างเดียว มีแรงดันตกคร่อม 80 V เกิดกระแสไหลในวงจร 0.5 A วงจรมีคา่ ความนำไฟฟ้า (G) เท่าไร ก. 160 ∠ 0������ S ข. 160 ∠ 90������ S ค. 6.25 X 10−3 ∠ 0������ S ง. 6.25 X 10−3 ∠ 90������ S 3. จากข้อ 2 วงจรมีค่าอมิ พแี ดนซ์ (Z) เท่าไร ก. 160 ∠ 0������ Ω ข. 160 ∠ 90������ Ω ค. 6.25 X 10−3 ∠ 0������ Ω ง. 6.25 X 10−3 ∠ 90������ Ω 4. ข้อใดไมใ่ ช่คุณสมบัตติ วั เหน่ยี วนำอย่างเดียวในวงจรไฟฟ้ากระแสสลับ ก. ค่าแฟกเตอร์กำลงั เป็น 0 ข. เกดิ กำลงั ไฟฟ้าใชง้ านในวงจร ค. มุมเฟสของวงจรมีค่า 90������ (θ = )90������ ง. แรงดันมเี ฟสนำหนา้ กระแส π / 2 rad 5. จากรปู เฟสเซอร์ไดอะแกรมบอกใหท้ ราบถึงอะไร ก. E ∠ ,90������ I ∠ 0������ ข. วงจรไฟฟา้ กระแสสลบั ชนิดตวั เหนี่ยวนำอย่างเดยี ว ค. กระแสไฟสลับมเี ฟสนำหนา้ แรงดันไฟสลับเปน็ มมุ 90o ง. วงจรมแี รงดันตกครอ่ มสูงสุด 125 V และกระแสไหลสูงสดุ 2.5 A 6. จากขอ้ 5 จงหาค่าอมิ พแี ดนซ์ของวงจร ก. 0.02 ∠ 0������ Ω ข. 0.02 ∠ 90������ Ω ค. 50 ∠ 0������ Ω ง. 50 ∠ 90������ Ω 7. จากข้อ 5 จงหาคา่ กำลงั ไฟฟา้ ใช้งานในวงจร ก. 0 W ข. 156.27 W ค. 312.5 W ง. 1,250 W
76 8. จากรูปสัญญาณคลนื่ ไซน์บอกให้ทราบถึงอะไร ก. E ∠ ,90������ I ∠ 0������ ข. วงจรไฟฟ้ากระแสสลับชนดิ ตวั เหน่ียวนำอยา่ งเดียว ค. กระแสไฟสลบั มเี ฟสนำหนา้ แรงดนั ไฟสลบั เปน็ มุม 90o ง. วงจรมแี รงดนั ตกครอ่ มสงู สุด 99 V และกระแสไหลสูงสุด 2.83 A 9. จากข้อ 8 จงหาคา่ กระแสไหลในวงจร ก. 2 ∠ 0������ ข. 2 ∠ 90������ ค. 2.83 ∠ 0������ ง. 2.83 ∠ 90������ 10. จากขอ้ 8 จงหาคา่ ความถีไ่ ฟสลับทีใ่ ชง้ าน ก. 50 Hz ข. 100 Hz ค. 157.08 Hz ง. 314.16 Hz ตอนที่ 2 อธิบายใหไ้ ด้ใจความสมบรู ณแ์ ละแสดงวิธีทำให้สมบูรณถ์ ูกต้อง 1. จ่ายแรงดันไฟสลับ e = 63.64 sin 377t V ให้วงจรตัวต้านทานอย่างเดียว มีค่าความต้านทาน 10 Ω จงหาคา่ (ก) กระแส I ไหลในวงจร (ข) ความถีไ่ ฟสลบั ท่ใี ชง้ าน (ค) กำลงั ไฟฟ้า PR 2. วงจรไฟฟ้าตามรูป มีกระแส I ไหล 4.24 sin 1,570.8t จงหาคา่ (ก) รีแอกแตนซค์ วามเหนี่ยวนำ XL (ข) คา่ อิมพีแดนซ์ของตวั เหนยี่ วนำ ZL (ค) กระแส I ไหลในวงจร (ง) แรงดนั E ตกครอ่ ม L (จ) กำลังไฟฟา้ PL (ฉ) ซสั เซปแตนซค์ วามเหนี่ยวนำ (BL) 3. วงจรไฟฟา้ ตามรปู ต่ออยูก่ ับแรงดัน e ค่า 537.4 sin 3,141.6t จงหาคา่ (ก) รแี อกแตนซ์ความจุ Xc (ข) ค่าอิมพีแดนซข์ องตวั เก็บประจุ Zc (ค) แรงดนั E ตกคร่อม C (ง) กระแส I ไหลในวงจร (จ) กำลงั ไฟฟา้ Pc (ฉ) ซสั เซปแตนซค์ วามจุ (Bc) (ช) เขยี นเฟสเซอรไ์ ดอะแกรม
77 แบบประเมนิ ผลการนำเสนอผลงาน ชื่อกลุ่ม……………………………………………ชั้น………………………หอ้ ง........................... รายช่ือสมาชกิ 1……………………………………เลขท…่ี …. 2……………………………………เลขท…่ี …. 3……………………………………เลขท…ี่ …. 4……………………………………เลขท…่ี …. ท่ี รายการประเมนิ คะแนน ขอ้ คิดเหน็ 32 1 1 เน้ือหาสาระครอบคลมุ ชดั เจน (ความรเู้ กยี่ วกับเน้ือหา ความถกู ตอ้ ง ปฏภิ าณในการตอบ และการแก้ไข ปัญหาเฉพาะหนา้ ) 2 รูปแบบการนำเสนอ 3 การมสี ว่ นร่วมของสมาชิกในกลมุ่ 4 บคุ ลิกลกั ษณะ กริ ิยา ท่าทางในการพูด นำ้ เสยี ง ซง่ึ ทำใหผ้ ฟู้ งั มคี วามสนใจ รวม ผปู้ ระเมิน………………………………………………… เกณฑ์การให้คะแนน 1. เน้อื หาสาระครอบคลมุ ชดั เจนถกู ต้อง 3 คะแนน = มสี าระสำคัญครบถ้วนถูกตอ้ ง ตรงตามจุดประสงค์ 2 คะแนน = สาระสำคญั ไม่ครบถ้วน แตต่ รงตามจุดประสงค์ 1 คะแนน = สาระสำคัญไมถ่ ูกต้อง ไม่ตรงตามจดุ ประสงค์ 2. รปู แบบการนำเสนอ 3 คะแนน = มีรปู แบบการนำเสนอท่เี หมาะสม มีการใช้เทคนคิ ที่แปลกใหม่ ใชส้ อื่ และเทคโนโลยี ประกอบการ นำเสนอทีน่ ่าสนใจ นำวสั ดใุ นท้องถิ่นมาประยุกต์ใชอ้ ย่าง ค้มุ คา่ และประหยดั 2 คะแนน = มเี ทคนคิ การนำเสนอทแ่ี ปลกใหม่ ใชส้ ื่อและเทคโนโลยปี ระกอบการ นำเสนอทนี่ า่ สน ใจ แตข่ าดการประยุกต์ใช้ วสั ดุในท้องถิ่น 1 คะแนน = เทคนิคการนำเสนอไมเ่ หมาะสม และไมน่ ่าสนใจ 3. การมสี ว่ นรว่ มของสมาชกิ ในกลุม่ 3 คะแนน = สมาชิกทกุ คนมีบทบาทและมสี ่วนรว่ มกิจกรรมกล่มุ 2 คะแนน = สมาชกิ สว่ นใหญ่มบี ทบาทและมีส่วนร่วมกจิ กรรมกลมุ่ 1 คะแนน = สมาชิกส่วนนอ้ ยมบี ทบาทและมสี ว่ นรว่ มกิจกรรมกลุ่ม
78 4. ความสนใจของผู้ฟัง 3 คะแนน = ผู้ฟงั มากกวา่ ร้อยละ 90 สนใจ และใหค้ วามรว่ มมอื 2 คะแนน = ผฟู้ ังร้อยละ 70-90 สนใจ และใหค้ วามรว่ มมอื 1 คะแนน = ผู้ฟงั นอ้ ยกว่ารอ้ ยละ 70 สนใจ และใหค้ วามรว่ มมือ
79 แบบประเมินกระบวนการทำงาน ช่อื กลุ่ม……………………………………………ช้ัน………………………หอ้ ง........................... รายชอ่ื สมาชกิ 2……………………………………เลขท…่ี …. 4……………………………………เลขท…ี่ …. 1……………………………………เลขท…่ี …. 3……………………………………เลขท…่ี …. ท่ี รายการประเมนิ คะแนน ข้อคิดเห็น 321 1 การกำหนดเป้าหมายรว่ มกัน 2 การแบ่งหนา้ ทรี่ ับผดิ ชอบและการเตรียม ความพร้อม 3 การปฏบิ ตั หิ น้าทที่ ่ีไดร้ ับมอบหมาย 4 การประเมินผลและปรับปรงุ งาน รวม ผู้ประเมิน………………………………………………… วันท่ี…………เดอื น……………………..พ.ศ…………... เกณฑ์การให้คะแนน 1. การกำหนดเป้าหมายร่วมกัน 3 คะแนน = สมาชกิ ทกุ คนมีส่วนรว่ มในการกำหนดเป้าหมายการทำงานอย่างชัดเจน 2 คะแนน = สมาชิกส่วนใหญม่ สี ว่ นรว่ มในการกำหนดเปา้ หมายในการทำงาน 1 คะแนน = สมาชกิ ส่วนน้อยมสี ว่ นรว่ มในการกำหนดเป้าหมายในการทำงาน 2. การมอบหมายหน้าที่รบั ผิดชอบและการเตรียมความพร้อม 3 คะแนน = กระจายงานได้ทว่ั ถงึ และตรงตามความสามารถของสมาชิกทกุ คนมาการ จดั เตรยี มสถานที่ สื่อ / อุปกรณ์ไว้อยา่ งพร้อมเพรียง 2 คะแนน = กระจายงานไดท้ ัว่ ถึง แต่ไมต่ รงตามความสามารถ และมีสอ่ื / อปุ กรณ์ไว้ อย่างพรอ้ มเพรียง แต่ขาดการจดั เตรยี มสถานที่ 1 คะแนน = กระจายงานไม่ทวั่ ถึงและมสี อื่ / อปุ กรณ์ไมเ่ พียงพอ 3. การปฏบิ ัติหน้าท่ีทไี่ ด้รบั มอบหมาย 3 คะแนน = ทำงานไดส้ ำเร็จตามเปา้ หมาย และตามเวลาที่กำหนด 2 คะแนน = ทำงานได้สำเร็จตามเป้าหมาย แต่ชา้ กว่าเวลาทกี่ ำหนด 1 คะแนน = ทำงานไมส่ ำเรจ็ ตามเปา้ หมาย
80 4. การประเมนิ ผลและปรบั ปรุงงาน 3 คะแนน = สมาชกิ ทุกคนร่วมปรกึ ษาหารือ ตดิ ตาม ตรวจสอบ และปรบั ปรงุ งาน เปน็ ระยะ 2 คะแนน = สมาชกิ บางสว่ นมสี ่วนร่วมปรกึ ษาหารือ แต่ไมป่ รบั ปรงุ งาน 1 คะแนน = สมาชกิ บางสว่ นไมม่ สี ว่ นร่วมปรึกษาหารือ และปรบั ปรุงงาน
81 บันทึกหลังการสอน บทท่ี 5 เรื่อง RLC ในวงจรไฟฟา้ กระแสสลบั ผลการใช้แผนการสอน 1. เนือ้ หาสอดคลอ้ งกับจดุ ประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรม 2. กิจกรรมการสอนเหมาะสมกับเนอ้ื หาและเวลาทก่ี ำหนด 3. สอ่ื การสอนเหมาะสมดี ผลการเรียนของนกั เรยี น 1. นักศกึ ษาสว่ นใหญม่ ีความเขา้ ใจในบทเรียน อภิปรายตอบคำถามในกล่มุ และร่วมกนั ปฏิบตั ิ ใบงานท่ีได้รับมอบหมาย 2. นักศึกษากระตือรือร้นและรับผิดชอบในการทำงานกลุ่มเพื่อให้งานสำเร็จทันเวลาที่ กำหนด ผลการสอนของครู 1. สอนเน้อื หาได้ครบตามหลักสูตร 2. แผนการสอนและวธิ กี ารสอนครอบคลุมเน้อื หาการสอนทำใหผ้ ูส้ อนสอนได้อยา่ งม่นั ใจ 3. สอนทนั ตามเวลาท่ีกำหนด ปัญหา แนวทางแก้ไข และขอ้ เสนอแนะ ควรกำชบั นักเรียนในการใช้มิเตอร์วัดแรงดันไฟสลับ เราะอาจเกดิ ความเสยี หายแก่มิเตอร์ได้ ลงช่อื ………………………………………… (นางสาวเพ็ญนภา สขุ ยอ้ ย) ครูผูส้ อน
82
82 แผนการสอน/แผนการเรยี นรูภ้ าคทฤษฎี แผนการจัดการเรียนรู้ หนว่ ยท่ี 6 ชอ่ื วชิ า วงจรไฟฟ้ากระแสสลับ สอนสปั ดาหท์ ่ี 6 ชอ่ื หนว่ ย การตอ่ วงจร RLC แต่ละแบบ คาบรวม 24 ชอ่ื เร่อื ง การตอ่ วงจร RLC แต่ละแบบ จำนวนคาบ 4 หวั ข้อเร่อื ง 1. ตวั ต้านทานตอ่ อนุกรม 2. ตัวตา้ นทานต่อขนาน 3. ตัวเหนยี่ วนำต่ออนุกรม 4. ตวั เหน่ยี วนำตอ่ ขนาน 5. ตวั เก็บประจตุ อ่ อนกุ รม 6. ตัวเก็บประจุตอ่ ขนาน 7. บทสรปุ สาระสำคัญ ตัวต้านทานหลายตัวต่ออนุกรมกัน และนำไปต่อเข้ากับวงจรไฟฟ้ากระแสสลับ สามารถใช้หลักการคำนวณหาปริมาณไฟฟ้าค่าต่างๆ ได้เช่นเดียวกับการคำนวณหาค่าปริมาณ ไฟฟ้าในวงจรไฟฟ้ากระแสตรง แตกต่างเพียงปริมาณไฟฟ้าทีจ่ า่ ยให้วงจร ทั้งแรงดันและกระแส ใชค้ ่า RMSในการคำนวณคา่ วงจรตวั ต้านทานหลายตวั ต่ออนกุ รมกนั สมรรถนะอาชีพประจำหน่วย - เขียนสมการคำนวณคา่ ตา่ งๆ ของวงจร RLC อยา่ งถูกต้อง - คำนวณหาคา่ ปรมิ าณไฟฟา้ การตอ่ วงจร RLC อย่างถูกต้องครบถว้ น - แก้ปัญหาสมการทางไฟฟา้ อย่างมเี หตุผลตามหลักปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง จุดประสงคก์ ารสอน/การเรยี นรู้ • จุดประสงค์ทั่วไป / บรู ณาการเศรษฐกจิ พอเพียง 1. เพอ่ื ให้มคี วามรเู้ ก่ยี วกับการอธิบายตัวต้านทานตอ่ อนุกรม (ด้านความร)ู้ 2. เพ่อื ใหม้ ที กั ษะในการคำนวณหาค่าต่าง ๆ ของตัวเหนย่ี วนำต่ออนุกรม (ด้านทกั ษะ) 3. เพ่ือให้มเี จตคติที่ดใี นการแสดงวิธีคำนวณหาค่าต่าง ๆ ของตัวเก็บประจตุ ่อขนาน (ด้านจิต พิสัย) 4. เพื่อสรุป การต่อวงจร RLC แต่ละแบบ ได้อย่างถูกต้องเหมาะสม (ด้านด้านคุณธรรม จรยิ ธรรม/บูรณาการเศรษฐกจิ พอเพยี ง)
83 • จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม / บรู ณาการเศรษฐกจิ พอเพยี ง 1. อธบิ ายตัวต้านทานต่ออนุกรมได้ (ดา้ นความร)ู้ 2. บอกตวั ต้านทานต่อขนานได้ (ด้านความรู้) 3. คำนวณหาค่าตา่ ง ๆ ของตัวเหนีย่ วนำต่ออนุกรมได้ (ด้านทักษะ) 4. เขยี นวงจรตวั เหนย่ี วนำตอ่ ขนานได้ (ด้านทักษะ) 5. หาค่าตวั เกบ็ ประจุต่ออนกุ รมได้ (ด้านทกั ษะ) 6. แสดงวิธีคำนวณหาค่าตา่ ง ๆ ของตัวเก็บประจตุ ่อขนานได้ (ด้านจติ พิสัย) 7. สรุป การตอ่ วงจร RLC แตล่ ะแบบ ไดอ้ ย่างถูกต้องเหมาะสม (ดา้ นด้านคุณธรรม จริยธรรม/บรู ณาการเศรษฐกิจพอเพียง) เน้ือหาสาระการสอน/การเรยี นรู้ • ด้านความรู้(ทฤษฎี) 6.1 ตวั ต้านทานต่ออนุกรม ตัวต้านทานหลายตัวต่ออนุกรมกนั และนำไปต่อเข้ากับวงจรไฟฟา้ กระแสสลับ สามารถใช้ หลักการคำนวณหาปริมาณไฟฟ้าค่าต่างๆ ได้เช่นเดียวกับการคำนวณหาค่าปริมาณไฟฟ้าใน วงจรไฟฟ้ากระแสตรง แตกต่างเพียงปริมาณไฟฟ้าที่จ่ายให้วงจร ทั้งแรงดันและกระแสใช้ค่า RMS ในการคำนวณค่า วงจรตัวต้านทานหลายตัวตอ่ อนกุ รมกัน 6.2 ตวั ต้านทานต่อขนาน ตวั ตา้ นทานหลายตัวต่อขนานกันในวงจรไฟฟ้ากระแสสลับ สามารถใช้หลักการคำนวณหา ปริมาณไฟฟา้ ค่าตา่ งๆ ไดเ้ ช่นเดยี วกับการคำนวณหาคา่ ปริมาณไฟฟ้าในวงจรไฟฟ้ากระแสตรงท้ังค่า แรงดัน คา่ กระแส และคา่ กำลงั ไฟฟ้า วงจรตัวต้านทานหลายตัวตอ่ ขนานกนั 6.3 ตวั เหนีย่ วนำต่ออนกุ รม ตัวเหนี่ยวนำหลายตัวต่ออนุกรมกัน เมื่อนำไปต่อเข้ากับวงจรไฟฟ้ากระแสสลับ ทำให้ คณุ สมบัตหิ ลายอย่างเปล่ยี นแปลงไป และยงั เปลย่ี นแปลงไปตามค่าความถที่ ี่ป้อนให้วงจรด้วยวงจร ตวั เหนยี่ วนำหลายตัวต่ออนุกรมกนั 6.4 ตัวเหน่ียวนำต่อขนาน ตัวเหน่ียวนำหลายตวั ตอ่ ขนานกนั เมอื่ นำไปต่อเขา้ กบั วงจรไฟฟา้ กระแสสลบั ทำใหก้ ระแส ไหลผ่านตัวเหนี่ยวนำแต่ละตวั เปล่ียนแปลงไป และยังเปลี่ยนแปลงไปตามค่าความถี่ที่ป้อนให้วงจร ดว้ ย วงจรตัวเหน่ียวนำหลายตัวต่อขนานกนั 6.5 ตัวเก็บประจุต่ออนกุ รม ตัวเก็บประจุหลายตัวต่ออนุกรมกัน เมื่อนำไปต่อเข้ากับวงจรไฟฟ้ากระแสสลับ ทำให้ คณุ สมบตั ิหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไป และยงั เปลี่ยนแปลงไปตามค่าความถ่ีท่ีป้อนใหว้ งจรด้วยวงจร ตวั เกบ็ ประจุหลายตัวต่ออนุกรมกนั
84 6.6 ตัวเกบ็ ประจุตอ่ ขนาน ตวั เกบ็ ประจหุ ลายตวั ตอ่ ขนานกัน เมื่อต่อเข้ากับวงจรไฟฟา้ กระแสสลบั ทำให้คุณสมบัติใน วงจรหลายอย่างเปลย่ี นแปลงไป และเปลีย่ นแปลงไปตามคา่ ความถ่ีท่ีปอ้ นใหว้ งจรด้วย วงจรตวั เก็บ ประจหุ ลายตัวตอ่ ขนานกัน 6.7 บทสรุป คณุ สมบตั ิการต่อตวั ต้านทานแบบอนกุ รม ในวงจรไฟฟา้ กระแสสลบั 1. ความต้านทานรวมของวงจรเทา่ กบั ผลรวมของความตา้ นทานแตล่ ะตวั 2. แรงดนั ตกครอ่ มตวั ตา้ นทานแตล่ ะตวั รวมกนั เทา่ กับแรงดันท่ีปอ้ นให้วงจร 3. กระแสไหลผ่านตวั ต้านทานทุกตวั ในวงจรเท่ากนั 4. กำลงั ไฟฟ้าที่เกดิ ขนึ้ กบั ตวั ต้านทานแต่ละตวั รวมกนั เทา่ กบั กำลังไฟฟ้าทั้งหมดคุณสมบัติ การต่อตัวตา้ นทานแบบขนาน ในวงจรไฟฟา้ กระแสสลับ 1. ความตา้ นทานรวมมีคา่ น้อยกว่าความต้านทานตวั ทม่ี ีค่านอ้ ยท่ีสุดในวงจร 2. แรงดันตกคร่อมตัวต้านทานแตล่ ะตวั เทา่ กนั ท้ังหมดและเทา่ กับแรงดนั ทปี่ ้อน 3. ผลรวมกระแสไหลผ่านตัวต้านทานแตล่ ะตัวรวมกนั เท่ากับกระแสทป่ี ้อน 4. กำลังไฟฟ้าเกิดขึ้นกับตัวต้านทานแต่ละตัวรวมกันเท่ากับกำลังไฟฟ้าทั้งหมดคุณสมบัติ การต่อตัวเหนย่ี วนำแบบอนกุ รม ในวงจรไฟฟ้ากระแสสลบั 1. ความเหนย่ี วนำรวมของวงจร เท่ากบั ผลรวมของความเหนย่ี วนำแตล่ ะตวั 2. คา่ รแี อกแตนซ์ความเหนย่ี วนำรวม เทา่ กับผลรวมรแี อกแตนซค์ วามเหน่ียวนำแตล่ ะตัว 3. แรงดนั ตกครอ่ มตวั เหนย่ี วนำแต่ละตัวรวมกันเทา่ กบั แรงดนั ทป่ี อ้ นใหว้ งจร 4. กระแสไหลผ่านตัวเหนี่ยวนำทุกตัวในวงจรเท่ากันคุณสมบัติการต่อตัวเหนี่ยวนำแบบ ขนาน ในวงจรไฟฟ้ากระแสสลบั 1. ความเหนี่ยวนำรวม มคี า่ นอ้ ยกวา่ ความเหน่ียวนำตวั ทม่ี คี า่ น้อยทสี่ ดุ ในวงจร 2. ค่ารีแอกแตนซ์ความเหนี่ยวนำรวม มีค่าน้อยกว่ารีแอกแตนซ์ความเหนี่ยวนำตัวที่มีค่า นอ้ ยท่ีสุดในวงจร 3. แรงดนั ตกคร่อมตัวเหนีย่ วนำแตล่ ะตวั มคี ่าเทา่ กนั และเท่ากบั แรงดันทปี่ ้อน 4. ผลรวมของกระแสไหลผา่ นตวั เหน่ียวนำแต่ละตวั รวมกันเท่ากับกระแสท่ีป้อนคุณสมบัติ การตอ่ ตวั เก็บประจแุ บบอนกุ รม ในวงจรไฟฟา้ กระแสสลับ 1. ความจรุ วมของวงจร มคี ่าน้อยกว่าค่าความจตุ ัวท่มี คี ่าน้อยทีส่ ุดในวงจร 2. รแี อกแตนซค์ วามจุรวมของวงจรเท่ากบั ผลรวมของรีแอกแตนซ์ความจุแตล่ ะตัว 3. แรงดนั ตกคร่อมตัวเกบ็ ประจุแต่ละตัวรวมกนั เท่ากบั แรงดันที่ป้อนให้วงจร 4. กระแสไหลผ่านตัวเก็บประจุทุกตัวในวงจรเท่ากันคุณสมบัติการต่อตัวเก็บประจุแบบ ขนาน ในวงจรไฟฟา้ กระแสสลบั 1. ความจุรวมของวงจรเทา่ กบั ผลรวมของความจแุ ต่ละตัว 2. คา่ รีแอกแตนซค์ วามจรุ วม มีคา่ นอ้ ยกวา่ ค่ารแี อกแตนซ์ความจุตวั ทม่ี ีคา่ น้อยทสี่ ดุ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272