โครงการ “สนบั สนนุ DLTV เพ่อื แกไ้ ขปัญหาขาดแคลนครูใหก้ บั โรงเรียนขนาดเลก็ ” รองนำ้ สำหรับแปรงฟัน ไม่เปิดกอ๊ กนำ้ ทิ้งไว้ ใช้บัวรดน้ำต้นไมแ้ ทนการใชส้ ายยางฉีด ไมส่ นบั สนุนให้มีการตัดไม้ ทำลายปา่ คณะครุศาสตร์ 145 มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั นครสวรรค์
โครงการ “สนบั สนนุ DLTV เพ่อื แกไ้ ขปัญหาขาดแคลนครูใหก้ บั โรงเรียนขนาดเลก็ ” ตอนท่ี 7 หิน และแร่ หนิ คอื ของแขง็ ชนดิ หนึง่ ทเี่ ป็นองค์ประกอบของเปลือกโลก ซ่ึงองคป์ ระกอบของหินนั้นมีท้งั แรธ่ าตตุ ่าง ๆ เป็นองค์ประกอบ ซึง่ มโี อกาสพบวา่ มแี ร่ชนิดเดยี วกนั หรอื หลายชนดิ รวมตัวกันอยูต่ ามธรรมชาติ หินแบง่ ออกเปน็ สามกลุม่ หลัก คือ หินอคั นี หินตะกอน และหินแปร โดยหนิ อัคนีเกดิ ขึ้นเม่ือหนิ หนดื เยน็ ตัวลงในเปลือก โลกหรือลาวาเยน็ ตัวลงบนพน้ื ผิวดินหรอื กน้ ทะเล หนิ ตะกอนเกดิ จากการกระบวนการแปรสภาพเป็นหนิ ของ ตะกอนซง่ึ จะเกดิ ขึ้นจากการผุกร่อนของหินขนาดใหญ่มีการทบั ถมกนั ภายใตแ้ รงกดดันและอุณหภมู สิ งู จนเกดิ การเปลยี่ นแปลง โดยรายละเอยี ดมีดงั ต่อไปน้ี 1. หนิ อัคนี (Igneous Rock) เกดิ จากหนิ หนดื ทอี่ ยู่ใตเ้ ปลือกโลกแทรกดนั ขนึ้ มาแล้วตกผลึกเป็นแร่ตา่ ง ๆ และเย็นตัวลงจบั ตัวแนน่ เป็นหินท่ผี ิวโลก แบ่งเปน็ 2 ชนดิ คอื หินอัคนีพลูโตนิค หนิ ภูเขาไฟ 1.1 หนิ อัคนพี ลูโตนิค (Plutonic หรือ Intrusive Igneous Rock) เกดิ จากการเยน็ ตัวลงอยา่ งชา้ ๆ ของหินหนืดใต้เปลอื กโลก เช่นหินแกรนิต (Granite) 1.2 หินภเู ขาไฟ (Volcanic Rock หรือ extrusive rocks) เกดิ จากการเย็นตัวลงของแมกม่าที่ดันตวั พุ่งออกมาบนเปลือกโลก คือ ลาวา (Lava) เชน่ หินพไู มซ์ (pumice) หรอื บะซอลต์ (Basalt) เปลือกโลกของเราน้ี มสี ่วนประกอบเป็นหินอัคนีมากถึงร้อยละ 65 จัดเปน็ หนิ บะซอลต์ ร้อยละ 66 หินแกรนติ รอ้ ยละ 16 ทเ่ี หลือเปน็ หนิ อน่ื ๆ นับวา่ หนิ อัคนเี ป็นองคป์ ระกอบท่สี ำคญั ของเปลือกโลก 146 คณะครศุ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั นครสวรรค์
โครงการ “สนบั สนนุ DLTV เพ่อื แกไ้ ขปัญหาขาดแคลนครูใหก้ บั โรงเรยี นขนาดเลก็ ” 2. หนิ ชนั้ หรือหินตะกอน (Sedimentary Rock) เกิดจากการทับถม และสะสมตัวของตะกอนต่าง ๆ ได้แก่ เศษหิน แร่ กรวด ทราย ดินที่ย่อยสลาย โมเลกุลเลก็ ลงและถูกชะล้างมารวมกนั โดยนำ้ ลม หรือคลน่ื ในทะเล พดั พาไปทับถมจนมีความแน่นและแข็งตัว เปน็ หนิ ในแอ่งสะสม หนิ ชนดิ นี้สามารถแบง่ ตามลักษณะเนื้อหนิ ได้ 2 ชนดิ ได้แก่ 2.1 หนิ ช้นั เนอื้ ประสม (Clastic Sedimentary Rock) เป็นหนิ ชนั้ ที่เน้ือเดิมของตะกอน พวกกรวด ทราย เศษหินและดิน ยงั คงสภาพอยใู่ ห้พสิ จู น์ได้ เช่น หินทราย (Sandstone) หนิ ดนิ ดาน (Shale) หนิ กรวดมน (Conglomerate) เป็นตน้ หินช้ันเนอ้ื ประสม (Clastic Sedimentary Rock) 2.2 หนิ เนอ้ื ประสาน (Non clastic Sedimentary Rock) เปน็ หินท่ีเกิดจากการตกผลกึ ทางเคมี หรือ จากสง่ิ มชี ีวติ มเี น้ือประสานกันแน่นไมส่ ามารถพสิ จู นส์ ภาพเดมิ ได้ เชน่ หินปูน (Limestone) หนิ เชริ ต์ (Chert) เกลอื หนิ (Rock Salte) ถา่ นหิน (Coal) เป็นต้น หนิ เนอื้ ประสาน (Non clastic Sedimentary Rock) คณะครุศาสตร์ 147 มหาวิทยาลยั ราชภฏั นครสวรรค์
โครงการ “สนบั สนนุ DLTV เพ่อื แกไ้ ขปัญหาขาดแคลนครูใหก้ บั โรงเรยี นขนาดเล็ก” 3. หนิ แปร (Metamorphic Rock) เกดิ จากการแปรสภาพโดยการกระทำของความร้อนความดันทำใหเ้ นอ้ื หินมีโครงสร้างเปลี่ยนไปจาก เดมิ แบ่งออกเปน็ 2 แบบ คือ 3.1 การแปรสภาพบริเวณขนาดใหญ่ (Regional metamorphism) จะเกิดในบริเวณกวา้ ง โดยความ ร้อนและความดันทำให้เกิดแร่ใหม่หรือมีการจัดเรียงตัวของแร่ใหม่ และพบริ้วขนาน (Foliation) อัน เนื่องมาจากแร่เดิมถูกบีบอัดจนเรียงตัวเป็นแนวหรือแถบขนานกัน เช่น หินไนส์ (Gneiss) หินชีสต์ (Schist) และหินชนวน (Slate) เป็นตน้ 3.2 การแปรสภาพสัมผัส (Contact metamorphism) เกิดจากการแปรสภาพโดยความร้อนและ ปฏิกิริยาทางเคมีของสารละลายที่ขึ้นมากับหินหนืดมาสัมผัสกับหินท้องที่ ไม่มีอิทธิพลของความดันมากนัก ปฏิกิริยาทางเคมีอาจทำให้ได้แร่ใหม่บางส่วนหรือเกิดแร่ใหม่แทนที่แร่ในหินเดิม หินแปรที่เกิดขึ้นจะมีการ จัดเรยี งตัวของแรใ่ หม่ ไมแ่ สดงรวิ้ ขนาน (Non foliation) เช่น หินอ่อน (Marble) หนิ ควอตไซต์ (Quartzite) หนิ ไนซ์และลักษณะริ้วขนาน หนิ ออ่ น (Marble) หินในธรรมชาติทั้ง 3 ประเภท มีการเปลี่ยนแปลงจากชนิดหนึ่งไปเป็นอีกชนิดหนึ่งได้ โดยมีการ เปลี่ยนแปลงไปตามระยะเวลาที่ผ่านไป อาจมีการเปลี่ยนจากหินชนิดหนึ่งไปเป็นหินอีกชนิดหนึ่ง หรืออาจ เปลี่ยนกลบั ไปเป็นหินชนิดเดมิ ก็ได้ ข้นึ กับอณุ หภูมแิ ละความดันท่เี ป็นปจั จยั ทำให้หินเกิดการผุพัง การกัดกร่อน และการแปรสภาพกลายเป็นหินชนิดใหม่ขึ้นมา วัฏจักรอย่างงา่ ย เริ่มจากหากหินหนืดหรือแมกม่ามกี ารแทรก ดันออกมานอกผวิ ในรปุ แบบลาวา เกดิ การเย็นตวั อย่างรวดเรว็ เกิดเป็นหินอัคนี เมอ่ื ผกุ ร่อนและเกิดการทับถม เกิดจากการทับถม และสะสมตัวของตะกอนต่าง ๆ จะกลายเป็นหนิ ตะกอน หรืออาศยั ความร้อนความดันและ ระยะเวลาที่นานพอจะแปรสภาพเป็นหินแปร และท้ายที่สุดหินทุกชนิดทั้งหินอัคนี หินตะกอน และหินแปร สามารถหลอมละลายกลายเปน็ หนิ หนืดและกลายเป็นหินอัคนีได้ทั้งส้นิ 148 คณะครศุ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั นครสวรรค์
โครงการ “สนบั สนนุ DLTV เพ่อื แกไ้ ขปัญหาขาดแคลนครูใหก้ บั โรงเรยี นขนาดเล็ก” วัฏจักรของหินและแร่ ทม่ี า: https://www.elephango.com/index.cfm/pg/k12learning/lcid/11103/Geology_Rocks:_The_Rock_Cycle คณะครุศาสตร์ 149 มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั นครสวรรค์
โครงการ “สนบั สนนุ DLTV เพ่อื แกไ้ ขปัญหาขาดแคลนครูใหก้ บั โรงเรยี นขนาดเล็ก” ตอนท่ี 8 ซากดกึ ดำบรรพ์ ซากดึกดำบรรพ์ หรอื ท่รี จู้ ักกันในชอื่ ฟอสซลิ เปน็ คำทีม่ าจากภาษาละตนิ แปลวา่ “ไดจ้ ากการขดุ ” คือ ชิ้นส่วนที่เหลือของสิง่ มีชีวิตแม้กระทั่งภาพพิมพ์หรือร่องรอยที่เคยเกิดขึ้นในอดีต ตัวอย่างเช่น เปลือก กระดูก โครงสรา้ งชน้ั นอกของสง่ิ มีชีวิตหรือจลุ นิ ทรยี ์ตา่ ง ๆ หรอื ชิ้นสว่ นของสงิ่ มีชวี ิตทถี่ กู เก็บรักษาโดยบังเอิญในอำพัน น้ำมนั หรอื ถ่านหิน จนมรี อ่ งรอยเหลอื มาถงึ ยุคปจั จบุ ัน ซากดกึ ดำบรรพม์ ีกระบวนการเกดิ โดยสังเขป คือ เม่ือส่งิ มีชีวิตตายลง ส่วนต่าง ๆ ของส่งิ มชี ีวิตจะค่อย ๆ ถกู ย่อยสลายเปลี่ยนแปลงไป โดยกระบวนการดงั กล่าวอาจทำให้เกิดช่องว่างหรือรตู ่าง มีโอกาสที่แร่ธาตุต่าง ๆ เข้าไปแทรกอยู่ภายใน เรียกว่า กระบวนการแทรกซึมของแร่ธาตุ (permineralization) กระบวนการน้ี เกิดขนึ้ เมือ่ ซากสง่ิ มีชีวิตถกู ทบั ถมภายใต้ดินตะกอนเปน็ เวลานาน ทำให้แร่ธาตใุ นตะกอนเหลา่ น้ี แทรกซึมเข้าไป ภายในช่องว่างในอวัยวะต่าง ๆ ของสิ่งมีชีวิต และเกิดกระบวนการกลายเป็นหิน (petrification) จากการที่ สารอินทรีย์ภายในซากของสิ่งมีชีวิตถูกแทนที่ด้วยสารละลายซิลิกา (silica) หรือสารละลายแคลเซียม คาร์บอเนต (calcium carbonate) ซึ่งยับยัง้ การเจริญเติบโตของแบคทีเรีย ชะลอการย่อยสลายทางธรรมชาติ ทำให้สามารถคงสภาพของโครงร่างสิ่งมีชีวิตไว้ได้ โดยไม่เกิดการสูญสลายและเกิดการตกผลึ กทำให้แข็งข้ึน เรียกกระบวนการนี้ว่าการกลายเป็นหิน หรือในบางกรณี สิ่งมีชีวิตอย่างเปลือกหอยหรือสิ่งมีชีวิตที่จมอยู่ตาม ชั้นตะกอน เมื่อถูกละลายไปกับน้ำ จะเกิดเป็นรอยประทับอยู่บนชั้นตะกอน ซึ่งเรียกลักษณะนี้ว่า รอยพิมพ์ (mold) หากว่าช่องว่างน้ีมแี ร่เข้าไปตกผลกึ จะไดซ้ ากดึกดำบรรพ์ ในลักษณะทเ่ี รยี กว่ารปู หล่อ (cast) ซากดึกดำบรรพ์ ในลักษณะที่เรียกวา่ รอยพิมพ์ (mold) ซ้ายมอื และรปู หลอ่ (cast) ขวามือ อีกกระบวนการ เรียกว่าการแปรสภาพคาร์บอนตามธรรมชาติ (carbonization) เกิดจากการท่ี ส่ิงมีชีวติ ถูกฝงั หรือทับถมในดนิ หรือตะกอนอยา่ งรวดเร็ว โดยเฉพาะในสภาพที่มีออกซิเจนน้อย จะเกิดการแปร สภาพเปน็ แผน่ ฟิล์มคารบ์ อนบาง ๆ ทีเ่ ป็นภาพสองมติ ิ มักพบบนผิวหนา้ ของหนิ ตา่ งๆ 150 คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภฏั นครสวรรค์
โครงการ “สนบั สนนุ DLTV เพ่อื แกไ้ ขปัญหาขาดแคลนครูใหก้ บั โรงเรยี นขนาดเลก็ ” การแปรสภาพคารบ์ อนตามธรรมชาตขิ องพืชยุคดึกดำบรรพ์ นอกจากที่กล่าวมาทั้งหมดแล้ว ซากดึกดำบรรพ์ยังอาจเป็นร่องรอย ที่เกิดจากสิ่งมีชีวิต เช่น ร่องรอย ของสิ่งมีชีวิต รอยคืบคลาน รอยเท้า ที่อยู่ในชั้นตะกอนและกลายเป็นหินในระยะเวลาต่อมา หรืออาจเป็นชอ่ ง รู โพรง (burrows) ในชนั้ ตะกอน ในเน้อื ไม้ หรือในหนิ ที่เกดิ จากสิง่ มชี ีวิต และมีแรไ่ ปตกผลกึ ในช่องเหลา่ น้ี สำหรับในประเทศไทย ที่ผ่านมาคน้ พบซากซากดึกดำบรรพ์ที่เปน็ ประโยชน์ต่อการศกึ ษา ของพืชและ สัตว์ ซากดึกดำบรรพ์ที่พบในประเทศไทยมีหลากหลายเกือบทุกประเภท ได้แก่ สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง เช่น ปะการงั หอย ไทรโลไบต์ สัตวม์ ีกระดูกสันหลงั เชน่ เต่า ไดโนเสาร์ ปลา จระเข้ และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ส่วน ซากพืชพบหลายชนดิ มีทั้งสว่ นของลำตน้ ใบ และละอองเรณู นอกจากน้ยี ังมรี อ่ งรอยของสัตวด์ ึกดำบรรพ์ เช่น รอยเท้า และรอยทางเดินของไดโนเสาร์ รูและรอยชอนไชของหนอน ซากดึกดำบรรพ์เก่าแก่ที่สุดที่พบใน ประเทศไทย คือ ซากไทรโลไบต์ มีอายุราว 500 ล้านปี พบที่เกาะตะรุเตา ส่วนซากดึกดำบรรพ์ ที่มีอายุใหม่ ได้แก่ ซากหอยนางรมยักษ์ ที่พบจากชุดดินกรุงเทพฯ มีอายุเพียง 5,500 ปี เมื่อแบ่งตามชนิด มีรายงานการ ค้นพบสิ่งมีชวี ิตทส่ี ำคัญดังนี้ 1. ไทรโลไบต์ เป็นสตั วท์ ะเลจัดอยู่ในไฟลัมอารโ์ ทรโพดา (Arthropoda) พวกเดยี วกบั กุ้ง ปู ที่เรียกช่ือ ว่า ไทรโลไบต์ เนอื่ งจากลำตวั แบ่งได้เป็น 3 ส่วน คือ สว่ นแกนลำตวั และอีก 2 ส่วนดา้ นข้างลำตัว รูปลักษณะ คล้ายกับแมงดาทะเลปัจจุบัน แต่มีขนาดเล็กกว่า ตั้งแต่ขนาดไม่กี่มิลลิเมตร จนถึง 90 เซนติเมตร ไทรโลไบต์ อาศยั อยูใ่ นทะเลตื้น และตามแนวปะการงั พบแพรห่ ลาย ในมหายุคพาลีโอโซอิกตอนต้น สญู พันธุ์ไปเม่ือปลาย ยุคเพอร์เมยี น ไทรโลไบตท์ ี่พบบนเกาะตะรุเตา มีบางชนดิ เปน็ ชนิดใหม่ทเ่ี พ่งิ พบในโลก คณะครุศาสตร์ 151 มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั นครสวรรค์
โครงการ “สนบั สนนุ DLTV เพ่อื แกไ้ ขปัญหาขาดแคลนครูใหก้ บั โรงเรียนขนาดเลก็ ” ซากไทรโลไบต์ มีอายรุ าว ๕๐๐ ล้านปี พบทีเ่ กาะตะรเุ ตา 2. แอมโมไนต์ เป็นสตั ว์ทะเลจัดอยใู่ นไฟลัมมอลลสั กา ช้ันเซฟาโลโพดา กลุ่มเดียวกับปลาหมึกปัจจุบัน เปลอื กขดเปน็ วง ส่วนใหญ่ลอยอยบู่ นผิวน้ำ ทำใหส้ ามารถพบได้ท้ังบรเิ วณทะเลตื้นและลึก พบมากในมหายุคมี โซโซอกิ และสูญพันธ์ุ เม่อื ส้ินยุคครีเทเชียส แอมโมไนต์ พบมากในมหายุคมโี ซโซอกิ 3. ซากและรอยเท้าไดโนเสาร์ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ ไทย มีศักยภาพของการค้นพบซากไดโนเสาร์ ได้มากกว่าภาคอื่นๆ เนื่องจาก บริเวณที่ราบสูงโคราช ประกอบด้วยหินในมหายุคมีโซโซอิก ซึ่งมหายุคนี้ถือกันว่า เป็นระยะเวลาที่สัตว์เลื้อยคลานครองโลก โดยมี ความหลากหลายของสัตว์เลื้อยคลานหลายชนดิ ทั้งไดโนเสาร์ จระเข้ และเต่า ตะกอนที่พบทั่วไป เป็นตะกอน ที่ตกทับถม ในลุ่มแม่น้ำ หรือในหนองน้ำจืด ซึ่งเป็นแหล่งหาอาหาร ของสัตว์เลื้อยคลานเหล่านั้น และในเขต อทุ ยานแหง่ ชาตภิ ูเวียง เปน็ บรเิ วณทค่ี ้นพบกระดูกไดโนเสารช์ ิ้นแรกในประเทศไทย เมือ่ พ.ศ. ๒๕๑๙ พบอยู่ท่ี เป็นกระดกู ท่อนขาของไดโนเสาร์กินพชื ขนาดใหญ่ ต่อมาไดม้ กี ารสำรวจพบไดโนเสาร์ ท้งั จำพวกกนิ พชื และกิน เนื้อ ชนดิ ใหมข่ องโลกหลายชนิด ได้แก่ ไดโนเสาร์กนิ พืชขนาดใหญ่ ซึ่งได้มกี ารขอพระราชทานพระราชานุญาต ตั้งชื่อตามพระนาม ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ( Phuwiangosaurus sirindhornae) ไดโนเสาร์กินเนื้อขนาดเล็ก (Compsognathus sp.) ไดโนเสาร์กินเนื้อ (Siamosaurus suteethorni) และไดโนเสาร์กินเนื้อ ซึ่งคาดว่า เป็นบรรพบุรุษของไทรันโนซอรัส ( Siamotyrannus isanensis) ทั้งหมดอายุประมาณ ๑๓๐ ล้านปี นอกจากนี้ ยังพบรอยเท้าไดโนเสาร์บริเวณหินลาดป่าชาด ใน หมวดหินพระวิหาร ซึ่งมีอายุ ประมาณ ๑๔๐ ล้านปี เป็นรอยพิมพ์นิ้ว ๓ นิ้ว คล้ายรอยเท้านก ที่ปลายนิ้วมี ร่องรอย ของเล็บแหลมคม บ่งชี้ว่าเป็นรอยเท้าไดโนเสาร์กินเนื้อขนาดเล็ก ไดโนเสาร์ที่ภูเวียง เป็นไดโนเสาร์ สกุลและชนิดใหม่ ซึ่งเป็นต้นแบบของโลกถึง ๓ ชนิด และที่อำเภอภูหลวง จังหวัดเลย พบแหล่งรอยเท้า ไดโนเสาร์ ในบริเวณเขตพื้นที่รักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง รอยเท้าที่ปรากฏอยู่บนชั้นหินทรายมีขนาดกว้าง ๓๕ เซนติเมตร ยาว ๓๑ เซนติเมตร ลึก ๓ - ๔ เซนติเมตร ปรากฏให้เห็นจำนวน ๑๕ รอย เป็นรอยเดินไปทางทิศ ใต้ ๑๐ รอย และรอยสวนกลับ ๒ รอย รอยเดินไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ๒ รอย และอีกรอยไม่ชัดเจน เป็นรอยเท้าของไดโนเสาร์กินเน้ือขนาดใหญ่ที่เดินด้วยขาหลัง ๒ ข้าง เนื่องจาก มีลักษณะแสดงรอยเลบ็ แหลม คม รอยเทา้ ดงั กลา่ วนอี้ ยูใ่ นหมวดหินภูพาน อายปุ ระมาณ ๑๒๐ ล้านปี 152 คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภฏั นครสวรรค์
โครงการ “สนบั สนนุ DLTV เพ่อื แกไ้ ขปัญหาขาดแคลนครูใหก้ บั โรงเรยี นขนาดเลก็ ” ภาพท่ี 5 รอยเทา้ ไดโนเสาร์ เขตรกั ษาพันธ์ุสตั วป์ ่าภหู ลวง จงั หวัดเลย และเมื่อไม่นานมานี้ เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2562 ที่ผ่านมา รายงานพบซากดึกดำบรรพ์ของ “ไค รนอยด์” (Crinoid) หรือพลับพลึงทะเล สัตว์ทะเลโบราณในมหายุคพาลีโอโซอิก (Paleozoic era) ที่มีชีวติ อยู่ เมื่อประมาณ 250 ถึง 285 ล้านปีก่อน ในพื้นที่จังหวัดสระแก้ว โดยมีรูปร่างคล้ายพืช และมีลักษณะใกล้เคียง กับสัตวใ์ นตระกูลดาวทะเลและเม่นทะเลในปัจจุบัน การศึกษาฟอสซิลหรือซากดึกดำบรรพ์ มีประโยชน์ด้านองค์ความรู้ด้านพฤตกรรมสัตว์ในอดีต โดย บางครั้งพบฟอสซิลมูลสัตว์หรือเศษอาหารที่อยู่ในกระเพาะ (coprolites) ที่กลายสภาพเป็นซากดึกดำบรรพ์ ทำใหส้ ามารถบอกถึงนิสยั การกินของสัตว์น้ัน ๆ หรืออาจเปน็ ก้อนหนิ ท่ีสัตว์กนิ เขา้ ไป (gastroliths) เพอื่ ช่วยใน การย่อยอาหาร เป็นต้น อ้างอิง สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ / เลม่ ที่ ๓๑ / เร่อื งท่ี ๖ ซากดกึ ดำบรรพใ์ นประเทศไทย / ซากดึกดำบรรพท์ ่ี พบในประเทศไทย https://saranukromthai.or.th/sub/book/book.php?book=31&chap=6&page=t31-6- infodetail06.html สืบค้นเม่อื 22 เมษายน 2564 คณะครุศาสตร์ 153 มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั นครสวรรค์
โครงการ “สนบั สนนุ DLTV เพ่อื แกไ้ ขปัญหาขาดแคลนครูใหก้ บั โรงเรยี นขนาดเล็ก” 154 คณะครุศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั นครสวรรค์
โครงการ “สนบั สนนุ DLTV เพ่อื แกไ้ ขปัญหาขาดแคลนครูใหก้ บั โรงเรยี นขนาดเล็ก” ตอนที่ 9 ลมบก ลมทะเล และมรสุม 1. ลม ในวันที่อากาศร้อนจัด หรือก่อนจะมีฝนตก เรามักพบว่าจะมีลมพัดมา นักเรียนทราบหรือไม่ ว่าเป็นเพราะเหตุใด แล้วลมนัน้ พดั มาจากไหน ตน้ ไม้กำลังถูกลมพัด ลมพดั กอ่ นจะเกิดฝนตก หากนกั เรยี นยืนอย่กู ลางสนามโล่ง ๆ แล้วมองขึ้นไปบนท้องฟา้ ในวนั ท่ีอากาศแจ่มใส นักเรียน จะพบว่าไม่มีอะไรนอกจากท้องฟ้าที่อยู่ไกลลิบ แต่ความจริงแลว้ เหนือตัวนักเรียนสูงขึน้ ไปหลายสิบกิโลเมตรมี อากาศซึ่งมีองค์ประกอบเป็นแก๊สชนิดต่าง ๆ เช่น แก๊สไนโตรเจน แก๊สออกซิเจน แก๊สอาร์กอน แก๊ส คารบ์ อนไดออกไซด์ จะมีสมบตั ิอย่างหนงึ่ ซ่ึงเปลี่ยนแปลงไปตามอุณหภมู ิ นัน่ คอื ความหนาแนน่ อากาศซงึ่ มีองคป์ ระกอบเป็นแก๊สชนิดต่าง ๆ เมื่อนักเรียนนำลูกโป่งที่เป่าลมจนพองไปวางผึ่งแดด สักพักนักเรียนจะพบว่าลูกโป่งมีขนาด ใหญ่ขึ้น ทั้งนี้เป็นเพราะความร้อนหรืออุณหภูมิทำให้อากาศขยายตัว เหตุการณ์นี้ไม่ใชจ่ ะเกิดเฉพาะกบั อากาศ ในลกู โป่งเท่าน้นั อากาศทวั่ ไปก็เปน็ เช่นเดียวกนั เม่อื อากาศร้อนอากาศจะขยายตัวส่งผลให้ความหนาแน่นของ อากาศลดลง และกลับกันเม่ืออากาศเย็นอากาศจะหดตัวและมีความหนาแนน่ เพ่ิมข้นึ นอกจากนีแ้ ล้ว หากนกั เรียนเคยเลน่ จุดโคมลอย จะพบว่าอากาศรอ้ นท่เี ราใส่เข้าไปในโคม ทำ ให้โคมลอยขึ้นไปในอากาศ ที่เป็นเช่นนี้เพราะความร้อนทำให้อากาศขยายตัว และเมื่ออากาศขยายตัวจะมี ความหนาแน่นลดลงเมื่อเทียบกับอากาศปกติโดย โคมจึงลอยขึ้นด้านบนเช่นเดียวกับวัตถุที่มีความหนาแน่น คณะครุศาสตร์ 155 มหาวิทยาลยั ราชภฏั นครสวรรค์
โครงการ “สนบั สนนุ DLTV เพ่อื แกไ้ ขปัญหาขาดแคลนครูใหก้ บั โรงเรยี นขนาดเล็ก” น้อยกว่าน้ำ วัตถุนั้นก็จะลอยน้ำ ดังนั้น อากาศร้อนนอกจากจะมีความหนาแน่นลดลงแล้ว ยังลอยตัวข้ึน ด้านบนอกี ดว้ ย เมื่อพื้นที่สองบริเวณที่อยู่ใกล้เคียงกันมีอุณหภูมิแตกต่างกัน ทำให้อากาศเหนือพื้นที่สอง บริเวณมีอุณหภูมิแตกต่างกันดว้ ย อากาศบริเวณที่ร้อนกว่าจะขยายตัว มีความหนาแน่นลดลง และลอยตัวขึ้น ด้านบน ส่งผลให้อากาศบริเวณที่เย็นกว่า มีความหนาแน่นมากกว่า เคลื่อนที่เข้ามาแทนที่ การเคลื่อนที่ของ อากาศจากบริเวณหน่งึ มายังอีกบริเวณหน่ึง เรยี กวา่ ลม ดังนน้ั จึงสรุปไดว้ ่า ลม เปน็ การไหลเวยี นของแกส๊ ในขนาดใหญ่ บนดาวต่างๆ ลมประกอบดว้ ย การเคลื่อนที่ของอากาศขนาดใหญ่ ส่วนในอวกาศ ลมสุริยะเป็นการเคลื่อนที่ของแก๊สหรืออนุภาคมีประจุจาก ดวงอาทิตย์ผ่านอวกาศ ขณะที่ลมดาวเคราะห์เป็นการปล่อยแก๊ส (out gassing) ของธาตุเคมีเบาจากช้ัน บรรยากาศของดาวเคราะห์สู่อวกาศ โดยทั่วไป การจำแนกประเภทของลมใช้ขนาดเชิงพื้นท่ี, ความเร็ว, ประเภทของแรงที่เป็นสาเหตุ, ภูมิภาคที่เกิด และผลกระทบ ลมที่แรงที่สุดเท่าที่สังเกตพบบนดาวเคราะห์ใน ระบบสรุ ิยะเกดิ ขึ้นบนดาวเนปจูนและดาวเสาร์ 2. ลมบก ลมทะเล นักเรียนทราบหรือไม่ว่า ชาวประมงนิยมนำเรือประมงขนาดเล็กออกหาปลาในช่วงเวลาใด และเหตุใดจงึ เป็นเชน่ นน้ั นักเรยี นไดเ้ รยี นรูแ้ ล้วว่าลมเกดิ จากการเคลื่อนท่ขี องอากาศจากบริเวณที่อากาศมีอุณหภูมิต่ำ กว่ามายังบริเวณที่อากาศมีอุณหภูมิสูงกว่า หรือเคลื่อนที่จากบริเวณที่มีความหนาแน่นของอากาศมากกว่าไป ยังบริเวณที่มีความหนาแน่นของอากาศน้อยกว่า ซึ่งอุณหภูมิของอากาศเป็นปัจจัยสำคัญดังกล่าวมา นักเรียน คดิ วา่ บริเวณใดบา้ งที่นา่ จะมอี ุณหภมู อิ ากาศแตกต่างกนั เวลานักเรียนเปน็ ไข้ คุณหมอมักจะแนะนำเบื้องต้นว่าให้ด่ืมน้ำสะอาดมาก ๆ และพักผ่อนให้ เพียงพอ หากไข้สงู ใหป้ ฐมพยาบาลดว้ ยการใชผ้ ้าสะอาดชบุ นำ้ เช็ดตวั ในคำแนะนำของคุณหมอเกี่ยวข้องกับน้ำ ถึงสองอย่าง เหตุผลเพราะน้ำมีสมบัติพิเศษอยา่ งหนึ่งคือดูดซับความร้อนไดด้ ี เมื่อเทียบกบั สสารอืน่ ในปริมาณ เทา่ กนั การระเหยหรือเปล่ียนแปลงอุณหภมู ิของน้ำเกย่ี วข้องกับปริมาณความร้อนจำนวนมาก เม่อื เราดื่มน้ำเข้า ไปแลว้ ร่างกายขับออกทางปัสสาวะ น้ำน้ันจะนำเอาความร้อนในร่างกายของเราจำนวนมากออกไปดว้ ย ช่วยให้ ไข้ลดลงได้ หรอื การเช็ดตวั ด้วยน้ำ เม่ือน้ำท่ใี ชเ้ ชด็ ตัวระเหยจากผวิ เรา การระเหยของน้ำจะนำเอาความร้อนใน รา่ งกายเราจำนวนมากออกไปดว้ ย ซึง่ ช่วยให้ไขล้ ดลงไดด้ ว้ ยเชน่ กนั 156 คณะครศุ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั นครสวรรค์
โครงการ “สนบั สนนุ DLTV เพ่อื แกไ้ ขปัญหาขาดแคลนครูใหก้ บั โรงเรียนขนาดเล็ก” ลมบก ลมทะเล ด้วยสมบัติข้อน้ีของน้ำทำใหบ้ รเิ วณพืน้ ผิวโลกทีป่ กคลุมด้วยน้ำมอี ุณหภูมเิ ปลี่ยนแปลงช้าเม่อื เทียบกับพื้นดิน เพราะในกรณีที่ได้รับแสงแดดเท่า ๆ กัน ความร้อนจากแสงแดดจะทำให้น้ำอุ่นขึ้นน้อยกว่า พ้นื ดนิ เนือ่ งจากต้องใช้ความร้อนจำนวนมากจึงจะทำให้อุณหภูมิของน้ำเพมิ่ ขึน้ และในทางตรงกันข้าม เม่ือถึง เวลากลางคืนทีไ่ ม่มีแสงแดด ด้วยเหตทุ น่ี ำ้ ดดู ซับเอาความร้อนเข้าไปเก็บไว้มาก จงึ คายความร้อนออกได้ช้ากว่า พนื้ ดนิ ทำใหก้ ลางคนื ผิวน้ำจะอนุ่ กว่าพน้ื ดนิ ความแตกต่างของอุณหภูมิเหนือผิวน้ำและพ้ืนดินนี้ทำให้เกิดปรากฏการณ์ที่เรียกว่า ลมบก ลมทะเลขึ้น คำอธิบายเป็นเช่นเดียวกับทีก่ ล่าวมา คือ บริเวณที่เป็นชายทะเล กลางวันอากาศเหนอื น้ำทะเลจะ เย็นกวา่ อากาศเหนือชายหาด การเคลอ่ื นที่ของอากาศทเ่ี รียกว่า ลม จึงพดั จากบริเวณทเี่ ป็นผิวน้ำไปยังบริเวณ ที่เป็นพื้นดิน แล้วเรียกลมที่พัดในเวลากลางวันนี้ว่า ลมทะเล ส่วนในเวลากลางคืนอากาศเหนือน้ำทะเลจะอุ่น กว่าอากาศเหนือชายหาด ลมจึงพัดจากชายหาดออกสู่ทะเล เรียกว่า ลมบก ชาวประมงจึงอาศัยปรากฏการณ์ลมบก ลมทะเล ในการนำเรือประมงขนาดเล็กออกหาปลา ในเวลากลางคนื โดยอาศยั ลมบกพดั พาเรือออกจากฝัง่ และอาศยั ลมทะเลพัดพาเรอื กลบั เขา้ ฝั่งในเวลากลางวัน คณะครุศาสตร์ 157 มหาวิทยาลยั ราชภฏั นครสวรรค์
โครงการ “สนบั สนนุ DLTV เพ่อื แกไ้ ขปัญหาขาดแคลนครูใหก้ บั โรงเรยี นขนาดเล็ก” 3. ลมมรสุม ในกรณีของลมบก ลมทะเล นักเรียนจะเหน็ ว่าเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึน้ ในบรเิ วณใดบริเวณ หนึ่งของโลกครอบคลุมพื้นที่ขนาดเล็กของชายหาด ที่มีพื้นดินติดต่อทะเล แต่หากเรามองในระดับที่กว้าง ออกไปเปน็ โลกของเรา นกั เรยี นคิดว่ามบี ริเวณใดของโลกทมี่ ีอุณหภมู แิ ตกตา่ งกันบ้าง โลกของเรามีสัณฐานเป็นทรงกลม โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ไปพร้อมกับหมนุ รอบตัวเอง โดย มีแกนหมุนทำมุมเกือบจะตั้งฉากกับระนาบการโคจรรอบดวงอาทิตย์ ทำให้บริเวณที่เรียกกันว่าแถบเส้นศูนย์ สตู รไดร้ บั แสงอาทิตย์มากกว่าบริเวณอื่นของโลกตลอดท้ังปี ดงั ภาพ อทิ ธพิ ลของดวงอาทติ ย์ท่ีมตี ่อโลก เมื่อบริเวณแถบเส้นศูนย์สตู รได้รับแสงอาทิตย์ ส่งผลให้อากาศในบริเวณดังกลา่ วเหนือผิวนำ้ ทะเลและเหนือผืนดิน เกิดความแตกต่างของอุณหภูมิในลักษณะเดียวกับการเกิดลมบก ลมทะเล จึงเกิดการ เคลอ่ื นทข่ี องอากาศหรือเกิดลมขนึ้ ซ่ึงลมท่เี กดิ จากกระบวนการนจี้ ะมีทศิ ทางคงทแ่ี ละเกดิ สม่ำเสมอในชว่ งเวลา ที่แน่นอน เรียกว่า ลมมรสมุ ลมมรสมุ ทม่ี ีอิทธพิ ลต่อประเทศไทย ประเทศไทยของเราไดร้ บั อิทธิพลจากลมมรสมุ 2 ชนิด ไดแ้ ก่ ลมมรสมุ ตะวันตกเฉียงใต้ในช่วง เดือนพฤษภาคม-ตุลาคม และลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือในช่วงเดือนพฤศจิกายน-มกราคม โดยลมมรสุม 158 คณะครศุ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั นครสวรรค์
โครงการ “สนบั สนนุ DLTV เพ่อื แกไ้ ขปัญหาขาดแคลนครูใหก้ บั โรงเรยี นขนาดเลก็ ” ตะวันตกเฉยี งใตจ้ ะพัดพาความชืน้ จากทะเลอันดามันเข้ามาทำใหเ้ กดิ ฝนตก สว่ นลมมรสมุ ตะวันออกเฉียงเหนือ จะพดั พาความหนาวเยน็ จากทางตอนใต้ของประเทศจีนเขา้ มาทำใหเ้ กิดฤดหู นาว คณะครุศาสตร์ 159 มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั นครสวรรค์
โครงการ “สนบั สนนุ DLTV เพ่อื แกไ้ ขปัญหาขาดแคลนครูใหก้ บั โรงเรียนขนาดเลก็ ” ตอนท่ี 10 ภัยธรรมชาตแิ ละปัญหาสงิ่ แวดล้อม 1. ภัยธรรมชาติ ภัยธรรมชาติเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติเอง หรืออาจมมี นุษย์เป็นสาเหตุก็ได้ ภัยธรรมชาติ มีหลายรูปแบบแตกต่างกันไป บางอย่างมีความรุนแรงน้อย บางอย่างมีความรุนแรงมาก ส่งให้ผลให้เกิดความ เสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สิน เช่น น้ำท่วม การกัดเซาะชายฝัง่ ดินถล่ม แผ่นดินไหว และสึนามิ เป็นต้น ซึ่งภัย ธรรมชาติตา่ ง ๆ เป็นส่งิ ท่สี ามารถเกิดขึน้ ไดท้ กุ เวลาโดยทีม่ นุษย์ไมท่ ันตั้งตวั 1) น้ำทว่ ม วันที่ 2 สิงหาคม 2563 ฝนได้กระตกตลอดคืน ทำใหเ้ กิดน้ำทว่ มหนักสดุ ทต่ี ำบลนำ้ สวย อ.เมอื ง จ.เลย ท่มี า : https://www.matichon.co.th/region/news_2290433 น้ำท่วมเกิดจากฝนตกหนักต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน บางครั้งทำให้เกิดแผ่นดินถล่ม อาจมี สาเหตุจากพายหุ มุนเขตรอ้ น ลมมรสมุ มีกำลงั แรง ร่องความกดอากาศตำ่ มกี ำลังแรง อากาศแปรปรวน น้ำทะเล หนุน แผ่นดินไหว เขอ่ื นพงั สามารถทำใหเ้ กิดนำ้ ทว่ มได้ เราสามารถจำแนกน้ำท่วมไดเ้ ปน็ 2 ชนดิ (1) น้ำท่วมจากนำ้ ปา่ ไหลหลากและนำ้ ท่วมฉบั พลนั เกิดจากฝนตกหนักตดิ ต่อกันหลายชั่วโมง ดินดูดซับไม่ทัน น้ำฝนไหลลงพื้นราบอย่างรวดเร็ว ความแรงของน้ำทำลายต้นไม้ อาคาร ถนน สะพาน ชีวิต ทรัพยส์ นิ (2) น้ำท่วมจากน้ำท่วมขังและน้ำเอ่อนอง เกิดจากน้ำในแม่น้ำ ลำธารล้นตลิ่ง มีระดับสูงจาก ปกติ ทว่ มและแช่ขัง ทำให้การคมนาคมชะงกั เกิดโรคระบาด ทำลายสาธารณปู โภค และพืชผลการเกษตร การปอ้ งกันตนเองหากเกดิ น้ำทว่ ม - ตดิ ตามสภาวะอากาศ ฟงั คำเตือนจากกรมอตุ ุนยิ มวิทยา - ฝกึ ซอ้ มการปอ้ งกนั ภัยพบิ ัติ เตรียมพร้อมรับมอื และวางแผนอพยพหากจำเปน็ - เตรียมน้ำดื่ม เครื่องอุปโภค บริโภค ไฟฉาย แบตเตอรี่ อุปกรณ์สื่อสารสำหรับติดตาม ข่าวสาร - ซอ่ มแซมอาคารบา้ นเรอื นให้แข็งแรง เตรียมป้องกันภยั ใหส้ ัตว์เลีย้ งและพชื ผลการเกษตร - เตรียมพร้อมเสมอเมื่อได้รับแจ้งให้อพยพไปที่สูง เมื่ออยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย และฝนตกหนัก ตอ่ เน่อื ง - ไม่ลงเลน่ น้ำ ไมข่ ับรถผ่านนำ้ หลากแมอ้ ยบู่ นถนน ถ้าอยใู่ กลน้ ้ำ เตรยี มเรอื เพื่อการคมนาคม 160 คณะครุศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั นครสวรรค์
โครงการ “สนบั สนนุ DLTV เพ่อื แกไ้ ขปัญหาขาดแคลนครูใหก้ บั โรงเรียนขนาดเลก็ ” - หากอยู่ในพื้นที่น้ำท่วมขัง ให้ระมัดระวังป้องกันตนเองโรคระบาด ระวังเรื่องน้ำและอาหาร ตอ้ งสุก และสะอาดกอ่ นบริโภค 2) ดนิ ถล่ม ดินถลม่ หรอื โคลนถล่ม (Land Slide) ทม่ี า : http://www.dmr.go.th/ewt_news.php?nid=99799&filename=index การเกิดดินถล่ม เป็นภัยพิบัติทางธรรมชาติที่ป้องกันได้ยากแต่เราก็สามารถลดปัจจัยความ เสย่ี งได้ หากมกี ารเตรียมพร้อมเฝา้ ระวงั ท่ดี ี (1) สาเหตุการเกิดดินถล่ม - ฝนตกหนกั ติดต่อกันหลายวนั หรือดินบนลาดเขาเปน็ ดนิ ร่วนและมีความลาดชัน มากๆ - การทำไร่เลื่อนลอยบนภูเขา ทำให้สิ่งปกคลุมดิน เช่น ต้นไม้ใหญ่ ถูกทำลายไป เมื่อฝนตก หนักนาน ๆ น้ำจะซึมลงสู่ดินหรือไหลบ่าไปตามลาดเขา จนดินบนภูเขาอิ่มน้ำและไถลลงมาตามลาดเขา นำเอาตะกอนดิน, กอ้ นหิน, ซากไมล้ ้มลงมาดว้ ย (2) การสงั เกตก่อนเกิดดินถล่ม - นำ้ ในลำห้วยขนุ่ มาก หรือมสี แี ดงขุ่นแสดงว่ามีตะกอนไหลมาตามลาดเขา - เวลาฝนตกนาน ๆ จะมีเสียงดังเหมือนตอนมีน้ำป่ามา ต้นไม้ล้มหรือก้อนหินกลิ้งดังครืน ๆ ถ้ามีเสียงนั้นจริง ๆ แสดงวา่ ดินจะถลม่ ลงมา - บ้านทีอ่ ยูใ่ นท่รี าบเชงิ เขาอาจจะเกิดดินถลม่ จากภเู ขาลงมาทำความเสยี หายแก่บ้านเรือนได้ (3) ขอ้ ควรปฏิบตั เิ มอื่ เกิดดินถล่ม - ถ้าฝนตกหนักแบบไมห่ ยดุ ตดิ ต่อกนั หลายวัน ดินบนภูเขาอาจถล่ม ต้องเฝ้าระวงั กนั ใหด้ ี โดย ให้อพยพ หรือให้หนไี ปท่ีสูง ๆ และต้องรีบแจ้งตอ่ ๆ กันใหร้ ูท้ ่ัวกนั โดยเร็ว - ถ้าพลดั ตกไปในกระแสนำ้ ห้ามวา่ ยน้ำหนเี ป็นอนั ขาด เพราะจะโดนซากตน้ ไม้ กอ้ นหนิ ท่ีไหล มากบั โคลนกระแทกจนถึงตายได้ ใหห้ าต้นไมใ้ หญท่ ่ใี กล้ที่สุดเกาะเอาไว้แล้วปนี หนนี ้ำให้ได้ (4) ข้อควรปฏิบตั ิหลงั น้ำลด - อย่าปลูกบา้ นหรอื สงิ่ กอ่ สรา้ งขวางทางนำ้ หรือใกลล้ ำหว้ ยมากเกินไป คณะครุศาสตร์ 161 มหาวิทยาลยั ราชภฏั นครสวรรค์
โครงการ “สนบั สนนุ DLTV เพ่อื แกไ้ ขปัญหาขาดแคลนครูใหก้ บั โรงเรียนขนาดเล็ก” - ช่วยกนั ร่วมมอื ร่วมแรงอย่าตดั ไมท้ ำลายป่า - ปลกู ต้นไม้เพ่มิ ไว้ช่วยซบั นำ้ - ช่วยกันปลูกป่าบริเวณที่ถูกทำลายและป้องกันไม่ให้ตัดไม้ทำลายปา่ ซึ่งทุก ๆ คนต้องมีส่วน รว่ มในการดแู ลและเฝา้ ระวัง - จัดเวรยามเพอื่ เดินตรวจตาดสู ถานการณร์ อบ ๆ หมูบ่ า้ นเผื่อมสี ง่ิ ผดิ ปกติยามค่ำคนื - ติดตามฟังขา่ วพยากรณ์อากาศ เพ่ือทราบสภาพสถานการณ์ของภาวะฝนตกหนกั หรือน้ำป่า ไหลหลาก 3) แผน่ ดนิ ไหว 4) เหตแุ ผน่ ดนิ ไหวขนาด 6.2 ทางภาคกลางของอติ าลี เม่ือเดือน ส.ค. 2016 ทมี่ า : https://www.khaosod.co.th/bbc-thai/news_1412565 แผ่นดินไหวเป็นภัยธรรมชาติซึ่งเกิดจากการปลดปล่อยพลังงานใต้พิภพ ทำให้เกิดภูเขาไฟ ระเบิด แผน่ ดนิ เล่ือน ถล่ม และเกดิ จากมนษุ ย์ เช่นระเบดิ นวิ เคลียร์ (1) ข้อควรปฏบิ ัตกิ ่อนเกิดแผ่นดนิ ไหวอันเกดิ แผ่นดินไหว - เตรียมอปุ กรณ์ปฐมพยาบาล อปุ โภค บรโิ ภค กรณีฉุกเฉนิ - เตรียมพรอ้ มสมาชิกในครอบครวั วางแผนอพยพหากจำเปน็ - ไมว่ างของหนกั บนชนั้ สูงๆ ยดึ ตู้หนักไวก้ บั ผนังหอ้ ง (2) ข้อควรปฏิบัติขณะเกดิ แผน่ ดนิ ไหว - อย่ใู นอาคารสูง ควบคุมสติ หลบใต้โตะ๊ แขง็ แรง ไมว่ ่งิ ลงบันได หรอื ลงลฟิ ต์ - หากขบั รถอยูใ่ หห้ ยุดรถ ควบคุมสติ อยู่ภายในรถจนการสนั่ สะเทอื นหยดุ ลง - อย่นู อกอาคาร หา่ งจากอาคารสูง กำแพง เสาไฟฟ้า ไปอยู่ที่โลง่ แจง้ (3) ข้อควรปฏบิ ตั ิหลังเกิดแผ่นดนิ ไหว - ออกจากอาคารสงู รถยนต์ สำรวจผปู้ ระสบภัย ตรวจสอบความเสียหาย 162 คณะครศุ าสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภฏั นครสวรรค์
โครงการ “สนบั สนนุ DLTV เพ่อื แกไ้ ขปัญหาขาดแคลนครูใหก้ บั โรงเรยี นขนาดเลก็ ” - ปฐมพยาบาลผ้ไู ด้รบั บาดเจบ็ สง่ แพทย์หากเจ็บหนกั - ยกสะพานไฟ อยู่ห่างจากสายไฟทไี่ ม่อยู่กับที่ ซ่อมแซมส่งิ ทส่ี ึกหรอทนั ที 4) สนึ ามิ คล่ืนสึนามิ สึนามิเปน็ คำในภาษาญ่ีปุ่น ประกอบด้วยคำ 2 คำ \"tsu\" แปลว่า ทา่ เรอื \"nami\" แปลว่าคล่ืน สึนามิเกิดได้จากหลายสาเหตุ ได้แก่ แผ่นดินไหว แผ่นดินถล่ม ภูเขาไฟระเบิดที่พื้นมหาสมุทร หรืออุกกาบาต ตกในมหาสมุทร สึนามิมักเกิดจากการเคลื่อนตัวในแนวดิ่งของรอยเลื่อนใต้ผืนมหาสมุทรในระหว่างการเกิด แผ่นดินไหว แนวทางปอ้ งกนั ตนเองจากสนึ ามิ - เมื่อรู้ว่ามีแผ่นดินไหวเกิดขึ้น ขณะที่อยู่ในทะเลหรือบริเวณชายฝั่ง ให้รีบออกจากบริเวณ ชายฝั่งไปยังบริเวณที่สูงหรือที่ดอนทันที โดยไม่ต้องรอประกาศจากทางราชการ เนื่องจากคลื่นสึนามิเคลื่อนที่ ดว้ ยความเรว็ สงู - เมอื่ ได้รบั ฟังประกาศจากทางราชการเก่ียวกับการเกดิ แผ่นดินไหวบริเวณทะเลอันดามัน ให้ เตรยี มรบั สถานการณท์ ่อี าจจะเกิดคลืน่ สึนามติ ามมาได้ โดยด่วน - สังเกตปรากฏการณ์ของชายฝั่ง หากทะเลมีการลดของระดับน้ำลงมาก หลังการเกิด แผ่นดินไหวให้สันนิษฐานว่าอาจเกิดคลื่นสึนามิตามมาได้ ให้อพยพคนในครอบครัว สัตว์เลี้ยง ให้อยู่ห่างจาก ชายฝ่ังมาก ๆ และอยใู่ นท่ดี อนหรอื นำ้ ทว่ มไมถ่ ึง - ถ้าอยู่ในเรือซึ่งจอดอยู่ในท่าเรือหรืออ่าวให้รีบนำเรือออกไปกลางทะเล เมื่อทราบว่าจะเกดิ คลื่นสึนามิพัดเข้าหา เพราะคล่นื สนึ ามิที่อยู่ไกลชายฝง่ั มาก ๆ จะมีขนาดเลก็ - คลื่นสึนามิอาจเกิดขึ้นได้หลายระลอกจากการเกิดแผ่นดินไหวครั้งเดียว เนื่องจากมีการ แกวง่ ไปมาของน้ำทะเล ดงั น้ัน ควรรอสกั ระยะหน่ึงจงึ สามารถลงไปชายหาดได้ - ตดิ ตามการเสนอขา่ วของทางราชการอยา่ งใกล้ชิดและตอ่ เน่ือง คณะครุศาสตร์ 163 มหาวิทยาลยั ราชภฏั นครสวรรค์
โครงการ “สนบั สนนุ DLTV เพ่อื แกไ้ ขปัญหาขาดแคลนครูใหก้ บั โรงเรียนขนาดเล็ก” - หากที่พักอาศัยอยู่ใกล้ชายหาด ควรจัดทำเขื่อน กำแพง ปลูกต้นไม้ วางวัสดุ ลดแรงปะทะ ของนำ้ ทะเล และก่อสร้างท่พี ักอาศัยให้ม่ันคงแข็งแรง ในบริเวณย่านที่มีความเส่ียงภยั ในเร่ืองคลนื่ สึนามิ - หลกี เล่ียงการกอ่ สร้างใกลช้ ายฝ่ังในย่านท่มี ีความเสย่ี งสงู - วางแผนในการฝึกซ้อมรับภัยจากคลื่นสึนามิ เช่น กำหนดสถานที่ในการอพยพแหล่งสะสม น้ำสะอาด เปน็ ต้น - จัดผังเมืองใหเ้ หมาะสม บรเิ วณแหลง่ ทอ่ี าศยั ควรมรี ะยะห่างจากชายฝง่ั - ประชาสัมพันธ์ และให้ความรู้ประชาชน ในเรื่องการป้องกนั และบรรเทาภัยจากคลื่นสนึ ามิ และแผ่นดนิ ไหว - วางแผนล่วงหน้า หากเกิดสถานการณ์ขึ้นจริง ในเรื่องการประสานงานระหว่างหน่วยงานที่ เกี่ยวข้อง กำหนดขั้นตอนในด้านการช่วยเหลือบรรเทาภัยด้านสาธารณสุข การรื้อถอน และฟื้นฟูสิ่งก่อสร้าง เป็นต้น - อย่าลงไปในชายหาดเพื่อดูคล่นื สนึ ามิ เพราะเม่ือเห็นคล่ืนแล้วกใ็ กลเ้ กนิ กวา่ จะหลบหนีทัน - คลื่นสึนามิ ในบริเวณหนึ่งอาจมีขนาดเล็ก แต่อีกบริเวณหนึ่งอาจมีขนาดใหญ่ ดังนั้นเมื่อได้ ยินข่าวการเกิดคล่นื สนึ ามิ ขนาดเล็กในสถานทหี่ นึง่ จงอย่าประมาทใหเ้ ตรยี มพร้อมรับสถานการณ์ 164 คณะครศุ าสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภฏั นครสวรรค์
โครงการ “สนบั สนนุ DLTV เพ่อื แกไ้ ขปัญหาขาดแคลนครูใหก้ บั โรงเรียนขนาดเล็ก” 2. ปรากฏการณเ์ รือนกระจก บรรยากาศของโลกประกอบด้วย แก๊สไนโตรเจนร้อยละ 78 แก๊สออกซิเจนร้อยละ 21 แก๊สอาร์กอน ร้อยละ 0.9 นอกจากนี้ยังมีไอน้ำ และก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นส่วนประกอบ โดยแก๊สที่มีผลกระทบต่อ อุณหภูมิของโลกเป็นแก๊สที่มีโมเลกุลขนาดใหญ่ เช่น คาร์บอนไดออกไซด์ ไอน้ำ มีเทน ไนตรัสออกไซด์ และ โอโซน แก๊สกลุ่มนี้เรียกว่า แก๊สเรือนกระจก แม้จะมีอยู่ในบรรยากาศเพียงเล็กน้อย แต่สามารถดูดกลืนรังสี ความร้อน ทำให้อุณหภูมิพื้นผิวโลกอบอุ่น เหมาะสำหรับสิ่งมีชีวิตบนโลก เช่นเดียวกับบ้านเมืองในเขตหนาว ต้องสร้างเรือนกระจกขึ้นเพื่อสร้างความอบอุ่นและความชื้นที่เหมาะสำหรับการปลูกพืช โลกเองก็มีช้ัน บรรยากาศทีช่ ว่ ยกักเกบ็ ความร้อน ความอบอุ่นที่ไดจ้ ากพลงั งานดวงอาทิตย์ ซ่ึงโลกก็เปรียบได้กับเรือนกระจก ขนาดใหญ่ ช่วยโอบอุ้มความร้อนและพลังงานไม่ให้สูญเสียออกเร็วเกินไป แก๊สเรือนกระจกตามธรรมชาติ เหล่านี้มีปริมาณไม่ถึงร้อยละ 1 ในชั้นบรรยากาศ แต่ก็เพียงพอที่จะรักษาให้อุณหภูมิพื้นผิวโลกอยู่ที่ประมาณ 15 องศาเซลเซียส ปรากฏการณเ์ รือนกระจก ที่มา : https://www.pea.co.th แต่ปัจจุบันในชั้นบรรยากาศกลับมีปริมาณแก๊สเรือนกระจกเพิ่มสูงขึ้นในปัจจุบัน โดยมีที่มาจาก กิจกรรมต่าง ๆ ของมนุษย์ ตั้งแต่มีการปฏิวัติอุตสาหกรรมมาจนถึงปัจจุบันนั้นความเข้มข้นของแก๊สเรือน กระจกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเรว็ การเพิ่มขึ้นจนเกนิ สมดุลของแก๊สเรือนกระจกทำใหช้ ั้นบรรยากาศนี้มีฉนวนดดู ซบั ความร้อนไม่ให้ออกไปนอกชั้นบรรยากาศได้ตามที่ควรจะเป็น จนทำให้สมดุลของการไหลเวียนของพลังงาน และความรอ้ นในโลกเปลย่ี นแปลงไป จนกระทบตอ่ ระบบภูมอิ ากาศของโลก เชน่ ทำใหร้ ะดบั น้ำทะเลเพิม่ สูงข้ึน ฤดูกาลในภูมิภาคตา่ ง ๆ ของโลกเกดิ ความแปรปรวน น้ำแขง็ ที่ปกคลุมยอดเขาสงู คอ่ ยลดปรมิ าณลดลง การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้หากมนุษย์ไม่ได้เตรียมความพร้อมรับมือย่อมก่อ ให้เกิดความเสียหายดัง ปรากฏเป็นสถานการณ์ทั่วโลก เช่น ความรุนแรงของพายุเฮอริเคนที่เพิ่มขึ้นทำให้เกิดการสูญเสียชีวิตและ ทรัพย์สินแม้ในประเทศพัฒนาแล้วอย่างสหรัฐอเมริกา การเกิดคลื่นความร้อนที่รุนแรงและยาวนานในหลาย ประเทศทำให้มีผเู้ สยี ชีวิตจำนวนมาก คณะครุศาสตร์ 165 มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั นครสวรรค์
โครงการ “สนบั สนนุ DLTV เพ่อื แกไ้ ขปัญหาขาดแคลนครูใหก้ บั โรงเรียนขนาดเลก็ ” วิธีการแก้ไขปัญหาปรากฏการณ์เรือนกระจำที่สำคัญจึงอยูท่ ่ีการลดความรุนแรงของปรากฏการณ์น้ีลง ด้วยการลดการปล่อยแก๊สเรือนกระจก โดยเฉพาะแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ด้วยการใช้พลังงานอย่างประหยัด การปลูกต้นไม้ก็สามารถช่วยลดแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ และอีกแนวทางหนึ่งคือการปรับตัวให้ทันต่อการ เปลยี่ นแปลงของภูมิอากาศ เช่น การเลอื กทำเลท่ีอยู่อาศยั ท่ีสงู กว่าระดับน้ำทะเลที่คาดว่าจะเพิ่มสูงข้ึน การทำ เกษตรกรรมทสี่ อดคล้องกบั สภาพอากาศท่เี ปลย่ี นแปลงไปจากในอดตี 166 คณะครุศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั นครสวรรค์
โครงการ “สนบั สนนุ DLTV เพ่อื แกไ้ ขปัญหาขาดแคลนครูใหก้ บั โรงเรียนขนาดเล็ก” เรื่องที่ 4 เทคโนโลยี จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. สามารถออกแบบอยา่ งงา่ ยเพอ่ื แกป้ ญั หาในชีวติ ประจำวนั ตรวจหาข้อผดิ พลาด 2. สามารถคน้ หาข้อมูลอยา่ งมปี ระสิทธิภาพและประเมนิ ความนา่ เชอื่ ถือ ตัดสินใจเลือกข้อมูลใช้ เหตุผลเชิงตรรกะในการแก้ปัญหา 3. สามารถใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศ และการสื่อสารในการทำงานร่วมกันเข้าใจสิทธแิ ละหน้าท่ีของตน เคารพสทิ ธิของผู้อืน่ และมีแนวทางในการป้องกันอาชญากรรมทางอนิ เทอร์เน็ต ตอน ชอื่ สาระสำคัญ เวลา ที่ (นาที) 1 การใชเ้ หตุผลเพอื่ แก้ไขปัญหาแบบ ขั้นตอนการแก้ปัญหาและการใช้เหตผุ ลเชงิ ตรรกะ เป็นขน้ั เปน็ ตอนในชีวิตประจำวัน ในการอธบิ ายออกแบบ วธิ กี ารแกป้ ญั หาที่พบใน ชีวติ ประจำวนั แบบเส้นตรง 2 การเขยี นผังงานเพ่ือแก้ไขปัญหาใน ออกแบบอย่างง่ายเพื่อแก้ปัญหาในชีวิตประจำวัน ชวี ติ ประจำวนั ตรวจหาขอ้ ผดิ พลาด ของการออกแบบแบบเส้นตรง 3 การใชเ้ หตผุ ลเพอื่ แก้ไขปัญหาแบบมี การใช้เหตุผลเชิงตรรกะในการอธิบายและออกแบบ ทางเลือกในชวี ติ ประจำวนั วธิ ีการแกป้ ัญหาท่ีพบในชวี ิตประจำวันแบบมี เงื่อนไข 4 การเขยี นผังงานเพื่อแก้ไขปัญหา ออกแบบอย่างง่ายเพื่อแก้ปัญหาในชีวติ ประจำวัน แบบมีทางเลือกในชีวติ ประจำวนั ตรวจหาข้อผดิ พลาด ของการออกแบบแบบมี เง่ือนไข 5 การใชเ้ หตผุ ลเพ่อื แก้ไขปญั หาแบบมี การใช้เหตุผลเชงิ ตรรกะในการอธิบายและออกแบบ การทำซ้ำในชีวิตประจำวัน วิธีการแก้ปญั หาที่พบในชวี ติ ประจำวนั แบบมกี าร ทำซำ้ 6 การเขยี นผงั งานเพื่อแก้ไขปัญหา ออกแบบอยา่ งง่ายเพ่ือแก้ปัญหาในชีวิตประจำวัน แบบมีการทำซำ้ ในชีวิตประจำวนั ตรวจหาข้อผิดพลาดของการออกแบบแบบมกี าร ทำซำ้ 7 วธิ กี ารค้นหาขอ้ มูลอย่างมี การใชอ้ นิ เทอรเ์ น็ตในการค้นหาข้อมูลพืน้ ฐาน ประสทิ ธภิ าพ 8 เทคนคิ การค้นหาข้อมลู การใช้อินเทอร์เน็ตในการคน้ หาข้อมูลอย่างมี เฉพาะเจาะจง ประสิทธิภาพ 9 อันตรายจากการใชง้ านอนิ เทอรเ์ นต็ ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศทำงานรว่ มกนั อย่าง ปลอดภัยเขา้ ใจสทิ ธแิ ละ หน้าท่ขี องตนเคารพใน สทิ ธิของผอู้ ืน่ คณะครุศาสตร์ 167 มหาวิทยาลยั ราชภฏั นครสวรรค์
โครงการ “สนบั สนนุ DLTV เพ่อื แกไ้ ขปัญหาขาดแคลนครูใหก้ บั โรงเรยี นขนาดเลก็ ” ตอน ชื่อ สาระสำคัญ เวลา ท่ี (นาท)ี แนวทางในการปอ้ งกนั อาชญากรรมทาง 10 แนวทางการป้องกันการใช้งาน อินเทอรเ์ นต็ แจง้ ผเู้ กยี่ วข้องเม่อื พบขอ้ มูลหรอื บุคคลท่ีไม่เหมาะสม อนิ เทอรเ์ น็ต 168 คณะครศุ าสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภฏั นครสวรรค์
โครงการ “สนบั สนนุ DLTV เพ่อื แกไ้ ขปัญหาขาดแคลนครูใหก้ บั โรงเรยี นขนาดเลก็ ” ตอนที่ 1 การใชเ้ หตผุ ลเพื่อแก้ไขปญั หาแบบเป็นขั้นเปน็ ตอนในชวี ิตประจำวัน ในตอนท่ี 1 จะเปน็ เรอ่ื งเก่ียวกบั หลักการแก้ไขปัญหาโดยจะประกอบด้วย 4 ขัน้ ตอนคอื การวิเคราะห์ และกำหนดรายปัญหา การวางแผนในการแก้ปัญหา การดำเนินแก้ไขปัญหา และการตรวจสอบและปรับปรุง ที่จะสามารถทำใหเ้ ขา้ ใจถึงความสำคญั ของการใช้เหตุผลเพือ่ แก้ไขปญั หาในชีวติ ประจำวนั โดยใช้หลักการแก้ไขปัญหาแบบเป็นขั้นเป็นตอนไปใช้ในชีวิตประจำวัน เมื่อเกิดปัญหาระหว่างทำ กิจกรรมจะมีวิธีการแก้ไขปัญหาโดยการวิเคราะห์ปัญหาว่าเกิดจากอะไร ผลลัพธ์ที่ได้ควรเป็นแบบใด หลังจาก นั้นจึงจัดลำดับก่อนหลังในการแก้ไขปัญหาว่าสิ่งใดควรทำก่อนหรือทำหลังแบบเป็นขั้นเป็นตอน การฝึก กระบวนการแก้ปัญหาให้เปน็ ระบบ เป็นข้ันตอน จึงเป็นวธิ กี ารท่ีจะทำให้แก้ปัญหาได้อย่างถูกต้อง และรวดเร็ว สามารถสรปุ ขัน้ ตอนการแกป้ ัญหาประกอบ 4 ขั้นตอนดังนี้ 1. การวิเคราะห์และกำหนดรายปญั หา การแก้ไขปัญหาได้อย่างถูกต้องตรงกับความต้องการของปัญหา สิ่งแรกที่ต้องรู้คือ สิ่งที่ต้องการคือ อะไร มขี ้อมลู อะไรให้บา้ ง และตอ้ งพจิ ารณาวา่ มเี ง่ือนไขอะไร จำเปน็ ต้องหาขอ้ มูลเพม่ิ เติมหรือไม่ 2. การวางแผนในการแก้ปัญหา การวางแผนในการแก้ไขปัญหาด้วยการหาเทคนิควิธีการและเครื่องมือที่ใช้ในการแก้ไขปัญหาโดย เลือกจากประสบการณ์ หรือศึกษาลักษณะปัญหาที่คล้ายๆกัน นำมาเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาโดยการ ปรับปรุงแก้ไขให้เหมาะสม เมื่อได้แนวทางในการแก้ปัญหาแล้วจึงถ่ายทอดความคิดหรืออธิบายออกมาเป็น ขัน้ ตอนโดยอาศัยการเขยี นวิธีการแกไ้ ขแบบเป็นข้อ หรอื ผังงาน 3. การดำเนนิ การแกไ้ ขปัญหา การดำเนินการแก้ไขปัญหาตามขั้นตอนการนำเครื่องมือและวิธีการที่ได้วางแผนไวใ้ นขั้นตอนของการ วางแผนในการแก้ปัญหามาดำเนินการแก้ปญั หา ซึ่งทำใหเ้ ราสามารถแกป้ ัญหาได้อย่างรวดเรว็ และถูกต้องตาม การวางแผนทเ่ี ราคิดไว้ 4. การตรวจสอบและปรับปรุง ขั้นตอนการตรวจสอบและปรับปรุงเป็นขั้นตอนที่ทำหลังจากดำเนินการแก้ปัญหาแล้วต้องตรวจสอบ วา่ วธิ กี ารดงั กล่าวไดผ้ ลลัพธ์ท่ีถูกต้องตามที่ต้องการหรือไม่ มอี ุปสรรคอะไรบา้ ง ถ้าไม่ใชผ่ ลลพั ธ์ท่ีถูกต้องจะต้อง ปรับปรุงวิธีการแกไ้ ขปัญหาในแต่ละข้นั ตอนให้ถกู ต้อง คณะครุศาสตร์ 169 มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั นครสวรรค์
โครงการ “สนบั สนนุ DLTV เพ่อื แกไ้ ขปัญหาขาดแคลนครูใหก้ บั โรงเรียนขนาดเล็ก” ดังรูปด้านล่าง เปน็ ขน้ั ตอนของการทำงาน การวิเคราะห์และกาํ หนดรายละเอียดของปัญหา การวางแผนในการแก้ปัญหา การดาํ เนินการแกป้ ัญหา การตรวจสอบปรบั ปรุง การถ่ายทอดความคิดในการแก้ไขปญั หา ในการแก้ไขปัญหาท่ีมีความยุ่งยากซับซอ้ นควรมีขั้นตอนการวางแผนในการแก้ไขปัญหาแบบ เป็นขั้นเป็นตอนและสามารถทำความเข้าใจได้ง่าย ซึ่งสามารถทำได้โดยการถ่ายทอดความคิดที่มีการลำดับ กอ่ นหลัง ของข้นั ตอนการแก้ไขปัญหาใหม้ ีความชดั เจน โดยเปน็ ลำดบั ขั้นตอนท้งั รูปแบบข้อความ และควรมีใน รูปแบบของผงั งาน ในสว่ นของตอนท่ี 1 จะเปน็ ตวั อย่างของการแกไ้ ขปญั หาในรูปแบบขอ้ ความ 170 คณะครุศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั นครสวรรค์
โครงการ “สนบั สนนุ DLTV เพ่อื แกไ้ ขปัญหาขาดแคลนครูใหก้ บั โรงเรยี นขนาดเลก็ ” ตวั อยา่ งที่ 1 คณุ แม่สง่ั ไปซื้อน้ำตาล 1 ถุง 1. รับคำสั่งจากคุณแมไ่ ปซ้ือนำ้ ตาล 2. เดนิ จากบา้ นไปยังรา้ นค้า 3. บอกเจ้าของร้านว่า “น้ำตาล 1 ถุงครับ” 4. จ่ายเงนิ ใหก้ ับเจ้าของร้าน 5. เดินกลับบา้ น 6. นำน้ำตาลไปให้แม่ ตวั อย่างที่ 2 คณุ แม่ส่ังใหไ้ ปแปรงฟนั 1. รบั คำสงั่ คุณแมใ่ ห้ไปแปรงฟัน 2. เดนิ ไปหยบิ แปรงสีฟนั 3. ลา้ งแปรงสีฟัน 4. บีบยาสฟี ันใส่แปรงสีฟัน 5. แปรงเสรจ็ แลว้ ลา้ งแปรงสีฟนั 6. เก็บแปรงสีฟนั สรปุ ไดเ้ รียนร้เู ก่ยี วกบั ขน้ั ตอนในการแก้ไขปญั หาทง้ั หมด รายละเอยี ดแต่ละขั้นตอน การถ่ายทอดการแก้ไข ปญั หา และตัวอยา่ งของการแกป้ ญั หาแบบเป็นขั้นเป็นตอนในชวี ิตประจำวันอยา่ งง่ายเพื่อใหส้ ามารถนำไปปรับ ใช้ได้ คณะครุศาสตร์ 171 มหาวิทยาลยั ราชภฏั นครสวรรค์
โครงการ “สนบั สนนุ DLTV เพ่อื แกไ้ ขปัญหาขาดแคลนครูใหก้ บั โรงเรียนขนาดเล็ก” ตอนที่ 2 การเขยี นผงั งานเพอื่ แก้ไขปญั หาในชวี ติ ประจำวนั ในตอนที่ 2 เป็นการอธบิ ายถงึ สญั ลักณแ์ ละการเขียนผงั งานเบื้องตน้ เพ่อื ใช้ในการถ่ายทอดความคิดใน การแก้ไขปญั หาเพื่อให้บุคคลอ่นื สามารถเข้าใจถงึ วธิ ีการแก้ไขปัญหาของผ้เู ขยี นเพ่ือใชใ้ นการส่อื สาร ซึง่ เป็น สว่ นทตี่ อ่ จากตอนที่ 1 การเขียนผังงาน (Flow Chart) หมายถึง แผนภาพแสดงลำดับการเคลื่อนไหวหรือการกระทำของคน หรือสิ่งที่เกี่ยวข้องในระบบต่างๆ เป็นการแสดงภาพรวมและช่วยจัดลำดับขั้นตอนการทำงานในระบบได้อย่าง เป็นระเบียบ โดยผังงานจะแสดงในรูปแบบ กล่อง หรือ สัญลักษณ์ ในรูปทรงต่างๆ เพื่อแทนกิจกรรมและการ ตดั สนิ ใจ ทำความรู้จกั สัญลักษณ์ ท่ีจะใชใ้ นตอนท่ี 2 มีอะไรบ้าง หลักการนำสัญลกั ษณ์ Flowchart ตา่ งๆ มาเขยี นผงั งาน 1. ผงั งาน (Flowchart) ตอ้ งมจี ุดเรมิ่ ต้น และจุดสิ้นสุด 2. สัญลกั ษณ์แต่ละรูปจะถกู เชอ่ื มต่อด้วยทิศทางการทำงาน เพอื่ บอกวา่ เม่ือทำงานนเี้ สร็จต้อง ไปทำงานไหนต่อไป 3. การทำงานจะตอ้ งเรม่ิ ตน้ ท่ีจดุ เริ่มตน้ และจบทีจ่ ดุ สิ้นสดุ เทา่ นั้น 172 คณะครุศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั นครสวรรค์
โครงการ “สนบั สนนุ DLTV เพ่อื แกไ้ ขปัญหาขาดแคลนครูใหก้ บั โรงเรยี นขนาดเล็ก” ตัวอยา่ งที่ 1 1. รับคำสัง่ จากคุณแมไ่ ปซ้ือน้ำตาล 2. เดนิ จากบ้านไปยงั รา้ นค้า 3. บอกเจ้าของร้านวา่ “น้ำตาล 1 ถุงครับ” 4. จ่ายเงินใหก้ ับเจา้ ของร้าน 5. เดนิ กลบั บา้ น 6. นำนำ้ ตาลไปให้แม่ คณะครุศาสตร์ 173 มหาวิทยาลยั ราชภฏั นครสวรรค์
โครงการ “สนบั สนนุ DLTV เพ่อื แกไ้ ขปัญหาขาดแคลนครูใหก้ บั โรงเรยี นขนาดเลก็ ” ตวั อย่างท่ี 2 คณุ แมส่ ่งั ใหไ้ ปแปรงฟัน 1. รับคำส่งั คุณแมใ่ หไ้ ปแปรงฟัน 2. เดนิ ไปหยิบแปรงสฟี ัน 3. ลา้ งแปรงสฟี ัน 4. บีบยาสฟี ันใส่แปรงสีฟนั 5. แปรงเสรจ็ แลว้ ลา้ งแปรงสีฟนั 6. เก็บแปรงสฟี ัน 174 คณะครศุ าสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภฏั นครสวรรค์
โครงการ “สนบั สนนุ DLTV เพ่อื แกไ้ ขปัญหาขาดแคลนครูใหก้ บั โรงเรียนขนาดเล็ก” สรปุ ได้เรียนรู้เกี่ยวกับสัญลักษณ์ต่างๆและความหมายของสัญลักษณ์เพื่อที่จะใช้ในการการเขียนผังงาน แบบเป็นข้ันเปน็ ตอนในชวี ิตประจำวนั ซ่งึ สามารถนำไปปรบั ใชก้ บั การวางแผนในการทำงานได้ คณะครุศาสตร์ 175 มหาวิทยาลยั ราชภฏั นครสวรรค์
โครงการ “สนบั สนนุ DLTV เพ่อื แกไ้ ขปัญหาขาดแคลนครูใหก้ บั โรงเรียนขนาดเลก็ ” ตอนที่ 3 การใช้เหตผุ ลเพอื่ แกไ้ ขปญั หาแบบมีทางเลือกในชีวิตประจำวนั ในตอนที่ 3 จะเป็นการแก้ไขปัญหาในชีวิตประจำวันแบบที่มีทางเลือกเพื่อใช้ในการตัดสินใจโดยเป็น การเขยี นอธบิ ายเป็นลำดบั ข้นั ตอนในการปฏิบตั ิงาน โดยใช้หลักการแก้ไขปัญหาแบบมีทางเลือกในชีวิตประจำวัน เมื่อเกิดปัญหาระหว่างทำกิจกรรมจะมี วิธกี ารแกไ้ ขปัญหาโดยการวเิ คราะหป์ ญั หาวา่ เกดิ จากอะไร ผลลัพธ์ท่ีได้ควรเป็นแบบใด หลงั จากน้นั จึงจัดลำดับ ก่อนหลังและทางเลือก ในการแก้ไขปัญหาว่าสิ่งใดควรทำก่อนหรือทำหลังแบบเป็นขั้นเป็นตอนและสามารถ กำหนดทางเลือกได้ ตัวอย่างที่ 1 คณุ แม่สั่งไปซื้อน้ำตาล 1 ถุง ทร่ี ้านปา้ นวล ถา้ ร้านป้านวลปดิ ใหไ้ ปร้านป้าสาย 1. รบั คำสั่งจากคุณแม่ไปซื้อนำ้ ตาล 2. เดนิ จากบา้ นไปยงั ร้านปา้ นวล 3. ถ้าร้านป้านวลปดิ ไปรา้ นปา้ สาย 4. บอกเจ้าของร้านวา่ “นำ้ ตาล 1 ถงุ ครับ” 5. จา่ ยเงนิ ให้กบั เจา้ ของร้าน 6. เดนิ กลับบา้ น 7. นำน้ำตาลไปใหแ้ ม่ ตัวอยา่ งท่ี 2 สม้ โอหิวขา้ วจงึ ไปร้านอาหารตามสงั่ เพ่ือซ้ือขา้ วหมูทอดกระเทยี มแต่ถ้าไม่มีหมูทอดกระเทยี มจะซื้อผัด ซีอ๊ิวกลบั บ้าน 1. สม้ โอรู้สึกหวิ 2. ส้มโอเดนิ ไปรา้ นอาหารตามสัง่ 3. สม้ โอถาม “มีขา้ วหมทู อดกระเทียมไหม” 4. มขี ้าวหมูทอดกระเทียมกส็ ่ังใสก่ ลอ่ ง หายไมม่ ี ส่ังผดั ซีอิ๊วใสก่ ลอ่ ง 5. จา่ ยเงนิ ให้เจา้ ของรา้ น 6. เดินกลับบา้ น 7. เทใสจ่ าน 8. รับประทาน 176 คณะครศุ าสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภฏั นครสวรรค์
โครงการ “สนบั สนนุ DLTV เพ่อื แกไ้ ขปัญหาขาดแคลนครูใหก้ บั โรงเรยี นขนาดเล็ก” สรุป ได้เรียนรู้การใช้เหตุผลเพื่อแก้ไขปัญหาแบบทางเลือกในชีวิตประจำวัน เพื่อให้สามารถนำไปปรับใช้ ฝึกการวางแผนและหลักการคดิ แบบเปน็ ขน้ั เปน็ ตอนในการแก้ไขปญั หา คณะครุศาสตร์ 177 มหาวิทยาลยั ราชภฏั นครสวรรค์
โครงการ “สนบั สนนุ DLTV เพ่อื แกไ้ ขปัญหาขาดแคลนครูใหก้ บั โรงเรยี นขนาดเล็ก” ตอนที่ 4 การเขยี นผงั งานเพอ่ื แกไ้ ขปัญหาแบบมที างเลอื กในชีวติ ประจำวนั ในตอนท่ี 4 จะเป็นการแกไ้ ขปญั หาในชีวิตประจำวนั แบบมที างเลอื กเพ่ือใช้ในการตัดสนิ ใจโดยเป็นการ เขียนผังงานแบบเป็นขน้ั เปน็ ตอนในการอธิบายการแก้ไขปญั หาเพ่ือให้มคี วามเขา้ ใจเพิ่มมากข้ึนซง่ึ จะเป็นส่วนที่ ตอ่ จากตอนท่ี 3 การเขยี นผังงาน (Flow Chart) แบบมีเง่อื นไข เพ่ือให้มที างเลอื กในการทำงาน ถ้าไมส่ ามารถทำอยา่ ง หนง่ึ ได้ ให้ทำอีกอย่างหน่งึ โดยมสี ัญลักษณเ์ พ่มิ เตมิ ดังน้ี 178 คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภฏั นครสวรรค์
โครงการ “สนบั สนนุ DLTV เพ่อื แกไ้ ขปัญหาขาดแคลนครูใหก้ บั โรงเรยี นขนาดเลก็ ” ตัวอยา่ งที่ 1 คณุ แม่ส่ังไปซื้อนำ้ ตาล 1 ถุง ทร่ี ้านปา้ นวล ถา้ ป้านวลปดิ ให้ไปรา้ นปา้ สาย 1. รับคำสั่งจากคุณแม่ไปซื้อน้ำตาล 2. เดนิ จากบ้านไปยังร้านปา้ นวล 3. ถา้ รา้ นปา้ นวลปดิ ไปร้านป้าสาย 4. บอกเจ้าของรา้ นว่า “นำ้ ตาล 1 ถุงครบั ” 5. จา่ ยเงนิ ให้กับเจ้าของรา้ น 6. เดินกลับบา้ น 7. นำน้ำตาลไปให้แม่ คณะครุศาสตร์ 179 มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั นครสวรรค์
โครงการ “สนบั สนนุ DLTV เพ่อื แกไ้ ขปัญหาขาดแคลนครูใหก้ บั โรงเรยี นขนาดเลก็ ” ตัวอยา่ งท่ี 2 ส้มโอหิวขา้ วจึงไปร้านอาหารตามสง่ั เพื่อซ้ือขา้ วหมูทอดกระเทียมแต่ถ้าไม่มหี มูทอดกระเทยี มจะซื้อผัด ซอี ว๊ิ กลบั บา้ น 1. สม้ โอรู้สกึ หิว 2. สม้ โอเดนิ ไปร้านอาหารตามส่งั 3. ส้มโอถาม “มีข้าวหมทู อดกระเทียมไหมค่ะ” 4. มีขา้ วหมทู อดกระเทียมกส็ ั่งใสก่ ล่อง หายไม่มี สง่ั ผดั ซีอิ๊วใสก่ ลอ่ ง 5. จ่ายเงินใหเ้ จา้ ของร้าน 6. เดินกลับบา้ น 7. เทใส่จาน 8. รับประทาน 180 คณะครศุ าสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภฏั นครสวรรค์
โครงการ “สนบั สนนุ DLTV เพ่อื แกไ้ ขปัญหาขาดแคลนครูใหก้ บั โรงเรียนขนาดเลก็ ” สรปุ ได้เรียนรู้เกี่ยวกับการเขียนผงั งานแบบมีทางเลือกในชีวิตประจำวัน โดยการใช้สัญลักษณ์การตัดสนิ ใจ เพอื่ พิจารณาเงือ่ นไข ซึ่งสามารถนำไปปรบั ใชก้ ับการวางแผนในการทำงานได้ คณะครุศาสตร์ 181 มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั นครสวรรค์
โครงการ “สนบั สนนุ DLTV เพ่อื แกไ้ ขปัญหาขาดแคลนครูใหก้ บั โรงเรียนขนาดเลก็ ” ตอนท่ี 5 การใช้เหตผุ ลเพ่อื แกไ้ ขปญั หาแบบมกี ารทำซำ้ ในชีวติ ประจำวนั ในตอนที่ 5 จะเป็นการแก้ไขปัญหาในชีวิตประจำวันแบบที่มีการทำซ้ำๆกันโดยเป็นการเขียนอธิบาย เปน็ ลำดบั ขั้นตอนในการปฏบิ ัตงิ าน ในการดำเนินชวี ิตในแต่ละวัน จะมีการทำงานของการวนซำ้ และเง่ือนไขอยตู่ ลอดเวลาซึ่งการพิจารณา กระบวนการทำงานที่มีการทำงานแบบวนซ้ำหรือเงือ่ นไขเป็นวิธีการที่จะช่วยให้การออกแบบวิธีการแก้ปัญหา เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เนื่องจากจะช่วยให้สามารถ ออกแบบขั้นตอนการทำงานได้อย่างกระชับ ชดั เจน ไมซ่ ำ้ ซ้อน ตวั อยา่ งท่ี 1 มีเงินในกระเปา๋ 20 บาท ซ้ือขนมราคาชิน้ ละ 5 บาท จนเงินหมด 1. ตอ้ งการไปซื้อขนม มเี งนิ อยู่ 20 บาท 2. ไปร้านขนม 3. มีเงินอย่ใู นกระเป๋าไหม 3.1 ถ้ามเี งินอยู่ 3.1.1 ซ้ือขนม 1 ชิ้น ราคา 5 บาท 3.1.2 เงินในกระเปา๋ ลดลง 5 บาท ทำซ้ำข้อ 3.1 3.2 ถา้ ไม่มีเงิน ทำขอ้ 4 4. หยดุ ซือ้ ขนม กลับบา้ น 5. ตัวอยา่ งที่ 2 มีขนม 1 ห่อ หยิบขนมทานทลี ะช้นิ จนขนม หมดหอ่ 1. ไดร้ ับขนมมา 1 ห่อ 2. แกะหอ่ ขนม 3. มขี นมอยู่ในห่อไหม 3.1 ถา้ มขี นมอยู่ 3.1.1 หยิบขนมมากิน 1 ชิ้น 3.1.2 ขนมในหอ่ ลดลง 1 ชิน้ ทำขอ้ 3.1 3.2 ถา้ ไมม่ ีขนม ทำข้อ 4 4. หยดุ กินขนม 5. เอาหอ่ ขนมไปทิง้ สรุป ได้เรียนรู้การใช้เหตุผลเพื่อแก้ไขปัญหาแบบมีการทำซ้ำในชีวิตประจำวัน เพื่อให้สามารถนำไปปรับใช้ ฝึกการวางแผนและหลกั การคิดแบบเป็นขั้นเปน็ ตอนในการแก้ไขปัญหา 182 คณะครุศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั นครสวรรค์
โครงการ “สนบั สนนุ DLTV เพ่อื แกไ้ ขปัญหาขาดแคลนครูใหก้ บั โรงเรียนขนาดเลก็ ” ตอนที่ 6 การเขยี นผังงานเพอ่ื แกไ้ ขปญั หาแบบมีการทำซำ้ ในชีวติ ประจำวัน ในตอนท่ี 6 จะเป็นการแก้ไขปญั หาในชวี ิตประจำวันแบบที่มีการมีงานซ้ำๆ เพื่อใช้ในการตัดสินใจโดย เป็นการเขียนผังงานแบบเป็นขั้นเป็นตอนในการอธิบายการแก้ไขปัญหาเพื่อให้มีความเข้าใจเพิ่มมากขึ้นซึ่งจะ เป็นสว่ นท่ตี อ่ จากตอนท่ี 5 การเขยี นผงั งาน (Flow Chart) แบบมีเงื่อนไข เพ่ือใหม้ ีทางเลอื กในการทำงาน ถ้าไมส่ ามารถทำอยา่ ง หนง่ึ ได้ ให้ทำอกี อย่างหน่งึ และมกี ารวนกลับข้ึนไปทำงานใหม่ โดยมีสญั ลักษณ์เพิ่มเตมิ เหมอื นกับการเขยี นผงั งานเพ่ือแก้ปัญหาแบบมีทางเลือก คณะครุศาสตร์ 183 มหาวิทยาลยั ราชภฏั นครสวรรค์
โครงการ “สนบั สนนุ DLTV เพ่อื แกไ้ ขปัญหาขาดแคลนครูใหก้ บั โรงเรยี นขนาดเล็ก” ตวั อย่างที่ 1 มเี งินในกระเป๋า 20 บาท ซื้อขนมราคาชิน้ ละ 5 บาท จนเงินหมด 1. ตอ้ งการไปซื้อขนม มีเงนิ อยู่ 20 บาท 2. ไปรา้ นขนม 3. มีเงินอยใู่ นกระเปา๋ ไหม 3.1 ถ้ามเี งินอยู่ 3.1.1 ซอ้ื ขนม 1 ชิ้น ราคา 5 บาท 3.1.2 เงนิ ในกระเป๋าลดลง 5 บาท ทำซ้ำข้อ 3.1 3.2 ถ้าไม่มีเงิน ทำขอ้ 4 4. หยุดซอื้ ขนม กลับบ้าน เริม่ ต้น ตอ้ งการไปซ้ือขนม มเี งินอยู่ 20 บาท ไปร้านขนม มี มีเงนิ อยใู่ น ไม่มี กระเป๋าไหม ซื้อขนม 1 ชิ้น ราคา 5 บาท เงินในกระเป๋าลดลง 5 บาท เดินกลับบา้ น ส้นิ สุด 184 คณะครุศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั นครสวรรค์
โครงการ “สนบั สนนุ DLTV เพ่อื แกไ้ ขปัญหาขาดแคลนครูใหก้ บั โรงเรยี นขนาดเล็ก” ตัวอยา่ งที่ 2 มขี นม 1 ห่อ หยบิ ขนมทานทีละชิน้ จนขนม หมดห่อ 1. ได้รับขนมมา 1 ห่อ 2. แกะห่อขนม 3. มีขนมอยู่ในห่อไหม 3.1 ถ้ามขี นมอยู่ 3.1.1 หยิบขนมมากิน 1 ช้ิน 3.1.2 ขนมในห่อลดลง 1 ชิน้ ทำข้อ 3.1 3.2 ถา้ ไม่มีขนม ทำข้อ 4 4. หยุดกนิ ขนม 5. เอาหอ่ ขนมไปทิ้ง เร่ิมต้น ได้รับขนมมา 1 ห่อ แกะหอ่ ขนม มอี ยู่ มขี นมอยู่ใน ไมม่ แี ลว้ ห่อไหม หยบิ ขนมมากนิ 1 ชิน้ ขนมในหอ่ ลดลง 1 ชน้ิ หยดุ กินขนม เอาหอ่ ขนมไปทิง้ สน้ิ สุด คณะครุศาสตร์ 185 มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั นครสวรรค์
โครงการ “สนบั สนนุ DLTV เพ่อื แกไ้ ขปัญหาขาดแคลนครูใหก้ บั โรงเรียนขนาดเลก็ ” สรุป ไดเ้ รยี นรู้เก่ียวกับการเขียนผังงานแบบมีการทำซำ้ ในชีวติ ประจำวัน โดยการใชส้ ัญลักษณ์การตัดสินใจ เพอื่ พิจารณาเงอื่ นไข แต่จะแตกตา่ งจากตอนท่ี 4 เพราะเพื่อมีการพจิ ารณาเง่ือนไขแล้วจะมกี ารทำซ้ำหรือออก จากการทำซำ้ ซงึ่ สามารถนำไปปรับใชก้ ับการวางแผนในการทำงานได้ 186 คณะครศุ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั นครสวรรค์
โครงการ “สนบั สนนุ DLTV เพ่อื แกไ้ ขปัญหาขาดแคลนครูใหก้ บั โรงเรยี นขนาดเลก็ ” ตอนท่ี 7 วิธีการค้นหาข้อมลู อย่างมปี ระสิทธภิ าพ ในส่วนนเ้ี ปน็ การสอนเกย่ี วกับอนิ เทอรเ์ นต็ องคป์ ระกอบของอนิ เทอรเ์ น็ต โฮมเพจ โดเมนเนม การใช้ อินเทอร์เน็ตในการค้นหาข้อมูลอยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ และวิธีการคน้ หาข้อมูลเบ้ืองตน้ เพอ่ื ใหท้ ราบถงึ ความหมายของแตล่ ะส่วนและองค์ประกอบตา่ งๆ อินเทอรเ์ นต็ (Internet) เปน็ ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่ใหญ่ทสี่ ุด ท่ีเกดิ จากการเช่ือมโยงเครือข่ายคอมพิวเตอร์จำนวนมาก บนโลกใบนี้เข้าด้วยกัน โดยแต่ละเครอื ขา่ ยจะต้องมแี ม่ขา่ ย (Server) ที่เรียกวา่ โฮสต์ (Host) เปน็ คอมพิวเตอร์ ศนู ยก์ ลางทำหนา้ ที่ประมวลผลขอ้ มลู ทรี่ ับมาจากเครอื่ งคอมพิวเตอร์อนื่ ๆ องค์ประกอบของอินเทอรเ์ นต็ 1.ผูใ้ ห้บรกิ ารอินเทอร์เน็ต ISP หมายถงึ หนว่ ยงาน หรอื องค์กรผูท้ ่ใี หบ้ รกิ ารอินเทอรเ์ นต็ แกบ่ ุคคลท่ัวไป โดยผใู้ หบ้ รกิ ารอนิ เทอร์เน็ต รายใหญ่ที่สุดของไทย คือ การสื่อสารแห่งประเทศไทย หรือ กสท. แล้วเชื่อมโยงไปยังผู้ให้บริการรายอื่น เช่น TOT, 3BB, True, AIS ซึ่งจะเช่ือมไปยงั ผู้ใช้งานตามบา้ นเรอื นและบริษทั ต่าง ๆ 2.การเช่อื มต่อสญั ญาณความเร็วสูง ใยแก้วนำแสง (Optical Fiber) เป็นสายสัญญาณอีกชนิดหนึ่งที่ทำจากเส้นใยพิเศษที่สามารถรับ – ส่งข้อมูลได้ดีกว่าสายโทรศัพท์ ท่ัวไปและรวดเรว็ มากกวา่ 3.การสอ่ื สารแบบไรส้ าย เป็นระบบการส่ือสารโดยใช้คล่นื วทิ ยุและคล่นื ไมโครเวฟ รับ-ส่งสัญญาณแบบไรส้ ายจากดาวเทยี ม 4.เร้าเตอร์ (Router) เป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่เปลี่ยนรูปแบบสัญญาณข้อมูลระหว่างอะนาล็อกและดิจิทัล ความเร็วในการ สง่ ผา่ นขอ้ มลู ของเรา้ เตอรม์ ีหนว่ ยเปน็ บิตตอ่ นาที (bps) 5.คอมพิวเตอร์ลกู ขา่ ย (Client) เป็นคอมพิวเตอร์ทั่วไปที่รับ – ส่งข้อมูลมาจากเครื่องแม่ข่าย อาจจะเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์แบบต้ัง โต๊ะเคร่ืองโนต้ บคุ๊ เครอื่ งแล็ปทอ็ ป ฯลฯ ก็จดั เปน็ เครือ่ งลูกขา่ ยท้งั ส้นิ คณะครุศาสตร์ 187 มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั นครสวรรค์
โครงการ “สนบั สนนุ DLTV เพ่อื แกไ้ ขปัญหาขาดแคลนครูใหก้ บั โรงเรียนขนาดเล็ก” เวบ็ เบราว์เซอร์ (Web Browser) เครื่องมือหรือโปรแกรมที่เป็นเครื่องมือที่ใช้อ่านข้อมูลเอกสารบนเว็บไซต์ (Web Site) และเว็บเพจ (Web Page) ตา่ ง ๆ โดย เว็บเบราว์เซอร์ จะเชอ่ื มต่อกบั เวบ็ เซริ ์ฟเวอร์ ซ่งึ เป็นท่ีเกบ็ ข้อมูลต่างๆ ผา่ นเครือข่าย อนิ เทอร์เน็ต โปรแกรมเว็บเบราว์เซอร์ (Web Browser) ในปัจจุบันมีโปรแกรมเว็บเบราว์เซอร์หลายโปรแกรมด้วยกัน ตัวอยา่ งเชน่ - Microsoft Edge พฒั นาโปรแกรมโดยบริษทั ไมโครซอฟท์ - Google Chrome พัฒนาโปรแกรมโดย Google - ซาฟารี (Safari) พฒั นาโดยบรษิ ัทแอปเปิล คอมพิวเตอร์ สำหรับเครอื่ งแมคอินทอช โดยมาพร้อมกับ ระบบปฏบิ ัติการ Mac OS X - Mozilla Firefox พัฒนาโดยบรษิ ทั Mozilla เว็บเพจ (Web Page) คือ เอกสารที่ข้อมูลต่างๆ ที่ใช้ในการเผยแพร่ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ไม่ว่าจะเป็น ข้อความ ภาพ เสียง ภาพเคลือ่ นไหว ซึง่ สามารถจัดการให้เช่ือมต่อไปสู่ เว็บเพจอ่นื ภายในเว็บไซตเ์ ดียวกัน หรือเช่ือมต่อไปยัง เว็บไซตภ์ ายนอก ผา่ นทาง ไฮเปอร์ลงิ ก์ (Hyperlink) เว็บไซต์ (Website) คือหน้าเว็บเพจหลายหน้ามารวมกัน ซึ่งจะถูกเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน ด้วยสิ่งที่ที่เรียกว่า ไฮเปอร์ลิงก์ (HyperLink) หรือนิยมเรียกสั้นๆ ว่า ลิงก์ (Link) หน้าแรกของเว็บไซต์จะเรียกว่า โฮมเพจ (Home Page) ซ่ึง เป็นตำแหน่งที่เชื่อมต่อของเว็บเพจจะเรียกว่า URL หรือ โดเมนเนม ของเว็บไซต์ เช่น www.youtube.com เปน็ ต้น ไฮเปอร์ลิงก์ (HyperLink) หรือ ลงิ ก์ คือการเชื่อมโยงของเว็บเพจหรือเอกสารภายในเว็บเพจต่างๆ บนอินเทอร์เน็ต โดยเป็นลักษณะการ เช่อื มจากจุดหนึง่ ไปยังอกี จดุ หนงึ่ ซ่งึ สามารถแบ่งการลิงกบ์ นเวบ็ เพจ ออกได้เปน็ 2 แบบคือ 1. การลงิ ก์ภายในหน้าเว็บไซตเ์ ดียวกนั 2. การลิงกไ์ ปยงั เวบ็ ไซต์อนื่ โฮมเพจ (Home Page) เป็นคำที่ใช้เรียกหน้าแรกของเว็บไซต์ โดยจะเปรียบเสมือนกับเป็นสารบัญคำนำที่เจ้าของเว็บไซต์นั้น ได้สร้างขึ้น เพื่อใช้ประชาสัมพันธ์องค์กรของตนเพื่อเชื่อมโยงไปยังข้อมูลหรือเว็บเพจต่างๆทั้งภายในเว็บไซต์ และภายนอก 188 คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภฏั นครสวรรค์
โครงการ “สนบั สนนุ DLTV เพ่อื แกไ้ ขปัญหาขาดแคลนครูใหก้ บั โรงเรียนขนาดเล็ก” โดเมนเนม (Domain Name) หมายถึงชื่อที่อยู่ของเว็บไซต์บนอินเทอร์เน็ตหรือจะเรียกว่า URL โดยจะต้องทำการจดทะเบียนกับ องคก์ รต่างๆ เชน่ ถา้ ชื่อลงทา้ ยดว้ ย (นามสกุล) .ac.th จะเป็นโดเมนสำหรับสถานบันการศกึ ษา เปน็ ต้น การใช้อินเทอรเ์ น็ตในการค้นหาข้อมลู อยา่ งมปี ระสิทธิภาพ การค้นหาอย่างมีประสิทธิภาพ ผู้ค้นต้องมี เทคนิคในการค้นหาข้อมูลให้ได้ข้อมูลที่ตรงตามความ ต้องการในเวลาที่รวดเร็ว และนำข้อมูลจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือหลายแหล่ง ที่มีความสอดคล้องกัน และ นำมาจัดลำดับผลลัพธ์จากการคน้ หา การเรยี บเรียง สรุปสาระสำคญั เพ่อื นำมาทำเปน็ รายงานต่อไป 1. การค้นหาข้อมลู ให้กำหนดหัวข้อและเลือก คำสำคัญ (Keyword) ที่เหมาะสม ในการค้นหา และต้องรู้จักใช้ เทคนิค การคน้ หาขน้ั สงู เชน่ ใชต้ ัวดำเนนิ การ การระบุรปู แบบของขอ้ มูล หรอื ชนดิ ของไฟล์ ในการค้นหา 2. การพิจารณาผลการคน้ หา ให้พิจารณาเลือกใช้ข้อมูลจาก เว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือ และจากหลายแหล่ง และนำมาจัดลำดับผลลัพธ์ จากการคน้ หา 3. ประเมนิ ความน่าเชอื่ ถอื ของข้อมูล โดยนำข้อมูลที่ได้จากหลายแหล่งนำมา เปรียบเทียบ หาความสอดคล้อง เพื่อให้ได้ความสมบูรณ์ของ ขอ้ มลู โดยจะตอ้ งประเมินแหล่งตน้ ตอของขอ้ มูล ผเู้ ขยี น วันท่เี ผยแพร่ 4. เรียบเรยี งข้อมูล และสรปุ สาระสำคญั นำข้อมูลทไ่ี ดม้ า เรยี บเรยี งและสรุปสาระสำคัญ พร้อมทงั้ พจิ ารณารายละเอียดหรือลักษณะของข้อมูล ความสมบูรณ์ของข้อมูล ข้อมลู ทด่ี ตี ้องมีรายละเอียดครบทุกด้าน เช่น ขอ้ ดแี ละข้อเสยี ประโยชนแ์ ละโทษ เพื่อ นำไปทำเปน็ รายงานตอ่ ไป คณะครุศาสตร์ 189 มหาวิทยาลยั ราชภฏั นครสวรรค์
โครงการ “สนบั สนนุ DLTV เพ่อื แกไ้ ขปัญหาขาดแคลนครูใหก้ บั โรงเรยี นขนาดเล็ก” การคน้ หาข้อมูล เนื่องด้วยอินเทอร์เน็ตเป็นแหล่งข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ที่ใหญ่ที่สุด และมีการปรับปรุง (Update) ข้อมูลอยู่ตลอดเวลาโดยมี เว็บไซต์ (Website) ซึ่งเป็นเอกสารเก็บรวบรวมข้อมูลตา่ งๆ ทั้งข้อความ ภาพ เสียง และภาพเคลื่อนไหวขององค์กรต่างๆ นำออกมาเผยแพร่ โดยปัจจุบันมีจำนวนเว็บไซต์มากกว่า 1,200 ล้าน เว็บไซต์ ซึ่งการหาขอ้ มูลสามารถหาไดจ้ าก เวบ็ ไซตท์ ่ใี ชใ้ นการสบื ค้นหรอื ท่ีเรียกวา่ Search Engine เชน่ เวบ็ ไซตส์ ำหรับสืบคน้ (Search Engine) คือ เครอื่ งมอื หรือโปรแกรมทใี่ ช้ในการค้นหาข้อมลู บนเว็บไซต์ต่างๆ โดยการกรอกข้อมูลหรือคำสำคัญ (Keyword) ทต่ี อ้ งการค้นหา เข้าไปใส่ชอ่ งค้นหา (Search Box) แลว้ รายช่อื เวบ็ ไซต์ทม่ี ีเนื้อหาเก่ียวข้องกับคำ สำคัญจะถกู แสดงออกมา การค้นหาแบบพ้ืนฐาน (Basic Search) 1. การคน้ หาโดยใช้ คำสำคญั หรอื คยี เ์ วริ ์ด(Keyword) ซึ่งคำทใ่ี ช้ควรเปน็ คำที่ตรงประเด็น กระชับจะ ทำให้ได้ผลลพั ธท์ ีร่ วดเรว็ และตรงตามความต้องการ เพือ่ ค้นหาข้อมลู ในเวบ็ ไซต์ โดยคำสำคญั ต่างๆ เชน่ 2. ชื่อผู้แต่ง เป็นการค้นหาโดยใช้ชื่อผู้แต่งซึ่งอาจจะเป็นชื่อบุคคล กลุ่มคน นามปากกา หรือเจ้าของ บทความ เช่น ชื่อหน่วยงาน/องค์กร ที่เป็นผู้แต่งหรือผู้เผยแพร่บทความ เช่น รศ.ดร. วรรณพงษ์ เตรียมโพธ์ิ เปน็ ต้น 3. ชื่อเรื่อง เป็นการค้นหาข้อมูล ด้วยชื่อเรื่อง เช่น ชื่อหนังสือ ชื่อบทความ ชื่อเรื่องสั้น นวนิยาย ชื่อ งานวจิ ยั หรอื วิทยานพิ นธ์ เช่น ชนิดของคำในภาษาไทย เป็นตน้ 4. หัวเรื่อง คือ คำสั้นๆ ที่กำหนดขึ้นมา เพื่อใช้แทนภาพรวมของเนื้อหาหรือข้อมูลที่ต้องการค้นหา เช่น การท่องเทยี่ วจงั หวดั กระบ่ี เปน็ ตน้ 5. คำหรือวลีสั้นๆ คือ การค้นหาด้วยคำหรือวลีสั้นๆ โดยทั่วไปคำจะมีลักษณะที่สั้น กะทัดรัด ได้ ใจความ มคี วามหมาย เปน็ คำนามหรือเปน็ ศพั ท์ ภายในเนอื้ หาขอ้ มูลทตี่ อ้ งการ เช่น การเดินทางไปทะเลแหวก เปน็ ตน้ 190 คณะครศุ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั นครสวรรค์
โครงการ “สนบั สนนุ DLTV เพ่อื แกไ้ ขปัญหาขาดแคลนครูใหก้ บั โรงเรยี นขนาดเล็ก” สรปุ ได้เรียนรู้เกี่ยวกับองค์ประกอบของอินเทอร์เน็ตที่ใช้งานในปัจจุบัน ความหมายของการใช้งาน อินเทอรเ์ น็ต วิธกี ารค้นหาข้อมลู ท่ตี อ้ งการจากคำหรือข้อความในรูปแบบต่างๆ คณะครุศาสตร์ 191 มหาวิทยาลยั ราชภฏั นครสวรรค์
โครงการ “สนบั สนนุ DLTV เพ่อื แกไ้ ขปัญหาขาดแคลนครูใหก้ บั โรงเรยี นขนาดเลก็ ” ตอนท่ี 8 เทคนิคการค้นหาขอ้ มลู เฉพาะเจาะจง ในตอนที่ 8 เป็นการค้นหาข้อมูลขั้นสูงเพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลที่ต้องการจริงๆ และยังต้องเป็น แหล่งข้อมูลที่ถูกต้องเช่ือถือได้ ซง่ึ ในเน้อื หาจะมีรายละเอียดของวธิ ีการค้นหาในรูปแบบต่างๆให้เลือกใช้ในการ หาขอ้ มลู รวมไปถงึ การพจิ ารณาผลการค้นหาขอ้ มลู และการประเมนิ ความน่าเชอื่ ถือของข้อมูลอีกดว้ ย การใช้เทคนิคการค้นหาข้นั สูง (Advanced Search) เปน็ การเพม่ิ ความซบั ซ้อนในการค้นหามากกว่าการค้นหาแบบพืน้ ฐานโดยมีเทคนิคท่ชี ว่ ยให้การค้นหา ไดผ้ ลลพั ธก์ ารคน้ หาที่แคบลง หรอื ตรงกบั ความต้องการมากท่สี ุด เช่น การตดั คำ การจำกดั การค้นหาการใช้ตัว ดำเนินการ การระบุรูปแบบของข้อมลู หรอื ชนดิ ของไฟล์ ดงั รายละเอยี ดต่อไปน้ี 1. การใชเ้ ครือ่ งหมายคำพดู “…” ในกรณที ่ีตอ้ งการคำเฉพาะ เช่น “windows 10” หากไม่ใส่ เครือ่ งหมายคำพูด จะทำให้ได้ผลพั ธข์ องท้ัง “Windows” และ “10” ไม่ใช้ “Windows 10” ซ่งึ เป็นคำ เฉพาะทีต่ ้องการ 2. ใชเ้ ครือ่ งหมายดอกจนั แทนคำทค่ี ุณจำไม่ได้ “….** โดยหากต้องการคน้ หาบางคำแต่จำคำได้ไม่ ครบถว้ นใหใ้ ส่เครื่องหมายดอกจนั ต่อท้าย * เช่น คำชวัญประจำนครปฐม 3. การใช้เครื่องหมายบวกลบเพื่อคดั เลอื กคำ + (บวก) หน้าคำทต่ี ้องการจริง – (ลบ) ใช้นำหน้าคำที่ ไมต่ ้องการ เช่น การท่องเท่ียวทไ่ี มใ่ ชภ่ เู ขา แต่เป็นทะเล 4. ระบุประเภทของเวบ็ ไซต์ เช่น คน้ หาโรงเรียนเฉพาะเวบ็ ไซต์ของสถานศึกษาในประเทศไทย โรงเรยี น Site:ac.th การใช้เทคนิคสบื ค้นข้อมลู โดยใช้ตวั ดำเนนิ การ หรอื ตรรกบูลนี (Boolean Logic) เปน็ การคน้ หา โดย ใช้คำเชอื่ ม 3 ตวั คือ AND, OR, NOT ดงั นี้ หมายเหตุ : หรือผคู้ น้ หาสามารถใช้ตัวดำเนนิ การเชอื่ มตอ่ กันกไ็ ด้ เชน่ … and …. not ….. 1. คำเชือ่ ม AND คอื การคน้ หาโดยจะตอ้ งมคี ำนน้ั ๆ มาแสดงเพมิ่ ขึน้ ดว้ ย เชน่ ทะเล AND ภเู ขา หมายถึงให้แสดงข้อความทีม่ ีทงั้ ทะเลและภเู ขา ขน้ึ มาแสดงผลการค้นหา 2. คำเชื่อม OR คือ การค้นหาโดยจะต้องนำคำใดคำหนง่ึ ท่ีพมิ พล์ งไปมาแสดง หรือท้งั สองคำ เช่น สถานที่ท่องเทีย่ ว ภเู ขา OR น้ำตก หมายถึง ใหแ้ สดงสถานท่ีท่องเทย่ี วทเี่ ป็น ภูเขา หรอื นำ้ ตก หรือแสดงอยา่ ง ใดอยา่ งหนึ่ง 3. คำเชอ่ื ม NOT คือ การคน้ หาโดยไมใ่ หเ้ ลอื กคำนนั้ ๆ มาแสดง เช่น สถานที่ท่องเทีย่ ว NOT วัด หมายถึง สถานทที่ อ่ งเที่ยว ท่ไี มใ่ ช่วดั 4. คน้ หาไฟล์ เชน่ ระบุชนิดของไฟลเ์ อกสาร เชน่ pdf, ppt, doc เป็นต้น filetype:pdf ท่องเท่ียว การพิจารณาผลการค้นหาขอ้ มลู 192 คณะครศุ าสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภฏั นครสวรรค์
โครงการ “สนบั สนนุ DLTV เพ่อื แกไ้ ขปัญหาขาดแคลนครูใหก้ บั โรงเรียนขนาดเลก็ ” เมื่อใช้คำสำคัญในการค้นหาข้อมูลจะพบเว็บไซต์ต่างๆ แล้วสิ่งควรทำจะต่อไป คือ การประเมินความ น่าเชือ่ ถือของเว็บไซต์ โดยควร เลือกเวบ็ ไซต์ทม่ี ีความนา่ เชอื่ ถือ เช่น .ac.th , .or.th , .go.th , .co.th เลือก ข้อมูลที่มีความทันสมัยโดยสังเกตวันที่เผยแพร่ข้อมูล สังเกตข้อมูลย่อๆ ว่าตรงกับที่ต้องการหรือไม่ และ จดุ ประสงคท์ ีข่ อ้ มลู นี้ถกู ส่งออกมา การประเมินความน่าเชื่อถือของข้อมลู เมื่อได้ข้อมูลจากการค้นหาแล้วและพิจารณาแล้วว่าเว็บไซต์ที่เลือกนำมาใช้เป็นเว็บไซต์ที่มีความ น่าเชื่อถือ ขั้นตอนต่อไปก็คือการวิเคราะห์เนื้อหาโดยตรวจสอบว่าข้อมูลตรงกับ ความต้องการหรือไม่ ชื่อ ผู้เขียนน่าเชื่อถือหรือไม่ วันที่เผยแพร่ข้อมูล แล้วจึงนำข้อมูลมาทำการเปรียบเทียบความสอดคล้อง และจัด กล่มุ เนือ้ หา เพอื่ ใหไ้ ด้ความสมบูรณ์ของข้อมลู โดยใชแ้ หล่งข้อมลู หลายแหล่ง แล้วจึงรวบรวมขอ้ มูลที่ได้นั้นนำไป ประมวลผล วเิ คราะหห์ าทางเลอื กเพอ่ื กลายเปน็ สารสนเทศต่อไป สรปุ ได้เรยี นรู้เกย่ี วกับการคน้ หาข้อมลู จากอินเทอร์เน็ตท่ลี ะเอยี ดเพม่ิ มากข้ึนการใช้สญั ลักษณต์ ่างๆ ในการ ค้นหาข้อมูล เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ต้องการมากที่สุด รวมถึงวิธีการการประเมินความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ที่หา ข้อมูล คณะครุศาสตร์ 193 มหาวิทยาลยั ราชภฏั นครสวรรค์
โครงการ “สนบั สนนุ DLTV เพ่อื แกไ้ ขปัญหาขาดแคลนครูใหก้ บั โรงเรียนขนาดเล็ก” ตอนท่ี 9 อันตรายจากการใชง้ านอนิ เทอรเ์ นต็ ในตอนที่ 9 จะเป็นเรื่องของอันตรายจากการใช้งาน อาชญากรรมทางอินเทอร์เน็ต เพื่อให้ทราบถึง วธิ ีการตา่ งๆในการจะโจมตี ทำร้าย หรอื ขโมยขอ้ มูลท่ีมีอยู่ในคอมพิวเตอร์และอินเทอรเ์ น็ต รวมไปถึงการโจมตี ในรูปแบบตา่ งๆ และพ.ร.บ.คอมพวิ เตอร์ฉบบั ใหม่ อาชญากรรมทางอินเทอร์เน็ต (Cyber Crime) อาชญากรรมทางโลกไซเบอร์หรือทางอินเทอร์เน็ต เป็นการกระทำที่ใช้เครือข่ายคอมพิวเตอร์และ อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ เพื่อทำให้มุ่งหวัง เจาะระบบคอมพิวเตอร์ ขโมยหรือทำลายข้อมูล หรือ ใช้อินเทอร์เน็ต เพื่อทำร้ายหรือขโมยข้อมูลของบุคคลอื่น โดยมุ่งหวังให้บุคคลใดได้ประโยชน์ ซ่ึงจาก พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ 2560 สามารถแบง่ วธิ ีการที่อาชญากรใช้คอมพวิ เตอร์และอินเทอร์เน็ตทำใหเ้ กดิ อาชญากรรมได้ 3 แบบ คือ 1. เจาะหรือทำลายระบบคอมพิวเตอร์ เชน่ การเข้าถงึ ระบบคอมพวิ เตอร์โดยไม่ได้รบั อนุญาต หรอื การนำข้อมูลการป้องกัน ระบบคอมพวิ เตอร์ ท่ผี ้อู นื่ จดั ทำขึ้นเป็นการเฉพาะไปเปิดเผยโดยไมช่ อบ การกระทำ เพื่อให้การทำงานของ ระบบคอมพิวเตอร์ของผูอ้ ่ืนไมส่ ามารถทำงานได้ตามปกติ การสง่ ขอ้ มูลคอมพิวเตอร์ รบกวนการใช้ระบบคอมพวิ เตอร์ของคนอน่ื โดยปกตสิ ขุ เช่น SPAM Mail, Malware, Virus เป็นตน้ 2. ทำลายหรือขโมยข้อมูลคอมพิวเตอร์ เช่น การเข้าถงึ การดกั รับ การทำให้เสยี หาย ทำลายแก้ไข เปลย่ี นแปลง เพม่ิ เติม ข้อมูลคอมพิวเตอร์ โดยไม่ชอบ การ กระทำผดิ ต่อความม่ันคง 2.1 ก่อความเสียหายแก่ ข้อมูลคอมพวิ เตอร์ 2.2 กระทบต่อความมนั่ คงปลอดภยั ของประเทศและเศรษฐกิจ 2.3 เป็นเหตใุ ห้ผู้อ่ืนถึงแกช่ ีวติ 3. การนำคอมพวิ เตอร์มากระทำความผิด เช่น ภาพลามกอนาจาร ผู้ใหบ้ รกิ ารจงใจสนับสนุน-ยินยอม ให้มกี ารกระทำความผดิ รวมถงึ การตกแตง่ ข้อมูลคอมพวิ เตอรท์ ี่เป็นภาพบุคคล 3.1 การเงิน เป็นการขโมยข้อมูลส่วนตัวหรือข้อมูลทางการเงิน เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ ทางดา้ นการเงิน หรอื เพอื่ ทำลายข้อมูลหรือระบบคอมพิวเตอร์ของ อี-คอมเมริ ์ซ 3. 2 การละเมิดลิขสิทธิ์ การขโมยผลงานที่มีลิขสิทธิ์ เพื่อนำไปจำหน่ายหรือเผยแพร่ผลงาน สรา้ งสรรคท์ ่ไี ด้รบั ความคมุ้ ครองลิขสิทธิ์ 3.3 การเจาะระบบ เป็นการใช้โปรแกรมเพื่อเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ เพื่อขโมยข้อมูล หรือ ทำลายระบบคอมพวิ เตอร์ เช่น การกอ่ การรา้ ย การเรียกคา่ ไถ่ 3.4 การก่อการร้ายทางคอมพิวเตอร์ เป็นการเจาะระบบคอมพิวเตอร์และนำเข้าหรอื ส่งออก เพ่ือทำลายหรอื เรียกคา่ ไถ่ หรอื ส่งข้อมูลทผ่ี ิดตอ่ ความมน่ั คง 3.5 ข้อความและภาพอนาจารทางออนไลน์เป็นการใช้คอมพิวเตอร์ในการส่งข้อมูลที่ไม่ เหมาะสม เชน่ ข้อความล่อแหลมภาพลามกอนาจาร ภาพตดั ตอ่ 3.6 การกลั่นแกล้งทางอินเทอร์เน็ต เป็นการนำเข้าหรือส่งออกข้อมูลอันเป็นเท็จที่มี ผลกระทบต่อบคุ คลหรอื องค์กรตา่ งๆ 194 คณะครศุ าสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภฏั นครสวรรค์
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263