วันที่ 11 กรกฎาคม 2533 คณะกรรมการผลักดันกฎหมายประกัน สังคม ส่งผแู้ ทนเข้ารว่ มฟงั การประชมุ 50 กวา่ คน ในขณะที่สภาผู้แทนราษฎร ได้ประชุมนัดพิเศษ เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบร่าง พ.ร.บ. ประกันสังคม น้ี ปรากฏว่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งหมดมาประชุมพร้อมเพรียงกันโดยท่ี ประชุมมีมติยืนยันตามร่างของกรรมาธิการร่วมด้วยคะแนนเสียงเป็นเอกฉันท์ 330 เสียง ในเย็นวันเดียวกันน้ัน คณะกรรมการผลักดันกฎหมายประกันสังคม จัดชุมนุมท่ีท้องสนามหลวง มีคนงานจากย่านอ้อมน้อย-อ้อมใหญ่ รังสิต และ พระประแดง เข้าร่วมประมาณ 1,000 คน เพื่อกล่าวขอบคุณสภาผู้แทน ราษฎรท่ีลงมติผ่านกฎหมายประกันสังคม และตกลงร่วมกันว่าจะผลักดัน ให้รัฐบาลและรัฐสภารีบผ่านร่าง พ.ร.บ. จัดตั้งส�ำนักงานประกันสังคม เรียกร้องการปรับค่าจ้างขั้นต่�ำในเดือนตุลาคมนี้ และเคลื่อนไหวคัดค้านสินค้า ราคาแพง รวมทงั้ จะสนบั สนนุ การตอ่ สเู้ พอ่ื สทิ ธเิ สรภี าพของประชาชนกลมุ่ ตา่ ง ๆ เชน่ การยกเลกิ กฎหมาย ปว.42 ของสอ่ื มวลชน • วเิ คราะหบ์ ทบาทขององค์กรแรงงาน ในการผลักดัน กฎหมายประกันสังคม 1. บทบาทกลุ่มยา่ นอ้อมนอ้ ย-ออ้ มใหญ่ พื้นที่อ้อมน้อย-อ้อมใหญ่ อยู่ในเขต ต.อ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร และ ต.อ้อมใหญ่ อ.สามพราน จ.นครปฐม และถกู พิจารณาให้ เปน็ พนื้ ทอี่ ตุ สาหกรรมตามแผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ ชาตติ งั้ แตฉ่ บบั ที่ 1 พ.ศ. 2506 จนเกดิ โรงงานทอผ้าเพชรเกษมท่ี ต.ออ้ มนอ้ ย ก่อนจะเกิดโรงงาน อตุ สาหกรรมหลายประเภทตามมา โดยเฉพาะในช่วงปี 2514-2516 โรงงานในเขตอ้อมน้อยส่วนใหญ่เป็นโรงงานขนาดกลางและโรงงาน ขนาดเล็ก มีโรงงานขนาดใหญ่ไม่มากนัก มีคนงานตั้งแต่ 50-200 คน สภาพการทำ� งานของคนงานและสงิ่ แวดลอ้ มในการทำ� งานของโรงงานแถบนเ้ี ลว รา้ ยมาก นายจา้ งใหค้ า่ แรงตำ�่ ไมม่ สี วสั ดกิ าร โรงงานมสี ง่ิ แวดลอ้ มเปน็ พษิ สภาพ การทำ� งานไม่ปลอดภัย คนงานไมม่ เี สรีภาพในการรวมกล่มุ 51
วันท่ี 17 พฤษภาคม 2533 นายวฒนั า อศัวเหม รมช.กระทรวงมหาดไทย (ขณะนน้ั ) และ อาจารย์นคิ ม จัทรวิทรุ (ลูกศรช)ี้ ออกมาพดู คุยกบกั ลุ่มผู้ชุมนมุ วันที่ 18 พฤษภาคม 2533 กลุม่ แรงงาน เผาพรกิ เผาเกลือสาปแชง่ คนท่ไี ม่จรงิ ใจ กับการออกกฎหมายประกนั สงั คม
คนงานอ้อมน้อยเริ่มรวมตัวกันอย่างเห็นได้ชัดเมื่อคนงานโรงงาน เพชรเกษม 2 ร่วมกันเรียกร้องให้นายจ้างเพ่ิมค่าจ้าง และสวัสดิการตามท่ี กฎหมายก�ำหนด จนกระทั่งจัดตัง้ สมาคมลกู จา้ งอตุ สาหกรรมทอผ้าสมทุ รสาคร โดยมี นายประสิทธิ์ ไชโย เป็นประธาน และนายบัณฑิตย์ จันทร์งาม เป็นแกนนำ� ส�ำคญั หลงั จากรัฐประหารในวันที่ 6 ตุลาคม 2519 สหภาพแรงงานในกล่มุ ย่านอ้อมน้อย-อ้อมใหญ่ ถูกทำ� ลายไปทงั้ หมด กระท่ัง พ.ศ. 2524 จงึ มกี ารกอ่ ตัง้ สหภาพแรงงานขึ้นใหม่ คือ สหภาพแรงงานกจิ การสิง่ ทอนครหลวง โดยผู้น�ำ แรงงานทมี่ บี ทบาทสำ� คญั ในการทำ� งานสหภาพ คอื คำ� ปนุ่ วงษข์ นั กอ่ นทอี่ งคก์ ร พฒั นาเอกชนจะเขา้ ไปสนบั สนนุ การจดั ตงั้ สหภาพแรงงานใหเ้ กดิ ขนึ้ ในกลมุ่ ยา่ น ประมาณ 10 กวา่ แห่ง กลุ่มสหภาพแรงงานรวมตัวเป็นกลุ่มย่านอ้อมน้อย-อ้อมใหญ่ โดยมี บทบาทในการชว่ ยเหลอื ปญั หาดา้ นสทิ ธแิ รงงาน และการรบั เรอ่ื งราวรอ้ งทกุ ขท์ ่ี คนงานถกู เอารดั เอาเปรยี บจากนายจา้ ง ผนู้ �ำแรงงานสำ� คญั ในชว่ งนน้ั คอื สรุ นิ ทร์ พิมพ์พา สงวน ขุนทรง และวิไลวรรณ แซ่เตยี นอกจากนย้ี ังมสี หภาพแรงงาน ที่มีบทบาทในการขับเคล่ือนปัญหาแรงงานในพ้ืนที่ เช่น สหภาพแรงงาน สิ่งทอนครหลวง สหภาพแรงงานโรเยลอินดัสตี้ สหภาพแรงงานทานตะวัน สหภาพแรงงานทอผ้าลกู ไม้ สหภาพแรงงานเหรียญไทย ฯลฯ ในการเคลื่อนไหวเพื่อผลักดัน พ.ร.บ. ประกันสังคม กลุ่มย่าน อ้อมน้อย-อ้อมใหญ่ ได้มีบทบาทน�ำคนงานออกมาขับเคล่ือนคร้ังละจ�ำนวน มาก ๆ เหตผุ ลทสี่ ามารถท�ำได้ ก็คือ 1. คนงานในพน้ื ท่อี อ้ มน้อย-ออ้ มใหญ่ สว่ นใหญ่เป็นคนงานในโรงงาน ขนาดเลก็ และขนาดกลางทไี่ มม่ สี วสั ดกิ ารใด ๆ นอกจากคา่ แรงขน้ั ตำ�่ ทำ� ใหค้ นงาน มีความคาดหวังว่ากฎหมายประกันสังคมจะให้ความคุ้มครองด้านการเจ็บป่วย และด้านตา่ ง ๆ 53
2. กลุ่มคนงานย่านอ้อมน้อย-อ้อมใหญ่ มีการจัดตั้งสหภาพท่ีมีความ เข้มแข็งในระดับหนึ่ง ทำ� ให้การขับเคล่ือนของผู้นำ� ในกลุ่มย่านทำ� ได้อย่างฉับไว และทันสถานการณ์ 3. คนงานกลมุ่ ยา่ นออ้ มนอ้ ย-ออ้ มใหญ่ ไดร้ บั การสนบั สนนุ จากองคก์ ร พัฒนาเอกชนด้านแรงงาน โดยเฉพาะจากสมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน และกลมุ่ เพอ่ื นหญงิ ในดา้ นขอ้ มลู ขา่ วสาร การฝกึ อบรม และสทิ ธแิ รงงาน ท�ำให้ คนงานมีข้อมูลข่าวสารทันสถานการณ์จนสามารถรณรงค์เคล่ือนไหวได้อย่างมี ประสทิ ธิภาพ 2. บทบาทกลมุ่ ย่านพระประแดง สมทุ รปราการและใกล้เคียง อำ� เภอพระประแดงเปน็ เขตอตุ สาหกรรมส�ำคญั ของจงั หวดั สมทุ รปราการ ทเ่ี กดิ จากแผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ ชาติ ทมี่ งุ่ ขยายพนื้ ทอี่ ตุ สาหกรรม ไปยงั เขตปรมิ ณฑลของกรงุ เทพฯ พระประแดงเปน็ พน้ื ทซี่ งึ่ มโี รงงานอตุ สาหกรรม หนาแน่น กล่าวคือมีโรงงาน 1,113 แห่ง มีลูกจ้าง 86,730 คน เทียบกับ ทงั้ จงั หวดั ทมี่ โี รงงานทงั้ ส้ิน 4,139 แหง่ และมีลกู จา้ ง 295,875 คน จะเห็นว่า มีคนงานท�ำงานในเขตพระประแดงเกือบ 1 ใน 3 ของคนงานในจังหวัด สมทุ รปราการทงั้ หมด ความหนาแนน่ ของจำ� นวนโรงงานและผใู้ ชแ้ รงงาน ทำ� ใหพ้ ระประแดง เปน็ พน้ื ทอ่ี ตุ สาหกรรมทเ่ี กดิ การรวมกลมุ่ ของคนงานโรงงานอตุ สาหกรรมตา่ ง ๆ ซง่ึ มบี ทบาทเคลอ่ื นไหวปญั หาแรงงานทสี่ ำ� คญั หลายตอ่ หลายครง้ั คนงานบรเิ วณ นี้มีฐานกำ� ลังหลักจากสหภาพแรงงานด้านกิจการสิ่งทอ เหล็ก และโลหะ โดย เฉพาะสหภาพแรงงานกิจการส่ิงทอท่ีเกิดขึ้นมาต้ังแต่ พ.ศ. 2523-2524 โดยมี ผ้นู �ำแรงงานส�ำคัญ คือ คำ� ปนุ่ วงษข์ ัน และ ฉนิ้ ทองมี พวกเขาต้องการให้คนงานผู้ถูกเอารัดเอาเปรียบมีเสรีภาพในการ รวมกลุ่มกันตั้งสหภาพแรงงาน เพ่ือคุ้มครองสิทธิของผู้ใช้แรงงานด้านต่าง ๆ ท่ี 54
รัฐบาลไม่สามารถช่วยเหลือได้ทันท่วงที แนวคิดในการท�ำกลุ่มสหภาพแรงงาน พระประแดงถูกฟื้นฟูข้ึนอีกครั้งในช่วง พ.ศ. 2529 เม่ือเพ่ือนผู้น�ำแรงงานย่าน อตุ สาหกรรมนั้นมีการพดู คยุ กนั แกนน�ำกลุ่มย่านพระประแดง ได้แก่ สมบัติ ทองเปลว จากสหภาพ แรงงานอุตสาหกรรมอาภรณ์ไทย บุญมี วันดี จากสหภาพแรงงานกิจการ ปน่ั ทอแห่งประเทศไทย เสนอ บุญทอง และ ศริ ชิ ยั สิงห์ทิศ จากสหภาพแรงงาน ส่งเสรมิ ส่งิ ทอไทย บุญขำ� ศรกี ร่างทอง จากสหภาพแรงงานทอผ้าเมโทร สุทิตย์ พรหมบตุ ร จากสหภาพแรงงานเซน็ จรู เี่ ทก็ ซไ์ ทล์ อรณุ ี ศรโี ต จากสหภาพแรงงาน สิ่งทอไทยเกรียง และสชุ ิน เพ็ชรรอด จากสหภาพแรงงานเหล็กและโลหะแหง่ ประเทศไทย และสหภาพแรงงานธนบรุ ที อผา้ ลกู ไม้ สหภาพแรงงานกลุ่มย่านพระประแดง สมุทรปราการและใกล้เคียง มีบทบาทส�ำคัญในการต่อสู้เพ่ือผลักดันกฎหมายประกันสังคม โดยเฉพาะการ เคลอ่ื นไหวชมุ นมุ รว่ มกบั กลมุ่ สหภาพแรงงานยา่ นออ้ มนอ้ ย-ออ้ มใหญ่ โดยอาจ สรปุ บทบาทของกลมุ่ ยา่ นพระประแดงตอ่ การไดม้ าซงึ่ กฎหมายประกนั สงั คมได้ ดงั น้ี 1. สหภาพแรงงานในกลุ่มย่านพระประแดง มีสมาชิกท่ีเข้มแข็งและ เข้าใจเรอื่ งสหภาพแรงงานเปน็ อย่างดี สมาชกิ มจี ิตสำ� นกึ ดา้ นสทิ ธิแรงงาน และ มีส่วนร่วมในการบริหารสหภาพแรงงานสูง ท�ำให้เม่ือมีการเคล่ือนไหวผลักดัน กฎหมายประกนั สงั คม คนงานจากเขตอตุ สาหกรรมพระประแดง สมทุ รปราการ และใกลเ้ คยี ง จงึ ออกมาร่วมต่อสเู้ ป็นจ�ำนวนมาก 2. สหภาพแรงงานในกลุ่มย่านพระประแดงส่วนใหญ่ เป็นสหภาพ แรงงานในโรงงานขนาดกลางและขนาดใหญ่ แตค่ นงานกลบั มสี วสั ดกิ ารไมเ่ พยี งพอ ทงั้ สวสั ดกิ ารดา้ นการเจบ็ ปว่ ย และสวสั ดกิ ารสงั คมอนื่ ๆ ทำ� ใหเ้ กดิ ความตอ้ งการ กฎหมายประกนั สังคมเพอ่ื สร้างความม่นั คงในชวี ิต 55
3. ผู้น�ำแรงงานกลุ่มย่านพระประแดงมีความคิดและมีศักยภาพใน การขบั เคลอ่ื นปญั หาแรงงาน และปญั หาสงั คมอนื่ ๆ ทำ� ใหส้ ามารถวางแผนและ กำ� หนดทศิ ทางของการเคลอื่ นไหวประกนั สงั คมได้อยา่ งอย่างมปี ระสทิ ธิภาพ กลุ่มย่านอ้อมน้อย-อ้อมใหญ่และกลุ่มย่านพระประแดง มีความ เคล่ือนไหวอย่างโดดเด่น ในช่วง พ.ศ. 2532-2533 เพราะเป็นตัวแทนของ คนงานระดับพื้นฐานอย่างแท้จริง จึงต่อสู้เพราะความจ�ำเป็นในการด�ำรงชีวิต ไม่ใช่ต่อสู้เพราะหวังชื่อเสียง ลาภยศ หรือผลประโยชน์ส่วนตัว ไม่ใช่ต่อสู้เพ่ือ ผลประโยชน์ของผู้น�ำเฉพาะกลุ่ม เฉพาะองค์กร ท�ำให้คนงานกลุ่มน้ีปฏิเสธ ทีจ่ ะเปน็ เครื่องมอื ของผนู้ ำ� แรงงานหรอื นักการเมืองรายหนง่ึ รายใด เง่ือนไขของขบวนการแรงงานเวลานั้น สัมพันธ์โดยตรงกับการมี บทบาทโดดเด่นของกลุ่มย่าน กล่าวคือ ขบวนการแรงงานอยู่ภายใต้การน�ำ ของ 4 สภาแรงงาน แต่สภาแรงงานท้ัง 4 ให้ความส�ำคัญแต่การช่วงชิง ต�ำแหน่งคณะกรรมการไตรภาคีในสภาที่ปรึกษาเพื่อพัฒนาแรงงานแห่งชาติ และผพู้ พิ ากษาสมทบ ท�ำให้ 4 สภาแรงงาน ขาดพลงั และยากจะแสดงบทบาท เปน็ หัวหอกในการต่อสู้เคลื่อนไหวเพ่อื ปัญหาแรงงานด้านตา่ ง ๆ ส่วนขบวนการ แรงงานกข็ าดเอกภาพในระดับภาพรวม ผลกค็ ือสภาแรงงานทงั้ หมดไมส่ ามารถ แสดงบทบาทเปน็ หวั หอกในการตอ่ สูไ้ ด้แต่อยา่ งใด หลักฐานส�ำคัญท่ีแสดงถึงความแตกต่างระหว่างกลุ่มย่านกับ สภาแรงงาน คือ ท่าทีต่อการชุมนุมคัดค้านสัญญาจ้างชั่วคราวในวันที่ 13 ตุลาคม 2532 จุดยืนของ 4 สภาแรงงาน คือ ไม่เห็นด้วยกับการชุมนุมท่ี ท้องสนามหลวงซึ่งฝ่ายกลุ่มย่านเป็นผู้จัดขึ้น เพราะเห็นว่าการแก้ไขประกาศ กระทรวงมหาดไทยเป็นแนวทางท่ีน่าพอใจแล้ว 4 สภาแรงงาน จึงหันไป เข้าพบนายกรฐั มนตรีและรัฐมนตรวี า่ การกระทรวงมหาดไทย เพือ่ มอบกระเชา้ ดอกไม้ขอบคณุ 56
ชว่ งเคลื่อนไหวกฎหมายประกันสงั คม 4 สภาแรงงาน ไมไ่ ด้มีบทบาท ในการเคลอื่ นไหวนำ� คนงานมากดดนั หนา้ รฐั สภาชดั เจน เปน็ เพยี งผสู้ งั เกตการณ์ เท่านัน้ ท่าทีของ 4 สภาแรงงาน แตกต่างจากกลุ่มย่านท่ีในเวลานั้น พยายามปรับขบวนการคนงานให้สามัคคีเหนียวแน่น รวมทั้งสร้างพลังร่วม กับกลุ่มสหภาพแรงงานต่างเขตย่านให้ใกล้ชิดและกลมเกลียวยิ่งขึ้น เร่ิม ต้นจากการประชุมร่วมกันอย่างเป็นทางการของกลุ่มสหภาพแรงงานย่าน พระประแดง สมุทรปราการ และกลุ่มย่านอ้อมน้อย-อ้อมใหญ่ เมื่อวันท่ี 23 กรกฎาคม 2532 และร่วมกันประท้วงชุมนุมกดดันข้ามคืนหน้ารัฐสภา เพ่ือ ให้สภาผู้แทนราษฎรมีมติรับรองผ่านร่าง พ.ร.บ. ประกันสังคม ในวาระ 3 เมื่อวนั ที่ 26-27 กรกฎาคม 2532 ตอ่ มาในเดอื นตลุ าคม 2532 กม็ กี ารจัดประชุมกนั ระหว่างผู้แทนกลุม่ ย่าน 3 กลุม่ คอื กลมุ่ ยา่ นออ้ มน้อย-ออ้ มใหญ่ พระประแดง และรังสติ และ ในเดือนพฤศจิกายน 2532 ท้ัง 3 กลุ่มย่าน ก็มีการจัดประชุมร่วมกับกลุ่ม สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์เป็นคร้ังแรก ความเข้มแข็งของกลุ่มย่าน เกิดจากการเป็นองค์กรของคนงานในโรงงานขนาดเล็กและขนาดกลางที่ ไม่มสี วสั ดิการใด ๆ หรอื บางโรงงานมแี ต่ไม่เพยี งพอ เชน่ เรอ่ื งการเจบ็ ป่วยนอก งาน ตาย พกิ าร และคลอดบตุ ร ท�ำใหเ้ มอ่ื องคก์ รพฒั นาเอกชนใหก้ ารศกึ ษาและ ขอ้ มูลเร่ือง พ.ร.บ. ประกันสงั คม คนงานจงึ มีความหวังและตอ้ งการไดก้ ฎหมาย ประกนั สงั คม จนออกมาเคลอื่ นไหวและพฒั นามาเปน็ กำ� ลงั หลกั ระดบั ทบ่ี างครง้ั มีผ้มู ารว่ มชมุ นุมถึง 6,000 คน 3. กลมุ่ สหพันธ์แรงงานตา่ ง ๆ การผลักดันกฎหมายประกันสังคมได้รับความร่วมมือจากสหพันธ์ แรงงานต่าง ๆ เช่น สหพันธ์แรงงานกระดาษและการพิมพ์แห่งประเทศไทย สหพันธ์แรงงานโลหะแห่งประเทศไทย สหพันธ์แรงงานธนาคารและการเงิน 57
แห่งประเทศไทย สหพันธ์แรงงานอุตสาหกรรมส่ิงทอ การตัดเย็บเสื้อผ้า และ ผลิตภัณฑ์เคร่ืองหนงั แห่งประเทศไทย สมาพนั ธ์คนงานในกิจการอาหาร เคร่อื ง ดม่ื โรงแรม และกจิ การท่ีคลา้ ยคลงึ ฯลฯ สหพันธ์แรงงานเหล่านี้เป็นการรวมตัวของสหภาพแรงงานในการ ผลิตคล้ายคลึงกัน เช่น เป็นสหภาพแรงงานในโรงงานส่ิงทอเหมือนกัน เป็น สหภาพแรงงานของคนงานเหลก็ และโลหะเหมอื นกัน เปน็ สหภาพแรงงานของ พนกั งานธนาคารเหมอื นกนั จงึ รวมตวั กนั เพอ่ื ปกปอ้ งสทิ ธปิ ระโยชนข์ องคนงาน ในอุตสาหกรรมเดียวกันทั้งหมด บางสหพันธ์แรงงานร่วมเคลื่อนไหวกฎหมาย ประกนั สงั คมโดยผา่ นสมาชกิ ของสหพนั ธฯ์ ซง่ึ มอี ยทู่ ง้ั ในกลมุ่ ยา่ นออ้ มนอ้ ย-ออ้ ม ใหญ่ และกลมุ่ ยา่ นพระประแดง ขณะทีบ่ างสหพนั ธฯ์ มสี มาชกิ ของตนเองออก มาขับเคลื่อนโดยตรง สหพันธ์แรงงานกระดาษ ฐานสมาชิกจะอยู่ท่ีสหภาพแรงงานคุรุสภา ทีม่ ี คณุ นคิ ม เตง็ ใหญ่ น�ำสมาชกิ ออกมาสนบั สนนุ การขบั เคล่อื น สหพันธ์แรงงานการเงิน ก็ใช้ฐานสมาชิกสหภาพแรงงานธนาคาร กรุงเทพ โดยมี คณุ นเิ วศ ไชยตา เป็นผ้มู บี ทบาทสำ� คญั ในการออกมาขับเคล่อื น สมาพนั ธค์ นงานกิจการอาหาร เคร่อื งดมื่ และโรงแรม ใชฐ้ านสมาชกิ ของสหภาพแรงงานเสริมสุข สหภาพแรงงานโรงแรม โดยมีคุณอากร ภูวสุธร เป็นผูม้ บี ทบาทประสานงานขบั เคลือ่ น สว่ นสหพนั ธแ์ รงงานอตุ สาหกรรมสง่ิ ทอฯ และสหพนั ธเ์ หลก็ และโลหะ ใชฐ้ านสมาชกิ ท่ีมอี ยใู่ นพน้ื ท่ีกลุ่มย่านอตุ สาหกรรมออกมาขบั เคล่ือน สหพันธ์แรงงานมีบทบาทส�ำคัญในการเคล่ือนไหวผลักดันกฎหมาย ประกันสังคม เช่น ท�ำหนังสือย่ืนรัฐบาล ท�ำแถลงการณ์ สนับสนุนด้านงบ ประมาณ แกนน�ำของสหพันธ์แรงงานบางคนมีบทบาทเป็นเหรัญญิกของคณะ กรรมการรณรงคผ์ ลักดันกฎหมายประกันสงั คม 58
4. กล่มุ รฐั วิสาหกิจสัมพนั ธ์ กลมุ่ รฐั วสิ าหกจิ สมั พนั ธเ์ ปน็ การรวมตวั ของสหภาพแรงงานรฐั วสิ าหกจิ ซง่ึ มสี มาชกิ อยู่ 17 แหง่ มวี ตั ถปุ ระสงคใ์ นการทจ่ี ะรว่ มมอื และชว่ ยเหลอื สนบั สนนุ ซึ่งกันและกันในหมู่สมาชิก สนับสนุนขบวนการแรงงานไทย รวมท้ังต่อสู้เพ่ือ ความเป็นธรรมและประชาธปิ ไตยในสงั คมไทย ในชว่ งหลังเหตกุ ารณ์ 14 ตลุ าคม 2516 สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกจิ เร่ิมมีบทบาทส�ำคัญในการต่อสู้เพ่ือความเป็นธรรมในเร่ืองสิทธิแรงงาน และ สนบั สนนุ การรวมกลมุ่ เปน็ สหภาพแรงงาน ผนู้ ำ� ทม่ี บี ทบาทสำ� คญั ในชว่ งนนั้ เชน่ คุณอารมณ์ พงศพ์ งัน คุณไพศาล ธวชั ชัยนนั ท์ ฯลฯ ซึ่งเปน็ ผู้นำ� แรงงานสหภาพ รัฐวิสาหกิจท่ีออกมาขับเคล่ือนประเด็นสิทธิแรงงาน และความไม่เป็นธรรมใน สงั คม เชน่ การเคลอื่ นไหวราคาสนิ คา้ แพง หรอื ค่ารถเมล์ คนงานในกิจการรัฐวิสาหกิจรวมตัวเป็นคร้ังแรกหลังเหตุการณ์ 6 ตลุ าคม 2519 ในชว่ งการขบั เคลื่อน พ.ศ. 2523-2524 โดยไดร้ ว่ มกบั ขบวนการ ประชาชน นักศึกษา และผู้ใช้แรงงานในการต่อสู้เพ่ือความเป็นธรรมและ ประชาธปิ ไตย ในช่วงเคลอ่ื นไหวเพ่ือผลกั ดนั กฎหมายประกันสังคม กลมุ่ รัฐวสิ าหกิจ สัมพันธ์มีบทบาทส�ำคัญในการเข้ามาร่วมสนับสนุนขบวนการแรงงาน โดย เฉพาะสหภาพแรงงานองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย สหภาพแรงงาน การท่าเรือแห่งประเทศไทย สหภาพแรงงานการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย สหภาพแรงงานองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ สหภาพแรงงานการสื่อสารแห่ง ประเทศไทยทม่ี ี คณุ วฒั นะ เอี่ยมบำ� รงุ เช่ยี วศกั ด์ิ ยงตระกูล สคุ นธ์ แขกประยูร และพงศกั ดิ์ เปลง่ แสง มบี ทบาทเขา้ มาสนับสนนุ ในเร่อื งต่าง ๆ เชน่ เคร่อื งเสียง น้ำ� การสอื่ สารด้านต่าง ๆ รวมท้ังงบประมาณ 59
• บทบาทแรงงานหญิงในการเคลอื่ นไหวประกันสงั คม ในพ้ืนที่ของอุตสาหกรรมท่ีองค์กรพัฒนาเอกชนลงไปท�ำงานนั้น จะเข้าไปท�ำงานกับแรงงานหญิงในอุตสาหกรรมส่ิงทอและตัดเย็บเสื้อผ้าที่ มีจ�ำนวนมากในพื้นท่ี และมีสถานการณ์จ้างงานและสภาพแวดล้อมในการ ท�ำงานที่เลวร้าย การลงไปท�ำงานกับคนงานหญิงขององค์กรพัฒนาเอกชน น้ัน ก็เพ่ือให้คนงานได้เห็นถึงสิทธิแรงงาน สิทธิของผู้หญิง เป็นผลให้มีคนงาน หญิงออกมาเคลื่อนไหวในประเด็นปัญหาแรงงานต่าง ๆ มาตลอดต้ังแต่ในช่วง ปี 2530-2533 ในการเคลื่อนไหวกฎหมายประกันสังคมนั้น คนงานหญิงใน อุตสาหกรรมส่ิงทอและการตัดเย็บเสื้อผ้า ในพื้นท่ีย่านอ้อมน้อย-อ้อมใหญ่ พระประแดง และรังสิต นับเป็นก�ำลังหลักในการเคล่ือนไหว โดยในกลุ่ม ย่านพระประแดงและใกล้เคียง ส่วนใหญ่เป็นโรงงานสิ่งทอปั่นด้าย คนงาน หญิงออกมาเคล่ือนไหวโดยใช้ระบบการหมุนเวียนกันออกมาเป็นกะเช้า กะ บ่าย กะดึก ส่วนย่านรังสิตเป็นคนงานหญิงท่ีอยู่ในโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้า และโรงงานส่ิงทอปั่นด้ายออกมาเคลื่อนไหว หากแต่บทบาทในการน�ำการ เคล่ือนไหวในช่วงนั้นยังคงเป็นผู้น�ำแรงงานชายเป็นหลัก มีผู้น�ำแรงงานหญิง ในคณะกรรมการรณรงค์ฯ อยู่บ้างแต่ไม่มาก เหล่านี้เป็นบททดสอบในการ สร้างบทเรียนการเคลื่อนไหวของแรงงานหญิงได้เรียนรู้ในการเคล่ือนไหวอีก ครั้งต่อมา คือ การรณรงค์เคลื่อนไหวกฎหมายลาคลอด 90 วัน ท่ีแรงงาน หญิงในพ้ืนท่ีอุตสาหกรรมย่านอ้อมน้อย-อ้อมใหญ่ พระประแดง และ รังสิต ท่ีได้รู้จัก ท�ำงาน และมีบทเรียนการเคล่ือนไหวกฎหมายประกันสังคม รว่ มกนั มา ซ่ึงเป็นบทเรียนคร้งั ส�ำคญั นำ� มาตอ่ ยอดในการเคลือ่ นไหวประเดน็ ลา • คลอด 90 วัน และประเดน็ อื่น ๆ ตอ่ มา บทเรียนการรวมกลมุ่ ของเครือข่ายคณะกรรมการ ผลักดนั กฎหมายประกนั สังคม การเคลื่อนไหวกฎหมายประกันสังคม ที่กลุ่มย่านอุตสาหกรรมอ้อม นอ้ ย-ออ้ มใหญ่ พระประแดง และรงั สติ นนั้ ไดร้ บั การสนบั สนนุ จากองคก์ รพฒั นา เอกชนดา้ นแรงงาน ในการสนบั สนนุ การรวมกลมุ่ ใหม้ พี น้ื ทใ่ี นการจดั กลมุ่ สมาชกิ 60
และอบรม ใหเ้ ขา้ ใจกฎหมายประกนั สงั คม ทง้ั ในแงห่ ลกั การ แนวคดิ จนถงึ เนอื้ หา ในการรา่ งกฎหมายทจี่ ะเปน็ ประโยชนก์ บั คนงาน รว่ มกบั การเคลอื่ นไหวของกลมุ่ ตา่ ง ๆ และขอ้ เสนอรา่ งตา่ ง ๆ ของพรรคการเมอื ง จนท�ำใหค้ นงานตระหนกั และ เข้าใจ น�ำมาสูก่ ารเคลือ่ นไหวและหาแนวทางรว่ มกัน ผ่านการประสานงานของ องค์กรพัฒนาเอกชนด้านแรงงานและสหภาพแรงงานท่ีเชื่อมประสานองค์กร แรงงาน เชน่ กลมุ่ สหพนั ธแ์ รงงานตา่ ง ๆ กลมุ่ รฐั วสิ าหกจิ สมั พนั ธ์ นกั ศกึ ษา กลมุ่ อสิ ระ เชน่ กล่มุ คบไฟ ท่ปี ระสานงานให้สหพนั ธ์นิสติ นกั ศึกษาแห่งประเทศไทย เขา้ มารว่ มจนเกดิ เปน็ คณะกรรมการผลักดนั กฎหมายประกนั สังคม คณะกรรมการผลักดันกฎหมายประกนั สังคม มีโครงสรา้ งการท�ำงาน แบบหลวม ๆ ไมเ่ ปน็ โครงสรา้ งทเี่ ปน็ ทางการ มเี พยี งผปู้ ระสานงานทเ่ี ปน็ คนงาน จากกลุ่มย่านพระประแดง เป็นตัวแทนในการเคลอ่ื นไหว ไม่มตี ำ� แหน่งประธาน เลขาธิการ ที่เป็นทางการมาก ซึ่งโครงสร้างน้ีจะเน้นความคล่องตัวและการมี ส่วนร่วม โดยใช้เวทีประชุมทเ่ี นน้ การมสี ว่ นรว่ มก�ำหนดยุทธศาสตร์ และวธิ กี าร เคลื่อนไหว โดยผ่านการประชุม ถกเถียงกันจนได้ข้อสรุปร่วมกันว่าจะใช้การ เคลื่อนไหวแบบไหน เวลาประชุมก็จะไม่มีต�ำแหน่งประธานน่ังหัวโต๊ะ ทุกคน เสมอภาค พูดคุยกันได้ เมื่อได้ข้อสรุปแล้ว ก็แบ่งบทบาทที่เหมาะสมกับการ ทำ� งาน เช่น การวางบทบาทใหน้ ักศึกษาเคล่ือนไหวเพราะคลอ่ งตวั มากกว่าคน งาน หรอื การวางบทบาทใหค้ นงานเปน็ ตวั แทนปญั หาไดเ้ คลอ่ื นไหว กใ็ หบ้ ทบาท คนงานและองค์กรแรงงานได้น�ำการเคลื่อนไหว หรือการวางบทบาทองค์กร พัฒนาเอกชนประสานงานเครือข่ายต่าง ๆ หรือท�ำข้อมูลเผยแพร่เป็นแผ่นพับ โปสเตอร์ เป็นรูปแบบการท�ำงานเครือข่ายที่เป็นแนวระนาบท่ีทุกคนเสมอเท่า เทยี มกนั และสอดประสานคนจนเปน็ พลงั ท�ำใหบ้ างครงั้ เมอื่ ปญั หาความขดั แยง้ กนั ก็พดู คุยกันจนได้ข้อสรุปในการแกไ้ ขปญั หาความขดั แยง้ นัน้ หลังจากรณรงค์จนได้กฎหมายประกันสังคม คณะกรรมการผลักดัน กฎหมายประกันสังคมได้รวมตัวกันเป็นกลุ่มประสานงานแห่งประเทศไทย มี 61
บทบาทการเคลื่อนไหวในประเด็นแรงงานที่คนงานไม่ได้รับความเป็นธรรม มี การเคล่ือนไหวจนประสบความส�ำเร็จ ทั้งเรื่องค่าแรงข้ันต่�ำ แต่หลังจากการ รัฐประหารกุมภาพนั ธ์ 2534 เครอื ข่ายนก้ี ็ค่อย ๆ สลายตวั ไป • สรุป การเคลือ่ นไหวประกันสงั คมเปรยี บเหมอื นคล่นื สามระลอก การผลักดันเคลื่อนไหวกฎหมายประกันสังคมเปรียบเสมือนการ เคล่อื นไหวของคลืน่ สามระลอก จะเหน็ ว่าการเคลอื่ นไหวในระลอกแรกน้ัน จะ อยู่ท่ีหน่วยงานราชการ นักวิชาการ รัฐบาล แต่ก็เป็นคลื่นที่ยังขาดพลังในการ ผลักดันให้บรรลุผล เพราะกลุ่มคนที่ผลักดันยังอยู่ในวงแคบ พลังของคลื่นจึง ไมเ่ พยี งพอ แตก่ เ็ ปน็ คลนื่ ทม่ี คี วามส�ำคญั ทที่ ำ� ใหค้ ลน่ื ระลอกทส่ี องมพี ลงั มากขนึ้ โดยทมี่ อี งคก์ รแรงงานระดบั สภาแรงงานมบี ทบาทสำ� คญั ในการผลกั ดนั กฎหมาย ประกนั สงั คม ทำ� ใหผ้ นู้ ำ� แรงงานเรม่ิ เหน็ ความสำ� คญั ของกฎหมายฉบบั น้ี เรม่ิ เปน็ คลื่นที่ขยายใหญข่ น้ึ ที่มผี ลกระทบต่อนโยบายรฐั บาลและพรรคการเมอื งต่าง ๆ แต่ก็ยังมีพลังไม่เพียงพอท่ีท�ำให้บรรลุเป้าหมายการได้มาซ่ึงกฎหมายฉบับนี้ เพราะขาดการหนนุ ชว่ ยของคนงานระดบั รากหญา้ ทจี่ ะเปน็ ผไู้ ดร้ บั ผลประโยชน์ โดยตรงจากกฎหมายฉบบั น้ี คล่ืนในระลอกสุดท้าย เป็นคลื่นที่ใหญ่ขึ้นและเต็มไปด้วยพลัง เห็น ได้จากการเข้ามาขับเคล่ือนของคนงานในกลุ่มย่านอุตสาหกรรม เช่น กลุ่ม ย่านอ้อมน้อย-อ้อมใหญ่ พระประแดง และรังสิต และยังมีพันธมิตรเพ่ิมข้ึน คอื พลังนักศึกษา องค์กรพัฒนาเอกชนดา้ นแรงงาน และภาคสังคมอน่ื ๆ เชน่ สื่อมวลชน ท่ีรายงานข่าวการเคลื่อนไหวเสนอต่อสังคมอย่างต่อเนื่อง ท�ำให้ กลายเป็นคล่ืนลูกใหญ่ และผลักดันจนก่อให้เกิดกฎหมายประกันสังคมเกิดข้ึน ในสงั คมไทยได้ ดงั นัน้ คลื่นทัง้ สามระลอกนีม้ สี ่วนสัมพนั ธ์กัน หนุนเสรมิ ซง่ึ กันและกนั จนท�ำให้เป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ ถึงแม้ว่าการต่อสู้เพ่ือให้ได้กฎหมายประกันสังคม จะใช้เวลายาวนาน 30 กว่าปี การขับเคล่ือนคลื่นในระลอกสุดท้ายจึงเป็นบท 62
เรียนส�ำคัญท่ีท�ำให้เห็นว่า การขับเคลื่อนกฎหมายประกันสังคมต้องอาศัยภาคี พนั ธมติ รตา่ ง ๆ เขา้ มาหนุนช่วย ในรูปแบบการรวมกลมุ่ คณะกรรมการผลกั ดนั กฎหมายประกันสังคม เนน้ ความคลอ่ งตัว และมีส่วนรวมของคนท�ำงาน อีกทัง้ ใชย้ ทุ ธวธิ ีการผลกั ดันของการเมืองภาคประชาชน เชน่ การเดินขบวน ชุมนมุ อดอาหารประทว้ ง หรอื แมก้ ระทง่ั ยทุ ธวธิ ขี องประชาชนในรปู แบบอน่ื ๆ ยทุ ธวธิ ี เหล่าน้ีล้วนมีส่วนส�ำคัญท่ีท�ำให้สาธารณชนเข้าใจ และผลักดันให้รัฐบาลและ รัฐสภาออกกฎหมายน้ี ------------------------------------------------------------- หมายเหตุผู้ทำ� หนังสอื • ชอื่ อดตี ผนู้ ำ� แรงงาน ทนง โพธอ์ิ า่ น ในหนงั สอื เสน้ ทางสสู้ ปู่ ระกนั สงั คม ใช้ โพธิอ่าน (ตรวจทานจากแรงงานปริทศั นบ์ างฉบับ) ภายหลงั เมือ่ หนงั สือออก มาแล้วได้เห็นก�ำหนดสัมมนาช่วงเวลาเคล่ือนไหวประกันสังคมใช้ โพธิ์อ่าน จึง ปรบั แก้ตามในตน้ ฉบับ • เช่ียวศักดิ์ ยงตระกูล ในที่น้ี นามสกุลเขียนไม่เหมือนกัน ในการ กล่าวอา้ ง 2 แห่ง คอื ยงตระกลู และ ยงคต์ ระกลู ทงั้ นี้เขียนตามแหลง่ ข้อมลู • พงศกั ดิ์ เปลง่ แสง และ พงษศ์ กั ดิ์ เปลง่ แสง จากแหลง่ ขอ้ มลู ทค่ี น้ ควา้ ชอ่ื มเี ขยี นทัง้ สองแบบ 63
หนงั สอื อา้ งองิ จะเด็จ เชาวน์วิไล “การเคลื่อนไหวต่อสู้ของกลุ่มสหภาพแรงงาน ย่านออ้ มนอ้ ย-ออ้ มใหญ่ ตั้งแต่ปี 2531 ถึงปจั จุบัน” บณั ฑติ ย์ จนั ทรง์ าม บนเสน้ ทางการต่อส้เู พอื่ สิทธกิ รรมกร กรุงเทพ : บริษทั โปรโตไทป์ จ�ำกัด 2542 จะเด็จ เชาวนว์ ิไล “ร�ำลึก บัณฑติ ย์ จนั ทรง์ าม บนเส้นทางการต่อสู้ สิทธิกรรมกรไทย” แรงงานปริทศั น์ 13 (7 กรกฎาคม 2542 ) : 8-10 จะเด็จ เชาวน์วิไล “สมบัติทองเปลว กับการต่อสู้คนงานย่าน อุตสาหกรรมพระประแดง” แรงงานปริทัศน์ 13 (12 ธันวาคม 2542) 4-8 จุติมโนทัศน์ “กฎหมายประกันสังคม พิสูจน์ความจริงใจรัฐบาล” แรงงานปริทศั น์ 3 (8 สิงหาคม 2532 ) : 12-16 นวพร อติวานิชยพงศ์ “สรุปสถานการณ์เคลื่อนไหวของผู้ใช้แรงงาน ไทยในรอบปี พ.ศ. 2530” แรงงานปริทัศน์ฉบับพิเศษส่งท้ายปีเก่า (ธันวาคม 2530) : 11 นวพร อตวิ านชิ ยพงศ์ “คอลมั น์ ข่าวแรงงานในประเทศ” แรงงาน ปริทัศน์ 3 (9 กนั ยายน 2532) 16-17 นิคม จันทรวิทูร “โครงการศึกษานโยบายสาธารณะ ฉบับที่ 3 ชุด เอกสารสำ� หรับคณะกรรมสามญั ของรฐั สภา” (2530) บณั ฑติ ย์ ธรรมตรรี ตั น์ “คอลมั นส์ รปุ ขา่ วแรงงานในประเทศ” แรงงาน ปริทัศน์ 2 (6 มิถุนายน 2531) : 28 บณั ฑติ ย์ ธรรมตรรี ตั น์ “คอลมั นส์ รปุ ขา่ วแรงงานในประเทศ” แรงงาน ปรทิ ัศน์ 3 (7 กรกฎาคม 2532) : 16-17 64
บณั ฑติ ย์ ธรรมตรรี ตั น์ “คอลมั นส์ รปุ ขา่ วแรงงานในประเทศ” แรงงาน ปรทิ ัศน์ 3 (11 พฤศจิกายน 2532) : 19 “คอลัมน์สรุปข่าวแรงงานในประเทศ” แรงงานปริทัศน์ 1 (4 พฤศจิกายน 2530) : 13-14 “คอลัมนส์ รุปขา่ วแรงงานในประเทศ” แรงงานปรทิ ัศน์ 1(5 ธันวาคม 2530) : 16-18 “คอลมั นส์ รปุ ขา่ วแรงงานในประเทศ” แรงงานปรทิ ศั น์ 2 (2 กมุ ภาพนั ธ์ 2531) : 16 “คอลมั น์สรุปข่าวแรงงานในประเทศ” แรงงานปริทัศน์ 2 (4 เมษายน 2531) : 14-15 “คอลัมน์สรุปข่าวแรงงานในประเทศ” แรงงานปริทัศน์ 2 (5 พฤษภาคม 2531) : 15-16 “คอลัมน์สรุปข่าวแรงงานในประเทศ” แรงงานปริทัศน์ 2 (11 พฤศจกิ ายน 2531) : 12 “คอลมั นส์ รปุ ขา่ วแรงงานในประเทศ” แรงงานปรทิ ศั น์ 3 (6 มถิ นุ ายน 2532) : 17-18 “คอลัมน์สรุปข่าวแรงงานในประเทศ” แรงงานปริทัศน์ 4 (5 พฤษภาคม 2533) : 7-11 “คอลมั นส์ รปุ ขา่ วแรงงานในประเทศ” แรงงานปรทิ ศั น์ 4 (6 มถิ นุ ายน 2533) : 15-17 “คอลัมน์สรุปข่าวแรงงานในประเทศ” แรงงานปรทิ ศั น์ 4 (8 สิงหาคม 2533) : 10-12 65
การจัดกล่มุ ศกึ ษาให้ความรใู้ นประเดน็ ตา่ ง ๆ ให้กบั แรงงาน แรงงานทงั้ ชายหญิงได้เรียนรกู้ ระบวนการทางความคิด การรวมกลมุ่ มองเห็นปญั หารว่ มกัน
บทบาทองค์กรพัฒนาเอกชนด้านแรงงาน ทรงศักดิ์ บุญกวนี ภานนท์ • จดุ เร่มิ ตน้ หาทศิ ทางการทำ� งานร่วมกนั องค์กรพัฒนาเอกเอกชนท่ีท�ำงานด้านแรงงานและมีบทบาทการ ท�ำงานกับผู้ใช้แรงงานมีเพียงไม่ก่ีองค์กร ในช่วงปี 2527-2530 เช่น สมาคม สิทธิเสรีภาพของประชาชน คณะกรรมการยุติธรรมและสันติ กลุ่มเยาวชน คนงาน มูลนิธิ อารมณ์พงศ์พงัน มูลนิธิเพื่อนหญิง (ขณะน้ันยังเป็นกลุ่มเพ่ือน หญงิ ) และศนู ยเ์ ยาวชนพลดั ถน่ิ โดยแตล่ ะองคก์ รนน้ั มบี ทบาทในการทำ� กจิ กรรม กับคนงาน ดงั น้ี 1. งานช่วยเหลือและบริการด้านกฎหมาย ได้แก่ การฟ้องคดีให้กับ คนงานที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม การรับเรื่องราวร้องทุกข์จากคนงานที่ไม่ได้ รบั ความเปน็ ธรรม สนบั สนุนใหเ้ กิดการรวมกลุ่มในรูปแบบต่าง ๆ เช่น สหภาพ แรงงาน การรวมกลุ่มท่ีไม่เป็นทางการ (งานวัฒนธรรม กลุ่มกองทุนสุขภาพ กลมุ่ พัฒนาด้านแรงงานสัมพันธ์) 2. งานด้านการศึกษาและฝึกอบรม โดยให้การศึกษาแก่คนงาน เพ่ือให้รับรู้สิทธิต่าง ๆ ของตนเองในกฎหมายแรงงาน การต้ังสหภาพแรงงาน เศรษฐศาสตร์แรงงาน สุขภาพและความปลอดภัยในการท�ำงาน และการเจรจา ตอ่ รองกับนายจ้าง 3. งานดา้ นข้อมูลและวิจยั ในการสนบั สนุนการเรียกร้องของคนงาน และใหค้ นงานไดร้ บั รขู้ อ้ มลู ขา่ วสารตา่ ง ๆ เพอื่ เปน็ ประโยชนใ์ นการเรยี กรอ้ งสทิ ธิ ของคนงาน 67
กจิ กรรมในชว่ งแรกขององคก์ รพฒั นาเอกชนนน้ั จะตา่ งคนตา่ งทำ� งาน ไม่ประสานงานร่วมกันมากนัก มีการพูดคุยหรือสัมมนาในเชิงคณะทำ� งานรวม กล่มุ กบั คนงาน 2-3 ครง้ั แตไ่ มม่ รี ปู ธรรมในการท�ำกจิ กรรมรว่ มกนั อย่างชดั เจน และในชว่ งนบี้ รรยากาศทางการเมอื งกย็ งั ไมม่ ปี ระชาธปิ ไตยมากนกั แตก่ ารขยาย ตวั ทางเศรษฐกจิ การพฒั นาอตุ สาหกรรมตา่ ง ๆ โดยเฉพาะอตุ สาหกรรมสง่ ออก เชน่ สงิ่ ทอ รองเทา้ เจยี ระไนเพชรนัน้ มกี ารเตบิ โตมาก ในทางกลับกัน การจัดต้ังรวมกลุ่มของคนงานน้ันมีน้อยมาก ท�ำให้ มีการเอารัดเอาเปรียบคนงานส่ิงทอมากขึ้น จนเกิดกรณีสามัคคีการทอ และ ศรเี ก้าการทอ เมอื่ ปี 2530 ท�ำใหบ้ ทบาทขององค์กรพฒั นาเอกชนด้านแรงงาน ตอ้ งเขา้ ไปหนนุ ชว่ ยคนงานในการตอ่ สทู้ า้ อ�ำนาจรฐั บาล พล.อ. เปรม ตณิ สลู านนท์ ทมี่ ีบทบาทของทหารสนบั สนุนอยู่ จาการต่อสู้ของกรรมกรสามัคคีการทอ และศรีเก้าการทอน้ัน น�ำมา ซึง่ บทเรียนของผใู้ ช้แรงงาน ทีก่ า้ วออกมาทา้ ทายอ�ำนาจรัฐบาลมากข้นึ • การเรมิ่ เป็นเครอื ขา่ ยร่วมกัน ช่วงปี 2531-2535 นนั้ บทบาทขององค์กรพฒั นาเอกชนเร่ิมเดน่ ชดั มากขึ้น เพราะบรรยากาศทางการเมืองเร่ิมคล่ีคลายมากขึ้น ในรัฐบาลของ พล.อ. ชาตชิ าย ชณุ หะวณั ซง่ึ เปน็ นายกรฐั มนตรมี าจากการเลอื กตงั้ ไมใ่ ชม่ าจาก การแต่งตง้ั เหมือนนายกฯ เปรม ในช่วงท้ายของรัฐบาล พล.อ. เปรมนั้น ได้เกิดการนัดหยุดงานของ คนงานทสี่ ำ� คญั คอื การนดั หยดุ งานของคนงานจเี อส สตลี และวนิ เนอร์ เทคไทล์ ซึ่งองค์กรพัฒนาเอกชนด้านแรงงานบางส่วนได้เข้าไปช่วยเหลือในด้านการ ทำ� ข้อมลู ขา่ วสาร เผยแพร่ต่อสาธารณชน การต่อสขู้ องคนงานทงั้ 2 บรษิ ทั น้ัน ยุติลงในช่วงเร่ิมต้นของรัฐบาล พล.อ.ชาติชาย โดยคนงานท่ีต่อสู้ได้ค่าชดเชย สว่ นหนง่ึ ในชว่ งนบี้ รรยากาศเสรภี าพของประชาชนเรม่ิ มมี ากขนึ้ และปญั หาตา่ ง ๆ 68
ของแรงงงานเริ่มมีมากขึ้นด้วย เช่น ปัญหาการใช้สัญญาจ้างชั่วคราว ซ่ึงน�ำมา สู่การรณรงค์ขององค์กรผู้ใช้แรงงาน และองค์กรพัฒนาเอกชนด้านแรงงาน จนทำ� รฐั บาลมกี ารแกไ้ ขกฎหมายสญั ญาจา้ งชว่ั คราว จากปัญหาการใช้สัญญาจ้างชั่วคราวของนายจ้างน้ัน เป็นปัญหา ท่ีต้องแก้ไขโดยโครงสร้าง ในระดับนโยบายเท่านั้น ไม่สามารถแก้ไขปัญหา ได้เฉพาะโรงงานใดโรงงานหน่ึงเท่านั้น องค์กรพัฒนาเอกชนที่ท�ำงานกับ ผู้ใช้แรงงานจึงได้มีการรวมตัวกันพูดคุยถึงสถานการณ์ด้านแรงงาน เศรษฐกิจ สังคมในอนาคต ซึ่งพบว่าปัญหามีหลากหลายมากขึ้น ไม่สามารถแก้ไขปัญหา ได้โดยวิธีใดวิธีหน่ึง น�ำมาสู่การหาทิศทางในการท�ำงานร่วมกันในอนาคต โดยได้ข้อสรุปในการทำ� งานร่วมกันทชี่ ดั เจน คอื การวางแผนการทำ� งานรณรงค์ กฎหมายประกันสังคม ซึง่ ในชว่ งกอ่ นหน้านนั้ มสี ภาแรงงาน 2 สภา ไดร้ ณรงค์ เคลื่อนไหวอยู่แล้ว และมีสมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชนที่มีบทบาทหลัก ในการประสานงานกบั องคก์ รแรงงานอยู่ โดยไดก้ ำ� หนดวา่ ในปี 2533 จะรณรงค์ ให้รัฐบาลออกกฎหมายประกันสงั คม รว่ มกับผใู้ ช้แรงงานกลุ่มต่าง ๆ โดยเฉพาะ กล่มุ คนงานทีอ่ งค์กรพฒั นาเอกชนเขา้ ไปท�ำงานด้วย คอื กล่มุ ยา่ นอุตสาหกรรม ตา่ ง ๆ เชน่ ออ้ มนอ้ ย-ออ้ มใหญ่ รงั สติ และพระประแดง โดยองคก์ รพฒั นาเอกชน มบี ทบาทเข้าสนบั สนนุ ผูใ้ ช้แรงงาน องค์กรพัฒนาเอกชนด้านแรงงานเป็นกลไกส�ำคัญในการมีส่วนร่วม ผลักดันให้ได้กฎหมายประกันสังคม พ.ศ. 2533 โดยท่ีมีการประสานงานอย่าง ไมเ่ ป็นทางการในระดับผู้ปฏบิ ตั งิ านเปน็ เวลานาน องค์กรเหล่านี้ ไดแ้ ก่ 1. กลุ่มเยาวชนคนงาน 2. กล่มุ เพอื่ นหญงิ (ก่อนเปน็ มลู นิธ)ิ 3. มลู นธิ ิ อารมณ์พงศพ์ งัน 4. สมาคมสทิ ธเิ สรีภาพของประชาชน (สสส.) 69
ทั้ง 4 องค์กร มีบทบาทในการท�ำงานกับผู้ใช้แรงงาน และมีการ ขบั เคลอื่ นทเี่ ขม้ แขง็ และตอ่ เนอ่ื ง ดว้ ยเหตผุ ลจากการพฒั นาเศรษฐกจิ ไปสรู่ ะบบ ทุนนิยม ท่ีในด้านหนึ่งก็ท�ำให้เกิดการขยายตัวของคนงานภาคการผลิตและ การบริการ แต่ในอีกด้านก็ท�ำให้คนงานต้องมีสภาพความเป็นอยู่ท่ีขาดหลัก ประกันสังคมทั้งหมด กฎหมายประกันสังคมท่ีให้ความคุ้มครองผู้ใช้แรงงาน อย่างรอบด้านจึงมีความจ�ำเป็นมากข้ึน โดยท่ีแนวคิดน้ีมิใช่ส่ิงใหม่ แต่เป็น แนวทางท่ีมีมาและประสบความส�ำเร็จแล้วในสังคมทุนนิยมในแถบประเทศ ในยุโรป องค์กรพัฒนาเอกชนด้านแรงงานจึงเห็นพ้องต้องกันในการผลักดัน กฎหมายฉบับน้ี สามารถอธิบายบทบาทการมีส่วนร่วมด้านต่าง ๆ ขององค์กรพัฒนา เอกชนด้านแรงงานแต่ละองค์กรได้ ดงั ตอ่ ไปนี้ 1. สมาคมสทิ ธิเสรภี าพของประชาชน (สสส.) สมาคมสทิ ธเิ สรภี าพของประชาชน (สสส.) กอ่ ตง้ั ขนึ้ ชว่ งหลงั เหตกุ ารณ์ 14 ตลุ าคม 2516 เดมิ ใชช้ อื่ วา่ สหภาพเพอ่ื สทิ ธเิ สรภี าพของประชาชน มบี ทบาท ในการเคลื่อนไหวและเผยแพร่หลักการด้านสิทธิเสรีภาพให้กับผู้เสียเปรียบ ทางสงั คมกลุ่มตา่ ง ๆ หลงั เหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 สสส. ได้ยุติบทบาทชวั่ คราว และ เรม่ิ ฟนื้ ฟกู ารทำ� กจิ กรรมใหม่ในช่วงปี 2522 โดยในสว่ นกิจกรรมด้านแรงงาน น้นั มกี จิ กรรมเชิงรณรงค์ ศกึ ษาวจิ ัย งานอบรมกฎหมายแรงงาน รวมทงั้ การ จัดอบรมแรงงานหญงิ ในปี 2527 สสส. ไดก้ ำ� หนดพน้ื ท่ีออ้ มนอ้ ย-อ้อมใหญ่ เป็นพ้นื ทกี่ ลมุ่ เป้าหมายหลักในการท�ำงาน น�ำไปสู่การจัดกิจกรรมอบรมกฎหมายแรงงาน การบริหารงานสหภาพแรงงาน กิจกรรมคลนิ กิ กฎหมาย กิจกรรมสนับสนุนการ รวมกลมุ่ และช่วยเหลอื จดั ต้ังสหภาพแรงงาน 70
ปี 2528 สสส.ได้จัดต้ังศูนย์การศึกษาและวัฒนธรรมคนงานอ้อม น้อย-อ้อมใหญ่ เพ่ือเป็นศูนย์รวมการพบปะและจัดกิจกรรมคนงาน เป็นแหล่ง จดั การศกึ ษา ใหค้ ำ� ปรกึ ษาดา้ นแรงงาน รวมทงั้ กฎหมายการจดั ตงั้ สหภาพแรงงาน สมาคมสทิ ธิเสรภี าพของประชาชน (สสส.) มบี ทบาทการเคลื่อนไหว ผลักดันกฎหมายประกันสังคมอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงหลังจาก พ.ศ. 2528 ท่ไี ด้มคี วามพยายามจดั ต้ังคณะกรรมการด�ำเนนิ งาน ในเครอื ขา่ ยองคก์ รพฒั นาเอกชนและนกั วชิ าการ โดยไดจ้ ดั การประชมุ และเสวนาหลายคร้ัง เพ่ือระดมความคิดเห็นและความเป็นไปได้ในการท�ำงาน รว่ มกนั ข้อสรุปจากการพูดคุยเบ้ืองต้น แทบทุกฝ่ายเห็นร่วมกันว่าควรมี กฎหมายประกันสังคม เพื่อให้คนงานได้รับหลักประกันในเวลาเจ็บป่วยหรือ เกดิ อุบัตเิ หตนุ อกงาน โดยเรง่ ดว่ น เมอ่ื วนั ที่ 15 มีนาคม 2529 สสส. ร่วมจดั สัมมนาหัวข้อ “กฎหมาย ประกันสุขภาพ” ท่ีห้องประชุมศูนย์สารนิเทศ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดย คณะกรรมการรณรงค์เพือ่ ประกันสังคม ประกอบด้วย 1. สถาบันวิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลยั 2. คณะสงั คมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 3. สมาคมนกั สังคมสงเคราะหแ์ หง่ ประเทศไทย 4. คณะกรรมการประสานงานองค์กรเอกชนเพ่ือการสาธารณสุข มลู ฐาน (คปอส.) 5. สภาองค์การลูกจา้ งสมาพันธแ์ รงงานแหง่ ประเทศไทย 6. สภาองคก์ ารลูกจ้างสภาแรงงานแหง่ ประเทศไทย 7. สหพนั ธน์ ิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท.) 8. สมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน (สสส.) 71
ผลสรุปประเดน็ ทสี่ �ำคัญจากการสัมมนา ได้แก่ 1. ปัญหาโครงสร้างทางการเมืองและนโยบายรัฐ เป็นเง่ือนไขส�ำคัญ ของความเป็นไปได้ในการเสนอรา่ งกฎหมายประกนั สุขภาพ 2. ผใู้ ชแ้ รงงานทกุ กลมุ่ โดยเฉพาะพนกั งานรฐั วสิ าหกจิ ตอ้ งเขา้ ใจ และ เหน็ แก่ประโยชนส์ ่วนรวม 3. การมีเอกภาพทางความคิดของผู้ใช้แรงงาน พรรคการเมือง กลุ่ม และองค์กรท่ีเกย่ี วขอ้ ง จะท�ำใหก้ ารผลักดนั กฎหมายเป็นผลสำ� เร็จ 4. กลยทุ ธใ์ นการผลกั ดันกฎหมาย เป็นการกระท�ำร่วมกันอยา่ งตอ่ เน่ือง การเสนอยุทธศาสตร์ การประกันสขุ ภาพเรง่ ดว่ น ภายหลงั ไดร้ ับการ คัดค้านแสดงความไม่เห็นด้วยจากองค์กรแรงงานบางแห่ง เพราะเห็นว่าควร ผลกั ดนั ใหม้ กี ารออกกฎหมายประกนั สงั คมทง้ั ฉบบั คมุ้ ครองผปู้ ระกนั ตนทกุ เรอื่ ง อย่างน้อยมีพรรคการเมือง 2 พรรค คือ พรรคประชาธิปัตย์ และ พรรคกิจสังคม ได้จัดท�ำร่างพระราชบัญญัติประกันสังคม เสนอต่อประธาน สภาผแู้ ทนราษฎรในปี 2525 แตไ่ มไ่ ด้รบั การพจิ ารณา เนื่องจากเป็นกฎหมายเก่ียวกับการเงินต้องได้รับความเห็นชอบจาก คณะรฐั มนตรีก่อน ปี 2529 สมาคมสทิ ธเิ สรภี าพของประชาชน (สสส.) ไดก้ �ำหนดคำ� ขวญั รณรงค์ “ทางรอดประชาไทย รฐั ต้องจริงใจประกนั สงั คม” เผยแพรใ่ นรูปแบบ แผ่นพับ เสื้อรณรงค์ เสวนา และจัดท�ำตรายางเป็นค�ำขวัญรณรงค์ ประทับ บนซองจดหมายและเอกสารทุกฉบับ ผู้มีบทบาทสำ� คัญในการท�ำงานผลักดัน กฎหมาย ประกนั สังคมในชว่ งนัน้ คอื ทรงศกั ด์ิ บญุ กวนี ภานนท์ หวั หน้าฝ่ายสง่ เสริมสทิ ธกิ รรมกร สจุ ินดา สนเจริญ และสมศกั ด์ิ พลายอยวู่ งศ์ เจ้าหนา้ ท่ีฝา่ ย ส่งเสริมสิทธกิ รรมกร 72
2. กลุ่มเพ่อื นหญิง กลุ่มเพ่ือนหญิงก่อตั้งข้ึนเมื่อปี 2523 (ปัจจุบันจัดตั้งเป็นมูลนิธิ เพื่อนหญิง) มีเป้าหมายการท�ำงานกับกลุ่มผู้หญิงโดยตรง ในปี 2529 กลุ่ม เพื่อนหญิงได้เปิดโครงการแรงงานหญิงในภาคอุตสาหกรรมการผลิตข้ึน เพ่ือ ประสานงานช่วยเหลือแรงงานหญิงที่ประสบปญั หาในการท�ำงาน และสง่ เสรมิ ให้เกดิ การรวมกล่มุ ของแรงงานหญงิ กลุ่มเพอื่ นหญิงมกี จิ กรรมทต่ี ่อเนอ่ื ง อาทิ ร่วมกบั สมาคมสิทธิเสรภี าพ ของประชาชนจดั ตง้ั โครงการกองทนุ สขุ ภาพและสวสั ดกิ ารคนงาน มโี ครงการให้ ค�ำปรกึ ษาการดำ� เนนิ ชีวติ โครงการพัฒนาศักยภาพผ้ใู ช้แรงงานหญิง โครงการ แลกเปลี่ยนปัญหาแรงงานหญิงในแต่ละเขตอุตสาหกรรม กลุ่มเพ่ือนหญิง มีความเช่ือว่ากฎหมายประกันสังคม จะเป็นการคุ้มครองคนงานหญิงในเรื่อง ตา่ ง ๆ เกย่ี วกบั ปญั หาแรงงานหญงิ เชน่ การลาคลอด สงเคราะหบ์ ตุ ร ทจ่ี ะท�ำให้ คณุ ภาพชีวติ ของคนงานหญิงดีขน้ึ จากทม่ี เี พยี งคา่ แรงขัน้ ต่ำ� เท่าน้ัน การดำ� เนนิ งานของกลมุ่ เพอ่ื นหญงิ นอกจากการชว่ ยเหลอื แรงงานหญงิ ในปญั หาเฉพาะหนา้ แลว้ ยงั ทำ� งานดา้ นความคดิ การจดั กลมุ่ ศกึ ษา สนบั สนนุ ให้ ผใู้ ชแ้ รงงานหญงิ ตระหนกั ถงึ สทิ ธขิ องผหู้ ญงิ และมบี ทบาทตอ่ ขบวนการแรงงาน อีกทั้งเชอื่ มโยงคนงานหญงิ ระหวา่ งยา่ นออ้ มน้อย-อ้อมใหญ่ พระประแดง และ รังสิต ในการแลกเปลี่ยนปัญหาและประสบการณ์ รวมทั้งร่วมรณรงค์ปัญหา แรงงานหญิง โดยเฉพาะการลาคลอด 90 วัน การเคล่ือนไหวผลักดันกฎหมายประกันสังคม ในระยะแรกจึง เน้นการให้ข้อมูล เพื่อให้คนงานตระหนักถึงความจำ� เป็น ประโยชน์ท่ีจะได้รับ ตอ่ มาปี 2532 เมอ่ื พ.ร.บ. ประกนั สงั คมไดผ้ ่านการพิจารณาในวาระแรกแล้ว รา่ งกฎหมายที่จะเข้าส่กู ารพิจารณาในวาระที่ 2 และ 3 จะเป็นประโยชนต์ อ่ คนงานจริง ๆ อยา่ งไร ความไม่มน่ั ใจต่อ 4 สภาแรงงาน ว่าจะผลักดนั ประเดน็ ท่ี เปน็ ประโยชนต์ อ่ ผใู้ ชแ้ รงงานเพยี งใด จงึ นำ� ไปสคู่ วามคดิ รว่ มกนั ในการจดั ประชมุ 73
ร่วมกับกลุ่มสหภาพแรงงานย่านอ้อมน้อย-อ้อมใหญ่ จ.สมุทรสาคร-นครปฐม และกลุ่มสหภาพแรงงานย่านพระประแดง จ.สมุทรปราการ ขึ้น การประชุม ร่วมกัน 2-3 คร้ัง น�ำไปสู่การนัดประชุมใหญ่หน้ารัฐสภา เมื่อวันท่ี 26-27 กรกฎาคม 2532 จนกระทั่งร่าง พ.ร.บ. ประกันสังคมผ่านการพิจารณาของ สภาผแู้ ทนราษฎรในวาระ 2 และ 3 รวมทง้ั กลมุ่ เพอื่ นหญงิ ยงั เปน็ คณะกรรมการ ผลกั ดนั กฎหมายประกนั สงั คมในชว่ งโคง้ สดุ ทา้ ยของการเคลอื่ นไหว ผมู้ บี ทบาท สำ� คญั ในการทำ� งานผลกั ดนั กฎหมายประกนั สงั คมในชว่ งนน้ั คอื จะเดจ็ เชาวนว์ ไิ ล หวั หนา้ ฝ่ายแรงงานหญิง และทศั นีย์ แสนคำ� เจ้าหน้าท่ีฝ่ายแรงงานหญงิ 3. มูลนิธิ อารมณพ์ งศพ์ งัน มูลนิธิ อารมณ์พงศ์พงัน เป็นองค์กรพัฒนาเอกชนที่ท�ำหน้าท่ีในการ ผลิตข้อมูล และจัดเวทีสัมมนาแลกเปล่ียนปัญหาด้านแรงงานอย่างต่อเน่ือง มูลนธิ ิฯ กอ่ ตง้ั ขึ้นเมื่อปี 2523 ภายหลงั การเสยี ชีวิตของ คุณอารมณ์ พงศ์พงัน อดตี ผนู้ ำ� แรงงานทม่ี บี ทบาทสำ� คญั ยุค 14 ตุลาคม 2516-6 ตลุ าคม 2519 ทง้ั นี้ มลู นิธฯิ มีวตั ถปุ ระสงค์เพื่อ • เผยแพร่ความรู้ทางวิชาการทางด้านแรงงาน สภาพการจ้างคนงาน ในอุตสาหกรรมตา่ ง ๆ • การจดั สมั มนาสถานการณแ์ รงงาน แนวทางการแกไ้ ขปญั หาของผใู้ ช้ แรงงาน และเสวนา แลกเปล่ียนปัญหาแรงงาน • การจัดพมิ พห์ นงั สอื และเอกสารขอ้ มูลทางด้านแรงงาน • จัดท�ำโครงการจดหมายขา่ วแรงงานปริทัศนร์ ายเดอื น บทบาทการผลกั ดนั กฎหมายประกนั สงั คม จงึ เนน้ การใหข้ อ้ มลู ขา่ วสาร สถานการณค์ วามเคลอื่ นไหวเกย่ี วกบั การประกนั สงั คม ผา่ นจดหมายขา่ วแรงงาน ปรทิ ัศน์ และสง่ เสริมความร่วมมอื โดยจดั สัมมนา 74
ในยามที่ต้องการผนึกก�ำลัง มลู นธิ ิ อารมณ์พงศพ์ งนั จะเข้ามามสี ว่ น รว่ มอยา่ งแขง็ ขนั เสมอ คร้ังแรก เป็นคณะกรรมการผลักดันกฎหมายประกันสังคม ท่ีมี นายทนง โพธอิ า่ น เปน็ ประธาน ซงึ่ เปน็ ผลมาจากการประชมุ ผใู้ ชแ้ รงงานเมอ่ื วนั ที่ 31 ตลุ าคม 2531 คร้ังที่สอง ร่วมเป็นคณะกรรมการผลักดันกฎหมายประกันสังคม ซ่ึงคณะกรรมการประกอบด้วยองค์กรแรงงานระดับกลุ่มย่านอุตสาหกรรม สหพันธ์แรงงาน สหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย เป็นต้น โดยมีวัตถุ ประสงคเ์ พอื่ ผลกั ดนั กฎหมายประกนั สังคม ในวาระที่ 2 และ 3 เม่ือวันที่ 17-18 พฤษภาคม 2533 เป็นต้นมา ผ้มู บี ทบาทสำ� คญั ในการผลกั ดนั กฎหมายประกนั สงั คมในชว่ งนั้น คอื นภาพร อตวิ านิชยพงศ์ ผู้จัดการมูลนิธิ อารมณ์พงศ์พงัน และบณั ฑติ ย์ ธนชยั เศรษฐวุฒิ เจ้าหน้าทม่ี ลู นิธฯิ 4. กลุ่มเยาวชนคนงาน (Young Christian Workers) เป็นองค์กรพัฒนาเอกชน มีบทบาทในการรวมกลุ่มคนงานในระดับ เยาวชน เพ่อื การเรียนรูก้ ารใช้ชวี ิตในสถานะคนงาน การรว่ มกันคดิ เพื่อพัฒนา ชวี ติ ความเปน็ อยู่ท่ีดขี ึ้น เป็นองค์กรที่มีเครือข่ายในระดับสากล ท้ังในภูมิภาคเอเชีย ยุโรป อเมรกิ า เปน็ ตน้ ในประเทศไทยเปน็ องคก์ รขนาดเล็ก ทมี่ ีสมาชกิ จากโรงงานใน แถบย่านพระประแดง จ.สมุทรปราการ และรงั สติ จ.ปทุมธานี ในการผลักดันกฎหมายประกันสังคม กลุ่มเยาวชนคนงานสากล มีบทบาทสนับสนุนการรวมกลุ่มและให้การศึกษาแก่สมาชิกที่อยู่ใน สหภาพแรงงาน และร่วมมือในการผลักดัน ผู้มีบทบาทส�ำคัญในการผลักดัน กฎหมายประกันสังคมในช่วงน้ัน คือ สมยศ พฤกษาเกษมสุข ผู้ประสานงาน กลมุ่ เยาวชนคนงานสากล 75
• บทบาทท่ีสำ� คัญขององคก์ รพัฒนาเอกชนดา้ นแรงงาน 1. บทบาทกองหน้าทางวชิ าการ เปน็ บทบาททสี่ ำ� คญั ขององคก์ รพฒั นาเอกชน เนอื่ งจากองคก์ รพฒั นา เอกชนมีองค์ประกอบของปัญญาชนจ�ำนวนมาก จึงมีความถนัดในการจัดเก็บ และรวบรวมข้อมูลด้วยรูปแบบและวิธีการต่าง ๆ มีการจัดกิจกรรมในรูปแบบ เสวนาและสัมมนา เพื่อสืบค้นและระดมความคิดเห็นจากผู้รู้ ตลอดจนข้อเท็จ จริงของผใู้ ชแ้ รงงาน การเผยแพรข่ อ้ มลู ในรปู แบบของแผน่ พบั จดหมายขา่ ว สสส. จดหมาย ขา่ วแรงงานปรทิ ศั น์ ของมลู นธิ ิ อารมณพ์ งศพ์ งนั การเขยี นบทความ บทรายงาน ต่าง ๆ ลงในหนังสอื พิมพ์เป็นการกระจายขอ้ มลู สู่สาธารณชน 2. บทบาทสะพานเช่อื มความร่วมมอื ของสหภาพแรงงานรากหญา้ หลงั จากรา่ ง พ.ร.บ. ประกนั สงั คม ผา่ นการรบั หลกั การในวาระแรกจาก สภาผูแ้ ทนราษฎร จำ� นวน 5 ฉบบั ในวันท่ี 17 พฤษภาคม 2532 โดยถือร่างของ รฐั บาลเปน็ หลกั ขณะเดยี วกนั คนงานต้องเผชญิ กับปัญหาการจา้ งงานระยะสัน้ จากฝา่ ยนายจา้ ง ซงึ่ ประเดน็ ดงั กลา่ วท�ำใหเ้ กดิ ขอ้ ขดั แยง้ ระหวา่ งสภาแรงงานฯ กับสหภาพแรงงานระดับกลุ่มย่าน และสหพันธ์แรงงานบางแห่ง จึงเป็นการ ลดความเชอื่ ม่นั ต่อการผลักดันกฎหมายประกนั สังคมในวาระ 2 และ 3 ไปด้วย จากการหารือของกลุ่มเพื่อนหญิงกับสมาคมสิทธิเสรีภาพของ ประชาชน เห็นว่า การจ้างงานระยะส้ันยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างแท้จริง กฎหมายประสงั คมเพง่ิ ผา่ นในวาระแรกเทา่ นนั้ การพงึ่ พงิ สภาแรงงานฯ ผลสำ� เรจ็ จะเป็นไปได้ยาก หากยังใชว้ ธิ ยี ่ืนหนังสือเท่าน้ัน ดังนั้น จึงได้ประสานงานสหภาพแรงงานในกลมุ่ ยา่ น 2 แห่ง คอื กลมุ่ สหภาพแรงงานยา่ นออ้ มนอ้ ย-ออ้ มใหญ่ จ.สมทุ รสาคร-นครปฐม พบปะกบั กลมุ่ สหภาพแรงงานย่านพระประแดง จ.สมุทรปราการและใกล้เคียง โดยจัดการ ประชุมระหว่างกล่มุ ยา่ น น�ำไปสกู่ ารเคลือ่ นขบวนคนงานในเวลาต่อมา 76
3. บทบาทร่วมเปน็ ฟันเฟอื งหนงึ่ ของคณะกรรมการผลักดนั กฎหมาย ประกนั สงั คม 2531 สภาแรงงานฯ กบั สมาพันธ์แรงงานฯ ไดจ้ ัดสมั มนาการประกนั สงั คม ขน้ึ 3 ครง้ั ครง้ั ท่ี 3 มีขึน้ เมื่อวนั ที่ 31 มกราคม 2531 ทโี่ รงแรมบางกอกพาเลซ จากการประชมุ ไดข้ ยายการจดั ตงั้ คณะกรรมการผลกั ดนั กฎหมายประกนั สงั คม เพิ่มข้ึน จำ� นวน 38 คน โดยมตี วั แทนกลุ่มเพือ่ นหญงิ มลู นธิ ิ อารมณ์พงศพ์ งัน และสมาคมสิทธเิ สรภี าพของประชาชน ร่วมเปน็ กรรมการ โดยมีหน้าที่ ดังนี้ 1. จัดทำ� ร่างกฎหมายประกนั สงั คม ฉบบั ผใู้ ช้แรงงาน 2. ก�ำหนดแผนงานในการผลักดัน 3. ประสานความร่วมมือกบั บรรดาผูใ้ ชแ้ รงงานท่ัวไป • เปน็ ฟันเฟืองอกี ครัง้ ในโค้งสดุ ทา้ ย สมัยรัฐบาล พล.อ. ชาติชาย ชุณหะวัน เป็นนายกรัฐมนตรีที่มาจาก การเลือกต้ัง กระแสการเรียกร้องให้มีกฎหมายประกันสังคมมีสูงข้ึน แต่ใน ส่วนขององค์กรแรงงานความเปน็ เอกภาพกลับลดลง องค์กรพัฒนาเอกชนด้านแรงงาน ได้เข้าร่วมกับพันธมิตรที่ใกล้ชิด ในนาม “คณะกรรมการผลกั ดันกฎหมายประกันสงั คม” ประกอบด้วย 1. กลุม่ สหภาพแรงงานย่านอ้อมน้อย-อ้อมใหญ่ 2. กลมุ่ สหภาพแรงงานยา่ นพระประแดง สมทุ รปราการและใกลเ้ คยี ง 3. สหพนั ธแ์ รงงานอตุ สาหกรรมสง่ิ ทอ การตดั เยบ็ เสอ้ื ผา้ และเครอ่ื ง หนงั แห่งประเทศไทย 4. สมาพันธค์ นงานในกจิ การอาหาร เคร่อื งดืม่ โรงแรม และกิจการ ที่คล้ายคลงึ 5. กลมุ่ รัฐวสิ าหกจิ สมั พันธ์ 6. สหพันธน์ ิสติ นักศกึ ษาแห่งประเทศไทย (สนนท.) 77
7. สมาคมสทิ ธิและเสรภี าพของประชาชน (สสส.) 8. มลู นธิ ิ อารมณ์พงศพ์ งนั 9. กลมุ่ เพอื่ นหญิง 1 0. กลมุ่ เยาวชนคนงาน เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2533 ได้จัดท�ำจดหมายเปิดผนึกถึงหัวหน้า พรรคการเมืองทุกพรรค ขอให้น�ำร่างกฎหมายประกันสังคมบรรจุเป็นวาระ เร่งดว่ น ใหท้ นั สมัยประชุมน้ี วนั ท่ี 3 กรกฎาคม 2533 ผใู้ ชแ้ รงงานจากพระประแดง สมทุ รปราการ และยา่ นออ้ มนอ้ ย-ออ้ มใหญ่ ประมาณ 200 คน ชมุ นมุ หนา้ ทำ� เนยี บ เพอื่ ขอทราบ ผลการตัดสนิ ใจของนายกรฐั มนตรี ตามท่ีไดย้ ืน่ หนังสือไปแลว้ วนั ท่ี 4 กรกฎาคม 2533 คณะกรรมการผลกั ดนั กฎหมายประกนั สงั คม ไดย้ น่ื หนงั สอื ตอ่ นายบญุ เออื้ ประเสรฐิ สวุ รรณ ประธานคณะกรรมการประสาน งานสภาผู้แทนราษฎร (วิป ส.ส.) ขอให้บรรจุวาระกฎหมายประกันสังคม เปน็ วาระเรง่ ด่วน วันที่ 6 กรกฎาคม 2533 วันประชุมวุฒิสภา ผู้แทนคณะกรรมการ ผลกั ดนั กฎหมาย ประกันสังคม เข้าฟังการประชุม ผลออกมาว่าวุฒิสภาได้คว่�ำร่าง กฎหมายประกนั สังคม วันท่ี 10 กรกฎาคม 2533 คณะกรรมการผลักดันกฎหมายประกัน สงั คม จดั แถลงขา่ วทอี่ งคก์ ารนกั ศกึ ษามหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ เวลา 16.00 น. ชี้แจงวา่ หากวนั ท่ี 11 กรกฎาคม สภาผู้แทนราษฎรไมผ่ ่านรา่ งกฎหมายประกัน สังคม จะมีการตัง้ เมรเุ ผาศพนายกรัฐมนตรี วุฒสิ มาชกิ และสภาผ้แู ทนราษฎร วันท่ี 11 กรกฎาคม 2533 ผู้แทนคณะกรรมการผลักดันกฎหมาย ประกันสังคม เข้าร่วมฟังการประชุมสภาผู้แทนราษฎรนัดพิเศษ เพื่อพิจารณา 78
ให้ความเห็นชอบ ผลการประชุม ส.ส. มีมติเห็นชอบและยืนยันตามร่างของ กรรมาธกิ ารร่วม เป็นเอกฉนั ท์ เย็นวันเดียวกัน คณะกรรมการผลักดันกฎหมายประกันสังคมจัด ประชุมท่ีท้องสนามหลวง เพ่ือกล่าวขอบคุณสภาผู้แทนราษฎร ท่ีมีมติผ่าน กฎหมายประกนั สังคม • บทสรุปการผลกั ดันกฎหมายประกนั สงั คม 1. การเคลื่อนไหวเพ่ือให้ได้มาซึ่งกฎหมายประกันสังคมเป็นไปโดย หลักการแห่งสิทธิมนุษยชนโดยแท้ จึงได้รับการสนับสนุน และร่วมมือจากทุก ภาคส่วน พิจารณาจากการเป็นคณะกรรมการร่วมขององค์กรพัฒนาเอกชน องคก์ รแรงงาน และองคก์ รนักศกึ ษา 2. องค์กรพัฒนาเอกชนมีบทบาทท่ีส�ำคัญในการเป็นกองหน้าทาง วิชาการ โดยประสานงานทกุ ฝ่าย เพ่ือกำ� หนดองคค์ วามรู้ และเคล่ือนไหวทาง ความคิดตั้งแต่ปี 2529 ในขณะเดียวกัน ในระยะแรกองค์กรแรงงานยังขาด ยุทธศาสตร์และความต่อเนื่องในการผลักดัน มีการเคล่ือนไหวหลักอยู่ที่วัน แรงงานแหง่ ชาติ โดยการชปู ระเดน็ และยน่ื หนังสอื เท่านัน้ 3. กฎหมายประกันสังคมเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ องค์กรพัฒนา เอกชนยึดถือเป็นภารกิจทางสังคมที่ต้องร่วมผลักดัน เป็นฟันเฟืองหนึ่งของ ขบวนการ การเข้าร่วมเป็นหน่ึงในคณะกรรมการรณรงค์กฎหมายประกัน สังคมจึงถือเป็นภารกิจท่ีมีเกียรติ ผลส�ำเร็จท่ีเกิดข้ึนจึงอยู่บนพ้ืนฐานของความ สมานฉันท์ 4. กฎหมายประกนั สงั คมไดร้ บั การบงั คบั ใชแ้ ลว้ คนท�ำงานไดร้ บั หลกั ประกนั ในชวี ติ ทดี่ ขี นึ้ การคมุ้ ครองการรกั ษาพยาบาล การคลอดบตุ ร ทพุ พลภาพ การชราภาพ การประกันการวา่ งงาน ท�ำใหส้ ังคมมีความมัน่ คง เป็นการตอกย้ำ� วา่ การมกี ฎหมายประกันสงั คมเราเดินมาถูกทางแลว้ 79
หนงั สอื อ้างองิ จะเด็จ เชาวน์วิไล “การเคลือ่ นไหวตอ่ ส้ขู องกลมุ่ สหภาพแรงงานย่าน อ้อมน้อย-ออ้ มใหญต่ ง้ั แต่ปี 2531 ถงึ ปจั จบุ ัน” บัณฑติ ย์ จนั ทร์งาม บนเส้นทางการต่อสเู้ พ่อื สิทธิกรรมกร. กรงุ เทพฯ : บริษัทโปรโตไทป์ จ�ำกัด, 2542 คณะกรรมการรณรงคเ์ พอื่ การประกนั สงั คม. รายงานการสมั มนาเรอื่ ง กฎหมายประกันสุขภาพ กรุงเทพฯ : คณะกรรมการรณรงค์เพ่ือการประกัน สงั คม, 2529 นิคม จันทรวิทุร. กฎหมายประกันสังคม ฉบับประวัติศาสตร์. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์หอรัตนชยั การพิมพ์, 2533 สภาองค์การลูกจ้างสภาแรงงานแห่งประเทศไทย. ข่าวสภาองค์การ ลูกจ้างสภาแรงงานฯ “กรรมกรเร่งรัฐฯ จัดประกันสังคม”. กรุงเทพฯ : สภา องค์การลกู จา้ งสภาแรงงานแห่งประเทศไทย, 2531 80
บทสมั ภาษณ์ คณุ บัณฑิตย์ ธนชัยเศรษฐวุฒิ ปจั จุบนั : ผู้อำ� นวยการ มูลนธิ ิ อารมณพ์ งศพ์ งัน (1) มลู นธิ ิ อารมณพ์ งศพ์ งนั รว่ มผลกั ดนั กฎหมายประกนั สงั คมอยา่ งไร? ตอบ 1. นำ� เสนอความเคลอ่ื นไหวเกย่ี วกบั กฎหมายประกนั สงั คมของ องคก์ รแรงงาน สถาบนั วชิ าการ และเครอื ขา่ ยองคก์ รพฒั นาเอกชนดา้ นแรงงาน เปน็ ประจำ� ในจดหมายขา่ วแรงงานปรทิ ศั น์ ท่ผี ลติ มาต้ังแต่ปลายปี 2530 2. เข้าร่วมรณรงค์กับเครือข่าย คณะท�ำงานผลักดันกฎหมาย ประกนั สงั คม ที่ก่อตวั ขึน้ ตง้ั แตป่ ระมาณปี 2531 3. จดั เวทสี มั มนาเผยแพรข่ อ้ มลู ความคบื หนา้ ของการพจิ ารณา ร่างกฎหมายประกันสังคม และน�ำเสนอข้อเรียกร้องในแต่ละช่วง จนกระทั่ง ผา่ นการพิจารณาของรฐั สภา เมอื่ ปี 2533 (2) คดิ วา่ องคก์ รพฒั นาเอกชนดา้ นแรงงาน มบี ทบาทอยา่ งไรตอ่ การมี กฎหมายประกนั สังคม? ตอบ 1. มีบทบาทส�ำคัญในการเป็น สะพานเช่ือม องค์กรพันธมิตร ตา่ ง ๆ ท้งั ขบวนการแรงงาน ขบวนการนกั ศกึ ษา และองค์กรพัฒนาเอกชนกลุ่ม ต่าง ๆ ในกระแสการเคลื่อนไหวกดดนั ให้สมาชกิ รัฐสภาเหน็ ชอบรา่ งกฎหมาย ประกันสังคม และโต้แย้งแนวคิดอนุรักษ์นิยมท่ีขัดขวางการคลอดกฎหมาย ประกันสังคม เช่น ความคิดนักการเมืองบางคนที่ให้ข่าวว่า ประกันสังคมเป็น เรอ่ื งของประเทศคอมมวิ นสิ ต์ ตา่ งประเทศเขาเลกิ ใช้ประกนั สังคมแลว้ เปน็ ตน้ 2. เปน็ ผสู้ นบั สนนุ องคค์ วามรแู้ ละขอ้ มลู ประกนั สงั คมดา้ นตา่ ง ๆ แกส่ ังคมและสือ่ มวลชน เพ่ือสร้างความชอบธรรมใหก้ ารเคลอ่ื นไหว 81
บทสมั ภาษณ์ คุณจะเด็จ เชาวนว์ ไิ ล ปจั จบุ นั : ผอู้ ำ� นวยการ มลู นธิ หิ ญงิ ชายกา้ วไกล อดตี : ผ้จู ัดการ มูลนิธิเพอ่ื นหญิง (1) มูลนิธิเพอื่ นหญงิ รว่ มผลักดนั กฎหมายประกันสงั คมอยา่ งไร? ตอบ 1. สนบั สนนุ การจดั การศกึ ษา และฝกึ อบรมคนงานในพน้ื ทอ่ี อ้ ม นอ้ ย-อ้อมใหญ่ ใหเ้ ข้าใจเรือ่ งกฎหมายประกันสังคม 2. สนบั สนุนการผลิตสื่อในการรณรงค์ เช่น โปสเตอร์ แผ่นพบั ในการรณรงคใ์ ห้คนงานและสาธารณชนเข้าใจกฎหมายประกันสังคม 3. รว่ มกับเครือขา่ ยองค์กรพฒั นาเอกชน ในการจดั เวทีสัมมนา เร่ืองกฎหมายประกนั สังคมสรา้ งความเขา้ ใจให้สาธารณชน 4. เช่ือมเครือข่ายผู้ใช้แรงงานระหว่างกลุ่มย่านอ้อมน้อย-อ้อม ใหญ่ และพระประแดง ให้ได้แลกเปลี่ยนปัญหาแรงงาน และร่วมกันผลักดัน กฎหมายประกันสงั คม (2) คิดวา่ องค์กรพัฒนาเอกชนดา้ นแรงงานมบี ทบาทอยา่ งไรตอ่ การมี กฎหมายประกันสงั คม? ตอบ 1. มีบทบาทส�ำคัญในการเป็นเวทีเชื่อมเครือข่ายต่าง ๆ เข้ามา ร่วมสนับสนุนกฎหมายประกันสังคมให้เกิดพลังมากขึ้นในการผลักดันกฎหมาย ใหผ้ ่านรัฐสภา 2. สนบั สนนุ งานดา้ นขอ้ มลู ขา่ วสารใหก้ บั คนงานและสาธารณชน ได้รบั รู้ถงึ ความสำ� คญั ของการมีกฎหมายประกนั สังคมในสงั คมไทย 82
บทบาทกขฎอหงมนาักยศปึกรษะากใันนสกังาครมผลักดนั วรดลุ ย์ ตลุ ารกั ษ์ ศิโรตม์ คลา้ มไพบลู ย์ เม่ือพูดถึงปัจจัยที่อยู่เบื้องหลังการบังคับใช้กฎหมายประกันสังคม คนจ�ำนวนมากมักเข้าใจว่าเป็นรัฐบาล และระบบราชการ ท่ีริเริ่มผลักดัน มาตรการสวัสดิการสังคมเร่ืองนี้ คนจ�ำนวนน้อยลงไปอาจรู้ว่ากฎหมายประกัน สังคมมาจากการผลักดันขององค์กรพัฒนาเอกชนและผู้ใช้แรงงาน แต่คงมีคน ไม่มากนักท่ีตระหนักว่า มีนิสิตนักศึกษาเป็นพลังฝ่ายท่ีสำ� คัญต่อการได้มาซึ่ง กฎหมายฉบบั นดี้ ว้ ย ในสว่ นของการศกึ ษา และประเมนิ การมสี ว่ นรว่ มของนกั ศกึ ษา ในการ ผลักดนั กฎหมายประกันสังคมนั้น งานศกึ ษานรี้ วมศูนย์ความสนใจอยู่ทีค่ ำ� ถาม พ้ืนฐานสามข้อ ค�ำถามแรก เป็นค�ำถามระดบั ข้อเทจ็ จริงวา่ นักศกึ ษามสี ่วนรว่ ม ผลักดันกฎหมายประกันสังคมอย่างไร ค�ำถามที่สอง เป็นค�ำถามเชิงอธิบายว่า ทำ� ไมนกั ศกึ ษาจงึ มบี ทบาทแบบนน้ั ในเวลานนั้ สว่ นค�ำถามขอ้ ทสี่ าม เปน็ ค�ำถาม เชงิ ประเมนิ ผลว่า บทบาทของนักศกึ ษาส่งผลกระทบตอ่ การเคล่อื นไหวประกนั สังคมอย่างไรบ้าง แน่นอนว่าค�ำถามทั้งหมดนี้ เป็นประเด็นท่ีมีความส�ำคัญ ต่อการท�ำความเข้าใจยุทธศาสตร์การเคล่ือนไหวเพ่ือผลักดันกฎหมายประกัน สงั คม พ.ศ. 2533 แตท่ สี่ ำ� คญั ไมย่ ง่ิ หยอ่ นไปกวา่ กนั กค็ อื การเปน็ บทสมทบหนา้ กระดาษทห่ี ายไปจากการศกึ ษาประวตั ศิ าสตร์ และการเคลอื่ นไหวทางความคดิ ของนกั ศกึ ษาและปัญญาชนสมยั ใหม่ของไทย 83
• โครงเร่อื งของการอธิบายขบวนการนักศกึ ษา เท่าท่ีผ่านมาน้ัน การศึกษาประวัติศาสตร์ความเคลื่อนไหวของ นกั ศกึ ษาไทย อยู่ภายใตก้ รอบคำ� อธบิ ายสามแบบ ค�ำอธิบายแบบแรก พิจารณานักศึกษาในฐานะ พลังบริสุทธ์ิ ที่เป็น เอกเทศจากกลมุ่ ผลประโยชนท์ างเศรษฐกจิ และฝกั ฝา่ ยทางการเมอื ง ค�ำอธบิ าย แบบน้แี พร่หลายกวา้ งขวาง และปรากฏในงานเขยี นแนวประชานยิ ม ท้ังในรปู สื่อส่ิงพิมพ์หรือส่ือดิจิตอลโดยท่ัวไป โดยที่แม้กระทั่งนักรัฐศาสตร์คนส�ำคัญ บางรายกอ็ ธบิ ายพลงั นกั ศกึ ษาสมยั 14 ตลุ า ดว้ ยความคดิ แบบน้ี 3 แนวคดิ แบบนี้ เชอื่ วา่ นกั ศกึ ษาเปน็ กลมุ่ พลงั ทางการเมอื งทส่ี ำ� คญั โดยตวั เอง สว่ นสงั คมกย็ อมรบั พลงั นกั ศึกษาเพราะถือวา่ นักศกึ ษามีอดุ มคติและเปน็ พลงั ของศลี ธรรม ค�ำอธิบายแบบท่ีสอง ไม่ได้ถือว่านักศึกษาเป็นพลังบริสุทธิ์ แต่ พิจารณานักศกึ ษาในฐานะ ปัญญาชน ทมี่ ีบุคลกิ ลักษณะ รากฐานความเป็นมา และรสนิยมการใชช้ วี ติ เฉกเชน่ เดียวกับปญั ญาชนเสรีนิยมและผนู้ ำ� ความคดิ ใน สงั คมกลมุ่ อนื่ นกั ศกึ ษาสำ� คญั เพราะนกั ศกึ ษาเปน็ ผนู้ ำ� ความคดิ ความเคลอ่ื นไหว ของนกั ศกึ ษาจงึ หมายถงึ ความเคล่อื นไหวเชิงความคดิ ทีน่ ักศึกษาเผยแพร่สู่คน ส่วนอ่ืนในสังคม นักกิจกรรมนักศึกษาคือ นักกิจกรรมท่ีมีศักยภาพเป็นนักคิด หรือผู้น�ำความคิด ส่วนกิจกรรมนักศึกษาที่ส�ำคัญหมายถึง กิจกรรมงานเขียน การเสวนา การพิมพห์ นังสอื ฯลฯ ทีก่ ระตุ้นใหเ้ กิดความคดิ ใหม ่ ๆ ค�ำอธิบายแนวน้ี มีปริมาณน้อยกว่าค�ำอธิบายแรก แต่ก็มีร่องรอย ปรากฏในงานเขียนว่าด้วยขบวนการนักศึกษาชิ้นส�ำคัญที่เขียนขึ้นในทศวรรษ 2530 รวมท้งั งานศึกษาปัญญาชนไทยหลังจากน้ัน 4 3 เสน่ห์ จามรกิ , “การเมืองไทยกับการปฏวิ ัติเดอื นตลุ าคม” ใน ปญั หาและอนาคตของเมอื งไทย (กรุงเทพฯ : สมาคมสังคมศาสตรแ์ หง่ ประเทศไทย, 2519) 4 ชนิ ทศั น,์ “วญิ ญาณทขี่ าดหาย ทศั นะดา้ นเดยี วเกยี่ วกบั ปญั ญาชนไทยผคู้ ดิ วา่ ตวั เองกำ� ลงั แสวงหา” ใน บณั ฑติ ย์ ธรรมตรรี ตั น์ (บรรณาธกิ าร) คลน่ื แหง่ ทศวรรษ : รวมทศั นะ ความคำ� นงึ และจนิ ตนาการของนกั วชิ าการ นกั การ เมอื งและนกั เขียนรว่ มสมัย (กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์เอดสิ ันเพรส, 2526), 195-208 ; เกษียร เตชะพรี ะ, “เส้นทาง ความคิดของขบวนการนักศกึ ษาไทยในรอบทศวรรษ 84
คำ� อธิบายแนวท่สี าม มสี ว่ นคล้ายกับคำ� อธบิ ายแบบทสี่ อง แตข่ ณะท่ี คำ� อธบิ ายแบบทสี่ องใหน้ ้�ำหนกั กบั บทบาทของนกั ศกึ ษา ในกจิ กรรมเคลอื่ นไหว ทางความคดิ ลกั ษณะตา่ ง ๆ ราวกบั วา่ การเผยแพรค่ วามคดิ เหน็ ของนกั ศกึ ษาเปน็ สิ่งที่มีคุณค่าในตัวเอง ค�ำอธิบายแบบท่ีสาม กลับเห็นว่าความเคล่ือนไหวทาง ความคดิ สำ� คญั กต็ อ่ เมอ่ื ความคดิ นนั้ เปน็ สว่ นหนง่ึ ของการเปลยี่ นแปลงโครงสรา้ ง สังคม แนวคำ� อธิบายนี้พิจารณานักศกึ ษาในฐานะจักรกลทางชนช้นั กลา่ วอีก นยั คอื เปน็ งานศกึ ษาทเ่ี รม่ิ ตน้ ดว้ ยฐานคดิ วา่ นกั ศกึ ษามสี ถานะชนชน้ั ไหนกนั แน่ ระหวา่ งปัญญาชน นายทุนนอ้ ย ปญั ญาชนของชนชน้ั กรรมาชพี หรอื ปัญญาชน ของชนชน้ั ศกั ดนิ า คำ� อธบิ ายนป้ี รากฏในงานเขยี นของนกั กจิ กรรมและปญั ญาชนฝา่ ยซา้ ย กลุ่มท่ีเผยแพร่ความคิดเห็นผ่านจุลสารใต้ดินของนิสิตนักศึกษาและนิตยสาร กลุ่มท่ีได้แรงเหว่ียงทางความคิดจากการต่อสู้ทางการเมืองเน่ืองจากเหตุการณ์ 6 ตลุ าคม 2519 5 กล่าวอย่างย่นย่อแล้ว ค�ำอธิบายท้ังสามแบบล้วนมีสมมติฐานที่ บกพรอ่ ง จนนำ� ไปสู่นยั ยะทางการเมอื ง และจินตภาพเรอื่ งขบวนการนกั ศกึ ษา ทอ่ี นั ตราย คำ� อธบิ ายแบบแรก วางอยบู่ นสมมตฐิ านวา่ การเมอื งเปน็ เรอ่ื งของการ แสวงหาผลประโยชน์รว่ มของคนในชาติโดยไม่มีการแบง่ แยกฝกั ฝ่าย จึงมคี วาม เปน็ ไปได้ทีใ่ นสังคมจะปรากฏคนกลมุ่ หนึง่ ท่อี ยู่เหนอื อคตทิ างการเมือง และผล ประโยชน์ทางเศรษฐกิจท้ังหมด การเมืองคือการต่อสู้เพ่ือให้ฝ่ายที่ถือว่าเป็น 14 ตุลาฯ : การปฏิวัติกระบวนทศั น์ 2 ครัง้ ”, วารสารเศรษฐศาสตรก์ ารเมอื ง 3 (มกราคม-มนี าคม 2527), 41- 55 ; ประจกั ษ์ ก้องกีรต,ิ และแล้วความเคลอ่ื นไหวก็ปรากฏ : การเมืองวฒั นธรรมของนกั ศึกษาและปัญญาชน กอ่ น 14 ตุลา (กรงุ เทพฯ : ส�ำนักพมิ พ์มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร,์ 2548) 5 หมายถงึ นติ ยสารปริทัศนส์ ารและปาจารยสารยุคทม่ี ีสมชาย สวุ รรณศรี เป็นบรรณาธกิ าร 85
“พลังบริสุทธ์ิ” มีบทบาทและอำ� นาจน�ำเหนือฝ่ายอื่น ๆ ค�ำอธิบายแบบนี้ฉาย ภาพของนกั ศกึ ษาในฐานะขบวนการทางการเมอื ง วา่ ไมแ่ ตกตา่ งจากกจิ กรรม ขดุ ท่อหรืองานคา่ ยอาสาพฒั นาชนบท ค�ำอธิบายแบบท่ีสอง เช่ือว่าการเมืองและความเปลี่ยนแปลงทาง การเมืองเป็นผลของการต่อสู้ทางความคิด การท�ำความเข้าใจการต่อสู้ของ นักศึกษาจึงต้องเน้นไปท่ีการศึกษาบทบาทของ ผู้น�ำนักศึกษา ในฐานะผู้น�ำ ความคิด ค�ำอธิบายนี้มีปัญหาเพราะไม่ตระหนักถึงความแตกต่างระหว่าง ความเป็นปัญญาชน กับการเป็นสมาชิกสถาบันการศึกษา หรือกล่าวอีกนัย คือ ค�ำอธิบายนี้มองไม่เห็นว่าสถาบันอุดมศึกษาเป็นกลไกส�ำหรับการครอบง�ำ ทางอุดมการณ์ จึงเข้าใจต่อไปว่าความเป็นผู้นำ� ความคิดของนักศึกษาเท่ากับ ความเป็นปัญญาชน เพื่อเปลี่ยนแปลงสังคมอย่างปราศจากเงื่อนไข ท้ังท่ีการ เคลอ่ื นไหวของนกั ศกึ ษานนั้ อาจเกดิ ขน้ึ เพอ่ื สรา้ งความเปลย่ี นแปลง หรอื จรรโลง สถาบนั อำ� นาจนยิ ม และอดุ มการณ์จารตี นิยมบางอยา่ งกไ็ ด้ ส่วนค�ำอธิบายที่สาม ให้ความส�ำคัญกับตัวแปรทางชนชั้น ราวกับ นักศึกษามีฐานะทางชนชั้นเป็นเอกภาพ จนความเคล่ือนไหวของนักศึกษามี ลักษณะทางชนช้ันอย่างเห็นได้ชัด ทั้งท่ีจำ� นวนมากของการต่อสู้ด้านนโยบาย สาธารณะ หรือความเคล่ือนไหวในระนาบเศรษฐกิจ/วัฒนธรรมของนักศึกษา นั้น ปราศจากลักษณะชนช้ันทป่ี ระจักษแ์ จ้ง ตัวอยา่ งเชน่ การคัดคา้ นสทิ ธิบัตร ยา การตอ่ ตา้ นโครงการกอ่ สรา้ งเขอื่ นนำ้� โจน การขนึ้ ราคารถเมล์ หรอื การแปรรปู สถาบนั อดุ มศกึ ษาให้เปน็ ของเอกชน ในระดับภาพรวมแล้ว แนวค�ำอธิบายความเคลื่อนไหวของฝ่าย นักศึกษาท้ังสามแบบ มีจุดร่วมกันในแง่ที่คิดถึงนักศึกษาในฐานะกลุ่มการเมือง ซ่ึงมีความต่อเน่ือง มีประวัติศาสตร์ยาวนาน มีองค์กรกลางส�ำหรับเช่ือม โยงนักศึกษาทุกฝ่ายให้เป็นเอกภาพ รวมทั้งมีการวางแผนยุทธศาสตร์ และ ก�ำหนดจังหวะก้าวเอาไว้ล่วงหน้า หรือพูดอีกอย่างคือ คิดถึงความเคลื่อนไหว 86
ของนกั ศึกษาในฐานะขบวนการรวมหมู่ ทมี่ ีจติ สำ� นึกรวมหม่บู างลักษณะกำ� กบั สมาชิกของขบวนการไว้ตลอดเวลา ต้นทศวรรษ 2540 ได้ปรากฏความพยายามอธิบายการต่อสู้ทาง การเมอื งของนกั ศกึ ษา บนฐานคดิ ทอี่ อกไปจากกรอบคดิ เรอ่ื ง ขบวนการ ลกั ษณะ ท่ีกล่าวไปแล้ว 6 ค�ำอธิบายน้ีพิจารณานักศึกษาในฐานะปัจเจกบุคคลมากกว่า สมาชกิ ของขบวนการรวมหมู่ จงึ ใหค้ วามสำ� คญั อยา่ งสงู ตอ่ ความเปน็ ปจั เจกภาพ ของนักศึกษาในฐานะปัญญาชนและนักปฏิบัติการทางสังคม เพ่ือสร้างความ เคลื่อนไหวทางความคิด และวัฒนธรรมเชิงตั้งค�ำถามต่อระบบคุณค่าที่มีฐานะ ครอบง�ำในระนาบตา่ ง ๆ เช่น การเมือง วัฒนธรรม และค่านิยม ค�ำอธิบายแนวน้ีคล้ายกับค�ำอธิบายแนวที่สอง ที่คิดถึงนักศึกษาใน ฐานะผนู้ �ำความคดิ แตก่ ม็ ขี อ้ แตกตา่ งส�ำคญั ในแงท่ ใี่ หน้ �้ำหนกั ตอ่ ความเปน็ ผนู้ �ำ ความคดิ สำ� หรบั การเปลย่ี นแปลงสงั คม นยั ทางการเมอื งของคำ� อธบิ ายนค้ี อื การ ชี้ชวนให้คิดถึงความเคลื่อนไหวของนักศึกษา ในลักษณะที่ไม่ได้เป็นขบวนการ ทางการเมอื งขนาดใหญ่ จงึ ไมจ่ �ำเปน็ ต้องคิดถงึ “ขบวนการ” ในความหมายที่ มีมวลชนสมาชิก และเครือข่ายทางการเมืองสนับสนุนกว้างขวางเยี่ยงในอดีต ท�ำให้การศึกษากิจกรรมนักศึกษาไม่ได้มีประเด็นใจกลางอยู่ที่การแสวงหาผู้น�ำ ความคิดของยุคสมัย หรือการพิจารณาผู้น�ำนักศึกษาท่ีเข้มแข็ง จนสามารถยึด กุมการน�ำในองค์การนกั ศึกษา สภานกั ศึกษา หรือสหพนั ธน์ ิสิตนักศึกษาอีกต่อ ไป แตค่ อื การคิดถึงกิจกรรมนกั ศกึ ษาในฐานะการสร้างพืน้ ทีเ่ พ่อื พฒั นาบุคคล ทมี่ คี วามสามารถจะเปน็ สว่ นหนงึ่ ของขบวนการเปล่ยี นแปลงสงั คมในระยะยาว 6 ศิโรตม์ คลา้ มไพบลู ย.์ “คิดนอกกรอบ : วิวาทะว่าดว้ ยบทบาทของขบวนการนกั ศึกษาไทย,” ประชาภิวตั น์ : บทเรยี น 25 ปี 14 ตุลา (กรุงเทพฯ : โครงการวิถีทรรศน,์ 2541) ; นพพล อาชามาส, 15 ปี พฤษภา : สนนท. และขบวนนกั ศึกษา (ถา้ ม)ี หากเราจะยังแสวงหากันต่อไป? จาก http://www.prachatai.com/05web/th/home/8141 87
กลา่ วในแงป่ ระวตั ศิ าสตรค์ วามคดิ แลว้ ทศั นคตติ อ่ การเคลอ่ื นไหวของ นักศึกษาลักษณะน้ี เป็นผลผลิตท่ีแยกไม่ออกจากความเปลี่ยนแปลงสามมิติใน สงั คมไทยชว่ งหลังทศวรรษ 2530 เป็นต้นมา ความเปล่ียนแปลงมิติแรก คือ ความเปล่ียนแปลงทางการเมืองท่ี ปัญหาหลักของการเมืองไทยในทศวรรษ 2530 ไม่ใช่ปัญหาว่าด้วยการต่อสู้ ระหวา่ งเผด็จการทหารกบั ประชาธิปไตย ทเี่ คยเป็นโจทกห์ ลกั ของการเมืองไทย มาราวสามทศวรรษ เพราะปี 2531 คอื ปที ป่ี ระเทศไทยมนี ายกรฐั มนตรจี ากการ เลือกตง้ั เป็นครั้งแรกหลังการสงั หารหมู่ประชาชน-นักศกึ ษา เม่ือวันที่ 6 ตลุ าคม 2519 มีคณะรัฐมนตรีท่ีมาจากการเลือกต้ัง ประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็น ประธานรัฐสภา รวมท้ังห้ามไม่ให้ข้าราชการประจ�ำด�ำรงต�ำแหน่งข้าราชการ การเมอื งในเวลาเดยี วกัน ในแง่สัมพันธภาพทางอ�ำนาจน้ัน ความเปล่ียนแปลงนี้ส่งผลโดยตรง ใหก้ องทพั สญู เสยี อำ� นาจการเมอื ง โดยเปรยี บเทยี บกบั ในอดตี ทก่ี องทพั สามารถ ควบคมุ การเมอื งโดยตรง ในรปู แบบของการสง่ ผนู้ ำ� ทหารเขา้ ดำ� รงตำ� แหนง่ นายก รัฐมนตรี การมีรัฐธรรมนูญท่ีวุฒิสภาท้ังหมดมาจากการแต่งตั้งโดยผู้มีอิทธิพล ฝ่ายทหาร การอนญุ าตใหข้ า้ ราชการระดบั สูงเป็นรฐั มนตรีกระทรวงตา่ ง ๆ รวม ท้ังการระบุให้ประธานวฒุ สิ ภาเปน็ ประธานรฐั สภา ภายใต้ความเปล่ียนแปลงทางการเมืองน้ี ขบวนการต่อต้านเผชิญ ปัญหาใหญ่ว่า อะไรคือยุทธศาสตร์ใหม่ ภายใต้สภาวะวิสัยของการเมืองแบบ รฐั สภาท่ไี ม่มีเผดจ็ การทหารให้ต่อสอู้ กี ตอ่ ไป ความเปล่ียนแปลงมิติท่ีสอง คือความเปล่ียนแปลงทางวัฒนธรรม ความคิด ในทศวรรษ 2530 โครงสร้างของอุดมการณ์ในสังคมไทยไมไ่ ดข้ ้นึ ต่อ การชว่ งชงิ อ�ำนาจน�ำระหวา่ งอดุ มการณอ์ นรุ กั ษน์ ยิ ม-เสรนี ยิ ม-สงั คมนยิ ม ทเ่ี คย ครอบงำ� สังคมไทยมาต้ังแต่หลงั 6 ตุลาคม 2519 หรืออาจกระทง่ั ยอ้ นไปไดไ้ กล ถงึ สมยั ก่งึ พทุ ธกาล เพราะทศวรรษ 2530 คอื ทศวรรษทอ่ี ดุ มการณส์ ังคมนิยม 88
แทบไม่เหลือร่องรอยในทางวัฒนธรรมความคิดให้เห็นต่อไป ไม่ต้องพูดถึง เหตุการณ์เทียนอันเหมิน การล่มสลายของสหภาพโซเวียต การพังทลายของ กำ� แพงเบอร์ลนิ ฯลฯ ทท่ี ำ� ให้สงั คมนยิ มห่างไกลจากความเปน็ ระบอบการเมือง ทเ่ี ป็นจริงย่งิ ข้นึ ไปอกี ในทศวรรษ 2530 อดุ มการณ์ทางการเมืองแบบหลัก ๆ ที่ด�ำรงอย่ใู น สงั คมไทยคอื อดุ มการณอ์ นรุ กั ษน์ ยิ มและเสรนี ยิ ม สองอดุ มการณน์ ไี้ มข่ ดั แยง้ กนั ถึงขน้ั แตกหักอย่างที่เกิดในสงั คมอื่น แตผ่ สมผสานกนั ได้ เกิดเป็นส่วนผสมทาง อดุ มการณ์ท่ีแปลกประหลาดเพราะมีลัทธิชาตินิยมเป็นตวั กลาง สงั คมภายใตส้ มั พนั ธภาพทางอดุ มการณแ์ บบน้ี เปน็ สงั คมเปดิ ทยี่ อมรบั การเรยี กรอ้ งสทิ ธเิ สรภี าพของพลเมอื งกลมุ่ ตา่ ง ๆ แตม่ เี งอ่ื นไขวา่ การรวมกลมุ่ นน้ั ตอ้ งไมแ่ ตะตอ้ งสถาบนั หลกั หรอื ทา้ ทายอดุ มการณท์ ค่ี รอบง�ำสงั คม การรวมกลมุ่ เรยี กรอ้ งผลประโยชนท์ างวตั ถกุ ลายเปน็ เรอ่ื งทที่ ำ� ได้ ตราบใดทกี่ ารเรยี กรอ้ งนน้ั จำ� กดั แตใ่ นระนาบเศรษฐกจิ แตป่ ราศจากมิตกิ ารเมือง ความเปลี่ยนแปลงมิติท่ีสาม คือความเปลี่ยนแปลงในแง่ปัญหา เศรษฐกิจสังคม ว่าด้วยการพัฒนาสู่ความเป็นสังคมอุตสาหกรรมสมัยใหม่ ใน ช่วงก่อนทศวรรษ 2530 ทุนนิยมไทยเผชิญปัญหาใหญ่สุดจากสภาวะความ ด้อยพัฒนา ท่ีมาควบคู่กับการปราศจากเสถียรภาพเชิงระบบ ผลท่ีตามมาคือ การขยายตัวของปัญหาสังคมนานาชนิด ไม่ว่าจะเป็นการโยกย้ายประชากร จากชนบทสู่เมือง การเติบโตของสลัมและคนจนเมือง การล่มสลายของภาค ชนบท ขณะที่ในทศวรรษ 2530 ทุนนิยมอุตสาหกรรมไทยได้เติบโตถึงจุดที่มี เสถียรภาพพอสมควร ท�ำให้ปัญหาหลักของสังคมไม่ได้จ�ำกัดอยู่ที่ผลกระทบ จากการเปลยี่ นแปลงจากสังคมชนบทเป็นสังคมสมยั ใหม่อีกตอ่ ไป แตค่ อื ปัญหา ใหม่ ๆ ทป่ี รากฏขึน้ พรอ้ มกับยทุ ธศาสตรก์ ารสะสมทนุ เพอื่ ไปสูค่ วามเป็นสงั คม อุตสาหกรรมและบรกิ าร 89
กลา่ วใหเ้ ปน็ รปู ธรรมแลว้ ปญั หาใหญท่ เี่ กดิ ขนึ้ ในสงั คมไทยยคุ ทศวรรษ 2530 คือปัญหาการขูดรีดแรงงานในโรงงานอุตสาหกรรม การขยายตัวของ การลงทุนไปสู่ชนบท การสูญเสียที่ดินของชาวนาชาวไร่รายย่อย การแย่งชิง ทรัพยากรธรรมชาติโดยทุนอุตสาหกรรมและทุนบริการ ความเส่ือมสลายของ ชมุ ชน หรอื โดยภาพรวมแลว้ กค็ อื การกา้ วขนึ้ มามอี ำ� นาจทางเศรษฐกจิ การเมอื ง ในระดบั ท้องถนิ่ โดยตรงของทุน และอ�ำนาจท้องถนิ่ กลุ่มต่าง ๆ โดยตรง 7 การบรรจบกนั ของความเปลยี่ นแปลงทงั้ สามมติ ิ เปลยี่ นแปลงภมู ทิ ศั น์ ของการต่อสู้ทางการเมืองในสังคมไทยช่วงทศวรรษ 2530 ไปสู่ทิศทางท่ีหัน หลังให้กับการต่อสู้ทางอุดมการณ์ และการสร้างขบวนการท่ีใหญ่โตมีเอกภาพ การเมืองในยุคหลังทศวรรษ 2530 ไม่ใช่การเมืองเรื่องอุดมการณ์ ขณะท่ีการ เคลอ่ื นไหวการเมอื งยคุ หลงั ทศวรรษ 2530 ไมใ่ ชเ่ รอื่ งของการเลอื กวา่ จะอยฝู่ า่ ย ประชาธิปไตย หรืออยู่ภายใต้เผด็จการทหารอย่างในอดีต การต่อสู้ทางสังคม ในชว่ งหลังทศวรรษ 2530 ไม่ใชก่ ารสูร้ ะหวา่ งประชาชาตกิ บั รฐั หรือชาวนากับ ชนช้ันศักดินาเจ้าที่ดิน แต่คือการต่อสู้ของประชาชนแต่ละกลุ่มแต่ละเหล่าท่ี เกดิ ขน้ึ ในสมรภูมยิ ่อย ๆ ซ่งึ มนี ายทุนอุตสาหกรรมหรอื กลุม่ ทุนท้องถิ่นเป็นศตั รู ผลที่ความเปล่ียนแปลงนี้มีต่อความเคล่ือนไหวของนักศึกษาคือ การ ท�ำให้สหพนั ธน์ สิ ติ นกั ศกึ ษาแห่งประเทศไทย (สนนท.) เริ่มสูญเสยี สถานภาพ ความเปน็ ศนู ยก์ ลางของนิสติ นักศึกษาฝา่ ยซึ่งใฝใ่ จเปลยี่ นแปลงสังคม ถ้าถือวา่ ปรากฏการณ์ส�ำคัญของกจิ กรรมนกั ศกึ ษาในทศวรรษ 2520 คือการรวมกลุ่มของนักศึกษาหลายสถาบันเป็นสหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่ง ประเทศไทย ปรากฏการณ์ส�ำคัญในทศวรรษ 2530 ก็คือการขยายตัวของ กลุ่มนักกิจกรรมที่เป็นอิสระจากองค์กรนี้ ตัวอย่างเช่น นักศึกษาจากภูมิภาค 7 จดหมายข่าวสังคมศาสตร์ปริทัศน์ ฉบับสู่ทศวรรษใหม่แห่งการเติบโตของภูมิภาคในประเทศไทย 11 : 2-3 (พฤศจิกายน 2531- เมษายน 2532) 90
จำ� นวนหนึ่งเคล่อื นไหวจัดตง้ั สหพนั ธน์ ิสติ นกั ศึกษา ภายใต้การนำ� ของนกั ศึกษา ภูมิภาคโดยตรง ดังมีสหพันธ์นิสิตนักศึกษาภาคใต้ และสหพันธ์นิสิตนักศึกษา ภาคอีสานเป็นตัวอย่าง, นักศึกษาจากส่วนกลางสนใจประเด็นการเมืองน้อยลง แต่หันไปเคลื่อนไหวประเด็นสิ่งแวดล้อมและทรัพยากร กับคณะกรรมการ อนุรักษท์ รพั ยากรธรรมชาติและสภาพแวดล้อม 16 สถาบัน (คอทส.) มากข้นึ , นกั กจิ กรรมจากธรรมศาสตรแ์ ละมหดิ ลผลติ จลุ สาร Militant เพอื่ ตง้ั คำ� ถาม และ เสนอแนวทางกิจกรรมที่ออกไปจากกรอบคิดเร่ืองการยึดครององค์กรนักศึกษา เวลาน้ัน, 8 นักศึกษามหาวิทยาลัยรามค�ำแหงจัดตั้งกลุ่มสวัสดิภาพแรงงาน, 9 นักศึกษาธรรมศาสตรต์ ง้ั กล่มุ อิสรชน พรรคธรรมาธปิ ไตย พรรคเสรธี รรม ฯลฯ กล่าวในระดับภาพรวมแล้ว ทศวรรษ 2530 คือ ทศวรรษแห่งการ ปรากฏการรวมกลุ่มของนักกิจกรรมนักศึกษาในส่วนกลางและภูมิภาค ซึ่งเป็น เอกเทศจากองค์กรนักศึกษารูปแบบที่สืบทอดมาจากอดีต รวมท้ังการเกิดนัก กจิ กรรมอสิ ระทไี่ มไ่ ดส้ งั กดั องคก์ รนกั ศกึ ษา แตใ่ หค้ วามสนใจกจิ กรรมทางปญั ญา มุ่งท�ำงานกับคนงานในเขตย่านอุตสาหกรรมต่าง ๆ หรือชาวนาชาวไร่รายย่อย ในบางพนื้ ท่ีซึ่งเกดิ การแยง่ ชิงทรัพยากรโดยตรง ในแง่น้ีแล้ว ทศวรรษ 2530 เป็นจุดเริ่มต้นของความล่มสลายของ สหพันธ์นิสิตนักศึกษาฯ ท�ำให้คณะท�ำงานของสหพันธ์ฯ โดยท่ัวไปไม่เคยมี จำ� นวนเกนิ สบิ คน, นกั ศกึ ษาภมู ภิ าคและนกั ศกึ ษามหาวทิ ยาลยั เปดิ มสี ถานภาพ เปน็ ไมป้ ระดบั ของสหพนั ธฯ์ ในสถานการณป์ กต,ิ ตวั สหพนั ธฯ์ ไมม่ คี วามสมั พนั ธ์ ที่แนน่ แฟ้นกับองคก์ รนกั ศึกษาหรือกลุ่มกจิ กรรมระดบั มหาวทิ ยาลยั , การเลือก ตั้งเลขาธิการเป็นเพียงพิธีกรรมเพื่อรับรองบุคคลท่ีได้มีการสรรหา และตกลง 8 สัมภาษณ์ พฤกษ์ เถาถวิล, 16 เมษายน 2551 9 บารมี ชัยรัตน,์ “หยดุ เพลงรกั พกั เพลงรบ จบเพลงยทุ ธ” : “ปุ๋ย” ในความทรงจ�ำของพี่ชาย จาก http://www.prachatai.com/05web/th/home/12192 91
เป็นการภายในไว้ก่อนแล้ว ส่วนเลขาธิการบางคนเป็นนักศึกษาปริญญาตรี ท่ีเก่าแก่จนไม่มีนักศึกษาคนไหนไม่รู้จัก บางคนพ้นสภาพนักศึกษาไปแล้ว แต่ อาศัยสถานะบัณฑติ ศกึ ษาเปน็ เลขาธกิ าร สนนท. ในความเปล่ียนแปลงท้ังหมดนี้ ค�ำถามที่ส�ำคัญที่เกิดข้ึนในหมู่นัก กิจกรรมยุคทศวรรษ 2530-2540 จึงไม่ใช่ค�ำถามว่านักศึกษาควรไปทางไหน ไม่ใช่ค�ำถามว่ายังมีขบวนการนักศึกษาอยู่หรือไม่ แต่คือค�ำถามว่า ควรมี ขบวนการนกั ศึกษาตอ่ ไปอีกหรือ? • นักศกึ ษากับการผลักดนั กฎหมายประกันสังคม ในทศวรรษ 2530 พลังฝ่ายนักศึกษาท่ีมีบทบาทผลักดันกฎหมาย ประกันสังคมคือ นักศึกษาส่วนท่ีท�ำงานร่วมกับสหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่ง ประเทศไทย (สนนท.) นกั ศกึ ษาเปน็ สว่ นหนง่ึ ของการรณรงคน์ เ้ี พราะการบรรจบ กนั ของเหตปุ ัจจัยสองขอ้ ขอ้ แรก คอื ความสนใจปญั หาแรงงานในกล่มุ นักกจิ กรรมจากสหพันธ์ นิสติ นกั ศกึ ษาแหง่ ประเทศไทยในอดตี ข้อสอง คอื การผลักดันของนกั ศกึ ษาสังกดั กลมุ่ อิสระต่าง ๆ ที่ทำ� งาน รว่ มกับผใู้ ชแ้ รงงานในเวลาน้นั สหพันธ์นิสิตนักศึกษาฯ เป็นองค์กรของนักศึกษาจากหลายสถาบัน ที่จัดต้ังข้ึนเม่ือ พ.ศ. 2527 และเริ่มร่วมมือกับผู้ใช้แรงงานในการเคล่ือนไหว ประเดน็ ปัญหาต่าง ๆ ในปี 2529-2531 บนฐานความคิด 3 เรอ่ื ง เรือ่ งแรก คอื ความคดิ วา่ ผใู้ ชแ้ รงงานสำ� คญั ตอ่ การสรา้ งประชาธปิ ไตยรฐั สภาขน้ึ แทนทรี่ ะบอบ การเมืองแบบเผด็จการครึ่งใบที่นายกรัฐมนตรีไม่ได้มาจากการเลือกตั้งในขณะ นน้ั เรอื่ งทส่ี องคอื ความเชอ่ื วา่ ผใู้ ชแ้ รงงานเปน็ พลงั หลกั ในการเปลยี่ นแปลงสงั คม และเร่อื งท่ีสามคอื แนวคดิ เรอื่ งความเปน็ ธรรมทางสังคม 92
อิทธิพลของความคิดทั้งสามข้อ ส่งผลให้สหพันธ์นิสิตนักศึกษาฯ เคล่ือนไหวกับผู้ใช้แรงงานในรูปการรณรงค์เรียกร้องประชาธิปไตยร่วมกับคน งานมาเปน็ ระยะ เชน่ จดั เวทรี ว่ มกบั กรรมกรออ้ มนอ้ ย-ออ้ มใหญ่ กลมุ่ ยา่ นรงั สติ กลุ่มสลัมคลองเตย โดยสร้างแนวร่วมกับผู้น�ำคนงาน ผู้น�ำชุมชน และองค์กร พฒั นาเอกชน เชน่ ทวปี กาญจนวงศ,์ เอกชยั เอกหาญกมล แกนนำ� สภาองคก์ าร ลกู จ้างสมาพันธ์แรงงานแห่งประเทศไทย, สมยศ พฤกษาเกษมสขุ และประทปี องึ้ ทรงธรรม 10 นอกจากนั้น อภชิ าติ ขำ� เดช เลขาธิการสหพันธ์นสิ ิตนกั ศึกษาฯ พ.ศ. 2530 ยังร่วมประท้วงกับคนงานศรีเก้าการทอและสามัคคีการทอ 11 ส่วน สหพันธ์ฯ ก็มีบทบาทหนุนช่วยการนัดหยุดงานของคนงานบริษัทจีเอส สตีล พ.ศ. 2531 โดยนายบณั ฑิต อนิ สรุ ตั น์ ประธานสหภาพแรงงานจีเอส สตีล และ นายประเสริฐ กิจสุวรรณรตั น์ เลขาธกิ าร สนนท. ได้รว่ มกันเจรจากบั เจา้ หนา้ ที่ ตำ� รวจยืนยันสิทธิของคนงานทีจ่ ะชมุ นุมหน้ากระทรวงมหาดไทย สมยศ พฤกษาเกษมสุข บันทึกสภาพการมีส่วนร่วมของนักศึกษา ต่อการนัดหยุดงานของคนงานกรณีจีเอส สตีล เอาไว้ว่า “นิสิตนักศึกษาจาก หลายสถาบนั ได้มาใหก้ �ำลังใจถงึ 300 คน คนหน่มุ สาวเหล่าน้ีได้จดุ ประกายไฟ แห่งการต่อสู้ข้ึนอีก พวกเขามาท่ีนี่เพ่ือเรียนรู้ถึงความเป็นจริงในสังคมไทย” 12 ขณะที่ นภาพร อติวานชิ ยพงศ์ ประเมนิ การมีส่วนรว่ มของนักศึกษาว่า “ต้องยอมรับว่าการเคล่ือนไหวนี้ได้รับความหนุนช่วยจากฝ่าย นักศึกษาอย่างมาก ทั้งในส่วนท่ีนักศึกษาได้ร่วมชุมนุมประท้วงร่วมกับฝ่าย คนงาน และนายอภชิ าติ ขำ� เดช เลขาธกิ ารสหพนั ธน์ สิ ติ นกั ศกึ ษาแหง่ ประเทศไทย 10 สัมภาษณ์ สภุ ลักษณ์ กาญจนขุนดี รองเลขาธกิ าร สหพันธ์นสิ ติ นักศึกษาแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2529, 10 เมษายน 2551 11 สัมภาษณ์ อภิชาติ ข�ำเดช เลขาธกิ าร สหพันธน์ สิ ติ นักศกึ ษาแหง่ ประเทศไทย พ.ศ.2530, 15 เมษายน 2551 12 สมยศ พฤกษาเกษมสขุ , “บนั ทกึ ความปวดรา้ วของประวตั ศิ าสตรค์ นงานไทย : บทอวสาน,” แรงงานปรทิ ศั น์ ฉบบั ไหน ? 93
ไดร้ ว่ มโกนหวั ประทว้ ง... การเขา้ รว่ มการเคลอื่ นไหวกบั คนงานเปน็ ผลดตี อ่ องคก์ ร นกั ศกึ ษาเอง โดยทำ� ใหน้ กั ศกึ ษาไดเ้ รยี นรแู้ ละสมั ผสั ปญั หาของผใู้ ชแ้ รงงานซงึ่ เปน็ ผดู้ อ้ ยโอกาสในสงั คม และจากประสบการณท์ เี่ ปน็ จรงิ เปน็ การยกระดบั ความคดิ และจิตสำ� นึกของนกั ศกึ ษาในการรว่ มสร้างสรรค์สงั คมท่ีดีงาม”13 ข้อท่คี วรพิจารณากค็ อื แนวการมีสว่ นร่วมของสหพันธ์นสิ ิตนักศกึ ษา กับผู้ใช้แรงงานในยุคต้น อยู่ในทิศทางที่ฝ่ายนักศึกษาเข้าไปสนับสนุนการ นัดหยุดงานของคนงานเป็นกรณี แนวทางนี้มีข้อดีตรงที่ท�ำให้นิสิตนักศึกษา ระดบั ปจั เจกเขา้ ใจความไมเ่ ปน็ ธรรมในสงั คม ผา่ นการเรยี นรคู้ วามทกุ ขย์ ากของ ผู้ใช้แรงงานตามโรงงานโดยตรง ส่วนฝ่ายคนงานผู้นัดหยุดงานก็ได้ก�ำลังใจและ การสนับสนุนทางการเมอื งจากนกั ศึกษาไปด้วย กล่าวให้ถึงท่ีสุดแล้ว การมีส่วนร่วมแนวทางน้ีมีวัตถุประสงค์เพื่อ น�ำประสบการณ์น้ีไปยกระดับจิตส�ำนึกของฝ่ายนักศึกษา ท่ีเป็นสมาชิกของ สหพันธ์นิสิตนักศึกษาฯ ในระยะยาว จึงไม่มีความจ�ำเป็นท่ีนักศึกษาต้องสนใจ ปญั หาแรงงานอย่างต่อเน่ือง ปัญหาแรงงานเป็นเพยี งส่วนหนง่ึ ของปญั หาความ อยุติธรรมในสังคมที่มีมากมายเหลือคณานับ จะสนใจประเด็นไหนก็ขึ้นอยู่กับ สหพนั ธ์นิสิตนกั ศกึ ษาฯ แตล่ ะยุคสมัย ที่เหน็ ว่าปญั หาไหนเป็นเรอื่ งสำ� คญั การมสี ว่ นรว่ มผลกั ดนั กฎหมายประกนั สงั คม พ.ศ. 2533 แสดงใหเ้ หน็ แนวทางการมีส่วนร่วมกับผู้ใช้แรงงานท่ีแตกต่างไป เพราะเป็นการเคลื่อนไหว ท่ีเกิดข้ึนบนความร่วมมือระดับ “ขบวนการ” ระหว่างนักศึกษา ผู้ใช้แรงงาน องค์กรพัฒนาเอกชน เพื่อแปรสภาพหลักความยุติธรรมทางสังคม ให้เป็น กฎหมายและกลไกทางเศรษฐกิจที่เป็นรูปธรรมส�ำหรับการเฉล่ียทุกข์เฉลี่ยสุข ร่วมกันของคนทุกฝ่าย เป้าหมายของการเคล่ือนไหวน้ีจึงไม่ได้อยู่ที่การหนุน 13 นภาพร อตวิ านิชยพงศ์, “สรุปบทเรยี นการต่อสูค้ นงานสามคั คีศรเี กา้ การทอ,” แรงงานปรทิ ัศน์ 1, กนั ยายน 2530, หนา้ 17. 94
ช่วยคนงาน เพ่ือยกระดับจิตสำ� นึกของฝ่ายนักศึกษา แต่คือการสร้างนโยบาย สาธารณะทีเ่ ปน็ ประโยชนต์ ่อผ้ใู ชแ้ รงงาน และคนส่วนใหญใ่ นสังคมโดยตรง ไม่ปรากฏหลักฐานชัดแจ้งว่านิสิตนักศึกษามีส่วนร่วมในการผลัก ดันกฎหมายประกันสังคมนั้นตั้งแต่สมัยไหน งานเขียนของ นิคม จันทรวิทุร พ.ศ. 2530 ระบุว่า เท่าท่ีผ่านมาน้ัน “การประกันสังคมยังขาดแนวร่วมหรือ กลุ่มสนับสนุนที่เพียงพอ” 14 ขณะที่แม้จดหมายข่าวสภาองค์การลูกจ้างสภา แรงงานแหง่ ประเทศไทย เดือนกุมภาพันธ์ 2531 จะรายงานความพยายามของ ฝ่ายแรงงานในการจัดต้ังคณะกรรมการผลักดันกฎหมายประกันสังคม 38 คน ซง่ึ มผี แู้ ทนนสิ ติ นกั ศกึ ษาเปน็ หนง่ึ ในนนั้ รว่ มกบั สมาพนั ธแ์ รงงาน สหพนั ธแ์ รงงาน ตา่ ง ๆ ยวุ ชนพรรคการเมอื ง มูลนิธิ อารมณพ์ งศ์พงัน และสมาคมสทิ ธเิ สรีภาพ ของประชาชน 15 แตก่ ไ็ มม่ หี ลกั ฐานปรากฏวา่ องคก์ รนกั ศกึ ษาหรอื นสิ ติ นกั ศกึ ษา รายใด ตอบสนองความต้องการของฝ่ายแรงงาน โดยเข้าเป็นส่วนหน่ึงของ คณะกรรมการน้ี เท่าท่ีมีเอกสารปรากฏ นิสิตนักศึกษาและองค์กรนักศึกษาเป็น สว่ นหน่ึงของการผลกั ดนั กฎหมายประกนั สงั คมฉบับนอี้ ยา่ งชัดเจนเป็นคร้ังแรก ในช่วงกลาง พ.ศ. 2533 เมื่อกลุ่มสหภาพแรงงานจากย่านอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น อ้อมน้อย-อ้อมใหญ่ พระประแดง สมุทรปราการ, กลุ่มสหภาพแรงงาน รัฐวิสาหกิจสัมพันธ์, สหพันธ์แรงงานโลหะแห่งประเทศไทย, สหพันธ์แรงงาน ธนาคารและการเงินแห่งประเทศไทย, สหพันธ์แรงงานอุตสาหกรรมส่ิงทอ การตดั เยบ็ เส้ือผา้ และเครื่องหนังแห่งประเทศไทย, สมาพนั ธค์ นงานในกจิ การ อาหาร เคร่ืองดื่ม โรงแรม และกิจการท่ีคล้ายคลึง, มูลนิธิ อารมณ์พงศ์พงัน, 14 นคิ ม จนั ทรวทิ รุ , กฎหมายประกนั สงั คม ฉบบั ประวตั ศิ าสตร.์ กรงุ เทพฯ : โรงพมิ พห์ อรตั นชยั การพมิ พ,์ 2533. 15 “กรรมกรเรง่ รฐั ฯ จัดประกันสงั คม,” จดหมายข่าวสภาองคก์ ารลกู จา้ งสภาแรงงานแห่งประเทศไทย, กมุ ภาพนั ธ์ 2531, หนา้ 2. 95
สมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน และกลุ่มเพื่อนหญิง (สถานะมูลนิธิเพื่อน หญิงขณะนั้น) ร่วมกันจัดต้ังคณะกรรมการผลักดันกฎหมายประกันสังคมอีก ชดุ ขน้ึ มานั่นเอง จะเด็จ เชาวน์วิไล หัวหน้าฝ่ายแรงงานหญิงของมูลนิธิเพื่อนหญิง หน่ึงในองค์กรพัฒนาเอกชนท่ีเป็นสมาชิกของคณะกรรมการผลักดันกฎหมาย ประกันสังคม พ.ศ. 2533 ระบุว่ามีกลุ่มนักศึกษาท่ีร่วมเคล่ือนไหวกฎหมาย ประกนั สงั คม 2 กล่มุ กลุม่ แรก คอื กลุ่มสวัสดภิ าพแรงงาน จากมหาวิทยาลัยรามคำ� แหง สมาชกิ กลมุ่ ประกอบดว้ ย นันทโชติ ชัยรตั น์ บณั ฑิต แป้นวิเศษ สิทธิศักด์ิ วิริยะ หิรัญไพบลู ย์ และไพศาล ภริ มณส์ ุด 16 กลมุ่ ทส่ี อง คอื กลมุ่ คบไฟ จากมหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ สมาชกิ กลมุ่ ประกอบ ดว้ ย วรดลุ ย์ ตลุ ารักษ์ พฤกษ์ เถาถวิล อิสระ ชูศรี และศิโรตม์ คลา้ มไพบูลย์ ในความเห็นของจะเด็จ นักศึกษาสองกลุ่มนี้มีจุดร่วมกันในแง่สนใจ การตอ่ สูเ้ รือ่ งสิทธิแรงงาน และการนดั หยดุ งานของคนงานในโรงงานอุตสาหกรรม มาก่อนแล้ว ในรูปของการร่วมประชุมกับคนงาน น�ำนักศึกษามาให้ก�ำลังใจ ผชู้ มุ นมุ ประทว้ ง หรอื ชว่ ยเหลอื องคก์ รพฒั นาเอกชนทเ่ี ปน็ ทป่ี รกึ ษาคนงาน ดว้ ย การเขียนแถลงการณ์ น�ำการปราศรัย ฯลฯ 17 ดังกรณีการนัดหยุดงานของคน งานโรงงานศรีเก้าการทอ การถูกเลิกจ้างอย่างไม่เป็นธรรมของคนงานโรงงาน จเี อส สตลี หรอื การประท้วงของคนงานโรงงานตราอูฐ การรว่ มเคล่อื นไหวกับ คนงานท่วั ไปในกรณกี ารคัดค้านการจ้างงานระยะสนั้ การออกหนงั สือใต้ดินใน วนั กรรมกรสากล หรือแมก้ ระทงั่ การจดั งานวนั กรรมกรสากลในมหาวทิ ยาลยั 16 สมั ภาษณ์ บัณฑติ แปน้ วเิ ศษ, 3 เมษายน 2551 17 จะเดจ็ เชาวนว์ ิไล, “บทความรำ� ลกึ ถงึ ปยุ๋ นนั ทโชติ ชยั รตั น,์ ” จาก http://www.prachatai.com/05web/ th/home/12103 96
ทำ� ไมกลมุ่ นกั ศกึ ษาอสิ ระจงึ เปน็ ศนู ยก์ ลางของนกั ศกึ ษาทมี่ บี ทบาทเคลอื่ นไหว รว่ มกับคนงานในการผลกั ดนั กฎหมายประกันสงั คม? เราอาจไขปริศนานี้ง่ายขึ้น เม่ือระลึกว่าร่องรอยของความสนใจที่ นกั ศกึ ษามตี อ่ ผใู้ ชแ้ รงงานนนั้ ไมใ่ ชป่ รากฏการณท์ ว่ั ไป แตเ่ ปน็ ปรากฏการณเ์ ฉพาะ ท่ีเกิดขึ้นในเงื่อนไขทางประวัติศาสตร์บางอย่าง โดยเฉพาะในประวัติศาสตร์ ระยะใกล้แล้ว ความต่ืนตัวที่นักศึกษามีต่อปัญหาแรงงานปรากฏให้เห็นชัดเจน ในชว่ ง 14 ตลุ าคม 2516-6 ตลุ าคม 2519 และหลงั จากนน้ั ไมน่ านนกั ความตน่ื ตวั จึงเป็นผลของความเคลื่อนไหวทางความคิดในยุคสมัยที่ปัญญาชนยังคงได้ อิทธิพลจากแนวคิดเรื่องการต่อสู้ทางชนชั้นและขบวนการปฏิวัติสังคม 18 ผล ทางกลับกันก็คือเมื่อลัทธิสังคมนิยม และความเชื่อเร่ืองการปฏิวัติกลายเป็น สิ่งช�ำรุดทางประวัติศาสตร์ พลังฝ่ายนิสิตนักศึกษาก็ไม่มีแรงผลักดันทาง อุดมการณ์ใหส้ นใจเคล่อื นไหวรว่ มกบั ผูใ้ ช้แรงงานอกี ตอ่ ไป ถ้ายอมรับว่าปัจจัยทางอุดมการณ์ส่งผลให้นักศึกษาในฐานะ “ขบวนการ” ไม่อยู่ในวิสัยจะเคล่ือนไหวกับผู้ใช้แรงงานในระยะยาว ก็เท่ากับ ว่าความสัมพันธ์ระหว่างคนงานกับนักศึกษาเป็นความสัมพันธ์พิเศษ ที่เกิดขึ้น ได้ไม่งา่ ยในสถานการณป์ กติแตอ่ ยา่ งใด โดยเงอื่ นไขทงั้ หมดทกี่ ลา่ วมา บทบาทของนกั ศกึ ษากลมุ่ อสิ ระทสี่ นใจ ปัญหาคนงานจึงเป็นปัจจัยที่ส�ำคัญ ในฐานะ ตัวเช่ือม ซ่ึงท�ำให้เกิดความเป็น ไปไดท้ นี่ กั ศกึ ษาสว่ นอน่ื จะรว่ มเคลอื่ นไหวกบั ผใู้ ชแ้ รงงาน กลา่ วในอกี แงห่ นงึ่ คอื กลมุ่ นกั ศกึ ษาอสิ ระเปน็ พลงั ส�ำคญั ในการผลกั ดนั ใหน้ กั ศกึ ษาสว่ นอน่ื รว่ มผลกั ดนั กฎหมายประกนั สงั คม ผา่ นการเปน็ สว่ นหนง่ึ ของคณะกรรมการผลกั ดนั กฎหมาย ฉบบั นี้ รวมทั้งเป็นผูก้ ระท�ำการรณรงคเ์ คลือ่ นไหวในระดับปฏิบัติการ เช่น การ ออกแถลงการณ์ การอดอาหารประทว้ ง การปราศรยั ยอ่ ยตามชมุ ชน หรอื การ ตงั้ ค�ำถามทางการเมืองจากประเด็นนกี้ ับรัฐบาล 18 สัมภาษณ์ จรัล ดษิ ฐาอภชิ ยั และเทยี นชยั วงศช์ ยั สุวรรณ, มนี าคม 2551. 97
กล่าวให้เฉพาะเจาะจงย่ิงขึ้นไป การมีส่วนร่วมของนิสิตนักศึกษาใน การผลักดนั กฎหมายประกันสังคมจึงมคี วามหมายสองมิติ มิติแรก คือการมีส่วนร่วมของนิสิตนักศึกษาจากกลุ่มอิสระ ที่สนใจ ปญั หาผใู้ ชแ้ รงงานเปน็ ทนุ เดมิ โดยเฉพาะนกั ศกึ ษาจากกลมุ่ คบไฟ มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ และนักศึกษากลุ่มสวัสดิภาพแรงงาน มหาวิทยาลัยรามค�ำแหง ซึ่งเป็นนักศึกษาท่ีท�ำงานร่วมกับคณะกรรมการผลักดันกฎหมายประกันสังคม และกลุ่มสหภาพแรงงานตามย่านอุตสาหกรรมต่าง ๆ รวมทั้งกลุ่มรัฐวิสาหกิจ สัมพนั ธ์ กลมุ่ สหพันธ์แรงงาน และกลุม่ องค์กรพฒั นาเอกชน มิติที่สอง คือการมีส่วนร่วมของนิสิตนักศึกษาในนามสหพันธ์นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท.) นักศึกษากลุ่มน้ีเร่ิมมีส่วนร่วมผลักดัน กฎหมายประกนั สงั คม เมอ่ื รา่ งกฎหมายฉบบั นไี้ ดเ้ ขา้ สกู่ ารพจิ ารณาของวฒุ สิ ภา หากวุฒิสภากลับปฏิเสธที่จะลงมติรับร่างกฎหมายฉบับนี้ หรือพูดอีกอย่างคือ มสี ว่ นรว่ มเมอ่ื การตอ่ สเู้ พอ่ื ใหไ้ ดม้ าซง่ึ กฎหมายนกี้ ลายเปน็ ประเดน็ ทางการเมอื ง ขน้ึ มา พูดให้เป็นรูปธรรมยิ่งข้ึนแล้ว นิสิตนักศึกษากลุ่มอิสระเป็นพลัง ส�ำคัญในการผลักดันให้สหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทยเคลื่อนไหวกับ ผู้ใช้แรงงานในกรณีนี้ ถึงขั้นที่หากไม่มีนักศึกษากลุ่มแรก ก็ไม่มีช่องทางให้ สหพันธ์นิสิตนักศึกษาฯ ร่วมเคล่ือนไหวกับฝ่ายผู้ใช้แรงงาน นั่นหมายความว่า ความสัมพันธ์ระหว่างนักศึกษากับคนงานในการผลักดันกฎหมายประกันสังคม มพี น้ื ฐานมาจากความเขา้ ใจการเมอื งและสงั คมของนกั ศกึ ษากลมุ่ อสิ ระในระดบั ปัจเจก การผลักดันกฎหมายจึงมีความมุ่งหมายเพื่อผลักดันนโยบายบางอย่าง ล้วน ๆ ไม่ใช่เคล่ือนไหวเพ่ือสร้างเครือข่ายทางการเมือง หรือวางรากฐานให้ ขบวนการเปลี่ยนแปลงสังคมในระยะยาว 98
• สหพนั ธน์ สิ ิตนกั ศกึ ษาในฐานะกลุ่มรณรงคท์ างการเมอื ง สหพันธ์นิสิตนักศึกษาฯ เร่ิมเข้ามามีส่วนผลักดันกฎหมายประกัน สังคมในวันที่ 20 มิถนุ ายน 2533 โดยรว่ มกบั คณะกรรมการผลักดันกฎหมาย ประกนั สงั คม ซง่ึ มี นายบุญข�ำ ศรีกรา่ งทอง เปน็ ผ้แู ทน ทำ� จดหมายเปดิ ผนึกถึง นายกรัฐมนตรี พล.อ. ชาติชาย ชุณหะวัน ขอให้รัฐบาลไปเจรจาผลักดันให้ สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา พิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกันสังคม เป็นวาระเร่งด่วน เนื่องจากขณะน้ันท่ีประชุมกรรมาธิการร่วมของท้ังสองสภา ได้แก้ไขร่างกฎหมายฉบับดงั กล่าวเสร็จสน้ิ แลว้ เหลือเพยี งแตท่ ปี่ ระชุมวฒุ ิสภา ให้ความเห็นชอบ ร่างพระราชบัญญัติก็จะมีสภาพเป็นกฎหมายท่ีมีผลบังคับใช้ สมบูรณ์ จังหวะการเคลื่อนไหวขั้นตอนนี้ ท�ำให้นักศึกษาร่วมเคล่ือนไหว เฉพาะในรูปของการย่ืนหนังสือและย่ืนจดหมายกับฝ่ายคณะกรรมการผลักดัน กฎหมายประกนั สงั คมของคนงาน นกั ศกึ ษาไมใ่ ชต่ วั แปรทสี่ �ำคญั ตอ่ การเรยี กรอ้ ง กฎหมายนีโ้ ดยรวม สหพันธ์นิสิตนักศึกษาฯ มีบทบาทชัดเจนเมื่อวุฒิสภาพิจารณา ร่างกฎหมายนี้ในวนั ที่ 6 กรกฎาคม 2533 แตท่ ่ีประชมุ กลับมมี ติ ดว้ ยคะแนน 105 ต่อ 56 เสียง ไม่เห็นชอบกับร่างฉบับท่ีผ่านการพิจารณาของคณะ กรรมาธิการร่วมระหว่างสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา ที่เกิดขึ้นตามมติของ วุฒสิ ภาวันที่ 18 พฤษภาคม การคว่�ำกฎหมายน้ีเป็นปัญหาการเมืองด้วยเหตุผลสองข้อ ข้อแรก คือการคว�่ำกฎหมายแสดงให้เห็นว่าวุฒิสภาที่มาจากการแต่งตั้งไม่สนใจปัญหา ของผู้ใช้แรงงาน ท้ังท่ีกฎหมายน้ีเป็นกฎหมายที่มีความพยายามผลักดันมากว่า 36 ปีแล้ว ข้อสอง คือสมาชิกวุฒิสภากลุ่มที่ลงมติไม่เห็นชอบกฎหมายน้ัน ล้วนเป็นสมาชิกวุฒิสภาฝ่ายอนุรักษ์นิยม ฝ่ายผู้แทนกองทัพ และฝ่ายพลเรือน ทแ่ี ตง่ ตง้ั โดยอดตี นายกรฐั มนตรที ไี่ มไ่ ดม้ าจากการเลอื กตงั้ ดงั มี นายโอสถ โกศนิ นายสานนท์ สายสวา่ ง นายมชี ยั ฤชพุ ันธ์ุ พล.อ. วิชติ บุณยะวฒั น์ เป็นตัวอย่าง 99
พดู ใหร้ วบรดั ทสี่ ดุ การควำ�่ กฎหมายจงึ เปน็ สญั ลกั ษณว์ า่ พลงั ฝา่ ยอ�ำมา ตยาธปิ ไตย ไดใ้ ช้การควำ�่ กฎหมายนเ้ี ป็นเคร่อื งมือในการตอ่ ต้านรัฐบาล19 ทนั ทที ว่ี ฒุ สิ ภามมี ตคิ วำ่� กฎหมายนี้ นางสาวเสาวนยี ์ จติ ตร์ นื่ เลขาธกิ าร สหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย พร้อมกับ นายศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ นางสาวปราณี ศรีก�ำเนิด และนางสาวศิริกุล ลือกิตติไกล ได้น�ำพวงหรีดด�ำ มีข้อความวา่ “แดว่ ุฒฯิ สายจ๋วิ และสายอำ� นาจเกา่ ทีเ่ ห็นกฎหมายประกนั สังคมเป็นแค่เกมต่อรองอ�ำนาจ” ไปมอบให้ พล.อ. ชาติชาย ชุณหะวัน นายกรัฐมนตรีที่บ้านพักซอยราชครู พร้อมกับออกแถลงการณ์ให้ยุบวุฒิสภา และแกไ้ ขรฐั ธรรมนญู ให้มีวฒุ ิสภาชดุ ใหมท่ ่มี าจากการเลอื กต้ังโดยดว่ น20 ในวันที่ 8 กรกฎาคม ตัวแทนนักศึกษาได้กล่าวปราศรัยพร้อมกับ แจกใบปลวิ บรเิ วณอนสุ าวรียช์ ัยสมรภูมิ มใี จความเรยี กร้องใหป้ ระชาชนรว่ มกนั “ขจัดเหลือบประชาธิปไตยและขจัดช่องทางรัฐประหารที่ใช้วุฒิสภาเป็น เครื่องมือ” เพื่อให้ “เป็นครั้งสุดท้ายที่กลุ่มพลังนอกระบบจะสามารถใช้ เวทีวุฒิสภาสร้างรอยแปดเปื้อนให้กับระบอบประชาธิปไตยของประชาชน” 21 โดยได้ขยายความต่อไปว่า พลังนอกระบบหมายถึง คนสามกลุ่ม คือกลุ่ม นายทหาร จปร.1 และรุน่ อน่ื ๆ กลุ่ม พล.อ. เปรม ตณิ สลู านนท์ และวฒุ สิ มาชิก สายนายโอสถ โกศนิ และนายสานนท์ สายสว่าง 22 19 สมหมาย ปาริจฉัตต์, “โฉมใหม่วุฒิสมาชกิ ใหเ้ ปน็ อยา่ งน้ตี อ่ ไปเถอะน่า” มติชน 8 กรกฎาคม 2533 พดู ถงึ หตกุ ารณน์ วี้ า่ เปน็ “การประลองกำ� ลงั รฐั บาลของวฒุ สิ มาชกิ บางสาย ทยี่ งั ขนุ่ ขอ้ งหมองใจแทนนายทบี่ าดเจบ็ ทางการเมอื งไปเมอ่ื เรว็ ๆ น”ี้ นายในทน่ี หี้ มายถงึ พล.อ. ชวลติ ยงใจยทุ ธ ทเ่ี พง่ิ ลาออกจากตำ� แหนง่ รองนายก รัฐมนตรแี ละรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ก่อนนน้ั ไมน่ าน. 20 แนวหนา้ , 7 กรกฎาคม 2533. 21 สยามรัฐ, 9 กรกฎาคม 2533. 22 สยามรัฐ, 9 กรกฎาคม 2533. 100
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272