Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ปลูกใจรักษ์โลกปี3

ปลูกใจรักษ์โลกปี3

Published by 500bookchonlibrary, 2021-06-02 07:46:36

Description: ปลูกใจรักษ์โลกปี3

Search

Read the Text Version

“ การบ่มเพาะใหเ้ กิด Active Citizen เราต้องเปดิ พื้นทีแ่ ละสนับสนนุ “เปิดพ้ืนท่”ี ในทีน่ หี้ มายถึงการเปิดพื้นทีใ่ หเ้ ยาวชนไดม้ ีโอกาส เข้ามาท�ำงานรว่ มกบั คนรนุ่ ปั จจุบนั มีส่วนรับรู้และเรยี นรู้ เรอื่ งราวต่างๆ ในสังคมไทย หรอื ในชุมชนของเขา การเปดิ โอกาสและการสนบั สนนุ เช่นนีจ้ ะท�ำให้คนรุ่นใหม่ คอ่ ยๆ เหน็ ภาพจนเกดิ ความเข้าใจสังคมโดยรวม แล้วเกิดการเชือ่ มโยงตัวเองเขา้ เปน็ ส่วนหน่ึงของบ้าน ของเมือง ของชมุ ชนตวั เองได้ ซ่งึ สิ่งเหล่านจี้ ะคอ่ ยๆ ปลุกส�ำนกึ และ ความรสู้ ึกอยากเขา้ มามีส่วนร่วม อยากเข้ามามสี ่วนชว่ ย อยากเข้ามารบั ผดิ ชอบสังคมชมุ ชนทีเ่ ขาอาศัยอยู่ เราอยากเหน็ เดก็ ไทยมโี อกาส และมีคนท�ำหนา้ ทีใ่ ห้โอกาสเหล่านี้ ”

2 คำ�นำ� ปัจจุบันปัญหาสิ่งแวดล้อมเริ่มเข้าข้ันวิกฤติ หลายปัญหายากท่ีจะเยียวยาให้กลับคืนสภาพเดิม ไม่วา่ จะเปน็ ปัญหาสภาวะโลกร้อนและการใชพ้ ลงั งาน การเสื่อมโทรมของพ้นื ท่ปี า่ ทรัพยากรชายฝ่งั แหลง่ น้ำ�สะอาด และดิน ปัญหาเหลา่ น้ถี ือเป็นวิกฤติของ “คน” วกิ ฤติของ “โลก” ทไี่ มอ่ าจนิ่งเฉยได้ สาเหตขุ องปญั หาทที่ �ำ ใหท้ รพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ มเสอื่ มโทรม สว่ นใหญเ่ กดิ จาก “คน” ไมว่ า่ จะมีสาเหตุจากพฤติกรรมการดำ�รงชีวิต การบริโภค และการใช้ทรัพยากรธรรมชาติแบบทำ�ลายล้าง ที่ขาดสมดลุ เกนิ กว่าท่ีธรรมชาตจิ ะสามารถฟื้นฟูตวั เองได้ กองทนุ สงิ่ แวดลอ้ มเพอ่ื การพฒั นาเยาวชนจงึ เกดิ ขนึ้ ดว้ ยเชอ่ื วา่ การแกไ้ ขปญั หาสง่ิ แวดลอ้ มตอ้ ง แก้ไขที่ “คน” ทำ�ให้ “คน” เกิดความรู้ความเข้าใจ เกิดความตระหนัก และมีพฤติกรรมการใช้ ทรพั ยากรธรรมชาติทม่ี กี ารจดั การ ดูแลรักษา ฟ้นื ฟู ใชท้ รพั ยากรธรรมชาติและสิง่ แวดล้อมอยา่ งยัง่ ยนื ซงึ่ กองทนุ ฯ เชอื่ ในศกั ยภาพและพลงั ของเยาวชนคนรนุ่ ใหม่ ซงึ่ จะเปน็ กลมุ่ ทรี่ บั ชว่ งดแู ลทรพั ยากร ของประเทศในอนาคต กองทนุ ฯ โดยความรว่ มมอื ของมลู นธิ กิ องทนุ ไทย มลู นธิ สิ ยามกมั มาจล และองคก์ รพนั ธมติ ร จึงเป็นพื้นที่ที่เปิดโอกาส กระตุ้นให้เยาวชนเข้ามามีส่วนร่วมรับผิดชอบในการจัดการและฟื้นฟู ทรัพยากรสิ่งแวดล้อมโดยเริ่มจากชุมชนท่ีตนอาศัย เพื่อเป็นการปลูกสำ�นึกความเป็นพลเมือง ในการใช้และดูแลทรัพยากรสิ่งแวดล้อมผ่านการทำ�โครงการด้านส่ิงแวดล้อมโดยเลือกโจทย์ใน ชุมชนของตน และเพอื่ ให้เยาวชนมที กั ษะการจัดการส่ิงแวดลอ้ ม (Environmental literacy) ในปนี ้ี กองทนุ ฯ สนบั สนนุ เยาวชนเพอ่ื รว่ มดแู ลทรพั ยากรและสง่ิ แวดลอ้ มทวั่ ประเทศ 21 โครงการ กระจายอยูท่ ่วั ทุกภูมิภาคของประเทศ ทง้ั ด้านทรพั ยากรป่าไม้ นำ�้ ขยะ ซ่ึงระยะเวลา 1 ปที เี่ ยาวชน ได้ทำ�โครงการร่วมกับผู้ใหญ่ในชุมชน เป็นกระบวนการท่ีค่อยๆ หล่อหลอมให้เขาร่วมรับรู้ถึง สถานการณส์ ง่ิ แวดลอ้ มในชมุ ชน รสู้ าเหตขุ องปญั หา ซงึ่ สว่ นหนง่ึ อาจมสี าเหตมุ าจากเขาเองดว้ ย เชน่ กนั แลว้ จงึ วเิ คราะหห์ าวธิ กี ารแกไ้ ขปญั หาทเ่ี พยี งพอกบั ศกั ยภาพ ลงมอื ท�ำ แกป้ ญั หา จนบรรลุ เป้าหมายในท่สี ุด การถอดบทเรียนการเรียนรู้คร้ังนี้ได้นำ�เสนอให้เห็นบทบาทของเยาวชนต่อการมีส่วนร่วม ดูแลและฟ้ืนฟูทรัพยากรสิ่งแวดล้อม การเรียนรู้และการเปล่ียนแปลงของเยาวชนท่ีผ่าน กระบวนการเรียนรู้จากโครงการ และความรู้เรื่องการออกแบบกระบวนการเรียนรู้ของโคช ในโครงการ เพอ่ื แลกเปล่ียน แบ่งปันความรู้ของกองทนุ ฯ ที่ได้สร้างขึน้ จากกระบวนการท�ำ งาน ในปีนกี้ บั ผู้ทม่ี สี ว่ นเกย่ี วข้อง ซงึ่ หวงั ว่าคงจะไดร้ บั ประโยชน์จากหนงั สือเล่มนีไ้ ม่มากกน็ ้อย กรรชิต สุขใจมิตร ผอู้ ำ�นวยการมูลนิธิกองทุนไทย

3 คำ�นำ� เส้นทางสร้างพลเมอื งเยาวชน ดา้ นสิ่งแวดล้อม ขณะนี้หลายคนพูดว่าอยากเห็นเด็กรุ่นใหม่มีความเป็น Active Citizen ในมุมมองของมูลนิธิ สยามกัมมาจลน้ัน Active Citizen หมายถงึ คนที่ใส่ใจเรอื่ งราวต่างๆ ในสงั คมไทย และเขา้ มามีสว่ นร่วม อยากท่ีจะเห็นสังคมไทยดีขึ้น ความสำ�คัญก็คือ เขาเหล่านั้นต้องมีความรับผิดชอบกับส่วนรวม รู้สึก เป็นเดือดเป็นร้อน อยากมีส่วนทำ�ให้สังคมดีข้ึน และเข้ามาช่วยกันคนละไม้คนละมือ พูดอีกนัยหน่ึง กค็ อื มลู นธิ สิ ยามกมั มาจลอยากเหน็ คนรนุ่ ใหมม่ สี �ำ นกึ และรบั ผดิ ชอบตอ่ สว่ นรวม ซง่ึ ตรงกบั ค�ำ วา่ Active Citizen น่นั เอง ถามว่า Active Citizen จะเกิดข้นึ ได้อย่างไร? การบม่ เพาะใหเ้ กิด Active Citizen เราตอ้ งเปิดพืน้ ท่ีและสนบั สนุน “เปดิ พ้นื ท”่ี ในท่ีน้หี มายถึง การเปิดพื้นที่ให้เยาวชนได้มีโอกาสเข้ามาทำ�งานร่วมกับคนรุ่นปัจจุบัน มีส่วนรับรู้และเรียนรู้เรื่องราว ต่างๆ ในสังคมไทย หรือในชมุ ชนของเขา การเปดิ โอกาสและการสนบั สนุนเช่นน้ี จะท�ำ ให้คนรุน่ ใหม่ คอ่ ยๆ เหน็ ภาพ จนเกดิ ความเขา้ ใจสงั คมโดยรวม แลว้ เกดิ การเชอ่ื มโยงตวั เองเขา้ เปน็ สว่ นหนงึ่ ของบา้ น ของเมือง ของชุมชนตวั เองได้ ซ่งึ สิ่งเหล่านี้จะคอ่ ยๆ ปลุกส�ำ นกึ และความร้สู ึกอยากเขา้ มามสี ว่ นรว่ ม อยากเขา้ มามสี ว่ นชว่ ย อยากเขา้ มารบั ผดิ ชอบสงั คมชมุ ชนทเี่ ขาอาศยั อยู่ เราอยากเหน็ เดก็ ไทยมโี อกาส และมคี นทำ�หนา้ ที่ให้โอกาสเหลา่ น้ี โครงการปลกู ใจรกั ษโ์ ลก หรอื กองทนุ สงิ่ แวดลอ้ มเพอื่ การพฒั นาเยาวชน มลู นธิ ฯิ ท�ำ งานรว่ ม กบั มลู นธิ กิ องทนุ ไทย และองคก์ รเครอื ขา่ ยดา้ นสงิ่ แวดลอ้ ม เปน็ โครงการทเ่ี ราตอ้ งการมกี ลไกทใ่ี หโ้ อกาส เยาวชน ท�ำ หน้าทีพ่ ัฒนาเยาวชน โดยใช้โครงการดา้ นสิง่ แวดล้อมเปน็ เครอื่ งมือ สรา้ ง Active citizen ดา้ นสิง่ แวดล้อม ดว้ ยการให้เยาวชนเรียนรโู้ จทยป์ ญั หาส่งิ แวดลอ้ มในชุมชนของตัวเอง แลว้ พฒั นาเป็น โครงการ ซึ่งนักเรยี น นักศึกษา เขาจะร้เู องว่าเขามีความชอบอะไร มคี วามถนัดอะไร หรือมคี วามรู้อะไร ทจ่ี ะเขา้ มาชว่ ยแกป้ ญั หาเหลา่ นนั้ ดว้ ยการเขา้ ไปพฒั นาโครงการและท�ำ งานรว่ มกบั ชมุ ชน ซงึ่ การท�ำ งาน ในลักษณะนี้จะช่วยผูกคนรุ่นใหม่เข้ากับพื้นท่ี ผูกคนรุ่นใหม่เข้ากับชุมชน ความสัมพันธ์ระหว่างชุมชน และสำ�นึกรักชุมชน การหวงแหนทรพั ยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกจ็ ะเกิดข้นึ ตามไปด้วย โครงการ เหล่านี้ในปหี นงึ่ ๆ จะสามารถสรา้ งหรอื พัฒนา Active Citizen ขน้ึ มาได้ราวหน่งึ รอ้ ยคน

4 โครงการน้ีเราเข้าไปสนับสนุนมูลนิธิกองทุนไทย ซึ่งมีเครือข่ายองค์กร และบุคลากรที่มี ความรู้ความเชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อม มีประสบการณ์ด้านการออกแบบกระบวนการเรียนรู้ เพื่อพัฒนาเยาวชน เปน็ Active Citizen ทีห่ ว่ งใยสถานการณส์ ิ่งแวดล้อมของประเทศ และ ต้องการส่งต่อจิตวิญญาณน้ีให้คนรุ่นใหม่ต่อไป โดยมูลนิธิฯ เข้าไปหนุนเสริมทักษะ ความสามารถในการเป็นโคช ซ่ึงบทบาทที่สำ�คัญของโคชคือ เข้าใจสถานการณ์ด้าน สิ่งแวดลอ้ ม และสามารถสร้างการเรยี นร้ใู ห้เยาวชนได้ ให้กำ�ลงั ใจเยาวชนในการท�ำ งาน และเผชญิ กบั ปญั หา กระตนุ้ ใหเ้ ยาวชนมองเหน็ ความเชอื่ มโยงวา่ ตนเองเปน็ สว่ นหนง่ึ ของชมุ ชน และสถานการณป์ ัญหาดา้ นส่งิ แวดลอ้ มในชมุ ชนอย่างไร และจะใช้ศกั ยภาพทต่ี นเองมเี พอ่ื ร่วม แก้ไขปัญหาของชมุ ชนได้อย่างไร เป็นขั้นตอนสำ�คัญทจี่ ะท�ำ ใหเ้ ยาวชนเกิดส�ำ นึกของความเป็น พลเมืองได้ รวมถึงสนับสนุนให้กองทุนฯ มีระบบบริหารจัดการท่ีดีในด้านการจัดการความรู้ ฐานข้อมูล การส่ือสาร และการระดมทุน เพ่ือเป็นกลไกพัฒนาเยาวชนท่ีมีความเข้มแข็ง ดว้ ยเชน่ กัน ปยิ าภรณ์ มณั ฑะจิตร ผู้จดั การมูลนธิ ิสยามกัมมาจล ธนาคารไทยพาณชิ ย์ จำ�กดั (มหาชน)

5

6 1 10 5 14 6 19 12 18 2 3 13 4 7 8 11 15 16 สารบญั ปลูกคนมารกั ษ์โลก 9 9 การอนุรกั ษ์และฟ้ ืนฟูปา่ 17 1 เพราะ “ป่า” คอื “บา้ น” 37 โครงการฮอมแฮงฮกั ปา่ ซาง 2 ตอ่ กล้า...ต่อชวี ิต 45 โครงการคืนตน้ กล้าใหผ้ ืนปา่ มอ่ นต้นลาน 3 รูจ้ กั รรู้ ักษ์ จ๊วยกันฮักษาป่าตน้ น้�ำบ้านเฮา 57 โครงการจ๊วยกัน๋ ฮกั ษาป่าต้นนำ้�บ้านเฮา 4 ผืนป่าท่ีขอคนื 69 โครงการนวัตกรรมสันป่าไร่ 5 เร่อื งวุ่นๆ ของวยั รนุ่ รกั ป่า 79 โครงการต้นกล้ารกั ษ์ป่า ฮักนะ...โสกผีดบิ 6 รวมพลงั พิทักษ์ป่าชุมชน 91 โครงการสายล่อฟา้ Top Ten Life ภาค 2

7 7 เราเปล่ียน...โลกเปล่ยี น 101 113 โครงการลูกเขื่องในปลกู ใจรักษป์ ่า 123 131 8 ปลูกป่า...ปลูกใจ 141 โครงการสลันปรเี ซราะแอง 153 163 9 สร้าง “คณุ ค่า” ป่าชายเลน 175 โครงการชวนทำ�ดี รกั ษ์ปา่ รกั บ้านเรา 187 199 10 สานรักษ์ป่าภูกระแต 211 โครงการป่าสัญจร รอนแรมในปา่ ใหญ่ 223 233 11 พลิกฟ้ นื ผนื ป่า...แก้ปั ญหาใหช้ มุ ชน โครงการพลกิ ฟน้ื ผืนป่าหนองอยี อ การจัดการขยะ 12 ส�ำนกึ เปล่ยี น...พฤติกรรมเปล่ียน โครงการเยาวชนขนุ ยวมสู่สังคมคารบ์ อนต�่ำ 13 พลกิ ระบบ…จัดระเบยี บขยะชมุ ชน โครงการเยาวชนอาสาร่วมใจพฒั นา ลดขยะชุมชน 14 ขยะ...แกไ้ ด้ด้วยมอื เรา โครงการบ้านนา่ อยู่ ชมุ ชนน่ามอง หว้ ยกะโปะสดใส การจดั การน้�ำ 15 สายน้ำ� สานรัก สร้างสัมพันธช์ มุ ชน โครงการ Youth River Conservation 16 บทเรียน...นอกห้องเรยี น โครงการ ว.ส.วยั ใสรว่ มมือใสใ่ จพัฒนาแม่น�้ำ ประแส 17 น้�ำใสไดถ้ ้าใส่ใจ โครงการน้�ำ ใสใจ Relation การจัดการดนิ 18 ไส้เดอื นท่รี ักษ์ดิน โครงการลดการใชส้ ารเคมีในการท�ำ นา 19 สานสายใย...สองวัยใส่ใจสิ่งแวดลอ้ ม โครงการสองวัยใส่ใจส่ิงแวดลอ้ ม

8

9 ปลกู คนมารกั ษโ์ ลก

10 เพราะเชอ่ื มนั่ วา่ “พลงั ของเดก็ ” ไมไ่ ดเ้ ลก็ อยา่ งรา่ งกายหรอื ประสบการณ์ หากไดร้ บั “โอกาส” จะสามารถพัฒนาความรู้ ความสามารถ และสร้างพฤติกรรมในการดำ�รงชีวิตอย่างใส่ใจและ ไมท่ �ำ ลายส่ิงแวดลอ้ ม การไดร้ ว่ มงานกบั เดก็ และเยาวชนในงานมหกรรมพลงั เยาวชนครงั้ ที่ 2 คอื จดุ เรม่ิ ทท่ี �ำ ใหเ้ ครอื ขา่ ย คนท�ำ งานดา้ นสงิ่ แวดลอ้ มสมั ผสั พลงั บางอยา่ งทกี่ อ่ ตวั ขน้ึ จากการทเ่ี หน็ เดก็ ๆ ทมี่ ารว่ มงานไดน้ �ำ เสนอ การทำ�งานในมิติของการดูแลสิ่งแวดล้อม มูลนิธิกองทุนไทยกับมูลนิธิสยามกัมมาจล ธนาคาร ไทยพาณชิ ย์ จ�ำ กดั (มหาชน) เหน็ โอกาสรว่ มกนั ในการพฒั นาเยาวชนใหเ้ ปน็ ผนู้ �ำ การเปลยี่ นแปลง เปน็ คนรนุ่ ใหมท่ ม่ี สี �ำ นกึ รกั สงิ่ แวดลอ้ ม และส�ำ นกึ สาธารณะ ดว้ ยการใหโ้ อกาสกบั เยาวชนในโรงเรยี น ชุมชน และมหาวทิ ยาลัย อายรุ ะหว่าง 15-25 ปี ได้มสี ว่ นร่วมในการดแู ลรกั ษาและฟนื้ ฟูส่งิ แวดลอ้ มใน 5 เรอื่ ง คือ การเปลีย่ นแปลงสภาวะภูมิอากาศและการใชพ้ ลังงาน การเสื่อมโทรมของทรัพยากรป่าไม้ การเสอื่ มโทรมของทรพั ยากรทางทะเลและชายฝงั่ การเสอื่ มโทรมของแหลง่ น�้ำ และการเสอื่ มโทรมของ ดิน ภายใต้การดำ�เนนิ โครงการปลกู ใจรกั ษโ์ ลก “โครงการ” เปรยี บเสมอื นสนามฝกึ ฝน เปน็ “เครอ่ื งมอื ” ทม่ี ลู นธิ กิ องทนุ ไทยใชใ้ นการพฒั นา เดก็ และเยาวชนใหม้ ที กั ษะทสี่ ามารถท�ำ กจิ กรรมดแู ลสง่ิ แวดลอ้ มไปพรอ้ มๆ กบั การพฒั นาทกั ษะ ชวี ติ สกู่ ารเปน็ พลเมอื งทม่ี คี ณุ ภาพของสงั คม โจทยก์ ารท�ำ งานจงึ ตอ้ งเสรมิ ทง้ั ความรเู้ รอ่ื งสง่ิ แวดลอ้ ม และประสบการณช์ วี ิตทจี่ ะสรา้ งพฤตกิ รรมแห่งสำ�นึกรบั ผดิ ชอบ รู้คิด ท�ำ ได้ แกป้ ญั หาเปน็ แตกตา่ ง...แต่ลงตวั

11 กลไกส�ำ คญั ในการท�ำ งานสรา้ งเดก็ และเยาวชนคอื เอาเคร่ืองมือของแต่ละองค์กรมาช่วยกัน จึงเป็น “พเ่ี ลย้ี ง” ดว้ ยการท�ำ งานทม่ี ที ง้ั มติ ขิ องสงิ่ แวดลอ้ มและ บรรยากาศทเี่ ปล้ิ -ลดั ดา วไิ ลศรี สะทอ้ นวา่ “เปน็ การ พฒั นาศกั ยภาพเยาวชน ล�ำ พังทมี งานของกองทนุ ไทย ผสมผสานทล่ี งตวั ถา้ ไมม่ เี พอ่ื นๆ เราอาจจะท�ำ ไมไ่ ด้ ทเ่ี ชยี่ วชาญดา้ นสิ่งแวดล้อม ไม่อาจน�ำ พาโครงการไปสู่ เพราะเราไมม่ ปี ระสบการณก์ ารท�ำ งานกบั เดก็ เราไมม่ ี เปา้ หมายได้ เพราะตอ้ งการคนทมี่ คี วามรใู้ นเรอ่ื งการ อะไรในหวั เลย สง่ิ ทเ่ี ราไดค้ อื สงิ่ ทเี่ พอื่ นเทให้ เราเอง พฒั นาการเรยี นรู้ การพฒั นาเดก็ และเยาวชน ทเ่ี ขา้ ใจ กเ็ ปดิ ใจเตม็ ทวี่ า่ บอกฉนั หนอ่ ยวา่ ฉนั ตอ้ งท�ำ อยา่ งไร และรู้วิธีการเข้าถึงเด็กและเยาวชน การทำ�งานใน เปน็ การท�ำ งานบนความแตกตา่ งทล่ี งตวั เรากเ็ รยี นรู้ ระยะแรกของโครงการจงึ เปน็ การมองหาภาคที จ่ี ะมา ไปพรอ้ มๆ กับเด็กๆ เหมอื นกัน” ชว่ ยกนั ขบั เคลอ่ื นงาน เครอื ขา่ ยคนท�ำ งานใกลต้ วั เชน่ กลมุ่ ไมข้ ดี ไฟ และตาวเิ ศษ (สมาคมสรา้ งสรรคไ์ ทย) จากบทบาทพี่เลี้ยงกลุ่มในค่าย ถูกเพิ่มเติมสู่การ ซึ่งเคยทำ�งานร่วมกนั ถูกชวนใหม้ ารว่ มดว้ ยชว่ ยกนั ร่วมออกแบบกระบวนการ จนกระทง่ั ในปีที่ 3 ของการ ทำ�งาน จึงมีการเพ่ิมบทบาทการร่วมติดตามหนุนเสริม “ชว่ งแรกคดิ วา่ ดงึ คนทมี่ ศี กั ยภาพมาชว่ ยจดั อบรม นอ้ งๆ ในพ้ืนที่ ความรู้สกึ ร่วมจงึ เกดิ ขน้ึ กบั ภาคีตลอด เป็นวิทยากรรายคร้ัง ไม่ได้มองถึงการทำ�งานร่วมกัน เสน้ ทางของการทำ�งาน แบบน้ี แตด่ ว้ ยเนอ้ื หางานท�ำ ใหเ้ กดิ กระบวนการทท่ี มี งาน ตอ้ งออกแบบกระบวนการเอง ซง่ึ เรารแู้ ตเ่ รอ่ื งสง่ิ แวดลอ้ ม แต่เร่ืองอื่นเราไม่รู้เลย ในเบื้องต้นเราดึงแค่ทมี ไมข้ ดี ไฟ และตาวิเศษเข้ามา เพราะเขาทำ�งานกับเด็ก” พ่ีเล้ียง โครงการปลูกใจรักษ์โลก บอก จากเพื่อน 2 องค์กรท่ีมาช่วยอบรมค่ายในปีแรก ขยายตัวออกเป็นกลุ่มเพื่อนท่ีขยายวงกว้างออกไป เพราะทีมงานกองทนุ ไทยรแู้ ล้วว่า กระบวนการท�ำ งาน ท่ีออกแบบให้มีพี่เลี้ยงในการอบรมนั้น ต้องใช้ทีมงาน จำ�นวนมากที่จะต้องประกบกลุ่มเยาวชนอย่างใกล้ชิด เพ่ือนจึงช่วยชวนเพ่ือนจากองค์กรต่างๆ มาช่วยกัน ท�ำ งาน ตัง้ แต่ค่ายที่ 2 ปแี รก จากท่แี คช่ ว่ ยเปน็ พ่ีเลยี้ ง ในกลมุ่ ยอ่ ย กก็ ลายเปน็ ทมี ทช่ี ว่ ยกนั ออกแบบกระบวนการ หลังจัดค่ายคร้ังที่ 2 ปีแรกมีการสรุปบทเรียน เพอื่ นๆ ทมี่ าชว่ ยงานกช็ ว่ ยสะทอ้ นความเหน็ เมอื่ จะ จดั คา่ ยครงั้ ใหม่ จงึ น�ำ ขอ้ คดิ เหน็ ของเพอ่ื นๆ รวมทงั้ ชวนเพ่ือนๆ มาช่วยกันออกแบบกระบวนการด้วย แตล่ ะคนกน็ �ำ ความรู้ ประสบการณม์ าเทกองรวมกนั การมาช่วยงานจึงไม่ใช่แค่การมาเป็นพ่ีเลี้ยงกลุ่ม แต่ทุกคนนำ�ความสามารถของแต่ละคนออกมาคลี่

12 “กระบวนการคดั กรองต้งั แตก่ ารให้กลมุ่ เยาวชนเขยี นความตัง้ ใจของตนเอง จนถึงการมคี ณะกรรมการชว่ ยให้ข้อคิดเห็น เปน็ จุดเริ่มตน้ ของการเรียนรู้ ท่ีท�ำใหเ้ ด็กและเยาวชนไดค้ ดิ ทบทวนอยา่ งมีเหตุผลตอ่ ส่ิงที่ตนเอง อยากทำ� อยา่ งรอบดา้ น แม้จะยังไมเ่ ขม้ ข้นถึงการคิดวิเคราะห์ แตก่ ารได้ กระตุ้นความคดิ ก็เปน็ การกระตนุ้ สมองให้พรอ้ มเรียนรูใ้ นขัน้ ตอ่ ไป” ค้นหาเยาวชนผู้มี “แรงบนั ดาลใจ” การเปิดรับเยาวชนเข้าร่วมโครงการ ไม่ได้เน้นให้ ข้อมูลเพื่อทำ�ความเข้าใจกับพ้ืนที่ที่กลุ่มเยาวชนจะ กล่มุ เยาวชนส่งข้อเสนอโครงการเฉกเช่นการเปิดให้ทุน ทำ�งานไปพรอ้ มกันดว้ ย ซ่งึ การรบั รูข้ ้อมลู พืน้ ท่เี ป็นการ อื่นๆ หากแต่ทีมงานกำ�หนดให้เยาวชนเขียนเล่า ท�ำ ความเขา้ ใจโครงการทเ่ี ยาวชนจะท�ำ และเปน็ การเชค็ แรงบันดาลใจว่า อยากทำ�อะไร และคิดว่าจะทำ� ฐานงานท่เี คยมกี ารด�ำ เนินในพ้ืนที่นั้นๆ อยา่ งไร เพอื่ ดคู วามตงั้ ใจของกลมุ่ เยาวชนแตล่ ะกลมุ่ แตด่ ว้ ยความคุ้นชิน กล่มุ เยาวชนสง่ เอกสารในลักษณะ “ไม่อยากใหเ้ ปน็ การเอางานเกา่ มาขาย แต่ถา้ เป็น ของข้อเสนอโครงการเขา้ มาเป็นสว่ นใหญ่ งานเกา่ กต็ ้องต่อยอด ซึง่ เราต้องรจู้ กั พนื้ ท่จี ึงจะแนะนำ� นอ้ งได”้ แอว๋ -รตั นตกิ า เพชรทองมา เลา่ วธิ กี ารท�ำ งาน “แรงบันดาลใจ” บางครั้งไม่อาจสะท้อนผ่าน ของทีม ขอ้ เขยี น ดว้ ยเหตนุ ก้ี ารคดั กรองเบอ้ื งตน้ จงึ พจิ ารณาแคว่ า่ เยาวชนมพี น้ื ทท่ี �ำ งานไหม มคี นดแู ลหรอื ไม่ จากนน้ั จงึ กระบวนการคดั กรองโครงการทพ่ี ฒั นาปรบั ปรงุ มา เปน็ หนา้ ทข่ี องตอง-จรยิ า ตาทบิ ทจ่ี ะตอ้ งโทรศพั ทไ์ ป เรื่อยๆ จากปีท่ี 1 และปีท่ี 2 ทีมงานให้โอกาสน้องท่ี พูดคุยกับตัวแทนกล่มุ เยาวชนแต่ละกล่มุ “ถามว่าน้อง เสนอโครงการมาเขา้ คา่ ยพฒั นาโครงการรว่ มกนั เพราะ อยากท�ำ อะไร ท�ำ ไมถงึ อยากท�ำ บางกลมุ่ ทเ่ี ขาอยากท�ำ เห็นข้อจำ�กัดของเด็กบางกลุ่มท่ีมีความตั้งใจดี แต่อาจ เขาก็จะตอบได้ แต่ตอบแบบของเขา เช่น บ้านหนู จะเขียนไม่เก่งหรือพูดไม่เก่ง ถ้าให้โอกาสมาเข้าค่าย น�ำ้ เหมน็ มากเลย หนอู ยากท�ำ อะไร อยา่ งไร เรากจ็ ะเหน็ ทีมงานจะได้สัมผัสกับตัวตนของกลุ่มเยาวชนมากข้ึน ความต้ังใจ แตบ่ างกลมุ่ จะบอกว่า ขอกลบั ไปดเู อกสาร กอ่ นจะคดั เหลอื ประมาณ 25 กลมุ่ โดยมคี ณะกรรมการ กอ่ นนะ บางคนกบ็ อกว่า พ่ตี ้องโทรไปตามคณุ ครูนะคะ ตดั สนิ แตป่ ระสบการณท์ ผ่ี า่ นมาสมั ผสั ไดถ้ งึ บรรยากาศ หนูไมร่ ู้เรอ่ื ง ถ้าเจอแบบนี้คือไม่ผา่ น ส่วนกลุ่มที่บอกว่า ของการแข่งขนั สูงมาก จะขอดูเอกสารกอ่ น เราจะยังไม่ตดั แตใ่ ห้เล่าแบบไม่มี เอกสารเบ้ืองต้นก่อน ไม่ต้องเป๊ะก็ได้ ถ้าน้องเล่าได้ก็ “บทเรียนนี้เกิดจากปี 1 ท่ีพอเด็กมานำ�เสนอกับ ยงั เอาไว้อย”ู่ กรรมการ ไมว่ า่ กรรมการจะแนะน�ำ อะไร เดก็ หดู บั หมดเลย คิดแค่ว่า จะนำ�เสนออย่างไรให้โครงการของฉันผ่าน การคดั กรองในรอบแรก ทมี งานไดร้ บั ความชว่ ยเหลอื จึงรู้สึกว่ากระบวนการแบบนี้ทำ�ให้เด็กรู้สึกว่าเป็นการ จากภาคที ม่ี คี วามรดู้ า้ นสง่ิ แวดลอ้ มในการใหข้ อ้ มลู ทง้ั ขอ้ มลู แขง่ ขนั ไมเ่ ปดิ ใจในการวเิ คราะหโ์ ครงการ หรอื ออกแบบ เก่ียวกับประเด็นงาน และข้อมูลเกี่ยวกับสภาพพ้ืนที่ การท�ำ งานจรงิ ๆ ในปที ่ี 3 จงึ คิดวา่ ควรลดความกดดนั ที่เยาวชนจะทำ�งาน ขณะเดียวกันทีมงานก็ต้องสืบค้น ความกงั วลใจในเรอื่ งน้ี โดยคดั เลอื กกอ่ น แลว้ มาพฒั นา โครงการทีหลัง” แอ๋ว เล่าถงึ บทเรียนที่น�ำ มาส่กู ารปรับ เปลย่ี นกระบวนการทำ�งานในปที ี่ 3

13 คณะกรรมการคดั เลอื กประกอบดว้ ยผแู้ ทนจาก 8 องคก์ ร คอื รคี อฟ (ศนู ยฝ์ กึ อบรมวนศาสตร์ ชุมชนแห่งเอเชียแปซิฟิก) มูลนิธิสืบนาคะเสถียร กองทุนส่ิงแวดล้อมโลก WWF ประเทศไทย มลู นิธกิ องทนุ ไทย มลู นธิ สิ ยามกัมมาจล ศูนย์ประสานงานวจิ ัยเพือ่ ทอ้ งถิน่ จังหวดั สมุทรสงคราม และนักวิชาการดา้ นสิ่งแวดล้อม ร่วมกันคัดเลือกจากเอกสารท่ีกลุ่มเยาวชนส่งเข้ามา โดยเนน้ ท่ี ความตงั้ ใจและความเปน็ ไปไดข้ องการท�ำ โครงการ มที มี งานเปน็ ผนู้ �ำ เสนอขอ้ มลู เพมิ่ เตมิ จากการ โทรศพั ท์สัมภาษณ์ แอว๋ เลา่ เกณฑใ์ นการคัดกรองเบ้ืองต้นวา่ มสี ว่ นหนึง่ ทห่ี ลุดไปก่อน คือ 1. เป็นโครงการครู ไมใ่ ช่ โครงการเด็ก 2. เดก็ บางกลุม่ ยังคิดแบบเดมิ คือ ยังคดิ แบบอเี วนต์ แตไ่ ม่ไดม้ องพืน้ ที่ว่า ควรจะทำ�อะไร คณะกรรมการจะมีขอ้ เสนอแนะซึ่งทีมงานจะสง่ กลับไปใหเ้ ดก็ ปรบั ปรงุ งานของตนเอง สำ�หรับในปีท่ี 3 ข้อเสนอแนะจากคณะกรรมการถูกใช้เป็นประเด็นในการปรับข้อเสนอโครงการ ของกลมุ่ เยาวชนในคา่ ยอบรมพฒั นาโจทยโ์ ครงการ โดยขอ้ เสนอสว่ นใหญจ่ ะเปน็ เรอ่ื งการสบื คน้ ขอ้ มลู เพ่มิ เตมิ เกีย่ วกับสถานการณ์ปญั หาของชุมชน หรอื หากิจกรรมเพ่ือแกป้ ัญหาเพมิ่ เตมิ แต่ระหว่างทางก่อนจะเข้าค่าย ตองจะเป็นคนโทรศัพท์ไปช้ีแจงอธิบายข้อเสนอแนะของ คณะกรรมการให้เยาวชนแต่ละกลุ่มรับรู้ “ไม่ใช่แค่ส่งเอกสารข้อเสนอแนะของคณะกรรมการไป แต่ตองจะเป็นคนโทรไปคุยกับน้องด้วยว่า เข้าใจประเด็นท่คี ณะกรรมการแนะนำ�ไหม พร้อมท้งั อธิบายเพิ่มเตมิ เพอ่ื ให้ร้วู า่ นอ้ งตอ้ งเตรยี มตวั อย่างไร” กระบวนการคัดกรองต้ังแต่การให้กลุ่มเยาวชนเขียนความตั้งใจของตนเอง จนถึงการมี คณะกรรมการช่วยให้ข้อคิดเห็น เป็นจุดเร่ิมต้นของการเรียนรู้ที่ทำ�ให้เด็กและเยาวชนได้คิด ทบทวนอยา่ งมเี หตผุ ลตอ่ สง่ิ ทตี่ นเองอยากท�ำ อยา่ งรอบดา้ น แมจ้ ะยงั ไมเ่ ขม้ ขน้ ถงึ การคดิ วเิ คราะห์ แต่การได้กระตุน้ ความคดิ ก็เป็นการกระต้นุ สมองใหพ้ ร้อมเรยี นรู้ในข้นั ตอ่ ไป

14 “การทำ� งานด้านสิ่งแวดล้อมมันทำ� ดว้ ยใจ ถ้าใจมา น้องเขาอยากท�ำเอง เราจะท�ำอย่างไรท่จี ะดงึ ฐานใจของน้องใหไ้ ด”้ พัฒนาโจทย.์ ..พัฒนาใจ กิจกรรมหนุนเสริมการทำ�งานของกลุ่มเยาวชนเริ่มจากค่าย 1 การพัฒนาโจทย์โครงการ เพื่อให้ การท�ำ โครงการของกลมุ่ เยาวชนมคี วามชดั เจนและสมบรู ณม์ ากขน้ึ โดยครง้ั นจี้ ะมคี ณะกรรมการเขา้ มา รับฟังการนำ�เสนอโครงการของกลุ่มเยาวชนในวันสุดท้าย ซ่ึงเป็นการปรับกระบวนการหนุนเสริม หลังจากสรุปบทเรียนการทำ�งานในปีแรกๆ ที่เป้ิล เล่าว่า ค่ายแรกของปีแรก ทีมงานทำ�กระบวนการ โดยเน้นให้เยาวชนได้ใช้สมองคิด วิเคราะห์อย่างเข้มข้นจนเกิดความเครียด ประกอบกับความรู้สึกว่า ต้องนำ�เสนอให้ผ่าน จนกลายเป็นบรรยากาศของการแข่งขันมากกว่าการเรียนรู้ หลังจบงานทีมงาน สรุปบทเรียนกัน มีพี่เลี้ยงคนหนึ่งพูดข้ึนมาว่า “การทำ�งานด้านสิ่งแวดล้อมมันทำ�ด้วยใจ ถ้าใจมา น้องเขาอยากทำ�เอง เราจะทำ�อย่างไรที่จะดึงฐานใจของน้องให้ได้” คำ�พูดดังกล่าวกระตุกให้ ทีมงานคิดวา่ ตอ้ งปรบั กระบวนการอบรมให้เน้นการสร้างคนมีใจก่อน เปิล้ บอกตอ่ ว่า “ฐานใจ” เป็นพลังของเดก็ ทจ่ี ะทำ�งานดา้ นสงิ่ แวดล้อม ถา้ เราชวนเด็กคิดเยอะ เกนิ ไป บางทีเด็กก็ถอดใจ เพราะใชแ้ ต่ “หวั ” ไม่ไดใ้ ช้ “ใจ” เม่ือปรับจูนแนวคิดการทำ�งานได้แล้ว กิจกรรมวันแรกของค่ายในปีท่ี 3 จึงเร่ิมจากกิจกรรม “สันทนาการ” เพ่ือละลายพฤติกรรม และสร้างความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มเยาวชน ต่อด้วยกิจกรรม “ส่ิงท่ีฉันชอบหายไป” ซ่ึงเป็นกิจกรรมที่เหมือนเป็นการอุ่นเครื่องการคิดเช่ือมโยงไปสู่เรื่องราวของ ส่ิงแวดล้อมที่สรรพส่ิงต่างสัมพันธ์กัน ด้วยคำ�ถามที่เกี่ยวกับสิ่งที่เยาวชนแต่ละคนชอบ แล้วต่อด้วย คำ�ถามว่า ถา้ สิง่ นนั้ หายไปจะเป็นอยา่ งไร “คอนเซปต์ประมาณ เด็ดดอกไมส้ ะเทือนถึงดวงดาว เรอื่ งเล็กๆ ท่ีส่งผลต่อเรอ่ื งใหญ”่ ต๊ัก-ไพลิน แก้วจริง บอกถึงคอนเซปตข์ องกจิ กรรม ขณะท่ี เจน-นนั ทน์ ภสั วชริ ะสมบรู ณ์ เสรมิ วา่ “เราไมไ่ ดม้ องแคเ่ รอ่ื งการเชอ่ื มโยง แตอ่ ยากใหเ้ ขา รู้สึกว่า สิ่งที่เราไม่ได้รักแต่มันกำ�ลังจะหาย แล้วมันจะกระทบกับสิ่งที่เรารักอีกทีหนึ่ง เพราะว่า คนอาจจะไม่ได้รักต้นไม้ต้นน้ีแต่มันกำ�ลังจะโดนโค่น มันก็ไม่สำ�คัญอะไรกับฉัน แต่ถ้าเขาเชื่อมโยงได้ เขากจ็ ะเหน็ วา่ มนั เกย่ี วกนั เพราะบางคนชอบหมอน บางคนชอบตน้ ไม้ บางคนชอบภเู ขา ตา่ งคนตา่ ง ชอบสง่ิ ทแ่ี ตกตา่ งกนั ถา้ วนั หนง่ึ สง่ิ ทช่ี อบหายไป คงใจหาย และบางครง้ั สง่ิ ทเ่ี พอ่ื นชอบหายไป อาจ กระทบต่อสิง่ ท่ีเราชอบ เชน่ เมอ่ื ภเู ขาหายไป ตน้ ไมก้ ห็ ายไปด้วย แล้วนุน่ ทเ่ี ปน็ ไส้หมอนกห็ ายไป หมอนรักของใครบางคนก็คงหายไปด้วย เรื่องราวจากสิ่งเล็กๆ จึงสร้างความรู้สึกและการคิด เช่อื มโยงของสรรพส่งิ ได้เป็นอย่างด”ี โจทย์สร้างแรงบันดาลใจเป็นส่ิงที่ทีมงานให้ความสำ�คัญมากๆ ในการจัดค่ายคร้ังแรก แม้จะมี เปา้ หมายเพ่ือพัฒนาโจทยโ์ ครงการ แตก่ ็ตอ้ งแอบซอ่ นไว้ หากลวธิ ีท่ีจะท�ำ ใหเ้ ยาวชน “มใี จ” ในการ ทำ�งานใหไ้ ดก้ ่อน เพราะเดก็ ส่วนหนึ่งเข้ารว่ มโครงการจากการนำ�ของครู การกระตนุ้ ใหพ้ วกเขา มีใจในเรื่องสิ่งแวดล้อมจะทำ�ให้เขาลุกข้ึนมาพัฒนางานของตนเองอย่างจริงจัง ไม่ใช่เพียงแค่ ท�ำ กจิ กรรมให้ผ่านๆ ไป

15 ค้นหาแรงบนั ดาลใจ จากปีแรกที่ในค่ายมีกิจกรรมสร้างแรงบันดาลใจ จากฐานคิดที่ว่า แรงบันดาลใจจากการพูดคุย เพียงกิจกรรมเดียว เม่ือประเมินแล้วว่า ไม่ได้ผลตาม การได้รับฟัง การได้ร่วมกิจกรรมจะช่วยให้เด็กได้ เป้าหมายที่วางไว้ ปีท่ี 2 ทีมงานจึงปรับกระบวนใหม่ ประสบการณต์ รง การสรา้ ง “แรงบนั ดาลใจ” ในปที ่ี 3 ใชต้ วั อยา่ งบคุ คลตน้ แบบทท่ี �ำ งานดา้ นสง่ิ แวดลอ้ มมาเปน็ ทมี งานจงึ เฟน้ หาบคุ คลตน้ แบบทท่ี �ำ งานดา้ นสง่ิ แวดลอ้ ม “แรงบันดาลใจ” และก็ไม่ได้ผลเหมือนเดิม เพราะ เพ่ือเชิญเป็นวิทยากรในการสร้างแรงบันดาลใจให้กับ คนตน้ แบบทมี่ ชี อ่ื เสยี งและเปน็ ตวั จรงิ เสยี งจรงิ ในแวดวง เดก็ ๆ โดยบคุ คลตน้ แบบทค่ี ดั สรรมากม็ ี ลงุ ชวน ชจู นั ทร์ สิ่งแวดล้อม ไม่ได้เป็นท่ีรู้จักของเด็กและเยาวชนโดย ปราญ์ชาวบ้านแห่งชุมชนคลองลัดมะยม และโน้ต- ทั่วไป หากแต่ดารานักร้องที่เป็นพรีเซนเตอร์โฆษณา วชั รบลู ลสี้ วุ รรณ พระเอกหวั ใจสเี ขยี วจากชอ่ ง 7 ดารา กิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อมของหน่วยงานองค์กรต่างๆ ทท่ี �ำ งานดา้ นสงิ่ แวดลอ้ ม เปน็ วทิ ยากรทเ่ี ลอื กสรรมาเพอื่ กลับเป็นที่รู้จักในฐานะไอดอลด้านสิ่งแวดล้อมของ สร้างความหลากหลายของมติ กิ ารเรียนรใู้ นปีที่ 3 เยาวชนไทยมากกวา่ จนทีมงานยอมรบั วา่ คนท่ีไม่ได้ ท�ำ จรงิ แตอ่ ยใู่ นสอ่ื กเ็ ปน็ แรงบนั ดาลใจไดเ้ หมอื นกนั “เราจดั เป็นหอ้ งยอ่ ยเลก็ ๆ กลมุ่ หนง่ึ เด็กมา 3 คน นน่ั จงึ เปน็ ทม่ี าของการคน้ หาตวั แทนดาราทม่ี ชี อ่ื เสยี ง กจ็ บั แยกไป 3 หอ้ ง เพราะเขาตอ้ งมาแชรก์ นั วา่ แตล่ ะคน เป็นท่รี จู้ กั และท�ำ งานดา้ นสงิ่ แวดล้อมจริงๆ เพ่ือใช้ ได้เรียนรู้อะไรบ้าง เน่ืองจากวิทยากรแตล่ ะทา่ นมีความ เป็นบุคคลต้นแบบให้เยาวชนได้สัมผัสเรียนรู้วิธีคิด แตกตา่ งของบทบาทหน้าที่ แต่ก�ำ ลังทำ�ในเร่อื งเดียวกนั วธิ ที �ำ เดก็ กจ็ ะไดส้ มั ผสั แลว้ กลบั มาแลกเปลยี่ นในกลมุ่ เขาเอง และในกลมุ่ ใหญ่ด้วย โดยโจทยท์ ี่ให้เดก็ ค้นหาคอื ทำ�ไม “นา่ สงั เกตวา่ ตอนนนั้ ศศนิ เฉลมิ ลาภ เดนิ รณรงค์ คนๆ นจ้ี งึ ลกุ ขน้ึ มาท�ำ เรอ่ื งน้ี เขามแี รงบนั ดาลใจอยา่ งไร คนทำ�งานด้านสง่ิ แวดลอ้ มตืน่ ตัวกัน แต่ถามเด็กไม่รู้จกั เกดิ อะไรข้นึ และไดเ้ รยี นรู้อะไร” แอ๋ว เลา่ แตเ่ ชญิ โนต้ -วชั รบลู ลสี้ วุ รรณ มาเดก็ รจู้ กั ” เจน สะทอ้ น

16 ทมี งานไม่ไดบ้ อกให้เยาวชนรูก้ อ่ นว่า วทิ ยากรท่กี ลุ่มยอ่ ยแตล่ ะกลุ่มจะไดพ้ บคอื ใคร การไดพ้ บกับ วิทยากรในแตล่ ะหอ้ งจงึ เปน็ ความต่นื เตน้ ในการเรียนรู้ของเด็กๆ “ดวงดาวหิ่งห้อย” คือภาพยนตร์ญ่ีปุ่นที่ทีมงานเลือกใช้เป็นเครื่องมือสร้างแรงบันดาลใจ ในค่ำ�คืนแรกของการอบรมแล้ว ยังเป็นกิจกรรมเยียวยากำ�ลังใจให้กับเยาวชนด้วยเช่นกัน ด้วยประสบการณ์ที่ได้สัมผัสมาทีมงานพบว่า เด็กและเยาวชนท่ีทำ�โครงการหรือกิจกรรมลักษณะนี้ สว่ นใหญม่ ภี าระทง้ั การเรยี น และการท�ำ กจิ กรรมตา่ งๆ ในชวี ติ บางครง้ั เสรจ็ จากกจิ กรรม หรอื การเรยี น ทเ่ี ขม้ ขน้ แลว้ กต็ อ้ งเดนิ ทางเขา้ มารว่ มอบรม ท�ำ ใหเ้ กดิ ความออ่ นลา้ เกนิ กวา่ จะเรยี นรสู้ ง่ิ ใหมไ่ ด้ การท�ำ กจิ กรรมที่ไม่หนกั มาก แตแ่ ฝงขอ้ คิดใหไ้ ดร้ สู้ กึ จึงเปน็ ทางเลือกทดี่ ี ส�ำ หรบั ภาพยนตรท์ เ่ี ลอื กมานน้ั เนอ้ื เรอ่ื งจะเลา่ ถงึ เดก็ ญป่ี นุ่ ทพ่ี ยายามอนรุ กั ษห์ ง่ิ หอ้ ยทต่ี นรกั เช่ือมโยงไปสู่การรักษาแม่น้ำ�ให้ใสสะอาด เพราะห่ิงห้อยชอบน้ำ�สะอาด มีเนื้อหาท่ีสะท้อนท้ัง วธิ คี ดิ วธิ ีท�ำ และตัวอย่างของคนตัวเลก็ ๆ ทีม่ บี ทบาทในการดูแลสิง่ แวดล้อม ในขณะเดยี วกนั ก็ โชวบ์ ทบาทของครซู ง่ึ เปน็ พเี่ ลยี้ งเดก็ ๆ ใหท้ ป่ี รกึ ษาโครงการของกลมุ่ เยาวชนไดเ้ รยี นรวู้ ธิ กี ารหนนุ เสรมิ เยาวชน เปล้ิ บอกวา่ ทอ่ี อกแบบการเรยี นรเู้ ชน่ น้ี เพราะทผ่ี า่ นมาเหน็ วา่ เดก็ ๆ มภี าวะเหนอ่ื ยลา้ แมแ้ ววตา ทเ่ี ขาส่อื ออกมาว่า อยากทำ� แต่เขาเหน่อื ยล้าจากการสอบ การทำ�กิจกรรมในโรงเรยี น เสรจ็ แลว้ กต็ ้อง มาอบรมอีก ดังน้ันบรรยากาศวันแรกของการอบรมจึงให้เด็กๆ ได้พัก ได้พูดคุยกันก่อน ไม่ใช่มาถึงก็ พัฒนาโจทยเ์ ลย

17 “ปีแรกเราไม่สนใจว่าเด็กจะเป็นอย่างไร ฉันต้อง “1. ให้เขาได้ทบทวนส่ิงที่เขามี 2. ให้เขาได้มี เอางานฉันให้เสร็จ แต่พอคิดได้ว่า ถ้าเหน่ือยแล้วใจ ทิศทางที่จะทำ�ต่อ 3.ผนวกทุกสิ่งทุกอย่างให้เป็น ไมอ่ ยากทำ� ใจมนั ไม่อย่แู ล้ว ไมเ่ อาแลว้ งานทีอ่ อกมา หนง่ึ โครงการทเ่ี ขาคดิ เองท�ำ เอง” เจน เลา่ ถงึ เปา้ หมาย ก็คงไม่ดี เราจึงต้องท�ำ ให้เขาอยากทำ�ก่อน” ของกจิ กรรม เก-๋ เกษณี ซอ่ื รมั ย์ เสรมิ วา่ เราค�ำ นงึ ถงึ บรรยากาศ ทีมงานซ่ึงเป็นพ่ีเลี้ยงในค่ายจะค่อยๆ ชวน ของค่ายด้วย จังหวะการวางกิจกรรมต้องทำ�ให้ล่ืนไหล พูดคุยถึงสิ่งท่ีอยู่ในความคิดของเยาวชน ที่อาจ เร่ิมจากการรู้จักกันก่อน แล้วคิดเช่ือมโยงจากเรื่องส่ิงท่ี กระจัดกระจายแยกส่วน ออกมาจัดระเบียบใหม่ ฉนั ชอบหายไป กอ่ นจะมาฟงั คนทท่ี �ำ งานดา้ นสง่ิ แวดลอ้ ม ให้เห็นที่มาที่ไปของส่ิงท่ีอยากทำ� ทุนท่ีมีอยู่ทั้งใน เล่าถึงวิธีคิด วิธีทำ�งาน แล้วตบท้ายด้วยการดูหนังซึ่ง ส่วนของเยาวชนและชุมชน กิจกรรมท่ีอยากทำ� เป็นการผ่อนคลาย เทียบเคียงกับระยะเวลาของโครงการ เพื่อร่วมกัน พิจารณาเป้าหมายของงาน กลั่นออกมาเป็น หลงั ชมภาพยนตรจ์ บ ทมี งานชวนเยาวชนสะทอ้ น โครงการท่ีมีเค้าร่างชัดเจนมากขึ้น เป็นการทำ�งาน การเรยี นรทู้ ไ่ี ดร้ บั จากการชมภาพยนตร์ ดว้ ยค�ำ ถาม ด้านส่ิงแวดล้อมอย่างมีเป้าหมาย ไม่ใช่อยากทำ� ง่ายๆ เชน่ ประทับใจฉากไหน เด็กๆ ในภาพยนตร์ กิจกรรมอะไรก็ทำ�โดยไม่มีทิศทาง โดยมีการศึกษา เห็นปัญหาอะไร เด็กเหล่านั้นมีกระบวนการทำ�งาน พนื้ ทชี่ มุ ชน ผา่ นการท�ำ แผนทช่ี มุ ชนซง่ึ เปน็ เครอ่ื งมอื อยา่ งไร และไดเ้ รยี นรอู้ ะไรจากภาพยนตรเ์ รอ่ื งน้ี ฯลฯ ทท่ี �ำ ใหก้ ลมุ่ เยาวชนแตล่ ะกลมุ่ ไดร้ จู้ กั ชมุ ชนทตี่ นเอง ภาพยนตร์เพียงเร่ืองเดียวถูกใช้สร้างแรงบันดาลใจ จะท�ำ งาน ทง้ั ในมติ ขิ องสภาพพนื้ ที่ ปญั หาทแ่ี วดลอ้ ม และถูกนำ�มาเป็นตัวอย่างในการวิเคราะห์เพื่อเขียน ทเ่ี กดิ ขึ้น และทุนในชุมชน โครงการในวนั ถัดไป “ให้ทำ�แผนที่ชุมชน เพราะอยากให้เด็กทบทวน “เหลาคม” ให้โครงการ บ้านตนเอง รู้จักชุมชนตนเอง เราในฐานะพี่เลี้ยงก็ได้ รู้จักด้วย พ่ีเล้ียงจะชวนน้องคุยได้ต้องเห็นภาพด้วย การวางกระบวนการในวันแรกของค่ายแบบไม่ เพราะไมเ่ ชน่ นน้ั จะคยุ กนั ไมร่ เู้ รอ่ื ง เดก็ จะไดร้ วู้ า่ บา้ นเขา หนกั หนว่ ง ชว่ ยฟน้ื ก�ำ ลงั กายใจของเยาวชนทอ่ี อ่ นลา้ ให้ มอี ะไรอยตู่ รงไหน มผี รู้ เู้ ปน็ ใครบา้ ง เหน็ พน้ื ท่ี เหน็ ปญั หา แข็งแรงขึ้น เพื่ออีกวันจะไดม้ แี รงในการพัฒนาโครงการ บ้านเพื่อนแตล่ ะคนอยตู่ รงไหน ไกลกันไหม” เปิ้ล เล่า กรณีศึกษาจากภาพยนตร์ถูกใช้เป็นตัวอย่างในการ บอกเล่าถึงบริบทชุมชม สภาพปัญหา แนวคิดในการ การท�ำ แผนทรี่ ว่ มกนั ท�ำ ใหท้ มี เยาวชนชดั เจนขนึ้ ใน ทำ�งาน กิจกรรมท่ีทำ�เพื่อแก้ปัญหา โดยใช้ Project สงิ่ ทตี่ นเองรแู้ ละไมร่ เู้ กยี่ วกบั ชมุ ชน บอ่ ยครง้ั ทท่ี มี พเ่ี ลยี้ ง Management เป็นเครื่องมือ ด้วยมีเป้าหมายว่า พบวา่ เยาวชนไมร่ จู้ กั พน้ื ทท่ี ต่ี นจะท�ำ งาน จงึ เปน็ สาเหตุ กิจกรรมนี้จะช่วยให้เยาวชนท่ีมีความแตกต่าง ให้การออกแบบการทำ�งานไม่สอดคล้องกับสภาพจริง หลากหลายเขา้ ใจกระบวนการท�ำ งานรว่ มกนั เพราะ ของพื้นท่ี เม่ือเป็นเช่นนี้การบ้านสำ�หรับเยาวชนคือ เยาวชนแต่ละกลุ่มจะต้องทบทวนข้อมูลสภาพพื้นที่ ตอ้ งไปสบื คน้ ขอ้ มลู เกยี่ วกบั บรบิ ทของชมุ ชนทเี่ กย่ี วขอ้ ง สภาพชมุ ชน และงานท่ีไดอ้ อกแบบไว้ กับประเด็นงานของตนเพ่ิมเติม

18 หลงั จากทำ�แผนที่ชมุ ชน กเ็ ป็นการตงั้ เป้าหมายการท�ำ งาน เลอื กปัญหามาวิเคราะห์ ซง่ึ ในปที ่ี 3 ทมี งานเนน้ โจทยท์ อี่ ยากท�ำ โดยมคี �ำ ถามใหว้ เิ คราะหว์ า่ สง่ิ ทอี่ ยากท�ำ เพราะมปี ญั หาอะไร สาเหตุ เกิดจากอะไร ทำ�ไมต้องทำ�เรื่องนี้ “เราเรยี กวา่ กจิ กรรม “สายน�ำ้ ปญั หา” โดยใหเ้ ลอื กวา่ อยากท�ำ อะไร ท�ำ ไมถงึ อยากท�ำ ใชก้ ารตง้ั ค�ำ ถาม ใช้แผ่นกระดาษเป็นเครื่องมือ วาดเป็นแม่น้ำ�ตรงกลางเป็นส่ิงท่ีเขาอยากเห็น อยากให้มันเกิดขึ้น อยากทำ� ไม่ได้หมายถึงกิจกรรม แต่หมายถึงอยากเห็นส่ิงแวดล้อมเปลี่ยนไปอย่างไร ข้างบนเป็น ผลกระทบวา่ ถา้ เขาไมท่ �ำ เรอื่ งนมี้ นั จะเกดิ อะไร ขา้ งลา่ งมสี าเหตอุ ะไร เกดิ จากอะไร เหมอื นตน้ ไมป้ ญั หา แต่ตรงกลางดึงสิง่ ท่ีเขาอยากทำ�มา เพราะถา้ เป็นต้นไม้ปญั หา ค�ำ ถามคือ สิ่งทเ่ี ขาอยากท�ำ พอมคี ำ�วา่ ปัญหาปุ๊บเดก็ กค็ ดิ แตป่ ัญหา แตพ่ อเป็นตัวนีเ้ ด็กจะคดิ ในมมุ บวกมากขนึ้ ” เปิล้ เลา่ การคล่ีงานจากความคิดลงมาเขียนบนกระดาษ เป็นกลยุทธ์ที่จะทำ�ให้เยาวชนได้นำ�เสนอ สิ่งที่คดิ ออกมาเป็นรูปธรรม ซึ่งพเ่ี ลี้ยงจะต้องช่วยตัง้ ค�ำ ถาม เพื่อเช่อื มโยงความเป็นเหตเุ ป็นผล ของส่ิงที่อยากทำ�กับเป้าหมายท่ีอยากเห็น เช่น สิ่งท่ีอยากทำ�เช่ือมโยงกับเรื่องต่างๆ ที่เป็นสาเหตุ อย่างไร ถา้ ท�ำ กจิ กรรมน้ันๆ แล้วจะนำ�ไปสู่การบรรลเุ ป้าหมายได้หรอื ไม่ภายในระยะเวลาที่จำ�กดั ของ โครงการ บางครั้งกลุ่มเยาวชนบางกลุ่มคิดเป้าหมายใหญ่ ก็ต้องช่วยซอยย่อยให้เป็นเป้าหมายเล็กๆ รายทางทสี่ อดคลอ้ งกบั ระยะเวลา บางทกี ลุ่มเยาวชนไม่ร้ขู อ้ มูลชมุ ชนของตนเอง ต้องใหก้ ลับไปสืบคน้ เพมิ่ เตมิ สง่ิ ส�ำ คญั คอื พเ่ี ลย้ี งกลมุ่ ตอ้ งจบั สงั เกตใหท้ นั วา่ เยาวชนกลมุ่ นนั้ มอี าการอยา่ งไร เชน่ ไมร่ ู้ ข้อมลู พน้ื ฐานในเรือ่ งทจี่ ะท�ำ ไม่รจู้ ักชุมชน หรือออกแบบกจิ กรรมไมไ่ ด้ ซงึ่ สงิ่ ที่ต้องเชค็ คอื โครงการ ตอ้ งมีความเชื่อมโยงกัน ตอ้ งเป็นเหตุเปน็ ผล และต้องเกย่ี วข้องกับแผนทท่ี ีว่ าด ซึง่ ในขั้นตอนน้ี หวั ใจของการโคชคอื ตอ้ งรบั ฟงั ใหม้ ากทส่ี ดุ อยา่ ดว่ นตดั สนิ ฟงั ใหร้ วู้ า่ เดก็ ก�ำ ลงั คดิ อะไร รสู้ กึ อยา่ งไร หรอื ฟงั ใหร้ วู้ ่าเด็กไมค่ ดิ อะไร

19 นอกจากการฟังอย่างลึกซ้ึงแล้ว ความรู้รอบตัว กระบวนการเรียนรู้ท่ีเกิดจากการทบทวนงาน เป็นสิ่งสำ�คัญท่ีพ่ีเล้ียงต้องมี บางคนมีความรู้ ของตนเอง และการซกั ไซไ้ ลเ่ รยี งของพเ่ี ลยี้ ง เปน็ การ ประสบการณ์เร่ืองสิ่งแวดลอ้ ม แต่ยงั ไมพ่ อ เพราะตอ้ ง ขดั เกลาใหเ้ กดิ ความชดั เจนในเปา้ หมาย ทศิ ทางของ รู้จักจิตวิทยาเด็ก ต้องรู้จักการจัดกระบวนการเรียนรู้ โครงการ สง่ิ หนง่ึ ทเ่ี ปน็ ขอ้ พจิ ารณาคอื การท�ำ กจิ กรรม พี่เล้ียงบางคนมีจิตวิทยาในการพูดคุยกับเด็ก แต่ไม่มี มรี ะยะเวลาเพยี ง 7 เดอื น ดงั นน้ั เปา้ หมายใหญๆ่ จงึ ความรเู้ ร่ืองต้นไม้ พชื พนั ธุ์ ดังน้นั ใครไมร่ เู้ ร่ืองใด กถ็ าม ไม่อาจบรรลุไดใ้ นเวลาจำ�กัด พเี่ ล้ียงจะช่วยลดทอน เพอื่ นทรี่ ู้ การมที มี งานทห่ี ลากหลายจงึ เปน็ สง่ิ ทเ่ี ตมิ เตม็ ใหก้ ล่มุ เยาวชนสามารถก�ำ หนดเปา้ หมายยอ่ ย แลว้ กันและกนั นำ�มากำ�หนดเป็นวัตถุประสงค์ในการทำ�งานเพียง 2 ข้อ เท่าที่จะสามารถทำ�ได้ภายในกรอบเวลา อย่างไรก็ตาม ในปีท่ี 3 นอกจากจะมีเยาวชน ซ่ึงส่วนใหญ่แล้วโครงการของกลุ่มเยาวชนจะกำ�หนด กลุ่มใหม่เสนอโครงการเข้ามาแล้ว ยังมีกลุ่มเยาวชน วัตถุประสงค์ดังนี้ 1.เป็นการศึกษาพื้นท่ี ทำ�ข้อมูล ที่เคยผ่านการทำ�งานร่วมกับโครงการปลูกใจรักษ์โลก 2. ทำ�กิจกรรมต่อ หรือสร้างความร่วมมือกับชาวบ้าน มาแลว้ อกี 6 กลมุ่ ทเี่ สนอโครงการตอ่ ยอด ดงั นน้ั ส�ำ หรบั สรา้ งการเปลย่ี นแปลงบางอยา่ ง หรอื สรา้ งความตระหนกั กลมุ่ เยาวชนกลมุ่ นจ้ี ะถกู แยกออกไปโดยไมต่ อ้ งท�ำ แผนท่ี เอาขอ้ มูลไปสรา้ งความตระหนัก ชุมชน แต่ให้ร่วมกันวิเคราะห์ผลท่ีเกิดข้ึนจากการทำ� โครงการท่ีผ่านมาว่า บรรลุเป้าหมายท่ีวางไว้อย่างไร ในขน้ั ของการวางแผนและออกแบบกจิ กรรมภายใต้ มีอะไรท่ียังทำ�ไม่สำ�เร็จ ซึ่งจะต้องมีการต่อยอดการ เปา้ หมายและวตั ถปุ ระสงค์ โดยใชเ้ ครอ่ื งมอื ภเู ขา 3 ลกู ทำ�งานในครัง้ นี้ คลา้ ยเปน็ ไทมไ์ ลนใ์ นการจดั ระเบยี บกจิ กรรมทอ่ี ยากท�ำ

20 ในแต่ละช่วงเวลา ด้วยการวิเคราะห์ตารางชีวิตของ “จากเดมิ เราตง้ั เปา้ หมายไวว้ า่ การท�ำ งานสง่ิ แวดลอ้ ม เยาวชนแต่ละกลุ่ม ปฏิทินชีวิตของชาวบ้านในชุมชน ตอ้ งคลอี่ อกมาใหเ้ หน็ วา่ สาเหตเุ กดิ ขน้ึ จากอะไร แลว้ ไป เพ่ือจัดวางกิจกรรมให้สอดคล้องกับสถานการณ์ของ แกต้ รงนนั้ แตม่ นั ไปขัดกับสิง่ ทีเ่ ดก็ อยากท�ำ ซึ่งทัง้ 2 ปี พ้ืนที่ ซ่ึงทีมงานมีเป้าหมายเพื่อให้เยาวชนได้วางแผน ก็มีบทเรียนแบบน้ี เด็กก็กลับไปแบบเห็นภาพไม่ชัด กิจกรรมได้อยา่ งเช่ือมโยง พวกเราเลยคยุ กนั วา่ ท�ำ อยา่ งไรใหเ้ ดก็ อยากท�ำ แลว้ ไดท้ �ำ จากน้นั ค่อยเช่อื มโยงไปสู่การแกป้ ญั หา แตไ่ มใ่ ชก่ ารท�ำ ใหม่-พงศกร เถาทอง เสรมิ ว่า เราใหเ้ ขาทบทวน กิจกรรมคร้งั เดียวแล้วจบ ทำ�งานแล้วต้องมาวิเคราะห์ เป้าหมายด้วยว่า กิจกรรมที่คิดมาน้ันตอบโจทย์ตาม ค้นหาสาเหตุท่แี ท้จริงว่า ปัญหานี้เกิดจากสาเหตุอะไร เปา้ หมายหรอื เปล่า คือ นอ้ งเขาจะคดิ กิจกรรมเยอะ แลว้ แกไ้ ปทลี ะเรอื่ ง” แอว๋ เลา่ แนวทางการประนปี ระนอม เราจะไมบ่ อกวา่ นอ้ งคดิ มา 10 กจิ กรรมใหเ้ ขาเอาออก ในการท�ำ งานกบั กลมุ่ เยาวชน เพราะเขาไมเ่ ชอ่ื หรอก แตเ่ มอ่ื ลงไทมไ์ ลนแ์ บบน้ี และ ไล่ดเู วลาแลว้ นอ้ งก็จะสามารถบอกเองว่า ทำ�ไมไ่ ด้ กระบวนการพฒั นาจงึ เปน็ การท�ำ ใหก้ ลมุ่ เยาวชน ทำ�ไม่ทนั ถึงตอนน้ีเราจึงจะบอกให้เขาดงึ กิจกรรมที่ แต่ละกลุ่มได้ร่วมกันใคร่ครวญ คิดเชื่อมโยง ทำ�ให้ ไม่เก่ียวขอ้ งออกไป สมาชกิ ในกลมุ่ เห็นภาพโครงการร่วมกนั อย่างไรกต็ าม ทมี งานก็มีบทเรยี นท่ตี อ้ งใครค่ รวญ “ทผี่ า่ นมา ถา้ ไมใ่ ชค่ รเู ขยี น กเ็ ปน็ เดก็ คนใดคนหนงึ่ เมอื่ พบสถานการณ์ 2 รปู แบบคอื กลมุ่ เยาวชนบางกลมุ่ รับผิดชอบเขียนโครงการ แต่พอได้มาวิเคราะห์ร่วมกัน ยดึ สง่ิ ทอ่ี ยากท�ำ โดยไมส่ นใจเปา้ หมาย กบั กลมุ่ เยาวชน เดก็ 3 คนตอ้ งแชร์กนั ท�ำ ใหท้ ุกคนเห็นภาพโครงการชดั ทำ�งานอย่างมีเป้าหมาย แต่อาจจะไม่ได้ทำ�กิจกรรมที่ พอๆ กนั แลว้ กลบั ไปชว่ ยกนั ท�ำ งานในพน้ื ท”่ี ใหม่ เลา่ ถงึ อยากทำ� ความย้อนแย้งของการทำ�งานจึงเกิดขึ้นใน ผลลพั ธ์ที่เกดิ ขึ้นจากกระบวนการ ความรู้สึก

21 เม่ือเด็กๆ ได้ตกตะกอนทางความคิดถึงแผนงานการทำ�โครงการแล้ว ทีมงานจัดแบ่งกลุ่ม เยาวชนออกเป็น 3 กล่มุ เพื่อน�ำ เสนอสง่ิ ท่จี ะทำ�ให้เพ่ือนกลมุ่ อื่นรบั รู้ รวมท้งั เชญิ คณะกรรมการ รว่ มฟงั และแลกเปลีย่ นความคดิ เห็นดว้ ย การตอ้ งเลา่ ถึงสภาพพ้นื ท่ี เป้าหมายการทำ�งาน และ สิง่ ท่ีจะท�ำ เปน็ การฝกึ ทกั ษะการส่ือสาร ในขณะเดียวกันก็เป็นจงั หวะของการเติมเตม็ จากเพ่ือน กลมุ่ อน่ื ๆ และคณะกรรมการทรี่ ว่ มรบั ฟงั ซง่ึ บรรยากาศจะแตกตา่ งจากการน�ำ เสนอโครงการเพอ่ื ขอทุน แต่เป็นจังหวะการเติมเต็มท่ีเนียนอยู่ในกระบวนการ แต่กระนั้น การรับสารท่ีส่ือมาจาก กรรมการกย็ งั ไมส่ ามารถน�ำ ไปสกู่ ารเปลย่ี นแปลงวธิ คี ดิ และวธิ กี ารท�ำ โครงการของกลมุ่ ได้ พเ่ี ลย้ี งจงึ ตอ้ ง เป็นคนเก็บตกประเด็นแล้วนำ�มาอธิบายเพิ่มเติมในกลุ่มอีกคร้ังว่า ท่ีกรรมการบอกน้ันหมายถึงอะไร กอ่ นจะใหเ้ ยาวชนแตล่ ะกลมุ่ หารอื กนั อกี ครง้ั เพอ่ื น�ำ ขอ้ เสนอทไ่ี ดร้ บั จากเพอ่ื นกลมุ่ อน่ื และคณะกรรมการ มาปรับแต่งสิ่งท่ีอยากทำ�เป็นข้อเสนอโครงการ โดยมีพี่เล้ียงคอยประคับประคองไปอย่างช้าๆ โดยใช้ ตัวอยา่ งจากภาพยนตรเ์ รอื่ งห่ิงห้อยที่ไดช้ มไป แอว๋ เลา่ ว่า ตวั อยา่ งกเ็ อามาจากหนัง ใหเ้ ขาเล่าบรบิ ทพนื้ ทอี่ ย่างงา่ ยๆ ยกตัวอยา่ งใหด้ ู ชวนเขา คุยว่า ถ้าอย่างน้ีเขียนอย่างไร ตรงนี้มาจากไหน เม่ือเขียนเสร็จแล้วก็ให้เขาช่วยกันอ่านว่าเข้าใจไหม พรอ้ มทงั้ ใหห้ ลกั การในการเขยี นขอ้ เสนอโครงการ เชน่ แผนทชี่ มุ ชนน�ำ มาเขยี นในสว่ นของขอ้ มลู บรบิ ท น�ำ ธงมาใสใ่ นเปา้ หมาย น�ำ สง่ิ ทท่ี �ำ ชว่ งภเู ขามาใสต่ รงกจิ กรรม ภายใตแ้ บบฟอรม์ ขอ้ เสนอโครงการทม่ี ใี ห้ เมื่อสน้ิ สดุ ค่ายในวนั สุดทา้ ย เยาวชนแตล่ ะกลุ่มจะได้ข้อเสนอโครงการของตนเอง ซ่ึงมีเนอื้ หาประกอบ ด้วยหลักการและเหตุผล เป้าหมาย วัตถุประสงค์ กิจกรรม ระยะเวลา งบประมาณ ซึ่งอาจจะยัง ไมส่ มบูรณ์ เพราะตวั แทนกลมุ่ ทั้ง 3 คน ต้องนำ�สง่ิ ท่ีทำ�ในค่ายไปพฒั นาตอ่ กับเพอื่ นร่วมทีมท่ีไม่ไดม้ า รวมท้ังอาจต้องมกี ารหาข้อมลู พืน้ ทีเ่ พม่ิ เติมดว้ ย รอ...พิสูจน์ใจ หลงั จบคา่ ยแรก กลมุ่ เยาวชนแยกยา้ ยกลบั ไปภมู ลิ �ำ เนาของตนเอง โดยมขี อ้ ตกลงรว่ มกนั วา่ จะสง่ ข้อเสนอโครงการกลับมาภายในเวลา 2 สัปดาห์ ซ่ึงเป็นระยะเวลาที่แต่ละกลุ่มต้องกลับไปหารือกับ สมาชกิ ท่เี หลือ รวมทัง้ เติมเต็มข้อมลู ในส่วนทย่ี งั ไมส่ มบรู ณ์ใหเ้ รยี บรอ้ ย “ที่ให้เวลา 2 สัปดาห์ เพราะรแู้ ลว้ วา่ ถึงจะใหเ้ วลาเยอะ นอ้ งก็ไม่ไดท้ �ำ กระบวนการในคา่ ยช่วย ท�ำ ทุกอย่างจนเกอื บเสรจ็ 100 เปอรเ์ ซน็ ตแ์ ลว้ แคก่ ลับไปคยุ กับเพอื่ นในกลุ่ม และเพิม่ เตมิ ขอ้ มูลทีไ่ ม่มี ดังน้ันในปีที่ 3 ทีมงานจะไมต่ าม นอ้ งตอ้ งส่งกลบั มาเอง เปน็ การฝกึ ให้เขารจู้ ักความรับผิดชอบ ถา้ อยากท�ำ ก็ตอ้ งส่งมาในเวลาทกี่ ำ�หนด” แอว๋ เลา่ ผลลพั ธจ์ ากการรอคอยคอื กลมุ่ เยาวชนสว่ นใหญส่ ง่ ขอ้ เสนอโครงการกลบั มาภายในเวลาทกี่ �ำ หนด มีบางกลุ่มที่ทบทวนส่ิงที่อยากทำ�กับภารกิจชีวิตและเงื่อนไขเรื่องอื่นๆ ขอถอนตัวไป 3 กลุ่ม เช่น กลุ่มเยาวชนที่เรียนในระดับมหาวิทยาลัยบางกลุ่ม ไม่สามารถทำ�โครงการได้ในเง่ือนไขเวลาที่กำ�หนด เพราะต้องฝึกงาน หรือกลุ่มเยาวชนบางพื้นท่ี เมื่อกลับไปสืบค้นข้อมูลเพ่ิมเติมในพ้ืนที่ก็พบว่า ส่ิงท่ี อยากท�ำ เปน็ สิ่งท่ชี มุ ชนท�ำ ไปแล้ว รวมทัง้ บางกลุ่มก็ถอนตวั เพราะส่ิงทคี่ ดิ รว่ มกันในคา่ ย ไม่สอดคลอ้ ง กบั ความคดิ ของครู สว่ นความสมบรู ณข์ องเอกสารขอ้ เสนอโครงการของบางกลมุ่ ทย่ี งั ไมช่ ดั เจน จะถกู เกบ็ เป็นประเด็นในการลงไปติดตามหนนุ เสรมิ การท�ำ งานของแต่ละกลุ่มในพ้ืนท่ีต่อไป

22 ตดิ ตาม...เรยี นรูร้ ว่ ม...ในพ้ืนท่ี โจทยเ์ ร่อื งสรา้ งคนมาดูแลสิ่งแวดลอ้ ม ทีต่ ้องอาศยั กระบวนการโคชอย่างจรงิ จงั ใกล้ชิด กลายเปน็ เงื่อนไขของการทำ�งานท่ตี ้องมกี ารลงพื้นทเ่ี พือ่ ติดตามหนนุ เสริมเยาวชนแตล่ ะกลมุ่ การติดตามครั้งแรกเป็นการลงพ้ืนที่ไปเยี่ยมเยาวชนแต่ละกลุ่ม โดยมีเป้าหมายเพ่ือศึกษา สถานการณใ์ นพน้ื ที่ สถานการณข์ องกลมุ่ เยาวชน โดยพเ่ี ลย้ี งทรี่ บั ผดิ ชอบในแตล่ ะพน้ื ทจ่ี ะชวนเยาวชน ท้ังกลมุ่ ทบทวนเป้าหมายการทำ�งานรว่ มกนั รวมท้งั ร่วมกันเดนิ สำ�รวจชุมชนซ่งึ เปน็ พ้นื ทท่ี ำ�งาน “รปู แบบการลงพน้ื ทไ่ี มใ่ ชไ่ ปคยุ กบั นอ้ งอยา่ งเดยี ว แตจ่ ะใหน้ อ้ งพาเดนิ ดพู น้ื ทท่ี จ่ี ะท�ำ งาน ชวนกนั เดนิ ชวนกนั คุย ให้เขาเลา่ ให้ฟังว่า พืน้ ทเี่ ป็นอยา่ งไร ก่อนท่ีจะมานั่งคุยกนั เราก็เหมือนเป็นกระบวนกรทจี่ ะ ชว่ ยใหเ้ ขาไดจ้ ูนกันอกี ทีวา่ ท�ำ ไมแต่ละคนมาท�ำ โครงการน้ี อยากเหน็ อะไร แลว้ กเ็ ชอ่ื มโยงสง่ิ ที่เพือ่ น แตล่ ะคนพดู กบั สงิ่ ท่ีเสนอให้เป็นเรอ่ื งเดยี วกนั ทกุ คนเปน็ เจา้ ของงานรว่ มกนั ” แอ๋ว เลา่ ทงั้ นกี้ ารเดินทางลงพื้นทแ่ี ต่ละคร้ัง ทีมงานตอ้ งยดึ เวลาของเยาวชนเปน็ หลัก สิ่งท่ีวางแผนไวว้ า่ จะ เตมิ เตม็ ให้แต่ละกลุม่ อาจทำ�ไมไ่ ด้ครบอย่างใจคิด ทมี งานแตล่ ะคนต้องวิเคราะห์และปรับกระบวนการ หนุนเสริมให้สอดคล้องกับเวลาว่างท่ีกลุ่มเยาวชนมีให้และตามอาการของกลุ่ม ซึ่งส่วนใหญ่แล้วส่ิงท่ี ต้องเน้นย้ำ�กับเยาวชนคือ การนำ�สิ่งที่คิดที่เขียนมาคุยกับเพ่ือนสมาชิกในกลุ่ม หรือสำ�หรับบางกลุ่มท่ี งานเป็นไปตามแผน ก็สามารถชวนถอดบทเรียนการทำ�งานเพื่อให้รู้ถึงปัจจัยเง่ือนไข รวมท้ังวางแผน การท�ำ งานในระยะตอ่ ไปดว้ ย แตห่ ลายๆ ครง้ั ทท่ี ีมงานสะท้อนว่า ก่อนจะทำ�งานทกุ ครง้ั สงิ่ ท่ีตอ้ งท�ำ คอื การรบั ฟงั เร่อื งราว ชีวิตในทุกมิติของเยาวชนแต่ละคน รวมทั้งต้องเคลียร์ประเด็นที่อาจค้างคาใจระหว่างกัน เช่น บทบาทของทีมงาน การจัดกระบวนการในค่ายอบรม เพ่ือให้เยาวชนเข้าใจถึงเป้าหมายของโครงการ ปลูกใจรักษ์โลก อีกท้ังส่วนหน่ึงก็ต้องคลี่บทบาทระหว่างทีมงานกับที่ปรึกษาโครงการ โดยพยายาม สอดแทรกแนวคดิ การท�ำ งานให้ทปี่ รึกษาโครงการเขา้ ใจว่า “การเป็นพีเ่ ลีย้ งเด็ก ตอ้ ง Empower เดก็ ต้องปล่อยให้เด็กคิดเองทำ�เอง” ซึ่งประเด็นน้ีทีมงานต่างสะท้อนว่า ใช้พลังเยอะแต่มีผลสัมฤทธ์ิ ไม่มาก เพราะที่ปรึกษาส่วนใหญ่มีเป้าหมายในใจท่ีอยากเห็น และชินกับการวัดความสำ�เร็จของการ ท�ำ งานจากเน้ือหา มากกวา่ กระบวนการเรยี นรขู้ องเยาวชน แอว๋ เล่าตอ่ ว่า ในส่วนของทปี่ รกึ ษาโครงการ ทีมงานจดั แยกคยุ ต่างหาก เรามองวา่ ทปี่ รึกษา โครงการมบี ทบาทส�ำ คญั จงึ พยายามให้ “แนวคดิ ” บทบาทการเปน็ โคชของทปี่ รกึ ษาโครงการวา่ ต้องทำ�อะไร อย่างไร พยายามเติมเคร่อื งมือการท�ำ งาน เช่น AAR (After Action Review) เพื่อให้ เดก็ สะทอ้ นการเรยี นรู้ วธิ กี ารตง้ั ค�ำ ถามเพอ่ื กระตนุ้ เดก็ แตเ่ ทคนคิ เหลา่ นไ้ี มส่ �ำ คญั เทา่ กบั “วธิ คี ดิ ” เพราะทป่ี รกึ ษาบางสว่ นยงั เกรงวา่ โครงการจะลม้ เหลว จงึ ไมป่ ลอ่ ยใหเ้ ดก็ คดิ เองท�ำ เองได้ อย่างไรก็ตาม การลงพ้ืนที่ก็ทำ�ให้ทีมงานเห็นภาพการทำ�โครงการชัดเจนขึ้น ท้ังสภาพพื้นที่ สถานการณข์ องกลมุ่ เยาวชน ขอ้ เทจ็ จรงิ ทไี่ ดส้ มั ผสั จงึ เปน็ ฐานขอ้ มลู ทน่ี �ำ ไปสกู่ ารออกแบบกระบวนการ หนุนเสริม ซึ่งทีมงานสะท้อนว่า การลงพื้นที่ทำ�ให้รู้ว่า เด็กยังขาดความรู้และทักษะในเร่ืองการ ส่ือสารงาน ส่ือสารข้อมูล ซึ่งเป็นทักษะท่ีจำ�เป็นสำ�หรับการทำ�งานในระยะต่อไป ท่ีต้องมีการ คืนข้อมูลให้กับชุมชน หรือการนำ�ข้อมูลไปใช้ประโยชน์ จึงนำ�มาเป็นประเด็นในการจัดค่าย ครั้งท่ี 2

23 เตมิ ทักษะการส่ือสาร...เพ่ิมพลัง แลว้ จงึ สอบถามเขาวา่ ใชเ้ ทคนคิ ในการถามอยา่ งไรเพอื่ การทำ� งาน ให้ได้คำ�ตอบ เสร็จแล้วค่อยเข้าสู่การจับประเด็นการ ตงั้ คำ�ถาม การเกบ็ ข้อมลู วา่ มเี ครอ่ื งมืออะไรใช้ได้บา้ ง กจิ กรรมคา่ ยคร้ังท่ี 2 จัดขึน้ หลงั จากกลุม่ เยาวชน ทำ�งานได้ครึ่งทางแล้ว โดยค่ายน้ีมีเป้าหมายอยู่ท่ีการ ทมี งานเล่าต่อว่า ทีอ่ อกแบบเชน่ นี้ เพราะตอ้ งการ เติมทักษะการส่ือสาร และเพ่ิมพลังในการทำ�งาน ให้เดก็ ๆ ได้ฝกึ การต้ังคำ�ถาม ส�ำ หรบั เตรยี มตัวลงพนื้ ที่ ถอื เปน็ ครงั้ แรกทเ่ี ยาวชนทกุ กลมุ่ ไดม้ าพบกนั เหตเุ พราะ ศึกษาดูงานจากบุคคลต้นแบบท่ที ำ�งานด้านส่งิ แวดล้อม ค่ายแรกแบ่งจัด 2 รุ่นเพื่อความเข้มข้นของการพัฒนา 3 แหง่ คอื รา้ นศนู ยบ์ าท ชมุ ชนออ่ นนชุ 14 ไร่ กบั การ ขอ้ เสนอโครงการ ดงั นน้ั วนั แรกของคา่ ยครง้ั นใี้ นชว่ งเชา้ จัดการขยะโดยชุมชนเพื่อชุมชน ชุมชนคลองจินดา จงึ เรมิ่ ตน้ ดว้ ยกจิ กรรมสนั ทนาการ เพื่อให้ทกุ คนไดร้ ูจ้ กั กับการปรับตัวส่กู ารทำ�การเกษตรปลอดภัย ไร้สารเคมี มักคุ้นกันก่อน ส่วนช่วงบ่ายจะเป็นการเรียนรู้เร่ืองการ รับมือโลกร้อน ของชุมชนชาวสวนอำ�เภอสามพราน เกบ็ ขอ้ มลู โดยครง้ั นท้ี มี งานจ�ำ ลองสถานการณใ์ หเ้ ยาวชน จงั หวัดนครปฐม และ HiP Incy Farm สวนผกั พอเพียง ไดฝ้ ึกการตัง้ ค�ำ ถาม ใจกลางกรุงของอดตี นักรอ้ งนำ�วง P2Warship ทผี่ ันตัว มาเป็นเกษตรกร ดำ�เนินชีวิตตามหลักปรัชญาของ ส�ำ หรบั การฝกึ ตง้ั ค�ำ ถามนนั้ เจน เลา่ วา่ ทมี งานจะ เศรษฐกจิ พอเพยี ง ท่ีเปลยี่ นสนามฟุตบอลขนาด 1 ไร่ มีปรัศนีตั้งเป็น 6 กลุ่ม ให้แต่ละคนปลอมตัวเป็นใคร ใหก้ ลายเป็นสวนผกั นานาชนดิ ท่ีไหน เช่น สมมุติให้เจนเป็นยายคนหน่ึงท่ีอยู่กับป่า แตเ่ ราจะไมบ่ อกเดก็ วา่ เจนเปน็ ใครทไ่ี หน ครงั้ แรกจะให้ แอ๋ว บอกเหตผุ ลของการพานอ้ งๆ ไปเรียนรู้จาก น้องรุมไปคุยกับเจนก่อน เก็บข้อมลู เจนให้ได้เยอะทีส่ ดุ ของจรงิ เพราะเช่ือวา่ “ประสบการณต์ รง” จะท�ำ ให้ แล้วสรุปเฉลยกับเขาว่า ข้อมูลเจนเป็นแบบนี้ใช่ไหม นอ้ งๆ เขา้ ใจเรอ่ื งการรกั ษาสง่ิ แวดลอ้ มไดอ้ ยา่ งลกึ ซง้ึ ยง่ิ พวกเขาไดเ้ หน็ ขยะ จบั ขยะ ไดผ้ สมปยุ๋ ไดส้ มั ผสั ปา่

24 ได้ยินเสียงนกร้อง ส่ิงเหล่านี้จะช่วยทำ�ให้น้องๆ มี ทเ่ี ออื้ ตอ่ การเรยี นรู้ นอ้ งๆ เองกก็ ลา้ ซกั กลา้ ถามมากขน้ึ ประสบการณ์ตรง โดยเฉพาะความเข้าใจที่เกิดขึ้น เม่อื อย่กู บั แหลง่ ข้อมลู และกลุ่มคนจ�ำ นวนน้อย จาก “ภายใน” จากการลงมอื ปฏบิ ตั ิจริง หลังจบการเรียนรู้ดูงานในพื้นที่ วันท่ี 3 ของการ นอกจากเป้าหมายเร่ืองการเรียนรู้จากของจริง จดั คา่ ย ทมี งานมแี ผนใหเ้ ยาวชนทดลองจดั เวทนี �ำ เสนอ แล้ว ทีมงานยังสอดแทรกการฝึกทักษะการทำ�งาน ผลการเรยี นรใู้ นรูปแบบงานวดั หรือมหกรรมการเรยี นรู้ รว่ มกนั ของเยาวชน ซง่ึ จะถกู แบง่ เปน็ 3 กลมุ่ ใหญต่ าม เพ่ือนำ�สิ่งท่ีได้เรียนรู้จากการศึกษาดูงานมานำ�เสนอ จำ�นวนแหล่งดูงาน ซึ่งคร้ังน้ีทีมงานมีโจทย์ให้เยาวชน โดยก่อนจัดงานพ่ีๆ ทีมงานให้ความรู้เรื่องรูปแบบการ ท�ำ งานรว่ มกนั มกี ารแบง่ บทบาทหนา้ ทเ่ี พอ่ื ฝกึ การท�ำ งาน จัดงาน และการทำ�สื่อประเภทต่างๆ 3 รูปแบบ คือ และความรับผิดชอบ เพราะหลังจากดูงานเสร็จแล้ว การสือ่ สารผ่านการพูด การส่ือสารผา่ นการแสดงละคร แต่ละกลุ่มต้องเตรียมสรุปส่ิงที่ได้เรียนรู้มานำ�เสนอให้ และการส่อื สารผ่านโปสเตอร์ เพ่ือนๆ ฟัง เบอื้ งหลงั วธิ คี ดิ ทต่ี อ้ งออกแบบใหท้ กั ษะความรู้ “การดงู านไมใ่ ชไ่ ปดเู ฉยๆ แตเ่ ปน็ การเรยี นรู้ ดงั นน้ั เรอื่ งการจดั งานมหกรรมแกน่ อ้ งๆ นน้ั เพราะทมี งาน จึงต้องมอบโจทย์เป็นแนวทางในการเก็บข้อมูล เช่น เหน็ วา่ การสอ่ื สารกบั ชมุ ชนไมใ่ ชแ่ คไ่ ปจดั นทิ รรศการ สถานการณ์พ้ืนท่ีเป็นอย่างไร มีปัญหาอย่างไร มีการ ไปเลา่ ใหฟ้ งั หรอื แคจ่ ดั ประชมุ แตท่ �ำ อยา่ งไรใหก้ าร จัดการเพ่ือแก้ปัญหาอย่างไร มีปัญหาอุปสรรคในการ น�ำ เสนอสนกุ เราคดิ บนฐานความสนกุ กค็ ดิ ถงึ งานวดั ท�ำ งานหรอื ไม่ จดุ เด่นจุดดอ้ ยของแหล่งศกึ ษาดูงานคือ วา่ มอี ะไรบา้ ง ท�ำ อยา่ งไรใหค้ นมารว่ ม ถอื เปน็ รปู แบบ อะไร และสิ่งทีไ่ ดเ้ รยี นรมู้ ีอะไรบ้าง” เปล้ิ เลา่ การสรปุ รวบยอดกจิ กรรมทสี่ นุกสร้างสรรค์ เหมอื น พลทุ แ่ี ตกกระจาย เพราะสงิ่ ทน่ี อ้ งๆ ท�ำ ดอี ยแู่ ลว้ แต่ เพราะวางกระบวนการเรยี นรไู้ วอ้ ยา่ งดี บรรยากาศ ทำ�อยา่ งไรจงึ จะนำ�เสนอส่ิงดๆี เหล่านใ้ี หค้ นอนื่ รบั รู้ ของการศึกษาดูงานจึงดูแปลกแตกต่างจากการเรียนรู้ และสนุกไปพร้อมกนั ในห้อง ทีมงานเห็นถึงบรรยากาศการอยู่ในกลุ่มเล็กๆ

25 นอกจากนก้ี ารใหน้ อ้ งๆ ทกุ คนน�ำ เสนอเรอ่ื งราวทไ่ี ดไ้ ปเรยี นรมู้ าโดยรอ้ ยเปน็ เรอ่ื งเดยี วกนั ยงั เปน็ การ ฝึกวิธีการสื่อสารอย่างสร้างสรรค์ เพราะหากให้ต่างคนต่างมานำ�เสนอคงไม่น่าสนใจ ขณะเดียวกัน วธิ ีการในการส่ือสารให้สัมฤทธผ์ิ ลก็เปน็ ปัจจยั สำ�คัญ ในส่วนของการให้ความรู้เรื่องการแปลงเน้ือหามาเป็นสื่อนั้น ทีมงานให้ความรู้ 3 ประเภท คือ การพดู การท�ำ อนิ โฟกราฟิก และละคร เหตุผลที่เลือก 3 เรอื่ งนเี้ พราะทีมมองว่า เร่อื งการพูด นอ้ งๆ สว่ นใหญค่ นุ้ ชนิ ทง้ั การพดู เสยี งตามสาย พดู หนา้ เสาธง การจดั รายการวทิ ยุ รวมถงึ การพดู คยุ กบั ชาวบ้านอยแู่ ล้ว ส่วนการทำ�อินโฟกราฟิกเพราะเห็นเดก็ หลายคนชอบวาดรปู จึงนำ�สิ่งท่ีเขาชอบมาใช้ เพือ่ สอื่ สารขอ้ มูลใหค้ นอื่นรบั รู้ ส�ำ หรบั การสือ่ สารผา่ นละครหรือการแสดง เปน็ การนำ�วฒั นธรรมหรอื การละเลน่ ของชมุ ชนมาเป็นส่ือ ใหม่ บอกวา่ กระบวนการนใ้ี ชเ้ วลาเรยี นรเู้ รอ่ื งแนวคดิ การสอ่ื สารครง่ึ วนั กอ่ นทแ่ี ตล่ ะกลมุ่ จะแยกยา้ ย กนั ไปออกแบบสอื่ ของตนเอง โดยแบง่ นอ้ งๆ สว่ นหนงึ่ ออกมารบั ผดิ ชอบเรอื่ งการจดั มหกรรม ซง่ึ ผลลพั ธ์ ที่ออกมาคือ น้องๆ สามารถออกแบบสื่อได้ดี แต่ภาพรวมของการจัดงานมหกรรมยังเน้นไปที่ ความสนุกสนานมากเกินไป จนละเลยเนื้อหาสาระของการเรยี นรู้ไป ซึ่งก็เปน็ บทเรยี นใหท้ มี งาน ได้นำ�ไปปรับปรงุ ตอ่ ไป “เราใหเ้ ขาน�ำ เสนอสง่ิ ทไ่ี ดเ้ รยี นรใู้ นงานมหกรรม ฉะนน้ั จงึ ตอ้ งจดั ทง้ั งาน และเตรยี มแสดง คนทถ่ี กู ดึงไปจัดงานก็จะท้ิงกลุ่มของตนเอง เลยกลายเป็นช่องโหว่ในการทำ�งานระยะสั้น เราก็อยากให้เขา เรยี นรูท้ ง้ั หมด แตก่ ลายเป็นว่างานพลิก...น้องๆ สนใจแตค่ วามสนุกสนาน จนละเลยเน้อื หาและโจทย์ ท่ีให้ไป พอบอกว่าเปน็ งานมหกรรม เขาก็เลน่ สนุกสนานอยา่ งเดยี ว” เจน สะทอ้ น แม้จะทิ้งสาระไปบ้าง แต่ทีมงานบอกว่า อย่างน้อยเยาวชนได้ทักษะการทำ�งานเป็นทีม ไดค้ ดิ ร่วม ทำ�ร่วม และสนุกกบั การท�ำ งานรว่ มกนั

26 Coaching จากของจริง เสร็จจากการเตมิ เตม็ ความรู้ในคา่ ย เปน็ ระยะเวลาของการลงพืน้ ทเ่ี พ่ือหนนุ เสรมิ การท�ำ งานของ น้องๆ ในรอบที่ 2 แต่ครั้งนีม้ ีโจทยค์ อื การร่วมกจิ กรรมทีเ่ ยาวชนจัดขึ้นในชมุ ชน เพราะมเี ปา้ หมายวา่ จะ “โคช” นอ้ งผา่ นวิธที ำ�งานจรงิ ๆ การลงพ้ืนทคี่ รงั้ นจ้ี งึ เน้นลงพ้นื ทีก่ อ่ นวนั งาน เพ่อื ชวนนอ้ งทบทวน ส่ิงท่ีจะทำ�ในวันรุ่งขึ้น และช่วยเสริมในส่วนท่ียังไม่เรียบร้อย ก่อนท่ีจะสังเกตการณ์การทำ�งานของ เยาวชน เพ่อื น�ำ มาสรปุ บทเรียนเพ่อื สร้างการเรยี นร้แู ก่กลุ่มเยาวชน “เราจะไมร่ อ้ื หรอื เปลย่ี นแปลงงานของนอ้ ง แตจ่ ะใชว้ ธิ ตี ง้ั ค�ำ ถามเพอ่ื ชว่ ยอดุ ชอ่ งโหวข่ องงาน เชน่ แบง่ หนา้ ทก่ี นั หรอื ยงั ใครเตรยี มอปุ กรณ์ คอนเฟริ ม์ ผใู้ หญห่ รอื ยงั แลว้ กป็ ลอ่ ยใหเ้ ขาท�ำ งานไป เรามหี นา้ ทส่ี งั เกตการณจ์ นเสรจ็ งาน แลว้ จงึ ชวนเขาสรปุ บทเรยี น ทบทวนเปา้ หมายของกจิ กรรม สิ่งท่ีทำ�บรรลเุ ป้าหมายหรอื ไม่ อะไรที่ทำ�ไดด้ ี และอะไรท่ีท�ำ ไดไ้ ม่ดี เพราะอะไร โดยใหแ้ ต่ละคน สะทอ้ น” เปิ้ล เล่า เพราะกลยทุ ธข์ องการหนุนเสริมขนึ้ อยกู่ บั งานจริงในพ้ืนท่ี การนดั หมายจึงต้องรอใหก้ ลมุ่ เยาวชน จัดกิจกรรมก่อน ทีมงานจึงจะได้ลงพื้นท่ี กระนั้นแม้จะอยู่ในชุมชนแล้ว ทีมงานก็ยังต้องรอจังหวะ รอโอกาสอย่เู หมอื นกนั เพราะการพัฒนาศักยภาพในการคิด การทำ�งาน สำ�หรับน้องๆ ที่ประสบการณ์น้อย บางครั้งก็ คิดไม่ออก ติดกรอบ เมื่อทีมงานใช้คำ�ถามกระตุ้นเพื่อให้คิดแล้ว ก็ต้องรอด้วย “ถ้าน้องเรียนรู้บน ความกดดัน เขาจะไม่ได้อะไร ถ้าอยากให้เขาเรียนรู้ก็ต้องใช้เวลา เราก็ต้องยอมให้ใช้เวลา เราตอ้ งปลอ่ ยใหเ้ ขาคดิ แตร่ ะหวา่ งรอทมี งานกต็ อ้ งสงั เกตวธิ กี ารท�ำ งาน วธิ กี ารแกป้ ญั หาของเขา ไปด้วย” แอ๋ว บอกเหตุผลว่า ที่ต้องทำ�เช่นนี้เพราะเคยเห็นแล้วว่า เวลาเรารีบให้ทำ�เร็วๆ สะท้อนเร็วๆ น้องไมไ่ ด้เข้าใจจริงๆ เขากห็ ยบิ ไปใช้อยา่ งงงๆ การสรุปบทเรียนโดยใช้คำ�ถาม เพ่ือให้เยาวชนสะท้อนจากส่ิงท่ีเกิดขึ้น เป็นวิธีการช้ีแนะที่ ทีมงานไม่ได้เป็นคนบอก แต่เป็นการเห็นจากสิ่งที่น้องทำ� ซึ่งภาพรวมของปัญหาการทำ�งานของกลุ่ม เยาวชนที่พบจากการลงพื้นท่ีในคร้ังนี้คือ ส่วนใหญ่ไม่ได้เตรียมงาน คิดเอาว่าน่าจะทำ�ได้ น่าจะมีคน รบั ผดิ ชอบตรงนน้ั ตรงน้ี หรอื บางกลมุ่ ไมไ่ ดม้ กี ารแบง่ งานใหเ้ พอื่ น มแี ตแ่ กนน�ำ 2-3 คนทร่ี งู้ านแลว้ ตอ้ ง ว่งิ ว่นุ ท�ำ ทุกอย่าง โดยทีเ่ พอ่ื นๆ ไม่สามารถเขา้ ไปชว่ ยได้ การได้มาสรปุ บทเรียนรว่ มกันจึงเป็นการ สะท้อนภาพการทำ�งาน เพ่ือปรับปรุงให้ดีขึ้น ซึ่งในกระบวนการน้ัน ทีมงานต้องยำ้�กับเยาวชน เสมอว่า สิ่งท่ีเพ่อื นพูด เพ่อื นสะทอ้ น ไมใ่ ชก่ ารจับผดิ แตเ่ ปน็ การชว่ ยกนั มองงาน รวมท้ังต้องยำ�้ ถงึ เปา้ หมายการท�ำ งานวา่ พๆ่ี ไมไ่ ดต้ อ้ งการความส�ำ เรจ็ สมบรู ณแ์ บบ แตถ่ า้ มเี รอ่ื งใดพลง้ั พลาด ก็ใหร้ ู้วา่ พลาดเพราะอะไร

27 รใู้ จ รู้บทเรียน ก่อนส้ินสุดโครงการ ทีมงานได้จัดค่ายหนุนเสริมศักยภาพเยาวชนอีกครั้ง โดยคร้ังนี้มีเป้าหมาย เพ่อื ใหก้ ลุ่มเยาวชนได้สรปุ บทเรียนการท�ำ งานของตนเอง ซ่งึ ทมี งานเลอื กใชก้ ระบวนการประเมนิ เสรมิ พลังเปน็ เครอ่ื งมอื ในการแลกเปลี่ยนเรยี นรปู้ ระสบการณ์ในการทำ�โครงการของเยาวชน หวั ใจของการประเมนิ ในคร้งั นีค้ ือ การช้ใี ห้เห็นว่า บทเรียนจากการทำ�งานจะเปน็ ประโยชน์ ต่อการทำ�งานของตนเองในอนาคต ดังนั้นส่ิงท่ีต้องสร้างความเข้าใจคือ ทัศนคติต่อการสรุป บทเรียนว่า การทำ�งานมีทั้งความสำ�เร็จและความล้มเหลว การเรียนรู้เงื่อนไขของความสำ�เร็จ และความลม้ เหลวอยา่ งเขา้ ใจ แลว้ น�ำ บทเรยี นไปปรบั ใชจ้ ะชว่ ยใหน้ อ้ งสามารถพฒั นาการท�ำ งานได้ กระบวนการในค่ายเริ่มด้วยกิจกรรมสันทนาการที่แฝงข้อคิดเหมือนเช่นเคย โดยทีมงานเลือกใช้ กิจกรรมประกอบรา่ งและกิจกรรมตลี กู โป่ง ทน่ี �ำ ไปส่คู วามเขา้ ใจเงือ่ นไข ปจั จัยความสำ�เรจ็ และ ความล้มเหลวของการทำ�งาน พร้อมกับเสริมกิจกรรมป่วน เพื่อให้เยาวชนเรียนรู้ภาวะอารมณ์ ซึ่งมีผลต่อการทำ�งาน โดยท่ีมาของกิจกรรมนี้เกิดจากการท่ีทีมงานนำ�เความคิดท่ีรุ่นพี่คนหน่ึง เคยสะทอ้ นในแวดวงสงิ่ แวดลอ้ มวา่ คนท�ำ งานดา้ นสง่ิ แวดลอ้ มขาดเรอ่ื งการเรยี นรดู้ า้ นใน เพราะ มงุ่ เรยี นรแู้ ตด่ า้ นนอก เรยี นรเู้ รอ่ื งสง่ิ แวดลอ้ มทง้ั ๆ ทพ่ี น้ื ฐานการเรยี นรดู้ า้ นในของคนท�ำ งานพฒั นา คือปัจจัยเงื่อนไขสำ�คัญท่มี ผี ลตอ่ การแก้ปญั หาสิง่ แวดลอ้ ม

28 กจิ กรรมประกอบรา่ งน�ำ ไปสกู่ ารท�ำ ความเขา้ ใจวา่ ขั้นตอนให้เหมาะสมกับการเรียนรู้ของเยาวชนคือ เราไม่ได้วัดผลความสำ�เร็จ เพราะการประกอบร่าง ให้แต่ละกลุ่มทบทวนเป้าหมาย ทบทวนกิจกรรม แล้ว มาจากทุกคนที่มารวมกัน เพอ่ื ท�ำ ให้น้องรู้ว่า เราไมไ่ ด้ ใหค้ ะแนนกิจกรรมท่ีไดท้ ำ� ต้องการความสวยงาม หรือความส�ำ เรจ็ แตส่ ิง่ ทีเ่ รา ต้องการคือ การเรียนรู้ระหว่างทาง ส่วนกิจกรรม “กระบวนการประเมนิ เสรมิ พลงั ตอ้ งมกี ารใหค้ ะแนน ตีลูกโป่ง เปรียบเสมือนการทำ�โครงการที่ต้องมีปัจจัย แต่เป็นการให้เหตุผลประกอบคะแนนที่ให้ ซ่ึงเราก็มี แวดลอ้ มเขา้ มาเกยี่ วขอ้ ง ทงั้ เรอื่ งเวลา โจทยท์ ใี่ หท้ �ำ ตาม ข้อกังวลว่า ด้วยระบบโรงเรียนทำ�ให้คะแนนมีผลมาก เงื่อนไข ถ้าทำ�ไม่สำ�เร็จก็ให้น้องนำ�ปจั จยั เงอ่ื นไขทเ่ี ปน็ จงึ ตอ้ งท�ำ ความเขา้ ใจกบั นอ้ งตงั้ แตแ่ รกวา่ ถา้ ในมมุ มอง สาเหตขุ องการท�ำ ไมส่ �ำ เรจ็ มาพดู คยุ กนั เพอ่ื ใหค้ รง้ั ตอ่ ไป ของการตัดสิน คะแนนคือตัวตัดสิน แต่ในมุมมองของ ทำ�ได้ดีขึ้น แล้วเช่ือมโยงให้เห็นความสำ�คัญของการ การพฒั นา คะแนนก็เหมอื นขน้ั บนั ไดที่ ณ วันนเ้ี ราอยู่ ถอดบทเรียน ส่วนป่วน คือกิจกรรมท่ีจะทำ�ให้น้องได้ ทขี่ น้ั ท่ี 6 ไมใ่ ชว่ า่ เราจะไปถงึ ขนั้ 10 ไมไ่ ด้ จงึ ตอ้ งพานอ้ ง เรยี นรอู้ ารมณ์ 5 ดา้ น คอื โกรธ อยาก เหงา ฟงุ้ ซา่ น เปลย่ี นวธิ คี ดิ ใหม่ โดยใครจะใหค้ ะแนนเทา่ ไรกไ็ ด้ แลว้ ให้ และลังเล เพ่ือให้น้องได้เรียนรู้ว่า ระหว่างการทำ�งาน เหตผุ ลตาม โดยมพี เ่ี ลย้ี งประจ�ำ กลมุ่ ชวนคยุ ” แอว๋ เลา่ พวกเขาจะมอี ารมณพ์ วกนเ้ี ขา้ มาเกย่ี วขอ้ ง แลว้ พวกเขา จะรบั มือและจดั การกบั อารมณเ์ หล่านีอ้ ยา่ งไร ดังนั้นบรรยากาศของการสรุปบทเรียน จึงไม่ใช่ บรรยากาศของความเครง่ เครยี ดเพอ่ื การตดั สนิ แตเ่ ปน็ นอกจากกจิ กรรมขา้ งตน้ แลว้ ทมี งานยงั ใชก้ จิ กรรม การสรุปบทเรยี นเพอื่ ใหร้ ใู้ จตัวเอง รูจ้ ุดแข็ง จดุ อ่อนใน ที่ชื่อวา่ “ฉนั คอื ใคร” ด้วยการตัง้ คำ�ถามซ้�ำ ๆ วา่ “ฉัน การท�ำ งานทผ่ี า่ นมา และเกบ็ เกย่ี วบทเรยี นไปสรา้ งสรรค์ คือใคร” แล้วให้นอ้ งๆ เขียนตอบ ภายใตเ้ ป้าหมายคอื วิธีการทำ�งานใหม่ๆ เพ่ือพัฒนาศักยภาพของเยาวชน ให้นอ้ งไดม้ องถงึ อุปสรรค ภายในของตัวเอง เพราะ ทง้ั นก้ี ระบวนการชวนคยุ ของพเ่ี ลยี้ งประจ�ำ กลมุ่ จะใช้ หลายๆ คร้ังท่ีทำ�งานน้องมักมองเห็นแต่อุปสรรค วิธีคละกลุ่มเยาวชนท่ีมีผลการทำ�งานท่ีหลากหลาย ภายนอก แตไ่ มไ่ ดม้ องใจตวั เอง ทเี่ ปน็ อปุ สรรคใหญ่ ของการท�ำ งาน การผสมผสานกิจกรรมเรยี นร้ดู ังกล่าว สร้างความ ตระหนกั ใหน้ อ้ งๆ เขา้ ใจตนเอง เขา้ ใจเงอ่ื นไขทสี่ ง่ ผลตอ่ การท�ำ งาน โดยเฉพาะเงอ่ื นไขภายในของตนเอง “เขามอง ไม่เห็นใจตัวเองท่ีเป็นอุปสรรคในการทำ�งาน อยากทำ� เรอ่ื งใหญๆ่ หรือฟุ้งจนทำ�งานไมไ่ ด้ แล้วไปโกรธเพ่อื น โกรธตวั เอง พอเอาปว่ นเขา้ มาใช้ เหมอื นชวนใหเ้ ขาเหน็ วา่ ความอยากเปน็ อย่างไร ความโกรธเปน็ อยา่ งไร มันอยู่ ในตวั เราแบบไหน คนทไ่ี ดล้ งมอื ท�ำ งานจะเหน็ ภาพเลยวา่ ออ๋ ทฉ่ี นั เจอเปน็ แบบน้ี เขากจ็ ะปง๊ิ ทนั ทวี า่ ทง่ี านไมส่ �ำ เรจ็ ไมใ่ ชเ่ พราะเพอ่ื นไมร่ ว่ มมอื แตเ่ ปน็ เพราะตวั เอง” เจน เลา่ เม่อื ผา่ นการเรียนรูภ้ ายในแลว้ เยาวชนแตล่ ะกล่มุ ไดร้ ว่ มเรยี นรเู้ รอื่ งการใชเ้ ครอื่ งมอื การประเมนิ เสรมิ พลงั เพื่อประเมินผลการทำ�โครงการของกลุ่ม โดยลดทอน

29 เขา้ ดว้ ยกนั 3-4 โครงการ โดยคาดหวงั วา่ ระหวา่ งการแลกเปลยี่ นนอ้ งๆ จะไดเ้ รยี นรบู้ ทเรยี นผา่ น การทำ�โครงการของเพ่ือนกลมุ่ อื่นด้วย มหกรรมเพ่ือการเรยี นรู้ และแล้วก็ถึงเวลา “เปิดพ้ืนที่การเรียนรู้” ด้วยการจัดงานมหกรรมเพื่อการเรียนรู้ขึ้นอีกครั้ง โดยครง้ั นท้ี มี งานหวงั สรา้ งการเรยี นรซู้ �ำ้ อกี ครง้ั แตค่ รง้ั นพ้ี ๆ่ี เปลย่ี นบทบาทใหม่ รบั เปน็ เจา้ ภาพจดั งานเอง เพอ่ื ใหน้ อ้ งไดเ้ หน็ เทคนคิ และรปู แบบการจดั งานเพอื่ น�ำ เสนอขอ้ มลู รวมทงั้ สอดแทรกเรอ่ื งการระดมทนุ เพ่ือเป็นแนวทางในการทำ�งานของกลุ่มเยาวชนในอนาคต ส�ำ หรบั การออกแบบงาน พๆ่ี ทมี งานไดค้ ดั สรรรปู แบบกจิ กรรมดๆี ของเยาวชนบางกลมุ่ มาน�ำ เสนอ เช่น โปสการ์ดของกลุ่มเยาวชนจากลำ�ปาง อินโฟกราฟิกของกลุ่มเยาวชนแม่พริกฮักดี การแสดงของ เยาวชนจากประแส การแลกเปลี่ยนเมล็ดพันธุ์พืช และกิจกรรมสอยดาวเพ่ือระดมทุน โดยเยาวชน สามารถมสี ่วนร่วมด้วยการเข้าชมบธู ตา่ งๆ พรอ้ มสะสมแต้มจากการเขา้ ชมไวใ้ นสมุดโน้ต “เราคาดหวงั วา่ การนำ�เสนอรปู แบบและเทคนิคทน่ี ำ�ไปใชไ้ ด้จรงิ ไม่ใช่รปู แบบเดิมๆ ที่จะใหค้ นไป เดนิ ดนู ทิ รรศการทม่ี ขี อ้ มลู เยอะๆ เพราะเดย๋ี วนค้ี นไมอ่ า่ นกนั แลว้ การใชอ้ นิ โฟกราฟกิ หรอื การใชค้ �ำ ถาม เป็นวิธีสร้างการเรยี นรู้ท่ีดไี ด้ ซงึ่ พ่ีๆ จะรวู้ า่ กลุ่มไหนมีอะไรดีก็ชวนให้เอามาแชร์กัน” เปล้ิ บอก การจดั งานมหกรรม จงึ เปน็ ตวั อยา่ งของกระบวนการน�ำ เสนอขอ้ มลู ทแี่ ปลงเนอื้ หายากๆ ให้ เป็นเรอื่ งงา่ ยๆ หยิบจับไปใช้ได้จรงิ ตรงประเด็น ตอบโจทยโ์ ดยไมต่ อ้ งบรรยาย แตผ่ า่ นกจิ กรรม หลากหลาย ใหผ้ เู้ ขา้ รว่ มไดเ้ รียนรูอ้ ย่างสนกุ สนาน

30 เมือ่ ถงึ วันสดุ ทา้ ยของคา่ ย เป็นการขมวดการประเมนิ เสริมพลงั ที่เม่อื ไดเ้ ห็นบทเรียนความส�ำ เร็จ และไม่สำ�เร็จ คือการคิดต่อว่าถ้าจะทำ�กิจกรรมแบบเดิมจะปรับอะไรใหม่อย่างไร โดยลดรูปแบบลง เหลอื เพยี งใหเ้ ยาวชนแตล่ ะกลมุ่ สงั เคราะหบ์ ทเรยี นการท�ำ งานของตนเองวา่ ถา้ จะท�ำ ใหมอ่ กี ครง้ั มสี ง่ิ ใด ทคี่ วรท�ำ (Do) มสี ่งิ ใดไมค่ วรท�ำ (Don’t) เปน็ การขมวดความรใู้ นท้ายท่สี ดุ วา่ บทเรยี นจากการท�ำ เรื่อง สงิ่ แวดล้อมสามารถน�ำ ไปใช้ในชีวิตประจ�ำ วนั ได้ ในชว่ งทา้ ยสดุ ทมี งานใหเ้ ยาวชนแตล่ ะคนสรปุ บทเรยี นในมติ คิ ณุ คา่ ของการท�ำ งานโครงการ ท่ีมีตอ่ ตนเองและชุมชน ในกิจกรรมโล่ชวี ติ ซงึ่ มคี �ำ ถาม 4 ขอ้ ใหต้ อบไว้ในช่องค�ำ ตอบแต่ละช่อง ดังน้ี กอ่ นเรม่ิ โครงการ ระหวา่ งท�ำ โครงการ โครงการทท่ี ำ� เมอ่ื จบโครงการแล้ว ตวั เองเปน็ อยา่ งไร มอี ารมณ์ ความรสู้ กึ เกิดผลสำ�เร็จอะไรบา้ ง เหน็ ว่าตนเอง อยา่ งไร เจอปญั หา ตอ่ ตนเอง ตอ่ ชมุ ชน มีนิสัยอยา่ งไร เปลยี่ นแปลงอยา่ งไร มีวธิ ีคิดอยา่ งไร อปุ สรรคอยา่ งไร และตอ่ สิ่งแวดล้อม ได้เรยี นรอู้ ะไรบา้ ง ทง้ั น้ี ค�ำ ตอบบนโลช่ วี ติ ของเยาวชนแตล่ ะคน จะสะทอ้ นการเรยี นรู้ การเปลย่ี นแปลงทเ่ี กดิ ขน้ึ จากการทำ�โครงการ โดยมีคำ�ตอบท่ีน่าสนใจ เช่น เยาวชนรู้สึกกล้าคิดมากข้ึน มีความคิดท่ี เปน็ เหตเุ ป็นผลมากข้ึนจากกระบวนการทำ�งานท่ีเป็นขั้นเป็นตอน ซ่ึงเป็นผลจากการได้ลองคิด และลงมือทำ�ดว้ ยตนเอง

31 บทเรียนของ Coaching การหนุนเสริมการพัฒนาศักยภาพของเยาวชน ที่เป็นเป้าหมายของการทำ�งานโครงการ ปลูกใจรักษ์โลก มีร่องรอยของความสำ�เร็จเร่ืองการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมด้านส่ิงแวดล้อม ในชีวิตประจำ�วันของเยาวชน เช่น ไม่ท้ิงขยะเรี่ยราด ปิดไฟเม่ือไม่ใช้ ใช้นำ้�อย่างรู้คุณค่า ฯลฯ แม้จะเปน็ พฤติกรรมเล็กๆ แตล่ ้วนเกดิ ขนึ้ จากการมจี ิตสำ�นึก และการเตบิ โตภายในของเยาวชน ท่ีรู้ตัว รู้ตน รู้เท่าทันอารมณ์ความรู้สึกของตนเอง คิดเป็น สร้างสรรค์ได้อย่างสอดคล้องกับ สภาพบรบิ ท ลว้ นเปน็ ผลอันนา่ ช่ืนใจ แต่กระนน้ั ทีมงานยอมรบั วา่ ยังมีงานบางส่วนท่ยี งั ไปไมถ่ ึง เป้าทีอ่ ยากเหน็ การท�ำ งานกบั พเ่ี ลย้ี งหรอื ทป่ี รกึ ษาโครงการในพน้ื ท่ี ซง่ึ เปน็ กลไกส�ำ คญั ในการหนนุ เสรมิ เยาวชน คอื สว่ นทที่ มี งานทกุ คนเหน็ ตรงกนั วา่ ยงั ท�ำ ไดไ้ มด่ ี บทบาทการเปน็ โคชทเ่ี ฝา้ มอง ประคบั ประคอง เปดิ โอกาสให้เยาวชนได้ลงมอื คิดเอง ทำ�เอง จึงยังไมเ่ กดิ ขน้ึ โดยสมบรู ณ์ทกุ พืน้ ท่ี การท�ำ งานกบั เยาวชนทอ่ี ยทู่ า่ มกลางภารกจิ และความคาดหวงั ของตนเอง ผปู้ กครอง ครู โรงเรยี น กเ็ ปน็ สง่ิ ทยี่ ากเกนิ กวา่ จะเขา้ ไปชว่ ยจดั การชวี ติ นอ้ งๆ ได้ ทง้ั นท้ี มี งานยอมรบั วา่ เงอ่ื นไขทเ่ี ดก็ เยาวชน ไมไ่ ดอ้ ยากท�ำ โครงการตง้ั แตแ่ รก แตเ่ ขา้ มาเพราะครคู ดั เลอื กคนเกง่ ของโรงเรยี น เปน็ เงอ่ื นไขส�ำ คญั ที่ท�ำ ให้เด็กๆ ไมส่ ามารถแบ่งเวลาได้ “เดก็ เขากจ็ ดั ล�ำ ดบั ความส�ำ คญั ของชวี ติ วา่ อะไรส�ำ คญั เขากพ็ ยายามหาจดุ ทล่ี งตวั บางคนไดม้ าฝกึ เขาก็ฝึกเต็มที่ บางคนก็แค่เข้ามาร่วมเท่าน้ัน การทำ�งานกับเด็กจึงต้องมีจังหวะ ไม่ใช่ใส่ปุ๊ปได้ป๊ับ มันตอ้ งทำ�ซ้�ำ ๆ ย้ำ�ๆ รอ ทบทวน ท�ำ แล้วทำ�ซ�ำ้ อีก ไมไ่ ดใ้ ส่ครั้งที่ 1 ครัง้ ท่ี 2 แล้วมนั เกดิ และตอ้ งมี กระบวนการตรวจสอบดว้ ยวา่ หากน้องยงั ไมไ่ ด้ ก็ต้องมีวิธกี ารใสใ่ หม่ รอจงั หวะ รอเวลา” ทมี งาน เลา่ สง่ิ ทท่ี มี งานทกุ คนยนื ยนั ทง้ิ ทา้ ยเปน็ หมายเหตสุ �ำ คญั ในการท�ำ งานกบั เดก็ และเยาวชนคอื การท�ำ งาน กบั เดก็ ตอ้ งเขา้ ใจเดก็ ตอ้ งสงั เกตพฤตกิ รรมการเรยี นรขู้ องเขาตลอดการเรยี นรู้ ขอใหจ้ บั จอ้ งทก่ี าร เรียนรู้ของเดก็ วิธีพดู วธิ คี ดิ ของเดก็ แลว้ วเิ คราะหใ์ ห้เขา้ ใจ แล้วจะหาวิธีการเขา้ ถงึ พวกเขาได้ ซ่งึ เรือ่ งเช่นน้ีไม่สามารถใชท้ ฤษฎใี ดๆ มากำ�กับ แตต่ ้องใชใ้ จนำ�ทาง ทมี งานทเ่ี ปน็ เครอื ขา่ ยจากหลายภาคี แตล่ ะคนน�ำ ความรู้ ความคดิ ประสบการณ์ และเครอ่ื งมอื มาร่วมดว้ ยช่วยกนั เพราะมีเปา้ หมายเดียวกนั คอื การพัฒนาเดก็ และเยาวชน เป็นตัวหลอมรวม ความแตกต่างให้ผสมกลมกลืน มิตรภาพจากการทำ�งานร่วมกันคือคุณค่าที่เป็นเอกลักษณ์การ ทำ�งานของทีม ณ วันนห้ี น่อออ่ นของคนทป่ี ลกู ไว้ เพ่ือหวังใจว่าเขาจะเติบโตไปดแู ลสงิ่ แวดลอ้ ม ไดห้ ยง่ั ราก และปรากฏผลแลว้ ในบางพน้ื ท่ี หนอ่ ออ่ นทพ่ี รอ้ มจะเตบิ โตยงั คงจะไดร้ บั การหนนุ เสรมิ จากพี่ๆ ทีมงาน แมว้ า่ จะส้นิ สุดโครงการไปแล้ว เพราะสายใจทถ่ี กั ทอไดก้ ลายเป็นความผกู พนั ที่ เชอ่ื งโยงระหวา่ งกนั ใหต้ อ่ เน่อื งไปตราบนานเทา่ นาน

32 ทมี งานเจ้าหน้าท่ีโครงการปลกู ใจรกั ษ์โลก รตั นติกา เพชรทองมา ลดั ดา วไิ ลศรี จรยิ า ตาทบิ ภาคเี ครือข่าย กลมุ่ นกั วชิ าการอิสระ กลุ่มไมข้ ดี ไฟ วรรณา เลิศวจิ ิตรจรสั สุมณฑา ปลม้ื สูงเนิน ไพลิน กล้าจริง ศรัทธา ปลมื้ สูงเนิน กลมุ่ หุ่นไลก่ า กล่มุ ทำ�ดมี ะ พงศกร เถาทอง ชุตมิ า เรืองแก้วมณี ว่าที่ รต. สุทธิลักษณ์ หนองแก้ว นันทน์ ภสั วชิระสมบรู ณ์ มณิสรา แสงประสงค์ สมาคมป่าชมุ ชนอีสาน ศูนยว์ นศาสตร์ชมุ ชนเพอื่ คนกับป่า เกษณี ซ่ือรัมย ์ ประเทศไทย สุภาภรณ์ ปนั วารี

33

34

35 การอนุรักษ์ และฟื้นฟปู า่

36

37 เพราะ “ปา่ ” คอื “บา้ น” โครงการฮอมแฮงฮักป่าซาง

38 บา้ นปา่ ซาง อ�ำ เภอแมจ่ นั จงั หวดั เชยี งราย ยงั มคี วามอดุ มสมบรู ณข์ องทรพั ยากรธรรมชาตอิ ยมู่ าก เห็นได้จาก “ป่าชุมชน” ท่ีชาวบ้านมีการแบ่งการจัดการออกเป็น 3 ป่า ได้แก่ ป่าแพะ ป่าปง และ ปา่ อา่ ง แมจ้ ะมปี า่ มาก แตค่ นกเ็ ขา้ ไปหาประโยชนจ์ ากปา่ มากตามไปดว้ ย ทง้ั หาของปา่ ตดั ตน้ ไม้ จนถงึ ถางพืน้ ทป่ี า่ แมจ้ ะมกี ฎคุม้ ครองป่า แต่เพราะไม่ไดบ้ งั คับใชอ้ ยา่ งจริงจงั และไม่มผี รู้ ับผดิ ชอบรกั ษาป่า โดยตรง ป่าชุมชนบ้านป่าซางจึงค่อยๆ เสื่อมโทรมลง กระทั่งเยาวชนกลุ่มฟรีด้อมโปรเจ็กต์ซึ่งเป็น เยาวชนทท่ี �ำ งานรว่ มกบั มลู นธิ วิ ฒั นเสรี หนว่ ยงานตอ่ ตา้ นการคา้ มนษุ ย์ เหน็ ปญั หาเรอื่ งปา่ ในบา้ น ของตวั เองมาตลอด ได้รูจ้ กั กบั โครงการปลูกใจรกั ษ์โลกปีท่ี 2 จาก พ่ีแข-นงนุช จำ�ปารัตน์ เจา้ หน้าท่ี โครงการเดอะโซลดโ์ ปรเจก็ ต์ มลู นธิ วิ ฒั นเสรี จงึ ตดั สนิ ใจลกุ ขนึ้ มาดแู ลปา่ ดว้ ยการสรา้ งจติ ส�ำ นกึ แก่ ชมุ ชน ภายใตโ้ ครงการฮอมแฮงฮกั ปา่ ซาง อนั หมายถงึ “รว่ มแรงรกั ปา่ ซาง” หรอื รว่ มแรงรกั ษาบา้ น ของพวกเขานัน่ เอง พแ่ี ขบอกวา่ เหน็ วา่ โครงการปลกู ใจรกั ษโ์ ลกนา่ สนใจ และเคยท�ำ งานรว่ มกบั เดก็ ๆ ในชมุ ชนนอ้ี ยแู่ ลว้ เห็นเดก็ ๆ ที่นี่ไม่ค่อยผูกพนั กบั ปา่ คดิ วา่ โครงการน้นี ่าจะทำ�ให้เขาเหน็ ความส�ำ คญั ของป่าที่บา้ น ตัวเองมากข้ึน อีกอย่างเราไม่ใช่คนพ้ืนที่นี้ ก็เลยอยากรู้จักสภาพแวดล้อมของชุมชนด้วย โดยเรียนรู้ ไปพรอ้ มเด็กๆ ดรีม-จุฑามาศ นาลยั หนงึ่ ในแกนนำ�เยาวชนทเ่ี ข้ารว่ มโครงการตัง้ แต่ปที ่ี 2 บอกว่า เธอเหน็ ว่า ป่าทบ่ี า้ นของตัวเองค่อยๆ ลดลง จึงอยากท�ำ อะไรสักอย่าง เมอ่ื พ่แี ขมาชวน เธอและเพอ่ื นอกี 2 คน คอื แคท-อังคณา หม่นื แก้ว และแจง-สธุ ณิ ี ละราธิ จงึ ตอบตกลง

39 “ไดร้ กั ษาปา่ ทบ่ี า้ นตวั เอง และไดใ้ ชเ้ วลาวา่ งมา กลับมาสอบถามชื่อและสรรพคุณทางยาจากอุ้ยหวัง ท�ำ ประโยชนเ์ พอื่ สงั คม” คอื เหตผุ ลทที่ �ำ ใหก้ ลมุ่ เยาวชน ผเู้ ฒา่ ผู้แกใ่ นหมบู่ ้าน ไม่ลงั เลท่จี ะเข้ามาทำ�โครงการ จากนน้ั น�ำ ใบไมเ้ หลา่ นน้ั ไปสตาฟฟเ์ กบ็ เปน็ ฐานขอ้ มลู กิจกรรมทำ� เพ่ือป่า แตก่ พ็ บปญั หาเมอ่ื ใบไมท้ ง้ั หมดถกู เจา้ หนา้ ทด่ี แู ลมลู นธิ ฯิ เก็บทิ้ง กลุ่มเยาวชนจึงแก้ปัญหาด้วยการพิมพ์ข้อมูลท่ี เน่ืองจากป่าชุมชนบ้านป่าซางมีถึง 3 แห่ง ได้ใส่กระดาษและรวมเป็นเล่มแทน จำ�นวนพืชพรรณ กลุ่มเยาวชนจึงเริ่มต้นทำ�งานด้วยการเลือกพื้นท่ี ท่ีพบทั้งหมดแบ่งเป็นสมุนไพร 10 ชนิด ต้นไม้ 43 ทำ�โครงการที่ “ปา่ ปง” ซ่ึงเสื่อมโทรมมากที่สดุ และ ชนดิ มี 112 ตน้ เปน็ ตน้ ไมใ้ หญ่ เหตผุ ลทตี่ อ้ งรจู้ �ำ นวน เดินทางไปทำ�กิจกรรมได้สะดวก โดยปีนี้ทีมงาน ต้นไม้แบบละเอียด ก็เพ่ือนำ�ไปเปรียบเทียบกับ เพิ่มกิจกรรมหลายอย่าง บางกิจกรรมก็ต่อยอดจาก จำ�นวนตน้ ไม้ในอดตี กิจกรรมเดมิ บางกิจกรรมคิดขน้ึ ใหม่ และบางกจิ กรรม ก็ใช้ทุนเดิมของชุมชน แต่ “เป้าหมาย” การทำ�งาน เมอ่ื ไดจ้ �ำ นวนตน้ ไมแ้ ลว้ กลมุ่ เยาวชนยงั จดั กจิ กรรม เพิ่มขึ้นคือ ต้องการสร้างความเข้มแข็งในการทำ� “สำ�รวจครัวเรือน” ซ่ึงก็คือการสำ�รวจข้อมูลการใช้ โครงการใหแ้ กนน�ำ เยาวชนชดุ ปจั จบุ นั จ�ำ นวน 10 คน ประโยชน์จากป่าของครัวเรอื นต่างๆ จากนน้ั นำ�ข้อมลู และหาแนวร่วมเพิม่ อีก 10 คน ท่เี หน็ ประโยชน์และ ทไ่ี ด้ไปวิเคราะหแ์ ละประมวลผล เพ่อื “คนื ข้อมูลให้ ความส�ำ คัญของปา่ ชมุ ชน” รบั รวู้ า่ ตวั เองใชป้ ระโยชนจ์ ากปา่ ไหนมากทส่ี ดุ เพ่ือช้ีให้เห็นถึงผลกระทบด้านรายได้ และแหล่ง เม่ือทีมพร้อม เป้าหมายพร้อม กิจกรรมพร้อม อาหารเม่ือปริมาณต้นไม้ในป่าลดลง โดยใช้กลุ่ม การท�ำ โครงการจงึ เรมิ่ ขน้ึ ซง่ึ กจิ กรรมแรกของนอ้ งๆ เปน็ ตวั อยา่ ง 100 หลงั คาเรอื น ไดร้ ายไดเ้ ฉลยี่ 200 กวา่ บาท กิจกรรมประจำ�ปีของชุมชน คือ “วอล์คแรลล่ี” โดย ตอ่ 1 คร้งั ต่อ 1 ครวั เรือนที่เข้าไปเกบ็ ของป่า ซ่ึงกลุม่ พวกเขาได้เข้าไปร่วมจัดฐานการเรียนรู้ป่าดงพงพี เยาวชนบอกวา่ จากการสอบถามผปู้ กครอง จ�ำ นวนเงนิ ให้ชาวบ้านเรียนรู้พืชพรรณในป่า และถือเป็นการ ดังกล่าวลดลงกว่าครึ่งท่ีเคยได้ แสดงว่าของป่าอาจมี เปิดตวั ทมี งานให้เปน็ ท่ีรจู้ ักของชมุ ชน จ�ำ นวนลดลง หลังวอล์คแรลลี่ผ่านไป ทีมงานได้ทำ�กิจกรรม เรยี นรคู้ ณุ คา่ และความหมายของปา่ “ผา้ มดั ยอ้ ม” เนอ่ื งจากตอ้ งการน�ำ ความรดู้ า้ นสธี รรมชาติ ท่เี คยศกึ ษาไวใ้ นปี 2 มาต่อยอด จากน้ันจงึ เดินหน้าทำ� เมอื่ ขอ้ มลู เรอื่ งปา่ พรอ้ ม กลมุ่ เยาวชนจงึ เดนิ หนา้ กจิ กรรม “สำ�รวจป่ารว่ มกบั ผ้รู ู้” เพ่อื เตรียมตวั จัดคา่ ย จดั กจิ กรรม “เปดิ พน้ื ทป่ี า่ เรยี นร”ู้ ซง่ึ เปน็ คา่ ยทช่ี กั ชวน ให้น้องๆ ในหมู่บ้านกับกิจกรรมสำ�คัญ “เปิดพ้ืนที่ เดก็ ๆ ในหมบู่ า้ นเดนิ ขน้ึ ดอย ระหวา่ งทางหากเจอผกั ป่าเรยี นรู้” และการคนื ข้อมูลแกช่ ุมชนต่อไป ชนดิ ไหนกเ็ กบ็ กลบั มาประกอบอาหาร และตอบค�ำ ถาม ในใบงานเก่ียวกับพชื ในป่า ท้งั หมดน้กี เ็ พ่ือให้เด็กๆ แมเ้ คยส�ำ รวจปา่ แลว้ ในปที ี่ 2 แตเ่ มอ่ื จะท�ำ กจิ กรรม รู้จักและเห็นความสำ�คัญของป่ามากข้ึน โดยกลุ่ม ในปที ่ี 3 กต็ อ้ งส�ำ รวจอกี เนอื่ งจากทำ�กิจกรรมคนละฤดู เยาวชนได้ขอความช่วยเหลือจาก พ่ีต้อย-วรรณภา ย่อมมีพืชพรรณท่ีต่างกัน คร้ังแรกพวกเขาสำ�รวจแค่ เชื้อเมอื งพาน และ ลงุ ชดั ทิพย์สุภา ปราชญช์ าวบา้ น ไม้ใหญ่และไผ่ รอบนี้จึงคิดสำ�รวจสมุนไพรและผักเพิ่ม พาเดนิ ส�ำ รวจปา่ และใหค้ วามรเู้ รอ่ื งปา่ ความออ่ นนอ้ ม เพราะชาวบ้านนิยมนำ�ไปใช้ประโยชน์ ซึ่งวิธีการเก็บ ในการเข้าหาผู้ใหญ่ และการเห็นคุณค่าภูมิปัญญา ความรู้จากป่าก็ไม่ยาก น้องๆ ใช้วิธีเด็ดตัวอย่างใบไม้

40 ชาวบา้ นของเดก็ ๆ ท�ำ ให้พตี่ อ้ ยเกดิ ความเอน็ ดู พร้อมจะสนับสนนุ การทำ�งานของพวกเขาอยา่ ง เต็มที่ หยก-ขตั ยิ าภรณ์ ถงุ แกว้ บอกถงึ ผลตอบรบั จากกจิ กรรมนวี้ า่ “เดก็ ๆ ในหมบู่ า้ นไดร้ จู้ กั กบั ปา่ ท�ำ ให้ บางคนสนใจมาชว่ ยกลมุ่ ของพวกเราท�ำ กจิ กรรม และอยากมาท�ำ อกี แตค่ งตอ้ งเปลย่ี นพนื้ ท่ี เพราะดอย ชันเกินไป เดินคอ่ นข้างยาก” เมอ่ื ใกลจ้ บโครงการ กลมุ่ เยาวชนสรปุ ผลการท�ำ งาน โดยน�ำ ขอ้ มลู ทไ่ี ดส้ �ำ รวจมาเผยแพรใ่ น กิจกรรม “คืนข้อมูลให้ชุมชน” ซ่ึงในวันน้ันกลุ่มเยาวชนบอกว่า มีท้ังชาวบ้านที่เห็นด้วยและ สนับสนนุ เรอื่ งการรกั ษาพ้ืนท่ีป่า และมบี างส่วนทมี่ องไม่เหน็ ความจ�ำ เป็นทตี่ ้องรกั ษาพ้ืนทปี่ า่ ส�ำ หรบั กจิ กรรมสง่ ทา้ ยของกลมุ่ ฟรดี อ้ มโปรเจก็ ตค์ อื “จดั นทิ รรศการ” เพอ่ื สง่ มอบความรสู้ สู่ าธารณะ โดยจัดเป็นนิทรรศการประมวลภาพกิจกรรม และสรุปความรู้ไว้ในห้องสมุดของมูลนิธิฯ ดรีมเล่าว่า “ทเ่ี ลอื กตง้ั ไวใ้ นหอ้ งสมดุ เพราะทกุ วนั เสารเ์ มอื่ มเี ดก็ มาท�ำ กจิ กรรม เขาจะไดอ้ า่ นและเลน่ เกมตอ่ จก๊ิ ซอว์ รูปกิจกรรม ซึ่งก็มีนอ้ งสนใจและมาถามว่า พ่ีดรมี นรี่ ปู ปา่ บ้านเราหรอ พวกเราจงึ ตั้งใจจดั นิทรรศการนี้ ไปเรื่อยๆ” บทเรียนจากป่า กวา่ จะถงึ ปลายทางของโครงการ เยาวชนกลมุ่ ฟรดี อ้ มโปรเจก็ ตส์ ะทอ้ นปญั หาเปน็ เสยี งเดยี วกนั วา่ บทเรียนส�ำ คญั ของการท�ำ งานเปน็ ทมี คือ “การประชุม” ดรมี ในฐานะหวั หนา้ ทมี ยอมรบั วา่ เธอเรยี กประชมุ แบบกระชน้ั ชดิ มากเกนิ ไป พอไดร้ บั ค�ำ แนะน�ำ จากพ่ีแขก็อยากพูดคุยทันที จึงนัดเพื่อนผ่านเฟซบุ๊ก คนท่ีไม่ได้เล่นเฟซบุ๊กตอนน้ันก็จะไม่ได้มา หรือ บางคร้ังนัดกันล่วงหน้าแล้วถ้าเพือ่ นลืมหรือติดกจิ กรรมทโี่ รงเรยี นก็มาไม่ได้ พอมาไมค่ รบ เวลาทำ�งาน ดว้ ยกนั จงึ มีปัญหา ปัญหาที่ดรีมกล่าวถึงคือ การประสานงานกับองค์กรภายนอก แต่ที่เป็นปัญหามากท่ีสุดคือ ความไม่เข้าใจระบบการทำ�งานของทีมงาน และการทำ�งานทับซ้อนหน้าท่ีกับเพื่อน แต่ทุกคน ยอมรับว่า การทำ�งานในโครงการนี้เป็นแบบฝึกหัดบทแรกที่จำ�ลองการทำ�งานและการปรับตัว ใหเ้ ขา้ กบั สงั คมในอนาคตของพวกเขา ขอ้ ผดิ พลาดตา่ งๆ ทเี่ กดิ ขน้ึ จงึ เปน็ ขอ้ ดที ที่ �ำ ใหพ้ วกเขาได้ เรยี นรแู้ ละเปล่ียนแปลงตวั เอง ขณะที่ เหรียญ-กรณิกา นวลคำ� กล่าวตรงไปตรงมาว่า โครงการน้ีเปล่ียนแปลงตัวเธอชนิดท่ี เรยี กวา่ “ฟา้ กับเหว” “เมอ่ื กอ่ น หนไู มค่ อ่ ยอยกู่ บั คนอน่ื ชอบอยแู่ ตใ่ นบา้ น ไมค่ อ่ ยเสนอความคดิ เหน็ ไมก่ ลา้ ทว้ งคนอน่ื แตพ่ อเขา้ โครงการกม็ มี มุ มองทส่ี มเหตสุ มผลมากขน้ึ กลา้ คยุ กบั คนทไ่ี มส่ นทิ กลา้ แสดงความคดิ เหน็ ตอนท่ฟี งั คนอนื่ พูดแลว้ ไม่ค่อยถกู ใจ รอคนอื่นพูดเท่าไรกย็ ังไมเ่ ข้าประเด็น หนูทนไมไ่ หวจนต้องลุกข้นึ พดู เอง ทำ�ให้หลงั จากนั้นหนกู ลา้ แสดงความคิดเห็น กล้าท้วงคนอ่นื ”

41

42 อกี หนง่ึ สาวนอ้ ยทย่ี นื ยนั หนกั แนน่ ถงึ ความเปลย่ี นแปลงของตวั เองหลงั เขา้ มา ท�ำ โครงการคอื ออย-พชั รดา ใจดี ท่ีบอกวา่ เมอ่ื ก่อนเวลาตอ้ งพูดในวงประชมุ เธอจะรอ้ งไห้เสมอ เพราะร้สู ึกไมก่ ล้า ทวา่ เมอ่ื ลองค่อยๆ แสดงความคดิ เหน็ ไปเรือ่ ยๆ ท�ำ ใหเ้ ธอกล้ามากขึ้น และกล้าออกมาเป็นผนู้ �ำ ในอกี หลายเรื่อง กระทั่งตอนน้ีเธอกล้าก้าวข้นึ สู่การเป็นประธานนกั เรยี นของโรงเรยี นแลว้ สว่ นอกี 2 สาว ไอซ์-อรสิ รา สุดา และ แหมม่ -สพุ ัตรา เชือ้ เมอื งพาน ทจี่ บั พลดั จบั ผลมู ารว่ มทมี ตามค�ำ ชวนของพๆ่ี อยา่ งไมต่ งั้ ใจ กไ็ ดพ้ บความมงุ่ มน่ั ตอ่ การรบั ผดิ ชอบหน้าท่ที ไี่ ด้รับมอบหมายของแต่ละกิจกรรมภายในตวั เอง ส�ำ หรับ ซิกก้ี-ปิยะธดิ า ตงุ คบรุ ี เล่าใหฟ้ งั อย่างภาคภูมิใจว่า เธอกลา้ แสดง ความคิดเห็น กล้าพูด กล้าทำ�มากขึ้น แถมที่บ้านยังสนับสนุนให้ทำ�โครงการ เพราะเห็นวา่ มปี ระโยชน์จรงิ ๆ ขณะทห่ี ยก เสรมิ ถงึ ประโยชนข์ องโครงการปลกู ใจรกั ษโ์ ลกวา่ การเขา้ คา่ ย แต่ละครั้ง เธอจะได้แนวคิดจากทีมพ่ีเลี้ยงท่ีคาดไม่ถึงกลับไปด้วย พอไป ทำ�กิจกรรมท่ีโรงเรียน เธอจึงมีความคิดที่ต่างจากคนอื่น ซึ่งช่วยแก้ปัญหา ได้ดขี นึ้ ส�ำ หรับดรมี ทตี่ ้องท�ำ หนา้ ที่ทง้ั หวั หนา้ ทมี และนักเรียนชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 6 ท่ตี ้องเตรียมสอบเข้าเรยี นตอ่ มหาวิทยาลัย บอกว่า เธอรสู้ กึ กดดันและเครียด มากที่ตอ้ งรบั ภาระพรอ้ มกนั แตเ่ ธอก็เลือกจะไม่ท้งิ ทางใดทางหน่ึง เพราะ นี่คือความรับผิดชอบ “เวลาท�ำ งานหนพู ยายามทมุ่ เททกุ อยา่ ง พยายามมาเชา้ กวา่ นอ้ ง เพอ่ื ให้ เขาเห็นเปน็ ตัวอย่าง เพราะการท�ำ งานเปน็ ทีมเหมอื นกบั รถแข่ง ตอ้ งมี 4 ลอ้ ถ้าขาดล้อใดล้อหนงึ่ ไป กไ็ ม่สามารถไปตอ่ ได้ ตวั หนูคอื ล้อหน้า ซึ่งมหี น้าที่ตอ้ ง น�ำ พาทีมไปสู่เปา้ หมายท่ีตัง้ ไวใ้ หไ้ ด”้ พแ่ี ข สรปุ ทงิ้ ทา้ ยถงึ ความเปลีย่ นแปลงในระยะเวลา 2 ปี ของกลุม่ ฟรีดอ้ ม โปรเจ็กต์ว่า จากปีแรกท่ีเธอต้องลงมือทำ�ให้เด็กๆ ดูเป็นตัวอย่าง มาปีนี้เธอ สามารถปล่อยให้เด็กๆ ลงมือทำ�เองได้ และวางบทบาทของตัวเองไว้เป็นแค่ ที่ปรึกษา เธอจึงเหน็ ความเปลี่ยนแปลงในตวั เด็กๆ มากขึน้ “น้องๆ กลา้ คดิ กล้าท�ำ มากขน้ึ เพราะไมค่ อ่ ยได้ทำ�กิจกรรม น่จี ึงเป็น กจิ กรรมแรกทเ่ี ขาไดเ้ จอเพอ่ื นๆ จากทอ่ี น่ื นอกจากเพอ่ื นในหมบู่ า้ น เหน็ ชดั วา่ พวกเขารู้จักเสียสละเพื่อสว่ นรวม จากแต่ก่อนคิดแตเ่ รอื่ งเรียนและเรอื่ ง ของตัวเอง ตอนนี้คิดเรื่องของหมู่บ้าน เรื่องชุมชนมากข้ึน คิดได้เองโดย ไม่ต้องรอเราบอกให้ท�ำ อะไรอกี แลว้ ”

43 โครงการฮอมแฮงฮกั ป่าซาง ทป่ี รึกษาโครงการ นงนุช จ�ำปารตั น์ ทมี งาน กรณกิ า นวลค�ำ จฑุ ามาศ นาลัย ขัตยิ าภรณ์ ถุงแกว้ ปิยะธดิ า ตุงคบรุ ี อรสิ รา สุดา พัชรดา ใจดี สุพัตรา เช้ือเมอื งพาน

44

45 ต่อกลา้ ...ตอ่ ชีวติ โครงการคนื ตน้ กล้าใหผ้ นื ป่ามอ่ นต้นลาน

46 “ตอ่ ใหค้ นตดั ปา่ ไปครง้ั ละเปน็ รอ้ ยตน้ แตส่ องมอื ปลกู ไดท้ ลี ะตน้ กต็ อ้ งท�ำ ...ทอ้ แตก่ ไ็ มถ่ อย” คอื เสยี งสะทอ้ นทก่ี อ้ งอยใู่ นใจของเยาวชนกลมุ่ หนงึ่ แหง่ ชมุ ชนบา้ นสาแพะ อ�ำ เภอแจห้ ม่ จงั หวดั ล�ำ ปาง ตามรอยพระนักพัฒนาข้ึนไปทางตอนเหนือของประเทศไทยในชุมชนเล็กๆ แห่งหน่ึง พื้นที่ราว 60 ไร่ของปา่ มอ่ นตน้ ลาน ตำ�บลสาแพะ อำ�เภอแจห้ ม่ จังหวดั ล�ำ ปาง กม็ ีสภาพไมต่ า่ งจากป่าทอี่ นื่ ๆ จากป่าไม้หนาทบึ ทเี่ คยอดุ มสมบรู ณด์ ้วยพรรณไมน้ านาชนดิ กลับถกู คนในชมุ ชนและคนนอกพืน้ ที่ตัด ไปใชป้ ระโยชน์จนรอ่ ยหรอ เมอ่ื ความแห้งแล้งมาเยือน วิถชี ีวติ แบบเกษตรกรรมตอ้ งหยุดชะงกั ตามมา ด้วยปัญหาไฟไหม้ป่าทงั้ จากความสะเพร่าของคนและธรรมชาติ ป่าชุมชนต�ำ บลสาแพะมีอยู่ 2 แห่ง ไดแ้ ก่ ปา่ มอ่ นตน้ ลาน และป่าสาสบหก อาจจะเป็นโชคดขี อง ชมุ ชนบา้ นสาแพะทม่ี ี พระครูสันตพิ นารกั ษ์ พระนักพฒั นา เจ้าอาวาสวัดสาแพะ เปน็ ตัวอยา่ งให้ คนในชุมชน รวมถึงเด็กและเยาวชนเห็นถึงความพยายามในการฟื้นฟูและรักษาป่าชุมชนให้คงอยู่ ถงึ แมป้ า่ ทง้ั สองจะอยคู่ นละฝากฝง่ั ของต�ำ บล แตเ่ พราะปา่ ชมุ ชนเปน็ ของทกุ คน พระครจู งึ ลงมอื ปลกู ปา่ และจัดพิธีกรรมบวชปา่ ทงั้ 2 แห่งตอ่ เน่ืองมานานนบั สบิ ปี แมว้ ่าแรงคนปลูก...จะไม่เร็วเท่าแรงคนตัด ก็ตาม มาส-วัชระพงษ์ สุขพรรณ์ ประธานกลุ่มเยาวชนฮักบ้านเกิด บอกว่า เขามักได้ยินพระครู เทศนธ์ รรมและอบรมใหค้ วามรเู้ รอื่ งปา่ แกส่ าธชุ นในวนั ส�ำ คญั ทางศาสนาอยเู่ สมอ พระครสู นั ตพิ นารกั ษ์ จงึ เปน็ เสมอื นแรงผลกั ดนั ใหก้ ลมุ่ เยาวชนกา้ วขน้ึ มารบั ผดิ ชอบ โครงการคนื ตน้ กลา้ ใหผ้ นื ปา่ มอ่ นตน้ ลาน ด้วยตวั เอง เพราะอยากชว่ ยแบง่ เบาภาระของท่าน

47 “โครงการคนื ตน้ กลา้ ใหผ้ ืนป่าม่อนต้นลาน มเี ป้าหมายเพ่ือส่งเสริมให้เด็กและ เยาวชนในชมุ ชนเรียนรปู้ ระโยชนข์ องป่าและเขา้ ใจถึงคณุ ค่าของทรพั ยากร ธรรมชาติ รวมทง้ั เพ่ือส่งสารตอ่ ใหค้ นในชมุ ชนเขา้ ใจสภาพปัญหาป่าชมุ ชน ในปัจจุบัน แล้วหันมารว่ มมือกันอนรุ กั ษ์และดูแลป่าให้คงอยู่ กอ่ นท่จี ะสายเกินไป” “ตง้ั แตจ่ �ำ ความไดเ้ วลาพอ่ แมพ่ าไปวดั กไ็ ดฟ้ งั พระครู รว่ มมอื กนั อนรุ กั ษแ์ ละดแู ลปา่ ใหค้ งอยู่ กอ่ นทจี่ ะสาย พูดถึงป่าให้ญาติโยมฟังมาตลอด หลายคร้ังพระครู เกนิ ไป เอย่ ปากชวนพวกเราไปรว่ มกจิ กรรมบวชปา่ เรอื่ งปา่ เลย กลายเป็นสำ�นึกท่ีติดตัวมาโดยไม่รู้ตัว พอมีโครงการ ในฐานะประธานกลุ่ม มาสให้เหตุผลที่เลือกป่า ปลูกใจรักษ์โลกที่เก่ียวกับการดูแลรักษาทรัพยากร ม่อนต้นลานเป็นจุดเร่ิมต้นในการทำ�โครงการ ทั้งที่เขา ธรรมชาติเข้ามา เราเลยท�ำ เพราะไหนๆ กท็ ำ�กจิ กรรม อาศัยอยู่ในหมู่บ้านที่ใกล้กับป่าสาสบหกมากกว่าว่า อนื่ ๆ ในชมุ ชนอยแู่ ล้ว ท�ำ อกี อยา่ งคงไมน่ า่ จะเปน็ อะไร ป่าม่อนต้นลานเป็นผืนป่าท่ีได้รับความสนใจท้ังจาก และคงไมม่ ีอะไรยาก” มาส กลา่ ว คนในและนอกชุมชนน้อยกว่าป่าสบหก เห็นได้จาก ปา่ แหง่ นมี้ บี รษิ ทั เอกชนเขา้ มาท�ำ กจิ กรรมเพอ่ื สงั คมและ สิ่งแวดล้อม เช่น การสร้างฝายและการรณรงค์ต่างๆ อยา่ งตอ่ เนอ่ื ง เลยอยากเปน็ สว่ นหนงึ่ ในการเขา้ มาดแู ล คิดเอง...ทำ� เอง และให้ความสนใจป่ามอ่ นตน้ ลานบ้าง การร่วมกิจกรรมที่ผู้ใหญ่คิดให้ทำ� กับเม่ือต้องคิด “ป่าของเรา คนในชุมชนควรชว่ ยกนั ดแู ลรักษา และทำ�ด้วยตัวเองต้ังแต่ต้นนั้นต่างกัน กลุ่มเยาวชน ไมใ่ ช่ต้ังตารอคอยใหค้ นอน่ื มาชว่ ยอยตู่ ลอด” ฮกั บา้ นเกดิ บอกวา่ ชว่ งเวลาปรบั ตวั ท�ำ งานในตอนแรก น้ันยากมาก เพราะพวกเขาไม่เคยทำ�โครงการท่ีต้องมี “ทีม” ต้องกา้ วไปพรอ้ มกนั การวางแผนระยะยาว และตอ้ งคดิ แบบมเี หตผุ ลประกอบ การทำ�กิจกรรมทุกข้ันตอนแบบนี้มาก่อน ทำ�ให้ขาด ดว้ ยเปน็ เดก็ ในชมุ ชนและเคยท�ำ กจิ กรรมเพอ่ื ชมุ ชน ความเข้าใจจนเกิดความกลัว เพราะปกติจะทำ�ตามที่ ด้วยกันมาก่อน การรวมกลุ่มทำ�งานน่าจะทำ�ได้ไม่ยาก พระครูบอก หรือท�ำ ตามที่ผู้ใหญ่คิดมนั กง็ า่ ย เพราะเรา แต่เมือ่ กลุม่ ไมเ่ ปน็ กลุ่ม...งานจงึ ไม่เดินหนา้ แคไ่ ปช่วยท�ำ แต่โครงการนต้ี ้องคิดเองตัง้ แต่ตน้ แลว้ ทำ� เองดว้ ย มันเลยยาก เพราะเราไม่มคี วามรู้ และไม่เคย กิจกรรมสำ�รวจป่าและสัมภาษณ์เก็บข้อมูลจาก ทำ�มาก่อน...ทำ�แล้วกลัวว่าต้องทำ�อะไรต่อ กลัวว่าจะ คนในชมุ ชนเปน็ งานแรกทีก่ ลมุ่ เยาวชนต้องท�ำ เรมิ่ จาก ทำ�ไม่ได้...แต่แปลกที่เมื่อได้ลงมือทำ�จริงๆ ความกลัว ท�ำ ความรูจ้ ักป่าดว้ ยการเขา้ ไปส�ำ รวจขอ้ มูลพนั ธ์ุไมแ้ ละ หายไปเลย ท�ำ ใหไ้ ด้เรยี นรู้ว่าท่กี ลวั เพราะยงั ไมไ่ ด้ท�ำ สัตว์ป่า แล้วเชื่อมโยงข้อมูลผืนป่าม่อนต้นลานในอดีต จากการสัมภาษณ์ผู้คนในชุมชน เพื่อให้เห็นภาพ โครงการคืนต้นกล้าให้ผืนป่าม่อนต้นลาน ความเปล่ียนแปลงจากอดีตมาจนถึงปัจจุบันให้ได้ มเี ปา้ หมายเพอื่ สง่ เสรมิ ใหเ้ ดก็ และเยาวชนในชมุ ชน มากท่ีสุด เรียนรู้ประโยชน์ของป่า และเข้าใจถึงคุณค่าของ ทรัพยากรธรรมชาติ รวมทั้งเพื่อส่งสารต่อให้คนใน การสำ�รวจป่าทำ�ให้ได้ข้อมูลสภาพความเป็นจริง ชมุ ชนเขา้ ใจสภาพปญั หาปา่ ชมุ ชนในปจั จบุ นั หนั มา ในปจั จบุ นั ยกตวั อยา่ งเชน่ ชนดิ พชื พนั ธไ์ุ ม้ ทงั้ ไมย้ นื ตน้ ไมพ้ ุ่ม ไมล้ ้มลกุ และพชื ผลท่กี นิ ได้ รวมถึงสัตว์ที่อาศยั อยใู่ นป่า

48 ส่วนการสัมภาษณ์ชาวบ้านด้วยการสอบถามถึงสภาพป่าและทรัพยากรธรรมชาติที่มีย้อนกลับไป ในช่วงหลายสิบปีท่ผี ่านมา เปน็ ขอ้ มลู อ้างองิ ซึง่ สามารถนำ�มาเปรียบเทยี บกบั สภาพป่าในขณะน้ีได้ 2 ปีในการท�ำ โครงการ ปีแรกเปน็ ปที ม่ี ีปัญหาดา้ นการจัดการเวลามากทส่ี ุด อุ้ม-กลุ ธดิ า ขยนั ดี เลา่ ว่า ในชว่ งตน้ ของการท�ำ โครงการ แต่ละคนไม่มคี วามรู้และความเขา้ ใจเกีย่ วกับการท�ำ โครงการ มากพอ ทำ�ให้ไม่สามารถจัดสรรเวลามาทำ�กิจกรรมอย่างพร้อมเพรียงกันได้ จนเกิดปัญหา เนอ่ื งจากเข้าใจข้ันตอนการทำ�งานไม่ตรงกัน มาส วเิ คราะห์ขอ้ ผิดพลาดของตัวเองจากการทำ�งานในปีแรกว่า เปน็ เพราะเขาไมม่ คี วามอดทน และใจรอ้ นเกนิ ไป ตอนนดั ไปส�ำ รวจปา่ นดั ๆ กนั แลว้ กม็ าสาย บางคนไมม่ า เลยตดั สนิ ใจเขา้ ไปส�ำ รวจ และทำ�ทุกอย่างเอง โดยไม่ปรึกษาและไม่รอใคร ทั้งที่ไม่มีความรู้เร่ืองป่าเลย คิดแค่ว่าในเม่ือนัดแล้ว ไมม่ ใี ครมา ไปเองคนเดียวก็ได้ ผลคือเขา้ ไปส�ำ รวจแล้วกลบั ออกมากไ็ ม่ไดข้ ้อมูลอะไร เพราะไม่รจู้ ะไป เก็บข้อมูลอะไร เขา้ ไปมว่ั ๆ เสียเวลาเปลา่ นอกจากนี้ เมื่อแกนนำ�เยาวชนแต่ละคนไม่มเี วลา คิดว่า “ท�ำ ใหเ้ สร็จๆ ไป” เปน็ อปุ สรรคทาง ความคดิ อกี อยา่ งหนงึ่ ทเ่ี ขา้ มาขดั ขวางการท�ำ งาน ยกตวั อยา่ งการท�ำ โครงการปแี รก ทง้ั ทพี่ วกเขาวางแผน ลงพื้นที่พูดคุยกับชาวบ้านด้วยตัวเอง แต่เพราะไม่สามารถบริหารจัดการเวลาเรียนและทำ�โครงการได้ จงึ ท�ำ ได้แคแ่ จกแบบสอบถามใหค้ นในชมุ ชนช่วยตอบคำ�ถาม แพรว-เกล็ดตะวัน มีกำ�ไร บอกว่า ถึงแม้แบบสอบถามจะครอบคลุมข้อมูลที่ต้องการท้ังหมด ทั้งเร่ืองประวัติป่าม่อนต้นลานและการใช้ประโยชน์จากป่า แต่ข้ันตอนการรวบรวมข้อมูลที่ขาดการ วางแผน ท�ำ ให้ข้อมลู ตกหล่น เนอ่ื งจากไมไ่ ดต้ ดิ ตามเกบ็ แบบสอบถามจากชาวบ้านจนครบถ้วน ทั้งยงั ไมม่ โี อกาสสรา้ งปฏิสมั พันธท์ ดี่ ีระหวา่ งแกนน�ำ โครงการและผใู้ หญใ่ นชมุ ชน ข้อบกพรอ่ งจากความไมเ่ ขา้ ใจงานและการทำ�งานโดยปราศจากทีมเวิรค์ สง่ ผลให้การท�ำ โครงการ ปีแรกของกลุ่มเยาวชนฮักบ้านเกิดไม่สามารถเก็บข้อมูลป่าที่น่าเชื่อถือได้ดีพอ เป้าหมายที่วางไว้ว่า จะเก็บข้อมูลชาวบ้านท้ังหมด 30 เปอร์เซ็นต์จากร้อยกว่าหลังคาเรือนคลาดเคล่ือน และไม่ได้ข้อมูล เฉพาะเจาะจง เน่ืองจากกลุ่มเยาวชนไม่ได้ระบุชัดเจนว่าต้องการได้ข้อมูลป่าชุมชนแห่งไหน ทำ�ให้ได้ ข้อมูลท่ีกระจัดกระจายอยู่ท้ัง 2 ปา่ แทนทีจ่ ะเปน็ ปา่ มอ่ นตน้ ลานแหง่ เดียว เม่ือขอ้ มลู ทีไ่ ด้ไม่มคี ุณภาพ จงึ ไมส่ ามารถนำ�ขอ้ มลู เหล่านน้ั มาใชป้ ระโยชน์ต่อได้ “ขอ้ มลู ไมเ่ พียงพอทจ่ี ะอธบิ ายสภาพปญั หาของป่ามอ่ นตน้ ลานได้เลย” อุม้ กล่าว ด้วยเหตุน้ีในปีที่ 2 ของการทำ�โครงการ พวกเขาจึงวางแผนลงเก็บข้อมูลชุมชนเพ่ิมข้ึนจาก 30 หลังคาเรือนเป็น 60 หลังคาเรือน ใช้วิธีลงไปสัมภาษณ์ด้วยตัวเองและให้สมาชิกในกลุ่มท่ีไม่ใช่ แกนน�ำ แตม่ คี วามสนใจท�ำ กจิ กรรม พดู คยุ สอบถามจากพอ่ แมโ่ ดยตรงเพอ่ื ใหไ้ ดข้ อ้ มลู ทมี่ คี วามละเอยี ด และนา่ เชอ่ื ถือมากข้นึ “เราพยายามดงึ ใหน้ อ้ งๆ และผปู้ กครองมาท�ำ กจิ กรรมรว่ มกนั เพอ่ื สรา้ งความสมั พนั ธท์ ดี่ ี ผปู้ กครอง จะไดร้ ับรใู้ นสงิ่ ที่เดก็ ท�ำ ด้วย” อมุ้ กลา่ ว


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook