นักการเมืองถ่ินจังหวัดปราจีนบุรี อิทธิพลของปัจจัยด้านจิตวิทยาหรือความรู้สึกทางการเมือง เช่น ความสนใจที่มีต่อการเมือง การสังกัดกลุ่มหรือการสังกัด พรรคการเมืองบางพรรคเป็นต้น การศึกษาดังกล่าวน่าจะนำมา พิจารณาเพื่อกำหนดเป้าหมายแนวทางในการศึกษาพฤติกรรม ในการลงคะแนนเสียง เลือกตั้งของไทยที่เป็นระบบต่อไป (สุจิต บุญบงการ และ พรศักดิ์ ผ่องแผ้ว, 2525, น. 7) นักสังคมศาสตร์ได้แบ่งทฤษฎีของการลงคะแนนเสียง เลือกตั้ง ออกเป็น 4 ประเด็นคือ ทฤษฎีปัจจัยกำหนด (Determinative Theories) ทฤษฎีความสำนึกเชิงเหตุผล (Consciously Rational Theories) ทฤษฎีระบบ (System Theories) และทฤษฎีเกี่ยวกับผู้อุปถัมภ์และผู้รับอุปถัมภ์ (Patron Client) ดังนี้ (สุจิต บุญบงการ และ พรศักดิ์ ผ่องแผ้ว, 2525, น. 15-18) 1. ทฤษฎีปัจจัยตัวกำหนด ทฤษฎีปัจจัยตัวกำหนด ระบุว่า พฤติกรรมการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งโดยปัจจัยทาง สังคม ทฤษฎีดังกล่าวเสนอว่า ปัจจัยทางสังคมอันเป็นภูมิหลัง ของบุคคล ทั้งในระดับกว้างทั่วไป และแคบลงมาจนถึงช่วงที่จะ มีการตัดสินใจ มีอิทธิพลอย่างสำคัญต่อพฤติกรรมการลง คะแนนเสียงเลือกตั้งแนวความคิดที่เป็นพื้นฐานของทฤษฎีนี้ ได้แก่ ตัวแบบพลังทางสังคมของ พอลลาชาเฟลด์ “ทฤษฎี ภาคสนาม” ของนักจิตวิทยาเคิร์ตเลวิน (Kurt Revin) กล่าวอีก ในหนึ่ง ทฤษฎีประเภทนี้เป็นการเสนอเงื่อนไขที่กำหนดรูปแบบ (Pattern) ของพฤติกรรมซึ่งไม่ได้มุ่งที่จะสรุปรวมเชิงนิรนัย (Deductive Generalization) หรือทำนายพฤติกรรมในอนาคตหาก ให้ประโยชน์อย่างสำคัญในการจัดตัวแปรอันหลากหลายที่ เกี่ยวข้องกันให้เป็นระเบียบ 88
แนวคิด ทฤษฎี และงานวิจัยท่ีเกี่ยวข้อง 2. ทฤษฎีเชิงความสำนึกเชิงเหตุผล ทฤษฎีความ สำนึกเชิงเหตุผลเน้นที่ปฏิกิริยาของความสำนึกตรึกตรองของ ผู้ไปใช้สิทธิที่มีต่อการบริหารการเลือกตั้ง นโยบายของพรรค และสภาพของผู้สมัครรับเลือกตั้ง ลักษณะดังกล่าวคล้ายกับ ความคิดเชิงเหตุผล (Rational Framework) ของผู้ไปใช้สิทธิ ออกเสียงเลือกตั้ง เสมือนการตัดสินใจของผู้บริโภคในทาง เศรษฐศาสตร์ 3. ทฤษฎีระบบ ทฤษฎีที่ใช้ในการศึกษาพฤติกรรม การลงคะแนนเสียงเลือกตั้งประเภทที่สามคือ ทฤษฎีระบบ เป็นที่น่าสังเกตถึงแม้ว่าทฤษฎีระบบจะเป็นที่นิยมในหมู่ นักรัฐศาสตร์และนักสังคมศาสตร์ทั่วไปในสังคมปัจจุบัน แต่ปรากฏว่ามีผู้นำไปใช้ในการศึกษาพฤติกรรมทางการเมือง และพฤติกรรมการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งอย่างจริงจังน้อยมาก 4. ทฤษฎีเกี่ยวกับผู้อุปถัมภ์และผู้รับอุปถัมภ์ (Patron Client) ทฤษฎีนี้ได้อธิบายถึงความสัมพันธ์ระหว่าง บุคคลสองฝ่าย ซึ่งต่างช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ซึ่งเป็นความ สัมพันธ์ที่ได้เท่าเทียมกัน กล่าวคือ ผู้อุปถัมภ์จะอยู่ในฐานะที่อยู่ สูงกว่าในเชิงสัมพันธ์และผู้รับการอุปถัมภ์จะอยู่ในฐานะต่ำกว่า ความสัมพันธ์ทั้งสองฝ่ายอาจจะเป็นไปได้ตั้งแต่เชิงเศรษฐกิจ การช่วยเหลือต่าง ๆ ตลอดจนถึงให้ความคุ้มครองและที่สำคัญ คือความสัมพันธ์แบบนี้ จะอยู่บนพื้นฐานของความสัมพันธ์ ส่วนตัวเป็นหลัก ซึ่งแต่ละฝ่ายในสังคมจะมีอิสระที่จะเลือก ผู้อุปถัมภ์ หรือผู้อุปถัมภ์เลือกผู้รับอุปถัมภ์และยังมีอิสระในการ กำหนดจำนวนบุคคลที่เขามีความสัมพันธ์ด้วย และความ 89
นักการเมืองถ่ินจังหวัดปราจีนบุรี สัมพันธ์รูปแบบนี้อาจสิ้นสุดลงเมื่อไหร่ก็ได้ หากมีการตอบแทน ที่ แต่ละฝ่ายได้รับไม่คุ้มค่าที่เขาจะเป็นผู้อุปถัมภ์ หรือผู้รับ อุปถัมภ์ ผู้ใต้อุปถัมภ์อาจผละไปหาผู้อุปถัมภ์และผู้อุปถัมภ ์ ก็เลือกให้ผลประโยชน์ผู้อุปถัมภ์ สรุป การที่ประชาชนตัดสินใจลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง ให้ผู้สมัครรับเลือกตั้งคนใดนั้น ขึ้นอยู่กับหลักการปัจจัย ตัวกำหนด ความสำนึกเชิงเหตุผล และผู้อุปถัมภ์/ผู้รับอุปถัมภ์ ทั้งนี้การศึกษาพฤติกรรมการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งจึงมีความ สำคัญต่อการที่จะอธิบายว่า เพราะเหตุใดประชาชนจึงไปลง คะแนนเสียงเลือกตั้ง และมีปัจจัยใดที่ส่งเสริมและสนับสนุน หรือเป็นปัญหาและอุปสรรคต่อการไปลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง เพื่อที่เราจะได้ทราบว่าปัจจัยใดบ้างที่ส่งผลต่อการตัดสินใจ ของประชาชนในการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎร ซึ่งสามารถใช้เป็นแนวทางในการส่งเสริมให้ ประชาชนไปใช้สิทธิเลือกตั้งมากยิ่งขึ้นและมีพฤติกรรม ที่พึงประสงค์ตามระบอบประชาธิปไตย งานวิจัยที่เก่ียวข้อง ศรุดา สมพอง และพงษ์ยุทธ สีฟ้า (2550) ได้ศึกษาเรื่อง สำรวจเพื่อประมวลข้อมูลนักการเมืองถิ่นจังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อรู้จักและเข้าใจบทบาทพฤติกรรมของนักการเมืองจังหวัด ฉะเชิงเทรา พบว่า 1. สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในจังหวัดฉะเชิงเทราจะเป็น บุคคลในกลุ่มชนชั้นนำของจังหวัด มีสถานภาพทางเศรษฐกิจ 90
แนวคิด ทฤษฎี และงานวิจัยท่ีเกี่ยวข้อง และสังคมที่ดี เป็นที่รู้จักของคนในจังหวัด โดยมีปัจจัยที่สำคัญ จากพื้นฐานทางด้านอาชีพการรับราชการ โดยเฉพาะการเป็น สมาชิกองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นมาก่อน 2. ลักษณะทางการเมืองในจังหวัดฉะเชิงเทรา จะเป็นการสืบทอดอำนาจทางการเมือง โดยเฉพาะในกลุ่ม เครือญาติ และการได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มอิทธิพลทาง การเมือง ซึ่งในปัจจุบันมีอยู่ด้วยกัน 2 กลุ่มคือ กลุ่มตระกูล ฉายแสง นำโดยนายอนันต์ ฉายแสง และกลุ่มตระกูลตันเจริญ นำโดยนายสุชาติ ตันเจริญ 3. ในการสังกัดพรรคการเมืองของสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรจะไม่ได้ให้ความสำคัญมากนัก เพราะลักษณะ การลงคะแนนของประชาชนทั่วไปจะยึดที่ตัวบุคคลเป็นหลัก 4. วิธีที่ใช้ในการหาเสียงของผู้สมัครสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎร โดยทั่วไปจะใช้การลงพื้นที่พบปะประชาชนใน พื้นที่ การปราศรัยบนเวที การใช้สื่อประชาสัมพันธ์ต่างๆ การใช้ รถขยายเสียงวิ่งตามท้องถนน แต่ที่สำคัญจะใช้วิธีการผ่านทาง “หัวคะแนน” ซึ่งจะเป็นผู้ที่มีบารมีในพื้นที่ เช่น สมาชิกองค์การ บริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน เป็นต้น พรชัย เทพปัญญา (2552) ได้ศึกษาเรื่องสำรวจเพื่อ ประมวลข้อมูลนักการเมืองถิ่นจังหวัดชลบุรี เพื่อศึกษาความ เป็นมาของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในจังหวัดชลบุรี เครือข่าย ความสัมพันธ์ของนักการเมืองกับกลุ่มผลประโยชน์ต่างๆ ที่มี ส่วนช่วยสนับสนุนทางการเมือง บทบาทของพรรคการเมืองและ 91
นักการเมืองถ่ินจังหวัดปราจีนบุรี ยุทธวิธีที่ใช้ในการหาเสียงของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในจังหวัดชลบุรี พบว่า 1. สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในจังหวัดชลบุรี จะเป็น บุคคลที่อยู่ในกลุ่มชนชั้นนำของจังหวัด มีสถานภาพทาง เศรษฐกิจและสังคมที่ดี เป็นที่รู้จักของคนในจังหวัดโดยม ี พื้นฐานสำคัญจากการเป็นผู้นำในท้องถิ่นและ เคยร่วมทำงาน อยู่ในกลุ่มการเมืองท้องถิ่นมาก่อน ซึ่งเป็นการสืบทอดอำนาจ ทางการเมืองในกลุ่มเครือญาติ และคนรู้จักที่มีความสนิทสนม กัน 2. ลักษณะการเมืองในจังหวัดชลบุรีจะมีการแข่งขันกัน อยู่ 2 กลุ่มชัดเจน ระหว่างกลุ่มเรารักชลบุรี ที่มีตระกูลคุณปลื้ม เป็นแกนนำสำคัญ มีฐานคะแนนอยู่ที่กลุ่มนักการเมืองถิ่น เช่น สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ส.จ.) สมาชิกองค์การ บริหารส่วนตำบล (อบต.) และผู้นำท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน กับกลุ่มการเมืองที่สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ปัจจุบัน ที่มีฐาน คะแนนจากกลุ่มประชาชนทั่วไป และอาศัยกระแสพรรคเป็น สำคัญ 3. การสังกัดพรรคการเมืองขนาดใหญ่และมีกระแสที่ดี ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดชลบุรี จะส่งผลต่อคะแนน เสียงเป็นอย่างมาก เพราะประชาชนมีความนิยมที่จะเลือกลง คะแนนตามกระแสของพรรคที่มีแนวโน้มจะได้จัดตั้งรัฐบาล และหัวหน้าพรรคจะได้เป็นนายกรัฐมนตรี 4. วิธีการหาเสียงของผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดชลบุรี จะเน้นที่การลงพื้นที่พบปะกับประชาชนเป็น 92
แนวคิด ทฤษฎี และงานวิจัยท่ีเก่ียวข้อง สำคัญ มีการปราศรัยย่อยในพื้นที่ การปราศรัยใหญ่บนเวที การใช้สื่อต่างๆ ในการประชาสัมพันธ์ เช่น ป้ายหาเสียง แผ่นพับแนะนำตัว รถปิ๊กอัพติดเครื่องขยายเสียงใช้วิ่งในพื้นที่ การใช้สื่อวิทยุโทรทัศน์ เคเบิ้ลทีวีท้องถิ่น และการใช้หัวคะแนน จากความสัมพันธ์ส่วนตัวของผู้สมัครเอง นพรัตน์ วงศ์วิทยาพาณิชย์ (2554) ได้ศึกษาเรื่อง โครงการสำรวจเพื่อประมวลข้อมูลนักการเมืองถิ่น : จังหวัด สระแก้ว มีวัตถุประสงค์เพื่อรู้จักภูมิหลังของนักการเมืองถิ่นที่ เคยได้รับการเลือกตั้งในจังหวัดสระแก้ว รวมทั้งเพื่อศึกษา กลยุทธ์ในการหาเสียงเลือกตั้งทั้งภายใต้ระบบพรรคการเมือง กลุ่มการเมือง และแบบอิสระของนักการเมืองถิ่นจังหวัด สระแก้ว ทั้งการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 1 วันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2476 ถึงการเลือกตั้งครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ.2500 และการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา ครั้งที่ 1 วันที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2543 ถึงการเลือกตั้งครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2521 ประกอบกับการศึกษาถึงบทบาทและความ สัมพันธ์ของกลุ่มผลประโยชน์ และกลุ่มที่ไม่เป็นทางการ เช่น ครอบครัว วงศาคณาญาติ ที่มีส่วนสนับสนุนทางการเมืองแก่ นักการเมืองถิ่นในจังหวัดสระแก้ว ตลอดจนรวบรวมกลวิธีใน การสร้างเครือข่ายความสัมพันธ์ของนักการเมืองถิ่นในจังหวัด สระแก้วกับภาคส่วนต่างๆ อาทิ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในจังหวัดสระแก้ว หน่วยงานราชการจังหวัดสระแก้ว หน่วยงาน ภาคเอกชนและภาคประชาชน ผลการศึกษาพบว่า 93
นักการเมืองถ่ินจังหวัดปราจีนบุรี นักการเมืองถิ่นจังหวัดสระแก้วทั้งหมดตกอยู่ภายใต้การ ดูแลของ “ตระกูลเทียนทอง” มาเป็นเวลาเนิ่นนานกว่า 30 ปี แล้ว และยังมีแนวโน้มว่าจะคงอยู่ต่อเนื่องไปอีกนาน จนกว่าที่ กลุ่มเทียนทองจะเลิกเล่นการเมือง หรือมีกลุ่มการเมืองอื่นที่จะ สามารถเข้ามาแข่งขัน แต่ก็ยากนักเพราะคงจะต้องใช้เวลาอีก ยาวนาน กว่าที่นักการเมืองกลุ่มอื่นที่ต้องการจะลงแข่งกับกลุ่ม เทียนทองนั้น จะสามารถเข้ามาประสานเชื่อมโยงผลประโยชน์ ระหว่างหน่วยงานต่างๆ ทั้ง หน่วยงานภาครัฐ ผู้ว่าราชการ จังหวัด นายทหาร นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หอการค้า องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กลุ่มผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ ภาคเอกชนต่างๆ ภาคประชาชน องค์กรเอกชน ตลอดจนต้อง สามารถประสานประโยชน์กับเวทีการเมืองในระดับประเทศ และสมาชิกวุฒิสภาในระดับจังหวัด เพื่อแข่งขันกับกลุ่มเทียน ทองให้ได้ อันเป็นไปตามลักษณะ “โครงสร้างทางการเมือง แบบขั้วเดียวหรือแบบรวมศูนย์” 94
บ4ทท ่ี นักการเมืองถ่ิน จังหวัดปราจีนบุรี จากการศึกษานักการเมืองถิ่นจังหวัดปราจีนบุรี สามารถ ลำดับข้อมูลทางการเมืองตั้งแต่ พ.ศ.2476– ปัจจุบัน (พ.ศ. 2554) ตลอดจนการแบ่งช่วง/ยุคทางการการเมือง รวมถึงข้อมูล ที่สำคัญของนักการเมืองถิ่นในจังหวัดปราจีนบุรี ดังนี้ การเลือกตั้งและ สส. จังหวัดปราจีนบุรี ตั้งแต่ พ.ศ. 2476 – ปัจจุบัน (พ.ศ. 2554) จากข้อมูลตั้งแต่ พ.ศ. 2476 ซึ่งเป็นปีที่สมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลือกตั้งครั้งแรก จวบจนถึงปัจจุบัน (พ.ศ. 2554) สามารถลำดับเหตุการณ์การเลือกตั้งและรายชื่อ ของผู้ได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของจังหวัด ปราจีนบุรี ได้ดังนี้
นักการเมืองถิ่นจังหวัดปราจีนบุรี สภาผู้แทนราษฎร ชุดท่ี 1 (15 พ.ย. 2476 – 9 ธ.ค. 2480) ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยามพุทธศักราช 2475 กำหนดให้มีสภาเดียว คือ สภาผู้แทนราษฎร ประกอบ ด้วย สมาชิกสองประเภท คือสมาชิกประเภทที่ 1 และสมาชิก ประเภทที่ 2 มีจำนวนเท่ากัน สมาชิกประเภทที่ 1 จำนวน 78 คน มาจากการเลือกตั้งทางอ้อม โดยวิธีรวมเขตจังหวัด ซึ่งให้ราษฎรเลือกผู้แทนตำบลก่อนแล้วให้ ผู้แทนตำบลเลือก ผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2476 โดยถือเกณฑ์ จำนวนราษฎรสองแสนคนต่อผู้แทนราษฎรหนึ่งคน สมาชิก ประเภทที่ 1 ชุดนี้ ปฏิบัติหน้าที่ระหว่างวันที่ 9 ธันวาคม 2476 ถึง 9 ธันวาคม 2480 จึงจะพ้นตามวาระ สมาชิกประเภทที่ 2 มี จำนวน 78 คน เท่ากับสมาชิกประเภทที่ 1 โดยได้รับการแต่งตั้ง เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2476 เมื่อสมาชิกประเภทที่ 1 พ้นจาก ตำแหน่งตามวาระแล้ว สมาชิกประเภทที่ 2 ยังคงอยู่ในตำแหน่ง ต่อไป ผู้ที่ได้รับการเลือกตั้งเป็นส.ส.ของจังหวัดปราจีนบุรี คนแรกคือ ร.ท.ทองคำ คล้ายโอภาส โดยดำรงตำแหน่ง ส.ส. เพียงสมัยเดียว สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 2 (7 พ.ย.2480 – 11 ก.ย. 2481) สภาผู้แทนราษฎรชุดนี้ประกอบด้วย สมาชิกสอง ประเภทคือ สมาชิกประเภทที่ 1 และสมาชิกประเภทที่ 2 สมาชิกประเภทที่ 1 มีจำนวน 91 คน มาจากการเลือกตั้งของ 96
นักการเมืองถิ่นจังหวัดปราจีนบุรี ราษฎรโดยตรง เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2480 เป็นการเลือกโดย วิธีแบ่งเขตเลือกตั้งแต่ละเขตให้มีผู้แทนราษฎรหนึ่งคน และ ถือเกณฑ์จำนวนประชากรสองแสนคนต่อผู้แทนราษฎรสองคน สมาชิกประเภทที่หนึ่งชุดนี้ปฏิบัติหน้าที่ระหว่างวันที่ 7 พฤศจิกายน 2480 ถึงวันที่ 11 กันยายน 2481 สิ้นสุดโดยการ ยุบสภาผู้แทนราษฎรอันมีสาเหตุมาจากการที่สภาผู้แทนราษฎร มีมติรับญัตติแก้ไขข้อบังคับการประชุมของสภาผู้แทนราษฎร เกี่ยวกับวิธีการเสนอร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่าย ประจำปีไว้พิจารณา เพื่อให้รัฐบาลเสนอรายละเอียดตาม งบประมาณโดยชัดเจน แต่รัฐบาลไม่สามารถปฏิบัติตาม เงื่อนไขได้ จึงยุบสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 11 กันยายน 2481 เพื่อให้มีการเลือกตั้งสมาชิกประเภทที่ 1 ขึ้นมาใหม่ สมาชิก ประเภทที่ 2 มีจำนวน 91 คน มาจากการแต่งตั้งจากสมาชิก ชุดเดิมจำนวน 78 คน และพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งเพิ่มอีก 13 คน เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2480 เพื่อให้มีจำนวนเท่ากับ สมาชิกประเภทที่ 1 เมื่อมีการยุบสภาผู้แทนราษฎรแล้ว สมาชิก ประเภทที่ 2 ยังคงอยู่ในตำแหน่งต่อไป ผู้ที่ได้รับการเลือกตั้งเป็นส.ส.ของจังหวัดปราจีนบุรี คนที่สองคือ นายดาบสงวน พยุงพงศ์ โดยเป็นการดำรง ตำแหน่ง ส.ส. สมัยแรก สภาผู้แทนราษฎร ชุดท่ี 3 (12 พ.ย.2481 – 15 ต.ค.2488) สภาผู้แทนราษฎรชุดนี้ประกอบด้วยสมาชิก 2 ประเภท คือ สมาชิกประเภทที่ 1 และสมาชิกประเภทที่ 2 สมาชิก 97
นักการเมืองถ่ินจังหวัดปราจีนบุรี ประเภทที่ 1 มีจำนวน 91 คน มาจากการเลือกตั้งโดยตรงเมื่อ วันที่ 12 พฤศจิกายน 2481 โดยวิธีแบ่งเขตเลือกตั้งแต่ละเขต เลือกตั้งมีผู้แทนราษฎรได้ 1 คน และถือเกณฑ์จำนวนประชากร สองแสนคนต่อผู้แทนราษฎรหนึ่งคน สมาชิกประเภทที่ 1 ชุดนี้ ปฏิบัติหน้าที่ระหว่างวันที่ 12 พฤศจิกายน 2481 ถึง 15 ตุลาคม 2488 ทั้งนี้ ได้มีการขยายเวลาอยู่ในตำแหน่งของสมาชิก ผู้แทนราษฎร 2 ครั้ง ครั้งละไม่เกิน 2 ปี โดยพระราชบัญญัติ ขยายกำหนดเวลาอยู่ในตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งออกตามรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิก สภาผู้แทนราษฎร พุทธศักราช 2485 เนื่องจากมีกรณีพิพาท อินโดจีนและสงครามมหาเอเชียบูรพาและสิ้นสุดโดยการยุบ สภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2488 เพื่อให้มีการ เลือกตั้งสมาชิกประเภทที่ 1 ใหม่ อันมีสาเหตุมาจากสภา ผู้แทนราษฎรมีมติไม่เห็นชอบด้วยกับร่างพระราชบัญญัติ อาชญากรสงครามที่รัฐบาลเสนอเพื่อให้ลงโทษผู้ก่อให้เกิดการ ปกครองตามลัทธิเผด็จการ สมาชิกประเภทที่ 2 มีจำนวน 91 คน ชดุ เดมิ มาจากการแตง่ ตง้ั เมอ่ื มกี ารยบุ สภาผแู้ ทนราษฎร แล้ว สมาชิกประเภทที่ 2 ยังคงอยู่ในตำแหน่งต่อไป ผู้ที่ได้รับการเลือกตั้งเป็นส.ส.ของจังหวัดปราจีนบุรีครั้งนี้ คือ นายดาบสงวน พยุงพงศ์ โดยดำรงตำแหน่ง ส.ส. สมัยที่สอง สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 4 (6 ม.ค.2489 – 8 พ.ย.2490) สภาผู้แทนราษฎรชุดนี้ประกอบด้วยสมาชิกสองประเภท คือ สมาชิกประเภทที่ 1 และสมาชิกประเภทที่ 2 สมาชิก 98
นักการเมืองถิ่นจังหวัดปราจีนบุรี ประเภทที่ 1 มีจำนวน 96 คน มาจากการเลือกตั้งโดยตรง เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2489 โดยวิธีแบ่งเขตเลือกตั้ง แต่ละเขต เลือกตั้งมีผู้แทนราษฎรหนึ่งคน และถือเกณฑ์จำนวนประชากร สองแสนคนต่อผู้แทนราษฎรหนึ่งคน สมาชิกประเภทที่ 1 ชุดนี้ ปฏิบัติหน้าที่ระหว่างวันที่ 6 มกราคม 2489 ถึงวันที่ 8 พฤศจิกายน 2490 อนึ่งเมื่อมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2489 ในวันที่ 9 พฤษภาคม 2489 สมาชิกประเภทที่ 1 ยังคงอยู่ในตำแหน่งต่อไปในฐานะ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกประเภทที่ 2 มีจำนวน 96 คน มาจากการเลือกตั้งเป็นสมาชิกชุดเต็ม 91 คน และได้มีการ แต่งตั้งเพิ่มเติมอีก 5 คน เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2489 เพื่อให้มี จำนวนเท่ากับสมาชิกประเภทที่ 1 สมาชิกประเภทที่ 2 ชุดนี้ สน้ิ สดุ ลงเม่อื วนั ท่ี 10 พฤศจกิ ายน 2489 เนือ่ งจากมกี ารประกาศ ใช้รัฐธรรมนญู แห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2489 สำหรับผู้ได้รับการเลือกตั้งเป็น ส.ส.ปราจีนบุรีในการ เลือกตั้งครั้งนี้คือ นายดุสิต บุญธรรม รัฐบาลชุดนี้ที่พิเศษคือ ในระหว่างที่รัฐสภาชุดนี้มีอยู่ได้มี การเลือกตั้งเพิ่มเติมในวันที่ 5 สิงหาคม 2489 เนื่องจากมีการ ประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2489 เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2489 ซึ่งได้เปลี่ยนระบบสภาจากสภา เดียว คือสภาผู้แทนราษฎรมาเป็นระบบสองสภา ประกอบด้วย พฤฒสภา และสภาผู้แทนราษฎร โดยให้ยกเลิกสมาชิกประเภท ที่ 2 ที่มาจากการแต่งตั้งสมาชิกประเภทที่ 1 ที่อยู่ในตำแหน่ง ก่อนหน้ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ประกาศใช้ ยังคงให้ดำรงตำแหน่ง 99
นักการเมืองถิ่นจังหวัดปราจีนบุรี ต่อไปประกอบกับบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ และ เหตุผลสำคัญคือ มีการกำหนดใช้เกณฑ์คำนวณจำนวนราษฎร ต่อสมาชิกหนึ่งคนลดลงจากสองแสนคนเหลือหนึ่งแสน ทำให้มี จำนวนสมาชิกผู้แทนเพิ่มขึ้นจึงได้จัดให้มีการเลือกตั้งเพิ่มเติม ขึ้นอีก 82 คน ใน 47 จังหวัด ซึ่งเป็นการเลือกตั้งทางตรงแบบ แบ่งเขตเหมือนการเลือกตั้งทั่วไป ครั้งที่ 2 – 4 สมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรสิ้นสุดลงเพราะเกิดการรัฐประหารขึ้นในวันที่ 8 พฤศจิกายน 2490 โดยการนำของพลโทผิน ชุณหะวัณ ซึ่งถือ เป็นการรัฐประหารครั้งแรกของประเทศไทย ที่มีการยึดอำนาจ แล้วมีการยกเลิกการบังคับใช้รัฐธรรมนูญเป็นผลให้สมาชิกสภา สิ้นสุดลง สำหรับการเลือกตั้งเพิ่มในครั้งนี้ จังหวัดปราจีนบุรี มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเพิ่มอีกจำนวน 2 คน คือ เขต เลือกตั้งที่ 1 นายทองเปลว ชลภูมิ และเขตเลือกตั้งที่ 2 นายจันทร์ โกมุทพงศ์ สภาผู้แทนราษฎร ชุดท่ี 5 (29 ม.ค. 2491 – 29 พ.ย. 2494) รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2490 กำหนดให้รัฐสภา มี 2 สภา คือ 1. สภา ผู้แทน จำนวน 99 คน วาระในการดำรงตำแหน่ง 4 ปี และ 2. วุฒิสภา มาจากการแต่งตั้ง เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2490 สำหรับ ส.ส. ของสภาชุดนี้มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของ ประชาชน เมื่อวันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2491 เป็นการเลือกตั้ง แบบรวมเขตจังหวัด (จังหวัดละ 1 เขต) ใช้เกณฑ์ประชากร 100
นักการเมืองถ่ินจังหวัดปราจีนบุรี 200,000 คนต่อ ส.ส. 1 คน มีวาระในการดำรงตำแหน่ง 4 ปี สภาผู้แทนราษฎรชุดนี้สิ้นสุดลง ในวันที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2494 เพราะการทำรัฐประหารของพลเอกผิน ชุณหะวัณ ผู้ได้รับการเลือกตั้งเป็น ส.ส.ปราจีนบุรีในการเลือกตั้ง ครั้งนี้คือ นายสมบูรณ์ เดชสุภา สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 6 (26 ก.พ. 2495 – 25 พ.ย. 2500) การยึดอำนาจการปกครองประเทศเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2494 คณะบริหารประเทศชั่วคราว ได้นำ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2475 มาบังคับ ใช้ใหม่ ซึ่งกำหนดให้มีสภาเดียว คือ สภาผู้แทนราษฎร ประกอบด้วยสมาชิกสองประเภท คือ สมาชิกประเภทที่ 1 และ สมาชิกประเภทที่ 2 สมาชิกประเภทที่ 1 มีจำนวน 123 คน มา จากการเลือกตั้งโดยตรงเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2495 โดยวิธี รวมเขตจังหวัด และถือเกณฑ์จำนวนประชากรหนึ่งแสนห้าหมื่น คนต่อผู้แทนราษฎรหนึ่งคน สมาชิกประเภทที่ 1 นี้ปฏิบัติหน้าที่ ระหว่างวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2495 ถึงวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2500 จึงพ้นจากตำแหน่งตามวาระ สมาชิกประเภทที่ 2 มีจำนวน 123 คน มาจากการแต่งตั้ง เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2494 เมื่อ สมาชิกประเภทที่ 1 พ้นจากตำแหน่งตามวาระแล้ว สมาชิก ประเภทที่ 2 ยังคงอยู่ในตำแหน่งต่อไป ผู้ได้รับการเลือกตั้งเป็น ส.ส.ปราจีนบุรีในการเลือกตั้ง ครั้งนี้ได้แก่ พ.ต.วิเชียร สีมันตร และ ร.ท.พัฒน์ ณ ถลาง 101
นักการเมืองถิ่นจังหวัดปราจีนบุรี สภาผู้แทนราษฎร ชุดท่ี 7 (26 ก.พ. 2500 – 16 ก.ย. 2500) รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2475 แก้ไขเพิ่มเติม พุทธศักราช 2495กำหนดให้มีสภาเดียวคือ สภา ผู้แทนราษฎร ประกอบด้วยสมาชิกสองประเภท คือ สมาชิก ประเภทที่ 1 และสมาชิกประเภทที่ 2 สมาชิกประเภทที่ 1 มีจำนวน 160 คน มาจากการเลือกตั้งโดยตรงเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2500 โดยวิธีรวมเขตจังหวัด ถือเกณฑ์จำนวน ประชากรหนึ่งแสนห้าหมื่นคนต่อผู้แทนราษฎรหนึ่งคน สมาชิก ประเภทที่ 2 มีจำนวน 123 คน มาจากการเลือกตั้งเป็นสมาชิก ประเภทที่ 2 ชุดเดิม สภาผู้แทนราษฎรชุดนี้สิ้นสุดลงเนื่องจาก การยึดอำนาจการปกครองประเทศเมื่อวันที่ 16 กันยายน 2500 โดยคณะทหารภายใต้การนำของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ผู้ได้รับการเลือกตั้งเป็น ส.ส.ปราจีนบุรีในการเลือกตั้ง ครั้งนี้ได้แก่ พ.อ.หลวงบุรกรรมโกวิท (ล้อม บุรกรรมโกวิท) สังกัดพรรคชาติสังคม และ พ.ต.วิเชียร สีมันตร สังกัดพรรค เสรีมนังคศิลา สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 8 (15 ธ.ค. 2500 – 20 ต.ค. 2501) ภายหลังการยึดอำนาจการปกครองประเทศเมื่อวันที่ 16 กันยายน 2500 มีพระบรมราชโองการให้ใช้รัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2475 แก้ไขเพิ่มเติมพุทธศักราช 2495 ต่อไปภายใต้เงื่อนไขที่ผู้รักษาพระนครฝ่ายทหารกำหนด 102
นักการเมืองถ่ินจังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งกำหนดให้มีสภาเดียว คือ สภาผู้แทนราษฎร ประกอบด้วย สมาชิกสองประเภทคือ สมาชิกประเภทที่ 1 และสมาชิก ประเภทที่ 2 สมาชิกประเภทที่ 1 มาจากการเลือกตั้งโดยตรง เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2500 โดยวิธีรวมเขตจังหวัด ถือเกณฑ์ จำนวนประชากรหนึ่งแสนห้าหมื่นคนต่อผู้แทนราษฎรหนึ่งคน มีจำนวน 160 คน ต่อมา วันที่ 1 มกราคม 2501 คณะรัฐมนตรี ได้ประกาศจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่จบชั้นประถมศึกษา ตามมาตรา 116 ของรัฐธรรมนูญ เป็นผลให้สมาชิกประเภทที่ 2 ต้องจับสลากออก 26 คน เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2501 ในวันที่ 31 มีนาคม 2501 จึงมีการเลือกตั้งสมาชิกประเภทที่ 1 ใน 5 จังหวัด จำนวน 26 คน รวมสมาชิกประเภทที่ 1 จำนวน 186 คน สมาชิกประเภทที่ 2 มีจำนวน 121 คน มาจากการแต่งตั้ง เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2500 สมาชิกประเภทที่ 2 จับสลากออก จำนวน 26 คน เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2501 จึงเหลือสมาชิก ประเภทที่ 2 จำนวน 95 คน สภาผู้แทนราษฎรชุดนี้ปฏิบัติหน้าที่ ตั้งแต่วันที่ 18 กันยายน 2500 สิ้นสุดลงเนื่องจากการยึดอำนาจ การปกครองประเทศของทหาร เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2501 คณะปฏิวัติภายใต้การนำของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ผู้ได้รับการเลือกตั้งเป็น ส.ส.ปราจีนบุรีในการเลือกตั้ง ครั้งนี้ได้แก่ พ.ต.วิเชียร สีมันตร และ พ.อ.หลวงบุรกรรมโกวิท (ล้อม บุรกรรมโกวิท) สังกัดพรรคเสรีมนังคศิลา 103
นักการเมืองถิ่นจังหวัดปราจีนบุรี สภาผู้แทนราษฎร ชุดท่ี 9 (10 ก.พ. 2512 – 17 พ.ย. 2514) รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2511 กำหนดให้รัฐสภามีสองสภา คือ วุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา มีสมาชิกจำนวน 164 คน พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้ง เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2511 จำนวน 120 คน และทรงแต่งตั้ง เพิ่มอีก 44 คน เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2512 เพื่อให้มีจำนวน 3 ใน 4 ของสมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรตามทก่ี ำหนดในรฐั ธรรมนญู จนถึงวันที่ 3 กรกฎาคม 2514 สมาชิกวุฒิสภามีอายุครบ 3 ปี ต้องจับสลากออกกึ่งหนึ่งจำนวน 82 คน และพระมหากษัตริย์ ทรงแต่งตั้งสมาชิกเท่าจำนวนที่ต้องออกไปเข้ามาแทนที่ วุฒิสภาชุดนี้ปฏิบัติหน้าที่ระหว่างวันที่ 4 กรกฎาคม 2511 ถึง วันที่ 17 พฤศจิกายน 2514 สภาผู้แทนราษฎร มีสมาชิกจำนวน 219 คน มาจากการเลือกตั้งโดยตรงเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2512 โดยวิธีรวมเขตจังหวัด ถือเกณฑ์จำนวนประชากร หนึ่งแสนห้าหมื่นคนต่อผู้แทนราษฎรหนึ่งคน สภาผู้แทนราษฎร ชุดนี้ปฏิบัติหน้าที่ระหว่างวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2512 ถึงวันที่ 17 พฤศจิกายน 2514 รัฐสภาชุดนี้สิ้นสุดลงเนื่องจากการยึดอำนาจ การปกครองประเทศเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2514 โดยคณะ ปฏิวัติภายใต้การนำของ จอมพลถนอม กิตติขจร ผู้ได้รับการเลือกตั้งเป็น ส.ส.ปราจีนบุรีในการเลือกตั้ง ครั้งนี้มี 3 คน ซึ่งมาจากพรรคสหประชาไทย ได้แก่ นายบุญส่ง สมใจ นายสมบูณ์ เดชสุภา และ นางสงวน สีมันตร 104
นักการเมืองถ่ินจังหวัดปราจีนบุรี สภาผู้แทนราษฎร ชุดท่ี 10 (26 ม.ค. 2518 - 12 ม.ค. 2519) รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2517 กำหนดให้รัฐสภามีสองสภาคือ วุฒิสภา และสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา มีจำนวนสมาชิก 100 คน พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้ง เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2518 เมื่อมีการยุบสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกยังคงอยู่ในตำแหน่งต่อไปจนถึงวันที่ 6 มีนาคม 2519 จึงสิ้นสุดลงโดยการปฏิบัติการปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน สภา ผู้แทนราษฎร มีสมาชิกจำนวน 269 คน มาจากการเลือกตั้ง โดยตรงเมื่อวันที่ 26 มกราคม 2518 โดยจังหวัดที่มีสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรไม่เกินสามคนให้ถือเขตจังหวัดเป็นเขตเลือกตั้ง ในแต่ละเขตเลือกตั้งมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ไม่เกิน สามคน และไม่น้อยกว่าสองคน ถือเกณฑ์จำนวนประชากร หนึ่งแสนห้าหมื่นคนต่อผู้แทนราษฎรหนึ่งคน สภาผู้แทนราษฎร ชุดนี้ปฏิบัติหน้าที่ระหว่างวันที่ 26 มกราคม 2518 ถึง วันที่ 12 มกราคม 2519 สิ้นสุดโดยพระราชกฤษฎีกายุบสภาสภา ผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 12 มกราคม 2519 มีสาเหตุมาจาก พรรคการเมืองร่วมรัฐบาลขาดเอกภาพทำให้เป็นปัญหาและ อุปสรรคในการบริหารราชการแผ่นดิน ผู้ได้รับการเลือกตั้งเป็น ส.ส.ปราจีนบุรี ในการเลือกตั้ง ครั้งนี้มี 3 คน ได้แก่ นายบุญส่ง สมใจ สังกัดพรรคธรรมสังคม นายโปร่ง เจริญรัตน์ สังกัดพรรคกิจสังคม และ พ.ต. ทองดำ เสมะกนิษฐ์ สังกัดพรรคสังคมชาตินิยม 105
นักการเมืองถิ่นจังหวัดปราจีนบุรี สภาผู้แทนราษฎร ชุดท่ี 11 (4 เม.ย. 2519 – 6 ต.ค. 2519) รฐั สภาประกอบดว้ ย วฒุ สิ ภา สภาผแู้ ทนราษฎร วฒุ สิ ภา ชุดเดิมที่ได้รับแต่งตั้งเมื่อวันที่ 26 มกราคม 2518 สภาผู้แทน- ราษฎรมีจำนวนสมาชิกจำนวน 279 คน มากจากการเลือกตั้ง โดยตรงเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2519 โดยจังหวัดที่มีสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรเกินสามคน ให้แบ่งเขตจังหวัดออกเป็นเขต เลือกตั้ง ในแต่ละเขตเลือกตั้งมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได ้ ไม่เกินสามคน และไม่น้อยกว่าสองคนถือเกณฑ์จำนวน ประชากรหนึ่งแสนห้าหมื่นคนต่อผู้แทนราษฎรหนึ่งคน สภา ผู้แทนราษฎร ชุดนี้ปฏิบัติหน้าที่ระหว่างวันที่ 4 เมษายน 2519 ถึงวันที่ 6 ตุลาคม 2519 รัฐสภานี้สิ้นสุดลงเนื่องจากการยึด อำนาจการปกครองประเทศเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2519 โดย คณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินภายใต้การนำของ พลเรือเอก สงัด ชลออยู่ สำหรับจังหวัดปราจีนบุรีแบ่งเขตการเลือกตั้งออกเป็น 2 เขตๆ ละ 2 คน ในการเลือกตั้งครั้งนี้ รวมมี ส.ส. 4 คน ดังนี้ เขตเลือกตั้งที่ 1 นายเฉลิมพล หริตวร สังกัดพรรคกิจสังคม และนายบุญส่ง สมใจ สังกัดพรรคธรรมสังคม เขตเลือกตั้งที่ 2 นายเสนาะ เทียนทอง สังกัดพรรคชาติไทย และ พ.ต.ทองดำ เสมะกนิษฐ์ สังกัดพรรคสังคมชาตินิยม 106
นักการเมืองถ่ินจังหวัดปราจีนบุรี สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 12 (22 เม.ย. 2522 – 19 มี.ค. 2526) รัฐธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2521 กำหนดให้มีสองสภา คือ วุฒิสภา และสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา มีสมาชิกจำนวน 225 มาจากการแต่งตั้งเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2522 เมื่อครบ 2 ปี ในวันที่ 22 เมษายน 2524 สมาชิก จำนวนหนง่ึ ในสามของจำนวนสมาชกิ ทง้ั หมด คอื จำนวน 75 คน พ้นจากตำแหน่งโดยวิธีจับฉลาก และมีการแต่งตั้งเข้ามาแทน ที่ว่างจำนวน 75 คน สภาผู้แทนราษฎร มีสมาชิกจำนวน 301 คนมาจากการเลือกตั้งโดยตรง เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2522 โดยจังหวัดที่มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไม่เกินสามคนให้ถือเขต จังหวัดเป็นเขตเลือกตั้ง จังหวัดที่มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเกิน สามคน ให้แบ่งเขตจังหวัดออกเป็นเขตเลือกตั้ง ในแต่ละเขต เลือกตั้งมีสภาผู้แทนราษฎรได้ไม่เกินสามคน และไม่น้อยกว่า สองคน ถือเกณฑ์จำนวนประชากรหนึ่งแสนห้าหมื่นคนต่อ ผู้แทนราษฎรหนึ่งคน สภาผู้แทนราษฎรชุดนี้ ปฏิบัติหน้าที่ ระหว่างวันที่ 22 เมษายน 2522 ถึง วันที่ 19 มีนาคม 2526 สิ้นสุดลงเนื่องจากมีพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร คิดเห็นที่แตกต่างกันเกี่ยวกับวิธีการเลือกตั้งสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรตามบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญ สำหรับจังหวัดปราจีนบุรีแบ่งเขตการเลือกตั้งออกเป็น 2 เขตๆ ละ 2 คน ในการเลือกตั้งครั้งนี้ รวมมี ส.ส. 4 คน ดังนี้ เขตเลอื กตง้ั ท่ี 1 นายบญุ สง่ สมใจ สงั กดั พรรคชาตปิ ระชาธปิ ไตย และ นายสมาน ภุมมะกาญจนะ สังกัดพรรคชาติไทย 107
นักการเมืองถ่ินจังหวัดปราจีนบุรี เขตเลือกตั้งที่ 2 นายเสนาะ เทียนทอง สังกัดพรรคชาติไทย และ นายสำรวล มหิทธิบุรินทร์ สังกัดพรรคชาติประชาธิปไตย สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 13 (18 เม.ย. 2526 – 1 พ.ค. 2529) รัฐสภาชุดนี้ประกอบด้วยวุฒิสภา และสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา ประกอบด้วยสมาชิกวุฒิสภาจำนวน 243 คน มาจาก วุฒิสภาชุดเดิม จำนวน 225 คน ในวันที่ 22 เมษายน 2526 ได้แต่งตั้งสมาชิกวุฒิสภาเพิ่มเติมจำนวน 18 คน เพื่อให้มี สัดส่วนสามในสี่ของจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตาม รัฐธรรมนูญ สภาผู้แทนราษฎรมีจำนวน 324 คน มาจากการ เลือกตั้งเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2526 โดยจังหวัดที่มีสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรไม่เกินสามคนให้ถือเขตจังหวัดเป็นเขตเลือกตั้ง แต่ละเขตเลือกตั้งมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ไม่เกิน สามคน และไม่น้อยกว่าสองคน โดยถือเกณฑ์จำนวนประชากร หนึ่งแสนห้าหมื่นคนต่อผู้แทนราษฎรหนึ่งคน สภาผู้แทนราษฎร ชุดนี้สิ้นสุดลงเนื่องจากการยุบสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2529 สำหรับจังหวัดปราจีนบุรีแบ่งเขตการเลือกตั้งออกเป็น 2 เขต เขต 1 มี 3 คน และเขต 2 มี 2 คน ในการเลือกตั้งครั้งนี้ รวมมี ส.ส. 5 คน ดังนี้ เขตเลือกตั้งที่ 1 นายเสนาะ เทียนทอง สังกัดพรรคชาติไทย นายวิทยา เทียนทอง สังกัดพรรคชาติไทย และ นายสลับ นาคะเสถียร สังกัดพรรคประชากรไทย เขตเลือกตั้งที่ 2 นายสุนทร วิลาวัลย์ สังกัดพรรคชาติไทย และ นายสมาน ภุมมะกาญจนะ สังกัดพรรคชาติไทย 108
นักการเมืองถ่ินจังหวัดปราจีนบุรี สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 14 (27 ก.ค. 2529 – 29 เม.ย. 2531) รัฐสภาชุดนี้ประกอบด้วย วุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา ประกอบด้วยสมาชิกวุฒิสภา จำนวน 260 คน มาจาก วุฒิสภาชุดเดิมจำนวน 243 คน และวันที่ 28 กรกฎาคม 2529 มีการแต่งตั้งสมาชิกวุฒิสภาเพิ่มเติมจำนวน 17 คน เพื่อให้มี สัดส่วนจำนวนสามในสี่ของจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตามรัฐธรรมนูญ สภาผู้แทนราษฎร มีสมาชิกจำนวน 347 คน มาจากการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2529 โดยจังหวัดที่มี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไม่เกินสามคนให้ถือเขตจังหวัดเป็น เขตเลือกตั้ง จังหวัดที่มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้เกินสามคน ให้แบ่งเขตจังหวัดออกเป็นเขตเลือกตั้งแต่ละเขตเลือกตั้ง มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ไม่เกินสามคน และไม่น้อยกว่า สองคน โดยถือเกณฑ์จำนวนประชากรหนึ่งแสนห้าหมื่นคนต่อ ผู้แทนราษฎรหนึ่งคน สภาผู้แทนราษฎรชุดนี้สิ้นสุดเนื่องจาก การยุบสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 29 เมษายน 2531 โดยมี สาเหตุมาจากพรรคการเมืองร่วมรัฐบาลขาดเอกภาพก่อให้เกิด ปัญหาอุปสรรคในการบริหารราชการแผ่นดินและการพัฒนา ประเทศ สำหรับจังหวัดปราจีนบุรีแบ่งเขตการเลือกตั้งออกเป็น 2 เขต เขต 1 มี 3 คน และเขต 2 มี 2 คน ในการเลือกตั้งครั้งนี้ รวมมี ส.ส. 5 คน ดังนี้ เขตเลือกตั้งที่ 1 นายเสนาะ เทียนทอง สังกัดพรรคชาติไทย นายบุรินทร์ หิรัญบูรณะ สังกัดพรรค ชาติไทย และ นายวิทยา เทียนทอง สังกัดพรรคชาติไทย 109
นักการเมืองถ่ินจังหวัดปราจีนบุรี เขตเลือกตั้งที่ 2 นายบุญส่ง สมใจ สังกัดพรรคสหประชาธิปไตย และ นายสุนทร วิลาวัลย์ สังกัดพรรคราษฎร สภาผู้แทนราษฎร ชุดท่ี 15 (24 ก.ค. 2531 – 23 ก.พ. 2534) รัฐสภาชุดนี้ประกอบด้วย วุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา ประกอบด้วยสมาชิกวุฒิสภา จำนวน 267คนมาจาก วุฒิสภาชุดเดิมจำนวน 260 คน และวันที่ 25 กรกฎาคม 2531 ได้แต่งตั้งสมาชิกวุฒิสภาเพิ่มเติมจำนวน 7คน เพื่อให้มีสัดส่วน สามในสี่ของจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตามรัฐธรรมนูญ สภาผู้แทนราษฎร มีสมาชิกจำนวน 357 คน มาจากการเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2531 โดยจังหวัดที่มีสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรไม่เกินสามคนให้ถือเขตจังหวัดเป็นเขตเลือกตั้ง จังหวัดที่มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้เกินสามคน ให้แบ่งเขต จังหวัดออกเป็นเขตเลือกตั้ง แต่ละเขตเลือกตั้งมีสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรได้ไม่เกินสามคน และไม่น้อยกว่าสองคน โดย ถือเกณฑ์จำนวนประชากรหนึ่งแสนห้าหมื่นคนต่อสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรหนึ่งคน รัฐสภาชุดนี้สิ้นสุดเนื่องจากการยึด อำนาจการปกครองประเทศ เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2534 โดย คณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ ภายใต้การนำของ พลเอกสุนทร คงสมพงษ์ สำหรับจังหวัดปราจีนบุรีแบ่งเขตการเลือกตั้งออกเป็น 2 เขตๆ ละ 3 คน ในการเลือกตั้งครั้งนี้ รวมมี ส.ส. 6 คน ดังนี้ เขตเลือกตั้งที่ 1 นายสมาน ภุมมะกาญจนะ สังกัดพรรค ชาติไทย นายสุนทร วิลาวัลย์ สังกัดพรรคชาติไทย และ 110
นักการเมืองถิ่นจังหวัดปราจีนบุรี นายบุญส่ง สมใจ สังกัดพรรคชาติไทย เขตเลือกตั้งที่ 2 นายเสนาะ เทยี นทอง สงั กดั พรรคชาตไิ ทย นายวทิ ยา เทยี นทอง สังกัดพรรคชาติไทย และนายบุรินทร์ หิรัญบูรณะ สังกัดพรรค ชาติไทย สภาผู้แทนราษฎร ชุดท่ี 16 (22 มี.ค. 2535 - 30 มิ.ย. 2535) รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2534 กำหนดให้รัฐสภามีสองสภาคือ วุฒิสภา และสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา ประกอบด้วยสมาชิกวุฒิสภาจำนวน 270 คน ซึ่ง พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้ง เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2535 สภา ผู้แทนราษฎร ประกอบด้วยสมาชิกจำนวน 360 คน มาจากการ เลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2535 โดยจังหวัดที่มีสมาชิก สภาผู้แทนราษฎรไม่เกินสามคนให้ถือเขตจังหวัดเป็นเขต เลือกตั้ง แต่ละเขตเลือกตั้งมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ไม่เกิน สามคน และไมน่ อ้ ยกวา่ สองคน จำนวนสมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร ของแต่ละจังหวัดคำนวณจากเกณฑ์จำนวนราษฎร ต่อผู้แทน- ราษฎรหนึ่งคน ซึ่งเฉลี่ยจากจำนวนราษฎรทั้งประเทศ สภา ผู้แทนราษฎรชุดนี้สิ้นสุดลงเนื่องจากการยุบสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2535 มีสาเหตุมาจากการเกิด วิกฤตการณ์ทางการเมือง เมื่อเดือน พฤษภาคม 2535 สำหรับจังหวัดปราจีนบุรีแบ่งเขตการเลือกตั้งออกเป็น 2 เขตๆ ละ 3 คน ในการเลือกตั้งครั้งนี้ รวมมี ส.ส. 6 คน ดังนี้ เขตเลือกตั้งที่ 1 นายสุนทร วิลาวัลย์ สังกัดพรรคชาติไทย นายสมาน ภุมมะกาญจนะ สังกัดพรรคชาติไทย และ 111
นักการเมืองถิ่นจังหวัดปราจีนบุรี นายบุญส่ง สมใจ สังกัดพรรคชาติไทย เขตเลือกตั้งที่ 2 นายเสนาะ เทียนทอง สังกัดพรรคชาติไทย นายวิทยา เทียนทอง สังกัดพรรคชาติไทย และนายบุรินทร์ หิรัญบูรณะ สังกัดพรรคชาติไทย สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 17 (13 ก.ย. 2535 - 19 พ.ค. 2538) รัฐสภาชุดนี้ประกอบด้วย วุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา ประกอบด้วยสมาชิกวุฒิสภาชุดเดิมจำนวน 270 คน สภาผู้แทนราษฎร ประกอบด้วยสมาชิกจำนวน 360 คน มาจาก การเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2535 สภาผู้แทนราษฎร ชุดนี้สิ้นสุดลงเนื่องจากการยุบสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2538 โดยมีสาเหตุมาจากเกิดความขัดแย้งระหว่าง พรรคการเมืองร่วมรัฐบาลก่อให้เกิดปัญหาและอุปสรรคในการ บริหารราชการแผ่นดิน สำหรับจังหวัดปราจีนบุรีแบ่งเขตการเลือกตั้งออกเป็น 2 เขตๆ ละ 3 คน ในการเลือกตั้งครั้งนี้ รวมมี ส.ส. 6 คน ดังนี้ เขตเลือกตั้งที่ 1 นายสมาน ภุมมะกาญจนะ สังกัดพรรค ชาติพัฒนา นายสุนทร วิลาวัลย์ สังกัดพรรคชาติไทย และ นายบุญส่ง สมใจ สังกัดพรรคชาติไทย เขตเลือกตั้งที่ 2 นายเสนาะ เทยี นทอง สงั กดั พรรคชาตไิ ทย นายวทิ ยา เทยี นทอง สังกัดพรรคชาติไทย และนายบุรินทร์ หิรัญบูรณะ สังกัดพรรค ชาติไทย 112
นักการเมืองถิ่นจังหวัดปราจีนบุรี สภาผู้แทนราษฎร ชุดท่ี 18 (2 ก.ค. 2538 – 27 ก.ย. 2539) รัฐสภาชุดนี้ประกอบด้วย วุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา ประกอบด้วยสมาชิกวุฒิสภา จำนวน 270 คน วันที่ 21 มีนาคม 2539 สมาชิกวุฒิสภาต้องพ้นจากตำแหน่งตามวาระ ในวันที่ 22 มีนาคม 2539 พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งสมาชิก วุฒิสภาชุดใหม่ จำนวน 260คน หรือสองในสามของจำนวน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 5) พุทธศักราช 2539 สภาผู้แทนราษฎร ประกอบด้วยสมาชิกจำนวน 391 คน มาจาก การเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2538 สภาผู้แทนราษฎร ชุดนี้สิ้นสุดลงเนื่องจากการยุบสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 27กันยายน 2539 โดยมีสาเหตุมาจากพรรคการเมืองร่วม รัฐบาลขาดเอกภาพ ก่อให้เกิดปัญหาและอุปสรรคในการบริหาร ราชการแผ่นดินและการบริหารประเทศ สำหรับจังหวัดปราจีนบุรีแบ่งเขตการเลือกตั้งออกเป็น 1 เขต มี ส.ส. 3 คน ดังนี้ นายสุนทร วิลาวัลย์ สังกัดพรรค ชาติไทย นายสมาน ภุมมะกาญจนะ สังกัดพรรคชาติพัฒนา และนายบุญส่ง สมใจ สังกัดพรรคชาติไทย สภาผู้แทนราษฎร ชุดท่ี 19 (17 พ.ย. 2539 – 11 ต.ค. 2539) รัฐสภาชุดนี้ประกอบด้วย วุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา ประกอบด้วยสมาชิกวุฒิสภา จำนวน 262 คน มาจาก 113
นักการเมืองถ่ินจังหวัดปราจีนบุรี วุฒิสภาชุดเดิมจำนวน 260 คน วันที่ 17 พฤศจิกายน 2539 มีการแต่งตั้งสมาชิกวุฒิสภาเพิ่มเติม 2 คน เพื่อให้มีสัดส่วนสอง ในสามของจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สภาผู้แทนราษฎร ประกอบด้วยสมาชิกจำนวน 393 คน มาจากการเลือกตั้งทั่วไป เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2539 โดยจังหวัดที่มีสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรไม่เกินสามคนให้ถือเขตจังหวัดเป็นเขตเลือกตั้ง และจังหวัดใดมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้เกินสามคน ให้แบ่ง เขตจังหวัดออกเป็นเขตเลือกตั้ง ในแต่ละเขตเลือกตั้งมีสมาชิก สภาผู้แทนราษฎรได้ไม่เกินสามคน และไม่น้อยกว่าสองคน โดย ถือเกณฑ์จำนวนราษฎรหนึ่งแสนห้าหมื่นคนต่อสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรหนึ่งคน ในวันที่ 26 ธันวาคม 2539 รัฐสภาได้ ดำเนินการเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญจำนวน 99 คน เพื่อทำหน้าที่ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และเมื่อร่างแล้วเสร็จ เสนอต่อรัฐสภาเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2540 และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงลง พระปรมาภิไธยประกาศใช้ในวันที่ 11 ตุลาคม 2540 สำหรับจังหวัดปราจีนบุรีแบ่งเขตการเลือกตั้งออกเป็น 1 เขต มี ส.ส. 3 คน ดังนี้ นายสุนทร วิลาวัลย์ สังกัดพรรค ความหวังใหม่ นายวัฒนา เมืองสุข สังกัดพรรคชาติพัฒนา และ นายสมาน ภุมมะกาญจนะ สังกัดพรรคชาติพัฒนา สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 20 (6 ม.ค. 2544) เมื่อมีการยุบสภาผู้แทนราษฎรขึ้นในวันที่ 9 พฤศจิกายน 2543 และรัฐสภาได้มีการจัดทำกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการ 114
นักการเมืองถ่ินจังหวัดปราจีนบุรี จัดการเลือกตั้ง ให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ รวมทั้งได้มี การเลือกตั้งขึ้นใหม่ในวันที่ 6 มกราคม 2544 ทั้งนี้เนื่องจาก รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยโดยได้กำหนดให้ รัฐสภา ประกอบด้วย สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา โดยที่สมาชิกของ ทั้งสองสภาที่กล่าวมานั้น ได้กำหนดให้มาจากการเลือกตั้ง โดยตรงและลับ ทั้งนี้ตามที่รัฐธรรมนูญได้กำหนดจำนวนและ วิธีการได้มาดังนี้ สภาผู้แทนราษฎร ประกอบด้วย สมาชิก จำนวน 500 คน มี 2 ประเภท คือประเภทที่ 1 มาจากการ เลือกตั้ง ในแบบบัญชีรายชื่อพรรคการเมือง มีจำนวน 100 คน ประเภทที่ 2 มาจากการเลือกตั้งจากประชาชน ในแต่ละเขต เลือกตั้งเขตละ 1 คน จำนวน 400 คน ผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้ง คนหนึ่งมีสิทธิออกเสียงลงคะแนนเลือกตั้งแบบแบ่งเขตได้เพียง 1 คน สำหรับบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งจะเป็นผู้เลือกโดย เลือกตามรายชื่อและเบอร์ของพรรคนั้น ส่วนการเลือกตั้งแบบ บัญชีรายชื่อ กฎหมายกำหนดให้พรรคการเมืองจัดทำบัญชี รายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งขึ้นพรรคละ 1 บัญชี บัญชีละไม่เกิน 100 คน โดยเรียงลำดับหมายเลขผู้สมัครและให้นับรวมกันจาก การลงคะแนนทั้งประเทศ กล่าวคือ ถือเอาประเทศเป็นเขต เลือกตั้งพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งเพียงพรรคเดียว เท่านั้น วุฒิสภาประกอบด้วยสมาชิกจำนวน 200 คน มาจาก การเลือกตั้งของประชาชนโดยกำหนดให้เลือกตั้ง ในแต่ละ จังหวัดให้มีจำนวนเท่าใดนั้นขึ้นอยู่กับสัดส่วนของจำนวน สมาชิกต่อราษฎรในจังหวัดและการจัดการเลือกตั้งเป็น แบบ รวมเขต จังหวัดเป็นเขตเดียว ผู้ที่เลือกตั้งมีสิทธิลงคะแนนเสียง ได้เพียงเบอร์เดียวและห้ามมิให้ผู้สมัครทำการหาเสียง 115
นักการเมืองถิ่นจังหวัดปราจีนบุรี เลือกตั้ง(ประกายศรี ศรีรุ่งเรือง, 2550,น.71 – 72) สมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรชุดนี้สิ้นสุดลง เนื่องจากครบวาระการดำรง ตำแหน่ง 4 ปี ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด และได้มีการกำหนดให้ มีการเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2548 ทั้งนี้เป็นไปตามที่ กฎหมายกำหนดไว้ หากสภาผู้แทนราษฎรสิ้นสุดลงด้วยการ ครบวาระ ให้มีการจัดการเลือกตั้งใหม่ภายใน 45 วันนับจากวัน ที่ครบวาระการดำรงตำแหน่ง (ประกายศรี ศรีรุ่งเรือง, 2550, น.69 – 70) สำหรับจังหวัดปราจีนบุรีแบ่งเขตการเลือกตั้งออกเป็น 3 เขตๆ ละ 1 คน รวมมี ส.ส. 3 คน ดังนี้ เขตเลือกตั้งที่ 1 นายสุนทร วิลาวัลย์ สังกัดพรรคไทยรักไทย เขตเลือกตั้งที่ 2 นายคงกฤช หงษ์วิไล สังกัดพรรคความหวังใหม่และต่อมาย้าย มาพรรคไทยรักไทย เขตเลือกตั้งที่ 3 นายวรวุฒิ ภุมมะกาญจนะ สังกัดพรรคไทยรักไทย สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 21 (6 ก.พ. 2548) การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งทางตรงแบบแบ่งเขต เลือกตั้งและระบบรายชื่อซึ่งเป็นระบบและวิธีการเลือกตั้งแบบ แบ่งเขตเลือกตั้ง 400 คน และแบบบัญชีรายชื่อ 100 คน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้สิ้นสุดลง เพราะเกิดวิกฤติ ทางการเมืองเนื่องจากมีประชาชนออกมาชุมนุมเรียกร้องให้ นายกรัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในฐานะที่มา จากการเลือกตั้งจากประชาชนโดยอ้อมและมาด้วยคะแนนเสียง ข้างมากที่สุดนับตั้งแต่มีการเลือกตั้งมา ดังนั้น นายกรัฐมนตรี 116
นักการเมืองถิ่นจังหวัดปราจีนบุรี จึงตัดสินใจยุบสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2549 เ พ ื ่ อ เ ป ็ น ก า ร ค ื น อ ำ น า จ ก า ร ต ั ด ส ิ น ใ จ ใ ห ้ ก ั บ ป ร ะ ช า ช น และกำหนดให้มีการเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 2 เมษายน 2549 (ประกายศรี ศรีรุ่งเรือง,2550,น. 74 – 75) สำหรับจังหวัดปราจีนบุรีแบ่งเขตการเลือกตั้งออกเป็น 3 เขตๆ ละ 1 คน รวมมี ส.ส. 3 คน ดังนี้ เขตเลือกตั้งที่ 1 นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ สังกัดพรรคไทยรักไทย เขตเลือกตั้งที่ 2 นายคงกฤช หงษ์วิไล สังกัดพรรคไทยรักไทย เขตเลือกตั้งที่ 3 นายชยุต ภุมมะกาญจนะ สังกัดพรรคไทยรักไทย สภาผู้แทนราษฎร ชุดท่ี 22 (23 ธ.ค. 2550) การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (วันท่ี 23 ธันวาคม 2550) การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในประเทศไทย พ.ศ. 2550 เป็นการเลือกตั้งทั่วไปครั้งแรกภายใต้รัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 และครั้งแรกภายหลัง การรัฐประหารยึดอำนาจรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เมื่อ วันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2549 กำหนดให้มีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2550 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 กำหนดให้สภาผู้แทนราษฎรประกอบด้วย สมาชิกจำนวน 480 คน โดยเป็นสมาชิกซึ่งมาจากการเลือกตั้ง แบบแบ่งเขตเลือกตั้งจำนวน 400 คน และสมาชิกซึ่งมาจากการ เลือกตั้งแบบสัดส่วนจำนวน 80 คน มีการกำหนดวันเลือกตั้ง 117
นักการเมืองถิ่นจังหวัดปราจีนบุรี ล่วงหน้าทั้งในเขต และนอกเขตวันที่ 15-16 ธันวาคม พ.ศ. 2550 โดยต้องไปลงทะเบียนขอใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขต จังหวัดได้ระหว่างวันที่ 22 ตุลาคม – 22 พฤศจิกายน พ.ศ.2550 ส่วนเลือกตั้งในเขตไม่ต้องลงทะเบียนแต่ไปใช้สิทธิได้ การเลอื กแบบแบ่งเขต การกำหนดเขตเลือกตั้งให้ดำเนินการ โดยจังหวัดใดมี ส.ส.ไม่เกิน 3 คน ให้ถือเขตจังหวัดเป็นเขตเลือกตั้ง ถ้าจังหวัด ใดมีส.ส.ได้เกิน 3 คน ให้แบ่งเขตจังหวัดออกเป็นเขตเลือกตั้ง โดยจัดให้แต่ละเขตเลือกตั้ง มีจำนวน ส.ส. 3 คน ในกรณีที่ แบ่งเขตเลือกตั้งในจังหวัดหนึ่งให้มีจำนวน ส.ส. ครบ 3 คน ทุก เขตไม่ได้ ให้แบ่งเขตจังหวัดออกเป็นเขตเลือกตั้งที่มี ส.ส. เขตละ 3 คนก่อน แต่เขตที่เหลือต้องไม่น้อยกว่าเขตละ 2 คน ถ้าจังหวัดใดมีการเลือกตั้ง ส.ส. ได้ 4 คน ให้แบ่งเขตเลือกตั้ง ออกเป็น 2 เขต เขตหนึ่งให้มี ส.ส. 2 คน หรือถ้ามีส.ส.ได้ 5 คน ก็แบ่งเป็น 2 เขต โดยเขตหนึ่งมีส.ส.ได้ 3 คน อีกเขตหนึ่งมี ส.ส.ได้ 2 คน เป็นต้น การเลอื กตั้งแบบสัดสว่ น การกำหนดเขตเลือกตั้ง ส.ส.แบบสัดส่วน ให้จัดแบ่ง พื้นที่ประเทศออกเป็น 8 กลุ่มจังหวัด ให้แต่ละกลุ่มจังหวัดเป็น เขตเลือกตั้ง โดยแต่ละเขตเลือกตั้งให้มี ส.ส. ได้ 10 คน และ การจัดกลุ่มจังหวัดให้จังหวัดที่มีพื้นที่ติดต่อกันอยู่ในกลุ่ม จังหวัดเดียวกัน และในกลุ่มจังหวัดทุกกลุ่มจังหวัดต้องมีจำนวน ราษฎรใกล้เคียงกัน โดยให้จังหวัดทั้งจังหวัดอยู่ในเขตเลือกตั้ง เดียวกัน 118
นักการเมืองถ่ินจังหวัดปราจีนบุรี สภาชุดนี้จะมีอายุถึงวันที่ 23 ธันวาคม 2554 จึงจะหมด วาระ สำหรับจังหวัดปราจีนบุรีแบ่งเขตการเลือกตั้งออกเป็น 1 เขต รวมมี ส.ส. 3 คน ดังนี้ นายคงกฤช หงษ์วิไล สังกัดพรรค เพื่อแผ่นดิน นายชยุต ภุมมะกาญจนะ สังกัดพรรคกิจสังคม นายสุนทร วิลาวัลย์ สังกัดพรรคภูมิใจไทย ต่อมานายสุนทร วิลาวัลย์ โดนใบแดง พ้นสภาพจากการเป็นสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎร จึงจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 27 มกราคม 2551 และผู้ที่ได้รับการเลือกตั้งคือ นายเกียรติกร พากเพียรศิลป์ สังกัดพรรคมัชฌิมา ต่อมานายเกียรติกร พากเพียรศิลป์ ได้ลาออกจากการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จึงจัดให้มีการ เลือกตั้งใหม่ในวันที่ 10 มกราคม 2553 และผู้ที่ได้รับการ เลือกตั้ง คือ นายอำนาจ วิลาวัลย์ สังกัดพรรคภมู ิใจไทย สภาผู้แทนราษฎร ชุดท่ี 23 (3 ก.ค. 2554) การเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ชุดท่ี 23 (3 กรกฎาคม 2554) จากการยุบสภาที่ได้มีพระราชกฤษฎีกายุบสภา เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2554 และกำหนดให้มีการเลือกตั้งทั่วไปขึ้นใน วันที่ 3 กรกฎาคม 2554 เป็นการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 1) พุทธศักราช 2554 บัญญัติให้มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จำนวน 500 คน ประกอบด้วย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลือกตั้ง 119
นักการเมืองถิ่นจังหวัดปราจีนบุรี แบบบญั ชรี ายชอ่ื จำนวน 125 คน และสมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร ที่มาจากการเลือกตั้งแบบแบ่งเขต จำนวน 375 คน ปรากฏว่า พรรคที่ได้รับการเลือกตั้ง ประกอบด้วยพรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจ พรรคชาติไทยพัฒนา พรรค ชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน พรรคพลังชล พรรครักประเทศไทย พรรคมาตุภูมิ พรรครักษ์สันติ พรรคมหาชน และพรรค ประชาธิปไตยใหม่ สำหรับจังหวัดปราจีนบุรีแบ่งเขตการเลือกตั้งออกเป็น 3 เขตๆ ละ 1 คน รวมมี ส.ส. 3 คน ดังนี้ เขตเลือกตั้งที่ 1 นายอำนาจ วิลาวัลย์ สังกัดพรรคภูมิใจไทย เขตเลือกตั้งที่ 2 นายชยุต ภุมมะกาญจนะ สังกัดพรรคชาติไทยพัฒนา เขต เลือกตั้งที่ 3 นางเพชรินทร์ เสียงเจริญ สังกัดพรรคภูมิใจไทย ก า รเมืองและนักการเมืองถ่ินจังหวัดปราจีนบุรี ยุคแรก (พ.ศ. 2476 - พ.ศ. 2500) การเลือกต้ังวันท่ี 15 พฤศจิกายน 2476 – การเลือกตั้ง วันที่ 15 ธันวาคม 2500 ภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ปี พ.ศ.2475 ได้มี การประกาศใช้ “พระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองแผ่นดิน สยามชั่วคราวพุทธศักราช 2475” กำหนดให้มีสภาเดียวคือ “สภาผู้แทนราษฎร” ที่มาจากการแต่งตั้งเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2475 มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวน 70 คน สภาชุดนี้สิ้นสุด ลงเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2476 โดยได้มีการเลือกตั้งสมาชิก ประเภทที่ 1 และมีการแต่งตั้งสมาชิกประเภทที่ 2 ตาม 120
นักการเมืองถิ่นจังหวัดปราจีนบุรี รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2475 (ฉบับที่ 2) ซึ่งได้กำหนดให้มีสภาเดียว แต่มีสมาชิก 2 ประเภทคือ สมาชิก ประเภทที่ 1 มาจากการเลือกตั้ง และสมาชิกประเภทที่ 2 มาจากการแต่งตั้ง การเลือกตั้งครั้งแรกของประเทศไทยมีขึ้น เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2476 โดยมีการเลือกตั้งเฉพาะสมาชิก ประเภทที่ 1 หรือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จำนวน 78 คน เป็นการเลือกตั้งแบบรวมเขตจังหวัดเป็นเขตการเลือกตั้ง ใช้วิธีการเลือกตั้งทางอ้อมกล่าวคือ ให้ราษฎรเลือกผู้แทนตำบล ก่อน แล้วผู้แทนตำบลเป็นผู้ที่เลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร อีกต่อหนึ่ง สำหรับจังหวัดปราจีนบุรีการเมืองในยุคแรกนี้มีการ จัดการเลือกตั้งทั้งหมด 8 ครั้ง คือการเลือกตั้งครั้งแรก (15 พฤศจิกายน 2476) ผู้ที่ได้รับการเลือกตั้ง คือ ร.ท.ทองคำ คล้ายโอภาส การเลือกตั้งครั้งที่ 2 วันที่ 7 พฤศจิกายน 2480 ผู้ที่ได้รับการเลือกตั้ง คือ นายดาบสงวน พยุงพงศ์ การเลือกตั้ง ครั้งที่ 3 วันที่ 12 พฤศจิกายน 2481 ผู้ที่ได้รับการเลือกตั้ง คือ นายดาบสงวน พยุงพงศ์ การเลือกตั้งครั้งที่ 4 วันที่ 6 มกราคม 2489 ผู้ที่ได้รับการเลือกตั้ง คือ นายดุสิต บุญธรรม และ การเลือกตั้งเพิ่มในวันที่ 5 สิงหาคม 2489 มี 2 คน คือ นายทองเปลว ชลภูมิ เขต 1 นายจันทร์ โกมุทพงศ์ เขต 2 การเลือกตั้งครั้งที่ 5 วันที่ 29 มกราคม 2491 ผู้ที่ได้รับการ เลือกตั้ง คือ นายสมบูรณ์ เดชสุภา การเลือกตั้งครั้งที่ 6 วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2495 ผู้ที่ได้รับการเลือกตั้งมี 2 คน คือ พ.ต.วิเชียร สีมันตร และ ร.ท.พัฒน์ ณ ถลาง การเลือกตั้งครั้งที่ 7 วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2500 ผู้ที่ได้รับการเลือกตั้งมี 2 คน คือ พ.อ.หลวงบุรกรรมโกวิท (ล้อม บุรกรรมโกวิท) สังกัดพรรค 121
นักการเมืองถ่ินจังหวัดปราจีนบุรี ชาติสังคมและพรรคเสรีมนังคศิลา และ พ.ต.วิเชียร สีมันตร สังกัดพรรคเสรีมนังคศิลา การเลือกตั้งครั้งที่ 8 วันที่ 15 ธันวาคม 2500 ผู้ที่ได้รับการเลือกตั้งมี 2 คน คือ พ.ต.วิเชียร สีมันตร และ พ.อ.หลวงบุรกรรมโกวิท (ล้อม บุรกรรมโกวิท) สังกัดพรรคเสรีมนังคศิลา การเมืองการปกครองไทย ตั้งแต่ พ.ศ. 2475 จนถึงสิ้นสมัยรัฐบาลของ พล.ร.ต.ถวัลย์ ธำรงนาวา สวัสดิ์ พ.ศ. 2490 เป็นยุคที่คณะราษฎรครองอำนาจทาง การเมืองมาโดยตลอด จนกระทั่งเกิดการรัฐประหารยึดอำนาจ การปกครองภายใต้การนำของ พล.ท.ผิน ชุณหะวัณ เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2490 ยุคสมัยของคณะราษฎรก็สิ้นสุดลง ในยุค แรกนี้นักการเมืองถิ่นของจังหวัดปราจีนบุรีโดยส่วนใหญ่จะเป็น บุคคลที่มาจากระบบราชการ เป็นกลุ่มที่มีชื่อเสียง กิจกรรม ทางการเมืองจะเป็นไปในลักษณะที่ประชาชนโดยทั่วไปไม่ได้ เข้ามามีส่วนร่วมมากนัก การหาเสียงจะใช้วิธีการแนะนำตัว ผ่านทางผู้ที่มีบารมี เป็นที่เคารพนับถือของคนในชุมชน การ ลงคะแนนของประชาชนจะเป็นไปในลักษณะของการได้รับคำ แนะนำจากผู้ที่มีบารมี โดยเฉพาะกลุ่มข้าราชการกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน สำหรับนักการเมืองถิ่นในยุคแรกได้แก่ ร.ท.ทองคำ คล้ายโอภาส นายดาบสงวน พยุงพงศ์ นายดุสิต บุญธรรม นายทองเปลว ชลภูมิ นายจันทร์ โกมุทพงศ์ นายสมบูรณ์ เดชสุภา พ.ต.วิเชียร สีมันตร ร.ท.พัฒน์ ณ ถลาง และ พ.อ.หลวงบุรกรรมโกวิท (ล้อม บุรกรรมโกวิท) ซึ่งแต่ละท่านมี ประวัติที่น่าสนใจ ดังนี้คือ 122
นักการเมืองถ่ินจังหวัดปราจีนบุรี 1. ร้อยโททองคำ คล้ายโอภาส รอ้ ยโททองคำ คลา้ ยโอภาส เปน็ สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร คนแรกของจังหวัดปราจีนบุรี และเป็นเพียงสมัยเดียวคือ จาก การเลือกตั้งวันที่ 15 พฤศจิกายน 2476 – 9 ธันวาคม 2480 ร้อยโททองคำ คล้ายโอภาส ก่อนที่จะมาเป็นสมาชิก สภาผู้แทนราษฎรของจังหวัดปราจีนบุรีนั้นท่านรับราชการเป็น นายทหารประจำกรมเสนาธิการทหารบก และเคยเป็นสมาชิก ของคณะปฏิวัติ รศ.130 2. นายดาบสงวน พยุงพงศ์ นายดาบสงวน พยุงพงศ์ เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดปราจีนบุรีสองสมัย คือ สมัยแรกจากการเลือกตั้งวันที่ 7 พฤศจิกายน 2480 – 11 กันยายน 2481 และสมัยที่สองจาก การเลือกตั้งวันที่ 12 พฤศจิกายน 2481 – 15 ตุลาคม 2488 นายดาบสงวน พยุงพงศ์ ก่อนที่จะมาเป็นสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรของจังหวัดปราจีนบุรีนั้น ท่านรับราชการเป็นทหาร บกมาก่อน และด้วยการที่เป็นข้าราชการทหารมาก่อนนั้นทำให้ ท่านมีฐานเสียงจากกลุ่มข้าราชการทหารเป็นส่วนใหญ่ ที่สนับสนุนให้ท่านได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎรของจังหวัดปราจีนบุรี 3. นายดุสิต บุญธรรม นายดุสิต บุญธรรม เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดปราจีนบุรีเพียงสมัยเดียว คือ จากการเลือกตั้งวันที่ 6 มกราคม 2489 – 8 พฤศจิกายน 2490 123
นักการเมืองถ่ินจังหวัดปราจีนบุรี นายดุสิต บุญธรรม เดิมชื่อ สำเภา เกิดเมื่อ พ.ศ. 2457 ทบ่ี า้ นตลาดโพธ์ิ เปน็ บตุ รของขนุ วงั กระโจมเจษฏ์ (เผอื น บญุ ธรรม) และนางลาก บุญธรรม มีพี่สาว 4 คน สมรสกับนางสาวสุธา ตัณฑสวัสดิ์ มีธิดา 1 คน คือ นางสาวสุชาดา บุญธรรม นายดุสิต บุญธรรม สำเร็จการศึกษาระดับประถมศึกษา และระดับมัธยมศึกษาตอนต้น จากโรงเรียนนาครส่ำสงเคราะห์ (โรงเรียนประจำจังหวัดนครนายก) สำเร็จการศึกษาระดับ มัธยมศึกษาตอนปลาย จากโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย กรุงเทพมหานคร และสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีด้าน การเกษตรกรรม (B.S.C.Agriculture) ที่ประเทศฟิลิปปินส์ ประวัติการทำงาน นายดุสิต บุญธรรม ได้เป็นข้าราชการประจำกรม อาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ เมื่อ พ.ศ. 2480-2487 และ พ.ศ. 2488-2490 เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดปราจีนบุรี และดำรงตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ เป็น ผู้เสนอพระราชบัญญัติจัดตั้งจังหวัดนครนายก เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2489 เมื่อ พ.ศ. 2491-2494 รับราชการใน กระทรวงพาณิชย์ และได้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัด นครนายก อีกครั้งเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2500 วันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2500 ได้สนับสนุนในการตั้งโรงเรียนมัธยมอำเภอ ปากพลี จัดตั้งสหกรณ์ออมทรัพย์ครูนครนายก และเมื่อ พ.ศ. 2502-2505 เป็นข้าราชการต่างประเทศพิเศษประจำ สถานเอกอัครทูต ณ กรุงนิวเดลฮี ประเทศอินเดีย 124
นักการเมืองถ่ินจังหวัดปราจีนบุรี 4. นายทองเปลว ชลภูมิ นายทองเปลว ชลภูมิ เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดปราจีนบุรีเพียงสมัยเดียว คือ จากการเลือกตั้งวันที่ 5 สิงหาคม 2489– 8 พฤศจิกายน 2490 นายทองเปลว ชลภูมิ ก่อนที่จะมาเป็นสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรของจังหวัดปราจีนบุรีนั้น ท่านเป็นทนายความมา ก่อน และด้วยการที่เป็นทนายความมาก่อนนั้นทำให้ท่านมีฐาน เสียงจากกลุ่มทนายความเป็นส่วนใหญ่ ที่สนับสนุนให้ท่านได้ รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของจังหวัด ปราจีนบุรี 5. นายจันทร์ โกมุทพงศ์ นายจันทร์ โกมุทพงศ์ เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดปราจีนบุรีเพียงสมัยเดียว คือ จากการเลือกตั้งวันที่ 5 สิงหาคม 2489– 8 พฤศจิกายน 2490 นายจันทร์ โกมุทพงศ์ ก่อนที่จะมาเป็นสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรของจังหวัดปราจีนบุรีนั้น ท่านเป็นทนายความ มาก่อน และด้วยการที่เป็นทนายความมาก่อนนั้นทำให้ท่านมี ฐานเสียงจากกลุ่มทนายความเป็นส่วนใหญ่ ที่สนับสนุนให้ท่าน ได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของจังหวัด ปราจีนบุรี 6. นายสมบูรณ์ เดชสุภา นายสมบูรณ์ เดชสุภา เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดปราจีนบุรีสองสมัย คือ สมัยแรกจากการเลือกตั้งวันที่ 125
นักการเมืองถิ่นจังหวัดปราจีนบุรี 29 มกราคม 2491 และสมัยที่สองจากการเลือกตั้งวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2512 สังกัดพรรคสหประชาไทย นายสมบรูณ์ เดชสุภา เกิดวันที่ 26 มิถุนายน 2447 ที่อยู่ ซ.ปานทิพย์ ต.บางซอ่ น ดสุ ิต พระนคร จบการศึกษามธั ยมปีท่ี 3 และเคยไปดูงานประเทศพม่า นายสมบรูณ์ เดชสุภา เคยเป็นข้าราชการกระทรวง มหาดไทยและการคลัง, ค้าขาย นายสมบรูณ์ เดชสุภา เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดปราจีนบุรีในสมัยแรกช่วงวันที่ 29 มกราคม 2491– 29 พฤศจิกายน 2494 และสมัยที่สองช่วงวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2512 – 17 พฤศจิกายน 2514 สังกัดพรรคสหประชาไทย 7. พันตรีวิเชียร สีมันตร พันตรีวิเชียร สีมันตร เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดปราจีนบุรีสามสมัย คือ สมัยแรกจากการเลือกตั้งวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2495– 25 กุมภาพันธ์ 2500 สมัยที่สองจาก การเลือกตั้งวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2500 – 16 กันยายน 2500 ในนามพรรคเสรีมนังคศิลา และสมัยที่สามจากการเลือกตั้ง วันที่ 15 ธันวาคม 2500– 20 ตุลาคม 2501 พันตรีวิเชียร สีมันตร ก่อนที่จะมาเป็นสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรของจังหวัดปราจีนบุรีนั้น ท่านรับราชการทหาร มาก่อน และด้วยการที่เป็นข้าราชการทหารนั้นทำให้ท่านมีฐาน เสียงจากกลุ่มข้าราชการทหารเป็นส่วนใหญ่ ที่สนับสนุนให้ท่าน ได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของจังหวัด ปราจีนบุรี 126
นักการเมืองถ่ินจังหวัดปราจีนบุรี 8. ร้อยโทพัฒน์ ณ ถลาง ร้อยโทพัฒน์ ณ ถลาง เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดปราจีนบุรีเพียงสมัยเดียว คือ จากการเลือกตั้งวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2495– 25 กุมภาพันธ์ 2500 ร้อยโทพัฒน์ ณ ถลาง ก่อนที่จะมาเป็นสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรของจังหวัดปราจีนบุรีนั้น ท่านรับราชการทหาร มาก่อน และด้วยการที่เป็นข้าราชการทหารนั้นทำให้ท่านมีฐาน เสียงจากกลุ่มข้าราชการทหารเป็นส่วนใหญ่ ที่สนับสนุนให้ท่าน ได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของจังหวัด ปราจีนบุรี 9. พันเอกหลวงบุรกรรมโกวิท (ล้อม บุรกรรมโกวิท) พันเอกหลวงบุรกรรมโกวิท (ล้อม บุรกรรมโกวิท) เป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดปราจีนบุรีสองสมัย คือ สมัยแรกจากการเลือกตั้งวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2500 – 16 กันยายน 2500 ในนามพรรคชาติสังคม และต่อมาย้ายมาสังกัด พรรคเสรีมนังคศิลา และสมัยที่สองจากการเลือกตั้งวันที่ 15 ธันวาคม 2500 – 20 ตุลาคม 2501 ในนามพรรคเสรีมนังคศิลา พันเอกหลวงบุรกรรมโกวิท (ล้อม บุรกรรมโกวิท) ก่อนที่ จะมาเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของจังหวัดปราจีนบุรีนั้น ท่านรับราชการทหารที่ค่ายจักรพงษ์มาก่อน และด้วยการที่เป็น ข้าราชการทหารนั้นทำให้ท่านมีฐานเสียงจากกลุ่มข้าราชการ ทหารเป็นส่วนใหญ่ ที่สนับสนุนให้ท่านได้รับการเลือกตั้งเป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของจังหวัดปราจีนบุรี ท่านมีผลงานใน 127
นักการเมืองถิ่นจังหวัดปราจีนบุรี การพัฒนาจังหวัดปราจีนบุรีที่เป็นที่ประจักษ์คือ เป็นผู้สนับสนุน ในการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำปราจีนบุรี สรุป การเมืองยุคแรกของจังหวัดปราจีนบุรี จากการ เลอื กตง้ั ทว่ั ไป ครง้ั แรกวนั ท่ี 15 พฤศจกิ ายน 2476 – การเลอื กตง้ั วันที่ 15 ธันวาคม 2500 มีการจัดการเลือกตั้งทั้งหมด 8 ครั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ได้รับเลือกตั้งมีทั้งหมด 9 คน คือ ร.ท.ทองคำ คล้ายโอภาส นายดาบสงวน พยุงพงศ์ นายดุสิต บุญธรรม นายทองเปลว ชลภูมิ นายจันทร์ โกมุทพงศ์ นายสมบูรณ์ เดชสุภา พ.ต.วิเชียร สีมันตร สังกัดพรรค เสรีมนังคศิลา ร.ท.พัฒน์ ณ ถลาง และ พ.อ.หลวงบุรกรรม โกวิท (ล้อม บุรกรรมโกวิท) สังกัดพรรคชาติสังคมและพรรค เสรีมนังคศิลา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ได้รับการเลือกตั้ง มากที่สุด คือ พ.ต.วิเชียร สีมันตร จำนวน 3 สมัย พรรค การเมืองที่ได้รับการเลือกตั้งมากที่สุด คือ พรรคเสรีมนังคศิลา จำนวน 3 ครั้ง การเมืองถิ่นจังหวัดปราจีนบุรีในช่วงนี้การ เลือกตั้งของประชาชนในจังหวัดจะให้ความสำคัญที่ตัวบุคคล เป็นหลัก โดยส่วนมากจะเป็นการชี้นำจากเจ้าหน้าที่ของรัฐ เช่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ครู โดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรโดยส่วน ใหญ่จะประกอบอาชีพรับราชการเป็นคนที่มีชื่อเสียงของจังหวัด เป็นผู้ที่มีสถานภาพทางสังคมที่ได้รับการยอมรับจากคนใน ชุมชน ในส่วนของพรรคการเมืองในช่วงแรกนี้ก็ไม่ได้มีความ สำคัญมากนัก เพราะไม่ได้กำหนดให้ผู้สมัครสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรต้องสังกัดพรรคการเมือง ซึ่งโดยรวมแล้วอำนาจ ต่างๆ ก็ยังอยู่ที่สถาบันทหาร การลงคะแนนของประชาชนก็ยัง ยึดตัวบุคคลเป็นหลัก นโยบายพรรคไม่ได้มีส่วนสำคัญในการ 128
นักการเมืองถิ่นจังหวัดปราจีนบุรี หาเสียงมากนัก สำหรับวิธีการหาเสียงโดยส่วนใหญ่เป็น การปราศรัยบ้าง หรือการไปร่วมงานต่างๆ เช่น งานบวช งานแต่งงาน งานศพ เป็นต้น หรือใช้การแนะนำตัวกับผู้ที่มี บารมีในพื้นที่ ผู้ที่เป็นที่เคารพนับถือของประชาชนในจังหวัด โดยเฉพาะกลุ่มกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ครู เป็นต้น การเมืองและนักการเมืองถ่ินจังหวัดปราจีนบุรี ยุคที่สอง (พ.ศ. 2512 - พ.ศ. 2539) การเลือกตั้งวันท่ี 10 กุมภาพันธ์ 2512 – การเลือกตั้ง วันท่ี 17 พฤศจิกายน 2539 เหตุการณ์ทางการเมืองที่สำคัญในช่วงนี้คือ เหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 รัฐบาลจอมพลถนอม กิตติขจร ดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2512 รัฐบาลชุดนี้สิ้นสุดลง โดยการปฏิวัติตัวเองของจอมพลถนอม กิตติขจร เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2514 หลังการปฏิวัติได้มีการประกาศใช้ “ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พุทธศักราช 2515” มี “สภานิติบัญญัติแห่งชาติ” ซึ่งมาจากการเลือกตั้งทำหน้าที่ใน การบริหารประเทศ และยกร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งจอมพลถนอม กิตติขจร ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกสมัย รัฐบาลชุดนี้ สิ้นสุดลงโดยการลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ จอมพลถนอม กิตติขจร ในวันที่ 14 ตุลาคม 2516 จากการ ก่อการจลาจล เดินขบวนของเหล่านักเรียน นิสิต นักศึกษา ประชาชน เพื่อเรียกร้องรัฐธรรมนูญและการปกครองในระบอบ ประชาธิปไตย ซึ่งทางรัฐบาลได้ส่งกำลังทหารเข้าปราบปราม 129
นักการเมืองถิ่นจังหวัดปราจีนบุรี โดยมีการใช้กำลังคน อาวุธ รถถัง เฮลิคอปเตอร์ ทำให้เกิดการ บาดเจ็บ ล้มตาย สูญหาย ผู้เรียกร้องประชาธิปไตยไปเป็น จำนวนมาก และอีกเหตุการณ์ที่สำคัญคือเหตุการณ์ “พฤษภา ทมิฬ” การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 17 (วันที่ 13 กันยายน 2535) เมื่อมีการยุบสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 30 มิถุนายน 2535 อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากเหตุการณ์ทาง การเมืองที่สำคัญ เมื่อมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ขึ้นในวันที่ 22 มีนาคม 2535 พรรคร่วมรัฐบาลได้สนับสนุนให้ พลเอกสุจินดา คราประยูร รองหัวหน้าคณะรักษาความสงบ เรียบร้อยแห่งชาติเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีท่ามกลาง กระแสคัดค้านโดยทั่วไป เนื่องจากพลเอกสุจินดา ไม่ได้เป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร คือไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง รวมทั้ง ถูกมองว่าเป็นการสืบทอดอำนาจของคณะรักษาความสงบ เรียบร้อยแห่งชาติอีกด้วย จึงเกิดกระแสต่อต้านอย่างรุนแรงจน นำไปสู่เหตุการณ์ “พฤษภาทมิฬ” ระหว่างวันที่ 17-20 พฤษภาคม 2536 ทำให้พลเอกสุจินดา คราประยูร ต้องลาออก จากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี (เป็นได้เพียง 48 วัน) และได้มี พระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายอานันท์ ปันยารชุน เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งคณะรัฐมนตรีภายใต้การนำของนาย อานันท์ ปันยารชุน ถือเป็นคณะรัฐมนตรีที่จัดตั้งขึ้นเป็นการ เฉพาะกิจในขณะที่ประเทศอยู่ในภาวะวิกฤต รวมทั้งการแต่งตั้ง นายอานันท์ ปันยารชุน เป็นนายกรัฐมนตรีนี้เพื่อจะได้ใช้ กระบวนการทางรัฐสภา และรัฐธรรมนูญคืนอำนาจทาง การเมืองกลับสู่ประชาชน เมื่อประเทศเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว นายอานันท์ ปันยารชุน จึงได้ประกาศยุบสภาผู้แทนราษฎรใน 130
นักการเมืองถ่ินจังหวัดปราจีนบุรี วันที่ 29 มิถุนายน 2535 และได้จัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรขึ้นใหม่ในวันที่ 13 กันยายน 2535 สำหรับจังหวัดปราจีนบุรีการเมืองในยุคที่สองนี้มีการ จัดการเลือกตั้งทั้งหมด 11 ครั้ง (การเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่ 9-19) คือการเลือกตั้งครั้งที่ 9 วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2512 ผู้ที่ได้รับการ เลอื กตง้ั มี 3 คน คอื นายบญุ สง่ สมใจ สงั กดั พรรคสหประชาไทย นายสมบูรณ์ เดชสุภา สังกัดพรรคสหประชาไทย นางสงวน สีมันตร สังกัดพรรคสหประชาไทย การเลือกตั้งครั้งที่ 10 วันที่ 26 มกราคม 2518 ผู้ที่ได้รับการเลือกตั้งมี 3 คน คือ นายบุญส่ง สมใจ สังกัดพรรคธรรมสังคม, นายโปร่ง เจริญรัตน์ สังกัดพรรค กิจสังคม พ.ต.ทองดำ เสมะกนิษฐ์ สังกัดพรรคสังคมชาตินิยม การเลือกตั้งครั้งที่ 11 วันที่ 4 เมษายน 2519 ผู้ที่ได้รับการ เลือกตั้งมี 4 คน คือ เขต 1 นายเฉลิมพล หริตวร สังกัดพรรค กิจสังคม นายบุญส่ง สมใจ สังกัดพรรคธรรมสังคม เขต 2 นายเสนาะ เทียนทอง สังกัดพรรคชาติไทย นายนิพนธ์ เตียเจริญ สังกัดพรรคสังคมชาตินิยม การเลือกตั้งครั้งที่ 12 วันที่ 22 เมษายน 2522 ผู้ที่ได้รับการเลือกตั้งมี 4 คน คือ เขต 1 นายบุญส่ง สมใจ ไม่สังกัดพรรค/ชาติประชาธิปไตย นายสมาน ภมุ มะกาญจนะ สงั กดั พรรคชาตไิ ทย เขต 2 นายเสนาะ เทยี นทอง สังกัดพรรคชาติไทย นายสำรวล มหิทธิบุรินทร์ ไม่สังกัดพรรค/ พรรคชาติประชาธิปไตย การเลือกตั้งครั้งที่ 13 วันที่ 18 เมษายน 2526 ผู้ที่ได้รับการเลือกตั้งมี 5 คน คือ เขต 1 นายเสนาะ เทียนทอง สังกัดพรรคชาติไทย นายวิทยา เทียนทอง สังกัด พรรคชาติไทย นายสลับ นาคะเสถียร สังกัดพรรคประชากรไทย เขต 2 นายสุนทร วิลาวัลย์ สังกัดพรรคชาติไทย นายสมาน 131
นักการเมืองถิ่นจังหวัดปราจีนบุรี ภุมมะกาญจนะ สังกัดพรรคชาติไทย การเลือกตั้งครั้งที่ 14 วันที่ 27 กรกฎาคม 2529 ผู้ที่ได้รับการเลือกตั้งมี 5 คน คือ เขต 1 นายเสนาะ เทียนทอง สังกัดพรรคชาติไทย นายบุรินทร์ หิรัญบูรณะ สังกัดพรรคชาติไทย นายวิทยา เทียนทอง สังกัดพรรคชาติไทย เขต 2 นายบุญส่ง สมใจ สังกัดพรรค สหประชาธิปไตย นายสุนทร วิลาวัลย์ สังกัดพรรคราษฎร การเลือกตั้งครั้งที่ 15 วันที่ 24 กรกฎาคม 2531 ผู้ที่ได้รับการ เลือกตั้งมี 6 คน คือ เขต 1 นายสมาน ภุมมะกาญจนะ สังกัด พรรคชาติไทย นายสุนทร วิลาวัลย์ สังกัดพรรคชาติไทย นายบุญส่ง สมใจ สังกัดพรรคชาติไทย เขต 2 นายเสนาะ เทียนทอง สังกัดพรรคชาติไทย นายวิทยา เทียนทอง สังกัด พรรคชาติไทย นายบุรินทร์ หิรัญบูรณะ สังกัดพรรคชาติไทย การเลือกตั้งครั้งที่ 16 วันที่ 22 มีนาคม 2535 ผู้ที่ได้รับการ เลือกตั้งมี 6 คน คือ เขต 1 นายสุนทร วิลาวัลย์ สังกัดพรรค ชาติไทย นายสมาน ภุมมะกาญจนะ สังกัดพรรคชาติไทย นายบุญส่ง สมใจ สังกัดพรรคชาติไทย เขต 2 นายเสนาะ เทียนทอง สังกัดพรรคชาติไทย นายวิทยา เทียนทอง สังกัด พรรคชาติไทย นายบุรินทร์ หิรัญบูรณะ เขต 2 สังกัดพรรค ชาติไทย การเลือกตั้งครั้งที่ 17 วันที่ 13 กันยายน 2535 ผู้ที่ได้ รับการเลือกตั้งมี 6 คน คือ เขต 1 นายสมาน ภุมมะกาญจนะ สังกัดพรรคชาติพัฒนา นายสุนทร วิลาวัลย์ สังกัดพรรค ชาติไทย นายบุญส่ง สมใจ สังกัดพรรคชาติไทย เขต 2 นายเสนาะ เทยี นทอง สงั กดั พรรคชาตไิ ทย นายวทิ ยา เทยี นทอง สังกัดพรรคชาติไทย นายบุรินทร์ หิรัญบูรณะ สังกัดพรรค ชาติไทย การเลือกตั้งครั้งที่ 18 วันที่ 2 กรกฎาคม 2538 ผู้ที่ได้ 132
นักการเมืองถิ่นจังหวัดปราจีนบุรี รับการเลือกตั้งมี 3 คน คือ นายสุนทร วิลาวัลย์ สังกัดพรรค ชาติไทย นายสมาน ภุมมะกาญจนะ สังกัดพรรคชาติพัฒนา นายบุญส่ง สมใจ สังกัดพรรคชาติไทย การเลือกตั้งครั้งที่ 19 วันที่ 17 พฤศจิกายน 2539 ผู้ที่ได้รับการเลือกตั้งมี 3 คน คือ นายสุนทร วิลาวัลย์ สังกัดพรรคความหวังใหม่ นายวัฒนา เมืองสุข สังกัดพรรคชาติพัฒนา นายสมาน ภุมมะกาญจนะ สังกัดพรรคชาติพัฒนา สำหรับนักการเมืองถิ่นในยุคที่สอง ได้แก่ นายบุญส่ง สมใจ นายสมบูรณ์ เดชสุภา นางสงวน สีมันตร นายโปร่ง เจริญรัตน์ พ.ต.ทองดำ เสมะกนิษฐ์ นายเฉลิมพล หริตวร นายเสนาะ เทียนทอง นายนิพนธ์ เตียเจริญ นายสมาน ภุมมะกาญจนะ นายสำรวล มหิทธิบุรินทร์ นายวทิ ยา เทยี นทอง นายสลบั นาคะเสถยี ร นายสนุ ทร วลิ าวลั ย์ นายบุรินทร์ หิรัญบูรณะ และนายวัฒนา เมืองสุข ซึ่งแต่ละท่าน มีประวัติที่น่าสนใจ ดังนี้คือ 1. นายบุญส่ง สมใจ นายบุญส่ง สมใจ เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่มี บทบาทและมีความสำคัญต่อการเมืองของจังหวัดปราจีนบุรี เป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวน 9 สมัยด้วยกันคือ สมัยที่ 1 วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2512 ถึงวันที่ 17 พฤศจิกายน 2514 สมัยที่ 2 วันที่ 26 มกราคม 2518 ถึงวันที่ 12 มกราคม 2519 สมัยที่ 3 วันที่ 4 เมษายน 2519 ถึงวันที่ 6 ตุลาคม 2519 สมัยที่ 4 วันที่ 22 เมษายน 2522 ถึงวันที่ 19 มีนาคม 2526 สมัยที่ 5 วันที่ 27 กรกฎาคม 2529 ถึงวันที่ 29 เมษายน 2531 สมัยที่ 6 วันที่ 24 กรกฎาคม 2531 ถึงวันที่ 133
นักการเมืองถ่ินจังหวัดปราจีนบุรี 23 กุมภาพันธ์ 2534 สมัยที่ 7 วันที่ 22 มีนาคม2535 ถึงวันที่ 29 มิถุนายน 2535 สมัยที่ 8 วันที่ 13 กันยายน 2535 ถึงวันที่ 18 พฤษภาคม 2538 สมัยที่ 9 วันที่ 2 กรกฎาคม 2538 ถึงวันที่ 27 กันยายน 2539 นายบุญส่ง สมใจ เป็นชาวปราจีนบุรี เกิดเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2472 เป็นบุตรของนายสายหยุด และนางวิง สมใจ ที่บ้านหนองกระจับ ตำบลดงพระราม อำเภอเมือง จังหวัด ปราจีนบุรี มีพี่น้อง 6 คน เป็นชาย 4 คน หญิง 2 คนคือ นายศุภมิตร สมใจ นายโกศล สมใจ นายบุญส่ง สมใจ จ.ส.อ.สนิท สมใจ นางสาวบุญล้อม และสมใจ นางสำรวย บัวคำศรี นายบุญส่ง สมใจ สมรสกับนางสาวยุพิน สุระประสิทธิ์ มีธิดา 4 คน คือ นางกัญญา คูหาเปรมกิจ ดร.เขมา สมใจ นางปภาดา แก่นสารสมใจ และนางพนารักษ์ ทั่งทอง ในระดับ ประถมศึกษานายบุญส่ง สมใจ สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียน ปราจิณราษฎร์รังสฤษฎิ์ (โรงเรียนเทศบาล 1) ระดับมัธยมศึกษา โรงเรียนปราจิณราษฎร์อำรุง และระดับอุดมศึกษา ศิลปศาสตร บัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาการบริหารธุรกิจและการจัดการ สถาบันราชภัฎเพชรบุรีวิทยาลงกรณ์ เมื่อจบมัธยมศึกษาปีที่ 6 นายบุญส่ง สมใจ ได้ออกมา ทำงานที่โรงแรมสมัยเจริญและเริ่มทำธุรกิจแรกในชีวิต คือ ร้านซักรีดเสื้อผ้า โดยเช่าพื้นที่บริเวณด้านล่างโรงแรมสมัยเจริญ เมื่อประสบความสำเร็จในธุรกิจร้านซักรีดเสื้อผ้าแล้ว นายบุญส่ง สมใจ ได้มุ่งมั่นที่จะดำเนินธุรกิจให้ประสบความ 134
นักการเมืองถ่ินจังหวัดปราจีนบุรี สำเร็จ เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับครอบครัวและขณะเดียวกัน ก็มีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างความเจริญก้าวหน้าให้แก่จังหวัด ปราจีนบุรี โดยได้สะสมประสบการณ์ในการประกอบธุรกิจจาก เล็กมาสู่ใหญ่เป็นลำดับ ดังนี้ เป็นผู้ก่อตั้งและบริหารโรงแรม สุขสมใจ และโรงแรมสมใจพาเลซ ภัตตาคารมิตรคาเฟ่ เป็น ผู้ก่อตั้งตลาดกลางการเกษตร จังหวัดปราจีนบุรี ก่อตั้งสถานที่ ทำการขนส่งจังหวัดปราจีนบุรี ก่อตั้งบริษัทสมใจพัฒนา จำกัด บริษัทสมใจซัพพลาย จำกัด บริษัทสวนเกษตรบางบริบูรณ์ จำกัด และบริษัทแกรนด์การ์เดน ริเวอร์ปาร์ค ก่อตั้งหอการค้า จังหวัดปราจีนบุรี ใน พ.ศ.2528 และดำรงตำแหน่งเป็นประธาน หอการค้าจังหวัดปราจีนบุรีติดต่อกันถึง 3 สมัย เป็นประธาน กรรมการหอการค้าไทย เขต 2(สมุทรปราการ, ฉะเชิงเทรา, นครนายก และปราจีนบุรี) เป็นรองประธานคณะกรรมการร่วม ภาครัฐและเอกชน (กรอ.ปราจีนบุรี) และร่วมเป็นคณะกรรมการ ด้านต่างๆ อีกมากมาย (หนังสืองานพระราชทานเพลิงศพ นายบุญส่ง สมใจ, 2552) การเขา้ สู่การเมือง การเข้าสู่การเมืองของนายบุญส่ง สมใจนั้นมีที่มาจาก การจุดประกายการเมืองจาก ดร.หยุด แสงอุทัย นักกฎหมาย คนสำคัญของการเมืองไทย ครั้งที่ท่านมาพักที่โรงแรมสุขสมใจ การพูดคุยกันครั้งนั้นช่วยทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลง และส่งเสริมให้นายบุญส่ง ประสบความสำเร็จในการเป็น นักการเมือง โดย ดร.หยุดให้ทรรศนะอันมีค่าว่า “ถ้าเป็น นักการเมือง ข้อสำคัญคือย่าไปทะเลาะกับข้าราชการประจำ 135
นักการเมืองถ่ินจังหวัดปราจีนบุรี เพราะข้าราชการเขามักเกรงใจนักการเมืองอยู่แล้ว ดังนั้น ถ้า เขาช่วยอะไรได้ เขาก็ต้องช่วย การที่ไปทะเลาะไปอวดเบ่งถือดี มักจะไม่เกิดผลดี รังแต่จะเกิดผลเสียตามมาและเมื่อเขาจะ โยกย้ายไป ความดีความชั่วของนักการเมืองในพื้นที่เขาจะบอก จะฝากต่อ ๆ กันไป” และอีกคนหนึ่งที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้มีอุปการ คุณที่สำคัญ ซึ่งให้การช่วยเหลือเกื้อกูลให้ก้าวมาถึงจุดสูงสุด ในชีวิตการเมืองคือ พ.ท.เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ ซึ่งต่อมา ท่านดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 15 ของประเทศไทย โดย เสธ. เกรียงศักดิ์ ได้ให้ความเอ็นดูนายบุญส่งเสมือนหนึ่ง เป็นน้องชาย เมื่อธุรกิจมั่งคั่งและมั่นคง พรรคพวกเพื่อนพี่น้อง ก็เกิดขึ้นมากมาย เพราะนิสัยใจกว้างรักเพื่อน และแล้ว นายบุญส่ง ก็ตัดสินใจหันเข้าสู่เวทีการเมืองด้วยการเป็นสมาชิก สภาเทศบาลเมืองปราจีนบุรี โดยการแต่งตั้งของผู้ใหญ่ใน จังหวัดและเมื่อหมดวาระลง นายบุญส่ง ได้รวบรวมพรรคพวก ลงสมัครเป็นสมาชิกสภาเทศบาลเมืองปราจีนบุรีเอง โดยได้รับ เลือกตั้งทั้งคณะ และนายบุญส่งเป็นนายกเทศมนตรี เมื่อ พ.ศ. 2506 โดยประสบความสำเร็จอย่างสูงด้วยการดำรงตำแหน่ง เป็นนายกเทศมนตรีถึง 3 สมัยซ้อน (พ.ศ. 2506 - 2518) และได้ ก้าวเข้าสู่เวทีการเมืองระดับชาติในขณะที่ดำรงตำแหน่งเป็น นายกเทศมนตรีเมืองปราจีนบุรีสมัยที่ 2 โดยในช่วงนั้นกฏหมาย ยังไม่ห้ามสวมหมวกสองใบทั้งเป็นนักการเมืองท้องถิ่นและ นักการเมืองระดับชาติ โดยใน พ.ศ. 2512 นายบุญส่ง ตัดสินใจ ลงสมัครรับเลือกตั้งในเวทีระดับชาติครั้งแรกในนามพรรค สหประชาไทย ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลในขณะนั้น และประสบ ความสำเร็จได้รับเลือกตั้งเป็น สส.ปราจีนบุรีทำให้นายบุญส่ง 136
นักการเมืองถิ่นจังหวัดปราจีนบุรี ดำรงตำแหน่งทั้งนายกเทศมนตรีเมืองปราจีนบุรี และ สส. ปราจีนบุรีไปพร้อมๆ กัน เพราะกฎหมายและรัฐธรรมนูญไม่ได้ บัญญัติห้ามไว้ อย่างไรก็ตามในเวลาต่อมา นายบุญส่งเลือกที่ จะทำหน้าที่ในระดับชาติ และลาออกจากตำแหน่งผู้บริหาร ท้องถิ่นเพื่อให้คนรุ่นหลังได้เข้ามาช่วยดแู ลพื้นที่รับไม้ต่อ นักการเมืองที่ชนะการเลือกตั้งในปี 2512 นั้น นับเป็นรุ่น ที่เริ่มให้มีการเลือกตั้งหลังจากมีการ ปฎิวัติตั้งแต่ปี พ.ศ. 2500 เป็นต้นมา โดยมีนักการเมืองสำคัญๆในระดับชาติของไทย ที่ยัง คงมีชีวิตอยู่และยังคงโลดแล่นในเวทีการเมือง อาทิ ฯพณฯ ชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี ฯพณฯ ชัย ชิดชอบ ประธานสภา ผู้แทนราษฎร จึงนับว่านักการเมืองรุ่นนี้มีบทบาทและมีความ สำคัญต่อวงการการเมืองของไทยเป็นอย่างยิ่ง การเล่นการเมืองของนายบุญส่ง สมใจ ในสมัยนั้นยังไม่ ค่อยประสบความยุ่งยากที่มีการต่อสู้แข่งขันกันรุนแรงเหมือน ในปัจจุบัน เพียงแต่ในครั้งนั้นผู้สมัครจะต้องสามารถ “เข้าถึง” และ “ผูกใจ” บรรดาหัวคะแนนในพื้นที่ให้ได้ และหัวคะแนน ดังกล่าวจะต้องเป็นคนดีและได้รับความเชื่อถือ ซึ่งถ้าผู้สมัคร รายใดมีหัวคะแนนที่ดีๆ เป็นที่ยอมรับในพื้นที่โอกาสที่จะ ประสบความสำเร็จได้รับเลือกตั้งเข้าสู่สภาก็มีสูง ซึ่งบุคคล ที่คอยให้การช่วยเหลือทางการเมืองแก่นายบุญส่ง จนได้รับ เลือกตั้งคนสำคัญก็คือ นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรค ประชาราชในขณะนี้ ซึ่งนายบุญส่งนั้นให้ความนับถือและ เกรงใจนายเสนาะ เทียนทอง เป็นอย่างยิ่ง เหนือสิ่งอื่นใด แนวทางการเล่นการเมืองที่นายบุญส่ง อยากให้นักการเมือง 137
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274