Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 45นักการเมืองถิ่นปราจีนบุรี

45นักการเมืองถิ่นปราจีนบุรี

Description: เล่มที่45นักการเมืองถิ่นปราจีนบุรี

Search

Read the Text Version

นักการเมืองถิ่นจังหวัดปราจีนบุรี ปจั จยั ท่ที ำใหไ้ ดร้ บั เลอื กต้งั ปัจจัยที่ทำให้นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ ศรีจันทร์งาม ได้รับการเลือกตั้งเกิดจากการมีนโยบายที่ส่งผลต่อประชาชน โดยตรงและนโยบายแต่ละนโยบาย ได้มีการผ่านกระบวนการ รับฟังความคิดเห็นของประชาชนต่อนโยบายแต่ละข้อ แต่ละ เรื่อง โดยแต่ละนโยบายนั้น ก็สามารถแก้ไขปัญหาของชาวบ้าน ในแต่ละเขตพื้นที่ในจังหวัดปราจีนบุรีได้อย่างดี บุคลิกภาพของตนที่มีการวางตัวได้ดีในการหาเสียง หรือพบปะกับประชาชน ไม่ถือตัว ไม่โอ้อวด มีความน่าเชื่อถือ มีความจริงใจต่อประชาชนในทุกๆ เรื่อง เข้ากับคนง่าย การพูด ที่ทำให้คนทุกระดับเข้าใจง่าย มีการศึกษาที่ดี และความกล้า แสดงความคิดเห็น ชื่อเสียงของตระกูลวิลาวัลย์ ที่ประกอบด้วยบิดา คือ นายสุนทร วิลาวัลย์ และคุณอา นางบังอร วิลาวัลย์ ได้สร้าง ผลงานไว้ดี เป็นที่ประจักษ์แก่ชาวปราจีนบุรี ผลงานต่างๆ ออก มาเป็นรูปธรรม ตลอดจนชื่อเสียงของพรรคการเมืองที่สังกัด (กนกวรรณ วิลาวัลย์ ศรีจันทร์งาม, สัมภาษณ์, 2554) 4. นายเกียรติกร พากเพียรศิลป์ นายเกียรติกร พากเพียรศิลป์ ลงสมัครรับเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนครั้งแรกยังไม่ได้ แต่เนื่องจากคุณสุนทร วิลาวัลย์ โดนใบแดง ทางจังหวัดจึงจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ จึงลงเลือกตั้งซ่อมในนามพรรคมัชฌิมา และได้เป็นสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรจังหวัดปราจีนบุรี สมัยเดียวจากการเลือกตั้งวันที่ 188

นักการเมืองถิ่นจังหวัดปราจีนบุรี 27 มกราคม 2551 พอพรรคมัชฌิมาโดยยุบในวันที่ 2 ธันวาคม 2551 เลยย้ายไปอยู่พรรคประชาธิปัตย์วันที่ 4 ธันวาคม 2551 เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดปราจีนบุรีจนถึงวันที่ 7 กันยายน 2552 จึงขอลาออกเพราะท่าน ส.ส. มีความรู้สึกว่า ไม่สามารถทำงานได้เต็มที่ตามที่ได้รับปากกับประชาชนไว้จึงขอ ลาออกเอง แต่ยังไม่ได้รับการอนุมัติ จึงทำหนังสือขอลาออก โดยเขียนเป็นลายลักษณ์อักษร เป็นครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 11 พฤศจกิ ายน 2552 เพอ่ื ไมต่ อ้ งการใหใ้ ครมาชมุ นมุ และการลาออก กไ็ ดร้ บั อนมุ ตั ใิ นวนั ท่ี 2 ธนั วาคม 2552 (เกยี รตกิ ร พากเพยี รศลิ ป,์ สัมภาษณ์, 2554) นายเกยี รตกิ ร พากเพยี รศลิ ป์ เกดิ เมอ่ื วนั ท่ี 13 พฤศจกิ ายน 2506 สมรสกับคุณวราพร พากเพียรศิลป์ อาชีพธุรกิจส่วนตัว คือผลิตสินค้าเกี่ยวกับงานประเพณีของจีน (เช่น กระดาษเงิน กระดาษทอง ข้าวของเครื่องใช้ในพิธีต่างๆ ของคนจีน) เป็นบุตร คนที่ 5 มีพี่น้องทั้งหมด 6 คน พี่ชายคนโตคือ นายตระกูล พากเพียรศิลป์ อดีตนายกเทศมนตรีเมืองปราจีนบุรี พี่สาวคนที่ 2 และ 3 ประกอบอาชพี รบั ราชการ (คร)ู พช่ี ายคนท่ี 4 นายบญุ เกอ้ื พากเพียรศิลป์ ดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองปราจีนบุรี และน้องชายคือนายสมดุล พากเพียรศิลป์ ดำรงตำแหน่งนายก องค์การบริหารส่วนตำบลรอบเมือง นายเกียรติกร พากเพียรศิลป์ สำเร็จการศึกษาระดับชั้น ประถมศึกษาปีที่ 6 จากโรงเรียนเทพประสาท สำเร็จการศึกษา ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จากโรงเรียนปราจิณราษฎรอำรุง แล้วจึงไปเรียนต่อที่โรงเรียนสารพัดช่าง จังหวัดชลบุรี จากนั้น 189

นักการเมืองถ่ินจังหวัดปราจีนบุรี ได้เข้าศึกษาในระดับปริญญาตรี ด้านการบัญชี มหาวิทยาลัย ราชภัฎสวนดุสิต วิทยาเขตปราจีนบุรี และศึกษาต่อในระดับ ปริญญาโท สาขาสื่อสารการเมือง มหาวิทยาลัยเกริก โดยมี นักการเมืองต้นแบบคือท่านปรีดี พนมยงค์ การเขา้ สูก่ ารเมอื ง นายเกียรติกร พากเพียรศิลป์ ต้องการผลักดันโครงการ เขื่อนห้วยโสมงเพื่อป้องกันน้ำท่วม, น้ำแล้งและเอื้อประโยชน ์ ต่อเกษตรกรและประชาชนในจังหวัดปราจีนบุรี อีกทั้งต้องการ ผลักดันเรื่องขยายถนนสี่เลน คือถนนสายนครนายก – พนมสารคาม ปราจีนบุรี-พนมสารคาม ตลอดจนมีฐานจาก คนในครอบครัวเป็นที่นักการเมืองท้องถิ่นหลายคนได้แก่ พี่ชาย คนโตนายตระกูล พากเพียรศิลป์ เป็นอดีต สจ. รองนายก เทศมนตรีเมืองปราจีนบุรีและนายกเทศมนตรีเมืองปราจีนบุรี นายบุญเกื้อ พากเพียรศิลป์ พี่ชายคนที่สี่ ดำรงตำแหน่งนายก เทศมนตรีเมืองปราจีนบุรี และนายสมดุล พากเพียรศิลป์ น้องชายคนเล็กดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบล รอบเมือง และตัวท่านเกียรติกร ก็เป็นนักการเมืองท้องถิ่น มาก่อน คือเป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด ปราจีนบุรี ถึง 8 ปี จึงคิดว่ามีฐานเสียงที่ให้การสนับสนุน มากพอสมควร จึงตัดสินใจเข้าสู่เวทีการเมืองระดับชาติด้วยการ ลงรับสมัครเลือกตั้งซ่อมแทนคุณสุนทร วิลาวัลย์ ที่โดนใบแดง และได้ท่านก็ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัด ปราจีนบุรี จากการเลือกตั้งวันที่ 27 มกราคม 2551 ในนาม พรรคมัชฌิมา แต่เมื่อพรรคมัชฌิมาโดยยุบในวันที่ 2 ธันวาคม 190

นักการเมืองถิ่นจังหวัดปราจีนบุรี 2551 เลยย้ายไปอยู่พรรคประชาธิปัตย์วันที่ 4 ธันวาคม 2551 เมื่อปฏิบัติหน้าที่ไปได้ระยะหนึ่งท่านจึงขอลาออกเพราะมีความ รู้สึกว่าไม่สามารถทำงานได้เต็มที่ตามที่ได้รับปากกับประชาชน ไว้ และการลาออกก็ได้รับอนุมัติในวันที่ 2 ธันวาคม 2552 และ ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2554 ที่ผ่านมา ก็มีคนมาทาบทามให้ลงสมัครแต่ตัวท่านยังไม่ พร้อมเพราะเห็นว่าบ้านเมืองยังมีปัญหาอยู่เลยอยากเว้นวรรค ทางการเมืองไปก่อน (เกียรติกร พากเพียรศิลป์, สัมภาษณ์, 2554) ผลงานทผ่ี า่ นมา รองประธานกรรมาธกิ ารพระราชบญั ญัติศาลรฐั ธรรมนญู พ.ศ.2551 กรรมาธิการเกษตรของสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2551- 2552 และการผลักดันโครงการเขื่อนห้วยโสมงโครงการ พระราชดำริ ได้รับการอนุมัติเมื่อ 27 ตุลาคม 2552 ฐานเสียงและเครอื ข่ายทางการเมอื ง กลุ่มฐานเสียงของนายเกียรติกร พากเพียรศิลป์ ที่ทำให้ ประสบผลสำเร็จมาจากเครือข่ายเดิมเมื่อครั้งเป็นสมาชิกสภา องค์การบริหารส่วนจังหวัดปราจีนบุรี(สจ.)8 ปี และเป็น รองนายก อบจ. (ฐานเสียงจากประชาชนทั้งจังหวัด) เนื่องจาก คนรู้จักตัวบุคคลและลงพื้นที่ตลอดระยะเวลาที่เป็น สจ. มีผลงานเป็นที่ประจักษ์แก่ประชาชนทั่วไป เครือข่ายจากกลุ่มวัยรุ่น อาจารย์พละ และประชาชน ในจังหวัดเพราะนโยบายของนายเกียรติกรที่ให้การสนับสนุน 191

นักการเมืองถ่ินจังหวัดปราจีนบุรี เรื่องกีฬามาโดยตลอด เนื่องจากตัวท่านเองก็เป็นนักกีฬาระดับ จังหวัดและระดับภาคตั้งแต่สมัยเรียนจนถึงปัจจุบัน และเป็น ประธานชมรมฟุตบอลประจำจังหวัดปราจีนบุรี จึงเห็นความ สำคัญของเรื่องกีฬา ถ้ามีการจัดงานกีฬาต่างๆ ในจังหวัดก็จะมี อาจารย์พละ ตัวแทนเยาวชน และประชาชนในชุมชน เข้ามา ขอรับการสนับสนุนให้ท่านเป็นสปอนเซอร์ให้ โดยท่านจะให้การ สนับสนุนตั้งแต่อุปกรณ์กีฬา เสื้อผ้านักกีฬา รวมไปถึงถ้วยและ เงินรางวัล คือจะเน้นการให้เพื่อให้เกิดประโยชน์กับส่วนรวม เครือข่ายเพื่อน พี่น้องในจังหวัดปราจีนบุรี เนื่องจาก นายเกียรติกรเป็นศิษย์เก่าและประธานรุ่นโรงเรียนปราจิณ ราษฎรอำรุง ตลอดจนศิษย์เก่าและประธานรุ่นสมัยเรียน มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนดุสิต วิทยาเขตปราจีนบุรี จึงส่งผล ให้ท่านมีเครือข่ายเพื่อน ตลอดจนรุ่นพี่ รุ่นน้อง สมัยเรียน ในจังหวัดปราจีนบุรีค่อนข้างมาก จึงอาจได้ฐานเสียงจาก เครือข่ายกลุ่มนี้ด้วย (เกียรติกร พากเพียรศิลป์, สัมภาษณ์, 2554) รปู แบบ/กลวธิ ีการหาเสียง การหาเสียงของนายเกียรติกร พากเพียรศิลป์ เป็นคน รักษาคำพูด เคยช่วยพี่ชายคนโตหาเสียงมาก่อน (นายก อบจ.) และท่านเคยเป็นสจ.มาก่อนในพื้นที่อำเภอเมือง และสมัยที่ลง สมัคร ส.ส. นั้นเป็นแบบรวมเขตไม่ใช่แบ่งเขตเหมือนปัจจุบัน ลงพื้นที่ทุกวันทุกเขต 4 เดือนเต็มๆ แต่ก็พบประชาชนไม่มากนัก เพราะพื้นที่กว้าง การหาเสียงจะไปเป็นกลุ่มย่อยเพียง 2 คน เพื่อที่จะได้พูดคุยกับประชาชนได้ทั่วถึงในช่วงก่อนการเลือกตั้ง 192

นักการเมืองถิ่นจังหวัดปราจีนบุรี จะมีการแจกสิ่งของ เช่นเสื้อพรรคแต่ไม่มากนัก แจกเสื้อกีฬาทุก อำเภอทุกหมู่บ้าน ถ้วยรางวัล (ตั้งแต่สมัยเป็น สจ.) แจกช่วงที่ เป็นสจ.แต่สมัยที่เป็น ส.ส. ไม่ได้แจกเลย แกนนำในการหาเสียง (หัวคะแนน) ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มอาจารย์ คนรุ่นใหม่ (เด็กที่เป็น นักกีฬาที่ได้รับการสนับสนุนอุปกรณ์กีฬาต่าง ๆ พอโตขึ้นจนถึง เกณฑ์อายุที่จะใช้สิทธิ์เลือกตั้งได้ก็อาจตัดสินใจเลือกท่าน เพราะท่านเคยช่วยเหลือและให้การสนับสนุนเรื่องกีฬามาก่อน) หรือใช้หัวคะแนนที่เป็นผู้นำท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อบต. สท. เน้นนักการเมืองรุ่นใหม่ หัวคะแนนเน้นหัวคะแนนที่มีใจ ในการทำงานให้กับตัว สส. ไม่ใช้หัวคะแนนโดยอาชีพ เน้นว่า หัวคะแนนต้องให้ความรู้ ให้ประชาชนเลือกคนดี คนที่ทำงาน เพอ่ื สว่ นรวมจะไมใ่ ชห้ วั คะแนนมอื อาชพี ทต่ี อ้ งใชเ้ งนิ การหาเสยี ง มีการใช้สื่อประชาสัมพันธ์ ทั้งป้ายโฆษณา รถขยายเสียง (สิบกว่าคัน) ออกทุกตำบล ทุกหมู่บ้านตลอด 4 เดือน วิทยุ ชุมชน (ประมาณ 1-2 ครั้ง) บัตรเลือกที่เป็นรูป ไม่มีแผ่นพับ เพื่อ เป็นการแนะนำให้ชาวบ้านได้รู้จักมากยิ่งขึ้น และมีสโลแกนหรือ ประโยคติดหูที่ว่า “ใจเกินร้อย พูดจริงทำจริง ไม่ทอดทิ้ง ประชาชน” “ใจถึง พึ่งได้ ใจเกินร้อย” และมีเพลงประจำตัวซึ่งมี ส่วนในการดึงดูดประชาชน ไม่เน้นการเกณฑ์คน เน้นการไป ตามงานที่มีการรวมตัวของคนอยู่แล้วจึงไปเปิดตัวเพื่อแนะนำ ตัวให้ประชาชนรู้จัก เช่น งานบุญกลางบ้าน ที่เป็นการทำบุญ ของแต่ละหมู่บ้าน,ตำบลทุกที่ ซึ่งแต่ละพื้นที่จะจัดไม่ตรงกัน เมื่อไปเปิดตัวคนเดียวจึงได้คะแนนเต็มๆ จากประชาชน หรือ ไปร่วมงานแข่งขันกีฬาฟุตบอลหมู่บ้านเป็นต้น (เกียรติกร พากเพียรศิลป์, สัมภาษณ์, 2554) 193

นักการเมืองถ่ินจังหวัดปราจีนบุรี ปัจจัยทท่ี ำให้ไดร้ ับเลอื กตง้ั สิ่งที่ทำให้นายเกียรติกร พากเพียรศิลป์ ได้รับการ เลือกตั้ง คือ “อ่อนน้อมถ่อมตน มีจุดยืน ไม่ลืมตัว มีความ จริงใจ เข้าถึงประชาชน ไม่ลืมบุญคุณคน ชื่อเสียงพรรคมีบ้าง แต่ไม่มากนัก ชื่อเสียงวงศ์ตระกูลคือท่านจะไม่ทำให้เสียชื่อเสียง วงค์ตระกูลของท่าน เป็นคนพูดจริงทำจริง ทำเพื่อประชาชน จริงๆ ตั้งแต่สมัยที่เป็น สจ.” 5. นายอำนาจ วิลาวัลย์ นายอำนาจ วิลาวัลย์ ลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรจังหวัดปราจีนบุรี ในนามพรรคภูมิใจไทย จำนวน 2 สมัย และได้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของจังหวัด ปราจีนบุรีทั้งสองสมัย โดยสมัยแรก คือ วันที่ 10 มกราคม 2553 และสมัยที่สอง วันที่ 3 กรกฎาคม 2554 นายอำนาจ วิลาวัลย์ เกิดเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2507 สมรสกับคุณบุศรา ฐาราชวงศ์ศึก อายุ 40 ปี มีบุตรชาย 1 คน คือ เด็กชายศุภกร วิลาวัลย์ อายุ 5 ขวบ นายอำนาจ วิลาวัลย์ สำเร็จการศึกษาระดับ ประกาศนียบัตรชั้นสูง (ช่างอุตสาหกรรม)โรงเรียนเซนต์จอห์น เทคนิคกรุงเทพ จังหวัดกรุงเทพมหานคร หลังจากสำเร็จ การศึกษาแล้วก็ทำอาชีพธุรกิจนาฬิกาของครอบครัว การเขา้ สูก่ ารเมือง นายอำนาจ วิลาวัลย์ มีประสบการณ์ตรงจากการเห็น คุณสุนทร วิลาวัลย์ที่เป็นอาทำงานด้านการเมือง ได้ช่วยเหลือ 194

นักการเมืองถ่ินจังหวัดปราจีนบุรี ประชาชนตลอด ไม่ว่าจะวันหรือเวลาไหน จึงทำให้รู้สึกมีความ สนใจที่จะเข้ามาทำงานเพื่อส่วนรวมบ้าง ซึ่งหลังจากจบการ ศึกษาจึงเข้าทำงานเป็นสมาชิกสภาเทศบาลเมืองปราจีนบุรี ตั้งแต่ พ.ศ. 2542 และได้รับความไว้วางใจถึงสามสมัย จากนั้น จึงได้มาทำงานระดับชาติ ลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรจังหวัดปราจีนบุรี ในนามพรรคภูมิใจไทย จำนวน 2 สมัย และได้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของจังหวัด ปราจีนบุรีทั้งสองสมัย โดยสมัยแรก คือ วันที่ 10 มกราคม 2553 ซึ่งปัจจุบันเป็นสมัยที่สอง สาเหตุที่ได้รับเลือกตั้งในครั้งแรก คิดว่าเป็นเพราะความผูกพันที่ชาวบ้านมีต่อครอบครัววิลาวัลย์ โดยเฉพาะความเชื่อมั่นในคุณสุนทร วิลาวัลย์ ที่ทำงานทุ่มเท อย่างเต็มที่ เวลาชาวบ้านมาขอความช่วยเหลือก็จะช่วยทุกครั้ง แต่สมัยที่สองวันที่ 3 กรกฎาคม 2554 ที่ได้รับเลือก เหตุผล ส่วนหนึ่งมาจากความเชื่อมั่นในตัวคุณอำนาจเอง จากผลงาน ที่ทำมาโดยตลอด หลังจากได้รับเลือกตั้งเป็นสส. แล้วก็ทำงานอย่างเต็มที่ ปัญหาบางเรื่องของประชาชนก็อาจต้องร่วมงานกับ สส. เขต 2 คือ คุณชยุต และเขต 3 คุณเพชรินทร์ ซึ่งก็ได้พบกันทั้งที่รัฐสภา และตามงานต่างๆ ในพื้นที่ ในการทำงาน คุณอำนาจ วิลาวัลย์ มีเป้าหมาย คือ การทำงานประสานกับประชาชนให้ได้มากที่สุด โดยจะเน้นเรื่อง การส่งเสริมการเกษตร เพราะประชาชนในจังหวัดปราจีนบุรี ส่วนใหญ่เป็นเกษตรกร จะทำงานให้ดีที่สุด และยาวนานที่สุด ให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี เช่น การผลักดันสินค้าเกษตร 195

นักการเมืองถิ่นจังหวัดปราจีนบุรี การทำถนนปลอดฝุ่น ลานกีฬา อาคารเรียน เป็นต้น (อำนาจ วิลาวัลย์, สัมภาษณ์, 2554) ฐานเสยี งและเครือขา่ ยทางการเมอื ง นายอำนาจ วิลาวัลย์ ได้รับเลือกเข้ามาเป็นสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎร โดยมีฐานเสียงสำคัญจากครอบครัวที่เป็น นักการเมืองทั้งในระดับชาติและระดับท้องถิ่น โดยระดับชาติ มีนายสุนทร วิลาวัลย์ ซึ่งเป็นอา เป็นอดีตสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรของจังหวัดปราจีนบุรี ส่วนนักการเมืองระดับ ท้องถิ่น คุณบังอร วิลาวัลย์ ที่มีศักดิ์เป็นอาเช่นกัน ก็มีตำแหน่ง เป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปราจีนบุรี รูปแบบ/กลวิธีการหาเสียง นายอำนาจ วิลาวัลย์ มีสโลแกนที่ใช้ในการหาเสียงคือ จริงใจ ใกล้ชิด ติดดิน ซึ่งเป็นแนวทางการทำงาน โดยใช้ความ ตั้งใจ จริงใจในการทำงาน และเยี่ยมเยียนประชาชนเสมอ โดยเวลาอยู่ในสภาก็เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ทำงานอย่าง เต็มที่ แต่พอมาอยู่ในจังหวัด ประชาชนทุกคนเป็นพี่น้องกัน สามารถมาพบได้ตลอดทั้งที่บ้านหรือสำนักงาน วิธีการที่ใช้ในการหาเสียง คือ การเดินพบปะ เคาะประตู บ้าน เจอพี่น้องประชาชน เดินทุกวัน ตั้งแต่ 8.00 น. ส่วนเวลา กลับจะไม่แน่นอน ก็อยู่ในช่วงประมาณ 6 โมงเย็น หรือ มากกว่า จำนวนคนที่เดินด้วยกันเป็นกลุ่มเล็ก ไม่เกิน 10 คน ซึ่งจะทำให้เป็นกันเองกับชาวบ้านมากกว่า และประชาชนจะได้ เห็นความตั้งใจของผู้สมัคร อีกวิธีการคือ การจัดเวทีเล็กๆ มี 196

นักการเมืองถิ่นจังหวัดปราจีนบุรี ประมาณ 4 -5 ครั้ง โดยสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล หรือ ผู้นำหมู่บ้านจัดให้ โดยจัดตามลานบ้านผู้นำ หรือศาลา ประชาคม ซึ่งช่วงเวลาที่จัดประมาณ 6 โมงเย็น เพราะ ประชาชนเลิกจากการทำงาน โดยแต่ละเวทีมีคนมาร่วม ประมาณ 40-50 คน ทั้งชายและหญิง ข้อดีของการจัดเวทีเล็ก คือ ผู้สมัครสามารถพบประชาชนทั้งหมู่บ้านและใช้เวลาน้อย แต่ก็จะไม่ได้พูดคุยสารทุกข์กันมากนัก นอกจากนั้นก็ใช้การไป ร่วมงานบุญของประชาชน การทำกิจกรรมของภาครัฐ การเข้า ร่วมงานต่างก็มีผลต่อการได้รับเลือกตั้งเพราะประชาชน ก็ได้เห็นว่า เราทำกิจกรรมอะไรบ้าง การหาเสียง เริ่มจากความผูกพัน ใกล้ชิด รู้ปัญหาใน ชุมชน จะใช้นโยบายที่เหมาะกับปัญหาของประชาชนในจังหวัด ปราจีนบุรี มากกว่าใช้นโยบายพรรคเพราะเป็นภาพรวม ไม่ตรง กับสภาพของชีวิตคนปราจีนบุรี สำหรับของแจกนั้นจะแจกหลังจากได้รับการเลือกตั้ง แล้ว โดยสิ่งของที่ประชาชนนิยม เช่น เสื้อแจ็คเก็ต เสื้อยืด ร่ม กระเป๋าผ้าลดโลกร้อน ร่มใหญ่แบบแม่ค้า เป็นต้น ประชาชน จะมาขอที่สำนักงาน สื่อประชาสัมพันธ์ในการหาเสียง เช่น รถขยายหาเสียง แผ่นพับแนะนำตัว ไปรษณีย์ส่งเอกสารตามบ้าน ป้ายทำติด ทั่วไป เพลงโฆษณาหาเสียงของพรรค แล้วก็ใส่ชื่อเรา และเพลง ของเราด้วย แต่ก็ไม่มีผลมากนักกับการเลือกตั้ง (อำนาจ วิลาวัลย์, สัมภาษณ์, 2554) 197

นักการเมืองถิ่นจังหวัดปราจีนบุรี ปจั จยั ทท่ี ำใหไ้ ดร้ บั เลอื กตง้ั สิ่งสำคัญที่ทำให้นายอำนาจ วิลาวัลย์ ได้รับการเลือกตั้ง คือ การทำงานอย่างทุ่มเท จริงใจ ตั้งใจเพื่อความสุขของคน ส่วนรวม ซึ่งครอบครัววิลาวัลย์ได้ทำงานการเมืองกันมาเป็น เวลานานทั้งในระดับท้องที่ ท้องถิ่น และระดับชาติ นอกจากนี้ การมีแกนนำที่เข้มแข็ง แกนนำ เช่น ผู้นำท้องถิ่น ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน เป็นต้น ควรเป็นคนที่เอื้อเฟื้อ รู้จักผ่อนหนักเบา ประชาชนยอมรับ ไว้วางใจ เป็นคนดี อ่อนน้อมถ่อมตน ไม่ใช้ อำนาจในทางที่ผิด มีความผูกพันกับพี่น้อง หัวคะแนนจะช่วย ดา้ นการประสานงานตา่ งๆ ในพน้ื ท่ี เปน็ หตู า คอยดแู ลประชาชน แทน สส. การใช้แกนนำมีผลมากต่อการได้รับเลือกตั้งค่อนข้าง มาก เพราะแกนนำจะรู้จักพื้นที่มีความใกล้ชิดกับประชาชน บางแห่งจะเชื่อแกนนำมากกว่าผู้สมัคร (อำนาจ วิลาวัลย์, สัมภาษณ์, 2554) 6. นางเพชรินทร์ เสียงเจริญ นางเพชรินทร์ เสียงเจริญ เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดปราจีนบุรีจำนวน 1 สมัย จากการเลือกตั้งในวันที่ 3 กรกฎาคม 2554 ในนามพรรคภูมิใจไทย โดยมีจุดเน้นในการ ทำงานคือสิ่งใดที่เป็นความทุกข์ของประชาชนอยากให้ทุก หน่วยงานหันมารับรู้ปัญหาความต้องการของประชาชนในพื้นที่ จะเน้นการพัฒนาแบบบูรณาการ ส่งเสริมภาพรวมทุกด้านผลัก ดันไปควบคู่กัน นางเพชรินทร์ เสียงเจริญ เป็นธิดาของนายแบน นางชิต อมรส่งเจริญ สมรสกับ คุณเทวัญ เสียงเจริญ อาชีพธุรกิจ 198

นักการเมืองถ่ินจังหวัดปราจีนบุรี ส่วนตัวคือมีรถรับจ้าง รับเหมา บริการรถถมดิน มีบุตรและธิดา รวม 2 คน คือนายพลาฑูรย์ เสียงเจริญ และเด็กหญิงวรรณษา เสียงเจริญ นางเพชรินทร์ เสียงเจริญ สำเร็จการศึกษาระดับ ปริญญาตรี สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัย ราชภัฎวไลยอลงกรณ์ การเข้าส่กู ารเมอื ง นางเพชรินทร์ เสียงเจริญ หลังจากการสำเร็จการศึกษา ในระดับปริญญาตรีก็กลับมาอยู่บ้านเกิดในอำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี มีฐานในการหันเข้ามาสู่การเมืองโดยมีคนใน ครอบครัวเป็นนักการเมืองท้องถิ่นหลายคน ได้แก่พี่ชาย คือ นายสมควร อมรส่งเจริญ เคยดำรงตำแหน่งกำนัน ตำบลเมือง เก่า นายเทวัญ เสียงเจริญ สามีเคยดำรงตำแหน่ง ผู้ใหญ่บ้าน 3 สมัย เป็นนายกเทศมนตรีตำบล นาดี 2 สมัย และนายธีระ เสียงเจริญ พี่ชายสามี เคยดำรงตำแหน่งกำนันตำบลสำพันตรา จึงมีความสนใจการเมืองเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว โดยลงสมัครรับ เลือกตั้งการเมืองในระดับท้องถิ่นและได้รับการเลือกตั้งเป็น สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดปราจีนบุรี ในสมัยแรก วันที่ 14 มีนาคม 2547 - 13 มีนาคม 2551 และสมัยที่สองวันที่ 20 เมษายน 2551 - 17 พฤษภาคม 2554 ดำรงตำแหน่ง รองประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด คนที่ 2 พ.ศ. 2548 และดำรงตำแหน่งรองประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด คนที่ 2 พ.ศ. 2548 ในสมัยที่สองของการเป็นสมาชิกสภา องค์การบริหารส่วนจังหวัดปราจีนบุรีนั้นได้ลาออกมาลงสมัคร 199

นักการเมืองถ่ินจังหวัดปราจีนบุรี เลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เหตุผลที่มาลงสมัครคือเมื่อ ก่อนการเลือก สส. เป็นแบบรวมเขตทั้งจังหวัดก็คิดว่ากว้างไป แต่พอแบ่งเขตแน่นอนจึงตัดสินใจลงสมัครทันที เพื่ออาสาตนมา รับใช้ประชาชนในพื้นที่บ้านเกิด ทดแทนคุณแผ่นดิน ใช้ความรู้ ให้เกิดประโยชน์ อยากเป็น ส.ส. หญิงคนแรกของอำเภอนาดี โดยมีท่านนายกบังอร วิลาวัลย์ เป็นนักการเมืองในดวงใจ เป็นต้นแบบ เป็นหญิงเหล็กของจังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งเคยมี โอกาสช่วยงานท่านจึงอยากทำให้ได้เหมือนท่าน คือเป็นหญิง แกร่ง เป็นคนเก่ง มีความอดทนสูง ดูแลประชาชนด้วยดีมาโดย ตลอด เป็นได้ครึ่งหนึ่งของท่านก็ถือว่าดีแล้วเพราะเชื่อมั่น ในตัวท่าน ตลอดจนท่านสุนทร วิลาวัลย์ และ สส. กนกวรรณ วิลาวัลย์ ศรีจันทร์งาม ซึ่งเป็น ส.ส. หลายสมัยของจังหวัด ปราจีนบุรีก็เป็นต้นแบบที่ดี ทำให้ตัวเองหันเข้าสู่เวทีการเมือง ในระดับชาติ โดยลงสมัครเป็นครั้งแรกและได้รับเลือกตั้งเป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดปราจีนบุรีจำนวน 1 สมัย จาก การเลือกตั้งในวันที่ 3 กรกฎาคม 2554 ในนามพรรคภูมิใจไทย (เพชรินทร์ เสียงเจริญ, สัมภาษณ์, 2554) ผลงานท่ผี า่ นมา นางเพชรินทร์ เสียงเจริญ เนื่องจากเป็นสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรสมัยแรกจึงยังไม่มีผลงานในช่วงที่เป็นสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรเด่นชัดเพราะเพิ่งเปิดประชุมสภา แต่สมัยที่ดำรง ตำแหน่งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดปราจีนบุรี มีผลงานคือเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน โดยประสานกับทางนายก อบจ. เพื่อดึงงบประมาณมาลงในพื้นที่อำเภอนาดี ด้านการ 200

นักการเมืองถ่ินจังหวัดปราจีนบุรี ศึกษาทุกโรงเรียนในพื้นที่ให้มีอินเตอร์เน็ต และด้านแหล่งน้ำ มีการขุดลอกคลองสระน้ำ ฐานเสยี งและเครอื ขา่ ยทางการเมอื ง กลุ่มฐานเสียงของนางเพชรินทร์ เสียงเจริญ ที่ทำให้ ประสบผลสำเร็จมาจากการเป็นสมาชิกสภาองค์การบริหาร ส่วนจังหวัดปราจีนบุรีติดต่อกันถึงสองสมัย โดยมีความจริงใจ ใกล้ชิดชาวบ้านจนกลายเป็นที่ยอมรับ ตลอดจนยังมีเครือญาติ เพื่อนบ้านและกลุ่มประชาชนที่คอยเป็นฐานเสียงในการเลือกตั้ง (เพชรินทร์ เสียงเจริญ, สัมภาษณ์, 2554) รูปแบบ/กลวิธกี ารหาเสียง การหาเสียงของนางเพชรินทร์ เสียงเจริญ “จะเน้น การเดินพบปะพี่น้องประชาชน เพื่อรับฟังปัญหาจากประชาชน เดินทุกหลังคาเรือน (เจอบ้างไม่เจอบ้าง) ตั้งแต่เวลา 6 โมงเช้า ถึง 2 - 3 ทุ่ม ไปเป็นทีมประมาณ 4 - 5 คน (ซึ่งก่อนหน้านั้น ที่เป็น สจ.ก็เดินพบปะกับประชาชนอยู่แล้ว) เพราะเห็นว่าการ เดินพบปะกับประชาชนเพื่อหาเสียงนั้นส่งผลต่อการได้มาซึ่ง คะแนนค่อนข้างมากเพราะจะได้ใกล้ชิดประชาชนรับรู้ถึง ปัญหา วิธีการหาเสียงนั้นจะไม่เน้นการปราศรัย แต่ไปร่วมเวทีที่ กกต. จัดเพียงครั้งเดียวโดยพูดเกี่ยวกับนโยบายพรรค บอกวัตถุประสงค์ที่มาลงสมัคร ครั้งนั้นจัดที่ตลาดกบินทร์ โดยมี ผู้สมัครไปเพียง 2 คน คนเข้าร่วมประมาณร้อยกว่าคน ไม่มีการ แจกสิ่งของเนื่องจากผิดกฎหมาย ไม่มีแกนนำในการหาเสียง เพราะเน้นการเดินพบปะกับประชาชน โดยใช้ฐานจาก ครอบครัว เพื่อนบ้าน คนในชุมชน โดยให้พิจารณาจากผลงาน 201

นักการเมืองถิ่นจังหวัดปราจีนบุรี เอง มีการใช้สื่อประชาสัมพันธ์ ทั้งแผ่นพับ ป้ายโฆษณา รถขยายเสียงโดยมีสโลแกนส่วนตัวคือ “เกิดมาทั้งที ขอทำดี เพื่อแผ่นดิน” ในการหาเสียงนั้นท่านส.ส.จะให้ความสำคัญต่อ ชาวบ้าน คือให้ความใกล้ชิดชาวบ้าน โดยการไปร่วมงานบุญ งานบวช งานแต่งงาน งานศพโดยคิดว่าไปร่วมงานตลอดเป็น วิธีการที่ดีเพราะได้ใจประชาชน ตลอดจนมีสำนักงาน ส.ส. เพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนโดยการเปิดบ้านของตัวเองเป็น สำนักงาน” (เพชรินทร์ เสียงเจริญ, สัมภาษณ์, 2554) ปัจจัยทท่ี ำให้ได้รบั เลือกตงั้ สิ่งที่ทำให้นางเพชรินทร์ เสียงเจริญ ได้รับการเลือกตั้ง คือ “การเป็น ส.ส. ที่ติดดิน ใกล้ชิดประชาชนตลอด ประชาชน ให้ความรักความเข้าใจ อีกทั้งสมัยที่เป็น สจ.นั้นท่านไม่เคยทิ้ง พื้นที่ ให้ความจริงใจต่อชาวบ้าน มีการใกล้ชิดชาวบ้านอย่าง ทั่วถึงทำให้เป็นที่ยอมรับ มีคติประจำใจคือ ไม่ว่าจะสวมหมวก ใบใดก็แล้วแต่ จะอยู่ตำแหน่งใดก็แล้วแต่ แต่ขออย่าลืมตัว” (เพชรินทร์ เสียงเจริญ, สัมภาษณ์, 2554) สรปุ การเมอื งยคุ ทส่ี ามของจงั หวดั ปราจนี บรุ ี การเลอื กตง้ั วันที่ 6 มกราคม 2544 – ปัจจุบันวันที่ 3 กรกฎาคม 2554 มีการ จัดการเลือกตั้งทั้งหมด 4 ครั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ได้รับ เลือกตั้งมีทั้งหมด 7 คน คือ นายสุนทร วิลาวัลย์ สังกัดพรรค ไทยรักไทย และพรรคภูมิใจไทย นายคงกฤช หงษ์วิไล สังกัด พรรคความหวังใหม่ พรรคไทยรักไทย และพรรคเพื่อแผ่นดิน นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ ศรีจันทร์งาม สังกัดพรรคไทยรักไทย นายชยุต ภุมมะกาญจนะ สังกัดพรรคไทยรักไทย พรรค 202

นักการเมืองถิ่นจังหวัดปราจีนบุรี กจิ สงั คม และพรรคชาตไิ ทยพฒั นา นายเกยี รตกิ ร พากเพยี รศลิ ป์ สังกัดพรรคมัชฌิมา นายอำนาจ วิลาวัลย์ สังกัดพรรคภูมิใจ ไทย นางเพชรินทร์ เสียงเจริญ สังกัดพรรคภูมิใจไทย สมาชิก สภาผู้แทนราษฎรที่ได้รับการเลือกตั้งมากที่สุดคือ นายชยุต (วรวุฒิ) ภุมมะกาญจนะ จำนวน 4 สมัย พรรคการเมืองที่ได้รับ การเลือกตั้งมากที่สุด คือ พรรคไทยรักไทย จำนวน 5 ครั้ง การเมืองถิ่นจังหวัดปราจีนบุรีในช่วงนี้จะเห็นได้ว่าเป็นการ แข่งขันกันระหว่างกลุ่มทางการเมือง 2 กลุ่ม ด้วยกันคือ 1. กลุ่มตระกูลวิลาวัลย์ ซึ่งมีนายสุนทร วิลาวัลย์ เป็นผู้บุกเบิกและปูทางไว้ตลอดจนให้การสนับสนุนผู้สมัครให้ได้ รับชัยชนะในการเลือกตั้ง 2. กลุ่มตระกูลภุมมะกาญจนะ ซึ่งมีนายสมาน ภุมมะกาญจนะ เป็นผู้บุกเบิกและปเู ส้นทางการเมืองไว้ การเมืองถิ่นจังหวัดปราจีนบุรีในช่วงนี้ส่วนใหญ่เป็น นักการเมืองหน้าใหม่ ที่มีฐานจากการเป็นทายาททางการเมือง ได้แก่ นายชยุต (วรวุฒิ) ภุมมะกาญจนะ ที่เป็นทายาททาง การเมอื ง (ลกู ชาย) ของนายสมาน ภมุ มะกาญจนะ นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ ศรีจันทร์งาม ที่เป็นทายาททางการเมือง (ลูกสาว) ของนายสุนทร วิลาวัลย์ นายอำนาจ วิลาวัลย์ ที่เป็นทายาท ทางการเมือง(หลาน)ของนายสุนทร วิลาวัลย์ นางเพชรินทร์ เสียงเจริญ ได้รับการชักชวนเข้าสู่การเมืองระดับชาติ จาก นายสุนทร วิลาวัลย์ และนักการเมืองหน้าใหม่ที่ไม่ได้เกี่ยวข้อง กับ 2 กลุ่มตระกูลคือ นายเกียรติกร พากเพียรศิลป์ และ นายคงกฤช หงษ์วิไล ส่วนนักการเมืองรุ่นใหญ่ที่มี 203

นักการเมืองถ่ินจังหวัดปราจีนบุรี ประสบการณ์ทางการเมืองสูงในช่วงนี้มีเพียงคนเดียวคือ นายสุนทร วิลาวัลย์ ในช่วงนี้พรรคการเมือง หรือนโยบายของ พรรคการเมืองได้เข้ามามีบทบาทสำคัญที่มีส่วนช่วยในการ หาเสียงเพิ่มมากขึ้น เช่น สื่อ วัสดุอุปกรณ์ต่างๆ กลวิธีในการ หาเสียง แต่การเลือกตั้งของประชาชนในจังหวัดก็ยังให้ความ สำคัญที่ตัวบุคคลเป็นหลักเพราะไม่ว่านักการเมืองที่ตัวเองให้ ความสนใจจะย้ายไปอยู่พรรคการเมืองใดก็แล้วแต่ ประชาชน ก็ยังคงตามเลือกอยู่เช่นเดิม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในช่วงนี้ ส่วนใหญ่เคยเป็นนักการเมืองท้องถิ่น เช่น สจ. สท. สอบต. มาก่อนแล้วจึงผันตัวเองเข้าสู่เวทีการเมืองระดับชาติ สำหรับวิธี การหาเสียงของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรโดยส่วนใหญ่จะใช้ ระบบของหัวคะแนน โดยเฉพาะกลุ่มของนักการเมืองท้องถิ่น เช่น สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล สมาชิกสภาองค์การ บริหารส่วนจังหวัด สมาชิกสภาเทศบาล หรือโดยเฉพาะกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน กลุ่มเครือญาติ ก็เป็นสิ่งที่สำคัญที่จะนำไปสู่การได้ รับชัยชนะในการเลือกตั้ง หรือการได้รับการสนับสนุนจากกลุ่ม ทางการเมือง เป็นต้น ตลอดจนการลงพื้นที่พบปะประชาชน การเดินเคาะประตูบ้าน หรือการไปร่วมงานต่างๆ เช่น งานบวช งานแต่งงาน งานศพ เป็นต้น 204

บ5ทท ี่ สรุป อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ จากการศึกษาเรื่องนักการเมืองถิ่นจังหวัดปราจีนบุร ี ในส่วนของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตั้งแต่ พ.ศ. 2476-2554 สามารถสรุปข้อมูลต่างๆ อภิปรายผลการศึกษา และข้อเสนอ แนะเพื่อการวิจัย ได้ดังนี้ ส รุปผลการวิจัย ภาพรวมการเมืองในจังหวัดปราจีนบุรี การเมืองและนักการเมืองถิ่นจังหวัดปราจีนบุรียุคแรก (พ.ศ. 2476 - พ.ศ. 2500) การเลือกตั้งวันที่ 15 พฤศจิกายน 2476 – การเลือกตั้งวันที่ 15 ธันวาคม 2500 การเมืองยุคแรกของจังหวัดปราจีนบุรี จากการเลือกตั้ง ทั่วไป ครั้งแรกวันที่ 15 พฤศจิกายน 2476 – การเลือกตั้งวันที่

นักการเมืองถ่ินจังหวัดปราจีนบุรี 15 ธันวาคม 2500 มีการจัดการเลือกตั้งทั้งหมด 8 ครั้ง สมาชิก สภาผู้แทนราษฎรที่ได้รับเลือกตั้งมีทั้งหมด 9 คน คือ ร.ท.ทองคำ คล้ายโอภาส นายดาบสงวน พยุงพงศ์ นายดุสิต บุญธรรม นายทองเปลว ชลภูมิ นายจันทร์ โกมุทพงศ์ นายสมบูรณ์ เดชสุภา พ.ต.วิเชียร สีมันตร สังกัดพรรค เสรีมนังคศิลา ร.ท.พัฒน์ ณ ถลาง และ พ.อ.หลวงบุรกรรมโกวิท (ล้อม บุรกรรมโกวิท) สังกัดพรรคชาติสังคมและพรรค เสรีมนังคศิลา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ได้รับการเลือกตั้งมาก ที่สุด คือ พ.ต.วิเชียร สีมันตร จำนวน 3 สมัย พรรคการเมือง ที่ได้รับการเลือกตั้งมากที่สุด คือ พรรคเสรีมนังคศิลา จำนวน 3 ครั้ง การเมืองถิ่นจังหวัดปราจีนบุรีในช่วงนี้การเลือกตั้งของ ประชาชนในจังหวัดจะให้ความสำคัญที่ตัวบุคคลเป็นหลัก โดยส่วนมากจะเป็นการชี้นำจากเจ้าหน้าที่ของรัฐ เช่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ครู โดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรโดยส่วนใหญ่จะ ประกอบอาชีพรับราชการเป็นคนที่มีชื่อเสียงของจังหวัด เป็นผู้ที่ มีสถานภาพทางสังคมที่ได้รับการยอมรับจากคนในชุมชน ในส่วนของพรรคการเมืองในช่วงแรกนี้ก็ไม่ได้มีความสำคัญ มากนัก เพราะไม่ได้กำหนดให้ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ต้องสังกัดพรรคการเมือง ซึ่งโดยรวมแล้วอำนาจต่างๆ ก็ยังอยู่ที่ สถาบันทหาร การลงคะแนนของประชาชนก็ยังยึดตัวบุคคลเป็น หลัก นโยบายพรรคไม่ได้มีส่วนสำคัญในการหาเสียงมากนัก สำหรับวิธีการหาเสียงโดยส่วนใหญ่เป็นการปราศรัยบ้าง หรือ การไปร่วมงานต่างๆ เช่น งานบวช งานแต่งงาน งานศพ เป็นต้น หรือใช้การแนะนำตัวกับผู้ที่มีบารมีในพื้นที่ ผู้ที่เป็นที่ เคารพนับถือของประชาชนในจังหวัด โดยเฉพาะกลุ่มกำนัน 206

สรุป อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ ผู้ใหญ่บ้าน ครู เป็นต้น การเมืองและนักการเมืองถ่ินจังหวัดปราจีนบุรียุคที่สอง (พ.ศ. 2512 - พ.ศ. 2539) การเลือกต้ังวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2512 – การเลือกตั้งวันที่ 17 พฤศจิกายน 2539 การเมืองยุคที่สองของจังหวัดปราจีนบุรี การเลือกตั้ง วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2512 – การเลือกตั้งวันที่ 17 พฤศจิกายน 2539 มีการจัดการเลือกตั้งทั้งหมด 11 ครั้ง สมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรที่ได้รับเลือกตั้งมีทั้งหมด 14 คน คือ นายบุญส่ง สมใจ สังกัดพรรคสหประชาไทย พรรคธรรมสังคม พรรค ชาติประชาธิปไตย และพรรคชาติไทย นายสมบูรณ์ เดชสุภา สังกัดพรรคสหประชาไทย นางสงวน สีมันตร สังกัดพรรค สหประชาไทย นายโปร่ง เจริญรัตน์ สังกัดพรรคกิจสังคม พ.ต.ทองดำ เสมะกนษิ ฐ์ สงั กดั พรรคสงั คมชาตนิ ยิ ม นายเฉลมิ พล หริตวร สังกัดพรรคกิจสังคม นายเสนาะ เทียนทอง สังกัดพรรค ชาติไทย นายนิพนธ์ เตียเจริญ สังกัดพรรคสังคมชาตินิยม นายสมาน ภุมมะกาญจนะ สังกัดพรรคชาติไทย และพรรค ชาติพัฒนา นายสำรวล มหิทธิบุรินทร์ สังกัดพรรคชาติ ประชาธิปไตย นายวิทยา เทียนทอง สังกัดพรรคชาติไทย นายสลับ นาคะเสถียร สังกัดพรรคประชากรไทย นายสุนทร วิลาวัลย์ สังกัดพรรคชาติไทย พรรคราษฎรและพรรค ความหวังใหม่ นายบุรินทร์ หิรัญบูรณะ สังกัดพรรคชาติไทย และนายวัฒนา เมืองสุข สังกัดพรรคชาติพัฒนา สมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรที่ได้รับการเลือกตั้งมากที่สุด คือ นายบุญส่ง 207

นักการเมืองถ่ินจังหวัดปราจีนบุรี สมใจ จำนวน 9 สมัย พรรคการเมืองที่ได้รับการเลือกตั้ง มากที่สุด คือ พรรคชาติไทย จำนวน 29 ครั้ง การเมืองถิ่น จังหวัดปราจีนบุรีในช่วงนี้จะเห็นได้ว่าเป็นการแข่งขันกันระหว่าง กลุ่มทางการเมือง 1 กลุ่ม และบุคคลสำคัญทางการเมืองของ จังหวัด 3 ท่าน (3 ส) ด้วยกันคือ 1. กลุ่มตระกูลเทียนทอง ซึ่งมีนายเสนาะ เทียนทอง เป็นผู้บุกเบิกและให้การสนับสนุนผู้สมัครให้ได้รับ ชัยชนะในการเลือกตั้ง 2. นายบุญส่ง สมใจ นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ และอดีตนักการเมืองท้องถิ่น ที่ผันตัวเองเข้าสู่เวที การเมืองระดับชาติ 3. นายสมาน ภุมมะกาญจนะ นักธุรกิจที่ประสบ ความสำเร็จและอดีตนักการเมืองท้องถิ่น ที่ผันตัวเอง เข้าสู่เวทีการเมืองระดับชาติ 4. นายสุนทร วิลาวัลย์ นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ และอดีตนักการเมืองท้องถิ่น ที่ผันตัวเองเข้าสู่เวที การเมืองระดับชาติ การเลือกตั้งของประชาชนในจังหวัดยังคงให้ความ สำคัญที่ตัวบุคคลเป็นหลัก ผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรยังคงเป็นบุคคลที่มีสถานภาพทางสังคม มีชื่อเสียง เป็นที่รู้จักของคนในจังหวัดมาก่อน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ส่วนหนึ่งยังคงเป็นกลุ่มที่รับราชการ แต่ในช่วงนี้เริ่มมีนักธุรกิจที่ ประสบความสำเร็จอีกทั้งเคยเป็นนักการเมืองท้องถิ่น เช่น สจ. 208

สรุป อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ สท. สอบต. มาก่อนแล้วจึงผันตัวเองเข้าสู่เวทีการเมืองระดับ ชาติ ซึ่งกลุ่มนี้นับว่าเป็นกลุ่มใหญ่มากที่สุดในช่วงนี้ ได้แก่ นายบุญส่ง สมใจ นายสมาน ภุมมะกาญจนะ นายสุนทร วิลาวัลย์ และกลุ่มตระกูลเทียนทองที่นำโดยนายเสนาะ เทียนทอง ในส่วนของพรรคการเมือง นักการเมืองในช่วงนี้ โดยส่วนใหญ่สังกัดพรรคการเมือง เพราะกฎหมายได้มีการ กำหนดให้ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรต้องสังกัด พรรคการเมือง แต่การสังกัดพรรค หรือการที่จะนำนโยบาย พรรคมาช่วยในการหาเสียงนั้นมีส่วนสำคัญน้อยมากในการที่จะ ทำให้ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง สำหรับวิธีการหาเสียงของ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรโดยส่วนใหญ่จะใช้ระบบของ หัวคะแนน โดยเฉพาะกลุ่มของนักการเมืองท้องถิ่น เช่น สมาชิก สภาองค์การบริหารส่วนตำบล สมาชิกสภาองค์การบริหาร ส่วนจังหวัด สมาชิกสภาเทศบาล หรือโดยเฉพาะกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน กลุ่มเครือญาติ ก็เป็นสิ่งที่สำคัญที่จะนำไปสู่การได้ รับชัยชนะในการเลือกตั้ง หรือการได้รับการสนับสนุนจากกลุ่ม ทางการเมือง เป็นต้น ตลอดจนการลงพื้นที่พบปะประชาชน การเดินเคาะประตูบ้าน หรือการไปร่วมงานต่างๆ เช่น งานบวช งานแต่งงาน งานศพ เป็นต้น แต่เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. 2536 (ตามมติ ของคณะรัฐบาลสมัยนายชวน หลีกภัย) รัฐบาลได้มีมติให้ สส.ปราจีนบุรี เขต 2 ของการเลือกตั้งวันที่ 13 ก.ย. 2535 ซึ่งได้แก่ นายเสนาะ เทียนทอง นายวิทยา เทียนทอง และ นายบุรินทร์ หิรัญบูรณะ เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัด สระแก้ว เนื่องจากคณะรัฐบาลได้มีมติให้อำเภอสระแก้ว และ อำเภอวังน้ำเย็น ของจังหวัดปราจีนบุรี แยกออกไปเป็นจังหวัด 209

นักการเมืองถ่ินจังหวัดปราจีนบุรี สระแก้ว ทำให้จังหวัดปราจีนบุรีในปัจจุบันมี 7 อำเภอ คือ อำเภอเมืองปราจีนบุรี อำเภอกบินทร์บุรี อำเภอนาดี อำเภอ บ้านสร้าง อำเภอประจันตคาม อำเภอศรีมหาโพธิ และอำเภอ ศรีมโหสถ ส่งผลให้การเมืองถิ่นของจังหวัดปราจีนบุรี หลังจาก วันที่ 1 ธันวาคม 2536 ไม่มีกลุ่มทางการเมืองที่สำคัญ คือ กลุ่มตระกูลเทียนทอง คงเหลือแต่บุคคลสำคัญทางการเมือง ของจังหวัด 3 ท่าน (3 ส) คือ นายบุญส่ง สมใจ นายสมาน ภุมมะกาญจนะ และนายสุนทร วิลาวัลย์ การเมืองและนักการเมืองถ่ินจังหวัดปราจีนบุรียุคที่สาม (พ.ศ. 2544 - พ.ศ. 2554) การเลือกต้ังวันที่ 6 มกราคม 2544 – ปัจจุบันวันที่ 3 กรกฎาคม 2554 การเมืองยุคที่สามของจังหวัดปราจีนบุรี การเลือกตั้ง วันที่ 6 มกราคม 2544 – ปัจจุบันวันที่ 3 กรกฎาคม 2554 มีการ จัดการเลือกตั้งทั้งหมด 4 ครั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ได้รับ เลือกตั้งมีทั้งหมด 7 คน คือ นายสุนทร วิลาวัลย์ สังกัดพรรค ไทยรักไทย และพรรคภูมิใจไทย นายคงกฤช หงษ์วิไล สังกัด พรรคความหวังใหม่ พรรคไทยรักไทย และพรรคเพื่อแผ่นดิน นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ ศรีจันทร์งาม สังกัดพรรคไทยรักไทย นายชยุต ภุมมะกาญจนะ สังกัดพรรคไทยรักไทย พรรค กิจสังคม และพรรคชาติไทยพัฒนา นายเกียรติกร พากเพียร สังกัดพรรคมัชฌิมา นายอำนาจ วิลาวัลย์ สังกัดพรรค ภูมิใจไทย นางเพชรินทร์ เสียงเจริญ สังกัดพรรคภูมิใจไทย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ได้รับการเลือกตั้งมากที่สุดคือ 210

สรุป อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ นายชยุต (วรวุฒิ) ภุมมะกาญจนะ จำนวน 4 สมัย พรรค การเมืองที่ได้รับการเลือกตั้งมากที่สุด คือ พรรคไทยรักไทย จำนวน 5 ครั้ง การเมืองถิ่นจังหวัดปราจีนบุรีในช่วงนี้จะเห็นได้ ว่าเป็นการแข่งขันกันระหว่างกลุ่มทางการเมือง 2 กลุ่ม ด้วยกัน คือ 1. กลุ่มตระกูลวิลาวัลย์ ซึ่งมีนายสุนทร วิลาวัลย์ เป็น ผู้บุกเบิกและปูทางไว้ตลอดจนให้การสนับสนุน ผู้สมัครให้ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง 2. กลุ่มตระกูลภุมมะกาญจนะ ซึ่งมีนายสมาน ภุมมะกาญจนะ เป็นผู้บุกเบิกและปูเส้นทาง การเมืองไว้ การเมืองถิ่นจังหวัดปราจีนบุรีในช่วงนี้ส่วนใหญ่เป็น นักการเมืองหน้าใหม่ ที่มีฐานจากการเป็นทายาททางการเมือง ได้แก่ นายชยุต (วรวุฒิ) ภุมมะกาญจนะ ที่เป็นทายาททาง การเมอื ง (ลกู ชาย) ของนายสมาน ภมุ มะกาญจนะ นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ ศรีจันทร์งาม ที่เป็นทายาททางการเมือง (ลูกสาว) ของนายสุนทร วิลาวัลย์ นายอำนาจ วิลาวัลย์ ที่เป็นทายาท ทางการเมือง (หลาน) ของนายสุนทร วิลาวัลย์ นางเพชรินทร์ เสียงเจริญ ได้รับการชักชวนเข้าสู่การเมืองระดับชาติ จาก นายสุนทร วิลาวัลย์ และนักการเมืองหน้าใหม่ที่ไม่ได้เกี่ยวข้อง กับ 2 กลุ่มตระกูลคือ นายเกียรติกร พากเพียรศิลป์ และ นาย คงกฤช หงษ์วิไล ส่วนนักการเมืองรุ่นใหญ่ที่มี ประสบการณ์ทางการเมืองสูงในช่วงนี้มีเพียงคนเดียวคือ นายสุนทร วิลาวัลย์ ในช่วงนี้พรรคการเมือง หรือนโยบายของ 211

นักการเมืองถิ่นจังหวัดปราจีนบุรี พรรคการเมืองได้เข้ามามีบทบาทสำคัญที่มีส่วนช่วยในการ หาเสียงเพิ่มมากขึ้น เช่น สื่อ วัสดุอุปกรณ์ต่างๆ กลวิธีในการ หาเสียง แต่การเลือกตั้งของประชาชนในจังหวัดก็ยังให้ความ สำคัญที่ตัวบุคคลเป็นหลัก เพราะไม่ว่านักการเมืองที่ตัวเองให้ ความสนใจจะย้ายไปอยู่พรรคการเมืองใดก็แล้วแต่ ประชาชน ก็ยังคงตามเลือกอยู่เช่นเดิม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในช่วงนี้ ส่วนใหญ่เคยเป็นนักการเมืองท้องถิ่น เช่น สจ. สท. สอบต. มาก่อนแล้วจึงผันตัวเองเข้าสู่เวทีการเมืองระดับชาติ สำหรับวิธี การหาเสียงของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรโดยส่วนใหญ่จะใช้ ระบบของหัวคะแนน โดยเฉพาะกลุ่มของนักการเมืองท้องถิ่น เช่น สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล สมาชิกสภาองค์การ บริหารส่วนจังหวัด สมาชิกสภาเทศบาล หรือโดยเฉพาะกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน กลุ่มเครือญาติ ก็เป็นสิ่งที่สำคัญที่จะนำไปสู่การได้ รับชัยชนะในการเลือกตั้ง หรือการได้รับการสนับสนุนจากกลุ่ม ทางการเมือง เป็นต้น ตลอดจนการลงพื้นที่พบปะประชาชน การเดินเคาะประตูบ้าน หรือการไปร่วมงานต่างๆ เช่น งานบวช งานแต่งงาน งานศพ เป็นต้น ภาพรวมข้อมูลท่ัวไปของ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในจังหวัดปราจีนบุรี จากการศึกษานักการเมืองถิ่นจังหวัดปราจีนบุรีในส่วน ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตั้งแต่ พ.ศ. 2476-2554 สามารถ สรุปข้อมลู ทั่วไป ได้ดังนี้ 212

สรุป อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ การเลือกตั้งวันที่ 15 พฤศจิกายน 2476 ถึงการเลือกตั้ง ทั่วไปวันที่ 3 กรกฎาคม 2554 จังหวัดปราจีนบุรีมีสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรจำนวนทั้งสิ้น 29 คน เป็นเพศชาย จำนวน 26 คน เพศหญิง จำนวน 3 คน ก่อนเข้าสู่ตำแหน่งทางการเมือง ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพด้านธุรกิจ รองลงมาคืออาชีพ รับราชการ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่อยู่ในตำแหน่งนานที่สุด คือ นายบุญส่ง สมใจ และนายสุนทร วิลาวัลย์ จำนวน 9 สมัย เท่ากัน รองลงมาคือ นายเสนาะ เทียนทอง และ นายสมาน ภมุ มะกาญจนะ จำนวน 7 สมยั เทา่ กนั และนายวทิ ยา เทยี นทอง จำนวน 5 สมัย นอกนั้นส่วนใหญ่ดำรงตำแหน่งเพียงหนึ่งถึง สามสมัยเท่านั้น ภูมิหลังของนักการเมืองในจังหวัดปราจีนบุรี นักการเมืองในจังหวัดปราจีนบุรีโดยส่วนใหญ่มีเครือข่าย และความสัมพันธ์ในพื้นที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งเป็นปัจจัย สำคัญที่นำไปสู่การได้รับการเลือกตั้งจากประชาชนและ การดำรงตำแหน่งในสมัยต่อไป จากการศึกษาพบว่า ภูมิหลัง ก่อนการลงสมัครรับเลือกตั้งของนักการเมืองในจังหวัด ปราจีนบุรี เป็นปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนความเป็นเครือข่าย ทางการเมืองและความสัมพันธ์กับประชาชน โดยสามารถ จำแนกได้ดังนี้ 1) กลุ่มครู อาจารย์ ข้าราชการ นักกฎหมาย และงานช่วยเหลือสังคม นักการเมืองในกลุ่มนี้เคยเป็นครู อาจารย์ รับราชการ หรือนักกฎหมาย มาก่อน นักการเมืองในกลุ่มนี้มีหลายคน คือ 213

นักการเมืองถ่ินจังหวัดปราจีนบุรี 1. ร.ท.ทองคำ คล้ายโอภาส สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร คนแรกของจังหวัดปราจีนบุรี เคยรับราชการทหาร เป็นนายทหารประจำกรมเสนาธิการทหารบก และ เคยเป็นสมาชิกของคณะปฏิวัติ รศ.130 2. นายดาบสงวน พยุงพงศ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร คนที่สองของจังหวัดปราจีนบุรี เคยรับราชการทหาร 3. นายดุสิต บุญธรรม อดีตข้าราชการประจำกรม อาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ รับราชการใน กระทรวงพาณิชย์ และข้าราชการต่างประเทศพิเศษ ประจำสถานเอกอัครทูต ณ กรุงนิวเดลฮี ประเทศ อินเดีย 4. นายทองเปลว ชลภมู ิ เป็นทนายความ 5. นายจันทร์ โกมุทพงศ์ เป็นทนายความ 6. นายสมบูรณ์ เดชสุภา เคยเป็นข้าราชการกระทรวง มหาดไทยและการคลัง 7. พ.ต.วิเชียร สีมันตร รับราชการทหาร 8. ร.ท.พัฒน์ ณ ถลาง รับราชการทหาร 9. พ.อ.หลวงบุรกรรมโกวิท (ล้อม บุรกรรมโกวิท) รับ ราชการทหาร 10. นางสงวน สีมันตร ทำงานช่วยเหลือสังคมใน หลากหลายบทบาท เช่น งานสังคมสงเคราะห์ ดำรงตำแหน่งนายกเหล่ากาชาด นายกสมาคม วัฒนธรรม และกรรมการลกู เสือจังหวัด 214

สรุป อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ 11. นายโปร่ง เจริญรัตน์ รับราชการในสังกัดกรมป่าไม้ มาตลอด ตำแหน่งราชการที่ผ่านมา ได้แก่ ป่าไม้ อำเภอศรีมหาโพธิ์ และป่าไม้จังหวัดปราจีนบุรี 12. พ.ต.ทองดำ เสมะกนิษฐ์ รับราชการทหาร 13. นายสำรวล มหิทธิบุรินทร์ รับราชการครู อดีต ผู้บริหารโรงเรียนศรีอรัญโญทัย และเป็นวิทยากร ลกู เสือชาวบ้าน 14. นายสลับ นาคะเสถียร เคยรับราชการในหลาย ตำแหน่ง ได้แก่ นายอำเภอเมืองสระแก้วและ ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี โดยในสมัยนั้นจังหวัด สระแก้วยังไม่แยกออกจากจังหวัดปราจีนบุรี ตำแหน่งราชการตำแหน่งสุดท้ายคือผู้ตรวจราชการ กระทรวงมหาดไทย 15. นายวัฒนา เมืองสุข ทำงานเป็นทนายความประจำ สำนักงานกฎหมายดิศญุตม์และวัฒนา ตั้งแต่ พ.ศ. 2525-2539 ก่อนจะผันตัวเองมาสู่เส้นทางการเมือง 2) กลุ่มนักการเมืองท้องถิ่นและนักธุรกิจ นักการเมืองในกลุ่มนี้ส่วนใหญ่เคยเป็นนักการเมือง ท้องถิ่นมาก่อนและหลายคนเป็นนักธุรกิจด้วย นักการเมือง ในกลุ่มนี้มีหลายคน คือ 1. นายบุญส่ง สมใจ เคยเป็นสมาชิกสภาเทศบาล เมืองปราจีนบุรีและดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตร ี ถึง 3 สมัยซ้อน (พ.ศ. 2506 - 2518) เป็นนักธุรกิจ 215

นักการเมืองถิ่นจังหวัดปราจีนบุรี ที่ประสบความสำเร็จ โดยเริ่มต้นธุรกิจด้วยการ ทำร้านซักรีดเสื้อผ้า เป็นผู้ก่อตั้งและบริหารโรงแรม สุขสมใจ โรงแรมสมใจพาเลซ ภัตตาคารมิตรคาเฟ่ บริษัทสมใจพัฒนาจำกัด บริษัทสมใจซัพพลาย จำกัด บริษัทสวนเกษตรบางบริบูรณ์ จำกัด และ บริษัทแกรนด์การ์เดน ริเวอร์ปาร์ค 2. นายเฉลิมพล หริตวร เคยเป็นนายกเทศมนตรี กบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี 2 สมัย ทำธุรกิจโรงงาน มันอัดเม็ด บริษัทหริตวร(โรงสีข้าว) 3. นายเสนาะ เทียนทอง ทำธุรกิจส่วนตัวเกี่ยวกับเหล้า และบุหรี่ บริษัทชื่อว่า บริษัท ส.เทียนทอง ต่อมา ได้เป็นสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปราจีนบุรี ปี พ.ศ. 2519 ก่อนจะประสบความสำเร็จทาง การเมืองระดับชาติในปัจจุบัน 4. นายนิพนธ์ เตียเจริญ มีธุรกิจโรงสีข้าว และค้าขาย พืชไร่ 5. นายสมาน ภุมมะกาญจนะ เคยเป็นนักการเมือง ท้องถิ่นมาก่อน 6. นายวิทยา เทียนทอง เป็นนักธุรกิจมาก่อน และ ต่อมาเป็นนักการเมืองท้องถิ่นโดยดำรงตำแหน่งเป็น สมาชิกสภาจังหวัดปราจีนบุรี 7. นายบุรินทร์ หิรัญบูรณะ เคยเป็นผู้จัดการบริษัท ข้าวไทยจำกัด และเป็นผู้อำนวยการองค์การส่งเสริม 216

สรุป อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ ตลาดเพื่อเกษตรกร (อตก.) ก่อนที่จะมาเป็น นักการเมือง 8. นายสุนทร วิลาวัลย์ จากการเป็นนักธุรกิจเจ้าของ กิจการร้านนาฬิกา แล้วผันตัวเองไปเป็นนักการเมือง โ ด ย เ ป ็ น ส ม า ช ิ ก ส ภ า เ ท ศ บ า ล เ ม ื อ ง ป ร า จ ี น บ ุ ร ี รองประธานสภาเทศบาลเมืองปราจีนบุรี และ นายกเทศมนตรีเมืองปราจีนบุรี 9. นายคงกฤช หงส์วิไล เคยเป็นสมาชิกอาสาสมัคร ป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.) สมาชิกองค์การ บริหารส่วนจังหวัดปราจีนบุรี (ส.จ.) ดำรงตำแหน่ง 2 สมัย และเป็นรองนายกองค์การบริหารส่วน จังหวัดปราจีนบุรี 10. นายชยุต(วรวุฒิ) ภุมมะกาญจนะ เคยเป็นสมาชิก สภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดปราจีนบุรี เป็น ประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดปราจีนบุรี มีธุรกิจเป็นตัวแทนจำหน่ายน้ำ เครื่องดื่ม 11. นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ ศรีจันทร์งาม เคยเป็น สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดปราจีนบุรี (สจ.) 1 สมัย พ.ศ. 2543 – พ.ศ. 2547 และเป็น รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปราจีนบุรี มีธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 12. นายเกียรติกร พากเพียรศิลป์ เคยเป็นสมาชิกสภา องค์การบริหารส่วนจังหวัดปราจีนบุรี ถึง 8 ปี และ 217

นักการเมืองถ่ินจังหวัดปราจีนบุรี รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปราจีนบุรี ทำธุรกิจส่วนตัวคือผลิตสินค้าเกี่ยวกับงานประเพณี ของจีน (เช่นกระดาษเงินกระดาษทอง ข้าวของ เครื่องใช้ในพิธีต่างๆ ของคนจีน) 13. นายอำนาจ วิลาวัลย์ เคยเป็นสมาชิกสภาเทศบาล เมืองปราจีนบุรี ตั้งแต่ พ.ศ. 2542 ดำรงตำแหน่ง 3 สมัย เคยเป็นผู้จัดการบริษัทเคซีคอนกรีต และ ทำธุรกิจร้านนาฬิกา 14. นางเพชรินทร์ เสียงเจริญ เคยเป็นสมาชิกสภา องค์การบริหารส่วนจังหวัดปราจีนบุรี รองประธาน สภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด ทำธุรกิจส่วนตัวคือมี รถรับจ้าง รับเหมา บริการรถถมดิน เครือข่ายความสัมพันธ์และเครือญาติของนักการเมือง ในจังหวัดปราจีนบุรี นักการเมืองถิ่นจังหวัดปราจีนบุรีที่มีเครือข่ายสัมพันธ์ และเครือญาติ ที่มีผลต่อการได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎร ได้แก่ นายเสนาะ เทียนทอง มีความสัมพันธ์เป็นพี่ชายของ นายวิทยา เทียนทอง ซึ่งนายเสนาะ เทียนทองเป็นอดีตสมาชิก สภาผู้แทนราษฎรจังหวัดปราจีนบุรี จำนวนหลายสมัย และ ดำรงตำแหน่งทางการเมืองระดับประเทศอีกหลายตำแหน่ง อาทิเช่น ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและ สหกรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย รัฐมนตรีช่วย 218

สรุป อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ ว่าการกระทรวงคมนาคม ประธานที่ปรึกษาพรรคไทยรักไทย หัวหน้าพรรคประชาราช ฯลฯ จึงนับว่าเป็นเครือข่ายทาง การเมืองที่เหนียวแน่นที่ส่งผลให้นายวิทยา เทียนทอง ได้รับการ เลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร นายสมาน ภุมมะกาญจนะ มีความสัมพันธ์ทางสาย โ ล ห ิ ต ก ั บ น า ย ช ย ุ ต ภ ุ ม ม ะ ก า ญ จ น ะ โ ด ย น า ย ส ม า น ภุมมะกาญจนะ เป็นบิดาของนายชยุต ภุมมะกาญจนะ นายสมาน ภุมมะกาญจนะ ผู้เป็นบิดาเป็นอดีตสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรของจังหวัดปราจีนบุรี จำนวน 7 สมัย และยังดำรง ตำแหน่งการเมืองในระดับประเทศเป็นเลขานุการรัฐมนตรี ว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม จึงนับว่าเป็นเครือข่ายการเมือง ที่เหนียวแน่นในจังหวัดปราจีนบุรี และเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผล ให้นายชยุต ภุมมะกาญจนะ ชนะการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎร นายสุนทร วิลาวัลย์ มีความสัมพันธ์เป็นพี่ชายของ นางบังอร วิลาวัลย์ ซึ่งมีตำแหน่งเป็นนายกองค์การบริหาร ส่วนจงั หวดั ปราจีนบุรี จงึ นบั เครือขา่ ยทางการเมืองที่เหนยี วแนน่ และเป็นปัจจัยที่สำคัญที่ส่งผลให้นายสุนทร วิลาวัลย์ ชนะ การเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร นายสุนทร วิลาวัลย์ มีความสัมพันธ์ทางสายโลหิตกับ นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ ศรีจันทร์งาม โดยนายสุนทร วิลาวัลย์ เป็นบิดาของนางกนกวรรณ วิลาวัลย์ ศรีจันทร์งาม นายสุนทร วิลาวัลย์ ผู้เป็นบิดาเป็นอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของ จังหวัดปราจีนบุรี จำนวน 9 สมัย และยังดำรงตำแหน่ง 219

นักการเมืองถิ่นจังหวัดปราจีนบุรี การเมืองในระดับประเทศอีกหลายตำแหน่ง อาทิเช่น ผู้ช่วย เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เลขานุการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข รัฐมนตรีช่วยว่าการ กระทรวงสาธารณสุข และรองประธานพรรคมัชฌิมาธิปไตย ประกอบกับคุณอา คือ นางบังอร วิลาวัลย์ ซึ่งมีตำแหน่งเป็น นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปราจีนบุรี จึงนับว่าเป็น เครือข่ายการเมืองที่เหนียวแน่นในจังหวัดปราจีนบุรี และเป็น ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ ศรีจันทร์งาม ชนะการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของจังหวัด ปราจีนบุรี นายสุนทร วิลาวัลย์ มีความสัมพันธ์เป็นอาของ นายอำนาจ วิลาวัลย์ นายสุนทร วิลาวัลย์ ผู้เป็นบิดาเป็นอดีต สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของจังหวัดปราจีนบุรี จำนวน 9 สมัย และยังดำรงตำแหน่งการเมืองในระดับประเทศอีกหลาย ตำแหน่ง อาทิเช่น ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวง คมนาคม เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข และรองประธานพรรค มัชฌิมาธิปไตย ประกอบกับมีคุณอาอีกคนคือ นางบังอร วิลาวัลย์ ซึ่งมีตำแหน่งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด ปราจีนบุรี จึงนับว่าเป็นเครือข่ายการเมืองที่เหนียวแน่น ในจังหวัดปราจีนบุรี และเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้นายอำนาจ วิลาวัลย์ ชนะการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 220

สรุป อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ บทบาทและความสัมพันธ์ของกลุ่มผลประโยชน์ กลุ่มผลประโยชน์ทั้งที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ เป็นกลุ่มที่มีส่วนสำคัญอย่างมากที่มีผลต่อการได้รับเลือกตั้ง เข้ามาเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร โดยเฉพาะกลุ่มทาง เศรษฐกิจ กลุ่มการเมืองท้องถิ่นและท้องที่ กลุ่มทางสังคม ที่สนับสนุนและส่งเสริมให้ชนะการเลือกตั้ง ซึ่งสามารถสรุป ได้ดังนี้ กลุ่มทางเศรษฐกิจ เช่น สภาหอการค้าจังหวัด สภา อุตสาหกรรมจังหวัด เป็นต้น กลุ่มผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ เหล่านี้จะตั้งอยู่ในเขตที่มีชุมชนหนาแน่น นักการเมืองกลุ่มนี้ ได้แก่ นายบุญส่ง สมใจ เป็นนักธุรกิจที่ทำธุรกิจหลายอย่าง โดยเริ่มต้นธุรกิจด้วยการทำร้านซักรีดเสื้อผ้า เป็นผู้ก่อตั้งและ บริหารโรงแรมสุขสมใจ โรงแรมสมใจพาเลซ ภัตตาคารมิตร คาเฟ่ บริษัทสมใจพัฒนาจำกัด บริษัทสมใจซัพพลาย จำกัด บริษัทสวนเกษตรบางบริบูรณ์ จำกัด และบริษัทแกรนด์ การ์เดน ริเวอร์ปาร์ค อีกทั้งเคยเป็นประธานหอการค้าจังหวัด ปราจีนบุรีติดต่อกันถึง 3 สมัย และเป็นประธานกรรมการ หอการค้าไทย เขต 2(สมุทรปราการ, ฉะเชิงเทรา, นครนายก และปราจีนบุรี) จึงเป็นผู้ที่กว้างขวาง เป็นที่รู้จักของประชาชน ทั้งในและนอกจังหวัดปราจีนบุรี มีกลุ่มธุรกิจให้การสนับสนุน นายเสนาะ เทียนทอง ทำธุรกิจส่วนตัวเกี่ยวกับเหล้า และบุหรี่ บริษัทชื่อว่า บริษัท ส.เทียนทอง เป็นผู้ที่กว้างขวาง 221

นักการเมืองถ่ินจังหวัดปราจีนบุรี เป็นที่รู้จักของประชาชนทั่วไป จึงทำให้มีกลุ่มเพื่อนที่ทำธุรกิจ ให้การสนับสนุน นายสุนทร วิลาวัลย์ จากการเป็นนักธุรกิจเจ้าของ กิจการร้านนาฬิกา แล้วผันตัวเองไปเป็นนักการเมือง จากการที่ ทำธุรกิจนาฬิกาทำให้เป็นที่รู้จักของประชาชนโดยทั่วไป มีกลุ่ม พรรคพวกเพื่อนพ้องทางธุรกิจที่เป็นฐานเสียงส่วนหนึ่งที่ทำให้ เข้าสู่เส้นทางการเมือง นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ ศรีจันทร์งาม ทำธุรกิจ อสังหาริมทรัพย์ ทำให้มีเพื่อนทางธุรกิจที่เป็นฐานเสียง สนับสนุน นายอำนาจ วิลาวัลย์ มีธุรกิจร้านนาฬิกาในจังหวัด ปราจีนบุรี ทำให้มีกลุ่มเพื่อนทางธุรกิจ หรือมีเครือข่ายทางธุรกิจ ที่สนับสนุน กลุ่มการเมืองท้องถิ่นและท้องที่ กลุ่มนี้มีบทบาทต่อ นักการเมืองจังหวัดปราจีนบุรีสูงมาก ได้แก่ องค์การบริหาร ส่วนจังหวัด (อบจ.) สมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (สจ.) เทศบาลและสมาชิกสภาเทศบาล (สท.) องค์การบริหาร ส่วนตำบล และสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล (ส.อบต.) และ อีกกลุ่มหนึ่งคือกลุ่มการปกครองท้องที่ ได้แก่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน กลุ่มเหล่านี้ถือได้ว่ามีความสำคัญที่สุดต่อการเลือกตั้ง เพราะ อยู่ใกล้ชิดกับประชาชนมากที่สุด และมีเครือข่ายที่เป็นทางการ ครอบคลุมพื้นที่ทั่วทั้งจังหวัด นักการเมืองที่ได้รับการเลือกตั้ง เพราะกลุ่มนี้ได้แก่ 222

สรุป อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ นายเสนาะ เทียนทอง และนายวิทยา เทียนทอง อดีต สมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปราจีนบุรี นายสลับ นาคะเสถียร อดีตนายอำเภอเมืองสระแก้ว และผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี ทำให้มีฐานเสียงจากกลุ่ม นักการเมืองท้องถิ่นและท้องที่ นายบุญส่ง สมใจ อดีตสมาชิกสภาเทศบาลเมือง ปราจีนบุรี และนายกเทศมนตรีเมืองปราจีนบุรี นายเฉลิมพล หริตวร อดีตนายกเทศมนตรีกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี 2 สมัย นายสมาน ภุมมะกาญจนะ อดีตสมาชิกสภาองค์การ บริหารส่วนจังหวัดปราจีนบุรี นายสุนทร วิลาวัลย์ อดีตสมาชิกสภาเทศบาลเมือง ปราจีนบุรี รองประธานสภาเทศบาลเมืองปราจีนบุรี และ นายกเทศมนตรีเมืองปราจีนบุรี นายคงกฤช หงษ์วิไล อดีตสมาชิกองค์การบริหาร ส่วนจังหวัดปราจีนบุรี (ส.จ.) และรองนายกองค์การบริหาร ส่วนจังหวัดปราจีนบุรี นายชยุต (วรวุฒิ) ภุมมะกาญจนะ อดีตสมาชิกสภา องค์การบริหารส่วนจังหวัดปราจีนบุรี และประธานสภาองค์การ บริหารส่วนจังหวัดปราจีนบุรี นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ ศรีจันทร์งาม อดีตสมาชิกสภา องค์การบริหารส่วนจังหวัดปราจีนบุรี (สจ.) และเป็นรองนายก องค์การบริหารส่วนจังหวัดปราจีนบุรี 223

นักการเมืองถิ่นจังหวัดปราจีนบุรี นายเกียรติกร พากเพียรศิลป์ อดีตสมาชิกสภาองค์การ บริหารส่วนจังหวัดปราจีนบุรี ถึง 8 ปี และรองนายกองค์การ บริหารส่วนจังหวัดปราจีนบุรี นายอำนาจ วิลาวัลย์ อดีตสมาชิกสภาเทศบาลเมือง ปราจีนบุรี นางเพชรินทร์ เสียงเจริญ อดีตสมาชิกสภาองค์การ บริหารส่วนจังหวัดปราจีนบุรี และรองประธานสภาองค์การ บริหารส่วนจังหวัด กลุ่มทางสังคม เป็นกลุ่มที่มีความสำคัญไม่ต่างจาก กลุ่มอื่น เนื่องจากเป็นกลุ่มที่อยู่คู่กับสังคม โดยเฉพาะ ประชาชนที่อยู่ในต่างจังหวัด จะอาศัยกลุ่มต่าง ๆ เหล่านี้ เพื่อทำกิจกรรมทางสังคมร่วมกัน เช่น สโมสรโรตารี สโมสร ไลออนส์ ชมรม มูลนิธิ สมาคม เป็นต้น นักการเมืองที่ได้รับ การสนับสนุนจากกลุ่มนี้ ได้แก่ นางสงวน สีมันตร ทำงานช่วยเหลือสังคม ในหลาก หลายบทบาท และเคยดำรงตำแหน่งนายกเหล่ากาชาด นายกสมาคมวัฒนธรรม และกรรมการลูกเสือจังหวัด ทำให้ เป็นที่รู้จักของประชาชนทั่วไป และได้รับการสนับสนุนจาก สมาชิกเครือข่ายกาชาด สมาคมวัฒนธรรมและเครือข่ายลูกเสือ จังหวัด นายสำรวล มหิทธิบุรินทร์ รับราชการครู อดีตผู้บริหาร โรงเรียนศรีอรัญโญทัย และเป็นวิทยากรลูกเสือชาวบ้าน ทำให้ มีเครือข่ายสนับสนุนทั้งจากเครือข่ายครูในจังหวัดปราจีนบุรี และเครือข่ายลูกเสือชาวบ้าน 224

สรุป อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ นายคงกฤช หงส์วิไล เป็นสมาชิกอาสาสมัครป้องกัน ภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.) และคณะกรรมการบริหารอาสาสมัคร ป้องกันฝ่ายพลเรือนภาคตะวันออก ทำให้ได้รับการสนับสนุน จากเครือข่ายอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.) นายเกียรติกร พากเพียรศิลป์ เป็นประธานชมรม ฟุตบอลประจำจังหวัดปราจีนบุรีและภาคตะวันออก ทำให้ได้ รับการสนับสนุนจากเครือข่ายชมรมกีฬาต่างๆ บทบาทของพรรคการเมืองกับนักการเมืองถ่ิน จากข้อมูลการเลือกตั้งแสดงให้เห็นว่าพรรคการเมือง ที่เคยได้รับการเลือกตั้งในการเมืองถิ่นจังหวัดปราจีนบุรี ประกอบด้วย 1) พรรคสหประชาไทย 2) พรรคเสรีมนังคศิลา 3) พรรคชาติสังคม 4) พรรคธรรมสังคม 5) พรรคชาติประชาธิปไตย 6) พรรคสหประชาธิปไตย 7) พรรคกิจสังคม 8) พรรคสังคมชาตินิยม 9) พรรคชาติไทย 225

นักการเมืองถิ่นจังหวัดปราจีนบุรี 10) พรรคประชากรไทย 11) พรรคราษฎร 12) พรรคชาติพัฒนา 13) พรรคความหวังใหม่ 14) พรรคไทยรักไทย 15) พรรคเพื่อแผ่นดิน 16) พรรคภมู ิใจไทย 17) พรรคมัชฌิมา 18) พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคที่ได้รับความนิยม 5 อันดับแรก ได้แก่ อันดับหนึ่ง พรรคชาติไทย จำนวน 29 ครั้ง อันดับสอง พรรคไทยรักไทย 5 ครั้ง อันดับสาม พรรคชาติพัฒนา 4 ครั้ง อันดับสี่ พรรค ภูมิใจไทย พรรคกิจสังคม พรรคสหประชาไทย และพรรค เสรีมนังคศิลา จำนวน 3 ครั้งเท่ากัน อันดับห้าได้แก่ พรรค ความหวังใหม่ พรรคชาตินิยม พรรคชาติประชาธิปไตย และ พรรคธรรมสังคม จำนวน 2 ครั้งเท่ากัน นอกนั้นได้รับการ เลือกตั้งเพียงพรรคละครั้งเดียวเท่านั้น (การเรียงลำดับนี้ เรียงตามจำนวน สส. ในสังกัดที่ได้รับเลือกตั้งในสมัยเลือกตั้ง พ.ศ. 2476-2554) เป็นที่น่าสังเกตว่า การเลือกพรรคของ ประชาชนจังหวัดปราจีนบุรีก็มีเปลี่ยนไปตามกระแสบ้าง แต่ถ้า ดูข้อมูลเชิงลึกแล้วนั้นประชาชนจะยึดที่ตัวบุคคล คือ ถ้าเป็น สส.ที่ประชาชนไว้วางใจไม่ว่าจะสังกัดพรรคใด ทั้งพรรคที่มี 226

สรุป อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ ชื่อเสียงไม่มากนัก หรือพรรคใหญ่ที่มีชื่อเสียง ประชาชนก็ยังคง เลือกเพราะประชาชนยึดที่ตัวบุคคลเป็นหลักมากกว่ากระแส พรรคการเมือง แต่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของจังหวัด ปราจีนบุรีส่วนใหญ่ก็จะสังกัดพรรคการเมืองที่มีชื่อเสียงและ โดยเฉพาะพรรคที่มีแนวโน้มเป็นรัฐบาล กลวิธีที่ใช้ในการหาเสียง จากการศึกษานักการเมืองถิ่นจังหวัดปราจีนบุรี มีเทคนิควิธีการหาเสียงที่คล้ายคลึงกันเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งพอสรุป ได้ดังนี้ 1. การปราศรัย ส่วนใหญ่จะเป็นการจัดเวทีปราศรัย ย่อย ปราศรัยใหญ่มีบ้างโดยมีพรรคการเมือง ต้นสังกัดมาช่วย การเลือกพื้นที่เพื่อการปราศรัยนั้น ส่วนใหญ่เลือกพื้นที่ที่เป็นศูนย์กลางของชุมชน วัด โรงเรียน ตลาด เป็นต้น 2. การลงพื้นที่ เพื่อแนะนำตัวเอง รับทราบปัญหา ทุกข์ สุข ของประชาชน เป็นวิธีที่ช่วยให้ประชาชน จดจำและรับทราบซึ่งใจในการเข้าถึงประชาชนมาก ที่สุด ถ้า สส. คนใดขยันลงพื้นที่ก็จะได้รับการชื่นชม จากประชาชนและได้รับเลือกตั้ง 3. การร่วมงานกับประชาชน ทั้งงานมงคล งานอวมงคล เช่น การร่วมงานบุญ งานบวช งานแต่งงาน งานศพ เป็นต้น การเข้าร่วมงานกับประชาชนเป็นการ แสดงออกถึงการร่วมทุกข์ ร่วมสุขกับประชาชน ทำให้ประชาชนเกิดความไว้วางใจและเชื่อใจ 227

นักการเมืองถิ่นจังหวัดปราจีนบุรี 4. การช่วยเหลือประชาชน การตั้งศูนย์รับเรื่องร้อง เรียนต่างๆ ประชาชนมีเรื่องใดก็สามารถมาร้องเรียน ที่สำนักงาน สส.หรือร้องเรียนที่บ้าน ซึ่ง สส.จะมี ทีมงานที่มีความรู้ความสามารถเข้าไปพูดคุยให้การ ช่วยเหลือในเรื่องต่างๆ แก่ประชาชน เพื่อให้ ประชาชนได้รับความสะดวกสบาย 5. การแจกสิ่งของ เช่น เสื้อ กระเป๋า แจ็กเกต เป็นต้น ที่มีชื่อผู้สมัคร และสัญลักษณ์ของพรรค ถึงแม้จะ เป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย แต่ก็ไม่มีหลักฐานเอาผิดว่า ใครเป็นผู้แจก ซึ่งนับวันจะมีจำนวนมากขึ้น และ วิธีการแยบยลมากขึ้น 6. การใช้สื่อประชาสัมพันธ์ ได้ แก่แผ่นพับ ป้าย ประชาสัมพันธ์ ใบปลิว การใช้รถขยายเสียง ประชาสัมพันธ์นโยบายของผู้สมัคร/พรรค เพื่อ แนะนำตัวให้ประชาชนได้รู้จัก 7. การใชผ้ สู้ นบั สนนุ แกนนำในการหาเสยี ง (หวั คะแนน) โดยสว่ นใหญเ่ นน้ เปน็ กลมุ่ กำนนั ผใู้ หญบ่ า้ น นกั การเมอื ง ท้องถิ่น โดยหัวคะแนนดังกล่าวจะต้องเป็นคนที่ ชาวบ้านนับถือ/ยอมรับ ได้รับความเชื่อถือจาก ประชาชนและเป็นที่ยอมรับในพื้นที่ ซึ่งนับว่าเป็นอีก วธิ หี นง่ึ ทส่ี ำคญั ทน่ี ำมาซง่ึ คะแนนเสยี งในการเลอื กตง้ั 8. การจัดหาพวงหรีดให้ประชาชนในงานศพ การ สนับสนุนเงินและรางวัลในงานกีฬา งานประจำปี ต่างๆ โดยการประสานผ่านหัวคะแนนในพื้นที่ 228

สรุป อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ ปัจจัยท่ีทำให้ได้รับเลือกต้ัง จากการศึกษาพบว่าปัจจัยที่สนับสนุนให้นักการเมืองถิ่น จังหวัดปราจีนบุรีได้รับการเลือกตั้งมีหลายปัจจัยด้วยกัน ดังนี้ 1. บุคลิกภาพส่วนตัวของผู้สมัคร กล่าวคือต้องมี บุคลิกภาพที่ดี มีความน่าเชื่อถือ เพื่อให้ประชาชน เกิดความไว้วางใจ เชื่อใจ 2. ชื่อเสียงของพรรคการเมือง พรรคการเมืองที่ม ี ชื่อเสียงที่ดีเป็นที่รู้จัก/ยอมรับ ของประชาชน ก็เป็น ปัจจัยที่นำมาซึ่งคะแนนเสียงที่จะได้รับจาก ประชาชน 3. วิธีการในการหาเสียงและการสร้างคะแนนนิยม 4. ปัจจัยเรื่องความสัมพันธ์ของผู้สมัครที่มีต่อชุมชน และประชาชน คือถ้าผู้สมัครลงพื้นที่ ใกล้ชิดกับ ประชาชนอย่างสม่ำเสมอ ก็จะทำให้ประชาชนรู้จัก และให้ความไว้วางใจมากขึ้น 5. ปัจจัยเรื่องเครือข่ายทางสังคมของผู้สมัคร คือ ผู้สมัครอาจรับราชการมาก่อนที่จะมาลงสมัครรับ เลือกตั้ง หรือทำธุรกิจต่างๆ ตลอดจนเคยดำรง ตำแหน่งทางการเมืองท้องถิ่นมาก่อน ได้แก่ สจ. สท. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ ซึ่งเครือข่ายเหล่านี้ก็ส่งผล ต่อการได้มาซึ่งคะแนนเสียงในการเลือกตั้ง 6. ปัจจัยเรื่องความสัมพันธ์กับนักการเมืองที่ดำรง ตำแหน่งสส.อยู่แล้ว คืออาจเป็นความสัมพันธ์ใน 229

นักการเมืองถ่ินจังหวัดปราจีนบุรี ลักษณะเครือญาติ/ความสัมพันธ์ภายในครอบครัว ในลักษณะทายาททางการเมือง หรือมี สส.เป็น ผู้ชักชวน/ชักนำ ให้การสนับสนุนในการเลือกตั้ง อภิปรายผล ในอดีต (พ.ศ. 2476 - พ.ศ.2500) นักการเมืองถิ่นของ จังหวัดปราจีนบุรีโดยส่วนใหญ่จะประกอบอาชีพรับราชการเป็น คนที่มีชื่อเสียงของจังหวัด เป็นผู้ที่มีสถานภาพทางสังคมที่ได้รับ การยอมรับจากคนในชุมชน โดยส่วนมากจะเป็นการชี้นำจาก เจ้าหน้าที่ของรัฐ เช่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ครู เป็นลักษณะ โครงสร้างอำนาจแบบชนชั้น คือที่มาของนักการเมืองถิ่นนั้นมา จากชนชั้นนำของจังหวัด การเมืองถิ่นจังหวัดปราจีนบุรีในช่วงนี้ การเลือกตั้งของประชาชนในจังหวัดจะให้ความสำคัญที่ตัว บุคคลเป็นหลัก ในส่วนของพรรคการเมืองในช่วงแรกนี้ก็ไม่ได้มี ความสำคัญมากนัก เพราะไม่ได้กำหนดให้ผู้สมัครสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรต้องสังกัดพรรคการเมือง ซึ่งโดยรวมแล้วอำนาจ ต่างๆ ก็ยังอยู่ที่สถาบันทหาร การลงคะแนนของประชาชนก็ยัง ยึดตัวบุคคลเป็นหลัก นโยบายพรรคไม่ได้มีส่วนสำคัญในการ หาเสียงมากนัก สำหรับวิธีการหาเสียงโดยส่วนใหญ่เป็น การปราศรัยบ้าง หรือการไปร่วมงานต่างๆ เช่น งานบวช งานแต่งงาน งานศพ เป็นต้น หรือใช้การแนะนำตัวกับผู้ที่มี บารมีในพื้นที่ ผู้ที่เป็นที่เคารพนับถือของประชาชนในจังหวัด โดยเฉพาะกลุ่มกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ครู เป็นต้น เป็นลักษณะ โครงสร้างอำนาจแบบอุปถัมภ์ คือ นักการเมืองถิ่น กับกลุ่ม กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ครู และประชาชนในพื้นที่ ต่างก็มีการให้การ อุปถัมภ์ซึ่งกันและกัน 230

สรุป อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ การเมืองถิ่นจังหวัดปราจีนบุรีในช่วง (พ.ศ. 2512 - พ.ศ. 2539) จะเห็นได้ว่าเป็นการแข่งขันกันระหว่างกลุ่มทางการเมือง 1 กลุ่ม และบุคคลสำคัญทางการเมืองของจังหวัด 3 ท่าน (3 ส) ด้วยกันคือ กลุ่มตระกูลเทียนทอง ซึ่งมีนายเสนาะ เทียนทอง เป็นผู้บุกเบิกและให้การสนับสนุนผู้สมัครให้ได้รับชัยชนะในการ เลือกตั้ง นักการเมืองถิ่นในกลุ่มนี้ได้แก่นายวิทยา เทียนทอง และนายบุรินทร์ หิรัญบูรณะ ลักษณะนี้เป็นโครงสร้างอำนาจ แบบระบบเครือญาติ คือนักการเมืองถิ่นในกลุ่มนี้ต่างก็มีความ ผูกพันเป็นเครือญาติกันทั้งเครือญาติแนวนอน และเครือญาต ิ ที่เป็นคนที่รู้จักนับถือกัน นายบุญส่ง สมใจ นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ และอดีตนักการเมืองท้องถิ่น ที่ผันตัวเองเข้าสู่เวทีการเมือง ระดับชาติ นายสมาน ภุมมะกาญจนะ นักธุรกิจที่ประสบความ สำเร็จและอดีตนักการเมืองท้องถิ่น ที่ผันตัวเองเข้าสู่เวที การเมืองระดับชาติ นายสุนทร วิลาวัลย์ นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จและ อดีตนักการเมืองท้องถิ่น ที่ผันตัวเองเข้าสู่เวทีการเมืองระดับ ชาติ การเลือกตั้งของประชาชนในจังหวัดยังคงให้ความ สำคัญที่ตัวบุคคลเป็นหลัก ผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรยังคงเป็นบุคคลที่มีสถานภาพทางสังคม มีชื่อเสียง เป็นที่รู้จักของคนในจังหวัดมาก่อน ในช่วงนี้เริ่มมีนักธุรกิจ ที่ประสบความสำเร็จอีกทั้งเคยเป็นนักการเมืองท้องถิ่น เช่น สจ. 231

นักการเมืองถิ่นจังหวัดปราจีนบุรี สท. สอบต. มาก่อนแล้วจึงผันตัวเองเข้าสู่เวทีการเมืองระดับ ชาติ ซึ่งกลุ่มนี้นับว่าเป็นกลุ่มใหญ่มากที่สุดในช่วงนี้ ได้แก่ นายบุญส่ง สมใจ นายสมาน ภุมมะกาญจนะ นายสุนทร วิลาวัลย์ และกลุ่มตระกูลเทียนทองที่นำโดยนายเสนาะ เทียนทอง ในส่วนของพรรคการเมือง นักการเมืองในช่วงนี้ โดยส่วนใหญ่สังกัดพรรคการเมือง เพราะกฎหมายได้มีการ กำหนดให้ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรต้องสังกัด พรรคการเมือง แต่การสังกัดพรรค หรือการที่จะนำนโยบาย พรรคมาช่วยในการหาเสียงนั้นมีส่วนสำคัญน้อยมากในการที่จะ ทำให้ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง สำหรับวิธีการหาเสียงของ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรโดยส่วนใหญ่จะใช้ระบบของ หัวคะแนน โดยเฉพาะกลุ่มของนักการเมืองท้องถิ่น เช่น สมาชิก สภาองค์การบริหารส่วนตำบล สมาชิกสภาองค์การบริหาร ส่วนจังหวัด สมาชิกสภาเทศบาล หรือโดยเฉพาะกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน กลุ่มเครือญาติ ก็เป็นสิ่งที่สำคัญที่จะนำไปสู่การได้ รับชัยชนะในการเลือกตั้ง หรือการได้รับการสนับสนุนจากกลุ่ม ทางการเมือง เป็นต้น ตลอดจนการลงพื้นที่พบปะประชาชน การเดินเคาะประตูบ้าน หรือการไปร่วมงานต่างๆ เช่น งานบวช งานแต่งงาน งานศพ เป็นต้น เป็นลักษณะโครงสร้างอำนาจ แบบอุปถัมภ์ คือ นักการเมืองถิ่น กับกลุ่มกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นักการเมืองท้องถิ่น (สจ., สท., สอบต.) และประชาชนในพื้นที่ ต่างก็มีการให้การอุปถัมภ์ซึ่งกันและกัน แต่หลังจากวันที่ 1 ธ.ค. 2536 คณะรัฐบาลได้มีมติให้อำเภอสระแก้ว และอำเภอ วังน้ำเย็น ของจังหวัดปราจีนบุรี แยกออกไปเป็นจังหวัดสระแก้ว ส่งผลให้กลุ่มทางการเมืองที่สำคัญคือ กลุ่มตระกูลเทียนทอง 232

สรุป อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ เข้าเป็นส่วนหนึ่งของจังหวัดสระแก้ว ทำให้การเมืองของจังหวัด ปราจีนบุรีคงเหลือแต่บุคคลสำคัญทางการเมืองของจังหวัด 3 ท่าน (3 ส) คือ นายบุญส่ง สมใจ นายสมาน ภุมมะกาญจนะ และนายสุนทร วิลาวัลย์ ก า รเมืองถิ่นจังหวัดปราจีนบุรีในปัจจุบัน การเมืองถิ่นจังหวัดปราจีนบุรีในช่วงนี้ (พ.ศ.2544 - พ.ศ.2554) จะเห็นได้ว่าเป็นการแข่งขันกันระหว่างกลุ่มทางการ เมือง 2 กลุ่ม ด้วยกันคือ กลุ่มตระกูลวิลาวัลย์ ซึ่งมีนายสุนทร วิลาวัลย์ เป็นผู้บุกเบิกและปูทางไว้ตลอดจนให้การสนับสนุนผู้สมัคร ให้ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง นักการเมืองในกลุ่มนี้ ได้แก่ นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ ศรีจันทร์งาม ที่เป็นทายาททาง การเมือง (ลูกสาว) ของนายสุนทร วิลาวัลย์ นายอำนาจ วิลาวัลย์ ที่เป็นทายาททางการเมือง(หลาน) ของนายสุนทร วิลาวัลย์ นางเพชรินทร์ เสียงเจริญ ซึ่งได้รับการชักชวนเข้า สู่การเมืองระดับชาติ จากนายสุนทร วิลาวัลย์ ลักษณะนี้เป็น โครงสร้างอำนาจแบบระบบเครือญาติ คือนักการเมืองถิ่น ในกลุ่มนี้ต่างก็มีความผูกพันเป็นเครือญาติกันทั้งเครือญาติ แนวนอน และเครือญาติที่เป็นคนที่รู้จักนับถือกัน กลุ่มตระกูลภุมมะกาญจนะ ซึ่งมีนายสมาน ภุมมะกาญจนะ เป็นผู้บุกเบิกและปูเส้นทางการเมืองไว้ นักการเมืองในกลุ่มนี้คือ นายชยุต (วรวุฒิ) ภุมมะกาญจนะ ที่เป็นทายาททางการเมือง (ลูกชาย) ของนายสมาน ภุมมะกาญจนะ ลักษณะนี้เป็นโครงสร้างอำนาจแบบระบบ 233

นักการเมืองถ่ินจังหวัดปราจีนบุรี เครือญาติ คือนักการเมืองถิ่นในกลุ่มนี้ต่างก็มีความผูกพันเป็น เครือญาติกัน การเมืองถิ่นจังหวัดปราจีนบุรีในช่วงนี้ส่วนใหญ่เป็น นักการเมืองหน้าใหม่ ที่มีฐานจากการเป็นทายาททางการเมือง ในช่วงนี้พรรคการเมือง หรือนโยบายของพรรคการเมืองได้เข้า มามีบทบาทสำคัญที่มีส่วนช่วยในการหาเสียงเพิ่มมากขึ้น เช่น สื่อ วัสดุอุปกรณ์ต่างๆ กลวิธีในการหาเสียง แต่การเลือกตั้งของ ประชาชนในจังหวัดก็ยังให้ความสำคัญที่ตัวบุคคลเป็นหลัก เพราะไม่ว่านักการเมืองที่ตัวเองให้ความสนใจจะย้าย ไปอยู่พรรคการเมืองใดก็แล้วแต่ ประชาชนก็ยังคงตามเลือก อยู่เช่นเดิม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในช่วงนี้ส่วนใหญ่เคยเป็น นักการเมืองท้องถิ่น เช่น สจ. สท. สอบต. มาก่อนแล้วจึงผัน ตัวเองเข้าสู่เวทีการเมืองระดับชาติ สำหรับวิธีการหาเสียงของ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรโดยส่วนใหญ่จะใช้ระบบของ หัวคะแนน โดยเฉพาะกลุ่มของนักการเมืองท้องถิ่น เช่น สมาชิก สภาองค์การบริหารส่วนตำบล สมาชิกสภาองค์การบริหาร ส่วนจังหวัด สมาชิกสภาเทศบาล หรือโดยเฉพาะกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน กลุ่มเครือญาติ ก็เป็นสิ่งที่สำคัญที่จะนำไปสู่การได้ รับชัยชนะในการเลือกตั้ง หรือการได้รับการสนับสนุนจากกลุ่ม ทางการเมือง เป็นต้น ตลอดจนการลงพื้นที่พบปะประชาชน การเดินเคาะประตูบ้าน หรือการไปร่วมงานต่างๆ เช่น งานบวช งานแต่งงาน งานศพ เป็นต้น เป็นลักษณะโครงสร้างอำนาจ แบบอุปถัมภ์ คือ นักการเมืองถิ่น กับกลุ่มกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นักการเมืองท้องถิ่น (สจ., สท., สอบต.) และประชาชนในพื้นที่ ต่างก็มีการให้การอุปถัมภ์ซึ่งกันและกัน 234

สรุป อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ แนวโน้มการเมืองถิ่นจังหวัดปราจีนบุรี ในอนาคต นักการเมืองถิ่นของจังหวัดปราจีนบุรีในอนาคต ก็ยังมี แนวโน้มที่จะเป็นนักการเมืองหน้าใหม่ที่มีฐานจากการเป็น ทายาททางการเมือง หรือได้รับการชักชวนและสนับสนุนจาก นักการเมืองถิ่นที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักของประชาชนอยู่แล้วเป็น ลักษณะโครงสร้างอำนาจแบบระบบเครือญาติ คือนักการเมือง ถิ่นในกลุ่มต่างก็มีความผูกพันเป็นเครือญาติกันทั้งเครือญาติ แนวนอน หรือเครือญาติที่เป็นคนที่รู้จักนับถือกัน เนื่องจาก ผลการเลือกตั้งที่ผ่านมานั้นนักการเมืองถิ่นที่ได้รับการเลือกตั้ง โดยส่วนใหญ่ เป็นกลุ่มตระกูลที่ได้รับความไว้วางใจจาก ประชาชนอยู่แล้ว เช่น ตระกูลวิลาวัลย์ ตระกูลภุมมะกาญจนะ เป็นต้น เป็นลักษณะโครงสร้างอำนาจแบบชนชั้น คือที่มาของ นักการเมืองถิ่นนั้นมาจากชนชั้นนำของจังหวัด ในส่วนของ พรรคการเมืองที่มีชื่อเสียงหรือนโยบายของพรรคการเมือง ก็น่าจะมีบทบาทสำคัญที่มีส่วนช่วยในการหาเสียงเพิ่มมากขึ้น แต่แนวโน้มการตัดสินใจลงคะแนนเสียงของประชาชนในจังหวัด ก็น่าจะให้ความสำคัญที่ตัวบุคคลเป็นหลัก เพราะจากการ ศึกษาข้อมูลของนักการเมืองถิ่นในจังหวัดทั้งในอดีตและ ปัจจุบันนั้น ไม่ว่านักการเมืองที่ประชาชนให้ความสนใจจะย้าย ไปอยู่พรรคการเมืองใดก็แล้วแต่ ประชาชนก็ยังคงตามเลือกอยู่ เช่นเดิม สำหรับวิธีการหาเสียงของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใน อนาคตก็น่าจะใช้ระบบของหัวคะแนน โดยเฉพาะกลุ่มของ นักการเมืองท้องถิ่น เช่น สจ. , สท. , สอบต. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน กลุ่มเครือญาติ ก็ยังคงเป็นสิ่งที่สำคัญที่จะนำไปสู่การได้รับ 235

นักการเมืองถิ่นจังหวัดปราจีนบุรี ชัยชนะในการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นลักษณะโครงสร้างอำนาจ แบบอุปถัมภ์ คือ นักการเมืองถิ่น กับกลุ่มกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นักการเมืองท้องถิ่น (สจ. , สท. , สอบต.) และประชาชนในพื้นที่ ต่างก็มีการให้การอุปถัมภ์ซึ่งกันและกัน ตลอดจนการต่อสู้ แข่งขันทางการเมืองก็ไม่น่าจะมีการแข่งขันที่รุนแรงมากนัก ข้อเสนอแนะเพ่ือการวิจัยในอนาคต ควรมีการศึกษาเกี่ยวกับความคิดเห็นของประชาชน จังหวัดปราจีนบุรีที่มีต่อบทบาทนักการเมืองถิ่นในปัจจุบัน เพื่อ ทราบถึงความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อการทำงานการเมือง ของนักการเมืองถิ่น ตลอดจนศึกษาถึงนักการเมืองที่พึงประสงค์ เพื่อสะท้อนให้นักการเมืองถิ่นได้รับรู้ถึงความคิดเห็นของ ประชาชน เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติตนต่อไป ข้อเสนอแนะเพื่อการพัฒนาการเมืองถิ่น ในจังหวัด ควรให้ความสำคัญ และเสริมสร้างการเมืองภาค พลเมือง ให้เกิดขึ้นอย่างแท้จริง มีความเป็นเครือข่าย และมี ความต่อเนื่องอย่างแท้จริง ตลอดจนควรให้องค์กรภาค ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมทางการเมือง เพื่อนำไปสู่การ พัฒนาการทางการเมืองทั้งในระดับจังหวัดและระดับประเทศ ต่อไป 236

บรรณานุกรม ภาษาไทย กาญจนา แก้วเทพ. (2527). จิตสำนึกของชาวนา: ทฤษฎีและแนวการ วิเคราะห์แบบเศรษฐศาสตร์การเมือง. กรุงเทพฯ: สมาคม สังเคราะห์ศาสตร์แห่งประเทศไทย. นันทวัฒน์ บรมานันท์. (2543). การปกครองส่วนท้องถิ่นตาม รฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พ.ศ. 2540. กรงุ เทพฯ: วิญญชู น. นพรัตน์ วงศ์วิทยาพาณิชย์. (2554). นักการเมืองท้องถ่ินจังหวัด สระแกว้ . พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ : สถาบันพระปกเกล้า. ประกายศรี ศรีรุ่งเรือง. (2550). นักการเมืองท้องถ่ินจังหวัดเชียงราย. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ : สถาบันพระปกเกล้า. พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต. (2541). ชนชั้นกับการเลือกต้ัง: ความรุ่งเรือง และตกต่ำของสามพรรคการเมืองในกรุงเทพมหานคร. กรุงเทพฯ: วิภาษา. . (2547). ระบบการทุจริตการเลือกตั้ง. กรุงเทพฯ: ศูนย์วิจัย และผลิตตำรา สถาบันเทคโนโลยีสังคม (เกริก).