Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore นักการเมืองถิ่นอุตรดิตถ์

นักการเมืองถิ่นอุตรดิตถ์

Description: นักการเมืองถิ่นอุตรดิตถ์
เล่มที่ 61

Search

Read the Text Version

นักการเมืองถ่ินจังหวัดอุตรดิตถ์ การเมือง กรณีการเลือกตั้งครั้งที่ 27 ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 ที่นายศรัณย์วุฒิมีโอกาสลงพื้นที่หาเสียงเพียง 3 วัน ก่อนการเลือกตั้ง แต่ด้วยได้ดำเนินกิจกรรมทางการเมืองอย่าง ต่อเนื่องผ่านการทำงานของคณะทำงานผ่านศูนย์ประสานงาน ของพรรคที่สังกัดจึงทำให้ชนะการเลือกตั้งดังกล่าว (บุตรชาย คนหนึ่งของนายศรัณย์วุฒิ, สัมภาษณ์, 23 พฤศจิกายน 2558) ซึ่งถือได้ว่ารูปแบบและกระบวนการหาเสียงของนายศรัณย์วุฒิ ดำเนินอย่างต่อเนื่องที่มิใช่เพียงในช่วงเวลาการหาเสียงเลือกตั้ง เท่านั้น นายวารุจ ศิริวัฒน์ 1. ประวัติส่วนตวั นายวารุจ ศิริวัฒน์ เกิดเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2505 เป็นบุตรของพลเรือตรีชอบ ศิริวัฒน์ อดีตรองเสนาธิการ กองเรือยุทธการ ซึ่งเป็นบุตรของนายคำ และนางเทศ ศิริวัฒน์ มภี มู ลิ ำเนาอยอู่ ำเภอตรอน จงั หวดั อตุ รดติ ถ์ มารดาชอ่ื นางสพุ ตั รา ศิริวัฒน์ นามสกุลเดิม คือ วิจิตรานนท์ ซึ่งเป็นธิดาของ พระยานิพนธ์พจนาตถ์  วิจิตรานนท์ นายวารุจ มีพี่น้องอีก 3 คน คือ นายชัยภักดิ์ ศิริวัฒน์ นางภัทรศิริ ปรียาวัฒนาวิทย์ และนางนุสรา ลิปตพัลลภ โดยตระกูล “ศิริวัฒน์” ถือว่าเป็น เพียงตระกูลเดียวของจังหวัดอุตรดิตถ์ที่มีสมาชิกนามสกุล เดียวกันดำรงตำแหน่งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร โดย นายวารุจดำรงตำแหน่ง 2 สมัย และมีพี่ชาย คือ นายชัยภักดิ ์ ที่ดำรงตำแหน่งถึง 5 สมัย และยังดำรงตำแหน่งรัฐมนตร ี หลายกระทรวง และมีบทบาทในฐานะหัวหน้าพรรคการเมือง 234

นักการเมืองถ่ินจังหวัดอุตรดิตถ์ พ.ศ. 2531 – พ.ศ. 2554 อีกด้วย นายวารุจสำเร็จการศึกษานิเทศศาสตรบัณฑิต สาขา โฆษณา มหาวิทยาลัยกรุงเทพ และศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง (สภาผู้แทนราษฎร, 2558, ออนไลน์) นายวารุจสมรสกับนางนวลจิรา ศิริวัฒน์ มีบุตร 2 คน คือ นายสุธีนนท์ ศิริวัฒน์, นางสาวเอมจิรา ศิริวัฒน์ โดยก่อนลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรจังหวัดอุตรดิตถ์ นายวารุจเป็นนักธุรกิจ 2. ประวัตกิ ารดำรงตำแหน่งทางการเมอื ง การเขา้ สตู่ ำแหนง่ ทางการเมอื งของนายวารจุ ศริ วิ ฒั น์ ในสมัยแรก คือ การเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่ 22 (6 มกราคม พ.ศ. 2544) ซึ่งเป็นการเลือกตั้งครั้งแรกของจังหวัดอุตรดิตถ์ ที่มีการแบ่งเขตเลือกตั้งออกเป็น 3 เขต โดยนายวารุจลงสมัคร รับเลือกตั้งในเขต 2 ซึ่งเดิมนายศรัณย์ ศรัณย์เกตุ ได้ลงสมัคร และได้รับเลือกตั้งในเขตนี้ แต่ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง (ใบแดง) เนื่องจากมีผู้ฟ้องว่ากระทำการฝ่าฝืนกฎหมายประกอบ รัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภา (ศาลปกครองสูงสุด, 2558, ออนไลน์) นายวารุจ จึงลงสมัครและได้รับเลือกตั้งในเขตนี้สังกัดพรรค ชาติพัฒนา โดยเขต 1 และเขต 3 มีผู้สมัครจากพรรคไทยรักไทย ได้รับเลือกตั้ง คือ เขตเลือกตั้งที่ 1 นางสาวกฤษณา สีหลักษณ์ และเขตเลอื กตง้ั ท่ี 3 นายทนศุ กั ด ์ิ เลก็ อทุ ยั สงั กดั พรรคไทยรกั ไทย และในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่ 25 (23 ธันวาคม พ.ศ. 2550) เปน็ การเลอื กตง้ั ครง้ั แรกภายใตร้ ฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พุทธศักราช 2550 จังหวัดอุตรดิตถ์มีเขตเลือกตั้งเดียว และมี 235

นักการเมืองถิ่นจังหวัดอุตรดิตถ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวน 3 คน โดยนายวารุจลงสมัคร และได้รับเลือกตั้งในครั้งนี้สังกัดพรรคพลังประชาชน แต่ต่อมา เ ม ื ่ อ พ ร ร ค พ ล ั ง ป ร ะ ช า ช น ย ุ บ ย ้ า ย ม า ส ั ง ก ั ด พ ร ร ค ก ิ จ ส ั ง ค ม นอกจากนี้นายวารุจยังเคยดำรงสำคัญ อาทิ เลขานุการ รัฐมนตรีว่าการทบวงมหาวิทยาลัย (นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ) และเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน (นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ) เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม (นายวรรณรัตน์ ชาญนุกูล) (ราชกิจจานุเบกษา, 2554, น. 61) 3. เครือข่ายผู้สนับสนุนทางการเมืองและพรรค การเมือง ในด้านเครือข่ายสนับสนุนทางการเมืองและพรรค การเมืองนี้เป็นเนื้อหาที่นักวิจัยดำเนินการวิเคราะห์จาก ปรากฏการณ์และบริบทที่เกี่ยวข้องกับนายวุจ ศิริวัฒน์ โดย อาศัยเครือข่ายสนับสนุนทางการเมืองเดียวกันกับนายชัยภักดิ์ ศิริวัฒน์ ที่เป็นพี่ชายผู้ซึ่งสนับสนุนการเข้าสู่การเป็นนักการเมือง ของวารุจ ฉะนั้น จากการมีบทบาททางการเมืองทั้งในฐานะ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และรัฐมนตรีในคณะรัฐมนตรี ชุดต่างๆ อย่างต่อเนื่อง จึงทำให้มีเครือข่ายและพรรคการเมือง สนับสนุนอย่างกว้างขวางของนายชัยภักดิ์ หรือเรียกได้ว่า นามสกุล “ศิริวัฒน์” ส่งผลดีต่อการได้รับการสนับสนุนทาง การเมืองจากประชาชนและพรรคการเมืองมายังนายวารุจ ที่ เป็นเครือข่ายเดียวกันกับนายชัยภักดิ์ที่มีกลไกสนับสนุน กระบวนการเลือกตั้งอย่างเป็นระบบ ซึ่งเครือข่ายทางการเมือง ของนายชัยภักดิ์จึงอาจเป็นทั้งเครือข่ายนักการเมืองท้องถิ่น 236

นักการเมืองถิ่นจังหวัดอุตรดิตถ์ พ.ศ. 2531 – พ.ศ. 2554 ที่เป็นกลไกสนับสนุนเครือข่ายพรรคการเมือง โดยทำงาน ภายใต้คณะทำงานหรือทีมงานพรรคการเมืองที่มีทักษะทาง การเมืองเป็นแกนหลัก และจากการเคยดำรงตำแหน่ง เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และดำรง ตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยของ นายชัยภักดิ์จึงส่งผลให้มีเครือข่ายที่เป็นบริหารสถานศึกษาและ คณะครูโรงเรียนต่างๆ ข้าราชการกระทรวงกระทรวงมหาดไทย ทั้งราชการส่วนภูมิภาคและท้องถิ่นในจังหวัดอุตรดิตถ์ถ่ายโอน มาเป็นเครือข่ายของนายวารุจแทนเมื่อนายชัยภักดิ์ยุติบทบาท ภายหลังดำรงตำแหน่งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใน การเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่ 21 และนายวารุจได้ลงสมัครเป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่ 22 จึงเปรียบเสมือนการส่งต่อเครือข่ายเดิมที่ให้การสนับสนุน ทางการเมืองของนายชัยภักดิ์มายังนายวารุจนั่นเอง แม้ว่า นายวารุจจะมีการย้ายพรรคในการลงสมัครรับเลือกตั้งโดยใน การเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่ 22 สังกัดพรรคชาติพัฒนา มาสังกัด พรรคพลังประชาชนและเมื่อพรรคถูกยุบก็ได้มาสังกัดพรรค กิจสังคมในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่ 25 ซึ่งถือว่าเป็นพรรคขนาด เล็กกว่าสองพรรคเดิม แต่นายวารุจ ยังได้รับการสนับสนุนจาก เครือข่ายทางการเมืองที่เชื่อได้ว่ายังให้ความนิยมนักการเมือง รายบุคคลในตระกูลนักการเมืองเดียวกันมากกว่าพรรค การเมือง 237

นักการเมืองถิ่นจังหวัดอุตรดิตถ์ 4. รูปแบบและกระบวนการหาเสยี งเลือกตั้ง ในด้านรูปแบบและกระบวนการหาเสียงเลือกตั้งนี้ เป็นเนื้อหาที่นักวิจัยดำเนินการวิเคราะห์จากปรากฏการณ์และ บริบทที่เกี่ยวข้องกับนายวารุจ ศิริวัฒน์ และนายชัยภักดิ์ ศิริวัฒน์ ซึ่งการเข้าสู่ตำแหน่งของนายวารุจย่อมมีรูปแบบและ กระบวนการที่สัมพันธ์กับนายชัยภักดิ์ที่อาศัยรูปแบบและ กระบวนการหาเสียงในระดับพื้นที่จังหวัดอุตรดิตถ์อย่างเป็น ระบบผ่านคณะทำงานหรือทีมงานโดยมีการกำกับจาก นายชัยภักดิ์ทั้งในฐานะอดีตหัวหน้าพรรคการเมืองที่มี ประสบการณ์ทางการเมืองสูงจึงสามารถวิเคราะห์เพื่อ คาดการณ์ผลการเลือกตั้งของนายวารุจได้เป็นอย่างดี ฉะนั้น รูปแบบการเสียงจึงอาจเป็นในลักษณะเชิงรุกและใช้หลากวิธี เช่นเดียวกันกับนายชัยภักดิ์โดยกลุ่มเป้าหมายในการหาเสียง มุ่งไปในกลุ่มฐานคะแนนของนายชัยภักดิ์เดิม เช่น แจกเอกสาร แผ่นปลิวแนะนำตัวโดยเฉพาะในการลงสมัครรับเลือกตั้งในสมัย แรก การติดตั้งแผ่นป้ายโฆษณาหาเสียง ใช้พาหนะในการ ตระเวนหาเสียง ปราศรัยบนเวที และพบปะเยี่ยมเยียนตาม บ้าน/ชุมชน เป็นต้น การหาเสียงจึงเน้นกระบวนการสื่อสาร ผลงานเดิมของตระกูล “ศิริวัฒน์” และสื่อสารนโยบายเพิ่มเติม ของพรรคการเมืองที่สังกัด โดยสรุปแล้วเนื้อหาในบทที่ 4 นี้ได้นำเสนอข้อมูลของ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุตรดิตถ์ที่ได้รับการเลือกตั้ง ตั้งแต่การเลือกตั้งทั่วไป ครั้งที่ 17 (24 กรกฎาคม พ.ศ. 2531) - ครั้งที่ 26 (3 กรกฎาคม พ.ศ. 2554) รวมทั้งหมด 8 คน ซึ่งอาจ 238

นักการเมืองถิ่นจังหวัดอุตรดิตถ์ พ.ศ. 2531 – พ.ศ. 2554 กล่าวได้ว่า นายชัยภักดิ์ ศิริวัฒน์ นายกนก ลิ้มตระกูล นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย และนางสาวกฤษณา สีหลักษณ์ เป็น นักการเมืองถิ่นจังหวัดอุตรดิตถ์อย่างแท้จริง เนื่องจากได้รับ เลือกตั้ง 3 สมัยขึ้นไป และจากข้อมูลความสัมพันธ์ระหว่าง นักการเมืองและพรรคการเมือง จะเห็นได้ว่าพรรคการเมือง โดยแกนนำหลักของพรรคได้เข้ามามีบทบาทโดยตรงในการ กำหนดตัวผู้สมัคร และกำหนดกลยุทธ์ในการหาเสียงให้ผู้สมัคร โดยให้ผู้สมัครมีหน้าที่ปฏิบัติตามกลยุทธ์ และในช่วงระยะเวลา ดังกล่าวนี้จะเห็นได้ว่ากลุ่มการเมืองที่อยู่ในพรรคการเมืองได้ทำ หน้าที่ในนามพรรคการเมืองในการบริหารจัดการนักการเมือง ในกลุ่มหรือที่เรียกว่า มุ้ง ของตนเอง ผ่านแกนนำพรรคที่เป็น หัวหน้ากลุ่มหรือมุ้ง หรือส่วนใหญ่เป็นผู้ที่ทำหน้าที่ในฐานะ กรรมการบริหารพรรค และเป็นเครือญาติของผู้ก่อตั้ง พรรคการเมอื ง ฉะนน้ั ในการเลอื กตง้ั ทว่ั ไปดงั ทป่ี รากฏในบทท่ี 4 นี้จะสามารถสังเกตเห็นถึงบทบาทและความสัมพันธ์ของ พรรคการเมืองที่ทำหน้าที่บริหารนักการเมืองตั้งแต่เริ่มต้น กำหนดบุคคลที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งจนเมื่อได้รับการเลือกตั้ง แล้ว พรรคได้สนับสนุนนักการเมืองของพรรคเข้าสู่ตำแหน่งใน คณะรัฐมนตรี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักการเมืองที่มีผลงานได้รับ เลือกตั้งมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 สมัย จึงจะสามารถก้าวจาก การเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไปสู่การดำรงตำแหน่งใน รัฐบาล เช่น นายชัยภักดิ์ ศิริวัฒน์ นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย และนางสาวกฤษณา สีหลักษณ์ โดยสรุปแล้วการเลือกตั้ง ในช่วงระยะเวลา พ.ศ. 2531 – พ.ศ. 2554 พรรคการเมือง มีอิทธิพลเหนือการตัดสินใจของนักการเมืองถิ่นจังหวัดอุตรดิตถ์ 239

นักการเมืองถิ่นจังหวัดอุตรดิตถ์ ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบในช่วงระยะเวลาพ.ศ. 2476 - พ.ศ. 2529 นักการเมืองถิ่นจังหวัดอุตรดิตถ์มีความเป็นอิสระจาก พรรคการเมืองค่อนข้างมากกว่า โดยนักการเมืองเป็นผู้ที่มี อำนาจตัดสินทางการเมืองด้วยตัวเองได้ดีกว่าช่วงระยะเวลา ภายหลังจากนี้ถึงปัจจุบันที่พรรคการเมืองเป็นกลไกหลัก ในการกำหนดความสำเร็จของนักการเมืองถิ่นจังหวัดอุตรดิตถ์ โดยเฉพาะพรรคการเมืองขนาดใหญ่ เช่น พรรคเพื่อไทย ที่นักการเมืองถิ่นจังหวัดอุตรดิตถ์มีความต้องการลงสมัคร รับเลือกตั้งในนามของพรรค จึงเป็นการบ่งชี้ถึงบทบาทและ อิทธิพลของพรรคที่มีต่อนักการเมือง 240

บ5ทท ี่ การสรุป อภิปรายผล และคาดการณ์แนวโน้ม การเมืองถิ่นจังหวัดอุตรดิตถ์ จากข้อมลู ผลการวิจัยที่นำเสนอในบทที่ 3 และ 4 มาแล้ว ในบทนี้เป็นการนำเสนอเนื้อหาการสรุปผลการวิจัย อภิปรายผล การวิจัย และการคาดการณ์แนวโน้มการเมืองถิ่นจังหวัด อุตรดิตถ์ โดยมีประเด็นที่จะนำเสนอ ดังนี้ 1. การสรุปผลการวจิ ัย ในประเด็นดังต่อไปนี้ 1.1 ข้อมูลพื้นฐานของนักการเมืองถิ่นจังหวัด อุตรดิตถ์ ประกอบด้วย ระดับการศึกษา อาชีพ การดำรง ตำแหน่งนักการเมือง ท้องถิ่น การเป็นสมาชิกกลุ่มทางสังคม เครือญาติที่เป็นนักการเมือง จำนวนที่ลงสมัครรับเลือกตั้งและ จำนวนที่ได้รับเลือกตั้ง การสังกัดและการย้ายพรรคการเมือง

นักการเมืองถ่ินจังหวัดอุตรดิตถ์ 1.2 เครอื ขา่ ยสนบั สนนุ ทางการเมอื งของนกั การเมอื ง ถิ่น ประกอบด้วย กลุ่มผลประโยชน์ และกลุ่มที่ไม่เป็นทางการ ที่มีอิทธิพล/หรือสนับสนุนทางการเมืองแก่นักการเมืองถิ่น จังหวัดอุตรดิตถ์ เครือข่ายนักการเมืองระดับท้องถิ่น ข้าราชการ และสมาคมธุรกิจ เป็นต้น 1.3 บทบาทและความสัมพันธ์ของพรรคการเมือง และนักการเมืองที่เคยได้รับเลือกตั้ง 1.4 รูปแบบและกระบวนการหาเสียง 2. การอภิปรายผลการวิจัย 3. การคาดการณ์แนวโน้มการเมืองถิ่นจังหวัดอุตรดิตถ์ โดยขอนำเสนอรายละเอียดเนื้อหาของแต่ละหัวข้อตาม ลำดับ ดังนี้ 242

สรุปผลการวิจัย 1. การสรุปข้อมูลพ้ืนฐานของนักการเมืองถิ่นจังหวัดอุตรดิตถ์ ตารางที่ 1 แสดงข้อมูลพ้ืนฐานของนักการเมืองถ่ินจังหวัดอุตรดิตถ์ (ตารางนี้ไม่แสดงข้อมูลของ นายเทพ เกตุพันธ์ และนายช้ืน อยู่ถาวร ดังน้ันตารางนี้จึงสรุปข้อมูลสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จำนวน 20 คน) สรุป อภิปรายผล และคาดการณ์แนวโน้มทางการเมืองจังหวัดอุตรดิตถ์ 243ลำดบั ท/่ี รายช่อื นกั การเมือง การศึกษา อาชพี ก่อน นตกักตทไำากำ(มอ้แเรแาคเ่ ดงหรหคยถำเนยนม,น่ิร ง่/ง่ งือ) ง ชกก่อืไสสล(มาอมเังรุ่มปเ่งาคปเทค็นชปม็น์กา,กิน็ /งร ) เครือญาติ จำนวนที่ลง การสังกัด/การยา้ ย สงู สดุ /สาขา เป็นสมาชกิ ทเ่ี ป็น สมคั รรับ พรรคการเมือง 1. นายฟัก ณ สงขลา เลือกตง้ั / 2. นายพึ่ง ศรีจันทร์ สภา นักการเมือง ไดร้ บั เลอื ก ผูแ้ ทนราษฎร ระดับชาติ ต้ัง (คร้ัง) (มี,ไม่มี/ชื่อ) ปริญญาตรี/ ทนายความ ไม่เคย ไม่เป็น ไม่มี 1 ไม่สังกัด นิติศาสตร์ ปริญญาตรี/ ทนายความ ไม่เคย เป็น/ ไม่มี 1 1/4 พรรคสหชีพ นิติศาสตร์ เสรีไทย (ส่วน ภูมิภาค)

นักการเมืองถ่ินจังหวัดอุตรดิตถ์ การศกึ ษาอาชีพกอ่ นนตกกัตทไำากำ(ม้อแเรแาคเ่ดงหรหคยถำเนยนม,น่ิร ่ง/ง่งอื ) ง ชกกือ่ไสสล(มาอมเงัรุ่มปเ่งาคปเทคน็ชปม็นก์า,ิกน็ /งร ) เครือญาติ จำนวนที่ลงการสงั กดั /การยา้ ย 244 สงู สุด/สาขา เปน็ สมาชกิ ท่ีเปน็ สมคั รรับ พรรคการเมือง ลำดบั ท่/ี รายชือ่ นักการเมอื ง เลือกตงั้ / สภา นักการเมือง ได้รบั เลือก 3. นายสุ่ม ตันติพลาผล ผูแ้ ทนราษฎร ระดับชาติ ต้ัง (คร้งั ) 4. นายสมพงษ์ หาญประเสริฐ (ม,ี ไมม่ ี/ชอ่ื ) 5. นายส่ง ศัลยพงศ์ 6. นายเสริม โลกเลื่อง ปริญญาตรี/ ทนายความ เคย/ ไม่มี 1 ไม่สังกัด 7. เรืออากาศตรีบุญยง วัฒนพงศ์ นิติศาสตร์ นายก เทศมนตรี มัธยมศึกษา นักธุรกิจ เคย/ ไม่เป็น ไม่มี 2 พรรคอิสระ ชั้นปีที่ 6 สมาชิกสภา เทศบาล ปริญญาตรี/ ทนายความ เคย/ ไม่เป็น ไม่มี ไม่มีข้อมูล ไม่สังกัด นิติศาสตร์ นายก เทศมนตรี ปริญญาตรี/ ทนายความ ไม่เคย ไม่เป็น ไม่มี 3 สหประชาไทย นิติศาสตร์ ปริญญาตรี/ รับราชการ เคย/ ไม่เป็น ไม่มี 1 - พรรคธรรมสังคม รัฐศาสตร์ ปลัดอำเภอ นายก - พรรคชาตประชาชน - พรรคปวงชนชาวไทย เทศมนตรี

ลำดับที/่ รายช่อื นักการเมือง การศกึ ษา อาชีพกอ่ น นตกักตทไำากำ(ม้อแเรแาคเ่ดงหรหคยถำเนยนม,ิ่นร ง่/ง่งอื ) ง ชกกื่อไสสล(มาอมเังรมุ่ปเ่ งาคปเทค็นชปม็นก์า,กิ ็น /งร ) เครือญาติ จำนวนทีล่ ง การสังกัด/การยา้ ย 8. นายบรรลือ น้อยมณี สูงสดุ /สาขา เปน็ สมาชกิ ทเ่ี ป็น สมคั รรบั พรรคการเมือง 9. นายเปรม มาลากุล ณ อยุธยา เลอื กตั้ง/ สภา นกั การเมอื ง ไดร้ ับเลือก 10. สิบเอกสนิทพงษ์ มุกดาสนิท ผแู้ ทนราษฎร ระดับชาติ ตั้ง (ครง้ั ) 11. นายเชาวลิต สุขสวัสดิ์ (ม,ี ไม่มี/ช่ือ) สรุป อภิปรายผล และคาดการณ์แนวโน้มทางการเมืองจังหวัดอุตรดิตถ์ 245 อนุปริญญาตรี รับราชการ ไม่เคย ไม่เป็น นายชัยภักดิ์ 1 1/3 - พรรคชาตินิยม นายอำเภอ ศิริวัฒน์ - พรรคชาติไทย นายวารุจ - พรรคชาติ- ศิริวัฒน์ ประชาธิปไตย ปริญญาตรี/ ทนายความ ไม่เคย ไม่เป็น ไม่มี ไม่มีข้อมลู /5 - พรรคสยามใหม่ นิติศาสตร์ - พรรคสยามปฏิรูป - พรรคชาติไทย - พรรคสห- ประชาธิปไตย นายสิบทหาร รับราชการ เคย/ ไม่เป็น ไม่มี 3 สังกัดพรรคกิจสังคม ทหาร สมาชิก สภาเทศบาล การศึกษานอก นักธุรกิจ เคย/ ไม่เป็น ไม่มี 1 1/5 - พรรคสยาม- โรงเรียน (ม.6) สมาชิกสภา ประชาธิปไตย องค์การบริหาร - พรรคชาติไทย ส่วนจังหวัด

นักการเมืองถ่ินจังหวัดอุตรดิตถ์ การศกึ ษาอาชีพก่อนนตกักตทไำากำ(มอ้แเรแาค่เดงหรหคยถำเนยนม,่นิร ่ง/ง่งอื ) ง ชกก่อื ไสสล(มาอมเงัร่มุปเ่ งาคปเทคน็ ชปม็นก์า,ิก็น /งร ) เครือญาต ิจำนวนที่ลงการสงั กัด/การยา้ ย 246 สงู สุด/สาขา เปน็ สมาชกิ ที่เปน็ สมัครรับ พรรคการเมอื ง ลำดบั ที่/รายชอ่ื นกั การเมอื ง เลอื กตง้ั / 12. นายอารมณ์ พุ่มพิริยพฤนท์ สภา นักการเมอื ง ได้รบั เลือก ผ้แู ทนราษฎร ระดับชาติ ตง้ั (ครั้ง) (ม,ี ไม่มี/ชื่อ) ประกาศนียบัตร นักธุรกิจ ไม่เคย ไม่เป็น ไม่มี 4 - พรรคกิจสังคม วิชาชีพ (ปวช.) - พรรคไทเป็นไทย 13. นายชัยภักดิ์ ศิริวัฒน์ ปริญญาตรี/ นักธุรกิจ ไม่มีข้อมูล ไม่มีข้อมูล นายบรรลือ ไม่มีข้อมูล/5 - พรรคราษฎร 14. นายสุรพล เลี้ยงบำรุง รัฐศาสตร์ น้อยมณี - พรรคประชากรไทย นายวารุจ - พรรคชาติพัฒนา ศิริวัฒน์ ปริญญาตรี/ นักจัด ไม่เคย ไม่เป็น ไม่มี 2 - พรรคราษฎร นิเทศศาสตร์ รายการวิทยุ 15. นายกนก ลิ้มตระกลู ปริญญาโท/ นักธุรกิจ เคย/สมาชิก ไม่เป็น ไม่มี 1 1/5 - พรรคชาติพัฒนา 16. นายอนุชาติ บรรจงศุภมิตร พัฒนบริหารศ นักธุรกิจ สภาองค์การ ไม่เป็น ไม่มี - พรรคพลงั ประชาชน - พรรคเพื่อไทย าสตร์ บริหาร ปริญญาตรี/ ส่วนจังหวัด 1 - พรรคความหวังใหม่ การจัดการ เคย/สมาชิก สภาองค์การ บริหาร ส่วนจังหวัด

ลำดับที/่ รายช่อื นกั การเมือง การศกึ ษา อาชีพก่อน นตกกัตทไำากำ(มอ้แเรแาค่เดงหรหคยถำเนยนม,นิ่ร ่ง/ง่งือ) ง ชกกอื่ ไสสล(มาอมเังร่มุปเ่ งาคปเทคน็ ชปม็นก์า,กิ ็น /งร ) เครอื ญาติ จำนวนทีล่ ง การสงั กัด/การย้าย 17. นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย สงู สดุ /สาขา เป็นสมาชิก ท่ีเป็น สมคั รรับ พรรคการเมอื ง 18. นางสาวกฤษณา สีหลักษณ์ เลอื กต้ัง/ สภา นักการเมอื ง ไดร้ บั เลือก 19. นายศรัณย์ ศรัณย์เกตุ ผ้แู ทนราษฎร ระดบั ชาติ ตั้ง (ครง้ั ) 20. นายวารุจ ศิริวัฒน์ (มี,ไม่มี/ชอื่ ) สรุป อภิปรายผล และคาดการณ์แนวโน้มทางการเมืองจังหวัดอุตรดิตถ์ รปัฐรปศิญราะญสศตาารโส์ ทน/ นักธุรกิจ เเคเททตยศศำ/มนบบนาาลยตล กรีไม่มีข้อมูล ไม่มีข้อมูล ไม่มีข้อมลู /5 ---- พพพพรรรรรรรรคคคคพปเไพทลรื่อยะงั ไรปชทัการยไะกท ชรยไาท ช ยน 247 ปรรัฐิญศญาสาตโทร์ / นักธุรกิจ สเสคภ่วยบาน/อรสจิหงมังคาหาร์กวช าัด ิก ร -เพมอก--จโลูื่อุตาสมัรงนพรรโตหลู กดมิธัฒาวนีฬิตสิ รัดริธนถารี่ .ิ า ์ 5 ไม่มี ไม่มีข้อมูล/4 -พ- พพรรรรครรคคพเไลพทังื่อยปไรรทักะยไชท ายชน- ปภกราาเิญคอรจรกญัดัฐชแากนโลา ทระ/ นักธุรกิจ ไม่เคย ไม่เป็น ไม่มี 1 1/2 - -- พพพชารรรรรรตคคคิพรเไัฒพทวมื่อยนไใราทจัก-ยไ ท ย ปรรัฐิญศญาสาตโทร์ / นักธุรกิจ ไม่เคย ไม่มีข้อมูล นนานาศยย้อิรชิวบยัยัฒมรภรณนลัก์ ือีด ิ์ ไม่มีข้อมูล/2 --- พพพรรรรรรคคคพชกาลิจตงั สปิพังรัฒคะมชนา าช น

นักการเมืองถ่ินจังหวัดอุตรดิตถ์ จากตารางที่ 1 เห็นได้ว่าจังหวัดอุตรดิตถ์มีสมาชิก สภาผู้แทนราษฎรนับตั้งแต่การเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่ 1 (15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2476) - ครั้งที่ 26 (3 กรกฎาคม พ.ศ. 2554) จำนวน 20 คน (เฉพาะแสดงข้อมูลในตารางที่ 1 จากจำนวน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุตรดิตถ์ทั้งหมด 22 คน) โดยส่วนใหญ่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีจำนวน 10 คน โดยในระดับปริญญาตรีนี้มีผู้สำเร็จการศึกษาในสาขา นิติศาสตร์มากที่สุดถึงจำนวน 6 คน และสาขารัฐศาสตร์ จำนวน 2 คน ที่เหลือเป็นสาขาอื่น และมีผู้สำเร็จการศึกษา ต่ำกว่าปริญญาตรีจำนวน 5 คน มีผู้สำเร็จปริญญาโท 5 คน และมีเพียง 1 คนที่สำเร็จการศึกษาจากต่างประเทศ คือ นายชัยภักดิ์ ศิริวัฒน์ และมีเพียง 1 คนเช่นเดียวกันที่สำเร็จ การศึกษาในหลักสูตรเฉพาะที่เกี่ยวข้องการกับเมือง คือ นายอนุชาติ บรรจงศุภมิตร ที่ศึกษาหลักสูตรการเมือง การปกครอง รุ่นที่ 7 จากสถาบันพระปกเกล้า ส่วนใหญ่สมาชิก สภาผู้แทนราษฎรประกอบอาชีพเป็นนักธุรกิจมากถึงจำนวน 10 คน รองลงมาคือเป็นทนายความจำนวน 6 คน และ ส่วนใหญ่เคยเป็นนักการเมืองท้องถิ่นจำนวน 10 คน ซึ่งมี จำนวนใกล้เคียงกับผู้ที่ไม่เคยเป็นนักการเมืองท้องถิ่น คือ จำนวน 9 คน และไม่มีข้อมูลจำนวน 1 ในด้านการเป็นสมาชิก กลุ่มทางสังคมนั้นส่วนใหญ่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไม่เป็น สมาชิกกลุ่มทางสังคมใดๆ มีเพียง 1 คน คือ นางสาวกฤษณา สีหลักษณ์ ที่เป็นสมาชิกทางสังคมในระดับจังหวัดอุตรดิตถ์ และอีก 1 คน คือ นายพึ่ง ศรีจันทร์ ที่เข้าร่วมเป็นสมาชิก เสรีไทย (ส่วนภูมิภาค) และมีเพียง 3 คนที่เป็นเครือญาติกัน 248

สรุป อภิปรายผล และคาดการณ์แนวโน้มทางการเมืองจังหวัดอุตรดิตถ์ คือ นายบรรลือ น้อยมณี นายชัยภักดิ์ ศิริวัฒน์ และนายวารุจ ศิริวัฒน์ ซึ่งตระกูลศิริวัฒน์โดยนายกี่ (ทวี) ศิริวัฒน์ เป็นลุงของ นายชัยภักดิ์ และนายวารุจ ที่ได้สมรสกับนางอรุณ น้อยมณี ซึ่งเป็นน้องสาวของนายบรรลือ ฉะนั้น ถือจึงเป็นเครือญาติจาก การแต่งงาน จึงมีความใกล้ชิดน้อยเมื่อเทียบกับนายชัยภักดิ์ และนายวารุจที่เป็นพี่น้องร่วมบิดาและมารดาเดียวกัน ในด้าน จำนวนครั้งที่ลงสมัครรับเลือกตั้งและได้รับเลือกตั้ง มีจำนวน 2 คนที่ลงสมัครรับเลือกตั้งสูงสุดคือ 6 ครั้ง คือ นายเชาวลิต สุขสวัสดิ์ และนายกนก ลิ้มตระกูล ซึ่งได้รับเลือกตั้ง เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จำนวน 5 ครั้ง ซึ่งถือว่าดำรง ตำแหน่งเป็นจำนวนสมัยที่สูงสุดของจังหวัดอุตรดิตถ์ และ ในด้านการสังกัด/การย้ายพรรคการเมือง ซึ่งสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรจังหวัดอุตรดิตถ์ส่วนใหญ่ย้ายพรรคการเมือง มากกว่า 2 พรรค โดยมีจำนวน 2 คนที่มีการสังกัดแล้วย้าย พรรคสุดสูงถึง 4 พรรค ซึ่งประกอบด้วย นายเปรม มาลากุล ณ อยุธยา และนายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย แต่กรณีนายทนุศักดิ์นั้น การย้ายพรรคสืบเนื่องจากการยุบพรรคการเมืองเดิมที่สังกัด คอื พรรคไทยรกั ไทยถกู ยบุ จงึ ไดย้ า้ ยไปสงั กดั พรรคพลงั ประชาชน และย้ายสังกัดพรรคเพื่อไทยตามลำดับ นอกจากนี้ยังสามารถสรุปข้อมูลเกี่ยวกับสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรจังหวัดอุตรดิตถ์ที่น่าสนใจในประเด็นด้าน วาระที่ ดำรงตำแหน่ง การเป็นผู้ก่อตั้งและผู้ร่วมก่อตั้งพรรคการเมือง การดำรงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร และการดำรง ตำแหน่งในคณะรัฐมนตรี กล่าวคือ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดอุตรดิตถ์ที่ดำรงตำแหน่งสมาชิกเป็นจำนวนวาระสูงที่สุด 249

นักการเมืองถิ่นจังหวัดอุตรดิตถ์ ประกอบด้วย 6 คน คือ เรืออากาศตรีบุญยง วัฒนพงศ์ นายเปรม มาลากลุ ณ อยธุ ยา นายเชาวลติ สขุ สวสั ด์ิ นายชยั ภกั ด์ิ ศิริวัฒน์ นายกนก ลิ้มตระกูล และนายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย โดยทั้งหมดดำรงตำแหน่งถึง 5 วาระ สำหรับการเป็นผู้ก่อตั้ง และผู้ร่วมก่อตั้งพรรคการเมืองซึ่งถือว่ามีบทบาทในการกำหนด นโยบายพรรคและการสรรหาผู้สมัครของพรรคที่มิใช่มีบทบาท ในระดับจังหวัดหรือระดับถิ่นเลือกตั้งของตนเท่านั้น แต่ยังมี บทบาทในการกำหนดกลไกการบริหารพรรคอีกดว้ ย โดยปรากฏ ข้อมูลจากผลการวิจัยที่พบว่ามีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัด อุตรดิตถ์ จำนวน 1 คน ที่เป็นผู้ก่อตั้งพรรค คือ เรืออากาศตรี บุญยง วัฒนพงศ์ ที่ได้ก่อตั้งพรรคชาติประชาชน โดยดำรง ตำแหน่งเป็นหัวหน้าพรรค และมีจำนวน 3 คน คือ นายเปรม มาลากุล ณ อยุธยา ที่ร่วมก่อนตั้งพรรคสยามประชาธิปไตย โดยจัดตั้งตามพระราชบัญญัติพรรคการเมือง พ.ศ. 2524 โดยได้ยื่นจดทะเบียนต่อปลัดกระทรวงมหาดไทย เมื่อวันที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2526 นายชัยภักดิ์ ศิริวัฒน์ ที่เป็นผู้ร่วมก่อตั้ง พรรคราษฎร และได้รับการแต่งตั้งเป็นหัวหน้าพรรคในเดือน กรกฎาคม พ.ศ. 2536 สืบต่อจาก พลเอกมานะ รัตนโกเศศ หัวหน้าพรรคราษฎรคนก่อนหน้าลาออกในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2535 และนายสมพงษ์ หาญประเสริฐ ที่เป็นผู้ร่วมก่อตั้ง พรรคอิสระร่วมกับอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวน 22 คน เช่น นายโกศล ไกรฤกษ์ นายบุญเลิศ ชินวัตร และนายวัฒนา อัศวเหม เป็นต้น โดยการก่อตั้งพรรคนั้นได้รับการสนับสนุนจาก นายประสิทธิ์ กาญจวัฒน์ และจอมพลประภาส จารุเสถียร เป็นผู้อยู่เบื้องหลังในการสนับสนุนให้การก่อตั้งพรรคสำเร็จ 250

สรุป อภิปรายผล และคาดการณ์แนวโน้มทางการเมืองจังหวัดอุตรดิตถ์ ด้านการดำรงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรนั้นสมาชิก สภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุตรดิตถ์มีผู้ที่ดำรงตำแหน่งสูงสุดของ ฝ่ายนิติบัญญัติ คือ นายพึ่ง ศรีจันทร์ ที่ดำรงตำแหน่งใน พ.ศ. 2490 สำหรับการดำรงตำแหน่งในคณะรัฐมนตรี สมาชิก สภาผแู้ ทนราษฎรจงั หวดั อตุ รดติ ถด์ ำรงตำแหนง่ ในคณะรฐั มนตรี ซง่ึ ประกอบดว้ ย นายพง่ึ ศรจี นั ทร์ เรอื อากาศตรบี ญุ ยง วฒั นพงศ ์ นายชัยภักดิ์ ศิริวัฒน์ นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย และนางสาว กฤษณา สีหลักษณ์ ซึ่งนางสาวกฤษณาเป็นสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรหญิงเพียงคนเดียวที่เหลือเป็นนักการเมืองชาย ทั้งหมด และเป็นเพียงคนเดียวพรรคการเมืองที่สังกัดส่งลง สมัครรับเลือกตั้งเป็นบัญชีรายชื่อ 2. เครือข่ายสนับสนุนทางการเมืองของนักการเมืองถ่ิน สำหรับเครือข่ายสนับสนุนทางการเมืองแก่นักการเมือง ถิ่นจังหวัดอุตรดิตถ์นี้ มีลักษณะที่หลากหลายทั้งเป็นการ สนับสนุนจากบุคคล กลุ่มบุคคล พรรคการเมือง ซึ่งหากเป็น กลุ่มบุคคลที่ให้การสนับสนุนทางการเมืองนั้นดำรงอยู่ทั้งใน รูปขององค์กรที่เป็นทางการ อาทิ สภาอุตสาหกรรมจังหวัด และ สภาหอการค้าจังหวัด ส่วนองค์กรที่ไม่เป็นทางการนั้นเป็น องค์กรทางเศรษฐกิจและสังคมที่มีการรวมตัวและมีโครงสร้าง ของกลุ่มแบบหลวมๆ เช่น กลุ่มเกษตรกร กลุ่มสตร ี อาสาสมัคร สาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) และกลุ่มเครือญาติ และ กลุ่มที่ไม่เป็นทางการทางการเมือง คือ กลุ่มย่อยที่จัดตั้งภายใน พรรคการเมือง เช่น กลุ่มวังบัวบาน กลุ่มวังน้ำยม และกลุ่ม เครือข่ายภาคประชาชน เช่น สนับสนุนแนวประชาธิปไตย 251

นักการเมืองถิ่นจังหวัดอุตรดิตถ์ ต่อการเผด็จการ (นปช.) เป็นต้น ซึ่งการสนับสนุนทางการเมือง แก่นักการเมืองถิ่นจังหวัดอุตรดิตถ์นี้มีทั้งระดับภายในจังหวัด และระดับประเทศ โดยขอสรุปดังตารางต่อไปนี้ 252

ตารางที่ 2 สรุปเครือขา่ ยสนบั สนนุ ทางการเมอื งของนกั การเมอื งถ่นิ เครอื ขา่ ยสนับสนุนทางการเมอื งของนักการเมืองถิ่น ลำดบั ที่/รายช่ือนกั การเมอื ง พรรค นัก กลุ่ม กลุ่ม นัก ผู้ใหญ่ ข้า- นัก รวม/ การเมือง การเมือง ทางการ ไม่เป็น การเมือง บ้าน/ ราชการ ธุรกิจ แหลง่ สรุป อภิปรายผล และคาดการณ์แนวโน้มทางการเมืองจังหวัดอุตรดิตถ์ ทางการ ท้องถิ่น กำนัน ญาติ อื่นๆ 253 1 1. นายฟัก ณ สงขลา - - - - - - ¸ - - - 2 2. นายพึ่ง ศรีจันทร์ - - - - - ¸ - - - ¸ 5 4. นายสุ่ม ตันติพลาผล - - - - - ¸ ¸ ¸ (ประชาชนที่ เคยช่วยด้าน 7 5. นายสมพงษ์ หาญประเสริฐ ¸ ¸ ¸ ¸ ¸ ¸ 3 คดีความ 2 5. นายส่ง ศัลยพงศ์ - - - - ¸ ¸ ¸ - ความ) 5 6. นายเสริม โลกเลื่อง - - - - - ¸ - - ¸ ¸ 7. เรืออากาศตรีบุญยง วัฒนพงศ์ - - ¸ ¸ ¸ - (ผู้ปกครอง ¸ ¸ นักเรียน) ¸ (พระสงฆ์) - - ¸ - - -

นักการเมืองถ่ินจังหวัดอุตรดิตถ์ 254 เครือข่ายสนับสนุนทางการเมอื งของนักการเมอื งถ่นิ ลำดับท่ี/รายชื่อนกั การเมือง พรรค นัก กลุ่ม กลุ่ม นัก ผู้ใหญ่ ข้า- นัก ญาติ อื่นๆ รวม/ การเมือง การเมือง ทางการ ไม่เป็น การเมือง บ้าน/ ราชการ ธุรกิจ แหลง่ ทางการ ท้องถิ่น กำนัน 8. นายบรรลือ น้อยมณี - - - - - ¸ ¸ ¸ - - 3 - 4 9. นายเปรม มาลากุล ณ อยุธยา ¸ ¸ - - ¸ ¸ - - - - 5 10. สิบเอกสนิทพงษ์ มุกดาสนิท - ¸ - ¸ ¸ ¸ - - ¸ 7 3 (ผู้ปกครองและ 6 ทหารกองเกิน, 4 สื่อสารมวลชน จ.อุตรดิตถ์) 7 7 11. นายเชาวลิต สุขสวัสดิ์ ¸ ¸ - ¸ ¸ ¸ ¸ ¸ - - 12. นายอารมณ์ พุ่มพิริยพฤนท์ - 13. นายชัยภักดิ์ ศิริวัฒน์ - - - ¸ - ¸ ¸ - - - 14. นายสุรพล เลี้ยงบำรุง - ¸ ¸ - ¸ ¸ ¸ ¸ - - ¸ ¸ - - ¸ - - - ¸ (ผู้ฟัง รายการวิทยุ) 15. นายกนก ลิ้มตระกลู ¸ ¸ - ¸ ¸ ¸ ¸ ¸ - - 16. นายอนุชาติ บรรจงศุภมิตร ¸ ¸ - ¸ ¸ ¸ ¸ ¸ - -

เครือข่ายสนบั สนนุ ทางการเมืองของนักการเมอื งถนิ่ ลำดบั ที/่ รายชอ่ื นกั การเมือง พรรค นัก กลุ่ม กลุ่ม นัก ผู้ใหญ่ ข้า- นัก ญาติ อื่นๆ รวม/ การเมือง การเมือง ทางการ ไม่เป็น การเมือง บ้าน/ ราชการ ธุรกิจ แหลง่ ทางการ ท้องถิ่น กำนัน สรุป อภิปรายผล และคาดการณ์แนวโน้มทางการเมืองจังหวัดอุตรดิตถ์ 17. นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย 255 ¸ ¸ - ¸ ¸ ¸ ¸ ¸ - - 7 18. นางสาวกฤษณา สีหลักษณ์ - 8 19. นายศรัณย์ ศรัณย์เกตุ ¸ ¸ ¸ ¸ ¸ ¸ ¸ ¸ - - 7 20. นายวารุจ ศิริวัฒน์ - 8 ¸ ¸ - ¸ ¸ ¸ ¸ ¸ - ¸ ¸ - ¸ ¸ ¸ ¸ ¸ ¸

นักการเมืองถิ่นจังหวัดอุตรดิตถ์ จากตารางที่ 2 เห็นได้ว่าบุคคล/ตำแหน่งที่เป็นเข้า มาเป็นเครือข่ายสนับสนุนทางการเมืองแก่สมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรจังหวัดอุตรดิตถ์สูงสุด คือ ผู้ใหญ่บ้านและกำนัน ที่มีจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวน 19 คน ได้รับ การสนับสนุนทางการเมืองจากแหล่งนี้ตลอดระยะเวลาของ การจัดการเลือกตั้งทั่วไปทั้งในยุคการพัฒนาการการเลือกตั้ง (การเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่ 1 วันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2476 - วันที่ 17 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2531) และช่วงการจัดการเลือกตั้ง โดยพรรคการเมืองของจังหวัดอุตรดิตถ์ (ครั้งที่ 18 วันที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2535 - ครั้งที่ 26 วันที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2554) มีเพียงในการเลือกตั้งครั้งแรกที่ไม่ปรากฏข้อมูลชัดเจนว่ามี ผู้ใหญ่บ้านและกำนันให้การสนับสนุนหรือไม่ ซึ่งการเลือกตั้ง ครั้งแรกนายฟัก ณ สงขลา ได้รับการสนับสนุนทางการเมือง จากข้าราชการเพียงกลุ่มเดียว จึงมีความแตกต่างจาก นักการเมืองถิ่นจังหวัดอุตรดิตถ์ที่เหลือทั้งหมดที่ได้รับ การสนับสนุนทางการเมือง 2 แหล่ง และมากกว่า 2 แหล่งขึ้นไป โดยจำนวนแหล่งสนับสนุนทางการเมืองที่ผนวกมาเป็น เครือข่ายทางการเมืองสูงสุดคือ จำนวน 7 แหล่ง รองลงมา คือ จำนวน 5 แหล่ง และ 3 แหล่งที่มีจำนวนเท่ากัน ยกเว้น นายวารจุ ศริ วิ ฒั น์ และนางสาวกฤษณา สหี ลกั ษณ์ ทม่ี เี ครอื ขา่ ย ในการสนับสนุนทางการเมืองสูงกว่านักการเมืองถิ่นคนอื่น คือ มีเครือข่ายครอบคลุมจำนวน 8 แหล่ง ทั้งการสนับสนุนจาก พรรคการเมือง นักการเมือง กลุ่มทางการ กลุ่มไม่เป็นทางการ นักการเมืองท้องถิ่น ผู้ใหญ่บ้าน/กำนัน ข้าราชการ นักธุรกิจ และญาติที่เป็นเครือข่ายขนาดใหญ่อันส่งผลให้ประสบความ 256

สรุป อภิปรายผล และคาดการณ์แนวโน้มทางการเมืองจังหวัดอุตรดิตถ์ สำเร็จทางการเมืองของนักการเมืองถิ่นที่ยิ่งมีเครือข่าย ครอบคลุมและกว้างขวางมากย่อมส่งผลในเชิงบวกต่อการเข้าสู่ ตำแหน่งทางการเมือง โดยมีประเด็นที่น่าสนใจอย่างยิ่งใน การเมืองถิ่นจังหวัดอุตรดิตถ์ที่มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จำนวน 4 คนที่ได้รับการสนับสนุนทางการเมืองจากกลุ่มที่ไม่ เป็นทางการที่เป็นกลุ่มเดียวกัน คือ นายกนก ลิ้มตระกูล นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย นางสาวกฤษณา สีหลักษณ์ และ นายศรัณย์ ศรัณย์เกตุ ที่ได้รับการสนับสนุนทางการเมืองจาก กลุ่มภาคประชาชนที่มีการรวมตัวกันในนามกลุ่มแนวร่วม ประชาธิปไตยเพื่อต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) จังหวัด อุตรดิตถ์ ทั้งนี้มีการสนับสนุนนับตั้งแต่การเลือกตั้งครั้งที่ 25 (23 ธันวาคม พ.ศ. 2550) และครัง้ ที่ 26 (3 กรกฎาคม พ.ศ. 2554) ซึ่ง นปช.จังหวัดอุตรดิตถ์เป็นกลุ่มที่มีผู้นำของกลุ่มในการ ประสานประชาชนที่ให้การสนับสนุนผู้สมัครของพรรคทั้ง 4 คน ของจังหวัดอุตรดิตถ์เพื่อเข้าร่วมรับฟังการปราศรัยหาเสียงของ แกนนำพรรคพลังประชาชนและพรรคเพื่อไทยที่ได้ช่วยเหลือ สมาชิกของพรรคในการหาเสียงเลือกตั้ง เช่น การปราศรัยของ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในการเลือกตั้งครั้งที่ 26 โดยการ สนับสนุนของกลุ่มที่ไม่เป็นทางการดังกล่าวดำเนินในรูปของ การประสานงานกับพรรคการเมืองและแกนนำของกลุ่มระดับ ประเทศ ดังปรากฏภาพการเคลื่อนไหวในการดำเนินกิจกรรม ทางการเมืองคู่ขนานระหว่างแกนนำของกลุ่ม นปช.ระดับ ประเทศ ระดับจังหวัด และพรรคการเมืองที่กลุ่มให้การ สนับสนุน ซึ่งถือได้ว่าปรากฏการณ์ทางการเมืองดังกล่าว มีความแตกต่างจากการสนับสนุนทางการเมืองจากกลุ่มที่ไม่ 257

นักการเมืองถ่ินจังหวัดอุตรดิตถ์ เปน็ ทางการทใ่ี หก้ ารสนบั สนนุ แกส่ มาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรคนอน่ื เช่น นายเชาวลิต สุขสวัสดิ์ และนายอภิชาต บรรจงศุภมิตร ที่กลุ่มไม่เป็นทางการให้การสนับสนุนทางการเมืองเป็นกลุ่ม อาชีพที่เคยให้การช่วยเหลือและพึ่งพาอาศัยระหว่างกัน อย่างไรก็ตามนัยยะนี้ชี้ให้เห็นถึงบทบาทของพรรคการเมือง ที่สามารถดำเนินการทางการเมืองของพรรคในลักษณะของ การสร้างกลุ่มประชาชนขนาดใหญ่โดยการสื่อสารทางการเมือง ว่าพรรคและประชาชนมีอุดมการณ์ทิศทางเดียวกัน เช่น การสนับสนุนประชาธิปไตยโดยการได้มาซึ่งสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลือกตั้ง หรือการต่อต้านรัฐประหาร เป็นต้น จึงสามารถสร้างกลุ่มประชาชนที่มีแนวคิดร่วมมาเป็น กลุ่มสนับสนุนทางการเมือง ของพรรค และมีการพัฒนาการ สนับสนุนดังกล่าวในรูปของการนำแกนนำของกลุ่มสนับสนุน เข้าสู่การเป็นสมาชิกพรรคของตน 3. บทบาทและความสัมพันธ์ของพรรคการเมืองและนักการเมือง ที่เคยได้รับเลือกต้ัง จากผลการวิจัยครั้งนี้จะปรากฏให้เห็นถึงบทบาทและ ความสัมพันธ์ของพรรคและนักการเมืองถิ่นจังหวัดอุตรดิตถ์ ที่ค่อนข้างสะท้อนถึงความสัมพันธ์อย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์ดังกล่าวจะสามารถสะท้อนได้จากนักการเมืองถิ่น จงั หวดั อตุ รดติ ถเ์ พยี ง 12 คน จากจำนวนสมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร ที่ศึกษา 22 คน จากการสรุปผลจากการสัมภาษณ์และ การสังเกตปรากฏการณ์การหาเสียงเลือกตั้ง และมีนักการเมือง บางคนที่ไม่สามารถสะท้อนถึงความสัมพันธ์ดังกล่าวได้อย่าง ชัดเจน ฉะนั้น จึงขอสรุปถึงบทบาทและความสัมพันธ์ของ 258

สรุป อภิปรายผล และคาดการณ์แนวโน้มทางการเมืองจังหวัดอุตรดิตถ์ พรรคการเมืองและนักการเมืองถิ่นจังหวัดอุตรดิตถ์ที่สามารถ อนุมานไปยังความสำเร็จในการเลือกตั้งของนักการเมืองนั้น เป็นผลจากความสัมพันธ์จากบทบาทและความสัมพันธ์ของ พรรคการเมือง โดยขอสรุปเป็นรายบุคคล ดังนี้ 259

นักการเมืองถ่ินจังหวัดอุตรดิตถ์ 260 ตารางที่ 3 แสดงสรุปบทบาทและความสัมพันธ์ของพรรคการเมืองและนักการเมืองที่เคยได้รับ เลอื กตงั้ จังหวดั อุตรดิตถ ์ รายชื่อนักการเมอื ง บทบาทและความสัมพันธข์ องพรรคการเมอื งและนักการเมือง นายสมพงษ์ หาญประเสริฐ - นายสมพงษ์ หาญประเสริฐ นั้นถือว่ามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพรรคการเมือง ทั้งนี้เนื่องจากมีบทบาทในฐานะ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรคการเมือง ชื่อ “พรรคอิสระ” ซึ่งเริ่มก่อตัวภายหลังเดือนตุลาคม พ.ศ. 2501 ซึ่งขณะนั้น จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ประกาศยกเลิกรัฐธรรมนูญที่ส่งผลให้เป็นการยุติบทบาทสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และ บทบาทของพรรคการเมืองไทยลง ทำให้พรรคการเมืองไม่สามารถดำเนินกิจกรรมทางการเมืองได้ นายประสิทธิ์ กาญจวัฒน์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดฉะเชิงเทราจึงสนับสนุนการจัดตั้งพรรคอิสระ โดยมีจอมพล ประภาส จารุเสถียร ให้การสนับสนุนนายประสิทธิ์ และกลุ่มอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวน 22 คน ซึ่ง นายสมพงษ์ เป็น 1 ในจำนวน 22 คนที่หมดวาระลงจากการยกเลิกรัฐธรรมนูญ แต่เมื่อจัดให้มีเลือกตั้งอีกในเดือน กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2512 นายสมพงษ์ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุตรดิตถ์เป็น สมัยที่ 2 ในนามพรรคอิสระ แต่ไม่ได้รับการเลือกตั้ง นายประสิทธิ์ จึงให้การสนับสนุนนายสมพงษ์ดำรงเป็นที่ ปรึกษารัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกร ซึ่งมีนายประสิทธิ์เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวง ฉะนั้น ถือได้ว่าในการเลือกตั้ง สมัยที่ 2 ของนายสมพงษ์นั้นได้รับการสนับสนุนทั้งจากพรรคการเมืองและนักการเมืองตลอดจนทหารที่มีความ สัมพันธ์กับนักการเมืองด้วย จึงถือได้ว่าพรรคการเมืองมีบทบาทและความสัมพันธ์ที่แนบแน่นกับนายสมพงษ์เป็น อย่างดียิ่ง

รายชอ่ื นกั การเมอื ง บทบาทและความสมั พนั ธข์ องพรรคการเมอื งและนักการเมือง เรืออากาศตรีบุญยง วัฒนพงศ์ - เรืออากาศตรีบุญยง ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 5 สมัย และยังเคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีใน คณะรัฐมนตรีหลายสมัย อีกทั้งเป็นก่อตั้งและหัวหน้าพรรคการเมืองชื่อ “พรรคชาติประชาชน” และยังได้รับ การสนับสนุนเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ พ.ศ. 2534 ภายหลังการรัฐประหารรัฐบาลพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ โดยพลเอก สุนทร คงสมพงษ์ หัวหน้าคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) ซึ่งในการลง สมัครรับเลือกตั้งแต่ละครั้งนั้น เรืออากาศตรีบุญยงเป็นผู้ที่รับการสนับสนุนจากพรรคการเมืองเป็นอย่างดี เช่น การเลือกตั้งครั้งที่ 13 (4 เมษายน พ.ศ. 2519) เรืออากาศตรีบุญยง ได้รับการสนับสนุนจากพรรคธรรมสังคม โดย นายทวิช กลิ่นประทุม เป็นหัวหน้าพรรค และการเลือกตั้งครั้งที่ 17 (24 กรกฎาคม พ.ศ. 2531) ที่ได้สังกัดพรรค ปวงชนชาวไทย โดยมี พลเอกอาทิตย์ กำลังเอก เป็นหัวหน้าพรรค ซึ่งเป็นข้าราชการทหารที่ได้รับการยอมรับ จากทั้งในกองทัพและประชาชน จากการได้รับการสนับสนุนทางการเมืองดังกล่าวบ่งชี้ได้ว่าเรืออากาศบุญยง ซึ่งเคยได้รับราชการทหารและข้าราชการกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้ที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับนักการเมืองที่มี บทบาทในพรรคการเมือง และในฐานะที่ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคการเมืองที่ก่อตั้งนั้น จึงถือได้ว่าเรืออากาศ บุญยงสามารถกำหนดกำหนดยุทธศาสตร์การเลือกตั้งได้ด้วยตนเอง โดยถือได้ว่าค่อนข้างประสบผลสำเร็จเพราะ ภายหลังลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคของตนเองก็ได้ร่วมรัฐบาล พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ใน พ.ศ. 2522 สรุป อภิปรายผล และคาดการณ์แนวโน้มทางการเมืองจังหวัดอุตรดิตถ์ 261

นักการเมืองถ่ินจังหวัดอุตรดิตถ์ 262 รายชื่อนักการเมอื ง บทบาทและความสัมพนั ธข์ องพรรคการเมืองและนกั การเมอื ง นายเปรม มาลากุล ณ อยุธยา - นายเปรม มาลากุล ณ อยุธยา เป็นผู้ที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพรรคการเมืองเป็นอย่างยิ่งโดยวิเคราะห์จาก การได้รับคัดเลือกส่งลงสมัครรับเลือกตั้งและได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวน 5 สมัยติดต่อกัน จึงสามารถบ่งชี้ถึงการได้รับการสนับสนุนจากพรรคการเมืองอย่างต่อเนื่อง แม้จะไม่ปรากฏในข้อมูลจากการวิจัย ที่ชัดเจน แต่สามารถวิเคราะห์ได้ว่านายเปรมย่อมมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับพรรคการเมือง โดยได้รับ การสนับสนุนการหาเสียงจากพรรคอย่างเป็นระบบในลักษณะของ “ตัวแทน” (Agent) ในพื้นที่โดยดำเนินอย่าง ระบบในการเลือกตั้งครั้งที่ 15 (18 เมษายน พ.ศ. 2526) และความสัมพันธ์ระหว่างนายเปรมและพรรคยิ่งมีความ ใกล้ชิดมากขึ้นในการเลือกตั้งสมัยที่ 5 พ.ศ. 2529 โดยนายเปรมได้เข้าร่วมกรรมการบริหารพรรคเนื่องจากเป็น ผู้หนึ่งที่ริเริ่มก่อตั้งพรรค คือ พรรคสยามประชาธิปไตยและลงสมัครรับเลือกตั้งและชนะการเลือกตั้งโดยสังกัด พรรคดังกล่าว ฉะนั้น พรรคการเมืองในฐานะผู้ร่วมก่อตั้งจึงมีส่วนสนับสนุนอันสืบเนื่องมาจากความสัมพันธ์ท ี่ ใกล้ชิดให้นายเปรมการเข้าสู่ตำแหน่งทางการเมือง

รายชือ่ นักการเมือง บทบาทและความสมั พนั ธ์ของพรรคการเมอื งและนกั การเมอื ง นายเชาวลิต สุขสวัสดิ์ - นายเชาวลิต สุขสวัสดิ์ เป็นผู้ที่ได้รับการสนับสนุนจากนักการเมืองที่ดำรงตำแหน่งสำคัญในพรรคการเมือง จึงส่งผลให้นายเชาวลิตได้รับเลือกตั้งจำนวน 5 สมัย ซึ่งนักการเมืองที่ให้การสนับสนุนเริ่มแรก คือ นายเปรม มาลากุล ณ อยุธยา และเรืออากาศตรีบุญยง วัฒนพงศ์ โดยนายเปรมเป็นผู้ชักชวนนายเชาวลิตเข้าสู่การเมือง ระดับชาติ และนำนายเชาวลิตเข้าพบเพื่อรับการสนับสนุนจากเรืออากาศตรีบุญยง ซึ่งเป็นสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรที่เคยดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรี ทั้งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และรัฐมนตรีประจำ สำนักนายกรัฐมนตรี และก็ได้รับการสนับสนุนโดยส่งลงสมัครรับเลือกตั้งสังกัดพรรค สยามประชาธิปไตย ใน พ.ศ. 2526 เป็นสมัยแรก ซึ่งพรรคดังกล่าวมีนายเปรมเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง และเป็นกรรมการบริหารพรรค แต่ต่อ มาในการเลือกตั้งและการดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสมัยที่ 2 - 5 ของนายเชาวลิต ได้สังกัด พรรคชาติไทย โดยการสร้างผลงานด้านการพัฒนาของนายเชาวลิตในพื้นที่จังหวัดอุตรดิตถ์เป็นผลจากพรรค ชาติไทยโดยสมาชิกพรรคระดับสูงของพรรคที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี เช่น นายเสนาะ เทียนทอง รัฐมนตรี ช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยได้ลงพื้นที่จังหวัดอุตรดิตถ์และอนุมัติโครงการที่เสนอโดยนายเชาวลิตอย่างต่อเนื่อง ตลอดสมัยการดำรงตำแหน่ง ซึ่งการตัดสินใจอนุมัติโครงการต่างๆนั้นเป็นการช่วยสร้างฐานคะแนนความนิยมแก่ สมาชิกของพรรคและบ่งชี้ถึงความใกล้ชิดของพรรคที่มีต่อสมาชิกพรรคและสร้างความเป็นนักการเมืองถิ่นให้กับ นายเชาวลิต สรุป อภิปรายผล และคาดการณ์แนวโน้มทางการเมืองจังหวัดอุตรดิตถ์ 263

นักการเมืองถ่ินจังหวัดอุตรดิตถ์ 264 รายช่อื นักการเมือง บทบาทและความสมั พันธข์ องพรรคการเมอื งและนักการเมือง นายชัยภักดิ์ ศิริวัฒน์ - นายชัยภักดิ์ ศิริวัฒน์ ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของจังหวัด 5 สมัยอันเป็นการบ่งชี้ถึง ความสัมพันธ์ของพรรคการเมืองที่มีต่อนักการเมืองในการสนับสนุนการเข้าสู่ตำแหน่งทางการเมืองอย่างยาวนาน ซึ่งปรากฏบทบาทและการวางเส้นทางการเมืองของนายชัยภักดิ์ตั้งสมัยแรกในการ เลือกตั้งทั่วไป พ.ศ. 2531 ที่นายชัยภักดิ์ได้รับเลือกตั้งสังกัดพรรคราษฎร และได้ดำรงตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวง ศึกษาธิการ คือ พลเอกมานะ รัตนโกเศศ ในรัฐบาลของพลเอกชายชาติ ชุณหะวัณ โดยการที่พรรคสนับสนุน ตำแหน่งในครั้งนี้ช่วยสร้างเครือข่ายผู้สนับสนุนทางการเมืองที่เป็นบุคลกรทางการศึกษา ซึ่งครอบคลุมทั่วทั้ง จังหวัด และเป็นจุดเริ่มต้นของการก้าวสู่อีกหลายตำแหน่งในรัฐบาล นอกจากนี้นายชัยภักดิ์เคยได้รับความไว้วาง จากพรรคราษฎรให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคราษฎรในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2536 ต่อจากพลเอกมานะ รัตนโกเศศ หัวหน้าพรรคราษฎรคนก่อนหน้าที่ลาออก จากการสนับสนุนทางการเมืองดังกล่าวจึงบ่งชี้ได้ว่า พรรคการเมืองมีบทบาทเพื่อสร้างความสำเร็จทางการเมืองแก่นายชัยภักดิ์และชี้ให้เห็นว่านายชัยภักดิ์มีความ สัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับคณะกรรมการบริหารพรรคและหัวหน้าพรรคอันนำมาสู่ได้ก้าวขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคในลำดับ ต่อมา

รายชอื่ นักการเมือง บทบาทและความสมั พันธข์ องพรรคการเมอื งและนกั การเมือง นายสุรพล เลี้ยงบำรุง - นายสุรพล เลี้ยงบำรุง ถือว่าเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุตรดิตถ์โดยพรรคมีบทบาทอย่างยิ่งในการ นายกนก ลิ้มตระกลู สนับสนุนทางการเมือง โดยการชักชวนของนายชัยภักดิ์ ศิริวัฒน์ ในนามหัวหน้าพรรคราษฎร ซึ่งพรรคได้ สนับสนุนทางการเมือง เช่น การรณรงค์หาเสียงโดยมีทีมงานของพรรคในพื้นที่ จึงนำมาสู่การได้รับเลือกตั้งเป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุตรดิตถ์เป็นสมัยแรกจากการเลือกตั้งทั่วไป ครั้งที่ 18 (22 มีนาคม พ.ศ. 2535) แต่ในการลงสมัครรับเลือกตั้งสมัยที่ 2 ในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่ 19 (13 กันยายน พ.ศ. 2535) นายสุรพลไม่ได้รับ เลือกตั้ง แต่นายสุรพลยังคงได้ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะสมาชิกพรรคราษฎร โดยได้รับแต่งตั้งเป็นโฆษกพรรคราษฎร จนกระทั่งนายชัยภักดิ์หมดวาระการดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคราษฎรในปี 2538 จากการสนับสนุนของ นายชัยภักดิ์ในฐานะหัวหน้าพรรคราษฎรนี้แสดงให้เห็นว่าพรรคบทบาทในการสร้างนักการเมืองของพรรคขึ้นมา แต่อย่างไรก็ตามจะเห็นได้ว่าประสบความสำเร็จเพียง 1 สมัยจึงไม่ถือได้ว่าพรรคมีบทบาทในการพัฒนา นักการเมืองถิ่นได้เนื่องจากภาวะการแข่งขันทางการเมืองจากพรรคขนาดใหญ่ในขณะนั้นคือ พรรคชาติพัฒนา - นายกนก ลิ้มตระกูล ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุตรดิตถ์ยาวนานถึง 5 สมัย จึงแสดงให้ เห็นถึงบทบาทของพรรคการเมืองที่มีต่อนักการเมืองในการสนับสนุนทางการเมืองเพื่อเข้าสู่และรักษาฐานคะแนน ความนิยมของประชาชนให้คงอยู่กับนักการเมืองของพรรค ซึ่งนายกนกได้รับเลือกตั้งสังกัดพรรคชาติพัฒนา ติดต่อกัน 3 สมัย ตั้งแต่สมัยแรกใน พ.ศ. 2535 และในสมัยที่ 2 พ.ศ. 2538 ได้ดำรงตำแหน่งที่สำคัญคือที่ปรึกษา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และสมัยที่ 3 พ.ศ. 2539 ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงคมนาคม การได้รับตำแหน่งดังกล่าวบ่งชี้ถึงความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างพรรคการเมืองและนาย กนก โดยเฉพาะพรรคชาติพัฒนาที่ได้กำหนดให้นายกนกเป็นผู้แทนของพรรคในจังหวัดอุตรดิตถ์ และ ภายหลังได้ลงสมัครรับเลือกตั้ง พ.ศ. 2550 และพ.ศ. 2554 ได้รับการสนับสนุนลงสมัครสังกัดพรรคพลังประชาชน และพรรคเพื่อไทยตามลำดับ ซึ่งการลงสมัครใน 2 ครั้งนี้ ถือได้ว่าพรรคการเมืองมีบทบาทในการกำหนดแนวทาง การขับเคลื่อนผู้สมัครของพรรคทุกคนในจังหวัดอุตรดิตถ์ที่พรรคส่งลงสมัครรับเลือกตั้งครบทุกเขต ภายใต้กลไก การบริหารงานของหัวหน้ากลุ่มย่อยภายในพรรคการเมืองที่ดำเนินบทบาทในนามของพรรคการเมือง คือ กลุ่มวังบัวบาน โดยนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ สรุป อภิปรายผล และคาดการณ์แนวโน้มทางการเมืองจังหวัดอุตรดิตถ์ 265

นักการเมืองถ่ินจังหวัดอุตรดิตถ์ 266 รายช่อื นกั การเมือง บทบาทและความสมั พนั ธ์ของพรรคการเมอื งและนักการเมอื ง นายอนุชาติ บรรจงศุภมิตร - นายอนุชาติ บรรจงศุภมิตร เป็นนักการเมืองที่ได้รับการสนับสนุนและถูกกำหนดบทบาททางการเมืองจาก นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย หัวหน้าพรรคการเมืองโดยตรง ซึ่งก็คือพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ หัวหน้าพรรคความหวังใหม่ โดยเรืออากาศตรี บุญยง วัฒนพงศ์ ได้นำนายอนุชาติเข้าพบ และพลเอกชวลิตได้ตัดสินส่งนายอนุชาติลงสมัครรับเลือกตั้ง ในสมัยแรกในการเลือกตั้งทั่วไป ครั้งที่ 20 (2 กรกฎาคม พ.ศ. 2538) สังกัดพรรคความหวังใหม่และกำหนดให้ เรืออากาศตรีบุญยงเป็นผู้ทำหน้าที่เปรียบเสมือนเป็นพี่เลี้ยงทางการเมืองแก่นายอนุชาติและทำหน้าที่ช่วยเหลือ ในการพบปะประชาชนควบคู่กับนายอนุชาติส่งผลให้การลงสมัครเลือกตั้งในสมัยแรกประสบความสำเร็จ ดังนั้น การที่พรรคความหวังใหม่ได้กำหนดให้เรืออากาศตรีบุญยง ซึ่งอดีตเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุตรดิตถ์ 5 สมัยก่อนที่นายอนุชาติจะลงสมัครรับเลือกตั้งทำหน้าที่ในนามพรรคความหวังใหม่ในพื้นที่เพื่อบริหารผู้สมัคร ของพรรคจึงเป็นการชี้ให้เห็นว่าพรรคมีบทบาทกำหนดการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองของนายอนุชาติในฐานะ ผู้สมัครของพรรค - นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุตรดิตถ์ 5 สมัย ต่อเนื่องนับตั้งแต่ การเลือกตั้งครั้งที่ 21 (17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2539) - ครั้งที่ 26 (3 กรกฎาคม พ.ศ. 2554) และได้รับการกำหนด บทบาทให้เข้าสู่การดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีในคณะรัฐมนตรีนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ในตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการในโควตาของนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ หัวหน้ากลุ่ม“กลุ่มวังบัวบาน” ซึ่งรับผิดชอบ พื้นที่เขตภาคเหนือตอนบนและจังหวัดอุตรดิตถ์ในการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองในนามของพรรคเพื่อไทย ฉะนั้น การสามารถดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ยาวนานถึง 5 สมัยบ่งชี้ให้เห็นว่านายทนุศักดิ์ได้รับ การส่งเสริมทางการเมืองจากพรรคเพื่อไทยซึ่งพัฒนามาจากพรรคพลังประชาชนและพรรคไทยรักไทย ซึ่งเป็น พรรคที่นายทนุศักดิ์สังกัดในการลงสมัครรับเลือกตั้งสมัยที่ 2 – 5 และจากผลการเลือกตั้งดังกล่าวของ นายทนุศักดิ์จึงส่งผลให้พรรคเพื่อไทยผลักดันเข้าสู่ตำแหน่งในคณะรัฐมนตรีใน พ.ศ.2555 การดำรงดำรงตำแหน่ง ในรัฐสภาและคณะรัฐมนตรีบ่งชี้ให้เห็นว่าพรรคการเมืองมีบทบาทและมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับนายกนกในฐานะ ผู้สนับสนุนทางการเมืองซึ่งกันและกัน

รายชือ่ นกั การเมอื ง บทบาทและความสัมพนั ธ์ของพรรคการเมืองและนกั การเมอื ง นางสาวกฤษณา สีหลักษณ์ - นางสาวกฤษณา สีหลักษณ์ เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุตรดิตถ์ 4 สมัย นับตั้งแต่จากการเลือกตั้ง ครั้งที่ 22 (6 มกราคม พ.ศ. 2544) - ครั้งที่ 23 (6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2548), ครั้งที่ 25 (23 ธันวาคม พ.ศ. 2550) - ครั้งที่ 26 (3 กรกฎาคม พ.ศ. 2554) นางสาวกฤษณาเป็นนักการเมืองที่พรรคการเมืองมีบทบาทในการกำหนด การลงสมัครรับเลือกตั้ง โดยพรรคไทยรักไทยซึ่งเป็นพรรคการเมืองแรกที่ส่งนางสาวกฤษณาลงสมัครแบบแบ่งเขต ในสมัยแรก พ.ศ. 2544 และพลังประชาชนที่เกิดขึ้นภายหลังพรรคไทยรักไทยถูกยุบได้วางตัวผู้สมัครของพรรค คนใหม่ลงสมัครแบบแบ่งเขตในเขตเลือกตั้งที่ 1 ซึ่งเป็นเขตฐานคะแนนเสียงเดิมของนางสาวกฤษณา คือ นายวารุจ ศิริวัฒน์ โดยกำหนดให้นางสาวกฤษณาลงสมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อสังกัดพรรค พลังประชาชนแทนในการเลือกตั้งสมัยที่ 2 ของนางสาวกฤษณาใน พ.ศ. 2550 และใน พ.ศ. 2554 พรรคเพื่อให้ ได้มอบหมายให้นางสาวกฤษณาดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลของนางสาว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แต่ต่อมาได้ถูกปรับออกจากตำแหน่งในการปรับคณะรัฐมนตรีในเดือนมกราคม 2555 ดังนั้น จากการเข้าสู่ตำแหน่งในรัฐสภาและในคณะรัฐมนตรีของนางสาวกฤษณา จะเห็นได้ว่าพรรคมีบทบาทหลัก ทั้งในส่วนของการพิจารณาคัดเลือกการส่งลงสมัครรับเลือกตั้ง รวมถึงการเข้าสู่ตำแหน่งและการให้พ้นจาก ตำแหน่งในคณะรัฐมนตรี ซึ่งเป็นปฏิสัมพันธ์ทั้งเชิงสนับสนุนและไม่ให้การสนับสนุนโดยเฉพาะในดำรงตำแหน่งใน รัฐมนตรีที่พรรคพลังประชาชนและพรรคเพื่อไทยได้กำหนดโควต้ารัฐมนตรีจากจังหวัดอุตรดิตถ์เพียง 1 คน ฉะนั้น โควต้าดังกล่าวจึงถูกถ่ายโอนมายังนายทนุศักดิ์ เล็กอุทัยแทนนางสาวกฤษณา โดยกลไกในการกำหนดโควต้านี้ ดำเนินโดยกลุ่มการเมือง “กลุ่มวังบัวบาน” ในนามพรรคเพื่อไทยที่นำโดยนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ เช่นเดียวกับ นายทนุศักดิ์ สรุป อภิปรายผล และคาดการณ์แนวโน้มทางการเมืองจังหวัดอุตรดิตถ์ 267

นักการเมืองถ่ินจังหวัดอุตรดิตถ์ 268 รายชอื่ นักการเมือง บทบาทและความสัมพันธ์ของพรรคการเมืองและนักการเมือง นายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ - นายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ ได้รับการสนับสนุนทางการเมืองจากพรรคไทยรักไทยเป็นพรรคแรกในการเข้าสู่ การดำรงตำแหน่งทางการเมืองในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากการเลือกตั้งครั้งที่ 23 (6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2548) โดยพรรคไทยรักไทยส่งลงสมัครรับเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งที่ 2 จังหวัดอุตรดิตถ์ ซึ่งก่อนเลือกตั้ง ครั้งที่ 22 (6 มกราคม พ.ศ. 2544) พรรคไทยรักไทยเคยส่งนายศรัณย์วุฒิลงสมัครในเขตเลือกตั้งที่ 2 เช่นกันแต่ นายศรัณย์วุฒิ หรือชื่อเดิมคือนายศรัณย์เกตุถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง (ใบแดง) เนื่องจากมีผู้ฟ้องว่า กระทำการ ฝ่าฝืนกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา อย่างไร ก็ตามในการเลือกตั้งครั้งต่อมาพรรคไทยรักไทยยังได้สนับสนุนและกำหนดให้นายศรัณย์วุฒิลงสมัครในนามของ พรรคในเขตเดิมอันส่งผลให้ชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้เป็นสมัยแรก และในสมัยที่ 2 ในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่ 26 (3 กรกฎาคม พ.ศ. 2554) นายศรัณย์วุฒิได้รับคัดเลือกให้เป็นผู้สมัครของพรรค สังกัดพรรคเพื่อไทยลงสมัครรับ เลือกตั้งในเขต 2 ที่เป็นฐานคะแนนสนับสนุนเดิม ซึ่งพรรคมีบทบาทในการกำหนดกลยุทธ์ในการหาเสียงภายใต้ แนวคิด “การเลือกยกทีม” คือ นายกนก ลิ้มตระกูล เขต 1 นายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ เขต 2 และนายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย เขต 3 และจากการที่พรรคไทยรักไทยได้กำหนดตัวผู้สมัครของพรรคและกลไกการหาเสียงในพื้นที่ จังหวัดอุตรดิตถ์ตั้งแต่ พ.ศ. 2544 และพัฒนามาเป็นพรรคพลังประชาชนและเพื่อไทยในลำดับต่อมานั้น บ่งชี้ให้ เห็นถึงว่าพรรคการเมืองดังกล่าวมีบทบาทในการสร้างความสำเร็จของนักการเมืองทั้งหมดรวมถึงนายศรัณย์วุฒิ ด้วย และบ่งชี้ความใกล้ชิดระหว่างพรรคและนักการเมืองจังหวัดอุตรดิตถ์ที่ค่อนข้างแน่นแฟ้น

รายชื่อนกั การเมือง บทบาทและความสมั พนั ธข์ องพรรคการเมอื งและนกั การเมอื ง นายวารุจ ศิริวัฒน์ - นายวารุจ ศิริวัฒน์ เป็นนักการเมืองที่สะท้อนถึงบทบาทของพรรคการเมืองที่มีส่วนในการสนับสนุนทาง การเมืองในการเข้าสู่การดำรงตำแหน่งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุตรดิตถ์อย่างชัดเจน ทั้งนี้เพราะว่า นายวารุจเป็นน้องชายร่วมบิดามารดาของนายชัยภักดิ์ ศิริวัฒน์ ที่มีเครือข่ายทางการเมืองทั้งระดับประเทศและ ระดับจังหวัดในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 5 สมัย การดำรงตำแหน่งในคณะรัฐมนตรี และการเป็นหัวหน้า พรรคการเมืองของนายชัยภักดิ์ ฉะนั้นความเป็นสมาชิกในตระกูล “ศิริวัฒน์” ส่งผลให้นายวารุจมีความสัมพันธ์ ใกล้ชิดอย่างดียิ่งกับพรรคการเมืองที่เป็นเครือข่ายทางการเมืองที่เคยได้รับการสนับสนุนจากนายชัยภักดิ์ นายวารุจจึงเปรียบเสมือนตัวแทนของนายชัยภักดิ์ ฉะนั้น พรรคการเมืองจึงให้การสนับสนุนทางการเมืองในนาม สมาชิกของตระกูล โดยเฉพาะการเข้าสู่ตำแหน่งทางการเมืองของนายวารุจในสมัยแรก คือ การเลือกตั้งทั่วไป ครั้งที่ 22 (6 มกราคม พ.ศ. 2544) โดยสังกัดพรรคชาติพัฒนาซึ่งมีนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภเป็นผู้ร่วมก่อตั้งและ เป็นประธานที่ปรึกษาพรรค ซึ่งตระกูลศิริวัฒน์และลิปตพัลลภถือว่ามีความใกล้อย่างยิ่งจากการแต่งงานของ คนภายในตระกูลโดยน้องของนายชัยภักดิ์และนายวารุจ คือ นางนุสรา (ศิริวัฒน์) ลิปตพัลลภ ฉะนั้น จึงถือได้ว่า พรรคการเมืองที่นายวารุจสังกัดในการก้าวสู่การเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมีบทบาทในการกำหนดความสำเร็จ อันเกิดจากความสัมพันธ์จากการเป็นสมาชิกของตระกลู ที่มีบทบาททางการเมืองเป็นสำคัญ สรุป อภิปรายผล และคาดการณ์แนวโน้มทางการเมืองจังหวัดอุตรดิตถ์ 269

นักการเมืองถ่ินจังหวัดอุตรดิตถ์ จากตารางที่ 3 แสดงให้เห็นถึงบทบาทและความสัมพันธ์ ของพรรคการเมืองและนักการเมืองที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดอุตรดิตถ์จำนวน 12 คนที่พรรคการเมืองมีบทบาทในการ กำหนดการนำเข้าสู่การเป็นนักการเมืองและสามารถสนับสนุน นักการเมืองคนนั้นๆให้ได้รับการเลือกตั้งอย่างต่อเนื่องโดยสังกัด พรรคเดิม เช่น กรณีนายเชาวลิต สุขสวัสดิ์ ที่เป็นสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรสังกัดพรรคชาติไทย 4 สมัยจากการดำรงตำแหน่ง 5 สมัย จนถือได้ว่าเป็นนักการเมืองประจำถิ่น และบางคนมี บทบาทในฐานะที่เป็นผู้ก่อตั้งพรรคการเมือง เช่น เรืออากาศตรี บุญยง วัฒนพงษ์ และบางคนเป็นผู้ร่วมก่อตั้งพรรคการเมือง เช่น นายสมพงษ์ หาญประเสริฐ และนายเปรม มาลากุล ณ อยุธยา ซึ่งจากการเป็นผู้ร่วมก่อตั้งพรรคการเมืองย่อมมีความ ใกล้ชิดกับพรรคการเมืองมากกว่าผู้ที่ไม่มีบทบาทในการก่อน ตั้งพรรค และย่อมมีบทบาทในการกำหนดความสำเร็จของตน ในฐานะผู้สมัครของพรรคแต่อย่างไรก็ตามบางครั้งความใกล้ชิด และการสามารถกำหนดความสำเร็จได้ไม่สามารถนำความ สำเร็จในการเลือกตั้ง กรณี นายสมพงษ์ หาญประเสริฐ ที่ลง สมัครรับเลือกตั้งสังกัดพรรคอิสระที่ตนเองเป็นหนึ่งในคณะ ผู้ร่วมก่อตั้ง นอกจากนี้แล้วพรรคการเมืองยังมีบทบาทยิ่งในการ กำหนดผู้สมัครรับเลือกตั้งของพรรค โดยเฉพาะพรรคการเมือง ทเ่ี ปน็ พรรคขนาดใหญ่ เชน่ กรณขี องนางสาวกฤษณา สหี ลกั ษณ์ ที่ถูกกำหนดให้ลงสมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อแทนการลง แบบแบ่งเขตในการเลือกตั้ง ครั้งที่ 25 (23 ธันวาคม พ.ศ. 2550) โดยพรรคพลังประชาชนได้ส่งนายวารุจ ศิริวัฒน์ น้องชายของ นายชัยภักดิ์ ศิริวัฒน์ ลงสมัครแทนในเขตเลือกตั้งที่ 1 ซึ่งเป็น 270

สรุป อภิปรายผล และคาดการณ์แนวโน้มทางการเมืองจังหวัดอุตรดิตถ์ ฐานการเมืองของนางสาวกฤษณาที่เคยได้รับเลือกตั้งในการ เลือกตั้งครั้งที่ จากกรณีตัวอย่างดังกล่าวบ่งชี้ถึงบทบาทของ พรรคการเมืองที่มีต่อนักการเมืองจังหวัดอุตรดิตถ์ 4. รูปแบบและกระบวนการหาเสียง จากผลการครง้ั นส้ี ามารถสรปุ ถงึ รปู แบบและกระบวนการ หาเสียงของนักการเมืองถิ่นจังหวัดอุตรดิตถ์ว่ามีลักษณะ ไม่แตกต่างกันมากนัก ตั้งแต่การเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่ 1 (15 พฤศจกิ ายน พ.ศ. 2476) - ครง้ั ท่ี 26 (3 กรกฎาคม พ.ศ. 2554) ที่รูปแบบและกระบวนการหาเสียงเลือกตั้งของนักการเมือง ที่เคยได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมีคล้ายคลึงกัน กล่าวคือ มีการใช้รูปแบบการหาเสียงเลือกตั้งเพื่อให้ได้มาซึ่ง คะแนนการสนับสนุนทางการเมืองผ่านผู้สนับสนุนทางการเมือง หลัก คือ ผู้ใหญ่บ้านและกำนัน อย่างไรก็ตามหากพิจารณา ถึงความสลับซับซ้อนในกระบวนการหาเสียงเลือกตั้งแล้ว พบว่าการเลือกตั้งครั้งที่ 1 (15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2476) – ครั้งที่ 11 (10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2512) มีรูปแบบการหาเสียงที่ยัง ไม่สลับซับซ้อนมากนัก เป็นการใช้รูปแบบที่มุ่งพบปะประชาชน ในครัวเรือนและชุมชนผ่านกลไกผู้ใหญ่บ้านและกำนันที่เป็น คนกลางเชอ่ื มระหวา่ งผสู้ มคั รและประชาชน ทเ่ี หน็ วา่ ไดช้ ว่ ยเหลอื ทุกผู้สมัครของพรรค ทั้งนี้การเลือกตั้งตั้งแต่ครั้งที่ 1 – 11 จังหวัดอุตรดิตถ์มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเพียง 1 คน (การเลือกตั้งครั้งที่ 1- 8) และ 2 คน (การเลือกตั้งครั้งที่ 9 - 11) จึงถือว่ายังไม่มีการแข่งขันสูง อีกทั้งผู้ที่ได้รับเลือกตั้งส่วนใหญ่ เป็นผู้ที่มีฐานะความรู้และอาชีพเป็นหลักซึ่งมีความได้เปรียบ 271

นักการเมืองถิ่นจังหวัดอุตรดิตถ์ ทางการเมือง ฉะนั้น รูปแบบในกระบวนการหาเสียงเลือกตั้ง ส่วนใหญ่จึงเป็นดำเนินในลักษณะการสื่อสารถึงความต้องการ การไดร้ บั การสนบั สนนุ จากประชาชนอยา่ งตรงไปตรงมามากกวา่ เมื่อเปรียบเทียบถึงรูปแบบการหาเสียงตั้งแต่ครั้งที่ 12 (10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2512) เป็นต้นมาซึ่งการเลือกตั้งครั้งมีจังหวัด อุตรดิตถ์มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวน 3 คนเป็นครั้งแรก ในการเลือกตั้งทั่วไป ฉะนั้น จึงมีพรรคการเมืองที่สนใจส่ง ผู้สมัครรับเลือกตั้งในนามของพรรคการเมือง มากกว่าลงสมัคร อิสระโดยไม่สังกัดพรรคการเมืองซึ่งปรากฏในการเลือกตั้ง ครั้งก่อนหน้าเป็นหลัก ดังนั้น พรรคการเมืองที่ส่งผู้สมัคร ดังกล่าวจึงย่อมแสวงหาวิธีการเพื่อให้ได้มาคะแนนสนับสนุน มากกว่าพรรคคู่แข่ง ด้วยสภาพการแข่งขันดังกล่าวจึงส่งผลให้ รูปแบบการเลือกตั้งในช่วงระยะเวลานับตั้งแต่การเลือกตั้ง ครั้งที่ 12 เป็นต้นมามีสลับซับซ้อนมากยิ่งขึ้น และมีตัวกลาง หรือคนกลาง ที่มีใช่เฉพาะผู้ใหญ่และกำนันเท่านั้น โดย พรรคการเมืองเริ่มเข้ามามีบทบาทในการกำหนดนโยบายการ หาเสียงและรูปแบบการหาเสียงเลือกตั้งร่วมกับผู้สมัครของ พรรค ซึ่งเริ่มปรากฏการทำหน้าที่ของคนกลางในการเลือกตั้ง ครั้งที่ 12 (26 มกราคม พ.ศ. 2518) เป็นต้นมาถึงการเลือกตั้ง ครั้งล่าสุดคือครั้งที่ 26 (3 กรกฎาคม พ.ศ. 2554) แต่หากจะระบุ ระยะเวลาที่พรรคมีบทบาทในการกำหนดกลยุทธ์ในการหาเสียง ค่อนข้างชัดเจนและดำเนินเหมือนกันทั่วทุกเขตการเลือกตั้ง ในการเลือกตั้งทั่วไป คือ การเลือกตั้งครั้งที่ 22 (6 มกราคม พ.ศ. 2544) โดยพรรคกำหนดกลยุทธ์การหาเสียง ที่บ่งชี้ว่าพรรค เป็นศูนย์กลางในการกำหนดกลยุทธ์และรูปแบบการหาเสียง 272

สรุป อภิปรายผล และคาดการณ์แนวโน้มทางการเมืองจังหวัดอุตรดิตถ์ อย่างเป็นระบบ โดยให้วิธีการหาเสียงโดยทีมงานหรือ คณะทำงานของพรรค อย่างไรก็ตามการแบ่งออกเป็น 2 ช่วงนี้ มิได้หมายความว่ารูปแบบและกระบวนการหาเสียงจะแตกต่าง กันอย่างเด็ดขาด ฉะนั้น จึงสามารถสรุปถึงรูปแบบการหาเสียง เลือกตั้งของนักการเมืองที่เคยได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรจังหวัดอุตรดิตถ์ที่เป็นรปู แบบร่วม (collective) ดังนี้ 1. แจกเอกสารแผ่นปลิวแนะนำตัว 2. ใช้พาหนะในการตระเวนหาเสียง 3. ปราศรัยบนเวที 4. แผ่นป้ายโฆษณาหาเสียง 5. สื่อสิ่งพิมพ์อื่นๆ 6. พบปะเยี่ยมเยียนตามบ้าน/ชุมชน นอกจากนี้ยังมีวิธีอื่นๆ เช่น การนำแกนนำของพรรค ที่มีบทบาทในการบริหารพรรค หรือคนที่พรรควางตัวเป็น นายกรัฐมนตรีเข้ามาทำกิจกรรมต่างๆ หรือพบปะกลุ่มเฉพาะ ที่สอดคล้องกับนโยบายของพรรคที่กำหนดไว้ เช่น กลุ่มเกษตร หรือกลุ่มอาชีพต่าง โดยลักษณะดังกล่าวมิใช่การพบปะ เยี่ยมเยียน หรือการปราศรัยเต็มรูปแบบ แต่เป็นการสร้าง กระแสทางการเมืองในช่วงระยะเวลาหนึ่งโดยการเข้าพื้นที่ของ แกนนำพรรคในช่วงระยะสำคัญที่มีนัยยะสำคัญทางการเมือง เช่น ก่อนการเลือกตั้ง ไม่เกิน 1 สัปดาห์ ซึ่งการลงพื้นที่ของ แกนนำสำคัญเป็นการบ่งชี้ว่าพรรคให้ความสำคัญกับประชาชน ในจังหวัดและเป็นการยืนยันถึงการสนับสนุนของพรรคที่มีต่อ 273

นักการเมืองถ่ินจังหวัดอุตรดิตถ์ ผู้สมัครของพรรคในการส่งเสริมการพัฒนาต่างๆ ภายหลัง การเลือกตั้ง ซึ่งหากพิจารณาแล้วเป็นลักษณะของการนำ แบรนด์ (Brand) ของพรรคผ่านแกนนำพรรคไปยังประชาชน เพื่อให้สนใจและตระหนักในแบรนด์ เช่น กรณีลงพื้นที่ของ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในฐานะสื่อกลางนำแบรนด์พรรค พลังประชาชนไปยังประชาชนจังหวัดอุตรดิตถ์ ซึ่งรูปแบบ การหาเสียงเช่นนี้ปรากฏตั้งแต่การเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่ ครั้งที่ 22 (6 มกราคม พ.ศ. 2544) ที่นำรูปแบบการเลือกตั้งโดยมีแกนนำ ของพรรคมาพบปะประชาชนมากกว่าการให้ผู้สมัครของพรรค ในจังหวัดอุตรดิตถ์พบปะประชาชนเท่านั้น ซึ่งรูปแบบดังกล่าว เป็นที่นิยมอย่างยิ่ง นอกจากนี้อาจปรากฏรูปแบบการหาเสียง เลือกตั้ง ที่ดำเนินการผ่านองค์กรที่เป็นทางการในระดับจังหวัด เช่น สภาหอการค้าและสภาอุตสาหกรรมจังหวัดอุตรดิตถ์ ในลักษณะที่นักการเมืองให้ความช่วยเหลือประสานงาน นำความต้องการขององค์กรในรูปของกลุ่มธุรกิจไปยังรัฐบาล เพื่อให้ความช่วยเหลือ กรณีนายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ ได้เข้า ร่วมประชุมให้คำปรึกษาแก่กรรมการบริหารหอการค้าจังหวัด อุตรดิตถ์และภาคเอกชนจังหวัดอุตรดิตถ์ เพื่อผลักดันการ ยกระดับจุดผ่อนปรนภูดู่ อำเภอบ้านโคก ซึ่งอยู่ในเขตเลือกตั้ง ที่ 2 ของนายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ เป็นจุดผ่านแดนถาวร ซึ่งการดำเนินดังกล่าวแม้ว่าจะกระทำในฐานะของสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรโดยตรง แต่สามารถส่งผลต่อความนิยมและ สนับสนุนทางการเมืองจากองค์การภายในจังหวัดอุตรดิตถ์ ที่ประกอบด้วยสมาชิกทางการค้าและการลงทุนของจังหวัดและ เครือข่ายของกลุ่มอีกด้วย อันย่อมส่งผลดีต่อการหาเสียงของ 274

สรุป อภิปรายผล และคาดการณ์แนวโน้มทางการเมืองจังหวัดอุตรดิตถ์ นักการเมือง ซึ่งรูปแบบนี้จึงถือได้ว่าเป็นการสร้างกลุ่มสนับสนุน ควบคู่กับการทำหน้าที่ในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร การอภิปรายผลการวิจัย จากผลการวิจัยที่ได้ดำเนินตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ 4 ประการ สามารถอภิปรายผลตามลำดับของวัตถุประสงค์ ดังนี้ ข้อมูลพื้นฐานของนักการเมืองถิ่นจังหวัดอุตรดิตถ์ จ า ก ข ้ อ มู ล ผ ล ก า ร ว ิ จ ั ย ใ น ด ้ า น ข ้ อ มู ล พ ื ้ น ฐ า น ข อ ง นักการเมืองถิ่นจังหวัดอุตรดิตถ์มีประเด็นที่น่าสนใจนำมา อภิปราย คือ ด้านการศึกษาและการประกอบอาชีพของ นักการเมือง ที่พบว่านักการเมืองที่ดำรงตำแหน่งเป็นสมาชิก สภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุตรดิตถ์ส่วนใหญ่ที่สำเร็จการศึกษา ระดบั ปรญิ ญาตรใี นสาขานติ ศิ าสตรแ์ ละมอี าชพี เปน็ ทนายความ ซึ่งแม้ว่าจะจำนวนมากเป็นลำดับที่ 2 รองจากอาชีพนักธุรกิจ ก็ตามนั้น แต่เป็นการบ่งชี้ว่านักการเมืองจังหวัดอุตรดิตถ์นั้น มีฐานการสนับสนุนการเข้าสู่อำนาจทางการเมืองเนื่องจาก เป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถในวิชาชีพเฉพาะนับตั้งแต่ การเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่ 1 (15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2476) – ครั้งที่ 14 (22 เมษายน พ.ศ. 2522) ที่นักการเมืองส่วนใหญ่ สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีในสาขานิติศาสตร์ ซึ่งหาก พิจารณาในช่วงระยะเวลา ณ ขณะนั้นย่อมมีผู้ที่มีสถานะทาง เศรษฐกิจและทางสังคมที่ดีที่สามารถเข้าสู่การเป็นผู้นำทาง การเมืองได้ บ่งชี้ให้เห็นว่าในช่วงเวลาดังกล่าวสภาพสังคม 275

นักการเมืองถ่ินจังหวัดอุตรดิตถ์ มีการกระจายการครอบครองทรัพย์สิน ฐานะ ตำแหน่ง อย่าง จำกัดให้แก่สมาชิกในสังคม ซึ่งอาจเปรียบได้ว่ามีการเกิดชนชั้น ทางสังคมขึ้นมาแม้ว่ามิได้กำหนดอย่างเป็นรูปธรรมหรืออย่าง ชัดเจน ฉะนั้นนักการเมืองจังหวัดอุตรดิตถ์ที่ได้รับเลือกตั้ง อาจกล่าวได้ว่าเป็น “ชนชั้นนำ” (elite) ที่มีเพียงจำนวนน้อย ส่วนประชาชนคือกลุ่มคนส่วนใหญ่ที่อาจเรียกได้ว่าเป็นกลุ่ม “ไม่ใช่ชนชั้นนำ” (non-elite) แต่หากพิจารณาเปรียบเทียบ กับนักการเมืองจังหวัดอุตรดิตถ์ที่ได้รับเลือกตั้งนับตั้งแต่ การเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่ 15 (18 เมษายน พ.ศ. 2526) – ครั้งที่ 26 (3 กรกฎาคม พ.ศ. 2554) จะเห็นได้ว่าเริ่มมีชนชั้นนำที่เป็น นักธุรกิจระดับจังหวัดที่ลงสมัครและได้รับเลือกตั้ง ซึ่งก็คือ นายเชาวลิต สุขสวัสดิ์ ที่เป็นนักธุรกิจคนแรกที่ได้รับเลือกตั้ง ให้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และในครั้งที่ 18 (22 มีนาคม พ.ศ. 2535) มี นักธุรกิจระดับประเทศ คือ นายชัยภักดิ์ ศิริวัฒน์ ลงสมัครและได้รับเลือกตั้ง และครั้งที่บ่งชี้ว่าชนชั้นนำที่มาจาก ภาคธุรกิจได้เข้ามาดำเนินกิจกรรมทางการเมืองโดยสมบูรณ์ คือ การเลือกตั้งครั้งที่ 22 (6 มกราคม พ.ศ. 2544) คือ นางสาว กฤษณา สีหลักษณ์ ที่เป็นนักธุรกิจชั้นนำของจังหวัดอุตรดิตถ์ และปรากฏให้เห็นในการเลือกตั้งถึงการเข้ามาของบุคคล ในภาคธุรกิจจนถึงการเลือกตั้งครั้งสุดท้ายด้วย นัยยะของ ปรากฏการณ์ดังกล่าวนี้แสดงให้เห็นว่านักการเมืองจังหวัด อุตรดิตถ์ในช่วงของการเปลี่ยนผ่านทางการเมืองสู่การปกครอง ในระบอบประชาธิปไตยแบบมีตัวแทนผ่านการเลือกตั้งนี้และ ระยะของการพัฒนาการเลือกตั้ง (ครั้งที่ 1 – 15) นักการเมือง ส่วนใหญ่อาศัยฐานความรู้และอาชีพที่ถูกจัดให้เป็นชนชั้นนำ 276

สรุป อภิปรายผล และคาดการณ์แนวโน้มทางการเมืองจังหวัดอุตรดิตถ์ ของสังคม และเมื่อกระบวนการเปลี่ยนผ่านทางการเมืองของ ไทยโดยการเลือกตั้งมีบทบาทสำคัญในการให้ได้มาซึ่งมีอำนาจ ทางการเมืองที่มาจากประชาชน กลุ่มคนที่เป็นชนชั้นนำ ในขณะนั้นจึงเป็นผู้ที่ได้เปรียบทางการเมืองอันสืบเนื่องมาจาก การเป็นผู้ที่มีความรู้และมีวิชาชีพระดับสูง แต่กลุ่มคนที่เข้าสู่ การเป็นนักการเมืองถิ่นจังหวัดอุตรดิตถ์ในคราวการเลือกตั้ง นับตั้งแต่ครั้งที่ 16 เป็นต้นมา จะเห็นได้ว่าส่วนใหญ่เป็นผู้ที่มี ฐานการได้มาซึ่งอำนาจทางการเมืองจากการที่มีสถานะทาง เศรษฐกิจโดยประกอบอาชีพเป็นนักธุรกิจระดับจังหวัด และระดับประเทศ ฉะนั้น หากพิจารณาตามงานของ Mills ได้อธิบาย ในงานเขียน เรื่อง “The Power Elite” ใน ค.ศ. 1957 ที่อธิบายเกี่ยวกับชนชั้นนำที่ทรงอิทธิพลในสังคมอุตสาหกรรม คือ ผู้นำทางการเมือง กลุ่มทหาร และนักธุรกิจ ที่ถือว่าเป็นกลุ่ม ที่มีอิทธิพลครอบงำการตัดสินใจในด้านต่างๆ ในระดับชาติ ได้อย่างยิ่งโดย Mills ได้อธิบายไว้ว่าสมาชิกของกลุ่มผู้นำเหล่านี้ จะมีตำแหน่งที่น่าเคารพนับถือในวงสังคม พวกเขายอมรับและ ให้ความสนิทสนมกับบุคคลใดๆ เนื่องด้วยเหตุผลด้านอาชีพ ด้านการศึกษา ซึ่งสมาชิกของกลุ่มจะศึกษาในมัธยมศึกษา สำหรับกลุ่มชนชั้นสูง และมหาวิทยาลัยชั้นนำ เพื่อเปิดโอกาส เข้าสู่สโมสรชั้นสูงที่ตั้งอยู่ในเมืองหลักทางด้านธุรกิจเพื่อที่จะ สามารถติดต่อในด้านธุรกิจกับบุคคลที่เป็นสมาชิกในสโมสร เหล่านั้น ฉะนั้น การได้รับการศึกษาจึงจำเป็นสำหรับชนชั้นนำ ที่เรียกได้ว่าเป็นเอกสิทธิ์ในการก้าวเข้าสู่การเป็นกลุ่ม 3 กลุ่มที่ เป็นชนชั้นนำที่มีอำนาจในสังคม การเมือง หรือที่ Mills เรียกว่า big three หรือ 3 กลุ่มที่ทรงอิทธิพลในการเมืองของอเมริกา 277

นักการเมืองถิ่นจังหวัดอุตรดิตถ์ ซึ่ง Dahl. (1975, p. 28) อธิบายว่าชนชั้นนำนั้นมีอิทธิพลที่จะ เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมโดยโน้มน้าวจิตใจของบุคคลอีกฝ่ายหนึ่ง ให้เป็นไปตามที่ตนต้องการทั้งโดยสมัครใจ หรือใช้กำลังบังคับ สำหรับชนชั้นนำกลุ่มใดจะมีอำนาจมากกว่ากันในกระบวนการ ทางการเมืองนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยในด้านการครอบครองปัจจัย การผลิต ด้านความรู้ความสามารถและประสบการณ์ หรือด้าน อื่นๆ อันเป็นฐานของการเป็นชนชั้นนำที่มีลักษณะโดดเด่นและ แตกต่างจากบุคคลอื่น ซึ่งกรณีนักการเมืองจังหวัดอุตรดิตถ์ ที่เข้าสู่การเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและก้าวสู่การเป็น รัฐมนตรีจะเห็นได้ว่าเป็นผู้ที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดทั้งในส่วน ของนักธุรกิจและทหารคือ 2 กลุ่มใน big three ตามทัศนะของ Mills เช่น เรืออากาศตรีบุญยง วัฒนพงศ์ และนายชัยภักดิ ์ ศิริวัฒน์ และตามทัศนะของ Dahl แล้วจะเห็นได้ว่านักการเมือง จังหวัดอุตรดิตถ์ทุกคนถือว่าเป็นชนชั้นนำที่สามารถ เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมโดยโน้มน้าวจิตใจของประชาชนเพื่อให้ สนับสนุนทางการเมือง จนสามารถเข้าสู่การดำรงตำแหน่ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุตรดิตถ์ได้ เครือข่ายสนับสนุนทางการเมืองของนักการเมืองถิ่น สำหรับเครือข่ายสนับสนุนทางการเมืองของนักการเมือง ถิ่นจังหวัดอุตรดิตถ์จากข้อมูลผลการวิจัยในด้านนี้มีประเด็น ที่น่าสนใจนำมาอภิปราย คือ เครือข่ายผู้ใหญ่บ้านและกำนัน นักการเมืองท้องถิ่น กลุ่มไม่เป็นทางการ และญาติ ที่พบว่า นักการเมอื งจังหวดั อุตรดติ ถส์ ว่ นใหญ่อาศัยเครอื ข่ายผ้ใู หญ่บา้ น และกำนัน รองลงมาคือเครือข่ายนักการเมืองท้องถิ่น ทั้งนี้ 278

สรุป อภิปรายผล และคาดการณ์แนวโน้มทางการเมืองจังหวัดอุตรดิตถ์ เนื่องจากทั้ง 2 กลุ่มถือว่าเป็นกลุ่มทางการเมืองขนาดใหญ่ที่มี ครอบคลุมทุกหมู่บ้านและตำบลในจังหวัดอุตรดิตถ์ในการ สนับสนุนทางการเมืองเพื่อเข้าสู่การดำรงตำแหน่งสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎร ฉะนั้น นักการเมืองจึงได้สื่อสารทางการเมืองไป ยังกลุ่มนี้เป็นหลัก ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน และนักการเมืองท้องถิ่น จึงเป็นคณะบุคคลที่ผนวกใน “ระบบอุปถัมภ์” (patron-client system) ตามทัศนะของ Scott. (1972, p. 106) ที่เห็นว่า ระบบ อุปถัมภ์เป็นความสัมพันธ์ทางสังคมที่มีการพัฒนาทั้งในรูปแบบ และกระบวนการของความสัมพันธ์ของตัวมันเอง ซึ่งพิจารณา กรณีระบบอุปถัมภ์ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดอุตรดิตถ์นี้มีลักษณะใกล้ที่ Scott ได้อธิบายไว้ กล่าวคือ ระบบอุปถัมภ์แบบดั้งเดิมสมาชิกในกลุ่มอุปถัมภ์มีลักษณะ ยั่งยืน (มั่นคง) มาก ซึ่งจากการวิเคราะห์ข้อมูลจากการวิจัย ที่พบว่า การเลือกตั้ง ครั้งที่ 1 (15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2476) - ครั้งที่ 11 (10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2512) ผู้ใหญ่บ้านและกำนัน จะเป็นกลุ่มบุคคลที่ให้การสนับสนุนนักการเมืองอย่างต่อเนื่อง โ ด ย ท ำ ห น ้ า ท ี ่ ใ น ก า ร ป ร ะ ส า น ง า น ร ะ ห ว ่ า ง น ั ก ก า ร เ ม ื อ ง และประชาชน และเป็นการทำหน้าที่ให้กับทุกนักการเมือง โดยไม่จำกัดว่าเป็นบุคคลใด ซึ่งเมื่อวิเคราะห์การเลือกตั้ง นับตั้งแต่การเลือกตั้งครั้งที่ 12 เป็นต้นมาจังหวัดอุตรดิตถ์ มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเพิ่มเป็น 3 คน ครั้งแรก จะเห็นได้ว่า ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน และนักการเมืองท้องถิ่นมีการเปลี่ยนแปลง การให้การสนับสนุนแก่นักการเมือง โดยพิจารณาถึง สถานภาพและผลประโยชน์เชิงแลกเปลี่ยนมากขึ้นระหว่าง นักการเมือง ดังลักษณะของระบบอุปถัมภ์ตามทัศนะของ 279

นักการเมืองถิ่นจังหวัดอุตรดิตถ์ Scott อีกประการหนึ่ง คือ ความสมดุลระหว่างบุญคุณกับ สิ่งแลกเปลี่ยนเชิงวัตถุ ปัจจัยที่เชื่อมโยงความสัมพันธ์ภายใน กลุ่มอุปถัมภ์แบบดั้งเดิมนั้น คือ ความเป็นบุญเป็นคุณเป็นหลัก ส่วนวัตถุนั้นมีความสำคัญรองลงมา แต่ในปัจจุบันมีลักษณะ ตรงกันข้ามกัน ซึ่งหมายถึงเครือข่ายผู้ใหญ่บ้าน กำนัน และ นักการเมืองท้องถิ่นมีการพิจารณาการจะให้การสนับสนุน ทางการเมืองแก่นักการเมืองโดยคำนึงถึงการแลกเปลี่ยนในเชิง เศรษฐกิจมากกว่าเชิงสังคม จึงส่งผลให้ความสนิทสนมกลม เกลียวของระบบอุปถัมภ์ในปัจจุบันความผูกพันดังกล่าวมีน้อย อย่างไรก็ตามอาจกล่าวได้ว่าระบบอุปถัมภ์นั้นมีพัฒนาการ ในตัวของมันเอง แต่ก็สามารถสรุปได้ว่าระบบอุปถัมภ์ในการ เลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุตรดิตถ์จะเห็น ได้ว่าเป็นรูปแบบของระบบอุปถัมภ์ที่เป็นรูปแบบผ่านตัวแทน ซึ่งจะใช้มากในการหาเสียงกระทำผ่านหัวคะแนน ซึ่งประกอบ ไปด้วยบุคคลหลายฐานะที่เด่นๆ ได้แก่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อนุช อาภาภิรม. (2540, น. 12) และในการเลือกตั้งครั้งที่ครั้งที่ 12 (26 มกราคม พ.ศ. 2518) เป็นต้นมาที่บ่งชี้ว่ารูปแบบและ กระบวนการหาเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัด อุตรดิตถ์ดำเนินผ่าน “ตัวแทน” (agent) โดยนักการเมืองกับ ประชาชนมีการเปลี่ยนแปลงการพึ่งพาระหว่างกัน ซึ่งทั้ง สองฝ่ายอาจไม่จำเป็นต้องมีความสัมพันธ์เชิงอุปถัมภ์กัน โดยตรง แต่ดำเนินผ่าน “agent” หรือนักจัดการเลือกตั้ง ที่ทำหน้าที่แทนระบบอุปถัมภ์แบบเดิมและนักการเมืองสามารถ กำหนดเป้าหมายได้ชัดเจน ซึ่งก็คือ คะแนนการเลือกตั้ง ที่เป็น ผลลัพธ์ของความสัมพันธ์เชิงอุปถัมภ์รูปแบบใหม่โดยนักจัดการ 280

สรุป อภิปรายผล และคาดการณ์แนวโน้มทางการเมืองจังหวัดอุตรดิตถ์ เลือกตั้ง และในการเลือกตั้งครั้งที่ 25 (23 ธันวาคม พ.ศ. 2550) และครั้งที่ 26 (3 กรกฎาคม พ.ศ. 2554) จะเห็นได้ว่ามีเครือข่าย ทางการเมืองของนักการเมืองจังหวัดอุตรดิตถ์รูปแบบใหม ่ เกิดขึ้น โดยเป็นกลุ่มที่ไม่เป็นทางการ อันเกิดจากกลุ่มภาค ประชาชนที่มีการรวมตัวกันในนามกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตย เพื่อต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) จังหวัดอุตรดิตถ์ ซึ่ง นปช.จังหวัดอุตรดิตถ์ เป็นกลุ่มที่มีผู้นำของกลุ่มในการประสาน ประชาชนให้การสนับสนุนผู้สมัครของพรรคพลังประชาชนและ พรรคเพื่อไทยทุกคน เพื่อเข้าร่วมรับฟังการปราศรัยหาเสียงของ แกนนำพรรคพลังประชาชนและพรรคเพื่อไทยที่ได้ช่วยเหลือ สมาชิกของพรรคในการหาเสียงเลือกตั้งในจังหวัดอุตรดิตถ์ เช่น การปราศรัยของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในการเลือกตั้ง ครั้งที่ 26 โดยการสนับสนุนของกลุ่มที่ไม่เป็นทางการดังกล่าว ดำเนินในรูปของการประสานงานกับพรรคการเมืองและแกนนำ ของกลุ่มระดับประเทศ ดังปรากฏภาพการเคลื่อนไหวในการ ดำเนินกิจกรรมทางการเมืองคู่ขนานระหว่างแกนนำของกลุ่ม นปช.ระดับประเทศ ระดับจังหวัด และพรรคการเมืองที่กลุ่ม ให้การสนับสนุน นปช.จึงอาจเรียกได้ว่า “กลุ่มผลประโยชน์” (interest group) ตามนัยยะความหมายของ Almond and Powell (อ้างใน พฤทธิสาณ ชุมพล, 2540, น. 115) หมายถึง กลุ่มคนที่ เชื่อมโยงกันโดยมีความสนใจหรือห่วงใยในสิ่งหนึ่งสิ่งใดหรือ มีผลประโยชน์ร่วมกันและโดยมีความสำนึกอยู่ไม่มากก็น้อยว่า เขามีความเชื่อมโยงดังกล่าวกันอยู่ ซึ่งนัยยะนี้แสดงให้เห็นว่า กลุ่มผลประโยชน์ที่รวมตัวกันนั้นมีเป้าหมายร่วมกัน ฉะนั้น นปช.จังหวัดอุตรดิตถ์อาจถือได้ว่าเป็นกลุ่มผลประโยชน์ที่ไม่มี 281

นักการเมืองถ่ินจังหวัดอุตรดิตถ์ การจัดตั้ง (non-associational interest groups) ที่มีความรู้สึก รว่ มกนั และมคี วามเชอ่ื มโยงกนั ทางจติ ใจพอสมควร นอกจากนแ้ี ลว้ จากการศึกษาครั้งนี้พบว่านักการเมืองจังหวัดอุตรดิตถ ์ ส่วนใหญ่ไม่เป็นเครือญาติใกล้ชิดกัน ยกเว้นนายชัยภักดิ์ และ นายวารุจ ศิริวัฒน์ ที่เป็นพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน โดย นายวารุจเข้าสู่การเป็นนักการเมืองภายหลังนายชัยภักดิ์ ซึ่งนายวารุจได้รับเลือกตั้งในการเลือกตั้ง ครั้งที่ 22 (6 มกราคม พ.ศ. 2544) และครั้งที่ 25 (23 ธันวาคม พ.ศ. 2550) และ นายชัยภักดิ์เป็นนักการเมืองที่ประสบความสำเร็จทางการเมือง ต่อเนื่องถึง 5 สมัย ตั้งแต่การเลือกตั้งครั้งที่ 17 (24 กรกฎาคม พ.ศ. 2531) - ครั้งที่ 21 (17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2539) ความสำเร็จ ทางการเมืองของนายวารุจนั้นอาจกล่าวได้ว่าได้รับการ สนับสนุนทางการเมืองสืบเนื่องมาจากการเป็นบุคคลที่อยู่ใน ชนชั้นเดียวกันกับชนชั้นนำ ซึ่งก็คือนายชัยภักดิ์พี่ชายที่เคย ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและรัฐมนตรี จึงมีฐาน ทรัพยากรทางการเมืองมากกว่าบุคคลอื่นๆ และสามารถใช้ ทรัพยากรทางการเมืองได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าคนอื่นๆ (Dahl, 1975, p. 28) จากฐานทรัพยากรทางการเมืองนี้จึงส่งผล ให้นายวารุจได้รับการเลือกตั้งและก้าวสู่การเป็นชนชั้นจังหวัด อุตรดิตถ์ บทบาทและความสัมพันธ์ของพรรคการเมืองและนักการเมือง ที่เคยได้รับเลือกตั้ง จากข้อมูลผลการวิจัยในด้านบทบาทและความสัมพันธ์ ของพรรคการเมืองและนักการเมืองที่เคยได้รับเลือกตั้งจังหวัด 282

สรุป อภิปรายผล และคาดการณ์แนวโน้มทางการเมืองจังหวัดอุตรดิตถ์ อุตรดิตถ์มีประเด็นที่น่าสนใจนำมาอภิปราย คือ พรรคการเมือง มีบทบาทในการกำหนดการนำเข้าสู่การเป็นนักการเมือง เช่น การออกแบบการหาเสียงเลือกตั้ง และการกำหนดตำแหน่ง ภายหลังการได้รับเลือกตั้งในโครงสร้างของพรรคการเมือง ตลอดจนตำแหน่งในสภาผู้แทนราษฎรและคณะรัฐมนตรี โดย นักการเมืองจังหวัดอุตรดิตถ์ที่ได้รับการเลือกตั้งต่อเนื่อง และ มีทรัพยากรทางการเมืองที่มากกว่านักการเมืองคนอื่นย่อมมี ความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับแกนนำพรรคการเมือง อันนำไปสู่ โอกาสทางการเมืองสูงกว่านักการเมืองคนอื่นที่มีน้อยกว่า ตลอดจนนักการเมืองที่มีชื่อเสียงหรือแบรนด์ทางการเมืองมาก กว่าพรรคการเมืองจะให้โอกาสทางการเมืองที่สูง เช่น กรณี นายเชาวลิต สุขสวัสดิ์ เรืออากาศตรีบุญยง วัฒนพงศ์ นายเปรม มาลากุล ณ อยุธยา นายชัยภักดิ์ ศิริวัฒน์ นางสาว กฤษณา สีหลักษณ์ นายกนก ลิ้มตระกูล นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย และนายวารุจ ศิริวัฒน์ นอกจากนี้จากผลการวิจัยที่ชี้ให้เห็นถึง ความสัมพันธ์ของนักการเมืองกับพรรคการเมืองอาจไม่ได้มี ปฏิสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดโดยตรง แต่ดำเนินการผ่าน กลุ่ม หรือ มุ้ง ที่มีหัวหน้ากลุ่มทำหน้าที่บริหารนักการเมืองในกลุ่มของตน ซึ่งการเมืองถิ่นของจังหวัดอุตรดิตถ์จะปรากฏชัดเจนในการ บริหารของกลุ่ม คือ กลุ่มวังบัวบาน ที่มีนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ทำหน้าที่ในการบริหารนักการเมืองในสังกัด เปรียบเป็นการทำ หน้าที่ในนามพรรคการเมืองนั้นๆ โดยหัวหน้ากลุ่มสามารถ พิจารณานักการเมืองเพื่อส่งลงสมัครรับเลือกตั้งหรือปรับเปลี่ยน ตัวนักการเมืองได้โดยอำนาจของกลุ่ม ซึ่งหากพิจารณาจาก องค์ประกอบและหน้าที่ของพรรคการเมืองแล้ว จะเห็นว่า 283