นักการเมืองถิ่นจังหวัดสุโขทัย ขณะที่ งานวิจัย นักการเมืองถิ่นจังหวัดสระแก้ว ได้พิเคราะห์ลักษณะทางการเมือง พบว่า ลักษณะทางการเมือง และการแข่งขันอยู่ภายใต้การยึดครองฐานอำนาจของกลุ่ม ตระกูลเทียนทอง เป็นสำคัญ เนื่องด้วยปัจจัยทางเศรษฐกิจ และสังคมในการประกอบธุรกิจ ทำให้เกิดการสร้างเครือข่าย ทางการเมือง อันมีผลต่อการจัดวางตำแหน่งสืบทอดทาง การเมืองในอีกทางหนึ่งด้วยเช่นเดียวกัน (นพรัตน์ วงศ์วิทยา- พาณิชย์, 2555) 30
บ3ทท ่ี การเลือกตั้งกับความเปลี่ยนแปลง อำนาจการเมืองไทย บทนี้เป็นการนำเสนอความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ในบริบทและประเด็นที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายรัฐธรรมนูญ และพระราชบัญญัติพรรคการเมือง ที่ส่งผลทำให้เกิดความ เปลี่ยนแปลงอำนาจการเมืองไทย โดยผ่านการเลือกตั้งและ สิทธิทางการเมืองตามรัฐธรรมนูญ การนำเสนอในภาพรวม ได้พิจารณาจากสภาพแวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับสิทธิเสรีภาพ ทางการเมืองของประชาชน โดยจัดแบ่งช่วงเวลาในการศึกษา จากการเปลี่ยนแปลงกฎหมายกฎหมายรัฐธรรมนูญและอำนาจ การเมืองไทย เป็น 3 ระยะ ดังนี้
นักการเมืองถ่ินจังหวัดสุโขทัย 3.1 กฎหมายรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และพระราชบัญญัติพรรคการเมือง หลังเปล่ียนแปลงการปกครอง พุทธศักราช 2475-2499 บ ท บ ั ญ ญ ั ต ิ ก ฎ ห ม า ย ร ั ฐ ธ ร ร ม นู ญ ภ า ย ใ ต ้ ค ว า ม เปลี่ยนแปลงช่วงเวลาดังกล่าว ถือเป็นช่วงเริ่มต้นของ การมีธรรมนูญที่ใช้เป็นบทบัญญัติในการปกครองประเทศ โดยมีสมาชิกผู้แทนราษฎรเริ่มต้นครั้งแรกสืบเนื่องจาก พระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยามชั่วคราว พุทธศักราช 2475 ซึ่งมีการกำหนดให้มีผู้แทนในลักษณะผู้แทน ตำบลก่อน เพื่อให้ผู้แทนเหล่านี้เลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ของจังหวัดตามจำนวนสัดส่วนประชากร 200,000 คน ต่อ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 1 คน รวมทั้งหมด 78 คน ภายใต้ การดำรงตำแหน่งเป็นสมาชิกสภา “ประเภทที่ 1” ที่มาจาก การเลือกตั้งทางอ้อมนี้ โดยให้อยู่ในตำแหน่งคราวละ 4 ปี และ ดำรงตำแหน่งได้แค่ 2 สมัยเท่านั้น ซึ่งในบทบัญญัติดังกล่าว มีการกำหนดให้มีสมาชิกสภาจากการแต่งตั้งในจำนวนเท่ากัน อกี ดว้ ย ทง้ั นร้ี ายละเอยี ดของจำนวนสดั สว่ นประชากร 200,000 คน ต่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 1 คน ยังคงไว้เช่นเดิม จนกระทั่ง รัฐธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจักรไทย พทุ ธศักราช 2492 เปน็ ตน้ มา จะมีจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเขตละ 1-3 คน ตาม จำนวนสัดส่วนประชากร 150,000 คน ต่อ ส.ส. 1 คน เพื่อให้มี ผู้แทนราษฎรดูแลประชาชนมากขึ้น จะเห็นได้ว่ารูปแบบของ การกำหนดจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนั้นมีการกำหนด สองชั้นคือสมาชิกผู้แทนตำบลและสมาชิกผู้แทนราษฎร 32
การเลือกต้ังกับความเปล่ียนแปลงอำนาจการเมืองไทย อีกชั้นหนึ่ง เนื่องจากประชากรส่วนใหญ่ยังขาดความรู ้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการเลือกตั้งนั่นเอง ภายใต้พระราชบัญญัติพรรคการเมือง สิ่งที่น่าสนใจ อย่างยิ่งว่าในช่วงแรกเริ่มนั้นยังมิได้มีการจัดทำบทบัญญัต ิ ดังกล่าวแต่อย่างใด จนกระทั่ง พระราชบัญญัติพรรคการเมือง พุทธศักราช 2498 ซึ่งมีที่มาจากบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2475 แก้ไขเพิ่มเติม พุทธศักราช 2495 มาตรา 26 ได้บัญญัติให้เสรีภาพประชาชน ในการตั้งพรรคการเมือง ด้วยเหตุดังกล่าวการมีพระราชบัญญัติ นี้จึงช่วยส่งเสริมการจัดตั้งพรรคการเมืองภายใต้กรอบของ กฎหมาย โดยสาระสำคัญของพระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ การกำหนดให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตั้งแต่ 500 คนขึ้นไปหรือ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป สามารถจดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมืองได้ ซึ่งช่วยสนับสนุนให้ เกิดการทำงานทางการเมืองที่เป็นระบบและมีระเบียบแบบแผน ในอีกทางหนึ่ง จากข้อมูลของการเลือกตั้งในจังหวัดสุโขทัย ในช่วง พ.ศ. 2476-2499 พบว่า มีจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จำนวน 1 คนต่อการเลือกตั้งในแต่ละครั้ง และไม่ได้สังกัด พรรคการเมืองใด โดยผู้ที่ได้รับการเลือกตั้งส่วนใหญ่เป็นบุคคล ที่รับราชการหรือมีอาชีพทนายความ โดยมีสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎรจำนวน 2 ท่าน ที่เคยดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด สุโขทัย คือ ขุนระดับคดี และ หลวงนรัตถรักษา ซึ่งสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรของสุโขทัยในระยะแรกนี้เป็นผู้ที่ได้รับการศึกษา ที่ดีและเป็นข้าราชการในระดับสงู ของจังหวัด 33
นักการเมืองถ่ินจังหวัดสุโขทัย 3.2 กฎหมายรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และพระราชบัญญัติพรรคการเมือง ยุคหลังประชาธิปไตยครึ่งใบ พุทธศักราช 2500-2516 กฎหมายรัฐธรรมนูญช่วงที่สองเป็นช่วงเวลาที่ปรากฏ ต่อเนื่องภายใต้ยุคประชาธิปไตยครึ่งใบ เกิดเหตุการณ์ เปลี่ยนแปลงกลุ่มทางการเมืองจากเดิมในสมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม เมื่ออำนาจของคณะราษฎรเสื่อมถอยลง และ การก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งการเมืองของกลุ่มหม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช จึงนำมาสู่การร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับใหม่ที่จะเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญทางการเมืองจาก ฉบับเดิม โดยภายใต้ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2502 มีบทบัญญัติสำคัญ คือ มาตรา 17 ที่มอบ อำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร และอำนาจตุลาการแก่ นายกรัฐมนตรีแต่ผู้เดียว จนกระทั่งรัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2511 มีสาระสำคัญคล้ายคลึง กับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2492 แต่ได้กำหนดเพิ่มเติมให้รัฐสภามีสมาชิกวุฒิสภาและสภา ผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภาให้มีจำนวน 3 ใน 4 ของจำนวน สมาชิกทั้งหมดของสภาผู้แทน รวมถึง วุฒิสภามีสิทธิร่าง พระราชบัญญัติของวุฒิสภาได้ เข้าชื่อเสนอญัตติเปิดอภิปราย ทั่วไป และมีสิทธิลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลหรือ คณะ ถึงกระนั้นก็ตามเมื่อจอมพลถนอม กิตติขจร ทำการปฏิวัติ ยึดอำนาจการปกครองในวันที่ 17 พฤศจิกายน 2514 ทำให้ รัฐธรรมนูญสิ้นสุดลง และมีการจัดทำธรรมนูญการปกครอง 34
การเลือกตั้งกับความเปลี่ยนแปลงอำนาจการเมืองไทย ราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2515 ซึ่งมีสาระสำคัญย้อนกลับ ไปเช่นธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2502 อีกครั้ง ในส่วนกฎหมายพรรคการเมือง พบว่า มีการแก้ไข เพิ่มเติมภายใต้กฎหมายพรรคการเมืองพุทธศักราช 2511 โดยมี การกำหนดสาระสำคัญต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น จัดให้พรรคการเมือง มีสถานะเป็นนิติบุคคลซึ่งแตกต่างจากพระราชบัญญัติฉบับ ก่อนที่มิได้กำหนดให้พรรคการเมืองมีสถานะเป็นนิติบุคคล สัดส่วนของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร โดยคิดตามสัดส่วน ประชากร 150,000 คน ต่อ ส.ส. 1 คน นอกจากนี้ยังได้เพิ่ม หลักเกณฑ์ให้มีการจัดตั้งสาขาของพรรคการเมืองขึ้นเป็น ครั้งแรก รวมถึงยังได้กำหนดให้ยุบพรรคการเมืองในกรณีที่ สมาชิกของพรรคลดลงต่ำกว่า 500 คนและพรรคการเมืองไม่ได้ รับเลือกตั้งสองครั้งติดต่อกันเพิ่มเติมด้วย นอกจากมีคำสั่ง ศาลเพิกถอน เนื่องจากกระทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบ ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ประมุข หรือเป็นภัยต่อ ความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งภายหลัง พระราชบัญญัติ พรรคการเมือง พุทธศักราช 2511 ถูกยกเลิกตามประกาศของ คณะปฏิวัติฉบับที่ 9 ลงวันที่ 19 พฤศจิกายน พุทธศักราช 2514 จากข้อมูลของการเลือกตั้งในจังหวัดสุโขทัย ในช่วง พ.ศ. 2500-2516 พบว่า มีจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จำนวน 2 คน ในการเลือกตั้งเมื่อเดือนกุมภาพันธ์และเดือน ธันวาคม พ.ศ. 2500 และจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จำนวน 3 คน ในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2512 ซึ่งเป็นไปตามสัดส่วน 35
นักการเมืองถิ่นจังหวัดสุโขทัย ของประชากรต่อ ส.ส. เนื่องจากเป็นการเลือกตั้งที่อยู่ภายใต้ พระราชบัญญัติพรรคการเมือง พุทธศักราช 2498 ซึ่งถือเป็น กฏหมายพรรคการเมืองฉบับแรกของไทย จึงทำให้มีการปรากฏ ขึ้นของผู้สมัครรับเลือกตั้งในจังหวัดสุโขทัยที่มาจากการส่ง รายชื่อในนามของพรรคการเมืองต่าง ๆ และได้รับการชัยชนะ ในการเลือกตั้งประกอบด้วย พรรคเสรีมนังคศิลา พรรค ธรรมาธิปัตย์ จำนวนพรรคการเมืองละ 1 คน (พ.ศ. 2500 เดือน กุมภาพันธ์) พรรคสหภูมิ และผู้สมัครอิสระ จำนวนละ 1 คน (พ.ศ. 2500 เดือนธันวาคม) มีผู้ได้รับการเลือกตั้ง 2 คนที่สังกัด พรรคเดียวกัน คือ พรรคอิสระ และพรรคสหประชาไทย อีก 1 คน (พ.ศ. 2512) 3.3 กฎหมายรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และพระราชบัญญัติพรรคการเมือง ยุคหลังประชาธิปไตยครึ่งใบ พุทธศักราช 2517-ปัจจุบัน เนื่องจากในช่วงเวลานี้มีระยะเวลาที่นานและมีการ เปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่สำคัญหลายครั้ง จึงขอแบ่งย่อย ระยะเวลาการศึกษา ดังนี้ 3.3.1) กฎหมายรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และ พระราชบัญญัติพรรคการเมืองก่อน พ.ศ. 2540 (พุทธศักราช 2517-2539) จากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2516 นับเป็นช่วง สำคัญทางการเมืองที่นำมาสู่การจัดทำรัฐธรรมนูญที่สอดคล้อง กับหลักสิทธิ เสรีภาพของประชาชนมากขึ้น อย่างไรก็ตาม 36
การเลือกตั้งกับความเปลี่ยนแปลงอำนาจการเมืองไทย กลับพบว่าเป็นช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญหลายฉบับ ด้วยเช่นกัน นับตั้งแต่ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2517 ซึ่งได้กำหนดในส่วนสภาผู้แทนราษฎรซึ่งมี จำนวนไม่น้อยกว่า 240 คน แต่ไม่เกิน 300 คน โดยจำนวนของ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรให้คำนวณตามเกณฑ์ จำนวนราษฎร ที่กำหนดไว้ ขณะที่รูปแบบการแบ่งเขตเลือกตั้งยังใช้วิธีแบ่งเขต จังหวัดเช่นเดิม ทั้งนี้ผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ต้องมีสัญชาติ ไทย ผู้ใดแปลงสัญชาติ ต้องมีคุณสมบัติตามที่กำหนดไว้ใน กฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้ง มีอายุไม่ต่ำกว่า 25 ปีบริบูรณ์ใน วันเลือกตั้ง และต้องสังกัดพรรคการเมืองแต่พรรคเดียว หลังจากนั้นไม่นานได้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักร ไทย พุทธศักราช 2519 เพื่อปรับปรุงโครงสร้างและอำนาจหน้าที่ ของรัฐสภาให้มีสภาเดียว คือ สภาปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ทำหน้าที่ด้านนิติบัญญัติ แต่เนื่องด้วยการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว มิได้กำหนดหลักเกณฑ์ของสภาในการลงมติไม่ไว้วางใจ คณะรัฐมนตรี ทำให้คณะปฏิวัติ ซึ่งก็คือคณะปฏิรูปการปกครอง ได้เข้ามาจัดทำธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2520 เป็นฉบับชั่วคราว โดยกำหนดให้ประธานสภา นโยบายแห่งชาติมีอำนาจในการแต่งตั้งสภานิติบัญญัติ จนกระทั่งเมื่อมีการจัดทำรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2521 ขึ้นเพื่อจัดให้มีการเลือกตั้ง โดยกำหนด จำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรให้คำนวณเกณฑ์จำนวน ราษฎร 150,000 ต่อสมาชิกผู้แทนราษฎรหนึ่งคน หลังจากนั้น ใน พ.ศ. 2528 ได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมโดยกำหนดจังหวัดที่มี ผู้แทนราษฎรเกิน 3 คน ให้แบ่งเขตออกเป็นเขตเลือกตั้ง ทั้งนี้ให้ 37
นักการเมืองถ่ินจังหวัดสุโขทัย แต่ละเขตเลือกตั้งมีผู้แทนราษฎรเขตละ 3 คน โดยรัฐธรรมนูญ ฉบับนี้ได้ใช้มาตลอดจนกระทั่งคณะรักษาความสงบเรียบร้อย แห่งชาติ (รสช.) นำโดย พลเอกสุนทร คงสมพงษ์ ยึดอำนาจ การปกครองเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2534 และประกาศ ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักรไทย เมื่อวันที่ 1 มีนาคม พุทธศักราช 2534 เพื่อเตรียมการสำหรับร่างรับธรรมนูญ ฉบับใหม่ และในปีเดียวกันนั้นจึงได้มีรัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2534 กำหนดจำนวน ส.ส. ทั้งสิ้น 360 คน และพรรคการเมืองจะต้องส่งผู้สมัครตั้งแต่ 120 คนขึ้นไป จึงจะสามารถลงแข่งขันเลือกตั้งได้ โดยระบบ การเลือกตั้งเป็นแบบระบบผสมแบ่งเขตกับรวมเขต (จังหวัด) เช่นเดิม หลังจากนั้นต่อมามีการแก้ไขเพิ่มเติมอีกครั้งใน พ.ศ. 2538 ซึ่งมีการแก้ไขเพิ่มเติมในหลายมาตรา อาทิ การเปลี่ยนแปลงการกำหนดจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ให้กลับไปใช้การคำนวณในอัตราส่วนเดิม คือ ประชากรในเขต เลือกตั้ง 150,000 คน ต่อ ผู้แทนราษฎร 1 คน ขณะที่ระบบ เลือกตั้งยังคงเป็นแบบเดิม คือ มีทั้งระบบแบ่งเขตและระบบ รวมเขตเลือกตั้ง (จังหวัด) โดยมีการกำหนดเกณฑ์เพิ่มเติม ในการส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้งของพรรคการเมืองไว้ว่า พรรคการเมืองจะต้องส่งผู้สมัครลงแข่งขันตั้งแต่ 1 ใน 4 ของ จำนวนส.ส.ทั้งหมด คือ 98 คนขึ้นไป จึงจะสามารถลงแข่งขัน เลือกตั้งได้ ช่วงเวลาดังกล่าวมีการกำหนดเงื่อนไขสำคัญหลาย ประการ นับตั้งแต่พระราชบัญญัติพรรคการเมือง พุทธศักราช 2517 ซึ่งประกาศใช้แทน พระราชบัญญัติพรรคการเมือง 38
การเลือกตั้งกับความเปลี่ยนแปลงอำนาจการเมืองไทย พุทธศักราช 2511 กำหนดให้ผู้ร่วมก่อตั้งพรรคต้องมีจำนวน 1,000 คนซึ่งมากกว่าฉบับก่อนที่ได้กำหนดไว้เพียง 500 คน เท่านั้น และเป็นพระราชบัญญัติฉบับแรกที่กำหนดให้ผู้ลงสมัคร รับเลือกตั้งต้องสังกัดพรรคการเมืองเนื่องจากพระราชบัญญัติ ทั้งสองฉบับก่อนหน้าสามารถให้ผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งลงสมัคร แบบอิสระได้ซึ่งมักจะทำให้เกิดปัญหาในการบริหารราชการ แผ่นดิน นอกจากนี้ยังได้กำหนดให้พรรคการเมืองไม่ต้องยุบ พรรคในกรณีที่พรรคการเมืองไม่ได้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แม้แต่คนเดียวอีกด้วย แต่ทั้งนี้เมื่อมีเหตุการณ์ทางการเมือง ในวันที่ 6 ตุลาคม 2519 และคณะปฏิวัติเข้าควบคุม การปกครองประเทศ เป็นผลทำให้รัฐธรรมนูญฉบับเก่า ถูกยกเลิก ส่งผลให้มีการประกาศยกเลิกพระราชบัญญัติ พรรคการเมือง พุทธศักราช 2517 ด้วย ทำให้ต้องมีการประกาศ ใช้พระราชบัญญัติพรรคการเมืองฉบับใหม่อีกครั้งใน พ.ศ. 2524 โดยสาระสำคัญของฉบับใหม่นี้คือพรรคการเมืองต้องแสดงที่มา ของรายได้และการใช้จ่ายโดยเปิดเผย นอกจากนี้ การจัดตั้งพรรคการเมืองได้มีการกำหนด จำนวนสมาชิกเพื่อขอจดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมืองต้อง ไม่น้อยกว่า 5,000 คน และในจำนวนสมาชิก 5,000 คนนั้นต้อง ประกอบด้วยสมาชิกจากภาคต่างๆ ภาคละ 5 จังหวัดและ มีจำนวนสมาชิกจังหวัดละไม่น้อยกว่า 50 คน ขณะที่กรณี การยุบพรรคการเมืองมีได้ในกรณีต่างๆ อาทิ การมีจำนวน สมาชิกเหลือไม่ถึง 5,000 คน หรือมีสมาชิกซึ่งอยู่ในจังหวัด ต่างๆ จังหวัดละ 50 คน ไม่ถึง 5 จังหวัดของแต่ละภาค เป็น เวลาหกเดือนติดต่อกัน การที่พรรคการเมืองส่งสมาชิกสมัครรับ 39
นักการเมืองถิ่นจังหวัดสุโขทัย เลือกตั้ง ส.ส. ไม่ถึง 120 คน และการที่พรรคการเมืองไม่มี สมาชิกได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เป็นต้น จากสภาพการณ์ที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น ส่งผลต่อ การเลือกตั้งของจังหวัดสุโขทัย คือ ในการเลือกตั้ง ตั้งแต่ พ.ศ. 2518-2522 มีจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขต จังหวัด จำนวน 3 คน และการเลือกตั้ง ตั้งแต่ พ.ศ. 2526-2539 จำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง จำนวน 2 เขต ๆ ละ 2 คน ดังนั้น จังหวัดสุโขทัยจึงมีจำนวนสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎร ทั้งหมด 4 คน และทุกคนต้องลงสมัครในนามของ พรรคการเมือง จากข้อมูลตารางที่ 2 แสดงให้เห็นถึงจำนวน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและพรรคการเมืองที่ได้รับการเลือกตั้ง ระหว่าง พ.ศ. 2518-2539 พบว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ที่สังกัดพรรคกิจสังคมมีจำนวนมากที่สุด 4 คน เนื่องจากม ี ผู้ลงสมัครพรรคนี้ได้รับการเลือกตั้งเข้ามาเป็นสมาชิสภา ผู้แทนราษฎรหลายสมัย เริ่มต้นจากร้อยตรีประพาส ลิมปะพันธุ์ ที่ลงสมัครและได้รับการเลือกตั้งในนามพรรคกิจสังคมครั้งแรก ใน พ.ศ. 2522 ต่อมาจึงได้รับเลือกตั้งในนามพรรคกิจสังคมอีก 3 สมัย ก่อนที่จะย้ายไปสังกัดพรรคชาติพัฒนา นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ที่ลงสมัครในนามพรรคกิจสังคมมาตลอดระยะเวลา 7 สมยั กล่าวไดว้ ่าเปน็ นักการเมอื งระดบั ชาตทิ ีไ่ ดร้ บั การเลอื กต้ัง จากประชาชนในจังหวัดสุโขทัยมากที่สุด ในชว่ งระยะเวลาน้ี มพี รรคการเมอื งทไ่ี ดร้ บั การเลอื กตง้ั ทั้งหมด 12 พรรค มีจำนวนผู้ลงสมัครในนามพรรคเหล่านี้ ทั้งหมด 21 คน แต่เมื่อพิจารณาจากรายชื่อสมาชิกสภาผู้แทน 40
การเลือกตั้งกับความเปล่ียนแปลงอำนาจการเมืองไทย ราษฎรแล้ว พบว่า มีรายชื่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวน 12 คน เนื่องจากผู้ที่ได้รับการเลือกตั้งหลายคนมีรายชื่อซ้ำกัน เพราะมีการย้ายพรรคการเมืองและได้รับการเลือกตั้งเข้ามาอีก หลายสมัย เช่น นายไพทูรย์ โมกขมรรคกุลที่ได้รับการเลือกตั้ง 3 สมัย โดยในแต่ละสมัยนายไพทูรย์ลงสมัครในนามของ พรรคการเมืองที่ไม่เหมือนกันทั้ง 3 ครั้ง เช่นเดียวกับนายอารยะ ชุมดวงที่มีการย้ายพรรคการเมืองมากกว่า 4 ครั้ง ปัจจัยสำคัญ หลายประการที่ทำให้เกิดการย้ายพรรคการเมืองของผู้สมัคร ได้แก่ ผลประโยชน์และฐานคะแนนเสียงที่ทับซ้อนของผู้สมัคร ในแต่ละคนในและพื้นที่ การได้รับเงินสนับสนุนและการ ช่วยเหลือด้านการหาเสียงจากพรรคการเมือง การได้ดำรง ตำแหน่งที่สำคัญในพรรคการเมืองนั้นๆ เช่น คณะกรรมการ บริหารพรรคการเมือง รวมถึงโอกาสของการได้เป็นพรรคร่วม รัฐบาล และได้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่สำคัญในกระทรวง ต่างๆ 41
นักการเมืองถ่ินจังหวัดสุโขทัย 42 ตารางที่ 2 จำนวนสมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรและพรรคการเมอื งในจงั หวดั สโุ ขทยั ทไ่ี ดร้ บั การเลอื กตงั้ ระหว่าง พ.ศ. 2518-2539 ลำดบั พรรคการเมอื ง รายชอื่ ปที ไี่ ด้รบั เลอื กตั้ง (พ.ศ.) จำนวน (คน) 1 พรรคกิจสังคม 1. ร้อยตรีประพาส ลิมปะพันธุ์ 2522, 2526, 2529, 2531 4 2526, 2529, 2531, 2535 (มี.ค.และ 2. นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ก.ย.), 2538, 2539 2526, 2531, 2535 (มี.ค.) 3. นายกุศล หมีเทศ 2522 4. นายพจน์ เกิดผล 2518 3 2 พรรคประชาธิปัตย์ 1. นายไพฑรู ย์ โมกขมรรคกุล 2518 2. นายธวัช สุรินทร์คำ 2519 3. นายเยื้อน มหาปัญญาวงศ์ 2535 (ก.ย.), 2538 3 3 พรรคชาติพัฒนา 1. ร้อยตรีประพาส ลิมปะพันธุ์ 2538, 2539 2. นายประทวน เขียวฤทธิ์ 2535 (ก.ย.), 2538 3. ประศาสตร์ ทองปากน้ำ
ลำดับ พรรคการเมอื ง รายชอื่ ปีทีไ่ ด้รับเลอื กตั้ง (พ.ศ.) จำนวน (คน) 2518, 2519 2 4 พรรคชาติไทย 1. นายพจน์ เกิดผล 2519 2535 (มี.ค.) 2 2. นายบุญธรรม ชุมดวง 2539 2535 (ก.ย.), 2539 1 5 พรรคความหวังใหม่ 1.นายธวัช สุรินทร์คำ 2522 1 2526 1 2. นายกุศล หมีเทศ 2529 1 2529 1 6 พรรคมวลชน 1. นายอารยะ ชุมดวง 2531 1 2535 (มี.ค.) 1 การเลือกต้ังกับความเปล่ียนแปลงอำนาจการเมืองไทย 21 43 7 พรรคเสรีธรรม 1. นายไพฑูรย์ โมกขมรรคกุล 8 พรรคปวงชนชาวไทย 1. นายอารยะ ชุมดวง 9 พรรคก้าวหน้า 1. นายไพฑูรย์ โมกขมรรคกุล 10 พรรคสหประชาธิปไตย 1. นายอารยะ ชุมดวง 11 พรรครวมไทย 1.นายประทวน เขียวฤทธิ์ 12 พรรคสามัคคีธรรม 1. นายประทวน เขียวฤทธิ์ รวม
นักการเมืองถิ่นจังหวัดสุโขทัย เมื่อเปรียบเทียบข้อมูลของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ที่สังกัดพรรคการเมืองและได้รับการเลือกตั้งเข้ามายุคหลัง ประชาธิปไตยครึ่งใบ (พ.ศ. 2500-2516) กับ ช่วงเวลานี้ (พ.ศ. 2517-2539) พบว่าผู้ที่ได้รับการเลือกตั้งเข้ามาส่วนใหญ่เป็น ผู้สมัครคนใหม่ที่สังกัดพรรคการเมืองใหม่เช่นเดียวกัน อาทิ นายพจน์ เกิดผล พรรคชาติไทย นายไพฑูรย์ โมกขมรรคกุล พรรคประชาธิปัตย์ ร้อยตรีประพาส ลิมปะพันธุ์ พรรคกิจสังคม เป็นต้น ซึ่งถือว่าได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของพรรคการเมืองและ นักการเมืองในจังหวัดสุโขทัย 3.3.2) กฎหมายรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และ พระราชบัญญัติพรรคการเมืองหลัง พุทธศักราช 2540- ปัจจุบัน การประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2534 ซึ่งร่างขึ้นภายใต้สภานิติบัญญัติแห่งชาต ิ ในช่วงคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) มีแนวคิด ที่ต้องการให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการร่างและแสดงความเห็น และนำมาสู่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 โดยเพิ่มสิทธิเสรีภาพของประชาชน มีระบบตรวจสอบการ ใช้อำนาจของรัฐตลอดจนการมีส่วนร่วมของประชาชนด้าน ต่างๆ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง ประกอบด้วย สภา ผู้แทนราษฎรเป็นสมาชิกที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของ ประชาชน จำนวน 500 คน ซึ่งมาจากเลือกตั้ง 2 ระบบผสมกัน คือแบบเขตเดียวเบอร์เดียว จำนวน 400 คน และแบบบัญชี รายชื่อ (Party list) จำนวน 100 คน ซี่งพรรคการเมืองต้องจัดทำ บัญชีรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งพรรคละหนึ่งบัญชี คุณสมบัติ 44
การเลือกต้ังกับความเปลี่ยนแปลงอำนาจการเมืองไทย ของผู้สมัครรับเลือกตั้งโดยทั่วไปกำหนดไว้สูงกว่า รัฐธรรมนูญ ฉบับก่อน โดยมีข้อกำหนดที่สำคัญคือผู้สมัครต้องสังกัด พรรคการเมืองและต้องจบการศึกษาไม่ต่ำกว่าปริญญาตรี หรือ เทียบเท่า สมาชิกผู้แทนราษฎรมีวาระ 4 ปี อีกสภาหนึ่งคือ วุฒิสภามาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน จำนวน 200 คน มีวาระการดำรงตำแหน่ง 6 ปี การที่กำหนดให้สมาชิก วุฒิสภามาจาการเลือกตั้ง ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงอำนาจ หน้าที่ที่สำคัญของวุฒิสมาชิก นอกเหนือจากอำนาจหน้าที่ ในการกลั่นกรองกฎหมาย ควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน โดยการตั้งกระทู้ถามรัฐมนตรี หรือเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อให้ คณะรัฐมนตรีแถลงข้อเท็จจริงหรือชี้แจงปัญหาโดยไม่มีการลง มติ และมีหน้าที่อื่นตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติแล้ว วุฒิสภายังมี อำนาจหน้าที่โดยเฉพาะอีกหลายประการ คือ การพิจารณา เลือก แต่งตั้ง ให้คำแนะนำ หรือให้ความเห็นชอบให้บุคคลดำรง ตำแหน่งต่าง ๆ อีกประเด็นสำคัญของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักร ไทย พทุ ธศกั ราช 2540 คอื การตง้ั องคก์ รอสิ ระ คอื คณะกรรมการ การเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อจัดการเลือกตั้ง รวมถึง การติดตามและ ลงโทษผู้ฝ่าฝืนกฎหมายการเลือกตั้ง ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่ม ี การจัดตั้งภายใต้บทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้รัฐธรรมนูญฉบับ ดังกล่าวได้ใช้มาอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ความ ขัดแย้งทางการเมืองในปี 2549 คณะปฏิรูปการปกครองใน ระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) ทำการรัฐประหารและมีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เป็นผลสำเร็จใน พ.ศ. 2550 โดยมีสมาชิกซึ่งมาจากการเลือกตั้ง 45
นักการเมืองถิ่นจังหวัดสุโขทัย แบบแบ่งเขตเลือกตั้งจำนวน 400 คน โดยเป็นแบบ “เขตเดียว สามเบอร์” แบ่งเขตตามจำนวนประชากรในเขตที่ต่างกันตั้งแต่ 1-3 คน ตามขนาดของประชากรในเขต และสมาชิกซึ่งมาจาก การเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อจำนวน 80 คน และต่อมา มีการแก้ไขเพิ่มเติมอีกครั้งในพ.ศ. 2554 โดยกำหนดให้สภา ผู้แทนราษฎรประกอบด้วยสมาชิกจำนวน 500 คน โดยเป็น สมาชิกซึ่งมาจากการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งจำนวน 375 คน และสมาชิกซึ่งมาจากการเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ จำนวน 125 คน แต่ระบบแบบแบ่งเขตในครั้งนี้เป็นแบบ “เขตเดียวเบอร์เดียว” กล่าวคือ ลักษณะของการแบ่งเขต เลือกตั้งนั้นจะแบ่งเป็น 375 เขต โดยยึดหลักให้แต่ละเขตนั้น มีจำนวนประชากรที่ใกล้เคียงกันให้มากที่สุด ดังนั้นในแต่ละเขตจะมีผู้แทนได้เขตละ 1 คนอย่าง เท่าเทียมกัน นอกจากนี้ผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้งสามารถ เลือกผู้สมัครได้เพียงคนเดียวเท่านั้น อย่างไรก็ตามภายหลัง คณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (คสช.) ได้ทำการ รัฐประหารเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 และประกาศใช้ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 ในเวลาต่อมาซึ่งไม่ปรากฎบทบัญญัติเกี่ยวกับการเลือกตั้ง แต่ประการใด เมื่อพิจารณาถึงกฎหมายว่าด้วยพรรคการเมือง สืบเนื่องจากเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 ต้องการส่งเสริมเสถียรภาพของพรรค การเมืองและต้องการให้ระบบการเมืองไทยมีพรรคการเมือง ที่เข้มแข็งโดยลดจำนวนของพรรคขนาดเล็กลง ดังนั้น 46
การเลือกตั้งกับความเปล่ียนแปลงอำนาจการเมืองไทย พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พุทธศักราช 2541 จึงวางหลักเกณฑ์เงื่อนไขส่งเสริมให้ พรรคการเมืองขนาดเล็กยุบพรรคหรือรวมพรรคเพื่อให้เกิด พรรคการเมืองที่มีขนาดใหญ่ขึ้น โดยการจัดตั้งพรรคการเมือง จะกระทำได้โดยผู้มีสัญชาติไทยโดยกำเนิดอายุไม่ต่ำกว่า 20 ปี ตั้งแต่ 15 คนขึ้นไปสามารถรวมกันจัดตั้งพรรคการเมืองได้ และ ต้องมีสมาชิก 5,000 คนขึ้นไปภายใน 180 วัน นับแต่วันที่ได้รับ การจดแจ้งจัดตั้งพรรคการเมือง และต้องมีการกระจายสาขา พรรคการเมืองในระดับภาคอย่างน้อย 1 สาขา และสาขาใน ระดับจังหวัดตามที่นายทะเบียนกำหนด การยุบพรรคการเมือง มีได้หลายกรณี อาทิ จำนวนสมาชิกพรรคการเมืองเหลือไม่ถึง 15 คน การยุบพรรคการเมืองไปรวมกับพรรคการเมืองอื่น มีคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรคการเมือง หรือไม่สามารถ หาสมาชิกได้อย่างน้อย 5,000 คนภายใน 180 วัน เป็นต้น กฎหมายฉบับดังกล่าวมีผลบังคับใช้เรื่อยมา จนกระทั่งเหตุการณ์รัฐประหารใน พ.ศ. 2549 เป็นเหตุให้ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 สิ้นสุดลง ด้วยเหตุนี้จึงต้องมีการจัดทำพระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พุทธศักราช 2550 ขึ้นมาใหม่ อีกครั้ง โดยเนื้อหาบางส่วนคงบทบัญญัติเดิมของรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 แต่มีการกำหนดสาระ สำคัญอื่นๆ เพิ่มเติม อาทิ ผู้ลงรับสมัครเลือกตั้ง ส.ส.ต้องสังกัด เป็นสมาชิกพรรคการเมืองไม่ต่ำกว่า 90 วัน ยกเว้นการยุบสภา ต้องสังกัดไม่ได้ต่ำกว่า 30 วัน การกระจายสาขาพรรคการเมือง จะต้องมีสาขาพรรคอย่างน้อยภาคละหนึ่งสาขาภายในหนึ่งปี 47
นักการเมืองถ่ินจังหวัดสุโขทัย รวมถึง เหตุยุบพรรคการเมือง อาทิ ไม่ส่งผู้สมัครเข้ารับเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสองครั้งติดต่อกันหรือเป็นเวลาแปดปี ติดต่อกัน การมีจำนวนสมาชิกพรรคการเมืองเหลือไม่ถึง 5,000 คน ภายในระยะเวลาติดต่อกันหนึ่งปี รวมถึง ไม่มีการ เรียกประชุมใหญ่พรรคการเมือง หรือไม่มีการดำเนินกิจกรรมใด ทางการเมืองเป็นระยะเวลาติดต่อกันหนึ่งปี เป็นต้น จากเหตุการณ์ที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น ส่งผลต่อ การเลือกตั้งของจังหวัดสุโขทัย คือ ในการเลือกตั้ง ตั้งแต่ พ.ศ. 2544-2554 มีจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบ เขตเดียวเบอร์เดียว จำนวนทั้งหมด 4 เขตๆ ละ 1 คน รวมทั้งสิ้น 4 คน ยกเว้นการเลือกตั้งใน พ.ศ. 2550 ที่มีการแบ่งเขตเลือกตั้ง เป็น 2 เขตๆ ละ 2 คน รวมจำนวนทั้งหมด 4 คน จากข้อมูล ตารางที่ 3 แสดงให้เห็นถึงจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและ พรรคการเมืองที่ได้รับการเลือกตั้ง ระหว่าง พ.ศ. 2544-2554 พบว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่สังกัดพรรคไทยรักไทยได้รับ การเลือกตั้งมากที่สุดเป็นจำนวน 4 คน รองลงมาคือพรรค ประชาธิปัตย์ และ พรรคภูมิใจไทย จำนวน 2 คน นอกจากนั้น มีจำนวนเท่ากัน คือ จำนวนพรรคการเมืองละ 1 คน ได้แก่ พรรคชาติไทย พรรคชาติพัฒนา และพรรคมัชฌิมาธิปไตย ส่วนใหญ่เป็นอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเดิมที่เคยได้รับการ เลือกตั้งมาแล้วหลายสมัย ในกรณีของพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อ การเลือกตั้ง พ.ศ. 2554 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคฯ ได้ลงพื้นที่เขต 2 ของจังหวัดสุโขทัยเพื่อสนับสนุนผู้สมัครในการ หาเสียงเลือกตั้งด้วย ทำให้ได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนและ คนสุโขทัยอย่างมาก 48
การเลือกตั้งกับความเปล่ียนแปลงอำนาจการเมืองไทย ในการเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อเมื่อ พ.ศ. 2544 มีนักการเมืองจังหวัดสุโขทัย 2 คน ที่ได้ดำรงตำแหน่งสมาชิก สภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ คือ ร้อยตรีประพาส ลิมปะพันธุ์ จากพรรคชาติพัฒนา และนายสมศักดิ์ เทพสุทิน จากพรรคไทยรักไทย แสดงให้เห็นว่าในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2544 นายสมศักดิ์ได้ย้ายไปลงสมัคร ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ และให้ นางอนงค์วรรณ (ภรรยา) มาลงสมัครแบบแบ่งเขต ในเขตที่ 1 ของจังหวัดสุโขทัย และได้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งคู่ โดยการเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ พ.ศ. 2548 และแบบสัดส่วน พ.ศ. 2550 ไม่มีนักการเมืองจากจังหวัดสุโขทัยได้เป็นสมาชิก สภาผู้แทนราษฎร ต่อมาเมื่อมีการเลือกตั้งในพ.ศ. 2554 ร้อยตรี ประพาส ลิมปะพันธุ์ ได้ลงสมัคร ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ ลำดับ ที่ 1 ของพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน และได้เป็นสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรอีกครั้งหนึ่ง 49
นักการเมืองถ่ินจังหวัดสุโขทัย 50 ตารางท่ี 3 จำนวนสมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรและพรรคการเมอื งในจงั หวดั สโุ ขทยั ทไ่ี ดร้ บั การเลอื กตง้ั ระหวา่ ง พ.ศ. 2544-2554 ลำดับ พรรคการเมอื ง รายชือ่ ปีทไี่ ดร้ บั เลือกต้งั (พ.ศ.) จำนวน (คน) 1 พรรคไทยรักไทย 1.นายประทวน เขียวฤทธิ์ 2544, 2548 4 2544, 2548 2. ประศาสตร์ ทองปากน้ำ 2544, 2548 2548 3. นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน 2550, 2554 2 2550, 2554 4. นายสมเจตน์ ลิมปะพันธุ์ 2554 2 2554 2 พรรคประชาธิปัตย์ 1. นายสัมพันธ์ ตั้งเบญจผล 2544 1 2550 1 2. นายวิรัตน์ วิริยะพงษ์ 2550 1 3 พรรคภูมิใจไทย 1. นายจักรวาล ชัยวิรัตน์นุกุล 11 2. นายมนู พุกประเสริฐ 4 พรรคชาติพัฒนา 1. นายสมเจตน์ ลิมปะพันธุ์ 5 พรรคชาติไทย 1. นายสมเจตน์ ลิมปะพันธุ์ 6 พรรคมัชฌิมาธิปไตย 1. นายอารยะ ชุมดวง รวม
การเลือกต้ังกับความเปล่ียนแปลงอำนาจการเมืองไทย ปัจจัยที่สำคัญประการหนึ่งที่ทำให้พรรคไทยรักไทยได้รับ ความนิยมจากประชาชน คือ การใช้ลักษณะกลยุทธ์ทาง การตลาดเพื่อโฆษณาสร้างกระแสความนิยมให้กับผู้นำและ ผู้สมัครในนามพรรคการเมือง โดย ดร.ทักษิณ ชินวัตร (หัวหน้า พรรคการเมืองฯ) ได้นำเสนอแนวคิด “คิดใหม่ ทำใหม่ เพื่อไทย ทุกคน” รวมถึงนโยบายประชานิยม ซึ่งได้รับความนิยมจาก ประชาชนอยา่ งมาก และประสบความสำเร็จจากผลการเลือกตงั้ ที่สามารถจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างมากพรรคเดียวได้เป็นครั้งแรก ทำให้เกิดรูปแบบการประชาสัมพันธ์โดยใช้สโลแกนและ นโยบายประชานิยมเป็นจุดขายในการหาเสียงของพรรค การเมืองต่าง ๆ อย่างแพร่หลายในเวลาต่อมา 51
บ4ทท ี่ นักการเมืองถ่ิน จังหวัดสุโขทัย เนื้อหาในบทนี้ผู้วิจัยได้ศึกษาและรวบรวมข้อมูล ส่วนสำคัญต่างๆ ของนักการเมืองถิ่นจังหวัดสุโขทัย อาทิ ประวัติชีวิตส่วนตัว การทำงานก่อนดำรงตำแหน่งสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎร บทบาทหน้าที่ในระหว่างการดำรงตำแหน่ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร รวมถึง การนำเสนอตนเองและ กลยุทธ์การหาเสียงเลือกตั้งซึ่งข้อมูลเหล่านี้ได้รวบรวมจาก การสำรวจเอกสาร รวมถึงการลงพื้นที่สัมภาษณ์นักการเมืองถิ่น และผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจถึงปัจจัย ที่ทำให้นักการเมืองได้รับการเลือกตั้งและผลงานที่นักการเมือง ได้สร้างไว้ในขณะที่ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
นักการเมืองถิ่น จังหวัดสุโขทัย 4.1 ข้อมูลภาพรวมของนักการเมืองถิ่นสุโขทัย ข้อมูลจากตารางที่ 4 แสดงถึงการเลือกตั้งสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรจังหวัดสุโขทัย ประกอบด้วย ข้อมูลปีที่มีการ เลือกตั้ง จำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสุโขทัย รายชื่อ ผู้ที่ได้รับการเลือกตั้ง และพรรคการเมืองของผู้ได้รับการเลือกตั้ง พบว่า นับตั้งแต่ที่มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2496 จนถึง พ.ศ. 2554 นักการเมืองถิ่นจังหวัดสุโขทัย มีจำนวนทั้งหมด 27 คน (รวมนายทัศนัย แสนโกศิก จากการ เลือกตั้งซ่อมแทนตำแหน่งที่ว่างลงเมื่อ วันที่ 3 กันยายน 2514) พรรคการเมืองทั้งหมด 20 พรรคการเมือง ได้แก่ พรรคประชา- ธิปัตย์ จำนวน ส.ส. 5 คน พรรคกิจสังคม พรรคชาติพัฒนา พรรคไทยรักไทย มีจำนวน ส.ส. เท่ากันคือ พรรคการเมืองละ 4 คน พรรคชาติไทย จำนวน ส.ส. 3 คน พรรคความหวังใหม่ พรรคภูมิใจไทย และพรรคอิสระ จำนวนพรรคการเมืองละ 2 คน ที่เหลือเป็นจำนวนพรรคการเมืองละ 1 คน ได้แก่ พรรคธรรมา- ธิปัตย์ พรรคเสรีมนังคศิลา พรรคสหภูมิ พรรคสหประชาไท พรรคเสรีธรรม พรรคก้าวหน้า พรรคปวงชนชาวไทย พรรค สหประชาธิปไตย พรรคมวลชน พรรคมัชฌิชมาธิปไตย พรรครวมไทย พรรคสามัคคีธรรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ส่วนใหญ่เป็นเพศชาย มีผู้หญิงเพียงคนเดียวเท่านั้น คือ นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาจากจำนวน ส.ส. ที่ลงสมัคร ในพรรคการเมืองเดิม และได้รับการเลือกตั้งเข้ามาเป็น ส.ส. จำนวนมากที่สุด คือ พรรคกิจสังคม เริ่มต้นจากการที่ร้อยตรี 53
นักการเมืองถ่ินจังหวัดสุโขทัย ประพาส ลิมปะพันธุ์ (บุตรชายของนายแพ่ง ลิมปะพันธุ์) ลงสมัครและได้รับการเลือกตั้งครั้งแรก พ.ศ. 2522 ในนามของ พรรคกิจสังคม และหลังจากนั้น ในการเลือกตั้งสมัยต่อมาเมื่อ พ.ศ. 2526 ร้อยตรีประพาส และนายสมศักดิ์ เทพสุทิน ได้ลง สมัครรับเลือกตั้งในนามของพรรคกิจสังคม ซึ่งปรากฎว่าในการ เลือกตั้งครั้งนั้น ผู้สมัครจากพรรคกิจสังคมได้รับการเลือกตั้ง ทั้งหมด 3 คนจากจำนวน 4 คน ทำให้ชื่อเสียงของนายสมศักดิ์ เทพสุทินและพรรคกิจสังคมเป็นที่รู้จักกว้างขวางในจังหวัด สุโขทัยมากยิ่งขึ้น ภายหลังจากนั้นนายสมศักดิ์ ได้ลงสมัครรับ เลือกตั้งในนามของพรรคกิจสังคมอีกหลายสมัย ข้อมูลที่ได้จากการศึกษานักการเมืองถิ่นสุโขทัยมีความ สอดคล้องกับการศึกษานักการเมืองถิ่นจังหวัดอื่นๆ กล่าวคือ ประชาชนจะเลือกที่ตัวบุคคลผู้สมัครมากกว่าพรรคการเมือง ดังเช่นในกรณีของนายอารยะ ชุมดวง ที่มีการย้ายพรรค การเมืองมากกว่า 4 พรรคในการเลือกตั้งแต่ละสมัย กล่าวคือ เมื่อ พ.ศ. 2526 ลงสมัครในนามพรรคปวงชนชาวไทย พ.ศ. 2529 ย้ายมาลงสมัครในนามพรรคสหประชาธิปไตย ต่อมาย้ายมาลงสมัครในนามพรรคมวลชน ช่วง เดือนกันยายน พ.ศ 2535-2539 และ พ.ศ. 2550 ลงรับสมัครในนามพรรค มัชฌิมาธิปไตย แต่ก็ยังได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรจากประชาชนในพื้นที่ กรณีของร้อยตรีประพาส ลิมปะพันธุ์ ที่มีการย้ายพรรคการเมืองจากพรรคกิจสังคม มาสังกัดพรรคชาติพัฒนา เมื่อมีการเลือกตั้งในเดือนกันยายน พ.ศ. 2535 นายประทวน เขียวฤทธิ์ ที่มีการย้ายพรรคการเมือง มากกว่า 4 พรรคการเมือง ตั้งแต่ พ.ศ. 2531 เป็นต้นมา 54
นักการเมืองถ่ิน จังหวัดสุโขทัย จากการสัมภาษณ์ได้ให้คำอธิบายถึงสาเหตุของการย้ายพรรค ของผู้สมัครว่ามีหลายปัจจัย เช่น พื้นที่และคะแนนเสียงของ ประชาชนที่ทับซ้อนกันของผู้สมัคร การต่อรองผลประโยชน์และ ความก้าวหน้าในการดำรงตำแหน่งที่สำคัญทางการเมืองต่าง ๆ ของผู้สมัคร การได้รับการสนับสนุนเงินและการช่วยลงพื้นที ่ หาเสียงจากพรรคการเมือง การเข้าไปดำรงตำแหน่งเป็น คณะกรรมการบริหารพรรคการเมือง เป็นต้น วุฒิการศึกษาของผู้ได้รับการเลือกตั้งในจังหวัดสุโขทัย ส่วนใหญ่จบการศึกษาในระดับปริญญาตรี แต่ภายหลังจาก พ.ศ. 2540 พบว่านักการเมืองถิ่นที่ได้รับเลือกตั้งเข้ามา มีวุฒิการศึกษาในระดับปริญญาโทเพิ่มขึ้น และหลายคน ก็มาศึกษาในระดับปริญญาโทเพิ่มเติมภายหลังจากที่ได้รับ การเลือกตั้ง เหตุผลที่นักการเมืองรุ่นใหม่หลายคนสนใจศึกษา ในระดับที่สูงขึ้น เพราะคิดว่าวุฒิการศึกษาจะเป็นปัจจัย ส่วนหนึ่งที่ทำให้ประวัติของตนเองมีความน่าสนใจและโดดเด่น มากขึ้นกว่าผู้สมัครคนอื่นๆ ได้รับการยอมรับและน่าเชื่อถือ เมื่อต้องพูดจาปราศัยทั้งในและนอกสภาผู้แทนราษฎร การศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้นทำให้ได้รู้จักคนในชั้นที่เรียน ร่วมกัน สร้างเครือข่ายและเพิ่มสถานะทางสังคมให้เป็นที่รู้จัก ของคนทั่วไป รวมถึงสามารถนำความรู้ที่ได้รับจากการเรียน มาใช้ประยุกต์ในการทำงานในฐานะนักการเมืองได้ 55
นักการเมืองถ่ินจังหวัดสุโขทัย 56 ตารางที่ 4 ขอ้ มลู การเลอื กตง้ั สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจงั หวดั สุโขทยั ครัง้ ที ่ การเลือกต้งั จำนวน ส.ส. ผไู้ ด้รับการเลือกต้งั พรรคการเมือง 1 พ.ศ. 2476 1 คน นายไสว อินทรประชา - 2 พ.ศ. 2480 1 คน นายทิม อติเปรมานนท์ - 3 พ.ศ. 2481 1 คน นายไสว อินทรประชา - 4 พ.ศ. 2489 (มกราคม) 1 คน ขุนระดับคดี - 5 พ.ศ. 2489 (สิงหาคม) 1 คน หลวงนรัตถรักษา - 6 พ.ศ. 2491 1 คน นายเพ่ง ลิมปะพันธุ์ - 7 พ.ศ. 2492 1 คน - - 8 พ.ศ. 2495 1 คน นายธวัช ทานสัมฤทธิ์ - 9 พ.ศ. 2500 (กุมภาพันธ์) 2 คน นายเพ่ง ลิมปะพันธุ์ พรรคธรรมาธิปัตย์ นายบุญธรรม ชุมดวง พรรคเสรีมนังคศิลา 10 พ.ศ. 2500 (ธันวาคม) 2 คน นายสุข แสนโกศิก พรรคสหภมู ิ นายบุญธรรม ชุมดวง -
ครั้งท่ ี การเลอื กตงั้ จำนวน ส.ส. ผูไ้ ดร้ ับการเลือกตง้ั พรรคการเมือง 11 พ.ศ. 2512 3 คน นายบุญธรรม ชุมดวง พรรคอิสระ นายสุข แสนโกศิก (เสียชีวิต) พรรคสหประชาไท 12 พ.ศ. 2518 3 คน นายทัศนัย แสนโกศิก (แทน) 13 พ.ศ. 2519 3 คน นายสำรวย ธรรมสุนทรา พรรคอิสระ 14 พ.ศ. 2522 3 คน นายพจน์ เกิดผล พรรคชาติไทย นายไพฑูรย์ โมกขมรรคกุล พรรคประชาธิปัตย์ นายธวัช สุรินทร์คำ พรรคประชาธิปัตย์ นายพจน์ เกิดผล พรรคชาติไทย นายบุญธรรม ชุมดวง พรรคชาติไทย นายเยื้อน มหาปัญญาวงศ์ พรรคประชาธิปัตย์ นายพจน์ เกิดผล พรรคกิจสังคม นายไพฑูรย์ โมกขมรรคกุล พรรคเสรีธรรม ร้อยตรีประพาส ลิมปะพันธุ์ พรรคกิจสังคม นักการเมืองถ่ิน จังหวัดสุโขทัย 57
นักการเมืองถ่ินจังหวัดสุโขทัย จำนวน ส.ส. 58 4 คน ครงั้ ท ่ี การเลือกต้งั 4 คน ผไู้ ด้รับการเลอื กตง้ั พรรคการเมอื ง 15 พ.ศ. 2526 4 คน (เขต 1) 16 พ.ศ. 2529 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน พรรคกิจสังคม 17 พ.ศ. 2531 นายกุศล หมีเทศ พรรคกิจสังคม (เขต 2) ร้อยตรีประพาส ลิมปะพันธุ์ พรรคกิจสังคม นายอารยะ ชุมดวง พรรคปวงชนชาวไทย (เขต 1) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน พรรคกิจสังคม นายไพฑรู ย์ โมกขมรรคกุล พรรคก้าวหน้า (เขต 2) ร้อยตรีประพาส ลิมปะพันธุ์ พรรคกิจสังคม นายอารยะ ชุมดวง พรรคสหประชาธิปไตย (เขต 1) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน พรรคกิจสังคม นายกุศล หมีเทศ พรรคกิจสังคม (เขต 2) ร้อยตรีประพาส ลิมปะพันธุ์ พรรคกิจสังคม นายประทวน เขียวฤทธิ์ พรรครวมไทย
ครัง้ ท่ ี การเลือกต้งั จำนวน ส.ส. ผไู้ ด้รับการเลอื กตงั้ พรรคการเมอื ง 18 พ.ศ. 2535 (มีนาคม) 4 คน (เขต 1) 19 พ.ศ. 2535 (กันยายน) 4 คน นายสมศักดิ์ เทพสุทิน พรรคกิจสังคม 20 พ.ศ. 2538 4 คน นายกุศล หมีเทศ พรรคกิจสังคม (เขต 2) นายธวัช สุรินทร์คำ พรรคความหวังใหม่ นายประทวน เขียวฤทธิ์ พรรคสามัคคีธรรม (เขต 1) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน พรรคกิจสังคม นายประศาสตร์ ทองปากน้ำ พรรคชาติพัฒนา (เขต 2) ร้อยตรีประพาส ลิมปะพันธุ์ พรรคชาติพัฒนา นายอารยะ ชุมดวง พรรคมวลชน (เขต 1) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน พรรคกิจสังคม นายประศาสตร์ ทองปากน้ำ พรรคชาติพัฒนา (เขต 2) ร้อยตรีประพาส ลิมปะพันธุ์ พรรคชาติพัฒนา นายประทวน เขียวฤทธิ์ พรรคชาติพัฒนา นักการเมืองถ่ิน จังหวัดสุโขทัย 59
นักการเมืองถ่ินจังหวัดสุโขทัย จำนวน ส.ส. 60 4 คน ครัง้ ที่ การเลอื กต้ัง 4 คน ผูไ้ ด้รบั การเลือกตงั้ พรรคการเมอื ง 21 พ.ศ. 2539 (เขต 1) 22 พ.ศ. 2544 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน พรรคกิจสังคม นายกุศล หมีเทศ พรรคความหวังใหม่ (เขต 2) นายอารยะ ชุมดวง พรรคมวลชน นายประทวน เขียวฤทธิ์ พรรคชาติพัฒนา (เขต 1) นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน พรรคไทยรักไทย (เขต 2) นายประศาสตร์ ทองปากน้ำ พรรคไทยรักไทย (เขต 3) นายสมเจตน์ ลิมปะพันธุ์ พรรคชาติพัฒนา (เขต 4) นายประทวน เขียวฤทธิ์ พรรคไทยรักไทย
ครั้งท ่ี การเลือกตง้ั จำนวน ส.ส. ผ้ไู ด้รบั การเลอื กตง้ั พรรคการเมือง 23 พ.ศ. 2548 4 คน (เขต 1) 24 พ.ศ. 2550 4 คน นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน พรรคไทยรักไทย (เขต 2) นายประศาสตร์ ทองปากน้ำ พรรคไทยรักไทย (เขต 3) นายสมเจตน์ ลิมปะพันธุ์ พรรคไทยรักไทย (เขต 4) นายประทวน เขียวฤทธิ์ พรรคไทยรักไทย (เขต 1) นายสัมพันธ์ ตั้งเบญจผล พรรคประชาธิปัตย์ นายวิรัตน์ วิริยะพงษ์ พรรคประชาธิปัตย์ (เขต 2) นายสมเจตน์ ลิมปะพันธุ์ พรรคชาติไทย นายอารยะ ชุมดวง พรรคมัชฌิมาธิปไต นักการเมืองถ่ิน จังหวัดสุโขทัย 61
นักการเมืองถ่ินจังหวัดสุโขทัย 62 ครั้งที่ การเลือกตง้ั จำนวน ส.ส. ผู้ไดร้ ับการเลอื กตั้ง พรรคการเมือง 25 พ.ศ. 2554 4 คน (เขต 1) นายวิรัตน์ วิริยะพงษ์ พรรคประชาธิปัตย์ (เขต 2) นายสัมพันธ์ ตั้งเบญจผล พรรคประชาธิปัตย์ (เขต 3) นายจักรวาล ชัยวิรัตน์นุกุล พรรคภมู ิใจไทย (เขต 4) นายมนู พุกประเสริฐ พรรคภูมิใจไทย จากข้อมูลตามตารางที่ 4 ที่ได้นำเสนอไว้ข้างต้น ผู้วิจัยนำมาจัดกลุ่มศึกษานักการเมืองถิ่นตามช่วง ระยะเวลาในแต่ละยุคสมัยดังนี้
นักการเมืองถิ่น จังหวัดสุโขทัย 4.2 นักการเมืองถ่ินสุโขทัย หลังเปล่ียนแปลง การปกครอง (พุทธศักราช 2475-2499) นักการเมืองถิ่นในยุคเริ่มต้นประชาธิปไตยของจังหวัด สุโขทัยในภาพรวม พบว่า ผู้ที่ได้รับการเลือกตั้งจะมาจากบุคคล ทม่ี พี น้ื ฐานการศกึ ษา เปน็ ขา้ ราชการ คณบดี หรอื บคุ คลทม่ี าจาก ตระกูลเก่าแก่ซึ่งเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในจังหวัด และ ผู้ที่มีความรู้ความสามารถด้านกฏหมาย เช่น ทนายความและ อดีตข้าราชการ ทำให้เป็นที่รู้จักและสามารถเข้าถึงประชาชน ในพื้นที่ได้เป็นอย่างดี ได้แก่ นายไสว อินทรประชา ที่ช่วยเหลือ ประชาชนโดยการทำงานเป็นทนายความว่าความให้กับ ประชาชนในพื้นที่ ก่อนที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรครั้งแรกในการเลือกตั้ง พ.ศ.2476 และอีกครั้งหนึ่ง ใน พ.ศ.2481 โดยสามารถได้รับเลือกตั้งดำรงตำหน่งสมาชิก สภาผแู้ ทนราษฎรของสโุ ขทยั ทง้ั 2 ครง้ั และนายธวชั ทานสมั ฤทธ์ิ ที่ใช้ความรู้ทางนิติศาสตร์ทำงานเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาประชาชน จนกระทั่งตัดสินใจลงสมัครเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และ ได้รับการเลือกตั้งใน พ.ศ. 2495 ดังนั้น สิ่งสำคัญอยู่ที่การเป็น บุคคลที่ประชาชนในจังหวัดรู้จักเป็นอย่างดี และมีผลงาน ที่ทำให้กับประชาชนเป็นที่ประจักษ์ ด้วยเหตุนี้การหาเสียงใน กลุ่มดังกล่าวจึงมีรูปแบบที่ผู้สมัครต้องอาศัยความใกล้ชิดกับ ประชาชนมาก รวมถึง อาศัยพลังการบอกต่อของประชาชน ที่ให้การสนับสนุนด้วย จึงจะประสบความสำเร็จในการเลือกตั้ง นักการเมืองถิ่นในช่วงเวลานี้ ประกอบด้วย 63
นักการเมืองถิ่นจังหวัดสุโขทัย 1. นายไสว อินทรประชา 1) ประวตั ชิ ีวิตส่วนตัว ไสว อินทรประชา เกิดเมื่อ พ.ศ. 2449 ที่บ้านตำบล ธานี อำเภอสุโขทัยธานี จังหวัดสวรรคโลก เป็นบุตรของ ขุนประชาสุโขทัย (นวม อินทรประชา) และ นางประชาสุโขทัย (เครื่อง อินทรประชา) โดยมีพี่น้องร่วมบิดามารดาทั้งสิ้น 5 คน คือ นางน้อม เสาวรรณ, นายไสว อินทรประชา, นายสวัสดิ์ อินทรประชา, คุณสายหยุด อินทรประชา และ นายสุโข อินทรประชา (“หนังสือที่ระลึกในงานพระราชทานเพลิงศพ นายสุโข อินทรประชา ณ วัดตรีทศเทพ วันเสาร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2522”, 2522, ก.) น า ย ไ ส ว ส ำ เ ร ็ จ ก า ร ศ ึ ก ษ า เ น ต ิ บ ั ณ ฑ ิ ต ไ ท ย หลังจากนั้นจึงได้ทำงานช่วยเหลือประชาชนในการทำงานเป็น ทนายความว่าความให้กับชาวบ้านในพื้นที่ ก่อนที่จะตัดสินใจ ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้แทนราษฎรครั้งแรกในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2476 และอีกครั้งหนึ่งใน พ.ศ. 2481 (สำนักนายกรัฐมนตรี, 2476ก.) 2) บทบาทหน้าท่ีระหว่างการดำรงตำแหน่งสมาชิก สภาผแู้ ทนราษฎร การทำงานในช่วงวาระการดำรงตำแหน่งสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎร เมื่อ พ.ศ. 2476 และ พ.ศ. 2481 ของนายไสว อินทรประชา พบว่า ได้ปฏิบัติหน้าที่ในการติดตามปัญหาโดย การตั้งกระทู้ถามในหลากหลายประเด็น อาทิ นโยบายเลิกหรือ ลดรัชชูปการซึ่งเป็นเงินช่วยราชการเก็บจากราษฎรชายที่มิได้รับ 64
นักการเมืองถ่ิน จังหวัดสุโขทัย ราชการทหาร1 การสร้างทางหลวงในพื้นที่จังหวัด2 ปัญหา โบราณสถานในป่าถูกทอดทิ้งไม่ได้รับการบำรุง3 การกำจัดการ สูบฝิ่น4 การเพิ่มจำนวนพลเมืองของประเทศ5 เป็นต้น 3) การนำเสนอตนเองและกลยุทธ์การหาเสียง เลือกต้งั ทั้งนี้ในบันทึกของนายเพ่ง ลิมปะพันธุ์ ได้นำเสนอว่า เหตุที่นายไสว อินทรประชา ได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรนั้น เนื่องด้วยเหตุผลจากที่การช่วยเหลือของ ขุนโชติ แข็งขัน (กรี เหล่าไพโรจน์) พ่อค้าคนสำคัญของจังหวัด สุโขทัย ซึ่งต้องการให้รวมพื้นที่เป็นจังหวัดสุโขทัยอีกครั้งหนึ่ง และแม้ว่าการยุบจังหวัดสวรรคโลกนั้นจะทำให้ชาวบ้านในเขต 1 โปรดดูเพิ่มเติม กระทู้ถาม เรื่อง นโยบายเลิกหรือ ลด รัชชูปการ, รายงานการประชุมสภาผู้แทนราษฎร, (พระนคร: สำนักงานเลขาธิการ สภาผู้แทนราษฎร, 2477), น. 584-585. 2 โปรดดูเพิ่มเติม กระทู้ถาม เรื่อง การสร้างทางหลวง, รายงาน การประชุมสภาผู้แทนราษฎร, (พระนคร: โรงพิมพ์เดลิเมล์, 2481), น. 732-733. 3 โปรดดูเพิ่มเติม กระทู้ถาม เรื่อง โบราณสถานในป่าถูกทอดทิ้งไม่ได้ รับการบำรุง, รายงานการประชุมสภาผู้แทนราษฎร, (พระนคร: โรงพิมพ์ เดลิเมล์, 2481), น. 958-960. 4 โปรดดูเพิ่มเติมกระทู้ถาม เรื่อง การกำจัดการสูบฝิ่น, รายงานการ ประชมุ สภาผแู้ ทนราษฎร, (พระนคร: โรงพมิ พเ์ ดลเิ มล,์ 2480), น. 777-779. 5 โปรดดูเพิ่มเติมกระทู้ถาม เรื่อง การทวีพลเมืองของประเทศสยาม, รายงานการประชุมสภาผู้แทนราษฎร, (พระนคร: โรงพิมพ์เดลิเมล์, 2480), น. 779-782. 65
นักการเมืองถิ่นจังหวัดสุโขทัย “เมืองเหนือ” ภายใต้เขตสวรรคโลกเก่า (เขตอำเภอสวรรคโลก และเขตอำเภอหาดเสี้ยว) ไม่พอใจและลงคะแนนเสียงให้กับ ผู้สมัครท่านอื่น อาทิ ขุนประพนธ์ธุระราษฎร์ ร้อยตรีจำปี สายะพันธ์ นายเป๊า เจียงวิเชียร ขุนประพันธ์พาณิช นายทองดี มหาศรานนท์ นายแย้ม สีตะสุดนายหยาด ปาณะดิษ เป็นต้น (สำนักนายกรัฐมนตรี, 2476ข.) อย่างไรก็ตาม คะแนนเสียง เลือกตั้งส่วนใหญ่ของนายไสวล้วนมาจากเขตเลือกตั้งบริเวณ “เมืองใต้” ได้แก่ เขตอำเภอสุโขทัยธานี กงไกรลาศ เขตอำเภอ คีรีมาศ และเขตอำเภอลานหอย (อำเภอบ้านด่านลานหอย ในปัจจุบัน) ซึ่งประชาชนที่สนับสนุนแนวคิดดังกล่าวได้ลง คะแนนให้นายไสว ในฐานะที่เป็นผลประโยชน์ต่างตอบแทนกัน ประกอบกับมีปัจจัยส่วนหนึ่ง คือ การที่นายไสวเป็นคนในพื้นที่ อำเภอสุโขทัยธานี ทำให้การหาเสียงในพื้นที่ดังกล่าวและพื้นที่ ใกล้เคียงนั้นไม่ประสบปัญหามากเท่าไหร่นัก จากเหตุผลข้างต้น เป็นสิ่งช่วยทำให้นายไสวได้รับชัยชนะเลือกตั้งในคราวนี้ จากผลงานขณะดำรงตำแหน่งเป็นผู้แทนราษฎรครั้งแรก ยังเป็นผลสืบเนื่องมายังการเลือกตั้งใน พ.ศ. 2481 ที่นายไสว ได้รับการเลือกตั้งอีกครั้งหนึ่ง ภายใต้นโยบายทางการเมืองที่ได้ ประกาศเอาไว้ โดยต้องการส่งเสริมบำรุงการอาชีพ ให้มี เส้นทางคมนาคม หาตลาดส่งสินค้า ขยายการสหกรณ์ ขยาย การศึกษาให้แพร่หลาย รวมถึง ขอให้รัฐบาลปรับปรุงและ ลดหย่อนภาษีอากร (สำนักนายกรัฐมนตรี, 2481) ซึ่งนโยบาย ขา้ งตน้ ถอื เปน็ ความตอ้ งการสำคญั ของประชาชนทผ่ี แู้ ทนราษฎร ในจังหวัดอื่นได้เสนอและเรียกร้องนโยบายรัฐบาลในแนวทาง เดียวกัน 66
นักการเมืองถิ่น จังหวัดสุโขทัย 2. นายทิม อติเปรมานนท์ 1) ประวตั ิชวี ติ สว่ นตวั ทิม อติเปรมานนท์ เกิดเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2442 ที่ตำบลป่ากุมเกาะ จังหวัดสวรรคโลก (ปัจจุบันคือ อำเภอ สวรรคโลก จังหวัดสุโขทัย) เป็นบุตรคนสุดท้องของนายขำและ นางตอง อติเปรมานนท์ และมีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน ทั้งสิ้น 8 คน ดังนี้ นายทิม อติเปรมานนท์, เด็กหญิงสาย อติเปรมานนท์, นางสุม รื่นทิม, นายช่วย อติเปรมานนท์, เด็กหญิงน่วม อติเปรมานนท์, เด็กหญิงน้อย อติเปรมานนท์, นางช่อน นนทประสาท และ นางเข็มทอง ดาดาษ (“หนังสือ ที่ระลึกในงานพระราชทานเพลิงศพ รองอำมาตย์ตรีทิม อติเปรมานนท์ ณ เมรุวัดหัวลำโพง วันอาทิตย์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2509”, 2509, น. 1-2) โดยนายทิมนั้นได้สมรสกับนางสาวมะลิ เอกวรรณ และมีบุตรธิดารวมกันทั้งสิ้น 11 คน ดังนี้ นางโอปอล สุนนานนท์, นางมุกดา สุขสุภาพ, นางโมรา กิมิพันธ์, นางมาลี อติเปรมานนท์, นางสาวปุยฝ้าย อติเปรมานนท์, เด็กชาย เมืองธน อติเปรมานนท์, นายนุ (นนท์) อติเปรมานนท์, นางสาวอรพินท์ (อรอัจฉรา) อติเปรมานนท์ (พงศ์วุฒิศิริ), เด็กชายโสภิต อติเปรมานนท์, นายชาญชัย อติเปรมานนท์ และ น้องคนสุดท้องถึงแก่กรรมตั้งแต่ยังเยาว์ นอกจากนี้แล้ว นายทิม และมะลิ มีบุตรที่เกิดขึ้นอีกสองคน ได้แก่ พันเอกหญิงสมจิตต์ อติเปรมานนท์ และนายพาหนะ อติเปรมานนท์ (“หนังสือ ที่ระลึกในงานพระราชทานเพลิงศพ นางโอปอล์สุนนานนท์ ณ เมรุวัดมกุฎกษัตริยารามราชวรวิหาร วันอาทิตย์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2554”, 2554) 67
นักการเมืองถิ่นจังหวัดสุโขทัย เมื่อนายทิมอายุได้ 10 ขวบ พระยาพจนสุนทร (เรือง อติเปรมานนท์) ผู้เป็นลุงได้รับตัวนายทิมมาเพื่อเข้ารับ การศึกษาที่โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ใน พ.ศ. 2455 จน สำเร็จการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 7 และสอบได้ภาษาอังกฤษ ชั้น 5 ซึ่งถือเป็นชั้นสูงสุดของสามัคยาจารยสมาคม6 ที่จัดการ สอนภาคค่ำ หลังจากนั้นนายทิมได้เข้าศึกษาต่อด้านการ พลศึกษาและได้รับประกาศนียบัตรพลศึกษาเอก (พ.อ.) จาก โรงเรียนพลศึกษากลาง ใน พ.ศ. 2471 และด้วยความสามารถ อันโดดเด่นของนายทิมในบทบาทจากการที่กระทรวงธรรมการ ได้สั่งให้ครูทิมเป็นผู้ฝึกสอนญูญิตสู (ยูโด) คนแรกของโรงเรียน พลศึกษากลางซึ่งตั้งอยู่ที่โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ภายหลังจึงได้รับประกาศนียบัตรยูโด จากสถาบันโคโดกวัน ประเทศญี่ปุ่น ใน พ.ศ. 2481 ซึ่งจากความสามารถของนายทิม ในการถ่ายทอดวิชายูโดให้แก่ศิษย์ ทำให้ได้รับเข็มขัดสายดำ ชั้น “โชดั้ง” อันถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งในฐานะที่นายทิมเป็น นักยูโดสายดำคนแรกของประเทศไทย (สำนักงานเลขาธิการ คุรุสภา, 2512, น. 55-56) บทบาทการทำงานก่อนดำรงตำแหน่งสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎร นายทิมได้ทำงานเกี่ยวข้องกับการพลศึกษา 6 สามัคยาจารย คือ องค์กรทางการศึกษาในอดีตที่ดูแลงานเกี่ยวกับ ครูทั่วประเทศ ทั้งนี้มีสำนักงานอยู่ที่ “สามัคยาจารย์สมาคม” ในบริเวณ โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ปัจจุบันได้ย้ายไปตั้งเป็น “คุรุสภา” ซึ่ง บริเวณสามัคยาจารย์สมาคมเดิม ได้สร้างเป็น “อาคารสามัคยาจารย์” เพื่อเป็นตึกเรียนสำหรับนักเรียนมัธยมปลาย 68
นักการเมืองถ่ิน จังหวัดสุโขทัย นับตั้งแต่จุดเริ่มต้นจากฐานะครูพลศึกษาโรงเรียนสวนกุหลาบ วิทยาลัย ใน พ.ศ. 2461 พร้อมกับการเป็นผู้ช่วยอาจารย์ใหญ่ โรงเรียนสวนกหุ ลาบวทิ ยาลัยใน พ.ศ. 2477 ก่อนทใ่ี น พ.ศ. 2480 นายทิมจะได้รับการเลือกตั้งเป็นผู้แทนราษฎร จังหวัด สวรรคโลก ภายหลังเมื่อระยะเวลาการทำงานในสภาสิ้นสุด นายทิมก็ยังคงทำงานด้านพลศึกษาเช่นเดิม ด้วยการกลับเข้า รับราชการเป็นครูพลศึกษา โรงเรียนเพาะช่าง (พ.ศ. 2481) ครู พลศึกษา โรงเรียนพิบูลวิทยาลัย จังหวัดลพบุรี (พ.ศ. 2482) และตำแหน่งสุดท้ายคือการรับราชการที่กรมพลศึกษา (พ.ศ. 2483-2505) โดยตำแหน่งสุดท้ายของนายทิม คือ หัวหน้าแผนก วิชาการ กองส่งเสริมพลศึกษาและได้ดำรงตำแหน่งในฐานะเป็น ครูโท วิทยาลัยพลศึกษา (“หนังสือที่ระลึกในงานพระราชทาน เพลิงศพ รองอำมาตย์ตรีทิม อติเปรมานนท์...”, 2509, น. 3-4) ในภายหลังนายทิมเริ่มมีอาการป่วย จึงลาออกจากราชการเพื่อ รับพระราชทานบำเหน็จบำนาญ จนในที่สุดนายทิมได้ล้มป่วย เป็นอัมพาตและเสียชีวิตลง เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2509 (สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา, 2512, น. 63-65) 2) บทบาทหน้าท่ีระหว่างการดำรงตำแหน่งสมาชิก สภาผ้แู ทนราษฎร แม้ว่าช่วงวาระการดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎร เมื่อ พ.ศ. 2480 ของนายทิมจะไม่มีความโดดเด่นมาก นัก ถึงกระนั้นก็ตาม ประเด็นหนึ่งที่นายทิมได้ตั้งกระทู้ถาม ซึ่งมี ความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนา คือ การย้ายศาลากลาง จังหวัดสวรรคโลก เนื่องจากแต่เดิมมีสภาพชำรุดทรุดโทรมและ 69
นักการเมืองถ่ินจังหวัดสุโขทัย เรม่ิ ไมเ่ พยี งพอตอ่ การทำงานของเจา้ หนา้ ท่ี7 กอ่ นทใ่ี น พ.ศ. 2482 ได้มีการยกเลิกจังหวัดสวรรคโลกมาอยู่ภายใต้การปกครองของ จังหวัดสุโขทัย 3) การนำเสนอตนเองและกลยุทธ์การหาเสียง เลอื กตงั้ ด้วยบุคลิกและลักษณะนิสัยของนายทิมที่ผู้วิจัย ได้รวบรวมจากเอกสารต่างๆ จะเห็นได้ว่า นายทิมเป็นผู้ที่มี ความรู้ความสามารถ เป็นคนที่เอาการเอางาน มีความขยัน มงุ่ มน่ั ในการทำงาน สามารถทำงานรว่ มกบั ผอู้ น่ื ได้ มบี คุ ลกิ ภาพ ดีและยิ้มแย้มแจ่มใส โดยเฉพาะมีความสามารถในการพูด ปราศัยได้เป็นอย่างดี ด้วยลักษณะนิสัยอันโดดเด่นของนายทิม จึงได้ สะท้อนมาถึงวิธีการหาเสียงเลือกตั้งด้วยเช่นเดียวกัน คือ เมื่อ ลงพื้นที่หาเสียงเลือกตั้ง นายทิมจะพูดปราศัยด้วยภาษา บ้านเกิด สร้างความคุ้นเคยและเป็นกันเองให้ประชาชน โดย นายทิมเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่พูดภาษาบ้านเกิดตัวเอง อยู่โดยตลอด ในการหาเสียงเลือกตั้งนั้นท่านหาเสียงโดยการขี่ จักรยาน 1 คัน ไปหาเสียงในเขตเลือกตั้งโดยการเล่นกายกรรม ต่างๆ ให้ผู้คนดูเพื่อหาเสียงสร้างความสนุกสนาน ขณะเดียวกัน นั้นยังใช้ความสามารถในการพูดของตนเองนำเสนอนโยบาย การเมืองเพื่อพัฒนาท้องถิ่นสุโขทัย ทำให้ได้รับความสนใจและ 7 โปรดดูเพิ่มเติม กระทู้ถาม เรื่อง การย้ายศาลากลางจังหวัด สวรรคโลก, รายงานการประชุมสภาผู้แทนราษฎร,(พระนคร: โรงพิมพ์ เดลิเมล์, 2482), น. 1172-1174. 70
นักการเมืองถิ่น จังหวัดสุโขทัย เป็นที่รู้จักของประชาชนอย่างมาก ซึ่งแม้ว่าผู้สมัครท่านอื่นจะ ต่างมีวิธีการหาเสียงที่แตกต่างกันออกไป และในที่สุดนายทิม ได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกราษฎรในวันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2480 จนกระทั่งในอีก 9 เดือนต่อมา นายทิมต้องออกจาก การเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เนื่องจากมีการอภิปรายไม่ใว้ วางใจเกิดขึ้น (สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกโรงเรียนตำบล ป่ากุมเกาะ, ม.ป.ป., ออนไลน์) 3. ขุนระดับคดี (นายปัญญา รมยานนท์) 1) ประวตั ชิ ีวติ ส่วนตวั ขุนระดับคดี (นายปัญญา รมยานนท์) เป็นชาว จังหวัดตราด เป็นบุตรของหลวงรามทิพรจน์ (เหี้ยม รมยานนท์) และ คุณเมี้ยน น้องสาวคุณครอง มารดาพระยาอรรถวิรัชวาท เศรณี ต้นตระกูล จินตกานนท์ โดยมีพี่น้องร่วมบิดามารดา ทั้งสิ้น 13 คน คือ นางอำนวย รมยานนท์, พระชิณดิษฐบดี (อำนาจ รมยานนท)์ , นายสวสั ด์ิ รมยานนท,์ นางเกอ้ื รมยานนท,์ ด.ญ.มาลา รมยานนท,์ นายภมู ี รมยานนท,์ นายเอก รมยานนท,์ ขนุ ระดบั คดี (ปญั ญา รมยานนท)์ , นางเจรญิ เนตศิ าสตร์ (พรรษา), นางกายภาคพิศาล (ประโยชน์), นายประทุม รมยานนท์, หลวงสุทธิวาทนฤพุฒิ (สอ้าน สุทธิวาทนฤพุฒิ) และนางบำเพ็ญ สุขกิจ (อุรา) (“หนังสือที่ระลึกในงานพระราชทานเพลิงศพ นายหิรัญ สูตะบุตร ณ เมรุหน้าพลับพลา อิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส 24 ธันวาคม 2512”, 2512) ขุนระดับคดีได้ศึกษาเล่าเรียน ณ สำนักเรียนหนังสือ ไทยวัดไผ่ล้อม ซึ่งคนทั่วไป เรียกว่า สำนักท่านเจ้าขรัวเจ้ง 71
นักการเมืองถิ่นจังหวัดสุโขทัย (พระพิมลเมธาจารย์วรญาณคณานุรักษ์ สังฆปาโมกข์) ถือว่า เป็นโรงเรียนแห่งแรกของจังหวัดตราด โดยใช้กุฏิของท่านเป็น สถานที่เรียน สำนักเรียนดังกล่าวได้มีลูกศิษย์ประสบความ สำเร็จเป็นจำนวนมาก อาทิ พระยาประชาศรัยสรเดช พระวิจารณ์พลกิจ พระชินดิษฐ์บดี และรวมถึง ขุนระดับคดีด้วย ซึ่งในเวลาต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็นโรงเรียนประจำจังหวัด เวฬุสุนทรการ และเป็นโรงเรียนตราษตระการคุณ ดังเช่น ปัจจุบัน (เครือข่ายกาญจนาภิเษก, ม.ป.ป., ออนไลน์) ขุนระดับคดีเคยดำรงตำแหน่งนายอำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา (จังหวัดนครราชสีมา, ม.ป.ป., ออนไลน์) และหลังจากนั้นจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้ว่าราชการในหลาย จังหวัด ไม่ว่าจะเป็น จังหวัดอุตรดิตถ์ ใน พ.ศ. 2487-2488 (จังหวัดอุตรดิตถ์, ม.ป.ป., ออนไลน์) จังหวัดน่าน พ.ศ. 2488 (จังหวัดน่าน, ม.ป.ป., ออนไลน์) รวมถึง จังหวัดสุโขทัย พ.ศ. 2488 (สุโขทัยทูเดย์, ม.ป.ป., ออนไลน์) และหลังจากที่วาระ การดำรงตำแหน่งผู้แทนราษฎรของท่านสิ้นสุดลง ขุนระดับคดี ยงั ไดร้ บั โอกาสดำรงตำแหนง่ รฐั มนตรี ควบคกู่ บั หลวงนรตั ถรกั ษา ซึ่งได้รับเลือกเป็นผู้แทนราษฎรจังหวัดสุโขทัยต่อมา ภายใต้ คณะรัฐบาลของพลเรือตรีถวัลย์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ (สำนัก เลขาธิการคณะรัฐมนตรี, ม.ป.ป., ออนไลน์) 2) บทบาทหน้าที่ระหว่างการดำรงตำแหน่งสมาชิก สภาผู้แทนราษฎร ภายใต้การปฏิบัติงานเป็นผู้แทนราษฎร เมื่อ พ.ศ. 2489 ขุนระดับคดีได้ตอบกระทู้ถามปัญหาต่างๆ จากสมาชิก ผู้แทนราษฎรท่านอื่น อาทิ การจัดให้มีอาวุธปืนประจำตำแหน่ง 72
นักการเมืองถิ่น จังหวัดสุโขทัย กำนันผู้ใหญ่บ้าน8 การปราบปรามโจรผู้ร้าย9 ปัญหาธนบัตร ปลอมระบาด10 บำเหน็จบำนาญข้าราชการ11 เป็นต้น 3) การนำเสนอตนเองและกลยุทธ์การหาเสียง เลือกตั้ง จากบันทึกของนายเพ่ง ลิมปะพันธุ์ ได้ระบุข้อมูล ในส่วนขุนระดับคดีเอาไว้ว่า ขุนระดับคดีมิได้มีการเน้นการ หาเสียงโดยการลงพื้นที่มากนัก แต่ส่วนสำคัญที่ทำให้ได้รับ ชัยชนะ เนื่องจากการที่ขุนระดับคดีได้รับเสียงสนับสนุนจาก รัฐบาลของนายควง อภัยวงศ์ ซึ่งประกอบกับในช่วงก่อนหน้านี้ กระทรวงมหาดไทยได้ยกตำแหน่งขุนระดับคดีขึ้นเป็น ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ ด้วยเหตุดังกล่าวทำให้เป็นความ ไดเ้ ปรยี บในทางหนง่ึ ทท่ี ำใหข้ นุ ระดบั คดสี ามารถชนะการเลอื กตง้ั ได้เป็นผลสำเร็จ (จิราภรณ์ สถาปนะวรรธนะ, 2542, น. 410) 8 โปรดดูเพิ่มเติม กระทู้ถาม เรื่อง จัดให้มีอาวุธปืนประจำตำแหน่ง กำนันผู้ใหญ่บ้าน, รายงานการประชุมสภาผู้แทนราษฎร,(พระนคร: สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2489), น. 1798-1799. 9 โปรดดูเพิ่มเติม กระทู้ถาม เรื่อง การปราบปรามโจรผู้ร้าย, รายงาน การประชุมสภาผู้แทนราษฎร, (พระนคร: สำนักงานเลขาธิการสภา ผู้แทนราษฎร, 2489), น. 1800. 10 โปรดดูเพิ่มเติม กระทู้ถาม เรื่อง ธนบัตรปลอมระบาด, รายงาน การประชุมสภาผู้แทนราษฎร, (พระนคร: โรงพิมพ์สำนักทำเนียบ นายกรัฐมนตรี, 2505), น. 1794-1795. 11 โปรดดูเพิ่มเติม กระทู้ถาม เรื่อง บำเหน็จบำนาญข้าราชการ, รายงานการประชุมสภาผู้แทนราษฎร, (พระนคร: โรงพิมพ์สำนัก ทำเนียบนายกรัฐมนตรี, 2505), น. 2084. 73
นักการเมืองถ่ินจังหวัดสุโขทัย 4. หลวงนรัตถรักษา (นายชื่น วิจิตรเนตร) 1) ประวตั ชิ วี ิตส่วนตวั หลวงนรัตถรักษา เกิดเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2435 ที่ บ้านบางเพียน ตำบลฆะมัง อำเภอเมืองพิจิตร จังหวัดพิจิตร เดิมชื่อ ชื่น วิจิตรเนตร ต่อมาได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ เป็น ขุนรัตถรักษา หลวงรัตถรักษา และขอพระราชทานใช้สกุล “นรัตถรักษา” เป็นต้นมา นายชื่นเข้าโรงเรียนณรงค์ฤทธิ์วิทยา จังหวัดพิจิตร ใน พ.ศ. 2445 ต่อจากนั้นสามารถสามารถสอบไล่ ได้ขั้นประโยคหนึ่ง (มัธยมศึกษาปีที่ 3) ใน พ.ศ. 2448 และ ต่อมาใน พ.ศ. 2450 จึงได้เข้าโรงเรียนฝึกหัดอาจารย์ที่โรงเรียน ตัวอย่าง จังหวัดพิษณุโลก (จิราภรณ์ สถาปนะวรรธนะ, 2542, น. 161-162) ชื่น วิจิตรเนตร เริ่มต้นการทำงานครั้งแรกโดยการ เป็นเสมียนฝึกหัด แผนสรรพากร จังหวัดพิษณุโลก (พ.ศ. 2451) และที่อำเภอกงไกรลาศ จังหวัดสุโขทัย (พ.ศ. 2452) ต่อมาจึงได้ ทำงานเป็นเสมียนจัตวามหาดไทย อำเภอกงไกรลาศ จังหวัด สุโขทัย (พ.ศ. 2453) และเสมียนมหาดไทย อำเภอชุมแสง สงคราม (ปัจจุบันอำเภอบางระกำ) จังหวัดพิษณุโลก (พ.ศ. 2454) เป็นลำดับ หลังจากการทำงานเป็นเสมียนแล้ว นายชื่นได้รับ โอกาสทำงานก้าวหน้าขึ้นเป็นสัสดีอำเภอ ชุมแสงสงคราม จังหวัดพิษณุโลก (พ.ศ. 2456) ก้าวขึ้นสู่การเป็นปลัดอำเภอ ในพื้นที่ต่างๆ อาทิ อำเภอบางคลาน จังหวัดพิจิตร (พ.ศ. 2457) อำเภอชุมแสงสงคราม จังหวัดพิษณุโลก (พ.ศ. 2458-2463) และ 74
นักการเมืองถิ่น จังหวัดสุโขทัย อำเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก (พ.ศ. 2464) ต่อจากนั้น จึงเป็นการทำงานในฐานะนายอำเภอในเขตนครไทย และ นายอำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก (พ.ศ. 2469) และ นายอำเภอเมืองสุโขทัยธานี จังหวัดสุโขทัยใน พ.ศ. 2478 จนใน ที่สุดนายชื่นได้ทำงานในฐานะเป็นข้าหลวงประจำจังหวัดต่างๆ ได้แก่ จังหวัดพิจิตร (พ.ศ. 2479) จังหวัดสุโขทัย (พ.ศ. 2482) และจังหวัดอุบลราชธานีใน พ.ศ. 2487 ซึ่งถือเป็นตำแหน่ง สุดท้ายของนายชื่นก่อนที่จะลาออกมาสมัครเป็นผู้แทนราษฎร ของจังหวัดสุโขทัยในปีเดียวกัน (จิราภรณ์ สถาปนะวรรธนะ, 2542, น. 159-160) จากข้อมูลข้างต้นสะท้อนให้เห็นว่า การทำงานของ นายชื่นนั้นกระจายไปตามพื้นที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น จังหวัด พิษณุโลก สุโขทัย พิจิตร และอุบลราชธานี ภายใต้โอกาสที่ ตนเองได้รับ อย่างไรก็ตามนายชื่นนั้นเป็นที่รู้จักของประชาชน อย่างมากในพื้นที่จังหวัดสุโขทัยมาอย่างยาวนาน นับตั้งแต่เริ่ม ต้นทำงานในฐานะเสมียนฝึกหัด จนกระทั่ง เมื่อขึ้นสู่นายอำเภอ เมืองสุโขทัยธานี และเป็นข้าหลวงประจำจังหวัดสุโขทัย จึงกล่าวได้ว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ชื่อของนายชื่นนั้นเป็นที่ รู้จักของประชาชนโดยทั่วไปในบทบาทของการทำงานเพื่อ พัฒนาจังหวัดอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด 2) บทบาทหน้าที่ระหว่างการดำรงตำแหน่งสมาชิก สภาผูแ้ ทนราษฎร ระหว่างการที่หลวงนรัตถรักษาเข้าดำรงตำแหน่ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเมื่อ พ.ศ.2489 ได้ปฏิบัติหน้าที่สำคัญ 75
นักการเมืองถิ่นจังหวัดสุโขทัย หลายประการ ไม่ว่าจะเป็น การดำรงตำแหน่งกรรมาธิการ สามัญสภาผู้แทนราษฎร12 รวมถึง การดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ในรัฐบาลของพลเรือตรีถวัลย์ธำรงนาวาสวัสดิ์ (สำนักเลขาธิการ คณะรัฐมนตรี, ม.ป.ป., ออนไลน์) นอกจากนี้ หลวงนรัตถรักษา ยังได้เคยตอบกระทู้ถามไว้ในประเด็นการช่วยเหลือเด็กและ หน่วยเคลื่อนที่13 ในขณะเดียวกับที่หลวงนรัตถรักษาดำรง ตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและ สาธารณสุขในวาระเดียวกัน (จิราภรณ์ สถาปนะวรรธนะ, 2542, น. 160) 3) การนำเสนอตนเองและกลยุทธ์การหาเสียง เลือกต้งั ตลอดชีวิตการทำงานเป็นข้าราชการประจำและ ข้าราชการการเมืองเมื่อดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร นายชื่นได้ทำงานจำนวนมากเพื่อสร้างความเจริญก้าวหน้า ให้กับท้องถิ่นในจังหวัดสุโขทัยมาเป็นระยะเวลาอย่างยาวนาน นับตั้งแต่ที่นายชื่นทำงานในฐานะนายอำเภอเมือง ในพื้นที่ได้มี ความเปลี่ยนแปลงต่างๆ เกิดขึ้น อาทิ การสร้างถนนภายใน เขตอำเภอเมืองเพื่อให้การสัญจรเป็นไปโดยสะดวกมากขึ้น 12 โปรดดูเพิ่มเติมหลวงนรัตถรักษา ขอลาออกจากกรรมาธิการสามัญ, รายงานการประชุมสภาผู้แทนราษฎร, (พระนคร: โรงพิมพ์สำนัก ทำเนียบนายกรัฐมนตรี, 2505), น. 1132. 13 โปรดดูเพิ่มเติมกระทู้ถาม เรื่อง การช่วยเหลือเด็กและหน่วยเคลื่อนที่, รายงานการประชุมสภาผู้แทนราษฎร, (พระนคร: โรงพิมพ์สำนัก ทำเนียบนายกรัฐมนตรี, 2505), น. 1891-1894. 76
นักการเมืองถิ่น จังหวัดสุโขทัย การสร้างสโมสรข้าราชการถาวรโดยได้รับความช่วยเหลือจาก พ่อค้าประชาชนที่ให้การสนับสนุนเป็นอย่างดี การจัดสร้าง โรงเรียนประชาบาล ตำบลบ้านสวน ตำบลเมืองเก่า การสร้าง สุขศาลา (สถานีอนามัย) กิ่งโตนด การรื้อย้ายที่ว่าการกิ่งอำเภอ และสถานีตำรวจลานหอยมาอยู่ในพื้นที่ชุมชน ซึ่งประชาชน ในพื้นที่ร่วมสมทบทุนกับราชการอีกทางหนึ่งด้วย (จิราภรณ์ สถาปนะวรรธนะ, 2542, น. 194) นอกเหนือจาก การปฏิบัติงานช่วยเหลือราษฎรโดย ตำแหน่งราชการของตนเองแล้ว นายชื่นยังได้ทำคุณประโยชน์ ต่อสาธารณะในโอกาสต่างๆ อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น ในด้าน พุทธศาสนา การเป็นเจ้าภาพและชักชวนประชาชนร่วมกัน ทำการทอดผ้ากฐิน ผ้าป่า เป็นจำนวนมาก บริจาคทรัพย์เพื่อ ร่วมจัดสร้างศาลาการเปรียญ โบสถ์ วิหารต่างๆ และนอกจากนี้ ยังประกอบการกุศลตามวัดในช่วงเทศกาลต่างๆ ตลอดจน ปฏิบัติตนเป็นพุทธศาสนิกชนที่ดีด้วยการพยายามศึกษาและ ปฏิบัติทางธรรมเสมอมา ขณะเดียวกันนั้นในทางโลกวัตถุ นายชื่นยังได้บริจาคทรัพย์และสิ่งของให้กับผู้ยากจน รวมไปถึง บริจาคทรัพย์สมทบทำนุบำรุงโรงเรียน สถานพยาบาลต่างๆ อีกเป็นจำนวนมาก (จิราภรณ์ สถาปนะวรรธนะ, 2542, น. 200) 5. นายเพ่ง ลิมปะพันธุ์ 1) ประวตั ิชวี ติ สว่ นตวั เพ่ง ลิมปะพันธุ์ เกิดเมื่อวันที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2447 จังหวัดสวรรคโลก (ปัจจุบันคือ อำเภอสวรรคโลก จังหวัด สุโขทัย) เป็นบุตรของนายเตี่ยและนางผัน ลิมปะพันธุ์ โดยสมรส 77
นักการเมืองถ่ินจังหวัดสุโขทัย กับ นางสาวปราย แสนโกศิก และมีบุตรธิดารวมกันทั้งสิ้น 11 คน นายเพ่งเริ่มต้นเข้าโรงเรียนสวรรควิทยา จังหวัด สวรรคโลก เมื่อ พ.ศ. 2457 หลังจากนั้นใน พ.ศ. 2459 เข้ามา ศึกษาต่อจนถึงระดับมัธยมศึกษาปีที่ 7 ที่โรงเรียนราชวิทยาลัย จังหวัดพระนคร (กรุงเทพมหานครในปัจจุบัน) จนเมื่อ พ.ศ. 2466 จึงได้เข้าศึกษา ณ โรงเรียนกฏหมายธรรมศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการเมือง สำหรับการทำงานต่างๆ ก่อนลงสมัครรับเลือกตั้ง ภายหลังที่นายเพ่งสำเร็จการศึกษาแล้วจึงได้มาช่วยงานบิดา ค้าขาย ธุรกิจโรงต้มกลั่นสุรา มณฑลพิษณุโลก ในช่วง พ.ศ. 2469 หลังจากนั้น พ.ศ. 2472 ได้เข้าไปดำเนินธุรกิจค้าไม้ ที่มณฑลนครสวรรค์ เพื่อสืบทอดงานจากบิดา หลังจากนั้น นายเพ่งได้รับการชักชวนจากขุนประพัฒน์พาณิชย์ซึ่งเป็นพี่ชาย และดำรงตำแหน่งประธานสภาจังหวัดให้เข้าร่วมเป็นสมาชิก ด้วย จนกระทั่ง พ.ศ. 2474 จึงได้ดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรี เทศบาลเมืองสวรรคโลก ก่อนที่นายเพ่งจะลงสมัครแข่งขันเป็น ผู้แทนราษฎรในเวลาต่อมา (จิราภรณ์ สถาปนะวรรธนะ, 2542, น. 368-408) 2) บทบาทหน้าท่ีระหว่างการดำรงตำแหน่งสมาชิก สภาผแู้ ทนราษฎร ภายใต้การดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเมื่อ พ.ศ. 2491 และเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2500 นายเพ่ง ลิมปะพันธุ์ ได้ทำหน้าที่เป็นผู้แทนประชาชนในการตั้งกระทู้ถามเพื่อร้อง เรียนปัญหาต่างๆ อาทิ ปัญหาน้ำมันเบนซินหัวเมืองขาดแคลน 78
นักการเมืองถิ่น จังหวัดสุโขทัย และราคาแพง14 ความปลอดภัยของประชาชนเกี่ยวกับรถส่ง โดยสารประจำทาง15 ยารักษาโรคตามสุขศาลาหัวเมือง16 การช่วยเหลือกรรมกรสามล้อ17 ปัญหาองค์การต่างด้าวทำการ เผยแพร่ลัทธิคอมมูนิสต์18 เป็นต้น ซึ่งจะเห็นได้ว่าโดยส่วนใหญ่ แล้วจะเป็นกรณีปัญหาที่ไม่เจาะจงในพื้นที่ของตนเองนัก อีกทั้ง ประเด็นที่ตนเองได้เสนอเพื่อตั้งกระทู้ถามยังมีความหลากหลาย โดยมุ่งไปที่การประกอบอาชีพและปัญหาความเป็นอยู่ของ ราษฎรเป็นสำคัญ 14 โปรดดูเพิ่มเติม กระทู้ถาม เรื่อง น้ำมันเบนซินหัวเมืองขาดแคลน และราคาแพง, รายงานการประชุมสภาผู้แทนราษฎร, (พระนคร: สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2491), น. 1059-1062. 15 โปรดดูเพิ่มเติมกระทู้ถาม เรื่อง ความปลอดภัยของประชาชน เกี่ยวกับรถส่งโดยสารประจำทาง, รายงานการประชุมสภา ผู้แทนราษฎร, (พระนคร: สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2491), น. 1084-1086. 16 โปรดดูเพิ่มเติม กระทู้ถาม เรื่อง ยารักษาโรคตามสุขศาลาหัวเมือง, รายงานการประชุมสภาผู้แทนราษฎร, (พระนคร: สำนักงานเลขาธิการ สภาผู้แทนราษฎร, 2491), น. 1714-1716. 17 โปรดดูเพิ่มเติม กระทู้ถาม เรื่อง การช่วยเหลือกรรมกรสามล้อม, รายงานการประชุมสภาผู้แทนราษฎร, (พระนคร: สำนักงานเลขาธิการ สภาผู้แทนราษฎร, 2491), น. 1843-1845. 18 โปรดดูเพิ่มเติม กระทู้ถาม เรื่อง องค์การต่างด้าวทำการเผยแพร่ ลทั ธคิ อมมนู สิ ต,์ รายงานการประชมุ สภาผแู้ ทนราษฎร, (พระนคร: โรงพมิ พ์ การพิมพ์พาณิชย์, 2494), น. 3226-3228. 79
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272