กายวิภาคศาสตร์ ANATOMY นางสาวศุภสิ รา แทน่ แก้ว รหสั นักศึกษา 6417701001069
คำนำ คำนำ หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-book) เล่มนีจ้ ัดทำขึน้ เพ่ือกำรศึกษำ วิชำ กำยวิภำคศำสตร์ (Anatomy) สำขำวิชำพยำบำลศำสตร์ คณะพยำบำล ศำสตร์ ชั้นปีท่ี1 มหำวิทยำลัยรำชภัฏสุรำษฎรธ์ ำนี ซ่ึงในเนื้อหำมีสำระ ควำมรูท้ ่ีข้ำพเจ้ำได้เรียนมำทั้งหมดในภำคเรียนท่ี1 ปีกำรศึกษำ 2564 ประกอบไปดว้ ย กำยวิภำคศำสตรเ์ บือ้ งตน้ ระบบเซลล์ เนือ้ เย่ือ และผิวหนงั ระบบสบื พนั ธเุ์ พศหญิง ระบบต่อมไรท้ ่อ ระบบโครงกระดกู ระบบกล้ำมเนือ้ ระบบทำงเดินอำหำร ระบบทำงเดินปัสสำวะ ระบบทำงเดินหำยใจ ระบบ หวั ใจและหลอดเลือด และระบบประสำท ขำ้ พเจำ้ หวงั วำ่ หนงั สืออิเล็กทรอนิกสเ์ ล่มนีจ้ ะเป็นประโยชนอ์ ย่ำงมำก ต่อตนเองเพ่ือกำรศกึ ษำจนนำไปประกอบอำชีพในอนำคตได้ ผจู้ ดั ทำ ศภุ ิสรำ แทน่ แกว้
สำรบญั เร่ือง หน้า ▪ กำยวิภำคศำสตรเ์ บือ้ งตน้ (Introduction to Anatomy) 1 9 ▪ ระบบเซลล์ เนือ้ เย่ือ และผิวหนงั (Cell system, tissues and skin) 33 ▪ ระบบสืบพนั ธเุ์ พศหญิง (Female reproductive system) 66 ▪ ระบบต่อมไรท้ อ่ (Endocrine system) 87 ▪ ระบบโครงกระดกู (Skeletal system) 95 ▪ ระบบกลำ้ มเนือ้ (Muscular system) 126 ▪ ระบบทำงเดนิ อำหำร (Digestive system) 156 ▪ ระบบทำงเดนิ ปัสสำวะและระบบสืบพนั ธเุ์ พศชำย 173 (Urinary system and Reproductive system) 189 ▪ ระบบทำงเดินหำยใจ (Respiratory system) 211 ▪ ระบบหวั ใจและหลอดเลือด (Cardiovascular System) ▪ ระบบประสำท (Nervous system)
INTRODUCTION TO ANATOMY Anatomy หมำยถึง “Science of the structures and functions of the body” มำจำกคำว่ำ Anatome แปลวำ่ “Cutting up or Taking apart” กำยวิภำคศำสตร์ (anatomy) เป็นศำสตรห์ รือแขนงของกำรศกึ ษำ อย่ำงวิทยำศำสตร์ เป็นวิชำท่ีศึกษำเก่ียวกบั โครงสรำ้ งของรำ่ งกำยของ สตั วแ์ ละมนษุ ย์ รวมทงั้ ตำแหนง่ และท่ีตงั้ (anatomy) เรม่ิ ครงั้ แรกในประเทศอียปิ ต์ ในกลำงศตวรรษท่ี 4 Hippocrates ไดส้ อนวชิ ำนี้ ในประเทศกรีก ใน ค.ศ. 384-322 Aristotle เป็นผรู้ เิ รม่ิ ใชค้ ำวำ่ “ anatome”ซง่ึ เป็นคำกรกี หมำยถึง“cutting up “ เรยี กวำ่ “ชำแหละ” กำรชำแหละ (dissection)
INTRODUCTION TO ANATOMY ANATOMICAL POSITION ตำแหน่งในทำงกำยวิภำคศำสตร์ หมำยถึง ท่ำยืนตรง เทำ้ ทง้ั สองขำ้ ง ติดกัน แขนทั้งสองขำ้ งเหยียดตรง ศีรษะ ตำ และเทำ้ ไปทำงดำ้ นหน้ำ แขน เหยียดตรงแนบชดิ ลำตวั และฝ่ำมือทงั้ สองขำ้ งหงำยมำทำงดำ้ นหนำ้ ANATOMICAL PLANES 1. Median Plane เป็นระนำบสมมตใิ นแนวตงั้ (Vertical plane) ผำ่ นจดุ ศนู ยก์ ลำงของรำ่ งกำย และแบ่ง รำ่ งกำยเป็น 2 ซีกขวำและซำ้ ยเทำ่ กนั Median plane บำงทเี รยี ก Median sagittal plane 2. Sagittal Plane เป็นระนำบสมมติในแนวตงั้ ขนำนกบั median plane Sagittal plane แบง่ รำ่ งกำยออกเป็น 2 ซีกไมเ่ ทำ่ กนั ระนำบนบี้ ำงที เรยี กวำ่ Parasagittal plane 3. Coronal Plane เป็นระนำบสมมติในแนวตงั้ ฉำกกบั median plane และแบ่งรำ่ งกำยเป็นสว่ นหนำ้ (anterior หรือ front) และสว่ นหลงั (posterior หรือ back) ระนำบนีเ้ ทียบไดก้ ับ coronal suture บนกระดกู frontal ของกะโหลก บำงทีเขำก็เรยี กวำ่ Frontal plane 4. Horizontal Plane เป็นระนำบสมมติตงั้ ฉำกกบั median และ coronal planes และขนำนกบั แนวนอน (horizon) แบ่งรำ่ งกำยเป็นสว่ นบน (Superior หรอื Upper) และสว่ นลำ่ ง (Inferior หรือ Lower) เนอ่ื งจำกระนำบนตี้ ดั ในแนวขวำงอำจ เรยี กวำ่ Transverse plane
INTRODUCTION TO ANATOMY RELATIONSHIPS AND COMPARISON Superior ขำ้ งบน Inferior ขำ้ งลำ่ ง Anterior สว่ นหนำ้ Posterior สว่ นหลงั Dorsal สว่ นหลงั หรอื ดำ้ นหลงั Ventral สว่ นหนำ้ ดำ้ นหนำ้ หรอื ดำ้ นทอ้ ง Cranial ใกลศ้ ีรษะมำกกวำ่ Cephalic หมำยถงึ ใกลศ้ รี ษะมำกกวำ่ Caudal ใกลเ้ ทำ้ มำกกวำ่ Medial ดำ้ นใน หรอื ดำ้ นใกลแ้ นวกลำงลำตวั Lateral ดำ้ นขำ้ ง Proximal ใกลล้ ำตวั หรอื สว่ นตน้ Distal ไกลลำตวั หรอื สว่ นปลำย Superficial ใกลผ้ ิว หรอื ตนื้ Deep ลกึ ช่องว่างภายในร่างกาย (Body Cavity) รำ่ งกำยของมนษุ ยป์ ระกอบดว้ ยช่องว่ำงภำยในรำ่ งกำย 2 ช่องหลกั คือช่องว่ำงทำงดำ้ นหลงั (dorsal cavity) และช่องว่ำงทำงดำ้ นหนำ้ (ventral cavity) ช่องว่ำงของร่ำงกำยเปรียบเสมือนเกรำะท่ี ป้องกันอวัยวะภำยใน โดย dorsal cavity ประกอบไปดว้ ยสมอง ไขสันหลงั ส่วน ventral cavity จะประกอบไปดว้ ยอวยั วะภำยในช่องอก ช่องทอ้ ง และองุ้ เชิงกรำน ช่องว่างทางด้านหน้า (ventral cavity) ชอ่ งว่ำงทำงดำ้ นหนำ้ เป็นช่องวำ่ งในส่วนของลำตวั ซง่ึ อย่หู นำ้ ตอ่ กระดกู สนั หลงั และหลงั ตอ่ กระดกู หนำ้ อก (sternum) และกลำ้ มเนือ้ ท่ีประกอบเป็นผนงั หนำ้ ทอ้ ง ประกอบดว้ ย 2 ช่องคือชอ่ งอก (thoracic cavity) และชอ่ งทอ้ งและเชิงกรำน (abdominalpelvic cavity)
INTRODUCTION TO ANATOMY 1.ช่องอก(thoracic cavity) ชอ่ 2.ช่องทอ้ งและเชิงกราน งอก ประกอบไปดว้ ย หวั ใจ ปอด หลอดลม (abdominalpelvic cavity) ช่องทอ้ งและเชงิ กรำนแยกออกจำกชอ่ งอก ,กลอ่ งเสียง,หลอดอำหำร ต่อมไธมสั และเสน้ โดยกะบงั ลมโดยประกอบไปดว้ ยช่องทอ้ ง เลือดใหญ่จำนวนมำกผนงั ของช่องอกคือ (abdominal cavity) และช่องเชิง กลำ้ มเนือ้ และกระดกู ในช่องอกประกอบดว้ ยช่อง กรำน(pelvic cavity) ภำยในชอ่ งทอ้ ง ประกอบดว้ ยอวยั วะของระบบทำงเดิน ย่อยๆคือชอ่ งรอบหวั ใจ (pericardial อำหำร ไดแ้ ก่ ตบั ถงุ นำ้ ดี กระเพำะอำหำร ตบั ออ่ น ไต ลำไสเ้ ลก็ และลำไสใ้ หญ่ ส่วน cavity) ภำยในชอ่ งนีเ้ ป็นหวั ใจและช่องปอด ช่องเชงิ กรำน ประกอบดว้ ยอวยั วะภำยใน ของระบบสืบพนั ธุ์ บำงสว่ นของลำไส้ (pleural cavity) ซง่ึ มีซำ้ ยขวำ ภำยในช่อง ใหญ่ ไสต้ รง และกระเพำะปัสสำวะ นีเ้ ป็นปอดสว่ นช่องตรงกลำงของช่องอกเรียกว่ำ mediastinum ภำยในบรรจดุ ว้ ย หวั ใจ,เสน้ เลือดใหญ่ท่ีหวั ใจ,ตอ่ มไธมสั ,หลอดลมและ หลอดอำหำร โดยปอดจะอย่ดู ำ้ นนอก mediastinum ช่องว่างทางด้านหลัง (dorsal cavity) ช่องว่ำงรำ่ งกำยทำงดำ้ นหลงั ประกอบไปดว้ ยระบบ ประสำทส่วนกลำง ไดแ้ ก่ สมองและไขสนั หลงั ซง่ึ สำมำรถแบง่ ออกเป็น 2 ชอ่ งยอ่ ย คือ cranial cavity ซง่ึ เป็นชอ่ งว่ำงภำยในกะโหลกศีรษะ ภำยใน ชอ่ งนีบ้ รรจดุ ว้ ยสมอง และ spinal cavity เป็น ช่องภำยในกระดกู สนั หลงั ภำยในช่องนีบ้ รรจดุ ว้ ยไขสนั หลงั การจัดระบบร่างกายในมนุษย์ Cell Tissues Organs System
INTRODUCTION TO ANATOMY MOVEMENTS กำรเคล่ือนไหวเกิดขึน้ ท่ีขอ้ (joint) ซ่งึ เป็นตำแหน่งท่ี กระดกู ตงั้ แต่ 2 ชิน้ จรดกนั กำรเคล่ือนไหวมีหลำยแบบขนึ้ อยู่ กบั กำรทำงำนของกลำ้ มเนือ้ ขอ้ กระดกู และเอน็ ตำ่ ง ๆ
INTRODUCTION TO ANATOMY ANATOMICAL TERMINOLOGY Head = Cephalic Chest = Thorax, Thoracic Skull = Cranial Breast = Mammary Forehead = Frontal Ribs = Costae Face = Facial Sternum = Breastbone Eye = Orbit Spine = Vertebral column Ear = Otic Belly = Abdomen Nose = Nasal Navel = Umbilicus Cheek = Buccal Mouth = Oral Groin = Inguinal Chin = Mental Loin = Lumbar Neck = Cervical Limb = Upper extremity Hip = Coxa, Pelvis Lower extremity Pubis = Pubic Shoulder = Acromial Buttock = Gluteal Axilla Thigh = Femoral Armpit = Brachium, brachial Front of knee = Patellar Antecubital Back of knee = Popliteal Arm = Olecranal Calf = Sural Antebrachium Leg = Crural Front of elbow = Carpal Heel = Calcaneal Manual Sole = Plantar Back of elbow = Metacarpal Digit, Phalangeal Forearm = Wrist = Hand = Palm = Finger = SYSTEMS OF THE BODY 1.Integumentary System ระบบปกคลมุ รำ่ งกำย 6
INTRODUCTION TO ANATOMY 2.Musculoskeletal System 3.Cardiovascular System 4.Lymphatic System ระบบกลำ้ มเนือ้ และกระดกู ระบบหวั ใจและหลอดเลือด ระบบนำ้ เหลือง 5.Digestive System 6.Respiratory System ระบบยอ่ ยอำหำร ระบบหำยใจ 7
INTRODUCTION TO ANATOMY 7.Urinary System ระบบขบั ถ่ำยปัสสำวะ 8.Reproductive System ระบบสืบพนั ธุ์ 9.Nervous System ระบบประสำท สรำ้ งอสจุ ิ ในเพศชำย และไข่ ในเพศหญิง 10.Endocrine System ระบบตอ่ ไรท้ อ่ 8
Cell system, tissues and skin
what is cell ? ▪ คือ หน่วยท่ีเลก็ ท่ีสดุ ของส่งิ มชี ีวติ ▪ คือ หน่วยพืน้ ฐำนของส่งิ มชี ีวิตทกุ ชนิดตงั้ แต่ มนษุ ย์ พืช สตั ว์ สำหรำ่ ย รำ แบคทีเรยี รวมถึง จลุ นิ ทรยี ต์ ำ่ งๆ ▪ คือ เซลลส์ ว่ นใหญ่ จะมขี นำดเลก็ มำก มองดว้ ย ตำเปลำ่ ไมเ่ ห็น cell structure (video) รำ่ งกำยของมนษุ ยแ์ ต่ละคนจะมีเซลล์ ประมำณ 100 ลำ้ นลำ้ น หรอื 104 Structure of cell
Structure of cell เซลลท์ กุ เซลลจ์ ะมีโครงสรำ้ งพนื้ ฐำน 3 อยำ่ งเหมือนกนั ▪ เย่ือหมุ้ เซลล์ (Cell Membrane/Plasma membrane) ▪ ไซโตพลำสซมึ (Cytoplasm) ภำยในยงั มี โครงสรำ้ งพนื้ ฐำนขนำดเลก็ ท่ีทำใหเ้ ซลลส์ ำมำรถ ดำรงชีวิต เรยี กวำ่ ออรแ์ กเนลล์ (Organelle) ▪ นวิ เคลียส (Nucleus)
Cell structure and function ➢ เย่ือหมุ้ เซลล์ (Cell Membrane) ▪ เป็นเสมือนรว้ั บำ้ น กนั เซลลอ์ อกจำกกนั และห่อหมุ้ สว่ นประกอบในเซลล์ ▪ ประกอบดว้ ยสำรโปรตีนมีมำกถึงรอ้ ยละ 70 ส่วนใหญ่จะแทรกตวั อย่ใู นชน้ั ของไขมนั มีรู ขนำดเลก็ ๆมำกมำย หน้าที่ ▪ คดั เลือกสำรท่ีจะผำ่ นเขำ้ -ออกจำกเซลล์ จงึ มี คณุ สมบตั ิ เป็นเย่ือเลือกผำ่ น (Semipermeable membrane) ▪ รกั ษำสมดลุ ของสภำพแวดลอ้ มภำยในเซลล์ (ของเหลวในร่างกาย)
Cell structure and function ➢ ไซโทพลาสซมึ (Cytoplasm) ▪ ไซโตซอล (cytosol) มีลกั ษณะเป็นของเหลว คลำ้ ย วนุ้ ประกอบดว้ ยสำรอินทรยี ์ และสำรอนินทรียร์ วมถงึ สำรแขวนลอยต่ำงๆ เป็นแหล่งของปฏิกิรยิ ำเคมี ▪ ออรแ์ กเนลล(์ organelle) เป็นองคป์ ระกอบ ของ เซลลท์ ่ีมีโครงสรำ้ ง (Structure) และหนำ้ ท่ี (Function) ท่ีแนน่ อน แขวนลอยอยใู่ นไซโตซอล ออรแ์ กเนลล(์ Organelles) ทำหนำ้ ท่ี คลำ้ ยกบั อวยั วะของเซลล์ เป็นองคป์ ระกอบของ เซลลท์ ่ีมี โครงสรำ้ งและหนำ้ ท่ีท่ีแน่นอน แขวนลอยอยใู่ น Cytoplasm ไดแ้ ก่ ➢ ไมโทคอนเดรยี (mitocondria) ▪ มีรูปรำ่ งหลำยแบบ ขนึ้ กบั ชนดิ ของเซลล์ ▪ มีเย่ือหมุ้ 2 ชน้ั ชน้ั นอกเรยี บ ชน้ั ในจะพบั ทบ ไปมำแลว้ ย่ืนเขำ้ ไปดำ้ นใน หน้าทสี่ าคัญ คือ เป็นแหล่งผลติ พลงั งำนสงู ใหแ้ ก่เซลลใ์ นรูปของ adenosine triphosphate (ATP) โดยเปล่ียนพลงั งำนในอำหำรใหเ้ ป็นพลงั งำนใน รูป ATP ท่ีเซลลส์ ำมำรถนำไปใชไ้ ด้ ➢ ร่างแหเอนโดพลาสซมึ (Endoplasmic Reticulum, ER) ➢ Rough Endoplasmic Reticulum ▪ มีไรโบโซม (Ribosome) เกำะท่ีผิวดำ้ นนอก ทำใหม้ ีผิวขรุขระ ▪ มีส่วนท่ีเช่ือมต่อกบั เย่ือหมุ้ นวิ เคลียส ▪ ลำเลียงโปรตีนท่ีสรำ้ งจำกไรโบโซม เพ่อื ส่งออกไป ใชน้ อกเซลล์ ➢ Smooth Endoplasmic Reticulum ▪ ไม่มีไรโบโซมเกำะ มีผวิ เรยี บ ▪ สรำ้ งไขมนั ฮอรโ์ มน steroid และกำจดั สำรพษิ ในเซลลต์ บั
Cell structure and function ➢ Golgi complex หรือ Golgi body หรอื Golgi apparatus ▪ เป็นออรแ์ กเนลลท์ ่ีตดิ ตอ่ กบั ER ▪ มีลกั ษณะเป็นถงุ แบนท่ีมีเย่ือ 2 ชนั้ ▪ ทำหนำ้ ท่ีเตมิ องคป์ ระกอบท่ีเป็นคำรโ์ บไฮเดรตและไขมนั ใหก้ บั โปรตีนท่ีรบั มำจำก RER เพ่อื ส่งออกมำภำยนอกเซลล์ ➢ ไรโบโซม (ribosome) ❖ เป็นออรแ์ กเนลลท์ ่ีมีขนำดเล็กท่ีสดุ ▪ เป็นโครงสรำ้ งเด่ียว ๆ (Free Ribosome) อย่เู ป็นอิสระกระจำยท่วั เซลล์ ยงั ไมท่ ำหนำ้ ท่ี สรำ้ งโปรตีน ▪ กลมุ่ ไรโบโซม เกำะติดกบั สำร mRNA (Free Polyribosome) ทำหนำ้ ท่ีสรำ้ ง โปรตีนเพ่อื ใชเ้ ป็น เอนไซมใ์ นเซลล์ ▪ จบั กนั เป็นสำยโพลีไรโบโซม (Poly Ribosome) เกำะตดิ กบั ผนงั ดำ้ นนอกของ RER ทำหนำ้ ท่ี สงั เครำะหโ์ ปรตีนเพ่อื ส่งออก ภำยนอกเซลล์
Cell structure and function ➢ ไลโซโซม (Lysosome) ▪ เป็นถงุ ขนำดเลก็ มีเย่ือชน้ั เดียว ▪ ภำยในจะบรรจเุ อนไซมซ์ ง่ึ ย่อยสลำยดว้ ยนำ้ (Hydrolytic Enzyme) ▪ ยอ่ ยออรแ์ กเนลลข์ องเซลลท์ ่ีหมดอำยุ ▪ ทำลำยเชือ้ โรคหรอื ส่งิ แปลกปลอมท่ีเขำ้ สรู่ ำ่ งกำย ➢ เซนทรโิ อล (Centriole) ▪ ประกอบดว้ ยหลอดเล็กๆ เรยี กว่ำ microtubule เรยี งตวั กนั เป็นกล่มุ ๆ ▪ ทำหนำ้ ท่ีสรำ้ งเสน้ ใยสปินเดิล (Spindle Fiber) เพ่อื ยดึ ติดกบั โครโมโซม ➢ นิวเคลียส (nucleus) ควบคมุ กำรแสดงลกั ษณะทำงพนั ธกุ รรม กำรแบง่ ตวั ของเซลลแ์ ละ ควบคมุ กำรสรำ้ งโปรตีน ประกอบดว้ ย ▪ เย่ือหมุ้ นิวเคลียส (Nuclear Membrane) มี 2 ชน้ั ซง่ึ เช่ือมตดิ กนั เป็นช่วงๆ ทำใหเ้ กิดเป็น หลมุ (Nuclear Pore) ทำใหม้ ีกำรแลกเปล่ียนสำรระหวำ่ งนวิ เคลียส กบั ไซโตพลำสซมึ เชน่ mRNA rRNA ▪ นวิ คลีโอลสั (Nucleolus) เป็นเสน้ ใยซง่ึ เป็นโมเลกลุ ของ DNA ท่ีขดตวั เป็นกอ้ น ทำหนำ้ ท่ี สงั เครำะห์ RNA โดย DNA ▪ เสน้ ใยโครมำตนิ (Chromatin) คือ เสน้ ใย DNA ท่ีจบั อยกู่ บั โปรตีน ซง่ึ ในระยะท่ีเซลล์ แบง่ ตวั DNA กบั โปรตีนจะรวมตวั กนั แน่นปรำกฏใหเ้ หน็ เป็นแท่งโครโมโซม
การลาเลยี งสารเข้าออกของเซลล์ (Cell Transportation) การลาเลียงสารแบบไม่ใช้พลังงาน (passive transport) ➢ กำรแพร่ (diffusion) ▪ กำรแพรธ่ รรมดำ (Simple diffusion) คือ กำรกระจำยของอนภุ ำคจำกสำร บรเิ วณท่ีมีควำม ▪ กำรแพรแ่ บบมีตวั พำ ( Faciliteated เขม้ ขน้ ของสำรสงู ไปส่บู รเิ วณท่ีมีควำมเขม้ ขน้ ของ diffusion ) คือ กำรแพรข่ องสำรผำ่ นโปรตีน สำรต่ำกวำ่ ตวั พำ (Carrier) กำรแพรแ่ บบนีม้ ีอตั รำกำร แพรเ่ รว็ กว่ำกำรแพรแ่ บบธรรมดำ ออสโมซสิ (osmosis) เป็นกำรแพรข่ องเหลวหรอื กำรแพรข่ องนำ้ ผำ่ นเย่ือ เลือกผำ่ น โดยนำ้ จะแพรจ่ ำกบรเิ วณท่ีมีควำมหนำแน่นของนำ้ มำกไปยงั บรเิ วณท่ีมีควำมหนำแนน่ ของนำ้ นอ้ ยกวำ่ ▪ เม่ือเซลลอ์ ย่ใู นสำรละลำยไฮโปทนู ิค (Hypotonic Solution) มีควำมเขม้ ขน้ ต่ำ กว่ำภำยในเซลล์ นำ้ จำกสำรละลำยจะแพรเ่ ขำ้ ส่เู ซลลท์ ำใหเ้ ซลลเ์ ต่งบวมและแตกได้ ▪ เม่ือเซลลอ์ ยใู่ นสำรละลำยไฮเปอรท์ นู ิค (Hypertonic Solution) มีควำม เขม้ ขน้ สงู กวำ่ ภำยในเซลล์ นำ้ จะแพรอ่ อกจำกเซลลท์ ำใหเ้ ซลลเ์ ห่ียว ▪ เซลลท์ ่ีอยใู่ นสำรละลำยไอโซทนู ิค (Isotonic Solution) คือ สำรละลำยท่ีมี ควำม เขม้ ขน้ เท่ำกบั ภำยในเซลล์ จะไม่มีกำรแพรข่ องนำ้ ปรมิ ำตรของเซลลไ์ ม่เปล่ียนแปลง
การลาเลียงสารเขา้ ออกของเซลล์ (Cell Transportation) การลาเลยี งโดยใช้พลังงาน (Active Transportation) ➢ สำมำรถนำสำรจำกบรเิ วณท่ีมีควำมเขม้ ขน้ ของสำรต่ำไปสบู่ รเิ วณท่ีมีควำมเขม้ ขน้ ของสำรสงู กวำ่ ได้ โดยใชพ้ ลงั งำนจำก ATP ▪ กำรดดู กลบั สำรท่ีท่อของหน่วยไต ▪ Na+ -K+ pump หรอื กำรขบั Na+ และกำรรบั K+ของใยประสำท Cell Transportation (video) Tissue เป็นกลมุ่ ของเซลลท์ ่ีมีโครงสรำ้ งและทำ หนำ้ ท่ีเหมือนกนั รวมตวั กนั ❖ ประเภทของเนือ้ เย่ือ ▪ เนือ้ เย่ือบผุ วิ Epithelial tissues ▪ เนือ้ เย่ือเก่ียวพนั Connective tissues ▪ เนือ้ เย่ือกลำ้ มเนือ้ Muscle tissues ▪ เนือ้ เย่ือประสำท Nervous tissues
Epithelial tissues เนือ้ เย่ือบผุ วิ (Epithelial tissues) ❖ แบง่ ตำมลกั ษณะรูปรำ่ งได้ 3 แบบ ▪ Squamous epithelium รูปรำ่ งแบน บำง ▪ Cuboidal epithelium รูปรำ่ งเหมือนลกู บำศก์ ▪ Columnar epithelium รูปรำ่ งสงู มีควำมสงู มำกกว่ำควำมกวำ้ ง ❖ แบง่ ตำมจำนวนชนั้ ของเซลล์ ▪ Simple epithelium เซลลเ์ รยี งกนั เป็นชน้ั เดียว ▪ Pseudo stratified epithelium ประกอบดว้ ยเซลล์ เรยี งกนั เป็นชน้ั เดียวบนเย่ือ รองรบั ฐำน แต่มี เพียงบำงเซลลเ์ ทำ่ นนั้ ท่ีสงู ถึงผวิ หนำ้ ดำ้ นบน ▪ Stratified epithelium เซลลเ์ รยี งซอ้ นกนั หลำยชน้ั
Epithelial tissues Epithelial tissues (เนือ้ เย่ือบผุ วิ ) ▪ ทำหนำ้ ท่ีปอ้ งกนั (protection) เชน่ เนือ้ เย่ือบผุ วิ ท่ีปกคลมุ รำ่ งกำยไมใ่ หเ้ ชือ้ โรคเขำ้ สู่ รำ่ งกำยและปอ้ งกนั กำรระเหย ของนำ้ ออกสรู่ ำ่ งกำย ▪ ทำหนำ้ ท่ีเก่ียวกบั กำรดดู ซมึ (absorbtion) เชน่ เนือ้ เย่ือบทุ ่ีผวิ ของลำไสเ้ ล็ก ทำหนำ้ ท่ีดดู ซมึ อำหำรเขำ้ ส่หู ลอดเลือด ▪ สรำ้ งสำรคดั หล่งั (secretion) เชน่ ต่อมต่ำงๆท่ีทำหนำ้ ท่ีสรำ้ งฮอรโ์ มน เพ่อื ควบคมุ กำร ทำงำนของรำ่ งกำย Connective tissues เนือ้ เย่ือเก่ียวพนั (Connective tissue) เนือ้ เย่ือเก่ียวพนั เป็นเนือ้ เย่ือท่ีพบแทรกอย่ทู ่วั ไปใน รำ่ งกำย ทำหนำ้ ท่ียดึ เหน่ียวหรอื พยงุ อวยั วะใหค้ งรูปอยไู่ ด้ ลกั ษณะของเนือ้ เย่ือชนิดนี้ คือ ตวั เซลลแ์ ละ เสน้ ใยกระจำยอยใู่ นสำรระหวำ่ งเซลลท์ ่ีเรยี กวำ่ เมทรกิ ซ์ (matrix) ซง่ึ เสน้ ใยท่ีพบ ไดแ้ ก่ ▪ Collagen fiber มีลกั ษณะเป็นเสน้ เหนียวแข็งแรง อย่รู วมกนั เป็นมดั ใหญ่ ▪ Elastic fiber เป็นเสน้ ใยท่ีมีควำมยืดหย่นุ มำก แตกเป็นแขนงยอ่ ยสง่ ไปเช่ือมกบั แขนงของ เสน้ อ่ืน ▪ Reticular fiber มีลกั ษณะคลำ้ ยเสน้ ใยคอลลำเจน แตเ่ ป็นเสน้ บำงกว่ำกระจำยอยทู่ ่วั ไป เสน้ ใย ชนดิ นีจ้ ะมองไมเ่ หน็ ถำ้ ยอ้ มดว้ ยสียอ้ มเนือ้ เย่ือท่วั ไป ตอ้ งยอ้ มดว้ ยสี silver stain
Connective tissues เนือ้ เย่ือเก่ียวพนั แบ่งเป็น 4 กลมุ่ ไดแ้ ก่ ▪ เนือ้ เย่ือเก่ียวพนั สมบรู ณ์ (connective tissue proper) ▪ กระดกู ออ่ น (cartilage) ▪ กระดกู แข็ง (bone) ▪ เลือด (blood) ➢ เนือ้ เยอื่ เกย่ี วพนั สมบรู ณ์ (connective tissue proper) ลกั ษณะเมทรกิ ซเ์ ป็น เสน้ ใยกระจำยอยแู่ ตกตำ่ ง กนั ทำใหแ้ บง่ เนือ้ เย่ือเก่ียวพนั ชนิดนีเ้ ป็น 2 ประเภท คือ • เนือ้ เย่ือเก่ียวพนั ชนดิ แน่นทบึ (dense connective tissue) • เนือ้ เย่ือเก่ียวพนั ชนิดโปรง่ บำง (loose connective tissue) ➢ กระดกู อ่อน (cartilage) พบอย่ตู ำมส่วนของโครง กระดกู ประกอบดว้ ยเมทรกิ ซซ์ ง่ึ มี ลกั ษณะคลำ้ ยวนุ้ เซลล์ กระดกู ออ่ นเรยี กวำ่ คอนโดรไซต์ (chondrocyte) มีรูปรำ่ งกลมหรอื รูปไข่ อำจพบ 1-4 เซลล์ เรยี งตวั อยใู่ นชอ่ งว่ำงท่ีเรยี กวำ่ ลำคนู ำ (lacuna) กระดกู ออ่ น สำมำรถพบไดท้ ่ี เชน่ ใบหู เป็นตน้ ➢ กระดูก (Bone) ประกอบดว้ ยเซลลก์ ระดกู ท่ีเรยี กวำ่ ออสทีโอไซต(์ osteocyte) อย่ใู นช่อง ลำคนู ำ โดยเซลล์ กระดกู จดั เรยี งตวั เป็นวงรอบช่อง ฮำเวอรเ์ ชียน (harversian canal) ท่ีมี เสน้ เลือดนำอำหำรมำเลีย้ ง เซลลก์ ระดกู และเรยี กลกั ษณะ กำรเรยี งตวั ของเซลล์ กระดกู นีว้ ำ่ ระบบฮำรเ์ วอรเ์ ชียน (harversian system) เซลลก์ ระดกู ประกอบดว้ ยแคลเซียมและ ฟอสเฟตเป็นตน้
Connective tissues ➢ เลอื ด (blood) ▪ นำ้ เลือด (plasma) ▪ เซลลเ์ มด็ เลือด
Connective tissues ➢ เซลลเ์ มด็ เลอื ด ▪ เซลลเ์ มด็ เลือดแดง (Red Blood Cells, RBCs หรอื Erythrocytes) มีฮีโมโกลบิน (hemoglobin) ซง่ึ เป็นโปรตีน ท่ีอยใู่ นเมด็ เลือดแดง และมีคณุ สมบตั ิในกำรจบั กับออกซเิ จน เพ่อื น ำไปเลีย้ งเนือ้ เย่ือตำ่ งๆ และลำเลียง คำรบ์ อนไดออกไซดก์ ลบั มำฟอกท่ีปอด มีปรมิ ำณ มำกกวำ่ เซลลเ์ ม็ดเลือดขำวและเกรด็ เลือด ▪ เลือดของคนมีสีแดง เน่ืองจำกประกอบดว้ ยฮีโมโกลบินซง่ึ เป็นรงควตั ถสุ ีแดงและมีธำตุเหลก็ เป็น องคป์ ระกอบ หำกออกซเิ จนมำก เลือดก็จะมีสีแดงสด หำกมีออกซเิ จนนอ้ ย เลือดก็จะมีสีคลำ้ ▪ เซลลเ์ มด็ เลือดขำว (white blood cell or leucocyte) ทำหนำ้ ท่ีต่อสกู้ บั เชือ้ โรคโดย ทำลำยเชือ้ โรคท่ีเขำ้ สู่ รำ่ งกำย มี 2 ประเภท คือ พวกท่ีมีเม็ดแกรนลู (granule) พเิ ศษในไซ โทพลำสซมึ (granulocyte) สำมำรถ ยอ้ มติดสีไดด้ ี ไดแ้ ก่ นิวโทรฟิล (neutrophil) โอซโิ น ฟิล (eosinophil) และเบโซฟิ ล (basophil) พวกท่ีไมม่ ีเม็ด แกรนลู ในไซโทพลำสซมึ (agranulocyte) ได่แก่ ลิมโฟไซต(์ lymphocyte และเซลลโ์ มโนไซต(์ monocyt) ➢ เซลลเ์ มด็ เลือด • เกล็ดเลือด (Platelets) ทำหนำ้ ท่ีชว่ ยใหเ้ ลือด แข็งตวั โดยกำรปล่อยสำรทรอมโบพลำสตนิ
Muscular tissue เนือ้ เย่ือกลำ้ มเนือ้ (Muscular tissue) แบง่ เป็น 3 ชนดิ 1. กลำ้ มเนือ้ เรยี บ (smooth muscle) พบท่ีอวยั วะภำยใน มีลกั ษณะยำว หวั ทำ้ ยแหลม แต่ ละเซลลม์ ี1 นวิ เคลียสอยู่ ตรงกลำงเซลล์ หดตวั ไดช้ ำ้ แต่ไดน้ ำนมำก และกำรทำงำนอย่นู อกอำ นำจจติ ใจควบคมุ กำรทำงำนโดยประสำทอตั โนมตั ิ 2. กลำ้ มเนือ้ ยดึ ลำย (skeleton muscle) เป็นกลำ้ มเนือ้ ขนำดใหญ่อยตู่ ดิ กบั กระดกู ทำ หนำ้ ท่ีเก่ียวกบั กำรเคล่ือนไหวของรำ่ งกำยโดยตรง มีลกั ษณะเป็นทรงกระบอกยำว แต่ละเซลลม์ ี หลำยนวิ เคลียสเรยี งกนั อยทู่ ำงดำ้ นขำ้ งบรเิ วณใตเ้ ย่ือหมุ้ เซลล์ กำรทำงำนอยู่ภำยใตอ้ ำนำจจติ ใจ ควบคมุ โดยระบบประสำท 3. กลำ้ มเนือ้ หวั ใจ (cardiac muscle) พบท่ีผนงั หวั ใจ เซลลม์ ีรูปรำ่ งยำว ทรงกระบอก มี นวิ เคลียสอนั เดียวอย่ตู รงกลำงทำงำนอยนู่ อกอำนำจจติ ใจ ควบคมุ กำรทำงำนโดยประสำท อตั โนมตั ิ
เนือ้ เยอ่ื ประสาท (Nervous tissue) เนือ้ เย่ือประสำท (Nervous tissue) ทำ หนำ้ ท่ีรบั สง่ กระแสประสำท เซลลป์ ระสำทแต่ละเซลล์ ประกอบดว้ ย ➢ ตวั เซลล์ ซง่ึ อย่ใู นชนั้ สีเทำ (grey matter) ของระบบประสำทไข สนั หลงั และระบบประสำท ส่วนกลำง เซลลป์ ระสำทมีลกั ษณะ กลมขนำด ใหญ่ มีนวิ เคลียสอยตู่ รงกลำง ➢ แขนงประสำท แบ่งเป็น ▪ เดนไดรต(์ dendrite) ท่ีเป็นแขนง ประสำทขนำดสน้ั ทำหนำ้ ท่ี รบั กระแส ประสำท (impulse) เขำ้ ส่ตู วั เซลล์ ▪ แอกซอน(axon) เป็นแขนงประสำท ลกั ษณะยำวไม่มีแขนง แตกออกใกลก้ บั ตวั เซลลแ์ อกซอน ทำหนำ้ ท่ีนำกระแสประสำท ออกจำกตวั เซลล์
Integumentary system
ระบบปกคลุมร่างกาย (Integumentary system) ▪ ผวิ หนงั (skin) ผวิ หนงั เป็นหนง่ึ ในอวยั วะท่ีมีขนำดใหญ่ ท่ีสดุ ของรำ่ งกำย โดยคดิ เป็น 16% ของ นำ้ หนกั ตวั เป็นตวั แบง่ กน้ั อวยั วะภำยในออกจำกส่ิงแวดลอ้ มภำยนอก ▪ อวยั วะท่ีมีตน้ กำเนดิ มำจำกผิวหนงั (เล็บ ผม / ขน และรูขมุ ขน ต่อมไขมนั ตอ่ มเหง่ือ) Epidermis (หนังกาพร้า) เป็นเย่ือบผุ ิวชนิด stratified squamous keratinized epithelium ชน้ั นีไ้ มม่ ี หลอดเลือด จงึ ไดร้ บั อำหำร จำกชน้ั ท่ีอยลู่ กึ กวำ่ ▪ Thick skin คือ ผิวหนงั ท่ีมีชนั้ epidermis หนำ พบบรเิ วณฝ่ำมือฝ่ำเทำ้ ซง่ึ จะไม่มีขน รูขมุ ขน แต่จะมีตอ่ มเหง่ือ ▪ Thin skin คือ ผวิ หนงั ท่ีมีชน้ั epidermis บำง พบไดท้ ่วั รำ่ งกำย ซง่ึ ผิวหนงั ชนิดนีจ้ ะมีรูขมุ ขน ต่อมไขมนั ตอ่ มเหง่ือ
Epidermis ประกอบดว้ ยเซลล์ 4 ชนิด คอื ▪ Keratinocyte เป็นเซลลท์ ่ีเป็นองคป์ ระกอบหลกั ของ epidermis ประมำณ 85 % ทำหนำ้ ท่ีสรำ้ ง keratin โดย ขบวนกำร keratinization จนไดเ้ ซลลช์ นั้ บนท่ีตำยแลว้ ▪ Melanocyte ทำหนำ้ ท่ีสรำ้ งเมลำนินซง่ึ เป็นสำรท่ี ทำใหเ้ กิดเมด็ สี ▪ Langerhans cell เก่ียวขอ้ งกบั ระบบภมู คิ มุ้ กนั ของรำ่ งกำย ▪ Merkel cell เป็นเซลลเ์ ก่ียวกบั กำรรบั ควำมรูส้ กึ Epidermis ประกอบด้วย 5 ชนั้ ▪ Stratum basale ▪ Stratum spinosum ▪ Stratum granulosum ▪ Stratum lucidum ▪ Stratum corneum
Dermis (หนังแท้) ▪ เป็นชนั้ ท่ีอย่ใู ตช้ นั้ หนงั กำพรำ้ ประกอบไปดว้ ย connective tissue ระบบเสน้ เลือด เสน้ ประสำท ต่อมไขมนั และตอ่ มเหง่ือ มีส่วนของหนงั แทท้ ่ี แทรกอยู่ ระหว่ำงหนงั กำพรำ้ เรยี กว่ำ Dermal papillae ▪ เป็นท่ีอย่ขู อง collagen (ช่วยใหค้ วำมแขง็ แรงและ ซอ่ มแซมผวิ หนงั ท่ีบำดเจบ็ ) และ elastin (สรำ้ ง ควำมยืดหยนุ่ ใหผ้ ิวหนงั )
Hypodermis หรือ Subcutaneous fatty tissues ▪ อยใู่ ตช้ น้ั หนงั แท้ ประกอบไปดว้ ย เนือ้ เย่ือเก่ียวพนั ท่ีอยู่ กนั อยำ่ งหลวมๆ (loose connective tissues) และไขมนั (Adipose tissues) ทำหนำ้ ท่ีสะสม ไขมนั อย่ใู ตผ้ วิ หนงั และเก็บสะสมพลงั งำนควำมรอ้ น ภำยในรำ่ งกำย อวัยวะทมี่ ีตน้ กาเนิดมาจากผิวหนัง ผม/ขน (HAIRS) ▪ Hair shaft ปกปิดไม่ใหส้ ่ิงสกปรกเขำ้ ส่ผู ิวหนงั ▪ Hair shaft ปกปิดไมใ่ หส้ ่ิงสกปรกเขำ้ สผู่ ิวหนงั ▪ Hair follicle รูขมุ ขนเป็นท่ีอย่ขู องขน ชว่ ยปกปอ้ ง สว่ นชน้ั ในของขน บรเิ วณสว่ นปลำยลกึ สดุ จะมี dermis ย่ืนลกึ เวำ้ เขำ้ มำทำใหเ้ กิดเป็นกระเปำะ ขนึ้ เรยี กว่ำ dermal papilla ซง่ึ เป็นท่ีอยขู่ อง hair matrix ทำหนำ้ ท่ีเป็นตวั สรำ้ งเสน้ ขน (hair shaft) ▪ Hair follicle receptor ทำหนำ้ ท่ีรบั สมั ผสั ทำให้ เกิดขนลกุ ▪ Arrector pili muscle เป็นกลำ้ มเนือ้ เรยี บ เม่ือ หดตวั จะทำใหเ้ กิดขนลกุ
อวัยวะทม่ี ตี น้ กาเนิดมาจากผิวหนัง ต่อมไขมนั (Sebaceous glands) ▪ ตอ่ มไขมนั จะพบอยรู่ ว่ มกบั hair follicle ท่วั รำ่ งกำย มีหนำ้ ท่ีเคลือบผิวหนงั และเสน้ ผม ทำใหม้ ีควำมช่มุ ชืน้ ต่อมเหง่ือ (Sweat glands) ▪ APOCRINE GLANDS เป็นต่อมเหง่ือชนิดหนง่ึ ท่ีพบเฉพำะรกั แร้ (axillae) และ อวยั วะ สืบพนั ธุ์ (genitalia) สำรท่ีผลติ จำกต่อมนีเ้ ม่ือจะมี ลกั ษณะคลำ้ ยนำ้ นม และไม่มีกล่ิน ต่อมำเชือ้ bacteria ท่ีอย่บู รเิ วณ ผวิ หนงั จะมำย่อยทำใหเ้ กิดกล่นิ ขนึ้ ▪ Sweat pore รูขบั ถ่ำยของเสีย (เหง่ือ) เล็บ (Nails) • Nail plate คือ แผน่ เลบ็ ประกอบดว้ ย เซลลท์ ่ีตำยแลว้ (Dead keratinized plate) เล็บจะยำวและงอกใหม่ ตลอดเวลำ • Nail matrix เป็นเซลลเ์ ย่ือบทุ ่ีอยู่ ใตช้ น้ั lanula ทำหนำ้ ท่ีเป็นตวั สรำ้ งแผ่นเล็บ (nail plate) • Nail bed คือ เนือ้ เย่ือท่ีอย่ใู ต้ nail plate และยดึ ติดแนน่ กบั nail plate
ระบบประสาทและอวยั วะรับความรู้สกึ ของผวิ หนัง (Nerves and Receptors of the skin) ▪ Free nerve ending จะพบมำกแถว dermal papillae มีหนำ้ ท่ีรบั ควำมรูส้ กึ เจบ็ ปวด รอ้ น เยน็ ▪ Meissner’ s corpuscle รบั สมั ผสั เบำๆ ▪ Pacinian corpuscle รบั สมั ผสั ท่ีเป็นแรงกด กำรส่นั สะเทือน (Vibration) ▪ Artery ขนส่งเลือดท่ีมีออกซเิ จนสงู ▪ Vein ขนส่งเลือดท่ีมีออกซเิ จนต่ำ
Intramuscular injection Subcutaneous Injection
ANATOMY OF FEMALE REPRODUCTIVE SYSTEM
ANATOMY OF FEMALE REPRODUCTIVE SYSTEM FEMALE REPRODUCTIVE SYSTEM อวยั วะเพศภำยนอก ชอ่ งคลอด ➢ โครงสรำ้ งและหนำ้ ท่ีของระบบสืบพนั ธเุ์ พศหญิง มดลกู ▪ External genitalia รงั ไข่ ▪ Vagina ▪ Uterus ทอ่ มดลกู หรอื ทอ่ นำไข่ ▪ Ovary เตำ้ นม ▪ Uterine tube or fallopian tube ฝีเย็บ ▪ Mammary glands กระดกู เชงิ กรำน ▪ Perineum ▪ Pelvis โครงสร้างและหน้าทขี องระบบสบื พนั ธุเ์ พศหญงิ
ANATOMY OF FEMALE REPRODUCTIVE SYSTEM external genitalia or vulva or pudendum vagina ▪ เป็น muscular tube ▪ มี hymen ▪ cervical canal ▪ internal os ▪ external os ▪ Cervix ▪ rugae มีชน้ั mucous membrane ▪ สรำ้ งสำรท่ีเป็นกรด
ANATOMY OF FEMALE REPRODUCTIVE SYSTEM UTERUS Uterus แบง่ เป็น 4 สว่ น ดงั นี้ ส่วนท่ี 1 fundus สว่ นท่ี 2 body of uterus จะขยำยขนึ้ ชว่ ยปกปอ้ งทำรกในครรภ์ สว่ นท่ี 3 isthmus แคบอยรู่ ะหว่ำงตวั มดลกู และปำกมดลกู ส่วนนีจ้ ะถกู ยืดขยำยเป็น มดลกู ส่วนลำ่ งขณะคลอด สว่ นท่ี 4 cervix สว่ นลำ่ งสดุ อยตู่ ดิ กบั ช่องคลอด Uterine cavity เป็นชอ่ งวำ่ งรูปสำมเหล่ียม สว่ นชอ่ งใน cervix เป็นรูปกระสวย เรยี กว่ำ cervical canal
ANATOMY OF FEMALE REPRODUCTIVE SYSTEM UTERUS 1. Ligament ทำหนำ้ ท่ีคอยยดึ ตวั มดลกู • broad ligament เป็นส่วนของเย่ือบชุ อ่ งทอ้ ง • Round ligament (parietal peritoneum) 2. อวยั วะอ่ืนท่ีมำช่วยยดึ มดลกู เอำไว้ • กลำ้ มเนือ้ levator ani ยดึ จำกกระดกู pubis ischium ilium ไปเกำะท่ี กระดกู coccyx และรองรบั อวยั วะภำยในชอ่ งทอ้ ง และเกหำะกบั ปำกมดลกู เพ่อื ยึด มดลกู ใหอ้ ยภู่ ำยในองุ้ เชิงกรำน 3. Ligament ท่ีทำหนำ้ ท่ียดึ มดลกู ท่ีสำคญั มี 3 ligament • Transverse cervical ligament ตงั้ อย่ใู ต้ broad ligament ยดึ กบั มดลกู ไปติดกบั ดำ้ นขำ้ งขิงองุ้ เชิงกรำนทง้ั 2 ดำ้ น • Pubocervical ligament ยดึ จำกปำกมดลกู ไปเกำะท่ีขอบของกระดกู pubis • Sacrocervical ligament ยดึ จำกปำกมดลกู ไปเกำะท่ีกระดกู sacram โครงสรำ้ งของพนงั มดลกู แบง่ เป็น 3 ชนั้ ดงั นี้ 1. ชน้ั นอก perimetrium หรอื serosa 2. ชนั้ กลำง myometrium เป็นชนั้ ของกลำ้ มเนือ้ ท่ีเรยี งตวั ทงั้ แบบตำมยำว วงกลม และแบบเฉียง ขณะตงั้ ครรภจ์ ะขยำยใหญ่และยืดได้ 10 เท่ำตวั 3. ชน้ั ใน endometrium มีเย่ือบผุ วิ ชนดิ sinple columnar epithlium มี cilia มีต่อม uterine gland มีเนือ้ เย่ือเก่ียวหนั อย่กู นั อยำ่ งหลวมๆ เรยี กวำ่ stroma หลอดเลือดท่ีมีลกั ษณะขดไปมำ เรยี กว่ำ spiral (coiled) artery ผนงั ชน้ั นีแ้ บง่ ออกเป็น 3.1 functional layer เปล่ียนแปลงตลอดรอบของประจำเดือนและหลดุ เป็น ประจำเดือน 3.2 basal layer แบ่งเซลลใ์ หเ้ นือ้ เย่ือเจรญิ ขนึ้ ไปแทนท่ีชน้ั functionalis
ANATOMY OF FEMALE REPRODUCTIVE SYSTEM
ANATOMY OF FEMALE REPRODUCTIVE SYSTEM OVARY Ovary มี 2 ขำ้ ง อยใู่ นองุ้ เชงิ กรำนตอนบน เนือ้ ภำยในรงั ไข่มี 2 ชน้ั คือ cortex และ medulla • ชน้ั cortex เป็นบรเิ วณรอบๆใตช้ น้ั tunica albuginea ประกอบดว้ ย ovarian follicles อยรู่ วมกนั ใน connective tissue cells และ fiber • ชนั้ medulla อย่บู รเิ วณตอนกลำง มี stroma ท่ีเป็น elastic fibers และ หลอดเลือด หลอดนำ้ เหลือง และเสน้ ประสำท ➢ ทำหนำ้ ท่ีสรำ้ งฮอรโ์ มนเพศหญิงและผลิตไข่ (ovum)
ANATOMY OF FEMALE REPRODUCTIVE SYSTEM UTERINE TUBE OR FALLOPIAN TUBE ▪ มี 2 ขำ้ ง อยขู่ อบบนของ broad ligament ยำว 10 ซม. ทำหนำ้ ท่ี ovum จำก ovary ไปยงั uterus มีปลำย 2 ขำ้ ง รูปรำ่ งคลำ้ ยกรวย ▪ Follopian tube แบง่ เป็น 4 สว่ น 1. Infundibulum ลกั ษณะรูปกรวย ลกั ษณะคลำ้ ยนวิ้ มือ 2. Ampulla กวำ้ งท่ีสดุ ผนงั จะบำง sperm จะผสมกบั ovum บรเิ วณนี้ 3. Isthmus ขนำดจะเล็ก ผนงั หนำ 4. Intramural segment หรอื uterine segment อยใู่ นผนงั มดลกู ▪ กำรทำงำนของ Follopian tube มี 3 ชน้ั ชัน้ ใน : ทำหนำ้ ท่ี mucosa ทำหนำ้ ท่ีให้ mucoid secretion เป็นอำหำร แก่ ovum ชัน้ กลาง : lamina propria มีเซลลก์ ลำ้ มเนือ้ เรยี บ กำรหดรดั ตวั ของกลำ้ มเนือ้ เรยี บจงึ ทำให้ ovum เคล่ือนตวั ลงสู่ uterus ชัน้ นอก : serosa
ANATOMY OF FEMALE REPRODUCTIVE SYSTEM MAMMARY GLANDS • ทำหนำ้ ท่ีขบั นำ้ นมเลีย้ งทำรก • ขนำดโตเม่ือเขำ้ ส่วู ยั รุน่ เพรำะ connective tissue เพม่ิ มำกขนึ้ และ fat เพม่ิ มำก • ขนำดขนึ้ อย่กู บั ปรมิ ำณไขมะน แตจ่ ำนวนนำ้ นมไมต่ ำ่ งกนั • ตรงกลำงของเตำ้ นมจะมี nipple รอบๆจะมี areola มีสีคลำ้ เพรำะมี pigment • ส่วนประกอบ ไดแ้ ก่ compound aveoli glands 15-20 lobes แตล่ ะ lobes มี lactiferous duct นำนำ้ นมมำเปิดท่ี nipple ก่อนท่ีจะเปิดออก จะ ขยำยตวั เรยี ก lactiferous duct • เนือ้ ต่อมของ glandular tissue ประกอบดว้ ย parenchyma และ stroma • ระยะไม่ตงั้ ครรภพ์ บภำวะ resting or inactive พบ duct มำก alveoli เลก็ • ระยะปลำย menstrual cycle ระยะตง้ั ครรภ์ มี alveoli เพ่มิ ขนึ้ glandular tissue มำกและขยำยใหญ่ขนึ้ • ระยะปลำยกำรตงั้ ครรภพ์ บ colostrum และระยะใหน้ มบตุ ร ทำให้ alveoli ใหญ่ขนึ้ • เม่ือหยดุ ใหน้ มตอ่ มจะมีขนำดเลก็ ลง และเม่ือเขำ้ สวู่ ยั menopause ตอ่ มนำ้ นมจะเล็ก เหลือเพยี ง duct เล็กนอ้ ย
ANATOMY OF FEMALE REPRODUCTIVE SYSTEM PERINEUM
ANATOMY OF FEMALE REPRODUCTIVE SYSTEM The Pelvic Diaphragm = the deepest muscle layer
ANATOMY OF FEMALE REPRODUCTIVE SYSTEM PERINEUM ▪ ส่วนประกอบของเนือ้ องุ้ เชิงกรำน 1. Levator ani ประกอบดว้ ยกลำ้ มเนือ้ ยอ่ ย 3 อย่ำง 1.1 Pubovisceral muscle (หรอื Pubococcygeus) แบง่ ยอ่ ยเป็น 3 มดั -Pubovaginalis muscle -Puboperinealis muscle -Puboanalis muscle 1.2 Puboretalis muscle 1.3 Ilecoccygeus muscle 2. Coccygeus (Ischiococcygeus) PUBOVISCERAL MUSCLE (PUBOCOCCYGEUS) ▪ สำคญั ท่ีสดุ เคล่ือนไหวมำกท่ีสดุ มีกำรหย่อนตวั และฉีกขำดไดบ้ อ่ ยท่ีสดุ ▪ ตำแหนง่ เรม่ิ ตน้ จำกดำ้ นหลงั กระดกู Pubis ท่ีบรเิ วณดำ้ นขำ้ งของ symphysispubis ทงั้ 2 ขำ้ ง ขำ้ งละ 1 มดั แลว้ พำดลงไปเกำะท่ีดำ้ นขำ้ งของ กระดกู Coccyx ลกั ษณะเหมือนหว่ งรูปตวั u ลอ้ มรอบทอ่ ปัสสำวะ ชอ่ งคลอด และ บรเิ วณทวำรหนกั เรยี งลำดบั จำกหนำ้ ไปหลงั ▪ ทำหนำ้ ท่ีควบคมุ กำรเปิด ปิดท่อของปัสสำวะ และทวำรหนกั รว่ มกบั กลำ้ มเนือ้ หรู ูด COCCYGEUS (Ischiococcygeus) ▪ ตำแหนง่ เรม่ิ จำก Ischial spine และมำเกำะท่ีดำ้ นขำ้ งของกระดกู Coccyx และกระดกู Sacrum ลำดบั ท่ี 5 ▪ มีหนำ้ ท่ีชว่ ยกำรทำงำนของกลำ้ มเนือ้ Levater ani และวำงตวั อยทู่ ำงดำ้ นหลงั ขององุ้ เชงิ กรำนจนปิดพนื้ ดำ้ นหลงั ขององุ้ เชงิ กรำนเกือบทง้ั หมด
ANATOMY OF FEMALE REPRODUCTIVE SYSTEM PERINEUM 1. perineal body 2. Superficial space of the anterior triangle 3. Deep space of the anterior triangle 4. Pelvic diaphragm 5. Posterior triangle/anal triangle 6. Pudendal nerve PELVIC BONE กระดกู เชงิ กราน ▪ มีกระดกู 4 ชนิ้ คือ sacrum, coccyx และ innominate bone 2 ชนิ้ ▪ องุ้ เชิงกรำนประกอบดว้ ย false pelvis และ true pelvis ซง่ึ แบ่งกนั ท่ี lamina ternimalis โดย fale pelvis จะอย่เู หนือตอ่ เสน้ นี้ และ true pelvis จะอย่ใู ต้ ต่อเสน้ นี้ ▪ True pelvis คลำ้ ยกบั รูปถว้ ยนำ้ ท่ีดำ้ นหลงั สงู กว่ำดำ้ นหนำ้ มีขอบเขต ดำ้ นบน คือ lamina terminalis และขอบเขตดำ้ นลำ่ งคือทำงเปิดขององุ้ เชิงกรำน (pelvic outlet) ซง่ึ สว่ นของ true pelvis ไดแ้ บ่งออกเป็น pelvis inlet, mid pelvis และ pelvic outlet
ANATOMY OF FEMALE REPRODUCTIVE SYSTEM การแบ่งเซลลแ์ บบ MITOSIS (MITOTIC DIVISION)
ANATOMY OF FEMALE REPRODUCTIVE SYSTEM การแบ่งเซลลแ์ บบไมโอซิส (MEIOTIC DIVISION) การแบ่งเซลลแ์ บบ MEIOSIS I, II (MEIOTIC DIVISION)
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244