Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 04ภาษาไทย ม.1

04ภาษาไทย ม.1

Published by thonglom, 2019-12-02 01:37:06

Description: 04thonglom m.1

Search

Read the Text Version

92 8925 ใบงาน เรอื่ ง การผนั วรรณยุกต์ หน่วยการเรียนรูท้ ี่ ๑ แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี ๑๒ เรื่อง การผนั วรรณยกุ ต์ รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรยี นท่ี ๑ ช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ ๑ ตอนท่ี ๑ จงพจิ ารณาว่า คาต่อไปนี้มเี สียงวรรณยุกตใ์ ด เพราะเหตุใด ตวั อยา่ ง ๑) แกว้ มเี สยี งวรรณยกุ ต์ โท เพราะ ก เป็นอกั ษรกลาง รูปวรรณยกุ ตต์ รงกับเสยี ง ๒) พรอ้ ม มีเสียงวรรณยุกต์ ตรี เพราะ พ เป็นอักษรต่า รูปวรรณยกุ ต์โทมีเสยี งตรี ๑. เกีย๊ ว มเี สยี งวรรณยุกต์ .....................เพราะ............................................................................................ ๒. ชา้ มเี สียงวรรณยุกต์ .....................เพราะ............................................................................................ ๓. ไหน มีเสียงวรรณยกุ ต์ .....................เพราะ............................................................................................ ๔. วง่ิ มีเสยี งวรรณยกุ ต์ .....................เพราะ............................................................................................ ๕. เส้ือ มีเสยี งวรรณยกุ ต์ .....................เพราะ............................................................................................ ๖. เฒา่ มเี สยี งวรรณยุกต์ .....................เพราะ............................................................................................ ๗. แปร มีเสยี งวรรณยุกต์ .....................เพราะ............................................................................................ ๘. อวน มีเสียงวรรณยกุ ต์ .....................เพราะ............................................................................................ ๙. พลงั้ มีเสยี งวรรณยกุ ต์ .....................เพราะ............................................................................................ ๑๐.เปร้ียว มีเสยี งวรรณยกุ ต์ .....................เพราะ............................................................................................ ตอนท่ี ๒ จงพจิ ารณาวา่ คาต่อไปนี้มเี สยี งวรรณยุกตใ์ ด เพราะเหตุใด ตวั อยา่ ง ๑) ชก มีเสียงวรรณยกุ ต์ ตรี เพราะ ช เป็นอักษรต่า คาตาย ประสมด้วยสระเสยี งสัน้ ๒) โชก มีเสยี งวรรณยุกต์ โท เพราะ ช เป็นอักษรต่า คาตาย ประสมด้วยสระเสยี งยาว ๑. เงอื ก มเี สียงวรรณยกุ ต์ .....................เพราะ............................................................................................ ๒. พจน์ มีเสียงวรรณยุกต์ .....................เพราะ............................................................................................ ๓. เทพ มีเสยี งวรรณยุกต์ .....................เพราะ............................................................................................ ๔. รูป มีเสียงวรรณยุกต์ .....................เพราะ........................................................................................... ๕. โชค มีเสยี งวรรณยุกต์ .....................เพราะ............................................................................................ ๖. งก มีเสยี งวรรณยกุ ต์ .....................เพราะ............................................................................................ ๗. เชด็ มีเสยี งวรรณยุกต์ .....................เพราะ............................................................................................ ๘. นบั มเี สยี งวรรณยุกต์ .....................เพราะ............................................................................................ ๙. เพศ มีเสยี งวรรณยุกต์ .....................เพราะ............................................................................................ ๑๐.นอ็ ค มเี สยี งวรรณยกุ ต์ .....................เพราะ............................................................................................

93 8936 เฉลยใบงาน เร่ือง การผนั วรรณยุกต์ หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ ๑ แผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ ๑๒ เรือ่ ง การผันวรรณยุกต์ รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรียนที่ ๑ ช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี ๑ ตอนที่ ๑ จงพิจารณาวา่ คาต่อไปนี้มเี สียงวรรณยุกตใ์ ด เพราะเหตใุ ด ๑. เกย๊ี ว มเี สียงวรรณยุกต์ ........ต...ร..ี........เพราะ.....ก.....เ.ป...็น...อ...ัก...ษ...ร..ก...ล...า..ง....ร..ปู...ว...ร..ร..ณ....ย...ุก...ต...์ต...ร.ง...ก..บั...เ..ส...ีย..ง....... ๒. ช้า มเี สียงวรรณยกุ ต์ .......ต...ร...ี ........เพราะ.....ช....เ..ป...น็...อ...กั ...ษ...ร..ต...า่ ....ร..ูป...ว...ร..ร..ณ....ย...กุ...ต...์โ..ท...เ.ส...ยี...ง..ต...ร..ี ............. ๓. ไหน มเี สยี งวรรณยกุ ต์ .....จ...ตั ...ว..า........เพราะ.....น.....เ.ป...็น...อ...กั...ษ...ร..ต...า่....ไ..ม...ม่...ีร..ูป...ว...ร..ร..ณ....ย...ุก..ต...์เ..ส...ยี ..ง..จ...ัต...า.......... ๔. วิง่ มเี สียงวรรณยุกต์ ........โ..ท...........เพราะ.....ว.....เ.ป...็น...อ...ัก...ษ...ร..ต...า่....ร..ูป...ว...ร..ร...ณ....ย..กุ...ต...์เ.อ...ก...เ.ส...ีย...ง..โ..ท.............. ๕. เสื้อ มเี สียงวรรณยกุ ต์ .........โ.ท...........เพราะ......ส....เ..ป...น็ ...อ...กั ..ษ...ร...ส...งู ...ร...ปู ...ว..ร...ร..ณ....ย...กุ ..ต...์โ..ท...เ..ส..ีย...ง..โ..ท................ ๖. เฒา่ มีเสียงวรรณยุกต์ ........โ..ท...........เพราะ.....ฒ......เ.ป...็น...อ...ัก...ษ...ร..ต...่า....ร...ูป...ว..ร...ร..ณ....ย...กุ ..ต...์เ..อ..ก...เ..ส..ีย...ง..โ..ท............. ๗. แปร มเี สียงวรรณยกุ ต์ ....ส...า..ม...ญั.........เพราะ.....ป.....เ.ป...น็...อ...ัก...ษ...ร..ก...ล...า..ง....ร..ูป...ว...ร..ร...ณ....ย..กุ...ต...์ต...ร..ง..ก...บั ...เ.ส...ยี...ง....... ๘. อวน มีเสยี งวรรณยุกต์ ....ส...า..ม...ัญ.........เพราะ.....อ....เ..ป...น็ ...อ...ัก..ษ....ร..ก...ล..า...ง...ร...ปู ...ว...ร..ร..ณ....ย...กุ ...ต..ต์...ร..ง..ก...บั...เ.ส...ยี...ง........ ๙. พลงั้ มีเสียงวรรณยุกต์ ........ต..ร...ี ........เพราะ.....พ.....เ.ป....น็ ...อ..ัก...ษ...ร...ต..่า....ร...ปู ...ว..ร...ร..ณ....ย...ุก..ต...์โ..ท...เ..ส..ยี...ง..ต...ร..ี............. ๑๐.เปรย้ี ว มเี สยี งวรรณยกุ ต์ ........โ..ท...........เพราะ......ป....เ..ป...น็ ...อ...ัก..ษ...ร...ก..ล...า..ง....ร...ูป...ว..ร...ร..ณ....ย...ุก..ต...ต์...ร..ง..ก...บั...เ..ส...ีย..ง....... ตอนที่ ๒ จงพิจารณาว่า คาต่อไปนี้มีเสียงวรรณยกุ ต์ใด เพราะเหตใุ ด ๑. เงือก มีเสียงวรรณยกุ ต์ ......โ..ท.............เพราะ...ง....อ...ัก..ษ....ร..ต...่า....ค..่า...ต...า..ย....ป...ร...ะ..ส...ม...ด...ว้ ..ย...ส...ร..ะ..เ..ส..ีย...ง..ย...า..ว.......... มีเสียงวรรณยกุ ต์ ......ต...ร..ี..........เพราะ...พ.....อ...กั...ษ...ร..ต...่า....ค...่า..ต...า..ย.....ป...ร..ะ..ส...ม...ด...ว้...ย..ส...ร..ะ...เ.ส...ีย...ง..ส...ั้น.......... ๒. พจน์ มเี สยี งวรรณยุกต์ ......โ..ท.............เพราะ...ท.....อ..ัก...ษ...ร...ต..่า....ค...่า...ต..า...ย....ป...ร..ะ...ส...ม...ด..ว้...ย...ส..ร...ะ..เ..ส..ยี...ง..ย...า..ว......... ๓. เทพ มเี สยี งวรรณยุกต์ .....โ..ท..............เพราะ..ร....อ...กั...ษ...ร..ต...่า....ค...่า..ต...า..ย.....ป...ร..ะ..ส...ม...ด...ว้...ย..ส...ร..ะ...เ.ส...ีย...ง..ย...า.ว.......... ๔. รปู มเี สียงวรรณยุกต์ ......โ..ท.............เพราะ...ช.....อ...กั ..ษ....ร..ต...่า....ค..า่...ต...า..ย....ป...ร...ะ..ส...ม...ด...ว้ ..ย...ส...ร..ะ..เ..ส...ีย..ง...ย..า...ว........ ๕. โชค มีเสียงวรรณยกุ ต์ ......ต..ร...ี ..........เพราะ...ง...อ...กั...ษ...ร..ต...า่....ค...า่..ต...า...ย....ป...ร..ะ...ส...ม..ด...้ว...ย...ส..ร...ะ..เ..ส..ยี...ง..ส..น้ั............. ๖. งก มเี สยี งวรรณยุกต์ ......ต...ร...ี .........เพราะ....ช....อ...ัก...ษ...ร..ต...่า....ค...่า..ต...า..ย.....ป...ร..ะ..ส...ม...ด...ว้ ..ย...ส...ร..ะ...เ.ส...ยี...ง..ส..ั้น........... ๗. เชด็ มีเสียงวรรณยกุ ต์ ......ต...ร..ี..........เพราะ...น.....อ..กั...ษ...ร...ต..่า....ค...า่...ต..า..ย.....ป...ร..ะ...ส..ม...ด...้ว...ย..ส...ร...ะ..เ.ส...ยี...ง..ส...ั้น........... ๘. นบั มเี สยี งวรรณยกุ ต์ ......โ..ท.............เพราะ...พ.....อ...กั...ษ...ร..ต...่า....ค...า่ ..ต...า..ย.....ป...ร..ะ..ส...ม...ด...ว้...ย..ส...ร..ะ...เ.ส..ยี...ง..ย...า..ว......... ๙. เพศ มีเสียงวรรณยุกต์ ......ต...ร..ี..........เพราะ...น.....อ...ัก...ษ...ร..ต...่า....ค...า่ ..ต...า..ย....ป....ร..ะ..ส...ม...ด...้ว..ย...ส...ร..ะ...เ.ส...ีย...ง..ย..า...ว........ ๑๐.น็อค

94 8974 หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี ๒ ช่ือหน่วยการเรยี นรู้ เรียนรสู้ ุภาษติ รหสั วชิ า ท๒๑๑๐๑ รายวชิ า ภาษาไทย กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ ๑ ภาคเรยี นท่ี ๑ ปกี ารศึกษา ๒๕๖๑ เวลา ๑๒ ชวั่ โมง จานวน ๑.๕ หนว่ ยกิต ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. 1. มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตวั ช้วี ดั มาตรฐาน ท 1.1 ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิดเพ่ือนาไปใช้ตัดสินใจ แก้ปัญหาในการดาเนนิ ชีวติ และมีนสิ ัยรกั การอ่าน ท ๑.๑ ม.๑/๕ ตคี วามคายากในเอกสารวิชาการโดยพิจารณาจากบรบิ ท มาตรฐาน ท 2.1 ใช้กระบวนการเขียนเขียนส่ือสาร เขียนเรียงความ ย่อความ และเขียน เร่ืองราวในรปู แบบตา่ ง ๆ เขียนรายงานข้อมลู สารสนเทศ และรายงานการศกึ ษาคน้ ควา้ อย่างมปี ระสิทธภิ าพ ท ๒.๑ ม.๑/๔ เขียนเรยี งความ ท ๒.๑ ม.๑/๙ มีมารยาทในการเขยี น มาตรฐาน ท 3.1 สามารถเลือกฟังและดูอย่างมีวิจารณญาณ และพูดแสดงความรู้ ความคิด และความรูส้ ึกในโอกาสตา่ ง ๆ อยา่ งมวี ิจารณญาณและสรา้ งสรรค์ ท ๓.๑ ม.๑/๕ พูดรายงานเรือ่ งหรอื ประเดน็ ท่ีศกึ ษาค้นคว้าจากการฟงั การดูและ การสนทนา ท ๓.๑ ม.๑/๖ มีมารยาทในการฟัง การดู การพูด มาตรฐาน ท 4.1 เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปล่ียนแปลงของภาษา และพลังของภาษา ภมู ปิ ัญญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไวเ้ ป็นสมบตั ขิ องชาติ ท ๔.๑ ม.๑/๖ จาแนกและใชส้ านวนท่เี ป็นคาพังเพยและสภุ าษิต มาตรฐาน ท 5.1 เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่าง เห็นคณุ ค่าและนามาระยกุ ตใ์ ชใ้ นชวี ิตจริง ท ๕.๑ ม.๑/๑ สรปุ เนอื้ หาวรรณคดแี ละวรรณกรรมท่อี ่าน ท ๕.๑ ม.๑/๒ วิเคราะห์วรรณคดแี ละวรรณกรรมที่อ่านพรอ้ มเหตุผลประกอบ ท ๕.๑ ม.๑/๓ อธบิ ายคุณค่าของวรรณคดีและวรรณกรรมทีอ่ ่าน ท ๕.๑ ม.๑/๔ สรปุ ความรู้และข้อคดิ จากการอ่านเพ่ือประยกุ ตใ์ ชใ้ นชวี ติ จรงิ 2.สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด ตีความคายากในเอกสารวิชาการโดยพิจารณาจากบริบท เขียนเรียงความ มีมารยาทในการเขียน พูดรายงานเรื่องหรือประเด็นท่ีศึกษาค้นคว้าจากการฟัง การดูและการสนทนา มีมารยาทในการฟัง การดู การพูด จาแนกและใช้สานวนทเ่ี ป็นคาพงั เพยและสุภาษิต สรุปความร้แู ละข้อคิดจากการอ่านเพื่อประยกุ ตใ์ ชใ้ น ชีวิตจรงิ

95 8985 3. สาระการเรยี นรู้ 1. ความรู้ 1.1. การตคี วามคายาก 1.2 การเขยี นเรียงความ 1.3 การพูดรายงาน 1.4 จาแนกและใช้สานวนที่เป็นคาพงั เพยและสุภาษิต ๑.๕ วเิ คราะห์คณุ ค่าและข้อคิดจากวรรณคดีและวรรณกรรม 1.๖ สรุปความรู้และขอ้ คดิ จากการอ่าน 2. ทักษะ / กระบวนการ ๑) การเรยี นรูแ้ บบบรู ณาการ ๒) กระบวนการสร้างความรู้ ๓) กระบวนการคิด ๔) กระบวนการทางสงั คม ๕) กระบวนการปฏิบัติลงมอื ทาจริง ๖) กระบวนการพฒั นาลกั ษณะนิสัย 4. สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน 1. ความสามารถในการสอื่ สาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแกป้ ญั หา ๔. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวิต ๕. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 5. คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ๕. อย่อู ยา่ งพอเพยี ง 1. รักชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ ๖. มุ่งมนั่ ในการทางาน 2. ซอื่ สตั ยส์ จุ รติ ๗. รกั ความเป็นไทย 3. มวี นิ ัย ๘. มจี ติ สาธารณะ 4. ใฝ่เรยี นรู้ 6. การประเมนิ ผลรวบยอด ช้ินงานหรือภาระงาน เกณฑก์ ารประเมนิ ผลชน้ิ งานหรือภาระงาน

96 8996 เกณฑก์ ารประเมินการเขยี นเรียงความ ประเดน็ ระดบั คะแนน/ระดบั คณุ ภาพ จุดเน้น การประเมิน การต้ังชอื่ เร่ือง 4 (ดมี าก) 3 (ด)ี 2 (พอใช)้ 1 (ปรบั ปรุง) น้าหนัก องค์ประกอบ ช่ือเรือ่ งส้นั กะทดั รัด ช่อื เรอ่ื งส้ันกะทัดรัด ช่อื เรอ่ื งสอดคล้อง ไมส่ อดคลอ้ งกบั ๑ เหมาะสม สอดคลอ้ งกบั เหมาะสม กบั เรื่องทเี่ ขยี น เนื้อเร่ือง เน้ือเรื่องท่เี ขยี น มีความ น่าสนใจ ดงึ ดูดใจผอู้ า่ น สอดคล้องกับเน้ือ มคี านา เนอ้ื เรือ่ ง สรปุ เรอ่ื งที่เขียน มีคานา มเี น้ือเรอ่ื ง ไม่มีคานา มีเน้ือ ไม่มีคานา มเี น้ือ ๒ แตไ่ ม่มีสรุป เรอ่ื ง มีสรุป เรอื่ ง ไม่มสี รุป เนื้อเร่ือง มีประเดน็ น่าสนใจ แปลก มขี อ้ มูลนา่ เช่ือถือ มขี ้อมูลน่าเชือ่ ถือ เนอ้ื หาขาด ๒ การใชภ้ าษา ใหม่ มีข้อมูลนา่ เช่ือถือ เนอ้ื หา มีความถูกต้อง เน้อื หามคี วาม เนอื้ หามคี วาม ความนา่ เชอ่ื ถือ สอดแทรกความคิดเห็น ของผู้เขียน ถกู ต้อง สอดแทรก ถกู ต้อง ใช้ภาษาได้ถูกต้องตาม ความคดิ เหน็ ของ หลกั ภาษา เลอื กใช้ภาษา สานวนสละสลวย ส่ือ ผเู้ ขียน ความหมายชดั เจน การ สะกดคา และเวน้ วรรค ใช้ภาษาได้ถูกต้อง ใช้ภาษาได้ถูกต้อง ใชภ้ าษาได้ ๒ ตอนถูกตอ้ ง ตามหลักภาษา ตามหลักภาษา ใช้ ถกู ต้องตามหลัก เลือกใช้ภาษา ภาษา สานวน ภาษา ใช้ภาษา สานวนสละสลวย สละสลวย สานวน สอื่ ความหมาย สื่อความหมาย สละสลวย ชัดเจน การสะกด การสะกดคา และ ส่อื ความหมาย คา และเว้นวรรค เวน้ วรรคตอน เขยี นสะกดคา ตอนถูกตอ้ ง ถกู ต้อง และเวน้ วรรค ตอนไม่ถกู ตอ้ ง มารยาท ลายมือเป็นระเบยี บ ลายมืออ่านงา่ ย ลายมืออ่านยาก ลายมืออ่านยาก ๑ ในการเขียน สะอาดเรยี บร้อย ส่งทนั เวลาท่กี าหนด สะอาดเรียบร้อย สะอาดเรยี บร้อย ไม่ เรียบร้อย สง่ ทันเวลาที่ สง่ ทนั เวลาท่ี สง่ ไมท่ ันเวลาที่ กาหนด กาหนด กาหนด ระดับคณุ ภาพ ๓๖-๔๐ หมายถึง ดมี าก คะแนน ๒๙-๓๕ หมายถงึ ดี ๒๐-๒๘ หมายถงึ พอใช้ คะแนน ๐๒-๑๙ หมายถงึ ปรบั ปรุง คะแนน คะแนน

97 9970 แบบประเมินการเขยี นเรยี งความ เลขที่ ชอ่ื – สกุล การตั้ง ่ชือ รวม สรปุ ผล เอร่ืงอค์งประกอบ การประเมิน เน้ือหา การใช้ภาษา มารยาทใน การเ ีขยน ๔ ๔ ๔ ๔ ๔ ๒๐ ผ่าน ไม่ผา่ น เกณฑ์การประเมิน ร้อยละ ๘0 ข้ึนไป (1๘ คะแนนขน้ึ ไป) ๑๙ – ๒๐ คะแนน ระดับ ดีมาก 15 – 18 คะแนน ระดบั ดี 11 – 14 คะแนน ระดับ พอใช้ 0 – 10 คะแนน ระดับ ปรบั ปรงุ ลงช่อื ..............................................ผ้ปู ระเมิน (.........................................................)

ประเดน็ ปกราะปรเปดระน็รเะกดเามน็ รนิกปารระปเมระนิ เมนิ เกณฑ์กเการณปเฑกรณ์กะเาฑมรนิ์กปการระาปเรมพรนิ ะดู กเรมาานิรยพกงาดูารนรพายดู งรานยงาน 98 9918 ระดับคระะแดนับรนะค/ดะรบั แะคนดะับนแ/คนรุณะนภด/ับารพะคดุณับภคาุณพภาพ ๔ (ดมี า๔ก)(ด๔มี า(ดกมี ) าก) มีกาเรกเรณมยี ีกฑงา๓ล์กมรำาเกีดร(ราดับยี ปร)ีงเร๓ลระำยี เดง(ม๓ลดบั นิ ำี) ดก(ดบัา)ีรพมูดกี ราารยเรงมียากี ง๒นาลรมำเ(กีดรพายีับอรง๒ใเลชรำีย)้(ดพง๒ับลอำใ(ดชพับ)้ อใช)้ ๑ (ปร๑บั ป(รป๑งุ ร)ับ(ปรุงบั )ปรงุ ) นอื้ หา เนือ้ เหนา้ือหา มีการเรมยี ีกงลามรำีกเดราับียรงเรลียำงดลบั ำดับ มกี ารเรมยี กี งาลรมำเกีดรียาบั รงลเรำียดงบั ลำดบั เนป้ือรหะาเด็นใมเมกนหีีปคาอ้ืแ้ รวรหงปาะ่คามโริดยไมเใมตะดนหชสเอ่ปีคี ด้มอ้ืนัมแ้ เวรีนมมเใินหงพ์าะนห่คีีคปือ่ามโนัอ้ื้แดิยไวรงตธหดงาะชสอ่์กค่้ดามมมเโนมั เับนดิยไีตนีคกีพ์ดื้อชเสอ่ืาวนัน้ดหนมัราเงอ้ืีธนเพา์ม4ร์กเไื่อตรนัียดับงอื่ (ธง้ดเดงลเ์กนีนมี าับอื้ ื่อาดเกงเใมมนรบั นห)ื่อีีคปอ้ ้ือ้แงวเรหรงาะ่คอื่ามโิดงยไใมเมตดนหชบปีคีอ่ ด้้อื้แนา้วเรีมมเหนใมเมงง์าะนนห่คกีคีาีปีคมื่อโ้ือื้อ้แิดยไาววงตรดหหงรชบาาะ่อด้่คเามามนา้โเรไีดิยไนตงต์ียดด3ชบ่อ่อืรงด้้ดนล้าเงะเีนีนง์ด(าด่ืออื่ดบั ี)งบังคะแคมเมนนดิีปคีน้อื นวร/หาะรอ้ ามะโยเมมยไเมมคตดนนดคีกีชิดีคปีบ่อั้ือื้อพ้ านวนวรเคหหรนอาคมมเาะ์นอ้ณุนเามาม2ใื่อโิดปีีครอ้ยไช้อืยไตภตงียนวดรยด้ชหน่อ่อาางะอ้้พ(ใ้พนพลาเมพห้อเโยนอนอยไ์นาอตย้แดใอ่ืใอื่ชดอ้ใอ่งชชพ้งชงนบั่ยเ้้นนอ้)์นใ้อหอ้ใื่้อชยย้แงย้นงใ่ห้อยแ้ งไมเเไแมน่นมมกีงีปื้อม่อื้่มคาร1หหีคคีิดระเาวาวนโรไแมไเายไา(อ้ยีนมมมปมมงชีปยงื้อ่ไม่่คไ่รตตนรลดดหับคีิดอ่ะ่อแมไเ์นา้้นาวมปนเโดเงีปอ้นยไนา้ือม่ค่้อรบัมยรมช่ืออ่ืุงหคียิดะใ่ไต)นงงหดาวนโ่อน์ยไา้้อ้ มเมชอ้ นยไ่ตนยด่อื ใ่อน์ ้งหเอ้ น้ ยอื่ ใงห้ กกกคาลาวรราวใพมิธชีกสูด้ภาากกกคารมาาลวษนารราวกกกคารำพใมิธชาลาวถเีกสูดสรราภ้วใาานใพนมธิาคกพกรมชอีกสดูษนาลวดูา้ภาาราาวรำารมใมถิธเษชนสากีสใภ้ารนนำาาถเาอรมสษใเปออทพพกคใทกเมสพนาขนรนชำบาัอกัวคีารา่ารดููดดูา้าา้ภ้อนรางทะถขกเวผไเรคใสนสปมาดสวใาจรเาาฟู้วนนสษหีำมนน็ว้คยางงางัสียเอกอา่านธิอพเทกกปอพทใคมเสพมนงลโมธขมัขรชวยเงีแามายำรสัาบกอัวคีนั่่อรา่าา้ดููดสดูห้าา้ถ้าพห้ภนรลนรรา่ีกาทงแะาขกวงผสในเไรคไใมกพพอใกคทอทปเสเมูกพนงมสาปมาันะจดยแาสมวลาจรขเราาู้ฟชูเ่วใาเำตบัาอักวรีคษสร่าานดูดูดูหีรดชใำมนตน็ค้วคธย้าางจงะม่หา้้ภะงัสนรนาทงะขกอ้แยีวเผอา่าไเนรคธิ์กางั้ือมนงาใผลลโมธกีมขสนสปมาัดสวาจกชยเรงสงเาตแีามู้ฟยับวเรส่ันูฟ้อ่่วา้สาหษส้าามหีถำมรตน็นพ้ควหยางนพทมกเผสอเคเใอมพทพใปกแงาดัดลิาร่าีกแางัรเสงสในขนระังไชหียเื่อมอ่าานิธกูรามนงนลสโู้าฟอักาบัมวธงมคีปีานัเง่าาระจูดูดูดยแขาใมล่อืไัมสูเ่า้ใว้ภือ้ยจเงีแาม้แมงายเรนตรชอาสรทงะ่ันอ่ดกดขนา้ร้ือดวสชใผตหงัรรคไเธ้าจะม่หใงถมพหมนนะเนลปงสามนรา่ีกดแอ้้แสอาไวาจรงงะเา้ดสก์เาาในังอืู้้ฟรไผลมีกูกมค่สสีษดงรมาันะจหียมาอแนาวกมน็ชค้ยลสงางตงกโื่อีู่เับใฟู้ว่เังสาาเตอื่ราิดียมยน้ดเรดรอช่าใิธานตอครธมจงนาัะดลโม่หิธงขะรเะนัมังงอ้แอื่งวยชสเแีา้าีม์กยราังา้นกาผรสล่ันเอ่งา้กีใมห้าสไสถพหจนกคชสงมงตนัมล่ารชอีกบัเแดาูฟ้ว่อ้ืงสใามามมมกูรตมนาดัวางดมนัะิพจ์ยแ้าอล้ดรเ่เูะังกี่ือาเตรารีานรนดเรงชใตคธใกะันไหีสจะามงมนอ่ือ้ชอด้งั์กามอบอทพพปเใกมเสผใือ้าลธมมมรสนขรชนสงชงก้อตด้เับู้ำฟากอัเคีกีว่ร้าาูดดู์กใอ่ืมีรตา้ร้ภนดัากกินรชีงงะขกาวเังบัไเะอ่ืใอื่งารนนเสปเาาใด้รสวไาจรเสลจงมงจสษรดื้อหีแำมน็นค้วางมมนก็เพีย้เา่ทใพเมอกมปบอพาสสผเในธิรนลโธขีมขรนชนสวยเงูดแี้าำฟู้ดาอักีกีครส้าราููดดอ่า้หอ่ืา้คีา้ถภ้อ้ัมหกคนรลรงงระขกงาแวาังไเงสใไงมวกูอผพเกทปใสผมอพใบมใเยนมบใอพกพเอมทผเสเใสปพาาามอวาดรสะวไยาแจรมเลรขลขรู่เหชนชนาาสษรดยตูา้ฟ้ฟูอกัารีคปีาีหู้ฟำแากัอาาร้คีีกำมนูดูดนอดา้็นาช้ควูดดูานัตงค่ือะม่ื่อา้ก็า้มภเภ้กะแ้พกรนมนียงรงง้ะเกข้องงว่าสานธิขกาังังวรไเนกาังลอ้ืงัโไเธาใทลงธใงกีขมนมสนางปเสาาสนเสปดาาวสยเงดไวสาูดจีแรรชะเ้างไตาดจรเกรส่อล์กเ้าลว่ห่คา่า้มาสนษรีคดมสษถรดอ้นั่หีมัหมานรตวีห็นแค้คำานงโนน็ลวค้รดัรงิงแบัา็กเงับสทร็กเพไดิยีพกีมย้วเอ่ืกูีย่าธิาน้เยรพาใ่สานาธิอมวลาโธระนยลเแโใธมลขมในขมผ่เูนสเาจางวสชยบเาจแีดูา้ายวยมงเงตจรดูแีา้รสชดนอ่อดชาน้รนัตค่อา้ห้าะ่มหคีา้ถงฟู้มคีอ้มัรหะคถ้อนนัมหลมรงค้าร้อลรแาร้งงกแางัสือ้งื้อทลธสมีกแไวกูมมยสาวพากูวังางมยะพย์สไแมอวาชงลตะแกมลเู่ก์เ่วาู่่าาสนยตามรามาน่ัยนตรดรชานัตนคนอัดะชิันคับะมม่บทระมมดะงอ้่ม่ือมงใงัอ้าาอ้ืาทลธกเางัใือ้ทลใธมสผาีกเาจมสางสจชงมงตจกีกสชชงตก์เนว่ก์า่เน่วงมฟู้อา่นั่านตรมนนั่ัดรติาบัน้ดัับิทือ้บัทร่ืออาใังอ่ืรเใใาเใเโกใผปมพอไคอไแเมใาจผจมเงจาจกใจมงจนนวชมมชนงชตู้ฟากอัวคีีกนงูฟ้รดูนห้อืภ้อื้้ค่ม่รื้อา้ะ่ไขกาวังไงั าเมพอ่มีกาดรสนารเรรสษ่เนยาสมูดวค้า่อือ้ปปพแผคมกออโไใมไเมคยีรโมผอไเอแคไพใกมานธินำรลนงยวชมมนวชมม็นสใต้ฟูัอกาดิวีปีกคีเงตู้ฟแีราอักวเูดีกคาีคูดสใอ่หชขห้ภอ้ืม่่คขภื้อ้ค่่มรถไามัรธะไ่กขาจนายวลไ่ขกังราไวงัวไางมส้้าาเมพา้อ่มาีกาเมพูกด่อรมีการสนาดพรผระเออใไโกคเมมพผปแไงนาะรอ้รเยาแรใรสสำรษน่ควชมมสษร่เยนาสมาเ่วดูตนย้คาาสมโูดค้วือ่้ฟูมตฟู้อ้จดาักอวกีคีนัอ่ืยตอรคดูปปนียเู่มหรย่อนือ้้ภียมรธิานม่ค่นามาธิร้อลรนำางลยะยนไ่มขกังาวงังยาลงัธไน็สใ็นวงสชใเีแชยเเงาาเมแีีคพเอ่มีกาสาชอ่คีใงดรใานอ่กาชขรเก์่นัือ้ชขขว่รถขไมันถธไจมัรนยลธาเจสษยตลว่เานยากมสัดงวดู้ควมง้สับ้อ่ือ้มับร้าส้าเใูกา้ปรตพูกผรงะพผนย์างียแราะราแมานิธนจใเำรลส้าาใ่คงสยรำ่คตาราจ็นู้ฟติมสดใจมือู่้ฟันตมเคงจดแี้อนัเคาในีคสใูเ่อ่นม่อนูเ่มชข่อนขอ้นถไ้อนยัมนงัมธงยาจังยนลมงัธลยงัลธวาวงยชวมส้า้ชยชา้งกูารกชงพน่ัก์ผา้อืง่วใ์กะ่ัน้อืยาแนว่นใาเตสำ่คาเตกัดรหกาัดบับัร้ฟูมเจใบัรนตเคใตนตาู่เมร่อนาจรเา้แ้จเอ้้ายนมงัังาลจธิมอื่จิมวอื่ชยใใงชงากก์่ัน้ือน่วนนงนนง่าเตกดัับบัรเใตารจเ้าจิมอื่ ใพกเแมอเไไสมอเเชเเมมอชเไกเไนนกปงปหรนนปนหมมมมงมัดักัอบัปีีกัดับักอีีกกดูา่ือร้อืม็นม่่เ้ืออื้มน็ค่ม่ม่กขเพาเขกรผาารเผระงจจเาหเเคีราดิคีคีรรรรระเ้ารเฟู้รส้ฟูันรระนสนะะสะนวนปนมวววใโวื่ออ่ืื่อาไังธงัสจียยสยอพเมอชเกมเไไเยาียิธาาาิธืออ้มำรงนบงงนหปนบใ์กมมใมมผะงชมมมแีัดะับัอกงีกีกเีแเูดะชนชย่มสาข้บัืือ้้อมน็ถขม่ม่้าถู้ฟมนลสมเขกาาลสผเ้ภภ้ทีคงไไางจ้าไเเกูา้าเหีคคีรูกรระนั่นรมั์ังเั่นมมะาไกอมพชอเเมไเเูฟ้รรมนายสวาอ่นสะสะปนนหตปนววมมตมวดนออ่ื่ืดใพ้อษ่เัดเ่บััอกใีกกีษเ่างตดู้ือ่เูสงูเ่ยียาารขจ้อิธ้้ืออืม็นขจำม่่มรอ้ือนังงงนสบังยมเขใกาานัาจผาเเามมมะา้งแีา้เงะจา้เเชางรหีคีคนร้ือรราไใ้ือรขา้เาไฟูถรรใธำตใสมลสใตนะ่อืหมสะ้ภมปนยไววจทมงวไจเา้ืื่ออ่์กจูกังามัั่นมะาสมายรมงีย่าา้ตธิา่ผสำรือ่งงับบมตในมด่อืพ่เมมมใีะงษ่เีแเะาฟู้ชู่นงรขจ้อข้าถนสงังสมนัลสาจ้าภ้งัไทงไ้างา้กูาือมัไั่นมะใธาำมใาตสอ่มยจตเน์กจดพ่เใษ่เาร่เูตงร่ผขจ้อับนสงันมอ่ืาจา้าฟูา้งาื้อไงใธำใตังมยจเ์กจารต่ผบั มอ่ื าู้ฟงัง ตอบคำตถอามบต/เคอกเำวบณถลตคาฑาอำมก์ถบ/เาากเเควรกมณาตลณ/เถกฑาเัดาวฑใมแตณส์กมลชลอแี์กินา/ฑา้เะหบวรเาว์กมตลรลคลาคีตัดาง่ำารใมแตตอวถสัดชตลอีแาา้าานิส้เดัมมงะมหบวินมตใแอสมชกลไชลคลอแีดนิิงดัีคำาเ้่งำะหบว้อหตอเวถมจลลคยาานา้าคคคคเชคใตนีคกาง่มมำ่ามะะะะดชตัดออณววถงชกไแแแแ้เมาาาเ้าบดงิาวดัำนนนนฑจมมมงมคีล้อหคเนนนน์กนอรจชกวไายานเคคคคเคคาู้ดิงนกตกาัดำถา่มระะะะดะะอ้มหแณางเณผาแแแแีแแแแแจมยมลรนา่คคคคเนนนนฑหนนนนนฑกู้่านคีะกไะะะะดนนนน์กลณดงนนนนมก์าวแแแแา่งมอ้๑ใตชหาีคานนนนฑรอชคีมยัดอรนวผนนนนก์้า้เวารผ่เาบ่าวดนงจางู้มนา่ลร๑๑ต๗อคานมผนำ่าิง๙๓ำทีรใ๑ชตา่กเถมชีกู้นดัอว---าีแ้เนิา่เบ๑ม๒๑วนหต171จตมใชน๑ชใกล๑๑๗ตคไ๒๔๘ชชาน่าลัดอแี๖ัดา39ำด่ำา๙๓ำท้เเ้กท่งหเหบเวกค้เวถนมจจีกอว---ลีว-ลนลค๑ต๑๗่อานาีแนินา้า่า่าง่ำา1๑า12ม๒๑ดน๙๓ำทหงเกอกเถไ๒ม๔๘ขกอ248ีกล๖วำด-า้6--าแีา้นิงินิ่งา่หงม้ค๑๒๑งหอกอกนไ่อ๒๔๘้าลาดิง๖ำตหหหหดนงห่ห้คั้งมมมมขอนแอ่นาาาา้าิงา้ตดนยยยยดงง่รถถถถข๕ใตสอะชึงงึงงึึตหหหหา้๑ว่อางิดเ้งั้งมมมมนดปดพงบวบันแาาาาีมีใรลอคตายยยยตหหหหหับพาใาำทร่ถถถถในสต้งัชสใ๕มมมมกญปเอถะชชแึงงึึงึงีก่วอ้าว่าาาาใรดตหหหหา่เ้ต้เนยยยยินทชนบดพปดวงุวมบัน้งัมมมม่รถถถถ้ใกลใสต๕ีมีีใรคลอแไะาหชหาาาางึงึงงึึบัพาาำว่มอใาาำดทตยยยย้เญชกญเหนปเถดพดอบไ่วับนกร่ีก้ถถถถดใีมีนารใ่ลอ่คะนิาินชหึึงึงงงึ้เุงมับพาใดาำปทดก้กชกญไปเอถดดพป็นับีกาม้ำใรา่ีมีหรอหินไชุ่งมดบัาใน้นกไช้เกปพดำมดป้ หรอไ่น็ ดุงน๕ใ้เชดป้ น็ ส๕ตใใ๕สตชช่วอ่วอเ้้เนนบบววนนใลใลคคาาหหาาาทำท๕สตใญญเเถถชีกีก่วอา่า่้เินนินบวมนมกใกลสตใ๕คไไาหชามำมาว่อำทหญเ้หไ่ถนไ่บวีกนดดนนา่ใลคนิาเ้้เหมดดปาปำทกไญเถน็็นำมีกา่ห่ไนิ มดนกไ้เดำมปห่ไน็ ดนเ้ ดป็น

99 99999299 99 แบบแปบรแบะบปเมบรินะปเกรมาะินรเกมพาินดูรกพราดู รยรพงาาูดยนงรานยงาน เนื้อหา เเกกนน้ืื้ลลออววิิธธหหีีาากกาารรนนาาเเสสนนออ กกาาลรรวิใใธี ้ช้ชกภภาาารษษนาาเสนอ กกาารรใใ ้ชช้ภภาาษษาา กคคาววราาใมม ้ชสสภาาามมษาาารรถถใในนกกาารร ููพพดด ความสามารถในการ ูพด เลขท่ี เลขขทที่ ี่ ชอื่ –ชสื่อชกอ่ื –ุล–สกสุลกลุ รวรวมม รกวกามาสรสรรปรปุปรปุ รผะกผะเลาเลมสรนิ รปุปรผะเลมิน ๔ ๔ ๔ ๔ ๔ ๔ ๔ ๔ ๔๔ ๒๔๒๐๐ ผ๒ผา่ ๐า่ นน ไไผมมา่ผ่ผนา่ นไมผ่ ่าน เกณฑ์กเากรณณปฑฑร์กะ์กาเามรรปนิ ปรระระเมอ้เมนิยนิ ลระ้อร๘ยอ้ ล0ยะลขะ๘น้ึ 0๘ไป0ขึน้(ข1ไน้ึป๘ไ(ปค1ะ๘(1แคน๘ะนแคขนะ้นึ นแไขนปนึ้ น)ไขปึ้น) ไป) ๑๙ – ๑๒๑๙๐๙––๒๒๐๐คะแนคนะคแะรนแะนนดนบั ระรดะดบั ดีมับาดกมี าดกมี าก 15 – 11585––1188คะแนคนะคแะรนแะนดนับนระรดะับดดี ับดี ดี 11 – 11141––1144คะแนคนะคแะรนแะนดนบันระรดะบัพดอบั ใชพ้อพใชอ้ ใช้ 0 – 100––1100 คะแนคนะคแะรนแะนดนบันระรดะบัปดรบั ับปปรรบัปงุ ปรับรงุ ปรุง ลงชลอ่ื งช.ล.อ่ื..ง..ช..อ่ื...........................................ผ..ผ.ู้ป..ูป้ ร..ระ..ะเ..มเผมินูป้ ินระเมนิ (.....(......(...................................................)..).........)

เกณฑ์การประเมนิ แผนภาพความคดิ ๙๗ 100 19030 ประเด็นการ เกณฑระ์กดาับรคปะรแะเนมนิน/แรผะดนบัภคาพณุ คภวาาพมคิด ประเมินประเด็นการ ๔ (ดีมาก) ๓ระ(ดดี)บั คะแนน/ระดบั ค๒ุณภ(พาพอใช้) ๑ (ปรบั ปรงุ ) สรปุ ความรไู้ ด้ถกู ปตร้อะงเมนิ สามารถสรุป4 (ดมี าก) สามารถสร3ุป (ดี) สรปุ 2ควา(พมอรใูไ้ ชม้)่ครบ 1สร(ปุ ปครวบั าปมรรุงู้ ) ครบตรงปรปสถะกูรเรดปุะตน็ เค้อดวง็นาคมรรบู้ไดตแแค้รลลวงาะะมถตรกูรไู้งตดคสถตป้อ้คูการวรงมงารตะทปมบา้อเุกดรรรงหถะู้ไน็ทดสเัวุกด้ครขหน็รุป้อวับแขลแอ้ ะลตคคะรววงาาปมมสตคครรถารววะ้ไูกู มงาาดเตปมมดาค้ ้อรรถรน็รถะงูไ้กูบแดเสเตปลด้คร้อะ็น็นรุปงมบแเีปละน็ มี สททรกุุกปุ ปปครรวะะาเเดมด็นน็รูไ้ ม่ครบ ถสูกรุปตไมค้อถ่วงากู มตร้อูไ้ งม่ ส่วนใสหว่ ญน่ใหญ่ การเชอ่ื มโยกงารเชือ่ มโยงสามารถสเชาื่อมมารโยถงเชคื่อวมาโยงสามาสราถมเชารือ่ ถมเโชยอื่ งมโยง สามารถเชอ่ื มโยง สามสาารมถาเรชถื่อเมชโอ่ื ยมงโยง คคตาววมาามมลสรำูไ้ดมั ดับพ้ถขนั กู คตคั้นธตาวว์ อ้มาามมงลรสาไู้ดมั ดับพ้ถขนั กู ้นัธตมบ์ ้อรคง้ไู วดา้ถมูกสคคตตัมาววอ้ พมาางมมันลตสรธาาู้ได์ัมมดบัพล้ถำนั กู ดธตั์ ้องคลไดำว้คดาอ่มบั คคสลนรคัมาอ่วไู้ขวดาดนพา้ามบั้ขันงมแรค้าคธสไู้ลงวไ์รดมัะคดาบ้ พมรแ้ บันละธ์ คบคคไคมววววา้ ค่าางาามมรมมบรสรสูแู้้แมัถมั ลล้วพพะนะนัันลลธธาำ์ไ์ดดดับับ้ คเคปวว็นาาเคคปมมไววปรส็นาาตไู้มัมมไดาปพสร้มตแู้ไนััมลดาตธพา้ม่ไ์แดันมลตับธ่ำไ่์ ดมบั ่ ความคดิ ความคดิ สามารถสเขายีมนารผถังเขียนผงั สามาสราถมเขารียถนเผขงัยี นผัง สสาามมาารรถถเเขขยียี นนผผังงั สามสาารมถาเรขถยี เนขผยี ังนผัง สร้างสรรค์ สรา้ งสรรคใ์ นคกาวรามคดิ คไวดาใ้ มนคิดไดใ้ น ความคควิดาไมดคถ้ ดิ กู ไตด้อถงูกตอ้ ง ความคิดได้ และมี ควาคมวคาิดมไคดิด้ แไดต้่ แต่ ในการเขียนเผขงัยี นผงั ความรคูปิดแบบทรปู่ีถูกแบตอ้บงทถ่ี ูกต้องและมแขี ลอ้ ะบมกขี พ้อบร่อกงพร่อง ขแ้อลบะมกขีพอ้รบ่องกเพปร็นอ่ ง ขาดขราูปดแรบปู บแแบลบะและ และสวยแงลาะมสวยงาม เพียงเเพลีย็กงนเอ้ลยก็ น้อย บเปา็นงสบ่วานงส่วน ควาคมวสาวมยสงวายมงาม ความคิด เกณฑก์ ารตัดสนิ คะแนน 11 - 12 หมายถงึ ดีมาก เกณฑ์การตดั สนิ คะแคนะนแนน ๑๑๘- ๑๒- ๑๐ หมายถึง ดีมหามกายถงึ ดี คคะะแแคคนนะะนนแแนนนน คะแนน ๘ ต๕--า่ ก๗๑ว- า่๐๗๔ หมายถงึ พดีอหหใชมม้าายยถถึึงง พอใช้ ๕ หมายถึง ปรบั ปรงุ ตำ่ กวา่ ๔ หมายถึง ปรบั ปรุง

101 19041 แบบประเมินแผนภาพความคิด เลขท่ี ชื่อ-สกลุ สรปุ ความรู้ไดถ้ กู ต้อง การเช่ือมโยงความรไู้ ด้ถกู ตอ้ ง ความคดิ สรา้ งสรรค์ รวม ครบถว้ น ตรงประเดน็ ตามลาดบั ข้นั ความสัมพันธ์ ในการเขียนผังความคดิ 12 ๔๓๒ ๑ ๔ ๓ ๒๑ ๔๓๒๑ เกณฑก์ ารประเมิน ร้อยละ ๘๐ ขนึ้ ไป (๘ คะแนนขึน้ ไป) หมายถงึ ดมี าก คะแนน 11 - 12 หมายถึง ดี คะแนน ๘ - ๑๐ หมายถึง พอใช้ คะแนน ๕ - ๗ หมายถึง ปรบั ปรงุ คะแนน ตา่ กวา่ ๔ ลงชื่อ………………………………..ผปู้ ระเมนิ (……………………………………………)

102 10925 แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ ๘ ประการ ชอื่ -สกุลนักเรียน.................................................................ชนั้ /หอ้ ง...................... เลขท.ี่ ............................ ค้าชแี จง:ให้ผ้สู อนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แลว้ ขดี / ลงในชอ่ งทต่ี รง กับระดบั คะแนน คณุ ลกั ษณะ รายการประเมิน ระดบั คะแนน อนั พึงประสงค์ ๓ ๒ ๑๐ ๑. รกั ชาติ ศาสน์ ๑.๑มีความรัก และภูมิใจในความเปน็ ชาติ กษตั ริย์ ๑.๒ปฏิบัตติ นตามหลักของศาสนา ๑.๓แสดงออกถงึ ความจงรกั ภักดตี ่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ๒. ซอ่ื สัตย์สุจรติ ๒.๑ปฏิบัตติ ามระเบียบการสอน และไมล่ อกการบ้าน ๒.๒ประพฤติ ปฏบิ ตั ิ ตรงต่อความเปน็ จรงิ ตอ่ ตนเอง ๓. มีวนิ ยั ๒.๓ประพฤติ ปฏิบตั ิตรงต่อความเปน็ จริงต่อผู้อืน่ ๔. ใฝ่หาความรู้ ๓.๑เข้าเรยี นตรงเวลา ๓.๒แต่งกายเรยี บร้อยเหมาะสม ๕. อย่อู ย่างพอเพยี ง ๓.๓ปฏิบัตติ ามกฎระเบียบท่วี างไว้ ๔.๑แสวงหาขอ้ มูลจากแหล่งเรยี นรตู้ า่ งๆ ๖. มุ่งมั่นในการ ๔.๒มีการจดบนั ทกึ ความรูอ้ ย่างเป็นระบบ ทา้ งาน ๔.๓สรุปความรูไ้ ดอ้ ยา่ งมเี หตุผล ๕.๑ใช้ทรัพย์สนิ และส่ิงของของโรงเรียนอยา่ งประหยดั ๗. รักความเปน็ ไทย ๕.๒ใช้อปุ กรณก์ ารเรยี นอยา่ งประหยัดและรู้คุณค่า ๕.๓ใช้จ่ายอยา่ งประหยดั และมีการเกบ็ ออมเงนิ ๘. มจี ิตสาธารณะ ๖.๑มคี วามต้ังใจ และพยายามในการทางานท่ีไดร้ ับมอบหมาย ๖.๒มีความอดทนและไม่ท้อแท้ตอ่ อปุ สรรคเพื่อให้งานสาเร็จ ๗.๑มีจติ สานกึ ในการอนรุ ักษ์วัฒนธรรมและภมู ปิ ัญญาไทย ๗.๒เหน็ คุณค่าและปฏบิ ตั ติ นตามวัฒนธรรมไทย ๘.๑รู้จกั การใหเ้ พื่อสว่ นรวมและเพื่อผู้อืน่ ๘.๒แสดงออกถงึ การมนี า้ ใจหรือการให้ความช่วยเหลอื ผอู้ ื่น ๘.๓เขา้ รว่ มกจิ กรรมบาเพ็ญตนเพื่อส่วนรวมเม่ือมีโอกาส รวม รวมคะแนน/เฉลีย่

103 10936 หมายเหตุ ……………………………………………………………..........................................................………………………………… …………………………………………………………………………………………………....................................................... เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ให้ ๓ คะแนน คะแนน ๕๐ - ๖๖ ระดับคุณภาพ ดเี ยีย่ ม พฤติกรรมท่ีปฏิบตั ิชดั เจนและสม่าเสมอ ให้ ๒ คะแนน คะแนน ๔๐ - ๔๙ ระดบั คณุ ภาพ ดี ให้ ๑ คะแนน คะแนน ๒๐ - ๓๙ ระดับคุณภาพ พอใช้ พฤตกิ รรมท่ีปฏิบัตชิ ัดเจนและบ่อยครั้ง ให้ ๐ คะแนน คะแนน ๐ - ๑๙ ระดบั คุณภาพ ปรับปรงุ พฤติกรรมท่ีปฏิบัติบางครงั้ พฤติกรรมท่ีไม่ไดป้ ฏบิ ัติ ลงชื่อ......................................................................ผ้ปู ระเมิน สรปุ ผลการประเมิน ระดบั  ดีเยีย่ ม (.....................................................................) ........... /................................/.....................  ดี  พอใช้  ปรบั ปรุง

104 19074 แบบประเมินการน้าเสนอผลงาน ค้าชีแจง : ให้ ผู้สอน ประเมินการนาเสนอผลงานของนักเรยี นตามรายการท่ีกาหนด แล้วขีด ✓ ลงในช่อง ทีต่ รงกับระดบั คะแนน ล้าดบั ท่ี รายการประเมิน ระดบั คะแนน ๔๓๒๑ ๑ เนือ้ หาละเอยี ดชัดเจน ๒ ความถูกต้องของเนือ้ หา ๓ ภาษาที่ใช้เขา้ ใจง่าย ๔ ประโยชนท์ ีไ่ ดจ้ ากการนาเสนอ ๕ วธิ ีการนาเสนอผลงาน รวม เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ลงช่ือ...................................................ผู้ประเมิน ผลงานหรอื พฤติกรรมสมบูรณ์ชัดเจน ............../.................../................ ผลงานหรอื พฤติกรรมมขี ้อบกพร่องบางส่วน ให้ ๔ คะแนน ให้ ๓ คะแนน ผลงานหรอื พฤติกรรมมีข้อบกพรอ่ งเป็นส่วนใหญ่ ให้ ๒ คะแนน ผลงานหรอื พฤตกิ รรมมีข้อบกพร่องมาก ให้ ๑ คะแนน เกณฑ์การตดั สนิ คณุ ภาพ ระดับคณุ ภาพ ช่วงคะแนน ดีมาก ๑๘ – ๒๐ ดี พอใช้ ๑๔ – ๑๗ ปรับปรงุ ๑๐ – ๑๓ ตา่ กว่า ๑๐

105 19085 แบบประเมนิ สมรรถนะสา้ คญั ของผูเ้ รยี น ชือ่ -สกลุ นักเรียน....................................................................................ช้ัน/หอ้ ง................... เลขท.่ี ............................ ค้าชีแจง:ใหผ้ ้สู อนสงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี / ลงในช่องทตี่ รงกบั ระดับคะแนน ระดบั คะแนน สมรรถนะดา้ น รายการประเมิน ๓๒๑ ๐ ความสามารถ ๑.๑ มีความสามารถในการรบั - ส่งสาร ในการสื่อสาร ๑.๒ มีความสามารถในการถา่ ยทอดความรู้ ความคิด ความเขา้ ใจของตนเอง ความสามารถ โดยใชภ้ าษาอยา่ งเหมาะสม ในการคดิ ๑.๓ ใช้วิธีการส่อื สารทีเ่ หมาะสม ๑.๔ วิเคราะห์แสดงความคดิ เห็นอยา่ งมเี หตุผล ความสามารถ ๒.๑ มีความสามารถในการคดิ วเิ คราะห์ สงั เคราะห์ ในการแกป้ ัญหา ๒.๒ มีทักษะในการคดิ นอกกรอบอย่างสรา้ งสรรค์ ๒.๓ สามารถคิดอยา่ งมวี ิจารณญาณ ความสามารถ ๒.๔ มคี วามสามารถในการคดิ อย่างมรี ะบบ ในการใชท้ กั ษะ ๒.๕ ตัดสินใจแก้ปัญหาได้ ชีวติ ๓.๑ สามารถแก้ปญั หาและอปุ สรรคตา่ ง ๆ ทเี่ ผชญิ ได้ ๓.๒ ใชเ้ หตผุ ลในการแก้ปญั หา ๓.๓ เข้าใจความสมั พันธแ์ ละการเปลยี่ นแปลงในสงั คม ๓.๔ แสวงหาความรู้ ประยกุ ต์ความร้มู าใชใ้ นการ แกไ้ ขปญั หา ๔.๑ สามารถทางานกลมุ่ รว่ มกบั ผอู้ ่ืนได้ ๔.๒ ปฏบิ ตั ติ ามบทบาทหนา้ ท่ี ๔.๓ ใหค้ วามร่วมมอื ในการทางาน ความสามารถใน ๔.๔ รว่ มกิจกรรมสมา่ เสมอ การใช้เทคโนโลยี ๔.๕ หลกี เล่ยี งพฤติกรรมไมพ่ งึ ประสงค์ทสี่ ่งผลกระทบต่อตนเอง ๕.๑ เลอื กและใชเ้ ทคโนโลยไี ด้เหมาะสมตามวยั ๕.๒ มที ักษะกระบวนการทางเทคโนโลยี ๕.๓ ใชเ้ ทคโนโลยีในการแกป้ ัญหาอยา่ งสร้างสรรค์ ๕.๔ มคี ณุ ธรรม จริยธรรมในการใช้เทคโนโลยี รวม รวมคะแนน/เฉลย่ี

106 19069 หมายเหตุ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… เกณฑก์ ารให้คะแนนระดบั คุณภาพ ให้ ๓ คะแนน คะแนน ๕๐ –๖๖ ระดับคณุ ภาพ ดีเย่ยี ม ดมี าก - พฤตกิ รรมทป่ี ฏบิ ตั ิชดั เจนและสมา่ เสมอ ให้ ๒ คะแนน คะแนน ๔๐- ๔๙ ระดับคณุ ภาพ ดี ให้ ๑ คะแนน คะแนน ๒๐- ๓๙ ระดบั คุณภาพ พอใช้ ดี - พฤติกรรมทปี่ ฏิบัติชัดเจนและบ่อยคร้ัง ให้ ๐ คะแนน คะแนน ๐ – ๑๙ ระดบั คณุ ภาพ ปรบั ปรงุ พอใช้ - พฤติกรรมท่ีปฏิบตั ิบางครง้ั ต้องปรบั ปรุง - ไม่เคยปฏิบตั พิ ฤตกิ รรม ลงชือ่ ......................................................................ผปู้ ระเมนิ สรปุ ผลการประเมนิ (.....................................................................) ระดับ  ดเี ย่ียม ........... /................................/.....................  ดี  พอใช้  ปรับปรงุ

107 107 110077 111000770 แบบประเมนิ การคิดวเิ คราะห์ ชอ่ื -สกลุ นักเรยี น....................................แ..แ.บ.บ.บ..บ.ป..ป.ร.ร.ะ.ะ.เ.มเ..ม.นิ .ิน.ก..ก.า.า.ร.ร.ค.ค.ิด..ิดชวว้ันเิ คเิ /ครหรา้อาะงะห.ห.์..์..................... เลขที.่ ............................ คช้าชอ่ื ชื่อ-ีแส-สจกกงลุ ลุ น:นักใกั หเรเ้ผรียียู้สนนอ..น..ส...ัง..เ.ก..ต...พ..ฤ...ต..กิ...ร..ร..ม..ข..อ...ง..น..ัก...เ.ร..ีย..น...ใ.น...ร..ะ..ห...ว..่า..ง.เ.ชร.ชีย้นั ้นั น//หแหอ้ลอ้ งะง.น..อ...ก..เ..ว..ล..า..เ.ร..ีย..น....แ.เลลเล้วขขขททีด.่ี .ี่./..ล..ง..ใ..น..ช...อ่ ..ง..ท..ีต่...ร..ง... คค้า้าชชแี แี จจงง:ก:ใับใหหร้ผะ้ผสู้ ดสู้ อับอนคนสะสงั แังเกเนกตนตพพฤฤตติกกิ รรรมมขขอองงนนักกั เรเรียียนนใในนรระะหหววา่ ่างงเรเรยี ยี นนแแลละะนนออกกเวเวลลาาเรเรียยี นนแแลล้ว้วขขีดดี //ลลงงใในนชชอ่ ่องงทท่ตี ี่ตรรงง กกับบั รระะดดบั ับคคะะแแนนนน ระดบั คะแนน ๓ รระะ๒ดดบั ับคคะะแแ๑นนนน ๐ สมรรถนะด้าน รายการประเมนิ ๓๓ ๒๒ ๑๑ ๐๐ สสมมรรรถถนนะะดดา้ ้านน รราายยกกาารรปปรระะเมเมนิ นิ ความสามารถใน ๑.๑ สามารถเลือกใช้ขอ้ มลู ได้อยา่ งถกู ตอ้ ง และเหมาะสม กคคาววราาคมมดัสสาารมมราขารรอ้ถถมใในลู น ๑๑๑..๒๑.๑ สสสาาามมมาาารรรถถถจเลเัดลือลือกากใดชใชบั ข้ ข้ขอ้ อ้ มมูลลููลไไดดด้อ้อยยา่ า่่างงถงถถูกกูกูตตตอ้ อ้อ้งงงแเแหลลมะะาเหเะหมสมามาะะสสมม กกาารรคคดั ัดสสรรรขขอ้ ้อมมูลูล ๑๑๑..๒๓.๒ ปสสารามะมาเมารรินถถจคจัดวัดาลลมาาดนดบัา่ บั เขชข้อ่อื อ้ มถมลู ือูลไขไดอดอ้ งอ้ ยขยา่ อ้่างมงถถลููกูกแตตล้อ้อะงงเเลหเหือมมกาาคะะสวสามมคดิ หรอื ทางเลอื กท่ี เ๑ห๑.๓ม.๓าะปสปรมระะเมเมนิ นิ คคววาามมนนา่ า่เชเช่อื อื่ ถถอื อื ขขอองงขข้อ้อมมูลลู แแลละะเลเลือือกกคคววาามมคคดิ ิดหหรรืออื ททาางงเลเลอื ือกกทที่ ี่ เ๒หเห.๑มมาาะสะสาสมมมารถจับประเดน็ สาคัญและประเดน็ สนบั สนนุ ได้ ความสามารถใน ๒๒๒..๒๑.๑ สสสาาามมมาาารรรถถถจจจับบั ับปปปรรระะะเเดดเดน็น็ น็ สใสาจาคคคญั วัญาแแมลลสะะาปปครัญระะเขดเอด็นงน็ สขสนอ้ นบัมบั สูลสนทนนุี่ตุนไอ้ ไดงด้ก้ ารนามาใชป้ ระโยชน์ กคคาววราาจมมับสสปาามรมะาาเรดรถถน็ ใในน ๒ไ๒ด.๒้.๒ สสาามมาารรถถจจบั ับปปรระะเดเด็น็นใจใจคคววาามมสสาาคคัญัญขขอองงขข้อ้อมมลู ลู ททตี่ ต่ี ้อ้องงกกาารรนนาามมาาใชใชป้ ป้ รระะโยโยชชนน์ ์ สกกา้ ารครจญั จับบั ปปรระะเดเด็น็น ๒ไได.ด๓้ ้ เช่ือมโยงความสมั พันธร์ ะหว่างข้อมูลความคดิ ต่าง ๆ ไดอ้ ยา่ งถูกต้องมี สสา้ ้าคคัญัญ เ๒ห๒.๓ต.๓ุผลเชเชื่อ่อื มมโยโยงงคคววาามมสสัมมั พพนั ันธธ์รร์ะะหหววา่ ่างงขขอ้ อ้ มมูลูลคคววาามมคคิดดิ ตตา่ า่งงๆๆไไดดอ้ ้อยย่าา่งงถถูกกู ตตอ้ อ้ งงมมี ี ๓เหเ.ห๑ตตุผวุผเิลคลราะหส์ ิง่ ท่ไี ด้เรยี นรู้โดยผา่ นการไตร่ตรองอยา่ งมีเหตผุ ล ความสามารถใน ๓๓๓..๑๒.๑วววเิเิ คคเิ ครรราาาะะะหหห์์สบส์ ง่ิ ิ่งอททกไี่ ไี่ดคดเ้วร้เารียมียนสนรารู้โคดูโ้ ดัญยยผผคา่ า่วนนากมกาสารรัมไตไพตรนัร่ต่ตธร์หรออรงงือออคยยา่ว่างงมมมีเคหีเดิหตรตผุ วุผลบลยอดของข้อมลู ได้ คกคาววราาวมมิเสคสารามามาะารหรถ์ ถใในน ๓๓๓..๒๓.๒วววิิเเคคเิ ครรราาาะะะหหห์์ วบ์ บิจออากรกคณควว์าคามมวสาสามาคสคญั มญั เคหควตวาุสามมมสผสัมลัมพพคันนั วธธาห์ ์หมรนรอื ือา่คคเวชวา่อื ามถมคอืคิดิดขรรวอวบงบสยย่ิงออทดดีเ่ขรขอียองนงขรขอ้ ไู้ ้อดมมู้ลูลไไดด้ ้ กกาารรววเิ คเิ ครราาะะหห์ ์ ๓๔๓..๑๓.๓สววเิาคิเมคราราราะถะหตห์ รว์ ววจิ จิ าาสรรณอณบ์ ค์คควววาาามมมสถสมูกมเตหเ้อหตงตุสตุสมามผมผลหลลคกัควเวากามณมนนฑ่า่าเไ์ ชเดช่ือ้อ่อื ถยถือ่าืองขตขอรองงงสปส่ิงร่งิทะที่เเร่เีดรียน็ ียนนรรู้ได้ไู ด้ ้ ความสามารถใน ๔๔๔..๒๑.๑มสสากี ามามราารทรถาถตงตารรนววจคจสรสอบอบตบคาคมววขาามน้ั มถตถูกอูกตนต้อกอ้ งางตรตาปามรมหบั หลปลักรักเุงกเงกณาณนฑฑแ์ไล์ไดดะ้อ้อผยยล่า่างงงาตตนรรงบงปรปรรระละเเุ ดเปดน็้า็นหมาย คกคาววราาสมมรสสปุ าาคมมุณาารครถถ่าใในน ๔๔๔..๒๓.๒อมมธกี กีบิาารารทยทขาาง้นั งาตานนอคนครกรบบาตรตาทามามขงขัน้านั้ นตตแออลนนะกกผาาลรรปงปารนรบั ับทปป่ีเรกรงุ ดิุงงขาานนึ้ นแทแลัง้ ลสะะผว่ ผนลลงทงาดี่านีแนบลบระรสรลว่ลเุ นปเุ ปทา้ ้าหี่มหมี มาายย กกาารรสสรรุปุปคคณุ ณุ คคา่ า่ ข๔๔อ้.๓.บ๓อกอธพธิบิบรา่อายงยขขั้นนั้ ตตออนนกกาารรททาางงาานนแแลละะผผลลงงาานนทท่เี กเ่ี กิดดิ ขขึน้ ึ้นททั้งง้ัสสว่ ว่นนททด่ี ดี่ แี ีแลละะสส่วว่นนทท่ีมีม่ ี ี ๕ขขอ้.๑อ้ บบสกกาพมพราร่อร่องถงสรุปสาระเชอื่ มโยงเพื่อนามาวางแผนงาน โครงการได้ เช่น การ เ๕ข๕.ีย๑.๑นสสโาคามมรางารงรถาถสนสรรุปรุปสาสายารงระาะเนชเช่อื อ่ื มมโยโยงงเพเพอื่ อ่ื นนาามมาาววาางงแแผผนนงงาานน โคโครรงงกกาารรไดได้ ้ เชเชน่ ่น กกาารร ความสามารถใน ก๕เขเา.ขยี๒รยี นเสขนโายี คโมคนรารโงรคงถงราาสงนนงราปุ นรเรา หา ยรตยงาุผงายานลงนเาชนงิ ตรรกะ และสร้างส่ิงใหมไ่ ด้ เชน่ การเขียน คกคาววราาสมมรสสุปาาแมมลาาระรถถใในน เ๕ร๕.ยี๒.๒งสคสาวามามามารรถถเสขสรยี รุปนปุ เเหเรหตอื่ ตผุงุผสลลั้นเชเชิงงิตตรรรกกะะ แแลละะสสรร้า้างงสสง่ิ งิ่ใหใหมมไ่ ไ่ดด้ ้ เชเชน่ น่ กกาารรเขเขียยี นน กอกาภาริปรสรสรารุปยปุ แแลละะ เ๕รเ.รยี๓ยี งสงคคาวมวาาามรมถเสขเขรยี ปุยี นนเอรเรภื่ออื่ ปิงงสรสน้ัาั้นย ขยายความแสดงความคิดเห็น โตแ้ ยง้ สนบั สนนุ โนม้ ออภภิปปิ รราายย ๕น๕า้.๓.ว๓สสาามมาารรถถสสรรุปปุ ออภภปิ ปิ รราายยขขยยาายยคคววาามมแแสสดดงงคคววาามมคคดิ ิดเหเหน็ ็นโตโตแ้ แ้ ยยง้ ง้ สสนนบั บั สสนนนุ นุ โนโน้ม้ม โโนโนนด้าม้ ย้ามวนวกน้าา้าวรวเโขดยี ยนกสาื่อรเสขาียรนในส่อืรปูสาตรา่ ใงนๆรูปเชต่นา่ งผๆังคเชวน่ ามผคังิดควเาปม็นคตดิ น้ เปน็ ตน้ โดโดยยกกาารรเขเขยี ยี นนสสอื่ ื่อสสาารรในในรรปู ปู ตรตา่ ว่างมงๆๆเชเชน่ น่ ผผงั ังคคววาามมคคดิ ดิ เปเปน็ ็นตตน้ น้ รวมคะรแรวนวมนม/เฉลย่ี รรววมมคคะะแแนนนน//เฉเฉลลย่ี ย่ี

108 110081 หมายเหตุ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. เกณฑ์การใหค้ ะแนนระดบั คุณภาพ ดมี าก - พฤติกรรมทป่ี ฏิบตั ชิ ัดเจนและสมา่ เสมอ ให้ ๓ คะแนน คะแนน ๑๒ – ๑๕ ระดบั คณุ ภาพ ดีเยีย่ ม ดี - พฤตกิ รรมท่ปี ฏิบตั ิชัดเจนและบ่อยคร้งั ให้ ๒ คะแนน คะแนน ๘- ๑๑ ระดับคณุ ภาพ ดี ให้ ๑ คะแนน คะแนน ๔ - ๗ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ พอใช้ - พฤติกรรมที่ปฏบิ ตั บิ างคร้ัง ให้ ๐ คะแนน คะแนน ๐ – ๓ ระดบั คุณภาพ ปรบั ปรงุ ต้องปรับปรงุ - ไม่เคยปฏบิ ตั ิพฤติกรรม ลงชือ่ ......................................................................ผปู้ ระเมนิ สรุปผลการประเมนิ (.....................................................................) ระดับ  ดีเยยี่ ม ........... /................................/.....................  ดี  พอใช้  ปรับปรุง

110029 10 รายละเอียดเกณฑ์การใหค้ ะแนนแบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเรียนของนักเรยี นรายบุคคล รายละเอียดเกณฑ์การให้คะแนนแบบสงั เกตพฤติกรรมการเรียนของนักเรยี นรายบุคคล ประเด็นปกราะรเปดร็นะกเมาินรประเมิน ๓ 3 เกณฑ์กาเ๒กรใณหฑค้ ะก์ แานร2ในห้คะแนน ๑1 มีความสนมใีคจวแาลมะสนใจและ มีความสนใมจีคแวลาะมสนใจและ ขาดความขสานดใจคแวลาะมสนใจและ คในวกาามรสเใคนรนียวใกจนากามรรสเะนรตยีใอื จนรกือรระ้นตือรกตือรลระอน้ตดอืเวรลือตการรลน้ ะอใตดนือเกวราลอืรารเรน้ ียในนการเคพกรรรดูียะงั้ คนใตยุนอื นครอาือบกรคพกเน้ รรรดู ใอื่ะ้งั นคงใตุยบนบือนาค้ารงงอาอืเบกว๑รลเน้–รา๒ใื่อนงบบาา้ งงเขคนว1ึน้วอล–าไกา2ปมเรกอื่ รงะมขนคตา้ึนวืออการไกกปมอื เวรกรา่ื่อน้รงะ๓พมตดูาคอื กครรัง้กุยือวรา่้น3พคูดรค้งั ุย กกาารรมทสีำกว่กตกิจนาาอกรรรบมทรว่ ครมีสาามกใว่ ถนิจนากรมรว่ รมมในเชน่มทกตมคคิจารลสสีุกบูถกอ่มวคานรดำ่รตมรเรงั้คสอมท่วามบมสคี่บคกคมอคมใรจิราสี นตตำ่ำ�ูถบถูกว่ กลถเอาานรสาอามบตมรมรรมดอคม่วทอทบำ�สมำ�ำุกถคมกใคานาา่ิจมรกถเก้ังสาารทมรมรี่ อททตากุทมกต๑กคมลคจิลสีีค่จิาสี–อรกอ่วรบก่ว๒ดัง้นรถูดนรทรตารคครรมี่มอ่วมารว่ สมบบ้ังสม๑มใคมใ1กมคนตน่�ำำ่ำ-ิจา–สีกเอถสบ2ก๒่วาบามนรรมคคตคอรทรท�ำรอมร่วำ�ตำถี่ค้งัง้ับสมลารคมใอมูถนา่าดากถเมสาามรมอททตาค่ี ลททขรอาำ่ีคูถดกดรากิจถูมาการมรมรททขีสมา่ว่ีาคไดนกรมกริจถู ต่ ว่ากาอมรมรบมใรนคสีมกำ่วถาไนมรารม่ตว่ อมบในคกาถาราม ความรบั ผิดชอบ มทไดีคำร้ งวับาานมมเอรสบับทไเมรวดผห็จีคาล้ริดมแงวาบัชาลาาทนยอมะมุกอบเสอรสคย่งตับบรร่าอ่ผห็จง้ังงดิมดแาชีาลนยอะทอบสี่ ย่งตต่า่อมทแงางตคีีไ่ดมาด่ทวีน้ราำบัทมงามรี่ นับอไผบทททมมดิหคีนีไ่ัาเ่ ชดสงมวเอาวรร้าาน็จับลบยมาไมตรมบั่ออ1เ่ งผบส–าิดร2หนจ็ชมคแอารลบยงั้ ะแตสต่อขไง่งม่งาาไาน่เมดสนทค่ รีไ่ว็จดาแร้มลับททขงระามบัาันาสนดองผเ่งทาวคบดิไนลมี่ไวชหดาไ่ทาอมม้รมนับามับ่เรเยสตาวมบั ทร่อกลอผ็จำกาบดิงแวาชหล่านอะม3สบาง่ยตคไ่อรม้ัง่ ความรับมต่อผองิดบาชหนอมทบาไี่ ยด้รับ ตามเวลาทุกครั้ง และส่งไมท่ ันเวลา ๑–๒ ครงั้ มากกวา่ ๓ขึ้นคไรปง้ั ข้นึ ไป มีคุณ ธรรมในการเรียน มีคุณ ธรรมในการเรียน ขาดคุณธรรมในการเรียน โดยมีความขยัน ซ่ือสัตย์ โดยมีความขยัน ซ่ือสัตย์ โดยไมข่ ยันเรยี น คุณธรรมในการเรยี น และมีจิตสาธารณะต่อครู และมีจิตสาธารณะต่อครู ไม่ ซื่ อ สั ต ย์ แ ล ะไม่ มี จิ ต เชน่ ความขยัน ซอ่ื สัตย์ แ ล ะ เพื่ อ น ทุ ก ค ร้ั ง ที่ มี และเพอ่ื นบ้าง 1–2 ครงั้ สาธารณะต่อครูและเพ่ือน มีจติ สาธารณะ โอกาส

110 110130 แบบสังเกตพฤตกิ รรมการเรียนของนักเรยี นรายบุคคล เลขที่ ชือ่ -สกลุ ความสนใจ การมีสว่ นร่วมใน ความรับผดิ ชอบตอ่ คณุ ธรรมใน รวม กระตือรอื ร้นในการ การทากจิ กรรม เชน่ งานที่ไดร้ บั มอบหมาย การเรยี น เช่น ความขยัน ซื่อสตั ย์ เรียน ตอบคาถาม มจี ติ สาธารณะ 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 12 ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม : ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. ............................................................................................ เกณฑ์การประเมนิ ดี ระดับคุณภาพ 3 หมายถงึ พอใช้ 9 – 12 คะแนน = ดี 2 หมายถงึ ปรับปรุง 5 – 8 คะแนน = พอใช้ 1 หมายถึง 1– 4 คะแนน = ปรับปรงุ

111104 111 รายละเอยี ดเกณฑ์การใหค้ ะแนนแบบประเมินพฤตกิ รรมการทางานกลมุ่ ประเดน็ การ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ประเมิน 3 21 เน้อื หาทน่ี าเสนอมคี วาม เนือ้ หาทีน่ าเสนอขาด ความถกู ต้อง เน้ือหาทนี่ าเสนอมี ถกู ต้อง ชัดเจน แตม่ ี ความถกู ตอ้ ง ชัดเจน ชดั เจนของเนอ้ื หา ความถูกต้อง ชัดเจน ข้อผิดพลาดบ้าง 1-2 และมขี ้อผดิ พลาด 3 ท่นี าเสนอ ในทกุ ประเด็นมี ประเดน็ ประเด็นข้ึนไป รายละเอยี ดครบถว้ น การมสี ว่ นรว่ ม สมาชิกมสี ว่ นรว่ มใน สมาชิกส่วนใหญ่ มีส่วน สมาชกิ สว่ นใหญ่ มสี ว่ น สร้างสรรค์ การสร้างสรรคง์ าน รว่ มในการสรา้ งสรรค์ ร่วมในการสร้างสรรค์ งานกลุม่ กลุม่ โดยยอมรบั ฟัง งานกล่มุ แตม่ ีสมาชิกใน งานกลุ่ม แตม่ ีสมาชิกใน ความคิด ความคดิ เห็นของผู้อ่ืน กลุ่มท่ีไมม่ ีส่วนร่วม กลุม่ ทไ่ี มม่ ีส่วนรว่ ม สรา้ งสรรค์ในการ และแสดงความ สร้างสรรค์งานบ้าง 1– สร้างสรรคง์ าน 3 คน นาเสนอ คดิ เห็นทุกครัง้ 2 คน ขนึ้ ไป การตรงต่อเวลา มคี วามคิดสร้างสรรค์ ขาดความคดิ สร้างสรรค์ ขาดความคิดสรา้ งสรรค์ ในการนาเสนอ ในการนาเสนอผลงาน ในการนาเสนอผลงาน ผลงานทแ่ี ปลกใหม่ แต่เป็นผลงานท่มี ีคณุ ค่า และผลงานไม่มีคุณคา่ น่าสนใจ และมคี ุณคา่ งานของกลุ่มเสรจ็ งานของกลมุ่ เสร็จตาม งานของกลุ่มเสรจ็ ไม่ ตามกาหนดเวลาและ กาหนดเวลาแต่งานไม่มี ทันเวลาทก่ี าหนดและ งานมคี ุณภาพดี คุณภาพ งานไม่มคี ุณภาพ

111025 แบบประเมนิ พฤติกรรมการทางานกลุ่มของนักเรียน ความ การมี ความคดิ ถกู ตอ้ ง ส่วนร่วม สรา้ งสรรค์ การตรงต่อ รวม เลข ช่อื -สกลุ ชัดเจนของ สรา้ งสรรค์ ในการ เวลา ท่ี เนือ้ หา งานกลมุ่ นาเสนอ 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 12 ขอ้ เสนอแนะเพิ่มเติม : ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. ............................................................................................ เกณฑ์การประเมิน ดี ระดบั คุณภาพ 3 หมายถึง พอใช้ 9 – 12 คะแนน = ดี 2 หมายถึง ปรบั ปรงุ 5 – 8 คะแนน = พอใช้ 1 หมายถึง 1– 4 คะแนน = ปรบั ปรงุ

113 111036 หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี ๒ เรยี นรสู้ ุภาษิต รหสั วิชา ท๒๑๑๐๑ รายวิชาพืน้ ฐานภาษาไทย กลมุ่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ ๑ ภาคเรยี นที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๖๑ เวลา ๑๒ ชวั่ โมง ชื่อ...............................................นามสกุล.......................................ชัน้ ................................เลขท่ี.................. ………………………………………………………………………………………….........................................………………………..... ๑. ความรู้ที่นักเรียนไดร้ บั ………………………………………………………………………………………….........................................………………………..... ………………………………………………………………………………………….........................................………………………..... ………………………………………………………………………………………….........................................………………………..... ………………………………………………………………………………………….........................................………………………..... ………………………………………………………………………………………….........................................………………………..... ………………………………………………………………………………………….........................................………………………..... ………………………………………………………………………………………….........................................………………………..... ๒. เรือ่ งท่นี กั เรียนชอบและมีความเขา้ ใจ ………………………………………………………………………………………….........................................………………………..... ………………………………………………………………………………………….........................................………………………..... ………………………………………………………………………………………….........................................………………………..... ………………………………………………………………………………………….........................................………………………..... ………………………………………………………………………………………….........................................………………………..... ๓. เร่อื งที่นกั เรียนไมช่ อบหรือไม่เขา้ ใจ.................................................................................................................. ………………………………………………………………………………………….........................................………………………..... ………………………………………………………………………………………….........................................………………………..... ๔. เรอ่ื งที่นักเรียนสามารนาไปประยกุ ต์ใชใ้ นชวี ติ ประจาวนั ได้.............................................................................. ………………………………………………………………………………………….........................................………………………..... ………………………………………………………………………………………….........................................………………………..... ………………………………………………………………………………………….........................................………………………..... ………………………………………………………………………………………….........................................……………………….....

114 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ ๒ เรอื่ ง เรยี นรู้สภุ าษติ แผนการจดั การเรียนรู้ที่ ๑ เวลา ๑ ชั่วโมง กลุม่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย เรอื่ ง การตคี วามคายาก ขอบเขตเนอื้ หา รายวชิ าพนื้ ฐานภาษาไทย ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ ๑ กิจกรรมการเรยี นรู้ สื่อ/แหล่งเรยี นรู้ ความหมายการอา่ นตคี วาม ข้นั นา ๑. ใบความรู้เร่ือง การอา่ นตีความ หลกั เกณฑ์การอา่ นตีความ ครสู นทนากบั นักเรียนเรื่องการอ่าน ในสถานการณ์ ๒. ใบงานเรอื่ ง การตีความคายาก จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ทีน่ ักเรยี นอ่านคาทน่ี ักเรยี นไม่ทราบความหมาย ๓. บทความทางวิชาการ ดา้ นความรู้ นักเรียนทาอย่างไรจึงทราบความหมายของคาน้นั ขัน้ สอน ภาระงาน/ชิ้นงาน อธิบายความหมายการอา่ นตคี วาม ๑. ครยู กตัวอยา่ งข้อความ นกั เรียนคน้ คว้าคายากจากบทความทางวิชาการ อธบิ ายหลกั เกณฑ์การอ่านตคี วาม “สตางค์หนูก็มีค่ะ” เด็กหญิงตบกระเปา๋ ดา้ นทกั ษะและกระบวนการ กระโปรงให้ดูประกอบ “แตว่ ่าหนคู อยให้นา้ ลายไหล ๑. จาแนกความหมายของคายากได้ เสียกอ่ นถึงจะซ้ือ” ๒. หาความหมายคายากจากพจนานุกรมได้ (รอใหน้ ้าลายไหลเสียกอ่ น : ศุทธนิ ี) ๓. ตีความคายากจากบริบทได้ “นิทานเรื่องสงั ข์ทองมีความเกา่ แก่ และ ดา้ นคุณลกั ษณะ แพรห่ ลายมานานแลว้ ทง้ั ในรูปนทิ านมุขปาฐะ ท่ี ๑. ซอื่ สัตยส์ จุ รติ ถ่ายทอดกันปากต่อปาก และทเ่ี ปน็ ลายลักษณ์อักษร” ๒. มวี ินยั ให้นักเรียนอธบิ ายความหมายคาท่ขี ีดเส้นใตต้ ามที่ ๓. ใฝ่เรยี นรู้ นักเรยี นเข้าใจ ๔. มงุ่ มั่นในการทางาน ๒. นักเรยี นแบง่ กลุม่ ศึกษาใบความรูเ้ รื่องการอา่ น ตคี วาม ทาความเขา้ ใจ และส่งตัวแทนนาเสนอหน้าช้นั เรยี น ๓. ครแู จกใบงานเรื่อง การตีความคายาก และให้ นกั เรยี นตคี วามหมายคายาก พร้องส่งตวั แทนนาเสนอ 111074

นักเรยี นตคี วามหมายคายาก พรอ้ งสง่ ตวั แทนนาเสนอ หน่วยการเรยี นรู้ที่ ๒ เรอ่ื ง เรียนรสู้ ุภาษิต แผนการจดั การเรยี นรูท้ ่ี ๑ 115 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย เรือ่ ง การตคี วามคายาก เวลา ๑ ช่ัวโมง รายวิชาพน้ื ฐานภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ ผลงานหน้าช้ันเรียน ๔. ครมู อบหมายนักเรยี นค้นควา้ คาศัพท์ยาก บทความทางวิชาการจากสื่อสิ่งพมิ พ์ตา่ ง ๆ ข้นั สรปุ ครูและนกั เรยี นรว่ มกนั สรุปคายากทีป่ รากฏใน ข้อความตา่ ง ๆ ซง่ึ บางคาต้องใชพ้ จนานกุ รม ในการ บอกความหมาย บางคาบางคาต้องอาศยั การอ่านทา ความเข้าใจตามบริบท หรือข้อความแวดล้อม รวมทั้งแงค่ ดิ ในการนาไปประยุกต์ใชใ้ นชีวติ ประจาวัน 108

116 111096 การวัดและประเมินผล ส่ิงท่ีต้องการวัด/ประเมิน วธิ กี าร เคร่อื งมอื ทใี่ ช้ เกณฑ์ ดา้ นความรู้ ๑. อธบิ ายความหมาย นาเสนอผลงาน แบบนาเสนอผลงาน ผา่ นเกณฑ์ การอา่ นตีความ การประเมิน ๒. อธิบายหลกั เกณฑ์ รอ้ ยละ ๘๐ การอา่ นตคี วาม ขึน้ ไป ดา้ นทกั ษะและกระบวนการ ๑. จาแนกความหมายของคายาก ๑.ตรวจใบงานเร่ือง ๑.ใบงานเร่อื ง การตีความ ผ่านเกณฑ์ ๒. หาความหมายคายากจาก การตีความคายาก คายาก การประเมิน พจนานกุ รม ๒.สงั เกตพฤติกรรม ๒.แบบสังเกตพฤตกิ รรม ร้อยละ ๘๐ ๓. ตคี วามคายากจากบริบท การทางานกลมุ่ ของ การทางานกล่มุ ของ ข้ึนไป นกั เรยี น นกั เรียน ดา้ นคุณลกั ษณะ ประเมนิ คุณลกั ษณะ แบบประเมนิ คุณลักษณะ ผ่านเกณฑ์ ๑. ซื่อสัตยส์ จุ รติ ๒. มวี นิ ยั คณุ ภาพระดับ ๒ ๓. ใฝ่เรียนรู้ ๔. มุ่งมัน่ ในการทางาน ๘. บันทกึ ผลหลังสอน ผลการเรียนรู้ ............................................................................................................................. ................................................. ปญั หาและอปุ สรรค .............................................................................................................................................................................. ข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ไข ......................................................................................................................... ..................................................... ลงชอ่ื ...................................................ผสู้ อน (.................................................................) วนั ที่.............เดือน...............พ.ศ…………. ๙. ความคดิ เหน็ /ขอ้ เสนอแนะของผูบ้ รหิ ารหรอื ผู้ทีไ่ ดร้ ับมอบหมาย ............................................................................................................................. ................................................. ลงชือ่ ...................................................ผู้ตรวจ (.................................................................) วันท.ี่ ............เดือน...........................พ.ศ.

117 111170 ใบควำมรู้เร่อื ง กำรอำ่ นตคี วำม หนว่ ยกำรเรยี นรทู้ ี่ ๒ แผนกำรจัดกำรเรยี นรทู้ ี่ ๑ กำรตีควำมคำ้ ยำก รำยวิชำภำษำไทย รหัส ท๒๑๑๐๑ ภำคเรยี นที่ ๑ ช้นั มธั ยมศกึ ษำปที ่ี ๑ การอา่ นตีความ การอา่ นตคี วาม เปน็ การอา่ นที่จะตอ้ งทาความเข้าใจกับความหมายแฝง ที่เป็นแก่นของเรื่องท่แี ทจ้ ริงที่ ผู้เขียนต้องการจะส่ือ เนื่องจากบางคร้ังผู้เขียนไม่ได้ต้องการสื่อความหมายตรงตามถ้อยคาท่ีเขียน แต่ยังแฝง ความคิดที่ลึกซ้ึงด้วยศิลปะการเขียนที่ใช้สัญลักษณ์หรือถ้อยคาเปรียบเทียบเพื่อให้ผู้อ่านใช้ปัญญาคิดวิเคราะห์ เน้ือความนั้น ๆ เพื่อให้เกิดอรรถรสในการอ่าน หรือบางคร้ังผู้เขียนอาจไม่กล่าวถึงเรื่องราวบางประการอย่าง ตรงไปตรงมา ซ้ึงอาจเป็นเรื่องผิดกฎหมายหรือเสียมารยาททางสังคม ผู้เขียนจึงหลีกเล่ียงวิธีการเขียนโดยไม่ กล่าวตรง ๆ แต่ไปใช้คาเปรียบเทียบหรือใช้สัญลักษณ์แทน ผู้อ่านจึงต้องใช้ประสบการณ์การอ่านและ สตปิ ญั ญาในการอ่านตีความใหเ้ ขา้ ใจสารอย่างแทจ้ ริง หลักเกณฑใ์ นการอา่ นตีความมี ดังนี้ ๑. อา่ นเรอ่ื งท่จี ะตีความน้ันให้ละเอยี ด แลว้ พยายามจบั ประเดน็ สาคัญใหไ้ ด้ ๒. ขณะท่ีอ่านต้องพยายามคิดหาเหตุผลและใคร่ครวญอย่างรอบคอบ แล้วนามาประมวลเข้ากับ ความคิดของตนเองว่า ข้อความหรือเรอ่ื งนนั้ มคี วามหมายถงึ สงิ่ ใด ๓. พยายามทาความเข้าใจถ้อยคาท่ีเห็นว่ามีความสาคัญ และจะต้องไม่ลืมตรวจดูบริบท (context) ด้วยว่าบริบทหรือสงิ่ แวดล้อมนัน้ ไดก้ าหนดความหมายของคานนั้ อย่างไร ๔. ต้องระลึกไว้เสมอว่า การตีความไม่ใช่การถอดคาประพันธ์ เพราะการตีความเป็นการจับใจความ สาคญั และคงไวซ้ ง่ึ คาของขอ้ ความเดมิ ๕. การเขียนเรียบเรียงถ้อยคาทไ่ี ด้จากการตีความนน้ั จะตอ้ งให้มีความหมายชัดเจน ๖. การตคี วามเกี่ยวกับเน้ือหาหรือน้าเสียง เป็นการตีความตามความรู้ ความคดิ และประสบการณ์ของ ผ้ตู คี วามเอง ดงั นนั้ ผอู้ ่ืนจึงไมอ่ าจเหน็ พ้องตามกไ็ ด้ ตวั อย่างการอ่านตีความ “โต้ตอบอย่าเสียคา” ตีความได้ว่า ในการสนทนาหรือโต้คารมไม่ควรกล่าวคาพูดให้ผู้อ่ืนเส่ือมเสีย จากสุภาษิตข้างต้นถ้าอ่านเพียงเพื่อเข้าใจความหมายอย่างตรงไปตรงมาก็จะได้ความว่า “การพยายามโต้ตอบ ด้วยบางสง่ิ บางอย่างเป็นเร่อื งท่ดี ี” “อยา่ ขุดคนด้วยปาก” ตีความไดว้ ่า ไม่ควรพูดค่อนขอดหรือกล่าวหาว่าร้ายใคร จากสภุ าษติ ข้างต้นถ้า อ่านเพียงเพื่อเข้าใจความหมายอย่างตรงไปตรงมาก็จะไดค้ วามว่า “หา้ มไมใ่ ห้ใชป้ ากคนขดุ หาของ” “น้าเชี่ยวอย่าขวางเรือ” ตีความได้ว่า ในขณะท่ีเหตุการณ์รุนแรงยังดาเนินอยู่อย่างร้อนรนเราไม่ควร เข้าไปยุ่งเกี่ยวจากสุภาษิตข้างต้นถ้าอ่านเพียงเพื่อเข้าใจความหมายอย่างตรงไปตรงมาก็จะได้ความว่า “ห้าม พายเรือหรือนาเรอื ไปขวางตอนทีน่ ้ากาลังไหลเชย่ี ว” “ผมมนี ้ำผ้ึงในปาก แตไ่ ม่มีมีดในดวงใจ”

118 111181 น้าผึง้ หมายถึงความจริงใจ ความอ่อนหวาน มดี หมายถงึ ความไมจ่ รงิ ใจ “เด็กหญงิ ตวั เล็ก ๆ คนนัน้ ยนื อยูท่ ี่นัน่ นานนักหนาบางทีอาจจะก่อนที่ข้าพเจา้ จะเขา้ ไปซ้ือ ของในร้านเสยี อีก ดวงตาเปน็ ประกายของแม่หนจู บั จ้องอยู่ทขี่ วดโหลท่บี รรจุทอฟฟ่ีชนิดตา่ ง ๆ อมยมิ้ ลกู กวำด และขนมปังกรอบหลากหลายชนิด น้วิ แกใสอ่ ยใู่ นปาก ท่าทางเหมือนกับพิสมัยขนมในขวดโหลน้ัน เป็นกำ้ ลงั จนกระท่ังตัดสินใจไมถ่ ูกว่าควรจะเลือกซ้ืออะไรกันแน่” ทอฟฟ่ี หมายถงึ ของหวานแบบฝรัง่ ใช้อมให้ละลายทลี ะน้อย ทาด้วยนา้ ตาลกวนกับนมหรอื เนย เป็นตน้ ปั้นเปน็ ก้อนกลมหรอื เหล่ียม แล้วห่อกระดาษบดิ หวั ท้าย, ลกู อม ก็เรียก. อมย้ิม หมายถงึ ขนมหวานประเภทลูกอมชนิดหนึง่ ทาด้วยน้าตาลเปน็ รปู กลม ๆ หรือแบน ๆ มไี มเ้ สียบดา้ นล่างสาหรับถือ มสี ีต่าง ๆ. ลกู กวำด หมายถึง ของหวานทาดว้ ยน้าตาล มลี ักษณะเป็นเมด็ กลม ทาเปน็ หลายสี ใช้เค้ียว หรืออมให้ละลายทีละนดิ . พสิ มัย หมายถึง รกั , ชอบ ในท่ีนห้ี มายถงึ อยากได้

119 111129 ใบงำน เร่ืองกำรตคี วำมคำ้ ยำก หน่วยกำรเรยี นรทู้ ่ี ๒ แผนกำรจดั กำรเรยี นรู้ท่ี ๑ กำรตีควำมคำ้ ยำก รำยวชิ ำภำษำไทย รหัส ท๒๑๑๐๑ ภำคเรียนที่ ๑ ช้ันมัธยมศึกษำปที ่ี ๑ ค้ำชี้แจง ใหน้ กั เรียนบอกความหมายคาท่ขี ดี เส้นใต้ ๑. “แหม เจา้ ประคณุ เอย๋ วนั น้ันเรากนิ ขา้ วกลางวนั กนั จนทอ้ งหลาม ขา้ วสกุ ไม่เหลือตดิ กน้ จานแมเ้ มด็ เดยี วไมม่ ีหกตกหลน่ อร่อยข้าวคลุกเห็ดโคนต้มน้าปลา” หลงทาง : ขรรคช์ ยั บนุ ปาน ทอ้ งหลาม หมายถงึ ........................................................................................................................................... ๒. “ระวางนั้น โสมทัตต์ตรงรี่เขา้ ไปหาคู่รกั ของตน ส่วนครู่ กั กล็ ุกข้นึ มาต้อนรบั ออกเสียงอุทานแต่เบา ข้าพเจา้ เหน็ เขาเปน็ เช่นน้นั กเ็ ตรยี มตวั สงบใจให้หายอุธจั เพ่ือเข้าไปหานางผูห้ าท่ีเปรยี บมิไดข้ องขา้ พเจ้าบ้าง” กามนติ : เสถียรโกเศศและนาคะประทีป อุธัจ หมายถงึ ............................................................................................................................. ...................... ๓. “บ้านอยู่ถัดไป ตรงลานหนา้ บ้านมหี มอ้ และชามดินพ่ึงปั้นเสร็จใหม่ ๆ วางอยู่เรียงราย อนั เป็น การงานแหง่ เจ้าของบา้ นท่ีพากเพียรลงแรงทาเป็นสมั มาอาชีพได้ในวันน้นั เครื่องปั้นหม้อยงั คงวางอยู่ใต้ ตน้ มะขามใหญ,่ ขณะนัน้ กุมภการชา่ งปั้นหม้อกาลังเอาชามดนิ ดบิ ออกจากเครื่องป้ัน ขนเอามาวางเรียงรวมกัน ไว้” กามนติ : เสถยี รโกเศศและนาคะประทปี กมุ ภการ หมายถงึ .......................................................................................................................................... .... ๔. ขอเพยี งเห็นดาวรงุ่ ที่มุ่งฝัน เปน็ สาคัญว่าอุทยั ใกล้แล้วหนอ อีกเมื่อไรจะสว่างเหมือนอย่างรอ : อชุ เชนี อทุ ัย หมายถงึ ............................................................................................................................. .....................

120 111230 เฉลยใบงำน เรอ่ื งกำรตคี วำมคำ้ ยำก หนว่ ยกำรเรียนรทู้ ี่ ๒ แผนกำรจดั กำรเรยี นร้ทู ่ี ๑ กำรตีควำมคำ้ ยำก รำยวิชำภำษำไทย รหัส ท๒๑๑๐๑ ภำคเรียนท่ี ๑ ชั้นมัธยมศกึ ษำปที ี่ ๑ คำ้ ชแ้ี จง ใหน้ กั เรยี นบอกความหมายคาที่ขีดเส้นใต้ แหม เจ้าประคุณเอย๋ วนั นนั้ เรากินข้าวกลางวนั กันจนท้องหลาม ข้าวสกุ ไมเ่ หลือติด ก้นจานแม้ เมด็ เดียวไม่มีหกตกหล่น อร่อยขา้ วคลุกเหด็ โคนต้มนา้ ปลา หลงทาง : ขรรค์ชยั บุนปาน ทอ้ งหลาม หมายถึง ท้องใหญ่เกินพอดี ระวางน้นั โสมทัตตต์ รงร่เี ข้าไปหาครู่ กั ของตน สว่ นคู่รกั กล็ ุกขนึ้ มาต้อนรบั ออกเสยี งอุทานแตเ่ บา ขา้ พเจา้ เห็นเขาเป็นเชน่ นนั้ กเ็ ตรียมตัวสงบใจใหห้ ายอุธัจ เพ่ือเขา้ ไปหานางผู้หาที่เปรยี บมิไดข้ องขา้ พเจา้ บา้ ง กามนติ : เสฐียรโกเศศและนาคะประทีป อุธจั หมายถงึ ความประหม่า ความขวยเขิน บ้านอยู่ถดั ไป ตรงลานหน้าบ้านมหี ม้อและชามดินพึง่ ปน้ั เสร็จใหม่ ๆ วางอยเู่ รยี งราย อันเป็นการ งานแหง่ เจ้าของบา้ นทพ่ี ากเพียรลงแรงทาเปน็ สมั มาอาชีพได้ในวันนนั้ เครื่องป้ันหม้อยังคงวางอยใู่ ต้ตน้ มะขาม ใหญ่, ขณะนน้ั กุมภการชา่ งป้ันหม้อกาลังเอาชามดนิ ดบิ ออกจากเครื่องปัน้ ขนเอามาวางเรยี งรวมกันไว้ กามนิต : เสฐยี รโกเศศและนาคะประทีป กุมภการ หมายถงึ ชา่ งปนั้ หม้อ ขอเพยี งเหน็ ดาวรุง่ ที่มงุ่ ฝัน เป็นสาคญั ว่าอทุ ยั ใกลแ้ ลว้ หนอ อทุ ัย หมายถึง พระอาทติ ยแ์ รกขึ้น อีกเมื่อไรจะสวา่ งเหมือนอย่างรอ : อชุ เชนี

121 หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ ๒ เร่อื ง เรียนร้สู ภุ าษิต แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ ๒ เวลา ๑ ชั่วโมง กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย เรอื่ ง การตคี วามคายาก ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ ขอบเขตเน้อื หา รายวิชาพนื้ ฐานภาษาไทย ส่อื /แหลง่ เรียนรู้ กจิ กรรมการเรียนรู้ ๑. ใบงานเร่ือง การอา่ นตีความคายาก การตคี วามคายาก ขนั้ นา ๒. บทความทางวิชาการเรื่องช้อนปลาในบ่อเพื่อน จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ครยู กตัวอยา่ งข้อความท่มี ีคายากในบรบิ ท ดังนี้ “คลื่นทม่ี ากระทบ ไม่หยุดหยอ่ น พอลกู แรก ภาระงาน/ชิ้นงาน ดา้ นความรู้ กระแทกฝง่ั ยงั ไม่ทันซ่า คลืน่ ลูกทส่ี องก็ตามมา ยังไม่ นักเรียนรวบรวมบทความ ความหมายคายากในเอกสารโดยพิจารณาบรบิ ท ทันจะได้ปรับตัวเตรียมใจกม็ คี ลนื่ ลกู ใหมถ่ าโถม ทางวิชาการท่ีน่าสนใจ วนเวียนซา้ แล้วซ้าเล่าหาจดุ จบไมไ่ ด้ ทาไมนะชวี ิตชีวติ มาคนละ ๒-๓ บทความ จากเร่ืองทอี่ ่าน ดา้ นทักษะและกระบวนการ ตอนนจี้ งึ ไดม้ แี ต่ปัญหา” ๑. จาแนกคายากได้ ๒. เขยี นความหมายคายากจากพจนานุกรมได้ และใหน้ กั เรียนร่วมวเิ คราะห์คาศัพท์ท่ตี ้องใชบ้ รบิ ท และคายากจากบริบทได้ และอธบิ ายความหมายของคาศพั ท์ ด้านคณุ ลักษณะ ๑. ซื่อสัตยส์ ุจรติ ขน้ั สอน ๒. มีวินัย ๑. นักเรยี นเข้ากลุม่ ครูแจกบทความเอกสารทาง ๓. ใฝเ่ รยี นรู้ วิชาการเรื่อง ช้อนปลาในบ่อเพอื่ น ใหน้ ักเรยี นหาคา ๔. มุง่ มนั่ ในการทางาน ยาก และบอกความหมายตามบรบิ ทและตาม พจนานกุ รม ๒. ตัวแทนแต่ละกลุ่มนาเสนอผลงานการตีความ คายาก ขั้นสรุป ครูและนักเรยี นรว่ มกนั สรุปลักษณะการอ่าน ตคี วามคายากท่ใี ช้บริบทเพื่อให้นักเรยี นนาใชใ้ น การอ่าน 112141

122 112125 การวดั และประเมินผล สง่ิ ที่ต้องการวัด/ประเมิน วธิ ีการ เครือ่ งมอื ท่ใี ช้ เกณฑ์ ด้านความรู้ ความหมายคายากใน ตรวจใบงานเรอ่ื ง ใบงานเรอื่ งการตีความ ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ เอกสารโดยพจิ ารณาบริบทจาก การตคี วามคายาก คายาก รอ้ ยละ ๘๐ ขน้ึ ไป เร่อื งที่อ่าน ดา้ นทกั ษะและกระบวนการ นาเสนอผลงาน แบบนาเสนอผลงาน ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ ๑. จาแนกคายากได้ รอ้ ยละ ๘๐ ขึ้นไป ๒. เขยี นความหมาย คา ยากจากพจนานุกรม และ คายากจากบรบิ ทได้ ประเมนิ แบบประเมนิ ผ่านเกณฑ์คุณภาพ ด้านคณุ ลักษณะ คณุ ลกั ษณะ คณุ ลกั ษณะ ระดบั ๒ ๑. ซื่อสัตยส์ ุจรติ ๒. มีวินัย ๓. ใฝ่เรยี นรู้ ๔. มุง่ มัน่ ในการทางาน ๘. บนั ทึกผลหลังสอน ผลการเรียนรู้ ............................................................................................................................. ................................................. ปญั หาและอุปสรรค .......................................................................................................................................... .................................... ข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ไข ...................................................................................................................................................................... ........ ลงชือ่ ...................................................ผสู้ อน (.................................................................) วันท่ี.............เดอื น...............พ.ศ…………. ๙. ความคดิ เหน็ /ขอ้ เสนอแนะของผู้บริหารหรอื ผู้ท่ไี ดร้ บั มอบหมาย ............................................................................................................................. ................................................. ลงชื่อ...................................................ผูต้ รวจ .................................................................) วันท่.ี ............เดอื น...........................พ.ศ.

123 112136 ใบงาน เรือ่ ง การตคี วามคายาก หน่วยกำรเรยี นรู้ที่ ๒ แผนกำรจดั กำรเรยี นรูท้ ่ี ๒ เร่อื ง กำรตคี วำมคำยำก รำยวชิ ำภำษำไทย รหัส ท๒๑๑๐๑ ภำคเรียนที่ ๑ ช้นั มธั ยมศึกษำปที ี่ ๑ คำช้แี จง ใหน้ ักเรยี นบอกความหมายศัพทต์ ่อไปนี้โดยใชบ้ ริบทและพจนานกุ รม ชอ้ นปลำในบอ่ เพ่ือน โดยทั่วไปกอ่ นเล้ียงปลาเป็นอาชพี เกษตรกรต้องตระเตรียมพน้ื ที่ท่ีจะลงทุนแรงขุดบอ่ สาหรบั เลีย้ ง ปลา จากนน้ั จึงซอ้ื ลูกปลาพันธ์ุท่ตี ้องการมาเลี้ยงตั้งแตย่ ังเล็ก ต้องใชเ้ วลาสมควรในการดูแลเลี้ยงดูให้เติบใหญ่ อยา่ งมีคณุ ภาพเพ่ือจะได้จับขายถอนทนุ หวังผลกาไร แต่วันดีคนื ดีก็มีมือดีแอบมาชอ้ นปลาหรือมาตกปลาไป พฤติกรรมเชน่ นี้เปน็ การเอาเปรยี บดว้ ยวิธมี ักงา่ ยเพยี งเพื่อใหต้ นไดผ้ ลประโยชน์โดยไมต่ ้องลงทนุ ลงแรง ยง่ิ ถ้า เปน็ การกระทาของคนที่คนุ้ เคยก็ยอ่ มจะสร้างความไม่พอใจและสลดหดห่ใู จแกเ่ จ้าของบ่อปลา ไดม้ กี ารนา “ชอ้ นปลาในบ่อเพ่อื น” มาใชเ้ ปน็ สานวนทางการเมอื งให้มคี วามหมายเปรียบถึงการ กระทาของพรรคการเมอื งบางพรรคท่ีใช้วิธเี อาเปรยี บพรรคอนื่ ๆ เพ่ือชักจูงนกั การเมืองท่ีมีชื่อเสียงอยู่แล้วใน พรรคนน้ั ๆ ใหย้ ้ายมาอยู่พรรคของตนโดยไม่ตอ้ งสร้างนักการเมืองใหม่ ๆ เอง เชน่ ตอนนส้ี พุ ลซ่ึงเป็นคอ การเมืองคุยวพิ ากษว์ ิจารณก์ ับกลุ่มเพ่ือนอยา่ งออกรสวา่ “ไอว้ ิธชี ้อนปลาในบ่อเพ่ือนนม่ี ันเป็นวิธกี ารเห็นแกไ่ ด้ อย่างนา่ อดสู แพรร่ ะบาดรวดเร็วเหมอื นโรครา้ ย แตบ่ างพรรคก็ยงั ทากนั อยา่ งหน้าตาเฉย” บางคนใช้เป็นสานวน “ตกปลาในบ่อเพื่อน” ซ่งึ ก็มีจุดม่งุ หมายในการพดู คลา้ ยกนั แต่จะเน้นที่การใช้ เหย่อื เพื่อล่อใหป้ ลามาฮบุ กนิ ดว้ ยวิธกี ารตกเบด็ ๑. ถอนทุน ความหมาย .................................................................................................................... ......... ๒. วันดคี นื ดี ความหมาย ............................................................................................................................. ๓. มือดี ความหมาย ............................................................................................................................. ๔. ชอ้ นปลา ความหมาย ............................................................................................................................. ๕. คอการเมือง ความหมาย .................................................................................................................... ......... ๖. อย่างออกรส ความหมาย ............................................................................................................................. ๗. วธิ ชี ้อนปลา ความหมาย .................................................................................................................... ......... ๘. หนา้ ตาเฉย ความหมาย ............................................................................................................................. ๙. เหยื่อ ความหมาย .................................................................................................................... ......... ๑๐. ฮุบ ความหมาย .................................................................................................................... .........

124 112174 เฉลยใบงาน เร่ือง การตีความคายาก หน่วยกำรเรยี นรทู้ ่ี ๒ แผนกำรจดั กำรเรยี นรูท้ ่ี ๒ เรือ่ ง กำรตคี วำมคำยำก รำยวชิ ำภำษำไทย รหัส ท๒๑๑๐๑ ภำคเรยี นท่ี ๑ ชั้นมธั ยมศึกษำปที ่ี ๑ คำช้แี จง ใหน้ ักเรียนบอกความหมายศัพท์ต่อไปนี้โดยใชบ้ ริบทและพจนานุกรม ชอ้ นปลำในบ่อเพื่อน โดยท่วั ไปกอ่ นเลีย้ งปลาเปน็ อาชีพ เกษตรกรตอ้ งตระเตรียมพื้นที่ที่จะลงทุนแรงขดุ บ่อสาหรับเล้ยี ง ปลา จากนนั้ จึงซอื้ ลกู ปลาพนั ธุ์ทต่ี ้องการมาเล้ียงต้ังแต่ยังเล็ก ต้องใชเ้ วลาสมควรในการดูแลเลยี้ งดใู หเ้ ตบิ ใหญ่ อย่างมีคุณภาพเพ่ือจะไดจ้ ับขายถอนทนุ หวงั ผลกาไร แต่วันดคี นื ดีกม็ ีมอื ดีแอบมาช้อนปลาหรือมาตกปลาไป พฤติกรรมเชน่ นเ้ี ป็นการเอาเปรยี บด้วยวธิ มี ักงา่ ยเพยี งเพ่ือให้ตนได้ผลประโยชน์โดยไม่ต้องลงทุนลงแรง ยิง่ ถา้ เป็นการกระทาของคนที่ค้นุ เคยกย็ ่อมจะสรา้ งความไม่พอใจและสลดหดห่ใู จแกเ่ จ้าของบ่อปลา ไดม้ ีการนา “ชอ้ นปลาในบ่อเพื่อน” มาใช้เป็นสานวนทางการเมอื งใหม้ คี วามหมายเปรยี บถงึ การ กระทาของพรรคการเมืองบางพรรคที่ใช้วธิ เี อาเปรยี บพรรคอ่นื ๆ เพ่ือชักจูงนักการเมืองท่ีมชี ่ือเสยี งอยู่แลว้ ใน พรรคน้นั ๆ ใหย้ า้ ยมาอยู่พรรคของตนโดยไม่ต้องสรา้ งนักการเมอื งใหม่ ๆ เอง เชน่ ตอนนสี้ พุ ลซงึ่ เป็นคอ การเมืองคยุ วิพากษว์ ิจารณ์กับกล่มุ เพื่อนอย่างออกรสว่า “ไอว้ ธิ ชี อ้ นปลาในบ่อเพ่ือนนม่ี ันเป็นวธิ กี ารเห็นแก่ได้ อย่างน่าอดสู แพร่ระบาดรวดเรว็ เหมือนโรครา้ ย แต่บางพรรคกย็ ังทากนั อยา่ งหนา้ ตาเฉย” บางคนใชเ้ ป็นสานวน “ตกปลาในบ่อเพ่ือน” ซึง่ ก็มีจุดม่งุ หมายในการพูดคลา้ ยกนั แต่จะเนน้ ท่กี ารใช้ เหย่ือ เพ่ือล่อให้ปลามาฮุบกนิ ดว้ ยวธิ กี ารตกเบด็ ๑. ถอนทุน ความหมาย เอาทุนคนื หวงั กาไร วันหนงึ่ ๒. วนั ดคี ืนดี ความหมาย ขโมย จบั ปลา ๓. มอื ดี ความหมาย ผมู้ ีความสนใจเรื่องการเมืองเป็นพิเศษ อยา่ งสนุกสนาน เปน็ ทชี่ อบอกชอบใจ ๔. ช้อนปลา ความหมาย การเอาเปรยี บ หน้าดา้ น ทาเปน็ ไม่รไู้ ม่ชี้ ๕. คอการเมือง ความหมาย ผลประโยชน์ กิน ๖. อย่างออกรส ความหมาย ๗. วธิ ชี อ้ นปลา ความหมาย ๘. หนา้ ตาเฉย ความหมาย ๙. เหยือ่ ความหมาย ๑๐. ฮบุ ความหมาย

125 หน่วยการเรียนรทู้ ่ี ๒ เร่ือง เรยี นร้สู ภุ าษิต แผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ ๓ เวลา ๑ ชัว่ โมง กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย เร่ือง สานวน สุภาษิต คาพงั เพย ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ ๑ ขอบเขตเน้ือหา รายวชิ าพ้นื ฐานภาษาไทย สอ่ื /แหลง่ เรียนรู้ กิจกรรมการเรียนรู้ ๑. ภำพสำนวนไทย สำนวนทเ่ี ปน็ คำพงั เพยและสุภำษติ ขนั้ นา ๒. ใบควำมรู้เรือ่ ง สำนวน สภุ ำษิต คำพงั เพย จุดประสงค์การเรยี นรู้ ๑. ครนู กั เรยี นทำยภำพสำนวนไทย ๓. แผนภำพควำมคิด ด้านความรู้ ภาระงาน/ช้ินงาน ตำนำพริกละลำยแมน่ ำ ศกึ ษำคน้ ควำ้ เร่ืองสำนวนสุภำษิตและคำพงั เพย อธิบำยควำมหมำยของสำนวน สุภำษติ และคำ อย่ำเห็นกงจกั รวำ่ เป็นดอกบวั พงั เพยได้ และบอกควำมหมำยสำนวน ดา้ นทักษะและกระบวนการ ๒. ครใู หน้ กั เรียนวิเครำะห์ลักษณะควำมหมำย สำนวน “อยำ่ เห็นกงจักรว่ำเป็นดอกบวั ” “ตำนำพริก จำแนกควำมแตกตำ่ งของสำนวนทีเ่ ปน็ สุภำษิต ละลำยแมน่ ำ” มีควำมเหมือนและตำ่ งกันหรือไม่ และคำพังเพยได้ อยำ่ งไร ด้านคุณลักษณะ ขนั้ สอน ๑. ครูให้นกั เรียนแบ่งกลุ่มศกึ ษำควำมหมำยของ ๑. มวี ินัย สำนวน สุภำษติ คำพงั เพยจำกใบควำมรู้เรื่อง สำนวน ๒. ใฝเ่ รยี นรู้ สุภำษติ คำพังเพย ๓. มงุ่ มั่นในกำรทำงำน ๒. นักเรยี นทำแผนภำพควำมคิด จำแนกควำม ๔. รกั ควำมเปน็ ไทย เหมอื นควำมแตกต่ำงของสำนวน สภุ ำษติ และคำ พังเพย ๓. ตัวแทนกลมุ่ นำเสนอแผนภำพควำมคดิ จำแนก สำนวน สุภำษติ และคำพงั เพย ๔. ครูให้นักเรยี นไปคน้ คว้ำสภุ ำษิต และคำพงั เพย จำกสำนวนในสือ่ ตำ่ ง ๆ เพอื่ นำมำใชใ้ นกำรเรยี น 111285

หน่วยการเรียนรทู้ ่ี ๒ เรื่อง เรียนรู้สุภาษิต แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี ๓ 126 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย เรือ่ ง สานวน สภุ าษิต คาพังเพย เวลา ๑ ชว่ั โมง รายวชิ าพน้ื ฐานภาษาไทย ช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี ๑ ชว่ั โมงถดั ไป ขนั้ สรุป ครูและนกั เรยี นรว่ มกันสรปุ ลกั ษณะที่เหมือนและ แตกต่ำงกนั ระหวำ่ งสำนวน สุภำษติ คำพงั เพย 119

127 112270 การวัดและประเมนิ ผล สงิ่ ทตี่ ้องการวดั /ประเมิน วิธกี าร เครอ่ื งมือทใ่ี ช้ เกณฑ์ ดา้ นความรู้ ๑. ควำมหมำยของสำนวน นำเสนอผลงำน แบบนำเสนอผลงำน ผ่ำนเกณฑ์กำรประเมนิ ๒. ควำมหมำยของสภุ ำษิต รอ้ ยละ ๘๐ ขนึ ไป ๓. ควำมหมำยของคำพังเพย ด้านทักษะและกระบวนการ เขยี นแผนภำพ แบบประเมินกำรเขยี น ผำ่ นเกณฑ์กำรประเมนิ จำแนกควำมแตกตำ่ งของ ควำมคิด แผนภำพควำมคิด ร้อยละ ๘๐ ขนึ ไป สำนวนทเี่ ปน็ สุภำษติ และคำ พงั เพยได้ ด้านคุณลกั ษณะ ๑. มวี นิ ัย ประเมิน แบบประเมิน ผ่ำนเกณฑ์คุณภำพ ๒. ใฝ่เรยี นรู้ คุณลกั ษณะ คุณลกั ษณะ ระดบั ๒ ๓. มุง่ มัน่ ในกำรทำงำน ๔. รักควำมเปน็ ไทย ๘. บันทกึ ผลหลังสอน ผลกำรเรยี นรู้ ............................................................................................................................. ................................................. ปญั หำและอปุ สรรค .............................................................................................................................................................................. ข้อเสนอแนะและแนวทำงแก้ไข .......................................................................................................................... .................................................... ลงชือ่ ...................................................ผสู้ อน (.................................................................) วันท.ี่ ............เดือน...............พ.ศ…………. ๙. ความคิดเหน็ /ขอ้ เสนอแนะของผ้บู รหิ ารหรือผู้ที่ไดร้ ับมอบหมาย ............................................................................................................................. ................................................. ลงช่อื ...................................................ผตู้ รวจ (.................................................................) วันท.ี่ ............เดอื น...........................พ.ศ.

128 112281 ทายภาพ เร่อื งสานวน สภุ าษติ คาพงั เพย หน่วยการเรยี นรู้ท่ี ๒ แผนการจัดการเรยี นรูท้ ี่ ๓ สานวน สุภาษิต คาพงั เพย รายวิชาภาษาไทย รหัส ท๒๑๑๐๑ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ ๑

129 112229 ใบความรู้เร่ือง สานวน สภุ าษติ คาพงั เพย หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ ๒ แผนการจดั การเรียนร้ทู ่ี ๓ สานวน สุภาษิต คาพงั เพย รายวิชาภาษาไทย รหัส ท๒๑๑๐๑ ภาคเรยี นท่ี ๑ ช้นั มัธยมศึกษาปที ี่ ๑ พจนานกุ รมฉบบั ราชบัณฑิตยสถาน (๒๕๕๔ : ๑๒๒๗) ได้อธิบายความหมาย “สานวน” ไวว้ า่ “ถ้อยคาที่เรียบเรียง, โวหาร, บางทกี ็ใชว้ ่าสานวนโวหาร ; ถอ้ ยคาหรือข้อความที่กล่าวสบื ตอ่ กันมาชา้ นานแล้ว มคี วามหมายไม่ตรงตามตัวหรือมีความหมายอื่นแฝงอยู่ เช่น สอนจระเข้ใหว้ า่ ยนา ราไมด่ ีโทษปีโทษกลอง” สานวน จึงเปน็ ถ้อยคาท่ีมีความหมายไม่ตรงตามตัวอกั ษร เปน็ คากล่าวเชิงเปรียบเทยี บเพื่อใช้อธิบาย การกระทา พฤตกิ รรม หรือส่ิงใดสงิ่ หน่ึงทผี่ ู้พูดไมไ่ ด้กลา่ วถึงโดยตรง มคี วามหมายไมต่ รงรปู คา แตเ่ ปน็ ที่เข้าใจ ความหมายกนั ระหว่างผสู้ ง่ สารกับผรู้ ับสาร เชน่ นาท่วมทงุ่ ตที า้ ยครัว หม้อข้าวไม่ทันดา สภุ าษิต คือ ถ้อยคาที่กลา่ วไว้เปน็ คติหรอื เตือนใจ มักเป็นถ้อยคาที่กลา่ วสบื ตอ่ กันมาช้านานแลว้ มี จุดมงุ่ หมายเพ่อื สงั่ สอนและเป็นข้อเตือนใจใหป้ ฏบิ ัติตาม โดยมามคี าวา่ “อย่า” หรือ “ให้” ปรากฏในสุภาษติ นันด้วย เช่น นาเชย่ี วอย่าขวางเรือ คบคนให้ดหู น้า ซือผ้าให้ดูเนอื คาพังเพย คือ ถ้อยคาที่กลา่ วให้ข้อคิด โดยจะกล่าวถึงพฤติกรรม การกระทาบางอยา่ งในสถานการณ์ ต่าง ๆ เชน่ ปดิ ทองหลงั พระ ดงั นนั สุภาษิตคาพังเพย จงึ จัดรวมอยใู่ น “สานวน” ด้วยกันทงั คู่ เพราะมีความหมายในเชิง เปรยี บเทยี บ และเปน็ ถอ้ ยคาท่ใี ช้สืบเนื่องกันมานาน ลกั ษณะของสภุ าษิต และคาพงั เพย สภุ าษติ มลี กั ษณะเปน็ ถอ้ ยคาทีม่ ักใชส้ ัน ๆ กะทัดรัด แต่มคี วามหมายลึกซึง มสี ัมผัสคลอ้ งจอง หรอื บางครงั อาจใช้คาแปลกชวนให้สะดดุ ใจ คดิ ตีความ สว่ นใหญ่สภุ าษิตที่ใชก้ นั ในสังคมไทย มักมที ี่มาจากคาสอน ทางพุทธศาสนา ธรรมะในพทุ ธศาสนา หรอื อาจนามาจากธรรมชาติ และสง่ิ ตา่ ง ๆ รอบตัว สภุ าษิตเปน็ ถ้อยคา ทกี่ ล่าวสืบตอ่ กันมาแต่โบราณ มักพบในวรรณคดเี ร่ืองต่าง ๆ เชน่ สภุ าษติ พระรว่ ง โคลงโลกนิติ สุภาษิตสอน หญิง เปน็ ตน้ ตัวอย่าง  ทาดีได้ดี สอนว่าหากทาดกี ็จะได้รับผลดีตอบแทน  ทาชวั่ ไดช้ วั่ สอนว่าหากทาช่วั ก็จะได้รบั ส่ิงไมด่ ตี อบแทน  นาขนึ ให้รบี ตกั สอนใหร้ บี ทาเม่ือมโี อกาสดี  นาขุ่นอยู่ใน นาใสอย่นู อก สอนให้เกบ็ ความไม่พอใจเอาไว้ แสดงท่าทีเป็นมติ ร  อยา่ ไว้ใจทาง อยา่ วางใจคน สอนไม่ให้ไวใ้ จหรือเช่อื อะไรใครง่าย ๆ  พงึ เอาชนะความโกรธด้วยความไมโ่ กรธ สอนใหร้ ู้จกั ระงบั ความโกรธ

130 112330 คาพงั เพย มลี กั ษณะเป็นถอ้ ยคาทใี่ ห้ข้อคิด โดยกลา่ วถงึ พฤติกรรม หรือธรรมชาตริ อบตัว โดยมากมัก เปน็ ถอ้ ยคาทีเ่ ปน็ ขอ้ สรปุ การกระทาหรือพฤติกรรมทวั่ ไป อาจมีทีม่ าจากนทิ าน ตานาน วรรณคดี เป็นตน้ ตัวอย่าง  ทองไมร่ ู้ร้อน หมายถึง ทาตวั ไมม่ ีความรสู้ กึ ไม่มีปฏกิ ิรยิ า  ขมินกบั ปนู หมายถงึ ไม่ถกู กนั ทะเลาะกนั เปน็ ประจา  กบเลอื กนาย หมายถงึ คนช่างเลือก เลอื กมากจนตวั เองเดอื ดรอ้ น  ทาคณุ บชู าโทษ หมายถงึ ทาความดแี ต่กลบั ไดร้ ับสงิ่ ไม่ดีตอบแทน  ราไม่ดโี ทษป่โี ทษกลอง หมายถึง ตนเองทาผดิ แตโ่ ทษวา่ เป็นความผิดของผ้อู ่ืน  มือไมพ่ าย เอาเท้ารานา หมายถงึ ตนเองไมช่ ่วยทา แลว้ ยงั ขัดขวางการทางานของผู้อนื่ คุณคา่ ของสานวนไทย สานวนไทยมีคุณคา่ หลายประการ ดังนี ๑. ชว่ ยพัฒนาปญั ญาของคนไทยในสงั คม ๒. เป็นมรดกแห่งภมู ิปญั ญาทางภาษาไทย ๓. เป็นแนวทางประพฤตทิ ี่ดีใหแ้ ก่คนในสังคม ๔. เปน็ แบบแผนควบคมุ พฤติกรรมของคนในสงั คม ๕. สะท้อนวัฒนธรรม ประเพณี ศาสนาและวถิ ีชีวิตความเป็นอยูข่ องคนไทย สรุป สภุ าษติ และคาพงั เพยนัน จัดเปน็ “สานวน” ด้วยกันทงั คู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคาที่ใชส้ ืบเนอ่ื งกันมานาน สภุ าษติ เป็นถ้อยคาทมี่ ักใช้คาสนั ๆ กะทดั รัดแต่มคี วามหมายลึกซึง มี สมั ผัสคลอ้ งจอง สว่ นใหญส่ ภุ าษิตท่ีใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคาสอนทางพุทธศาสนา หรอื อาจนามาจาก ธรรมชาติ และส่งิ ต่าง ๆ รอบตัว คาพงั เพยเปน็ ถอ้ ยคาท่ีให้ข้อคิด โดยกล่าวถงึ พฤติกรรมหรอื ธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมกั เปน็ ถอ้ ยคาท่เี ป็นข้อสรุปการกระทาหรอื พฤติกรรมท่วั ไป อาจมีทมี่ าจากนทิ าน ตานาน วรรณคดี สานวนไทยมคี ุณคา่ หลายประการ เชน่ สะท้อนวัฒนธรรม ประเพณี ศาสนา และวถิ ีชวี ิตความเปน็ อยู่ของคน ไทย ช่วยพฒั นาปัญญาของคนในสงั คมไทย เป็นแนวทางประพฤตทิ ี่ดใี ห้แก่คนในสงั คม

131 แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ ๔ เวลา ๑ ช่วั โมง หน่วยการเรยี นรู้ที่ ๒ เรอ่ื ง เรยี นรสู้ ภุ าษิต เรือ่ ง สานวน สุภาษิต คาพงั เพย กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย รายวิชาพน้ื ฐานภาษาไทย ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ ๑ ขอบเขตเน้อื หา กิจกรรมการเรียนรู้ สื่อ/แหล่งเรยี นรู้ ข้นั นา ๑. เกมต่อสำนวน สำนวนทีเ่ ป็นคำพงั เพยและสุภำษิต ๑. ครูใหน้ กั เรยี นเลน่ เกมต่อคำสำนวนไทย ๒. ใบควำมรู้ เรอื่ ง สำนวน สภุ ำษิต คำพังเพย จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ และครูซักถำมนกั เรียนควำมหมำยของสำนวน ๓. ใบงำน เรือ่ ง สำนวน สุภำษิต คำพงั เพย ดา้ นความรู้ สุภำษติ คำพังเพย ๔. แบบทดสอบ เร่ือง สำนวน สุภำษติ คำพังเพย ๒. นกั เรยี นยกตวั อย่ำงสำนวนไทยพร้อม ภาระงาน/ช้นิ งาน อธิบำยควำมหมำยของสำนวน สภุ ำษติ และ สถำนกำรณ์ท่นี กั เรียนเคยนใชำ�้ส�ำ นวนมาใช้ รวบรวมสำนวนและควำมหมำย คำพงั เพยได้ ขั้นสอน ดา้ นทักษะและกระบวนการ ๑. แบง่ นักเรยี นออกเป็นกลุม่ ครแู จกใบงำน เรื่อง ๑. จำแนกสุภำษติ และคำพังเพยได้ สำนวน สภุ ำษิต คำพงั เพย ๒. ใช้สำนวนที่เปน็ สภุ ำษิตและคำพังเพยได้ ๒. นักเรียนระดมควำมคิดวเิ ครำะห์ และ ด้านคุณลักษณะ สังเครำะหเ์ รื่อง สำนวน สภุ ำษติ คำพังเพยและชว่ ยกนั ๑. มีวนิ ัย ทำใบงำน เร่ือง สำนวน สุภำษติ คำพังเพย ๒. ใฝ่เรยี นรู้ ๓. ครูใหต้ ัวแทนกลุ่มนำผลงำนนำเสนอหน้ำชนั้ ๓. มุ่งมัน่ ในกำรทำงำน หเรนยี ้านชน้ั เรยี น ๔. รกั ควำมเปน็ ไทย ๔. ครูและนกั เรียนร่วมแสดงควำมคดิ เหน็ สรปุ ใหข้ อ้ เสนอแนะกำรนำเสนอผลงำน ๕. นกั เรยี นทำแบบทดสอบ เรอ่ื ง สำนวน สภุ ำษิต คำพังเพย 121431

หนว่ ยการเรียนรู้ที่ ๒ เร่อื ง เรยี นรู้สุภาษติ แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี ๔ 132 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย เรือ่ ง สานวน สภุ าษิต คาพงั เพย เวลา ๑ ชวั่ โมง ช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี ๑ รายวิชาพืน้ ฐานภาษาไทย ๖. ครแู ละนำให้นักเรยี นรวบรวมสำนวนและ ควำมหมำยจำกหนังสือเรียนหรอื แหลง่ เรียนรู้ตำ่ ง ๆ เพอ่ื นำไปประยุกต์ใช้เป็นคตสิ อนใจในกำรดำเนินชวี ิต ขน้ั สรปุ นกั เรยี นและครูชว่ ยกันสรุปควำมรู้และคณุ ค่ำ ของสำนวน สภุ ำษิตและคำพังเพย 125

133 113236 การวัดและประเมินผล สง่ิ ท่ีต้องการวดั /ประเมนิ วธิ ีการ เครื่องมือทีใ่ ช้ เกณฑ์ ด้านความรู้ แบบทดสอบ ผำ่ นเกณฑ์ กำรประเมิน อธิบำยควำมหมำยของ ทดสอบ ร้อยละ ๘๐ ขน้ึ ไป สำนวน สุภำษติ และ คำพงั เพยได้ ด้านทกั ษะและระบวนการ ๑. จำแนกสุภำษิตและคำ ตรวจใบงำน เรอื่ ง เกมต่อสำนวน ผำ่ นเกณฑ์ กำรประเมนิ พังเพยได้ สำนวน สภุ ำษิต ใบงำน เรอ่ื ง สำนวน รอ้ ยละ ๘๐ ข้ึนไป ๒. ใช้สำนวนท่ีเป็นสุภำษติ คำพงั เพย สุภำษิต คำพงั เพย และคำพังเพยได้ ดา้ นคุณลกั ษณะ ๑. มีวินัย ประเมนิ จำก แบบประเมนิ ผำ่ นเกณฑ์คณุ ภำพ ๒. ใฝเ่ รยี นรู้ คณุ ลกั ษณะ คุณลักษณะ ระดบั ๒ ๓. มงุ่ ม่ันในกำรทำงำน ๔. รกั ควำมเป็นไทย ๘. บนั ทกึ ผลหลังสอน ผลกำรเรยี นรู้ ............................................................................................................................. ................................................. ปัญหำและอุปสรรค ............................................................................................................................. ................................................. ขอ้ เสนอแนะและแนวทำงแก้ไข ..................................................................................................................................................................... ......... ลงชอ่ื ...................................................ผสู้ อน (.................................................................) วนั ท่ี.............เดือน........................พ.ศ…… ๙. ความคิดเห็น/ข้อเสนอแนะของผู้บรหิ ารหรอื ผู้ท่ีได้รบั มอบหมาย ............................................................................................................................. ................................................. ลงชอ่ื ...................................................ผ้ตู รวจ (.................................................................) วันที่.............เดอื น.........................พ.ศ……

134 112374 เกมตอ่ สำนวน เรื่องสำนวน สุภำษติ คำพังเพย หนว่ ยกำรเรยี นรู้ที่ ๒ แผนกำรจัดกำรเรยี นรู้ที่ ๑ สำนวน สุภำษิต คำพังเพย รำยวิชำภำษำไทย รหัส ท๒๑๑๐๑ ภำคเรยี นที่ ๑ ชัน้ มธั ยมศกึ ษำปีท่ี ๑ ๑. กรวดน้ำ.......................... ๒. กลิ้งครก.......................... ๓. กลนื ไมเ่ ขำ้ ....................... ๔. กนิ ปูน.................................... ๕. ใกล้เกลอื ............................... ๖. ...........................คนงำมเพรำะแต่ง ๗. ..........................ข้ำงในเปน็ โพรง ๘. ..........................ออกตำมประตู ๙. ..........................ถำกดว้ ยตำ ๑๐. ............................ลบด้วยเท้ำ ๑๑. คบั ท่ี...............คับใจ................... ๑๒. งำนหลวง.....................งำนรำษฎร์............... ๑๓. จระเข.้ ...................อยถู่ ำ้ เดียวกัน................. ๑๔. จอดเรอื ........................ขมี้ ้ำ.................... ๑๕. ช้ำงตำย....................เอำใบบวั ......................... เฉลย ๒. กลง้ิ ครก ขน้ึ เขา.......................... ๑. กรวดนำ้ ควา่ ขนั ๔. กินปนู ร้อนทอ้ ง ๓. กลนื ไมเ่ ขำ้ คายไม่ออก ๖. ไก่งามเพราะขน คนงำมเพรำะแตง่ ๕. ใกล้เกลือ กนิ ด่าง ๘. เขา้ ตามตรอก ออกตำมประตู ๗. ข้างนอกสกุ ใส ข้ำงในเปน็ โพรง ๑๐. เขยี นดว้ ยมือ ลบดว้ ยเทำ้ ๙. ขดุ ดว้ ยปาก ถำกด้วยตำ ๑๒. งำนหลวงไมใ่ หข้ าด งำนรำษฎร์ไมใ่ หเ้ สยี ๑๑. คบั ท่ี อยู่ได้ คับใจอย่ยู าก ๑๔. จอดเรอื ไมด่ ทู า่ .ขี้มำ้ ไม่ดูทาง ๑๓. จระเขส้ องตัวอยู่ถ้ำเดยี วกนั ไม่ได้ ๑๕. ช้ำงตำยทั้งตัวเอำใบบวั มาปดิ

135 112385 ใบงำน เร่อื งสำนวน สุภำษติ คำพังเพย ๔๐ หน่วยกำรเรียนใรบู้ทงี่ ำ๒น แเรผื่อนงกสำำรนจวดั นกำสรุภเำรษียนติ รแทู้ลี่ะ๔คำสพำงันเวพนย สภุ ำษติ คำพงั เพย ชือ่ .........ร...ำ..ย..ว..ชิ...ำ..ภ...ำ..ษ...ำ..ไ.ท...ย....ร..ห..ั.ส...ท...๒..ส๑ก๑ลุ ๐..๑.................ภ...ำ..ค..เ..ร..ีย..น...ท..ี่..๑.............ชชน้ั ้ันมม.ัธ๑ยม/.ศ...กึ ..ษ. เำลปขที ที่ ี่.๑.......... ตอนท่ี ๑ จงตอบคำถำมต่อไปนีใ้ หถ้ กู ต้องสมบรู ณ์ สภุ ำษติ คำพังเพย จดั รวมอยใู่ น “สำนวน” ดว้ ยกนั ท้ังคู่ เพรำะ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ตอนท่ี ๒ จงจำแนกสำนวนไทยตอ่ ไปนว้ี ำ่ สำนวนใดเป็นสภุ ำษิตสำนวนใดเปน็ คำพงั เพย ๑. บัวไม่ใหช้ ำ้ น้ำไม่ให้ขุ่น เป็น ..................................................................... ๒. มสี ลึงพึงบรรจบให้ครบบำท เปน็ ..................................................................... ๓. มอื ถอื สำก ปำกถือศีล เปน็ ..................................................................... ๔. นำ้ ข้ึนใหร้ ีบตัก เปน็ ..................................................................... ๕. กบเลอื กนำย เป็น ..................................................................... ๖. ขมน้ิ กบั ปูน เป็น ..................................................................... ๗. น้ำขนุ่ อยูใ่ น น้ำใสอยู่นอก เป็น ..................................................................... ๘. อยำ่ ไวใ้ จทำง อยำ่ วำงใจคน เป็น ..................................................................... ๙. ทำคุณบชู ำโทษ เปน็ ..................................................................... ๑๐. พงึ เอำชนะควำมโกรธด้วยควำมไม่โกรธ เป็น ..................................................................... ๑๑. คบคนให้ดูหนำ้ ซ้อื ผำ้ ใหด้ ูเนอ้ื เปน็ ..................................................................... ๑๒. เข้ำเมอื งตำหล่วิ ต้องหล่วิ ตำตำม เป็น .................................................................... ตอนที่ ๓ จงบอกควำมหมำยของสำนวนต่อไปน้ี ๑. สู้จนยิบตำ หมำยถงึ .............................................................................................................................................................................. ๒. งอมพระรำม หมำยถึง ............................................................................................................................................................................. ๓. เจำ้ ไมม่ ีศำล สมภำรไม่มวี ัด หมำยถึง .............................................................................................................................................................................. ๔. ตนี แมว หมำยถงึ .............................................................................................................................................................................. ๕. เข้ำตำมตรอกออกตำมประตู หมำยถึง .............................................................................................................................................................................

136 112369 ตอนท่ี ๔ จงเติมสำนวนลงในชอ่ งวำ่ งให้ถกู ต้องตรงควำมหมำย ๑. หำประโยชน์ใส่ตนโดยขูดรดี จำกคนอน่ื ............................................................................................................................................................................. ๒. สรำ้ งเรื่องไม่จริงใหเ้ ปน็ เรอื่ งจริง ............................................................................................................................. ................................................ ๓. คำพูดตรง แต่ไมน่ ่ำฟัง ............................................................................................................................................................................. ๔. เอำควำมลับไปบอกใหใ้ คร ๆ รู้ .......................................................................................................... ................................................................... ๕. ชอบว่ำคนอ่ืนไมด่ ี แต่ตวั กับทำเสียเอง ............................................................................................................................. ................................................ ตอนที่ ๕ คำช้ีแจง : พจิ ำรณำสถำนกำรณ์ตอ่ ไปน้วี ่ำตรงกบั สำนวนใด ๑. สมชำยไม่ชว่ ยเพ่อื นทำรำยงำน แลว้ ยังเปดิ วทิ ยเุ สยี งดงั รบกวนเพอ่ื น ตรงกบั สำนวนใด ....................................................................................... ...................................................................................... ๒. พ่อแม่อตุ สำ่ ห์กหู้ น้ยี ืมสินหำเงนิ มำใหเ้ รยี นหนังสือกลับหนีโรงเรียนเอำเงินไปเท่ยี วกับเพอ่ื น ตรงกับสำนวนใด ............................................................................................................................. ๓. ครูของฉนั สอนลูกศิษย์ไดผ้ ลดียงิ่ ลูกศษิ ย์สอบไดย้ กชั้นทุกปี ทำ่ นทำงำนมำเกือบสบิ ปีแล้วเพ่ิงได้ เงนิ เดอื นข้ึนครง้ั เดียวเทำ่ นน้ั ทง้ั นเ้ี พรำะทำ่ นไม่ตอ้ งกำรโฆษณำควำมดีของท่ำน กำรกระทำของ ครูนี้ ตรงกบั สำนวนใด ....................................................................................................................... ...................................................... ๔. นักกำรเมือง ๒ คนน้ี เขำรู้จุดออ่ นและเล่หเ์ หลย่ี มของกันและกัน ตรงกับสำนวนใด .......................................................................................................................... ................................................... ๕. นำยแดงเป็นคนจน งำนหำเลย้ี งชีพก็ไมม่ ีทำ แตน่ ำยแดงชอบแตง่ ตัวหรหู รำจนคนอื่น ๆ เข้ำใจวำ่ เป็นคนรำ่ รวย ลกั ษณะของนำยแดงตรงกบั สำนวนใด .............................................................................................................................................................................

137 113370 เฉลเยฉใลบยงใำบนงำเรนื่องเรสอื่ ำงนสวำนนวสนุภำสษุภิตำแษลติ ะคคำำพพังังเเพพยย หนว่ ยกำรเรียนรทู้ ี่ ๒ แผนกำรจัดกำรเรียนรทู้ ่ี ๔ สำนวน สุภำษิต คำพังเพย รำยวิชำภำษำไทย รหัส ท๒๑๑๐๑ ภำคเรียนที่ ๑ ช้นั มธั ยมศกึ ษำปีที่ ๑ ตอนท่ี ๑ จงตอบคำถำมต่อไปนใี้ ห้ถกู ตอ้ งสมบูรณ์ สุภำษติ คำพังเพย จัดรวมอยู่ใน “สำนวน” ด้วยกนั ทั้งคู่ เพรำะมีควำมหมำยในเชิงเปรียบเทยี บ และเปน็ ถ้อยคำท่ใี ช้สืบเน่ืองกันมำนำน ตอนที่ ๒ จงจำแนกสำนวนไทยต่อไปนี้วำ่ สำนวนใดเปน็ สภุ ำษิตสำนวนใดเปน็ คำพงั เพย ๑. บัวไม่ให้ชำ้ นำ้ ไมใ่ หข้ นุ่ เป็น สุภำษิต ๒. มีสลงึ พึงบรรจบให้ครบบำท เปน็ สุภำษติ ๓. มอื ถอื สำก ปำกถือศลี เปน็ คำพงั เพย ๔. นำ้ ขนึ้ ใหร้ ีบตัก เปน็ สุภำษติ ๕. กบเลอื กนำย เป็น คำพังเพย ๖. ขมิ้นกับปนู เป็น คำพงั เพย ๗. น้ำขนุ่ อยู่ใน น้ำใสอย่นู อก เป็น สภุ ำษิต ๘. อย่ำไว้ใจทำง อยำ่ วำงใจคน เปน็ สภุ ำษิต ๙. ทำคุณบชู ำโทษ เป็น คำพังเพย ๑๐. พึงเอำชนะควำมโกรธด้วยควำมไม่โกรธ เปน็ สภุ ำษิต ๑๑. มะกอสำมตะกร้ำปำไม่ถูก เปน็ คำพงั เพย ๑๒. ปลำหมอตำยเพรำะปำก เปน็ คำพังเพย ตอนที่ ๓ จงบอกควำมหมำยของสำนวนต่อไปน้ี ๑. สู้จนยิบตำ หมำยถึง สู้จนถึงทส่ี ุด สไู้ ม่ถอย ๒. งอมพระรำม หมำยถงึ มีควำมทุกข์ควำมลำบำกเตม็ ท่ี ๓. เจำ้ ไม่มีศำล สมภำรไม่มวี ดั หมำยถึง ผู้ไม่มีท่ีอย่เู ปน็ หลกั แหลง่ ๔. ตีนแมว หมำยถงึ พวกยอ่ งเบำ ขโมย ๕. เขำ้ ตำมตรอกออกตำมประตู หมำยถึง ทำตำมธรรมเนียมเร่อื งกำรสูข่ อ ตอนท่ี ๔ จงเติมสำนวนลงในชอ่ งว่ำงให้ถูกต้องตรงควำมหมำย ๑. หำประโยชน์ใส่ตนโดยขดู รดี จำกคนอ่นื รีดเลอื ดกับปู ๒. สร้ำงเรือ่ งไม่จรงิ ให้เปน็ เรื่องจริง ปั้นนำ้ เป็นตัว ๓. คำพูดตรง แต่ไมน่ ำ่ ฟัง ขวำนผำ่ ซำก ๔. เอำควำมลบั ไปบอกใหใ้ คร ๆ รู้ ฆอ้ งปำกแตก กนิ ในท่ลี ับไขในท่แี จง้ ๕. ชอบวำ่ คนอื่นไมด่ ี แตต่ ัวกับทำเสียเอง วำ่ แตเ่ ขำอเิ หนำเป็นเอง

138 113381 ตอนท่ี ๕ คำช้แี จง : พิจำรณำสถำนกำรณต์ ่อไปนีว้ ำ่ ตรงกับสำนวนใด ๑. สมชำยไมช่ ว่ ยเพือ่ นทำรำยงำน แลว้ ยงั เปดิ วทิ ยเุ สยี งดังรบกวนเพอ่ื น ตรงกับสำนวนใด มือไมพ่ ำยเอำเท้ำรำนำ้ ๒. พ่อแม่อตุ สำ่ หก์ ้หู น้ียมื สินหำเงินมำใหเ้ รยี นหนงั สือกลบั หนีโรงเรียนเอำเงนิ ไปเทยี่ วกับเพอื่ น ตรงกับสำนวนใด คบคนพำล พำลไปหำผิด ๓. ครขู องฉันสอนลกู ศิษย์ไดผ้ ลดยี ่ิง ลูกศิษยส์ อบได้ยกช้ันทุกปี ทำ่ นทำงำนมำเกอื บสบิ ปีแล้วเพง่ิ ได้ เงนิ เดือนขึ้นครั้งเดียวเทำ่ นน้ั ทงั้ น้ีเพรำะท่ำนไม่ต้องกำรโฆษณำควำมดีของท่ำน กำรกระทำของ ครนู ้ี ตรงกบั สำนวนใด ปดิ ทองหลังพระ ๔. นกั กำรเมือง ๒ คนนี้ เขำรู้จดุ อ่อนและเล่หเ์ หล่ียมของกันและกนั ตรงกับสำนวนใด ไกเ่ ห็นตีนงู งูเหน็ นมไก่ ๕. นำยแดงเป็นคนจน งำนหำเลยี้ งชีพกไ็ มม่ ที ำ แตน่ ำยแดงชอบแต่งตัวหรหู รำจนคนอื่น ๆ เข้ำใจวำ่ เปน็ คนร่ำรวย ลกั ษณะของนำยแดงตรงกับสำนวนใด ข้ำงนอกสกุ ใส ข้ำงในเปน็ โพรง

139 113329 แบบทดสอบ เร่อื ง สำนวน สุภำษติ คำพงั เพย หนว่ ยกำรเรียนรู้ท่ี ๒ แผนกำรจดั กำรเรียนรทู้ ่ี ๔ เรื่อง สำนวน สุภำษิต คำพงั เพย รำยวชิ ำภำษำไทย รหัส ท๒๑๑๐๑ ภำคเรยี นที่ ๑ ชั้นมธั ยมศกึ ษำปที ี่ ๑ คำช้ีแจง ให้นักเรยี นเลือกคำตอบที่ถูกต้องท่สี ุดเพียงขอ้ เดียวเทำ่ นนั้ ๑. ขอ้ ใดเปน็ คำพงั เพย ค. ตำข้ำวสำรกรอกหม้อ ก. ขมนิ้ กบั ปูน ง. ชำ้ ๆ ไดพ้ ร้ำสองเลม่ งำม ข. น้ำข้นึ ใหร้ บี ตกั ๖. \"คนเรำจิตใจตำ่ งกนั \" พดู เป็นสำนวนว่ำอย่ำงไร ค. นำ้ ขุ่นอยู่ใน นำ้ ใสอยู่นอก ก. ขนมพอสมน้ำยำ ง. พงึ เอำชนะควำมโกรธดว้ ยควำมไมโ่ กรธ ข. ลำงเนื้อชอบลำงยำ ๒. ข้อใดไม่ใชค่ ำพังเพย ค. คอหยัก ๆ สักแตว่ ำ่ คน ก. ทองไม่รู้ร้อน ง. คบั ทอ่ี ยู่ได้คบั ใจอยยู่ ำก ข. กระต่ำยต่นื ตมู ๗. \"พกหนิ ดกี ว่ำพกน่นุ \" หมำยควำมวำ่ อยำ่ งไร ค. ทำดีไดด้ ี ทำชั่วไดช้ ว่ั ก. หินหนักกว่ำน่นุ ง. มอื ไม่พำย เอำเทำ้ รำนำ้ ข. ไปไหนควรเอำหินไปดว้ ย ๓. “สมทรงไมช่ ่วยเพื่อนทำรำยงำน แลว้ ยงั เปดิ ค. ทำงำนหนักไดป้ ระโยชนก์ ว่ำงำนเบำ วิทยุเสยี งดังรบกวนเพื่อน” ข้อควำมน้ีควรใช้ ง. ให้ใจคอหนักแน่นอย่ำหูเบำใจเบำ สำนวนใด ๘. \"ตปี ลำหนำ้ ไซ\" หมำยควำมว่ำอยำ่ งไร ก. กินในทลี่ บั ไขในทแ่ี จ้ง ก. จบั ปลำไดม้ ำก ข. มือไม่พำยเอำเท้ำรำน้ำ ข. ทำรำ้ ยเด็กตอ่ หน้ำผู้ใหญ่ ค. คบคนพำล พำลพำไปหำผิด ค. ทำให้ผอู้ ื่นเสียประโยชนท์ เ่ี ขำควรจะได้ ง. เข้ำตำมตรอกออกตำมประตู ง. ฉวยโอกำสกอบโกย ๔. นกั กำรเมือง ๒ คนนี้ เขำรู้จุดออ่ นและเลห่ ์ ๙. ผทู้ มี่ ีส่ิงทต่ี นไมร่ ู้คุณคำ่ อุปมำวำ่ อย่ำงไร เหลย่ี มของกนั และกัน ข้อควำมน้ีควรใช้สำนวนใด ก. ก้งิ กำ่ ไดท้ อง ก. สจู้ นยิบตำ ข. วำนรได้แก้ว ข. วำ่ แต่เขำอเิ หนำเปน็ เอง ค. หวั ลำ้ นได้หวี ค. ไกเ่ หน็ ตนี งู งูเหน็ นมไก่ ง. ตำบอดได้แวน่ ง. ข้ำงนอกสกุ ใส ขำ้ งในเปน็ โพรง ๑๐. \"คนทรี่ อู้ ะไรด้ำนเดยี ว แลว้ กเ็ ข้ำใจวำ่ ว่ำสง่ิ นั้น ๕. \"วันพรุ่งนี้สอบ คืนนี้ค่อยดูหนังสือ\" ตรงกับ เปน็ อยำ่ งนัน้ \" สำนวนใด ก. ตำบอดได้แว่น ก. หวังนำ้ บอ่ หน้ำ ข. ตำบอดคลำชำ้ ง ข. ใจดีสู้เสือ ค. ตำบอดสอดตำเห็น ง. ตำบอดตำใส เฉลย ๑. ก ๒. ค ๓. ข ๔. ค ๕. ค ๖. ข ๗. ง ๘. ง ๙. ข ๑๐. ข

140 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๒ เร่ือง เรยี นรู้สภุ าษติ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๕ เวลา ๑ ชัว่ โมง กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย เรอ่ื ง วจิ กั ษ์วรรณคดี ชั้นมธั ยมศกึ ษาปท่ี ๑ ขอบเขตเนอื้ หา สื่อ/แหล่งเรยี นรู้ รายวิชาพนื้ ฐานภาษาไทย ใบงานเร่อื งสภุ าษิตพระร่วง การสรปุ เนอ้ื หาวรรณคดีและวรรณกรรม กจิ กรรมการเรียนรู้ ภาระงาน/ชิน้ งาน การวิเคราะหว์ รรณคดีและวรรณกรรม ศึกษาและคน้ ควา้ ความหมายของสุภาษิตท่ี จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ ข้นั นา ปรากฏในเร่อื งสุภาษิตพระร่วง ดา้ นความรู้ ๑. ครยู กตวั อย่างสุภาษิตในเร่ืองสุภาษิตพระ ๑. อธิบายหลักการวิเคราะห์วรรณคดีเร่ืองสุภาษิต พระร่วง พร่วรงะรเชว่ งน่ เช่น ๒. สรุปเนือ้ หาวรรณคดเี รื่องสุภาษติ พระร่วง เม่อื น้อยใหเ้ รยี นวชิ า ได้สว่ ยอยา่ มักมาก ดา้ นทักษะและกระบวนการ ตระกูลตนจงคานับ ๑. วเิ คราะห์วรรณคดีและวรรณกรรมเรื่อง สภุ าษติ ๒. นักเรียนรว่ มกนั วเิ คราะหล์ ักษณะเน้ือหาของ พระรว่ งได้ สภุ าษิตวา่ มีลกั ษณะมุ่งใหป้ ฏิบตั เิ ช่นไร (ข้อห้าม คาสงั่ ๒. สรุปเนือ้ หาวรรณคดีและวรรณกรรมเร่ือง ขอ้ แนะนา) สุภาษติ พระรว่ งได้ ขัน้ สอน ๑. แบง่ นกั เรยี นออกเปน็ กลมุ่ ศึกษาวรรณคดี ด้านคุณลกั ษณะ ๑. รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เรื่อง สุภาษิตพระรว่ ง จากหนังสือแบบเรียนภาษาไทย ๒. มีวนิ ัย พรอ้ มทง้ั สรปุ ประเด็น ดงั น้ี ๓. ใฝ่เรยี นรู้ ๔. รักความเป็นไทย ๑) ความเป็นมาของเร่ือง/ประเภทของ วรรณคดี ๒) ประวัตผิ ้แู ตง่ ๓) ลักษณะคาประพันธ์ ๔) ลกั ษณะของเนือ้ เรอ่ื ง 113430

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๒ เรอ่ื ง เรียนรสู้ ภุ าษติ แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี ๕ 141 กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย เรอ่ื ง วิจักษว์ รรณคดี เวลา ๑ ชว่ั โมง ชนั้ มัธยมศึกษาปท ี่ ๑ รายวิชาพ้นื ฐานภาษาไทย จดั ทาเปน็ แผนภาพความคิด ๒. นักเรยี นแต่ละกลุม่ นาเสนอผลงานการศกึ ษา ตามประเดน็ ทีร่ ับผดิ ชอบ ครูซักถามนักเรยี น พร้อมให้ คาเสนอแนะเพมิ่ เติม และชมเชยผลงานของนักเรียน ๓. นกั เรียนทาใบงานเร่ืองสุภาษติ พระรว่ ง ครตู รวจใบงานนักเรยี น ๔. ครเู สนอแนะให้นกั เรยี นศกึ ษาและค้นควา้ ความหมายของสภุ าษิตทปี่ รากฏในเรื่องสุภาษิต พระร่วง ขน้ั สรปุ นกั เรยี นครรู ว่ มกันสรุปเนอื้ หาและบันทึกลงใน สมดุ งานของตนเอง 134


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook