Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 04ภาษาไทย ม.1

04ภาษาไทย ม.1

Published by thonglom, 2019-12-02 01:37:06

Description: 04thonglom m.1

Search

Read the Text Version

444 443454 ใบความรู้ เรอื่ ง ฉันทลกั ษณก์ าพยย์ านี ๑๑ หนว่ ยที่ ๕ แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี ๔ ฉนั ทลกั ษณ์กาพย์ยานี ๑๑ รายวชิ าภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรียนที่ ๑ ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๑ จดุ ประสงค์ ให้นกั เรยี นศึกษำฉันทลักษณ์ของคำประพนั ธป์ ระเภทกำพย์ยำนี ๑๑ ฉนั ทลักษณ์กาพย์ยานี ๑๑ กาพย์ยานี เป็นคำประพันธไ์ ทยประเภทกำพย์ท่ีกวนี ิยมแต่งมำก ปรำกฏกำรแต่งตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยำ มที งั้ แต่งสลับกบั คำประพันธ์ประเภทอน่ื และแต่งเพียงลำพัง กำพย์ยำนบี ทหนงึ่ มีสองบำท บำทละ ๑๑ คำ คนท่วั ไป จงึ นิยมเรียกวำ่ กำพย์ยำนี ๑๑ แผนผังกาพย์ยานี ๑ บท สัมผสั ระหว่างบท ๑ บท คณะของกาพย์ยานี กำพย์ยำนี ๑ บท มี ๒ บำท บำทหนงึ่ มี ๒ วรรค วรรคหน้ำมี ๕ คำ วรรคหลังมี ๖ คำ รวมเป็น ๑๑ คำ การส่งสมั ผัส คำสุดท้ำยของวรรคท่ี ๑ สง่ สมั ผัสไปยังคำทส่ี ำม ของวรรคท่ี ๒ (อำจเลือ่ นมำส่งสัมผสั คำท่ี ๑ หรือ ๒ ได้) คำสุดท้ำยของวรรคท่ี ๒ ส่งสัมผัสไปยังคำสุดท้ำย ของวรรคท่ี ๓ (หำกส่งสัมผัสไปยังคำที่ ๑ หรือ ๒ หรือ ๓ ในวรรคที่ ๔ ได้ จะเพ่มิ ควำมไพเรำะในคำประพันธ์เพ่ิมขึ้น) ในกำรแต่งกำพย์ยำนมี ำกกว่ำ ๑ บท ตอ้ งส่งสัมผสั ระหว่ำงบท โดยคำสุดท้ำยของวรรคที่ ๔ ส่งสัมผัสไปยัง คำสุดทำ้ ยของวรรคท่ี ๒ ในบทถดั ไป

445 444356 คาสัมผสั ในคาประพันธ์ กำรแตง่ คำประพนั ธจ์ ะมลี ักษณะเฉพำะคือกำรสง่ สมั ผัส ซ่ึงมกี ำรสง่ สัมผัสแบ่งเป็น ๒ ชนดิ ไดแ้ ก่ สมั ผสั ในและสมั ผสั นอก สมั ผัสใน เป็นสมั ผสั ท่ีไมบ่ งั คับเพียงแตเ่ ป็นสัมผัสทเี่ พ่ิมควำมไพเรำะและแสดงถงึ ควำมสำมำรถของผแู้ ต่ง โดยแบง่ แยกสัมผัสในออกเปน็ ๒ ชนดิ คือ สัมผสั สระและสมั ผสั พยัญชนะ สมั ผัสนอก เปน็ สัมผสั บังคบั โดยแบง่ ยอ่ ยออกเปน็ สัมผัสระหว่ำงวรรคและสมั ผสั ระหวำ่ งบท โดยสมั ผัส นอกนั้นต้องเปน็ สมั ผสั สระเท่ำนน้ั สมั ผสั พยญั ชนะ คือคำสัมผัสในคำประพันธ์ที่อยใู่ นวรรคเดียวกนั ทม่ี เี สยี งพยัญชนะตน้ เสียงเดยี วกัน อำจเรียกว่ำ “สัมผัสอักษร” ตัวอยำ่ งเช่น คำ่ เช้ำเฝ้ำสซี อ อย่บู ุรีไมม่ ีภัย ไพร่ฟำ้ ประชาชี โลโภพาใหบ้ ้ำใจ ฉอ้ แต่ไพร่ใส่ขื่อคา วำ่ โงเ่ งา่ เตำ่ ปปู ลา สัมผัสสระ คอื คำสมั ผัสในวรรค สมั ผัสระหว่ำงวรรคหรือสัมผัสระหว่ำงบท ท่ีมีเสียงสระเสียงเดยี วกนั และอยู่ในมำตรำตัวสะกดเดยี วกนั ดว้ ย ตัวอย่ำงเช่น บ้ำนชอ่ งคลองเล็กใหญ่ บ้ำงต่นื ไฟตกใจโจน ปลุกเพ่ือนเตือนตะโกน ลกุ โลดโผนโดนกนั เอง พณิ พาทยร์ ะนาดฆ้อง ตะโพนกลองร้องเปน็ เพลง ระฆังดังวังเวง โหง่งหงำ่ งเหง่งเก่งก่ำงดงั ทม่ี ำ กำพยพ์ ระไชยสุริยำ: หนงั สอื เรยี นวรรณคดีวจิ กั ษ์ ม.๑

446 443476 ใบงาน เร่อื ง ฉันทลักษณก์ าพย์ยานี ๑๑ หน่วยท่ี ๕ แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี ๔ ฉันทลกั ษณก์ าพยย์ านี ๑๑ รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรยี นท่ี ๑ ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๑ คาชีแ้ จง ตอนท่ี ๑ จงเตมิ คำลงในชอ่ งว่ำงตอ่ ไปนี้ (๑๐ คะแนน) ๑. กำพย์ยำนี ๑๑ จำนวน ๑ บท มี บำท วรรค ๒. กำพย์ยำนี ๑๑ จำนวน ๑ บำท มี ๓. กำพย์ยำนี ๑๑ แบง่ ออกเปน็ วรรค จำนวน คำ และวรรค จำนวน คำ ๔. คำสดุ ท้ำยของวรรคที่ ๑ สง่ สมั ผสั ไปยงั คำที่ ของวรรคท่ี ๒ ๕. คำสุดท้ำยของวรรคท่ี ๒ สง่ สมั ผสั ไปยังคำสุดทำ้ ยของวรรคที่ ๖. คำสัมผัสระหวำ่ งบทนน้ั ให้คำสดุ ท้ำยของวรรคที่ สง่ สมั ผสั ไปยงั คำสุดทำ้ ยของวรรคที่ ของบทถดั ไป ตอนท่ี ๒ จงโยงเส้นสมั ผสั ฉันทลักษณ์ของคำประพันธ์ประเภทกำพยย์ ำนี ๑๑ (๕ คะแนน) ชอ่ื ชั้น ม. เลขท่ี

447 หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี ๔ เร่ือง สร้างสรรคบ์ ทกวี แผนการจดั การเรยี นรูท้ ี่ ๕ เวลา ๑ ชว่ั โมง กลุ่มสาระการเรียนรภู้ าษาไทย เรือ่ ง การแต่งคาประพนั ธ์ประเภทกาพย์ยานี ๑๑ ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๑ ขอบเขตเนือ้ หา ส่ือ/แหลง่ เรียนรู้ รายวิชาพนื้ ฐานภาษาไทย ๑. ตวั อย่างคาประพนั ธ์ การแตง่ คาประพันธป์ ระเภทกาพยย์ านี ๑๑ กจิ กรรมการเรยี นรู้ ๒. ใบความรู้ เรือ่ ง ฉนั ทลักษณ์ จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ขั้นนา กาพย์ยานี ๑๑ ดา้ นความรู้ ๓. กจิ กรรมงกู ินหาง ๑. ครยู กตัวอย่างบทประพันธป์ ระเภทกาพย์ยานี ๑๑ บนกระดาน ๔. บัตรคาไวพจน์ มคี วามรู้ ความเขา้ ใจเกยี่ วกับการแต่ง- แล้วใหน้ กั เรยี นอา่ นออกเสียงเปน็ ทานองเสนาะพร้อมกนั คาประพนั ธ์ประเภทกาพยย์ านี ๑๑ ได้ ภาระงาน/ช้ินงาน ดา้ นทักษะ/กระบวนการ มัสม่นั แกงแก้วตา หอมยหี่ ร่ารสรอ้ นแรง การแต่งคาประพันธบ์ รรยายภาพ ชายใดไดก้ ลืนแกง แรงอยากให้ใฝ่ฝันหา แตง่ คาประพันธป์ ระเภทกาพยย์ านี ๑๑ ได้ ยาใหญ่ใสส่ ารพัด วางจานจัดหลายเหลอื ตรา ทนนี่ักเกั รเียรนยี กนำ�เลหือนกดเหอัวงข้อดว้ ยตนเอง ด้านคุณลักษณะ รสดดี ้วยนาปลา ญ่ปี ่นุ ลายายวนใจ ท่มี า กาพย์เหช่ มเครอ่ื งคาวหวาน: รัชกาลท่ี ๒ ๑. รกั ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ ๒. มีวินยั ไก่ฟ้าอ้าสดแสง หวั สกุ แดงแทงเดือยแนม ๓. ใฝ่เรยี นรู้ ปกี หางต่างสีแกม สีแตม้ ตา่ งอยา่ งวาดเขียน ๔. มงุ่ มัน่ ในการทางาน ทีม่ า กาพยห์ อ่ โคลงประพาสธารทองแดง: เจ้าฟ้ากงุ้ ๕. รักความเปน็ ไทย ๒. นักเรียนสงั เกตความไพเราะของคาประพนั ธท์ ี่ได้อา่ น พรอ้ มทัง 443487

หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ ๔ เรอื่ ง สรา้ งสรรค์บทกวี แผนการจัดการเรียนรูท้ ่ี ๕ 448 กลมุ่ สาระการเรียนร้ภู าษาไทย เร่อื ง การแตง่ คาประพันธ์ประเภทกาพย์ยานี ๑๑ เวลา ๑ ชัว่ โมง ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ ๑ รายวิชาพื้นฐานภาษาไทย ช่วยกนั พจิ ารณาความงามทางภาษาทปี่ รากฏในคาประพันธข์ ้างต้น ข้ันสอน ๑. ครูใหน้ ักเรยี นฝึกหัดการใชค้ าคล้องจองโดยทากิจกรรม \"งูกนิ หาง\" ครเู ป็นผู้กาหนดคาคล้องจอง ๒ พยางค์ แลว้ ให้นักเรียนทุกคนแต่งต่อกัน ตามลาดบั ตัวอย่าง เต้นรา ทานา ปลาเผา เข้าทรง ลงโทษ ฯลฯ ๒. นักเรยี นทบทวนความรูเ้ กยี่ วกับคาสมั ผัสจากใบความรู้ เรอื่ ง ฉนั ทลักษณ์กาพย์ยานี ๑๑ ๓. ครูฝึกฝนนกั เรียนใหร้ จู้ ักการเลือกสรรคามาใช้ในการแต่ง คาประพันธ์ โดยครแู จกบัตรคาต่าง ๆ ใหน้ ักเรยี นคนละ ๑ คา เพ่ือให้ นักเรยี นเข้ากลุ่ม \"คาไวพจน์\" ให้ถูกต้อง ซึ่งครูนาคาไวพจน์ทเ่ี ปน็ ความหมายไปติดไวม้ ุมต่าง ๆ ของห้องเรยี น ใชเ้ วลาทากิจกรรม ประมาณ ๕ นาที ตวั อย่าง นา = นที, วารี, สาคร, ธารา, สายชล, ชลธาร ป่า = พนา, ไพร, ไพรสณฑ์, วนา, เถ่อื น, พนัส ชา้ ง = กญุ ชร, คช, กรี, หตั ถี, ไอยรา, สาร ๔. ครูนาภาพทีเ่ กย่ี วข้องกับชาติ ศาสนา และพระมหากษตั ริย์ ให้นักเรยี นดู 434948

หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี ๔ เรื่อง สรา้ งสรรคบ์ ทกวี แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๕ 449 กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย เร่อื ง การแตง่ คาประพันธ์ประเภทกาพยย์ านี ๑๑ เวลา ๑ ชัว่ โมง ช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ ๑ รายวิชาพื้นฐานภาษาไทย ๕. ครูขึนต้นคาประพนั ธใ์ ห้นกั เรียนจานวน ๑ วรรค เช่น \"รักชาตศิ าสน์กษัตรยิ \"์ แลว้ ให้นกั เรียนทังชนั ช่วยกันแต่งคาประพันธ์ จนเสร็จสมบรู ณ์ ๖. ครูมอบหมายให้นกั เรยี นแตง่ คาประพันธ์ ประเภทกาพยย์ านี ๑๑ จานวน ๒ บท ตามภาพทีน่ ักเรียนเลอื กเอง ขน้ั สรปุ นักเรียนรว่ มกนั สรุปความคดิ รวบยอดเก่ยี วกบั การแต่ง คาประพนั ธ์ประเภทกาพยย์ านี ๑๑ 440

450 444510 การวดั และประเมินผล สงิ่ ท่ีต้องการวดั /ประเมนิ วิธีการ เครื่องมือท่ีใช้ เกณฑ์ ด้านความรู้ มีความรู้ ความเขา้ ใจ สงั เกตพฤติกรรม แบบสงั เกตพฤติกรรม ผา่ นเกณฑ์การประเมิน เกีย่ วกับการแตง่ คาประพนั ธ์ นักเรียน รอ้ ยละ ๘๐ ขึนไป ประเภทกาพยย์ านี ๑๑ ได้ ทักษะ/กระบวนการ แตง่ คาประพันธ์ประเภท ตรวจชินงาน แบบประเมนิ ผ่านเกณฑ์การประเมนิ กาพย์ยานี ๑๑ ได้ การแตง่ คาประพนั ธ์ ร้อยละ ๘๐ ขึนไป ด้านคุณลักษณะ ๑. รักชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ ประเมินคุณลักษณะ แบบประเมิน ผา่ นเกณฑ์คุณภาพ ๒. มวี ินยั คุณลักษณะ ระดับ ๒ ๓. ใฝเ่ รียนรู้ ๔. มงุ่ ม่ันในการทางาน ๕. รักความเปน็ ไทย ๘. บนั ทกึ ผลหลังสอน ผลการเรยี นรู้ ............................................................................................................................. ....................................... ปญั หาและอปุ สรรค .................................................................................................................................................................... ข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ไข ............................................................................................................................. ....................................... ลงชื่อ...................................................ผสู้ อน (.................................................................) วันท.ี่ ............เดือน...............พ.ศ............. ๙. ความคิดเหน็ /ขอ้ เสนอแนะของผู้บรหิ ารหรอื ผู้ทไ่ี ด้รบั มอบหมาย ............................................................................................................................. ............................................. ลงชือ่ ...................................................ผู้ตรวจ (.................................................................) วนั ท่ี.............เดอื น...............พ.ศ.............

451 444521 แบบประเมินการแต่งคาประพนั ธ์ประเภทกาพย์ยานี ๑๑ คาชี้แจง ครปู ระเมนิ พฤติกรรมของนกั เรยี นในการแตง่ คาประพนั ธป์ ระเภทกาพย์ยานี ๑๑ และใหค้ ะแนนลงใน ช่องทีต่ รงกบั พฤตกิ รรมของนักเรียน เลขที่ ช่อื – สกลุ ัฉนท ัลกษ ์ณ รวม สรปุ ผล การใช้คา ัสม ัผส การประเมนิ ความ ิคดสร้างสรรค์ เน้ือหาตรงประเด็น การเ ืลอกใช้คา ๔ ๓ ๓ ๓ ๒ ๑๕ ผา่ น ไม่ผา่ น เกณฑก์ ารตัดสิน ร้อยละ ๘๐ ข้ึนไป (๑๒ คะแนน) ดมี าก คะแนน ๑๔-๑๕ หมายถึง ดี คะแนน ๑๑-๑๓ หมายถงึ พอใช้ คะแนน ๘-๑๐ หมายถึง ปรับปรุง คะแนน ๐-๗ หมายถึง ลงช่อื ..............................................ผู้ประเมนิ (.........................................................) ................./............................/....................

452 445423 เกณฑ์การประเมินการแต่งคาประพนั ธ์ประเภทกาพย์ยานี ๑๑ ประเดน็ ระดบั คุณภาพ การประเมิน ๔ (ดีมาก) ๓ (ด)ี ๒ (พอใช้) ๑ (ปรับปรุง) ฉันทลกั ษณ์ ถูกต้องตาม ผดิ ฉถนั กู ทตลอ้ ักงษตณาม์ ฉันทลกั ษณ์ ผดิ ฉนั ถทูกลตัก้อษงตณา์ม ผดิ ฉถนั กู ทตล้อักงษตณาม์ ๓ แฉหันง่ ขทึน้ ลไักปษณ์ ๑ แหฉง่ ันทลักษณ์ ๒ แฉหนั่งทลกั ษณ์ การใช้คาสมั ผสั - มกี ารเล่นเสียงสมั ผัส มีการเล่นเสียง ไมม่ ีการเลน่ เสยี ง สัมผสั สระ และสัมผัส สมั ผัสอย่างใด เนื้อหาไม่นา่ สนใจ พยัญชนะ อยา่ งหนง่ึ และไม่แปลกใหม่ ความคดิ - เนื้อหาแปลกใหม่ เนอ้ื หาน่าสนใจ เนื้อหาไม่ตรง สรา้ งสรรค์ - ตามภาพที่กาหนด - นา่ สนใจ สะทอ้ น แต่ไม่แปลกใหม่ เน้อื หา เลอื กใชค้ าแต่ ตรงประเด็น ความคิด ยังไมห่ ลากหลาย การเลือกใชค้ า เนื้อหาตรงตามภาพท่ี เนือ้ หาตรง กาหนด ตามภาพท่ีกาหนด แต่ไมช่ ดั เจน - มกี ารเลอื กใช้คา อยา่ งหลากหลาย เกณฑ์การตัดสิน หมายถงึ ดมี าก หมายถึง ดี คะแนน ๑๔-๑๕ หมายถึง พอใช้ คะแนน ๑๑-๑๓ หมายถงึ ปรบั ปรุง คะแนน ๘-๑๐ คะแนน ๐-๗

453 445434 ใบความรู้ เร่ือง ฉันทลักษณ์กาพยย์ านี ๑๑ หนว่ ยท่ี ๕ แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ ๕ การแต่งคาประพนั ธป์ ระเภทกาพยย์ านี ๑๑ รายวชิ าภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรียนที่ ๑ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๑ ฉนั ทลกั ษณก์ าพย์ยานี ๑๑ กาพย์ยานี เป็นคาประพันธไ์ ทยประเภทกาพย์ท่ีกวีนิยมแต่งมาก ปรากฏการแต่งตังแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา มีทังแตง่ สลับกับคาประพันธป์ ระเภทอน่ื และแต่งเพียงลาพัง กาพย์ยานบี ทหนึ่งมีสองบาท บาทละ ๑๑ คา คนทั่วไป จงึ นยิ มเรียกวา่ กาพยย์ านี ๑๑ แผนผงั กาพยย์ านี ๑ บท สัมผสั ระหว่างบท ๑ บท คณะของกาพยย์ านี กาพยย์ านี ๑ บท มี ๒ บาท บาทหนงึ่ มี ๒ วรรค วรรคหน้ามี ๕ คา วรรคหลงั มี ๖ คา รวมเปน็ ๑๑ คา การสง่ สมั ผัส คาสุดท้ายของวรรคท่ี ๑ สง่ สมั ผัสไปยังคาที่สาม ของวรรคท่ี ๒ (อาจเลือ่ นมาส่งสัมผสั คาที่ ๑ หรอื ๒ ได)้ คาสุดท้ายของวรรคที่ ๒ ส่งสัมผัสไปยังคาสุดท้าย ของวรรคท่ี ๓ (หากส่งสัมผัสไปยังคาที่ ๑ หรือ ๒ หรือ ๓ ในวรรคท่ี ๔ ได้ จะเพิ่มความไพเราะในคาประพนั ธเ์ พ่ิมขนึ ) ในการแต่งกาพย์ยานีมากกว่า ๑ บท ต้องส่งสมั ผสั ระหว่างบท โดยคาสุดท้ายของวรรคที่ ๔ ส่งสัมผัสไปยัง คาสดุ ทา้ ยของวรรคที่ ๒ ในบทถดั ไป

454 445454 คาสัมผสั ในคาประพนั ธ์ การแตง่ คาประพนั ธจ์ ะมลี ักษณะเฉพาะคือการสง่ สัมผสั ซ่งึ มกี ารส่งสัมผัสแบง่ เป็น ๒ ชนดิ ไดแ้ ก่ สมั ผสั ในและสมั ผัสนอก สัมผัสใน เปน็ สมั ผัสทไี่ มบ่ งั คับเพียงแต่เปน็ สัมผสั ทเ่ี พ่ิมความไพเราะและแสดงถงึ ความสามารถของผ้แู ต่ง โดยแบ่งแยกสมั ผสั ในออกเป็น ๒ ชนดิ คือ สัมผัสสระและสมั ผัสพยญั ชนะ สัมผัสนอก เป็นสมั ผสั บังคบั โดยแบง่ ย่อยออกเปน็ สมั ผัสระหว่างวรรคและสมั ผัสระหวา่ งบท โดยสมั ผสั นอกนันต้องเป็นสมั ผสั สระเท่านนั สมั ผสั พยัญชนะ คือคาสัมผสั ในคาประพันธท์ ี่อยู่ในวรรคเดียวกัน ทมี่ เี สียงพยัญชนะต้นเสยี งเดยี วกัน อาจเรียกวา่ “สมั ผัสอักษร” ตัวอย่างเช่น ค่าเชา้ เฝา้ สีซอ อยู่บรุ ีไม่มีภัย ไพร่ฟ้าประชาชี โลโภพาใหบ้ า้ ใจ ฉอ้ แต่ไพร่ใส่ขอื่ คา ว่าโงเ่ ง่าเตา่ ปูปลา สมั ผัสสระ คอื คาสัมผสั ในวรรค สมั ผสั ระหวา่ งวรรคหรอื สัมผัสระหว่างบท ทีม่ เี สยี งสระเสียงเดยี วกัน และอยู่ในมาตราตัวสะกดเดียวกนั ดว้ ย ตวั อยา่ งเช่น บา้ นช่องคลองเล็กใหญ่ บา้ งต่นื ไฟตกใจโจน ปลกุ เพอื่ นเตือนตะโกน ลุกโลดโผนโดนกันเอง พณิ พาทยร์ ะนาดฆ้อง ตะโพนกลองร้องเป็นเพลง ระฆงั ดังวังเวง โหงง่ หงา่ งเหงง่ เก่งกา่ งดงั ทม่ี า กาพย์พระไชยสรุ ยิ า: หนงั สือเรียนวรรณคดวี จิ ักษ์ ม.๑

455 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี ๕ เร่อื ง สรา้ งสรรคบ์ ทกวี แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี ๖ เวลา ๑ ชั่วโมง กลุม่ สาระการเรยี นร้ภู าษาไทย เรื่อง การเขียนจดหมายกิจธุระ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๑ ขอบเขตเน้อื หา รายวิชาพ้นื ฐานภาษาไทย ส่ือ/แหล่งเรียนรู้ กจิ กรรมการเรียนรู้ ๑. ซองจดหมายตวั อย่าง การเขยี นจดหมายกจิ ธรุ ะ ข้ันนา ๒. ใบความรู้ เรอ่ื ง หลักการเขียนจดหมาย จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ ครูและนกั เรียนสนทนากับเร่อื งการส่ือสารจากอดตี จนถึงปจั จบุ ัน กิจธรุ ะ ดา้ นความรู้ ว่ามชี ่องทางในการส่ือสารอย่างไรบ้าง เชน่ จดหมาย โทรเลข โทรศพั ท์ ๓. ใบงาน เร่ือง การเขยี นจดหมายกจิ ธรุ ะ ไปรษณีย์อเิ ล็กทรอนิกส์ เปน็ ตน้ มีความรู้ความเขา้ ใจในหลกั การเขยี น ข้นั สอน ภาระงาน/ชนิ้ งาน จดหมายกิจธรุ ะ ๑. ครูนาซองจดหมายมาให้นกั เรียนดูแล้วซกั ถามและสนทนารว่ มกนั จเขดยี หนมจาดยหกมิจาธยุรกะจิ (ธจรุดะห(มจาดยหลมาากยจิ ล)ากิจ) ด้านทักษะกระบวนการ เก่ยี วกับความสาคัญของการใชจ้ ดหมาย ประโยชน์ รวมไปถงึ ประเภท ของจดหมายชนดิ ต่าง ๆ เขียนจดหมายกิจธุระได้ ๒. นกั เรยี นศกึ ษาใบความรู้ เรอ่ื ง หลกั การเขียนจดหมายกจิ ธรุ ะ ด้านคุณลกั ษณะ ใช้เวลาประมาณ ๕ นาที ๓. นักเรียนสนทนารว่ มกนั เกี่ยวกบั หลักการเขียนจดหมายกจิ ธรุ ะ ๑. มวี นิ ยั ในประเด็น ดังน้ี ๒. ใฝเ่ รยี นรู้ ๑) รปู แบบของจดหมายกจิ ธุระ ๓. มุง่ มั่นในการทางาน ๒) ภาษาทใี่ ชใ้ นการเขียนจดหมายกิจธรุ ะ ๓) ส่วนประกอบของจดหมายกจิ ธุระ ๔) การเขียนจ่าหน้าซองจดหมาย ๔. ครแู จกใบงาน เร่ือง การเขยี นจดหมายกจิ ธุระใหน้ กั เรยี นปฏบิ ตั ิ กิจกรรมในช้นั เรียน 445456

หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ ๕ เรื่อง สรา้ งสรรคบ์ ทกวี แผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ ๖ 456 กล่มุ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย เร่ือง การเขียนจดหมายกจิ ธุระ เวลา ๑ ชั่วโมง รายวิชาพ้นื ฐานภาษาไทย ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ ๑ ๕. ครมู อบหมายใหน้ ักเรียนทกุ คนเขยี นจดหมายกจิ ธุระ (จดหมายลากิจ) คนละ ๑ ฉบับ พรอ้ มใสซ่ องและจ่าหนา้ ซอง ขน้ั สรุป นกั เรยี นสรุปความคดิ รวบยอดเกยี่ วกับหลักการเขยี นจดหมาย กจิ ธรุ ะ 447

457 444587 การวดั และประเมินผล ส่ิงท่ีต้องการวดั /ประเมนิ วิธีการ เครอ่ื งมอื ทใ่ี ช้ เกณฑ์ ดา้ นความรู้ สงั เกตพฤติกรรม แบบสงั เกตพฤติกรรม ผา่ นเกณฑ์คุณภาพ มีความรู้ความเขา้ ใจ ตรวจช้นิ งาน ระดบั ๒ ในหลกั การเขยี นจดหมาย กิจธุระ แบบประเมินการเขยี น ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ ทกั ษะ/กระบวนการ จดหมายกิจธรุ ะ รอ้ ยละ ๘๐ ข้นึ ไป เขียนจดหมายกจิ ธุระได้ ดา้ นคณุ ลกั ษณะ ประเมนิ คุณลักษณะ แบบประเมนิ ผา่ นเกณฑ์คุณภาพ ๑. มวี ินยั คณุ ลักษณะ ระดับ ๒ ๒. ใฝเ่ รยี นรู้ ๓. มุ่งม่ันในการทางาน ๘. บันทึกผลหลังสอน ผลการเรียนรู้ ............................................................................................................................. ....................................... ปัญหาและอุปสรรค ............................................................................................................................. ....................................... ข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ไข ............................................................................................................................. ....................................... ลงชอ่ื ........................................................ผสู้ อน (.................................................................) วันท.่ี ............เดือน.............พ.ศ............... ๙. ความคิดเห็น/ขอ้ เสนอแนะของผ้บู ริหารหรอื ผู้ท่ไี ด้รบั มอบหมาย ....................................................................................... ................................................................................... ลงชอ่ื .........................................................ผู้ตรวจ (.................................................................) วันท่.ี ............เดอื น.............พ.ศ...............

458 445489 ใบความรู้ เรอื่ ง หลกั การเขียนจดหมายกจิ ธรุ ะ หน่วยท่ี ๕ แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี ๖ การเขียนจดหมายกิจธรุ ะ รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรยี นท่ี ๑ ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๑ จดหมาย จดหมายเป็นเครอื่ งมือในการสง่ สารชนิดหนึ่ง เนื้อหาในจดหมายข้ึนอยู่กับวัตถุประสงคข์ องผสู้ ่งว่าต้องการ แนะนาตน เล่าเรื่อง สอบถาม แสดงความคิดเห็นหรือแสดงความรู้สึก ภาษาของจดหมายจะเป็นระดับใดข้ึนอยู่กับ เน้ือหา ความสมั พนั ธร์ ะหว่างผู้สง่ กับผู้รบั และสถานภาพทางสงั คม จดหมายกจิ ธุระเป็นจดหมายท่ีขึ้นโดยมวี ตั ถปุ ระสงค์สาคัญเพอื่ งานหรอื กิจธุระบางประการ เช่น จดหมาย ที่ส่งไปยังนิตยสารเพ่ือขอความรู้จากผู้เชี่ยวชาญ จดหมายลาป่วยถึงครูประจาชั้น จดหมายที่เขียนถึงบริษัทเพื่อ สมัครงานระหว่างปิดภาคเรียน ผู้เขียนจดหมายประเภทน้ีจะใช้ภาษาระดับกึ่งทางการหรือภาษาท่ีเป็นทางการ ขน้ึ อยูก่ บั จดหมายฉบับนัน้ เขียนขึน้ เพ่ืองานส่วนตวั หรอื เขยี นในนามขององค์กรหรือหนว่ ยงาน ในการเขียนจดหมาย ผู้เขียนต้องคานึงถึงวัตถุประสงค์ ความสัมพันธ์ และสถานภาพทางสังคมของผู้ส่ง และผรู้ ับ เนอ้ื หาสาระ ระดบั ภาษา ตลอดจนการใช้คาให้เหมาะสม โดยคานงึ ถงึ วธิ กี ารเขียนดังน้ี ๑. เขียนใหถ้ กู รูปแบบตามทนี่ ิยมใชก้ ัน ๒. ใจความในจดหมายต้องให้ชดั เจน สมบรู ณ์ครบถว้ น ๓. เลือกใช้กระดาษทสี่ าหรบั เขยี นจดหมาย และ ซองจดหมายสสี ุภาพ เหมาะสมกับระดับของบุคคล ( ผรู้ บั ) ๔. เขยี นดว้ ยลายมอื ที่อา่ นงา่ ย เป็นระเบียบ สะอาดเรยี บร้อย พยายามอยา่ ใหม้ รี อย ลบ ขดู ขดี ฆา่ ๕. ใชภ้ าษาให้ถูกตอ้ งตามหลักภาษา และตามความนยิ ม สุภาพถกู กาลเทศะ ๖. ที่อยขู่ องผู้เขยี นทาใหผ้ ู้รับทราบว่าผเู้ ขียนจากทีใ่ ด ๗. ถดั มาเป็นวนั ที่ทีจ่ ดหมาย ชว่ ยบอกใหท้ ราบว่าผู้เขียนเขยี นจดหมายเมอ่ื ใด ๘. ใชค้ าข้ึนต้น คาสรรพนามแทนผ้เู ขียนนนั้ ควรถูกต้องเหมาะสมตามระดับของบุคคล ๙. คาลงทา้ ย ต้องใหถ้ ูกตามกาลเทศะ ๑๐. ควรมีการตรวจสอบจดหมายท้งั ฉบับให้เรียบร้อยก่อนสง่ ถงึ ผู้รบั ทีม่ า : หนังสอื เรียนววิ ิธภาษา ระดับชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี ๑

459 445590 ใบงาน เรื่อง การเขยี นจดหมายกิจธรุ ะ หนว่ ยที่ ๕ แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี ๖ การเขยี นจดหมายกิจธุระ รายวชิ าภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๑ คาชี้แจง ตอนท่ี ๑ จงเขยี นจดหมายกิจธุระ (ลาปว่ ย) ลงในชอ่ งวา่ งท่กี าหนดให้ (๑๐ คะแนน) ()

460 445610 ตอนที่ ๒ จงเขียนซองจดหมายกจิ ธรุ ะ (ลาป่วย) ลงในชอ่ งวา่ งที่กาหนดให้ (๑๐ คะแนน) ชอ่ื และที่อยู่ผู้ฝาก ชอ่ื และท่ีอยู่ผ้รู บั

461 445621 แบบประเมินการเขยี นจดหมายกจิ ธุระ คาชี้แจง ครปู ระเมินพฤติกรรมของนักเรยี นในการเขียนจดหมายกิจธุระ และใหค้ ะแนนลงในช่องท่ตี รงกับ พฤติกรรมของนกั เรียน เลขที่ ชอื่ – สกลุ รูปแบบของจดหมาย รวม สรปุ ผล เน้ือหาของจดหมาย การประเมิน การใช้ภาษา ความเ ็ปนระเ ีบยบ ๓ ๓ ๓ ๓ ๑๒ ผา่ น ไมผ่ ่าน เกณฑก์ ารตัดสนิ ร้อยละ ๘๐ ขน้ึ ไป (๑๐ คะแนน) ดมี าก คะแนน ๑๑-๑๒ หมายถึง ดี คะแนน ๙-๑๐ หมายถงึ พอใช้ คะแนน ๗-๘ หมายถึง ปรบั ปรุง คะแนน ๐-๖ หมายถงึ ลงช่อื .............................................ผู้ประเมิน (.........................................................) ................./............................/....................

462 445623 เกณฑ์การประเมินการเขียนจดหมายกิจธรุ ะ ประเด็นการประเมนิ ระดับคุณภาพ รูปแบบของจดหมาย กจิ ธรุ ะ ๓ (ดีมาก) ๒ (พอใช้) ๑ (ปรบั ปรุง) เนอ้ื หาของจดหมาย เขียนจดหมายกิจธรุ ะ เขียนจดหมายกจิ ธรุ ะ เขียนจดหมายกจิ ธรุ ะ การใช้ภาษา ความเปน็ ระเบียบ ถูกต้องตามรูปแบบ ไมถ่ ูกต้องตามรปู แบบ ไมถ่ ูกต้องตามรูปแบบ ๑ – ๒ ตาแหนง่ ๒ ตาแหน่งข้นึ ไป เน้อื หากระชับ ชดั เจน เน้ือหาขาดความกระชบั เน้ือหาขาดความกระชบั ถกู ต้องตามวัตถุประสงค์ ไมช่ ดั เจน แต่ยงั คง ไมช่ ดั เจน ขาดความ ของจดหมาย และจา่ หนา้ ความถกู ต้องตาม ถูกต้องตามวัตถุประสงค์ ซองถูกต้อง วัตถุประสงค์ของ ของจดหมาย และจ่าหนา้ จดหมาย และจา่ หนา้ ซอง ซองไม่ถูกตอ้ ง ถกู ต้อง ใช้ภาษาและถ้อยคาใน ใช้ภาษาและถ้อยคาใน ใช้ภาษาและถ้อยคาใน การเขียนถูกต้อง ใช้ การเขียนถูกต้อง ใช้ การเขียนไมถ่ ูกตอ้ ง ใช้ ระดับภาษาเหมาะสม ระดับภาษาไม่เหมาะสม ระดบั ภาษาไมเ่ หมาะสม ทางานสะอาดเรยี บร้อย ทางานสะอาดเรยี บร้อย ทางานขาดความสะอาด เปน็ ระเบียบ สะกดคา เปน็ ระเบียบ สะกดคาผิด ไมเ่ ป็นระเบยี บ และ ได้ถูกตอ้ งทุกคา ๑-๓ คา สะกดคาผิดเกิน ๓ คา ข้ึนไป เกณฑ์การตดั สนิ หมายถึง ดีมาก หมายถงึ ดี คะแนน ๑๑-๑๒ หมายถึง พอใช้ คะแนน ๙-๑๐ หมายถงึ ปรับปรุง คะแนน ๗-๘ คะแนน ๐-๖

463 หน่วยการเรยี นรู้ท่ี ๕ เรือ่ ง สร้างสรรค์บทกวี แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี ๗ เวลา ๑ ชั่วโมง กลุ่มสาระการเรียนร้ภู าษาไทย เร่อื ง การเขียนแนะนาสถานที่สาคัญ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๑ ขอบเขตเนือ้ หา สอื่ /แหลง่ เรยี นรู้ รายวิชาพน้ื ฐานภาษาไทย ๑. ภำพสถำนที่สำคญั เขยี นแนะนำสถำนทสี่ ำคัญ กิจกรรมการเรียนรู้ ๒. ใบควำมรู้ เรอ่ื ง กำรเขียนแนะนำสถำนที่ จุดประสงค์การเรียนรู้ ขั้นนา สำคัญ ด้านความรู้ ๓. ใบงำน เรื่อง กำรเขียนแนะนำสถำนที่ ๑. นกั เรยี นจบั กลมุ่ ประมำณ ๔-๖ กลมุ่ แล้วครแู จกภำพสถำนที่ สำคญั มคี วำมร้คู วำมเข้ำใจเกีย่ วกับกำรเขียนแนะนำ สำคญั ในประเทศไทยให้กลมุ่ ละ ๑ ภำพ ๔. ตัวอย่ำงกำรเขยี นแนะนำสถำนสำคัญ สถำนทสี่ ำคญั ดา้ นทักษะกระบวนการ ๒. นกั เรยี นแต่ละกล่มุ สงั เกตภำพและให้เขียนรำยละเอียดของภำพ ภาระงาน/ชิน้ งาน ว่ำปรำกฏรำยละเอยี ดใดในภำพบ้ำง (ใชเ้ วลำประมำณ ๕ นำท)ี ๑. กำรเขยี นแนะนำถำนท่ีสำคัญในจังหวัด เขียนแนะนำสถำนทีส่ ำคัญไดถ้ ูกตอ้ งตำม ประจวบครี ีขนั ธ์ หลกั กำรเขยี น ๓ นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มนำเสนอภำพและรำยละเอยี ดของภำพ ดา้ นคุณลักษณะ ขน้ั สอน ๑ รักชำติ ศำสน์ กษัตรยิ ์ ๑. ครชู ้แี จงนกั เรียนถึงหลกั สำคญั ของกำรเขยี นแนะนำสถำนที่ ๒. มวี ินัย สำคัญวำ่ มีองค์ประกอบใดบ้ำง โดยครูใหน้ ักเรียนศึกษำใบควำมรู้ ๓. ใฝ่เรยี นรู้ ประกอบกำรเรียนรู้ ๔. มงุ่ ม่นั ในกำรทำงำน ๕. รกั ควำมเปน็ ไทย ๒. ครอู ำ่ นตัวอยำ่ งกำรเขยี นแนะนำสถำนที่สำคัญใหน้ กั เรียนทุกคน ๖. มีมารยามในการเขียน ฟงั เพื่อเป็นตวั อยำ่ งในกำรเขยี นบรรยำย ๓. ครูแจกใบงำน เรอื่ ง กำรเขยี นแนะนำสถำนทสี่ ำคัญ เพ่อื ฝึกให้ นกั เรียนไดใ้ ช้ทักษะกำรเขียนในกำรถำ่ ยทอดควำมรู้ ควำมคิด และ ประสบกำรณ์ในสถำนที่ตำ่ ง ๆ รวมไปถงึ กำรใชถ้ ้อยคำภำษำท่ี เหมำะสมกบั รปู แบบ 445634

หน่วยการเรียนรทู้ ่ี ๕ เรื่อง สรา้ งสรรคบ์ ทกวี แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี ๗ 464 กลุ่มสาระการเรียนรูภ้ าษาไทย เรือ่ ง การเขียนแนะนาสถานทส่ี าคญั เวลา ๑ ชั่วโมง ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ ๑ รายวิชาพ้ืนฐานภาษาไทย ข้ันสรปุ นกั เรยี นร่วมกันสรปุ ควำมคิดรวบยอดเก่ยี วกับหลกั กำรเขียน แนะนำสถำนท่สี ำคญั 455

465 465 45656 465 การวัดและประเมนิ ผล กสาร่ิงวทัดีต่ แ้อลงกะปารรวะัดเม/นิปผระลเมนิ ดสา้ น่ิงทคต่ีว้อามงกราู้ รวัด/ประเมิน วิธกี าร เครอ่ื งมือท่ีใช้ เกณฑ์ วธิ กี าร เครื่องมอื ท่ีใช้ เกณฑ์ ด้านมคีคววาำมมรรู้ ู้ควำมเขำ้ ใจ ๑. สังเกตพฤติกรรม ๑. แบบสังเกต ๑. ผำ่ นเกณฑค์ ุณภำพ เกีย่ วมกีคับวกำำมรรเู้คขวยี ำนมแเนข้ำะในจำ ๑. สงั เกตพฤติกรรม พ๑ฤ. ตแบิกรบรสมงั เกต ร๑ะ.ดผับำ่ น๒เกณฑ์คณุ ภำพ สเกถีย่ ำวนกทับ่สี กำำครญั เขยี นแนะนำ ๒. ตรวจชนิ้ งำน ๒พฤ. ตแบิกรบรปมระเมนิ ๒ระ.ดผบั ่ำน๒เกณฑ์ สถำนทส่ี ำคญั ๒. ตรวจชิ้นงำน ๒กำ.รแเบขยีบนปแรนะเะมนินำ ๒กำ.รผป่ำรนะเเกมณินฑรอ้์ ยละ สกถำรำเนขทียสี่นำแคนัญะนำ ๘กำ๐รปขร้นึ ะไเปมนิ รอ้ ยละ ทักษะ/กระบวนการ สถำนทสี่ ำคญั ๘๐ ขึน้ ไป ทกั ษะเข/ียกนระแบนวะนกำสารถำนที่ ตรวจชนิ้ งำน แบบประเมนิ กำรเขียน ผำ่ นเกณฑ์กำรประเมิน สำคัญเขไดยี ้ถนกูแตน้อะงนตำำสมถำนที่ ตรวจชนิ้ งำน แบนะบนปำรสะถเมำินกทำส่ี รำเคขัญียน รผ้อำ่ นยลเกะณ๘ฑ๐์กำขรนึ้ ปไรปะเมิน หสำลคกั ญั กำไดรเ้ถขกู ยี ตน้องตำม แนะนำสถำนทสี่ ำคัญ ร้อยละ ๘๐ ขนึ้ ไป หดา้ลนกั คกำณุ รลเขักยี ษนณะ ดา้ ๑น.ครณุ กั ลชักำตษิ ณศำะสน์ กษตั รยิ ์ ประเมินคุณลักษณะ แบบประเมนิ ผ่ำนเกณฑ์คณุ ภำพ ๑๒. มรกัวี ชนิ ำยั ติ ศำสน์ กษตั รยิ ์ ประเมนิ คุณลักษณะ คแบุณบลปักรษะณเมะิน ผระ่ำดนบั เกณ๒ ฑ์คุณภำพ ๓๒. ใมฝวี ่เนิรียั นรู้ คณุ ลกั ษณะ ระดับ ๒ ๔๓. มใฝงุ่ ่เมร่ันยี ในนรกู้ ำรทำงำน ๔๕. มรกังุ่ มค่ันวำในมเกปำน็รทไทำยงำน ๕๖. มรักมี คาวรยำมาทเปใ็นไกทายรเขยี น ๘. บันทึกผลหลังสอน ๘. บันทกึผผลลกหำรลเังรสียอนนรู้ ..............ผ...ล..ก...ำ..ร.เ..ร..ีย..น...ร..ู้ ......................................................................................... ....................................... ..............ป...ัญ...ห...ำ..แ..ล...ะ..อ..ุป...ส..ร..ร..ค.................................................................................. ....................................... ..............ป...ัญ...ห...ำ..แ..ล...ะ..อ..ุป...ส..ร..ร..ค......................................................................................................................... ..............ข...้อ..เ.ส...น..อ...แ..น...ะ..แ..ล...ะ..แ..น...ว..ท...ำ..ง.แ...ก..้ไ..ข...................................................................................................... ..............ข...อ้ ..เ.ส...น..อ...แ..น...ะ..แ..ล...ะ..แ..น...ว..ท...ำ.ง..แ...ก..้ไ..ข...................................................................................................... ....................................................................................ล...ง.ช...่ือ...........................................................ผ..สู้...อ..น........ ลง(.ช..่ือ...........................................................ผ..สู้.)อน (ว.นั...ท...่ี .............เ.ด..ือ...น................พ....ศ...................) ๙. ความคดิ เห็น/ข้อเสนอแนะของผู้บรหิ ารหรือผู้ที่ไดวร้ นับทม่.ี อ...บ..ห...ม...า.เยดือน..............พ.ศ.............. ๙......ค..ว...า..ม..ค...ดิ ..เ..ห..น็.../..ข..อ้...เ.ส..น...อ...แ..น...ะ..ข..อ...ง..ผ..ูบ้...ร..หิ...า..ร..ห...ร..ือ..ผ...ู้ท..ไี่..ด...ร้ ..บั ..ม...อ..บ...ห...ม..า...ย.............................................................. ............................................................................................................................. ............................................. ลงช่ือ...................................................ผู้ตรวจ ล(..ง.ช...ือ่ ......................................................ผ..ู้ต..ร.)วจ (..ว..ัน...ท...ี่ ............เ..ด..อื..น.................พ....ศ................) วันที่.............เดือน..............พ.ศ..............

466 445676 ใบความรู้ เรอ่ื ง การเขียนแนะนาสถานท่สี าคญั หนว่ ยที่ ๕ แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ ๗ การเขียนแนะนาสถานท่สี าคญั รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรยี นที่ ๑ ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๑ ความหมายการเขียนแนะนาสถานท่ีสาคญั กำรเขียนแนะนำสถำนที่สำคัญเป็นกำรเขยี นเล่ำเหตุกำรณ์ใดเหตุกำรณ์หนึ่งทเ่ี กิดขึ้นเพื่อให้ผู้อ่ำนเห็นภำพ เหตุกำรณ์ ลำดับเวลำ สถำนที่ บุคคล ผู้เขียนควรกล่ำวถึงเหตุกำรณ์ให้ชัดเจน โดยมีข้อมูลและเน้ือหำสำระของ เร่ืองทจ่ี ะแสดงควำมคดิ จดุ มงุ่ หมายของการเขยี นแนะนาสถานท่ีสาคญั กำรเขียนแนะนำสถำนที่สำคัญใช้แสดงควำมคิดเห็นได้หลำยรูปแบบ เป็นกำรเขียนเล่ำข้อเท็จจริงหรือ รำยละเอยี ดของเรื่องตำมท่ีเป็นอย่โู ดยคำนึงถึงควำมต่อเนื่องและรำยละเอียดของเรื่อง บุคคลหรอื สถำนทีน่ ั้น ๆ ขอ้ สังเกตการเขียนแนะนาสถานทส่ี าคญั กำรเขียนแนะนำสถำนท่ีสำคัญเป็นกำรเขียนที่ต้องสำมำรถใช้เป็นหลักฐำนอ้ำงอิงได้ มีสถำนที่ บุคคลจริง ไม่มกี ำรสอดแทรกอำรมณ์หรือควำมรสู้ กึ ลงไปในงำนเขียน

467 445687 คาชแี้ จง ใบงาน เรื่อง การเขียนแนะนาสถานทส่ี าคัญ หนว่ ยท่ี ๕ แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๗ การเขียนแนะนาสถานที่สาคญั รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรยี นที่ ๑ ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ ๑ จงเขียนแนะนาสถานทส่ี าคัญในจงั หวัดประจวบคีรขี นั ธ์ (เลอื กเอง) ตดิ ภาพและเขียนลงใน ช่องว่างที่กาหนดให้ (๑๐ คะแนน) ชือ่ เร่ือง

468 446589 ตวั อยา่ งการเขียนแนะนาสถานทส่ี าคัญ หนว่ ยท่ี ๕ แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๗ การเขยี นแนะนาสถานทีส่ าคัญ รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๑ วัดวชิรธรรมสาธติ วรวิหาร: วัดประจารชั กาลท่ี ๑๐ วดั วชริ ธรรมสาธิตวรวิหาร หรอื วดั ทุ่งสาธติ วดั ประจารชั กาลท่ี ๑๐ นั้น ตง้ั อยู่แขวงบางจาก เขตพระโขนง กรงุ เทพมหานคร สรา้ งข้ึนประมาณพุทธศกั ราช ๒๓๙๙ โดยคหบดีชาวลาวช่ือ นายวนั ดี ทอ่ี พยพมาจากเวียงจนั ทน์ แต่เมือ่ คหบดีท่านนถ้ี งึ แก่กรรม รวมถึงเจ้าอาวาสรูปสุดทา้ ยมรณภาพ ทาให้ไมม่ ีใครสบื สานตอ่ จนกลายเปน็ วัดร้าง จากวัดร้างกลางทุ่ง มีแต่กองอิฐ กองปูน ซากปรักหักพัง ภายในเวลา ๒ ปี กลับกลายเป็นวัดท่ีสวยงาม สงบ ร่มรื่น ทาให้เป็นที่เคารพและเลื่อมใสของชาวพระโขนงเป็นอย่างมาก ด้วยพระอาจารย์สาธิต ฐานวโร มีใจเคารพในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ผู้ทรงเป็นองค์เอกอัคร- ศาสนูปถัมภก และเพ่ือเปน็ การถวายความจงรักภักดี ทา่ นจึงขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถวายวัดทุ่งสาธิต แด่สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าวชิราลงกรณ (พระอิสริยยศในขณะน้ัน) และเมื่อวันที่ ๙ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๐๘ รัชกาลที่ ๙ ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าวชิราลงกรณ ทรงรับวัดทุ่งสาธิตไว้ใน พระอปุ ถัมภพ์ ร้อมไดพ้ ระราชทานนามวัดใหมว่ ่า “วัดวชิรธรรมสาธติ วรวหิ าร”

469 446690 แบบประเมินการเขยี นแนะนาสถานทส่ี าคญั คาช้แี จง ครูประเมนิ พฤติกรรมของนกั เรียนในกำรเขียนแนะนำสถำนทีส่ ำคัญ และให้คะแนนลงในชอ่ งท่ีตรงกับ พฤติกรรมของนักเรยี น เลขท่ี ช่อื – สกลุ ัอกขร ิวธี รวม สรปุ ผล การ ัจดลา ัดบข้อความ การประเมิน การใช้ถ้อยคา เน้ือหา ความสะอาดเรียบร้อย ๔ ๔ ๓ ๒ ๒ ๑๕ ผา่ น ไมผ่ ่าน เกณฑก์ ารตัดสิน ร้อยละ ๘๐ ข้นึ ไป (๑๒ คะแนน) คะแนน ๑๔-๑๕ หมำยถึง ดีมำก คะแนน ๑๑-๑๓ หมำยถึง ดี คะแนน ๘-๑๐ หมำยถงึ พอใช้ คะแนน ๐-๗ หมำยถึง ปรบั ปรงุ ลงช่อื ..............................................ผ้ปู ระเมนิ (.........................................................) ................./............................/....................

470 447610 เกณฑ์การประเมินการเขยี นแนะนาสถานที่สาคญั ประเด็น ระดับคุณภาพ การประเมิน ๔ (ดีมาก) ๓ (ด)ี ๒ (พอใช้) ๑ (ปรับปรุง) อักขรวิธี เขียนสะกดคาผิด เขยี นสะกดคาถูกต้อง เขียนสะกดคาผิด เขียนสะกดคาผิด ๕ คาข้ึนไป ทุกคา จานวน ๑-๒ คา จานวน ๓-๔ คา การจดั ลาดับ จดั ลาดับข้อความ จัดลาดบั ขอ้ ความได้ จดั ลาดบั ขอ้ ความ จดั ลาดับข้อความ ขอ้ ความ ไดต้ ่อเน่ืองและ ตอ่ เน่ืองกัน ไดแ้ ต่ยังขาด วกวน สบั สน มีเอกภาพ สะอาดเรียบร้อยดี ความตอ่ เน่ือง ขาดความต่อเนื่อง การใช้ถ้อยคา การใช้ถ้อย-คำ� มีการเลอื กสรรคาได้ มกี ารเลอื กสรรคา การเลอื กใช้ถอ้ ยคา ถกู ตอ้ งเหมาะสม อยา่ งถูกต้อง เนือ้ หา สละสลวย ได้แตย่ ังขาดความ ไมเ่ หมาะสมกับ เน้ือหาตรง-ประเดน็ เนื้อหาตรง- ประเดน็ ความสะอาด ครบถ้วน ตาม ส่วนใหญ่ สละสลวย เน้ืองเรอ่ื ง เรยี บร้อย ท่ีกำ�หนด สะอาดเรยี -บรอ้ ย สะอาดเรีย-บรอ้ ย เนอ้ื หาน่าสนใจ เนอื้ หาไมน่ า่ สนใจ ดีมาก ดี ดงึ ดูดใจสอดคล้อง ไม่สอดคล้อง กสอับดภคาลพ้อบงากงับสภว่ นาพ กับภาพ สะอาดเรยี บร้อย มขี อ้ บกพร่องของ แสดงถงึ ความต้ังใจ ผลงาน มีรอยลบ ไมม่ ีรอยลบ ขีด-ฆา่ หลายแหง่ ขดี -ฆา่ ข้อความ เกณฑ์การตัดสิน หมำยถึง ดีมำก คะแนน ๑๔-๑๕ หมำยถงึ ดี คะแนน ๑๑-๑๓ หมำยถึง พอใช้ คะแนน ๘-๑๐ หมำยถงึ ปรบั ปรุง คะแนน ๐-๗

471 แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี ๘ เวลา ๑ ช่วั โมง หนว่ ยการเรียนรู้ที่ ๕ เรอ่ื ง สรา้ งสรรคบ์ ทกวี เรอ่ื ง การเขยี นแสดงความคดิ เหน็ จากส่อื ในชวี ติ ประจาวัน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย รายวิชาพ้นื ฐานภาษาไทย ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ ๑ ขอบเขตเน้ือหา กจิ กรรมการเรียนรู้ สอื่ /แหลง่ เรยี นรู้ ขัน้ นา ๑. ตวั อย่างขา่ วจากหนังสือพิมพ์ การเขียนแสดงความคิดเห็นจากสอ่ื ๑. ครคู ัดเลือกประเดน็ ขา่ วในสงั คมปัจจบุ นั มาอ่านให้ ๒. ใบความรู้ เรื่อง การเขียนแสดงความคดิ เห็น ในชีวติ ประจาวนั นักเรยี นฟงั จากสือ่ ในชวี ิตประจาวนั จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ ๒. นักเรียนร่วมกันพูดแสดงความคิดเหน็ จากประเดน็ ๓. ใบงาน เร่ือง การเขยี นแสดงความคดิ เหน็ ดา้ นความรู้ ขา่ วทีไ่ ด้ฟัง จากส่อื ในชีวติ ประจาวนั ขัน้ สอน มคี วามรู้ ความเข้าใจเก่ยี วกับการเขียนแสดง ๑. ครแู จกตวั อยา่ งข่าว ให้นักเรียนคนละ ๑ แผน่ แลว้ ให้ ภาระงาน/ชิน้ งาน ความคิดเหน็ จากสอื่ ในชีวติ ประจาวนั นกั เรยี นศึกษาข่าวน้นั (ใช้เวลาประมาณ ๕ นาที) การเขยี นแสดงความคิดเหน็ จากข่าว ด้านทักษะกระบวนการ ๒. ครูสุ่มนักเรียนให้พดู แสดงความคดิ เห็นเกีย่ วกับข่าว ที่ได้ฟงั เขยี นแสดงความคิดเหน็ จากสื่อ ๓. นักเรียนศึกษาใบความรู้ เรอ่ื ง การเขียนแสดง- ในชีวิตประจาวันได้ ความคิดเห็นจากส่อื ในชวี ิตประจาวนั ด้านคณุ ลักษณะ ๔. ครูอภิปรายซกั ถามความรู้และอธบิ ายเพิม่ เติม ๕. ครูใหน้ ักเรยี นฝึกเขียนวเิ คราะห์ข้อเทจ็ จริงและ ๑. มีวินยั ขอ้ คิดเห็นและแสดงความคดิ เหน็ จากใบงานท่ีแจกให้ ๒. ใฝ่เรยี นรู้ ๖. ครสู ุ่มนกั เรียนนาเสนอผลงานหนา้ ชัน้ เรยี น ๓. ม่งุ ม่นั ในการทางาน ๔. รกั ความเป็นไทย ๕. มีมารยาทในการเขียน 447621

หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี ๕ เรื่อง สรา้ งสรรคบ์ ทกวี แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี ๘ 472 กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย เรื่อง การเขียนแสดงความคิดเหน็ จากสอื่ ในชวี ติ ประจาวนั เวลา ๑ ชว่ั โมง ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๑ รายวิชาพน้ื ฐานภาษาไทย ขนั้ สรปุ ๑. นกั เรยี นร่วมกนั สรุปความคิดรวบยอดเรื่อง การเขยี น แสดงความคิดเหน็ จากสอ่ื ในชวี ิตประจาวนั ๒. ครมู อบหมายชิ้นงานให้นักเรียนคัดเลอื กข่าวทีส่ นใจ แลว้ เขียนแสดงความคดิ เหน็ 463

473 447634 การวัดและประเมนิ ผล ส่ิงทตี่ ้องการวดั /ประเมิน วธิ กี าร เคร่ืองมอื ท่ีใช้ เกณฑ์ ดา้ นความรู้ สังเกตพฤตกิ รรม แบบสงั เกตพฤติกรรม ผา่ นเกณฑ์คณุ ภาพ มคี วามรู้ ความเข้าใจ ตรวจช้นิ งาน ระดับ ๒ เกีย่ วกับการเขียนแสดง ประเมินคุณลกั ษณะ ความคดิ เหน็ จากส่อื ใน แบบประเมิน ผา่ นเกณฑ์การประเมิน ชีวิตประจาวนั การเขยี นแสดง ร้อยละ ๘๐ ข้ึนไป ทักษะ / กระบวนการ ความคิดเห็น ผ่านเกณฑ์คณุ ภาพ แบบประเมิน ระดับ ๒ เขยี นแสดงความ- คณุ ลกั ษณะ คดิ เห็นจากสอ่ื ใน ชีวติ ประจาวนั ได้ ด้านคณุ ลักษณะ ๑. มีวนิ ัย ๒. ใฝเ่ รียนรู้ ๓. มงุ่ มนั่ ในการทางาน ๔. รกั ความเปน็ ไทย ๘. บนั ทึกผลหลังสอน ผลการเรียนรู้ ............................................................................................................................. ....................................... ปญั หาและอปุ สรรค ............................................................................................................................. ....................................... ขอ้ เสนอแนะและแนวทางแก้ไข .................................................................................................................................................................... ลงช่อื ...................................................ผสู้ อน (.................................................................) วนั ท.ี่ ............เดือน...............พ.ศ............. ๙. ความคดิ เห็น/ขอ้ เสนอแนะของผู้บริหารหรอื ผู้ที่ไดร้ บั มอบหมาย ............................................................................................................................. ............................................. ลงชอื่ ...................................................ผู้ตรวจ (.................................................................) วนั ที่.............เดอื น...............พ.ศ.............

474 447654 ใบความรู้ เร่อื ง การเขียนแสดงความคิดเห็นจากสอื่ ในชีวิตประจาวัน หนว่ ยที่ ๕ แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี ๘ การเขียนแสดงความคดิ เห็นจากส่อื ในชวี ิตประจาวนั รายวชิ าภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรียนที่ ๑ ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ี่ ๑ ความหมายของการเขยี นแสดงความคดิ เห็น การเขียนแสดงความคิดเห็น คือ การเขียนท่ีประกอบด้วยข้อมูลทเี่ ป็นข้อเท็จจริงกับการแสดงความคิดเห็น ต่อเรอื่ งใดเร่อื งหนึง่ ความคดิ เห็นน้นั ควรจะมีเหตุผลและเป็นไปในทางสร้างสรรค์ หลกั การเขยี นแสดงความคิดเหน็ ๑. การเลือกเร่ืองผู้เขียนควรเลือกเรื่องท่ีเป็นท่ีน่าสนใจของสังคมเป็นเร่ืองที่พ้นสมัย อาจเกี่ยวกับ เหตุการณ์ทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม ศาสนา ศิลปะ วิทยาศาสตร์ หรือข่าว เหตุการณ์ประจาวัน ทั้งนี้ผู้เขียน แสดงความคิดเห็นควรจะมีความรู้และความเข้าใจเรอื่ งทีจ่ ะแสดงความคิดเหน็ อย่างลกึ ซ้งึ ๒. การให้ข้อเท็จจริง ข้อมูลท่ีเลือกมานั้นจะต้องมีรายละเอียดต่าง ๆ เช่น ท่ีมาของเรื่อง ความสาคัญและ เหตุการณ์ เป็นต้น ๓. การแสดงความคิดเหน็ ผ้เู ขียนอาจแสดงความคิดเหน็ ได้ ๔ ลกั ษณะ คอื ๑) การแสดงความคดิ เห็นเพ่ือต้งั ขอ้ สังเกต เชน่ การรักษาสขุ ภาพของคนสมัยใหม่ ๒) การแสดงความคิดเห็นเพอื่ สนบั สนุนข้อเทจ็ จริง เช่น การใชเ้ ทคโนโลยีในทางทีผ่ ิดของวัยร่นุ ๓) การแสดงความคิดเห็นเพื่อโต้แย้งข้อเทจ็ จริง เช่น การกนิ ยาลดความอว้ นของวัยรุน่ ๔) การแสดงความคิดเห็นเพื่อประเมินค่า เช่น การวจิ ารณ์เรอ่ื งส้นั ที่ไดร้ ับรางวลั การเรียบเรียง ๑) การต้ังช่ือเรื่อง ควรตั้งชื่อเรื่องให้เร้าความสนใจผู้อ่านและสอดคล้องกับเน้ือหาท่ีจะเขียนเพราะชื่อเร่ือง เป็นส่วนท่ผี ู้อ่านจะต้องอ่านเป็นลาดับแรกและเป็นการบอกขอบเขตของเร่ืองดว้ ย ๒) การเปิดเรื่องใช้หลักการเขียนเช่นเดียวกับการเขียนคานาและควรเปิดเร่ืองให้น่าสนใจชวนให้ผู้อ่าน ติดตาม ๓) การลาดับเรื่อง ควรลาดับเรื่องให้มีความต่อเน่ืองสามารถแยกแยะได้ว่าส่วนใดเป็นข้อเท็จจริงและ สว่ นใดเปน็ การแสดงความคิดเห็น ๔) การปดิ เร่อื งใช้หลักการเชน่ เดียวกับการเขียนสรุปและควรปิดเรื่องใหผ้ ู้อ่านประทบั ใจ การใชภ้ าษา ควรใช้ภาษาอย่างสละสลวย ชัดเจน ไม่เยิ่นเย้อมีการใช้สานวนโวหารอย่างเหมาะสมกับเรอ่ื ง นอกจากน้ียังต้อง ใช้คาที่ส่ือความหมายได้ตรงตามอารมณ์ของผู้เขียน ทั้งนี้พึงหลีกเลี่ยงการใช้ถ้อยคาที่แสดงอารมณ์รุนแรง ซึ่งอาจ กอ่ ให้เกิดความขัดแย้งอย่างรุนแรงตามมาในภายหลัง

475 447656 ใบงาน เร่อื ง การเขยี นแสดงความคิดเหน็ จากสือ่ ในชีวิตประจาวนั หน่วยที่ ๕ แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี ๘ การเขียนแสดงความคดิ เหน็ จากสือ่ ในชีวิตประจาวัน รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรียนที่ ๑ ชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี ๑ คาชแ้ี จง ใหน้ กั เรยี นอ่านขา่ วทางซ้ายมือแล้วเขยี นแสดงความคิดเหน็ ลงในชอ่ งวา่ งที่กาหนดให้ สือ่ ทุกสานกั รายงานตรงกนั ว่าเจา้ หนา้ ที่ กลมุ่ นักดานา้ ไดพ้ บตัวนอ้ ง .................................................................. นักฟตุ บอลทีมหมปู า่ ครบท้งั ๑๒ คน พร้อมโคช้ รวมเป็น ๑๓ ชวี ติ แลว้ .................................................................. โดยทุกคนปลอดภัยดี .................................................................. หลังการรอคอย ๒๒๒ ชัว่ โมง ในท่สี ุดหน่วยซลี ก็บกุ เขา้ ไปพบน้อง ๆ เมื่อเวลา ๒๒.๑๕ น. คืนวนั จนั ทรท์ ี่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๖๑ บรเิ วณเลยจาก .................................................................. หาดพทั ยาไปประมาณ ๔๐๐ เมตร ซง่ึ เดก็ ๆ ทุกคนปลอดภยั จากนั้น .................................................................. นายณรงค์ศักด์ิ โอสถธนากร ผวู้ า่ ราชการจงั หวัดเชียงรายไดแ้ ถลงยนื ยนั .................................................................. อยา่ งเปน็ ทางการ ทา่ มกลางเสยี งเฮดว้ ยความดีใจจากผู้เกยี่ วขอ้ งดงั กึกก้อง .................................................................. .................................................................. \"หลงั ดานา้ ถึงพัทยาบชี ปรากฏวา่ นา้ ท่วม ทหารจงึ ไดเ้ ดินไป อีก ๔๐๐ .................................................................. เมตร จึงได้พบกบั เด็ก ๆ ทัง้ ๑๓ คนอยู่บนโขดหนิ \" ผูว้ า่ ฯ เชียงรายกลา่ ว .................................................................. โดยรวมเวลาที่เด็กหายไป ๙ วนั ๕ ชม. ๔๑ นาที ๑๕ วนิ าที พลเอก .................................................................. ประยทุ ธ์ จนั ทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้แสดงความยนิ ดที ่ีเจา้ หนา้ ทพี่ บตวั .................................................................. เยาวชนและโคช้ ทมี ฟตุ บอลหมปู า่ อะคาเดมแี มส่ ายทั้ง ๑๓ คนในสภาพ ท่ีปลอดภยั พร้อมขอบคณุ เจ้าหนา้ ทท่ี ุกฝา่ ย โดยเฉพาะหนว่ ยซลี รวมทัง้ .................................................................. พลเรือน ตารวจ ทหาร พ่นี ้องประชาชน จิตอาสาชาวไทยและตา่ งประเทศ .................................................................. และส่ือมวลชน ทีร่ ว่ มมอื ร่วมใจกันสนบั สนนุ ให้ปฏิบัตกิ ารคน้ หาในครัง้ นี้ .................................................................. ประสบความสาเรจ็ ดว้ ยดี นายกรัฐมนตรี ย้าว่าเหตุการณน์ ี้แสดงให้เห็นถึง .................................................................. ความเป็นหน่งึ เดยี วกนั ของคนไทย ถ้าทุกคนต้ังใจทาอะไรก็จะสาเร็จได้ .................................................................. ภายใตร้ ่มพระบารมีของสมเด็จพระเจา้ อยู่หวั รัชกาลที่ ๑๐ .................................................................. ทีม่ า: สานักข่าวอัมรนิ ทร์

476 446776 ตัวอย่างข่าวจากหนงั สือพมิ พ์ เร่อื ง การเขยี นแสดงความคดิ เห็นจากส่ือในชวี ติ ประจาวัน หนว่ ยท่ี ๕ แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ ๘ การเขียนแสดงความคิดเหน็ จากสื่อในชวี ติ ประจาวนั รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรยี นที่ ๑ ช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี ๑ \"โครงการเมาไมข่ ับ\" ในช่วงสงกรานต์ท่ีผ่านมานั้น \"โครงการเมาไม่ขับ\" ได้มีผลดีต่อผู้ที่เคยดื่มแอลกอฮอล์แล้วขับ ทาให้ผู้ขับ ระวังตัวเองในการด่ืมแต่จานวนผู้ที่เสียชีวิตและผู้ที่บาดเจ็บจากการเกิดอุบัติเหตุ ไม่ได้มีจานวนน้อยลง อาจเป็นเพราะเมื่อผู้ขับทราบว่าจะมีการต้ังด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์ท่ีใดก็จะเลี่ยงไปใช้เส้นทางอ่ืนแทน จึงเป็น หน้าทข่ี องเจา้ หน้าที่ตารวจทจี่ ะตอ้ งเปล่ียนสถานที่ตัง้ ด่านไปเร่อื ย ๆ อย่างไรก็ตามอุบัติเหตุท่ีเกิดขึ้นไม่ได้มาจากสาเหตุเพราะเมาแล้วขับเพียงอย่างเดียวเท่าน้ัน แต่การขับรถ ประมาทกเ็ ป็นสาเหตหุ น่ึงท่ีทาให้เกิดอบุ ัตเิ หตุได้เช่นกันเพราะการดม่ื แอลกอฮอล์ทาใหข้ าดสติในการควบคมุ ตนเอง ซ่ึงในช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมาน้ัน มีประชาชนเดินทางกลับต่างจังหวัดเป็นจานวนมาก ทาให้การจราจรแออัด ซ่งึ ผู้ที่ด่ืมแล้วขับจนเกิดอุบัติเหตนุ ้ัน ทาให้ผู้อ่ืนเดือดร้อนไปด้วยเพราะสาเหตุการเมาเป็นเหตุให้ผอู้ ่ืนบาดเจ็บ หรือ บางรายอาจถึงข้ันเสียชีวิตหรือพิการตลอดชีวิต ทางท่ีดีทุกคนควรช่วยกันคนละไม้คนละมือ มีน้าใจและสานึกดี ทจ่ี ะทาให้สงั คมนา่ อยูข่ นึ้ และไมม่ ีผู้ที่เดอื ดร้อนเพราะการกระทาของคนอน่ื อกี ด้วย

477 447687 แบบประเมนิ การเขยี นแสดงความคิดเหน็ จากสื่อในชีวติ ประจาวัน คาชี้แจง ครปู ระเมนิ พฤติกรรมของนกั เรยี นในการเขยี นแสดงความคิดเห็นจากส่ือในชวี ติ ประจาวัน และให้คะแนน ลงในชอ่ งทต่ี รงกบั พฤติกรรมของนกั เรียน เลขท่ี ชื่อ – สกลุ การใช้ภาษา รวม สรปุ ผล เนื้อหา การประเมิน ความสะอาดเรียบร้อย ๔ ๔ ๒ ๑๐ ผา่ น ไม่ผา่ น เกณฑ์การตัดสนิ รอ้ ยละ ๘๐ ข้นึ ไป (๘ คะแนน) ดีมาก คะแนน ๙-๑๐ หมายถงึ ดี คะแนน ๗-๘ หมายถึง พอใช้ คะแนน ๕-๖ หมายถงึ ปรบั ปรุง คะแนน ๐-๔ หมายถงึ ลงชอื่ ..............................................ผูป้ ระเมิน (.........................................................) ................./............................/....................

478447689 เกณฑก์ ารประเมนิ การเขียนแสดงความคดิ เหน็ จากสอื่ ในชีวติ ประจาวัน ประเด็น ระดับคุณภาพ การประเมิน การใชภ้ าษา ๔ (ดีมาก) ๓ (ดี) ๒ (พอใช้) ๑ (ปรบั ปรุง) มีการเลือกสรรคา เนอ้ื หา ได้อยา่ งถกู ต้อง มีการเลอื กสรรคา การเลือกใช้ถอ้ ยคา เลือกใชถ้ ้อยคายัง สละสลวย ใช้ภาษา ความสะอาด แสดงความคดิ เหน็ ได้ดีแตย่ งั ขาดความ ไมเ่ หมาะสมกบั ไม่ถูกต้อง และไมม่ ี เรียบรอ้ ย ตรงประเดน็ สละสลวยในการใช้ เนอ้ื งเรอ่ื ง แต่ การใช้ภาษาเพื่อ ตรงประเด็น สอดคลอ้ งกับเรื่อง ภาษา และมีการใช้ มีการใช้ภาษา แสดงความคดิ เหน็ สะอาดเรียบรอ้ ย ภาษาแสดงความ แสดงความคิดเห็น ดมี าก - คิดเหน็ ตรงประเดน็ แต่ขาด ตรงประเด็น แต่ เน้ือหาไม่ตรง เอกภาพของเนอื้ หา ขาดเอกภาพของ ประเดน็ และ ๑-๒ แหง่ เนอื้ หา ๓-๔ แห่ง ขาดเอกภาพ สะอาดเรยี บร้อยดี สะอาดเรยี บร้อย มีข้อบกพร่องของ - แสดงถงึ ความต้ังใจ ผลงาน มีรอยลบ ไม่มีรอยลบ ขดี -ฆ่าหลายแห่ง ขีด-ฆ่าข้อความ เกณฑ์การตดั สิน หมายถึง ดีมาก คะแนน ๙-๑๐ หมายถงึ ดี คะแนน ๗-๘ หมายถึง พอใช้ คะแนน ๕-๖ หมายถึง ปรบั ปรุง คะแนน ๐-๔

479 แผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ ๙ เวลา ๑ ชั่วโมง หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ ๕ เร่ือง สร้างสรรคบ์ ทกวี เร่อื ง การเขียนแสดงความคดิ เหน็ จากหนังสือนอกเวลา กลมุ่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย รายวิชาพื้นฐานภาษาไทย ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี ๑ ขอบเขตเน้ือหา กจิ กรรมการเรียนรู้ ส่อื /แหล่งเรยี นรู้ การเขยี นแสดงความคดิ เห็นจากหนังสือนอกเวลา ข้ันนา ๑. หนังสอื อ่านนอกเวลา ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี ๑ จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ ๑. ครูเลา่ นทิ าน/นยิ าย/เร่อื งส้ัน/ตานาน ๒. นิทาน/นยิ าย/เรือ่ งสั้น/ตานาน (ขนาดสั้น) ดา้ นความรู้ ให้นกั เรยี นฟงั ๑ เร่ือง (ใชเ้ วลาประมาณ ๕ นาที) ๓. ใบงาน เรอื่ ง การเขียนแสดงความคดิ เหน็ มีความรู้ความเข้าใจเกีย่ วกับหลักการเขยี นแสดง ๒. นกั เรยี นรว่ มกันอภิปรายแสดงความคิดเหน็ จากหนงั สือนอกเวลา ความคดิ เห็นจากหนังสอื นอกเวลา จากเรอื่ งทไ่ี ด้ฟัง ดา้ นทกั ษะและกระบวนการ ข้ันสอน ภาระงาน/ชิน้ งาน เขียนแสดงความคิดเห็นจากหนังสือนอกเวลาได้ ๑. ครูนาหนังสือนอกเวลาระดบั ชนั้ มัธยมศึกษา- การเขยี นแสดงความคิดเหน็ จากหนังสอื นอกเวลา ด้านคณุ ลกั ษณะ ปที ่ี ๑ มาให้นักเรียนอ่านในช่ัวโมง (ครอู าจเปน็ ๑. มวี นิ ยั ผู้พจิ ารณาเลือกเรื่องท่มี ีความเหมาะสมกับเวลา ๒. มุง่ ม่ันในการทางาน และวยั ของนกั เรยี น) ๓. ใฝเ่ รียนรู้ ๒. ครูใหใ้ บงาน เร่อื ง การเขียนแสดงความคิดเหน็ ๔. ซื่อสัตยส์ ุจรติ จากหนงั สอื นอกเวลา แก่นักเรยี นเพอื่ ใช้ในการทา ๕. มมี ารยาทในการเขียน ชน้ิ งาน (อา่ นนอกเวลา) ข้ันสรุป ครแู ละนกั เรียนสรุปประโยชน์และการเขยี น แสดงความคดิ เหน็ จากหนังสือนอกเวลา 470 479

480 444788100 480 การวดั และประเมินผล วธิ ีการ เครอ่ื งมอื ทใ่ี ช้ เกณฑ์ กาสริ่งวทดั ต่ีแ้อลงะกปารระวเมัดิน/ปผรละเมนิ วธิ กี าร เครอ่ื งมือทใ่ี ช้ เกณฑ์ ดา้ สนิ่งคทวต่ี า้อมงรกู้ ารวดั /ประเมนิ สงั เกตพฤตกิ รรม แบบสงั เกตพฤติกรรม ผา่ นเกณฑ์คุณภาพ ดา้ นมคีคววาามมรรู้ ู้ความเข้าใจ สังเกตพฤตกิ รรม แบบสังเกตพฤติกรรม ผระา่ ดนับเกณ๒ฑ์คณุ ภาพ เกีย่ วมกีคบั วหามลกัรูค้กวาารมเขเขยี า้นใแจสดง ระดบั ๒ คเกวยี่ าวมกคบั ิดหเหล็นักจกากรเหขนียังนสแอื สดง ตรวจชิน้ งาน นควอากมเวคลดิ าเห็นจากหนังสอื ตรวจช้นิ งาน แบบประเมนิ การเขียน ผ่านเกณฑ์การประเมิน ทนอกั กษเะว/ลการะบวนการ ประเมนิ คุณลักษณะ แสบดบงปครวะาเมคินิดกเาหร็นเขยี น ผรอ้า่ นยลเกะณ๘ฑ๐์กาขรน้ึ ปไรปะเมิน ทกั ษะเข/ียกนระแบสวดนงคกวาารมคิดเหน็ ประเมนิ คุณลกั ษณะ แสดงความคดิ เหน็ รอ้ ยละ ๘๐ ขนึ้ ไป จากหเนขียงั สนือแนสอดกงคเววลาามไคดิด้ เหน็ แบบประเมนิ ผา่ นเกณฑ์คณุ ภาพ จดาา้ กนหคนุณงั ลสกัือษนอณกะเวลาได้ แคบณุ บลปกั รษะณเมะิน ผระา่ ดนบัเกณ๒ฑ์คุณภาพ ด้า๑น.คมุณวี ลินกัยษณะ คุณลกั ษณะ ระดบั ๒ ๒๑. ม่งุีวมิน่ันยในการทางาน ๓๒. ใมฝุ่งเ่มรัน่ียในนรกู้ ารทางาน ๓๔. ใซฝือ่ ่เสรียัตนย์สรู้จุ รติ ๔๕. มซือ่ีมสารตั ยยาส์ ทจุ ใรนิตการเขียน ๘. บันทกึ ผลหลังสอน ๘. บนั ทกึผผลลกหารลเังรสียอนนรู้ ..............ผ...ล..ก...า..ร.เ..ร..ยี ..น...ร..ู้ ................................................................................................................................ ..............ป...ัญ...ห...า..แ..ล...ะ..อ..ุป...ส..ร..ร..ค.................................................................................. ....................................... ..............ป...ญั...ห...า..แ..ล...ะ..อ..ุป...ส..ร..ร..ค......................................................................................................................... ..............ข...้อ..เ.ส...น..อ...แ..น...ะ..แ..ล...ะ..แ..น...ว..ท...า.ง..แ...ก..้ไ..ข...................................................................................................... ..............ข...้อ..เ.ส...น..อ...แ..น...ะ..แ..ล...ะ..แ..น...ว..ท...า..ง.แ...ก..้ไ..ข............................................................... ....................................... ............................................................................................................................. ....................................... ลงชอื่ ...................................................ผสู้ อน (ล..ง.ช...ื่อ.....................................................ผ...สู้ ..อ.)น (.ว..นั ..ท...ี่.............เ.ด...ือ..น...................พ...ศ................) วันท่ี.............เดอื น................พ.ศ............ ๙. ความคิดเหน็ /ข้อเสนอแนะของผู้บรหิ ารหรือผู้ทไ่ี ด้รับมอบหมาย .๙.....ค..ว...า..ม..ค...ิด..เ..ห..็น.../..ข..้อ...เ.ส..น...อ...แ..น...ะ..ข..อ...ง..ผ..บู้...ร..ิห...า..ร..ห...ร..ือ..ผ...ู้ท..่ไี..ด...้ร..บั ..ม...อ..บ...ห...ม..า...ย.............................................................. ............................................................................................................................. ............................................. ลงชอื่ ...................................................ผู้ตรวจ (ล..ง.ช...ือ่ ......................................................ผ..ู้ต..ร.)วจ (..ว..ัน...ท...ี่ ............เ..ด..ือ..น...................พ....ศ..............) วนั ท่.ี ............เดือน................พ.ศ............

481 447821 ใบงาน เร่อื ง การเขียนแสดงความคิดเหน็ จากหนงั สือนอกเวลา หนว่ ยที่ ๕ แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี ๙ การเขียนแสดงความคดิ เห็นจากหนงั สอื นอกเวลา รายวิชาพื้นฐานภาษาไทย รหัสวชิ า ท๒๑๑๐๑ ภาคเรียนที่ ๑ ช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๑ หนงั สือนอกเวลา เร่อื ง ขอ้ มูลเบือ้ งตน้ ของหนงั สือนอกเวลา ผู้แต่ง ปีทพ่ี มิ พ์ พมิ พ์ครงั้ ที่ จังหวัดที่พมิ พ์ โรงพมิ พ์

448723 482 แบบประเมินการเขียนแสดงความคดิ เหน็ จากหนังสือนอกเวลา คาชีแ้ จง ครปู ระเมนิ พฤติกรรมของนักเรยี นในการเขียนแสดงความคดิ เหน็ จากหนงั สือนอกเวลา และให้คะแนน ลงในช่องท่ีตรงกบั พฤติกรรมของนักเรยี น เลขท่ี ชื่อ-สกุล การใช้ภาษา รวม สรปุ ผล เนื้อหา การประเมนิ ความสะอาดเรียบร้อย ๔ ๔ ๒ ๑๐ ผ่าน ไมผ่ า่ น เกณฑก์ ารตดั สนิ รอ้ ยละ ๘๐ ขึน้ ไป (๘ คะแนน) ดีมาก คะแนน ๙-๑๐ หมายถึง ดี คะแนน ๗-๘ หมายถึง พอใช้ คะแนน ๕-๖ หมายถึง ปรับปรุง คะแนน ๐-๔ หมายถึง ลงชอื่ ..............................................ผู้ประเมนิ (.........................................................) ................./............................/....................

448734 483 เกณฑก์ ารประเมินการเขยี นแสดงความคิดเหน็ จากหนงั สือนอกเวลา ประเด็น ระดับคุณภาพ การประเมนิ การใชภ้ าษา ๔ (ดีมาก) ๓ (ดี) ๒ (พอใช้) ๑ (ปรบั ปรุง) มกี ารเลือกสรรคา เนือ้ หา ได้อยา่ งถูกต้อง มีการเลือกสรรคา การเลือกใช้ถอ้ ยคา เลอื กใชถ้ ้อยคายัง สละสลวย ใช้ภาษา ความสะอาด แสดงความคดิ เหน็ ได้ดีแตย่ งั ขาดความ ไม่เหมาะสมกบั ไมถ่ ูกตอ้ ง และไมม่ ี เรียบร้อย ตรงประเดน็ สละสลวยในการใช้ เนือ้ งเรื่อง แต่ การใช้ภาษาเพื่อ ตรงประเดน็ สอดคลอ้ งกับเรื่อง ภาษา และมีการใช้ มกี ารใช้ภาษา แสดงความคิดเห็น สะอาดเรยี บรอ้ ย ภาษาแสดงความ แสดงความคดิ เหน็ ดมี าก - คดิ เห็น ตรงประเดน็ แต่ขาด ตรงประเดน็ แต่ เนื้อหาไมต่ รง เอกภาพของเน้ือหา ขาดเอกภาพของ ประเดน็ และ ๑-๒ แหง่ เนื้อหา ๓-๔ แหง่ ขาดเอกภาพ สะอาดเรยี บรอ้ ย สะอาดเรยี บร้อย มีขอ้ บกพร่องของ ดี - แสดงถึงความตั้งใจ ผลงาน มรี อยลบ ไม่มรี อยลบ ขดี -ฆ่าหลายแหง่ ขีด-ฆ่าข้อความ เกณฑก์ ารตัดสิน หมายถงึ ดีมาก คะแนน ๙-๑๐ หมายถงึ ดี คะแนน ๗-๘ หมายถงึ พอใช้ คะแนน ๕-๖ หมายถึง ปรบั ปรุง คะแนน ๐-๔

484 หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ ๕ เร่ือง สรา้ งสรรคบ์ ทกวี แผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ ๑๐ เวลา ๑ ช่ัวโมง กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิชาภาษาไทย เรอ่ื ง การพูดแสดงความคิดเห็นเชิงสร้างสรรค์ ช้นั มธั ยมศึกษาปที ่ี ๑ ขอบเขตเน้อื หา ส่ือ/แหล่งเรียนรู้ รายวิชาพ้นื ฐานภาษาไทย ใบความรู้ เร่อื ง การพูดแสดงความคดิ เหน็ การพดู แสดงความคิดเหน็ เชงิ สร้างสรรค์ กิจกรรมการเรียนรู้ ขนั้ นา ภาระงาน/ชน้ิ งาน จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ การพดู แสดงความคดิ เห็นเชิงสร้างสรรค์ ด้านความรู้ ๑. ครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั สนทนาการพูดของ ๑. พดู แสดงความคดิ เห็นอย่างสรา้ งสรรค์ได้ ผพู้ ูดจากรายการต่าง ๆ ทางสื่อโทรทศั น์ วีดที ัศน์ ข้ันสอน ๒. ประโยชนข์ องการพดู แสดงความคดิ เห็นเชงิ ๑. ครูใหน้ กั เรียนศึกษาใบความรู้ เรือ่ ง การพูด สรา้ งสรรค์ ด้านทกั ษะกระบวนการ แสดงความคดิ เหน็ จากน้นั ครูสนทนาซักถามเร่ือง ขอ้ ควรปฏิบัตแิ ละมารยาทในการพดู แสดง ฝึกพูดแสดงความคิดเหน็ เชิงสรา้ งสรรค์ ความคดิ เหน็ เชิงสร้างสรรค์ ดา้ นคุณลกั ษณะ ๑. มวี นิ ัย ๒. ครูใหน้ กั เรยี นแบง่ กลุ่มออกเป็น ๔ กลุม่ จากนั้นให้ตัวแทนกลมุ่ ออกมาจบั สลากหัวขอ้ ๒. ใฝ่เรียนรู้ แลว้ รว่ มกันศกึ ษาข้อมลู พร้อมส่งตัวแทนออกมาพูด ๓. มุง่ ม่ันในการทางาน แสดงความคิดเหน็ เชงิ สรา้ งสรรค์ ๔. มีจิตสาธารณะ ๑) กสภาราเพมสอื ถงานการณ์ปัจจุบัน ๕. มมี ารยาทในการพูด ๒) การศกึ ษา ๓) เศรษฐกจิ ๔) ครอบครวั 448745

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๕ เรื่อง สรา้ งสรรคบ์ ทกวี แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ ๑๐ 485 กลุม่ สาระการเรียนรูว้ ิชาภาษาไทย เรอื่ ง การพูดแสดงความคดิ เห็นเชงิ สรา้ งสรรค์ เวลา ๑ ชั่วโมง รายวิชาพ้ืนฐานภาษาไทย ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ ๑ ๓. ครแู ละนักเรียนร่วมกันอภปิ รายเพม่ิ เติม แล้วให้ นกั เรยี นจดบนั ทึก ขนั้ สรุป ครูสนทนาซักถามเรอื่ งประโยชน์ของผพู้ ดู แสดง ความคิดเห็นที่ดี 476

แบบประเมินผลงาน 486 447876 486 486 สสดดดค๘สคดดสแดรรรรบวว้้้้าาา้้าาา.๕๓๓๒๒๒๒พ๑๑พ๑๑๔๔้้าาา้า้าานนนนนนบบงงงงสสมม.ูดดู............ทคคทคคปันสสสสิงิ่่งคคมมมปปใใมพมพมมแแวณวุุณกักัรรรรฝฝรทททดิดิสสมี่งุุ่งีีจจวีวีรรดูดูาาษษรรรระ่เ่เลลี่ี่ตตกึมมนินิเเะะดดิิตตามมรรแแคคคคเหหะะักกัผนน่ั่ั้้ออรโโมยีียงงััยยสสสสรร์์์์//ยยน็น็ยคคษษงงลใในนินาาูู้้กกดดชชนนเเากกววธธหณณรรผรรงงชชนนทกกาาาาาาูู้้คคะะลงงิิลมมะะรรขข์์รรใาาบบสสววังนงณณววรรคคออาาสรรววาททกัดัดงงดดิิมม้้าาะะนอนนกกาาา//เเงงคคนหหรกกปปงงาาสสิดิดพาารราา็็นนรรรรเเนนพพรรูดรระะหหออคคูดูดเเยยนน็็ มม์์แแ่าา่เเินนิชชสสงงิิงงดดงง วธิ กี าร เครื่องมือท่ีใช้ เกณฑ์ สงั เกตพวฤธิ ตีกกิารรรม แบเบคสรังอื่ เงกมตือทใ่ี ช้ ผา่ นเกณฑเ์คกณุ ณภฑา์พ สงั เกตพฤตกิ รรม พแบฤบติกสรงั เรกมต รผะา่ ดนบัเกณ๒ฑ์คุณภาพ พฤติกรรม ระดับ ๒ ประเมนิ การพูด ประเมินการพูด แบบประเมิน ผ่านเกณฑ์การประเมนิ ประเมนิ คุณลกั ษณะ แกบารบพปูดระเมนิ รผอ้า่ นยลเกะณ๘ฑ๐์กาขรน้ึ ปไรปะเมนิ ประเมินคุณลักษณะ แกบารบพปูดระเมนิ ผร้อ่านยลเกะณ๘ฑ๐์คุณขึน้ ภไาปพ คแบุณบลปักรษะณเมะนิ รผะา่ ดนับเกณ๒ฑ์คณุ ภาพ คณุ ลักษณะ ระดับ ๒ ๘...............................บ...............นั ..........ท...............กึผผขปปข..........ผ.....อ้อ้ลลัญญั..........ลเเกก.....หหสส.....ห.....าา.....นนาา.....รรล.....แแออเเ..........ังรรลล.....แแ.....สียีย.....ะะนน.....อนน.....ออ.....ะะน.....รรปุุป.....แแ.....ูู้้ .....สสลล..........รร.....ะะ.....รร.....แแ.....คค.....นน...............วว..........ทท...............าา........ง..ง.....แแ...............กก..........้้ไไ..........ขข.............................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................. ....................................................................................ล...ง.ช...่ือ........................................................................................................ผ..สู้..อ...น............. ล((ง....วช....ัน..อ่ื ....ท........ี่...................................................เ.....ด.......อื......น.................................................................................พ............ศ...................ผ........สู้ ......อ......น)) วนั ที่.............เดือน..................พ.ศ.......... ๙. ความคิดเห็น/ข้อเสนอแนะของผูบ้ ริหารหรอื ผู้ทไ่ี ด้รับมอบหมาย ๙.......ค..ว...า..ม..ค...ดิ ..เ..ห..็น.../..ข..้อ...เ.ส..น...อ...แ..น...ะ..ข..อ...ง..ผ..้บู...ร..หิ...า..ร..ห...ร..ือ..ผ...ู้ท..่ไี..ด...้ร..ับ..ม...อ..บ...ห...ม..า...ย.............................................................. ....................................................................................ล...ง.ช...ื่อ........................................................................................................ผ..ู้ต...ร..ว..จ................. (ล(....งว..ช..ัน....่ือ..ท......่ี....................................................เ.....ด......ือ.......น................................................................................พ.............ศ......................ผ.........ู้ต......ร...))วจ วันที.่ ............เดอื น..................พ.ศ..........

487 447887 ใบความรู้ เรอ่ื ง การพดู แสดงความคิดเหน็ หน่วยที่ ๕ แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี ๑๐ การพูดแสดงความคิดเหน็ รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรยี นท่ี ๑ ชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี ๑ การพูดแสดงความคิดเห็น คือ การพูดเพ่ือแสดงความคิดเห็นและความรู้สึกของตนเองต่อส่ิงใดส่ิงหน่ึง หรือเร่ืองใดเรอื่ งหนึ่ง จากการอ่าน การดู การฟัง แล้วนามาถ่ายทอดในลักษณะของการพูดท่ีผู้พูดต้องพูดอย่าง มีเหตุผล ในการพูดแสดงความคิดเห็นผู้พูดอาจพูดแสดงความคิดเห็นเก่ียวกับเร่ืองทางวิชาการ เศรษฐกิจ หรือ สังคมก็ได้ ประเภทของการพดู แสดงความคิดเห็น ๑. การพูดแสดงความคิดเห็นเชิงสนับสนุน เป็นการพูดเพ่ือสนับสนุนความคิดเห็นของผู้อื่น ซึ่งผู้พูด อาจจะพิจารณาแล้วว่า ความคิดเห็นท่ีตนสนับสนุนมีสาระและประโยชน์ต่อหน่วยงานและส่วนรวม หรือถ้าเป็น การแสดงความคิดเห็นเชิงวิชาการ จะต้องเป็นความคิดเห็นที่เป็นองค์ความรู้สัมพันธ์กับเน้ือเรื่องท่ีกาลังพูดกันอยู่ ทั้งในระหวา่ งบคุ คลหรือในที่ประชมุ เช่น การพดู ในทีป่ ระชุม การอภิปราย การแสดงปาฐกถา เป็นตน้ ๒. การพูดแสดงความคิดเหน็ เชิงขัดแย้ง เปน็ การพดู แสดงความคิดเห็นในกรณีท่ีมีความคิดไม่ตรงกันและ เสนอความคิดอ่ืนๆ ท่ีไม่ตรงกับผู้อ่ืน การพูดแสดงความคิดเห็นในเชิงขัดแย้งดังกล่าว ผู้พูดควรระมัดระวังเร่ือง การใช้ภาษาและการนาเสนอ ความขัดแย้งควรเป็นไปในเชิงสร้างสรรค์ อันจะก่อประโยชน์ต่อหน่วยงานหรือ สาธารณชน เช่น การสมั มนาเชิงวชิ าการ การอภิปราย การประชุม เป็นตน้ ๓. การพูดแสดงความคิดเห็นเชิงวิจารณ์ เป็นการพูดเพื่อวิจารณ์เกี่ยวกับเร่ืองใดเร่ืองหนึ่ง ซึ่งผู้วิจารณ์ อาจจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย และวิจารณ์ในเชิงสร้างสรรค์ ผู้วิจารณ์จะต้องวางตัวเป็นกลาง ไม่อคติต่อผู้พูด หรอื สงิ่ ท่ีเห็น เช่น การแสดงความคดิ เห็นต่อหนังสอื ละคร รายการโทรทัศน์ ภาพยนตร์ เปน็ ตน้ ๔. การพูดแสดงความคิดเห็นเพื่อนาเสนอความคิดใหม่ เป็นการพูดในกรณีที่ไม่เห็นด้วยกับการแสดง ความคิดเห็นของผู้อื่น และนาเสนอความคิดเห็นใหม่ของตนท่ีคิดวา่ จะเป็นประโยชนต์ ่อส่วนรวม เชน่ การแสดง ความคิดเหน็ ในทปี่ ระชมุ เปน็ ต้น ลกั ษณะของผ้พู ดู แสดงความคิดเหน็ ท่ดี ี ๑. ผู้พูดจะต้องมีความรูใ้ นเร่ืองที่จะแสดงความคิดเห็นอย่างดี ๒. การแสดงความคิดเห็นในเร่ืองใดเรื่องหนึ่ง ควรมีหลักการแสดงความคิดเห็นในเชิงขัดแย้งและ เชิงวจิ ารณ์ ๓. ให้ภาษาสุภาพเหมาะสมกับโอกาสโดยเฉพาะการแสดงความคิดเห็นในเชิงขัดแย้งและวิจารณ์เพ่ือรักษา ความสมั พนั ธ์ทีด่ ตี ่อผ้พู ูดและผู้ฟัง ๔. การแสดงความคิดเห็นใด ๆ ก็ตาม ควรแสดงความคิดเห็นในเชิงสร้างสรรค์ และเป็นประโยชน์ ต่อส่วนรวมเป็นสาคัญ ขอ้ ควรปฏบิ ัติในการพูดแสดงความคดิ เห็น ๑. ฟงั อา่ น หรอื ดูเร่อื งทต่ี ้องพดู แสดงความคดิ เหน็ อยา่ งต้งั ใจ ๒. ทาความเข้าใจกับเนื้อเร่อื ง ๓. หาขอ้ มูลเพ่ิมเติม

488 448789 ๔. ให้ความคดิ พจิ ารณาหาเหตุผลเพอื่ ประกอบการแสดงความคิดเหน็ ๕. มีความยตุ ิธรรม ไมเ่ ข้าขา้ งฝ่ายใดฝา่ ยหน่งึ ๖. ไม่นาอารมณช์ อบหรือไม่ชอบส่วนตวั มาเกี่ยวข้อง ๗. พูดอย่างมมี ารยาทใชค้ าท่สี ุภาพ ๘. เรยี งลาดับเรือ่ งที่จะพดู ใหด้ ไี มเ่ กดิ การสบั สน ๙. ไมพ่ ูดให้เกดิ ความขัดแยง้ กัน ๑๐. พูดใหต้ รงประเด็น มารยาทในการแสดงความคิดเหน็ ๑. ภาษาในการแสดงความคิดเห็น ต้องเป็นภาษาสุภาพ ชัดเจน เข้าใจง่าย เลือกใช้ถ้อยคาให้มี ความหมายตรงตามท่ีคิด มคี วามสมเหตสุ มผล ตรงประเดน็ ตรงตามหวั ขอ้ ทกี่ าหนด ไม่ออกนอกเรอ่ื ง ๒. ข้อมูลหลักฐานที่นามาใช้ประกอบความคิดเห็นต้องเป็นเรื่องจริง ไม่ใช่ข้อมูลเท็จหรือมีจุดประสงค์ เพ่ือหลอกลวง ๓. ควรใช้น้าเสียงท่ีนุ่มนวล แต่หนักแน่น น่าเชื่อถือ ไม่พูดเสียงดังเกินไป ไม่ห้วนหรือกระด้าง ไมแ่ สดงอารมณโ์ กรธหรอื ไมพ่ อใจ ๔. ใชก้ ริ ิยาท่าทางท่สี ุภาพ ไมแ่ สดงท่าทางกา้ วรา้ ว เช่น ยืนเทา้ เอว ชีห้ นา้ อีกฝา่ ย หรอื ทบุ โต๊ะ เปน็ ต้น ๕. ไม่พูดเพ่ือเอาชนะ ต้องใช้เหตุผลเป็นสาคัญ ต้องรู้จักควบคุมอารมณ์ และยอมรับฟังเมื่อเหตุผลของ อกี ฝา่ ยหนักแน่นและถกู ตอ้ งกว่า ๖. เป็นผู้ฟังทดี่ ี ตง้ั ใจฟัง ไมพ่ ูดแทรกหรอื พดู ขัดจงั หวะในขณะที่ผู้อื่นกาลังพดู แสดงความคิดเห็น การแสดงความคิดเห็นท่ีดีต้องเลือกแสดงความคิดเหน็ ที่มีประโยชน์และสร้างสรรค์ มีเจตนาดีตอ่ บุคคลใน สงั คมและส่วนรวม หลักการและข้อเท็จจริงต่างๆ ท่ีนามาใช้เป็นเหตุผลตอ้ งเป็นส่ิงท่ีถูกต้องและดีจริง นอกจากน้ี ยังต้องรู้จักฟังความคิดเห็นของผู้อ่ืน ต้องรู้จักพิจารณาไตร่ตรองด้วยว่าความคิดเห็นนั้นถูกต้อง มีคุณประโยชน์ สมควรเช่ือหรือไม่ ในขณะเดียวกันถ้ามีความคิดเห็นที่แตกต่างออกไป ก็ควรกล้าแสดงความคิดเห็นของตนให้ ผู้อื่นไดร้ บั รู้

489 448890 แบบประเมินการพดู แสดงความคดิ เห็นเชงิ สร้างสรรค์ คาชี้แจง ครปู ระเมินพฤติกรรมของนกั เรียนในการพูดแสดงความคิดเหน็ เชิงสร้างสรรค์ และให้คะแนนลงในชอ่ งที่ ตรงกับพฤติกรรมของนักเรยี น เลขที่ ชอ่ื -สกุล ูพดตรงประเด็น รวม สรปุ ผล ความสร้างสรรค์ การประเมิน ความค ่ลองแค ่ลว ุบค ิลกภาพ ๓ ๓ ๓ ๓ ๑๒ ผา่ น ไม่ผ่าน เกณฑ์การตดั สิน ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป (๑๐ คะแนน) ดมี าก คะแนน ๑๑-๑๒ หมายถึง ดี คะแนน ๙-๑๐ หมายถงึ พอใช้ คะแนน ๗-๘ หมายถึง ปรับปรงุ คะแนน ๐-๖ หมายถึง ลงช่อื ..............................................ผ้ปู ระเมนิ (.........................................................) ................./............................/....................

490 484910 เกณฑก์ ารประเมินการพูดแสดงความคิดเหน็ เชิงสร้างสรรค์ ประเด็นการประเมนิ ระดับคณุ ภาพ พดู ตรงประเดน็ ๓ (ดมี าก) ๒ (พอใช้) ๑ (ปรับปรุง) พูดตรงประเดน็ เรียงลาดบั เรอ่ื งราว พูดตรงประเดน็ เรอ่ื งราว พดู นอกประเดน็ เรือ่ งราว ไดต้ ามลาดับ ไมว่ กวน ไม่เรยี งตามลาดับ วกวน เหตุการณ์บา้ ง แตท่ าให้ เข้าใจเร่อื งราวได้ ความสร้างสรรค์ เน้ือเร่ืองมคี วาม เน้อื เรือ่ งน่าสนใจ แต่ยัง เนอ้ื เร่อื งไม่แปลกใหม่ ความคล่องแคล่ว สร้างสรรค์ น่าสนใจ บคุ ลิกภาพ ไม่แปลกใหม่ พดู ได้คลอ่ งแคลว่ แก้ไขปญั หาไดร้ วดเรว็ พูดตดิ ขัดบ้าง แตส่ ามารถ พดู ตดิ ขัดมาก มคี วามม่นั ใจ มีท่าทาง แกไ้ ขปัญหาได้ ประกอบ มคี วามมนั่ ใจ มที ่าทาง ขาดความมั่นใจในการพูด ประกอบเล็กน้อย ระดับคณุ ภาพ หมายถงึ ดีมาก หมายถงึ ดี คะแนน ๑๑-๑๒ หมายถึง พอใช้ คะแนน ๙-๑๐ หมายถึง ปรบั ปรงุ คะแนน ๗-๘ คะแนน ๐-๖

แผนการจัดการเรยี นร้ทู ี่ ๑๑ 449911 เร่ือแงผนกการาเรขจยี ดั นกเาครา้ เโรคียรนงรโู้ทคี่ร๑งง๑าน 491 แแขปปขขปเขขงกงนขโอปอขปโเนกเขอนขโงปกใม คคคคคค าาานลละะะจิจิิจนั้ัน้้นัน้ัั้น้นัน้ััน้น้ัักกัักรรรรรรอ า้้าา้นนนรรร๑๑๑ค๓๔๒ค๑ค๑๓๒๔๒๑๓๔ กไไไะะะะะะะะกกกเเเสสสนสสนสนบโโโ งงงรรรรรรชชชรรร..............เเเโโโปปาคคคครรรรรรออองงงาาาบบบหดดดยีียียยยยสสสูููน้ิน้ิน้ิรคคคใใใคคคคคคคครรรรรรรราาาุปปุปุรนนน็น็นน็นนนชชชหหห้าา้้ามอออดใใใมมมนนนะะงงงรรรรรรรรรรรูสงงงดดดนนนหหหรรรบบบาน้้น้นโโโ�ำแูแูแูใูููใซูใูซููซูใใโโกกกตตตนคคคหหหหหะะะยยทททยเอ์อ์อ์วััวัวถถถักกกัลลลกักักัาาาาาานรรรดดดทชชวนน้้้น้้นนขขขน่ีน่ี่ีนยยยาาาะะะเเเถถถรรรมมมงงงินรรรมมมา่นนมมม้อ้อ้อ่่าา่านักกักััักกเเเกัักกันนนาาาหหหเงงงียยียีรรรงกสสสงงงร์ทท์ใใในนนมมมเเเเเเเเาาากักัักาวัวััวาียียยีนนนรรรรรนนไไไรรรอ่ือื่มมมาแนนนนนนไี่ไี่ััักกกซเเเรรรขขขนยีียยีียียรรรียยีียนนนแแแรกดกดกรรรงงผอออเเเักกักััก้้้อออาาานนนนนชนนนมยียียีตตตรรรรราาา้ร้รงงงนเเเพพพยยยกกแแแถ้ินียยีียููู้้้แศแศศแรรรนนนบัับใใใาลลล่่่คคครรรกวววาาลลลชชชรรรเเเาโโโนนนกบบบยยีียีึกึกึกใะะะรรรจจิิดดิดขขขดดดรรา้้้ชิิชิชอออเ้้เ้เะะะดมว่่ว่วนนนทษษษเเเกกกง่ง่่งาาหหหวววียยีียเเรยยกกกนนนมมมาาาทกกกมมมนกกขขลลลเเเลลลสี่าาาาาาจนนนคคคี่ย่ียย่ีรรรพพพกักักัอออลลลกกก่นีกมุุ่ม่่มุียียาาาัหหหกุดดั่่ืืื่เเเอออรรรวววธธธเเเุ่มุ่มุ่มนน้ืน้ื้ืันนัันใใใาาคคคักนสสสใใใเวัวััวรรรูคคูคูกกกกงงงนนนิบบิบิบบบรรรสสสฐฐฐ้าา้า้เ่งง่่งีีียยยขขขเเกกกอออัััาบบบรกกกจจีาาาคคยโโโผผผคคคาาารรรกกกนนน้ออ้้อาาารียยยยคคคยยยงงงดััดาาาา้้านปุปุุปู้แู้แแู้นนนวววลลลรรรเเเเาาาใใในรรรรรรเเเททโโคคคราาาทททเเเปปปเภภภหหหมุ่มุ่มุ่พพพนนนพพทททคคงงงขขขใกมมมียยยยาานนนรรรลลลชโโโาาา้คค้้ค่ิม่ิม่มิทททรรรรราาายียียีโโนรรรี่ทททคคคยะะะษษษอออะะะ้เาาาคคงงมมมเ้้เ้เออไ่ีี่ไ่ไีนนนููู้้้วรรรรตตตวาาาเเเดดดแแแโโอออาาารรมมมาาาภภภลโโโู้ทงงงเเเโโโคคกิิิมมมนนน้รร้ร้งงไไไกกกกกกรรรคคค๔๔๔คคคเเเงงงทททาี่ทททรรงงบับัับขขข่อืื่อ่ือะะะมมมาาาทททรรรรรร๑กาาขขขงงยียียียยยนนนงงงมมมนนงงงงาาางงส่ีสี่ส่ีรนนคคคงง๑ออองงงนนนงงงานนอออาาาุดดุุดะาานนนาาางงงาาานกกกนนนเเเบบบาาานนบโนโนโนคคคนนนเเเาาาคคคัััทกกกหหหวสสสวววา้า้้าวววใใใรรรรรรเเเีนมมม่โโโหหหไ่าา่่านนนชชิิิชเเเรรรงงงคคคดขขขมมมาาากยีียีย้้้าาาออองงงรรรยีียีย้ยยยรีีีาาานนนางงงนนนัวววบนนนรา่า่่า หน่วยการเรียนรู้ท่ี ๕ เรื่อง สรา้ งสรรค์บทกวี และประโยชนท์ ไ่ี ดร้ บั จากการจดั ทาโครงงาน เวลา ๑ ชัว่ โมง กหลนมุ่วสยากราะรกเราียรนเรรียูท้ นี่ ร๕ู้ภาษเราื่อไงทยสรา้ งสรรค์บทกวี ช้นั มัธเยวมลศาึก๑ษาชปว่ั ีทโม่ี ๑ง กกขขหลลออนกุ่มุ่มบบว่ าสสเเยรขขาากเตตขรราียะะเเรนนกกนเร้ออืื้าาเยีคหหรรนา้เเาารรโรคยีียทู้ นนรี่งรรโ๕ภูภู้้คาารษษงเรงาาื่อาไไนงททยยสร้างสรรค์บทกวี สสอ่ือ่ื ใ//บแแคหหวลลาง่่งมเเรรรู้ยีียเรนนื่อรรงูู้้ ชั้นมัธเยวมลศาึก๑ษาชป่วั ีทโมี่ ๑ง ดดดดดขจดจจดดุดดดุุ้้าาา้า้้า้า้าา้อ๓อ๒๒๑เเ๑เ๑๒๒๒๑๑ก๑กนนนนนนนนปปปบขขขธาา..........ทคททคคคคคีียยียรรรเรริบขมมมใใใมมมอออะะะณุณุุณวววนนนักกักัเเฝฝฝามีธธธตขขุุ่่งงมีมีมีสสสาาาษษษเเเย่่่เเลลลมมิบบิบิคคคาียยีเาาามมมงงงรรรขะะะนักักักรน่น่ัรรร้้าา้าคคคนนียยียีาาารรรแแแนั้ยยยยื้อโโโษษษยยใในนน์์ก์กกููู้้้เเคคคลลลนนตาคคาาาหขขขณณณาาารรรทรรระะะทททอา้า้กกนน้ััั้้นููู้้้รารรงงงกกกโโใะะะนใใใาาเเเตตตโโโคคนนนนรรรรรรรรกคคคอออรรยยีีียกะะะททกกการรรนนนงงบบบานนนาาาาารงงงโโรกกกรรรงงเงงงรรรวววคคขเาาาาาาาาเเเููู้้้ขนนนรรขขขยีรรรนนนนนงงยีกกกยียียีนเเเงงไไไขขขนาาานนนดดดเาาีียยียครรรนน้ถถ้้ถนนน้าูููกกกโเเเตตตคคคอ้อ้อ้ราาา้้้ งโโโงงงคคคโครรรรงงงงโโโงคคคารรรนงงงงงงาาานนน ส่อื ใ/บแคหวลา่งมเรรู้ยี เรนอ่ื รงู้ กกาารรเเขขียียนนเเคคช้า้าโโั้นคคมรรัธงงโโยคคมรรศงงึกงงาาษนนาปีที่ ๑ ๒. มุ่งมน่ั ในการทางาน ใบความรู้ เรอ่ื ง การเขยี นเค้าโครงโครงงาน ภาระงาน/ชน้ิ งาน ภาหราะขงาอ้ นม/ูลชเพิ้น่ืองาเตนรียมเขียนรายงานโครงงาน ภาหราะขงา้อนม/ูลชเพน้ิ ื่องาเตนรยี มเขียนรายงานโครงงาน หาขอ้ มลู เพื่อเตรียมเขียนรายงานโครงงาน 448921491491

492 448923 การวดั และประเมินผล ส่งิ ทต่ี ้องการวดั /ประเมนิ วิธกี าร เครือ่ งมอื ท่ใี ช้ เกณฑ์ ด้านความรู้ สังเกตพฤตกิ รรม แบบสังเกตพฤติกรรม ผา่ นเกณฑ์คณุ ภาพ ๑. อธิบายการเขยี นเค้าโครง ระดับ ๒ โครงงาน ตรวจชิ้นงาน ๒. มีมารยาทในการเขียน แบบประเมินการเขียน ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ ดา้ นทักษะและกระบวนการ เค้าโครงโครงงาน ร้อยละ ๘๐ ข้นึ ไป เขียนเค้าโครงโครงงานได้ ดา้ นคณุ ลักษณะ ประเมนิ คุณลกั ษณะ แบบประเมินคณุ ลักษณะ ผา่ นเกณฑ์คณุ ภาพ ๑. ใฝ่เรยี นรู้ ระดบั ๒ ๒. มุ่งม่ันการทางาน ๘. บนั ทกึ ผลหลังสอน ผลการเรยี นรู้ ............................................................................................................................. ....................................... ปัญหาและอุปสรรค ............................................................................................................................. ....................................... ขอ้ เสนอแนะและแนวทางแก้ไข .................................................................................................................................................................... ลงช่ือ...................................................ผสู้ อน (.................................................................) วนั ท่.ี ............เดอื น..................พ.ศ.......... ๙. ความคดิ เห็น/ข้อเสนอแนะของผ้บู ริหารหรอื ผู้ที่ไดร้ ับมอบหมาย ............................................................................................................................. ............................................. ลงชื่อ...................................................ผู้ตรวจ (.................................................................) วนั ท่.ี ............เดอื น..................พ.ศ..........

493 448934 ใบความรู้ เรอ่ื ง การเขียนเคา้ โครงโครงงาน หนว่ ยท่ี ๕ แผนการจดั การเรียนร้ทู ่ี ๑๑ การเขียนเค้าโครงโครงงาน รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรยี นที่ ๑ ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ ๑ โครงงานเป็นงานเขียนที่แสดงให้เห็นถึงการร่วมกันคิด ร่วมกันทางาน และร่วมกันรับผิดชอบ การเรียนร้จู ากโครงงานเป็นการเรียนรู้จากการได้ลงมือปฏิบตั ิจริง ทดลองจริง จากสภาพจริงทนี่ ักเรยี นต้องประสบ ช่วยให้นักเรียนได้เรียนรู้วิธีการวางแผนงานและบริหารจัดการให้สามารถดาเนินงานทุกขั้นตอนให้ลุล่วงไปด้วย ความเรียบร้อยเกิดผลสาเรจ็ ตามเป้าหมาย การเขียนเค้าโครงโครงงานควรประกอบไปด้วยส่วนสาคญั อยา่ งน้อย ๘ หวั ข้อ ซง่ึ ทุกหวั ข้อผู้ทาโครงงาน ต้องช่วยกันคิดและปรกึ ษาให้รอบคอบ พจิ ารณาทบทวนให้ดี ดังน้ี ๑. ช่ือโครงงาน เป็นสง่ิ สาคญั ประการแรก เพราะชอื่ โครงการจะช่วยโยงความคดิ ไปยงั วตั ถปุ ระสงค์ของ การทาโครงงาน การตัง้ ชอื่ โครงงานของนักเรียนนิยมตง้ั ชอื่ ใหม้ ีความกะทัดรัดและดึงดดู ความสนใจจากผู้อา่ น ผู้ฟงั สงิ่ ทคี่ วรคานึง คือ ช่ือโครงงานควรเขยี นใหก้ ระชบั ชัดเจน ใชภ้ าษาตรงไปตรงมาไม่ให้กากวม ๒. ผู้รบั ผดิ ชอบโครงงาน การเขียนชอื่ ผูร้ บั ผดิ ชอบโครงงาน เพื่อให้ทราบว่าโครงงานน้ันใครเป็นผรู้ บั ผดิ ชอบและสามารถ ติดตามได้ ๓. ที่มาของโครงงาน การเขียนท่ีมาและความสาคัญของโครงงาน ผู้จัดทาโครงงานจาเป็นต้องศึกษาหลักการทฤษฎี เกี่ยวกบั เรื่องท่สี นใจศึกษา ควรเขยี นใหเ้ ข้าใจชัดเจนว่าโครงงานน้ีมเี หตผุ ลอะไรจึงคิดทา มเี หตุจูงใจอะไร หากได้รับ ความสนบั สนุนจากใครหรือจากแหล่งใดควรระบุด้วย ๔. จดุ ประสงค์ของการทาโครงงาน การกาหนดจุดมุ่งหมายปลายทางท่ีต้องการ ข้อน้ีสาคัญมากควรเขียนให้รัดกุมว่าในการทา โครงงานนีต้ ้องการให้บรรลอุ ะไรบา้ ง โดยการเขียนเป็นข้อ ๆ จะทาใหเ้ ขา้ ใจงา่ ย แจม่ แจ้ง และชัดเจน ๕. สมมติฐานของการศกึ ษา เป็นทักษะกระบวนการทางภาษาไทย ต้องให้ความสาคัญเพราะเป็นการกาหนดแนวทางใน การออกแบบทดลองได้ชัดเจนและรอบคอบ สมมติฐาน คือ การคาดคะเนคาตอบของปัญหาอย่างมีหลักและ เหตุผลตามหลักการ ทฤษฎี รวมทง้ั ผลการศกึ ษาของโครงการท่ไี ดท้ ามาแลว้ ๖. ขอบเขตเนือ้ หาและระยะเวลาการทาโครงงาน โครงงานทุกโครงงานจะต้องวางขอบเขตไว้เป็นกรอบกากับว่าจะให้ครอบคลุมเนื้อหา กว้างขวาง เพียงใด หากระบุว่าทาภายในระยะเวลาก่วี นั หรอื ก่ีสปั ดาห์ไดย้ ง่ิ ดี


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook