๙๘ ม.๘๕/๑๒ หยดุ กิจการช่ัวคราวติดตอ่ กันเกินกวา่ ๓๐ วนั ให๎แจ๎งหยุดกจิ การชวั่ คราวภายใน ๑๕ วนั นับจากวันหยุด ม.๘๕/๑๓ แจง๎ โอน รับโอนไมํนอ๎ ยกวาํ ๑๕ วนั กํอนวันโอน/รบั โอน ม. ๘๕/๑๔ ควบเขา๎ กนั ต๎องแจง๎ การเลกิ ประกอบกจิ การตามมาตรา ๘๕/๑๕ และให๎นติ บิ ุคคลใหมซํ ่ึงได๎ควบเขา๎ กนั ยืน่ คาํ ขอจดทะเบยี นภาษมี ูลคําเพมิ่ ภายใน ๑๕ วนั นับแตวํ นั ทไี่ ด๎จดทะเบียนนติ ิบุคคลใหมํ ม. ๘๕/๑๕ เลิกกจิ การ แจ๎งภายใน ๑๕ วนั นบั จากวนั เลกิ กิจการ ม. ๘๕/๑๖ บคุ คลธรรมดาตาย ผ๎คู รอบครองทรัพย๑มรดกมีสทิ ธปิ ระกอบกิจการตํอไปได๎ไมเ่ กนิ ๖๐ วนั นบั แตวํ ันทถ่ี ึง แกคํ วามตาย ม.๘๖ ให๎ผปู๎ ระกอบการจดทะเบยี นจดั ทาํ ใบกํากับภาษีและสําเนาใบกาํ กับภาษีสาํ หรับการขายสนิ คา๎ หรือการ ใหบ๎ ริการทุกครงั้ และต๎องจัดทําในทันทีทค่ี วามรบั ผดิ ในการเสยี ภาษมี ูลคําเพิ่มเกดิ ขนึ้ ม. ๘๖/๑ หา๎ มมิใหผ๎ ๎ูประกอบการจดทะเบียนดังตํอไปนี้ออกใบกํากับภาษี (๑) ผปู๎ ระกอบการจดทะเบียนทีอ่ ยูนํ อกราชอาณาจกั ร และได๎ให๎ตวั แทนของตนออกใบกาํ กับภาษีแทนตนตาม มาตรา ๘๖/๒ (๒) ผู๎ประกอบการจดทะเบยี นที่ทรพั ย๑สินถูกนาํ ออกขายทอดตลาดหรอื ขายโดยวธิ อี ื่นโดยบุคคลอ่นื ตามมาตรา ๘๓/๕ (๓) ผป๎ู ระกอบการจดทะเบียนตามทกี่ ําหนดโดยพระราชกฤษฎีกาที่ออกตามมาตรา ๘๓/๖ (๓) ม. ๘๖/๒ ผปู๎ ระกอบการจดทะเบียนใดท่ีอยูนํ อกราชอาณาจักร หากประสงคจ๑ ะให๎ตวั แทนของตนออกใบกาํ กับภาษี ในนามของตนให๎ขออนมุ ตั ิตอํ อธิบดี ม. ๘๖/๓ ในการขายทอดตลาดตามมาตรา ๘๓/๕ ใหผ๎ ๎ทู อดตลาดท่ีมิใชสํ ํวนราชการ ซ่งึ ขายทรพั ยส๑ นิ ของ ผู๎ประกอบการจดทะเบยี นออกใบกํากับภาษีในนามของผูป๎ ระกอบการจดทะเบยี นเจ๎าของทรพั ย๑สนิ ม. ๘๖/๔ ใบกํากับภาษตี ๎องมีรายการอยํางนอ๎ ยดังตํอไปน้ี (๑) คาํ วาํ \"ใบกาํ กบั ภาษี\" (๒) เลขประจําตวั ผเู๎ สยี ภาษีอากรของผข๎ู ายสนิ คา๎ หรือใหบ๎ ริการ (๓) ช่ือ ท่อี ยูํ ของผ๎ูขายสินค๎าหรือให๎บรกิ าร (๔) ชอ่ื ทีอ่ ยูํ ของผซ๎ู ้ือสินคา๎ หรอื รบั บรกิ าร (๕) เลขประจาํ ตัวผเ๎ู สยี ภาษีอากรของผซู๎ ้ือสินค๎าหรือรับบริการ(เฉพาะผ๎ูประกอบการจดทะเบียน (๖) ระบุ“สํานกั งานใหญํ” หรอื “เลขท่สี าขา” ของผซู๎ ้ือสินค๎าหรือรับบริการ (๗) หมายเลขลาํ ดับของใบกาํ กบั ภาษีและหมายเลขลําดับของเลมํ (ถา๎ มี) (๘) วัน เดอื น ปี ที่ออกใบกาํ กับภาษี (๙) ชื่อ ชนดิ ประเภท ปริมาณและมลู คาํ ของสินค๎าหรือของบริการ (๑๐) จํานวนภาษีมูลคําเพิ่มที่คาํ นวณจากมลู คําของสนิ ค๎าหรอื ของบรกิ าร โดยให๎แยกออกจากมูลคาํ ของสนิ ค๎า หรอื ของบรกิ ารใหช๎ ดั แจ๎งม. ๘๖/๘ ผูป๎ ระกอบการรายยอํ ยไมจํ ําต๎องออกใบกาํ กับภาษี สําหรับการขายสินค๎าหรือการ ใหบ๎ รกิ ารท่ีมีมูลคาํ ครั้งหนงึ่ ไมํเกินหน่งึ พนั บาท เว๎นแตํผ๎ูซอื้ /ผูรับบริการรอ๎ งขอ ม. ๘๖/๙ ใบเพ่ิมหนีใ้ ห้ออกถัดจากเดอื นทมี่ ีเหตกุ ารณเ์ กดิ ขึ้น ใบเพ่มิ หนต้ี ๎องมรี ายการอยาํ งนอ๎ ยดงั ตํอไปนี้ (๑) คาํ วาํ \"ใบเพิ่มหน้ี\" ในที่ทเ่ี ห็นได๎เดนํ ชัด (๒) ชื่อ ท่ีอยํู และเลขประจําตวั ผเ๎ู สียภาษีอากรของผูป๎ ระกอบการจดทะเบียนที่ออกใบเพิม่ หน้ี (๓) ชื่อ ทอ่ี ยูํ ของผซ๎ู ื้อสนิ ค๎าหรอื ผรู๎ ับบรกิ าร (๔) วนั เดือน ปี ที่ออกใบเพ่ิมหนี้ นนท์ เศรษฐวิวฒั น์
๙๙ (๕) หมายเลขลาํ ดบั ของใบกํากับภาษีเดมิ รวมทั้งหมายเลขลําดับของเลํมถ๎ามี มูลคําของสนิ คา๎ หรือบริการท่ี แสดงไว๎ในใบกํากับภาษีดังกลําว มูลคําท่ีถูกต๎องของสนิ ค๎าหรือบริการ ผลตาํ งของจํานวนมลู คาํ ทั้งสอง และจาํ นวน ภาษีทเี่ รยี กเกบ็ เพ่ิมสําหรับสํวนตํางนน้ั (๖) คาํ อธิบายสน้ั ๆ ถึงสาเหตุในการออกใบเพิ่มหนี้ (๗) ข๎อความอนื่ ทอ่ี ธิบดีกําหนด ม.๘๖/๑๐ ใบลดหนีใ้ ห๎ออกถัดจากเดอื นทม่ี ีเหตุการณ๑เกิดข้ึน ใบลดหน้ีต๎องมีรายการอยาํ งน๎อยดังตํอไปนี้ (๑) คาํ วาํ \"ใบลดหนี้\" ในที่ทีเ่ หน็ ไดเ๎ ดนํ ชัด (๒) ชื่อ ทอี่ ยํู และเลขท่ีประจําตวั ผเ๎ู สยี ภาษีอากรของผปู๎ ระกอบการจดทะเบยี นท่ีออกใบลดหน้ี (๓) ชอ่ื ที่อยูํ ของผซ๎ู ื้อสนิ คา๎ หรือผ๎ูรบั บรกิ าร (๔) วัน เดือน ปี ที่ออกใบลดหน้ี (๕) หมายเลขลําดับของใบกาํ กับภาษเี ดิม รวมทง้ั หมายเลขลําดับของเลํมถ๎ามี มลู คาํ ของสนิ คา๎ หรือบรกิ ารท่แี สดง ไว๎ในใบกาํ กบั ภาษีดังกลาํ ว มูลคําทถี่ ูกตอ๎ งของสินค๎าหรือบรกิ าร ผลตํางของจาํ นวนมูลคําทง้ั สองและจาํ นวนภาษี ทีใ่ ชค๎ นื สาํ หรบั สํวนตํางนัน้ (๖) คําอธิบายส้ัน ๆ ถงึ สาเหตุในการออกใบลดหน้ี (๗) ขอ๎ ความอน่ื ท่ีอธบิ ดีกาํ หนด ม.๘๖/๑๑ ใบแทนใบกาํ กับภาษี ใบแทนใบเพิ่มหนี้ หรอื ใบแทนใบลดหน้ี ใหม๎ ีรายการเชํนเดยี วกบั ใบกํากบั ภาษี ใบ เพ่มิ หนี้ หรือใบลดหนี้ แล๎วแตกํ รณี โดยใหม๎ ขี ๎อความระบุไวใ๎ นทที่ เี่ ห็นไดช๎ ดั วําเปน็ ใบแทน และออกเพอ่ื แทนใบกาํ กับ ภาษี ใบเพม่ิ หน้ี หรอื ใบลดหน้ีฉบับใด ม.๘๖/๑๓ ผใู๎ ดออกใบกาํ กับฯ โดยไมํมสี ิทธิออก ตอ๎ งรบั ผดิ ชอบภาษีตามจาํ นวนท่ีออกเสมอื นเปน็ ผูป๎ ระกอบการจด ทะเบียน ม.๘๖/๑๔ ใบเสรจ็ รับเงินทกี่ รมสรรพากร กรมศลุ กากร หรือกรมสรรพสามติ ออกใหใ๎ นการเรยี กเกบ็ ภาษีมูลคําเพมิ่ เพ่อื กรมสรรพากร ใหถ๎ ือเปน็ ใบกํากบั ภาษี ม.๘๗ รายงานเกยี่ วกบั การเสียภาษีมลู คําเพมิ่ (๑) รายงานภาษีขาย (๒) รายงานภาษซี ้ือ (๓) รายงานสนิ คา๎ และวตั ถุดบิ เฉพาะการขายสนิ คา๎ ม.๘๘/๒ เจ๎าพนักงานประเมินมีอาํ นาจ (๑) จดั ทํารายการลงในแบบฯ ตามหลักฐานท่ีเหน็ วาํ ถูกต๎อง เมื่อผ๎ูมีหนา๎ ท่เี สยี ภาษีมิไดย๎ ืน่ แบบฯ (๒) แก๎ไขเพ่มิ เติมรายการในแบบแสดงรายการภาษเี พ่ือใหถ๎ ูกต๎อง (๓) ประเมนิ ภาษี (๔) กาํ หนดมูลคาํ ทค่ี วรได๎รับ (๕) แก๎ไขเปล่ียนแปลงมลู คาํ ของสนิ ค๎าท่ีซอ้ื หรอื ของคําบริการ (๖) ประเมนิ ภาษีตามที่รเ๎ู หน็ หรือพิจารณาวําถูกต๎อง ม.๘๘/๓ เจา้ พนกั งานประเมินมีอํานาจเขา้ ไปในสถานประกอบการระหว่างพระอาทติ ย์ขนึ้ และพระอาทติ ย์ตก หรอื ระหวาํ งเวลาทาํ การของผปู๎ ระกอบการ และมีอํานาจยึดเอกสารหลักฐานมาตรวจสอบไตสํ วนได๎ ม.๘๘/๔ ใหเ๎ วลาปฏิบัติตามหมายเรยี กผู๎ไมํนอ๎ ยกวําเจด็ วนั นบั แตํวนั ไดร๎ บั หมายเรยี ก ม.๙๑/๒ กจิ การท่ตี ๎องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ นนท์ เศรษฐวิวฒั น์
๑๐๐ (๑) การธนาคาร (๒) การประกอบธรุ กิจเงินทนุ ธรุ กจิ หลักทรัพย๑ ธุรกิจเครดิตฟองซิเอร๑ (๓) การรบั ประกันชวี ติ (๔) การรับจํานํา (๕) การประกอบกิจการโดยปกติเย่ียงธนาคารพาณิชย๑ (๖) การขายอสงั หารมิ ทรพั ย๑เป็นทางคา๎ หรือหากําไร (๗) การขายหลักทรัพยใ๑ นตลาดหลักทรัพย๑ (๘) การประกอบกจิ การอนื่ ตามทกี่ ําหนดโดยพระราชกฤษฎีกา ม.๙๑/๓ กิจการทไ่ี ด๎รับการยกเว๎น (๑) กจิ การของธนาคารแหงํ ประเทศไทย ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห๑ และธนาคารเพื่อการเกษตร และสหกรณ๑การเกษตร (๒) กจิ การของบรรษัทเงนิ ทนุ อุตสาหกรรมแหํงประเทศไทย (๓) กจิ การของสหกรณ๑ออมทรพั ย๑ เฉพาะการให๎กย๎ู ืมแกํสมาชกิ หรอื แกสํ หกรณ๑ออมทรพั ย๑อนื่ (๔) กิจการของกองทุนสาํ รองเลี้ยงชพี (๕) กจิ การของการเคหะแหํงชาติ เฉพาะการขายหรอื ใหเ๎ ชําซอ้ื อสงั หารมิ ทรัพย๑ (๖) กิจการรบั จาํ นําของกระทรวง ทบวง กรม และราชการสํวนทอ๎ งถ่ิน (๗) กิจการอืน่ ตามมาตรา ๙๑/๒ ตามทก่ี าํ หนดโดยพระราชกฤษฎกี า ม.๙๑/๕ ฐานภาษี (๑) ธนาคาร (ก) ดอกเบ้ีย สวํ นลด คาํ ธรรมเนยี ม คําบรกิ าร หรือกาํ ไรกํอนหักรายจํายใด ๆ จากการซื้อหรอื ขายหรือที่ได๎ จากตั๋วเงนิ หรือตราสารแสดงสทิ ธิในหนีใ้ ด ๆ (ข) กาํ ไรกํอนหกั รายจํายใด ๆ จากการแลกเปลย่ี นหรอื ซ้ือขายเงินตรา การออกต๋ัวเงิน หรอื ตราสารแสดงสทิ ธิ ในหนี้ใด ๆ หรอื การสงํ เงินไปตาํ งประเทศ (๒) ธุรกิจเงินทนุ ธุรกิจหลกั ทรพั ย๑ และธุรกิจเครดติ ฟองซิเอร๑ (ก) รายรบั ตาม (๑) (ก) และ (ข) รายรับตาม (๑) (ข) (๓) การรบั ประกันชวี ิต ไดแ๎ กํ ดอกเบย้ี คําธรรมเนยี ม หรอื คําบรกิ าร (๔) โรงรับจาํ นาํ (ก) ดอกเบย้ี คาํ ธรรมเนียม และ (ข) เงิน ทรัพย๑สนิ คําตอบแทน หรือประโยชน๑ใด ๆ ทไี่ ด๎รับจากการขายของท่หี ลุดจํานํา (๕) กจิ การเย่ียงธนาคารพาณิชย๑ (ก) รายรบั ตาม (๑) (ก) และ (ข) รายรบั ตาม (๑) (ข) (๖) สาํ หรับกิจการขายอสังหารมิ ทรพั ยเ๑ ป็นทางค๎าหรือหากําไร คอื รายรบั กํอนหักรายจาํ ยใด ๆ ทง้ั สิ้น (๗) การขายหลักทรัพย๑ คอื รายรบั กํอนหกั รายจาํ ยใด ๆ ทัง้ ส้ิน (๘) กจิ การอ่นื ใหเ๎ ป็นไปตามท่ีกําหนดโดยพระราชกฤษฎกี า ม. ๙๑/๖ อตั ราภาษธี ุรกจิ เฉพาะ (๑) รอ๎ ยละ ๐.๑ สําหรับการขายหลกั ทรพั ย๑ นนท์ เศรษฐวิวัฒน์
๑๐๑ (๒) ร๎อยละ ๒.๕ สาํ หรบั การประกนั ชีวิตแิ ละรบั จาํ นาํ (๓) รอ๎ ยละ ๓.๐ สาํ หรบั รายรับอ่นื ๆ ม.๙๑/๑๗ ถา๎ ในเดอื นภาษใี ดมีจาํ นวนไมถ่ งึ หนึ่งร้อยบาทเปน็ อนั ไมต่ อ้ งเสียสําหรับเดือนภาษีนนั้ ม.๑๐๓ \"ปดิ แสตมป์บริบรู ณ๑\" หมายความวํา (๑) แสตมปป์ ดิ ทับ คอื ปิดแสตมป์ทบั กระดาษ กํอนกระทําหรอื ในทันทีทท่ี าํ ตราสารและไดข๎ ดี ฆาํ แสตมป์นั้นแล๎ว หรอื (๒) แสตมปด์ ุน คือใช๎กระดาษมแี สตมป์ดนุ และขีดฆําแลว๎ (๓) ชาํ ระเปน็ ตวั เงิน คอื การได๎เสียอากรเปน็ ตวั เงิน การปดิ แสตมป์บริบูรณต๑ ามที่กาํ หนด ใน (๑) และ (๒) อธบิ ดมี ีอาํ นาจสัง่ ใหป๎ ฏิบตั ิตามท่ีกําหนดใน (๓) แทนได๎ ม.๑๑๐ คํฉู บบั หรือคฉํู ีกแม๎ได๎ติดแสตมป์ตามอตั ราแล๎ว ยังมใิ ห๎ถอื วาํ ไดป๎ ดิ แสตมปบ์ ริบรู ณ๑ จนกวําไดน๎ าํ ตราสาร ตน๎ ฉบับหรอื พยานหลักฐานมาแสดงใหเ๎ ปน็ ที่พอใจวาํ ตราสารต๎นฉบับนัน้ ไดป๎ ิดแสตมป์บรบิ ูรณ๑แลว๎ ม.๑๑๑ ถ๎าตราสารไดท๎ ําข้นึ นอกประเทศ ผทู๎ รงตราสารคนแรกในประเทศต๎องเสียอากร โดยปดิ แสตมปค์ รบจาํ นวน อากรและขีดฆําภายใน ๓๐ วัน นับแตวํ นั ท่ีไดร๎ บั ตราสาร ม.๑๑๓ ขอเสยี อากรภายใน ๑๕ วันนบั แตวํ ันตอ๎ งปิดแสตมป์บริบูรณ๑ ใหอ๎ นมุ ตั ิให๎เสยี เพียงอากรตามอัตราในบญั ชี (ก) ไมํพ๎นกาํ หนด ๙๐ วนั เก็บเงนิ เพิ่มอากรเปน็ ๒ เทํา หรอื ๔ บาท แลว๎ แตํอยํางใดจะมากกวาํ (ข) พน๎ กําหนด ๙๐ วนั เก็บเงินเพ่ิมอากรเปน็ ๕ เทํา หรือ ๑๐ บาท แล๎วแตอํ ยาํ งใดจะมากกวาํ ม.๑๑๔ โดยการตรวจสอบ (๑) มิได๎มีการออกใบรบั เงินเพิม่ อากร ๖ เทําของเงินอากร หรือเป็นเงนิ ๒๕ บาท (๒) ตราสารมไิ ดป๎ ิดแสตมป์บริบรู ณ๑ โดย (ก) มไิ ดป๎ ดิ แสตมป์เลย เงินเพิ่ม ๖ เทาํ ของเงนิ อากรทต่ี ๎องเสยี หรือเปน็ เงิน ๒๕ บาท (ข) ปิดแสตมปน์ ๎อยกวําท่ีต๎องเสยี เงินเพ่มิ ๖ เทํา หรือเป็นเงิน ๒๕ บาท (ค) ในกรณีอ่ืน เงินเพิ่มอากร ๑ เทาํ หรอื เปน็ เงิน ๒๕ บาท แล๎วแตํอยาํ งใดจะมากกวาํ ม.๑๑๖ วธิ ีเสยี เงนิ อากรและเงินเพ่ิมตามมาตรา ๑๑๓ หรอื มาตรา ๑๑๔ ให๎เสียโดยวธิ ีชําระเป็นตัวเงนิ ตํอพนักงาน เจ๎าหนา๎ ที่ เมื่อไดร๎ บั ชําระเงินแล๎ว ให๎พนกั งานเจา๎ หน๎าท่อี อกใบรับเงินและสลกั หลังตราสาร ม.๑๑๙ ห๎ามมใิ ห๎เจา๎ พนักงานลงนามรับร๎ู ยอมให๎ทํา หรอื บันทึกไวส๎ าํ หรบั ตราสารทีย่ ังไมํไดต๎ ดิ แสตมป์บริบูรณ๑ ม.๑๒๑ ถา๎ ฝุายทต่ี ๎องเสยี อากรเปน็ รฐั บาล เจ๎าพนักงานผก๎ู ระทํางานของรฐั บาลโดยหน๎าท่ี บุคคลผ๎กู ระทาํ การในนาม ของรัฐบาล องคก๑ ารบรหิ ารราชการสํวนทอ๎ งถิ่น สภากาชาดไทย วัดวาอาราม และองค๑การศาสนาใด ๆ ใน ราชอาณาจักรซ่งึ เป็นนิตบิ ุคคล อากรเป็นอนั ไมต่ อ้ งเสีย ม.๑๒๒ ขอคนื อากรทเ่ี สยี เกินไปไมนํ ๎อยกวาํ ๒ บาท ต๎องย่ืนภายในเวลา ๖ เดอื น นับแตํวนั เสยี อากร ม.๑๒๔ ผใู๎ ดมหี นา๎ ที่เสียอากรหรอื ขดี ฆําแสตมป์ เพกิ เฉยหรือปฏเิ สธไมํเสยี อากร หรือไมขํ ีดฆําแสตมป์ ต๎องระวางโทษ ปรบั ไมํเกนิ ห๎ารอ๎ ยบาท ม.๑๒๖ ผใ๎ู ดจงใจลงวนั เดอื นปีที่ขดี ฆาํ แสตมปเ์ ปน็ เท็จ ตอ๎ งระวางโทษปรับไมเํ กินห๎ารอ๎ ยบาท หรอื จาํ คุกไมเํ กนิ สาม เดือน หรือทั้งปรบั ทง้ั จาํ ม.๑๒๗ ผู๎ใดไมํทําหรือไมํเก็บบนั ทึก ไมํออกใบรบั หรือออกใบรบั ซง่ึ ไมปํ ิดแสตมป์ตามจาํ นวนอากรทตี่ ๎องเสียต๎องระวาง โทษปรบั ไมํเกินห๎ารอ๎ ยบาท ม.๑๒๘ ผ๎ใู ดไมํอาํ นวยความสะดวกแกพํ นักงานเจ๎าหนา๎ ทห่ี รอื นายตรวจในการปฏิบตั ติ ามหน๎าท่ี ตอ๎ งระวางโทษปรับไมํ เกินห๎าร๎อยบาท ม.๑๒๙ ผู๎ใดโดยเจตนาทุจรติ มแี สตมปซ์ ึง่ รู๎อยูํวาํ เปน็ แสตมป์ปลอมกด็ ี หรือคา๎ แสตมปท์ ่ีใช๎แล๎ว หรือทีม่ ีกฎกระทรวง นนท์ เศรษฐวิวัฒน์
๑๐๒ ประกาศใหเ๎ ลิกใชเ๎ สยี แลว๎ ก็ดี ผน๎ู ้ันมีความผดิ ต๎องระวางโทษปรับไมเํ กนิ ห๎าพนั บาท หรอื จาํ คกุ ไมํเกินสามปี หรือทั้งปรบั ทัง้ จาํ การคํานวณขาดทนุ สทุ ธยิ กมาไม่เกนิ ๕ ปี ยอดขาดทุนสุทธิยกมาไมํเกนิ ๕ รอบระยะเวลาบญั ชนี ้นั จะเป็นยอดขาดทุนทางภาษี กลําวคอื ตอ๎ ง ทาํ กําไรขาดทนุ ทางบัญชขี องแตํละปี ใหเ๎ ปน็ กาํ ไรขาดทนุ ทางภาษี ซ่ึงรวมถึงการบวกกลบั รายจํายตอ๎ งห๎ามทางภาษี แลว๎ เชนํ ในปี ๔๖ ขาดทนุ ทางบญั ชี ๕๐,๐๐๐ บาท และมีรายจาํ ยต๎องห๎ามทางภาษีในปี ๔๖ จาํ นวน ๖๒,๐๐๐ บาท ดงั น้นั เราตอ๎ งมาทําให๎เป็นกําไรขาดทุนทางภาษี ดงั นี้ ขาดทุนทางบัญชี ( ๕๐,๐๐๐ ) บาท บวก รายจํายต๎องหา๎ มทางภาษี ๖๒,๐๐๐ บาท จะได๎ กําไรทางภาษี ๑๒,๐๐๐ บาท ดังน้นั ตอ๎ งนํากําไรทางภาษี ๑๒,๐๐๐ บาท มาคาํ นวณภาษี = ๑๒,๐๐๐ X ๒๐% = ๒,๔๐๐ บาท จะเห็นไดว๎ ํา ๑. กาํ ไรขาดทุนทางบัญชกี ับกําไรขาดทนุ ทางภาษี ไมจํ ําเป็นตอ๎ งเทํากนั ๒. แม๎ในทางบญั ชีตามงบกาํ ไรขาดทุนของบริษัท จะเปน็ ยอดขาดทุน ๕๐,๐๐๐ บาท แตถํ า๎ มีรายจาํ ยต๎องหา๎ มที่ มากกวาํ บริษทั กจ็ ะมภี าษตี ๎องชาํ ระเพราะยดึ หลักเกณฑต๑ ํางกัน การนบั ปขี าดทุนทางภาษี (ยอดกําไรขาดทนุ ตามตัวอยํางตํอไปนกี้ จ็ ะเป็นยอดกําไรขาดทนุ ทางภาษี) ปี ๕๑ มผี ลขาดทนุ ๒,๐๐๐ บาท ปี ๕๒ มผี ลขาดทุน ๑๕,๐๐๐ บาท ปี ๕๓ มีผลขาดทุน ๔,๐๐๐ บาท ปี ๕๔ มีผลกาํ ไร ๘๐๐ บาท ปี ๕๕ มีผลขาดทุน ๒๘,๐๐๐ บาท ปี ๕๖ มีผลขาดทุน ๕,๐๐๐ บาท ปี ๕๗ มีผลกําไร ๔๒,๐๐๐ บาท ปี ๕๔ กําไร ๘๐๐ บาท สามารถนาํ ขาดทนุ ของปี๕๑ มาใชไ๎ ด๎ จงึ ทาํ ใหป๎ ๕ี ๔ ยงั คงเปน็ ขาดทุนสะสมทางภาษี = (๒,๐๐๐-๘๐๐) + ๑๕,๐๐๐ + ๔,๐๐๐ = ๒๐,๒๐๐ บาท จะเหน็ วํา ณ สนิ้ ปี๕๔ มขี าดทุนสะสมทางภาษีอยํูจาํ นวน ๒๐,๒๐๐ บาท ดงั นี้ ๑,๒๐๐ ใช๎ไดถ๎ ึงปี ๕๖ (คอื ผลคงเหลือของการขาดทุนปี ๕๑ หกั ดว๎ ยกําไรของปี ๕๔) ๑๕,๐๐๐ ใชไ๎ ด๎ถงึ ปี ๕๗ และ ๔,๐๐๐ ใช๎ไดถ๎ งึ ปี ๕๘ จะตอ๎ งดแู ยกเป็นปปี ีไป วาํ จะสามารถนาํ ผลขาดทุนมาใช๎ได๎จนถงึ ปีไหน ไมใํ ชํดจู ากยอดรวมทั้ง ๒๐,๒๐๐ วาํ สามารถ ใชไ๎ ด๎ถงึ ปี ๕๘ ท้ังจํานวน ปี ๕๕ ขาดทนุ ๒๘,๐๐๐ บาท บวกท่ยี กมาจากปี ๕๔ (๒๐,๒๐๐ บาท) รวมเปน็ สะสม ๔๘,๒๐๐ บาท ใชไ๎ ด๎ถงึ ปี ๕๙ ปี ๕๖ ขาดทนุ ๕,๐๐๐ บาท บวกท่ยี กมาจากปี ๕๔ (๔๘,๒๐๐ บาท) รวมเป็นสะสมสะสม ๕๓,๒๐๐ ใช๎ได๎ถงึ ปี ๖๐ จะเห็นได๎วํา ณ ขณะน้ีมขี าดทุนสะสมทางภาษี จํานวน ๕๓,๒๐๐ บาท ดังน้ี ๑,๒๐๐ ใช๎ไดถ๎ ึงปี ๕๖ ๑๕,๐๐๐ ใชไ๎ ดถ๎ งึ ปี ๕๗ นนท์ เศรษฐวิวฒั น์
๑๐๓ ๔,๐๐๐ ใชไ๎ ด๎ถึงปี ๕๘ ๒๘,๐๐๐ ใชไ๎ ด๎ถึงปี ๕๙ และ ๕,๐๐๐ ใช๎ไดถ๎ ึงปี ๖๐ ปี ๕๗ มกี าํ ไร ๔๒,๐๐๐ บาท สามารถนาํ ผลขาดทุนมาใช๎ ดังน้ี ผลขาดทนุ คงเหลือจํานวน ๑,๒๐๐ บาท ของปี ๕๑ ไมสํ ามารถนํามาใช๎ไดเ๎ พราะเกนิ ๕ ปีแลว๎ ขาดทุนปี ๕๒ จาํ นวน ๑๕,๐๐๐ บาท ขาดทนุ ปี ๕๓ จาํ นวน ๔,๐๐๐ บาท ขาดทุนปี ๕๕ จํานวน ๒๘,๐๐๐ บาท ขาดทนุ ปี ๕๖ จาํ นวน ๕,๐๐๐ บาท ดังนนั้ ในปี ๕๗ ก็จะยังคงเป็นขาดทนุ อยํูจํานวน = ๔๒,๐๐๐ - (๑๕,๐๐๐ + ๔,๐๐๐ + ๒๘,๐๐๐ + ๕,๐๐๐ ) = (๑๐,๐๐๐ ) สรุป ขาดทนุ สะสมยกไปทางภาษี ๑๐,๐๐๐ บาท ประกอบด๎วย ขาดทนุ ปี ๕๕ จาํ นวน ๕,๐๐๐ บาท ใชไ๎ ด๎ถงึ ปี ๕๙ ขาดทุนปี ๕๖ จํานวน ๕,๐๐๐ บาท ใช๎ไดถ๎ ึงปี ๖๐ การวิเคราะหภ์ าษกี รณเี งนิ ไดเ้ พราะเหตอุ อกจากงาน ประเภทเงนิ ไดท๎ น่ี ายจา๎ งจํายเพราะเหตุออกจากงาน ๑. เงนิ ชํวยเหลอื ผูซ๎ ึง่ ออกจากราชการตามมาตรการปรับปรุงอตั รากําลงั ของสํวนราชการ(เออรร่ี ีไทม๑) ๒. เงนิ ทจ่ี ํายจากกองทุนบําเหน็จบํานาญขา๎ ราชการ(กบข.) ๓. เงนิ ทจ่ี าํ ยจากกองทุนสํารองเล้ียงชีพ ๔. เงินชวํ ยเหลือตามระเบียบของธนาคาร ๕. เงนิ บาํ เหนจ็ ชราภาพจากกองทุนประกันสงั คม ๖. เงนิ ประโยชน๑ทดแทนทีผ่ ๎ปู ระกนั ตนได๎รบั จากกองทนุ ประกนั สงั คม ๗. เงินบําเหน็จดาํ รงชพี ๘. เงนิ คาํ ชดเชยทค่ี ํานวณตาม พรบ.ค๎ุมครองแรงงาน พ.ศ.๒๕๔๑ ๙. เงนิ ชดเชยตามกฎหมายแรงงาน ๑๐. สนิ จ๎างแทนการบอกกลาํ วลวํ งหนา๎ ๑๑. คาํ จา๎ งสาํ หรบั วันหยดุ พักผํอนประจาํ ปที ่ีไมํไดใ๎ ช๎ ๑๒. เงนิ คําตอบแทนพเิ ศษ เงอื่ นไขทผ่ี ๎มู เี งินไดจ๎ ะเลือกเสียภาษแี ยกตํางหากจากเงินได๎อืน่ (ใช๎ใบแนบ) ๑. ตอ๎ งมีระยะเวลาการทํางานไมนํ อ๎ ยกวํา ๕ ปีเต็ม ๒. แยกคํานวณไดเ๎ ฉพาะเงินไดท๎ ่ีมกี ารจาํ ยในปีภาษีแรกเทาํ น้ัน ๓. ตอ๎ งไมํนําเงนิ ได๎ดังกลาํ วไปรวมคํานวณภาษตี ามมาตรา ๔๘(๑) และ(๒) ไมวํ าํ ทง้ั หมดหรือบางสวํ น เงินได๎พงึ ประเมนิ ทน่ี ายจ๎างจํายใหค๎ รั้งเดียวเพราะเหตุออกจากงาน หมายถึงเงินไดด๎ ังนี้ ก. เงนิ ไดท๎ ี่คาํ นวณตามหลักเกณฑแ๑ ละวธิ กี ารเชํนเดยี วกบั การคาํ นวณบาํ เหนจ็ บํานาญขา๎ ราชการ ข. เงินที่จํายจากกองทุนสํารองเลี้ยงชีพหรอื กองทนุ บําเหนจ็ บํานาญข๎าราชการ ค. เงินชดเชยตามกฎหมายแรงงาน ง. เงนิ ไดท๎ ่จี ํายให๎คร้งั เดียวเพราะเหตุออกจากงานท่มี ีวธิ คี าํ นวณแตกตาํ งไปจาก ก. นนท์ เศรษฐวิวฒั น์
๑๐๔ จํานวนเงินได๎ทีน่ าํ มาเปน็ ฐานในการคํานวณคาํ ใช๎จาํ ย ๑. ถ๎าได๎รบั เงินได๎ตาม ก.,ข.และ ค. ให๎นาํ เงนิ ได๎ทั้งหมดมาเปน็ ฐานในการคาํ นวณ ๒. ถา๎ ได๎รบั เงนิ ได๎ตาม ง. ให๎เปรยี บเทยี บ เงินเดือนเดอื นสุดท๎ายคณู จาํ นวนปีทที่ าํ งานกับเงนิ เดือนถัวเฉลย่ี ๑๒ เดอื นสุดท๎ายบวกร๎อยละ ๑๐ คูณจํานวนปที ีท่ าํ งาน จาํ นวนใดนอ๎ ยกวาํ ให๎ใช๎จํานวนนัน้ เปน็ ฐานในการคาํ นวณ คาํ ใช๎จําย ๓. กรณีไดร๎ ับเงินทั้ง ๑.และ ๒. ให๎นําเงนิ ไดต๎ าม ๑.ทั้งหมดรวมกับเงนิ ได๎ตาม ๒.ทเ่ี ปน็ จํานวนนอ๎ ยกวําเป็นฐานใน การคํานวณคาํ ใช๎จําย หมายเหตุ การนับจํานวนปที ี่ทาํ งาน ถา๎ มีเศษของปถี งึ ๑๘๓ วนั ให๎นบั เปน็ หนึ่งปี ถ๎าไมํถึงใหป๎ ๓ดทิ้ง เงินเดอื นเดือนสุดทา๎ ย หมายถึง จาํ นวนเงินเดือนสาํ หรบั ระยะเวลาเต็มเดือนเดือนสดุ ทา๎ ย เชํน ออกจากงานเมื่อ ๑๕ มกราคม ให๎ถือเอาเงินเดือนเดอื นธนั วาคมของปีกอํ นเปน็ เงินเดอื นสุดท๎าย การนับระยะเวลา ๓๐๐ วนั สดุ ทา๎ ยกอํ นออกจากงานให๎นับถัดจากวนั ออกจากงานยอ๎ นไป เชํนออกจากงาน เม่ือ ๑๕ มกราคม ใหน๎ บั วันท่ี ๑๔ มกราคม เปน็ วันแรก การคํานวณเงินไดเ๎ ปน็ รายวัน ให๎นาํ เงินเดือนหารด๎วยจาํ นวนวันในเดือนนน้ั เชนํ เดือนเมษายนไดร๎ ับเงินเดอื น ๓๐,๐๐๐ บาท คาํ นวณเป็นเงินได๎วนั ละ ๑,๐๐๐ บาท(๓๐,๐๐๐/๓๐) เดือนพฤษภาคม ไดร๎ ับเงนิ เดอื น ๓๐,๐๐๐ บาท คาํ นวณเปน็ เงินไดว๎ ัน ๙๖๗.๗๕ บาท(๓๐,๐๐๐/๓๑) เป็นต๎น เงอ่ื นไขการยกเว๎นเงินชดเชย ๓๐๐ วนั สุดทา๎ ยแตํไมํเกินสามแสนบาท ต๎องเป็นกรณีถูกใหอ๎ อกจากงาน เทํานนั้ กรณีอืน่ ๆ เชนํ เขา๎ โครงการฯ หรอื เกษียณอายุไมเํ ข๎าในเงอ่ื นไขนี้ การคาํ นวณค่าใช้จ่าย ๑. คาํ ใช๎จาํ ยสํวนแรก ถา๎ ได๎รบั เงินครง้ั เดยี ว(ไมมํ ีจํายรายเดือนแบบบาํ นาญอีก) คือจาํ นวนปีท่ที ํางานคูณดว๎ ย ๗,๐๐๐ เชนํ ทาํ งานมา ๑๐ ปี คาํ ใชจ๎ ํายสํวนแรกคือ ๑๐ X ๗,๐๐๐ = ๗๐,๐๐๐ บาท แตํถ๎ามรี ับบาํ นาญให๎คูณ ดว๎ ย ๓,๕๐๐ หรือ ๑๐ X ๓,๕๐๐ = ๓๕,๐๐๐ บาท ๒. คาํ ใช๎จาํ ยสํวนทสี่ อง เทํากับครึ่งหนง่ึ ของเงนิ ไดท๎ ี่ใชเ๎ ป็นฐานในการคํานวณคาํ ใช๎จําย(ไมํใชํเงนิ ไดท๎ ่ีได๎รบั จรงิ เชํน กรณไี ด๎รบั เงนิ ตาม ง.ซ่งึ อาจต๎องใชย๎ อดจากการถวั เฉล่ยี เงินเดือน ๑๒ เดอื นสดุ ทา๎ ยบวกร๎อยละ ๑๐ มาเป็นฐานใน การคํานวณก็ได๎) ลบด๎วยคาํ ใชจ๎ ํายสวํ นแรก เชนํ เงินได๎ท่ใี ชเ๎ ปน็ ฐานในการคํานวณคาํ ใช๎จาํ ยเทํากบั ๓๗๐,๐๐๐ บาท คาํ ใช๎จํายในสวํ นท่สี องจะเทาํ กบั (๓๗๐,๐๐๐ - ๗๐,๐๐๐)/๒ = ๑๕๐,๐๐๐ บาท หรอื (๓๗๐,๐๐๐ - ๓๕,๐๐๐)/๒ = ๑๖๗,๕๐๐ บาท นําคําใชจ๎ ํายทงั้ สองสวํ นมารวมกันเพ่ือนําไปใช๎ในการคํานวณภาษีตอํ ไป การคํานวณภาษี นําเงนิ ไดท๎ ไี่ ดร๎ บั เพราะเหตุออกจากงานท้งั จํานวน(เงนิ ไดท๎ ไ่ี ดร๎ ับจริง) หักดว๎ ยคําใช๎จํายทีค่ ํานวณไดเ๎ หลือเทําใด นําไปคาํ นวณภาษตี ามบัญชีอัตราภาษเี งินได๎ การคาํ นวณภาษีกรณนี ี้ไมไํ ด๎รบั ยกเวน๎ ภาษีสาํ หรับเงินได๎สทุ ธิสํวนทไ่ี มํเกนิ ๑๕๐,๐๐๐ บาทแรก(ตาม พรฏ. (ฉบับที่ ๔๗๐) พ.ศ.๒๕๕๑) หมายเหตุ ๑. เงินชดเชยที่ผม๎ู ีเงินไดไ๎ ดร๎ บั เพราะเหตุเกษยี ณอายุหรอื สิ้นสดุ สญั ญาจา๎ งถือเป็นเงินไดเ๎ พราะเหตุออกจากงาน ประเภท ๑.(ง) คอื เงินได๎ทีจ่ าํ ยใหค๎ รัง้ เดยี วเพราะเหตุออกจากงานท่ีมวี ธิ คี าํ นวณแตกตาํ งไปจาก ๑.(ก) (บาํ เหนจ็ บาํ นาญ) นนท์ เศรษฐวิวัฒน์
๑๐๕ ๒. เงนิ บําเหนจ็ ดํารงชีพสวํ นท่ีเกนิ ๒๐๐,๐๐๐ บาท ซ่ึงพนักงานการทําเรือ พนกั งานการรถไฟ พนกั งานธนาคาร ออมสนิ และเจา๎ หนา๎ ทส่ี ภากาชาดไทยไดร๎ ับ ถือเป็นเงนิ ได๎เพราะเหตุออกจากงานประเภท ๑.(ง) (สํวนทีไ่ มเํ กนิ ๒๐๐,๐๐๐ บาท เปน็ เงินได๎ที่ไดร๎ ับการยกเว๎น ไมตํ ๎องนํามารวมคํานวณภาษี) ๓. สําหรบั ผม๎ู เี งนิ ได๎ท่ไี ดร๎ บั ทงั้ บํานาญและบาํ เหน็จดํารงชีพ เงินบาํ เหนจ็ ดาํ รงชีพสวํ นท่ีเกิน ๒๐๐,๐๐๐ บาทหัก คาํ ใชจ๎ ํายไดเ๎ ทาํ กับ ๓,๕๐๐ บาท คณู จํานวนปีที่ทาํ งาน เหลือเทําใดหักไดอ๎ ีกครึง่ หนง่ึ ของเงนิ ทเ่ี หลือนัน้ สวํ นบาํ นาญนําไปรวมคาํ นวณภาษกี บั เงนิ ไดต๎ ามปกติ ตัวอยาํ ง การหาคําใช๎จํายเงนิ ได๎เพราะเหตุออกจากงานข๎อ ๑(ง) นายรักชาติ ออกจากงานเพราะเหตุสิน้ สดุ สัญญาจ๎าง ไดร๎ ับเงนิ ชดเชย ๕๐๐,๐๐๐ บาท นายรกั ชาติ ทาํ งานมา ๑๐ ปี ไดร๎ บั เงินเดือน ๑๒ เดือนสุดทา๎ ยดังน้ี มกราคม-มิถุนายน เดือนละ ๓๐,๐๐๐ บาท เดอื น กรกฎาคม – ธนั วาคม เดือนละ ๔๐,๐๐๐ บาท ๑. หาฐานในการคํานวณคาํ ใชจ๎ าํ ยโดยเปรยี บเทยี บระหวาํ งเงินเดือน เดือนสุดท๎ายกบั เงนิ เดือนเฉลี่ย ๑๒ เดอื นสดุ ทา๎ ยบวกร๎อยละสบิ จํานวนใดน๎อยกวาํ ให๎นําจํานวนนน้ั เปน็ ตัวตั้งแลว๎ คูณด๎วยจาํ นวนปีทีท่ ํางาน ตามตัวอยาํ ง เงินเดอื น เดอื นสดุ ทา๎ ยของ รกั ชาติ เทํากับ ๔๐,๐๐๐ บาท สํวนเงินเดือนเฉล่ีย ๑๒ เดอื นสดุ ทา๎ ย บวกรอ๎ ยละสบิ เทํากับ (๓๐,๐๐๐X๖)๑+๒(๔๐,๐๐๐ X ๖) = ๓๕,๐๐๐ บาท รอ๎ ยละสิบของ ๓๕,๐๐๐ เทํากบั ๓,๕๐๐ รวมเปน็ ๓๘,๕๐๐ บาท ซง่ึ น๎อยกวําเงินเดือน เดอื นสุดท๎ายของ นายรกั ชาติ จึงต๎องใชเ๎ งินสวํ นนี้เปน็ ฐานในการคํานวณหาคําใช๎จําย ดังนนั้ ฐานในการคาํ นวณหาคาํ ใช๎จาํ ยของ รักชาติคอื ๓๘,๕๐๐ X ๑๐ = ๓๘๕,๐๐๐ บาท(ข๎อสังเกต คอื จะนอ๎ ยกวาํ จาํ นวนเงนิ ทไ่ี ด๎รับจริง ซ่ึงจะทําให๎หักคําใช๎จาํ ยไดน๎ ๎อยลง) ๒. คําใชจ๎ าํ ยสวํ นแรก คือ ๗,๐๐๐ X จํานวนปีที่ทํางาน = ๗,๐๐๐ X ๑๐ = ๗๐,๐๐๐ บาท ๓. คาํ ใช๎จาํ ยสํวนท่สี อง คอื ฐานในการคาํ นวณคําใชจ๎ าํ ย – คาํ ใชจ๎ าํ ยสํวนแรก แลว๎ หารดว๎ ยสอง ตาม ตวั อยํางคือ (๓๘๕,๐๐๐-๗๐,๐๐๐)/๒ = ๑๕๗,๕๐๐ บาท ๔.รวมคําใช๎จาํ ยทั้งหมด = ๗๐,๐๐๐ + ๑๕๗,๕๐๐ = ๒๒๗,๕๐๐ บาท การคํานวณภาษี นาํ เงินได๎ทีไ่ ดร๎ ับจริงหกั ด๎วยคาํ ใช๎จํายท่ีคาํ นวณไว๎ เหลอื เทําใดนําไปคูณกบั อตั ราภาษตี ามบญั ชีอตั ราภาษีเงนิ ได๎ ตามตวั อยาํ งคือ ๕๐๐,๐๐๐ – ๒๒๗,๕๐๐ = ๒๗๒,๕๐๐ บาท นายรกั ชาติ ต๎องเสยี ภาษีเทาํ กับ ๒๗๒,๕๐๐ X ๕% = ๑๓,๖๒๕ บาท สรปุ กฎหมายทนี่ ่าสนใจ พรฎ.๖๑๑ (ยกเว้นรัษฎากร) มาตรา ๓ ใหย๎ กเว๎นภาษเี งินได๎ตามสํวน ๓ หมวด ๓ ในลักษณะ ๒ แหงํ ประมวลรษั ฎากร สําหรบั เงนิ ไดเ๎ ปน็ จาํ นวน รอ้ ยละหน่ึงร้อยของรายจํายทไ่ี ดจ๎ ํายไปเป็นคาํ ห๎องสัมมนา คําหอ๎ งพกั คําขนสํงหรือรายจาํ ยอนื่ ที่เกีย่ วข๎องในการ อบรมสัมมนาภายในประเทศ ทบี่ รษิ ทั หรือห๎างห๎นุ สวํ นนิติบคุ คลไดจ๎ ัดขน้ึ ให๎แกํลกู จา๎ ง หรือรายจาํ ยที่ไดจ๎ าํ ยใหแ๎ กํผู๎ ประกอบธุรกิจนาํ เที่ยวตามกฎหมายวําด๎วยธรุ กจิ นําเท่ยี วและมัคคเุ ทศกเ๑ พื่อการอบรมสัมมนาดังกลําว ต้ังแตวํ ันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๙ ถึงวนั ท่ี ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ พรฎ.๖๐๗ (ยกเว้นรัษฎากร) ใหธ้ ุรกจิ SMEs ที่จา้ งนกั ศกึ ษาทําบัญชี นนท์ เศรษฐวิวัฒน์
๑๐๖ มาตรา ๓ ให๎ยกเว๎นภาษเี งนิ ไดต๎ ามสวํ น ๓ หมวด ๓ ในลกั ษณะ ๒ แหํงประมวลรัษฎากร ใหแ๎ กํบริษทั หรือห๎างหุ๎นสวํ น นติ บิ คุ คลทต่ี ั้งขึ้นตามกฎหมายไทย ทีม่ สี ินทรัพย๑ถาวรซ่งึ ไมํรวมท่ีดินไมเํ กนิ สองร๎อยลา๎ นบาท และมีการจ๎างแรงงานไมํ เกนิ สองร๎อยคน สาํ หรับเงนิ ได๎เปน็ จาํ นวนรอ้ ยละหนึ่งร้อยของรายจํายท่ีได๎จาํ ยเปน็ คําจ๎างใหป๎ ฏิบัติงานเกีย่ วกับบัญชี แกนํ กั เรียนหรือนักศกึ ษาท่ีอยูํระหวาํ งศึกษาในแผนกหรือสาขาวิชาบัญชี ที่ได๎รับการรับรองจากสถาบนั การศึกษาใน สังกดั กระทรวงศึกษาธิการ สําหรับรอบระยะเวลาบัญชที ี่เร่ิมในหรอื หลงั วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๙ แตํไมเํ กนิ วนั ที่ ๓๑ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ พรฎ.๖๐๖ (ยกเวน้ รัษฎากร) มาตรา ๓ ให๎เพ่มิ ความตํอไปน้ีเป็น (๔๒) ของมาตรา ๖ แหํงพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร วํา ด๎วยการยกเวน๎ รษั ฎากร (ฉบับท่ี ๑๐) พ.ศ. ๒๕๐๐ “(๔๒) กองทนุ การออมแหํงชาตติ ามกฎหมายวาํ ดว๎ ยกองทุนการออมแหงํ ชาติ ทัง้ นี้ ตง้ั แตวํ ันที่ ๑๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ เปน็ ต๎นไป” พรฎ.๖๐๕ (ยกเวน้ รัษฎากร) มาตรา ๓ ให๎เพ่มิ ความตํอไปน้ีเป็น (๓๖) ของมาตรา ๓ แหงํ พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร วํา ดว๎ ยการกาํ หนดกิจการท่ีไดร๎ ับยกเว๎นภาษีธรุ กิจเฉพาะ (ฉบบั ที่ ๒๔๐) พ.ศ. ๒๕๓๔ “(๓๖) กิจการของกองทนุ การออมแหงํ ชาตติ ามกฎหมายวําด๎วยกองทุนการออมแหํงชาติ ทั้งน้ี ตั้งแตํวนั ท่ี ๑๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ เป็นตน๎ ไป” พรฎ.๖๐๔ (ยกเวน้ รษั ฎากร) มาตรา ๓ ใหย๎ กเวน๎ ภาษเี งนิ ได๎ตามสํวน ๓ หมวด ๓ ในลกั ษณะ ๒ แหํงประมวลรษั ฎากร ใหแ๎ กบํ ริษัทหรือหา๎ งห๎ุนสํวน นิตบิ คุ คล สาํ หรับเงินได๎เทํากับรายจาํ ยท่ีไดจ๎ าํ ยเพื่อการลงทนุ หรอื การตํอเตมิ เปลีย่ นแปลง ขยายออก หรือทาํ ใหด๎ ีขึ้น ซ่ึงทรัพย๑สนิ ทเ่ี กย่ี วเนอ่ื งกบั กิจการ แตํไมํใชเํ ป็นการซํอมแซมใหค๎ งสภาพเดมิ ตามมาตรา ๖๕ ตรี (๕) แหํงประมวล รัษฎากร เปน็ จํานวนร้อยละหนงึ่ ร้อยของรายจํายตามจาํ นวนท่จี ํายจริง และต๎องเปน็ ทรัพย๑สนิ ดงั ตํอไปนี้ (๑) เครื่องจักร สํวนประกอบ อุปกรณ๑ เคร่ืองมือ เคร่ืองใช๎ เคร่ืองตกแตํง และเฟอรน๑ ิเจอร๑ (๒) โปรแกรมคอมพิวเตอร๑ (๓) ยานพาหนะท่จี ดทะเบยี นในราชอาณาจักรตามกฎหมายวาํ ด๎วยยานพาหนะนั้น ๆ แตํไมรํ วมถึงรถยนตน๑ ั่ง หรอื รถยนต๑โดยสารท่มี ีทีน่ ง่ั ไมํเกิน ๑๐ คน ตามกฎหมายวําดว๎ ยพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต ท่มี ใิ ช่ไดม้ าเพ่ือนําออกให้ เชา่ (๔) อาคารถาวร แตํไมรํ วมถึงที่ดินและอาคารถาวรท่ีใชเ๎ พื่อการอยํูอาศยั รายจํายที่ได๎จํายไปตามวรรคหนง่ึ ต๎องจํายไปต้งั แตวํ ันท่ี ๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๘ ถึงวันท่ี ๓๑ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ๑ วธิ กี าร และเง่ือนไขท่ีอธบิ ดีประกาศกาํ หนด มาตรา ๔ ทรัพยส๑ ินตามมาตรา ๓ ต๎องมลี ักษณะดังตํอไปน้ี (๑) ไมเํ คยผาํ นการใช๎งานมากํอน นนท์ เศรษฐวิวฒั น์
๑๐๗ (๒) ต๎องสามารถหักคําสึกหรอและคาํ เสื่อมราคาตามมาตรา ๖๕ ทวิ (๒) แหํงประมวลรษั ฎากร และต๎องได๎ ทรพั ยส๑ ินนนั้ มาและอยํูในสภาพพร๎อมใช๎การไดต๎ ามประสงค๑ภายในวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๙ (๓) ตอ๎ งอยูใํ นราชอาณาจักร เว๎นแตยํ านพาหนะตามมาตรา ๓ (๓) (๔) ไมํเป็นทรพั ย๑สินที่ได๎รบั สิทธิประโยชน๑ทางภาษที เ่ี ก่ียวข๎องกับทรัพย๑สินน้ันตามพระราชกฤษฎีกา ที่ออกตาม ความในประมวลรษั ฎากร ไมํวําท้ังหมดหรอื บางสํวน (๕) ไมํเป็นทรพั ย๑สินท่ีนําไปใช๎ในกิจการทีไ่ ดร๎ บั ยกเว๎นภาษีเงินได๎นิตบิ ุคคลตามกฎหมายวาํ ด๎วยการสงํ เสริมการ ลงทุน ไมวํ าํ ทง้ั หมดหรือบางสํวน เว๎นแตเํ ปน็ การนาํ ไปใชใ๎ นโครงการตามมาตรการเรํงรดั การลงทุนของคณะกรรมการ สงํ เสริมการลงทุนท่ีไดร๎ บั สิทธิประโยชนต๑ ามกฎหมายวําด๎วยการสงํ เสรมิ การลงทุนทย่ี ังไมํมีการลงทุนจรงิ และเลือกทจ่ี ะ ไมใํ ชส๎ ิทธิประโยชน๑นน้ั มาตรา ๕ การใชส๎ ทิ ธิยกเวน๎ ภาษีเงินได๎สาํ หรับเงนิ ไดต๎ ามมาตรา ๓ สาํ หรับทรัพย๑สนิ แตํละประเภทให๎เป็นไปตามหลกั เกณฑ๑ วิธกี าร เงอ่ื นไข และระยะเวลาตามที่อธบิ ดีประกาศกาํ หนด มาตรา ๖ กรณบี รษิ ัทหรือหา๎ งห๎ุนสวํ นนิติบุคคลได๎ใชส๎ ทิ ธยิ กเวน๎ ภาษีเงินได๎ ตามพระราชกฤษฎีกานี้ และตํอมาไมํปฏบิ ตั ติ ามหลักเกณฑ๑ท่ีกาํ หนดในมาตรา ๓ มาตรา ๔ และมาตรา ๕ ในรอบระยะเวลาบญั ชใี ด ใหส๎ ิทธทิ ีจ่ ะไดร๎ ับยกเวน๎ ภาษีเงินไดต๎ ามพระราชกฤษฎีกานี้สิน้ สุดลง และบรษิ ัท หรือห๎างหุน๎ สวํ นนติ ิบุคคลนน้ั จะต๎องนําเงินไดท๎ ่ีไดใ๎ ช๎สิทธิยกเวน๎ ภาษีเงนิ ได๎ไปแล๎วไปรวมเปน็ รายไดใ๎ นการคํานวณกําไร สทุ ธเิ พ่ือเสียภาษีเงินได๎ในรอบระยะเวลาบญั ชที ี่ไดใ๎ ชส๎ ทิ ธนิ ัน้ เว้นแต่ กรณีท่มี กี ารขายทรัพย์สนิ หรือทรพั ย์สนิ ถกู ทาํ ลายหรือสูญหายหรือสนิ้ สภาพ ใหส๎ ทิ ธยิ กเวน๎ ภาษีเงนิ ได๎น้นั ส้ินสดุ ลงนับแตรํ อบระยะเวลาบัญชีทีไ่ ด๎ขายทรัพยส๑ นิ หรือทรัพยส๑ นิ น้ันถกู ทําลายหรอื สญู หายหรือส้นิ สภาพ แลว๎ แตกํ รณี โดยไมตํ อ๎ งนาํ เงนิ ได๎ ท่ีไดร๎ บั จากการใชส๎ ทิ ธยิ กเว๎นภาษเี งนิ ได๎ท่ีไดร๎ ับแล๎วไปรวมเปน็ รายได๎ในการคาํ นวณกําไรสุทธอิ ีก พรฎ.๖๐๒ (ยกเวน้ รัษฎากร) ใหย๎ กเวน๎ ภาษเี งนิ ไดต๎ ามสํวน ๓ หมวด ๓ ในลักษณะ ๒ แหํงประมวลรัษฎากร สําหรบั กาํ ไรสทุ ธขิ องบริษทั หรือหา๎ ง หุ๎นสวํ นนิติบคุ คล เปน็ เวลา ๕ รอบระยะเวลาบญั ชี โดยบริษัทหรือหา๎ งห๎ุนสํวนนิติบุคคลตอ๎ งมีคุณสมบัติ และเป็นไปตามหลักเกณฑแ๑ ละเง่ือนไขดังตํอไปน้ี (๑) จดทะเบยี นจัดตง้ั ข้นึ ต้ังแตํวนั ที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ ถงึ วันท่ี ๓๑ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ (๒) มีทุนทช่ี ําระแลว๎ ในวนั สุดทา๎ ยของรอบระยะเวลาบัญชไี มเํ กนิ ห๎าลา๎ นบาทและมรี ายได๎จากการขายสนิ คา๎ และ การใหบ๎ รกิ ารในรอบระยะเวลาบญั ชไี มเํ กินสามสบิ ล๎านบาท (๓) มีรายไดจ๎ ากการขายสนิ ค๎าและการให๎บรกิ ารของกิจการทป่ี ระกอบอตุ สาหกรรมเปูาหมายหรอื รายได๎ เก่ียวเน่อื งกับการประกอบกจิ การ อยาํ งใดอยํางหนึ่งหรอื รวมกันไมํนอ๎ ยกวาํ ร๎อยละแปดสิบของรายได๎ท้ังหมดในรอบ ระยะเวลาบญั ชขี องบริษัทหรือหา๎ งหนุ๎ สวํ นนติ ิบคุ คลน้นั “กจิ การทีป่ ระกอบอุตสาหกรรมเปาู หมาย” หมายความวาํ กจิ การซ่งึ ใช๎เทคโนโลยหี ลักเปน็ ฐานในกระบวนการ ผลติ และการให๎บริการตามหลักเกณฑท๑ ี่สาํ นักงานพฒั นาวทิ ยาศาสตร๑และเทคโนโลยีแหงํ ชาติกาํ หนด และไดร๎ ับการ รับรองจากสาํ นักงานพัฒนาวทิ ยาศาสตรแ๑ ละเทคโนโลยแี หํงชาติ ดงั ตํอไปนี้ (๑) อตุ สาหกรรมอาหารและการเกษตร นนท์ เศรษฐวิวฒั น์
๑๐๘ (๒) อตุ สาหกรรมเพื่อประหยัดพลงั งาน ผลิตพลงั งานทดแทน และพลังงานสะอาด (๓) อุตสาหกรรมฐานเทคโนโลยชี ีวภาพ (๔) อุตสาหกรรมการแพทย๑และสาธารณสขุ (๕) อุตสาหกรรมการทํองเท่ยี ว อุตสาหกรรมบริการ และอุตสาหกรรมเศรษฐกิจสร๎างสรรค๑ (๖) อุตสาหกรรมวสั ดุก๎าวหน๎า (๗) อุตสาหกรรมส่ิงทอ เคร่ืองนงํุ หํม และเครอื่ งประดบั (๘) อตุ สาหกรรมยานยนตแ๑ ละชิ้นสํวน (๙) อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส๑ คอมพิวเตอร๑ ซอฟต๑แวร๑ และบรกิ ารสารสนเทศ (๑๐) อตุ สาหกรรมฐานการวิจัย พัฒนาและนวตั กรรม หรืออุตสาหกรรมใหมํ “รายได๎เก่ยี วเนือ่ งกับการประกอบกิจการ” หมายความรวมถงึ (๑) รายได๎จากการจําหนาํ ยผลพลอยได๎และสินค๎าก่ึงสาํ เรจ็ รูปในกจิ การท่ปี ระกอบอุตสาหกรรมเปูาหมาย (๒) รายไดจ๎ ากการจําหนาํ ยเครื่องจกั ร สํวนประกอบ อปุ กรณ๑เครือ่ งมือ เครอ่ื งใช๎ และทรัพย๑สินบรรดาทีใ่ ช๎ใน กิจการท่ปี ระกอบอตุ สาหกรรมเปาู หมาย และหมดสภาพหรือไมํเหมาะสมที่จะใช๎งานตํอไป (๓) รายได๎อน่ื ของกิจการทป่ี ระกอบอตุ สาหกรรมเปูาหมายตามที่อธบิ ดีกาํ หนดโดยอนุมตั ิรฐั มนตรี พรฎ.๕๙๘ (ยกเว้นรษั ฎากร) มาตรา ๔ ใหย๎ กเว๎นภาษเี งินได๎ตามสวํ น ๓ หมวด ๓ ในลักษณะ ๒ แหํงประมวลรัษฎากร สําหรบั เงนิ ไดข๎ องบรษิ ัทหรอื หา๎ งห๎ุนสํวนนติ บิ ุคคลเปน็ จาํ นวนร๎อยละหนงึ่ ร๎อยของรายจาํ ยทไ่ี ด๎จํายไปเพื่อทําการวจิ ยั และพัฒนาเทคโนโลยีและ นวัตกรรมใหแ๎ กหํ นวํ ยงานของรัฐหรอื เอกชน ตามทอี่ ธิบดีประกาศกําหนด มาตรา ๕ ให๎ยกเว๎นภาษีเงนิ ไดต๎ ามสวํ น ๓ หมวด ๓ ในลกั ษณะ ๒ แหงํ ประมวลรัษฎากร สําหรับเงนิ ได๎ของบริษัทหรือ ห๎างหน๎ุ สํวนนติ บิ คุ คลเปน็ จํานวนรอ๎ ยละหนงึ่ ร๎อยของรายจาํ ยทไี่ ดจ๎ ํายไปเพื่อทําการวจิ ยั และพัฒนาเทคโนโลยแี ละ นวัตกรรม ตง้ั แตํวนั ที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๘ ถึงวนั ที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ เพม่ิ ขึ้นจากสิทธยิ กเว๎นภาษีเงินได๎ ตามมาตรา ๔ แตเํ มือ่ รวมสิทธยิ กเวน๎ ภาษีเงินได๎ตามพระราชกฤษฎกี านีแ้ ล๎ว ต๎องไมเํ กินอัตราสํวนของรายไดข๎ อง กจิ การทต่ี ๎องนาํ มารวมคํานวณกาํ ไรสทุ ธิในรอบระยะเวลาบญั ชีเดียวกัน ตามลาํ ดับตํอไปนี้ (๑) ร๎อยละหกสิบ เฉพาะสํวนของรายไดท๎ ี่ไมเํ กนิ ห๎าสิบล๎านบาท (๒) รอ๎ ยละเก๎า เฉพาะสวํ นของรายไดท๎ ่ีเกนิ ห๎าสบิ ล๎านบาท แตํไมํเกนิ สองร๎อยลา๎ นบาท (๓) ร๎อยละหก เฉพาะสํวนของรายไดท๎ เ่ี กินสองร๎อยล๎านบาท พรฎ.๕๙๗ (ยกเวน้ รษั ฎากร) มาตรา ๔ ให๎ยกเวน๎ ภาษีเงนิ ได๎ ใหแ๎ กํบริษัทซึง่ ประกอบกิจการเงินรํวมลงทุน สําหรับรายไดด๎ งั ตํอไปนี้ เป็นเวลา ๑๐ รอบระยะบญั ชี (๑) เงินป๓นผลทีไ่ ด๎รบั จากบรษิ ัทเปูาหมาย เฉพาะเงินป๓นผลสํวนท่ีคาํ นวณไดจ๎ ากกิจการท่ีรัฐต๎องการสนบั สนุน (๒) รายได๎จากการโอนห๎ุนของบริษัทเปาู หมาย เฉพาะการโอนหุน๎ ทีต่ รี าคาเปน็ เงินได๎เกนิ กวําทล่ี งทนุ โดยบรษิ ัท เปูาหมายตอ๎ งประกอบกจิ การที่รฐั ตอ๎ งการสนับสนนุ อยาํ งตํอเน่อื งซง่ึ สร๎างมลู คําเพ่ิมและกํอใหเ๎ กิดรายไดไ๎ มํน๎อยกวํา นนท์ เศรษฐวิวฒั น์
๑๐๙ รอ้ ยละแปดสบิ ของรายได๎ทั้งหมดในรอบระยะเวลาบัญชกี ํอนทีบ่ รษิ ัทซง่ึ ประกอบกิจการเงนิ รํวมลงทนุ ไดร๎ บั รายได๎จาก การโอนหน๎ุ มาตรา ๕ บรษิ ทั ซง่ึ ประกอบกิจการเงินรํวมลงทุนทจี่ ะได๎รับสิทธิตามมาตรา ๔ ต๎องมีคุณสมบตั ิดงั ตํอไปนี้ (๑) เป็นบรษิ ทั ท่ีจัดต้งั ข้ึนตามกฎหมายไทย (๒) มีทนุ ชาํ ระแลว๎ ในวันสุดท๎ายของแตลํ ะรอบระยะเวลาบัญชีตงั้ แตยํ ่สี ิบลา๎ นบาทขึน้ ไป (๓) ถือหุน๎ ในบรษิ ทั เปูาหมายเพียงอยํางเดยี ว หรอื ถือหนุ๎ ในบริษทั เปาู หมายและถอื ห๎ุนในบริษทั อ่ืน ทจ่ี ัดตง้ั ขนึ้ ตามกฎหมายไทยซึ่งมไิ ดป๎ ระกอบกจิ การที่รัฐต๎องการสนบั สนุน (๔) จดแจ๎งการเปน็ กจิ การเงนิ รํวมลงทุนตอํ สํานักงานคณะกรรมการกํากบั หลกั ทรัพยแ๑ ละ ตลาดหลักทรพั ย๑ภายในวนั ท่ี ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ ท้ังน้ี ตามหลักเกณฑท๑ ี่สาํ นักงานคณะกรรมการ กํากับหลกั ทรพั ย๑และตลาดหลกั ทรพั ย๑ประกาศกําหนด (๕) ไมํใชส๎ ทิ ธยิ กเว๎นภาษเี งินไดต๎ ามมาตรา ๕ อัฏฐารส แหงํ พระราชกฤษฎกี าออกตามความในประมวลรัษฎากร วาํ ด๎วยการยกเวน๎ รษั ฎากร (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๕๐๐ และท่แี ก๎ไขเพม่ิ เติม “บริษัทเป้าหมาย” หมายความวาํ บรษิ ทั ทตี่ ัง้ ขึน้ ตามกฎหมายไทยซ่งึ ประกอบกจิ การทรี่ ัฐตอ๎ งการสนับสนนุ และตอ๎ ง ไมเํ ปน็ บริษัททจ่ี ดทะเบยี นในตลาดหลกั ทรพั ย๑แหงํ ประเทศไทย “กจิ การทร่ี ัฐต้องการสนับสนุน” หมายความวาํ กจิ การซ่ึงใช๎เทคโนโลยีหลักเปน็ ฐานในกระบวนการผลิตหรอื ให๎บริการตามหลักเกณฑ๑ทส่ี าํ นักงานพัฒนาวิทยาศาสตรแ๑ ละเทคโนโลยแี หงํ ชาติกําหนด และได๎รบั การรับรองจาก สํานักงานพฒั นาวิทยาศาสตร๑และเทคโนโลยีแหํงชาติ (๑) อตุ สาหกรรมอาหารและการเกษตร (๒) อุตสาหกรรมเพ่ือประหยดั พลังงาน ผลติ พลังงานทดแทน และพลงั งานสะอาด (๓) อตุ สาหกรรมฐานเทคโนโลยีชีวภาพ (๔) อตุ สาหกรรมการแพทย๑และสาธารณสขุ (๕) อุตสาหกรรมการทํองเทีย่ ว อตุ สาหกรรมบรกิ าร และอุตสาหกรรมเศรษฐกจิ สร๎างสรรค๑ (๖) อตุ สาหกรรมวสั ดกุ ๎าวหน๎า (๗) อุตสาหกรรมสง่ิ ทอ เคร่ืองนงํุ หํม และเครือ่ งประดบั (๘) อตุ สาหกรรมยานยนต๑และชิน้ สํวน (๙) อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส๑ คอมพวิ เตอร๑ ซอฟตแ๑ วร๑ และบริการสารสนเทศ (๑๐) อุตสาหกรรมฐานการวิจยั พัฒนาและนวัตกรรม หรอื อุตสาหกรรมใหมํ มาตรา ๗ ให๎ยกเวน๎ ภาษีเงินได๎ ให๎แกํบคุ คลธรรมดาและบรษิ ทั หรอื หา๎ งหน๎ุ สวํ นนิตบิ ุคคล สาํ หรับรายได๎ดังตํอไปนี้ (๑) เงนิ ปน๓ ผลท่ไี ดร๎ บั จากบริษัทซง่ึ ประกอบกิจการเงนิ รํวมลงทุน เฉพาะเงนิ ปน๓ ผลท่จี าํ ยจากรายได๎ทีไ่ ด๎รบั ยกเว๎น ภาษีเงินไดต๎ ามมาตรา ๔ (๒) รายได๎จากการโอนหุ๎นของบรษิ ัทซงึ่ ประกอบกจิ การเงนิ รํวมลงทนุ เฉพาะการโอนหน๎ุ ท่ตี รี าคาเปน็ เงนิ ได๎เกนิ กวําที่ลงทนุ (๓) รายได๎จากการที่บรษิ ทั ซ่ึงประกอบกจิ การเงินรวํ มลงทุนเลิกกัน นนท์ เศรษฐวิวฒั น์
๑๑๐ มาตรา ๘ ใหย๎ กเว๎นภาษีเงนิ ได๎ ใหแ๎ กํบุคคลธรรมดาและบรษิ ทั หรือหา๎ งหน๎ุ สวํ นนติ ิบคุ คล สาํ หรบั รายไดด๎ ังตอํ ไปนี้ (๑) เงินป๓นผลที่ไดร๎ ับจากทรัสตเ๑ พ่ือกิจการเงนิ รํวมลงทนุ ท้ังนี้ เฉพาะเงนิ ป๓นผลที่จํายจากรายไดจ๎ ากการลงทนุ ใน บรษิ ทั เปาู หมายในสวํ นท่ีคาํ นวณไดจ๎ ากการประกอบกจิ การท่ีรัฐตอ๎ งการสนับสนนุ (๒) รายได๎จากการโอนหนํวยทรัสตข๑ องทรสั ตเ๑ พื่อกจิ การเงินรวํ มลงทุนซง่ึ ลงทนุ ในบริษทั เปาู หมาย ทง้ั น้ี เฉพาะ การโอนหนํวยทรสั ต๑ทต่ี รี าคาเป็นเงนิ ได๎เกนิ กวําท่ีลงทุน (๓) รายไดจ๎ ากการท่ีทรสั ต๑เพ่ือกิจการเงนิ รํวมลงทุนเลิกกัน มาตรา ๙ การไดร๎ บั สิทธยิ กเวน๎ ภาษเี งินไดต๎ ามมาตรา ๘ ทรัสตเ๑ พอื่ กจิ การเงนิ รํวมลงทนุ ต๎องมีคุณสมบัตดิ ังตอํ ไปนี้ (๑) จดแจ๎งการเปน็ ทรสั ตเ๑ พื่อกจิ การเงินรํวมลงทนุ ตอํ สํานักงานคณะกรรมการกํากบั หลกั ทรพั ย๑และตลาด หลกั ทรัพยภ๑ ายในวันที่ ๓๑ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ (๒) มมี ลู คาํ เงนิ ทุนทชี่ ําระแลว๎ ในวันสดุ ทา๎ ยของแตลํ ะรอบระยะเวลาบัญชตี ้ังแตํยีส่ ิบลา๎ นบาทข้ึนไป (๓) ถอื หุน๎ ในบริษัทเปูาหมายเพยี งอยํางเดียว หรอื ถือหุ๎นในบริษทั เปาู หมายและถือห๎ุนในบริษทั อืน่ ท่จี ัดตง้ั ขน้ึ ตาม กฎหมายไทยซง่ึ มิไดป๎ ระกอบกจิ การทร่ี ฐั ต๎องการสนบั สนนุ มาตรา ๑๐ การได๎รบั สิทธยิ กเวน๎ ภาษเี งนิ ไดต๎ ามมาตรา ๘ ใหไ๎ ด๎รับยกเวน๎ เปน็ ระยะเวลาสิบปภี าษีหรือสิบรอบ ระยะเวลาบัญชีนับแตํวันท่ีจดแจง๎ การเปน็ ทรัสต๑เพื่อกิจการเงนิ รํวมลงทุนกับสาํ นักงานคณะกรรมการกาํ กับหลกั ทรพั ย๑ และตลาดหลักทรัพย๑ โดยใหน๎ ับวันทีจ่ ดแจง๎ น้นั เป็นปีภาษีแรกหรอื รอบระยะเวลาบญั ชีแรก แม๎วาํ จะมีระยะเวลานอ๎ ย กวาํ สบิ สองเดือนกต็ าม “ทรสั ตเ์ พื่อกิจการเงินรว่ มลงทุน” หมายความวาํ ทรัสตท๑ ี่กํอตั้งขึน้ เพื่อประกอบกจิ การเงนิ รํวมลงทนุ ตามกฎหมายวาํ ด๎วยทรสั ตเ๑ พ่อื ธรุ กรรมในตลาดทุน พรฎ.๕๙๖ (ยกเวน้ รัษฎากร) มาตรา ๓ ใหย๎ กเวน๎ ภาษีเงินได๎ สําหรบั การบรจิ าคใหแ๎ กํการกฬี าแหํงประเทศไทย คณะกรรมการกฬี าจังหวดั สมาคม กฬี าแหํงจงั หวดั สมาคมกฬี าท่ีใช๎คําวาํ “แหงํ ประเทศไทย” หรือกองทุนพัฒนาการกฬี าแหํงชาติทจี่ ัดตั้งขน้ึ ตาม กฎหมายวําด๎วยการกีฬาแหํงประเทศไทย และกรมพลศึกษา เพื่อนาํ ไปใช๎ในการจัดหาอุปกรณก๑ ีฬา การฝึกซ๎อมหรือ การแขงํ ขนั การจัดสร๎างและพัฒนาสนามกีฬาหรือศูนยฝ๑ ึกกีฬาแหํงชาติ การสงํ เสรมิ สนับสนุนการจดั การแขงํ ขนั กฬี า หรือการพฒั นานกั กฬี าและบุคลากรกีฬาตามกฎหมาย วําด๎วยการกีฬาแหํงประเทศไทย ท่ีไดก๎ ระทาํ ตัง้ แตวํ นั ที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๙ ถงึ วันท่ี ๓๑ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ ดังตํอไปนี้ (๑) สําหรับบคุ คลธรรมดา ให๎ยกเว๎นสําหรบั เงนิ ได๎พงึ ประเมินหลงั จากหักคําใชจ๎ าํ ยและหักลดหยํอนตามมาตรา ๔๗ (๑) (๒) (๓) (๔) (๕) หรือ (๖) แหงํ ประมวลรัษฎากร เป็นจาํ นวนสองเท่าของจาํ นวนเงินท่บี ริจาค แตเํ ม่ือรวมกับเงนิ ไดท๎ ี่ได๎รบั ยกเว๎นสําหรบั การจํายเป็นคําใชจ๎ าํ ยเพอ่ื สนบั สนนุ การศึกษาสาํ หรับโครงการที่กระทรวงศึกษาธกิ ารใหค๎ วาม เห็นชอบแล๎ว ต๎องไมเํ กินร๎อยละสิบของเงินได๎พงึ ประเมนิ หลังจากหักคําใชจ๎ ํายและหักลดหยํอนนัน้ (๒) สาํ หรบั บรษิ ัทหรือห๎างหุน๎ สํวนนติ ิบคุ คล ให๎ยกเว๎นสําหรบั เงินได๎เป็นจาํ นวนสองเทา่ ของรายจา่ ยทีบ่ รจิ าค ไมํวาํ จะ ได๎จํายเปน็ เงินหรือทรัพย๑สนิ แตํเม่อื รวมกับรายจาํ ยทจ่ี ํายเปน็ คําใช๎จํายเพ่ือสนับสนุนการศึกษาสําหรับโครงการที่ กระทรวงศกึ ษาธกิ ารใหค๎ วามเห็นชอบ และรายจํายที่จํายเป็นคาํ ใชจ๎ ํายในการจัดสร๎างและการบาํ รงุ รักษาสนามเดก็ เลนํ สวนสาธารณะ หรอื สนามกฬี าของเอกชนทเ่ี ปิดให๎ประชาชนใช๎เปน็ การทวั่ ไปโดยไมเํ กบ็ คาํ บริการใด ๆ หรือสนาม นนท์ เศรษฐวิวัฒน์
๑๑๑ เดก็ เลนํ สวนสาธารณะ หรือสนามกีฬาของทางราชการแลว๎ ตอ๎ งไมเํ กินร๎อยละสิบของกําไรสทุ ธกิ ํอนหกั รายจาํ ยเพ่ือ การกศุ ลสาธารณะหรอื เพ่ือการสาธารณประโยชนแ๑ ละรายจํายเพอื่ การศึกษาหรือเพื่อการกีฬาตามมาตรา ๖๕ ตรี (๓) แหํงประมวลรษั ฎากร พรฎ.๕๙๔ (ยกเว้นรษั ฎากร) มาตรา ๓ ให๎ยกเวน๎ ภาษีเงนิ ได๎ สาํ หรับการบริจาคใหแ๎ กกํ องทุนสงํ เสริมและพัฒนาการศกึ ษาสําหรบั คนพิการ ตามกฎหมายวําดว๎ ยการจัดการศกึ ษาสําหรบั คนพิการ ดงั ตํอไปนี้ (๑) สาํ หรบั บุคคลธรรมดา ให๎ยกเวน๎ สําหรับเงินได๎พงึ ประเมินหลังจากหกั คําใชจ๎ ํายและหักลดหยํอน เทําจํานวนเงนิ ท่ี บรจิ าคแตเํ ม่ือรวมกับเงินบริจาคตามมาตรา ๔๗ (๗) แหํงประมวลรัษฎากรแลว๎ ต๎องไมํเกินร๎อยละสบิ ของเงนิ ได๎พึง ประเมินหลงั จากหักคาํ ใช๎จาํ ยและหกั ลดหยํอนน้นั (๒) สาํ หรับบริษัทหรอื ห๎างหุ๎นสวํ นนติ ิบุคคล ให๎ยกเว๎นสาํ หรับเงินได๎เทําจาํ นวนเงินหรือราคาทรพั ยส๑ ินที่บริจาค แตเํ มอื่ รวมกับรายจาํ ยเพื่อการกุศลสาธารณะหรอื เพ่ือการสาธารณประโยชนต๑ ามมาตรา ๖๕ ตรี (๓) แหงํ ประมวลรษั ฎากร แล๎ว ต๎องไมเํ กนิ ร๎อยละสองของกําไรสทุ ธิ พรฎ.๕๙๑ (ลดอตั รารษั ฎากร) มาตรา ๔ ให๎ลดอัตราภาษเี งินได๎ ใหแ๎ กํบริษทั หรือหา๎ งห๎นุ สวํ นนติ ิบคุ คล ซึ่งมสี ถานประกอบกิจการตงั้ อยูํในเขตพฒั นา เศรษฐกจิ พิเศษ ไมํวาํ จะมีสํานักงานใหญตํ ั้งอยํู ณ ทใี่ ด สาํ หรบั รายไดท๎ ่ีเกดิ ขนึ้ จากการผลิตสนิ ค๎าในเขตพัฒนา เศรษฐกจิ พิเศษ หรือรายได๎ทเี่ กิดจากการให๎บริการและมีการใชบ๎ รกิ ารน้ันในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพเิ ศษ และคงจดั เกบ็ ในอตั ราร้อยละสบิ ของกําไรสุทธิ เป็นเวลาสบิ รอบระยะเวลาบญั ชตี ํอเนื่องกัน “เขตพฒั นาเศรษฐกิจพิเศษ” หมายความวาํ เขตพฒั นาเศรษฐกิจพิเศษตามระเบยี บสาํ นกั นายกรฐั มนตรี วาํ ดว๎ ยเขต พัฒนาเศรษฐกจิ พิเศษ พ.ศ. ๒๕๕๖ พรฎ.๕๘๗ (ลดอัตราและยกเว๎นรัษฎากร) มาตรา ๔ ใหจ๎ ัดเกบ็ ภาษีเงินไดใ๎ นการหกั ภาษี ณ ท่จี ํายในอัตราร๎อยละสิบห๎าของ เงนิ ได๎ท่ีคนตํางดา๎ วได๎รบั เนื่องจาก การจ๎างแรงงานของบรษิ ัทการค๎าระหวาํ งประเทศ มาตรา ๕ ใหค๎ นตาํ งด๎าวซงึ่ ถกู หักภาษีเงนิ ได๎ ณ ทจ่ี าํ ยไวแ๎ ล๎วในอัตรารอ๎ ยละสบิ หา๎ ของเงินได๎ พงึ ประเมินตามมาตรา ๔ เม่ือถึงกาํ หนดยื่นรายการเกีย่ วกบั เงนิ ไดพ๎ ึงประเมิน ไดร๎ ับยกเวน๎ ไมตํ ๎องนาํ เงินได๎พงึ ประเมนิ นน้ั มารวมคํานวณเพื่อ เสยี ภาษเี งนิ ได๎ ทั้งน้ี เฉพาะกรณที ่ีคนตาํ งด๎าวไมํขอรับเงินภาษีท่ถี ูกหักไวน๎ ั้นคนื หรือไมํขอเครดิตเงนิ ภาษีที่ถูกหักไวน๎ ้นั ไมํวําท้งั หมดหรอื บางสวํ น ในการได๎รับยกเว๎นตามมาตรานี้ คนตาํ งดา๎ วต๎องย่ืนรายการเกี่ยวกบั เงินได๎พงึ ประเมนิ ท่ีไดร๎ บั ยกเว๎นไมตํ ๎อง นาํ มารวมคาํ นวณเพอื่ เสยี ภาษเี งนิ ไดด๎ ว๎ ย มาตรา ๗ ให๎ยกเว๎นภาษเี งนิ ได๎ ใหแ๎ กบํ ริษัทการค๎าระหวาํ งประเทศ สําหรบั รายไดจ๎ ากการจดั ซือ้ และขายสินค๎าใน ตํางประเทศ โดยสินคา๎ ดังกลําวมไิ ด๎ถูกนาํ เข๎ามาในประเทศไทย หรือเขา๎ มาในประเทศไทยในลักษณะการผาํ นแดนหรอื การถาํ ยลาตามกฎหมายวําด๎วยศลุ กากร และรายได๎จากการใหบ๎ ริการท่เี ก่ียวขอ๎ งกับการค๎าระหวํางประเทศแกํนติ ิ บคุ คลในตาํ งประเทศที่ไดร๎ บั จากหรอื ในตํางประเทศ นนท์ เศรษฐวิวฒั น์
๑๑๒ มาตรา ๘ บริษทั การค๎าระหวาํ งประเทศทจ่ี ะไดร๎ ับสทิ ธติ ามมาตรา ๗ ตอ๎ งมีคุณสมบัตดิ ังตอํ ไปนี้ (๑) มที ุนท่ชี ําระแล๎วในวันสุดท๎ายของแตลํ ะรอบระยะเวลาบัญชตี ้ังแตสํ บิ ล๎านบาทข้นึ ไป (๒) มีรายจํายในการดําเนินงานซง่ึ เกยี่ วกับกจิ การของบริษทั การค๎าระหวํางประเทศที่จาํ ยใหแ๎ กํผูร๎ ับใน ประเทศไทยไมํน๎อยกวําสบิ ห๎าลา๎ นบาทในแตํละรอบระยะเวลาบัญชี (๓) ยน่ื คาํ ร๎องขอและไดร๎ บั อนุมัตใิ ห๎เป็นบริษัทการคา๎ ระหวาํ งประเทศจากอธบิ ดกี รมสรรพากร มาตรา ๙ บรษิ ทั การคา๎ ระหวํางประเทศท่มี ีคณุ สมบัตติ ามมาตรา ๘ จะไดร๎ ับสทิ ธิยกเว๎นภาษีเงนิ ได๎ตามมาตรา ๗ เป็น ระยะเวลาสบิ หา๎ รอบระยะเวลาบญั ชี นบั แตวํ นั ถดั จากวันท่ีได๎รบั อนุมตั จิ ากอธิบดีกรมสรรพากร มาตรา ๑๐ ให๎ยกเวน๎ ภาษเี งนิ ได๎ ให๎แกบํ ริษัทหรอื ห๎างห๎ุนสวํ นนติ ิบุคคลท่ตี ้ังข้นึ ตามกฎหมายตาํ งประเทศและมิได๎ ประกอบกจิ การในประเทศไทย สาํ หรับเงินปน๓ ผลท่ีได๎รับจากบริษทั การคา๎ ระหวํางประเทศ ทั้งน้ี เฉพาะเงินป๓นผลท่ี จํายจากรายได๎ท่ีได๎รบั ยกเวน๎ ภาษเี งนิ ไดต๎ ามมาตรา ๗ “คนต่างด้าว” หมายความวาํ บุคคลธรรมดาซึง่ ไมํมสี ญั ชาติไทย “บรษิ ัทการคา้ ระหว่างประเทศ” หมายความวาํ บริษัทท่ีตง้ั ขึน้ ตามกฎหมายไทยเพ่ือประกอบกจิ การจัดซื้อและขาย สินค๎า วัตถดุ บิ และช้นิ สํวน หรอื ใหบ๎ รกิ ารเกย่ี วกับการค๎าระหวํางประเทศแกํนิตบิ คุ คลที่ต้ังข้ึนตามกฎหมาย ตาํ งประเทศ พรฎ.๕๘๖ (ลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร) มาตรา ๗ ใหล๎ ดอัตราภาษเี งนิ ได๎ และคงจดั เก็บในอัตราร๎อยละสบิ ของกาํ ไรสทุ ธิ ให๎แกํสาํ นักงานใหญํข๎ามประเทศ สาํ หรบั รายไดด๎ งั ตํอไปนี้ (๑) รายได๎จากการให๎บริการด๎านการบรหิ ารหรือด๎านเทคนคิ การให๎บรกิ ารสนับสนุน หรอื การบรหิ ารเงนิ แกํ วสิ าหกิจในเครอื ทต่ี ้งั ข้นึ ตามกฎหมายไทย (๒) คําสิทธทิ ไี่ ดร๎ ับจากวสิ าหกิจในเครือท่ตี ัง้ ขน้ึ ตามกฎหมายไทย มาตรา ๘ ให๎ยกเวน๎ ภาษีเงินได๎ ให๎แกํสาํ นกั งานใหญขํ ๎ามประเทศ สําหรบั รายไดด๎ ังตํอไปนี้ (๑) รายได๎จากการให๎บริการดา๎ นการบริหารหรือดา๎ นเทคนิค การให๎บรกิ ารสนับสนุน หรือ การบรหิ ารเงนิ แกํ วิสาหกิจในเครือที่ตัง้ ขนึ้ ตามกฎหมายตาํ งประเทศ (๒) คําสิทธิท่ีไดร๎ บั จากวสิ าหกจิ ในเครือที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายตาํ งประเทศ (๓) เงินปน๓ ผลท่ีไดร๎ ับจากวิสาหกจิ ในเครือท่ีตง้ั ข้นึ ตามกฎหมายตํางประเทศ (๔) รายไดจ๎ ากการโอนหน๎ุ ของวิสาหกจิ ในเครือท่ีตง้ั ข้ึนตามกฎหมายตํางประเทศ ทั้งน้ี เฉพาะการโอนหนุ๎ ทตี่ ี ราคาเปน็ เงนิ ได๎เกนิ กวําท่ีลงทุน (๕) รายได๎จากการจัดซอ้ื และขายสนิ คา๎ ในตาํ งประเทศ โดยสนิ คา๎ ดังกลําวมิไดถ๎ ูกนําเขา๎ มา ในประเทศไทย หรอื เขา๎ มาในประเทศไทยในลักษณะการผาํ นแดนหรอื การถํายลาตามกฎหมายวาํ ดว๎ ยศุลกากร และรายได๎จากการ ให๎บริการทีเ่ ก่ยี วขอ๎ งกบั การค๎าระหวํางประเทศแกํนติ บิ คุ คลท่ตี ง้ั ข้ึนตามกฎหมายตํางประเทศท่ีได๎รบั จากหรือใน ตาํ งประเทศ มาตรา ๙ สาํ นกั งานใหญํข๎ามประเทศที่จะได๎รับสิทธติ ามมาตรา ๗ และมาตรา ๘ ต๎องมีคุณสมบตั ดิ ังตํอไปนี้ (๑) มที ุนทีช่ าํ ระแล๎วในวันสดุ ทา๎ ยของแตลํ ะรอบระยะเวลาบัญชีตั้งแตสํ บิ ล๎านบาทข้นึ ไป นนท์ เศรษฐวิวฒั น์
๑๑๓ (๒) มกี ารให๎บริการด๎านการบริหารหรือด๎านเทคนิค การใหบ๎ ริการสนับสนนุ หรือการบรหิ ารเงนิ แกวํ สิ าหกิจใน เครือที่ต้ังข้นึ ตามกฎหมายตํางประเทศ (๓) มีรายจาํ ยในการดําเนนิ งานซงึ่ เกีย่ วกบั กจิ การของสํานกั งานใหญขํ ๎ามประเทศท่จี ํายให๎แกผํ รู๎ บั ในประเทศ ไทยไมนํ อ๎ ยกวําสิบห๎าลา๎ นบาทในแตลํ ะรอบระยะเวลาบัญชี (๔) ยืน่ คาํ ร๎องขอและไดร๎ บั อนมุ ัติใหเ๎ ป็นสํานักงานใหญขํ า๎ มประเทศจากอธบิ ดีกรมสรรพากร (๕) ปฏบิ ตั ิตามหลกั เกณฑ๑ วธิ กี าร และเงื่อนไขอ่นื ที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกําหนด มาตรา ๑๐ สาํ นักงานใหญํขา๎ มประเทศทม่ี ีคุณสมบัติตามมาตรา ๙ จะได๎รบั สทิ ธลิ ดอัตราและยกเวน๎ ภาษเี งนิ ไดต๎ าม มาตรา ๗ และมาตรา ๘ เป็นระยะเวลาสิบหา๎ รอบระยะเวลาบญั ชีนับแตํวันถดั จากวันท่ีได๎รบั อนุมตั จิ ากอธิบดี กรมสรรพากร มาตรา ๑๑ ใหย๎ กเว๎นภาษเี งนิ ได๎ ใหแ๎ กํบริษัทหรือห๎างหุน๎ สํวนนติ ิบคุ คลท่ีต้ังขึ้นตามกฎหมายของตํางประเทศและมิได๎ ประกอบกจิ การ ในประเทศไทย สาํ หรบั รายไดด๎ งั ตํอไปน้ี (๑) เงินปน๓ ผลท่ไี ด๎รบั จากสํานกั งานใหญํขา๎ มประเทศ ทั้งน้ี เฉพาะเงินป๓นผลที่จาํ ยจากรายได๎ ที่ได๎รบั ยกเว๎นภาษเี งินได๎ตามมาตรา ๘ (๒) ดอกเบ้ยี ท่ีได๎รับจากสํานกั งานใหญขํ า๎ มประเทศ ทง้ั นี้ เฉพาะดอกเบีย้ จากเงินก๎ูยืมท่ีสํานักงานใหญํขา๎ ม ประเทศได๎กม๎ู าเพือ่ ใหก๎ ย๎ู ืมตํอแกํวสิ าหกจิ ในเครือทเี่ ป็นการบริหารเงิน พรฎ.๕๘๔ (ลดอัตราและยกเวน้ รัษฎากร) มาตรา ๔ ผม๎ู ีเงนิ ได๎ทไ่ี ดร๎ ับเงินได๎พงึ ประเมินตามมาตรา ๔๐ (๗) และ (๘) ซง่ึ มสี ถานประกอบกิจการตั้งอยํใู นเขต พฒั นาพเิ ศษเฉพาะกิจ จะเลือกเสยี ภาษเี งนิ ไดใ๎ นอัตราร๎อยละ ๐.๐๑ ของเงินได๎พึงประเมนิ ทีเ่ กิดขน้ึ ตง้ั แตํปี พ.ศ. ๒๕๕๘ ถึง พ.ศ. ๒๕๖๐ เฉพาะท่ไี ดจ๎ ากการผลติ สินคา๎ หรือการขายสนิ ค๎าในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกจิ หรือการ ใหบ๎ ริการในเขตพฒั นาพเิ ศษเฉพาะกิจ โดยไมํนําไปรวมคาํ นวณกบั เงินได๎ประเภทอ่ืนก็ได๎ มาตรา ๕ ใหล๎ ดอตั ราภาษเี งินได๎ให๎แกบํ รษิ ทั หรือหา๎ งห๎นุ สํวนนิตบิ ุคคลซงึ่ มีสถานประกอบกจิ การตงั้ อยูใํ นเขตพัฒนา พเิ ศษเฉพาะกจิ และมรี ายได๎ท่ีเกดิ ข้นึ จากการผลติ สนิ คา๎ หรือการขายสนิ คา๎ ในเขตพฒั นาพิเศษเฉพาะกิจ หรือการ ใหบ๎ รกิ ารในเขตพฒั นาพเิ ศษเฉพาะกจิ ตัง้ แตรํ อบระยะเวลาบญั ชี ๒๕๕๘ ทีเ่ ริม่ ใน หรือหลังวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๘ ถึงรอบระยะเวลาบญั ชี ๒๕๖๐ ท่ีส้นิ สดุ ภายในหรือหลงั วนั ท่ี ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ และคงจัดเกบ็ ใน อัตราร๎อยละ ๓.๐ของกาํ ไรสุทธิ มาตรา ๖ ใหล๎ ดอตั ราภาษีเงินได๎ในการหกั ภาษี ณ ทีจ่ ําย ตามมาตรา ๕๐ (๕) สาํ หรบั เงินได๎พงึ ประเมินทีไ่ ดร๎ ับจากการ ขายอสงั หาริมทรพั ย๑ทีต่ ั้งอยูใํ นเขตพัฒนาพเิ ศษเฉพาะกจิ สาํ หรับเงินได๎ท่ีเกดิ ข้นึ ตง้ั แตปํ ี พ.ศ. ๒๕๕๘ ถงึ พ.ศ. ๒๕๖๐ เหลอื ร๎อยละ ๐.๑ มาตรา ๗ ผ๎ูมเี งินได๎ท่ไี ด๎รบั เงินไดจ๎ ากการขายอสงั หาริมทรัพย๑ที่ต้ังอยํูในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกจิ ซง่ึ ถกู หักภาษเี งินได๎ ณ ทีจ่ ําย ตามมาตรา ๖ แล๎ว ใหไ๎ ด๎รบั ยกเวน๎ ไมตํ ๎องนําเงนิ ไดพ๎ งึ ประเมนิ ดังกลาํ วมารวมคํานวณเพื่อเสียภาษีเงนิ ได๎ตาม มาตรา ๔๘ (๑) (๒) และ (๔) แหงํ ประมวลรษั ฎากร มาตรา ๘ ให๎ลดอัตราภาษธี ุรกจิ เฉพาะ และคงจดั เก็บในอัตรารอ๎ ยละศูนย๑จุดหนึ่งสําหรับรายรับจากการขาย อสังหาริมทรัพย๑เปน็ ทางค๎าหรือหากาํ ไรตามมาตรา ๙๑/๒ (๖) แหงํ ประมวลรัษฎากร ทงั้ นี้ เฉพาะการขาย นนท์ เศรษฐวิวัฒน์
๑๑๔ อสงั หารมิ ทรัพยท๑ ีต่ ้ังอยูํในเขตพฒั นาพเิ ศษเฉพาะกิจ ที่ได๎กระทาํ ในระหวํางวนั ท่ี ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๘ ถงึ วันท่ี ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ พรฎ.๔๒๘(รายจ่ายเพ่อื การกุศลสาธารณะ) มาตรา ๓ ให๎ยกเวน๎ ภาษีเงนิ ได๎ สาํ หรบั เงินไดข๎ องบรษิ ัทหรือห๎างห๎ุนสวํ นนิติบุคคลเปน็ จาํ นวนเงินหรือมูลคําของ ทรพั ยส๑ นิ เป็นจาํ นวนสองเท่าของรายจ่ายทจี่ ํายไปเปน็ คําใช๎จาํ ยในการจัดสร๎างและการบาํ รงุ รกั ษาสนามเด็กเลํน สวนสาธารณะ หรือสนามกีฬาของเอกชนท่ีเปิดใหป๎ ระชาชนใชเ๎ ป็นการทวั่ ไป โดยไมเํ ก็บคําบริการใด ๆ หรอื สนามเด็ก เลนํ สวนสาธารณะ หรือสนามกีฬาของทางราชการ แตํเมื่อรวมกับรายจํายท่จี ํายไปเป็นคําใช๎จํายเพ่ือสนับสนนุ การศกึ ษาสําหรบั โครงการทกี่ ระทรวงศึกษาธิการให๎ความเหน็ ชอบแลว๎ ตอ๎ งไมํเกนิ ร๎อยละสบิ ของกาํ ไรสทุ ธิกํอนหัก รายจาํ ยเพือ่ การกุศลสาธารณะหรือเพ่อื การสาธารณประโยชน๑ และรายจาํ ยเพ่ือการศึกษาหรือเพ่ือการกฬี า ตาม มาตรา ๖๕ ตรี(๓) แหํงประมวลรษั ฎากร พรฎ.๔๒๐(สนบั สนนุ การศึกษา) มาตรา ๓ ให๎ยกเวน๎ ภาษีเงินได๎ สําหรับเงินได๎ท่ีจํายเปน็ คาํ ใชจ๎ ํายเพ่ือสนบั สนนุ การศกึ ษาใหแ๎ กํสถานศกึ ษาของ ทาง ราชการ สถานศึกษาขององค๑การของรฐั บาล โรงเรียนเอกชนทต่ี ้งั ขึน้ ตามกฎหมายวาํ ดว๎ ยโรงเรยี นเอกชนหรือ สถาบนั อุดมศกึ ษาเอกชนท่ีตง้ั ข้นึ ตามกฎหมายวาํ ดว๎ ยสถาบันอดุ มศึกษาเอกชน ดงั นี้ (๑) สําหรับบคุ คลธรรมดา ให๎ยกเว๎นภาษเี งนิ ไดส๎ ําหรบั เงนิ ได๎พงึ ประเมนิ หลงั จากหกั คําใชจ๎ ํายและหักคํา ลดหยอํ นตามมาตรา ๔๗(๑) (๒) (๓) (๔) (๕) หรอื (๖) แหงํ ประมวลรัษฎากร เปน็ จาํ นวนสองเทา่ ของรายจาํ ยทจ่ี ํายไป เปน็ คําใชจ๎ ํายเพ่ือสนบั สนุนการศึกษา แตํต๎องไมเํ กนิ รอ๎ ยละสบิ ของเงินได๎พงึ ประเมินหลงั จากหกั คําใชจ๎ ํายและหักคาํ ลดหยํอนดงั กลาํ วน้นั (เปน็ ตวั เงินเทาํ นน้ั ) (๒) สําหรบั บรษิ ัทหรือห๎างหน๎ุ สวํ นนติ ิบุคคล ใหย๎ กเวน๎ ภาษเี งนิ ไดส๎ าํ หรบั เงินไดเ๎ ป็นจํานวนเงนิ หรือมูลคํา ของทรพั ยส๑ นิ เปน็ จาํ นวนสองเทําของรายจํายท่จี าํ ยไปเปน็ คําใชจ๎ าํ ยเพอ่ื สนับสนุนการศึกษา แตํต๎องไมํเกนิ ร๎อยละสิบ ของกําไรสทุ ธิกํอนหักรายจํายเพ่อื การกุศลสาธารณะหรือเพื่อการสาธารณประโยชน๑ และเพอื่ การศึกษาหรือเพื่อการ กฬี า ตามมาตรา ๖๕ ตรี(๓) แหํงประมวลรัษฎากร(เปน็ เงินหรือทรพั ย๑สินอยาํ งอื่นก็ได๎) คําใช๎จํายเพอ่ื สนับสนนุ การศึกษาตามวรรคหนึ่ง ต๎องเปน็ คาํ ใช๎จาํ ยสาํ หรับโครงการทีก่ ระทรวงศึกษาธกิ าร ให๎ความเห็นชอบ และเป็นคําใชจ๎ ํายสาํ หรบั รายการดังตํอไปนี้ (๑) จัดหาหรอื จัดสร๎างอาคารพร๎อมท่ีดิน หรอื ทดี่ นิ ใหแ๎ กสํ ถานศกึ ษา เพื่อใช๎ประโยชนท๑ างการศึกษา (๒) จัดหาวสั ดุอุปกรณ๑เพ่ือการศกึ ษา แบบเรียน ตาํ รา หนงั สอื ทางวชิ าการ สอ่ื และเทคโนโลยเี พอื่ การศกึ ษา ตลอดจนวสั ดอุ ปุ กรณอ๑ ื่น ๆ ท่ีเกีย่ วข๎องกบั การศึกษาให๎แกสํ ถานศกึ ษา ตามท่ีรฐั มนตรวี ําการกระทรวงการคลังกาํ หนด (๓) จดั หาครู อาจารย๑ หรอื ผท๎ู รงคุณวฒุ ทิ างการศกึ ษา หรอื เปน็ ทนุ การศกึ ษา การประดิษฐ๑ การพฒั นาการ ค๎นควา๎ หรือการวิจัย สาํ หรับนักเรยี น นิสติ หรือนกั ศึกษาของสถานศึกษา พรฎ.๓๗๖(ยกเวน้ ภาษีเงินไดฯ้ จากการขายอสงั หาฯ) มาตรา ๓ เงนิ ได๎พงึ ประเมินจากการขายอสงั หาริมทรัพย๑ ซ่ึงไดถ๎ ูกหกั ภาษเี งนิ ได๎ ณ ท่จี าํ ย ตามมาตรา ๕๐(๕) แหงํ ประมวลรษั ฎากร และไดเ๎ สียภาษธี ุรกิจเฉพาะไว๎แล๎วเม่ือถึงกาํ หนดยนื่ รายการเพื่อเสยี ภาษเี งินได๎ใหไ๎ ดร๎ ับยกเว๎นไมํต๎อง นําเงินได๎พงึ ประเมินจากการขายอสงั หาริมทรัพย๑ดงั กลําวมารวมคํานวณเพื่อเสียภาษีเงนิ ได๎ตามมาตรา ๔๘(๑) และ (๒) แหงํ ประมวลรษั ฎากร พรฎ.๓๑๕ รายจา่ ยที่ไมใ่ ห้ถือเป็นรายจ่ายในการคาํ นวณกาํ ไร มาตรา ๔ รายจํายตอํ ไปน้ี ไมํให๎ถอื เปน็ รายจาํ ยในการคํานวณกาํ ไรสุทธิ นนท์ เศรษฐวิวฒั น์
๑๑๕ (๑) มูลคําต๎นทนุ ของทรัพย๑สนิ ประเภทรถยนต๑นั่งและรถยนต๑ โดยสารที่มที น่ี ่ังไมเํ กินสิบคนตามกฎหมายวํา ดว๎ ยพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต เฉพาะส่วนท่เี กนิ คันละหนึ่งล้านบาท (๒) คําเชําทรัพยส๑ ินประเภทรถยนต๑น่ังและรถยนต๑โดยสารที่มีท่ีนั่งไมเํ กินสิบคนตามกฎหมายวําดว๎ ยพกิ ัด อตั ราภาษีสรรพสามิต เฉพาะสํวนที่เกินคนั ละสามหมน่ื หกพันบาทตํอเดือนในกรณที ีเ่ ชาํ เป็นรายเดอื นหรือรายปี หรือ คําเชาํ สวํ นที่เกินคนั ละหนึ่งพันสองร๎อยบาทตอํ วนั ในกรณีที่เชาํ เป็นรายวนั เศษของเดือนให๎คดิ เป็นวนั หากเชําไมํถงึ หนึง่ วนั ให๎คาํ นวณคาํ เชาํ ตามสํวนของระยะเวลาท่เี ชํา ทง้ั นี้ โดยรวมภาษมี ลู คาํ เพิม่ ดว๎ ย พรฎ.๓๐๑(ยกเวน้ ภาษดี อกเบ้ียเงินฝาก) มาตรา ๓ ให๎ยกเวน๎ ภาษเี งนิ ไดบ๎ ุคคลธรรมดาสาํ หรับเงินได๎พึงประเมินตามมาตรา ๔๐(๔)(ก) แหงํ ประมวลรัษฎากร ดงั ตอํ ไปนี้ (๑) ดอกเบีย้ เงนิ ฝากท่ไี ด๎รบั จากการฝากเงนิ กับธนาคารในประเทศ (๒) ดอกเบ้ียเงินฝากทไ่ี ด๎รบั จากการฝากเงินกับสหกรณ๑ออมทรัพย๑ตามกฎหมายวําดว๎ ยสหกรณใ๑ นประเทศ ดอกเบีย้ เงินฝากตามวรรคหน่ึงตอ๎ งเปน็ ดอกเบยี้ เงินฝากท่ีเกิดจากการฝากเงนิ เป็นรายเดือนตดิ ตอํ กันมี ระยะเวลาไม่นอ้ ยกว่ายสี่ ิบสี่เดือนนบั แตวํ ันท่เี รมิ่ ฝาก โดยมยี อดเงินฝากแตลํ ะคราวเทํากัน แตํไมเ่ กนิ สองหม่ืนหา้ พัน บาทตอ่ เดือน และรวมทั้งหมดแล๎วต๎องไม่เกนิ หกแสนบาท พรฎ.๒๑๙(ยกเว้นภาษี อบต.) มาตรา ๓ ให๎ยกเวน๎ ภาษมี ลู คําเพ่ิมตามหมวด ๔ ภาษีธรุ กจิ เฉพาะตามหมวด ๕ และอากรแสตมปต์ ามหมวด ๖ ใน ลกั ษณะ ๒ แหงํ ประมวลรัษฎากร แกสํ ภาตําบลและองคก๑ ารบรหิ ารสวํ นตาํ บล ตามพระราชบญั ญัตสิ ภาตําบลและ องค๑การบริหารสวํ นตาํ บล พ.ศ. ๒๕๓๗ สาํ หรบั มูลคาํ ของฐานภาษี รายรบั หรอื การกระทําตราสารของสภาตาํ บลและ องค๑การบรหิ ารสวํ นตําบล ตงั้ แตํวนั ที่ ๒ มนี าคมพ.ศ. ๒๕๓๘ เป็นต๎นไป (เหตุผลในการประกาศใช๎พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คอื โดยที่พระราชบญั ญตั ิสภาตาํ บลและองคก๑ ารบริหารสํวนตาํ บล พ.ศ. ๒๕๓๗ มาตรา ๓๒ และมาตรา ๘๔ ไดก๎ ําหนดให๎รายไดข๎ องสภาตําบลและองคก๑ ารบรหิ ารสวํ นตาํ บลได๎รับยกเวน๎ ไมตํ ๎องเสียภาษี โดยการตราเป็นพระราชกฤษฎีกาตามประมวลรษั ฎากร) กฎกระทรวง ฉบับท่ี ๓๑๖ (พ.ศ. ๒๕๕๙)สง่ เสรมิ การท่องเท่ียว ยกเวน๎ ภาษใี ห๎กับเงินไดซ๎ ่ึงได๎จํายไปเพื่อ ๑. คําบรกิ ารให๎แกํผ๎ปู ระกอบธรุ กิจนําเที่ยวตามกฎหมายวําด๎วยธุรกิจนาํ เท่ยี วและมัคคเุ ทศก๑ ๒. คําทีพ่ ักในโรงแรมให๎แกผํ ปู๎ ระกอบธุรกิจโรงแรมตามกฎหมายวาํ ด๎วยโรงแรม โดยมีเงื่อนไข ๑. สาํ หรับการเดินทางทํองเทีย่ วภายในประเทศ ๒. จาํ ยไปในระหวาํ งวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๙ ถงึ วนั ที่ ๓๑ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ ๓. ตามจาํ นวนท่จี าํ ยจรงิ แตํรวมกนั ทง้ั หมดแล๎วไมํเกนิ ๑๕,๐๐๐ บาท ฉบับท่ี ๓๑๕ (พ.ศ. ๒๕๕๙)ส่งเสรมิ การท่องเที่ยว ยกเวน๎ ภาษีใหก๎ ับเงนิ ได๎ซึ่งได๎จํายไปเพื่อ ๑. คาํ อาหารและเคร่อื งด่ืมให๎แกผํ ๎ูประกอบธรุ กิจรา๎ นอาหาร ภัตตาคาร หรอื ผูป๎ ระกอบธุรกิจโรงแรมตาม กฎหมายวาํ ดว๎ ยโรงแรม นนท์ เศรษฐวิวฒั น์
๑๑๖ ๒. คําบรกิ ารให๎แกผํ ป๎ู ระกอบธรุ กิจนําเทีย่ วตามกฎหมายวําดว๎ ยธรุ กจิ นําเทีย่ วและมัคคเุ ทศก๑ ๓. คาํ ที่พกั ในโรงแรมให๎แกํผ๎ูประกอบธุรกิจโรงแรมตามกฎหมายวาํ ดว๎ ยโรงแรม โดยมีเงอื่ นไข ๑. สําหรบั การเดนิ ทางทอํ งเท่ยี วภายในประเทศ ๒. เปน็ การจํายใหแ๎ กํผูป๎ ระกอบการจดทะเบียนภาษมี ูลคาํ เพิม่ และไดร๎ บั ใบกาํ กับภาษีตามมาตรา ๘๖/๔ แหงํ ประมวลรษั ฎากร ๓. จํายไปในระหวํางวันท่ี ๙ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๙ ถงึ วนั ที่ ๑๗ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๙ ๔. ตามจํานวนท่จี าํ ยจรงิ แตรํ วมกนั ทง้ั หมดแลว๎ ไมํเกิน ๑๕,๐๐๐ บาท ฉบับท่ี ๓๑๓ (พ.ศ. ๒๕๕๙) ส่งเสริมการคา้ อสังหารมิ ทรัพย์ ขอ๎ ๑ กําหนดให๎เงินได๎เทําท่ีจํายไปเปน็ จํานวนร๎อยละย่ีสิบของคําซอ้ื อสังหาริมทรัพยท๑ ี่เป็นอาคารพรอ๎ มที่ดนิ หรือห๎อง ชุดในอาคารชุด ท่ีมมี ลู คาํ ไมเํ กนิ สามล๎านบาท เป็นเงินได๎พึงประเมินท่ไี ด๎รับยกเวน๎ ไมํต๎องรวมคํานวณเพื่อเสยี ภาษเี งนิ ไดเ๎ ป็นเวลาห๎าปภี าษตี ํอเนื่องกนั นบั แตปํ ีภาษที ี่มกี ารจดทะเบียนโอนกรรมสทิ ธิ์ โดยให๎ได๎รับยกเวน๎ ภาษเี ป็นจาํ นวน เทํา ๆ กันในแตํละปีภาษีตั้งแตํปภี าษที ม่ี ีการจาํ ยคาํ ซ้ืออสงั หารมิ ทรัพย๑เป็นตน๎ ไป ข๎อ ๒ ผ๎ูมเี งินไดต๎ ๎องจาํ ยคาํ ซ้ืออสงั หารมิ ทรัพย๑ตามขอ๎ ๑ ในระหวาํ งวนั ที่ ๑๓ ตุลาคมพ.ศ. ๒๕๕๘ ถึงวนั ท่ี ๓๑ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ และมกี ารจดทะเบียนโอนกรรมสิทธ์ใิ นอสังหาริมทรพั ยน๑ นั้ ให๎แลว๎ เสร็จภายในชวํ งเวลาดงั กลําว และผูม๎ ีเงินไดต๎ ๎องไมํเคยมีกรรมสิทธ์ใิ นอสงั หารมิ ทรัพย๑ทีเ่ ป็นอาคารพรอ๎ มทีด่ นิ หรือห๎องชุดในอาคารชดุ มากํอน ขอ๎ ๓ ผม๎ู ีเงนิ ไดต๎ ๎องมชี ือ่ เป็นเจ๎าของกรรมสทิ ธิ์ในอสังหาริมทรพั ย๑ทซี่ ื้อเปน็ เวลาติดตํอกันไมํน๎อยกวาํ หา๎ ปีนับแตํวันท่ีจด ทะเบียนโอนกรรมสิทธใ์ิ นอสงั หารมิ ทรัพย๑ แตํไมรํ วมถงึ กรณีผู๎มเี งินได๎ถึงแกํความตายหรือกรณอี สังหาริมทรัพย๑นน้ั สนิ้ สภาพไปท้ังหมด ฉบบั ท่ี ๒๙๙(ยกเวน้ เงนิ ได้จาก กบข.) ขอ๎ ๑ กาํ หนดให๎เงนิ ไดด๎ ังตอํ ไปน้เี ปน็ เงินได๎พึงประเมนิ ท่ีได๎รบั ยกเวน๎ ไมตํ ๎อง รวมคาํ นวณเพ่ือเสยี ภาษีเงนิ ได๎ (๑) เงินชวํ ยเหลือผูซ๎ ึ่งออกจากราชการตามมาตรการปรับปรงุ อัตรากําลงั ของ สวํ นราชการ ตามพระราช กฤษฎกี าเงนิ ชํวยเหลอื ผู๎ซ่ึงออกจากราชการตามมาตรการปรบั ปรงุ อัตรากําลงั ของสํวนราชการ พ.ศ. ๒๕๕๑ (๒) เงินหรือผลประโยชน๑ใด ๆ ท่สี มาชกิ กองทนุ บาํ เหน็จบํานาญขา๎ ราชการไดร๎ บั จากกองทนุ บาํ เหนจ็ บาํ นาญ ข๎าราชการตามกฎหมายวาํ ดว๎ ยกองทนุ บําเหนจ็ บาํ นาญขา๎ ราชการ เมอ่ื ออกจากราชการตาม (๑) ฉบับที่ ๑๘๘(กรณใี ห้ถอื เป็นการขาย) ข๎อ ๑ กรณีดังตํอไปนี้ ใหถ๎ อื วําเปน็ การขายตามมาตรา ๗๗/๑ (๘) (ช) แหงํ ประมวลรษั ฎากร (๑) ในกรณผี ูป๎ ระกอบการจดทะเบียนไดร๎ บั แจง๎ คาํ ส่งั ถอนทะเบียนภาษมี ลู คําเพิ่มตามมาตรา ๘๕/๑๐ แหงํ ประมวลรัษฎากร มสี นิ คา๎ คงเหลือและหรอื ทรัพย๑สินทผี่ ู๎ประกอบการมีไว๎ในการประกอบกิจการ ณ วันท่ีไดร๎ บั แจง๎ คําสั่งถอนทะเบยี นภาษมี ูลคําเพ่มิ (๒) ในกรณผี ปู๎ ระกอบการจดทะเบียนได๎รับแจง๎ การเพิกถอนทะเบยี นภาษีมลู คาํ เพ่มิ ตามมาตรา ๘๕/๑๗ แหํง ประมวลรัษฎากร มีสินค๎าคงเหลอื และหรือทรพั ย๑สินทผี่ ูป๎ ระกอบการมไี วใ๎ นการประกอบกจิ การ ณ วันทไ่ี ดร๎ ับแจง๎ การ เพิกถอนทะเบยี นภาษีมลู คาํ เพิ่ม ฉบบั ท่ี ๑๘๖(การจาํ หน่ายหนี้สูญ) นนท์ เศรษฐวิวัฒน์
๑๑๗ ขอ๎ ๓ หนีส้ ญู ทีจ่ ะจําหนํายจากบญั ชีลกู หนีต้ ๎องเป็นหนที้ มี่ ีลักษณะดังตํอไปนี้ (๑) ตอ๎ งเป็นหน้จี ากการประกอบกจิ การหรอื เนื่องจากการประกอบกิจการหรอื หน้ีท่ีไดร๎ วมเปน็ เงินได๎ในการ คาํ นวณกาํ ไรสทุ ธิ ทัง้ นี้ ไมํรวมหนท้ี ีผ่ ูเ๎ ปน็ หรือเคยเปน็ กรรมการหรอื หน๎ุ สํวนผ๎จู ดั การเป็นลกู หน้ี ไมํวําหนน้ี ้ันจะเกิดข้ึน กอํ นหรือในขณะท่ีผนู๎ น้ั เป็นกรรมการหรอื หุ๎นสวํ นผจู๎ ดั การ (๒) ตอ๎ งเป็นหน้ีท่ียังไมํขาดอายุความและมหี ลักฐานโดยชดั แจง๎ ที่สามารถฟูองลูกหน้ีได๎ ขอ๎ ๔ การจําหนํายหนี้สญู จากบญั ชลี กู หนี้ ในกรณีหนข้ี องลูกหน้ีแตํละรายมีจํานวนเกิน ๕๐๐,๐๐๐ บาทขึ้นไป ตอ๎ ง ดําเนินการดงั ตํอไปน้ี (๑) ให๎ติดตามทวงถามใหช๎ ําระหนี้ตามสมควรแกํกรณี โดยมีหลกั ฐานการติดตามทวงถามอย่างชัดแจ้งและ ไมไํ ด๎รบั ชําระหน้ี โดยปรากฏวํา (ก) ลกู หนีถ้ ึงแกํความตาย เปน็ คนสาบสูญ หรอื มีหลกั ฐานวําหายสาบสูญไป และไมํมที รัพย๑สนิ ใด ๆ จะ ชาํ ระหนี้ได๎ (ข) ลูกหนี้เลกิ กิจการ และมหี น้ขี องเจ๎าหนร้ี ายอ่ืนมบี รุ ิมสทิ ธิเหนอื ทรัพย๑สนิ ท้ังหมดของลูกหนีอ้ ยูํในลําดบั กอํ นเปน็ จาํ นวนมากกวาํ ทรัพย๑สนิ ของลูกหนี้ (๒) ได๎ดําเนนิ การฟูองลูกหนใ้ี นคดแี พํงหรือได๎ย่ืนคาํ ขอเฉลี่ยหนีใ้ นคดีท่ีลูกหนี้ถกู เจ๎าหนร้ี ายอ่ืนฟูองในคดีแพํง และในกรณนี น้ั ๆ ไดม๎ ีคาํ บงั คับหรอื คาํ ส่ังของศาลแลว๎ แตลํ ูกหน้ีไมํมีทรัพย๑สนิ ใด ๆ จะชาํ ระหนี้ได๎ หรอื (๓) ได๎ดําเนนิ การฟูองลูกหนี้ในคดีล๎มละลายหรือไดย๎ ่ืนคําขอรบั ชาํ ระหน้ใี นคดีท่ลี ูกหน้ีถูกเจา๎ หนี้รายอื่นฟูองใน คดลี ๎มละลาย และในกรณีนน้ั ๆ ได๎มีการประนอมหน้ีกับลูกหนโี้ ดยศาลมคี ําส่งั เห็นชอบด๎วยกบั การประนอมหนนี้ นั้ หรอื ลกู หน้ถี ูกศาลพิพากษาใหเ๎ ปน็ บุคคลล๎มละลายและได๎มีการแบํงทรัพยส๑ ินของลกู หนี้ครั้งแรกแล๎ว ข๎อ ๕ การจาํ หนํายหนี้สญู จากบญั ชีลกู หน้ี ในกรณหี นี้ของลูกหนีแ้ ตลํ ะรายมีจํานวนไมเํ กิน ๕๐๐,๐๐๐ บาท ต๎อง ดําเนนิ การดงั ตํอไปน้ี (๑) ได๎ดาํ เนนิ การตามข๎อ ๔ (๑) แลว๎ (๒) ไดด๎ ําเนนิ การฟูองลูกหนใ้ี นคดแี พํงและศาลได๎มีคาํ ส่ังรับคําฟูองนัน้ แลว๎ หรอื ได๎ย่นื คําขอเฉล่ียหน้ีในคดที ่ี ลูกหนถ้ี กู เจ๎าหน้รี ายอืน่ ฟูองในคดแี พํงและศาลได๎มีคําสงั่ รับคาํ ขอนัน้ แลว๎ หรอื (๓) ไดด๎ ําเนินการฟูองลูกหนีใ้ นคดีลม๎ ละลายและศาลไดม๎ คี ําส่งั รบั คาํ ฟูองนน้ั แลว๎ หรอื ได๎ยื่นคาํ ขอรับชําระหนี้ใน คดที ถ่ี ูกเจา๎ หนรี้ ายอน่ื ฟูองในคดลี ม๎ ละลาย และศาลไดม๎ คี ําส่ังรับคาํ ขอรบั ชําระหนน้ี ้ันแล๎ว ในกรณีตาม (๒) หรือ (๓) กรรมการหรือห๎ุนสํวนผ๎ูจดั การของบรษิ ัทหรอื หา๎ งห๎นุ สวํ นนิติบุคคลผูเ๎ ป็นเจ๎าหนี้ตอ๎ งมี คําส่ังอนุมัตใิ ห๎จาํ หนาํ ยหนน้ี ัน้ เป็นหนสี้ ญู จากบญั ชีลกู หนภี้ ายใน ๓๐ วันนับแตวํ ันสน้ิ รอบระยะเวลาบญั ชนี ั้น ข๎อ ๖ การจาํ หนาํ ยหนี้สญู จากบัญชีลกู หนขี้ องธนาคารหรือบริษัทเงินทนุ ตามกฎหมายวําด๎วยการประกอบธรุ กจิ เงินทุน ธุรกิจหลักทรพั ย๑ และธุรกิจเครดิตฟองซเิ อร๑ ในกรณหี นี้ของลกู หนีแ้ ตลํ ะรายมจี ํานวนไมเํ กิน ๒๐๐,๐๐๐ บาทให๎กระทาํ ได๎โดยไมตํ ๎องดาํ เนินการตามหลกั เกณฑ๑ในข๎อ ๔ หรือข๎อ ๕ ถ๎าปรากฏวาํ ได๎มีหลกั ฐานการตดิ ตามทวงถามใหช๎ าํ ระหนี้ ตามสมควรแกํกรณีแล๎วแตไํ มํไดร๎ ับชาํ ระหน้ี และหากจะฟูองลกู หนีจ้ ะต๎องเสยี คําใชจ๎ าํ ยไมคํ ุ๎มกบั หน้ที ่ีจะได๎รบั ชาํ ระ ความในวรรคหนึง่ ให๎ใชบ๎ งั คับสําหรับการจําหนาํ ยหนสี้ ญู จากบัญชีลกู หนขี้ องบริษัทหรือหา๎ งหน๎ุ สํวนนติ บิ ุคคล อ่ืนทมี่ ิใชํธนาคารหรอื บริษัทเงินทุนดังกลําว ในกรณหี น้ขี องลกู หนแ้ี ตลํ ะรายมีจํานวนไมํเกิน ๑๐๐,๐๐๐ บาทดว๎ ย ฉบบั ที่ ๑๖๑ (พ.ศ. ๒๕๒๖) การใหด้ อกเบยี้ แกผ่ ไู้ ด้รบั คืนเงนิ ภาษีอากร ขอ๎ ๑ ดอกเบ้ียท่จี ะให๎แกํผ๎ูไดร๎ ับคนื เงนิ ภาษีอากรให๎คดิ ดงั ตอํ ไปน้ี (๑) กรณคี ืนเงนิ ภาษีอากรทถี่ ูกหักไว๎ ณ ท่ีจําย ใหเ๎ ร่ิมคิดดอกเบี้ยตั้งแตํวันถัดจากวันครบระยะเวลาสามเดือน นบั แตํ นนท์ เศรษฐวิวัฒน์
๑๑๘ (ก) วนั สิน้ กําหนดระยะเวลาย่ืนแบบแสดงรายการตามท่ีกฎหมายกาํ หนดหรอื ตามที่ได๎รบั การขยายหรือ เล่ือนให๎ ถ๎าผ๎ไู ดร๎ ับคนื เงนิ ภาษีอากรต๎องย่นื แบบแสดงรายการ (ข) วันยื่นคําร๎องขอคืนเงินภาษอี ากร ถา๎ ผูไ๎ ด๎รบั คืนเงินภาษอี ากรไมตํ ๎องยืน่ แบบแสดงรายการ (๒) กรณีคนื เงนิ ภาษีอากรที่ชาํ ระตามแบบแสดงรายการ ไมํวาํ จะชําระพร๎อมกับการย่นื หรือไมํ ให๎เริ่มคดิ ดอกเบีย้ ตั้งแตวํ นั ถดั จากวนั ครบระยะเวลาสามเดือนนับแตํวนั ยน่ื คํารอ๎ งขอคืนเงินภาษีอากร (๓) กรณคี ืนเงินภาษีอากรทีช่ าํ ระตามการประเมนิ ของเจา๎ พนกั งานประเมินหรอื ตามคาํ สง่ั ของพนกั งาน เจา๎ หน๎าท่ี หรือคนื เงินภาษีมลู คาํ เพ่ิมทีช่ าํ ระสาํ หรบั สนิ ค๎าท่ีนําเขา๎ ในราชอาณาจักร ใหเ๎ ริ่มคิดดอกเบ้ียตั้งแตํวันชาํ ระ ภาษอี ากร ข๎อ ๒ การคิดดอกเบีย้ ตามข๎อ ๑ จะคดิ ใหต๎ ํอเมื่อไดม๎ ีการยื่นแบบแสดงรายการหรอื คาํ ร๎องขอคืนเงนิ ภาษีอากรภายใน เวลาทกี่ ฎหมายกําหนดหรือภายในเวลาท่ไี ดร๎ ับการขยายหรือเล่ือนให๎ ฉบับท่ี ๑๕๘ (พ.ศ. ๒๕๒๖) ให้โรงงานยาสบู เสยี ภาษีแทน ขอ๎ ๑ ให๎สินค๎ายาสูบตามกฎหมายวาํ ด๎วยยาสบู เปน็ สินคา๎ ท่โี รงงานยาสูบกระทรวงการคลงั ต๎องเสียภาษเี งนิ ได๎แทน ผู๎ขายสนิ คา๎ ดังกลาํ วทูกทอดซึ่งเป็นบริษทั หรือหา๎ งหุ๎นสวํ นนิตบิ ุคคลทซี่ ้ือสนิ ค๎าของโรงงานยาสูบ ข๎อ ๒ ให๎เสยี ในอตั ราร๎อยละ ๑๒.๕ ของกาํ ไรของผ๎ูขายสงํ ไมวํ ําทอดใด และในอตั ราร๎อยละ ๑๐ ของกําไรของผขู๎ าย ปลกี ข๎อ ๓ ให๎โรงงานยาสูบ กระทรวงการคลัง เสียภาษีเงินได๎ สําหรบั สินค๎าทีข่ ายในแตลํ ะเดอื นประดิทิน โดยย่ืนรายการ พรอ๎ มกับชาํ ระภาษีเงนิ ได๎ ท่กี องคลัง กรมสรรพากร ภายในวันที่ ๑๕ ของเดอื นถัดไป ฉบับท่ี ๑๔๔ (พ.ศ.๒๕๒๒) การหกั ภาษี ณ ที่จ่าย ตามมาตรา ๓ เตรส ข๎อ ๒ การคํานวณหักภาษี ณ ท่จี ําย ใหค๎ ํานวณหักไว๎ทกุ ครั้งท่จี ํายเงินได๎พงึ ประเมนิ ในอัตราร๎อยละของยอดเงนิ ได๎พึง ประเมินท่ีจํายในแตลํ ะคร้งั ตามประเภทเงนิ ได๎พงึ ประเมิน ดังตอํ ไปน้ี (๑) การจาํ ยคาํ ซ้อื พชื ผลทางการเกษตร รอ๎ ยละ ๐.๗๕ (๒) การจาํ ยรางวัลในการประกวด การแขํงขนั การชงิ โชค หรือการอื่นใดอันมลี กั ษณะทํานองเดยี วกันร๎อยละ ๕.๐ (๓) การจํายคาํ แสดงใหแ๎ กํ (ก) นกั แสดงสาธารณะซ่งึ มีภูมลิ ําเนาอยํูในตาํ งประเทศ ตามอัตราที่กําหนดในบญั ชีอตั ราภาษเี งินได๎ เว๎นแตํ เฉพาะกรณีที่มีการดําเนนิ การถาํ ยในประเทศไทยโดยบริษัทหรอื ห๎างห๎ุนสํวนนติ ิบคุ คลที่ตั้งข้ึนตามกฎหมายของ ตาํ งประเทศและไดร๎ บั อนุญาตใหถ๎ าํ ยทาํ ในประเทศไทย ตามระเบียบคณะกรรมการสงํ เสรมิ อุตสาหกรรมภาพยนตร๑ ไทย วําดว๎ ย การขออนุญาตถํายทําภาพยนตร๑ตาํ งประเทศในประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๔๔รอ๎ ยละ ๑๐ (ข) นกั แสดงสาธารณะนอกจาก (ก) ร๎อยละ ๕.๐ คําวํา “นักแสดงสาธารณะ” หมายความวาํ นกั แสดงละคร ภาพยนตร๑ วทิ ยุหรือโทรทัศน๑ นักร๎อง นกั ดนตรี นกั กีฬาอาชีพ หรือนกั แสดงเพื่อความบันเทงิ ใด ๆ (๔) การจํายเงนิ ไดพ๎ ึงประเมินตามมาตรา ๔๐(๔)(ก) แหงํ ประมวลรัษฎากร ให๎แกํ (ก) บรษิ ัทหรือห๎างห๎ุนสวํ นนิติบคุ คล รอ๎ ยละ ๑.๐ นนท์ เศรษฐวิวฒั น์
๑๑๙ (ข) มลู นิธิหรอื สมาคมที่ประกอบกิจการซึ่งมีรายได๎ แตไํ มํรวมถึงมลู นธิ ิหรอื สมาคมท่ีรฐั มนตรปี ระกาศ กาํ หนดตามมาตรา ๔๗(๗)(ข) แหํงประมวลรัษฎากร ร๎อยละ ๑๐.๐ (๕) การจ่ายเงินได้พงึ ประเมินใหแ้ ก่บรษิ ทั หรอื หา้ งหุน้ ส่วนนติ บิ ุคคลทตี่ ้ังขน้ึ ตามกฎหมายของตา่ งประเทศ ทก่ี ระทํากจิ การในประเทศไทย รอ้ ยละ ๕.๐ (๖) การจาํ ยเงินไดพ๎ ึงประเมินตามมาตรา ๔๐(๔)(ข) แหํงประมวลรัษฎากร ให๎แกบํ ริษัทหรือห๎างหน๎ุ สวํ นนติ ิ บุคคล รอ๎ ยละ ๑๐.๐” (แก๎ไขเพ่มิ เติมโดยกฎกระทรวง ฉบับท่ี ๑๗๓ (พ.ศ. ๒๕๓๐) ใช๎บังคับ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๓๐ เปน็ ตน๎ ไป) (๗) การจาํ ยเงนิ ได๎พึงประเมินตามมาตรา ๔๐(๕)(ก) แหํงประมวลรัษฎากรให๎แกํ (ก) ผู๎มีหน๎าท่ีเสียภาษีเงินได๎บุคคลธรรมดาหรือภาษีเงินไดน๎ ติ บิ คุ คลรอ๎ ยละ ๕.๐ (ข) มูลนธิ ิหรือสมาคมท่ีประกอบกิจการซึง่ มีรายได๎ แตํไมรํ วมถึงมลู นธิ หิ รือสมาคมที่รัฐมนตรีประกาศ กําหนดตามมาตรา ๔๗(๗)(ข) แหงํ ประมวลรัษฎากร ร๎อยละ ๑๐.๐ (ค) ผม๎ู ีหนา๎ ท่เี สียภาษีเงินไดบ๎ ุคคลธรรมดาหรอื ภาษเี งินได๎นติ ิบคุ คลสาํ หรบั เงินได๎พึงประเมนิ ที่เปน็ คาํ เชาํ เรือตามกฎหมายวําด๎วยการสํงเสริมการพาณชิ ยนาวี ทใ่ี ช๎ในการขนสง่ สนิ คา้ ระหวา่ งประเทศ ร๎อยละ ๑.๐ (๘) การจาํ ยเงนิ ไดพ๎ ึงประเมินตามมาตรา ๔๐(๖) แหํงประมวลรัษฎากรให๎แกํ (ก) ผม๎ู ีหนา๎ ที่เสยี ภาษเี งินได๎บคุ คลธรรมดาหรือภาษเี งินได๎นิตบิ คุ คลรอ๎ ยละ ๓.๐ (ข) มลู นธิ หิ รอื สมาคมที่ประกอบกิจการซึ่งมรี ายได๎ แตํไมํรวมถึงมลู นิธหิ รอื สมาคมที่รัฐมนตรีประกาศ กาํ หนดตามมาตรา ๔๗(๗)(ข) แหงํ ประมวลรษั ฎากร ร๎อยละ ๑๐.๐ (๙) การจํายคาํ จ๎างทําของ ร๎อยละ ๓.๐ (๑๐) การจาํ ยคําซ้ือสัตว๑นา้ํ ทั้งที่มชี ีวิตและไมํมชี ีวติ และสํวนตาํ ง ๆ ของสัตวน๑ ้ําไมวํ ําจะสดหรอื แชํเยน็ แชเํ ยน็ จน แขง็ หรอื กระทําดว๎ ยประการใด ๆ เพ่ือรักษาไวม๎ ใิ ห๎เปื่อยเนําในระหวํางการขนสงํ รอ๎ ยละ ๑.๐ (๑๑) การจํายเงนิ ได๎พึงประเมนิ ตามมาตรา ๔๐(๒) แหํงประมวลรษั ฎากร ใหแ๎ กํ (ก) บรษิ ทั หรอื หา๎ งหุ๎นสวํ นนติ ิบุคคล ร๎อยละ ๓.๐ (ข) มูลนธิ ิหรือสมาคมที่ประกอบกจิ การซงึ่ มรี ายได๎ แตํไมรํ วมถึงมูลนิธิหรอื สมาคมทีร่ ฐั มนตรปี ระกาศ กําหนดตามมาตรา ๔๗(๗)(ข) แหงํ ประมวลรษั ฎากร ร๎อยละ ๑๐.๐ (๑๒) การจํายเงนิ ได๎พงึ ประเมินตามมาตรา ๔๐(๓) แหํงประมวลรัษฎากร ให๎แกํ (ก) บรษิ ทั หรือห๎างหุ๎นสวํ นนติ บิ ุคคล ร๎อยละ ๓.๐ (ข) มลู นิธิหรือสมาคมที่ประกอบกิจการซ่งึ มีรายได๎ แตํไมํรวมถึงมูลนิธิหรอื สมาคมทร่ี ัฐมนตรปี ระกาศ กาํ หนดตามมาตรา ๔๗(๗)(ข) แหงํ ประมวลรษั ฎากร ร๎อยละ ๑๐.๐ (๑๓) การจํายเงินได๎พงึ ประเมนิ ตามมาตรา ๔๐(๘) แหํงประมวลรัษฎากร เฉพาะท่ีเปน็ การจาํ ยเงนิ ได๎จากการ ใหบ๎ รกิ ารอื่น ๆ นอกเหนือจากกรณีท่กี ําหนดไวใ๎ น (๓)(๙)(๑๕)(๑๖) และ (๑๗) แตํไมรํ วมถึงการจํายคาํ บริการของ โรงแรม คําบริการของภตั ตาคาร และคาํ เบ้ยี ประกนั ชีวติ ร๎อยละ ๓.๐ คําวาํ “การให๎บริการ” หมายความวํา การกระทําใด ๆ อันอาจหาประโยชนอ๑ ันมีมูลคําซึ่งมิใชกํ ารขายสินคา๎ นนท์ เศรษฐวิวัฒน์
๑๒๐ คําวาํ “ภัตตาคาร” หมายความวํา กจิ การขายอาหารหรือเครอ่ื งดมื่ ไมวํ าํ ชนดิ ใด ๆ รวมท้งั กจิ การรบั จา๎ งปรงุ อาหารหรือเครื่องดมื่ ท้งั นี้ ไมํวาํ ในหรอื จากสถานที่ซง่ึ จดั ให๎ประชาชนเขา๎ ไปบรโิ ภคได๎ (๑๔) การจาํ ยรางวัล สํวนลด หรือประโยชน๑ใด ๆ เนื่องจากการสงํ เสริมการขาย รอ๎ ยละ ๓.๐ (๑๕) การจาํ ยคําโฆษณา ร๎อยละ ๒.๐ (๑๖) การจาํ ยคําเบี้ยประกนั วนิ าศภยั รอ๎ ยละ ๑.๐ (๑๗) การจํายคาํ ขนสํง แตํไมํรวมถึงการจํายคําโดยสารสาํ หรับการขนสํงสาธารณะ รอ๎ ยละ ๑.๐ (๑๘) กรณีอนื่ ๆ ร๎อยละ ๒.๐ ข๎อ ๓ ในกรณีท่ีมีการจํายเงนิ ได๎พงึ ประเมนิ ให๎แกํผูร๎ ับตามสัญญารายหนงึ่ ๆ มีจาํ นวนรวมทั้งสนิ้ ไมํถึงหา๎ รอ๎ ยบาท ไมํ ตอ๎ งหักภาษี ณ ทีจ่ าํ ย ฉบับที่ ๑๔๓ (พ.ศ.๒๕๒๒) หลักเกณฑก์ ารหกั คา่ รับรอง ข๎อ ๒ คาํ รับรองหรือคาํ บริการนน้ั ต๎องเป็นคํารบั รองหรือคาํ บริการอันจําเปน็ ตามธรรมเนียมประเพณีทางธุรกิจท่วั ไป และบคุ คลซ่งึ ไดร๎ บั การรบั รองหรอื รบั บรกิ ารต๎องมิใชลํ ูกจา๎ งของบริษทั หรอื ห๎างห๎นุ สวํ นนิติบุคคลเว๎นแตํลูกจา๎ งดังกลําว จะมหี นา๎ ท่เี ข๎ารํวมในการรบั รองหรอื การบรกิ ารน้ันด๎วย ข๎อ ๓ คาํ รบั รองหรอื คําบริการ ตอ๎ ง (๑) เปน็ คําใช๎จํายอนั เกย่ี วเนื่องโดยตรงกับการรับรองหรือการบริการทีจ่ ะอํานวยประโยชนแ๑ กํกิจการ เชนํ คาํ ท่ีพกั คําอาหาร คําเคร่ืองดมื่ คาํ ดมู หรสพ คาํ ใช๎จํายเก่ียวกบั การกีฬา เปน็ ต๎น หรือ (๒) เป็นคาํ ส่งิ ของท่ีให๎แกบํ ุคคลซึง่ ไดร๎ ับการรับรองหรือรับบริการไมเํ กินคนละ ๒,๐๐๐ บาท ในแตํละคราวท่มี ีการ รบั รองหรอื การบรกิ าร” ขอ๎ ๔ จาํ นวนเงินคํารับรองและคาํ บรกิ ารรวมกนั ต๎องไมํเกินรอ๎ ยละ ๐.๓ ของจาํ นวนเงินยอดรายได๎หรือยอดขาย หรือ ของจาํ นวนเงนิ ทุนที่ได๎รบั ชําระแลว๎ ถงึ วันสดุ ท๎ายของรอบระยะเวลาบญั ชี แลว๎ แตํจาํ นวนใดจะมากกวาํ ทง้ั น้รี ายจํายที่ จะนาํ มาหักไดจ๎ ะต๎องมจี าํ นวนสงู สุดไมํเกิน ๑๐ ล๎านบาท ข๎อ ๕ คํารับรองหรอื คําบริการนั้น ต๎องมีกรรมการหรือผูเ๎ ป็นหุ๎นสวํ นหรอื ผ๎ูจัดการ หรือผไู๎ ด๎รับมอบหมายจากบุคคล ดังกลาํ วเป็นผูอ๎ นุมตั หิ รือสัง่ จาํ ยคํารับรองหรือคําบริการน้ัน และตอ๎ งมใี บรบั หรือหลักฐานของผู๎รับเว๎นแตํในกรณีท่ผี ๎ูรับ เงนิ ไมมํ หี น๎าที่ต๎องออกใบรบั ตามประมวลรัษฎากร ฉบบั ที่ ๑๒๙ (พ.ศ.๒๕๑๒) การคาํ นวณเงินเพ่ิมอากร ขอ๎ ๓ บุคคลท่ตี ๎องเสียเงินเพมิ่ อากรจะตอ๎ งทาํ คํารอ๎ งเปน็ หนังสอื ยื่นตํอพนักงานเจ๎าหน๎าที่ชี้แจงเหตุผลทีม่ ิได๎ปฏบิ ตั ิ ตามบทบัญญัติหมวด ๖ และหมวด ๗ ลกั ษณะ ๒ โดยสจุ รติ มไิ ดม๎ ีเจตนาหลีกเลยี่ งอากรและยินยอมชาํ ระเงินเพิม่ อากร ภายในสบิ วัน นับแตวํ นั ไดร๎ ับแจ๎งจากพนักงานเจา๎ หน๎าท่ีตามท่ีพนักงานเจ๎าหนา๎ ท่จี ะพิจารณาตามหลักเกณฑ๑ ดังตอํ ไปน้ี (๑) กรณีตราสารได๎ปดิ แสตมปแ์ ลว๎ แตํมไิ ดป๎ ดิ แสตมป์บรบิ ูรณเ๑ สยี รอ๎ ยละ ๒๐ ของเงินเพ่ิมอากรที่กาํ หนดไวใ๎ นมาตรา ๑๑๓ หรือมาตรา ๑๑๔ (๒) กรณตี ราสารมไิ ด๎ปิดแสตมป์ เสียรอ๎ ยละ ๒๕ ของเงนิ เพม่ิ อากรท่ีกําหนดไว๎ใน มาตรา ๑๑๓ หรอื มาตรา ๑๑๔ (๓) กรณมี ิได๎ออกใบรบั ตามมาตรา ๑๐๕ เสยี รอ๎ ยละ ๕๐ ของเงินเพม่ิ อากรท่ีกําหนดไวใ๎ นมาตรา ๑๑๔ นนท์ เศรษฐวิวัฒน์
๑๒๑ ทงั้ น้ี เว๎นแตํอธบิ ดกี รมสรรพากรจะพิจารณาอนุมตั ิ ให๎เสยี เงนิ เพมิ่ อากรน๎อยกวาํ แตํต๎องไมตํ ่าํ กวาํ รอ๎ ยละ ๑ ตํอเดอื น หรอื เศษของเดือนของเงินอากรโดยเริม่ นับแตวํ ันทต่ี ๎องปิดแสตมปบ์ รบิ รู ณ๑ ฉบบั ท่ี ๑๒๖ (พ.ศ. ๒๕๐๙) วา่ ด้วยการยกเว้นรษั ฎากร ข๎อ ๒ ใหก๎ ําหนดเงนิ ได๎ตํอไปนเี้ ป็นเงนิ ได๎ตาม (๑๗) ของมาตรา ๔๒ แหงํ ประมวลรษั ฎากร (ไดร๎ ับยกเว๎นภาษี) (๑) เงินได๎จากกิจการโรงเรียนเอกชนที่ต้งั ขน้ึ ตามกฎหมายวําดว๎ ยโรงเรียนเอกชน แตํไมร่ วมถึงเงินได้จากกจิ การ โรงเรียนเอกชนนอกระบบประเภทกวดวิชาท่ตี งั้ ข้ึนตามกฎหมายวาํ ด๎วยโรงเรยี นเอกชน (๒) เงินได๎จากการจําหนําย หรือสวํ นลดจากการจาํ หนาํ ยสลากกนิ แบงํ ของรฐั บาล (๓) เงนิ ไดส๎ วํ นที่เปน็ คาํ จา๎ งการทาํ งานในระหวํางเวลาปดิ ภาคการศึกษาของคนตาํ งด๎าวซงึ่ เปน็ นักเรยี นนกั ศึกษาหรอื นิสติ ท่ีเขา้ มาศึกษา ณ สถานศกึ ษาในประเทศไทย (๔) เงนิ ได๎สํวนทีเ่ ปน็ คํารกั ษาพยาบาลที่นายจา๎ งจํายให๎ หรอื จาํ ยแทนลูกจา๎ งเปน็ คํารักษาพยาบาล สาํ หรับ (ก) ลูกจา๎ ง สามี ภริยา บุพการหี รือผ๎ูสบื สนั ดาน ซึ่งอยํูในความอปุ การะเลย้ี งดขู องลูกจา๎ ง ทงั้ น้ี เฉพาะสาํ หรับการ รักษาพยาบาลทก่ี ระทาํ ในประเทศไทย (ข) ลกู จ๎างในกรณีท่จี ําเป็นตอ๎ งได๎รบั การรักษาพยาบาลในตํางประเทศในขณะท่ปี ฏิบัตกิ ารตามหนา๎ ทใ่ี น ตํางประเทศเป็นครั้งคราว ท้งั น้ี เงินจาํ นวนดังกลําวไดจ๎ าํ ยไปท้งั หมดในการนัน้ (๕) (ยกเลิกโดยกฎกระทรวง ฉบบั ที่ ๑๘๗ (พ.ศ. ๒๕๓๔) ความเดิมยังคงใช๎บงั คบั สาํ หรบั การโอนกรรมสิทธิใน พันธบัตรของรฐั บาลทีอ่ อกจําหนํายกํอนวันท่ี ๘ พฤศจกิ ายน ๒๕๓๔) (๖) เงนิ ได๎ทท่ี างราชการจ่ายให้ เปน็ เงนิ คา่ เชา่ บ้านหรือเงนิ ที่คํานวณไดจ๎ ากมูลคําของการไดอ๎ ยบํู ๎านทใี่ ห๎อยูโํ ดยไมเํ สยี คาํ เชาํ , เงินชว่ ยการศกึ ษาบุตร, เงนิ ช่วยเหลือบตุ ร, เงินค่าเบย้ี กันดาร, เงินยังชีพหรือเงินคา่ อาหารทําการนอก เวลา (๗) (ยกเลกิ โดยกฎกระทรวง ฉบบั ท่ี ๑๘๗ (พ.ศ. ๒๕๓๔) ความเดมิ ยังคงใช๎บังคับสาํ หรับดอกเบีย้ พันธบัตรของรฐั บาล และพันธบัตรของรัฐบาลทเี่ ริ่มจาํ หนํายกํอนวนั ท่ี ๘ พฤศจิกายน ๒๕๓๔) (๘) เงินคําเชาํ บา๎ นที่ได๎รับจากรฐั วิสาหกจิ ซง่ึ มใิ ชํบริษทั หรอื หา๎ งหนุ๎ สํวนนติ ิบคุ คล เทาํ ท่ีผ๎ูมีเงินได๎ไดจ๎ ํายไปโดยสุจริต ตามความเป็นจรงิ หรือเงนิ ท่ีคาํ นวณไดจ๎ ากมูลคําของการได๎อยบูํ า๎ นทรี่ ัฐวิสาหกิจดังกลําวใหอ๎ ยํูโดยไมํต๎องเสยี คาํ เชาํ และรัฐวิสาหกิจผ๎ูจํายเงินมไิ ด๎ออกคาํ ภาษีเงนิ ไดส๎ าํ หรับเงินได๎จํานวนดังกลาํ วให๎ (๙) เงินชํวยการศกึ ษาบุตร เงินชํวยเหลือบตุ ร เงนิ คาํ เบีย้ กันดารหรอื เงนิ ยงั ชพี ทไี่ ด๎รบั จากรฐั วสิ าหกจิ ซ่ึงมิใชบํ รษิ ัท หรอื ห๎างห๎ุนสํวนนติ ิบุคคลในอัตราเดยี วกับท่ีทางราชการจํายให๎แกขํ า๎ ราชการ และรฐั วสิ าหกิจผ๎จู าํ ยเงนิ มไิ ด๎ออกคาํ ภาษีเงนิ ไดส๎ ําหรับเงนิ ได๎จาํ นวนดังกลาํ วให๎ (๑๐) รางวลั ท่ีทางราชการจาํ ยให๎เพื่อประโยชน๑ในการป้องกนั มิให้มีการกระทําผิดเกีย่ วกับภาษีอากร (๑๑) ดอกเบ้ยี เงินสะสมท่ีได๎รับจากรฐั วิสาหกจิ ซ่ึงมิใชบํ รษิ ัทหรอื หา๎ งห๎ุนสวํ นนติ บิ คุ คล ในอัตราเดยี วกับที่ทางราชการ จาํ ยใหแ๎ กขํ ๎าราชการ และรัฐวิสาหกจิ ผจ๎ู ํายเงินมไิ ด๎ออกคําภาษีเงินไดส๎ าํ หรับเงนิ ไดจ๎ ํานวนดงั กลาํ วให๎ (๑๒) เงินได๎ท่ีเจ๎าหน๎าที่ของรัฐบาลตาํ งประเทศซ่งึ ปฏิบตั ิหนา๎ ทีใ่ นประเทศไทยได๎รับจากรฐั บาลของตน ท้งั นี้ โดยให๎ เป็นไปตามหลักถ๎อยทีถ๎อยปฏิบัตติ อํ กัน นนท์ เศรษฐวิวัฒน์
๑๒๒ (๑๓) เงนิ ไดส๎ วํ นทเ่ี ปน็ เงนิ เดือนและเงินใด ๆ บรรดาทไี่ ด๎เน่ืองจากหน๎าทหี่ รอื ตําแหนงํ งานที่ทําหรือจากการรบั ทํางาน ให๎ที่คนตาํ งดา๎ วซ่งึ เปน็ ผแู๎ ทนของคณะกรรมการกาชาดระหวํางประเทศปฏบิ ัติหนา๎ ที่ในประเทศไทย ได๎รบั จาก คณะกรรมการกาชาดระหวํางประเทศ (๑๔) (ยกเลิกโดยกฎกระทรวง ฉบบั ที่ ๑๖๙ (พ.ศ. ๒๕๒๙) ใชบ๎ ังคับ ๒ กุมภาพันธ๑ ๒๕๒๙ เป็นต๎นไป) (๑๕) เงนิ ได๎ที่ทางราชการจาํ ยให๎เพ่อื ประโยชนใ๑ นการรักษาความมน่ั คงภายในราชอาณาจกั ร และกระทรวงการคลังได๎ อนุญาตให๎เบิกจํายได๎ (๑๖) เงินได๎สวํ นทเ่ี ป็นเงินเดอื นหรอื คําจ๎างและเงินใด ๆ บรรดาทไี่ ด๎เน่ืองจากหนา๎ ที่หรือตําแหนํงงานท่ีทําหรอื จากการ รบั ทํางานใหท๎ ่ีคนตํางด๎าวซง่ึ ไมมํ ถี ิ่นท่ีอยใูํ นประเทศไทยได๎รับจาก (ก) คณะกรรมการระหวํางรฐั บาลเกยี่ วกับการโยกย๎ายถ่ินฐานในการปฏิบตั งิ านในประเทศไทย (ข) รฐั บาลแหํงประเทศของตนในการปฏบิ ัติงานเกีย่ วกับการชํวยเหลอื ผ๎ูอพยพจากอินโดจีนในประเทศไทย (๑๗) เงนิ ได๎จากการขายอสังหารมิ ทรัพย๑อนั เป็นมรดกหรอื สังหารมิ ทรัพย๑ที่ได๎รับจากการใหโ๎ ดยเสนํหา ทีต่ ง้ั อยนูํ อกเขต กรงุ เทพมหานคร เทศบาล สุขาภิบาล หรอื เมืองพัทยา หรือการปกครองท๎องถ่ินอืน่ ท่ีมีกฎหมายจดั ตั้งข้ึนโดยเฉพาะ ทงั้ นี้ เฉพาะเงินไดจ๎ ากการขายในสวํ นที่ไมเ่ กนิ ๒๐๐,๐๐๐ บาท ตลอดปภี าษนี น้ั (๑๘) เงินไดจ๎ ากการโอนกรรมสทิ ธหิ์ รอื สิทธิครอบครองในอสังหารมิ ทรพั ย๑ให๎แกํบุตรโดยชอบด๎วยกฎหมายของตนโดย ไมํมีคําตอบแทน บุตรโดยชอบดว๎ ยกฎหมายดงั กลําวไมํรวมถงึ บตุ รบุญธรรมด๎วย (๑๙) เงนิ ไดจ๎ ากการขายสินค๎ายาสบู ท่ีโรงงานยาสูบ กระทรวงการคลงั ไดเ๎ สียภาษีเงินได๎แทนผข๎ู ายสินคา๎ ดังกลําวทุก ทอดตามมาตรา ๔๘ ทวิ แหํงประมวลรัษฎากร (๒๐) ยกเลกิ โดยกฎกระทรวง ฉบับท่ี ๑๘๗ (พ.ศ. ๒๕๓๔) ความเดมิ ยังคงใช๎สาํ หรับการโอนกรรมสทิ ธใ์ิ นใบรับฝากเงนิ ประเภทประจําของธนาคารโดยมีดอกเบยี้ ท่ีได๎มีการออกใบรบั ฝากกอํ นวนั ที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๓๔ (๒๑) เงนิ ได๎ดงั ตํอไปนี้ (ก) ดอกเบ้ียพันธบัตรหรือดอกเบ้ียหนุ้ กู้ (ข) ผลตาํ งระหวํางราคาไถถํ อนกับราคาจําหนาํ ยพนั ธบตั รหรอื ห๎นุ กู๎ท่ีออกจําหนํายครง้ั แรกในราคาตํ่ากวําราคาไถํถอน (ค) ผลประโยชนท๑ ไ่ี ดจ๎ ากการโอนพนั ธบตั รหรือห๎ุนก๎ู ท้ังนี้ เฉพาะพนั ธบตั รหรอื หน๎ุ ก๎ูของรฐั บาล องค๑การของรฐั บาล หรอื สถาบนั การเงนิ ทมี่ ีกฎหมายโดยเฉพาะของประเทศ ไทยจดั ต้งั ขนึ้ สาํ หรับใหก๎ ๎ูยืมเงินเพ่อื สงํ เสรมิ เกษตรกรรม พาณิชยกรรม หรอื อุตสาหกรรม และผมู๎ เี งนิ ไดน๎ ั้นมิได๎เปน็ ผ๎ู อยูํในประเทศไทย “ผ๎ูมีเงนิ ได๎ตอ๎ งถือกรรมสทิ ธิ์หรือไดร๎ บั โอนกรรมสิทธ์ใิ นพนั ธบตั รหรือหน๎ุ กูก๎ ํอนวนั ท่ี ๑๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ โดย พนั ธบัตรหรือหุ๎นก๎ูดังกลําวต๎องออกจําหนาํ ยกํอนวนั ท่ี ๑๓ ตลุ าคม พ.ศ. ๒๕๕๓ ทั้งนี้ ในกรณที ่ีการโอนกรรมสทิ ธิใ์ น พนั ธบตั รหรือหุ๎นกู๎มิได๎มีการแจ๎งตํอนายทะเบยี นต๎องมีหลักฐานการโอนกรรมสทิ ธ์ิเป็นหนังสอื ซง่ึ ระบวุ นั ท่โี อน กรรมสิทธิ์ในพันธบตั รหรือหุน๎ กู๎นน้ั ไวโ๎ ดยชัดแจง๎ ” (๒๒) ดอกเบ้ยี เงนิ ฝากประเภทออมทรัพย๑ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ๑การเกษตร (๒๓) เงนิ ไดจ๎ ากการขายหลักทรัพยใ๑ นตลาดหลักทรัพย๑แหงํ ประเทศไทยแตํไมรํ วมถงึ เงนิ ได๎จากการขายหลักทรัพย๑ท่ี เปน็ หุน๎ กหู๎ รือพนั ธบัตร นนท์ เศรษฐวิวัฒน์
๑๒๓ (๒๔) เงนิ ไดจ๎ ากการขายโลหะดบี ุกตง้ั แตํวนั ที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๓๑ สาํ หรบั โลหะดีบกุ ทซ่ี ้อื มาระหวาํ งวันที่ กฎกระทรวงน้ีใชบ๎ งั คับ ถงึ วนั ที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๐ (๒๕) เงินป๓นผลหรือเงินสํวนแบงํ ของกาํ ไร แล๎วแตํกรณีจากห๎างหนุ๎ สวํ นสามญั หรอื คณะบุคคลท่มี ิใชนํ ิตบิ คุ คล หรอื จาก บรษิ ทั หรอื หา๎ งหนุ๎ สํวนนิตบิ ุคคลทต่ี ้งั ขนึ้ ตามกฎหมายไทย ท้งั นี้ เฉพาะสํวนท่เี ปน็ การคาํ นวณจากเงินได๎จากการขาย โลหะดีบุกตง้ั แตวํ นั ท่ี ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๓๑ สาํ หรับโลหะดบี ุกท่ีซ้ือมาระหวาํ งวนั ท่ีกฎกระทรวงน้ีใชบ๎ งั คับถงึ วนั ที่ ๓๑ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๓๐ และรายจํายในสวํ นทีเ่ ก่ยี วกับกิจการซ้อื และขายโลหะดบี กุ ดังกลาํ ว (๒๖) เงนิ ได๎จากการโอนกรรมสทิ ธิ์หรอื สิทธคิ รอบครองในอสงั หาริมทรพั ย๑โดยไมมํ ีคาํ ตอบแทนใหแ๎ กมํ ลู นธิ ชิ ยั พฒั นา (๒๗) เงินได๎สําหรับรางวลั สลากการกุศลสรา๎ งตึกสยามมนิ ทร๑ ซง่ึ ออกเมื่อวนั ที่ ๗ มกราคม ๒๕๓๑ และเงนิ ได๎จากการ ขายหรอื สํวนลดจากการซอื้ สลากการกุศลสร๎างตกึ สยามมินทร๑ (๒๘) เงินไดจ๎ ากการโอนกรรมสทิ ธห์ิ รอื สทิ ธิครอบครองในอสังหารมิ รัพย๑โดยไมมํ คี าํ ตอบแทนให๎แกํมลู นิธิสํงเสริมศิลปา ชพี ในสมเดจ็ พระนางเจ๎าสริ ิกิต์ิ พระบรมราชินีนาถ (๒๙) เงินคําทดแทนตามกฎหมายวําดว๎ ยการเวนคนื อสงั หาริมทรพั ย๑ ทงั้ นี้เฉพาะทีด่ ินท่ตี ๎องเวนคืน และ อสงั หาริมทรัพย๑อน่ื บนท่ีดินที่ต๎องเวนคนื (๓๐) เงนิ ได๎พึงประเมินดงั ตํอไปน้ี (ก) ผลตาํ งระหวาํ งราคาไถํถอนกบั ราคาซ้ือตัว๋ เงนิ หรือตราสารแสดงสิทธใิ นหน้ใี ด ๆ ทบี่ รษิ ทั หรือห๎างห๎นุ สวํ นนติ ิ บคุ คลหรอื นติ ิบุคคลอื่นเปน็ ผู๎ออกและมกี ารจาํ หนํายครั้งแรกในราคาต่ํากวําราคาไถํถอน แต่ไมร่ วมถงึ กรณีทีผ่ ูม้ ีเงินได้ ซึ่งเปน็ ผู้มีหนา้ ท่เี สยี ภาษีเงนิ ไดบ้ ุคคลธรรมดาเปน็ ผ้ทู รงคนแรก (ข) ผลประโยชน๑ท่ไี ดจ๎ ากการโอนต๋วั เงินหรือตราสารแสดงสิทธิในหนี้ใด ๆ ทบี่ รษิ ัทหรือหา๎ งหน๎ุ สํวนนิตบิ คุ คลหรือ นติ ิบคุ คลอ่นื เป็นผ๎อู อก ท้งั นี้ เฉพาะต๋ัวเงนิ หรือตราสารแสดงสิทธิในหนีท้ ีไ่ ม่มดี อกเบี้ย (ค) ดอกเบ้ียท่ีได๎จากตว๋ั เงนิ หรอื ตราสารแสดงสทิ ธใิ นหน้ใี ด ๆ ทบี่ รษิ ัทหรือห๎างหุน๎ สวํ นนิติบคุ คลหรอื นติ ิบคุ คลอ่ืน เปน็ ผูอ๎ อก เฉพาะสวํ นทเ่ี กิดข้ึนกํอนการเป็นผท๎ู รงต๋ัวเงินหรือตราสารแสดงสิทธใิ นหนี้ของผมู๎ เี งนิ ได๎ ท้งั นี้ ต๎องมกี ารหัก ภาษีเงนิ ได๎ ณ ทจี่ ําย ตามมาตรา ๕๐(๒) แหงํ ประมวลรัษฎากร จากดอกเบย้ี ดังกลาํ วทงั้ จํานวนไวแ๎ ล๎ว ในกรณที เี่ งนิ ได๎พงึ ประเมินตามวรรคหนงึ่ เกิดจากตว๋ั เงนิ หรอื ตราสารแสดงสิทธใิ นหนที้ ม่ี กี ารจาํ หนาํ ยครงั้ แรกใน ราคาตํ่ากวําราคาไถถํ อน จะต๎องเปน็ กรณที ี่ได๎มีการหักภาษีเงินได๎ ณ ทจี่ าํ ยจากเงินได๎ของบคุ คลธรรมดาทเี่ ป็นผูท๎ รง คนแรกไวแ๎ ล๎วตาม มาตรา ๕๐ (๒)(ค) แหํงประมวลรัษฎากร และผจ๎ู ํายเงินไดไ๎ ด๎ประทบั ตราวาํ ได๎หกั ภาษเี งินได๎ ณ ที่ จาํ ยบนตราสารแลว๎ เทาํ นั้น (๓๑) เงนิ ได๎ท่ผี เ๎ู ชยี่ วชาญของประชาคมยโุ รปทเ่ี ปน็ คนตํางด๎าว และไมมํ ีถน่ิ ท่ีอยใูํ นประเทศไทยไดร๎ ับเนื่องจากการเข๎า มาทาํ งานในประเทศไทย ภายใตโ๎ ครงการความชํวยเหลือที่ประเทศไทยไดร๎ บั จากประชาคมยโุ รป (๓๒) เงินไดจ๎ ากการขายหนวํ ยลงทุนในกองทุนรวมที่จดั ตง้ั ข้นึ ตามกฎหมายวาํ ด๎วยหลักทรัพย๑และตลาดหลักทรัพย๑ แต่ ไม่รวมถึงเงินหรือผลประโยชน์ใด ๆ ที่ได้รับเนอื่ งจากการขายหน่วยลงทนุ คืนให้แก่กองทุนรวมเพอ่ื การเลยี้ งชีพ หรือกองทนุ รวมหนุ้ ระยะยาวตามกฎหมายวาํ ดว๎ ยหลักทรัพยแ๑ ละตลาดหลกั ทรัพย๑ (๓๓) เงนิ ไดท๎ ่ีคณะกรรมการอํานวยการปรบั ปรุงพระที่นั่งจักรีมหาปราสาทไดร๎ ับเพอ่ื ประโยชนใ๑ นการสร๎างพระทนี่ ง่ั องคใ๑ หมแํ ละปรับปรุงพระทน่ี ่ังจักรมี หาปราสาท นนท์ เศรษฐวิวฒั น์
๑๒๔ (๓๔) เงนิ ไดท๎ ี่คํานวณได๎จากมูลคาํ ของเคร่ืองแบบซึ่งลกู จา๎ งได๎รบั จากนายจา๎ งในจาํ นวนคนละไม่เกินสองชดุ ตอ่ ปี และ เส้ือนอกในจํานวนคนละไม่เกินหนง่ึ ตวั ตอ่ ปี (๓๕) เงินได๎เทําท่ลี กู จ๎างจํายเป็นเงนิ สะสมเข๎ากองทนุ สาํ รองเล้ยี งชพี ตามกฎหมายวําด๎วยกองทนุ สาํ รองเลย้ี งชีพใน อัตราไมเํ กนิ ร๎อยละสิบห๎าของคําจา๎ งเฉพาะสํวนทเี่ กนิ หนึง่ หม่ืนบาท แตํไมํเกินสี่แสนเกา๎ หมืน่ บาท สาํ หรับปภี าษีนน้ั (๓๖) เงนิ หรือผลประโยชน๑ใด ๆ ทไ่ี ดร๎ ับจากกองทุนสํารองเลย้ี งชพี ตามกฎหมายวําด๎วยกองทุนสํารองเล้ียงชีพ ดงั ตอํ ไปนี้ (ก) เงินหรอื ผลประโยชนใ๑ ด ๆ ทีไ่ ดร๎ ับ เน่ืองจากลูกจ๎างออกจากงานเพราะตาย ทุพพลภาพหรอื ออกจากงาน เมอ่ื มีอายไุ มต่ า่ํ กวา่ หา้ สิบห้าปีบริบรู ณ์ (ข) เงนิ หรอื ผลประโยชนใ๑ ด ๆ ทีม่ สี ิทธไิ ด๎รบั จากกองทนุ สํารองเล้ยี งชีพเนื่องจากลูกจ๎างออกจากงานกํอนอายุ ครบห๎าสิบหา๎ ปบี รบิ ูรณ๑ แตเํ ม่ือออกจากงานแล๎วไดค๎ งเงินหรอื ผลประโยชน๑นัน้ ไว๎ ทงั้ จาํ นวนในกองทุนสาํ รองเลยี้ งชีพ และตํอมาไดร๎ ับเงนิ หรอื ผลประโยชน๑หลงั จากลูกจา๎ งผ๎นู ั้นตาย ทพุ พลภาพหรอื อายคุ รบห๎าสบิ ห๎าปบี ริบูรณ๑ ท้ังน้ี ตาม หลักเกณฑ๑ วธิ กี าร และเงื่อนไขที่อธิบดีประกาศกาํ หนด (๓๗) เงินปน๓ ผลหรือเงนิ สวํ นแบงํ ของกําไรจากบริษัทหรือหา๎ งหุ๎นสํวน นิติบคุ คลท่ไี ด๎จากกิจการโรงเรยี นเอกชนที่ตั้งขน้ึ ตามกฎหมายวาํ ดว๎ ยโรงเรียนเอกชน หรือกิจการสถาบนั อดุ มศกึ ษาเอกชนทตี่ งั้ ขึน้ ตามกฎหมายวาํ ด๎วย สถาบนั อดุ มศึกษาเอกชน แตไํ มํรวมถงึ กิจการโรงเรียนเอกชนนอกระบบประเภทกวดวชิ าท่ีตัง้ ขึ้นตามกฎหมายวําด๎วย โรงเรียนเอกชน (๓๘) ดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารในราชอาณาจักรทีต่ ๎องจํายคืนเมื่อทวงถามประเภทออมทรัพย๑ เฉพาะกรณีท่ีผ๎มู ีเงนิ ได๎ ไดร๎ บั ดอกเบยี้ ดังกลําวในจาํ นวนรวมกนั ทั้งสิ้นไมเ่ กินสองหม่ืนบาทตลอดปีภาษนี น้ั ท้งั นี้ ตามหลักเกณฑ๑ วธิ ีการและ เงื่อนไขท่ีอธิบดีประกาศกําหนด (๓๙) เงนิ ไดส๎ ่วนที่เปน็ เงินเดือนหรอื คา่ จ้างที่คนประจาํ เรือได๎รับเน่ืองจากการปฏบิ ตั ิงานบนเรือไทยตามกฎหมายวาํ ดว๎ ยการสํงเสริมการพาณชิ ยนาวีทใ่ี ชใ๎ นการขนสงํ สินคา๎ ระหวํางประเทศ (๔๐) เงินไดท๎ ่ีคณะกรรมการบริหาร “ทุนการกุศลสมเด็จพระเทพฯ” ไดร๎ ับเพ่ือประโยชน๑ของทนุ การกศุ ลสมเดจ็ พระเทพฯ (๔๑) เงินไดจ๎ ากการขายอสังหาริมทรพั ย๑ ดังตํอไปนี้ (ก) บา๎ น โรงเรือน หรอื สงิ่ ปลกู สรา๎ งอน่ื ซ่ึงโดยปกตใิ ช๎ประโยชน๑เพ่ือเปน็ ทอี่ ยูํอาศยั (ข) อสงั หาริมทรัพยต๑ าม (ก) พร๎อมท่ีดนิ ี้ (ค) หอ๎ งชดุ สําหรบั การอยูอํ าศัยในอาคารชุดตามกฎหมายวําดว๎ ยอาคารชุด ทง้ั นี้ เฉพาะกรณที ี่ผ๎ูมเี งินได๎ไดอ๎ สงั หารมิ ทรัพยต๑ าม (ก) (ข) หรอื (ค) โดยจดทะเบียนการได๎มาใน พ.ศ. ๒๕๔๐ และ ขายอสังหาริมทรัพยน๑ น้ั ภายหลังจากการจดทะเบียนไมํน๎อยกวําหนง่ึ ปี แตไํ มเํ กินวนั ที่ ๓๑ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ (๔๒) ผลประโยชนท๑ ีไ่ ด๎จากการควบเข๎ากนั ของธนาคารตามกฎหมายวาํ ด๎วยการธนาคารพาณชิ ย๑ และหรอื บริษัท เงนิ ทนุ บรษิ ทั หลักทรัพย๑ หรือบริษทั เครดิต ฟองซิเอร๑ตามกฎหมายวําด๎วยการประกอบธุรกจิ เงินทุน ธุรกิจหลกั ทรัพย๑ และธรุ กจิ เครดติ ฟองซิเอร๑ ซึ่งตรี าคาเปน็ เงนิ ได๎เกนิ กวําเงนิ ทุน นนท์ เศรษฐวิวฒั น์
๑๒๕ (๔๓) เงนิ ไดเ๎ ทําที่สมาชิกกองทุนบําเหนจ็ บาํ นาญข๎าราชการจาํ ยเปน็ เงินสะสมเข๎ากองทุนบาํ เหน็จบํานาญข๎าราชการ ตามกฎหมายวาํ ดว๎ ยกองทนุ บําเหน็จบาํ นาญขา๎ ราชการ เฉพาะสํวนที่ ไมํเกนิ หา๎ แสนบาท สาํ หรบั ปีภาษีนน้ั ท้งั น้ี สาํ หรบั เงินได๎พึงประเมินท่ีได๎รับตงั้ แตวํ ันท่ี ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๑ เปน็ ต๎นไป (๔๔) เงนิ หรือผลประโยชนใ๑ ด ๆ ท่ไี ดร๎ บั จากกองทุนบําเหน็จบาํ นาญข๎าราชการตามกฎหมาย วําด๎วยกองทุนบําเหนจ็ บาํ นาญขา๎ ราชการ ดังตอํ ไปน้ี (ก) เงนิ หรือผลประโยชน๑ใด ๆ ท่ีไดร๎ ับ เนื่องจากสมาชิกกองทนุ บําเหน็จบํานาญขา๎ ราชการออกจากราชการเพราะ ตาย เหตุทพุ พลภาพ เหตุทดแทน หรอื เหตสุ ูงอายุ (ข) เงนิ หรือผลประโยชนใ๑ ด ๆ ทม่ี สี ิทธไิ ดร๎ บั จากกองทุนบําเหนจ็ บํานาญขา๎ ราชการ เน่อื งจากสมาชิกกองทุน บําเหน็จบาํ นาญขา๎ ราชการออกจากราชการในกรณีอน่ื นอกจาก (ก) แตเํ มื่อออกจากราชการแลว๎ ได๎คงเงินหรือ ผลประโยชน๑น้ันไว๎ท้ังจาํ นวนในกองทุนบาํ เหน็จบํานาญข๎าราชการ และตํอมาได๎รับเงนิ หรือผลประโยชนห๑ ลังจาก สมาชิกผ๎นู ั้นตาย ทพุ พลภาพ หรอื อายุครบหกสิบปบี รบิ รู ณ๑ (๔๕) เงนิ ได๎ท่ีคณะกรรมการกองทุนลานกฬี าต๎านยาเสพติด สาํ นักนายกรฐั มนตรีได๎รบั เพ่ือประโยชน๑ของกองทุนลาน กีฬาต๎านยาเสพติดดังกลําว (๔๖) ดอกเบี้ยพันธบัตรออมสิน รุน่ พันธบตั รเงนิ ฝากชว่ ยชาติ (๔๗) เงินไดท๎ ี่เป็นเงนิ เดือนหรือคําตอบแทนทเี่ จา๎ หน๎าที่ของศนู ยว๑ จิ ยั วนเกษตรนานาชาติ ซง่ึ เป็นคนตํางดา๎ วและไมมํ ี ถ่นิ ทอี่ ยูํในประเทศไทยได๎รบั จากศูนยว๑ ิจยั วนเกษตรนานาชาติ เนือ่ งจากการเขา๎ มาทํางานในประเทศไทย ภายใต๎ ข๎อตกลงระหาํ งรัฐบาลไทยและศนู ย๑วจิ ัยวนเกษตรนานาชาติ (๔๘) รางวัลบตั รออกทรพั ย์ของธนาคารเพอื่ การเกษตรและสหกรณ๑การเกษตร (๔๙) เงนิ ไดจ๎ ากการโอนกรรมสิทธหิ์ รอื สิทธคิ รอบครองในท่ีดนิ โดยไมํมีคําตอบแทนให๎แกํวดั วัดบาดหลวงโรมนั คาธอ ลิค หรือมสั ยดิ ทจี่ ดั ต้ังขึน้ ตามกฎหมายวาํ ด๎วยการนั้น ท้งั น้ี เฉพาะการโอนทดี่ นิ สวํ นทีท่ าํ ให๎วัด วัดบาดหลวงโรมนั คาธอลคิ หรอื มัสยดิ มีทีด่ นิ ไมเ่ กนิ ห้าสบิ ไรํ (๕๐) ผลประโยชนท๑ ีผ่ ๎ถู อื ห๎ุนไดร๎ บั จากการท่ผี ๎ูประกอบกิจการซง่ึ เปน็ บรษิ ัทควบเข๎ากันหรือโอนกิจการทัง้ หมดให๎แกํกนั โดยโอนหุน๎ เพอ่ื แลกกับหุ๎นในบริษทั ใหมํอันได๎ควบเข๎ากนั หรอื บริษัทผ๎ูรับโอนกจิ การทง้ั หมด ตามหลักเกณฑ๑ วิธกี าร และเง่ือนไขทีอ่ ธิบดีประกาศกําหนด ทง้ั นี้ เฉพาะซึ่งตีราคาเป็นเงินได๎เกนิ กวาํ เงนิ ทุน และการโอนห๎นุ ท่ีได๎กระทาํ ใน รอบระยะเวลาบญั ชีเดียวกันกับการควบเข๎ากนั หรอื การโอนกิจการท้งั หมด (๕๑) คําชดเชยท่ลี ูกจ๎างได๎รบั ตามกฎหมายวําดว๎ ยการค๎ุมครองแรงงานและคาํ ชดเชยท่พี นักงานไดร๎ บั ตามกฎหมายวาํ ดว๎ ยพนักงานรัฐวสิ าหกจิ สัมพันธ๑ แตไํ มํรวมถึงคําชดเชยท่ลี ูกจา๎ งหรือพนกั งานได๎รับเพราะเหตเุ กษียณอายหุ รือสนิ้ สดุ สญั ญาจา๎ ง ทั้งน้เี ฉพาะคาํ ชดเชยสํวนทไี่ มเํ กนิ คาํ จ๎างหรอื เงินเดอื นคําจ๎างของการทํางานสามรอ๎ ยวนั สุดทา๎ ยแตํไมเ่ กนิ สามแสนบาท (๕๒) เงนิ ไดเ๎ ทําที่ได๎จํายเปน็ ดอกเบีย้ เงินกยู๎ ืม สําหรบั การก๎ูยืมเงนิ เพื่อซื้อ เชําซอื้ หรือสร๎างอาคารที่อยูํอาศยั โดย จาํ นองอาคารที่ซอื้ หรือสร๎างเป็นประกนั การกย๎ู ืมนน้ั ตามจํานวนทีจ่ าํ ยจริงแตํไมเ่ กินหนงึ่ แสนบาท ตามหลกั เกณฑ๑ และวิธีการที่อธบิ ดีกําหนด ทงั้ นี้ เฉพาะดอกเบ้ยี เงินกู๎ยมื ที่ได๎จํายตั้งแตํวนั ที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๐ เป็นตน๎ ไป ซง่ึ จํายให๎แกํ นนท์ เศรษฐวิวฒั น์
๑๒๖ (ก) กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย๑เพ่ือแก๎ไขปญ๓ หาในระบบสถาบนั การเงินทจ่ี ัดตงั้ ขนึ้ ตามกฎหมายวาํ ดว๎ ย หลักทรัพยแ๑ ละตลาดหลักทรัพย๑ (ข) กองทนุ รวมเพื่อแก๎ไขป๓ญหาในระบบสถาบนั การเงินทจี่ ัดต้งั ขึ้นตามกฎหมายวําด๎วยหลักทรัพย๑และตลาด หลักทรัพย๑ (ค) นติ บิ ุคคลเฉพาะกิจซ่ึงจัดตงั้ ขึน้ เพือ่ ดําเนินการแปลงสนิ ทรพั ย๑เปน็ หลกั ทรพั ยต๑ ามกฎหมายวาํ ดว๎ ยนติ บิ ุคคล เฉพาะกิจเพ่ือการแปลงสนิ ทรัพยเ๑ ปน็ หลกั ทรัพย๑ ท้ังน้ี เฉพาะกรณีท่นี ติ ิบุคคลเฉพาะกิจดังกลําวเข๎ารับชํวงสทิ ธิเปน็ เจ๎าหนีเ้ งนิ กูแ๎ ทนกองทนุ รวมตาม (ก) หรือ (ข) ธนาคารหรือสถาบันการเงินอื่น บรษิ ทั ประกันชวี ิต สหกรณ๑ หรอื นายจ๎าง กรณที ผี่ มู๎ ีเงนิ ได๎หักลดหยํอนตามมาตรา ๔๗(๑)(ซ) แหํงประมวลรัษฎากร หรือได๎รับยกเวน๎ ไมตํ ๎องนําเงนิ ได๎ตาม (๕๓) หรือ (๕๙) รวมคํานวณเพ่อื เสียภาษีเงนิ ได๎ เงนิ ไดท๎ ่ีได๎รบั ยกเว๎นตามวรรคหนง่ึ เม่ือรวมกบั คาํ ลดหยํอนตามมาตรา ๔๗ (๑)(ซ) แหงํ ประมวลรัษฎากร หรือเงินได๎ตาม (๕๓) หรอื (๕๙) แล๎วแตํกรณี ต๎องไมเํ กนิ หน่ึงแสนบาท อาคารตามวรรคหนึ่งให๎หมายความรวมถึงอาคารพร๎อมท่ีดินด๎วย (๕๓) เงนิ ไดเ๎ ทําท่ีได๎จาํ ยเปน็ ดอกเบีย้ เงนิ ก๎ูยืมใหแ๎ กํธนาคารหรือสถาบนั การเงนิ อ่นื บริษทั ประกนั ชีวติ สหกรณ๑ หรือ นายจ๎าง สาํ หรบั การกูย๎ มื เงินเพื่อซ้ือ เชาํ ซอ้ื หรือสร๎างอาคารที่อยอํู าศยั โดยจํานองอาคารที่ซ้อื หรือสร๎างเปน็ ประกนั การก๎ูยมื น้ัน ตามจาํ นวนท่จี ํายจริงในสวํ นทีเ่ กินหนงึ่ หมื่นบาทแตไํ มํเกินเก๎าหมนื่ บาท และเฉพาะดอกเบ้ียเงินกูย๎ ืมท่ีได๎ จํายตั้งแตํวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๐ เป็นต๎นไป กรณที ี่ผ๎มู ีเงินไดห๎ ักลดหยํอนตามมาตรา ๔๗(๑)(ซ) แหํงประมวลรัษฎากร หรอื ไดร๎ ับยกเว๎นไมํต๎องนําเงนิ ได๎ตาม (๕๒) หรอื (๕๙) รวมคาํ นวณเพื่อเสียภาษเี งินได๎ เงินได๎ที่ได๎รบั ยกเวน๎ ตามวรรคหนึง่ เม่ือรวมกบั คาํ ลดหยํอนตามมาตรา ๔๗(๑)(ซ) แหํงประมวลรัษฎากร หรอื เงินไดต๎ าม (๕๒) หรือ (๕๙) แลว๎ แตกํ รณี ต๎องไมเํ กินหน่ึงแสนบาท (๕๔) เงนิ ไดเ๎ ทาํ ท่ีผ๎ูอํานวยการ ผ๎บู รหิ าร ครู หรอื บคุ ลากรทางการศึกษา ในโรงเรยี นเอกชน จาํ ยเป็นเงนิ สะสมเขา๎ กองทนุ สงเคราะห๑ตามกฎหมายวําด๎วยโรงเรยี นเอกชน เฉพาะสวํ นที่ไมํเกินห๎าแสนบาท สําหรับปีภาษีน้ัน ท้งั น้ี สาํ หรับ เงนิ ได๎พงึ ประเมินท่ีได๎รบั ตง้ั แตวํ ันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๑ เปน็ ต๎นไป (๕๕) เงินได๎เทาํ ทีจ่ ํายเปน็ คําซ้ือหนํวยลงทุนในกองทุนรวมเพอื่ การเล้ยี งชีพ ตามกฎหมายวาํ ดว๎ ยหลกั ทรัพยแ๑ ละตลาด หลกั ทรพั ย๑ ในอตั ราไมํเกนิ ร๎อยละสิบหา๎ ของเงนิ ได๎พงึ ประเมิน เฉพาะสํวนที่ ไมํเกนิ ห๎าแสนบาท สําหรบั ปีภาษีนนั้ โดย ผม๎ู ีเงินไดต๎ ๎องถือหนํวยลงทนุ ดังกลาํ วมาแล๎วไมํน๎อยกวําห๎าปีนับตั้งแตํวันซื้อหนวํ ยลงทนุ คร้ังแรกและไถํถอนหนํวย ลงทุนนนั้ เมื่อผ๎ูมเี งินได๎มีอายไุ มํตาํ่ กวําหา๎ สิบห๎าปีบริบูรณ๑ ทั้งน้ี สาํ หรบั เงินได๎พึงประเมินที่ไดร๎ บั ต้ังแตํวันท่ี ๑มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๑ เป็นต๎นไป ในกรณีที่ผ๎ูมีเงินไดจ๎ ํายเงินสะสมเข๎ากองทนุ สํารองเลี้ยงชีพตามกฎหมายวาํ ด๎วยกองทุนสาํ รองเลย้ี งชพี กองทุนบําเหนจ็ บาํ นาญขา๎ ราชการตามกฎหมายวําดว๎ ยกองทุนบําเหน็จบาํ นาญข๎าราชการ หรอื กองทนุ สงเคราะหต๑ าม กฎหมายวําด๎วยโรงเรียนเอกชนด๎วย เงินไดท๎ ี่ได๎รบั ยกเวน๎ ตามวรรคหน่งึ เม่อื รวมกบั เงินสะสมทีจ่ ํายเข๎ากองทุนสํารอง เลยี้ งชพี กองทุนบําเหนจ็ บาํ นาญขา๎ ราชการ หรือกองทนุ สงเคราะห๑ ต๎องไมเํ กนิ ห๎าแสนบาท นนท์ เศรษฐวิวัฒน์
๑๒๗ ในกรณีท่ีผ๎ูมีเงินได๎ถือหนวํ ยลงทนุ ไมํครบหา๎ ปนี ับตั้งแตํวันซื้อหนํวยลงทุนคร้ังแรกหรือไถํถอนหนํวยลงทุน กอํ นทีผ่ ู๎มีเงนิ ได๎มีอายคุ รบหา๎ สบิ หา๎ ปีบริบรู ณ๑ ใหผ๎ ม๎ู เี งินได๎นั้นหมดสทิ ธิไดร๎ บั ยกเว๎นตามวรรคหนึง่ และต๎องเสียภาษีเงิน ได๎สําหรบั เงินได๎ท่ีไดร๎ บั ยกเวน๎ ภาษตี ามวรรคหนงึ่ มาแลว๎ ดว๎ ย (๕๖) เงนิ หรือผลประโยชนใ๑ ด ๆ ทผี่ ๎ถู อื หนํวยลงทนุ ในกองทุนรวมเพ่ือการเล้ยี งชีพตามกฎหมายวําดว๎ ยหลกั ทรัพยแ๑ ละ ตลาดหลกั ทรัพย๑ได๎รับจากกองทุนรวมดังกลาํ วเพราะเหตุสงู อายุ ทุพพลภาพ หรือตาย (๕๗) เงินหรือผลประโยชนใ๑ ด ๆ ท่ีผอ๎ู าํ นวยการ ผ๎ูบริหาร ครู หรอื บคุ ลากรทางการศึกษา ในโรงเรียนเอกชนได๎รับจาก กองทนุ สงเคราะหต๑ ามกฎหมายวําด๎วยโรงเรยี นเอกชน เมอื่ ผ๎ูอํานวยการ ผบู๎ ริหาร ครู หรอื บุคลากรทางการศึกษา ใน โรงเรยี นเอกชนออกจากงานเพราะเหตุสงู อายุ ทุพพลภาพ หรือตาย ท้ังน้ี สาํ หรับเงินไดพ๎ ึงประเมนิ ทไ่ี ด๎รับตั้งแตวํ นั ท่ี ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๑ เป็นตน๎ ไป (๕๘) เงนิ ได๎พงึ ประเมิน ดงั ตํอไปน้ี (ก) เงนิ ป๓นผลที่ได๎จากการถือหนุ๎ ในบรษิ ัทหรือห๎างหุน๎ สํวนนิตบิ คุ คลซ่งึ จัดต้ังข้ึนโดยมีวัตถปุ ระสงคเ๑ พ่ือประกอบกิจการ ธรุ กิจเงนิ รวํ มลงทุน ผลประโยชน๑ทไ่ี ดจ๎ ากการโอนห๎ุนของบรษิ ทั หรอื ห๎างห๎ุนสวํ นนิติบุคคลซงึ่ จดั ตงั้ ข้นึ โดยมี วัตถุประสงค๑เพ่ือประกอบกิจการธุรกิจเงนิ รํวมลงทุน (๕๙) เงนิ ได๎เทาํ ที่ไดจ๎ าํ ยเป็นดอกเบีย้ เงนิ กยู๎ ืมใหแ๎ กํกองทุนบําเหน็จบาํ นาญข๎าราชการตามกฎหมายวาํ ดว๎ ยกองทนุ บาํ เหนจ็ บํานาญข๎าราชการ สําหรบั การกย๎ู ืมเงนิ เพ่ือซื้อ เชาํ ซื้อ หรอื สรา๎ งอาคารท่อี ยํูอาศัย ตามจาํ นวนท่ีจํายจริงแตํไมํ เกนิ หนึง่ แสนบาท และเฉพาะดอกเบ้ยี เงนิ ก๎ูยืมท่ไี ดจ๎ ํายตั้งแตวํ นั ท่ี ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๐ เปน็ ตน๎ ไป ทงั้ นี้ ตาม หลักเกณฑ๑และวิธกี ารทีอ่ ธิบดีกําหนด กรณที ผ่ี ๎ูมเี งนิ ได๎หักลดหยอํ นตามมาตรา ๔๗(๑)(ซ) แหํงประมวลรษั ฎากร หรือได๎รบั ยกเวน๎ ไมํต๎องนาํ เงินไดต๎ าม (๕๒) หรือ (๕๓) รวมคาํ นวณเพอื่ เสยี ภาษีเงินได๎ เงนิ ไดท๎ ่ีได๎รบั ยกเวน๎ ตามวรรคหนึง่ เม่ือรวมกบั คาํ ลดหยํอนตามมาตรา ๔๗(๑)(ซ) แหงํ ประมวลรษั ฎากร หรือเงินได๎ตาม (๕๒) หรือ (๕๓) แลว๎ แตกํ รณี ต๎อง ไมเํ กินหนึ่งแสนบาท (๖๐) ดอกเบี้ยและรางวลั สลากออมทรัพย๑ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณก๑ ารเกษตร แต่ไม่รวมถึงดอกเบ้ียซ่ึง ผ้รู ับมิใช่ผู้ทรงคนแรก ท้ังนี้ สาํ หรับสลากออมทรัพยท๑ ี่ออกจาํ หนาํ ยตง้ั แตํวนั ที่ ๔ กุมภาพนั ธ๑ ๒๕๔๕ เปน็ ตน๎ ไป (๖๑) เงินไดเ๎ ทาํ ทีผ่ ูม๎ ีเงินไดจ๎ าํ ยเปน็ เบีย้ ประกนั ภยั ในปภี าษีสาํ หรับการประกันชีวิตของผ๎ูมเี งินได๎ตามจาํ นวนท่จี าํ ยจรงิ เฉพาะสํวนท่เี กนิ หนึ่งหมืน่ บาทแตํไมํเกนิ เก๎าหมน่ื บาท โดยกรมธรรม๑ประกันชีวติ ต๎องมีกําหนดเวลาตงั้ แตํสบิ ปีขึน้ ไป และการประกนั ชีวติ นน้ั ได๎เอาประกนั ไว๎กบั ผร๎ู บั ประกนั ภยั ที่ประกอบกจิ การประกันชีวติ ในราชอาณาจกั ร ท้งั นี้ สาํ หรับ เบ้ียประกันภยั ท่ีได๎จาํ ยตง้ั แตํวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๑ เปน็ ตน๎ ไป หากเบ้ยี ประกนั ภยั ท่ีจํายตามวรรคหนึ่ง เปน็ เบ้ียประกันภัยสาํ หรบั การประกนั ชวี ิตแบบบํานาญทจี่ ํายตง้ั แตํ วันท่ี ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๓ เปน็ ต๎นไป ให๎เงนิ ไดไ๎ ดร๎ บั ยกเว๎นไมตํ ๎องนํามารวมคํานวณเพ่ือเสียภาษเี งินไดเ๎ พ่ิมข้ึนอกี ในอัตรารอ้ ยละสิบหา้ ของเงินได้พงึ ประเมนิ แตํไมเํ กินสองแสนบาท ทั้งนี้ เม่ือรวมคาํ นวณกบั เงินได๎ท่ไี ดร๎ ับยกเวน๎ ไมํ ตอ๎ งรวมคาํ นวณเพ่ือเสียภาษีเงนิ ไดส๎ าํ หรบั กรณที ผ่ี ู๎มีเงินได๎จํายเป็นเงินสะสมเขา๎ กองทุนสํารองเล้ยี งชพี ตามกฎหมายวํา ดว๎ ยกองทนุ สาํ รองเลย้ี งชพี ตาม (๓๕) หรือเงนิ สะสมเขา๎ กองทนุ บําเหนจ็ บํานาญข๎าราชการตามกฎหมายวําด๎วยกองทุน บาํ เหน็จบาํ นาญขา๎ ราชการตาม (๔๓) หรอื เงนิ สะสมเขา๎ กองทุนสงเคราะห๑ตามกฎหมายวําด๎วยโรงเรยี นเอกชนตาม นนท์ เศรษฐวิวฒั น์
๑๒๘ (๕๔) แล๎วแตํกรณีหรือเงินคําซือ้ หนํวยลงทุนในกองทุนรวมเพ่ือการเล้ยี งชพี ตามกฎหมายวาํ ด๎วยหลักทรัพย๑และตลาด หลักทรัพย๑ตาม (๕๕) แลว๎ ต๎องไมเํ กินห๎าแสนบาท ในปีภาษีเดยี วกัน (๖๒) เงนิ ได๎จากการขายอสงั หาริมทรพั ย๑ ดังตํอไปน้ี (ก) บา๎ น โรงเรือน หรือสงิ่ ปลกู สรา๎ งอื่น ซ่งึ โดยปกตใิ ชป๎ ระโยชนเ๑ พอื่ เปน็ ที่อยูํอาศยั (ข) อสังหารมิ ทรัพย๑ตาม (ก) พรอ๎ มทด่ี ิน (ค) หอ๎ งชุดสาํ หรับการอยูํอาศัยในอาคารชุดตามกฎหมายวําดว๎ ยอาคารชุด ท้งั น้ี เฉพาะสําหรับกรณีการทําสัญญาซื้อขายอสงั หารมิ ทรัพยซ๑ งึ่ ผู๎มเี งินได๎ใชเ๎ ป็น ทอ่ี ยูํอาศัยอนั เป็นแหลงํ สาํ คัญ โดยมี ชอื่ อยูํในทะเบียนบา๎ นตามกฎหมายวาํ ดว๎ ยการทะเบียนราษฎรเปน็ เวลาไม่นอ้ ยกว่าหน่งึ ปีนับแตวํ นั ที่ได๎มาซง่ึ กรรมสทิ ธหิ์ รือสทิ ธคิ รอบครองในอสงั หาริมทรัพยน๑ นั้ การได๎รบั ยกเวน๎ ตามวรรคหนงึ่ ตอ๎ งปรากฏวาํ ภายในกาํ หนดเวลาหนง่ึ ปกี ํอนหรือ นับแตวํ ันท่ที ําสัญญาซื้อ ขายอสังหารมิ ทรัพย๑ดังกลาํ ว ผูม๎ ีเงินได๎ได๎ทาํ สญั ญาซือ้ ขายอสังหารมิ ทรัพย๑แหงํ ใหมํซึ่งมีลักษณะตาม (ก) (ข) หรอื (ค) เพ่ือใช๎เปน็ ท่อี ยูํอาศัยของตน และให๎ไดร๎ ับยกเว๎นเทํากบั จาํ นวนมลู คําของอสงั หาริมทรพั ยด๑ งั กลําว แตไํ มํเกนิ จํานวน มูลคาํ ของอสังหารมิ ทรัพยแ๑ หํงใหมํ ทั้งนี้ ให๎ถือตามราคาประเมนิ ทนุ ทรัพย๑เพ่ือเรียกเก็บคําธรรมเนยี มจดทะเบยี นสทิ ธิ และนติ ิกรรมตามประมวลกฎหมายที่ดิน (๖๓) เงินไดจ๎ ากการขายข๎อตกลงซอื้ ขายลํวงหน๎าในตลาดสินค๎าเกษตรลํวงหน๎า แหํงประเทศไทย เฉพาะกรณที ี่ไม่มี การสง่ มอบสินคา้ เกษตร (๖๔) บําเหน็จดํารงชีพตามกฎหมายวาํ ดว๎ ยบําเหนจ็ บาํ นาญขา๎ ราชการ และกฎหมายวําด๎วยกองทุนบําเหนจ็ บํานาญ ข๎าราชการ ท้งั น้ี ตั้งแตํวนั ท่ี ๑๑ พฤศจกิ ายน พ.ศ.๒๕๔๖” (๖๕) เงนิ หรอื ผลประโยชน๑ใด ๆ ทไ่ี ด๎รับเนือ่ งจากการขายหนํวยลงทุนคนื ให๎แกํกองทนุ รวมเพื่อการเล้ยี งชีพตาม กฎหมายวาํ ดว๎ ยหลกั ทรพั ย๑และตลาดหลักทรัพยเ๑ ฉพาะกรณีท่ีผู๎มีเงินได๎ถือหนํวยลงทุนดงั กลาํ วมาแลว๎ ไม่น้อยกว่าห้าปี นบั ต้ังแตํวันซ้อื หนวํ ยลงทุนคร้ังแรก (๖๖) เงินไดเ๎ ทําทีจ่ าํ ยเปน็ คาํ ซ้ือหนวํ ยลงทนุ ในกองทนุ รวมห๎ุนระยะยาว ตามกฎหมายวาํ ด๎วยหลักทรัพยแ๑ ละตลาด หลักทรัพย๑ที่ไดม๎ ีการจดทะเบียนกองทรัพย๑สินเปน็ กองทนุ รวมภายในวันที่ ๓๐ มิถนุ ายน พ.ศ. ๒๕๕๐ ในอตั ราไมเํ กนิ รอ๎ ยละสบิ หา๎ ของเงินได๎พึงประเมนิ เฉพาะสวํ นที่ไมํเกินห๎าแสนบาท สําหรับปีภาษีนั้น และเงินไดด๎ ังกลาํ วต๎องเป็นเงิน ได๎ของผม๎ู เี งนิ ไดซ๎ ่ึงเป็นบคุ คลธรรมดาแตํไม่รวมถงึ หา้ งหุ้นสว่ นสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใชํนิตบิ คุ ลและกองมรดกที่ยัง ไมํไดแ๎ บํง ท้ังน้ี สาํ หรบั เงนิ ได๎พึงประเมนิ ที่ไดร๎ ับต้ังแตํวนั ที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๑ เปน็ ต๎นไป (๖๗) เงินหรือผลประโยชนใ๑ ด ๆ ทไ่ี ดร๎ ับเน่อื งจากการขายหนํวยลงทนุ คืนให๎แกํ กองทนุ รวมห๎ุนระยะยาวตามกฎหมาย วําดว๎ ยหลกั ทรัพยแ๑ ละตลาดทรพั ย๑ ทง้ั น้ี เฉพาะกรณีที่ผู๎มี เงินไดถ๎ ือหนํวยลงทุนดงั กลาํ วมาแล๎วไมํน๎อยกวาํ หา๎ ปีปฏทิ นิ แตํไมํรวมถงึ กรณีทุพพลภาพหรือตาย และเงินหรือผลประโยชนด๑ ังกลําวคํานวณมาจากเงินไดพ๎ ึงประเมนิ ท่ีไดร๎ บั สทิ ธิ ยกเวน๎ ภาษีเงนิ ได๎ ตาม (๖๖) (๖๘) เงินได๎พงึ ประเมนิ หลงั จากหักคําใช๎จาํ ยและหักลดหยํอนตามมาตรา ๔๗ (๑) (๒) (๓) (๔) (๕) หรอื (๖) แหงํ ประมวลรษั ฎากร เทําจํานวนเงนิ ทไ่ี ดบ๎ รจิ าคใหแ๎ กํการกีฬาแหงํ ประเทศไทย เพ่ือสงํ เสรมิ การกีฬา คณะกรรมการกีฬา จังหวัดทจ่ี ดั ตั้งขึ้นตามกฎหมายวําด๎วยการกีฬาแหํงประเทศไทย เพื่อสงํ เสริมกฬี าในจังหวัด กรมพลศึกษาเพ่ือการ นนท์ เศรษฐวิวัฒน์
๑๒๙ จดั การแขงํ ขันกีฬานักเรียน หรอื สมาคมกีฬาจงั หวัดหรือสมาคมกีฬาแหงํ ประเทศไทยท่จี ัดต้ังขึน้ โดยไดร๎ ับอนญุ าตจาก การกีฬาแหํงประเทศไทยเพื่อการกีฬา แตํเมื่อรวมกับเงินบรจิ าคตามมาตรา ๔๗ (๗) แหํงประมวลรษั ฎากรแล๎ว ต๎องไมํ เกินร๎อยละสบิ ของเงนิ ได๎พงึ ประเมินหลังจากหักคาํ ใชจ๎ าํ ยและหักลดหยํอนดังกลําว (๖๙) ดอกเบย้ี เงินฝากธนาคารในราชอาณาจักรเฉพาะดอกเบ้ยี เงินฝากประจําท่ีมรี ะยะเวลาการฝากต้ังแตหํ นึ่งปีขน้ึ ไป แตเํ ม่ือรวมกับดอกเบย้ี เงินฝากประจาํ ทุกประเภทรวมกนั แล๎วต๎องมจี าํ นวนท้งั สน้ิ ไมเ่ กินสามหม่ืนบาทตลอดปีภาษนี น้ั และผ๎มู เี งินได๎ได๎รบั ดอกเบี้ยเงินฝากดงั กลําวเม่ือมีอายไุ มตํ ํา่ กวําหา๎ สบิ ห๎าปบี รบิ ูรณ๑ ทั้งน้ี สาํ หรับเงินได๎ท่ีได๎รับต้งั แตํ วันท่ี ๑ มกราคม พ.ศ.๒๕๔๘ เปน็ ตน๎ ไป (๗๐) เงนิ ได๎พงึ ประเมนิ หลังจากหกั คําใช๎จาํ ยและคําลดหยํอนตามมาตรา ๔๗(๑) (๒) (๓) (๔) (๕) หรอื (๖) แหํง ประมวลรษั ฎากร เทาํ จาํ นวนทบ่ี ริจาคใหแ๎ กํสวํ นราชการ เพื่อชวํ ยเหลือผป๎ู ระสบอุทกภยั วาตภัย อคั คภี ัย หรอื ภัย ธรรมชาติอ่นื แตํเมื่อรวมกับเงินบริจาคตามมาตรา ๔๗(๗) แหงํ ประมวลรัษฎากรแลว๎ ต๎องไมเํ กินร๎อยละสบิ ของเงนิ ได๎ พงึ ประเมนิ หลังจากหักคาํ ใชจ๎ ํายและหักคาํ ลดหยํอนดังกลาํ วน้ัน ท้ังน้ี สาํ หรับเงินไดพ๎ ึงประเมินประจําปี พ.ศ. ๒๕๔๗ ที่ตอ๎ งยืน่ รายการในปี พ.ศ. ๒๕๔๘ เปน็ ตน๎ ไป” (๗๑) เงนิ ได๎จากการโอนกรรมสทิ ธ์ิหรอื สทิ ธคิ รอบครองในอสังหารมิ ทรพั ย๑ โดยไมํมีคําตอบแทนใหแ๎ กํสภากาชาดไทย (๗๒) เงินได๎ทผ่ี ู๎มเี งินไดซ๎ ึง่ เป็นผูอ๎ ยใูํ นประเทศไทยและมีอายุไมตํ ํา่ กวําหกสิบหา๎ ปีบรบิ รู ณ๑ในปีภาษีไดร๎ ับ เฉพาะสํวนท่ีไมํ เกนิ หนง่ึ แสนเก๎าหมนื่ บาทในปภี าษีนั้น ทง้ั น้ี สาํ หรับเงนิ ได๎ทไ่ี ด๎รับตงั้ แตํวันท่ี ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๘ เปน็ ตน๎ ไป (๗๓) เงนิ ทมี่ ลี ักษณะเดียวกับบาํ เหน็จดํารงชีพตามกฎหมายวาํ ด๎วยบําเหน็จบํานาญขา๎ ราชการและกฎหมายวาํ ดว๎ ย กองทนุ บาํ เหน็จบาํ นาญข๎าราชการ ซึง่ พนกั งานการทาํ เรอื แหํงประเทศไทย พนกั งานการรถไฟแหงํ ประเทศไทย และ พนกั งานธนาคารออมสนิ ได๎รับ โดยมอี ัตราและวธิ กี ารคํานวณเชํนเดียวกบั บาํ เหนจ็ ดํารงชีพตามกฎหมายวาํ ดว๎ ย บําเหนจ็ บาํ นาญขา๎ ราชการและกฎหมายวําดว๎ ยกองทนุ บําเหนจ็ บํานาญข๎าราชการ ทั้งนี้ ต้ังแตวํ ันที่ ๑๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ เปน็ ต๎นไป (๗๔) เงนิ ไดท๎ ี่คณะกรรมการโครงการทุนเลาํ เรียนหลวงสําหรบั พระสงฆ๑ไทยได๎รบั เพ่อื ประโยชนข๑ องโครงการทนุ เลํา เรียนหลวงสําหรบั พระสงฆ๑ไทย ทั้งน้ี ตัง้ แตวํ ันท่ี ๕ กมุ ภาพันธ๑ พ.ศ. ๒๕๔๗ เปน็ ต๎นไป (๗๕) เงินได๎จากการขายสัญญาซ้อื ขายลํวงหน๎าตามกฎหมายวําด๎วยสัญญาซ้อื ขายลํวงหน๎าซงึ่ กระทาํ ในศนู ยซ๑ ้ือขาย สัญญาซื้อขายลํวงหนา๎ เฉพาะกรณีที่ไมมํ ีการสงํ มอบสนิ ค๎า ทัง้ น้ี สําหรบั เงินได๎พงึ ประเมนิ ที่ไดร๎ ับต้ังแตวํ ันท่ี ๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘ เปน็ ต๎นไป (๗๖) เงินไดเ๎ ทาํ ทผี่ ม๎ู ีเงินไดจ๎ ํายเปน็ เบี้ยประกนั ภัยให๎แกบํ ริษัทประกันชวี ติ หรือบรษิ ัท ประกนั วินาศภัยท่ปี ระกอบ กิจการในราชอาณาจักรตามจํานวนที่จํายจรงิ แตไํ มเํ กินหนง่ึ หมื่นหา๎ พัน บาท สาํ หรบั การประกันสุขภาพบิดามารดา ของผูม๎ เี งนิ ได๎ รวมท้ังบิดามารดาของสามีหรือภริยาของผ๎ูมี เงนิ ได๎ซงึ่ มรี ายได๎ไมเํ พยี งพอ แกกํ ารยังชีพ ท้งั น้ี ต๎องเปน็ เบ้ียประกนั ภัยที่ไดจ๎ าํ ยในปี พ.ศ. ๒๕๔๙ เปน็ ต๎นไป (๗๗) เงนิ ได๎เทาํ ทน่ี ายจา๎ งจํายเปน็ เบย้ี ประกนั ภยั ให๎แกํบริษัทประกันชวี ิตหรอื บริษทั ประกันวนิ าศภยั ท่ีประกอบกจิ การ ในราชอาณาจักร สําหรับกรมธรรม๑ประกันภยั กลํุมที่มกี าํ หนดเวลาไมเ่ กินหนงึ่ ปี เฉพาะในสวํ นทีค่ มุ๎ ครองคาํ รักษาพยาบาลสําหรับ นนท์ เศรษฐวิวฒั น์
๑๓๐ (ก) ลูกจา๎ ง สามี ภริยา บพุ การหี รือผสู๎ ืบสันดานซึง่ อยํใู นความอปุ การะเลี้ยงดขู องลูกจ๎าง ท้งั น้ี เฉพาะการ รกั ษาพยาบาลในประเทศไทย (ข) ลูกจ๎าง ในกรณีทจ่ี าํ เป็นต๎องได๎รบั การรักษาพยาบาลในตาํ งประเทศ ในขณะท่ปี ฏบิ ัติการตามหน๎าท่ใี นตํางประเทศ เป็นครั้งคราว ทั้งนี้ สาํ หรบั เงนิ ได๎ท่ไี ดร๎ บั ต้ังแตวํ ันท่ี ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๙ เป็นตน๎ ไป (๗๘) เงนิ ได๎ของวิสาหกจิ ชมุ ชนตามกฎหมายวําดว๎ ยการสงํ เสรมิ วสิ าหกจิ ชุมชน เฉพาะทเี่ ป็น ห๎างหน๎ุ สํวนสามัญหรอื คณะบุคคลที่มใิ ชํนิติบคุ คลซึ่งมเี งินได๎ไมเํ กินหน่งึ ล๎านแปดแสนบาทสาํ หรับปีภาษีน้ัน ทั้งน้ี สําหรบั เงนิ ได๎พงึ ประเมนิ ท่ี ได๎รับต้ังแตว่ นั ที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๒ ถึงวันท่ี ๓๑ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ (๗๙) เงนิ ไดท๎ ่ีมีลกั ษณะเดียวกับบาํ เหน็จดํารงชีพตามกฎหมายวาํ ด๎วยบําเหน็จบาํ นาญข๎าราชการและกฎหมายวําดว๎ ย กองทนุ บาํ เหนจ็ บาํ นาญขา๎ ราชการ ซึง่ เจา๎ หน๎าท่ีสภากาชาดไทยได๎รับ โดยมีอัตราและวธิ ีการคาํ นวณเชนํ เดยี วกับ บําเหน็จดํารงชพี ตามกฎหมายวาํ ดว๎ ยบําเหนจ็ บํานาญขา๎ ราชการและกฎหมายวําดว๎ ยกองทนุ บาํ เหนจ็ บาํ นาญ ขา๎ ราชการ (๘๐) เงนิ ได๎จากการโอนกรรมสทิ ธห์ิ รอื สิทธคิ รอบครองในอสังหาริมทรัพย๑โดยไมํมีคําตอบแทนให๎แกมํ ูลนธิ ิสงเคราะห๑ เด็กของสภากาชาดไทย (๘๑) เงนิ ได๎ทีผ่ ู๎มเี งนิ ได๎เป็นคนพกิ ารที่มีบตั รประจําตัวคนพิการตามกฎหมายวาํ ดว๎ ยการสํงเสริมและพัฒนาคุณภาพ ชีวติ คนพิการ ซึ่งเปน็ ผู๎อยูใํ นประเทศไทยและมีอายุไมเํ กินหกสบิ หา๎ ปีบริบูรณใ๑ นปภี าษีไดร๎ ับเฉพาะสํวนที่ไมํเกินหนึ่ง แสนเกา๎ หมนื่ บาท สําหรบั ปีภาษนี ัน้ ทั้งน้ี สาํ หรบั เงนิ ได๎พงึ ประเมินที่ได๎รับต้ังแตํวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๓ เปน็ ต๎น ไป (๘๒) เงนิ ได๎ตามมาตรา ๔๐ (๕) (๖) (๗) หรือ (๘) แหํงประมวลรัษฎากร ทีผ่ ูป๎ ระสบอุทกภัย วาตภัย อคั คภี ัย หรือภยั ธรรมชาติอ่นื ทเี่ กดิ ขึ้นต้ังแตํวันท่ี ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๔ เป็นตน๎ ไป ซง่ึ ได๎ลงทะเบยี นไว๎กับศนู ยห๑ รือหนวํ ยงานให๎ ความชํวยเหลอื ของทางราชการได๎รับเฉพาะสวํ นทีเ่ ทํากบั จํานวนคาํ ความเสยี หายที่เกิดข้ึน (๘๓) เงินไดท๎ ี่คาํ นวณไดจ๎ ากมูลคําท่ลี กู จ๎างได๎รบั จากการนําบุตรชอบด๎วยกฎหมายของตนแตํไมํรวมถึงบุตรบุญธรรมไป อยํใู นความดูแลของสถานรบั เล้ียงเดก็ ตามกฎหมายวาํ ด๎วยการค๎มุ ครองเด็กทีน่ ายจา๎ งไดร๎ ับใบอนญุ าตให๎จัดตั้งขึ้นเพื่อ เปน็ สวัสดกิ ารของลูกจ๎างสาํ หรบั สถานประกอบการนน้ั ทง้ั น้ี สาํ หรบั เงนิ ได๎พึงประเมนิ ทไ่ี ด๎รับต้งั แตวํ ันท่ี ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๔ เปน็ ตน๎ ไป (๘๔) เงินได๎ทีน่ ักแสดงสาธารณะทเี่ ปน็ นักแสดงภาพยนตร๑ซง่ึ มภี ูมลิ ําเนาอยใํู นตํางประเทศได๎รับอนั เนื่องมาจากการเส ดงภาพยนตรต๑ าํ งประเทศซงึ่ ดําเนินการสรา๎ งโดยบริษัทหรือห๎างหนุ๎ สวํ นนิตบิ ุคคลทีต่ ้ังข้นึ ตามกฎหมายของตาํ งประเทศ และได๎รบั อนุญาตการสรา๎ งตามกฎหมายวําดว๎ ยภาพยนตรแ๑ ละวดี ิทัศน๑ ท้ังนี้ สาํ หรับเงินไดพ๎ งึ ประเมนิ ท่ีได๎รบั ตงั้ แต่ วนั ที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๔ ถึงวนั ที่ ๓๑ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ (๘๕) เงนิ ไดจ๎ ากการขายหลักทรัพยท๑ ่ีจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย๑ในประเทศสมาชกิ อาเซียน ท่มี ีการซือ้ ขายผําน ระบบทีต่ ลาดหลักทรพั ย๑แหํงประเทศไทยจัดให๎มีขน้ึ เพ่ือเชื่อมโยงการซื้อขายกับตลาดหลักทรพั ย๑ในประเทศสมาชิก อาเซยี น แตํไมรํ วมถึงเงนิ ไดจ๎ ากการขายหลกั ทรัพย๑ท่เี ป็นต๋ัวเงินคลงั พันธบัตร ตวั๋ เงนิ หรือหน๎ุ กู๎ นนท์ เศรษฐวิวัฒน์
๑๓๑ (๘๖) เงินคําตอบแทนพิเศษท่ีเจ๎าหนา๎ ท่ีผู๎ปฏบิ ัตงิ านไดร๎ ับตามระเบียบสาํ นกั นายกรฐั มนตรี วาํ ดว๎ ยบําเหน็จความชอบ สําหรับเจ๎าหน๎าท่ีผ๎ูปฏิบตั ิงานในจงั หวัดชายแดนภาคใต๎ พ.ศ. ๒๕๕๐ ทั้งน้ี สาํ หรับเงนิ ไดพ๎ ึงประเมนิ ที่ไดร๎ บั ตงั้ แตํวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๕ เป็นต๎นไป” (๘๗) เงนิ ได๎สวํ นท่ีเปน็ เงินคาํ ทดแทน เงนิ คาํ ตอบแทน หรอื เงินอนื่ ที่มีลักษณะทํานองเดยี วกนั ที่ได๎รบั เนื่องจากความ เสยี หายหรอื เสอ่ื มประโยชนท๑ ่เี กิดขน้ึ จากการใช๎อํานาจของรัฐตามทกี่ ฎหมายกําหนด ในการเขา๎ ไปในอสงั หารมิ ทรัพย๑ การเข๎าใชส๎ อยหรือเข๎าครอบครองอสังหาริมทรัพย๑ หรือการใชป๎ ระโยชนใ๑ นทรัพย๑สนิ ทัง้ นี้ สําหรับเงนิ ได๎ที่ได๎รับตงั้ แตํ วันท่ี ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๖ เปน็ ต๎นไป (๘๘) เงินได๎พงึ ประเมินหลงั จากหกั คําใชจ๎ าํ ยและหักลดหยํอนตามมาตรา ๔๗ (๑) (๒) (๓)(๔) (๕) หรือ (๖) แหงํ ประมวลรษั ฎากร เทาํ จํานวนเงินที่บรจิ าคให๎แกํกรมศิลปากรเพ่ือการบรู ณะโบราณสถาน โบราณวัตถุ และศิลปวตั ถุ ตามกฎหมายวําด๎วยโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพธิ ภณั ฑสถานแหํงชาติ แตํเมอ่ื รวมกับเงินบริจาคตาม มาตรา ๔๗ (๗) แหํงประมวลรัษฎากร แล๎วตอ๎ งไมํเกนิ ร๎อยละสบิ ของเงินได๎พงึ ประเมนิ หลงั จากหกั คาํ ใชจ๎ ํายและหดั ลดหยํอนดังกลาํ ว ทงั้ น้ี สาํ หรับเงนิ ได๎พงึ ประเมนิ ประจําปี พ.ศ. ๒๕๕๖ ทตี่ อ๎ งย่ืนรายการในปี พ.ศ. ๒๕๕๗ เปน็ ตน๎ ไป (๘๙) เงินไดท๎ ี่ไดร๎ ับจากสํวนแบํงของกําไรจากหา๎ งหุ๎นสํวนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใชํนิติบคุ คล ที่ไดร๎ ับจาก (ก) การให๎ เชําอสงั หารมิ ทรัพยท๑ ่ีเป็นกรรมสิทธร์ิ วมอันได๎มาโดยทางมรดก หรือได๎รับจากการใหโ๎ ดยเสนํหา ซงึ่ ตอ๎ งเสยี ภาษเี งนิ ได๎ ตามสวํ น ๒ หมวด ๓ ลักษณะ ๒ แหํงประมวลรษั ฎากร (ข) ดอกเบี้ยเงินฝากตามมาตรา ๔๐ (๔) (ก) แหงํ ประมวล รษั ฎากร และถูกหักภาษีเงนิ ได๎ ณ ทีจ่ าํ ย ตามมาตรา ๕๐ (๒) แหงํ ประมวลรัษฎากร ทง้ั น้ี เฉพาะกรณีทผี่ ู๎มเี งนิ ได๎ ดงั กลาํ วไมํขอรับเงนิ ภาษที ่ีถกู หักไว๎นั้นคนื หรอื ไมํขอเครดิตเงินภาษที ี่ถูกหกั ไวน๎ ัน้ ไมํวาํ ทั้งหมดหรือบางสํวน (๙๐) เงนิ ได๎เทําทีส่ มาชกิ กองทนุ การออมแหงํ ชาตจิ าํ ยเปน็ เงินสะสมเข๎ากองทุนการออมแหงํ ชาติ ตามจาํ นวนท่จี ํายจริง แตไํ มเํ กินหา๎ แสนบาท สําหรบั ปภี าษนี ้ัน เงินได๎ทไี่ ดร๎ บั ยกเว๎นตามวรรคหนึ่ง เมอื่ รวมกบั เงนิ ได๎ทีไ่ ดร๎ บั ยกเว๎น สําหรบั กรณที ่ีผ๎มู เี งินได๎จํายเป็นเงินสะสม เขา๎ กองทุนสํารองเลยี้ งชพี ตามกฎหมาย หรือเงินสะสมเข๎ากองทนุ บําเหน็จบาํ นาญขา๎ ราชการ หรอื เงนิ สะสมเข๎า กองทนุ สงเคราะหต๑ ามกฎหมาย วําด๎วยโรงเรยี นเอกชน หรอื เงนิ คําซื้อหนํวยลงทุนในกองทุนรวมเพอื่ การเล้ยี งชพี หรอื เบยี้ ประกนั ภยั สําหรับการประกันชวี ติ แบบบํานาญแลว๎ ตอ๎ งไมเํ กนิ ห๎าแสนบาท ในปภี าษีเดยี วกัน (๙๑) เงนิ หรอื ผลประโยชน๑ใด ๆ ที่ได๎รบั จากกองทุนการออมแหํงชาติตามกฎหมายวําด๎วยกองทนุ การออมแหงํ ชาติ เน่ืองจากสมาชกิ กองทุนการออมแหํงชาติทุพพลภาพ หรือสิ้นสมาชิกภาพเพราะอายุ ครบหกสิบปีบรบิ รู ณ๑ หรอื ถือวาํ เปน็ กรณที ส่ี มาชิกมีอายุครบหกสบิ ปบี ริบรู ณ๑ หรือตาย ประกาศกระทรวงการคลงั อตั ราแลกเปล่ยี น ข๎อ ๒ ใหใ๎ ช๎อตั ราแลกเปลีย่ นเงนิ ตราตามวิธกี ารดงั ตํอไปนี้ เป็นอตั ราแลกเปลี่ยนในการคาํ นวณเงินตราตํางประเทศ เปน็ เงินตราไทย (๑) อตั ราแลกเปลีย่ นเงินตราของธนาคารพาณชิ ย๑ทตี่ ง้ั ขน้ึ ตามกฎหมายวําด๎วยการธนาคารพาณชิ ยท๑ ่ีได๎ ประกาศไว๎ในการคาํ นวณเงินตราตาํ งประเทศเปน็ เงินตราไทยในแตํละวนั (๒) อตั ราแลกเปลย่ี นเงินตราตามอัตราอา๎ งอิงประจาํ วันท่ีธนาคารแหงํ ประเทศไทยประกาศไวใ๎ นการคํานวณ เงินตราตํางประเทศเป็นเงนิ ตราไทยในแตํละวนั นนท์ เศรษฐวิวัฒน์
๑๓๒ การใชอ๎ ัตราแลกเปลย่ี นเงินตราตามวธิ กี ารตามวรรคหนง่ึ เมื่อได๎ใชอ๎ ตั ราแลกเปล่ยี นเงนิ ตราตามวธิ กี ารหนง่ึ วิธีการใดแลว๎ ต๎องใช๎อตั ราแลกเปลีย่ นเงินตรานนั้ ตลอดไป เวน๎ แตจํ ะได๎รบั อนุมตั ิจากอธิบดีกรมสรรพากรจึงจะ เปล่ยี นแปลงวิธกี ารได๎ ขอ๎ ๓ ให๎ใช๎อตั ราแลกเปลย่ี นเงนิ ตราตามข๎อ ๒ ในการปฏบิ ัติการตามลักษณะ ๒ แหํงประมวลรัษฎากร ในกรณี ดังตอํ ไปนี้ (๑) การหักภาษีเงินได๎ ณ ทีจ่ ําย ตามมาตรา ๓ เตรส มาตรา ๕๐ มาตรา ๖๙ ทวิ และมาตรา ๖๙ ตรี แหํง ประมวลรัษฎากร (๒) การหกั ภาษีตามมาตรา ๗๐ แหํงประมวลรษั ฎากร (๓) การหักภาษีจากการจาํ หนํายเงินกําไร ตามมาตรา ๗๐ ทวิ แหํงประมวลรษั ฎากร (๔) การออกใบกํากบั ภาษี (TAX INVOICE) สําหรบั การขายสนิ คา๎ หรอื การให๎บริการที่ไมํสามารถคาํ นวณ เงินตราตํางประเทศเปน็ เงนิ ตราไทยตามหลกั เกณฑ๑ท่กี ําหนดตามมาตรา ๗๙/๔ แหงํ ประมวลรษั ฎากร (๕) การนาํ สงํ ภาษีมลู คาํ เพิ่มตามมาตรา ๘๓/๖ แหํงประมวลรษั ฎากร (๖) กรณีอ่ืนท่ีมิไดม๎ ีบทบัญญัตขิ องกฎหมายไวโ๎ ดยเฉพาะ คําสัง่ กรมสรรพากร คําสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป. ๒๓๘/๒๕๕๘ เรอื่ ง มอบอํานาจเกย่ี วกับข้อมูลบัญชีเงนิ ฝากธนาคารของผูค้ ้างภาษีอากร ข๎อ ๒ มอบอํานาจใหร๎ องอธบิ ดี ท่ีกํากับดแู ลและปฏิบตั ริ าชการของสํานกั มาตรฐานการจัดเกบ็ ภาษี เปน็ ผู๎มีอํานาจออก หมายเรยี ก เอกสาร หรือหลกั ฐานเกี่ยวกบั ข๎อมูลบญั ชีเงนิ ฝากธนาคารของผูค๎ า๎ งภาษอี ากรแทนอธิบดีกรมสรรพากร ข๎อ ๓ ในกรณที ีร่ องอธบิ ดีตามข๎อ ๒ ไมํอยูหํ รอื อยํแู ตํไมํอาจปฏิบัติราชการได๎ หรือพ๎นจากตาํ แหนงํ ที่ดาํ รงอยํู มอบ อาํ นาจให๎รองอธิบดีตามลาํ ดบั ทก่ี าํ หนดไว๎ในคําสั่งกรมสรรพากร เรอ่ื ง การมอบอาํ นาจหน๎าทใี่ นการสงั่ และปฏบิ ัติ ราชการแทนอธบิ ดีกรมสรรพากรท่ีมีผลใชบ๎ งั คับในขณะนั้น เป็นผมู๎ ีอาํ นาจออกหมายเรยี ก เอกสาร หรือหลักฐาน เก่ยี วกบั ข๎อมลู บัญชีเงนิ ฝากธนาคารของผค๎ู ๎างภาษีอากรแทนอธิบดีกรมสรรพากร ท่ี ท.ป. ๒๓๖/๒๕๕๘ เร่อื ง มอบอาํ นาจให้ผูอ้ าํ นวยการสํานักบรหิ ารการเสียภาษที างอเิ ล็กทรอนิกส์ ขอ๎ ๑ พิจารณาคําร๎องขอขยายกําหนดเวลาการยน่ื แบบแสดงรายการภาษี การชําระภาษี และการนําสงํ ภาษีท่ีไดย๎ ่นื ผํานระบบเครือขํายอนิ เทอร๑เน็ต ข๎อ ๒ ลงนามในหนังสือแจง๎ ผลการพจิ ารณา ท.ป.๑๘๓/๒๕๕๓ (มอบอํานาจออกใบผ่านภาษี) ขอ๎ ๒ ใหถ๎ ือวําคนตาํ งดา๎ วทีต่ ๎องขอรับใบผํานภาษีอากรดงั ตํอไปน้ีอยํูในเขตท๎องท่ีกรุงเทพมหานคร และให๎ยนื่ คํารอ๎ งขอรับใบผาํ นภาษีอากรตอํ อธิบดีกรมสรรพากร ณ สํานักงานสรรพากรพื้นท่ี หรือสํวนบริการคนื ภาษมี ูลคําเพ่ิม ให๎นักทํองเท่ยี ว (ทําอากาศยานสุวรรณภูมิ) หรือหนวํ ยตรวจสอบสนิ ค๎าและจาํ ยคืนภาษีให๎นกั ทํองเทยี่ ว (ทําอากาศ ยานนานาชาติ) หรือสํานกั งานสรรพากรพน้ื ทส่ี าขา แล๎วแตํกรณี (๑) คนตาํ งดา๎ วผูต๎ ๎องรับผดิ เสียภาษีอากรหรือนําสํงภาษีที่ค๎างชําระหรอื ท่ีตอ๎ งชําระตามการประเมนิ ของเจา๎ พนักงานประเมนิ อยูํกํอนหรือในขณะเดินทางออกนอกราชอาณาจักร (๒) คนตาํ งดา๎ วผ๎มู หี นา๎ ท่แี ละความรบั ผิดในการยนื่ รายการและเสยี ภาษเี งนิ ไดแ๎ ทนบริษัทหรือหา๎ งหุ๎นสํวนนติ ิ บุคคลทตี่ ง้ั ขึน้ ตามกฎหมายของตาํ งประเทศ ประกอบกจิ การในประเทศไทย นนท์ เศรษฐวิวัฒน์
๑๓๓ (๓) คนตาํ งดา๎ วท่ีมเี งนิ ได๎พึงประเมินจากการเป็นนักแสดงสาธารณะในประเทศไทย ไมํวาํ เงินได๎นนั้ จะจํายใน หรอื นอกประเทศ คาํ วาํ “นกั แสดงสาธารณะ” หมายความวาํ นกั แสดงละคร ภาพยนตร๑ วทิ ยุและโทรทัศน๑ นกั รอ๎ ง นกั ดนตรี นักกีฬาอาชีพ หรือนักแสดงเพ่ือความบนั เทิงใดๆ (๔) คนตาํ งด๎าวที่มีเงนิ ไดพ๎ ึงประเมินจากการขายพลอย ทับทิม มรกต บุษราคมั โกเมน โอปอล นลิ เพทาย ไพฑรู ย๑ หยก และอญั มณีท่ีมลี ักษณะทาํ นองเดยี วกนั เฉพาะทีย่ ังมไิ ด๎เจียระไน แตไํ มํรวมถึงส่ิงทาํ เทียมวัตถดุ ังกลาํ ว หรอื ท่ที ําขึ้นใหมํ เพชร ไขํมุก และสง่ิ ทําเทยี มเพชร หรือไขํมุก หรือที่ทําขึน้ ใหมํ กรณีตามวรรคหนึ่ง ให๎ถือวาํ แบบแสดงรายการนาํ เขา๎ -สํงออกอัญมณีตามทีก่ รมศุลกากรกําหนด เปน็ คาํ รอ๎ ง ขอรบั ใบผํานภาษอี ากร ข๎อ ๓ มอบอาํ นาจให๎สรรพากรพนื้ ท่ีในเขตท๎องท่สี ํานักงานสรรพากรพื้นทน่ี ั้น ออกใบผํานภาษอี ากรตาม มาตรา ๔ ฉ มาตรา ๔ สตั ต และมาตรา ๔ อฏั ฐ แหํงประมวลรัษฎากร ใหค๎ นตาํ งด๎าวที่ยน่ื คําร๎องขอรบั ใบผาํ นภาษี อากรตาม (๑) (๒) และ (๓) ของข๎อ ๒ ขอ๎ ๔ มอบอํานาจใหบ๎ ุคคลดังตอํ ไปน้ี ออกใบผํานภาษีอากรตามมาตรา ๔ ฉ มาตรา ๔ สตั ต และมาตรา ๔ อัฏฐ แหงํ ประมวลรษั ฎากร ใหค๎ นตาํ งด๎าวทีย่ ่ืนคาํ รอ๎ งขอรับใบผาํ นภาษอี ากรตาม (๔) ของขอ้ ๒ (๑) หวั หน๎ากลมํุ บริหารการคืนภาษมี ลู คําเพ่มิ ใหแ๎ กนํ ักทํองเทย่ี ว (๒) สรรพากรพ้นื ทีส่ าขาสําหรับสาํ นกั งานสรรพากรพ้ืนท่ีสาขาท่ีมดี ่านศุลกากรตั้งอยํูในเขตท๎องท่ี แตไํ มํมหี นํวย บริการของกลํุมบรหิ ารการคืนภาษมี ลู คําเพม่ิ ใหแ๎ กนํ ักทํองเทย่ี วในเขตท๎องท่ี ป.๑๒๗/๒๕๔๖(การให้บรกิ ารโดยมเี หตุอนั ควร) ขอ๎ ๑ ให๎ถือวาํ การใหบ๎ ริการโดยไมํมีคําบริการหรือมีคําบริการตา่ํ กวาํ ราคาตลาดท่เี ข๎าลักษณะดงั ตํอไปน้ี เป็น การให๎บริการโดยมเี หตุอนั สมควรตามมาตรา ๖๕ ทวิ(๔) แหํงประมวลรัษฎากร (๑) ผใู๎ ห๎บรกิ ารต๎องให๎บริการแกผํ รู๎ ับบริการตาม (๒) เฉพาะการดาํ เนินงานตามวตั ถุประสงคข๑ องโครงการพิเศษ ท่จี ัดต้งั ขนึ้ โดยรัฐบาล (๒) ผ๎รู บั บรกิ ารต๎องเป็นหนวํ ยงานราชการ สํานกั งานหรือหนํวยงานหรือกองทุนท่ีมใิ ชนํ ิติบคุ คลหรอื คณะกรรมการซง่ึ จัดตงั้ ขนึ้ โดยรัฐบาล กระทรวง ทบวง กรม เพอ่ื กระทํากิจการตามนโยบายรฐั บาล ตัวอยําง บริษทั ก. จํากัด ผจ๎ู าํ หนาํ ยรถยนต๑ได๎ใหค๎ ณะกรรมการซงึ่ จัดตัง้ ขึน้ ตามโครงการเตรียมการจดั ประชุมระหวําง ประเทศของรฐั บาลยมื ใช๎รถยนตโ๑ ดยไมํมคี ําตอบแทนจํานวน ๑๐ คนั เพ่ือใชเ๎ ป็นพาหนะของผู๎นําตาํ งประเทศที่เดนิ ทางเข๎ามารํวมประชุมในการจัดประชุมระหวํางประเทศ ซ่งึ ประเทศไทยรับเป็นเจ๎าภาพจัดการประชุม การให๎ยืม ใชร๎ ถยนต๑ ดงั กลาํ วถือเปน็ การให๎บรกิ ารโดยไมํมคี าํ บริการโดยมีเหตุอันสมควรตามมาตรา ๖๕ ทวิ(๔) แหํงประมวล รษั ฎากร ป.๑๒๕/๒๕๔๖(คา่ บรกิ ารเลขหมายโทรศพั ท์) ข๎อ ๑ กรณบี ริษัทหรือห๎างหุน๎ สวํ นนิตบิ คุ คลหรือนิติบคุ คลอ่ืนทําสัญญาใช๎บริการโทรศพั ท๑กบั ผ๎ใู หบ๎ รกิ ารโทรศัพท๑ และ ไดจ๎ าํ ยค่าธรรมเนยี มการขอเลขหมายโทรศพั ท์ คา่ ลงทะเบยี นการใช้บริการโทรศัพท์ คา่ บริการเลขหมายโทรศพั ท์ คา่ ประกันเลขหมายโทรศัพท์หรอื ค่าบรกิ ารท่ีมีลักษณะทํานองเดียวกนั ให๎แกํผูใ๎ ห๎บริการโทรศัพท๑ผจู๎ าํ ยเงนิ มหี น๎าท่ี ตอ๎ งหกั ภาษเี งินได๎ ณ ทจ่ี ําย ในอตั ราร้อยละ ๕.๐(มีลกั ษณะเปน็ คาํ ใชจ๎ ํายในการขอใชบ๎ ริการ) กรณผี ูใ๎ ห๎บรกิ ารโทรศัพทเ๑ รยี กเกบ็ คําประกนั เลขหมายโทรศัพท๑ตามวรรคหน่งึ เป็นจํานวนไม่เกิน ๖ เท่าของ คําบริการเลขหมายโทรศัพทร๑ ายเดอื น เชนํ คาํ บรกิ ารเลขหมายโทรศพั ทเ๑ ดือนละ ๕๐๐ บาท และผ๎ใู ห๎บริการโทรศพั ท๑ นนท์ เศรษฐวิวฒั น์
๑๓๔ เรียกเกบ็ คําประกันเลขหมายโทรศัพท๑เปน็ จาํ นวน ๓,๐๐๐ บาท โดยมเี ง่อื นไขวาํ ต๎องมีการคืนคาํ ประกนั เลขหมาย โทรศัพทใ๑ นทันทีท่ีสญั ญาสิ้นสดุ แตใํ นการคืนคาํ ประกันเลขหมายโทรศพั ทด๑ ังกลาํ วผใ๎ู ห๎บรกิ ารโทรศัพทอ๑ าจนําไปหัก กลบลบหนกี้ บั คําเสยี หายกอํ นได๎ผูใ๎ ห๎บรกิ ารโทรศัพท๑ไมตํ ๎องนําคําประกันเลขหมายโทรศพั ท๑จาํ นวน ๓,๐๐๐ บาท ไป รวมคํานวณเป็นรายได๎เพื่อเสียภาษเี งนิ ไดน๎ ติ ิบุคคล และผจู๎ ํายคาํ ประกันเลขหมายโทรศัพท๑ไมม่ ีหนา้ ท่ตี อ้ งหักภาษี เงินได้ ณ ท่จี ่าย คําธรรมเนียมการขอเลขหมายโทรศัพท๑ คาํ ลงทะเบียนการใช๎บริการโทรศัพท๑ คําบริการเลขหมายโทรศัพท๑ คาํ ประกันเลขหมายโทรศัพท๑ หรือคาํ บริการทีม่ ลี ักษณะทํานองเดียวกันตามวรรคหนึง่ และวรรคสอง เขา๎ ลกั ษณะเป็น คาํ ตอบแทนจากการให๎บริการตามมาตรา ๗๗/๑(๑๐) แหงํ ประมวลรัษฎากร ผูใ๎ หบ๎ รกิ ารโทรศพั ทจ๑ งึ ต๎องนําคาํ บรกิ ารท่ี ดังกลําวไปรวมคาํ นวณมลู คาํ ของฐานภาษตี ามมาตรา ๗๙ แหํงประมวลรษั ฎากร ข๎อ ๒ กรณบี ริษัทหรือหา๎ งหน๎ุ สวํ นนติ ิบุคคลหรอื นติ ิบุคคลอื่นทาํ สัญญาใช๎บริการโทรศัพท๑กับผูใ๎ ห๎บรกิ ารโทรศัพท๑ และ ได๎จาํ ยค่าบรกิ ารโทรศพั ท์หรือคา่ บริการท่มี ีลกั ษณะทํานองเดยี วกนั ใหแ๎ กํผใ๎ู ห๎บริการโทรศพั ท๑ ผูจ๎ ํายเงนิ มหี นา๎ ท่ีต๎อง หักภาษีเงินได๎ ณ ทจ่ี าํ ย ในอัตรารอ้ ยละ ๓.๐(มลี กั ษณะเป็นคําใช๎จํายในการใชบ๎ รกิ าร) คาํ บรกิ ารโทรศัพท๑ หรอื คาํ บริการทมี่ ีลักษณะทํานองเดียวกนั ตามวรรคหนึง่ เขา๎ ลักษณะเปน็ คําตอบแทน จากการใหบ๎ ริการตามมาตรา ๗๗/๑(๑๐) แหงํ ประมวลรษั ฎากร ผูใ๎ ห๎บริการโทรศัพท๑จงึ ต๎องนําคําบริการดังกลาํ วไป รวมคาํ นวณมูลคาํ ของฐานภาษีตามมาตรา ๗๙ แหงํ ประมวลรษั ฎากร (ข๎อ ๑ เปน็ การขอใชเ๎ ลขหมายฯ สวํ นขอ๎ ๒ เป็นการจํายคาํ บรกิ ารรายเดือน ซึ่งมีอตั ราการหักภาษี ณ ทจี่ าํ ยตาํ งกนั แตทํ ้งั สองกรณีตาํ งมีภาระภาษมี ูลคําเพ่มิ เชนํ เดยี วกัน) ป.๑๒๔/๒๕๔๖(ตวั อย่างภาระภาษขี องชบิ ปงิ้ ) ข๎อ ๔ กรณีตวั แทนออกของ (ชิปปงิ้ ) จํายคาํ ใชจ๎ ํายในการดําเนินพิธกี ารศลุ กากรแทนผน๎ู ําเข๎าและผสู๎ ํงออกซึ่งเป็น เจา๎ ของสนิ ค๎า ตัวแทนออกของ (ชปิ ปิง้ ) ตอ๎ งแสดงเอกสารหลักฐานท่พี ิสจู นไ๑ ด๎วาํ มกี ารจํายคาํ ใช๎จํายในนามของเจ๎าของ สินคา๎ และเมื่อตัวแทนออกของ (ชปิ ปิง้ ) เรยี กเกบ็ คาํ บริการจากเจา๎ ของสนิ ค๎า ตัวแทนออกของ (ชิปป้ิง) มหี น้าทีต่ ้อง เสียภาษมี ูลค่าเพม่ิ จากคา่ บริการทั้งหมดทไ่ี ดร้ ับหรือพงึ ได้รบั และผูจ๎ าํ ยเงนิ มหี นา๎ ทีต่ ๎องหักภาษเี งนิ ได๎ ณ ท่ีจาํ ยจาก คําบรกิ ารทั้งหมดทจี่ ําย ตวั อยําง ตวั แทนออกของ (ชิปปงิ้ ) ไดจ๎ าํ ยเงินของตนไปกอํ นเพอ่ื เป็นคาํ ใชจ๎ าํ ยในการดําเนินพธิ ีการศุลกากร โดยคําใชจ๎ าํ ย ท่มี ีใบเสร็จรับเงินในนามของเจ๎าของสินค๎า ได๎แกํ การจาํ ยคําภาระ (Port Handling Charge) คาํ เชําพ้ืนท่ี คําใช๎ อุปกรณ๑หรือเครื่องมือตาํ ง ๆ และคําขนสํง ให๎แกํทาํ เรือ คลังสินคา๎ หรอื การจํายคาํ ภาษี คําธรรมเนยี มตาํ ง ๆ ให๎แกํ กรมศุลกากร จาํ นวน ๑๐,๐๐๐ บาท นอกจากนี้ ตวั แทนออกของ (ชิปปิง้ ) ได๎จํายคําใช๎จํายทไี่ มํมีใบเสร็จรบั เงิน ใน นามของเจา๎ ของสินค๎าและคําใชจ๎ าํ ยตามประเพณีซึ่งเปน็ คาํ ใช๎จํายท่ีเจา๎ ของสินคา๎ ยอมรับวาํ มกี ารจํายจรงิ อีกจํานวน ๔,๐๐๐ บาท เมอื่ การดําเนนิ งานแล๎วเสรจ็ ตัวแทนออกของ (ชปิ ป้งิ ) ได๎ออกใบแจ๎งหนีเ้ รียกเก็บเงนิ คําใชจ๎ ํายและ คําบรกิ ารจากเจา๎ ของสินคา๎ โดยระบุรายการคําใชจ๎ าํ ยแยกเปน็ คาํ ใชจ๎ าํ ยทีม่ ีใบเสรจ็ รบั เงินในนามของเจา๎ ของสินคา๎ จาํ นวน ๑๐,๐๐๐ บาท คําใช๎จํายทไี่ มํมีใบเสรจ็ รบั เงินในนามของเจ๎าของสนิ ค๎าจํานวน ๔,๐๐๐ บาท และคําบรกิ าร จาํ นวน ๒,๐๐๐ บาท รวมเปน็ เงินทง้ั สิ้นจาํ นวน ๑๖,๐๐๐ บาท กรณดี ังกลําวตัวแทนออกของ (ชิปปิ้ง) และเจา๎ ของ สินค๎ามีหน๎าที่ทางภาษี ดังน้ี (๑) ตวั แทนออกของ(ชปิ ปงิ้ )มีหนา๎ ที่ตอ๎ งเสียภาษีมูลคาํ เพม่ิ จากคาํ บริการจาํ นวน ๖,๐๐๐ บาท ซ่ึงประกอบดว๎ ย คาํ ใช๎จํายทไ่ี มมํ ใี บเสรจ็ รบั เงินในนามของเจา๎ ของสนิ คา๎ จํานวน ๔,๐๐๐ บาท และคําบรกิ ารจาํ นวน ๒,๐๐๐ บาท (๒) เจา๎ ของสินค๎ามีหน๎าท่ีต๎องหักภาษเี งินได๎ ณ ทจ่ี ํายจากตัวแทนออกของ(ชปิ ปงิ้ )จากคําบรกิ ารท้ังหมดทีจ่ ําย จํานวน ๖,๐๐๐ บาท(รวมคําใช๎จํายในนามของเจา๎ ของสินค๎าแตํไมํมใี บเสร็จดว๎ ย) นนท์ เศรษฐวิวฒั น์
๑๓๕ (๓) ตวั แทนออกของ (ชปิ ปิ้ง) ไมมํ ีหนา๎ ท่ีตอ๎ งเสียภาษมี ูลคําเพิม่ จากคาํ ใช๎จํายในการดาํ เนินพธิ ีการศลุ กากรท่ี เรียกเก็บจากเจา๎ ของสนิ คา๎ จํานวน ๑๐,๐๐๐ บาท ซ่งึ เป็นคําใชจ๎ าํ ยท่มี ีใบเสร็จรับเงินในนามของเจ๎าของสินคา๎ และเม่ือ เจ๎าของสินค๎าจาํ ยเงนิ จํานวน ๑๐,๐๐๐ บาท ดงั กลําวใหแ๎ กํตัวแทนออกของ(ชิปปง้ิ )เจ๎าของสนิ ค๎าไมํมีหนา๎ ทีต่ ๎องหกั ภาษี เงนิ ได๎ ณ ท่ีจําย ป.๑๑๘/๒๕๔๕(การหักภาษี กรณีส่งเสริมการขาย) ขอ๎ ๑ กรณีบริษัทหรือหา๎ งหนุ๎ สวํ นนิติบคุ คลหรอื นิตบิ ุคคลอ่ืน ไดข๎ ายสินคา๎ ใหแ๎ กผํ ูซ๎ ้ือซ่งึ ได๎ซ้ือสินค๎าไปโดยมี วัตถุประสงค์ทจ่ี ะนําไปขายต่อ เม่อื ผ๎ูขายสินค๎าดงั กลาํ วจํายรางวลั สํวนลด หรือประโยชน๑ใดๆ เนอ่ื งจากการสงํ เสริม การขาย ผ๎ูจํายเงินมหี น๎าท่ีตอ้ งหักภาษเี งินได้ ณ ทีจ่ า่ ย ในอัตราร้อยละ ๓.๐ ของรางวลั สวํ นลด หรอื ประโยชนใ๑ ด ๆ เนอ่ื งจากการสํงเสรมิ การขาย ตัวอยาํ ง (๑) บริษัท ก จํากดั และบรษิ ัทผู๎แทนจําหนําย มขี อ๎ ตกลงวํา จะใช๎คปู องติดกับตัวสนิ คา๎ เปน็ สํวนลดเงินสด เมอ่ื ลูกคา๎ นําสินค๎าพร๎อมคูปองมาชําระเงิน บรษิ ทั ผ๎แู ทนจําหนํายจะใหส๎ วํ นลดเงนิ สดตามราคาคปู องน้ัน และบริษัทผแ๎ู ทน จาํ หนํายจะไดร๎ บั เงินชดเชยสวํ นลดเงนิ สดตามคูปองน้ันคืนจากบรษิ ทั ก จาํ กัด เงนิ ดงั กลําวเขา๎ ลักษณะเปน็ รางวัล สวํ นลด หรือประโยชนใ๑ ด ๆ เนื่องจากการสํงเสรมิ การขาย บริษัท ก จํากัด จึงมหี น๎าที่ต๎องหักภาษเี งนิ ได๎ ณ ที่จําย (๒) บรษิ ัท ข จํากัด ประกอบกิจการขายสนิ คา๎ อุปโภคบรโิ ภค ไดข๎ ายสนิ คา๎ ให๎แกรํ า๎ นคา๎ สะดวกซื้อซึง่ ประกอบ กจิ การค๎าปลีก มีข๎อตกลงวาํ รา๎ นค๎าฯ ไมสํ ามารถนําสนิ ค๎าจากแหลํงอนื่ มาขาย จะต๎องขายสนิ คา๎ ของบรษิ ัท ข จํากดั เทําน้ัน โดยบรษิ ัท ข จาํ กดั ต๎องจํายคําสิทธปิ ระโยชน๑ในการจําหนาํ ยสนิ ค๎าและจํายคาํ ธรรมเนยี มสนิ ค๎าแรกเข๎า (Entrance fee) ใหแ๎ กรํ ๎านค๎าฯ เงนิ ดังกลาํ วเขา๎ ลักษณะเป็นรางวลั สวํ นลด หรือประโยชนใ๑ ด ๆ เนื่องจากการสํงเสริม การขาย บริษทั ข จํากดั จงึ มีหน๎าท่ตี ๎องหักภาษีเงนิ ได๎ ณ ที่จาํ ย (๓) บริษัท ค จาํ กัด และบรษิ ัทผ๎แู ทนจําหนาํ ย มขี อ๎ ตกลงวาํ เพื่อเปน็ หลักประกันการชาํ ระหน้ีคาํ สนิ คา๎ ทีบ่ รษิ ทั ผ๎แู ทนจาํ หนํายซื้อจากบริษัท ค จาํ กดั ให๎บรษิ ัทผูแ๎ ทนจาํ หนาํ ยซง่ึ ชําระหน้ีด๎วยต๋ัวสญั ญาใชเ๎ งินนาํ ตวั๋ สญั ญาใช๎เงิน ดงั กลาํ วให๎ธนาคารรับรองตั๋ว เม่ือบริษัทผ๎ูแทนจาํ หนํายชําระคําธรรมเนยี มให๎แกํธนาคารแลว๎ บริษทั ค จาํ กดั จะ จาํ ยเงินชํวยเหลอื คําธรรมเนียมการรบั รองตั๋วสัญญาใช๎เงนิ ทั้งหมดให๎แกํบรษิ ัทผ๎ูแทนจําหนาํ ยในภายหลงั เงนิ ดงั กลาํ ว เขา๎ ลักษณะเป็นรางวัล สวํ นลด หรือประโยชน๑ใด ๆ เนื่องจากการสงํ เสริมการขาย บรษิ ทั ค จํากัด จึงมีหนา๎ ที่ตอ๎ งหัก ภาษีเงนิ ได๎ ณ ทีจ่ ําย (๔) บริษทั ง จํากดั และบรษิ ัทผูแ๎ ทนจําหนาํ ย มีข๎อตกลงวาํ บริษทั ง จาํ กดั จะจาํ ยเงนิ ชดเชยสํวนตาํ งคํา โทรศัพท๑ในสํวนท่เี กนิ จากคาํ โทรศัพท๑ในเขตพื้นที่เดียวกนั ใหแ๎ กํบริษัทผ๎แู ทนจาํ หนําย เงินดงั กลําวเขา๎ ลกั ษณะเป็น รางวลั สวํ นลด หรือประโยชน๑ใด ๆ เน่อื งจากการสํงเสริมการขาย บริษัท ง จาํ กัด จึงมีหน๎าท่ตี อ๎ งหักภาษเี งินได๎ ณ ที่ จาํ ย (๕) บริษัท จ จาํ กดั ประกอบกจิ การขายสินค๎าอุปโภคบรโิ ภคโดยสํงสินค๎าถึงบริษัทผ๎แู ทนจําหนําย ตอํ มามี ขอ๎ ตกลงกับบริษัทผูแ๎ ทนจําหนาํ ยวาํ หากบริษัทผูแ๎ ทนจําหนาํ ยซอ้ื สนิ คา๎ จากบรษิ ัท จ จาํ กดั โดยขนสนิ คา๎ เอง บรษิ ัท จ จํากัด จะจํายเงนิ ชวํ ยเหลอื คําขนสํงให๎แกบํ ริษทั ผ๎แู ทนจาํ หนําย หรอื จะลดราคาสนิ คา๎ ให๎แกบํ ริษัทผแู๎ ทนจําหนําย เงนิ ดังกลําวเข๎าลักษณะเป็นรางวัล สวํ นลด หรอื ประโยชน๑ใด ๆ เนอื่ งจากการสํงเสริมการขาย บรษิ ทั จ จาํ กัด จงึ มีหนา๎ ท่ี ต๎องหกั ภาษีเงนิ ได๎ ณ ที่จาํ ย (๖) บริษัท ฉ จาํ กัด ประกอบกจิ การขายกระเบอื้ งและเครือ่ งสุขภัณฑ๑ มี ขอ๎ ตกลงกับบริษัทผ๎แู ทนจาํ หนาํ ยวํา กรณีบรษิ ัทผู๎แทนจําหนาํ ยนาํ สนิ ค๎าท่ซี อ้ื จากบริษัท ฉ จํากัด ไปจดั แสดงหรอื ติดตง้ั ให๎เหน็ สภาพการใชง๎ านจรงิ เชนํ ปู กระเบ้ืองและติดต้ังเครอ่ื งสุขภณั ฑ๑เพ่ือจดั แสดงเปน็ ห๎องนาํ้ กรณดี ังกลําว เมอื่ บรษิ ัทผูแ๎ ทนจําหนาํ ยจาํ ยคํากํอสรา๎ ง ให๎แกผํ ๎รู บั เหมากํอสรา๎ งไปแล๎ว บริษัท ฉ จาํ กดั จะจาํ ยเงนิ ชํวยเหลือคาํ กํอสรา๎ งใหแ๎ กบํ ริษทั ผ๎ูแทนจําหนาํ ย เงิน นนท์ เศรษฐวิวฒั น์
๑๓๖ ดงั กลาํ วเขา๎ ลักษณะเปน็ รางวัล สํวนลด หรอื ประโยชนใ๑ ด ๆ เน่อื งจากการสํงเสริมการขาย บรษิ ัท ฉ จาํ กดั จึงมีหน๎าท่ี ต๎องหกั ภาษีเงนิ ได๎ ณ ทจี่ ําย (๗) บริษัท ช จํากัด ประกอบกจิ การขายสนิ คา๎ ได๎มีการจดั สมั นาให๎แกํ บริษัทผูแ๎ ทนจําหนํายเพอื่ แนะนําสินค๎า ใหมหํ รือเพ่อื เพม่ิ ความร๎คู วามเข๎าใจในสนิ ค๎าที่บรษิ ัทผ๎ูแทนจาํ หนํายซอื้ จากบรษิ ทั ช จํากัด ไปจําหนาํ ย และบางกรณีก็ ได๎จดั สมั นาให๎ความร๎ใู นการประกอบธุรกิจ ซง่ึ ทัง้ สองกรณบี รษิ ทั ช จํากดั มไิ ดเ๎ รยี กเก็บคําสมั นาจากบรษิ ัทผแ๎ู ทน จําหนําย และไดจ๎ ํายเงนิ ชวํ ยเหลอื คําเดนิ ทางและคาํ ท่ีพักให๎แกํบรษิ ทั ผ๎แู ทนจาํ หนํายดว๎ ย เงินดงั กลําวเข๎าลักษณะเปน็ รางวัล สวํ นลด หรือประโยชนใ๑ ด ๆ เน่อื งจากการสงํ เสรมิ การขาย บรษิ ัท ช จาํ กดั จงึ มหี นา๎ ที่ต๎องหักภาษีเงนิ ได๎ ณ ที่ จาํ ย (๘) บรษิ ทั ซ จาํ กัด ประกอบกจิ การขายยางรถยนต๑ มีข๎อตกลงกับบริษัท ผู๎แทนจําหนาํ ยวํา กรณบี ริษัทผแู๎ ทน จาํ หนํายซ้ือยางรถยนต๑จากบรษิ ัท ซ จํากดั ไปเพ่ือขายไดต๎ ามเปาู ท่ีกําหนด บริษทั ซ จาํ กดั จะจํายสวํ นลดภายหลัง (Rebate) โดยจะจํายในลักษณะเป็นใบลดหน้ี (Credit Note) เพ่อื ใหบ๎ ริษัทผ๎ูแทนจาํ หนํายนํามาชําระหนคี้ ําซือ้ ยาง รถยนตใ๑ นคราวตํอไป เงินดังกลําวเขา๎ ลักษณะเปน็ รางวลั สํวนลด หรอื ประโยชนใ๑ ด ๆ เนอ่ื งจากการสํงเสริมการขาย บริษัท ซ จาํ กัด จงึ มหี น๎าที่ต๎องหกั ภาษีเงนิ ได๎ ณ ท่จี ําย (๙) บริษทั ฌ จํากดั เป็นผู๎นําเขา๎ ยาจากตาํ งประเทศ มขี ๎อตกลงกบั บรษิ ัท ผูแ๎ ทนจําหนาํ ยวํา บรษิ ทั ฌ จาํ กดั จะ ใหส๎ วํ นลดแกบํ รษิ ทั ผแู๎ ทนจาํ หนํายในอตั ราร๎อยละ ๓๕ ของราคาสนิ ค๎าที่บริษัทผ๎แู ทนจําหนํายซ้อื จากบริษทั ฌ จาํ กัด โดยใหบ๎ ริษทั ผ๎ูแทนจาํ หนาํ ยรวบรวมยอดสวํ นลดในแตลํ ะเดือนแล๎วจดั สงํ ใบแจง๎ หน้ีเรียกเก็บเงนิ ไปยังบริษัท ฌ จํากดั เงนิ ดังกลาํ วเขา๎ ลักษณะเป็นรางวัล สํวนลด หรอื ประโยชนใ๑ ด ๆ เน่อื งจากการสํงเสรมิ การขาย บริษทั ฌ จํากัด จึงมี หนา๎ ทต่ี อ๎ งหักภาษเี งินได๎ ณ ท่จี ําย (๑๐) บริษทั ญ จาํ กดั ประกอบกิจการขายโทรศัพท๑เคลื่อนท่ี มขี ๎อตกลงกับ บริษทั ผู๎แทนจําหนํายวาํ กรณบี ริษทั ผแ๎ู ทนจาํ หนํายสามารถขายสินคา๎ รนํุ เกาํ ออกจากสต็อกได๎ บรษิ ทั ญ จํากดั จะจา่ ยเป็นคา่ อุดหนนุ (Subsidize) มลู คาํ ๕๐๐ บาท ตอํ ๑ เครอ่ื ง เงนิ ดงั กลําวเขา๎ ลักษณะเป็นรางวลั สวํ นลด หรอื ประโยชน๑ใด ๆ เนอ่ื งจากการสงํ เสรมิ การขายบริษัท ญ จํากดั จงึ มีหนา๎ ที่ต๎องหักภาษีเงินได๎ ณ ท่ีจําย ข๎อ ๒ กรณบี ริษทั หรือหา๎ งหุน๎ สํวนนติ บิ คุ คล หรือนิตบิ คุ คลอ่นื ตามข๎อ ๑ จาํ ยรางวลั สวํ นลด หรือประโยชนใ๑ ด ๆ เนือ่ งจากการสํงเสรมิ การขาย โดยจํายในลักษณะเป็นส่งิ ของ ผจ๎ู ํายเงินมีหนา๎ ทีต่ ๎องหกั ภาษเี งนิ ได๎ ณ ท่จี ําย ในวันที่ที่มี การสํงมอบสงิ่ ของ โดยคํานวณมลู คาํ ของสง่ิ ของตามราคาหรอื คาํ อนั พึงมีในวนั ทสี่ ํงมอบของนนั้ ขอ๎ ๓ กรณีบริษทั หรือห๎างหุ๎นสวํ นนิตบิ คุ คล หรือนติ ิบุคคลอื่นตามขอ๎ ๑ จาํ ยรางวลั สํวนลด หรอื ประโยชนใ๑ ด ๆ เนอ่ื งจากการสํงเสรมิ การขาย โดยจํายในลกั ษณะเป็นใบลดหนผ้ี ๎ูจํายเงินมหี น๎าท่ตี ๎องหักภาษเี งินได๎ ณ ที่จําย ตามวันท่ี ทอ่ี อกใบลดหนน้ี ้นั ขอ๎ ๔ กรณบี ริษทั หรือห๎างหนุ๎ สวํ นนติ บิ คุ คล หรือนิติบุคคลอน่ื ตามขอ๎ ๑ ได๎ขาย สนิ คา๎ ใหแ๎ กํผ๎ซู ื้อซ่ึงซ้ือสนิ ค๎าโดยมี วตั ถุประสงค๑ที่จะนาํ ไปขายตํอ โดยมกี ารแถมสนิ คา๎ ไปพร๎อมกับสนิ คา๎ ท่ขี ายซึ่งมลู คาํ ของสนิ ค๎าทีแ่ ถมไมํเกินมูลคาํ ของ สินคา๎ ทีข่ าย ไมวํ าํ สินค๎าที่แถมนั้นจะเปน็ สินค๎าประเภทและชนดิ เดยี วกับสนิ ค๎าท่ีขายหรือไมํ ผูข๎ ายสินคา๎ ไมํมีหนา๎ ท่ี ต๎องหกั ภาษีเงนิ ได๎ ณ ที่จํายสาํ หรับมูลคาํ ของสนิ คา๎ ท่ีแถม ข๎อ ๕ กรณีบริษัทหรือหา๎ งหน๎ุ สํวนนิติบคุ คล หรอื นติ ิบคุ คลอนื่ ตามขอ๎ ๑ ได๎ขายสินค๎าใหแ๎ กํผ๎ซู อื้ ซึง่ ซื้อสนิ คา๎ โดยมี วัตถปุ ระสงค๑ทจ่ี ะนาํ ไปขายตํอ โดยมีขอ๎ ตกลงให๎สวํ นลดหรือคําลดหยํอนภายหลังจากที่ขายสนิ ค๎าไปแลว๎ ซง่ึ เป็นสํวนลด เงนิ สด หากการให๎สํวนลดดังกลําวเป็นการใหส๎ ํวนลดทเี่ ปน็ ปกติตามประเพณที างการค๎า และได๎มกี ารระบุเง่ือนไข สํวนลดเงนิ สดไวใ๎ นใบสงํ ของ ใบแจ๎งหนี้ หรอื ใบกาํ กบั ภาษใี หช๎ ัดเจน สํวนลดดงั กลําวไมํเข๎าลักษณะเปน็ รางวัล สํวนลด หรือประโยชนใ๑ ด ๆ เนื่องจากการสงํ เสรมิ การขาย ผู๎จาํ ยเงินไมํมีหนา๎ ที่ต๎องหักภาษีเงินได๎ ณ ทจ่ี าํ ย ตวั อยาํ ง บริษัท ก จํากดั ประกอบกิจการขายเคร่ืองคอมพิวเตอร๑พร๎อมตดิ ตง้ั มูลคาํ ๓๕๐,๐๐๐ บาท มีเงื่อนไขการ นนท์ เศรษฐวิวฒั น์
๑๓๗ ชาํ ระราคาคาํ สินคา๎ วาํ ถา๎ ชําระภายใน ๒ เดือน จะลดให๎ ๒,๐๐๐ บาท หากบรษิ ัท ก จาํ กดั ไดร๎ ะบเุ งื่อนไขสํวนลดไว๎ ในใบสงํ ของ ใบแจง๎ หน้ี หรอื ใบกํากับภาษีให๎ชัดเจน บรษิ ัท ก จาํ กัด ไมมํ หี นา๎ ที่ตอ๎ งหักภาษีเงินได๎ ณ ทีจ่ ําย ขอ๎ ๖ กรณีบริษัทหรือหา๎ งหนุ๎ สวํ นนิติบุคคล หรือนิติบุคคลอื่นตามขอ๎ ๑ ได๎ขายสินคา๎ ใหแ๎ กํผซ๎ู ือ้ ดังตํอไปน้ี เม่อื ผ๎ขู าย สนิ คา๎ ดังกลําวจาํ ยรางวัล สวํ นลด หรือประโยชน๑ใดๆ เนื่องจากการสงํ เสริมการขาย ผจ๎ู ํายเงนิ ไมมํ ีหน๎าที่ต๎องหักภาษี เงนิ ได๎ ณ ทจี่ ําย (๑) กรณีการขายสนิ ค๎าท่ีผขู๎ ายทราบโดยชดั แจ๎งวาํ เปน็ การขายให๎แกผํ ๎ซู ้ือสินค๎าซ่ึงเป็นผู้บริโภคโดยตรง และได๎ ขายในปริมาณซง่ึ ตามปกตวิ ิสัยของผู๎บรโิ ภคนั้นจะนาํ สินค๎าไปบรโิ ภคหรือใชส๎ อย โดยมิได๎มีวตั ถปุ ระสงคท๑ ่ีจะนําไปขาย ตอํ เชนํ ผ๎ูซอ้ื ได๎ซ้ือสินค๎าเพียงเลก็ นอ๎ ย เป็นต๎น (๒) กรณีการขายสินค๎าทีผ่ ู๎ขายทราบโดยชดั แจง๎ วาํ เปน็ การขายให๎แกผํ ซู๎ ้ือสนิ ค๎าซึ่งเป็นผู๎ประกอบการท่ีนําสินคา๎ ไปใช้ในการประกอบกจิ การของตนเองโดยตรง โดยมิไดม๎ ี วัตถุประสงค๑ทจี่ ะนาํ ไปขายตํอ เชํน การขายอาหารสตั ว๑ ให๎แกผํ ๎ูประกอบการเลย้ี งสตั ว๑ เปน็ ต๎น ความในวรรคหน่ึง ไมํใช๎บังคับกับกรณีผซู๎ ื้อสินค๎าเป็นผ๎ูแทนจําหนาํ ยของผ๎ูขายซ่ึงซ้ือสนิ คา๎ เพ่อื นําไปใช๎ในการ ประกอบกจิ การของตนเองโดยตรง ตัวอยําง บรษิ ทั ฎ จาํ กดั ขายสินคา๎ ใหแ๎ กํบรษิ ัทผแู๎ ทนจําหนํายซ่งึ โดยปกตบิ ริษัทผูแ๎ ทนจําหนาํ ยซื้อสินค๎าโดยมี วตั ถปุ ระสงค๑ทจ่ี ะนําไปขายตํอ แตํในบางกรณีบริษทั ผูแ๎ ทนจาํ หนาํ ยตอ๎ งการซื้อสนิ คา๎ ของบริษทั ฎ จํากดั เพื่อนาํ ไปใช๎ ในการประกอบกิจการของบริษัทผูแ๎ ทนจําหนําย กรณีดังกลําว เมือ่ บริษทั ฎ จาํ กัด จํายเงินรางวัล สวํ นลด หรอื ประโยชน๑ใด ๆ เนื่องจากการสํงเสริมการขาย บรษิ ัท ฎ จํากดั มีหนา๎ ทีต่ ๎องหักภาษีเงินได๎ ณ ท่จี ําย ขอ๎ ๗ ใหน๎ าํ ความในข๎อ ๑ ถึงขอ๎ ๖ มาใช๎บังคบั สาํ หรับการจาํ ยรางวัล สํวนลด หรือประโยชน๑ใด ๆ เน่อื งจากการ สํงเสริมการขาย กรณีบริษัทหรือห๎างหุน๎ สํวนนิตบิ คุ คล หรอื นิติบคุ คลอืน่ ได๎ใหบ๎ ริการแกํผูร๎ ับบริการซึง่ ผ๎ูให๎บริการทราบ โดยชดั แจง๎ วาํ ผ๎รู บั บรกิ ารนั้นมีวัตถุประสงค๑ที่จะใหบ๎ ริการตํอหรอื ตามพฤติการณผ๑ รู๎ ับบริการมีวัตถปุ ระสงค๑ทจ่ี ะ ใหบ๎ ริการตอํ แนํนอน ข๎อ ๘ รางวลั สํวนลด หรือประโยชน๑ใด ๆ เน่ืองจากการสํงเสรมิ การขายตามข๎อ ๑ ไม่เขา้ ลักษณะเป็นคา่ ตอบแทน จากการขายสนิ คา้ หรอื การใหบ้ ริการ ตามมาตรา ๗๗/๑(๘) และมาตรา ๗๗/๑(๑๐) แหงํ ประมวลรัษฎากร ผร๎ู บั จึงไมํ ต๎องนําเงินรางวัล สวํ นลด หรือประโยชน๑ใด ๆ เน่ืองจากการสํงเสรมิ การขายดังกลําวไปรวมคํานวณมูลคําของฐานภาษี ตามมาตรา ๗๙ แหงํ ประมวลรัษฎากร (ข๎อ ๔ จะแตกตาํ งกบั ขอ๎ ๒ ตรงทวี่ าํ ขอ๎ ๔ มีการแถมสินค๎าไปพร๎อมกับการซ้ือเลย แตํขอ๎ ๒ อาจจะเป็นการจํายหรือ ใหภ๎ ายหลงั ) ป.๑๑๗/๒๕๔๕(การนับเวลาคํานวณเงินเพ่ิม) ขอ๎ ๑ กรณีกําหนดเวลาในการยืน่ แบบแสดงรายการภาษี แบบแสดงรายการหักภาษแี ละนาํ เงินภาษีสํงหรอื แบบนาํ สํง ภาษี วนั สดุ ท๎ายตรงกบั วนั หยุดทําการของทางราชการ ใหน้ ับวันท่เี รมิ่ ทําการใหม่ต่อจากวนั ท่ีหยดุ ทําการนน้ั เปน็ วัน สดุ ท้ายของระยะเวลา ตามมาตรา ๑๙๓/๘ แหํงประมวลกฎหมายแพงํ และพาณิชย๑ โดยไมํต๎องเสยี เบยี้ ปรับและเงนิ เพ่ิมแตํอยํางใด ข๎อ ๒ กรณีได๎รับอนมุ ัตใิ ห๎ขยายกําหนดเวลาตามทบ่ี ัญญัตไิ ว๎ในประมวลรัษฎากร (๑) กรณีขยายกาํ หนดเวลาการยนื่ แบบแสดงรายการ โดยไดร๎ ับอนมุ ตั ิจากอธิบดีกรมสรรพากร และวนั สดุ ท๎าย แหงํ ระยะเวลาท่ขี ยายออกไปดงั กลาํ วตรงกับวนั หยุดทําการของทางราชการ ให๎นับวันทเี่ ร่มิ ทาํ การใหมตํ ํอจากวนั ที่ หยดุ ทาํ การนน้ั เปน็ วนั สุดท๎ายของระยะเวลา โดยไมตํ อ๎ งเสียเบีย้ ปรับ แตตํ ๎องเสยี เงินเพิ่มในอัตราร๎อยละ ๐.๗๕ ตอํ เดอื นหรือเศษของเดอื นของเงินภาษีที่ต๎องชาํ ระหรอื นําสํง โดยให๎เริ่มนบั เม่ือพน๎ กาํ หนดเวลาการย่ืนแบบแสดงรายการ นนท์ เศรษฐวิวัฒน์
๑๓๘ (๒) กรณีขยายกาํ หนดเวลา โดยไดร๎ ับอนุมัตจิ ากรฐั มนตรี และวนั สุดทา๎ ยแหํงระยะเวลาที่ขยายออกไปดงั กลาํ ว ตรงกับวนั หยุดทาํ การของทางราชการ ใหน๎ บั วนั ที่เรมิ่ ทาํ การใหมํตอํ จากวนั ทีห่ ยุดทําการน้ันเป็นวันสุดท๎ายของ ระยะเวลา โดยไมํตอ๎ งเสียเบย้ี ปรับและเงนิ เพิ่มแตํอยํางใด ข๎อ ๓ กรณผี ๎ตู ๎องเสียภาษใี ช๎สิทธชิ ําระภาษีเปน็ รายงวด หากวันสุดทา๎ ยแหงํ กําหนดเวลา ซง่ึ ต๎องชาํ ระภาษีในแตํละงวด ตรงกับวันหยุดทาํ การของทางราชการ (๑) กรณีผํอนชําระภาษตี ามมาตรา ๖๔(๑) แหํงประมวลรัษฎากร หากวนั สุดทา๎ ยทต่ี ๎องผํอนชําระงวดทีส่ อง หรอื งวดทสี่ ามตรงกับวนั หยดุ ทาํ การของทางราชการ ให๎นับวันทเี่ รมิ่ ทําการใหมํตํอจากวันที่หยดุ ทาํ การนั้นเปน็ วนั สดุ ท๎ายของระยะเวลา ตวั อยาํ ง นาย ก. ไดย๎ ื่นแบบแสดงรายการภาษีเงนิ ได๎บุคคลธรรมดา (ภ.ง.ด.๙๑) ปี พ.ศ.๒๕๔๒ มภี าษีทีต่ ๎อง ชําระ ๖,๐๐๐ บาท และได๎ใช๎สิทธติ ามมาตรา ๖๔(๑) แหํงประมวลรัษฎากร โดยงวดที่หน่ึงได๎ชาํ ระภาษีพร๎อมกบั การ ยนื่ แบบแสดงรายการภาษีฯ จาํ นวน ๒,๐๐๐ บาท เม่อื วันท่ี ๓๑ มนี าคม ๒๕๔๓ งวดทส่ี องต๎องชาํ ระจํานวน ๒,๐๐๐ บาท ภายในเดือนเมษายน ๒๕๔๓ และงวดท่ีสามต๎องชําระ จาํ นวน ๒,๐๐๐ บาท ภายในเดอื นพฤษภาคม ๒๕๔๓ แตํ ปรากฏวาํ วนั ที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๔๓ ตรงกับวันอาทติ ย๑ ซง่ึ เป็นวันหยดุ ทําการ นาย ก. มสี ิทธนิ ําเงินงวดทส่ี องไปชาํ ระ ในวนั ท่ี ๑ พฤษภาคม ๒๕๔๓ โดยไมหํ มดสิทธทิ ีจ่ ะชาํ ระเป็นรายงวดตอํ ไป และไมํต๎องเสียเงินเพม่ิ ตามมาตรา ๒๗ แหงํ ประมวลรษั ฎากร แตอํ ยํางใด (๒) กรณีผํอนชําระภาษีตามมาตรา ๖๔(๒) แหงํ ประมวลรษั ฎากร หากวันสดุ ทา๎ ย ที่ต๎องผํอนชาํ ระงวดที่สอง หรอื งวดทีส่ ามตรงกับวนั หยดุ ทาํ การของทางราชการ ให๎นบั วันทีเ่ ริ่มทาํ การใหมํตํอจากวันทหี่ ยดุ ทําการน้ันเป็นวัน สดุ ท๎ายของระยะเวลา ตวั อยาํ ง นาย ข. ไดถ๎ ูกประเมินภาษีเงนิ ได๎บุคคลธรรมดา พรอ๎ มเงินเพิม่ ตามมาตรา ๒๗ แหงํ ประมวลรัษฎากร เป็นจํานวนเงนิ มากกวํา ๓,๐๐๐ บาท ไดร๎ บั หนังสอื แจ๎งการประเมิน เมอื่ วนั ที่ ๑ มนี าคม๒๕๔๓ นาย ข. ได๎ใชส๎ ิทธิตาม มาตรา ๖๔(๒) แหํงประมวลรษั ฎากร โดยงวดทห่ี น่งึ ได๎ชาํ ระ เมื่อวันท่ี ๓๑ มนี าคม๒๕๔๓ งวดท่ีสองจะต๎องชาํ ระ ภายในเดอื นเมษายน ๒๕๔๓ และงวดท่สี ามจะ ตอ๎ งชาํ ระภายในเดอื นพฤษภาคม ๒๕๔๓ แตปํ รากฏวําวันท่ี ๓๐ เมษายน ๒๕๔๓ ตรงกบั วนั อาทติ ย๑ ซึง่ เปน็ วนั หยดุ ทําการ นาย ข. มีสทิ ธนิ ําเงนิ งวดทสี่ องไปชําระในวันท่ี ๑ พฤษภาคม ๒๕๔๓ โดยไมํหมดสิทธิทจ่ี ะชําระเปน็ รายงวดตํอไป และไมํตอ๎ งเสียเงนิ เพ่ิมตามมาตรา ๒๗ แหํงประมวลรัษฎากร เพ่ิมเติม แตอํ ยาํ งใด (๓) กรณีได๎รบั อนุมัติใหผ๎ ํอนชาํ ระภาษีเปน็ รายงวด ตามระเบียบกรมสรรพากร วําดว๎ ยการผอํ นชาํ ระภาษีอากร หากวันสดุ ท๎ายที่ต๎องผํอนชาํ ระของงวดใดงวดหนง่ึ ตรงกับวันหยุดทาํ การของทางราชการ ให๎นบั วันท่ีเริม่ ทําการใหมํตํอ จากวนั ทห่ี ยุดทําการนน้ั เปน็ วนั สุดทา๎ ยของระยะเวลา ตัวอยําง บริษทั ค. จํากัด ได๎ถูกประเมนิ ภาษีเงินได๎นติ บิ ุคคลพรอ๎ มเบย้ี ปรับและเงนิ เพิ่ม ตามหนงั สือแจง๎ การ ประเมิน เปน็ เงนิ จาํ นวน ๑๒๐,๐๐๐ บาท บรษิ ทั ค. จํากัด ได๎รบั อนมุ ัติให๎ผํอนชาํ ระภาษีตามระเบียบกรมสรรพากร วาํ ด๎วยการ ผอํ นชาํ ระภาษีอากร เปน็ งวดรายเดือน รวม ๖ งวด แตํละงวดต๎องชาํ ระภายในวนั ที่ ๗ ของทกุ เดอื น งวดที่ หน่ึงไดช๎ ําระเม่อื วันที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๔๓ งวด ทส่ี องชาํ ระเม่ือวันท่ี ๗ สิงหาคม ๒๕๔๓ งวดท่ีสามชําระเมื่อวนั ท่ี ๗ กนั ยายน ๒๕๔๓ แตปํ รากฏวํางวดที่ ๔ วนั ที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๔๓ ตรงกับวันเสาร๑ ซ่ึงเปน็ วันหยุดทาํ การ บรษิ ทั ค.จํากัด มสี ทิ ธนิ ําเงินงวดท่ี ๔ ไปชําระในวันท่ี ๙ ตลุ าคม ๒๕๔๓ ได๎ โดยไมํหมดสทิ ธิท่ีจะชําระเป็นรายงวดตํอไป และไมํต๎อง เสยี เงนิ เพ่มิ ตามมาตรา ๒๗ แหํงประมวลรษั ฎากร เพิ่มเติม แตอํ ยํางใด ข๎อ ๔ กรณบี ุคคลผ๎ตู ๎องเสยี เบ้ียปรับขอลดเบ้ยี ปรบั ตามคาํ สั่งกรมสรรพากรเกี่ยวกับหลกั เกณฑ๑การงดหรือลดเบ้ียปรับ ภาษมี ูลคําเพิ่ม และภาษีธุรกิจเฉพาะ หากวนั สุดท๎ายแหํงกําหนดเวลาตรงกับวันหยดุ ทาํ การของทางราชการ ใหน๎ บั วนั ทเี่ รม่ิ ทําการใหมํตํอจากวันทหี่ ยดุ ทาํ การน้ันเป็นวันสุดท๎ายของระยะเวลา สวํ นเงินเพ่มิ ใหค๎ าํ นวณในอัตรา ร๎อยละ นนท์ เศรษฐวิวัฒน์
๑๓๙ ๑.๕ ตํอเดือนหรอื เศษของเดือนของเงนิ ภาษีที่ต๎องชาํ ระหรือนาํ สงํ โดยให๎เร่ิมนบั เม่ือพน๎ กําหนดเวลาการย่นื แบบแสดง รายการภาษหี รอื แบบนําสงํ ภาษจี นถึงวนั ชาํ ระภาษีหรือนําสํงภาษี ตวั อยําง (๑) บรษิ ทั ง. จาํ กดั ยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลคําเพ่มิ (ภ.พ.๓๐) และชาํ ระภาษมี ูลคําเพม่ิ สําหรับเดือน กรกฎาคม ๒๕๓๙ เมื่อวนั ท่ี ๑๖ กนั ยายน ๒๕๓๙ แตวํ นั ที่ ๑๔ และวนั ท่ี ๑๕ กนั ยายน ๒๕๓๙ ตรงกบั วนั เสาร๑และวัน อาทติ ย๑ จึงนับวันท่ี ๑๖ กนั ยายน ๒๕๓๙ เป็นวันสุดทา๎ ย จึงเป็นกรณีชําระภายหลงั ๑๕ วัน แตไํ มํเกนิ ๓๐ วัน นบั แตวํ นั พน๎ กาํ หนดเวลาชําระภาษมี ลู คําเพิม่ ให๎ลดเบ้ียปรบั และคงเรียกเก็บในอัตราร๎อยละ ๕ ของเบย้ี ปรบั ได๎ สวํ นเงนิ เพม่ิ ให๎คํานวณรอ๎ ยละ ๑.๕ ตํอเดอื น เปน็ เวลา ๑ เดือน(การนบั เวลาใชเ๎ กณฑ๑เดียวกัน) (๒) บรษิ ทั จ. จํากัด ย่ืนแบบแสดงรายการภาษมี ูลคาํ เพ่ิม (ภ.พ.๓๐) และชาํ ระภาษีมูลคาํ เพมิ่ สําหรับเดือน กรกฎาคม ๒๕๔๓ เมอ่ื วนั ที่ ๑๕ กนั ยายน ๒๕๔๓ ตอํ มาไดย๎ น่ื แบบแสดง รายการภาษีมูลคําเพ่ิม (ภ.พ.๓๐) ของเดอื น กรกฎาคม ๒๕๔๓ เพิ่มเติม เม่ือวันที่ ๑๖ ตลุ าคม ๒๕๔๓ กรณีนก้ี ารนับระยะเวลาเพ่ือคํานวณเบย้ี ปรับสําหรับการยื่น แบบแสดงรายการภาษีเพ่ิมเติม จะตอ๎ งนบั ต้ังแตวํ นั พ๎นกําหนดเวลาชําระภาษีมลู คําเพ่มิ คือ วนั ที่ ๑๖ สิงหาคม ๒๕๔๓ จนถงึ วันทีย่ น่ื แบบแสดงรายการภาษีเพ่ิมเติม คอื วนั ที่ ๑๖ ตลุ าคม ๒๕๔๓ ซึง่ นับไดเ๎ ป็นเวลา ๖๒ วนั แตเํ นื่องจาก วันที่ ๑๔ และวันท่ี ๑๕ ตุลาคม ๒๕๔๓ ตรงกบั วันเสาร๑และวนั อาทิตย๑ ซึง่ เปน็ วันหยุดทาํ การของทางราชการ กรณีนี้ จึงถือวาํ บริษัทฯ ชาํ ระภาษภี ายหลัง ๓๐ วัน แตไํ มํเกิน ๖๐ วนั นับแตวํ นั พ๎นกาํ หนดเวลาชาํ ระภาษมี ลู คาํ เพิ่ม ให๎เสยี ร๎อยละ ๑๐ ของเบยี้ ปรบั สวํ นเงินเพมิ่ ให๎คํานวณร๎อยละ ๑.๕ ตํอเดือน เปน็ เวลา ๒ เดือน ป.๑๐๔/๒๕๔๔(การให้บริการในและนอกอาณาจักร) ขอ๎ ๑ กรณผี ู๎ประกอบการซ่งึ ไดใ๎ ห๎บรกิ ารท่ีกระทาํ ในตาํ งประเทศและได๎มีการใชบ๎ รกิ ารนั้นในราชอาณาจักร ถอื วําการ ให๎บริการน้ันเป็นการใหบ๎ ริการในราชอาณาจักร ผปู๎ ระกอบการดังกลาํ วมหี น๎าที่ต๎องเสยี ภาษีมูลคําเพิม่ ซึ่งความรบั ผดิ ในการเสยี ภาษีมูลคําเพิ่มเกดิ ขึ้นเมอ่ื ไดม๎ ีการชําระราคาคําบรกิ ารทัง้ หมดหรือบางสํวน ขอ๎ ๒ การให๎บริการที่กระทําในตาํ งประเทศ และไดม๎ ีการใช๎บรกิ ารนั้นในราชอาณาจกั ร หมายความวาํ การกระทาํ ใด ๆ อันอาจหาประโยชน๑อันมีมูลคาํ ซง่ึ มใิ ชเํ ป็นการขายสนิ ค๎า ทผ่ี ป๎ู ระกอบการในตํางประเทศได๎กระทําขน้ึ ในตํางประเทศ และผ๎รู บั บรกิ ารในราชอาณาจักรไดน๎ ําผลของการกระทาํ นน้ั มาใชใ๎ นราชอาณาจกั ร กรณีผปู๎ ระกอบการในตาํ งประเทศได๎โอนกรรมสิทธ์สิ นิ ค๎าที่ไมมํ ีรูปรํางให๎กบั ผ๎ูประกอบการหรือบุคคลใดใน ราชอาณาจักรไมํถอื เปน็ การใหบ๎ ริการทก่ี ระทาํ ในตาํ งประเทศและได๎มีการใช๎บรกิ ารน้ันในราชอาณาจักร แตํถือเป็น การขายสนิ คา๎ ที่ไมมํ ีรปู ราํ ง การขายสินค๎าท่ีไมํมีรูปราํ งตามวรรคสอง เชํน การโอนกรรมสทิ ธิส์ ิทธิในสิทธิบัตร การโอนกรรมสทิ ธิใ์ นกดู๏ วิลล๑ การโอนกรรมสิทธิ์ในเคร่ืองหมายการค๎า การโอนกรรมสทิ ธิ์ในลิขสิทธ์ิ การโอนกรรมสิทธ์ใิ นสมั ปทาน การโอน กรรมสิทธิ์ในคําสทิ ธิ หรือการโอนกรรมสทิ ธ์ิในสนิ ค๎าท่ีมีลักษณะทํานองเดียวกัน กรณผี ูป๎ ระกอบการในตาํ งประเทศไดใ๎ ห๎ผู๎ประกอบการหรือบคุ คลใดในราชอาณาจักรไดใ๎ ชส๎ ิทธใิ นสทิ ธบิ ตั ร ได๎ ใชก๎ ดู๏ วลิ ล๑ ได๎ใชเ๎ ครื่องหมายการคา๎ ไดใ๎ ชล๎ ิขสิทธ์ิ ไดใ๎ ชส๎ มั ปทาน ไดใ๎ ชค๎ าํ สิทธิ หรอื ไดใ๎ ชส๎ ินค๎าท่มี ีลกั ษณะทาํ นอง เดยี วกนั โดยผ๎ปู ระกอบการใน ตํางประเทศยงั คงเปน็ เจ๎าของกรรมสิทธิส์ ทิ ธิในสิทธิบัตร กูด๏ วลิ ล๑ เครือ่ งหมายการคา๎ ลิขสิทธ์ิ สัมปทาน คาํ สิทธิ หรือสนิ คา๎ ท่ีมลี กั ษณะทํานองเดยี วกนั ไมถํ ือเป็นการขายสนิ ค๎าที่ไมํมีรปู รําง แตํถอื เปน็ การ ให๎บริการที่กระทําในตํางประเทศและไดม๎ ีการใชบ๎ รกิ ารน้นั ในราชอาณาจักร กรณีผปู๎ ระกอบการในตํางประเทศรับจ๎างเขยี นซอฟต๑แวร๑ให๎กับผู๎ประกอบการหรือบุคคลใดซึ่งเปน็ ผวู๎ ําจา๎ งใน ราชอาณาจกั ร โดยผ๎ูวาํ จ๎างในราชอาณาจกั รยังคงเปน็ เจา๎ ของกรรมสิทธ์ิในลิขสทิ ธซ์ิ อฟต๑แวร๑ดังกลาํ ว ไมถํ ือเป็นการ ขายสินคา๎ ท่ีไมมํ ีรูปรําง แตํถอื เป็นการให๎บรกิ ารที่กระทาํ ในตาํ งประเทศและได๎มกี ารใชบ๎ รกิ ารนัน้ ในราชอาณาจักร ขอ๎ ๓ กรณผี ๎รู บั บริการในราชอาณาจักรจํายเงนิ คําบริการใหก๎ บั ผป๎ู ระกอบการตามข๎อ ๑ ผูจ๎ ํายเงินมหี นา๎ ท่นี ําสํงเงนิ นนท์ เศรษฐวิวัฒน์
๑๔๐ ภาษีมลู คาํ เพ่ิมที่ผปู๎ ระกอบการมหี นา๎ ท่ีเสียภาษีตามมาตรา ๘๓/๖(๒) แหํงประมวลรัษฎากร โดยผู๎จาํ ยเงินต๎องยนื่ แบบ นําสํงภาษีมลู คาํ เพ่ิม (ภ.พ.๓๖) ณ ทีว่ าํ การอาํ เภอภายในเจ็ดวนั นับแตวํ ันส้นิ เดือนของเดือนทจี่ ํายเงนิ ใหก๎ ับ ผป๎ู ระกอบการ ตัวอยําง (๑) บริษทั ก จํากดั ได๎ทาํ สญั ญาวําจ๎างบรษิ ัทในตํางประเทศใหด๎ ําเนินการ ให๎คาํ ปรกึ ษาและแนะนาํ ดา๎ นการ บริหาร ซงึ่ การให๎บรกิ ารทัง้ หมดได๎กระทําในตํางประเทศและบริษัทในตํางประเทศไดจ๎ ดั สํงข๎อมูลดังกลาํ วผํานทาง โทรศัพท๑ โทรสาร E – MAIL (ไปรษณยี ๑อเิ ล็กทรอนิกส๑) และจดหมายให๎กบั บริษัท ก จาํ กัด กรณีดังกลําว ถือเปน็ การ ใหบ๎ รกิ ารที่กระทําในตาํ งประเทศและได๎มีการใช๎บริการนัน้ ในราชอาณาจักร (๒) บรษิ ัท ข จาํ กัด ได๎ทําสญั ญาเชําเครื่องจกั รจากบรษิ ัทในตาํ งประเทศเพ่ือ นํามาใช๎ในอตุ สาหกรรมการผลติ เส้อื ผา๎ สาํ เรจ็ รปู ถือเป็นการให๎บรกิ ารทก่ี ระทําในตาํ งประเทศและได๎มีการใช๎บริการนน้ั ในราชอาณาจักร (๓) บริษทั ค จาํ กัด ได๎ทําสัญญารับจ๎างออกแบบคํานวณโครงสรา๎ งทางยกระดบั โครงการแหงํ หนึง่ ซง่ึ บรษิ ัท ค จํากดั ได๎ทําสัญญาจ๎างชวํ งงานคาํ นวณโครงสร๎างบางสวํ นกับบริษทั ในตํางประเทศโดยบริษัทในตาํ งประเทศจะ ดําเนินการออกแบบและ คาํ นวณโครงสร๎างในตํางประเทศ และสํงผลของงานให๎กับบริษัท ค จํากัด กรณีดงั กลําว ถือ เปน็ การให๎บรกิ ารทีก่ ระทาํ ในตํางประเทศและได๎มีการใชบ๎ ริการนน้ั ในราชอาณาจักร (๔) บรษิ ทั ง จาํ กดั ไดท๎ ําสญั ญาวําจ๎างบรษิ ัทในตํางประเทศให๎ซํอมแซมเคร่ืองจักรทีใ่ ช๎ในการผลติ สนิ ค๎าโดย สงํ เครื่องจักรไปซํอมแซมในตํางประเทศ เมอื่ บริษทั ในตาํ งประเทศดําเนินการเรยี บร๎อยแล๎วได๎สํงกลับมาให๎บริษทั ง จาํ กัด ใช๎ในประเทศไทย กรณีดังกลําว ถือเป็นการใหบ๎ ริการที่กระทําในตาํ งประเทศและได๎มีการใชบ๎ รกิ ารนั้นใน ราชอาณาจักร (๕) บรษิ ทั จ จํากัด ประกอบกจิ การเกยี่ วกับสนามกอล๑ฟได๎ทาํ สญั ญาวาํ จ๎างบริษัทในตํางประเทศให๎ ดาํ เนนิ การออกแบบสนามกอล๑ฟโดยบริษทั ในตํางประเทศยังคงเปน็ เจ๎าของกรรมสทิ ธ์ิในงานเขียนแบบและแผนผังอน่ื ๆ เงนิ คําจา๎ งออกแบบดังกลําวเข๎าลกั ษณะเปน็ คาํ ตอบแทนเพ่อื คําสทิ ธิ กรณดี ังกลาํ ว ถือเปน็ การใหบ๎ รกิ ารท่ีกระทาํ ใน ตํางประเทศ และได๎มีการใชบ๎ ริการน้ันในราชอาณาจักร (๖) บรษิ ทั ช จาํ กดั ประกอบธุรกิจถลงุ โลหะ ไดซ๎ ้ือลิขสทิ ธ์กิ รรมวิธีการผลิตจากบรษิ ัทในตาํ งประเทศโดย บริษทั ในตํางประเทศยงั คงเป็นเจ๎าของกรรมสิทธ์ใิ นลขิ สทิ ธ์ิกรรมวิธกี ารผลิต กรณีดังกลาํ ว ถือเป็นการให๎บริการที่ กระทําในตาํ งประเทศและได๎มกี ารใชบ๎ ริการน้ันในราชอาณาจกั ร (๗) สํวนราชการแหํงหนง่ึ ทําสัญญาจัดซื้อโปรแกรมคอมพิวเตอรจ๑ ากบริษัทในตํางประเทศ โดยบริษัทใน ตํางประเทศเสนอราคาคําโปรแกรมคอมพวิ เตอรป๑ ระกอบด๎วยคาํ ลิขสิทธท์ิ ่ีบรษิ ัทในตาํ งประเทศยังคงเปน็ เจา๎ ของ กรรมสิทธ์ใิ นลิขสิทธ์ิ คาํ ติดต้งั คาํ บาํ รุงรักษา คําฝกึ อบรม คาํ ใหค๎ าํ ปรกึ ษา คําเดินทาง และคาํ ที่พักของพนักงาน กรณี ดงั กลําว ถอื เปน็ การใหบ๎ ริการทกี่ ระทาํ ในตํางประเทศ และไดม๎ กี ารใชบ๎ รกิ ารน้นั ในราชอาณาจกั ร (๘) บริษทั ซ จํากัด ได๎ทําสญั ญาวําจา๎ งบรษิ ัทในตํางประเทศผลิต BROCHURE เปน็ รปู ภาพของโรงแรมและ เย็บเปน็ หนังสือเลํมเลก็ ๆ โดยบางสวํ นแจกให๎ลูกค๎าในประเทศไทย และบางสวํ นแจกให๎ลูกค๎าในตํางประเทศ ถอื เปน็ การใหบ๎ ริการท่กี ระทําในตํางประเทศ และได๎มกี ารใช๎บริการน้ันในราชอาณาจักร (๙) บริษทั ฌ จาํ กัด ไดท๎ ําสญั ญาใชบ๎ ริการนาํ เสนอข๎อมลู สินค๎าหรือบรกิ ารผาํ นอินเตอรเ๑ นต็ หรอื บรกิ ารเชํา พนื้ ทบ่ี นเว็บไซท๑ (Web Site) หรอื บริการเชําพื้นทบี่ นเซิร๑ฟเวอร๑ (Server) ของบรษิ ทั ในตํางประเทศ ถอื เปน็ การ ให๎บริการที่กระทําในตํางประเทศ และไดม๎ ีการใช๎บริการนั้นในราชอาณาจักร (๑๐) บริษัท ญ จํากัด ไดท๎ ําสัญญาใช๎บรกิ ารอนิ เตอร๑เน็ต หรือบริการเชือ่ มตอํ เครือขํายอนิ เตอร๑เนต็ (Internet Service Provider) จากบริษัทในตาํ งประเทศ ถือเปน็ การให๎บริการทกี่ ระทาํ ในตํางประเทศ และไดม๎ ีการใชบ๎ รกิ ารนน้ั ในราชอาณาจักร นนท์ เศรษฐวิวฒั น์
๑๔๑ (๑๑) บรษิ ทั ฎ จาํ กัด ได๎ทาํ สัญญาใชบ๎ รกิ ารรับฝากเซริ ฟ๑ เวอร๑ (Data Management หรือ Co-Location) จาก บริษทั ในตํางประเทศ ถือเปน็ การใหบ๎ รกิ ารที่กระทาํ ในตาํ งประเทศ และได๎มกี ารใช๎บรกิ ารนั้นในราชอาณาจักร ขอ๎ ๕ กรณผี ร๎ู ับบริการในราชอาณาจักรตามขอ๎ ๓ เป็นผปู๎ ระกอบการจดทะเบยี นมสี ทิ ธินําภาษีมลู คาํ เพ่ิมท่ีได๎นาํ สํงไป ถอื เป็นภาษีซื้อได๎ โดยมสี ิทธินําไปถือเป็นภาษีซ้ือในเดือนภาษีที่มีการยน่ื แบบนําสงํ ภาษีมูลคาํ เพ่มิ (ภ.พ.๓๖) และได๎รับ ใบเสรจ็ รบั เงนิ ของกรมสรรพากร ขอ๎ ๖ กรณีผู๎ประกอบการซงึ่ ไดใ๎ ห๎บริการท่ีกระทาํ ในตํางประเทศและมิไดม๎ ีการใช๎บริการน้นั ในราชอาณาจักร ไมํถือวาํ การให๎บรกิ ารนนั้ เปน็ การให๎บริการในราชอาณาจกั ร ผ๎ปู ระกอบการดงั กลาํ วไมมํ ีหนา๎ ท่ีต๎องเสียภาษีมูลคําเพ่ิม ตัวอยําง (๑) บริษัท ก จาํ กดั ประกอบกจิ การขายสินค๎า ทาํ สัญญาวาํ จ๎างบรษิ ทั ในตาํ งประเทศให๎เปน็ นายหน๎าติดตอํ หา ลูกคา๎ ในตํางประเทศ ถอื เป็นการให๎บริการทก่ี ระทาํ ในตํางประเทศและมิได๎มีการใช๎บริการนัน้ ในราชอาณาจักร บริษัท ก จาํ กัด ไมํมหี น๎าท่ีต๎องย่ืนแบบนาํ สํงภาษีมูลคาํ เพิ่ม (ภ.พ.๓๖) (๒) บริษทั ข จาํ กดั ประกอบกิจการประเภทธุรกจิ หลกั ทรัพย๑ ไดท๎ ําสญั ญากูย๎ ืมเงินจากธนาคารในตาํ งประเทศ โดยบริษัท ข จาํ กัด ไดว๎ ําจ๎างบรษิ ทั ในตํางประเทศแหํงหน่งึ เป็นตัวแทนในการจัดหาแหลงํ เงินกู๎ ซงึ่ บริษทั ข จาํ กดั จะตอ๎ งจํายคาํ ธรรมเนยี มใหแ๎ กํตัวแทน ถือเปน็ การใหบ๎ ริการท่กี ระทาํ ในตาํ งประเทศและมิไดม๎ ีการใชบ๎ รกิ ารนั้นใน ราชอาณาจกั ร บริษทั ข จาํ กัด ไมมํ หี นา๎ ทตี่ อ๎ งย่นื แบบนาํ สํงภาษีมูลคําเพ่มิ (ภ.พ.๓๖) (๓) บรษิ ัท ค จาํ กัด ประกอบกจิ การผลติ สนิ ค๎า ได๎ทาํ สัญญาแตงํ ต้งั บริษัทในตาํ งประเทศเปน็ ตวั แทนในการ ชําระราคาคําสนิ ค๎าใหแ๎ กผํ ข๎ู ายในตาํ งประเทศ โดย ตวั แทนตอ๎ งจํายเงินทดรองแทนบริษัทฯ ไปกํอนและเรยี กเก็บเงิน คืนจากบรษิ ัทฯ พร๎อมกบั เรียกเก็บคําบริการ ถอื เปน็ การให๎บรกิ ารท่กี ระทาํ ในตาํ งประเทศและมิได๎มีการใชบ๎ รกิ ารน้นั ในราชอาณาจักร บรษิ ทั ค จํากดั ไมํมหี นา๎ ทีต่ ๎องยืน่ แบบนําสงํ ภาษมี ลู คําเพ่ิม (ภ.พ.๓๖) (๔) บรษิ ัท ง จาํ กดั ประกอบกจิ การโรงแรม ไดท๎ ําสญั ญาวําจ๎างบริษทั ในตํางประเทศให๎ดําเนินการสํงเสรมิ การ ขายการตลาด โฆษณา และรบั จองห๎องพัก ถอื เป็นการใหบ๎ รกิ ารที่กระทาํ ในตํางประเทศและมิได๎มกี ารใชบ๎ รกิ ารนนั้ ใน ราชอาณาจกั ร บรษิ ทั ง จํากดั ไมํมหี น๎าที่ต๎องย่นื แบบนาํ สงํ ภาษีมลู คาํ เพม่ิ (ภ.พ.๓๖) (๕) สถานโี ทรทศั น๑ในตาํ งประเทศรบั จา๎ งโฆษณาสนิ ค๎าทางโทรทศั นใ๑ นตํางประเทศ โดยมรี ายไดจ๎ ากการรบั จ๎าง โฆษณาสนิ คา๎ ทางโทรทัศนจ๑ ากผ๎ผู ลติ หรือผ๎ูจําหนาํ ย สนิ ค๎าท้ังในและนอกประเทศ ซง่ึ มีผผู๎ ลิตหรอื ผ๎ูจาํ หนํายสินค๎าใน ประเทศไทยได๎วาํ จ๎างโฆษณาดงั กลาํ วดว๎ ย ถือเป็นการใหบ๎ รกิ ารทีก่ ระทําในตาํ งประเทศและมิไดม๎ ีการใช๎บริการนัน้ ใน ราชอาณาจักร ผผู๎ ลิตหรอื ผ๎จู าํ หนํายสนิ ค๎าในประเทศไทยไมํมหี นา๎ ทตี่ ๎องยนื่ แบบนาํ สงํ ภาษีมลู คําเพิม่ (ภ.พ.๓๖) (๖) บริษทั จ จํากดั วาํ จ๎างบรษิ ัทในตาํ งประเทศจัดทําโฆษณาลงในนิตยสารสวัสดีทม่ี ผี ู๎โดยสารอาํ นบนเคร่ืองบนิ ซึ่งมที ้งั สายการบินในประเทศและตํางประเทศ ถือเป็นการให๎บริการทก่ี ระทําในตาํ งประเทศและมิได๎มกี ารใช๎บริการ นนั้ ในราชอาณาจักร บรษิ ัท จ จํากัด ไมมํ หี น๎าทตี่ ๎องย่นื แบบนําสงํ ภาษมี ูลคําเพมิ่ (ภ.พ.๓๖) (๗) บรษิ ทั ฉ จํากดั วําจา๎ งบริษทั ในตํางประเทศลงพิมพ๑โฆษณาในนติ ยสาร (Magazine) ในตํางประเทศ ซ่งึ มี การขายนติ ยสารดงั กลาํ วในประเทศไทยดว๎ ย ถอื เปน็ การให๎บริการที่กระทําในตาํ งประเทศและมิไดม๎ ีการใช๎บริการนน้ั ในราชอาณาจักร บรษิ ทั ฉ จํากัด ไมํมหี นา๎ ทตี่ ๎องยื่นแบบนําสงํ ภาษมี ลู คาํ เพ่มิ (ภ.พ.๓๖) ข๎อ ๗ กรณีผูป๎ ระกอบการจดทะเบยี นซง่ึ ได๎ใหบ๎ ริการท่ีกระทาํ ในราชอาณาจกั ร และได๎มีการใชบ๎ ริการนั้นใน ตํางประเทศ ผ๎ปู ระกอบการจดทะเบียนดังกลาํ วมีหนา๎ ที่ตอ๎ งเสยี ภาษีมลู คําเพ่ิมตามมาตรา ๘๒(๑) แหงํ ประมวล รษั ฎากร(อัตรารอ๎ ยละ ๐) กรณีการใหบ๎ รกิ ารทีก่ ระทําในราชอาณาจักรและไดม๎ ีการใช๎บรกิ ารนั้นในตํางประเทศ เป็นการให๎บริการท่ี กระทําในราชอาณาจักรแกํผ๎รู ับบรกิ ารในตํางประเทศและไดส๎ ํงผลของการให๎บริการนั้นไปใชใ๎ นตาํ งประเทศท้งั หมด ผูป๎ ระกอบการจดทะเบียนไดร๎ ับสทิ ธเิ สียภาษีมูลคําเพ่ิมโดยคํานวณอัตราภาษีตามมาตรา ๘๐/๑(๒) แหงํ ประมวล นนท์ เศรษฐวิวฒั น์
๑๔๒ รัษฎากร(อตั ราร๎อยละ ๐) ป.๑๑๕/๒๕๔๕(เงินไดข้ องตัวแทนขายประกัน) ขอ๎ ๒ ตัวแทนหรือนายหนา๎ หรือหวั หนา๎ ตวั แทน มหี น๎าท่ีต๎องเสยี ภาษดี งั นี้ ๒.๑ ภาษีเงนิ ได๎บคุ คลธรรมดา กรณีตัวแทนหรือนายหนา๎ หรอื หัวหน๎า ตัวแทน ซ่ึงเปน็ บุคคลธรรมดา (๑) คําตอบแทนที่ตวั แทนหรือนายหน๎าหรือหัวหน๎าตวั แทน ได๎รบั จากบรษิ ัทประกนั ชีวติ หรอื บุคคลใด ๆ เข๎าลกั ษณะเปน็ เงินได๎พงึ ประเมนิ ตามมาตรา ๔๐(๒) (๒) กรณีตัวแทนหรอื นายหนา๎ หรอื หวั หนา๎ ตวั แทนมีหลกั ฐานในการประกอบกจิ การให๎เห็นได๎อยํางชดั แจง๎ วาํ ไดป๎ ระกอบกจิ การในรูปแบบของการทาํ ธรุ กิจและสามารถพสิ จู นร๑ ายจาํ ยในการประกอบกิจการได๎ ซึง่ ตอ๎ งมี ลกั ษณะการประกอบกจิ การดังน้ี (ก) ได๎จดทะเบียนภาษมี ลู คําเพิ่มเปน็ ผูป๎ ระกอบการจดทะเบียนและ (ข) ไดจ๎ ดั ตั้งเปน็ สํานักงานในการประกอบกิจการ โดยมีอาคารสาํ นกั งานเปน็ กรรมสทิ ธิข์ องตนเองหรอื เชาํ จากบคุ คลอน่ื โดยมีหลักฐาน เชํน หลักฐานการไดม๎ าซึ่งกรรมสทิ ธ์ิ สัญญาเชาํ สํานกั งาน และ (ค) มีการลงทุนดว๎ ยการจดั หาเครือ่ งมอื เครื่องใช๎มีคําใชจ๎ ํายสาํ นกั งาน และ (ง) มีการจ๎างลูกจ๎างหรือพนักงานในการประกอบกิจการ โดยมีหลักฐานตามสัญญาจา๎ งแรงงาน หลกั ฐานการจาํ ยเงินเข๎ากองทุนประกันสังคมตามกฎหมายวําด๎วยการประกนั สังคม และหลักฐานการแสดงการหัก ภาษี ณ ที่จําย และนาํ สงํ ในกรณกี ารคํานวณภาษีหัก ณ ท่ีจาํ ย ไมมํ ภี าษีท่ีต๎องหัก ณ ทีจ่ าํ ยและนาํ สํง จะต๎องมี หลักฐานเกีย่ วกับการยื่นรายการเกยี่ วกบั คําจา๎ งแรงงานตามแบบ ภ.ง.ด.๑ ก. (จ) มคี ําใช๎จาํ ยในการประกอบกิจการ เชํน คํารบั รอง หรอื คําบรกิ ารเพ่อื ประโยชนใ๑ นการติดตอํ งานกับ ลูกค๎า และ (ฉ) มีหนงั สือรับรองจากบริษัทประกันชวี ิต วําไมมํ กี ารจาํ ยเงินชดเชยหรือออกคาํ ใช๎จํายแทนให๎ คําตอบแทนท่ีตัวแทนหรอื นายหน๎าหรือหัวหน๎าตวั แทน ได๎รับจากบรษิ ัทประกันชวี ิตในการประกอบ กิจการตามวรรคหนงึ่ เขา๎ ลักษณะเป็นเงินได๎ตามมาตรา ๔๐(๘) แหํงประมวลรัษฎากร และในการคาํ นวณภาษีเงนิ ได๎ บุคคลธรรมดาใหห๎ ักคําใช๎จํายไดต๎ ามความจําเปน็ และสมควร โดยให๎นํามาตรา ๖๕ ทวิ และมาตรา ๖๕ ตรี มาใช๎บงั คบั โดยอนโุ ลม ท้ังน้ีหากตวั แทนหรือนายหนา๎ หรอื หวั หน๎าตวั แทนไมํสามารถพิสูจนร๑ ายจํายและไมํมีหลกั ฐานในการ ประกอบกิจการตามวรรคหน่ึง เงินคาํ ตอบแทนที่ได๎รับจากบรษิ ัทประกนั ชีวติ เขา๎ ลักษณะเป็นเงินได๎ตามมาตรา ๔๐(๒) แหงํ ประมวลรษั ฎากร ป.๙๒/๒๕๔๒(การกระทาํ ทไ่ี ม่ใช่เจตนาหลีกเลย่ี งภาษี) ขอ๎ ๓ บุคคลที่จะต๎องเสยี เบ้ยี ปรับหรือเงินเพิ่ม ซงึ่ มกี ารกระทําดงั ตํอไปน้ีให๎ถือวาํ ไมมํ ีเจตนาหลีกเลี่ยงการเสียภาษี อากร (๑) สําคัญผดิ ในส่งิ ซ่งึ เป็นสาระสําคัญของการเสยี ภาษอี ยํางชัดแจ๎ง ตัวอยํางเชํน (ก) รายการทางบัญชีไมถํ ือเป็นรายไดห๎ รือรายรบั แตํทางภาษีถือเป็นรายได๎หรือรายรบั และรายการทาง บัญชถี อื เป็นรายจาํ ยแตทํ างภาษไี มํถือเป็นรายจําย (ข) ผมู๎ หี นา๎ ท่ีเสยี ภาษคี าํ นวณเงนิ ตราตํางประเทศเปน็ เงนิ ตราไทยโดยใช๎อัตราแลกเปลีย่ นเงนิ ตรา ตํางประเทศไมถํ ูกตอ๎ งตามบทบญั ญตั ิแหงํ ประมวลรัษฎากร (ค) ผ๎มู หี นา๎ ท่ีเสียภาษีย่ืนแบบแสดงรายการภาษีไมํถูกต๎องตามท่อี ธบิ ดีกําหนด แตํไมํผดิ ประเภทภาษี เชํน มี หน๎าท่ียน่ื แบบแสดงรายการภาษี ภ.ง.ด.๙๐ แตยํ ื่นแบบแสดงรายการภาษี ภ.ง.ด.๙๑ นนท์ เศรษฐวิวฒั น์
๑๔๓ (ง) ผม๎ู ีหน๎าทีเ่ สียภาษยี ่นื แบบแสดงรายการภาษีเมอ่ื พน๎ กาํ หนดเวลา เน่อื งจากเข๎าใจวําวันท่ีครบกาํ หนดเวลา ยน่ื รายการเปน็ วนั หยุดราชการ เชํน วันท่ี ๑ กรกฎาคม ของทกุ ปี เป็นวันหยุดธนาคารซึ่งวันหยดุ ดงั กลําว เป็นทที่ ราบ กนั โดยท่ัวไปแตํไมใํ ชวํ นั หยุดราชการ (จ) ผ๎มู หี น๎าทีเ่ สยี ภาษีได๎รับอนุมัตใิ หย๎ ่นื แบบแสดงรายการและชําระภาษีมลู คําเพ่ิมหรอื ภาษธี ุรกจิ เฉพาะ รวมกนั ณ สถานประกอบการแหํงหนึ่ง ตํอมาได๎แจ๎งยา๎ ยสถานประกอบการทไ่ี ดร๎ บั อนมุ ัตินั้นไปอยํูท่ีอนื่ และได๎แยกยื่น แบบแสดงรายการและชาํ ระภาษีเปน็ รายสถานประกอบการ (ฉ) กรอกแบบแสดงรายการภาษมี ลู คาํ เพม่ิ ภ.พ.๓๐ โดยนํายอดขาย หรือยอดซื้อ ของสถานประกอบการ สาขามารวมคาํ นวณกบั สถานประกอบการทเี่ ปน็ สาํ นกั งานใหญํ โดยไมํไดร๎ บั อนมุ ัติใหย๎ นื่ แบบแสดงรายการและชาํ ระ ภาษีรวมกนั (ช) ผู๎มหี นา๎ ทีเ่ สยี ภาษีเฉลยี่ ภาษีซือ้ ท่ีจะนําไปหักออกจากภาษขี ายในการคํานวณภาษีมลู คําเพ่ิม ไมํเปน็ ไป ตามหลกั เกณฑ๑ วิธกี าร และเงื่อนไขทกี่ าํ หนดไว๎ในมาตรา ๘๒/๖ แหงํ ประมวลรษั ฎากร (๒) มกี ารกระทาํ ทผี่ ิดพลาดในการเสียภาษีโดยมีเหตุอนั สมควร ตัวอยํางเชํน (ก) กรอกแบบแสดงรายการภาษีไมํถูกต๎องตามชอํ งรายการทีก่ ําหนดในแบบแสดงรายการภาษี (ข) กรอกแบบแสดงรายการภาษโี ดยคาํ นวณภาษีถูกต๎อง แตไํ มตํ รงตามเดือนภาษี ปภี าษี หรือรอบ ระยะเวลาบัญชี (๓) คาํ นวณเสียภาษีไว๎ไมํถกู ต๎อง เน่ืองจากพนักงานของผเ๎ู สยี ภาษีไดก๎ ระทาํ การทุจรติ และมหี ลกั ฐานแจ๎งความ ตํอพนักงานเจ๎าหน๎าท่ีในชวํ งระยะเวลาดังกลาํ ว (๔) ตรวจพบความผิดพลาดเอง และได๎พยายามแกไ๎ ขความผดิ พลาดนั้นแล๎ว แตกํ ็ยงั ชําระภาษไี วไ๎ มํถูกต๎อง ครบถว๎ น (๕) เรมิ่ ประกอบกิจการ และกระทาํ ความผดิ เป็นคร้ังแรก โดยมิใชกํ รณีใชใ๎ บกํากับภาษีปลอมในการคํานวณ ภาษีมลู คาํ เพมิ่ (๖) มเี หตุสดุ วสิ ัยทาํ ให๎ไมํสามารถนาํ บัญชเี อกสารหรอื หลักฐานการเสยี ภาษสี ํงมอบตอํ เจ๎าพนกั งานประเมนิ ป.๙๐/๒๕๔๒ (ภาษจี ากการให้เชา่ ) ขอ๎ ๑ การใหบ๎ ริการเชาํ อสังหาริมทรพั ย๑ ซ่งึ ได๎รบั ยกเวน๎ ภาษมี ูลคาํ เพิ่ม หมายความวํา การใหบ๎ ริการซ่ึงบุคคลคนหนง่ึ เรียกวาํ ผู๎ให๎เชําตกลงใหบ๎ ุคคลอีกคนหน่ึงเรียกวําผูเ๎ ชํา ได๎ใช๎หรอื ได๎รบั ประโยชนใ๑ นอสังหารมิ ทรัพย๑ ช่วั ระยะเวลาอันมี จํากัด และผู๎เชําตกลงจะจํายคาํ เชาํ อสงั หาริมทรัพยน๑ นั้ โดยผูใ๎ หเ๎ ชําต๎องสงํ มอบการครอบครองพ้นื ที่อสงั หาริมทรัพย๑ ให๎แกผํ ู๎เชาํ ภาษซี ือ้ ทเ่ี กิดจากการให๎บรกิ ารตามวรรคหน่ึง ไดแ๎ กํ ภาษีซอ้ื ทีเ่ กดิ จากการกํอสรา๎ งอสังหาริมทรัพย๑เพ่อื ให๎เชาํ ถอื เปน็ ต๎นทุนทางตรงของอสงั หาริมทรพั ย๑ทใี่ หเ๎ ชํา ผูป๎ ระกอบการไมํมีสิทธนิ ําภาษีซื้อดงั กลําวไปหักออกจากภาษขี าย ในการคาํ นวณภาษีมลู คําเพ่มิ ตัวอยําง (๑) บรษิ ทั ก.จาํ กัด ใหบ๎ ริษทั ข. จาํ กัด เชําอาคารกําหนดระยะเวลาเชํา ๕ ปี ตํอมาบริษทั ข. นําอาคารดังกลาํ ว ไปให๎บรษิ ัท ค.จํากดั เชําชวํ ง บรษิ ทั ข.ยังตอ๎ งชําระคําเชาํ ให๎แกํบริษทั ก. ผูใ๎ หเ๎ ชําตามสัญญาเดมิ และเรยี กเกบ็ คําเชํา จากบริษัท ค. ผู๎เชําชํวง กรณีดงั กลําว บริษทั ก.ใหบ๎ รกิ ารเชําอสังหารมิ ทรัพย๑แกํบริษัท ข. และบรษิ ทั ข.ใหบ๎ ริการเชาํ อสังหาริมทรัพยแ๑ กบํ รษิ ัท ค. ซงึ่ ได๎รับยกเวน๎ ภาษมี ูลคาํ เพิ่มตามมาตรา ๘๑(๑)(ต) แหํงประมวลรัษฎากร (๒) บริษัท ก.จํากดั ทาํ สัญญาเชาํ ท่ดี ินกบั บริษัท ข.จาํ กัด กาํ หนดระยะเวลาเชํา ๒๐ ปี บรษิ ทั ก. ไดก๎ ํอสรา๎ ง อาคารลงบนที่ดินเพื่อนําไปให๎บุคคลอ่ืนเชาํ โดยมขี อ๎ กาํ หนดวําผ๎ูเชําต๎องทําสญั ญาเชําอาคารกับบริษทั ก. โดยผเ๎ู ชาํ จะ จํายชาํ ระคาํ เชําเปน็ รายเดือน และยังต๎องจํายเงนิ ชวํ ยคาํ กํอสรา๎ งอาคารให๎แกํบริษทั ก. ดว๎ ย แตํเมื่อครบกําหนดสญั ญา นนท์ เศรษฐวิวัฒน์
๑๔๔ เชําท่ดี นิ ๒๐ ปี แล๎ว อาคารนั้นจะตกเป็นกรรมสิทธข์ิ องเจ๎าของที่ดิน กรณีดังกลาํ วถือวํา บริษัท ก. ให๎บริการเชํา อสังหาริมทรัพยแ๑ กผํ เู๎ ชาํ ซ่ึงได๎รับยกเวน๎ ภาษีมูลคําเพ่มิ ตามมาตรา ๘๑(๑)(ต) แหงํ ประมวลรษั ฎากร บรษิ ทั ก.ไมํต๎อง เสยี ภาษีมูลคาํ เพ่ิมจากรายได๎คําเชาํ อาคารและเงนิ ชวํ ยคาํ กํอสรา๎ งซ่งึ ถือเปน็ สํวนหน่งึ ของคําเชาํ อาคาร ขอ๎ ๒ ผปู๎ ระกอบการซง่ึ ประกอบกิจการรับเหมากํอสร๎างอสังหาริมทรพั ย๑ให๎แกํผว๎ู าํ จา๎ ง โดยมขี ๎อตกลงให๎กรรมสทิ ธ์ิใน อสังหารมิ ทรัพย๑นน้ั ตกเป็นของผ๎วู าํ จา๎ งในทันทที ี่ลงมอื กอํ สร๎างหรือเม่ือกํอสร๎างเสรจ็ สมบูรณ๑ และผ๎ูประกอบการ ดงั กลําวอาจได๎รับสิทธิหรอื ได๎รับประโยชน๑ตอบแทนจากการใชอ๎ สังหารมิ ทรัพย๑นัน้ ถอื วาํ ผ๎ูประกอบการให๎บริการ แกผํ ๎วู าํ จา๎ ง มีหนา๎ ทีต่ ๎องเสยี ภาษีมลู คําเพิม่ สิทธใิ นการดาํ เนินการเก่ียวกับอสังหาริมทรัพย๑ หรือประโยชน๑ตอบแทนจากการใช๎อสังหาริมทรัพย๑ตามวรรค หน่ึง ตอ๎ งไมใํ ชํสิทธหิ รอื ประโยชน๑ตอบแทนในการเชาํ อสังหาริมทรัพย๑นัน้ จากผู๎วาํ จ๎าง ซึ่งได๎รับยกเว๎นภาษีมูลคําเพ่มิ ตามมาตรา ๘๑ (๑)(ต) แหงํ ประมวลรษั ฎากร ตัวอยําง (๑) บรษิ ทั ก.จํากัด รับจ๎างกํอสร๎างอาคารใหแ๎ กํ บริษัท ข.จํากัด มลู คํา ๙๕๐,๐๐๐ บาท ถอื เป็นการใหบ๎ รกิ าร ตามมาตรา ๗๗/๑(๑๐) แหํงประมวลรษั ฎากร บรษิ ทั ก.มีหนา๎ ที่ต๎องเสียภาษีมลู คําเพมิ่ (๒) บริษัท ก.จาํ กัด กํอสร๎างอาคารลงบนท่ีดินของเจ๎าของท่ีดนิ โดยมีขอ๎ ตกลงวาํ อาคารดงั กลาํ วจะตกเป็น กรรมสิทธขิ์ องเจา๎ ของที่ดินทนั ทีเมอื่ กํอสร๎างเสรจ็ แตบํ รษิ ัท ก.มสี ิทธิจดั หาบคุ คลอื่นมาเชําอาคารกับเจ๎าของท่ีดิน โดย บรษิ ัท ก.จะไดร๎ บั เงนิ จากผ๎ูเชํา ไมํวาํ จะเรียกเก็บเปน็ เงนิ ชํวยคํากํอสร๎างหรือเงินอ่นื ใด ถือเป็นการใหบ๎ ริการ บริษัท ก. มหี น๎าท่ตี ๎องเสยี ภาษมี ูลคาํ เพิ่มจากเงินชํวยคํากํอสรา๎ งหรือเงินอืน่ ใดตามมาตรา ๗๗/๒ แหงํ ประมวลรษั ฎากร ขอ๎ ๓ กรณผี ป๎ู ระกอบการซึ่งกํอสรา๎ งอสังหาริมทรัพย๑ลงบนท่ีดนิ ของผูว๎ ําจ๎างโดยมขี ๎อตกลงให๎กรรมสทิ ธ์ิใน อสงั หารมิ ทรัพย๑นน้ั ตกเปน็ ของผู๎วําจ๎างในทนั ทีที่ลงมือกํอสร๎างหรอื เม่ือกํอสรา๎ งเสร็จสมบรู ณ๑ และผป๎ู ระกอบการ ดังกลําวไดร๎ ับสิทธหิ รือประโยชนต๑ อบแทนในการเชําอสังหาริมทรัพย๑นัน้ จากผูว๎ าํ จ๎าง เพ่ือนาํ ไปใชใ๎ นการประกอบ กิจการ ถือวําผป๎ู ระกอบการเชาํ อสังหารมิ ทรัพยจ๑ ากผ๎วู าํ จ๎าง โดยชาํ ระคาํ เชําเปน็ ทรัพย๑สนิ ไมํใชเํ งินตรา ซงึ่ ได๎รบั ยกเว๎น ภาษีมลู คําเพม่ิ ตามมาตรา ๘๑(๑)(ต) แหํงประมวลรษั ฎากร ผู๎ประกอบการตามวรรคหนงึ่ ไมํมีสทิ ธนิ ําภาษีซื้อทง้ั หมดท่ีเกดิ จากการกํอสรา๎ งอสังหารมิ ทรพั ย๑ไปหกั ออกจาก ภาษีขายในการคาํ นวณภาษีมูลคาํ เพมิ่ กรณผี ู๎ประกอบการนาํ อสงั หารมิ ทรัพยท๑ เ่ี ชาํ จากผูว๎ ําจา๎ งตามวรรคหนึ่งไปใหบ๎ ุคคลอนื่ เชาํ ตํอไป ถอื เปน็ การ ใหบ๎ ริการเชําอสังหาริมทรัพย๑ ซึง่ ได๎รบั ยกเว๎นภาษีมลู คาํ เพิ่มตามมาตรา ๘๑(๑)(ต) แหํงประมวลรษั ฎากร ตวั อยาํ ง (๑) บริษทั ก.จํากดั ทําสญั ญาเชาํ ทีด่ นิ กบั บริษัท ข.จํากดั กําหนดระยะเวลาเชาํ ๒๐ ปี มขี อ๎ ตกลงวาํ บรษิ ทั ก. ต๎องกํอสร๎างอาคารพาณชิ ยโ๑ ดยกรรมสทิ ธิใ์ นอาคารตกเป็นของบรษิ ัท ข. ทนั ทที เ่ี ร่ิมปลูกสร๎าง แตํบริษัท ก.มสี ทิ ธิเชาํ อาคารดังกลําวเปน็ ระยะเวลา ๒๐ ปี เพอ่ื ประกอบกจิ การห๎างสรรพสนิ ค๎า ถอื วาํ บรษิ ทั ข. ใหบ๎ รกิ ารเชํา อสงั หาริมทรัพย๑แกํ บริษทั ก. ซ่งึ ได๎รับยกเวน๎ ภาษีมลู คาํ เพ่ิม บรษิ ทั ก. และบรษิ ัท ข. จึงไมมํ ีสทิ ธนิ ําภาษีซอ้ื ทั้งหมดที่ เกดิ จากการกํอสร๎างอาคารไปหกั ออกจากภาษีขายในการคํานวณภาษมี ลู คาํ เพิ่ม (๒) จากตวั อยาํ ง (๑) หากตอํ มาบรษิ ทั ก.นาํ อาคารดังกลําวไปให๎เชําชวํ ง ถือวาํ บริษัท ก.ใหบ๎ รกิ ารเชาํ อสงั หารมิ ทรัพย๑ซ่ึงได๎รบั ยกเว๎นภาษมี ูลคาํ เพ่มิ ตามมาตรา ๘๑(๑)(ต) แหํงประมวลรษั ฎากร ขอ๎ ๔ กรณีผ๎ปู ระกอบการไดร๎ ับสทิ ธิการเชาํ อสังหารมิ ทรัพย๑จากบุคคลอืน่ ซง่ึ สทิ ธกิ ารเชาํ อสงั หารมิ ทรัพยถ๑ ือเปน็ สินคา๎ ท่ไี มํมีรูปราํ ง และผป๎ู ระกอบการไดใ๎ ช๎สทิ ธิการเชาํ อสังหาริมทรัพย๑เพ่ือประกอบกจิ การประเภททตี่ ๎องเสยี ภาษีมูลคําเพ่ิม หรอื ประกอบกิจการทั้งประเภทที่ต๎องเสียภาษีมูลคําเพ่มิ และประเภทที่ไมํต๎องเสยี ภาษีมูลคําเพ่ิม หากผูป๎ ระกอบการ นนท์ เศรษฐวิวฒั น์
๑๔๕ โอนสทิ ธกิ ารเชาํ อสงั หาริมทรัพยใ๑ ห๎แกบํ ุคคลอน่ื ถอื เปน็ การขายสินค๎าท่ีไมํมรี ูปรํางตามมาตรา ๗๗/๑(๘) และ (๙) แหงํ ประมวลรษั ฎากร ผปู๎ ระกอบการมีหนา๎ ท่ีต๎องเสยี ภาษีมลู คําเพิ่มตามมาตรา ๗๗/๒ แหงํ ประมวลรษั ฎากร โดยความรับ ผดิ ในการเสยี ภาษีมลู คําเพิ่มเกิดข้ึนเมื่อ ไดร๎ ับชําระคําตอบแทนจากการโอนสทิ ธิการเชาํ ตามมาตรา ๗๘/๓ แหงํ ประมวลรัษฎากร กรณผี ู๎ประกอบการตามวรรคหนงึ่ ได๎ใช๎สิทธกิ ารเชําอสงั หาริมทรัพยเ๑ พ่อื ประกอบกิจการท่ีไดร๎ บั ยกเว๎น ภาษีมลู คําเพ่ิม หากผ๎ปู ระกอบการโอนสทิ ธกิ ารเชาํ อสงั หารมิ ทรัพย๑ให๎แกํบุคคลอืน่ ผปู๎ ระกอบการไมมํ ีหน๎าที่ต๎องเสีย ภาษีมลู คําเพ่ิมตามมาตรา ๗๗/๒ แหงํ ประมวลรัษฎากร เน่ืองจากไมํใชํการประกอบการในทางธรุ กิจท่ีต๎องเสีย ภาษมี ูลคาํ เพ่ิม(หากเป็นผป๎ู ระกอบการจดทะเบียนต๎องเสยี VAT ถา๎ ไมเํ ปน็ ก็ไมํต๎องเสยี ) ตวั อยาํ ง (๑) บริษัท ก.จํากัด ได๎รบั สิทธิการเชาํ อาคารจากบริษัท ข.จาํ กดั เพอ่ื ประกอบกจิ การหา๎ งสรรพสินคา๎ แตบํ ริษัท ไมมํ ีความประสงคจ๑ ะเป็นผู๎ดําเนนิ การเองจึงไดโ๎ อนขายสิทธิการเชําใหแ๎ กํบุคคลอ่นื ถอื เป็นการขายสนิ ค๎าทไ่ี มํมีรูปราํ ง ตามมาตรา ๗๗/๑(๘) และ (๙) แหงํ ประมวลรษั ฎากร บริษทั ก. มีหนา๎ ทต่ี ๎องเสยี ภาษีมูลคาํ เพมิ่ เมื่อไดร๎ ับชําระ คาํ ตอบแทนจากการโอนสทิ ธิการเชาํ อาคาร (๒) บริษทั ก.จาํ กัด ไดร๎ บั สทิ ธกิ ารเชาํ อาคารจากบรษิ ทั ข.จาํ กัดเพือ่ ประกอบกจิ การขายบา๎ นจัดสรร ซง่ึ อยใํู น บังคับตอ๎ งเสียภาษีธุรกจิ เฉพาะ และพัฒนาทด่ี ินซึ่งอยํูในบงั คับต๎องเสียภาษีมลู คําเพม่ิ ตอํ มาบริษัท ก. เลกิ ประกอบ กจิ การแตสํ ญั ญาเชาํ อาคารยงั ไมํครบกําหนด บรษิ ัท ก.ได๎โอนสทิ ธกิ ารเชาํ อาคารใหแ๎ กํบุคคลอ่ืน ถอื เป็นการขายสินคา๎ ท่ไี มํมีรปู ราํ งตามมาตรา ๗๗/๑(๘) และ (๙) แหํงประมวลรัษฎากร บริษัท ก. มหี น๎าที่ต๎องเสยี ภาษีมลู คาํ เพมิ่ เมื่อได๎รับ ชําระคาํ ตอบแทนจากการโอนสิทธกิ ารเชาํ อาคารโดยต๎องนําคําตอบแทนทง้ั หมดที่ไดร๎ ับมารวมคาํ นวณเปน็ มลู คําของ ฐานภาษี ขอ๎ ๕ กรณผี ๎ูประกอบการซ่ึงประกอบกิจการให๎เชาํ อาคารและจดั ใหม๎ ีพ้ืนที่จอดรถให๎แกํผเู๎ ชําด๎วย โดยไมมํ ีการเรียก เก็บคําบริการพืน้ ทจี่ อดรถจากผเ๎ู ชาํ อาคารแยกตาํ งหาก ถอื เป็นการให๎บริการเชําอสงั หาริมทรพั ย๑ ตามมาตรา ๘๑(๑) (ต) แหํงประมวลรัษฎากร ผูป๎ ระกอบการไมมํ ีสิทธินาํ ภาษซี ้ือท้งั หมดที่เกิดจากการกํอสร๎างอาคารไปหกั ออกจากภาษี ขายในการคาํ นวณภาษีมูลคาํ เพ่มิ กรณีผู๎ประกอบการตามวรรคหนึ่ง เรยี กเกบ็ คําบรกิ ารพนื้ ทีจ่ อดรถจากบุคคลอ่นื ซึง่ ไมํใชํผเู๎ ชําอาคาร ผป๎ู ระกอบการมหี น๎าท่ีต๎องเสียภาษีมูลคาํ เพิ่ม และผป๎ู ระกอบการดังกลาํ วไมํมสี ิทธนิ าํ ภาษซี ือ้ ทั้งหมดที่เกดิ จากการ กอํ สรา๎ งอาคารและพนื้ ท่จี อดรถไปหักออกจากภาษีขายในการคํานวณภาษีมูลคําเพ่มิ ขอ๎ ๖ กรณผี ปู๎ ระกอบการซง่ึ ประกอบกจิ การให๎เชําอาคารและใหบ๎ รกิ ารพนื้ ทีจ่ อดรถดว๎ ย โดยเรยี กเกบ็ คาํ บริการพ้นื ที่ จอดรถเป็นปกติในทางธรุ กิจหรือวิชาชีพ กรณกี ารให๎เชําอาคารถอื เปน็ การให๎บริการเชาํ อสังหารมิ ทรัพย๑ ซึ่งไดร๎ ับ ยกเว๎นภาษมี ูลคําเพิม่ ตามมาตรา ๘๑(๑)(ต) แหํงประมวลรัษฎากร และการให๎บรกิ ารพน้ื ท่ีจอดรถถือเปน็ การให๎บริการ ตามมาตรา ๗๗/๑(๑๐) แหํงประมวลรัษฎากร ผปู๎ ระกอบการมีหน๎าทต่ี ๎องเสียภาษีมูลคําเพ่ิมตามมาตรา ๗๗/๒ แหงํ ประมวลรัษฎากร กรณผี ป๎ู ระกอบการตามวรรคหนงึ่ ไมํได๎เรียกเก็บคาํ บรกิ ารพืน้ ท่จี อดรถสาํ หรบั ผู๎เชําอาคารบางราย ผ๎ปู ระกอบการยังคงต๎องเสยี ภาษีมลู คาํ เพ่ิมจากคาํ บริการพ้ืนท่จี อดรถตามราคาตลาด กรณอี าคารที่ใหเ๎ ชําและอาคารหรือพ้ืนท่ีจอดรถตามวรรคหนึง่ แยกตาํ งหากออกจากกัน ผู๎ประกอบการมสี ทิ ธิ นาํ ภาษซี ้ือท้ังหมดที่เกิดจากการกอํ สรา๎ งพืน้ ท่จี อดรถไปหักออกจากภาษีขายในการคาํ นวณภาษมี ูลคาํ เพ่ิม แตหํ าก อาคารที่ใหเ๎ ชําและพนื้ ทีจ่ อดรถอยํใู นอาคารเดียวกนั ผู๎ประกอบการต๎องเฉลี่ยภาษีซื้อที่เกิดจากการกอํ สรา๎ งอาคารท่ีจะ นําไปหกั ออกจากภาษขี ายในการคาํ นวณภาษีมูลคําเพิม่ นนท์ เศรษฐวิวฒั น์
๑๔๖ ขอ๎ ๗ กรณีผ๎ปู ระกอบการซง่ึ ประกอบกิจการใหเ๎ ชําอาคารและให๎บรกิ ารสํวนกลาง เชํน ระบบลฟิ ท๑และบันไดเลอื่ น การใหเ๎ ชาํ อาคารถือเปน็ การให๎บริการเชาํ อสงั หารมิ ทรพั ย๑ ซึ่งได๎รบั ยกเวน๎ ภาษมี ูลคาํ เพ่มิ สวํ นการใหบ๎ ริการสํวนกลาง ถอื เป็นการให๎บรกิ ารตามมาตรา ๗๗/๑(๑๐) แหํงประมวลรษั ฎากร ผู๎ประกอบการมีหนา๎ ทต่ี อ๎ งเสียภาษีมูลคาํ เพม่ิ ผป๎ู ระกอบการ ไมํมีสิทธนิ ําภาษซี อื้ ทง้ั หมดที่เกิดจากการกํอสรา๎ งอาคารไปหักออกจากภาษขี ายในการคาํ นวณ ภาษีมูลคําเพมิ่ แตํมสี ทิ ธินาํ ภาษีซอ้ื ทัง้ หมดทเ่ี กิดจากการกํอสร๎างระบบบริการสวํ นกลางและจากการใหบ๎ รกิ าร ไปหกั ออกจากภาษีขายในการคํานวณภาษมี ูลคําเพิ่ม ข๎อ ๘ กรณีผป๎ู ระกอบการซึง่ ประกอบกิจการให๎เชาํ อาคารเพ่ือเปน็ ทอี่ ยูํอาศัย ไมํวําจะเรยี กวาํ บา๎ นพัก หอพกั อพาร๑ ทเมนท๑ หรอื ในลักษณะอืน่ ทํานองเดยี วกัน โดยให๎บริการอ่ืนเพม่ิ เติม เชนํ ใหเ๎ ชาํ เฟอร๑นเิ จอรแ๑ ละส่งิ อํานวยความ สะดวกอ่ืน ๆ ไมํวําจะเรยี กเก็บคําบรกิ ารรวมหรือแยกออกจากคําเชํา การให๎เชาํ อาคารถือเป็นการให๎บรกิ ารเชํา อสังหาริมทรัพย๑ ซ่ึงได๎รับยกเวน๎ ภาษีมลู คาํ เพ่ิม สวํ นการให๎บริการอนื่ เพม่ิ เติมถือเปน็ การใหบ๎ ริการ ผปู๎ ระกอบการมี หน๎าทตี่ อ๎ งเสยี ภาษีมลู คาํ เพิม่ ผ๎ปู ระกอบการไมํมสี ทิ ธินําภาษซี ้อื ทั้งหมดท่ีเกิดจากการกอํ สร๎างอาคารเพื่อเป็นท่ีอยํูอาศยั ไปหกั ออกจากภาษี ขายในการคาํ นวณภาษีมูลคาํ เพิม่ แตมํ ีสทิ ธนิ าํ ภาษีซอ้ื ท้ังหมดทีเ่ กิดจากการให๎บริการอืน่ เพิม่ เติมไปหกั ออกจากภาษี ขายในการคาํ นวณภาษีมลู คําเพม่ิ ข๎อ ๙ กรณีผู๎ประกอบการซง่ึ ประกอบกิจการโรงแรมหรอื กิจการอืน่ ที่มีการให๎บรกิ ารในลักษณะทํานองเดยี วกัน ถือเป็นการให๎บรกิ าร ผ๎ปู ระกอบการมีหน๎าท่ีต๎องเสยี ภาษีมูลคําเพ่มิ และมสี ทิ ธนิ ําภาษีซื้อทัง้ หมดทีเ่ กิดจากการ กอํ สรา๎ งอาคารและการให๎บริการไปหักออกจากภาษีขายในการคาํ นวณภาษีมูลคาํ เพ่ิม กรณผี ู๎ประกอบการตามวรรคหนึ่ง ให๎บรกิ ารเชาํ อสงั หารมิ ทรัพย๑ เชนํ ร๎านค๎าตําง ๆ ภายในบริเวณโรงแรม ซง่ึ ได๎รับยกเว๎นภาษมี ูลคําเพ่ิม ผป๎ู ระกอบการไมํมสี ิทธนิ ําภาษีซ้อื ทง้ั หมดที่เกิดจากการกํอสร๎างอาคารและการให๎บรกิ าร ไปหักออกจากภาษีขายในการคํานวณภาษมี ูลคําเพ่ิม จะต๎องเฉลี่ยภาษซี ้อื ดังกลําวตามหลักเกณฑ๑ วธิ กี าร และเง่ือนไข ทอี่ ธิบดีกรมสรรพากรกาํ หนด ขอ๎ ๑๐ กรณีผูป๎ ระกอบการซ่ึงประกอบกิจการขายห๎องชุดตามกฎหมายวําด๎วยอาคารชุด ซึ่งอยํูในบังคับต๎องเสยี ภาษี ธรุ กจิ เฉพาะตามมาตรา ๙๑/๒(๖) แหํงประมวลรัษฎากร ได๎นําหอ๎ งชดุ ที่ยังไมํได๎ขายไปให๎บริการในลักษณะทํานอง เดียวกนั กบั โรงแรมหรือคอนโดเทล (Condotel) ผป๎ู ระกอบการดังกลําวมีหน๎าที่ต๎องเสยี ภาษีมลู คาํ เพิ่ม ขอ๎ ๑๑ กรณีผปู๎ ระกอบการซ่ึงประกอบกิจการศนู ย๑การคา๎ เพ่ือขายสนิ คา๎ หรือใหบ๎ ริการท่ีอยใูํ นบังคับต๎องเสยี ภาษมี ูลคาํ เพมิ่ และให๎บรกิ ารเชําอสังหาริมทรัพย๑ ซึง่ ได๎รับยกเว๎นภาษีมลู คาํ เพม่ิ ผู๎ประกอบการตอ๎ งเฉลี่ยภาษีซ้ือที่เกิด จากการกํอสรา๎ งอาคารทจ่ี ะนําไปหกั ออกจากภาษขี ายในการคํานวณภาษีมูลคําเพ่มิ ตัวอยําง บริษทั ก.จาํ กดั ประกอบกิจการศนู ย๑การคา๎ และใหบ๎ ริษทั A จํากัด เชําพน้ื ที่ขายเสอ้ื ผา๎ สาํ เรจ็ รูป เป็นเวลา ๑ ปี บรษิ ทั B.จาํ กดั เชาํ พ้ืนทขี่ ายอาหารและเครื่องดื่มเปน็ เวลา ๓ ปี และบรษิ ัท C.จาํ กัด เชาํ พ้นื ทีใ่ ห๎บรกิ ารโรง ภาพยนตร๑ เปน็ เวลา ๕ ปี ถือเปน็ การให๎บริการเชําอสังหาริมทรัพย๑ตามมาตรา ๘๑(๑)(ต) แหงํ ประมวลรษั ฎากร ข๎อ ๑๒ ผ๎ูประกอบการซงึ่ ประกอบกิจการหา๎ งสรรพสนิ ค๎าเพ่ือขายสนิ ค๎าหรือให๎บริการท้งั ประเภททตี่ ๎องเสยี ภาษีมลู คําเพ่ิมและประเภทท่ไี มํต๎องเสียภาษีมลู คําเพ่ิม มีสทิ ธนิ าํ ภาษซี ือ้ ท้งั หมดท่ีเกิดจากการกํอสร๎างอาคารและการ ใหบ๎ รกิ ารสวํ นกลาง ไปหักออกจากภาษีขายในการคํานวณภาษมี ลู คําเพ่ิม กรณีผปู๎ ระกอบการตามวรรคหนึง่ ให๎บุคคลอืน่ ใช๎พื้นทอี่ สงั หาริมทรัพย๑ภายในห๎างสรรพสนิ ค๎า ชั่วระยะเวลา อนั จาํ กดั โดยผปู๎ ระกอบการไมไํ ด๎สงํ มอบการครอบครองพ้ืนที่อสังหารมิ ทรพั ย๑ให๎แกผํ ู๎ใช๎พืน้ ที่ ถือเปน็ การใหบ๎ รกิ าร ผป๎ู ระกอบการมีหน๎าทตี่ ๎องเสียภาษมี ูลคําเพ่ิม ตวั อยาํ ง นนท์ เศรษฐวิวฒั น์
๑๔๗ บริษัท ก.จํากัด ประกอบกจิ การห๎างสรรพสนิ ค๎า ใหบ๎ คุ คลอ่นื ใช๎ พ้นื ทใ่ี นหา๎ งสรรพสินค๎าเพอื่ ประกอบกิจการ ขายสนิ ค๎าหรือใหบ๎ ริการ โดยมีขอ๎ ตกลงใหแ๎ บํงรายได๎ให๎แกํห๎างสรรพสนิ ค๎า เชนํ ประกอบกิจการลา๎ งอัดรปู หรือขาย อปุ กรณ๑กลอ๎ งถํายรูป หรอื ขายสนิ คา๎ ดว๎ ยเคร่ืองอตั โนมตั ิ หรอื ใหบ๎ ริการเครือ่ งเลนํ สาํ หรับเดก็ ถอื เปน็ การใหบ๎ ริการ ข๎อ ๑๓ กรณผี ๎ูประกอบการตามข๎อ ๑๑ และข๎อ ๑๒ ประกอบกิจการศูนย๑อาหาร ถอื เป็นการใหบ๎ รกิ าร ผป๎ู ระกอบการ มหี นา๎ ทีต่ ๎องเสยี ภาษีมลู คําเพิ่มจากคาํ อาหารทล่ี ูกค๎าแลกซ้ือคูปองในศนู ยอ๑ าหารนนั้ กรณผี ู๎ประกอบการตามวรรคหน่ึง ไมํได๎ดําเนนิ กจิ การขายอาหารเองแตใํ หร๎ า๎ นคา๎ ยอํ ยเข๎าไปขายอาหารใน ศูนยอ๑ าหาร และศนู ย๑อาหารแบงํ รายได๎ใหแ๎ กรํ ๎านค๎ายอํ ยเป็นคาํ อาหาร ถอื วําร๎านค๎ายํอยใหบ๎ ริการแกํศนู ยอ๑ าหาร รา๎ นคา๎ ยํอยมหี นา๎ ท่ตี ๎องเสยี ภาษีมลู คาํ เพิ่มจากสํวนแบํงรายได๎ ผู๎ประกอบการตามวรรคหนึ่งและวรรคสอง มีสิทธนิ าํ ภาษีซ้ือท้ังหมดท่ีเกดิ จากการให๎บรกิ ารไปหักออกจาก ภาษขี ายในการคาํ นวณภาษีมูลคาํ เพิม่ ขอ๎ ๑๔ กรณผี ู๎ประกอบการกํอสร๎างอาคารศูนย๑แสดงสินค๎าหรือเชําอาคารศนู ยแ๑ สดงสินค๎าจากบคุ คลอ่นื เพื่อ ใหบ๎ รกิ ารจดั แสดงสนิ ค๎า (บูธ) มีระยะเวลาการแสดงสนิ คา๎ เปน็ การช่ัวคราว ซง่ึ อาคารดงั กลําวอาจมีบรกิ ารสํวนกลาง ด๎วย ถอื เป็นการใหบ๎ ริการ ผป๎ู ระกอบการมหี นา๎ ท่ตี ๎องเสยี ภาษีมูลคําเพ่ิม และมีสทิ ธินาํ ภาษีซอ้ื ท้งั หมดที่เกดิ จากการ กํอสร๎างอาคารและระบบสวํ นกลางไปหักออกจากภาษขี ายในการคาํ นวณภาษีมูลคาํ เพมิ่ กรณีผป๎ู ระกอบการตามวรรคหนึง่ ใหบ๎ รกิ ารเชาํ อสังหารมิ ทรพั ย๑ เชํนภัตตาคารและรา๎ นค๎า ภายในศนู ย๑แสดง สินค๎า ซงึ่ ได๎รบั ยกเวน๎ ภาษีมลู คาํ เพิ่มตามมาตรา ๘๑(๑)(ต) แหงํ ประมวลรัษฎากร ผปู๎ ระกอบการไมมํ ีสิทธนิ าํ ภาษีซ้อื ทงั้ หมดที่เกดิ จากการกอํ สร๎างอาคารและการใหบ๎ รกิ ารไปหักออกจากภาษีขายในการคํานวณภาษมี ูลคาํ เพ่มิ จะต๎อง เฉลี่ยภาษีซ้ือดังกลําวตามหลักเกณฑ๑ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดกี รมสรรพากรกาํ หนด ข๎อ ๑๕ กรณีผป๎ู ระกอบการจัดงานแสดงสินค๎าโดยเชําพน้ื ท่ีจากผใ๎ู หเ๎ ชาํ แล๎วนําพื้นทด่ี ังกลําวมาจดั แบงํ ตามขนาด และ ความเหมาะสมของประเภทธุรกิจที่จะจดั ใหม๎ กี ารแสดงสินค๎า (บูธ) โดยผปู๎ ระกอบการจะจดั ให๎มีบริการไฟฟูา ประปา โทรศัพท๑ เครือ่ งปรบั อากาศ รกั ษาความสะอาด รกั ษาความปลอดภัย และประชาสมั พันธ๑ด๎วย ถือเป็นการใหบ๎ ริการ ขอ๎ ๑๖ กรณผี ู๎ประกอบการกํอสรา๎ งอาคารเพ่อื ใชใ๎ นการประกอบกิจการท่ีอยูํในบังคับต๎องเสยี ภาษีมลู คาํ เพมิ่ ไดใ๎ ห๎ บคุ คลอื่นเชําพนื้ ทบี่ างสวํ นของอาคารเพื่อแสดงสนิ คา๎ (บูธ) ถอื เปน็ การให๎บรกิ าร มีหน๎าที่ตอ๎ งเสยี ภาษีมลู คําเพ่ิม และมี สิทธนิ าํ ภาษซี ือ้ ท้ังหมดทเ่ี กดิ จากการกํอสรา๎ งอาคารและระบบสํวนกลางไปหักออกจากภาษขี ายในการคาํ นวณ ภาษีมลู คาํ เพ่ิม กรณีผ๎ปู ระกอบการตามวรรคหนง่ึ ใหบ๎ ริการเชําอสงั หารมิ ทรพั ย๑ เชนํ ภตั ตาคารและร๎านคา๎ ภายในอาคารซง่ึ ไดร๎ บั ยกเว๎นภาษีมูลคําเพิ่มตามมาตรา ๘๑(๑)(ต) แหงํ ประมวลรษั ฎากร ผู๎ประกอบการไมํมสี ิทธนิ ําภาษซี ื้อท้งั หมดท่ี เกดิ จากการกํอสรา๎ งอาคารและการให๎บริการไปหักออกจากภาษขี ายในการคาํ นวณภาษีมูลคําเพิ่ม จะต๎องเฉล่ยี ภาษี ซอ้ื ดังกลําวตามหลกั เกณฑ๑ วธิ กี าร และเง่ือนไขท่ีอธบิ ดีกรมสรรพากรกาํ หนด ขอ๎ ๑๗ ผูป๎ ระกอบการซึง่ ประกอบกิจการดังตํอไปน้ี ไม่เขา้ ลกั ษณะเป็นการให้บริการเช่าอสงั หาริมทรพั ย์ แตํถือเปน็ การใหบ๎ ริการ (๑) การใหบ๎ ริการเก็บรักษาสินค๎าในคลังสนิ ค๎า (๒) การให้บริการเช่าโครงเหลก็ หรอื การให้บรกิ ารเช่าสงั หารมิ ทรพั ย์อนื่ ที่มีลักษณะทํานองเดยี วกัน (๓) การให๎บริการโฆษณาบนโครงเหลก็ หรอื บนสังหารมิ ทรพั ย์อื่นทม่ี ีลกั ษณะทํานองเดียวกนั (๔) การใหบ๎ ริการโฆษณาบนปูายท่ตี ้งั อยูํบริเวณท่ีพกั โดยสารรถประจําทาง หรือตัง้ อยํู ณ บริเวณสถานที่ท่ีมี ลักษณะทํานองเดียวกัน นนท์ เศรษฐวิวัฒน์
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299