Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ความรู้สำหรับการปฏิบัติงานสรรพากร

ความรู้สำหรับการปฏิบัติงานสรรพากร

Published by audamnat.rd, 2020-06-24 04:13:04

Description: ความรู้สำหรับการปฏิบัติงานสรรพากร

Keywords: eRevenue

Search

Read the Text Version

๒๔๘ จากจอภาพ ให๎บนั ทึกข๎อมลู ดังน้ี ๖.๑ รหัสผใู้ ช้ ให๎ผู๎ลงทะเบยี นกําหนดรหสั ผใู๎ ช๎จํานวน ๘ – ๑๐ Character สามารถกําหนดได๎ท้งั ที่เปน็ ตวั เลข ตัวอักษร หรอื สญั ลักษณพ๑ ิเศษ ๖.๒ รหัสผา่ น ใหผ๎ ลู๎ งทะเบียนกําหนดรหสั ผาํ นจาํ นวน ๘ – ๑๐ Character สามารถกําหนดได๎ท้ังทีเ่ ป็น ตวั เลข ตัวอักษร หรือสัญลักษณพ๑ เิ ศษ ท้ังนรี้ หสั ผํานจะตอ๎ งไมํซํ้ากบั รหสั ผูใ๎ ช๎ ๖.๓ ย่นื ยนั รหสั ผา่ น ให๎บนั ทกึ รหัสผาํ นอีกครง้ั ให๎ตรงกับท่บี ันทึกในชํองรหสั ผําน ๖.๔ คําถามกนั ลืมรหสั ผ่าน ให๎เลอื กประเภทคําถาม ๖.๕ คาํ ตอบ ใหบ๎ ันทกึ คําตอบของคําถามกันลมื รหสั ผาํ นท่ีได๎เลือกไว๎ตามข๎อ ๖.๔ ๖.๖ ช่ือ+นามสกุลของผูต้ ดิ ต่อ ให๎บนั ทึกชือ่ และนามสกุลของผท๎ู ่ที ําหนา๎ ทลี่ งทะเบียน ๖.๗ โทรศพั ท์ทส่ี ามารถติดต่อได้ ใหบ๎ ันทึกเบอร๑โทรศพั ทส๑ ามารถตดิ ตํอประสานงานไดโ๎ ดยตรง ๖.๘ e-Mail Address ให๎บนั ทกึ e-Mail ท่ีสามารถตดิ ตํอประสานงานได๎โดยตรง ๖.๙ บันทกึ ข๎อมลู จะต๎องบันทึกใหค๎ รบทุกชํอง และตรวจสอบความถกู ต๎อง หลังจากนน้ั ให๎คลกิ ตกลง ๗. ระบบจะแสดงข๎อมูลท้ังหมดให๎ตรวจสอบกํอนยืนยัน ๗.๑ หากตรวจสอบแล๎วตอ๎ งการแกไ๎ ขให๎คลิก ยอ้ นกลับ เพื่อแก๎ไขข๎อมูลใหถ๎ กู ต๎อง ๗.๒ เม่อื ขอ๎ มลู ถูกต๎องครบถว๎ นแล๎ว ให๎คลกิ บนั ทึก ๘. เสร็จสนิ้ การลงทะเบยี น ผูล๎ งทะเบยี นสามารถเข๎าสํรู ะบบติดตามคําร๎องขอคืนเงนิ ภาษมี ลู คําเพิ่มได๎ทันที ๒. การเข้าสรู่ ะบบงาน การเข๎าสูํระบบตดิ ตามคาํ รอ้ งขอคืนเงินภาษีมลู ค่าเพ่มิ มขี ั้นตอน ดงั นี้ ๑. เข๎าสเูํ วบ็ ไซตก๑ รมสรรพาพากร www.rd.go.th นนท์ เศรษฐวิวฒั น์

๒๔๙ ๒. ท่ี Hotmenu หรอื บริการอิเล็กทรอนิกส๑ ใหเ๎ ลอื ก ระบบตดิ ตามคํารอ้ งขอคืนภาษมี ูลคา่ เพิม่ ๓. จะปรากฏหน๎าจอของระบบงานให๎บนั ทึก รหัสผ้ใู ช้และรหัสผ่าน แลว๎ คลกิ ตกลง นนท์ เศรษฐวิวฒั น์

๒๕๐ ๔. ระบบจะแสดงสถานะของคําร๎องขอคนื เงนิ ภาษมี ูลคาํ เพิม่ แตลํ ะฉบบั ให๎ทราบ ทง้ั นี้ จะแสดงข๎อมูลกอํ นวัน ปจ๓ จบุ ัน ๑ วัน เชํน วนั ทเี่ ข๎าสรํู ะบบคอื วนั ท่ี ๓๑ สงิ หาคม ๒๕๕๒ ระบบจะแสดงข๎อมูลลําสุดใหถ๎ งึ วันท่ี ๓๐ สงิ หาคม ๒๕๕๒ ๕. การเปลี่ยนรหัสผา่ น การเปล่ยี นรหัสผาํ นเป็นวิธกี ารหนง่ึ ทจ่ี ะทําใหก๎ ารเข๎าใชร๎ ะบบงานมคี วามปลอดภัยยิ่งขึ้น ดงั น้ัน ผใ๎ู ชค๎ วรเปลยี่ น รหัสผาํ นเดอื นละ ๑ ครัง้ โดยมขี ้นั ตอนการเปลี่ยนรหสั ผาํ น ดงั นี้ ๑. หน๎าแรกของระบบงานใหเ๎ ลอื ก นนท์ เศรษฐวิวัฒน์

๒๕๑ ๒. จะปรากฏหน๎าจอให๎บันทึกข๎อมลู ดังนี้ ๒.๑ รหสั ผู๎ใช๎ ใหบ๎ นั ทึกรหสั ผู๎ใชท๎ ไี่ ด๎กาํ หนดไว๎ ๒.๒ รหสั ผํานเกาํ ให๎บันทึกรหัสผาํ นเดมิ ที่ได๎กาํ หนดไว๎ ๒.๓ รหัสผํานใหมํ ใหบ๎ นั ทกึ รหัสผาํ นใหมโํ ดยมีจํานวน ๘-๑๐ Character สามารถกําหนดได๎ทั้งตัวเลข ตัวอกั ษร และสัญลกั ษณพ๑ ิเศษยืนยนั รหสั ผาํ นใหมํ ใหบ๎ ันทกึ รหัสผํานให๎ตรงกับข๎อ ๒.๓ คลกิ ตกลง การลมื รหสั ผา่ น กรณีทผ่ี ใ๎ู ชล๎ มื รหสั ผําน ผใ๎ู ชส๎ ามารถกําหนดรหัสผํานใหมไํ ด๎เองโดยมขี น้ั ตอน ดงั น้ี ๑. ที่หนา๎ แรกของระบบให๎เลอื ก ลมื รหสั ผ่าน ๒. จะปรากฏหน๎าจอใหบ๎ นั ทึกขอ๎ มูล ดงั น้ี นนท์ เศรษฐวิวัฒน์

๒๕๒ ๒.๑ รหสั ผ๎ูใช๎ ให๎บันทกึ รหัสผใู๎ ช๎ทไี่ ด๎กาํ หนดไวใ๎ นขัน้ ตอนลงทะเบียน ๒.๒ คําถามกนั ลืมรหัสผําน ใหเ๎ ลือกคาํ ถามกันลมื รหสั ผํานทไี่ ด๎กําหนดไวใ๎ น ขั้นตอนการลงทะเบยี น ๒.๓ คาํ ตอบ ให๎บันทกึ คําตอบใหต๎ รงกับที่ได๎บันทึกไวใ๎ นข้ันตอนการ ลงทะเบยี น ๒.๔ รหสั ผาํ นใหมํ ให๎บันทึกรหัสผํานใหมโํ ดยมจี ํานวน ๘-๑๐ Character สามารถกําหนดได๎ทง้ั ตัวเลข ตวั อักษร และสัญลักษณ๑พิเศษ ยนื ยัน รหัสผาํ นใหมํ ให๎บนั ทกึ รหัสผาํ นให๎ตรงกบั ขอ๎ ๒.๔ คลกิ ตกลง การรับคําขออนุมัติ ภ.พ.๐๗ ผม๎ู สี ทิ ธิย่ืนคําขออนุมัติ ภ.พ.๐๗ - เป็นผไ๎ู ดร๎ ับอนุญาตให๎เป็นผูค๎ ๎านํ้ามันตามกฎหมายวาํ ดว๎ ยการค๎านํ้ามนั เช้ือเพลิง หรือเป็นผูไ๎ ดร๎ บั อนุมตั ิจด ทะเบยี นจดั ตัง้ สถานบี ริการคา๎ นา้ํ มนั ตามกฎหมายวาํ ดว๎ ยการค๎าน้ํามนั เชื้อเพลงิ ซ่ึงขายนํ้ามันเบนซนิ นํา้ มันดเี ซล ก๏าซ ปิโตรเลยี มเหลว หรือกา๏ ซธรรมชาติ - เกบ็ รกั ษานาํ้ มนั เชอ้ื เพลิงด๎วยถงั เก็บน้ํามันเชื้อเพลิงที่เป็นถงั ใต๎ดินซึ่งมีความจใุ บละ ๕,๐๐๐ ลิตรขนึ้ ไป ไมํวาํ จะมีถังลอยรวมอยูํในสถานบริการนํา้ มนั ดว๎ ยหรอื ไมํ เง่ือนไขการใหบ๎ ริการ ๑. ย่ืนคําขอไดท๎ ุกวันตลอด ๒๔ ชวั่ โมง ๒. ยน่ื คําขอภายในเวลาทกี่ ําหนดโดยไมตํ ๎องแนบเอกสารหลักฐาน ๓. ต๎องมีเลขประจําตัวผ๎ูเสียภาษอี ากร ๔. ต๎องระบวุ ันที่ประสงค๑จะเปน็ ผป๎ู ระกอบกจิ การขายสนิ ค๎าหรอื ให๎บรกิ ารรายยํอย (ภ.พ.๐๗) ในคําขอ และ ย่นื คําขอกํอนวนั ที่ประสงคจ๑ ะเป็นลวํ งหน๎าไมํน๎อยกวาํ ๓๐ วัน ๕. เจา๎ หน๎าทีจ่ ะออกไปตรวจข๎อเทจ็ จรงิ ณ สถานประกอบการของทํานภายใน ๕ วนั ทําการ นบั ตั้งแตํวันถัด จากวันทย่ี ่นื คาํ ขอ โปรดเตรยี มเอกสารประกอบการพจิ ารณาเพ่ือแสดงตํอเจ๎าหน๎าท่ี ดงั นี้ ๕.๑ สาํ เนา ภ.พ. ๒๐ ๕.๒ สําเนาใบอนุญาตเปน็ ผ๎คู า๎ นํา้ มันหรือใบทะเบียนจัดตงั้ สถานีบริการน้าํ มันตามกฎหมาย วาํ ดว๎ ยการค๎า น้ํามันเช้ือเพลิง ๕.๓ แผนผงั แสดงท่ีต้ังพร๎อมท้ังจํานวนหัวจํายน้ํามนั เช้ือเพลิงและถงั เก็บน้ํามันเชื้อเพลิง ๕.๔ ตวั อยาํ งแผํนปูายขอ๎ ความ \"เก็บภาษมี ูลคําเพ่ิมจากมิเตอรห๑ ัวจําย\" ทไ่ี ด๎รับอนุมตั ิจากกรมสรรพากร (ถ๎า มี) (link ลักษณะแบบแผํนปาู ยฯ) ๖. กรมสรรพากรจะแจ๎งผลการพจิ ารณาใหท๎ ราบทางอนิ เทอรเ๑ น็ตและแจง๎ ผลทางไปรษณียอ๑ เิ ล็กทรอนกิ ส๑ (e- mail) ภายใน ๓๐ วันนับตง้ั แตวํ นั ถดั จากวันทย่ี ่ืนคําขอ ซ่ึงจะไดร๎ บั อนมุ ตั ติ ้ังแตํวันท่แี จ๎งความประสงค๑ หมายเหตุ ๑. การย่นื คําขออนุมัติ (ภ.พ.๐๗) เปน็ เท็จ จะตอ๎ งรับผดิ ท้งั ทางแพํงและอาญา ๒. ผู๎ประกอบกิจการขายสินค๎าหรอื ให๎บรกิ ารรายยํอย(ภ.พ.๐๗)จะตอ๎ งมีคุณสมบัตติ ามประกาศอธบิ ดีกรมสรรพากร เก่ียวกบั ภาษมี ูลคําเพิ่ม (ฉบับที่ ๑๙๐) เรือ่ ง กําหนดลักษณะและเงอื่ นไขของการประกอบกิจการขายสนิ คา๎ หรอื ใหบ๎ ริการรายยอํ ย การออกใบกํากบั ภาษีของผ๎ปู ระกอบการจดทะเบียนตามมาตรา ๘๖/๘ แหงํ ประมวลรัษฎากร และ การเกบ็ รักษารายงาน ตามมาตรา ๘๗/๓ แหํงประมวลรัษฎากร ลงวันที่ ๒ มกราคม พ.ศ.๒๕๕๖ นนท์ เศรษฐวิวัฒน์

๒๕๓ นนท์ เศรษฐวิวัฒน์

๒๕๔ นนท์ เศรษฐวิวัฒน์

๒๕๕ นนท์ เศรษฐวิวัฒน์

๒๕๖ นนท์ เศรษฐวิวัฒน์

๒๕๗ นนท์ เศรษฐวิวัฒน์

๒๕๘ นนท์ เศรษฐวิวัฒน์

๒๕๙ นนท์ เศรษฐวิวัฒน์

๒๖๐ นนท์ เศรษฐวิวัฒน์

๒๖๑ นนท์ เศรษฐวิวัฒน์

๒๖๒ ประเด็นสาํ คญั ทางภาษี ผ๎ปู ระกอบการ e-Commerce ทข่ี ายสินค๎าหรือบริการผํานทางอิเล็กทรอนิกส๑ มีสิทธิและหนา๎ ทีใ่ นการเสยี ภาษี เชํนเดียวกับผป๎ู ระกอบการอื่น ๆ ผูป๎ ระกอบการท่ีอยใูํ นประเทศไทย ไมวํ ําจะเป็นบุคคลธรรมดา หรือ นิติบคุ คลที่ จดทะเบียน ในประเทศไทย มีรายไดจ๎ ากการ ขายสนิ ค๎า หรือใหบ๎ รกิ ารแกํผูซ๎ ้ือที่อยูํ ณ ท่ีใด ๆ กต็ าม มีสิทธิและหนา๎ ท่ี เชํนเดยี วกับ ผูป๎ ระกอบการค๎าขาย ท่ีมหี นา๎ ร๎านทวั่ ไป ต๎องนาํ รายได๎น้ัน มารวมคาํ นวณ ยืน่ แบบแสดงรายการภาษีเงิน ไดแ๎ ละ มีหน๎าทีจ่ ดทะเบยี นเสียภาษีมูลคาํ เพ่ิม ตามเงือ่ นไขของกฎหมาย สาํ นกั งานบัญชีตัวแทน การดําเนินการกํอนย่ืนคําขอ ๑. ศึกษารายละเอยี ดจาก ๑.๑ ประกาศกรมสรรพากร เร่อื ง กาํ หนดคุณสมบตั ิ การขออนุญาต การออกใบอนุญาต การตํออายุ ใบอนญุ าตและการขอออกใบแทนใบอนุญาตเป็นสาํ นักงานบัญชีตัวแทนฯ ลงวันท่ี ๒๒ เมษายน พ.ศ.๒๕๔๖ ๑.๒ ประกาศกรมสรรพากร เรื่อง กําหนดคุณสมบตั ิ การขออนุญาต การออกใบอนญุ าต การตํออายุ ใบอนญุ าต และการขอออกใบแทนใบอนุญาตเป็นสาํ นักงานบญั ชีตัวแทนฯ ลงวนั ท่ี ๖ สงิ หาคม พ.ศ.๒๕๔๗ ๑.๓ ประกาศกรมสรรพากร เรอื่ ง กําหนดคุณสมบตั ิ การขออนุญาต การออกใบอนญุ าต การตํออายุ ใบอนุญาตและการขอออกใบแทนใบอนุญาตเป็นสํานักงานบญั ชีตัวแทนฯ ลงวันท่ี ๒๐ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๒ ๑.๔ ประกาศอธบิ ดีกรมสรรพากร เรอ่ื ง กําหนดหลกั สตู รการอบรมทางด๎านกฎหมายภาษีอากรตาม ประกาศกรม สรรพากร เรอื่ งกาํ หนดคณุ สมบัติ การขออนุญาต การออกใบอนุญาต การตํออายุใบอนุญาต และการขอ ออกใบแทนใบอนญุ าตเป็นสํานกั งานบญั ชีตวั แทนฯ ลงวันที่ ๖ สงิ หาคม พ.ศ.๒๕๔๗ โดยเข๎าไปดูท่เี มนู “สาํ นักงาน บญั ชตี ัวแทน > ขําวสาร” ๒. หากมคี ณุ สมบตั ิครบถ๎วนตามประกาศกรมสรรพากรดงั กลําว และประสงคจ๑ ะย่ืนคําขอเปน็ สํานกั งานบญั ชี ตวั แทน ใหด๎ ําเนนิ การดังน้ี ๒.๑ Download แบบ ต.ท.๐๓ สญั ญาการต้งั ตวั แทนและข๎อตกลงในการแตํงตั้งสํานักงานบัญชีตวั แทนยน่ื แบบแสดงรายการภาษแี ละชําระภาษผี าํ นระบบเครือขํายอินเทอรเ๑ น็ตทางเวบ็ ไซต๑ (Web Site) ของกรมสรรพากร www.rd.go.th ไดท๎ ่ีเมนู “สํานกั งานบญั ชตี วั แทน>Download แบบฟอร๑ม” ๒.๒ จดั ทําสัญญาตัง้ ตวั แทนฯ ตามแบบ ต.ท.๐๓ ดงั กลําวเป็นรายลูกค๎า รายละ ๓ ฉบับ โดยกรอกขอ๎ มลู ให๎ ครบถว๎ น และลงนามโดยผู๎มีอํานาจให๎ครบทุกฉบบั ระหวาํ งสํานกั งานบัญชี กบั ลูกคา๎ ซ่ึงตกลงแตงํ ตง้ั และมอบอาํ นาจ สาํ นกั งานบัญชี เปน็ ตวั แทนยื่นแบบแสดงรายการและชําระภาษีผํานระบบเครือขาํ ยอินเทอร๑เนต็ ทางเวบ็ ไซต๑ (Web Site) ของกรมสรรพากร www.rd.go.th ตน๎ ฉบับสัญญาปิดอากรแสตมป์ ๓๐ บาท สาํ เนาคูฉํ บบั ทเี่ หลือปดิ อากร แสตมป์ ๕ บาท ทั้งนี้ ขอให๎ตรวจขอ๎ มูลช่ือ ทอี่ ยูํของสาํ นักงานบัญชีและลกู คา๎ วําตรงกับข๎อมลู ท่ีได๎แจ๎งไว๎กับกรมสรรพากร เม่อื มีการ ยนื่ ขอเลขประจําตัวผูเ๎ สยี ภาษีอากรและหรอื ขอเป็นผูป๎ ระกอบการจดทะเบียนภาษีมูลคําเพมิ่ หรือไมํ นนท์ เศรษฐวิวัฒน์

๒๖๓ ๒.๓ เจ๎าของสํานักงานบญั ชี หวั หนา๎ สาํ นักงาน กรรมการหรือหนุ๎ สวํ นผ๎ูจดั การซงึ่ รบั ผิดชอบ ในการ ให๎บรกิ ารรับทาํ บัญชี แล๎วแตํกรณี ต๎องผาํ นการอบรมทางด๎านกฎหมายภาษีอากรตามหลกั สตู รทีอ่ ธบิ ดีกําหนด ซึ่งตาม ประกาศอธบิ ดีกรม สรรพากร เรอ่ื ง กาํ หนดหลกั สตู รการอบรมทางด๎านกฎหมายภาษีอากรฯ ลงวันท่ี ๖ สงิ หาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ กาํ หนดใหใ๎ ช๎หลกั สตู รการอบรมทางด๎านกฎหมายภาษอี ากรแกผํ ส๎ู อบบัญชีภาษีอากร ซ่งึ จดั โดยองค๑กรวชิ าชพี ฯ ที่อธบิ ดกี รมสรรพากรให๎ความเหน็ ชอบ ตามประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เร่ือง กาํ หนดหลกั เกณฑ๑ วธิ ีการ และ เง่ือนไขการเป็นองค๑กรวิชาชีพบัญชี หรอื หลักสตู รทอี่ ธิบดีให๎ความเหน็ ชอบในการจัดอบรมแกผํ ส๎ู อบบัญชภี าษีอากร ลง วันท่ี ๒๔ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๔๘ โดยหลกั สตู รดงั กลาํ วต๎องมีจํานวนอยาํ งนอ๎ ย ๑๒ ชัว่ โมง ซ่งึ ประกอบดว๎ ย ๑) ภาษีเงนิ ได๎นิติบคุ คล ๓ ช่วั โมง ๒) ภาษมี ูลคําเพ่มิ ๓ ช่วั โมง ๓) ภาษีธุรกิจเฉพาะ ภาษเี งินได๎หัก ณ ทจ่ี าํ ย และกฎหมาย ระเบียบข๎อบังคับอื่นๆ ๓ ชัว่ โมง ๔) มาตรฐานการบัญชีและมาตรฐานการสอบบญั ชี ๓ ช่ัวโมง (ตงั้ แตวํ ันท่ี ๑ กนั ยายน ๒๕๔๘ เป็นตน๎ ไป) สําหรับรายชอื่ องค๑กรวิชาชีพฯ สามารถเขา๎ ไปคน๎ หาเพอื่ สอบถามรายละเอียดได๎จากเว็บไซต๑ของ กรมสรรพากรเมนู “ผู๎ตรวจสอบและรับรองบญั ชี>องค๑กรวชิ าชพี บัญชีฯ” การอบรมดงั กลาํ ว ผ๎ยู ื่นคําขอตอ๎ งมีหลกั ฐานหนังสือรบั รอง และใบเสร็จรับเงินจากองคก๑ รวชิ าชพี ฯ ซ่ึงต๎อง ระบชุ ่ือองค๑กรวิชาชีพ วันเดือนปีที่อบรม ช่ือ สกุล เลขผท๎ู ําบญั ชที ี่เข๎ารับการอบรมและชื่อสาํ นกั งานบัญชี โดย หลักฐานการอบรม ดังกลาํ วต๎องไมํเกินระยะเวลา ๑ ปี ณ วันท่ยี ่ืนคําขอ กรอบการเจรจาอนสุ ญั ญาหรือความตกลงเพอื่ การเว้นการเกบ็ ภาษีซอ้ น ๑. หลักการและเหตุผลการเสนอกรอบการเจรจา อนสุ ญั ญาหรือความตกลงเพื่อการเว๎นการเก็บภาษซี ๎อนมวี ัตถปุ ระสงคเ๑ พื่อขจดั การเก็บภาษซี า้ํ ซ๎อนในสวํ นที่ เกี่ยวกับภาษีเงินได๎ระหวํางประเทศท่ีเกดิ ขึน้ เนื่องจากอํานาจในการจัดเก็บภาษีของทง้ั สองประเทศบนฐานรายได๎ จาํ นวนเดียวกันอนั จะสามารถขจัดอุปสรรคในการลงทนุ ขา๎ มชาติ และเพ่ือสงํ เสริมความรํวมมอื ระหวํางประเทศในการ ปูองกันการหลกี เลย่ี งการเสียภาษรี ะหวาํ งประเทศทั้งสอง ตลอดจนการจดั สรรรายไดภ๎ าษีระหวํางสองประเทศดว๎ ยการ กาํ หนดสทิ ธิการเกบ็ ภาษสี ําหรบั เงนิ ไดป๎ ระเภทตํางๆ ดงั นั้น ประเทศตาํ งๆ รวมท้ังประเทศไทยจงึ หันมาเจรจาจัดทํา อนุสัญญาหรือความตกลงเพ่ือการเว๎นการเก็บภาษซี ๎อนระหวาํ งกัน โดยจัดทําเป็นสัญญาในลกั ษณะทวิภาคี ซ่งึ จะ กาํ หนดสทิ ธิในการจัดเกบ็ ภาษีของประเทศคํูสัญญาและในกรณีทีท่ ั้งสองประเทศมีสทิ ธิในการเกบ็ ภาษีจากเงนิ ไดฐ๎ าน เดียวกันก็จะกาํ หนดมาตรการในการขจดั ภาษีซอ๎ นดว๎ ย อนุสญั ญาหรือความตกลงฯ มีแบบฉบับท่ีใช๎ราํ งมาตรฐานในการเจรจา และมสี าระในการเจรจากับแตลํ ะ ประเทศทค่ี ลา๎ ยคลงึ กัน เพราะใชม๎ าตรฐานซ่งึ เปน็ ท่ยี อมรับกนั ระหวํางประเทศ ดังนน้ั กรอบการเจรจาควรเป็นกรอบ เดยี วทีส่ ามารถใชใ๎ นการเจรจากบั ทุกประเทศคูํเจรจา โดยในการเจรจาอาจปรับเปล่ียนถ๎อยคาํ และสาระรวมถึง มาตรการท่จี าํ เปน็ เพ่ือให๎เหมาะสมกับสภาพทางเศรษฐกจิ การคา๎ การลงทนุ ระบบภาษแี ละกฎหมายภาษภี ายในของ แตลํ ะประเทศนัน้ ๆ ตลอดจนความสัมพนั ธท๑ างเศรษฐกิจระหวํางประเทศไทยและประเทศคูํเจรจา ๒. กรอบการเจรจาท่ีขอความเหน็ ชอบ การเจรจาจัดท๎าอนสุ ัญญาหรือความตกลงเพ่ือการเว๎นการเก็บภาษีซ๎อนควรคํานึงถงึ การนํารํางมาตรฐานสากลซ่ึง เปน็ ที่ยอมรบั กนั ระหวาํ งประเทศ โดยสํวนมากจะนําแนวทางมาจากตน๎ รํางมาตรฐานของ Organization for Economic Co-operation and Development (OECD) และตน๎ ราํ งมาตรฐานของUnited Nations (UN) อยาํ งไร นนท์ เศรษฐวิวัฒน์

๒๖๔ กด็ ี กรอบการเจรจาทีฝ่ าุ ยไทยจะจดั ทาํ ข้ึนมาน้ันควรต๎องคาํ นงึ ถึงทําที จุดยนื มาตรการทีจ่ ําเปน็ ตลอดจนผลประโยชน๑ ของไทยและคเูํ จรจาประกอบกันด๎วย ซ่ึงกรอบการเจรจาจะครอบคลุมประเด็นหลัก ดังน้ี ๒.๑ ขอบขํายของอนุสัญญาหรือความตกลงฯ ๒.๒ อํานาจในการบรหิ ารจัดเก็บภาษเี งนิ ได๎ ๒.๓ ความรวํ มมอื ทางดา๎ นภาษีระหวาํ งประเทศ ๒.๔ วธิ ขี จัดภาษซี อ๎ น ๒.๕ วธิ กี ารในการเจรจาอนุสญั ญาหรอื ความตกลงฯ เอกสารแนบกรอบการเจรจาอนุสญั ญาหรอื ความตกลงเพ่ือการเวน๎ การเก็บภาษีซอ๎ น ๑. ความเปน็ มาสาํ หรบั การจัดทาํ อนสุ ัญญาหรือความตกลงเพ่ือการเวน๎ การเก็บภาษีซ๎อน ประเทศไทยไดเ๎ ริ่มมีการลงนามอนุสัญญาเพ่ือการเว๎นการเกบ็ ภาษีซอ๎ นกบั ประเทศนอร๑เวย๑เป็นประเทศแรกในปี ค.ศ. ๑๙๖๔ หลังจากน้ันประเทศไทยได๎มีการเจรจาจดั ทําอนสุ ญั ญาหรือความตกลงฯ กบั ประเทศตาํ งๆ เร่อื ยมา ๒. วัตถุประสงค๑และประโยชน๑จากการจัดทาํ อนุสัญญาหรอื ความตกลงเพื่อการเวน๎ การเก็บภาษีซ๎อน สําหรับวตั ถปุ ระสงค๑หลักของการจดั ทําอนุสัญญาหรอื ความตกลงเพื่อการเว๎นการเกบ็ ภาษซี ๎อนมีสาระสําคญั เพ่อื การเวน๎ การเกบ็ ภาษีซอ๎ นในสํวนทีเ่ กีย่ วกับภาษีเงินไดแ๎ ละปูองกนั การหลีกเลีย่ งภาษรี ะหวาํ ง ประเทศคูํสญั ญา การมอี นสุ ญั ญาหรือความตกลงฯ ดงั กลําว จะกํอใหเ๎ กิดประโยชน๑ ดงั นี้ ๒.๑ ชํวยขจดั หรอื บรรเทาภาระภาษีซ้ําซอ๎ นอนั เปน็ อุปสรรคของการลงทนุ ระหวาํ งประเทศให๎หมดไปในระดบั หนึง่ จึงทาํ ให๎ภาระภาษีซง่ึ ถือเปน็ ต๎นทุนอยํางหน่ึงของนกั ลงทุนลดตํ่าลงดว๎ ย ๒.๒ การมอี นุสัญญาหรือความตกลงฯ จะทําใหเ๎ กิดหลักประกันในการเสียภาษีท่ีแนํนอนและชดั เจน ซึง่ เปน็ การ ชวํ ยเสรมิ สร๎างบรรยากาศการลงทุนและทาํ ให๎นักลงทนุ เกดิ ความม่นั ใจในการลงทุนระหวํางประเทศ อนุสญั ญาหรือ ความตกลงฯ จงึ ชํวยดงึ ดูดหรือจูงใจใหม๎ ีการลงทนุ ระหวาํ งประเทศมากย่ิงข้ึน ๒.๓ อนุสัญญาหรือความตกลงฯ จะชวํ ยสํงเสริมใหเ๎ กิดการเคลอื่ นยา๎ ยเงินทนุ และเทคโนโลยรี ะหวาํ งประเทศ มากยงิ่ ขน้ึ ท้งั นี้ เน่อื งจากอนุสัญญาหรือความตกลงฯ ได๎มีการจํากดั เพดานอัตราภาษีสําหรับเงินปน๓ ผล ดอกเบี้ย และ คําสิทธิไวด๎ ว๎ ย ๒.๔ การยกเวน๎ ภาษีเงนิ ได๎ให๎แกํการบินระหวํางประเทศและการลดภาษเี งนิ ได๎ให๎แกกํ จิ การเดนิ เรอื ตาม ขอ๎ กําหนดของอนุสญั ญาหรือความตกลงฯ น้ี จะเป็นการชวํ ยสงํ เสริมการประกอบกจิ การขนสํงระหวํางประเทศอันเปน็ ป๓จจยั พ้ืนฐานสาํ คัญของการค๎าและการลงทนุ ระหวาํ งประเทศ เน่ืองจากต๎นทนุ ของการขนสงํ ระหวาํ งประเทศจะลด ตํา่ ลงในระดับหนึ่ง อนั เป็นผลมาจากการประหยดั รายจาํ ยด๎านภาษีของกจิ การขนสํงระหวํางประเทศและในกรณที ี่ผ๎ู ประกอบกจิ การขนสํงของไทยไดร๎ บั ยกเว๎นหรือลดหยํอนภาษใี นประเทศคสํู ัญญา กจ็ ะมีผลใหผ๎ ูป๎ ระกอบกจิ การดงั กลาํ วมเี งินไดเ๎ พ่ือเสียภาษใี นประเทศไทยเพ่มิ มากขึ้นด๎วย ๒.๕ เม่ือเปรียบเทยี บกับประเทศเพื่อนบา๎ นของไทยท่อี ยูํในภูมภิ าคเดยี วกัน ซงึ่ ถือวําเป็นคูํแขํงของไทยในทาง การคา๎ และการลงทนุ ระหวาํ งประเทศแลว๎ การมีอนสุ ัญญาหรือความตกลงฯ จะชวํ ยเพิ่มศกั ยภาพใหก๎ บั ประเทศไทยใน การแขํงขันกบั ประเทศเพื่อนบ๎านในภมู ิภาคเดยี วกันใหเ๎ พิ่มมากยง่ิ ข้ึน ๒.๖ เป็นการสงํ เสรมิ ความรวํ มมอื ทางด๎านภาษีระหวํางประเทศ เนื่องจากการท่ีอนุสญั ญาหรือความตกลงฯ กาํ หนดให๎หนํวยจดั เก็บภาษีของประเทศคํูสญั ญาสามารถแลกเปลีย่ นขอ๎ มูลทางภาษีระหวํางกนั ทาํ ให๎การหลกี เล่ียง ภาษีอากรระหวํางประเทศทั้งสองเป็นไปได๎ยาก ประเทศคูํสัญญาจงึ สามารถเก็บภาษีได๎เต็มเม็ดเตม็ หนํวยยิง่ ขน้ึ ๒.๗ การมอี นุสัญญาหรือความตกลงฯ นอกจากจะชํวยสํงเสรมิ ความสมั พันธ๑ทางการคา๎ และเปน็ ลูํทางขยายฐาน การลงทนุ ใหมํๆ ระหวํางประเทศคูสํ ญั ญาแล๎วยังเปน็ การชวํ ยกระชบั ความสัมพันธ๑ทางการทูตอกี ทางหนึ่งด๎วย นนท์ เศรษฐวิวฒั น์

๒๖๕ ๓. สาระสําคญั ของกรอบอนุสัญญาหรือความตกลงฯ ๓.๑ ขอบขาํ ยของอนุสัญญาหรือความตกลงฯ อนุสญั ญาหรอื ความตกลงฯ ให๎ใชก๎ ับผู๎มถี ิน่ ที่อยํใู นประเทศไทย หรอื ประเทศคสํู ัญญาหรือท้ังสองประเทศและใหใ๎ ชบ๎ งั คบั กับภาษีทเ่ี ก็บจากฐานเงินได๎ ๓.๒ อาํ นาจในการบรหิ ารจัดเกบ็ ภาษีเงนิ ได๎ เป็นการให๎อํานาจในการบรหิ ารจัดเก็บภาษีเงนิ ไดส๎ าํ หรับประเทศ แหลงํ เงนิ ได๎ และประเทศถิ่นทอ่ี ยูใํ ห๎เป็นไปตามเงือ่ นไขที่กําหนดไว๎ในอนุสญั ญาหรือความตกลงฯ ซ่ึงเปน็ หลักการตาม มาตรฐานสากล เปน็ ที่ยอมรบั กันระหวํางประเทศ ตลอดจนมอี าํ นาจในการลดหรือยกเว๎นอัตราภาษี สําหรับบางประเภทเงนิ ได๎ เพื่อเปน็ การบรรเทาภาระภาษี ใหแ๎ กผํ ู๎เสยี ภาษที ่ีอยํูในขอบขาํ ยของอนสุ ญั ญาหรือความตก ลงฯ ท่ีอาจต๎องเสียภาษีจากเงินไดเ๎ ดยี วกนั ท้ังสองประเทศ โดยมีประเภทเงินได๎อนั ได๎แกํ เงนิ ไดจ๎ ากกาํ ไรธุรกิจ เงินได๎ท่ี เกิดจากการจ๎างแรงงานหรอื การใหบ๎ ริการสวํ นบคุ คล เงนิ ได๎จากการลงทนุ และทรัพยส๑ ินประเภททนุ เงินไดจ๎ าก วิสาหกิจในเครือ เงนิ ได๎จากการขนสํงระหวํางประเทศ และเงนิ ไดอ๎ ืน่ ๆ ๓.๓ ความรวํ มมือทางด๎านภาษีระหวาํ งประเทศ เป็นการกํอให๎เกดิ การประสานงาน เพ่ือประโยชนใ๑ นการ บรหิ ารจัดเกบ็ ภาษีของประเทศคสูํ ญั ญาเปน็ ไปด๎วยความเรียบรอ๎ ย ซ่ึงจะมีการกําหนดชํองทางใหป๎ ระเทศคํสู ญั ญา หารือรํวมกนั เพื่อแก๎ไขข๎อพิพาททางภาษีระหวาํ งประเทศ อันเกิดจากการบังคบั ใช๎อนุสัญญาฯ ท่แี ตกตํางกัน นอกจากนี้ ยังเปิดโอกาสให๎ประเทศคูํสญั ญาสงํ เสริมความรํวมมือระหวํางประเทศด๎วยการแลกเปล่ียนข๎อมูลทางด๎าน ภาษรี ะหวํางกัน โดยมีวัตถุประสงค๑เพื่อปูองกนั การหลบหลีกและหลกี เลีย่ งภาษแี ละสามารถจดั เก็บภาษีได๎อยํางมี ประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ทั้งนี้มบี ทบญั ญัติพิเศษอน่ื ๆ ไดแ๎ กํ การไมเํ ลอื กปฏิบตั ริ ะหวาํ งคนชาติ และข๎อกําหนดของ เจา๎ หนา๎ ทีท่ างการทตู และกงสลุ ๓.๔ วิธีขจดั ภาษีซอ๎ น นอกจากการลดหรือยกเว๎นอัตราภาษสี าํ หรบั บางประเภทเงนิ ไดเ๎ พือ่ บรรเทาภาระให๎แกผํ ู๎ เสยี ภาษีแลว๎ อนุสัญญาหรอื ความตกลงฯ ได๎กาํ หนดให๎มีการขจดั ภาษซี ๎อนโดยใชว๎ ธิ ีเครดิตภาษี กลาํ วคอื อนสุ ัญญาจะยอมให๎ผ๎มู ีถิ่นท่อี ยขํู องตนนําภาษีทเ่ี สียไว๎แลว๎ ในอีกประเทศหน่ึง (ประเทศแหลงํ เงนิ ได)๎ มาหักออก จากภาษีท่ีต๎องชาํ ระในประเทศตนเทาํ ที่ได๎ชําระไว๎จรงิ ในประเทศแหลงํ เงนิ ได๎ แตตํ ๎องไมเํ กินกวาํ จํานวนเงินภาษีที่ คาํ นวณได๎ในประเทศตน ๓.๕ วธิ กี ารในการเจรจาอนสุ ญั ญาหรือความตกลงฯ สาํ หรับการเจรจาในทุกประเด็นให๎คํานงึ ถงึ ทําที มาตรการทจ่ี าํ เป็นและผลประโยชนข๑ องไทยและคํูเจรจาประกอบด๎วยเปน็ สาํ คญั ทงั้ นี้ อาจสามารถปรับเปล่ียนถ๎อยคาํ ทําที สาระ ตลอดจนมาตรการตํางๆ ที่จําเป็น ใหเ๎ ป็นป๓จจุบนั ตามมาตรฐานสากล ซึ่งเป็นที่ยอมรบั กันระหวาํ ง ประเทศ เพือ่ ใหเ๎ หมาะสมกับสภาพทางเศรษฐกจิ การค๎าการลงทุน และกฎหมายภาษภี ายในประเทศไทย คณุ สมบตั ขิ องผู้ขอเข้ารับการทดสอบเป็นผู้สอบบัญชีภาษอี ากร กรมสรรพากรไดก๎ ําหนดคณุ สมบตั ิของผ๎ูขอเขา๎ รับการทดสอบเป็นผส๎ู อบบัญชีภาษีอากร ดังน้ี ๑. สาํ เรจ็ การศกึ ษาไมํตาํ่ กวาํ ปริญญาตรีทางการบัญชี หรือประกาศนยี บัตรทางการบัญชี ซ่ึงสาํ นกั งาน คณะกรรมการการอุดมศึกษา และสาํ นักงานคณะกรรมการข๎าราชการพลเรือนรับรองเทียบเทาํ ไมํตาํ่ กวาํ ปริญญา ดังกลาํ ว(ผ๎ยู ื่นคําขอเขา๎ ทดสอบจะตอ๎ งได๎รบั อนมุ ตั จิ ากสภามหาวทิ ยาลัย ไมํเกินวันท่ี วันสุดท๎ายของการรบั สมัครในแตํ ละคร้ัง) ๒. มีอายไุ มตํ ํ่ากวํายสี่ ิบปบี ริบูรณ๑ ๓. มสี ญั ชาตไิ ทย หรอื มสี ญั ชาติของประเทศที่ยนิ ยอมใหบ๎ ุคคลสัญชาติไทยเปน็ ผ๎ูสอบบัญชใี นประเทศน้นั ได๎ ๔. ไมเํ ปน็ ผู๎มีความประพฤติเสื่อมเสียหรอื บกพรํองในศลี ธรรมอนั ดี ๕. ไมเํ คยต๎องโทษจําคกุ ในคดเี กี่ยวกบั ภาษีอากรหรือคดีอ่ืนท่ีอธบิ ดีเห็นวําอาจนํามาซ่ึงความเสื่อมเสยี เกียรติ ศักดแิ์ หํงความเป็นผู๎สอบบัญชภี าษอี ากร ๖. ไมํเปน็ บคุ คลวกิ ลจริตหรอื จติ ฟ๓่นเฟือนไมํสมประกอบ นนท์ เศรษฐวิวฒั น์

๒๖๖ ๗. ไมํเป็นผต๎ู รวจสอบและรบั รองบัญชีทีอ่ ยูรํ ะหวํางถกู ส่ังพักหรอื ถกู เพิกถอน ใบอนญุ าต ๘. ต๎องผํานการทดสอบตามท่อี ธิบดีกําหนด สทิ ธขิ องผ้สู อบบัญชภี าษีอากร ผส๎ู อบบัญชีภาษอี ากร สามารถตรวจสอบและรบั รองบัญชไี ด๎เฉพาะหา๎ งหุน๎ สํวนจดทะเบียนทจ่ี ัดตง้ั ข้ึนตาม กฎหมายไทยทีไ่ ด๎รบั ยกเว๎นไมํตอ๎ งจดั ให๎งบการเงนิ ไดร๎ บั การตรวจสอบและแสดงความเห็นโดยผู๎สอบบญั ชรี บั อนุญาต โดยมีทนุ สินทรพั ย๑ และรายได๎ ทกุ รายการไมํเกนิ จํานวนที่กําหนดไว๎ตามกฎกระทรวง ดงั นี้ (๑) ทุนห๎าลา๎ นบาท (๒) สนิ ทรพั ยร๑ วมสามสิบล๎านบาท (๓) รายได๎รวมสามสบิ ล๎านบาท กรณีห๎างห๎นุ สํวนจดทะเบียนทีต่ ้ังขนึ้ ตามกฎหมายไทยทีม่ ที ุน สนิ ทรัพย๑ และรายได๎ ตามเงื่อนไขข๎างตน๎ มี การแจง๎ เลกิ กจิ การ ผ๎ูสอบบัญชีภาษอี ากรไมํมีสิทธิตรวจสอบและรับรองงบการเงนิ ท่แี จ๎งเลกิ หน้าทขี่ องผู้สอบบัญชภี าษอี ากร การย่นื แบบ บภ.๐๗/๐๘ แบบ บภ.๐๗ คอื แบบแจ๎งจาํ นวนและรายชื่อห๎างหน๎ุ สวํ นนติ ิบคุ คลทผ่ี ๎ตู รวจสอบและรบั รองบัญชจี ะลง ลายมอื ช่อื รับรอง แบบ บภ.๐๘ คือ แบบแจง๎ การเปล่ียนแปลงจาํ นวนและรายช่อื หา๎ งหุ๎นสวํ นนติ บิ ุคคลท่ผี ๎ูตรวจสอบและรับรอง บัญชีจะลงลายมอื ชื่อรับรอง กาํ หนดเวลาการยนื่ แบบ ๑. ผู๎สอบบัญชีภาษอี ากรจะต๎องยืน่ แบบ บภ.๐๗ ภายในวันที่ ๓๐ มถิ นุ ายน ของทกุ ปี โดยตอ๎ งแจ๎งกํอนปที ่จี ะ ลงลายมือชอ่ื รบั รองไมํวาํ จะมีหรือไมํมีการลงลายมือช่ือรับรองการตรวจสอบและรบั รองบัญชี และต๎องแนบหนงั สือ ตอบรับงานการตรวจสอบและรบั รองบัญชีท่มี ขี ๎อความไมํน๎อยกวาํ ที่อธบิ ดกี ําหนด ในปแี รกทีไ่ ด๎รบั อนุญาตจากอธบิ ดีใหเ๎ ปน็ ผู๎สอบบัญชีภาษอี ากร ผส๎ู อบบัญชีภาษีอากรจะต๎องยนื่ แบบ บภ.๐๗ จํานวน ๒ ฉบบั ตามปีปฏิบัติงาน ภายในวนั ท่ี ๓๐ มถิ นุ ายน หรอื ภายใน ๖๐ วันนบั แตํวนั ที่ไดร๎ ับอนญุ าตจากอธบิ ดี แล๎วแตกํ รณี ทั้งนี้ไมวํ ําจะมีการลงลายมือชื่อหรือไมํมีการลงลายมอื ชื่อ และในปีตํอ ๆ ไป ผส๎ู อบบญั ชีภาษอี ากรจะต๎อง ยนื่ แบบ บภ.๐๗ ภายในวนั ท่ี ๓๐ มิถนุ ายน ของทุกปี ๒. ยืน่ แบบ บภ.๐๘ ภายในวันที่ ๕ ของเดือนถัดจากเดอื นทม่ี ีการเปล่ยี นแปลงในกรณี ดังตํอไปนี้ ๑. จาํ นวนรายเพ่ิมข้นึ ๒. จํานวนรายลดลง ๓. จาํ นวนรายทแี่ ก๎ไขรอบระยะเวลาบัญชี ๔. จํานวนรายที่แก๎ไขคําธรรมเนยี มรับงาน ๕. จํานวนรายที่แก๎ไขสถานะสอบบัญชี ๖. จาํ นวนรายที่แก๎ไขกรณีอืน่ ๆ ทงั้ นี้ จะต๎องแจง๎ กํอนวันที่ลงลายมือช่ือในรายงานการตรวจสอบและรับรองบญั ชี ปจ๓ จุบันผสู๎ อบบญั ชีภาษอี ากร สามารถยน่ื แบบ บภ.๐๗/๐๘ ทางอินเทอรเ๑ นต็ โดยไมตํ ๎องย่นื หนงั สือตอบรบั งาน แตใํ หเ๎ กบ็ หนังสอื ตอบรับงานการตรวจสอบและรับรองบญั ชไี ว๎ที่สํานกั งานของผ๎สู อบบญั ชีภาษีอากรเปน็ เวลาไมํ นอ๎ ยกวาํ ๕ ปนี บั แตวํ นั ท่ลี งลายมือชอื่ รบั รอง นนท์ เศรษฐวิวฒั น์

๒๖๗ การปฏิบัตงิ านตรวจสอบและรบั รองบญั ชี มาตรฐานการปฏบิ ตั ิงาน ๑. จัดทาํ แนวทางการสอบบัญชแี ละต๎องเก็บไว๎เป็นหลกั ฐานสําหรับงานทีร่ ับตรวจสอบเพอ่ื ให๎ทราบถึงวธิ กี าร ปฏบิ ตั งิ านตรวจสอบ ๒. จัดทาํ กระดาษทําการ เพ่ือบันทึกและสรปุ การตรวจสอบพร๎อมข๎อเสนอแนะที่ตรวจพบและต๎องเก็บไวเ๎ ป็น หลักฐาน ๓. ทดสอบความถูกต๎องของงบการเงนิ บญั ชี และเอกสารประกอบการลงบญั ชี ๔. ทดสอบการบนั ทึกบญั ชตี ามหลักการบญั ชีท่รี บั รองทวั่ ไป ๕. ตรวจสอบความถกู ต๎องในสวํ นท่เี ป็นสาระสําคัญทางด๎านภาษีอากร ๖. ตรวจสอบการปรบั ปรงุ กําไรสุทธ/ิ ขาดทุนสุทธิทางบญั ชี เป็นกําไรสุทธ/ิ ขาดทุนสทุ ธิเพ่อื เสียภาษีอากร ๗. ตรวจสอบการจดั ทําบัญชพี เิ ศษ ๘. เปิดเผยข๎อเท็จจริงอันเปน็ สาระสําคญั ของบัญชี และต๎องแจ๎งพฤติการณ๑ไวใ๎ นรายงานการตรวจสอบและ รบั รองบัญชี ในกรณที ่ีพบวาํ ห๎างหน๎ุ สํวนนติ บิ คุ คลขนาดเล็กมพี ฤติการณ๑ในการทําเอกสารประกอบการลงบัญชหี รือ บันทกึ บญั ชี โดยเหน็ วาํ นําจะไมํตรงกบั ความเป็นจริงอันอาจเป็นเหตใุ หห๎ ๎างหุ๎นสํวนนิตบิ คุ คลขนาดเล็กนั้นมติ ๎องเสีย ภาษีหรอื เสียภาษนี ๎อยลงกวําที่ควรเสยี การทดสอบรายการตามแบบแจง้ ข้อความฯ การทดสอบรายการตามแบบแจ๎งขอ๎ ความของกรรมการ หรอื ผ๎เู ป็นห๎นุ สํวนหรือผ๎จู ดั การในแบบ ภ.ง.ด.๕๐ จะตอ๎ งทําการทดสอบ ๕ ข๎อ ดงั นี้ ๑. ทดสอบวาํ มีการขายสินค๎า บรกิ าร หรอื ทรัพย๑สิน ใหก๎ ย๎ู มื เงิน หรือให๎เชําทรพั ยส๑ นิ โดยไมมํ คี าํ ตอบแทน หรอื มแี ตตํ ํ่ากวําราคาตลาด อันถอื ไดว๎ ําเปน็ สาระสําคัญโดยชดั แจง๎ หรือไมํ ๒. ทดสอบวํามกี ารซื้อทรพั ย๑สิน รวมทั้งรายจาํ ยเพ่ือซ้ือทรัพยส๑ นิ ดังกลําว และคําบรกิ ารในราคาทเ่ี กินปกติ อัน ถอื ไดว๎ ําเปน็ สาระสาํ คัญโดยชดั แจง๎ หรือไมํ ๓. ทดสอบวํามกี ารตั้งเจ๎าหนหี้ รือลูกหนี้โดยไมํมตี วั ตน หรอื มีตัวตน แตํมจี าํ นวนเกินความเปน็ จรงิ อนั ถือเป็น สาระสําคัญโดยชัดแจง๎ หรือไมํ ๔. ทดสอบวาํ มผี ลขาดทุนสุทธติ ิดตํอกันเกินกวาํ ๓ รอบระยะเวลาบญั ชี แตมํ กี ารขยายกิจการหรือไมํ ๕. ทดสอบวาํ มกี ารหักภาษี ณ ทีจ่ ําย และนาํ สงํ ถูกต๎องครบถว๎ นแลว๎ หรอื ไมํ การรายงานการตรวจสอบและรับรองบัญชี ผ๎สู อบบัญชภี าษีอากรจะต๎องจัดทาํ รายงานฯ ท่มี ขี ๎อความตามแบบท่ีอธบิ ดีกําหนดและสรุปผลการตรวจในแตํ ละรายเพ่ือแนบกับงบการเงิน ๕ ข๎อ ดังน้ี ๑. รายงานวาํ งบการเงนิ แสดงฐานะการเงนิ และผลการดําเนนิ งานสาํ หรับปีสิน้ สุดวันเดียวกันของหา๎ งหนุ๎ สํวน ตรงกบั สมุดบญั ชีและเอกสารประกอบการลงบัญชหี รอื ไมํ อยํางไร ๒. รายงานวํางบการเงนิ ไดจ๎ ัดทําขนึ้ ตามหลักการบัญชแี ละวิธปี ฏบิ ัตทิ างการบัญชีทรี่ ับรองท่ัวไปหรือ มาตรฐานการบัญชที ี่กาํ หนดตามกฎหมายวาํ ด๎วยการนน้ั หรือไมํ อยาํ งไร ๓. รายงานวําเอกสารประกอบการลงบัญชี เป็นเอกสารท่เี กย่ี วขอ๎ งกบั รายการทเ่ี กดิ ขึน้ จรงิ ถกู ต๎อง เชื่อถือได๎ และเกี่ยวข๎องกบั กิจการหรือไมํ อยาํ งไร ๔. รายงานวาํ กจิ การไดป๎ รับปรงุ กําไรสุทธิ/ขาดทุนสทุ ธทิ างบญั ชี ใหเ๎ ป็นกําไรสุทธิ/ขาดทนุ สุทธิ เพื่อเสียภาษี อากรตามประมวลรษั ฎากรหรอื ไมํ อยาํ งไร นนท์ เศรษฐวิวฒั น์

๒๖๘ ๕. รายงานในกรณีอื่น ๆ ทีเ่ ปน็ สาระสําคัญ ซงึ่ มไิ ด๎กําหนดไวต๎ าม ๑.- ๔. ขา๎ งต๎น การรักษาจรรยาบรรณ ผูส๎ อบบัญชีภาษีอากรจะตอ๎ งรักษาจรรยาบรรณ เชนํ ๑. ต๎องรกั ษาความเป็นอสิ ระ ความเทีย่ งธรรม และความซือ่ สตั ย๑สุจริต ๒. ตอ๎ งปฏิบตั ิงานด๎วยความร๎ู ความสามารถของวิชาชีพ ๓. ไมํตรวจสอบและรับรองบญั ชีในกจิ การที่เกินความรู๎ความสามารถและไมํทําการตรวจสอบและรับรองบัญชี เกิน ๒๐๐ รายตํอปี ๔. ไมลํ งลายมอื ช่ือรับรองในรายงานของกิจการที่ตนมิได๎ตรวจสอบ หรือควบคุมการปฏิบตั ิงานตรวจสอบของ ผ๎ูชํวยผ๎ตู รวจสอบ ๕. ตอ๎ งสอดสํองและใช๎ความระมดั ระวงั ในการตรวจสอบและรบั รองบัญชีเย่ยี งผู๎ประกอบวชิ าชพี โดยทัว่ ไป ๖. ตอ๎ งรักษาจรรยาบรรณตํอผเู๎ สียภาษี เชํนไมํเปิดเผยความลบั กจิ การของผเ๎ู สยี ภาษี ไมลํ ะทิง้ การปฏบิ ัติงาน ที่รับไวโ๎ ดยไมมํ ีเหตอุ นั สมควร ๗. ตอ๎ งรักษาจรรยาบรรณตํอผู๎รวํ มอาชีพ เชนํ ไมํแยํงงานจากผ๎ูตรวจสอบและรับรองบัญชีอื่น ไมทํ าํ การ ตรวจสอบและรบั รองบญั ชีเกินกวาํ ที่ไดร๎ บั มอบหมายจากผู๎ตรวจสอบและรับรองบญั ชีอน่ื เวน๎ แตจํ ะไดร๎ บั อนญุ าตจากผ๎ู มอบหมายน้นั ๘. ต๎องไมํกระทําการใด ๆ อนั อาจนาํ มาซึ่งความเส่ือมเสียเกยี รติศักด์ิแหงํ วิชาชพี ๙. ตอ๎ งไมํกาํ หนดคาํ ธรรมเนียม/คาํ ตอบแทนตามยอดเงนิ หรือมูลคาํ ทรพั ย๑สนิ ของกิจการ ๑๐. ต๎องเสียภาษอี ากรของตนเองให๎ถกู ต๎อง ครบถ๎วน ( คาํ สงั่ กรมสรรพากรท่ี ทป.๑๒๓/๒๕๔๕ ) การอบรม ๙ ช่วั โมงของผู้สอบบัญชีภาษีอากร ผู๎สอบบัญชีภาษอี ากรทีไ่ ดร๎ บั การขน้ึ ทะเบยี นและได๎รับใบอนญุ าตจากอธิบดกี รมสรรพากรแล๎ว ตอ๎ งเข๎ารบั การ อบรมดา๎ นกฎหมายภาษีอากร และความรู๎อ่นื ท่ีเกี่ยวข๎องกบั วิชาชีพผสู๎ อบบัญชีภาษีอากร ได๎แกํ ความรูเ๎ กี่ยวกบั มาตรฐานการบญั ชี และมาตรฐานการสอบบัญชี ไมํน๎อยกวํา ๙ ชัว่ โมงตอํ ปี โดยใหน๎ ับระยะเวลาตั้งแตํวนั ที่ไดร๎ ับ อนญุ าตเปน็ ผู๎สอบบญั ชีภาษีอากรครบทุกหน่งึ ปี การแจง้ การอบรม เมื่อเข๎ารบั การอบรมในแตํละปีแลว๎ ผส๎ู อบบญั ชภี าษีอากรตอ๎ งแจง๎ การอบรมตามแบบแจง๎ การเข๎ารบั การอบรม (แบบ บภ.๐๖) ตํออธบิ ดกี รมสรรพากรผํานผอ๎ู ํานวยการสํานักมาตรฐานการสอบบญั ชภี าษอี ากร พรอ๎ มแนบเอกสาร ดงั นี้ - สาํ เนาหรือภาพถาํ ยใบประกาศนียบตั รหรือหนงั สือรับรองการเขา๎ รับการอบรมจากองคก๑ รวชิ าชีพบญั ชฯี - สาํ เนาหรือภาพถํายใบเสร็จรบั เงนิ คําธรรมเนียมการเข๎ารับการอบรม การอบรมฯในแตลํ ะปีต๎องแจง๎ การอบรมดงั กลําวภายในหน่งึ เดอื นนบั แตํวันท่ใี บอนุญาตมีอายุครบทุกหน่ึงปี สาํ หรบั ปที ี่ ๕ ซ่งึ เป็นปีสุดทา๎ ยขอใบอนญุ าตใหแ๎ จง๎ การอบรมฯพร๎อมกบั การตํอใบอนุญาตการเปน็ ผ๎สู อบบญั ชภี าษี อากร ซึง่ กฎหมายกําหนดให๎ยื่นภายใน ๓ เดอื น กํอนวันใบอนญุ าตสน้ิ สุด การแจ๎ง บภ.๐๖ ทางอนิ เทอรเ๑ น็ตให๎แจ๎งหลังจากเข๎ารับการอบรมแลว๎ ประมาณ ๑ สปั ดาห๑ เพราะระบบ จะตอ๎ งตรวจสอบกับทะเบยี นรายช่ือผ๎ูเขา๎ รบั การอบรมท่อี งค๑กรวชิ าชีพบัญชีฯแจ๎งมา นนท์ เศรษฐวิวฒั น์

๒๖๙ การขอผ่อนผันการเขา้ รับอบรม กรณที ี่ผ๎ูสอบบัญชภี าษีอากรไมสํ ามารถเข๎ารบั การอบรมภายในกาํ หนดเวลาใหย๎ ่ืนคาํ ขอท่วั ไป (แบบ บภ.๐๓) พร๎อมชแ้ี จงเหตุผลให๎ทราบภายในหนึง่ เดือนนบั แตํวนั ทใี่ บอนญุ าตมอี ายคุ รบทุกหนึง่ ปี สาํ หรบั ปีท่ี ๕ ซงึ่ เป็นปสี ดุ ท๎าย ขอใบอนญุ าตการเป็นผส๎ู อบบัญชีภาษีอากร จะไมํพิจารณาผํอนผันให๎ โดยการขอผอํ นผนั การอบรมจะตอ๎ งมเี หตุจาํ เป็นท่ีไมํสามารถเขา๎ รับการอบรมได๎ภายในปนี ัน้ ๆ เชนํ เกิด อุบัติเหตุ หรอื ไปศึกษาตํอตาํ งประเทศ (มิใชํกรณีลมื หรือไมํมเี วลาเพราะทาํ งาน) เนอื่ งจากตอ๎ งสงํ หลักฐานสนับสนุน เหตุจําเป็นมาพร๎อมคําร๎อง (บ.ภ.๐๓) ซึง่ เหตจุ ําเป็นบางกรณอี าจไมํไดร๎ ับการอนุมตั จิ ากอธิบดีฯก็ได๎ จงึ ขอแนะนาํ ให๎ ผส๎ู อบบญั ชภี าษีอากรทุกคนปฏิบตั ิดา๎ นการอบรมฯให๎ถูกต๎อง และทางสํานักฯไดจ๎ ัดทาํ ตารางเวลาการอบรมใหด๎ ูได๎จาก หวั ขอ๎ “ตารางเวลาการอบรม” บทลงโทษ ผ๎ูสอบบัญชีภาษีอากรทีไ่ มเํ ขา๎ รับการอบรมหรือเขา๎ รับการอบรมน๎อยกวํา ๙ ชัว่ โมงตอํ ปี อธบิ ดีอาจพจิ ารณา พักใบอนญุ าตการเป็นผส๎ู อบบัญชภี าษีอากรเป็นการชั่วคราวจนกวาํ ผู๎นนั้ จะเข๎ารับการอบรมครบตามท่ีกาํ หนดพร๎อม แจ๎งการอบรมตํออธิบดีกรมสรรพากร (ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เรอ่ื ง กาํ หนดหลักเกณฑ๑ วิธกี าร และเงื่อนไขเกย่ี วกับการอบรมของผูส๎ อบบัญชภี าษี อากร ลงวันท่ี ๔ มีนาคม ๒๕๔๘) สํานักงานปฏบิ ตั ิการภมู ิภาค สาํ นักงานปฏิบตั ิการภูมิภาค หรอื Regional Operating Headquarters (ROH) คอื บรษิ ัทท่ตี ั้งขน้ึ ตาม กฎหมายไทย เพื่อประกอบกิจการใหบ๎ ริการด๎านการบริหาร หรอื ดา๎ นเทคนิค หรือการใหบ๎ ริการสนับสนนุ แกํวสิ าหกิจ ในเครอื หรือสาขาของสาํ นักงานฯ ไมวํ ําจะตั้งอยูใํ นประเทศไทยหรอื ในตาํ งประเทศ หลักเกณฑ์และเง่ือนไขการจัดตัง้ สาํ นักงานปฏบิ ัตกิ ารภูมภิ าค ทจี่ ะไดร๎ บั สิทธปิ ระโยชนท๑ างภาษี ต๎องปฏิบัตติ ามหลกั เกณฑ๑ดังน้ี ๑. ตอ๎ งมที นุ จดทะเบียนทีช่ าํ ระแล๎วในวันสดุ ท๎ายของแตํละรอบระยะเวลาบญั ชีตั้งแตํ ๑๐ ล๎านบาทขนึ้ ไป ๒. ต๎องมีการให๎บริการแกวํ ิสาหกจิ ในเครือในตํางประเทศหรือสาขาในตาํ งประเทศของสํานักงานฯอยํางน๎อย ๓ ประเทศ ๓. ตอ๎ งมีรายไดจ๎ ากการให๎บรกิ ารดา๎ นการบรหิ าร ด๎านเทคนิค และบริการสนับสนนุ จากวสิ าหกจิ ในเครือหรอื สาขาของสํานกั งานฯในตํางประเทศ และมีรายไดค๎ าํ สทิ ธิจากการวิจยั และพฒั นาท่ีไดร๎ ับตามที่กลาํ วมาแล๎วขา๎ งต๎น ท่ี จาํ ยจากหรอื ในตํางประเทศรวมกันแล๎วไมํน๎อยกวําร๎อยละ ๕๐ ของรายได๎ท้งั หมดของสํานกั งานฯ เวน๎ แตภํ ายใน ๓ รอบระยะเวลาบัญชีแรกนบั แตรํ อบระยะเวลาบญั ชีทจี่ ดแจ๎งการเปน็ สาํ นกั งานปฏิบัติการภูมภิ าค รายได๎ตามที่กําหนด ขา๎ งต๎นอาจไมํถงึ ร๎อยละ ๕๐ กไ็ ด๎ แตตํ ๎องไมํน๎อยกวํา ๑ ใน ๓ ของรายได๎ท้ังหมดของสํานกั งาน ในกรณที ่ีมเี หตุสดุ วสิ ัย เกิดข้นึ ซึ่งไมใํ ชํความผิดของสาํ นกั งานฯ หรือมเี หตจุ ําเปน็ อยาํ งย่ิง อธบิ ดกี รมสรรพากรอาจพจิ ารณาผํอนผันเงื่อนไข ดา๎ นรายได๎ใหต๎ ่ํากวาํ ท่ีกาํ หนดไวไ๎ ด๎ แตใํ ห๎ผํอนผนั ได๎เพยี ง ๑ รอบระยะเวลาบญั ชซี ่งึ เมือ่ ไดร๎ ับการผํอนผันแลว๎ สาํ นักงานฯ จะยังคงไดร๎ ับสิทธิประโยชน๑ทางภาษขี า๎ งต๎นตํอไป ๔. ตอ๎ งเข๎ามาจดแจง๎ ขอรบั สิทธิตามหลักเกณฑ๑ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกรมสรรพากรกําหนด ภายในรอบ ระยะเวลาบัญชที ี่ขอใช๎สทิ ธิประโยชนท๑ างภาษี หมายเหตุ.- พนกั งานปฏิบัติงานในสํานักงานปฏิบัติการภูมิภาคซ่งึ มีทักษะและความรข๎ู นั้ ตํา่ ตาม มาตรา ๑๑/๖ (๕) แหํงพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร วําดว๎ ยการลดอัตราและยกเวน๎ รษั ฎากร (ฉบบั ๔๐๕) พ.ศ. นนท์ เศรษฐวิวฒั น์

๒๗๐ ๒๕๔๕ ซงึ่ แกไ๎ ขเพมิ่ เตมิ โดยพระราชกฤษฎกี า ออกตามความในประมวลรษั ฎากร วําดว๎ ยการลดอัตราและยกเว๎น รัษฎากร (ฉบับที่ ๕๐๘) พ.ศ. ๒๕๕๓ จะต๎องสําเรจ็ การศึกษาในระดับที่ไมตํ ่ํากวาํ มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย ประกาศนยี บัตรวชิ าชีพชนั้ ตน๎ หรอื เทยี บเทํา สถานท่ีในการขอจดแจ๎งเพอ่ื ใหไ๎ ดร๎ ับสิทธปิ ระโยชน๑ทางภาษี ไดท๎ ี่ ศูนย๑บริหารภาษีธุรกิจขนาดใหญํ (LTO) กรมสรรพากร วิสาหกจิ ขนาดกลางและขนาดยํอม (Small and Medium Enterprises = SMEs) เปน็ ธุรกจิ ทม่ี ีจํานวนมาก ในประเทศไทย ผ๎ูประกอบการสํวนมากประกอบการในรูปของบุคคลธรรมดา คณะบุคคลหรอื ห๎างหนุ๎ สํวนสามัญทีม่ ิใชํ นิตบิ ุคคล หา๎ งหุน๎ สวํ นจาํ กัด บริษัทจํากัด หรือกิจการรวํ มค๎า ซึ่งจะประกอบธุรกจิ ขายสนิ ค๎า ผลิตสินคา๎ หรือให๎บริการ นนท์ เศรษฐวิวฒั น์

๒๗๑ หนวํ ยงานตาํ ง ๆ ในประเทศไทยมกั จะใชก๎ ําหนดลักษณะตามกฎกระทรวงอุตสาหกรรมกาํ หนดจาํ นวนการ จา๎ งงานและมูลคําสินทรัพย๑ของวสิ าหกจิ ขนาดกลางและขนาดยํอม พ.ศ.๒๕๔๕ สาํ หรบั กรมสรรพากร ประมวลรษั ฎากรไมไํ ด๎มคี ํานิยาม SMEs ไว๎วํามลี ักษณะอยํางไร แตํได๎อาศัยอํานาจตาม ประมวลรษั ฎากรออกกฎหมายเพ่ือสนบั สนุนสํงเสริมธรุ กิจ SMEs เชนํ ลดอัตราภาษเี งินได๎ ยกเว๎นภาษีเงินได๎ การหกั คาํ สึกหรอและคําเสือ่ มราคาในอัตราเรํง เปน็ ตน๎ ลักษณะ SMEs ตามพระราชบัญญัติสํงเสรมิ วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยํอม พ.ศ.๒๕๔๓ และตาม ประมวลรษั ฎากร สรุปไดด๎ ังน้ี ๑. กาํ หนดลกั ษณะธรุ กิจ SMEs ตามพระราชบัญญัติส่งเสรมิ วสิ าหกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ ม พ.ศ.๒๕๔๓ ตามกฎกระทรวงอตุ สาหกรรม ๑. ลกั ษณะ SMEs ตามพระราชบัญญัตสิ ํงเสริมวิสาหกจิ ขนาดกลางและขนาด ยอํ ม พ.ศ.๒๕๔๓ ได๎กําหนดลักษณะวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยํอม โดยมีหลกั เกณฑ๑ดงั นี้ ลักษณะวสิ าหกจิ จาํ นวนการจา๎ งงาน จํานวนสนิ ทรพั ยถ๑ าวร (คน) (ล๎านบาท) กจิ การผลติ สินค๎า กิจการคา๎ สงํ ขนาดยอํ ม ขนาดกลาง ขนาดยอํ ม ขนาดกลาง กิจการคา๎ ปลีก ไมํเกิน๕๐ ๕๑-๒๐๐ ไมํเกนิ ๕๐ ๕๑-๒๐๐ ไมํเกิน ๒๕ ๒๖-๕๐ ไมํเกิน ๕๐ ๕๑-๑๐๐ ไมเํ กนิ ๑๕ ๑๖-๓๐ ไมํเกิน ๓๐ ๓๑-๖๐๐ กิจการให๎บริการ ไมเํ กนิ ๕๐ ๕๑-๒๐๐ ไมเํ กนิ ๕๐ ๕๑-๒๐๐ * * ในกรณที ี่จาํ นวนการจ๎างงานของกจิ การใดเขา๎ ลักษณะของวสิ าหกจิ ขนาดยํอม แตํมลู คําสินทรพั ย๑ถาวรเขา๎ ลักษณะ ของวิสาหกิจขนาดกลางหรือมีจาํ นวนการจา๎ งงานเข๎าลักษณะของวิสาหกจิ ขนาดกลาง แตํมลู คาํ สินทรพั ยถ๑ าวรเขา๎ ลกั ษณะของวสิ าหกิจขนาดยํอม ให๎ถือจาํ นวนการจ๎างงานหรอื มูลคาํ สนิ ทรัพยถ๑ าวรทีน่ ๎อยกวําเปน็ เกณฑ๑การพิจารณา ๒. ลักษณะ SMEs ทกี่ รมสรรพากรอาศัยอาํ นาจตามประมวลรัษฎากรออกกฎหมาย เพื่อสนับสนุนสง่ เสริมใหส้ ิทธิ ประโยชนท์ างภาษี โดยมหี ลักเกณฑล์ ักษณะใด ลกั ษณะหนึง่ ดังนี้ ลําดับท่ี ลกั ษณะ ๑. เป็นบรษิ ทั หรอื ห๎างห๎ุนสวํ นนิตบิ ุคคลทีม่ ีทุนจดทะเบยี นชําระแล๎วในวนั สดุ ท๎าย ของรอบระยะเวลาบัญชี ไมเํ กิน ๕ ลา๎ นบาท และมรี ายได๎จากการขายสนิ ค๎าและ บริการในรอบระยะเวลาบญั ชไี มํเกนิ ๓๐ ลา๎ นบาท ๒. เปน็ บริษัทหรอื ห๎างห๎ุนสํวนนิตบิ คุ คลมสี นิ ทรัพย๑ถาวรไมรํ วมท่ีดิน ไมเํ กิน ๒๐๐ ล๎านบาท และจ๎างแรงงานไมเํ กนิ ๒๐๐ คน ๓. เปน็ กจิ การขายสนิ ค๎าหรอื ให๎บริการทอ่ี ยูํในบังคบั ภาษมี ูลคําเพิม่ ทม่ี รี ายรบั ไมเํ กนิ ๑.๘ ล๎านบาทตอํ ปีหรือตํอรอบระยะเวลาบัญชีไดร๎ บั การยกเวน๎ ภาษมี ลู คําเพิ่ม นนท์ เศรษฐวิวฒั น์

๒๗๒ * การให๎สิทธปิ ระโยชนท๑ างภาษีจะกําหนดหลักเกณฑธ๑ รุ กิจ SMEs ลกั ษณะใดลักษณะหนงึ่ ในการใหส๎ ทิ ธิประโยชน๑ นัน้ ๆ เชนํ บรษิ ัทหรอื ห๎างห๎ุนสวํ นนติ ิบคุ คลทม่ี ที ุนจดทะเบียนชาํ ระแลว๎ ในวันสุดท๎ายของรอบระยะเวลาบัญชี ไมํเกนิ ๕ ลา๎ นบาท และมีรายไดจ๎ ากการขายสนิ คา๎ และใหบ๎ รกิ ารไมเํ กนิ ๓๐ ล๎านบาทตอํ รอบ ระยะเวลาบัญชี จะได๎สิทธิ ประโยชนย๑ กเว๎นภาษเี งนิ ได๎นิตบิ ุคคลสาํ หรับกาํ ไรสทุ ธิ ๓๐๐,๐๐๐ บาทแรก หรอื บริษัทฯ ที่มแี รงงานไมํเกนิ ๒๐๐ คน จะไดร๎ บั สทิ ธิประโยชนท๑ างภาษหี ักคาํ สึกหรอ และคาํ เส่ือมราคา ในอตั ราเรํง เปน็ ต๎น รปู แบบธุรกิจ SMEs การประกอบธุรกจิ อาจจะกระทําตั้งแตคํ นเดยี วขึน้ ไป หรอื หากมหี ุ๎นสวํ นรวํ มกันหลายคน มกั จดั ตัง้ ในรปู แบบ ของนิตบิ ุคคล โดยมีรปู แบบธุรกจิ ท่แี ตกตาํ งกัน ปรากฏดงั ตารางสรุป ลาํ ดับท่ี รปู แบบ ลกั ษณะ ๑ บุคคลธรรมดา บุคคลท่วั ไปทีม่ ีชวี ิตอยตูํ ามประมวลกฎหมายแพงํ และ พาณชิ ย๑ (มาตรา ๑๕) ๒ คณะบคุ คลทมี่ ใิ ชน่ ติ ิบุคคล บุคคลต้ังแตํ ๒ คนขึ้นไป ตกลงเข๎ากนั เพื่อการทํากจิ การ ๓ หา้ งหนุ้ ส่วนสามัญท่ีมิใช่นิติบคุ คล รวํ มกนั โดยมวี ัตถุประสงค๑แบํงป๓นกาํ ไรทไี่ ด๎จากกิจการที่ทาํ (หนวํ ยภาษีตามมาตรา ๕๖ แหํงประมวลรัษฎากร) ๔ ห้างห้นุ สว่ นสามญั ทจ่ี ดทะเบียนนิติ บุคคล บคุ คลตงั้ แตํ ๒ คนขน้ึ ไป ตกลงเขา๎ กันเพื่อการทํากิจการ รวํ มกัน โดยมวี ัตถุประสงค๑แบงํ ปน๓ กาํ ไรท่ไี ด๎จากกิจการที่ทํา ๕ ห้างหนุ้ ส่วนจาํ กดั (หนํวยภาษตี ามมาตรา ๕๖ แหงํ ประมวลรษั ฎากร) ๖ บรษิ ัทจํากัด บคุ คลตงั้ แตํ ๒ คนข้นึ ไป มาลงทุนและเป็นเจ๎าของกิจการ รวํ มกนั โดยห๎นุ สํวนทุกคนไมํจํากดั ความรับผดิ และต๎องจด ๗ วสิ าหกจิ ชุมชน ทะเบยี นเปน็ นติ ิบุคคลตามประมวลกฎหมายแพงํ และพาณิชย๑ บุคคลตง้ั แตํ ๒ คนขึน้ ไป มาลงทนุ และเป็นเจ๎าของกิจการ รวํ มกันหน๎ุ สวํ นมีท้งั ที่จาํ กดั ความรบั ผิดและไมจํ ํากัดความ รับ ผิดและตอ๎ งจดทะเบยี นเป็นนิติบคุ คลตามประมวลกฎหมาย แพงํ และพาณชิ ย๑ บุคคลตั้งแตํ ๓ คนข้นึ ไป มาลงทนุ และเป็นเจ๎าของกิจการ ผู๎ ถือหน๎ุ รบั ผิดในหนี้ตําง ๆ ไมเํ กินจํานวนเงนิ ทีผ่ ๎ูถือห๎นุ แตํละ คนลงทุนและตอ๎ งจดทะเบยี นเป็นนติ ิบคุ คลตามประมวล กฎหมายแพํงและพาณิชย๑ กิจการของชมุ ชนทีเ่ กยี่ วกับการผลติ สนิ คา๎ การใหบ๎ ริการ หรือการอ่นื ทด่ี าํ เนนิ การโดยคณะบคุ คลท่ีมีความผูกพัน มีวถิ ชี วี ติ รํวมกันและรวมตัวประกอบกจิ การดงั กลําว เพ่อื สร๎างรายไดแ๎ ละเพ่ือการพ่ึงพาตนเองของครอบครัว ชุมชนและระหวาํ งชมุ ชน โดยมกี ารย่นื ขอจดทะเบยี น วสิ าหกจิ ชมุ ชนตามพระราชบัญญตั สิ งํ เสริมวิสาหกิจ ชมุ ชน ๒๕๔๘ กับกรมสํงเสริมการเกษตร นนท์ เศรษฐวิวฒั น์

๒๗๓ หา๎ งห๎นุ สวํ นจดทะเบยี น บรษิ ทั จาํ กัด บริษทั มหาชนจาํ กดั ท่จี ดั ตงั้ ข้ึนตามกฎหมายไทย นิตบิ ุคคลทต่ี ั้งขึ้นตาม กฎหมายตาํ งประเทศทปี่ ระกอบธรุ กิจในประเทศไทย กิจการรํวมคา๎ ตามประมวลรัษฎากร เป็นผ๎มู ีหนา๎ ท่จี ัดทาํ บัญชีตาม พระราชบญั ญัติการบัญชี พ.ศ.๒๕๔๓ แตปํ ระมวลรัษฎากรไดบ๎ ญั ญตั ใิ หผ๎ ปู๎ ระกอบการบางประเภทไมํวาํ จะประกอบการ ในรูปของบคุ คลธรรมดา บริษัท ห๎างหุ๎นสวํ นนิตบิ ุคคล หรอื นติ ิบุคคลอืน่ ใด มีหน๎าทีจ่ ดั ทาํ บัญชีพเิ ศษเพ่ิมเติม นอกเหนือจากบัญชที ี่ตอ๎ งจัดทาํ ตามกฎหมายวาํ ดว๎ ยการบัญชี บัญชีพิเศษและรายงานตามประมวลรัษฎากร ๑. บญั ชพี ิเศษแสดงการหกั ภาษี ณ ท่ีจ่ายและการนาํ สง่ เพือ่ ใหผ๎ ู๎มีหน๎าทหี่ ักภาษีเงินได๎ ณ ท่จี ํายได๎บันทึกรายการภาษีหัก ณ ทีจ่ าํ ยไวเ๎ พื่อปูองกนั การหลงลืมทจี่ ะนําสงํ ภาษีดังกลําว และเปน็ การอํานวยความสะดวกแกํเจา๎ หนา๎ ที่ทีจ่ ะทาํ การตรวจสอบ (ประกาศอธบิ ดกี รมสรรพากรเก่ยี วกับภาษีเงินไดแ๎ ละภาษกี ารค๎า (ฉบับที่ ๔) เรือ่ ง กําหนดให๎ผ๎มู ีหนา๎ ท่ีหกั ภาษเี งินได๎ หรือภาษกี ารค๎า ณ ที่จาํ ย มบี ัญชีพเิ ศษ ลงวนั ท่ี ๓๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๓๑) ๒. บญั ชีพเิ ศษสําหรับกจิ การโรงสขี นาดเลก็ เพ่อื ใหผ๎ ูท๎ ไ่ี มํมีหนา๎ ทจี่ ัดทํารายงานการค๎าขา๎ วประจําวนั ตามกฎหมายวาํ ดว๎ ยการคา๎ ข๎าวของกระทรวงพาณชิ ยไ๑ ด๎ มีบญั ชคี ุมสนิ ค๎าสาํ หรับกจิ การโรงสีขนาดเลก็ ไดแ๎ กํ ผูป๎ ระกอบกิจการโรงสีขา๎ วที่มีกําลังการผลิตตา่ํ กวํา ๕ เมตริกตนั ตอํ ๒๔ ชวั่ โมง ไมํวําจะใช๎เครื่องสีขา๎ วเครอ่ื งเดยี วหรอื หลายเครื่องก็ตาม จึงมบี ัญชีพิเศษท่ตี ๎องจดั ทําดังนี้ - บัญชีรับข๎าวเปลอื กจากผูว๎ ําจ๎างสีข๎าว - บัญชีรบั จาํ ยขา๎ วเปลอื ก - บญั ชรี ับจาํ ยผลิตภัณฑแ๑ ละวตั ถุพลอยไดจ๎ ากการสีข๎าว (ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกย่ี วกบั ภาษีเงินได๎ (ฉบบั ท่ี ๑) เรื่อง กําหนดให๎ผม๎ู ีเงนิ ได๎จากการทํากจิ การโรงสขี ๎าว มี บัญชีพเิ ศษแสดงรายการและปริมาณขา๎ วเปลือก ต๎นข๎าว ปลายขา๎ วและรํา ลงวันที่ ๒๗ กุมภาพันธ๑ พ.ศ.๒๕๒๒) ๓. บญั ชพี ิเศษสําหรับกิจการสถานพยาบาลที่มีเตียงรบั ผู้ปว่ ยไวค้ ้างคืน เพือ่ ให๎ผป๎ู ระกอบกิจการสถานพยาบาลที่มเี ตยี งรบั ผู๎ปวุ ยไวค๎ ๎างคนื เชํน โรงพยาบาลเอกชน โพลีคลนิ กิ หรือ สถานพยาบาลอื่น จดั ทาํ บัญชีพเิ ศษนี้เพ่ือแสดงรายการจาํ ยเงนิ ให๎แกผํ ู๎ประกอบโรคศลิ ปะ เพอ่ื ใช๎ตรวจสอบรายได๎จาก การประกอบวชิ าชพี อสิ ระ ของผ๎ูประกอบโรคศลิ ปะ (ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกบั ภาษีเงินได๎ (ฉบับท่ี ๑๐) เรอื่ ง กาํ หนดให๎ผด๎ู ําเนินการสถานพยาบาลทีม่ เี ตียงรบั ผู๎ปุวยไว๎คา๎ งคืน มีบญั ชีพิเศษ ตามมาตรา ๑๗ แหํงประมวลรัษฎากร ลงวันท่ี ๖ กนั ยายน พ.ศ.๒๕๒๒) ๔. บญั ชีพเิ ศษสาํ หรบั กิจการค้าของเกา่ ประเภทรถยนต์ เพอ่ื แสดงรายการรถยนต๑เกําทีม่ ีอยูํ ไดม๎ า หรือ จาํ หนํายไปแตํละครั้ง ไมวํ ํารถยนต๑น้ัน ได๎ซ้ือมาขาย หรือขายแทน ผูอ๎ ืน่ และใชเ๎ ป็นเครื่องมือในการพิสจู น๑รายได๎จากการประกอบกจิ การและควบคุมการมิใหม๎ กี ารค๎ารถยนตเ๑ กําโดยไมํ สจุ ริต (ประกาศอธบิ ดกี รมสรรพากร เก่ยี วกบั ภาษีเงินได๎ (ฉบบั ท่ี ๑๒) เรอ่ื ง กาํ หนดใหผ๎ ู๎ทาํ การคา๎ ของเกาํ ประเภทรถยนต๑มี บญั ชพี ิเศษ ลงวนั ที่ ๑๐ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๒๓.) ๕. บัญชีพิเศษสําหรับผู้ผลติ หรอื ผู้รับจา้ งผลิตผลติ ภณั ฑ์ซีดี เพ่อื แสดงรายการผลติ หรือรับจ๎างผลติ ผลิตภณั ฑซ๑ ดี ี และเพื่อประโยชนใ๑ นการจัดเก็บและตรวจสอบภาษีอากร นนท์ เศรษฐวิวัฒน์

๒๗๔ และปูองกนั การละเมิดลิขสิทธิ์การผลติ ซดี ี (ประกาศอธบิ ดีกรมสรรพากร เกีย่ วกับภาษเี งินไดแ๎ ละภาษีมูลคาํ เพิ่ม เรือ่ ง กาํ หนดใหผ๎ ูผ๎ ลิตหรอื ผู๎รับจ๎างผลติ ผลิตภัณฑ๑ ซดี มี ีบญั ชพี ิเศษ ลงวนั ท่ี ๙ มิถนุ ายน พ.ศ. ๒๕๔๖) ๖. บญั ชีงบดุล บญั ชีทําการ และบัญชกี ําไรขาดทนุ เป็นบัญชกี ารเงิน ทีบ่ รษิ ัทหรือห๎างห๎นุ สํวนนติ ิบุคคลทมี่ หี น๎าที่ต๎องเสยี ภาษีเงินได๎นิตบิ ุคคลจากฐานกําไรสุทธซิ ่ึง ตอ๎ งจัดทาํ ตามกฎหมายวาํ ด๎วยการบัญชเี ป็นปกติอยแํู ล๎ว เพ่ือแสดงฐานะการเงินและผลการประกอบกจิ การ แตํ ผู๎ประกอบการต๎องทําการปรับปรุงกาํ ไรสทุ ธหิ รือขาดทนุ สุทธิทางบญั ชหี รอื ทางการเงนิ ใหเ๎ ป็นไปตามหลักเกณฑ๑ วธิ กี าร และเง่ือนไขในการคาํ นวณกําไรสุทธหิ รือขาดทุนสุทธิทางภาษอี ากร ตามมาตรา ๖๕ ทวิ และมาตรา ๖๕ ตรี แหงํ ประมวลรษั ฎากร ท้งั นี้ให๎บรษิ ัทหรอื ห๎างห๎ุนสํวนนิตบิ ุคคลแนบบญั ชีงบดุล บัญชีทาํ การ และบัญชีกาํ ไรขาดทุนไปพร๎อม กบั การย่ืนแบบแสดงรายการภาษีเงนิ ได๎นิตบิ ุคคล (ภ.ง.ด.๕๐) ด๎วย ๗. บญั ชีรายไดก้ ่อนหกั รายจ่ายใดๆ สาํ หรับบรษิ ทั หรือหา๎ งหน๎ุ สวํ นนิติบุคคล ที่ตงั้ ขน้ึ ตามกฎหมายตํางประเทศและเข๎ามาประกอบกจิ การขนสํง ระหวาํ งประเทศในประเทศไทย และมหี นา๎ ท่เี สียภาษีเงนิ ได๎นิตบิ ุคคลจากฐานรายได๎จากการประกอบกจิ การขนสงํ ระหวาํ งประเทศ โดยคํานวณภาษีเงินได๎นิติบุคคลในอัตราร๎อยละ ๓ ของคาํ โดยสาร คําธรรมเนียม หรอื ประโยชน๑อื่น ท่ี เรียกเก็บในประเทศไทยเนื่องจากการขนสงํ คนโดยสาร หรือรอ๎ ยละ ๓ ของคําระวาง คําธรรมเนียม หรอื ประโยชนอ๑ นื่ ใด ท่เี รยี กเก็บไมวํ ําในประเทศไทยหรือตํางประเทศ เนื่องจากการขนสงํ สินค๎าออกจากประเทศไทย ๘. รายงานภาษีมูลค่าเพิม่ ตามมาตรา ๘๗ แหงํ ประมวลรัษฎากรได๎กําหนดให๎ผปู๎ ระกอบการจดทะเบยี นภาษีมลู คําเพ่ิมจดั ทาํ รายงานเป็น พเิ ศษเพ่ือควบคุมการจดั เก็บและสอบยันกบั แบบแสดงรายการท่ีย่นื เสียภาษเี ป็นหลักฐานทางทะเบยี นรายละเอียด ประกอบแบบแสดงรายการภาษี โดยตอ๎ งจดั ทําเปน็ รายสถานประกอบการ ซ่ึงมรี ายงานดังนี้ ๘.๑ รายงานภาษขี าย เป็นรายงานแสดงมูลคําสนิ คา๎ หรือบริการและภาษีมลู คาํ เพ่ิมท่ผี ู๎ประกอบการจดทะเบียน ไดอ๎ อกใบกํากับภาษจี ากการขายสนิ ค๎าหรือให๎บริการนน้ั ๆ ท้ังนี้รายงานภาษีขายต๎องมีรายการและขอ๎ ความตามแบบท่ี อธบิ ดกี รมสรรพากรกาํ หนด (ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เก่ียวกับภาษมี ลู คาํ เพม่ิ (ฉบับที่ ๘๙) ลงวันที่ ๒๙ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๒ ) รายงานภาษีขายของผปู๎ ระกอบการท่ีประกอบกิจการจําหนํายทองรูปพรรณ ท่ขี อเสียภาษีมลู คําเพิ่มจากสํวน ตํางมีหน๎าท่ีต๎องจดั ทํารายงานภาษขี ายเป็นกรณพี ิเศษดว๎ ย โดยต๎องมีรายการและข๎อความอยาํ งน๎อยตามท่ีอธิบดกี ําหนด (ประกาศอธบิ ดีกรมสรรพากร เก่ยี วกบั ภาษมี ูลคําเพ่มิ (ฉบับท่ี ๑๐๔) เรอื่ ง กาํ หนดใหผ๎ ๎ูประกอบการจดทะเบียนจดั ทํา รายงานแตกตํางไปจาก รายงานตามมาตรา ๘๗ แหงํ ประมวลรัษฎากร ลงวนั ท่ี ๒ มิถนุ ายน ๒๕๔๓) ๘.๒ รายงานภาษซี ้ือ เปน็ รายงานแสดงมูลคําสินคา๎ หรือบริการและภาษีมูลคําเพิ่มที่ผ๎ูประกอบการจดทะเบียน ได๎ซอ้ื สนิ คา๎ หรอื บริการจากผู๎ประกอบการจดทะเบียนอน่ื ทง้ั น้รี ายงานภาษซี ื้อต๎องมรี ายการและข๎อความตามแบบท่ี อธบิ ดกี รมสรรพากรกําหนด (ประกาศอธบิ ดีกรมสรรพากร เกยี่ วกับภาษมี ูลคําเพมิ่ (ฉบับที่ ๘๙) ลงวันที่ ๒๙ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๒ ) ๘.๓ รายงานสนิ ค้าและวตั ถดุ บิ สําหรับผป๎ู ระกอบการจดทะเบียนท่ีประกอบกิจการขายสนิ ค๎า และประกอบ กิจการผลติ สินค๎าเพอื่ ขาย ผูป๎ ระกอบการผลิตสินค๎าเพื่อขายน้นั ต๎องจัดทาํ ทัง้ รายงานวัตถุดิบ รายงานสินค๎าสําเร็จรูป และรายงานสินค๎าระหวาํ งผลิต (เฉพาะ ณ วนั ส้ินรอบระยะเวลาบญั ชี) ซ่ึงต๎องมีรายการและขอ๎ ความอยาํ งน๎อยตามที่ อธบิ ดกี รมสรรพากรกําหนด (ประกาศอธบิ ดีกรมสรรพากร เกี่ยวกบั ภาษีมูลคาํ เพม่ิ (ฉบับท่ี ๘๙) ลงวันท่ี ๒๙ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๒ ) ๘.๔ รายงานการจา่ ยอะไหลโ่ ดยไม่คดิ มูลค่า ผูป๎ ระกอบการจดทะเบียนภาษีมลู คําเพิม่ ท่ีขายสนิ ค๎าโดยมีการ นนท์ เศรษฐวิวฒั น์

๒๗๕ รับประกนั สินคา๎ ท่ขี ายหรือบริการซอํ มสินคา๎ ท่ีขาย กรณมี ีการชํารุดบกพรํองหรอื เพ่ือเหตุอนื่ อนั มีลักษณะทํานอง เดียวกัน ต๎องจดั ทํารายงานจํายอะไหลโํ ดยไมํคิดมลู คําเพื่อใชป๎ ระกันสินคา๎ ท่ีขายหรือบรกิ ารซํอมสินค๎าที่ขายแยก ตาํ งหากจากรายงานสนิ คา๎ และวตั ถดุ บิ ๘.๕ บัญชแี สดงรายการสินค้าท่คี รอบครอง - ผู๎ประกอบกิจการโรงเลอ่ื ย โรงคา๎ ไม๎แปรรูป - ผ๎ูประกอบกิจการคา๎ ของเกํา - ผ๎ูประกอบการท่ีได๎รับอนุมัติใหจ๎ ดั ต้งั คลงั สนิ ค๎าทณั ฑบ๑ นประเภทร๎านคา๎ ปลอดอากร - ผ๎ปู ระกอบกิจการปโิ ตรเลยี ม ๘.๖ แบบรายละเอียดสินคา้ คงเหลอื สาํ หรบั บคุ คลธรรมดาผู๎ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลคําเพ่มิ ซ่ึงมหี นา๎ ทเี่ สีย ภาษีเงินได๎บุคคลธรรมดาได๎รับยกเวน๎ ไมํต๎องจดั ทาํ รายงานสินคา๎ และวัตถดุ ิบ แตํต๎องทําการตรวจนบั สินคา๎ คงเหลือ ณ วนั ที่ ๓๐ มิถนุ ายน และวนั ที่ ๓๑ ธันวาคม ของปี และกรอกรายการสินคา๎ คงเหลือในแบบรายละเอยี ดสินคา๎ คงเหลือ และให๎ถือวาํ แบบรายละเอียดสนิ คา๎ คงเหลอื เป็นรายงานสินค๎าและวัตถุดบิ สําหรบั ผูป๎ ระกอบการจดทะเบียนทปี่ ระกอบ กจิ การ โรงเล่ือย โรงคา๎ ไม๎แปรรปู กิจการค๎าของเกาํ ผป๎ู ระกอบการที่ได๎รบั อนุมตั ใิ ห๎จัดตั้งคลังสนิ คา๎ ทัณฑบ๑ นประเภท รา๎ นค๎าปลอดอากร และกิจการปิโตรเลยี ม ใหใ๎ ช๎บญั ชีแสดงรายการสนิ ค๎าท่ีครอบครองตามกฎหมายนน้ั ๆ เปน็ รายงาน สินคา๎ และวัตถดุ ิบ (ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกย่ี วกับภาษีมลู คําเพมิ่ (ฉบับที่ ๑๐๔) เร่ือง กาํ หนดให๎ผ๎ูประกอบการจดทะเบยี นจัดทํา รายงานแตกตํางไปจากรายงานตามมาตรา ๘๗ แหงํ ประมวลรษั ฎากร ลงวันท่ี ๒ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๓) ๘.๗ การจดั ทํารายงานรวมสําหรบั ผู้ประกอบการจดทะเบียนทีไ่ ดร้ ับอนุมัติให้จดั ทํารายงานรวมกันกับสํานักงาน ใหญ่ กรณีทีเ่ ปน็ ผปู๎ ระกอบกิจการขายสินค๎าหรือใหบ๎ ริการซ่ึงนอกจากมีสถานประกอบการที่เปน็ สํานกั งานใหญํแล๎ว ยงั มีสถานประกอบการอื่นอีกหลายแหํงทม่ี ลี ักษณะเปน็ รถเขน็ แผงลอย หนํวยขายท่ีมีลกั ษณะเป็นรา๎ นค๎ายํอย หรือท่ีมี ลกั ษณะทาํ นองเดยี วกัน และประกอบกจิ การอยํเู ป็นประจําในสถานท่ีเชํา สามารถจดั ทาํ รายงานภาษขี าย , รายงาน ภาษีซอื้ , รายงานสนิ คา๎ และวัตถดุ ิบ โดยจัดทาํ รวมกันกบั สํานักงานใหญเํ พยี งรายงานฉบับเดียว ซ่งึ รวบรวมการขาย สินคา๎ หรือการให๎บรกิ ารซื้อสินคา๎ หรือการรับบรกิ ารและการรบั หรอื จาํ ยสนิ ค๎าหรอื วตั ถดุ ิบของสถานประกอบการที่เป็น สาํ นักงานใหญํ และสถานประกอบการแหํงอ่นื โดยตอ๎ งมีรายการและข๎อความอยํางน๎อยตามทอ่ี ธิบดีกรมสรรพากร กาํ หนด และต๎องเกบ็ รกั ษาไว๎ ณ สถานประกอบการท่เี ปน็ สํานกั งานใหญํ (ประกาศอธบิ ดกี รมสรรพากร เกย่ี วกบั ภาษมี ูลคาํ เพ่ิม ฉบบั ท่ี ๑๐๔ เรือ่ ง กําหนดให๎ผปู๎ ระกอบการจดทะเบยี นจัดทาํ รายงานแตกตํางไปจากรายงานตามมาตรา ๘๗ แหํงประมวลรัษฎากร ลงวันที่ ๒ มถิ ุนายน พ.ศ.๒๕๔๓) ๙. รายงานภาษีธรุ กจิ เฉพาะ ผ๎ูมีหน๎าทเี่ สียภาษธี รุ กิจเฉพาะมีหนา๎ ท่ีจดั ทาํ รายงานแสดงรายรบั กํอนหักรายจํายที่ต๎อง เสียภาษธี ุรกิจเฉพาะและรายรับทีไ่ มตํ ๎องนาํ มารวมคํานวณเพื่อเสยี ภาษีธรุ กิจเฉพาะ โดยตอ๎ งจัดทาํ เปน็ รายสถาน ประกอบการ ป๓จจบุ ันไมํได๎กาํ หนดรูปแบบรายงานแสดงรายรบั กํอนหกั รายจํายใหผ๎ ๎ปู ระกอบการปฏิบตั ิแตํอยํางใด ๑๐. รายงานเงนิ สดรบั - จา่ ย ผูป๎ ระกอบการท่ีมหี นา๎ ที่เสยี ภาษีเงินได๎บุคคลธรรมดา และมิได๎จดทะเบยี น ภาษมี ูลคาํ เพมิ่ เฉพาะผู๎มีเงินไดพ๎ งึ ประเมินตามมาตรา ๔๐ (๕) (๖) (๗) และ (๘) แหงํ ประมวลรัษฎากร จดั ทําบัญชหี รอื รายงานแสดงรายได๎และรายจํายเป็นประจาํ วัน เพ่ือประโยชนใ๑ นการจดั เกบ็ ภาษอี ากรและเพื่อใหผ๎ ปู๎ ระกอบการทราบ ถึงรายได๎ รายจาํ ย ผลกําไร ขาดทุน และใชเ๎ ป็นหลักฐานในการขอสนิ เชื่อจากสถาบนั การเงนิ (ประกาศอธบิ ดกี รมสรรพากร เกยี่ วกับภาษเี งนิ ได๎ (ฉบบั ท่ี ๑๖๑) เรอ่ื ง กาํ หนดให๎ผูม๎ หี น๎าท่เี สยี ภาษีเงินได๎บุคคลธรรมดา และมิได๎เป็นผ๎ูประกอบการจดทะเบยี นภาษีมลู คาํ เพิ่ม จดั ทําบญั ชหี รือรายงานแสดงรายได๎และรายจาํ ย ลงวนั ที่ ๒๑ ธนั วาคม พ.ศ.๒๕๔๙) นนท์ เศรษฐวิวฒั น์

๒๗๖ ตารางสรปุ บัญชีพิเศษและรายงานตามประมวลรษั ฎากร กรณผี ูป้ ระกอบการบคุ คลธรรมดา ห้างหุ้นส่วนสามัญ หรือคณะบคุ คลทมี่ ิใช่นิติบุคคล ผู๎ประกอบการบุคคลธรรมดา หา๎ งห๎นุ สํวนสามัญ หรือคณะบุคคลทม่ี ิใชนํ ิติบุคคล อาจจะประกอบกจิ การที่ ต๎องเสียภาษเี งนิ ได๎บุคคลธรรมดาเพียงอยาํ งเดยี ว หรือตอ๎ งเสียภาษมี ลู คําเพิ่ม หรอื ภาษีธุรกิจเฉพาะ นอกเหนือจากภาษี เงนิ ได๎บุคคลธรรมดาก็ได๎ ซึ่งขึ้นอยกํู ับประเภทกิจการของผ๎ูประกอบการ สาํ หรับบัญชีพิเศษและรายงานทตี่ ๎องจดั ทาํ ตาม ประมวลรษั ฎากรกรณีท่ีไมํได๎จดทะเบยี นภาษีมูลคําเพ่ิม และกรณีทีจ่ ดทะเบียนภาษมี ูลคําเพมิ่ นน้ั สรุปได๎ดงั น้ี ผู้ประกอบการที่ไม่ได้จดทะเบียนภาษมี ูลค่าเพ่ิม ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษมี ูลค่าเพ่ิม ๑. รายงานเงนิ สดรบั - จําย ๑. รายงานภาษีมลู คําเพ่ิม ๒. บัญชแี สดงสนิ ค๎าทคี่ รอบครอง กรณีเปน็ ผป๎ู ระกอบ - รายงานภาษีขาย - รายงานภาษซี ้ือ กจิ การค๎าของเกํา - รายละเอียดสินค๎าคงเหลอื ณ วนั ที่ ๓๐ มถิ นุ ายน ๓. บัญชีพเิ ศษแสดงการหกั ภาษี ณ ท่จี าํ ยและนาํ สํง และวนั ที่๓๑ ธันวาคม ๔. บญั ชพี ิเศษเฉพาะกิจการ - บญั ชีแสดงสนิ คา๎ ทีค่ รอบครอง กรณเี ปน็ ผูป๎ ระกอบ กจิ การโรงเล่ือย โรงค๎าไม๎แปรรูป กิจการคา๎ ของ -โรงสขี นาดเล็ก - กิจการสถานพยาบาลท่ีมีเตยี งผ๎ปู ุวยไวค๎ ๎างคนื เกาํ - กิจการค๎าของเกาํ ประเภทรถยนต๑ ๒. บัญชีพิเศษแสดงการหกั ภาษี ณ ที่จาํ ยและนาํ สํง - ผูผ๎ ลติ หรือผร๎ู ับจา๎ งผลติ ผลติ ภณั ฑ๑ซีดี ๓. บัญชีพเิ ศษเฉพาะกิจการ ๕. รายงานภาษีธรุ กจิ เฉพาะ (กรณีจดทะเบียนภาษี ธุรกจิ เฉพาะ) - กจิ การคา๎ ของเกาํ ประเภทรถยนต๑ - ผู๎ผลิตหรือผูร๎ ับจ๎างผลติ ผลิตภณั ฑซ๑ ดี ี ๔. รายงานภาษีธรุ กิจเฉพาะ (กรณจี ดทะเบยี นภาษี ธรุ กจิ เฉพาะ) ตารางสรุปบัญชีพเิ ศษและรายงานตามประมวลรษั ฎากร กรณผี ูป้ ระกอบการ หา้ งหุ้นส่วนจาํ กัด บรษิ ัทจํากัด บริษัทมหาชนจาํ กดั หา้ งหนุ้ ส่วนสามญั นิติบุคคล กิจการร่วมคา้ มลู นธิ สิ มาคม หรอื นิตบิ คุ คลอน่ื ผป๎ู ระกอบการในรูปของห๎างห๎ุนสวํ นจํากัด บริษัทจาํ กัด บรษิ ัทมหาชนจาํ กดั หา๎ งหนุ๎ สํวนสามัญนติ ิบคุ คล กิจการรวํ มค๎า มลู นิธิสมาคม หรอื นิตบิ ุคคลอน่ื ใด น้นั บัญชีพิเศษและรายงานท่ีต๎องจดั ทําตามประมวลรัษฎากรกรณีท่ี ไมํไดจ๎ ดทะเบยี นภาษมี ูลคําเพ่ิม และกรณีทจ่ี ดทะเบียนภาษีมลู คําเพ่ิมนัน้ สรปุ ได๎ดังนี้ ผปู้ ระกอบการที่ไม่ไดจ้ ดทะเบียนภาษมี ลู คา่ เพิ่ม ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลคา่ เพมิ่ ๑. บญั ชงี บดลุ บัญชที าํ การ และบญั ชกี าํ ไรขาดทนุ ๑. รายงานภาษีมลู คําเพิ่ม ๒. บัญชแี สดงสินคา๎ ท่ีครอบครอง กรณีเปน็ ผปู๎ ระกอบ - รายงานภาษีขาย - รายงานภาษซี ื้อ กิจการคา๎ ของเกํา - รายงานสนิ คา๎ และวัตถุดบิ ๓. บัญชีพิเศษเฉพาะกจิ การ นนท์ เศรษฐวิวฒั น์

๒๗๗ -โรงสขี นาดเลก็ - รายงานการจํายอะไหลํโดยไมํคดิ มูลคาํ - กจิ การสถานพยาบาลท่ีมีเตียงผูป๎ ุวยไวค๎ า๎ งคืน (สาํ หรบั สนิ ค๎าทีม่ ีประกัน) - กจิ การคา๎ ของเกาํ ประเภทรถยนต๑ - ผ๎ผู ลิตหรือผูร๎ ับจา๎ งผลติ ผลิตภณั ฑ๑ซดี ี - บัญชีแสดงสินค๎าทคี่ รอบครอง กรณเี ปน็ ๔. บญั ชีพิเศษแสดงการหกั ภาษี ณ ทจ่ี าํ ยและนําสํง ผ๎ูประกอบ กิจการโรงเลือ่ ย โรงคา๎ ไม๎แปรรูป ๕. รายงานภาษธี รุ กิจเฉพาะ (กรณีจดทะเบยี นภาษี กิจการค๎าของเกําผ๎ูประกอบการที่ไดร๎ บั ใหอ๎ นมุ ัติ ธุรกิจเฉพาะ) ให๎จัดตั้งคลังสนิ ค๎าทัณฑ๑บนประเภทรา๎ นคา๎ ปลอดอากร และกิจการปิโตรเลยี ม ๒. บญั ชีงบดลุ บัญชีทําการ และบัญชกี ําไรขาดทนุ ๓. บัญชพี ิเศษเฉพาะกิจการ - กิจการค๎าของเกําประเภทรถยนต๑ - ผผ๎ู ลติ หรอื ผ๎รู ับจ๎างผลติ ผลติ ภัณฑ๑ซดี ี ๔. บัญชีรายได๎กอํ นหักรายจํายใดๆ (เฉพาะนติ ิบคุ คล ตํางประเทศทเ่ี ข๎ามาประกอบกิจการขนสํงระหวาํ ง ประเทศในประเทศไทย) ๕. บญั ชีพิเศษแสดงการหักภาษี ณ ทจี่ าํ ยและนาํ สงํ ๖. รายงานภาษีธุรกจิ เฉพาะ (กรณีจดทะเบยี นภาษี ธรุ กจิ เฉพาะ) ๑. การจัดทาํ บัญชีแสดงรายไดแ้ ละรายจา่ ยของบุคคลธรรมดาที่มิได้จดทะเบียนภาษีมูลคา่ เพมิ่ - เปน็ ผ๎ูประกอบการท่ีมหี น๎าที่เสียภาษีเงินได๎บุคคลธรรมดา ได๎แกํ บคุ คลธรรมดา หา๎ งหนุ๎ สํวนสามญั หรือคณะบคุ คลท่มี ิใชนํ ิติบุคคล ผถ๎ู ึงแกํความตายระหวาํ งปีภาษี และกองมรดกทีย่ งั มิได๎แบงํ - เป็นผู๎ประกอบการท่ีมเี งินได๎มาตรา ๔๐(๕)-(๘) แหงํ ประมวลรัษฎากร และไมํได๎จดทะเบียน ภาษมี ูลคําเพิ่ม จะตอ๎ งจัดทาํ บญั ชหี รือรายงานแสดงรายไดแ๎ ละรายจาํ ยประจําวนั ซง่ึ เรยี กวาํ “รายงานเงนิ สดรบั -จําย” - ประโยชน๑ของการจดั ทาํ “รายงานเงินสดรบั -จาํ ย” จะชํวยใหผ๎ ู๎ประกอบการทราบรายได๎ รายจาํ ย และผลกําไร นอกจากน้นั ยงั นาํ ไปใชป๎ ระกอบการพจิ ารณาขอสินเชื่อจากสถาบนั การเงินได๎ด๎วย ๒. การหกั คา่ ใช้จ่ายเหมาสําหรับเงินได้พึงประเมินมาตรา ๔๐(๕)-(๘) แหง่ ประมวลรัษฎากร ของผมู้ ีหน้าท่เี สีย ภาษเี งินได้บุคคลธรรมดา - ผปู๎ ระกอบการท่ีย่นื แบบเสยี ภาษเี งินไดค๎ รงึ่ ปี หรอื เงนิ ไดป๎ ระจําปีภาษี สามารถเลือกหัก คาํ ใชจ๎ ํายเหมา ในอตั ราร๎อยละของเงนิ ได๎พงึ ประเมิน ตามทกี่ ฎหมายกําหนด สาํ หรบั เงินไดม๎ าตรา ๔๐(๕)-(๘) แหงํ ประมวลรัษฎากร แตํก็สามารถเลือกหกั คําใช๎จํายจริงได๎ หากคําใชจ๎ ํายจริงสงู กวาํ คําใช๎จาํ ยเหมา นนท์ เศรษฐวิวฒั น์

๒๗๘ - อตั ราการหักคาํ ใช๎จํายเหมาสําหรบั เงินได๎มาตรา ๔๐(๕)-(๘) แหงํ ประมวลรษั ฎากร จะกําหนดไว๎ในพระราช กฤษฎกี า ออกตามความในประมวลรัษฎากร ฉบบั ท่ี ๑๑ สําหรบั เงนิ ไดม๎ าตรา ๔๐(๘) แหํงประมวลรษั ฎากรท่ไี มํได๎ ระบุไวใ๎ นพระราชกฤษฎีกา ฉบบั ที่ ๑๑ จะต๎องหักคําใชจ๎ าํ ยจริงเทาํ นั้น - การหกั คาํ ใชจ๎ าํ ยตามจรงิ ให๎นํามาตรา ๖๕ ทวิ และ มาตรา ๖๕ ตรี แหํงประมวลรษั ฎากรมาบงั คับใชโ๎ ดยอนโุ ลม ** ศึกษาไดจ้ ากพระราชกฤษฎกี า ฉบบั ท่ี ๑๑ ๓. กิจการทีม่ ีสทิ ธิออกใบกํากับภาษีอย่างย่อ - กิจการท่เี ปน็ ขายสนิ ค๎าในลักษณะขายปลีก หรอื กิจการใหบ๎ รกิ ารรายยํอยแกบํ ุคคลจํานวนมาก สามารถออกใบกํากบั ภาษีอยํางยํอได๎ - การขายปลกี เป็นการขายใหแ๎ กํผูบ๎ ริโภคโดยตรง เพื่อนาํ ไปบรโิ ภคหรือใช๎สอย มิได๎มีวตั ถุประสงค๑ นําไปขายตํอ เชํน ขายของชํา ขายยา หา๎ งสรรพสินคา๎ เปน็ ต๎น - การให๎บรกิ ารรายยํอยแกบํ คุ คลจาํ นวนมาก เชนํ กิจการภตั ตาคาร โรงแรม ซอํ มแซมทุกชนิด เป็นตน๎ ** ศึกษาได้จาก ประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกย่ี วกบั ภาษีมลู คา่ เพ่ิม (ฉบับท่ี ๓๒) ๔. ไมต่ ้องออกใบกํากับภาษี หากขายสินคา้ หรือใหบ้ รกิ ารครงั้ หนึ่งไมเ่ กิน ๑,๐๐๐ บาท สําหรับ ผู้ประกอบการจด ทะเบยี นภาษีมูลค่าเพ่มิ ท่ีขายสินค้าหรือการให้บริการรายย่อยท่ีประกอบกิจการดงั น้ี - ขายสนิ คา๎ หรือใหบ๎ ริการ ไมเํ คยมีมลู คําของฐานภาษีเดือนใดถึง ๓๐๐,๐๐๐ บาท หรือ - ขายสินคา๎ หรอื ให๎บริการ ทม่ี ีสถานประกอบการเปน็ รถเข็น แผงลอย หรอื หนํวยขายลักษณะทํานองเดยี วกนั หรือ - การให๎บรกิ ารแสดง การเลํน การกีฬา การแขํงขัน การประกวด หรือลักษณะทํานองเดียวกนั ท่ีจัดข้ึนเพ่ือเกบ็ เงิน จากผด๎ู ู ผู๎ฟ๓ง ผู๎เลนํ หรือผเ๎ู ขา๎ แขงํ ขนั **ผ๎ูประกอบการรวบรวมมูลคําการขายหรือการใหบ๎ รกิ ารท่ีมมี ูลคําครั้งหน่ึงไมํเกนิ ๑,๐๐๐ บาท ใน ๑ วันทําการเพ่ือ จัดทําใบกาํ กับภาษีอยํางยํอเพียง ๑ ฉบบั เพอ่ื ใช๎ประกอบการลงรายงานภาษขี าย **กรณีผซ๎ู ื้อสินค๎าหรอื ใช๎บรกิ ารร๎องขอใบกาํ กับภาษี จะต๎องออกใบกํากับภาษใี ห๎ **ศกึ ษาได๎จาก ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกย่ี วกบั ภาษีมูลคาํ เพ่ิม (ฉบับท่ี ๑๕๔) ๕. ไมตํ ๎องออกใบกาํ กับภาษีเมื่อขายน้ํามันเชือ้ เพลงิ ท่มี ีมูลคาํ ครั้งหน่ึงไมํเกนิ ๑,๐๐๐ บาท - เปน็ สถานบรกิ ารน้ํามนั เชื้อเพลงิ ท่ีไดร๎ บั อนุมตั ิเป็นการขายสินคา๎ หรือใหบ๎ ริการรายยํอยแกบํ ุคคลจํานวนมาก ** หากผซ๎ู อ้ื นาํ้ มนั ร๎องขอใบกํากบั ภาษี จะต๎องออกใบกาํ กบั ให๎ ** ศึกษาได๎จากประกาศอธิบดกี รมสรรพากร เกย่ี วกับภาษีมูลคาํ เพ่ิม (ฉบับที่ ๕๔) ๖. การออกใบกาํ กบั ภาษใี ห๎แกผํ ๎ูซ้ือสินคา๎ รายหน่ึงรายใดเป็นจํานวนหลายคร้งั ใน ๑ วัน - สามารถออกใบกาํ กบั ภาษีรวมเพียงครง้ั เดียวใน ๑ วนั ทาํ การได๎ ** ศึกษาได๎จากคาํ ส่ังกรมสรรพากรที่ ป.๘๖/๒๕๔๒ ลงวนั ท่ี ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๔๒ ๗. ผปู้ ระกอบการจดทะเบียนภาษีมลู ค่าเพมิ่ ท่ีออกใบกํากบั ภาษแี บบเต็มรปู ในแตล่ ะวนั ตงั้ แต่ ๑๐๐ ฉบับขน้ึ ไป - หากได๎จัดทํารายงานสรุปการขายประจาํ วนั ไว๎ ไมํตอ๎ งลงรายงานภาษขี ายเป็นรายใบกาํ กบั ภาษี จะลงรายการ เฉพาะมูลคาํ สนิ คา๎ หรือบริการและจาํ นวนภาษมี ลู คําเพม่ิ ท้ังหมดตํอวนั ในรายงานภาษีขายได๎ และต๎องลงรายการ ภายใน ๓ วนั ทําการ นบั แตวํ นั ที่ระบไุ ว๎ในใบกาํ กบั ภาษี ** ศกึ ษาได้จากประกาศอธบิ ดีกรมสรรพากร เก่ยี วกับภาษมี ลู ค่าเพิ่ม (ฉบับท่ี ๘๙) ข้อ ๗ ๘. การลงรายการรายงานภาษีขายของผปู้ ระกอบการจดทะเบียนที่ออกใบกํากบั ภาษีอย่างยอ่ - ลงรายการเฉพาะมลู คําสินคา๎ หรือบรกิ าร และจํานวนภาษมี ูลคําเพ่ิมต้ังแตํวนั ท่ีไดร๎ บั หรอื พงึ ได๎รับ นนท์ เศรษฐวิวฒั น์

๒๗๙ และให๎ลงรายการภายใน ๓ วนั - ไมํต๎องระบุชื่อผซ๎ู ้อื สนิ คา๎ หรือผ๎รู ับบรกิ าร และรายการสินค๎าหรอื บริการ * ศึกษาไดจ้ ากประกาศอธบิ ดีกรมสรรพากร เกยี่ วกับภาษมี ูลค่าเพ่มิ (ฉบับที่ ๘๙) ข้อ ๗ ๙. ขออนุมตั ิยื่นแบบแสดงรายการภาษแี ละชาํ ระภาษรี วมกนั (ภ.พ.๓๐) - โดยปกตผิ ๎ูประกอบการจดทะเบยี นภาษีมลู คาํ เพม่ิ จะต๎องยน่ื แบบเสยี ภาษี (ภ.พ.๓๐) เปน็ รายสถานประกอบการ กรณมี สี ถานประกอบการหลายแหงํ - ผป๎ู ระกอบการสามารถขออนุมตั ิย่ืนแบบและชาํ ระภาษีรวมกนั ณ สาํ นกั งานใหญํ หรือสาขาใดสาขาหนึ่งได๎ ซึ่งจะชํวยลดคาํ ใช๎จําย ** การจัดทํารายงานภาษีขาย ภาษซี ื้อ รายงานสินค้าและวัตถดุ บิ ให้จัดทาํ เปน็ รายสถานประกอบการ ไม่วา่ จะ ไดร้ บั อนุมัตใิ ห้ยนื่ แบบและชําระภาษรี วมกนั หรือไม่ ๑๐. หลกั ฐานประกอบรายจ่าย กรณผี ้รู บั เงนิ ไม่มีใบเสร็จรบั เงินให้ - รายจาํ ยตาํ ง ๆ ทจ่ี ํายใหบ๎ ุคคลธรรมดาทวั่ ไป เชํน คําแรงงาน โดยปกตผิ รู๎ ับเงินไมํออกหลกั ฐานการรบั เงินให๎ ทางออกก็คือให๎ผ๎ูจํายเงินทําเอกสารโดยระบุ ชือ่ นามสกลุ ท่ีอยํู ของผูร๎ ับเงนิ การจํายเงินเป็นคําอะไร จํานวนเงิน เทาํ ไร วัน เดอื น ปี ที่รบั เงิน พร๎อมลงลายมือชื่อของผูร๎ บั เงิน หรือจะมสี ําเนาบัตรประชาชน ประกอบหลกั ฐานด๎วยจะดี ยงิ่ ขน้ึ ศูนย์บริการขอ้ มูลสรรพากร ขัน้ ตอนการใชบ๎ รกิ าร ๑. ตดิ ตํอ RD Call Center ดว๎ ยหมายเลข ๑๑๖๑ จากเครือ่ งโทรศัพท๑ หากต๎องการรบั ข๎อมูลทางโทรสารให๎ ใชเ๎ ครื่องโทรสารในการตดิ ตํอ ๒. ฟ๓งข๎อความจากระบบอตั โนมตั ิเพื่อเลือกรบั บริการจาก RD Call Center ๔ เมนูหลักคือ นนท์ เศรษฐวิวัฒน์

๒๘๐ กด ๑ ฟ๓งข๎อมลู จากระบบอตั โนมตั ิ กด ๒ รบั เอกสารทางโทรสาร กด ๓ ขาํ วประชาสมั พนั ธ๑ กด ๔ ตดิ ตํอเจา๎ หน๎าที่ กด * ฟ๓งรายการซาํ้ ๓. ทาํ นสามารถกดรหสั หมายเลขของข๎อมลู ท่ีต๎องการทราบจากระบบอัตโนมัติ เพื่อความสะดวก รวดเร็ว ในการ รับขอ๎ มลู โดยเลอื กเมนหู ลกั เมนรู อง และเมนูยํอย จากคํูมือน้ี เชํน ๓.๑ กรณเี ลอื กฟ๓งข๎อมลู จากระบบอตั โนมัติ กด ๑ จากเมนหู ลัก หากตอ๎ งการทราบข๎อมูลเกี่ยวกบั ประเภทแบบ / กําหนดเวลา ของภาษเี งินได๎บุคคลธรรมดา เลอื ก กด ๑ ภาษเี งนิ ได๎บุคคลธรรมดา จากเมนูรอง และเลือก กด ๖ ประเภทแบบ / กําหนดเวลา เป็นเมนูยํอย หรอื กด ๑๑๖ จะได๎ฟ๓งข๎อความเกย่ี วกับประเภทแบบ / กําหนดเวลาของ ภาษีเงินไดบ๎ ุคคลธรรมดา ตามท่ีตอ๎ งการ ๓.๒ กรณีเลอื กรับเอกสารทางโทรสาร ซ่ึงต๎องโทรจากเคร่ืองโทรสาร โดยเลอื กรับข๎อมลู ทางเคร่ืองโทรสารกด ๒ จากเมนูหลกั หากต๎องการทราบเกี่ยวกับอตั ราภาษเี งนิ ไดห๎ กั ณ ที่จาํ ย เลือกกด ๔ อัตราภาษเี งนิ ได๎ จากเมนูรอง และเลือกกด ๓ ภาษีเงินไดห๎ ัก ณ ทจี่ ําย จากเมนูยํอย หรือ กด ๒๔๓ จะไดร๎ บั เอกสารตามท่ีต๎องการ นนท์ เศรษฐวิวัฒน์

๒๘๑ นนท์ เศรษฐวิวัฒน์

๒๘๒ นนท์ เศรษฐวิวัฒน์

๒๘๓ นนท์ เศรษฐวิวัฒน์

๒๘๔ นนท์ เศรษฐวิวัฒน์

๒๘๕ นนท์ เศรษฐวิวัฒน์

๒๘๖ นนท์ เศรษฐวิวัฒน์

๒๘๗ นนท์ เศรษฐวิวัฒน์

๒๘๘ หลกั เกณฑก๑ ารใชเ๎ ครื่องบนั ทึกการเกบ็ เงิน นนท์ เศรษฐวิวฒั น์

๒๘๙ นนท์ เศรษฐวิวัฒน์

๒๙๐ นนท์ เศรษฐวิวัฒน์

๒๙๑ ระบบยื่นคาํ ขออนุมัตเิ ป็นสาํ นกั งานใหญ่ข้ามประเทศหรือบรษิ ทั การค้าระหว่างประเทศ คณะรฐั มนตรีได๎มมี ติเม่อื วนั ที่ ๒๓ ธนั วาคม ๒๕๕๗ และวนั ท่ี ๑๐ มนี าคม ๒๕๕๘ เห็นชอบมาตรการภาษีเพ่ือ สงํ เสรมิ การจัดตงั้ สาํ นักงานใหญํข๎ามประเทศและมาตรการภาษีเพ่ือสงํ เสริมการจัดต้ังบริษทั การคา๎ ระหวํางประเทศ เพอื่ จูงใจใหภ๎ าคเอกชนท้ังในและตํางประเทศจดั ตง้ั สํานักงานใหญขํ า๎ มประเทศ (International Headquarters: IHQ) และบรษิ ัทการค๎าระหวํางประเทศ (International Trading Center: ITC) ในประเทศไทย อันจะทาํ ใหป๎ ระเทศไทย เปน็ ศนู ยก๑ ลางการคา๎ การเงนิ และการลงทนุ ของภูมภิ าค มาตรการภาษเี พ่อื สง่ เสริมการจดั ตั้งสาํ นกั งานใหญ่ข้ามประเทศ เป็นการให๎สิทธิประโยชนล๑ ดอัตราและยกเวน๎ ภาษเี พอื่ สงํ เสริมการจัดต้งั สํานักงานใหญขํ า๎ มประเทศ (International Headquarters: IHQ) ในประเทศไทย โดยมรี ายละเอยี ดดงั น้ี “สํานักงานใหญํข๎ามประเทศ” หมายความวาํ บริษัทที่ตัง้ ขึน้ ตามกฎหมายไทย เพ่ือประกอบกจิ การให๎บริการด๎าน การบรหิ ารหรือด๎านเทคนิค การใหบ๎ ริการสนับสนุน หรือการบริหารเงนิ แกํวิสาหกิจในเครือหรือสาขาของตน ไมวํ าํ วสิ าหกิจในเครือหรือสาขาน้ันจะต้งั อยํูในประเทศไทยหรือในตํางประเทศ และหมายความรวมถงึ บรษิ ัทการคา๎ ระหวําง ประเทศซึ่งได๎รบั อนมุ ัตใิ ห๎เป็นสํานกั งานใหญํข๎ามประเทศด๎วย คุณสมบตั ิ ๑.มที ุนทชี่ าํ ระแล๎วในวนั สุดท๎ายของแตํละรอบระยะเวลาบัญชีต้ังแตํ ๑๐ ล๎านบาทขึน้ ไป ๒.มกี ารใหบ๎ ริการดา๎ นการบริหารหรือด๎านเทคนิค การใหบ๎ ริการสนบั สนนุ หรือการบรหิ ารเงินแกํวสิ าหกจิ ในเครอื ที่ ตั้งขนึ้ ตามกฎหมายตํางประเทศ ๓.มีรายจาํ ยในการดาํ เนินงานซง่ึ เก่ียวกับกจิ การของ IHQ ที่จํายให๎แกํผร๎ู ับในประเทศไทยไมํนอ๎ ยกวาํ ๑๕ ล๎านบาทใน แตํละรอบระยะเวลาบัญชี ๔.ย่นื คําร๎องขอและได๎รับอนุมัติให๎เป็น IHQ จากอธบิ ดีกรมสรรพากร ๕.ปฏิบัตติ ามหลักเกณฑ๑ วธิ กี าร และเงอ่ื นไขทีอ่ ธิบดีกรมสรรพากรประกาศกําหนด ระยะเวลาการได้รบั สิทธิประโยชน์ทางภาษี ๑๕ รอบระยะเวลาบัญชี สทิ ธิประโยชน์ทางภาษี ๑. ยกเวน๎ ภาษีเงินได๎นติ ิบคุ คลให๎แกํ IHQ สาํ หรบั รายไดด๎ ังตํอไปนี้ ๑.๑ รายไดจ๎ ากการให๎บรกิ ารด๎านการบรหิ ารหรือด๎านเทคนคิ การให๎บรกิ ารสนับสนุน หรือ การบริหารเงินแกํ วิสาหกจิ ในเครือทีต่ ัง้ ขน้ึ ตามกฎหมายตาํ งประเทศ ๑.๒ คําสทิ ธทิ ี่ได๎รับจากวิสาหกจิ ในเครือที่ตง้ั ขนึ้ ตามกฎหมายตาํ งประเทศ ๑.๓ เงินปน๓ ผลท่ีได๎รบั จากวิสาหกิจในเครือทต่ี ั้งขึ้นตามกฎหมายตํางประเทศ ๑.๔ รายไดจ๎ ากการโอนห๎นุ ของวสิ าหกจิ ในเครอื ทต่ี ้งั ข้ึนตามกฎหมายตาํ งประเทศ ทั้งนี้ เฉพาะการโอนหุ๎นทตี่ ี ราคาเป็นเงินไดเ๎ กินกวาํ ท่ลี งทุน ๑.๕ รายได๎จากการจัดซ้ือและขายสินค๎าในตาํ งประเทศ โดยสนิ คา๎ ดังกลาํ วมิไดถ๎ ูกนําเข๎ามาในประเทศไทย หรือ เข๎ามาในประเทศไทยในลักษณะการผาํ นแดนหรอื การถาํ ยลําตามกฎหมายวําด๎วยศลุ กากร และรายไดจ๎ ากการ ให๎บริการที่เกย่ี วขอ๎ งกับการค๎าระหวาํ งประเทศแกนํ ติ ิบุคคลทตี่ ้งั ขนึ้ ตามกฎหมายตํางประเทศท่ีไดร๎ ับจากหรือใน ตาํ งประเทศ นนท์ เศรษฐวิวัฒน์

๒๙๒ ๒. ลดอตั ราภาษเี งินได๎นติ บิ ุคคลให๎แกํ IHQ จากร๎อยละ ๒๐ ของกําไรสุทธิเหลือร๎อยละ ๑๐ ของกาํ ไรสทุ ธิ สําหรบั รายไดด๎ งั ตํอไปน้ี ๒.๑ รายไดจ๎ ากการใหบ๎ รกิ ารดา๎ นการบริหารหรือดา๎ นเทคนิค การให๎บรกิ ารสนับสนุน หรอื การบริหารเงนิ แกํ วิสาหกิจในเครอื ที่ตง้ั ข้ึนตามกฎหมายไทย ๒.๒ คําสทิ ธทิ ไ่ี ดร๎ ับจากวิสาหกจิ ในเครือที่ต้งั ขึน้ ตามกฎหมายไทย ทั้งนี้ เฉพาะท่ีมีจํานวนรวมกันไมํเกินกวํารายได๎ซงึ่ ไดร๎ ับยกเวน๎ ภาษีเงนิ ได๎นิตบิ คุ คลตาม ๑.๑ และ ๑.๒ ๓. ยกเวน๎ ภาษธี รุ กิจเฉพาะให๎แกํ IHQ สาํ หรบั รายรับจากการให๎กยู๎ ืมแกํวสิ าหกิจในเครือ ทัง้ นี้ เฉพาะการให๎กยู๎ ืมทีเ่ ป็น การบริหารเงิน ๔. ลดอตั ราภาษีเงนิ ไดบ๎ ุคคลธรรมดาให๎แกคํ นตาํ งด๎าวซงึ่ ทํางานประจํา IHQ เหลอื รอ๎ ยละ ๑๕ ของเงินได๎พึงประเมิน ๕. ยกเว๎นภาษีเงินไดน๎ ติ ิบคุ คลให๎แกบํ ริษทั หรือห๎างหุน๎ สวํ นนิติบคุ คลท่ีตั้งขึน้ ตามกฎหมายตํางประเทศและมิได๎ ประกอบกจิ การในประเทศไทย สาํ หรับรายไดด๎ งั ตํอไปน้ี ๕.๑ เงนิ ป๓นผลที่ได๎รบั จาก IHQ ทงั้ นี้ เฉพาะเงนิ ป๓นผลทจ่ี ํายจากรายไดท๎ ี่ไดร๎ ับยกเว๎นภาษีเงินไดน๎ ิตบิ ุคคลตาม ๑.๑ และ ๑.๒ ๕.๒ ดอกเบยี้ ท่ไี ดร๎ ับจาก IHQ ทง้ั น้ี เฉพาะดอกเบี้ยจากเงนิ ก๎ยู ืมท่ี IHQ ได๎กมู๎ าเพ่ือให๎กยู๎ มื ตํอแกวํ ิสาหกิจในเครือ ท่ีเป็นการบรหิ ารเงิน หมายเหตุ ๑. ศึกษารายละเอียดเพ่ิมเตมิ รวมถงึ คํานยิ ามตาํ งๆ ของมาตรการภาษีเพือ่ สงํ เสริมการจดั ตัง้ IHQ ได๎จาก พระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากรวาํ ดว๎ ยการลดอัตราและยกเวน๎ รษั ฎากร (ฉบับที่ ๕๘๖) ๒. ศึกษาหลักเกณฑ๑ วิธกี าร และเงื่อนไขตาํ งๆ ของมาตรการภาษีเพ่ือสงํ เสรมิ การจดั ตง้ั IHQ ไดจ๎ าก ประกาศอธบิ ดีกรมสรรพากร เรอื่ ง กาํ หนดหลักเกณฑ๑ วิธกี าร และเง่ือนไขการลดอัตราภาษีเงินได๎ ยกเวน๎ ภาษเี งนิ ได๎ และยกเว๎นภาษีธรุ กิจเฉพาะของบรษิ ัทซึ่งประกอบกิจการสํานกั งานใหญํข๎ามประเทศ มาตรการภาษเี พอ่ื สง่ เสริมการจดั ตงั้ บริษัทการคา้ ระหวา่ งประเทศ เปน็ การให๎สิทธิประโยชนล๑ ดอัตราและยกเว๎นภาษเี พ่ือสงํ เสรมิ การจดั ตั้งบริษัทการคา๎ ระหวาํ งประเทศ (International Trading Center: ITC) ในประเทศไทย โดยมีรายละเอียดดังนี้ “บรษิ ัทการคา๎ ระหวํางประเทศ” หมายความวํา บรษิ ัททต่ี ้งั ข้ึนตามกฎหมายไทย เพ่ือประกอบกิจการจดั ซื้อ และขายสินค๎า วัตถดุ ิบ และชิ้นสวํ น หรือให๎บริการเก่ียวกับการคา๎ ระหวาํ งประเทศแกํนิติบคุ คลทีต่ ้งั ขนึ้ ตามกฎหมาย ตํางประเทศ คณุ สมบตั ิ ๑. มีทนุ ทช่ี ําระแล๎วในวนั สุดท๎ายของแตลํ ะรอบระยะเวลาบัญชีต้ังแตํ ๑๐ ลา๎ นบาทขนึ้ ไป ๒. มรี ายจํายในการดาํ เนินงานซงึ่ เกย่ี วกับกจิ การของ ITC ทจ่ี ํายใหแ๎ กผํ ร๎ู บั ในประเทศไทยไมํนอ๎ ยกวาํ ๑๕ ลา๎ นบาทใน แตลํ ะรอบระยะเวลาบญั ชี ๓. ย่นื คํารอ๎ งขอและได๎รบั อนุมตั ิให๎เป็น ITC จากอธิบดกี รมสรรพากร ๔. ปฏิบัตติ ามหลักเกณฑ๑ วิธกี าร และเงอื่ นไขที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกาํ หนด ระยะเวลาการไดร้ บั สิทธปิ ระโยชนท์ างภาษี ๑๕ รอบระยะเวลาบัญชี นนท์ เศรษฐวิวัฒน์

๒๙๓ สทิ ธปิ ระโยชน์ทางภาษี ๑. ยกเว๎นภาษีเงินได๎นิตบิ ุคคลให๎แกํ ITC สําหรบั รายไดจ๎ ากการจดั ซ้ือและขายสินค๎าในตาํ งประเทศ โดยสินค๎าดงั กลาํ ว มไิ ดถ๎ ูกนําเข๎ามาในประเทศไทย หรอื เข๎ามาในประเทศไทยในลกั ษณะการผํานแดนหรือ การถํายลาํ ตามกฎหมายวาํ ดว๎ ยศุลกากร และรายไดจ๎ ากการใหบ๎ รกิ ารทเ่ี กยี่ วข๎องกับการค๎าระหวาํ งประเทศแกํนิติบุคคลทตี่ ้งั ข้นึ ตามกฎหมาย ตาํ งประเทศที่ได๎รับจากหรือในตํางประเทศ ๒. ลดอตั ราภาษเี งนิ ได๎บุคคลธรรมดาให๎แกคํ นตาํ งดา๎ วซ่ึงทํางานประจํา ITC เหลอื รอ๎ ยละ ๑๕ ของเงนิ ได๎พึงประเมนิ ๓. ยกเว๎นภาษีเงินไดน๎ ติ บิ คุ คลใหแ๎ กบํ รษิ ทั หรือห๎างหุน๎ สํวนนิตบิ ุคคลทต่ี ง้ั ขึ้นตามกฎหมายตาํ งประเทศและมไิ ด๎ ประกอบกิจการในประเทศไทย สาํ หรับเงนิ ปน๓ ผลทีไ่ ดร๎ บั จาก ITC ทงั้ น้ี เฉพาะเงินปน๓ ผล ที่จาํ ยจากรายไดท๎ ่ีไดร๎ บั ยกเว๎นภาษีเงนิ ไดน๎ ิติบคุ คลตาม ๑. หมายเหตุ ๑. ศกึ ษารายละเอยี ดเพ่ิมเตมิ รวมถึงคาํ นิยามตํางๆ ของมาตรการภาษีเพอื่ สํงเสริมการจดั ตั้ง ITC ไดจ๎ าก พระราชกฤษฎกี า ออกตามความในประมวลรัษฎากรวําดว๎ ยการลดอัตราและยกเว๎นรษั ฎากร (ฉบบั ที่ ๕๘๗) ๒. ศกึ ษาหลกั เกณฑ๑ วธิ ีการ และเงื่อนไขตํางๆ ของมาตรการภาษเี พื่อสํงเสริมการจดั ตง้ั ITC ไดจ๎ าก ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกยี่ วกับภาษเี งินได๎ (ฉบับท่ี ๒๕๓) เรอื่ ง กาํ หนดหลกั เกณฑ๑ วธิ กี าร และเง่ือนไข เพือ่ การ ลดอตั ราและยกเวน๎ ภาษีเงินได๎ ของบริษทั ซึ่งประกอบกจิ การบริษัทการคา๎ ระหวํางประเทศ เมนูอ้างอิง จาก Intranet ประมวลรษั ฎากร โครงการศึกษาและพัฒนาประมวลรัษฎากร มาตรการภาษีทีด่ ําเนินโดยกรมสรรพากร ระเบยี บ คาํ สัง่ แนวปฏบิ ตั ิ ขอ๎ หารือกรมสรรพากร คําพิพากษาศาลฎกี า แนวทางการพิจารณาอุทธรณ๑ กฎหมายปฎริ ปู ระบบราชการ ความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎกี า กฎหมายออกใหมํ สรุปสิทธิประโยชน๑กฎหมายภาษอี ากร เมนูอา้ งอิงจากอินเตอร์เน็ต  ประมวลรษั ฎากร  พระราชบญั ญัตภิ าษเี งนิ ไดป๎ โิ ตรเลยี ม  ข๎อหารือภาษีอากร  คาํ พิพากษาฎีกา  กฎหมายออกใหมํ  สรปุ สิทธปิ ระโยชนก๑ ฎหมายภาษอี ากร  โครงการศึกษาและพัฒนาประมวลรัษฎากร  ขอ๎ มูลการพฒั นากฎหมายของกรมสรรพากร นนท์ เศรษฐวิวฒั น์

๒๙๔ นนท์ เศรษฐวิวัฒน์

๒๙๕ บรกิ ารยนื่ แบบและชําระภาษี ปจ๓ จบุ นั กรมสรรพากรเปิดให๎บรกิ ารย่ืนแบบฯ ผาํ นอนิ เทอร๑เน็ตสาํ หรบั ๑๖ ประเภทแบบฯ สมาชิกทไ่ี ดร๎ ับสทิ ธิให๎ ใชบ๎ รกิ ารย่ืนแบบฯ ผาํ นอินเทอร๑เน็ต สามารถเข๎าใชบ๎ รกิ ารยน่ื แบบฯ ได๎ทันที ข้อควรระวัง ในการยนื่ แบบฯ ทกุ ประเภทภาษี ถ๎าเปน็ แบบฯ ท่ีไมํมีเงนิ ภาษตี ๎องชาํ ระ ขอให๎ทํานทํารายการจนถึงหน๎าจอที่ แสดงผล : กรมสรรพากรไดร๎ ับแบบแสดงรายการของทาํ นแล๎ว แตถํ ๎าเป็นแบบฯ ทมี่ ีภาษตี ๎องชําระเพิ่มเติม ต๎อง ทํารายการภายในกําหนดเวลายนื่ แบบฯ ประเภทนน้ั ๆ พร๎อมทั้งตอ๎ งชาํ ระเงินภาษี ภายในกําหนดเวลา ของแตํละ ชํองทางชําระภาษที เี่ ลือกใช๎ และทํารายการให๎ครบถว๎ นตามขน้ั ตอนของหนวํ ยรบั ชําระภาษี หากทาํ นทํารายการไมํ ครบถ๎วนตามข้ันตอน จะเปน็ ผลใหร๎ ายการยนื่ แบบฯ ของทาํ นไมสํ มบรู ณ๑ และไมถํ ือวําเป็นการยื่นแบบฯ ท่ีมี ผลสาํ เรจ็ ทาํ ใหท๎ าํ นต๎องไปย่นื แบบฯ ที่สํานักงานสรรพากรพื้นทีส่ าขา และต๎องชําระเบี้ยปรบั เงนิ เพิม่ ตามที่ กรมสรรพากรกําหนดไว๎ การยืน่ แบบแสดงรายการภาษีเงินไดห้ ัก ณ ทีจ่ า่ ย ด้วยสอื่ บนั ทึกในระบบคอมพิวเตอร์ เพอื่ อํานวยความสะดวกแกผํ ูม๎ ีหนา๎ ทห่ี ักภาษี ณ ท่จี ําย กรมสรรพากรไดป๎ รบั ปรุงวธิ ีการใหบ๎ ริการย่ืนแบบ แสดงรายการภาษเี งนิ ได๎หัก ณ ที่จาํ ย ภ.ง.ด.๑ ภ.ง.ด.๑ก ภ.ง.ด.๑ก พเิ ศษ ภ.ง.ด.๒ ภ.ง.ด.๒ ก ด๎วยสื่อบันทกึ ในระบบ คอมพิวเตอร๑ เพมิ่ ขนึ้ อีกวิธหี นึง่ ทั้งน้ผี ูม๎ หี นา๎ ที่หักภาษี ณ ท่ีจาํ ย ที่มีความประสงคจ๑ ะยนื่ แบบแสดงรายการภาษีเงินได๎ หัก ณ ท่จี าํ ย ดว๎ ยสือ่ บันทึกในระบบคอมพิวเตอร๑ สามารถดาํ เนนิ การได๎ ดงั นี้ การขอรบั หนังสอื แสดงความประสงค์ ๑. ติดตํอขอรบั หนงั สือแสดงความประสงค๑ได๎ทสี่ ํานักบรหิ ารภาษธี ุรกจิ ขนาดใหญํ/สํานักงานภาษสี รรพากรพ้นื ท่ี/ สํานักงานสรรพากรพ้ืนที่สาขา หรือ ๒. พมิ พ๑หนงั สือแสดงความประสงคผ๑ าํ นทางอินเตอร๑เน็ต จากเว็บไซต๑ของกรมสรรพากร (http : //www.rd.go.th) โดยคลกิ เลือกหวั ข๎อ>> \"บรกิ ารอิเล็กทรอนกิ ส๑\">> “ย่ืนแบบด๎วยสอื่ คอมพวิ เตอร๑” การกรอกรายการในหนงั สือแสดงความประสงค๑•ผ๎มู หี นา๎ ทห่ี ักภาษี ณ ท่จี าํ ย จะต๎องกรอกรายการสถานภาพตาํ ง ๆ ทเี่ กย่ี วข๎อง เชํน ชอื่ ผมู๎ หี น๎าที่หักภาษี ณ ท่ีจําย เลขประจาํ ตวั ผูเ๎ สียภาษีอากร ท่ีต้ังสาํ นักงาน กรณผี ๎ูมีหนา๎ ท่หี กั ภาษี ณ ท่ีจาํ ยมสี ํานักงานหลายแหงํ และได๎รบั อนุมัตใิ ห๎ยน่ื แบบแสดงรายการและนําสํงเงนิ ภาษี รวมกัน ณ สาํ นักงานแหํงใดแหํงหนงึ่ แลว๎ ใหร๎ ะบุเลขทีห่ นงั สอื และวัน เดือน ปี ท่ีได๎รับอนมุ ัติ สถานทย่ี ืน่ หนงั สอื แสดงความประสงค๑ ๒.๑ ผูม๎ หี น๎าทห่ี ักภาษี ณ ท่ีจาํ ย ในกรุงเทพมหานคร ใหย๎ ื่นหนังสือแสดงความประสงค๑ ณ สํานกั งานภาษี สรรพากรพืน้ ที่ ทผี่ ๎มู หี นา๎ ท่ีหักภาษี ณ ท่จี าํ ย มสี าํ นักงานตงั้ อยํู ในจงั หวดั อืน่ ใหย๎ น่ื ณ สาํ นกั งานสรรพากรพ้ืนที่สาขา ทผี่ มู๎ ีหน๎าที่หกั ภาษี ณ ที่จําย มสี าํ นักงานตั้งอยูํ ๒.๒ ผู๎มหี นา๎ ทหี่ ักภาษี ณ ทจ่ี าํ ย ที่กรมสรรพากรกําหนดให๎เปน็ ผู๎ประกอบธุรกจิ ขนาดใหญํ ใหย๎ ่นื หนงั สือแสดง ความประสงค๑ ตํอกรมสรรพากร ณ สํานักบริหารภาษธี ุรกิจขนาดใหญํ หรือยืน่ ผาํ นสํานักงานภาษีสรรพากรพ้ืนที/่ สํานกั งานสรรพากรพนื้ ท่ีสาขา ทผี่ ๎มู หี น๎าท่ีหักภาษี ณ ทจี่ าํ ย มีสํานักงานตงั้ อยูํ การได้รบั หลกั ฐาน/เอกสารจากกรมสรรพากร เมื่อผ๎ูมีหน๎าทีห่ กั ภาษี ณ ทีจ่ าํ ย ยนื่ หนงั สือแสดงความประสงค๑ตํอเจา๎ หนา๎ ท่แี ล๎ว จะไดร๎ บั เอกสารดังนี้ ๑. เลขท่ีทะเบยี นรบั เพือ่ ใช๎ในการอ๎างองิ การยน่ื แบบแสดงรายการภาษเี งินได๎หกั ณ ท่จี ําย ๒. ตัวอยํางซองใสํส่ือบนั ทึกในระบบคอมพิวเตอร๑พร๎อมตวั อยาํ งแถบชื่อ (Label) สาํ หรบั ปดิ บนสื่อบันทึก ในระบบ คอมพวิ เตอร๑ หรือสามารถพิมพ๑จากโปรแกรมขณะนาํ ออกสื่อฯ ได๎ นนท์ เศรษฐวิวัฒน์

๒๙๖ ๓. โปรแกรมสําหรบั บันทกึ ข๎อมลู การหกั ภาษี ณ ท่ีจําย พร๎อมคูมํ ือการใชง๎ าน โดย Download ไดจ๎ ากเวบ็ ไซต๑ของ กรมสรรพากร คลกิ เลือกหวั ข๎อ บรกิ ารอเิ ล็กทรอนิกส๑ >> ยนื่ แบบด๎วยส่อื คอมพวิ เตอร๑ >> หวั ขอ๎ ใหบ๎ ริการ การยืน่ แบบ ภ.ง.ด.๑ ภ.ง.ด.๑ ก ภ.ง.ด.๑ ก พเิ ศษ ภ.ง.ด.๒ ภ.ง.ด.๒ ก ดว้ ยส่ือบนั ทึกในระบบคอมพิวเตอร์ ๑. ในกรุงเทพมหานคร ให๎ยืน่ ณ สํานักงานสรรพากรพ้ืนท่ีสาขา ท๎องที่ทผี่ ู๎มหี น๎าท่ีหกั ภาษี ณ ทีจ่ าํ ย มสี าํ นกั งานตั้งอยํู ๒. ในจังหวดั อน่ื ให๎ย่นื ณ สาํ นักงานสรรพากรพนื้ ทีส่ าขา ท่ีผม๎ู ีหนา๎ ท่ีหักภาษี ณ ทจ่ี ําย มีสาํ นกั งานตัง้ อยํู ๓. ยืน่ แบบ ภ.ง.ด.๑ ภ.ง.ด.๑ก ภ.ง.ด.๑ก พิเศษ ภ.ง.ด.๒ ภ.ง.ด.๒ก พรอ๎ มแนบส่ือบันทกึ ในระบบคอมพวิ เตอร๑ ท่ีได๎ จากโปรแกรมของกรมสรรพากร (ไมตํ ๎องแนบใบแนบรายการท่ีเป็นกระดาษนาํ สํงกรมสรรพากร แตหํ ากจะพิมพเ๑ ก็บ ไวเ๎ ป็นสําเนากส็ ามารถพิมพ๑ใบแนบไดจ๎ ากโปรแกรมของกรมสรรพากร ๔. สอ่ื บนั ทึกในระบบคอมพิวเตอร๑ทย่ี น่ื พรอ๎ มแบบแสดงรายการ จะบันทึกลงในแผนํ ดิสเกต็ (Diskette) หรอื แผนํ ซีดรี อม (CD ROM) * โดยปิดแถบชอ่ื (Label) บนแผํนดสิ เกต็ หรอื บนกลอํ งซีดีรอม ซึ่งบรรจุในซองปิดผนกึ ใหเ๎ รยี บร๎อย * ปดิ แถบชอื่ (Label) บนซองทบี่ รรจุแผนํ สอ่ื ฯ การชําระภาษี ชาํ ระด๎วยเงินสด หรือ ชาํ ระดว๎ ยเช็ค หรือ ชาํ ระด๎วยบตั รภาษี หรอื บัตร TAX SMART CARD  บรรทดั สดุ ท๎าย.. จากใจผู๎เรียบเรียง หวงั เป็นอยาํ งยิ่งวาํ เน้อื หาที่ได๎รวบรวมไวน๎ ้ีจะเป็นประโยชนใ๑ นการปฏบิ ัติงานสําหรบั ทาํ นที่ได๎อาํ นบ๎าง และถ๎าเป็นเชํนนน้ั ผ๎ูจดั ทําจะรูสกึ ยนิ ดีเป็นอยาํ งย่ิง การรวบรวมคร้ังนยี้ ังมีความบกพรํองอยํูมาก เน่ืองจากมีเวลาคํอนข๎างจํากดั แตจํ ะพยายามยาม ปรบั ปรุงให๎สมบรู ณใ๑ นโอกาสตอํ ไป ท๎ายสุดและสดุ ทา๎ ย ขออาราธนาคุณพระศรรี ตั นตรยั และสิ่งศักดิ์สิทธทิ ัง้ หลายท่ที าํ นเคารพนับถือ ตลอดจนพระบารมีในองค๑พระบาทสมเด็จพระเจ๎าอยํหู ัว จงดลบนั ดาลให๎ทํานประสบความสาํ เรจ็ ในหนา๎ ท่ีการงาน มี ความสขุ ความเจริญก๎าวหนา๎ ยิ่งๆ ขึ้นไปเทอญ (นนท๑ เศรษฐววิ ฒั น)๑ สาํ นักงานสรรพากรพน้ื ที่สาขาวังทองหลาง ๙ กรกฎาคม ๒๕๕๙ นนท์ เศรษฐวิวัฒน์


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook