Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ความรู้สำหรับการปฏิบัติงานสรรพากร

ความรู้สำหรับการปฏิบัติงานสรรพากร

Published by audamnat.rd, 2020-06-24 04:13:04

Description: ความรู้สำหรับการปฏิบัติงานสรรพากร

Keywords: eRevenue

Search

Read the Text Version

๔๘ (๔) กรณีอยูใํ นระหวาํ งการดําเนินคดีในช้ันพนักงานสอบสวน ชั้นพนักงานอัยการ หรอื ชน้ั ศาล ยังคงดําเนินการ ตํอไปได๎ ตวั อยาํ ง (ก) บริษัท ง จํากัด ถูกเจ๎าพนักงานประเมินออกหมายเรียกตรวจสอบภาษีเงินได๎นติ ิบุคคล สาํ หรบั รอบระยะเวลาบัญชี ท่เี รม่ิ ในวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๗ ถงึ วันท่ี ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ เมอื่ วนั ท่ี ๓๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ โดย บรษิ ทั ง จาํ กัด ไดร๎ บั ยกเว๎นและได๎มีการจดแจง๎ ตามพระราชกําหนดฉบับดังกลําว เจา๎ พนักงานประเมนิ สามารถ ดาํ เนนิ การตรวจสอบ ไตสํ วน ประเมินหรอื สง่ั ใหเ๎ สียภาษอี ากรสาํ หรับรอบระยะเวลาบัญชดี ังกลาํ วตํอไปได๎ แตํไมํมี อาํ นาจออกหมายเรยี กตรวจสอบสําหรบั รอบระยะเวลาบัญชอี นื่ ๆ ท่มี ีวนั เริม่ ตน๎ ของรอบระยะเวลาบญั ชกี ํอนวนั ที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๙ ซง่ึ มไิ ด๎มีการออกหมายเรียกไวก๎ ํอนวนั ที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๙ (ข) บริษัท จ จํากัด ถูกเจา๎ พนักงานประเมนิ เขา๎ ตรวจปฏบิ ตั กิ ารภาษีมูลคาํ เพ่มิ ของปี ๒๕๕๗ (เดอื นภาษีมกราคม พ.ศ. ๒๕๕๗ ถึงเดือนภาษธี ันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๗) เมอื่ วนั ท่ี ๑๐ กรกฎาคมพ.ศ. ๒๕๕๘ และการตรวจยงั ไมเํ สร็จส้นิ โดย บริษัท จ จํากัด ได๎รบั ยกเว๎นและได๎มีการจดแจง๎ ตามพระราชกาํ หนดฉบับดงั กลําว เจ๎าพนักงานประเมินสามารถ ดําเนนิ การตรวจสอบไตสํ วน ประเมนิ หรือส่ังให๎เสยี ภาษีอากร สําหรบั เดอื นภาษีมกราคม พ.ศ. ๒๕๕๗ ถึงเดอื นภาษี ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ ดงั กลําว ตํอไปได๎ แตํไมํมีอํานาจเข๎าตรวจปฏบิ ตั ิการภาษีมูลคาํ เพม่ิ ในเดือนภาษีอืน่ ซง่ึ เป็นเดือนภาษีกํอนเดอื นภาษี มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๙ ทย่ี ังไมํไดเ๎ ขา๎ ไปตรวจปฏิบตั ิการภาษีมลู คําเพิ่ม ๔. ในกรณีท่บี รษิ ทั หรือห๎างห๎ุนสวํ นนิตบิ ุคคลทไี่ ด๎รบั ยกเวน๎ ตาม ๑. ยืน่ คาํ ร๎องขอคนื ภาษี เงนิ ไดน๎ ติ ิบุคคล ภาษมี ูลคาํ เพ่ิม ภาษธี รุ กจิ เฉพาะ หรอื อากรแสตมป์ ท่ีเก่ียวกับรายได๎ทเี่ กิดขน้ึ ในรอบ ระยะเวลาบญั ชีท่มี ีวันเร่มิ ตน๎ กอํ นวันท่ี ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๙ หรอื มลู คําของฐานภาษี รายรบั หรือการ กระทําตราสารทเี่ กิดขน้ึ กํอนวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๙ ใหพ๎ ิจารณา ดังนี้ (๑) กรณีไดย๎ ื่นคาํ ร๎องขอคนื ภาษอี ากรดังกลาํ วกํอนวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๙ และเจา๎ พนักงานประเมนิ ได๎ออก หมายเรียกตรวจสอบภาษีหรือดําเนินการตรวจสอบตามมาตรา ๘๘/๓ แหงํ ประมวลรัษฎากร กอํ นวนั ท่ี ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๙ เจา๎ พนกั งานประเมินสามารถตรวจสอบ ไตํสวนรวมท้ังการประเมินภาษีอากรดังกลาํ วได๎ และคนื ภาษี อากรดงั กลําวตามผลการตรวจตามที่ถูกต๎องแท๎จริงได๎ โดยหากการตรวจสอบภาษีอากรทีข่ อคนื แล๎วปรากฏวํา บริษทั หรือห๎างหน๎ุ สวํ นนติ บิ ุคคลมีภาษีอากรท่จี ะตอ๎ งชําระ เพ่ิมเติม (พร๎อมเบ้ียปรับและเงินเพิ่มตามกฎหมาย) เนอื่ งจากเสยี ภาษีไมํถูกต๎องครบถว๎ นตามกฎหมาย เจา๎ พนกั งาน ประเมนิ ก็มอี ํานาจประเมินออกใบแจ๎งการประเมินภาษีให๎บริษทั หรอื หา๎ งห๎นุ สํวนนิติบุคคลนนั้ ชาํ ระภาษอี ากรท่ตี อ๎ ง ชาํ ระเพมิ่ เตมิ (พร๎อมเบ้ยี ปรบั และเงินเพิม่ ตามกฎหมาย) ได๎ (๒) กรณีได๎ยืน่ คําร๎องขอคนื ภาษอี ากรดงั กลําวกํอนวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๙ แตํเจา๎ พนกั งานประเมนิ ยงั ไมํได๎ ออกหมายเรยี กหรอื ดําเนนิ การตรวจสอบตามมาตรา ๘๘/๓ แหํงประมวลรษั ฎากร หรือกรณีได๎ยนื่ คําร๎องขอคืนภาษี อากรดังกลาํ วตงั้ แตวํ นั ท่ี ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๙ กรณดี งั กลาํ วเจ๎าพนักงานประเมนิ มีอํานาจทําการตรวจสอบภาษี อากรที่ขอคนื หรอื ออกหมายเรยี กเพื่อตรวจสอบภาษีอากรทข่ี อคนื ไตสํ วน และประเมนิ ภาษีอากรได๎ ตามที่ประมวล รษั ฎากรบัญญตั ิไว๎ และคนื ภาษอี ากรดงั กลําวตามผลการตรวจตามที่ถูกตอ๎ งแท๎จรงิ ได๎ โดยหากการตรวจสอบภาษี นนท์ เศรษฐวิวฒั น์

๔๙ อากรที่ขอคนื แลว๎ ปรากฏวํา บริษัทหรอื หา๎ งหุ๎นสํวนนิตบิ ุคคลมีภาษีอากรทีจ่ ะต๎องชาํ ระเพม่ิ เตมิ (พร๎อมเบยี้ ปรบั และ เงินเพ่มิ ตามกฎหมาย) เน่อื งจากเสยี ภาษไี มํถูกต๎องครบถว๎ นตามกฎหมาย เจา๎ พนกั งานประเมินก็มีอํานาจประเมนิ ออก ใบแจ๎งการประเมินภาษใี ห๎บริษัทหรือหา๎ งหุน๎ สวํ นนิตบิ ุคคลทขี่ อคืนชําระภาษีอากรทต่ี ๎องชําระเพ่ิมเติม (พรอ๎ มเบีย้ ปรับ และเงินเพ่ิมตามกฎหมาย) ได๎ ๕. บรษิ ัทหรอื หา๎ งหนุ๎ สวํ นนติ บิ คุ คลทที่ ี่ได๎รบั ยกเว๎นตาม ๑. ตอ๎ งปฏบิ ตั ิตามหลักเกณฑ๑และเงอ่ื นไข ดังตํอไปนี้ (๑) ยนื่ แบบแสดงรายการภาษเี งินไดน๎ ิติบุคคล พร๎อมชําระภาษี สาํ หรบั รอบระยะเวลาบญั ชีที่มวี ันสุดทา๎ ยแหํง กาํ หนดเวลาในการย่ืนรายการ ในหรือหลงั วนั ที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๙ เป็นต๎นไป ตัวอยําง บริษัท ฉ จาํ กัด มีวันสดุ ท๎ายของรอบระยะเวลาบญั ชีวนั ท่ี ๓๑ ธันวาคมของทุกปี โดยรอบระยะเวลาบญั ชีทเ่ี รม่ิ ในวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๘ ถึงวันท่ี ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ บรษิ ทั ฉ จํากดั มีหน๎าท่ีตอ๎ งยนื่ รายการภาษีเงนิ ได๎ภายใน วนั ที่ ๒๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ และตอ๎ งยนื่ รายการภาษีเงินได๎สําหรับรอบระยะเวลาบัญชถี ัดไปทุกรอบระยะเวลา บญั ชี และถา๎ มีภาษที ีต่ ๎องชาํ ระ ตอ๎ งชาํ ระภาษีพรอ๎ มกบั การย่ืนแบบแสดงรายการดังกลําว แตถํ ๎ามีผลการคํานวณกําไร หรอื ขาดทนุ สุทธิ เพอ่ื เสยี ภาษีเงินได๎นติ ิบุคคลแล๎วปรากฏวาํ มีผลขาดทุน ก็ไมํต๎องชําระภาษีพร๎อมกับการยื่นแบบแสดง รายการดังกลําวแตํอยํางใด (๒) ยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลคาํ เพมิ่ หรือภาษธี รุ กิจเฉพาะ แลว๎ แตํกรณี ในกรณีบริษัทหรือหา๎ งหุ๎นสํวนนิติ บุคคลมหี นา๎ ท่ีต๎องยืน่ ตามท่ปี ระมวลรัษฎากรบัญญัติไว๎ พร๎อมชําระภาษี ถ๎ามีท้งั น้ี สําหรับการยื่นแบบแสดงรายการที่ ตอ๎ งกระทาํ ในเดอื นมกราคม พ.ศ. ๒๕๕๙ เปน็ ต๎นไป (๓) ย่ืนแบบขอเสียอากรเปน็ ตัวเงิน สําหรับตราสารทีอ่ ธบิ ดีกรมสรรพากรกําหนดให๎ชาํ ระอากรเป็นตัวเงินแทนการ ปดิ แสตมปอ์ ากร และตอ๎ งชําระเงินตํอพนักงานเจา๎ หนา๎ ทอ่ี ากรแสตมป์ ต้งั แตเํ ดือนมกราคม พ.ศ. ๒๕๕๙ เป็นต๎นไป (๔) มีการจดั ทําบญั ชีและงบการเงนิ ใหส๎ อดคล๎องกับสภาพที่แท๎จรงิ ของกิจการ (บัญชีเลมํ เดียว) ต้งั แตรํ อบ ระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลงั วนั ท่ี ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๙ เป็นตน๎ ไป (๕) ไมํกระทําการใด ๆ ทเ่ี ปน็ การเจตนาหลกี เลย่ี งภาษีอากร ต้ังแตํวนั ที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๙ เป็นตน๎ ไป ๖. กรณีบริษัทหรือหา๎ งห๎นุ สํวนนติ บิ คุ คล มไิ ดป๎ ฏิบัตติ ามหลักเกณฑ๑และเงื่อนไขตาม ๕. อธิบดกี รมสรรพากรจะมีคาํ สงั่ เพกิ ถอนการไดร๎ บั ยกเว๎นตาม ๑. ของบรษิ ัทหรือหา๎ งหน๎ุ สวํ นนิติบุคคลนัน้ เมื่ออธิบดีกรมสรรพากรมีคําสงั่ เพกิ ถอนการ ไดร๎ ับยกเว๎นแล๎ว ให๎ถือวําบรษิ ทั หรอื หา๎ งหนุ๎ สวํ นนติ บิ ุคคล ไมํเคยได๎รับยกเว๎นการใด ๆ ตาม ๑. โดยเจา๎ พนกั งาน ประเมนิ มีอํานาจตรวจสอบ ไตสํ วน ประเมนิ หรอื สั่งใหเ๎ สยี ภาษีอากร และดาํ เนินคดใี นความผิดอาญาเก่ยี วกับรายได๎ มูลคาํ ของฐานภาษี รายรับ หรือการกระทําตราสารตามทีไ่ ดร๎ ับยกเว๎นตาม ๑. ได๎ ทั้งน้ี ตามบทบัญญตั ิแหงํ ประมวล รษั ฎากร ตวั อยาํ ง บรษิ ทั ช จํากัด ซงึ่ ไดร๎ บั ยกเว๎นตามท่ีกฎหมายกาํ หนด แตํตํอมาปรากฏวาํ บริษัท ช จาํ กัด ไมไํ ดย๎ ืน่ แบบแสดงรายการ ภาษีเงนิ ได๎นิติบุคคลสําหรับรอบระยะเวลาบญั ชีท่เี ริ่มในวนั ท่ี ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๐ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ และอธิบดกี รมสรรพากรมีคําสัง่ เพกิ ถอนการได๎รับยกเวน๎ ดังกลาํ ว เจา๎ พนักงานประเมินจึงมีอํานาจตรวจสอบ ไตสํ วน ประเมินหรอื ส่งั ใหเ๎ สียภาษอี ากร และดาํ เนนิ คดคี วามผิดทางอาญาตามประมวลรัษฎากร สําหรับรายได๎ที่ นนท์ เศรษฐวิวัฒน์

๕๐ เกดิ ข้นึ ในรอบระยะเวลาบญั ชีที่มีวนั เริ่มตน๎ กํอนวนั ที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๙ หรอื มูลคําของฐานภาษี รายรับ การ กระทําตราสาร หรือความผิดทางอาญาทีเ่ กดิ ข้นึ กํอนวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๙ ได๎ ๗. บริษัทหรือหา๎ งห๎นุ สํวนนติ ิบุคคล ซึง่ จัดตง้ั ขึ้นกํอนวนั ที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๙ และมที ุนท่ีชาํ ระแล๎วในวนั สุดทา๎ ย ของรอบระยะเวลาบัญชไี มํเกินห๎าลา๎ นบาท และมรี ายไดจ๎ ากการขายสินค๎าและการให๎บริการในรอบระยะเวลาบัญชีไมํ เกนิ สามสบิ ลา๎ นบาท โดยไดย๎ ื่นแบบแจ๎งขอเปน็ ผป๎ู ระกอบการตามกฎหมายวําดว๎ ยการยกเว๎นและสนบั สนุนการ ปฏิบัตกิ ารเกยี่ วกบั ภาษีอากรตามประมวลรษั ฎากรตอํ กรมสรรพากรตาม ๑. (๓) นอกจากจะไดร๎ ับการยกเว๎นตาม ๑. แล๎ว ยงั ได๎รับยกเวน๎ และลดอัตราภาษตี ามพระราชกฤษฎกี าออกตามความในประมวลรัษฎากร วําด๎วยการลดอัตรา และยกเวน๎ รษั ฎากร (ฉบับท่ี ๕๙๕) พ.ศ. ๒๕๕๘ ดังนี้ (๑) ได๎รับยกเวน๎ ภาษเี งนิ ไดน๎ ิติบคุ คล สําหรับกําไรสุทธิ ดงั ตอํ ไปน้ี (ก) กําไรสทุ ธิสาํ หรบั รอบระยะเวลาบัญชที ี่เร่ิมในหรือหลังวนั ท่ี ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๙ แตไํ มเํ กนิ วนั ท่ี ๓๑ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ (ข) กําไรสุทธเิ ฉพาะสํวนท่ีไมเํ กินสามแสนบาทแรก สาํ หรับรอบระยะเวลาบญั ชที เี่ ริม่ ในหรือหลงั วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๐ แตํไมํเกนิ วนั ท่ี ๓๑ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ (๒) ไดร๎ บั ลดอัตราภาษีเงนิ ได๎นิติบคุ คล และคงจดั เกบ็ ในอัตราร๎อยละสบิ ของกาํ ไรสทุ ธเิ ฉพาะสวํ นทเี่ กนิ สามแสน บาท สําหรับรอบระยะเวลาบัญชีท่เี รมิ่ ในหรอื หลังวนั ท่ี ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๐ แตไํ มํเกินวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ ตวั อยาํ ง บรษิ ทั ซ จาํ กดั ซึ่งมที ุนจดทะเบยี นท่ีชําระแล๎วไมํเกินห๎าลา๎ นบาท และมีรายไดจ๎ ากการขายสินค๎าและให๎บริการในรอบ ระยะเวลาบัญชีไมํเกนิ สามสิบล๎านบาท และไดจ๎ ดแจ๎งเป็นผ๎ูประกอบการตามกฎหมายวําดว๎ ยการยกเว๎นและสนบั สนนุ การปฏบิ ตั กิ ารเก่ียวกบั ภาษีอากรตามประมวลรัษฎากรจะไดร๎ บั ยกเว๎นและลดอตั ราภาษีเงินได๎นิติบุคคล ดังน้ี (ก) รอบระยะเวลาบญั ชที ีเ่ ริม่ ในหรือหลงั วนั ท่ี ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๘ แตํไมเํ กินวนั ท่ี ๓๑ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ ไดร๎ ับยกเว๎นและลดอัตราภาษีตามพระราชกฤษฎกี าออกตามความในประมวลรัษฎากร วําด๎วยการลดอตั ราและยกเวน๎ รัษฎากร (ฉบับที่ ๕๓๐) พ.ศ. ๒๕๕๔ และที่แก๎ไขเพม่ิ เติม (ข) รอบระยะเวลาบญั ชีทีเ่ รมิ่ ในหรอื หลังวนั ท่ี ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๙ แตํไมเํ กนิ วันท่ี ๓๑ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ ไดร๎ ับยกเวน๎ สําหรบั กาํ ไรสทุ ธิท้งั จาํ นวน (ค) รอบระยะเวลาบัญชีทีเ่ ริ่มในหรอื หลงั วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๐ แตไํ มเํ กนิ วันที่ ๓๑ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ ไดร๎ บั ยกเว๎นสําหรบั กําไรสทุ ธเิ ฉพาะสํวนทไ่ี มเํ กนิ สามแสนบาทแรก และสําหรบั กําไรสทุ ธิสวํ นท่ีเกินสามแสนบาทขน้ึ ไป เสียภาษใี นอัตราร๎อยละสิบ ๘. บรษิ ทั หรือห๎างหุน๎ สวํ นนติ ิบคุ คลท่ีไดร๎ ับยกเวน๎ และลดอัตราภาษีตาม ๗. ตอ๎ งไมํมีทุนที่ชาํ ระแลว๎ ในวันสดุ ทา๎ ยของ รอบระยะเวลาบัญชใี ดเกนิ หา๎ ลา๎ นบาทและต๎องไมํมีรายไดจ๎ ากการขายสินค๎าและการให๎บรกิ ารในรอบระยะเวลาบญั ชี ใดเกินสามสิบลา๎ นบาท และจะต๎องไมํถกู เพิกถอนการได๎รับยกเว๎นจากการตรวจสอบ ไตสํ วน ประเมินหรอื สั่งให๎เสีย ภาษอี ากร และความผดิ ทางอาญาตามประมวลรัษฎากรตาม ๖. นนท์ เศรษฐวิวัฒน์

๕๑ ๙. ต้งั แตวํ ันท่ี ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๒ เปน็ ต๎นไป กระทรวงการคลังและธนาคารแหํงประเทศไทยจะดาํ เนนิ การ เพื่อใหส๎ ถาบันการเงนิ ท่ีอยูํในการกาํ กบั ดแู ล ใช๎บญั ชีและงบการเงนิ ท่ีบริษทั หรือห๎างห๎นุ สวํ นนติ ิบคุ คลแสดงตํอ กรมสรรพากรในการยนื่ รายการภาษเี งนิ ได๎ เป็นหลกั ฐานในการทําธุรกรรมทางการเงินและการขออนุมตั ิสนิ เชอื่ กับ สถาบนั การเงนิ ท้ังนี้ เพ่ือเปน็ การสนับสนุนการปฏิบตั ติ ามประมวลรัษฎากร สรปุ คาํ ชี้แจงการยกเว้นจากการตรวจสอบภาษีอากรย้อนหลงั ๑. ยกเว๎นจากการตรวจสอบย๎อนหลงั สําหรับรายได๎ท่ีเกิดขึ้นในรอบระยะเวลาบญั ชที เี่ กิดขึ้นกํอนวนั ที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๙ (รอบระยะเวลาบญั ชี ๒๕๕๘ ลงไป) โดย (๑) เปน็ บรษิ ัทหรือหา๎ งหนุ๎ สํวนนติ บิ คุ คล (บรษิ ัทฯ) ที่เสยี ภาษเี งินได๎นิติบคุ คลจากฐานกําไรสทุ ธิ (ภ.ง.ด.๕๐) (๒) มรี ายได๎ไมํเกิน ๕๐๐ ลา๎ นบาท ในรอบระยะเวลาบญั ชที ่ีผาํ นมาและมีกําหนดครบ ๑๒ เดอื น ส้นิ สดุ กํอนหรือใน วนั ท่ี ๓๑ ธนั วาคม ๒๕๕๘ ตวั อยาํ ง (ก) วันสดุ ท๎ายของรอบระยะเวลาบัญชี ๓๑ ธนั วาคม ๒๕๕๘ คาํ นวณ ๕๐๐ ล๎าน บาท จากรอบระยะเวลาบญั ชี ๑ ม.ค. ๒๕๕๘ – ๓๑ ธ.ค. ๒๕๕๘ (ข) วนั สุดทา๎ ยของรอบระยะเวลาบัญชี ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๘ คาํ นวณ ๕๐๐ ล๎านบาท จากรอบระยะเวลาบญั ชี ๑ เม.ย. ๒๕๕๗ – ๓๑ ม.ี ค. ๒๕๕๘ (๓) แจ๎งตํอกรมสรรพากร ขอเป็นผ๎ูประกอบการจัดทาํ บญั ชเี พื่อสอดคล๎องกับสภาพที่แทจ๎ รงิ ของกิจการ(บญั ชีเลมํ เดยี ว) ผํานเว็บไซตข๑ องกรมสรรพากร http://www.rd.go.th ตง้ั แตํวันท่ี ๑๕ มกราคม ๒๕๕๙ – วนั ท่ี ๑๕ มนี าคม ๒๕๕๙ ๒. ประเภทภาษีและชํวงเวลาที่ไดร๎ บั การยกเวน๎ จากการตรวจสอบย๎อนหลงั (๑) ภาษีเงินไดน๎ ิติบุคคล : รอบระยะเวลาบญั ชที ่ีมีวนั เริม่ ต๎นกํอนวนั ท่ี ๑ มกราคม ๒๕๕๙ (๒) ภาษมี ูลคาํ เพมิ่ : สําหรบั มูลคาํ ฐานภาษขี องเดือนธันวาคม ๒๕๕๘ และเดือนกํอนธนั วาคม ๒๕๕๘ (๓) ภาษีธุรกจิ เฉพาะ : สําหรับรายรบั ของเดือนธันวาคม ๒๕๕๘ และเดือนกํอนธนั วาคม ๒๕๕๘ (๔) อากรแสตมป์ : สาํ หรบั การกระทาํ ตราสารท่ีเกิดขึน้ กํอนวนั ที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๙ *** ภาษีอากรท่ีไดป๎ ระเมนิ หรือได๎ดําเนนิ คดีไปแลว๎ กํอนวนั ที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๙ ไมํไดร๎ ับยกเวน๎ ๓. กรณตี ํอไปนี้ ไมํไดร๎ ับการยกเว๎นจากการตรวจสอบย๎อนหลงั (แตมํ สี ิทธจิ ดแจง๎ ฯ) (๑) อยรูํ ะหวํางการตรวจสอบ โดยมหี มายเรียกที่ออกกํอนวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๙ สาํ หรับรอบระยะเวลาบญั ชี หรอื เดือนภาษีท่ีออกหมายเรียกเทํานน้ั (ต๎องจดแจ๎งฯ) (๒) อยํูระหวํางการตรวจสอบตามมาตรา ๘๘/๓ แหงํ ประมวลรัษฎากร ที่ดาํ เนนิ การกํอนวนั ที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๙ สําหรับเดอื นภาษที ่ีดําเนนิ การตรวจสอบเทํานน้ั (ต๎องจดแจ๎งฯ) (๓) กรณเี ปน็ ผ๎ูออกหรือเป็นผ๎ูใช๎ใบกาํ กับภาษีปลอม หรือหลีกเลี่ยงภาษีอากร (๔) อยรูํ ะหวํางดําเนนิ คดีในช้นั พนักงานสอบสวน อัยการ หรอื ชั้นศาล ตวั อยําง นนท์ เศรษฐวิวัฒน์

๕๒ (ก) ออกหมายเรยี กเม่ือวนั ท่ี ๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๘ สําหรบั รอบระยะเวลาบัญชี ๑ มกราคม ๒๕๕๗ – ๓๑ ธนั วาคม ๒๕๕๗ ให๎ตรวจตอํ ไปได๎ แตํไมมํ ีอาํ นาจตรวจสอบรอบระยะเวลาบัญชอี ืน่ ท่เี กดิ กํอน ๑ มกราคม ๒๕๕๙ ได๎ (ข) เขา๎ ตรวจปฏบิ ัตกิ ารภาษีมูลคาํ เพมิ่ ตามมาตรา ๘๘/๓ เมอื่ วันท่ี ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๕๘ สําหรบั เดือนภาษมี กราคม ๒๕๕๗ – เดอื นภาษธี นั วาคม ๒๕๕๗ ใหต๎ รวจตอํ ไปได๎ แตํไมมํ ีอาํ นาจเข๎าตรวจปฏิบตั กิ ารในเดือนภาษีอ่นื ทเ่ี กดิ ขน้ึ กํอน เดือนภาษมี กราคม ๒๕๕๙ ได๎ *** ขอ๎ ๓. จะไดร๎ บั ยกเวน๎ จะตอ๎ งจดแจง๎ ฯ ภายใน ๑๕ มกราคม – ๑๕ มนี าคม ๒๕๕๙ เชนํ กนั *** ๔. กรณที ีม่ ีการขอคนื ภาษีอากรทุกประเภทภาษี ท่เี กิดข้ึนกํอนวนั ที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๙ (๑) กรณที ่ีมีการออกหมายเรยี กกํอนวนั ท่ี ๑ มกราคม ๒๕๕๙ ใหต๎ รวจสอบตอํ ไปไดเ๎ ฉพาะปที ่ีขอคืนและหากมภี าษี อากรที่ตอ๎ งชาํ ระเพ่ิม กใ็ ห๎มอี ํานาจประเมนิ ภาษีพร๎อมเบ้ียปรบั และเงินเพม่ิ ได๎ (๒) กรณที ี่ไมํมีการออกหมายเรียกกํอนวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๙ ดําเนนิ การเหมือน ๔ (๑) ๕. หลักเกณฑแ๑ ละเง่อื นไขการยกเวน๎ จากการตรวจสอบย๎อนหลงั (๑) ตอ๎ งยน่ื แบบ ภ.ง.ด.๕๐ พร๎อมชาํ ระภาษี สาํ หรับรอบระยะเวลาบัญชีท่มี ีวันสุดท๎ายแหํงกาํ หนดเวลาการยื่น รายการในหรอื หลงั วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๙ เป็นต๎นไป ตัวอยาํ ง รอบระยะเวลาบญั ชี ๑ ม.ค. ๒๕๕๘ – ๓๑ ธ.ค. ๒๕๕๘ ยนื่ รายการภายใน ๒๙ พ.ค. ๒๕๕๙ ถา๎ มภี าษีตอ๎ งชําระ ตอ๎ ง ย่นื ภ.ง.ด.๕๐ พร๎อมชําระภาษี (๒) ต๎องย่ืนแบบ ภ.พ.๓๐ และ ภธ.๔๐ พร๎อมชาํ ระภาษี (ถ๎าม)ี สําหรับการย่นื แบบในเดือนมกราคม ๒๕๕๙ เป็น ตน๎ ไป (๓) ย่ืนแบบขอเสียอากรแสตมปเ์ ป็นตวั เงิน และต๎องชาํ ระเงินต้ังแตวํ ันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๙ (๔) มีการจดั ทาํ บญั ชีให๎สอดคล๎องกบั สภาพทแี่ ท๎จริงของกิจการ (บญั ชีเลมํ เดียว) ตั้งแตํรอบระยะเวลาบัญชีทเ่ี ริ่มใน หรือหลังวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๙ (๕) ไมํกระทาํ การใดๆ ทีเ่ ป็นการเจตนาหลีกเลีย่ งภาษีตั้งแตํวันท่ี ๑ มกราคม ๒๕๕๙ เปน็ ตน๎ ไป ๖. กรณที ไี่ มํได๎ปฏบิ ัติตาม ๕. อธบิ ดีจะมีคําส่งั เพกิ ถอนการไดร๎ บั ยกเวน๎ ได๎ และเม่ือเพิกถอนแล๎ว ให๎ถอื วํานติ ิบคุ คลไมํ เคยได๎รบั การยกเว๎น โดยใหเ๎ จ๎าพนักงานมีอํานาจตรวจสอบย๎อนหลังได๎ ตวั อยําง บรษิ ัท ก จาํ กดั ได๎รบั ยกเว๎นการตรวจสอบย๎อนหลงั แตํไมไํ ด๎ยืน่ แบบ ภ.ง.ด.๕๐ และชําระภาษขี องรอบระยะเวลา บัญชีปี ๒๕๖๐ และอธิบดีมีคําส่ังเพิกถอนการได๎รับยกเวน๎ เจา๎ พนักงานจึงมีอํานาจตรวจสอบยอ๎ นหลังได๎ สิทธปิ ระโยชน์ของ SMEs ทจ่ี ดั ทําบญั ชสี อดคลอ้ งกับสภาพท่แี ทจ้ รงิ ของกจิ การ (บัญชเี ล่มเดียว) ๑. SMEs ทีต่ ง้ั ขน้ึ กํอน ๑ มกราคม ๒๕๕๙ ซง่ึ มที นุ จดทะเบียนที่ชําระแล๎วในวันสดุ ท๎ายของรอบระยะเวลาบญั ชไี มํเกิน ๕ ลา๎ นบาท และมรี ายได๎จากการขายสินค๎าและใหบ๎ ริการในรอบระยะเวลาบัญชไี มํเกนิ ๓๐ ล๎านบาท โดยตอ๎ งจดแจง๎ เป็นผ๎ูประกอบการจดั ทาํ บญั ชีสอดคล๎องกบั สภาพทแี่ ท๎จริงของกจิ การ (บญั ชีเลํมเดียว) นอกจากจะไดร๎ บั การยกเว๎น จากการตรวจสอบย๎อนหลงั แลว๎ ยังมสี ทิ ธิไดร๎ บั การยกเวน๎ และลดอตั ราภาษีตาม พระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบบั ท่ี ๕๙๕) พ.ศ. ๒๕๕๘ ดังน้ี นนท์ เศรษฐวิวัฒน์

๕๓ (๑) ได๎รับยกเว๎นภาษีเงินได๎นิตบิ ุคคลสําหรบั กําไรสทุ ธิ ดงั น้ี (ก) กําไรสทุ ธิสําหรบั รอบระยะเวลาบญั ชีทเี่ ริม่ ในหรือหลังวนั ท่ี ๑ มกราคม ๒๕๕๙ แตํไมํเกนิ วันท่ี ๓๑ ธนั วาคม ๒๕๕๙ (ข) กาํ ไรสทุ ธเิ ฉพาะสํวนที่ไมเํ กิน ๓๐๐,๐๐๐ บาทแรก สําหรับรอบระยะเวลาบัญชีทเี่ ร่ิมในหรอื หลงั วันท่ี ๑ มกราคม ๒๕๖๐ แตไํ มํเกินวนั ท่ี ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๐ (๒) ได๎รบั การลดอตั ราภาษเี งินได๎นิติบุคคล และคงจัดเกบ็ ในอตั รารอ๎ ยละ ๑๐ ของกําไรสทุ ธิ เฉพาะสํวนทเ่ี กิน ๓๐๐,๐๐๐ บาทขึน้ ไป สําหรบั รอบระยะเวลาบัญชีทีเ่ รมิ่ ในหรือหลังวนั ที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๐ แตไํ มเํ กินวันท่ี ๓๑ ธนั วาคม ๒๕๖๐ ตวั อยําง (ก) รอบระยะเวลาบญั ชที ่เี รม่ิ ในหรือหลงั วนั ท่ี ๑ ม.ค. ๒๕๕๘ – ๓๑ ธ.ค. ๒๕๕๘ ไดร๎ บั ยกเว๎นและลดอัตราตามพระ ราชกฤษฎกี าฯ (ฉบบั ที่ ๕๓๐) พ.ศ. ๒๕๕๔ และที่แก๎ไขเพิ่มเติม (ลดอัตราเหลือร๎อยละ ๑๐ สวํ นท่ีเกนิ ๓๐๐,๐๐๐ บาท ปี ๕๘ – ๕๙ สองรอบระยะเวลาบัญชี) (ข) รอบระยะเวลาบัญชีทเี่ ริม่ ในหรอื หลังวนั ท่ี ๑ ม.ค. ๒๕๕๙ – ๓๑ ธ.ค. ๒๕๕๙ ไดร๎ บั ยกเวน๎ สาํ หรับกาํ ไรสทุ ธิท้ัง จํานวน (ค) รอบระยะเวลาบัญชีทเี่ รม่ิ ในหรือหลงั วนั ท่ี ๑ ม.ค. ๒๕๖๐ – ๓๑ ธ.ค. ๒๕๖๐ ได๎รบั ยกเว๎นสาํ หรับกาํ ไรสุทธิสํวนที่ ไมเํ กิน ๓๐๐,๐๐๐ บาท และสําหรบั กาํ ไรสทุ ธสิ ํวนทเี่ กนิ ๓๐๐,๐๐๐ บาทขึ้นไป เสยี ภาษีในอัตราร๎อยละ ๑๐ ๒. SMEs ท่ไี ดร๎ ับยกเวน๎ และลดอัตราตาม ๑. จะตอ๎ ง (๑) มีทนุ ทช่ี ําระแล๎วในวนั สุดท๎ายของรอบระยะเวลาบญั ชีไมํเกนิ ๕ ลา๎ นบาทและรายได๎จากการขายสนิ คา๎ และการ ให๎บริการในรอบระยะเวลาบัญชีไมํเกนิ ๓๐ ล๎านบาท (๒) ไมํถกู เพกิ ถอนการยกเว๎นจากการตรวจสอบย๎อนหลังตามพระราชกําหนดมาตรการบัญชีชุดเดยี วและการ ยกเว๎นและลดอัตราภาษเี งนิ ไดน๎ ติ บิ คุ คลสําหรับ SMEs พระราชบัญญัติ ภาษกี ารรบั มรดก พ.ศ.๒๕๕๘ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อ ๕ สิงหาคม ๒๕๕๘ (บงั คบั ใชภ๎ ายใน ๑๘๐ วนั คือวนั ที่ ๒ กุมภาพันธ๑ ๒๕๕๙) พระราชบัญญตั ิน้ไี มํใชบ๎ งั คบั แกํ (๑) มรดกทเ่ี จ๎ามรดกตายกํอนวันทพี่ ระราชบัญญัตนิ ีใ้ ช๎บังคับ (๒) มรดกที่คูํสมรสของเจ๎ามรดกได๎รับจากเจา๎ มรดก การเสยี ภาษี ๑. ให๎บุคคลผู๎ไดร๎ ับมรดกดังตํอไปนเ้ี ป็นผม๎ู ีหน๎าท่เี สยี ภาษตี ามบทบัญญตั ิแหํงพระราชบัญญัตนิ ี้ (๑) บุคคลผม๎ู ีสัญชาตไิ ทย (๒) บุคคลธรรมดาผม๎ู ิไดม๎ สี ญั ชาติไทย แตมํ ีถิน่ ท่ีอยใํู นราชอาณาจกั รตามกฎหมายวําด๎วยคนเขา๎ เมือง (๓) บุคคลผู๎มิได๎มีสญั ชาตไิ ทย แตไดํ ร๎ บั มรดกอนั เปน็ ทรัพยส๑ นิ ทอ่ี ยูํในประเทศไทย ในกรณีทผี่ ๎ูได๎รบั มรดกเปน็ นิติบุคคล ให๎ถือวํานติ บิ ุคคลที่จดทะเบยี นในประเทศไทย หรือจดั ตง้ั ข้ึน โดยกฎหมาย ไทย หรอื มผี ู๎มสี ัญชาตไิ ทยถือห๎นุ เกนิ รอ๎ ยละห๎าสบิ ของทนุ จดทะเบียนที่ชาํ ระแลว๎ ในขณะมสี ทิ ธิไดร๎ ับมรดก หรือมผี ๎มู ี นนท์ เศรษฐวิวฒั น์

๕๔ สญั ชาตไิ ทยเปน็ ผ๎มู ีอํานาํ จบริหารกจิ การเกินก่ึงหน่ึงของคณะบุคคลซึ่งมีอาํ นาํ จบริหารกจิ การท้ังหมด เปน็ บุคคลผูม๎ ี สัญชาติไทย ๒. ผ๎ไู ด๎รบั มรดกจากเจ๎ามรดกแตลํ ะราย ไมํวําจะไดร๎ ับมาในคราวเดียวหรือหลายคราวถ๎ามรดกท่ีได๎รบั มาจากเจา๎ มรดก แตลํ ะรายรวมกนั มมี ูลคาํ เกินหนง่ึ รอ๎ ยล๎านบาท ต๎องเสียภาษีเฉพาะส่วนทีเ่ กนิ หนงึ่ ร้อยล้านบาท มลู คํามรดกตามวรรคหนง่ึ หมายถึงมลู คาํ ของทรัพยส๑ ินทั้งสิน้ ทีไ่ ด๎รับเป็นมรดกหักด๎วยภาระหน้ีสนิ อันตกทอดมา จากการรบั มรดกนนั้ ให๎มกี ารพจิ ารณาทบทวนมลู คํามรดกตามวรรคหน่ึงทกุ หา๎ ปี ไมํใช๎บงั คบั แกํ (๑) บคุ คลผูไ๎ ดร๎ บั มรดกทเี่ จา๎ มรดกแสดงเจตนาหรือเห็นได๎วาํ มคี วามประสงคใ๑ ห๎ใช๎มรดกนน้ั เพือ่ ประโยชน๑ในกิจการ ศาสนา กิจการศึกษา หรอื กิจการสาธารณประโยชน๑ (๒) หนวํ ยงานของรัฐและนติ ิบคุ คลท่มี ีวัตถปุ ระสงค๑เพ่ือกจิ การศาสนา กิจการศึกษา หรือกจิ การสาธารณประโยชน๑ (๓) บุคคลหรือองค๑การระหวาํ งประเทศตามข๎อผูกพันทปี่ ระเทศไทยมีอยตํู ํอองค๑การสหประชาชาติหรอื ตาม กฎหมายระหวาํ งประเทศ หรือตามสญั ญาหรือตามหลกั ถ๎อยทถี ๎อยปฏบิ ัตติ ํอกนั กับนํานําประเทศ ๓. มรดกซง่ึ ต๎องเสียภาษี ได๎แกํ ทรพั ยส๑ ินดังตํอไปนี้ (๑) อสงั หารมิ ทรัพย๑ (๒) หลักทรพั ยต๑ ามกฎหมายวาํ ด๎วยหลกั ทรัพยแ๑ ละตลาดหลักทรัพย๑ (๓) เงินฝากหรือเงนิ อน่ื ใดท่ีมีลกั ษณะอยาํ งเดยี วกันทีเ่ จา๎ มรดกมีสิทธิเรยี กถอนคนื หรือสิทธิเรยี กร๎องจากสถาบัน การเงนิ หรือบุคคลท่ีไดร๎ บั เงนิ น้นั ไว๎ (๔) ยานพาหนะท่มี ีหลักฐานทางทะเบยี น (๕) ทรัพย๑สินทางการเงินที่กําหนดเพ่มิ ข้นึ โดยพระราชกฤษฎีกา การคํานวณมูลค่าของทรัพย์สิน ๑. กรณเี ป็นอสังหารมิ ทรพั ย๑ ให๎ถือเอาตามราคาประเมินทุนทรพั ยข๑ องอสังหาริมทรัพย๑เพือ่ เรียกเกบ็ คําธรรมเนียม จดทะเบียนสทิ ธแิ ละนิตกิ รรมตามประมวลกฎหมายท่ดี นิ หักดว๎ ยภาระทถี่ ูกรอนสิทธิ ๒. กรณีเป็นหลกั ทรัพย๑ที่จดทะเบียนในตลาดหลกั ทรัพย๑แหํงประเทศไทย ให๎ถือเอาราคาของหลกั ทรัพยน๑ ้ันในเวลา สน้ิ สดุ เวลาทาํ การของตลาดหลกั ทรพั ย๑ในวนั ที่ได๎รบั มรดก ๓. กรณอี น่ื ให๎เป็นไปตามหลกั เกณฑ๑ท่ีกาํ หนดในกฎกระทรวง อัตราภาษี ใหผ๎ ๎มู ีหน๎าทเ่ี สยี ภาษคี าํ นวณและเสยี ภาษีในอัตรารอ้ ยละสิบของมลู คาํ มรดกในสวํ นท่ีตอ๎ งเสยี แตํถ๎าผู๎ไดร๎ ับมรดก เป็นบพุ การี หรือผู๎สืบสันดานใหเ๎ สียภาษใี นอตั ราร้อยละห้า การยื่นแบบและการชาํ ระภาษี ให๎ผม๎ู หี น๎าท่เี สยี ภาษยี ่นื แบบแสดงรายการภาษแี ละชําระภาษีภายในหนงึ่ ร๎อยหา๎ สิบวนั นบั แตวํ ันท่ไี ด๎รับมรดก ภาษีการให้ (บงั คับใช๎วันท่ี ๒ กมุ ภาพันธ๑ ๒๕๕๙) เปน็ ภาษีท่ีจะเรียกเกบ็ จากทรัพยส๑ ินทผ่ี ๎เู สยี ชวี ิตใหแ๎ กผํ ๎อู ่นื กํอน เสยี ชีวิต เพ่ือปูองกนั ไมํให๎เกิดการหลกี เลี่ยงภาษมี รดก ซง่ึ ภาษกี ารรับให๎แบงํ เป็น ๒ ประเภทคอื สงั หาริมทรัพย๑ กบั อสังหาริมทรัพย๑ ผู้มีหนา้ ทเ่ี สียภาษี นนท์ เศรษฐวิวฒั น์

๕๕ ๑. กรณสี งั หารมิ ทรพั ย๑ ไดแ๎ กํ ๑.๑ บุพการี ผสู๎ บื สันดาน คสํู มรส ๑.๒ บุคคลท่ีไดร๎ บั เงนิ จากการอุปการะโดยหน๎าทีธ่ รรมจรรยา ๑.๓ บคุ คลท่ไี ดร๎ บั เงิน ซง่ึ มิใชบํ พุ การี ผ๎สู ืบสนั ดาน หรอื คํูสมรส ๒. กรณีอสังหารมิ ทรัพย๑ ได๎แกํบิดามารดาท่เี ป็นผ๎โู อนกรรมสิทธหิ์ รอื สทิ ธคิ รอบครองในอสังหาริมทรพั ย๑ให๎แกํบตุ ร(ไมํ รวมบุตรบุญธรรม) ทรพั ย์สนิ ที่ต้องเสียภาษี ๑. สังหาริมทรพั ยท๑ กุ ประเภทที่สามารถคํานวณเป็นเงินได๎ ๒. อสงั หาริมทรัพยท๑ ุกประเภท อัตราภาษี ๑. กรณีสังหาริมทรพั ย๑ อัตราร๎อยละ ๕ ของมลู คาํ ทรัพย๑สนิ ท่ีไดร๎ ับสวํ นท่เี กิน ๒๐ ล๎านบาท(กรณี เปน็ บุพการี ผู๎สนื สันดานหรอื คํูสมรส) หรือ ๑๐ ล๎านบาท(กรณีเปน็ บคุ คลอน่ื ) ๒. กรณอี สงั หาริมทรัพย๑ อัตราร๎อยละ ๕ ของมลู คาํ ของอสังหาริมทรพั ยส๑ ํวนที่เกินกวํา ๒๐ ล๎านบาท เงนิ ได้ที่ได้รบั การยกเวน้ ๑. กรณสี ังหาริมทรัพย๑ ๑.๑ เงินได๎ทีไ่ ด๎รบั จาก บุพการี ผ๎ูสืบสันดาน หรือคํู สมรส เฉพาะในสวํ นท่ีไมเํ กนิ ๒๐ ลา๎ นบาทตลอดปีภาษนี ้ัน ๑.๒ เงนิ ได๎ทไ่ี ด๎รบั จาก การอุปการะโดยหน๎าที่ธรรมจรรยา จากบคุ คลซ่ึง มใิ ชตํ ามข๎อ ๑.๑ เฉพาะเงนิ ได๎ในสํวนที่ ไมเํ กิน ๑๐ ลา๎ นบาทตลอดปีภาษนี ัน้ ๑.๓ เงินได๎ท่ไี ดร๎ ับซ่งึ ผูใ๎ ห๎แสดงเจตนาหรือเหน็ ไดว๎ าํ มคี วามประสงค๑ให๎ใชเ๎ พ่ือสาธารณะประโยชนต๑ ามหลกั เกณฑ๑ และเงื่อนไขท่กี าํ หนดในกฎกระทรวง ๒. กรณีอสังหาริมทรัพย๑ เงนิ ได๎จากการโอนกรรมสิทธ์ิหรอื สิทธคิ รอบครองในอสังหาริมทรพั ย๑โดยไมํมีคําตอบแทน ให๎แกํบตุ ร ซ่ึงไมํรวมถึง บุตรบญุ ธรรม เฉพาะเงนิ ไดใ๎ นสวํ นท่ีไมเํ กนิ ๒๐ ล๎านบาทตลอดปภี าษี การยนื่ แบบแสดงรายการภาษี ๑. กรณสี ังหาริมทรัพย๑ ผ๎ูมหี นา๎ ที่เสยี ภาษมี หี นา๎ ที่ย่ืนแบบแสดงรายการภาษีเงนิ ได๎บุคคลธรรมดาภายในกาํ หนดเวลา ซึง่ สามารถเลือกเสีย ภาษใี นอัตรา ร๎อยละ ๕ ของมูลคาํ ทรพั ยส๑ นิ สํวนทีเ่ กิน ๒๐ ล๎านบาท หรอื ๑๐ ลา๎ นบาท หรอื จะนําไปรวมคํานวณกับ เงนิ ได๎อ่นื ก็ได๎ ๒. กรณีอสังหารมิ ทรัพย๑ นนท์ เศรษฐวิวฒั น์

๕๖ ผมู๎ หี น๎าทเ่ี สยี ภาษมี หี นา๎ ท่ียนื่ แบบแสดงรายการภาษเี งินไดบ๎ ุคคลธรรมดาภายในกําหนดเวลา ซึง่ สามารถเลอื กเสยี ภาษีเงนิ ได๎ในอัตราร๎อยละ ๕ ของมูลคาํ ทรัพยส๑ นิ สํวนทเ่ี กินกวํา ๒๐ ล๎านบาท หรอื จะนาํ ไปรวมคาํ นวณกบั เงนิ ไดอ๎ น่ื ก็ ได๎เชํนเดยี วกัน ท้ังมรดกและการรับให๎ ถ๎าเกิดกํอนวนั ที่ ๒ กุมภาพันธ๑ ๒๕๕๙(กอํ นกฎหมายบงั คบั ใช๎) ไมํมีภาระภาษี การจัดเกบ็ ภาษีจากโรงเรียนกวดวิชา เริ่มวนั ท่ี ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๕๘ ให๎ยกเว๎นภาษีเงนิ ได๎ สาํ หรบั กําไรสุทธทิ ไ่ี ดจ๎ ากกิจการโรงเรียนเอกชนทีต่ ้ังขึ้นตามกฎหมายวาํ ด๎วยโรงเรยี นเอกชน หรอื กจิ การสถาบันอุดมศกึ ษาเอกชนทต่ี งั้ ขน้ึ ตามกฎหมายวาํ ด๎วยสถาบนั อุดมศึกษาเอกชน แตํไมรํ วมถึง กําไรสุทธิท่ีไดจ๎ าก กิจการโรงเรียนเอกชนนอกระบบประเภทกวดวชิ าทต่ี ้ังขึ้นตามกฎหมายวําด๎วยโรงเรยี นเอกชน ภาษที เี่ ก่ยี วขอ้ งกบั โรงเรียนกวดวิชา โรงเรยี นกวดวิชาถอื เปน็ โรงเรียนเอกชนประเภทหน่ึง ตาม พ.ร.บ.โรงเรยี นเอกชน พ.ศ. ๒๕๕๐ กําหนด โรงเรยี นเอกชนเปน็ ๒ ระบบ คอื ๑. โรงเรยี นในระบบหมายความวาํ โรงเรยี นทีจ่ ดั การศึกษาโดยกาํ หนดจุดมํุงหมาย วิธีการศกึ ษา หลกั สตู ร ระยะเวลาการศกึ ษา การจัดและประเมินผลซ่ึงเปน็ เง่ือนไขของการสาํ เร็จการศึกษาทแ่ี นนํ อน เชนํ โรงเรยี นอนบุ าล ของเอกชน โรงเรยี นนานาชาติ เปน็ ต๎น ๒. โรงเรยี นนอกระบบหมายความวํา โรงเรยี นที่จดั การศกึ ษาโดยมคี วามยืดหยนุํ ในการกําหนดจุดมํงุ หมาย รปู แบบ วธิ ีการจดั การศึกษา ระยะเวลาการศกึ ษา การวัดและประเมนิ ผลซง่ึ เป็นเงื่อนไขสําคัญของการสาํ เร็จการศึกษา เชนํ โรงเรยี นกวดวชิ า โรงเรียนสอนภาษา โรงเรียนสอนดนตรี โรงเรียนวชิ าชพี รวมถึงศูนย๑การศกึ ษาอสิ ลามประจาํ มสั ยดิ (ตาตีกา) และสถาบันศึกษาปอเนาํ ะ เมื่อมีการแก๎ไขตามพระราชกฤษฎกี าฯ (ฉบับท่ี ๕๘๘-๕๙๐) และกฎกระทรวง ฉบับที่ ๓๐๗ ทาํ ให๎มีผลเกีย่ วกับ การจัดเก็บภาษจี ากผป๎ู ระกอบการโรงเรียนเอกชน พอสรปุ ได๎ดังนี้ ๑) โรงเรียนในระบบ ตามมาตรา ๒๔ แหงํ พระราชบัญญตั ิโรงเรยี นเอกชนกาํ หนดโรงเรียนเอกชนในระบบเป็น นติ ิบคุ คล แตํไมไํ ดเ๎ ป็นบริษัทหรือหา๎ งหนุ๎ สํวนนิตบิ ุคคลตามาตรา ๓๙ แหงํ ประมวลรษั ฎากร จึงทาํ ใหโ๎ รงเรียนในระบบ ไมํต๎องมีหน๎าที่จะต๎องเสียภาษีเงินไดน๎ ติ บิ ุคคล ๒) โรงเรยี นเอกชนนอกระบบ ตงั้ แตํวันท่ี ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๕๘ เป็นตน๎ ไป ผป๎ู ระกอบกิจการ มีภาระภาษีเงิน ได๎ ดงั น้ี ก. หากประกอบกิจการแบบบุคคลธรรมดา ต๎องมีหน๎าที่เสียภาษเี งินได๎บคุ คลธรรมดาตามกฎกระทรวง ฉบับ ที่ ๓๐๗ พ.ศ. ๒๕๕๘ ทม่ี กี ารแก๎ไขเปล่ยี นแปลงข๎อ ๒(๑)แหํงกฎกระทรวงฉบับที่ ๑๒๖ ข. หากประกอบกจิ การในนามบริษัทหรือหา๎ งหน๎ุ สํวนนติ บิ ุคคล มูลนธิ ิหรอื สมาคม กิจการโรงเรียนเอกชน นอกระบบประเภทกวดวิชาที่ต้งั ข้นึ ตามกฎหมายวําด๎วยโรงเรยี นเอกชน จะต๎องมหี น๎าที่เสยี ภาษเี งนิ ไดน๎ ติ บิ ุคคลตาม พระราชกฤษฎกี าฯ ฉบับที่ ๕๘๘ และฉบบั ที่ ๕๘๙ พ.ศ.๒๕๕๘ ดังนั้นการประกอบการโรงเรียนเอกชนนอกระบบประเภทกวดวิชาตั้งแตวํ ันที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๕๘ เปน็ ต๎น ไปจะต๎องมีหนา๎ ทเ่ี สยี ภาษเี งนิ ได๎บคุ คลธรรมดาหรือภาษเี งินไดน๎ ิติบคุ คล สาํ หรับภาษีมลู คาํ เพ่ิมโรงเรียนเอกชนทั่วไปยังไดร๎ ับการยกเวน๎ ภาษมี ลู คาํ เพิ่มตามมาตรา ๘๑(๑)(ฎ) แหํง ประมวลรษั ฎากร ยกเว๎นโรงเรยี นเอกชนท่ใี ห๎บริการทางวิชาการในทางธุรกจิ ไมํได๎รบั ยกเวน๎ ภาษีมลู คาํ เพ่ิม ตาม ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เก่ยี วกับภาษมี ลู คําเพ่ิม(ฉบับที่ ๑๒) แตํอยาํ งใด นนท์ เศรษฐวิวัฒน์

๕๗ รายงานบญั ชีรับ – จ่ายของหา้ งหุ้นสว่ นสามัญและคณะบคุ คลทมี่ ใิ ช่นิตบิ ุคคล ตามท่ีอธบิ ดีกรมสรรพากร ออกประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษเี งนิ ได๎ (ฉบับที่ ๒๔๙) เรือ่ ง กําหนดให๎ หา๎ งห๎นุ สํวนสามัญหรอื คณะบุคคลท่มี ิใชนํ ิติบคุ คล จดั ทําบัญชหี รือรายงานแสดงรายไดแ๎ ละรายจําย โดยให๎มีผลใช๎ บงั คบั ต้งั แตวํ นั ที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๘ เปน็ ตน๎ ไป นนั้ ทําใหห๎ ๎างหนุ๎ สวํ นสามญั หรอื คณะบคุ คลทีม่ ิใชนํ ติ ิบุคคล ต๎องจัดทํารายงานบญั ชรี บั – จํายของห๎างหน๎ุ สํวนสามัญ และคณะบุคคลทม่ี ิใชํนติ ิบคุ คล ประจาํ ปีภาษี ๒๕๕๗ เปน็ ต๎นไป โดยต๎องมรี ายการและข๎อความอยํางน๎อยตามแบบที่ แนบท๎ายประกาศดังกลําว การหักลดหย่อนต่างๆ ในการคํานวณภาษี ๑. ผ๎ูมเี งินได๎ ๓๐,๐๐๐ บาท (ไมํวําจะอยํูในประเทศไทยถึง ๑๘๐ วัน หรอื ไมํก็ตาม) ๒. สามหี รือภริยาของผม๎ู ีเงินได๎ ๓๐,๐๐๐ บาท (๑) สามหี รือภริยาของผูม๎ เี งนิ ได๎ทม่ี สี ิทธหิ กั ลดหยํอน จะตอ๎ งเป็นสามหี รือภรยิ าชอบดว๎ ยกฎหมาย การสมรส ไมํครบปีภาษกี ็มสี ิทธหิ ักลดหยอํ นได๎ เชนํ จดทะเบยี นสมรสระหวาํ งปีภาษี หรอื ตายในระหวาํ งปีภาษี กม็ ีสิทธหิ กั ลดหยอํ นได๎ ๓๐,๐๐๐ บาท (๒) สามีหรอื ภรยิ าของผ๎ูมีเงินได๎ทจ่ี ะนาํ มาหกั ลดหยํอนจะต๎องไมมํ เี งินได๎พงึ ประเมินหรอื มีแตํไมํไดแ๎ ยกคํานวณ ภาษี ๓. การหักลดหยอํ นบตุ ร ใหห๎ ักสาํ หรบั บุตรชอบด๎วยกฎหมาย หรอื บตุ รบุญธรรมของผมู๎ ี เงินได๎ รวมทง้ั บุตรชอบ ด๎วยกฎหมายของสามีหรือภริยาของผ๎ูมีเงนิ ได๎ด๎วย โดยมีเงื่อนไขวําบตุ รท่ีเกิด กํอนหรือ ในพ.ศ.๒๕๒๒ หรือทีไ่ ด๎รบั เปน็ บตุ รบุญธรรม กํอน พ.ศ. ๒๕๒๒ คนละ ๑๕,๐๐๐ บาท บตุ รท่ีเกิด หลงั พ.ศ.๒๕๒๒ หรอื ทไ่ี ดร๎ ับเป็นบุตรบญุ ธรรมในหรือหลงั พ.ศ. ๒๕๒๒ คนละ ๑๕,๐๐๐ บาท แตรํ วมกนั ต๎องไมเํ กนิ ๓ คน การนบั จาํ นวนบตุ รใหน๎ ับเฉพาะ บุตรทมี่ ชี วี ติ อยูํตามลาํ ดบั อายุสงู สุดของบุตร โดยใหน๎ ับรวมท้งั บุตร ที่ไมํอยูใํ น เกณฑ๑ได๎รับการหกั ลดหยํอนด๎วย การหกั ลดหยํอนสาํ หรับบตุ ร ใหห๎ ักได๎เฉพาะบุตรซึ่งมีอายุไมํเกิน ๒๕ ปี และยังศึกษาอยูํ ในมหาวทิ ยาลัยหรอื ชั้นอดุ มศึกษาเฉพาะภายในประเทศให๎ลดหยอํ นเพอื่ การศึกษาได๎อีกคนละ ๒,๐๐๐ บาท หรือเป็น ผเู๎ ยาว๑ หรอื ศาลสั่ง ใหเ๎ ป็นคนไร๎ความสามารถหรอื เสมอื นไรค๎ วามสามารถอนั อยูํในความอุปการะเลีย้ งดู แตํมิให๎ หกั ลดหยํอนสําหรบั บตุ ร ดังกลาํ วทม่ี เี งนิ ได๎พึงประเมินในปภี าษที ่ลี ํวงมาแลว๎ ตั้งแตํ ๑๕,๐๐๐ บาทขึน้ ไป โดยเงินได๎ ดงั กลําวต๎องไมใํ ชํเงินไดท๎ ่ี ได๎รับยกเว๎นตามมาตรา ๔๒ ใหไ๎ มํต๎องรวมคํานวณเพื่อเสียภาษีเงนิ ได๎ การหกั ลดหยํอนสําหรบั บตุ รดงั กลาํ ว ใหห๎ ักได๎ ตลอดปีภาษี ไมวํ ํากรณีจะหักไดน๎ ั้นจะมีอยํูตลอดปีภาษหี รือไมํ และในกรณบี ุตรบญุ ธรรมนน้ั ใหห๎ ักลดหยํอนในฐานะบตุ รบุญธรรมได๎ในฐานะเดียว ๔. เบย้ี ประกันภัย ทผี่ มู๎ เี งินได๎จาํ ยไปในปภี าษี สาํ หรับการประกันชีวติ ของผมู๎ เี งนิ ได๎ตามจาํ นวนทีจ่ ํายจรงิ โดยสวํ น แรกหกั ได๎ ๑๐,๐๐๐ บาท สํวนทีเ่ กิน ๑๐,๐๐๐ บาท หกั ได๎ไมํเกนิ เงนิ ไดห๎ ลงั จากหักคาํ ใช๎จําย แตํไมํเกิน ๙๐,๐๐๐ บาท ทัง้ นี้ เฉพาะในกรณีท่กี รมธรรม๑ประกันชวี ติ มีกาํ หนดเวลาตงั้ แตํ ๑๐ ปขี น้ึ ไป และการประกันชีวติ น้นั ไดเ๎ อา ประกนั ไวก๎ ับผ๎รู ับประกันภัยที่ประกอบกิจการประกันชีวิตในราชอาณาจกั ร ในกรณีสามีหรอื ภรยิ าของผู๎มเี งนิ ได๎มกี ารประกนั ชีวิตและความเปน็ สามีภรยิ าได๎มีอยํูตลอดปภี าษีใหห๎ กั ลดหยํอนได๎ด๎วยสาํ หรบั เบ้ียประกนั ที่จํายสําหรับการประกันชีวติ ของสามหี รือภรยิ านนั้ ตามเกณฑ๑ขา๎ งต๎น การฝากเงินออมสนิ ประเภทสงเคราะหช๑ วี ิตและครอบครัว ก็อยํใู นขํายทจ่ี ะขอหักลดหยอํ นตามเกณฑน๑ ้ีไดด๎ ๎วย นนท์ เศรษฐวิวัฒน์

๕๘ ๕. เงินสะสม ทจี่ ํายเข๎ากองทนุ สาํ รองเลย้ี งชีพ หักลดหยอํ นไดต๎ ามจาํ นวนที่จาํ ยจรงิ แตํไมเํ กนิ ๑๐,๐๐๐ บาท สวํ นทเ่ี กิน ๑๐,๐๐๐ บาท แตํไมํเกนิ ๔๙๐,๐๐๐ บาท เป็นเงนิ ท่ไี ด๎รับยกเว๎นภาษี โดยนาํ จํานวนเงินสวํ นทเ่ี กินดังกลาํ ว หักจากเงินไดพ๎ ึงประเมนิ กํอนหักคําใชจ๎ าํ ยตามจํานวนท่จี ํายจรงิ แตไํ มํเกนิ ๓๙๐,๐๐๐ บาท คาํ ซ้อื หนํวยลงทนุ ในกองทนุ รวมเพื่อการเลี้ยงชพี หักได๎ไมํเกินรอ๎ ยละ ๑๕ ของเงินได๎พงึ ประเมนิ ทตี่ ๎องเสียภาษี และเมื่อรวมกับเงนิ สะสมกองทุนสาํ รองเลี้ยงชีพและกองทุน กบข. (ถ๎ามี) แลว๎ ไมํเกิน ๕๐๐,๐๐๐ บาท โดยตอ๎ งจําย เปน็ คาํ ซ้ือหนํวยลงทุนในกองทนุ รวมเพ่ือการเลยี้ งชพี ตามกฎหมายวําดว๎ ยหลักทรพั ย๑และตลาดหลักทรัพยท๑ จ่ี ะได๎รับ ยกเว๎นไมตํ ๎องรวมคํานวณเพื่อเสียภาษเี งนิ ไดบ๎ คุ คลธรรมดา ทง้ั น้ี ตอ๎ งเปน็ ไปตามหลกั เกณฑ๑ วธิ กี าร และเง่อื นไข ท่ี อธบิ ดกี รมสรรพากรกําหนด คาํ ซ้อื หนํวยลงทุนในกองทนุ รวมห๎ุนระยะยาว ในอัตราไมเํ กนิ ร๎อยละ ๑๕ ของเงินได๎พงึ ประเมนิ ท่ีต๎องเสยี ภาษี เฉพาะสวํ นทไ่ี มเํ กนิ ๕๐๐,๐๐๐ บาท ๖. ดอกเบ้ยี เงนิ ก๎ูยืม การยกเวน๎ ภาษีเงินได๎สําหรบั เงินได๎เทาํ ท่ีไดจ๎ ํายเปน็ ดอกเบ้ยี เงนิ กูส๎ ําหรับการกย๎ู ืมเงินเพ่อื ซ้ือ เชําซอื้ หรอื สรา๎ งอาคารทอ่ี ยูํอาศยั โดยจาํ นองอาคารท่ซี อื้ หรอื สร๎างเปน็ ประกนั การก๎ูยืมน้ัน ตามจํานวนเงินที่ได๎จํายไป จริงแตไํ มํเกนิ ๑๐๐,๐๐๐ บาท โดยต๎องเปน็ ไปตามหลักเกณฑ๑ และวิธีการดังน้ี (๑) เปน็ ดอกเบี้ยเงินกยู๎ มื สาํ หรับการก๎ูยมื จากผู๎ประกอบกิจการในราชอาณาจกั รเฉพาะท่ีกาํ หนดไว๎ ได๎แกํ ธนาคารบรษิ ทั ตามกฎหมายวําดว๎ ยการประกอบธรุ กิจเงนิ ทุน ธรุ กิจหลักทรัพย๑ และธุรกจิ เครดติ ฟองซิเอร๑ บริษทั ประกันชวี ติ สหกรณ๑ นายจา๎ งซง่ึ มีระเบยี บเก่ยี วกบั เงินกองทุนท่ีจัดสรรไวเ๎ พ่ือสวัสดกิ ารแกลํ กู จ๎าง บรรษัทตลาดรอง สินเช่ือท่ีอยูํอาศยั ตามกฎหมายวาํ ดว๎ ยบรรษทั ตลาดรองสินเชอ่ื ทอี่ ยํูอาศยั กองทนุ รวมอสังหารมิ ทรพั ยเ๑ พื่อแก๎ไขป๓ญหา ในระบบสถาบนั การเงินท่จี ัดตั้งขนึ้ ตามกฎหมายวําด๎วยหลกั ทรพั ย๑และตลาดหลกั ทรัพย๑ กองทุนรวมเพ่อื แก๎ไขปญ๓ หาใน ระบบสถาบันการเงนิ ทจ่ี ัดต้ังข้ึนตามกฎหมายวําด๎วยหลักทรัพยแ๑ ละตลาดหลักทรัพย๑ นติ ิบุคคลเฉพาะกิจท่ีจดั ตง้ั ขนึ้ เพื่อแปลงสินทรัพย๑เปน็ หลักทรพั ยท๑ ี่เขารบั ชวํ งสทิ ธ์ิเปน็ เจ๎าหนี้เงินกูแ๎ ทนกองทุนรวมดังกลําว กองทุนบําเหนจ็ บํานาญ ขา๎ ราชการตามกฎหมาย วาํ ด๎วยบาํ เหนจ็ บาํ นาญขา๎ ราชการ (๒) เป็นดอกเบ้ยี เงนิ กูย๎ มื ตามสญั ญาก๎ยู มื เงินเพื่อซ้ือ เชําซื้ออาคารพร๎อมท่ดี นิ หรอื ห๎องชุดในอาคารชดุ หรือเพื่อ สร๎างอาคารใชอ๎ ยํอู าศยั บนที่ดินของตนเองหรือบนทด่ี นิ ที่ตนเองมีสทิ ธิครอบครอง (๓) ตอ๎ งจาํ นองอาคารหรือหอ๎ งชดุ ในอาคารชดุ หรืออาคารพรอ๎ มที่ดนิ เป็นประกนั การกู๎ยมื เงินน้ัน โดยมี ระยะเวลาจาํ นองตามระยะเวลาการกยู๎ ืม (๔) ตอ๎ งใช๎อาคารหรือห๎องชุดในอาคารชดุ ตาม(๓)นน้ั เปน็ ท่ีอยอํู าศัยในปที ี่ไดร๎ บั ยกเวน๎ ภาษี แตํไมํรวมถงึ กรณี ลกู จา๎ ง ซงึ่ ถูกนายจ๎างส่ังให๎ไปปฏบิ ัติงานของนายจา๎ ง ณ ตํางถน่ิ เป็นประจําหรือกรณีอาคารหรือห๎องชดุ ดงั กลําวเกิด อัคคภี ัย ภัยธรรมชาติ หรอื ภยั อันเกดิ จากเหตุอื่น ท้ังน้ี เฉพาะท่มี ิใชคํ วามผิดของผม๎ู ีเงนิ ได๎จนไมอํ าจใช๎อาคารหรอื ห๎อง ชดุ น้ันอยูํอาศัยได๎ (๕) กรณผี มู๎ เี งินได๎มีอาคารหรือหอ๎ งชุดในอาคารชุดตาม (๓) เป็นทอี่ ยอูํ าศัยในปีท่ขี อหกั ลดหยํอนเกนิ กวํา ๑ แหงํ ให๎หกั ลดหยอํ นไดท๎ ุกแหํง สําหรบั อาคารหรือห๎องชดุ ในอาคารชุดตาม (๓) (๖) ให๎หกั ลดหยอํ นได๎ตลอดปีภาษี ไมํวาํ กรณีทีจ่ ะหักลดหยํอนได๎น้ันจะมีอยํูตลอดปภี าษีหรือไมํ (๗) กรณีผม๎ู ีเงนิ ได๎หลายคนรวํ มกันกย๎ู ืม ใหห๎ ักลดหยํอนได๎ทุกคนโดยเฉลย่ี คําลดหยํอนตามสํวนจํานวนผ๎มู เี งนิ ได๎ แตรํ วมกนั ต๎องไมํเกนิ จํานวนท่ีจาํ ยจรงิ และไมํเกิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท (๘) กรณสี ามภี รยิ ารวํ มกันกู๎ยืมโดยสามหี รือภรยิ ามีเงินได๎ฝุายเดียวใหห๎ ักลดหยอํ นสําหรับผูม๎ ีเงินไดเ๎ ต็มจํานวน ตามที่จาํ ยจริง แตํไมํเกิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท (๙) กรณีผูม๎ ีเงินได๎ซึ่งมสี ิทธไิ ด๎รบั ยกเว๎นภาษีอยูํกอํ นแลว๎ ตํอมาได๎สมรสกนั ใหย๎ งั คงได๎รับยกเวน๎ ภาษีดงั นี้ นนท์ เศรษฐวิวฒั น์

๕๙ (ก) ถ๎าตํางฝาุ ยตํางยนื่ รายการเกยี่ วกับภาษีเงินได๎พึงประเมินท่ตี นได๎รับในปภี าษที ี่ลํวงแล๎ว ให๎ตํางฝาุ ยตาํ ง ได๎รับยกเวน๎ ภาษี ตามจาํ นวนท่ีจาํ ยจริงแตํ ไมเํ กิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท (ข) ถา๎ ตาํ งฝุายตํางยน่ื รายการเกีย่ วกับภาษีเงินได๎พึงประเมิน ใหต๎ ํางฝาุ ยตาํ งไดร๎ บั ยกเวน๎ ภาษีตามจํานวนท่ี จาํ ยจริง แตไํ มํเกิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท (ค) ถา๎ สามีภรยิ าตกลงยืน่ รายการและเสียภาษีรวมกัน โดยถอื เอาเงินได๎พึงประเมนิ ของตนเป็นเงนิ ได๎ของ สามหี รือภริยาอีกฝุายหนงึ่ ให๎ผูม๎ เี งนิ ได๎ไดร๎ บั ยกเวน๎ ภาษตี ามจํานวนท่ีจํายจรงิ แตํไมํเกิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท และไดร๎ บั ยกเว๎นภาษสี ํวนของสามีหรือภรยิ า ได๎ตามจํานวนทจ่ี าํ ยจริงแตไํ มํเกนิ ๑๐๐,๐๐๐ บาท (๑๐) กรณมี ีการแปลงหนใี้ หมดํ ว๎ ยการเปล่ยี นตัวเจ๎าหน้เี งินกูย๎ มื ระหวาํ งผ๎ใู หก๎ ูต๎ าม (๑) ใหย๎ ังคงหกั ลดหยํอนได๎ ตามจาํ นวนท่จี ํายจรงิ แตํไมเํ กิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท ดอกเบยี้ เงนิ กยู๎ ืมดังกลําวข๎างต๎น ให๎หมายความรวมถึง ดอกเบ้ียเงนิ กูย๎ ืมเพื่อชาํ ระหนเ้ี งนิ ก๎ยู ืมเพ่ือซื้อ เชาํ ซ้ือ หรือสรา๎ ง อาคารอยูํอาศยั หรอื ห๎องชุดด๎วย ทงั้ น้ี เฉพาะดอกเบี้ยสาํ หรับเงนิ กยู๎ ืมเพ่อื ชําระหน้สี วํ นท่ีไมํเกนิ กวาํ หนท้ี ี่ค๎างชําระนนั้ ผ๎มู เี งินได๎ต๎องมหี นังสือรบั รองตามแบบท่อี ธบิ ดีกําหนด จากผู๎ให๎ให๎ก๎ูยืม เพ่ือเป็นหลกั ฐานวําไดม๎ ีการจาํ ยดอกเบยี้ สาํ หรับการกย๎ู มื เงินเพื่อดําเนินการดังกลาํ วนัน้ ดว๎ ย ๗. เงนิ สมทบ ที่ผ๎ปู ระกันตนจาํ ยเข๎ากองทุนประกนั สงั คม ตามกฎหมายวําด๎วยการ ประกนั สงั คมตามจํานวนท่ี จาํ ยจริง ในกรณสี ามีหรือภริยาของผ๎มู ีเงินได๎ ซึ่งเป็นผ๎ูประกันตนจํายเงินสมทบเข๎ากองทนุ ประกันสังคม ขา๎ งตน๎ และ ความเปน็ สามีภรยิ าได๎มอี ยํูตลอดปภี าษี ให๎หักลดหยํอนไดด๎ ๎วย สาํ หรบั เงินสมทบของสามีหรอื ภรยิ าที่จํายเขา๎ กองทุน ประกนั สงั คมดงั กลําวตามเกณฑข๑ า๎ งตน๎ ๘. คําลดหยํอนบดิ ามารดา กรณีผม๎ู ีเงินได๎และคูํสมรสท่ีมีเงินไดร๎ วมคํานวณภาษี หรือคูสํ มรสไมมํ เี งินได๎ อุปการะ เลี้ยงดูบิดามารดาท่มี ีอายุ ๖๐ ปขี ้นึ ไป ซงึ่ มรี ายได๎ไมเํ พียงพอตํอการเลีย้ งชพี ผ๎มู เี งินได๎และ คสูํ มรสมสี ิทธิหักลดหยํอน คําอปุ การะเล้ียงดบู ิดามารดาไดค๎ นละ ๓๐,๐๐๐ บาท ทงั้ น้ี บดิ าหรือมารดาของผมู๎ ีเงนิ ได๎หรอื คูํสมรส จะต๎องออก หนังสอื รับรองวําบตุ รคนใดคนหนึ่งเปน็ ผูอ๎ ุปการะเล้ยี งดูเพียงคนเดยี ว ๙. คาํ อุปการะเลีย้ งดูบดิ ามารดา สามีหรอื ภรยิ า บตุ รชอบดว๎ ยกฎหมายหรอื บุตรบุญธรรมของผมู๎ เี งินได๎ บดิ า มารดาหรือบุตรชอบด๎วยกฎหมายของสามีหรอื ภรยิ าของผ๎ูมีเงินได๎หรอื บุคคลอื่นที่ผ๎มู ีเงินได๎ เป็นผู๎ดแู ลตามกฎหมายวาํ ด๎วยการสงํ เสรมิ และพฒั นาคุณภาพชวี ติ คนพิการ คนละ ๖๐,๐๐๐ บาท โดยบุคคลดังกลําวตอ๎ งเปน็ คนพกิ ารซ่งึ มีบตั ร ประจาํ ตวั คนพิการตามกฎหมายวําด๎วยการสํงเสริม และพัฒนาคุณภาพชวี ิตคนพกิ าร หรอื เป็นคนทุพพลภาพ มรี ายได๎ ไมเํ พียงพอแกกํ ารยงั ชีพ และอยูํในความอุปการะเลีย้ งดูของผมู๎ ีเงนิ ได๎ ทั้งน้ี ตามหลกั เกณฑ๑ วธิ กี าร และเง่ือนไข รวมทัง้ จาํ นวนคนพิการ และทุกพลพลภาพในความอุปการะเล้ยี งดขู องผ๎ูมเี งนิ ไดท๎ ่ีอธิบดีประกาศกําหนด การหกั ลดหยํอนสําหรับบุตรบญุ ธรรม ให๎หกั ได๎ในฐานะบุตรบุญธรรมเพียงฐานะเดยี ว ๑๐. เงนิ สนับสนนุ เพ่ือการศึกษา ไดแ๎ กํ เงินที่จาํ ยเปน็ คําใชจ๎ ํายเพื่อสนบั สนุนการศึกษา มีสิทธหิ กั ลดหยอํ นได๎ ๒ เทาํ ของจาํ นวนเงินที่ไดจ๎ าํ ยไปจรงิ แตไํ มํเกินร๎อยละ ๑๐ ของเงนิ คงเหลอื หลังจากหกั คําใช๎จาํ ยและคําลดหยํอนอ่ืน ๆ แล๎ว ๑๑. การยกเวน๎ ภาษเี งินได๎ สําหรับการบริจาคเงนิ ใหแ๎ กํกองทนุ พัฒนาครู คณาจารย๑ และบคุ ลากรทางการศึกษาที่ กระทรวงศกึ ษาธกิ ารจัดตง้ั ข้ึน ใหย๎ กเวน๎ ภาษีสําหรบั เงนิ ได๎พงึ ประเมนิ หลังจากหักคําใช๎จาํ ยและหกั ลดหยํอนตามมาตรา ๔๗ (๑) (๒) (๓) (๔) (๕) หรือ (๖) แหํงประมวลรษั ฎากร เปน็ จํานวนสองเทําของจํานวนเงินท่ีบรจิ าค แตเํ ม่อื รวมกับเงินได๎ทีไ่ ด๎รับ ยกเวน๎ สาํ หรบั การจําย เปน็ คาํ ใช๎จํายเพือ่ สนบั สนนุ การศกึ ษา สําหรบั โครงการที่กระทรวงศกึ ษาธิการใหค๎ วามเห็นชอบ แลว๎ ตอ๎ งไมํเกินร๎อยละสบิ ของเงินได๎พงึ ประเมนิ หลงั จากหักคําใช๎จาํ ยและหักลดหยํอนแลว๎ นนท์ เศรษฐวิวัฒน์

๖๐ ๑๒. การยกเว๎นภาษเี งนิ ได๎ สาํ หรบั เงนิ ได๎ท่จี าํ ยเป็นคาํ ใช๎จํายในการจัดให๎คนพิการไดร๎ ับสิทธเิ ข๎าถงึ และใช๎ ประโยชน๑จากสิ่งอํานวยความสะดวก และความชํวยเหลืออื่นจากรัฐ ให๎ยกเว๎นภาษสี าํ หรับเงนิ ได๎พงึ ประเมนิ หลงั จากหกั คําใชจ๎ ํายและหกั ลดหยํอนตามมาตรา ๔๗ (๑) (๒) (๓) (๔) (๕) หรอื (๖) แหํงประมวลรัษฎากร เป็นจํานวนรอ๎ ยละหนง่ึ ร๎อยของเงนิ ทจ่ี าํ ยเป็นคําใช๎จํายในการจดั ให๎คนพิการ ไดร๎ ับสทิ ธปิ ระโยชน๑ แตเํ ม่ือรวมกบั เงนิ ได๎ทไ่ี ด๎รับยกเวน๎ สาํ หรับการจําย เป็นคาํ ใชจ๎ าํ ยเพ่ือสนบั สนุนการศึกษา สาํ หรับ โครงการทีก่ ระทรวงศึกษาธกิ ารใหค๎ วามเหน็ ชอบแล๎ว ต๎องไมํเกนิ ร๎อยละสบิ ของเงินไดพ๎ ึงประเมนิ หลังจากหักคาํ ใช๎จําย และหกั ลดหยํอนแลว๎ ๑๓. การยกเว๎นภาษเี งินได๎ สาํ หรับเงนิ ได๎ทจี่ ํายใหแ๎ กอํ งค๑กรปกครองสวํ นท๎องถิน่ ในการจัดตงั้ ศูนย๑พฒั นาเด็กเล็ก หรอื สนบั สนุนการดาํ เนนิ งานของศูนย๑พัฒนาเด็กเล็กในสงั กัดองค๑กรปกครองสํวนท๎องถนิ่ ใหย๎ กเวน๎ ภาษสี ําหรับเงนิ ได๎พึงประเมนิ หลงั จากหักคําใช๎จาํ ยและหักลดหยํอนตามมาตรา ๔๗ (๑) (๒) (๓) (๔) (๕) หรือ (๖) แหํงประมวลรัษฎากร เปน็ จํานวนสองเทาํ ของเงินที่ได๎จําย แตํเมอ่ื รวมกับเงินได๎ท่ไี ดร๎ ับยกเวน๎ สาํ หรับการ จาํ ยเปน็ คาํ ใชจ๎ าํ ยเพื่อสนบั สนุนการศึกษา สําหรบั โครงการทกี่ ระทรวงศกึ ษาธิการให๎ความเหน็ ชอบแล๎ว ต๎องไมํเกิน รอ๎ ยละสิบของเงินได๎พึงประเมนิ หลังจากหกั คําใชจ๎ ํายและหักลดหยํอนแล๎ว ๑๔. เงินบรจิ าค เมือ่ หักลดหยอํ นตําง ๆ หมดแลว๎ เหลือเทําใดให๎หกั ลดหยอํ นได๎อกี สาํ หรบั เงินบริจาค เงิน บรจิ าคที่หกั คาํ ลดหยอํ นไดน๎ ้ันผม๎ู เี งนิ ไดต๎ ๎องบรจิ าคเปน็ เงนิ ใหแ๎ กํการกศุ ลสาธารณะ โดยหักได๎ เทาํ จํานวนเงนิ ที่จํายจรงิ แตํต๎องไมเํ กนิ รอ๎ ยละ ๑๐ ของเงนิ ไดห๎ ลังจากหักคําใช๎จํายและหกั คําลดหยํอนตาํ ง ๆ ขา๎ งตน๎ แลว๎ การหกั ลดหยอํ นในกรณสี ามีภรยิ าตํางฝุายตํางมีเงินได๎ ถ๎าความเป็นสามีภรยิ าได๎มีอยํูตลอดปภี าษี การหัก ลดหยํอนผูม๎ เี งินได๎และสามหี รอื ภรยิ าของผมู๎ ีเงินไดใ๎ หห๎ ักลดหยํอนรวมกันได๎ ๖๐,๐๐๐ บาท แตํถ๎าความเป็นสามีหรือ ภริยามไิ ด๎มีอยํตู ลอดปภี าษี หรอื ภริยาแยกคํานวณเงนิ ไดพ๎ ึงประเมนิ ตาํ งหากจากสามี ให๎ตาํ งฝุายตํางหักลดหยํอนได๎ ๓๐,๐๐๐ บาท การหักลดหยํอนในกรณีผ๎มู เี งนิ ได๎มิได๎เป็นผู๎อยใํู นประเทศไทย การหกั ลดหยํอนบตุ รให๎หักไดเ๎ ฉพาะบตุ รท่ีอยํใู น ประเทศไทยเทําน้ัน การหกั ลดหยํอนในกรณผี ู๎มีเงินได๎ถึงแกํความตายในระหวาํ งปภี าษี ให๎หกั ลดหยํอนได๎เสมือนผูต๎ ายมีชวี ิตอยูํ ตลอดปีภาษที ีผ่ ๎ูน้ันถึงแกํความตาย การหักลดหยํอนในกรณีผมู๎ เี งินได๎เปน็ กองมรดกท่ียงั ไมไํ ดแ๎ บํง ใหห๎ กั ลดหยํอนสําหรับผมู๎ ีเงนิ ได๎ ๓๐,๐๐๐ บาท การหักลดหยํอนในกรณีผูม๎ เี งินได๎เป็นห๎างหุน๎ สวํ นสามัญ หรอื คณะบุคคลทม่ี ิใชํนิตบิ ุคคล ให๎หกั ลดหยํอนสาํ หรบั ผมู๎ ีเงินไดแ๎ กผํ ๎ูเป็นห๎ุนสวํ นหรอื บคุ คลในคณะบุคคลแตํละคนที่อยใูํ นประเทศไทยคนละ ๓๐,๐๐๐ บาท แตํรวมกันตอ๎ ง ไมเํ กนิ ๖๐,๐๐๐ บาท เหตผุ ลการแก้ไขเพ่มิ เตมิ บทบญั ญตั ใิ นประมวลรัษฎากรในหมวดว่าดว้ ยบทลงโทษ ๑. มาตรา ๖๙ บัญญัติใหบ๎ รษิ ัทหรอื หา๎ งห๎ุนสวํ นนิติบุคคลยืน่ แบบแสดงรายการภาษพี ร๎อมดว๎ ยบัญชีงบดุล บัญชีทาํ การ บัญชีกําไรขาดทุน บัญชีรายรบั รายจาํ ย หรอื บัญชีรายรบั กํอนหกั รายจาํ ย ท่ีมผี ส๎ู อบบัญชภี าษีอากรตามมาตรา ๓ สตั ต ทําการตรวจสอบและรบั รอง แตไํ มมํ บี ทบญั ญตั ใิ ดในประมวลรัษฎากรกําหนดมาตรการบงั คับสาํ หรับการไมํ ปฏบิ ตั ิตามเง่ือนไขดังกลาํ ว จึงทาํ ใหม๎ าตรา ๖๙ ขาดสภาพบังคับในทางกฎหมาย ๒. มาตรา ๓๗ ทวิ บญั ญัติใหผ๎ ๎ูใดเจตนาละเลยไมํยืน่ แบบแสดงรายการเพ่ือหลีกเล่ยี งการเสยี ภาษีอากร ต๎องระวาง โทษปรับไมํเกนิ หา๎ พนั บาท หรอื จําคกุ ไมํเกินหกเดอื นหรือท้ังปรับท้งั จาํ ซ่ึงมีบทลงโทษท่ีน๎อยกวาํ บทกาํ หนดโทษกรณี การหลีกเล่ยี งการเสยี ภาษีอากรตามบทบัญญตั ใิ นมาตรา ๓๗ ทําให๎สภาพบงั คับทางกฎหมายของบทบญั ญัติทัง้ สองน้มี ี ความแตกตํางกนั มาก กํอใหเ๎ กิดความไมเํ ปน็ ธรรมในสวํ นท่ีเก่ยี วกบั บทลงโทษทางอาญา นนท์ เศรษฐวิวัฒน์

๖๑ ๓. มาตรา ๙๐/๔ (๖) บญั ญตั ใิ ห๎บทลงโทษสาํ หรบั ผ๎ปู ระกอบการจดทะเบยี นโดยเจตนาหลีกเลย่ี งหรือพยายาม หลีกเล่ียงภาษมี ูลคาํ เพิ่ม กระทําการใด ๆ โดยความเท็จ โดยฉอ๎ โกงหรืออบุ าย หรือโดยวธิ ีการอื่นใดทาํ นองเดยี วกนั ซึง่ คําวํา “เจตนาหลีกเล่ยี งหรือพยายามหลีกเลีย่ งภาษีมูลคาํ เพิ่ม” เปน็ ถ๎อยคําทีอ่ าจให๎ความหมายได๎อยาํ งกว๎างขวางและ ไมคํ รอบคลุมถึงความผิดสาํ หรบั การทจุ ริตในการขอคนื ภาษีมลู คาํ เพ่ิมทเ่ี ปน็ เท็จ” สาระสําคญั ท่ีแกไ้ ข ๑. แกไ๎ ขเพม่ิ เตมิ กรณีไมปํ ฏิบัตติ ามมาตรา ๖๙ โดยการฝุาฝนื หนา๎ ที่ในการแนบเอกสารพร๎อมการยื่นแบบแสดงรายการ ภาษี ตอ๎ งระวางโทษปรบั ไมํเกินสองพนั บาท ๒. แก๎ไขเพมิ่ เติมใหก๎ ารกระทําความผดิ เก่ยี วกบั การหลกี เล่ียงการเสียภาษีอากรตามมาตรา ๓๗ ให๎ครอบคลมุ ถงึ การ ขอคนื ภาษอี ากรอนั เปน็ เท็จ ๓. แกไ๎ ขเพิ่มเตมิ ให๎การกระทําอันเป็นการหลีกเล่ยี งการเสียภาษอี ากรตามมาตรา ๓๗ ทวิ มีอัตราโทษเดยี วกับมาตรา ๓๗ คือ ตอ๎ งระวางโทษจาํ คุกตงั้ แตสํ ามเดือนถึงเจ็ดปี และปรับตัง้ แตํสองพนั บาทถึงสองแสนบาท โดยยกเลิกมาตรา ๓๗ ทวิ ๔. แก๎ไขเพ่มิ เติมใหบ๎ ทกาํ หนดโทษเก่ียวกบั การหลกี เล่ียงภาษมี ูลคาํ เพ่มิ ให๎ครอบคลุมถึงการขอคนื ภาษมี ูลคาํ เพ่ิมอนั เปน็ เทจ็ การยื่นแบบทางอนิ เทอรเ์ น็ต และชําระภาษีอากร ณ สํานักงานสรรพากรพนื้ ท่สี าขา ๑. กาํ หนดให๎การยน่ื แบบแสดงรายการภาษี แบบยนื่ รายการนาํ สงํ ภาษี แบบยืน่ รายการภาษี และแบบนําสงํ ภาษที ุก ประเภทภาษีที่กรมสรรพากรประกาศกาํ หนดให๎ย่ืนรายการขอ๎ มูลผาํ นระบบเครือขาํ ยอนิ เทอร๑เน็ตทางเวบ็ ไซต๑ กรมสรรพากร เป็นการย่นื แบบแสดงรายการตามประมวลรษั ฎากร ๒. ผม๎ู หี นา๎ ท่ยี ืน่ แบบแสดงรายการภาษี แบบย่นื รายการนําสํงภาษี แบบยนื่ รายการภาษี และแบบนําสงํ ภาษีที่ย่ืน รายการผาํ นระบบเครือขํายอินเทอร๑เน็ตทางเว็บไซต๑กรมสรรพากร ทปี่ ระสงค๑จะเลือกชาํ ระภาษีอากร ณ สาํ นกั งาน สรรพากรพื้นทีส่ าขา ให๎กระทําไดโ๎ ดยพิมพ๑ชุดชําระเงนิ (Pay In Slip) จากระบบการยน่ื แบบแสดงรายการผาํ นระบบ เครือขํายอินเทอรเ๑ นต็ และชาํ ระภาษีอากรทงั้ จํานวนตามชุดชาํ ระเงนิ (Pay In Slip) ณ สํานักงานสรรพากรพน้ื ท่ีสาขา แหงํ ใดแหํงหน่ึง โดยวธิ ีการอยํางใดอยํางหนง่ึ เพียงวธิ กี ารเดียว ดังตํอไปนี้ (ก) ชาํ ระด๎วยเงนิ สด (ข) ชาํ ระด๎วยบตั รภาษี (ค) ชาํ ระด๎วยบตั รเครดิตท่ีออกโดยธนาคารที่ได๎ทําความตกลงกับกรมสรรพากร (ง) ชาํ ระดว๎ ยบัตรเดบติ ที่ออกโดยธนาคารท่ีไดท๎ ําความตกลงกับกรมสรรพากร (จ) ชาํ ระดว๎ ยบตั ร Tax Smart Card ทีอ่ อกโดยธนาคารที่ไดท๎ าํ ความตกลงกับกรมสรรพากร ๓. ใหข๎ า๎ ราชการพลเรอื นสามัญในสังกดั สาํ นักงานสรรพากรพน้ื ที่สาขา เปน็ “เจา๎ หนา๎ ที่รบั ชําระเงนิ ภาษอี ากร” เพื่อ รับชําระเงินภาษอี ากรตามประมวลรัษฎากร ๔. การเสียภาษีตามประกาศน้ี ใหถ๎ อื วําเป็นการสมบูรณ๑ เมื่อไดร๎ บั ใบเสร็จรับเงนิ ซง่ึ “เจา๎ หนา๎ ทรี่ บั ชําระเงินภาษีอากร” ตามข๎อ ๓ ไดล๎ งลายมือช่อื รับเงนิ แลว๎ ๕. ประกาศน้ใี หใ๎ ชบ๎ งั คับสําหรบั การยื่นรายการต้ังแตวํ ันที่ ๑ กุมภาพนั ธ๑ พ.ศ. ๒๕๕๘ เป็นต๎นไป ข๎อสังเกต ตามประกาศฉบับน้ี ใชค๎ ําวาํ “ณ สาํ นักงานสรรพากรพน้ื ทส่ี าขาแหํงใดแหงํ หน่ึง” ฉะนั้นผเ๎ู สยี ภาษีสามารถ ยื่นชําระภาษที ส่ี ํานกั งานสรรพากรพน้ื ท่ีสาขาแหงํ ใดก็ได๎ นนท์ เศรษฐวิวฒั น์

๖๒ วธิ ปี ฏบิ ตั ิในการขอใหน้ ําเงนิ ภาษีมลู ค่าเพมิ่ เข้าบัญชีเงนิ ฝากธนาคาร ผ๎ทู ี่ประสงค๑จะใหก๎ รมสรรพากร นาํ เงนิ ภาษีมลู คําเพิ่มที่ได๎รบั คนื เขา๎ บัญชเี งินฝากธนาคารจะต๎องปฏิบตั ิตาม เงอื่ นไขดงั นี้ ๑. เงื่อนไขบญั ชเี งินฝากธนาคาร (๑) เปน็ บญั ชเี งินฝากประเภทกระแสรายวนั หรือประเภทออมทรพั ย๑ของผ๎ูขอคืน (๒) ธนาคารทมี่ ีบัญชเี งนิ ฝาก ต๎องอยํูในจังหวัดทผี่ ๎ขู อคืนมีสถานประกอบการต้งั อยํู หรอื อยํูในจงั หวดั ที่ไมตํ ๎องเสยี คาํ ธรรมเนยี มหรือคําบริการอื่นใดเกย่ี วกบั การนําเงินเขา๎ บัญชีเงินฝากดังกลาํ ว (๓) ผู๎เบิกถอนเงินจากบัญชเี งินฝาก ต๎องเป็นผม๎ู ีอาํ นาจลงนามผกู พันนติ ิบคุ คล หรือเจ๎าของบัญชีทีแ่ ทจ๎ ริง หรอื ผู๎ท่ี ได๎รับมอบอํานาจก็ได๎ ๒. ต๎องใหผ๎ ๎จู ัดการธนาคารหรือพนักงานผู๎มีอาํ นาจลงนามผูกพันธนาคารเป็นผูร๎ ับรองวาํ บัญชเี งนิ ฝากตาม ๑. เปน็ บัญชี ของผขู๎ อคืนโดยแทจ๎ รงิ โดยดําเนนิ การ (๑) ยื่น“แบบขอให๎ธนาคารรับรองการเป็นเจ๎าของบัญชเี งินฝาก” (๒) ธนาคารออกหนงั สือรับรองการเปน็ เจา๎ ของบญั ชีเงนิ ฝาก “คํารับรองการเป็นเจ๎าของบัญชีเงนิ ฝาก” จํานวน ๒ ฉบับ ฉบบั หนง่ึ มอบใหผ๎ ขู๎ อ อีกฉบบั หนึ่งธนาคารสํงไปยังสํานกั งานสรรพากรพน้ื ทสี่ าขาที่สถานประกอบการต้ังอยูํ หรือสงํ ไปยังสํานักบรหิ ารภาษีธุรกจิ ขนาดใหญํ (กรณผี ๎ปู ระกอบการอยูํในความรบั ผิดชอบของสาํ นักบริหารภาษธี รุ กิจ ขนาดใหญ)ํ ๓. ต๎องยนื่ “คาํ ขอใหน๎ าํ เงนิ ภาษมี ลู คาํ เพมิ่ ท่ีได๎รบั คนื เข๎าบัญชเี งนิ ฝาก” ตามแบบแนบ พรอ๎ ม “คาํ รบั รองการเปน็ เจ๎าของบัญชเี งินฝาก” ท่ีได๎รบั จากธนาคารตามขอ๎ ๒(๒) ณ สํานักงานสรรพากรพนื้ ทส่ี าขาท่ีสถานประกอบการของตน ตงั้ อยูํ หรอื สาํ นักบรหิ ารภาษีธุรกจิ ขนาดใหญํ (กรณีผู๎ประกอบการอยูํในความรับผดิ ชอบของสํานักบริหารภาษธี ุรกิจ ขนาดใหญ)ํ ๔. หากได๎รับอนมุ ัติคาํ ขอฯ แลว๎ ผ๎ูขอคนื ต๎องแสดงความประสงค๑ทจ่ี ะรบั คนื เงนิ ภาษมี ูลคําเพ่มิ เข๎าบญั ชเี งนิ ฝากธนาคาร ไวใ๎ นแบบแสดงรายการภาษมี ูลคาํ เพ่มิ (แบบ ภ.พ.๓๐) ดว๎ ย คา่ ธรรมเนยี มกบั การใหบ้ ริการของกรมสรรพากร การให๎บริการของกรมสรรพากรแกผํ เู๎ สยี ภาษแี ละประชาชนท่ัวไปนั้น เปน็ การใหบ๎ ริการท้ังดา๎ นข๎อมลู ขาํ วสารและ การยน่ื แบบแสดงรายการภาษี โดยสามารถเลือกใชบ๎ ริการดังกลําวได๎หลากหลายชํองทางตามความถนัดและความ สะดวก ไดแ๎ กํ เว็บไซต๑ อเี มล สาํ นกั งานสรรพากรใกลบ๎ ๎าน หรอื Rd Call Center ๑๑๖๑ การให๎บรกิ ารของกรมสรรพากรโดยปกติไมํมีคาํ ใช๎จํายและไมมํ กี ารเรยี กเก็บคําธรรมเนยี ม ยกเว๎นการให๎บริการ บางรายการท่ีกฎหมายกําหนดใหต๎ อ๎ งเรียกเก็บเพ่ือเปน็ คาํ ใช๎จาํ ยในการดําเนนิ การดงั นี้ ๑. คําธรรมเนียมการขอใบแทนใบเสรจ็ ทีเ่ จา๎ พนักงานฯ ไดอ๎ อกให๎ไปแล๎ว ใหย๎ ่ืนคําขอรบั ได๎ ณ สํานักงานสรรพากร พนื้ ท่ีสาขาดว๎ ยแบบ ภ.ษ.๒๖ โดยเสยี คําธรรมเนยี มฉบบั ละ ๕๐ สตางค๑ (มาตรา ๑๑ ทวิ แหํงประมวลรัษฎากร) ๒. คาํ ธรรมเนียมการให๎บรกิ ารขอ๎ มูลขําวสาร กรณที ่ีต๎องพมิ พ๑ออกจากระบบอเิ ลก็ ทรอนิกส๑ หรือการทาํ สาํ เนา รวมถึงการคัดแบบแสดงรายการภาษปี ระเภท ตําง ๆ ให๎ยื่นคําร๎องขอคัดแบบพรอ๎ มชําระคาํ ธรรมเนยี มการขอสาํ เนาดงั นี้ (๑) ขนาดกระดาษ A ๔ หนา๎ ละ ๑ บาท (๒) ขนาดกระดาษ F ๑๔ หนา๎ ละ ๑.๕๐ บาท (๓) ขนาดกระดาษ B ๔ หน๎าละ ๒ บาท (๔) ขนาดกระดาษ A ๓ หน๎าละ ๓ บาท นนท์ เศรษฐวิวฒั น์

๖๓ (๕) ขนาดกระดาษพมิ พ๑เขยี ว A ๒ หนา๎ ละ ๘ บาท (๖) ขนาดกระดาษพิมพ๑เขียว A ๑ หน๎าละ ๑๕ บาท (๗) ขนาดกระดาษพมิ พเ๑ ขยี ว A ๐ หนา๎ ละ ๓๐ บาท ๓. คาํ ธรรมเนียมกรณีท่ตี ๎องการให๎รับรองความถูกต๎องของขอ๎ มลู ขําวสารและแบบแสดงรายการภาษี คดิ อัตราคา รับรองละ ๕ บาท (พรบ.ข๎อมูลขาํ วสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐) ๔. คาํ ธรรมเนียมการทดสอบ การขอขน้ึ ทะเบียนการตํออายุใบอนญุ าต การแก๎ไขใบอนุญาต การออกใบแทน ใบอนุญาตเปน็ ผ๎ูสอบบญั ชภี าษีอากร ซงึ่ มีอตั ราดังตํอไปน้ี (๑) การทดสอบวชิ าละ ๕๐๐ บาท (๒) การขอขน้ึ ทะเบียนหรือการตอํ อายใุ บอนุญาตเปน็ ผส๎ู อบบัญชภี าษีอากรคร้ังละ ๒๐๐ บาท (๓) การแก๎ไขใบอนุญาตเป็นผ๎ูสอบบญั ชภี าษอี ากรครั้งละ ๕๐ บาท (๔) การออกใบแทนใบอนุญาตเป็นผ๎ูสอบบัญชีภาษอี ากรฉบับละ ๕๐ บาท (๕) การรบั รองสาํ เนาเอกสารฉบับละ ๒๐ บาท ๕. คําธรรมเนียมกรณนี ักทอํ งเท่ยี วตํางชาติขอคืนภาษีมลู คําเพิ่ม (VAT Refund for Tourists) กรมสรรพากร กําหนดไวใ๎ นตารางการคนื เงนิ ภาษมี ลู คําเพ่มิ โดยนกั ทํองเท่ียวสามารถตรวจสอบรายละเอียดเงนิ ภาษีที่จะไดร๎ ับคนื ที่ http://vrtmap. rd.go.th/gps/Styles/fies/table_vrt_rate.pdf และหากเงินภาษีที่ขอคนื มีจาํ นวนมากกวาํ ๓๐,๐๐๐ บาท กฎหมายกําหนดให๎ต๎องคืนเปน็ ตว๋ั แลกเงิน ดราฟตห๑ รอื โอนเข๎าบญั ชี กจ็ ะมีคาํ ธรรมเนยี มตามท่ี ไปรษณยี ๑และธนาคารกําหนด ๖. ผทู๎ ี่ยน่ื แบบแสดงรายการภาษีทางอินเทอรเ๑ น็ตและมภี าษตี ๎องชาํ ระ ผเู๎ สียภาษีสามารถเลือกชาํ ระภาษีไดท๎ ุก ชอํ งทางทหี่ นวํ ยรบั ชาํ ระภาษีเปดิ ให๎บรกิ าร ซึง่ หนํวยรับชาํ ระภาษี ได๎แกํ ธนาคารที่เขา๎ รํวมโครงการ และบรษิ ทั ไปรษณีย๑ไทย จํากดั โดยชําระคําธรรมเนียมตามอตั ราท่ีธนาคารหรือไปรษณีย๑กาํ หนด โดยสามารถตรวจสอบ รายละเอยี ดได๎ท่ี http://rdserver.rd.go.th/publish/bank/ListBank.htm แนวทางปฏิบตั เิ กย่ี วกบั การจัดเก็บภาษีเงินได้บคุ คลธรรมดาจากสามแี ละภรยิ า การย่ืนรายการและเสยี ภาษแี ยกตาํ งหากจากกัน ๑. สามแี ละภริยาตํางฝาุ ยตาํ งมีหนา๎ ทีย่ ื่นรายการและเสยี ภาษีในนามตนเอง ตัวอยาํ งท่ี ๑ สามมี ีเงนิ ไดจ๎ ากเงินเดอื น ๘๐๐,๐๐๐ บาท และจากคาํ นายหน๎า ๒๐๐,๐๐๐ บาท สํวนภริยามเี งินได๎จาก เงนิ เดือน ๕๐๐,๐๐๐ บาท และจากวิชาชีพการบัญชี ๓๐๐,๐๐๐ บาท สามียนื่ รายการเงินได๎รวม ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท (๘๐๐,๐๐๐ + ๒๐๐,๐๐๐) ภรยิ ายื่นรายการเงนิ ได๎รวม ๘๐๐,๐๐๐ บาท (๕๐๐,๐๐๐ + ๓๐๐,๐๐๐) สาํ หรับเงนิ ไดพ๎ ึงประเมินที่ไมํอาจแยกได๎วาํ เปน็ ของสามีหรอื ภรยิ าแตํละฝุายจํานวนเทําใด (๑) ถา๎ เป็นเงนิ ได๎พึงประเมนิ ตามมาตรา ๔๐ (๒) (๓) (๔) (๕) (๖) (๗) และ (๘) แหงํ ประมวลรัษฎากร ให๎แบํงเงินได๎ พึงประเมินเปน็ ของสามีและภรยิ าฝาุ ยละก่งึ หนงึ่ (๒) เฉพาะเงินได๎พงึ ประเมินตามมาตรา ๔๐ (๘) แหงํ ประมวลรัษฎากร จะเลอื กแบํงเปน็ ของแตํละฝาุ ยตามสํวนที่ ตกลงกนั ก็ได๎ แตํรวมกนั ต๎องไมนํ ๎อยกวําเงินได๎พงึ ประเมนิ ท่ีได๎รบั ถา๎ ตกลงกันไมํไดใ๎ ห๎แบํงเป็นของสามีและภริยาฝุายละ ก่งึ หนง่ึ เม่ือไดเ๎ ลอื กตาม (๑) หรือ (๒) แลว๎ ใหถ๎ ือวําเปน็ วธิ กี ารยื่นรายการสําหรับปภี าษนี ้นั หากมีการเปลย่ี นแปลงวธิ กี าร เลือกย่ืนรายการในปีภาษเี ดียวกัน จะต๎องได๎รบั อนุมตั ิจากอธิบดกี ํอน นนท์ เศรษฐวิวฒั น์

๖๔ ตวั อยํางท่ี ๒ สามแี ละภรยิ ามีเงินไดจ๎ ากคําเชาํ บ๎านรวํ มกัน ๘๐๐,๐๐๐ บาท ใหแ๎ บงํ เงินไดเ๎ ปน็ ของสามี ๔๐๐,๐๐๐ และเงนิ ได๎ของภรยิ า ๔๐๐,๐๐๐ บาท ตวั อยาํ งที่ ๓ สามีและภริยามเี งินได๎จากการเปิดร๎านขายอาหารรํวมกนั ๔๐๐,๐๐๐ บาท จะแบํงเงินไดเ๎ ปน็ ของสามี และภรยิ าฝาุ ยละกง่ึ หนึ่ง คอื เปน็ ของสามี ๒๐๐,๐๐๐ บาท และของภรยิ า ๒๐๐,๐๐๐ บาท หรือจะตกลงแบํงตามสวํ น ท่เี ปน็ ของตนก็ได๎ เชํน ตกลงแบงํ เงนิ ไดเ๎ ป็นสวํ นของสามรี ๎อยละ ๒๐ และ เปน็ สวํ นของภริยาร๎อยละ ๘๐ ดังนน้ั สามมี ี เงนิ ได๎ ๘๐,๐๐๐ บาท ภริยามเี งินได๎ ๓๒๐,๐๐๐ บาท ตัวอยาํ งที่ ๔ จากตัวอยํางที่ ๓ ถ๎าสามแี ละภรยิ าตกลงแบงํ สํวนเงินได๎จากการขายอาหารจํานวน ๔๐๐,๐๐๐ บาท เป็น สวํ นของสามรี ๎อยละ ๒๐ และเป็นสวํ นของภรยิ ารอ๎ ยละ ๘๐ และยืน่ แบบ แสดงรายการเสียภาษเี งนิ ได๎ไวแ๎ ล๎ว หาก ตํอมาพบวาํ ยืน่ เงินไดพ๎ งึ ประเมินจากการขายอาหาร ดงั กลําวขาดไป ๑๐๐,๐๐๐ บาท การยืน่ แบบแสดงรายการ เพมิ่ เติมสามแี ละภรยิ ายังคงต๎องแบํงสํวนเงินไดเ๎ ป็นของสามีรอ๎ ยละ ๒๐ และของภรยิ ารอ๎ ยละ ๘๐ เชํนเดมิ เงนิ ได๎ท่ี ตอ๎ งปรบั ปรุงรายการ จึงเป็นสํวนของสามี ๒๐,๐๐๐ บาท (๑๐๐,๐๐๐ x ๒๐/๑๐๐) และสํวนของภริยา ๘๐,๐๐๐ บาท (๑๐๐,๐๐๐ x ๘๐/๑๐๐) ถา๎ สามแี ละภรยิ าต๎องการเปลยี่ นสํวนเงนิ ได๎ทั้งในกรณยี น่ื แบบแสดงรายการฉบบั ปกติและ ในการย่ืนแบบ เพ่ิมเติมดังกลาํ ว เชนํ แบงํ เป็นของสามีและภรยิ าฝาุ ยละคร่ึงหนงึ่ หรอื เปล่ียนแปลงสวํ นเงนิ ไดเ๎ ปน็ ของสามรี อ๎ ยละ ๔๐ และเปน็ สํวนของภรยิ ารอ๎ ยละ ๖๐ จะตอ๎ งได๎รับอนมุ ัตจิ ากอธิบดีกรมสรรพากร ๒. การเลือกย่นื รายการและเสยี ภาษีรวมกัน สามแี ละภรยิ าอาจเลือกย่ืนรายการและเสยี ภาษีโดยเลอื กเอาเงินไดท๎ กุ รายการไปรวมกันและย่ืนเสียภาษีในนามของฝุายใด ฝุายหนงึ่ หรอื จะเลือกแยกเฉพาะเงินไดต๎ ามมาตรา ๔๐ (๑) แหงํ ประมวลรัษฎากร ยืน่ รายการและ เสียภาษีในนามของตนเองก็ได๎ ดังน้ี วธิ ที ี่ ๑ การยื่นรายการและเสียภาษีรวมกนั ท้งั หมด ให๎ถือเอาเงนิ ได๎พึงประเมินทัง้ หมดของภริยาเปน็ เงนิ ไดข๎ องสามี หรือเอาเงนิ ได๎พงึ ประเมนิ ทั้งหมดของสามีเปน็ เงนิ ได๎ของภริยา ตวั อยํางท่ี ๕ สามีมีเงินไดจ๎ ากเงนิ เดือน ๘๐๐,๐๐๐ บาท และจากคํานายหน๎า ๒๐๐,๐๐๐ บาท สวํ นภริยามีเงนิ ได๎จาก เงินเดอื น ๕๐๐,๐๐๐ บาท และจากวชิ าชพี การบัญชี ๓๐๐,๐๐๐ บาท นอกจากนั้นสามีและภรยิ ายงั มีเงนิ ไดค๎ ําเชาํ บา๎ นรํวมกนั ๑๐๐,๐๐๐ บาท ดังนนั้ สามีมีเงินได๎รวม ๑,๐๕๐,๐๐๐ บาท (จากเงินเดือน ๘๐๐,๐๐๐ บาท คาํ นายหน๎า ๒๐๐,๐๐๐ บาท และจากคําเชําบ๎านแบํงคนละคร่งึ กับภรยิ า ๕๐,๐๐๐ บาท (๑๐๐,๐๐๐/๒)) สวํ นภริยามเี งนิ ได๎รวม ๘๕๐,๐๐๐ บาท (จากเงนิ เดอื น ๕๐๐,๐๐๐ บาท วชิ าชีพการบญั ชี ๓๐๐,๐๐๐ บาท และจากคาํ เชาํ บ๎านแบํงคนละก่งึ หน่งึ กับสามี ๕๐,๐๐๐ บาท (๑๐๐,๐๐๐/๒)) กรณดี งั กลาํ วภรยิ ามสี ทิ ธเิ ลอื กนําเงนิ ไดท๎ ้ังหมด ๘๕๐,๐๐๐ บาท ไปรวมคาํ นวณกับสามี หรือสามจี ะเลือกนาํ เงินไดท๎ งั้ หมด ๑,๐๕๐,๐๐๐ บาท ไปรวมคาํ นวณกับภรยิ าก็ได๎ วธิ ีที่ ๒ การเลอื กย่นื รายการและเสียภาษรี วมกนั บางสวํ น ให๎ถอื เอาเงนิ ได๎พึงประเมนิ ทั้งหมดตามมาตรา ๔๐ (๒) - (๘) แหํงประมวลรัษฎากร ของภริยาเปน็ เงนิ ได๎ของสามี หรอื เอาเงินได๎ทั้งหมดตามมาตรา ๔๐ (๒) - (๘) แหํงประมวล รษั ฎากร ของสามเี ป็นเงนิ ได๎ของภริยา สํวนเงินได๎ พึงประเมินตามมาตรา ๔๐ (๑) แหงํ ประมวลรษั ฎากร ของแตํละ ฝุายให๎แยกยน่ื รายการและเสียภาษี ในนามของตนเองก็ได๎ เมอื่ ได๎เลอื กยื่นรายการและเสยี ภาษวี ธิ ใี ดวิธหี น่ึงแล๎ว ใหถ๎ อื วาํ เป็นวธิ ีการยน่ื รายการสําหรับปีภาษีน้นั หากมี การเปลยี่ นแปลงวธิ ีการเลอื กยนื่ รายการในปภี าษเี ดียวกัน จะต๎องได๎รับอนุมตั ิจากอธิบดีกอํ น นนท์ เศรษฐวิวฒั น์

๖๕ ตวั อยํางท่ี ๖ ตามตวั อยํางที่ ๕ ภรยิ ามสี ิทธิเลอื กนาํ เงินได๎จากวชิ าชีพการบญั ชี ๓๐๐,๐๐๐ บาท และ คําเชําบา๎ นสํวน ของภริยา ๕๐,๐๐๐ บาท ไปรวมคาํ นวณกบั สามี โดยภรยิ าแยกยน่ื แบบแสดงรายการเฉพาะเงนิ เดือน ๕๐๐,๐๐๐ บาท ตวั อยาํ งท่ี ๗ ตามตวั อยาํ งที่ ๕ สามมี สี ทิ ธเิ ลือกนาํ เงนิ ได๎คาํ นายหน๎า ๒๐๐,๐๐๐ บาท และคาํ เชาํ บ๎านสวํ นของสามี ๕๐,๐๐๐ บาท ไปรวมคาํ นวณกบั ภริยา โดยสามีแยกย่นื แบบแสดงรายการเฉพาะเงนิ เดือน ๘๐๐,๐๐๐ บาท ตวั อยาํ งท่ี ๘ สามแี ละภริยาไดเ๎ ลือกวิธีการรวมคาํ นวณภาษีตามวธิ ที ี่ ๑ (ตามตัวอยํางที่ ๕) ตํอมาพบวาํ เงินไดจ๎ าก วชิ าชีพการบญั ชีย่นื ไวข๎ าด ๑๐๐,๐๐๐ บาท การย่ืนแบบแสดงรายการเพ่ิมเตมิ จะต๎องนําเงินได๎ที่ยนื่ ขาดดังกลําวไปถือ เปน็ เงินไดข๎ องสามีหรือของภริยาแลว๎ แตํกรณี โดยสามแี ละภริยาตอ๎ งรํวมรบั ผิดในการเสียภาษีทค่ี า๎ งชําระ การหักค่าใชจ้ ่ายและค่าลดหยอ่ น ๑. การหักคําใชจ๎ าํ ย ใหส๎ ามีหรือภรยิ าตาํ งฝุายตํางหักคําใช๎จาํ ยไดต๎ ามอตั ราที่กาํ หนดไวส๎ ําหรับเงนิ ไดแ๎ ตํละประเภท (ตามมาตรา ๔๒ ทวิ ถงึ มาตรา ๔๖ แหํงประมวลรัษฎากร) กรณที ี่ไมํอาจแยกได๎วาํ เงินได๎พึงประเมนิ นั้นเปน็ ของสามีหรือภรยิ าแตํละฝาุ ยจํานวนเทําใด ซ่ึงสามีและภริยาไดแ๎ บํง เงนิ ได๎ตาม ๒.๑.๒ และเงินได๎พึงประเมนิ ประเภทดังกลาํ วกําหนดใหห๎ กั คาํ ใช๎จาํ ยตามความจาเป็นและสมควรไดน๎ น้ั ให๎ สามีและภรยิ าเฉลี่ยคําใช๎จํายตามสดั สวํ นของ เงนิ ได๎พึงประเมนิ ท่ีไดแ๎ บํงเป็นของแตํละฝุาย ตวั อยํางที่ ๙ สามแี ละภรยิ ามเี งินไดจ๎ ากการขายอาหารรํวมกันซ่งึ ไมอํ าจแยกได๎จํานวน ๔๐๐,๐๐๐ บาท โดยสามแี ละ ภริยาไดเ๎ ลอื กแบํงเงนิ ได๎ดงั กลาํ วตามสวํ นท่ตี กลงกัน คือสวํ นของสามีร๎อยละ ๔๐ เป็นเงิน ๑๖๐,๐๐๐ บาท (๔๐๐,๐๐๐ x ๔๐/๑๐๐) สํวนของภรยิ ารอ๎ ยละ ๖๐ เปน็ เงิน ๒๔๐,๐๐๐ บาท (๔๐๐,๐๐๐ x ๖๐/๑๐๐) โดยกจิ การ ดังกลําวมหี ลักฐานพิสูจน๑คาํ ใช๎จํายรวม ๓๖๐,๐๐๐ บาท ดงั นั้น ถ๎าเลือกหักคําใช๎จํายตามความจาเป็นและสมควร สามี และภริยาจะต๎องเฉลยี่ คําใช๎จาํ ยตามสัดสวํ นของเงินได๎ โดยสามหี กั ได๎ ๑๔๔,๐๐๐ บาท (๓๖๐,๐๐๐ x ๔๐/๑๐๐) ภรยิ าหักได๎ ๒๑๖,๐๐๐ บาท (๓๖๐,๐๐๐ x ๖๐/๑๐๐) หรือสามีเลือกหกั คาํ ใชจ๎ าํ ยเหมาซึง่ หกั ไดร๎ ๎อยละ ๗๐ (ตาม อัตราท่ีกฎหมายกําหนด) เป็นเงิน ๑๑๒,๐๐๐ บาท (๑๖๐,๐๐๐ x ๗๐/๑๐๐) สวํ นภริยาเลอื กหกั คาํ ใช๎จํายตามความ จาเปน็ และสมควรตามสวํ นเฉลยี่ จาํ นวน ๒๑๖,๐๐๐ บาท ก็ได๎ ๒. การหักลดหยอํ น ตามมาตรา ๔๗ แหงํ ประมวลรัษฎากร ๒.๑ การหกั ลดหยอํ นสําหรับผู๎มีเงินได๎ และสามีหรือภริยาของผ๎ูมีเงนิ ได๎ตามมาตรา ๔๗ (๑) (ก) และ (ข) แหงํ ประมวลรษั ฎากร (๑) กรณีมีเงนิ ไดฝ๎ ุายเดียว ให๎ผม๎ู ีเงนิ ไดห๎ กั ลดหยํอนสวํ นตัวได๎ ๓๐,๐๐๐ บาท และหักลดหยอํ นสามหี รอื ภริยา ของผู๎มเี งนิ ได๎อีก ๓๐,๐๐๐ บาท (๒) กรณีมีเงินได๎ท้ังสองฝาุ ย (ก) แยกยนื่ รายการและเสยี ภาษีตํางหากจากกัน ใหผ๎ ๎ูมเี งินได๎หักลดหยํอนสํวนตวั ได๎ ๓๐,๐๐๐ บาท แตจํ ะหัก ลดหยํอนสามีหรือภรยิ าของผู๎มีเงินได๎อกี ไมํได๎ (ข) เลือกยน่ื รายการและเสียภาษี วิธที ่ี ๑ กรณีถอื เอาเงินได๎พึงประเมนิ ทั้งหมดของภริยาเป็นเงนิ ได๎ของสามี หรือเอาเงินได๎ทงั้ หมดของสามีเปน็ เงนิ ไดข๎ องภรยิ า ให๎ผมู๎ ีเงินได๎หกั ลดหยอํ นสํวนตัวได๎ ๓๐,๐๐๐ บาท และหักลดหยํอนสามหี รอื ภริยาของผู๎มเี งนิ ได๎ ๓๐,๐๐๐ บาท ตัวอยาํ งที่ ๑๐ สามีมเี งินไดจ๎ ากเงินเดือน ๘๐๐,๐๐๐ บาท และจากคํานายหน๎า ๒๐๐,๐๐๐ บาท สํวนภรยิ ามี เงนิ ไดจ๎ ากเงินเดือน ๕๐๐,๐๐๐ บาท และจากวชิ าชพี การบัญชี ๓๐๐,๐๐๐ บาท นนท์ เศรษฐวิวฒั น์

๖๖ กรณีภรยิ าเลือกนาํ เงินไดท๎ ั้งหมดจาํ นวน ๘๐๐,๐๐๐ บาท ไปรวมคํานวณกับสามี สามีหักลดหยํอนสวํ นตัวได๎ ๓๐,๐๐๐ บาท และหกั ลดหยอํ นภริยาได๎ ๓๐,๐๐๐ บาท กรณีสามีเลือกนําเงินได๎ทั้งหมดจาํ นวน ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท ไปรวมคํานวณกับภริยา ภรยิ าหกั ลดหยํอนสวํ นตัว ได๎ ๓๐,๐๐๐ บาท และหักลดหยอํ นสามีได๎ ๓๐,๐๐๐ บาท วิธีที่ ๒ กรณีถือเอาเงนิ ไดต๎ ามมาตรา ๔๐ (๒) - (๘) แหงํ ประมวลรัษฎากร ของภริยาเป็นเงินของสามี หรอื เอา เงนิ ไดท๎ ง้ั หมดตามมาตรา ๔๐ (๒) - (๘) แหํงประมวลรัษฎากร ของสามีเปน็ เงินได๎ของภริยา สวํ นเงนิ ได๎พงึ ประเมนิ ตามมาตรา ๔๐ (๑) แหํงประมวลรษั ฎากร ของแตลํ ะฝุาย แยกยนื่ รายการและเสียภาษีในนามของตนเอง ใหผ๎ ู๎มเี งินได๎ ตํางฝุายตํางหักลดหยํอนสวํ นตัว ฝาุ ยละ ๓๐,๐๐๐ บาท แตจํ ะหักลดหยํอนสามีหรือภรยิ าของผ๎มู ีเงินได๎อีกไมํได๎ ตัวอยาํ งท่ี ๑๑ สามีมเี งนิ ได๎จากเงินเดือน ๘๐๐,๐๐๐ บาท และจากคาํ นายหนา๎ ๒๐๐,๐๐๐ บาท สํวนภรยิ ามี เงินได๎จากเงินเดือน ๕๐๐,๐๐๐ บาท และจากวิชาชพี การบัญชี ๓๐๐,๐๐๐ บาท กรณภี รยิ าเลือกนาํ เงนิ ไดจ๎ ากวชิ าชพี การบัญชี ๓๐๐,๐๐๐ บาท ไปรวมคํานวณกบั สามี โดยภรยิ าแยกยน่ื แบบ แสดงรายการและเสียภาษีเฉพาะเงินเดือน ๕๐๐,๐๐๐ บาท สามีและภริยา ตาํ งฝุายตํางหักลดหยอํ นสวํ นตวั ได๎ฝุายละ ๓๐,๐๐๐ บาท แตํไมํมีสิทธหิ ักลดหยํอนสามีและภริยาของผ๎มู ีเงนิ ได๎ กรณีสามเี ลือกนําเงินได๎จากคํานายหนา๎ ๒๐๐,๐๐๐ บาท ไปรวมคาํ นวณกบั ภรยิ า โดยสามแี ยกยื่นแบบแสดง รายการและเสยี ภาษีเฉพาะเงินเดือน ๘๐๐,๐๐๐ บาท สามแี ละภริยาตํางฝุายตาํ งหักลดหยอํ นสํวนตัวได๎ฝุายละ ๓๐,๐๐๐ บาท แตไํ มมํ ีสิทธิหกั ลดหยอํ นสามีและภรยิ าของผมู๎ เี งินได๎ ๒.๒ การหักลดหยํอนบตุ รและการหักลดหยํอนการศึกษาบตุ ร ตามมาตรา ๔๗ (๑) (ค) (ฉ) แหํงประมวลรัษฎากร (๑) กรณมี ีเงนิ ได๎ฝาุ ยเดยี ว ใหส๎ ามหี รือภรยิ าฝาุ ยทม่ี ีเงนิ ไดห๎ ักลดหยํอนบตุ รได๎ ๑๕,๐๐๐ บาท และการศกึ ษา บุตร ๒,๐๐๐ บาท สาํ หรบั บุตร ๑ คน ตัวอยาํ งที่ ๑๒ สามีมีเงนิ ได๎แตํภริยาไมมํ เี งนิ ได๎ มบี ตุ รด๎วยกัน ๑ คน สามหี กั ลดหยํอนบตุ ร ๑๕,๐๐๐ บาท และการศกึ ษาบุตรอีก ๒,๐๐๐ บาท (๒) กรณมี ีเงินได๎ทงั้ สองฝาุ ย (ก) แยกยน่ื รายการและเสียภาษีตํางหากจากกัน ใหส๎ ามแี ละภรยิ าผ๎ูมเี งนิ ได๎ตาํ ง ฝาุ ยตาํ งหกั ลดหยอํ นบุตรได๎ ๑๕,๐๐๐ บาท และการศึกษาบุตร ๒,๐๐๐ บาท สําหรบั บตุ ร ๑ คน ตัวอยาํ งท่ี ๑๓ สามีภริยามีเงินได๎ทัง้ สองฝาุ ย มบี ตุ รดว๎ ยกนั ๑ คน โดยตาํ งฝุายตาํ งยื่นรายการและเสียภาษี แยกจากกนั สามแี ละภริยาหักลดหยํอนบุตร ๑๕,๐๐๐ บาท และการศกึ ษาบตุ รอกี ๒,๐๐๐ บาท (รวมฝุายละ ๑๗,๐๐๐ บาท) ไมวํ าํ ความเป็นสามีภริยาจะมีอยํตู ลอดปีภาษีหรอื ไมํก็ตาม (ข) เลือกยื่นรายการและเสยี ภาษี วธิ ที ี่ ๑ กรณีถอื เอาเงนิ ได๎พงึ ประเมนิ ท้ังหมดของภรยิ าเป็นเงินได๎ของสามี หรือ เอาเงินได๎ทัง้ หมดของสามเี ป็น เงนิ ได๎ของภริยา ให๎หกั ลดหยํอนสาํ หรับบตุ รรวมกันได๎ ๓๐,๐๐๐ บาท และการศึกษาบุตร ๔,๐๐๐ บาท สาํ หรบั บุตร ๑ คน ตวั อยาํ งที่ ๑๔ สามีภริยามเี งินไดท๎ ั้งสองฝาุ ย มบี ตุ รด๎วยกัน ๑ คน สามมี เี งินไดจ๎ ากเงนิ เดือน ๘๐๐,๐๐๐ บาท และจากคาํ นายหนา๎ ๒๐๐,๐๐๐ บาท สํวนภรยิ ามเี งนิ ไดจ๎ ากเงินเดือน ๕๐๐,๐๐๐ บาท และจากวิชาชพี การบัญชี ๓๐๐,๐๐๐ บาท กรณีภรยิ าเลือกนําเงนิ ไดท๎ ั้งหมดจํานวน ๘๐๐,๐๐๐ บาท ไปรวมคํานวณกับสามี สามีหกั ลดหยํอนบตุ รสํวน ของตน ๑๕,๐๐๐ บาท การศึกษาบุตรสํวนของตน ๒,๐๐๐ บาท และหกั ลดหยํอนบตุ รสํวนของภริยา ๑๕,๐๐๐ บาท การศกึ ษาบตุ รสํวนของภริยา ๒,๐๐๐ บาท รวมเปน็ เงนิ ๓๔,๐๐๐ บาท นนท์ เศรษฐวิวฒั น์

๖๗ กรณสี ามีเลือกนําเงินได๎ท้ังหมดจํานวน ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท ไปรวมคํานวณกบั ภริยา ภริยาหักลดหยอํ นบุตร สํวนของตน ๑๕,๐๐๐ บาท การศึกษาบตุ รสวํ นของตน ๒,๐๐๐ บาท และหกั ลดหยอํ นบตุ รสวํ นของสามี ๑๕,๐๐๐ บาท การศึกษาบุตรสวํ นของสามี ๒,๐๐๐ บาท รวมเปน็ เงนิ ๓๔,๐๐๐ บาท วธิ ที ่ี ๒ กรณีถือเอาเงินได๎ตามมาตรา ๔๐ (๒) - (๘) แหํงประมวลรัษฎากร ของภรยิ าเป็นเงินของสามี หรือเอา เงนิ ได๎ทงั้ หมดตามมาตรา ๔๐ (๒) - (๘) แหงํ ประมวลรษั ฎากร ของสามเี ป็น เงินได๎ของภรยิ า สํวนเงนิ ได๎พงึ ประเมิน ตามมาตรา ๔๐ (๑) แหํงประมวลรษั ฎากร ของแตลํ ะฝาุ ยแยกย่นื รายการและเสียภาษีในนามของตนเอง ให๎ผม๎ู ีเงนิ ได๎ ตํางฝาุ ยตาํ งหักลดหยํอนสาํ หรบั บตุ รได๎ ๑๕,๐๐๐ บาท และการศกึ ษาบุตร ๒,๐๐๐ บาท สําหรับบุตร ๑ คน ตวั อยํางที่ ๑๕ สามภี รยิ ามีเงินไดท๎ ้งั สองฝุาย มีบตุ รดว๎ ยกัน ๑ คน สามีมีเงินไดจ๎ ากเงนิ เดือน ๘๐๐,๐๐๐ บาท และจากคํานายหน๎า ๒๐๐,๐๐๐ บาท สวํ นภริยามเี งินไดจ๎ ากเงินเดือน ๕๐๐,๐๐๐ บาท และจากวิชาชีพการบัญชี ๓๐๐,๐๐๐ บาท กรณีภริยาเลอื กนาํ เงนิ ได๎จากวิชาชีพการบญั ชี ๓๐๐,๐๐๐ บาท ไปรวมคํานวณกับสามี โดยภริยาแยกยน่ื แบบ แสดงรายการและเสยี ภาษีเฉพาะเงินเดอื น ๕๐๐,๐๐๐ บาท สามีและภริยาหักลดหยํอนบุตร ๑๕,๐๐๐ บาท และ การศึกษาบุตรอกี ๒,๐๐๐ บาท (ฝุายละ ๑๗,๐๐๐ บาท) กรณสี ามีเลือกนาํ เงนิ ไดจ๎ ากคํานายหน๎า ๒๐๐,๐๐๐ บาท ไปรวมคํานวณกบั ภริยา โดยสามีแยกย่นื แบบแสดง รายการและเสียภาษเี ฉพาะเงินเดอื น ๘๐๐,๐๐๐ บาท สามีและภรยิ าหกั ลดหยอํ นบุตร ๑๕,๐๐๐ บาท และการศึกษา บุตรอกี ๒,๐๐๐ บาท (ฝุายละ ๑๗,๐๐๐ บาท) ๒.๓ การหักลดหยํอนสําหรบั ดอกเบย้ี เงนิ กย๎ู มื ตามมาตรา ๔๗ (๑) (ซ) แหงํ ประมวลรัษฎากร (๑) กรณีมีเงนิ ไดฝ๎ ุายเดียว สามแี ละภริยาตาํ งฝุายตาํ งกยู๎ ืม ใหฝ๎ ุายท่มี เี งินได๎ หักลดหยอํ นสําหรบั ดอกเบ้ยี เงิน กูย๎ ืมได๎เฉพาะสํวนของตนไดต๎ ามจํานวนท่จี าํ ยจริงแตํไมเํ กิน ๑๐,๐๐๐ บาท ถา๎ สามีหรอื ภรยิ ามีเงนิ ได๎ฝาุ ยเดียวและรํวมกันกยู๎ ืม ให๎สามหี รอื ภรยิ าฝุายทมี่ ีเงินได๎หกั ลดหยอํ นสาํ หรับ ดอกเบ้ียเงินกูย๎ มื ไดต๎ ามจํานวนท่จี ํายจริงแตํไมํเกิน ๑๐,๐๐๐ บาท ตวั อยาํ งท่ี ๑๖ สามีมเี งนิ ได๎แตํภรยิ าไมมํ ีเงนิ ได๎ สามกี ูย๎ ืมและจํายดอกเบีย้ เงนิ ก๎ยู ืม ๑๐,๐๐๐ บาท ภริยากู๎ยืม และจาํ ยดอกเบีย้ เงินกูย๎ ืม ๑๐,๐๐๐ บาท สามหี กั ลดหยํอนดอกเบ้ยี เงินกยู๎ มื ไดเ๎ ฉพาะสํวนของตน ๑๐,๐๐๐ บาท ตวั อยํางที่ ๑๗ สามมี เี งนิ ไดแ๎ ตํภริยาไมํมเี งินได๎ ภริยากย๎ู มื และจาํ ยดอกเบ้ยี เงินกย๎ู มื ๑๐,๐๐๐ บาท สามหี ัก ลดหยอํ นดอกเบ้ียเงนิ ก๎ูยืมไมํได๎ ตวั อยํางที่ ๑๘ สามีมีเงินได๎แตํภรยิ าไมมํ เี งินได๎ ถา๎ สามภี รยิ ารํวมกันกู๎ยมื และจาํ ยดอกเบย้ี เงนิ กู๎ยมื เป็นจาํ นวน ๑๐,๐๐๐ บาท สามีมีสทิ ธหิ กั ลดหยอํ นดอกเบย้ี เงินก๎ยู ืมได๎ทงั้ จาํ นวน ๑๐,๐๐๐ บาท (๒) กรณมี ีเงนิ ได๎ทั้งสองฝาุ ย (ก) แยกย่นื รายการและเสยี ภาษตี ํางหากจากกนั กรณที ่ี ๑ ถา๎ กู๎ยืมฝาุ ยเดียว สามหี รอื ภรยิ าฝุายทกี่ ๎ูยืมสามารถหกั ลดหยํอนสําหรบั ดอกเบี้ยเงินกยู๎ ืมได๎ตาม จาํ นวนทจี่ าํ ยจรงิ แตํไมเํ กิน ๑๐,๐๐๐ บาท ตวั อยํางที่ ๑๙ สามภี ริยามเี งินไดท๎ ัง้ สองฝาุ ย สามเี ป็นผูก๎ ยู๎ ืมฝาุ ยเดียวและจํายดอกเบีย้ เงินกูย๎ มื ๑๐,๐๐๐ บาท สามีหักลดหยํอนได๎ ๑๐,๐๐๐ บาท สํวนภรยิ าไมํสามารถหักลดหยํอนได๎ กรณีท่ี ๒ ถา๎ รวํ มกันกู๎ยมื ให๎ตํางฝุายตาํ งหกั ลดหยํอนสาํ หรบั ดอกเบยี้ เงินกู๎ยืมได๎ ก่ึงหน่ึงของจํานวนทจ่ี าํ ยจริง แตรํ วมกันไมํเกิน ๑๐,๐๐๐ บาท ท้งั นี้ ไมวํ ําความเปน็ สามีภริยาจะได๎มีอยตูํ ลอดปีภาษหี รือไมํก็ตาม ตวั อยาํ งท่ี ๒๐ สามภี ริยามเี งินได๎ท้งั สองฝุาย ถา๎ สามภี ริยารวํ มกนั กูย๎ ืมและได๎จํายดอกเบ้ียเงนิ ก๎ูยืมเปน็ จํานวน ๑๐,๐๐๐ บาท สามหี กั ลดหยอํ นได๎ ๕,๐๐๐ บาท ภรยิ าหักลดหยอํ นได๎ ๕,๐๐๐ บาท นนท์ เศรษฐวิวัฒน์

๖๘ กรณที ่ี ๓ ถา๎ ตาํ งฝาุ ยตาํ งกูย๎ มื ให๎ตํางฝุายตํางหักลดหยํอนสําหรับดอกเบี้ยเงนิ ก๎ูยืมสํวนของตนได๎ตามจาํ นวนที่ จํายจริงแตํไมเํ กิน ๑๐,๐๐๐ บาท ทงั้ นี้ ไมวํ าํ ความเปน็ สามีภรยิ าจะไดม๎ ีอยตํู ลอดปีภาษหี รอื ไมํก็ตาม ตัวอยํางที่ ๒๑ สามีภรยิ ามีเงินได๎ทั้งสองฝุาย และตํางฝาุ ยตาํ งกยู๎ มื โดยไดจ๎ ํายดอกเบี้ยเงินกูย๎ มื ฝุายละ ๑๐,๐๐๐ บาท สามีและภรยิ าหกั ลดหยํอนไดฝ๎ ุายละ ๑๐,๐๐๐ บาท กรณีท่ี ๔ ถ๎าตํางฝาุ ยตํางมีสิทธิหกั ลดหยอํ นดอกเบย้ี เงนิ กู๎ยืมอยูํกํอนแล๎ว ตอํ มาสมรสกนั ให๎ตาํ งฝาุ ยตํางยังคง หกั ลดหยอํ นสาํ หรับดอกเบ้ียเงนิ กยู๎ มื สวํ นของตนไดต๎ ามจํานวน ทีจ่ ํายจริง แตํไมํเกนิ ๑๐,๐๐๐ บาท ทง้ั นี้ ไมํวําความ เปน็ สามภี ริยาจะได๎มีอยํตู ลอดปภี าษหี รอื ไมกํ ต็ าม ตัวอยาํ งท่ี ๒๒ สามภี รยิ ามีเงินไดท๎ ง้ั สองฝาุ ยและมีสทิ ธิหกั ลดหยํอนดอกเบ้ียเงนิ กู๎ยืมอยํูกอํ นแล๎วฝุายละ ๑๐,๐๐๐ บาท ตอํ มาสมรสกัน สามีและภริยายงั คงหักลดหยํอนได๎ฝาุ ยละ ๑๐,๐๐๐ บาท ทง้ั นี้ ไมวํ ําความเป็นสามี ภรยิ าจะไดม๎ ีอยตํู ลอดปภี าษหี รอื ไมํก็ตาม (ข) เลือกยนื่ รายการและเสียภาษี โดยสามีและภริยาตํางฝุายตาํ งก๎ยู ืม วธิ ีที่ ๑ กรณีถือเอาเงนิ ได๎พงึ ประเมินทั้งหมดของภรยิ าเป็นเงินไดข๎ องสามี หรือเอาเงนิ ได๎ทง้ั หมดของสามีเป็น เงนิ ได๎ของภริยา ใหผ๎ ม๎ู ีเงินได๎หักลดหยํอนสาํ หรับดอกเบ้ียเงินก๎ยู ืมในสํวนของตนตามจาํ นวนท่ีจํายจริงแตํไมํเกิน ๑๐,๐๐๐ บาท และสํวนของสามหี รอื ภรยิ าของผมู๎ เี งนิ ไดต๎ ามจาํ นวนท่ีจาํ ยจรงิ แตํไมํเกนิ ๑๐,๐๐๐ บาท ตวั อยํางที่ ๒๓ สามมี ีเงนิ ได๎จากเงินเดือน ๘๐๐,๐๐๐ บาท และจากคาํ นายหน๎า ๒๐๐,๐๐๐ บาท สวํ นภรยิ ามี เงนิ ไดจ๎ ากเงนิ เดือน ๕๐๐,๐๐๐ บาท และจากวิชาชพี การบัญชี ๓๐๐,๐๐๐ บาท กรณีภริยาเลอื กนําเงินไดท๎ ั้งหมดจาํ นวน ๘๐๐,๐๐๐ บาท ไปรวมคาํ นวณกบั สามี สามีจาํ ยดอกเบ้ียเงนิ กยู๎ ืม ๑๐,๐๐๐ บาท ภรยิ าจาํ ยดอกเบีย้ เงนิ กูย๎ มื ๑๐,๐๐๐ บาท สามีหักลดหยํอน สํวนของตน ๑๐,๐๐๐ บาท และสวํ นของ ภริยา ๑๐,๐๐๐ บาท (รวม ๒๐,๐๐๐ บาท) กรณสี ามเี ลือกนําเงินได๎ทั้งหมดจํานวน ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท ไปรวมคาํ นวณกบั ภริยา สามีจาํ ยดอกเบี้ยเงินกยู๎ ืม ๑๐,๐๐๐ บาท ภรยิ าจาํ ยดอกเบ้ยี เงินกู๎ยืม ๑๐,๐๐๐ บาท ภริยาหักลดหยํอน สํวนของตน ๑๐,๐๐๐ บาท และสํวน ของสามี ๑๐,๐๐๐ บาท (รวม ๒๐,๐๐๐ บาท) วิธที ี่ ๒ กรณีถือเอาเงินไดต๎ ามมาตรา ๔๐ (๒) – (๘) แหํงประมวลรษั ฎากร ของภรยิ าเป็นเงินของสามี หรอื เอาเงนิ ไดท๎ งั้ หมดตามมาตรา ๔๐ (๒) – (๘) แหงํ ประมวลรัษฎากร ของสามีเป็น เงนิ ไดข๎ องภรยิ า สํวนเงนิ ได๎พึง ประเมนิ ตามมาตรา ๔๐ (๑) แหํงประมวลรษั ฎากร ของแตํละฝาุ ย แยกยน่ื รายการและเสียภาษีในนามของตนเอง ให๎ผ๎ู มเี งินไดต๎ ํางฝุายตาํ งหักลดหยอํ นสําหรับดอกเบยี้ เงินกู๎ยืมในสวํ นของตนได๎ตามจาํ นวนท่ีจาํ ยจริงแตํไมเํ กิน ๑๐,๐๐๐ บาท ตวั อยํางท่ี ๒๔ สามีมเี งนิ ไดจ๎ ากเงนิ เดือน ๘๐๐,๐๐๐ บาท และจากคาํ นายหน๎า ๒๐๐,๐๐๐ บาท สวํ นภรยิ ามี เงินได๎จากเงินเดือน ๕๐๐,๐๐๐ บาท และจากวิชาชพี การบัญชี ๓๐๐,๐๐๐ บาท กรณีภรยิ าเลือกนําเงินไดจ๎ ากวชิ าชีพการบญั ชี ๓๐๐,๐๐๐ บาท ไปรวมคาํ นวณกบั สามี โดยภริยาแยกยนื่ แบบ แสดงรายการและเสยี ภาษีเฉพาะเงนิ เดอื น ๕๐๐,๐๐๐ บาท สามจี ํายดอกเบย้ี เงนิ กย๎ู ืม ๑๐,๐๐๐ บาท ภริยาจําย ดอกเบยี้ เงนิ กยู๎ ืม ๑๐,๐๐๐ บาท สามแี ละภรยิ าหกั ลดหยํอนไดฝ๎ ุายละ ๑๐,๐๐๐ บาท กรณีสามีเลือกนาํ เงนิ ได๎จากคํานายหน๎า ๒๐๐,๐๐๐ บาท ไปรวมคํานวณกบั ภรยิ า โดยสามีแยกย่นื แบบแสดง รายการและเสยี ภาษีเฉพาะเงินเดอื น ๘๐๐,๐๐๐ บาท สามีจํายดอกเบย้ี เงินกยู๎ ืม ๑๐,๐๐๐ บาท ภริยาจาํ ยดอกเบ้ยี เงนิ กู๎ยมื ๑๐,๐๐๐ บาท สามแี ละภรยิ าหักลดหยํอนได๎ฝาุ ยละ ๑๐,๐๐๐ บาท ๒.๔ กรณีรายการลดหยอํ นใดทม่ี ีสทิ ธหิ ักได๎เพ่ิมข้ึน (ยกเวน๎ ภาษีสําหรับเงนิ ได๎ เทําทีจ่ ําย) ผมู๎ เี งินได๎ยังคงหัก ลดหยอํ นได๎เชนํ เดมิ เชนํ ดอกเบย้ี เงินก๎ยู ืมมสี ทิ ธหิ ักลดหยอํ นได๎รวม ๑๐๐,๐๐๐ บาท (ลดหยํอน ๑๐,๐๐๐ บาท และ นนท์ เศรษฐวิวัฒน์

๖๙ ยกเว๎นภาษอี ีก ๙๐,๐๐๐ บาท) เบีย้ ประกันชีวติ มีสิทธิหกั ลดหยอํ นไดร๎ วม ๑๐๐,๐๐๐ บาท (ลดหยํอน ๑๐,๐๐๐ บาท และยกเว๎นภาษีอีก ๙๐,๐๐๐ บาท) ซงึ่ จะต๎องเป็นไปตามหลักเกณฑ๑และวิธีการทก่ี าํ หนดไวใ๎ นแตลํ ะกรณี สําหรบั การหักลดหยํอนรายการอน่ื นอกเหนือจากที่กลาํ วข๎างตน๎ เชนํ เบย้ี ประกันชวี ิต กองทุนสํารองเล้ยี งชพี กองทนุ ประกนั สังคม คําอุปการะเลย้ี งดูบดิ ามารดา เปน็ ต๎น ผ๎มู ีเงนิ ได๎ยงั คง มีสิทธหิ ักลดหยํอนได๎ตามมาตรา ๔๗ แหงํ ประมวล รษั ฎากร เชํนเดมิ ทั้งน้ี ตามเอกสารแนบทา๎ ยคําชแี้ จงกรมสรรพากร การเกบ็ ภาษเี งนิ ไดจ๎ ากสามีและภริยากอํ นปีภาษี ๒๕๕๕ น้นั เนอื่ งจากศาลรฐั ธรรมนูญไดม๎ ีคาํ วินจิ ฉยั ท่ี ๔๘/ ๒๕๔๕ ลงวนั ท่ี ๑๒ กันยายน ๒๕๔๕ วํา ประมวลรษั ฎากร มาตรา ๕๗ ตรี และมาตรา ๕๗ เบญจ ไมํขัดหรือแย๎งตํอ รฐั ธรรมนญู แหงํ ราชอาณาจักรไทย พุทธศกั ราช ๒๕๔๐ มาตรา ๒๙ มาตรา ๓๐ และมาตรา ๘๐ ดงั น้นั การจัดเกบ็ ภาษีเงนิ ไดบ๎ ุคคลธรรมดาจากสามี และภรยิ ากํอนปีภาษี ๒๕๕๕ ตอ๎ งปฏิบตั ติ ามคําวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญท่ี ๔๘/ ๒๕๔๕ ลงวันท่ี ๑๒ กันยายน ๒๕๔๕ และบงั คบั ใช๎บทบัญญัติในมาตรา ๕๗ ตรี และมาตรา ๕๗ เบญจ แหงํ ประมวล รัษฎากรตอํ ไป โดยไมํขัดหรือแย๎งตํอคาํ วนิ จิ ฉัยของศาลรฐั ธรรมนญู ที่ ๑๗/๒๕๕๕ ลงวนั ท่ี ๔ กรกฎาคม ๒๕๕๕ ตวั อยา่ งการหักลดหย่อนตามมาตรา ๔๗ แห่งประมวลรัษฎากร (รายการอื่นๆ นอกเหนือจากทปี่ รากฏในคาํ ช้ีแจง) ๑. สาํ หรับเบีย้ ประกันชวี ติ ตัวอยาํ งที่ ๑ สามมี ีเงนิ ได๎แตภํ รยิ าไมมํ ีเงนิ ได๎ สามีจาํ ยเบ้ยี ประกันชีวิต ๑๐,๐๐๐ บาท สามีหกั ลดหยอํ น ๑๐,๐๐๐ บาท ตวั อยาํ งท่ี ๒ สามมี เี งินได๎แตภํ ริยาไมมํ ีเงนิ ได๎ สามจี ํายเบ้ยี ประกนั ชีวิต ๑๐,๐๐๐ บาท ภรยิ าจาํ ยเบย้ี ประกนั ชีวิต ๑๐,๐๐๐ บาท ถา๎ ความเปน็ สามีภริยาได๎มีอยูํตลอดปีภาษี สามีหกั ลดหยํอนสวํ นของตน ๑๐,๐๐๐ บาท และสํวนของ ภริยา ๑๐,๐๐๐ บาท (รวม ๒๐,๐๐๐ บาท) แตถํ ๎าความเป็นสามีภรยิ า มิได๎มีอยตํู ลอดปีภาษี สามีหักลดหยอํ นได๎ เฉพาะสํวนของตน ๑๐,๐๐๐ บาท ตัวอยํางที่ ๓ สามภี ริยามีเงินได๎ท้ังสองฝาุ ย โดยตํางฝุายตาํ งย่ืนรายการและเสียภาษีแยกจากกนั สามีจํายเบย้ี ประกัน ชีวิต ๑๐,๐๐๐ บาท ภริยาจํายเบย้ี ประกนั ชีวติ ๑๐,๐๐๐ บาท สามีหกั ลดหยํอนสํวนของตน ๑๐,๐๐๐ บาท ภริยาหัก ลดหยํอนสํวนของตน ๑๐,๐๐๐ บาท ตวั อยาํ งที่ ๔ สามมี ีเงินไดจ๎ ากเงนิ เดือน ๘๐๐,๐๐๐ บาท และจากคาํ นายหน๎า ๒๐๐,๐๐๐ บาท สวํ นภริยามเี งินได๎จาก เงนิ เดือน ๕๐๐,๐๐๐ บาท และจากวชิ าชีพการบัญชี ๓๐๐,๐๐๐ บาท สามจี าํ ยเบ้ยี ประกันชวี ติ ๑๐,๐๐๐ บาท ภริยาจาํ ยเบี้ยประกันชวี ิต ๑๐,๐๐๐ บาท กรณีภริยาเลือกนําเงินได๎ทงั้ หมดจํานวน ๘๐๐,๐๐๐ บาท ไปรวมคํานวณกับสามี สามหี กั ลดหยํอนสวํ นของตน ๑๐,๐๐๐ บาท และสวํ นของภรยิ า ๑๐,๐๐๐ บาท (รวม ๒๐,๐๐๐ บาท) กรณสี ามีเลือกนาํ เงินได๎ท้ังหมดจํานวน ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท ไปรวมคํานวณกับภรยิ า ภริยาหกั ลดหยํอนสํวนของตน ๑๐,๐๐๐ บาท และสํวนของสามี ๑๐,๐๐๐ บาท (รวม ๒๐,๐๐๐ บาท) ตวั อยํางที่ ๕ สามมี เี งนิ ไดจ๎ ากเงินเดอื น ๘๐๐,๐๐๐ บาท และจากคํานายหน๎า ๒๐๐,๐๐๐ บาท สวํ นภรยิ า มเี งินได๎ จากเงนิ เดือน ๕๐๐,๐๐๐ บาท และจากวชิ าชพี การบัญชี ๓๐๐,๐๐๐ บาท สามจี าํ ยเบย้ี ประกันชวี ิต ๑๐,๐๐๐ บาท ภริยาจํายเบ้ียประกันชีวิต ๑๐,๐๐๐ บาท กรณีภริยาเลือกนําเงินได๎จากวชิ าชพี การบัญชี ๓๐๐,๐๐๐ บาท ไปรวมคํานวณกบั สามี โดยภริยาแยกยน่ื แบบ แสดงรายการและเสยี ภาษเี ฉพาะเงนิ เดอื น ๕๐๐,๐๐๐ บาท สามหี กั ลดหยํอนสวํ นของตน ๑๐,๐๐๐ บาท ภริยาหกั ลดหยํอนสํวนของตน ๑๐,๐๐๐ บาท นนท์ เศรษฐวิวัฒน์

๗๐ กรณีสามเี ลือกนาํ เงนิ ได๎จากคาํ นายหนา๎ ๒๐๐,๐๐๐ บาท ไปรวมคาํ นวณกบั ภริยา โดยสามแี ยกยืน่ แบบแสดง รายการและเสยี ภาษีเฉพาะเงินเดอื น ๘๐๐,๐๐๐ บาท สามหี ักลดหยอํ นสํวนของตน ๑๐,๐๐๐ บาท ภริยาหัก ลดหยํอนสํวนของตน ๑๐,๐๐๐ บาท ๒. สาํ หรับเงินสะสมทจี่ ํายเข๎ากองทนุ สาํ รองเลี้ยงชีพ ตวั อยํางที่ ๖ สามีมเี งนิ ไดแ๎ ตํภริยาไมมํ ีเงินได๎ สามีจํายเงนิ สะสมเข๎ากองทนุ สํารองเล้ียงชพี ๑๐,๐๐๐ บาท สามหี กั ได๎ ๑๐,๐๐๐ บาท ตัวอยํางท่ี ๗ สามีภรยิ ามีเงนิ ไดท๎ ง้ั สองฝุาย โดยตํางฝุายตํางย่ืนรายการและเสียภาษีแยกจากกัน สามจี าํ ยเงินสะสมเข๎า กองทนุ สํารองเล้ียงชีพ ๑๐,๐๐๐ บาท ภรยิ าจํายเงนิ สะสมเขา๎ กองทุนสาํ รองเลย้ี งชพี ๑๐,๐๐๐ บาท สามหี กั ลดหยํอน สวํ นของตน ๑๐,๐๐๐ บาท ภริยาหักลดหยํอนสวํ นของตน ๑๐,๐๐๐ บาท ตัวอยาํ งท่ี ๘ สามมี เี งนิ ไดจ๎ ากเงินเดอื น ๘๐๐,๐๐๐ บาท และจากคํานายหน๎า ๒๐๐,๐๐๐ บาท สวํ นภริยามีเงินไดจ๎ าก เงนิ เดอื น ๕๐๐,๐๐๐ บาท และจากวชิ าชพี การบัญชี ๓๐๐,๐๐๐ บาท สามีจํายเงินสะสมเขา๎ กองทนุ สํารองเลยี้ งชีพ ๑๐,๐๐๐ บาท ภริยาจาํ ยเงนิ สะสมเข๎ากองทุนสํารองเล้ียงชพี ๑๐,๐๐๐ บาท กรณีภริยาเลอื กนําเงนิ ไดท๎ ัง้ หมดจาํ นวน ๘๐๐,๐๐๐ บาท ไปรวมคํานวณกับสามี สามีหักลดหยํอนสํวนของตน ๑๐,๐๐๐ บาท และสวํ นของภริยา ๑๐,๐๐๐ บาท (รวม ๒๐,๐๐๐ บาท) กรณีสามีเลอื กนําเงินได๎ท้งั หมดจํานวน ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท ไปรวมคํานวณกบั ภริยา ภริยาหักลดหยอํ นสวํ นของ ตน ๑๐,๐๐๐ บาท และสวํ นของสามี ๑๐,๐๐๐ บาท (รวม ๒๐,๐๐๐ บาท) ตัวอยํางที่ ๙ สามีมีเงินไดจ๎ ากเงนิ เดือน ๘๐๐,๐๐๐ บาท และจากคาํ นายหน๎า ๒๐๐,๐๐๐ บาท สํวนภรยิ า มีเงนิ ได๎ จากเงินเดือน ๕๐๐,๐๐๐ บาท และจากวชิ าชีพการบญั ชี ๓๐๐,๐๐๐ บาท สามจี ํายเงนิ สะสมเข๎ากองทุนสาํ รองเล้ยี ง ชีพ ๑๐,๐๐๐ บาท ภริยาจาํ ยเงนิ สะสมเข๎ากองทนุ สํารองเล้ียงชีพ ๑๐,๐๐๐ บาท กรณีภริยาเลือกนําเงินได๎จากวิชาชีพการบญั ชี ๓๐๐,๐๐๐ บาท ไปรวมคาํ นวณกบั สามี โดยภริยาแยกยนื่ แบบ แสดงรายการและเสียภาษเี ฉพาะเงินเดอื น ๕๐๐,๐๐๐ บาท สามหี กั ลดหยอํ นสวํ นของตน ๑๐,๐๐๐ บาท ภริยาหกั ลดหยํอนสํวนของตน ๑๐,๐๐๐ บาท กรณสี ามีเลือกนาํ เงินได๎จากคาํ นายหนา๎ ๒๐๐,๐๐๐ บาท ไปรวมคํานวณกบั ภรยิ า โดยสามแี ยกยน่ื แบบแสดง รายการและเสยี ภาษเี ฉพาะเงินเดอื น ๘๐๐,๐๐๐ บาท สามีหักลดหยํอนสวํ นของตน ๑๐,๐๐๐ บาท ภริยาหกั ลดหยอํ นสวํ นของตน ๑๐,๐๐๐ บาท ๓. สาํ หรบั เงนิ สมทบกองทนุ ประกนั สังคม ตัวอยาํ งท่ี ๑๐ สามมี ีเงนิ ได๎แตํภริยาไมํมีเงินได๎ สามหี ักลดหยํอนเงนิ สมทบกองทนุ ประกนั สังคมได๎ตามจํานวนท่ีจําย จรงิ ตวั อยํางท่ี ๑๑ สามีภรยิ ามีเงินไดท๎ ัง้ สองฝาุ ยโดยตาํ งฝาุ ยตํางยื่นรายการและเสียภาษแี ยกจากกัน สามแี ละภรยิ าตําง ฝาุ ยตาํ งหักลดหยํอนเงินสมทบกองทนุ ประกันสงั คมไดต๎ ามจํานวนทจ่ี าํ ยจรงิ ตวั อยํางที่ ๑๒ สามีมเี งนิ ได๎จากเงนิ เดือน ๘๐๐,๐๐๐ บาท และจากคํานายหน๎า ๒๐๐,๐๐๐ บาท สํวนภรยิ า มีเงินได๎ จากเงินเดือน ๕๐๐,๐๐๐ บาท และจากวชิ าชพี การบัญชี ๓๐๐,๐๐๐ บาท สามีและภริยาตํางฝาุ ยตํางจํายเงินสมทบ กองทุนประกันสังคม กรณีภรยิ าเลือกนําเงินได๎ทัง้ หมดจํานวน ๘๐๐,๐๐๐ บาท ไปรวมคํานวณกับสามี สามหี กั ลดหยํอนไดท๎ ้ังสวํ น ของตนและสวํ นของภริยา กรณสี ามเี ลือกนําเงินได๎ทัง้ หมดจํานวน ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท ไปรวมคํานวณกบั ภรยิ า ภรยิ าหักลดหยํอนได๎ท้งั สวํ นของตนและสํวนของสามี นนท์ เศรษฐวิวัฒน์

๗๑ ตวั อยํางท่ี ๑๓ สามีมเี งินได๎จากเงินเดือน ๘๐๐,๐๐๐ บาท และจากคาํ นายหนา๎ ๒๐๐,๐๐๐ บาท สวํ นภรยิ ามีเงินได๎ จากเงินเดือน ๕๐๐,๐๐๐ บาท และจากวิชาชพี การบัญชี ๓๐๐,๐๐๐ บาท กรณภี รยิ าเลอื กนําเงินได๎จากวิชาชพี การบัญชี ๓๐๐,๐๐๐ บาท ไปรวมคาํ นวณกับสามี โดยภรยิ าแยกยื่นแบบ แสดงรายการและเสยี ภาษีเฉพาะเงินเดือน ๕๐๐,๐๐๐ บาท สามีและภริยาตาํ งฝาุ ยตํางหักลดหยํอนเงินสมทบกองทนุ ประกนั สังคมสวํ นของตนไดต๎ ามจํานวนท่ีจํายจริง กรณีสามีเลอื กนําเงนิ ได๎จากคํานายหนา๎ ๒๐๐,๐๐๐ บาท ไปรวมคาํ นวณกับภรยิ า โดยสามแี ยกย่นื แบบแสดง รายการและเสียภาษีเฉพาะเงินเดอื น ๘๐๐,๐๐๐ บาท สามแี ละภรยิ าตาํ งฝุายตาํ งหักลดหยอํ นเงนิ สมทบกองทุน ประกันสงั คมสวํ นของตนได๎ตามจาํ นวนทจี่ าํ ยจรงิ ๔. สาํ หรับคาํ อุปการะเลยี้ งดูบิดามารดา ตัวอยํางที่ ๑๔ สามีมเี งนิ ได๎แตํภริยาไมมํ ีเงนิ ได๎ สามีอปุ การะเลีย้ งดบู ิดามารดาของตน สามหี ักลดหยํอนบิดาของตน ๓๐,๐๐๐ บาท และมารดาของตน ๓๐,๐๐๐ บาท (รวม ๖๐,๐๐๐ บาท) และถ๎าสามีได๎อปุ การะเลีย้ งดูบิดามารดาของ ภรยิ าด๎วย สามมี ีสทิ ธิหกั ลดหยอํ นบดิ าของภริยา ๓๐,๐๐๐ บาท และมารดาของภรยิ า ๓๐,๐๐๐ บาท (รวม ๑๒๐,๐๐๐ บาท) ตัวอยาํ งที่ ๑๕ สามีภริยามเี งินไดท๎ ง้ั สองฝาุ ย สามภี รยิ าตาํ งฝุายตาํ งอปุ การะเลี้ยงดูบิดามารดาของตน สามีหกั ลดหยอํ นบดิ าของตน ๓๐,๐๐๐ บาท และมารดาของตน ๓๐,๐๐๐ บาท (รวม ๖๐,๐๐๐ บาท) สํวนภรยิ าหักลดหยํอน บดิ าของตน ๓๐,๐๐๐ บาท และมารดาของตน ๓๐,๐๐๐ บาท (รวม ๖๐,๐๐๐ บาท) ตวั อยาํ งที่ ๑๖ สามีมีเงินไดจ๎ ากเงินเดือน ๘๐๐,๐๐๐ บาท และจากคาํ นายหน๎า ๒๐๐,๐๐๐ บาท สํวนภรยิ ามเี งินได๎ จากเงินเดือน ๕๐๐,๐๐๐ บาท และจากวิชาชพี การบัญชี ๓๐๐,๐๐๐ บาท สามีภรยิ าตาํ งฝุายตาํ งอปุ การะเลี้ยงดูบดิ า มารดาของตน กรณีภรยิ าเลือกนําเงินได๎ทงั้ หมดจํานวน ๘๐๐,๐๐๐ บาท ไปรวมคาํ นวณกับสามี สามีหกั ลดหยํอนบิดาของตน ๓๐,๐๐๐ บาท และมารดาของตน ๓๐,๐๐๐ บาท และหักลดหยํอนบิดาของภริยา ๓๐,๐๐๐ บาท และมารดาของ ภรยิ า ๓๐,๐๐๐ บาท (รวม ๑๒๐,๐๐๐ บาท) กรณสี ามเี ลือกนําเงินไดท๎ ้งั หมดจํานวน ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท ไปรวมคาํ นวณกบั ภรยิ า สามีภริยาตํางฝาุ ยตําง อุปการะเลี้ยงดูบดิ ามารดาของตน ภรยิ าหักลดหยอํ นบดิ าของตน ๓๐,๐๐๐ บาท และมารดาของตน ๓๐,๐๐๐ บาท และหักลดหยํอนบิดาของสามี ๓๐,๐๐๐ บาท และมารดาของสามี ๓๐,๐๐๐ บาท (รวม ๑๒๐,๐๐๐ บาท) ตัวอยํางท่ี ๑๗ สามมี เี งนิ ไดจ๎ ากเงินเดือน ๘๐๐,๐๐๐ บาท และจากคํานายหนา๎ ๒๐๐,๐๐๐ บาท สํวนภรยิ ามีเงินได๎ จากเงินเดือน ๕๐๐,๐๐๐ บาท และจากวชิ าชีพการบญั ชี ๓๐๐,๐๐๐ บาท สามีภรยิ าตาํ งฝาุ ยตํางอปุ การะเล้ยี งดูบดิ า มารดาของตน กรณีภรยิ าเลือกนาํ เงินได๎จากวชิ าชีพการบญั ชี ๓๐๐,๐๐๐ บาท ไปรวมคาํ นวณกบั สามี โดยภริยา แยกยนื่ แบบ แสดงรายการและเสียภาษเี ฉพาะเงินเดอื น ๕๐๐,๐๐๐ บาท สามีหกั ลดหยํอนบิดาของตน ๓๐,๐๐๐ บาท และมารดา ของตน ๓๐,๐๐๐ บาท (รวม ๖๐,๐๐๐ บาท) สวํ นภรยิ าหกั ลดหยอํ นบิดาของตน ๓๐,๐๐๐ บาท และมารดาของตน ๓๐,๐๐๐ บาท (รวม ๖๐,๐๐๐ บาท) กรณสี ามีเลอื กนาํ เงนิ ไดจ๎ ากคาํ นายหน๎า ๒๐๐,๐๐๐ บาท ไปรวมคํานวณกับภรยิ า โดยสามแี ยกยื่นแบบแสดง รายการและเสียภาษีเฉพาะเงินเดอื น ๘๐๐,๐๐๐ บาท สามหี กั ลดหยอํ นบิดาของตน ๓๐,๐๐๐ บาท และมารดาของ ตน ๓๐,๐๐๐ บาท (รวม ๖๐,๐๐๐ บาท) สํวนภริยา หกั ลดหยํอนบิดาของตน ๓๐,๐๐๐ บาท และมารดาของตน ๓๐,๐๐๐ บาท (รวม ๖๐,๐๐๐ บาท) ๕. สาํ หรับคาํ อปุ การะเล้ยี งดูคนพกิ ารหรือคนทุพพลภาพ นนท์ เศรษฐวิวฒั น์

๗๒ ตวั อยํางที่ ๑๘ สามีมเี งนิ ไดแ๎ ตํภริยาไมํมีเงินได๎ สามีอุปการะเลย้ี งดคู นพิการหรือคนทุพพลภาพ ๑ คน สามีหัก ลดหยํอนได๎ ๖๐,๐๐๐ บาท ตวั อยาํ งที่ ๑๙ สามีมีเงนิ ไดแ๎ ตํภรยิ าไมํมเี งนิ ได๎ สามีอุปการะเลี้ยงดคู นพิการหรือคนทุพพลภาพ ๑ คน ภรยิ าอุปการะ เลีย้ งดูบตุ รชอบด๎วยกฎหมายทเ่ี ปน็ คนพิการหรือทุพพลภาพ ๑ คน และอปุ การะเล้ียงดูบิดาชอบด๎วยกฎหมายทเ่ี ป็น คนพกิ ารหรอื ทุพพลภาพอีก ๑ คน สามหี กั ลดหยอํ นคนพิการหรอื คนทุพพลภาพ ทต่ี นเป็นผด๎ู ูแลได๎ ๖๐,๐๐๐ บาท และมสี ิทธิหักลดหยํอนบตุ รที่ภริยาเปน็ ผูด๎ ูแลได๎ ๖๐,๐๐๐ บาท (รวม ๑๒๐,๐๐๐ บาท) แตจํ ะหักลดหยํอนบดิ าของ ภริยาไมไํ ด๎ ตวั อยาํ งท่ี ๒๐ สามภี รยิ ามีเงินไดท๎ ั้งสองฝาุ ย สามภี ริยาตํางฝุายตํางอุปการะเลีย้ งดูคนพิการหรือคนทุพพลภาพ ๑ คน สามหี กั ลดหยํอนคนพิการหรือคนทุพพลภาพท่ีตนเป็นผดู๎ ูแลได๎ ๖๐,๐๐๐ บาท ภรยิ าหกั ลดหยํอนคนพิการหรือคน ทุพพลภาพทตี่ นเปน็ ผ๎ูดูแลได๎ ๖๐,๐๐๐ บาท ตัวอยํางท่ี ๒๑ สามมี เี งินไดจ๎ ากเงินเดือน ๘๐๐,๐๐๐ บาท และจากคาํ นายหน๎า ๒๐๐,๐๐๐ บาท สวํ นภริยามีเงินได๎ จากเงินเดือน ๕๐๐,๐๐๐ บาท และจากวิชาชพี การบญั ชี ๓๐๐,๐๐๐ บาท สามภี รยิ าตาํ งฝาุ ยตาํ งอปุ การะเล้ียงดูคน พกิ ารหรือคนทุพพลภาพ ๑ คน กรณีภรยิ าเลือก นําเงนิ ไดท๎ ง้ั หมดจํานวน ๘๐๐,๐๐๐ บาท ไปรวมคาํ นวณกับสามี สามหี กั ลดหยํอนคนพิการหรอื คนทพุ พลภาพท่ีตนเป็นผดู๎ ูแลได๎ ๖๐,๐๐๐ บาท และที่ภรยิ าเป็นผ๎ดู แู ลได๎ ๖๐,๐๐๐ บาท (รวม ๑๒๐,๐๐๐ บาท) กรณีสามเี ลือกนําเงินไดท๎ ั้งหมดจํานวน ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท ไปรวมคํานวณกับภรยิ า ภรยิ าหักลดหยอํ นคนพกิ ารหรือ คนทุพพลภาพที่ตนเป็นผดู๎ แู ลได๎ ๖๐,๐๐๐ บาท และทภี่ ริยาเป็นผู๎ดูแลได๎ ๖๐,๐๐๐ บาท (รวม ๑๒๐,๐๐๐ บาท) ตวั อยาํ งท่ี ๒๒ สามมี ีเงินได๎จากเงินเดือน ๘๐๐,๐๐๐ บาท และจากคํานายหน๎า ๒๐๐,๐๐๐ บาท สวํ นภริยามีเงนิ ได๎ จากเงนิ เดือน ๕๐๐,๐๐๐ บาท และจากวชิ าชพี การบญั ชี ๓๐๐,๐๐๐ บาท สามภี ริยาตาํ งฝุายตาํ งอุปการะเล้ยี งดคู น พกิ ารหรือคนทุพพลภาพ ๑ คน กรณีภรยิ าเลอื กนําเงนิ ไดจ๎ ากวชิ าชีพการบัญชี ๓๐๐,๐๐๐ บาท ไปรวมคํานวณกับสามี โดยภรยิ าแยกย่ืนแบบ แสดงรายการและเสยี ภาษเี ฉพาะเงนิ เดอื น ๕๐๐,๐๐๐ บาท สามหี กั ลดหยอํ นได๎ ๖๐,๐๐๐ บาท ภริยาหักลดหยอํ นได๎ ๖๐,๐๐๐ บาท กรณีสามีเลือกนําเงินได๎จากคํานายหนา๎ ๒๐๐,๐๐๐ บาท ไปรวมคํานวณกับภรยิ า โดยสามีแยกยืน่ แบบแสดง รายการและเสยี ภาษเี ฉพาะเงินเดือน ๘๐๐,๐๐๐ บาท สามหี ักลดหยอํ นได๎ ๖๐,๐๐๐ บาท ภรยิ าหกั ลดหยอํ นได๎ ๖๐,๐๐๐ บาท ๖. สําหรบั เงนิ บริจาค ตวั อยํางที่ ๒๓ สามมี ีเงินได๎แตํภริยาไมมํ ีเงนิ ได๎ สามแี ละภริยาตํางฝาุ ยตํางบริจาคเงินใหก๎ ับวัด สามีหักลดหยอํ นได๎ เฉพาะเงินบรจิ าคสํวนของตน ตัวอยาํ งที่ ๒๔ สามภี ริยาตาํ งฝาุ ยตาํ งมเี งินได๎ สามแี ละภรยิ าตาํ งฝาุ ยตํางบรจิ าคเงนิ ให๎กับวัด สามแี ละภริยาตาํ งฝาุ ย ตํางหกั ลดหยํอนไดเ๎ ฉพาะเงนิ บรจิ าคสํวนของตน ตวั อยาํ งที่ ๒๕ สามมี ีเงนิ ไดจ๎ ากเงินเดือน ๘๐๐,๐๐๐ บาท และจากคาํ นายหนา๎ ๒๐๐,๐๐๐ บาท สวํ นภรยิ ามีเงินได๎ จากเงินเดือน ๕๐๐,๐๐๐ บาท และจากวชิ าชพี การบญั ชี ๓๐๐,๐๐๐ บาท สามีและภริยาตํางฝาุ ยตาํ งบรจิ าคเงนิ ให๎กับ วดั กรณภี ริยาเลือกนาํ เงนิ ได๎ทั้งหมดจํานวน ๘๐๐,๐๐๐ บาท ไปรวมคาํ นวณกบั สามี สามีหกั ลดหยอํ นได๎ทั้งเงนิ บรจิ าคสํวนของตนและเงินบริจาคสวํ นของภรยิ า นนท์ เศรษฐวิวฒั น์

๗๓ กรณีสามเี ลือกนําเงนิ ได๎ทงั้ หมดจาํ นวน ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท ไปรวมคาํ นวณกบั ภริยา ภริยาหกั ลดหยอํ นได๎ท้งั เงินบรจิ าคสํวนของตนและเงินบริจาคสวํ นของสามี ตวั อยํางท่ี ๒๖ สามมี ีเงนิ ไดจ๎ ากเงินเดือน ๘๐๐,๐๐๐ บาท และจากคาํ นายหน๎า ๒๐๐,๐๐๐ บาท สวํ นภริยา มีเงนิ ได๎ จากเงนิ เดือน ๕๐๐,๐๐๐ บาท และจากวชิ าชีพการบญั ชี ๓๐๐,๐๐๐ บาท สามีและภริยาตาํ งฝุายตาํ งบรจิ าคเงินใหก๎ ับ วัด กรณีภรยิ าเลอื กนําเงินได๎จากวชิ าชีพการบัญชี ๓๐๐,๐๐๐ บาท ไปรวมคาํ นวณกับสามี โดยภริยาแยกย่นื แบบ แสดงรายการและเสยี ภาษีเฉพาะเงินเดือน ๕๐๐,๐๐๐ บาท สามีและภริยาตํางฝาุ ยตํางหักลดหยอํ นได๎เฉพาะเงนิ บรจิ าคสวํ นของตน กรณีสามเี ลือกนาํ เงินได๎จากคํานายหน๎า ๒๐๐,๐๐๐ บาท ไปรวมคํานวณกบั ภรยิ า โดยสามแี ยกยื่นแบบแสดง รายการและเสียภาษีเฉพาะเงินเดอื น ๘๐๐,๐๐๐ บาท สามแี ละภริยาตํางฝุายตํางหักลดหยํอนได๎เฉพาะเงนิ บริจาคสํวน ของตน หลักเกณฑ์การยกเวน้ การหักค่าลดหย่อนเบ้ียประกนั ชีวิตแบบบาํ นาญ การยกเวน๎ ภาษีเงนิ ได๎สําหรับการประกันชวี ิตแบบบํานาญ เป็นการเพิ่มเตมิ คําลดหยอํ นเบ้ยี ประกนั ชวี ติ ท่ีมีอยูํ แล๎วตามปกติ ๑๐๐,๐๐๐ บาท เพิ่มขึ้นอีก ๒๐๐,๐๐๐ บาท ซึง่ วงเงินที่เพิ่มขน้ึ ตอ๎ งไมํเกินร๎อยละ ๑๕ ของเงนิ ได๎พงึ ประเมินที่ต๎องเสียภาษี แตํเมื่อรวมกับเงนิ สะสมเข๎ากองทุนสํารองเล้ียงชีพ หรอื เงินสะสมเขา๎ กองทนุ บาํ เหนจ็ บํานาญ ขา๎ ราชการ หรือเงินสะสมเข๎ากองทนุ สงเคราะหต๑ ามกฎหมายวําด๎วยโรงเรยี นเอกชน แล๎วแตกํ รณหี รือเงินคําซื้อหนวํ ย ลงทนุ ในกองทุนรวมเพ่ือการเล้ยี งชีพตามกฎหมายวาํ ดว๎ ยหลักทรัพยแ๑ ละตลาดหลักทรพั ย๑ ต๎องไมํเกนิ ๕๐๐,๐๐๐ บาท ในปีภาษีเดยี วกนั (๑) เป็นกรมธรรม๑ประกันชวี ติ แบบบาํ นาญมีกําหนดเวลาต้ังแตํ ๑๐ ปีขนึ้ ไป (๒) ตอ๎ งเอาประกนั ไว๎กับผร๎ู บั ประกันภัยทป่ี ระกอบกิจการประกันชีวติ ในไทย (๓) มีการกําหนดการจาํ ยผลประโยชนเ๑ ปน็ รายงวดอยํางสม่าํ เสมอ จะจํายเทาํ กันทุกงวดหรือจาํ ยในสัดสํวนท่ี เพม่ิ ขึน้ ตามระยะเวลาการเอาประกันก็ได๎ โดยจะจาํ ยตามการทรงชีพที่อาจมีการรับรองจํานวนงวดในการจํายที่ แนํนอน (๔) มกี ารกําหนดชวํ งอายุของการจํายผลประโยชนเ๑ ม่ือผ๎มู ีเงินได๎มีอายุตง้ั แตํ ๕๕ ปีขนึ้ ไป ถงึ อายุ ๘๕ ปี หรือกวํา นนั้ และต๎องจํายเบยี้ ประกนั ภยั ครบถ๎วนแลว๎ กอํ นไดร๎ ับผลประโยชน๑ ตัวอยาํ งท่ี ๑ นาย ข. มเี งนิ ได๎ปีละ ๑,๒๘๐,๐๐๐ บาท จาํ ยคาํ เบี้ยประกนั ชีวิตแบบบาํ นาญปลี ะ ๑๔๓,๕๐๐ บาท จํายเงนิ สะสมเข๎ากองทนุ สํารองเล้ียงชพี ๑๒๘,๐๐๐ บาท และจาํ ยคําซ้ือหนวํ ยลงทุนในกองทนุ RMF จํานวน ๑๒๑,๐๐๐ บาท นาย ข. สามารถหกั คําลดหยํอนและยกเว๎นภาษีไดด๎ งั น้ี (๑) คํานวณยอดการใช๎สิทธหิ กั ไมํเกนิ รอ๎ ยละ ๑๕ ของเงินได๎ แล๎วพกั ไว๎ = ๑,๒๘๐,๐๐๐ x ๑๕ % = ๑๙๒,๐๐๐ (๒) นาย ข. จํายเบ้ียประกนั ชีวิตแบบบํานาญ ๑๔๓,๕๐๐ บาท ใหไ๎ ปใชส๎ ทิ ธหิ กั ประกนั ชวี ิตปกติกํอน (๑๐,๐๐๐ + ๙๐,๐๐๐) = ๑๐๐,๐๐๐ บาท สวํ นทเ่ี หลอื นาํ ไปใชส๎ ทิ ธคิ ําลดหยอํ นประกนั ชวี ิตแบบบํานาญ ๔๓,๕๐๐ บาท (๑๔๓,๕๐๐ - ๑๐๐,๐๐๐) (๓) นํายอดคาํ เบีย้ ประกันชวี ิตแบบบํานาญที่เหลือ ๔๓,๕๐๐ บาท เทียบกับวงเงนิ ตาม ๑. พบวําไมเํ กิน ๑๙๒,๐๐๐ บาท (๑๕ % ของเงินได๎และไมํเกิน ๒๐๐,๐๐๐ บาท) (๔) นํายอดคําประกนั ชวี ติ แบบบาํ นาญทีเ่ หลือ ไปรวมกบั เงินสะสมเขา๎ กองทุนสาํ รองเล้ียงชีพ และ เงนิ คําซ้อื หนํวย ลงทนุ ในกองทนุ RMF แล๎วต๎องไมํเกนิ ๕๐๐,๐๐๐ บาท = ๔๓,๕๐๐ + ๑๒๘,๐๐๐ + ๑๒๑,๐๐๐ = ๒๙๒,๕๐๐ บาท นนท์ เศรษฐวิวัฒน์

๗๔ นาย ข. สามารถนาํ เบ้ยี ประกันชวี ิตแบบบํานาญไปหกั เปน็ เบ้ียประกันชีวิตแบบปกติ ๑๐๐,๐๐๐ บาท และหกั เบี้ย ประกันชีวิตแบบบาํ นาญได๎อีก ๔๓,๕๐๐ บาท ตัวอยํางท่ี ๒ นาย ง. มเี งินได๎ปีละ ๑,๓๕๐,๐๐๐ บาท จํายคําเบย้ี ประกนั ชวี ติ แบบตลอดชพี ปีละ ๑๒๐,๐๐๐ บาท คาํ เบีย้ ประกันชีวติ แบบบํานาญปลี ะ ๒๕๐,๐๐๐ บาท จาํ ยเงนิ สะสมเข๎ากองทนุ สํารองเล้ียงชีพ ๑๓๕,๐๐๐ บาท และจาํ ย คาํ ซอ้ื หนํวยลงทุนในกองทนุ RMF จาํ นวน ๑๐๐,๐๐๐ บาท นาย ง. สามารถหักคําลดหยอํ นและยกเวน๎ ภาษไี ด๎ดังน้ี (๑) คํานวณยอดการใช๎สทิ ธิหกั ไมํเกินร๎อยละ ๑๕ ของเงินได๎ แล๎วพกั ไว๎ = ๑,๓๕๐,๐๐๐ x ๑๕ % = ๒๐๒,๕๐๐ บาท (๒) นาย ง. จํายเบ้ยี ประกนั ชีวิตแบบตลอดชพี ๑๒๐,๐๐๐ บาท ใหน๎ าํ เบ้ียประกันชวี ิตแบบตลอดชพี ไปใช๎สิทธหิ ักเบี้ย ประกันแบบปกติกํอน ๑๐๐,๐๐๐ บาท สํวนที่เกนิ ๑๐๐,๐๐๐ บาท(๒๐,๐๐๐ บาท) ตดั ทิ้งเพราะหักเบ้ียประกนั ชวี ติ แบบปกตคิ รบถ๎วนแลว๎ (๓) นํายอดเบ้ียประกนั ชีวิตแบบบาํ นาญทจี่ ํายจริง ๒๕๐,๐๐๐ บาท เทยี บกับวงเงนิ ตาม ๑. พบวาํ เกิน ๑๕% (๒๐๒,๕๐๐ บาท) และเกิน ๒๐๐,๐๐๐ บาท จึงสามารถใชส๎ ิทธหิ กั ลดหยํอนได๎เต็ม ๒๐๐,๐๐๐ บาท (๔) นํายอดคําเบยี้ ประกันภัยแบบบาํ นาญทส่ี ามารถหกั ได๎ตาม ๓. ไปรวมกบั เงนิ สะสมเข๎ากองทนุ สํารองเล้ยี งชีพและ เงนิ คําซื้อหนวํ ยลงทุนในกองทุน RMF แลว๎ ตอ๎ งไมเํ กิน ๕๐๐,๐๐๐ บาท = ๒๐๐,๐๐๐ + ๑๓๕,๐๐๐ + ๑๐๐,๐๐๐ = ๔๓๕,๐๐๐ บาท พบวําไมเํ กิน นาย ง. สามารถหักเบยี้ ประกันชวี ติ แบบตลอดชีพได๎ ๑๐๐,๐๐๐ บาท และหกั เบี้ยประกันชีวติ แบบบาํ นาญได๎ ๒๐๐,๐๐๐ บาท ตัวอยาํ งท่ี ๓ นาย ก. มีเงินได๎มีเงินได๎ทกุ ประเภทภาษีรวมท้ังปเี ทํากับ ๓,๔๐๐,๐๐๐ บาท ได๎ซือ้ ประกันชวี ติ แบบสะสม ทรัพยข๑ องตนเองไว๎รวมปลี ะ ๖๐,๐๐๐ บาท ได๎ซื้อประกันชวี ติ แบบบาํ นาญไว๎ ๓๐๐,๐๐๐ บาท และซื้อหนํวยลงทุน RMF ไว๎ในปีเดยี วกนั ถงึ ๓๖๐,๐๐๐ บาท นาย ก. สามารถหกั ลดหยํอนเบี้ยประกนั ชีวติ แบบบํานาญไดด๎ ังนี้ (๑) คํานวณยอดการใช๎สทิ ธหิ กั ไมเํ กนิ ร๎อยละ ๑๕ ของเงินได๎ แล๎วพกั ไว๎มเี งินได๎ทง้ั ปี ๓,๔๐๐,๐๐๐ บาท ไมเํ กนิ รอ๎ ยละ ๑๕ มีเพดานสงู สดุ เทาํ กับ = ๓,๔๐๐,๐๐๐ X ๑๕% = ไมเํ กิน ๕๑๐,๐๐๐ บาท (๒) นาย ก. จาํ ยเบ้ียประกันชีวติ แบบสะสมทรัพย๑ ๖๐,๐๐๐ บาท ใหน๎ าํ เบยี้ ประกันไปใชส๎ ทิ ธหิ ักเบย้ี ประกันชีวิตปกติ กํอน ๖๐,๐๐๐ บาท คงเหลืออกี ๔๐,๐๐๐ บาท (๑๐๐,๐๐๐ - ๖๐,๐๐๐ = ๔๐,๐๐๐ ) จึงนาํ เบีย้ ประกันชวี ติ แบบ บํานาญมาใช๎สิทธิให๎ครบ ๑๐๐,๐๐๐ บาท (๓) นาย ก. จํายเบ้ยี ประกันชีวติ แบบบาํ นาญ ๓๐๐,๐๐๐ บาท คงเหลืออีก ๒๖๐,๐๐๐ บาท (๓๐๐,๐๐๐ - ๔๐,๐๐๐) นาํ มาเปรยี บเทียบกับตาม ๑. พบวําไมเํ กิน จงึ สามารถใช๎สทิ ธิหักเบ้ยี ประกนั ชีวิตแบบบาํ นาญไดเ๎ ต็ม ๒๐๐,๐๐๐ บาท (๔) นําเบี้ยประกันชวี ิตแบบบํานาญ ๒๐๐,๐๐๐ บาท ไปรวมกับเงนิ คําซือ้ หนวํ ยลงทนุ RMF ๓๖๐,๐๐๐ บาท = ๕๖๐,๐๐๐ (๒๐๐,๐๐๐ + ๓๖๐,๐๐๐) ตอ๎ งไมเํ กิน ๕๐๐,๐๐๐ บาท พบวํา เกนิ วงเงนิ ท่สี ามารถหกั ไดร๎ วม ๖๐,๐๐๐ บาท (๕๖๐,๐๐๐ - ๕๐๐,๐๐๐ = ๖๐,๐๐๐) (๕) นําสทิ ธทิ ีส่ ามารถหักเบี้ยประกันแบบบาํ นาญตาม ๓. ๒๐๐,๐๐๐ บาท มาหกั กับวงเงนิ ทเี่ กินสทิ ธิหักได๎ ๖๐,๐๐๐ บาท คงเหลอื สทิ ธิที่หกั ไดจ๎ รงิ ๑๔๐,๐๐๐ บาท (๒๐๐,๐๐๐ – ๖๐,๐๐๐ = ๑๔๐,๐๐๐ บาท ) นาย ก. สามารถหกั ลดหยอํ นเบีย้ ประกันชีวติ แบบบาํ นาญได๎ ๑๘๐,๐๐๐ บาท โดยนาํ ไปหักลดหยอํ นในสํวนของเงนิ ประกนั ชีวติ ปกติ ๔๐,๐๐๐ บาท รวมกบั เบ้ยี ประกนั ชีวติ แบบสะสมทรัพย๑ ๖๐,๐๐๐ บาท รวมเป็นเบ้ยี ประกนั ชีวติ ปกติ ๑๐๐,๐๐๐ บาท และในสํวนของเบ้ยี ประกันชีวติ แบบบํานาญอีก ๑๔๐,๐๐๐ บาท ตวั อยาํ งที่ ๔ นาย จ. มเี งนิ ได๎ปีละ ๑,๒๘๐,๐๐๐ บาท จาํ ยคาํ เบยี้ ประกนั ชีวิตแบบบํานาญปีละ ๑๔๓,๕๐๐ บาท จํายเงนิ สะสมเข๎ากองทนุ สํารองเล้ยี งชพี ๑๒๘,๐๐๐ บาท และจํายคําซ้ือหนํวยลงทนุ ในกองทุน RMF จํานวน ๑๒๑,๐๐๐ บาท สมรสกับนาง เอ. มีเงินได๎ปีละ ๑,๑๐๐,๐๐๐ บาท ซึ่งได๎จํายเบี้ยประกันชวี ิตแบบบํานาญปีละ นนท์ เศรษฐวิวัฒน์

๗๕ ๑๔๐,๐๐๐ บาท จาํ ยเงนิ สะสมเขา๎ กองทนุ สาํ รองเล้ียงชีพ ๑๒๐,๐๐๐ บาท และจาํ ยคาํ ซื้อหนวํ ยลงทุนในกองทุน RMF จํานวน ๑๐๐,๐๐๐ บาท นาง เอ. ใชส๎ ิทธแิ ยกยื่นเสียภาษี นาย จ. และนาง เอ. สามารถหักคําลดหยํอนและยกเว๎น ภาษไี ดด๎ งั นี้ การคํานวณของ นาย จ. (๑) คาํ นวณยอดการใช๎สิทธหิ กั ไมํเกินร๎อยละ ๑๕ ของเงินได๎ แลว๎ พักไว๎ = ๑,๒๘๐,๐๐๐ x ๑๕ % = ๑๙๒,๐๐๐ (๒) นาย จ. จาํ ยเบย้ี ประกนั ชีวติ แบบบํานาญ ๑๔๓,๕๐๐ บาท ให๎ไปใช๎สทิ ธหิ ักประกันชวี ิตปกติกํอน (๑๐,๐๐๐ + ๙๐,๐๐๐) = ๑๐๐,๐๐๐ บาท(สวํ นทีเ่ หลอื นําไปใชส๎ ิทธิคาํ ลดหยํอนประกันชีวิตแบบบาํ นาญ ๔๓,๕๐๐ บาท (๑๔๓,๕๐๐ - ๑๐๐,๐๐๐) (๓) นํายอดคําเบี้ยประกันชีวิตแบบบํานาญทีเ่ หลือ ๔๓,๕๐๐ บาท เทยี บกบั วงเงนิ ตาม ๑. พบวําไมเํ กิน ๑๙๒,๐๐๐ บาท (๑๕ % ของเงนิ ได๎และไมเํ กนิ ๒๐๐,๐๐๐ บาท) (๔) นาํ ยอดคาํ ประกนั ชีวติ แบบบํานาญทเี่ หลอื ไปรวมกบั เงินสะสมเขา๎ กองทนุ สาํ รองเลี้ยงชพี และ เงนิ คําซ้อื หนวํ ย ลงทุนในกองทนุ RMF แลว๎ ต๎องไมํเกิน ๕๐๐,๐๐๐ บาท = ๔๓,๕๐๐ + ๑๒๘,๐๐๐ + ๑๒๑,๐๐๐ = ๒๙๒,๕๐๐ บาท การคํานวณของ นางเอ. (๑) คาํ นวณยอดการใชส๎ ิทธหิ ักไมํเกนิ ร๎อยละ ๑๕ ของเงนิ ได๎ แลว๎ พกั ไว๎ = ๑,๑๐๐,๐๐๐ x ๑๕ % = ๑๖๕,๐๐๐ (๒) นาย เอ. จาํ ยเบ้ียประกนั ชีวิตแบบบํานาญ ๑๔๐,๐๐๐ บาท ให๎ไปใชส๎ ิทธิหกั ประกันชีวิตปกตกิ ํอน (๑๐,๐๐๐ + ๙๐,๐๐๐) = ๑๐๐,๐๐๐ บาท สํวนท่ีเหลอื นาํ ไปใชส๎ ิทธิคําลดหยอํ นประกนั ชีวิตแบบบํานาญ ๔๐,๐๐๐ บาท (๑๔๐,๐๐๐ - ๑๐๐,๐๐๐) (๓) นํายอดคําเบยี้ ประกันชีวติ แบบบาํ นาญที่เหลือ ๔๐,๐๐๐ บาท เทียบกับวงเงินตาม ๑. พบวําไมํเกิน ๑๖๕,๐๐๐ บาท (๑๕ % ของเงนิ ไดแ๎ ละไมํเกิน ๒๐๐,๐๐๐ บาท) (๔) นํายอดคําประกันชีวิตแบบบํานาญท่ีเหลือ ไปรวมกบั เงินสะสมเข๎ากองทุนสํารองเล้ยี งชพี และ เงนิ คําซ้ือหนํวย ลงทนุ ในกองทนุ RMF แลว๎ ต๎องไมเํ กิน ๕๐๐,๐๐๐ บาท = ๔๐,๐๐๐ + ๑๒๐,๐๐๐ + ๑๐๐,๐๐๐ = ๒๖๐,๐๐๐ บาท นาย จ. สามารถนําเบี้ยประกันชีวิตแบบบํานาญไปหกั เปน็ เบี้ยประกันชวี ิตแบบปกติ ๑๐๐,๐๐๐ บาทและหกั เบี้ย ประกันชีวิตแบบบํานาญได๎อกี ๔๓,๕๐๐ บาท นาง เอ. สามารถนําเบ้ยี ประกันชีวิตแบบบํานาญไปหกั เปน็ เบยี้ ประกนั ชีวิตแบบปกติ ๑๐๐,๐๐๐ บาท และหกั เบยี้ ประกันชวี ิตแบบบาํ นาญได๎อกี ๔๐,๐๐๐ บาท การขอคัดแบบแสดงรายการกรณยี ื่นแบบผ่านอนิ เทอรเ์ นต็ สามารถขอคดั แบบแสดงรายการภาษีทยี่ ่ืนผาํ นอนิ เทอรเ๑ นต็ ทุกประเภทภาษีอากรได๎ที่ สํานักบรหิ ารการเสยี ภาษี ทางอิเล็กทรอนิกส๑ ชั้น ๒๗ อาคารกรมสรรพากร เลขที่ ๙๐ ซอยพหลโยธิน ๗ ถนนพหลโยธิน เขตพญาไท กรงุ เทพฯ ๑๐๔๐๐ เทํานนั้ เอกสารประกอบการขอคัดแบบแสดงรายการ มดี งั น้ี ๑. คําร๎องขอคัดแบบแสดงรายการภาษี สามารถ Download ไดจ๎ ากเวบ็ ไซต๑http://www.rd.go.th/ >บรกิ าร ยื่นแบบผาํ นอนิ เทอรเ๑ น็ต > แนะนําบริการ >แบบฟอรม๑ ตาํ งๆ ๒. หลักฐานการแสดงตน กรณีเป็นบคุ คลธรรมดา ใหแ๎ นบสําเนาบัตรประจําตัวประชาชนของหรือสาํ เนาหนงั สอื เดนิ ทาง (กรณบี คุ คลตําง ดา๎ ว) ทไ่ี ดล๎ งลายมือชื่อรบั รอง นนท์ เศรษฐวิวฒั น์

๗๖ กรณเี ปน็ นติ บิ ุคคล ใหแ๎ นบสําเนาหนงั สือรับรองของนายทะเบยี นหนุ๎ สวํ นบรษิ ัททก่ี รมพัฒนาธรุ กจิ การคา๎ กระทรวงพาณชิ ย๑ ออกให๎ไมเํ กิน ๖ เดอื น และสําเนาบตั รประจาํ ตัวประชาชนหรือใบสําคัญคนตํางดา๎ วของผูม๎ ีอาํ นาจ ผกู พนั นติ บิ คุ คลน้ันโดยผ๎ูมีอํานาจดงั กลําวไดล๎ งลายมือช่อื รับรองแลว๎ ๓. กรณมี อบอาํ นาจใหผ๎ ๎ูอืน่ กระทาํ การแทน ใหจ๎ ดั ทําหนังสือมอบอาํ นาจเพ่ือขอคัดแบบแสดงรายการภาษี (ปิด อากรแสตมป์๑๐ บาท) พรอ๎ มแนบสําเนาบัตรประจําตวั ประชาชนของผมู๎ อบอํานาจและผู๎รบั มอบอาํ นาจท่ีได๎ลงลายมือ ช่ือรบั รองแล๎ว กรณยี ่นื แบบผ่านสาํ นกั งานสรรพากรพืน้ ที่สาขา สามารถขอคดั แบบแสดงรายการภาษที ่ีย่ืนผาํ นสํานักงานสรรพากรพื้นท่ีสาขาไดท๎ ี่ ๑. สาํ นักงานสรรพากรพน้ื ที่ที่ผเ๎ู สียภาษีมภี ูมิลําเนาตง้ั อยํู หรอื ๒. ศนู ยเ๑ อกสารกลาง ช้นั ๒๐ อาคารกรมสรรพากร เลขท่ี ๙๐ ซอยพหลโยธนิ ๗ ถนนพหลโยธิน เขตพญาไท กรงุ เทพฯ ๑๐๔๐๐ หรอื ๓. ศนู ย๑เอกสารและหลักฐาน(ตลิ่งชนั ) เลขที่ ๓๓/๑๒ หมูํ๑๔ ถนนบรมราชชนนี แขวงฉิมพลี เขตตลง่ิ ชนั กรงุ เทพฯ ๑๐๑๗๐ เอกสารประกอบการขอคดั แบบแสดงรายการ มดี ังนี้ ๑. แบบการขอใชบ๎ ริการข๎อมูลขาํ วสารของราชการกรมสรรพากร สามารถ Download ไดจ๎ ากเวบ็ ไซต๑ http://www.rd.go.th/ > Download > แบบแสดงรายการภาษี คําร๎อง/คาํ ขอตํางๆ > อนื่ ๆ (ลําดับท่ี ๑) ๒. หลกั ฐานการแสดงตน กรณีเปน็ บุคคลธรรมดา ใหแ๎ นบสําเนาบตั รประจําตัวประชาชนของหรือสําเนาหนงั สือเดินทาง (กรณบี คุ คล ตาํ งดา๎ ว) ทไ่ี ด๎ลงลายมอื ช่ือรบั รอง กรณีเปน็ นติ บิ ุคคล ใหแ๎ นบสาํ เนาหนังสอื รบั รองของนายทะเบยี นห๎ุนสํวนบริษทั ทก่ี รมพัฒนาธุรกิจการค๎า กระทรวงพาณชิ ย๑ออกใหไ๎ มเํ กิน ๖ เดือน และสําเนาบัตรประจาํ ตวั ประชาชนหรือใบสาํ คัญคนตาํ งดา๎ วของผูม๎ ีอํานาจ ผูกพนั นิติบุคคลนั้นโดยผ๎มู ีอํานาจดงั กลาํ วไดล๎ งลายมือชอ่ื รับรองแลว๎ ๓. กรณีมอบอํานาจใหผ๎ ู๎อนื่ กระทําการแทน ให๎จัดทําหนงั สือมอบอํานาจเพ่ือขอคัดแบบแสดงรายการภาษี (ปิด อากรแสตมป์๑๐ บาท) พรอ๎ มแนบสาํ เนาบัตรประจาํ ตัวประชาชนของผมู๎ อบอํานาจและผ๎ูรับมอบอํานาจที่ไดล๎ งลายมือ ช่อื รับรองแลว๎ หมายเหตุกรณตี อ๎ งการใบแนบแบบแสดงรายการใหร๎ ะบใุ นคําร๎องขอคดั แบบแสดงรายการภาษีด๎วย การใหบ้ ริการคดั ค้นข้อมูลแบบแสดงรายการภาษีทางระบบอนิ เตอรเ์ น็ต ใหก้ ับหน่วยงานภายนอกท่มี ีกฎหมาย พเิ ศษรองรับ การขอคัดค๎นข๎อมูลแบบแสดงรายการภาษีทางอนิ เตอร๑เน็ต ผู๎ใช๎บริการทีเ่ ป็นหนวํ ยงานภายนอกท่ีมกี ฎหมาย พิเศษรองรบั สามารถใช๎บรกิ ารย่นื คําขอคดั ขอข๎อมูลแบบแสดงรายการภาษีโดยใช๎ รหสั ผใู๎ ช๎ (User ID) รหัสผาํ น (Password) และบตั รกําหนดสิทธกิ ารใช๎ (PKI Smart Card) ท่ไี ด๎รบั จากกรมสรรพากร บนั ทึกรายการคาํ ขอเข๎าสูํ ระบบ หนํวยงานดงั กลาํ วประกอบด๎วย - สํานักงานคณะกรรมการปูองกันและปราบปรามการทุจริตแหงํ ชาติ (ป.ป.ช.) - สํานักงานคณะกรรมการปูองกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) - สาํ นักงานคณะกรรมการปูองกันและปราบปรามการฟอกเงนิ (ป.ป.ง.) - กรมสืบสวนคดพี เิ ศษ นนท์ เศรษฐวิวฒั น์

๗๗ - กรมบังคบั คดี การเรียกดูและใชข้ อ้ มลู ผเู้ สียภาษซี งึ่ เปน็ บุคคลสําคญั “ขอ๎ มูลผู๎เสียภาษีซง่ึ เป็นบคุ คลสาํ คญั ” หมายความวํา ข๎อมลู เก่ียวกบั แบบแสดงรายการภาษขี องบุคคลที่ กรมสรรพากรจาํ กัดสิทธิในการเรียกดแู ละใช๎ข๎อมลู แบงํ ออกเป็น ๕ กลมุํ ดังนี้ กลุํมท่ี ๑ พระบรมวงศานุวงศใ๑ นรัชกาลปจ๓ จุบัน ตัง้ แตํช้นั หมอํ มเจา๎ ขนึ้ ไป กลุํมท่ี ๒ คณะองคมนตรี ประมขุ ทางศาสนาทกุ ศาสนา ทีม่ ีถ่นิ ท่ีอยใูํ นประเทศไทยนายกรฐั มนตรี ประธาน รฐั สภา ประธานศาลฎกี า ประธานศาลปกครองสูงสดุ และประธานศาลรฐั ธรรมนูญ กลมํุ ท่ี ๓ คณะรฐั มนตรี สมาชิกสภาผ๎ูแทนราษฎร และสมาชกิ วุฒิสภา ขณะดํารงตาํ แหนํง กลุํมท่ี ๔ ขา๎ ราชการตุลาการต้งั แตตํ าํ แหนงํ อธิบดีผู๎พิพากษาภาคขึน้ ไป และตาํ แหนํงขา๎ ราชการตุลาการท่ี เรียกช่ืออยาํ งอน่ื ท่เี ทียบกบั ตาํ แหนงํ อธบิ ดีผพ๎ู ิพากษาภาคข้ึนไป ตลุ าการศาลปกครองสูงสดุ ตงั้ แตรํ ะดบั อธบิ ดีศาล ปกครองชน้ั ต๎นข้ึนไป คณะตลุ าการศาลรฐั ธรรมนญู ขา๎ ราชการอัยการตงั้ แตรํ ะดับอธิบดีอยั การขึ้นไป ข๎าราชการทหาร นายทหารสญั ญาบตั รชั้นยศพลเอก พลเรือเอก พลอากาศเอก ขา๎ ราชกรตํารวจ นายตาํ รวจสญั ญาบตั รระดบั พลตํารวจ เอก ขา๎ ราชการพลเรือนสามัญตาํ แหนํงประเภทบริหารระดับสงู และตาํ แหนงํ ประเภทวิชาการระดบั ทรงคณุ วฒุ ขิ ณะ ดํารงตาํ แหนํง กลุํมท่ี ๕ ผ๎ูเสยี ภาษีซ่ึงเป็นบุคคลสาํ คัญนอกจากลมํุ ๑ – ๔ ทไ่ี ด๎รับความเหน็ ชอบจากอธิบดกี รมสรรพากร ผมู้ สี ิทธใิ นการเรียกดู,ใชข้ อ้ มูลและแก้ไขปรับปรงุ ผู้เสียภาษีซึ่งเป็นบุคคลสําคญั ๑. อธิบดีกรมสรรพากร ผอ๎ู าํ นวยการกองบริหารการเสยี ภาษที างอเิ ล็กทรอนิกส๑ ผอ๎ู ํานวยการสาํ นกั เลขานุการ กรม และผ๎ูอาํ นวยการกองมาตรฐานการจดั เก็บภาษี เปน็ ผมู๎ สี ิทธใิ นการเรยี กดแู ละใช๎ขอ๎ มลู ผเ๎ู สยี ภาษซี ึ่งเปน็ บุคคล สาํ คญั ทั่วราชอาณาจกั ร ๒. ผูอ๎ ํานวยการกองเทคโนโลยสี ารสนเทศ เป็นผ๎มู สี ิทธิในการเรียกดู ใชข๎ อ๎ มลู และแก๎ไขปรับปรงุ ข๎อมูลผเ๎ู สยี ภาษซี ่ึงเปน็ บคุ คลสําคัญท่วั ราชอาณาจกั ร การออกหนังสอื รับรองภาษาองั กฤษ ป๓จจบุ นั สรรพากรไดใ๎ ห๎บริการออกหนงั สือรับรองการเสยี ภาษีและการมีถนิ่ ที่อยเํู ปน็ ภาษาอังกฤษให๎กบั ผเู๎ สีย ภาษี ผูเ๎ สียภาษสี ามารถนาํ หนังสอื รับรองเหลาํ นี้ไปใชเ๎ พอ่ื วตั ถปุ ระสงค๑ทางภาษีในตาํ งประเทศได๎ ประเภทหนงั สือรบั รองท่ีออกให้โดยกรมสรรพากร ๑. หนังสือรบั รองการเสียภาษีเงนิ ไดห๎ ัก ณ ที่จาํ ย (Non-Resident Withholding Tax Certificate) ๒. หนังสอื รบั รองการเสียภาษีเงินได๎บคุ คลธรรมดา และนิตบิ คุ คลเป็นภาษาองั กฤษ (Income Tax Payment Certificate) ๓. หนงั สือรับรองการมีถ่ินท่ีอยเูํ พอื่ การรษั ฎากรในประเทศไทย (Certificate of Resident) ๔. หนงั สอื รบั รองการมีสถานภาพเปน็ ผเ๎ู สียภาษมี ูลคาํ เพ่ิม (Statement on the Tax Status of the Business) ๕.หนงั สอื รับรองการมสี ถานภาพเป็นผูเ๎ สียภาษีตามกฎหมายไทย (Certificate of Status of Taxable Person) ผู้ออกหนงั สือรบั รอง สํานักงานสรรพากรทีร่ ับผิดชอบในท๎องท่ีของผ๎หู กั ภาษี ณ ท่ีจําย หรอื ผ๎เู สียภาษี ซ่ึงได๎แกํ นนท์ เศรษฐวิวฒั น์

๗๘ - สรรพากรภาค - สาํ นกั บรหิ ารผเ๎ู สียภาษขี นาดใหญํ อนุสัญญาภาษซี ้อน ภาษซี ๎อน หมายถงึ การจัดเก็บภาษจี ากเงินไดจ๎ ํานวนเดยี วกนั มากกวาํ ๑ คร้ัง หรืออาจกลําวอกี นัยหน่ึงกค็ ือ เงินได๎ จาํ นวนเดยี วกัน ถกู นาํ มาใชเ๎ ปน็ ฐานในการคาํ นวณเรยี กเกบ็ ภาษเี กนิ กวําหนงึ่ คร้งั ลักษณะความซ้ําซ้อนภาษี แยกพิจารณาได๎เปน็ ๑. ภาษซี อ๎ นเชงิ เศรษฐกจิ (Economic Taxation) หมายถงึ กรณีทเ่ี งินได๎จาํ นวนเดยี วกันถูกนํามาใชเ๎ ป็นฐานใน การจัดเก็บภาษีโดยรัฐ รฐั หนงึ่ มากกวําหน่ึงคร้ัง ซึง่ เปน็ การเรียกเก็บจากบุคคลสองคน หรอื มากกวําน้ัน Ex การทก่ี ําไรของบริษทั ถูกเก็บภาษีเงินได๎นิตบิ ุคคลคร้ังหน่ึงและเพื่อนํากาํ ไรหลงั เสยี ภาษีเงนิ ได๎แล๎วไปจาํ ยเปน็ เงินป๓นผลให๎แกํบุคคลธรรมดาผู๎ถือห๎ุน เงินป๓นผลจํานวนดังกลําวกจ็ ะถูกเก็บภาษีเงนิ ได๎บุคคลธรรมดาอีกคร้งั หนงึ่ ๒. ภาษซี ๎อนเชิงอาํ นาจรัฐ (Juridical Doble Taxation) หรือ ภาษซี ๎อนระหวาํ งประเทศ หมายถึง กรณีทเี่ งินได๎ จาํ นวนเดยี วกนั ถูกนํามาใชเ๎ ป็นฐานในการจดั เก็บภาษจี ากบุคคลเดียวกันโดยรัฐมากกวําหนงึ่ รฐั Ex กรณีทมี่ ีการจํายเงินได๎จากรัฐหน่ึงไปให๎ผ๎รู ับเงนิ ได๎ ที่อยใํู นอีกรฐั หน่งึ รัฐที่มกี ารจาํ ยเงินได๎ หรอื “รฐั แหลํง เงินได๎” จะอา๎ งสทิ ธเิ ก็บภาษี จากเงินได๎ทีจ่ าํ ยในขณะทีร่ ัฐถ่ินที่อยูขํ องผ๎ูรับเงินได๎ หรอื รฐั กนั ทอี่ ยูํ กจ็ ะอา๎ งสิทธเิ์ กบ็ ภาษี จากเงนิ ได๎ดงั กลาํ วด๎วยเชํนกนั การแก๎ไขความซ้ําซ๎อนของอาํ นาจรัฐในการจัดเก็บภาษี คอื แตลํ ะรัฐมีอํานาจในการตรากฎหมายเพ่ือจัดเกบ็ ภาษี ไดโ๎ ดยอาศยั ความสมั พันธ๑ ระหวํางรัฐกับผูเ๎ สียภาษี หรอื อนุสญั ญาภาษีซอ๎ น เกณฑ์การกาํ หนดภาระภาษีท่ีรฐั นิยมใช้เพื่อจดั เก็บภาษี มีหลกั เกณฑด๑ งั น้ี ๑. หลกั แหลงํ เงินได๎ คือ รัฐจะเกบ็ ภาษีจากเงินได๎ทเ่ี กดิ จากแหลํงภายในรฐั นัน้ โดยไมํคํานึงวาํ ผ๎ูมีเงนิ ไดจ๎ ะมี สญั ชาติใดและมีถนิ่ ท่ีอยใูํ นรฐั ทเี่ กิดเงนิ ไดห๎ รือไมํ (ม.๔๑ วรรค ๑/ ม.๖๖ วรรค ๒ ม.๗๖ ทวิ ม.๖๗ ม.๗๐) ๒. หลกั ถิน่ ท่ีอยํู คือรัฐจะเก็บภาษีจากผมู๎ ถี ิ่นทอี่ ยูํในรัฐน้นั ไมํวําเงนิ ไดน๎ ั้นจะไดร๎ ับจากแหลํงภายใน หรือ ภายนอกรฐั นั้น (ม.๔๑ วรรค ๒ วรรค ๓ /ม.๖๑ วรรค ๑ ตามประมวลรัษฎากร) ๓. หลกั สัญชาตหิ รือความเปน็ พลเมอื ง หลักอนุสัญญาภาษีซ๎อน มไิ ดม๎ ีขนึ้ เพ่ือมุงํ ยกเวน๎ การเก็บภาษีในรัฐคูสํ ัญญาท้ังสองรัฐให๎หมดไปโดยสิน้ เชิง แตํมี วตั ถปุ ระสงค๑เพียงมุํงขจดั หรือบรรเทาสภาวะ ความซํา้ ซ๎อนในการเกบ็ ภาษีให๎หมดไป ในระดับหนงึ่ เทาํ น้นั โดยใหส๎ ิทธิ แกรํ ฐั ใดรฐั หนง่ึ เปน็ ฝุายจดั เก็บรายได๎ รายการเงินไดพ้ ึงประเมนิ ประเภทตา่ งๆ ในอนุสญั ญา ๑. เงนิ ได๎จากการประกอบธรุ กิจ ได๎แกํ กําไรจากธุรกจิ เงนิ ไดจ๎ ากการขนสํงทางเรอื และอากาศยานระหวาํ ง ประเทศ ๒. เงนิ ได๎จากการลงทุน หรอื จากทรัพยส๑ ินฝาุ ยทุน ไดแ๎ กํ เงินไดจ๎ ากอสงั หารมิ ทรพั ย๑ เงินป๓นผล ดอกเบ้ยี คาํ สิทธิ ผลไดจ๎ ากทนุ ๓. เงนิ ได๎หรือคาํ ตอบแทนจากการจา๎ งแรงงาน หรอื การให๎บรกิ ารสํวนบคุ คล ไดแ๎ กํ เงนิ เดอื น คาํ จ๎าง การเกบ็ ภาษจี ากกาํ ไรธุรกิจ เกณฑ๑กําหนดการเสียภาษี วางหลักไวว๎ าํ วสิ าหกจิ ของประเทศหนึ่ง จะเสยี ภาษีจากกําไร จากการประกอบ ธุรกิจใหอ๎ ีกประเทศหนึง่ ก็ตํอเม่อื เข๎าไปประกอบธรุ กจิ โดยผํานสถานประกอบการถาวรที่มอี ยํใู นอกี ประเทศหนึ่ง เทาํ นน้ั นนท์ เศรษฐวิวฒั น์

๗๙ ประเทศไทยมอี นสุ ญั ญาภาษีซอ๎ นกับหลายประเทศ ประเทศแรกคือเยอรมันนี เมือ่ ๔ ธนั วาคม ๒๕๑๑ สวํ นใน กลํุมอาเซยี น ประเทศแรกคือสงิ คโปร๑ เมอื่ วันท่ี ๒๗ เมษายน ๒๕๑๙ การคนื ภาษมี ลู คา่ เพ่ิมใหน้ กั ท่องเที่ยว คณุ สมบตั ขิ องนกั ท่องเที่ยวที่มสี ทิ ธขิ อคืนภาษมี ลู ค่าเพิ่ม ๑. ไมํเป็นผ๎ูมีสัญชาติไทย ๒. ไมเํ ป็นผม๎ู ีภูมลิ ําเนาในประเทศไทย ๓. ไมํเปน็ นักบนิ หรือลูกเรอื ของสายการบินทเ่ี ดินทางออกนอกราชอาณาจักร ๔. เดนิ ทางออกนอกราชอาณาจกั รทางอากาศ ณ ทาํ อากาศยาน สนิ ค้า ที่นกั ทอ่ งเท่ียวมสี ิทธิขอคนื ภาษมี ูลค่าเพิม่ ๑. เปน็ สนิ ค๎าท่นี ักทํองเท่ียวซ้ือจากผ๎ูประกอบการและถูกเรียกเก็บภาษีมูลคําเพิม่ ไว๎ ๒. เป็นสนิ ค๎าท่ีนักทํองเทีย่ วสามารถนําไปพร๎อมกับการเดนิ ทางได๎ ๓. เปน็ สินคา๎ ทนี่ ําออกนอกราชอาณาจักรภายใน ๖๐ วนั นบั แตวํ นั ท่ีซื้อสินคา๎ ๔. ไมํเป็นสินค๎าทต่ี ๎องห๎ามนําออกนอกราชอาณาจักร อาวธุ ปืน วัตถุระเบิด หรือสินคา๎ ทีม่ ีลักษณะทาํ นอง เดยี วกัน อญั มณที ีย่ ังไมํได๎ประกอบขึ้นเป็นตวั เรือนหรือของรูปพรรณ เมื่อนักทํองเท่ียวซ้ือสนิ ค๎าท่จี ะขอคนื ภาษมี ลู คาํ เพ่ิมจากสถานประกอบการแหงํ เดียวกนั ครัง้ หน่ึงหรือหลาย ครั้งในแตลํ ะวนั มมี ูลคํารวมกันไมนํ อ๎ ยกวาํ ๒,๐๐๐ บาท ใหผ๎ ู๎ประกอบการจดั ทําคําร๎องในวันท่ีมีการซื้อสินคา๎ นนั้ นกั ทํองเทยี่ วท่ีมสี ิทธไิ ดร๎ ับคนื ภาษีมลู คาํ เพ่มิ จะตอ๎ งซือ้ สนิ ค๎าตามเกณฑ๑ที่กําหนดมมี ลู คํารวมกันแล๎วไมํน๎อยกวาํ ๒,๐๐๐ บาท วิธีปฏิบัตใิ นการขอคืนภาษีมูลคา่ เพ่มิ ๑. นักทํองเที่ยวท่ีประสงค๑จะขอคนื ภาษีมลู คาํ เพิ่ม ใหแ๎ สดงความจํานงตํอผูป๎ ระกอบการพร๎อมกบั แสดงหนังสือ เดินทางเพื่อใหผ๎ ๎ปู ระกอบการจัดทําคาํ ร๎องขอคนื เงินภาษีมูลคาํ เพ่ิมสาํ หรับนกั ทํองเท่ียว(ภ.พ.๑๐)ตามแบบทอ่ี ธบิ ดี กําหนด จํานวน ๑ ชดุ ๒ ฉบับ ๒. การขอคนื ภาษีมลู คาํ เพมิ่ ใหแ๎ สดงความประสงคว๑ าํ จะขอคนื เป็นเงินสด หรือ ดราฟทห๑ รือโอนเขา๎ บัญชีบตั ร เครดติ สากลตามท่กี รมสรรพากรกําหนดซง่ึ ระบุอยใํู นคําร๎อง เว๎นแตํกรณีมภี าษีขอคืนเกนิ ๓๐,๐๐๐ บาท ใหข๎ อคืนเปน็ ดราฟต๑ หรือขอคืนเข๎าบัญชบี ัตรเครดิต เทาํ น้ัน ๓. ในวนั ทีเ่ ดนิ ทางออกนอกราชอาณาจกั ร นักทํองเทีย่ วต๎องแสดงสินค๎า คําร๎อง และใบกํากับภาษีตํอเจ๎า พนกั งานศุลกากร ณ ทําอากาศยาน เพื่อรบั การตรวจสนิ คา๎ ตามคาํ ร๎องและประทับตราแสดงการตรวจพร๎อมทง้ั ลง ลายมือชื่อเจ๎าหนา๎ ท่ี วันเดอื นปที ตี่ รวจในคําร๎อง กรณสี นิ ค๎าประเภทอัญมณีท่ีประกอบขน้ึ เป็นตวั เรือนหรอื รปู พรรณ ทองรปู พรรณ นาฬกิ า แวนํ ตา หรือปากกา ทีม่ มี ลู คําของสนิ คา๎ แตํละชิ้นตั้งแตํ ๑๐,๐๐๐ บาท นกั ทอํ งเท่ียวจะต๎องนําไปแสดงตอํ เจ๎าหน๎าท่ี หนวํ ยตรวจสนิ คา๎ และ จํายคืน เพื่อรบั การตรวจสนิ ค๎าตามคําร๎องและประทับตราแสดงการตรวจพร๎อมทง้ั ลงลายมือชอ่ื เจ๎าหนา๎ ทแ่ี ละวันเดือน ปีท่ตี รวจในคํารอ๎ งอีกครั้งหนง่ึ ดว๎ ย ๔. คํารอ๎ งท่ีผํานการประทับตราแล๎ว ให๎นกั ทอํ งเท่ียวยืน่ ขอคืนเป็นเงินสดตํอเจา๎ หนา๎ ที่ ณ หนํวยตรวจสินค๎าและ จาํ ยคนื กรณีประสงค๑ขอคืนเปน็ ดราฟตห๑ รอื ขอคนื เข๎าบัญชีบตั รเครดติ ให๎นาํ ไปใสํลงตร๎ู ับคาํ ร๎อง ณ ทําอากาศยานหรอื สํงทางไปรษณยี ๑หรือสํงใหเ๎ จ๎าหน๎าที่ ณ หนํวยตรวจสินคา๎ หรอื จาํ ยคนื ก็ได๎ ทําอากาศยานระหวาํ งประเทศทสี่ ามารถยนื่ แบบขอคนื เงินได๎ (จํานวน ๘ แหํง) นนท์ เศรษฐวิวฒั น์

๘๐ - ทาํ อากาศยานสุวรรณภมู ิ - ทําอากาศยานดอนเมือง - ทําอากาศยานภเู ก็ต - ทาํ อากาศยานเชยี งใหมํ - ทาํ อากาศยานหาดใหญํ - ทําอากาศยานอํตู ะเภา - ทาํ อากาศยานนานาชาติกระบี่ - ทําอากาศยานนานาชาติสมุย คณุ สมบัตผิ ูป้ ระกอบการในระบบ VRT ๑. เป็นบรษิ ัทหรือหา๎ งห๎นุ สํวนนิติบุคคลทีจ่ ดทะเบยี นภาษมี ลู คําเพิม่ และมเี งนิ ทุนจดทะเบียนชาํ ระแลว๎ - ไมตํ าํ่ กวาํ ๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท สําหรบั ผ๎ปู ระกอบการในเขตกรงุ เทพมหานคร - ไมํตํ่ากวํา ๕๐๐,๐๐๐ บาท สําหรับผูป๎ ระกอบการในเขตจังหวัดอ่ืน ๒. มคี วามมั่นคงตํอเน่ืองในการประกอบกจิ การ และมีประวัติการเสยี ภาษที ่ีดี สนิ ค๎าทกุ ช้ินท่ีนักทํองเทย่ี วซื้อตอ๎ งแสดงตํอเจา๎ หนา๎ ทศ่ี ลุ กากร และถ๎าสนิ คา๎ ท่ีเป็นชิน้ เลก็ ราคาแพง ๕ ประเภท (LUXURY GOODS ) คือ อัญมณที ่ีประกอบขึ้นเปน็ ตัวเรอื น ทองรูปพรรณ แวํนตา นาฬิกาหรอื ปากกา ทีม่ มี ูลคําชนิ้ ละ ตง้ั แตํ ๑๐,๐๐๐.- บาทขนึ้ ไป นักทอํ งเท่ยี วตอ๎ งแสดงสินคํานนั้ ตํอเจ๎าหน๎าทส่ี รรพากรอกี ครงั้ หลกั เกณฑ์การจดั ระดับเป็นผ้ปู ระกอบการส่งออกท่ดี แี ละผสู้ ่งออกขน้ึ ทะเบียน ๑. ผู้ประกอบการสง่ ออก ทีย่ ื่นคําขอให๎จัดระดับเปน็ ผปู๎ ระกอบการสงํ ออกทด่ี ี(สด.๑)หรือผ๎สู ํงออกขน้ึ ทะเบยี น(สท.๑) ต๎องมีคุณสมบตั ิดงั น้ี (๑) ผป๎ู ระกอบการสํงออกที่ดี (๑.๑) เป็นบรษิ ทั จํากดั หรือบริษัทมหาชนจาํ กัด ทเี่ ปน็ ผ๎ปู ระกอบการจดทะเบียนภาษีมูลคําเพมิ่ (๑.๒) มีทนุ จดทะเบยี นทีช่ าํ ระแล๎วตั้งแตํ ๑๐ ล๎านบาท ขนึ้ ไป ยกเวน๎ ผูป๎ ระกอบการท่ีเป็นผสู๎ งํ ของออกระดบั บัตรทองของกรมศุลกากร (๑.๓) มีการสํงสนิ ค๎าไปขายยงั ตํางประเทศในอัตราสวํ นตอํ ยอดขายรวม สําหรบั ระยะเวลา ๑๒ เดอื นกอํ นยืน่ คํา ขอ ต้ังแตํรอ๎ ยละ ๗๐ ข้ึนไป หรือรอ๎ ยละ ๕๐ ขน้ึ ไป กรณีเปน็ ผ๎ูสํงของออกระดับบัตรทองของกรมศุลกากร การสํง สนิ ค๎าไปขายยังตาํ งประเทศตามวรรคหน่งึ ใหร๎ วมถึงการขายสินคา๎ ระหวาํ งผป๎ู ระกอบการทป่ี ระกอบกจิ การในเขต อตุ สาหกรรมสงํ ออกดว๎ ยกนั ไมวํ าํ จะอยํูในเขตอุตสาหกรรมสํงออกเดยี วกันหรือไมํก็ตาม (๑.๔) มคี วามม่ันคงตํอเน่ืองและนาํ เชอ่ื ถือในการประกอบการ และมกี รรมสทิ ธ์ิในอสังหารมิ ทรพั ย๑ เชํน ทีด่ นิ อาคารโรงงาน เปน็ ต๎น (๑.๕) มที รพั ยส๑ ินสทุ ธิมากกวําหนส้ี นิ สุทธิ สาํ หรับรอบระยะเวลาบัญชีปสี ดุ ทา๎ ยกํอนยน่ื คําขอ (๑.๖) มปี ระวัตกิ ารเสยี ภาษีท่ีดี มกี ารเสียภาษีสอดคล๎องกับสภาพเปน็ จรงิ ของกิจการและไมมํ ีพฤติการณ๑ หลกี เล่ยี งภาษี (๑.๗) เปน็ สมาชิกของสมาคม หรอื องค๑กรภาคเอกชน(ในทางการค๎า) เชํน สภาอุตสาหกรรมแหํงประเทศไทย สภาหอการคา๎ แหํงประเทศไทย เปน็ ตน๎ หรอื เป็นผป๎ู ระกอบการทอ่ี ยูํในนิคมอุตสาหกรรมและสมาคมหรอื องค๑กร ภาคเอกชน หรือการนิคมอตุ สาหกรรมแหงํ ประเทศไทย และหนวํ ยงานดังกลําวรับรองวํามีการประกอบกจิ การอยเูํ ปน็ ปกติ ไมํมขี ําวสารท่ีแสดงถึงการขาดความนาํ เช่ือถือทางการเงนิ และมหี น้ีสินลน๎ พ๎นตวั แตํอยาํ งใด นนท์ เศรษฐวิวฒั น์

๘๑ (๒) ผส๎ู ํงออกข้นึ ทะเบยี น (๒.๑) เปน็ บริษทั หรอื หา๎ งหุน๎ สวํ นนิติบุคคลหรือบคุ คลธรรมดาท่ีจดทะเบียนภาษมี ลู คําเพ่ิม (๒.๒) มกี ารสงํ สนิ ค๎าไปขายยังตํางประเทศในอตั ราสํวนตอํ ยอดขายรวม สาํ หรับระยะเวลา ๑๒ เดอื นกอํ นยื่นคาํ ขอ ตัง้ แตํร๎อยละ ๕๐ ขน้ึ ไป การสงํ สินคา๎ ไปขายยงั ตํางประเทศตามวรรคหน่ึง ให๎รวมถงึ การขายสินค๎าระหวํางผป๎ู ระกอบการทป่ี ระกอบ กิจการในเขตอุตสาหกรรมสํงออกดว๎ ยกันไมวํ าํ จะอยูํในเขตอตุ สาหกรรมสํงออกเดียวกันหรอื ไมํก็ตาม (๒.๓) มีความมน่ั คงตํอเน่ืองและนําเชื่อถือในการประกอบการ และมกี รรมสทิ ธใิ์ นอสงั หารมิ ทรพั ยท๑ ี่ใชใ๎ นการ ประกอบกิจการ เชํน ทีด่ นิ อาคารโรงงาน เปน็ ตน๎ (๒.๔) มีทรพั ยส๑ ินสุทธมิ ากกวําหนส้ี ินสทุ ธิ สําหรบั รอบระยะเวลาบัญชีปีสดุ ทา๎ ยกํอนยน่ื คําขอ (๒.๕) มีประวัติการเสยี ภาษีท่ีดี มกี ารเสียภาษีสอดคล๎องกับสภาพเป็นจรงิ ของกจิ การและไมํมีพฤติการณ๑ หลีกเลยี่ งภาษี (๒.๖) เป็นสมาชกิ ของสมาคม หรอื องค๑กรภาคเอกชน (ในทางการค๎า) เชํน สภาอุตสาหกรรมแหํงประเทศไทย สภาหอการค๎าแหํงประเทศไทย หอการคา๎ ไทย หอการคา๎ จังหวัด เป็นตน๎ หรือเป็นผูป๎ ระกอบการท่ีอยูํในนิคม อตุ สาหกรรมและสมาคมหรอื องค๑กรภาคเอกชนหรือการนิคมอตุ สาหกรรมแหงํ ประเทศไทย และหนํวยงานดังกลําว รับรองวํามีการประกอบกจิ การอยเํู ป็นปกติ ไมํมีขาํ วสารท่ีแสดงถงึ การขาดความนําเชอื่ ถือทางการเงนิ และมีหนส้ี ินลน๎ พน๎ ตัวแตอํ ยํางใด (๓) กรณที ี่คุณสมบัตติ าม (๑) หรอื (๒) ไมคํ รบถ๎วนและเห็นวํามเี หตผุ ลอนั สมควรให๎บคุ คลดงั ตอํ ไปนี้มีอํานาจ ยกเวน๎ คณุ สมบัติได๎ (๓.๑) อธบิ ดีกรมสรรพากร กรณียน่ื คาํ ขอให๎จดั ระดับเป็นผู๎ประกอบการสํงออกทด่ี ี (๓.๒) สรรพากรพนื้ ท่ี กรณยี ่ืนคาํ ขอใหจ๎ ดั ระดับเป็นผ๎ูสงํ ออกข้นึ ทะเบยี น ๒. เงอ่ื นไข ผ๎ูประกอบการสงํ ออกท่จี ะได๎รบั การจัดระดับเปน็ ผ๎ูประกอบการสํงออกทีด่ ีหรือผ๎สู งํ ออกขนึ้ ทะเบยี นจะต๎องปฏบิ ัติ ตามเงื่อนไขดงั ตอํ ไปน้ี (๑) ขอคืนภาษมี ลู คําเพ่ิมโดยการนําเข๎าบัญชีเงนิ ฝากธนาคารตามวิธปี ฏบิ ัติในการขอให๎นําเงนิ ภาษีมลู คําเพ่มิ เข๎า บญั ชเี งินฝากธนาคาร (๒) กรณมี สี ถานประกอบการหลายแหํง ตอ๎ งได๎รบั อนุมตั ิให๎ยื่นแบบแสดงรายการและชาํ ระภาษีมลู คาํ เพิม่ รวมกัน (๓) ผส๎ู อบบญั ชีรับอนุญาตหรือผ๎ูสอบบัญชีภาษีอากรที่รับรองงบการเงนิ สําหรบั รอบระยะเวลาบญั ชีท่ยี ื่นคําขอต๎อง ได๎รับการแตงํ ต้งั จากมติทป่ี ระชมุ ผ๎ถู อื ห๎ุนและตอ๎ งเปน็ ไปตามหลกั เกณฑ๑ เงอื่ นไขตามมาตรา ๓ สตั ต แหํงประมวล รัษฎากร โดยให๎แจง๎ ชอ่ื เลขทะเบียนของผู๎สอบบัญชีรบั อนญุ าตหรือผส๎ู อบบัญชภี าษอี ากร พรอ๎ มท้งั ชอื่ สํานักงาน ผู๎สอบบัญชแี ละใหแ๎ จ๎งชอื่ ผู๎ทาํ บัญชพี ร๎อมท้งั สาํ นักงานบัญชีด๎วย ๓. สิทธิประโยชน์ ๑) ผ๎ปู ระกอบการสงํ ออกท่ีดีหรือผู๎สํงออกขน้ึ ทะเบยี นจะไดร๎ ับคืนภาษีมูลคําเพ่ิมโดยเร็ว ดังน้ี (๑.๑) ย่นื แบบ ภ.พ.๓๐ ผาํ นเครอื ขํายอนิ เทอร๑เน็ต - ผู๎ประกอบการสงํ ออกท่ีดจี ะไดร๎ บั คนื เงนิ ภายใน ๑๕ วนั - ผู๎สงํ ออกข้นึ ทะเบยี นจะไดร๎ ับคืนเงนิ ภายใน ๓๐ วนั นับแตวํ ันทย่ี นื่ แบบฯ (๑.๒) ยน่ื แบบ ภ.พ.๓๐ ณ สาํ นักงานสรรพากรพนื้ ทีส่ าขา - ผู๎ประกอบการสํงออกที่ดีจะไดร๎ ับคนื เงิน ภายใน ๔๕ วนั นนท์ เศรษฐวิวฒั น์

๘๒ - ผ๎สู ํงออกขน้ึ ทะเบียนจะได๎รับคนื เงิน ภายใน ๖๐ วัน นับแตวํ นั ทย่ี ืน่ แบบฯ สิทธิดังกลาํ วมีกําหนดระยะเวลา ๒ ปี นับแตํเดือนภาษที ่ีได๎รบั อนมุ ัติให๎เป็นผปู๎ ระกอบการสงํ ออกทีด่ ี หรือผส๎ู งํ ออกขึ้นทะเบียน สาํ นักงานปฏิบตั กิ ารภมู ภิ าค (ROH) สํานักงานปฏบิ ัตกิ ารภูมิภาค หรอื Regional Operating Headquarters (ROH) คือบรษิ ัทที่ตั้งขึ้นตามกฎหมาย ไทยเพ่ือประกอบกจิ การใหบ๎ ริการด๎านการบริหาร หรอื ดา๎ นเทคนคิ หรือการให๎บริการสนับสนนุ แกวํ สิ าหกิจในเครือ หรือสาขาของสาํ นักงานฯ ไมํวําจะต้งั อยูํในประเทศไทยหรือในตาํ งประเทศ หลกั เกณฑแ๑ ละเงอ่ื นไขการจดั ต้ังสาํ นักงานปฏบิ ตั ิการภมู ิภาค ๑. จัดตง้ั ตามกฎหมายไทย มีทนุ จดทะเบียนชําระแลว๎ ในวันสุดท๎ายของแตลํ ะรอบระยะเวลาบญั ชตี ้ังแตํ ๑๐ ลา๎ น บาทขึ้นไป ๒. ใหบ๎ ริการแกวํ สิ าหกิจในเครือในตํางประเทศหรอื สาขาในตํางประเทศ ดงั ตํอไปนี้ ๒.๑ ใหบ๎ ริการแกํวสิ าหกิจในเครือในตาํ งประเทศอยํางน๎อย ๑ ประเทศ ในรอบระยะเวลาบัญชีที่ ๑ และ ๒.๒ ให๎บรกิ ารแกวํ ิสาหกจิ ในเครือในตํางประเทศอยาํ งน๎อย ๒ ประเทศ ในรอบระยะเวลาบัญชที ่ี ๓ และ ๒.๓ ใหบ๎ รกิ ารแกวํ ิสาหกิจในเครอื ในตาํ งประเทศอยาํ งน๎อย ๓ ประเทศ ตง้ั แตรํ อบระยะเวลาบัญชีท่ี ๕ เป็น ต๎นไป ๓. มรี ายจาํ ยดังตํอไปน้ี ๓.๑ คาํ ใชจ๎ ํายในการดําเนินงานท่ีเกีย่ วข๎องกบั กิจการสาํ นักงานปฏิบัติการภูมภิ าคทจ่ี าํ ยให๎แกํผ๎รู บั ในประเทศ ไทยไมนํ ๎อยกวาํ ๑๕ ลา๎ นบาทตอํ ปแี ตํไมํรวมถึงคาํ เส่ือมราคาของทรัพยส๑ ินรายจาํ ยในการดําเนนิ งานท่ีจาํ ยไป ตํางประเทศ คําวตั ถุดิบ คําสิทธคิ ําสวํ นประกอบ และคาํ บรรจุภัณฑห๑ รอื ๓.๒ มรี ายจาํ ยเพ่ือการลงทนุ ซึง่ เก่ยี วข๎องกับกจิ การสาํ นักงานปฏบิ ตั กิ ารภูมิภาคทีจ่ ํายใหแ๎ กผํ ู๎รับในประเทศ ไทย โดยเปน็ การชําระเงนิ ในปีนน้ั ๆ ไมนํ ๎อยกวาํ ๓๐ ล๎านบาทตอํ ปี ๔. วิสาหกจิ ในเครือในประเทศไทยและในตาํ งประเทศ หรือสาขาตาํ งประเทศของสาํ นักงานปฏิบตั กิ ารภูมภิ าค ต๎องมีผู๎บรหิ ารและพนักงานดําเนินการจรงิ และมีการประกอบกจิ การจรงิ ตามวตั ถปุ ระสงคข๑ องกิจการนั้นหรอื ตามที่ แจ๎งไว๎กบั กรมสรรพากร โดยวสิ าหกจิ ในเครือในตํางประเทศหรอื สาขาตาํ งประเทศของสาํ นกั งานปฏิบตั กิ ารภมู ิภาค ต๎องมสี ถานที่อยํูจริงในตาํ งประเทศ ๕. พนักงานท่ีปฏบิ ตั ิงานในสํวนของกจิ การสาํ นักงานปฏิบัติการภมู ิภาคท่ีตัง้ อยูใํ นประเทศไทยต๎องเปน็ พนักงานที่ มที ักษะและความรู๎ข้ันต่ําตามหลักเกณฑ๑ และเงื่อนไขที่อธบิ ดีกรมสรรพากรประกาศกําหนดเปน็ จํานวนไมนํ ๎อยกวาํ ร๎อย ละ ๗๕ ของจํานวนพนักงานทั้งหมดทป่ี ฏบิ ัตงิ านในสวํ นของกิจการสาํ นักงานปฏิบตั กิ ารภูมิภาค ตง้ั แตรํ อบระยะเวลา บัญชที ี่ ๓ นบั แตํรอบระยะเวลาบัญชแี รกท่ีใชส๎ ทิ ธิประโยชนท๑ างภาษี ๖. ตอ๎ งมกี ารจํายคําตอบแทนใหก๎ บั พนักงานที่ปฏบิ ตั ิงานในสวํ นของกจิ การสาํ นักงานปฏิบัตกิ ารภมู ภิ าคจํานวน อยาํ งน๎อย ๕ คนและเป็นจํานวนไมนํ ๎อยกวํา ๒.๕ ล๎านบาทตํอคนตํอปีตงั้ แตํรอบระยะเวลาบญั ชที ี่ ๓ นับแตรํ อบ ระยะเวลาบญั ชแี รกท่ีใชส๎ ทิ ธิประโยชน๑ทางภาษี ๗. แจง๎ การเปน็ สํานักงานปฏิบัตกิ ารภมู ภิ าคตามหลกั เกณฑ๑ วธิ ีการ และเง่อื นไขทอี่ ธิบดีกรมสรรพากรประกาศ กาํ หนด โดยให๎แจ๎งภายในเวลา ๕ ปีนับตั้งแตํวันท่กี ฎหมายมผี ลบงั คับใชส๎ ํานักงานปฏบิ ตั ิการภมู ภิ าคท่แี จง๎ และ ดําเนนิ การใหเ๎ ป็นไปตามหลักเกณฑ๑และเงื่อนไขที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกาํ หนด จะไดร๎ ับสทิ ธิประโยชน๑ทางภาษี ในรอบระยะเวลาบัญชีทเี่ ร่มิ ในหรอื หลังรอบระยะเวลาบญั ชีท่ไี ดจ๎ ดแจ๎ง เว๎นแตสํ าํ นักงานปฏิบัติการภูมภิ าคเลือกที่จะ นนท์ เศรษฐวิวฒั น์

๘๓ รบั สทิ ธปิ ระโยชนท๑ างภาษีทนั ทีนบั แตํวันทไ่ี ด๎จดแจ๎ง ซงึ่ กรณดี ังกลาํ วรอบระยะเวลาบญั ชแี รกทใ่ี ช๎สทิ ธปิ ระโยชน๑จะไมํ ครบ ๑๒ เดอื นก็ได๎ ๘. กรณสี ํานักงานปฏิบตั ิการภมู ภิ าคมีคุณสมบตั คิ รบตามท่ีกําหนดไวใ๎ นขอ๎ (๑)-(๗) ทกุ รอบระยะเวลาบัญชี และ ในรอบระยะเวลาบญั ชีท่ี ๑๐ มคี ําใชจ๎ ํายในการดําเนนิ งานท่เี กย่ี วข๎องกบั กิจการสํานักงานปฏิบตั ิการภูมภิ าคท่ีจาํ ย ให๎แกํผ๎รู ับในประเทศไทยตามขอ๎ (๓.๑)สะสมรวมกนั แลว๎ เกินกวํา ๑๕๐ ลา๎ นบาท มสี ทิ ธิยนื่ คําร๎องขอขยายเวลาการ ไดร๎ ับสทิ ธิประโยชนท๑ างภาษีตํออธิบดีกรมสรรพากรออกไปอีกได๎ไมเํ กนิ ๕ รอบระยะเวลาบญั ชี ๙. กรณีสํานักงานปฏบิ ัติการภมู ิภาคมคี ุณสมบัติไมคํ รบถว๎ นตามที่กําหนดไวใ๎ นข๎อ (๑)-(๗) ในรอบระยะเวลาบัญชี ใด ให๎หมดสิทธกิ ารไดร๎ ับสิทธิประโยชนท๑ างภาษีตง้ั แตํรอบระยะเวลาบญั ชีที่ไดจ๎ ดแจ๎งการเป็นสาํ นกั งานปฏิบัติการ ภูมภิ าค มาตรการภาษเี พ่ือสนบั สนนุ สาํ นกั งานปฏบิ ตั ิการภมู ิภาค (ROH) (พระราชกฤษฎีกา ๕๐๘) สทิ ธิประโยชน๑ของสาํ นักงาน (ไดร๎ บั สิทธเิ ปน็ เวลา ๑๐ รอบระยะเวลาบัญชี) ๑. กรณที ั่วไป - ยกเว๎นภาษีเงนิ ไดน๎ ิติบุคคลสําหรับกําไรสุทธิท่เี กดิ จากการใหบ๎ ริการ ROH ในตํางประเทศ - ลดอตั ราภาษเี งินได๎นิติบคุ คลเหลอื รอ๎ ยละ ๑๐ จากการให๎บรกิ าร ROH ๒. กรณีบรษิ ัทมรี ายได๎จากการใหบ๎ ริการ ROH และคาํ สทิ ธจิ าก R&D ของกิจการ ROH ทท่ี ําใน ประเทศไทย ท่ีจํายจากหรือในตาํ งประเทศ รวมกนั มากกวํา ๕๐% ของรายได๎ท้ังหมดของบรษิ ทั - ยกเวน๎ ภาษเี งนิ ไดน๎ ติ บิ ุคคลสําหรบั เงินปน๓ ผลทไี่ ด๎รับจากวสิ าหกิจในเครือที่ต้ังขึ้นตามกฎหมายไทยและ กฎหมายของตํางประเทศ - ยกเวน๎ ภาษเี งินได๎นติ บิ ุคคลสําหรบั เงนิ ป๓นผลจาํ ยทีจ่ ํายให๎แกนํ ิตบิ ุคคลท่ตี ัง้ ตามกฎหมายของตาํ งประเทศ และมิไดป๎ ระกอบกิจการในประเทศไทยเฉพาะจาํ ยจากกาํ ไรสทุ ธิของกิจการ ROH - ลดอัตราภาษเี งนิ ไดน๎ ิตบิ คุ คลเหลือรอ๎ ยละ ๑๐ สําหรบั คําสทิ ธทิ ่ีเกดิ จากผลการวิจยั และพฒั นาเทคโนโลยี ของกิจการROH ทีก่ ระทําข้นึ ในประเทศไทย - ลดอัตราภาษเี งนิ ไดน๎ ิตบิ ุคคลเหลอื ร๎อยละ ๑๐ สาํ หรับดอกเบยี้ ทไี่ ดร๎ บั จากวสิ าหกจิ ในเครอื เฉพาะดอกเบ้ยี จากเงนิ กยู๎ ืมทกี่ ิจการ ROH กย๎ู ืมมาเพ่ือให๎กูต๎ อํ แกํวิสาหกจิ ในเครือสิทธิ ประโยชนข๑ องคนตาํ งดา๎ ว (ไดร๎ ับสทิ ธิเปน็ เวลา ๘ ปี ตอํ เน่อื งกนั ) - ลดอัตราภาษเี งนิ ได๎ในการหักภาษี ณ ทีจ่ ํายและคงจัดเก็บในอัตราร๎อยละ ๑๕ ของเงินได๎ สาํ หรับเงินไดพ๎ ึง ประเมินทตี่ ํางด๎าวได๎รบั จากการปฏิบตั งิ านในกจิ การ ROH - ยกเวน๎ ภาษเี งินได๎เน่ืองจากการจา๎ งแรงงานสําหรบั คนตํางด๎าวท่ีปฏิบัติงานในกจิ การ ROH และถูกสํงไป ทํางานในตาํ งประเทศ ท้ังนี้ ตอ๎ งไมนํ าํ เงินได๎นนั้ มาหักเปน็ รายจาํ ย ไมํวําทางตรงหรือทางอ๎อมในการคาํ นวณภาษีเงนิ ได๎ ของกิจการ ROH หรอื วิสาหกิจในเครอื ซึ่งประกอบกิจการประเทศในไทย การปรบั ปรุงแกไ้ ขหลักเกณฑก์ ารจดั ตัง้ สํานักงานปฏบิ ัติการภมู ิภาค (ROH) แกไ๎ ขบทลงโทษย๎อนหลังใน พรฎ. ๕๐๘ ดงั น้ี ๑. หมดสิทธิได๎รบั การยกเวน๎ หรือลดอัตราภาษีเฉพาะปีที่ผิดเง่อื นไข กรณี ๑.๑ รายจํายในการดําเนินงานในไทย และรายจํายเพ่ือการลงทุนไมํครบตามหลักเกณฑ๑ ๑.๒ พนักงานมีทักษะและความรขู๎ ัน้ ตํา่ ไมถํ ึงเกณฑ๑ที่กําหนด ๒. หมดสิทธิได๎รับยกเว๎นหรือลดอัตราภาษแี ละตอ๎ งเสยี ภาษียอ๎ นหลังต้งั แตํรอบระยะเวลาบัญชีท่ี ๑ หากผิด เง่ือนไข กรณี นนท์ เศรษฐวิวัฒน์

๘๔ ๒.๑ ทนุ จดทะเบยี นตง้ั แตํ๑๐ ล๎านบาทขึ้นไป ๒.๒ ใหบ๎ รกิ ารแกบํ ริษทั ในเครือในตาํ งประเทศ ๓ ประเทศภายในรอบระยะเวลาบัญชที ี่ ๕ ปี ๒.๓ บริษทั ในเครือในตํางประเทศมีการประกอบการจรงิ และมสี ถานท่อี ยํูจริง ๒.๔ จํายคาํ ตอบแทนให๎พนกั งานไมํน๎อยกวาํ ๒.๕ ลา๎ นบาทตํอคนตํอปีอยํางน๎อย ๕ คน ตั้งแตํรอบ ระยะเวลาบญั ชีที่ ๑ ความรเู้ ก่ียวกับประมวลรษั ฎากร ตราไว๎ ณ วนั ท่ี ๓๑ มีนาคม๒๔๘๑ ใชต๎ งั้ แตวํ ันท่ี ๑ เมษายน พุทธศักราช ๒๔๘๒ ม.๑ ช่อื กฎหมาย “ประมวลรัษฎากร” ม.๓ สามารถตราพระราชกฤษฎีกาลดอัตราหรือยกเวน๎ ภาษเี พื่อให๎เหมาะสมกับเหตกุ ารณ๑ กิจการ สภาพท๎องทไ่ี ด๎ ม.๓ ทวิ อาํ นาจเปรียบเทยี บปรับ (๑) โทษปรับสถานเดียว/จาํ คกุ ไมํเกินหกเดือน เป็นอํานาจของอธิบดี(กทม), ผว๎ู ําราชการจังหวัด (ตจว) (๒) จาํ คกุ เกนิ หกเดือน แตํไมํเกนิ ๑ ปี คณะกรรมการ (อธบิ ดี, กรมการปกครอง, กรมตํารวจ ) ถ๎าไมํควรปรับเปน็ เงนิ หรอื ไมํยอมเสยี คําปรบั ภายในกําหนด ใหด๎ าํ เนินการฟูองร๎องตํอไป ม. ๓ จตั วา รัฐมนตรีจะประกาศในราชกิจจานเุ บกษากําหนดให๎เสยี ภาษี ณ สาํ นกั งานแหํงอื่นก็ได๎ ม.๓ เบญจ มีเหตุเชือ่ วําหลีกเลย่ี งภาษใี หอ๎ ธิบดีมีอาํ นาจออกคําสั่งให๎เจ๎าพนักงานฯเข๎าไปในสถานที่/ยานพาหนะใด เพอื่ ตรวจค๎น ยึด/อายดั บญั ชี เอกสาร หลกั ฐานทีเ่ กี่ยวกับภาษไี ด๎ท่วั ราชอาณาจักร (ตจว. ให๎ผ๎ูวําราชการจงั หวดั / สรรพากรเขตมอี าํ นาจ) ต๎องกระทําการระหวาํ งพระอาทติ ย๑ขนึ้ ถงึ พระอาทิตย๑ตก หรอื ระหวํางเวลาทําการของ ผู๎ประกอบการ ม.๓ ฉ เอกสารภาษาตาํ งประเทศ เจา๎ พนกั งานสั่งให๎แปลเป็นภาษาไทยใหเ๎ สร็จภายในเวลาได๎ ม.๓ สตั ต การตรวจสอบและรับรองบญั ชี จะกระทําไดโ๎ ดยได๎รับใบอนญุ าตจากอธบิ ดี ม.๓ อัฏฐ การขยายเวลาการยืน่ แบบแสดงรายการ การอุทธรณ๑ ให๎แกผํ ูท๎ ม่ี ิได๎อยใํู นประเทศไทย หรือมีเหตจุ ําเป็นจน ไมํสามารถปฏบิ ัตภิ ายในกาํ หนดเวลาได๎ ให๎อธบิ ดขี ยาย / ใหเ๎ ล่ือนกาํ หนดเวลาออกไปอีกได๎ รฐั มนตรีจะขยายหรือ เล่อื นกําหนดเวลาตํางๆ ทกี่ าํ หนดไวใ๎ นประมวลฯ น้ตี ามความจาํ เปน็ แกํกรณีกไ็ ด๎ ม.๓ นว ผใู๎ ดขัดขวาง จพง. ตาม ม.๓ เบญจมโี ทษ ปรบั ไมํเกินห๎าพันบาท หรือ จําคกุ ไมเํ กินหนง่ึ เดือน ม.๓ ทศ ผ๎ูใดไมปํ ฏิบัติตามคําสงั่ จพง. ตาม ม.๓ ฉ ปรบั ไมเํ กินห๎าพันบาท ม.๓ เอกาทศ อธิบดกี ําหนดใหผ๎ ูม๎ ีหน๎าท่ีเสยี ภาษีอากร ผูม๎ ีหน๎าที่จํายเงนิ ได๎ฯ มี/ใชเ๎ ลขประจาํ ตัว ผ๎ูใดฝาุ ฝืน ต๎องโทษ ปรบั ไมํเกนิ สองพันบาท ม.๓ เตรส อธิบดมี ีอํานาจออกคําสง่ั ใหผ๎ ูจ๎ าํ ยเงินได๎ฯ ม.๔๐ หักภาษี ณ ทจ่ี ําย ม. ๔ ให๎ รมต. คลงั มอี ํานาจแตํงต้งั จพง. โดยประกาศในราชกิจจนเุ บกษากบั ออกกฎกระทรวง, ให๎ใช๎ หรอื ยกเลิก แสตมป์อากร แตตํ อ๎ งใหเ๎ วลาไมํน๎อยกวาํ ๖๐ วนั ม.๔ ทวคิ นตํางด๎าวออกจากประเทศไทยต๎องเสียภาษีอากรทค่ี า๎ งให๎เสรจ็ ส้ินกํอนออกเดินทาง ม.๔ ตรี ให๎คนตาํ งด๎าวย่ืนคําร๎องขอใบผาํ นภายในไมํเกิน ๑๕ วนั กํอนออกเดินทาง (ยืน่ ตอํ อธบิ ดี ผวจ.) ฝุาฝนื ต๎อง เสยี เงนิ เพิม่ รอ๎ ยละ ๒๐ ของภาษีท่ีต๎องเสยี ม.๔ จตั วา คนตํางด๎าวผาํ น/เขา๎ มาในประเทศไทย รวมกนั ไมเํ กิน ๙๐ วันในปีภาษใี ด โดยไมมํ เี งินไดฯ๎ ไมตํ ๎องขอใบ ผําน ม.๔ สัตต ใบผาํ นภาษีอากรให๎มีอายุใช๎ได๎๑๕ วันนบั แตวํ ันออก ถา๎ ขอตอํ กํอนส้นิ อายุ ใหต๎ อํ ได๎อีก ๑๕ วันก็ได๎ ม.๔ อัฏฐ คนตาํ งด๎าวทีเ่ ดนิ ทางเขา๎ ออกเป็นปกตธิ รุ ะเกีย่ วกับการประกอบอาชีพ จะยน่ื คําร๎องตํออธิบดี/ ผวจ. ขอให๎ นนท์ เศรษฐวิวัฒน์

๘๕ ออกใบผํานให๎เป็นประจาํ ก็ได๎ โดยมหี ลักประกนั /หลกั ทรัพยใ๑ นประเทศไทยพอคุ๎มคาํ ภาษอี ากรท่ีคา๎ ง แตกํ าํ หนดเวลา ใชไ๎ ดไ๎ มํเกิน ๑๘๐ วันนับแตวํ ันออก ม.๔ นว คนตํางด๎าวออกจากไทยไมํมีใบผาํ นภาษีอากร ตอ๎ งปรบั ๑๐๐๐ บาท/จําคุกไมเํ กิน ๑ เดอื น ม.๔ ทศ ให๎อธบิ ดี/ผู๎ไดร๎ ับมอบหมายส่ังให๎ดอกเบ้ียแกผํ ูไ๎ ดร๎ ับคนื ดอกเบ้ยี ในอตั รารอ๎ ยละ ๑ ตอํ เดือน/เศษของเดอื น โดยไมคํ ิดทบต๎น ดังนี้ กฎกระทรวง ๑๖๑ การคนื ภาษีท่ีถูกหัก ณ ท่ีจําย ใหค๎ ดิ ดอกเบ้ยี ต้ังแตํวนั ถดั จากวนั ครบระยะเวลา ๓ เดอื นนับแตํ - วนั สิ้นกําหนดระยะเวลายื่นแบบแสดงรายการ/ตามท่ีไดร๎ ับการขยาย เลอ่ื นให๎ ถ๎าผไ๎ู ดร๎ ับคนื ตอ๎ งยน่ื แบบแสดง รายการเก่ยี วกับภาษที ่ีถูกหักไว๎ - วันยน่ื คํารอ๎ งขอคนื ถา๎ ผ๎ไู ด๎รับคนื ไมํต๎องย่นื แบบแสดงรายการเก่ยี วกบั ภาษีทีถ่ ูกหกั ไว๎ กรณคี ืนเงนิ ภาษีอากรที่ชาํ ระตามแบบแสดงรายการ ไมํวาํ จะชาํ ระพร๎อมกบั การยน่ื หรือไมํ ให๎คิดดอกเบ้ียตั้งแตํ วันถัดจากวันครบระยะเวลา ๓ เดือนนบั แตํวันยืน่ คําร๎อง กรณีคืนเงินภาษีอากรท่ีชาํ ระตามการประเมินของเจ๎าพนักงานประเมนิ /ตามคําส่ังของเจ๎าหน๎าท่ี หรอื คืนเงินภาษี การคา๎ ทช่ี ําระสาํ หรับสินคา๎ ที่นําเข๎าใน หรือสํงออกนอก ให๎เร่ิมคิดดอกเบ้ียตั้งแตวํ ันชําระภาษอี ากร - การคิดดอกเบย้ี ให๎คิดตอํ เม่ือได๎มกี ารย่นื แบบ/คาํ รอ๎ งขอคืนภายในเวลาทีก่ ฎหมายกาํ หนด หรือภายในเวลาที่ ไดร๎ บั การขยาย เล่อื นให๎ - กรณเี จ๎าพนักงานเรยี กเอกสาร หรอื หลกั ฐานเพ่ิมเตมิ เพ่ือตรวจสอบวําได๎ถูกหัก/เสียภาษีเกินกวําทต่ี ๎องเสีย ผย๎ู น่ื คําร๎องต๎องนําเอกสารไปแสดงภายในเวลาที่กําหนด (ไมนํ อ๎ ยกวํา ๑๕ วันนบั แตวํ นั ไดร๎ บั คําส่งั ) กรณีมเี หตุขยาย ระยะเวลา ให๎ระงับการคิดดอกเบ้ียจนถงึ วันท่ีไดป๎ ฏิบัตติ ามคาํ สง่ั - ถ๎าไมํปฏิบัติตามคาํ ส่งั ภายในเวลาที่กาํ หนดหรอื ขยายให๎ ให๎ระงบั การคิดดอกเบีย้ ตั้งแตํวนั สุดท๎ายของเวลาที่เจา๎ พนักงานสั่ง ม.๗ บรรดารายการ,รายงาน,เอกสารอน่ื ซึง่ บริษัท,หจก. ต๎องทําย่นื ใหก๎ รรมการ หรอื ผ๎ูเป็นหน๎ุ สํวนผู๎จัดการ หรือ ผูจ๎ ัดการเปน็ ผล๎ู งลายมอื ช่ือ ม.๘ หมายเรยี ก หนงั สอื แจง๎ ให๎เสยี ภาษี หนงั สืออื่น ใหส๎ ํงทางไปรษณยี ๑ หรอื เจ๎าพนกั งานสรรพากรนาํ ไปสํง ณ ภูมลิ ําเนา หรอื ถ่นิ ท่ีอยํู หรือสํานกั งานของบุคคลน้ัน ระหวาํ งพระอาทิตยข๑ ้นึ -ตก หรอื เวลาทาํ การของบุคคลนั้น ถ๎าไมํ พบผูร๎ ับ จะสํงใหแ๎ กผํ ูใ๎ ดท่ีบรรลุนติ ิภาวะเป็น และอยํู/ทํางานในบ๎านน้ันกไ็ ด๎ กรณีไมํสามารถสงํ ตามวิธดี งั กลําวได๎ ให๎ ปิดหมาย ในที่ซ่งึ เหน็ ไดง๎ ําย ณ ที่อยูํ/ สํานักงานของบุคคลนน้ั /บา๎ นทม่ี ชี อ่ื อยใํู นทะเบยี นราษฎรครัง้ สุดทา๎ ย หรอื โฆษณาข๎อความยํอในหนังสอื พมิ พท๑ ี่จําหนํายเปน็ ปกติในท๎องทนี่ ั้นก็ได๎ (สรุป- ให๎สงํ ทางไปรษณยี ๑หรือเจา๎ พนกั งานสรรพากรนําไปสํงกอํ นเปน็ ลําดับแรก ถ๎าสงํ ไมํได๎ใหเ๎ ลือกใช๎วิธีปดิ หมาย หรือโฆษณาขอ๎ ความยํอในหนังสอื พิมพว๑ ิธใี ดวธิ ีหน่งึ ) ม.๙ คํานวณเงินตราตาํ งประเทศเปน็ เงนิ ตราไทย ใหค๎ ิดตามอัตราแลกเปลี่ยนซ่ึงกระทรวงการคลงั กําหนด ม.๑๐ หา๎ มเจ๎าพนักงานเปิดเผยกิจการของผูเ๎ สยี ภาษีแกผํ ู๎ใด เวน๎ แตํจะมีอํานาจทาํ ได๎ตามกฎหมาย(ฝาุ ฝนื มีอัตราโทษ ปรบั ไมํเกนิ ๕๐๐ บาท) ม.๑๐ ทวิ เพื่อประโยชน๑การจัดเกบ็ ภาษี อธบิ ดีมีอาํ นาจเปดิ เผยรายละเอียดดังนี้ - ชื่อผ๎ูประกอบการจดทะเบยี นภาษีมูลคําเพ่ิม ฐานภาษมี ลู คาํ เพ่ิม จํานวนภาษีมลู คําเพมิ่ ทถี่ ูกประเมนิ - ชอ่ื ผูเ๎ สยี ภาษีและจํานวนภาษีอากรท่ีเสยี - ช่ือผู๎สอบบญั ชี พฤติการณ๑ ท่ีเก่ียวกับการตรวจสอบรบั รอง ทง้ั นต้ี ามระเบียบท่ีรฐั มนตรีกําหนด ม.๑๑ การเสยี ภาษีที่อํานาจให๎ถอื วาํ สมบรู ณเ๑ ม่อื ได๎รับใบเสรจ็ รับเงินซง่ึ นายอาํ เภอลงลายมือชื่อรบั เงนิ แลว๎ นนท์ เศรษฐวิวฒั น์

๘๖ ม.๑๑ ทวิ ขอใบแทนใบเสรจ็ รบั เงนิ ได๎ ณ ทว่ี าํ การอาํ เภอ คาํ ธรรมเนียมฉบบั ละ ๕๐ สตางค๑ ม.๑๒ ภาษอี ากรถา๎ ไมํเสยี ให๎ถือวําเปน็ ภาษีอากรค๎าง ใหอ๎ ธิบดีมีอํานาจสง่ั ยึด หรอื อายัด ขายทอดตลาดไดท๎ ัว่ ราชอาณาจกั ร โดยไมํต๎องขอใหศ๎ าลออกหมายยึด/สงั่ อํานาจนน้ั อาจมอบใหส๎ รรพากรเขต ผวจ. นายอําเภอ แตํ นายอาํ เภอจะขายทอดตลาดได๎ต๎องให๎ผวจ.อนญุ าตกํอน - การยึด ขายทอดตลาด ให๎ปฏบิ ตั ติ าม ป.วแิ พํง สํวนอายัด ใหต๎ ามปฏิบตั ติ ามระเบยี บที่อธิบดีกําหนด - เงนิ ทไ่ี ด๎จากการขายทอดตลาด ใหห๎ ักคําธรรมเนยี ม คําใช๎จํายในการยึดและขายทอดตลาด และเงินภาษี อากรคา๎ ง ถา๎ เหลือให๎คนื แกเํ จ๎าของทรัพย๑สนิ ม.๑๒ ทวิเมือ่ ได๎มีคําสง่ั ยึด/อายดั ห๎ามผ๎ูใดทาํ ลาย ยา๎ ย ซํอนเร๎น โอนทรพั ย๑สินให๎แกํผูใ๎ ด ม.๑๒ ตรี ให๎มอี ํานาจออกหมายเรียกผ๎ตู ๎องรับผดิ ชาํ ระภาษีอากรค๎าง และบคุ คลใดๆ มาใหถ๎ ๎อยคาํ สํงบัญชี เอกสาร มาตรวจสอบได๎ ตรวจค๎น ยดึ โดยทาํ เปน็ หนงั สอื การออกหมายตอ๎ งใหเ๎ วลาลวํ งหนา๎ ไมนํ ๎อยกวาํ ๗ วนั นบั แตวํ นั รบั หนงั สอื ม.๑๓ ทวิ คณะกรรมการวนิ จิ ฉยั ภาษีอากร ประกอบด๎วย ปลัดกระทรวงการคลัง อธิบดกี รมสรรพากร อธบิ ดีกรม ศุลกากร อธิบดกี รมกสรรพสามติ ผอ๎ู าํ นวยการสาํ นกั งานเศรษฐกจิ การคลงั เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา และ ผ๎ูทรงคุณวุฒิอีก ๓ คน ซงึ่ รัฐมนตรีแตงํ ตั้ง ข๎าราชการกระทรวงการคลงั เปน็ เลขานุการ กรรมการให๎มีวาระ ๓ ปี ใหม๎ อี าํ นาจ - กําหนดขอบเขตการใช๎อาํ นาจของเจา๎ พนักงานประเมิน - กาํ หนดหลกั เกณฑ๑ วธิ ีการ ระยะเวลาในการตรวจสอบและประเมินภาษี - วนิ จิ ฉัยปญ๓ หาเกยี่ วกับภาษอี ากรท่กี รมสรรพากรขอความเห็น - ให๎คําปรกึ ษา เสนอแนะแกํ รมต. ในการจดั เกบ็ ภาษอี ากร ม.๑๖ เจา๎ พนักงานประเมนิ หมายความวาํ บุคคลที่รัฐมนตรีแตํงตัง้ ม.๑๗ ให๎ยื่นรายการภายในกาํ หนดเวลาวําดว๎ ยภาษอี ากรตํางๆ ตามแบบที่อธบิ ดีกําหนด - ใหม๎ บี ญั ชีพเิ ศษ จัดทําบัญชีงบดลุ หรือบัญชอี นื่ ๆ แสดงรายการหรอื แจ๎งข๎อความใดๆ ยืน่ พร๎อมแบบ ม.๑๘ รายการทย่ี ่ืนเสียภาษีนั้น ใหอ๎ ําเภอ/เจ๎าพนักงานประเมนิ เปน็ ผปู๎ ระเมิน แจ๎งจํานวนภาษีใหผ๎ ๎ูต๎องเสยี ภาษี ใน กรณีผ๎ตู ๎องเสยี ภาษีตายกํอนไดร๎ บั แจง๎ จาํ นวนภาษที ป่ี ระเมิน ให๎อําเภอ/เจา๎ พนักงานประเมินแจง๎ ไปยังผ๎จู ัดการมรดก หรือทายาท หรือผูค๎ รอบครองทรพั ย๑มรดก ม.๑๘ ทวิ เจ๎าพนกั งานประเมินมีอํานาจประเมินภาษีกํอนถึงกําหนดยืน่ รายการได๎ และแจง๎ ใหไ๎ ปเสยี ภายใน ๗ วัน นับแตวํ ันไดร๎ ับแจง๎ การประเมิน ม.๑๙ การออกหมายเรยี ก ต๎องใหเ๎ วลาไมํน๎อยกวาํ ๗ วันนับแตํวันสงํ หมาย ตอ๎ งกระทําภายใน ๒ ปีนบั แตวํ นั ทไ่ี ด๎ ย่ืนรายการ ไมวํ ําการย่นื รายการจะกระทาํ ภายในเวลาที่กฎหมายกาํ หนด หรอื ขยาย เลอื่ นออกหรือไมํ แล๎วแตวํ ันใดจะ เปน็ วันหลงั แตํถ๎าหลีกเลีย่ งภาษอี ธิบดีอนุมตั ิให๎ขยายเวลาออกหมายเรยี กเกินกวาํ ๒ ปีกไ็ ด๎แตํไมํเกิน ๕ ปนี บั แตํวันท่ี ไดย๎ ่ืนรายการ แตกํ รณีขอคนื ภาษีให๎ขยายไดไ๎ มํเกินกําหนดเวลาตามที่มสี ทิ ธขิ อคืนภาษี ม.๒๐ ออกหมายเรยี กตาม ม.๑๙ แลว๎ เจ๎าพนักงานประเมินมีอํานาจแก๎จํานวนเงนิ ท่ีประเมิน /ย่ืนรายการไว๎เดิมและ แจง๎ จาํ นวนเงนิ ท่ตี ๎องชําระแกํผ๎ตู อ๎ งเสยี ภาษี - กรณนี ี้อุทธรณไ๑ ด๎ ม.๒๑ ผู๎เสียภาษที ่ไี มํยอมปฏบิ ตั ิตามคําส่งั เจา๎ พนักงาน โดยไมํมเี หตผุ ลอันสมควร เจา๎ พนกั งานประเมนิ มีอาํ นาจ ประเมินภาษตี ามท่ีร๎ูเห็นวาํ ถูกตอ๎ ง และแจง๎ จํานวนเงินท่ตี ๎องชําระ - กรณีนี้ห๎ามอทุ ธรณ๑ ม.๒๒ เบ้ยี ปรับ ๑ เทําของภาษที ่ตี ๎องชําระตาม ม.๒๐ หรือ ๒๑ ม.๒๓ ผทู๎ ีไ่ มยํ ่นื แบบ ให๎ออกหมายเรยี กไดโ๎ ดยตอ๎ งใหเ๎ วลาลํวงหน๎าไมํนอ๎ ยกวํา ๗ วนั นบั แตวํ ันสงํ หมาย ม.๒๔ อาํ นาจการประเมนิ ตาม ม.๒๓ - อทุ ธรณ๑ได๎ นนท์ เศรษฐวิวฒั น์

๘๗ ม.๒๕ ได๎รับหมายเรยี กแลว๎ ไมํปฏบิ ัติตามหมาย ไมํตอบคําถาม ไมํมีเหตผุ ลอันสมควร ใหป๎ ระเมินภาษีได๎–ห๎ามอุทธรณ๑ ม.๒๖ ประเมนิ ตาม ม.๒๔ - ๒๕ ต๎องเสยี เบย้ี ปรับ ๒ เทําของภาษีท่ีต๎องชาํ ระ ม.๒๗ ไมเํ สียภาษีภายในกําหนดเวลา ให๎เสียเงินเพ่ิมร๎อยละ ๑.๕ ตํอเดือน /เศษของเดือน ของเงินภาษีท่ีต๎องนาํ สงํ โดย ไมรํ วมเบ้ยี ปรับ - ให๎นับเมื่อพน๎ กําหนดเวลาการยน่ื แบบ จนถงึ วนั ชําระ หรอื นําสงํ ภาษแี ตมํ ิใหเ๎ กนิ กวาํ จาํ นวนภาษีทีต่ ๎องเสยี ม.๒๗ ทวิ เบยี้ ปรบั ม.๒๒ ๒๖ เงนิ เพ่มิ ม.๒๗ ใหถ๎ ือเป็นเงินภาษี ม.๒๗ ตรี เว๎นแตมํ บี ทบัญญัติไว๎เป็นอยาํ งอน่ื การขอคืนภาษีอากรและภาษีทถี่ ูกหักไว๎ ณ ที่จําย และนาํ สํงแล๎ว เป็น จาํ นวนเงินเกินกวําท่ีควรตอ๎ งเสยี ภาษี หรือท่ไี มํมีหน๎าท่ีต๎องเสีย ใหผ๎ ๎มู สี ิทธขิ อคนื ยน่ื คําร๎องขอคืนภายใน ๓ ปนี บั แตํ วนั สดุ ทา๎ ยแหงํ กําหนดเวลายื่นแบบตามที่กฎหมายกําหนด เวน๎ แตํ ๑. ผ๎มู สี ทิ ธขิ อคนื ได๎ย่นื รายการเมอ่ื พ๎นเวลาท่ีกาํ หนด หรอื ไดย๎ น่ื รายการภายในเวลาที่ รมต. หรืออธิบดขี ยาย หรือเลื่อนออกไป ให๎ยน่ื คาํ ร๎องขอคนื ภายใน ๓ ปนี บั แตํวนั ทไ่ี ดย๎ นื่ รายการ ๒. กรณีอุทธรณ๑ หรอื เป็นคดใี นศาล ให๎ผม๎ู สี ิทธิขอคืนยื่นคํารอ๎ งขอคนื ภายใน ๓ ปนี บั แตวํ ันทไี่ ด๎รับแจ๎งคาํ วนิ ิจฉัยฯ เป็นหนงั สือ หรือนับแตํวันท่ีมีคาํ พพิ ากษาถงึ ทีส่ ุดแล๎วแตํกรณี ม.๒๗ จัตวา เพ่ือประโยชนใ๑ นการคนื ภาษีอาจใหผ๎ ๎ูมสี ทิ ธขิ อคนื บคุ คลอืน่ ท่เี ก่ียวข๎องมาให๎ถอ๎ ยคํา สํงเอกสาร หลักฐาน เพ่ือประกอบการพิจารณาไดต๎ ามสมควร ม.๒๙ การอทุ ธรณ๑การประเมินภาษที อ่ี าํ เภอมีหน๎าทป่ี ระเมิน ให๎อทุ ธรณก๑ ารประเมินของอาํ เภอตํอเจา๎ พนกั งาน ประเมนิ ภายใน ๑๕ วนั นบั แตํวนั ได๎รบั แจ๎งการประเมิน เวน๎ แตปํ ระเมนิ ตาม ม.๒๑ หรือ ม.๒๕ ใหอ๎ ุทธรณ๑ตํอ ผวจ. ภายใน ๑๕ วันนบั แตวํ ันได๎รบั แจ๎งคําวินจิ ฉยั ฯ หรอื รบั แจ๎งการประเมินตาม ม.๑๘ ทวิ ม.๓๐ อุทธรณ๑การประเมินที่อําเภอไมํมหี นา๎ ทปี่ ระเมนิ ใหอ๎ ุทธรณ๑ภายใน ๓๐ วัน นบั แตวํ ันได๎รับแจง๎ การประเมนิ เวน๎ แตํ ม.๒๑ หรือ ม.๒๕ คณะกรรมการพจิ ารณาอุทธรณ๑ = อธบิ ดี ผ๎แู ทนกรมอัยการ ผแู๎ ทนกรมมหาดไทย (กทม) = ผวู๎ ําราชการจงั หวดั สรรพากรภาค อยั การจงั หวดั (ตาํ งจังหวดั ) เวน๎ แตํการห๎ามอทุ ธรณ๑ตาม ม.๓๓ ใหอ๎ ุทธรณต๑ ํอศาลภายใน ๓๐ วัน นับแตํวนั ได๎รับแจ๎งคําวนิ ิจฉยั อุทธรณ๑ ม.๓๑ การอุทธรณ๑ไมเํ ป็นการทเุ ลาภาษีถ๎าไมํเสียก็ถือวาํ เป็นภาษอี ากรคา๎ งตาม ม.๑๒ ม๓๒ คณะกรรมการอุทธรณ๑มีอํานาจออกหมายเรียกผ๎ูอุทธรณ๑มาไตสํ วน พยาน สงํ สมุดบัญชี หลักฐานอืน่ แตํต๎องให๎ เวลาไมนํ ๎อยกวํา ๑๕ วนั นับแตวํ ันสงํ หมาย ม.๓๓ ไมปํ ฏบิ ตั ิตาม ม.๓๒ โดยไมํมเี หตผุ ลอันสมควร ผูน๎ นั้ หมดสิทธจิ ะอุทธรณค๑ ําวนิ จิ ฉัยอทุ ธรณต๑ ํอไป ม.๓๔ คําวนิ จิ ฉยั อทุ ธรณ๑ ใหท๎ ําเป็นหนงั สอื และสงํ ให๎ผ๎อู ุทธรณ๑ ม. ๓๕ ผูใ๎ ดไมปํ ฏบิ ตั ิตามมาตรา ๑๗ มาตรา ๕๐ ทวิ มาตรา ๕๑ หรอื มาตรา ๖๙ เวน๎ แตํจะแสดงวาํ ได๎มีเหตสุ ดุ วสิ ัย ต๎องระวางโทษปรบั ไมเํ กนิ สองพันบาท ม.๓๕ ทวิ ผู๎ใดฝุาฝนื ม. ๑๒ ทวิ(เมอื่ ไดม๎ ีคําสง่ั ยึด/อายัด ห๎ามผใ๎ู ดทาํ ลาย ยา๎ ย ซอํ นเร๎น โอนทรพั ยส๑ นิ ใหแ๎ กผํ ู๎ใด) จาํ คุกไมเํ กนิ สองปีและปรับไมํเกนิ สองแสนบาท ถา๎ เปน็ นิตบิ คุ คล กรรมการผจู๎ ดั การ ผ๎จู ัดการ ผูแ๎ ทนของนิตบิ ุคคล นั้น ตอ๎ งรับโทษดว๎ ย เวน๎ แตจํ ะพสิ ูจน๑ได๎วาํ มไิ ด๎มสี วํ นในการกระทาํ ความผิดของนิติบุคคลนั้น ม.๓๖ ผูใ๎ ดจงใจไมํปฏิบัติตามหมายเรยี ก/คําสงั่ อธบิ ดี/สรรพากรจงั หวัด/เจา๎ พนักงานประเมิน/ ผ๎ูวาํ ราชการจงั หวดั / กรรมการทอ่ี อกตาม ม.๑๒ ตรี ม.๑๙ ม.๒๓ ม.๓๒ หรอื ไมํยอมตอบคาํ ถามเมือ่ ซักถาม มีความผิดตอ๎ งระวางโทษ จําคุกไมํเกินหนึ่งเดือน/ปรับไมํเกินสองพนั บาท หรือท้ังจําท้งั ปรบั นนท์ เศรษฐวิวฒั น์

๘๘ ม. ๓๗ ผใู๎ ดกระทาํ การดงั ตํอไปนี้ ต๎องระวางโทษจําคุกตง้ั แตํสามเดอื นถงึ เจด็ ปี และปรับตั้งแตํสองพนั บาทถงึ สองแสน บาท (๑) โดยเจตนาแจง๎ ข๎อความเทจ็ หรือให๎ถอ๎ ยคําเท็จ หรือตอบคําถามดว๎ ยถ๎อยคําอันเปน็ เท็จ หรอื นํา พยานหลักฐานเทจ็ มาแสดง เพอ่ื หลีกเลีย่ งการเสยี ภาษีอากรหรือเพ่ือขอคืนภาษีอากร หรือ (๒) โดยความเท็จ โดยฉอ๎ โกงหรืออบุ าย หรือโดยวธิ ีการอ่นื ใดทํานองเดยี วกัน หลีกเลยี่ ง หรือพยายามหลกี เล่ยี ง การเสยี ภาษีอากรหรือขอคนื ภาษอี ากร ม.๓๗ ทวิ ผู๎ใดโดยเจตนาไมํยื่นรายการท่ีต๎องยื่นตามลักษณะนี้ เพ่ือหลีกเล่ยี ง การเสียภาษีอากร ต๎องระวางโทษจาํ คุก ไมเํ กนิ หน่ึงปี หรอื ปรับไมํเกินสองแสนบาท หรือท้ังจําทั้งปรับ ม.๓๙ เงนิ ได๎พึงประเมนิ หมายถงึ เงินได๎อนั เข๎าลกั ษณะพงึ เสยี ภาษี รวมถงึ ทรพั ย๑สนิ ประโยชน๑อยาํ งอ่นื ที่ไดร๎ ับหรือ อาจคิดคาํ นวณไดเ๎ ปน็ เงนิ คาํ ภาษอี ากรที่ผ๎ูอืน่ ออกให๎ และเครดิตภาษีตาม ม. ๔๗ ทวิ บรษิ ทั หรือหา๎ งหน๎ุ สํวนนิติบุคคลในเครอื เดยี วกนั หมายความวําบริษทั หรอื หา๎ งหุน๎ สวํ นนิตบิ คุ คลตงั้ แตํสองนิติบุคคล ขึน้ ไปมีความสัมพนั ธก๑ นั ในลกั ษณะดังนี้ - ผถ๎ู อื หุ๎นเกินกึ่งจาํ นวนในนิติฯ หนงึ่ ไปถอื ห๎นุ เกนิ ก่ึงจํานวนในนติ ิฯ หนงึ่ - ผถ๎ู ือหุน๎ ทถ่ี ือหุน๎ ในนติ ิฯ หนึ่งเกนิ รอ๎ ยละ ๕๐ ของทนุ ไปถือห๎นุ ในอีกนติ ฯิ หน่ึงเกินร๎อยละ ๕๐ ของทุน - นติ ิฯ หน่งึ ถือหนุ๎ ในอีกนิติฯ หนง่ึ เกนิ ร๎อยละ ๕๐ - บุคคลเกินกงึ่ ของจํานวนกรรมการ/ผเ๎ู ป็นหน๎ุ สวํ นซ่งึ มีอาํ นาจจัดการในนิตฯิ หนงึ่ เป็นกรรมการมีอํานาจ จดั การในอีกนิติฯ หน่งึ “ปีภาษี” หมายถงึ ปีประดิทนิ บริษทั จดทะเบยี น หมายถงึ บริษทั จดทะเบยี นในตลาดหลักทรพั ย๑แหงํ ประเทศไทย บริษัทจดั การกิจการลงทุน หมายถึง บริษทั หลักทรัพย๑ที่ได๎รับอนุญาตใหป๎ ระกอบกจิ การจัดการลงทนุ ตามกฎหมาย การควบคมุ กจิ การคา๎ ขายอันกระทบถงึ ความปลอดภยั /ผาสกุ แหงํ สาธารณชน กองทุนรวม หมายถึง คณะบุคคลทเ่ี ข๎ารวํ มในกองทนุ ซ่งึ จัดต้ังและดําเนินโดยบริษัทจดั การกจิ การลงทุนตาม โครงการในการประกอบกจิ การจดั การลงทนุ ตามกฎหมายวาํ ด๎วยการควบคุมกจิ การค๎าขายอนั กระทบถึงความ ปลอดภัยหรือผาสุกแหํงสาธารณชน ขาย รวมถงึ ขายฝาก แลกเปลยี่ น ให๎ โอนกรรมสิทธิหรือสิทธิครอบครองในอสงั หาริมทรัพย๑ไมํวําดว๎ ยวิธใี ด และไมํวําจะมีคาํ ตอบแทนหรือไมํ แตํไมํรวมถึงการให๎แกํสํวนราชการ/รัฐวสิ าหกิจทม่ี ใิ ชนํ ิตบิ คุ คลตามหลักเกณฑ๑ เงื่อนไข ราคาทีก่ าํ หนดโดยพระราชกฤษฎีกา /การโอนโดยทางมรดกใหแ๎ กํทายาท(อสงั หาฯ หรอื สิทธิครอบครองใน อสงั หาฯ) (จะแตกตํางกับคําวํา “ขาย” ของภาษีมูลคาํ เพม่ิ และภาษีธรุ กิจเฉพาะ ดู ม.๗๑/๑(๘) และ ม.๙๑/๑(๔) ประกอบ) ราคาขาย รวมถงึ ราคาท่ีเจ๎าพนักงานประเมนิ กําหนดตามมาตรา ๔๙ ทวิ สทิ ธคิ รอบครอง หมายถึง สิทธิครอบครองในการถือครองอสังหารมิ ทรัพย๑ ม.๔๐ ทวิ ผู๎ใดสํงสินค๎าออกไปตาํ งประเทศให๎แกํ/คําสัง่ ของสาํ นกั งานใหญํ สาขา ตวั การ ตวั แทน นายจ๎างหรือลกู จา๎ ง ใหถ๎ อื วําขายในประเทศไทยด๎วย ตามราคาตลาดในวันทีสงํ ไป เป็นเงนิ ไดใ๎ นปีทสี่ งํ ไปยกเว๎น เป็นของทสี่ ํงไปเปน็ ตัวอยําง การวจิ ยั เปน็ ของผาํ นแดน นําเขา๎ มาและสงํ กลบั ภายใน ๑ ปี หรือสํงออกและนาํ เข๎ามาภายใน ๑ ปี(ถือวําสาํ นักงาน ใหญํเปน็ ผู๎ซอื้ (ในไทย) แล๎วขายไปตาํ งประเทศแตํให๎ผ๎ูขายเป็นผสู๎ งํ แทน) ม.๔๑ เงนิ ได๎พงึ ประเมนิ ในปที ี่ลํวงมาแล๎ว เนอื่ งจากหนา๎ ท่งี าน /กิจการทที่ ําในประเทศไทย / เน่อื งจากกิจการนายจา๎ ง ในประเทศไทย /เน่อื งจากทรัพย๑ สินทอ่ี ยใํู นประเทศไทย ตอ๎ งเสยี ภาษใี นประเทศไทย ไมํวําเงนิ ไดน๎ น้ั จะจํายในหรอื นอกประเทศ นนท์ เศรษฐวิวฒั น์

๘๙ ผอ๎ู ยูํในประเทศไทยมเี งินไดพ๎ ึงประเมนิ ตาม ม ๔๐ ในปีภาษที ่ีลวํ งมาแลว๎ เนอ่ื งจากหน๎าทีง่ าน/กิจการทีท่ ําใน ตาํ งประเทศ /ทรพั ย๑สินทอี่ ยํูในตํางประเทศ ตอ๎ งเสยี เมื่อนาํ เงนิ ได๎ น้ันเข๎ามาในประเทศไทย ผูใ๎ ดอยูํในประเทศไทยรวมกัน ๑๘๐ วันในปีภาษีใด ถือวาํ เปน็ ผูอ๎ ยํใู นประเทศไทย ม.๔๑ ทวิ การโอนกรรมสิทธิ์/สทิ ธคิ รอบครองในอสังหาริมทรพั ยโ๑ ดยไมํมคี ําตอบแทนให๎ถอื วําผู๎โอนเปน็ ผ๎มู ีเงินได๎และ ตอ๎ งเสยี ภาษี ม.๔๒ เงนิ ได๎พึงประเมนิ ท่ีได๎รับการยกเว๎นไมํต๎องเสยี ภาษี - คาํ เบยี้ เลี้ยง พาหนะทล่ี ูกจา๎ งได๎จาํ ยไปทั้งหมดโดยสจุ ริตตามความจําเปน็ ในการที่ต๎องปฏิบัติตามหนา๎ ทีข่ องตน - คําพาหนะ เบี้ยเลย้ี งตามอตั ราทีร่ ัฐบาลกาํ หนด - เงินคําเดนิ ทางทนี่ ายจา๎ งจํายให๎ลกู จ๎างเฉพาะสํวนท่ีได๎จาํ ยทั้งหมดเพ่อื การเดนิ ทางจากตํางถน่ิ ในการรบั งาน คร้งั แรก หรือกลบั ถน่ิ เมอื่ การจ๎างสน้ิ สุดลง ยกเว๎นลกู จา๎ งกลับมาทาํ งานใหมทํ ี่เดิมภายใน ๓๖๕ วันนับแตํวันที่การจา๎ ง ครง้ั กํอนได๎สน้ิ สุดลง - เงนิ ประโยชนท๑ ดแทนที่ได๎รับจากกองทนุ ประกันสงั คมตามกฎหมายวาํ ด๎วยการประกันสังคม - เงนิ จากการขาย/สวํ นลดจากการซ้ืออากรแสตมป์ หรือแสตมปไ์ ปรษณียย๑ ากรของรัฐบาล - เบย้ี ประชุม คําสอน คําสอบท่ีทางราชการ/สถานศึกษาของทางราชการจาํ ยให๎ - ดอกเบ้ียสลากออมสนิ ดอกเบี้ยเงินฝากออมสนิ เผื่อเรยี ก ดอกเบย้ี จากสหกรณ๑ ดอกเบี้ยออมทรัพย๑ทไ่ี มํ เกิน ๑๐,๐๐๐ บาท - การขายสงั หาริมทรัพยท๑ เี่ ป็นมรดก หรอื ไมมํ าโดยไมํมํุงในทางการคา๎ หากาํ ไร - เงนิ ไดโ๎ ดยหน๎าทธ่ี รรมจรรยา เงินได๎จากการรับมรดก ให๎โดยเสนหํ าเนื่องในพธิ โี อกาสแหงํ ประเพณี - เงนิ รางวัลเพ่ือการศึกษา คน๎ ควา๎ ในวิทยากร รางวัลสลากกินแบงํ หรอื สลากออมสินรัฐบาล รางวัลท่ีรฐั บาล จาํ ยให๎ในการประกวด แขงํ ขัน ทผ่ี รู๎ บั มไิ ด๎มีอาชพี ประกวดแขํงขนั สินบนรางวัลที่ราชการจาํ ยใหใ๎ นการปราบปรามการ กระทาํ ผดิ - คาํ สินไหมทดแทน - ดอกเบย้ี ท่ีได๎รบั ตาม ม. ๔ ทศ ม. ๔๒ ทวิ การหกั คําใช๎จาํ ย ม.๔๐ (๑) และ (๒) หักรอ๎ ยละ ๔๐ แตไํ มํเกิน ๖๐,๐๐๐ บาท ม.๔๒ ตรี คาํ ลขิ สิทธ์ิหกั คําใช๎จาํ ยเปน็ การเหมาไดร๎ ๎อยละ ๔๐ ไมเํ กิน ๖๐,๐๐๐ บาท ม.๔๗ ใหห๎ ักคําลดหยอํ นเพ่ือเปน็ การบรรเทาภาระภาษี - ผู๎มีเงนิ ได๎ คสูํ มรส คนละ ๓๐,๐๐๐ บาท บุตรคนละ ๑๕,๐๐๐ บาท ไมํเกิน ๓ คน (อายุไมํเกนิ ๒๕ ปี และ ศกึ ษาในอุดมศึกษา หรอื ผเู๎ ยาว๑ ศาลส่ังไร๎ความสามารถ เสมือนไร๎ความสามารถ ไมํมีเงนิ ไดต๎ ง้ั แตํ ๑๕,๐๐๐ บาท ขน้ึ ไป) - บตุ รบญุ ธรรม ใหห๎ กั ได๎เฉพาะของผ๎ูมีเงินได๎ บุตรท่ชี อบด๎วยกฎหมายหักได๎ทัง้ ของคสํู มรสดว๎ ย - เบีย้ ประกัน ๑๐,๐๐๐ บาท (กรมธรรม๑๑ ๐ ปีขึ้นไป ทํากบั กิจการประกันชวี ิตในราชอาณาจักร หกั ได๎ทั้งผ๎มู ีเงิน ได๎และคสูํ มรส (สํวนทเ่ี กนิ ไดร๎ ับยกเว๎นสาํ หรับผมู๎ เี งนิ ได๎อกี ไมํเกนิ ๙๐,๐๐๐ บาท) - ดอกเบ้ียเงนิ กยู๎ มื ซ้ือ สร๎างอาคารอยํูอาศัย ไมเํ กิน ๑๐,๐๐๐ บาท (สํวนทเ่ี กนิ ได๎รับยกเว๎นอกี ไมํเกิน๙๐,๐๐๐ บาท) - ผมู๎ ีเงินได๎มิไดอ๎ ยูํในไทย หกั ลดหยํอนไดเ๎ ฉพาะคูสํ มรสและบุตรท่ีอยํูในไทย - เงนิ บรจิ าคหกั ไดเ๎ ทาํ ทบี่ ริจาคและไมเํ กนิ ร๎อยละ ๑๐ ของเงินท่เี หลือนั้น ม.๔๘ การคํานวณภาษี สาํ หรบั ผม๎ู ีเงนิ ไดต๎ ัง้ แตํ๖๐,๐๐๐ บาทข้นึ ไป ใหเ๎ สียไมํน๎อยกวาํ ร๎อยละ ๐.๕ ของเงนิ ได๎ ไมรํ วม ม.๔๐(๑) นนท์ เศรษฐวิวฒั น์

๙๐ - ผม๎ู เี งินไดจ๎ ะเลือกเสียภาษีในอตั ราร๎อยละ ๑๕ ของเงนิ ไดโ๎ ดยไมํต๎องนาํ ไปคํานวณภาษีตามอัตรากา๎ วหนา๎ หรอื ร๎อยละ ๐.๕ กไ็ ด๎คือ ก. ดอกเบ้ีย ข. ผลตาํ งระหวาํ งราคาไถํถอนกบั ราคาจาํ หนํายต๋วั เงิน ตราสารแสดงสิทธิในหน้ี ค. ผลประโยชน๑ทีไ่ ด๎จากการโอนพันธบตั ร หุน๎ ก๎ู ตว๋ั เงนิ ตราสารแสดงสทิ ธิในหนที้ ่ีบริษัท หรือห๎างหุน๎ สวํ นนิติ บคุ คลเปน็ ผู๎ออก เฉพาะทีต่ รี าคาเป็นเงินได๎เกนิ กวําทลี่ งทนุ - ผม๎ู เี งินไดท๎ ี่อยใํู นประเทศไทยจะเลือกเสยี ภาษีในอัตราร๎อยละ ๑๐ ของเงินได๎ก็ตามสาํ หรับ ม.๔๐ (๔) (ข)ที่ ไดร๎ ับจากบริษทั หรือนติ ิบุคคลทีต่ ัง้ ตามกฎหมายไทย กองทนุ รวม สถาบนั การเงนิ ที่มีกฎหมายโดยเฉพาะของประเทศ ไทยทต่ี ้ังเพ่ือสงํ เสรมิ เกษตร พาณชิ ยกรรม อตุ สาหกรรม ก็ได๎ - เงินไดจ๎ าการขายอสังหาริมทรพั ย๑ ทไ่ี ดร๎ ับจากมรดก หรอื มไิ ดม๎ ํุงหากาํ ไร “จํานวนปีท่ีถือครอง” นับตัง้ แตํปีทไี่ ดร๎ บั กรรมสิทธิ หรอื สทิ ธิครอบครอง ถึงปที ่ีโอน เศษของปใี ห๎ถือ ๑ ปี ม.๔๙ ให๎เจา๎ พนักงานประเมินกาํ หนดจาํ นวนเงินได๎สุทธขิ ้ึน โดยถอื เงินหรอื ทรพั ยส๑ นิ ท่ีเป็นกรรมสทิ ธ์หิ รือเข๎ามาอยใํู น ครอบครอง หรือรายจําย หรือฐานะความเป็นอยํู หรือพฤติการณข๑ องผม๎ู เี งินได๎ หรอื สถิตเิ งินไดข๎ องผ๎มู ีเงนิ ไดเ๎ อง หรือ ของผ๎ูอื่นท่ีกระทาํ การทาํ นองเดยี วกัน การประเมินใหน๎ าํ ม.๑๙ ถึง ๒๖ มาใช๎โดยอนโุ ลม ม.๔๙ ทวิ การโอนกรรมสิทธใิ นสิทธิครองครองในอสงั หาริมทรัพย๑โดยมี/ไมํมีคําตอบแทน ใหเ๎ จ๎าพนกั งานประเมนิ กาํ หนดราคาขายอสงั หารมิ ทรัพย๑นน้ั โดยถอื ตามราคาประเมินทนุ ทรพั ย๑เพื่อเรยี กเกบ็ คําธรรมเนยี มตามกฎหมายทดี่ นิ ม.๕๐ ภาษี หกั ณ ที่จาํ ย - เงนิ ไดต๎ าม ม๔๐(๑) และ (๒) คํานวณหาเงนิ ได๎ทง้ั ปี แลว๎ คํานวณตาม ม.๔๘ หารด๎วยจาํ นวนคราวท่ีจาํ ย - เงนิ ไดต๎ าม ม๔๐(๒) ท่ีจํายใหแ๎ กํผรู๎ บั ที่ไมํได๎อยํูในประเทศไทย ให๎หักร๎อยละ ๑๕ ของเงินได๎ - เงนิ ได๎ตาม ม๔๐(๓) และ (๔) ใหห๎ ักตามอตั ราภาษเี งนิ ได๎ (ไมมํ ีคาํ ใช๎จาํ ย) - เงนิ ไดต๎ าม ม๔๐(๓) และ (๔) ท่จี าํ ยใหแ๎ กผํ ๎ูท่ีมิได๎เปน็ ผูอ๎ ยํูในประเทศไทย ใหห๎ กั ร๎อยละ ๑๕ ของเงนิ ได๎ - เงนิ ได๎ตาม ม.๔๘ (๓) (ก) และ (ค) ให๎หกั รอ๎ ยละ ๑๕ ของเงนิ ได๎ - เงนิ ได๎ตาม ม.๔๘ (๓) (ข) ให๎ถอื วาํ ผ๎ูออกตั๋ว ออกตราสารสิทธิ เรยี กเกบ็ ภาษเี งนิ ได๎จากผม๎ู เี งนิ ได๎ร๎อยละ ๑๕ - เงนิ ได๎ตาม ม.๔๐ (๔) (ก) ที่ผูจ๎ าํ ยมิใชนํ ติ ฯิ และจํายใหแ๎ กํผูร๎ ับในไทย ไมํตอ๎ งหกั ภาษี - เงินได๎ตาม ม.๔๐ (๔) (ข) ใหห๎ กั ในอตั ราร๎อยละ ๑๐ - เงินได๎ตาม ม.๔๐ (๕) และ (๖) จาํ ยใหแ๎ กํผู๎รบั ที่มไิ ด๎อยใํู นไทย ให๎หกั ในอตั รารอ๎ ยละ ๑๕ - ผู๎จาํ ยเงินท่ีเป็นรฐั บาล องค๑การของรฐั บาล เทศบาล สขุ าภิบาล สวํ นทอ๎ งถิ่นอน่ื ท่จี ํายเงนิ ได๎ ม.๔๐ (๕),(๖) (๗) หรอื (๘) แตไํ มรํ วมคาํ พืชผลการเกษตร มีจาํ นวนต้งั แตํ ๑๐,๐๐๐ บาทข้นึ ไป แมแ๎ บํงจาํ ย ใหห๎ กั ร๎อยละ ๑ แตํ เฉพาะเงินได๎จากการประกวด หรือแขํงขัน ใหค๎ าํ นวณหักตามอัตราภาษเี งินได๎(จะหักไวใ๎ นอัตราตํา่ สุดของบัญชีอัตรา ภาษี คอื ร๎อยละ ๕) ม.๕๐ ทวิ การออกหนังสอื รบั รองภาษี หกั ณ ทจี่ ําย ม. ๓ เตรสและ ม.๕๐ (๒) (๓) หรอื (๔) ใหอ๎ อกทนั ทที ุกครั้งทมี่ ี การหกั ภาษี ณ ท่จี ําย สวํ น ม.๕๐ (๑) ใหอ๎ อกภายในวันท่ี ๑๕ กมุ ภาพันธข๑ องปีถัดจากปภี าษหี รอื ภายใน ๑ เดอื นนับ แตํวันที่ผู๎ถูกหกั ภาษี ณ ที่จาํ ยออกจากงานในระหวาํ งปภี าษี (อธบิ ดีมีอาํ นาจยกเวน๎ การออกหนงั สอื รับรองการหัก ภาษี ณ ท่ีจาํ ยได๎ในกรณีที่เห็นสมควร) ม.๕๑ เจา๎ พนักงานอาจสํงหนังสอื แจง๎ ใหผ๎ ู๎จํายเงนิ ได๎พึงประเมนิ ตาม ม.๔๐ (๑) (๒) (๓) (๔) หรือ (๗) หรอื พยานหลักฐานอื่นอันควรแกํเร่ืองตรวจสอบการหักภาษี ณ ทจี่ าํ ยได๎ตามทเ่ี หน็ สมควร และผ๎ไู ด๎รบั หนงั สือต๎องปฏิบัติ ตามภายใน ๑๕ วัน นับแตวํ นั ที่ได๎รับหนงั สือ ม.๕๒ ผู๎มีหน๎าทห่ี ักภาษี ณ ทีจ่ ํายตอ๎ งนําสงํ เงนิ ภาษี ณ ท่วี ําการอาํ เภอภายใน ๗ วัน นบั แตวํ ันทจี่ ํายเงนิ ไมํวาํ ได๎หกั นนท์ เศรษฐวิวัฒน์

๙๑ ภาษีไว๎หรือไมํกต็ าม(ขยายโดยประกาศกระทรวงการคลงั โดยให๎นาํ สํงภายใน ๗ วนั นบั แตวํ ันสนิ้ เดือนของเดอื นท่ี จาํ ยเงินได๎พงึ ประเมิน) ม.๕๒ ทวิ กอํ นถึงกําหนดเวลายน่ื รายการตามกความใน ม.๕๖ ผ๎ูมีเงินได๎ประเภททไี่ มํต๎องถูกหักภาษี ณ ทจ่ี ําย ถ๎ามี เงินได๎พึงประเมนิ ตงั้ แตํ๑๐,๐๐๐ บาทขนึ้ ไป จะนาํ ภาษตี ามเกณฑใ๑ น ม.๔๘ ไปชําระตํออาํ เภอพร๎อมกบั ยื่นรายการ ตามแบบท่ีอธิบดีกาํ หนดก็ได๎ ภาษีทีชําระนใ้ี หถ๎ ือเป็นเครดิตในการคํานวณภาษี ม.๕๓ รฐั บาล/องค๑การของรัฐบาล เปน็ ผจ๎ู าํ ยเงินได๎พึงประเมินตาม ม.๔๐ ให๎เปน็ หน๎าที่ของเจา๎ พนักงานผ๎ูจาํ ยเงนิ ตรวจสอบใหแ๎ นวํ ําจาํ นวนเงนิ ภาษที ี่จะต๎องหกั ตาม ม.๕๐ นน้ั ไดค๎ ํานวณและจดไวใ๎ นฎกี าเบกิ เงนิ แลว๎ และใหห๎ ักเงินนน้ั กอํ นจําย ม.๕๔ ถา๎ ผ๎ูจํายเงินตราม ม.๕๐ และ ม.๕๓ มิได๎หักและนําสํง หรือสงํ ไมํครบ ผ๎ูจาํ ยเงนิ ต๎องรับผิดรํวมกบั ผ๎มู เี งนิ ได๎ใน การชาํ ระใหค๎ รบ ในกรณีทผ่ี ู๎จํายเงินได๎หักเงินภาษีไว๎ตามมาตรา ๕๐ หรอื มาตรา ๕๓ แลว๎ ให๎ผม๎ู เี งนิ ไดซ๎ ึ่งตอ๎ งเสยี ภาษพี ๎นความรับผดิ ท่ีจะต๎องชําระเงินภาษเี ทําจํานวนทีผ่ จ๎ู ํายเงนิ ไดห๎ กั ไวแ๎ ลว๎ น้ันและให๎ผ๎ูจํายเงินรบั ผิดชาํ ระภาษี จาํ นวนนัน้ ฝาุ ยเดียว ม.๕๖ เกณฑ๑การยน่ื แบบแสดงรายการ - ไมํมีสามี/ภริยาและมีเงนิ ได๎พึงประเมนิ ในปีภาษีท่ีลวํ งมาแล๎วเกนิ ๓๐,๐๐๐ บาท หรอื เฉพาะมีเงินได๎ตาม ม. ๔๐(๑) ประเภทเดียวเกิน ๕๐,๐๐๐ บาท - มีสามี/ภรยิ าและมีเงินไดพ๎ ึงประเมินในปีภาษที ีล่ วํ งมาแลว๎ เกิน ๖๐,๐๐๐ บาท หรอื เฉพาะมีเงินได๎ตาม ม.๔๐ (๑) ประเภทเดียวเกิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท - ห๎างห๎นุ สวํ น สามญั หรือคณะบุคคลท่ีมิใชํนติ ิ มเี งนิ ไดพ๎ งึ ประเมินเกนิ ๓๐,๐๐๐ บาท ใหผ๎ ๎อู าํ นวยการ/ ผ๎ูจัดการยนื่ รายการ/รบั ผิดเสียภาษี และเงินภาษีคา๎ ง ให๎ทุกคนรํวมรับผิด (ตามมาตรานี้ ใชค๎ าํ วํา “เกิน” ดงั นนั้ ถา๎ กรณีไมํมคี ูสํ มรส มีเงินได๎ ๓๐,๐๐๐ บาทถว๎ น ก็ไมอํ ยํใู นบงั คับต๎องยนื่ แบบ แสดงรายการ) ม.๕๖ ทวิ ให๎ผ๎ูมหี นา๎ ทย่ี ื่นรายการตาม ม.๕๖ ม.๕๗ ม.๕๗ ทวิ ม.๕๗ ตรี ย่นื รายการตามแบบทอี่ ธบิ ดีกําหนด เฉพาะ ม.๔๐ (๕) - (๘) สําหรบั ทไี่ ด๎รบั ตง้ั แตเํ ดือนมกราคมถึงมิถุนายน ภายในเดอื นกันยายนของทุกปี(แตไํ มรํ วมเงนิ กนิ เปลาํ เงนิ ชํวยคาํ กํอสรา๎ ง เงินคาํ ซํอมแซม คาํ แหํงอาคารท่ไี ดร๎ บั กรรมสิทธิ์) ม.๕๗ ผูม๎ ีเงนิ ได๎ เป็นผู๎เยาว๑ ผู๎ทีศ่ าลสงั่ เป็นคนไร๎ความสามารถ เสมือนไร๎ความสามารถ เป็นผ๎อู ยใํู นตาํ งประเทศ ใหเ๎ ป็น หนา๎ ที่ของผแ๎ู ทนโดยชอบธรรม ผ๎อู นุบาล ผู๎พทิ ักษ๑ ผู๎จดั การกจิ การ เป็นตัวแทนในการชาํ ระภาษี ม.๕๗ ทวิ ถา๎ ผมู๎ เี งนิ ไดต๎ าม ม.๕๗ ถงึ แกคํ วามตายกํอน ใหผ๎ ู๎จดั การมรดก หรอื ทายาท หรอื ผค๎ู รอบครองทรพั ย๑มรดก แลว๎ แตํกรณี ปฏบิ ัตแิ ทนเฉพาะเงินไดท๎ ไ่ี ด๎รับตลอดปภี าษีที่ถึงแกํความตาย ม.๖๑ ผทู๎ ่มี ชี ื่อในหนังสือสาํ คัญใดๆ แสดงวํา เป็นเจา๎ ของทรัพยส๑ ินอันระบุไว๎ในหนงั สือสําคญั และทรัพย๑สินนัน้ กอํ ใหเ๎ กิดเงินได๎ หรือเป็นผ๎ูได๎รับเงนิ ได๎พงึ ประเมนิ โดยหนังสอื สําคญั เชํนวาํ น้นั ใหเ๎ จ๎าพนักงานประเมนิ มีอาํ นาจประเมิน เรยี กเก็บภาษจี ากผูท๎ ม่ี ีชื่อในหนังสอื สําคัญนั้นกไ็ ด๎ แตถํ ๎าบุคคลนน้ั โอนเงนิ ได๎ให๎แกบํ ุคคลอ่ืน ให๎มสี ิทธหิ กั เงินภาษจี าก จาํ นวนเงนิ ซ่งึ โอนให๎แกบํ ุคคลอ่ืนตามสํวน ม.๖๓ บคุ คลใดถกู หักภาษีไว๎ ณ ที่จํายและนําสงํ แลว๎ เปน็ จาํ นวนเงินเกนิ กวําท่ีควรตอ๎ งเสีย ตอ๎ งยืน่ คาํ ร๎องขอคืนภายใน สามปีนับแตํวันสุดท๎ายแหงํ กําหนดเวลายน่ื รายการภาษี บุคคลใดท่ีไมมํ หี นา๎ ที่ต๎องย่ืนรายการฯ แตํถูกหกั ภาษีไว๎ ณ ทจ่ี ําย และนาํ สงํ แล๎ว ตอ๎ งย่นื คําร๎องขอคืนภายใน สามปนี ับแตํวันที่ ๓๑ มนี าคมของปีถัดจากปีที่ถูกหกั ภาษีไว๎ ม.๖๔ เว๎น ม.๑๘ ทวิ ถ๎าภาษีท่ีตอ๎ งเสยี มีจํานวนตัง้ แตํ๓,๐๐๐ บาทข้นึ ไป จะชําระเป็น ๓ งวดๆละเทําๆ กนั กไ็ ด๎ คือ นนท์ เศรษฐวิวัฒน์

๙๒ งวดท่หี น่ึงต๎องชาํ ระตามกาํ หนด งวดทส่ี องต๎องชําระภายในหนงึ่ เดอื นนับแตวํ ันท่ีต๎องชาํ ระงวดทห่ี น่ึง และงวดท่ี สามต๎องชาํ ระภายในหนง่ึ เดือนนับแตวํ ันสุดท๎ายท่ตี ๎องชําระงวดทส่ี อง ในกรณอี ื่น ใหช๎ าํ ระภายใน ๓๐ วัน นับแตวํ นั ได๎รบั แจ๎งประเมิน งวดทีส่ องต๎องชาํ ระภายในหนง่ึ เดือนนับแตํ วนั สุดทา๎ ยท่ตี ๎องชาํ ระงวดทห่ี น่ึง และงวดทส่ี ามต๎องชําระภายในหนึง่ เดือนนบั แตํวันสดุ ท๎ายทตี่ อ๎ งชําระงวดท่ีสอง (ถ๎าไมชํ าํ ระตามงวดใด งวดหนงึ่ หมดสิทธิการทจ่ี ะชําระภาษเี ปน็ รายงวดตํอไป) ม.๖๕ เงนิ ได๎ท่ีต๎องเสียภาษีในสวํ นน้ีคือกาํ ไรสทุ ธิ ซง่ึ คํานวณได๎จากรายไดจ๎ ากกจิ การ หรอื เน่อื งจากกิจการท่ีกระทําใน รอบบญั ชี หกั ดว๎ ยรายจาํ ยตามเง่อื นไข ม.๖๕ ทวิ และ ม.๖๕ ตรี และรอบบัญชดี ังกลําวใหม๎ ีกําหนด ๑๒ เดือน เว๎น แตนํ ติ ิบุคคลเร่ิมตั้งใหมํ(ถือวันเรมิ่ ตง้ั ถึงวันหนึ่งวนั ใดเป็นรอบบัญชีแรกก็ได๎) นิตฯิ ท่ีขอเปลยี่ นวนั สุดท๎ายของรอบ บญั ชี การคาํ นวณรายได๎และรายจาํ ยให๎ใชเ๎ กณฑ๑สิทธใิ นกรณจี าํ เป็นขออนุมตั ติ ํออธบิ ดีเปล่ยี นแปลงเกณฑ๑สทิ ธิแ์ ละ วิธกี ารทางบัญชีเพื่อคํานวณรายได๎และจํายก็ได๎ ม.๖๕ ทวิ การคํานวณกําไรสุทธแิ ละขาดทนุ สุทธิให๎เป็นไปตามเง่ือนไขตํอไปนี้ (๑) คําสึกหรอและคาํ เสื่อมราคาของทรัพยส๑ ินใหห๎ กั ไดต๎ ามหลกั เกณฑ๑ วิธีการ เง่ือนไข และอตั ราท่ีกาํ หนด พรก. และเฉลย่ี ตามระยะเวลาทไ่ี ด๎ทรพั ย๑สนิ นนั้ มา (๒) ทรพั ยส๑ นิ ให๎ถือตามราคาทพี่ ึงซ้ือได๎ตามปกติ และห๎ามนําราคาที่ตเี พิ่มขึ้นมารวมคํานวณกาํ ไรสุทธิหรือ ขาดทนุ สุทธิ และใหห๎ ักคําเสอ่ื มไดเ๎ ฉพาะอัตราเดิมท่ีใชอ๎ ยกํู ํอนตีราคาเพม่ิ เพยี งเทําทร่ี ะยะเวลาและมูลคําต๎นทนุ ท่ี เหลอื อยํสู าํ หรับทรัพย๑สนิ น้ันเทํานน้ั (๓) เจ๎าพนักงานประเมินมีอาํ นาจประเมนิ คําตอบแทน คาํ บรกิ าร หรอื ดอกเบี้ยจากการให๎กูย๎ ืมโดยไมํมี คําตอบแทนหรือมีแตตํ ่ํากวําราคาตลาดได๎ ตามราคาตลาดในวนั ที่โอน ให๎บรกิ าร หรือให๎ก๎ูยืมเงนิ (๔) เงนิ ตรา ทรัพย๑สนิ หรือหนสี้ นิ ซึง่ มคี าํ หรอื ราคาเป็นเงนิ ตราตาํ งประเทศที่เหลืออยํูในวันสุดท๎ายของรอบ บัญชี ให๎คํานวณคาํ หรือราคาเป็นเงินตราไทย (เงนิ ตราหรือทรพั ย๑สนิ ใหค๎ าํ นวณตามอัตราถัวเฉล่ียที่ธนาคารพาณชิ ย๑ รับซือ้ สํวนหนส้ี ินให๎คาํ นวณเป็นเงนิ ตราไทยตามอตั ราถวั เฉลีย่ ท่ีธนาคารพาณิชย๑ขาย) (๕) ราคาสินคา๎ คงเหลือในวนั สดุ ทา๎ ยของรอบบัญชี ให๎คาํ นวณตามราคาทุนหรอื ราคาตลาด แลว๎ แตอํ ยํางใดจะ นอ๎ ยกวํา จะเปลย่ี นแปลงวธิ ีการตอ๎ งได๎รับการอนมุ ัติจากอธิบดี (๖) การคาํ นวณราคาทนุ ของสนิ คา๎ ท่สี งํ เขา๎ มาจากตํางประเทศ เจ๎าพนักงานมีอํานาจเทียบเคียงกับราคาของของ สนิ ค๎าประเภทเดยี วกันท่สี ํงเข๎าไปในประเทศอ่นื ได๎ (๗) ถา๎ ราคาทุนของสินค๎าเป็นเงนิ ตราตาํ งประเทศ ใหค๎ ํานวณเป็นเงินตราไทยตามอัตราแลกเปลยี่ นในท๎องตลาด ของวันที่ไดส๎ ินค๎านัน้ มา เว๎นแตจํ ะแลกไดใ๎ นอัตราทางราชการก็ให๎ใช๎อัตราราชการ (๘) การจาํ หนํายหน้สี ญู จากบัญชลี ูกหน้ี ต๎องเปน็ ไปตามกฎกระทรวง (๑๘๖) แตถํ า๎ ไดร๎ ับหนรี้ อบบัญชีใดให๎ถือ เป็นรายได๎รอบบัญชีน้นั (๙) บริษทั จํากดั ทตี่ ัง้ ตามกฎหมายไทยใหน๎ ําเงนิ ปน๓ ผลที่ได๎จากบรษิ ทั ทีต่ ้งั ตามกฎหมายไทย กองทุนรวม หรอื สถาบนั การเงินท่ีมีกฎหมายใหก๎ ย๎ู ืมเงินเพ่ือสํงเสริมเกษตรกรรม พาณชิ ยกรรม อุตสาหกรรม และเงินสํวนแบงํ กําไรที่ได๎ กิจการรวํ มค๎า มารวมคํานวณเปน็ รายได๎เพียงกึง่ หนึ่งของจํานวนทไี่ ด๎ แตํบรษิ ัทจาํ กดั ท่ีเป็นบรษิ ทั จดทะเบียน หรือ บรษิ ทั ท่ีถือหนุ๎ ในบริษทั ท่จี ํายเงินป๓นผลไมํนอ๎ ยกวาํ ร๎อยละ ๒๕ ของห๎นุ ท้ังหมดทมี่ สี ิทธอิ อกเสียงในบรษิ ทั ท่จี ํายเงินป๓น ผล และบรษิ ัทผ๎ูจาํ ยเงนิ ป๓นผลไมไํ ด๎ถือหุ๎นในบรษิ ทั ผร๎ู บั เงินป๓นผลไมวํ ําทางตรงหรือทางอ๎อม ไมํต๎องนาํ เงินปน๓ ผลหรือ เงนิ สํวนแบํงกาํ ไรทไี่ ดร๎ บั มาคํานวณเป็นรายได๎ เวน๎ แตํกรณบี ริษทั ที่ไดร๎ บั เงินป๓นผลหรือสวํ นแบงํ กําไรโดยถอื หนุ๎ หรือ นนท์ เศรษฐวิวฒั น์

๙๓ หนวํ ยลงทุนทก่ี อํ ใหเ๎ กิดเงินป๓นผลและเงนิ สวํ นแบํงกําไรนั้นไวไ๎ มถํ ึง ๓ เดอื นนบั แตํวันที่ได๎หุน๎ /หนวํ ยลงทนุ ถงึ วนั มเี งนิ ได๎ ดังกลาํ ว หรอื ได๎โอนหุ๎น/หนวํ ยลงทนุ นั้นไปกํอน ๓ เดือนนับแตํวันที่มเี งินได๎ เงนิ ปน๓ ผลจากกองทุนสาํ รองเลี้ยงชีพตาม ม. ๖๕ ตรไี มํให๎ถือเป็นเงนิ ปน๓ ผลหรือสํวนแบํงกาํ ไรตามวรรคสอง (๑๐) ดอกเบย้ี เงนิ ก๎ูยมื ทถ่ี กู หักภาษี ณ ท่ีจํายตามกฎหมายปิโตรเลียม ใหน๎ ํามารวมเปน็ รายได๎เพียงเทาํ ท่ีเหลือ จากถูกหัก ณ ทจ่ี าํ ยแล๎ว (๑๑) มูลนธิ ิ หรอื สมาคมไมํต๎องนาํ เงนิ คําลงทะเบียนหรอื คําบาํ รุงท่ไี ดร๎ ับจากสมาชกิ หรอื ทรพั ยส๑ นิ เงินท่ีไดร๎ ับ จากการบริจาค ให๎โดยเสนํหามารวมเป็นรายได๎ (๑๒) ภาษีขายของผ๎ปู ระกอบการจดทะเบียนภาษมี ูลคําเพม่ิ ได๎รับ/พงึ ไดร๎ ับ ไมตํ ๎องนํามาเป็นรายได๎ ม. ๖๕ ตรี รายจาํ ยตอํ ไปน้ีไมํใหถ๎ ือเป็นรายจาํ ย (๑) เงินสํารองตํางๆ นอกจากเบยี้ ประกนั ชีวติ กนั ไว๎ไมํเกนิ ร๎อยละ ๖๕ เบย้ี ประกนั ภยั ไมเํ กินร๎อยละ ๔๐ เงิน สาํ รองท่กี ันไวเ๎ ปน็ คําเผื่อหนส้ี ูญหรอื หนีส้ งสยั จะสูญ สําหรบั หนี้จากการให๎สินเชื่อท่ีธนาคารพาณชิ ย๑ บรษิ ัทเงนิ ทุน บรษิ ัทหลักทรัพย๑หรือบริษัทเครดิตฟองซเิ อร๑ได๎กนั ไว๎ตามกฎหมายวาํ ด๎วยการธนาคารพาณิชยห๑ รอื กฎหมายวําดว๎ ยการ ประกอบธุรกจิ เงนิ ทุน ธุรกจิ หลักทรัพย๑ และธุรกจิ เครดติ ฟองซเิ อร๑ แล๎วแตกํ รณี ทงั้ น้ี เฉพาะสํวนที่ต้ังเพม่ิ ข้ึนจากเงิน สาํ รองประเภทดังกลําวทีป่ รากฏในงบดลุ ของรอบระยะเวลาบญั ชกี ํอน เงินกองทุน เวน๎ แตํกองทนุ สํารองเลย้ี งชีพตาม กฎกระทรวง (๒) รายจํายลักษณะเป็นการสํวนตวั ใหโ๎ ดยเสนหํ า การกุศล เว๎นแตเํ พอื่ การกศุ ลสาธารณะตามที่อธบิ ดกี ําหนด โดยอนมุ ตั ริ ฐั มนตรใี ห๎หักได๎ไมํเกนิ ร๎อยละ ๒ ของกาํ ไรสทุ ธิและรายจํายเพ่ือการศกึ ษาหรอื การกีฬาตามที่อธบิ ดีกาํ หนด โดยอนุมตั ริ ัฐมนตรใี ห๎หักได๎อีกไมํเกนิ ร๎อยละ ๒ ของกาํ ไรสทุ ธิ (๓) คํารับรอง/คาํ บรกิ ารหกั ได๎ไมํเกนิ รอ๎ ยละ ๐.๓ ของรายได๎กอํ นหักรายจาํ ย และไมํเกนิ ๑๐ ลา๎ นบาท คนละ ไมเํ กิน ๒,๐๐๐ บาท/คร้ัง (๔) รายจาํ ยอันมีลักษณะเปน็ การลงทนุ (๕) เบ้ียปรบั หรอื เงินเพ่ิมอากร คําปรับทางอาญา ภาษเี งินไดข๎ องนิติบคุ คล ภาษมี ูลคําเพิ่มของผป๎ู ระกอบการ จดทะเบยี น (๖) การถอนเงนิ อันปราศจากคําตอบแทนของผ๎ูเป็นห๎ุนสํวนในห๎างหนุ๎ สํวนนติ ิบุคคล (๗) เงินเดือนผ๎ูถือหุ๎น หรือผ๎ูเปน็ หุน๎ สํวนเฉพาะสํวนที่จํายเกินสมควร (๘) รายจาํ ยทีก่ ําหนดเอง ไมมํ ีการจํายจรงิ หรือควรได๎รบั ในรอบบัญชอี น่ื เว๎นแตไํ มํสามารถลงจํายได๎ในรอบ บัญชใี ดก็อาจใหล๎ งจาํ ยในรอบบัญชถี ัดไปได๎ (๙) คาํ ตอบแทนทรพั ยส๑ ินซง่ึ นิตบิ ุคคลเปน็ เจ๎าของเองและใช๎เอง (๑๐) ดอกเบยี้ ท่ีคดิ ให๎สําหรับเงินทุน เงนิ สํารองตาํ งๆ ของตนเอง (๑๑) ผลเสยี หายอนั อาจไดก๎ ลับคนื เนอื่ งจากการประกันหรือสัญญาคุ๎มกนั ใดๆ หรอื ผลขาดทนุ สุทธิในรอบ ระยะเวลาบญั ชกี ํอนๆ ไมํเกินหา๎ ปกี ํอนรอบบญั ชีปีปจ๓ จุบัน (๑๒) รายจํายที่มิใชํเพือ่ หากําไรหรอื เพ่อื กิจการโดยเฉพาะ (๑๓) รายจาํ ยซ่ึงมใิ ชํรายจํายเพ่ือกจิ การในประเทศไทยโดยเฉพาะ (๑๔) คําซ้ือทรพั ย๑สนิ และรายจํายเก่ยี วกบั การซอื้ หรือขายทรพั ยส๑ นิ ในสวํ นทเ่ี กนิ ปกตโิ ดยไมมํ ีเหตผุ ลอนั สมควร (๑๕) คาํ ของทรัพยากรธรรมชาตทิ ่ีสูญหรอื สิน้ ไปเนอื่ งจากกิจการทท่ี ํา (๑๖) คําของทรัพย๑สินนอกจากสินคา๎ ท่ตี ีราคาตาํ่ ลง ท้งั นภ้ี ายใต๎ ม.๖๕ ทวิ (๑๗) รายจาํ ยทีพ่ ิสจู น๑ไมํไดว๎ ําใครเป็นผู๎รบั เงนิ (๑๘) รายจาํ ยที่กาํ หนดจํายจากผลกาํ ไรท่ไี ดเ๎ มือ่ สนิ้ สดุ รอบบญั ชีแล๎ว นนท์ เศรษฐวิวฒั น์

๙๔ ม.๖๕ จตั วา ใหอ๎ งค๑การของรัฐบาลเสียภาษีเงนิ ได๎แทนผู๎ขายสนิ คา๎ ทอดหนึ่ง ทอดใด หรอื ทกุ ทอดซงึ่ เปน็ นิตบิ ุคคลที่ซอ้ื สนิ ค๎าจากองค๑การของรฐั บาลตามวิธีการ อตั รา ประเภทสินคา๎ ทีก่ าํ หนดในกฎกระทรวง เฉพาะเงินได๎จากการขาย สินคา๎ นัน้ ภาษที ี่เสียใหถ๎ ือเปน็ เครดติ ภาษีของผูเ๎ สยี ภาษีในการคาํ นวณภาษี ม.๖๖ นิตบิ ุคคลที่ต้งั ขน้ึ ตามกฎหมายไทย หรือกฎหมายตาํ งประเทศ และกระทํากิจการในประเทศไทยต๎องเสียภาษี ตามบทบญั ญัตนิ ี้ ถ๎าเปน็ นติ ทิ ตี่ ้งั ตามกฎหมายตํางประเทศกระทาํ การอืน่ ๆ รวมทั้งในประเทศไทย ให๎เสียภาษีจากกําไรสทุ ธิจาก กจิ การหรือเนื่องจากจิ การทีไ่ ดก๎ ระทําในประเทศไทยในรอบระยะเวลาบญั ชีแตํถ๎าไมํสามารถคํานวณกาํ ไรสุทธิไดใ๎ ห๎ เสียตาม ม.๗๑ (๑) ม.๖๗ ใหน๎ ติ บิ คุ คลที่จดทะเบียนตามกฎหมายตาํ งประเทศกระทํากจิ การขนสํงผํานประเทศตํางๆ ใหเ๎ สยี ภาษเี ฉพาะ กิจการขนสํงตามเกณฑ๑ตํอไปนี้ - รบั ขนคนโดยสาร ใหเ๎ สียรอ๎ ยละ ๓ ของคําโดยสาร คําธรรมเนียม ประโยชนอ๑ ่ืนใดทเ่ี รียกเกบ็ ในไทยกอํ นหัก รายจาํ ย - รบั ขนของ ให๎เสยี ร๎อยละ ๓ ของคาํ ระวาง คําธรรมเนียม ประโยชน๑อนื่ ใดที่เรยี กเกบ็ ไมํวําในหรอื นอกประเทศ ไทยกํอนหักรายจํายใดๆ เนื่องในการรบั ขนของออกจากไทย ม.๖๗ ทวิ ใหน๎ ิตบิ ุคคลเสยี ภาษีกอํ นถงึ กาํ หนดตาม ม.๖๘ ภายใน ๒ เดือนนับแตวํ นั สดุ ทา๎ ยของรอบระยะเวลาหก เดอื นนบั แตํวันแรกของรอบระยะเวลาบญั ชี ดงั น้ี - ใหจ๎ ดั ทาํ ประมาณการกําไรหรอื ขาดทนุ สุทธแิ ละคํานวณชาํ ระภาษกี ่ึงหนึง่ ของประมาณการกําไรสุทธิ - บริษัทจดทะเบียน ธนาคารพาณชิ ย๑ บรษิ ัทเงนิ ทุน บริษทั หลักทรัพย๑ บริษัทเครดิตฟองซเิ อร๑ ใหค๎ ํานวณและ ชําระภาษจี ากกําไรสทุ ธขิ องรอบระยะเวลา ๖ เดือนนับแตํวนั แรกของรอบระยะเวลาบัญชตี ามเงอื่ นไข ม.๖๕ ทวิ และ ม.๖๕ ตรี(คือตามความเปน็ จริง) ม.๖๗ ตรี นติ บิ คุ คลไมยํ น่ื รายการตาม ม.๖๗ ทวิ(๑) หรือยน่ื รายการและชาํ ระภาษีแสดงประมาณการกําไรสุทธิขาด ไปเกนิ ร๎อยละ ๒๕ ของกาํ ไรสุทธจิ ริงโดยไมํมเี หตผุ ลอนั สมควร หรือไมํยืน่ รายการตาม ม.๖๗ ทวิ(๒) หรือยน่ื รายการ และชําระภาษีไมํถูกต๎องโดยไมํมเี หตุผลอนั สมควร ใหเ๎ สยี เงินเพิ่มอกี ร๎อยละ ๒๐ ของจํานวนเงนิ ภาษที ่ตี ๎องชาํ ระ หรอื ชําระขาดไปแล๎วแตกํ รณี ม.๖๘ นติ บิ ุคคลต๎องยนื่ รายการเพอ่ื เสยี ภาษภี ายใน ๑๕๐ วนั นับแตวํ ันสุดทา๎ ยของรอบระยะเวลาบัญชี พร๎อมกบั ชําระ ภาษีตํออําเภอ ม.๖๘ ทวิ ใหน๎ ติ ิบุคคลจัดทาํ บัญชงี บดลุ บญั ชที าํ การ และบญั ชกี าํ ไรขาดทนุ ในรอบระยะเวลาบญั ชีตาม ม.๖๕ นิติ บุคคลตาํ งประเทศท่ีกระทํากิจการขนสงํ ผาํ นประเทศตํางๆ ใหท๎ ําบญั ชีรายรับกํอนหกั รายจาํ ยเกี่ยวกบั คาํ โดยสาร คาํ ระวาง คําธรรมเนียม ฯ แทนบญั ชีงบดลุ บญั ชีทําการ บญั ชีกาํ ไรขาดทนุ ในรอบระยะบัญชีเฉพาะกจิ การขนสํง ม.๖๙ ภายใน ๑๕๐ วันนับแตวํ ันสดุ ท๎ายของรอบระยะเวลาบญั ชีใหบ๎ ริษทั หรือห๎างหนุ๎ สวํ นนิตบิ ุคคลยื่นรายการที่ จําเป็นตอ๎ งคาํ นวณภาษตี ํอเจ๎าพนักงานประเมนิ ตามแบบท่ีอธิบดีกาํ หนด พร๎อมบัญชีงบดุล บัญชที ําการ บัญชกี ําไร ขาดทนุ หรือบัญชีรายรบั กอํ นหกั รายจาํ ยที่มบี ุคคลตาม ม.๓ สัตต ตรวจสอบรบั รองแลว๎ ม.๖๙ ทวิ ภายใต๎ม. ๗๐ ถา๎ รฐั บาล /องค๑การของรฐั บาล เทศบาล สํวนทอ๎ งถ่นิ อื่น จาํ ยเงนิ ได๎พึงประเมนิ ตาม ม.๔๐ ให๎กับนิติบคุ คล ให๎หักภาษี ณ ทจ่ี ่ายในอตั รารอ้ ยละ ๑ ม.๖๙ ตรี ใหบ๎ ุคคล หา๎ งห๎ุนสํวน บรษิ ทั สมาคม คณะบุคคล ผจู๎ าํ ยเงนิ ได๎ตาม ม.๔๐ (๘) เฉพาะทีข่ ายอสังหาริมทรัพย์ คาํ นวณหักภาษีเงินได๎ไว๎ ณ ท่ีจํายในอัตราร๎อยละ ๑ แล๎วนาํ สงํ พนกั งานผู๎รบั จดทะเบยี นสิทธิและนิติกรรม ม.๗๐ บริษัทหรือหา๎ งห๎นุ สํวนนติ ิบุคคลทตี่ ้งั ข้นึ ตามกฎหมายของตาํ งประเทศมิได๎ประกอบกิจการในประเทศไทยแตํ ได๎รบั เงนิ ไดต๎ าม ม.๔๐ (๒) (๓) (๔) (๕) หรอื (๖) ทีจ่ ํายจากในประเทศไทย ให๎นิตบิ คุ คลนน้ั เสียภาษโี ดยใหผ๎ ๎จู าํ ยเงินหัก นนท์ เศรษฐวิวัฒน์

๙๕ ภาษีจากเงนิ ได๎ทจี่ าํ ยตามอัตราภาษีเงินได๎สาํ หรับบริษัทหรอื ห๎างหน๎ุ สํวนนติ ิบคุ คลและนําสํงภายใน ๗ วนั นับแตํวนั สนิ้ เดือนของเดือนทจี่ าํ ยเงินไดน๎ ้ัน(ยกเวน๎ ได๎รับดอกเบยี้ จากรัฐบาล/สถาบนั การเงินท่ีต้ังขน้ึ เพอื่ สํงเสริมเกษตรกรรม พาณิชยกรรม หรืออุตสาหกรรม)โดยใช้แบบ ภ.ง.ด. ๕๔ - เงินปันผล(ม.๔๐ (๔) (ข)) หักนาํ สง่ ร้อยละ ๑๐ - เงนิ ไดป้ ระเภทอ่นื ๆ หักนาํ สง่ ร้อยละ ๑๕ ม.๗๐ ทวิ บริษทั หรอื ห๎างห๎นุ สํวนนิติบุคคลใดจาํ หนาํ ยเงนิ กําไร หรือเงินประเภทอืน่ ใดที่กันไจากกําไรหรอื ที่ถือได๎วาํ เปน็ เงินกาํ ไรออกไปจากประเทศไทย ให๎เสียภาษีเงินไดโ๎ ดยหักภาษีจากเงินที่จํายนั้นตามอตั ราภาษีเงินได๎สําหรบั บรษิ ัท หรือหา๎ งห๎ุนสวํ นนิติบคุ คล แลว๎ นําสงํ ภายใน ๗ วันนบั แตวํ ันจาํ หนําย (ภ ง ด ๕๔) หกั อัตราร้อยละ ๑๐ - การจาํ หนํายเงินกําไร หรือเงนิ ประเภทอนื่ ใดที่กนั จากาํ ไร หรอื ถอื วําเปน็ เงินกําไร จากบญั ชีกําไรขาดทุน ไป ชาํ ระหนี้หรือหักหลบลบหนี้ หรอื ไปตั้งเปน็ ยอดเจ๎าหนี้ในบัญชขี องบุคคลใดๆ ในตาํ งประเทศ หรอื - กรณมี ไิ ด๎ปรากฏข๎อเท็จจรงิ ดงั กลาํ วข๎างตน๎ แตํได๎มีการขออนญุ าตซ้ือและโอนเงินตราตาํ งประเทศซง่ึ เป็นเงิน กาํ ไรหรือเงินประเภทอืน่ ใดที่กนั ไวจ๎ ากกาํ ไรหรือท่ีถอื ได๎วําเปฯ็ เงนิ กําไรออกไปตํางประเทศ ม.๗๐ ตรี นติ บิ ุคคลใดสงํ สินค๎าออกไปตาํ งประเทศให๎แกํ/คําสัง่ ของสาํ นักงานใหญํ สาขา บรษิ ทั ห๎างห๎นุ สวํ นนติ บิ คุ คล เครอื เดยี วกัน ตวั การ ตวั แทน นายจ๎าง ลกู จ๎าง ให๎ถือวําไดส๎ ํงสนิ ค๎าไปเปน็ การขายในประเทศไทยดว๎ ย โดยถือตาม ราคาตลาดในวนั ทสี่ งํ ไปเป็นรายไดใ๎ นรอบบญั ชีนน้ั แตํยกเว๎นกรณดี งั ตํอไปน้ีไมํถือวําเป็นการขาย - เปน็ ของทส่ี ํงไปเป็นตัวอยําง/เพือ่ การวิจยั โดยเฉพาะ - ของผาํ นแดน - ของทนี่ ําเขา๎ มาและสํงออกภายในหนึ่งปนี ับแตวํ นั ท่เี ข๎ามาในราชอาณาจักร - ของที่สงํ ออกไปและนําเข๎ามาในราชอาณาจักรภายในหนงึ่ ปนี บั แตํวันทส่ี งํ ออกไป ม.๗๑ (๑) กรณไี มยํ ื่นรายการท่จี ําเปน็ ในการคํานวณภาษี หรือทําไมคํ รบ หรอื ไมํนําเอกสารมาให๎ตรวจตามมาตรา ๑๙ หรอื ๒๓ แหงํ ประมวลรษั ฎากร เจา๎ พนักงานมีอํานาจประเมินตามภาษีในอตั ราร้อยละ ๕ ของรายรบั กํอนหัก รายจาํ ย (รายได๎ไมํปรากฎในปนี ้ันใหเ๎ ทียบเคียงกบั ปีอ่ืนได๎ ถา๎ รอบบัญชีกํอนไมปํ รากฏกใ็ ห๎ประเมนิ ตามที่เห็นสมควรได๎ (๒) ยื่นรายการไมํครบตาม ม.๖๘ ทวิ ทาํ ใหเ๎ สยี ภาษไี มํครบหรือเสยี นอ๎ ยลง ให๎เจ๎าพนกั งานประเมนิ มีอํานาจ ประเมินภาษีทข่ี าดตามอัตราภาษใี นมาตรา ๖๗ (กรณี กิจการตํางประเทศประกอบกจิ การขนสํงระหวาํ งประเทศ) และอาจสั่งใหเ๎ สยี เงินเพ่ิมอีก ๒ เทําของเงินภาษที ่ีขาด (๓) กรณไี มปํ ฏบิ ตั ิตามคาํ สง่ั ของอธิบดใี ห๎เสรจ็ ภายใน ๓๐ วนั นับแตวํ นั ได๎รบั คําสัง่ ใหเ๎ จา๎ พนกั งานประเมนิ ตาม (๑) ได๎ ม.๗๒ กรณีนติ ิบุคคลเลกิ กัน ใหผ๎ ๎ูชาํ ระบญั ชแี ละผ๎จู ัดการมีหนา๎ ท่แี จ๎งใหเ๎ จา๎ พนกั งานประเมนิ ทราบภายใน ๑๕ วนั นับ แตํวันท่ีเจ๎าพนักงานรบั จดทะเบยี นเลกิ ถา๎ ไมํปฏบิ ัติตามให๎เสยี เงินภาษเี พ่ิมอีก ๑ เทาํ ของจํานวนภาษีทีต่ ๎องเสยี ม.๗๓ กรณีนติ บิ ุคคลควบเขา๎ กนั ใหถ๎ อื วํานติ ิทีค่ วบเข๎ากนั ได๎เลกิ กัน และใหน๎ ติ ิบุคคลใหมํที่ควบกันมีหนา๎ ท่แี ละ รับผดิ ชอบในการยืน่ รายการและเสยี ภาษีแทนแตํละนิตบิ ุคคลซ่งึ ใหถ๎ อื วําเลิกน้นั ม.๗๖ ทวิ บริษัทหรือห๎างหุน๎ สํวนนิติบคุ คลทีต่ ั้งขนึ้ ตามกฎหมายตํางประเทศ มีลูกจา๎ ง หรอื ผ๎ูทาํ การแทนหรือผู๎ทาํ การ ตดิ ตํอในการประกอบกิจการในประเทศไทย ซงึ่ เปน็ เหตใุ ห๎ไดร๎ บั เงนิ ไดห๎ รือกาํ ไรในไทย ใหถ้ อื วา่ นติ บิ คุ คลนัน้ ประกอบ กิจการในไทยและใหบ๎ คุ คลผเู๎ ป็นลกู จา๎ ง/ผูท๎ ําการแทน/ผ๎ทู าํ การติดตํอมีหน๎าท่ีรับผดิ ชอบในการยน่ื แบบเสยี ภาษี - ม.๖๖ นติ ิบุคคลตํางประเทศทีเ่ ข๎ามาประกอบกิจการในไทยโดยมีสาขาต๎องเสยี ภาษีจากกาํ ไรสุทธิ - ม.๗๖ ทวินิติบุคคลตํางประเทศเข๎ามาประกอบกิจการในไทย โดยผํานตวั แทน/ลูกจา๎ ง ตอ๎ งเสยี ภาษจี ากกาํ ไร สทุ ธิ นนท์ เศรษฐวิวฒั น์

๙๖ - ม.๗๐ นิติบคุ คลตํางประเทศ ไมไํ ด๎เขา๎ มาประกอบกจิ การในไทย แตํไดร๎ บั เงนิ ได๎จากประเทศไทย เป็นเงนิ ได๎ ประเภท ม.๔๐ (๒) – (๖) ต๎องถกู หกั ภาษจี ากเงินได๎ทจี่ าํ ยจากไทยในอตั ราดังน้ี - เงินป๓นผลรอ๎ ยละ ๑๐ - อ่ืนๆ ร๎อยละ ๑๕ - ยนื่ แบบ ภ.ง.ด ๕๔ แตํจะยื่น ภ.พ ๓๖ หรอื ไมํตอ๎ งดูประเภทเงนิ ได๎ - ม.๗๐ ทวิ นติ ิบคุ คลตาํ งประเทศ เขา๎ มาประกอบกิจการในไทย และตอ๎ งเสยี ภาษจี ากกําไรสุทธิตาม ม.๖๖ หรอื ม.๗๖ ทวิ และจาํ ยเงินป๓นผล/กาํ ไรไปตํางประเทศ ต๎องหักภาษีเงินได๎ ในอตั ราร๎อยละ ๑๐ ม.๗๗/๑ คําจาํ กัดความของบุคคลธรรมดา,คณะบคุ คลทม่ี ิใชนํ ิติบคุ คล,ผู๎ประกอบการ,ตัวแทนขายสนิ ค๎า,บรกิ าร ผู๎นํา เข๎านาํ เข๎า,ผูส๎ ํงออกสงํ ออก,ซอ้ื ,ราคา,ภาษีขาย,ภาษซี อ้ื ,สถานประกอบการ,ภาษสี รรพสามิต ฯลฯ ม.๗๗/๔ ให๎กระทรวง ทบวง กรม สํวนทอ๎ งถ่นิ จัดสงํ สาํ เนาสัญญา ตามที่อธิบดีกาํ หนด แตํถา๎ เปน็ บุคคลอ่นื มูลคํา สญั ญาต๎องไมน่ ้อยกว่า ๕๐๐,๐๐๐ บาท ม.๗๘ ความรับผิดในการเสียภาษีมลู คําเพมิ่ เมอ่ื สํงมอบสนิ คา๎ ได๎รับชาํ ระราคา หรือ ออกใบกํากบั ภาษี ใหเ๎ ชาํ ซื้อรบั ผดิ ตามงวดที่ถึงกาํ หนดชําระ เว๎นแตไํ ดร๎ ับชําระหรือออกใบกาํ กับภาษีกอํ น - ตวั แทน ตามสญั ญาการตั้งตัวแทน ให๎เกิดความรบั ผดิ เมือ่ ตัวแทนได๎โอนกรรมสทิ ธสิ ินค๎า รับชาํ ระราคาออก ใบกํากบั ภาษแี ลว๎ แตอํ ะไรจะเกดิ ข้นึ กํอน - การขายโดยสงํ ออก เกดิ ความรับผิดเมื่อชาํ ระอากรขาออก วางหลักประกนั อากรขาออกหรือจดั ให๎มผี ู๎คํ้า ประกนั อากรขาออก แตํถา๎ ไมํตอ๎ งเสียอากรขาออก ใหเ๎ กดิ ความรับผดิ ในวันทอ่ี อกใบขนสินคา๎ ขาออก ม.๗๘/๑ ความรับผิดในการเสียภาษมี ูลคาํ เพม่ิ ที่เกดิ จากการใหบ๎ ริการ เกิดความรบั ผิดเมื่อได๎รบั ชําระราคา ม.๗๘/๒ ความรบั ผิดกรณีนําเขา๎ ใหเ๎ กดิ ขนึ้ เม่ือชาํ ระอากรขาเขา๎ วางหลักประกันอากรขาเขา๎ หรือจัดใหม๎ ผี ๎ูค้าํ ประกนั อากรขาเข๎า เวน๎ แตํไมํต๎องเสียอากรขาเข๎า ให๎เกิดความรับผิดเมอื่ มกี ารออกใบขนสินคา๎ - นําสินค๎าออกจากเขตอุตสาหกรรมสํงออก - ของตกค๎างตามกฎหมายศุลกากร ให๎เกิดความรบั ผดิ เมอื่ ไดข๎ ายทอดตลาด หรือขายโดยวิธีอืน่ - กฎกระทรวง ๑๘๙ ความรับผิดสําหรบั การขายสนิ คา๎ บางประเภท เชํน สนิ ค๎าท่ีไมมํ ีรปู รําง บตั รเครดติ เคร่ือง หยอดเหรียญ ม.๗๙ ฐานภาษีสาํ หรบั การขายสินคา๎ หรอื ให๎บริการ ไมํใหร๎ วมถงึ สวํ นลด/คาํ ลดหยอํ นที่ให๎ทนั ที คาํ ชดเชย เงินอดุ หนนุ ภาษขี าย ม.๗๙/๑ ฐานภาษีจากการสง่ ออก = มูลค่าของสนิ คา้ ส่งออกในราคา FOB (ราคาสินคา้ ณ ดา่ นศลุ กากร ไมร่ วมคา่ ประกันภยั คา่ ขนส่งจากด่านไปตา่ งประเทศ) บวก ภาษสี รรพสามติ ภาษีและค่าธรรมเนียมอ่ืน แตไ่ ม่รวมอากรขา ออก ฐานภาษจี ากการนาํ เขา้ = มูลคา่ ของสนิ ค้านาํ เขา้ ในราคา COF(ราคาสินคา้ บวกค่าเบย้ี ประกัน ค่าขนสง่ ถงึ ดา่ น) บวก ภาษสี รรพสามิต คา่ ธรรมเนยี มพิเศษตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสรมิ การลงทุน ภาษแี ละ คา่ ธรรมเนยี มอนื่ ม.๗๙/๔ มลู คําของฐานภาษีท่ีได๎รับที่พงึ ไดร๎ บั จากการขายสินค๎า,การใหบ๎ ริการหรือการนาํ เข๎าเปน็ เงนิ ตราตํางประเทศ ใหค๎ าํ นวณเปน็ เงนิ ตราไทย ตาม ป. ๗๓/๒๕๔๑ ม.๗๙/๕ มลู คาํ ของฐานภาษจี ากการขายยาสบู สาํ หรับการนําเขา๎ ให๎ใช๎ตาม ม.๗๙/๒ สาํ หรับการขายใหใ๎ ช๎มูลคํา ของยาสูบทไ่ี ด๎มาจากการหักจํานวนภาษมี ูลคาํ เพิ่มออกจากจํานวนเตม็ ของราคาขายปลีกของยาสูบ โดยให๎คํานวณ จํานวนภาษีมูลคําเพิ่มตามมอัตราภาษีมูลคําเพิ่มท่ีรวมอยใํู นจํานวนเตม็ ของราคาขายปลกี นนท์ เศรษฐวิวฒั น์

๙๗ ม.๘๐/๑ ใหใ้ ช้อตั ราร้อยละ ๐ สาํ หรบั การสง่ ออกสินคา้ ,การให้บริการที่กระทาํ ในราชอาณาจักรและได้ใชบ้ รกิ าร น้ันในต่างประเทศ,การขนสงํ ระหวํางประเทศโดยอากาศยานหรอื เรือเดินทะเล สําหรับนิตบิ คุ คลทตี่ ้งั ตามกฎหมายไทย และนติ บิ ุคคลทต่ี งั้ ตามกฏหมายตาํ งประเทศทป่ี ระเทศน้ันก็ใหใ๎ ชอ๎ ัตรา ๐ การขายสินคา๎ ใหต๎ ามโครงการเงินก๎ู/เงิน ชํวยเหลอื จากตาํ งประเทศ การขายสนิ ค๎าให๎องค๑การสหประชาชาติ สถานฑูต กงสุล คลงั สินค๎าทัณฑ๑บน เขต อตุ สาหกรรมสงํ ออก ม.๘ม/๑ ผ๎ูมีหนา๎ ที่เสียภาษมี ลู คาํ เพิ่ม - ผู๎ประกอบการอยูนํ อกราชอาณาจักร ที่ขายสนิ คา๎ หรือให๎บริการในราชอาณาจกั ร ให๎ตัวแทนในราชอาณาจกั ร - ผรู๎ ับโอนสินค๎าหรือรับโอนสิทธิในบรกิ ารที่ได๎รับสทิ ธเิ สียภาษมี ลู คําเพิม่ ในอตั รา ๐ มาแล๎ว - ผ๎ูทีค่ วบเขา๎ กันและผ๎ปู ระกอบการใหมํ - ผโู๎ อนและรบั โอนกจิ การ ม.๘๒/๙หลักเกณฑ๑การออกใบเพมิ่ หน้ี = เพิม่ ราคาขายเนอ่ื งจากสนิ คา๎ เกินกว่าจาํ นวนที่ตกลงซื้อขายกนั คาํ นวณ ราคาสินคา๎ ผิดพลาดตาํ่ กวาํ จริง มกี ารเพิม่ ราคาคําบริการเนื่องจากใหบ๎ ริการเกนิ กวําข๎อตกลง ราคาผิดพลาดตาํ่ กวาํ ความเป็นจริง ม.๘๒/๑๐ หลกั เกณฑก๑ ารออกใบลดหน้ี = สินคา๎ ทขี่ ายผิดข๎อกําหนด ตกลงกนั เสียหาย ขาดจํานวน คาํ นวณสูง กวา่ เปน็ จรงิ สินคา๎ ชํารดุ บกพรอํ งไมตํ กตามตวั อยาํ ง ไมํตรงตามพรรณนํา เลกิ สัญญาเน่ืองจากเหตทุ เี่ งื่อนไขท่ีอธบิ ดี กาํ หนด ม.๘๒/๑๑ เกิดหน้สี ูญจากการขายสนิ คา๎ หรอื การให๎บริการ การจําหนํายหนสี้ ูญเป็นไปตามหลักเกณฑ๑ท่ีอธิบดกี าํ หนด ใหน๎ าํ ภาษีขายที่คาํ นวณจากสํวนของหน้ีสญู ดังกลาํ วมาหักออกจากภาษขี ายในเดือนท่ีจาํ หนํายหน้ีสญู ไดถ๎ า๎ ได๎รับหนี้ สญู คนื ในเดอื นใดก็ใหน๎ ําภาษีขายท่คี ํานวณจากหนสี้ ูญตามวรรคหน่ึงดังกลาํ วมาเป็นภาษีขายในเดือนที่ไดร๎ บั ม.๘๒/๑๓ ผป๎ู ระกอบการทอ่ี ยนูํ อกราชอาณาจักรได๎เขา๎ มาประกอบกิจการขายสนิ ค๎าหรอื ใหบ๎ ริการในราชอาณาจักร ช่ัวคราวโดยไมจํ ดทะเบยี นภาษีมลู คําเพ่มิ ชว่ั คราว หรือในกรณที ่ีผูป๎ ระกอบการท่ีไดใ๎ หบ๎ ริการจากตํางประเทศและได๎มี การใช๎บริการนนั้ ในราชอาณาจกั ร ใหผ๎ ูป๎ ระกอบการดังกลาํ วเสียภาษมี ลู คําเพมิ่ และชําระภาษีมลู คําเพิ่มเม่ือความรบั ผดิ เกิดขน้ึ ม.๘๓/๕การขายทอดตลาด ให๎ผู้ทอดตลาดทรัพย๑สนิ ของผ๎ูประกอบการจดทะเบียนมีหน๎าทนี่ าํ สงํ ภาษีมูลคําเพ่ิมที่ ผป๎ู ระกอบการจดทะเบียนมีหน๎าท่ตี อ๎ งเสีย ม.๘๓/๖ในการชําระราคาสินคา๎ หรอื ราคาคาํ บริการใหผ๎ ูป๎ ระกอบการท่อี ยูํนอกราชอาณาจักร ซ่งึ เขา๎ มาประกอบ กจิ การชั่วคราวโดยไมํได๎จดทะเบียนภาษมี ลู คําเพิ่ม หรือผปู๎ ระกอบการที่ไดใ๎ ห๎บริการในตํางประเทศและไดม๎ ีการใช๎ บรกิ ารนัน้ ในราชอาณาจักร ให้ผชู้ ําระเงินนน้ั นําสง่ ภาษีมลู ค่าเพม่ิ (โดยแบบ ภ.พ.๒๖) ม.๘๕/๖ แจง๎ เปลี่ยนแปลงรายการท่ไี ด๎จดทะเบียน ภายใน ๑๕ วันนบั แตํวันที่มีการเปลีย่ นแปลงเกิดข้ึน ม.๘๕/๗ แจง๎ เพิ่มสาขาก่อนวันเปิดเพิ่มเติมไมนํ ๎อยกวํา ๑๕ วนั แจง๎ ปิดภายใน ๑๕ วันนบั จากวันปิดสถาน ประกอบการ ม.๘๕/๘ แจง๎ ยา๎ ยสถานประกอบการก่อนวนั ย้ายไมนํ ๎อยกวํา ๑๕ วนั ม.๘๕/๑๐ ผ๎ปู ระกอบการมีสทิ ธขิ อถอนทะเบยี น ถา๎ ฐานภาษตี ่าํ กวํามลู คําของฐานภาษีขนาดยํอมเป็นเวลาติดตํอกัน ไมํนอ๎ ยกวํา ๓ ปกี อํ นการขอถอนทะเบยี น ม.๘๕/๑๑ กจิ การใดทผี่ ๎ปู ระกอบการได๎จดทะเบยี นภาษีมูลคาํ เพ่ิมไว๎แล๎ว แตํตอํ มาไดม๎ ีการแกไ๎ ขเพิ่มเติมพระราช กฤษฎีกา ซึ่งมีผลทาํ ให๎มูลคําของฐานภาษีของกิจการดงั กลําวตํ่ากวํามลู คําของฐานภาษีของกิจการขนาดยอํ มที่ กาํ หนดข้ึนใหมํ ใหก๎ ารจดทะเบียนของผ๎ูประกอบการนน้ั ยังคงมีผลตํอไป เว๎นแตํผป๎ู ระกอบการจดทะเบียนจะไดใ๎ ชส๎ ิทธิ ตามมาตรา ๘๕/๑๐(๒) และ (๔) ขอใหอ๎ ธบิ ดสี ่ังถอนการจดทะเบยี นภาษีมูลคาํ เพม่ิ นนท์ เศรษฐวิวัฒน์


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook