Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore อับดุลลอฮ์ อิบนิสะบาอ์ และนิยายต่างๆ

อับดุลลอฮ์ อิบนิสะบาอ์ และนิยายต่างๆ

Published by thaiislamlib.com, 2022-06-07 03:31:04

Description: ตัวละครอุปโลกในประวัติศาสตร์อิสลามและเรื่อเล่าโกหกต่างๆ

Search

Read the Text Version

อบั ดุลลอฮ์ อิบนิ สะบาอ์ 1

สารบญั คาํ นาํ ผแู้ ปล คาํ นาํ สาํ นกั พิมพ์ ประวตั ิผเู้ ขียน ..คาํ วจิ ารณ์โดย ดร. ฮามิด ฮฟั นี ดาวดู ..คาํ วจิ ารณ์โดย เชคมะฮม์ ูด อบู รอยยะฮ์ ..คาํ วจิ ารณ์โดย เชคญะวาด มุฆนียะฮ์ ..คาํ วจิ ารณ์โดย ศาสตราจารย์ เจมส์ โรบินสนั บทนาํ ตน้ ตอของนิยายและนกั เล่านิยาย การสืบสวนสอบสวนเกี-ยวกบั ซยั ฟ์ และคาํ บอกเล่าต่างๆ ของเขา 1. กองทพั อุซามะฮ์ ..เร-ืองเล่าโดย ซยั ฟ์ ..เร-ืองราวที-รายงานโดยผอู้ ื-นที-นอกเหนือจากซยั ฟ์ ..การเปรียบเทียบ ..การแนะนาํ ซอฮาบะฮบ์ างคน ..นโยบายของศาสดามุฮมั มดั (ศอ็ ลฯ) ขณะใกลถ้ ึงวาระสุดทา้ ยของชีวติ 2. ซยั ฟ์ กบั สะกีฟะฮ์ ..การตรวจสอบหาความจริงของเรื-องต่างๆ เก-ียวกบั เหตุการณ์ท-ีสะกี ฟะห์ดงั ที-ซยั ฟ์ ไดบ้ นั ทึกไว้ ..นกั เล่านิทาน ..สะกีฟะฮ์ กบั นกั ประวตั ิศาสตร์คนอ-ืนๆ นอกเหนือจากซยั ฟ์ ..สะกีฟะฮ์ กบั อบบู กั ร 2

..ท่านศาสนทูตไดแ้ สดงเจตจาํ นงคข์ องท่านดว้ ยการเขียนบนั ทึก หรือไม่ ? ..การจากไปของท่านศาสดา(ศอ็ ลฯ) ..บรรดาคู่แข่งขนั ก่อนการฝังศพท่านศาสดา(ศอ็ ลฯ) ..คู่แข่งคนที-สองสาํ หรับการสืบตาํ แหน่งแทนของท่านศาสดา(ศอ็ ลฯ) ..คู่แข่งที-ประสพความสาํ เร็จ ..คาํ เตือน ..การใหส้ ตั ยาบนั ในท-ีสาธารณะ ....หลงั จากการใหส้ ัตยาบนั ....การฝังศพของท่านศาสดา(ศอ็ ลฯ) ....ผหู้ ลบภยั อยใู่ นบา้ นของฟาฏิมะฮ์ ....สิ@นสุดเหตุการณ์ การใหส้ ัตยาบนั ..ขอ้ วจิ ารณ์ท-ีกระทาํ โดยบุคคลต่างๆ เก-ียวกบั การใหส้ ตั ยาบนั ....ก) ฟัฎล์ อิบนิอบั บาส ....ข) อบั ดุลลอฮ์ อิบนิ อบั บาส ....ค) ซลั มาน ฟารซี ....ง) อุมมุ มิสตะฮ์ ....จ) อบซู รั ....ฉ) มิกดาด ....ช) สตรีผหู้ น-ึงจาก บนูนจั ญาร ....ซ) อบูซุฟยาน ....ฌ) มุอาวยิ ะฮ์ ....ญ) คอลิด อิบนิ สะอีด ....ฎ) สะอดั อิบนิ อุบาดะฮ์ .... ฏ) อุมรั ..ววิ ฒั นาการในการบนั ทึกของ ซยั ฟ์ 3

..สรุป 3. ริดดะฮ์ (นอกรีต) ..การตกศาสนาในสมยั ของท่านศาสดา ..การตกศาสนาในสมยั ของอบูบกั ร 4. มาลิก อิบนิ นุวยั รอฮ์ ..เร-ืองราวของมาลิก ตามรายงานของซยั ฟ์ ..แหล่งที-มาของการเล่าเรื-องของซยั ฟ์ ..ใครคือ ซออบั อะตียะฮ์ และอุศมาน ..ทาํ ไม ? เร-ืองเล่าของซยั ฟ์ จึงตอ้ งเป็นนิยายดว้ ย ..เน@ือหาของเรื-องเล่าต่างๆ ของซยั ฟ์ ..ขอ้ เปรียบเทียบ 5. เร-ืองราวของ อะลาอ์ อิบนิ ฮดั รอมี ..แหล่งที-มาในเร-ืองราวของ ซยั ฟ์ ..เร-ืองราวของ อะลาอ์ ที-เล่าโดยบุคคลอ-ืนไม่ใช่ซยั ฟ์ ..สงครามกบั พวกนอกรีต (ขอ้ เปรียบเทียบและบทสรุป) 6. การเห่าของสุนขั ที-เฮาอบั ..แหล่งท-ีมาในเรื-องราวของ ซยั ฟ์ ..สุนขั เห่าใส่ใครท-ีเฮาอบั ? ..สรุป 7. เพอ-ื การแกไ้ ขสายตระกลู ของ ซิยาด ..แหล่งที-มาในเรื-องราวของซยั ฟ์ ..เร-ืองเล่ามาจากผอู้ ื-นท-ีไม่ใช่จากซยั ฟ์ ..สรุป 8. เร-ืองราวของ มุฆีเราะฮ์ อิบนิ ชุอบ์ ะฮ์ ..นกั ประวตั ิศาสตร์คนอื-นๆ ..แหล่งที-มาในเร-ืองราวของซยั ฟ์ 4

..สรุป 9. การจองจาํ ของ อบูมิฮญ์ นั ..การเล่าเรื-องของ ซยั ฟ์ ..ตน้ กาํ เนิดของเร-ืองราวของ ซยั ฟ์ ..สรุป 10. วนั ต่างๆ ของซยั ฟ์ ..ก. วนั แห่งววั ..ข. วนั แห่ง อรั มาษ อฆั วาษและอิมาส ..ค. วนั แห่ง ญะรอษิม ..แหล่งที-มาในเรื-องราวของ ซยั ฟ์ ..สรุป 11. การปรึกษาและการใหส้ ัตยาบนั ต่อ อุศมาน ..เรื-องราวท-ีเกี-ยวกบั การปรึกษาหารือจากผอู้ -ืนท-ีไม่ใช่จากซยั ฟ์ ..การปรึกษาหารือและอุมรั 12. กมุ มาซบาน บุตรของ ฮุรมซู านตามการรายงานของซยั ฟ์ ..เรื-องเล่าโดยบุคคลที-ไม่ใช่ ซยั ฟ์ ..สรุป 13. เมืองต่างๆ ท-ีประดิษฐข์ @ึนโดย ซยั ฟ์ ..1. ดุลูษ ..2. ฏอวซู ..3. ญะอร์ อนะฮ์ และ นุอม์ าน ..4. กรุ ดูดะฮ์ ..5. แม่น@าํ อุตต์ ..6. อรั มาษ อฆั วาษ และอิมาส ..7. อลั ซินย์ ษะนียะตุรริกาบ อลั กไุ ดส์ อลั มกั ร์วายะฮค์ ุรด์ อลั วะลา ยะฮ์ และอลั ฮะวาฟี 5

14. ซยั ฟ์ กบั วนั เวลาของเหตุการณ์ต่างๆ ..สรุป ตอนจบของการแปล หมายเหตุ จากบรรณาธิการ หมายเหตุ ทา้ ยเล่ม จากผตู้ รวจทาน เริ-มตน้ ก่อนหนา้ น@ี 16 / ถดั ไป สุดทา้ ย ผทู้ -ีเขา้ มาเยยี- มชม: 7107 / ดาวน์โหลด: 382 2010-07-22 08:17:17 ขนาด ขนาด ขนาด อบั ดุลลอฮ์ อิบนิ สะบาอ์ อบั ดุลลอฮ์ อิบนิ สะบาอ์ ผเู้ ขียน: ซยั ยดิ มุรตะฏอ อสั กะรี หอ้ งสมุด › หอ้ งสมุดประวตั ิศาสตร์ › กรณีศึกษา 2010-07-22 08:17:17 6

อบั ดุลลอฮ์ อิบนิ สะบาอแ์ ละนิยายต่างๆ อบั ดุลลอฮ์ อิบนิ สะบาอแ์ ละ นิยายต่างๆ ประพนั ธ์โดย อลั ลามะฮ์ ซยั ยดิ มุรตะฏอ อสั กะรี ผแู้ ปล อบั ดุลลอฮ์ บิน กอเซ็ม คาํ นาํ ผแู้ ปล ถึงแมก้ ารแปลหนงั สือเร-ือง อบั ดุลลอฮ์ อิบนิ สะบาอ์ และนิยายต่างๆ จาก ตน้ ฉบบั ภาษาฟารซี (เปอร์เซีย) ซ-ึงประพนั ธ์โดย ท่านซยั ยดิ มุรตะฎอ อสั การี ใหเ้ ป็นภาษาองั กฤษ โดยท่าน เอม็ .เจ. มุก็อดดสั จะสิ@นเสร็จลงนบั ต@งั แต่ปี 2517 แลว้ ก็ตาม แต่หนงั สือน@ียงั ไม่เป็นที-แหร่หลายไปทวั- โลก จนกระทงั- Islamic Thought Foundation แห่งเตหราน ไดเ้ ริ-มจดั พิมพเ์ ผยแผน่ บั จากการ ปฏิวตั ิอิสลามในอิหร่าน ในปี 2522 เป็นตน้ มา จึงทาํ ให้หนงั สือน@ีไดร้ ับการ ถ่ายทอดออกเป็นภาษาต่างๆ ของโลกอยา่ งมากมาย และภาษาไทยซ-ึงถือเป็น ภาษาหน-ึงของชาวอาเช-ียน ก็ไดร้ ับเกียรติถ่ายทอดหนงั สืออนั ทรงคุณค่ายง-ิ เล่มน@ีใหช้ าวไทยไดใ้ ชค้ น้ ควา้ ศึกษาหาความรู้แจง้ เห็นจริงในประวตั ิศาสตร์ อิสลาม ที-เคียงคู่อยกู่ บั มวลมุสลิมมานานนบั พนั กวา่ ปี แลว้ ในฐานะท-ีผแู้ ปลเคยไดย้ นิ ไดฟ้ ังมาจากฝ่ ายซุนนะฮ์ ตลอดสองสาม ทศวรรษท-ีผา่ นมา ดงั วา่ ชีอะฮ์ มีตน้ กาํ เนิดมาจากการเผยแพร่ของชาวยวิ คน หน-ึงช-ือ อบั ดุลลอฮ์ อิบนิ สะบาอ์ เดินทางมาจากเยเมน และมาเขา้ รับอิสลาม ในสมยั ของคอลีฟะฮอ์ ุศมาน จากการเผยแพร่ลทั ธิแนวคิดผดิ ๆท-ีเขาแทรกซึม เขา้ มาในอิสลาม ทาํ ใหส้ าวกช@นั นาํ ของท่านศาสดา(ศอ็ ลฯ)บางคน เช่น อบู ซรั อลั กิฟารี เห็นดีเห็นงาม และใชแ้ นวคิดน@ีเป็นแม่แบบเพ-ือเผยแพร่แนว ความเช-ือของชีอะฮ์ อะลี สืบต่อมา จนก่อใหเ้ กิดสงครามอูฐข@ึนในท-ีสุด 7

เม-ือผแู้ ปลไดม้ ีโอกาสเป็ นเจา้ ของหนงั สือเล่มน@ี ซ-ึงเป็ นส่วนที-หน-ึงเม-ือ ประมาณปี 2532 ฉบบั พมิ พค์ ร@ังที-หน-ึง ปี 2521 โดย A Group Of Muslim Brothers ที-เตหราน และเม-ือไดศ้ ึกษาอยา่ งจริงจงั จึงไดม้ ารู้ความจริงวา่ ขอ้ มูลฝ่ ายซุนนะฮ์ ที-นาํ เสนอในเรื-องน@ีมีความขดั แยง้ กนั บา้ งวา่ ชีอะฮถ์ ือ กาํ เนิดนบั ต@งั แต่วาระแรกท-ีท่านนบี (ศอ็ ลฯ) ถึงแก่อสญั กรรม บา้ งวา่ เริ-มข@ึน ในสมยั คอลีฟะฮอ์ ุศมาน ซ-ึงมีเวลาห่างกนั อยถู่ ึงประมาณ 20 ปี ดว้ ยแรงผลกั ดนั ที-ประสงคจ์ ะไดเ้ ห็นความขดั แยง้ ที-เกิดข@ึนในมวลหมู่ มุสลิมไดค้ ล-ีคลายสลายลง ผแู้ ปลจึงตดั สินใจท-ีจะแปลหนงั สือน@ีให้ สาํ นกั พมิ พ์ 14 พบั ลิเคชนั- สถาบนั ส่งเสริมการศึกษาและวจิ ยั เก-ียวกบั อิสลาม และในที-สุดงานแปลไดม้ าเสร็จสิ@นลงเมื-อตน้ ปี 2543 จึงถือเป็นการตอ้ นรับปี แห่งการรณรงค์ เพื-อการศึกษาของสงั คมอิมามียะฮ์ เพอ-ื รอคอยการมาของอิ มามมะฮด์ ี(อ.)ไปดว้ ยในตวั ผแู้ ปลหวงั เป็นอยา่ งยง-ิ วา่ สัจธรรมความจริงท-ีปราฏกอยใู่ นเน@ือหาของ หนงั สือน@ี จะเป็นคาํ ตอบใหก้ บั ฝ่ ายซุนนะฮ์ ไดเ้ ห็นอยา่ งแจ่มแจง้ วา่ อบั ดุลลอฮ์ อิบนิ สะบาอ์ เป็ นตวั ละครที-ท่านฏอบารี และนกั ประวตั ิศาสตร์ มุสลิมท่านอ-ืนๆ นาํ มาบรรจุไวใ้ นหนงั สือประวตั ิศาสตร์อิสลาม อนั มี ชื-อเสียงของพวกท่านไดอ้ ยา่ งไร ผแู้ ปลขอขอบคุณ สาํ นกั พมิ พ์ 14 พบั ลิเคชนั- ของสถาบนั ฯ ท-ีไดเ้ อาเป็น ธุระดาํ เนินการจดั พิมพ์ โดยไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหนื-อยจนสาํ เร็จลุล่วงเป็น สมบตั ิอนั มีค่ายง-ิ ในบรรณพภิ พของสังคมมุสลิมไทยสืบไป ขอวงิ วอนให้ ปากกาทุกดา้ มของมวลมุสลิม ไดเ้ ขียนพระดาํ รัสอนั อมตะดงั วา่ มวลการ สรรเสริญเป็นของอลั ลอฮ(์ ซบ.) ผทู้ รงอภิบาลแห่งสากลโลก ขอความสันติ 8

สุขจงประสพแด่ท่านศาสดา(ศอ็ ลฯ) ผเู้ ป็นศาสดาองคส์ ุดทา้ ย และครอบครัว อนั บริสุทธmิสะอาดของท่าน(อ.) อบั ดุลลอฮ์ บิน กอเซ็ม 15 มิถุนายน 2543 12 รอบิอุลเอาวลั 1421 กรุงเทพมหานคร คาํ นาํ สาํ นกั พิมพ์ หนงั สือที-เก-ียวกบั ศาสนาอิสลาม ซ-ึงทางสาํ นกั พิมพ์ 14 พบั ลิเคชนั- สถาบนั ส่งเสริมการศึกษาและวจิ ยั เก-ียวกบั อิสลามจดั พิมพน์ @นั ขณะน@ีมี ดว้ ยกนั สามแนวใหญ่ๆ คือ หนงั สือที-เป็นตวั บทคาํ สอนของท่านศาสดา(ศอ็ ล ฯ) และอะห์ลุลบยั ต(์ อ.) เช่น สุนทโรวาทอนั ตรึงใจของสิบส-ีมะอซ์ ูมีน(อ.) สนทโรวาทของอิมามอะลี(อ.) ช่อบุปผชาติฯ ท-ีเป็นประวตั ิศาสตร์อิสลามเชิง วเิ คราะห์ เช่น ชีอะฮค์ ือซุนนะฮท์ ี-แทจ้ ริง อบูฮุรอยเราะฮ์ อะลี อิบนิ อบีฏอลิบ มหาบุรุษของโลก ชาํ ระประวตั ิศาสตร์อิสลามและมุสลิม และที-เป็นหนงั สือ คน้ ควา้ ในเชิงความรู้ทางวทิ ยาศาสตร์ก็มี ดาราศาสตร์ อิสลาม มหานครมกั กะฮศ์ ูนยก์ ลางแห่งความมหศั จรรยข์ องโลก เป็นตน้ และในอนาคตอนั ใกลน้ @ี อาจเพิ-มแนวปรัชญาอิสลามข@ึนอีกแขนงหน-ึง (หากอลั ลอฮ(์ ซบ.) ทรง ประสงค)์ ดงั น@นั หนงั สือ อบั ดุลลอฮ์ อิบนิ สะบาอ์ และนิยายต่างๆ ในภาค ภาษาไทยเล่มน@ี จึงถูกจดั ใหอ้ ยใู่ นแนวประวตั ิศาสตร์อิสลามเชิงวเิ คราะห์ ซ-ึง ผอู้ ่านท-ีเคารพคงจะไดส้ งั เกตเห็นถึงแนวใหญ่ๆ สามแนวดงั กล่าวที-ผจู้ ดั พิมพ์ ไดน้ าํ เสนอต่อท่านอยา่ งเป็ นระบบ และนาํ สู่ตลาดหนงั สืออยา่ งต่อเน-ืองเพื-อ ความสะดวกของท่านในการศึกษาคน้ ควา้ และการสะสมหนงั สือท-ีจดั พิมพ์ 9

โดยสาํ นกั พิมพ์ 14 พบั ลิเคชนั- สถาบนั ส่งเสริมการศึกษาและวจิ ยั เก-ียวกบั อิสลาม สาํ นกั พิมพต์ ระหนกั ดีอยเู่ สมอวา่ หนงั สือแนวประวตั ิศาสตร์อิสลามเชิง วเิ คราะห์น@ี มกั จะเป็นเผอื กร้อนท-ีไม่มีผใู้ ดอยากแตะตอ้ ง แต่เมื-อมนั หายร้อน เมื-อใด ผคู้ นจึงจะเห็นคุณค่าของมนั สิ-งน@ีเป็นจริงกบั หนงั สือแนวดงั กล่าวน@ี ของสาํ นกั พิมพท์ ุกเล่ม มาบดั น@ีผคู้ นเริ-มถามหาท@งั ๆที-เราไดจ้ ดั พมิ พห์ นงั สือ แนวน@ีมาต@งั แต่ปี 2538 ซ-ึงบางเล่มจาํ เป็นจะตอ้ งจดั พิมพเ์ ป็ นคร@ังท-ีสอง เจตนารมณ์หลกั ของสาํ นกั พิมพ์ ก็คือ ตอ้ งการให้ท่านผอู้ ่านท-ีเป็น นกั ศึกษาคน้ ควา้ ท@งั ที-เป็นมุสลิมและผคู้ นโดยทวั- ไป ไดอ้ ยใู่ กลช้ ิดกบั ความ จริงซ-ึงมีเพยี งหน-ึงเดียว และห่างไกลจากความเทจ็ ท-ีปรากฏอยตู่ ามบรรทดั ต่างๆของหนงั สือประวตั ิศาสตร์อิสลาม ท@งั น@ีเพราะแหล่งท-ีมาของ ประวตั ิศาสตร์อิสลามบางแหล่งน@นั เป็นเทจ็ เช่นของ ซยั ฟ์ อิบนิ อุมรั อตั ตะมี มี มนั จะเป็ นไปไดอ้ ยา่ งในเม-ืออิสลามกบั ความสตั ยจ์ ริงน@นั เป็นของคู่กนั แต่ เรากลบั ไดเ้ ห็นวา่ หนงั สือที-ไดช้ -ือวา่ ประวตั ิศาสตร์อิสลามบางเล่มกลบั ใช้ หลกั ฐานที-มาเป็นเทจ็ ซ-ึงไม่อาจทนทานต่อการถูกพสิ ูจน์ในเชิงวชิ าการอยา่ ง เขม้ งวดกวดขนั ได้ ท่านอลั ลามะฮ์ ซยั ยดิ อสั การี นกั ปราชญผ์ ยู้ งิ- ใหญ่ท่านหน-ึงของโลก อิสลามท-ีมีชีวติ ร่วมสมยั กบั เรา ไดพ้ สิ ูจนใ์ หเ้ ห็นถึงความจริงน@ีอยา่ งไม่อาจ โตแ้ ยง้ ใดๆ ได้ ดงั น@นั ความปรารถนาของท่านที-ประสงคจ์ ะไดเ้ ห็นพวกเรา ไดร้ ับทางนาํ ไปสู่ความสาํ เร็จ และปฏิบตั ิกิจกรรมต่างๆ ท-ีนาํ ไปสู่ความพึง พอพระทยั ของอลั ลอฮ(์ ซบ.) จึงถือไดว้ า่ สัมฤทธิผลไปส่วนหน-ึงแลว้ เมื-อ หนงั สือเล่มน@ีและเล่มอ-ืนๆ ของท่านไดร้ ับการถ่ายทอดออกเป็นภาษาต่างๆ ไปทวั- โลก 10

สาํ นกั พมิ พข์ อขอบคุณต่อผแู้ ปล และทุกท่านท-ีมีส่วนช่วยเหลืออนั สาํ คญั ที-ทาํ ใหห้ นงั สืออนั ทรงคุณค่ายง-ิ เล่มน@ีสาํ เร็จลงไดด้ งั หมาย พระองคเ์ ท่าน@นั ที- เราสรรเสริญ และพระองคเ์ ท่าน@นั ที-เราแสวงหาความช่วยเหลือ และพระองค์ เท่าน@นั ท-ีทรงตอบแทนรางวลั ของพระองคใ์ หก้ บั ขอ้ ทาสผซู้ ื-อสัตยข์ อง พระองคอ์ ยา่ งไม่อาจคาํ นวณนบั ได้ สาํ นกั พมิ พ์ 14 พบั ลิเคชนั- สถาบนั การส่งเสริมการศึกษาและวจิ ยั เกี-ยวกบั อิสลาม 15 มิถุนายน 2543 12 รอบิอุลเอาวลั 1421 ประวตั ิผเู้ ขียน : ซยั ยดิ มุรตะฏอ อสั การี เกิดท-ีเมืองสมรั รอออ์ นั ศกั ดmิสิทธmิ(อิรัก) เม-ือวนั ท-ี 8 ญะมาดิซซานี ฮ.ศ. 1332 ท่านไดร้ ับการศึกษาในเฮาซะฮ์ (ศูนยก์ ลางการศึกษาศาสนาอิสลาม) และในเดือนมุฮรั รอม ฮ.ศ. 1350 ท่านไดย้ า้ ยไปยงั เมืองกมุ อนั ศกั ดmิสิทธmิ ใน ประเทศอิหร่านและอยทู่ -ีนนั- จนถึงปี ฮ.ศ. 1353 ในเมืองกุม ท่านและมิตรสหายของท่านอีกสองท่านคือ อยาตุลลอฮ์ เชค มุรตะฎอ เฮรีและซยั ยดิ อะห์มดั ซจั ญาดี ไดร้ ่วมกนั ศึกษาวชิ านิติศาสตร์และ หลกั นิติบญั ญตั ิอิสลาม จากผทู้ รงคุณวุฒิและผปู้ ระสาทวชิ าการศาสนาท-ี ยงิ- ใหญ่ อาทิเช่น อยาตุลลอฮ์ ซยั ยดิ ชิฮาบุดดีน มรั อะชี นะญะฟี (รอ.) และอยาตุลลอฮ์ เชค มุฮมั มดั ฮูเซน ชารีอตั มะดารี เป็นตน้ อลั ลามะฮซ์ ยั ยดิ มุ รตะฏอ อสั การี ยงั ไดเ้ คยเขา้ ศึกษาในช@นั เรียนเก-ียวกบั วชิ าปรัชญาของอิมาม โคมยั นี(รอ.) อยหู่ ลายคร@ังเช่นกนั หลกั สูตรการอรรถาธิบายอลั กุรอาน กบั เชค มิรซา คอลีล คมั รี และวชิ ารหสั ยศาสตร์กบั อยาตุลลอฮ์ เชคมะฮด์ ี 11

ชาฮิดี (ผบู้ ริหารสถานศึกษาริดว)ี เป็นท-ีน่าสงั เกตวา่ อยาตุลลอฮ์ เชคมะฮด์ ี ชาฮิดี พาํ นกั อยใู่ นสถานศึกษาริดวเี ป็ นเวลาสองปี จากน@นั ท่านเดินทางไป ยงั เฮาซะฮซ์ ะฮฟ์ ัยซิยะฮ์ ความจริงท่านไดแ้ สดงบทบาทที-สาํ คญั ในการสร้าง บุคลิกภาพของ อลั ลามะฮ์ อสั การี และเป็นท-ีปรึกษาที-แทจ้ ริงของท่าน บุรุษแห่งความรู้และการปฏิวตั ิ นบั ต@งั แต่ท่านมีอายุ 15 ปี อลั ลามะฮ์ อสั การีไดแ้ สดงความสนใจอยา่ งแรงกลา้ ในวชิ าประวตั ิศาสตร์ และการ ท่องเที-ยวไปในโลกของการสาํ รวจตรวจสอบ เนื-องแต่ผลลพั ธ์แห่งความ พยายามของท่าน ท่านไดเ้ พ-ิมพนู ความรู้ในขอบข่ายน@ี ซ-ึงมากกวา่ ความรู้ ระดบั ข@นั ธรรมดาในหมู่เพอ-ื นร่วมช@นั เรียนของท่าน ภายหลงั การศึกษางาน เขียนของลูกศิษยอ์ ยาตุลลอฮช์ ิราซี เกี-ยวกบั กฎหมายยาสูบ และขอ้ มูลที- ชาวตะวนั ตกเขียนเกี-ยวกบั ประเทศมุสลิมในบนั ทึกของพวกเขา ท่าน สามารถวเิ คราะห์วนั ที-นกั ล่าอาณานิคมเร-ิมบุกรุกประเทศมุสลิมได้ ดว้ ย ความสามารถพเิ ศษและความมีสติปัญญาของท่าน ทาํ ใหท้ ่านประจกั ษถ์ ึง เป้ าหมายท-ีชว-ั ร้ายของนกั ล่าอาณานิคม ท-ีจะแพร่กระจายการครอบงาํ ทาง สติปัญญาและวฒั นธรรมไปทวั- ท@งั โลกอิสลาม และเปิ ดเผยหลกั ฐานของพวก เขา การรุกรานทางสติปัญญาไม่ไดส้ ิ@นสุดยตุ ิลง ดว้ ยจุดจบท-ีการยดึ ครอง โดยตรงของนกั ล่าอาณานิคมเหนือประเทศมุสลิม แต่มนั ยงั คงดาํ เนินต่อไป อยา่ งลบั ๆ ท่านยงั คน้ พบเกี-ยวกบั ความพยายามอยา่ งจงใจท-ีเป็นอนั ตราย ใน การผสมผสานความคิดและทศั นคติอิสลามท-ีบริสุทธmิกบั ความคิดตะวนั ตก สมยั ใหม่ ตลอดจนผลท-ีจะติดตามมาภายหลงั ในการผนั แปรขอ้ มูลที-เป็ นจริง ของอิสลามในหวั ใจของผคู้ นยคุ อนาคตอีกดว้ ย อลั ลามะฮ์ อสั การี อยใู่ นหมู่นกั วชิ าการอิสลามคนแรกๆ ของอิรักที-ตรวจ พบเหตุผลที-แทจ้ ริงของหลกั สูตรการศึกษาท-ีตระเตรียมโดยท-ีปรึกษา ชาวตะวนั ตกในโรงเรียนรัฐบาล สาํ หรับเยาวชนในประเทศมุสลิม หลงั จาก 12

การศึกษาตรวจสอบอยา่ งระมดั ระวงั ท่านไดอ้ ธิบายถึงความแตกต่างอยา่ ง มากมาย ระหวา่ งหลกั สูตรของประเทศต่างๆ อยา่ งเช่น เยอรมนั ฝรั-งเศส ญ-ีป่ ุน ฯลฯ กบั หลกั สูตรการศึกษาของประเทศท-ีเคยถูกยดึ ครอง และการ อรรถาธิบายตาํ ราเรียนประกอบการศึกษาของพวกเขา จากความแตกต่างเหล่าน@ี ท่านพบวา่ เหตุผลหลกั ประการหน-ึงของการ ถดถอยของประเทศมุสลิม อยทู่ ี-หลกั สูตรและแนวความคิดทางการศึกษา เหล่าน@ี นนั- คือ เหตุผลท-ีท่านขนานนามโรงเรียนของเราวา่ “โรงงานจดั เตรียม ลูกจา้ งในอนาคต” เพราะโรงเรียนต่างๆ ในเวลาน@นั ไดผ้ ลิตเสมียนประจาํ สาํ นกั งาน ซ-ึงจะกระทาํ ทุกอยา่ งเพอ-ื ใหค้ าํ ส-ังของมหาอาํ นาจเป็นผลสาํ เร็จ และปฏิบตั ิงานในสังคมเป็นข@นั เป็นตอน โดยปราศจากการโตแ้ ยง้ หรือ ปฏิกิริยาใดๆ อลั ลามะฮ์ อสั การี ยงั ไดค้ น้ พบการขาดความสัมพนั ธ์ระหวา่ งเฮาซะฮแ์ ละ มหาวทิ ยาลยั สมยั ใหม่ อนั เป็นเสาหลกั ท@งั สองที-สาํ คญั อยา่ งยง-ิ น@ีของสังคม อิสลาม เฮาซะฮแ์ ยกตวั ออกไปและหมกมุ่นอยกู่ บั การฝึกฝนนกั เรียนเพื-อให้ กลายเป็นผทู้ รงสิทธmิในความรู้และผปู้ ระสาทวชิ าการในอนาคตของเฮาซะฮ์ เพียงเท่าน@นั มหาวทิ ยาลยั ก็เช่นเดียวกนั มีความโอนเอียงไปทางตะวนั ตก และเป็นคนแปลกหนา้ ในสังคมอิสลาม เพราะฉะน@นั จึงมีความตอ้ งการต่อการเคลื-อนไหวในอนั ที-จะปัดเป่ าความ เฉื-อยชา และกาํ จดั การแยกตวั ออกไปและความอ่อนแอ อลั ลามะฮ์ อสั การี เร-ิมการเคลื-อนไหว ในช่วงท-ีเม-ือสงครามโลกคร@ังที-สองกาํ ลงั เป็นอนั ตรายต่อ ประเทศและประชาชนอิรัก กิจกรรมแรกของท่านคือ การตระเตรียมการ ประชุม เพอ-ื ใหค้ วามรู้และใหก้ ารศึกษาแก่ประชาชน ในขณะเดียวกนั ท่าน ไดจ้ ดั ต@งั โรงเรียนเพือ- ใหก้ ารศึกษาแก่เยาวชนและวางสารัตถะทาง 13

แนวความคิดสาํ หรับพวกเขาดว้ ยตวั ท่านเอง จากน@นั ท่านไดแ้ นะนาํ โรงเรียน น@ีในฐานะส่วนหน-ึงของแผนหลกั ในโรงเรียนน@ี นกั วชิ าการหลายคน อยา่ งเช่น เชคมิรซา นจั มุดดีน ชารีฟ อสั การี เชคฮาซนั กุเมลี ซยั ยดิ ญะอฟ์ ัร ชะฮร์ ิสตานี และเชคมะฮด์ ี ฮากีม ร่วมสอนอยดู่ ว้ ย เช่นเดียวกบั นกั ปฏิรูปคน อื-นๆในศตวรรษที-ผา่ นๆมา ในขณะท-ีก่อต@งั และวางแผนงาน อลั ลามะฮ์ อสั การีก็เผชิญกบั การต่อตา้ นขดั ขวางจากฝ่ ายตรงขา้ มท-ีอวชิ ชาและมีความคิด ลา้ สมยั ดงั น@นั ท่านจึงเห็นวา่ ควรเขียนหนงั สือเกี-ยวกบั วฒั นธรรมตะวนั ตก และการรุกรานทางสติปัญญาในประเทศมุสลิม และวางโครงการต่างๆ มากมายเพ-อื เผชิญหนา้ กบั การรุกรานน@ี แผนงานบางอยา่ งเหล่าน@ี คือ ก) จดั ต@งั โรงเรียนสมยั ใหม่ เพ-ือใหก้ ารศึกษาแก่คนรุ่นใหม่และใหก้ าร แนะนาํ พวกเขาสู่วฒั นธรรมและการศึกษาแบบอิสลาม ข) จดั ต@งั โรงเรียนที-ผลิตผเู้ ช-ียวชาญเฉพาะในศาสนาอิสลาม ซ-ึงสามารถ ถ่ายทอดความรู้ของพวกเขาไปสู่สังคม ค) จดั พมิ พห์ นงั สือและวารสารเกี-ยวกบั อิสลาม จากน@นั ไม่นานท่านไดก้ ลบั ไปยงั อิรักและจดั ต@งั โรงเรียน “มุนตะดา อลั นชั ร์” ข@ึนที-กาซิมยั นร์ ่วมกบั ดร. อะห์มดั อามีน เพ-ือสอนวชิ าการ ศาสนาและฝึกฝนวชิ าการอยา่ งเป็นเอกเทศ ภายหลงั จากเสร็จสิ@นแผนงานข@นั ท-ีสองของโรงเรียนแลว้ อลั ลามะฮ์ อสั การี ไดเ้ ริ-มชีวติ ทางศาสนาระยะท-ีสอง ของท่าน ท่านกลบั ไปยงั สะมรั รอฮ์ และใชเ้ วลาสองปี เพ-ือศึกษาและไดร้ ับ ความรู้ทางนิติศาสตร์อิสลาม อยา่ งเป็นการเฉพาะจากศาสนาจารยข์ องท่าน คือ อยาตุลลอฮ์ อิชติฮารดี ขณะเดียวกนั ท่านไดเ้ ขียนและแกไ้ ขหนงั สือหลาย เล่มเกี-ยวกบั ประวตั ิแนวความคิดอิสลาม ท่านแบ่งการสืบคน้ ของท่าน 14

ออกเป็ นหลายส่วน ประกอบดว้ ยระยะท-ีแตกต่างกนั ของการก่อรูปแบบ แนวความคิดอิสลาม จากจุดเริ-มตน้ ระยะแรกๆของการปรากฏข@ึนของ อิสลาม จนกระทงั- จบสมยั การปกครองของราชวงศอ์ บั บาสิยะฮ์ อุปสรรคสาํ คญั ของความกา้ วหนา้ ในการวิจยั ของท่านคือ วจนะ(ฮะดิษ) จาํ นวนมากท-ีไดร้ ับการยอมรับโดยมุสลิมส่วนใหญ่ ขาดความน่าเชื-อถือ หลงั จากศึกษาในรายละเอียด ตวั อยา่ งเช่น วจนะท-ีรายงานโดยอุมมุลมุอม์ ินีน (อาอิชะฮ)์ อบูฮุรอยเราะฮ์ อิบนิอบั บาส อนสั บินมาลิก และคนอื-นๆ ผลลพั ธ์ ของการวจิ ยั และศึกษาน@ีสะอาดบริสุทธmิยงิ- หลงั จากอลั ลามะฮ์ อสั การี ไดพ้ บ ขอ้ ผดิ พลาดท-ีไม่อาจโตแ้ ยง้ ไดใ้ นรายงานเหล่าน@ี รายงานเกือบท@งั หมดท-ีไร้ หลกั ฐานคือฮะดิษของ “อบั ดุลลอฮ์ อิบนิ สะบาอ”์ และ “ซอฮาบะฮท์ ี-ถูก อุปโลกนข์ @ึนหน-ึงร้อยหา้ สิบคน” ตามผลลพั ธ์ของการสืบคน้ วจิ ยั ท-ีสาํ คญั น@ี ทาํ ใหข้ อ้ เทจ็ จริงอนั เป็นท-ีรู้กนั บางส่วน ซ-ึงไดร้ ับการยอมรับโดยประชาชน ตลอดหลายศตวรรษ ไดส้ ูญเสียความน่าเชื-อถือของมนั ลงไป และรากฐาน ขอ้ เขียนและการรายงานของฏอบารี และนกั ประวตั ิศาสตร์ท-ียงิ- ใหญ่คนอ-ืนๆ ไม่ไดร้ ับการสนบั สนุน หนงั สือเล่มแรกของอลั ลามะฮ์ อสั การี ท-ีตีพมิ พ์ เก-ียวกบั การวจิ ยั สืบคน้ เหล่าน@ี ในปี ฮ.ศ. 1375 คือ “อบั ดุลลอฮ์ อิบนิ สะบาอ”์ และ “ร่วมมือกบั ด็อกเตอร์ อลั วรั ดี” ถึงแมว้ า่ อลั ลามะฮ์ อสั การี จะใชเ้ วลาเกือบท@งั หมดของท่านทาํ การศึกษา และเขียนหนงั สือ ท่านก็ไม่เคยละทิ@งกิจกรรมทางศาสนาและสังคมของท่าน เพยี งเวลาส@ันๆหลงั จากน@นั ท่านตดั สินใจที-จะดาํ เนินกิจกรรมของท่านอยา่ ง มน-ั ใจ และจดั ต@งั โรงเรียนศาสนาและเฮาซะฮท์ ี-พเิ ศษหลายแห่ง แต่แผนงานที- ยงิ- ใหญ่และสาํ คญั ที-สุดของอลั ลามะฮ์ อสั การี คือ การจดั ต@งั โรงเรียนศาสนา ในแบกแดดในปี ฮ.ศ. 1384 เพือ- เปิ ดมหาวทิ ยาลยั อิสลามท-ีกวา้ งใหญ่ข@ึน ดว้ ย ความชาํ นาญในขอบข่ายวชิ าการท@งั หมด 15

หลงั จากการปรากฏข@ึนของพรรคบาธ ซ-ึงเป็นผปู้ ฏิเสธและปกครองเหนือ กิจการอิรัก อลั ลามะฮ์ อสั การี ภายใตก้ ารนาํ ของ อยาตุลลอฮ์ ฮากีม(รอ.) และ แนวร่วมอื-นๆ ไดแ้ สดงการต่อตา้ นการปกครองของพรรคบาธ ผลลพั ธ์ท-ี ออกมาคือ พรรคบาธไดอ้ อกคาํ สั-งจบั กุม อลั ลามะฮ์ อสั การี และท่านตอ้ ง ออกจากอิรักในปี ฮ.ศ. 1389 และเดินทางไปเลบานอน พร้อมดว้ ยผนู้ าํ ศาสนาคนสาํ คญั อ-ืนๆ ภายหลงั เม-ือท่านพบวา่ พรรคบาธตอ้ งการจบั กมุ และ ลกั พาตวั ท่าน อลั ลามะฮ์ อสั การี จึงตดั สินใจเดินทางมายงั อิหร่าน ปัจจุบนั น@ี อลั ลามะฮ์ อสั การี ไดอ้ ุทิศเวลาเกือบท@งั หมดของท่าน ใหก้ บั การจดั การเกี-ยวกบั การจดั พมิ พห์ นงั สืออนั มีค่า ซ-ึงมีขอบเขตท-ีกวา้ งขวางของ ท่านจาํ นวนมากกวา่ 53 เรื-อง โดยไม่คาํ นึงถึงวยั อนั ชราภาพของท่าน เพื-อให้ หนงั สือเหล่าน@ีเป็นเคร-ืองมือในการปกป้ องอิสลาม และทาํ ใหธ้ งชยั อนั สูงส่ง ของอิสลามโบกสะบดั ไหวอยเู่ หนือประเทศมุสลิมท@งั มวล คาํ วจิ ารณ์โดย ดร. ฮามิด ฮฟั นี ดาวดู ศาสตราจารยภ์ าษาอาหรับ มหาวทิ ยาลยั ไคโร สจั ธรรมเบ@ืองหลงั เร-ืองอุปโลกน์ อิสลามไดร้ ับการเฉลิมฉลองวนั เกิดครบ 1300 ปี ไปแลว้ ระหวา่ งเวลาน@ี นกั เขียนผรู้ ู้บางส่วนของเราไดใ้ ส่ไคลช้ ีอะฮว์ า่ ไม่มีทศั นะแบบอิสลาม นกั เขียนเหล่าน@นั ไดแ้ ผอ่ ิทธิพลความเห็นของตนต่อส่วนรวมต่อตา้ นชีอะฮ์ และสร้างช่องวา่ งความแตกต่างระหวา่ งพน-ี อ้ งมุสลิม นอกจากผมู้ ีวทิ ยปัญญา และการศึกษาแลว้ บรรดาศตั รูของชีอะฮไ์ ดด้ าํ เนินตามความเช-ือที-นกั เขียน เหล่าน@นั คิดข@ึนเอง และปกปิ ดสจั ธรรมความจริงบางส่วนและใส่ไคลช้ ีอะฮ์ 16

วา่ เป็นพวกที-มีความเช-ือผดิ ๆ ฯลฯ ดว้ ยเหตุน@ีวชิ าการอิสลามไดร้ ับความ เสียหายอยา่ งมาก เพราะทศั นะของชีอะฮถ์ ูกปิ ดบงั อาํ พราง ตามผลลพั ธ์ของการใส่ไคลเ้ หล่าน@ี ความเสียหายของวชิ าการอิสลาม มี มากกวา่ ความเสียหายท-ีชีอะฮเ์ องไดร้ ับเสียอีก เพราะแหล่งของนิติศาสตร์ แนวความคิดที-มีค่าและทรงคุณประโยชน์ของแนวทางน@ีไดถ้ ูกทอดทิ@ง เป็น ผลใหค้ วามรู้ถูกจาํ กดั ในอดีตผรู้ ู้ของเราไดส้ ร้างความเสียหายไว้ มิเช่นน@นั แลว้ เราจะไดร้ ับ ประโยชนจ์ ากทศั นะจาํ นวนมากของชีอะฮ์ ใครก็ตามท-ีตอ้ งการทาํ งานวจิ ยั เก-ียวกบั นิติศาสตร์อิสลาม จะตอ้ งถือวา่ ชีอะฮเ์ ป็นแหล่งขอ้ มลู เช่นเดียวกบั ของซุนนี ไม่ใช่ อิมามญะอฟ์ ัร อซั ซอดิก (เสียชีวติ ฮ.ศ. 148) ผนู้ าํ ของชีอะฮด์ อก หรือที-เป็นครูของอิมามซุนนีสองท่าน? คือ อบูฮะนีฟะฮ์ อลั นุอม์ าน บิน ซา บิต (เสียชีวติ ฮ.ศ. 150) และอบูอบั ดุลลอฮ์ มาลิก บิน อนสั (เสียชีวติ ฮ.ศ. 179) อบูฮะนีฟะฮก์ ล่าววา่ “หากไม่มีสองปี น@นั นุอม์ านจะตอ้ งพินาศแน่นอน” หมายถึงสองปี ท-ีเขาไดร้ ับประโยชนจ์ ากความรู้ของอิมามญะอฟ์ ัร อซั ซอดิก มาลิก ก็เช่นกนั ไดส้ ารภาพอยา่ งตรงไปตรงมาวา่ “เขาไม่เคยพบเห็นใครมี ความรู้ในนิติศาสตร์อิสลามมากกวา่ อิมามญะอฟ์ ัร อซั ซอดิก(อ.)” โชคไม่ดี ที-ผทู้ ี-เรียกกนั วา่ ผรู้ ู้ ไม่ถือกฏเกณฑส์ าํ หรับการวจิ ยั เหมาะสมต่อ วตั ถุประสงคข์ องพวกเขา เน-ืองจากความรู้ไม่ถูกเปิ ดเผยแก่พวกเขาท@งั หมด และพวกเขาไดส้ ร้างช่องวา่ งที-กวา้ งใหญ่ระหวา่ งมุสลิมข@ึน อะห์มดั อามีน เป็นผหู้ น-ึงท-ีไดค้ ร่าเอาแสงสวา่ งของความรู้ไป เหลือไวเ้ พยี งความมืดมิด แต่ กระน@นั เทียนของชีอะฮก์ ็ยงั คงส่องสวา่ งอยเู่ สมอและไม่มีแสงอื-นๆอีกแลว้ 17

ประวตั ิศาสตร์ไดบ้ นั ทึกรอยเป@ื อนน@ีบนเส@ือคลุมของอะห์มดั อามีน และ พรรคพวกของเขา ซ-ึงดาํ เนินรอยตามแนวทาง (มศั ฮบั ) หน-ึงโดยเฉพาะอยา่ ง มืดบอด ในความผิดพลาดจาํ นวนมากที-เขาไดส้ ร้างข@ึนที-ฉกรรจท์ ี-สุดคือการ เล่าเรื-องราวของ “อบั ดุลลอฮ์ อิบนิ สะบาอ”์ นี-เป็นเรื-องโกหกท-ีเล่าเพ-อื ใส่ ความชีอะฮว์ า่ เป็นพวกนอกรีตและเป็นเหตุการณ์ท-ีไดเ้ กิดข@ึนมาแลว้ ในหนงั สือเล่มน@ีของนกั คน้ ควา้ วจิ ยั ที-ยงิ- ใหญ่ในยคุ ปัจจุบนั ท่านซยั ยดิ มุ รตะฎอ อสั การี ท-ีน่านบั ถือ ไดพ้ ิสูจนด์ ว้ ยหวั ขอ้ ใหญ่ใจความที-ชดั เจนวา่ “อบั ดุลลอฮ์ อิบนิ สะบาอ”์ เป็นการอุปโลกน์ เพราะฉะน@นั จึงเป็นการโกหกท-ี ยงิ- ใหญ่ที-จะกล่าววา่ เขาเป็ นผกู้ ่อต@งั แนวทางชีอะฮ์ ซยั ยดิ มุรตะฎอ อสั การี มี ความเก-ียวพนั อยา่ งลึกซ@ึง ในเรื-องประวตั ิศาสตร์ และไดพ้ สิ ูจนจ์ าก แหล่งขอ้ มลู ซุนนีวา่ ศตั รูของชีอะฮเ์ ป็นผผู้ ดิ พลาด จากยคุ สมยั แรกของ อิสลามจนกระทงั- ปัจจุบนั เรื-องราวที-เหมือนกนั เกี-ยวกบั “อบั ดุลลอฮ์ อิบนะ สะบาอ”์ ซ-ึงเล่าโดยซยั ฟ์ อิบนิ อุมรั ไดร้ ับการเชื-อถือเหมือนกบั มาจาก แหล่งขอ้ มูลท-ีเป็นจริง แต่ในหนงั สือเล่มน@ีมีการศึกษาวจิ ยั ที-กวา้ งขวาง เกี-ยวกบั เรื-องน@ี เพื-อใหง้ ่ายต่อการแสวงหาความจริงเกี-ยวกบั เรื-องท@งั หมด พระเจา้ ทรงบญั ชาวา่ ผรู้ ู้บางคนจะเปิ ดเผยความจริง โดยไม่คาํ นึงถึงการ กล่าวร้ายท-ีพวกเขาอาจจะไดร้ ับ ผบู้ ุกเบิกในขอบข่ายน@ีคือ ท่านผเู้ ขียนที-น่า นบั ถือของหนงั สือเล่มน@ี ผทู้ -ีทาํ ใหผ้ รู้ ู้ซุนนีที-ศึกษาวจิ ยั ตอ้ งพิจารณาแกไ้ ข หนงั สือประวตั ิศาสตร์ของฏอบารี (ประวตั ิศาสตร์ของประชาชาติและ กษตั ริย)์ รวมท@งั เลือกเฟ้ นเรื-องราวที-เช-ือถือไดอ้ อกจากเร-ืองราวท-ีผดิ พลาด เร-ืองราวที-ยงั คงไม่ไดร้ ับการเปล-ียนแปลงและแกไ้ ขมานานหลายศตวรรษ เสมือนเป็ นววิ รณ์ของพระเจา้ 18

ท่านผเู้ ขียนอนั ทรงเกียรติ ไดป้ ลดเปล@ืองม่าน หรือสิ-งเคลือบคลุมออกจาก เหตุการณ์ประวตั ิศาสตร์เหล่าน@นั ดว้ ยหลกั ฐานอยา่ งมากมาย และเปิ ดเผย ความจริงในวถิ ีทางท-ีดีท-ีสุด ในขอบข่ายที-ความจริงบางประการดูประหน-ึง เป็นเรื-องน่าตกใจ แน่นอนบางเร-ืองราวปรากฏออกมาวา่ ขาดความน่าเช-ือถือ โดยท-ีเรื-องราวเหล่าน@ีขดั แยง้ กบั ความเชื-อในช่วงชีวติ และมรดกทางศาสนา ในศตวรรษก่อนๆของเรา แต่เราตอ้ งยอมรับสัจธรรมความจริง ไม่วา่ มนั จะ ปรากฏข@ึนอยา่ งยากเยน็ แสนเขญ็ สักเพียงใด “สัจธรรมคือสิ-งท-ีดีท-ีสุดท-ีจะ ดาํ เนินตาม” เพ-อื ท-ีจะรู้เก-ียวกบั เร-ืองราวท@งั หมด บุคคลผหู้ น-ึงตอ้ งอ่านหนงั สือเล่มน@ี และพนิ ิจพเิ คราะห์เหตุการณ์ที-มีความเห็นแตกต่าง อาทิเช่น “กองทพั ของอุ ซามะฮ”์ “การสิ@นชีวติ ของท่านศาสดา” “เรื-องราวที-สะกีฟะฮ”์ เรื-องราวท@งั หมดไดร้ ับการตรวจสอบจากผเู้ ขียน เมื-อท่านศาสนทูตของพระเจา้ ใกลส้ ิ@นชีวติ มีคนบางคนผละออกจาก กองทพั ของอุซามะฮโ์ ดยปราศจากการอนุญาต และเดินทางกลบั นครมะดี นะฮ์ ดว้ ยความหวงั วา่ จะไดร้ ับตาํ แหน่งท-ีไดร้ ับสิทธิพเิ ศษ ผเู้ ขียนไดแ้ นะนาํ บุคคลเหล่าน@ีแก่เรา เมื-อใกลส้ ิ@นชีวติ ท่านศาสดาตอ้ งการเขียนคาํ ส-ังเสีย แต่มี คนบางคนเมินเฉยต่อความตอ้ งการน@ี และเรียกมนั วา่ เป็ นอาการเพอ้ ของคน ใกลส้ ิ@นชีวติ บางทีพวกเขาอาจหวนั- เกรงความเป็ นไปไดต้ ่อการแนะนาํ อิ มามอะลีในฐานะผสู้ ืบทอดของท่าน ผเู้ ขียนไดเ้ ปิ ดเผยความจริงเกี-ยวกบั เหตุการณ์เหล่าน@ี อุมรั มีอะไรอยใู่ น หวั ใจของเขา ในการปฏิเสธการสิ@นชีวติ ของท่านศาสดา ? ทาํ ไมเขาจึง คุกคามจะสงั หารบรรดาผทู้ ี-แพร่กระจายข่าวการสิ@นชีวติ ของท่านศาสดา ? ระหวา่ งเวลาท-ีท่านอิมามอะลี ญาติของท่านศาสดา อบั บาสลุงของท่านและผู้ 19

อาวโุ สหลายคน กาํ ลงั อาบน@าํ ใหร้ ่างของท่านศาสดาอยนู่ @นั อุมรั และอบูอุบยั ดะฮร์ ีบเร่งไปยงั สะกีฟะฮ์ (หอ้ งท-ีหลงั คาเป็นเพงิ ) และเรียกร้องใหป้ ระชาชน ใหส้ ัตยาบนั แสดงความภกั ดีต่อ อบูบกั ร กระน@นั หากพวกเขารอจนกระทง-ั การฝังร่างของท่านศาสดาเสร็จเรียบร้อย อะลีก็เป็นผทู้ ี-น่าจะไดร้ ับตาํ แหน่งผู้ สืบทอดของท่านศาสดาเพยี งผเู้ ดียว และบนีฮาชิมก็รู้วา่ ไม่มีใครเลยแมส้ กั คน เดียว ผเู้ ขียน ไดเ้ ลือกเฟ้ นความจริงออกมาจากความผดิ พลาด สิ-งท-ีดีออกจาก ส-ิงท-ีเสียหาย ในสามหวั ขอ้ ที-กล่าวมาแลว้ จนกระทงั- ท่านสามารถเขา้ ถึงความ จริงท-ีชดั แจง้ และเป็นเพราะการศึกษาวจิ ยั ของท่าน ประตขู องความเขา้ ใจผดิ และการหลอกหลวงไดถ้ ูกปิ ดไปตลอดกาลสาํ หรับผวู้ างแผนท@งั หลาย เน@ือหา อื-นๆในหนงั สือเล่มน@ี เผยใหเ้ ห็นถึงสัจธรรมอยา่ งชดั เจนย-ิงวา่ ในอนาคตอนั ใกลก้ ารปฏิรูปอยา่ งกวา้ งขวางในประวตั ิศาสตร์อิสลามจะเกิดข@ึน ขา้ พเจา้ ขอเสนอคาํ ถามสามขอ้ แก่ท่านผอู้ ่านก่อนจบขอ้ วจิ ารณ์ของ ขา้ พเจา้ สาวกผใู้ กลช้ ิดของท่านศาสดาสามารถทาํ ความผดิ ไดห้ รือไม่ ? เรา สามารถวจิ ารณ์ผลงานของเขาไดห้ รือไม่ ? เราสามารถกล่าววา่ สาวกท-ีน่า เคารพของท่านศาสดาเป็ นคนหนา้ ไหวห้ ลงั หลอกหรือไร้ศรัทธาไดห้ รือไม่ ? คาํ ตอบของสองขอ้ แรกเป็นบวก แต่คาํ ตอบขอ้ สุดทา้ ยเป็นลบ ไม่ใช่ เพราะขา้ พเจา้ มีใจอคติ และกล่าวบางสิ-งบางอยา่ งคา้ นต่อตรรกะ หาเป็น เช่นน@นั ไม่ ขา้ พเจา้ มีเหตุผลท-ีชอบและสมเหตุสมผล สาํ หรับการปฏิเสธและ ความกลบั กลอกน@นั มาจากหวั ใจ และไม่มีใครนอกจากอลั ลอฮท์ -ีรู้ รายละเอียดในหวั ใจของเรา และความลบั ของผคู้ น ขา้ พเจา้ ยนิ ดีท-ีจะใหก้ าร ยกยอ่ งอยา่ งมากมายแก่หนงั สือเล่มน@ีและแก่ซยั ยดิ มุร ตะฎอ อสั การี ผเู้ ขียนท-ี ทรงเกียรติ ซ-ึงเป็นนกั ศึกษาวจิ ยั ผทู้ รงความรู้ ขา้ พเจา้ ยงั ขอแสดงความยนิ ดี 20

ต่อคุณมุรตะฎอ ริดวี กิชมิรี (ผจู้ ดั พิมพ)์ ซ-ึงผลิตหนงั สือน@ีออกมาในรูปแบบ ท-ีน่าประทบั ใจ ท่านไดบ้ รรลุภาระหนา้ ที-ของท่านแลว้ ในการรับใชอ้ ิสลาม ความรับผดิ ชอบน@ีนาํ ไปสู่ความมีน@าํ หนกั อยา่ งมากมายในการกลบั คืนมาของ ประวตั ิศาสตร์อิสลามที-แทจ้ ริง ดร. ฮามิด ฮฟั นี ดาวดู 12 ตุลาคม ค.ศ. 1961 ไคโร อียปิ ต์ คาํ วจิ ารณ์โดย เชค มะฮม์ ดู อบู รอยยะฮ์ เชค อบูรอยยะฮ์ นกั วชิ าการคนหน-ึงของอียปิ ตไ์ ดส้ ่งจดหมายต่อไปน@ีไป ยงั อลั ลามะฮ์ มุรตะฎอ อสั การี และถามถึงหนงั สือ อบั ดุลลอฮ์ อิบนิ สะบาอ์ ศาสตราจารยเ์ ชค มุรตะฎอ อสั การี นะญฟั อิรัก ขอความสนั ติและความเมตตาจาก อลั ลอฮ(์ ซบ.)จงมีแด่ท่าน เม-ือเร็วๆน@ีมีการอภิปรายถกเถียงกนั ในหมู่นกั วชิ าการมุสลิม ดว้ ยหวั ขอ้ ที- หลากหลาย รวมท@งั ขอ้ เขียนที-มีประโยชน์ของนกั วชิ าการ และนกั เขียนซ-ึง เป็นท-ีสนใจของบรรดามุสลิม ผแู้ ทนคนหน-ึงไดก้ ล่าวถึงหนงั สือที-มีคุณค่าชื-อ “อบั ดุลลอฮ์ อิบนิ สะบาอ”์ ซ-ึงท่านเป็นผเู้ ขียนและในหนงั สือดงั กล่าว นบั เป็นคร@ังแรกที-ท่านไดพ้ ดู อยา่ งเปิ ดเผย เกี-ยวกบั แนวความคิดที-เป็นนิยาย ซ-ึงเป็นเหตุใหข้ า้ พเจา้ มีความสนใจท-ีจะศึกษาเพิ-มเติมมากข@ึนเก-ียวกบั หนงั สือ เล่มน@ี และหวงั วา่ คงไดร้ ับตน้ ฉบบั โดยตรงจากท่าน ขา้ พเจา้ จะเป็นหน@ีต่อ ท่านอยา่ งไม่ตอ้ งสงสัย ถา้ ท่านสามารถส่งตน้ ฉบบั มายงั ขา้ พเจา้ ขา้ พเจา้ ขอ แสดงความขอบคุณอยา่ งจริงใจมาล่วงหนา้ ขอความสันติและความเมตตา จากอลั ลอฮ(์ ซบ.) จงมีแด่ท่าน มะฮม์ ูด อบู รอยยะฮ์ อียปิ ต์ อลั กอบิเราะฮ์ 20 รอญบั ฮ.ศ. 1380 11 มิถุนายน ค.ศ. 1960 21

หลงั จากเขาไดร้ ับ และศึกษาหนงั สือตามจดหมายท-ีส่งใหอ้ ยาตุลลอฮอ์ สั การี และรับรองขอ้ มลู ของหนงั สือดงั น@ี ศาสตราจารยม์ ุรตะฎอ อสั การี ที-รัก ความสันติและความเมตตา จากอลั ลอฮ(์ ซบ.) และความโปรดปรานของพระองคจ์ งมีแด่ท่าน ขา้ พเจา้ ขอใชโ้ อกาสน@ีกล่าวคาํ พดู สักเล็กนอ้ ยเก-ียวกบั หนงั สือของท่านช-ือ “อบั ดุลลอฮ์ อิบนิ สะบาอ”์ ขา้ พเจา้ ไดอ้ ่านหนงั สือน@ีคร@ังหน-ึงจบแลว้ และ ต@งั ใจวา่ จะอ่านซ@าํ อีกคร@ังในเร็ววนั ขา้ พเจา้ ขอกล่าววา่ ท่านไดใ้ ชว้ ธิ ีการเร-ิมตน้ แนวใหม่และเป็นวชิ าการ เก-ียวกบั หวั ขอ้ ในการศึกษาวจิ ยั น@ี และการอภิปรายถกเถียงของท่าน ซ-ึงไม่ เคยมีผใู้ ดเลยที-ใชม้ าก่อนหนา้ น@ี ขา้ พเจา้ ขอแสดงความยนิ ดีดว้ ยความจริงใจ และอยา่ งแทจ้ ริงต่อท่าน ท-ีอลั ลอฮ(์ ซบ.)ทรงจดั เตรียมโอกาสใหท้ ่านในการ สืบคน้ การอภิปรายถกเถียงน@ี และนาํ ทางไปสู่การเปิ ดเผยความจริงท-ีไม่มีใคร เคยพดู มาก่อนตลอด 14 ศตวรรษท-ีผา่ นมา การคน้ พบในการศึกษาวจิ ยั ของท่านรับรองการยนื ยนั ของเวลส์ นกั วชิ าการตะวนั ตก ที-กล่าววา่ “ประวตั ิศาสตร์คือความต่อเน-ืองของการ โกหกอยา่ งสมบรู ณ์” โชคไม่ดีท-ีเขา้ กนั พอดีกบั ประวตั ิศาสตร์อิสลามที- เขียนโดยอคติและโอนเอียงไปตามความตอ้ งการของยคุ สมยั ท-ีแตกต่างกนั นี- เป็นความจริงต่อขอบข่ายท-ีวา่ บดั น@ีทาํ ใหเ้ กิดความจาํ เป็ นท-ีจะเริ-มการศึกษา ประวตั ิศาสตร์อยา่ งจริงจงั และลึกซ@ึง อนั ที-จริง หนงั สือ “อบั ดุลลอฮ์ อิบนิ สะบาอ”์ ของท่านคือ จุดเริ-มตน้ สาํ หรับความพยายามในการศึกษาวจิ ยั ดงั กล่าว มวลการสรรเสริญเป็น ของอลั ลอฮ(์ ซบ.)ท-ีท่านมีโอกาสเช่นน@ี และขา้ พเจา้ ขอวงิ วอนต่ออลั ลอฮ์ 22

(ซบ.)ใหป้ ระทานความมนั- คง และการผกู มดั ท-ีจะดาํ เนินไปบนแนวทางน@ี โดยปราศจากความหวาดกลวั เพื-อนาํ เสนอความจริง โดยไม่มีการสงวนไว้ และทรงนาํ ทางท่านเพื-อใชข้ อ้ ผกู มดั และความลึกซ@ึงในการอภิปรายถกเถียง ของท่าน และขอแนะนาํ ให้ผอู้ ่านหนงั สือของท่านกระทาํ อยา่ งเดียวกนั ใน การทาํ ความเขา้ ใจประเด็น โดยเฉพาะอยา่ งยง-ิ ที-เกี-ยวกบั อบบู กั รและอุมรั โดยเหตุท-ีเราไม่สามารถอดรนทนอยไู่ ด้ เมื-อไดเ้ ห็นความจริงอนั แจ่มแจง้ ของ มนั แลว้ ในท-ีสุดน@ี ขอใหข้ า้ พเจา้ ไดม้ อบการแสดงความยนิ ดีที-จริงใจท-ีสุดต่อท่าน ความสันติและความเมตตาจากอลั ลอฮ(์ ซบ.)จงมีแด่ท่าน ดว้ ยความจริงใจ มะฮม์ ดู อบู รอยยะฮ์ อียปิ ต์ อลั กอฮิเราะฮ์ ๑ อบั ดุลลอฮ์ อิบนิ สะบาอแ์ ละนิยายต่างๆ คาํ วจิ ารณ์โดย เชค ญะวาด มุฆนียะฮ์ (นกั วชิ าการชีอะฮ)์ “ทุกสิ-งทุกอยา่ งในโลกน@ีมีการเปลี-ยนแปลง ยกเวน้ ขอ้ เขียนท-ีโจมตี ชีอะฮ์ ทุกๆการเริ-มตน้ มีจุดสิ@นสุด ยกเวน้ การใส่ไคลช้ ีอะฮ์ ทุกๆคาํ ตดั สินมี หลกั ฐานสนบั สนุน ยกเวน้ คาํ ตดั สินต่อตา้ นชีอะฮ์ ทาํ ไม ? ชีอะฮเ์ ป็นผสู้ ร้าง 23

ความยงุ่ ยากหรือเป็ นผกู้ ่อกวนใหเ้ กิดความรุนแรง ที-ตอ้ งการเพียงสร้างความ ป-ันป่ วนใหก้ บั ผคู้ นกระน@นั หรือ ?” น-ีคือ คาํ ตอบ ในศตวรรษท-ีสองของศกั ราชอิสลาม มีชายคนหน-ึงใชช้ ีวติ อยู่ มีนามวา่ ซยั ฟ์ อิบนิ อุมรั อตั ตะมีมี เขาเขียนหนงั สือสองเล่ม คือ อลั ฟุตูฮ์ วลั ริดดะฮ์ และอลั ญะมาล วลั มะซีริ อาอิชะฮ์ วะอะลี เขารับใชว้ ตั ถุประสงคส์ องประการในการเขียนหนงั สือสองเล่มน@ี คือ เพอื- ประดิษฐเ์ ร-ืองราวโดยปราศจากมูลฐาน กบั เพื-อบนั ทึกเหตุการณ์ใน วถิ ีทางท-ีทาํ ใหส้ จั ธรรมความจริงดูเผนิ ๆแลว้ เป็ นส-ิงผดิ พลาด และสิ-งท-ี ผดิ พลาดเป็นสัจธรรมความจริง เขาไดป้ ระดิษฐส์ าวกใหก้ บั ท่านศาสดา อยา่ งเช่น ซุอิร ฮซั ฮาซ ออต ฮุมยั ซะฮ์ ฯลฯ เขาบนั ทึกเรื-องราวดว้ ยวธิ ีการท-ีวา่ เรื-องราวต่างๆ ปรากฏข@ึนดว้ ย การบอกเล่าจากผคู้ นที-พบกบั บรรดาสาวก (ปลอม) เหล่าน@ี ในบรรดาวรี บุรุษ ท-ีเขาประดิษฐข์ @ึนคือ “อบั ดุลลอฮ์ อิบนิ สะบาอ”์ ซ-ึงเช-ือกนั โดยทวั- ไปวา่ เป็นผมู้ ีความเก-ียวขอ้ งกบั เรื-องโกหกเก-ียวกบั ชีอะฮ์ เร-ืองราวท@งั หลายที-โจมตี ชีอะฮ์ ไดร้ ับการบนั ทึกโดยนกั ประวตั ิศาสตร์ท@งั หมด มีตน้ กาํ เนิดมาจากซยั ฟ์ ผนู้ @ี หลงั จากซยั ฟ์ นกั ประวตั ิศาสตร์ยอมรับหนงั สือของเขาวา่ เป็น เสมือน คมั ภีร์แห่งสัจธรรม ฏอบารีเป็นนกั ประวตั ิศาสตร์คนแรกท-ีเช-ือใจซยั ฟ์ นกั ประวตั ิศาสตร์คนอ-ืนๆ รวมท@งั อิบนิ อะซีร และอิบนิ อซากิร ในหมู่พวกเขา ดาํ เนินรอยตามฏอบารีอยา่ งตาบอด 24

ซยั ฟ์ ไดป้ ระดิษฐเ์ ร-ืองราวข@ึนมา และเอาไปปะปนกบั เหตุการณ์ที-เชื-อถือ ได้ แต่แหล่งขอ้ มูลเพียงแหล่งเดียวของเร-ืองราวท@งั หมดของเขาคือหนงั สือ “อลั ฟุตูฮ”์ และ “อลั ญะมาล” หนงั สือ “อบั ดุลลอฮ์ อิบนิ สะบาอ”์ ไดพ้ สิ ูจน์วา่ คาํ กล่าวขา้ งตน้ เป็น ความจริง และเป็นงานหนกั ของผเู้ ขียนที-เตม็ ไปดว้ ยความรอบรู้ เป็ นการ เปิ ดเผยความจริงตามท-ีมนั เป็ น ไม่มีผมู้ ีการศึกษาแมแ้ ต่คนเดียวจะปฏิเสธ หรือสงสยั ส-ิงใดที-ซยั ยดิ มุรตะฎอ อสั การี เขียนไวไ้ ด้ เพราะหนงั สือวางอยู่ บนขอ้ พสิ ูจนท์ างตรรก และไม่มีใครสามารถปฏิเสธตรรกและความจริงที-ไม่ ตอ้ งพสิ ูจน์ได้ ขา้ พเจา้ ไดอ้ ภิปรายถกเถียงเร-ือง “อบั ดุลลอฮ์ อิบนิ สะบาอ”์ กบั ผคู้ น มากมาย แต่ขา้ พเจา้ ตอบพวกเขาเหมือนกบั ผรู้ ู้ในยคุ ที-ผา่ นๆมา เวน้ แต่วา่ ขา้ พเจา้ ไดท้ าํ ใหม้ นั ง่ายต่อการท-ีพวกเขาจะเขา้ ใจวา่ ขา้ พเจา้ เชื-อในการดาํ รง อยขู่ อง “อบั ดุลลอฮ์ อิบนิ สะบาอ”์ มาบดั น@ี ซยั ยดิ มุรตะฎอ อสั การี ผทู้ รง ความรู้ยง-ิ ไดเ้ ปล-ียนแปลงเร-ืองราวอยา่ งสิ@นเชิง และพิสูจน์วา่ “อบั ดุลลอฮ์ อิบ นิ สะบาอ”์ น@ีคือเร-ืองโกหก ขา้ พเจา้ อาจกล่าวไดว้ า่ น-ีคือ หนงั สือภาษา อาหรับเล่มแรก ที-สืบคน้ ประวตั ิศาสตร์อยา่ งเป็นวทิ ยาศาสตร์ ผเู้ ขียนไดร้ ับ ใชอ้ ยา่ งยง-ิ ใหญ่ไม่เฉพาะแต่เพอื- ศาสนา ความรู้และแนวทางชีอะฮเ์ ท่าน@นั แต่ เพื-ออิสลาม ท่านไดป้ ิ ดประตใู ส่ผทู้ ี-ตอ้ งการสร้างความยงุ่ ยากใหก้ บั เอกภาพ ของมวลมุสลิม และแก่พ-นี อ้ งซุนนีท-ีไดร้ ับความกลา้ จากเร-ืองราวท-ีผดิ พลาด ของพวกเขา นบั จากวนั น@ีหลกั ฐานประการแรกและประการเดียวคือ เรื-องราวของอิบนิ สะบาอ์ และอิบนิ เซาดะฮ์ ท-ีถูกอุปโลกนโ์ ดยซยั ฟ์ น@นั ไดร้ ับการพสิ ูจน์วา่ ผดิ พลาด 25

มุฮมั มดั ญะวาด มุฆนียะฮ์ เลบานอน คาํ วจิ ารณ์โดย ศาสตราจารย์ เจมส์ โรบินสัน (กลาสโกว์ สหราชอาณาจกั ร) ซยั ยดิ มุรตะฎอ อลั อสั การี ท-ีรัก ขา้ พเจา้ ไดร้ ับหนงั สือสองเล่มจากท่านคือ “อบั ดุลลอฮ์ อิบนิ สะบาอ”์ วะอะซาติร อุครอ และ “คอ็ มซูน วะมิอะตุ ซอฮาบี มุดตะลกั อลั กิซมุ อลั อาวลั ” เมื-อกลางเดือนสิงหาคมที-แลว้ ในเวลาที-ขา้ พเจา้ เขียนจดหมายมาถึง ท่าน ขา้ พเจา้ ตอ้ งการบอกกล่าววา่ ขณะน@ีขา้ พเจา้ อยใู่ นวยั ชราและสุขภาพไม่ ค่อยสมบรู ณ์ เพราะฉะน@นั ขา้ พเจา้ จึงตอ้ งการเวลาในการศึกษาหนงั สือ เหล่าน@ี ขา้ พเจา้ ใชเ้ วลามากกวา่ ที-คิดไว้ แต่ขา้ พเจา้ ไดอ้ ่านหนงั สือดงั กล่าว สองเท-ียวดว้ ยความสนใจอยา่ งมาก และมาตรวา่ ขา้ พเจา้ ตอ้ งการจะเขียนอยา่ ง ละเอียดละอออยสู่ ักหน่อย ดว้ ยขา้ พเจา้ รู้สึกวา่ ตวั ขา้ พเจา้ ตอ้ งเขียน เพื-อแสดง ความนิยมยกยอ่ งวธิ ีการใชแ้ ละความระมดั ระวงั ของความเป็นนกั วชิ าการท-ี แสดงอยใู่ นหนงั สือท@งั สองเล่ม ดว้ ยอายขุ นาดขา้ พเจา้ ขา้ พเจา้ ไม่สามารถ มองไปขา้ งหนา้ ดว้ ยความมน-ั ใจที-จะสามารถเขียนได้ ดงั น@นั ขา้ พเจา้ จึงรู้สึกวา่ ตอ้ งประวงิ เวลาต่อไป ในกรณีท-ีขา้ พเจา้ พบวา่ ไม่สามารถลงมือเขียนได้ ในหนงั สือเล่มแรกขา้ พเจา้ ชอบรายละเอียดเร-ืองราวตามธรรมเนียมของ “อบั ดุลลอฮ์ อิบนิ สะบาอ”์ และพวกสะบะอียนี ตามดว้ ยการอภิปราย ถกเถียงท-ีทรงคุณค่าของบรรดานกั เขียน (ท@งั ยคุ เก่าและยคุ ใหม่) ใน ตะวนั ออกและตะวนั ตก และแนวทางที-พวกเขาเช-ือถือ ตารางในหนา้ 43 (ตามตน้ ฉบบั ภาษาอาหรับ ในภาษาไทยตรงกบั หนา้ 56) นบั วา่ เป็น ประโยชน์ในการแสดงแหล่งขอ้ มูลหลกั ของรายงานเกี-ยวกบั ซยั ฟ์ และการ 26

รายงานของเขาและวธิ ีการท-ีนกั เขียนในยคุ หลงั ไดอ้ าศยั รายงานหน-ึงหรือ รายงานอ-ืนๆจากรายงานเหล่าน@ี จากน@นั มาสู่บญั ชีรายช-ือของจาํ นวนผเู้ ป็นตน้ ตาํ รับ ที-แสดงความเห็น เก-ียวกบั คุณค่าวจนะของซยั ฟ์ จากอบดู าวดู (ตาย ฮ.ศ. 275) จนถึงอิบนิ ฮาญรั (ตาย ฮ.ศ. 852) ตามที-พวกเขาท@งั หมดไดก้ ล่าวตาํ หนิ โดยใชค้ าํ อยา่ งเช่นวา่ “อ่อนหลกั ฐาน” “วจนะของเขาถูกละทิ@ง” “ไร้คุณค่า” “โกหก” “น่าสงสยั วา่ จะเป็น ซินดีก(ผปู้ ฏิเสธท-ีแสดงตนเป็นผศู้ รัทธา)” ฯลฯ พวกเขา เห็นพอ้ งกนั ในการสอดใส่ส-ิงที-ไม่เป็นจริง หรือแมแ้ ต่มีความผดิ พลาดของ วจนะต่างๆนี-คือ ขอ้ พิสูจนอ์ ยา่ งลน้ เหลือ ในการศึกษาความคิดเห็นของผเู้ ป็น ตน้ ตาํ รับในวจนะต่างๆกนั ขา้ พเจา้ สงั เกตพบวา่ ท@งั หมดไม่เห็นดว้ ย แต่ ณ ที-น@ีไม่มีความขดั แยง้ ซ-ึงทาํ ใหผ้ หู้ น-ึงตอ้ งแปลกใจวา่ ทาํ ไมนกั เขียนสมยั หลงั จึงพร้อมเหลือเกินท-ีจะยอมรับวตั ถุดิบของซยั ฟ์ แต่ขา้ พเจา้ ตอ้ งการต@งั ขอ้ สงั เกตเกี-ยวกบั ฏอบารี ซ-ึงไม่ลงั เลในการอา้ ง ซยั ฟ์ หนงั สือประวตั ิศาสตร์ของเขา ไม่ใช่งานทางประวตั ิศาสตร์ในลกั ษณะ การเขียนแบบปัจจุบนั ในส่วนของวตั ถุประสงคห์ ลกั ของเขา ดูเหมือนวา่ ตอ้ งการบนั ทึกรายงานท@งั หมดท-ีเขาครอบครอง โดยไม่มีความจาํ เป็นท-ีจะ แสดงความเห็นเก-ียวกบั คุณค่าของรายงานเหล่าน@นั เพราะฉะน@นั คนผหู้ น-ึงจึง เตรียมพร้อมที-จะคน้ หาวา่ วตั ถุดิบบางอยา่ งของเขา มีความน่าเชื-อถือนอ้ ย กวา่ ของบุคคลอื-นๆ ดงั น@นั บางทีตอ้ งให้อภยั เขา เนื-องจากการใชว้ ธิ ีการที-ไม่ ผา่ นการรับรองในปัจจุบนั อยา่ งนอ้ ยเขาก็ไดจ้ ดั เตรียมรายงานจาํ นวน มากมายไวใ้ ห้ ก็เหลือแต่สาํ หรับนกั วชิ าการท-ีเฉียบแหลมเฉกเช่นตวั ท่านท-ีจะ แยกแยะระหวา่ งส-ิงที-มีคุณค่ากบั ส-ิงท-ีผดิ พลาด ในการอภิปรายถกเถียง จาํ นวนหวั ขอ้ ที-กล่าวถึงโดยซยั ฟ์ ข@นั แรกใหร้ ายละเอียดของซยั ฟ์ ก่อน จากน@นั จึงเปรียบเทียบรายละเอียดน@นั กบั รายละเอียดท-ีให้โดยบุคคลอื-นๆ 27

การเปรียบเทียบอยา่ งระมดั ระวงั น@ี กระทาํ ท@งั ตวั ผรู้ ายงานและสายรายงาน และมนั ไดแ้ สดงใหเ้ ห็นวา่ ซยั ฟ์ อา้ งถึงคนท-ีไม่เป็นที-รู้จกั อยบู่ ่อยคร@ัง สิ-งน@ีทาํ ใหเ้ กิดคาํ ถามวา่ ทาํ ไมจึงไม่มีใครในพวกเขาถูกอา้ งในผรู้ ายงานคนอ-ืนๆ และโนม้ นาํ ผนู้ @นั ต่อไปอีกที-จะชวนใหค้ ิดวา่ ซยั ฟ์ ไดป้ ระดิษฐพ์ วกเขาข@ึนมา ขอ้ กล่าวหาที-รุนแรงน@ี เป็นขอ้ สันนิฐานท-ีสมเหตุสมผล โดยการเปรียบเทียบ ซยั ฟ์ กบั บุคคลอื-นๆ มนั ช@ีออกมาวา่ ซยั ฟ์ มีเร-ืองประหลาดมหศั จรรยท์ ี-เกิดข@ึน ซ-ึงยากที-จะเชื-อ อยา่ งเช่น ทรายในทะเลทราย กลายเป็นน@าํ สาํ หรับทหารมุสลิม ทะเล กลายเป็นทราย ปศุสัตวพ์ ดู ไดแ้ ละแจง้ ใหท้ หารมุสลิมรู้วา่ พวกมนั ถูกซ่อน อยทู่ -ีไหน ? ฯลฯ ในสมยั ซยั ฟ์ เป็นไปไดส้ าํ หรับเขา ท-ีจะประสบความสาํ เร็จ ในการผา่ นเรื-องราว และประวตั ิศาสตร์เช่นวา่ ออกไป แต่ปัจจุบนั นกั ศึกษาท-ี พินิจพเิ คราะห์ จะคน้ พบโดยปกติธรรมดาวา่ เร-ืองราวเช่นวา่ เป็นไปไม่ไดเ้ ลย ทีเดียว การพสิ ูจน์ที-มีประสิทธิภาพก็ยงั ถูกใช้ เพ-อื แสดงวธิ ีรายงานของซยั ฟ์ เก-ียวกบั อิบนิ สะบาอ์ และสะบะอียนี วา่ ไม่น่าเช-ือถืออยา่ งยง-ิ ผเู้ ขียนใหข้ อ้ สงั เกตวา่ นกั บูรพคดีบางคน ก็วางพ@ืนฐานการศึกษาของพวก เขาไว้ บนรายงานของซยั ฟ์ ประเด็นอยา่ งเช่น ประชาชนจาํ นวนมากมาย มหาศาลท-ีถูกสงั หารในสงครามยคุ แรกๆของมุสลิม แนวความคิดท-ีวา่ อบั ดุลลอฮ์ อิบนิ สะบาอ์ ยวิ นิรนามสามารถที-จะมีอิทธิพล ในการนาํ บรรดา สาวกของท่านศาสดา ใหห้ ลงทางจากความศรัทธาของพวกเขาและมีอิทธิพล ระดบั นาํ ในการยยุ งปลุกปั-นประชาชน ใหล้ ุกฮือข@ึนต่อตา้ นอุศมาน และเป็น เหตุให้เขาถูกสังหาร และยยุ งปลุกปั-นในการสู้รบระหวา่ งอะลีกบั ตอลฮะฮ์ และซุเบร นี-อาจเป็นจริงบางส่วนแต่ไม่ใช่ความจริงท@งั หมด น-ีคือสิ-งที-ปรากฏ จากหวั ขอ้ เกี-ยวกบั อิบนิ สะบาอใ์ นการพิมพค์ ร@ังที-หน-ึงและคร@ังท-ีสองของ สารานุกรมอิสลาม ซยั ฟ์ ใชเ้ วลาจาํ นวนมากหมดไปกบั การสร้างวีรบุรุษจาก 28

ตระกลู ตะมีม ตระกลู ท-ีเทือกเถาเหล่ากอของซยั ฟ์ สืบเช@ือสายมา แต่เซอร์วลิ เลียมส์ มวั ร์ ไดก้ ล่าวไวน้ านมาแลว้ ถึงวธิ ีท-ีตะมีมไดย้ อมสยบต่ออาํ นาจของ ระบบคอลีฟะฮใ์ นยคุ แรกๆ ในเวลาท-ีเรียกวา่ การผละออกจากศาสนา เซอร์ โทมสั อาร์โนลด์ อาจเป็ นท-ีจดจาํ ดว้ ยเช่นกนั ในฐานะที-มุ่งความสนใจ ไปยงั ขอ้ เทจ็ จริงที-วา่ การพชิ ิตในยคุ แรก ไม่ไดม้ ีวตั ถุประสงคเ์ พื-อการแผก่ ระจาย ความศรัทธา มากเท่ากบั เพอื- การขยายอาณาเขตการปกครองของมุสลิม ในหนงั สือเล่มที-สองความต@งั ใจของผเู้ ขียน มุ่งไปยงั ความจริงท-ีวา่ ซยั ฟ์ ซ-ึงมีชีวติ อยใู่ นเส@ียวแรกของศตวรรษที-สองของศกั ราชอิสลาม เป็นคน ตระกลู ตะมีม หน-ึงในเผา่ มูดาร ซ-ึงอาศยั อยใู่ นกฟู ะฮ์ (อิรัก) ส-ิงน@ีช่วยให้ ผดู้ าํ เนินการศึกษา ความโอนเอียง และอิทธิพลที-นาํ ไปสู่ตาํ นานของเขา ไดม้ ี การอภิปรายถกเถียงเก-ียวกบั จิตวญิ ญาณของพวกซินดิก และพรรคแห่งความ บา้ คลง-ั ซ-ึงไดร้ ับการกล่าวขานวา่ ดาํ เนินต่อเน-ืองมาจากสมยั ท่านศาสดา จนกระทงั- ถึงสมยั ของอบั บาสิยะฮ์ ซยั ฟ์ สนบั สนุนเผา่ ทางเหนือจึงประดิษฐ์ วรี บุรุษ บทกวสี รรเสริญวีรบุรุษของเผา่ สาวกของท่านศาสดาจากพวกตะมีม สงครามและสมรภูมิท-ีไม่มีอยจู่ ริง คนนบั ลา้ นถูกสงั หารและมีนกั โทษ จาํ นวนมหาศาล เพอ-ื วตั ถุประสงคใ์ นการยกยอ่ งวรี บุรุษที-เขาประดิษฐข์ @ึน บท กลอนท-ีเช-ือวา่ เป็นของวีรบุรุษในจินตนาการ ก็เป็นการสรรเสริญเผา่ มูดาร จากน@นั เป็ นตะมีม จากน@นั เป็นอิบนิอมั ร เผา่ ยอ่ ยที-ตน้ ตระกลู ของซยั ฟ์ มี จุดเร-ิมตน้ อยู่ ซยั ฟ์ กล่าวถึงคนจากเผา่ มดู ารในฐานะผนู้ าํ ในสมรภูมิ ซ-ึง (ความจริง) นาํ โดยคนจากเผา่ อื-น ผนู้ าํ ท-ีเขากุข@ึนบางคร@ังเป็นท-ีมีอยจู่ ริง บางคร@ังเป็นชื-อที-เป็ นผลผลิตจากจินตนาการของเขา มนั เป็นขอ้ พิสูจน์วา่ ความผดิ พลาดในรายงานของเขา ทาํ ใหค้ วามศรัทธาเกิดความเสียหายอยบู่ า้ ง ในคนจาํ นวนมาก และใหแ้ นวคิดที-ผดิ พลาดแก่ผทู้ -ีไม่ใช่มุสลิมอยบู่ างส่วน เขาเป็นผทู้ ี-มีความเช-ียวชาญในการกเุ ทจ็ อยา่ งมากที-ทาํ ใหค้ นเหล่าน@นั ยอมรับ วา่ มนั เป็นประวตั ิศาสตร์ที-แทจ้ ริง 29

นี-คือ บทสรุปยอ่ ๆ ของความผดิ บางประการท-ีซยั ฟ์ กระทาํ ผดิ ส่วนสาํ คญั ของหนงั สือลงไปในรายละเอียดเก-ียวกบั คน 23 คน เพ-ือใหต้ วั อยา่ งเน@ือหา ของซยั ฟ์ และแสดงใหเ้ ห็นถึงวธิ ีการที-เขาทาํ ใหผ้ ดิ ไปจากตน้ ตาํ รับที-แทจ้ ริง ไม่เฉพาะในเน@ือหาเท่าน@นั แต่ยงั เขา้ ไปในสายรายงาน(สะนดั ) อีกดว้ ย โดยใช้ ชื-อของคนที-ไม่มีอยจู่ ริง เป็นงานที-กระทาํ ดว้ ยขอ้ มูลที-ครบถว้ น นาํ เสนอการ โตแ้ ยง้ อยา่ งครอบคลุมในความเช-ือมนั- ต่อซยั ฟ์ แมน้ กั เขียนที-มีชื-อเสียงซ-ึง รวมการรายงานไวใ้ นงานเขียนของพวกเขา หนงั สือสองเล่มของซยั ฟ์ ท-ี ไดร้ ับการอภิปรายถกเถียง แสดงใหเ้ ห็นวา่ ท@งั สองเล่มน@นั เชื-อถือไม่ได้ เหมือนกบั เน@ือหาอื-นๆท-ีนกั เขียนในยคุ หลงั ไดอ้ า้ งอิงไปจากเขา นี-คือการศึกษาท-ีแทงทะลุ ซ-ึงกระทาํ ดว้ ยความเขา้ ใจอนั แหลมคมและ วเิ คราะห์วจิ ารณ์ดว้ ยคุณภาพระดบั สูง ขา้ พเจา้ มีความยนิ ดีเป็นอยา่ งยง-ิ ที-ไดม้ ี โอกาสใชเ้ วลาพจิ ารณาอยา่ งจริงจงั ในการศึกษาขอ้ โตแ้ ยง้ ท-ีเสนอแก่ขา้ พเจา้ ดว้ ยความเช-ือมนั- อยา่ งเตม็ เป-ี ยม และขา้ พเจา้ แน่ใจวา่ ทุกคนที-ไดศ้ ึกษา หนงั สือน@ี ดว้ ยหวั ใจที-เปิ ดกวา้ งยอ่ มพร้อมต่อการช-ืนชม ในพลงั ของการ โตแ้ ยง้ ดว้ ยความขอบคุณอยา่ งมาก สาํ หรับการส่งหนงั สือน@ีมาใหข้ า้ พเจา้ และขอ อภยั ท-ีทิ@งเวลาเน-ินนานกวา่ จะตอบ เน-ืองดว้ ยอุปสรรคทางดา้ นอายแุ ละความ ทุพลภาพอ-ืนๆ ดว้ ยความจริงใจ เจมส์ โรบินสัน 30

บทนาํ เรื-องเล่าของ อบั ดุลลอฮ์ อิบนิ สะบาอ์ นบั เป็นเวลาหน-ึงพนั ปี มาแลว้ ท-ีนกั ประวตั ิศาสตร์ไดบ้ นั ทึกเร-ืองราวต่างๆ อนั แปลกประหลาดท-ีเกี-ยวกบั อบั ดุลลอฮ์ อิบนิ สะบาอ์ และสะบะอียนี ที-เป็น สานุศิษยข์ องเขา ก) ใครคือ อบั ดุลลอฮ์ และใครคือสะบะอียนี ที-เป็ นสานุศิษยข์ องเขา ? ข) อบั ดุลลอฮไ์ ดก้ ล่าวส-ิงใด และไดท้ าํ อะไรไวบ้ า้ ง ? บทสรุปอนั เป็นท-ีรู้จกั จากนกั ประวตั ิศาสตร์ มีชาวยวิ คนหน-ึงจากเมืองซอนอาอ์ (เยเมน) ทาํ ทีวา่ เป็นผมู้ าเขา้ รับอิสลาม ในสมยั ของอุศมานผเู้ ป็นคอลีฟะฮท์ -ีสาม และไดว้ างแผนร้ายต่ออิสลามและ มุสลิม เขาเดินทางไปยงั เมืองใหญ่ต่างๆ เช่น กฟู ะฮ์ บสั เราะฮ์ ดามสั กสั และ ไคโร เพื-อเผยแพร่ความเชื-อในเรื-องการฟ@ื นคืนชีพของท่านศาสดามุฮมั มดั เช่นเดียวกบั การกลบั คืนมาของศาสดาเยซูสู่โลกน@ี ก่อนที-จะถึงวนั อวสาน เขา เผยแพร่ความคิดเกี-ยวกบั การเป็นศาสนทูตเช่นกนั และกล่าวอา้ งวา่ อิมามอะลี (อ.) เป็ นผสู้ ืบแทนตาํ แหน่งของท่านศาสดามุฮมั มดั (ศ็อลฯ)กล่าวหาอุศมาน วา่ เป็นผชู้ ่วงชิงตาํ แหน่งของอิมามอะลี(อ.)ไปอยา่ งอยตุ ิธรรม เขาไดย้ ยุ งผคู้ น อยา่ งจริงจงั ใหส้ งั หารคอลีฟะฮอ์ ุศมาน ซ-ึงต่อมาไดถ้ ูกลอบสังหาร บรรดานกั ประวตั ิศาสตร์ไดเ้ รียกขานยวิ คนน@ีวา่ “อบั ดุลลอฮ์ อิบนิ สะบาอ”์ ในฐานะ เป็นวีรบุรุษของเร-ืองราวเหล่าน@ี เขายงั เป็ นที-รู้จกั กนั ในนาม อิบนิ อมาตุส เซา ดาฮ์ ซ-ึงหมายถึงผเู้ ป็นบุตรของทาสีนิโกรคนหน-ึง อบั ดุลลอฮส์ ่งคณะของเขา 31

ไปยงั หวั เมืองต่างๆหลายแห่ง ทาํ ทีวา่ เป็นการเผยแผก่ ารศรัทธาในอิสลามท-ี ใหป้ ฏิบตั ิการดีและหกั หา้ มจากความชวั- ร้าย สนบั สนุนให้ผคู้ นก่อกบฏต่อเจา้ เมืองของพวกเขา และถึงกบั ใหส้ ังหารพวกเขาเสีย รายช-ือของผทู้ -ีตาม แนวทางของอบั ดุลลอฮ์ อิบนิ สะบาอ์ มีซอฮาบะฮช์ @นั ดีรวมอยดู่ ว้ ยสองสาม ท่าน ยกตวั อยา่ ง เช่น อบูซรั และตาบิอีนอีกสองสามคน เช่นกนั คือ มาลิก อซั ตาร ในช่วงสมยั ของอิมามอะลี(อ.) ตอลฮะฮแ์ ละซุเบรสองคนที-ไดก้ ่อกบฏ ต่ออิมามอะลี โดยเรียกร้องใหอ้ ิมามอะลี(อ.) ลงโทษประหารชีวติ ผทู้ -ี ฆาตกรรมอุศมาน เพราะเหตุน@ีสงครามญะมลั จึงถูกวางแผนข@ึน อิมามอะลี และคู่ต่อสู้ท@งั สองของท่าน เห็นดว้ ยวา่ ใหม้ ีการเจรจาตกลงกนั แต่มีซอ ฮาบะฮบ์ างคนท-ีมีชื-อร่วมอยใู่ นกลุ่มที-มีความผดิ ฐานฆ่าสงั หารอุศมาน ไม่ ตอ้ งการท-ีจะใหก้ ารทะเลาะเบาะแวง้ น@ียตุ ิลง เพราะช-ือของพวกเขาจะตอ้ งถูก เปิ ดเผย ดงั น@นั ซอฮาบะฮเ์ หล่าน@นั จึงแอบเขา้ ไปอยใู่ นกองทพั ของท@งั สองฝ่ าย อยา่ งลบั ๆ คือ กองทพั ของอิมามอะลีและกองทพั ของฝ่ ายกบฏในยาม กลางคืน เมื-อทุกคนกาํ ลงั ฝันถึงสญั ญาสงบศึกที-จะไดม้ ีการตกลงกนั ใน วนั รุ่งข@ึน ผวู้ างแผนไดเ้ ริ-มยงิ ธนูเขา้ ใส่กนั ท@งั สองฝ่ าย เพราะเหตุน@ีสงครามอฐู จึงเริ-มข@ึนโดยปราศจากการไดร้ ับอนุญาตหรือเป็นที-รับรู้ของผบู้ ญั ชาการของ ท@งั สองฝ่ าย ก่อนท-ีจะไดว้ จิ ารณ์กนั ถึงเร-ืองอบั ดุลลอฮ์ อิบนิ สะบาออ์ ยา่ งละเอียด นบั เป็นการคุม้ ค่าท-ีจะตรวจสอบถึงลกั ษณะของผคู้ นเหล่าน@นั ท-ีชื-อของเขา ถูกระบุวา่ เป็นซอฮาบะฮ์ ดงั รายนามต่อไปน@ี 1) อบซู รั อลั กิฟารี 32

2) อมั มาร อิบนิ ยาซีร 3) มุฮมั มดั อิบนิ อบู ฮุซยั ฟะฮ์ 4) อบั ดุรเราะฮม์ าน อุดยั ส์ บลั วี 5) มุฮมั มดั อิบนิ อบูบกั ร บุตรของคอลีฟะฮค์ นแรก 6) เซาะซออะอ์ อิบนิ เซาฮาน อบั ดี 7) มาลิก อชั ตาร อนั นะคออี 1) อบูซรั (rุนดุบ อิบนิ rุนาดะฮ)์ อลั กิฟารี เขาเป็นบุคคลท-ีสามจากจาํ นวนสี-คน ที-ปรากฏชื-อวา่ เป็ นผบู้ ุกเบิกและเป็น กลุ่มแรกที-เขา้ รับอิสลาม เขาเป็นผทู้ -ีเช-ือศรัทธาในเอกภาพของพระเจา้ อยู่ ก่อนที-เขาจะมาเขา้ รับอิสลาม แลว้ เขาไดป้ ระกาศการศรัทธาของเขาใน อิสลามที- นครมกั กะฮ์ ณ มสั ยดิ อลั หะรอม พวกเขากระทาํ ทารุณกรรมต่ออบู ซรั จนเกือบตาย แต่ก็รอดชีวติ มาได้ และจากการไดร้ ับคาํ แนะนาํ ของท่าน ศาสดามุฮมั มดั (ศอ็ ลฯ) เขาจึงเดินทางกลบั ไปยงั เผา่ ของเขาหลงั จากสงคราม บะดรั และอุฮุด เขาไดก้ ลบั คืนสู่นครมะดีนะฮ์ และพาํ นกั อยทู่ -ีนนั- จนถึงวาระ ท-ีท่านศาสดาวายชนม์ จากน@นั อบูซรั จึงถูกส่งตวั ไปอยทู่ -ีเมืองชาม(ดามสั กสั ) ซ-ึงเขาเองไดข้ ดั แยง้ กบั มุอาวิยะฮ์ ต่อมาภายหลงั มุอาวยิ ะฮไ์ ดร้ ้องเรียนต่ออุศ มานคอลีฟะฮท์ ี-สามเกี-ยวกบั ตวั อบูซรั และไดเ้ นรเทศอบูซรั ไปอยู่ ณ ร็อบซะฮ์ และ ณ ท-ีน@ีเองที-เขาไดเ้ สียชีวติ 33

มีนกั รายงานฮะดีษหลายท่านไดบ้ นั ทึกเร-ืองราวของอบูซรั จากท่าน ศาสดาเอาไว้ คร@ังหน-ึงท่านศาสดาไดก้ ล่าววา่ “ภายใตท้ อ้ งฟ้ าสีคราม และบน พ@ืนพิภพน@ี ยอ่ มไม่มีผใู้ ดท-ีจะมีความตรงไปตรงมา และซ-ือสตั ยส์ ุจริตมากไป กวา่ อบซู รั ไดอ้ ีกแลว้ ” 2) อมั มาร อิบนิ ยาซีร เขาเป็นท-ีรู้จกั ในนามอบูยกั ซอน เขาเป็ นคนของเผา่ บนูสะอล์ ะบะฮแ์ ละ เป็นพนั ธมิตรกบั บนูมคั ซูม มารดาของเขาชื-อ สุมยั ยะฮ์ อมั มารและบิดา มารดาของเขาเป็ นผบู้ ุกเบิกไปสู่การเขา้ รับอิสลาม และเขาเป็นคนที-เจด็ ท-ีได้ ประกาศการศรัทธา บิดามารดาของเขาถูกทรมานทรกรรมอยา่ งหนกั จาก พวกกเุ รช และถูกสังหารในเวลาต่อมา เพราะเหตุที-พวกเขารับอิสลาม มี รายงานท-ีเป็นของจริงแทท้ -ีท่านศาสดากล่าวถึงอมั มาร เป็นตน้ วา่ “อมั มาร เป-ี ยมลน้ ไปดว้ ยการศรัทธา” เขาไดเ้ ขา้ ร่วมรบเป็นทหารในกองทพั ของอิ มามอะลี(อ.) ณ การศึกแห่งญะมลั และซิฟฟิ น และถูกสงั หารลงในสนามรบ เมื-ออายไุ ด้ 93 ปี 3) มุฮมั มดั อิบนิ อบฮู ุซยั ฟะฮ์ (รู้จกั กนั ในนาม อบุลกอเซ็ม) บิดาของเขาคือ อุตบะอ์ อิบนิ รอบีอะฮ์ อลั อบั ชะมี และมารดาของเขาชื-อ ซะฮล์ ะฮ์ ซ-ึงเป็นบุตรสาวของสุเฮล อิบนิ อมั ร อามิริยะฮ์ ถือกาํ เนิดที- เอธิโอเปี ยในสมยั ของท่านศาสดา บิดาของเขาพลีชีพในสงครามญะมามะฮ์ อุศมานจึงนาํ เขามาเล@ียงเป็นบุตรบุญธรรม ในระหวา่ งการปกครองอุศมานได้ อนุญาตใหเ้ ขาเดินทางไปยงั อียปิ ต์ ซ-ึงเขาไดก้ ่อกบฏต่ออุกบะฮ์ อิบนิ อามีร ในขณะที-เป็นผชู้ ่วยเจา้ เมือง ซ-ึงอบั ดุลลอฮ์ อิบนิ อบีซรั ฮ์ (เจา้ เมืองอียปิ ตค์ นท-ี สิบ) เดินทางไปนครมะดีนะฮ์ จึงถูกหา้ มไม่ใหเ้ ดินทางกลบั เขา้ อียปิ ต์ มุฮมั 34

มดั อิบนิ อบฮู ุซยั ฟะฮ์ จึงเขา้ ดาํ รงตาํ แหน่งแทนในฐานะเจา้ เมือง จากน@นั เขา จึงระดมทพั พร้อมร@ีพลหกร้อยคน ภายใตก้ ารบงั คบั บญั ชาของอบั ดุรเราะฮ์ มาน อิบนิ อุดยั ส์ เพ-อื ไปสู้รบกบั อุศมานที-มะดีนะฮ์ เมื-ออิมามอะลีเป็นคอ ลีฟะฮ์ เขายงั คงอนุญาตใหม้ ุฮมั มดั เป็ นเจา้ เมืองอียปิ ตต์ ่อไป คร@ันเมื-อมุอาวิ ยะฮข์ ณะเดินทพั ไปยงั ซิฟฟิ น เขาไดม้ ุ่งตรงไปยงั อียิปตก์ ่อนมุฮมั มดั ได้ หยดุ ย@งั เขาไม่ใหเ้ ขา้ สู่ ฟุสตอท แต่มุอาวยิ ะฮไ์ ดท้ าํ สัญญากบั มุฮมั มดั ภายใต้ ขอ้ สัญญาน@ีมุฮมั มดั อิบนิ อบูฮุซยั ฟะฮ์ และอบั ดุรเราะฮม์ าน อิบนิ อุดยั ส์ พร้อมดว้ ยสหายอีก 29 คน และออกจากไคโร เพ-ือหลบภยั จากมุอาวยิ ะฮ์ แต่ ต่อมามุอาวยิ ะฮจ์ บั ตวั ไดแ้ ละจองจาํ พวกเขาไว้ มุฮมั มดั ถูกสังหารในคุกที- นครดามสั กสั โดยทาสของมุอาวยิ ะฮเ์ องชื-อรุชดยั น์ มุฮมั มดั เคยพบเห็นท่าน ศาสดา 4) อบั ดุรเราะฮม์ าน อิบนิ อุดยั ส์ บลั วี เขาเป็นคนหน-ึงที-ไดเ้ ขา้ ร่วมอยใู่ นสัญญาแห่งชะญะรอฮ์ เขาไดเ้ ขา้ ร่วมใน กองทพั เมื-อคราวพิชิตอียปิ ต์ และมีที-ดินบางส่วนที-อียปิ ตท์ ี-อยใู่ ตก้ าร ครอบครองของเขา เขาเป็นผบู้ ญั ชาการกองทพั ที-ถูกมุอาวยิ ะฮจ์ บั ตวั ไปและ ส่งไปจองจาํ ที-ปาเลสไตน์ หลงั จากท-ีไดห้ ลบหนีออกจากคุก เขาก็ถูกจบั ตวั ไดอ้ ีกและจึงถูกประหารชีวิต เขามีโอกาสไดพ้ บกบั ท่านศาสดา 5) มุฮมั มดั อิบนิ อบูบกั ร มารดาของเขาคือ อสั มาบุตรีของอุมยั ส์ คอสอะมียะฮ์ ซ-ึงเป็นภรรยา ของญะอฟ์ ัร อิบนิ อบีฏอลิบ หลงั จากท-ีญะอฟ์ ัร พลีชีพไปในทางศาสนาแลว้ อสั มาจึงสมรสกบั อบูบกั ร และมุฮมั มดั ก็คือ บุตรของนาง อิมามอะลี(อ.)นาํ มุฮมั มดั มาเล@ียงเป็นบุตรบุญธรรม หลงั จากท-ีอบบู กั รตายแลว้ มุฮมั มดั เป็ นผู้ 35

บญั ชาการกองทหารมา้ ในสงครามญะมลั เขาอยรู่ ่วมรบในสงครามซิฟฟิ น อิ มามอะลี(อ.)แต่งต@งั เขาใหเ้ ป็ นเจา้ เมืองอียปิ ต์ และเขาไดเ้ ริ-มเขา้ ปฏิบตั ิหนา้ ที- เมื-อวนั ที- 15 เดือนเกา้ ปี ฮ.ศ. 37 มุอาวยิ ะฮไ์ ดส้ ่งทหารกองทพั หน-ึงโดยมี อมั ร อิบนิ อาส เป็ นแม่ทพั มายงั อียปิ ต์ ในปี ที- 38 ซ-ึงไดเ้ กิดการสู้รบกนั และมุฮมั มดั ถูกจบั กมุ และถูกสงั หารในเวลาต่อมา ร่างของมุฮมั มดั ถูกยดั ใส่เขา้ ไปใน ทอ้ งของลาที-ตายแลว้ ตวั หน-ึง และถูกเผาไฟไปพร้อมกนั 6) เซาะซออะฮ์ อิบนิ ซูฮาน อบั ดี ชายผนู้ @ีเป็นนกั พดู ท-ีเก่งกาจคนหน-ึง เขาเขา้ รับอิสลามในสมยั ของท่าน ศาสดา เขาไดร้ ่วมรบอยใู่ นสงครามซิฟฟิ น เมื-อมุอาวยิ ะฮเ์ ขา้ ยดึ กฟู ะฮ์ มุอาวิ ยะฮเ์ นรเทศเซาะซออะฮไ์ ปยงั บะฮเ์ รน ซ-ึงเขาเสียชีวติ ที-นนั- 7) มาลิก อชั ตาร อนั นะคออี เขาเกิดทนั กบั ท่านศาสดาและเป็นตาบิอีน (รุ่นท-ีถดั จากซอฮาบะฮ)์ ท-ี น่าเช-ือถือ เขาเป็ นหวั หนา้ เผา่ ของเขา และหลงั จากที-ไดส้ ูญเสียดวงตาไปขา้ ง หน-ึง ในการศึกที-ยรั มูก เขาจึงเป็นท-ีรู้จกั กนั ในนามอชั ตารในสงครามญะมลั และซิฟฟิ น เขาอยรู่ ่วมกบั อิมามอะลี(อ.) และไดร้ ับชยั ชนะท-ียงิ- ใหญ่ เม-ืออายุ ได้ 38 ปี เขาไดร้ ับการแต่งต@งั ใหด้ าํ รงตาํ แหน่งเจา้ เมืองอียปิ ต์ แต่ในขณะ เดินทางจะไปยงั ท-ีน@นั เมื-อไปถึงใกลๆ้ ทะเลแดง เขาไดเ้ สียชีวติ ลงเน-ืองจาก กินน@าํ ผ@งึ ผสมกบั ยาพิษ ซ-ึงมุอาวยิ ะฮเ์ ป็นผวู้ างแผน ขา้ งตน้ เป็ นเพยี งชีวประวตั ิอยา่ งยอ่ ๆ ของมุสลิมผสู้ ูงส่งบางท่าน นบั เป็น ท-ีน่าหดหู่ใจ นกั ประวตั ิศาสตร์บางท่านกล่าวหาวา่ พวกท่านเหล่าน@ีปฏิบตั ิ ตนไปตามแนวทางของยวิ นิรนามคนหน-ึง เม-ือไดร้ ับรู้ถึงเรื-องน@ีแลว้ เราก็ควร 36

จะไดพ้ ยายามวเิ คราะห์ดูถึงแรงผลกั ดนั ของเร-ืองราวต่างๆ ของอบั ดุลลอฮ์ อิบนิ สะบาอ์ เสียแต่บดั น@ี ตน้ ตอของนิยายและนกั เล่านิยาย นบั เป็นเวลาสิบสองศตวรรษแลว้ ต@งั แต่นกั ประวตั ิศาสตร์ไดเ้ ขียน เร-ืองราวของอบั ดุลลอฮ์ อิบนิ สะบาอ์ ข@ึนเป็นคร@ังแรก ยอ่ มเป็นการยากที-ผใู้ ด จะหานกั เขียนสักคนหน-ึง ท-ีหากเขาเขียนถึงเร-ืองราวของซอฮาบะฮแ์ ลว้ จะ ไม่ไดพ้ ดู ถึงชายผนู้ @ี ซอฮาบะฮค์ ือบรรดามุสลิมที-ไดพ้ บกบั ท่านศาสดา ความ แตกต่างระหวา่ งการเขียนประวตั ิศาสตร์อิสลาม ของคนยคุ เก่ากบั คนยคุ ปัจจุบนั ท-ีพดู ถึงเรื-องนิยายของอบั ดุลลอฮ์ อิบนิ สะบาอ์ ก็ตรงท-ีวา่ คนยคุ ใหม่จะเลือกเอาวธิ ีการเขียนวิเคราะห์แบบสมยั ใหม่ ในขณะท-ีคนยคุ เก่าเล่า เรื-องไปตามภาษาของฮะดิษ (การบนั ทึกคาํ พดู ของท่านศาสดา) หากศึกษา คน้ ควา้ และตรวจสอบเร-ืองราวเหล่าน@ีอยา่ งเหมาะสมแลว้ เราก็จาํ เป็นจะตอ้ ง มองหาผเู้ ล่าเรื-องเหล่าน@ี ที-ไดพ้ ดู ถึงหรือเขียนถึงเร-ืองราวของมนั ๒ อบั ดุลลอฮ์ อิบนิ สะบาอแ์ ละนิยายต่างๆ 1) มุฮมั มดั รอชีด ริฎอ ในหมู่นกั เขียนของยคุ น@ี ก็คือมุฮมั มดั รอชีด ริฎอ ผซู้ -ึงไดเ้ ขียนไวใ้ น หนงั สือของเขาชื-อ อสั ซุนนะฮ์ วลั ชีอะฮ์ (หนา้ 4-6) ดงั วา่ “แนวทางของชี อะฮน์ @นั ไดถ้ ูกประดิษฐข์ @ึนโดยอบั ดุลลอฮ์ อิบนิ สะบาอ”์ เขาไดก้ ล่าวอา้ ง วา่ อบั ดุลลอฮไ์ ดป้ ฏิเสธการศรัทธาในศาสนายดู าย และไดเ้ ปลี-ยนมาเขา้ รับ อิสลาม เขาไดก้ ล่าวถึงอะลีผเู้ ป็นตวั แทนของท่านศาสดาท่านท-ีสี- และได้ ประดิษฐแ์ นวทางชีอะฮข์ @ึนมาในนามของอะลี การประดิษฐล์ ทั ธิแนวคิด 37

ชีอะฮข์ @ึนมา จึงถือเป็ นการเริ-มตน้ ของการฉอ้ ฉลในศาสนา และกิจกรรมทาง โลกของประชาชาติของมุฮมั มดั ดว้ ยการสร้างความแตกต่างใหเ้ กิดข@ึนใน ระหวา่ งมุสลิม จากน@นั ริฎอก็ไดบ้ ิดเบือนเร-ืองราวใหเ้ ป็ นที-พอใจของตนเอง และหากผใู้ ดปรารถนาท-ีจะรู้ถึงจุดเร-ิมตน้ ของเรื-องน@ี ตวั ของมุฮมั มดั รอชีด ริฎอเองไดส้ ารภาพเอาไวว้ า่ “ผใู้ ดท-ีอา้ งอิงถึงเร-ืองต่างๆที-เก-ียวขอ้ งกบั สงครามญะมลั ในหนงั สือประวตั ิศาสตร์ ดงั ตวั อยา่ งของ อิบนิ อะซีร ยอ่ มจะพบเห็นไดถ้ ึงขอบข่ายของอิทธิพลแห่งความชวั- ร้ายของสะบะอียนี ในกองทพั ของท@งั สองฝ่ าย เม-ือกาํ ลงั คาดการณ์วา่ จะมีการเจรจาตกลงกนั (อา้ งถึงเล่ม 3 หนา้ 96-103)” ฉะน@นั แหล่งขอ้ มูลของอลั ซยั ยดิ รอชีด ก็คือ หนงั สือประวตั ิศาสตร์ของ อิบนิ อะซีร 2) อบุล ฟิ ดา (มรณะ ฮ.ศ. 732/ ค.ศ. 1331) อบุล ฟิ ดาไดก้ ล่าวไวใ้ นหนงั สือ อลั มุคตะซอร ดงั วา่ “ฉนั ไดส้ รุปไวใ้ น หนงั สือของฉนั วา่ ดงั ที-ท่านเชคอิซซุดดีน อะลี ซ-ึงเป็นท-ีรู้จกั กนั ในนามอิบนิ อะซีร ยะซะรีไดเ้ ขียนไวใ้ นหนงั สืออนั สมบูรณ์ของเขา” ดงั น@นั แหล่งท-ีมา ของหนงั สือท@งั สองเล่มจึงเป็ นของ อิบนิ อะซีร 3) อิบนิ อะซีร (มรณะ ฮ.ศ. 630 / ค.ศ. 1229) อิบนิ อะซีรไดก้ ล่าวถึงเร-ืองเหตุการณ์ต่างๆ ท-ีเกิดข@ึน ซ-ึงเกิดข@ึนใน ระหวา่ งปี ฮ.ศ. 30-36 เขาไม่ไดก้ ล่าวถึงแหล่งของเร-ืองเหล่าน@ี ยกเวน้ ในคาํ นาํ ของหนงั สือของเขา ชื-อ ตารีค อลั กามิล (พิมพท์ ี-อียติ ์ ฮ.ศ. 1348) โดยกล่าววา่ ฉนั ไดเ้ ห็นเร-ืองเหล่าน@ี ในหนงั สือของอบูญะอฟ์ ัร อลั ฏอบารี หนงั สือ ประวตั ิศาสตร์อนั สมบูรณ์ของฏอบารี (17) นบั เป็นตาํ ราทางประวตั ิศาสตร์ ของมุสลิม เป็นหนงั สือเพียงเล่มเดียวที-น่าเช-ือถือในมวลหมู่มุสลิม ผซู้ -ึง จะตอ้ งอา้ งอิงกลบั ไปหาหนงั สือน@ี เมื-อมีเน@ือหาที-ขดั แยง้ กนั ในเร-ืองใดๆ ท-ี จะตอ้ งทาํ การตรวจสอบ ฏอบารีไดเ้ ขียน ฮะดิษ (วจนะ) ไวเ้ ป็นจาํ นวนมาก 38

ในส่วนต่างๆของหนงั สือของเขาที-เกี-ยวกบั เหตุการณ์หน-ึง แต่ฉนั ไดจ้ ดั ลาํ ดบั เร-ืองเหล่าน@ีเสียใหม่ ภายใตห้ วั เร-ืองท-ีเหมาะสม และไดเ้ ลือกเรื-องท-ีสมบรู ณ์ ที-สุดสาํ หรับแต่ละเหตุการณ์ ท-ีเก-ียวกบั เร-ืองซอฮาบะฮน์ @นั ฉนั ไดอ้ า้ งอิง เร-ืองราวต่างๆของพวกเขาท-ีฏอบารี (17) ไดเ้ ขียนไวใ้ นหนงั สือของเขาทุก ประการ และจะยกเวน้ ก็เฉพาะหมายเหตุต่างๆที-อธิบาย ซ-ึงก็ไม่ไปยงุ่ เกี-ยวกบั เน@ือหาที-อา้ งอิงมา นี-คือเร-ืองของอิบนิ อะซีร (3) ซ-ึงมุฮมั มดั รอชีด ริฎอ (1) และ อบุล ฟิ ดา (2) ไดข้ อยมื เร-ืองต่างๆ ของพวกเรามาจากแหล่งน@ี อิบนิ อะซีรผนู้ @ีไดบ้ นั ทึก ไวต้ รงกบั ท-ีฏอบารีไดเ้ ขียนไว้ 4) อิบนิ กะซีร (มรณะ ฮ.ศ. 774 / ค.ศ. 1289) ในหนงั สือของอิบนิ กะซีร ช-ือ อลั บิดายะฮ์ วลั นิฮายะฮ์ เล่ม 7 อา้ ง ถึงฏอบารี โดยกล่าววา่ ซยั ฟ์ อิบนิ อุมรั ไดก้ ล่าวไวว้ า่ สาเหตุแห่งการก่อกบฏ ต่ออุศมานก็คือ อบั ดุลลอฮ์ อิบนิ สะบาอ์ ผซู้ -ึงเสแสร้งวา่ เป็ นมุสลิมและ เดินทางไปอียปิ ตเ์ พือ- เผยแพร่เรื-องราวที-เป็นเท็จ จากน@นั อิบนิ กะซีร เขียนถึงอบั ดุลลอฮ์ อิบนิ สะบาอ์ ไวด้ ว้ ยเรื-องราวท-ี ครบถว้ น รวมท@งั เร-ืองสงครามญะมลั เขาไดก้ ล่าวไวใ้ นหนา้ 246 วา่ “นี-คือ บทสรุปของเร-ืองท-ี อบูญะอฟ์ ัร อิบนิ ญะรีร ฏอบารี(17) (ขอพระเจา้ ประทาน ความจาํ เริญใหก้ บั ท่าน) ไดเ้ ขียนเอาไว”้ 5) อิบนิ คอลดูน นกั ปรัชญาแห่งแวดวงของนกั ประวตั ิศาสตร์ ไดเ้ ขียนไวใ้ นหนงั สือของ เขาชื-อ อลั มุบตะดา วลั คอบรั ไดก้ ล่าวถึงสะบะอียนี ไวใ้ นเหตุการณ์ของ บา้ น (การสงั หารอุศมาน) และญะมลั จากน@นั ในเล่ม 2 หนา้ 425 ของหนงั สือ ของเขากล่าวไวว้ า่ “นี-คือบทสรุปของเหตุการณ์แห่งญะมลั จากหนงั สือของ อบญู ะอฟ์ ัร ฏอบารี (17) เพราะวา่ เขาเป็ นที-เชื-อถือและไวว้ างใจไดม้ ากกวา่ 39

นกั ประวตั ิศาสตร์คนอื-นๆรวมท@งั อิบนิ กตุ ยั บะฮด์ ว้ ย” ในหนา้ ที- 457 เช่นกนั เขาเขียนไวว้ า่ “น-ีคือ คาํ พดู สุดทา้ ยท-ีเก-ียวขอ้ งกบั การสืบแทน ตาํ แหน่งของอิสลามและของผพู้ ิชิตและสงครามต่างๆของพวกอุตริชน ภายหลงั จากน@ีก็จะเป็นการเจรจาตกลงและมีการประชุม(อลั ญะมาอตั ) ใน ระหวา่ งมุสลิม ฉนั ไดน้ าํ เน@ือหาสาระเหล่าน@ีมาจากหนงั สือของ มุฮมั มดั อิบนิ ญะรีร อลั ฏอบารี(17) เพราะเป็นหนงั สือท-ีน่าเช-ือถือท-ีสุด และไม่ไดว้ จิ ารณ์ ซอฮาบะฮแ์ ละตาบิอีน” 6) มุฮมั มดั ฟะรีด วจั ดี มุฮมั มดั ฟะรีด วจั ดี ไดเ้ ขียนไวใ้ นหนงั สือของเขาชื-อ สารานุกรม ดว้ ยการ อธิบายคาํ วา่ อะซมั และคาํ วา่ สงครามญะมลั ตลอดจนในเรื-องชีวประวตั ิ ของอะลี อิบนิ อบีฏอลิบ เขาไดก้ ล่าวถึงเรื-องของอบั ดุลลอฮ์ อิบนิ สะบาอ์ และในหนา้ ที- 160, 168 และ 169 บอกใหเ้ ราทราบวา่ แหล่งขอ้ มลู ของเขา นาํ มาจากฏอบารี(17) 7) อลั บุสตานี ในหนงั สือสารานุกรมของเขา ไดก้ ล่าวถึงความหมายของช-ือท-ีวา่ อบั ดุลลอฮ์ อิบนิ สะบาอ์ ไวด้ งั วา่ “อิบนิ กะซีรกล่าววา่ อบั ดุลลอฮ์ อิบนิ สะบาอ์ ...” 8) อะห์มดั อะมีน นกั ประวตั ิศาสตร์ในสมยั ปัจจุบนั คนหน-ึง ผซู้ -ึงไดใ้ ชว้ ธิ ีเชิงวเิ คราะห์ใน การจดบนั ทึกเรื-องราวต่างๆ ก็คือ อะห์มดั อะมีน ในหนงั สือของเขาคือ ฟัจ รุลอิสลาม ตอนที-เก-ียวกบั เปอร์เซีย (1) และผลกระทบที-มีต่ออิสลาม เขา เขียนไวว้ า่ “ขอ้ แตกต่างอนั เป็ นประการสาํ คญั ระหวา่ งศาสนาของมซั ดคั และ ศาสนาอ-ืนๆ ก็คือความคิดท-ีเป็นสงั คมนิยมของมนั ศาสนาของมซั ดคั เช-ือใน 40

เรื-องความเสมอภาคของมนุษยน์ บั แต่แรกเกิด และไดก้ ล่าวเอาไวว้ า่ เพราะฉะน@นั พวกเขาตอ้ งมีโอกาสเท่าเทียมกนั ในการดาํ รงชีพของพวกเขา เขาไดเ้ ห็นถึงเรื-องท-ีเป็ นประการสาํ คญั ท-ีสุด ในความเสมอภาคของมนุษยว์ า่ เป็นเร-ืองราวของทรัพยส์ ินและสตรีเพศ ฉะน@นั เขาจึงกล่าววา่ สตรีเพศและ ทรัพยส์ ินเป็นของกลางสาํ หรับทุกคน ผชู้ ายที-มาจากชนช@นั ต-าํ จึงฉวยโอกาส ในคาํ สอนของมซั ดคั และไดส้ ร้างความยงุ่ ยากไวอ้ ยา่ งมากมาย บรรดาสาวก ของเขาบุกรุกเขา้ ไปในบา้ นเรือนของผคู้ น เพอื- ไปขอมีส่วนร่วมในสตรีเพศ สินคา้ มา้ ขาย สิ-งน@ีดาํ เนินไปเป็นเวลานาน จนกระทงั- เดก็ ๆ ไม่รู้วา่ บิดาของ พวกเขาเป็นใคร และบิดาก็ไม่อาจจาํ เดก็ ๆของพวกเขาได”้ อะห์มดั อะมีน กล่าวต่อไปวา่ “วถิ ีชีวติ เช่นน@ีไดถ้ ูกนาํ มาใชป้ ฏิบตั ิกนั ถึงแมภ้ ายหลงั จากที- อิสลามถือกาํ เนิดข@ึนมาแลว้ ก็ตาม ยงั มีหมู่บา้ นหลายแห่งในจงั หวดั เคิรมาน (เปอร์เซียตอนใต)้ ท-ีศาสนาน@ียงั คงมีการปฏิบตั ิกนั อยใู่ นช่วงการปกครอง ของอาณาจกั รอะมาวยี ะฮ”์ อะห์มดั อะมีน กล่าวต่อไปวา่ “จากน@ีเราได้ เห็นความคลา้ ยคลึงกนั ของความคิดต่างๆของอบูซรั และมซั ดคั ที-เป็น เรื-องราวของการกระจายการถือครองทรัพยเ์ ก-ียวขอ้ งอยดู่ ว้ ย” ฏอบารี ได้ กล่าวไวว้ า่ “อบูซรั ต@งั ตวั เป็นใหญ่ข@ึนท-ีดามสั กสั (ชาม) โดยกล่าวข@ึนวา่ โอ้ ผคู้ นท-ีมีทรัพยส์ ิน จงรวมทรัพยส์ ินเงินทองของพวกท่านกบั คนยากจนเถิด” และไดอ้ ่านโองการน@ีของอลั กรุ อาน “และจงแจง้ ข่าวการลงโทษอนั เจบ็ ปวด แก่พวกเขาดว้ ยเถิด บรรดาผทู้ ี-สะสมทองและเงิน และไม่จ่ายมนั ในหนทาง ของอลั ลอฮ(์ ซบ.)” อบูซรั อ่านโองการน@ีซ@าํ แลว้ ซ@าํ อีก จนกระทงั- คนจนถือเอา วา่ เป็นภาระหนา้ ท-ีของคนรวยที-จะตอ้ งบริจาคเงินของพวกเขา และสร้าง ความกวนใจใหก้ บั คนร-ํารวย จนถึงกบั พวกเขาตอ้ งไปเรียนเรื-องอบซู รั กบั มุ อาวยิ ะฮผ์ เู้ ป็ นเจา้ เมืองซีเรีย เขาจึงสั-งใหอ้ บูซรั ไปพบคอลีฟะฮอ์ ุศมานท-ีนคร มะดีนะฮ์ 41

อุศมานกล่าววา่ “ประชาชนชาวดามสั กสั ทาํ ไมลิ@นของท่านถึงตอ้ ง ร้องเรียนอะไรกนั มากมายนกั ?” อบซู รั กล่าวตอบวา่ “ ผคู้ นท-ีร-ํารวยน@นั ไม่ สมควรท-ีจะเก็บเงินเอาไวใ้ ชแ้ ต่เฉพาะตวั ของพวกเขากนั เอง” อะห์มดั อะ มีน กล่าวถึงเรื-องน@ีวา่ “ความคิดของอบซู รั ในเร-ืองทรัพยส์ ินน@นั ใกลเ้ คียงกบั ของมซั ดคั ” แต่อบูซรั ไปเอาทศั นะเช่นน@ีมาจากท-ีใด ? ฏอบารีใหค้ าํ ตอบวา่ “อิบนิ อลั เซาดาฮ์ พบกบั อบซู รั และไดแ้ นะนาํ ความคิดสงั คมนิยมน@ีใหก้ บั เขา ขณะที-ไดม้ ีการประชุมกนั ซ-ึงมีอบูดรั ดาอ(์ 2) และอุบาดะฮ์ อิบนิ ซอมิต ร่วมอยดู่ ว้ ย สองคนหลงั น@ีไม่ไดต้ กเป็นเหยอื- และพวกเขาจึงพา อิบนิ อลั เซา ดาฮ์ มาพบกบั มุอาวยิ ะฮ์ และกล่าววา่ ชายคนน@ีคือ ผทู้ ี-ยยุ ง อบซู รั เพ-อื ทาํ ให้ ท่านตอ้ งเหน-ือยอ่อน” (3) อะห์มดั อะมีนกล่าวต่อไปวา่ “เรารู้ต่อไปอีกเช่นกนั วา่ อิบนิ อลั เซาดาฮ์ เป็นท-ีรู้จกั กนั คือ อบั ดุลลอฮ์ อิบนิ สะบาอ์ ผซู้ -ึงเป็ นยวิ มาจากซอนอาอ์ (เยเมน) เขาแสร้งทาํ เป็นมุสลิมในสมยั ของอุศมาน และพยายามสร้างความ เสียหาย ใหก้ บั ศาสนาของบรรดามุสลิม ดว้ ยการเผยแพร่ความคิดต่างๆท-ีเป็น อนั ตราย” เราจะไดว้ ิจารณ์ถึงเรื-องน@ีในภายหลงั อะห์มดั อะมีน กล่าวเสริมต่อไปวา่ “อบั ดุลลอฮ์ อิบนิ สะบาอ์ เดินทางไป ตามเมืองต่างๆ ในดินแดนคาบสมุทรอาหรับ เป็ นตน้ วา่ บสั เราะฮ์ กฟู ะฮ์ ดามสั กสั และไคโร เขาอาจไดร้ ับความคิดในดา้ นสงั คมนิยมมาจากสาวก ของมซั ดคั ในอิรักหรือเยเมน จากน@นั อบูซรั จึงเรียนเร-ืองน@ีมาจากเขา” อะห์มดั อะมีน บนั ทึกไวใ้ นเชิงอรรถของหนงั สือของเขาคือ “อา้ ง ถึงฏอบารี เล่ม 5 หนา้ 66 เป็นตน้ ไป” ในหนา้ ที- 112 อะห์มดั เขียนสรุปไว้ วา่ “พวกชีอะฮย์ ดึ ถืออะลีและบุตรชายของเขาวา่ เป็ นผมู้ ีพระภาคเจา้ ดงั เช่น 42

บรรพบุรุษชาวเปอร์เซียของพวกเขา และพวกนอกศาสนาเหล่าน@ียดึ ถือ กษตั ริยแ์ ห่งราชวงศซ์ ะซะนีดของพวกเขาวา่ มีพระภาคเจา้ เช่นกนั ” อะห์ มดั อะมีนรักษาคาํ สัญญาของเขาเมื-อเขากล่าววา่ “เราจะกลบั มาวจิ ารณ์ถึง ความคิดต่างๆ ที-เป็นอนั ตรายของอบั ดุลลอฮ์ อิบนิ สะบาอ์ ในภายหลงั ” ในหนา้ 254 อะห์มดั อะมีน พดู ถึงกลุ่มคนจาํ พวกต่างๆ ไวว้ า่ “ในช่วง ปลายสมยั การปกครองของอุศมาน มีกลุ่มลบั บางกลุ่มกระจายตวั ออกไป อยา่ งกวา้ งขวางเพ-อื การก่อกบฏต่ออุศมาน พยายามที-จะปลน้ อาํ นาจไปจาก เขา และมอบใหก้ บั บุคคลบางคน ในระหวา่ งกลุ่มเหล่าน@ีมีบางกลุ่มใหก้ าร ชกั ชวนสนบั สนุนอะลี กองกาํ ลงั ที-เขม้ แขง็ ที-สุดท-ีอยเู่ บ@ืองหลงั ขบวนการน@ีอยู่ ที-บสั เราะฮ์ กฟู ะฮแ์ ละดามสั กสั คือกองกาํ ลงั ของอบั ดุลลอฮ์ อิบนิ สะบาอ”์ เขากล่าววา่ “ศาสดาทุกท่านลว้ นมีผสู้ ืบตาํ แหน่ง และอะลีเป็นผสู้ ืบแทนท่าน ศาสดามุฮมั ดั (ศ็อลฯ) ใครเล่าจะอยตุ ิธรรมมากไปกวา่ ผทู้ -ีช่วงชิงอาํ นาจไป จากอะลีอยา่ งอยตุ ิธรรม?” เขาไดย้ นื ยนั ถึงเรื-องน@ี จนกระทงั- อุศมานถูกสังหาร อะห์มดั อะมีน กล่าวต่อไปอีกวา่ “เราจาํ เป็ นตอ้ งวจิ ารณ์ถึงเร-ืองน@ี เพราะมี มุสลิมกลุ่มยอ่ ยอยสู่ ามกลุ่ม ไดถ้ ือกาํ เนิดข@ึนอนั เป็นผลลพั ธ์หน-ึงของมนั พวก เขาคือ ชีอะฮ์ และกลุ่มอ-ืนๆ” ในบทท-ีเกี-ยวกบั ชีอะฮ์ หนา้ 266-278 เขากล่าววา่ ความคิดในเรื-องการ กลบั คืนมาของศาสดา อิบนิ สะบาอเ์ รียนมาจากพวกยวิ ชีอะฮร์ ับความคิดน@ี มาอีกทอดหน-ึงจากอบั ดุลลอฮ์ อิบนิ สะบาอ์ เพื-อใหส้ อดคลอ้ งกบั ความเช-ือ ของพวกเขาในเรื-องมะฮด์ ี(อ.) ผซู้ -ึงคาดวา่ จะมาบรรจุโลกน@ีไว้ ดว้ ยความ ยตุ ิธรรม ลทั ธิชีอะฮก์ ็คือ สถานท-ีหลบหนีแห่งหน-ึง เพ-ือใหก้ ารคุม้ กนั แก่ บรรดาผทู้ -ีปรารถนาจะทาํ ลายลา้ งอิสลาม ภายใตก้ ารอาํ พราง ประหน-ึงวา่ มี 43

ความรักในครอบครัวของท่านศาสดา ยวิ หรือคริสเตียนคนใดสามารถแสดง ทศั นะของเขาเก-ียวกบั อิสลามโดยผา่ นทางลทั ธิชีอะฮ์ เช่นเดียวกนั ความคิด ของยวิ ในเรื-องของการกลบั คือมาของเอลลิยะฮ์ (4) ในหนา้ ที- 277 เขากล่าว วา่ “หากวา่ กนั ตามแวลเฮาเซ็นแลว้ ชีอะฮม์ ีที-มาจากพวกยวิ มากกวา่ มาจาก ความเช-ือของชาวเปอร์เซีย เพราะอบั ดุลลอฮ์ อิบนิ สะบาอ์ เป็นชาวยวิ ” ในอีกนยั หน-ึงอะห์มดั อะมีนกล่าววา่ ชีอะฮน์ าํ เอาความเชื-อของพวกเขาใน เรื-องการเป็ นผสู้ ืบแทนของอะลี และการกลบั คืนมาอีกเป็นคร@ังท-ีสองของ นกั บุญต่างๆ และมะฮด์ ีมาจาก อิบนิ สะบาอ์ นนั- คือ นาํ มาจากยวิ นนั- เอง อบซู รั รับเอาคาํ ขวญั แบบคอมมิวนิสตม์ าจากอิบนิ สะบาอ์ อิบนิ สะบาอ์ เรียนรู้เร-ืองลทั ธิคอมมิวนิสตม์ าจากชาวมซั ดคั ผซู้ -ึงมีชีวติ อยใู่ นช่วงสมยั ของ ราชวงศอ์ ะมาวยี ะฮ์ มซั ดคั เป็ นเปอร์เชียน และชาวเปอร์เชีย เคารพกราบไหว้ กษตั ริยข์ องพวกเขา ชีอะฮก์ ็เช่นกนั ที-เคารพยกยอ่ งบรรดาอิมามของพวกเขา ไวอ้ ยา่ งสูง ลทั ธิชีอะฮเ์ ป็นเส@ือคลุมสาํ หรับผทู้ -ีประสงคจ์ ะทาํ ลายอิสลาม ดว้ ย ความเกลียดชงั และอิจฉาริษยา ท@งั ยงั เป็นที-คุม้ กนั ใหก้ บั ผใู้ ดก็ตามท-ีปรารถนา จะแนะนาํ ลทั ธิความเชื-อของยดู าย คริสเตียนหรือโซโรแอสเตอร์เขา้ มาใน อิสลาม เราสังเกตเห็นแลว้ วา่ ความคิดเห็นเหล่าน@ีมาจากอบั ดุลลอฮ์ อิบนิ สะ บาอ์ ซ-ึงอะห์มดั อะมีน นาํ มาจากฏอบารีและแวลเฮาเซ็น เราจะไดเ้ ห็นกนั วา่ แวลเฮาเซ็นก็เช่นกนั ไดบ้ นั ทึกมาจากฏอบารี(17) 9) ฮาซนั อิบรอฮีม นกั ประวตั ิศาสตร์ร่วมสมยั อีกคนหน-ึง ท-ีใชว้ ธิ ีเชิงวิเคราะห์ในหนงั สือ ของเขาช-ือ Islamic Political History (ประวตั ิศาสตร์การเมืองอิสลาม) คือ ดร. ฮาซนั อิบรอฮีม หลงั จากที-ไดพ้ จิ ารณาดูถึงสถานการณ์ของมุสลิม ในช่วงสุดทา้ ยของคอลีฟะฮอ์ ุศมาน เขากล่าววา่ “บรรยากาศพร้อมที-จะ ยอมรับในขบวนการของสะบะอียนี มีสาวกคนหน-ึงของท่านศาสดา ซ-ึงเป็น 44

ที-รู้จกั กนั ดีในคุณธรรม และความเที-ยงธรรมของเขา และเป็นหวั หนา้ คน หน-ึงของผรู้ ายงานวจนะต่างๆ ของท่านศาสดา เขาผนู้ @ีมีช-ือวา่ อบูซรั กิฟารี เป็นเพราะชายคนน@ีเป็ นตน้ เหตุของความยงุ่ ยาก เพราะเขาใกลช้ ิดสนิทชอบ กบั คาํ โฆษณาชวนเชื-อของอบั ดุลลอฮ์ อิบนิ สะบาอ์ และเขาไดต้ ่อตา้ นอุศ มานและมุอาวยิ ะฮผ์ เู้ ป็ นเจา้ เมืองที-ซีเรีย อบั ดุลลอฮ์ อิบนิ สะบาอ์ เป็นยวิ ท-ีเส แสร้งมาเป็นมุสลิม และไดเ้ ดินทางไปยงั ฮิญาซ กฟู ะฮ์ ซีเรียและอียปิ ต”์ ดร. ฮาซนั อิบรอฮีมนาํ เร-ืองน@ีมาจาก ฏอบารี (17) เล่ม 1 หนา้ 259 ใน หนา้ ที- 349 เขากล่าววา่ “อบั ดุลลอฮ์ อิบนิ สะบาอ์ นบั เป็นคนแรกท-ีไดน้ าํ ผคู้ นใหต้ ่อตา้ นอุศมาน ทาํ ให้เขาตอ้ งถูกโค่นอาํ นาจ” ในเชิงอรรถของหนงั สือของเขา อา้ งอิงไปยงั ฏอบารีจาํ วนสี-คร@ังที-เก-ียวกบั เรื-องของอบั ดุลลอฮ์ อิบนิ สะบาอ์ เขาไดอ้ า้ งอิงไปยงั ฏอบารีถึงเรื-องน@ีใน หนงั สือของเขาเป็ นจาํ นวนสิบสองคร@ัง ถึงกระน@นั เขาก็งดเวน้ ไวไ้ ม่อา้ งอิงไป ยงั สิ-งท-ีฏอบารีไดบ้ นั ทึกไวใ้ นหนงั สือของตนเองท-ีเขียนเกี-ยวกบั เร-ืองสะบะอี ยนี ถึงแมว้ รี บุรุษของเร-ืองท@งั สองน@ีจะเป็นคนๆเดียวกนั ก็ตาม นนั- คือ อบั ดุลลอฮ์ อิบนิ สะบาอ์ จนถึงขณะน@ีเราไดเ้ ห็นแลว้ วา่ นกั ประวตั ิศาสตร์มุสลิมอา้ งอิงมาจาก หนงั สือประวตั ิศาสตร์ของฏอบารี เกี-ยวกบั เร-ืองสะบะอียนี กนั อยา่ งไร 10) แวน ฟลอตแทน (โวลเตน) (โจแฮนเนส ค.ศ. 1818-1883) ในหนงั สือของเขาท-ีมีช-ือวา่ Arabian Rule and Shiah and Israiliyat in Amawid Time แปลโดย ดร. ฮาซนั อิบรอฮีม และมุฮมั มดั ซะกี อิบรอฮีม (พมิ พค์ ร@ังแรกในอียปิ ตห์ นา้ 79) ไดก้ ล่าวถึงเรื-องชีอะฮว์ า่ “พวกสะบะอียนี ผู้ เป็นสานุศิษยข์ องอบั ดุลลอฮ์ อิบนิ สะบาอ์ ยดึ ถืออะลีเป็นผถู้ ูกตอ้ งเท-ียงธรรม สาํ หรับการสืบตาํ แหน่งแทนของท่านศาสดาในสมยั ของอุศมาน” จากน@นั 45

เขาไดอ้ า้ งไปยงั ฏอบารี(17) ที-ปรากฏอยใู่ นเชิงอรรถหนา้ 80 ในหนงั สือของ เขา 11) นิโคลสนั , เรยโ์ นลด์ อลั เลยเ์ น (1868-1945) ในหนงั สือของเขาชื-อ The History of Arabian Literature (เคมบริดจ์ หนา้ 215) เขากล่าวไวว้ า่ อบั ดุลลอฮ์ อิบนิ สะบาอ์ เป็นผกู้ ่อต@งั ชมรมของสะบะอี ยนี เขามาจากซอนอาอใ์ นเยเมน เป็นที-กล่าวกนั วา่ เขาเป็นยวิ ซ-ึงมาเขา้ รับ อิสลามในสมยั ของอุศมาน จริงๆ แลว้ เขาเป็นนกั เผยแพร่ที-ชวั- ร้ายชอบ เดินทางไปทวั- เพอ-ื พยายามทาํ ใหม้ ุสลิมหลงทาง เขาเริ-มจากแผน่ ดินฮิญาซ จากน@นั จึงไปบสั เราะฮ์ กฟู ะฮแ์ ละซีเรีย ในท-ีสุดเขามาพาํ นกั อยทู่ -ีอียปิ ต์ เขามี ความเช-ือ ในการกลบั มาเป็ นคร@ังท-ีสองของศาสดา เขากล่าววา่ “ผคู้ นเชื-อ ศรัทธาในการกลบั คืนมาของศาสดา อีซา แต่ปฏิเสธในการกลบั คืนมาของ ศาสดามุฮมั มดั (ศอ็ ลฯ) ถึงแมเ้ ร-ืองน@ีจะกล่าวไวใ้ นอลั กุรอานก็ตาม ยงิ- ไปกวา่ น@นั พระเจา้ ไดท้ รงส่งบรรดาศาสดาเป็นจาํ นวนหน-ึงพนั คน และแต่ละคนก็ ลว้ นแต่มีผชู้ ่วยเหลือและผสู้ ืบทอดตาํ แหน่งคนหน-ึง อะลี คือ ผสู้ ืบทอดของ ท่านศาสดามุฮมั มดั (ศ็อลฯ) ศาสดาท่านสุดทา้ ย” จากน@นั เขาได้ กล่าวถึงฏอบารี(17)ไวใ้ นเชิงอรรถของหนงั สือของเขา พร้อมท@งั ระบุหนา้ ไว้ ดว้ ย 12) สารานุกรมอิสลาม ในหนงั สือสารานุกรมเล่มน@ี ที-เขียนข@ึนโดยนกั บรู พคดีบางคน ไดเ้ ขียนถึง เร-ืองน@ีไวด้ งั ต่อไปน@ี “ถา้ หากเราประสงคท์ -ีจะพจิ ารณาแต่เพียงวา่ ฏอบารีและ มกั กรีซีไดบ้ นั ทึกไว้ เราขอกล่าววา่ เรื-องที-อิบนิ สะบาอไ์ ดเ้ ผยแพร่ก็คือการ กลบั คืนมาของมุฮมั มดั (ศอ็ ลฯ) ทฤษฎีเป็นอยา่ งน@ีคือทุกๆศาสดาน@นั ยอ่ มมีผู้ สืบแทนคนละหน-ึง และอะลีคือผสู้ ืบแทนของมุฮมั มดั (ศ็อลฯ) เพราะฉะน@นั มุสลิมทุกคนจึงตอ้ งช่วยเหลืออะลีท@งั ดา้ นคาํ พดู และการกระทาํ ” เป็นที- 46

กล่าวกนั วา่ อบั ดุลลอฮ์ อิบน สะบาอ์ ส่งนกั เผยแพร่ของเขาไปทวั- ประเทศ เพอ-ื เผยแพร่ทฤษฎีของเขา ตวั เขาเองพร้อมดว้ ยบุคคลเหล่าน@นั ไดอ้ อก เดินทางจากอียปิ ตไ์ ปยงั มะดีนะฮ์ ในเดือน เซาวลั ฮ.ศ. 35 ตรงกบั เมษายน ค.ศ. 656 สารานุกรมน@ีอา้ งอิงไปยงั ฏอบารีและมกั กรีซี ฏอบารีมีชีวติ อยู่ หลงั จากเรื-องน@ี 300 ปี และมกั กรีซี 800 ปี ฏอบารีไดก้ ล่าวถึงบรรดาชื-อของผู้ ท-ีเขาอา้ งอิงมา แต่มกั กรีซีไม่ไดท้ าํ เช่นน@นั ฉะน@นั ขอ้ เขียนของมกั กรีซีจึงถือ ไดว้ า่ ไม่เป็นท-ีน่าเชื-อถือเหมือนกบั ของฏอบารี ซ-ึงมีชีวติ อยกู่ ่อนมกั กรีซี 500 ปี เราจะไดเ้ ขียนถึงมกั กรีซีในภายหลงั 13) โดเนลสนั , เอม. ดีไวท์ ในหนงั สือของเขาชื-อ The Shiah Articles of Faith ฉบบั แปลภาษาอาหรับ หนา้ 85 เขากล่าวไวว้ า่ “หลกั ฐานอา้ งอิงท-ีเก่าแก่ท-ีสุดแสดงใหเ้ ห็นวา่ ขอ้ อา้ ง ต่างๆ ของผตู้ ามแนวทางของอะลีท-ีเก-ียวขอ้ งกบั การสืบแทนตาํ แหน่งของเขา น@นั ไม่ใช่เป็นเรื-องท-ีเก-ียวกบั การเมือง แต่พวกเขาเชื-อศรัทธาวา่ การสืบแทน ตาํ แหน่งของอะลีน@นั เป็ นพระบญั ชามาจากเบ@ืองบน ถึงกระน@นั ก็มีชายลึกลบั คนหน-ึงท-ีสามารถถือเอาวา่ เป็นผทู้ ี-ตอ้ งรับผดิ ชอบอยา่ งมากกบั การเชื-อ ศรัทธาเช่นน@นั ในช่วงระหวา่ งการสืบตาํ แหน่งของอุศมาน อบั ดุลลอฮ์ อิบนิ สะบาอ์ เริ-มขบวนการหน-ึงข@ึนมา เพอ-ื นาํ มุสลิมไปสู่ความพนิ าศ ดงั ท-ีฏอบารี ไดก้ ล่าวไว”้ โดเนลสนั ไม่ไดอ้ า้ งอิงโดยตรงมาจากฏอบารี แต่ตามเชิงอรรถที-เขียนไว้ ท-ีหนา้ 59 ในหนงั สือของเขาวา่ อา้ งอิงมาจากสารานุกรมอิสลาม ดงั ที-ได้ กล่าวถึงไปแลว้ และจากหนงั สือ History of Arabian Literature เราได้ กล่าวถึงแลว้ ในตอนตน้ วา่ พวกเขาเองไดอ้ า้ งอิงมาจาก ฏอบารี(17) 14) แวลเฮาเซ็น จเู ลียส (ค.ศ. 1844-1918) 47

ในหนา้ 56-57 ของหนงั สือของเขาช-ือ Sabain and the Spirit of Prophethood เขากล่าววา่ “มีคณะหน-ึงถูกจดั ต@งั ข@ึนที-เมืองกฟู ะฮช์ -ือสะบะอียนี และบุคคลคณะน@ีไดเ้ ปลี-ยนแปลงอิสลามไปอยา่ งรุนแรง โดยมิพกั จะตอ้ งพูด ถึงคาํ สอนของอลั กุรอาน พวกเขาสอนถึงเรื-องราวการมีพระภาคของท่าน ศาสดามุฮมั มดั (ศอ็ ลฯ) สะบะอียนี เช-ือศรัทธาวา่ มุฮมั มดั (ศอ็ ลฯ) ตายไป เฉพาะร่างกายเท่าน@นั แต่ไม่ไดต้ ายในทางจิตวิญญาณ เพราะจิตวญิ ญาณของ ท่านมีพระภาค และยงั คงมีชีวติ อยเู่ ป็ นนิรันดร์” ส่วนทฤษฎีของการกลบั ชาติมาเกิด พวกเขากล่าววา่ วญิ ญาณของพระเจา้ ไดก้ ลบั มาจุติในตวั ของศาสนทูตของพระองคแ์ ละผา่ นไปยงั ศาสนทูตท@งั มวลของพระองค์ จากท่านหน-ึงไปสู่อีกท่านหน-ึง และภายหลงั จากมุฮมั มดั (ศอ็ ลฯ) มนั ไดถ้ ูกส่งต่อไปยงั อะลี และจากน@นั ก็ไปสู่บรรดาผสู้ ืบสายธารของ เขา พวกเขาไม่ไดพ้ ิจารณาเห็นวา่ อะลีมีความเท่าเทียมกบั คอลีฟะฮ์ ที-มีมา ก่อนหนา้ เขา และคอลีฟะฮเ์ หล่าน@ีก็ไม่ไดเ้ ป็นผสู้ ืบตาํ แหน่งแทนของมุฮมั มดั (ศอ็ ลฯ) แต่พวกเขาถือวา่ คอลีฟะฮเ์ หล่าน@นั ไม่ชอบดว้ ยกฎหมาย พวกเขา ประกาศใหอ้ ะลีเป็นผสู้ ืบแทนตาํ แหน่งของศาสดามุฮมั มดั (ศอ็ ลฯ) ที-มีพระ ภาค และชอบดว้ ยกฏหมายแต่เพียงผเู้ ดียว และการเชื-อฟังปฏิบตั ิตามเขาถูก ถือวา่ เป็นการเชื-อฟังปฏิบตั ิตามพระเจา้ แวลเฮาเซ็นกล่าวไวเ้ ช่นกนั วา่ นบั เป็นท-ีเขา้ ใจกนั วา่ สะบะอียนี สืบช-ือมา จากอิบนิ สะบาอ์ ผเู้ ป็นยวิ ชาวเยเมน และดว้ ยสมญานามน@ีท-ีวา่ สะบะอียนี จึง หมายถึง “พวกสุดโต่งและผเู้ ชื-อถือศรัทธาในการกลบั ชาติมาเกิด” เขา กล่าววา่ “พวกสุดโต่งน@ีมีชื-อต่างๆกนั ไม่เหมาะสมท-ีจะกล่าวถึงแต่ทุกช-ือน@นั พสิ ูจน์ใหเ้ ห็นวา่ พวกเขาลว้ นหลงทาง” ซยั ฟ์ อิบนิ อุมรั อลั ตะมีมี กล่าว วา่ “นบั ต@งั แต่เร-ิมตน้ แลว้ สะบะอียนี เป็นพวกสร้างความยุง่ ยาก เป็นผสู้ ังหาร อุศมาน และเริ-มสงครามกลางเมือง... สมาชิกส่วนใหญ่เป็นทาสที-ไม่ใช่ชาว 48

อาหรับ พวกเขามีความเช-ือในการผา่ นวญิ ญาณจากบุคคลหน-ึงไปสู่อีกบุคคล หน-ึง โดยเฉพาะอยา่ งยง-ิ วญิ ญาณของมุฮมั มดั จุติอยใู่ นอะลี เม-ือบุตรหลาน ของอะลีท-ีสืบมาจากฟาฏิมะฮบ์ ุตรีของท่านศาสดา ปฏิเสธลทั ธิสะบะอียนี ดงั น@นั พวกเขาจึงหนั ไปปฏิบตั ิตามมุฮมั มดั อลั ฮะนาฟี ยะฮ์ บุตรคนหน-ึง ของอะลีที-ไม่ไดเ้ กิดจากฟาฏิมะฮ์ สะบะอียนี ปฏิบตั ิตาม อบา ฮาชิม บุตรของ มุฮมั มดั อลั ฮะนาฟี ยะฮ์ เขาเป็นคนท-ีไม่มีคุณค่าอนั ใดเหมือนกบั บิดาของเขา อบาฮาชิมแต่งต@งั บุตรชายของเขาช-ือมุฮมั มดั อิบนิ อะลี อบั บาซี เป็นผสู้ ืบ แทน จากน@นั ผสู้ ืบแทนของอะลีจึงสืบต่อไปถึงราชวงศอ์ บั บาสิยะฮ์ อบั บาสิ ยะฮก์ ็เหมือนกบั สะบะอียนี ถือกาํ เนิดข@ึนมาจาก กฟู ะฮ์ บุคคลท@งั สองกลุ่มน@ี ก่อกบฏต่อบรรดามุสลิมอาหรับ และผสู้ นบั สนุนพวกเขาก็คือบรรดาทาส ชาวอิหร่าน” แวลเฮาเซ็นอา้ งถึงซยั ฟ์ รวมสองคร@ัง ในเร-ืองน@ีโดยเขียนไวท้ ี-เชิงอรรถของ หนงั สือของเขา ฉะน@นั จึงนบั เป็นท-ีกระจ่างต่อเราวา่ เขาไดน้ าํ เร-ืองน@ีมาจาก ฏอบารี(17) นกั ประวตั ิศาสตร์คนแรกที-กล่าวถึงซยั ฟ์ ฉะน@นั เราจึงเขียนถึงนกั ประวตั ิศาสตร์ที-ไดก้ ล่าวถึงฏอบารี ท@งั โดยตรง และในทางอ-ืนๆ เมื-อพวกเขาเขียนถึงอิบนิ สะบาอ์ ยงั มีนกั เขียนอื-นๆอีกท-ี ไม่ไดก้ ล่าวถึง นกั เขียนผเู้ ป็นตน้ ตาํ รับเรื-องราวของอิบนิ สะบาอ์ แต่ในที- อ-ืนๆของหนงั สือของพวกเขา ไดอ้ า้ งช-ือฏอบารีหรือหนงั สือต่างๆซ-ึงอา้ งมา จากฏอบารี เป็ นตน้ 15) มีรคอนด์ ในหนงั สือของเขาช-ือ เราฎอตุส ซอฟา 16) ฆิยาซุดดีน (มรณะ ฮ.ศ. 940 / ค.ศ. 1455) 49


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook