“ฉันคือผูปกครองของบรรดาผูศรัทธาท่ีมีอํานาจย่ิงกวาตัวของพวกเขาเอง หลังจากน้ันอาลี ผูเปนพี่นองของฉัน ก็คือผูปกครองของบรรดาผูศรัทธาท่ีมีอํานาจเหนือตัวของพวกเขาเองดวย” (อัล-ฮาดษี ) 13. ทานศ็อดดูกไดรายงานฮาดีษอีกบทหนึ่งไวในหนังสือ “อัล-อิกมาลฯ” โดยอางสายสืบ มาจากทานอัศบัฆ บิน นะบาตะฮฺท่ีไดรับรายงานมาจากทานอิบนุอับบาสวา “ฉันไดยินทานศาสน ทูตแหงอัลลอฮฺ (ศ) ไดก ลา ววา “ฉัน อาลี ฮาซันและฮุเซน อีกทั้งบุคคลท้ังเกาที่มาจากลูกหลานของฮุเซนน้ันลวนเปนผู บรสิ ุทธ์ิ (อลั -ฮาดษี ) 14. ศ็อดดูกไดรายงานฮาดีษอีกบทหน่ึงไวในหนังสือ “อัล-อิกมาลฯ” โดยมีสายสืบท่ีรับ รายงานมาจากทานอิบายะฮฺ บิน ร็อบอียฺท่ีไดรับรายงานมาจากทานอิบนุ อับบาสวา “ทานศาสนทูต แหงอลั ลอฮฺ (ศ) กลา ววา “ฉันคือประมุขของบรรดานบี สวนอาลีคือประมุขของบรรดาทายาท (แหงบรรดานบี)” (อลั -ฮาดีษ) 15. ทานศ็อดดูกไดรายงานฮาดีษอีกบทหน่ึงไวในหนังสือ “อัล-อิกมาลฯ” โดยมีสายสืบไป ถึงทานอิมามศอดิก ซึ่งไดรับรายงานฮาดีษมาจากบรรพบุรุษของทานโดยสืบไปถึงทานศาสนทูต แหง อลั ลอฮฺ (ศ) ดังที่ทา นไดกลา ววา “แทจริงอัลลอฮผฺ ทู รงเดชานภุ าพสูงสดุ ไดท รงคัดเลือกฉันขึ้นมาจากบรรดานบีทั้งหมด และ ทรงคัดเลือกอาลีและเกียรติคุณของเขาท่ีมาจากฉันใหเหนือกวาบรรดาทายาทท้ังหมด และทรงได คัดเลือกฮาซันกับฮุเซนจากอาลี และทรงไดคัดเลือกจากลูก ๆ ของฮุเซนไวเปนทายาท พวกเขาได ยับยั้งหลักการศาสนาของผูบิดเบือน ยับย้ังการแอบอางของผูเส่ือมเสียและยับย้ังการตีความในเรื่อง ศาสนาของผหู ลงผิด” (อัล-ฮาดีษ) 16. ทานศ็อดดูกไดรายงานฮาดีษอีกบทหนึ่งไวในหนังสือ “อัล-อิกมาลฯ” โดยมีสายสืบท่ี รับรายงานมาจากทา นอาลวี า “ทา นศาสนทตู แหง อลั ลอฮฺ (ศ) ไดก ลา ววา “บรรดาผูนํา (อิมาม) ภายหลังจากฉันน้ีมีจํานวน 12 คน โออาลี บุคคลแรกในหมูพวกเขา นั้นคือเจา คนสุดทายในหมูพวกเขาคือกออิม ผูซ่ึงอัลลอฮฺไดทรงเปดโอกาสใหเขามีอํานาจท้ังภาค ตะวันออกและภาคตะวนั ตกของโลก” (อลั -ฮาดษี )(295)
17. ทานศ็อดดูกไดรายงานฮาดีษอีกบทหนึ่งไวในหนังสือ “อามาลียฺ” โดยมีสายสืบที่รับ รายงานมาจากทา นอมิ ามศอดกิ ซึ่งไดรบั รายงานมาจากบรรพบุรษุ ของทาน ซึ่งไดเลาสืบตอกันมาถึง คํากลาวของทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (ศ) ท่ีวา “อาลีมาจากฉัน และฉันมาจากอาลี เขาถูกสรางมา จากเน้ือดินอันเดียวกับฉัน เขาจะทําหนาที่อธิบายอยางแจมแจงแกประชาชน สําหรับสิ่งซ่ึงพวกเขา ทั้งหลายขัดแยงกันในเร่ืองซุนนะฮฺ (แบบอยาง) ของฉัน เขาคือผูบังคับบัญชาของผูศรัทธาทั้งหลาย เขาคือ ผูนําของผูเครงครัดตอวินัยทางศาสนา เขาคือผูประเสริฐย่ิงในหมูทายาทท้ังหลาย” (อัล-ฮา ดีษ) 18. ทานศ็อดดูกไดรายงานฮาดีษอีกบทหนึ่งไวในหนังสือ “อามาลียฺ” โดยมีสายสืบไปถึง ทานอาลี ซงึ่ เปนฮาดีษยาวบทหนึ่ง ดังทีท่ า นศาสนทูตแหง อลั ลอฮฺ (ศ) ไดกลา ววา “แทจริงอาลีคือ ผูบังคับบัญชาของผูศรัทธาท้ังหลาย ดวยการมอบอํานาจมาจากอัลลอฮฺ ผู ทรงเดชานุภาพสงู สดุ ซง่ึ พระองคไดทรงกําหนดเร่ืองนี้ไว ณ บัลลังกของพระองค ซ่ึงบรรดามะลาอี กะฮฺของพระองคตางไดปฏิญาณตนในเร่ืองน้ีวา แทจริงอาลีน้ันคือผูแทนท่ีอัลลอฮฺไดทรงแตงต้ัง และเปนขอพิสูจนของอัลลอฮฺ (ฮุจญะตุลลอฮฺ) และเขาคือผูนํา (อิมาม) ของบรรดามุสลิม” (อัล-ฮา ดษี ) 19. ทานศ็อดดูกไดรายงานฮาดีษบทหนึ่งไวในหนังสือ “อามาลียฺ” ซ่ึงเปนรายงานของ ทา นอบิ นุ อับบาสวา “ทา นศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (ศ) ไดกลา ววา “อาลีเอยเจาคือผูนํา (อิมาม) ของบรรดามุสลิม เจาคือผูบังคับบัญชาของผูศรัทธาทั้งหลาย เจา คือผนู ําของผูเครง ครดั ตอ วนิ ัยทางศาสนา เจา คอื ขอ พิสูจนของอัลลอฮฺภายหลังจากฉัน และเจาคือ ประมขุ ของบรรดาทายาททั้งหลาย” (อลั -ฮาดีษ) (295) ฮาดีษบทน้ีรวมถึงบทกอน ๆ จากนี้ไดมีปรากฏอยูในหมวดท่ีวาดวย “รายงานจาก ทานนบีในเร่ืองของอิมามกออิม” ซึ่งทานเปนอิมามที่สิบสอง เปนฮาดีษที่อยูในบาบที่ 24 ของหนังสืออกิ มาลุดดีน หนา 149 ไปจนถงึ หนา 167 20. ทานศอ็ ดดกู ไดรายงานฮาดีษอีกบทหนึ่งไวในหนังสือ “อามาลียฺ” ซึ่งเปนรายงานมาจาก ทา นอบิ นุ อับบาสวา “ทานศาสนทตู แหง อัลลอฮฺ (ศ) ไดกลา ววา “โออาลี เจาคือผูแทนขอฉันในหมูประชาชาติน้ี และเจากับฉันเปนอันหนึ่งอันเดียวกัน ต้ังแตม าจากอาดัม” (อัล-ฮาดษี )
21. ทานศ็อดดูกไดรายงานฮาดีษอีกบทหนึ่งไวในหนังสือ “อามาลียฺ” โดยมีสายสืบไปถึง ทานอาบูซัรวา “วันหนึ่งพวกเราไดอยูพรอมกับทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (ศ) ในมัสญิดของทาน แลว ทานไดก ลา วขน้ึ วา “ชายผูซ่ึงจะเขามาหาพวกทานทางประตูนี้ เขาคือผูบังคับบัญชาของผูศรัทธาและเปนผูนํา (อมิ าม) ของบรรดามุสลมิ ทัง้ หลาย” “ทันใดน้ันทานอาลี บิน อาบีฏอลิบก็ไดออกมาจากทางประตูดังกลาว ดังน้ันทานศาสนทูต แหงอัลลอฮฺ (ศ) จึงไดใหการตอนรับทาน หลังจากน้ัน ทานก็ไดหันหนาอันมีเกียรติมาทางพวกเรา แลว กลาววา “นคี่ อื ผูนาํ (อมิ าม) พวกทานภายหลงั จากฉนั ” (อัล-ฮาดษี ) 22. ทานศ็อดดูกไดรายงานฮาดีษอีกบทหนึ่งไวในหนังสือ “อามาลียฺ” โดยมีสายสืบท่ีรับ รายงานมาจากทานญาบิร บนิ อบั ดุลลอฮฺ ชาวอนั ศอร วา “ทานศาสนทตู แหงอลั ลอฮฺ (ศ) ไดก ลา ววา “อาลี บิน อาบีฏอลิบคือ ผูเขาอิสลามคนแรกในหมูพวกเขา เปนผูมิชาความรูมากท่ีสุดใน หมพู วกเขาท้งั หลาย” ตอ มาทา นยังไดกลา วอีกวา “เขาคือผนู าํ (อิมาม) และผแู ทน (คอลฟี ะฮฺ) ภายหลังจากฉัน” (อัล-ฮาดีษ) 23. ทานศ็อดดูกไดรายงานฮาดีษอีกบทหนึ่งไวในหนังสือ “อามาลียฺ” โดยท่ีสายสืบไปถึง ทา นอิบนุ อับบาส วา “ทา นศาสนทูตแหงอลั ลอฮฺ (ศ) ไดก ลา ววา “แทจริงพระผูอภิบาลของทานทั้งหลายไดทรงสั่งใหฉันแตงตั้งอาลี ใหเปนผูทรงไวซ่ึง ความรู เปนผูนํา เปนผูแทน และเปนทายาทสําหรับพวกทาน และทรงสั่งใหฉันรับเขาเปนพ่ีนอง และเปน ผูร ว มภารกจิ (อลั -ฮาดษี ) 24. ทานศ็อดดูกไดรายงานฮาดีษอีกบทหนึ่งไวในหนังสือ “อามาลียฺ” โดยมีสายสืบไปถึง ทานอาบี อยิ าชวา “ทานศาสนทตู แหง อัลลอฮฺ (ศ) ไดข ึน้ บนมิมบัรแลว กลาวคําปราศรัย ดังมีใจความ ตอไปนี้ “แทจริงบุตรแหง ลงุ ของฉัน คอื อาลีผนู ้เี ปนพีน่ อ งของฉนั เปน ผรู วมภารกิจของฉัน และเขา เปนผแู ทนของฉัน อีกทั้งเปนผูทาํ หนาทเ่ี ผยแผเ รอ่ื งราวจากฉนั ” (อลั -ฮาดีษ)(296) 25. ทานศ็อดดูกไดรายงานไวในหนังสือ “อาลาลียฺ” ซึ่งเปนฮาดีษท่ีมีสายสืบไปถึงทานอามี รลุ มุมนี นี วา “ทา นศาสนทตู แหงอลั ลอฮฺ (ศ) ไดกลา วคําปราศรยั แกพ วกเราในวันหนึง่ วา
“ประชาชนทั้งหลายเอย แนนอนยงิ่ ฉันไดยอมรบั ในเดือนท่สี ําคัญของอัลลอฮแฺ ลว ” หลงั จากน้นั ทา นกไ็ ดอ ธบิ ายถงึ เกียรตคิ ุณตาง ๆ ของเดือนรอมฎอน ทา นอาลไี ดก ลาวข้ึนวา “โอศ าสนทูตแหง อัลลอฮฺ งานที่ประเสริฐยง่ิ ในเดอื นนค้ี อื อะไร ?” ทา นตอบวา “การสํารวมใหพน จากขอหา มตา ง ๆ ของอัลลอฮฺ” หลังจากนั้นทา นกร็ องไห” ทานอาลีไดถามขึน้ วา “โอทานศาสนทตู แหงอัลลอฮฺ ทา นรอ งไหท าํ ไม ?” ทานตอบวา “อาลเี อย ฉันรองไหตอ เรอื่ งท่เี กิดขึน้ กับเจาในเดอื นนี้” ทานไดกลาวตอไปอีกวา “อาลีเอย เจาคือทายาทของฉัน เจาคือบิดาแหงลูก ๆ ของฉัน เจา คือตัวแทนของฉันสําหรับประชาชาติน้ี ทั้งที่ฉันมีชีวิตอยูและหลังจากวายชนมไปแลวคําส่ังของเจา คอื คําสั่งของฉนั คาํ หา มของเจาก็คือคําหามของฉัน” (อลั -ฮาดษี ) (296) ฮาดีษบทน้ีพรอมกับ 4 ฮาดีษขางบนตามที่ทานศ็อดดูกไดรายงานมานั้น ทาน ซัยยิดบะหรัยนก็ไดอางไวในบาบท่ี 9 หนังสือ “ฆอยะตุลมะรอม” ซึ่งทุก ๆ ฮาดีษตาง ปรากฏอยูในบาบที่ 13 26. ทานศ็อดดูกไดรายงานไวในหนังสือ “อามาลียฺ” ซ่ึงเปนฮาดีษที่มีสายสืบไปถึงทานอาลี (ความสนั ติสุขพงึ มแี กทาน) วา “ทา นศาสนทตู แหงอลั ลอฮฺ (ศ) ไดกลาววา “อาลีเอย เจาคือพี่นองของฉันและฉันคือพ่ีนองของเจา ฉันคือผูถูกคัดเลือกขึ้นมาเพ่ือเปน ศาสดา สวนเจาเปนผูถูกเลือกสรรขึ้นมาใหเปนผูนํา (อิมาม) ฉันคือผูไดรับพระคัมภีรที่ถูกประทาน ลงมา สวนเจา คือผทู าํ หนาท่สี าธยายคมั ภรี น นั้ และเจาคอื บดิ าแหงประชาชาติน้ี อาลเี อย เจาคอื ทายาท และผูแทนของฉัน เจาคือผูรวมภารกิจและผูสืบมรดกของฉัน อีกทั้งเจาคือบิดาแหงบรรดาบุตรของ ฉนั ” (อัล-ฮาดีษ) 27. ทานศ็อดดูกไดรายงานฮาดีษอีกบทหนึ่งไวในหนังสือ “อามาลียฺ” โดยมีสายสืบไปถึง ทานอิบนุ อับบาสวา “ทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (ศ) ไดกลาวท่ีมัสญิดกุบาอฺ ในวันหนึ่งทามกลาง ชุมชนชาวอนั ศอรวา “อาลีเอย เจาคือพี่นองของฉันและฉันคือพี่นองของเจา เจาคือทายาทและตัวแทนของฉัน เจาคือผนู าํ (อิมาม) ของประชาชาตนิ ีภ้ ายหลังจากฉนั อัลลอฮฺทรงคุมครองผูซึ่งจงรักภักดีตอเจา และ ทรงเปน ศัตรูตอ ผูท ี่เปน ศตั รูของเจา ” (อลั -ฮาดษี )
28. ทานศ็อดดูกไดรายงานฮาดีษไวในหนังสือ “อามาลียฺย” อีกบทหนึ่งซึ่งเปนฮาดีษที่ รายงานมาจากทา นหญิงอมุ มุซะละมะฮวฺ า “ทา นศาสนทูตแหงอลั ลอฮฺ (ศ) ไดก ลาว ในคร้ังหนงึ่ วา “อุมมุซะละมะฮฺเอย จงฟงฉันและจงเปนสักขีพยานแกฉันเถิดวา อาลี บิน อาบีฏอลิบผูน้ีคือ ทายาทและตัวแทนของฉัน ภายหลังจากฉัน เขาคือผูทําหนาที่ชําระพันธะสัญญาตาง ๆ ของฉัน และ เขาคือผูนําในการคืนกลบั สูอัล-เฮาฎ (สระนํา้ ในสวรรค) ของฉนั ” (อลั -ฮาดีษ) 29. ทานศ็อดดูกไดรายงานฮาดีษบทหนึ่งไวในหนังสือ “อามาลียฺ” โดยมีสายสืบไปถึง ทานซลั มาน ฟร ซีย วา “ฉันไดยินทานศาสนทตู แหงอัลลอฮฺ (ศ) กลาววา “โอชุมชนชาวมุฮาญิรีนและชาวอันศอรทั้งหลาย พวกทานจะเอาไหมกับสิ่งที่ฉันเสนอแก พวกทาน ซ่ึงสิ่งน้ันถาหากพวกทานไดยึดม่ันไวแลว พวกทานจะไมหลงผิดอีกตอไปภายหลังจาก ฉนั ?” พวกเขากลา ววา “เราตกลงตามน้นั โอท านศาสนทูตแหงอลั ลอฮฺ” ทานไดกลาววา “อาลี ผูน้ีคือพี่นองและทายาทของฉัน เขาเปนผูรวมภารกิจ เปนผูสืบมรดก และเปน ตวั แทนของฉัน เขาเปนผูนํา (อิมาม) ของพวกทาน ดังนั้น ทานทั้งหลายจงรักเขาเหมือนกับ ที่รักฉัน และจงใหเกียรติเขาเหมือนกับใหเกียรติฉัน เพราะแทจริงทานญิบรออีลไดสั่งใหฉัน ประกาศเชน นแ้ี กพวกทา น” (อลั -ฮาดษี ) 30. ทานศ็อดดูกไดรายงานฮาดีษบทหน่ึงไวในหนังสือ “อามาลียฺ” โดยมีสายสืบไปถึงทาน ซัยด บิน อัรก็อมวา “ทานศาสนทูตแหงอลั ลอฮฺ (ศ) กลาววา “พวกทานจะเอาไหมกบั ส่งิ ท่ีฉันจะเสนอแกพวกทา น ซ่งึ ส่ิงน้นั ถา หากพวกทา นไดย ดึ มนั่ ไว แลว พวกทา นจะไมพินาศและจะไมหลงผิด” ทานกลาววา “แทจริงผูนํา (อิมาม) ของพวกทาน และผูปกครองของพวกทานน้ันคือ อาลี บิน อาบีฏอลิบ ดังน้ันพวกทานท้ังหลายจงมอบอํานาจใหแกเขา พวกทานจงไดเช่ือฟงคําส่ังสอน ของเขาและพวกทานจงซื่อสัตยตอเขา เพราะวาแทจริงทานญิบรออีลไดส่ังใหฉันประกาศเชนนี้” (อัล-ฮาดษี ) 31. ทานศ็อดดูกไดรายงานฮาดีษอีกบทหนึ่งไวในหนังสือ “อามาลียฺ” จากสายสืบที่รายงาน มาจากทานอบิ นุ อบั บาสซึง่ ไดอ างฮาดษี บทหนึง่ ท่ีทา นศาสนทตู แหงอัลลอฮฺ (ศ) กลาววา “อาลีเอย เจาคือผูนํา (อิมาม) แหงประชาชาติของฉันและเจาคือตัวแทนของฉันท่ีมีตอพวก เขาภายหลังจากฉนั ” (อัล-ฮาดษี )
32. ทานศ็อดดูกไดรายงานฮาดีษอีกบทหน่ึงไวในหนังสือ “อามาลียฺ” ซึ่งเปนรายงานของ ทานอบิ นุ อับบาส วา “ทา นศาสนทตู แหงอลั ลอฮฺ (ศ) ไดกลา ววา “แทจริงอัลลอฮฺผูทรงไวซ่ึงความจําเริญและความสูงสุดยิ่ง ไดทรงมีบัญชามายังฉันวา แทจริงพระองคเปนผูทรงแตงต้ังบุคคลหนึ่งจากประชาชาติของฉัน ใหเปนพ่ีนอง เปนผูสืบมรดก เปน ตวั แทนและเปนทายาท” ดงั นัน้ ฉนั จึงไดก ลาววา “โอพ ระผอู ภบิ าลของฉนั บคุ คลผนู ัน้ คือใคร ?” พระองคไดทรงมีบัญชามายังฉันวา “บุคคลผูนั้นคือ ผูนํา (อิมาม) แหงประชาชาติของเจา และเขาเปนขอ พิสูจนของฉนั ทมี่ แี กพวกเขาทัง้ หลายภายหลงั จากเจา ” ฉนั จงึ ไดกลาวอีกวา “โอพ ระผูอภบิ าลของฉนั เขาผนู ัน้ คอื ใคร ?” พระองคทรงตรัสวา “เขาผูนั้นคือผูซ่ึงฉันรักเขา และเขารักฉัน เขาคืออาลี บิน อาบีฏอลิบ” (อลั -ฮาดษี ) 33. ทานศ็อดดูกไดรายงานฮาดีษอีกบทหน่ึงไวในหนังสือ “อามาลียฺ” โดยอางสายสืบจาก รายงานของอมิ ามศอดิกวา “ทา นศาสนทตู แหงอลั ลอฮฺไดก ลา ววา “เมื่อตอนที่ฉันไดอิสรอขึ้นสูฟากฟาน้ัน พระผูอภิบาลของฉันไดสัญญาตอฉันในเร่ืองของ อาลีวา แทจริงเขาคือผูนํา (อิมาม) ของผูมีความยําเกรงท้ังหลาย เขาคือประมุขของบุคคลที่เครงครัด ตอ วนิ ยั ทางศาสนา และเขาคือหัวหนาของบรรดาผูศรทั ธาทง้ั หลาย” (อัล-ฮาดีษ) 34. ทานศ็อดดูกไดรายงานไวในหนังสือ “อามาลียฺ” โดยมีสายสืบฮาดีษไปถึงทานอิ มามรฎิ อฮฺท่ไี ดร บั ฟง มาจากบรรพบรุ ษุ ของทา นวา “ทา นศาสนทูตแหง อลั ลอฮฺ (ศ) ไดก ลา ววา “อาลีนั้นมาจากฉัน และฉันมาจากอาลี ผูที่ตอสูกับอาลีนั้นเทากับตอสูกับอัล-ลอฮฺ อาลีคือ ผนู ํา (อิมาม) ที่เปนตัวแทนของฉันภายหลงั จากฉนั ” (อลั -ฮาดีษ) 35. ทานชัยค ฏออิฟะฮฺ อาบู ญะอฺฟร มูฮัมมัด บิน ฮาซัน อัฏฏสีย ไดรายงานไวในหนังสือ “อามาลียฺ” โดยมีสายสืบไปถึงทานอัมมาร บิน ยาซิร วา “ทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (ศ) ไดกลาวแก ทา นอาลี วา “แทจริงอัลลอฮฺไดทรงประดับประดาเจาดวยอาภรณที่พระองคไมเคยประดับประดาใหแก บาวคนใดมากอน น่ันคือเครื่องประดับซึ่งเปนท่ีรักยิ่งของอัลลอฮฺ ไดแกการท่ีพระองคไดประดับ ประดาเจาใหเปนผูมีความมักนอยตอชีวิตในโลกนี้ โดยที่พระองคไดทรงกําหนดใหเจาไมเปนคนที่ มักมากกับสิ่งหนึ่งส่ิงใด พระองคไดประทานใหเจามีความรักตอคนยากจนพระองคไดทรง
กาํ หนดใหเจามีความช่ืนชมตอบุคคลท้ังหลายที่ปฏิบัติตามเจา และพระองคทรงใหพวกเขาเหลาน้ัน มีความชื่นชมท่ีจะใหเจาเปนผูนํา (อิมาม) ดังนั้นความผาสุกจะไดแกผูที่รักเจาและเชื่อมั่นในเจา อัน ความวิบัตนิ นั้ มีสําหรับบคุ คลทช่ี งิ ชังเจา และกลาวเทจ็ เกี่ยวกับเรื่องของเจา” (อัล-ฮาดษี ) 36. ทานชัยคไดรายงานฮาดีษอีกบทหนึ่งไวในหนังสือ “อามาลียฺ” โดยมีสายสืบไปถึงทาน อาลี ในขณะที่ทานไดกลาวคําปราศรัยบนมิมบัร ณ เมืองกูฟะฮฺดังนี้ “ประชาชนท้ังหลายเอย แนนอนท่ีสุดฉันมีคุณสมบัติ 10 ประการตามที่ทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (ศ) ไดใหไว ส่ิงตาง ๆ เหลานน้ั ฉันชอบเสยี ยิ่งกวา ไดด วงอาทิตยน่ันคือ ส่ิงที่ทา นศาสนทูต (ศ) ไดก ลา วแกฉันวา “อาลีเอย เจาคือพ่ีนองของฉันท้ังในโลกน้ีและปรโลก เจาคือบุคคลที่ใกลชิดกับฉันท่ีสุดใน วันกยี ามัต สถานทอี่ ยขู องเจา ในสวนสวรรคน้ันอยูดานหนาสถานที่อยูของฉัน เจาคือทายาทของฉัน เจาคือผูสืบมรดกภายหลังจากฉัน ทั้งในพันธะกรณีและครอบครัวของฉัน เจาคือผูทําหนาท่ีรักษา ครอบครัวของฉันแทนฉันหลังจากที่ฉันไดวายชนม เจาคือผูนํา (อิมาม) สําหรับประชาชาติน้ี เจาคือ ผูดํารงม่ันอยูกับความยุติธรรมในหนาที่การงานของฉัน เจาคือผูใกลชิดของฉันซ่ึงผูใกลชิดของฉัน นั้นคือผูใกลชิดของอัลลอฮฺ (วะลียฺยุลลอฮฺ) ศัตรูของเจาก็คือศัตรูของฉันและศัตรูของฉันนั้นคือศัตรู ของอลั ลอฮ”ฺ (อัล-ฮาดีษ) 37. ทานศ็อดดูกไดรายงานฮาดีษบทหนึ่งไวในหนังสือ “นุศูศอะลัลอะอิมมะฮฺ” โดยมี สายสบื ไปถงึ ทานฮาซนั บิน อาลวี า “ฉันไดยินทานศาสนทูต (ศ) ไดกลาวแกท า นอาลี วา “เจาคือทายาทผูสืบมรดกทางวิชาการของฉัน เปนคลังแหงวิทยปญญาของฉันและเปนผูนํา (อมิ าม) ภายหลงั จากฉนั ” (อัล-ฮาดษี ) 38. ทานศ็อดดูกไดรายงานฮาดีษอีกบทหนึ่งไวในหนังสือ “นุศูศอะลัลอะอิมมะฮฺ” โดยมี สายสบื ไปถึงทานอิมรอน บิน ศ็อยนวา “ฉันไดยินทา นนบี (ศ) ไดกลาวแกทา นอาลีวา “เจา คือผนู ํา (อิมาม) และตวั แทนภายหลงั จากฉัน (คอลีฟะฮฺ)” 39. ทานศ็อดดูกไดรายงานฮาดีษอีกบทหนึ่งไวในหนังสือ “นุศูศอะลัลอะอิมมะฮฺ” โดยมี สายสืบไปถึงทานฮุเซน บิน อาลีวา เม่ีอตอนที่อัลลอฮฺ ผูทรงสูงสุดไดประทานโองการหน่ึงในพระ มหาคมั ภรี อัล-กรุ อานทว่ี า (33 : 6) “และบรรดาเครอื ญาติน้นั สว นหน่ึงของพวกเขามีสิทธเิ หนอื กวา อกี สวนหนง่ึ ” ฉนั ไดถามทานศาสนทตู แหงอลั ลอฮฺ ถึงคาํ อธิบายของโองการน้ี ทานไดต อบวา
“พวกเจาคือบรรดาเครือญาติดังกลาว ฉะน้ันเมื่อฉันไดถึงแกการวายชนมไปแลวก็เปน หนาท่ีของอาลี บิดาของเจาที่จะตองรับสิทธิการปกครองของฉัน ครั้นเมื่อบิดาของเจาวายชนมไปก็ เปนหนาท่ีของฮาซัน พี่ชายของเจาที่จะตองรับหนาที่อันนั้นสืบตอ คร้ันเม่ีอฮาซันไดวายชนมไป ก็ เปน หนา ทข่ี องเจา ท่ีจะตองรบั หนา ทนี่ ั้นสืบตอ” (อัล-ฮาดษี ) 40. ทานศ็อดดูกไดรายงายฮาดีษอีกบทหน่ึงไวในหนังสือ “นุศูศอะลัล อะอิมมะฮฺ” โดยมี สายสบื ไปถึงทานอาลวี า “ทา นศาสนทตู แหง อลั ลอฮฺ (ศ) ไดกลาววา “อาลีเอย เจาคือทายาทของคนท่ีไดวายชนมไปในหมูอะหฺลุลบัยตฺของฉัน และเจาคือ ตวั แทน (คอลีฟะฮ)ฺ สาํ หรบั ผทู ย่ี ังมชี วี ิตอยูในหมูป ระชาชาติของฉนั ” (อลั -ฮาดีษ) นี่คอื สิ่งสุดทา ยทเี่ ราจะขอเสนอในเนื้อทีก่ ระดาษคราวนี้ ทั้ง ๆ ทเ่ี รอ่ื งราวในทํานองน้ียังมีฮา ดีษอีกเปนจํานวนมากท่ียังเหลืออยูจนสามารถที่จะตีแผออกไปไดอยางกวางขวาง แตถือวาเพียง บางสวนที่ไดนํามาเสนอน้ีก็คงจะเปนที่เพียงพอแลว (มวลการสรรเสริญเปนสิทธิของพระผูอภิบาล แหงสากลโลก) วสั ลาม (ช) อัล-มะรอญอิ ะฮฺ 63 ศอฟร 1330 1. ฮาดีษของฝายชอี ะฮฺน้นั ถอื เปน หลกั ฐานไมไ ด 2. ทําไมฮาดษี ตาง ๆ เหลา นจ้ี ึงไมถ กู นาํ มารายงานโดยนกั ปราชญก ลุมอ่นื บาง ? 3. ขอหลกั ฐานเพ่ิมเติมจากฮาดษี อื่น ๆ นอกเหนือจากน้ี 1. หลักฐานฮาดีษตาง ๆ ดังที่ทานไดกลาวมาแลวนี้มิไดเปนท่ียอมรับของนักปราชญ ฝายอะฮลฺ ิซซนุ นะฮฺ เพราะเหตุวา เร่ืองตาง ๆ เหลา น้ไี มมสี ายสืบที่ยนื ยนั มาในหมพู วกเขา 2. ถาหากวาฮาดีษตาง ๆ ตามท่ีทานไดเสนอมาแลวนี้เปนส่ิงถูกตองอยางแทจริงแลว ทําไม นกั ปราชญฝา ยอะฮลฺ ิซซุนนะฮจฺ ึงมิไดน ํามันมารายงานมันไวดวย ?
3. ดังนั้นขอใหทานไดเสนอหลักฐานตาง ๆ เกี่ยวกับเรื่องน้ีจากฮาดีษของฝายอะฮฺลิซซุน นะฮฺใหแ กข าพเจา ดว ย วัสลาม (ซ) อัล-มุรอญิอะฮฺ 64 4 ศอฟร 1330 1. ความจริงแลวเราไดเสนอหลกั ฐานตาง ๆ เหลานี้เพื่อเปนการสนองตอบตอคําขอรองของ ทา น 2. หลักฐานตาง ๆ ท่ีเราไดเสนอไปแลวนี้ลวนเปนท่ียอมรับของกลุมนักปราชญสวนใหญ แลววา มคี วามถูกตอ งทุกประการ 3. สาเหตุสําคัญในดานของการท่ีนักปราชญฝายอะฮฺลิซซุนนะฮฺมิไดรายงานฮาดีษตาง ๆ ท่ี มีสายสืบอยางถกู ตองจากฝายเรา 4. ขอ เสนอเพอ่ื ไปสหู ลกั ฐานทว่ี าดว ยเรอื่ งของการแตงตง้ั ผสู บื มรดก 1. ความจรงิ แลวเราไดทําการเสนอหลักฐานฮาดษี ตาง ๆ เหลานีข้ น้ึ มาเพื่อเปน ขอ มลู สําหรับ วชิ าการ และอีกประการหนึง่ นนั้ ก็คอื ทา นไดขอรองมายังขาพเจา ใหเสนอส่งิ ดงั กลาว 2. เราถือวาเก่ียวกับขอมูลตาง ๆ ท่ีเราไดเสนอไปแลว ซ่ึงอางอิงมาจากตําราของนักปราชญ ฝายอะฮฺลิซซนุ นะฮฺน้นั คงจะเปนหลกั ฐานท่ีนา เชอ่ื ถือแกท า นไดแลว 3. สาํ หรับเร่ืองของการทน่ี ักปราชญฝายอะฮฺลซิ ซนุ นะฮฺ มิไดรายงานฮาดีษตาง ๆ ดังกลาวน้ี เอง จึงทําใหเกิดเปนรอยราวจนพวกเราท้ังหลายรูสึกเหมือนกันโดยทั่วไปวา เร่ืองราวของวงศวาน ลกู หลานของศาสดามฮู ัมมัด (ศ) น้นั เปน อุปสรรค ท้งั น้เี น่อื งจากพลพรรคของกลุม ผแู สวงอาํ นาจใน อดีตตางไดซอนเรนเรื่องราวบางประการตอพวกเขา ตลอดท้ังบริวารของผูถืออํานาจเผด็จการตางก็ ไดรวมกันกระทําในส่ิงที่ซอนเรนเกียรติยศของอะหฺลุลบัยตฺ อีกท้ังยังไดดับรัศมีของพวกเขา ทงั้ หลายไปในทุก ๆ กรณีและทกุ ๆ วถิ ีทาง
กลุมอะหฺลุลบัยตฺทุกสมัยตางไดรับการลบหลูท่ีมาจากอํานาจและความบังอาจที่ไมเปน ธรรม ซ่ึงพวกเขาเหลาน้ันไดพยายามที่จะใหประชาชน ท่ัวไปยอมรับในเกียรติยศและสิทธิพิเศษ ของพวกเขาอยางเต็มที่เทาท่ีมีความสามารถและเทาที่โอกาสจะอํานวย พวกเขาไดทําการดึงดูด ประชาชนเพอ่ื วิถที างอนั นี้คร้ังแลวคร้ังเลา ดวยเงินตราและทรัพยสินเงินทองของพวกเขา บางคร้ังก็ โดยวธิ กี ารใหลาภยศสรรเสริญบา ง และบางคร้งั กจ็ ะใชวิธีการทีม่ าจากปลายแสและคมดาบของพวก เขา พวกเขาใหการยอมรับนับถือตอผูที่ปฏิเสธกับอะหฺลุลบัยตฺและพวกเขาจะทําการลิดรอน สทิ ธิแกผทู ี่จงรกั ภกั ดีตออะหฺลลุ บัยตฺ ดวยวิธีการตา ง ๆ แมก ระทั่งการเขน ฆ ทานเองก็ทราบดีอยูแลววาสําหรับเร่ืองราวหรือความเปนมาของกลุมอิมามัตนั้น พวกที่ไม เปนธรรมในยุคสมัยของคอลีฟะฮฺตาง ๆ มีความหวาดกลัววา เร่ืองของอิมามัตนี้จะมาทําลายราช บัลลังกของพวกเขา และกลัวไปวาแนวทางของอิมามมัตนี้จะบั่นทอนฐานอํานาจการปกครองของ พวกเขา ซ่ึงพวกเขาไดเ สวยสุขกนั อยูกับกลมุ บรวิ ารล่ิวลอท่ปี ระจบสอพลอทั้งหลาย ดวยเหตนุ ้ีเองรายละเอยี ดทางดานสายสบื และกระแสรายงานฮาดษี จงึ สืบทอดมาถึงพวกเรา ในลักษณะท่ีแตกตางกัน สิ่งน้ีคือสัญญาณอันหนึ่งจากบรรดาสัญญาณทั้งหลายที่ยืนยันในสิ่งท่ีเปน สัจจะ เปนอนุภาพหนึ่งของมวลอนุภาพท่ียืนยันถึงสัจธรรมวา กลุมอะหฺลุลบัยตฺน้ันเปนฝายที่ยืน หยดั อยูโ ดยหลกั สัจธรรมและเปน ฝายที่ดาํ เนนิ บทบาทไปตามสิทธิของพวกตนตามที่อัลลอฮฺไดทรง มอบหมายใหพวกเขาดําเนินในกิจการตาง ๆ ผูท่ีชิงชังกล่ันแกลงพลิกแพลงตอความรักของพวกเขา ก็จะประสบกับการลงโทษอยางรุนแรง บุคคลเหลาน้ีไดมีโอกาสเฉิดฉายอยูตามสถาบันตาง ๆ ซ่ึง บคุ คลเหลา นไ้ี ดท ําการเบยี ดเบียนและกดขอ่ี ีกทงั้ ยังไดกีดกันสิทธิตาง ๆ ของอะหฺลุลบัยตฺ แมกระท่ัง เหยียดหยามตอหนาท่ีทางดานของการปกครอง กลุมบุคคลเหลาน้ันไดพยายามดําเนินการในทุก ๆ ดาน เชน บางคร้ังเม่ือเขาไดกลาวถึงทานอาลี เขาก็จะกลาวดวยถอยคําท่ีดีงามปราศจากโมหะคติ ในขณะท่ีพฤติกรรมของพวกเขามีความอาฆาตพยาบาทโดยท่ีพวกเขาไดทําการริบทรัพยสินและทํา การโจมตีเกยี รติคณุ ของทา นอาลี หลายตอหลายคร้ังท่ีพวกเขาเหลานั้นไดเหยียดหยามศักดิ์ศรีของทานอาลี แลวพูดวาเขาได ใหเกียรติตอทานอาลี พวกเขาไดทําการละลาบละลวงในสิทธิตาง ๆ ของทานอาลีแลวประกาศวา พวกเขาให เกยี รติ
พวกเขาไดทําการเบียดเบียนตัดกําลังในดานตาง ๆ ของทานอาลี แลวกลาววา พวกเขาได กระทาํ เพือ่ การยกยอง หลายครั้งหลายคราวที่พวกเขาเหลาน้ันไดทําลายลางบุคคลในครอบครัวของทานอาลี พวก เขาไดประกอบทารุณกรรมขมขูปรักปรําโจมตีอีกทั้งกล่ันแกลงใหบุคคลในครอบครัวของทานอาลี ตกอยูในสภาพท่ีคับขัน มีจํานวนไมนอยที่เร่ืองราวตาง ๆ ไดถูกอุปโลกนข้ึนมาเปนฮาดีษ และเก็บ รักษากันมาอยางเปนเรื่องเปนราวโดยกลุมบุคคลท่ีจงรักภักดีกับจอมทรราชผูโอหัง แทนการ จงรกั ภกั ดีในอัลลอฮฺ ผทู รงเดชานุภาพสงู สุด บุคคลเหลาน้ีตางประจบประแจงเจานายของพวกเขาดวยประการตาง ๆ เชน การแตงตํารา การบิดเบือนประวัติศาสตร การระบุวาสิ่งใดถูกตอง (ศอฮี้ฮฺ) และการระบุวาส่ิงใดไมถูกตอง หรือมี หลักฐานออนแอ (ฎออีฟ) เชนเดียวกับที่เราไดพบเห็นลักษณะของนักปราชญประเภทประจบ สอพลอในสมยั น้ี ซงึ่ มีทัง้ ประเภทนักปราชญร ะดบั สูง และประเภทผูพิพากษาที่ชั่วชา ซึ่งพวกเขาได ดําเนนิ การบดิ เบือนตอ กฎเกณฑท ีช่ อบธรรม ท้ังนี้เน่ืองมาจากอิทธิพลของผูปกครองของพวกเขาวายืนอยูบนความเปนธรรมหรือยืนอยู บนหลักอธรรม กฎเกณฑของพวกเขาจะถูกตองหรือไมนั้นก็ขึ้นอยูกับอิทธิพลของฝายปกครองวา ยืนอยูบนหลักการท่ีถูกตองหรือผิดพลาด เพราะวาผูพิพากษาทําหนาท่ีวินิจฉันประเภทนั้นจะใช ดําเนินการตัดสินปญหาหน่ึงปญหาใด เวนแตจะตองใหสอดคลองกันกับเจตนารมณของผูปกครอง แมวาส่ิงนั้น ๆ จะขัดแยงกันกับพื้นฐานของอัล-กุรอาน และแบบฉบับ (ซุนนะฮฺ) ของทานศาสนทูต แหง อัลลอฮกฺ ็ตาม กลุมบุคคลเหลาน้ีไดทําการทําลายเอกภาพของสังคมแหงประชาชาติอิสลาม เพราะความ ปรารถนาทต่ี ัง้ อยูบนผลประโยชนซงึ่ พวกเขากลัววา จะพลาดออกไปจากเขา ลักษณะทเี่ อ้ือเฟอ ตอ กนั ระหวางฝายปกครองกับฝายท่ีมีความรูเหลานี้ตางก็มีจุดยืนเพ่ือดํารงไวซ่ึงอํานาจรัฐของพวกเขา อีก ทั้งดําเนินการเพ่ือใหไดมาซึ่งผลประโยชนอันยิ่งใหญในอํานาจการปกครอง แมวาพวกเขาจะตอง ดําเนินการตา ง ๆ ไปในลกั ษณะที่ตอสูก ับหลักการของอัลลอฮฺและศาสนทตู ของพระองคก ็ตาม ดวยเหตุน้ีเองกลุมบุคคลดังกลาวจึงไดรับฐานันดรท่ีสูงสงจากการแตงตั้งใหของผูปกครอง พวกเขาเหลาน้ียังมีโอกาสไดรับการชวยเหลือในดานตาง ๆ เน่ืองดวยพวกเขามีผลงานท่ีเปนสาเหตุ ของการดํารงอยูซึ่งอํานาจรัฐดังกลาว พวกเขาเหลาน้ีจะกระทําการตาง ๆ ที่มีอคติลําเอียงตอบรรดา ฮาดีษที่แทจริง ซ่ึงไดกลาวถึงเกียรติยศของทานอาลี และของบุคคลตาง ๆ ท่ีเปนอะหฺลุลบัยตฺของ
ทานนบี นอกเหนือจากน้ีพวกเขายังไดดําเนินการตอบโตอยางรุนแรงอีกดวย บางคร้ังพวกเขายังได กระทําการลบหลูเกียรติยศของบุคคลดังกลาวใหตกต่ําลง พวกเขายังไดกุเร่ืองราวกันข้ึนเพื่อ ปรกั ปราํ โดยประณามใหบคุ คลตา ง ๆ แหงอะหฺลลุ บัยตฺ ตองประสบกบั ความมวั หมอง นี่คือวิธีการดําเนินงานของพวกเขาในดานของการรายงานฮาดีษทเ่ี กยี่ วของในเรื่องของทา น อาลี ตลอดจนถงึ เรอ่ื งราวของพรรคพวก (ชอี ะฮฺ) ตอมากลุมบุคคลผูประจบสอพลอเหลาน้ี ไดมีอิทธิพลจนถึงกับวามีผูใหความเชื่อถือในคํา แอบอางของพวกเขาไปในแควน ตา ง ๆ ซึ่งประชาชนในแตล ะแควนนน้ั มคี วามปรารถนาวา วิชาการ ของพวกเขาเหลา น้นั เปน ท่ีมาแหง ความรทู างดานศาสนาทจี่ ะตอ งเช่ือฟงและเขาใจวาบุคคลเหลานั้น เปน ผมู คี ุณสมบัตทิ ี่ดเี ดน และมั่นคงในการอิบาดะฮฺ อีกทง้ั ยงั เขา ใจวา พวกเขาเหลา นนั้ เปน นกั ปราชญ ทม่ี ีคณุ วุฒสิ งู ทางดา นวชิ าการ ฉะน้นั เม่ือชาวเมืองตาง ๆ ไดยินไดฟงคําสอนของพวกเขาเหลานี้แลว ก็ถอื วา เร่ืองราวเหลาน้ีอยใู นรายงานท่ีถูกตอ ง ทาํ ใหเกิดมกี ารยอมรบั คําสอนของบุคคลเหลา น้เี ขา มา เปนหลักฐาน สังคมทั่วไปท่ีมีความกระหายตอวิชาความรูทางศาสนาก็มักจะไดรับความรูมาจาก ทัศนะดังกลาว และจึงไดเกิดมีความเชื่อถือมีความเช่ือมั่นกันกับคําสอนเหลานั้นไปในทุก ๆ มุม เมือง จนถึงขนาดวาคําสอนเหลาน้ันไดถูกกําหนดขึ้นมาใหเปนมาตรฐานท่ีสําคัญของผูนับถือ ศาสนาตามเมอื งตาง ๆ ในขณะเดียวกันนั้นก็ยังมีกลุมชนอีกพวกหน่ึงท่ียังยึดมั่นในวิชาการของอัล-ฮาดีษในสมัย น้ัน ซึ่งพวกเขาไดถูกบีบค้ัน ถูกขมขูใหละทิ้งบรรดาฮาดีษที่เปนเร่ืองราวระบุถึงเกียรติยศของทาน อาลี และ อะหฺลุลบัยตฺ บุคคลเหลานี้ลวนเปนคนขัดสน เมื่อพวกเขาถูกถามจากประชาชนเกี่ยวกับ เรื่องราวท่ีเปนคําสอนของผูรูประเภทประจบสอพลอ ท่ีไดรายงานฮาดีษตาง ๆ แลวอางวาเปน หลักฐานที่ศอฮี้ฮฺและถูกถามถึงเร่ืองราวท่ีเปนเกียรติยศของทานอาลีและอะหฺลุลบัยตฺแลว พวกเขา เหลาน้ีก็จะพากันหวาดกลัว พากันสยบโดยมิไดแถลงส่ิงใด ๆ ของพวกเขาออกมา ทั้งนี้ก็เพ่ือท่ีจะมิ ใหเกดิ ความเสยี หายจากนาํ้ มอื ของผูท่ที าํ เปนหูหนวก ปากใบและตาบอด พวกเขายังถูกบีบคั้นใหทํา การตอบขอซักถามตาง ๆ ที่สอดคลองตองกันกับคําสอนของผูประจบสอพลอ พวกเขาจึงอยู ทามกลางภัยท่ีนากลัวจากแผนการตาง ๆ ของบรรดาผูซึ่งประจบสอพลอเหลานั้น จะเห็นไดวา บรรดาประชาชนผูท ี่เครงครดั ในศาสนาตา งไดเ ปนทุกขต อ แผนการหนง่ึ ของพวกเขา น่ันคือเมื่อเจาผูครองนครไดใชอํานาจออกคําสั่งใหประชาชนทําการสาปแชงทานอามีรุลมุ มีนีน แตกลุมผูปกครองก็ไดทําการบีบคั้นพวกเขามิใหมีการเคล่ือนไหวตอบโตในเร่ืองน้ีโดยไดทํา
การใชเ งินทองเขามาลวงลอพวกเขา บางคร้ังกใ็ ชก าํ ลังทหาร บางคร้ังกไ็ ดใ ชว ิธกี ารลงโทษผทู ี่ขดั ขืน ดวยประการตา ง ๆ ทั้งในดานการทําลายชื่อเสยี งเกยี รติยศแมก ระทง่ั ชวี ติ ผูปกครองในยุคน้ันไดทําการสรางภาพพจนของเร่ืองราวตาง ๆ ใหปรากฏข้ึนในสํานักตาง ๆ ของพวกเขาดวยภาพลวงทเ่ี รยี บงายและไดท ําการโฆษณาชวนเช่ือตาง ๆ ใหแ กประชาชน พวกเขา ยังไดทําการแชงดาทานอาลีบนมิมบัรหลายแหงของพี่นองมุสลิม ทั้งในวาระวันอีดท้ังสองและใน วันศุกร แตถึงกระน้ันดวงประทปี ของอัลลอฮฺกไ็ มม ีวันถกู ดบั แสงเกียรติยศแหงบรรดาผูใกลชิดของ พระองค (เอาลิยาอฺ) จะไมมีวันถูกลบเลือน ดวยเหตุนี้หลักฐานฮาดีษตาง ๆ จากแนวทางของกลุม บุคคลทงั้ สองคา ย ซ่งึ ตา งยนื ยันในความถูกตองท่ีชัดเจนย่ิงของตําแหนงคอลีฟะฮฺแหงทานอาลีจึงได ตกทอดเปนเร่ืองราวมาถึงพวกเรา แมบางเรื่องท่ีกลาวถึงในเกียรติยศของทานอาลีน้ันก็มิได สอดคลอ งตรงกันเสมอไป ขาพเจาขอสาบานดวยพระนามของอัลลอฮฺ วาขาพเจามีความซาบซ้ึงในเกียรติยศที่ดีเดน เปนพิเศษของบุคคลผูเปนบาวแหงพระองค และเปนพ่ีนองของศาสนทูตแหงพระองคน่ันคืออาลี บิน อาบีฏอลิบ ดวงประทีปของพระองคดวงนี้จะไมมีวันถูกทําลายลงจากอํานาจของความมืดได คล่ืนแหงความเจิดจาจะตองเปนท่ีกังวานสืบไป เพ่ือดวงประทีปนี้จะไดบรรเจิดจาแกชาวโลก เสมอื นด่งั มีดวงอาทิตยในยามกลางวนั 4. คําตอบทุกส่ิงทุกอยางท่ีทานไดผานสายตาไปแลวน้ียอมเปนหลักฐานท่ีเด็ดขาด ซ่ึงมา จากฮาดีษที่ระบุถึงเร่ืองของการแตงต้ังผูสืบมรดก โดยท่ีเร่ืองน้ีเปนขอพิสูจนหนึ่งที่สามารถให ความรจู นเปนทีเ่ พียงพอแกท าน วสั ลาม (ช)
อลั -มุรอญอิ ะฮฺ 65 5 ศอฟร 1330 • ขอพิสูจนห ลกั ฐานฮาดีษ วาดวยการแตง ต้ังทายาท ขอทา นไดโปรดขยายความใหเ ราไดท ราบถึงฮาดษี ที่วาดวยเร่ืองของการแตงต้ังทายาทผูสืบ มรดก จากรายงานของนักปราชญฝายอะฮลฺ ิซซุนนะฮฺ วัสลาม (ซ) อัล-มะรอญิอะฮฺ 66 5 ศอฟร 1330 • อาลีคือทายาทผูสืบมรดกของทานนบี (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญแดทานและแดบรรดา ลกู หลานของทาน) ไมมีขอ สงสัยใด ๆ สําหรับในประเด็นที่วาทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (อัลลอฮฺทรงประทาน ความจําเริญและความสันติสุขแดทานและแดบรรดาลูกหลานของทาน) ไดแตงตั้งใหทานอาลีเปน ทายาทผสู ืบมรดกทางวชิ ากรและวิทยปญ ญา เชนเดยี วกบั ทบี่ รรดานบที ัง้ หลายไดแ ตงตั้งทายาทผสู ืบ มรดกของพวกเขา จะเห็นไดว าทานศาสนทูต (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความสันติสุขแดทานและ แดบ รรดาลูกหลานของทาน) ไดกลาววา “ฉันคือนครแหงความรู สวนอาลีคือประตูของมัน” ดังน้ัน ผใู ดทปี่ ระสงคต อวชิ าความรู เขากจ็ งเขามาทางประต”ู (297) ทานศาสนทูต (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความสันติสุขแดทานและแดบรรดา ลกู หลานของทาน) ไดก ลาวอีกวา “ฉันคือเคหะแหง วิทยปญญา สวนอาลคี ือประตขู องมัน”
(297) ฮาดีษน้ีและอีกสองฮาดีษถัดจากน้ีเราไดเสนอไปแลวใน อัล-มุรอญิอะฮฺท่ี 48 และ ทานอาจจะพบไดอีกในอัล-มุรอญิอะฮฺบทน้ัน ซึ่งฮาดีษท่ี 9,10,11 แลวขอไดโปรดพิจารณา หมายเหตขุ องแตล ะฮาดีษนัน้ ดว ย ทานยังไดกลาวอีกวา “อาลีคือประตูแหงวิชาความรูของฉัน และเปนผูทําหนาที่อธิบาย เรือ่ งราวตาง ๆ อยา งแจม แจงภายหลงั จากฉนั สาํ หรับในสิ่งทฉ่ี ันไดฝ ากไวแ กป ระชาชาตขิ องฉนั ” “ความรกั ท่ีมีตอเขาเปน ความศรทั ธา ความโกรธที่มีตอเขาเปน การละเมิด” (อัล-ฮาดีษ) ทานศาสนทูต (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความสันติสุขแดทานและแดบรรดา ลกู หลานของทา น) ไดก ลา วไวใ นฮาดีษทร่ี ายงานโดยซัยด บิน อาบู เอาฟาอ(ฺ 298) วา “เจาคือพนี่ องของ ฉนั และทายาทผูสืบมรดกของฉัน” ทา นอาลีไดก ลาววา “ฉนั จะทาํ หนา ทส่ี บื มรดกอนั ใดของทาน ?” ทานศาสนทูต (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความสันติสุขแดทานและแดบรรดา ลูกหลานของทาน) ไดกลาววา “ใหเจาสืบมรดกเหมือนอยางที่บรรดาทายาทของนบีทั้งหลายท่ีมี กอ นหนาฉนั ไดสืบมรดก” ทานศาสนทูต (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความสันติสุขแดทานและแดบรรดา ลูกหลานของทาน) ไดเนนถึงเร่ืองนี้ในฮาดีษท่ีรายงานโดยทานบุรัยดะฮ(ฺ 299) วา “ทายาทผูสืบมรดก ของทานคือ อาลี บนิ อาบีฏอลิบ” และอีกประการหนง่ึ ทถ่ี ือไดว าเปนหลกั ฐานที่เพียงพอสําหรับทาน นั่นคือฮาดีษท่ีเกิดข้ึน ณ บานของทานศาสดาในวันแหงการประกาศศาสนา (อินซาร) ซึ่งในตอนนั้นทานอาลีไดยืนยันตอ หนาทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความสันติสุขแดทานและแด บรรดาลูกหลานของทาน) วา “ขอสาบานดวยพระนามของอัลลอฮฺ แทจริงฉันคือ พี่นองของทาน เปนผใู กลช ิดและเปน บุตรแหงลุงของทาน ฉันเปนทายาทผูสืบมรดกทางวิชาการของทาน ฉะน้ันจะ มีใครที่มสี ิทธิในตวั ทานย่งิ ไปกวา ฉันอกี ?”(300) (298) เราไดเ สนอฮาดษี บทนีไ้ ปแลว ใน อลั -มรุ อญอิ ะฮฺ ที่ 32 (299) โปรดพิจารณาดูฮาดีษบทนไี้ ดใ น อัล-มุรอญิอะฮทฺ ่ี 68 (300) นี่คือ คํากลาวท่ียืนยันอยางชัดเจนของทานอาลีเอง ซึ่งทานฮากิมไดรายงานบันทึกไว ในหนา 126 ของเลมที่ 3 หนังสือ “มุสตัดร็อก” ดวยสายสืบที่ศอฮี้ฮฺตามเง่ือนไขของทานบุ คอรีและทา นมุสลมิ ซง่ึ ฮาดีษบทนีท้ านซะฮะบียไ ดบันทึกไวในหนงั สือ “ดัลคศี ” ดว ย
เคยมีผูถามทานอาลีในคร้ังหนึ่งวา “ทานเปนทายาทผูสืบมรดกของบุตรแหงลุงของทานได อยางไร ในเม่ือยังมีลุงของทานอยูอีก ?” ทานอาลีไดตอบวา “ครั้งหน่ึงทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความสันติสุขแดทานและแดบรรดาลูกหลานของทาน) ได เรียกประชุมบรรดาลูกหลานของอับดุลมุฏฏอลิบอยางพรอมเพรียงกัน พวกเขาเหลาน้ันไดรวมกัน รับประทานอาหารท่ีทานศาสนทูตไดทําข้ึนมาเพื่อเลี้ยงพวกเขาดวยอาหารท่ีมีจํานวนนอย แตเม่ือ พวกเขาไดรับประทานกันจนอ่ิมหนําแลว อาหารเหลาน้ันก็ยังมีเหลือเสมือนหนึ่งวา ยังไมมีใครได แตะตองเลย ตอ มาทานศาสนทูต (อลั ลอฮฺทรงประทานความจาํ เรญิ และความสนั ตสิ ขุ แดท า นและแด บรรดาลูกหลานของทาน) ไดกลาววา “โอบุตรของอับดุลมุฏฏอลิบเอย แนนอนย่ิงฉันถูกสงมายัง พวกทานโดยเฉพาะและถูกสงมายังบรรดาประชาชนโดยท่ัวไปดวย ดังน้ันจะมีผูใดบางในหมูพวก ทานทจ่ี ะใหส ตั ยปฏิญาณตอฉันเพ่ือเปนพี่นองของฉัน เปนสหายของฉัน และเปนทายาทผูสืบมรดก ของฉัน ?” “แตแลวก็ไมมีใครแมแตคนเดียวที่ประกาศตัวยืนยันใหแกทาน ดังนั้น ฉันจึงไดลุกขึ้น ประกาศตวั ใหแ กท าน ทั้ง ๆ ทฉ่ี ันเปน คนทอี่ อ นวยั ท่สี ุดในกลมุ นน้ั ทานจึงไดกลาวแกฉันวา “เธอจง นั่งลง” หลังจากน้ันทานก็ไดกลาวถอยคําประโยคน้ันถึงสามครั้ง ซึ่งในทุก ๆ คร้ังฉันก็ไดยืน ประกาศตวั ใหแกท า น แลวทานก็ไดก ลา วแกฉันวา “เธอจงน่ังลง” จนกระทั่งในครั้งท่ีสามทานจึงได เอามือของทานมาจับท่ีมือของฉัน โดยเหตุนี้เอง ฉันจึงเปนทายาทผูสืบมรดกของบุตรแหงลุงของ ฉนั ทง้ั ๆ ทีย่ งั มีลุงของฉันอยูอ ีก(301) (301) นี่คือฮาดีษที่แนนอนทางดานสายสืบบทหน่ึง ซ่ึงรายงานโดย ฎียาอฺ มุก็อดดะซียใน หนังสือ “มุคฺตาเราะฮฺ” และทานอิบนุ ญะรีรไดบันทึกไวในหนังสือ “ตะอฺซีบุล อาซาร” เปนฮาดีษที่ 6155 หนา 408 เลมท่ี 6 หนังสือ “กันซุล อุมาน” ทานนะสาอียไดบันทึกไวใน หนา ค หนงั สอื “เคาะศออิศ อุลุวียะฮฺ” ทานอิบนุ อะบูฮะดีดไดอางมาจากหนังสือ “ตารีค ฏ็ อบรีย” มาบันทึกไวในตอนทายของ การอรรถาธิบาย คุฏบะฮฺของทานอิมามอาลี หนา 255 เลมท่ี 3 หนังสือ “นะุลบะลาเฆาะฮฺ” โปรดพิจารณาดูในหนา 159 เลมท่ี 1 หนังสือ “มุ สนัด” ของอิมามอะหฺมัด บนิ ฮันบลั ทานจะไดพ บฮาดษี บทนพี้ รอมความหมายโดยละเอียด มีคนถามทานกุษัม บิน อับบาสตามท่ีมีปรากฏอยูในรายงานของทานฮากิมในหนังสือ “มุส ตัดร็อก”(302) และทานซะฮะบียก็ไดบันทึกไวโดยยืนยันถึงสายสืบท่ีศอฮี้ฮฺของเร่ืองน้ีไวในหนังสือ “ตัลคีศ” ดวยวา มีคนถามทานกุษัมวา “ทําไมอาลึจึงไดเปนทายาทผูสืบมรดกของทานศาสนทูต
แหงอัลลอฮฺ ทั้ง ๆ ที่ยังมีพวกทานอยู ?” ทานตอบวา “เนื่องจากอาลีเปนบุคคลแรกในหมูพวกเราท่ี ปฏิบัติตามและยึดม่ันอยางเหนียวแนนตอทานรอซูลุลลอฮฺ” เพราะฉะน้ันจะเห็นไดวาประชาชน ทั้งหลายตางก็รูกันดีอยูแลววา ผูเปนทายาทที่สืบมรดกของทานรอซูลุลลอฮฺ (อัลลอฮฺทรงประทาน ความจําเริญและความสันติสุขแดทานและแดบรรดาลูกหลานของทาน) น้ัน มีเพียงแตทานอาลี น่ันเอง มิใชลุงของทานท่ีชื่ออับบาส และมิใชคนอื่นใดจากตระกูลของบะนีฮาชิม โดยที่บุคคล เหลาน้ันตางก็ไดเปดเผยเรื่องราวเชนนี้ออกมาใหปรากฏจนเปนที่รูของบรรดามุสลิมทั้งหลาย ดังที่ ทา นไดท ราบไปแลว สําหรับผูท่ียังไมรูเรื่องราวในขอบขายของการสืบมรดกของทานอาลีผูเปนบุตรแหงลุงของ ทานนบี โดยตําแหนงน้ีมิใชเปนของทานอับบาส ผูเปนลุงคนหน่ึงของทานนบีเอง และมิใชเปน ตําแหนงของบุคคลใดในบรรดาบุตรแหงลุงของทาน หรือในบรรดาเครือญาติคนใดของทานศาสน ทูต (ศ) น้ัน คําตอบของเรื่องนี้ก็ไดแก การตอบคําถามของทานอาลีในครั้งหนึ่งและตอบคําถามของ ทานกุษัมอีกครั้งหน่ึง ดังท่ีทานไดทราบไปแลว และนั่นคือคําตอบท่ีเดนชัดซ่ึงควรท่ีจะเปนที่ ยอมรับของบรรดาผูสอบถามไดอยูแลว แตถาหากยังมิไดเปนเชนน้ัน ก็ขอไดพิจารณาคําตอบอีก ดานหนึ่ง นั่นก็คือ การที่อัลลอฮฺ ผูทรงเดชานุภาพสูงสุด ไดทรงคัดเลือกศาสดามุฮัมมัดขึ้นมาจาก ชาวโลกทงั้ หมดเพื่อใหเปน นบหี ลังจากนนั้ พระองคไ ดท รงมขี อทดสอบข้นั ที่สองดวยการเลือกทาน อาลี ดงั ท่พี ระองคไดมบี ัญชามายังทา นนบีของพระองค (ศ) วา (302) หนา 125 เลมท่ี 3 รายงานโดยทานอิบนุ อาบู ชะบีบะฮฺ อีกทานหน่ึงดวยเปนฮาดีษท่ี 6084 หนา 400 เลมที่ 6 หนังสือ “กนั ซุล อุมาล” “ใหเลอื กเอาบคุ คลน้นั เปนทายาทและเปนผูส บื มรดก” ทานฮากิมไดรายงานไวในหนา 125 ุซอฺท่ี 3 หนังสือ “มุสตัดร็อก” วา “ทานกอฏี อาบูฮา ซัน มุฮัมมัด บิน ศอลิห ฮาชิมีย ไดกลาววา “ขาพเจาไดยินทานอาบู อุมัร อัลกอฏียกลาววา “ฉันได ยินทานอิสมาอีล บิน อิสหาก กอฏีย ไดเลาคํากลาวเร่ืองน้ีของทานกุษัมวา “ผูเปนทายาทท่ีจะสืบ มรดกนนั้ ไดรบั การแตงตั้งโดยการสืบเชือ้ สายหรือดวยการมอบหมายกไ็ ด” และไมเปน การขดั แยงกนั แตอยางใดในหมูนักวิชาการท่ีวา “ผูเปนหลานจะตองมิใชเปนผูท่ี มอบมรดกของตนใหแกผ เู ปน ลุงของตนเสมอไป”
ดังท่ีมีปรากฏชัดเจนอยูในเรื่องน้ีอยางเปนเอกฉันทวา “ทานอาลีคือทายาทผูสืบมรดกทาง วิชาการของทานนบี โดยท่ีตําแหนงน้ีมิไดเปนของบุคคลอ่ืน” เปนอันวาเร่ืองราวดังกลาวนี้คือ รายงานท่ีมีสายสืบสอดคลองตองกันเปนเอกฉันททั้งของนักปราชญฝายอะฮิลิซซุนนะฮฺเอง และท้ัง ของนักปราชญฝายผูยึดม่ันในเช้ือสายของผูบริสุทธ์ิ รายละเอียดตาง ๆ เกี่ยวกับขอมูลท่ีวาดวย เร่ือง ของทายาทคงจะเปน ทเ่ี พียงพอสําหรบั เราไดแคน ้ี วัสลาม (ช) อลั -มุรอญิอะฮฺ 67 6 ศอฟร 1330 • ขอคาํ อธิบายเกี่ยวกับเรอ่ื งหลกั ฐานการแตงตง้ั ทายาท กลุมนักปราชญฝายอะฮฺลิซซุนนะฮฺยังไมรูถึงหลักฐานการแตงตั้งทายาท (วะศียะฮฺ) ที่ทาน ศาสดาไดแ ตงตั้งทานอาลีไวสําหรับตําแหนงน้ี ตลอดทั้งกลุมนักปราชญฝายอะฮฺลิซซุนนะฮฺยังมิเคย ไดมีโอกาสรับรูส่ิงหนึ่งสิ่งใดเกี่ยวกับเรื่องน้ีเลย ดังน้ันขอทานไดโปรดนําหลักฐานตาง ๆ เหลาน้ัน มาเสนอตอ ไปดวย จะเปนพระคณุ อยางย่งิ . วสั ลาม (ซ) อลั -มรุ อญิอะฮฺ 68 9 ศอฟร 1330 • หลกั ฐานตาง ๆ เกย่ี วกบั ฮาดษี ท่วี าดว ยการแตง ต้งั ทายาท หลักฐานตาง ๆ ของฮาดีษที่วาดวยการแตงต้ังทายาทนั้น มีสายสืบที่สอดคลองตรงกันจาก ทางดานของบรรดาอิมามผูสืบเชื้อสายที่บริสุทธิ์ กระแสรายงานตาง ๆ ท่ีนอกเหนือไปจากกลุม
บุคคลเหลานี้คงจะเปนท่ีเพียงพอแกทานได ตามท่ีทานไดผานมาแลวในอัล-มุรอญิอะฮฺที่ 20 นั่นคือ จากคาํ กลาวของทานนบี (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความสันติสุขแดทานและแดบรรดา ลูกหลานของทาน) ที่ทานไดกลาวในขณะที่ไดจับตนคอของทานอาลีวา “นี่คือพ่ีนองและทายาท นี่ คือตัวแทน (คอลฟี ะฮฺ) ของฉนั ในหมพู วกทา น ดังน้ันจงเช่ือฟงปฏบิ ตั ิตามเขา” ทานมุฮัมมัด บิน ฮามีด อัรรอซีย ไดรับรายงานมาจากทานสะละมะฮฺ อัล-อับร็อช ซ่ึงไดรับ รายงานมาจากทานอิบนุ อิสหาก ซึ่งไดรับรายงานมาจากทานอาบู เราะอฺบิอะฮฺ อะยาดียซึ่งไดรับ รายงานมาจากทานอิบนุ บุรัยดะฮฺ ที่ไดรับมาจากบิดาของทาน ที่ไดรับฟงมาจากทานศาสนทูต แหงอัลลอฮฺ (อัลลอฮทฺ รงประทานความจาํ เรญิ และความสนั ตสิ ขุ แดทานและแดบรรดาลกู หลานของ ทาน) วา “สําหรับนบีทุกคนน้ันมีทายาทและผูสืบมรดก แทจริงทายาทและผูสืบมรดกของฉันน้ัน คือ อาลี บิน อาบฏี อลิบ”(303) รายงานโดยทานฏ็อบรอนียในหนังสืออัล-กาบีร โดยมีสายสืบท่ีไปถึงทานซัลมาน ฟาริซีย วา ทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความสันติสุขแดทานและแด บรรดาลูกหลานของทาน) ไดกลาววา “แทจริงทายาทของฉันและผูท่ีทําหนาที่รักษาแบบฉบับของ ฉันและบุคคลที่ดีที่สุดภายหลังจากฉัน ผูซึ่งทําหนาที่ชําระพันธะกรณีตาง ๆ ของฉัน และรักษา แนวทางของฉนั น้นั คอื อาลี บนิ อาบีฏอลบิ (ความสันติสขุ พึงมีแดท า น)”(304) น่ีคือหลักฐานที่แสดงถึงเร่ืองการแตงตั้งทายาท และเปนท่ีใหความเขาใจอยางกระจางวา ทา นอาลีเปนบคุ คลทปี่ ระเสรฐิ ท่ีสุดถดั จากทานนบี ซึ่งในประเด็นน้ียอมเปนหลักฐานที่ยืนยันอยางดี ท่ีสุดสําหรับตําแหนงการเปนคอลีฟะฮฺของทาน ซึ่งถือไดวาเปนกฎที่จําเปนในอันจะตองเช่ือฟง ปฏบิ ัตติ ามทาน ซึ่งบรรดาบุคคลผูม ีปญ ญาท้งั หลายยอมไมม ีขอ สงสัยเกีย่ วกบั เรื่องนี้ (303) ฮาดีษบทน้ที านซะฮะบียไดรายงานไวในหมวดทก่ี ลาวถึงเรอื่ งของทานชะรีค หนงั สอื “มีซาน อัล-อิอฺดิดาล” แตทานก็มิไดเช่ือถือโดยอางวา ชะรีคมิไดนํามารายงาน และทาน กลาวอีกวา มุฮัมมัด บิน ฮะมีด อัรรอซียนั้นมิไดเปนคนสําคัญท่ีควรยอมรับ แตอยางไรก็ดี ทานอิมาม อะหมฺ ัด บนิ ฮนั บลั และอิมามอาบูกอลิม อัล-บัฆวีย ทานอิมามอิบนุ ญะรีร ฏ็อบ รีย และทานอิมามญาเราะฮฺ อีกท้ังทานตะดีล อิบนุ มุอีล และบุคคลอ่ืน ๆ จากกลุม นักปราชญทั้งหลาย และตางไดใหความเชื่อถือตอทานมุฮัมมัด ฮะมีด และบุคคลเหลาน้ียัง ไดรับรายงานฮาดีษมาจากเขา ฉะน้ันเขาจึงเปนนักปราชญที่อาวุโสคนหน่ึงและเปนที่ ยอมรบั คนหนึ่งของนักปราชญเหลานั้น ตามที่ทานซะอะบียไดระบุไวในหัวขอที่อธิบายถึง
ชื่อของทานมุฮัมมัด บิน ฮะมีด ในหนังสือ มีซาน เขาเปนนักปราชญที่ไมเคยถูกตําหนิดวย ขอหาวา “หัวรุนแรง” และ “ซีอะฮุ” เลย ความจริงแลวเขาคือบรรพชนของทาน ซะฮะบียฺ จงึ ไมมเี หตุผลใด ๆ ทีจ่ ะตง้ั ขอ หาในฮาดีษน้ี (304) ฮาดีษน้ีเปนฮาดีษท่ี 2570 จากหนังสือ กันซุลอุมาน หนา 155 เลมท่ี 6 และถูกบันทึก อยใู นภาคผนวกของหนังสอื ฮามิช หนา 32 เลมท่ี 5 จากมสุ นดั อะหมฺ ัด ทานอาบู นะอีมก็ไดรายงานฮาดีษอีกบทหนึ่งไวในหนังสือฮุลียะตุล-เอาลิยาอฺ(305) ซ่ึงเปน สายสบื ทเี่ ลามาจากทานอานัสวา “ทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความสันติสุขแดทาน และแดบรรดาลูกหลานของทาน) ไดกลาวแกฉันวา “อานัสเอย คนแรกท่ีเขาจะเขามาหาเจาทาง ประตูนี้ คืออิมามของผูสํารวมตนจากความช่ัว และเขาคือประมุขของบรรดามุสลิม เขาคือหัวหนา ของบรรดาผูเครงครัดในศาสนา เขาคือทายาทที่สมบูรณที่สุด เขาคือผูนําของผูเครงครัดในวินัยทาง ศาสนา” ทานอานัสนไดกลาวอีกวา “แลวตอมาทานอาลีก็ไดเขามาทางประตูน้ัน “ทานศาสนทูต แหง อลั ลอฮฺ (อัลลอฮทฺ รงประทานความจําเรญิ และความสันติสขุ แดท า นและแดบ รรดาลูกหลานของ ทาน) ไดลุกขึ้นไปตอนรับทานดวยอาการยิ้มแยมแจมใสพรอมกับกอดคอของทานอาลีแลวกลาววา “เจาคือผูทาํ หนา ท่ีดํารงรกั ษาสิ่งตา ง ๆ ของฉัน เจา คอื ผูทําหนาทเ่ี ผยแพรป ากเสียงของฉันใหพวกเขา ทั้งหลายไดยิน และเจาคือผูทําหนาที่อธิบายใหพวกเขาเหลาน้ันเขาใจอยางแจมแจง ในส่ิงท่ีพวกเขา ขดั แยงกันภายหลงั จากฉนั ” ทานฏ็อบรอนียไดรายงานไวในหนังสือ “อัล-กาบีร” ดวยสายสืบที่ไปถึงทานอาบู อัยยูบ ชาวอันศอรซึ่งไดรับรายงานฮาดีษหนึ่งจากทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (อัลลอฮฺทรงประทานความ จําเริญและความสันติสุขแดทานและแดบรรดาลูกหลานของทาน) ที่ทานไดกลาววา “โอฟาฏิมะฮฺ เอย เจายังไมรูดอกหรือวา อัลลอฮฺผูทรงเดชานุภาพสูงสุดไดทรงทดสอบแกชาวโลกท้ังหลาย ดวย การท่ีพระองคไดทรงเลือกเฟนเอาบิดาของเจาขึ้นมาจากพวกเขาแลวไดแตงตั้งใหเปนนบี หลังจาก น้ันพระองคไดทรงมีขอทดสอบประการที่สอง ดวยการทรงเลือกเฟนผูท่ีจะเปนสามีของเจา ซ่ึง พระองคไ ดท รงมบี ัญชามายงั ฉนั ฉะน้นั ฉนั จงึ ไดจดั การแตง งานเจาใหแกเ ขา และฉันจึงไดรับเอาเขา มาเปนทายาทผสู บื มรดก”(306) (305) หนังสือชะเราฮฺ นะลุ บะลาเฆาะฮฺ หนา 450 เลม 2 และตามท่ีไดเสนอไปแลวในอัล- มรุ อญิอะฮฺท่ี 48
ขอใหทานไดโปรดพิจารณาวา เหตุใดอัลลอฮฺจึงไดทรงเลือกเฟนทานอาลีทามกลาง ชาวโลกทั้งหลาย หลังจากที่พระองคไดทรงเลือกเฟนบุคคลซ่ึงไดทําหนาท่ีศาสดาคนสุดทายของ พระองค และขอไดโ ปรดพิจารณาดูถึงลักษณะการคัดเลือกบุคคลท่ีดํารงตําแหนงทายาทของศาสดา กับลักษณะการคัดเลือกบุคคลที่จะดํารงตําแหนงการเปนนบี อีกทั้งขอทานไดโปรดพิจารณาวา เพราะเหตุใดอัลลอฮฺจึงไดทรงมีบัญชาแกนบีของพระองคเพื่อใหดําเนินการจัดแตงงานใหแกเขา และรับเขาไวเปนทายาท ตลอดทั้งขอใหทานไดโปรดพิจารณาวา บรรดาคอลีฟะฮฺ (ตัวแทน) ของ ศาสดาคนกอน ๆ นั้นหาใชมีข้ึนโดยวิธีอ่ืนไม นอกจากบุคคลผูเปนทายาทของพวกเขาเทาน้ันจะ เปนไปไดหรือ ท่ีวาบาวของอัลลอฮฺจะสามารถเลือกเฟนบุคคลท่ีจะขึ้นมาเปนทายาทของบรรดานบี ของเขาไดดีกวาพระองค หรือดําเนินการแตงตั้งบุคคลอื่นขึ้นมาลํ้าหนาเขาได มันเปนส่ิงท่ีถูกตอง แลวหรือสําหรับประชาชนท่ีจะดําเนินการไปในกฎเกณฑน้ัน ? มันเปนสิ่งท่ีเขากับสติปญญา หรือไมตอการที่จะถอื หลักปฏบิ ตั ิตามขอ กําหนดนน้ั ซึง่ อัลลอฮฺไดทรงเลือกเฟนเขาไวแลวตามที่นบี ของพระองคไ ดเลอื กเฟนเขาเอง ? จะเปน ไปไดอยา งไรกนั สาํ หรบั ในสิ่งที่อัลลอฮฺและศาสนทูตของ พระองค (ศ) ไดทรงเลือกเฟนไวอยางหน่ึงแลว ตอมาพวกเรากัลปทําการเลือกเฟนกันอีกอยางหนึ่ง ขอใหส งั เกตโองการใน อัล-กรุ อาน ท่วี า (306) เปนฮาดีษที่ 2541 หนังสือ กันซุลอุมาน และมีบันทึกในภาคผนวกหนา 31 เลมท่ี 5 หนงั สือมุสนัด อะหมฺ ดั “และไมมีสิทธ์ิสําหรับบรรดาชายผูศรัทธาและหญิงผูศรัทธา ถาในเม่ืออัลลอฮฺและศาสน ทูตของพระองคไดทรงดําเนินการตัดสินกิจการใด ๆ ไปแลว ที่เขาจะเลือกการงานของพวกเขาเอง ได และผูใ ดทฝี่ า ฝน อัลลอฮฺและศาสนทตู ของพระองคแ นนอนเขาไดห ลงผิดอยางชัดแจงท่ีสุด” (อัล- กุรอาน 33 : 36) มีรายงานฮาดีษท่ีบอกเลาอยางสอดคลองตรงกันอีกบทหนึ่งวา มีกลุมผูละเมิดและผูอิจฉา ริษยาจํานวนหนึ่งไดทราบขาววา ทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและ ความสันติสุขแดทานและแดบรรดาลูกหลานของทาน) จะจัดการแตงงานระหวางอาลีกับบุตรสาว ของทาน (ฟาฏิมะฮฺ ซะรออฺ) ซึ่งทานหญิงอยูในฐานะเชน ทานมัรยัมและทานหญิงเปนประมุขของ สตรีชาวสวรรค ขาวการแตงงานของทานทั้งสองไดกอใหเกิดมีผูอิจฉาและถือเปนสาเหตุแคนเคือง เน่ืองจากมีบางคนเคยไดสูขอทานหญิงมากอน แตแลวการสูขอของแตละคนก็ไมประสบความ สมหวัง(307) แลวพวกเขาเหลานั้นไดกลาววา “แทจริงสตรีผูประเสริฐน้ีเกียรติยศของนางคูควรกับ
เกียรติยศของอาลี ฉะนั้นจึงไมมีผูใดเทียบเทียมเขาได ไมมีผูใดไดสมปรารถนาในสิ่งท่ีเขาไดสม ปรารถนา” (307) รายงานโดยทา นอบิ นุ อาบูฮาตมิ จากรายงานของทานอานัส ไดกลาววาทานอาบูบักรฺ และทานอมุ รั ตางไดม าสูขอทานหญิงฟาฏิมะฮฺตอทานนบี แตแลวทานนบีก็น่ิงเงียบไมตอบ อยางหนึ่งอยางใดแกคนท้ังสองเลย ดังนั้นบุคคลทั้งสองจึงไปเสนอเรื่องน้ีใหแกทานอาลี (อัล-ฮาดีษ) ไดมีนักปราชญบันทึกเรื่องนี้จากรายงานของทานอิบนุ อาบูฮาติมเปนจํานวน มาก เชน ทานอิบนุ ฮะญัรท่ีไดบันทึกไวในหนังสือ เศาะวาอิก บาบ 11 ทานอะหฺมัดก็ได อางเรื่องน้ีโดยสายสืบของทานอานัก ทานอาบู ดาวูด สะญัสตานียที่ไดระบุวา ทานอาบู บักรฺไดไปสูข อทานหญิงฟาฏิมะฮฺ แตแ ลว ทา นนบีก็ไดปฏิเสธ ตอมาทานอุมัรก็ไปสูขอแตก็ ถกู ปฏเิ สธอีก ดังนนั้ บคุ คลท้ังสองจึงไปแจงใหทานอาลีทําการสูขอ (อัล-ฮาดีษ) ทานอาลียัง ไดรายงานอีกวา ทั้งทานอาบูบักรฺและทานอุมัรไดเคยสูขอทานหญิงฟาฏิมะฮฺ แตทานนบีก็ ไดปฏิเสธคนทั้งสอง แลวทานอุมัรจึงไดกลาววา “อาลีเอยทานคือผูคูควรกับนาง” (รายงาน โดยทานอิบนุ ญะรีร และระบุวาเปนเรื่องที่ศอฮี้ฮฺ) เปนฮาดีษที่ 6007 หนา 392 เลมท่ี 6 หนังสอื กนั ซุลอุมาน ดังนั้นพวกเขาจึงรวมกันสรางความเสื่อมเสียดวยการกระทําหลาย ๆ ประการ เชน พวกเขา ไดสงสตรีกลุมหนึ่งไปยังทานหญิงฟาฏิมะฮฺ (ประมุขของสตรีแหงสากลโลก) แลวใหสตรีกลุมน้ัน กลา วแกท า นหญิงฟาฏิมะฮฺวา “แทจริงอาลีเปนคนยากจนไมมีทรพั ยส มบตั ใิ ด ๆ เลย” แตทวาทานหญิงฟาฏิมะฮฺ (ความสันติสุขพึงมีแดทาน) ก็มิไดประหวั่นพร่ันพรึงกับขอ ตําหนิตาง ๆ จากแผนการของสตรีกลุมนั้นและมิไดแยแสกับแผนการท่ีกลั่นแกลงของบรรดาผูชาย กลุมนั้นและพรอมกันนั้นสตรีกลุมดังกลาวก็ไมสามารถท่ีจะเปล่ียนแปลงความรูสึกของทานหญิง ใหมคี วามรังเกยี จทา นอาลไี ดแตประการใด จนกระท่ังตอมาความประสงคของอัลลอฮฺ ผูทรงเดชานุ ภาพสูงสุดและความประสงคของทานศาสนทูตแหงพระองค (ศ) ก็ไดเปนท่ีสัมฤทธ์ิผลอยาง สมบูรณ โดยท่ีทานหญิงเองก็มีความประสงคท่ีจะใหเกียรติยศของอามีรุล มุมีนีนมีความบรรเจิดจา เหนือกวาบรรดาคูแขงของเขาที่อัลลอฮฺไดทรงบั่นทอนเกียรติของพวกเขาไป ทานหญิงฟาฏิมะฮฺได กลา วแกท านนบีวา “โอทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ สามีของฉันเปนคนยากจนไมมีทรัพยสมบัติอ่ืนใดเลยหรือ ?”
ทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความสันติสุขแดทานและ แดบรรดาลูกหลานของทา น) ไดต อบทานหญงิ ฟาฏมิ ะฮฺดว ยคําพดู ตามท่ีทานไดผานมาแลว “เมือ่ อัลลอฮทฺ รงประสงคจ ะสําแดงความประเสริฐแลวไซร ลิ้นของผูอิจฉาริษยาก็ยอมสยบ ลง” ทานคอฏีบไดรายงานไวในหนังสือ “อัล-มุด-ตะฟก” ดวยสายสืบอยางมีระเบียบ จนไปถึง ทานอิบนุ อับบาสวา “เมื่อทานนบี (ศ) ไดจัดการแตงงานทานหญิงฟาฏิมะฮฺกับทานอาลีนั้น ทาน หญิงฟาฏิมะฮฺไดกลาววา “โอทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ ทานไดจัดการแตงงานฉันกับชายคนจนที่ เขาไมม ีทรัพยส ินใด ๆ” ทานนบี (ศ) ไดกลาววา “เจามิไดภูมิใจดอกหรือวา อัลลอฮฺไดทรงเลือกเฟน บรุ ษุ สองคนจากบรรดาชาวโลก คนหน่ึงนัน้ ไดแ กบ ดิ าของเจา สวนอกี คนหนงึ่ คอื สามีของเจา ”(๓๐๖) ทานฮากิมไดรายงานไวในหมวดที่วาดวยเกียรติยศของทานอาลี หนา ๑๒๙ เลมท่ี ๓ หนงั สอื “มสุ ตัดรอ็ ก” จากสายสบื ของทา นสะรีจญบ นิ ยูนสุ ซง่ึ ไดรับรายงานมาจากอาบู ฮัฟศ็อล-อา บารซ่ึงไดรับรายงานมาจาก “อัล-อะอฺมัช” ซ่ึงไดรับรายงานมาจากอาบู ศอลิหซ่ึงไดรับรายงานมา จาก อาบูฮุร็อยเราะฮฺวา “ทานหญิงฟาฏิมะฮฺไดกลาวแกทานนบีวา” โอทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ ทานไดจัดการแตงงานฉันกับอาลี ท้ัง ๆ ท่ีเขาเปนคนยากจน ท่ีไมมีทรัพยสินใด ๆ นั่นหรือ ?” ทานศาสนทูต (ศ) ไดกลาววา “ฟาฏิมะฮฺเอย เจามิไดภูมิใจดอกหรือวา อัลลอฮฺผูทรงเดชานุภาพ สูงสุด ไดทรงสําแดงแกโลกน้ีดวยการท่ีพระองคทรงคัดเลือกบุรุษสองคน คนหนึ่งนั้นไดแกบิดา ของเจา สวนอกี คนหนงึ่ ไดแ กสามขี องเจาเอง” รายงานจากทานอิบนุ อับบาสไดกลาววา “ทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (ศ) ไดกลาวแกทาน หญิงฟาฏิมะฮฺวา “เจามิไดภูมิใจดอกหรือ ที่ฉันไดจัดการแตงงานเจากับมุสลิมคนแรกท่ียอมรับนับ ถือในศาสนาอิสลาม และเปน ผทู ีม่ คี วามรูย่งิ กวาคนใดในหมูพ วกเขา สว นเจา นน้ั แทจ ริงเปน ประมขุ ของสตรีในประชาชาติของฉัน เชนเดียวกับท่ีทานหญิงมัรยัมไดเปนประมุขของสตรีในประชาชาติ ของนาง เจามิไดภูมิใจดอกหรือ โอฟาฏิมะฮฺ ที่อัลลอฮฺไดทรงสําแดงแกชาวโลกท้ังหลายดวยการท่ี พระองคทรงเลือกเฟนบุรุษสองคนขึ้นมาจากพวกเขาทั้งหมด โดยท่ีพระองคไดทรงบันดาลใหคน หนึ่งไดเปนบิดาของเจา และทรงบันดาลใหอ ีกคนหนึง่ ไดเ ปนสามีของเจา ”(๓๐๙) (๓๐๘) ฮาดีษบทน้ีเปน ฮาดีษท่ี ๕๙๙๒ จากหนังสือ “กันซ” หนา ๓๙๑ เลมท่ี ๖ ซ่ึงมีสายสืบ ถูกตอ งทกุ ประการ
ทา นศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (ศ) ไดอธิบายส่ิงดังกลาวนี้ใหแกท านหญิงผูเปนประมุขของสตรี ท้ังหลาย ดวยการท่ีทานไดพรรณาใหทานหญิงรําลึกถึงความโปรดปรานของอัลลอฮฺและศาสนทูต ของพระองคทม่ี ีตอ ทานหญิง โดยถือวาสามีของทา นหญงิ น้ันยอ มเปนผทู ่ีประเสริฐเหนือประชาชาติ ท้ังมวล ท้ังน้ีก็เพ่ือที่จะไดคูควรกับเกียรติยศของทานหญิงเอง หลักฐานอีกดานหน่ึงท่ียืนยันในเรื่อง นี้ใหเปนท่ีเพียงพอแกทานได ก็คือจากขอความท่ีทานอิมามอะหฺมัดไดบันทึกไวในหนา ๒๖ ของ เลม ท่ี ๕ หนงั สือ “มสุ นดั ” ของทา นวา จากรายงานฮาดีษของทานมะอฺกิล บิน ยาสาร วา “แทจริงทานนบี (ศ) ไดเย่ียมทานหญิง ฟาฏิมะฮฺ เมื่อครั้งที่ทานหญิงปวย ทานนบีไดกลาวแกทานหญิงฟาฏิมะฮฺวา “สุขภาพของเจาเปน อยางไรบาง ?” ทานหญิงตอบวา “ดวยพระนามของอัลลอฮฺ ฉันเศราใจมากรางกายของฉันเจ็บปวด อาการไขของฉันคงจะเปนอีกนาน” ทานศาสนทูต (ศ) ไดกลาววา “หรือวาเจายังมิไดภูมิใจท่ีฉันได จัดการแตงงานเจาใหแกคนแรกในประชาชาติของฉันท่เี ขาสอู สิ ลาม ซง่ึ เขาเปน บุคคลท่ีมีความรูมาก ทส่ี ุด และมีสตปิ ญญาดเี ลศิ ท่สี ุดในหมูพวกเขา” เรื่องราวทํานองน้ีมีมากมายจนเกินกวาการท่ีจะนํามาเสนอใหหมดไดในหนังสือ “อัล-มุ รอญิอาต” ของเรา วสั ลาม (ช) (๓๐๙) เปนฮาดีษที่ ๒๕๔๓ หนงั สอื กันซุลอุมาน หนา ๑๕๓ เลม ที่ ๖ ทา นฮากมิ ไดอางจาก รายงานของทา นอบิ นุ อับบาส และอาบู ฮุร็อยเราะฮฺ สวนทานฏ็อบรอนียและทานคอฏีบได รายงานโดยมีสายสืบไปถึงทานอิบนุ อับบาส โปรดพิจารณาดูในบรรทัดที่ ๑ ในภาคผนวก ท่ี ๓๙ เลมท่ี ๕ หนังสือ “มุสนัด อะหฺมัด” ทานอัลลามะฮฺ มุอฺตะสิละฮฺ ไดอางไวในหนา ๔๕๑ หนังสือ ชะเราะฮฺ นุ ุลบะลาเฆาะฮฺ เลม ๒ อกี ดว ย
อลั -มุรอญิอะฮฺ ๖๙ ๑๐ ศอฟร ๑๓๓๐ • หลกั ฐานท่ีคดั คา นฮาดีษทีว่ าดว ย การแตงตงั้ ทายาทผสู บื มรดก กลุมนักปราชญฝายอะฮฺลิซซุนนะฮฺ วัล-ญะมาอะฮฺไดปฏิเสธหลักฐานที่วาดวยการแตงต้ัง ทายาท โดยมีเหตผุ ลซึง่ เปนขอมลู สําคญั ตามที่ทานบุคอรีไดรายงานไวในหนังสือศอฮี้ฮฺ จากรายงาน ของทานอัสวัดมีคนกลาวแกทานหญิงอาอีชะฮฺ (อัลลอฮฺทรงมีความปติชื่นชมตอนาง) วา “แทจริง ทานนบี (ศ) ไดแตงต้ังใหอาลีเปนทายาทผูสืบมรดก (อัลลอฮฺทรงมีความปติชื่นชมตอเขา)(๓๑๐) ทาน หญิงอาอชี ะฮฺไดกลาววา “ผูใดพูดเชนน้ัน ? แนนอนท่ีสุดฉันไดเห็นทานนบี และตัวฉันไดโนมทาน มาสูทรวงอกของฉัน ทานตองการความชุมชื่นซึ่งฉันก็ไดทําใหทานสบาย แลวทานก็ไดเสียชีวิตไป ฉันไมรูเ ลยวา ทานไดสงั่ เสยี ใหอาลเี ปน ทายาทไดอยางไรกัน?”(๓๑๑) (๓๑๐) ฮาดีษบทน้ีทานบุคอรีไดรายงานไวใน “กีตาบุล-วาศอยา” หนา ๘๓ เลมที่ ๒ หนังสือศอฮ้ีฮฺของทาน และยังไดรายงานไวในบาบท่ีวาดวยเร่ืองการปวยและการวายชนม ของทานนบีหนา ๖๔ เลมที่ ๓ หนังสือศอฮี้ฮของทาน ทานมุสลิม ไดรายงานฮาดีษบทน้ีไว ใน “กีตาบลุ -วะศยี ะฮฺ” หนา ๑๔ เลม ท่ี ๒ หนังสอื ศอฮี้ฮขฺ องทา น (๓๑๑) แนนอนทัง้ ทานบคุ อรีและมุสลิมตางก็รูถึงฮาดีษท่ีวาดวยเร่ืองการแตงต้ังทายาทของ ทานนบีท่ีสั่งไวแกทานอาลี แตทานท้ังสองไมประสงคท่ีจะบันทึก เพราะวาผูท่ีรายงานฮา ดษี ที่แตง ทานบุคอรีไดรายงานไวในหนังสือศอฮี้ฮฺของทานไวอีกบทหน่ึง ซ่ึงเปนฮาดีษท่ีมาจาก สายสืบหลายกระแสวา ทานหญิงอาอีชะฮฺไดกลาววา “ทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺไดวายชนมตรงท่ี ระหวา งแกมและคางของฉัน” อีกหลายฮาดีษท่ีทานหญิงอาอีชะฮฺกลาววา “ทานศาสนทูตไดวายชนมระหวางอกและคอ ของฉัน” บางครั้งทานหญิงอาอีชะฮฺก็กลาววา “ตัวของทานและศีรษะของทานไดตกมาทับท่ีขาของ ฉนั ”(๓๑๒) ฉะน้ันถาหากวา มเี ร่ืองของการแตงต้งั ทายาทจริงแลว ทาํ ไมทา นหญิงอาอชิ ะฮฺ จึงไมรบู าง
รายงานของทานหญิงอาอีชะฮฺอีกบทหนึ่งในหนังสือศอฮี้ฮฺมุสลิม(๓๑๓) ไดกลาววา “ทานศา สนทูตแหง อลั ลอฮฺ (ศ) มิไดท ิ้งมรดกที่ ตั้งอาลีใหเปนทายาทในสมัยน้ัน จะไมเปนที่ถูกยอมรับ เพราะวาทั้งศอฮาบะฮฺ และดาบิอีน ท่ีไดทําการเปดเผยเร่ืองน้ี มักจะถูกขอ หาวา ลบหลูมารดาของศรัทธาชนและเปนปรปกษกับ ฝายปกครองในสมัยของตนมาแลว เพราะเหตุวาทานหญิงมีสวนพัวพันอยูในฝายปกครอง ทานอิมามซะนาดียไดกลาวถึงฮาดีษบทนี้จาก สุนัน นาสาอีย ไวในหนังสือ ตะอลีค หนา ๒๔๑ เลมท่ี ๖ วาแนนอนที่สุดเร่ืองน้ีมิไดหมายความวา จะไมมีการแตงต้ังผูเปนทายาท กอน จากนั้น และการเสียชีวิตของทานศาสนทูตก็มิใชบังเกิดขึ้นอยางกระทันหันจนไมทัน ท่ีจะไดส่ังเสียในเร่ืองของทายาท จะเปนไปไดอยางไรกัน เพราะทานเองก็รูตัวอยูกอนแลว วา ทานใกลที่จะถึงวาระสุดทายของทานมากอนท่ีทานจะลมปวย และทานก็ปวยอยูเปน เวลาหลายวัน ในตอนทายหนังสือเลมนี้ระบุตอไปอีกวา ขอใหทานทั้งหลายพิจารณาใหถี่ ถว นเถดิ แลวจะเหน็ แงมุมที่สําคญั เกยี่ วกับเรื่องนอ้ี ย”ู (๓๑๒) ทานหญิงอาอีชะฮฺไดกลาววา “ทานนบีไดเสียชีวิตตรงที่ระหวางแกมและคางของ ฉัน” บางคร้ังทานก็กลาววา “ทานนบีเสียชีวิตระหวางทรวงอกและตนคอของฉัน” ซึ่งเปน ขอความท่ีปรากฏอยูในบาบท่ีวาดวย “เร่ืองการปวยและการวายชนมของทานนบี (ศ)” หนังสือศอฮีฮ้ ฺ บคุ อรเี ก่ยี วกับคํากลาวของทา นหญงิ ที่วา ทานไดลมตัวและศีรษะของทานลง บนขาของฉันมีปรากฏอยูในบาบที่ถัดไปหลังจากบาบที่วาดวย “การปวยและการเสียชีวิต” ซ่ึงเปนขอ ความท่ีไมแนน อน (๓๑๓) โปรดดูหนงั สอื ศอฮี้ฮฺมสุ ลิม “กติ าบลุ -วะศยี ะฮฺ” หรอื หนา ๑๔ เลม ท่ี ๒ เปนเงินทอง และไมมีแพะแกะและไมมีคําสั่งเสียใด ๆ ทั้งส้ิน” และในหนังสือศอฮ้ีฮฺทั้งสองเลม(314) มีระบุอีกวา จากรายงานของทานฎ็อลฮะฮฺ บิน มุศ็อดร็อบไดกลาววา “ฉันไดถามทานอับดุลลอฮฺ บิน อาบู เอาฟาอูวา “ทานนบี (ศ) ไดมีการแตงต้ังทายาทหรือไม ?” ทานตอบวา “ไม” ฉันไดกลาวอีกวา “ทําไมทานสั่งสอนใหประชาชนแตงต้ังทายาท แตแลวทานเองละท้ิงในสิ่งน้ี” ทานอับดุลลอฮฺได ตอบวา “ทายาทของทานคอื พระคัมภีรของอลั ลอฮ”ฺ เปนอันวาในขณะที่บรรดาฮาดีษตาง ๆ เหลาน้ีมีสายสืบที่ถูกตองย่ิงกวาบรรดาฮาดีษตาง ๆ ซ่ึงทานไดนํามาเสนอไปแลว ทั้งนี้เน่ืองจากวา ฮาดีษเหลานี้มีบันทึกอยูในหนังสือศอฮี้ฮฺบุคอรีและ
มุสลิม ซ่ึงไมเหมือนกันกับฮาดีษตาง ๆ ของทานท่ีไดนํามาเสนอกอนหนาน้ี และฮาดีษตาง ๆ เหลา น้นั ลวนมขี อ บกพรอง วัสลาม (ซ) (314) โปรดดู “กิตาบุล-วะศอยา” ของหนังสือศอฮี้ฮทฺ ้ังสองเลม อลั -มุรอญิอะฮฺ 70 11 ศอฟร 1330 1. ไมม คี าํ คัดคานใดทสี่ ามารถลบลางหลกั ฐานที่วา ดว ยเรื่องการแตงตั้งทายาทได 2. สาเหตทุ มี่ ีการขดั แยงในเรื่องน้ี 3. ผูคดั คา นมิไดม ีขอ มูลที่เปน ขอพสิ จู นตามสิ่งทพ่ี วกเขาไดร ายงานกนั 4. สตปิ ญญาและสภาพความเปนจริงสามารถพิจารณาตดั สนิ เร่ืองน้ไี ด 1. การที่ทานนบี (ศ) ไดแตงตั้งใหทานอาลีเปนทายาทน้ันเปนความจริงท่ีขอมูลใด ๆ ก็ไม สามารถมาทําการลบลางได เปนเร่ืองที่ไมมีขอสงสัยกันแตประการใดสําหรับในประเด็นที่วา ทา นนบีไดมอบหมายพันธะตาง ๆ ใหแกทานอาลี ไมวาในเร่ืองของการท่ีทานไดมอบหมายใหทาน อาลีเปนผูสืบมรดกทางดานวิชาการและวิทยปญญาตาง ๆ(315) ไมวาในเรื่องของการส่ังเสียใหทาน อาลีเปนผูทําการอาบนํ้ามัยยิดใหแกทาน ใหทําหนาท่ีจัดแตงมัยยิดของทาน และใหทานอาลีทํา หนาที่จัดการฝงมัยยิดของทาน(316) อีกทั้งใหทานอาลีเปนผูทะนุบํารุงศาสนาของทาน และใหทาน อาลเี ปน ผทู ําหนา ที่ชาํ ระสะสางพันธะสญั ญาตา ง ๆ และใหทา นอาลที าํ การลบลางความมลทินตาง ๆ (317) (315) ขอใหทานไดยอนพิจารณาดูที่ อัล-มุรอญิอะฮฺ 66 แลวทานจะทราบวา ทานศาสนทูต แหงอลั ลอฮฺ (ศ) ไดด ําเนนิ การแตง ตง้ั หนาที่การสืบทอดมรดกของส่ิงเหลานใี้ หแกทา นอาลี (316) ทานอิบนุ สะอัดไดรายงานฮาดีษบทน้ีไวในหนา 61 ภาคที่ 2 เลมท่ี 2 หนังสือ ฏอบา กอตซึ่งเปนรายงานจากทานอาลีท่ีไดกลาววา “ทานนบีไดสั่งเสียไววา มิใหผูใดทําการ อาบนํ้ามัยยิตของทานนอกจากฉัน” ทานอาบูชัยค และทานอิบนุ นัจญารไดรายงานดังที่
ปรากฏอยใู นหนา 54 เลม ที่ 3 หนังสือกันซุลอุมานซ่ึงเปนรายงานของทานอาลีที่ไดกลาววา “ทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (ศ) ไดส่ังเสียแกฉันวา เม่ือฉันถึงแกวายชนม ดังน้ันเจาจง อาบนํา้ ใหแกฉ ัน” ทานอิบนุสะอัดไดรายงานไวในเร่ืองของการอาบน้ํามัยยิตใหแกทานนบี (ศ) ตามท่ีมีปรากฏอยูในหนา 63 ภาคท่ี 2 เลมท่ี 2 หนังสือ “ฏอบากอต” ซึ่งเปนรายงานที่ ทานอับดุล วาฮิด บิน อาบู อิวานะฮฺไดกลาววา “ทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺไดกลาวไวใน ครั้งที่ทานปวยจนถึงแกการวายชนมในครั้งนั้นวา “อาลีเอย เม่ือฉันวายชนม เจาจงอาบนํ้า ใหแกฉันดวย” ทานอาลีไดกลาววา “ฉะนั้นฉันจึงอาบนํ้าใหแกทาน แลวก็ไมมีผูใดท่ีจะ เขา ถึงตวั ของทาน ยกเวนผูท่ไี ดติดตามฉนั ” ทา นฮากมิ ไดร ายงานไวในหนา 59 เลมท่ี 3 ของ หนังสือ “มุสตัดร็อก” อีกท้ังทานซะฮะบียก็ไดบันทึกไวในหนังสือ “ตัลคีศ” ของทานดวย โดยที่บุคคลทั้งสองไดยืนยันวาเปนเร่ืองท่ีศอฮ้ีฮฺ ตามสายสืบท่ีมีไปถึงทานอาลี ซ่ึงทานได กลาววา “ฉันไดอาบน้ําใหแกทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺฉันไดพิจารณาดูส่ิงตาง ๆ ของ มัยยิต ฉันมิไดเห็นวาส่ิงน้ัน ๆ จะเปนอยางอื่น ทานเปนบุคคลท่ีประเสริฐท้ังในขณะที่มี ชีวิตและในขณะท่ีวายชนม” ฮาดีษบทนี้ทานสะอีด บิน มันศูรยังไดรายงานไวในหนังสือ สุนันของทานดวย ทานมะรูซียไดบันทึกไวในหนังสือญะนาอิซ ทานอาบูดาวูดก็ไดบันทึก ไวในหนังสือ “มะรอสีล” ทาน อิบนุ มุนีย และ ทานอิบนุ อาบูชัยบะฮฺก็ไดบันทึกไวใน หนังสือ สุนันของทานดวย เปนฮาดษท่ี 1094 ในหนา 54 เลมท่ี 4 หนังสือกันซ ทานบัย ฮะกียไดรายงานไวในหนังสือสุนันของทาน โดยไดอางคําบอกเลามาจากทานอับดุลลอฮฺ บิน ฮาริษวา แทจริงทานอาลีไดอาบนํ้าใหแกทานนบีและบนรางของทานนบีนั้นมีเส้ืออยู ตวั หน่งึ ” (อัล-ฮาดษี ) และอีกฮาดีษหนึง่ ก็คอื ฮาดีษที่ 1104 หนา 55 เลมท่ี 3 หนังสือ “กันซ” จากรายงานของทาน อิบนุ อับบาส ไดกลาววา “แทจริงสําหรับอาลีน้ันมีสิ่งพิเศษอยู 4 ประการ ซึ่งไมมีผูใดเสมอเหมือนเขาแมแตคนเดียว นั่นคือเขาเปนบุคคลแรกที่ไดนมาซ พรอมกับทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ เขาเปนผูซ่ึงติดตามทานนบีในยามอุปสรรคทุกครั้ง คราว เขาเปนผูซึ่งมีความอดกล้ันในการอยูรวมกับทานนบี ในขณะท่ีคนอ่ืนพากันผละหนี และเขาเปนผูซึ่งทําหนาท่ีอาบนํ้ามัยยิตของทานนบี และนําทานนบีลงสูในหลุมสุสานของ ทาน” ทานอิบนุ อับดุลบัรไดรายงานไวในหัวขอเรื่องท่ีอธิบายถึงทานอาลีในหนังสือ “อัล- อิสตีอาบ” อีกบทหนึ่ง และทานฮากิมก็ไดบันทึกไวในหนา 111 เลมที่ 3 หนังสือ “มุสตัด
รอ็ ก” ไวดว ย ซ่ึงเปนรายงานจากทานอาบู สะอีด อลั -คตุ รยี วา ทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺได กลา ววา “โออาลเี อย ขอใหเจาทาํ หนา ท่อี าบน้าํ มยั ยติ ใหแกฉ ัน ขอใหเ จาดํารง รักษาหนาท่ีเกี่ยวกับศาสนาของฉัน และขอใหเจาจงเปนผูนํารางของฉันลงสูในหลุมสุสาน ของฉันดวย” ฮาดีษน้ีรายงานโดยทานดัยละมียและเปนฮาดีษที่ 2583 หนา 155 เลมท่ี 6 หนังสือ “กันซ” และทานอุมัรไดเลารายงานฮาดีษบทหน่ึงเกี่ยวกับคํากลาวท่ีทานศาสนทูต แหงอัลลอฮฺไดพูดกับทานอาลีวา เจาคือผูอาบนํ้ามัยยิต และผูทําหนาท่ีจัดการฝงมัยยิตของ ฉัน (อัล-ฮาดีษ) ในหนา 393 เลมที่ 6 ของหนังสือ “กันซ” และในภาคผนวกในหนา 45 เลม ท่ี 5 จากหนังสือ “มุสนัดอะหฺมัด” ซึ่งเปนรายงานจากทานอาลีท่ีกลาววา “ฉันไดยินทานศา สนทูตแหงอัลลอฮฺ (ศ) ไดพูดวา “ฉันไดรับเรื่องราวท่ีสําคัญเก่ียวกับตัวของอาลี 5 ประการ นั่นคือส่ิงที่ไมมีนบีคนใดที่มากอนฉันจะไดรับมากอน ประการท่ีหนึ่งน้ันคือ เขาเปน ผูดําเนินการพิทักษรักษาศาสนาของฉันใหอยูยง และอีกประการหน่ึง เขาเปนผูนําฉันลง ไปสูหลุมสุสาน” ฮาดีษท่ีหน่ึงในหนา 403 เลมที่ 6 หนังสือ “กันซ” ไดกลาวถึงตอนท่ีทาน อาลีไดวางรางของทานศาสนทูตลงบนท่ีนอน และประชาชนตางก็มีความประสงคจะทํา การนมาซใหแกทานศาสนทูต (ศ) ทานอาลีจึงไดกลาวข้ึนวา “อยาใหมีใครเปนอิมามของ ทานรอซูลุลลอฮแฺ มแตค นเดียว เขาคืออิมาม (ผูนํา) ทั้งในขณะท่ีมีชีวิตและขณะที่วายชนม” ฉะน้ันประชาชนจึงไดเขามาหาทานศาสนทูตเรื่อย ๆ โดยพวกเขาไดทําการนมาซเปนแถว ๆ โดยท่ีไมมีอิมาม พวกเขาไดทําการกลาวตักบีร สวนทานอาลีน้ันไดยืนประจําที่ของ ทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺแลวกลาววา “ความสันติสุข ความเมตตา และความจําเริญ ของอัลลอฮฺ พึงมีแดทานโอทานนบี โออัลลอฮฺ แทจริงเราขอยืนยันวา ทานนบีไดทําหนาที่ ประกาศสิ่งตาง ๆ ท่ีพระองคไดประทานยังทานแลวและทานไดทําการส่ังสอนประชาชาติ ของทานแลว และทานไดทําการตอสูเสียสละในหนทางของอัลลอฮฺ จนกระทั่งอัลลอฮฺ ผู ทรงเดชานุภาพสูงสุด ไดทรงทําใหศาสนาของพระองคมีพลานุภาพอีกทั้งพจนารถตาง ๆ ของพระองคไดเปนท่ีสมบูรณ โออัลลอฮฺ ขอไดทรงทําใหเราไดเปนผูปฏิบัติตาม สิ่ง ที่อัลลอฮฺไดทรงประทานมายังทาน และขอพระองคไดทรงใหพวกเราไดยืนหยัดอยูอยาง มั่นคงภายหลังจากทาน และขอพระองคไดทรงรวมพวกเรากับทานใหเขาดวยกันเถิด” ประชาชนทั้งหลายตางไดกลาววา “อามนี อามนี ” ตอมาผูชายก็ไดทําการนมาซใหแกทานน บี หลังจากนั้นก็เปนการนมาซของเด็ก เนื้อความตามประโยคน้ีเราไดเสนอมาจากรายงาน
ตามท่ีทานอิบนุ สะอัดไดบันทึกไวเก่ียวกับเรื่องการอาบน้ํามัยยิตใหทานนบีในหนังสือ “อัฏ ฏอบากอต” และมีบันทึกอีกวา พวกที่เขาไปจัดการกับมัยยิตของทานศาสนทูต แหง อลั ลอฮฺในวันน้ันไดแ กพวกบะนี ฮาชิม หลงั จากนั้นก็ไดแก พวกมุฮาญิรีน ถัดจากนั้นก็ เปนชาวอันศอร แลวหลังจากนั้นก็เปนประชาชนทั่วไป สวนบุคคลแรกที่ทําการนมาซ มัยยิตใหแกทานนบีคือทานอาลี ตอมาก็เปนทานอับบาส คนทั้งสองไดยืนแถวเดียวกันและ ทําการตักบีร 5 คร้งั (317) เรื่องราวเก่ียวกับขอความตอนน้ี มีสายสืบที่สอดคลองตรงกันทุกประการ จาก ทางดานรายงานของบรรดาอิมามผูสืบเชื้อสายที่บริสุทธ์ิ แตสําหรับทานขอใหพิจารณา ตามท่ีทานฎ็อบรอนียไดรายงานไวในหนังสือ “อัล-กะบีร” ซึ่งเปนสายสืบท่ีรายงานมาจาก ทานอิบนุ อุมัร และในมุสนัดของทานอะบูยะอฺลา จากรายงานท่ีไดมาจากทานอาลี คําพูด ในประโยคฮาดีษที่ทานนบีไดกลาวน้ันคือ “...โอ อาลี เจาเปนพ่ีนอง เจาเปนผูรวมภารกิจ เจาเปน ผดู าํ เนินกิจการศาสนา เจา เปน ผทู าํ ใหข อ สัญญาตา ง ๆ ของฉนั ไดส มั ฤทธิ์ผล และเจา เปนผูทําใหความผิดพลาดของฉันไดหมดส้ินไป “ฮาดีษบทน้ี ทานสามารถที่จะพบไดใน หนา 155 ภาคที่ 6 หนังสือกันซุล อุมาน โดยที่มีสายสืบไปถึงทานอิบนุอุมัร และอีกแหง หน่ึงทานสามารถที่จะพบได คือในหนา 404 ภาคที่ 6 ซึ่งมีรายงานไปถึงทานอาลี ทานบูศี รียไดนาํ ตวั บทน้ไี ปบันทึกแลวรายงานวา เปนเร่ืองท่ีมีสายสืบแข็งแรง นอกจากนี้ ทานมัรดุ วียะฮฺ และทาน อัด-ดัยละมี ก็ไดบันทึกไวเชนกัน ตามที่ปรากฏอยูในหนา 155 ภาคที่ 6 หนังสือ “กันซ” ซ่ึงเปนสายสืบที่รายงานมาจากทานซัลมาน อัล-ฟรซียวา ทานศาสนทูต แหง อัลลอฮฺ (ศ) ไดกลาววา อาลี บนิ อาบฏี อลบิ นัน้ เปนผูทาํ ใหพ นั ธะของฉันไดส ัมฤทธผ์ิ ล เปนผูดําเนินการตอกิจการศาสนาของฉัน” ทานบัซซารไดบันทึกไวในหนา 133 ภาคท่ี 6 หนงั สอื “กนั ซ” จากรายงานของทา นอานสั ในทํานองเดยี วกนั นี้ ทานอิมามอะหฺมัด บิน ฮัม บัล ก็ไดบันทึกไวในหนา 164 ภาคที่ 4 หนังสือ “มุสนัด” ซึ่งเปนรายงานมาจากทานฮับชีย บิน ุนาดะฮฺ วา ฉันไดยินทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺไดกลาววา ศาสนาของฉันไมอาจ ดําเนินการไปได นอกจากตองมีฉันและอาลี รายงานโดยทานอิบนุมัรดุวียะฮฺ เชนเดียวกัน ในหนา 401 ภาคที่ 6 จากคําบอกเลาของทานอาลีวาเม่ือตอนที่โองการ “และเจาจงตักเตือน บรรดาญาติผูใกลชิดของเจา” ถูกประทานลงมานั้น ทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (ศ) ไดกลาว วา “อาลีเปนผูดําเนินกิจการแหงศาสนาของฉันและเปนผูทําใหขอสัญญาพันธะของฉันได
สัมฤทธิ์ผล” และทานสะอัดไดกลาววา “ฉันไดยินทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (ศ) พูดในวัน แหงอัล-ุหฺฟะฮฺ ขณะท่ีทานจับมือของทานอาลีแลวทานไดกลาวเทศนากลาวคําสรรเสริญ อัลลอฮฺ แลวหลังจากน้ันทานไดกลาววา “โอบรรดาประชาชนเอยแทจริง ฉันคือผูปกครอง ของพวกทาน” บรรดาประชาชนทั้งหลายก็กลาววา “ทานไดกลาวความถูกตองแลว โอ ทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ” หลังจากน้ันทานก็ไดยกมือของทานอาลีขึ้นแลวกลาววา “น่ีคือ ผปู กครอง และผูทจ่ี ะทาํ หนา ทีด่ ําเนนิ ศาสนาสืบตอ ภายหลังจากฉัน” (อัล-ฮาดษี ) ซึ่งทานได ผานมาแลวในตอนทายของ อัล-มุรอญิอะฮฺที่ 54 ทานอับดุรเราะซากก็ไดรายงายไวใน หนังสือญามิอฺของทานซ่ึงเปนรายงานที่ทานมุอัมมัรไดรับจากทานเกาะตาดะฮฺ วา “แทจริง อาลีเปนผูทําหนาท่ีดําเนินกิจศาสนาในดานตาง ๆ ของทานนบี ภายหลังจากทานไดวาย ชนมโดยท่ีมีเงินเพ่ือใชในการนี้ถึง 50,000 ดิรฮัม” มีผูถามทานอับดุรเราะซากวา “แลว ทานนบีไดส่ังเสียใหทานอาลีเปนผูดําเนินการดวยเงินจํานวนนั้นหรือ ?” ทานตอบวา “ใช แลว ถามิฉะน้ันทา นจะใหท า นอาลดี าํ เนินกจิ การทางศาสนาไดอยางไร” เรอ่ื ง ทานนบีไดใหทานอาลีเปนผูทําหนาที่อธิบายเร่ืองราวตาง ๆ ใหชัดแจงแกประชาชนภาย หลงั จากทา น ในกรณีที่พวกเขามีการขัดแยงกัน ไมวาในเร่ืองใด(318)จากบทบัญญัติตาง ๆ ของอัลลอ ฮฺและทานไดเสนอพันธะใหทานอาลีเปนผูปกครองประชาชาตินี้ภายหลังจากทาน(319) ใหทานอาลี เปนพ่ีนองของทาน(320) และเปนบิดาแหงบุตรของทาน(321) และทานไดใหทานอาลีเปนผูรวมรับ ภารกจิ ของทาน(322) อีกทงั้ ทา นยังใหท า นอาลี อยใู นฐานะทป่ี รึกษาเงียบ ๆ ของทาน(323) นี้หนงั สอื “กนั ซ” กไ็ ดรวบรวมเชน กนั ในหนา 60 ภาคท่ี 4 ฮาดีษท่ี 1170 (318) รายละเอียดตาง ๆ ของฮาดีษที่เก่ียวกับเร่ืองนี้มีอยางชัดเจนวา ทานนบี (ศ) ไดมอบ พันธะหนาท่ีใหทานอาลี เปนผูทําการอธิบายกิจการตาง ๆ ในเร่ืองที่ขัดแยงกันของบรรดา ประชาชาติ ภายหลังจากทาน ทานสามารถพิจารณาจนเพียงพอแกการเขาใจได ในฮาดีษที่ 11 และ ฮาดีษท่ี 12 ของอัล-มุรอญิอะฮฺที่ 48 นอกจากน้ันแลวก็ยังมีตรงที่อื่น ๆ อีกหลาย แหง (319) ทานไดผ า นมาแลว ในอัล-มรุ อญิอะฮทฺ ี่ 36 และ อัล-มุรอญอิ ะฮฺท่ี 40,54,56 (320) เรื่องราวของการประกาศความเปนพี่นองของทานนบีกับทายาทนั้นเปนเรื่องราวท่ีมี สายสบื สอดคลองตองกนั (มตุ ะวาดิร) ทา นสามารถพบกับหลักฐานที่แข็งแรงของเรื่องน้ีได ตามท่เี ราไดเ สนอไปแลว ใน อลั -มุรอญิอะฮทฺ ่ี 32 และ อลั -มรุ อญิอะฮฺท่ี 34
(321) ความหมายท่ีวาเปนบิดาแหงบุตรของทานศาสดาน้ัน เปนที่รูกันในเชิงของสภาพ ความเปนจริง ดังที่ทาน (ศ) ไดเคยกลาวแกทานอาลีวา “เจาคือ พี่นองของฉัน และบิดาแหง บุตรของฉัน เจาไดพลีชีพตามแนวทาง (ซุนนะฮฺ) ของฉัน (อัล-ฮาดีษ) ทานอะบูยะอฺลาได รายงานเร่ืองน้ีใน มุสนัดของทาน ตามที่มีปรากฏอยูในหนา 404 ภาคท่ี 6 หนังสือกันซุลอุ มาน ซ่ึงเรื่องนี้มีหลักฐานยืนยันที่แข็งแรงตามท่ีทานบูศีรียไดระบุไว นอกจากนี้ทานอิ มามอะหฺมัด ก็ยังไดบันทึกไวในหนังสือ อัล-มุนากิบอีกดวย และเชนเดียวกันนี้ก็ยังมีอยูใน ตอนทายของภาคที่ 2 บาบที่ 9 หนา 75 ของหนังสือ ศอวาอิก อัล-มุฮัรรอเกาะฮฺ โดยท่ี ทานอิบนุฮะญัร ซ่ึงมีฮาดีษของทาน (ศ) ไดกลาววา “แทจริงอัลลอฮฺไดทรงกําหนดใหเชื้อ สายของนบีทุกคนอยูในกระดูกสันหลังของเขาเอง แตพระองคทรงกําหนดใหเชื้อสายของ ฉันอยูในกระดูกสันหลังของอาลี” ทานฏ็อบรอนียไดรายงานไวในหนังสือ “อัล-กะบีร” โดยรายงานมาจากทานญาบิร ทานคอฏีบไดบันทึกไวในหนังสือ “ตารีค” ของทาน โดย รายงานมาจากทานอิบนุอับบาส และเปนฮาดีษท่ี 2510 หนา 152 ภาคท่ี 6 ซึ่งเปนฮาดีษที่ ทาน (ศ) ไดกลาววา “บุตรของลูกหญิงนั้นมักจะโนมไปตามชาติพันธุของพวกเขาฝายบิดา นอกจากบุตรของฟาฏิมะฮฺซ่ึงฉันเปนผูควบคุมที่ใกลชิดของพวกเขา ฉะนั้นฉันจึงเปนชาติ พันธของพวกเขา และเปนเสมือนบิดาของพวกเขา” ทานฏ็อบรอนียไดบันทึกตามรายงาน ของทานซะฮฺรออฺเปนฮาดีษที่ 22 ที่ทานอิบนุฮะญัรไดอางไวในภาคท่ี 2 บาบท่ี 11 หนังสือ “ศอวาอิก” หนา 112 อีกเชนกันทท่ี าน ฏอบรอนียไดบันทึกตามรายงานของทานอิบนุอุมัร ดังท่ีปรากฏอยูในหนาเดียวกัน ทาน ฮากิมก็ไดบันทึกไวอยางเดียวกันในหนา 164 ภาคท่ี 3 หนังสือ “มุสตัดร็อก” รายงานโดย ทา นญาบริ หลังจากนน้ั ทา นไดบ ันทึกวา น่คี อื ฮาดษี ที่มีสายสืบอยางถูกตอ ง (ศอฮฮี้ )ฺ แตทา น บุคอรีและทา นมุสลมิ มิไดบันทึก และจากในบันทึกของทานฮากิมในหนังสือ “มุสตัดร็อก” นี้ และบันทึกของทานซะฮะบียในหนังสือ ตัลคีสไดอางฮาดีษอีกบทหนึ่งวา ทาน (ศ) ได กลาววา “โออาลี เจามิใชหรือท่ีเปนท้ังพี่นองของฉัน และเปนบิดาแหงบุตรของฉัน....” รายงานทํานองน้ยี ังมอี กี มากมาย (322) รายละเอียดของเรื่องการมีผูรวมภารกิจน้ีทานสามารถท่ีจะพิจารณาไดอยางเพียงพอ กบั คาํ กลา วของทานศาสนทูต (ศ) ที่วา “เจากับฉันอยูในฐานะของฮารูนที่มีตอมูซาดังเชนที่ เราไดทําการอธิบายใหทานอยางละเอียดไปแลวใน อัล-มุรอญิอะฮฺท่ี 26 และท่ีอื่น ๆ อีกทั้ง
ฮาดษี ทร่ี ะบถุ งึ เหตกุ ารณใ นตอนแระกาศเตือนคนในครอบครวั ท่วี า “ฉะน้ันในหมูพวกทาน จะมีผูใดบางที่จะรวมภารกิจของฉัน” ซ่ึงทานอาลีก็ไดกลาววา “โอทานรอซูลุลอฮฺ ฉันเอง ฉันจะเปนผูรวมภารกิจของทานเกี่ยวกับการน้ัน” เรื่องน้ีทานก็ไดอานผานมาแลว ในอัล-มุ รอญิอะฮฺที่ 20 มีบทกวีของทานบูศีรียที่ไดประพันธข้ึนเพื่อสดุดีเร่ืองน้ีในหนังสือของทาน วา.... “บตุ รแหงลุงทา นไดร ว มภารกิจ อยูสนิทในตาํ แหนง อันสูงสง เปนทัง้ พวกเพ่อื นพองทีม่ ่ันคง ชวยดาํ รงหลักการศานติธรรม ทานมิเพียงแตเ ปดมานแหง ความมดื ยังชว ยยืดความศรทั ธากลา วสูงลาํ้ เปนดจุ แสงสรุ ยี ค ล่สี ารธรรม แหวกมา นดําเปด ฝาดวงกมล” (323) บรรดาประชาชาติอิสลามท้ังผองตางไดลงมติเปนเสียงเดียวกันแลววา สําหรับใน (อัล-กรุ อาน) ของอลั ลอฮฺนั้น ไมม ีใครที่ถูกกลาวถงึ ผลงานมากเสมอเหมือนทา นอาลแี ละไม มใี ครแมแ ตคนเดียวที่จะสามารถทําไดจนถึงวันกียามัตน่ันคือ โองการท่ีเก่ียวกับการซุบซิบ ในซูเราะฮฺ “อัล-มุญาคะละฮฺ” ซ่ึงเปรียบเทียบสิ่งนี้ระหวางพฤติกรรมของผูอยูในฐานะปย มิตรของทานศาสดากับศัตรูของทานศาสดา กลุมนักปราชญไดทําการบันทึกเรื่องน้ีโดย ละเอียดตามหลักฐานท่ีถูกตอง (ศอฮี้ฮฺ) ซ่ึงวางอยูบนเงื่อนไขอยางเดียวกับบุคอรี-มุสลิม เพื่อจําแนกบุคคลท่ีประเสริฐกับบุคคลท่ีไมมีคุณธรรม ทานสามารถพิจารณาเร่ืองน้ีไดใน หนังสือ “มสุ ตดั ร็อก” ภาคท่ี 2 หนา 482 ของทา นฮากมิ และทานซะฮะบยี ก ไ็ ดบ นั ทึกเร่อื งนี้ ในหนังสือ “ตัลคีส” สําหรับทานขอใหเ ปด ดใู นหนังสอื ตัฟสรี ตาง ๆ ทอ่ี ธิบายโองการนี้เชน ตฟั สรี ษะอละบยี ตฟั สรี ของทา นฏ็อบรีย ตัฟสีรของทา นซะยูฎยี ตฟั สรี ของทานซะมัคชะรีย ตัฟสีรของทานอัร-รอซีย และในหนังสือตัฟสีร อื่น ๆ ทาน (ผูอาน) จะไดพบเรื่องน้ีในอัล- มุรอญิอะฮฺท่ี 74 โดยฮาดีษของทานหญิงอุมมุ สะละมะฮฺ และทานอับดุลลอฮฺ บิน อุมัร ใน การสนทนาลับ เปนมิตร(324) ทายาท(325) ประตขู องนครแหงวชิ าความร(ู 326) ประตบู า นแหง วทิ ยปญ ญา(327) ประตแู หง ความเมตตาของประชาชาติน(ี้ 328)
เปนหลกั ประกันความปลอดภยั เปนนาวาท่ยี งั ความปลอดภยั (329) การเชือ่ ฟง ปฏิบัตติ ามคําสงั่ สอนของ ทานอาลีถือเปน หนาท่ีทจี่ ําเปน เชนเดียวกับ การปฏิบัติ ตามคาํ ส่ังของทานนบแี หง อลั ลอฮฺ การฝาฝน คําส่ังใด ๆ ของทานอาลี มีคาเหมือนกับการฝาฝนคําส่ัง ของทานนบี(330) การติดตามแนวทางของทานอาลีเหมือนกับการติดตามแนวทางของทานนบี (ศ) และการแตกแยกกับทานอาลีมีคาเหมือนกันกับการแตกแยกกับทานนบี(331) แทจริงทานนบีจะให การยอมรับตอผูที่ยอมรับทานอาลี และจะตอตานผูท่ีตอตานทานอาลี(332) ทานจะเปนมิตรกับผูท่ี จงรักภกั ดีตอ ทานอาลี และทานจะเปนศัตรูของผูที่เปนศัตรูของทานอาลี(333) และผูใดท่ีรักทานอาลีก็ เทากับรักอัลลอฮฺ และศาสนทูตของพระองค และผูใดที่โกรธเขาก็เทากับโกรธอัลลอฮฺ และศาสน ทูตของพระองค(334) ผูใดท่ีใหความจงรักตอเขาเทากับใหความจงรักตออัลลอฮฺ และรอซูล(335) ผูใดที่ เปน ศตั รูของทาน กเ็ ทากับเปน ศัตรขู องอลั ลอฮฺและรอซูลเชน กนั ผใู ดทาํ รายเขาเทากับทํารายอัลลอฮฺ และรอซลู (336) ระหวางทานนบีและทานอาลี ในตอนที่ทานใกลถึงวาระวายชนม และครั้งหน่ึงท่ีบงชี้ถึง การสนทนาลับของทานท้ังสองในวันแหงฏออิฟ ซ่ึงวันน้ันทานศาสนทูต (ศ) ไดกลาววา “ฉันเองมิไดสนทนาลับอะไรกับเขา แตทวาอัลลอฮฺ ไดทรงใหมีการสนทนาลับกับเขา” และอกี ครั้งหนงึ่ ทท่ี านท้งั สองไดส นทนาลบั กัน คือ เมอ่ื ตอนมผี กู ลา วหาทานหญิงอาอิชะฮฺ (324) รายละเอียดเกี่ยวกับเร่ือง ผูใกลชิดของทานศาสนทูต (ศ) ทานสามารถสังเกตไดที่ฮา ดีษที่รายงานโดยทานอิบนุอับบาส ซ่ึงทานไดผานมาแลว ใน อัล-มุรอญิอะฮฺที่ 22 ที่วา “เจา คือมิตรของฉันทั้งในโลกน้ีและปรโลก” ซึ่งหลักการน้ีเปนสวนที่สําคัญย่ิงของศาสนา อสิ ลามทล่ี ะเลยไมไดอยางเด็ดขาด (325) รายละเอียดของเรื่องหลักฐานตาง ๆ ท่ีกลาวถึงเรื่องการแตงต้ังทายาท ทานไดผาน มาแลว ในอัล-มรุ อญอิ ะฮฺ ที่ 68 (326) โปรดดูฮาดีษท่ี 9 ของอลั -มรุ อญิอะฮทฺ ี่ 48 พรอมกบั หมายเหตุของหัวขอ นน้ั (327) โปรดดูฮาดีษที่ 10 ของอลั -มรุ อญอิ ะฮทฺ ่ี 48 (328) โปรดดฮู าดีษท่ี 14 ของอัล-มุรอญอิ ะฮฺท่ี 48 (329) เรอ่ื งนน้ี กั ปราชญทางอะฮลฺ ิซซนุ นะฮฺไดอ ธบิ ายไว ดงั ที่เสนอแลว ใน อัล-มรุ อญิอะฮทฺ ่ี 8 (330) กฎเกณฑน ี้ไดจ ากฮาดษี ที่ 16 ของอัล-มรุ อญิอะฮทฺ ่ี 48 และฮาดษี อ่นื ๆ อกี ดวย
(331) กฎเกณฑน้ไี ดจ ากฮาดษี ท่ี 17 ของอลั -มรุ อญอิ ะฮฺท่ี 48 และฮาดษี อ่นื ๆ (332) จากอิมามอะหมฺ ดั ไดบันทึกฮาดษี น้จี ากรายงานของทานอะบู ฮุร็อยเราะฮฺดงั ปรากฏอยู ในหนา 442 ภาคที่ 2 หนังสือ “มุสมัด” วาทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (ศ) ไดมองไปท่ีอาลี ฟาฏมิ ะฮฺ ฮาซนั และฮเุ ซน แลวกลา ววา “ฉนั จะตอตานกับผูท่ีตอตานพวกเจาและจะยอมรับ ผูท่ียอมรับพวกเจา” ทานศาสนทูต (ศ) ไดกลาวเม่ือขณะที่ไดคลุมคนเหลานี้ดวยผาหม ตามที่มีปรากฏเปนฮาดีษท่ีมีสายสืบถูกตอง (ศอฮ้ีฮฺ) วา “ฉันจะตอตานผูที่ตอตานพวกเจา และจะยอมรับผูที่ยอมรับพวกเจา อีกทั้งฉันจะเปนศัตรูตอศัตรูของพวกเจา” ทานอิบนุ ฮะญัรไดอางเร่ืองน้ีอธิบายโองการหน่ึงท่ีกลาวถึงเกียรติยศของพวกเขาเหลานี้ ตามท่ีมี ปรากฏอยูในภาคที่ 1 บาบที่ 11 ของหนังสือ “อัส-เศาะวาอิก” และแนนอนท่ีสุด คํากลาว ของทาน (ศ) ตอนนี้ไดเปนที่รูกันมากมายอีกประโยคหน่ึงก็คือ “การตอตานอาลีนั้นถือวา เปน การตอตา นฉัน สวนการยอมรบั ตอ เขา นน้ั หมายถึงการยอมรับตอ ฉนั ” (333) โปรดดู ฮาดีษท่ี 20 ของอัล-มุรอญิอะฮฺท่ี 48 ซ่ึงประโยคฮาดีษน้ันมีสายสืบสอดคลอง กันเปนเอกฉันท (มุตะวาติร) คือขอความท่ีวา “โออัลลอฮฺขอทรงคุมครองอยางใกลชิดตอผู ที่จงรักภักดีตออาลี และจงเปนศัตรูของผูที่เปนศัตรูของเขา” อัลฮัมดุลิลละฮฺ คงจะเปนท่ี เพียงพอสําหรับทาน ตามท่ีทานไดผานมาแลวใน อัล-มุรอญิอะฮฺที่ 36 ซึ่งเปนคํากลาวของ ทานศาสนทูต (ศ) ในฮาดีษท่ีรายงานโดยทานบุรัยดะฮฺวา “ผูใดท่ีโกรธอาลี แนนอนเทากับ เขาไดโกรธฉัน และผูใดที่แตกแยกกับอาลีเทากับเขาไดแตกแยกขจากฉัน” นอกจากน้ียังมี สายสบื ทีส่ อดคลองตรงกันตามมาตรฐานของรายงานฮาดีษ (มุตะวาติร) วา “แทจริงจะไมมี ใครรักเขาเวนแตผูศรัทธา และไมมีใครโกรธเขาเวนแตผูกลับกลอก ดวยพระนาม ของอัลลอฮฺ แทจ รงิ เขาคอื พนั ธะหนงึ่ ของทา นนบี (อลั -อุมมีย) ” (334) อาศัยกฎเกณฑนี้จากฮาดษี ท่ี 19,20,21 จากอัล-มุรอญิอะฮทฺ ่ี 48 และอืน่ ๆ (335) กฎเกณฑน้ีอาศัยจากฮาดีษที่ 23 ของ อัล-มุรอญิอะฮฺ ดังกลาวน้ัน และกับประโยคฮา ดีษท่ีวา “โออัลลอฮฺ ขอไดทรงคุมครองผูซึ่งจงรักภักดีตอเขา (อาลี) และทรงเปนศัตรูตอผู ซึ่งเปนศตั รขู องเขา” ผูใดที่ปรักปรําเขา ก็เทากับปรักปรําตออัลลอฮฺและรอซูล(337) แทจริงเขาเปนผูนําที่ทรง คุณธรรม เปน ผพู ฆิ าตความเลวราย ผูท่ีใหค วามชวยเหลอื เขายอมจะเปนผูถูกสงเสริม ผูใดท่ีบั่นทอน เขายอมจะเปนผูถูกบั่นทอน(338) แทจริงเขาคือประมุขแหงบรรดาผูใฝสันติ (มุสลิม) เปนผูนําแหง
บรรดาผูสํารวมตนและเปนผูนําของผูเครงครัดตอวินัยทางศาสนา(339) ทานคือธงชัยแหงทางนําที่ ถูกตอง เปนผูนํา (อิมาม) ของบรรดาที่รักแหงอัลลอฮฺ (เอาลิยา อัลลอฮฺ) เปนรัศมี (นูร) ของผูซึ่ง ปฏิบัติตามอัลลอฮฺเปนวจนะหน่ึงท่ีอัลลอฮฺทรงเนนถึงความสําคัญไวแกบรรดาผูสํารวมตน(340) ทาน เปนผมู ีสจั จะอนั ย่งิ ใหญ เปนมาตรการจําแนกสําหรับบรรดาประชาชาติเปนแกนนําสําหรับบรรดาผู ศรัทธา(341) เปนผูมีฐานะอยูในระดับของมาตรการจําแนก (อัล-ฟุรกฺอน) อันย่ิงใหญและอยูในระดับ เดยี วกันกบั ขอเตือนสติอันมีวทิ ยปญญา (อัล-กุรอาน)(342) และทา นอาลีกับทานนบีอยใู นฐานะเชน ฮา รูนกบั มูซา(343) (336) เหตุผลสําหรับทานในขอนี้ก็คือ คํากลาวของทานศาสนทูต (ศ) ในฮาดีษท่ีรายงาน โดยทานอัมร บิน ชาชที่วา “ผูใดประทุษรายตออาลี แนนอนเทากับเขาประทุษรายตอฉัน” รายงานโดยทานอะหฺมัด ในหนาที่ 483 ภาคที่ 3 หนังสือ “มุสนัด” ทานฮากิมก็ไดบันทึกไว ในหนาที่ 123 ภาคท่ี 3 หนังสือ “มุสตัดร็อก” ทานซะฮะบียก็ไดบันทึกไวในหนังสือ “ตัลคีศ” โดยจํากัดความไววาเปนฮาดีษศอฮี้ฮฺทานบุคอรีก็ไดบันทึกไวในหมวดตารีค ทานอิบนุสะอดั ก็ไดบันทึกไวในหนังสือ “ฏอบากอต” ทานอิบนุ อาบูชัยบะฮฺก็ไดบันทึกไว ในหนังสอื “มสุ นดั ” ของทาน ทานฏอ็ บรอนียก็ยังไดบันทึกไวในหนังสือ “อัล-กาบีร” และ เปน ฮาดีษทีอ่ ยใู นหนา 400 ภาคท่ี 6 หนงั สอื “กันซลุ อมุ าน” (337) กฎเกณฑน ี้อาศัยจากฮาดษี ที่ 18 ของ อลั -มรุ อญอิ ะฮฺท่ี 48 และอน่ื ๆ (338) กฎเกณฑน ีอ้ าศัยจากฮาดีษท่ี 1 ของ อลั -มุรอญิอะฮฺดงั กลาว และอนื่ ๆ (339) โปรดพิจารณาฮาดีษที่ 2,3,4,5 ของ อลั -มุรอญอิ ะฮฺที่ 48 (340) โปรดพิจารณาฮาดีษท่ี 6 ของ อลั -มุรอญิอะฮฺดงั กลาว (341) กฎเกณฑน อี้ าศยั จากฮาดีษที่ 7 ของ อัล-มรุ อญอิ ะฮดฺ งั กลา วและอนื่ ๆ ทานอาลีกับทานนบีอยูในฐานะเชนเดียวกับท่ีทานนบีมีตอพระผูอภิบาล(344) และฐานะของ ทา นอาลกี บั ทา นนบี อยูใ นฐานะเชน ศรี ษะกับรางกาย(345) อยใู นฐานะเปน เรอื นรางเดยี วกัน(346) แทจริงอัลลอฮฺผูทรงเดชานุภาพสูงสุดไดทรงมีขอทดสอบตอบรรดาชาวโลกดวยการท่ี พระองคทรงคัดเลือกบุคคลท้ังสองข้ึนมาจากหมูพวกเขา(347) ทานก็ไดรับทราบจนเปนที่เพียงพอไป แลวถึงเงื่อนไขอันหนึ่งของทานนบีเม่ือวันแหงการประกาศท่ีทุงอารอฟะฮฺ ในการทําฮัจญครั้ง สดุ ทาย ซึ่งในกรณีนนั้ ทา นนบีมไิ ดม อบหมายใหบุคคลอ่ืนทําหนาท่ีอันนั้น นอกจากทานอาลี(348) อีก หลายครั้งหลายคราวท่ที านไดระบุไวเปน การเฉพาะสาํ หรบั ทานอาลซี ง่ึ เง่อื นไขตาง ๆ ท่ีลวนแลวแต
แสดงใหเห็นวาทานอาลีมิใชเปนเชนบุคคลอื่น นอกจากเปนวะศีย (ทายาท) ท้ังน้ีเปนเรื่องราวท่ีถูก ประมวลมาจากบรรดานักปราชญทีไ่ ดศกึ ษาจนรถู งึ หลกั การตาง ๆ ของทานนบี (342) เหตุผลสําหรับทานในขอน้ีมีเพียงพอแลวตามท่ีทานไดผานมาใน อัล-มุรอญิอะฮฺท่ี 8 จากบรรดาฮาดีษศอฮ้ีฮฺท่ีกลาวถึงส่ิงสําคัญที่หนักยิ่งสองประการ (ษะเกาะลัยน) ซึ่งฮาดีษ เหลา น้นั เปน สัจธรรมทอ่ี ธิบายจนกระจางแจงแกส ายตาได และในอัล-มุรอญิอะฮฺท่ี 50 ทาน ก็ไดผ า นฮาดษี หนง่ึ มาแลว นั่นคอื “แทจริงอาลีอยูกับ อัล-กุรอาน และอัล-กุรอานอยูกับอาลี ท้งั สองน้ีจะไมแตกแยกจากกัน” (343) เรื่องนี้ทานไดรับความกระจางแจงไปแลวใน อัล-มุรอญิอะฮฺท่ี 26,28,30,32 และ อัล- มุรอญิอะฮฺท่ี 34 (344) กฎเกณฑน ้ไี ดจ ากฮาดษี ท่ี 13 ของ อลั -มุรอญิอะฮทฺ ี่ 48 (345) กฎเกณฑน ไ้ี ดจากฮาดีษที่เราไดเสนอใน อลั -มรุ อญอิ ะฮทฺ ี่ 50 (346) กฎเกณฑน ีไ้ ดจ ากโองการมุบาฮลิ ะฮแฺ ละฮาดีษใน อัล-มุรอญอิ ะฮฺท่ี 50 (347) มฮี าดีษทรี่ ะบถุ งึ เรอ่ื งน้ี ดงั ทเ่ี ราไดเสนอไปแลว ใน อลั -มุรอญอิ ะฮฺท่ี 68 (348) โปรดพิจารณาฮาดีษที่ 15 ของ อัล-มุรอญิอะฮฺที่ 48 และโปรดสังเกตหมายเหตุของฮา ดษี บทน้ันตามทีเ่ ราไดกลาวถึงไปแลว ดว ย ฉะน้ันความคิดที่จะคัดคานการแตงต้ังทายาทของทานศาสดาจะเปนไปไดอยางไร ที่ไหน และเมื่อไหร ? แลวทานอาลีจะมีความสําคัญท่ีย่ิงใหญในดานใดอีกหรือ ถาหากวามิไดเปนความมุง หมายของทานนบี สําหรับการใหดํารงตําแหนงทายาท ซ่ึงตําแหนงทายาทน้ีก็มิใชเพ่ืออื่นใด นอกจากเปน ไปตามเงอ่ื นไขบางประการของกิจการอันสําคญั อันน้ีมิใชห รอื ? 2. สําหรับทัศนะของบรรดานักปราชญท้ังสี่มัซฮับนั้นยังมีผูปฏิเสธตอความจริงตาง ๆ ตามท่ีกลาวมาน้ี ทัง้ นกี้ ็เพราะพวกเขามีความเห็นวา คณุ สมบัติตา ง ๆ ดงั กลาวแลวนั้น มิไดรวมอยูกับ บรรดาคอลฟี ะฮฺสามคนแรกดวย 3. หลักฐานตา ง ๆ ของพวกเขาเหลาน้นั ไมว าจะเปน เร่ืองราวที่บันทึกมาโดยทานบุคอรีหรือ บุคคลอ่นื ๆ ก็ตาม ยอ มไมเปน ท่ียอมรบั แกพวกเรา เชน ฮาดีษซึ่งรายงานโดย ฎ็อลฮะฮฺ บิน มัศรุฟ ที่ ไดก ลา ววา “ฉันไดถามทานอับดุลลอฮฺ บิน อาบู เอาฟาอฺวา “ทานนบี (ศ) ไดมีการแตงต้ังทายาทจริง หรือ ?” เขาบอกวา “ไม” ฉันไดกลาวตอไปอีกวา “ทําไมทานไดกําหนดใหประชาชนมีการแตงต้ัง
ทายาท แตแลวทานกลับละท้ิงเรื่องน้ีเสียเอง” ทานตอบวา “ทายาทของทานน้ันคือพระคัมภีร ของอัลลอฮ”ฺ ฮาดีษเหลา นีไ้ มม สี ายสืบที่ยืนยันอยางแข็งแรงจากทางดานของพวกเรา เพราะเหตุวาเปนฮา ดีษที่รายงานมาจากอิทธิพลของฝายปกครองที่ไดใชอํานาจทางการเมือง ซึ่งเขาไดกระทําการริบ รอนขอเท็จจริงของเร่ืองนี้ไปเสียทุกประการ ซึ่งความจริงแลวมีรายงานที่ถูกตองจากสายสืบของ บรรดาอิมามผูสืบเชื้อสายบริสุทธิ์ ซ่ึงไดยืนยันไวอยางสอดคลองตรงกัน ในเร่ืองของการแตงตั้ง ทายาทซงึ่ มีมากพอท่ีจะตแี ผเ พอ่ื พิสูจนก บั ดา นทป่ี ฏเิ สธ 4. โดยเหตุที่คําสั่งเกี่ยวกับการแตงต้ังทายาทน้ันเปนเร่ืองที่เต็มไปดวยหลักฐานท่ีชัดแจง อยางเหลือหลาย อีกทง้ั เปนเรอ่ื งทส่ี ามารถพสิ ูจนไดโ ดยสตปิ ญ ญาและสภาพความเปนจริง(349) สําหรับเรื่องราวตาง ๆ ท่ีทานบุคอรีไดรายงานมาจากอิบนุ อาบู เอาฟาอฺ โดยอางถึงฮาดีษ ของทานนบี (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความสันติสุขแดทานและแดบรรดาลูกหลาน ของทาน) ที่วาทานนบีไดส่ังเสียไวเฉพาะแตเพียงเรื่องของพระคัมภีรแหงอัลลอฮฺอยางเดียวเทาน้ัน เราถอื วา ไมม มี ูลความจรงิ ตามน้ี เพราะวาทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (ศ) ไดเคยมีการส่ังเสียใหยึดม่ัน ตอสิ่งสําคัญที่หนักย่ิงของทานสองประการพรอม ๆ กัน และทานไดเสนอเปนขอพันธะใหแก ประชาชาติของทาน โดยการใหยึดเหนี่ยวตอสายเชือกท้ังสองของทานอยางพรอมเพรียงกัน และ ทานยังไดเตือนสําทับแกประชาชาติของทานใหรูวา ความหลงผิดจะเกิดขึ้นถาหากไมมีการยึดมั่น ตอสิ่งท้ังสองนั้น และทานยังไดบอกแกประชาติของทานตอไปอีกวา แทจริงส่ิงทั้งสองนั้นจะไมจํา พรากออกจากกัน จนกวามันจะไดยอนคืนกลับไปยังทาน ณ สระน้ําแหงสวนสวรรค น่ีคืออาดีษท่ีมี หลักฐานอยางถูกตอง (ศอฮ้ีฮฺ) ที่มีสายสืบสอดคลองตรงกันจากรายงานของบรรดาผูสืบเชื้อสายท่ี บรสิ ทุ ธิ์ (349) ความคิดท่ีอุบัติข้ึนอยางมีเลศนัยตอแบบฉบับของทานนบี (ศ) เทานั้น ที่ถือวาทานได ส่ังใหประชาชนของทานมีการแตงตั้งทายาท แตแลวทานกลับเปนผูละท้ิงในเร่ืองนี้เสียเอง ทั้ง ๆ ทสี่ ิง่ นที้ า นไดยา้ํ ใหประชาชาตขิ องทานถือปฏิบัติ เพราะแมแตเด็กกาํ พราท้ังหลายก็ยัง ไดรับสิทธิในสิ่งน้ี ซึ่งไมมีใครแมแตคนเดียวในโลกน้ีท่ีจะละเลยเง่ือนไขนี้ได เพราะมัน เปนกฎเกณฑท่ีบัญญัติโดยอัลลอฮฺ เราขอความคุมครองตออัลลอฮฺใหพนจากความคิดท่ีวา ทานนบี (ศ)ไดละท้ิงประชาชาติแหงยุคสมัยของทาน ซ่ึงเขาเปนชาวโลกที่จะตองดําเนิน ชีวิต ซึ่งพวกเขาจะตองมีมาตรฐานแนวทางสําหรับช้ีนําชีวิตของพวกเขา หลักฐานสําหรับ
ขอนี้ สามารถพิสูจนความจริงไดวา ทานนบี (ศ) ไดมีการแตงต้ังใหทานอาลีเปนทายาท เชน คําส่ังท่ีทานไดเสนอใหทานอาลีเปนผูอาบนํ้ามัยยิต จัดแตงมัยยิตและฝงรางของทาน อีกทั้งใหทานอาลีเปนผูทําการอธิบายเรื่องราวตาง ๆ ท่ีประชาชนท้ังหลายขัดแยงกัน หลังจากทาน และพันธะกรณีท่ีทานไดเสนอแกประชาชนวา ทานอาลีคือผูปกครองของ พวกเขา และเหตุผลอน่ื ๆ อกี มากมายท่รี ะบุอยใู น อัล-มุรอญิอะฮฺบทนี้ สําหรับทานสามารถท่ีจะศึกษาถึงท่ีมาของฮาดีษศอฮี้ฮฺบทนี้จากรายงานทางดานสายสืบอ่ืน นอกเหนือจากสายสืบเหลานี้ก็ไดดังเชนที่เราไดเสนอไปแลวใน อัล-มุรอญิอะฮฺที่ 8 และ อัล-มุ รอญอิ ะฮทฺ ี่ 54 วัสลาม (ช) อัล-มรุ อญิอะฮฺ 71 10 ศอฟร 1330 • เพราะเหตุใดทานจึงไดทําการปฏิเสธฮาดีษที่รายงานโดย “มารดาของศรัทธาชน” ซึ่งเปน ภรรยาผปู ระเสรฐิ ยงิ่ ของทานนบี ? ขออัลลอฮฺไดทรงอภัยโทษใหแกทานดวยเถิด ในกรณีท่ีทานไดปฏิเสธคํารายงานของ “มารดาแหงศรทั ธาชน” ผซู ่งึ เปนภรรยาทีป่ ระเสรฐิ ยงิ่ ของทานนบี ซ่งึ ทานกลับถือวาฮาดีษท่ีรายงาน มาจากทานหญิงเปนส่ิงฉาบฉวย และทานไดละท้ิงฮาดีษเหลาน้ันเสียอยางไมสนใจไยดี ท้ัง ๆ ที่คํา กลาวของทา นหญงิ น้นั เปน ขอ พสิ ูจนท็ ี่แจมแจง และเปนที่ยอมรับกันวาทานหญิงเปนผูรายงานฮาดีษ ที่ยุติธรรมแตทานกลับเอาสติปญญาของทานเองเขามาเก่ียวของกับเร่ืองนี้ ขอใหทานไดแถลง ออกมาใหกระจา งเถิดวาเปนเพราะเหตใุ ด แลว เราจะไดพจิ ารณาใครครวญกัน วสั ลาม (ซ)
อลั -มุรอญิอะฮฺ 72 12 ศอฟร 1330 1. ทานหญิงอาอีชุฮฺมิไดมีความประเสริฐยิ่งไปกวาบรรดาภรรยาท้ังหลายของทานนบี (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความสันติสุขแดทานและแดบรรดาลูกหลานของ ทา น) ทกุ คน 2. ภรรยาผมู ีเกยี รติยศทีส่ ุดของทา นนบีนัน้ คือ ทา นหญิงคอดยี ะฮฺ 3. คาํ ชแ้ี จงเกี่ยวกับเหตุผลซ่งึ เปนสาเหตทุ ี่จะตอ งปฏิเสธฮาดษี บทนีข้ องทา นหญิงอาอีชะฮฺ 1. สําหรับมารดาแหงศรัทธาชน ทานหญิงอาอีชะฮฺน้ันมีเกียรติยศและฐานะอันสูงสงก็จริง อยู แตก็มิใชวาทานหญิงผูนี้จะมีเกียรติยศยิ่งไปกวาบรรดาภรรยาท้ังหลายของทานนบี (อัลลอฮฺทรง ประทานความจาํ เรญิ และความสันติสุขแดท านและแดบ รรดาลูกหลานของทาน) ทุกคนก็หามิได จะ เปน ไปไดอ ยา งไรทว่ี าทา นหญงิ อาอีชะฮฺจะมีความประเสริฐมากกวาบรรดาภรรยาท้ังหลาย ก็ในเมื่อ มีรายงานฮาดษี จากทานหญิงเองบทหนง่ึ ทไ่ี ดก ลาววา “ทานศาสนทูต (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความสันติสุขแดทานและแดบรรดา ลกู หลานของทา น) ไดรําลึกถึงทานหญิงคอดียะฮฺในวันหนึ่ง ซ่ึงฉันไดยอนแกทานวา “หญิงแกผูนั้น เปนอยางน้ันอยางนี้ ซ่งึ อัลลอฮไฺ ดทรงเปล่ียนหญิงท่ีดีกวาคอดียะฮฺมาใหแกทานแลว” ทานศาสนทูต ไดกลาววา “อัลลอฮฺมิไดทรงเปล่ียนหญิงที่ดีกวานางมาใหฉันแตอยางใดเลย แนนอนยิ่งนางเปนผู ศรัทธาตอฉันในขณะที่ผูคนทั้งหลายพากันปฏิเสธฉัน นางมีความเช่ือมั่นตอฉันในยามท่ีผูคน ทง้ั หลายกลา วหาวาฉันมสุ า นางเปน ผูร ว มมือกับฉนั ในเรอ่ื งทรพั ยส ินของนางในยามท่ีผูคนทั้งหลาย พากันหวงหามตอฉัน และอัลลอฮฺก็ทรงโปรดประทานบุตรของฉันใหไดเกิดจากนาง ในขณะที่ พระองคท รงหวงหา มมใิ หฉ นั มีบุตรกบั หญงิ คนอื่น” (อัล-ฮาดษี )(350) มีรายงานฮาดีษจากทานหญิงอาอีชะฮฺอีกบทหนึ่งไดกลาววา “ทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความสันติสุขแดทานและแดบรรดาลูกหลานของทาน) แทบ จะไมออกจากบานไปไหน จนกวาทานจะไดกลาวถึงคุณงามความดีซ่ึงเปนเกียรติคุณของทานหญิง คอดยี ะฮฺ อยางเชน ทานไดเอย ถึงทา นหญิงในวนั หน่ึงซ่ึงฉันบังเกิดความรูสึกอิจฉาข้ึนมาทันที ฉันจึง กลาววา “คอดียะฮฺเปนแคหญิงแก ๆ คนหนึ่งเทานั้น แลวบัดน้ีอัลลอฮฺก็ไดทรงเปลี่ยนหญิงที่ดีกวา
นางมาใหทานแลว” ทันใดนั้นเองทานนบีก็มีอาการโกรธมากจนกระทั่งเสนผมของทานส่ันไหวมา ทางดานหนาเนื่องจากความโกรธแลวทานไดกลาววา “ขอสาบานดวยพระนามของอัลลอฮฺวา พระองคมิไดทรงเปลี่ยนหญิงที่ดีกวาคอดียะฮฺใหแกฉัน นางเปนผูศรัทธาตอฉันในขณะท่ีผูคน ทั้งหลายพากนั ปฏเิ สธ นางใหค วามเชือ่ ม่ันตอฉันในขณะท่ีผูค นท้งั หลายกลา วหาวาฉันมุสา นางเปน ผูทุมเททรัพยสินใหแกฉันในขณะที่ผูคนท้ังหลายพากันหวงหามตอฉัน และอัลลอฮฺก็ทรงโปรด ประทานใหฉ นั ไดมีบุตรจากนางขณะทพ่ี ระองคทรงหวงหา มมใิ หฉนั มบี ุตรกับหญงิ คนอ่นื ” (350) ฮาดีษบทน้แี ละฮาดีษท่ีถัดมามีปรากฏอยูในหนังสือศอฮี้ฮฺของนักปราชญฝายซุนนะฮฺ โปรดดูเรื่องราวที่เก่ียวกับทานหญิงคอดียะฮฺ อัลกุบรอฺ จากหนังสือ “อิสตีอาบ” ทานบุคอรี และมุสลิมกไ็ ดบนั ทึกไวในหนังสอื ศอฮี้ฮฺของทา นทง้ั สอง 2. ฉะนั้นจะเห็นไดวาภรรยาที่มีเกียรติยศท่ีสุดของทานนบี (ศ) ก็คือทานหญิงคอดียะฮฺ อัล กุบรอ ซ่ึงทานหญิงเปนผูซ่ือสัตยท่ีสุดแหงประชาชาติน้ี เปนบุคคลแรกท่ีมีความศรัทธาตออัลลอฮฺ และยึดมั่นตอพระคัมภีรของพระองค เปนผูใหความเกื้อกูลตอทานนบี จนถึงกับอัลลอฮฺไดทรง ประทานวะฮยฺ มู าแกท านนบี (ศ) วาใหแจงขาวดีใหแกนาง(351) วา “อัลลอฮฺไดทรงสรางปราสาทหลัง หนึ่งใหเปนท่ีพํานักในสวนสวรรค” หลักฐานที่บงช้ีถึงเกียรติยศอันสูงสงของนางน่ันคือคํากลาวที่ ทานนบีไดกลาววา “สตรีชาวสวรรคที่ประเสริฐยิ่งคือคอดียะฮฺ บินต คุวัยลิด ฟาฏิมะฮฺ บิน มุฮัมมัด อาซยี ะฮฺ บนิ มซุ าฮิม และมัรยมั บินต อิมรอน” ทา นศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความสันติสุขแดทานและ แดบรรดาลกู หลานของทาน) ไดกลา ววา “สตรีทป่ี ระเสริฐยิง่ แหงสากลโลกมี 4 ทาน คือ มรั ยัม บินต อิมรอน คอดียะฮฺ บนิ ต ควุ ยั ลิด ฟาฏมิ ะฮฺ บิน มฮุ มั มดั และอาซยี ะฮฺภรรยาของฟรเิ อาน” หลักฐานอีกมากมายทไ่ี ดบงบอกถึงเร่ืองราวเหลา น้จี ากฮาดีษทส่ี ืบทอดมาจากทานนบ(ี 352) นอกจากนี้ก็ยังไมอาจที่จะกลาวไดวาทานหญิงอาอีชะฮฺจะมีความประเสริฐยิ่งไปกวาปวง มารดาแหงศรัทธาชนทั้งหลาย ยกเวนทานหญิงคอดียะฮฺ เพราะมีหลักฐานฮาดีษซึ่งสืบทอดเปน เร่ืองราวอยูอีกมากมาย ซ่ึงไมเปนท่ีสงสัยกันแตประการใดในหมูนักวิชาการ ซึ่งถาหากทานหญิง เปนผูมีเกียรติยศยง่ิ ไปกวาภรรยาของนบที กุ คนแลว แนนอนทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (อัลลอฮฺทรง ประทานความจําเริญและความสันติสุขแดทานและแดบรรดาลูกหลานของทาน) ก็จะไมปฏิเสธนาง อยางนน้ั
(๓๕๑) รายงานโดยทานบุคอรีในบาบที่วาดวยความอิจฉาของสตรีและในตอนทายของกิ ตาบนกิ าฮฺ หนา ๑๗๕ ภาคท่ี ๓ (๓๕๒) โปรดพจิ ารณาตัวบทฮาดษี ดังกลาวขางตน ดังเชนท่ีมีปรากฏอยูครั้งหน่ึงในเหตุการณที่เก่ียวกับมารดาของศรัทธาชน ทานหญิงซอฟ ยะฮฺ บินต ฮัยน คร้ังหน่ึงทานนบี (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความสันติสุขแดทานและ แดบรรดาลูกหลานของทา น)ไดเขาไปหาทา นหญิงซอฟย ะฮฺ ซึ่งขณะน้นั เธอกําลังรองไหอยู ทานนบี จึงไดกลาวแกทานหญิงซอฟยะฮฺวา “ทานรองไหทําไม ?” ทานหญิงซอฟยะฮฺไดตอบวา “ทานหญิง อาอีชะฮฺและทานหญิงฮัฟเซาะฮฺไดมาหาฉันแลวทั้งสองไดกลาววา “เราประเสริฐกวาซอฟยะฮฺ” ทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความสันติสุขแดทานและแด บรรดาลูกหลานของทา น) ไดก ลาววา “ทานมิไดกลา วแกค นท้งั สองนัน้ ดอกหรือวาทานจะประเสริฐ กวา ฉันไดอ ยางไร ในเมอ่ื บิดาของฉันคือฮารูน และลุงของฉันคือมูซา สวนสามีของฉันคือ มุฮัมมัด” (๓๕๓) ผูใดก็ตามถาหากเขาไดติดตามศึกษาอยางใกลชิดตอความเคลื่อนไหวของทานหญิงอาอี ชะฮฺ มารดาแหงศรัทธาชน ท้ังในดานของพฤติกรรมและวจีกรรมของทานแลว แนนอนท่ีสุดเขาจะ ไดพบไปตามทีเ่ ราไดกลา วมาแลว นี้ ๓. สําหรับกรณีท่ีเราไดปฏิเสธรายงานฮาดีษท่ีวาดวยเรื่องของทายาทที่เลาโดยทานหญิงอา อีชะฮฺ ก็เพราะเราถือวาฮาดีษเหลานั้นมิใชเปนขอมูลท่ีแทจริง ฉะน้ันขอทานอยาไดขอรองให ขา พเจาทําการวเิ คราะหเก่ียวกับเรื่องนเี้ ลย วัสลาม (ช) (๓๕๓) รายงานโดยทานติรมีซียจากสายสืบของทานกินานะฮฺ คนสนิทของทานหญิงซอฟ ยะฮฺ มารดาแหงศรัทธาชน ทานอิบนุ อับดุลบัรไดกลาวถึงเรื่องน้ีไวในหนังสือ “อิสตีอาบ” ทานอิบนุ ฮะญัรก็ไดอธิบายไวในหนังสือ “อิศอบะฮฺ” ชัยค รอชีด ริฎอ ก็ไดอางไวใน ตอนทายของหนา ๕๘๙ เลมที่ ๑๒ ตัฟสีร “อัล-มะนาร” และหนังสืออื่น ๆ อีกจํานวนไม นอย
อัล-มุรอญอิ ะฮฺ ๗๓ ๑๓ ศอฟร ๑๓๓๐ • คําขอรอ งใหอ ธิบายในสาเหตุทป่ี ฏเิ สธรายงานฮาดษี ในเร่ืองน้ีของทา นหญงิ อาอีชะฮฺ แทจริงทานเปนผทู ่ีไมม ีใครสามารถเอาชนะและทาํ ใหทานจํานนตอหลกั ฐานไดไ มมขี อ อา ง อ่ืนใดท่ีจะตําหนิและที่จะโจมตี เน่ืองจากทานเปนผูมีวิทยปญญาอยูในระดับสูงที่ประชาชน จําเปนตองยอมรับ ขาพเจาขอสรรเสริญตออัลลอฮฺท่ีขาพเจามิไดเปนผูรับความเขาใจจากขอมูลท่ี ผิดพลาด และมิไดเปนผูปฏิบัติตามทัศนะที่มีมลทิน ความจริงแลวขอมูลตามที่ขาพเจาไดเสนอมา นั้นมีขอผิดพลาดดังน้ันขาพเจาจึงตองขอรองมายังทานเพ่ือใหทําการอธิบายถึงส่ิงท่ีไมควรจะไดตก หลนไปจากขาพเจา แนนอนที่สุดคําตอบของทานน้ันเปนคําอธิบายอันชัดแจงสําหรับขาพเจาอยาง ไมตองสงสัย ดังนั้นขอใหทานไดกระทําใหลุลวงสําหรับภารกิจของทานและขอใหทานไดบอกเลา เรื่องราวทสี่ าํ คัญเหลา นั้นดวย ขาพเจาขอติดตอกับทานในเรื่องน้ี เพราะวามีโองการท่ีเปนขอเตือนสติอันทรงวิทยปญญา บทหน่ึงวา “แทจริงบรรดาผูซ่ึงไดปดบังอําพรางสิ่งท่ีเราไดประทานลงมาซ่ึงเปนขอมูลท่ีชัดแจงและ เปนทางนํา” (อลั -บะเกาะเราะฮฺ : 159) วสั ลาม (ซ)
อัล-มุรอญอิ ะฮฺ 74 1. การอธิบายถึงสาเหตุทต่ี อ งปฏิเสธฮาดษี ซ่งึ รายงานโดยทา นหญงิ อาอีชะฮฺ 2. ขอมูลเกี่ยวกับเร่อื งการแตง ตง้ั ทายาทนน้ั สามารถใชสตปิ ญ ญาพิสูจนได 3. ขออางของทานหญิงอาอีชะฮฺท่ีวาทานนบีไดวายชนมในขณะท่ีอยู ณ ทรวงอกของนาง นนั้ เปน สง่ิ ทถ่ี ูกคัดคาน 1. ขออัลลอฮฺไดทรงนําทานใหบรรลุถึงขอมูลท่ีแทจริงดวยเถิด แมวามันเปนส่ิงท่ียังความ ลําบากใจใหแกขาพเจาสักเพียงใดก็ตาม ตัวทานเองก็มีความรูเก่ียวกับเร่ืองน้ีจนสมบูรณเต็มเปยม ซ่งึ เรอ่ื งท่ีเราจะกลา วถงึ ณ ทน่ี กี้ ค็ ือประเด็นท่เี กี่ยวกับฮาดีษที่วาดวย “วะศียะฮฺ” (ทายาท) และเร่ืองนี้ มกี ารขัดแยง กนั อยา งมากมายและเรอื่ งทํานองน้ีไดกอ ใหเกดิ การทาํ ลายพ้นื ฐานของ “อัล-คุมส” (เงิน เศษหนง่ึ สวนหา) เรือ่ งของการสบื มรดก แนนอนทส่ี ุดสิง่ เหลา นี้เปนความมัวหมอง(354) จนพัวพันไป ถึงเร่ืองการทําสงครามกับทานอามีรุล มุมีนีน ซึ่งกลุมทหารเผด็จการไดทําการโคนลมและละเมิด สทิ ธกิ ารปกครองและอาณาจักรของทา น (354) มหี ลกั ฐานจากนักปราชญฝายซุนนะฮฺกลาวถึงเร่ืองนี้ขอใหพิจารณาดูที่หนังสือศอฮ้ีฮฺ บุคอรี บาบท่ีวาดวยเรื่องของสิ่งท่ีเกิดข้ึนในบานของบรรดาภรรยาของทานนบี (ศ) จากกิ ตาบ “อัล-ญิฮาจญ” หนา 125 ภาคท่ี 2 ซ่ึงทานสามารถท่ีจะพบถึงเรื่องรายละเอียดของเร่ือง น้ี “เปนเร่ืองจริงท่ีเกิดข้ึนแลวใชวา ขาพเจาพูดขึ้นมาเอง ทางที่ดีแลวโปรดอยาถามเรื่องราวน้ี เลย” หลักฐานที่ตอตานเร่ืองการแตงต้ังทายาทท่ีทานนบีใหแกทานอาลีนั้นมีปรากฏอยูโดยคํา กลาวของทานหญิงอาอีชะฮฺ ทานหญิงคือผูคัดคานท่ีแข็งแรงที่สุดคนหน่ึงสําหรับเร่ืองนี้ และไมมี การคัดคานเร่ืองของ “วะศียะฮฺ” (ทายาท) คร้ังใดท่ีย่ิงใหญไปกวาเหตุการณเมื่อทําสงครามญะมัลท้ัง สองคร้ัง(355) ซ่ึงท้ังสองคร้ังน้ันไดปรากฏเปนขอมูลที่มีเง่ือนไขซับซอนอยู และการทําสงครามทั้ง สองครั้งนั้นไดแสดงใหเห็นวาทานหญิงไดทําการตอสูกับผูท่ีอยูในฐานะเปนวะลียของนาง (ผูปกครอง) และทําการตอสูกับผูเปนทายาทแหงนบีของนาง และตอมาหลังจากไดเสร็จส้ิน
ภาวการณสูรบที่นางไดกระทําตอทานอาลีแลว ทานอาลีก็ไดถึงแกกรรมลง ทันทีที่ทานหญิงได รบั ทราบขาวนี้ ทานถึงกับทําการสุญดเพื่อขอบพระคุณตออัลลอฮฺ โดยไดสดุดีตอพระองค โดยทาน ไดก ลาวบทกววี า ในทาํ นองวา ส่งิ ทที่ า นรอคอยนั้นไดประสบผลแลว(356) (355) ไดมีเรื่องมัวหมองเกิดข้ึนเพราะเหตุการณทําสงครามอูฐที่เมืองบัสเราะฮฺเมื่อหาวัน หลังของเดือนรอบีอุซซานี ป ฮ.ศ. 36 ซ่ึงในคราวน้ันทานอามีรุล มุมีนีนไดมุงหนาไปยัง เมืองบัสเราะฮฺแลวไดประจัญกับมารดาของศรัทธาชน ทานหญิงอาอีชะฮฺอีกทั้งฎ็อลฮะฮฺ และซุบัยรก ไ็ ดอ ยรู วมกับทา นหญิงดว ย บุคคลเหลาน้ันไดฆาชายฉกรรจท่ีมาจากพรรคพวก ของทานอาลี (อ) จนเสียชีวิตถึง 40 คนในมัสญิด และไดสังหารอีก 70 คนในสถานที่อ่ืน ทานอุสมาน บิน ฮุนัยฟ ซึ่งเปนสาวกคนหนึ่งไดแอบหนีไปหลบซอน แตแลวพวกเขา เหลานั้นก็ยังติดตามไปเพ่ือทําการสังหาร หลังจากนั้นพวกเขาเกรงวา นองชายของอุสมาน อีกคนหน่ึงท่ีชื่อสะฮัลจะทราบเรื่อง พวกเขาจึงทําการโกนหนวดเคราและโกนผมของเขา เสีย และไดทําการเฆ่ยี นตพี รอ มกบั คุมขังไว หลังจากน้ันพวกเขาก็ไดขับไลอุสมาน ออกไป เสียจากเมืองบัสเราะฮฺ หลังจากนั้นทานอาลีก็ไดเดินทางมา ซึ่งทานหญิงอาอีชะฮฺก็ไดทํา กองทหารของนางมาประจันหนากับทานอาลีขณะนั้นเองก็ไดเกิดสงครามอูฐครั้งใหญข้ึน รายละเอยี ดของเหตกุ ารณซึ่งเปน ประวัตศิ าสตรค รง้ั นี้ บรรดานกั ประวัตศิ าสตรเชน ทา นอิบ นุ ญะรีร และทานอบิ นุ อะษรี ตลอดถงึ บุคคลอนื่ ๆ ตา งก็ไดบันทกึ ไว ถาหากทานมีความประสงคที่จะทบทวนถึงฮาดีษตาง ๆ ท่ีรายงานมาถึงทานหญิงอาอีชะฮฺ แลว ทานก็จะยิ่งเห็นไดชัดวา ทานหญิงอาอีชะฮฺมีเลศนัยอยูหลายเร่ือง เชน รายงานตอนหนึ่งที่ทาน หญิงไดกลาววา(357) “เม่ือตอนที่ทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและ ความสันติสุขแดทานและแดบรรดาลูกหลานของทาน) เจ็บหนักนั้นทานไดเดินออกไปโดยท่ีชาย สองคนชวยพยุงทาน ซึ่งทานหญิงไดกลาววา “ผูชายคนหน่ึงน้ัน คือ ทานอับบาส บิน อับดุล มุฏฏอลบิ พรอ มกบั อีกคนหนง่ึ ” ผูรายงานฮาดษี คนหน่ึงช่ือ อบุ ัยดิลละฮฺ บนิ อบั ดุลลอฮฺ บนิ อดุ บะฮฺ บิน มสั อดู ไดว จิ ารณฮา ดษี บทนต้ี อ ไปวา ขาพเจา ไดบอกเลา เกย่ี วกับคํากลา วของทา นหญิงอาอชี ะฮฺ คําน้ีใหแกทานอับดุลลอ ฮฺ บิน อับบาส ซึ่งทานอิบนุ อับบาสไดกลาวแกฉันวา “ทานรูหรือเปลาวาบุคคลที่ทานหญิงอาอีชะฮฺ ไมเอยชอื่ ถงึ น้ันคือใคร ?” ฉันไดก ลาววา “ไมรู”
ทานอบิ นุ อับบาสไดกลา วอีกวา “เขาคอื อาลี บิน อาบีฏอลบิ ” หลงั จากนน้ั เขาไดก ลาวอกี วา “แทจริงทา นหญิงอาอชี ะฮฺมีเจตนาทีไ่ มด ตี อ ทานอาล”ี (358) (356) รายงานเร่ืองน้ีโดยนักวิชาการผูทรงคุณวุฒิจํานวนมาก เชน อาบู ฟะร็อจ อัล-อิศฟะ ฮานีย ในหนงั สือ “มะกอตลิ -ฏอลิบนี ” (357) ทานบคุ อรไี ดรายงานเรอื่ งน้ีไวใ นบาบทว่ี า ดวย การปวยและการวายชนมของทานนบี (ศ) หนา 62 ภาคท่ี 3 หนงั สอื ศอฮี้ฮฺ (358) คําพูดตอนนี้คือ คําพูดของทานอิบนุ อับบาสที่วา แทจริงทานหญิงอาอีชะฮฺ ไมมี เจตนาดีตอเขา (อาลี) แตทานบุคอรีไดตัดออกไป ซึ่งลักษณะเชนน้ีทานบุคอรีมักจะถือ ปฏิบัติอยูเสมอ แตทวานักปราชญฝายซุนนะฮฺอีกจํานวนมากท่ียังนํามาบันทึกไวในตําราท่ี ศอฮี้ฮฺของพวกเขา ซ่ึงสามารถท่ีจะพิสูจนได เชน หนังสือ “ฏอบากอต” ภาคที่ 2 สวนที่ 2 หนา 29 ของทานอิบนุ สะอัดซ่ึงทานไดนําเรื่องนี้มาบันทึกโดยสายสืบที่มาจากอะหฺมัด บิน ฮจั ญาจ จากอับดุลลอฮฺ บิน มุบาเราะฮฺ จากูนุสและมุอัมมัรซึ่งไดรับมาจากซุฮรีย จากอุบัย ดนิ ละฮฺ บนิ ฉันกลาววา “ในเม่ือทานหญิงอาอีชะฮฺมีเจตนาท่ีไมดีตอทานอาลีถึงขนาดไมยอมเอยถึงชื่อ วาเขาเปนผูที่ทานนบี (ศ) ไดเดินรวมกับเขา ฉะน้ันจะใหทานหญิงอาอีชะฮฺมีเจตนาดีท่ีจะบอกเลา เรื่องการที่ทานอาลไี ดรบั ตําแหนงทายาทไดอ ยางไร ซึ่งในเรือ่ งน้เี ปน ความดีของทา นอาลโี ดยตรง ?” ทานอิมามอะหฺมัดไดรายงานฮาดีษบทหนึ่งของทานหญิงอาอีชะฮฺไวในหนังสือมุสนัดของ ทาน ภาคที่ 6 หนา 113 ซึ่งเปนฮาดีษท่ีมาจากทานอะฏอฮฺ บินยะสาร วา “มีชายคนหนึ่งไดนําเร่ือง ของทานอาลี และทานอัมมารไปปรึกษากับทานหญิงอาอีชะฮฺ ซึ่งทานหญิงไดกลาววา สําหรับเรื่อง ของอาลีน้ัน ฉนั ไมมีอะไรท่จี ะพดู ถงึ เขาใหท านฟง แตสําหรบั อัมมารนั้น ฉันเคยไดย นิ ทา นศาสนทตู แหงอลั ลอฮฺ (อัลลอฮทฺ รงประทานความจาํ เริญและความสนั ตสิ ุขแดท า นและแดบรรดาลกู หลานของ ทาน) กลาวถึงเขาไววา “ถาเขาไดเลือกงานหนึ่งงานใดแลว สิ่งที่เขาไดตัดสินใจนั้นลวนมีความ ถูกตองทงั้ ส้ิน” นาอนาถแทท่ีทานหญิงผูเปนมารดาแหงศรัทธาชน ไดพิถีพิถันตอเร่ืองของอัมมารโดย สามารถจดจําคํากลาวของทานนบี (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความสันติสุขแดทานและ แดบรรดาลูกหลานของทาน) ไดกลาววา “ถาเขาไดเลือกงานหน่ึงงานใดแลว สิ่งท่ีเขาไดตัดสินใจ น้ันลวนมีความถูกตองทั้งสิ้น” แตทานหญิงมิไดใหความพิถีพิถันจดจําตอเรื่องราวที่มีอยูในตัวของ
ทานอาลี ทั้ง ๆ ที่เขาคอื พี่นอ งของทานนบีและเปนคนใกลช ดิ ของทา น และอยใู นฐานะของนบีฮารูน อีกทั้งอยูในฐานะท่ีปรึกษาเฉพาะของทาน ตลอดทั้งทานอาลีเปนผูดําเนินกิจการตาง ๆ แก ประชาชาติของทาน เปนประตูแหงนครของวิทยปญญา เปนผูที่อัลลอฮฺและศาสนทูตของพระองค ใหค วามรักและเปนผูที่รักอัลลอฮฺตลอดถึงศาสนทูตของพระองค เปนประชาชนคนแรกที่เขารับนับ ถือศาสนาอิสลามเปน คนแรกเร่ิมที่มีความศรัทธาตออัลลอฮฺ ทานอาลีเปนผูที่มีความรูสูงท่ีสุดในหมู ประชาชนช่ือเสียงเกยี รตยิ ศของทานกเ็ ปนท่ีเลื่องลอื ในหมูพวกเขา อุตบะฮฺ บิน มัสอูด ซึ่งไดรับฟงมาจากทานอิบนุ อับบาส และบุคคลเหลาน้ีไดเปนท่ียอมรับ ในการรายงานฮาดีษอยูแลว ทกุ คน นา อนาถใจจรงิ หนอทีท่ านหญิงยังมิไดรูจักถึงฐานะของทานอาลีวาสูงสงปานใดตามทัศนะ ของอัลลอฮฺ ผูทรงเดชานุภาพสูงสุดและทานหญิงยังไมรูถึงฐานะของทานอาลีเปนเสมือนหัวใจของ ทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความสันติสุขแดทานและแด บรรดาลกู หลานของทาน) อกี ท้ังสถานภาพของทานอาลีท่ีมีตออิสลามนั้นย่ิงใหญสูงสงปานใด ทาน เปน ผผู า นการทดสอบทีด่ ีเลิศ เหตไุ ฉนทา นหญงิ จึงไมเคยไดย นิ เรือ่ งราวท่ีเปนสิทธขิ องทานอาลีดังมี ปรากฏอยูในพระคมั ภรี แหง อลั ลอฮฺ และแบบอยางของทา นนบีเลยแมแตส่ิงเดียว แนนอนย่ิง ขาพเจามีความรุมรอนในความคิดที่มีตอคํากลาวของทานหญิงที่วา “แนนอน ทส่ี ดุ ฉนั ไดเหน็ ทานนบี และตวั ฉนั ไดโ นม ทา นมาสูท รวงอกของฉนั ทา นตอ งการความชุมชื่นซึ่งฉัน ก็ไดทําใหทานสบาย แลวทานก็ไดเสียชีวิตไป ฉันไมรูเลยวา ทานไดส่ังเสียใหอาลีเปนทายาทได อยางไรกัน” ขาพเจาไมทราบวาอะไรคือความหมายของการโอดครวญในประโยคนี้ของทานหญิงอาอี ชะฮฺ ซึ่งเปนประโยคที่ไดพรรณนาเพ่ือใหประชาชนไดรูวาทานศาสดาไดวายชนมลงในลักษณะ อยางไรและตองการท่ีจะใหประชาชนไดรูวาลักษณะการท่ีทานหญิงไดอธิบายออกมานั้นเปน หลกั ฐานที่บงชี้วา ทานศาสดามิไดส ่ังเสียสงิ่ ใดไวเลยหรือวาตามทัศนะของทานหญิงนั้นมีความเห็น วาการส่ังเสยี ในเรอ่ื งตาง ๆ จะไมถกู ตอ งนอกจากในขณะที่ตายเทาน้ัน หามิได หากแตขอพิสูจนซ่ึงเปนสัจธรรมอยางย่ิงไดลบลางความเขาใจท่ีเกิดขึ้นมาจาก ทัศนะดังกลาว โดยที่อัลลอฮฺผูทรงเดชานุภาพสูงสุด ไดทรงประทานคําเตือนมายังศาสดาผูทรง เกียรตขิ องพระองค ซึ่งปรากฏอยูในบทบัญญตั แิ หง พระคัมภีรอนั ทรงวทิ ยปญญาของพระองคดงั นี้
“ไดมีบัญญัติมาแกพวกสูเจาวา เมื่อความตายไดมาถึงคนหน่ึงคนใดในหมูสูเจาก็ใหเขาได ละทง้ิ คาํ สงั่ เสยี เก่ยี วกับมรดกไว” (อลั -บาเกาะเราะฮฺ : 180) เปนไปไดหรือไมทีท่ า นหญิงผูเปนมารดาแหงศรัทธาชนจะมีความคิดเห็นวา ทานศาสนทูต แหงอลั ลอฮฺ (อัลลอฮทฺ รงประทานความจาํ เรญิ และความสนั ตสิ ุขแดทา นและแดบรรดาลูกหลานของ ทาน) นั้นจะเปนผูขัดแยงกันกับพระคัมภีรของอัลลอฮฺ ? และขัดแยงกับบทบัญญัติตาง ๆ ของ พระองค ขาพเจาขอความคุมครองจากอัลลอฮฺ แนนอนทานหญิงเปนผูไดเห็นทานศาสนทูตดําเนิน บทบาทชีวิตและปฏิบัติตามแนวทางตาง ๆ ของพระองคอยางยอมจํานนโดยสิ้นเชิงตอคําสั่งและขอ หามของพระองคอยางเปนผูบรรลุสูเปาหมายอันสูงสงทุกประการ ขาพเจามิไดสงสัยเลยวาทาน หญิงจะตองไดยินคํากลาวของทานศาสนทูตท่ีวา(359) หนาที่ที่จําเปนสิ่งหนึ่งสําหรับมุสลิมที่จะตอง สง่ั เสียเมื่อยามที่เขาตองแรมคืนถึงสองคืนน้ัน ไมมีอันใดนอกจากคําส่ังเสียของเขาจะตองถูกบันทึก ไวโดยเขาเอง” (359) รายงานโดยทา นบคุ อรีในตอนแรกของกิตาบ “อัล-วะศอยาน” จากหนังสือศอฮ้ีฮฺของ ทานหนา 83 ภาคที่ 3 ทานมุสลิมก็ไดรายงานไวในกิตาบ “อัล-วะศียะฮฺ” หนา 10 ภาคที่ 2 หนังสอื ศอฮีฮ้ ฺของทา น หรือมิฉะน้ันทานหญิงก็คงจะไดรับฟงฮาดีษอ่ืน ๆ ท่ีมีเรื่องราวคลายคลึงกันกับฮาดีษบทนี้ มาแลว จะเห็นไดวาคําสั่งของทานศาสนทูตในเร่ืองของการแตงตั้งทายาทนั้น เปนเร่ืองท่ีทานไดให ความสําคัญอยางยิ่ง ซ่ึงไมมีขอสงสัยใด ๆ วาทานจะมีการซอนเรนในเรื่องน้ี และไมเปนท่ีอนุมัติ ใหแกทานอีกทั้งไมเปนที่อนุมัติใหแกบรรดานบีทั้งหลาย (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและ สดุดีตอพวกเขาทั้งมวล) ในอันท่ีจะใหพวกเขาสั่งสอนเรื่องหนึ่งเรื่องใด โดยที่พวกเขามิได ดําเนินการปฏิบัติตอส่ิงน้ัน ๆ ดวย ตลอดทั้งไมเปนที่อนุมัติใหพวกเขาเหลานั้นตั้งขอผูกมัดเกี่ยวกับ ส่งิ หนงึ่ สิง่ ใด แลว พวกเขาเองไมจาํ เปนทจ่ี ะตองดําเนนิ การตามเงื่อนไขน้นั ๆ หามิได อัลลอฮฺเปนผูทรงสูงสุดยิ่ง สําหรับการประทานมาซ่ึงขอกําหนดอันสูงสง และ ยิง่ ใหญเ หลา นขี้ องพระองค สาํ หรบั รายงานฮาดษี ตามท่ที า นมุสลิมตลอดจนถงึ นักปราชญอ น่ื ๆ ไดบ นั ทกึ มาจากคาํ บอก เลาของทานหญิงอาอีชะฮฺอีกบทหนึ่งน้ัน คือวา “ทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺมิไดละท้ิงเงินทองแมแต หนึ่งดีนารหรอื สกั หน่ึงดริ ฮมั ไมม ที ั้งแพะและแกะ อีกท้งั ไมม ีคาํ สั่งเสียเกีย่ วกบั ส่งิ หนึ่งสง่ิ ใดไวเลย”
โดยแทจริงทานก็เปนเสมือนเชนบรรดานบีกอน ๆ จากทานกลาวคือความหมายตาม รายงานฮาดีษของทานหญิงบทน้ี ถาหากจะถือวาทานศาสดามิไดละทิ้งคําส่ังเสียสิ่งหน่ึงสิ่งใดไว อยางเด็ดขาดจริง ๆ แลวละก็ยอมมิใชเปนสิ่งถูกตอง เพราะแทจริงทานเปนผูท่ีทําการส่ังเสียไว เกี่ยวกับทุกส่ิงทุกอยาง จริงอยูทานมิไดละท้ิงสิ่งใดที่เปนทรัพยสินสําหรับโลกนี้ เหมือนเชนบรรดา ชาวโลกทั้งหลายไดมีการละท้ิงกันไว ในขณะท่ีทานศาสดาเปนผูซึ่งมีความมักนอยที่สุดในสากล โลก แตโดยขอเท็จจริงแลวทานไดกลับไปยังพระผูอภิบาลผูทรงเดชานุภาพสูงสุดของทาน ในขณะ ที่ทานเปนผูสาละวนอยางจริงจังตอกิจการของศาสนา(360) พันธะสัญญา และทานยังมีพันธะกรณีที่ ไดรับมอบหมาย (อะมานะฮฺ) อยางมากมายซ่ึงจําเปนที่จะตองมีการแตงตั้งทายาท และส่ังเสียไวให ทายาทไดเ ปน ผดู ําเนินกิจการตาง ๆ เหลา นน้ั เพ่อื ดํารงไวซ ึ่งความสมบูรณสําหรับศาสนาสืบไป และ วางขอ ผูกมัดตาง ๆ เกี่ยวกับพนั ธะสญั ญาของทา น โดยท่ผี ูสืบมรดกในดานน้ีของทานจะตองรับรอง ไวเพ่ือดําเนินกิจการตอไป หลักฐานในเรื่องน้ีมีอยางชัดแจงจาก คําอุทธรณของทานหญิงฟาฏิมะฮฺ อซั ซะรอฮฺ เพอ่ื ขอมรดกท่เี ปน สวนของนาง (ความสันติสขุ พึงมแี ดทา น)(361) 2. ถา หากวา ทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความสันติสุข แดทานและแดบรรดาลูกหลานของทาน) ไดทําการละทิ้งสิ่งตาง ๆ ที่จําเปนไวสําหรับใหทายาทได ดําเนินการ ซ่ึงสิ่งนั้น ๆ ไมมีบุคคลใดในสากลโลกไดละท้ิงพันธะกรณีในขอน้ีแลวละก็ เทากับทาน ไดละท้ิงศาสนาของอัลลอฮฺอันเที่ยงธรรมไวใหอยูในสภาพธรรมชาติและความเปนไปของมันเอง ซึ่งแนนอนที่สุดมันเปนเรื่องสําคัญที่จะตองมีทายาทย่ิงกวาเร่ืองของทรัพยสินเงินทอง สมบัติ พัสถาน เรอื กสวนและปศสุ ัตว เพราะวา บรรดาประชาชาติทั้งหลายลวนอยูในฐานะที่เปนกําพรา ซึ่ง เปน ผูที่มคี วามจาํ เปนอยางยง่ิ ที่จะตองอาศัยผูเปนทายาทของทานเพื่อดํารงไวซ่ึงหลักการตาง ๆ ของ ทาน ในฐานะผูบริหารกิจการตาง ๆ ใหแกพวกเขา และดําเนินการตาง ๆ เพ่ือชี้นําพวกเขาเหลาน้ัน ทงั้ กจิ การทางศาสนาและทางโลก (360) รายงานโดยมุอัมมัร ซ่ึงไดรับรายงานมาจากทานเกาะตาดะฮฺวา ทานอาลีไดชําระ หนี้สินตาง ๆ ของทานนบี (ศ) ใหดําเนินการภายหลังการวายชนมของทาน ซ่ึงทานไดระบุ วามีจํานวนเงินถึงหาหมื่นดิรฮัม (อัล-ฮาดีษ) โปรดดูหนา 60 ภาคท่ี 4 หนังสือกันซุลอุมาน ซงึ่ เปนฮาดีษที่ 1170
(361) ศอฮี้ฮฺบุคอรี ภาคท่ี 3 หนา 37 ตอนทาย บาบท่ีวาดวย “การทําสงครามคัยบัร” และศอ ฮี้ฮฺมุสลิมที่วาดวย ฮาดีษหนึ่งของทานนบี “เราไมมีมรดกใด ๆ ส่ิงที่เราละท้ิงไวลวนเปน ทาน” กติ าบญฮิ าต หนา 72 ภาคที่ 2 เปนไปไมไดเลยท่ีทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (ศ) จะมอบศาสนาของอัลลอฮฺซ่ึงทานเปนผู ดําเนินกิจการมาโดยตลอด ในดานการพิทักษรักษาบทบัญญัติตาง ๆ ของพระองคไวใหแก ประชาชาติโดยปราศจากซึ่งทายาทที่ไดรับการมอบหมายใหดําเนินกิจการท้ังทางดานศาสนาและ ทางโลก และเปนไปไมไดสําหรับการท่ีทานจะละท้ิงบรรดาประชาชาติที่เปนกําพราเหลานี้ไวโดย ปราศจากตวั แทนของทา น พวกเขาเหลาน้ันเปนชาวโลกท่ียังจะตองดําเนินชีวิตอยูไปอีกนาน เชน ฝูงแกะท่ีถูกทอดทิ้ง ไวในยามค่าํ คืน โดยไมม ผี หู นึ่งผใู ดทําหนาทร่ี ักษาดแู ลตามสทิ ธิทพ่ี งึ มีสําหรับผทู าํ หนา ท่ีดแู ลรกั ษา ขอคุมครองตออัลลอฮฺสําหรับการท่ีจะเขาใจกันวาทานศาสดาไดละทิ้งหลักการของการ แตงต้ังทายาทไปเสีย หลังจากที่ทานเปนผูไดรับพระบัญชาใหดําเนินการในเร่ืองน้ี ซ่ึงทานไดสั่ง สอนบรรดาประชาชาตขิ องทานใหดาํ เนินการในเร่ืองนั้น แตทา นกลับสรางความคับแคนใหแกพวก เขาเหลา นน้ั สาํ หรับในกรณีที่เปนเรื่องของทานเอง ซ่ึงเหตุผลทางสติปญญาโดยทั่วไปแลวก็มิอาจท่ี จะปฏิเสธหลักการที่วาดวยเร่ืองของการแตงตั้งทายาทได โดยแนนอนท่ีสุด แลวทานศาสนทูต แหง อัลลอฮฺ (อลั ลอฮฺทรงประทานความจาํ เรญิ และความสนั ติสุขแดทานและแดบ รรดาลูกหลานของ ทาน) ไดทําการสั่งเสียในเร่ืองของทายาทใหแกทานอาลีมาต้ังแตสมัยแรกเริ่มของการประกาศ ศาสนาอสิ ลามในนครมกั กะฮฺ โดยโองการทอี่ ลั ลอฮฺ ผูท รงสงู สดุ ไดประทานมาในตอนน้ันวา “และเจาจงตักเตอื นญาติสนิทของเจา” (อัช-ชอุ ะฺ รออฺ : 214) ดังเชนท่ีทานไดทราบรายละเอียดของเร่ืองน้ีไปแลวในอัล-มุรอญิอะฮฺท่ี 20 และทานไมเคย เปล่ียนแปลงคาํ สงั่ หลังจากเหตุการณนนั้ ทา นยงั คงยํา้ ในเรอ่ื งทายาทของทา น และทานยังฝงแนนใน เรอื่ งของทายาทครัง้ แลวคร้งั เลาโดยทานถอื วาเปน พนั ธะกรณีสาํ หรบั ทาน ซึ่งเรื่องนี้เราไดชี้แจงผาน มาแลว ในบทกอ น ๆ ของหนงั สือเลมน้เี ปน จํานวนมาก จนกระทั่งในยามทที่ านจวนจะถงึ แกการวาย ชนมทา นก็ยังมคี วามปรารถนาทจี่ ะบันทกึ เรอ่ื งที่เกี่ยวกบั การแตงตัง้ ทายาทของทา นที่ใหแกทานอาลี ซึ่งเปนการยํ้าถึงพันธะกรณีของทานเพื่อไดระบุเปนลายลักษณอักษร และเพ่ือเปนหลักฐานท่ี แขง็ แรงสําหรบั การยืนยันถงึ คาํ กลาวหลายครั้งทที่ า นไดม ีแกท า นอาลี
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317