พวกเขาเอง และผูใดท่ีฝาฝนอัลลอฮฺและศาสนทูตของพระองค แนนอนยิ่งพวกเขาไดหลงผิดโดย การหลงผิดอยางชดั แจง” (33 : 36) โดยเหตุท่ีพวกเขาไดกระทําการขัดแยงและละเมิดตลอดจนถึงคัดคานตอคําส่ังของทานศา สนทตู ในภาวะท่สี าํ คญั อยางใหญหลวงเชน นั้นเอง จึงถือไดวาเปนการสรางความหนักใจและยุงยาก ใหแกจิตใจของทานนบีย่ิงกวาการที่ทานไดบันทึกขอความซึ่งพิทักษรักษาประชาชาติของทานให พนจากความหลงผิด ถาเขามีความตองการท่ีจะผอนคลายความออนเพลียดวยการมิใหบันทึก ขอความน้ัน ๆ แลว เขาตอตานและใชคําพูดดวยคํากลาวท่ีวา “ทานเพอไปเสียแลว” ไดอยางไรกัน หรือ กลุมบุคคลเหลาน้ันไดกลาวอีกวาทานอุมัรตัดสินใจถูกตองแลวท่ีไมนําหมึกและกระดาษ มารใหทานนบี นี้คือความแปลกประหลาดที่นาอัศจรรยใจอยางย่ิงวาทานอุมัรเปนผูนําในหมูสาวก เหลาน้ัน มิใหนําสิ่งท้ังสองมอบแกทานนบีไดอยางไรกัน ทั้ง ๆ ที่ทานนบีไดออกคําส่ังวาใหนําส่ิง ท้ังสองน้ันไปใหแกทาน ทานอุมัรมีความเห็นถูกตองแลวหรือท่ีวาถาศาสนทูตแหงอัลลอฮฺไดออก คาํ สงั่ ใด ๆ ไปแลว ทา นจะเปน คนแรกท่ลี ะทงิ้ คําสัง่ นน้ั เสีย ท่ีนาแปลกย่ิงไปกวาเร่ืองอื่นทั้งหมด ก็คือคํากลาวที่พวกเขาเหลานั้นไดกลาววา “ทานอุมัร หว่ันวิตกวา ถาทานนบีไดบันทึกคําสั่งใด ๆ ในชวงน้ันแลว คําส่ังน้ัน ๆ จะไมเปนที่ยอมรับของ ประชาชน ฉะนน้ั เพื่อสภาวะสังคมจะไดยืนหยัดอยกู ับหลักความถูกตอง ทานจึงละท้งิ คาํ สง่ั นน้ั เสยี ” ความจริงแลวทานอุมัรจะมีความหว่ันวิตกไดอยางไรกัน ก็ในเม่ือทานนบีไดกลาววา “ประชาชาติของฉันจะไดไมหลงผิด” ทานและตลอดจนถึงบุคคลทั่วไปตางก็มีความตระหนักวา ทานอุมัรมีความรูดีในเหตุการณอนาคตย่ิงไปกวาทานนบีไดหรือ หรือวามีความรอบคอบและ ปรารถนาดตี อ ประชาชาตขิ องทานศาสนทูตยงิ่ ไปกวา ทา นศาสนทูต ?.... หามไิ ด บุคคลเหลานั้นไดกลาววา “บางทีทานอุมัรมีความหว่ันเกรงวาบรรดากลับกลอก (มุนาฟก) จะทําการบ่ันทอนขอเท็จจริงตาง ๆ ที่จะบันทึก เพราะทานนบีอยูในอาการท่ีปวยหนัก ซึ่งใน ประเด็นนีจ้ ะเหน็ ไดวาอาจเปนบอเกิดแหง การใสร ายปา ยสกี ันได ขออัลลอฮฺไดทรงประทานหลักการแหงสัจธรรมใหทานดวยเถิด ทานเองก็ทราบอยูแลววา เงื่อนไขเหลานี้ เปนภาวะที่เกิดข้ึนโดยคํากลาวของทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (อัลลอฮฺทรงประทาน ความจําเริญและความสันติสุขแดทานและแดบรรดาลูกหลานของทาน) ท่ีวา “พวกทานจะไดไม
หลงผิด” ทั้งน้ีเน่ืองจากทานศาสนทูตไดระบุความหมายอยูในตัววาขอความที่ทานจะใหบันทึกนั้น จะเปน ขอ มลู ทีบ่ รรดาสาวกทั้งหลายปลอดภัยจากความหลงผิด ฉะน้ันจะมีทางเปนไปไดอยางไร สําหรับกรณีท่ีวาขอความนั้นคือขอมูลแหงการถูกใสราย หรือวิพากษวิจารณจากพวกกลับกลอก (มุนาฟก) ? ถาทานอุมัรเกรงวาพวกมุนาฟกจะ วิพากษวิจารณขอความเหลาน้ันแลว ไฉนเลาทานจึงเปนผูติติงแลวคัดคานและหามอีกท้ังกลาววา “ทานเพอไปเสยี แลว ” เสยี เอง สําหรบั การทพี่ วกเขาเหลา นั้นไดกลาวถงึ โองการของอัลลอฮทฺ วี่ า “วันน้เี ราไดทาํ ใหส มบรู ณค รบถว นแกสูเจาแลว ซ่งึ ศาสนาของสูเจา ” (5 : 3) แลวพวกเขาเหลาน้ันก็กลาววา “คัมภีรของอัลลอฮฺเปนที่เพียงพอแกเราแลว” คํากลาวเชนน้ี ถือไดวายังไมถูกตอง ทั้งนี้เน่ืองจากวาโองการน้ันมิไดมีความหมายวา ประชาชาติจะปลอดภัยจาก ความหลงผิดและมิไดเปนขอมูลที่ระบุถึงทางนําอันชัดเจนสําหรับมนุษยชาติ การละทิ้งหนาที่เพ่ือมิ ใหบันทึกขอความของทานศาสนทูต จะหมายถึงวาเปนการยึดมั่นตอโองการนั้นไดอยางไร ? ถา หากวาการมีพระคัมภรี อ ัล-กุรอานเพยี งอยางเดียว จะหมายถงึ ความปลอดภัยจากความหลงผิดไดจริง แลว แนนอนในประชาชาตินี้ยอมไมประสบปญหาความหลงผิดและความแตกแยกดังที่ปรากฏให เห็น ๆ กันอยู ในตอนทายของคําตอบตามท่ีนักปราชญฝายซุนนะฮฺไดกลาวมานั้น แสดงใหเห็นวาทาน อมุ รั มไิ ดยอมรบั ตอความสาํ คญั ของฮาดีษบทนใ้ี นประเดน็ ทวี่ า ขอ ความทีท่ า นศาสนทูตจะบันทึกนั้น เปนสาเหตุแหงการพิทักษรักษาประชาชาติอิสลามทุกคนใหพนจากความหลงผิดซ่ึงหมายความวา ความเขาใจของทานอุมัรน้ันก็คือขอความนั้นจะเปนสาเหตุแหงความหลงผิดนั่นเอง โดยท่ีกลุม นักปราชญฝายซุนนะฮฺไดกลาววา “ทานอุมัร (อัลลอฮฺทรงมีความปติชื่นชมแดทาน) ตระหนักดีวา เปนไปไมไดอีกแลวที่บรรดาสาวกจะรวมตัวกันตั้งอยูบนหลักการที่หลงผิด ไมวาทานศาสนทูตจะ บนั ทกึ ขอ ความนัน้ หรอื ไมบนั ทกึ กต็ าม ดว ยเหตุนี้เองท่ีทานอมุ ัรจงึ เปน ผคู ดั คานในวันน้นั ” สรุปไดวา ทานอุมัรมิใชเปนมาตรการที่ช้ีขาดความเขาใจของประชาชนสําหรับฮาดีษบทนี้ เพราะฮาดีษบทนี้เปนที่เขาใจอยางชัดแจงของประชาชนท้ังมวลในขณะนั้น ทั้งน้ีเน่ืองจากวาบรรดา สาวกท้ังชาวเมืองและนอกเมืองลวนมีความเขาใจวา ถาหากทานศาสนทูตไดบันทึกขอความน้ันไว แลว แนนอนที่สุด จะเกิดมีเงื่อนไขที่สมบูรณในดานของการพิทักษรักษาประชาชาติทุกคนใหพน
จากความหลงผิด ซ่ึงความหมายน้ีเปนที่ยอมรับสําหรับความเขาใจของประชาชนทั้งหลาย สําหรับ ทานอุมัรนั้นทานเชื่อมั่นวา ทานศาสนทูต (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความสันติสุขแด ทานและแดบรรดาลูกหลานของทาน) ไมหวั่นวิตกวาประชาชาติของทาน จะรวมตัวกันตั้งอยูใน หลักการที่หลงผิด ท้ังนี้เนื่องจากทานอุมัร (อัลลอฮฺทรงมีความปติช่ืนชมตอทาน) เคยไดยินทานศา สนทูต (ศ) กลาววา “ประชาชาติของฉันจะไมรวมตัวกันตั้งอยูบนหลักการท่ีหลงผิด และไมรวมตัว กันเพื่อตั้งอยูบนหลักการแหงความผิดพลาด” และคํากลาวของทานศาสนทูตอีกตอนหน่ึงท่ีวา “ทุก กลุมในประชาชาติของฉันน้ียอมเปนผูยืนหยัดอยูกับสัจธรรม” และโองการของอัลลอฮฺผูทรงสูงสุด ท่วี า “อัลลอฮฺทรงสัญญาแกบรรดาผูซึ่งศรัทธาในหมูสูเจา และผูประกอบคุณงามความดี ท้ังหลายวา แนนอนพระองคจะทรงแตงต้ังพวกเขาใหทําการปกครองในผืนแผนดินนี้ ดังเชนที่ พระองคไดทรงแตงตั้งบรรดาผูซ่ึงอยูกอนหนาพวกเขา และพระองคไดทําใหม่ันคงแกพวกเขา ทั้งหลาย ซ่ึงศาสนาของพวกเขา พระองคไดทรงโปรดปรานใหแกพวกเขา และพระองคไดทรง เปล่ียนความกลัวของพวกเขาใหเปนความปลอดภัยแกพวกเขา เพื่อพวกเขาจะไดเคารพภักดีตอฉัน โดยทพี่ วกเขาไมต ัง้ ภาคีตอ ฉันแมแ ตป ระการใด” (24 : 55) ยังมีหลักฐานจากอัล-กุรอานและฮาดีษอีกเปนจํานวนมาก ซึ่งระบุวาประชาชาตินี้จะไม รวมตัวกันเพ่ืออยูบนหลักการท่ีหลงผิด ฉะนั้นท้ัง ๆ ท่ีทานอุมัรก็ไดเห็นแลววาแทจริงทานนบี (อัลลอฮทฺ รงประทานความจาํ เรญิ และความสันติสุขแดทานและแดบรรดาลูกหลานของทาน) ไดขอ หมึกและกระดาษ โดยเหตุที่ทานวิตกวาประชาชาติของทานจะรวมตัวกันต้ังอยูบนหลักการแหง ความหลงผดิ จงึ เปนท่สี มควรสาํ หรบั ทา นอุมรั ในอันท่ีจะเขา ใจฮาดษี บทน้ีตามเหตุผลแหงสตปิ ญญา ทไี่ ดร บั จากฮาดษี และโองการอันชัดแจง ของอัล-กรุ อาน สําหรับในกรณีที่ทานนบี (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความสันติสุขแดทานและ แดบรรดาลูกหลานของทาน) ไดกลาวแกพวกเขาเหลานั้นวา “จงลุกออกไปเถิด” นี่คือหลักฐานที่ แสดงใหเ ห็นวาสิ่งทพ่ี วกสาวกไดละท้ิงมยิ อมปฏิบัติตามนั้น เปนขอกําหนดท่ีจําเปนสําหรับพวกเขา มิฉะนั้นแลวจะไมมีคําสั่งท่ีใหพวกเขาเหลาน้ันออกพนไปจากทานและมิฉะน้ันแลว ทานอิบนุ อับ บาสก็จะไมรองไหกับเรื่องน้ีซ่ึงเหตุผลของทาน นับวาเปนหลักฐานที่ย่ิงใหญกวาเหตุผลอ่ืนใดท่ีเรา จะกลาว
เร่อื งราวแหง ความอับโชคของประชาชาติอสิ ลามในคราวน้ีถึงแมว าเปน เรื่องท่ปี ลีกยอ ยของ ประวัติศาสตรประเด็นหนึ่งตามที่ทานไดกลาวมาแลว แตมันก็ยังคงเปนประเด็นท่ีสําคัญอยูตลอด ทุกยุคทกุ สมัย แนนอนพวกเราเปนสิทธิของอัลลอฮฺและแทจริงพวกเราตองยอนคืนกลับสูพระองค ไมมี พลังและไมม ีอานภุ าพอน่ื ใดท่ียง่ิ ใหญ นอกจากโดยอลั ลอฮผฺ ทู รงสูงสุดผทู รงยิ่งใหญ วสั ลาม (ช) อลั -มะรอญิอะฮฺ 89 14 รอบอี ุลเอาวัล 1330 1. ยอมรับวา คาํ คัดคา นเหลา นั้นไมถ ูกตอง 2. ขอพิสูจนหลักฐานอ่นื ๆ อีก 1. ขา พเจา ไดด าํ เนนิ การตัดสนิ แกคําคดั คานของพวกเขาเหลาน้ัน และขาพเจาเองไดควบคุม แนวทางการโตแยงของพวกเขาแลว ในรายละเอียดตามท่ีทานไดก ลา วมาแลวนั้น ถอื ไดว าไมม ีขอ แม ใด ๆ สาํ หรับความคลางแคลงอีกตอไป และไมมีประเด็นท่ียังความสงสัยในส่ิงน้ัน ๆ อีกแลว ซ่ึงส่ิง นั้น ๆ ขาพเจาตอ งขอยอมรับ 2. อยางไรก็ดี ขอทานไดเสนอรายละเอียดตาง ๆ ท่ีทานถือวาเปนหลักฐานท่ีชัดเจนในเรื่อง นน้ั ๆ ลงในจดหมายของทานดวยเถดิ วสั ลาม (ซ)
อลั -มุรอญิอะฮฺ 90 17 รอบีอลุ เอาวัล 1330 • ตําแหนง แมท ัพของทา นอสุ ามะฮฺ ถาหากทานยอมรับตอสัจธรรมแลวละก็ ทานอยาไดหว่ันกลัวการตําหนิติเตียนของ ประชาชนในเรื่องน้ี ดังนั้นทานจึงตองเปนผูท่ีอยูเหนือความหวาดกลัว และทานจําเปนท่ีจะตองทํา ตัวใหพ น จากสภาพของผทู ่เี อาสจั ธรรมไปรวมกับสิ่งผิด และจงยกระดับจิตใจใหพนจากภาวะของผู ที่กลบเกลื่อนความจริง เม่ือเปนฉะน้ีแลว แนนอนท่ีสุดชีวิตจิตใจของทานก็จะมีคุณธรรมและ สะอาด อัลลอฮฺไดทรงสงเสริมเกียรติคุณใหแกทานแลว ตามที่ทานไดสั่งใหขาพเจาหยิบยก หลกั ฐานรายละเอียดตา ง ๆ ซึง่ เปนทย่ี อมรับตามทศั นะของนกั ปราชญตา ง ๆ เสนอใหแ กท าน ฉะนนั้ ขาพเจาจึงนํารายละเอียดของเร่ือง กองทหารที่นําทัพโดยทานอุสามะฮฺ บิน ซัยด บิน ฮาริษะฮฺ ซึ่ง ทานศาสนทูตไดแตงตั้งใหเปนผูนําทัพไปทําสงครามท่ีเมืองโรมัน ซึ่งการทําสงครามคร้ังน้ีนับวา เปนการทําสงครามคร้ังสุดทาย ในสมัยที่ทานนบี (ศ) มีชีวิตอยูและเปนสงครามที่ทานศาสนทูตได ใหค วามสาํ คญั เปน อยา งยงิ่ ทานศาสนทูตไดออกคําส่ังใหบรรดาสาวกของทาน ระดมกําลังกันเพื่อออกไปสูสมรภูมิ คราวน้ัน กลาวคือทานเปนผูดําเนินการจัดทัพทหารดวยตัวของทานเอง ท้ังนี้เพื่อเปนขวัญและ กาํ ลังใจอันแข็งแกรงแกบ รรดาทหาร ฉะนั้นบรรดาชาว “มุฮาญิรีน” และชาว “อันศอร” ทุกคนตางก็ ถูกระดมกําลังใหเปนทหารในกองทัพครั้งน้ีจนไมมีเหลือแมแตคนเดียว ไมวาทานอาบูบักรฺ ทาน อมุ ัร (420) ทานอุบยั ดะฮฺ ทานสะอัดตลอดจนถงึ บคุ คลอ่ืน ๆ(421) เหตุการณครั้งนี้เกิดข้ึนปลายเดือน ศอฟร ของป ฮ.ศ. 11 คร้ันเมื่อทานศาสนทูตได ดําเนินการจดั ทพั จนเปน ท่เี รยี บรอยแลว ทานก็ไดเรียกทา นอุสามะมาหาแลวไดกลาวขนึ้ วา “เจาจงนําทัพไปยังสมรภูมิท่ีบิดาของเจาถูกสังหารเถิด แลวจงสูรบกับพวกเหลาน้ันดวย กองทหารมา แนนอนย่ิงฉันแตงต้ังใหเจาเปนผูบัญชาการกองทัพทหารคร้ังน้ี ดังนั้นจงนํากองทหาร ทั้งหมดออกไปทําสงครามาในตอนเชาตรู(422) และจงทําลายลางพวกเขาเหลานั้นเสีย และจงนําทัพ ออกไปใหเร็วท่ีสุดกอนที่ขาวจะแพรไปถึงฝายศัตรู แนนอนอัลลอฮฺจะทรงชวยเหลือใหมีชัยชนะ
เหนือพวกเขาเหลาน้ัน ดังนั้นขอใหเจาไดพิชิตพวกเขาดวยเวลาระยะส้ัน และจงนําชัยชนะ คนื กลับมาเพื่อเปน หลกั ฐานพรอมกบั ตวั ของเจา ” ครั้นเมื่อถึงวันที่ 28 เดือนศอฟร ทานศาสนทูต (ศ) ก็เร่ิมปวยจนอาการของทานตองทรุด หนักลง ฉะน้ันในเชาของวันท่ี 29 ทานศาสนทูตจึงไดออกไปพบกับบรรดาสาวกดวยอาการปวย หนัก แตทานก็ยังไดมีคําส่ังจัดเตรียมยุทธวิธีตาง ๆ ใหแกกองทหาร และทานศาสนทูต (ศ) ก็ยังได มอบธงชัยใหแกอุสามะฮฺ ดวยมือของทานเองเพ่ือเปนการกระตุนขวัญและกําลังใจอันย่ิงใหญใหแก กองทัพหลังจากน้ันทานไดใ หโอวาทวา (420) นักประวัติศาสตรตางไดบันทึกรวมกันเปนเอกฉันทวาทานอาบูบักรฺและทานอุมัรก็ ไดถูกเกณฑใหเปนทหารในการทําสงครามคร้ังน้ี และน้ีคือเร่ืองที่นักปราชญทุกฝายไม ขัดแยงกัน ขอใหทานพิจารณาดูในหนังสือตาง ๆ ท่ีไดกลาวถึงเหตุการณสงครามคร้ังน้ี เชน “ฏอบากอต” ของทาน อิบนุ สะอัด และ “ตารีค” ของทาน “ฏ็อบรีย” , อิบนุ อัล-อะษีร และอืน่ ๆ (421) ทา นอมุ ัรเคยไดก ลา วแกท านอสุ ามะฮวฺ า “ทา นศาสนทตู ไดเ สยี ชีวิตในขณะท่ีทานเปน ผบู ัญชาการของฉนั ” ตามทีม่ รี ะบอุ ยใู นหนงั สือของนักปราชญต า ง ๆ (422) สมรภูมิแหงน้ีอยูในดินแดนของซีเรีย ท่ีซึ่งเปนสถานท่ีแหงการชะฮีดของทานซัยด บิน ฮาริษะฮฺ และทานญะอุฟร บนิ อาบีฏอลบิ “เจาจงออกไปทําสงครามดวยพระนามของอัลลอฮฺและในวิถีทางของอลั ลอฮฺเถดิ และเจาจง ทาํ หนาทเ่ี ปนผพู ฆิ าตตอ ผูทีท่ รยศตอ อลั ลอฮฺ” ดังนัน้ ทานอสุ ามะฮฺจงึ ไดนาํ กองทพั ออกไปพรอ มกบั มอบธงใหแกบ ุรัยดะฮฺและทา นกไ็ ดน าํ กองทหารท้ังหมดออกไปอยางรวดเร็ว จนไมเหลือแมแตนอย โดยท่ีทานมีความสํานึกและ รับผิดชอบในคําสั่งท่ีระบุไวเปนขอกําหนดที่จําเปนตามคําสั่งของทานศาสนทูต (ศ) ที่วา “ใหนํา กองทหารออกไปทําสงครามต้ังแตเชาตรูอยางรวดเร็ว” และคําส่ังอีกตอนหนึ่งที่วา “จงนําทัพ ออกไปใหเร็วที่สุด กอนท่ีขาวจะแพรไปถึงฝายศัตรู” ตลอดจนถึงคําส่ังอื่น ๆ ของทานศาสนทูตอีก เปน จาํ นวนมากทเี่ กีย่ วกับการทําสงครามในคร้ังน้ี แตทวากลุมทหารจํานวนไมนอยกลับฝาฝนมิไดกระทําตามคําส่ังน้ัน ๆ ทหารกลุมหน่ึงใน กองทัพไดลบหลูการบัญชาการของทานอุสามะฮฺเสมือนดังเชนที่พวกเขาเคยไดลบหลูคําบัญชาการ ของทานซัยดในคราวกอน ทหารเหลาน้ันไดกลาวตําหนิติเตียนเร่ืองนี้กันเปนจํานวนมาก ท้ังท่ีพวก
เขาเหลานั้นก็ไดประจักษกันดีอยูแลววา ทานนบีไดแตงตั้งใหทานอุสามะฮฺทําหนาที่เปน ผูบังคับบัญชาในคร้ังน้ี ดังท่ีทานศาสนทูต (ศ) ไดกลาวในวันกอนวา “แนนอนยิ่งฉันแตงต้ังใหเจา เปนผูบัญชาการกองทัพทหารครั้งน้ี” และทั้ง ๆ ท่ีบุคคลเหลาน้ันก็ไดเห็นมาในวันกอนแลววา ทานศาสนทูตไดมอบธงชยั ใหแกทานอุสามะฮฺดวยมือของทานเอง แตถึงกระน้ันกลุมทหารดังกลาว ก็ยงั ไมง ดเวน จากการลบหลูดูหม่นิ คําบัญชาการของทานอุสามะฮฺ จนกระท่ังทานศาสนทูต (อัลลอฮฺ ทรงประทานความจําเริญและความสันติสุขแดทานและแดบรรดาลูกหลานของทาน) โกรธ พฤติกรรมของพวกเขาเหลา นนั้ ดว ยความโกรธทร่ี นุ แรง เหตุการณน ้เี กดิ ขน้ึ เม่อื วันเสารที่ 10 ของเดือนรอบอี ลุ เอาวัลกอนวาระแหงการวายชนมของ ทานเพยี งสองวนั ทานไดข นึ้ บน “มมิ บัร” แลว กลา วสรรเสรญิ ตอ อลั ลอฮแฺ ละสดดุ ีตอพระองค ตามท่ี บรรดานักประวัติศาสตรและนักปราชญทั้งหลายไดบันทึกตรงกันวา ทานศาสนทูตไดกลาววา “โอ ประชาชนท้ังหลายเอย ไดมีคํากลาวบางส่ิงบางอยางของพวกทานมายังฉันในเร่ืองท่ีเกี่ยวกับอุสา มะฮฺ ผบู งั คบั บัญชาทฉี่ ันแตงตง้ั แนนอนทส่ี ดุ ถา หากพวกทานทั้งหลายไดลบหลูอุสามะฮฺ ในฐานะท่ี เปนผูบังคับบัญชาแลวละก็ มันเหมือนกับการที่พวกทานท้ังหลายเคยลบหลูการบังคับบัญชาของ บิดาอุสามะฮฺมากอน ดวยพระนามของอัลลอฮฺ แทจริงอุสามะฮฺ เปนผูที่อยูในฐานะของ ผูบังคับบัญชา ซ่ึงเขาไดดําเนินการนํากองทัพออกสูสมรภูมิ แตแลวพวกเขาทั้งหลายก็ไดละเมิด คําสั่งของเขา อกี ท้งั พวกเขายังไดอ อกไปในสมรภูมดิ วยการฝาฝน ” ตอมาหลังจากน้ันอาการปวยของทานศาสนทูตก็ทรุดหนักแตทานก็ยังกลาวอีกวา ใหกอง ทหารของอุสามะฮฺผนึกกําลังแลวบุกเขาไปเผชิญตอขาศึก ทานไดย้ําอยูอยางน้ัน แตทวาพวกเขา เหลานั้นก็ยังขัดขืน จนเม่ือถึงวันจันทร็ท่ี 12 เดือนรอบีอุลเอาวัล ทานอุสามะฮฺก็ไดมาจากกองทัพ เพื่อพบกับทานนบี (ศ) แตทานนบีก็ยังสั่งใหอุสามะฮฺออกไปทําการสูรบอีก โดยที่ทานไดกลาววา “เจาจงรีบไปหาความจําเริญของอัลลอฮฺผูทรงสูงสุด” ดังนั้นทานอุสามะฮฺจึงไดอําลาจากทานนบี แลว ออกไปยังกองทัพ หลังจากนั้นอุสามะฮฺก็ไดยอนกลับมาพรอมกับทานอุมัร และอาบูอุบัยดะฮฺ คนทั้งหมดได รีบรุดมายังทาน แตขณะนั้นปรากฏวาทานศาสนทูตไดถึงแกการวายชนมเสียแลวในวันนั้นเอง ดังน้ันกองทหารจึงไดยอนกลับมายังเมืองมะดีนะฮฺพรอมกับธงชัย หลังจากน้ันพวกเขาก็ไดกระทํา การใหสัตยาบันแกทานอาบูบักรฺในคราวน้ัน โดยที่พวกเขาไดดําเนินการใหทานอาบูบักรฺบรรลุถึง จุดประสงคท้ัง ๆ ท่ีพวกเขาเหลานั้นก็ไดประจักษแกสายตาดีอยูแลว ถึงส่ิงที่ทานนบี (ศ) ถือเปน
ความสําคัญในการจัดกองทัพไปสูสมรภูมิ ซึ่งความปรารถนาของทานนั้นคือดําเนินการทางยุทธวิธี ใหรวดเร็วทส่ี ดุ กอ นที่ขาวจะแพรไปถึงศัตรูอีกทั้งศาสนทูตยังไดทุมเทความพยายามทุกประการใน การจัดเตรียมกองกําลังทหารในครั้งน้ัน ตลอดจนถึงการแตงตั้งใหทานอุสามะฮฺ เปนผูบัญชาการ และไดมอบธงชัยใหแกทานอุสามะฮฺดวยมือของทานเอง พรอมกับกลาววา “ใหรีบรุดไปสูความ จาํ เรญิ ของอัลลอฮผฺ ทู รงสูงสุด” ดังเชนท่ีทานก็ทราบดีอยูแลว ถึงแมวาบรรดาสาวกไดลงมติกันที่จะ ทําการเปลี่ยนแปลงตัวของแมทัพ แตทวาทานศาสนทูตก็ยังคงยืนกรานใหทานอุสามะฮฺเปนแมทัพ ของพวกเขา แตคร้ังตอมาทานอุมัร บิน ค็อฏฏ็อบก็ไดมาหาทานอาบูบักรฺเพื่อขอรองใหถอดทาน อุสามะฮฺออกไปเสยี จากตาํ แหนง แสดงใหเห็นวาพวกเขาเหลาน้ันมิไดแยแสตอความโกรธของทานนบีเกี่ยวกับกรณีท่ีพวก เขาลบหลูการบังคับบัญชาของทานอุสามะฮฺ และพวกเขาเหลานั้นก็มิไดคํานึงถึงความลําบากของ ทานศาสนทตู ที่ตอ งอุตสาหอ อกจากบานของทานมาเพราะเหตนุ นั้ ทั้ง ๆ ทีท่ านนอนปวยอยู พวกเขา มไิ ดแยแสในการเดนิ ทีล่ ําบากของทา น ซึ่งเทาของทานแทบจะไมมีกําลังขยับเขย้ือน แตทานก็ยังขึ้น “มิมบัร” ดวยการฝนกําลังกาย แลวกลาววา “โอประชาชนทั้งหลาย มีคํากลาวบางส่ิงบางอยางของ พวกทานไดมายังฉัน ในเร่ืองท่ีเกี่ยวกับอุสามะฮฺผูที่ฉันแตงต้ังใหเปนแมทัพ แนนอนที่สุดถาหาก พวกทานทั้งหลายไดลบหลูอุสามะฮฺในฐานะเปนผูบังคับบัญชาแลวละก็ มันเหมือนกับการท่ีพวก ทานทั้งหลายเคยลบหลูการบังคับบัญชาของบิดาอุสามะฮฺมากอน ดวยพระนามของอัลลอฮฺ แทจริง อุสามะฮฺเปนผูท่ีเหมาะสมในตําแหนงแมทัพ” แสดงใหเห็นวาทานศาสนททูตแหงอัลลอฮฺ (อัลลอฮฺ ทรงประทานความจําเริญและความสันตสิ ขุ แดท า นและแดบรรดาลูกหลานของทาน) ไดยํ้าถึงหนาท่ี ทีจ่ าํ เปนซงึ่ พวกเขาเหลา นนั้ จะตอ งยอมรบั ตอทานอุสามะฮฺ ถงึ กระนัน้ แลวก็ตาม พวกเขาก็มิสามารถที่จะยอมรับได ทั้ง ๆ ท่ีทานคอลีฟะฮฺอาบูบักรฺก็ยัง ยืนกรานไมยอมรับขอเสนอของพวกเขาที่จะใหถอดทานอุสามะฮฺออกจากตําแหนง เชนเดียวกับท่ี ปฏิเสธไมยอมรับขอเสนอของพวกเขาเหลานั้นท่ีวาใหลบลางคําสั่งแตงต้ังทานอาบูบักรฺไดกระโดด เขาไปจับเคราของทานอุมัรแลวกลาววา “ความหายนะของทานพึงมีแดมารดาของทานและความ วบิ ัติจะมแี กท า นโอบตุ รของค็อฏฏอ็ บ เพราะเหตุท่ีทา นศาสนทตู (ศ) ไดส ่ังใหถือปฏิบัติแตทานกลับ สงั่ ใหถอดถอนคําส่งั นนั้ เสยี ” อยางไรก็ดีกองทหารที่นําโดยอุสามะฮฺท่ีไดออกไปสูสมรภูมิมีจํานวนถึง 3,000 คน และ แลวทหารกลมุ ท่ที า นศาสนทูต (ศ) ไดเคยวางหลักยุทธวิธีไวให กลับผละหนีจากแมทัพท่ีบัญชาการ
อยูในกองรบเสีย ท้ัง ๆ ท่ีทานศาสนทูต (ศ) ไดเคยกลาววา “ขอใหกองทหารของอุสามะฮฺไดผนึก กาํ ลงั กนั ขออัลลอฮฺไดทรงสาปแชงผูทผี่ ลักไสจากเขา (อุสามะฮ)ฺ ” เปนอันวา ทา นไดทราบอยแู ลววา ในคร้ังแรกบรรดาทหารกลุมนั้นไดหนวงเหนี่ยวตอการที่ จะรวมเขาในกองทัพ และในคร้ังตอมาบรรดาทหารกลุมนั้นก็ผละหนีจากกองทัพอีก ท้ังน้ีก็เพราะ พวกเขาตองการจะวางแนวนโยบายหลักการปกครองของพวกเขาเอง ซ่ึงพวกเขาเองตองการยึดถือ เปนขอ ผูกมดั กนั อยู รายละเอยี ดตา ง ๆ ในเรื่องนี้สามารถที่จะพิสูจนโดยหลักฐาน เพราะถาหากไมมี เร่อื งสําคัญท่ีพวกเขามีความกังวลอยางจริงจังกันแลว พวกเขาก็จะไมมีการหนวงเหนี่ยวสําหรับการ รวมในกองทัพ และจะไมมกี ารผละหนีจากกองทัพทพ่ี วกเขาประจําการอยูน่ันก็คือวา ถาพวกเขาเขา ไปประจําการอยูท่ีกองรบในสมรภูมิกอนท่ีทานศาสนทูต (ศ) จะวายชนมแลว แนนอนท่ีสุด ตําแหนงคอลฟี ะฮฺก็จะตองพลาดไปจากพวกเขาเหลานน้ั ดวย (423) ดูตารีค ฮะละบียและดะหลานี ทานอิบนุ ญะรีร ฏ็อบรี ก็ไดบันทึกไวในหนังสือ “ตา รีค” ของทา นเชนกนั ความจริงแลวทานศาสนทูต (ศ) ก็มีความประสงคที่จะพิสูจนความบริสุทธิ์ใจจากพวกเขา เหลานนั้ เพอื่ พวกเขาเหลา นั้น จะไดร ับสนองตามคาํ สง่ั ของทา นทย่ี อมรบั ตอ ทานอะมีรุลมุมินีน อาลี บิน อาบีฏอลบิ โดยหลักสนั ตวิ ิธีและจริงใจ ครั้นเมื่อพวกเขาเหลานั้นไดกลับมาก็ปรากฏวาไดมีการบิดพลิ้วสําหรับตําแหนงคอลีฟะฮฺ ครั้งนี้ ทั้ง ๆ ที่ทานศาสนทูตไดกําหนดวาเปนตําแหนงของทานอาลี แตพวกเขาก็ยังกระทําการถอด ถอนและปฏเิ สธเสียได สวนกรณีที่ทานศาสนทูตไดแตงต้ังใหทานอุสามะฮฺทําหนาท่ีเปนแมทัพควบคุมเหนือพวก เขานนั้ ปรากฏวา ขณะนน้ั ทานอุสามะฮอฺ ายุเพยี ง 17 ปซ ง่ึ เปน วัยท่ีคนท้ังหลายเห็นวายังเยาววัยอยูฝน ความรูสึกของพวกดื้อดึง ถือดีในหมูพวกเขาและเปนการลอแหลมอยางย่ิงท่ีจะพนจากภัยความ ขัดแยงของพวกอคติ ถาหากทานไดออกคําส่ังแกพวกเขาเหลาน้ันในอนาคตอยางไมตองสงสัย เพียงแตพวกเขาเหลาน้ันคลอยหลังทานศาสนทูต (ศ) ไดไมนาน พวกเขาก็กระทําการลบหลูหนาที่ บัญชาการของทานอุสามะฮฺเสียแลว และพวกเขาก็ไดทําการหนวงเหน่ียวตอการที่จะรวมทัพกับ ทาน ซงึ่ พวกเขามไิ ดเขาประจําการกองทัพ จนกระทงั่ ทา นนบี (ศ) ถึงแกการวายชนม สาํ หรับส่งิ ทพ่ี วกเขาถอื เปน ความสําคัญซ่ึงในขณะน้ันก็คือการลมลางคําสั่งแตงตั้งและถอด ถอนตําแหนงของทานอุสามะฮฺ และบุคคลจํานวนมากในหมูพวกเขาก็ไดปลีกตนออกมาเสียจาก
กองทัพดงั เชน ทานไดท ราบดอี ยูแลว หลักการท่สี ําคัญในกองทัพคร้งั นี้มีอยู 5 ประการดว ยกนั ทพ่ี วก เขาเหลาน้ันมิไดยอมจํานน ถือเปนหลักปฏิบัติ เพราะโดยเหตุวาแผนการสําหรับความตองการของ พวกเขาเหลาน้ันมีอยูในกิจการทางการเมือง ซ่ึงพวกเขามีความพยายามท่ีจะใหบรรลุความสําเร็จใน สง่ิ นนั้ ๆ ยง่ิ กวาการยอมรับในระเบียบแบบแผนของทา นศาสนทตู (ศ) วัสลาม (ช) อลั -มุรอญิอะฮฺ 91 19 รอบีอุลเอาวลั 1330 1. คําคดั คานในกรณที บ่ี รรดาสาวกมีพฤตกิ ารณตอตาํ แหนง แมท พั ของทานอุสามะฮฺ 2. ไมยอมรับฮาดีษท่ปี ระณามผขู ดั แยง กับแมทพั ผนู ั้น 1. เราขอยอมรับความจริงวา ทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (ศ) ไดวางแนวทางยุทธวิธีในการ ทําสงครามครั้งน้ันใหแกทานอุสามะฮฺ และทานยังไดบัญชาการพวกเขาเหลานั้นวา ใหนําทัพ ออกไปโดยเรว็ ที่สุด แตชวงน้ันเปนเวลาที่กระช้ันชิดสําหรับพวกเขา ทานจึงไดกลาวแกอุสามะฮฺใน ขณะน้ันวา “จงออกไปสูสมรภูมิในตอนเชาตรู” แลวทานยังไดกลาวอีกวา “จงนําทัพเคลื่อนไปให รวดเรว็ ทสี่ ุด” แตท วาทา นศาสนทตู (ศ) ไดม อี าการปวยขนึ้ มาเสียกอ น ฉะน้ันพวกเขาจึงเกิดมีปญหา ข้ึนเพราะความเปนหวงตอทานศาสนทูต ทั้งนี้ก็เพราะวาจิตใจของบรรดาสาวกท้ังหลายยอมไมมี ความปรารถนาทจี่ ะแยกตวั ไปจากทานในขณะท่ีทา นอยูก ับสภาพเชน น้ี ดงั นั้นพวกเขาจึงตองร้ังรอดู อาการของทานศาสนทูตซ่งึ ส่งิ เหลา นี้ นับไดวา เปนความรูสกึ ท่หี วงแหน ซึ่งเกิดขนึ้ ใจจิตใจของพวก เขา และหาไดเปนเพราะวาพวกเขามีแผนการในการร้ังรอเพื่อเปาหมายใดไม หากแตเปนเพราะ เจตนาท่ีเกิดจากความบริสุทธ์ิใจที่พวกเขามีตอสุขภาพของทานศาสนทูตเทานั้น และอีกประการ หน่ึงก็เพ่ือรวมกันจัดแตงมัยยิตของทานศาสนทูตและปรึกษาหารือเพื่อเลือกตัวบุคคลผูซึ่งทําหนาที่ ปกครองพวกเขาภายหลงั จากทานศาสนทูต จะเห็นไดวาพวกเขาเหลาน้ันมีอุปสรรคท่ีสําคัญอยางย่ิง ท่จี าํ เปนตองอยใู นฐานะของการรั้งรอครัง้ น้ี จงึ ถือไดวา ในเรอ่ื งน้ี ไมมีขอตาํ หนใิ ด ๆ แกพวกเขา
สําหรับการที่พวกเขาเหลานั้นไดกระทําการลบหลูตอตําแหนงแมทัพของทานอุสามะฮฺ กอนการวายชนมของทานศาสนทูต (ศ) ทั้ง ๆ ที่พวกเขาไดตระหนักและรูเห็นเปนอยางดีถึง ความสําคัญของเร่ืองนี้ทั้งโดยการพูด และการแสดงออกของทานนบีถึงเรื่องที่เกี่ยวกับความเปน ผูบังคับบัญชาของทานอุสามะฮฺน้ัน เร่ืองนี้มิไดเปนประเด็นท่ีสําคัญมาจากพวกเขาแตประการใด นอกจากวาเปนเพียงการพูดคุยกันระหวางคนหนุมกับคนสูงอายุ ทั้งน้ีก็เพราะวาทัศนะของคนหนุม กับคนสูงอายุนน้ั มักจะไมลงรอยกันจนกอใหเกิดปญหาข้ึน ซึ่งเปนเง่ือนไขทางธรรมชาติของมนุษย ทีจ่ ะตอ งมาคลอยตามคําสั่งของคนหนุม ฉะน้ันพวกเขาจึงมีความรังเกียจตอการที่คนหนุมอยางอุสา มะฮเฺ ปนแมท พั ซ่งึ เรอ่ื งนม้ี ไิ ดเปนเคร่ืองช้ีใหเ ห็นวาพวกเขาเหลาน้ันกระทําการที่ลวงละเมิด หากแต เปน เงอื่ นไขของธรรมชาตอิ ยา งสามญั ธรรมดาสาํ หรับมนุษย จงึ ขอใหทานไดใครค รวญไวดวย พวกเขาไดเสนอใหทําการถอดถอนตําแหนงของทานอุสามะฮฺหลังจากที่ทานศาสนทูต (ศ) ไดวายชนมไปแลวนั้น เร่ืองน้ีนักปราชญบางทานไดใหความเห็นออกตัวเก่ียวกับเรื่องน้ีวา บรรดา สาวกท้ังหลายไดมีความเห็นพองตองกัน สําหรับการถอดถอนตําแหนงของทานอุสามะฮฺแลวทาน อาบูบักรฺก็ไดดําเนินการไปตามมตินัน้ เพอ่ื ความเหมาะสมกับสภาพของการปกครอง เหตผุ ลดงั กลา ว นี้ก็เปนเพยี งทศั นะของนกั ปราชญกลมุ หนึ่งเทา นัน้ แตค วามจรงิ แลวขาพเจาเองไมเหน็ ดว ยกบั ทศั นะ ดังกลาวน้ี เพราะพวกเขาไดถอดถอนตําแหนงของทานอุสามะฮฺโดยพลการ ท้ัง ๆ ที่ทานนบีเคย โกรธตอผูที่ลบหลูตําแหนงของทานอุสามะฮฺมากอน และทานศาสนทูตไดแสดงออกถึงความไม พอใจของทานในเร่ืองนี้ ทานศาสนทูตก็ไดกลาวตักเตือนพวกเขาไปแลวในคําปราศรัยของทานบน มิมบัร ซงึ่ เปนเรอ่ื งที่ประวัตศิ าสตรไดบ นั ทกึ ติดตอ กนั มาอยางละเอียด แตสําหรับความจําเปนตาง ๆ ของพวกเขาท่ีอาจเกิดขึ้นไดในภายหลังน้ัน ไมมีใครรูรายละเอียดตาง ๆ ไดนอกจากอัลลอฮฺผูทรง สงู สดุ เทานัน้ ในกรณีท่ีพวกเขาไดด ําเนินการยกเลิกการแตง ตั้งอีกทั้งมอบหมายใหทานอาบูบักรฺในเรอ่ื งนี้ พวกเขาไดดําเนินการกันไป ทั้ง ๆ ท่ีตางคนก็ตระหนักดีอยูแลววา ทานอุสามะฮฺเปนผูท่ีทานนบีได ใหความสําคัญในความสามารถของทาน และเปนผูท่ีมีบุคลิกที่สมบูรณในการปฏิบัติหนาที่ ฉะนั้น บรรดาสาวกจึงไดมีความเห็นชอบในการแตงต้ังครั้งนี้เพ่ือเปนการวางหลักประกันความปลอดภัย ใหแกรัฐอิสลามโดยจะไดพนจากเงื้อมมือของพวกมุชริกที่อยูรอบนอก ซึ่งขณะนั้นปรากฏวาพวก เขามีกําลังที่แข็งแกรงข้ึน อีกท้ังเมื่อหลังจากทานนบี (ศ) ไดวายชนมไปแลวก็ปรากฏวาพวกละเมิด ศาสนาตลอดถึงพวกยิวและคริสเตียน อีกท้ังอาหรับหลายเผาท่ีทรยศตออิสลามไดเร่ิมแสดงบทบาท
ของตนขึ้น นอกจากนี้ก็ยังมีมุสลิมบางกลุมท่ีละเวนไมยอมจายซะกาต ทานอาบูบักรฺยังไดกลาวแก ทานอมุ รั ในขณะที่ทา นอมุ ัรตองการถอดถอนตําแหนง ของทานอสุ ามะฮฺวา “ดวยพระนามของอัลลอ ฮฺ ถาหากมีนกบินมาโฉบเฉ่ียวฉันแลวละก็ฉันจะชอบเสียยิ่งกวาจะใหฉันริเริ่มกระทําส่ิงหน่ึงส่ิงใด กอ นคําสัง่ ของศาสนทูต (ศ)” น่ีคือรายละเอียดบางประการท่ีนักปราชญฝายเรากลาวถึงเร่ืองราวของทานอาบูบักรฺซึ่ง แสดงใหเห็นวา ทานอยูในฐานะจําเปนตองถอดถอนตําแหนงของอุสามะฮฺ ท้ังน้ีก็มิใชวาทานจะมี แผนการอื่นใดใหย่ิงไปกวา การปกปองความปลอดภยั ใหแกเ หตกุ ารณ กรณีท่ีทานอาบูบักรฺ ทานอุมัรและบุคคลอ่ืน ๆ ตองผละหนีจากกองทัพในตอนที่ทานอุสา มะฮฺเปนแมทัพนั้นก็เปนเพียงการดํารงไว ซ่ึงความแข็งแกรงของอาณาจักรอิสลามและอํานวย ประโยชนใหแกระบบการปกครองของศาสดามุฮัมมัด อีกท้ังเพ่ือไดรักษาตําแหนงคอลีฟะฮฺไวซึ่ง ศาสนาและประชาชนในยคุ นน้ั มิอาจดาํ รงอยไู ด นอกจากจะตองมีตาํ แหนงคอลฟี ะฮฺ 2. ตํารา “อัล-มะลัลฯ” ของทานชะฮฺร็อสตานียฺ ตามที่ทานอางถึงนั้นเทาที่เราพบแลวเห็นวา เปนเร่ืองที่มิไดมีสายสืบแนชัด ท้ังทานฮะละบีย และทานซัยยิด ดะหลานีก็กลาววาในเร่ืองนี้ไมมี ที่มาจากรายงานอยงเปนระบบ เพราะฉะนั้นถาหากอัลลอฮฺทรงประทานความเขาใจใหทานได รับทราบรายงานตาง ๆ ในเร่ืองนี้จากสายสืบของนักปราชญฝายซุนนะฮฺอีกละก็ ขอทานไดโปรด แสดงหลักฐานใหแ กข า พเจา วสั ลาม (ซ)
อัล-มุรอญิอะฮฺ 92 22 รอบอี ุลเอาวลั 1330 1. คาํ คัดคา นเหลานั้นไมสามารถปฏเิ สธเหตุผลท่ีเราไดก ลาวไปได 2. เราอางฮาดษี นมี้ าจากทา นชะฮรฺ ็อสตานียฺ ตามทมี่ รี ะบอุ ยใู นสายสบื ฮาดีษ 1. เปนอันวาทานยอมรับสําหรับในประเด็นท่ีบรรดาสาวกเหลาน้ันทําการร้ังรอในการรวม ประจําการในกองรบของทานอุสามะฮฺ และการที่พวกเขาเหลาน้ันหนวงเหนี่ยวในการทําสงคราม ทั้ง ๆ ท่ีพวกเขาเหลาน้ันไดถูกบัญชาใหรีบเรงอยางเฉียบขาด ขออัลลอฮฺผูทรงสูงสุดทรงไดใหการ ยอมรับดว ยเถิด นอกจากนี้ทานยังยอมรับอีกวา บรรดาสาวกเหลาน้ันไดทําการเสนอใหทานอาบูบักรฺถอด ถอนตําแหนงของทานอุสามะฮฺ ท้ัง ๆ ที่กอนหนาน้ันทานนบี (ศ) เคยโกรธผูที่ลบหลูตอตําแหนง ของอุสามะฮฺและทานศาสนทูตไดแสดงออกถึงความไมพอใจในเร่ืองนี้ เพราะเหตุท่ีบรรดาสาวก เปนผยู ึดติดอยูกับความสําคญั ของเผาพันธุ ? และทา นศาสนทูตก็ไดก ลาวตกั เตือนพวกเขาไปแลวใน คําปราศรัยของทานบนมิมบัร ซึ่งทานไดกลาว เปนเหตุการณที่ประวัติศาสตรไดบันทึกติดตอกันมา โดยแสดงใหเห็นวา ทานอสุ ามะฮเฺ ปน ผมู สี ิทธอิ ยางเต็มท่ีสําหรับตาํ แหนง แมทพั ในครั้งน้ัน ทา นยงั ยอมรับวาบรรดาสาวกเหลาน้ัน ไดย่ืนขอเสนอตอทานอาบูบักรฺเพ่ือใหจัดการยกเลิก การแตงตั้งแมทัพซ่ึงศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (ศ) ไดเคยแตงตั้งเขาและยึดธงชัยซึ่งทานศาสนทูตได มอบแกเ ขาดวยมืออันบริสุทธิ์ของทานเอง ท้ัง ๆ ที่ตางคนก็ตระหนักดีอยูแลววา ทานอุสามะฮฺเปนผู ที่ทานนบีไดใหความสําคัญในความสามารถของทาน และเปนผูที่มีบุคลิกท่ีสมบูรณในการปฏิบัติ หนา ท่ีโดยท่มี ีหลักฐานรบั รองในเร่ืองนม้ี าอยางเปนระบบ ทา นยงั ยอมรับอกี วาบรรดาสาวกบางกลมุ ทท่ี า นศาสนทตู (ศ) ไดก ําหนดแนวทางใหยทุ ธวธิ ี นั้นผละหนีจากกองทหารโดยที่ทานศาสนทูต (ศ) ไดสั่งใหพวกเขาอยูภายใตการบังคับบัญชาของ อุสามะฮฺอยางเครงครัดเปนอันวา ทานยอมรับตอรายละเอียดทุกสิ่งทุกอยางนี้ ดังเชนที่นักวิชาการ ทงั้ หลายไดอ ธิบายไวท กุ ประการ แตท านกลาววา บรรดาสาวกเหลา นัน้ อยูในฐานะท่ีจําเปนอยา งย่ิงที่ จะตองดําเนินการเชนนัน้ เหตุผลจากการทีท่ านกลาวถึงสาํ หรับขอแมท ีส่ าํ คัญของพวกเขาเหลาน้ันก็ คือวาพวกเขาดําเนินการตาง ๆ ในกิจการเหลานี้เพื่อทะนุบํารุงศาสนาอิสลามไปตามทัศนะความ
เห็นชอบของพวกเขาเอง หาใชเปนไปเพราะยึดถือปฏิบัติตามหนาท่ีที่ทานศาสดาไดกําหนดไวไม เราไมมคี วามปรารถนาที่จะกลาวถงึ เร่อื งอื่นท่นี อกเหนือไปจากเรื่องทกี่ าํ ลงั กลา วถึงอยู สําหรับหัวขอเรื่องที่เราจะพูดกันก็คือ หัวขอท่ีวาบรรดาสาวกเหลาน้ันไดยอมรับอยาง สิ้นเชิงในทุก ๆ มาตรการจากทานนบีแลวหรือไมเทาน้ันเอง ? ซึ่งทานไดเลือกเอาอยางแรกแตเรา เลือกเอาอยางหลัง มาบัดน้ีทานก็ไดยอมรับแลววาบรรดาสาวกเหลาน้ันมิไดยอมจํานนตอคําสั่งตาง ๆ เหลาน้ีของทานนบี ซ่ึงตรงกับสิ่งที่เราไดยืนยันไวกอน สวนเหตุผลของพวกเขาท่ีวา พวกเขาจะมี ความจําเปน มอี ปุ สรรคและมเี หตผุ ลเฉพาะตวั อยางไรหรอื ไมน้ัน เปนประเด็นที่อยูนอกเหนือหัวขอ เร่ืองที่เราจะพูดคุยกันในข้นั น้ี แตในเม่ือทา นไดย อมรบั วาบรรดาสาวกมีปฏกิ ิรยิ าและเหตุการณตาง ๆ ในกองทัพของทาน อุสามะฮฺจริง ซ่ึงเหตุการณน้ัน ๆ พวกเขาไดดําเนินไปเพื่อทะนุบํารุงสภาพของอิสลาม โดยใช นโยบายตามความเห็นของพวกเขาใหอยูเหนือหลักการยอมรับยอมจํานนตอคําสั่งตาง ๆ ท่ีเปน ขอกําหนดของทานนบีแลว ทําไมทานจึงมิไดกลาวดวยวา การที่บรรดาสาวกไดดําเนินกิจการใน เรื่องของตําแหนงคอลีฟะฮฺภายหลังจากทานนบี (ศ) นั้นก็เปนการกระทํา เพ่ือทะนุบํารุงสภาพของ อิสลาม โดยใชนโยบายตามความเห็นของพวกเขาที่อยูเหนือหลักการ ยอมรับยอมจํานนตอคําส่ังท่ี ตําบลเฆาะดีรคุมใหเ หมือนกนั ไปดว ยเลา ทา นไดอ อกตวั ใหความเห็นเกี่ยวกับเรื่องของการท่ีพวกเขาลบหลูตําแหนงการบังคับบัญชา ของทานอุสามะฮฺวาการที่พวกเขาเปนเชนน้ันก็เพราะเพียงแตพวกเขาลบหลูตอตําแหนงแมทัพของ ทา นอุสามะฮฺ โดยการพูดคุยกันในหมูพวกเขาเองระหวางคนหนุมกับคนสูงอายุ ซ่ึงทานไดกลาวอีก วา ทัศนะของคนหนุมกับคนสูงอายุนั้นมักจะไมลงรอยกัน จนกอใหเกิดปญหาขึ้นไดเสมอ แลว ทําไมเลาทานจึงไมนําเหตุผลเหลาน้ีมาพูดในประเด็นที่พวกเขาไมยอมรับตอคําส่ังท่ีตําบลเฆาะดีร คมุ ดว ยวา พวกเขาจําเปนท่จี ะตอ งถอดถอนตําแหนง หวั หนา ของทานอาลเี สยี เพราะทานอาลีเปนคน หนุมไมสามารถท่ีจะทําหนาท่ีบังคับบัญชาผูสูงอายุได เพราะพวกเขาก็ไดพูดกันถึงเร่ืองอายุของ ทา นอาลใี นวนั ที่ทา นศาสนทูต (ศ) ถึงแกการวายชนม ทาํ นองเดียวกนั กบั ท่ีพวกเขาเหลาน้ันพดู ถงึ เรอ่ื งอายขุ องทา นอุสามะฮใฺ นวนั ท่ีทา นศาสนทูต (ศ) แตงตั้งใหเปนแมทัพเพ่ือบังคับบัญชาพวกเขาในการทําสงครามครั้งนั้น และท้ังสองประการ ระหวางตําแหนงคอลีฟะฮฺและตําแหนงแมทัพน้ีก็มีลักษณะที่ไมแตกตางกัน ฉะน้ันทําไมทานจึง กลาววาพวกเขาใชทัศนะของตนฝาฝนคําสั่งของทานศาสนทูตในเร่ืองการทําสงครามอยางเดียว ทั้ง
ๆ ที่เร่ืองแรกที่พวกเขาฝาฝนนั้นเปนประเด็นท่ีทานควรจะกลาวถึงอยางยิ่ง เพราะเปนเงื่อนไขท่ี สําคญั สําหรับชีวติ ของทา นศาสนทตู ท้ังในกิจการทงั้ หมดของโลกน้ีและปรโลก ตามเหตุผลท่ีทานไดกลาวมาแลวน้ัน ชี้ใหเห็นวาความรูสึกของคนสูงอายุและคนหนุมนั้น ไมลงรอยกนั โดยธรรมชาติ ถาหากจดุ มงุ หมายของทานที่อางข้ึนมาน้ีเพื่อเปนเหตุผลท่ีจะเปนขออาง สําหรับการยกเลิกขอกําหนดดังกลาวแลว ขอใหทานไดพิจารณาดูวาโดยธรรมชาติของผูศรัทธา ทั้งหลาย ถึงแมเขาจะเปนผูท่ีสูงอายุก็ตาม แตถาหากเขาเปนผูที่มีความสมบูรณพรอมในอิสลาม (ความศรัทธา) ของพวกเขาแลว เขาก็จะไมปลีกตัวออกจากการเช่ือฟงปฏิบัติตามอัลลอฮฺและศาสน ทูตของพระองค ท้งั น้กี เ็ พราะมีโองการจากอลั -กรุ อาน “และส่ิงใดกต็ ามที่ศาสนทูตไดนํามาส่ังสอนแดสูเจา ดังนั้นสูเจาจงรับเอามันมาปฏิบัติ และ ส่ิงใดทีศ่ าสนทตู ไดห า มสเู จา ดงั นั้นสูเจา กจ็ งละเวน ” (59 : 7) 2. ในประเด็นที่เก่ียวกับเรื่องของผูที่ผละหนีจากกองทัพที่นําโดยทานอุสามะฮฺตามท่ีทาน ชะฮรอสตานีไดบันทึกไวน้ัน ความจริงแลวเร่ืองน้ีมีที่มาจากฮาดีษซึ่งมีสายสืบอยางเปนระบบซึ่ง ขาพเจาจะเสนอตัวบทที่ชัดเจนของฮาดีษนี้ใหแกทานดังตอไปนี้ ทานอาบูบักรฺ อะหฺมัด บิน อับ ดลุ อะซีซ อัล-เญาะฮะรยี ไดบ ันทกึ ไวในหนงั สือ “สะกีฟะฮ”ฺ วา “ทานฮัมด บิน อิสหาก บิน ศอลิหไดเลาแกขาพเจาถึงเรื่องท่ีไดรับฟงมาจากทาน อะหฺมัด บิน ยะสารจากทานสะอดี บนิ กะษีร อันศอรี จากทานอับดลุ ลอฮฺ บิน อับดุรเราะหมานวา “ในขณะที่ ทา นศาสนทูตแหง อัลลอฮฺ (ศ) กาํ ลังนอนปวยอยนู ้นั ทานไดออกคาํ สั่งใหท านอุสามะฮฺ บิน ซัยด บิน ฮาริษะฮฺ จัดกองทหารข้ึนมากองหน่ึงซ่ึงประกอบดวยชาวมุฮาญิรีนและชาวอันศอร เชน ทานอาบู บักรฺ ทานอุมัร ทานอาบูอุบัยดะฮฺ บิน ญิรอห ทานอับดุลเราะหมาน บินเอาวฟ ทานฏ็อรฮะฮฺและ ทา นซุบยั รเฺ พื่อใหออกไปทําสงครามในอาณาจกั รโรมัน ทง้ั น้กี เ็ พื่อท่ีจะไดเปน การแกแ คนในฐานะที่ ทานซัยด บิดาของทานอุสามะฮฺไดถูกสังหารเมื่อตอนท่ีไปทําสงคราม ณ สมรภูมิไบแซนดิน แต ทานอุสามะฮฺและกลุมทหารยังรั้งรออยู จนทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (ศ) ตองย้ําอยางหนักแนนวา ใหดําเนินการไปตามคําส่ังคร้ังน้ี ท้ัง ๆ ที่ทานนอนปวยอยู ในขณะน้ันทานอุสามะฮฺไดกลาวแก ทานศาสนทตู วา “โอทานผูอยูในฐานะบิดาและมารดาของขาพเจา ทานจะอนุญาตใหฉันไดอยูที่นี้ไปอีกสัก ระยะหน่งึ จนกวาอัลลอฮฺ ผทู รงสูงสดุ จะบันดาลใหท านไดหายปวยเสยี กอนมิไดห รือ ?”
ทานศาสนทูตไดกลาวอีกวา “โอทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ ถาขาพเจาจะออกไปในขณะที่ ทานอยูในสภาพเชนน้ีก็เทากับขาพเจาออกจากทานไป ทั้ง ๆ ท่ีในหัวใจของขาพเจามีความเจ็บปวด อย”ู ทา นศาสนทตู ไดก ลา ววา “เจาจงยินดีกับการอนเุ คราะหแ ละความโปรดปรานของอลั ลอฮฺ ทานอุสามะฮฺไดกลาวอีกวา “โอทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (ศ) ขาพเจาไมสบายใจท่ีตองนํา บรรดาสาวกออกไปจากทา น” ทานศาสนทูตไดกลาวอีกวา “เจาจงดําเนินการไปตามท่ีฉันไดออกคําสั่งแกเจาเถิด” หลังจากน้นั ทา นศาสนทตู แหงอลั ลอฮฺ (ศ) กเ็ ปนลมสลบไป และทานอุสามะฮฺ ก็ไดดําเนินการจัดเตรียมกองทัพเพ่ือออกไปทําสงครามคร้ันเมื่อทานศา สนทูตแหงอัลลอฮฺ (ศ) ไดฟนข้ึนมาแลว ทานก็ไดถามถึงทานอุสามะฮฺและถามถึงเรื่องการจัด กองทัพเพ่ือไปทําสงครามซึ่งทานไดรับคําตอบวา พวกเขาเหลาน้ันไดจัดเตรียมกองทัพกันแลว ดงั น้นั ทา นจงึ ไดกลาวขึ้นวา “พวกเจาทั้งหลายจงระดมกําลังกันเขาประจําการในกองทัพของอุสามะฮฺเถิด ขออัลลอฮฺได ทรงสาปแชงตอผทู ีผ่ ละหนจี ากเขา” ทานไดยาํ้ อยูเชน นี้ ครั้นแลวก็ปรากฏวาทานอุสามะฮฺก็ไดนํากองทหารออกไปพรอมกับถือธงชัยอยูทามกลาง ของกลุมบรรดาสาวก จนกระทั่งวาทุกคนไดรวมเขาประจําการในกองทัพ เชน ทานอาบูบักรฺ ทาน อุมัร และบรรดาชาวมุฮาญิรีนและชาวอันศอรอีกเปนจํานวนมากเชน ทานอะสีด บิน ฮะฎีร ทานบะ ชีร บิน สะอดั และบุคคลระดับแนวหนา อกี จาํ นวนหนงึ่ ครัน้ แลวทตู ท่ีอมุ มอุ ยั มันสงไปยังกองทหาร ก็ไดไปถงึ แลว แจง ขาววา ทานศาสนทตู แหงอัลลอฮฺ (ศ) ไดว ายชนมเสยี แลว ดงั น้ันอสุ ามะฮฺก็ไดกลบั เขา สเู มอื งมาดนี ะฮฺ โดยที่ทา นไดมงุ มาทางประตูบา นของทานศาสนทตู แหง อัลลอฮฺ ซึ่งในขณะนั้นก็ ปรากฏวา ทานศาสนทูตแหงอลั ลอฮฺไดว ายชนมไปแลว ” ตัวบทจากประโยคฮาดีษดังกลาวนี้ บรรดานักประวัติศาสตรกลุมหน่ึงยังไดนํามาบันทึกไว ในหนงั สือตาง ๆ อีกดวย เชน ทานอัลลามาฮฺ มุอฺตะซิลียไดบันทึกไวในตอนทายของหนาที่ 20 และ หนาถัดไปของหนงั สอื “นะฮฺุลบะลาเฆาะฮ”ฺ ภาคท่ี 2 วัสลาม (ช)
อัล-มรุ อญอิ ะฮฺ 93 23 รอบีอลุ เอาวลั 1330 • ขอพสิ ูจนห ลกั ฐานอื่น ๆ อกี เราตางก็ใชเวลากันมาอยางยืดยาว ในการพูดคุยกันถึงเรื่องราวท่ีเก่ียวกับ “ตําแหนงแมทัพ ของทานอุสามะฮ”ฺ ทาํ นองเดยี วกนั กบั ท่ีเราไดใชเ วลากันอยางยืดยาวในการพูดคุยถึงเร่ือง “ความอัป โชคแหงวันพฤหัส” จนบดั น้รี ายละเอียดตา ง ๆ ไดกระจา งขึน้ และชดั เจนสวา งไสวแกสายตาสําหรับ ท้ังสองประเด็น บัดนี้ขอเราไดมาพิจารณากันถึงรายละเอียดจากประเด็นอื่นที่นอกเหนือจากนี้ได แลว วสั ลาม (ช) อลั -มุรอญอิ ะฮฺ 94 25 รอบอี ุลเอาวัล 1330 • ทานศาสนทูต (ศ) สง่ั ใหสังหารคนทรยศ ขอใหท านไดพิจารณากบั รายละเอยี ดของอีกเรือ่ งหน่งึ ตามทบ่ี รรดานกั ปราชญผ ทู รงคณุ วฒุ ิ จํานวนหนึ่งไดบันทึกไวเถิด นั่นคือ ตามท่ีทานอิมามอะหฺมัด บิน ฮันบัล ไดบันทึกไวในหนังสือ “มุ สนัด” ภาคที่ 3 หนา 15 ซงึ่ เปน ฮาดีษทีร่ ายงานโดยทา นอาบสู ะอีด อัล-คดุ รียว า ครั้งหน่ึงทานอาบูบักรไดเขาไปหาทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (อัลลอฮฺทรงประทานความ จําเริญและความสันติสุขแดทานและแดบันดาลูกหลานของทาน) แลวกลาววา “โอทานศาสนทูต แหงอัลลอฮฺ แทจริงขาพเจาเคยผานสนามรบมาแลวหลายแหง” ทันใดนั้นไดมีชายคนหนึ่งซ่ึงมี ลักษณะเปนคนนอบนอมและมีบุคลิกดีมากยืนนมาซอยู ทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (อัลลอฮฺทรง
ประทานความจําเริญและความสันติสุขแดทานและแดบรรดาลูกหลานของทาน) ไดกลาวแกทาน อาบูบกั รวฺ า “จงไปฆา ชายคนน้นั ซิ” ดังนั้นทา นอาบูบักรฺจงึ ไดไ ปยังชายคนนัน้ แตแ ลว ทานก็เห็นวาชายคนนั้นกําลังยืนนมาซอยู ทานจึงไมอยากท่ีจะฆาเขา ดังนั้นทานจึงยอนกลับไปหาทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (อัลลอฮฺทรง ประทานความจําเริญและความสันติสุขแดทานและแดบรรดาลูกหลานของทาน) แลวกลาววา “โอ ทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ ฉันเห็นวาเขากําลังนมาซอยู ในลักษณะของผูที่มีความสํารวมตนอยางยิ่ง ฉันรูสึกไมพอใจที่จะไปฆาเขา” “ดังนั้นทานนบี (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความสันติ สขุ แดท านและแดบ รรดาลูกหลานของทาน) จงึ ไดก ลาวแกทานอุมรั วา “เจาจงไปฆาเขาซ”ิ ดังน้ันทานอุมัรก็ไดออกไป แตแลวทานก็ไดเห็นชายผูน้ัน กําลังอยูในลักษณะเดียวกับที่ ทานอาบูบักรฺไดเห็นในตอนแรก ทานอุมัรจึงบอกแกตัวเองวา “ไมพอใจที่จะฆาเขา” แลวทานก็ กลับไปพลางกลาวแกทานนบีวา “โอทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ แทจริงฉันเห็นชายผูนั้นกําลังนมาซ อยู ในลกั ษณะของผูท่สี ํารวมตนอยางยิ่ง ดงั น้ันฉันรสู กึ ไมพ อใจในการทจ่ี ะฆาเขา” ทา นศาสนทูตจึง ไดกลา วอีกวา “โออาลีเอย เจา จงไปฆาเขาซ”ิ ดังนั้นทานอาลีจึงไดตรงไป แตแลวทานก็มิไดเห็นเขาคนน้ันอีก ฉะน้ันทานอาลีจึงได ยอ นกลับมาหาทา นนบแี ลว กลา ววา “โอทา นศาสนทตู แหงอัลลอฮฺแทจ ริงฉนั มไิ ดเ ห็นเขาเลย” ดังน้ันทานนบี (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความสันติสุขแดทานและแดบรรดา ลกู หลานของทา น) ไดกลาววา “แทจ ริงชายคนนแ้ี ละบรรดาพรรคพวกของเขาตางก็อาน อัล-กุรอาน แตอัล-กุรอานก็ไมอํานวยคุณคาใด ๆ ใหแกความกลับกลอกของพวกเขา พวกเขาพุงออกไปจาก ศาสนาเสมือนดังเชนที่ดอกธนูไดพุงออกไปจากคันธนู แลวมันก็ไมคืนกลับมาอีก ดังน้ันพวกเจาจง ฆา พวกเหลาน้ันเสยี เถิดเพราะคนเหลานน้ั คือคนช่วั ทีช่ ัดแจง” ทานอะบู ยะอลา ก็ไดบันทึกไวในหนังสือ “มุสนัด” เชนเดียวกับที่ทานอิบนุ ฮะญัรได บนั ทึกไวในหนังสือ “อิศอบะฮฺ” ซึ่งเปนรายงานฮาดีษที่ทานอานัสไดเลาวา “ในสมัยของทานศาสน ทูตแหงอัลลอฮฺนั้น มีชายคนหนึ่งซ่ึงพวกเราประทับใจในการอิบาดะฮฺ (เคารพภักดี) ของเขา และ ความวิริยะอุตสาหะของเขาเปนอยางย่ิง แลวพวกเราก็ไดกลาวถึงเร่ืองน้ีแกทานศาสนทูตแหงอัลลอ ฮฺ (อลั ลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความสันตสิ ุขแดทานและแดบ รรดาลูกหลานของทาน) โดย ที่ไมมีใครรูจักช่ือและคุณสมบัติของเขาเลย ในระหวางท่ีเรากําลังกลาวถึงเขาอยูน้ัน ชายผูน้ันก็ได ปรากฏตวั ขึน้ แลวพวกเราไดกลาวกนั วา “ชายคนนี้แหละ”
ทานศาสนทูตไดกลาววา “แทจ ริงพวกเจา ทง้ั หลายกาํ ลงั บอกใหฉ ันรูจกั ชายผูซ งึ่ มีรอยสีดําที่ ผนกึ มาจากชยั ฏอนในใบหนาของเขา” คร้ันแลวชายผูนั้นก็ไดมุงหนาเขามายืนตอหนาพวกเขาทั้งหลาย โดยที่มิไดกลาวสลามแลว ทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความสันติสุขแดทานและแด บรรดาลูกหลานของทาน) ไดกลาวแกเขาวา “ดวยพระนามของอัลลอฮฺ ทานไดกลาวอะไรบางหรือ ในขณะท่ีทานไดมายืนในท่ีชุมชนแหงน้ี ซ่ึงในจํานวนคนกลุมนี้ ไมมีใครเลยแมแตคนเดียวที่ ประเสริฐยิ่งไปกวาฉนั ?” ชายผูน ั้นกลา ววา “โออัลลอฮฺ ขา ขอยอมรับวาเปนความจริง” และแลวชาย ผนู น้ั กไ็ ดท าํ การนมาซ ทา นศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความสันติสุขแดทานและ แดบ รรดาลกู หลานของทาน) ไดกลา วข้นึ วา “มใี ครบางท่ีสามารถฆาชายคนน้ีได ?” “ทานอาบูบักรฺไดกลาวข้ึนวา “ขาพเจาเอง” แลวอาบูบักรฺก็ไดเขาไปยังชายคนนั้น แตก็ พบวาเขาไดนมาซอยู ทานจึงไดกลาววา “มหาบริสุทธ์ิย่ิงแดอัลลอฮฺ ฉันจะฆาคนที่กําลังนมาซได กระน้ันหรือ” วาแลวทานก็ออกไปเสีย ทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (ศ) ไดกลาวแกทานอาบูบักรฺวา “เจาไมไดทําดอกหรือ ?” อาบูบักรฺตอบวา “ฉันไมพอใจที่ฆาคนท่ีกําลังนมาซ และทานเองก็เคยสั่ง วา หามมิใหฆ า คนทกี่ ําลังนมาซ” ทานศาสนทูตไดก ลา วอีกวา “มีใครบา งท่ีสามารถฆาชายคนน้ไี ด ?” ทานอุมัรไดกลาวขึ้นวา “ขาพเจาเอง” แลวทานอมุ ัรก็ไดเขาไปยงั ชายคนนั้น แตกพ็ บวาเขาไดสุ ดู อยู ทา นอุมัรจึงไดกลาววา “ทานอาบูบักรฺมีความประเสริฐกวาฉัน” แลวทานก็ไดออกไปเสีย ทานนบี (ศ) ไดกลาวแกทานอุมัร วา “เปนเรื่องที่สําคัญนักหรือ ?” ทานอุมัรไดกลาววา “ฉันไดเขาไปพบเขาในขณะท่ีเขากําลังกม สุูดตออัลลอฮฺ ฉนั ไมพ อใจท่ีจะฆา เขา” ทา นศาสนทตู จึงไดก ลา วอกี วา “มใี ครทสี่ ามารถฆาชายคนน้ีไดบาง ?” ทานอาลีไดกลาวข้ึน วา “ขาพเจาเอง” ทานศาสนทูตจึงไดกลาววา “เจายอมไดฆาเขาแน” และแลวทานอาลีก็ไดเขาไปหา ชายผูนั้น แตก็พบวาชายผูนั้นไดออกไปเสียแลว ดังนั้นทานอาลีจึงกลับไปหาทานศาสนทูต แหง อัลลอฮฺ (ศ) แลวทา นศาสนทูตไดกลาววา “ฉนั ไดเ ขา ไปถงึ ก็พบวา ชายผูน้ันไดออกไปเสียแลว” ทา นศาสนทูตไดก ลาววา “ถาแมนวา ชายผูนัน้ ถกู ฆา เสีย ประชาชาติของฉนั ก็จะไมขัดแยง กัน” ฮาดีษนี้ทานฮาฟซ มุฮัมมัด บิน มูซา ชัยรอซีไดบันทึกไวในหนังสือของทานเลมหนึ่งซ่ึงได อางอิงมาจากคําบอกเลาของทานยะอกูบ บิน สุฟยาน มะกอติล บิน สุลัยมาน, ยูสุฟ กิฏอน, กอลิบ
บิน สลาม, มะกอติล บิน หัยยาน, อาลี บิน ฮะร็อบ, สุดีย, มุญาฮิด, เกาะตาดะฮฺ, วะกีอฺ อิบนุ ญะรีห และกลุมนกั ปราชญผูทรงคณุ วุฒิอกี จาํ นวนหนึ่งก็ไดบันทกึ ไวใ นตาํ ราอกี หลายเลม เชน ทานอิมามฺชิ ฮาบุดดีนนะหมฺ ดั หรอื ท่ีรูจักกันในนามวา อิบนุ อบั ดรุ รอบบะฮฺ อันดุลุสยี นอกจากน้ีในหนังสือ “อุกดุลฟะรีด” ภาคท่ี 1 ก็ไดบันทึกเร่ืองน้ีไวเชนเดียวกันในหมวด ท่ีวา ดว ย “อัศหาบลุ -ฮาวาอฺ” ซึ่งในตอนทายของเรื่องนี้ไดสรุปไววา “แทจริงทานนบี (ศ) ไดกลาววา “นี่คอื ส่งิ แรกทค่ี วามชวั่ รายไดป รากฏขน้ึ ในประชาชาติของฉัน ถาหากพวกเจาไดฆาเขาเสีย พวกเจา ก็ไมขัดแยงกันจนแตกออกเปนสองพวก แทจริงนบีอิสรออีลนั้นจะแตกแยกออกเปนเจ็ดสิบสอง จาํ พวก สวนประชาชาตินี้จะแตกแยกออกเปนเจ็ดสิบสามจําพวก ทุกกลุมเหลานั้นลวนเขาสูไฟนรก เวน แตพ วกเดยี วเทานัน้ ” เรื่องราวที่ใกลเคียงกับเร่ืองนี้มีอีกเรื่องหนึ่ง ซ่ึงนักปราชญฝายอะฮฺลิซซุนนะฮฺไดบันทึกไว จากรายงานฮาดษี ท่ีเลาโดยทานอาล(ี 424) ซึ่งไดเ ลาวา มีคนชาวกรุ อยชมาหาทา นนบีแลวกลาววา “โอม ู ฮมั มัด ฉนั เปน ญาตพิ ่นี องและเปน ผูอุปการะของทาน และแทจริงประชาชนท่ีเปนทาสของเราซึ่งเขา ไดเ ขา มายอมรับกบั ทา นน้นั พวกเขาไมมีความปรารถนาทีจ่ ะรับหลกั การใด ๆ ของศาสนาดอก พวก เขาเพยี งแตหนีมาจากงานและผลประโยชนตาง ๆ ของเรา ขอใหทานไดขับไลพวกเขากลับไปยังเรา เถิด” ทานศาสนทูตไดกลาวแกอาบูบักรฺวา “ทานมีความเห็นเกี่ยวกับเร่ืองนี้อยางไรบาง ?” ทานอาบู บักรฺไดตอบวา “พวกเขามีความสัจจริง เพราะพวกเขาเปนญาติพี่นองของทาน” ทันใดนั้นปรากฏวา ใบหนาของทานนบี (ศ) เปล่ียนไปดวยความโกรธ และแลวทานศาสนทูตจึงไดกลาวแกทานอุมัรวา “ทานมีความเห็นในเรื่องน้ีอยางไรบาง ?” ทานอุมัรไดตอบวา “พวกเขามีความสัจจริงที่วาพวกเขา เปนญาตพิ นี่ องและเปนผทู ่อี ปุ การะแกท า น” และแลวใบหนาของทานนบี (ศ) ก็เปล่ียนไปดวยความ โกรธ แลวกลาววา “โอมวลชนชาวกุรอยช ดวยพระนามของอัลลอฮฺ แนนอนอัลลอฮฺไดทรง ประทานชายคนหน่ึงมาใหแกพวกทานท้ังหลาย ผูซ่ึงอัลลอฮฺไดทรงทดสอบหัวใจของเขาดวยความ ศรัทธา ซ่ึงพระองคไดทรงกําหนดใหพวกทานไดถูกเขาช้ีนําทางศาสนาให” ทานอาบูบักรฺจึงได กลาวข้ึนวา “โอทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ ฉันคือชายคนน้ันใชหรือไม ?” ทานศาสนทูตตอบวา “ไมใช” ทานอุมัรไดกลาวอีกวา “โอทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ ฉันเปนชายคนน้ันใชหรือไม” ทานศาสนทูตไดตอบวา “ไมใชหากแตเขาคือผูซ่ึงกําลังปะรองเทาอยู” ซ่ึงทานไดมอบรองเทาให ทานอาลีชว ยปะรองเทาใหแ กท าน วสั ลาม
(ช) (424) หนังสอื “มสุ นดั ” หนา 155 ภาค 1 อลั -มรุ อญอิ ะฮฺ 95 26 รอบอี ุล-เอาวัล 1330 • ขอ อางทมี่ ไิ ดสงั หารคนทรยศ บางทีทานอาบูบักรฺและทานอุมัร (อัลลอฮฺทรงมีความปติช่ืนชมตอทานทั้งสอง) คงมีความ เขาใจวา คําสั่งของทานศาสนทูตท่ีสั่งใหฆาชายคนน้ันเปนคําส่ังประเภท “มุสตะฮับ” (การกระทําท่ี ชอบ) เทาน้ัน มิใชคําสั่งท่ีถือวาเปนขอกําหนดที่เด็ดขาด ดวยเหตุน้ีเองทานทั้งสองจึงไมฆาชายคน นั้น หรือมิฉะนั้นทานท้ังสองก็คงนึกวา การสัง่ ใหฆ า ชายคนน้ัน เปนเพียงขอกําหนดท่ีระบุไวกวาง ๆ (วาญบิ กะฟาอีย) ดวยเหตุนที้ านจึงละทงิ้ การกระทําน้ันเสียเพ่ือใหเปนหนาท่ีของสาวกคนอื่น ท้ังน้ีก็ เพ่ือแสดงถึงวิธีการท่ีใชสําหรับส่ิงท่ีเปนขอกําหนดกวาง ๆ ซึ่งบุคคลอ่ืนสามารถรับเปนภารกิจของ ตนตอไปอีกไดและทานท้ังสองก็มิไดหวนกลับมาจากชายคนนั้นในฐานะที่กลัววาจะฝนคําสั่งดวย สาเหตุการหนีไปของชายคนนั้น ในขณะเดียวกันทานท้ังสองก็ยังมิไดบอกเหตุผลใด ๆ ใหแกชาย คนนน้ั เลย วัสลาม (ซ)
อัล-มรุ อญิอะฮฺ 96 29 รอบอี ุล –เอาวลั 1330 • คาํ ตอบโตข อ อา งดังกลาว คําส่ังนี้อยูในประเด็นของขอบังคับโดยแท ซ่ึงถือวาไมมีเหตุผลอื่นใดที่นายอมรับย่ิงกวา ดังน้ันการตีความวาเปนคําส่ัง “มุสตะฮับ” (การกระทําท่ีชอบ) จึงเปนเหตุผลที่ฟงไมข้ึน นอกจาก อาศัยหลักอุปมามาเปรียบเปรยเทาน้ัน และอุปมาท่ีวาน้ีก็ไมอาจจะใชไดในประเด็นดังกลาว ยิ่งไป กวา นั้นหลกั อุปมาอยา งทวี่ า กย็ ังยอมยืนยันหนกั แนนถึงความหมายที่แทจริงของส่ิงดังกลาววา “เปน ขอกําหนดท่ีจําเปน” การใชทัศนะอยางมีเหตุมีผลในฮาดีษเหลานี้จะทําใหเห็นวาเร่ืองท้ังหมดยอม เปนไปตามท่ีเราไดกลาว ขอใหทานสังเกตคํากลาวของทานศาสนทูต (ศ) ที่วา “ชายคนนี้และพรรค พวกของเขาตางก็อานอัล-กุรอาน แตเขาก็มิไดหลีกหางจากความทรยศ พวกเขาพุงตัวออกไปจาก ศาสนาเสมือนดอกธนูที่พุงออกไปจากคันธนู ซึ่งมันจะไมคืนกลับมาสูคันธนูนั้นไดอีกแลว ดังนั้น พวกเจาจงฆาคนเหลานั้นเสียเถิด เพราะคนเหลานั้นคือคนช่ัวที่ชัดแจงท่ีสุด” และทานศาสนทูต แหง อลั ลอฮฺ (อลั ลอฮฺทรงประทานความจําเรญิ และความสนั ติสขุ แดทานและแดบรรดาลกู หลานของ ทาน) ยังไดกลาวอีกวา “ถาชายคนนี้ไดถูกฆาเสียแลว ประชาชาติของฉันจะไมขัดแยงกันเปนสอง ฝา ย” คําพดู ประโยคนแ้ี ละประโยคอื่น ๆ ก็ดี เราไมอาจจะกลาวแยงไปในรูปอื่นไดอีกแลว นอกจาก จะตอ งยอมรบั การฆา ชายผนู ัน้ และตอ งดาํ เนนิ การเกยี่ วกับสงิ่ นน้ั กนั อยางจรงิ จังที่สุด ในเม่ือเราไดกลับมาพิจารณาดูฮาดีษที่บันทึกอยูในหนังสือ “มุสนัด” ของทานอะหฺมัด ก็จะ เห็นวาคําสั่งท่ีใหฆาชายผูนั้นไดมุงชี้เฉพาะไปยังทานอาบูบักรฺกอนแลวตอมาก็เปนคําสั่งท่ีช้ีเฉพาะ ไปยังทานอุมัรอีก เม่ือเหตุการณเปนไปในรูปน้ี ไฉนเลาคําส่ังนี้จะมาถูกถือวาเปนคําส่ังประเภท ขอกําหนดกวา ง ๆ สําหรบั คนทั่วไปเสียได โดยที่ฮาดีษเหลาน้ันไดใหรายละเอียดอีกวาทานทั้งสองจะไมถอยหลังกลับจากการฆาชาย คนนั้นเลย หากแตทานท้ังสองไมพอใจที่จะฆาเขาในขณะที่เขาอยูในสภาพน้ัน กลาวคือกําลังนอบ นอมอยูในการนมาซ ทานทั้งสองจึงมิไดถอยหลังกลับเพราะเหตุอื่นใด แตทานท้ังสองไมมีความ พอใจที่จะกระทําในสิ่งท่ีจิตใจของทานนบี (ศ) เห็นดีเห็นงามตองการจะใหทํา ฉะน้ันคนท้ังสองจึง ไมไดกระทําตามส่ิงท่ีทานไดส่ังวาใหฆาชายคนนั้น จึงสามารถตัดสินไดอยางชัดเจนเลยทีเดียววา
พวกเขาไดด ําเนินกจิ การดงั กลา วนนั้ โดยยดึ เอาทัศนะของพวกเขาเองเปนหลัก เหนือกวาการยอมรับ ในคําสงั่ ทท่ี า นศาสนทตู ไดร ะบุ ดงั ท่ีทา นกไ็ ดทราบดอี ยูแ ลว วัสลาม (ช) อัล-มุรอญิอะฮฺ 97 30 รอบีอลุ -เอาวัล 1330 • ขอพิสูจนห ลกั ฐานอนื่ ๆ อกี ขอใหทา นไดโ ปรดเสนอรายละเอียดอืน่ ๆ ท่ยี ังมเี หลืออยู ซงึ่ เปนหลักฐานทแ่ี สดงวาบรรดา สาวกไดใชทัศนะของตนปฏิบัติหนาท่ีไปโดยไมยอมรับในคําสั่งของทานศาสนทูต (ศ) แตทานไม จําเปนตองเสนอรายละเอียดตาง ๆ เหลานั้นใหยืดยาวเหมือนเชนท่ีเราไดผานมาคร้ังหนึ่งแลว ถึงแมวาเรายังมคี วามจําเปน ท่ีจะตอ งพูดถงึ ปญ หาเหลา นีก้ ันอยางยืดยาวสกั เพียงใดกต็ าม วสั ลาม (ซ) อัล-มุรอญอิ ะฮฺ 98 3 รอบีอษุ -ษานี 1330 1. แจกแจงใหเ หน็ เพยี งเรื่องราวบางประการ 2. ชีน้ ําไปสรู ายละเอียดอีกดา นหนึ่ง ทา นยอมสามารถพิสูจนก บั รายละเอียดของเร่ืองทํานองดังกลาวน้ันไดจากเร่ืองราวของการ ทําสนธิสัญญาหุดัยบียะฮฺ การจัดสรรทรัพยสินท่ียึดไดจากเชลยสงครามหุนัยยฺ การรับเอาสินไหม ตอบแทนจากเชลยศึกสงครามบะดัรฺ คําส่ังที่ทานศาสนทูตบอกใหเชือดอูฐจํานวนหน่ึงเพ่ือบรรเทา ความหิวของพวกสาวกที่ไดป ระสบภาวะคับขันเม่ือครั้งทําสงครามตะบูก เหตุการณบางกรณีท่ีพวก
เขาไดกระทาํ ขึน้ เมอ่ื ตอนสงครามอหุ ดุ เหตุการณใ นวนั ทอ่ี าบฮู รุ ็อยเราะฮฺไดป ระกาศขาวใหแกทุก ๆ คนเก่ียวกับเรื่องเตาฮีด เหตุการณในวันท่ีพวกมุนาฟกไดทําการนมาซ เหตุการณท่ีมีการระรานกัน ในเร่ืองทรัพยสินท่ีไดบริจาคไปแลว เหตุการณที่พวกเขายังใฝใจอยูกับความชั่วบางประการ เรื่องราวการตีความโองการท่ีเก่ียวกับอัล-คุมสฺและซะกาต กรณีการตีความโองการท่ีวาดวยเรื่อง มุตอะฮฺ กรณีการตีความโองการที่เก่ียวกับการหยาราง กรณีการสาธิตวิธีการนมาซ “นะวาฟล” ใน เดือนรอมฏอนท้ังรูปแบบและจํานวนร็อกอะฮฺ กรณีของคํากลาวในการอะซฺาน กรณีที่เกี่ยวกับ จํานวนของตักบีรฺในนมาซญะนาซะฮฺ ตลอดจนถึงเรื่องอื่น ๆ อีกที่ไมอาจนํามาอธิบายใหหมดได เชนการขัดขืนคําส่ังโดยฮาฏิบ บิน บันตะอะฮฺ, กรณีการฝาฝนรูปแบบการกระทําของทานนบีที่มะ กอมอิบรอฮีม กรณีของการจาํ กดั บทบาททีม่ ีตอมัสญิดไวก บั มุสลมิ กลมุ หนึ่ง กรณีท่ีไดทําการตัดสิน แกชาวยะมนั โดยความเหน็ ของอะบีเคาะรอช อัล-ฮซั ลียฺ กรณกี ารปฏิเสธของนัศรฺ บนิ ฮจั ญาจญ อัส- สลั มยี ฺ กรณที ี่ไดมีการลงโทษแกอุ ฺดะฮฺ บนิ สลีม* กรณีเก่ียวกบั วิธีการในระเบียบท่ีวาดวยเร่ืองเก็บ ภาษีญิซซะฮฺ กรณีที่ต้ังคณะกรรมการข้ึนมาปรึกษาเพ่ือหาแนวทางอ่ืน ทั้ง ๆ ที่เร่ืองนั้น ๆ มีกฎ ตายตัวจนเปนท่ีรูดีกันอยูแลว กรณีการออกลาดตระเวนในยามกลางคืนเปนจารกรรมในตอน กลางวัน กรณีทม่ี กี ารหนั เหเปล่ยี นแปลงในเรอื่ งที่เกีย่ วกับขอ กาํ หนดท่ีแนนอนอยูแลว (ฟรฺฎ) ตลอด จนถึงเรื่องตาง ๆ อีกมากที่พวกเขาไดดําเนินการปฏิบัติไปดวยพละการและถืออํานาจสวนตัวและ เพื่อใหปรับอยางเขากันไดกับสังคมท่ัวไป ซึ่งเรื่องน้ีขาพเจาไดรวบรวมรายละเอียดไวในหนังสือ “สะบลี ุล-มมุ นิ นี ”** เกี่ยวกับรายละเอียดตาง ๆ ที่ระบุเฉพาะแกทานอาลีและเช้ือสายผูบริสุทธ์ิที่มีรายละเอียด นอกเหนอื ไปจากเรอ่ื งตาํ แหนง * “โปรดพิจารณาหัวขอเรื่องท่ีอธิบายถึงทาน อุมัร ในหนังสือ “ฏอบากอต” ของทาน อิบนุ สะอัด ท่ีไดมีการโบยคนช่ือ ุอฺดะฮฺ โดยท่ีมิไดมีพยานและไมมีผูกลาวหา ยืนยันใน ความผิด เพียงแตเปนการลงโทษไปตามบัตรสนเทหที่มิไดระบุผูกลาวหา แตมีขอความ ปรักปราํ วา อุ ฺดะฮฺ กระทาํ ความชว่ั อยา งรา ยแรง” ** “ถาหากทานไมมีหนังสือ “สะบีลุล-มุมีนีน” ทานก็ไมควรท่ีจะพลาดหนังสือ “อัล-ฟุศู ลุล-มฮุ มิ มะฮ”ฺ เพราะหนังสือเลมน้ีมีประโยชนอยางชนิดท่ีไมสามารถจะพบในหนังสือเลม อื่น ๆ ได รายละเอียดตาง ๆ ตามท่ีเราไดเสนอดังนี้ มีปรากฏอยูในหนังสือดังกลาว ภาคท่ี 8 หนา 44 และหนาถดั ไปจนถึงหนา 130 ฉบบั ตพี มิ พค รั้งที่ 2”
คอลีฟะฮฺก็เปนเร่ืองท่ีพวกเขามิไดนําพาอีกเชนกัน ใชแตเทาน้ันพวกเขายังบั่นทอนเร่ืองดังกลาวเสีย อีกตามทผี่ ูท รงคุณวุฒิตางก็ทราบกันดี ฉะน้ันจึงมิใชเรื่องแปลกที่พวกเขาตะตีความกับคําสั่งเรื่องคอ ลีฟะฮฺหลังจากท่ีพวกเขาไดกระทํากับเร่ืองอื่น ๆ มาแลว เพราะเรื่องน้ันเปนเพียงแคเร่ืองเดียวจาก จํานวนหลาย ๆ เร่ืองท่ีพวกเขากระทํากระทําการล้ําหนาไป โดยเอาทัศนะของพวกเขาเองเปนหลัก แหง การยอมรบั วสั ลาม (ช) อัล-มุรอญอิ ะฮฺ ๙๙ ........................ ๑. พฤติกรรมของพวกเขาเปนเร่อื งของการปรับสภาพใหเขากับสงั คม ๒. ขอพสิ ูจนห ลกั ฐานอ่นื ๆ อกี ผูมีทัศนคติท่ีดียอมไมคลางแคลงสงสัยในเจตนาที่ดีงามของพวกเขาหรอก เพราะ พฤติกรรมตา ง ๆ ของพวกเขาลว นแตเ ปนการปรบั สภาพใหเขากับสังคมท่ัวไปท้ังสิ้น เกี่ยวกับทุกสิ่ง ทุกอยางในรายละเอียดของสิ่งเหลานั้น ก็เปนเพราะพวกเขาตองการใหเกิดความเหมาะสมแก ประชาชาติอิสลาม และดวยความรักความหวงตอศาสนา อีกทั้งเพื่อเปนการแสดงพลังแกฝายศัตรู จึงถือไดวาไมมีขอตําหนิใด ๆ แกพวกเขา สําหรับสิ่งตาง ๆ ท่ีพวกเขาไดกระทําลงไป ไมวาส่ิงน้ัน เขาจะยอมรับปฏิบัติไปตามรายละเอียดแหงคําสั่งหรือพวกเขาจะตีความเร่ืองนั้น ๆ ก็ตาม ถือวา เหมือน ๆ กนั ทง้ั ส้ิน ขาพเจาไดรบกวนทานในการใหเสนอหลักฐานรายละเอียดตาง ๆ มามากพอสมควร ซึ่ง ทานก็ไดใหรายละเอียดตาง ๆ มามากมาย แตแลวทานก็ไดกลาวถึงเร่ืองของทานอิมามอาลีและเชื้อ สายของทานวามีรายละเอยี ดท่ีเปนหลกั ฐานตา ง ๆ นอกเหนือจากรายละเอียดท่ีเปนหลักฐานในเรื่อง คอลฟี ะฮฺอยอู ีกมาก แตบรรพชนของพวกเรามิไดนําพา ดังน้ันขอทานไดโปรดเสนอรายละเอียดตาง ๆ ดงั กลา ว และโปรดนาํ มาใหข าพเจาไดพ สิ ูจนจนเปนทพ่ี อใจดว ยเถดิ วสั ลาม (ช)
อลั -มรุ อญอิ ะฮฺ ๑๐๐ ๘ รอบีอุษ-ษานี ๑๓๓๐ ๑. ผรู วมสนทนาไดแสดงเหตผุ ลนอกประเดน็ ๒. สนองตอบการขอหลักฐาน ๑. ทา นไดย อมรับแลววา มกี ารเปลี่ยนแปลงที่กระทําข้ึนโดยบรรดาสาวกปรากฏอยูเรื่องราว ที่เปนคําส่ัง ตามละเอียดที่ขาพเจาไดเสนอไปแลวจริง ก็เปนอันวาทานเช่ือมั่นในเรื่องราวตาง ๆ ตามทีข่ า พเจา ไดก ลาวไปแลว อัล-ฮัมดุลิลลาย สวนจะถือวาส่ิงน้ัน ๆ เปนไปโดยเจตนาดีของบรรดา สาวก หรือจะอางวาพวกเขาดําเนินเร่ืองราวตาง ๆ ไปเพื่อปรับสภาพใหเขากับสังคม หรือเพื่อ ปรับปรุงใหเขากับสภาพของประชาชาติ หรือกระทําไปโดยความรักความหวงตอศาสนา หรือเพ่ือ สําแดงพลังแกศัตรู หรืออะไรก็แลวแตยอมถือวาเปนเรื่องนอกเหนือจากประเด็นหลักท่ีจะอธิบาย ดงั ท่ีทา นเองกท็ ราบดีอยูแลว ๒. ในตอนทา ยจดหมายของทา น ทานไดขอพิสูจนห ลักฐานโดยละเอียดท่ีเก่ียวกับเรื่องของ ทานอาลี อันมาจากหลกั ฐานท่เี ชอ่ื ถือได (ศอฮฮ้ี )ฺ เฉพาะในประเด็นทีไ่ มเ ก่ียวขอ งกับรายละเอียดของ เรือ่ งอมิ าม ซ่งึ เปน เรอ่ื งหนึง่ ทบี่ รรดาสาวกเหลานัน้ มิไดใ หก ารยอมรับ มิใหความสนใจไยดีนั้น ทาน เองในฐานะที่เปนผูทรงคุณวุฒิระดับอิมามคนหนึ่งของพี่นองอะฮฺลิซซุนนะฮฺในยุคปจจุบันน้ี ทาน ยอมสามารถท่ีจะประมวลเรื่องราวตาง ๆ และคนควาหาความเขาใจในความเปนจริงของส่ิงตาง ๆ ไดอยางกวางขวางจะมีใครบางเลา....ท่ีกลาหมิ่นประมาทวาทานเปนผูท่ียังไมมีความรูกระจางชัด ตามเร่ืองราวท้ังหลายแหลที่ขาพเจาไดรวบรวมเรียนเสนอมา จะมีใครบางที่หาญหลาคิดวาตนเองมี ความรคู วามเขาใจล้าํ หนา ยิ่งไปกวาทา น เก่ียวกบั รายละเอียดทง้ั หมดท่ขี าพเจาไดแจกแจงมันมาน้ี ยัง จะมีใครอีกหรือที่มีความช่ําชองเช่ียวชาญหรือมีวิชาการลึกซึ้ง ในเรื่องราวดานซุนนะฮฺย่ิงไปกวา ทานสกั คน ? หามไิ ด หากแตม ันเหมือนกบั คําสภุ าษิตบทหน่ึงท่ีไดก ลา วไวว า : “สวนมากแลว ผูถาม เก่ียวกับกิจการใดกด็ ี น่นั แหละ เขาคือผูรูละ” ทานเองก็ทราบดีอยูแลววา สวนมากของบรรดาสาวกนั้นพวกเขามีความโกรธเคืองและขับ เคี่ยวกันกับทานอาลีมาโดยตลอด จะเห็นไดวาพวกเขาเหลานั้นไดแยกตัวออกมาและมุงรายตอทาน ไดทําการลบหลูและอยุติธรรมตอทาน พวกเขามักสบประมาทและตอสูอีกทั้งโจมตีเกียรติยศของ
ทาน ตลอดจนถงึ เกยี รติยศของบรรดาอะหฺลุลบัยตฺ และบรรดาปยมิตรของทานดวยคมดาบของพวก เขาเอง ดงั เชน ทนี่ ักประวตั ศิ าสตรใ นอดตี ตางก็ยอมรบั ความจรงิ ทีส่ าํ คญั เหลา น้ไี ปแลว ทงั้ ๆ ทีท่ านศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (ศ) ไดกลาววา “ผูใดเชื่อฟงปฏิบัติตามฉันก็เทากับเชื่อฟง ปฏิบัติตามอัลลอฮฺ ผูใดทรยศตอฉันก็เทากับทรยศตออัลลอฮฺและผูใดเช่ือฟงปฏิบัติตามอาลีก็เทากับ เขาไดเ ช่ือฟงปฏิบตั ิตามฉัน ผใู ดทรยศตออาลกี เ็ ทา กับทรยศตอ ฉัน” ท้ัง ๆ ท่ีทานศาสนทูตยังไดกลาวไวอีกวา “ผูใดท่ีแตกแยกกับฉันเทากับเขาเปนผูแตกแยก กบั อลั ลอฮฺ โออ าลเี อย ผใู ดทแ่ี ตกแยกกับเจากเ็ ทา กบั แตกแยกกบั ฉัน” ทานศาสนทูต (ศ) ยังไดกลาวไวอีกวา “โอ อาลีเอยเจาคือหัวหนาของคนในโลกน้ีและ หวั หนาของคนในปรโลก ผูใ ดเปนทร่ี กั ของเจายอ มเปน ท่ีรักของฉันดวย และท่ีรักของฉันยอมเปนที่ รักของอัลลอฮฺ ศัตรูของเจาน้ันเปนศัตรูของฉันดวย สวนศัตรูของฉันก็คือศัตรูของอัลลอฮฺ ความ วบิ ัติพึงมแี ตผูชิงชังเจา ภายหลงั จากฉัน” ท้ัง ๆ ท่ีทานศาสนทูต (ศ) ยังไดกลาวอีกวา “ผูใดประณามอาลีก็เทากับเขาไดประณามฉัน และผูใดประณามฉนั ก็เทา กบั ประณามอัลลอฮดฺ วย” และทานนบี (ศ) ยังไดกลาวอีกวา “ผูใดกลาวรายตออาลีเทากับเขาไดกลาวรายตอฉันดวย และผใู ดกลา วรา ยตอ ฉันก็เทา กบั กลา วรายตออัลลอฮ”ฺ ทานศาสนทูต (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความสันติสุขแดทานและแดบรรดา ลูกหลานของทาน) ไดกลาวไวอีกวา “ผูใดรักอาลี ก็เทากับรักฉัน และผูใดโกรธอาลีก็เทากับโกรธ ฉนั ดว ย” ท้ัง ๆ ท่ีทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความสันติสุขแด ทานและแดบรรดาลูกหลานของทาน) ไดกลาวไวอีกวา “อาลีเอย ไมมีใครรักเจาดอก นอกจากผู ศรทั ธา และไมม ีใครโกรธเจา ดอก นอกจากพวกมุนาฟก ” และทานศาสนทูต (ศ) ยังไดกลาวไวอีกวา “โอ อัลลอฮฺขอไดทรงคุมครองผูท่ีจงรักภักดีตอ อาลี และขอไดทรงเปนศัตรูตอผูท่ีเปนศัตรูของอาลี ขอไดทรงชวยเหลืออนุเคราะหแกผูที่ชวยเหลือ อาลีและจงบั่นทอนเกียรติของผทู บ่ี น่ั ทอนเกียรติอาล”ี วันหนึ่งทานศาสนทูต (ศ) ไดมองไปยังทานอาลี ทานหญิงฟาฏิมะฮฺ ทานฮะซันและทานฮุ เซน แลวกลาววา “ฉันจะตอสูกับคนท่ีตอสูเจาทั้งหลาย ฉันจะใหสันติภาพแกบุคคลที่ใหสันติภาพ พวกเจา”
อกี ทง้ั ในขณะทท่ี านศาสนทูตไดคลุมบคุ คลเหลา นั้นดวยผา คลมุ กิสาอฺ ทานศาสนทตู (ศ) ได กลาววา “ฉันจะตอสูกับคนที่ตอสูพวกเขา และจะใหความสันติภาพแกผูท่ีใหสันติภาพแกพวกเขา และจะเปนศัตรขู องผทู ีเ่ ปนศตั รูพวกเขา” ยังมีรายงานฮาดีษเหลานี้อีกเปนจํานวนมากท่ีสาวกสวนใหญมิไดนําพากับเรื่องนี้แมแต อยางใด หากแตพวกเขาดําเนินการปฏิบัติสิ่งตาง ๆ ไปดวยความบกพรองที่เกิดขึ้นโดยอารมณของ พวกเขาเองเทานั้น และดําเนินการปฏิบัติไปเพ่ือผลประโยชนของพวกเขาเองเปนหลัก นักวิชาการ ผูทรงคุณวุฒิที่เฉลียวฉลาดท้ังหลายตางรูดีวาบรรดารายงานฮาดีษตาง ๆ ท่ีไดกลาวยืนยันใน เกยี รติยศท่ีดีงามของทานอาลีนั้นไดถูกเก็บรักษาไวจํานวนหลายรอยตอน ซึ่งเปนหลักฐานที่อธิบาย สิทธิอันชอบธรรมของทาน และขอกําหนดท่ีจําเปนตองยอมรับความเปนผูปกครองของทาน และ อธิบายถึงขอหามมิใหผูใดขัดขืนคําสั่งของทาน โดยที่หลักฐานตาง ๆ ทุกบททุกตอนน้ันลวนยืนยัน ตอพระผูเปนเจา ทรงอานุภาพและทรงเกยี รตคิ ณุ และอธบิ ายถงึ ตาํ แหนง อนั สงู สง ของทานตามทัศนะ ของอัลลอฮฺและศาสนทูตของพระองค ความจริงเราไดอธิบายรายละเอียดตาง ๆ ของประเด็นน้ีไว ในหนังสืออัล-มุรอญิอาตเลมนี้อยางครบครันไปตามบทตามตอนตาง ๆ ซ่ึงเราไมจําเปนท่ีจะตอง อธบิ ายขยายความเพมิ่ เติมใหม ากไปกวา น้นั อีกแลว ขอสรรเสริญตออัลลอฮฺ ท่ีขาพเจาไดประจักษวาทานคือนักปราชญท่ีมีความรูกวางขวางใน หลักฐานตาง ๆ ของอะฮฺลิซซุนนะฮฺ และเปนผูมีความเขาใจเร่ืองราวตาง ๆ ละเอียดถี่ถวนมาก ทาน พอจะพบบางสิ่งบางอยางอยูบางแลวมิใชหรือท่ีเก่ียวกับเร่ืองของผูหมิ่นประมาทและตอสูกับทาน อาลี หรือไมทานก็คงจะพบเร่ืองราวท่ีสรางความปวดราวใหแกทานอาลีเชนการกลาวราย การหมิ่น ประมาทและการจองเวรมาบางแลวมิใชหรือ หรือไมทานก็คงจะทราบถึงเหตุการณตาง ๆ ที่สราง ความไมเ ปนธรรมใหแกท า นอาลีและการดาประณามทานอาลีบนมิมบัรของบรรดามุสลิม จนถึงกับ วาเรื่องนั้นไดเคยถูกถือเปนระเบียบอันหน่ึงจากหลาย ๆ ระเบียบของผูทําหนาท่ีคุฏบะฮฺ ทั้งในการ นมาซวันศุกรและนมาซอีดในยุคน้ัน เหลาน้ีหาใชอ่ืนใดไม หากแตเปนเพราะพวกเขาไดกระทําการ ลบหลูตอทานอาลีก็โดยท่ีพวกเขามิไดสนใจไยดีอันใดเลยกับเร่ืองราวท่ีเปนหลักฐานยืนยันกันมา มากมาย และรายละเอียดตา ง ๆ เหลาน้ัน มิไดอํานวยความสะดวกใด ๆ ใหพ้ืนฐานการปกครองของ พวกเขาประสบความสาํ เรจ็ ทัง้ ๆ ท่พี วกเขากร็ ดู วี า ทานอาลีคอื พน่ี องและผใู กลช ดิ ของทา นนบี เปนทง้ั ทายาทและผเู กบ็ ความลับของทา นนบี เปนหวั หนาสูงสดุ ของเช้ือสายทานนบี
เปน ผูทีอ่ ยูในฐานะฮารนู สําหรบั ประชาชาตนิ ้ี เปน ผูใหความคุม ครองตอ ผซู ึ่งถกู ขนานนามวา “เลอื ดเนอ้ื ของทา นนบี” เปนบดิ าของบรรดาลกู หลานของทานนบี เปน บุคคลแรกทเี่ ขารบั อสิ ลาม เปน ผมู คี วามบริสทุ ธิ์ใจในความศรัทธามากทส่ี ุด เปนผูมีวิชาความรลู กึ ซ้ึงเหนอื ใครทัง้ หมด เปนผมู ผี ลงานมากมายทส่ี ุด เปนผูมเี กียรตยิ ศมากทสี่ ดุ เปนผมู ีความละเอียดถ่ถี วนในเรอ่ื งของอิสลามมากทส่ี ุด เปน ผใู กลช ิดของทานศาสนทูตแหง อัลลอฮฺมากที่สุด เปน ผูมคี วามละมายคลายคลงึ กับบคุ ลกิ ภาพและคณุ สมบัตขิ องทา นนบีมากที่สดุ เปนผูท่ีสามารถประพฤติปฏิบัติตามหลักการประพฤติและตามหลักการพูดตลอดจนความ สํารวมของทา นนบไี ดเหมอื นทส่ี ดุ แตทวา คณุ สมบัตติ า ง ๆ ดังกลาวนลี้ วนมคี วามพิเศษท่ีล้ําหนาพวกเขาเหลานั้นในทุก ๆ ดาน ฉะนั้นจะนาแปลกประหลาดใจทําไมที่วาหลักจากสิ่งตาง ๆ เหลาน้ีแลว พวกเขายังไดใชทัศนะของ พวกเขาเองไปกระทําการล้ําหนาในเรื่องของตําแหนงอิมาม คือแทนที่จะใหการยอมรับตอหลักการ ท่ีไดถูกระบุไวในวันสําคัญแหงฆอดีรฺคุม เพราะคําส่ังที่ไดระบุท่ีตําบลฆอีรฺคุมน้ัน มิใชอ่ืนใดเลย หากแตเปนเพียงเร่ืองเดยวจากบรรดาเรื่องราวอ่ืน ๆ นับจํานวนเปนรอยท่ีพวกเขาไดดําเนินการ ตีความหมายปรับปรุงเปลี่ยนแปลงกันเองตามทัศนะของพวกเขา และกระทําการตาง ๆ กันไปเพื่อ ปรบั สภาพของเหตกุ ารณใหเ ขากบั พวกเขา ทั้ง ๆ ท่ีทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความสันติสุขแด ทานและแดบรรดาลูกหลานของทาน) ไดกลาวอยูแลววา “แทจริงฉันเปนผูละท้ิงไวในหมูพวกทาน ท้ังหลาย ซ่ึงส่ิงท่ีถาหากวาพวกทานท้ังหลายไดยึดม่ันไวแลว พวกทานจะไมหลงผิด นั่นคือ พระ คมั ภีรของอัลลอฮฺและเชื้อสายของฉันจากอะหลฺ ลุ บัยตฺของฉัน” ทา นศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความสันติสุขแดทานและ แดบรรดาลูกหลานของทาน) ไดกลาวอีกวา “แทจริงอุปมาอะหฺลุลบัยตฺของฉันในหมูพวกทาน
ทั้งหลายนน้ั อุปไมยดงั่ นาวาของนบีนทู ผูใดท่ีไดข้นึ ขม่ี นั เขากจ็ ะปลอดภยั และผูใ ดผลกั ไสมัน เขาก็ จะลมจม และแทจริงอุปมาแหงอะหฺลุลบัยตฺของฉันที่มีในหมูพวกทานท้ังหลายน้ันอุปไมยดังประตู แหงความเมตตาทมี่ ใี นบนีอสิ รออลี ผูใ ดไดเขา ไปสใู นนั้น เขาก็จะไดร ับการอภยั โทษ” ทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความสันติสุขแดทานและ แดบรรดาลูกหลานของทาน) ไดกลาวไวอีกตอนหนึ่งวา “ดวงดาวท้ังหลายเปนหลักประกันความ ปลอดภัยแกชาวโลก เพื่อใหพนจากความลมจม (หลงทางในทองทะเลยามคํ่าคืน) สวนอะหฺลุลบัยตฺ ของฉันน้ันเปนหลักประกันความปลอดภัยแกประชาชาติของฉัน เพ่ือใหพนจากการขัดแยง (ใน เรื่องศาสนา) เพราะถาหากกลุมชนชาวอรับขัดแยงกับส่ิงน้ันขึ้นมาเม่ือไร พวกเขาก็จะขัดแยงกันจน กลายเปนสมาชิกของพรรคอบิ ลีส หลักฐานทํานองนี้ยังมีอีกมากมายจากตําราที่ประมวลฮาดีษศอฮี้ฮฺของนักปราชญฝายอะฮฺ ลิซซุนนะฮฺ ซ่งึ พวกเขามิไดย อมรบั ตอหลกั ฐานนัน้ เลยแมแ ตน อย วัสลาม (ช) อัล-มุรอญอิ ะฮฺ ๑๐๑ ๑๐ รอบอี ุษ-ษานี ๑๓๓๐ • ทําไมทานอิมามอาลี จึงไมอุทธรณในเหตุการณสะกีฟะฮฺ โดยอางสิทธิการเปนคอลีฟะฮฺ และทายาท มวลการสรรเสริญเปนสิทธิของอัลลอฮฺ พระผูอภิบาลแหงสากลโลกที่สัจธรรมไดสาธยาย ออกมาจากเนื้อแทของมัน จนไมมีขอสงสัยหลงเหลืออยูอีกเลย นอกจากเร่ืองสัญเพียงอยางเดียว เทานั้น ที่เงื่อนไขและหลักการทางวิชาการยังถูกปฏิเสธและปดบังกันอยู ขาพเจาใครท่ีจะขอรองให ทานช ว ยเปดเผยส่ิงทถี่ กู ปกปด เหลานั้นออกมาดวยเถดิ นนั่ กค็ อื วา ทา นอิมามมไิ ดอ ทุ ธรณแตป ระการ ใดเลยสาํ หรบั สิทธิตา ง ๆ ในเรอื่ งคอลฟี ะฮฺและฐานะที่เปนทายาทของทานศาสนทูต (โดยไดรวมให สตั ยาบนั แกท า นอาบบู ักรฺ ศดิ ดกี ในวันทีแ่ ตงตง้ั ณ ตาํ บลสะกฟี ะฮฺ) ซงึ่ เปนเร่ืองที่ทานทั้งหลายเปนผู
ยึดมัน่ กันอยางเหนยี วแนนตอเรื่องนี้ หรอื วา พวกทานมีความรู ความเขาใจถึงความสําคัญของสงิ่ นย้ี งิ่ ไปกวา ทา นอิมามอาลี ? วสั ลาม (ช) อลั -มรุ อญิอะฮฺ ๑๐๒ ๑๑ รอบอี ุษ-ษานี ๑๓๓๐ ๑. เหตุผลตาง ๆ ท่ียับย้ังมิใหทานอิมาม อาลี อุทธรณในวันที่แตงต้ังทานอาบูบักรฺ ณ ตําบล สะกีฟะฮฺ ๒. ชแ้ี จงไปยงั คําอทุ ธรณข องทานและคาํ อุทธรณของบรรดาปยมติ รของทาน ทั้ง ๆ ที่อยูใน สภาพตอ งยับยัง้ ๑. ประชาชนทั้งหลายตางทราบดีอยูแลววา ท้ังทานอิมามอาลีเอง ตลอดจนถึงบรรดาปย มิตรของทานจากชาวบนีฮาชิม และบุคคลอ่ืน ๆ อีกจํานวนหน่ึง มิไดเขารวมเปนสักขีพยานในการ ใหส ัตยาบนั ตอ การเปนคอลีฟะฮฺของอาบูบักรฺ และพวกเขาเหลานั้นก็มิไดเขาไปที่ตําบลสะกีฟะฮฺใน วันนั้นเลย พวกเขาอยูในฐานะของผูที่ปลีกตนออกจากเร่ืองน้ันและจากทุก ๆ เร่ืองที่เกิดข้ึนท่ีนั่น โดยสิ้นเชิง พวกเขาทุกคนหลบหลีกจากการไปชุมนุมที่สะกีฟะฮฺเพ่ือหันไปสาละวนอยูกับ เหตุการณอันย่ิงใหญของพวกเขา นั่นคือการวายชนมของทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ พวกเขาได ดาํ เนนิ การไปตามขอ กําหนดทีจ่ ําเปน เกยี่ วกับการจัดแตงมัยยดิ ของทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (อลั ลอ ฮฺทรงประทานความจําเริญและความสันติสุขแดทานและแดบรรดาลูกหลานของทาน)โดยพวกเขา มิไดใหความสนใจกับส่ิงอื่นนอกเหนือจากสิ่งน้ี และพวกเขายังไดดําเนินการจัดฝงรางอันบริสุทธ์ิ ของทานศาสนทูตลงในสุสานของทาน จนกระท่ังผูท่ีชุมชุมกัน ณ สะกีฟะฮฺ ไดดําเนินภารกิจของ พวกเขาเสร็จสิ้นลงอยางสมบูรณ มีการลงมติรับรองกัน และตั้งเง่ือนไขขึ้นมาผูกมัดกัน อีกทั้ง รวบรวมกําลังโดยเผด็จการเพื่อยับย้ังมิใหทุกคนวิจารณหรือกระทําการใด ๆ ที่กอใหเกิดความ ออนแอหรือความวุนวายแกการใหสัตยาบันและการวางเงื่อนไขตาง ๆ ของพวกเขา อีกท้ังยัง
รวบรวมกําลังโดยเผด็จการเพ่ือยับย้ังมิใหความยุงยามและความมีอุปสรรคตาง ๆ เขาไปสูกิจการ ภายในของพวกเขา แลวทานอิมามอาลีไดมีสวนรวม ณ ตําบลสะกีฟะฮฺที่ไหนกันหรือ ? หรือมีสวนรวมในการ ใหสัตยาบันตอทานอาบูบักรฺ ศิดดีกไดอยางไรกัน และการใหสัตยาบันของทานมีความหมายอันใด ตอพวกเขาเหลา นน้ั ? คําอุทธรณจะเปนผลไดอยางไรกัน ไมวากับอาบูบักรฺหรือกับบุคคลอื่นในเม่ือ เสร็จส้ินจากการใหสัตยาบันกันแลว และในเมื่อผูปกครองไดดําเนินการบริหารไปโดยอํานาจเผด็จ การ อีกทั้งในเม่ืออยูในสถานการณท่ีรุนแรงเชนน้ัน แมแตในปจจุบันนี้ใครเลาท่ีจะยอมรับอํานาจ เผดจ็ การของผปู กครอง และใครเลา ทจ่ี ะสามารถถอดถอนอํานาจของพวกเขา และทําใหพวกเขาพน ออกไปจากฐานอํานาจได ? พวกเขาจะละทิ้งอํานาจและหนาท่ีการงานไปตามขอเสนอดังกลาวน้ีได หรือ ? จะเปนเชนนน้ั ไดไ หม ? เหตกุ ารณใ นอดตี สามารถจะเปรียบเทียบกับเหตุการณในปจจุบันได เสมอ เพราะมนุษยก็คือมนุษย เหตุการณที่เกิดข้ึนในสมัยกอนก็ยอมจะเกิดขึ้นในสมัยน้ีได เหมอื นกัน แนนอนทา นอาลีมิไดเ ห็นวาการอุทธรณแกพวกเขาเหลานั้นในเหตุการณดังกลาวจะเกิดผล แตประการใด นอกจากเปนความเสียหาย (ฟตนะฮฺ) ท่ีเกิดขึ้นมาทําลายสิทธิของทานในยามน้ัน อีก ท้ังทานยังหวั่นเกรงวาความเสียหายนั้นจะสงผลกระทบตอโครงสรางของระบอบอิสลามและหลัก แหงความเปน เอกภาพ ตามที่เราไดอ ธิบายถึงเร่อื งนผี้ านไปในบทกอ นวา : ในยามนั้นทานอาลีเปนผูมีความตระหนักในสถานการณตาง ๆ ไดอยางดี ซ่ึงสิ่งเหลาน้ัน บคุ คลอน่ื มไิ ดมีความตระหนักเหมือนกับทาน ฉะนั้นจึงเสมือนวาทานยืนอยูทามกลางปญหาท่ีหนัก อึ้งสองดาน นั่นคือปญหาเรื่องคอลีฟะฮฺ โดยสิทธิและความเปนทายาทท่ีสมบูรณควรจะไดสืบตอ กับปญหาภายนอกท่ีเปนเส้ียนหนามตอกตําจิตใจอยูซ่ึงเปนความเสียหายอยางรายแรงจากกลุมผู ละเมิดทสี่ รา งความเลวา ยไปเกือบทง้ั คาบสมทุ รอรบั ชาวอรับเริม่ กอ การเปนกบฏและทําลายอิสลาม พรอมท้ังพวกมุนาฟกจากชาวมะดีนะฮฺก็ได กอตัวข้ึนอีก ดดยที่พวกเหลาน้ันหันกลับไปสูการละเมิด อีกท้ังมีบุคคลที่อยูในแวดวงชาวอรับท่ี พวกเขาเปน มุนาฟก ตามทอี่ ัล-กรุ อานไดร ะบุไว “ความทรยศและการละเมิดของบุคคลเหลาน้ีรายแรงยงิ่ โดยแสดงถึงความไมรับรูกฎเกณฑ ตา ง ๆ ท่ีอัลลอฮฺทรงประทานลงมาใหแ กศาสนทตู ของพระองค” (๙ : ๗๗)
ความเลวรายของพวกเขาย่ิงทวีความรุนแรงขึ้นเม่ือทานศาสนทูตแหลอัลลอฮฺ (อัลลอฮฺทรง ประทานความจาํ เริญและความสนั ตสิ ขุ แดทา นและแดบรรดาลูกหลานของทาน) ไดวายชนม ฉะนั้นบรรดามุสลิมภายหลังจากสมัยของศาสดาจึงกลายสภาพเปนเสมือนฝูงแกะที่ถูก ทอดท้ิงใหอยูโดดเด่ียวในยามค่ําคืน ทามกลางฝูงสุนัขปาที่เปนศัตรูกลางปาเปล่ียว ซึ่งประกอบดวย มุสัยละมะฮฺ กัซซาบ, ฎลัยหะฮฺ บิน คุวัยลิด ผูเต็มไปดวยความอิจฉาริษยา และสุญาฮฺ บินดฺ ฮาริษ ผู เต็มไปดวยความยะโสตลอดจนบรรดาสมัครพรรคพวกที่เลวทรามของพวกเขา บรรดาผูที่ดํารงตน อยูในหลักการของอิสลามและตามครรลองของมุสลิมน้ัน ตางอยูในฐานะเสื่อมในขณะที่จอม จักรพรรดิแหงดรมัน จักรพรรดิไกเซอรและผูเรืองอํานาจกลุมอื่น ๆ ที่ตางก็ทําการบีบคั้นตอบรรดา มุสลมิ นอกจากน้ีกลุมผูมีอํานาจอีกเปนจํานวนมากในยุคนั้นตางก็เคยไดรับความเจ็บปวดมาจาก ทานศาสดามูฮัมมัดและวงศวานตลอดจนถึงบรรดาสาวกอยูมิใชนอย ฉะนั้นกลุมบุคคลดังกลาวจึง อยูในฐานะเปนหอกขางแครของระบอบอิสลาม ซ่ึงพวกเขาปรารถนาท่ีจะประสบความสําเร็จลุลวง ในการวางฐานอํานาจและจัดระบบการปกครองในชวงน้ันใหสัมฤทธ์ิผลอยางรวดเร็วที่สุด ทานก็ เห็นอยูแลววาการท่ีทานนบีไดคืนกลับไปสูพระผูเปนเจาน้ันนับวาเปนโอกาสท่ีบุคคลเหลาน้ัน ตองการจะใหความหวังของตนเองประสบผลข้ึนมากอนท่ีอิสลามจะคืนกลับมาสูใสสภาพท่ีม่ันคง และมกี ารจดั ระบบท่ีเขม แข็ง ดังน้ันเทากับทานอาลีกําลังยืนอยูระหวางเสนทางอันตรายสองแพรงนี้ ท้ัง ๆ ท่ีเปน อุปสรรคแกทาน ในอันจะทวงเอาสิทธิของทานคืนมาเพ่ือจะไดปกครองบรรดามุสลิม(๔๒๕) แต กระนนั้ ทานก็ (๔๒๕) ทานอิมาม (อฺ) ไดอธิบายถึงเรื่องนี้ในจดหมายท่ีทานสงไปยังชาวอียิปตกับมาลิก อัซศัร ดังที่ทานไดกลาววา “แทจริงอัลลอฮฺ (สุบห) ไดแตงตั้งมูฮัมมัด (ศ) เปนผูตักเตือน สําหรับสากลโลกและเปน ผปู ระทับความสมบูรณ ใหแกบรรดาศาสนทูตแตเม่ือทานไดวาย ชนมไปแลวบรรดามุสลิมก็ไดถอดถอนคําสั่งนั้นเสีย ขอสาบานดวยพระนามของอัลลอฮฺ มันไมไดเขามาอยูในความดูแลของฉันและมันไมไดรับอันตรายเพราะฉันเลย แทจริงแลว ชาวอาหรบั ไดส รางความยุง เหยิงข้ึนในเรือ่ งน้ี หลงั จากทา น (ศ) ตออะหฺลุลบยั ตฺ .....(โปรดดู หนังสอื นะฮฺุล-บะลาเฆาะฮ)ฺ
ตองการจะรักษาสิทธิของทานในตําแหนงคอลีฟะฮฺ และจะไดอุทธรณตอผูท่ีบายเบ่ียงสิทธิอันนั้น ไปจากทาน โดยการกระทําท่ีไมเปนการสรางความแตกแยกแกบรรดามุสลิม และไมไดมีความ เสียหายเกิดข้ึนในหมูพวกเขาเอง เพราะจะเปนชองทางใหแกศัตรู ดังนั้นทานจึงนั่งอยูในบานของ ทานถึงแมพวกเขาเหลาน้ันไดแสดงความชิงชังตอทานโดยทานก็มิไดทําการตอสู เพราะถึงแมทาน จะดําเนินการตอสูกับพวกเขาก็มิไดหมายความวาสิทธ์ิของทานจะสมบูรณขึ้นกวาท่ีมีอยูแลว และ มิใชเปนขอพิสูจนที่พรรคพวกของทานตองการ แตทานกลับมารวบรวมกิจการในดานพิทักษรักษา ศาสนา และพิทกั ษรกั ษาสทิ ธขิ องทานตามฐานะท่เี ปนคอลฟี ะฮขฺ องบรรดามุสลิม น่ีคอื สง่ิ ทีท่ านเหน็ วาเปนการพิทักษร ักษาอิสลาม ทานไดตอบโตกับช้ันเชิงของฝายศัตรูท้ังสองดานในยามนั้นดวยวิธีการยืดหยุนและสราง สันติภาพ ทานมีความปรารถนาท่ีจะใชวิธีการยืดหยุนโดยตัวของทานเอง และทานจะใชวิธี สันติภาพในกิจการตาง ๆ เพื่อพิทักษรักษาประชาชาติและวางหลักอันละเอียดออนที่สุดเปน แนวทาง ทานยืนหยัดอยูกับศาสนาและสรางสรรคผลงานเพ่ือประชาชาติ อีกท้ังเปนผูดํารงไวซึ่ง กฎเกณฑท่ีเปนขอกําหนดทางศาสนบัญญัติ และหลักเกณฑแหงการใชสติปญญา จึงนับวาเปนเร่ือง ท่สี ําคัญอยางยง่ิ สาํ หรับในยุคน้นั ย่งิ กวาคมดาบเสยี อีก ๒. พรอมกันน้ีทานอิมามและบุตรทั้งสองของทานตลอดจนบรรดานักปราชญในหมูปย มิตรของทาน ตางก็ไดแสดงวิทยปญญาท่ีลึกซ้ึงเอาไวมากมายในการกลาวถึงเร่ืองทายาทผูสืบตอ รายละเอียดตาง ๆ เหลาน้ีเปนท่ีแพรหลายอยางย่ิง ซ่ึงมิใชเปนเร่ืองท่ีนาสงสัยแกผูที่ติดตามศึกษา ประวัติศาสตรข องอสิ ลามเลย วสั ลาม (ช) อลั -มุรอญอิ ะฮฺ ๑๐๓ ๑๒ รอบอี ุษ-ษานี ๑๓๓๐ • ซักถามถงึ คําอุทธรณของทานอิมาม อาลี และคําอุทธรณของบรรดาปยมิตรของทาน
อยากทราบวาทานอิมามอาลีไดกระทําส่ิงใด ๆ ท่ีถือวาเปนการอุทธรณในฐานะของทายาท ไวเม่ือไรบาง ? และบรรดาบุตรหลานตลอดจนปยมิตรของทานไดกระทําสิ่งดังกลาวน้ีเม่ือไรบาง โปรดไดน ํารายละเอียดมาเสนอใหแ กข าพเจาบางดวยเถิด วัสลาม (ช) อัล-มรุ อญอิ ะฮฺ ๑๐๔ ๑๕ รอบอี ุษ-ษานี ๑๓๓๐ ๑. บางสวนจากคําอุทธรณข องทา นอิมามอาลี (อ) ๒. คาํ อทุ ธรณของทา นหญิง ฟาฏมิ ะฮฺ อัซ-ซะรออฺ (ความสนั ติสขุ พึงมีแดทาน) ๑. ทานอิมามอาลีไดดํารงตนอยูอยางสงบในขณะที่เรื่องราวตาง ๆ ประดังลงบนตัวทาน และทานมิไดตอบโตสิ่งเหลานั้นใหแกฝายปรปกษ ก็เพราะระวังรักษาไวซ่ึงระบอบอิสลาม และ พิทักษรักษาพลังท่ีแทจริงของสังคมมุสลิมเอาไว จนทานตองกลาวออกตัวไวเก่ียวกับความจําเปนที่ ทานจําตองสงบและไมยื่นขอเสนอใด ๆ ในยามน้ันเกี่ยวกับสิทธิของทานวา “มิใชเปนความ บกพรองของมนษุ ยคนน้นั หรอก ทีเ่ ขาทาํ เปน แชเชอื นตอ สทิ ธขิ องเขา แตความบกพรองยอมไดแกผู ทรี่ บั สงิ่ นนั้ โดยทต่ี นไมมสี ิทธ์”ิ และทานยังไดมีคํากลาวที่เปนวิทยปญญา เกี่ยวกับสิทธิของทานไวมากมาย ดังท่ีทาน (ผูอาน) จะเห็นไดจากการกระทําของทานอาลีในวันเราะหฺบะฮฺ ท่ีทานเรียกประชาชนมาชุมนุมเม่ือ ทา นเปนคอลฟี ะฮฺ เพื่อใหม ีการกลา วถงึ เหตกุ ารณแหงฆอดรี คฺ มุ ทานไดพูดวา “ฉันขอใหอัลลอฮฺเปนพยานตอพวกทาน ท่ีมุสลิมทุกคนไดยินทานศาสนทูต แหง อลั ลอฮฺ (ศ) กลา วท่ีฆอดรี คุม ขอใหผทู ีไ่ ดย ินเรอ่ื งนัน้ ลกุ ข้นึ ยนื ยนั เถิด” ไดมบี รรดาสาวกในกลมุ นั้นลุกขึ้นยืนสามสิบคน สวนชาวบัดรียอีกสิบสองคน ซ่ึงตางก็ยืนยันถึงส่ิงท่ีพวกเขาไดยินมาซึ่ง คําส่ังแหงฆอดีรฺคุม ดังท่ีระบุไปแลวในอัล-มุรอญิอะฮฺ ๕๖ นี่คือเง่ือนไขสําคัญอันหน่ึงท่ีกอใหเกิด ปญหารายแรงแกทานในขณะน้ันคือไดมีการหาสาเหตุที่ทานอุษมานถูกสังหารกันขึ้น จนความ เสยี หาย (ฟต นะฮฺ) ไดเกดิ ขน้ึ ไปท่วั ท้งั ในเมอื งบศั เราะฮฺและเมอื งซเี รีย
ฉะน้ันทานอาลีจึงไดตัดปญหาในยามน้ันโดยการที่ทานไดแสดงหลักฐานพรอมกับแสดง วิทยปญญา เพื่อรําลึกวาโอผูมีฐานภาพท่ีควรแกการสรรเสริญ คําสั่งแหงฆอดีรฺที่ไดแตงตั้งขึ้นมาก จากทานนั้นไดรับการประกาศความจริงข้ึนมาแลว (สําหรับทุกคนในกลุมน้ันซ่ึงอยูในวัน เราะหฺบะฮฺ) ซึ่งเปนการยืนยันไปถึงเร่ืองราวของทานนบี (ศ) ในวันหอดีรฺคุม โดยทานไดจับมือของ ทานอาลีขึ้นประกาศทามกลางประชาชนท่ีมากกวาหน่ึงหมื่นคน ทานไดประกาศใหคนเหลาน้ัน ทราบวาทานอาลีคือผูปกครองของพวกเขาภายหลังที่ทานจากไปแลว คําส่ังแหงฆอดีรฺคุมน้ีได ปรากฏเปนหลักฐานยืนยันไวโดยฮาดีษที่สอดคลองตรงกันหลายกระแส (มุตะวาติรฺ) ขอไดโปรด พิจารณาตอวิทยปญญาตาง ๆ ท่ีทานนบีไดประกาศเรืรองน้ีตอหนาบุคคลระดับผูนําจํานวนมากที่ เปนสักขีพยาน และโปรดสนใจตอวิทยปญญาตาง ๆ ของผูเปนทายาทท่ีไดแสดงไวในวันศุกร เพ่ือใหพ วกเขายืนยนั ตอ สง่ิ สาํ คญั อันนน้ั ดงั น้ันสัจธรรมยอมยืนยันกับทุก ๆ เหตุการณที่สถานการณไดดําเนินใหมันลุลวงไปได ทุก อิริยาบถที่สงบของทานอิมามอาลีน้ันเทากับทานไดสําแดงสัจธรรมออกมาในตัวอยูแลว และน่ีคือ คุณสมบัติของทานในกรณีท่ีพันธะสัญญาและคําสั่งไดถูกกําหนดอีกท้ังถูกวางเปนเงื่อนไขใหแก ทาน ฉะน้ันทา นเพยี งแตป ลุกใจผูหลงลืมหรือเมนิ เฉยดว ยวิธกี ารทไี่ มจําเปนตอ งโวยวาย และไมตอง สําแดงความเกลยี ดชังใหป รากฏออกมา ทานจะเพียงพอกับหลักฐานท่ีนักปราชญอะฮฺลิซซุนนะฮฺ ไดบันทึกไวจากฮาดีษหน่ึงท่ีเลา วาทานศาสนทูตไดจัดเล้ียงอาหาร้ึนท่ีบานลุงผูมีจิตใจอารีของทาน ณ เมืองมักกะฮฺ เปนวันท่ีทาน ตักเตอื นญาตสิ นิทของทาน โดยมีฮาดีษยืดยาว (ดังที่เราไดกลาวไปแลวในอัล-มุรอญิอะฮฺท่ี ๒๐) ซ่ึง ประชาชนเปนจํานวนมากตางไดพากันตอตานสภาวะของการเปนนบี และสัญญาณตาง ๆ ของ อิสลาม ทานนบีไดสําแดงถึงอานุภาพแหงความเปนศาสดาดวยอาหารเพียงเล็กนอยแตเพียงพอ สําหรับคนจํานวนมาก เหตุการณในคร้ังน้ันไดมีการบันทึกไวตลอด ซึ่งในตอนทายของเรื่องท่ี บนั ทกึ ระบวุ า : ทานนบี (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความสันติสุขแดทานและแดบรรดา ลูกหลานของทาน) ไดเอามือจับไปท่ีคอของทานอาลีแลวกลาววา “นี่คือพี่นองของฉัน ทายาทของ ฉันและตัวแทน (คอลีฟะฮฺ) ของฉันในหมูพวกทาน ดังน้ันขอใหทานทั้งหลายจงรับฟงและปฏิบัติ ตามเขาเถดิ ”
นอกจากน้ีก็ยังมีหลักฐานอีกมากมายท่ีเลาวาทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (อัลลอฮฺทรง ประทานความจําเริญและความสันติสุขแดทานและแดบรรดาลูกหลานของทาน) ไดกลาวแกทาน อาลีวา “เจา คอื ผปู กครองของผูศรัทธาทกุ คนภายหลังจากฉนั ” และยังมีฮาดีษอีกจํานวนหน่ึงท่ีบงบอกถึงคํากลาวของทานแกทานอาลีวา “เจากับฉันมี ฐานะเชน เดียวกบั ทฮ่ี ารูนมตี อมูซา เพยี งแตว าจะไมมนี บภี ายหลังจากฉันอกี แลว” และยังมีฮาดีษอีกจํานวนหนึ่งที่ระบุถึงคํากลาวของทานศาสนทูต (อัลลอฮฺทรงประทาน ความจาํ เริญและความสันติสขุ แดทา นและแดบ รรดาลูกหลานของทาน) ในวันสําคัญแหงตําบลฆอดี รคุมวา “ฉันมิไดเปนผูปกครองที่มีอํานาจเหนือตัวของบรรดาผูศรัทธาทั้งหลายดอกหรือ ?” ประชาชนตอบวา “ใชแลว” ทานนบีไดกลาวอีกวา “ผูใดก็ตามท่ีฉันเปนผูปกครองของเขา ดังน้ัน อาลผี นู ้กี ็เปน ผปู กครองของเขาดวย”(426) อีกท้งั ยงั มหี ลักฐานมากมายทย่ี ืนยันถงึ ความเปนจริงซ่ึงมิอาจปฏิเสธได เพราะเปนที่ยอมรับ กันอยูระหวางหลักฐานที่แข็งแรงซึ่งยืนยันอยางหนักแนน และทุกสิ่งทุกอยางเหลานี้ไดนํามาแสดง ในคราวนั้น (เปนวิทยปญญาอันลึกซ้ึงอยางชนิดท่ีไมมีคําเตือนใด ๆ เทียบได) และเหตุการณในวัน อาชรู อ ทานกไ็ ดใ หคาํ ตักเตือน เกียรติยศและความดีงามของทานจะไมเหลืออยูแมแตนอย นอกจาก ทานจะตองอางสิ่งน้ันขึ้นมา และทานไดอางไวหลายคร้ังในสมัยท่ีทานดํารงตําแหนงเปนคอลีฟะฮฺ ซ่ึงมีฐานะเปนผูไดรับความอยุติธรรม ทานไดระบายความทุกขระทมของทานไว ณ มิมบัรในครั้ง หนึ่งวา “อยา งไรกด็ ี ฉันขอสาบานดวยพระนามของอัลลอฮฺ แนนอนท่ีสุดชายผูนั้นไดสวมใสสิ่งนั้น ไป (ตําแหนงคอลีฟะฮฺ) ท้ัง ๆ ที่เขาเองก็รูวา ฐานภาพของฉันกับส่ิงนั้นเปนฐานภาพที่สัมพันธกัน ดังเชนเดือยครกกับตัวครกหมุน กระแสนํ้า... ไดไหลหลากลวงเลยไปจากฉัน โชคไมอํานวยใหแก ฉนั ดังน้นั ฉนั จึงตองลดตัวลงสอู าภรณอืน่ แลว เฝามองอยดู ว ยความปวดรา ว ฉนั คดิ วาจะกระโจนเขา ไปยึดส่งิ น้นั มากับมือในทันทที นั ใด หรอื คดิ วา จะอดทนอยูกบั หนามที่ทม่ิ ตาํ ตาอยู เขาไดอ ยูอยา งนนั้ จนชรา และเด็กกลายเปนหนุม ผูศรัทธากลับเปนคนแข็งกระดาง จนกระทั่งเขาไดคืนกลับไปสูพระ ผูอภิบาลของเขา ฉันเล็งเห็นวาความอดทนตอเหตุการณน้ันเปนส่ิงที่จําเปนของฉัน ฉะน้ันฉันจึง อดทนทั้ง ๆ ท่ีมีเศษขยะอยูในดวงตา และมีหนามแหลมท่ีติดอยูในลําคอ ฉันเห็นมรดกของฉันถูก ปลนไปแลว”(427) (426) รายงานโดยทา นอิบนุ อาบู อาศิม ตามท่ีเราไดอธิบายผานไปแลว ในอัล-มุรอญิอะฮฺท่ี 23
(427) คุฎบะฮฺท่ี 3 หนงั สอื “นะฮฺุล-บะลาเฆาะฮ”ฺ ภาคที่ 1 หนา 25 และทานยังไดกลาวอีกวา “โออัลลอฮฺ แทจริงขาฯ ขอความชวยเหลือจากพระองคเกี่ยวกับ เร่ืองของพวกชาวกุร็อยช และบริวารของพวกเขา(428) เพราะแทจริงพวกเขาไดตัดขาดจาก ความสัมพันธตอขาฯ พวกเขาไดรวมกันลวงละเมิดบังอาจตอตําแหนงของขาฯ และพวกเขารวมกัน ทําใหขาฯ หลุดพนไปเสียจากภารกิจนั้นทั้ง ๆ ท่ีมันคือสิทธิของขาฯ” ตอมาพวกเขาเหลานั้นได กลาววา “จงรูไ วเถดิ วาในสิทธบิ างประการกใ็ หทา นรับเอาไว แตสาํ หรบั ในสทิ ธิอกี บางประการกใ็ ห ทา นไดล ะท้งิ มันเสยี ” มีชายคนหน่งึ ไดกลา วแกท านวา(429) “โอบตุ รของอาบฏี อลิบ เอย แนนอนท่ีสุด ทานมีความอยากไดในตําแหนงเหลาน้ีเสียเหลือเกินเชียวนะ” ทานอาลีไดตอบวา “ขอสาบานดวย พระนามของอัลลอฮฺ วาฉันมีความปรารถนาจริง โอทานทั้งหลาย แตฉันเพียงขอสิทธิของฉันที่พวก ทานไดทําใหมันผันแปรไปจากฉันเทาน้ันเอง” และทานอาลียังไดกลาวอีกตอนหน่ึงวา “ดวยพระ นามของอัลลอฮฺ อุปสรรคท่ีขัดขวางสิทธิของฉันมีการกอตัวข้ึนตอฉันนับตั้งแตอัลลอฮฺไดทรงนําน บีของพระองคค นื กลับไปสพู ระองคจวบจนกระทัง่ ถงึ วันนี้”(430) ทานอาลี (ขอความสันติสุขพงึ มีแดท า น) ไดก ลา วไวอ กี ครง้ั หน่งึ วา “สิทธิอันนนั้ เปน ของเรา เพราะแทจริงเราถูกมอบหมายใหไดรับสิ่งนั้น ถามิใชเชนน้ันแลวละก็เทากับเราข่ีอูฐท่ีออนแอและ แทจ ริงหนทางนน้ั ชางยดื ยาวเหลือแสน(431) ทานอาลี (ขอความสันติสุขพึงมีแดทาน) ไดกลาวไวในจดหมายท่ีเขียนถึงทานอะกีลพี่ชาย ของทานคนหน่ึงวา “ชาวกุร็อยชไดอาจเอ้ือมเอาสิทธิของฉันไปจากฉัน แนนอนย่ิงพวกเขาไดตัด ขาดความสมั พนั ธก ับฉนั และใชอ าํ นาจมาดําเนินการตอฉนั โอบตุ รแหงมารดาเอย”(432) (428) คฏุ บะฮทฺ ่ี 167 หนังสอื “นะฮฺุล-บะลาเฆาะฮฺ” ภาคที่ 2 หนา 103 (429) คุฏบะฮฺท่ี 167 เลมเดมิ อีกตอนหนึ่ง (430) คุฏบะฮฺที่ 5 หนา 37 ภาคที่ 1 หนงั สือ “นะฮฺุล-บะลาเฆาะฮ”ฺ (431) หัวขอท่ี 21 ในบาบที่วาดวยอัล-มุคตารมิน หุกมิฮฺ หนา 155 หนังสือ “นะฮฺุล-บะลา เฆาะฮ”ฺ (432) คุฎบะฮฺที่ 36 หนา 67 ภาคท่ี 3 หนังสือ “นะฮฺ ลุ -บะลาเฆาะฮ”ฺ ทานอาลี (ขอความสันติสุขพึงมีแดทาน) ยังไดกลาวไวอีกคร้ังหน่ึงวา “เมื่อฉันไดพิจารณา อยางถี่ถวนแลว ก็เห็นวาไมมีผูใดที่ใหความสนับสนุนตอฉันจริงนอกจากอะหฺลุลบัยตฺของฉัน เทานั้น ซึง่ ฉนั เองกน็ ึกถงึ พวกเขาเกี่ยวกับความวบิ ัติอยูเสมอ ฉันเฝามองทั้ง ๆ ที่ในตามีเศษขยะขวาง
อยู ฉนั ดมื่ ทงั้ ๆ ทใ่ี นลาํ คอมีหนามขวางอยู ฉันอดทนจนสุดท่จี ะกลาํ้ กลนื ตอ เรื่องราวตาง ๆ ท่เี ปนผล มาจากความกลน่ั แกลง”(433) สหายบางคนของทานไดถามทานวา “พวกของทานไดกีดกันทานจากตําแหนงนี้ไดอยางไร ในเมื่อทานมีสิทธอยางสมบูรณตอส่ิงนั้นอยูหรือ ?” ทานอิมามอาลีไดตอบวา “โอ พี่นองชาวบนีอะ สดั เอย แทจ รงิ ทา นไดมีความเขา ใจอยา งแจม แจงอยแู ลว เก่ยี วกบั ความสําคัญของฐานะทเี่ ปนบตุ รเขย และสิทธหิ นา ท่ีแหง ความรบั ผดิ ชอบ ขอใหท านโปรดไดท ราบไวดว ยเถิด ตําแหนงนี้เปนเรื่องท่ีไดมี การตดั สินกันโดยพลการตอพวกเรา ทงั้ ๆ ทเ่ี รามศี ักดิ์ศรที ่ีสูงสง และมคี วามผูกพนั กบั ทา นศาสนทูต แหง อัลลอฮอฺ ยางเหนียวแนน ซ่ึงส่ิงน้ันเปนเหย่ืออันโอชะของจิตใจชนกลุมน้ันท่ีห่ืนกระหายตอมัน และจิตใจของชนอีกกลุมหน่ึงมีความเสียสละดวยความยินดีกับสิ่งน้ัน กฎเกณฑและคําสัญญาแหง วันกิยามัตท่ีจะมีตอเขานั้นยอมขึ้นอยูกับอัลลอฮฺ และโจรปลนจะผละหนีจากทานไปโดยมีเสียงรอง อยใู นหองของเขา”(434) ทา นอาลี (ขอความสนั ตสิ ขุ พึงมีแดท า น) ไดก ลา วอกี วา “ผูท เี่ ขาแอบอางตนวามคี วามสนั ทดั จัดเจนในวิชาความรูนอกเหนือไปจากพวกเราอยูที่ไหนกันเลา ? น่ันเปนความมุสาและความละเมิด ท่ีมีตอพวกเรา แนนอนย่ิงอัลลอฮฺไดทรงยกยองพวกเรา และทรงทําใหพวกเขาตกตํ่า พระองคทรง ประทานวิชาความรใู หแ กเราและหวงหา มมิใหมีแกพวกเขา พระองคทรงนําเราเขาสูวิชาความรูและ ทรงนําออกไปจากพวกเขา ทางนําที่ถูกตองจะไดรับการปฏิบัติใชโดยพวกเราคนตาบอดจะไดรับ การชนี้ าํ แทจริงบรรดาอิมามจากตระกูลกุร็อยชท่ีเติบโตมาในสายเลือดของฮาชิมน้ัน ไมมีคุณธรรม ใดเหนอื พวกเขาและอํานาจการปกครองยอมไมถ ูกตอ งถามิใชพ วกเขา...”(435) (433) คุฏบะฮทฺ ี่ 25 หนา 62 ภาคที่ 1 หนังสือ “นะฮฺ ลุ -บะลาเฆาะฮ”ฺ (434) ดหู นา 79 ภาคท่ี 2 หนังสือ “นะฮฺ ุล-บะลาเฆาะฮฺ” คําปราศรยั ที่ 157 ทานสามารถจะพิสูจนคํากลาวของทานอาลีไดในคําปราศรัยของทานอีกตอนหนึ่งวา “นับตั้งแตศาสนทูตของอัลลอฮฺ (ศ) ไดวายชนมไปแลว ชนกลุมนั้นก็ยอนกลับสูสภาพดั้งเดิม เปาหมายของพวกเขามีหลายหลาย และพวกเขาคืบคลานเขาสูแนวทางแหงความชั่วราย พวกเขา ติดตอกันอยางไมมีความปรานีปราศรัยและพวกเขาไดผละหนีตอส่ิงซ่ึงพวกเขาไดถูกบัญชาใหรัก พวกเขาไดบ ายเบย่ี งตวั อาคารออกไปจากรากฐานเดิมของมัน แลวพวกเขาก็ไดกอสรางอาคารนั้นลง ในที่ ๆ ไมเหมาะสมซึ่งเปนขุมแหงความผิดพลาดทุกอยาง ประตูแหงความผิดทุก ๆ บานลวนเปน ตัวนําไปสูความลมจม พวกเขาไดดําเนินกิจการตาง ๆ ไปดวยความไมสันทัด และพวกเขาลุมหลง
อยูในความมัวเมาตาง ๆ ตามแบบฉบับของวงศวานแหงพีรเอาวน ผูท่ีใชกําลังโดยเผด็จการตอโลก หรอื เปนผทู ่ีแตกแยกอยา งชดั เจนตอศาสนา”(436) ทานอาลี (ขอความสันติสุขพึงมีแดทาน) ไดกลาวคําปราศรัยไวตอนหน่ึงหลังจากไดมี สัตยาบนั ตอทา นแลว ซ่ึงนบั วาเปนคาํ ปราศรยั ทีม่ ีคณุ คาสูงมาก ดงั นี้ “อยาไดเอาวงศวานของมูฮัมมัด (ศ) ไปเปรียบเทียบกับบุคคลหน่ึงบุคคลใดในประชาชาติน้ี และไมมีผูใดเสมอพวกเขา ในฐานะท่ีความโปรดปรานท่ีพวกเขาไดรับนั้นดําเนินไปนิรันดร พวก เขาเปนรากฐานของศาสนาและเปน หลกั การที่สําคัญสําหรับความเช่ือมั่นศรัทธา พวกเขาไดรับมอบ เกียรติยศที่สูงดวยคุณคา ตลอดไป สิทธิแหงการเปนผูปกครองนั้นมีสําหรับพวกเขาโดยเฉพาะและ ในหมพู วกเขานั้นมีทายาทตลอดจนผูสืบมรดก ขณะนี้สิทธิไดคืนกลับไปสูเจาของของมันแลว และ มันไดยายคืนไปยงั ท่ี ๆ มันเคยถูกโยกยายแตก อ นนีแ้ ลว ”(437) (435) ดูหนา 36 และหนาถัดไปของภาคท่ี 2 หนังสือ “นะฮฺุล-บะลาเฆาะฮฺ” คําปราศรัยท่ี 140 (436) โปรดดูตอนทายของหนา 48 และหนาถัดไปของภาคท่ี 2 หนังสือ “นะฮฺุล-บะลา เฆาะฮฺ” คําปราศรัยท่ี 146 ทานอิมามอาลี (ขอความสันติสุขพึงมีแดทาน) ไดกลาวคําปราศรัยไวอีกแหงหนึ่งซึ่งผู ขดั แยงกบั ทา นมคี วามรสู กึ ซาบซงึ้ ใจมากดังนี้ “ฉันมิไดมีความประหลาดใจเลยที่เห็นความผิดพลาด ของคนกลุมนี้โดยขัดแยงกันกับหลักฐานในศาสนาโดยสิ้นเชิง แตเขาหาไดปฏิบัติตามรองรอยของ ทานนบี และมไิ ดเ ชอ่ื ฟง ตอการกระทาํ ของผูเปน ทายาทของนบแี ตประการใดเลย”(438) 2. ทานหญิงฟาฏิมะฮฺ ซะฮฺรออฺ (ขอความสันติสุขพึงมีแดทาน) มีคําอุทธรณที่ลึกซึ้งไวตอน หน่ึงซึ่งคําปราศรัยทั้งสองวาระของทานหญิงเปนสิ่งท่ีบรรดาอะหฺลุลบัยตฺไดย้ําเตือนใหบรรดา ลูกหลานของพวกเขาเก็บรักษาคําปราศรัยทั้งสองนั้นไว เหมือนดังเก็บรักษาอัล-กุรอาน โดยท่ีทาน หญงิ ไดมอบคาํ ปราศรัยนีใ้ หแ กบรรดาผูซึ่งเคล่ือนยายอาคาร (ตําแหนงผูนําทางศาสนา) ออกไปจาก รากฐานเดมิ แลว กอสรา งอาคารข้ึนในท่ี ๆ ไมเหมาะสมดงั นี้ : “ความวิบัติพึงมีแดพวกเขา ไฉนเลาพวกเขาจึงโยกยายมัน (ตําแหนงคอลีฟะฮฺ) ออกไปจาก แหลงที่ตั้งของสาสนอิสลาม ? ออกไปจากกฎเกณฑของทานนบี และออกไปจากผูซึ่งมาลาอิกะฮฺผู ซื่อสัตยไดนําขาวของเขาลงมา ซึ่งขาวน้ันสําคัญทั้งกิจการทางโลกและศาสนา การกระทําเชนนั้น เปนความขาดทุนอยางชัดแจงมิใชหรือ ? อะไรเลาที่เปนเหตุใหพวกเขาอาฆาตมาดรายตอบิดาของ
ฮาซัน ? ดวยพระนามของอัลลอฮฺ พวกเขาอาฆาตตอทานเนื่องจากชิงชังตอดาบของทาน และตอ ความเครงเครียดท่ีเฉียบขาดอีกทั้งคําตักเตือนและฐานภาพของทาน ตลอดจนความเกงกลาสามารถ ทีท่ า นมอี ยูในทัศนะของอัลลอฮฺ ดวยพระนามของอัลลอฮฺ ถาหากพวกเขาไดดําเนินการไปใหสมดุล กับสัญลักษณของศาสนาตามที่ทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (ศ) ไดมอบหมายไวใหแกทานแลวละก็ แนนอนท่ีสุดทานจะชวยใหพวกเขาเหลานั้นไดรับทางเดินท่ีอุดมไปดวยวิทยปญญาอันสวยงาม ความช่ัวรายตาง ๆ ก็จะไมแยมพรายและตําแหนงของเขาก็จะไมสั่นคลอน แลวแนนอนพวกเขาจะ ไดรับกระแสธารแหงสติปญญาท่ีกวางขวาง ซ่ึงอุดมสมบูรณดวยการสนับสนุนของเขา เพราะ วิชาการของเขานั้นมิไดมีเพียงเล็กนอย แนนอนทานจะใหพวกเขาเหลานั้นไดรับกันอยางอ่ิมอกอิ่ม ใจ และทา นจะสั่งสอนพวกเขาท้ังในยามลับและในยามเปดเผยจะไมมีคนท่ีหลวมตัวเขาไปกอความ เสียหายอยางเด็ดขาดไดนอกเสียจากวากระแสธารที่เปยมลนยอมเปนท่ีเพียงพอแกบุคคลท่ีหิว กระหายมิใชหรือ และแนนอนความจําเริญจากฟากฟาและแผนดินยอมถูกเปดเผยใหแกพวกเขา และอลั ลอฮกฺ ็จะทรงรบั รองพวกเขาไปตามส่งิ ท่ีพวกเขาไดป ระกอบไว ทา นทง้ั หลายไดม าฟงและได ประจักษแจงกับเหตุการณดวยความแปลกใจอยูแลวมิใชหรือ ถาหากทานจะแปลกใจ แนนอนฉันมี เร่ืองที่นาแปลกใจยิ่งกวาทาน พวกเขาชุมนุมกันเพ่ืออะไร ? และพวกทานไดยึดถือสายเชือกอะไร กัน แนนอนความเลวมีท้ังผูปกครองและผูเปนสมุนเปนความเลวที่พวกอยุติธรรมไดกระทําการ เปล่ียนแปลง ดวยพระนามของอัลลอฮฺพวกเขาเปลี่ยนแปลงไปหาความบาปดวยการล้ําหนา และใช อํานาจขมเหง พวกเขาคิดวาแทจริงพวกเขาไดกระทําผลงานที่ดีเลิศแลว แตความจริงพวกเขาเปนผู กอความเสียหายอยูมิใชหรือ แตวาพวกเขาไมรูสึกตัว ความวิบัติพึงมีแดพวกเขา ผูท่ีนําทางไปสูสัจ ธรรมจําเปนที่จะตองไดรับการปฏิบัติตามหรือวาผูท่ีมิไดนําไปสูสัจธรรมนั้น เขาไมมีสิทธิ์อ่ืนใด นอกจากจะตองถกู นาํ ทางมใิ ชห รือ หรือวาทานจะตัดสนิ เรอ่ื งของทา นกนั อยางไร”(439) (437) โปรดดูตอนแรกของหนา 25 และตอนทายของคําปราศรัยที่ 2 ภาคที่ 1 หนังสือ “นะฮฺุล-บะลาเฆาะฮ”ฺ (438) ดหู นา ที่ 145 ภาคท่ี 1 หนงั สอื “นะฮฺุล-บะลาเฆาะฮฺ” คําปราศรัยที่ 84 นี่คือบทเรียนจากคํากลาวของทานหญิงฟาฏิมะฮฺในหัวขอน้ีซ่ึงสามารถนําเรื่องน้ีไป เปรยี บเทียบกบั เรอ่ื งอ่ืน ๆ ทีเ่ สมอเหมือนกนั ได วัสลาม (ช)
(439) ทานอาบูบักรฺ อะหฺมัด บิน อับดุลอะซิซ อัล-เญาฮะรีย ไดบันทึกไวในหนังสือ “อัสสะกีฟะฮฺ” และ “ฟะดัก” ซ่ึงรายงานมาจากมูฮัมมัด บิน ซะกะรียา จากทานมูฮัมมัด บิน อับดุลเราะหฺมาน อัล-มะฮัลลีย จากทานอับดุลลอฮฺ บิน ฮัมมาด บิน สุลัยมาน จากบิดาของ ทาน จากทานอับดุลลอฮฺ บิน ฮาซัน บุตรของอิมามฮาซัน ซ่ึงไดบันทึกโดยตรงมาจากทาน หญิงฟาฏิมะฮฺ บินตฺ ฮูเซน ซ่ึงอางถึงทานหญิงฟาฏิมะฮฺ อัซซะฮฺรอฺอ (ขอความสันติสุขพึงมี แดทาน) และทานอิมามอาบูฟฎลฺ อะหฺมัด บิน อาบูฏอฮิร (เสียชีวิตเมื่อ ฮ.ศ. 280) ก็ได รายงานไวในหนังสือ “บะลาฆอตุลนิสาอฺ” หนา 23 จากสายสืบของฮารูน บิน มุสลิม บิน สะอฺดาน ทานฮาซัน บิน อุลวาน ทานอะฏียะฮฺ อัล-อูฟยฺ ซ่ึงคําปราศรัยบทน้ีไดรายงานมา โดยอับดุลลอฮฺ บิน ฮาซัน บิน ฮาซัน จากทานหญิงฟาฏิมะฮฺ บินต ฮูเซน มารดาของทาน จากทา นหญงิ ฟาฏมิ ะฮฺ ซะฮฺรออฺ ยา ของทา นเอง อลั -มะรอญิอะฮฺ 105 16 รอบอี ุษ-ษานี 1330 • ขอพิสูจนหลักฐานอนื่ ๆ อีก ขาพเจามีความประสงคที่จะไดพิสูจนกับหลักฐานท่ีมีประโยชนที่สมบูรณเก่ียวกับคํา อทุ ธรณต าง ๆ ในเร่ืองน้ีทีน่ อกเหนอื จากของทานอิมามอาลีและของทานหญิงฟาฏิมะฮฺ ซะฮฺรออฺ จึง ขอใหทานไดโปรดเสนอหลักฐานดงั กลา วแกข า พเจา ดว ย วัสลาม (ซ) อัล-มะรอญอิ ะฮฺ 106 18 รอบีอษุ -ษานี 1330 1. คาํ อุทธรณของทา น อบิ นุ อับบาส 2. คาํ อทุ ธรณของทานอมิ าม ฮาซัน (อ) และอมิ าม ฮุเซน (อ)
3. คาํ อุทธรณของบรรดาชีอะฮฺ ผูก ลาหาญในหมู ศอฮาบะฮฺ (สาวก) 4. ชี้แจงไปยังคาํ อุทธรณของพวกเขาเหลานน้ั ทีอ่ างถงึ ตําแหนงวะศยี ฺ 1. ขาพเจาจะขอนาํ ทา นมาพิจารณาตอคําสนทนาระหวางทานอิบนุ อับบาสกับทานอุมัร ใน บทสนทนาทย่ี าวตอนหนงึ่ ดังนี้ ทานอุมัร : อิบนุอับบาสเอย ทานรูหรือเปลาวาทําไมพวกของทานจึงถูกยับย้ังมิใหดํารงตําแหนง ผปู กครองหลังจากมฮู ัมมดั (ศ) ? ทานอิบนุอับบาส : ฉันรังเกียจท่ีจะตอบ แตฉันก็ไดกลาวกับเขาวา : ถึงฉันจะไมรูแตทานอามีรุลมุ มนี ีนกค็ งทราบดีอยแู ลว ทานอุมัร : พวกเขาเหลานั้นรังเกียจตอการท่ีจะมีทั้งผูดํารงตําแหนงนบีและคอลีฟะฮฺรวมอยูในหมู พวกทาน ดงั นั้นพวกเขาจึงกระดางกระเดื่องตอ พวกทาน ดงั น้นั ชาวกุร็อยชจึงเลือกผูปกครองเพื่อตัว ของพวกเขาเอง ซง่ึ ไดเหมาะสมและถกู ตองแลว ทา นอบิ นอุ ับบาส : โอ ทา นอามีรลุ มมุ นิ ีน ถา ทา นอนุญาตใหฉนั พดู ก็ขอใหทา นอยาไดโกรธกัน แลว ฉนั จะพดู ทานอุมัร : ทา นจงพูดเถิด ทา นอบิ นอุ ับบาส : โอทา นอามรี ุลมมุ นิ นี ตามที่ทานไดกลาววาชาวกุร็อยชไดเลือกผูปกครองเพ่ือตัว ของพวกเขาเองซ่ึงไดเหมาะสมและถูกตองแลวน้ัน ข้ึนอยูกับวาถาหากชาวกุร็อยชไดเลือก ผูปกครองเพื่อตัวของพวกเขาไปตามแนวทางที่อัลลอฮฺไดทรงเลือกใหแลว นั่นแหละจึงถือวาเปน ความถูกตองของพวกเขาโดยไมมีผูถูกปฏิเสธและผูอิจฉาริษยา สวนคําท่ีทานไดกลาววา : พวกเขา เหลาน้ันรังเกียจตอการท่ีจะมีผูดํารงตําแหนงนบีและคอลีฟะฮฺรวมอยูในหมูพวกเรานั้น ขอบอกวา แทจริงอัลลอฮผฺ ทู รงสงู สุด ไดท รงระบถุ ึงพวกทม่ี ีความรังเกยี จเชน นั้นไววา “เชนนั้นแหละท่ีพวกเขาเหลาน้ันมีความรังเกียจสิ่งที่อัลลอฮฺไดทรงประทานมา ดังน้ัน พระองคไ ดท รงลบลา งผลงานตาง ๆ ของพวกเขา” (47 : 9) ทา นอุมรั : นแี่ นะ โออ ิบนุอับบาส แนนอนทานไดแสดงอาการที่นารังเกียจใหแกฉัน ซ่ึงถาหากทาน ยึดม่นั สง่ิ น้ันแลว กเ็ ทากบั วา ฐานะของทานก็ควรจะหลีกพน ไปจากฉนั
ทา นอิบนุอบั บาส : โอทานอามีรุลมุมินีน ส่ิงนั้นคืออะไรเลา ? แตถาหากมันเปนสัจธรรมมันก็ไมนา ท่ีจะใหฐานะของฉันหลบเล่ียงไปจากทาน แตถามันเปนความเท็จ ความเท็จดังกลาวก็เกิดขึ้นมาจาก ตวั ของมนั เอง ทานอมุ ัร : มีขา วรายงานมาถงึ ฉันวาทานไดกลา ววา : แทจ รงิ ตําแหนง ผปู กครองนั้นพวกเขาไดห นั เห มันไปจากพวกเราดวยความอิจฉา ดวยความละเมดิ และดวยอธรรม ทานอิบนุอับบาส : โอทานอามีรุลมุมินีน สําหรับคําท่ีทานกลาววา “อยุติธรรม” น้ัน แนนอนที่สุด มนั เปนสิง่ ที่อธบิ ายใหอ ยางชดั เจน ไดแ กพ วกงมงายและพวกมีสติปญญา สวนคํากลาวของทานที่วา “อิจฉาริษยา” นั้น ก็แนนอนทานนบีอาดัมน้ันไดถูกอิจฉาริษยา และเราเปนลูกหลานของเขา เราจึง เปน ผูถ ูกอจิ ฉารษิ ยา ทา นอมุ รั : น่แี นะ น่ีแนะ ดวยพระนามของอัลลอฮฺ โอลูกหลานของฮาชิมเอย หัวใจของพวกทานไม มอี ะไรนอกจากความอิจฉาอยา งแนนอน ทานอิบนุอับบาส : โอ ทานอามีรุลมิมินีน เดี๋ยวกอนซิ ขอทานอยาไดปรักปรําลักษณะเชนน้ีใหแก หัวใจของพวกท่ีอัลลอฮฺทรงไดขจัความมลทินทั้งปวงออกไปจากพวกเขา และทรงชําระขัดเกลา พวกเขาเหลา นัน้ ใหสะอาดบรสิ ทุ ธ(์ิ 440) ทานทั้งสองไดสนทนากันอีกคร้ังหน่ึง ซึ่งทานอุมัรไดกลาวในตอนหนึ่งวา : ทานสัมพันธ กนั กบั บุตรของลุงของทา นอยางไร ทานอิบนุอบั บาส (คดิ วา หมายถงึ อบั ดลุ ลอฮฺ บิน ญะอฺฟร ) : ฉันสัมพนั ธก ับเขาเพราะอายุของฉันเทา เทยี มกนั กบั เขา ทานอุมรั : ฉันมิไดหมายถงึ คนนัน้ แตฉ นั หมายถึงผมู ีเกยี รติแหงอะหฺลุลบยั ตฺในหมูพวกทา น ทานอิบนุอับบาส : ฉันผูกพันกับเขา เพราะเขาสามารถลบความมืดมัวไดพรอมกับเขาอานอัล-กุ รอาน (440) หนังสือ “ตารีคอัล-กามิล” ของทานอิบนุ อัล-อะษีร ซึ่งเปนรายละเอียดตอนหลัง ๆ ของชวี ประวตั ทิ า นอุมัรในป ฮ.ศ. 23 หนา 24 ภาคที่ 3 และทานอัลลามะฮฺ มุอฺตะชิละฮฺ ก็ได รายงานไวอีกดวยในหนาที่ 107 ภาคท่ี 3 หนังสือ “นะฮฺุล-บุลาเฆาะฮฺ” (ตอนกลาวถึง คุณสมบัตขิ องทา นอมุ รั )
ทานอุมัร : โอ อับดุลลอฮฺเอย เจาจะตองหลั่งเลือด ถาหากเจาปดบังเรื่องราวเหลานี้ เขายังมีหลักฐาน อยูในตวั เองสักอยา งไหมทเ่ี หมาะสมกับตําแหนงคอลฟี ะฮฺ ? ทานอิบนอุ ับบาส : มซี ิ ทา นอุมรั : เขาคดิ วาทา นศาสนทตู แหงอัลลอฮฺ ระบกุ ารแตง ต้งั ใหแ กเขากระนั้นหรอื ? ทานอิบนุอับบาส : ฉันจะบอกใหทานทราบวา ฉันไดถามบิดาของฉันแลว เก่ียวกับสิ่งท่ีเขาอางวา เปนผูซึ่งทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺไดระบุการแตงตั้งใหเขาเปนคอลีฟะฮฺ แลวทานก็ตอบวาเปน ความจริง ทานอุมัร : คําสั่งในเร่ืองน้ีของทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺเปนการใหเกียรติอยางสูงในคุณสมบัติที่ดี ของเขาเทาน้ัน มิใชเปนหลักฐานท่ีหนักแนน และมิใชเปนคําตัดสินเด็ดขาด ความจริงแลวทาน เพียงแตทดสอบประชาชาติ เพื่อดูวาเขาจะรับในคําส่ังของทานไดหรือไม และแนนอนที่สุดทาน ตองการที่จะอธิบายถึงชอื่ ของเขาในขณะท่ีทานนอนเจบ็ อยู แตแลว ฉนั กไ็ ดยบั ยง้ั ทา นในเรอ่ื งนนั้ เสยี ได(441) ทานทง้ั สองไดส นทนากนั เปนคร้ังทส่ี ามดังนี้ ทานอมุ ัร : โอ ทา นอิบนุอับบาส ฉันเหน็ วาสหายของทา น (ทานอาล)ี เปนผูไดรบั ความอยตุ ธิ รรมอยู ทานอิบนุอับบาส : โอ ทานอามีรุลมุมินีน ขอใหความไมยุติธรรมท่ีเขาไดรับอยูกลับคืนเขารูปรอย เสยี เถดิ (ทานอมุ รั ไดป ลอยมอื ของฉันสักครหู นึ่งแลว ทา นก็หยุดนิ่ง ฉันจงึ เขา ไปหาทานอีก) (441) รายงานโดยทานอิมามอาบู ฟฎล อะหฺมัด บิน อาบีฏอฮิรฺ ในหนังสือ “ตารีคบัฆดาด” โดยสายสืบท่ีอางถึงทานอิบนุอับบาส และทานอัลลามะฮฺ มุอฺตะซิละฮฺ ก็ไดรายงานไวใน ตอนกลาวถึงทา นอุมัร หนงั สือ “ชะเราะฮฺ นะฮฺุล-บะลาเฆาะฮ”ฺ หนา 97 ภาคท่ี 3 ทานอุมัร : โอ อิบนุอับบาส ฉันคิดวาการท่ีพวกเขาเหลาน้ันยับยั้งมิใหเขา (รับตําแหนงคอลีฟะฮฺ) ก็ เพราะวาพวกของเขาจะทําใหเ ขาตกตํ่า ทานอิบนุอับบาส : ขอสาบานดวยพระนามของอัลลอฮฺ วา อัลลอฮฺและศาสนทูตของพระองคมิทรง ทาํ ใหเ ขาตกตํ่าหรอก เพราะวาพระองคและทานศาสนทูตไดมีบัญชาใหเขาเปนผูนําเอาโองการ “บะ รออะฮฺ” คืนกลับมาจากสหายของทา น (อาบูบกั รฺ) ทานอิบนุอับบาสไดกลาวตอไปอีกวา : แลวทานอุมัรก็ผละหนีไปจากฉันอยางรวดเร็ว แลวฉันก็ กลับมาจากการพบกับเขา(442)
ยังมีหลกั ฐานทจ่ี ารกึ ไวโ ดยประชาชาติอิสลาม และโดยวาจาของผูอยูในตระกูลฮาชิมอีกทั้ง วาจาของทานอับดุลลอฮฺ บิน อับบาส ผูเปนบุตรของลุงของทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺอยูอีกจํานวน หน่ึงท่ีมีลักษณะเหมือน ๆ กันกับเรื่องราวเหลาน้ี ขณะเดียวกันทานก็ไดผานมาแลวในอัล-มุ รอญิอะฮฺท่ี 26 หลักฐานอางอิงของทานท่ีใหแกคนกลุมนั้น ก็คือเนื้อหา 10 ประการจากคุณสมบัติที่ มอี ยูเ ฉพาะของทานอาลี ดงั ทมี่ ปี รากฏในฮาดษี ยาวมากบทหนึ่ง ซ่งึ ทานไดก ลาวไวว า : ทานนบีไดกลาวแกลูกพี่ลูกนองของทาน “ในหมูพวกทานนี้จะมีใครบางที่เปนผูรวมงาน อยางใกลชิดกับฉันท้ังในโลกนี้และปรโลก” คนทั้งหลายปฏิเสธ แตทานอาลีไดกลาวขึ้นวา “ฉันขอ เปน คนรวมงานท่ีใกลชดิ ของทานท้ังในโลกนี้และปรโลก” ดังนั้นทานศาสนทูตจึงกลาวแกทานอาลี วา “เจา เปนผใู กลช ดิ ของฉนั ทั้งในโลกนแ้ี ละปรโลก ทานอิบนุอับบาสไดเลา ตอ ไปอกี วา (442) การสนทนาบทนี้นกั ประวตั ิศาสตรไดบันทกึ ไวในเรื่องราวที่เก่ยี วกับทานอมุ ัรและเรา ไดอางเร่ืองน้ีมาจากหนังสือ “ชะเราะฮฺ นะฮฺุล-บะลาเฆาะฮฺ” ของทานอัลลามะฮฺ มุอฺตะซิ ละฮฺ หนา 105 ภาคที่ 3 “เม่ือทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺไดออกไปทําสงคราม” “ตะบูก” น้ันทานไดนําประชาชน ออกไปพรอมกับทาน ทานอาลีจึงกลาวแกทานวา “ใหฉันออกไปพรอมกับทานไดหรือไม ?” ทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺไดกลาววา “ไมได” ดังนั้นทานอาลีจึงรองไห ทานนบี (ศ) จึงไดกลาวข้ึน แกทานวา “เจามิไดภูมิใจดอกหรือท่ีเจากับฉันมีฐานะเหมือนฮารูนกับมูซาเพียงแตจะไมมีนบี ภายหลังฉันอกี แลว แนน อนแนไมค วรจะออกไปไหนนอกจากจะตอ งใหเจาอยูเปนตวั แทนของฉนั ” ทานอบิ นอุ บั บาสไดเลาตอ ไปอกี วา : ทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺไดกลาวแกทานอาลีวา “เจาคือผูปกครองของผูศรัทธาทุกคน ภายหลังจากฉนั ” ทานอบิ นอุ ับบาสเลา ตอไปอีกวา : ทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (ศ) ไดเคยกลาวไววา “ผูใดท่ีฉันเปนผูปกครองของเขา ดังน้ัน อาลีกเ็ ปนผูปกครองของเขาดวย” 2. บรรดานักปราชญแหงตระกูลบนีฮาชิมเปนจํานวนมากในสมัยนั้นตางก็ไดอางเร่ือง เหลาน้ีไวเปนหลักฐานแมกระทั่งทานฮาซัน บิน อาลี ซ่ึงครั้งหน่ึงทานเคยเขาไปหาทานอาบูบักรฺใน ขณะที่กําลังยืนอยูบนมิมบัรของทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (ศ) แลวกลาววา “จงลงมาจากท่ีนั่งบิดา
ของฉันเสียเถิด” และเรื่องน้ีก็ไดเกิดขึ้นแกทานฮุเซนอีกเชนเดียวกัน คือทานไดกลาวอยางน้ันกับ ทานอมุ รั ในขณะทย่ี นื อยูบนมมิ บัรอกี ดวย(443) 3. ตําราตาง ๆ ของฝายอิมามียะฮฺไดยืนยันถึงหลักฐานที่เปนคําอุทธรณตาง ๆ เหลานี้อยาง มากมาย ตามท่ีบุคคลสําคัญในตระกูลฮาชิม ตลอดจนบรรดาปยมิตร บรรดาสาวกและบรรดาดา บิอีนไดแสดงไว ฉะนั้นผูใดประสงคจะดูในรายละเอียดตาง ๆ ก็ยอมสามารถพิจารณาศึกษาใน ตํารับตําราเหลานั้น และเราสามารถพิสูจนจนเปนท่ีเพียงพอกับรายละเอียดตาง ๆ ที่มีอยูในหนังสือ อัล-อหิ ตฺ ิ-ญาจญ ของทา นอมิ ามฎ็อบรอสียฺ ซ่ึงทา นไดบ ันทึกมาจากคาํ รายงานของทา นคอลดี บนิ สะ อีด บิน อัล-อาศ อัล-อะมะวียฺ(444) และทานซัลมาน ฟาริซีย ทานอาบูซัร อัล-ฆ็อฟฟารียฺ ทานอัมมารฺ บิน ยาซริ ทานมิกดาด ทานบุรัยดะฮฺ อัล อัสละมียฺ ทานอาบีฮัยษัม บิน อัต-ตัยฮาน ทานสะฮล ทานอุ ษมาน บิน หุนัยฟฺ ทานคุซัยมะฮฺ บิน ษาบิต (นักรบสองสมรภูมิ) ทานอุบัย บิน กะอับ ทานอาบู อัย ยูบ อลั -อันศอรียฺและบุคคลอน่ื ๆ ตลอดจนถึงผูซง่ึ ศกึ ษาเรื่องราวของอะหฺลุลบัยตฺและบรรดาปยมิตร ของพวกเขา โดยที่บุคคลเหลานั้นมิไดทําใหคุณคาของคําอุทธรณแตละบทลดนอยลง ทุกบททุก ตอนเหลานั้นตางไดรับการอรรถาธิบายและบันทึก มีทั้งคําอุทธรณที่รุนแรงและน่ิมนวล มีท้ังท่ีเปน คําปราศรัยและเปนขอเขยี น มีทง้ั ที่เปนบทกวแี ละรอยแกว พวกเขาพยายามทจี่ ะกระทําเทาที่พวกเขา จะฟน ฝา อุปสรรคได (443) ทานอิบนุ ฮะญัรฺ ไดอางเรื่องท้ังสองนี้ไวในหัวขอท่ีหา พรอมกับแสดงหลักฐาน โองการ “อัล-มะวัดดะตุฟล-กุรบา” ซ่ึงเปนโองการท่ี 14 มาอธิบายประกอบ ในบาบที่ 11 หนังสือ “ศอวาอิก” หนา 160 ทานดารุ-กุฎนียฺก็ไดบันทึกไวในหัวขอเรื่องทานฮะซันกับ ทานอาบูบักรฺ ทานอิบนุสะอัดก็ไดกลาวถึงเร่ืองนี้ไวในหมวดที่เกี่ยวกับทานอุมัร จาก หนงั สือ “ฎอบากอต” หวั ขอ เร่อื ง ทา นฮูเซนกบั ทานอมุ ัร (444) ทานคอลิด บิน สะอีด บิน อัล-อาศ เปนผูที่ปฏิเสธตําแหนงคอลีฟะฮฺ ของทานอาบู บักรฺและไมยอมใหสัตยาบันเปนเวลาถึงสามเดือน บรรดานักปราชญของฝายอะหฺลิซซุน นะฮฺจํานวนหนึ่งตางก็ไดระบุเรื่องนี้ไว เชนทานอิบนุสะอัด ซึ่งทานไดบันทึกในหมวดที่ อธิบายถึงชื่อของทานคอลิด หนังสือ “ฏอบากอต” หนา 70 เลม 4 ซึ่งไดกลาวไววาเม่ือทาน อาบู บักรฺไดจัดสงกองทหารไปยังเมืองซีเรียในเหตุการณคร้ังหนึ่ง ทานคอลิดไดกลาวคํา ตาง ๆ ตอบรรดามุสลิมและไดนําธงไปที่บานของทาน ทานอุมัรจึงไดกลาวแกทานอาบู บกั รวฺ า : “คอลดิ ไดปฏิเสธแลว เขาเปนคนกลาวหามิใชหรือ ? และทานก็ยังไมนํามาคืนจน
อาบูบักรฺไดสงอาบูอัรวาอัด-เดาซียฺไปหาแลวกลาววา” : แทจริงคอลีฟะฮฺของศาสนทูต แหงอัลลอฮฺไดกลาวแกทานวา “ใหทานคืนธงของเราใหแกเรา” แลวทานก็ไดมอบธงคืน สงไป พลางกลาววา “ฉันไมพึงปรารถนาผูปกครองของทาน และเราจะไมผิดพลาดไปตาม ความบิดเบือนของพวกทาน” ปรากฏวาทานอาบูบักรฺไดเขาไปขออภัยตอเขาและไดสําทับ แกเขาวาอยาไดก ลาวอนั ใดแกอุมัรและแกท ุกคนท่ไี ดเ ปนทหารซงึ่ ถกู สงไปเมืองซเี รีย 4. สรุปแลวการกลาวถึงเร่ืองราวของการแตงต้ังใหทานอาลีเปนวะศียฺ (ทายาท) น้ันนับวา เปนเร่ืองท่ีบรรดาผูอุทธรณทั้งหลายไดกระทํากันเปนจํานวนมาก ดังเชนบรรดาผูซ่ึงติดตามศึกษา ตา งรบั รูกนั มาโดยตลอดอยูแ ลว วัสลาม (ช) อลั -มุรอญอิ ะฮฺ 107 19 รอบอี ุษ-ษานี 1330 • พวกเขาเหลาน้ันเคยอางถึงเร่ืองตาํ แหนงวะศยี เฺ มือ่ ใด? ที่วาบรรดาผูซึ่งไดศึกษาติดตามอยางใกลชิดตอประวัติศาสตรไดกลาวถึงเรื่องราวการ แตง ตั้งตําแหนงวะศยี ฺ (ทายาท) ใหแกทานอิมามอาลนี ้นั ไดม ขี ึ้นเม่ือใดบา ง ? และพวกเขาเหลา นน้ั ได อุทธรณถึงเร่ืองนี้เม่ือไร ? เพราะขาพเจาไมเคยไดรูเลยวาบุคคลเหลานั้นไดกลาวถึงเรื่องราวเหลาน้ี อีก นอกจากในชวงท่ีเก่ียวกับทานหญิงอาอีชะฮฺ (มารดาของศรัทธาชน) ซึ่งก็ปรากฏวาทานหญิงได ปฏิเสธเรอ่ื งนี้ ดังทเ่ี ราไดอ ธิบายผานกันมาแลวในตอนตน วสั ลาม (ซ) อัล-มุรอญอิ ะฮฺ 108 22 รอบีอุษ-ษานี 1330
• คําอุทธรณต า ง ๆ ทอ่ี างถงึ ตําแหนงวะศียฺ แนนอน ทานอิมามอาลี อามีรุลมุมินีน ไดเคยกลาวถึงเรื่องนี้บนมิมบัรมาคร้ังหน่ึงแลว ตามท่ีเราไดแถลงใหทานทราบไปในอัล-มุรอญิอะฮฺท่ี 104 อีกทั้งทุกคนท่ีไดรายงานฮาดีษเก่ียวกับ เหตุการณที่บานของศาสดา ในวันท่ีประกาศคําตักเตือนแกบรรดาญาติมิตรของทาน ตางก็เทากับ สนับสนุนเรื่องน้ีใหแกทานอาลีและเรายังไดอธิบายโดยละเอียดผานไปครั้งหน่ึงแลวในอัล-มุ รอญอิ ะฮฺที่ 20 ซ่งึ ในบทน้ันไดม หี ลักฐานทร่ี ะบอุ ยา งเดนชัดถงึ ฐานะการเปน วะศยี ฺ (ทายาท) และการ เปนคอลีฟะฮฺ (ตวั แทน) ของทา น และทานอิมามอาบูมุฮัมมัด ฮาซัน (ผูเปนหลานของทานศาสดา) ผู มีตําแหนงเปนหัวหนาของชายหนุมชาวสวรรค ก็ไดกลาวคําปราศรัยที่ประทับใจไวอีกบทหน่ึง(445) เม่ือตอนท่ีทานอามีรุลมุมินีน ไดถูกสังหารวา “ฉันคือบุตรของนบีและฉันคือบุตรของวะศียฺ (ทายาท) ของนบ”ี (445) รายงานโดยทา นฮากิม ในหนา 172 เลมที่ 3 หนังสือ “ศอฮีฮมฺ ุสตัดรอ็ ก” ทานอิมามญะอฺฟร ศอดิกไดกลาวไวในคร้ังหนึ่งวา : “ทานอาลีเปนผูมีสวนรูเห็นรวมกับ ทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (ศ) ทานไดรับสาสนของอิสลามมาเปนกรอบแหงชีวิต และทานไดยินสุ รเสยี ง” ทานอิมามญะอฟฺ ร ไดกลา วตอ ไปอกี วา “ทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (ศ) ไดกลาวแกทานอาลี วา : หากมิใชฉันไดเปนบุคคลสุดทายแหงบรรดาอัมบิยาอฺแลว แนนอนเจาจะตองเปนผูมีสวนรวม อยูในสภาวะของนบีดวย แตถงึ แมเจาจะมไิ ดเ ปน นบี แทจ รงิ เจาก็ไดเ ปน ทายาทของนบีและเปน ผสู บื มรดก”(446) รายละเอียดเปนขอมูลท่ีมีสายสืบสอดคลองตรงกัน (มุตะวาติร) จากบรรดาอิมามแหงอะหฺ ลุลบัยตฺมาโดยตลอด เพราะเร่ืองนี้นับวาเปนเรื่องท่ีสําคัญอยางย่ิงของพวกเขาและบรรดาปยมิตร ท้งั หลายของพวกเขา นบั ตง้ั แตสมัยของบรรดาศอฮาบะฮฺจวบจนมาถึงสมัยของพวกเราในปจจุบันน้ี ทา นซัลมาน ฟร ซยี ฺ กย็ ังไดเ คยกลา ว “ฉันไดยินทานศาสนทูตแหงอลั ลอฮฺ (ศ) กลาววา : แทจ ริงวะศียฺ (ทายาท) ของฉัน ผูเก็บความลับของฉัน มรดกที่ฉันไดละทิ้งไวหลังจากฉัน ผูท่ีเขาไดบรรลุลวงตอ พนั ธะสญั ญาตาง ๆ ของฉนั และชดใชห น้สี นิ ของฉันน้นั คอื อาลี บนิ อาบีฏอลิบ” ทานอาบู อัยยูบ อัล-อันศอรียฺ ไดเลาวา “ทานไดยินทานศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (ศ) กลาวแก ทานหญิงฟาฏิมะฮฺวา : เจาไมรูดอกหรือวา แทจริงอัลลอฮฺผูทรงเดชานุภาพน้ัน ไดทดสอบบรรดา ชาวโลก ดังนั้นพระองคไดทรงคัดเลือกบิดาของเจามาจากพวกเขาทั้งหลายแลวไดทรงแตงต้ังให
เปนนบี หลังจากนั้นพระองคไดทรงทดสอบดวยประการที่สองกลาวคือพระองคทรงเลือกบุคคลที่ จะเปนสามีของเจาโดยพระองคไดทรงประทานวะฮฺยูมายังฉัน ดังนั้นฉันจึงยกเจาใหแตงงานกับเขา และฉนั ไดแ ตงต้ังใหเขาเปน วะศยี ”ฺ (446) ดูหนังสือ “ซะเราะหฺ นะฮฺุล-บะลาเฆาะฮฺ” หนา 254 ภาคที่ 3 ในตอนทายของ คาํ อธบิ ายคุฎบะฮอฺ ันมีชอ่ื เสยี งบทนัน้ ทานบุรัยดะฮฺ ไดเ ลา ไววา “ฉันไดย นิ ทา นศาสนทูตแหงอัลลอฮฺ (ศ) ไดกลาววา : สําหรับนบี ทุกคนนัน้ ลวนมวี ะศยี ฺ (ทายาท) และผูสืบมรดก แทจริงผูเปนวะศียฺ (ทายาท) และผูสืบมรดกของฉัน กค็ อื อาลี บิน อาบีฏอลิบ(447) ทานญาบิร บิน ยะซีด อัล-ุอฺฟยฺ ก็ยังไดเลาฮาดีษบทหนึ่ง ซึ่งรายงานไวโดยทานอิมามบา กิร ดังท่ีมีปรากฏอยูในหนังสือ “มีซาน” ของทานซะฮะบียฺ ในหมวดท่ีอธิบายถึงชื่อของทานญาบริ วา “ทายาทหนึ่งของบรรดาทายาทของทานนบีไดเลาใหฉันฟง.... ทานอุมมุคัยรฺ บินตฺ หะรีช อัล-บา ริกียะฮฺ ไดกลาวคําปราศรัยกระตุนเตือนบรรดาชาวกูฟะฮฺ ในสงครามศิฟฟนเก่ียวกับการตอสูของมุ อาวิยะฮฺ คําปราศรัยของทานมีเน้ือหารัดกุมมาก ซึ่งทานไดกลาวในตอนหนึ่งวา : พวกทานจงระดม เขาสูความเมตตาที่อัลลอฮฺไดใหแกพวกทานดวยการเขารวมกับทานอิมามผูทรงธรรมผูเปนวะศียฺ (ทายาท) ทส่ี มบรู ณ และผูเ ปนศดิ ดกี (ผูม ีสัจจะ) อนั ยง่ิ ใหญ. ...”(448) นี่คือเนื้อหาเพียงบางสวนของคําอุทธรณท่ีบรรพชนผูมีคุณธรรมไดกลาวถึงในเร่ือง ตําแหนงวะศียฺ (ทายาท) ของนบีทั้งในคําปราศรัยและคํารายงานฮาดีษของพวกเขา ผูท่ีติดตามศึกษา เร่อื งราวของบคุ คลเหลานีจ้ ะเห็นวาพวกเขายึดม่ันอยางเนนหนักกับตําแหนงการเปนวะศียฺ (ทายาท) ของทานอามีรุลมุมีนีน โดยไดสรุปไวเปนช่ือหน่ึงของทานอิมามที่ไดมีการขนานนามใหจนกระท่ัง เจา ของหนังสือ “ตาุล-อูรูส” ไดก ลา วไวใ นหมวดท่วี าดว ยเร่ืองวะศียฺ (การแตงต้ังทายาท) หนา 392 ภาคท่ี 10 จากหนังสือ “อัตตาจญ” วาคําวา วะศียฺ (ทายาท) น้ันเปนเสมือนหนึ่ง สมญานามที่มีไว สาํ หรบั ทานอาลี (ขออัลลอฮฺทรงปตชิ ่นื ชมตอทาน) โดยเฉพาะ (447) ฮาดีษของทานบุรัยดะฮฺ ทานอาบูอัยยูบ ทานซัลมานดังกลาวน้ี เราไดเสนอไปแลว ในอลั -มุรอญอิ ะฮฺที่ 68 (448) ทานอิมามอาบูฟฎลฺ อะหฺมัด บิน อาบูฎอฮิรฺ อัล-บัฆดาดียฺ ไดรายงานไวในหนาท่ี 41 หนงั สอื “บะลาฆอตนสิ าอ”ฺ โดยมสี ายสบื ไปถึงทา นชุอบฺ ียฺ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317