Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือการใช้สมุนไพรไทย-จีน

คู่มือการใช้สมุนไพรไทย-จีน

Published by E-book Bang SAOTHONG Distric Public library, 2019-10-16 23:35:54

Description: คู่มือการใช้สมุนไพรไทย-จีน

Search

Read the Text Version

Page 150 140 กรมพัฒนาการแพทยแ ผนไทยและการแพทยทางเลอื ก วิธีท่ี 2 ผิวสมจีนผัด แบงเปน 1) ผิวสมจีนผัดดิน (เปน ดินที่อยใู นเตาเผาไฟเปน ระยะเวลานานมาก มักมฤี ทธเ์ิ ปนดางออน คน จีนเรียกดินชนดิ นี้วา ฝหู ลงกาน) เตรยี มโดยนําดินใสใ นภาชนะท่ีเหมาะสม ใสต ัวยาทไี่ ดจากวธิ ีที่ 1 ลงไป ผัด โดยใชไ ฟระดบั ปานกลาง ผัดจนกระท่ังตัวยามีสีเหลืองเขม นาํ ออกจากเตา รอ นเอาดินออก นําตัวยาท่ีได ไปวางแผอ อก ตง้ั ท้งิ ไวใ หเ ยน็ (ใชดนิ ฝหู ลงกาน 30 กิโลกรมั ตอ ตวั ยา 100 กโิ ลกรัม)3 2) ผิวสมจีนผัดรําขาวสาลี เตรยี มโดยนาํ รําขา วสาลีใสลงในภาชนะท่เี หมาะสม ใหค วามรอน โดยใชร ะดบั ไฟปานกลางจนกระท่ังมคี วนั ออกมา ใสต วั ยาทไ่ี ดจ ากวิธีท่ี 1 ลงไป คนอยา งรวดเรว็ จนกระท่ัง ผวิ ของตวั ยาเปน สีเหลืองเขม นาํ ออกจากเตา แลว รอ นเอารําขา วสาลอี อก ตั้งท้ิงไวใ หเยน็ (ใชร าํ ขา วสาลี 30 กิโลกรัม ตอ ตวั ยา 100 กิโลกรมั )3 วธิ ที ี่ 3 ผิวสมจีนผัดนาํ้ ผ้ึง เตรยี มโดยนํานาํ้ ผง้ึ บริสทุ ธิ์มาเจอื จางดว ยนํ้าตมในปริมาณทีเ่ หมาะสม ใสต วั ยาทไ่ี ดจ ากวิธีที่ 1 แลว คลุกใหเขากนั หมกั ไวสกั ครูเพ่อื ใหน า้ํ ผึ้งซมึ เขา ในตวั ยา จากนั้นนําไปผดั ใน กระทะโดยใชระดบั ไฟปานกลาง ผัดจนกระทง่ั มสี ีเหลอื งเขมและไมเหนียวตดิ มอื นําออกจากเตา แลวตง้ั ท้ิงไวใ หเย็น (ใชน ้าํ ผึ้งบริสทุ ธิ์ 18.75 กโิ ลกรัม ตอตัวยา 100 กิโลกรัม)3 วิธที ี่ 4 ผวิ สม จีนถา น เตรียมโดยนําตวั ยาที่ไดจากวิธีท่ี 1 ใสก ระทะ นาํ ไปผดั โดยใชไ ฟระดับ ปานกลาง ผดั จนกระทง่ั ผิวนอกมสี นี ํ้าตาลดาํ พรมน้ําเลก็ นอย นาํ ออกจากเตา ตง้ั ท้ิงไวใหเ ยน็ แลวนาํ ไป ตากแหง ในท่ีรม3 คุณภาพของตวั ยาจากลักษณะภายนอก: ตัวยาทม่ี คี ุณภาพดี ตองเปน เสนขนาดสมํ่าเสมอ ผวิ นอกสแี ดงอมสมหรือสแี ดงอมเหลอื ง ผิว 4 ดา นในสเี หลอื งอมขาว กลน่ิ หอม รสเผด็ สรรพคณุ ตามตาํ ราการแพทยแ ผนจีน: ผวิ สม จีน รสขมเผ็ด อุน มีฤทธ์ทิ าํ ใหชห่ี มนุ เวยี น บาํ รงุ มาม สรรพคุณ แกอ าหารไมยอ ย แก ปวดทอง มีฤทธ์ิสลายความชืน้ ละลายเสมหะ สรรพคุณแกเ สมหะและความชื้นตกคา ง บรรเทาอาการไอ1,3 ผิวสมจีนผัดดิน (ดินฝูหลงกาน) รสขมเล็กนอย มีกล่ินหอม สรรพคณุ บาํ รุงมา ม 3 แกทองเสีย ผิวสมจีนผัดราํ ขาวสาลี รสขมเล็กนอย รสเผ็ดจะลดลง แตคุณสมบัติแหงจะนุมนวลข้ึน มี 3 กลิ่นหอม เพ่ิมฤทธ์ิชวยใหการทํางานของมามและกระเพาะอาหารดีข้ึน ผิวสมจีนผัดน้ําผ้ึง รสหวาน สรรพคุณบรรเทาอาการไอ ขับเสมหะ3 ผิวสมจนี ถา น รสจดื มกี ลน่ิ ออน ๆ สรรพคุณเปน ยาหา มเลือด3

Page 151 คมู อื การใชส มุนไพรไทย-จนี 141 สรรพคณุ ตามตาํ ราการแพทยแ ผนไทย: ผวิ สม รสปรา หอม ปรงุ ยาหอม แกล มวิงเวียน หนามืดตาลาย แกลมจกุ เสยี ด แนน เฟอ 5 ขนาดทใี่ ชแ ละวธิ ีใช: การแพทยแ ผนจีน ใช 3-9 กรัม ตมเอานาํ้ ด่ืม1 ขอ มลู วิชาการทเี่ กี่ยวขอ ง: 1. มีรายงานวา น้ํามันหอมระเหยจากผวิ สม จีนมีฤทธิข์ บั เสมหะ สารสกดั น้าํ และสารสกดั แอลกอฮอล มีฤทธ์ิขยายหลอดลมในกระตาย และสาร nobiletin มฤี ทธิแ์ กหอบในหนูตะเภาและแมว6 2. สารสกัดนา้ํ มฤี ทธ์ิยบั ย้ังการหดตัวของกลามเนอ้ื เรยี บของลาํ ไสห นูตะเภา กระตา ย และสนุ ัข ตา นอนุมูลอสิ ระในหนขู าว นํา้ มนั หอมระเหยใหค วามอบอนุ และกระตุน การทํางานของระบบกระเพาะอาหาร และลําไสใ นกระตา ย เม่ือฉีดสาร hesperidin ท่แี ยกไดจากผิวสม จนี เขา ใตผ วิ หนังของสัตวท ดลองใน ขนาด 100 หรอื 500 มิลลกิ รมั /กโิ ลกรัม/วนั ติดตอกนั นาน 6 วัน พบวา สารดังกลาวแสดงฤทธบ์ิ รรเทา อาการแผลในกระเพาะอาหารไดผลดี และสารดงั กลา วในขนาดเดยี วกนั มฤี ทธข์ิ บั นาํ้ ดีและละลายน่วิ ใน 6,7 ถงุ นํ้าดีในหนูขาวและสนุ ัข 3. การทดลองทางคลนิ ิก พบวาผวิ สมจีนมสี รรพคณุ รกั ษาอาการชอ็ คอันเนือ่ งจากการตดิ เชื้อ และสารสกัดมีสรรพคณุ รักษาแผลกลากเกลื้อน บรรเทาอาการแพ และแกอ จุ จาระมเี ลอื ดปน นา้ํ มนั หอม ระเหยมีสรรพคณุ รกั ษาน่ิวในถุงนาํ้ ดี7 4. เมื่อฉีดน้ํามันหอมระเหยเขาชองทองหนูถีบจักร พบวาขนาดของนา้ํ มันหอมระเหยท่ที ําให หนถู ีบจักรตายรอยละ 50 (LD50) มีคาเทากบั 1 7 มิลลิลิตร/กโิ ลกรัม เอกสารอางองิ 1. The State Pharmacopoeia Commission of P.R. China. Pharmacopoeia of the People’s Republic of China. Vol.I. English Edition. Beijing: People’s Medical Publishing House, 2005. 2. ลีนา ผูพ ฒั นพงศ, กองกานดา ชยามฤต, ธีรวัฒน บญุ ทวคี ุณ (คณะบรรณาธกิ าร). ช่อื พรรณไมแหงประเทศไทย (เตม็ สมติ ินันทน ฉบับแกไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2544). สํานกั วิชาการปา ไม. กรมปา ไม. พมิ พครั้งท่ี 2. กรงุ เทพมหานคร : บริษัท ประชาชน จาํ กัด, 2544. 3. Mei XH. Shiyong Zhongyao Paozhi Zhinan. 1st ed. Hubei: Hubei Science & Technology Publishing House, 2005. 4. Liu TS, Pan QP, Zhou YS, Wu ZY. XiuZhen Zhongyaoyinpian Caise Tuben. 1st ed. Hunan: Hunan Science & Technology Publishing House, 2006. 5. วุฒิ วุฒธิ รรมเวช. ยอเภสัชกรรมไทยและสรรพคณุ สมุนไพร. พิมพค ร้งั ที่ 2. กรงุ เทพมหานคร : บริษทั ศิลปสยามบรรจุภัณฑแ ละ การพมิ พ จํากัด, 2548. 6. Institute of Materia Medica, Chinese Academy of Medicinal Sciences. Chinese Materia Medica. Vol. III. 2nd ed. Beijing: Renmin Weisheng Publishing House, 1984. 7. Li W. Pericarpium Citri Reticulatae: chen pi. In: Wang BX, Ma JK, Zheng WL, Qu SY, Li R, Li YK (eds.). Modern study of pharmacology in traditional medicine. 2nd ed. Tianjin: Tianjin Science & Technology Press, 1999.

Page 152 142 กรมพฒั นาการแพทยแผนไทยและการแพทยทางเลอื ก พทุ ราจนี : Dazao (大枣) พทุ ราจีน หรือ ตา เจา คอื ผลสุกที่ทาํ ใหแ หงของพชื ท่ีมีชอื่ วทิ ยาศาสตรว า Ziziphus jujuba Mill. วงศ Rhamnaceae1 2 เซนติเมตร พทุ ราจนี (Fructus Jujubae) ชือ่ ไทย: พุทราจนี (ภาคกลาง)2 ชอ่ื จีน: ตา เจา (จีนกลาง), ตัว่ จอ (จนี แตจ ิว๋ )1 ชื่ออังกฤษ: Chinese Date1 ชื่อเคร่อื งยา: Fructus Jujubae1 การเกบ็ เก่ยี วและการปฏิบตั หิ ลังการเก็บเกี่ยว: เก็บเก่ียวผลสกุ ในฤดูใบไมรวง ตากแดดใหแหง เก็บรกั ษาไวใ นท่ีมีอากาศเย็นและแหง มีการ ระบายอากาศดี1 การเตรยี มตวั ยาพรอ มใช: นาํ วตั ถุดิบสมนุ ไพรมาลา งนํ้าใหส ะอาด ตากใหแหง กอนใชใ หเ อาเมด็ ออก1 คุณภาพของตวั ยาจากลักษณะภายนอก: ตวั ยาทมี่ ีคณุ ภาพดี ผลตองมีขนาดใหญ สมบูรณ สแี ดงอมมว ง เมลด็ เลก็ และมรี สหวาน3 สรรพคณุ ตามตําราการแพทยแผนจีน: พุทราจนี รสหวาน อุน มีฤทธ์ิเสริมช่ี บํารงุ มา มและกระเพาะอาหาร แกอาการมามพรอง (เบื่อ

Page 153 คมู ือการใชสมุนไพรไทย-จีน 143 อาหาร ถายเหลว ออนเพลีย ไมมีแรง) และมฤี ทธสิ์ งบประสาท บํารงุ เลอื ด แกอาการเลอื ดพรอง (ซดี เซยี ว สตรีท่ีมีอาการของระบบประสาท กระวนกระวาย บํารุงเลือด) รวมท้งั มีฤทธิ์ปรบั ฤทธิ์ของยาใน ตํารบั ยาทีม่ ีฤทธ์ิรุนแรง สามารถใชพทุ ราจีนปรับฤทธยิ์ าและลดอาการไมพงึ ประสงค ชวยใหร างกายดดู ซึม ยาไดดีข้ึน รักษาช่ที ด่ี ไี วไ ด1 ขนาดทใ่ี ชและวิธใี ช: การแพทยแ ผนจนี ใชขนาด 6-15 กรัม ตมเอาน้าํ ด่ืม1 ขอ หามใช ขอควรระวัง และอาการขา งเคยี ง: พุทราจีนแหงมีนํ้าตาลสูง ผูทเ่ี ปนโรคเบาหวานควรรับประทานแตน อย และน้าํ ตาลอาจทาํ ใหฟ น ผุได นอกจากนผี้ ทู ่ีมีอาการของโรคลําไสแ ละฟน ผคุ วรหลีกเลย่ี ง4 ขอมูลวชิ าการที่เกย่ี วของ: 1. สารสกัดน้ํามีฤทธิ์ปกปองตับจากสารพิษและเพ่ิมความแข็งแรงใหตับในหนูถีบจักรและ กระตาย ระงับไอ ขับเสมหะในหนูถีบจักร4,5 2. มีรายงานวาเม่ือใหหนูขาวท่ีเปนมะเร็งกระเพาะอาหารรับประทานเนื้อพุทราจีนแหงวันละ 1 กรัม โดยกลุมท่ี 1 ใหรับประทานติดตอกันนาน 8 เดือน และกลุมท่ี 2 ใหรับประทานติดตอกันนาน 10 เดือน พบวา สามารถยับย้งั เซลลมะเร็งกระเพาะอาหารไดท้งั สองกลมุ โดยใหผ ลแตกตา งกันอยา งชดั เจน5 3. สารเพกทนิ (pectin) ในพทุ ราจีนชว ยจับโลหะหนกั ทีต่ กคางในรา งกายและลดคอเลสเตอรอล6 4. มรี ายงานการทดลองทางคลนิ กิ พบวาสารสกดั นํา้ มสี รรพคณุ บรรเทาอาการเลอื ดคงั่ และแก โรคตบั อกั เสบชนดิ เฉียบพลัน โดยท่ัวไปพุทราจีนมักไมใชเด่ียว สวนใหญจ ะเปน สวนประกอบในตํารบั ยา ตา ง ๆ4,5 เอกสารอางองิ 1. The State Pharmacopoeia Commission of P.R. China. Pharmacopoeia of the People’s Republic of China. Vol.I. English Edition. Beijing: People’s Medical Publishing House, 2005. 2. ลนี า ผูพัฒนพงศ, กองกานดา ชยามฤต, ธีรวฒั น บญุ ทวีคณุ (คณะบรรณาธิการ). ชื่อพรรณไมแหงประเทศไทย (เตม็ สมติ ินันทน ฉบับแกไขเพ่ิมเตมิ พ.ศ. 2544). สาํ นกั วิชาการปา ไม. กรมปา ไม. พิมพค ร้งั ท่ี 2. กรงุ เทพมหานคร : บรษิ ัท ประชาชน จาํ กดั , 2544. 3. Mei XH. Shiyong Zhongyao Paozhi Zhinan. 1st ed. Hubei: Hubei Science & Technology Publishing House, 2005. 4. Institute of Materia Medica, Chinese Academy of Medicinal Sciences. Chinese Materia Medica. Vol. III. 2nd ed. Beijing: Renmin Weisheng Publishing House, 1984. 5. Zhou ZC. Fructus Jujubae: da zao. In: Wang BX, Ma JK, Zheng WL, Qu SY, Li R, Li YK (eds.). Modern study of pharmacology in traditional Chinese medicine. 2nd ed. Tianjin: Tianjin Science & Technology Press, 1999. 6. บริษัทหลักทรัพยจ ัดการกองทนุ กสิกรไทย จํากัด. มหัศจรรยสมุนไพรจนี . กรุงเทพมหานคร : บรษิ ัท ซเี อด็ ยเู คชน่ั จํากดั (มหาชน), 2550.

Page 154 144 กรมพัฒนาการแพทยแผนไทยและการแพทยทางเลอื ก ฟา ทะลายโจร : Chuanxinlian (穿心莲) ฟาทะลายโจร หรือ ชวนซินเหลียน คือ สวนเหนือดินแหงของพืชท่ีมีชื่อวิทยาศาสตรวา Andrographis paniculata (Burm. f.) Wall.ex Nees วงศ Acanthaceae1 (Herba 2 เซนติเมตร ฟาทะลายโจร Andrographis) ชื่อไทย: ฟาทะลายโจร, ฟาทะลาย (กรุงเทพฯ); หญากันงู (สงขลา)2 ชื่อจีน: ชวนซินเหลียน (จีนกลาง), ชวงซิมโนย (จีนแตจ๋ิว)1 ช่ืออังกฤษ: Common Andrographis Herb1 ช่ือเคร่ืองยา: Herba Andrographis1 การเกบ็ เก่ียวและการปฏิบตั หิ ลังการเกบ็ เกี่ยว: เก็บเกย่ี วสว นเหนือดนิ เมื่อพืชเจริญเติบโตเต็มท่ีและเร่ิมออกดอกจนถงึ ออกดอก แยกสิ่งอนื่ ที่ ปะปนมาทงิ้ ตากแดดใหแหง เก็บรักษาไวใ นท่ีมีอากาศเย็นและแหง มีการระบายอากาศดี1 การเตรียมตัวยาพรอมใช: นําวัตถดุ บิ สมุนไพรมาลางนํา้ ใหส ะอาด หั่นเปนทอน ๆ ขนาดพอเหมาะ และนาํ ไปทําใหแ หง1,3 คุณภาพของตัวยาจากลักษณะภายนอก: ตัวยาที่มีคุณภาพดี ตองมีปริมาณใบมาก สีเขียว4 สรรพคุณตามตาํ ราการแพทยแผนจีน: ฟาทะลายโจร รสขม เย็น มีสรรพคุณรักษาอาการไขหวัด เจ็บคอ แผลในปากและล้ิน ไอ เฉียบพลันและไอเร้ือรัง แกทองเสีย ติดเช้ือทางเดินปสสาวะ ปสสาวะขัด1

Page 155 คมู ือการใชส มุนไพรไทย-จีน 145 สรรพคุณตามตาํ ราการแพทยแผนไทย: 5 ฟาทะลายโจร มีสรรพคุณแกไขเจ็บคอ แกทองเสีย ขนาดท่ีใชและวิธีใช: การแพทยแผนจีน ใชขนาด 6-9 กรัม ตมเอาน้ําด่ืม1 การแพทยแ ผนไทย บญั ชียาหลักแหง ชาติ พ.ศ. 2542 กําหนดขนาดใชของฟา ทะลายโจร5 ดังนี้ - รักษาอาการเจบ็ คอ วันละ 3-6 กรมั วันละ 4 คร้ัง หลงั อาหารและกอ นนอน - รกั ษาอาการทอ งเสียไมต ิดเชอ้ื ครงั้ ละ 0.5-2 กรมั วันละ 4 คร้ัง หลังอาหารและกอนนอน องคการอนามัยโลก กาํ หนดขนาดใชข องฟาทะลายโจร4 ดังน้ี - แกไ ข ตมยาฟา ทะลายโจรแหง 3 กรัม รับประทานวันละ 2 คร้งั - แกหวดั ผงยาฟา ทะลายโจร 1.5-3 กรัม วันละ 3 ครง้ั หลังอาหารและกอนนอน - แกทอ งเสยี 3-9 กรัม รบั ประทานครง้ั เดยี วเมื่อมีอาการหรอื รับประทานแคปซลู หรือยา เม็ด 500 มลิ ลิกรมั ครง้ั ละ 2 เม็ด วนั ละ 4 คร้งั กอ นอาหารและกอ นนอน ขอหามใช ขอควรระวัง และอาการขางเคียง: 1. หามใชในผูมีอาการแพฟาทะลายโจร5 2. ประสทิ ธิผลในการบรรเทาอาการไขเ จ็บคอของฟา ทะลายโจร นาจะเกิดจากฤทธิล์ ดไข และ ฤทธิต์ านการอกั เสบมากกวา ฤทธติ์ านเช้ือแบคทเี รยี ดังนัน้ เพื่อปองกนั ไมใ หผูป วยไดรบั อันตรายทเ่ี กิดจาก การติดเชือ้ แบคทีเรยี Streptococcus group A ซ่ึงอาจทาํ ใหเ กดิ ภาวะแทรกซอ นท่รี นุ แรงตามมา เชน ไข รหู ม าตคิ โรคหัวใจรูหม าตกิ และไตอักเสบ จงึ มีขอหา มใชฟ าทะลายโจรสาํ หรบั แกเจ็บคอในกรณตี าง ๆ ดังตอไปนี้ ในผปู ว ยทมี่ ีอาการเจบ็ คอเน่ืองจากตดิ เชือ้ Streptococcus group A - ในผูปวยท่ีมีประวัตเิ ปน โรคไตอกั เสบเน่ืองจากเคยติดเช้ือนี้ - ในผปู วยท่ีมีประวัตเิ ปน โรคหัวใจรูหมาติก - ในผูปวยท่ีมอี าการเจบ็ คอเน่ืองจากมกี ารตดิ เชื้อแบคทีเรีย และมอี าการรุนแรง เชน เปน - ตมุ หนองในคอ มีไขส งู หนาวสน่ั 3. ฟาทะลายโจรอาจทําใหเ กิดอาการแพไ ดต ง้ั แตอาการผน่ื คนั ลมพษิ จนถงึ อาการแพขั้นรนุ แรง ถา ใหโ ดยการฉดี หรอื ในขนาดสงู 5 4. ในผปู ว ยบางราย ฟา ทะลายโจรอาจทาํ ใหเกิดอาการปวดทอง ทอ งเดนิ ปวดเอว หรือวงิ เวยี น ศีรษะ ใจสน่ั หากมีอาการดังกลา วควรหยุดใชยาฟาทะลายโจรและเปล่ยี นไปใชย าอื่นแทน5 5. หากใชติดตอ กนั เปน เวลานาน อาจทําใหแขนขามอี าการชาหรอื ออนแรง5

Page 156 146 กรมพฒั นาการแพทยแ ผนไทยและการแพทยทางเลือก 6. หากใชฟาทะลายโจรตดิ ตอ กนั 3 วัน แลว ไมห าย หรือมอี าการรนุ แรงขนึ้ ระหวางใชย า ควร 5 หยดุ ใชแ ละไปพบแพทย 7. เนอื่ งจากมรี ายงานวาฟา ทะลายโจรทาํ ใหเกดิ การแทง ได ดังนัน้ ทางองคก ารอนามัยโลกจงึ แนะนําวา สตรมี ีครรภไ มควรใชฟ า ทะลายโจร5 ขอมูลวิชาการท่ีเกี่ยวของ: 1. สารสกัดแอลกอฮอลแ ละสารสาํ คญั กลมุ diterpene lactone ของฟา ทะลายโจรสามารถลดการ บบี ตัวของลาํ ไสเล็กและกลามเนอ้ื กระเพาะอาหารของหนูทดลองได6,7 สารสกดั บวิ ทานอล andrographolide และ neoandrographolide สามารถตา นฤทธข์ิ อง E. coli enterotoxin ทีท่ ําใหท อ งเสยี ได เพราะชว ยทาํ ใหก ารสญู เสยี นา้ํ ทางลําไสล ดลง นอกจากน้สี ารสกดั 85% แอลกอฮอลยงั ปอ งกันการเกิดอาการทองเสีย ในหนถู บี จกั รทไ่ี ดรบั น้ํามนั ละหุงหรือ magnesium sulfate ได แสดงฤทธิล์ ดไขใ นกระตาย และสามารถ ตา นการอกั เสบในหนขู าวไดเ มือ่ ศกึ ษาฤทธิใ์ นการลดบวมขององุ เทา หลังของหนู หลงั ไดร ับสารคาราจีแนน (carrageenan-induced hind paw edema)5,8 2. มบี างรายงานกลาววา สารสกดั ฟา ทะลายโจรมฤี ทธิ์ตานเชอ้ื แบคทเี รยี บางชนิดได แตรายงาน การวจิ ัยหลายช้นิ ในประเทศไทยบงชี้วา ฟาทะลายโจรหรือสารสกัดฟาทะลายโจรไมมีฤทธิ์ตา นเชื้อแบคทีเรีย ท่ที ําใหทองเสีย หรอื ทาํ ใหเกิดโรคตดิ เช้ือของทางเดินหายใจสวนบน หรอื ถาพบฤทธยิ์ บั ยัง้ เช้อื ก็จะเปน ฤทธ์ทิ อ่ี อ นตอ งใชค วามเขมขนของสารสกัดสงู เกินกวา ท่ีจะมคี วามสมั พนั ธกับระดับยาในเลือดหรือในทางเดนิ อาหารหลงั รบั ประทานฟาทะลายโจร นอกจากนี้สารสกดั ฟา ทะลายโจรยังแสดงฤทธติ์ า นเชื้อ Porphyromonas gingivalis ซึ่งทาํ ใหเกิดโรคปริทนั ตได และสารสกัดหยาบของฟาทะลายโจรสามารถยับยงั้ การจับตัวของ แบคทเี รีย Streptococcus mutans (แบคทเี รียในชองปากทีเ่ ปลี่ยนน้าํ ตาลบนเคลือบฟน ใหเ ปน กรด อัน เปน สาเหตุของฟน ผ)ุ บนผวิ แกวหรอื บน hydroxyapatite ทเ่ี คลือบนํ้าลาย โดยมีคา IC50 เทากบั 0.5% โดยนาํ้ หนกั /ปรมิ าตร5 3. สารสกดั แอลกอฮอลจ ากฟา ทะลายโจรและสาร andrographolide สามารถกระตุน ระบบ ภูมิคุมกันของหนูถบี จกั รทั้งแบบจาํ เพาะและแบบไมจ ําเพาะ โดยสารสกัดแอลกอฮอลมีฤทธกิ์ ระตนุ ภมู ิคุมกัน ท่ีแรงกวา andrographolide นอกจากน้ีสารสกดั แอลกอฮอลย งั แสดงฤทธ์ลิ ดนาํ้ ตาลในเลือดในหนูขาวที่ ถกู ทําใหเปนเบาหวานจากการไดร ับสาร streptozotocin (STZ) ได สว นการศึกษาในกระตายปกตพิ บวา สารสกดั นํ้าในขนาด 10 มิลลิกรมั /กโิ ลกรมั ปอ งกนั การเพม่ิ ของระดับนา้ํ ตาลในเลือดเนอ่ื งจากไดรับ กลโู คสทางปากในขนาด 2 มลิ ลิกรัม/กโิ ลกรัม แตไ มส ามารถลดนํา้ ตาลจากการกระตนุ ดวย adrenaline ได และเม่ือใหส ารสกดั นาน 6 สปั ดาหไมส ามารถลดระดับน้ําตาลในเลอื ดได เมื่อใหส ารสกดั นา้ํ ขนาด 50 มลิ ลกิ รมั /กิโลกรัม แกห นทู เี่ ปน เบาหวานจากการไดร ับ STZ พบวา สามารถลดระดับนํา้ ตาลในเลอื ดได

Page 157 คมู อื การใชส มุนไพรไทย-จีน 147 52.90% และประสทิ ธผิ ลจะสงู ขึน้ เม่ือใชส ารสกดั ท่เี ตรยี มแบบทาํ ใหแหง โดยวิธไี มใ ชค วามรอ น โดยพบวา ขนาด 6.25 มลิ ลกิ รัม/กิโลกรัม สามารถลดน้าํ ตาลไดถงึ 61.81% นอกจากนีส้ ารสกัดนาํ้ และสารสกดั 5 แอลกอฮอลข องใบฟาทะลายโจรสามารถปอ งกนั ตบั จากสารพิษตาง ๆ 4. การศกึ ษาประสิทธผิ ลในการรักษาโรคอจุ จาระรว งและบิดแบคทีเรยี โดยใชผ งฟา ทะลายโจร (เตรียมจากสวนเหนือดิน) เทียบกบั ยาเตตราซัยคลนิ ในการรกั ษาอุจจาระรว งและบิดแบคทีเรยี โดยใหยา 2 ขนาด คอื 500 มลิ ลกิ รัม ทกุ 6 ชวั่ โมง และ 1 กรมั ทกุ 12 ช่วั โมง พบวา ฟา ทะลายโจรทง้ั สองขนาด สามารถลดจํานวนอุจจาระรว ง (ท้ังความถ่ีและปรมิ าณ) และจํานวนนํ้าเกลือที่ใหทดแทนไดอ ยา งนา พอใจ แมว าจะไมแ ตกตางกันอยา งมีนัยสําคญั ทางสถติ ิ ฟาทะลายโจรสามารถทําลายเช้อื ที่กอ ใหเ กิดโรคบิดแบคทีเรยี ไดดีกวา เตตราซยั คลนิ แตท ําลายเชื้ออหวิ าตกโรคไดไ มดีเทา tetracycline อยา งไรก็ตามฟาทะลายโจร ชวยใหผ ปู วยอหวิ าตกโรคถายนอ ยกวากลมุ ทีไ่ ดร ับ tetracycline อยา งมนี ัยสาํ คัญ5 5. เมือ่ ใหผปู วยทม่ี อี าการไขเ จบ็ คอรับประทานฟา ทะลายโจรแคปซูลในขนาด 3 กรมั /วัน หรอื 6 กรมั /วนั แบงใหว นั ละ 4 ครง้ั ตดิ ตอ กัน 7 วัน เปรยี บเทยี บกบั กลมุ ทไ่ี ดร บั พาราเซตามอลขนาด 3 กรัม/วนั พบวา ในวันท่ี 3 หลงั การรกั ษา ผปู ว ยทีไ่ ดรับยาพาราเซตามอลหรือฟาทะลายโจรขนาด 6 กรมั / วัน หายจากไขแ ละอาการเจ็บคอไดมากกวา กลมุ ท่ีไดร ับฟาทะลายโจรขนาด 3 กรัม/วัน อยา งมนี ัยสําคญั แตผลการรกั ษาไมมคี วามแตกตา งกันในวันท่ี 75 6. รายงานผลการวจิ ยั ทางคลนิ กิ ในตางประเทศ โดยทดลองใหส ารสกดั ฟาทะลายโจรในขนาด 1,200 มิลลิกรมั /วัน แกผปู วยโรคหวดั จํานวน 28 คน แลววดั ผลในวันท่ี 4 หลังไดรับยา พบวา สารสกดั ฟา ทะลายโจรสามารถลดอาการเจ็บคอ เหน่ือย ออ นเพลีย ปวดเมอ่ื ยกลามเนือ้ ได เมื่อเทียบกบั กลุม ควบคุมทไ่ี ดร บั ยาหลอก 33 ราย โดยไมมรี ายงานอาการขา งเคียงจากการใชย า ตอ มามกี ารทดลองใหยา เม็ดฟาทะลายโจรซ่งึ มีสารสกัด 100 มลิ ลกิ รัม/เม็ด จาํ นวนครั้งละ 4 เมด็ วนั ละ 3 เวลา ในผูป ว ยทเ่ี ปน ไขห วัด 102 คน เทยี บกบั กลุม ทีไ่ ดรบั ยาหลอก 106 คน โดยใหผ ปู ว ยระบคุ วามรนุ แรงของแตล ะอาการ เม่ือเริ่มใหยาและหลังไดรับยา 2 วัน และ 4 วันตามลาํ ดับ โดยทําเครื่องหมายลงบนเสนตรงยาว 10 เซนติเมตร ท่ีแบงจาก 0-10 (0 หมายถึงไมมีอาการ และ 10 หมายถึงอาการรุนแรงท่ีสุด) พบวาวันท่ี 2 หลังไดรับยา ความรุนแรงของอาการออนเพลีย นอนไมหลับ เจ็บคอ นา้ํ มูกไหล ในกลุมท่ีไดรับยา ฟาทะลายโจรนอ ยกวา กลุมควบคุมอยา งมนี ัยสําคัญ และในวนั ท่ี 4 หลังไดรบั ยา ความรุนแรงของทกุ อาการ ไดแ ก อาการไอ (ทง้ั ความแรงและความถ่ี) เสมหะ น้ํามูกไหล ปวดศีรษะ ออ นเพลีย ปวดหู นอน ไมหลับ เจ็บคอ ในกลุมทไ่ี ดรับยาฟา ทะลายโจรนอ ยกวากลุมควบคมุ อยางมนี ยั สําคัญ ขอมลู งานวิจยั ทางคลินกิ ของฟา ทะลายโจรในโรคติดเชอื้ ของระบบทางเดนิ หายใจสว นตน สรปุ ไดวาฟาทะลายโจรนาจะมี ประสทิ ธผิ ลในการนํามาใชบรรเทาอาการของโรคตดิ เช้ือทางเดินหายใจสว นตนทีไ่ มม ภี าวะแทรกซอน5

Page 158 148 กรมพัฒนาการแพทยแผนไทยและการแพทยทางเลือก 7. ฟาทะลายโจรมีฤทธ์ิยบั ยง้ั เชอ้ื Porphyromonas gingvalis จงึ มีการพฒั นายาเจลฟา ทะลายโจร เพอ่ื ทดสอบประสิทธผิ ลในการรกั ษาโรคปริทนตอ กั เสบ โดยศกึ ษาเปรยี บเทยี บผลทางคลนิ กิ และทางจลุ ชีววทิ ยาของเจลฟา ทะลายโจรและขผี้ ง้ึ ยามโิ นไซคลินท่ีใชใ สใ ตเหงอื ก เพอ่ื เสริมการรักษาผูปว ยโรคปรทิ นต อกั เสบเร่มิ เร็วในระยะเวลา 4 เดอื น โดยผูปวยตองมีรากฟนเดยี วอยางนอ ย 2 ซีท่ ่มี รี องลึกปริทนตเ มอื่ เริม่ ตนมากกวา หรือเทา กบั 5 มิลลิเมตร พบวาเมื่อใชเจลฟาทะลายโจรรว มกับการเกลารากฟนจะไดผ ล ใกลเ คยี งกบั การใช minocycline gel เม่ือใชรว มกบั การเกลารากฟน5 8. สารสกัด 50% แอลกอฮอลข องฟา ทะลายโจร ไมท าํ ใหเ กิดอาการพิษเฉยี บพลันในหนถู บี จกั ร และมีขนาดของ LD50 เมื่อใหทางปากและใตผวิ หนังมากกวา 15 กรมั /กโิ ลกรมั และเทากับ 14.98 กรมั / กโิ ลกรัมเม่อื ใหท างชอ งทอง สว นผลการศกึ ษาพษิ ระยะยาวของผงฟาทะลายโจรในหนูพนั ธุวสิ ตาร เมือ่ ใหท างปากในขนาด 0.12, 1.2 และ 2.4 กรัม/กโิ ลกรัม/วนั ตดิ ตอกันนาน 6 เดอื น พบวา ไมกอ ใหเ กดิ พษิ ในหนูขาว5 9. การศึกษาความเปนพษิ ของสารสกัด 70% แอลกอฮอลของฟาทะลายโจรตอระบบสบื พนั ธุ ของหนเู พศผู โดยใหสารสกัดทางปากนาน 60 วัน พบวา ไมก อ ใหเกดิ พิษตออณั ฑะ และไมทาํ ใหเกดิ การ เปลี่ยนแปลงของรูปรา งหรอื หนาท่ขี อง Leydig cells ในเพศเมียพบวาเมอื่ เอาผงฟา ทะลายโจรมาผสมกับ อาหารแลว ใหหนูถีบจักรเพศเมียกินในขนาด 2 กรัม/กิโลกรมั /วัน นาน 6 สัปดาห พบวาไมม ีหนตู ัวใดต้ัง ทองเมื่อผสมกบั หนูเพศผทู ่ีไมไดรับยา ขณะท่หี นกู ลมุ ควบคมุ ต้ังทอ ง 95.2% มีรายงานการศึกษาวาเมอื่ ฉดี นา้ํ ตม ฟา ทะลายโจรเขมขน 50% ทางชอ งทอ งแกห นถู ีบจักร มผี ลทําใหห นแู ทง ได และถา ฉีด progesterone รวมกับฮอรโมน LH-RH พรอ มกบั ฟาทะลายโจร จะปองกนั การแทงในชว งระยะแรกของการต้งั ครรภได จึงคดิ วา ฟาทะลายโจรอาจมผี ลตา นฤทธิข์ อง progesteroneจงึ ทาํ ใหเกดิ การแทงได5 เอกสารอางอิง 1. The State Pharmacopoeia Commission of P.R. China. Pharmacopoeia of the People’s Republic of China. Vol.I. English Edition. Beijing: People’s Medical Publishing House, 2005. 2. ลีนา ผูพ ัฒนพงศ, กองกานดา ชยามฤต, ธรี วฒั น บญุ ทวีคณุ (คณะบรรณาธกิ าร). ช่ือพรรณไมแ หง ประเทศไทย (เตม็ สมิตินันทน 3. ฉMบeับiแXกHไ ข.เพSิ่มhเiตyิมonพg.ศZ.h2o5n4g4y)a.oสPําaนoกั zวhชิ iาZกhารinปaา nไม. . 1sกt รeมd.ปาHไมu.beพi:มิ Hพuค bรeัง้ iทS่ี 2c.ieกnรcงุ eเท&พมTหeาcนhคnรol:oบgรyิษPทั uปblรiะsชhาiชnนg Hจาํ oกuัดs,e2, 524040.5. 4. Liu TS, Pan QP, Zhou YS, Wu ZY. XiuZhen Zhongyaoyinpian Caise Tuben. 1st ed. Hunan: Hunan Science & Technology Publishing House, 2006. 5. อญั ชลี จูฑะพุทธิ (บรรณาธกิ าร). สมุนไพรไทยกา วไกลสูสากล. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ ร.ส.พ., 2548. 6. กัลยา อนลุ ักขณาปกรณ และอุไรวรรณ เพมิ่ พพิ ัฒน. ฤทธขิ์ องฟา ทะลายโจรในการลดการบีบตวั ของลําไสเ ลก็ และปอ งกนั การเกดิ ทอ งเสยี ในสัตวทดลอง. วารสารกรมวทิ ยาศาสตรก ารแพทย 2540; 39(1): 23-33. 7. วนดิ า แสงอลังการ และคณะ. ผลของ andrographolide, neoandrographolide และ 14-deoxy-11,12 didehydroandrographolide ตอการหดเกร็งของกลา มเน้ือกระเพาะอาหารหนขู าวนอกรางกาย. ไทยเภสชั สาร. 2533; 15(1): 5-16. 8. กองวจิ ยั และพัฒนาสมุนไพร กรมวทิ ยาศาสตรการแพทย. คูม ือสมนุ ไพรเพื่อการสาธารณสุขมูลฐาน. กรุงเทพมหานคร : Text and Journal Cooperation, 2533.

Page 159 คูมือการใชส มนุ ไพรไทย-จีน 149 เมลด็ บวั : Lianzi (莲子) เมล็ดบัว หรือ เหลียนจื่อ คือ เมล็ดสุกท่ีทําใหแหงของพืชที่มีช่ือวิทยาศาสตรวา Nelumbo nucifera Gaertn. วงศ Nymphaeaceae1 1 เซนติเมตร เมล็ดบัว (Semen Nelumbinis) ชื่อไทย: เมล็ดบัวหลวง เมล็ดบัว (ทว่ั ไป); เมล็ดสัตตบงกช, เมลด็ สัตตบษุ ย (ภาคกลาง)2 ช่ือจีน: เหลียนจ่ือ (จีนกลาง), โหนยจ้ี (จีนแตจิ๋ว)1 ช่ืออังกฤษ: Lotus Seed1 ชื่อเคร่ืองยา: Semen Nelumbinis1 การเกบ็ เก่ียวและการปฏบิ ัตหิ ลงั การเกบ็ เกี่ยว: เก็บเกี่ยวฝกแก (สังเกตไดจากฝกบัวมีลูกบัวเปนสีเทาหรือสีดาํ ) นํามารวมบนลานดิน แลว ใชไมทุบใหลูกบัวแกรวงหลุดจากฝก นาํ ลูกบัวไปตากแดดใหแหงประมาณ 3 วัน เมื่อแหงดีแลวจะใช ตะแกรงหาง ๆ รอนหรือฝดเอาลูกลีบหรือเสียท้ิง กะเทาะเอาเปลือกออก ตากแดดใหแหง เก็บรกั ษา ไวใ นทีม่ อี ากาศเย็นและแหง มีการระบายอากาศดี1,3 การเตรียมตัวยาพรอมใช: การเตรียมตัวยาพรอมใชมี 2 วธิ ี ดงั น้ี วธิ ีที่ 1 เมลด็ บัว เตรยี มโดยนําวตั ถุดบิ สมุนไพรทป่ี ราศจากสงิ่ ปนปลอม มาแชด ว ยนาํ้ รอน จนกระทัง่ ออ นนมุ แยกเอาดีบัวออก และนาํ ไปตากแหง1,4 วิธีที่ 2 เมล็ดบัวผัด เตรียมโดยนําตัวยาท่ีไดจากวิธีที่ 1 ใสกระทะ นาํ ไปผัดโดยใชไฟระดับ ปานกลาง ผดั จนกระท่ังผวิ ดานนอกมีสเี ขม ข้นึ และเนือ้ ดา นในมีสีเหลืองออ น ๆ มกี ล่นิ หอมกรนุ นําออก

Page 160 150 กรมพฒั นาการแพทยแ ผนไทยและการแพทยทางเลอื ก จากเตา ต้ังทงิ้ ไวใ หเ ย็น4 คุณภาพของตวั ยาจากลักษณะภายนอก: ตัวยาทีม่ ีคณุ ภาพดี เมลด็ ตองมีขนาดใหญ และมเี น้อื มาก5 สรรพคุณตามตาํ ราการแพทยแผนจีน: เมลด็ บัว รสอมหวานฝาด สขุ ุม มีฤทธบ์ิ าํ รุงไต ควบคมุ และกระชบั การหล่ังนา้ํ อสุจิ แกอาการ ฝนเปยก และปส สาวะไหลโดยไมรตู ัว (ระหวา งหลับ) มฤี ทธิบ์ าํ รงุ มา ม หยุดถา ย แกอ าการทองรว งชนิด ทีไ่ มไ ดเกดิ จากการตดิ เชอื้ และมีฤทธบ์ิ ํารงุ หัวใจ ใชบ ํารงุ หัวใจและชว ยใหนอนหลับ3 เมล็ดบัวผดั รสอมหวาน มกี ลน่ิ หอม ใชรกั ษาอาการทองรวงชนดิ ที่ไมไดเ กดิ จากการตดิ เชอ้ื หรืออาการฝนเปยกและปส สาวะไหลโดยไมร ูตัว3,4 สรรพคุณตามตําราการแพทยแผนไทย: เมลด็ บัว รสหวานมนั สรรพคุณ บํารุงกําลงั บํารงุ ไขขอ ทําใหก ระชุมกระชวย แกร อนในกระหาย นา้ํ แกเสมหะ แกพพุ อง แกดพี กิ าร แกอ าเจยี น แกอ อ นเพลยี 6 ขนาดทใ่ี ชแ ละวิธีใช: การแพทยแ ผนจนี ใช 6-15 กรัม ตม เอานา้ํ ด่ืม หรือบดเปนผงรบั ประทาน1 ขอหา มใช ขอ ควรระวงั และอาการขา งเคียง: การแพทยแ ผนจนี หามใชเมลด็ บัวในผปู วยทม่ี อี าการทองผกู ทองเฟอ อาหารไมยอ ย3,7 ขอ มูลวิชาการท่ีเกีย่ วของ: เมอื่ ใหสารสกัดปโตรเลยี มอีเทอรจากเมล็ดแหง ในหนขู าวโดยการปอนในขนาด 3 มิลลิกรมั / กโิ ลกรัม พบวา มีผลขดั ขวาง estrous cycle8 เอกสารอางอิง 1. The State Pharmacopoeia Commission of P.R. China. Pharmacopoeia of the People’s Republic of China. Vol.I. English Edition. Beijing: People’s Medical Publishing House, 2005. 2. ลนี า ผูพ ัฒนพงศ, กองกานดา ชยามฤต, ธีรวฒั น บญุ ทวีคุณ (คณะบรรณาธกิ าร). ชอ่ื พรรณไมแหง ประเทศไทย (เต็ม สมติ ินันทน ฉบับแกไขเพมิ่ เตมิ พ.ศ. 2544). สาํ นักวิชาการปา ไม. กรมปา ไม. พมิ พค ร้ังท่ี 2. กรงุ เทพมหานคร : บริษทั ประชาชน จาํ กดั , 2544. 3. กรมวทิ ยาศาสตรก ารแพทย กระทรวงสาธารณสุข. สมนุ ไพรไทย-จีน. กรงุ เทพมหานคร : โรงพิมพการศาสนา, 2547. 4. Gong QF. Zhongyao Paozhi Xue. 2nd ed. Beijing: National Chinese Traditional Medicine Publishing House, 2003. 5. Liu TS, Pan QP, Zhou YS, Wu ZY. XiuZhen Zhongyaoyinpian Caise Tuben. 1st ed. Hunan: Hunan Science & Technology Publishing House, 2006. 6. วฒุ ิ วฒุ ธิ รรมเวช. คัมภรี เ ภสชั รตั นโกสนิ ทร. กรงุ เทพมหานคร : บริษทั ศิลปส ยามบรรจภุ ัณฑและการพิมพ จํากดั , 2547. 7. บริษัท หลักทรพั ยจ ัดการกองทุน กสกิ รไทย จาํ กดั . มหัศจรรยสมนุ ไพรจีน. กรงุ เทพมหานคร : บรษิ ทั ซเี อ็ดยูเคช่ัน จาํ กัด มหาชน, 2550. 8. บพติ ร กลางกัลยา, นงลักษณ สุขวาณิชยศ ิลป. รายงานผลการศกึ ษาโครงการการประเมินประสิทธิภาพและความปลอดภัยของยา จากสมนุ ไพร. กรงุ เทพมหานคร : บรษิ ัท เอส อาร พริ้นต้งิ แมสโปรดกั ส จาํ กดั , 2544.

Page 161 คูม อื การใชส มนุ ไพรไทย-จีน 151 เมลด็ ฝอยทอง: Tusizi (兔丝子) เมล็ดฝอยทอง หรอื ทซู ือจ่อื คอื เมล็ดสุกท่ีทําใหแหงของพืชที่มชี ื่อวิทยาศาสตรว า Cuscuta chinensis Lam. วงศ Convolvulaceae1 0.5 เซนติเมตร 0.3 เซนติเมตร เมล็ดฝอยทอง (Semen Cuscutae) ช่ือไทย: เมล็ดฝอยทอง (ภาคกลาง); เมล็ดผักไหม (อุดรธานี); เมล็ดฝอยไหม (นครราชสีมา)2 ชื่อจีน: ทูซือจื่อ (จีนกลาง), โทวซีจี้ (จีนแตจิ๋ว)1 ชื่ออังกฤษ: Dodder Seed1 ช่ือเครื่องยา: Semen Cuscutae1 การเก็บเกยี่ วและการปฏิบัตหิ ลังการเก็บเก่ียว: เก็บเก่ียวผลสกุ ในฤดใู บไมร วง ตากแดดใหแหง เคาะเมล็ดรวง เก็บสง่ิ อน่ื ที่ปะปนออก เมล็ดท่ี ไดน ําไปตากแหง เกบ็ รักษาไวใ นทมี่ อี ากาศเย็นและแหง มีการระบายอากาศดี1 การเตรียมตัวยาพรอมใช: การเตรียมตัวยาพรอมใชม ี 4 วธิ ี ดงั น้ี วธิ ีท่ี 1 เมลด็ ฝอยทอง เตรยี มโดยนาํ วตั ถดุ ิบสมนุ ไพรมาแยกสงิ่ อ่ืนท่ีปะปนออก ลางนาํ้ ใหสะอาด ตากใหแ หง 3 วิธีที่ 2 เมล็ดฝอยทองผัดนาํ้ เกลือ เตรยี มโดยนาํ ตัวยาทไ่ี ดจ ากวธิ ีท่ี 1 มาใสในภาชนะท่เี หมาะสม เติมนาํ้ เกลอื คลุกเคลา ใหเขา กนั ตง้ั ทง้ิ ไวจ นกระท่งั น้าํ เกลือแทรกซมึ เขา ไปในเนื้อตัวยา จากนัน้ นําไปใส กระทะ ผดั โดยใชไ ฟระดบั ปานกลาง ผัดจนกระทง่ั เมล็ดพองตัวและมเี สียงเปลอื กเมลด็ ปริออกเล็กนอ ย

Page 162 152 กรมพฒั นาการแพทยแผนไทยและการแพทยทางเลอื ก มีกลิ่นหอมกรุน นําออกจากเตา ตั้งทงิ้ ไวใ หเยน็ (ใชเ กลอื บริสทุ ธิ์ 2 กโิ ลกรมั ตอ ตัวยา 100 กโิ ลกรมั )3 วธิ ีท่ี 3 เมลด็ ฝอยทองผสมเหลา อัดเปน แผน เตรียมโดยนาํ ตวั ยาทไ่ี ดจ ากวิธีที่ 1 มาใสใ นภาชนะ ท่เี หมาะสม ตมนํ้าจนกระทัง่ เปลอื กเมล็ดแตกออก คนตลอดเวลาจนกระท่งั นํา้ แทรกซมึ เขาไปในเน้ือตวั ยา และตวั ยาทง้ั หมดมลี กั ษณะเหมือนโจก เตมิ เหลา เหลอื งและแปง หม่ขี าวลงไปผสมใหเขา กัน นําออกจาก เตา อัดเปนแผน แลวหัน่ เปน ชิ้นสเ่ี หลยี่ มเล็ก ๆ ขนาดประมาณ 1 เซนติเมตร ตากใหแหง (ใชเหลา เหลอื ง 15 กโิ ลกรัมและแปง หมขี่ าว 15 กิโลกรัม ตอตัวยา 100 กิโลกรมั )3 วธิ ีท่ี 4 เมลด็ ฝอยทองผดั เตรียมโดยนําตัวยาที่ไดจากวิธีท่ี 1 ใสกระทะ นาํ ไปผัดโดยใชไฟ ระดบั ปานกลาง ผัดจนกระท่งั ผวิ ดา นนอกเปนสีเหลอื งออ น ๆ และมีเสยี งปรอิ อกของเปลือกเมลด็ นําออก จากเตา ตง้ั ทิ้งไวใหเ ยน็ 3 คุณภาพของตัวยาจากลักษณะภายนอก: ตัวยาท่ีมีคุณภาพดี เมล็ดมีสีเหลืองเทา เมล็ดอวบอ่ิม4 สรรพคุณตามตาํ ราการแพทยแผนจีน: เมล็ดฝอยทอง รสอมหวาน อุน มีฤทธ์บิ าํ รุงไต ควบคมุ การหล่งั ของนํ้าอสุจิ รกั ษากลุมอาการ ของระบบไตพรอ ง (ปวดเอว อวัยวะเพศไมแ ขง็ ตวั ฝนเปยก ปสสาวะบอย ตกขาว) มีฤทธบ์ิ าํ รุงตับ ทาํ ใหตาสวาง รักษากลุมอาการของระบบตับและไตออนแอ (ตามัว หนามดื ตาลา เบลอ) ชว ยใหหยุดถา ย (เนื่องจากระบบมา มและไตพรอ ง ทําใหถา ยทอง) นอกจากน้ียงั มฤี ทธบ์ิ ํารุงมดลูก ปองกนั การแทงลูก (เน่ืองจากระบบตบั และไตออ นแอ ทําใหแทง งา ย)1,5 เมล็ดฝอยทองผัดนาํ้ เกลือ เน่ืองจากเมล็ดฝอยทองมีคุณสมบัติคอนขางอุน และมีฤทธ์ิบํารุง หยางมากกวาบาํ รงุ ยนิ เมือ่ นาํ มาผดั น้าํ เกลอื จะชวยใหฤ ทธ์บิ ํารุงยนิ และหยางเสมอกนั และชว ยนําตวั ยา เขา สูระบบไต ชว ยเพม่ิ ฤทธบ์ิ าํ รุงไตและบํารุงครรภ เหมาะสาํ หรับผูปวยท่ีมีอาการอวยั วะเพศไมแ ข็งตวั ฝนเปย ก ปส สาวะบอ ย ตกขาว3 เมล็ดฝอยทองผสมเหลาอดั เปน แผน จะเพมิ่ ฤทธใ์ิ หค วามอบอนุ และบาํ รงุ ไต และชว ยใหตวั ยาสามารถละลายออกมาไดดเี วลาตม ยา และสามารถบดเปนผงไดงาย จงึ เปนวธิ ที ี่นิยมใช เหมาะสาํ หรบั ผปู วยท่ีมีอาการปวดเมอ่ื ยเอวและเขา หูอือ้ ตามัว กระหายนาํ้ 3 เมลด็ ฝอยทองผัด มสี รรพคณุ และวธิ ีใชเหมือนเมลด็ ฝอยทอง แตเมลด็ ฝอยทองผดั จะชว ยให ตวั ยาสามารถละลายออกมาไดดเี วลาตม ยาและสามารถบดเปน ผงไดงา ย สะดวกในการเตรยี มยาตํารบั นิยม ใชใ นการเตรียมยาลกู กลอนและยาผง เหมาะสาํ หรบั ผูปว ยท่มี อี าการปวดเอวเนอ่ื งจากไตพรอ ง หลงั ปส สาวะ แลว ยังมีหยดปส สาวะเหลอื อย3ู

Page 163 คูมอื การใชสมนุ ไพรไทย-จนี 153 สรรพคุณตามตําราการแพทยแผนไทย: เมล็ดฝอยทอง รสฝาดเฝอน สรรพคุณ บํารุงกําลัง บํารุงตับไต แกปวดเม่ือย ทําใหตาสวาง แกกระหายนาํ้ แกน้าํ กามเคลื่อนเวลาหลับ6 ขนาดท่ีใชและวิธีใช การแพทยแผนจนี ใชขนาด 6-12 กรมั ตม เอานา้ํ ดม่ื หรอื ทําเปนยาเมด็ หรอื ยาผงรับประทาน ใชภ ายนอก บดเปนผงผสมทา1,5 ขอหามใช ขอควรระวัง และอาการขางเคียง 1,5 สตรีมคี รรภ และผูป วยท่มี อี าการทอ งผูก ไมควรรับประทาน พชื น้ีถา ขึ้นเกาะบนตนไมท เี่ ปน พิษ เชน ตน ยโ่ี ถ ลําโพง ถอบแถบนํา้ และยาสบู เปน ตน ไมควร เก็บมาใช5 ขอมูลวิชาการท่ีเก่ียวของ: 1. สารสกดั โดยวิธแี ชส กัดเมลด็ ดวยแอลกอฮอล นํา้ หรอื ทําในรปู ยาทงิ เจอร จะมฤี ทธิ์ทําให หวั ใจคางคกทีแ่ ยกตัว บีบตัวแรงขึ้น สารสกดั แชด ว ยแอลกอฮอลมีฤทธิ์ทาํ ใหจ งั หวะการเตนของหัวใจ เพ่ิมขึ้น แตส ารสกดั แชด วยน้ําและทท่ี าํ ในรปู ยาทงิ เจอร ทําใหจังหวะการเตน ของหวั ใจลดลง ผลตอ สุนขั ทดลองทท่ี าํ ใหส ลบมีผลทาํ ใหค วามดนั โลหิตลดลง มามหดตัวเลก็ ลง ลดการบีบตวั ของลาํ ไส ผลตอ มดลูกทแี่ ยกตวั มีผลกระตุนการบีบตัวของมดลกู เพิ่มขน้ึ 5 2. เม่อื ฉีดสารสกดั โดยวธิ แี ชส กดั เมลด็ ดวยแอลกอฮอลแ ละน้าํ เขาใตผ วิ หนงั ของหนูขาวในขนาด 2.465 กรัม/กโิ ลกรมั จะทาํ ใหหนูตายจาํ นวนคร่งึ หนึง่ เม่ือใหทางปากในขนาด 30-40 กรัม/กโิ ลกรมั ไม ปรากฏอาการพษิ เมอ่ื ใหห นูทดลองกนิ สารแชส กดั ดวยแอลกอฮอลแ ละนาํ้ และทีท่ ําในรูปทงิ เจอรต ิดตอ กัน เปน เวลา 70 วัน ไมมผี ลตอการเจริญเติบโตของสัตวทดลอง และไมพ บอาการเปลี่ยนแปลงผิดปกตใิ ด ๆ5 เอกสารอางอิง 1. The State Pharmacopoeia Commission of P.R. China. Pharmacopoeia of the People’s Republic of China. Vol.1. English Edition. Beijing: Chemical Industry Press, 2000. 2. ลนี า ผูพฒั นพงศ, กองกานดา ชยามฤต, ธีรวฒั น บุญทวีคุณ (คณะบรรณาธิการ). ช่อื พรรณไมแ หงประเทศไทย (เต็ม สมติ ินันทน ฉบับแกไขเพ่มิ เติม พ.ศ. 2544). สํานกั วชิ าการปา ไม. กรมปา ไม. พิมพค รง้ั ที่ 2. กรงุ เทพมหานคร : บริษทั ประชาชน จาํ กัด, 2544. 3. Gong QF. Zhongyao Paozhi Xue. 2nd ed. Beijing: National Chinese Traditional Medicine Publishing House, 2003. 4. Liu TS, Pan QP, Zhou YS, Wu ZY. XiuZhen Zhongyaoyinpian Caise Tuben. 1st ed. Hunan: Hunan Science & Technology Publishing House, 2006. 5. ชยั โย ชัยชาญทิพยุทธ, วชริ า แดนตะวัน, สถาพร ลิ้มมณ,ี ชะนะ ครองรกั ษา, ทิพวลั ย ทรัพยเจริญ. สมุนไพร อันดับท่ี 03: การ รวบรวมขอมูลเบือ้ งตนสาํ หรบั งานวจิ ัยของโครงการศึกษาวจิ ยั สมุนไพร. กรงุ เทพมหานคร : จฬุ าลงกรณมหาวทิ ยาลัย, 2527. 6. วุฒิ วฒุ ิธรรมเวช. คัมภีรเภสชั รตั นโกสินทร. กรงุ เทพมหานคร : บริษทั ศิลปสยามบรรจภุ ัณฑแ ละการพิมพ จํากัด, 2547.

Page 164 154 กรมพฒั นาการแพทยแผนไทยและการแพทยทางเลือก ราชดัด : Yadanzi (鸭胆子) ราชดัด หรือ ยาตา นจ่ือ คือ ผลสกุ ทที่ าํ ใหแหง ของพชื ทีม่ ีชื่อวทิ ยาศาสตรว า Brucea javanica (L.) Merr. วงศ Simaroubaceae1 (Fructus 0.5 เซนติเมตร ราชดัด Bruceae) ชื่อไทย: ราชดัด, ดีคน (ภาคกลาง); กาจับหลัก, เทายายมอมนอย, มะขี้เหา, มะดีควาย, ยาแกฮ าก ขม (เชียงใหม); พญาดาบหัก (ตราด); เพียะฟาน (นครราชสีมา); มะลาคา (ปตตานี)2 ช่ือจีน: ยาตานจ่ือ (จีนกลาง), อะตาจ้ี (จีนแตจ๋ิว)1 ช่ืออังกฤษ: Java Brucea Fruit1 ชื่อเคร่ืองยา: Fructus Bruceae1 การเกบ็ เกีย่ วและการปฏบิ ตั หิ ลังการเกบ็ เก่ียว: เก็บเกีย่ วผลสกุ ในฤดใู บไมร วง แยกเอาสง่ิ ปะปนออก ตากแดดใหแหง เกบ็ รกั ษาไวในท่มี อี ากาศ เยน็ และแหง มีการระบายอากาศดี1 การเตรยี มตวั ยาพรอมใช: นาํ สมุนไพรที่ปราศจากสง่ิ ปนปลอมมากะเทาะเอาเปลือกผลออก ใชเฉพาะสว นเนื้อ รอ นเอาเศษ เลก็ ๆ ออก ทบุ ใหแตกกอ นใช1,3 คุณภาพของตวั ยาจากลักษณะภายนอก: ตวั ยาทม่ี คี ุณภาพดี ผลมขี นาดใหญ อวบมาก เน้อื ในเมล็ดมสี ีขาว มนี ํา้ มันมาก4

Page 165 คูมือการใชสมนุ ไพรไทย-จนี 155 สรรพคุณตามตาํ ราการแพทยแผนจีน: ผล รสขม เยน็ มีฤทธิข์ บั พษิ รอ น แกม าลาเรยี และแกโ รคบิด1 สรรพคุณตามตาํ ราการแพทยแ ผนไทย: ผล รสขม สรรพคณุ แกไข แกก ระษัย บํารงุ น้ําดี บาํ รงุ น้ําเหลือง แกท องอดื เฟอ แกล มวงิ วยี น แกหาวเรอ แกเ จ็บอก แกอาเจยี นเปนเลอื ด เปนยาบํารงุ ธาตุ ยาขบั พยาธิ และแกบดิ 5,6 ใชรกั ษาโรคผวิ หนังจาํ พวกเกลอ้ื น ใชเมล็ดแหงตาํ พอแหลก แลวเอาน้าํ ทาบริเวณทีเ่ ปน7 ขนาดท่ีใชและวธิ ใี ช: การแพทยแผนจนี ใช 0.5-2 กรัม 1 ตมเอานา้ํ ดื่ม ขอหา มใช ขอ ควรระวงั และอาการขางเคียง: ราชดัดมพี ิษเลก็ นอ ย หามใชใ นเด็กและสตรมี คี รรภ8,9 ขอ มูลวชิ าการทเ่ี ก่ยี วขอ ง: 1. มรี ายงานวา สารพษิ ที่พบในเมลด็ คือ bruceantin, bruceine A-E, yadanziolide A, F, I ซึ่งมฤี ทธิย์ บั ยั้งการเจรญิ เติบโตของเชื้อมาลาเรยี ชนิดฟลซพิ ารมั และเชอื้ บดิ ในหลอดทดลอง แตพ บความ เปน พษิ สงู 9 และเน้อื ในเมล็ดหรอื สารสกัดนํา้ จากเลบ็ มือนางมีฤทธิย์ บั ย้ังเช้อื มาลาเรียในไกไ ดผลดี และ จากการทดลองทางคลนิ ิกในเบ้อื งตนพบวา สามารถรักษาโรคมาลาเรียได นอกจากน้ยี งั พบสารพษิ brahmine และ kerpestine10,11 2. กองวจิ ยั ทางแพทย กรมวทิ ยาศาสตรก ารแพทย พบวา สวนสกดั ดวยนํ้าไมม ีพษิ เมอื่ ให ทางปากในขนาดทีท่ ําใหห นตู ายรอยละ 50 โดยฉีดเขาใตผิวหนัง เทา กบั 5.17 กรัม/กิโลกรมั และเม่ือฉีด เขาทางชอ งทอ ง เทา กบั 6.37 กรมั /กิโลกรมั 10 3. มรี ายงานการศกึ ษาทางเภสัชวิทยาและทางคลนิ ิก พบวาสารสกดั จากผลราชดัดมีฤทธ์ิฆาเชื้อ บดิ แตฤ ทธอ์ิ อนกวา ยา emetine8,11 เอกสารอางอิง 1. The State Pharmacopoeia Commission of P.R. China. Pharmacopoeia of the People’s Republic of China. Vol.I. English Edition. Beijing: People’s Medical Publishing House, 2005. 2. ลีนา ผพู ัฒนพงศ, กองกานดา ชยามฤต, ธรี วฒั น บุญทวคี ุณ (คณะบรรณาธกิ าร). ชอ่ื พรรณไมแ หง ประเทศไทย (เตม็ สมติ ินันทน ฉบับแกไขเพม่ิ เติม พ.ศ. 2544). สาํ นกั วิชาการปา ไม. กรมปา ไม. พิมพครงั้ ที่ 2. กรุงเทพมหานคร : บรษิ ัท ประชาชน จาํ กดั , 2544. 3. Lei GL, Dun BS. Zhongyao Paozhi Jishu Zhinan. 1st ed. Xian: World Library Publishing House, 2002. 4. Liu TS, Pan QP, Zhou YS, Wu ZY. XiuZhen Zhongyaoyinpian Caise Tuben. 1st ed. Hunan: Hunan Science & Technology Publishing House, 2006. 5. พเยาว เหมอื นวงษญาต.ิ สมนุ ไพรกา วใหม. พิมพค รง้ั ท่ี 2. กรุงเทพมหานคร : บริษัท ท.ี พ.ี พริ้น จาํ กดั , 2537.

Page 166 156 กรมพฒั นาการแพทยแผนไทยและการแพทยทางเลือก 6. ชยันต วเิ ชียรสุนทร, แมนมาส ชวลิต, วิเชียร จรี วงศ. คําอธิบายตําราพระโอสถพระนารายณ. พิมพคร้ังท่ี 2. กรงุ เทพมหานคร : สาํ นกั พิมพอมรนิ ทร, 2548. 7. กองวิจัยและพัฒนาสมุนไพร กรมวทิ ยาศาสตรก ารแพทย กระทรวงสาธารณสุข. สมนุ ไพรพื้นบานฉบับรวม. พิมพครง้ั ที่ 1. กรุงเทพมหานคร : Text and Journal Corperation Co., Ltd., 2533. 8. พรอมจิต ศรลมั ภ, วงศส ถิตย ฉ่ัวกุล, สมภพ ประธานธุรารักษ (คณะบรรณาธิการ). สมุนไพรสวนสริ รี ุกขชาติ สารานุกรมสมุนไพร เลม 1. พิมพค ร้ังท่ี 3. กรุงเทพมหานคร : บรษิ ทั อมรินทรพริ้นติง้ แอนดพบั ลิชชง่ิ จาํ กัด (มหาชน), 2543. 9. World Health Organization. WHO monographs on selected medicinal plants. Volume 1. Geneva: World Health Organization, 1999. 10. สถาบนั วิจัยสมนุ ไพร กรมวิทยาศาสตรก ารแพทย กระทรวงสาธารณสขุ . คูมือฐานขอ มูลพืชพิษ. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ กรมการศาสนา, 2545. 11. Institute of Materia Medica, Chinese Academy of Medicinal Sciences. Chinese Materia Medica. Vol. III. 2nd ed. Beijing: Renmin Weisheng Publishing House, 1984.

Page 167 คูม อื การใชส มนุ ไพรไทย-จนี 157 เรวดง : Sharen (砂仁) เรวดง หรือ ซาเหริน คือ ผลสุกท่ีทาํ ใหแหงของพืชที่มีชื่อวทิ ยาศาสตรว า Amomum villosum Lour. หรอื A. villosum Lour. var. xanthioides T.L.Wu et Senjen หรือ A. longiligulare T.L. Wu วงศ Zingiberaceae1 0.5 เซนติเมตร เรวดง (Fructus Amomi) ช่ือไทย: เรวดง (ตราด)2 ช่ือจีน: ซาเหริน (จีนกลาง), ซาย้ิง (จีนแตจิ๋ว)1 ชื่ออังกฤษ: Villous Amomum Fruit1 ชื่อเครื่องยา: Fructus Amomi1 การเกบ็ เก่ยี วและการปฏิบัตหิ ลังการเกบ็ เกี่ยว: เก็บเก่ยี วผลสกุ ในชวงฤดูรอ นถงึ ฤดใู บไมร ว ง ตากแดดใหแหง ในทันที หรอื ทําใหแ หงทอี่ ุณหภมู ิ ต่ํา ในการปองกันการเส่ือมสภาพของเมล็ดและการระเหยของนํ้ามันอยางรวดเร็ว ไมควรแกะเมล็ด กอนเมล็ดแหง เก็บรักษาเมล็ดแหงในกระสอบปานหรือถุงพลาสติก เก็บไวในท่ีมีอากาศเย็นและแหง มีการระบายอากาศดี1,3 การเตรียมตัวยาพรอมใช: การเตรียมตัวยาพรอมใชม ี 2 วธิ ี ดังนี้ วธิ ที ี่ 1 เรวดง เตรยี มโดยนําวัตถุดบิ สมุนไพรมาแยกสงิ่ อ่นื ทป่ี ะปนออก ทบุ ใหแ ตกกอนใช4

Page 168 158 กรมพฒั นาการแพทยแ ผนไทยและการแพทยทางเลือก วธิ ีท่ี 2 เรว ดงผดั นาํ้ เกลอื เตรยี มโดยนาํ ตวั ยาทไ่ี ดจ ากวิธที ี่ 1 มาใสใ นภาชนะที่เหมาะสม เตมิ นา้ํ เกลือ คลกุ เคลาใหเ ขากัน ตงั้ ท้ิงไวจนกระท่งั น้าํ เกลอื แทรกซมึ เขาไปในเนอื้ ตัวยา จากน้นั นําไปใสก ระทะ ผัดโดยใชไ ฟระดับปานกลาง ผดั จนกระทง่ั ตัวยาแหง นาํ ออกจากเตา ตั้งทง้ิ ไวใ หเย็น (ใชเกลอื บริสทุ ธ์ิ 2 กิโลกรมั ตอ ตัวยา 100 กโิ ลกรัม)4 คุณภาพของตัวยาจากลักษณะภายนอก: ตวั ยาท่ีมคี ณุ ภาพดี ตอ งมีขนาดผลใหญ แขง็ และมีเน้อื มาก เนื้อในเมล็ดสนี ้ําตาลแดง กลน่ิ หอมฉนุ มาก รสเผด็ และเย็นมาก5 สรรพคุณตามตําราการแพทยแผนจีน: เรวดง รสเผ็ด อนุ มีฤทธสิ์ ลายความชน้ื ทําใหช ี่หมนุ เวยี น ใชรกั ษาอาการช่ีติดขัด ทาํ ใหจกุ เสียด แนนทอง มีฤทธ์ิใหความอบอุนแกกระเพาะอาหาร ระงับอาเจียน ทองเสีย ใชแกกระเพาะอาหารและ ลาํ ไสเย็นเกินไป ทําใหทองเสีย อาเจียน และมีฤทธ์ิบํารุงครรภ แกอาการแพทอง เชน คลื่นไสอาเจียน เบื่ออาหารในสตรีมีครรภ1,6 เรว ดงผดั นา้ํ เกลือ รสเผ็ดจะลดลง มีฤทธช์ิ ว ยนําตัวยาลงสสู วนลา งของรางกาย เพิม่ ฤทธิใ์ หความ อบอุนกบั ไตและบํารุงครรภ4 สรรพคุณตามตาํ ราการแพทยแผนไทย: ผล รสรอนเผ็ดปรา แกริดสีดวง แกหืดไอ แกระดูขาว แกไขสันนิบาต7 เมล็ด รสรอนเผ็ดปรา ขับลมในลาํ ไส แกทองขึ้นอืดเฟอ แกปวดทอง แกคล่ืนเหียนอาเจียน แกริดสีดวง หืดไอ กัดเสมหะ แกไขสันนิบาต ขับนํ้านม บาํ รุงธาตุ7 ขนาดที่ใชและวิธีใช: การแพทยแผนจีน ใช 3-6 กรัม หรือมากกวานี้ตามอาการของโรค ตมเอานํ้าดื่ม (ถาตมกับ ยาอ่ืนควรใสทีหลัง)1,6 โดยมีรายละเอียดการใชทางคลินิก ดังนี้ 1. แกอาการแพทอง อาเจียน รับประทานอาหารไมได ใหใชเมล็ดบดเปนผงชงกับนา้ํ ขิงตม รับประทานวันละหลาย ๆ คร้ัง6 2. แกอาการเปนพิษ ใหใชเมล็ดบดเปนผง รับประทานกับน้ําอุน6 3. บาํ รุงธาตุ แกอาการทองอืด ทองเฟอและปวดทอง โดยใชเมล็ดเรวดง หัวแหวหมู ราก ชะเอมเทศ และขิงแหงรวมกัน6 4. แกประจําเดือนมามากกวาปกติ ใหใชผลเรวแหงรางไฟจนแหงกรอบ แลวบดเปนผงชง นาํ้ รับประทานบอย ๆ6

Page 169 คูม อื การใชสมนุ ไพรไทย-จนี 159 เอกสารอางอิง 1. The State Pharmacopoeia Commission of P.R. China. Pharmacopoeia of the People’s Republic of China. Vol.I. English Edition. Beijing: People’s Medical Publishing House, 2005. 2. ลีนา ผูพฒั นพงศ, กองกานดา ชยามฤต, ธีรวัฒน บุญทวีคุณ (คณะบรรณาธิการ). ชือ่ พรรณไมแ หง ประเทศไทย (เต็ม สมติ ินันทน ฉบบั แกไขเพิม่ เติม พ.ศ. 2544). สาํ นักวชิ าการปา ไม. กรมปา ไม. พมิ พค ร้งั ท่ี 2. กรุงเทพมหานคร : บรษิ ทั ประชาชน จํากดั , 2544. 3. สถาบันวิจยั วทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยแี หงประเทศไทย. PROSEA: ทรัพยากรพืชในภมู ิภาคเอเชยี ตะวันออกเฉียงใต 12(1) พืช สมุนไพรและพืชพษิ เลม 1. นนทบุรี : สหมิตรพร้ินติง้ , 2546. 4. Gong QF. Zhongyao Paozhi Xue. 2nd ed. Beijing: National Chinese Traditional Medicine Publishing House, 2003. 5. Liu TS, Pan QP, Zhou YS, Wu ZY. XiuZhen Zhongyaoyinpian Caise Tuben. 1st ed. Hunan: Hunan Science & Technology Publishing House, 2006. 6. กรมวิทยาศาสตรการแพทย กระทรวงสาธารณสขุ . สมนุ ไพรไทย-จีน. กรงุ เทพมหานคร : โรงพิมพก ารศาสนา, 2547. 7. วฒุ ิ วฒุ ิธรรมเวช. ยอเภสชั กรรมไทยและสรรพคุณสมุนไพร. กรุงเทพมหานคร : บริษทั ศิลปส ยามบรรจุภัณฑและการพิมพ, 2546.

Page 170 160 กรมพัฒนาการแพทยแผนไทยและการแพทยทางเลือก ลกู จนั ทนเทศ : Roudoukou (肉豆蔻) ลูกจันทนเทศ หรือ โรวโตวโคว คือ เนื้อในเมล็ดที่ทําใหแหงของพืชที่มีช่ือวิทยาศาสตรวา Myristica fragrans Houtt. วงศ Myristicaceae1 2 เซนติเมตร ลกู จนั ทนเ ทศ (Semen Myristicae) ช่ือไทย: ลูกจันทนเทศ (ภาคกลาง); ลูกจันทนบาน (ภาคเหนือ)2 ช่ือจีน: โรว โตวโคว (จีนกลาง), เหน็กเตา โขว (จีนแตจ ๋ิว)1 ช่ืออังกฤษ: Nutmeg1 ชื่อเครื่องยา: Semen Myristicae1 การเกบ็ เกี่ยวและการปฏิบัตหิ ลังการเกบ็ เก่ียว: เกบ็ เกีย่ วผลแกจ ัดในฤดใู บไมผลแิ ละฤดใู บไมร ว ง แยกเอาเปลือกผลและเปลือกหุมเมล็ดเทยี ม ท้งิ กะเทาะเอาเปลอื กแขง็ ทหี่ มุ เมล็ดออก เอาเฉพาะเนอื้ ในเมล็ดมาแชน าํ้ ปนู ใสทิ้งไวข ามคนื แลวนํามาปง โดยใชร ะดบั ไฟปานกลาง ปงจนแหง เก็บรกั ษาไวใ นทม่ี ีอากาศเย็นและแหง มกี ารระบายอากาศดี3 การเตรียมตัวยาพรอมใช: การเตรยี มตัวยาพรอมใชม ี 4 วธิ ี ดงั นี้ วิธที ี่ 1 ลูกจนั ทนเทศ เตรยี มโดยนาํ วตั ถดุ บิ สมนุ ไพรทป่ี ราศจากสง่ิ ปนปลอม มาลา งนา้ํ ใหส ะอาด ตากแดดใหแหง ทุบใหแตกกอนใช4 วิธีท่ี 2 ลูกจันทนเทศค่ัวราํ ขาวสาลี เตรียมโดยนํารําขาวสาลีและตัวยาท่ีไดจากวิธีท่ี 1 ใสลง ในกระทะ นาํ ไปผัดโดยใชไ ฟระดบั ปานกลาง พรอ มคนอยา งสมํา่ เสมอ จนกระทัง่ รําขาวสาลีเปนสเี หลือง

Page 171 คมู ือการใชส มุนไพรไทย-จนี 161 เกรียม และตัวยามีสีน้าํ ตาลเขม นําออกจากเตา แลวรอนเอารําขาวสาลีออก ตั้งท้ิงไวใหเ ยน็ ทุบใหแ ตก กอนใช (ใชร าํ ขาวสาลี 40 กโิ ลกรมั ตอ ตัวยา 100 กิโลกรัม)3 วธิ ีท่ี 3 ลูกจันทนเทศค่ัวผงหินล่ืน เตรียมโดยนําผงหนิ ลื่นใสในภาชนะทเี่ หมาะสม แลวให ความรอ นท่อี ณุ หภมู ิสูง ใสตัวยาทไ่ี ดจ ากวธิ ีท่ี 1 ลงไป คนอยา งสมาํ่ เสมอจนกระทง่ั ผิวดา นนอกของตัวยา มสี ีนํา้ ตาลเขม และมกี ล่นิ หอมกรนุ นําออกจากเตา แลวรอ นเอาผงหนิ ลนื่ ออก ตงั้ ทงิ้ ไวใ หเยน็ ทุบใหแ ตก กอนใช (ใชผ งหนิ ลน่ื 50 กิโลกรมั ตอ ตัวยา 100 กโิ ลกรมั )3 วธิ ีท่ี 4 ลกู จนั ทนเทศหอ แปง หม่ีควั่ เตรยี มโดยนําแปงหม่ีผสมนํา้ ในปริมาณทเ่ี หมาะสม ปนให เปนแผน แลวนาํ มาอัดใหเปนแผนบาง ๆ จากนั้นนาํ แผนแปงหม่ีที่เตรียมไดมาหอตัวยาที่ไดจ ากวิธีที่ 1 พรมนํา้ ทผี่ วิ ดา นนอกเพอ่ื ใหช มุ ชน้ื แลว นําไปหอ กับแผนแปง หมอ่ี กี หอประมาณ 3-4 ชัน้ ใหท ําเชนเดยี วกัน นําไปตากแดดใหแ หง ประมาณ 50% จากน้นั นาํ ไปใสล งในภาชนะทบี่ รรจผุ งหนิ ลืน่ ท่ผี ดั ใหรอ นแลว คน อยางสมาํ่ เสมอ จนกระทั่งผิวดานนอกมสี เี หลืองเกรยี ม นําออกจากเตา แลวรอ นเอาผงหินลื่นออก ตัง้ ทงิ้ ไวใ หเ ย็น ใหเอาแผนแปงหมท่ี ่ีหอไวทงิ้ เอาเฉพาะตวั ยา ทุบใหแตกกอนใช (ใชแ ปงหมี่ 50 กโิ ลกรมั ตอ ตัวยา 100 กโิ ลกรมั )3 คณุ ภาพของตวั ยาจากลักษณะภายนอก: ตัวยาท่ีมีคุณภาพดี เนื้อในเมล็ดตองมคี ุณสมบัติแขง็ และเหนยี ว มลี ายเสน คลา ยเนื้อในเมล็ด หมาก มนี ้ํามันมาก และมกี ล่นิ หอม5 สรรพคณุ ตามตาํ ราการแพทยแผนจีน: ลกู จนั ทนเทศ รสเผด็ อุน มีฤทธ์สิ มานลําไส ระงบั ถายทองรว ง แกท องรว งเรือ้ รงั (เน่ืองจากมาม และไตพรองและเย็นเกินไป) และมีฤทธ์ิใหความอบอนุ แกก ระเพาะอาหาร ทําใหช ีห่ มุนเวียนดี แกป วด กระเพาะอาหาร เบอ่ื อาหาร อาเจยี น จกุ เสยี ดแนนทอง1 ลกู จันทนเทศมนี ้ํามันในปริมาณสูง ทําใหมีขอ เสยี คอื มฤี ทธ์หิ ลอลื่นและกระตุนลาํ ไสม ากเกินไป โดยทั่วไปจงึ ตองนาํ มาแปรรูปโดยใชว ธิ เี ฉพาะกอนใช การคว่ั จะขจดั น้าํ มันบางสว นออกไป ทําใหฤทธิห์ ลอลนื่ และกระตุนลาํ ไสลดนอ ยลง แตม ีฤทธ์แิ รงข้นึ ในการชว ยใหล าํ ไสแขง็ แรงและระงับอาการทองเสยี เหมาะ สําหรับผูป วยทม่ี ีอาการปวดทอ ง จกุ เสยี ดแนน ทอ ง ทองรว ง อาเจยี น อาหารไมยอ ย3 สรรพคุณตามตําราการแพทยแ ผนไทย: ลกู จนั ทนเทศ มกี ลน่ิ หอม รสเปร้ยี วฝาด รอ น มีสรรพคณุ บาํ รงุ กําลงั บํารงุ ธาตุ แกธ าตพุ ิการ ขับลม แกจุกเสยี ด แกก าํ เดา แกทองรว ง แกรอ นในกระหายนา้ํ แกปวดมดลูก บาํ รงุ เลอื ด6-8

Page 172 162 กรมพฒั นาการแพทยแ ผนไทยและการแพทยทางเลอื ก ขนาดท่ีใชแ ละวธิ ใี ช: การแพทยแ ผนจนี ใชข นาด 3-9 กรัม ตมเอาน้ําดมื่ หรือใชภ ายนอกโดยบดเปน ผงผสมกับนํา้ มนั หรอื นํา้ สม สายชผู สมทา1 การแพทยแ ผนไทย ใชเนอื้ ในเมลด็ 0.5 กรัม หรือประมาณ 1-2 เมล็ด บดใหเ ปนผงละเอยี ด ชงนํ้าคร้ังเดียว รับประทานวันละ 2 ครั้ง 2-3 วนั 6,9 ขอหา มใช ขอควรระวงั และอาการขางเคียง: หามใชใ นผูปวยทมี่ อี าการรอ นแกรง บดิ ทองรว งเพราะมีความรอน (การแพทยแ ผนจีน)1 หา มใชลกู จันทนเทศในปรมิ าณสูง เพราะทาํ ใหเกิดอาการขางเคียงอันไมพึงประสงค (การแพทย แผนไทย)6 มรี ายงานวาเม่อื รบั ประทานลกู จันทนเทศขนาดนอยกวา 1 ชอนโตะ ก็ทําใหเกิดอาการขางเคียง ได อาการขางเคียงในขนาดสูง ทาํ ใหเกิดอาการคลนื่ ไส อาเจยี น ปากแหง หัวใจเตน เรว็ กระตนุ ระบบ ประสาทสว นกลางทาํ ใหม า นตาขยาย นอนไมห ลบั มนึ งง สบั สน เกดิ อาการประสาทหลอน และอาจทําให ชักได นอกจากน้ยี งั ทาํ ใหเกิดอาการแพ เชน allergic contact dermatitis และ occupational asthma6 ขอ มูลวิชาการท่เี กย่ี วของ: 1. สารสกัด Nutmeg oil จากลกู จันทนเ ทศสามารถยบั ย้ังการจับตัวของเกลด็ เลอื ดได โดยมี eugenol และ isoeugenol เปนสารออกฤทธ6์ิ 2. สารสกัดแอลกอฮอลม ฤี ทธติ์ านเชือ้ จุลินทรีย น้ํามันลูกจนั ทนเทศสามารถยับย้งั การจบั ตวั 10 ของเกล็ดเลือดได สารสกดั ของเปลือกเมล็ดแสดงฤทธิต์ า นอักเสบในสัตวทดลอง 3. ลกู จนั ทนเทศมีสรรพคณุ แกทองเสยี ชนดิ เร้ือรัง แกปวดทอ ง อาหารไมยอ ย อาเจียน มี รายงานวา เม่อื รบั ประทานผงลกู จันทนข นาด 7.5 กรัม อาจทําใหเ กดิ อาการวงิ เวยี นศรี ษะ คลื่นไส อาเจียน ปากแหง นอนไมห ลับ หากรับประทานในขนาดสงู มากอาจทาํ ใหตายได1 0 4. เมอ่ื ใหสารสกดั อเี ทอรทางปากแมว พบวาขนาดของสารสกดั ท่ีทาํ ใหแ มวตายมีคา เทากบั 0.5- 1 มิลลิลิตร/กิโลกรัม และเม่ือใหผงยาทางปากแมวในขนาด 1.8 กรัม/กิโลกรัม อาจทําใหเกิดอาการ ประสาทหลอน และถงึ ตายไดภ ายใน 24 ช่วั โมง10 5. จากการศึกษาพิษเฉยี บพลันในหนถู ีบจักรของสารสกัด 50% แอลกอฮอลจ ากลกู จนั ทนเทศ พบวาคา LD50 มีคามากกวา 10 กรัม/กิโลกรัม เมือ่ ใหโ ดยการปอนหรอื ฉีดเขา ใตผิวหนงั 11

Page 173 คูมอื การใชสมนุ ไพรไทย-จนี 163 เอกสารอางองิ 1. The State Pharmacopoeia Commission of P.R. China. Pharmacopoeia of the People’s Republic of China. Vol.I. English Edition. Beijing: People’s Medical Publishing House, 2005. 2. ลีนา ผพู ฒั นพงศ, กองกานดา ชยามฤต, ธรี วัฒน บุญทวีคณุ (คณะบรรณาธิการ). ช่อื พรรณไมแ หง ประเทศไทย (เต็ม สมติ ินนั ทน ฉบับแกไ ขเพ่ิมเติม พ.ศ. 2544). สํานกั วชิ าการปา ไม. กรมปา ไม. พิมพค ร้ังที่ 2. กรุงเทพมหานคร : บรษิ ัท ประชาชน จาํ กัด, 2544. 3. Gong QF. Zhongyao Paozhi Xue. 2nd ed. Beijing: National Chinese Traditional Medicine Publishing House, 2003. 4. Mei XH. Shiyong Zhongyao Paozhi Zhinan. 1st ed. Hubei: Hubei Science & Technology Publishing House, 2005. 5. Liu TS, Pan QP, Zhou YS, Wu ZY. XiuZhen Zhongyaoyinpian Caise Tuben. 1st ed. Hunan: Hunan Science & Technology Publishing House, 2006. 6. กรมวทิ ยาศาสตรก ารแพทย กระทรวงสาธารณสุข. เอกสารวิชาการสมุนไพร. นนทบรุ ี : สถาบนั วจิ ัยสมุนไพร, 2543. 7. วุฒิ วุฒธิ รรมเวช. คัมภรี เภสชั รัตนโกสนิ ทร. กรงุ เทพมหานคร : บรษิ ทั ศิลปสยามบรรจภุ ัณฑแ ละการพิมพ จํากดั , 2547. 8. ชยันต วเิ ชียรสนุ ทร, แมน มาส ชวลิต, วิเชียร จีรวงศ. คาํ อธิบายตําราพระโอสถพระนารายณ. พมิ พครั้งที่ 2. กรุงเทพมหานคร : สํานักพิมพอมรนิ ทร, 2548. 9. สุนทรี สงิ หบตุ รา. สรรพคณุ สมุนไพร 200 ชนิด. พมิ พค รัง้ ที่ 1. กรงุ เทพมหานคร : โอ.เอส.พร้นิ ต้ิงเฮา ส, 2536. 10. Tao C, Lin ZB. Semen Myristicae: rou dou kou. In: Wang BX, Ma JK, Zheng WL, Qu SY, Li R, Li YK (eds.). Modern study of pharmacology in traditional Chinese medicine. 2nd ed. Tianjin: Tianjin Science & Technology Press, 1999. 11. มงคล โมกขะสมิต, กมล สวสั ดีมงคล, ประยทุ ธ สาตราวาหะ. การศึกษาพษิ ของสมุนไพรไทย. ใน: ปราณี ชวลิตธํารง, ทรงพล ชวี ะพัฒน, เอมมนสั อัตตวิชญ (คณะบรรณาธิการ). ประมวลผลงานวจิ ัยดา นพิษวิทยาของสถาบันวิจยั สมุนไพร เลม 1. พิมพค ร้ังท่ี 1. กรมวทิ ยาศาสตรก ารแพทย กระทรวงสาธารณสุข. กรงุ เทพมหานคร : โรงพมิ พการศาสนา, 2546.

Page 174 164 กรมพฒั นาการแพทยแ ผนไทยและการแพทยทางเลอื ก ลกู เดือย : Yiyiren (意苡仁) ลูกเดือย หรือ อ้ีอ่ีเหริน คือ เนื้อในเมล็ดของพืชท่ีมีชื่อวิทยาศาสตรวา Coix lacryma-jobi L. var. mayuen (Rorman.) Stapf วงศ Gramineae1 0.5 เซนติเมตร ลูกเดือย (Semen Coicis) ช่ือไทย: ลูกเดือย (ทั่วไป)2 ช่ือจีน: อ้ีอี่เหริน (จีนกลาง), อี้อี๋ย้ิง (จีนแตจิ๋ว)1 ช่ืออังกฤษ: Coix Seed1 ชื่อเครื่องยา: Semen Coicis1 การเก็บเกี่ยวและการปฏิบตั หิ ลงั การเกบ็ เกี่ยว: เก็บเก่ียวผลสุกในฤดูใบไมรวง ตากแดดใหแหง แยกเอาเนื้อในเมล็ดออกจากเปลือกนอกซึ่ง มีสีนํา้ ตาลเหลือง แยกเอาสงิ่ ท่ีปะปนทิง้ เกบ็ รักษาไวในทมี่ อี ากาศเย็นและแหง มกี ารระบายอากาศดี1 การเตรียมตัวยาพรอมใช: การเตรยี มตัวยาพรอ มใชมี 3 วธิ ี ดังนี้ วธิ ีที่ 1 ลกู เดอื ย เตรียมโดยนําวัตถุดบิ สมนุ ไพรที่ปราศจากส่งิ ปนปลอมมารอนเอาเศษเลก็ ๆ ออก1,3 วิธีที่ 2 ลูกเดือยผัด เตรียมโดยนาํ ตัวยาท่ีไดจากวิธีที่ 1 ใสกระทะ นําไปผัดโดยใชไฟระดับ ปานกลาง ผดั จนกระทงั่ ผวิ ดา นนอกเปน สีเหลือง พองออกเลก็ นอ ย นาํ ออกจากเตา ตงั้ ทิ้งไวใหเ ย็น3

Page 175 คมู ือการใชส มนุ ไพรไทย-จีน 165 วิธีที่ 3 ลูกเดือยผัดราํ ขาวสาลี เตรียมโดยนาํ รําขาวสาลีใสในภาชนะท่ีเหมาะสม แลวใหความ รอนจนกระทัง่ มีควันออกมา ใสต ัวยาทไ่ี ดจ ากวธิ ที ี่ 1 ลงไป คนอยา งรวดเร็วจนกระทัง่ ผวิ ดานนอกมีสี เหลอื ง พองออกเล็กนอ ย นําออกจากเตา แลวรอ นเอารําขาวสาลอี อก (ใชราํ ขา วสาลี 15 กโิ ลกรัม ตอ ตวั ยา 100 กโิ ลกรมั )1,3 คุณภาพของตวั ยาจากลักษณะภายนอก: ตัวยาท่มี ีคุณภาพดี เนอื้ ในเมล็ดมขี นาดใหญ มีเนอื้ มาก และมีสีขาว4 สรรพคุณตามตําราการแพทยแ ผนจีน: ลูกเดือย รสจืดอมหวาน เย็นเล็กนอ ย มฤี ทธส์ิ ลายความช้นื ขบั ปสสาวะ ใชเ ปน ยาขบั ปสสาวะ แกบวมน้ํา ขาบวม มฤี ทธ์เิ สรมิ บํารุงมาม แกอ าการมามพรอง ถายกระปด กระปรอย บวมน้ํา ทอ งมาน มี ฤทธบ์ิ รรเทาอาการปวดขอ ปวดเม่ือยกลา มเน้ือ แกป วดขอ กลามเนื้อ บวมตึง เปนตะคริว คลายเสนเอน็ และมฤี ทธ์ริ ะบายความรอน ขับหนอง นํ้าเหลืองเสยี ใชแ กโ รคปอดอักเสบ ลาํ ไสอกั เสบ ขับหนอง แผลฝ1 ลูกเดือยผัด และลูกเดือยผัดราํ ขาวสาลี จะชว ยใหคณุ สมบัติเย็นหรอื เยน็ มากของลกู เดอื ยเกิด ความสมดลุ เพมิ่ ฤทธิบ์ าํ รงุ มา มและระงับทองเสยี ใชรักษาอาการทองเสียที่เกดิ จากภาวะมามพรอง แก ทองมาน3 สรรพคุณตามตาํ ราการแพทยแ ผนไทย: ลูกเดอื ย รสมันเยน็ สรรพคณุ แกห ลอดลมอกั เสบ แกปอดอกั เสบ ขับปสสาวะ แกน ้าํ ค่งั ใน ปอด ใชเ ปนอาหารบํารงุ กาํ ลงั สาํ หรบั คนฟนไข5 ขนาดทีใ่ ชแ ละวิธีใช: การแพทยแผนจีน ใช 9-30 กรัม ตมเอาน้าํ ด่ืม1 ขอหา มใช ขอควรระวงั และอาการขางเคยี ง: ลกู เดอื ยไมเหมาะกบั ผมู ีปญ หาทอ งผูกบอ ย ปส สาวะบอ ย หรือมปี ญ หาเก่ยี วกับระบบสืบพนั ธุ6 ขอ มลู วชิ าการที่เก่ียวขอ ง: 1. มรี ายงานวา สาร coixol ในลูกเดอื ย มฤี ทธ์คิ ลายอาการเกรง็ ตวั ของกลามเน้ือและปองกนั การชกั ลดความดันโลหิตไดช ว่ั ขณะ ลดนํา้ ตาลในเลอื ดและลดไข และสาร coixenolide มีฤทธ์ติ า นการ เจริญเตบิ โตของเนือ้ งอก7,8 2. น้าํ มันจากลกู เดอื ย มปี ระมาณ 5.9-9.8% ซ่ึงประกอบดว ยสารสาํ คัญคอื coix acid, palmitic acid น้ํามันลกู เดอื ยมฤี ทธ์ิกระตุน ศนู ยการหายใจในสัตวทดลอง (หากใหปรมิ าณสูง ๆ อาจทําใหส ตั วทดลอง

Page 176 166 กรมพฒั นาการแพทยแผนไทยและการแพทยทางเลือก ตายได) ลดความเปลี้ยของรา งกาย ลดความดันโลหติ และขับปส สาวะ7,8 3. จากการศึกษาพษิ เฉียบพลันในหนถู ีบจักร พบวาเม่ือฉีดน้ํามนั จากลูกเดือยเขา ทางชองทอง ในขนาด 90 มิลลกิ รัม/ตัว ไมพ บสัตวทดลองตัวใดตายภายใน 24 ชัว่ โมง แตเ มอ่ื ฉดี นํ้ามันดงั กลาวเขา ทางใตผิวหนัง พบวาขนาดท่ีทาํ ใหหนูถบี จักรตายคือ 5-10 มิลลิกรัม/กรมั และขนาดทท่ี าํ ใหก ระตายตาย เมอ่ื ฉีดเขาทางหลอดเลอื ดดําคือ 1-1.5 กรมั /กิโลกรัม เมือ่ ฉดี สาร coixol เขา ทางชอ งทองหนถู ีบจกั รใน ขนาด 500 มิลลิกรัม/กโิ ลกรมั พบวา แสดงฤทธ์ริ ะงบั ปวดไดชัว่ ขณะ และไมพบสัตวทดลองตวั ใดตาย และเม่อื ใหโดยวิธรี บั ประทานวนั ละ 20, 100, 500 มิลลกิ รมั /กโิ ลกรมั ตดิ ตอ กันนาน 30 วัน ไมพ บ อาการผดิ ปกตใิ ด ๆ และไมมสี ตั วทดลองตวั ใดตาย8 เอกสารอางอิง 1. The State Pharmacopoeia Commission of P.R. China. Pharmacopoeia of the People’s Republic of China. Vol.I. English Edition. Beijing: People’s Medical Publishing House, 2005. 2. ลนี า ผูพฒั นพงศ, กองกานดา ชยามฤต, ธีรวัฒน บุญทวคี ณุ (คณะบรรณาธิการ). ช่ือพรรณไมแ หงประเทศไทย (เตม็ สมติ ินนั ทน ฉบับแกไ ขเพ่ิมเติม พ.ศ. 2544). สาํ นกั วิชาการปา ไม. กรมปา ไม. พิมพค รงั้ ท่ี 2. กรงุ เทพมหานคร : บรษิ ทั ประชาชน จํากัด, 2544. 3. Gong QF. Zhongyao Paozhi Xue. 2nd ed. Beijing: National Chinese Traditional Medicine Publishing House, 2003. 4. Liu TS, Pan QP, Zhou YS, Wu ZY. XiuZhen Zhongyaoyinpian Caise Tuben. 1st ed. Hunan: Hunan Science & Technology Publishing House, 2006. 5. วฒุ ิ วุฒธิ รรมเวช. คัมภีรเภสชั รัตนโกสินทร. กรงุ เทพมหานคร: บรษิ ทั ศลิ ปสยามบรรจุภัณฑแ ละการพิมพ จํากดั , 2547. 6. บริษทั หลกั ทรัพยจ ัดการกองทนุ กสกิ รไทย จํากัด. มหศั จรรยสมุนไพรจีน. กรงุ เทพมหานคร : บรษิ ทั ซีเอด็ ยเู คชนั่ จาํ กัด มหาชน, 2550. 7. ลดั ดาวลั ย บุญรตั นกรกจิ . สมนุ ไพรนาใช. พมิ พค ร้งั ที่ 1. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ แทน ทองปร้ินต้ิงเซอรว สิ , 2535. 8. Han XZ, Li DH. Semen Coicis: yi yi ren. In: Wang BX, Ma JK, Zheng WL, Qu SY, Li R, Li YK (eds.). Modern study of pharmacology in traditional Chinese medicine. 2nd ed. Tianjin: Tianjin Science & Technology Press, 1999.

Page 177 คูม ือการใชส มุนไพรไทย-จนี 167 เลบ็ มือนาง: Shijunzi (使君子) เล็บมือนาง หรือ ส่ือจฺวินจื่อ คือ ผลสุกท่ีทาํ ใหแหงของพืชท่ีมีชื่อวิทยาศาสตรวา Quisqualis indica L. วงศ Combretaceae1 0.5 เซนติเมตร เล็บมือนาง (Fructus Quisqualis) ชื่อไทย: เล็บมือนาง (ภาคกลาง); จะม่ัง, จา ม่งั , มะจีม่ัง (ภาคเหนือ); ไทห มอ ง (แมฮ อ งสอน); อะดอนง่ิ (ยะลา)2 ชื่อจีน: สื่อจฺวินจ่ือ (จีนกลาง), ไซกุงจ้ือ (จีนแตจ๋ิว)1 ช่ืออังกฤษ: Rangooncreeper Fruit1 ชื่อเครื่องยา: Fructus Quisqualis1 การเก็บเกย่ี วและการปฏบิ ตั หิ ลงั การเก็บเกี่ยว: เกบ็ เก่ยี วผลสุกในฤดใู บไมร ว งเมอ่ื เมลด็ สกุ และเน้ือผลมสี ีมว งดาํ แยกเอาสง่ิ ที่ปะปนมาทิ้ง ตาก แดดหรอื ทําใหแ หงที่อุณหภมู ติ าํ่ เก็บรกั ษาไวในทม่ี อี ากาศเยน็ และแหง มกี ารระบายอากาศด1ี การเตรียมตัวยาพรอมใช: การเตรยี มตวั ยาพรอ มใชม ี 3 วธิ ี ดังนี้ วิธีที่ 1 เล็บมือนาง เตรียมโดยนําวัตถดุ บิ สมุนไพรมาคัดเอาส่ิงปนปลอมและกา นผลออก ทบุ ให แตกกอนใช1 ,3

Page 178 168 กรมพัฒนาการแพทยแผนไทยและการแพทยทางเลอื ก วธิ ีท่ี 2 เนื้อผลเล็บมือนาง เตรยี มโดยนําตวั ยาท่ไี ดจากวธิ ที ่ี 1 มากะเทาะเอาเปลือกออก ใช 1,3 เฉพาะสวนเนื้อผล ทุบใหแตกกอนใช วธิ ีที่ 3 เน้อื ผลเลบ็ มอื นางผัด เตรียมโดยนาํ ตวั ยาท่ีไดจ ากวิธที ี่ 2 ใสก ระทะ ผดั โดยใชไ ฟระดับ ปานกลาง ผัดจนกระท่ังผิวนอกมสี เี หลอื งและมจี ุดดาํ เกรยี ม มีกลนิ่ หอม นาํ ออกจากเตา ตง้ั ทิง้ ไวใ หเย็น ทุบใหแตกกอนใช1,3 คุณภาพของตวั ยาจากลักษณะภายนอก: ตัวยาท่ีมคี ณุ ภาพดี ผลตองมขี นาดใหญ ผวิ นอกสนี ้าํ ตาลมวง เนื้อผลอวบอม่ิ 4 สรรพคณุ ตามตําราการแพทยแ ผนจีน: เล็บมอื นาง รสหวานเลก็ นอย มฤี ทธ์ฆิ าพยาธแิ ละชว ยใหก ารยอยอาหารดขี ึ้น ใชถ า ยพยาธไิ สเ ดือน และพยาธเิ สนดาย1 เนื้อผลเล็บมอื นาง มีสรรพคุณและการใชเหมือนเล็บมือนาง โดยทวั่ ไปเลบ็ มือนางจะใชใน รปู แบบของยาตม หากเตรยี มเปนยาผงหรือยาเมด็ จะใชเ น้อื ผลเล็บมอื นาง3 เนือ้ ผลเลบ็ มอื นางผดั จะชว ยลดอาการขา งเคียงทเ่ี กดิ จากการหดเกรง็ ของกลา มเนอื้ กระบงั ลม มฤี ทธิช์ ว ยใหม า มแข็งแรง การยอ ยอาหารดีขนึ้ และฆาพยาธิ สวนใหญใชร กั ษาอาการปวดทอ งเน่ืองจาก พยาธไิ สเดือนและพยาธิเสนดา ยในเด็ก3 สรรพคุณตามตาํ ราการแพทยแ ผนไทย: เล็บมือนาง รสเอียน เบอ่ื เลก็ นอย ใชข ับพยาธแิ ละตานซาง5 ขนาดทใี่ ชแ ละวิธใี ช: การแพทยแ ผนจนี ใช 9-12 กรมั ตม เอานํ้าดืม่ หรือเนือ้ ในผล 6-9 กรัม ทาํ เปน ยาลูกกลอน หรือเปนยาผงรบั ประทานคร้ังเดียว หรือแบงรบั ประทานเปน 2 ครั้ง1 การแพทยแ ผนไทย ใชถ ายพยาธไิ สเดอื นและพยาธเิ สนดาย สาํ หรับเด็กใช 2-3 เมล็ด (หนัก 4- 6 กรมั ) ผใู หญใช 5-7 เมล็ด (หนกั 10-15 กรมั ) ทบุ พอแตก ตมเอาน้ําด่ืมหรือห่ันทอดกบั ไขร ับประทาน5 เมล็ดใชต าํ เปน ผงละเอียด ใชรกั ษาโรคผวิ หนังโดยผสมกบั นํ้ามันพชื 6 ขอหา มใช ขอ ควรระวัง และอาการขางเคยี ง: การแพทยแ ผนจนี หามใชเ ลบ็ มือนางรวมกบั นํา้ ชาเขมขน เนือ่ งจากจะลบลา งฤทธกิ์ ัน1 การแพทยแผนไทย ควรระมดั ระวงั ในการใชเลบ็ มือนาง เพราะอาจทาํ ใหเ กดิ อาการขา งเคียง คือ สะอกึ เวียนศีรษะ คลื่นไส อาเจียน เปน ตน 5

Page 179 คูม อื การใชส มนุ ไพรไทย-จีน 169 ขอ มลู วิชาการท่ีเกีย่ วของ: 1. เมลด็ เล็บมือนางประกอบดว ยนา้ํ มนั และสาร quisqualic acid (กรดอะมโิ น) และ D-manitol พบวา สารสาํ คัญซง่ึ ออกฤทธข์ิ บั พยาธคิ ือ quisqualic acid และยงั มรี ายงานฤทธขิ์ ับถายอยางแรงของนํา้ มัน ในเมล็ดเลบ็ มอื นางดว ย5 2. การศกึ ษาความเปนพษิ ของเมล็ดเลบ็ มือนางพบวา เมือ่ ใหสารสกัดนาํ้ จากเมล็ดเลบ็ มอื นาง แกหนูถีบจกั รทางปากไมทาํ ใหเกดิ พิษเฉยี บพลัน และขนาดเมลด็ เล็บมือนางที่ทาํ ใหสัตวท ดลองตายรอย ละ 50 (LD50) มคี า มากกวา 20 กรมั /กิโลกรัม จากการทดสอบพิษกึง่ เฉียบพลนั ในหนแู รทพนั ธวุ สิ ตาร โดยใหส ารสกดั เทยี บเทา เมล็ดเลบ็ มือนางขนาด 0.2, 2.0, 6.0, 10.0 และ 20.0 กรมั /กโิ ลกรมั /วนั ทาง ปากติดตอกันเปน เวลา 60 วนั เปรียบเทียบกับกลมุ ควบคมุ ทีไ่ ดรบั นํา้ พบวา เมื่อไดร บั สารสกดั เทยี บเทา เมล็ดเล็บมอื นางขนาด 6.0, 10.0 และ 20.0 กรมั /กิโลกรัม/วนั เปน เวลา 2 วัน สัตวท ดลองแสดงอาการ ท่เี กดิ จากความเปนพษิ ตอระบบประสาท โดยมีอาการทส่ี าํ คัญคอื ชักกระตกุ รวมกับชกั เกรง็ ตอมาหยุด หายใจและตาย หนูเพศผูตายจากอาการพิษ คิดเปนรอยละ 26, 53 และ 80 ในเพศเมียคิดเปนรอยละ 0, 6 และ 80.0 ตามลาํ ดบั ขนาดยา และตอ มากลมุ ทไ่ี ดรับสารสกัดขนาดสูงสดุ คือ 20.0 กรัม/กโิ ลกรัม/ วัน นาน 3 วนั ตายหมด หนูที่ไดร ับสารสกัดเมลด็ เลบ็ มอื นางครบ 60 วนั มีการเจรญิ เตบิ โตและการกนิ อาหารไมตา งจากกลมุ ควบคมุ การเปล่ยี นแปลงคาทางโลหิตวทิ ยาและคา ทางชวี เคมขี องซีร่มั ตรวจพบได ในหนูท่ีไดรบั สารสกัดบางกลุมอยา งไมส ัมพันธก บั ขนาดของสารสกัด จงึ ไมส ามารถกลา วไดว า เกิดจาก สารสกัดโดยตรง ผลการตรวจเนื้อเย่ืออวยั วะภายในทางจุลพยาธิวทิ ยา ไมพบการเปลยี่ นแปลงทสี่ รปุ ได 7 วาเกิดจากความเปนพษิ ของสารสกัดจากเมล็ดเลบ็ มือนาง เอกสารอางองิ 1. The State Pharmacopoeia Commission of P.R. China. Pharmacopoeia of the People’s Republic of China. Vol.I. English Edition. Beijing: People’s Medical Publishing House, 2005. 2. ลนี า ผพู ฒั นพงศ, กองกานดา ชยามฤต, ธรี วัฒน บญุ ทวคี ุณ (คณะบรรณาธิการ). ชื่อพรรณไมแหง ประเทศไทย (เตม็ สมติ ินันทน ฉบบั แกไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2544). สํานักวิชาการปา ไม. กรมปา ไม. พิมพครั้งที่ 2. กรงุ เทพมหานคร : บรษิ ทั ประชาชน จาํ กัด, 2544. 3. Gong QF. Zhongyao Paozhi Xue. 2nd ed. Beijing: National Chinese Traditional Medicine Publishing House, 2003. 4. Liu TS, Pan QP, Zhou YS, Wu ZY. XiuZhen Zhongyaoyinpian Caise Tuben. 1st ed. Hunan: Hunan Science & Technology Publishing House, 2006. 5. กนั ทิมา สิทธิธัญกิจ, พรทพิ ย เตมิ วเิ ศษ (คณะบรรณาธิการ). คูมอื ประชาชนในการดูแลสุขภาพดว ยการแพทยแ ผนไทย. พิมพครัง้ ที่ 2 กรงุ เทพมหานคร : สาํ นักงานกิจการโรงพมิ พองคการทหารผา นศึกในพระบรมราชูปถัมภ, 2547. 6. พเยาว เหมือนวงษญาต.ิ สมุนไพรกา วใหม. พมิ พค รง้ั ที่ 2. กรุงเทพมหานคร : บริษทั ที.พ.ี พร้ิน จํากดั , 2537. 7. ทรงพล ชวี พัฒน, ปราณี ชวลิตธาํ รง, ปราณี จนั ทเพช็ ร. ความเปน พิษของเมลด็ เล็บมือนาง ในประมวลผลงานวิจยั ดา นพิษวทิ ยาของ สถาบันวจิ ยั สมุนไพร กรมวทิ ยาศาสตรการแพทย กระทรวงสาธารณสุข., 2550.

Page 180 170 กรมพฒั นาการแพทยแผนไทยและการแพทยทางเลอื ก วา นพรา ว : Xianmao (仙茅) วานพรา ว หรอื เซียนเหมา คอื เหงา แหงของพืชท่ีมีชือ่ วทิ ยาศาสตรว า Curculigo orchioides Gaertn. วงศ Amaryllidaceae1 1 เซนติเมตร วานพราว (Rhizoma Curculiginis) ช่ือไทย: วานพราว (ภาคเหนือ)2 ชื่อจีน: เซียนเหมา (จีนกลาง), เซียงเมา (จีนแตจิ๋ว)1 ชื่ออังกฤษ: Common Curculigo Rhizome1 ช่ือเครื่องยา: Rhizoma Curculiginis1 การเก็บเกีย่ วและการปฏบิ ตั หิ ลังการเก็บเก่ียว: เก็บเก่ียวเหงาในฤดูใบไมรวงหรือฤดูหนาวเม่ือสวนเหนือดินเหี่ยวแหงกอนแตกตา แยกเอา สวนรากฝอยและใบและทิ้ง ลางนํา้ ใหสะอาด ตากแดดใหแหง เกบ็ รักษาไวใ นทม่ี ีอากาศเย็นและแหง มี การระบายอากาศดี1 การเตรียมตัวยาพรอมใช: การเตรียมตัวยาพรอ มใชมี 2 วธิ ี ดังน้ี วธิ ที ี่ 1 วา นพราว เตรียมโดยนาํ วตั ถดุ ิบสมุนไพรมาลา งนาํ้ ใหสะอาด ใสภาชนะปดฝาไวเพื่อให ออนนุม หนั่ เปน ทอ น และนาํ ไปตากแหง 1,3 วธิ ีท่ี 2 วา นพรา วผัดเหลา เตรยี มโดยนาํ ตวั ยาท่ไี ดจากวิธีท่ี 1 ใสใ นภาชนะทีเ่ หมาะสม เตมิ เหลา เหลืองปริมาณพอเหมาะ แลวคลุกเคลา ใหเขา กัน จนกระทัง่ เหลาแทรกซึมเขาไปในเนื้อตวั ยา จากนัน้ นําไป

Page 181 คมู อื การใชส มนุ ไพรไทย-จนี 171 ผัดโดยใชไ ฟระดับปานกลาง ผัดจนแหง นาํ ออกจากเตา ตากใหแหง ในทีร่ ม (ใชเหลาเหลอื ง 10 กิโลกรมั ตอตวั ยา 100 กโิ ลกรมั )3 คุณภาพของตวั ยาจากลักษณะภายนอก: ตวั ยาทม่ี คี ุณภาพดี ผิวนอกสนี ้ําตาลเขม หรือสนี ้ําตาลดาํ คุณสมบตั แิ ขง็ แตเ ปราะ หักงายแต ดา นหนาตดั จะไมเรยี บ มีกลิน่ หอมออ น ๆ รสเผ็ด4 สรรพคุณตามตาํ ราการแพทยแ ผนจีน: วา นพรา ว รสเผด็ รอน มฤี ทธิใ์ หความอบอุนและเสรมิ หยางของระบบไต แกห ยางของไตไมพ อ ธาตุไฟนอ ย (เชน อวัยวะเพศไมแ ขง็ ตวั นาํ้ อสจุ ิเย็น ปสสาวะรดท่ีนอน ปสสาวะบอ ย) มีฤทธบิ์ าํ รงุ เสน เอน็ และกระดูก แกร ะบบไตออนแอ เขาและเอวออนแรง ปวดเสน เอน็ และกระดูก การปวดและการชา เร้ือรังจากความเย็นและความช้ืน และมีฤทธิ์ขับความเย็นและความชื้น แกหยางของมามและไตพรอง หนาทอ งและทอ งนอ ยเย็นและปวด ถา ยทอง1 วานพราวผัดเหลา จะชวยลดพิษของสมุนไพร เพิ่มฤทธ์ิในการบํารุงหยางของไต เสริมความ แขง็ แรงของเสน เอน็ และกระดกู รวมทง้ั ขบั ความเยน็ และความช้ืนไดดี เหมาะสาํ หรับผปู วยทีม่ ีอาการหยอ น 3 สมรรถภาพทางเพศ ปวดเสนเอ็นและกระดูก และปสสาวะบอ ย สรรพคุณตามตําราการแพทยแ ผนไทย: วา นพรา วมสี รรพคุณเปนยาชกั มดลูก เชน สตรคี ลอดบุตรใหม ๆ มดลกู ลอยเพราะความอักเสบ ชวยใหม ดลกู เคล่ือนไหวกลับท่ีเดมิ ใหเปน ปกติ5 ขนาดท่ีใชและวธิ ีใช: การแพทยแผนจีน ใช 3-9 กรมั 1 ตมเอานํ้าดื่ม ขอหามใช ขอ ควรระวงั และอาการขา งเคยี ง: วานพราวเปน สมนุ ไพรท่มี พี ษิ หามใชใ นผูปว ยทีม่ อี าการรอนใน1 ขอ มลู วิชาการทีเ่ กี่ยวของ: 1. สารสกดั แอลกอฮอลเม่อื ใหท างชอ งทอ งหนถู บี จกั รในขนาด 10 กรมั /กโิ ลกรมั พบวาสามารถ เพ่ิมฤทธ์ขิ องยา pentobarbital sodium ใหนอนหลบั นานข้นึ และชว ยเพิ่มฤทธิ์ของยา picrotoxin หรอื cocculin ใหลดอาการตนื่ ตระหนกตกใจลง นอกจากนีส้ ารสกดั ดงั กลาวยังแสดงฤทธ์ิตานการอกั เสบที่ เกดิ จากนาํ้ มันสลอดดว ย6

Page 182 172 กรมพัฒนาการแพทยแ ผนไทยและการแพทยทางเลือก 2. สารสกัดแอลกอฮอลเ ม่ือใหท างปากหนูถีบจกั รในขนาด 10 และ 20 กรัม/กโิ ลกรมั วนั ละครง้ั ติดตอกันนาน 8 วนั พบวาไมสามารถเพ่ิมเซลลเม็ดเลอื ดขาวชนิดลิมโฟชัยตในหนปู กติ แตส ามารถรกั ษา ภาวะภูมิคุมกันบกพรอ งในหนทู ไ่ี ดร บั สารกดภมู คิ ุม กัน6 3. การศึกษาพิษเฉียบพลันโดยใหสารสกัดนาํ้ ทางปากหนูถีบจักรในขนาด 150 กรัม/กิโลกรัม พบวาไมม ีสตั วท ดลองตัวใดตายภายใน 7 วัน แสดงวาวานพรา วมพี ิษตํ่ามาก6 เอกสารอางองิ 1. The State Pharmacopoeia Commission of P.R. China. Pharmacopoeia of the People’s Republic of China. Vol.I. English Edition. Beijing: People’s Medical Publishing House, 2005. 2. ลนี า ผพู ัฒนพงศ, กองกานดา ชยามฤต, ธรี วัฒน บุญทวคี ุณ (คณะบรรณาธกิ าร). ชือ่ พรรณไมแ หง ประเทศไทย (เตม็ สมติ ินนั ทน ฉบับแกไขเพม่ิ เตมิ พ.ศ. 2544). สาํ นกั วชิ าการปา ไม. กรมปา ไม. พมิ พค รงั้ ท่ี 2. กรงุ เทพมหานคร : บรษิ ัท ประชาชน จาํ กัด, 2544. 3. Gong QF. Zhongyao Paozhi Xue. 2nd ed. Beijing: National Chinese Traditional Medicine Publishing House, 2003. 4. Mei XH. Shiyong Zhongyao Paozhi Zhinan. 1st ed. Hubei: Hubei Science & Technology Publishing House, 2005. 5. เสงี่ยม พงษบุญรอด. ไมเ ทศ เมืองไทย. กรงุ เทพมหานคร : เกษมบรรณกจิ , 2514. 6. Di L. Rhizoma Curculigo: xian mao. In: Wang BX, Ma JK, Zheng WL, Qu SY, Li R, Li YK (eds.). Modern study of pharmacology in traditional Chinese medicine. 2nd ed. Tianjin: Tianjin Science & Technology Press, 1999.

Page 183 คมู อื การใชสมนุ ไพรไทย-จีน 173 วานน้าํ : Zangchangpu (藏菖蒲) วานนํ้า หรือ จ้ังชางผู คือ เหงาแหงของพืชท่ีมีชื่อวิทยาศาสตรวา Acorus calamus L. วงศ Araceae1 2 เซนติเมตร วานน้ํา (Rhizoma Acori Calami) ช่ือไทย: วานน้ํา, วานน้ําเล็ก, ฮางคาวผา (เชียงใหม); ทิสีปุคอ (แมฮองสอน); ตะไครนํ้า (แพร); ไครนาํ้ (เพชรบูรณ); คาเจี้ยงจี้, ผมผา, สมชื่น, ฮางคาวนาํ้ , ฮางคาวบาน (ภาคเหนือ)2 ช่ือจีน: จั้งชางผู (จีนกลาง), เจี่ยงเชียงพู (จีนแตจ๋ิว)1 ชื่ออังกฤษ: Tibet Sweetflag Rhizome1 ชื่อเครื่องยา: Rhizoma Acori Calami1 การเกบ็ เกีย่ วและการปฏบิ ัตหิ ลังการเก็บเก่ียว: เก็บเกี่ยวเหงาในฤดูใบไมรวงและฤดูหนาว แยกเอารากฝอยและดินท้ิง ตากใหแหง เก็บ รักษาไวใ นที่มอี ากาศเย็นและแหง มีการระบายอากาศดี1 การเตรียมตัวยาพรอมใช: หลังเกบ็ เกี่ยวสมุนไพรแลว แยกส่งิ อน่ื ทป่ี ะปนออก ลา งนาํ้ ใหส ะอาด จากนน้ั นาํ ไปใสใ นภาชนะ ท่เี หมาะสม คลุมดวยผา ขาวบาง ตั้งทิ้งไวจ นตัวยาออนนุม หนั่ เปนแวนเฉียง ๆ หรอื หนั่ ตามขวาง ทาํ ให แหงในที่รมหรือตากแดด1,3

Page 184 174 กรมพัฒนาการแพทยแผนไทยและการแพทยทางเลอื ก คุณภาพของตัวยาจากลักษณะภายนอก: ตัวยาที่มีคุณภาพดี ดานหนาตัดตองมีสีออกขาว กล่ินหอมฉุน5 สรรพคุณตามตาํ ราการแพทยแผนจีน: วานนํ้า รสขมเผ็ด สุขุม มีฤทธิ์ขับลม ขับเสมหะ สงบประสาท ใชรักษาอาการไอ ต่ืนเตนลืม งาย สลึมสลือ บิด ทองเสีย ทองอืด อาหารไมยอย ปวดขอ แผลฝหนอง และขับพยาธิ1,6 สรรพคุณตามตาํ ราการแพทยแผนไทย: เหงา มีกล่ินหอม รสรอน สรรพคุณเปนยาแกบิด แกปวดทอง แกทองอืดทองเฟอ แนนจุก เสียด ขับลมในกระเพาะอาหารและลาํ ไส ขับเสมหะ แกไอ ระงับประสาท แกปวดตามขอ แกแผลฝ หนอง ขับพยาธิ แกปวดฟน เลือดออกตามไรฟน7-8 ขนาดท่ีใชและวิธีใช: การแพทยแผนจีน ใช 3-6 กรัม ตมเอานํ้าดื่ม ใชภายนอก ตมเอาน้าํ ชะลางหรือบดเปนผง ผสมทา1,5 ขอหามใช ขอควรระวัง และอาการขางเคียง: การแพทยแผนจีน ควรระมัดระวังในการใชในผูปวยที่เหง่ือออกบอย ๆ หรือเหง่ือออกงาย5 การแพทยแ ผนไทย หา มกินมากกวา ครง้ั ละ 2 กรัม เพราะจะทําใหอ าเจียน (อาจใชประโยชนใ น กรณีผูปวยกนิ สารพิษ และตองการขับสารพิษออกจากทางเดินอาหารดว ยการทําใหอาเจยี น)9 ขอมูลวิชาการท่ีเกี่ยวของ: 1. นํ้ามนั หอมระเหย และสารสกัดน้ํามีฤทธิ์ลดการเคลื่อนไหวของหนูทที่ ดลอง น้ํามนั หอมระเหย สามารถเพิม่ ฤทธส์ิ งบประสาทและทําใหนอนหลับของโซเดยี มเพนโทบารบทิ าล ไลเซอจิกแอสดิ ไดเอทิลเอ ไมด และไดเบนซลิ นี เสรมิ ฤทธข์ิ องรีเซอปนในการลดพษิ ของแอมเฟทามนี ในหนู รวมทงั้ มีฤทธิบ์ รรเทา ปวด และปองกนั หนูชักจากการทดลองชอ็ คดว ยไฟฟา สารสกัดแอลกอฮอลจากเหงามีฤทธค์ิ ลา ยกนั สามารถ เพ่ิมฤทธิ์ของยาชาเฉพาะที่ และสามารถลดพษิ ของแอมเฟทามนี ในหนทู ที่ ดลองได5 2. นํ้ามันหอมระเหย สารสกดั แอลกอฮอล และสารสกดั น้ําจากเหงา สามารถลดความดนั โลหิต ของสตั วทดลองที่สลบได สารสกัดน้ํามฤี ทธก์ิ ดการเตนของหัวใจ น้ํามันหอมระเหยสามารถลดอัตราการ เตน ของหวั ใจสนุ ขั และกบ5 3. น้าํ มนั หอมระเหยจากเหงามีฤทธ์ริ ะงบั อาการไอที่เกดิ จากการกระตุนดวยซัลเฟอรไ ดออกไซด ในหนทู ดลอง ฤทธร์ิ ะงบั อาการไอนีเ้ ดนชัดมาก และจากการทดลองใชหลอด capillary ตอหลอดลมเพอื่

Page 185 คูม อื การใชส มนุ ไพรไทย-จีน 175 วัดปรมิ าตรของเมือกสารทขี่ บั ออกมาในหลอดลมของกระตาย พบวาน้ํามันหอมระเหยแสดงฤทธิ์ขบั เสมหะ5 4. นํ้าคน้ั จากเหงา สดสามารถเพิ่มการหลง่ั กรดในกระเพาะอาหาร โดยเฉพาะในคนที่มกี รดใน กระเพาะอาการนอย ยาเตรียมจากเหงาวา นนาํ้ ใชเปนยาเจริญอาหาร ชวยใหอยากอาหาร ทาํ ใหการยอ ย อาหารดีขน้ึ และน้ํามันระเหยงายในขนาดนอย ๆ จะมีฤทธ์ิขบั ลม5 5. นํา้ มนั หอมระเหย สารสกดั นํา้ และสารสกดั แอลกอฮอลม ีฤทธล์ิ ดอุณหภูมใิ นสตั วท ดลอง นํา้ มันหอมระเหยในขนาด 10 ไมโครกรัม/มิลลิลิตร สามารถยับย้งั การเจริญของเชื้อวณั โรคได สารสกัด แอลกอฮอลส ามารถยบั ยัง้ การเจริญของเช้อื ราได มีบางรายงานวาสามารถใชเ ปนยาขบั และฆา พยาธไิ ด5 6. จากการศึกษาพษิ เฉียบพลนั ในหนูถีบจกั รของสารสกดั 50% แอลกอฮอลจากเหงา วานนาํ้ พบวา คา LD50 มคี า มากกวา 10 กรัม/กิโลกรัม เมอ่ื ใหโดยการปอ นหรอื ฉดี เขา ใตผ ิวหนัง10 เอกสารอางอิง 1. The State Pharmacopoeia Commission of P.R. China. Pharmacopoeia of the People’s Republic of China. Vol.I. English Edition. Beijing: People’s Medical Publishing House, 2005. 2. ลนี า ผพู ัฒนพงศ, กองกานดา ชยามฤต, ธีรวัฒน บญุ ทวีคุณ (คณะบรรณาธิการ). ช่อื พรรณไมแหงประเทศไทย (เตม็ สมติ ินนั ทน ฉบับแกไขเพม่ิ เติม พ.ศ. 2544). สํานักวิชาการปา ไม. กรมปา ไม. พิมพครง้ั ท่ี 2. กรงุ เทพมหานคร : บรษิ ัท ประชาชน จํากัด, 2544. 3. Lei GL, Dun BS. Zhongyao Paozhi Jishu Zhinan. 1st ed. Xian: World Library Publishing House, 2002. 4. Liu TS, Pan QP, Zhou YS, Wu ZY. XiuZhen Zhongyaoyinpian Caise Tuben. 1st ed. Hunan: Hunan Science & Technology Publishing House, 2006. 5. ชัยโย ชยั ชาญทพิ ยุทธ, วชริ า แดนตะวัน, สถาพร ล้มิ มณี, ชะนะ ครองรักษา, ทพิ วลั ย ทรัพยเ จริญ. สมุนไพร อันดับที่ 3: การ รวบรวมขอ มูลเบ้อื งตนสาํ หรบั งานวิจัยของโครงการศกึ ษาวิจัยสมนุ ไพร. กรงุ เทพมหานคร : จุฬาลงกรณมหาวทิ ยาลยั , 2527. 6. สถาบนั วจิ ัยวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยแี หงประเทศไทย. PROSEA: ทรพั ยากรพืชในภูมิภาคเอเชยี ตะวันออกเฉียงใต 12(1) พชื สมนุ ไพรและพืชพษิ เลม 1. นนทบุรี : สหมติ รพร้ินต้ิง, 2546. 7. พเยาว เหมอื นวงษญาติ. สมุนไพรกา วใหม. พมิ พค ร้ังที่ 2. กรงุ เทพมหานคร : บริษัท ที.พ.ี พร้ิน จาํ กัด, 2537. 8. ชยนั ต วิเชยี รสุนทร, แมน มาส ชวลิต, วิเชียร จรี วงศ. คาํ อธบิ ายตาํ ราพระโอสถพระนารายณ. พิมพคร้ังท่ี 2. กรุงเทพมหานคร : สํานักพมิ พอมรนิ ทร, 2548. 9. พรอ มจติ ศรลัมภ, วงศส ถติ ย ฉว่ั กุล, สมภพ ประธานธุรารักษ (คณะบรรณาธกิ าร). สมนุ ไพรสวนสิรรี กุ ขชาติ สารานุกรมสมุนไพร เลม 1. พมิ พครง้ั ที่ 3. กรงุ เทพมหานคร : บรษิ ัท อมรินทรพริ้นตง้ิ แอนดพับลิชชง่ิ จํากัด (มหาชน), 2543. 10. มงคล โมกขะสมิต, กมล สวัสดีมงคล, ประยุทธ สาตราวาหะ. การศึกษาพิษของสมนุ ไพรไทย. ใน: ปราณี ชวลิตธาํ รง, ทรงพล ชวี ะพัฒน, เอมมนัส อตั ตวิชญ (คณะบรรณาธกิ าร). ประมวลผลงานวิจัยดานพษิ วิทยาของสถาบันวจิ ัยสมุนไพร เลม 1. พิมพคร้ังท่ี 1. กรมวิทยาศาสตรการแพทย กระทรวงสาธารณสุข. กรุงเทพมหานคร : โรงพมิ พการศาสนา, 2546.

Page 186 176 กรมพฒั นาการแพทยแผนไทยและการแพทยทางเลือก สายน้าํ ผงึ้ : Jinyinhua (金银花) สายนํา้ ผง้ึ หรือ จนิ อ๋ินฮวา คือ ดอกตูมหรือดอกเริ่มบานทที่ ําใหแ หง ของพืชทม่ี ีช่อื วิทยาศาสตรวา Lonicera japonica Thunb. หรือ L. hypoglauca Miq. หรือ L.confusa DC. หรือ L. dasystyla Rehd. วงศ Caprifoliaceae1 0.5 เซนติเมตร สายนาํ้ ผึ้ง (Flos Lonicerae) ช่ือไทย: สายน้ําผ้ึง (กรุงเทพฯ)2 ชื่อจีน: จินอ๋ินฮวา (จีนกลาง), กิมหง่ึงฮวย (จีนแตจิ๋ว)1 ช่ืออังกฤษ: Honeysuckle Flower1 ชื่อเคร่ืองยา: Flos Lonicerae1 การเก็บเกีย่ วและการปฏิบัตหิ ลังการเก็บเกี่ยว: เกบ็ เก่ยี วดอกตูมหรือดอกเร่ิมออกในตนฤดรู อน ผง่ึ ในท่ีรมแลวนําไปตากแดดใหแหง เก็บรกั ษา ไวในทม่ี อี ากาศเย็นและแหง มีการระบายอากาศดี1 การเตรียมตวั ยาพรอมใช: การเตรียมตวั ยาพรอ มใชม ี 2 วธิ ี ดงั น้ี วิธีท่ี 1 ดอกสายนาํ้ ผงึ้ เตรยี มโดยนําวตั ถุดบิ สมุนไพรมาคัดแยกเอาสิ่งปนปลอมออก รอ นเอา 3 ฝนุ และเศษเล็ก ๆ ออก วิธีท่ี 2 ดอกสายนาํ้ ผึง้ ถา น เตรยี มโดยนําตวั ยาทีไ่ ดจ ากวิธีท่ี 1 ใสก ระทะ นําไปผดั โดยใชไ ฟ ระดบั ปานกลาง ผดั จนกระทงั่ ผวิ นอกสีน้าํ ตาลดํา พรมนาํ้ เลก็ นอย นําออกจากเตา ตงั้ ทงิ้ ไวใ หเย็น แลว นาํ ไป

Page 187 คมู อื การใชสมนุ ไพรไทย-จนี 177 ตากแหง ในท่ีรม3 คุณภาพของตัวยาจากลักษณะภายนอก: ตัวยาที่มีคุณภาพดี ตองมีปริมาณดอกมาก สีเหลืองอมขาว กลิ่นหอมจรุงใจ4 สรรพคุณตามตาํ ราการแพทยแผนจีน: ดอกสายนาํ้ ผึ้ง รสอมหวาน เย็น มีฤทธิ์ระบายความรอน แกหวัดจากการกระทบลมรอน ระบายความรอน ขับพษิ มีฤทธ์ิขบั พิษ แกแ ผลฝ แผลเปอย บวม (มกั ใชภ ายนอก) และมฤี ทธิ์ผอนคลาย และกระจายความรอน ใชแกบิด มีพิษรอน ถายบิดเปนมูกเลือด1 ดอกสายนาํ้ ผ้ึงถา น มสี รรพคุณแกถ า ยบิดเปน มกู เลือด สตรที ีม่ ีอาการตกเลอื ด อาเจยี นเปน เลอื ด และเลอื ดกําเดาไหล3 สรรพคุณตามตําราการแพทยแผนไทย: ดอกสายนํา้ ผ้ึง รสหวานเย็น สรรพคุณเจริญอาหาร เปนยาอายุวัฒนะ ขับปสสาวะ แกไข แกปวดหลัง แกความดันโลหิตสูง5 ขนาดที่ใชและวิธีใช: การแพทยแผนจีน ใช 6-15 กรัม ตมเอาน้ําดื่ม1 การแพทยแผนไทย ค้ันหรือใชดอกแหงชงดื่มแทนน้ําชา5 ขอมูลวิชาการที่เกี่ยวของ: 1. มีรายงานวาดอกสายนา้ํ ผึ้งมีฤทธิ์ตานเชื้อแบคทีเรียและเชื้อไวรัสหลายชนิด ไดแก เชื้อ Staphylococcus aureus, Hemolytic streptococcus, Pneumococcus, Typhoid bacillus, Influenza virus, Herpes virus, C virus ECHO19 virus โดยสารสกัดนา้ํ ที่ไดโดยวิธีแชจะมีฤทธิ์แรงกวาสาร สกัดนา้ํ ที่ไดโดยวิธีตม นอกจากน้ีดอกสายนํ้าผึ้งมีฤทธิ์ตานเช้ือราโรคผิวหนังได6 2. ดอกสายนํ้าผ้งึ มีฤทธิ์ลดไข ตานการอกั เสบ ตา นอนุมลู อสิ ระ ลดไขมนั ในเลอื ด และหามเลือด6 3. การศึกษาทางคลินิกพบวา ดอกสายนํา้ ผ้ึงเมื่อใชเดี่ยว หรือใชเปนสวนประกอบของยา ตํารับที่ใชรักษาโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจในทารก การอักเสบที่เกิดขึ้นที่ทางเช่ือมระหวางปากและ คอหอย การติดเชื้อที่เกิดจากเชื้อปรสิตตระกูล Treponemataceae การติดเช้ือท่ีเกิดจากการผาตัด การอักเสบชนิดเฉียบพลัน โรคผิวหนังโดยเฉพาะท่ีเกิดจากหนังแท โรคซาร และลาํ ไสเล็กอักเสบ7 4. การศกึ ษาพษิ เฉยี บพลนั ของสารสกดั น้าํ เมอ่ื ฉีดเขาใตผ วิ หนงั ของหนถู บี จกั ร มคี า LD50เทากบั 53 กรมั /กโิ ลกรมั 6

Page 188 178 กรมพัฒนาการแพทยแ ผนไทยและการแพทยทางเลือก เอกสารอางอิง 1. The State Pharmacopoeia Commission of P.R. China. Pharmacopoeia of the People’s Republic of China. Vol.I. English Edition. Beijing: People’s Medical Publishing House, 2005. 2. ลีนา ผูพ ัฒนพงศ, กองกานดา ชยามฤต, ธีรวฒั น บุญทวคี ณุ (คณะบรรณาธกิ าร). ชือ่ พรรณไมแหงประเทศไทย (เต็ม สมิตินนั ทน ฉบับแกไขเพมิ่ เติม พ.ศ. 2544). สาํ นักวชิ าการปา ไม. กรมปา ไม. พิมพค รงั้ ที่ 2. กรุงเทพมหานคร : บรษิ ทั ประชาชน จาํ กัด, 2544. 3. Lei GL, Dun BS. Zhongyao Paozhi Jishu Zhinan. 1st ed. Xi-an: World Library Publishing House, 2002. 4. Mei XH. Shiyong Zhongyao Paozhi Zhinan. 1st ed. Hubei: Hubei Science & Technology Publishing House, 2005. 5. วฒุ ิ วฒุ ิธรรมเวช. คัมภรี เ ภสัชรตั นโกสินทร. กรุงเทพมหานคร : บริษทั ศิลปส ยามบรรจภุ ัณฑแ ละการพิมพ จาํ กัด, 2547. 6. Deng WL. Flos Lonicerae: jin yin hua. In: Wang BX, Ma JK, Zheng WL, Qu SY, Li R, Li YK (eds.). Modern study of pharmacology in traditional Chinese medicine. 2nd ed. Tianjin: Tianjin Science & Technology Press, 1999. 7. Deng JG, Wei SJ. Genuine and well-reputed medicinal materials in Guangxi. 1st ed. Beijing: Zhongguo Zhongyi Yao Publishing House, 2007.

Page 189 คูมอื การใชส มุนไพรไทย-จนี 179 สีเสียด : Ercha (儿茶) สเี สยี ด หรอื เออ ฉา คือ สว นสกดั นาํ้ ทเี่ ตรยี มจากลําตนและกิง่ ทป่ี อกเปลือกออกแลว ของพืชท่ีมี ชื่อวิทยาศาสตรวา Acacia catechu (L.f.) Willd. วงศ Leguminosae1 3 เซนติเมตร สีเสียด (Catechu) ชื่อไทย: สีเสียด, ขี้เสียด (ภาคเหนือ); สีเสียดแกน (ราชบุรี); สีเสียดเหนือ (ภาคกลาง); สีเสียด เหลือง (เชียงใหม)2 ชื่อจีน: เออ ฉา (จีนกลาง), หย่แี ต (จนี แตจ๋วิ )1 ชื่ออังกฤษ: Cutch Black Catechu1 ช่ือเคร่ืองยา: Catechu1 การเก็บเกีย่ วและการปฏิบตั หิ ลังการเกบ็ เก่ียว: เก็บเก่ยี วกิ่งและลําตน ในฤดูหนาว ปอกเปลือกออก หนั่ เปน ชิ้นใหญ ๆ ใสน ้ําใหทว ม เคย่ี ว 5-6 ช่ัวโมง ยางจะถกู สกดั ออกมา เปน สนี ํา้ ตาลดาํ ขน ๆ คลา ยนํา้ ตาลทเ่ี ค่ียวจนงวด เทลงพิมพตามตองการ เมอ่ื เย็นจะแขง็ มีลักษณะเปนกอนสนี ้าํ ตาลดํา เกบ็ รักษาไวใ นทมี่ ีอากาศเย็นและแหง มกี ารระบายอากาศ ด1ี ,3 การเตรยี มตวั ยาพรอ มใช: หลงั เกบ็ เกีย่ วสมุนไพรแลว แยกสง่ิ อื่นท่ปี ะปนออก รอ นเอาเศษเลก็ ๆ ออก ทบุ ใหแ ตกหรอื บด ใหละเอียดกอ นใช1 ,4

Page 190 180 กรมพัฒนาการแพทยแ ผนไทยและการแพทยทางเลือก คณุ ภาพของตวั ยาจากลักษณะภายนอก: ตัวยาที่มคี ณุ ภาพดี ดานนอกมีสีนํ้าตาลเขมถึงสนี ํ้าตาลดํา ผิวเรยี บเปน มัน แข็งและแตกหกั งา ย ปราศจากสิง่ ปนปลอม5 สรรพคณุ ตามตําราการแพทยแ ผนจีน: สเี สียด รสฝาด มฤี ทธชิ์ ว ยใหเนอ้ื เย่ือท่เี กดิ ใหมเจริญเตบิ โต ชว ยสมานแผล แกแ ผลในปาก แก ทอ งเสีย1 สรรพคณุ ตามตาํ ราการแพทยแผนไทย: สเี สยี ดไทย รสฝาด สรรพคุณ ชว ยสมานแผล แกอ าการทองเดนิ (ท่ีไมใชบิดหรอื อหิวาตกโรค) และแกบดิ (ปวดเบง และมมี กู หรอื อาจมีเลอื ดดวย)3,6,7 ขนาดทีใ่ ชแ ละวธิ ใี ช: การแพทยแผนจนี ใช 1-3 กรัม หอใสถุงผา ตมเอานํ้าด่มื หรือทําเปนยาลกู กลอน หรือยาผง1 การแพทยแ ผนไทย ใชผง ครง้ั ละ 0.3-1 กรัม ตม เอาน้ําด่ืม6 ใชภายนอก ใชผ งสเี สียดละลาย น้ําใสแ ผลสดหา มเลอื ด กอ นสีเสยี ดฝนกบั นํา้ ใหขน ๆ ทาแผลนาํ้ กัดเทา ผงสีเสยี ดผสมกับนาํ้ มนั พืช ทา แผลนํ้ากดั เทา ใสป นู ทีใ่ ชร ับประทานกับหมากและพลู เพื่อปอ งกันปูนกดั ปาก3 ขอ หา มใช ขอ ควรระวงั และอาการขางเคียง: ควรระมัดระวงั ในเรือ่ งขนาดทใี่ ช ถาใชม ากจะเกดิ อาการขา งเคยี งได6 ขอ มลู วชิ าการท่ีเกีย่ วขอ ง: 1. กอ นสีเสยี ดประกอบดว ย catechin 2-20%, catechu-tannic acid 25-35%, epicatechin, dicatechin และสารอื่น ๆ เน่ืองจากมีแทนนนิ ในปริมาณสูง จงึ มีฤทธฝิ์ าดสมาน ฆาเชอื้ แบคทีเรยี 6 2. สารสกดั น้ําความเขม ขน 20% สามารถยบั ยง้ั การเจริญของเซลลม ะเรง็ กระเพาะอาหารและฤทธ์ิ ในการฆา เซลลม ะเรง็ คอนขางแรง แตไมมพี ษิ ตอ ตอมนํา้ ลายและเซลลล กู อัณฑะ8 3. สาร d-catechin ในสีเสยี ดชว ยใหก ารทาํ งานของตบั ดขี น้ึ และชว ยปกปองตับจากสารพษิ ดังนั้นจึงสามารถใชไ ดผ ลดีในผปู วยโรคตับอกั เสบชนิดเฉยี บพลันและชนดิ เรอ้ื รังหรอื ผปู ว ยที่ตบั ถูกทําลาย จากการไดร บั สารพิษ8 เอกสารอางองิ 1. The State Pharmacopoeia Commission of P.R. China. Pharmacopoeia of the People’s Republic of China. Vol.I. English Edition. Beijing: People’s Medical Publishing House, 2005.

Page 191 คูม อื การใชส มุนไพรไทย-จนี 181 2. ลีนา ผพู ฒั นพงศ, กองกานดา ชยามฤต, ธรี วัฒน บุญทวคี ณุ (คณะบรรณาธกิ าร). ช่ือพรรณไมแ หงประเทศไทย (เต็ม สมิตินันทน ฉบบั แกไ ขเพ่มิ เตมิ พ.ศ. 2544). สาํ นกั วิชาการปา ไม. กรมปา ไม. พิมพครง้ั ที่ 2. กรุงเทพมหานคร : บรษิ ัท ประชาชน จํากดั , 2544. 3. พเยาว เหมอื นวงษญ าต.ิ สมนุ ไพรกา วใหม. พมิ พค รั้งท่ี 2. กรงุ เทพมหานคร : บริษทั ท.ี พ.ี พริ้น จาํ กัด, 2537. 4. Lei GL, Dun BS. Zhongyao Paozhi Jishu Zhinan. 1st ed. Xi-an: World Library Publishing House, 2002. 5. Mei XH. Shiyong Zhongyao Paozhi Zhinan. 1st ed. Hubei: Hubei Science & Technology Publishing House, 2005. 6. กนั ทิมา สิทธิธัญกิจ, พรทิพย เตมิ วเิ ศษ (คณะบรรณาธกิ าร). คูมือประชาชนในการดูแลสุขภาพดวยการแพทยแ ผนไทย. พมิ พคร้งั ท่ี 2 กรุงเทพมหานคร : สํานกั งานกจิ การโรงพิมพองคก ารทหารผา นศึกในพระบรมราชูปถัมภ, 2547. 7. กองวิจัยและพัฒนาสมุนไพร กรมวิทยาศาสตรการแพทย กระทรวงสาธารณสุข. สมุนไพรพื้นบา นฉบับรวม. พิมพคร้ังที่ 1. กรุงเทพมหานคร : Text and Journal Corperation Co., Ltd., 2533. 8. Wang DP, Guo ZK. Catechu: er cha. In: Wang BX, Ma JK, Zheng WL, Qu SY, Li R, Li YK (eds.). Modern study of pharmacology in traditional Chinese medicine. 2nd ed. Tianjin: Tianjin Science & Technology Press, 1999.

Page 192 182 กรมพฒั นาการแพทยแผนไทยและการแพทยทางเลอื ก หญา คา: Baimaogen (白茅根) หญา คา หรือ ไปเหมาเกนิ คือ เหงาแหงของพชื ที่มีช่ือวทิ ยาศาสตรวา Imperata cylindrica Beauv. var. major (Nees) C.E. Hubb. วงศ Gramineae1 หญาคา (Rhizoma Imperatae) 1 เซนติเมตร ช่ือไทย: หญา คา (ท่วั ไป); ลาลาง ลาแล (ยะลา); เกอ ฮี (แมฮอ งสอน)2 ชื่อจนี : ไปเ หมาเกนิ (จีนกลาง), แปะเหมากิง (จนี แตจวิ๋ )1 ชอื่ อังกฤษ: Lalang Grass Rhizome1 ชอ่ื เคร่ืองยา: Rhizoma Imperatae1 การเก็บเกี่ยวและการปฏิบตั หิ ลงั การเก็บเก่ียว: เก็บเกย่ี วเหงาในฤดูใบไมผลถิ งึ ฤดูใบไมรวง ลางน้ําใหสะอาด ตากแดดใหแ หง แยกเอารากฝอย และกาบใบทง้ิ เก็บรกั ษาไวใ นที่มีอากาศเย็นและแหง มีการระบายอากาศดี1 การเตรยี มตวั ยาพรอ มใช: การเตรียมตวั ยาพรอ มใชมี 2 วธิ ี ดังนี้ วิธีที่ 1 หญาคา เตรียมโดยนําวัตถดุ ิบสมุนไพรที่ปราศจากส่ิงปนปลอมมาลา งนํา้ ใหส ะอาด ใส ภาชนะหมกั ไวส กั ครูเพ่อื ใหอ อนนุม หัน่ เปน ชิน้ ขนาดพอเหมาะ และนาํ ไปทําใหแ หง 1,3 วธิ ที ่ี 2 หญาคาถา น เตรยี มโดยนําตัวยาทไ่ี ดจ ากวิธที ่ี 1 ใสกระทะ ผัดโดยใชไฟระดบั ปานกลาง ผดั จนกระท่ังผวิ นอกของตวั ยามสี ีนาํ้ ตาลไหม เนือ้ ในเปน สีเหลืองไหม พรมนาํ้ เลก็ นอย นําออกจากเตา ต้ังทงิ้ ไวใหเย็น ตากใหแ หงในทร่ี ม 3

Page 193 คมู อื การใชสมุนไพรไทย-จีน 183 คณุ ภาพของตวั ยาจากลักษณะภายนอก: ตวั ยาทีม่ คี ณุ ภาพดี ลาํ ตน ตอ งหยาบ สขี าว และมรี สหวาน4 สรรพคณุ ตามตําราการแพทยแ ผนจีน: หญาคา รสอมหวาน เยน็ มฤี ทธิ์หา มเลือด ทําใหเลอื ดเยน็ ใชร กั ษาอาการเลอื ดออกจากภาวะ เลือดรอน เชน เลือดกําเดา ไอ อาเจยี น ปส สาวะเปนเลือด และมีฤทธ์ิระบายความรอ น ขับปสสาวะ ใช เปนยาขบั ปส สาวะ แกอ าการบวมน้ํา ปสสาวะรอนมีสีเขม 1 หญา คาถาน รสฝาด เย็นเลก็ นอย ฤทธ์ริ ะบายความรอ นในระบบเลือดคอ นขา งออน แตฤ ทธิ์ 3 หา มเลอื ดแรง โดยทั่วไปใชในกลุมอาการของโรคทีม่ ีเลือดออก เปนยาฝาดสมานและยาหามเลือด สรรพคุณตามตําราการแพทยแผนไทย: ตํารายาไทยใชเ ปน ยาขบั ปส สาวะ แกรอ นในกระหายนา้ํ แกอกั เสบในทางเดินปสสาวะ บาํ รงุ ไต แกนํ้าดซี าน แกอ อนเพลยี เบอื่ อาหาร5 ขนาดทใี่ ชแ ละวธิ ีใช: การแพทยแผนจีน ใช 9-30 กรัม 1 ตมเอาน้ําดื่ม การแพทยแ ผนไทย ใช 1 กํามือ (สด 40-50 กรัม หรอื แหง 10-15 กรมั ) หนั่ เปน ชน้ิ เลก็ ๆ ตม นา้ํ รบั ประทานวนั ละ 3 ครั้ง กอนอาหารคร้งั ละ 1 ถว ยชา (75 มลิ ลลิ ติ ร)6 ขอมูลวิชาการท่ีเกีย่ วของ: 1. สารสกัดนา้ํ จากเหงามฤี ทธใิ์ นการลดจํานวนปส สาวะและทาํ ใหจ ํานวนคลอไรดใ นปสสาวะ เพ่ิมข้นึ สารสกดั น้ํารอนจากเหงาสามารถลดอาการของแผลในกระเพาะอาหารและสามารถยับย้งั การหลง่ั ฮีสตามีนในหนูขาวทถ่ี ูกกระตุนดว ย สาร 48/80 ไมพบฤทธใ์ิ นการกอ กลายพันธ7ุ 2. สารสกัดดวยนาํ้ จากเหงาแหง สารสกัดดวยแอลกอฮอลจากเหงาสดและเหงาแหง แสดง ฤทธ์ิยับยง้ั เอนไซม HIV-1 protease โดยสารสกัดท่แี สดงฤทธิแ์ รง คอื สารสกัดดวยแอลกอฮอลจ าก เหงา สด สามารถยบั ยัง้ เอนไซมด ังกลาวไดรอยละ 98 ท่คี วามเขมขน ของตัวอยาง 66.67 ไมโครกรัม/ มลิ ลิลิตร7 3. เม่ือใหก ระตา ยกนิ นา้ํ ตมจากหญาคาขนาด 25 กรัมตอ นํา้ หนักตวั 1 กโิ ลกรมั หลังจากนน้ั 16 ชั่วโมง กระตายเคลื่อนไหวชา ลง การหายใจเรว็ ขนึ้ และคนื สปู กตใิ นเวลาไมน านนัก ถา ฉีดเขาหลอด เลือดดําขนาด 10-15 กรัมตอ นํ้าหนักตัว 1 กโิ ลกรัม การหายใจจะเร็วขึน้ การเคลื่อนไหวชา ลง หลังจาก นน้ั 1 ช่ัวโมง จะกลับสูปกติ ถาฉดี ขนาด 25 กรมั ตอ นํา้ หนักตัว 1 กโิ ลกรมั หลังจากฉีด 6 ชัว่ โมง กระตายกต็ าย8

Page 194 184 กรมพัฒนาการแพทยแ ผนไทยและการแพทยทางเลอื ก เอกสารอางองิ 1. The State Pharmacopoeia Commission of P.R. China. Pharmacopoeia of the People’s Republic of China. Vol.I. English Edition. Beijing: People’s Medical Publishing House, 2005. 2. ลนี า ผพู ัฒนพงศ, กองกานดา ชยามฤต, ธีรวัฒน บญุ ทวีคุณ (คณะบรรณาธกิ าร). ชอ่ื พรรณไมแ หง ประเทศไทย (เตม็ สมติ ินันทน ฉบับแกไขเพมิ่ เติม พ.ศ. 2544). สํานกั วชิ าการปา ไม. กรมปา ไม. พิมพคร้ังที่ 2. กรงุ เทพมหานคร : บรษิ ัท ประชาชน จาํ กดั , 2544. 3. Gong QF. Zhongyao Paozhi Xue. 2nd ed. Beijing: National Chinese Traditional Medicine Publishing House, 2003. 4. Liu TS, Pan QP, Zhou YS, Wu ZY. XiuZhen Zhongyaoyinpian Caise Tuben. 1st ed. Hunan: Hunan Science & Technology Publishing House, 2006. 5. เสงี่ยม พงษบ ุญรอด. ไมเ ทศ เมืองไทย. กรงุ เทพมหานคร : โรงพมิ พประเสริฐศริ ิ, 2493. 6. ดรณุ เพ็ชรพลาย และคณะ. สมุนไพรพืน้ บา น (ฉบบั รวม). สถาบนั วิจัยสมนุ ไพร กรมวทิ ยาศาสตรการแพทย. กรุงเทพมหานคร : หา งหนุ สวนจํากดั รุง เรืองสาสนก ารพมิ พ, 2541. 7. เย็นจติ ร เตชะดํารงสิน, บษุ ราวรรณ ศรีวรรธนะ, จนั ทรเพ็ญ วิวัฒน, สธุ น วงษช รี ี, จารีย บนั สิทธ์ิ และประถม ทองศรรี กั ษ. หญา คา. ใน: ปราณี ชวลติ ธํารง (บรรณาธิการ). รายงานการศกึ ษาวจิ ยั โครงการสมนุ ไพรตา นเอดส. กรุงเทพมหานคร : โรงพมิ พอ งคการ สงเคราะหท หารผา นศึก, 2546. 8. Jiangsu New Medical College. A Dictionary of Chinese Materia Medica. Vol.1. Hong Kong: Shangwa, 1979.

Page 195 คมู อื การใชสมุนไพรไทย-จีน 185 หญา แหวหมู : Xiangfu (香附) หญา แหว หมู หรอื เซยี งฟู คอื เหงา แหงของพชื ที่มชี ่ือวิทยาศาสตรว า Cyperus rotundus L. วงศ Cyperaceae1 1 เซนติเมตร หญาแหวหมู (Rhizoma Cyperi) ชื่อไทย: หญาแหวหมู (ทั่วไป); หญาขนหมู (แมฮองสอน)2 ชื่อจีน: เซียงฟู (จนี กลาง), เฮยี งหู (จีนแตจ ว๋ิ )1 ชื่ออังกฤษ: Nutgrass Galingale Rhizome1 ช่ือเครื่องยา: Rhizoma Cyperi1 การเก็บเกี่ยวและการปฏบิ ัตหิ ลงั การเก็บเก่ียว: เก็บเกี่ยวเหงาในฤดูใบไมร วง แยกเอารากฝอยท้งิ ตมนา้ํ สกั ครูหรอื น่งึ สักครู ตากใหแหง เกบ็ รกั ษาไวใ นท่ีมอี ากาศเย็นและแหง มกี ารระบายอากาศด1ี การเตรยี มตวั ยาพรอมใช: การเตรียมตวั ยาพรอมใชม ี 5 วธิ ี ดังนี้ วธิ ีที่ 1 หญาแหวหมู เตรียมโดยนาํ วัตถุดิบสมุนไพรที่ปราศจากสง่ิ ปนปลอม มาลางนํ้าใหสะอาด ใสภาชนะปดฝาไวเ พ่อื ใหออนนมุ หนั่ เปน ชิ้นหรือฝานเปน แผนบาง ๆ นาํ ไปทําใหแหงโดยใชอ ณุ หภมู ิต่ํา1,3 วธิ ที ่ี 2 หญา แหว หมผู ัดนาํ้ สม เตรยี มโดยนําตัวยาท่ีไดจากวิธีท่ี 1 ใสในภาชนะที่เหมาะสม เติม นํา้ สม (ซึ่งไดมาจากการหมักกลน่ั ขา ว) ปริมาณพอเหมาะ แลว คลุกเคลา ใหเ ขา กนั จนกระทง่ั นาํ้ สม แทรกซึม เขาไปในเนื้อตัวยา จากนั้นนําไปผัดโดยใชไฟระดับปานกลาง ผัดจนกระทั่งตัวยาแหง นําออกจากเตา

Page 196 186 กรมพัฒนาการแพทยแผนไทยและการแพทยทางเลือก ตากใหแ หงในทรี่ ม (น้ําสม 20 กโิ ลกรัม ตอ ตวั ยา 100 กโิ ลกรมั )1,3 นอกจากหญาแหวหมูผดั น้าํ สมแลว ยงั อาจเตรียมอีกวิธีหนง่ึ คือ หญา แหว หมนู ง่ึ กบั น้าํ สม โดย นาํ ตัวยาทไี่ ดจากวิธที ี่ 1 ใสใ นภาชนะทเี่ หมาะสม เติมนา้ํ สม (ซง่ึ ไดม าจากการหมักกลั่นขา ว) ปริมาณพอเหมาะ และเติมนาํ้ สะอาดปรมิ าตรเทานาํ้ สม นําไปใสในภาชนะนงึ่ น่งึ จนกระทั่งนํ้าสมแทรกซมึ เขา ไปในเนอ้ื ตวั ยา จากนนั้ นง่ึ ตออีก 5 ชว่ั โมง นาํ ออกจากเตา ต้ังท้งิ ไวใ หเ ย็นลงเลก็ นอ ย ฝานเปน แวน บาง ๆ นําไปตากแหง (น้าํ สม 20 กิโลกรมั ตอตัวยา 100 กโิ ลกรมั )1,3 วิธีที่ 3 หญาแหว หมผู ดั สารปรุงแตง 4 ชนิด เตรียมโดยนําตัวยาท่ไี ดจากวธิ ีที่ 1 ใสในภาชนะที่ เหมาะสม เตมิ นา้ํ คั้นขิงสด นา้ํ สม (ซึง่ ไดมาจากการหมกั กลน่ั ขา ว) เหลาเหลอื ง และนา้ํ เกลอื ปรมิ าณ พอเหมาะ แลวคลุกเคลาใหเขา กัน จนกระท่งั สารปรุงแตงแทรกซึมเขา ไปในเน้อื ตวั ยา จากน้นั นําไปผัด โดยใชไ ฟระดบั ปานกลาง ผดั จนกระท่งั ตวั ยาแหง นําออกจากเตา ตากใหแหง ในทรี่ ม (ใชข ิงสด 5 กิโลกรมั คัน้ เอาแตน้ํา ใชน ้ําสม และเหลาเหลอื งอยางละ 10 กิโลกรัม เกลอื บรสิ ทุ ธ์ิ 2 กิโลกรมั ละลายในน้ํา รวม สารปรงุ แตง ท้ังหมด ตอ ตวั ยา 100 กิโลกรัม)3 วธิ ที ่ี 4 หญาแหวหมูผัดเหลา เตรียมโดยนาํ ตัวยาที่ไดจากวิธที ่ี 1 ใสใ นภาชนะท่ีเหมาะสม เตมิ เหลา เหลอื งปรมิ าณพอเหมาะ แลวคลุกเคลา ใหเขากนั จนกระทั่งเหลาแทรกซึมเขา ไปในเนอื้ ตัวยา จากนั้น นาํ ไปผัดโดยใชไฟระดับปานกลาง ผดั จนกระทั่งตัวยาแหง นาํ ออกจากเตา ตากใหแหงในทรี่ ม (ใชเ หลา เหลอื ง 20 กโิ ลกรมั ตอตัวยา 100 กิโลกรมั )3 วิธีที่ 5 หญาแหวหมูถาน เตรียมโดยนาํ ตัวยาที่ไดจากวิธีท่ี 1 ใสกระทะ ผัดโดยใชไฟระดับ ปานกลาง ผัดจนกระท่ังผวิ นอกของตวั ยามีสีดาํ ไหม เนื้อในมีสนี ํ้าตาลไหม พรมนาํ้ เลก็ นอ ย นาํ ออกจาก เตา ตากใหแหงในทร่ี ม3 คุณภาพของตวั ยาจากลักษณะภายนอก: ตัวยาที่มีคุณภาพดี ขนาดของเหงา ตองสมํ่าเสมอ ผิวเรียบเปน มัน ไมม ีขน มีกล่ินหอม4 สรรพคณุ ตามตําราการแพทยแผนจีน: หญา แหวหมู รสเผด็ ขมเลก็ นอย อมหวานเลก็ นอ ย สขุ มุ มีฤทธิ์ผอ นคลายตับ ทําใหชี่หมุนเวยี น แกอ าการชี่ติดขดั ปวดทอง ปวดชายโครง และมีฤทธป์ิ รบั ประจาํ เดอื น แกป วด ใชบ รรเทาอาการเครยี ด ประจําเดือนมาไมป กติ ปวดประจําเดอื น ปวดคัดเตา นม1 หญาแหว หมผู ัดหรือน่ึงนาํ้ สม ตัวยาจะเขาสเู สนลมปราณของตบั เพมิ่ ฤทธผ์ิ อนคลายตับ ระงับ ปวด และชว ยยอ ยอาหาร เหมาะสําหรับผปู ว ยทม่ี อี าการปวดทอ ง อาหารไมยอ ย ธาตุพกิ าร3

Page 197 คูม อื การใชสมนุ ไพรไทย-จนี 187 หญาแหว หมูผดั สารปรงุ แตง 4 ชนดิ จะชว ยใหชห่ี มนุ เวยี นไมตดิ ขัด ปรับประจาํ เดอื นใหเ ปน ปกติ เหมาะสาํ หรับผูปวยท่มี ีอาการปวดประจําเดือน ประจําเดือนมาไมป กต3ิ หญา แหวหมผู ัดเหลา มีฤทธช์ิ วยใหเลอื ดลมเดินสะดวก เหมาะสาํ หรับผปู ว ยท่ีมีอาการปวดทอ ง เนื่องจากไสเ ลอื่ น3 หญาแหว หมถู าน รสขม ฝาด อุน โดยทวั่ ไปใชรักษาอาการประจําเดอื นมามากผดิ ปกต3ิ สรรพคณุ ตามตําราการแพทยแ ผนไทย: หญา แหว หมู มีกลนิ่ หอม รสเผด็ ปรา ขมเล็กนอ ย สรรพคุณเปน ยาบํารงุ หัวใจ ขบั เหงอื่ ขับระดู ขบั ปส สาวะ แกไ ข ขบั ลมในลําไส แกป วดทอ ง ทองอืด เปนยาบาํ รุงกําลงั บํารุงธาตุ บาํ รงุ ทารกในครรภ เปน ยาฝาดสมาน สงบประสาท เปน ยาอายวุ ฒั นะ5-7 ขนาดท่ใี ชและวธิ ใี ช: การแพทยแผนจนี ใช 6-9 กรัม ตมเอานํ้าดม่ื 1 การแพทยแ ผนไทย ใชครงั้ ละ 1 กาํ มือ (60-70 หัว หรือหนัก 15 กรัม) ทุบใหแ ตก ตมเอานํ้า ดืม่ หรือสด คร้ังละ 5 หัว 5,6 โขลกใหละเอยี ดผสมนํ้าผ้ึงรบั ประทาน ขอ มลู วชิ าการท่ีเกยี่ วของ: 1. การทดลองในสัตวทดลอง พบฤทธ์ิขับปส สาวะ ลดไข ลดความดันโลหิต และลดการอกั เสบ ซึง่ เกดิ จาก α-cyperone นอกจากนี้ยังพบฤทธ์ยิ ับยั้งการเจรญิ เตบิ โตของเช้อื มาลาเรยี ชนิดฟลซิพารมั ใน หลอดทดลองดว ย8 2. หัวแหว หมมู ีน้ํามันหอมระเหย และมรี ายงานวา มฤี ทธิค์ ลายอาการเกร็งตัวของกลา มเน้อื เรียบ ชวยขบั ปส สาวะ กรมวทิ ยาศาสตรก ารแพทยรายงานวาไมม ีพษิ เฉยี บพลัน5 3. จากการศกึ ษาพษิ เฉียบพลันในหนูถีบจักรของสารสกดั 50% แอลกอฮอลจากหัวแหว หมู พบวาคา LD50 มีคามากกวา 10 กรมั /กโิ ลกรัม เมือ่ ใหโ ดยการปอนหรอื ฉดี เขาใตผ วิ หนัง9 เอกสารอางองิ 1. The State Pharmacopoeia Commission of P.R. China. Pharmacopoeia of the People’s Republic of China. Vol.I. English Edition. Beijing: People’s Medical Publishing House, 2005. 2. ลนี า ผูพ ฒั นพงศ, กองกานดา ชยามฤต, ธีรวัฒน บุญทวคี ุณ (คณะบรรณาธกิ าร). ชอื่ พรรณไมแหง ประเทศไทย (เต็ม สมิตินนั ทน ฉบับแกไขเพม่ิ เติม พ.ศ. 2544). สาํ นักวิชาการปา ไม. กรมปา ไม. พิมพคร้งั ท่ี 2. กรงุ เทพมหานคร : บริษทั ประชาชน จาํ กัด, 2544. 3. Gong QF. Zhongyao Paozhi Xue. 2nd ed. Beijing: National Chinese Traditional Medicine Publishing House, 2003. 4. Liu TS, Pan QP, Zhou YS, Wu ZY. XiuZhen Zhongyaoyinpian Caise Tuben. 1st ed. Hunan: Hunan Science & Technology Publishing House, 2006.

Page 198 188 กรมพฒั นาการแพทยแผนไทยและการแพทยทางเลือก 5. กนั ทิมา สิทธิธัญกิจ, พรทพิ ย เตมิ วิเศษ (คณะบรรณาธิการ). คูมือประชาชนในการดูแลสุขภาพดวยการแพทยแ ผนไทย. พมิ พครงั้ ที่ 2 กรุงเทพมหานคร : สาํ นกั งานกจิ การโรงพิมพองคการทหารผา นศึกในพระบรมราชูปถัมภ, 2547. 6. กองวจิ ยั และพฒั นาสมุนไพร กรมวิทยาศาสตรก ารแพทย กระทรวงสาธารณสุข. สมุนไพรพ้ืนบานฉบับรวม. พิมพคร้ังที่ 1. กรุงเทพมหานคร : Text and Journal Corporation Co., Ltd., 2533. 7. ชยนั ต วเิ ชียรสนุ ทร, แมน มาส ชวลิต, วิเชียร จรี วงศ. คาํ อธิบายตําราพระโอสถพระนารายณ. พมิ พครั้งท่ี 2. กรุงเทพมหานคร : สาํ นกั พมิ พอมรินทร, 2548. 8. พรอมจติ ศรลมั ภ, วงศส ถติ ย ฉ่วั กลุ , สมภพ ประธานธรุ ารกั ษ (คณะบรรณาธิการ). สมนุ ไพรสวนสริ รี ุกขชาติ สารานกุ รมสมุนไพร เลม 1. พิมพครง้ั ท่ี 3. กรุงเทพมหานคร : บริษทั อมรินทรพร้ินต้งิ แอนดพบั ลิชช่ิง จํากดั (มหาชน), 2543. 9. มงคล โมกขะสมิต, กมล สวัสดีมงคล, ประยทุ ธ สาตราวาหะ. การศึกษาพษิ ของสมนุ ไพรไทย. ใน: ปราณี ชวลิตธาํ รง, ทรงพล ชวี ะพัฒน, เอมมนัส อตั ตวชิ ญ (คณะบรรณาธิการ). ประมวลผลงานวจิ ัยดา นพษิ วิทยาของสถาบันวจิ ัยสมนุ ไพร เลม 1. พิมพค รั้งที่ 1. กรมวทิ ยาศาสตรก ารแพทย กระทรวงสาธารณสุข. กรงุ เทพมหานคร : โรงพมิ พก ารศาสนา, 2546.

Page 199 คูมือการใชส มุนไพรไทย-จนี 189 หมาก: Binglang (槟榔) หมาก หรือ ปงหลาง คือ เมล็ดสุกท่ีทําใหแหงของพืชท่ีมีช่ือวิทยาศาสตรวา Areca catechu L. วงศ Palmae1 เมล็ดหมาก (Semen Arecae) 1 เซนติเมตร ช่ือไทย: หมาก, หมากเมีย (ท่ัวไป); หมากมู, แซ (แมฮองสอน); สีซะ (ภาคเหนือ); มะ (ตราด); เซียด (นครราชสีมา)2 ชื่อจีน: ปงหลาง (จีนกลาง), ปงนอ (จีนแตจ๋ิว)1 ช่ืออังกฤษ: Areca Seed1 ช่ือเครื่องยา: Semen Arecae1 การเก็บเก่ียวและการปฏบิ ัตหิ ลังการเกบ็ เกี่ยว: เกบ็ เกยี่ วผลสกุ ในปลายฤดใู บไมผ ลถิ งึ ตน ฤดใู บไมร วง ตมนาํ้ ใหเดือด ตากแดดใหแ หง กรีดแยก เปลือกออก เอาเมล็ดตากแดดใหแหง เก็บรกั ษาไวในท่มี ีอากาศเยน็ และแหง มกี ารระบายอากาศดี1,3 การเตรียมตัวยาพรอมใช: การเตรียมตัวยาพรอมใชมี 3 วธิ ี ดงั น้ี วธิ ที ี่ 1 เมลด็ หมาก เตรยี มโดยนําวตั ถดุ ิบสมุนไพรที่ปราศจากสิ่งปนปลอม มาแชนํา้ 3-5 วัน นําตวั ยาออกมาใสใ นภาชนะท่ีเหมาะสม ราดดวยนาํ้ สะอาด หมักไวจนกระทัง่ น้ําซึมเขาไปในเน้ือตัวยา ห่ัน เปนแวน บาง ๆ ตากใหแ หง ในทร่ี ม 1,4 วิธที ี่ 2 เมล็ดหมากผดั เตรยี มโดยนาํ ตัวยาท่ีไดจากวธิ ีท่ี 1 ใสกระทะ ผดั โดยใชไ ฟระดับปานกลาง


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook