Page 50 40 กรมพัฒนาการแพทยแผนไทยและการแพทยทางเลือก ผดั จนกระทงั่ ตัวยาแหง (ข) การผดั โดยใชร ําขาวสาลี หมายถงึ การนํารําขาวสาลใี สล งในภาชนะท่เี หมาะสม แลวให ความรอนจนกระทัง่ มคี วันออกมา เติมวตั ถุดิบสมุนไพรทส่ี ะอาดลงไป คนอยางรวดเรว็ จนกระท่งั ผวิ ของ ตวั ยาเปนสเี หลืองเขม นําออกจากเตา แลวรอนเอารําขาวสาลอี อก โดยทวั่ ไปใชร ําขา วสาลี 10 กโิ ลกรัม ตอ สมุนไพร 100 กโิ ลกรมั 4.2 การคัว่ (scalding) หมายถงึ การนาํ ทรายท่ีสะอาดหรือเปลือกหอยท่ีบดเปนผงใสในภาชนะที่ เหมาะสม แลว ใหความรอ นท่อี ณุ หภมู ิสงู เติมวตั ถุดบิ สมนุ ไพรท่สี ะอาดลงไป คนอยางสม่ําเสมอ จนกระท่งั ตัวยากรอบ เอาออกจากเตา รอนเอาทรายออก ตัง้ ทิง้ ไวใหเ ยน็ 4.3 การสะตุ (calcining) แบง เปน 2 ประเภท คอื การสะตแุ บบเปด และการสะตแุ ลว จุม ใน ของเหลวทก่ี าํ หนด (ก) การสะตุแบบเปด หมายถงึ การนําวัตถดุ ิบสมนุ ไพรทสี่ ะอาดมาทบุ ใหแ ตกเปนช้นิ เลก็ ๆ แลว นําไปวางบนเปลวไฟทไี่ มมคี วนั หรอื ใสใ นภาชนะทเ่ี หมาะสม สะตุจนกระทงั่ ตัวยากรอบ เปราะ หรือ รอนแดง จากนนั้ นําออกจากเตา ต้งั ทงิ้ ไวใ หเย็น แลว บดเปน ผงละเอยี ด สาํ หรบั ตวั ยาประเภทเกลอื อนินทรีย ท่มี ีนาํ้ ผลกึ ไมจ ําเปน ตอ งสะตุจนรอนแดง แตใหน าํ้ ผลกึ ระเหยออกอยางสมบูรณ (ข) การสะตุแลวจุมในของเหลวทก่ี าํ หนด หมายถงึ การนําวัตถดุ บิ สมุนไพรท่สี ะอาดมาสะตุ จนกระท่ังตัวยารอนแดง แลวนาํ ไปจุมลงไปในของเหลวที่กําหนดเพื่อลดอุณหภูมิจนกระทั่งตัวยากรอบ เปราะ (ทาํ ซา้ํ ถา จําเปน ) นาํ ตวั ยาไปทาํ ใหแหง บดเปนผงละเอียด 4.4 การเผาใหเ ปนถาน (carbonizing) หมายถึงการเผาสมุนไพร (ระวงั อยาใหเ ปนขี้เถา) โดย รักษาคณุ ภาพของตวั ยาไว หากเปนการเผาโดยวิธผี ดั ใหใสวัตถดุ ิบสมนุ ไพรท่สี ะอาดลงในภาชนะทีร่ อ น แลวผัดโดยใชระดับไฟแรง จนกระทงั่ ผวิ นอกของตวั ยามสี เี ขม และเน้ือในเปลยี่ นเปน สเี หลอื งเขม พรมน้ํา เล็กนอย เอาออกจากเตา แลวนาํ ไปตากแหง หากเปน การเผาโดยวิธีสะตุ ใหใ สว ัตถดุ ิบสมนุ ไพรท่สี ะอาด ลงในภาชนะสาํ หรบั สะตุท่ีมฝี าปด มดิ ชิด อบตัวยาใหทว่ั ตัง้ ทง้ิ ไวใ หเย็น แลว เอาตวั ยาออกมาใช 4.5 การน่งึ (steaming) หมายถึงการนําวัตถดุ บิ สมุนไพรท่ีสะอาดมาคลกุ เคลา กับสารปรุงแตง ทเ่ี ปนของเหลวใหเขากัน นาํ ไปใสในภาชนะนึ่งท่ีมีฝาปดมิดชิด น่ึงจนกระท่ังสารปรุงแตงท่ีเปนของเหลว แทรกซมึ เขาในเนือ้ ตวั ยา แลวนาํ ไปตากแหง 4.6 การตม (boiling) หมายถึงการนําวตั ถุดบิ สมุนไพรทส่ี ะอาดมาตม กับนํ้าหรอื สารปรุงแตง ท่ีเปน ของเหลว จนกระทงั่ น้าํ หรือสารปรุงแตง แทรกซมึ เขาเนอ้ื ในตัวยา แลวนําไปตากแหง
Page 51 คมู อื การใชส มนุ ไพรไทย-จนี 41 4.7 การตุน (stewing) หมายถึงการนําวัตถดุ บิ สมนุ ไพรที่สะอาดมาตุนกับสารปรงุ แตง ท่เี ปน ของเหลวในภาชนะตุนทม่ี ีฝาปดมิดชดิ ตุนจนกระท่งั สารปรงุ แตงซมึ เขาไปในตัวยาอยา งทว่ั ถงึ นําออกมา ทาํ ใหแ หง 4.8 การลวกดว ยนาํ้ เดือด (blanching in boiling water) หมายถึงการนําวตั ถดุ ิบสมุนไพรท่ี สะอาดใสล งในนาํ้ เดือด คนสักครแู ลว นาํ สมนุ ไพรออกจากนา้ํ (สําหรบั สมุนไพรบางชนิดเปลือกเมลด็ ช้ันนอก มีลักษณะยนและแหง จะตองใสน้าํ เดือดคนจนกระทั่งเปลือกเมล็ดพองตัวและมีผิวเรียบสามารถแยก ออกมาได) จากนน้ั นาํ ไปแชใ นนา้ํ เย็นเพอ่ื ลอกเอาเปลอื กเมล็ดชนั้ นอกออก แลวนําไปตากแดด 4.9 การแปรรูปโดยใชเ หลา (processing with wine) หมายถึงกระบวนการแปรรปู โดยใชเหลา เปน สารปรุงแตง (ปกตจิ ะใชเ หลา เหลือง) ไดแ ก การผดั การตนุ การนงึ่ ฯลฯ 4.10 การแปรรปู โดยใชน า้ํ สม (processing with vinegar) หมายถงึ กระบวนการแปรรูปโดย ใชน ํ้าสมเปน สารปรุงแตง (ปกตนิ ํา้ สม ทใี่ ชม กั ทํามาจากการหมกั กล่ันขา ว หรอื ขา วสาลี หรอื ขา วเกาเหลยี ง หรอื หัวเหลา) ไดแก การผดั การตม การนง่ึ ฯลฯ 4.11 การแปรรปู โดยใชนาํ้ เกลอื (processing with salt-water) หมายถงึ กระบวนการแปรรูป โดยใชนํ้าเกลือเปน สารปรงุ แตง ไดแก การผดั การน่งึ ฯลฯ 4.12 การผดั ดวยนาํ้ ขิง (stir-baking with ginger juice) หมายถงึ การผดั วตั ถดุ ิบสมุนไพรท่ี สะอาดโดยใชน าํ้ ขงิ เปนสารปรุงแตง ซง่ึ อาจใชน าํ้ คน้ั ขิงสด หรอื นํ้าตมจากขงิ แหง (ใชข งิ แหง บดแลวตม นํ้า 2 ครัง้ รวมน้าํ ตม จะไดนา้ํ ขิง) เตรียมโดยเติมน้ําขิงลงบนวตั ถดุ บิ สมุนไพรท่สี ะอาด คลุกเคลาใหเขา กนั นําไปผดั ในภาชนะทเ่ี หมาะสมดวยไฟออน ๆ จนกระท่ังนํา้ ขิงซมึ เขาเน้อื ในตัวยา นาํ ออกมาตากแหง ปกติ ใชข งิ สด 10 กิโลกรมั หรือ ขิงแหง 3 กโิ ลกรมั ตอ สมนุ ไพร 100 กิโลกรัม 4.13 การผดั ดว ยนา้ํ ผ้ึง (stir-baking with honey) หมายถึงการผดั วตั ถดุ ิบสมนุ ไพรท่ีสะอาด โดยใชน้าํ ผงึ้ เปนสารปรุงแตง เตรยี มโดยนํานาํ้ ผงึ้ บรสิ ุทธ์ิมาเจอื จางดว ยน้าํ ตม ในปรมิ าณท่เี หมาะสม ใส วตั ถุดิบสมุนไพรทสี่ ะอาด แลวคลุกเคลา ใหเขากัน หมกั ไวสกั ครเู พอ่ื ใหน ํา้ ผึ้งซมึ เขา ไปในตัวยา จากนนั้ นําไปผดั ในภาชนะทเ่ี หมาะสมโดยใชไ ฟออน ๆ ผัดจนกระท่ังมสี เี หลืองเขมและไมเหนยี วติดมือ นําออก จากเตา แลว ตง้ั ท้งิ ไวใหเย็น ปกตใิ ชนาํ้ ผ้ึงบรสิ ุทธิ์ 25 กิโลกรัม ตอ สมุนไพร 100 กโิ ลกรมั 4.14 การเตรยี มผงสีขาวเหมอื นนาํ้ คา งแข็ง (frost-like powder) หมายถงึ การขจดั น้ํามนั ออก จากสมนุ ไพรโดยการบดวตั ถุดบิ สมนุ ไพรทสี่ ะอาดจนมลี กั ษณะเหมอื นแปงเปย ก แลว ใหความรอ นโดยใชไฟ ออ น ๆ จากนนั้ บบี นา้ํ มันในสมุนไพรออกสว นหนึง่ จนกระทั่งไดต วั ยาทมี่ ีลักษณะเปนผงสีขาวละเอียด
Page 52 42 กรมพัฒนาการแพทยแ ผนไทยและการแพทยทางเลือก 4.15 การบดดว ยนา้ํ ใหล ะเอียด (levigating) หมายถึงการบดสมนุ ไพรใหเ ปนผงละเอยี ดโดย การเตมิ นา้ํ ลงในวตั ถุดิบสมนุ ไพรท่ีสะอาด ดําเนนิ การบดใหเปนผงละเอียด แลว เติมนํา้ เพ่ิมอีก คนใหท ่วั จากนัน้ ตักเอาเฉพาะตะกอนที่แขวนลอยอยูในนา้ํ ออกมาเก็บไว ใหทาํ ซา้ํ หลาย ๆ คร้ังจนกระทั่งสามารถ แยกสง่ิ แปลกปลอมออก นาํ ตะกอนแขวนลอยทเี่ กบ็ ไวมารวมกนั ตั้งท้ิงไวใ หน อนกน แยกเอาเฉพาะตะกอน นาํ ไปตากแหง บดเปนผงละเอียดมาก 5. 5-9 สารปรงุ แตง ทีใ่ ชบอ ยในกระบวนการแปรรปู เฉพาะของสมนุ ไพร สารปรุงแตง มี 2 ประเภท คือ สารปรงุ แตงทใ่ี ชใ นการผลิตยารปู แบบตา ง ๆ ซึ่งสารปรุงแตง ประเภทนีค้ อ นขา งเสถยี รหรอื มีความคงตวั และไมม ีผลตอตวั ยาหลกั ในการแตกตวั การดูดซมึ หรือปริมาณ สารสําคัญ สว นสารปรุงแตง อีกประเภทหนงึ่ จะมีผลตอตวั ยา เชน เสรมิ ฤทธ์ิหรอื ลดพิษของตวั ยา ลดอาการ ขางเคียงของตัวยา และมีผลตอ การเปลี่ยนแปลงทง้ั ทางกายภาพและทางเคมีของตัวยาได สารปรุงแตงมี ทง้ั รปู แบบที่เปน ของเหลวและเปนของแขง็ โดยท่ัวไปสารปรงุ แตง ท่ีใชบอ ยมดี งั นี้ 5.1 เหลา ในยุคโบราณใชเ หลาเหลอื ง ปจ จุบนั ใชเหลา เหลอื งและเหลา ขาว เหลามีคุณสมบัติ รอ นแรง รสหวานเผด็ มสี รรพคณุ เพมิ่ การไหลเวียนของเลือด ขับความเย็นสลายลม ดับกลนิ่ และรสของ สารตา ง ๆ และยงั ชว ยใหสารอนนิ ทรียบางอยา งแตกตัวและละลายนา้ํ ไดด ีขึ้น 5.2 นาํ้ สม มคี ุณสมบัติอนุ รสเปร้ียวขม เปน ตวั นําพาใหต ัวยา (กระสายยา) เขา ตบั ไดด ี มี สรรพคุณชว ยใหช ไ่ี หลเวยี น หา มเลอื ด ลดบวม แกป วด ชว ยปรับกลิ่นและรสใหด ีขนึ้ กรดน้ําสม จะจับ ตัวกับแอลคาลอยดไดสารประเภทเกลอื ทาํ ใหล ะลายน้าํ ไดด ี เม่ือตมจะทําใหตวั ยาละลายออกมาเรว็ 5.3 นาํ้ ผง้ึ มคี ุณสมบัติเยน็ รสหวาน สรรพคุณขบั พิษรอ น ลดไข หากนํามาตมใหสกุ มี คุณสมบตั ิอนุ รสหวานกลมกลอ ม สรรพคุณบํารุงจงเจยี ว (หมายถึงสว นกลางของรา งกาย ตงั้ แตส ะดือ ขึน้ ไปจนถึงล้นิ ป ไดแก กระเพาะอาหาร ตับ ถงุ น้ําดี และมา ม) สามารถขจดั พิษและใหค วามชุมช้นื แก ปวด ชว ยปรบั กลิน่ และรส เหมาะในการรกั ษาอวยั วะทง้ั หลาย นํา้ ผ้ึงจึงมคี ุณสมบตั ิชวยปรบั ประสานตัว ยาในตํารบั ใหเขากนั 5.4 เกลอื มีคณุ สมบัติเย็น รสเค็ม สรรพคณุ เสริมเอ็นกระดกู ใหแ ขง็ แรง ชว ยสลายตมุ กอ น ใหออนลง ขจดั รอนทาํ ใหโลหติ เย็น แกพ ษิ ปอ งกนั การเนา ตวั ยาท่ีแปรรปู โดยใชเกลือจะทาํ ใหค ณุ สมบตั ิ ของตวั ยาเปลีย่ นไปและเพ่มิ ฤทธ์ิของยาใหด ขี ้ึน 5.5 ขิง (น้ําขิงสด) สว นมากจะใชนํา้ คน้ั ขงิ สด มคี ุณสมบัติอนุ รสเผ็ด สรรพคุณกระจาย ลมตามผิวหนัง ดังน้นั จึงใชร กั ษาระยะแรกของโรคท่ีเกดิ จากปจจยั ภายนอก สลายความเย็น อุนจงเจยี ว
Page 53 คูม อื การใชสมนุ ไพรไทย-จนี 43 แกอาเจยี น ขบั เสมหะ ตวั ยาท่แี ปรรูปโดยใชน้าํ ขิงสามารถยบั ยงั้ คุณสมบัติเย็นและลดพษิ ของตวั ยาได 5.6 นา้ํ ชะเอมเทศ มีคุณสมบัตเิ ปนกลาง รสหวาน มีสรรพคุณบํารงุ มา ม บํารงุ ชี่ แกพ ิษไข แกไ อขบั เสมหะ บรรเทาอาการปวดเฉียบพลัน ตัวยาทแี่ ปรรูปโดยใชนํ้าชะเอมเทศจะชว ยปรับคณุ สมบตั ิ ของตวั ยาใหส ขุ มุ และลดพิษของตัวยาได 5.7 นา้ํ ถวั่ ดํา มีคณุ สมบตั ิเปนกลาง รสหวาน สรรพคุณชว ยใหเลอื ดไหลเวียน ขับนาํ้ แกพษิ บาํ รุงตับและไต ตัวยาทแ่ี ปรรูปโดยใชน า้ํ ถว่ั ดําจะชว ยใหส รรพคณุ ของตวั ยาดีข้นึ และลดพิษหรอื ผลขางเคียง ของตัวยาได 5.8 นํ้าซาวขาว มคี ุณสมบัตเิ ยน็ รสหวาน สรรพคุณบํารุงช่ี ลดอาการกระวนกระวาย แก กระหายนาํ้ ขจดั พิษ นาํ้ ซาวขา วยังสามารถดูดซับไขมนั ไดดี จงึ มักใชก ับตวั ยาท่มี ีไขมันมากและตวั ยาที่มี รสเผด็ จะชวยบาํ รงุ มา ม ปรับธาตุไดด ี 5.9 น้ํามนั งา มคี ณุ สมบัติเยน็ เลก็ นอ ย รสหวาน สรรพคุณขจัดความรอ น ทาํ ใหชุมชน้ื ชว ย สรางเน้อื เยื่อ เนือ่ งจากนํา้ มันงามจี ุดเดอื ดสงู จึงมักนํามาแปรรปู ตวั ยาทมี่ เี ปลือกแขง็ มากหรือมีพษิ เพ่ือ ทาํ ใหต วั ยากรอบและลดพิษของตวั ยา เอกสารอางอิง 1. วชิ ัย โชคววิ ฒั น, ชวลิต สนั ติกิจรุง เรอื ง, เยน็ จิตร เตชะดํารงสิน (คณะบรรณาธิการ). ตาํ รับยาจีนท่ใี ชบอยในประเทศไทย เลม 1. พิมพคร้ังท่ี 1. กรุงเทพมหานคร : สาํ นกั งานกิจการโรงพิมพองคการทหารผานศึกในพระบรมราชูปถัมภ, 2549. 2. สถาบันการแพทยแผนไทย กรมพัฒนาการแพทยแผนไทยและการแพทยทางเลือก. หลักเกณฑขององคการอนามัยโลกเก่ียวกบั เกษตร และการเกบ็ เก่ยี วท่ีดเี หมาะสมสําหรบั พืชสมุนไพร. กรุงเทพมหานคร : โรงพมิ พองคการรับสง สินคาและพัสดุภัณฑ (ร.ส.พ.), 2548. 3. กันทิมา สิทธธิ ัญกจิ , พรทพิ ย เติมวเิ ศษ (คณะบรรณาธิการ). คมู ือประชาชนในการดแู ลสุขภาพดว ยการแพทยแผนไทย. พิมพค รงั้ ท่ี 2. กรงุ เทพมหานคร : สาํ นักงานกจิ การโรงพิมพองคการทหารผานศกึ ในพระบรมราชูปถมั ภ, 2547. 4. วฒุ ิ วุฒธิ รรมเวช. คัมภีรเภสัชรัตนโกสนิ ทร. พิมพครงั้ ท่ี 2. กรุงเทพมหานคร : บรษิ ทั ศิลปส ยามบรรจภุ ัณฑแ ละการพมิ พ จํากัด, 2547. 5. The State Pharmacopoeia Commission of P.R. China. Pharmacopoeia of the People’s Republic of China. Vol.I. English Edition. Beijing: People’s Medical Publishing House, 2005. 6. Xu CJ, Ye DJ. Zhongyao Paozhi Xue. 18th ed. Shanghai: Publishing House of Shanghai College of Traditional Chinese Medicine, 2003. 7. Ye DJ, Zhang SC, Huang WL, Pan SH, Gong QF, Chen Q. Zhongyao Paozhi Xue. 7th ed. Shanghai: Publishing House of Shanghai College of Traditional Chinese Medicine, 2001. 8. Gong QF. Zhongyao Paozhi Xue. 2nd ed. Beijing: National Chinese Traditional Medicine Publishing House, 2003. 9. Mei XH. Shiyong Zhongyao Paozhi Zhinan. 1st ed. Hubei: Hubei Science & Technology Publishing House, 2005.
Page 54 44 กรมพัฒนาการแพทยแ ผนไทยและการแพทยทางเลือก การใชส มนุ ไพรรายชนดิ
Page 55 คูมือการใชสมุนไพรไทย-จนี 45 กระวาน : Doukou (豆蔻) กระวาน หรือ โตวโคว คือ ผลสุกของพืชท่ีมีช่ือวิทยาศาสตรวา Amomum kravanh Pierre ex Gagnep. หรือ A. compactum Soland ex Maton วงศ Zingiberaceae1 1 เซนติเมตร ลูกกระวาน (Fructus Amomi Rotundus) ชือ่ ไทย: กระวาน (จนั ทบรุ ี, ปต ตาน)ี ; ปลากอ (ปต ตาน)ี ; กระวานขาว, กระวานโพธิสตั ว (ภาคกลาง)2 ชื่อจีน: โตวโคว (จีนกลาง), เตาโขว (จีนแตจิ๋ว)1 ช่ืออังกฤษ: Round Cardamon Fruit1 ช่ือเครื่องยา: Fructus Amomi Rotundus1 การเกบ็ เก่ยี วและการปฏบิ ัตหิ ลังการเกบ็ เก่ียว: เก็บเกีย่ วผลสกุ ระหวางฤดรู อ นกบั ฤดใู บไมร ว ง แยกสง่ิ ทีป่ ะปนมาออก ตากแดดหรอื ทาํ ใหแ หงท่ี อณุ หภูมติ ่ํา เกบ็ รักษาผลแหง ในกระสอบปา นหรอื ถุงพลาสติก เกบ็ ไวใ นท่มี ีอากาศเย็นและแหง มีการ ระบายอากาศดี1 การเตรียมตัวยาพรอมใช: การเตรยี มตัวยาพรอ มใชมี 3 วธิ ี ดังน้ี วธิ ที ่ี 1 ผลกระวาน เตรียมโดยนําวัตถุดิบสมนุ ไพรมาคดั เอาสง่ิ ปนปลอมและกา นผลทง้ิ รอนเอา เศษเลก็ ๆ ออก ทุบใหแตกกอ นใช3 ,4
Page 56 46 กรมพฒั นาการแพทยแ ผนไทยและการแพทยทางเลอื ก วิธที ่ี 2 เนื้อผลกระวาน เตรียมโดยนาํ ตวั ยาท่ไี ดจากวิธที ่ี 1 มากะเทาะเอาเปลือกผลออก ใช 3,4 เฉพาะสวนเน้ือผล ทุบใหแตกกอนใช วิธที ่ี 3 เปลอื กผลกระวาน เตรยี มโดยนําเปลอื กผลท่ไี ดจากวิธที ่ี 2 มาใช 3,4 โดยทบุ ใหแตกกอนใช คุณภาพของตัวยาจากลักษณะภายนอก: ตัวยาท่ีมีคุณภาพดี ผลตองมีขนาดใหญ มีเน้ือมาก เปลือกผลบางและไมแตก สีขาวสะอาด กล่ินหอมฉุน3-5 สรรพคุณตามตาํ ราการแพทยแผนจีน: ผลกระวาน รสเผ็ด อุน มีฤทธิ์สลายความชื้น ทาํ ใหชีห่ มุนเวียน แกอาการจุกเสียด แนน ล้ินป เบือ่ อาหาร และมีฤทธิ์ใหความอบอุนแกก ระเพาะอาหารและลําไส แกอ าเจยี น1 เน้ือผลกระวาน รสเผด็ เยน็ มีกลิ่นหอม มสี รรพคณุ เหมอื นผลกระวาน3,4 เปลอื กผลกระวาน รสเผด็ มีกลน่ิ หอมออน ๆ มสี รรพคณุ เหมอื นผลกระวาน แตค ณุ สมบตั อิ ุน นอยมาก และฤทธิข์ องยาออนมากเชน กนั 3,4 สรรพคุณตามตาํ ราการแพทยแผนไทย: ผลกระวาน รสเผ็ดรอนหอม ใชแกอาการทองอืด ทองเฟอ และแนนจุกเสียด เปนยาขับ เสมหะ บาํ รุงธาตุ กระจายเลือดและลมใหซาน ผสมยาถายอื่น ๆ ปองกันไมใหจุกเสียดและไซทอง6,7 ขนาดที่ใชและวิธีใช: การแพทยแ ผนจนี ใช 3-6 กรัม ตมเอานาํ้ ดื่ม (ถาตมกับยาอ่ืนควรใสทีหลัง)1 การแพทยแผนไทย ใชผลแกจัดบดเปนผงรับประทานคร้ังละ 1.5-3 ชอนชา (1-2 กรัม) ชง กับน้ําอุน หรอื นาํ มาแชในแอลกอฮอลไ ดน าํ้ ยาสแี ดง รบั ประทานบาํ รงุ ธาตุ แกธาตพุ กิ าร อาหารไมย อ ย ทองอืดทองเฟอ8-10 ขอมูลวิชาการท่ีเก่ียวของ: 1. ผลแกข องกระวานประกอบดว ยนา้ํ มนั หอมระเหย 5-9% ซึง่ มีสารสาํ คญั คอื borneol, camphor, 1,8-cineole, linalool, pinene เปนตน มฤี ทธิ์ขับลม ลดการบีบตวั ของลาํ ไส จากการทดลอง พบวามคี วามปลอดภยั และไมมีฤทธกิ์ อกลายพนั ธุ9 2. สารสกดั เอทานอลและสารสกดั คลอโรฟอรม มีฤทธ์ิตา นเชือ้ รา Microsporum gypsicum, Trichophyton rubrum, Epiderphyton floccosum, Candida albicans และ Cryptococcus neoformans11
Page 57 คมู อื การใชสมนุ ไพรไทย-จนี 47 3. การทดสอบพิษเฉยี บพลนั ของสารสกัดดวย 40% เอทานอล น้าํ เหลาจากเมล็ดกระวานใน หนูถีบจกั ร โดยปอ นสารสกัดเขม ขน เทยี บเทา 0.5 กรมั ผงกระวาน/มลิ ลลิ ติ ร ในขนาด 1, 2 และ 10 มิลลิลติ ร/นํ้าหนกั ตวั แกหนูถบี จักรไมพบอาการพษิ และทดสอบพิษกง่ึ เฉยี บพลันโดยใหในขนาด 2 มิลลิกรัม/กโิ ลกรมั แกห นขู าวเพศผู เปนเวลา 14 วัน พบวา ไมทาํ ใหสตั วท ดลองตาย สว นพษิ เฉียบพลัน ของนา้ํ มนั หอมระเหยเมื่อใหทางปากแกห นูถบี จักร มีคา LD50 เทา กบั 2.52 และ 2.65 กรมั /กิโลกรมั ใน เพศผูและเพศเมียตามลาํ ดบั อาการพษิ ท่ีพบเมือ่ ใหในขนาดสงู คือ นํา้ ลายฟูมปาก ชักเกรง็ หายใจ กระตกุ หยุดหายใจและตายในท่ีสดุ 10 และยงั พบวา เม่ือใหส ารสกดั ผลแหงดวยแอลกอฮอลในขนาด 2 มลิ ลิลติ ร/กิโลกรัม เปนเวลา 2 สปั ดาห 12 ไมพ บพษิ เอกสารอางองิ 1. The State Pharmacopoeia Commission of P.R. China. Pharmacopoeia of the People’s Republic of China. Vol.1. English Edition. Beijing: Chemical Industry Press, 2000. 2. ลีนา ผพู ฒั นพงศ, กองกานดา ชยามฤต, ธรี วัฒน บุญทวคี ณุ (คณะบรรณาธกิ าร). ชือ่ พรรณไมแ หง ประเทศไทย (เตม็ สมติ ินันทน ฉบบั แกไ ขเพ่มิ เติม พ.ศ. 2544). สํานกั วชิ าการปา ไม. กรมปา ไม. พิมพครั้งท่ี 2. กรุงเทพมหานคร : บรษิ ัท ประชาชน จาํ กดั , 2544. 3. Mei XH. Shiyong Zhongyao Paozhi Zhinan. 1st ed. Hubei: Hubei Science & Technology Publishing House, 2005. 4. Lei GL, Dun BS. Zhongyao Paozhi Jishu Zhinan. 1st ed. Xi-an: World Library Publishing House, 2002. 5. Liu TS, Pan QP, Zhou YS, Wu ZY. XiuZhen Zhongyaoyinpian Caise Tuben. 1st ed. Hunan: Hunan Science & Technology Publishing House, 2006. 6. ลดั ดาวลั ย บุญรัตนกรกจิ . สมนุ ไพรนา ใช เลม 1. กรงุ เทพมหานคร : โรงพิมพ แทนทองปรนิ้ ต้ิงเซอรวิส, 2535. 7. สํานักงานปลดั กระทรวง กระทรวงสาธารณสขุ . คูมือการใชส มุนไพร เลม 1. กรงุ เทพมหานคร : หจก. เอช-เอน การพิมพ, 2527. 8. วุฒิ วุฒธิ รรมเวช. คัมภีรเภสัชรตั นโกสินทร. พมิ พค ร้ังที่ 2. กรุงเทพมหานคร : บรษิ ัท ศิลปสยามบรรจภุ ัณฑแ ละการพิมพ จาํ กัด, 2547. 9. กนั ทิมา สทิ ธธิ ัญกิจ, พรทพิ ย เตมิ วิเศษ (คณะบรรณาธกิ าร). คูมอื ประชาชนในการดูแลสุขภาพดว ยการแพทยแ ผนไทย. พมิ พครัง้ ท่ี 2 กรงุ เทพมหานคร : สาํ นกั งานกิจการโรงพิมพองคการทหารผา นศึกในพระบรมราชูปถัมภ, 2547. 10. พรอ มจิต ศรลัมภ, วงศส ถติ ย ฉว่ั กุล, สมภพ ประธานธุรารกั ษ (คณะบรรณาธิการ). สมนุ ไพรสวนสิรีรุกขชาติ สารานกุ รมสมุนไพร เลม 1. พมิ พครง้ั ท่ี 3. กรงุ เทพมหานคร : บรษิ ัท อมรินทรพร้ินติ้งแอนดพับลิชชิง่ จาํ กัด (มหาชน), 2543. 11. กรมวทิ ยาศาสตรการแพทย กระทรวงสาธารณสขุ . เอกสารวิชาการสมนุ ไพร. นนทบรุ ี : สถาบันวิจยั สมุนไพร, 2543. 12. Kwanjaipanich S, Likitaporn T, Wongkrajang Y, Jaiarj P, Wacharakup O. Toxicity test of Amomum krervanh Pierre. Undergraduate Special Project Report, Fac Pharm, Mahidol Univ 1989.
Page 58 48 กรมพฒั นาการแพทยแ ผนไทยและการแพทยทางเลือก กะเมง็ : Hanliancao (旱莲草) กะเม็ง หรือ ฮ่ันเหลียนเฉา คือ สวนเหนือดินแหงของพืชท่ีมีชื่อวิทยาศาสตรวา Eclipta prostrate L. วงศ Compositae1 1 เซนติเมตร ตนกะเม็ง (Herba Ecliptae) ชื่อไทย: กะเม็ง, กะเม็งตัวเมีย, คัดเม็ง (ภาคกลาง); หญาสับ, ฮอมเก่ียว (ภาคเหนือ)2 ชื่อจีน: ฮั่นเหลียนเฉา (จีนกลาง), อั่วโหนยเชา (จีนแตจ๋ิว)1 ชื่ออังกฤษ: Yerbadetajo Herb1 ช่ือเครื่องยา: Herba Ecliptae1 การเกบ็ เกยี่ วและการปฏิบตั หิ ลังการเกบ็ เก่ียว: เก็บเกี่ยวสวนเหนือดินในระยะออกดอก ตากแดดหรือตากในที่รมใหแหง เก็บรักษาไวใ นที่มี อากาศเย็นและแหง มีการระบายอากาศดี1 การเตรียมตัวยาพรอมใช: หลงั เก็บเกยี่ วสมนุ ไพรแลว แยกสงิ่ อน่ื ท่ีปะปนออก ลางนาํ้ อยา งรวดเรว็ ใหส ะอาด ผ่ึงไวใ หแหง หมาด ๆ นํามาหนั่ เปนทอน ๆ ตากใหแหง1,3 คุณภาพของตัวยาจากลักษณะภายนอก: ตัวยาท่ีมีคุณภาพดี ตองมีลําตนกลมสีเขียวเขม มีลายเสนตามแนวยาว เมื่อนําลําตนและใบ มาแชน้ําจะมีสีเขียวผสมสีหมึก3
Page 59 คมู อื การใชสมนุ ไพรไทย-จีน 49 สรรพคุณตามตาํ ราการแพทยแผนจีน: กะเมง็ รสเปรยี้ วอมหวาน เย็น มีฤทธบ์ิ ํารุงตับและไต ใชแกอ าการมนึ ศรี ษะ ตาลาย ผมหงอก เร็ว ปวดเม่ือยบริเวณเอวและหัวเขา หูอ้ือ ฝนเปยกจากภาวะยินของตับและไตพรอง และมีฤทธิ์หาม เลือด ทาํ ใหเลือดเย็น ใชแกอาการเลือดออกเพราะภาวะยินพรอง ทําใหเลือดรอน เชน เลือดกําเดา ไหล ไอเปนเลือด ปสสาวะ ถายเปนเลือด ตกเลือดในสตรี1 สรรพคณุ ตามตําราการแพทยแ ผนไทย: ตน กะเม็ง รสขมเฝอ นเย็น สรรพคณุ แกล มใหกระจาย แกจกุ เสียดแนน เฟอ หา มเลือด บํารุง เลอื ด แกโ รคโลหติ จาง แกไ อเปน เลอื ด อาเจียนเปนเลอื ด ปสสาวะเปนเลือด อุจจาระเปน เลอื ด แกไอ กรน แกรดิ สดี วงทวาร แกเ จบ็ ตา แกเ จบ็ คอ ใชทาพอก แกผ ืน่ คนั แกฝพุพอง รักษาแผลตกเลอื ด4 ขนาดท่ใี ชแ ละวธิ ใี ช: การแพทยแผนจีน ใช 6-12 กรัม ตมเอาน้ําด่ืม1 ขอหามใช ขอ ควรระวัง และอาการขา งเคยี ง: การแพทยแผนจนี หา มใชใ นผูปว ยทมี่ ามพรอง ไตยินพรอ ง และพวกปส สาวะบอย ๆ ไมห ยดุ หรือถา ยเปน นา้ํ มาก ๆ5 ขอ มลู วิชาการทเี่ ก่ียวขอ ง: 1. มีรายงานวาสารสกัดนํ้าและสารสกัดบิวทานอลมีฤทธ์ิตานเช้ือ Staphylococcus aureus และ Escherichia coli ในหลอดทดลอง และสารสกดั มฤี ทธ์ิปกปอ งตับจากสารพษิ carbontetrachloride 5,6 ในหนตู ะเภาเพศเมียไดผ ลดี ยาตมจากตนกะเมง็ มสี รรพคณุ แกโรคบดิ โดยทัว่ ไปรบั ประทานคร้งั เดียว ก็เรมิ่ เห็นผล6 2. ตนกะเม็งผงมีฤทธห์ิ ามเลือดในสุนัขเม่ือใชภ ายนอกไดผ ลดี และยงั ชว ยใหก ารไหลเวียนของ เลือดไปเลี้ยงหวั ใจของหนตู ะเภาดีขึ้น เมอื่ ใหห นูขาวทไ่ี ดรับสาร cyclandelate ขนาด 100 มลิ ลกิ รมั / กโิ ลกรัม รบั ประทานสารสกัดแอลกอฮอลใ นขนาด 0.4 มิลลลิ ติ ร เทยี บเทา กับผงสมนุ ไพร 60 กรัม/ กิโลกรมั ทุกวนั ตดิ ตอ กนั 4 วัน พบวา จํานวนเซลลเ มด็ เลอื ดขาวเพม่ิ ขนึ้ 483 เซลล/ตารางมิลลเิ มตร แสดงวาสารสกดั แอลกอฮอลสามารถลดฤทธิ์ของ cyclandelate ตอ การลดจาํ นวนเซลลเมด็ เลือดขาวได6 3. การศึกษาพษิ เฉยี บพลนั โดยใหผงยาทางปากหนูถีบจักร พบวา คา LD50 มีคา เทากบั 163.4 กรัม/กโิ ลกรัม6
Page 60 50 กรมพฒั นาการแพทยแ ผนไทยและการแพทยทางเลือก 4. การทดลองทางคลนิ กิ พบวา เมอ่ื ใหผ ูปวยโรคหวั ใจรบั ประทานสารสกัดตนกะเมง็ ในขนาด 15 กรมั /คร้ัง (เทียบเทาผงยา 30 กรมั ) วันละ 2 คร้ัง ตดิ ตอกนั นาน 1 เดือน พบวา สารสกดั ดงั กลาว สามารถบรรเทาอาการวงิ เวียนศรี ษะ ปวดเคนอก ปวดหลงั หายใจขดั หรือแนนหนา อกไดผ ลดี นอกจากนี้ ตน กะเม็งมสี รรพคุณลดไขใ นเดก็ สามารถใชรบั ประทานหรือตมน้ําอาบก็ได6,7 เอกสารอางอิง 1. The State Pharmacopoeia Commission of P.R. China. Pharmacopoeia of the People’s Republic of China. Vol.1. English Edition. Beijing: Chemical Industry Press, 2000. 2. ลนี า ผูพัฒนพงศ, กองกานดา ชยามฤต, ธีรวัฒน บญุ ทวีคุณ (คณะบรรณาธิการ). ชอื่ พรรณไมแ หง ประเทศไทย (เตม็ สมติ ินันทน ฉบบั แกไขเพ่ิมเติม พ.ศ. 2544). สํานักวชิ าการปา ไม. กรมปา ไม. พิมพครั้งท่ี 2. กรงุ เทพมหานคร : บรษิ ัท ประชาชน จาํ กัด, 2544. 3. Mei XH. Shiyong Zhongyao Paozhi Zhinan. 1st ed. Hubei: Hubei Science & Technology Publishing House, 2005. 4. วุฒิ วฒุ ิธรรมเวช. คัมภีรเภสชั รัตนโกสินทร. กรุงเทพมหานคร : บริษัท ศลิ ปสยามบรรจภุ ัณฑแ ละการพิมพ จาํ กัด, 2547. 5. ชยั โย ชัยชาญทพิ ยทุ ธ, วชิรา แดนตะวัน, สนุ ทรี วิทยานารถไพศาล, สําลี ใจดี, วบิ ูลย โชคชยั วัฒนพร, นภาพร วิทิตภัทรภาคย, ขวญั จิต ภสู าระ. การใชส มุนไพร เลม 1: รายงานการรวบรวมขอ มลู เบือ้ งตน สาํ หรับงานวจิ ยั ของโครงการพฒั นาเทคนคิ การทาํ ยา สมนุ ไพร. กรุงเทพมหานคร : จุฬาลงกรณมหาวทิ ยาลยั , 2522. 6. Zhang Y, Lin ZB. Herba Ecliptae: mo han lian In: Wang BX, Ma JK, Zheng WL, Qu SY, Li R, Li YK (eds.). Modern study of pharmacology in traditional Chinese medicine. 2nd ed. Tianjin: Tianjin Science & Technology Press, 1999. 7. Institute of Medicinal Plant Development and Institute of Materia Medica, Chinese Academy of Medicinal Sciences. Chinese Materia Medica. Vol. IV. 2nd ed. Beijing: Renmin Weisheng Publishing House, 1988.
Page 61 คูมอื การใชส มนุ ไพรไทย-จนี 51 กานพลู: Dingxiang (丁香) กานพลู หรอื ติงเซียง คอื ดอกตูมแหงของพืชทีม่ ีช่ือวทิ ยาศาสตรวา Syzygium aromaticum (L.) Merr. et Perry. วงศ Myrtaceae1 2 เซนติเมตร กานพลู (Flos Caryophylli) ช่ือไทย: กานพลู (ภาคกลาง)2,3 ชื่อจีน: ติงเซียง (จีนกลาง), เต็งเฮีย (จีนแตจ๋ิว)1 ช่ืออังกฤษ: Clove1 ช่ือเครื่องยา: Flos Caryophylli1 การเก็บเกย่ี วและการปฏบิ ตั หิ ลงั การเกบ็ เก่ียว: เก็บเกี่ยวดอกตมู เม่ือกานดอกเร่ิมเปล่ียนจากสเี ขียวเปน สีแดงอฐิ ตากแดดใหแหง เก็บรกั ษาไว ในทีม่ ีอากาศเย็นและแหง มกี ารระบายอากาศดี1 การเตรียมตัวยาพรอมใช: นําวัตถุดิบสมุนไพรมาคัดแยกเอาสิง่ ปนปลอมออก รอ นเอาเศษเล็ก ๆ ออก ทบุ ใหแตกกอ นใช1 คุณภาพของตัวยาจากลักษณะภายนอก: ตวั ยาทม่ี คี ณุ ภาพดีตองเปนดอกขนาดใหญ แหงสนิท สแี ดงอมมวง มนี ้ํามันมากและมไิ ดส กดั เอานํ้ามันออก (กานพลทู ีผ่ า นการสกัดเอานํ้ามนั ออกแลว จะมีสรรพคุณทางยาตาํ่ ) กลิน่ ฉนุ รสเผ็ดจัด3-5
Page 62 52 กรมพฒั นาการแพทยแ ผนไทยและการแพทยทางเลอื ก สรรพคุณตามตาํ ราการแพทยแผนจีน: กานพลู รสเผด็ อนุ มฤี ทธ์ิใหค วามอบอุนแกกระเพาะอาหาร กระจายความเยน็ ระงบั ปวด สรรพคณุ แกอาเจียน แกส ะอกึ เน่อื งจากความเย็น แกปวดทองนอ ยเน่ืองจากระบบกระเพาะอาหารเย็น นอกจากนีย้ งั มฤี ทธ์ใิ หค วามอบอนุ แกระบบไต เสริมหยาง แกอ วยั วะเพศไมแขง็ ตัว มดลูกเยน็ เปน ตน1 สรรพคุณตามตาํ ราการแพทยแผนไทย: ดอกกานพลแู หง ทย่ี งั ไมไ ดสกัดเอานํ้ามนั ออก รสเผ็ดรอ น กลิ่นหอมจดั สรรพคณุ แกท องเสยี ขบั ลม แกท อ งอดื ทอ งเฟอ ใชด ับกลน่ิ ปาก นา้ํ มนั กานพลใู ชเ ปน ยาขบั ลม ยาฆา เชือ้ โรค ใสฟ น ฆา เชอื้ และเปน 6,7 ยาชาเฉพาะที่ ชว ยระงับอาการปวดฟน ใชแ กโ รคราํ มะนาด ใชระงับกลิน่ ปาก ขนาดที่ใชและวิธีใช: การแพทยแ ผนจนี ใชขนาด 1-3 กรมั ตม เอานาํ้ ดมื่ 1 การแพทยแผนไทย ใชดอกแหง 5-8 ดอก (0.12-0.16 กรัม) ตมเอาน้ําดม่ื หรอื บดเปน ผง ชง นา้ํ ดื่ม หรือเคี้ยวกานพลูแหง 1-2 ดอก หลงั อาหาร เพื่อชวยลดกล่นิ ปาก ชวยใหป ากสะอาด และชว ยลด อาการทอ งอดื จากอาหารไมย อ ย นอกจากนีด้ อกกานพลยู ังชว ยปอ งกันไมใ หเด็กออ นทอ งอืดทอ งเฟอได โดย ใชดอกแหง 1 ดอก แชไ วใ นกระตกิ นํ้ารอ นทีใ่ ชชงนมใหเด็กออน การใชน าํ้ มันกานพลูเปนยาแกป วดฟนทํา โดยใชสําลชี บุ นาํ้ มันกานพลูอุดตรงฟน ที่ปวด หรอื ใชดอกแหง ตําพอแหลก ผสมเหลา ขาวเล็กนอย ใชส ําลี ชุบอุดรูฟน 4,6,8,9 ขอหามใช ขอควรระวัง และอาการขางเคียง: หา มใชใ นผูเปน ไข อาเจียน รอ นใน และหา มใชก านพลูรว มกับวา นนางคาํ เน่ืองจากกานพลจู ะถกู ขม ดวยวา นนางคํา (การแพทยแ ผนจีน)1,9 ขอมูลวิชาการที่เกี่ยวของ: 1. นํ้ามนั หอมระเหยซึง่ สกัดจากดอกกานพลูดว ยการกล่นั มีฤทธต์ิ านเช้ือแบคทเี รียได 25 ชนดิ (ประกอบดวยแบคทีเรียแกรมลบ 9 ชนดิ และแกรมบวก 16 ชนิด ซงึ่ เปน แบคทีเรยี ท่ีกอ ใหเ กิดโรคใน สัตว พชื และแบคทีเรียท่ีทําใหอาหารเนา เสยี ) โดยความกวางของโซนท่ยี บั ยงั้ การเจริญของเชอื้ อยูใ นชว ง 7-28 มิลลเิ มตร10 2. สารสกัดเมทานอลจากดอกตูมของกานพลูมีฤทธิ์ตานเชื้อจุลินทรียตอ oral pathogen ท่ี ทําใหเ กิดฟน ผุและโรคเหงือกและฟนได 2 ชนดิ คือ Prevotella intermedia และ Porphyromonas gingivalis โดยมีคา MIC เทากบั 156 และ 625 ไมโครกรมั /มิลลลิ ิตร ตามลําดับ แตสารสกดั ดังกลาว
Page 63 คมู อื การใชสมนุ ไพรไทย-จีน 53 ไมมีฤทธิต์ อแบคทเี รยี ทท่ี ําใหฟ นผุอกี 2 ชนิดคือ Streptococcus mutans และ Actinomyces viscosus (MIC > 2.5 มิลลกิ รมั /มิลลลิ ติ ร)10 3. สาร eugeniin ทไ่ี ดจากสารสกัดกานพลมู ีฤทธ์ิในการตานเชือ้ ไวรสั ชนดิ wild herpes virus type 1 โดยมคี า EC50 เทากบั 5 ไมโครกรมั /มิลลิลติ ร และสามารถตา นเชือ้ ไวรัสชนิด acyclovir- phosphonoacetic acid-resistant herpes virus type 1, thymidine kinase-deficient herpes virus type 1 และ wild herpes virus type 2 ไดดว ย10 4. สารสกัดเมทานอลจากดอกกานพลูมีฤทธ์ยิ บั ยงั้ IL-8 ไดม ากกวา 50% ซึ่ง IL-8 เปน neutrophil chemoattractant และเกี่ยวขอ งกบั กระบวนการอกั เสบได ดังนนั้ สารสกัดกานพลนู จี้ งึ อาจมี ฤทธต์ิ า นการอกั เสบ แตอยา งไรกต็ ามกระบวนการอกั เสบเปนกระบวนการทเ่ี กีย่ วของกบั สารหลายชนดิ ดว ยกนั ดงั นนั้ การยับย้งั สารเพียงชนิดใดชนดิ หน่งึ จงึ ยงั ไมส ามารถบงชถ้ี งึ ประสิทธภิ าพในการตา นการ อกั เสบได10 5. สาร eugenol บรสิ ุทธิ์ มคี า LD50 ในหนขู าว เทา กบั 1.93 กรัม/กโิ ลกรัม อาการพิษที่พบ ไดแก อมั พาตทข่ี าหลงั และกรามลาง เฉ่อื ยชา เคลือ่ นไหวชา หรอื เคลอ่ื นไหวไมไ ดเ ลย กลัน้ ปสสาวะไมไ ด มปี ส สาวะเปนเลอื ด และโคมา ซง่ึ จะมีอาการหายใจขัด และหัวใจวาย10 6. จากการศกึ ษาพิษเฉยี บพลันในหนถู ีบจักรของสารสกัด 50% แอลกอฮอลจ ากดอกกานพลู พบวา คา LD50 มคี า มากกวา 10 กรมั /กิโลกรัม เมือ่ ใหโดยการปอนหรือฉดี เขา ใตผวิ หนัง11 7. จากการศึกษาในหนขู าวพบวา สารสกัดนาํ้ จากดอกกานพลสู ามารถยบั ยั้งการเกิด systemic anaphylaxis โดยมีคา IC50 เทากบั 31.25 มิลลิกรัม/กโิ ลกรมั และสามารถยบั ย้ังการเกดิ local Ig E- mediated passive cutaneous anaphylaxis reaction ได โดยมคี า IC50 เทากับ 17.78 และ 19.81 มลิ ลิกรัม/กิโลกรมั เมือ่ ใหโ ดยฉีดเขา เสน เลือดดํา และใหทางปาก ตามลาํ ดับ และจากการศึกษาในหลอด ทดลอง สารสกดั นีย้ ังสามารถลดการหลงั่ ฮสี ตามนี จาก RMPC ไดอ กี ดว ย ดังนน้ั สารสกดั กานพลูน้มี ี ประสิทธิภาพในการลดการเกดิ ภูมิคุมกนั ไวเกนิ ไดจากการศึกษา model ดงั กลา ว10 เอกสารอางอิง 1. The State Pharmacopoeia Commission of P.R. China. Pharmacopoeia of the People’s Republic of China. Vol.I. English Edition. Beijing: People’s Medical Publishing House, 2005. 2. ลนี า ผพู ัฒนพงศ, กองกานดา ชยามฤต, ธีรวัฒน บญุ ทวคี ุณ (คณะบรรณาธิการ). ช่อื พรรณไมแหง ประเทศไทย (เต็ม สมติ ินนั ทน ฉบับแกไ ขเพ่ิมเตมิ พ.ศ. 2544). สาํ นักวิชาการปา ไม. กรมปา ไม. พมิ พค ร้งั ที่ 2. กรงุ เทพมหานคร : บรษิ ทั ประชาชน จาํ กัด, 2544. 3. ชยนั ต พเิ ชียรสนุ ทร, แมน มาส ชวลติ , วิเชียร จีรวงศ. คําอธิบายตาํ ราพระโอสถพระนารายณ. พมิ พค ร้ังที่ 2. กรุงเทพมหานคร : สํานกั พิมพอมรนิ ทร, 2548.
Page 64 54 กรมพัฒนาการแพทยแ ผนไทยและการแพทยทางเลอื ก 4. กองวจิ ัยและพัฒนาสมุนไพร กรมวิทยาศาสตรการแพทย กระทรวงสาธารณสขุ . สมุนไพรพนื้ บา นฉบับรวม. พิมพค รงั้ ที่ 1. กรุงเทพมหานคร : Text and Journal Corporation Co., Ltd., 2533. 5. Mei XH. Shiyong Zhongyao Paozhi Zhinan. 1st ed. Hubei: Hubei Science & Technology Publishing House, 2005. 6. กนั ทิมา สิทธิธัญกิจ, พรทิพย เติมวิเศษ (คณะบรรณาธกิ าร). คูมอื ประชาชนในการดแู ลสุขภาพดว ยการแพทยแผนไทย. พิมพครั้งท่ี 2. กรุงเทพมหานคร : สํานักงานกิจการโรงพิมพองคการทหารผานศึกในพระบรมราชูปถัมภ, 2547. 7. พเยาว เหมือนวงษญ าต.ิ สมนุ ไพรกาวใหม. พิมพค รง้ั ที่ 2. กรงุ เทพมหานคร : บรษิ ทั ท.ี พ.ี พร้ิน จํากดั , 2537. 8. วนั ดี กฤษณพันธ, เอมอร โสมนะพันธุ, เสาวณี สุริยาภณานนท. สมุนไพรในสวนครัว. กรงุ เทพมหานคร : สาํ นักพิมพเมดคิ ัล มเี ดยี , 2541. 9. บริษัท หลกั ทรัพยจัดการกองทนุ กสกิ รไทย จํากดั . มหัศจรรยสมนุ ไพรจนี . กรุงเทพมหานคร : บรษิ ทั ซีเอ็ดยเู คชั่น จํากัด มหาชน, 2550. 10. บพติ ร กลางกัลยา, นงลักษณ สขุ วาณิชยศ ลิ ป. รายงานผลการศึกษาโครงการการประเมนิ ประสิทธิภาพและความปลอดภัยของยา จากสมุนไพร. กรงุ เทพมหานคร : บริษัท เอส อาร พรนิ้ ติง้ แมสโปรดกั ส จํากัด, 2544. 11. มงคล โมกขะสมิต, กมล สวัสดีมงคล, ประยทุ ธ สาตราวาหะ. การศึกษาพษิ ของสมนุ ไพรไทย. ใน: ปราณี ชวลิตธํารง, ทรงพล ชีวะพัฒน, เอมมนัส อัตตวิชญ (คณะบรรณาธิการ). ประมวลผลงานวจิ ัยดา นพษิ วิทยาของสถาบันวจิ ัยสมุนไพร เลม 1. พิมพครั้งท่ี 1. กรมวิทยาศาสตรก ารแพทย กระทรวงสาธารณสขุ . กรงุ เทพมหานคร : โรงพมิ พก ารศาสนา, 2546.
Page 65 คูม ือการใชสมุนไพรไทย-จนี 55 ก่งิ หมอน : Sangzhi (桑枝) กิ่งหมอน หรือ ซังจือ คือ ก่ิงออนที่ทําใหแหงของพืชท่ีมีชื่อวิทยาศาสตรวา Morus alba L. วงศ Moraceae1 1 เซนติเมตร ก่ิงหมอน (Ramulus Mori) ช่ือไทย: กิ่งหมอน (ทั่วไป)2 ช่ือจีน: ซังจือ (จีนกลาง), ซึงกี (จีนแตจิ๋ว)1 ช่ืออังกฤษ: Mulberry Twig1 ช่ือเครื่องยา: Ramulus Mori1 การเก็บเกี่ยวและการปฏบิ ตั หิ ลงั การเก็บเก่ียว: เก็บเกี่ยวกิ่งออนไดตลอดป แตระยะที่เหมาะสมควรเก็บตอนตนฤดูรอน ริดใบออก ตาก แดดใหแหง เกบ็ รกั ษาไวในท่ีมีอากาศเย็นและแหง มีการระบายอากาศดี1,3 การเตรียมตัวยาพรอมใช: การเตรยี มตวั ยาพรอมใชม ี 3 วธิ ี ดังน้ี วิธที ี่ 1 กิง่ หมอน เตรยี มโดยนําวัตถุดิบสมุนไพรทีป่ ราศจากส่ิงปนปลอมมาลางนํ้าใหส ะอาด ใส ภาชนะหมักไวสกั ครเู พอ่ื ใหอ อ นนุม หั่นเปนแวนหนา ๆ นําไปตากแดดใหแหง1,4 วิธีท่ี 2 ก่ิงหมอนผัด เตรียมโดยนาํ ตัวยาที่ไดจากวิธีท่ี 1 ใสกระทะ นาํ ไปผัดโดยใชไฟระดับ ปานกลาง ผดั จนกระทัง่ ตวั ยามสี ีเหลือง นําออกจากเตา ตากใหแ หง ในทรี่ ม1,4 วิธีท่ี 3 ก่ิงหมอนผัดเหลา เตรียมโดยนาํ ตัวยาที่ไดจากวิธีที่ 1 ใสในภาชนะที่เหมาะสม เติม
Page 66 56 กรมพฒั นาการแพทยแผนไทยและการแพทยทางเลอื ก เหลา เหลืองปริมาณพอเหมาะ แลว คลกุ เคลาใหเ ขา กนั จนกระทั่งเหลา แทรกซมึ เขา เนื้อของตวั ยา จากนน้ั นาํ ไปผัดโดยใชไ ฟระดับปานกลาง ผัดจนกระทง่ั ตวั ยามสี เี หลอื ง นาํ ออกจากเตา ตากใหแ หง ในที่รม (ใช เหลาเหลือง 12 กิโลกรมั ตอ ตวั ยา 100 กิโลกรมั )1,4 คุณภาพของตวั ยาจากลักษณะภายนอก: ตวั ยาท่มี ีคณุ ภาพดีตองเปนกิง่ ออ น ดานหนาตดั สีขาวอมเหลือง แขง็ และเหนียว3,5 สรรพคุณตามตําราการแพทยแผนจีน: ก่ิงหมอน รสขม สุขุม มีฤทธ์ิขับลม ทําใหเสนลมปราณคลองตัว ใชรักษาอาการปวดขอ เสน เอ็น หรือกลามเนื้อ และมีฤทธิ์คลายอาการขัดของขอตอ ใชแกอาการมือเทาเปนตะคริว1 กิง่ หมอ นผัด มฤี ทธ์ชิ วยใหเสน ลมปราณแขนขาไหลเวียนดี สว นใหญใ ชร กั ษาอาการปวดเมื่อย และชาตามหวั ไหลแ ละแขน1,4 กิ่งหมอนผัดเหลา มีฤทธิ์แรงในการขับลมและระบายความช้ืน ชว ยใหเสนลมปราณไหลเวยี น และระงับปวดไดด ี ใชรกั ษาอาการปวดขอ ตอ แขนขาหดเกร็งหรือชกั กระตุก4 ขนาดที่ใชและวิธีใช: การแพทยแผนจีน ใช 9-15 กรัม ตมเอานํ้าด่ืม1 ขอมูลวิชาการที่เก่ียวของ: มีรายงานการวิจยั วา สารสกัดก่งิ ออนหมอนมฤี ทธย์ิ ับย้ังเอนไซม tyrosinase และการสรา ง melanin แตไมมผี ลยบั ยงั้ การสรางเอนไซมห รือตอ gene expression ของเอนไซม สารสกดั นี้สามารถ ลดการสราง melanin บนผวิ หนตู ะเภาท่ีไดรบั รังสี UV ได โดยสารสาํ คญั ท่ีออกฤทธิค์ ือ 2,3’,4,5’- tetrahydroxystilbene (2-oxyresveratrol) IC50 มีคา เทากบั 0.23 กรมั /มิลลลิ ติ ร ผลการทดสอบความ เปนพิษของสารสกดั พบวา ไมทาํ ใหเ กดิ พษิ เมอ่ื ทดสอบพษิ เฉียบพลนั การระคายเคืองผวิ หนงั การกอใหเ กดิ อาการแพ สาร 2-oxyresveratrol มีฤทธิย์ ับยง้ั tyrosinase ไดแรงกวา resveratrol (3,4’,5- trihydroxy- stilbene) 150 เทา6 เอกสารอางองิ 1. The State Pharmacopoeia Commission of P.R. China. Pharmacopoeia of the People’s Republic of China. Vol.I. English Edition. Beijing: People’s Medical Publishing House, 2005. 2. ลีนา ผพู ฒั นพงศ, กองกานดา ชยามฤต, ธรี วัฒน บุญทวีคุณ (คณะบรรณาธกิ าร). ช่ือพรรณไมแหง ประเทศไทย (เตม็ สมิตินันทน ฉบับแกไ ขเพม่ิ เตมิ พ.ศ. 2544). สํานักวิชาการปา ไม. กรมปา ไม. พิมพค รงั้ ที่ 2. กรงุ เทพมหานคร : บรษิ ัท ประชาชน จํากัด, 2544. 3. กรมวทิ ยาศาสตรการแพทย กระทรวงสาธารณสขุ . สมุนไพรไทย-จนี . กรุงเทพมหานคร : โรงพมิ พก ารศาสนา, 2547. 4. Gong QF. Zhongyao Paozhi Xue. 2nd ed. Beijing: National Chinese Traditional Medicine Publishing House, 2003. 5. Liu TS, Pan QP, Zhou YS, Wu ZY. XiuZhen Zhongyaoyinpian Caise Tuben. 1st ed. Hunan: Hunan Science & Technology Publishing House, 2006. 6. Lee KT, Lee KS, Jeong JH, et al. Inhibitory effects of Ramulus mori extracts on melanogenesis. J Cosmet Sci 2003, 54(2): 133-42.
Page 67 คมู อื การใชส มุนไพรไทย-จีน 57 กง่ิ อบเชยจีน : Guizhi (桂枝) ก่งิ อบเชยจีน หรอื กุย จือ คอื กิง่ ออ นแหง ของพืชทีม่ ีชือ่ วทิ ยาศาสตรว า Cinnamomum cassia Presl วงศ Lauraceae1 2 เซนตเิ มตร ก่งิ อบเชยจนี (Ramulus Cinnamomi) ช่ือไทย: ก่ิงอบเชยจีน2 ชื่อจีน: กยุ จอื (จีนกลาง), กุย กี (จีนแตจ ว๋ิ )1 ช่ืออังกฤษ: Cassia Twig1 ชื่อเคร่ืองยา: Ramulus Cinnamomi1 การเก็บเกี่ยวและการปฏิบตั หิ ลงั การเกบ็ เก่ียว: เก็บเกย่ี วก่ิงออ นในฤดใู บไมผ ลแิ ละฤดูรอ น แยกเอาใบออก ตากแดดใหแหง เกบ็ รกั ษาไวใน 1 สถานทม่ี อี ากาศเย็นและแหง มีการระบายอากาศดี การเตรียมตัวยาพรอมใช: การเตรียมตวั ยาพรอมใชมี 2 วธิ ี ดงั น้ี วธิ ที ่ี 1 ก่งิ อบเชยจนี เตรียมโดยนาํ วัตถุดิบสมุนไพรทีไ่ ด มาลางดวยนํ้าสะอาด แชน้าํ สักครู เพื่อใหออนนุม หั่นเปน แวนหนา ๆ และนาํ ไปทาํ ใหแ หง ท่ีอณุ หภูมิหอ ง1,3 วิธีท่ี 2 กิ่งอบเชยจีนผัดนา้ํ ผ้งึ เตรียมโดยนาํ น้ําผึ้งบริสุทธิ์มาเจือจางดวยน้ําตมในปริมาณที่ เหมาะสม ใสตวั ยาทไ่ี ดจ ากวิธีท่ี 1 แลว คลุกใหเ ขา กนั หมักไวส ักครูเพือ่ ใหนาํ้ ผงึ้ ซมึ เขาในตัวยา จากนั้น นําไปผดั ในกระทะโดยใชร ะดับไฟปานกลาง ผดั จนกระทงั่ มสี เี หลอื งเขมและไมเ หนยี วติดมือ นาํ ออกจาก
Page 68 58 กรมพฒั นาการแพทยแ ผนไทยและการแพทยทางเลอื ก เตา แลว ตงั้ ทิง้ ไวใหเยน็ (ใชน้าํ ผง้ึ บริสุทธ์ิ 15 กโิ ลกรมั ตอตัวยา 100 กิโลกรมั )3 คุณภาพของตวั ยาจากลักษณะภายนอก: ตัวยาที่มคี ณุ ภาพดี หนา ตดั มีสขี าวอมเหลือง แข็ง เหนียว และเปราะ4 สรรพคุณตามตําราการแพทยแ ผนจีน: กงิ่ อบเชยจีน รสเผ็ดอมหวาน อนุ มีฤทธิข์ บั เหงอื่ ผอ นคลายกลา มเน้อื ใหค วามอบอุน ชวยให เลือดหมุนเวยี น เสริมหยาง ปรบั ชี่ สรรพคุณแกหวัดจากการกระทบความเย็น แกปวดจากการกระทบ ความเยน็ เลอื ดค่ัง ขับเสมหะ ความช้นื และของเหลวตกคาง แกใ จสนั่ หัวใจออน1 ก่งิ อบเชยจนี ผัดนาํ้ ผึง้ รสเผ็ดจะลดลง มีฤทธิ์บาํ รงุ และใหความอบอุนแกสว นกลางของรางกาย (ตงั้ แตสะดอื ขนึ้ ไปถงึ ล้นิ ป ไดแก กระเพาะอาหาร ตับ ถุงน้ําดี และมาม) และมีฤทธ์ิสลายความเยน็ ระงับ ปวด ใชเปนยาบาํ รงุ สําหรับสตรหี ลังคลอดแลว รางกายออนแอ3 ขนาดท่ีใชและวธิ ใี ช: การแพทยแ ผนจีน ใช 3-9 กรัม ตม เอานาํ้ ดมื่ 1 ขอ หามใช ขอ ควรระวัง และอาการขางเคยี ง: การแพทยแผนจนี ระมดั ระวังในการใชใ นผปู ว ยที่รอนในมาก ตกเลอื ดงาย1 ขอมูลวิชาการท่เี กยี่ วของ: 1. สารสกัดนํา้ มีฤทธล์ิ ดไขแ ละระบายความรอนอยา งออ น ๆ ในหนถู บี จกั รและกระตาย เมอ่ื ใช รวมกับหมาหวงจะเพ่มิ ฤทธ์ขิ ับเหงื่อของหมาหวงใหแ รงขนึ้ ในหนขู าว สารสกดั ขนาดเทียบเทา ผงยา 0.01- 0.2 กรัม มีฤทธ์ิตานการแข็งตัวของเลอื ดในหลอดทดลอง สารสกดั นํ้ายงั มฤี ทธิต์ านเช้อื แบคทีเรยี และเชอ้ื ไวรสั บางชนิด5 2. โดยทว่ั ไปกง่ิ อบเชยจีนมกั ไมใชเดีย่ ว สวนใหญจะเปน สว นประกอบในตํารับยาตา ง ๆ เชน ยา รักษาอาการไขหวัดจากการกระทบลมเย็นภายนอก โรคติดเช้ือระบบทางเดินหายใจในเด็ก อาการหอบ เน่อื งจากหลอดลมอักเสบ เปน ตน6 3. การศกึ ษาพษิ เฉียบพลันโดยฉีดสารสกัดน้ําที่มีสวนประกอบของนาํ้ มันหอมระเหยเขาชองทอง หนถู ีบจักร พบวา ขนาดของสารสกัดทท่ี ําใหห นูถบี จกั รตายหมด ตายรอ ยละ 50 (LD50) และไมมตี ัวใด ตาย เม่อื ใหส ารสกัดในเวลากลางวัน มีคาเทากับ 1,400, 624.7 และ 200 มลิ ลกิ รมั /กโิ ลกรัม ตามลําดับ แตเม่อื ใหส ารสกัดในเวลากลางคนื มคี า เทากับ 1,600, 773.6 และ 400 มิลลกิ รมั /กโิ ลกรมั ตามลาํ ดับ แสดงใหเหน็ วา ชวงเวลาของวันมีผลตอการออกฤทธิ์ของสารสกดั 6
Page 69 คูมอื การใชสมนุ ไพรไทย-จนี 59 เอกสารอางอิง 1. The State Pharmacopoeia Commission of P.R. China. Pharmacopoeia of the People’s Republic of China. Vol.I. English Edition. Beijing: People’s Medical Publishing House, 2005. 2. ชยนั ต พิเชียรสนุ ทร, แมนมาส ชวลิต, วิเชียร จรี วงศ. คําอธิบายตําราพระโอสถพระนารายณ. พมิ พคร้ังที่ 2. กรงุ เทพมหานคร : สํานกั พมิ พอมรนิ ทร, 2548. 3. Gong QF. Zhongyao Paozhi Xue. 2nd ed. Beijing: National Chinese Traditional Medicine Publishing House, 2003. 4. Liu TS, Pan QP, Zhou YS, Wu ZY. XiuZhen Zhongyaoyinpian Caise Tuben. 1st ed. Hunan: Hunan Science & Technology Publishing House, 2006. 5. Bensky D, Gamble A. Chinese herbal medicine: Materia medica. Revised edition. Washington: Eastland Press, 1993. 6. Ma JK. Ramulus Cinnamomi: gui zhi. In: Wang BX, Ma JK, Zheng WL, Qu SY, Li R, Li YK (eds.). Modern study of pharmacology in traditional Chinese medicine. 2nd ed. Tianjin: Tianjin Science & Technology Press, 1999.
Page 70 60 กรมพฒั นาการแพทยแผนไทยและการแพทยทางเลือก เกสรบวั หลวง : Lianxu (莲须) เกสรบวั หลวง หรอื เหลียนซู คอื เกสรตวั ผูที่ทาํ ใหแ หง ของพืชทมี่ ีชือ่ วทิ ยาศาสตรวา Nelumbo nucifera Gaertn. วงศ Nymphaeaceae1 2 เซนติเมตร 1 เซนติเมตร เกสรบัวหลวง (Stamen Nelumbinis) ชอ่ื ไทย: เกสรบัวหลวง, เกสรบัว (ทว่ั ไป); เกสรสัตตบงกช, เกสรสัตตบษุ ย (ภาคกลาง)2 ชื่อจีน: เหลียนซู (จีนกลาง), โหนยชิว (จีนแตจ๋ิว)1 ช่ืออังกฤษ: Lotus Stamen1 ชื่อเครื่องยา: Stamen Nelumbinis1 การเก็บเกีย่ วและการปฏบิ ตั หิ ลังการเก็บเก่ียว: เก็บดอกบัวท่ีบานเต็มที่ในวันที่ทองฟาแจมใสในฤดูรอน แยกเอาเฉพาะเกสรตัวผู คลุมดวย กระดาษ ตากแดดหรือผ่ึงใหแหงในที่รม เกบ็ รักษาไวในท่ีมีอากาศเย็นและแหง มีการระบายอากาศดี1 การเตรยี มตัวยาพรอ มใช: นําวตั ถุดบิ สมุนไพรมาคดั แยกเอาสง่ิ ปนปลอมออก รอ นเอาฝุนและเศษเล็ก ๆ ออก3,4 คุณภาพของตัวยาจากลักษณะภายนอก: ตัวยาที่มีคุณภาพดี เกสรตองแหงและไมแตกหัก สีเหลืองออน เหนียวนุม มีนาํ้ หนักเบา3,4 สรรพคุณตามตาํ ราการแพทยแผนจีน: เกสรบัวหลวง มีสรรพคุณแกอาการฝนเปยก เลือดกําเดาไหล ประจําเดือนมามากกวาปกติ
Page 71 คูม อื การใชส มุนไพรไทย-จีน 61 แกระดูขาว และแกอาการทองเสีย3 สรรพคุณตามตาํ ราการแพทยแผนไทย: เกสรบัวหลวง มีกล่ินหอม รสฝาด สรรพคุณเปนยาบํารุงหัวใจ ทําใหชุมชื่น บาํ รุงปอด บํารุง ตับ บํารุงกําลัง คุมธาตุ แกลม บํารุงครรภ และแกไข3 ขนาดที่ใชและวิธีใช การแพทยแผนจีน ใช 3-5 กรัม ตมเอาน้าํ ด่ืมหรือบดเปนผงรับประทาน1 การแพทยแ ผนไทย ใชเ กสรบวั หลวงสดหรอื แหงประมาณ 1 หยบิ มือชงกบั นาํ้ รอ น 1 แกว (ประมาณ 240 มลิ ลิลติ ร) แชท ้ิงไว 10-15 นาที ดืม่ ขณะทีย่ ังอนุ อยู วันละ 3-4 คร้ัง ๆ ละ 1 แกว หรอื ใชเ กสรบวั หลวงแหง บดเปน ผง รบั ประทานครั้งละ 0.5-1 ชอนชา ชงนํา้ รอนดม่ื แกลม3 ขอมูลวิชาการท่ีเกี่ยวของ: 1. จากการศกึ ษาพษิ เฉียบพลนั ในหนถู ีบจักรของสารสกดั 50% แอลกอฮอลจ ากเกสรแหง พบวา คา LD50 มีคามากกวา 10 กรัม/กิโลกรมั เมื่อใหโดยการปอนหรอื ฉดี เขาใตผ ิวหนัง5 2. สารสกัดน้ําจากเกสรบวั หลวงสามารถตา นเชอ้ื Staphylococcus aureus ไดอ ยางออ น5 เอกสารอางองิ 1. The State Pharmacopoeia Commission of P.R. China. Pharmacopoeia of the People’s Republic of China. Vol.I. English Edition. Beijing: People’s Medical Publishing House, 2005. 2. ลนี า ผพู ฒั นพงศ, กองกานดา ชยามฤต, ธีรวฒั น บญุ ทวคี ณุ (คณะบรรณาธิการ). ช่อื พรรณไมแ หงประเทศไทย (เต็ม สมติ ินันทน ฉบบั แกไขเพมิ่ เติม พ.ศ. 2544). สํานกั วชิ าการปา ไม. กรมปา ไม. พมิ พค ร้ังท่ี 2. กรุงเทพมหานคร : บริษทั ประชาชน จํากดั , 2544. 3. กรมวิทยาศาสตรก ารแพทย กระทรวงสาธารณสขุ . สมนุ ไพรไทย-จีน. กรุงเทพมหานคร : โรงพมิ พการศาสนา, 2547. 4. Mei XH. Shiyong Zhongyao Paozhi Zhinan. 1st ed. Hubei: Hubei Science & Technology Publishing House, 2005. 5. บพติ ร กลางกัลยา, นงลักษณ สขุ วาณชิ ยศลิ ป. รายงานผลการศกึ ษาโครงการการประเมนิ ประสิทธิภาพและความปลอดภัยของยา จากสมุนไพร. กรงุ เทพมหานคร : บรษิ ัท เอส อาร พรน้ิ ติ้ง แมสโปรดกั ส จํากัด, 2544.
Page 72 62 กรมพัฒนาการแพทยแผนไทยและการแพทยทางเลอื ก โกฐขแ้ี มว: Dihuang (地黄) โกฐขี้แมว หรือ ตหี้ วง คือ รากสดหรอื แหง ของพชื ทม่ี ีชื่อวทิ ยาศาสตรว า Rehmannia glutinosa (Gaertn.) Libosch. วงศ Scrophulariaceae1 2 เซนตเิ มตร โกฐขี้แมวน่ึงเหลา (Radix Rehmanniae2Pเrซeนpติเaมrตaรta) โกฐขแ้ี มว (Radix Rehmanniae) ชอ่ื ไทย: โกฐขแ้ี มว (ทั่วไป)2 ชือ่ จีน: ตหี้ วง (จนี กลาง), ตอ่ี ึ๊ง (จนี แตจ วิ๋ )1 ชอ่ื องั กฤษ: Rehmannia Root1 ชื่อเครือ่ งยา: Radix Rehmanniae1 การเก็บเกย่ี วและการปฏบิ ตั หิ ลังเกบ็ เกย่ี ว: เก็บเกยี่ วรากในฤดูใบไมร ว ง แยกเอารากแขนงและดนิ ออก นาํ ไปปง ไฟออน ๆ จนกระทงั่ เนือ้ ในเปล่ียนเปน สดี าํ และเกอื บแหง เก็บรักษาไวในท่ีมีอากาศเย็นและแหง มีการระบายอากาศดี1 การเตรยี มตวั ยาพรอมใช: การเตรียมตวั ยาพรอมใชมี 5 วธิ ี ดังนี้ วธิ ที ่ี 1 โกฐขีแ้ มวสด เตรียมโดยนาํ รากโกฐขีแ้ มวสด มาแยกเอารากแขนงและดินออก ลา งน้ํา ใหส ะอาด กอ นใชใ หน าํ มาหน่ั เปนชนิ้ หนา ๆ หรือคน้ั เอาน้าํ มาใช3 วิธที ี่ 2 โกฐขแ้ี มว เตรยี มโดยนําสมุนไพรที่ไดจากการเกบ็ เก่ียวและการปฏิบตั ิหลังการเก็บเกี่ยว มาลางนา้ํ ใหส ะอาด ใสภาชนะปด ฝาไวเพื่อใหอ อ นนมุ หน่ั เปนชิ้นหนา ๆ และนําไปทําใหแหง 1,3 วิธีที่ 3 โกฐข้ีแมวน่ึงเหลา เตรียมโดยนาํ ตัวยาท่ีไดจากวิธีที่ 1 เติมเหลาเหลืองหรือเหลาขาว คลุกเคลาใหเ ขากนั แลวใสใ นหมอ นึง่ ทม่ี ีฝาปดมดิ ชิด นึ่งจนกระทั่งเหลาแทรกซึมเขาในเนือ้ ตวั ยา สงั เกต
Page 73 คมู ือการใชสมุนไพรไทย-จีน 63 ไดจากสีของสมนุ ไพรจะเปล่ียนเปน สีดาํ เขมมาก เปน มัน และมรี สออกหวาน หลงั จากน้นั นําไปตากแดด จนกระทง่ั ผวิ นอกคอนขา งแหง ไมเ หนยี วตดิ มือ หั่นเปนชิ้นหนา ๆ แลว นาํ ไปทําใหแ หง (ใชเ หลา เหลือง หรอื เหลาขาว 30 กิโลกรมั ตอตวั ยา 100 กโิ ลกรัม)1,3,4 นอกจากการนึง่ เหลา แลว โกฐข้ีแมวยงั สามารถนึ่งโดยไมตอ งใชสารปรงุ แตง เตรียมโดยนําตัวยา ทไี่ ดจ ากวธิ ีท่ี 1 มาใสใ นภาชนะน่งึ ทีม่ ีฝาปด มิดชิด นึง่ จนกระทั่งตัวยาดานนอกและเนือ้ ในมสี ดี ํา นําออก จากเตา และนําไปทาํ ใหแ หงประมาณ 80% ห่ันเปนชนิ้ หนา ๆ แลวนําไปทําใหแ หง1,3 วิธีที่ 4 โกฐข้ีแมวถาน เตรียมโดยนาํ ตัวยาที่ไดจากวิธีที่ 2 ใสกระทะ ผัดโดยใชไฟแรง ผัด 3 จนกระทงั่ ผิวนอกของตวั ยามีสดี าํ เกรยี มและพองตวั นําออกจากเตา ต้ังทิง้ ไวใหเยน็ วิธที ี่ 5 โกฐข้ีแมวน่ึงเหลา ถา น เตรียมโดยนาํ ตัวยาท่ีไดจากวิธีท่ี 3 ใสกระทะ ผัดโดยใชไฟแรง ผัดจนกระทง่ั ผวิ นอกของตวั ยามสี ดี ําเกรยี มและพองตวั นาํ ออกจากเตา ตง้ั ทงิ้ ไวใ หเย็น3 คณุ ภาพของตวั ยาจากลักษณะภายนอก: ตวั ยาท่มี ีคณุ ภาพดจี ะตองมีนาํ้ หนัก ออ นนุม ชุมช้นื เปน มัน ดา นหนา ตัดสีดาํ และมรี สหวาน5 สรรพคุณตามตาํ ราการแพทยแ ผนจีน: โกฐขี้แมวสด รสอมหวาน ขม เยน็ มีฤทธ์ริ ะบายความรอ น เสริมธาตุนํ้า ทาํ ใหเ ลอื ดเยน็ และ หามเลอื ด รกั ษาโรคทีม่ อี าการยินพรองทาํ ใหล น้ิ แดง กระหายนาํ้ เปนจํ้าเลือด และอาเจียนเปนเลอื ด3 โกฐขี้แมว รสอมหวาน ขม เย็น มีฤทธ์ิระบายความรอน ทําใหเลอื ดเยน็ รักษาโรคที่ความรอนเขา กระแสเลือด (เชน ปากแหง ลนิ้ แดง) เลือดรอ นและออกนอกระบบ (เชน ตกเลือด จํา้ เลอื ด อาเจียนเปน เลอื ด เลือดกําเดาไหล) มีฤทธเิ์ สรมิ ยนิ และธาตนุ าํ้ รกั ษาโรคที่เสียธาตนุ ํา้ (รอ นใน กระหายนา้ํ คอแหง )6 โกฐขีแ้ มวน่ึงเหลา มรี สอมหวาน อนุ เล็กนอย มฤี ทธบ์ิ าํ รุงเลือด เสริมยิน รักษาโรคท่ีเลอื ดพรอ ง (ซีดเหลือง วงิ เวยี น นอนไมห ลบั ประจําเดือนไมป กติ ตกเลือด) ยินของไตพรอง (เหง่ือออกตอนหลับ ฝนเปยก กระหายนาํ้ ) และมฤี ทธิ์บํารุงธาตนุ า้ํ และไขกระดกู รกั ษาโรคท่ีธาตุน้าํ และเลือดของตับและไตพรอ ง (เอวและเขาปวดเมอื่ ยออนแรง วงิ เวยี น หอู ือ้ หนวดและผมขาวกอ นวัย)3,6 โกฐข้ีแมวถา น จะชว ยใหต วั ยาเขา สรู ะบบเลอื ด มีฤทธท์ิ าํ ใหเลอื ดเย็นและหา มเลอื ด เหมาะสําหรบั ผูปวยท่ีมีอาการอาเจียนเปนเลือด เลอื ดกําเดาไหล ปส สาวะมีเลอื ดปน และประจาํ เดือนมามากผิดปกติ3 โกฐข้ีแมวนง่ึ เหลาถา น มฤี ทธบิ์ ํารุงเลอื ดและหา มเลอื ดเปนหลัก เหมาะสําหรับสตรที ี่ประจาํ เดือน มามากผิดปกติ3
Page 74 64 กรมพฒั นาการแพทยแผนไทยและการแพทยทางเลอื ก ขนาดทีใ่ ชแ ละวธิ ใี ช: การแพทยแผนจีน ใชข นาด 9-15 กรมั ตม เอานํา้ ด่มื 1 ขอหา มใช ขอควรระวงั และอาการขา งเคยี ง: ควรระมดั ระวงั ในการใชในผปู วยท่มี ีภาวะกระเพาะและมา มเยน็ พรอ ง ถายเหลว การรับประทาน โกฐข้ีแมวในปริมาณสูง อาจทําใหผูปวยบางรายเกิดอาการปวดทอง ทองเสีย วงิ เวียนศรี ษะ ออนเพลีย และใจสน่ั หากรับประทานยาไประยะหน่ึง อาการดงั กลา วจะคอ ย ๆ ลดลง (การแพทยแผนจนี )6 ขอมูลวิชาการทีเ่ ก่ยี วของ: 1 สารสกัดนํ้าโกฐขแ้ี มวมีฤทธยิ์ บั ยง้ั การลดลงของคอรท ิโคสเตอโรน (corticosterone) ในซรี ัม ของกระตา ยเมอ่ื ฉดี ยาเดกซาเมทาโซน (dexamethasone) และปอ งกนั เนือ้ ตอมหมวกไตฝอ นอกจากนี้ สารสกัดน้าํ ยงั มฤี ทธ์ิชะลอความแกแ ละเสริมภูมคิ ุม กันในหนูขาว เพ่ิมการไหลเวยี นของเลือดไปเลยี้ งหวั ใจ ในหนูถีบจกั ร และตา นเชอ้ื Staphylococcus aureus หรอื Escherichia coli ในหลอดทดลอง6,7 2 เม่ือใหผูปวยโรคไขขออักเสบรับประทานโกฐขี้แมว ขนาด 60-90 กรัม พบวามีผลเพิ่มภูมิ 6 ตานทาน บรรเทาอาการปวด ลดบวม และแกโรคผวิ หนัง 3. เม่อื นาํ โกฐข้ีแมวไปนง่ึ กับเหลา จะทําใหสารกลมุ อริ ดิ อยดไ กลโคไซด (iridoid glycosides) แตกตวั เปนอริ ดิ อยดและนํา้ ตาลเชงิ ซอน ซึง่ นา้ํ ตาลเชิงซอ นบางสวนจะแตกตวั ตอ ไปเปน นํา้ ตาลเชิงเด่ียว ทาํ ใหปริมาณนาํ้ ตาลเชงิ เดย่ี วในโกฐขแี้ มวน่งึ เหลาสูงกวา โกฐขแ้ี มว 2 เทา นอกจากนโ้ี กฐขแี้ มวนง่ึ เหลา จะมี ปริมาณกรดอะมิโนลดลง แตป รมิ าณแรธาตุและสารสําคญั ในสมุนไพรไมแตกตา งกนั 6 มีรายงานวาเม่ือ รับประทานโกฐขี้แมวนงึ่ เหลา อาจทาํ ใหเกดิ อาการขางเคยี งเล็กนอ ย เชน ทอ งเสยี ปวดทอ ง วงิ เวยี นศีรษะ ออ นเพลยี เปนตน แตอาการดังกลาวจะหายไปเมอื่ รบั ประทานยาอยา งตอเนอ่ื ง8 4. สารสกัดนํา้ ในขนาด 25.0 ไมโครลติ ร/มลิ ลิลิตร แสดงฤทธิต์ า นเช้ือไวรสั hepatitis B ใน เซลลเพาะเลยี้ ง และสารสกัด 80% เมทานอลในขนาด 1.0 มิลลิกรัม/มิลลลิ ติ ร สามารถปกปองตบั ของ หนูขาวจากสารพิษ carbontetrachloride ได9 5. สารสกัดน้ํา (สกดั โดยไมใ ชค วามรอน) หรอื สารสกดั เมทานอลเมอื่ ใหทางกระเพาะอาหารหนู ขาวในขนาด 111.5 หรอื 200.0 มลิ ลกิ รมั /กโิ ลกรมั แสดงฤทธลิ์ ดนํา้ ตาลในเลอื ดในสตั วทดลองทถี่ กู ทําใหเ ปน เบาหวานจาก streptozocin อยา งไรก็ตามสารสกัดนํา้ ท่สี กัดโดยวิธีใชค วามรอน เมื่อใหท างปากหนูขาวที่ถูก ทาํ ใหเ ปน เบาหวานในขนาด 1.6-2.0 กรัม/กโิ ลกรัม ทกุ วัน ติดตอกนั นาน 8 วนั ไมแ สดงฤทธิ์ดังกลา ว แสดงใหเ ห็นวาสารสาํ คญั ทีแ่ สดงฤทธิล์ ดนาํ้ ตาลในเลอื ดเปนสารทีไ่ มทนความรอน9
Page 75 คมู ือการใชสมนุ ไพรไทย-จนี 65 6. เม่ือใหสารสกดั น้ําทางกระเพาะอาหารหนูถบี จักรในขนาด 60 กรัม/กโิ ลกรัม วันละครงั้ ตดิ ตอ กันนาน 3 วนั ไมพบอาการผดิ ปกติใด ๆ และไมมสี ตั วท ดลองตวั ใดตาย และเมื่อใหสารสกัด ดงั กลา วในขนาด 18 กรมั /กโิ ลกรัม วันละครั้ง ติดตอกันนาน 45 วนั ไมท ําใหเกิดการเปล่ยี นแปลงของ น้าํ หนักตัวและเอนไซมข องตับ เม่ือใหส ารสกดั 90% เมทานอลทางกระเพาะอาหารหนถู บี จกั รในขนาด 600.0 มลิ ลกิ รมั /กิโลกรัม วนั ละครั้ง ตดิ ตอกนั นาน 4 วนั ไมพ บอาการพษิ ใด ๆ และไมทาํ ใหน าํ้ หนักตวั ลดลง นอกจากนี้ยงั พบวาขนาดของสารสกดั 70% เมทานอลท่ที ําใหหนถู ีบจักรตายรอยละ 50 (LD50) เม่อื ใหโดยการปอนมีคามากกวา 2.0 กรัม/กโิ ลกรัม9 เอกสารอางองิ 1. The State Pharmacopoeia Commission of P.R. China. Pharmacopoeia of the People’s Republic of China. Vol.I. English Edition. Beijing: People’s Medical Publishing House, 2005. 2. ลีนา ผูพฒั นพงศ, กองกานดา ชยามฤต, ธีรวัฒน บญุ ทวคี ุณ (คณะบรรณาธกิ าร). ชือ่ พรรณไมแ หงประเทศไทย (เต็ม สมติ ินันทน ฉบบั แกไขเพ่มิ เติม พ.ศ. 2544). สาํ นกั วิชาการปา ไม. กรมปา ไม. พมิ พคร้งั ท่ี 2. กรุงเทพมหานคร : บรษิ ทั ประชาชน จาํ กดั , 2544. 3. Gong QF. Zhongyao Paozhi Xue. 2nd ed. Beijing: National Chinese Traditional Medicine Publishing House, 2003. 4. Ye DJ, Zhang SC, Huang WL, Pan SH, Gong QF, Chen Q. Processing of traditional Chinese medicine. 7th ed. Shanghai: Publishing House of Shanghai College of Traditional Chinese Medicine, 2001. 5. Liu TS, Pan QP, Zhou YS, Wu ZY. XiuZhen Zhongyaoyinpian Caise Tuben. 1st ed. Hunan: Hunan Science & Technology Publishing House, 2006. 6. Hou JY. Radix Rehmanniae: di huang. In: Wang BX, Ma JK, Zheng WL, Qu SY, Li R, Li YK (eds.). Modern study of pharmacology in traditional Chinese medicine. 2nd ed. Tianjin: Tianjin Science & Technology Press, 1999. 7. มานพ เลิศสุทธิรักษ, ผจงจิต เลศิ สุทธริ ักษ (คณะบรรณาธกิ าร). ยาสมุนไพรจีน. [เอกสารประกอบการฝก อบรมหลักสูตรยาและ สมุนไพรจนี วันท่ี 12-24 มิถนุ ายน 2547]. สถาบนั การแพทยไทย-จีน เอเชียตะวันออกเฉียงใต กรมพัฒนาการแพทยแ ผนไทยและ การแพทยท างเลอื ก กระทรวงสาธารณสุข. กรุงเทพมหานคร : รานพุม ทอง, 2547. 8. Bensky D, Gamble A. Chinese herbal medicine: Materia medica, Revised edition. Washington: Eastland Press, 1993. 9. World Health Organization. WHO monographs on selected medicinal plants. Volume 3. Geneva: World Health Organization, 2002.
Page 76 66 กรมพฒั นาการแพทยแผนไทยและการแพทยทางเลือก โกฐเขมา: Cangzhu (苍术) โกฐเขมา หรอื ชงั จู คือ เหงา แหงของพชื ที่มชี อื่ วทิ ยาศาสตรว า Atractylodes lancea (Thunb.) DC. หรือ A. chinensis (DC.) Koidz. วงศ Compositae1 2 เซนตเิ มตร 1 เซนตเิ มตร โกฐเขมา (Rhizoma Atractylodis) ช่ือไทย: โกฐเขมา (กรุงเทพฯ)2,3 ช่ือจีน: ชงั จู (จีนกลาง), ชังตกุ (จีนแตจ ว๋ิ )1 ช่ืออังกฤษ: Atractylodes Rhizome1 ช่ือเคร่ืองยา: Rhizoma Atractylodis1 การเกบ็ เก่ยี วและการปฏบิ ตั หิ ลงั การเกบ็ เกี่ยว: เกบ็ เก่ียวเหงาในฤดูใบไมผ ลแิ ละฤดูใบไมร ว ง แยกเอาดนิ และทรายออก ตากแดดใหแ หง แลว ตัดรากฝอยทิ้ง เก็บรกั ษาไวใ นท่ีมีอากาศเย็นและแหง มีการระบายอากาศดี1 การเตรียมตัวยาพรอมใช: การเตรยี มตวั ยาพรอมใชม ี 3 วธิ ี ดังน้ี วิธีที่ 1 โกฐเขมา เตรียมโดยนําวตั ถดุ ิบสมนุ ไพรทไ่ี ดม าแชน ํา้ สกั ครู ลางนา้ํ ใหสะอาด ใสภ าชนะ ปด ฝาไวเ พอ่ื ใหอ อ นนุม หนั่ เปน แวนหนา ๆ และนําไปทําใหแ หง1,4 วธิ ที ่ี 2 โกฐเขมาผดั รําขา วสาลี เตรียมโดยนําราํ ขาวสาลใี สล งในภาชนะที่เหมาะสม ใหค วามรอ น โดยใชระดับไฟปานกลางจนกระท่ังมคี วันออกมา ใสต ัวยาทไี่ ดจากวธิ ีที่ 1 ลงไป คนอยางรวดเรว็ จนกระทง่ั ผวิ ของตัวยาเปน สเี หลืองเขม นาํ ออกจากเตา แลวรอ นเอารําขาวสาลอี อก ตัง้ ทงิ้ ไวใ หเ ย็น4
Page 77 คูมือการใชส มุนไพรไทย-จีน 67 วธิ ที ี่ 3 โกฐเขมาผดั เกรยี ม เตรยี มโดยนาํ ตัวยาทไ่ี ดจากวิธที ่ี 1 ใสกระทะ ผัดโดยใชไ ฟระดับ ปานกลาง ผัดจนกระทัง่ ผวิ นอกของตวั ยามีสีนา้ํ ตาลไหม พรมนา้ํ เล็กนอ ย แลว ผัดตอโดยใชไฟออ น ๆ ผัดจนตัวยาแหง นําออกจากเตา ตง้ั ทง้ิ ไวใ หเย็น แลว รอ นเอาเศษเลก็ ๆ ออก4 คุณภาพของตัวยาจากลักษณะภายนอก: ตัวยาทมี่ คี ุณภาพดี ตองมีคุณสมบัตแิ ขง็ และเหนยี ว หนาตดั มจี ดุ สีแดงจาํ นวนมาก (สแี ดงเหมอื น สารซนิ นาบาร cinnabar) มกี ลน่ิ หอมมาก5 สรรพคุณตามตําราการแพทยแผนจีน: โกฐเขมา รสเผ็ดขม อุน มฤี ทธิ์ขับความช้ืน เสริมระบบการยอ ยอาหาร สรรพคุณแกค วามชื้น กระทบสวนกลาง (จกุ เสยี ด อดึ อดั ลิ้นป อาเจียน เบอ่ื อาหาร ทองเสยี ) และมีฤทธขิ์ ับลมและความชน้ื แก ปวดขอ และกลา มเนื้อ บรรเทาอาการไขหวดั จากลมเยน็ หรือความช้ืน (จับไข หนาว ๆ รอน ๆ ปวดศีรษะ ปวดเมอื่ ยตัว)1,6 โกฐเขมาผัดราํ ขา วสาลี รสเผด็ จะลดลง แตคุณสมบัติแหงจะนมุ นวลข้นึ และมกี ลิน่ หอม เพิม่ ฤทธิช์ ว ยใหก ารทาํ งานของมามและกระเพาะอาหารดีขึ้น ใชรกั ษาอาการของมามและกระเพาะอาหารทาํ งานไม สัมพันธก ัน (กระเพาะอาหารทําหนาทยี่ อ ยอาหารจนไดส ารจาํ เปน สวนมา มทําหนาท่ลี าํ เลียงสารจาํ เปนนี้ ไปใชท วั่ รางกาย) แกเ สมหะเหนยี วหนืด แกตอ หนิ แกต าบอดกลางคนื 4 โกฐเขมาผดั เกรยี ม รสเผด็ และคุณสมบัติแหง จะลดลงมาก มีฤทธ์ิชว ยใหก ารทาํ งานของลําไส แข็งแรง แกท อ งเสียเปนหลกั ใชร กั ษาอาการทอ งเสยี เนอื่ งจากมา มพรอ ง โรคบดิ เร้อื รัง4 สรรพคุณตามตําราการแพทยแผนไทย: โกฐเขมา มีกลิ่นหอม รสรอน ใชเปนยาบํารุงธาตุ แกโรคเขาขอ แกโรคในปาก เปนยาเจริญ อาหาร ยาขับปสสาวะ แกโรคในปากในคอ ระงับอาการหอบ แกหวัดคัดจมูก แกไข แกเหงื่อออกมาก และแกไขรากสาดเร้ือรัง6 ขนาดท่ีใชและวิธีใช: การแพทยแผนจีน ใชขนาด 3-9 กรัม ตมเอานํ้าด่ืม1 ขอมูลวิชาการท่ีเก่ียวของ: 1. สารสกดั นา้ํ มฤี ทธกิ์ ระตนุ ระบบภมู คิ ุม กันในหนทู ีท่ ําใหต ดิ เช้ือ Candida albicans ทาํ ให หนูมชี ีวิตรอดมากข้ึน และสารสกัดดงั กลาวมฤี ทธิ์ทําใหอาหารอยูในกระเพาะนานขน้ึ 7,8
Page 78 68 กรมพัฒนาการแพทยแผนไทยและการแพทยทางเลือก 2. สาร β-eudesmol มีฤทธิต์ านปวดในหนทู ดลอง และพบวา มผี ลตอ กลามเนื้อของหนูทเ่ี ปน เบาหวานมากกวา หนปู กต9ิ ,10 3. จากการศกึ ษาพิษเฉยี บพลนั ในหนูถบี จักรของสารสกัด 50% แอลกอฮอลจ ากเหงา โกฐเขมา พบวา คา LD50 มคี า มากกวา 10 กรัม/กิโลกรัม เม่อื ใหโดยการปอนหรอื ฉดี เขา ใตผิวหนงั 11 น้ํามันหอม ระเหยเปน พษิ ตอหนถู บี จกั รเมือ่ ฉีดเขาใตผ วิ หนัง12 ขนาดของสารสกัดดวยนํา้ รอ นทีท่ าํ ใหหนูถีบจักรหรือ หนูขาวตายคร่ึงหนึ่งของจาํ นวนทง้ั หมดมคี าเทากับ 15 กรัม/กโิ ลกรมั เมือ่ ใหกนิ 13 เอกสารอางอิง 1. The State Pharmacopoeia Commission of P.R. China. Pharmacopoeia of the People’s Republic of China. Vol.I. English Edition. Beijing: People’s Medical Publishing House, 2005. 2. ลนี า ผูพฒั นพงศ, กองกานดา ชยามฤต, ธีรวฒั น บุญทวีคณุ (คณะบรรณาธกิ าร). ช่ือพรรณไมแหงประเทศไทย (เตม็ สมิตินนั ทน ฉบับแกไ ขเพมิ่ เตมิ พ.ศ. 2544). สํานกั วิชาการปา ไม. กรมปา ไม. พมิ พค รัง้ ท่ี 2. กรงุ เทพมหานคร : บรษิ ทั ประชาชน จาํ กดั , 2544. 3. ชยนั ต พเิ ชยี รสุนทร, แมน มาส ชวลติ , วเิ ชียร จีรวงศ. คําอธิบายตําราพระโอสถพระนารายณ. พมิ พครั้งท่ี 2. กรุงเทพมหานคร : สาํ นกั พิมพอมรินทร, 2548. 4. Gong QF. Zhongyao Paozhi Xue. 2nd ed. Beijing: National Chinese Traditional Medicine Publishing House, 2003. 5. Liu TS, Pan QP, Zhou YS, Wu ZY. XiuZhen Zhongyaoyinpian Caise Tuben. 1st ed. Hunan: Hunan Science & Technology Publishing House, 2006. 6. เย็นจติ ร เตชะดํารงสิน. การพฒั นาสมนุ ไพรแบบบูรณาการ. กรุงเทพมหานคร : สํานักงานกจิ การโรงพมิ พ องคการทหารผา นศกึ ใน พระบรมราชปู ถมั ภ, 2550. 7. Inagaki N, Komatsu Y, Sasaki H, Kiyohara H, Yamada H, Ishibashi H, Tansho S, Yamaguchi H, Abe S. Acidic polysaccharides from rhizomes of Atractylodes lancea as protective principle in Candida-Infected mice. Planta Med 2001; 67(5): 428-31. 8. Nakai Y, Kido T, Hashimoto K, Kase Y, Sakakibara I, Higuchi M, Sasaki H. Effect of the rhizomes of Atractylodes lancea and its constituents on the delay of gastric emptying. J Ethnopharmacol 2003; 84(1): 51-5. 9. Kimura M, Diwan PV, Yanagi S, Kon-No Y, Nojima H, Kimura I. Potentiating effect of β-eudesmol-related cyclohexylidene derivatives on succinylcholine-induced neuromuscular block in isolated phrenic nerve-diaphragm muscles of normal and alloxan-diabetic mice. Biol Pharm Bull 1995; 18(3): 407-10. 10. Kimura M, Kimura I, Moroi M, Tanaka K, Nojima H, Uwano T. Different modes of potentiation by beta-eudesmol, a main compound from Atractylodes lancea, depending on neuromuscular blocking actions of p-phenylene- polymethylene bis-ammonium derivatives in isolated phrenic nerve-diaphragm muscles of normal and alloxan- diabetic mice. Jpn J Pharmacol 1992; 60(1): 19-24. 11. มงคล โมกขะสมิต, กมล สวัสดีมงคล, ประยทุ ธ สาตราวาหะ. การศกึ ษาพิษของสมนุ ไพรไทย. ใน: ปราณี ชวลิตธํารง, ทรงพล ชีวะพัฒน, เอมมนัส อัตตวิชญ (คณะบรรณาธกิ าร). ประมวลผลงานวจิ ัยดานพษิ วิทยาของสถาบันวิจัยสมุนไพร เลม 1. พิมพคร้ังท่ี 1. กรมวทิ ยาศาสตรการแพทย กระทรวงสาธารณสุข. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพก ารศาสนา, 2546. 12. Kim S. The pharmacological action of the essential oils from Atractylis ovata Thunb. Acta Med Keijo 1928; 11:83- 104. 13. Aburada M, Takeda S, Ito E, Nakamura M, Hosoya E. Protective effects of juzentaihoto, dried decoction of 10 Chinese herbs mixture, upon the adverse effects of mitomycin C in mice. J Pharmacobio Dyn 1983; 6(12): 1000-4.
Page 79 คูมือการใชส มนุ ไพรไทย-จีน 69 โกฐจฬุ าลําพา: Qinghao (青蒿) โกฐจุฬาลําพา หรือ ชิงเฮา คือ สวนเหนือดินแหงของพืชที่มีช่ือวิทยาศาสตรวา Artemisia annua L. วงศ Compositae1 โกฐจุฬาลาํ พา (Herba Artemisia3eเซAนตnิเnมuตรae) ชื่อไทย: โกฐจุฬาลําพา (ภาคกลาง)2,3 ช่ือจีน: ชิงเฮา (จีนกลาง), แชเฮา (จีนแตจ๋ิว)1 ชื่ออังกฤษ: Sweet Wormwood Herb1 ชื่อเครื่องยา: Herba Artemisiae Annuae1 การเก็บเก่ยี วและการปฏบิ ัตหิ ลังการเกบ็ เก่ียว: เก็บเกี่ยวสวนเหนือดินในระยะออกดอก คัดแยกเอาลาํ ตนแกทิ้ง ทําใหแหงในที่รม เก็บรักษา 1 ไวในทีม่ ีอากาศเย็นและแหง มีการระบายอากาศดี การเตรียมตัวยาพรอมใช: นาํ สมุนไพรวตั ถดุ บิ มาพรมนํา้ ทิง้ ไวสกั ครู เพอ่ื ใหอ อ นนุม หั่นเปนทอน ๆ ขนาดพอเหมาะ และ นําไปตากแหง 1 คุณภาพของตัวยาจากลักษณะภายนอก: ตัวยาท่ีมีคุณภาพดี ตองมีสีเขียว มีปริมาณใบมาก กล่ินหอมฉุน4 สรรพคุณตามตาํ ราการแพทยแผนจีน: โกฐจุฬาลําพา รสเผ็ดขม เย็น มฤี ทธร์ิ ะบายความรอ นพรอ ง (รอนใน) ใชแ กไ ขจ ากยินถกู กระทบ
Page 80 70 กรมพัฒนาการแพทยแ ผนไทยและการแพทยทางเลือก (รอ นตอนกลางคืน ชวงเชา ไขล ด ไขเซือ่ งซึม) แกไขเ ร้ือรงั เน่ืองจากยินพรอง (ตวั รอ น ไขเ รอ้ื รงั ผอมแหง 5 มไี ขต อนบาย) แกไ ขจ ากกระทบความรอนอบอา วระอุ (ปวดศรี ษะ ตวั รอน คอแหง) และแกไ ขมาลาเรีย สรรพคุณตามตําราการแพทยแผนไทย: โกฐจุฬาลาํ พา รสสุขมุ หอม รอ น ใชแกไ ขเ จรยี ง (ไขจับวนั เวนวนั เปนไขจ บั ส่ันประเภทหนึง่ ) แกไขเพ่ือเสมหะ แกหืด แกไอ เปนยาขับเหงื่อ5 ขนาดท่ีใชและวิธีใช: การแพทยแผนจีน ใชขนาด 6-12 กรัม ตมเอานาํ้ ดื่ม1 ขอมูลวิชาการท่ีเก่ียวของ: 1. สาร artemisinin และอนุพนั ธ จะถกู เปลยี่ นแปลงในรา งกายเปน dihydro-artemisinin ที่ มีฤทธิ์ตา นเชื้อมาลาเรยี โดยออกฤทธิฆ์ าเช้อื มาลาเรยี ในระยะทเี่ ปน blood schizont สารกลมุ นอี้ อกฤทธ์ิ ตอ เชือ้ Plasmodium ทกุ species ทั้งทีด่ ้ือและไมด อื้ ตอยาคลอโรควิน6 สารสกัดตน โกฐจุฬาลาํ พาดวย แอลกอฮอลม ีพษิ ตอหนถู บี จักรเม่ือฉดี เขาทางชอ งทองหนถู ีบจกั รในขนาด 400 มิลลกิ รัม/กโิ ลกรมั 7 ในปจ จบุ นั สารกลมุ นไี้ ดมีการศกึ ษาอยางกวา งขวาง ทั้งในสัตวทดลองและการทดลองทางคลินิก ท้ังสร่ี ะยะ จนไดร ับการอนมุ ัติจากองคก ารอาหารและยาของหลายประเทศรวมทั้งประเทศไทยใหใ ชร กั ษา โรคมาลาเรียท่ีเกดิ จากเชอ้ื Plasmodium falciparum ท่ดี อื้ ตอยาคลอโรควิน ซึ่งพบมากในประเทศไทย6 2. มรี ายงานการศึกษาพิษเฉียบพลนั ของสารสกัดหยาบจากตนโกฐจฬุ าลําพาในหนถู ีบจกั ร เม่ือ ใหส ารทางชองทอ งหรอื ใหทางปาก พบวา คา LD50 มากกวา 5 กรมั /กโิ ลกรมั เมื่อใหทางปาก และ 0.8485 กรัม/กิโลกรัม เม่ือใหท างชอ งทอ ง ในหนถู บี จกั รทั้งสองเพศ6 การให artemether ฉดี เขา กลา มเน้ือ ทคี่ วามเขมขน 25 มิลลกิ รัม/กิโลกรมั /วนั ในหนขู าว ทาํ ใหพ ยาธิสภาพตอ brainstem โดยพบวา auditory nuclei ถูกทาํ ลาย6 มกี ารศึกษา teratogenic effect ในหนู เมือ่ ให artemisinin ในขนาด 1/200-1/400 ของคา LD50 โดยใหห ลงั gestation 6 วัน พบวายาน้ีทาํ ใหเกิด foetal resorption6 แตเมือ่ นาํ มาใชกบั คน มรี ายงานการเกิดอาการขางเคียงนอ ยมาก และเปน อาการขางเคยี งทไ่ี ม รุนแรง อาการทพ่ี บคอื มีไข คลืน่ ไส อาการที่พบนอยคอื เมด็ เลอื ดแดงลดลง มกี ารเปลย่ี นแปลงของ คลืน่ ไฟฟา หัวใจ (EKG) คือ หัวใจเตน ชาลง6 เอกสารอางองิ 1. The State Pharmacopoeia Commission of P.R. China. Pharmacopoeia of the People’s Republic of China. Vol.I. English Edition. Beijing: People’s Medical Publishing House, 2005.
Page 81 คูมือการใชสมุนไพรไทย-จีน 71 2. ลนี า ผพู ฒั นพงศ, กองกานดา ชยามฤต, ธีรวัฒน บญุ ทวคี ุณ (คณะบรรณาธกิ าร). ชอื่ พรรณไมแ หงประเทศไทย (เตม็ สมติ ินันทน ฉบบั แกไ ขเพิม่ เตมิ พ.ศ. 2544). สํานักวชิ าการปา ไม. กรมปา ไม. พิมพค ร้ังที่ 2. กรุงเทพมหานคร : บริษทั ประชาชน จาํ กัด, 2544. 3. ชยนั ต พิเชียรสุนทร, แมน มาส ชวลิต, วิเชียร จีรวงศ. คาํ อธิบายตาํ ราพระโอสถพระนารายณ. พมิ พครั้งที่ 2. กรงุ เทพมหานคร: สาํ นกั พมิ พอมรนิ ทร, 2548. 4. Liu TS, Pan QP, Zhou YS, Wu ZY. XiuZhen Zhongyaoyinpian Caise Tuben. 1st ed. Hunan: Hunan Science & Technology Publishing House, 2006. 5. เยน็ จติ ร เตชะดาํ รงสิน. การพฒั นาสมนุ ไพรแบบบูรณาการ. กรงุ เทพมหานคร : สํานักงานกจิ การโรงพมิ พ องคการทหารผา นศึกใน พระบรมราชปู ถัมภ, 2550. 6. บพิตร กลางกลั ยา, นงลักษณ สขุ วาณิชยศิลป. รายงานผลการศึกษาโครงการการประเมนิ ประสิทธภิ าพและความปลอดภัยของยา จากสมุนไพร. กรุงเทพมหานคร : บริษัท เอส อาร พรน้ิ ติ้ง แมสโปรดกั ส จาํ กดั , 2544. 7. Fransworth NR, Henry LK, Svoboda GH, Blomster RN, Yates MJ, Euler KL. Biological and phytochemical evaluation of plants. I. Biological test procedures and results from 200 accessions. Lloydia 1966; 29: 101-22.
Page 82 72 กรมพัฒนาการแพทยแผนไทยและการแพทยทางเลือก โกฐเชียง: Danggui (当归) โกฐเชยี ง หรือ ตังกยุ คือ รากแหงของพืชท่มี ชี ื่อวิทยาศาสตรว า Angelica sinensis (Oliv.) Diels วงศ Umbelliferae1 5 เซนตเิ มตร ตังกุยเซนิ (Radix Angelicae Sinensis) 2 เซนติเมตร โกฐเชียง หรือ ตังกุยเหวย (Radix Angelicae Sinensis) 2 เซนตเิ มตร 2 เซนตเิ มตร ตังกุยโถว (Radix Angelicae Sinensis) ชอื่ ไทย: โกฐเชยี ง (ภาคกลาง)2-4 ชื่อจีน: ตงั กยุ (จีนกลาง, จีนแตจ ว๋ิ )1 ชือ่ องั กฤษ: Chinese Angelica1 ชอ่ื เครอ่ื งยา: Radix Angelicae Sinensis1 การเกบ็ เกย่ี วและการปฏิบัตหิ ลงั การเกบ็ เกี่ยว: เก็บเก่ียวรากปลายฤดใู บไมรวง แยกเอารากแขนงและดนิ ออก ทําใหแ หงหมาด ๆ มัดเปนมัดเล็ก ๆ วางไวบนชน้ั แลว รมควนั ใหแหง เก็บรักษาไวในท่ีมีอากาศเย็นและแหง มีการระบายอากาศดี1
Page 83 คูมือการใชสมนุ ไพรไทย-จนี 73 การเตรียมตัวยาพรอ มใช: การเตรยี มตัวยาพรอ มใชมี 7 วธิ ี ดงั น้ี วิธีที่ 1 ตงั กุย (ทง้ั ราก หรอื ทุกสวน) เตรยี มโดยนําวตั ถดุ บิ สมุนไพรทไ่ี ด มาลางนา้ํ ใหส ะอาด ใสภ าชนะปด ฝาไวเพ่อื ใหอ อ นนมุ ฝานเปนแผนบาง ๆ และนาํ ไปทําใหแหง โดยใชอ ุณหภมู ิตํา่ 1,5 วธิ ที ี่ 2 ตังกยุ โถว (สว นหัว หรือ สวนเหงา อวบส้นั ทอ่ี ยตู อนบนสดุ ) เตรยี มโดยนําวัตถดุ ิบสมนุ ไพร ทไ่ี ด มาลางนา้ํ ใหสะอาด ใสภาชนะปดฝาไวเ พอื่ ใหออนนุม แลว ตดั เอาเฉพาะสว นหัวมาฝานเปนแผนบาง ๆ ประมาณ 4-6 แผน ตอหัว (หรอื อาจฝานตามยาวเปน แผนบาง ๆ) นําไปทําใหแหง โดยใชอ ณุ หภูมิตาํ่ 5 วธิ ที ่ี 3 ตังกยุ เซนิ หรืออาจเรยี กวา ตังกุย (สว นรากแกวหลกั ) เตรยี มโดยนาํ วตั ถุดิบสมนุ ไพร ท่ีได มาลา งน้าํ ใหสะอาด ใสภาชนะปดฝาไวเ พอ่ื ใหออนนุม ปอกเอาเปลอื กรากทิ้ง เอาเฉพาะสวนรากแกว หลัก นาํ มาฝานเปน แผน บาง ๆ นาํ ไปทําใหแหง โดยใชอ ณุ หภูมติ า่ํ 5 วิธที ี่ 4 โกฐเชยี ง หรือ ตงั กยุ เหวย (สว นหาง หรือ สว นรากฝอย) เตรยี มโดยนาํ วตั ถดุ บิ สมนุ ไพร ทีไ่ ด มาลา งน้ําใหสะอาด ใสภ าชนะปดฝาไวเพอ่ื ใหอ อนนุม แยกเอาเฉพาะสวนรากฝอย ฝานเปนแผน และ นาํ ไปทําใหแหง โดยใชอุณหภมู ติ ํา่ 5 วิธีท่ี 5 ตงั กุยผดั เหลา เตรียมโดยนาํ ตัวยาท่ีไดจากวิธีที่ 3 ใสในภาชนะท่ีเหมาะสม เติมเหลา เหลอื งปริมาณพอเหมาะ แลว คลุกเคลา ใหเขากนั จนกระทง่ั เหลา แทรกซึมเขา ไปในเนื้อตวั ยา จากนั้นนาํ ไป ผดั โดยใชไ ฟระดับปานกลาง ผัดจนกระทงั่ ตวั ยามสี ีเหลอื งเขม นําออกจากเตา ตากใหแหงในทีร่ ม (ใช เหลา เหลอื ง 10 กิโลกรัม ตอตวั ยา 100 กโิ ลกรมั )5 วิธที ่ี 6 ตังกุยผัดดิน (เปนดินทีอ่ ยูในเตาเผาไฟเปนระยะเวลานานมาก มักมีฤทธิ์เปน ดางออ น คน จีนเรียกดนิ ชนิดน้ีวา ฝหู ลงกาน) เตรยี มโดยนาํ ดินใสใ นภาชนะท่เี หมาะสม ผัดจนกระทั่งดินรอน ใสตัวยาที่ ไดจากวิธีที่ 3 ลงไป ผัดจนกระทั่งดินเกาะติดตัวยาจนท่ัว นําออกจากเตา รอนเอาดนิ ออก นําตัวยาท่ีได ไปวางแผออก ตั้งทิ้งไวใหเ ยน็ (ใชด นิ ฝูหลงกาน 30 กโิ ลกรัม ตอ ตัวยา 100 กโิ ลกรัม)5 วธิ ที ่ี 7 ตงั กยุ ถา น เตรียมโดยนําตัวยาท่ไี ดจากวิธีที่ 3 ใสก ระทะ ผดั โดยใชไ ฟระดับปานกลาง ผัดจนกระทัง่ ผิวนอกของตัวยามีสดี าํ จาง ๆ นาํ ออกจากเตา ตากใหแ หง ในทรี่ ม5 คณุ ภาพของตวั ยาจากลักษณะภายนอก: ตวั ยาท่มี คี ุณภาพดี ผิวนอกตอ งมสี ีน้ําตาลเหลอื ง ชมุ ชืน้ เปนมนั ดานหนา ตัดสีขาวอมเหลอื ง และ 6 มกี ลน่ิ หอมกรนุ สรรพคุณตามตําราการแพทยแผนจีน: ตงั กุย มรี สเผด็ อมหวาน อนุ มีฤทธิ์บาํ รงุ เลือด ทําใหเ ลอื ดหมนุ เวียน รกั ษาโรคที่เลือดในระบบ
Page 84 74 กรมพัฒนาการแพทยแ ผนไทยและการแพทยทางเลอื ก หัวใจและตับพรอง (มีอาการหนาซีดเหลือง วิงเวียน ใจสั่น) การไหลเวียนของเลือดติดขัด (มีอาการ ประจําเดือนไมปกติ ปวดประจําเดือน ประจําเดอื นไมมา) เลือดพรองตาง ๆ เชน การไหลเวยี นของเลือด ติดขัดและมีความเยน็ จบั (มีอาการเลือดคงั่ ฟกชํ้า ชํา้ ใน ปวดไขขอ ไขขออกั เสบ) ใหค วามชมุ ช้ืนกับลําไส (ลาํ ไสแ หง รอน ทอ งผูก) และมีฤทธิร์ ะงับปวด รักษาโรคแผลฝหนอง ลดอาการบวม แกป วด เปนตน7 นอกจากนีแ้ พทยแ ผนจนี นยิ มใชใ นตํารบั ยาเกย่ี วกบั โรคทางนรีเวช เชน ใชเปนยาขับระดู แกรกตี ขึน้ ขบั รกและแกไ ขใ นเรอื นไฟ ยาเกยี่ วกบั อาการเลือดออกทุกชนดิ แกห วัด แกทอ งขึน้ ทอ งเฟอ ตกมกู เลือด4 ตังกยุ โถว มสี รรพคณุ บํารงุ เลือด4 โกฐเชยี ง หรือ ตังกยุ เหวย มสี รรพคุณชว ยใหก ารไหลเวยี นของเลือดไมตดิ ขัด4 ตังกยุ ผดั เหลา จะชวยเพิม่ ฤทธิก์ ารไหลเวยี นของเลือดดขี ึน้ เหมาะสําหรับผปู ว ยทม่ี ีอาการเลือด พรอง เลอื ดไหลเวียนไมส ะดวก สตรปี ระจาํ เดือนไมปกติ โรคปวดไขขอ และไขขออักเสบ7 ตงั กยุ ผัดดนิ (ดนิ ฝูหลงกาน) จะชว ยใหต ัวยาเขา สูมามไดด ขี ึ้นโดยมฤี ทธิบ์ ํารงุ เลอื ด เหมาะสําหรับ 5 ผปู วยทีม่ อี าการเลือดพรอ งถายเหลว ปวดทอง ตงั กุยถา น มีฤทธิห์ ามเลือดและบาํ รุงเลือด เหมาะสําหรบั ผูปวยทมี่ ีอาการตกเลือดจากมดลกู และ สตรปี ระจําเดอื นมามากผดิ ปกติ5 สรรพคุณตามตาํ ราการแพทยแ ผนไทย: โกฐเชียง (สวนรากฝอย) มกี ลนิ่ หอม รสหวานขม สรรพคุณแกไ ข แกสะอกึ แกไ อ แกเสยี ด 8 แทงสองราวขา ง ขนาดทีใ่ ชแ ละวิธใี ช: การแพทยแ ผนจนี ใชขนาด 6-12 กรมั ตมเอาน้าํ ดม่ื 1 ขอหามใช ขอควรระวัง และอาการขา งเคียง: สตรมี คี รรภหรือใหนมบุตร หรือผูท ่รี ะบบขบั ถา ยไมดี ทอ งเสยี บอ ย รอ นใน อาเจยี นเปน เลอื ด ไมควรรับประทาน9 ขอมลู วชิ าการท่เี กย่ี วขอ ง: 1. สารสกัดนํ้ามฤี ทธิ์ยับย้ังการรวมตวั ของเกลด็ เลอื ดและการปลอยสาร serotonin ในหนขู าว10 เมอ่ื ฉดี สารสกัดน้ําเขาหลอดเลอื ดดําสุนัขในขนาดเทยี บเทาผงยา 10 กรัม/กโิ ลกรมั พบวามีฤทธ์ิกระตนุ การหดตวั ของกลา มเน้อื เรียบกระเพาะปส สาวะ ลําไสแ ละมดลกู เมื่อฉีดสารสกดั นํ้าและสารสกดั แอลกอฮอล
Page 85 คมู ือการใชส มุนไพรไทย-จีน 75 เขา หลอดเลือดดําแมว หนูขาว และกระตา ย พบวา มีฤทธิ์เพมิ่ การหดตัวของกลามเนอ้ื เรยี บของมดลกู นอกจากนยี้ ังพบวา สาร polysaccharides มฤี ทธใ์ิ นการสรางเมด็ เลอื ด11 2. เม่ือใหส ารสกัดนํ้าครั้งละ 5 มลิ ลลิ ิตร วันละ 3 ครัง้ ตดิ ตอ กันนาน 1 สัปดาห จะลดอาการ ปวดประจาํ เดือน และชว ยขับประจาํ เดือน จึงไมค วรใชก บั ผปู ว ยทใี่ ชยาปอ งกันเลอื ดแขง็ ตวั สารสกัดนา้ํ ยังมฤี ทธิก์ ระตนุ กลามเนอ้ื เรียบของมดลกู และลดความหนดื ของเลอื ดในสตรี และเมอื่ ฉดี สารสกัดนํา้ เขา หลอดเลือดดาํ ผูปว ยจํานวน 40 ราย ในขนาด 240 มิลลลิ ติ ร/คน/วนั ติดตอ กนั นาน 30 วัน ไมทําใหเ กิด อาการผิดปกตใิ ด ๆ11 3. มรี ายงานการวจิ ัยพบวา โกฐเชยี งชว ยยบั ยัง้ การเจริญของเนอ้ื งอกและเซลลม ะเรง็ ตานการ อักเสบ และรักษาโรคหอบหดื 9 4. เมือ่ ฉดี สารสกดั เขา หลอดเลือดดําหนูถบี จักร ขนาดสารสกดั เทียบเทาผงยาทท่ี าํ ใหห นูถีบจักร ตายรอยละ 50 (LD50) มีคาเทากับ 100.6 กรัม/กิโลกรมั 12 เอกสารอางองิ 1. The State Pharmacopoeia Commission of P.R. China. Pharmacopoeia of the People’s Republic of China. Vol.I. English Edition. Beijing: People’s Medical Publishing House, 2005. 2. ลนี า ผูพ ัฒนพงศ, กองกานดา ชยามฤต, ธรี วัฒน บุญทวีคณุ (คณะบรรณาธกิ าร). ชอื่ พรรณไมแหงประเทศไทย (เต็ม สมติ ินันทน ฉบบั แกไขเพ่ิมเติม พ.ศ. 2544). สํานักวิชาการปา ไม. กรมปา ไม. พมิ พคร้ังท่ี 2. กรงุ เทพมหานคร : บริษทั ประชาชน จํากัด, 2544. 3. ชยนั ต พเิ ชียรสุนทร, แมนมาส ชวลติ , วเิ ชียร จรี วงศ. คําอธิบายตําราพระโอสถพระนารายณ. พมิ พค ร้ังท่ี 2. กรุงเทพมหานคร : สาํ นักพิมพอมรินทร, 2548. 4. เย็นจิตร เตชะดาํ รงสิน. การพัฒนาสมนุ ไพรแบบบรู ณาการ. กรุงเทพมหานคร : สํานกั งานกจิ การโรงพมิ พ องคการทหารผานศกึ ใน พระบรมราชูปถมั ภ, 2550. 5. Gong QF. Zhongyao Paozhi Xue. 2nd ed. Beijing: National Chinese Traditional Medicine Publishing House, 2003. 6. Liu TS, Pan QP, Zhou YS, Wu ZY. XiuZhen Zhongyaoyinpian Caise Tuben. 1st ed. Hunan: Hunan Science & Technology Publishing House, 2006. 7. Ye DJ, Zhang SC, Huang WL, Pan SH, Gong QF, Chen Q. Processing of traditional Chinese medicine. 7th ed. Shanghai: Publishing House of Shanghai College of Traditional Chinese Medicine, 2001. 8. วุฒิ วุฒธิ รรมเวช. คัมภรี เภสัชรตั นโกสินทร. กรงุ เทพมหานคร: บริษัท ศลิ ปสยามบรรจุภัณฑและการพิมพ จํากดั , 2547. 9. บรษิ ัท หลักทรพั ยจดั การกองทนุ กสกิ รไทย จาํ กัด. มหัศจรรยสมนุ ไพรจนี . กรุงเทพมหานคร : บรษิ ัท ซเี อ็ดยูเคช่นั จํากดั มหาชน, 2550. 10. Tang W, Eisenbrand G. Chinese drugs of plant origin. 1st ed. Berlin Heidelberg: Springer-Verlag, 1992. 11. World Health Organization. WHO monographs on selected medicinal plants. Vol.2. Geneva: World Health Organization, 2002. 12. Ru K, Jiang JM. Siwu tang. In: Xia M (ed.). Modern study of the medical formulae in traditional Chinese medicine. Vol.1. 1st ed. Beijing: Xue Yuan Press, 1997.
Page 86 76 กรมพฒั นาการแพทยแผนไทยและการแพทยทางเลือก โกฐน้ําเตา: Dahuang (大黄) โกฐนํา้ เตา หรือ ตาหวง คือ รากและเหงาแหงของพืชท่ีมีชอื่ วทิ ยาศาสตรว า Rheum palmatum L. หรือ R. tanguticum Maxim. ex Balf. หรอื R. officinale Baill. วงศ Polygonaceae1 2 เซนตเิ มตร โกฐนาํ้ เตา (Radix et Rhizoma Rhei) ชื่อไทย: โกฐนาํ้ เตา (ภาคกลาง)2 ชื่อจีน: ตาหวง (จีนกลาง), ต่ัวอึ๊ง (จีนแตจ๋ิว)1 ชื่ออังกฤษ: Rhubarb1 ช่ือเคร่ืองยา: Radix et Rhizoma Rhei1 การเกบ็ เก่ยี วและการปฏบิ ตั หิ ลังการเกบ็ เกี่ยว: เกบ็ เก่ียวรากและเหงาปลายฤดใู บไมรว งเม่ือลาํ ตน และใบเห่ยี วหรอื เกบ็ เกย่ี วในฤดใู บไมผ ลถิ ัดไป กอ นแตกหนอ แยกรากฝอยและเปลือกนอกทิ้ง นําสมุนไพรมาหนั่ เปนแวน หรือเปน ทอ น ๆ ตากแดดให แหง เก็บรักษาไวในสถานทม่ี ีอากาศเยน็ และแหง มีการระบายอากาศดี1 การเตรยี มตวั ยาพรอมใช: การเตรยี มตวั ยาพรอ มใชม ี 5 วธิ ี ดังนี้ วิธที ี่ 1 โกฐนา้ํ เตา เตรยี มโดยนาํ วตั ถดุ ิบสมุนไพรท่ีไดม าแชน ้าํ สกั ครู ลางน้ําใหส ะอาด ใสภ าชนะ ปด ฝาไวเพอื่ ใหอ อนนมุ ห่นั เปน แวน หนา ๆ หรือหน่ั เปนชิน้ ๆ และนาํ ไปทําใหแ หง 1,3 วิธีที่ 2 โกฐนาํ้ เตาผัดเหลา เตรียมโดยนาํ ตัวยาท่ีไดจากวิธีที่ 1 ใสในภาชนะท่ีเหมาะสม เติม เหลา เหลืองหรือเหลาขาวปรมิ าณพอเหมาะ แลวคลกุ เคลาใหเขา กัน จากน้ันนาํ ไปผัดโดยใชไ ฟออ น ๆ ผัด
Page 87 คมู ือการใชส มนุ ไพรไทย-จนี 77 จนกระทั่งตวั ยาแหง และมสี เี ขม นําออกจากเตา ตากใหแ หง ในท่ีรม (ใชเ หลาเหลอื งหรือเหลา ขาว 10 กิโลกรมั ตอ ตัวยา 100 กิโลกรมั )1,3 วิธีที่ 3 โกฐน้ําเตา ผดั น้ําสม เตรียมโดยนาํ ตัวยาท่ีไดจากวิธีที่ 1 ใสในภาชนะที่เหมาะสม เติม น้าํ สม (ซงึ่ ไดมาจากการหมกั กลน่ั ขาว) ปริมาณพอเหมาะ แลว คลุกเคลาใหเขา กนั จนกระทง่ั น้ําสม แทรกซึม เขาไปในเนื้อตัวยา จากน้ันนาํ ไปผัดโดยใชไฟระดับปานกลาง ผัดจนกระท่ังตัวยาแหง นําออกจากเตา ตากใหแ หงในทร่ี ม (ใชน า้ํ สม 15 กิโลกรัม ตอ ตัวยา 100 กิโลกรัม)1,3 วิธที ี่ 4 โกฐนา้ํ เตา ถาน เตรียมโดยนําตัวยาทไ่ี ดจ ากวธิ ที ี่ 1 ใสก ระทะ ผดั โดยใชไ ฟระดบั แรง ผดั จนกระทั่งผิวนอกของตวั ยามีสดี าํ เกรยี มเล็กนอย ภายในเปลยี่ นเปนสีน้าํ ตาลเขม พรมน้ําเลก็ นอ ย นาํ ออกจากเตา ตากใหแหงในทร่ี ม 1,3 วิธที ี่ 5 โกฐนาํ้ เตานึ่งเหลา เตรยี มโดยนาํ ตัวยาท่ีไดจ ากวธิ ที ี่ 1 มาคลกุ เคลาใหเ ขา กันกบั เหลา เหลอื งปรมิ าณพอเหมาะ หมักทิ้งไวป ระมาณ 1-2 ชว่ั โมง จนกระท่งั เหลาแทรกซมึ เขาไปในเนอื้ ตวั ยา แลว ใสใ นภาชนะนึ่งทม่ี ีฝาปดมิดชิด นง่ึ ประมาณ 24-32 ชั่วโมง จนกระทัง่ มสี ดี าํ ท้งั ดานนอกและเน้ือในของ ตวั ยา นาํ ออกจากเตา และนาํ ไปทาํ ใหแ หง (ใชเ หลา เหลอื ง 30 กโิ ลกรัม ตอ ตวั ยา 100 กโิ ลกรมั )1,3 นอกจากการนงึ่ เหลาแลว โกฐน้ําเตา ยังสามารถนึ่งโดยไมตอ งใชส ารปรุงแตง เตรียมโดยนําตัวยา ทีไ่ ดจ ากวธิ ีท่ี 1 มาใสในภาชนะน่งึ ท่ีมีฝาปด มิดชดิ น่งึ จนกระทง่ั ตวั ยาดานนอกและเนื้อในมสี ดี าํ นาํ ออก จากเตา และนาํ ไปทาํ ใหแ หง1,3 หมายเหต:ุ เหลา เหลอื งผลติ จากขาว ขาวสาลี ขา วโพด มปี รมิ าณแอลกอฮอล 15-20% และเจือ ปนดวยนา้ํ ไขมนั กรดอะมิโน และแรธ าตุอ่ืน ๆ สว นเหลาขาวผลติ จากขาว ขา วสาลี มนั ฯลฯ โดยการ กลัน่ โดยมีปรมิ าณแอลกอฮอล 50-60% และเจือปนดว ยกรดอินทรยี ไขมัน ฯลฯ1 คณุ สมบัติของเหลารอ นแรง รสหวานเผด็ สรรพคุณเพิ่มการไหลเวยี นของเลอื ด ขับความเยน็ ดับกลิน่ และรส ชวยใหสารอินทรยี บางอยางละลายแตกตวั ไดด ขี น้ึ โดยทัว่ ไปเหลา ขาวใชในการเตรยี มยา ดอง เหลา เหลอื งมักใชใ นการเตรียมตัวยาพรอ มใช1 คุณภาพของตวั ยาจากลักษณะภายนอก: ตัวยาท่ีมีคุณภาพดี ผิวนอกตองมีสีน้าํ ตาลเหลือง มีนํา้ หนัก มีคุณสมบัติแข็งและเหนียว มี ลายเสน และมีจดุ ลักษณะเหมือนดาวชดั เจน มีน้าํ มัน มกี ล่นิ หอมจรงุ ใจ รสขมแตไ มฝ าด เมื่อเค้ยี วจะมี ลักษณะเหนยี ว4
Page 88 78 กรมพฒั นาการแพทยแผนไทยและการแพทยทางเลอื ก สรรพคณุ ตามตําราการแพทยแ ผนจีน: โกฐนา้ํ เตา รสขม เย็น มฤี ทธ์ิระบาย ขบั ของเสยี ตกคาง สรรพคุณแกข องเสยี ตกคา งภายใน กระเพาะอาหารและลาํ ไส (ทองผูกจากภาวะรอ น ตวั รอนจดั ) หยางของระบบมามไมเ พยี งพอ มีของเสยี และความเยน็ ตกคา ง ทําใหท อ งผกู อาหารตกคาง ปวดทองนอย ถายไมส ะดวก และมฤี ทธิ์ระบายความ รอน ขบั พษิ รอ น ขับพษิ ใชในผูปวยท่ีมีระบบโลหิตรอน (อาเจยี นเปน เลอื ด เลอื ดกําเดา ตาแดง คอบวม เหงือกบวม) ขบั พษิ รอน แผลฝห นองบวม นอกจากนี้ยงั มฤี ทธิช์ วยใหเลือดหมุนเวียน กระจายเลอื ดค่ัง ใชแกส ตรีประจาํ เดอื นไมมาเน่ืองจากมเี ลือดคัง่ แกฟกช้ํา ชาํ้ ใน เลอื ดคง่ั ปวด บวม เปนตน 1 โกฐนาํ้ เตาผัดเหลา มสี รรพคุณขบั พิษรอนในเลือด โดยเฉพาะสว นบนของรางกาย (ตัง้ แตล นิ้ ป ข้นึ ไป ไดแ ก ปอด หัวใจ)1 โกฐนาํ้ เตาผดั นาํ้ สม มีสรรพคณุ ขับของเสยี ตกคา งภายในกระเพาะอาหารและลําไส3 โกฐนา้ํ เตาถา น มสี รรพคุณระบายความรอ นในระบบเลอื ด ชว ยใหเ ลือดหมนุ เวยี น และหามเลอื ด1 โกฐนา้ํ เตาน่ึงเหลา มีสรรพคุณระบายความรอนและขับสารพิษ ชวยลดฤทธิ์ถายที่รุนแรงให 1 นอยลง สรรพคุณตามตําราการแพทยแผนไทย: โกฐน้าํ เตา รสฝาดมนั สุขมุ สรรพคณุ บาํ รุงธาตุ แกธ าตพุ กิ าร อาหารไมย อย ระบายทอง รูถา ย รูปด เอง แกท องเสยี ขับลมในลาํ ไส ขบั ปส สาวะและอจุ จาระใหเ ดนิ สะดวก แกต าเจบ็ แกรดิ สดี วงทวาร เปน ยาระบายท่ีดี ไมม ฤี ทธร์ิ ะคายเคืองลาํ ไส และยงั ชวยสมานลาํ ไสไ ดอ ีกดว ย5 ขนาดทใี่ ชและวธิ ีใช: การแพทยแ ผนจนี ใชขนาด 3-30 กรมั ตม เอาน้าํ ดมื่ 1 เนือ่ งจากโกฐนํ้าเตามฤี ทธ์ถิ ายรุนแรง ดงั น้นั เวลาตม ใหใสท หี ลงั และหากนําไปนึง่ กบั เหลา จะทาํ ใหฤทธ์ิถา ยนอยลง แตช ว ยปรบั การหมุนเวยี นของเลอื ดใหดีขน้ึ 1 ขอหา มใช ขอควรระวงั และอาการขางเคยี ง: การใชโกฐน้ําเตาเกินขนาดอาจทาํ ใหเกิดอาการปวดเฉียบพลันและมวนเกร็งในลําไสใหญและ อจุ จาระเหลวเหมือนนํา้ ดงั นน้ั ควรใชโ กฐนํ้าเตา เฉพาะเมอ่ื ไมส ามารถแกอ าการทองผกู ไดดว ยการปรับเปลย่ี น โภชนาการ หรอื ใชย าระบายชนิดเพิม่ กาก ในกรณที ีใ่ ชโ กฐนํ้าเตาแลว มีเลอื ดออกทางทวารหนัก หรอื เมื่อ ใชใ นขนาดสูงแลว ลําไสยังไมม ีการเคลอ่ื นไหว อาจบงถงึ ภาวะรุนแรงท่ีอาจเกิดอันตรายได นอกจากนน้ั การใชติดตอ กนั เปน เวลานานเกนิ กวาทก่ี ําหนดยงั อาจจะทาํ ใหล าํ ไสเ กดิ ความเคยชนิ ได และหา มใชโ กฐน้าํ เตา ในผปู ว ยทม่ี อี าการปวดเกรง็ หรอื ปวดเฉยี บพลนั ในชองทอง ไตอกั เสบ หรอื มอี าการปวดทอ ง คล่ืนไสอ าเจยี น
Page 89 คมู ือการใชสมุนไพรไทย-จนี 79 โดยไมท ราบสาเหต6ุ -8 ขอมูลวชิ าการท่เี ก่ยี วของ: 1. สารสาํ คัญในโกฐน้ําเตาโดยเฉพาะสารเซนโนไซด (sennosides) และสารเรอนิ โนไซด (rheinosides) มฤี ทธิเ์ ปน ยาถา ยโดยออกฤทธกิ์ ระตุนการบบี ตวั ของลาํ ไสใ หญ ชวยเรง การขบั กากอาหารออกจากลาํ ไสใหญ และเพ่มิ การซมึ ผา นของของเหลวผานเยอ่ื เมอื กลาํ ไสใ หญ ทาํ ใหมีปริมาณนาํ้ ในลาํ ไสใ หญมากขึน้ 9,10 และ แทนนนิ ในโกฐนาํ้ เตามีฤทธิฝ์ าดสมาน ทาํ ใหห ยดุ ถาย6 2. โกฐนาํ้ เตามีสรรพคณุ รกั ษาอาการทอ งผูก เลือดออกในระบบทางเดนิ อาหารสว นบนกระเพาะ อาหารและลําไสอ ักเสบเฉียบพลัน11 3. เม่อื ปอนสารสกดั โกฐนา้ํ เตาดวย 70% เมทานอลใหห นถู ีบจกั ร พบวาขนาดทที่ าํ ใหส ัตวท ดลอง ตายเปน จาํ นวนครึ่งหน่งึ มคี า มากกวา 2.0 กรมั /กิโลกรัม12 เมื่อคนรับประทานสารสกดั ดว ยนาํ้ ในขนาด 5 มิลลิลติ ร ไมพบพษิ ตอ ตับ13 เมื่อปอ นสารสกดั ใหหนูถีบจักรหรอื หนขู าวในขนาด 200 มลิ ลกิ รมั /กิโลกรมั ไมพ บพิษ14 เอกสารอางอิง 1. The State Pharmacopoeia Commission of P.R. China. Pharmacopoeia of the People’s Republic of China. Vol.I. English Edition. Beijing: People’s Medical Publishing House, 2005. 2. ลนี า ผูพัฒนพงศ, กองกานดา ชยามฤต, ธีรวัฒน บญุ ทวีคุณ (คณะบรรณาธิการ). ช่ือพรรณไมแ หง ประเทศไทย (เตม็ สมติ ินันทน ฉบับแกไขเพ่ิมเตมิ พ.ศ. 2544). สํานกั วิชาการปา ไม. กรมปา ไม. พมิ พค รัง้ ที่ 2. กรุงเทพมหานคร : บรษิ ัท ประชาชน จาํ กดั , 2544. 3. Gong QF. Zhongyao Paozhi Xue. 2nd ed. Beijing: National Chinese Traditional Medicine Publishing House, 2003. 4. Liu TS, Pan QP, Zhou YS, Wu ZY. XiuZhen Zhongyaoyinpian Caise Tuben. 1st ed. Hunan: Hunan Science & Technology Publishing House, 2006. 5. วฒุ ิ วุฒธิ รรมเวช. คัมภรี เภสชั รตั นโกสินทร. กรุงเทพมหานคร : บริษัท ศิลปส ยามบรรจภุ ัณฑและการพิมพ จํากัด, 2547. 6. World Health Organization. WHO monograph on selected medicinal plants. Vol. 1. Geneva: World Health Organization, 1999. 7. Reynolds JEF (ed.). Martindale: The extra pharmacopoeia. 30th ed.. London: Pharmaceutical Press, 1993. 8. Blumenthal M, Busse WR, Goldberg A, Gruenwald J, Hall T, Riggins CW, Rister RS (eds.) The complete German Commission E monographs, Therapeutic guide to herbal medicine. Austin (TX): American Botanical Council, 1988. 9. Leng-Peschlow E. Dual effect of orally administered sennosides on large intestine transit and fluid absorption in the rat. J Pharm Pharmacol. 1986; 38: 606-10. 10. De Witte P. Metabolism and pharmacokinetics of anthranoids, Pharmacology. 1993; 47 (Suppl. 1): 86-97. 11. Li R, Wang BX. Radix et Rhizomarbei: da huang. In: Wang BX, Ma JK, Zheng WL, Qu SY, Li R, Li YK (eds.). Modern study of pharmacology in traditional Chinese medicine. 2nd ed. Tianjin: Tianjin Science & Technology Press, 1999. 12. Lee EB. Teratogenicity of the extracts of crude drugs. Korean J Pharmacog 1982; 13: 116-21. 13. Yang SH. Influence of Artemisia-Rheum-Gardeniae (A.R.G.) and Coptidis Rhizoma on neonatal jaundice in Chinese newborn infants-preliminary observations. Thesis-MS, College Trad Chinese Med 1982; 24 pp. 14. Brocq-Rousseau D. Rhubarb poisoning. Bull Acad Med 1941; 124: 605-11.
Page 90 80 กรมพฒั นาการแพทยแ ผนไทยและการแพทยทางเลือก โกฐสอ: Baizhi (白芷) โกฐสอ หรือ ไปจื่อ คือ รากแหงของพชื ที่มีชือ่ วทิ ยาศาสตรว า Angelica dahurica (Fisch.ex Hoffm.) Benth. et Hook. f. หรือ A. dahurica (Fisch.ex Hoffm.) Benth. et Hook. f. var. formosana (Boiss.) Shan et Yuan วงศ Umbelliferae1 2 เซนติเมตร 2 เซนติเมตร โกฐสอ (Radix Angelicae Dahuricae) ชื่อไทย: โกฐสอ (ท่ัวไป); โกฐสอจีน2,3 ช่ือจีน: ไปจ ่ือ (จนี กลาง), แปะจี้ (จนี แตจ ิ๋ว)1 ช่ืออังกฤษ: Dahurian Angelica Root1 ช่ือเคร่ืองยา: Radix Angelicae Dahuricae1 การเก็บเกีย่ วและการปฏิบัตหิ ลังการเกบ็ เก่ียว: เก็บเกี่ยวรากในฤดรู อ นถึงฤดใู บไมร วงเมื่อใบเรมิ่ เปลีย่ นเปน สีเหลือง แยกเอารากแขนง ดนิ และ 1 ทรายออก ตากแดดหรือทาํ ใหแ หงที่อณุ หภูมิตาํ่ เกบ็ รกั ษาไวใ นทม่ี อี ากาศเยน็ และแหง มกี ารระบายอากาศดี การเตรยี มตัวยาพรอมใช: นําวตั ถดุ ิบสมนุ ไพรทไ่ี ดม าลางนาํ้ ใหสะอาด แลวแชน ้ํานานประมาณ 1-2 ชว่ั โมง นําออกมาผ่งึ ใหแหงหมาด ๆ หนั่ เปนแวนหนา ๆ และนําไปทําใหแ หง 1,4 คุณภาพของตวั ยาจากลักษณะภายนอก: ตวั ยาที่มคี ณุ ภาพดี ตอ งมสี ขี าว เนื้อแข็ง มนี ํา้ หนกั มีแปงมาก มีกลิ่นหอม รสชาติเขม ขน 5
Page 91 คูมือการใชสมุนไพรไทย-จนี 81 สรรพคุณตามตาํ ราการแพทยแผนจีน: โกฐสอ รสเผ็ด อุน มฤี ทธข์ิ บั เหงอื่ แกอาการหวดั จากการกระทบลมเย็นภายนอก (ปวดศรี ษะ คดั จมกู ) มฤี ทธิ์เปด ทวาร บรรเทาปวด แกอ าการปวดศรี ษะ (โดยเฉพาะอาการปวดศีรษะดา นหนา ) ปวด ฟน ลดอาการคดั จมูกจากไขหวดั หรอื โรคโพรงอากาศอกั เสบ นอกจากนี้ยงั มฤี ทธ์ลิ ดบวม ขบั หนอง แก พษิ แผลฝห นอง บวมเปน พษิ 1,6 สรรพคณุ ตามตําราการแพทยแผนไทย: โกฐสอ มกี ลิ่นหอม รสขมมนั มีสรรพคณุ แกไข แกห ืด แกไอ บาํ รงุ หวั ใจ แกเ สมหะเปนพิษ แก 6-8 สะอกึ แกห ลอดลมอกั เสบ แกไ ขจ บั สนั่ ขนาดท่ีใชและวิธีใช: การแพทยแผนจีน ใชข นาด 3-9 กรัม ตม เอานํ้าดื่ม1 ขอมลู วิชาการท่เี กย่ี วของ: 1. สาร byakangelicol และ imperatorin ทแ่ี ยกไดจากโกฐสอมีฤทธต์ิ า นการอักเสบในหนู 9,10 สว นสาร byakangelicol, byakangelicin, oxypeucedanin และ imperatorin มีฤทธิ์ ทดลอง ปกปอ งตับจากสาร tacrine ในหลอดทดลอง11 2. สาร angelicotoxin ทแ่ี ยกไดจากโกฐสอ เมื่อใชใ นปริมาณนอ ยมฤี ทธกิ์ ระตุนศนู ยก ารหายใจ และประสาทสว นกลาง ทาํ ใหอ ตั ราการหายใจเร็วขึ้น ทาํ ใหความดันโลหติ สงู ขนึ้ และทาํ ใหอ าเจยี น และ หากใชในปรมิ าณมากจะทําใหช ักและเกดิ อมั พาต12 3. จากการศกึ ษาพิษเฉียบพลันในหนถู ีบจักรของสารสกดั 50% แอลกอฮอลจ ากเหงาโกฐสอ พบวาคา LD50 มีคามากกวา 10 กรมั /กิโลกรัม เมอ่ื ใหโ ดยการปอนหรือฉีดเขาใตผ ิวหนงั 13 เอกสารอางองิ 1. The State Pharmacopoeia Commission of P.R. China. Pharmacopoeia of the People’s Republic of China. Vol.I. English Edition. Beijing: People’s Medical Publishing House, 2005. 2. ลนี า ผูพ ัฒนพงศ, กองกานดา ชยามฤต, ธรี วัฒน บุญทวคี ุณ (คณะบรรณาธกิ าร). ช่ือพรรณไมแ หง ประเทศไทย (เต็ม สมิตินนั ทน ฉบบั แกไ ขเพม่ิ เติม พ.ศ. 2544). สํานกั วชิ าการปา ไม. กรมปา ไม. พิมพค ร้งั ที่ 2. กรงุ เทพมหานคร : บรษิ ัท ประชาชน จาํ กดั , 2544. 3. ชยันต พเิ ชียรสนุ ทร, แมน มาส ชวลติ , วิเชยี ร จรี วงศ. คาํ อธิบายตาํ ราพระโอสถพระนารายณ. พมิ พค รั้งที่ 2. กรุงเทพมหานคร : สํานกั พิมพอมรนิ ทร, 2548. 4. Mei XH. Shiyong Zhongyao Paozhi Zhinan. 1st ed. Hubei: Hubei Science & Technology Publishing House, 2005. 5. Liu TS, Pan QP, Zhou YS, Wu ZY. XiuZhen Zhongyaoyinpian Caise Tuben. 1st ed. Hunan: Hunan Science & Technology Publishing House, 2006. 6. เยน็ จิตร เตชะดาํ รงสิน. การพัฒนาสมุนไพรแบบบรู ณาการ. กรงุ เทพมหานคร : สาํ นักงานกจิ การโรงพิมพ องคการทหารผานศึกใน พระบรมราชูปถมั ภ, 2550.
Page 92 82 กรมพัฒนาการแพทยแ ผนไทยและการแพทยทางเลือก 7. เสง่ียม พงษบ ุญรอด. ไมเ ทศ เมอื งไทย. กรุงเทพมหานคร : เกษมบรรณากิจ, 2514. 8. วฒุ ิ วุฒิธรรมเวช. คัมภรี เภสชั รัตนโกสนิ ทร. กรุงเทพมหานคร : บรษิ ทั ศิลปสยามบรรจุภัณฑแ ละการพิมพ จํากัด, 2547. 9. Lin CH, Chang CW, Wang CC, Chang MS, Yang LL. Byakangelicol, isolated from Angelica dahurica, inhibits both the activity and induction of cyclooxygenase-2 in human pulmonary epithelial cells. J Pharm Pharmacol 2002; 54(9): 1271-8. 10. Kang OH, Lee GH, Choi HJ, Park PS, Chae HS, Jeong SI, Kim YC, Sohn DH, Park H, Lee JH, Kwon DY. Ethyl acetate extract from Angelica Dahuricae Radix inhibits lipopolysaccharide-induced production of nitric oxide, prostaglandin E2 and tumor necrosis factor-alphavia mitogen-activated protein kinases and nuclear factor-kappa B in macrophages. Pharmacol Res 2007; 55(4): 263-70. 11. Oh H, Lee HS, Kim T, Chai KY, Chung HT, Kwon TO, Jun JY, Jeong OS, Kim YC, Yun YG. Furocoumarins from Angelica dahurica with hepatoprotective activity on tacrine-induced cytoxocity in Hep G2 cells. Planta Med 2002; 68(5): 463-4. 12. Yeung HC. Handbook of Chinese Herbs (Chinese Materia Medica). California: Los Angeles County, 1996. 13. มงคล โมกขะสมิต, กมล สวัสดีมงคล, ประยุทธ สาตราวาหะ. การศึกษาพิษของสมุนไพรไทย. ใน: ปราณี ชวลิตธาํ รง, ทรงพล ชีวะพัฒน, เอมมนัส อัตตวชิ ญ (คณะบรรณาธกิ าร). ประมวลผลงานวิจัยดา นพิษวิทยาของสถาบันวิจัยสมนุ ไพร เลม 1. พมิ พคร้ังที่ 1. กรมวิทยาศาสตรก ารแพทย กระทรวงสาธารณสขุ . กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพก ารศาสนา, 2546.
Page 93 คูมือการใชส มุนไพรไทย-จนี 83 โกฐหัวบัว: Chuanxiong (川芎) โกฐหัวบวั หรอื ชวนซฺยง คอื เหงาแหง ของพชื ท่มี ีช่ือวิทยาศาสตรวา Ligusticum chuanxiong Hort. วงศ Umbelliferae1 3 เซนตเิ มตร 2 เซนติเมตร โกฐหัวบัว (Rhizoma Chuanxiong) ชือ่ ไทย: โกฐหวั บัว (ทัว่ ไป)2,3 ชอ่ื จนี : ชวนซยฺ ง (จีนกลาง), ชวนเกยี ง (จนี แตจิ๋ว)1 ชอ่ื อังกฤษ: Szechwan Lovage Rhizome1 ชอ่ื เครอ่ื งยา: Rhizoma Chuanxiong1 การเก็บเก่ยี วและการปฏิบตั หิ ลงั การเก็บเกี่ยว: เก็บเกยี่ วเหงาสดในฤดูรอ นเมอ่ื ตาของลําตนเรมิ่ เหน็ เปนตมุ ชดั เจนและมีสมี ว งออ น ๆ แยกลาํ ตน ใบ และดนิ ออก นําไปตากในทรี่ มจนตวั ยาแหง ประมาณรอ ยละ 50 แลวนําไปปงไฟออ น ๆ จนกระท่งั แหง แยกเอารากฝอยท้งิ เก็บรักษาไวในทม่ี อี ากาศเย็นและแหง มีการระบายอากาศดี1 การเตรยี มตวั ยาพรอมใช: การเตรยี มตวั ยาพรอ มใชมี 2 วธิ ี ดงั น้ี วิธีที่ 1 โกฐหัวบัว เตรียมโดยนําวัตถุดิบสมุนไพรที่ได มาแชนํา้ สักครู ลางนา้ํ ใหสะอาด ใส 1,4 ภาชนะปดฝาไวเพื่อใหออนนมุ หน่ั เปนแวน บาง ๆ และนําไปทําใหแหง วธิ ีที่ 2 โกฐหวั บวั ผดั เหลา เตรยี มโดยนําตวั ยาทไ่ี ดจ ากวธิ ีที่ 1 ใสใ นภาชนะที่เหมาะสม เตมิ เหลา เหลืองปริมาณพอเหมาะ แลว คลกุ เคลาใหเ ขากนั หมกั ไวจนกระทงั่ เหลาแทรกซมึ เขา ในเนือ้ ตัวยา จากนั้น
Page 94 84 กรมพฒั นาการแพทยแผนไทยและการแพทยทางเลือก นําไปผดั โดยใชไ ฟระดบั ปานกลาง ผัดจนกระทั่งตวั ยามสี เี หลืองอมนํ้าตาล นําออกจากเตา ตากใหแ หงใน ทีร่ ม (ใชเหลาเหลอื ง 10 กโิ ลกรมั ตอ ตวั ยา 100 กโิ ลกรมั )1,4 คุณภาพของตวั ยาจากลักษณะภายนอก: ตัวยาที่มคี ณุ ภาพดี ตองเปน แวน ขนาดใหญ อวบอิม่ เนอื้ แขง็ มีกล่นิ หอมฉุน และมีนํ้ามันมาก5 สรรพคุณตามตําราการแพทยแผนจีน: โกฐหัวบัว รสเผ็ด อุน มีฤทธ์ิชวยการไหลเวียนของชี่และเลือด รักษาอาการปวดจากเลือดคั่ง กระจายการตบี ของเสนเลอื ด (ประจาํ เดอื นมาไมเ ปนปกติ ปวดประจาํ เดือน ขับนํา้ คาวปลาหลงั คลอด เจบ็ ชายโครง เจบ็ บริเวณหวั ใจ เจ็บหนาอก เจบ็ จากการฟกช้าํ ชาํ้ บวมจากฝห นอง) และมีฤทธข์ิ บั ลม บรรเทา ปวด รกั ษาอาการปวดศรี ษะ อาการปวดจากการค่ังของชีแ่ ละเลอื ด1,4 โกฐหวั บวั ผัดเหลา จะชว ยนําตวั ยาขึ้นสว นบนของรางกาย มฤี ทธแิ์ รงในการระงบั ปวด ชวยใหการ ไหลเวยี นของเลอื ดและชีภ่ ายในรางกายดีขน้ึ โดยทว่ั ไปใชร กั ษาอาการปวดศรี ษะจากการค่ังของเลอื ด และ โรคไมเกรน4 สรรพคุณตามตาํ ราการแพทยแผนไทย: โกฐหัวบัว มีกล่ินหอม รสมัน สรรพคุณแกลมในกองรดิ สีดวง และกระจายลมทง้ั ปวง (หมายถึง ลมทีค่ ั่งอยูใ นลําไสเ ปนตอน ๆ ทาํ ใหผ ายหรอื เรอออกมา) ยาไทยมักไมใชโกฐหัวบัวเดี่ยว แตมักใชรว มกับ ยาอ่ืนในตาํ รับ3 ขนาดท่ีใชและวธิ ีใช: การแพทยแ ผนจนี ใชข นาด 3-9 กรมั 1 ตมเอานํา้ ดื่ม ขอ มลู วชิ าการท่เี กีย่ วขอ ง: 1. สารสกัดนํ้าเม่อื ใหทางปากหนขู าวในขนาดเทียบเทาผงยา 25-50 กรมั /กิโลกรมั มีฤทธส์ิ งบ ประสาท และจะเห็นผลชัดเจนขึ้นในหนถู บี จกั ร สารสกัดมีฤทธิ์ลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด6 โกฐหัวบวั ในขนาดตาํ่ ๆ มฤี ทธ์ิกระตุน การบบี ตัวของมดลกู ของกระตา ย แตเ มอ่ื ใหใ นขนาดสงู จะยับย้งั การบีบตัว อยา งสมบูรณ7 2. โกฐหัวบวั มปี ระสิทธภิ าพในการยบั ย้งั การรวมตัวของเกลด็ เลือด8 บรรเทาอาการปวดหลงั คลอด ชวยใหร กหรือเนอ้ื เยอ่ื ของมดลกู ท่ีตายแลว ถกู ขบั ออกมาไดดี สารสกดั มีฤทธ์ิเพม่ิ การบีบตวั ของมดลูก ทําให ประจาํ เดอื นมาเร็วขนึ้ จงึ ไมแ นะนาํ ใหใ ชข ณะมีอาการปวดประจาํ เดือน หรือโรคทีเ่ ก่ียวกบั การตกเลอื ดอ่นื ๆ3
Page 95 คมู ือการใชส มนุ ไพรไทย-จนี 85 3. การศกึ ษาพษิ เฉยี บพลันโดยฉดี สารสกดั น้ําเขาชอ งทองและกลา มเน้ือหนูถีบจกั ร พบวาขนาด ของสารสกัดท่ีทาํ ใหห นถู บี จกั รตายรอยละ 50 (LD50) มีคาเทากับ 65.86 และ 66.42 กรมั /กิโลกรมั ตามลาํ ดับ9 กรมวทิ ยาศาสตรการแพทย กระทรวงสาธารณสขุ ไดศึกษาพษิ เฉียบพลนั ในหนูถบี จกั รของ สารสกัด 50% แอลกอฮอลจากเหงา โกฐหวั บวั พบวาคา LD50 มีคา มากกวา 10 กรมั /กิโลกรมั เม่อื ให โดยการปอนหรือฉดี เขาใตผวิ หนัง10 เอกสารอางอิง 1. The State Pharmacopoeia Commission of P.R. China. Pharmacopoeia of the People’s Republic of China. Vol.I. English Edition. Beijing: People’s Medical Publishing House, 2005. 2. ชยนั ต พิเชยี รสุนทร, แมน มาส ชวลิต, วเิ ชียร จีรวงศ. คําอธิบายตําราพระโอสถพระนารายณ. พมิ พคร้ังที่ 2. กรงุ เทพมหานคร : สาํ นักพิมพอมรินทร, 2548. 3. เย็นจติ ร เตชะดํารงสิน. การพฒั นาสมนุ ไพรแบบบูรณาการ. กรุงเทพมหานคร : สํานักงานกจิ การโรงพิมพ องคก ารทหารผานศกึ ใน พระบรมราชปู ถัมภ, 2550. 4. Gong QF. Zhongyao Paozhi Xue. 2nd ed. Beijing: National Chinese Traditional Medicine Publishing House, 2003. 5. Liu TS, Pan QP, Zhou YS, Wu ZY. XiuZhen Zhongyaoyinpian Caise Tuben. 1st ed. Hunan: Hunan Science & Technology Publishing House, 2006. 6. Huang KC. The pharmacology of Chinese herbs. 2nd ed. Boca Raton: CRC Press, 1993. 7. Bensky D, Gamble A. Chinese herbal medicine: Materia medica, Revised edition. Washington: Eastland Press, 1993. 8. Ye DJ, Zhang SC, Huang WL, Pan SH, Gong QF, Chen Q. Processing of traditional Chinese medicine. 7th ed. Shanghai: Publishing House of Shanghai College of Traditional Chinese Medicine, 2001. 9. Li R. Rhizoma Chuan Xiong. In: Wang BX, Ma JK, Zheng WL, Qu SY, Li R, Li YK (eds.). Modern study of pharmacology in traditional medicine. 2nd ed. Tianjin: Tianjin Science & Technology Press, 1999. 10. มงคล โมกขะสมิต, กมล สวัสดีมงคล, ประยุทธ สาตราวาหะ. การศกึ ษาพิษของสมุนไพรไทย. ใน: ปราณี ชวลิตธํารง, ทรงพล ชีวะพัฒน, เอมมนัส อตั ตวชิ ญ (คณะบรรณาธิการ). ประมวลผลงานวจิ ัยดานพิษวิทยาของสถาบันวจิ ัยสมุนไพร เลม 1. พิมพค ร้ังที่ 1. กรมวทิ ยาศาสตรการแพทย กระทรวงสาธารณสุข. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพการศาสนา, 2546.
Page 96 86 กรมพฒั นาการแพทยแ ผนไทยและการแพทยทางเลอื ก ขิง: Jiang (姜) ขงิ หรือ เจียง คือ เหงา ของพชื ทมี่ ีชอ่ื วทิ ยาศาสตรว า Zingiber officinale (Willd.) Rosc. วงศ Zingiberaceae1 ขิงสด (Rhizoma Zingiberis Recens3)เซนตเิ มตร 3 เซนติเมตร ขิงแหง (Rhizoma Zingiberis) 2 เซนตเิ มตร ขิงปง (Rhizoma Zingiberis Preparatum) ชอื่ ไทย: ขิง, ขงิ แกลง, ขิงแดง (จันทบุร)ี ; ขงิ เผอื ก (เชียงใหม) ; สะเอ (กระเหรี่ยงแมฮองสอน)2 ชอ่ื จีน: เจยี ง (จีนกลาง), เกีย (จีนแตจว๋ิ )1 ชื่ออังกฤษ: Zingiber (Dried Ginger)1 ช่ือเครอ่ื งยา: Rhizoma Zingiberis1 การเกบ็ เก่ียวและการปฏบิ ตั หิ ลังการเก็บเก่ียว: เก็บเกย่ี วเหงา ในฤดหู นาวเม่อื ใบเห่ยี วเฉา แยกเอาใบ รากฝอย ดินและทรายออก ตากแดดหรอื ทาํ ใหแ หง ท่ีอณุ หภมู ติ าํ่ เก็บรักษาไวใ นที่มอี ากาศเยน็ และแหง มีการระบายอากาศด1ี
Page 97 คมู อื การใชส มุนไพรไทย-จีน 87 การเตรยี มตัวยาพรอมใช: การเตรยี มตวั ยาพรอมใชมี 3 วธิ ี ดงั นี้ วิธีท่ี 1 ขิงแหง เตรยี มโดยนําวัตถุดิบสมุนไพรมาลางนํ้าใหส ะอาด หมกั ไวจนกระทั่งนํ้าแทรกซึม เขาไปในเนอ้ื ตัวยา หัน่ เปน แวน หนา ๆ หรือเปนช้นิ ๆ นําไปตากใหแ หง ในท่รี ม 1,3 วิธีที่ 2 ขิงปง (ขิงคั่ว) เตรียมโดยนาํ ทรายที่สะอาดใสในภาชนะที่เหมาะสม ใหความรอนท่ี อุณหภูมสิ ูง เตมิ ตัวยาที่ไดจากวธิ ที ่ี 1 ลงไป คนอยา งสมา่ํ เสมอ จนกระทัง่ ตวั ยากรอบ ผิวดา นนอกเปน สีนา้ํ ตาลดาํ นาํ ออกจากเตา ต้ังทง้ิ ใหเ ยน็ 3 วิธที ่ี 3 ขิงถา น เตรียมโดยนําตวั ยาที่ไดจ ากวธิ ที ี่ 1 ใสก ระทะ นําไปผดั โดยใชไ ฟแรง ผดั จนกระทง่ั ผิวนอกของตัวยามสี ีดาํ ไหม เน้อื ในเปลีย่ นเปน สีน้าํ ตาลเขม พรมน้ําเลก็ นอ ย นําออกจากเตา ท้งิ ไวใ หเยน็ 3 คุณภาพของตวั ยาจากลักษณะภายนอก: 4 ตวั ยาที่มีคณุ ภาพดี จะตองเปนชน้ิ ใหญ สมบูรณ และอวบหนา สรรพคณุ ตามตาํ ราการแพทยแ ผนจีน: ขงิ สด รสเผด็ อนุ มฤี ทธิข์ บั เหง่ือ กระทงุ พิษ สรรพคณุ แกห วัดจากการกระทบความเย็น มฤี ทธ์ิ ใหค วามอบอุนแกกระเพาะอาหาร แกอาการคลน่ื ไสอ าเจยี นจากภาวะท่ีกระเพาะมคี วามเย็นสงู มฤี ทธใ์ิ ห ความอบอนุ แกปอด ระงับไอ แกไอจากการกระทบความเย็น1 ขิงแหง รสเผ็ด รอน มฤี ทธิเ์ สรมิ ความอบอนุ ขบั ความเยน็ และฟนฟหู ยางชีข่ องมามและกระเพาะ อาหาร สมานระบบกระเพาะอาหารทาํ ใหชี่ลงต่ํา ระงับอาการคลนื่ ไสอ าเจียน1,3 ขิงปง รสเผ็ด อนุ มีฤทธิ์ใหค วามอบอุนแกเสนลมปราณ หามเลือด ใชร กั ษาอาการเย็นพรองแลว อาเจยี นเปน เลือด ถายเปนเลือด ตกเลือดทง้ั เฉียบพลันและเรอ้ื รัง นอกจากนย้ี ังมฤี ทธใ์ิ หความอบอนุ แก กระเพาะอาหาร แกป วด หยดุ ถาย1,3 ขิงถา น รสขม อุน มีฤทธิ์หามเลือดแรงกวา ขงิ ปง แตฤทธ์ิใหความอบอุนแกเ สนลมปราณออนกวา 3 ขงิ ปง จงึ ใชร ักษาอาการเยน็ พรอ งแลว ทําใหเลอื ดออก เชน เลอื ดออกมาก และเลือดออกชนดิ เฉียบพลัน สรรพคุณตามตาํ ราการแพทยแ ผนไทย: ขิงสด รสหวาน เผ็ดรอ น มีสรรพคุณแกปวดทอง บาํ รุงธาตุ ขบั ลมในลําไสใหผ ายออกและเรอ5,6 ขงิ แหง รสหวาน เผ็ดรอน สรรพคณุ แกไ ข แกล ม แกจกุ เสยี ด แกเ สมหะ บํารุงธาตุ แกค ลื่นเหยี น อาเจียน5,6 ขนาดท่ีใชแ ละวธิ ใี ช: การแพทยแผนจนี ใชข นาด 3-9 กรัม ตมเอาน้ําด่ืม1
Page 98 88 กรมพัฒนาการแพทยแผนไทยและการแพทยทางเลอื ก การแพทยแ ผนไทย ใชเ หงา แก 5 กรมั ทบุ พอแตก ฝานเปน แวน ๆ ชงนํา้ รอน 1 ถว ย ปดฝา ไว 5 นาที ใชนา้ํ ท่ีชงไดดมื่ วนั ละ 3 ครง้ั หลังอาหาร หรือใชผงขงิ แหง 0.6 กรัม ชงน้ําดม่ื หลังอาหาร แก คลน่ื ไสอาเจียน แกจุกเสยี ด แนนเฟอ ใชเ หงาสดตาํ คั้นเอาน้ําผสมกบั มะนาว เติมเกลือเลก็ นอย ใชกวาด คอหรือจิบแกไ อ ขบั เสมหะ5,7,8 ขอหา มใช ขอควรระวัง และอาการขางเคยี ง: น้าํ ขิงทีเ่ ขมขน จะออกฤทธติ์ รงขา มกนั ควรใชใ นปรมิ าณทไ่ี มเ ขม ขนเกนิ ไป (การแพทยแ ผนไทย)5 ขอมลู วชิ าการทเี่ กีย่ วขอ ง: 1. นํ้าค้นั ขิงสดมีฤทธติ์ า นการอาเจียนไดผ ลดี และนาํ้ คนั้ ในระดบั ความเขมขน ตา่ํ ๆ จะเพมิ่ แรง บบี ตัวของลําไสห นูโดยไมท าํ ใหค วามตงึ ตวั ของลําไสเ ปลยี่ นแปลง แตในระดบั ความเขม ขน สงู ๆ จะลดแรง 7 บบี ตวั และความตึงตัวของลาํ ไสอ ยา งชัดเจน รวมท้ังสามารถเพมิ่ แรงบีบตวั ของลาํ ไสเล็กสนุ ัข นอกจากน้นี ํ้า คนั้ ขงิ แกย งั มฤี ทธิ์ยบั ยงั้ เช้อื ราในชอ งปาก9 2. เมอ่ื ใหสารสกัด 50 % แอลกอฮอลท างปากหนูถบี จักรในขนาด 25 มิลลกิ รมั /กิโลกรัม เปน เวลาติดตอ กัน 7 วัน พบวา มีฤทธิ์กระตุน ภมู คิ ุมกัน เม่อื ใหในขนาด 200 มลิ ลิกรัม/กิโลกรัม พบวามีฤทธ์ิ ระงับปวดไดอยางมีนัยสําคัญ และเม่ือใหสารสกัดดังกลาวทางปากกระตายในขนาด 500 มิลลกิ รัม/ กิโลกรัม พบวามฤี ทธ์ลิ ดไขมันในเลือดและมฤี ทธ์ติ านการเกิดภาวะหลอดเลอื ดแข็ง สารสกัดอะซีโตนหรอื 50% แอลกอฮอล เมอ่ื ใหแกส ุนัขทางปากในขนาด 25, 50, 100 และ 200 มิลลิกรัม/กโิ ลกรมั สามารถลด จาํ นวนคร้งั ของการอาเจยี นท่ีเกิดจากยาตา นมะเรง็ ได สวนผลตอ การชะลอการเร่ิมเกิดการอาเจยี นครั้งแรก นั้น เฉพาะสารสกดั อะซโี ตนขนาด 100 มิลลิกรมั /กโิ ลกรมั หรือสารสกดั 50% แอลกอฮอลข นาด 25, 50 และ 100 มลิ ลิกรัม/กิโลกรัม เทาน้นั ท่สี ามารถชะลอการเริม่ เกดิ การอาเจยี นไดอยา งมีนยั สําคัญ10 3. ขิงสดมีสรรพคณุ รักษาโรคไขห วดั จากการกระทบลมเย็น แกคลื่นไสอ าเจยี น แกกระเพาะ อาหารอักเสบเรื้อรงั แกทองเสยี 11 4. ผงขิงในขนาด 940 มิลลิกรัม มีประสิทธิภาพในการปองกันและลดอาการเมารถเมาเรอื ไดดี เม่ือใหห ญิงมคี รรภร บั ประทานขงิ ผงบรรจแุ คปซลู ขนาด 1 กรัม นาน 4 วัน ใหผลในการตานการ อาเจียนเน่ืองจากตง้ั ครรภ และไมพบอาการขางเคียงแตประการใด8 นอกจากน้ียังพบวาขงิ ชวยบรรเทา อาการปวดและลดการบวมของขอ และยงั ทําใหก ารทํางานของขอ ฟนตัวดขี นึ้ ในผปู ว ยโรคปวดขอรูมาตอยด และผูปวยที่มอี าการปวดหลังเรอ้ื รัง11 5. การทดสอบความเปน พษิ พบวา เมอื่ ฉีดนํ้าคนั้ ขิงสดที่มีความเขมขน 20% เขาหลอดเลือดดาํ หนูถีบจกั ร ขนาดท่ที าํ ใหห นูถบี จักรตายรอยละ 50 (LD50) มคี า เทา กบั 1500 มลิ ลกิ รัม/กิโลกรัม อาการ
Page 99 คูม ือการใชส มนุ ไพรไทย-จีน 89 พิษที่ทําใหส ตั วต าย คอื ชกั และหยดุ หายใจ12 เมอ่ื ปอนสารสกัด 80% แอลกอฮอล ขนาด 3 กรมั /กโิ ลกรัม 13 การใชส ารสกัด 50% หรือ 90% แอลกอฮอล ฉีดเขา ชอ งทองหนู จะทาํ ใหเกิดอาการพิษในหนูถบี จกั ร ถีบจกั ร ขนาดที่ทําใหสตั วท ดลองตาย 50% เทา กับ 178 และ 1,000 มลิ ลิกรมั /กิโลกรมั 14,15 ตามลาํ ดบั การฉดี สารสกดั 90% แอลกอฮอลเขาหลอดเลอื ดดํากระตายขนาด 2 มิลลลิ ติ ร ทําใหกระตายตาย16 สาร สกัดดว ยอเี ทอรเ ม่อื ใหผ ูใหญรบั ประทานมีอาการพษิ เกดิ ข้นึ ได1 7 6. ยังไมพบรายงานเก่ียวกับการเกิดพิษจากการใชขิงแหงเพียงอยางเดยี ว และผลการศึกษา ทางคลินิกในผปู ว ยกลมุ ตาง ๆ ไมพบวาขงิ กอใหเ กดิ อาการพิษแตอยา งใด เม่อื ใหส ารสกดั ขงิ ดว ยน้าํ มันงา ในขนาดสงู ถงึ 1 กรัม/กิโลกรัม แกหนูขาวทตี่ ง้ั ทองในชว งที่ตวั ออ นมีการสรางอวยั วะ ไมพบพิษตอ ตวั แม และตัวออ นในทอง10 7. ขิงสดปงมีสรรพคณุ แกค ลน่ื ไสอาเจยี น แกกระเพาะอาหารอกั เสบเร้ือรัง แกท องเสีย11 เอกสารอางองิ 1. The State Pharmacopoeia Commission of P.R. China. Pharmacopoeia of the People’s Republic of China. Vol.I. English Edition. Beijing: People’s Medical Publishing House, 2005. 2. ลนี า ผูพฒั นพงศ, กองกานดา ชยามฤต, ธีรวฒั น บญุ ทวีคณุ (คณะบรรณาธกิ าร). ช่ือพรรณไมแ หงประเทศไทย (เต็ม สมติ ินันทน 3. ฉGบoบัnแgกQไ ขFเ.พม่ิ Zเตhoิมnพgy.ศa.o2P5a4o4z).hiสXํานuักeว. ชิ 2าnกdาeรdป.า ไมB. eiกjiรnมgป: าNไมat. ioพnิมalพCคhรi้ังnทeี่ s2e. กTรrุงaเdทiพtioมnหaาlนMครe:diบcรinิษeัทPปuรbะlชisาชhนingจําHกดัou, s2e5,4240.03. 4. Liu TS, Pan QP, Zhou YS, Wu ZY. XiuZhen Zhongyaoyinpian Caise Tuben. 1st ed. Hunan: Hunan Science & Technology Publishing House, 2006. 5. วุฒิ วุฒธิ รรมเวช. คัมภีรเภสชั รตั นโกสินทร. กรุงเทพมหานคร : บรษิ ัท ศลิ ปส ยามบรรจุภัณฑแ ละการพิมพ จํากดั , 2547. 6. ชยนั ต พิเชียรสุนทร, แมนมาส ชวลติ , วิเชียร จีรวงศ. คาํ อธิบายตําราพระโอสถพระนารายณ. พมิ พครง้ั ที่ 2. กรงุ เทพมหานคร : สาํ นกั พมิ พอมรินทร, 2548. 7. สํานักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสขุ . คูมอื การใชสมุนไพร เลม 1. กรงุ เทพมหานคร : หจก. เอช-เอน การพิมพ, 2527. 8. วนั ดี กฤษณพันธ, เอมอร โสมนะพันธุ, เสาวณี สุรยิ าภณานนท. สมนุ ไพรในสวนครวั . กรุงเทพมหานคร : สาํ นกั พิมพเ มดคิ ัล มีเดีย, 2541. 9. สรอยศิริ ทวีบูรณ. ขงิ . ใน: บพติ ร กลางกลั ยา นงลกั ษณ สขุ วาณิชยศ ลิ ป (คณะบรรณาธิการ). รายงานผลการศึกษาโครงการ การ ประเมินประสิทธิภาพและความปลอดภัยของยาสมนุ ไพร. นนทบรุ ี : บริษทั เอส อาร พริ้นตง้ิ แมสโปรดกั ส จาํ กัด, 2544. 10. นงลักษณ สุขวาณิชยศลิ ป. ขิง. ใน: บพิตร กลางกัลยา นงลักษณ สุขวาณิชยศ ิลป (คณะบรรณาธกิ าร). รายงานผลการศึกษาโครงการ การประเมนิ ประสทิ ธิภาพและความปลอดภยั ของยาสมุนไพร. นนทบรุ ี : บริษัท เอส อาร พร้ินตง้ิ แมสโปรดกั ส จํากัด, 2544. 11. Zhao GB. Rhizoma Zingiberis Recens: sheng jiang. In: Wang BX, Ma JK, Zheng WL, Qu SY, Li R, Li YK (eds.). Modern study of pharmacology in traditional medicine. 2nd ed. Tianjin: Tianjin Science & Technology Press, 1999. 12. สถาบนั วจิ ัยสมนุ ไพร. เอกสารวิชาการสมุนไพร. นนทบุรี : กรมวิทยาศาสตรการแพทย กระทรวงสาธารณสุข, 2543. 13. Mascolo N, Jain R, Jain SC, Capasso F. Ethnopharmacologic investigation of ginger (Zingiber officinale). J Ethnopharmacol 1989; 27(1/2): 129-40. 14. Aswal BS, Bhakuni DS, Goel AK, Kar K, Mehrotra BN, Mukherjee KC. Screening of Indian plants for biological activity: Part X. Indian J Exp Biol 1984; 22(6): 312-32. 15. Woo WS, Lee EB, Han BH. Biological evaluation of Korean medicinal plants. III. Arch Pharm Res 1979; 2: 127-31. 16. Emig HM. The pharmacological action of ginger. J Amer Pharm Ass 1931; 20: 114-6. 17. Weber ML. A follow-up study of thirty-five cases of paralysis caused by adulterated Jamaica-ginger extract. Med Bull Vet Admin 1937; 13: 228-42.
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209