2) การหยดุ - คาบอก “แถว – หยดุ ” - การปฏบิ ตั ิ เม่อื สน้ิ คาบอกไมว่ ่าเท้าใดจะตกถงึ พ้นื ก็ตาม ใหค้ งวงิ่ ดว้ ยอาการยงั้ ตวั ต่อไปขา้ งหน้าอกี 3 กา้ ว แลว้ ทาท่าหยดุ เช่นเดยี วกบั การหยดุ ในเวลาเดนิ 3) เปล่ียนเป็นเดิน - คาบอก “เดนิ – ทา” - การปฏบิ ตั ิ เม่อื สน้ิ คาบอกไม่ว่าเท้าใดจะตกถงึ พน้ื ก็ตาม ให้คงวง่ิ ดว้ ยอาการยงั้ ตวั ต่อไปขา้ งหน้าอกี 3 กา้ ว แลว้ ทาทา่ เดนิ ตามปกติ 4) เปลี่ยนเท้า ใชใ้ นโอกาสเปลย่ี นเทา้ ใหพ้ รอ้ มกบั ส่วนของแถว - คาบอก “เปลย่ี นเทา้ ” - การปฏบิ ตั ิ ท่าน้ีให้ทาเป็นจงั หวะเดียว โดยใช้คาบอกในขณะท่ีเท้าซ้ายและขวาตกถึงพ้ืนในลาดบั ตดิ ต่อกนั ใหก้ ้าวเทา้ ไปขา้ งหน้าอกี 2 ก้าว (ซา้ ย,ขวา) จากนนั้ จงึ กระโดดก้าวซ้าเทา้ ขวาไปขา้ งหน้าอกี 1 กา้ ว และกา้ วเทา้ ซา้ ยวง่ิ ต่อไปอกี ตามระยะของการกา้ วปกติ 10.ท่าหนั ในเวลาเดิน 1) ท่าขวาหนั ใหใ้ นโอกาสตอ้ งการเปลย่ี นทศิ ทางหรอื หน้าแถวในระหว่างการเดนิ - คาบอก “ขวา – หนั ” - การปฏบิ ตั ิ ใชค้ าบอกในจงั หวะทเ่ี ขา้ ขวาจะถงึ พน้ื ในลาดบั ตดิ ต่อกนั ปฏบิ ตั เิ ป็น 2 จงั หวะ จงั หวะท่ี 1 ก้าวเท้าซ้ายไปขา้ งหน้าในแนวปลายเท้าขวาประมาณครง่ึ ก้าว พรอ้ มกบั บดิ ปลายเทา้ ใหไ้ ปทางก่งึ ทางขวาดว้ ย ขณะเดยี วกนั ใหย้ กสน้ เทา้ ขวาและหมนุ ตวั ด้วยสะโพก โดยใช้ปลาย เทา้ ทงั้ สองเป็นหลกั หนั ไปทางขวาจนได้ 90 องศา จงั หวะท่ี 2 กา้ วเทา้ ขวาต่อไปตามจงั หวะการเดนิ แบบเดมิ ในทศิ ทางใหม่ 2) ท่าซ้ายหนั ใหใ้ นโอกาสตอ้ งการเปลย่ี นทศิ ทางหรอื หน้าแถวในระหว่างการเดนิ - คาบอก “ซา้ ย – หนั ” - การปฏบิ ตั ิ ใชค้ าบอกในจงั หวะทเ่ี ทา้ ซา้ ยจดถงึ พน้ื ในลาดบั ตดิ ต่อกนั ปฏบิ ตั เิ ป็น 2 จงั หวะเช่นเดยี วกนั ทา่ ขวาหนั โดยเปลย่ี นคาบอกวา่ ขวามาเป็นซา้ ยแทน ท่าขวาหนั และซา้ ยหนั เม่อื ปฏบิ ตั เิ ปิดจงั หวะตอ้ งไม่หยดุ ชะงกั และแกว่งแขนตามจงั หวะ กา้ วโดยต่อเน่อื งกนั 3) ท่ากลบั หลงั หนั เป็นท่าสาหรบั เปลย่ี นการหนั หน้าของแถว จากดา้ นหน้าเป็ นดา้ นหลงั ใน ระหวา่ งเดนิ 100 คมู่ ือการจดั กิจกรรมลูกเสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 4 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1
- คาบอก “กลบั หลงั – หนั ” - การปฏบิ ตั ิ ใชค้ าบอกในจงั หวะทเ่ี ทา้ ซา้ ยจดถงึ พน้ื ในลาดบั ตดิ ต่อกนั ปฏบิ ตั เิ ป็น 3 จงั หวะ จงั หวะท่ี 1 กา้ วเทา้ ขวาไปขา้ งหน้า 1 กา้ ว จงั หวะท่ี 2 ชกั เทา้ ซา้ ยไปขา้ งหน้าเฉียงขวา และตบลงกบั พน้ื ดว้ ยปลายเทา้ ในแนวทางขวา ของปลายเทา้ ขวาเลก็ น้อยพ่อเขา่ ซา้ ยตงึ ทนั ใดนนั้ ยกสน้ เทา้ และหมุนตวั ดว้ ยสะโพก โดยใชป้ ลายเทา้ ทงั้ สองเป็นหลกั ไปขา้ งหลงั จนได้ 180 องศา ขณะหมนุ ตวั น้วิ มอื ทงั้ สองตดิ อยกู่ บั ขา้ งชา จงั หวะท่ี 3 ก้าวเท้าซ้ายออกเดนิ พรอ้ มยกมอื และแกว่งแขนตามจงั หวะของท่าเดนิ ครงั้ นัน้ ต่อไ ป การหดั ในขนั้ แรก ๆ ควรใหล้ กู เสอื นบั จงั หวะดว้ ยเสยี งดงั ก่อน จนทาไดค้ ลอ่ งแลว้ จงึ นบั ในใจ 11.ท่าหนั ในเวลาวิ่ง ใชใ้ นโอกาสตอ้ งการเปลย่ี นทศิ ทางหรอื หน้าแถวในเวลาวงิ่ 1) ท่าขวาหนั - คาบอก “ขวา – หนั ” - การปฏบิ ตั ิ ใชค้ าบอกในจงั หวะทเ่ี ทา้ ขวาจดถงึ พน้ื ปฏบิ ตั เิ ป็น 4 จงั หวะ ดงั น้ี จงั หวะท่ี 1 กา้ วเทา้ ซา้ ยไปขา้ งหน้า 1 กา้ วเพอ่ื ยงั้ ตวั จงั หวะท่ี 2 กา้ วเทา้ ขวาไปขา้ งหน้าอกี 1 กา้ ว พรอ้ มกบั หมนุ ตวั ไปทางกง่ึ ขวา จงั หวะท่ี 3 ก้าวเท้าซ้ายไปอยู่หน้าปลายเท้าขวา พรอ้ มกบั หมุนตวั ไปทางขวา จนได้ 90 องศา จากทศิ ทางเดมิ จงั หวะท่ี 4 กา้ วเทา้ ขวาออกวงิ่ ต่อไปตามจงั หวะเดมิ 2) ท่าซ้ายหนั - คาบอก “ซา้ ย – หนั ” - การปฏบิ ตั ใิ ชค้ าบอกในจงั หวะทเ่ี ทา้ ซา้ ยจดถงึ พน้ื ปฏบิ ตั เิ ป็น 4 จงั หวะเช่นเดยี วกบั ท่าขวาหนั โดยเปลย่ี นคาบอกว่าขวาเป็นซา้ ยแทน ขวาหนั และซ้ายหนั เม่อื ปฏบิ ตั ิเปิดจงั หวะต้องไม่หยุดชะงกั และแกว่งแขนท่งี อขน้ึ ตาม จงั หวะกา้ วโดยต่อเน่อื งกนั 3) ท่ากลบั หลงั หนั เป็นท่าสาหรบั เปล่ยี นการหนั หน้าของแถว จากด้านหน้าเป็นดา้ นหลงั ใน ระหว่างเดนิ - คาบอก “กลบั หลงั – หนั ” - การปฏบิ ตั ิ ใชค้ าบอกในจงั หวะทเ่ี ทา้ ซา้ ยในลาดบั ตดิ ต่อกนั ปฏบิ ตั เิ ป็น 4 จงั หวะ จงั หวะท่ี 1 กา้ วเทา้ ขวาไปขา้ งหนา 1 กา้ วเพอ่ื ยงั้ ตวั จงั หวะท่ี 2 กา้ วเทา้ ซา้ ยไปขา้ งหน้าอกี 1 กา้ ว พรอ้ มกบั หมนุ ตวั ไปทางขวาประมาณ 90 องศา คมู่ ือการจดั กิจกรรมลูกเสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 4 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1 101
จงั หวะท่ี 3 ก้าวเท้าขวาไปอยู่หน้าปลายเท้าซ้าย พร้อมกบั หมุนตวั ไปทางขวา จนได้ 90 องศา จากทศิ ทางเดมิ จงั หวะท่ี 4 กา้ วเทา้ ซา้ ยออกวง่ิ ต่อไปตามจงั หวะเดมิ การหดั ในขนั้ แรก ๆ ควรใหล้ กู เสอื นบั จงั หวะดว้ ยเสยี งดงั ก่อน จนทาไดค้ ล่องแลว้ จงึ นบั ในใจ 12.การนับ ใชส้ าหรบั หน้ากระดาษแถวเดย่ี ว เพ่อื หดั ใหล้ กู เสอื ออกเสยี งใหถ้ กู ตอ้ งตามลกั ษณะของลกู เสอื - คาบอก “นบั ” - การปฏบิ ตั ิ ลูกเสอื คนท่อี ย่หู วั แถวสะบดั หน้าไปทางซ้าย พรอ้ มกบั นับ 1 แลว้ สะบดั หน้ากลบั มาอย่ใู น ทางตรงโดยเรว็ ลูกเสอื คนอ่นื ๆ นับเรยี งไปตามลาดบั เช่นเดยี วกบั คนหวั แถว เวน้ คนท่อี ย่ทู ้ายแถวให้ สะบดั หน้ามาทางขวา - คาบอก “นบั สอง (สาม, ส,่ี หา้ ฯลฯ” - การปฏบิ ตั ิ ลกู เสอื นับตามจานวนทบ่ี อก โดยเรมิ่ จากคนทอ่ี ยหู่ วั แถวเช่นเดยี วกบั การนับตามปกติ เช่น นบั สอง ลกู เสอื จะนบั หน่งึ สอง, หน่งึ สอง, หน่งึ สอง เรยี งต่อไปตามลาดบั จนสุดแถว การนับเม่อื แถวมกี ารแยกค่ขู าด ใหค้ นท่อี ย่ทู า้ ยของแถวหลงั สุดขานจานวนทข่ี าดใหท้ ราบ โดยขานวา่ “ขาดหน่งึ (สอง, สาม....ฯลฯ)” 13.ท่าถอดหมวก สวมหมวก ใชใ้ นโอกาสเก่ยี วกบั พธิ สี งฆ์ หรอื พธิ ที างศาสนา เช่น พธิ สี วนสนามทม่ี กี ารประพรมน้าพุทธมนต์ เป็นตน้ - คาบอก “ถอดหมวก” - การปฏบิ ตั ิ 1) แบมอื ซา้ ยและงอศอกจนแขนท่อนล่างและท่อนบนตงั้ ฉากกนั น้ิวหวั แมม่ อื ตงั้ ขน้ึ ขา้ งบน พรอ้ มกนั นัน้ ใชม้ อื ขวาจบั ท่กี ะบงั หน้าหมวก (หมวกทรงกลมท่มี กี ะบงั หน้าหมวก, หมวกทรงหมอ้ ตาล) หรอื จบั ทป่ี ีหมวกดา้ นหน้า (หมวกปีกกวา้ งพบั ขา้ ง และไม่พบั ขา้ ง) หรอื จบั ทห่ี มวกด้านขวา (หมวกทรง อ่อน) หรอื จบั ทข่ี อบหมวกบนดา้ นหน้า (หมวกกลาส)ี 2) ถอดหมวกออกจากศรี ษะ วางครอบหวั แม่มอื ซ้าย ให้หน้าหมวกหนั ไปทางขวา ขอบ หมวกดา้ นนอกอยรู่ ะหวา่ งน้วิ หวั แม่มอื กบั น้วิ ช้ี 3) ลดมอื ขวาลงมาอยใู่ นท่าตรง พรอ้ มกบั มอื ซา้ ยจบั หมวกดว้ ยน้วิ หวั แมม่ อื กบั น้วิ อ่นื ทงั้ ส่ี - คาบอก “สวมหมวก” - การปฏบิ ตั ิ 1) ใชม้ อื ขวาจบั หมวกทอ่ี ยใู่ นมอื ซา้ ย เช่นเดยี วกบั การถอดหมวก 2) ยกหมวกขน้ึ สวมศรี ษะ มอื ซา้ ยช่วยจดั หมวก 3) ลดมอื ทงั้ สองลงมาอยใู่ นท่าตรงอยา่ งแขง็ แรง 102 คมู่ ือการจดั กิจกรรมลกู เสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 4 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1
ก่อนฝึกในขนั้ แรก ควรกระทาเป็นตอน ๆ เมอ่ื ลกู เสอื มคี วามเขา้ ใจดแี ลว้ จงึ ฝึกโดยเปิดตอน ถ้าลูกเสอื ถือไมพ้ ลองหรอื ไมง้ ่าม ก่อนทาท่าถอดหมวก และสวมหมวก ให้นาอาวุธมาไว้ ระหวา่ งปลายเทา้ ทงั้ สอง แลว้ พงิ ท่อนบนไวก้ บั แขนซา้ ย แลว้ จงึ ปฏบิ ตั ติ ามขนั้ ตอนต่าง ๆ ต่อไปเมอ่ื ถอด หมวกหรอื สวมหมวกเรยี บรอ้ ยแลว้ จงึ นาไมพ้ ลองหรอื ไมง้ า่ มไปอยใู่ นท่าเรยี บอาวุธตามเดมิ 14.การถวายราชสดดุ ี - คาบอก “ถอดหมวก, นงั่ ” - การปฏบิ ตั ิ เม่อื สงั่ “ถอดหมวก” เว้นระยะให้ลูกเสอื ทุกคนถอดหมวกเรยี บร้อยแล้วให้สงั่ “นัง่ ” เม่อื ลกู เสอื ไดย้ นิ คาสงั่ “นงั่ ” ใหก้ า้ วเทา้ ซา้ ยไปขา้ งหน้าครง่ึ กา้ ว คุกเขา่ ขวาลงตงั้ เขา่ ซา้ ย นงั่ ลงบนสน้ เทา้ ขวา มอื ขวาแบคว่าวางลงบนเข่าขวา แขนซา้ ยวางพาดลงตงั้ ฉากบนเข่าซา้ ย มอื ท่ถี อื หมวกหนั เขา้ หาตวั เม่อื รอ้ งเพลงราชสดุดใี หก้ ม้ หน้าเลก็ น้อยเงยขน้ึ เมอ่ื เพลงจบ เม่อื ไดย้ นิ คาสงั่ วา่ “ลุก” ใหล้ กู เสอื ลุกขน้ึ โดยดงึ เทา้ ซา้ ยกลบั มาชดิ เทา้ ขวา และเมอ่ื สงั่ “สวมหมวก” ใหล้ กู เสอื สวมหมวกโดยเรว็ แลว้ อยใู่ นท่าตรง ในกรณีท่ลี ูกเสอื มไี ม้พลอง หรอื ไมง้ ่าม ให้ถอดหมวกในท่ามอี าวุธก่อน แล้วจงึ นัง่ ลง วาง อาวธุ ตามยาวชดิ ขาขวาทางขวา มอื ขวาวางคล่าบนเขา่ ตามปกติ 15.ท่าหมอบ – ลกุ (มือเปล่า) - คาบอก “หมอบ” และ “ลกุ ” - การปฏบิ ตั ิ เมอ่ื ไดย้ นิ คาบอกว่า “หมอบ” ใหล้ กู เสอื ปฏบิ ตั เิ ป็น 3 จงั หวะ จงั หวะท่ี 1 ลูกเสอื ก้าวเท้าซ้ายไปข้างหน้า 1 ก้าว น้าหนักตวั อย่บู นเท้า 2 ขา้ ง แขนอยู่ท่ี เดมิ จงั หวะท่ี 2 ทรุดตวั ลงคุกเข่าขวาและเข่าซ้ายตามลาดบั พรอ้ มก้มตัวไปขา้ งหน้า เหยยี ด แขน 2 ขา้ งใชม้ อื ยนั พน้ื เพ่อื รบั น้าหนกั ตวั แลว้ เหยยี ดขาขวาตงึ เงยหน้าตามองตรงไปขา้ งหน้า จงั หวะท่ี 3 เหยยี ดเทา้ ซา้ ยออกใหส้ น้ เทา้ 2 ขา้ งชดิ กนั ลดตวั ลงนอนราบกบั พน้ื งอแขน ฝ่า มอื คล่าลงกบั พน้ื ใหน้ ้ิวมอื ขวาทบั น้ิวซา้ ยแค่โคนน้ิว แนวกง่ึ กลางระหว่างมอื ทงั้ สองอยปู่ ระมาณหน้าผาก (เวลากม้ หน้า) กางศอก 2 ขา้ งเตม็ ท่ี เงยหน้าทาศรี ษะใหต้ ่า เมอ่ื ไดย้ นิ คาบอกว่า “ลุก” ใหล้ กู เสอื ปฏบิ ตั เิ ป็น 3 จงั หวะ จงั หวะท่ี 1 ลกู เสอื ชกั มอื ทงั้ 2 ขา้ งเขา้ หาตวั ยนั พน้ื ยกตวั ขน้ึ แลว้ ชกั เทา้ ขวาคุกเขา่ คมู่ อื การจดั กิจกรรมลกู เสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 4 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1 103
จงั หวะท่ี 2 คกุ เขา่ ซา้ ย แลว้ ยกตวั ขน้ึ ยนื โดยเรว็ ใหม้ อื ทงั้ 2 อยทู่ ข่ี า้ งขา จงั หวะท่ี 3 ชกั เท้าขวามาชิดเท้าซ้ายต่อไปอยู่ในลกั ษณะตรง ถ้าเป็นการเคล่อื นท่ใี นภูมิ ประเทศเหยยี ดหรอื จะตอ้ งเดนิ ต่อไปไมต่ อ้ งชกั เทา้ ขวาชดิ เมอ่ื ยนื ขน้ึ แลว้ ใหอ้ อกเดนิ ไดเ้ ลย การฝึกในขนั้ แรก ควรกระทาเป็นตอน ๆ เม่อื ลูกเสอื มคี วามเขา้ ใจดแี ลว้ จงึ ฝึกโดยเปิดตอน และใหป้ ฏบิ ตั ดิ ว้ ยความรวดเรว็ ต่อไป การฝึ กระเบียบแถวบคุ คลท่าประกอบอาวธุ 1. ท่าตรง –พกั - คาบอก “กอง (หม)ู่ – ตรง” - การปฏบิ ตั ิ ท่าตรงและท่าพกั ในเวลาถอื ไมพ้ ลองหรอื ไมง้ า่ ม เหมอื นกบั ท่ามอื เปล่า ไมพ้ ลองหรอื ไมง้ า่ ม อยใู่ นทา่ เรยี บอาวธุ ไมพ้ ลองหรอื ไมง้ า่ มในท่าเรยี บอาวุธ คอื ลกู เสอื อยใู่ นทา่ ตรง ถอื ไมพ้ ลองหรอื ไมง้ า่ มดว้ ยมอื ขวา โดยไมพ้ ลองหรอื ไมง้ า่ มอยปู่ ระมาณโดนน้ิวกอ้ ยเทา้ ขวาและชดิ กบั เทา้ ขวา ไมพ้ ลองหรอื ไมง้ า่ มอยู่ ระหว่างน้ิวหวั แมม่ อื กบั น้ิวช้ี น้ิวหวั แมม่ อื จบั ไมพ้ ลองหรอื ไมง้ ่ามชดิ ขวา น้ิวอ่นื อกี 4 น้ิว ชดิ ตดิ กนั จบั ไม้ พลองหรอื ไมง้ ่ามเฉียงลงไปเบอ้ื งล่าง ๆ ปลายไมพ้ ลองหรอื ไมง้ า่ มอย่ใู นรอ่ งไหล่ขวา ลาไมพ้ ลองหรอื ไม้ งา่ มตงั้ ตรงแนบตวั สาหรบั พกั ตามระเบยี บ เหมอื นกบั ท่ามอื เปล่า มอื ขวาท่ถี อื ไม้พลองหรอื ไม้ง่าม ให้เล่อื น ขน้ึ มาเสมอเอว แลว้ ย่นื ไมพ้ ลองหรอื ไมง้ า่ มไปขา้ งหน้า เฉียงขวาประมาณ 45 องศา มอื ซา้ ยไพล่หลงั ใต้ เขม็ ขดั เลก็ น้อย มอื แบตามธรรมชาตแิ ละน้วิ เรยี งชดิ ตดิ กนั 2. ท่าวนั ทยาวธุ – เรียบอาวธุ เป็นท่าแสดงการเคารพ - คาบอก “วนั ทยา –วธุ ” - การปฏบิ ตั ิ ลูกเสอื ปฏบิ ตั เิ ป็นจงั หวะเดยี ว โดยยกแขนซ้ายขน้ึ มาเสมอแนวไหล่ ศอกงอไปขา้ งหน้าให้ ตงั้ ฉากกบั ลาตวั ฝ่ ามอื แบคว่า รวมน้ิวหวั แม่มอื กบั น้ิวก้อยจดกนั คงเหลอื น้ิวช้ี น้ิวกลางและน้ิวนาง เหยยี ดตรงชดิ ตดิ กนั ใหข้ า้ งปลายน้วิ ชแ้ี ตะไมพ้ ลองหรอื ไมง้ า่ มในรอ่ งไหลข่ วา - คาบอก “เรยี บ – อาวุธ” - การปฏบิ ตั ิ เมอ่ื เลกิ ทาความเคารพ ใหล้ ูกเสอื ลดแขนซา้ ยลงมาอยทู่ เ่ี ดมิ โดยเรว็ ถ้าผู้รบั การเคารพเคล่อื นท่มี าทางขวา ซ้าย หรอื ตรงหน้า ผู้ควบคุมแถวจะบอกทศิ ทาง เสยี ก่อน “ขวา (ซ้ายหรอื ตรงหน้า) ระวงั –วทั ยา –วุธ” ให้ลูกเสอื ทาวนั ทยาวุธ พรอ้ มกบั หนั หน้าไปยงั ผูร้ บั การเคารพ ตาอย่ทู ่ผี ูร้ บั การเคารพ หนั หน้าตามจนผูร้ บั การเคารพผ่านหน้าตนไปแล้ว ประมาณ 2 กา้ ว จงึ หนั มาอยใู่ นท่าตรง เมอ่ื ผรู้ บั การเคารพผา่ นพน้ แถว ใหผ้ คู้ วบคุมแถวบอกเลกิ ทาความเคารพ 104 คมู่ ือการจดั กิจกรรมลกู เสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 4 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1
3. ท่าแบกอาวธุ – เรียบอาวธุ - คาบอก “แบก – อาวธุ ” - การปฏบิ ตั ลิ กู เสอื ปฏบิ ตั ิ เป็น 2 จงั หวะ จงั หวะท่ี 1 ยกไมพ้ ลองหรอื ไม้ง่ามด้วยมอื ขวาผ่านหน้าเฉียดลาตวั ไปขา้ งซ้าย ให้โคนไม้ พลองหรอื ไมง้ า่ มอยใู่ นอุ้งมอื ซา้ ย ลาไมพ้ ลองหรอื ไมง้ า่ มตรงร่องไหล่ซา้ ย มอื ขวาจบั ไมพ้ ลองหรอื ไมง้ า่ ม อยทู่ เ่ี ดมิ ศอกงอไปขา้ งหน้าแนวเดยี วกบั ไหล่ จงั หวะท่ี 2 ดนั ไมพ้ ลองหรอื ไมง้ ่ามดว้ ยมอื ซา้ ย พรอ้ มกบั ส่งไมพ้ ลองหรอื ไมง้ า่ มดว้ ยมอื ขวา ให้ไม้พลองหรอื ไมง้ า่ มพาดขน้ึ ไปบนไหล่ซ้าย แขนซ้ายท่อนบนชดิ ลาตวั ศอกซ้ายงอ แขนทามุม 100 องศากบั ลาตวั ขณะเดยี วกนั ลดมอื ขวาลงในทา่ ตรงโดยเรว็ ข้อควรระวงั ขณะลกู เสอื ทาท่าแบบอาวุธ จงั หวะ 2 ระวงั อยา่ ใหศ้ รี ษะเคลอ่ื นหลบไมพ้ ลอง หรอื ไมง้ า่ ม ทรงศรี ษะใหค้ งทเ่ี หมอื นอย่ใู นท่าตรงเสมอ แขนซา้ ยอย่ใู นลกั ษณะทถ่ี ูกต้องและน่ิง ปลายไม้ พลองจงึ จะไดร้ ะดบั ไมเ่ ฉไปมา - คาบอก “เรยี บ – อาวุธ” - การปฏบิ ตั ิ ลกู เสอื ปฏบิ ตั เิ ป็น 3 จงั หวะ จงั หวะท่ี 1 ยกมอื ขวาขน้ึ จบั ไมพ้ ลองหรอื ไม้ง่าม ศอกงอไปข้างหน้าในแนวเดยี วกบั ไหล่ พรอ้ มกบั เหยยี ดแขนซา้ ย โดยลดไมพ้ ลองหรอื ไมง้ า่ มลงชดิ กบั ลาตวั จงั หวะท่ี 2 จบั ไมพ้ ลองหรอื ไมง้ ่ามด้วยมอื ขวานามาไวข้ า้ งลาตวั ในร่องไหล่มา (แขนขวา เหยยี ดเกือบสุดระยะท่มี อื จบั ไม้พลองหรอื ไม้ง่ามในท่าเรยี บอาวุธ) ขณะเดยี วกนั ยกมอื ซ้ายข้นึ กนั ไม้ พลองหรอื ไมง้ า่ มทร่ี อ่ งไหล่ขวา ศอกงอไปขา้ งหน้าในแนวเดยี วกบั ไหล่ จงั หวะท่ี 3 ลดแขนซา้ ยอย่ใู นท่าเรยี บอาวุธตามเดมิ (ในจงั หวะน้ีเหยยี ดแขนขวาสุดระยะท่ี มอื ขวาจบั ไมพ้ ลองหรอื ไมง้ า่ มอยใู่ นทา่ เรยี บอาวธุ โดยไมพ้ ลองหรอื ไมง้ า่ มจดพน้ื ) ขอ้ สงั เกต ตอนเหยยี ดแขนขวาจากจงั หวะ 2 ลงสุดระยะท่มี อื ขวาจบั ไม้พลองในท่าเรยี บ อาวธุ ในจงั หวะท่ี 3 จะรสู้ กึ ว่าตน้ ไมพ้ ลองหรอื ไมง้ า่ มจดพน้ื 4. ท่าถอดหมวก – สวมหมวก - คาบอก “ถอดหมวก” - การปฏบิ ตั ิ ลกู เสอื ปฏบิ ตั เิ ป็นจงั หวะเดยี ว โดยนาไมพ้ ลองหรอื ไมง้ ่ามในมอื ขวามาไวต้ รงหน้า ใหต้ น้ ไม้ พลองหรอื ไมง้ า่ มอยตู่ รงก่งึ กลางระหว่าง 2 เทา้ ส่วนบนพงิ แขนซ้ายดา้ นในตรงตาแหน่งศอกทง่ี อตงั้ ฉาก อยู่แขนซ้ายท่อนบนชดิ ลาตวั ฝ่ ามอื แบหงายมาด้านหน้า ขณะเดยี วกนั ใช้มอื ขวาถอดหมวกออกจาก ศรี ษะ (ถา้ ใส่สายรดั คาง ให้ปลดออกก่อน) แลว้ นามาวางบนฝ่ามอื ซา้ ย (หมวกเบเร่ต์ หน้าหมวกอยขู่ วา, หมวกทรงหม้อตาล ให้ขอบหมวกด้านซ้ายอยู่หน้า หน้าหมวกอยู่ขวา, หมวกทรงปี กกว้าง ให้ น้ิวหัวแม่มือซ้ายชูข้ึนชิดขอบหมวกด้านใน น้ิวทัง้ 4 งอข้นึ ติดขอบหมวกด้านนอก หน้าหมวกอยู่ ดา้ นขวา) แลว้ ลดแขนขวาลงอยใู่ นท่าตรงตามเดมิ ค่มู อื การจดั กิจกรรมลูกเสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 4 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1 105
- คาบอก “สวมหมวก” - การปฏบิ ตั ิ ลกู เสอื ใชม้ อื ขวานาหมวกในมอื ซา้ ยขน้ึ สวมโดยใชม้ อื ช่วย (ถ้าเป็นหมวกปี กกวา้ งใหใ้ ส่สาย รดั ท้ายทอยให้เรยี บรอ้ ย) แล้วใชม้ อื ขวาจบั ไมพ้ ลองหรอื ไมง้ า่ มท่พี งิ ไว้กบั แขนซา้ ยมาถอื ไวใ้ นท่าเรยี บ อาวธุ ตามเดมิ 5. ท่าหนั และการเคล่ือนท่ีในเวลาถอื ไม้พลองหรือไมง้ ่าม ท่าหนั ในเวลาถอื ไมพ้ ลองหรอื ไมง้ า่ ม ใชค้ าบอกและวธิ ปี ฏบิ ตั เิ หมอื นท่าอย่กู บั ทก่ี บั มือเปล่า ถ้า หนั ในขณะท่ไี ม้พลองไมง้ ่ามอยู่ในท่าเรยี บอาวุธ เพ่อื ให้การหนั สะดวกใหย้ กไมพ้ ลองหรอื ไมง้ ่ามในมอื ขวาพน้ พน้ื เลก็ น้อยจงึ หนั เมอ่ื หนั เสรจ็ ใหล้ ดมอื ขวาลงจนไมพ้ ลองหรอื ไมง้ า่ มจดพน้ื การเคล่อื นทใ่ี นเวลาถอื ไมพ้ ลองหรอื ไมง้ ่าม ใช้คาบอกและวธิ ปี ฏบิ ตั เิ หมอื นกบั การเคล่อื นท่มี อื เปล่า ตามปกตเิ มอ่ื จะใหเ้ คล่อื นท่ี ผคู้ วบคมุ แถวตอ้ งบอกใหแ้ บกอาวธุ เสยี ก่อน แลว้ จงึ สงั่ ใหเ้ ดนิ ในท่าเดนิ แบกอาวุธอยใู่ นแถวควบคุม เมอ่ื จะทาความเคารพ ผู้ควบคุมแถวบอก “แลขวา (ซ้าย) – ทา” ใหล้ กู เสอื ทนั หน้าไปยงั ผู้รบั การเคารพ และแกว่างตามปกติและรกั ษาท่าแบกอาวุธไว้คงเดมิ เม่อื พ้นผู้รบั การ เคารพแลว้ ลกู เสอื หนั หน้าแลตรงเอง ถา้ ลกู เสอื ในท่าแบกอาวุธเคล่อื นทอ่ี ยตู่ ามลาพงั เมอ่ื จะทาความเคารพใหล้ ดไมพ้ ลองหรอื ไมง้ ่าม ลงจากท่าปกตอิ าวุธมาเป็นท่าเรยี บอาวุธ จงั หวะท่ี 1 แต่มอื ว่าทย่ี กขน้ึ มาจบั ไมพ้ ลองในรอ่ งไหล่ซ้ายให้ จดั น้วิ เหมอื นทา่ รหสั ลกู เสอื ฝ่ามอื แบคว่าใหข้ า้ งปลายน้วิ ชแ้ี ตะไมพ้ ลองหรอื ไมง้ า่ ม ศอกงอไปขา้ งหน้าใน แนวเดยี วกบั ไหล่ หนั หน้าไปยงั ผู้รบั การเคารพท่ยี นื หรอื เดนิ อยู่ (สวนมาหรอื เดนิ ไป เม่อื ผ่านผูร้ บั การ เคารพไปแล้ว เลกิ ทาความเคารพโดยใชม้ อื ซ้ายดนั ไมพ้ ลองขน้ึ ไปอยใู่ นท่าแบกอาวุธตามเดมิ พรอ้ มกบั หนั หน้าแลตรง ลดแขนขวาลง แขนแกว่งต่อไปในทา่ เดนิ ตามปกติ ในการเคล่อื นทด่ี ว้ ยท่าแบกอาวุธ เม่อื ผู้ควบคุมแถวบอก “เดนิ ตามสบาย” ลูกเสอื จะเปลย่ี นท่า แบกอาวุธจากบ่าซา้ ยมาบ่าขวากไ็ ด้ แต่เม่อื ใหเ้ ดนิ เขา้ ระเบยี บแล้ว ต้องจดั ไมพ้ ลองหรอื ไมง้ า่ มไปไวบ้ ่า ซา้ ยตามเดมิ เม่อื ผคู้ วบคุมแถวบอก “แถว – หยดุ ” ลกู เสอื หยดุ อยใู่ นท่าแบกอาวุธ จนกว่าผคู้ วบคุมแถวจะสงั่ ให้เรยี บอาวุธหรอื สงั่ เป็นอย่างอ่นื ต่อไป ถ้าเคล่อื นท่ไี ปโดยไม่บอกให้แบกอาวุธหรอื ไปในระยะใกล้ ๆ เพ่อื จดั แนวหรอื ระยะต่อ – ระยะเคยี งของขบวน หรอื เคล่อื นไปบนพน้ื ทข่ี รุขระไมส่ ม่าเสมอ เม่อื บอกให้ เดนิ ลกู เสอื กเ็ คล่อื นทไ่ี ปในท่าคอนไมพ้ ลองหรอื ไมง้ า่ ม โดยยกไมพ้ ลองหรอื ไมง้ า่ มใหป้ ลายไมพ้ ลองหรอื ไมง้ า่ มเอนไปขา้ งหน้า ตน้ ไมพ้ ลองหรอื ไมง้ า่ มคลอ้ ยไปขา้ งหลงั พน้ พน้ื แนวไมพ้ ลองหรอื ไมง้ ่ามเฉียงกบั ลาตวั พอประมาณ เม่อื คอนไมพ้ ลองหรอื ไมง้ ่ามอย่ใู นแถวควบคุมและผ่านผรู้ บั การเคารพผคู้ วบคุมแถว ไมต่ อ้ งบอกแถวทาความเคารพ ผคู้ วบคุมแถวคงทาความเคารพตามลาพงั แต่ผเู้ ดยี ว ถา้ ลกู เสอื คอนไมพ้ ลองหรอื ไมง้ า่ มไปโดยลาพงั ผเู้ ดยี ว เมอ่ื ผ่านผรู้ บั การเคารพใหล้ กู เสอื ทาความ เคารพดว้ ยท่าแลขวา (ซา้ ย) โดยแนบไมพ้ ลองหรอื ไมง้ ่ามชิดลาตวั แขนไม่แกว่ง เม่อื ผ่านพ้นผู้รบั การ เคารพไปแลว้ หนั หน้าแลตรง แขนแกว่งตามสบาย 106 คมู่ อื การจดั กิจกรรมลกู เสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 4 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1
6. ท่าหมอบ – ลกุ ในเวลาถือไมพ้ ลองหรือไมง้ ่าม - คาบอก “หมอบ”และ “ลกุ ” - การปฏบิ ตั ิ เมอ่ื ไดย้ นิ คาบอกวา่ “หมอบ” ใหล้ กู เสอื ปฏบิ ตั เิ ป็น 3 จงั หวะ จงั หวะท่ี 1 ก้าวเท้าซ้ายไปขา้ งหน้า 1 ก้าว พรอ้ มกบั ส่งไม้พลองหรอื ไมง้ ่ามให้มอื ซ้าย ถอื ในท่า ถนดั จงั หวะท่ี 2 คุกเขา่ ขวาลง มอื ขวายนั พน้ื ศอกซา้ ยวางพาดขาซา้ ยท่อนบน จงั หวะท่ี 3 ปล่อยตวั นอนคว่าไปโดยเรว็ ให้ไมพ้ ลองหรอื ไมง้ า่ มอย่ขู า้ งตวั ดา้ นขวา มอื ขวา ชว่ ยรองรบั ไมพ้ ลองหรอื ไมง้ า่ มกระชบั ไวข้ า้ งตวั แขนซา้ ยท่อนล่างทอดไปขา้ งหน้ามาก ๆ โดยวางขวาง ความยาวของลาตวั เมอ่ื ไดย้ นิ คาบอกว่า “ลุก” ใหล้ กู เสอื ปฏบิ ตั เิ ป็น 3 จงั หวะกลบั กนั จงั หวะท่ี 1 ผลกั ตวั ลุกขน้ึ นัง่ คุกเข่าขวา หยบิ ไมพ้ ลองหรอื ไมง้ ่ามใส่มอื ซา้ ย ศอกซ้ายพาด ขาซา้ ยท่อนบน มอื ขวายนั พน้ื จงั หวะท่ี 2 ทรงตวั ขน้ึ ยนื โดยใหเ้ ทา้ ซา้ ยอยขู่ า้ งหน้า 1 กา้ วเหมอื นเดมิ ไมพ้ ลองหรอื ไมง้ า่ ม ยงั อยใู่ นมอื ซา้ ย จงั หวะท่ี 3 ชกั เขา้ ซ้ายชดิ พร้อมกับส่งไม้พลองหรอื ไม้ง่ามให้มอื ขวา และอยู่ในท่าเรยี บ อาวุธ การฝึกในขนั้ แรก ควรกระทาเป็นตอน ๆ เมอ่ื ลกู เสอื มคี วามเขา้ ใจดแี ลว้ จงึ ฝึกโดยเปิดตอน และให้ ปฏบิ ตั ดิ ว้ ยความรวดเรว็ ต่อไป สญั ญาณนกหวีด 1. หวดี ยาว 1 ครงั้ ( ) ถา้ เคล่อื นท่ี ใหห้ ยดุ ถา้ หยดุ อยู่ เตอื น เตรยี มตวั หรอื คอยฟัง คาสงั ่ 2. หวดี ยาว ๆ 2 ครงั้ เดนิ ต่อไป เคลอ่ื นทต่ี ่อไป ทางานต่อไป 3. หวดี สนั้ 1 ครงั้ และหวดี ยาว 1 ครงั้ สลบั กนั ไป( ) เกดิ เหตอุ นั ตราย 4. หวดี สนั้ 3 ครงั้ หวดี ยาว 1 ครงั้ สลบั กนั ไป( )เรยี กนายหมมู่ ารบั คาสงั่ 5. หวดี สนั้ ตดิ ต่อกนั หลาย ๆ ครงั้ ( ) ประชุมรวม 6. หวีดยาว 3 ครงั้ หวีดสัน้ 1 ครงั้ ( ) ชักธงชาติลงเวลา 18.00 น. โดยลกู เสอื บรกิ าร 2 คน ในกรณีอยู่ค่ายพกั แรม เวลา 18.00 น. หมู่บรกิ ารจะส่งตวั แทน 2 คน ทาหน้าท่ชี กั ธงชาติ ทกุ คนทอ่ี ยใู่ นคา่ ยพกั แรมยนื ตรงหนั หน้าไปทางเสาธง และ วนั ทยหตั ถ์ จนสน้ิ สดุ สญั ญาณ หมายเหต:ุ ก่อนทจ่ี ะใหส้ ญั ญาณท่ี 2-5 ตอ้ งใหส้ ญั ญาณท่ี 1 เตอื นก่อนทกุ ครงั้ คมู่ อื การจดั กิจกรรมลกู เสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 4 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1 107
การใช้สญั ญาณมือ ใชแ้ ทนคาบอกคาสงั่ ขณะทผ่ี บู้ งั คบั บญั ชาอย่หู ่างไกลจากลูกเสอื หรอื ไม่สามารถท่จี ะใชค้ าบอก ใหล้ กู เสอื ไดย้ นิ ทวั่ ถงึ หรอื ในกรณที ต่ี อ้ งการความสงบเงยี บ ไดแ้ ก่ 1. เตรยี ม คอยฟังคาสงั่ หรอื หยุด การใหส้ ญั ญาณ เหยยี ดแขนขวาขน้ึ ตรงเหนือศรี ษะ มอื แบน้ิวทงั้ ห้าเรยี งชดิ ตดิ กนั หนั ฝ่ ามอื ไป ขา้ งหน้า เม่อื เหน็ สญั ญาณน้ี ให้ลูกเสอื หยุดการเคล่อื นไหวหรอื การกระทาใด ๆ ทงั้ สน้ิ พรอ้ มกบั นิ่งคอย ฟังคาสงั่ โดยหนั หน้าไปยงั ผบู้ งั คบั บญั ชาเพ่อื คอยฟังคาสงั่ แต่ถา้ อยใู่ นแถวใหย้ นื ในท่าตรง 2. รวม หรอื กลบั มา การใช้สญั ญาณ เหยยี ดแขนขวาข้นึ ตรงเหนือ ศีรษะ แบมอื ไปข้างหน้า น้ิวมอื ทงั้ ห้าชิด ตดิ กนั และหมนุ เป็นวงกลมจากซา้ ยไปขวาเมอ่ื เหน็ สญั ญาณน้ี ใหล้ กู เสอื รวมกองรบี มาเขา้ แถวรวมกนั 108 คมู่ อื การจดั กิจกรรมลกู เสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 4 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1
3. จดั แถวหน้ากระดาน การใหส้ ญั ญาณ เหยยี ดแขนทงั้ สองออกไปดา้ นซา้ ยเสมอแนวไหล่ ฝ่ ามอื แบไปขา้ งหน้าน้ิวเรยี ง ชดิ ตดิ กนั เมอ่ื เหน็ สญั ญาณน้ี ใหล้ กู เสอื จดั แถวหน้ากระดาษ หนั หน้าไปหาผใู้ หส้ ญั ญาณ 4. จดั แถวตอน การใหส้ ญั ญาณ เหยยี ดแขนทงั้ สองขา้ งไปขา้ งหน้า แนวเดยี วกบั ไหล่โยใหแ้ ขนขนานกนั และฝ่ า มอื แบเขา้ หากนั เมอ่ื เหน็ สญั ญาณน้ี ใหล้ กู เสอื เขา้ แถวตอน หนั หน้าไปหาผใู้ หส้ ญั ญาณ 5. เคลื่อนท่ีไปยงั ทิศทางที่ต้องการ (ดา้ นหน้า ขวา/ซา้ ย กง่ึ ขวา/กง่ึ ซา้ ย และดา้ นหลงั ) การให้สญั ญาณ ผู้ให้สญั ญาณหนั หน้าไปยงั ทศิ ทางท่ตี ้องการ โดยชู แขนขวาขน้ึ เหนือศรี ษะสุดแขน ฝ่ ามอื แบไปขา้ งหน้า น้ิวชดิ กนั แลว้ ลดแขนลง ขา้ งหน้าใหเ้ สมอแนวไหล่ เมอ่ื เหน็ สญั ญาณน้ี ใหล้ กู เสอื วง่ิ ไปยงั ทศิ ทางทม่ี อื ผใู้ หส้ ญั ญาณชไ้ี ป คมู่ ือการจดั กิจกรรมลูกเสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 4 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1 109
6. เรง่ จงั หวะหรอื ทาให้เรว็ ขึ้น การใหส้ ญั ญาณ ผใู้ หส้ ญั ญาณงอแขนขวามอื กาเสมอว่า ชูขน้ึ ตรงเหนือศรี ษะแลว้ ลดลงหลาย ๆ ครงั้ ตดิ ต่อกนั เมอ่ื เหน็ สญั ญาณน้ี ใหล้ กู เสอื รบี วง่ิ หรอื เรง่ จงั หวะสงิ่ ทท่ี าอยใู่ หเ้ รว็ ขน้ึ 7. นอนลงหรอื เข้าที่กาบงั การใหส้ ญั ญาณ ผใู้ หส้ ญั ญาณเหยยี ดแขนขวาตรงไปขา้ งหน้าใหเ้ สมอแนวไหล่ ฝ่ ามอื แบคว่าลง น้วิ ชดิ กนั พรอ้ มกบั ลดแขนลงขา้ งหน้า แลว้ ยกขน้ึ ทเ่ี ดมิ หลาย ๆ ครงั้ เมอ่ื ลกู เสอื เหน็ สญั ญาณน้ใี หร้ บี นอนหรอื เขา้ ทก่ี าบงั ทนั ที การใช้สญั ญาณมอื ในการเรียกแถวของลกู เสือสากล การฝึกอบรมลกู เสอื ตามแบบสากลของลกู เสอื ทุกประเภท ผบู้ งั คบั บญั ชาทจ่ี ะเรยี กแถวตอ้ งเลอื ก สถานทโ่ี ลง่ และกวา้ งพอเหมาะกบั จานวนของลกู เสอื ผู้ใหส้ ญั ญาณยนื ตรงแลว้ จงึ ใหส้ ญั ญาณเรยี กแถวคา เรยี กแถวของลูกเสือสารองให้คาว่า “แพค” ส่วนลูกเสือสามญั สามญั รุ่นใหญ่ และ วสิ ามญั ใหค้ าวา่ “กอง” 1) ท่าพกั ตามระเบียบ ขณะทล่ี กู เสอื อยใู่ นแถว ผเู้ รยี กแถวจะทาสญั ญาณมอื เป็น 2 จงั หวะ ดงั น้ี จงั หวะท่ี 1 กามอื ขวา งอขอ้ ศอกใหม้ อื ท่กี าอยู่ประมาณหวั เขม็ ขดั หนั ฝ่ า มอื ทก่ี าเขา้ หาหวั เขม็ ขดั จงั หวะท่ี 2 สลดั มอื ท่กี าและหน้าแขนออกไปทางขวา เป็นมุม 180 องศา ประมาณแนวเดยี วกบั เขม็ ขดั เป็นสญั ญาณใหล้ กู เสอื “พกั ” ตามระเบยี บ 110 คมู่ อื การจดั กิจกรรมลกู เสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 4 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1
2) ท่าตรง ขณะทล่ี กู เสอื กาลงั พกั ตามระเบยี บ ผเู้ รยี กแถวจะทาสญั ญาณมอื เป็น 2 จงั หวะ ดงั น้ี จงั หวะท่ี 1 กามอื ขวา แขนเหยยี ดตรงไปทางขวา ให้มอื กาอย่ใู นระดบั เดยี วกบั เขม็ ขดั (เหมอื นกบั การสลดั แขนสงั่ “พกั ” ในจงั หวะท่ี 2) จงั หวะท่ี 2 กระตุกหน้าแขนเขา้ หาตวั ใหม้ อื ท่กี ากลบั มาอย่ตู รงหวั เขม็ ขดั (เหมอื นจงั หวะท่ี 1 ของสญั ญาณสงั่ “พกั ”) เม่อื เหน็ สญั ญาณน้ี ใหล้ ูกเสอื ชกั เทา้ ซา้ ยมาชดิ เทา้ ขวา ลดแขนทไ่ี ขวห้ ลงั มาอยใู่ นทา่ ตรง 3) แถวหน้ากระดานแถวเด่ียว การใหส้ ญั ญาณ ผเู้ รยี กแถวอยใู่ นทา่ ตรงเหยยี ดแขนทงั้ สองไปดา้ นขา้ งเสมอแนวไหล่ มอื แบ หนั ฝ่ามอื ไปขา้ งหน้า น้วิ มอื เรยี งชดิ ตดิ กนั ลกู เสอื เขา้ แถวหน้ากระดานแถวเดย่ี ว หนั หน้าเขา้ หาผเู้ รยี ก โดยนายหม่ยู นื ทางซา้ ยมอื ของ ผเู้ รยี กกะใหผ้ ูเ้ รยี กอยกู่ ง่ึ กลางแถวและห่างจากแถวประมาณ 6 กา้ ว ลกู หม่ยู นื ต่อกนั ไปทางซา้ ยมอื ของ นายหมจู่ นถงึ คนสุดทา้ ยคอื รองนายหมู่ การจดั ระยะเคยี ง ถา้ เป็น “ปิดระยะ” ระยะเคยี งจะเป็น 1 ช่วงศอก คอื ใหล้ กู เสือยกมอื ซา้ ย ขน้ึ เท้าสะโพก น้ิวเหยยี ดชดิ ตดิ กนั อย่ปู ระมาณแนวตะเขบ็ กางเกง แขนขวาแนบกบั ลาตวั และจดปลาย ศอกซ้ายของคนท่อี ยู่ด้านขวา จดั แถวให้ตรงโดยสะบดั หน้าแลขวา ให้เห็นหน้าอกคนท่ี 4 นับจากตวั ลกู เสอื เองเมอ่ื ผเู้ รยี กตรวจแถวสงั่ วา่ “นง่ิ ” ใหล้ ดมอื ลงพรอ้ มกบั สะบดั หน้ามาอยใู่ นท่าตรงและน่งิ ถ้า “เปิดระยะ” ระยะเคยี งจะเป็นสุดช่วงแขนซ้ายของลกู เสอื โดยใหท้ ุกคน (ยกเวน้ คนทา้ ย แถว) ยกแขนซา้ ยขน้ึ เสมอไหล่ เหยยี ดแขนตรงออกไปทางซ้าย คล่าฝ่ามอื ลง น้ิวชดิ ตดิ กนั ใหป้ ลายน้ิว ซา้ ยจดไหล่ขวาของคนต่อไป จดั แถวใหต้ รงโดยนายหม่ยู นื แลตรงเป็นหลกั ลูกหม่สู ะบดั หน้าแลขวาให้ เหน็ หน้าอกคนท่ี 4 เมอ่ื ไดย้ นิ คาสงั่ วา่ “น่ิง” จงึ ลดมอื ลง สะบดั หน้ากลบั มาอยใู่ นท่าตรงและน่งิ ค่มู ือการจดั กิจกรรมลูกเสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 4 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1 111
4) แถวตอนเรียงหน่ึง (กรณมี หี ลายหมจู่ ะเรยี กว่า “แถวตอนหม”ู่ ) การใหส้ ญั ญาณ ผเู้ รยี กแถวอย่ใู นทา่ ตรงเหยยี ดแขนทงั้ สองไปขา้ งหน้าเสมอแนวไหล่ มอื แบ หนั ฝ่ามอื เขา้ หากนั น้วิ เรยี งชดิ ตดิ กนั ลูกเสือเขา้ แถวตอนเรยี งหน่ึงโดยนายหมู่ยนื ตรงเป็นหลกั ข้างหน้าผู้เรยี ก กะให้ห่างจาก ผู้เรยี กประมาณ 6 ก้าว ลูกหมู่เขา้ แถวต่อหลงั นายหมู่ต่อ ๆ กนั ไปจดั แถวให้ตรงคอคนหน้า ระยะต่อ ระหว่างบคุ คล 1 ชว่ งแขน และปิดทา้ ยดว้ ยรองนายหมู่ 5) แถวตอนหมู่ แถวตอนเรยี งหนง่ึ หลายหมู่ เรยี กว่า “แถวตอนหม่”ู สมมตุ วิ ่ามี 5 หมู่ ใหห้ ม่ทู อ่ี ยตู่ รงกลางคอื หมทู่ ่ี 3 ยนื เป็นหลกั ตรงหน้าผเู้ รยี ก หา่ งจากผเู้ รยี กประมาณ 6 กา้ ว หมทู่ ่ี 2 และหมทู่ ่ี 1 เขา้ แถวอยใู่ นแนวเดยี วกนั ไปทางซา้ ยมอื ของ ผเู้ รยี ก สว่ นหม่ทู ่ี 4 และหม่ทู ่ี 5 กเ็ ขา้ แถวอยใู่ นแนวเดยี วกนั แต่ไปทางขวามอื ของผเู้ รยี กระยะเคยี งระหวา่ งหมู่ ประมาณ 1 ชว่ งศอก สว่ นระยะต่อระหวา่ งบุคคล 1 ช่วงแขน 6) แถวหน้ากระดานหมู่ ปิ ดระยะ 112 ค่มู อื การจดั กิจกรรมลกู เสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 4 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1
การใหส้ ญั ญาณ ผเู้ รยี กแถวยนื ในท่าตรง กามอื ทงั้ 2 ขา้ ง เหยยี ดแขนตรงไปขา้ งหน้าขนาน กบั พน้ื งอขอ้ ศอกขน้ึ เป็นมมุ ฉาก หนั หน้ามอื เขา้ หากนั ลูกเสือหมู่แรกเข้าแถวตรงหน้าผู้เรยี ก อยู่ห่างจากผู้เรยี กประมาณ 6 ก้าว นายหมู่อยู่ ทางซา้ ยมอื ของผูเ้ รยี ก กะใหก้ ง่ึ กลางของหม่อู ย่ตู รงหน้าผเู้ รยี ก ลกู หม่ยู นื ต่อ ๆ ไปทางซา้ ยของนายหมู่ เวน้ ระยะเคยี ง 1 ชว่ งศอก หมู่อ่ืน ๆ เข้าแถวหน้ากระดานข้างหลงั หมู่แรก ซ้อน ๆ กันไปตามลาดบั เว้นระระต่อ ระหวา่ งอยปู่ ระมาณ 1 ชว่ งแขน การจดั แถว เมอ่ื สงั่ ว่า “จดั แถว” ใหท้ ุกคน (ยกเวน้ คนสุดทา้ ย) ยกมอื ซา้ ยขน้ึ เท้าสะโพกน้ิว เหยยี ดชดิ กนั น้ิวกลางอย่ใู นแนวตะเขบ็ กางเกง แขนขวาแนบลาตวั จดั แถวใหต้ รงโดยนายหม่ยู นื แลตรง เป็นหลกั ลกู หมสู่ ะบดั หน้าแลขวาใหเ้ หน็ หน้าอกคนท่ี 4 การตรวจแถว ผู้เรยี กแถวตรวจการจดั แถวแล้ว จงึ สงั่ “น่ิง” ลูกเสอื ทุกคนลดแขนลงพรอ้ ม สะบดั หน้ากลบั มาอยใู่ นท่าตรงและนง่ิ 7) แถวหน้ากระดานหมู่ เปิ ดระยะ ผูเ้ รยี กยนื ในท่าตรง กามอื ทงั้ 2 ขา้ ง งอขอ้ ศอกเป็นมุมฉาก แขนท่อนบนแบะออกจนเป็น แนวเดยี วกบั ไหล่ หนั หน้ามอื ไปขา้ งหน้า ใหล้ ูกเสอื เขา้ แถวเชน่ เดยี วกบั แถวหน้ากระดานหม่ปู ิดระยะ แต่ เวน้ ระยะต่อระหว่างหมขู่ ยายออกไปทางดา้ นหลงั ห่างกนั หมลู่ ะประมาณ 3 ช่วงแขน หรอื 3 กา้ ว การจดั แถว และตรวจแถว ใหป้ ฏบิ ตั เิ ชน่ เดยี วกบั แถวหน้ากระดานหมปู่ ิดระยะ ค่มู ือการจดั กิจกรรมลูกเสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 4 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1 113
8) แถวรปู ครึ่งวงกลม การใหส้ ญั ญาณ ผูเ้ รยี กแถวยนื ในท่าตรง แบมอื ทงั้ 2 ขา้ ง แขนเหยยี ดตรงดา้ นหน้าและลง ขา้ งล่างคว่าฝ่ามอื เขาหาตวั ขอ้ มอื ขวาไขวท้ บั ซอ้ นมอื ซา้ ย แลว้ โบกผ่านลาตวั ชา้ ๆ เป็นรปู ครง่ึ วงกลม 3 ครงั้ นายหม่ลู กู เสอื หม่แู รกยนื อยใู่ นแนวเดยี วกบั ผเู้ รยี กทางดา้ นซา้ ย ห่างจากผเู้ รยี กพอสมควร ลูกหม่ยู นื ต่อ ๆ กนั ไปทางซา้ ยมอื ของนายหมู่ เวน้ ระยะเคยี ง 1 ช่วงศอก (มอื เท้าสะโพก) สะบดั หน้าไป ทางขวารอคาสงั่ “นง่ิ ” หม่ทู ่ี 2 และหม่อู ่นื ๆ เขา้ แถวต่อจากดา้ นซา้ ยของหมแู่ รก ตามลาดบั เวน้ ระยะระหว่างหมู่ 1 ชว่ งศอก รองนายหมสู่ ุดทา้ ย จะยนื ตรงดา้ นขวาของผเู้ รยี ก ในแนวเดยี วกนั กบั นายหมู่ หมแู่ รก การจดั แถว ยกมอื ซา้ ยขน้ึ ทาบสะโพก สะบดั หน้าไปทางขวา (ยกเว้นนายหมู่ หม่แู รก) จดั แถวใหเ้ ป็นรปู ครง่ึ วงกลม) การตรวจแถว ผู้เรยี กแถวตรวจการจดั แถวแล้ว จงึ สงั่ “นิ่ง” ลูกเสอื ทุกคนลดแขนลงพรอ้ ม กบั สะบดั หน้ากลบั มาอยใู่ นทา่ ตรง 114 คมู่ ือการจดั กิจกรรมลกู เสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 4 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1
9) แถวรปู วงกลมมี 2 แบบ • การเรยี กแถวแบบผเู้ รยี กยนื อยทู่ จ่ี ดุ ศนู ยก์ ลาง การใช้สญั ญาณ ผู้เรยี กแถวยนื ในท่าตรง แบมอื ทงั้ 2 ขา้ ง แขนเหยยี ดตรงลงขา้ งล่าง คว่าฝ่ามอื เขา้ หาตวั ขอ้ มอื ขวาไขวท้ บั ขอ้ มอื ซา้ ย แลว้ โบกผา่ นลาตัวประสานกนั จากดา้ นหน้าจดดา้ นหลงั (โบกผ่านลาตวั 3 ครงั้ ) ลกู เสอื หมแู่ รกยนื ดา้ นซา้ ยมอื ของผเู้ รยี ก เขา้ แถวเช่นเดยี วกบั แถวครง่ึ วงกลม ส่วนหมู่ 2 และหมตู่ ่อ ๆ ไปอยทู่ างดา้ นซา้ ยของหมทู่ อ่ี ย่กู ่อนตามลาดบั จนคนสดุ ทา้ ย (รองนายหม)ู่ ของหมสู่ ดุ ทา้ ย ไปจดกบั นายหมขู่ องหมแู่ รก ถา้ ผเู้ รยี กเป็นศนู ยก์ ลาง การจดั แถว ลกู เสอื ยกมอื ซา้ ยขน้ึ เทา้ สะโพก สะบดั หน้าไปทางขวา (ยกเวน้ นายหมู่ หมู่ แรก) จดั แถวใหเ้ ป็นรปู วงกลม การตรวจแถว ผเู้ รยี กแถวตรวจการจดั แถวแลว้ จงึ สงั่ “น่งิ ” ลกู เสอื ทุกคนลดแขนลงพรอ้ ม กบั สะบดั หน้ากลบั มาอยใู่ นทา่ ตรง และนงิ่ ค่มู อื การจดั กิจกรรมลูกเสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 4 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1 115
• การเรยี กแถวแบบผเู้ รยี กอยทู่ เ่ี สน้ รอบวง การให้สญั ญาณ ผู้เรยี กแถวยนื ในท่าตรง กามอื ขวา เหยยี ดแขนขวาตรงไปข้างหน้า ยกขน้ึ บน และเลยไปขา้ งหลงั หมนุ กลบั มาดา้ นหน้า ทา 3 ครงั้ ลูกเสอื หมู่แรกยนื ชดิ ด้านซ้ายมอื ของผู้เรยี ก หมู่ท่ี 2 และหมู่ต่อ ๆ ไป อย่ทู างซ้ายมอื ของหม่ทู อ่ี ย่กู ่อนตามลาดบั จนรองนายหมขู่ องหม่สู ุดทา้ ยไปจดขวามอื ของผเู้ รยี กใหผ้ เู้ รยี กอย่ใู นเสน้ รอ บวง การจดั แถวและการตรวจแถว กระทาเชน่ เดยี วกบั แบบแรก การเดินสวนสนาม การเดินสวนสนาม การสวนสนามมคี วามจาเป็นอย่างยงิ่ ในการจดั งานชุมนุมลูกเสอื เช่น งานชุมนุมลกู เสอื แห่งชาติ งานชุมนุมลกู เสอื เขตการศกึ ษา และงานงานชมุ นุมลกู เสอื จงั หวดั เพ่อื แสดงถงึ สมรรถภาพของลูกเสอื ว่า มคี วามพรอ้ มเพรยี ง มรี ะเบยี บวนิ ัย ควรแก่การยกยอ่ งสรรเสรญิ มากน้อยเพยี งใด เป็นการแสดงออกใน ความสามารถของลกู เสอื แต่ละกอง จะมองภมู หิ ลงั ของการดาเนนิ งานภายในกองลูกเสอื ไดอ้ ยา่ งดยี ง่ิ และ ใชป้ ระกอบพธิ ใี นวนั คลา้ ยวนั สถาปนาคณะลกู เสอื แหง่ ชาติ ในวนั ท่ี 1 กรกฎาคม ของทกุ ปี การตงั้ แถวเดินสวนสนามของลกู เสือ กองลกู เสอื อาจจดั แถวสวนสนามไดด้ งั น้ี คอื 1) จดั เป็นรปู แบบแถวหน้ากระดาน หรอื จดั เป็นรปู แบบแถวตอนลกึ แลว้ แต่ความเหมาะสม 2) ตาแหน่งการยนื และเวน้ ระยะ คนถอื ป้ายกองลูกเสอื โรงเรยี นยนื เป็นคนแรก ห่างจากคนถอื ป้าย 5 ก้าว เป็นตาแหน่งคนถอื ธงประจากองลูกเสอื โรงเรยี น ห่างจากคนถือธง 5 ก้าว เป็นตาแหน่งผู้ กากบั ลูกเสอื ห่างจากผกู้ ากบั ลูกเสอื 5 ก้าว เป็นตาแหน่งรองผกู้ ากบั ลูกเสอื ห่างจากรองผกู้ ากบั ลกู เสอื 3 กา้ ว เป็นตาแหนงสมาชกิ ลกู เสอื การแสดงความเคารพ 1) ผถู้ อื ธง การแสดงความเคารพในเวลาอย่กู บั ท่ี เม่อื มคี าบอกว่า “วนั ทยา-วุธ” ให้ผถู้ อื ธงยก ธงขน้ึ ในท่าเคารพ และทากง่ึ ขวาหนั ลดปลายคนั ธงลงขา้ งหน้าอยา่ งชา้ ๆ จนคนั ธงอยใู่ นแนวเสน้ ขนานคู่ กบั พน้ื มอื ทงั้ 2 อยเู่ สมอแนวบ่า เม่อื ลดธงลงถงึ แนวขนาดกบั พน้ื ใหเ้ ชญิ ธงกลบั ขน้ึ ในท่าเคารพชา้ ๆ ได้ จงั หวะเช่นเดยี วกบั ขาลง และเชญิ ธงในท่าน้ีจะมคี าบอกว่า “เรยี บ-อาวุธ” จงึ ลดธงลงแลว้ จงึ ทากง่ึ ซา้ ยหนั อยใู่ นท่าตรง 2) ลกู เสอื และผกู้ ากบั ทาความเคารพตามวธิ กี ารของลกู เสอื ดงั น้ี - การทาความเคารพขณะเดนิ การจดั สถานทใ่ี หใ้ ชธ้ งปักเป็นเคร่อื งหมาย 3 ธง ธงแรกปักห่างจากผู้รบั การเคารพ 20 กา้ ว ธงทส่ี องปักหา่ งจากผรู้ บั การเคารพ 10 กา้ ว และธงทส่ี ามอยถู่ ดั จากผรู้ บั การเคารพไปอกี 10 กา้ ว 116 คมู่ ือการจดั กิจกรรมลกู เสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 4 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1
- การทาความเคารพ - เมอ่ื เดนิ ถงึ ธงแรก รองผกู้ ากบั ลกู เสอื สงั่ ดว้ ยคาว่า “ระวงั ” ทุกคนเรม่ิ ตบเทา้ แรง - เมอ่ื ถงึ ธงท่ี 2 รองผกู้ ากบั ลกู เสอื สงั่ ดว้ ยคาวา่ “แลขวา – ทา” เมอ่ื สน้ิ สดุ คาสงั่ ให้ ลกู เสอื ทุกนายเดนิ สะบดั หน้าไปทางขวามอื เพ่อื ทาความเคารพประธาน ยกเวน้ นายหมลู่ กู เสอื ซง่ึ อยขู่ วา สุด ใหแ้ ลตรงมองไปขา้ งหน้า คนถอื พลองและไมง้ า่ มใหเ้ ดนิ แกว่งแขนตามปกติ ทเ่ี หลือไมแ่ กวง่ แขน เมอ่ื ถงึ ธงท่ี 3 ผใู้ ดหรอื ตบั ใดผ่านธงท่ี 3 กส็ ะบดั หน้าแลตรงและเลกิ ทาความเคารพ แกวง่ แขนเดนิ ต่อไป ตามปกติ โดยไมต่ อ้ งออกคาสงั่ ตวั อย่างแถวสวนสนาม หม่แู ถวตอน ป้ายชอ่ื กองลูกเสือ 5 กา้ ว ธงประจากองลูกเสือ 5 ก้าว ผูก้ ากับลกู เสือ 5 ก้าว รองผกู้ ากบั ลูกเสือลูกเสอื 3 กา้ ว ลูกเสือกองที่ 1 ค่มู อื การจดั กิจกรรมลูกเสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 4 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1 117
ตวั อย่างแถวสวนสนาม หม่แู ถวหน้ากระดาน ปา้ ยช่อื กองลูกเสือ 5 ก้าว ธงประจากองลูกเสือ 5 ก้าว ผู้กากบั ลกู เสือ 5 ก้าว รองผู้กากบั ลกู เสือลูกเสือ ลกู เสอื กองท่ี 1 3 กา้ ว เร่ืองสนั้ ท่ีเป็นประโยชน์ สจั จะ ณ ป่าใหญ่แห่งหน่ึง เป็นทอ่ี ยอู่ าศยั ของสตั วต์ ่าง ๆ อนั มสี งิ โต ชา้ ง เสอื โครง่ ลงิ กระทงิ มา้ กวาง หมาป่า งู กระรอก กระต่าย และนกแกว้ สตั วป์ ่าเหล่าน้ตี ่างกฆ็ า่ กนั เพ่อื กนิ เป็นอาหาร ทาใหส้ ตั วป์ ่าต่าง ก็อย่กู นั อย่างไม่เป็นสุขมแี ต่ความหวาดกลัวอนั ตรายอย่ตู ลอดเวลา วนั หน่ึงสงิ โตซง่ึ เป็นเจา้ ป่ า เหน็ ว่า สตั วท์ งั้ หลาย อย่กู นั อยา่ งไม่มคี วามสุข สงิ โตจงึ เรยี กประชุมและขอใหส้ ตั วป์ ่าเลกิ ฆา่ กนั ขอใหก้ นิ แต่เน้ือ ของสตั ว์ท่ตี ายแล้วเท่านัน้ สตั ว์ทงั้ หลายต่างเช่อื ฟังและทาตาม สตั ว์ป่ าจงึ อยู่ร่วมกนั อย่างมคี วามสุข จนกระทงั่ วนั หน่ึงมคี นเขา้ มาปลูกบา้ นอยรู่ มิ คลองกลางป่า ทาใหส้ ตั วป์ ่าต่างพากนั กลวั ว่าคนจะมาทารา้ ย สงิ โตจงึ ประชุมสตั วท์ งั้ หลายและช่วยกนั คดิ ว่าจะทาอย่างไรกบั คนทเ่ี ขา้ มาตงั้ บ้านเรอื นอยู่ “ บุกเขา้ ไป ทาลายบ้านเสียก็หมดเร่อื ง ”ช้างพูดพลางยกงวงชูไปมา “ อย่าเพิ่งเลยตอนน้ีเราต้องคอยดูความ เคล่อื นไหวของเขาก่อน ” มา้ เสนอความคดิ “ ฉนั จะพาพวกบุกเขา้ ไปกนิ คนพวกนนั้ ใหส้ าสมกบั ทเ่ี ขามา บุกรกุ ป่าของพวกเรา ” เสอื โครง่ พูดอย่างเดอื ดพล่าน “ เราน่าจะส่งตวั แทนไปบอกใหเ้ ขาออกไปเสยี จาก ป่า พวกเราจะไดอ้ ย่อู ย่างสงบสุข ” ลงิ แนะนาขณะทม่ี อื ยงั ถอื กลว้ ย สตั วท์ ุกคนเหน็ ดว้ ยกบั ขอ้ เสนอของ ลงิ เพราะเหน็ วา่ เป็นวธิ ที ด่ี ที ส่ี ุด สงิ โตจงึ รบั หน้าทไ่ี ปหาคนและขอรอ้ งใหอ้ อกจากป่า “ เราไมม่ ที อ่ี ยู่ จงึ มา อย่ใู นป่ า ” ชายคนหน่ึงบอก “ แต่สตั วท์ งั้ หลายกลวั พวกท่านจะทารา้ ยพวกเรา ” สงิ โตบอก “ อย่ากลวั พวกเราเลย พวกเรามาอยใู่ นป่าเพ่อื ทามาหากนิ เราจะไมร่ บกวนและทารา้ ยสตั ว์ เราขอยนื ยนั ” ชายคน นนั้ กล่าว สงิ โตคดิ วา่ คาพูดของคนเหล่านนั้ น่าจะเช่อื ถอื ไดจ้ งึ ยนิ ยอมใหอ้ ย่ใู นป่าต่อไป ก่อนกลบั ไปสงิ โต 118 ค่มู อื การจดั กิจกรรมลูกเสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 4 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1
ไดย้ ้ากบั คนเหล่านนั้ ว่า “ เราขอใหท้ ่านรกั ษาคาพูดตลอดไปทงั้ คนและสตั วจ์ ะไดอ้ ยรู่ ่วมกนั ดว้ ยความรกั ป่าแห่งน้จี ะไดส้ งบรม่ เยน็ น่าอยตู่ ลอดไป” เรอื่ งนี้สอนให้ร้วู ่า การยดึ มนั่ และรกั ษาคาพูดหรอื สจั จะสญั ญาทไ่ี ดใ้ หไ้ วต้ ่อกนั เป็นสงิ่ ดี จะนามาซง่ึ ความสงบสขุ บตุ รดีมีกตญั ญู มชี ายคนหน่ึงรบั จ้างไปทางานกบั เศรษฐีได้รบั อาหารสามม้อื แลกเป็นค่าแรงงานพอถึงเวลา รบั ประทานอาหาร ชายคนนัน้ ก็คดิ ถงึ แม่ซง่ึ อดอยากยากจนท่บี ้านไม่มใี ครดูแลดงั นัน้ เขาจงึ จดั แจงแบ่ง อาหารแลว้ ห่อไปฝากแมท่ บ่ี า้ น ท่านเศรษฐเี หน็ ชายคนนนั้ แบ่งอาหารใส่ห่อทุกวนั กเ็ รยี กมาถาม ชายคน นนั้ จงึ ตอบว่า “พ่อแม่มพี ระคุณลน้ เหลอื กระผมจงึ แบ่งปันให้ท่านกนิ ตามแต่จะไดร้ บั ถ้ากระผมทอดทง้ิ ไม่ เหลยี วแลแมก่ ค็ งเป็นบาปหนกั ” ท่านเศรษฐที ราบดงั นนั้ จงึ พดู ขน้ึ ว่า “เราขอชมเชยท่านว่าเป็นผมู้ กี ตญั ญู เอาเถอะแมข่ องเจา้ นนั้ เราจะอุปการะเลย้ี งดเู ขาเอง” เรื่องนี้สอนให้ร้วู ่า การรจู้ กั ตอบแทนผมู้ พี ระคณุ เป็นสงิ่ ทด่ี ี คมู่ ือการจดั กิจกรรมลูกเสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 4 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1 119
แผนการจดั กิจกรรมลกู เสือวิสามญั ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 4, ประกาศนียบตั รวิชาชีพ(ปวช. 1) หน่วยที่ 5 การกางและรอื้ เตน็ ทท์ ี่พกั แรม เวลา 1 ชวั่ โมง แผนการจดั กิจกรรมท่ี 9 การกางและรอื้ เตน็ ทท์ ่ีพกั แรม 1. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1.1 ลกู เสอื สามารถบอกส่วนประกอบของเตน็ ทไ์ ด้ 1.2 ลกู เสอื สามารถกางและรอ้ื เตน็ ทพ์ กั แรมได้ 2. เนื้อหา 2.1 ส่วนประกอบของเตน็ ท์ 2.2 วธิ กี ารกางเตน็ ท์ 2.3 วธิ กี ารรอ้ื และเกบ็ รกั ษาเตน็ ท์ 3. สื่อการเรยี นรู้ 3.1 แผนภมู เิ พลง 3.2 เตน็ ทส์ าเรจ็ รปู , เตน็ ท์ 5 ชาย 3.3 ใบความรู้ เรอ่ื งเตน็ ท์ 3.4 เรอ่ื งสนั้ ทเ่ี ป็นประโยชน์ 4. กิจกรรม 4.1 พธิ เี ปิดประชุมกอง (ชกั ธงขน้ึ สวดมนต์ สงบนิง่ ตรวจ แยก) 4.2 เพลง ยามค่า 4.3 กจิ กรรมตามจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1) ผกู้ ากบั ลกู เสอื ใหล้ กู เสอื ศกึ ษาใบความรู้ รปู แบบต่าง ๆ ของเตน็ ท์ วธิ กี ารกางเตน็ ท์ ขอ้ ดแี ละขอ้ จากดั ในการใชเ้ ตน็ ทแ์ ต่ละประเภท เช่นเตน็ ท์ 5 ชาย เตน็ ทส์ าเรจ็ รปู แบบต่าง ๆ ฯลฯ ผู้ กากบั ลกู เสอื สนทนาความรเู้ กย่ี วเรอ่ื งเตน็ ทข์ องลกู เสอื ขณะเดยี วกนั มอบหมายใหน้ ายหมเู่ ตรยี มอุปกรณ์ เตน็ ทเ์ พ่อื เป็นวทิ ยากรอธบิ ายและสาธติ 2) หมลู่ กู เสอื วเิ คราะหร์ ปู แบบของเตน็ ท์ และการนาไปใชท้ เ่ี หมาะสมกบั สภาพการอยคู่ ่าย พกั แรมของหมตู่ นเอง บนพน้ื ฐานขอ้ มลู ของสถานทพ่ี กั แรม พรอ้ มกบั ปัจจยั ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การกางเตน็ ท์ เชน่ วสั ดุอุปกรณ์ พน้ื ทร่ี องรบั อุปกรณ์เสรมิ ต่างๆ 3) ลกู เสอื รว่ มกบั เพอ่ื นอกี หน่งึ คน ปฏบิ ตั กิ ารกางและรอ้ื เตน็ ทโ์ ดยมนี ายหมเู่ ป็นผู้ ให้ คาแนะนาทถ่ี ูกตอ้ ง รวมทงั้ วธิ กี ารดแู ลรกั ษาเตน็ ท์ และการเกบ็ เตน็ ท์ 4) ลกู เสอื รว่ มกนั อภปิ รายสรปุ การปฏบิ ตั งิ าน 4.4 ผกู้ ากบั ลกู เสอื เลา่ เรอ่ื งสนั้ ทเ่ี ป็นประโยชน์ 4.5 พธิ ปี ิดประชุมกอง (นดั หมาย ตรวจเครอ่ื งแบบ ชกั ธงลง เลกิ ) 120 คมู่ ือการจดั กิจกรรมลูกเสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 4 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1
5.การประเมินผล สงั เกตความรว่ มมอื ในการปฏบิ ตั กิ จิ กรรม ภาคผนวกประกอบแผนการจดั กิจกรรมท่ี 9 เพลง ยามคา่ ฟ้ามดื มวั ลมเยน็ พดั โชยกระหน่าฝนกต็ กพราพราฟ้ามดื ค่ามวั ไปใจคดิ ถงึ เมอ่ื ครงั้ มาพกั แรมในป่าแสนจะสขุ ใจฟ้ามดื ค่าทใี ดพอเบกิ บานใจฝนกระหน่าลงมา เสอื เผา่ ไทยรว่ มใจมานอนกลางป่าแมเ้ หน็ดเหน่อื ยกายาเราสุขอุราเกนิ ใคร ถงึ หนกั เอาเบาสสู้ ามคั คมี อี ยแู่ สนจะสุขใจฟ้ามดื ค่าทไี รเล่นรอบกองไฟเราสนุกเฮฮา ใบความรู้ เตน็ ท์ เตน็ ทท์ น่ี ิยมนาไปอยคู่ ่ายพกั แรมมี 3 ชนดิ 1. เตน็ ทอ์ านวยการ มขี นาดใหญ่ ใชเ้ ป็นทป่ี ระชุม 2. เตน็ ทห์ มู่ ใชเ้ ป็นทพ่ี กั สาหรบั ลกู เสอื ทงั้ หมู่ 3. เตน็ ทบ์ คุ คล สาหรบั ลกู เสอื 2 คน ทน่ี ิยมใชม้ ี 2 ชนดิ ไดแ้ ก่ เตน็ ทก์ ระแบะหรอื เตน็ ท์ 5 ชาย และเตน็ ทส์ าเรจ็ รปู เตน็ ทก์ ระแบะ หรือเตน็ ท์ 5 ชาย เหมาะสาหรบั ลกู เสอื 2 คน มขี นาดเลก็ กระทดั รดั พกพาสะดวก ใชพ้ น้ื ทก่ี างเตน็ ทไ์ มก่ วา้ งมาก และวธิ กี างเตน็ ทไ์ ม่ยงุ่ ยาก มลี กู เสอื ช่วยกนั เพยี ง 2 คนกส็ ามารถกางเตน็ ทไ์ ด้ ส่วนประกอบของเตน็ ท์ 5 ชาย มดี งั น้ี 1. ผา้ เตน็ ท์ 2 ผนื 2. เสาเตน็ ท์ 2 ชุด ( 2 เสา ) ชดุ ละ 3 ท่อน ( 3 ท่อนต่อกนั เป็น 1 ชุดหรอื 1 เสา ) 3. สมอบก 10 ตวั ( หวั ทา้ ย 2 ตวั ชาย ดา้ นลา่ งดา้ นละ 3 ตวั ประตูหน้า 1 ตวั และหลงั 1 ตวั ) 4. เชอื กยดึ สมอบก 10 เสน้ (เชอื กยาวใช้ รงั้ หวั ทา้ ยเตน็ ท์ 2 เสน้ เชอื กสนั้ ใชย้ ดึ ชายเตน็ ท์ 6 เสน้ และประตูหน้า - หลงั 2 เสน้ ) การกางเตน็ ท์ 5 ชาย มี 5 ขนั้ ตอน ดงั น้ี 1. ตดิ กระดุมผา้ เตน็ ทท์ งั้ 2 ผนื เขา้ ค่มู ือการจดั กิจกรรมลกู เสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 4 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1 121
ดว้ ยกนั ดา้ นทต่ี ดิ กระดุมเป็นดา้ นสนั ของหลงั คา รตู าไก่ทซ่ี อ้ นกนั และอยถู่ ดั จากระดุมจะเป็นทย่ี ดึ เสาทงั้ 2 เสา สว่ นดา้ นทม่ี รี ตู าไก่ดา้ นละ 3 รู จะเป็นชายดา้ นล่าง 2. นาเสาชุดท่ี 1 (ต่อ 3 ทอ่ นเขา้ ดว้ ยกนั ) มาเสยี บทร่ี หู ลงั คาเตน็ ท์ ใหค้ นท่ี 1 จบั ไว้ 3. ใหค้ นท่ี 2 ใชเ้ ชอื กยาว 1 เสน้ นามายดึ จากหวั เสา (หรอื ห่วง) ไปยงั สมอบกดา้ นหน้า (ผกู ดว้ ย เงอ่ื นตะกรดุ เบด็ กระหวดั ไม้ หรอื ผกู รงั้ ) แลว้ จงึ ใชเ้ ชอื กสนั้ 2 เสน้ ยดึ ชายเตน็ ทเ์ ขา้ กบั สมอบก เพอ่ื ให้ เตน็ ทก์ างออกเป็นรปู หน้าจวั่ (ผกู ดว้ ยเงอ่ื นปมตาไก่) 4. ใหค้ นท่ี 2 เดนิ ออ้ มไปอกี ดา้ นหน่งึ ต่อเสาท่ี 2 เสยี บเขา้ กบั รหู ลงั คาเตน็ ทอ์ กี ดา้ นหน่งึ แลว้ จบั เสาไว้ ใหค้ นท่ี 1 ปล่อยมอื จากเสาท่ี 1 แลว้ นาเชอื กยาวเสน้ ท่ี 2 ยดึ จากหวั เสาท่ี 2 ไปยงั สมอบก ดา้ นหลงั (ผกู ดว้ ยเงอ่ื นตะกรดุ เบด็ กระหวดั ไม้ หรอื ผกู รงั้ ) 5. ใหค้ นท่ี 2 ปลอ่ ยมอื จากเสาท่ี 2 ได้ เตน็ ทจ์ ะไมล่ ม้ และทงั้ 2 คนช่วยกนั ใชเ้ ชอื กยดึ ชายเตน็ ท์ จดุ ทเ่ี หลอื เขา้ กบั สมอบก แลว้ ปรบั ความตงึ หยอ่ นของเตน็ ทใ์ หเ้ รยี บรอ้ ย การร้อื เตน็ ท์ 5 ชาย มี 7 ขนั้ ตอน 1. แกเ้ ชอื กทร่ี งั้ เสาหวั ทา้ ยกบั สมอบกออก เตน็ ทจ์ ะลม้ ลงทนั ที 2. ถอนเสาเตน็ ทอ์ อกเป็น 6 ท่อน นามารวมกนั ไว้ 3. ถอนสมอบกทงั้ 10 ตวั นาไปรวมกนั ไวท้ ใ่ี กล้ ๆ กบั เสาเตน็ ท์ 4. แกเ้ ชอื กและเกบ็ เชอื กใหเ้ รยี บรอ้ ย (เชอื กสนั้ 8 เสน้ เชอื กยาว 2 เสน้ รวม 10 เสน้ ) นาไปรวม ไวใ้ กล้ ๆ กองสมอบก 5. แกะกระดมุ เตน็ ทเ์ พอ่ื แยกผา้ เตน็ ทอ์ อกเป็น 2 ผนื 6. ทาความสะอาดอุปกรณ์และเกบ็ พบั ผา้ เตน็ ทใ์ หเ้ รยี บรอ้ ย 7. นาผา้ เตน็ ทแ์ ละอุปกรณ์เกบ็ รวมไวใ้ นทเ่ี ดยี วกนั เตน็ ทส์ าเรจ็ รปู ใชเ้ ป็นทพ่ี กั สาหรบั ลกู เสอื ทงั้ หมู่ (1 หม)ู่ มขี นาดใหญ่กวา่ และน้าหนกั มากกวา่ เตน็ ทก์ ระแบะ แต่ยงั สามารถพกพาไปไดส้ ะดวก พน้ื ทท่ี ใ่ี ชก้ างเตน็ ทม์ บี รเิ วณกวา้ งพอสมควร วธิ กี างเตน็ ทไ์ มย่ งุ่ ยาก มี ลกู เสอื ช่วยกนั เพยี ง 2 คนกส็ ามารถกางเตน็ ทไ์ ด้ เตน็ ทส์ าเรจ็ รปู มหี ลายแบบ มรี ปู ทรงไมเ่ หมอื นกนั บาง แบบคลา้ ยเตน็ ทก์ ระแบะ สว่ นประกอบของเตน็ ทส์ าเรจ็ รปู มดี งั น้ี 1. ผา้ เตน็ ท์ 1 ชดุ 2. เสาเตน็ ท์ 2 ชดุ (2 เสา) ชดุ ละ 3 ทอ่ น (3 ทอ่ นต่อกนั เป็น 1 ชุด หรอื 1 เสา) 3. สมอบก 12 ตวั (ยดึ มมุ พน้ื 4 ตวั ยดึ ชายหลงั คา 6 ตวั หวั 1 ตวั ทา้ ย 1 ตวั ) 4. เชอื กยดึ สมอบก 8 เสน้ ทกุ เสน้ มดั ตดิ กบั แผน่ เหลก็ สาหรบั ปรบั ความตงึ หยอ่ นของเชอื ก โดย เชอื กสนั้ 6 เสน้ ใชย้ ดึ ชายหลงั คา และเชอื กยาว 2 เสน้ ใชร้ งั้ หวั ทา้ ยเตน็ ท์ วิธีกางเตน็ ทส์ าเรจ็ รปู มี 5 ขนั้ ตอน ดงั น้ี 1. ยดึ พน้ื ของเตน็ ทท์ งั้ 4 มมุ ดว้ ยสมอบก 4 ตวั 2. นาเสาชดุ ท่ี 1 ( ต่อ 3 ท่อนเขา้ ดว้ ยกนั ) มาเสยี บทร่ี หู ลงั คาเตน็ ท์ ใหค้ นท่ี 1 จบั ไว้ 122 คมู่ อื การจดั กิจกรรมลูกเสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 4 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1
3. ใหค้ นท่ี 2 ใชเ้ ชอื กยาว 1 เสน้ ยดึ จากหวั เสา (หรอื ห่วง) ไปยงั สมอบกดา้ นหน้า (โดย ผกู ดว้ ย เงอ่ื นตะกรดุ เบด็ หรอื เงอ่ื นกระหวดั ไม้ ไมต่ อ้ งใชเ้ งอ่ื นผรู้ งั้ เพราะมแี ผ่นปรบั ความตงึ อยู่ แลว้ ) แลว้ ใช้ เชอื กสนั้ 2 เสน้ ยดึ ชายเตน็ ทเ์ ขา้ กบั สมอบก ใหเ้ ตน็ ทก์ างออกเป็นรปู หน้าจวั่ 4. ใหค้ นท่ี 2 เดนิ ออ้ มไปอกี ดา้ นหน่งึ ต่อเสาท่ี 2 เสยี บเขา้ กบั รหู ลงั คาเตน็ ทอ์ กี ดา้ นหน่งึ แลว้ จบั เสาไว้ ใหค้ นท่ี 1 ปลอ่ ยมอื จากเสาท่ี 1 แลว้ นาเชอื กยาวเสน้ ท่ี 2 ยดึ จากหวั เสาท่ี 2 ไปยงั สมอบก ดา้ นหลงั 5. ใหค้ นท่ี 2 ปลอ่ ยมอื จากเสาท่ี 2 ได้ เตน็ ทจ์ ะไมล่ ม้ ทงั้ สองคนชว่ ยกนั ใชเ้ ชอื กยดึ ชายหลงั คา เตน็ ท์ ( จดุ ทเ่ี หลอื ) ใหเ้ ขา้ กบั สมอบกแลว้ ปรบั ความตงึ หยอ่ นของเตน็ ทใ์ หเ้ รยี บรอ้ ย วิธีร้ือเตน็ ทส์ าเรจ็ รปู มี 5 ขนั้ ตอน ดงั น้ี 1. แกเ้ ชอื กทร่ี งั้ เสาหวั ทา้ ยกบั สมอบกออก เตน็ ทจ์ ะลม้ ลงทนั ที 2. ถอนเสาเตน็ ทอ์ อกเป็น 6 ทอ่ น นามารวมกนั ไว้ 3. ถอนสมอบกทงั้ 12 ตวั นาไปรวมกนั ไวท้ ใ่ี กล้ ๆ กบั เสาเตน็ ท์ 4. เกบ็ เชอื กและแผน่ ปรบั ความตงึ ใหเ้ รยี บรอ้ ย (เชอื กสนั้ 6 เสน้ เชอื กยาว 2 เสน้ แผ่นปรบั ความตงึ 8 อนั ) นาไปรวมไวใ้ กล้ ๆ กองสมอบก 5. ทาความสะอาดอุปกรณ์ทุกชน้ิ แลว้ นาไปเกบ็ การเลือกสถานท่ีตงั้ ค่ายและกางเตน็ ท์ ตอ้ งทาการสารวจความเหมาะสมของพน้ื ท่ี แหลง่ น้า และเสน้ ทางคมนาคม เพอ่ื ป้องกนั ปัญหา ต่าง ๆ ทจ่ี ะตามมา ควรมลี กั ษณะดงั น้ี 1. เป็นพน้ื ทโ่ี ล่งกวา้ ง เหมาะสาหรบั การตงั้ ค่ายและจดั กจิ กรรม 2. พน้ื ดนิ บรเิ วณทต่ี งั้ ค่ายควรเป็นดนิ ปนทราย พน้ื เป็นทเ่ี รยี บ ไมม่ นี ้าขงั 3. อยใู่ กลแ้ หล่งน้าสะอาด ปลอดภยั 4. อยหู่ า่ งจากตน้ ไมใ้ หญ่ เพอ่ื ป้องกนั อนั ตรายทจ่ี ะเกดิ จากกงิ่ ไมห้ ล่นลงมาทบั 5. ทศิ ทางของลมเพ่อื ใชพ้ จิ ารณาในการตงั้ เตน็ ทท์ พ่ี กั 6. สามารถหาเชอ้ื ไฟ เชน่ ฟืน เศษไม้ สาหรบั หุงตม้ ไดส้ ะดวก 7. การคมนาคมสะดวก ใกลก้ บั โรงพยาบาล หรอื อนามยั ใกลก้ บั สถานตารวจ 8. ไดร้ บั อนุญาตจากเจา้ ของสถานทก่ี ่อนจะตงั้ ค่ายพกั แรม ข้อควรระวงั ในการกางเตน็ ท์ 1. เมอ่ื ตอ้ งการกางเตน็ ทห์ ลายหลงั เป็นแนวเดยี วกนั ควรเลง็ ใหส้ มอบกตวั ทอ่ี ยดู่ า้ นหน้าสดุ และ เสาตน้ แรกของทกุ เตน็ ทอ์ ยใู่ นแนวเดยี วกนั 2. การกางเตน็ ทแ์ ต่ละหลงั ใหเ้ ลง็ สมอบกตวั แรก เสาแรก เสาหลงั และสมอบกตวั หลงั ทงั้ 4 จดุ ใหอ้ ยใู่ นแนวเดยี วกนั 3. เสาทุกตน้ ทย่ี ดึ เตน็ ทจ์ ะต้องตงั้ ฉากกบั พน้ื เสมอหลงั คา ค่มู ือการจดั กิจกรรมลูกเสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 4 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1 123
4. เตน็ ทต์ อ้ งไมม่ รี อยย่น สมอบกดา้ นขา้ งของเตน็ ทแ์ ต่ละหลงั ตอ้ งเรยี งกนั อยา่ งเป็นระเบยี บ ถา้ เตน็ ทต์ งึ ไปอาจจะขาดได้ หรอื ถา้ หยอ่ นเกนิ ไปกจ็ ะกนั ฝนไมไ่ ด้ ซง่ึ จะเป็นสาเหตุทาใหน้ ้าซมึ ไดง้ า่ ย และ ถา้ ลมพดั แรงอาจทาใหเ้ ตน็ ทข์ าดได้ 5. การผกู เตน็ ทค์ วรใชเ้ งอ่ื นผกู รงั้ เพราะสามารถปรบั ใหต้ งึ หยอ่ นไดต้ ามตอ้ งการ การดแู ลรกั ษาเตน็ ท์ การดแู ลรกั ษาเตน็ ทใ์ หม้ อี ายกุ ารใชง้ านทย่ี าวนาน 1. ฝึกกางเตน็ ทใ์ หถ้ กู วธิ ี เพราะการกางเตน็ ทไ์ มถ่ ูกวธิ ี อาจทาใหอ้ ุปกรณ์บางชน้ิ เกดิ ความ เสยี หายได้ เช่น ใสเ่ สาเตน็ ทผ์ ดิ อนั ทาใหเ้ กดิ ความเสยี หายเวลางอเสาเขา้ กบั เตน็ ท์ เป็นตน้ 2. อยา่ เกบ็ เตน็ ทข์ ณะเปียกถา้ ไม่จาเป็น เพราะจะทาใหเ้ กดิ กลนิ่ อบั ควรจะนาเตน็ ทม์ าผง่ึ ลมให้ แหง้ ก่อนและนาเศษสงิ่ สกปรกออกจากเตน็ ทก์ ่อนปิดซปิ ใหเ้ รยี บรอ้ ย 124 คมู่ ือการจดั กิจกรรมลกู เสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 4 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1
แผนการจดั กิจกรรมลกู เสือวิสามญั ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 4, ประกาศนียบตั รวิชาชีพ(ปวช. 1) หน่วยท่ี 6 การบรรจเุ ครื่องหลงั เวลา 1 ชวั่ โมง แผนการจดั กิจกรรมท่ี 10 การบรรจเุ คร่ืองหลงั 1. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ ลกู เสอื สามารถบรรจเุ ครอ่ื งหลงั สาในหม่ลู กู เสือหรบั การเดนิ ทางไกลไปอยคู่ า่ ยพกั แรมได้ 2. เนื้อหา 2.1 การวางแผนเตรยี มอุปกรณ์ วสั ดุ สง่ิ ของเครอ่ื งใชส้ ่วนตวั และส่วนรวมสาหรบั เดนิ ทางไกลไป พกั แรมคา้ งคนื 2.2 วธิ กี ารบรรจเุ ครอ่ื งหลงั 3. สื่อการเรยี นรู้ 3.1 แผนภมู เิ พลง, เกม 3.2 ใบความรู้ เรอ่ื ง การบรรจเุ ครอ่ื งหลงั สาหรบั การเดนิ ทางไกลไปอยคู่ ่ายพกั แรม 3.3 อุปกรณ์สาหรบั การบรรจเุ ครอ่ื งหลงั และเครอ่ื งหลงั 3.4 เรอ่ื งสนั้ ทเ่ี ป็นประโยชน์ 4. กิจกรรม 4.1 กิจกรรมครงั้ ที่ 1 1) พธิ เี ปิด (ชกั ธงขน้ึ สวดมนต์ สงบน่งิ ตรวจ แยก) 2) เพลง เดนิ ทางไกล 3) กจิ กรรมตามจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ (1) ผกู้ ากบั ลกู เสอื นาตวั อยา่ งสง่ิ ของเครอ่ื งใชส้ ว่ นตวั วสั ดุ อุปกรณ์สาหรบั เดนิ ทางไกลและ อยคู่ ่ายพกั แรม เช่น ชอ้ น จาน ผา้ เชด็ ตวั สบู่ แปรงสฟี ัน ยาสฟี ัน รองเทา้ แตะ อาหารสาเรจ็ รปู ฯลฯ มา จดั เป็นนทิ รรศการรปู แบบรา้ นคา้ โดยกากบั ราคาสงิ่ ของเหลา่ นนั้ ไว้ ทุกรายการ (2) ผกู้ ากบั ลกู เสอื ใหล้ กู เสอื เลอื กวสั ดอุ ุปกรณ์สง่ิ ของเครอ่ื งใชส้ าหรบั พกั แรม ตามความ จาเป็นโดยจดั รายการซอ้ื สงิ่ ของนนั้ จากนิทรรศการรา้ นคา้ ในจานวนเงนิ คนละไมเ่ กนิ 300 บาท ตามใบ รายการทไ่ี ดก้ าหนดไว้ (3) ลกู เสอื นารายทไ่ี ดซ้ อ้ื ไวจ้ ากรา้ นคา้ มาตรวจสอบ และอภปิ รายในกลุ่มถงึ เหตุผล ความ จาเป็น แลว้ สรปุ เป็นขอ้ กาหนดของกลุม่ (4) ผกู้ ากบั ลกู เสอื สรปุ และใหข้ อ้ เสนอแนะในการจดั เตรยี ม วสั ดอุ ุปกรณ์ทเ่ี ป็นประโยชน์ และคมุ้ ค่าในการอยคู่ า่ ยพกั แรม โดยยดึ หลกั ปฏบิ ตั ใิ นเร่อื งความพอเพยี ง 4.4 ผกู้ ากบั ลกู เสอื เลา่ เรอ่ื งสนั้ ทเ่ี ป็นประโยชน์ 4.5 พธิ ปี ิดประชุมกอง(นดั หมาย ตรวจเครอ่ื งแบบ ชกั ธงลง เลกิ ) ค่มู อื การจดั กิจกรรมลูกเสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 4 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1 125
4.2 กิจกรรมครงั้ ท่ี 2 1) พธิ เี ปิดประชุมกอง (ชกั ธงขน้ึ สวดมนต์ สงบนิ่ง ตรวจ แยก) 2) เพลงหรอื เกม 3) กจิ กรรมตามจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ (1) ผกู้ ากบั ลกู เสอื มอบหมายใหน้ ายหมลู่ กู เสอื แต่ละหม่บู รรยายและสาธติ วธิ กี ารบรรจเุ ครอ่ื ง หลงั ทถ่ี ูกตอ้ ง (2) ลกู เสอื ปฏบิ ตั กิ ารบรรจวุ สั ดอุ ุปกรณ์สงิ่ ของสว่ นตวั ทเ่ี ตรยี มมาลงเครอ่ื งหลงั ตามวธิ กี าร ทน่ี ายหมลู่ กู เสอื ไดส้ าธติ (3) ลกู เสอื ประเมนิ น้าหนกั สง่ิ ของเครอ่ื งใช้ ทบ่ี รรจเุ ครอ่ื งหลงั วา่ เหมาะสม และสามารถ นาพา ไปไดด้ ว้ ยตนเองในระยะทาง 15 กโิ ลเมตร ไดห้ รอื ไม่ (4) ลกู เสอื นาเครอ่ื งหลงั ของตนมาเปรยี บเทยี บ และแลกเปลย่ี นความคดิ เหน็ กบั ลูกเสอื คน อ่นื แลว้ จดั เครอ่ื งหลงั ของตนใหเ้ หมาะสม (5) ผู้กากบั ลูกเสอื และลูกเสอื ร่วมกนั สรปุ การเตรยี มวสั ดุ อุปกรณ์ของใชส้ ่วนตวั ลงบรรจุ เครอ่ื งหลงั สาหรบั การพกั แรมคา้ งคนื 4) ผกู้ ากบั ลกู เสอื เลา่ เรอ่ื งสนั้ ทเ่ี ป็นประโยชน์ 5) พธิ ปี ิดประชุมกอง (นดั หมาย ตรวจเครอ่ื งแบบ ชกั ธงลง เลกิ ) 5. การประเมินผล 5.1 สงั เกตการจดั เตรยี มวสั ดอุ ุปกรณ์สง่ิ ของสว่ นตวั และสว่ นรวมของลกู เสอื 5.2 สงั เกตการปฏบิ ตั งิ านของลกู เสอื ภาคผนวกประกอบแผนการจดั กิจกรรมท่ี 10 เพลง เดินทางไกล เดนิ ทางไกล เดนิ ทางไกล ไปไปซไิ ปไปซไิ ปดว้ ยกนั เหน่อื ยอยา่ งไร ไมเ่ คยหวนั่ รว่ มใจกนั และสามคั คี เดนิ ทางไป ในกลางดง ใจนกึ ทะนงหลงเพลนิ เขาดอย มงุ่ หน้าไป ไมย่ อ่ หยอ่ น ลมื ทุกขร์ อ้ น มงุ่ ส่ปู ลายทาง รวมเงิน รวมเงนิ รวมเงนิ ใหด้ ี รวมเงนิ วนั น้อี ยา่ ใหม้ ผี ดิ พลาด ผหู้ ญงิ นนั้ เป็นเหรยี ญบาท ผชู้ ายฉลาดเป็นหา้ สบิ สตางค์ 126 ค่มู อื การจดั กิจกรรมลูกเสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 4 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1
เกม รวมเงิน 1. กาหนดใหล้ กู เสอื ทเ่ี ป็นผชู้ ายใหส้ วมหมวก เป็นผหู้ ญงิ ใหถ้ อดหมวก 2. อธบิ ายการเลน่ เกมกาหนดใหล้ กู เสอื ชายเป็นเงนิ มคี า่ หา้ สบิ สตางค์ ผหู้ ญงิ เป็นเงนิ มคี ่า 1 บาท 3. เรมิ่ เล่นให้ลูกเสอื เดินปะปนกันในกลุ่มโดยร่วมกันร้องเพลงรวมเงนิ เม่อื จบเพลงผู้กากับ ลกู เสอื เป็นผกู้ าหนดการรวมเงนิ เชน่ สบ่ี าทหา้ สบิ ใหล้ ูกเสอื รวมกนั เป็นกลมุ่ ใหค้ รบจานวนเงนิ สบ่ี าทหา้ สบิ สตางคเ์ มอ่ื ครบแลว้ ใหน้ งั่ ลง กลมุ่ ทร่ี วมไมค่ รบตอ้ งออกจากเกม 4. เล่นและรอ้ งซ้าประมาณ 3 รอบ เพอ่ื หาลกู เสอื ทร่ี วมกล่มุ ทเ่ี ป็นผชู้ นะ ใบความรู้ การบรรจเุ ครอ่ื งหลงั สาหรบั การเดินทางไกลไปอย่คู ่ายพกั แรม การเดนิ ทางไกลไปอยคู่ า่ ยพกั แรม เป็นกจิ กรรมหน่งึ ซง่ึ ลกู เสอื จะตอ้ งมกี ารเตรยี มการเรอ่ื งเครอ่ื ง หลงั ใหพ้ รอ้ ม และเหมาะสมกบั การเดนิ ทางไกลไปพกั คา้ งคนื อุปกรณ์ทต่ี อ้ งจดั เตรยี มแบง่ ออกเป็น 2 ประเภท คอื 1. อุปกรณ์เฉพาะบคุ คล หรอื อุปกรณ์ประจาตวั 2. อุปกรณ์สว่ นรวม หรอื อุปกรณ์สาหรบั หมหู่ รอื กอง อปุ กรณ์เฉพาะบคุ คล ควรเป็นสงิ่ จาเป็น มนี ้าหนกั ไมม่ ากนกั ไดแ้ ก่ 1. กระตกิ น้า ใสน่ ้าสะอาดใหเ้ ตม็ 2. เครอ่ื งใชป้ ระจาตวั เช่น ผา้ เชด็ ตวั ผา้ ขาวมา้ ผา้ ถุง สบู่ แปรงสฟี ัน ยาสฟี ัน รองเทา้ แตะ ไฟ ฉาย ชอ้ นสอ้ ม จานขา้ ว ยาทากนั ยงุ เป็นต้น 3. เครอ่ื งแบบและเครอ่ื งประกอบเครอ่ื งแบบ ไดแ้ ก่ เสอ้ื กางเกง (กระโปรงสาหรบั เนตรนาร)ี ผา้ พนั คอ หมวก เขม็ ขดั รองเทา้ ถุงเทา้ เป็นตน้ 4. ยาประจาตวั และอุปกรณ์ปฐมพยาบาล 5. เขม็ ทศิ แผนท่ี สมดุ จดบนั ทกึ การเดนิ ทาง ดนิ สอ ปากกา 6. ฤดฝู นตอ้ งเตรยี มชุดกนั ฝน ฤดหู นาวใหเ้ ตรยี มเสอ้ื กนั หนาว 7. เครอ่ื งนอน เช่น เตน็ ท์ ผา้ ปทู น่ี อน เส่อื ผา้ หม่ ถุงนอน เป็นตน้ 8. ถุงพลาสตกิ เพ่อื ใชส้ าหรบั ใสเ่ สอ้ื ผา้ เปียกชน้ื หรอื เสอ้ื ผา้ ทใ่ี ชแ้ ลว้ 9. เชอื กหรอื ยางเพ่อื ใชผ้ กู รดั อุปกรณ์สง่ิ ของเลก็ ๆ น้อย ๆ 10. ไมง้ ่าม อปุ กรณ์ ส่วนรวม หรืออปุ กรณ์สาหรบั หม่หู รือกอง เป็นอุปกรณ์ทใ่ี ชส้ าหรบั ทุกคนในหมหู่ รอื กอง ในการอยคู่ ่ายพกั แรมรว่ มกนั และตอ้ งแบง่ หน้าทก่ี นั นาสงิ่ ของไป เช่น ค่มู ือการจดั กิจกรรมลูกเสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 4 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1 127
-- นายหมู่ เอาตะเกยี ง มดี พรา้ และแผนท่ี -- รองนายหมู่ นาพลวั่ สนาม เตน็ ท์ กระดาษชาระ กระเป๋ ายาและอุปกรณ์ในการปฐมพยาบาล ถงั น้า กะละมงั ไมข้ ดี ไฟ เชอ้ื ไฟ ยาขดั รองเทา้ ยาขดั โลหะ -- หวั หน้าคนครวั เตรยี มกระทะ หมอ้ ทพั พี หมอ้ สาหรบั ปรงุ อาหาร กระทะ มดี ทาครวั -- รองหวั หน้าคนครวั นากบั ขา้ ว เครอ่ื งปรงุ อาหารสด อาหารแหง้ และอาหารกระป๋ องสาหรบั รบั ประทานทงั้ หมู่ สิ่งท่ีไมค่ วรบรรจเุ ครื่องหลงั ไมค่ วรนาสงิ่ ของอ่นื ๆ ทไ่ี ม่จาเป็นและของมคี า่ ทุกชนิดไป เช่น สายสรอ้ ยทองคา โทรศพั ทร์ าคา แพง เครอ่ื งเลน่ รวมถงึ อุปกรณ์อเิ ลก็ ทรอนิกสอ์ ่นื ๆ ฯลฯ นาเงนิ ตดิ ตวั ไปเท่าทจ่ี าเป็นตอ้ งใช้ รวมทงั้ ไม่ พกพาอาวธุ ทุกชนิด การบรรจสุ ่ิงของลงในถงุ เครือ่ งหลงั หรอื กระเป๋ า เครอ่ื งหลงั คอื ถุงหรอื กระเป๋ าสาหรบั ใส่สงิ่ ของต่าง ๆ ใชส้ ะพายหลงั เพอ่ื สามารถนาสงิ่ ของตดิ ตวั ไปไดส้ ะดวก จดั เป็นสงิ่ สาคญั และมคี วามจาเป็นมากสาหรบั กจิ กรรมการเดนิ ทางไกล เพราะลกู เสอื ตอ้ ง ใชบ้ รรจอุ ุปกรณ์ประตวั อุปกรณ์ประจาหมู่ ทต่ี อ้ งนาไปใชใ้ นการอยคู่ า่ ยพกั แรม เครอ่ื งหลงั มหี ลายชนิดแลว้ แต่ลกู เสอื จะเลอื กใชเ้ ชน่ กระเป๋ า ย่าม หรอื เป้ ลกู เสอื ควรเลอื กใช้ เครอ่ื งหลงั ทม่ี ลี กั ษณะคลา้ ยเป้ เพราะมชี อ่ งสาหรบั แยกบรรจสุ งิ่ ของไดห้ ลายประเภท การบรรจสุ ง่ิ ของลงในถุงเครอ่ื งหลงั หรอื กระเป๋ า มขี อ้ แนะนาดงั น้ี 1. เลอื กเครอ่ื งหลงั ทม่ี ขี นาดพอเหมาะไมเ่ ลก็ หรอื ใหญ่จนเกนิ ไป 2. บรรจสุ งิ่ ของทม่ี นี ้าหนกั มากหรอื สง่ิ ของทใ่ี ชภ้ ายหลงั ไวข้ า้ งลา่ ง สว่ นสง่ิ ของทใ่ี ช้ก่อนหรอื ใช้ รบี ด่วน เช่นไฟฉาย เสอ้ื กนั ฝน ไมข้ ดี ไฟ ฯ ใหบ้ รรจไุ วข้ า้ งบนสดุ เพ่อื สามารถนาออกมาใชไ้ ดอ้ ยา่ ง สะดวก 3. บรรจสุ งิ่ ของนุ่ม ๆ เช่น ผา้ เชด็ ตวั ผา้ หม่ เสอ้ื ผา้ ฯลฯ ตรงส่วนทส่ี มั ผสั กบั หลงั ของลกู เสอื เพ่อื จะไดไ้ มเ่ จบ็ หลงั ขณะเดนิ ทาง 4. สง่ิ ของบางประเภท เช่น ยารกั ษาโรค ขา้ วสาร เป็นตน้ ควรใส่ถุงผา้ หรอื ถุงพลาสตกิ ก่อน แลว้ จงึ บรรจลุ งเครอ่ื งหลงั 5. ในกรณที ถ่ี ุงนอน และผา้ ห่มบรรจเุ ครอ่ื งหลงั ไมไ่ ด้ ใหผ้ กู ถุงนอนและผา้ ห่มนอนของลกู เสอื ไว้ นอกเครอ่ื งหลงั คลมุ ดว้ ยแผ่นพลาสตกิ ใสเพอ่ื กนั การเปียกน้า 6. เครอ่ื งหลงั ทล่ี กู เสอื นาไปตอ้ งไมห่ นกั จนเกนิ ไป เพราะจะทาใหล้ กู เสอื เหน่อื ยเรว็ น้าหนกั ของ เครอ่ื งหลงั ควรหนกั ไมเ่ กนิ 1 ใน 5 ของน้าหนกั ตวั ลกู เสอื เชน่ ถา้ ลกู เสอื หนกั 60 กโิ ลกรมั เครอ่ื งหลงั ควร หนกั ไมเ่ กนิ 12 กโิ ลกรมั เป็นตน้ 128 ค่มู อื การจดั กิจกรรมลูกเสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 4 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1
เร่ืองสนั้ ที่เป็นประโยชน์ อีกากบั เหยือก ขณะท่อี กี าตวั หน่ึงกาลงั บนิ อยู่ มนั รสู้ กึ กระหายน้ามาก เม่อื มองเห็นเหยอื กน้าตงั้ อย่ดู ้านล่าง จงึ ร่อนลงไปยงั จุดหมาย เม่อื มองเขา้ ไปในเหยอื ก พบว่ามนี ้าอยู่เพยี งเล็กน้อย มนั จงึ พยายามสอด จะงอยปากเข้าไปเพ่ือจะด่มื น้า ไม่ว่ามนั จะพยายามเท่าใดก็ไม่สามารถสอดจะงอยปากเข้าไปถึงก้น เหยอื กได้ วธิ ถี ดั มา มนั พยายามจะคว่าเหยอื ก เพอ่ื ใหน้ ้าไหลหกออกมา แต่เหยอื กนนั้ หนกั เกนิ ไป ในทส่ี ุด มนั เหลอื บไปเหน็ กอ้ นหนิ ใกล้ ๆ กบั บรเิ วณนนั้ จงึ คาบมาหยอ่ นลงในเหยอื กน้าทลี ะกอ้ น จนระดบั น้าทก่ี น้ เหยอื กค่อย ๆ เอ่อขน้ึ มา ในทส่ี ุดมนั กด็ ม่ื น้าไดต้ ามทต่ี อ้ งการ เร่อื งนี้สอนให้รวู้ ่า คนฉลาดมกั คดิ หาวธิ ไี ปสคู่ วามสาเรจ็ ไดด้ ว้ ยความอุตสาหะไมย่ อ่ ทอ้ เสมอ หมาป่ ากบั หมาเลี้ยงแกะ วนั หน่ึง…ฝูงหมาป่ ากล่าวกับบรรดาหมาเล้ยี งแกะกลุ่มหน่ึงว่า “พวกเธอก็คล้ายกบั พวกเรา ทาไมเธอไม่มาอยเู่ สยี ดว้ ยกนั กบั เราเล่า” หมาเลย้ี งแกะจงึ ตอบว่า “เราตอ้ งทางานใหก้ บั นายของเรา คอย ดแู ลแกะพวกน้ี นายเขาไวใ้ จเราใหช้ ่วยดแู ลแกะเหล่าน้ใี หพ้ น้ จากการเป็นเหยอ่ื ของพวกหมาป่าเช่นเจา้ ” “ทาไมเธอถงึ ทางานกบั เขาอย่ไู ดน้ ะ” หมาป่ าตวั หน่ึงเอ่ยขน้ึ “เขาใช้งานเธอหนักมาก ให้อาหาร เธอน้อยนิด ดูพวกเราสไิ ม่ตอ้ งทางานเลย แต่เรากย็ งั มอี าหารกนิ อุดมสมบรู ณ์ เธอควรไปอยกู่ บั พวกเรา ดกี ว่า” หมาป่าตวั หน่งึ เอ่ยชกั ชวน พวกหมาเลย้ี งแกะใชเ้ วลาคดิ อยนู่ าน ในทส่ี ุดกต็ กลงใจรบั คาชกั ชวนของหมาป่า “ดแี ลว้ ” พวก หมาป่าว่า “พวกเราจะพาเธอไปอยดู่ ว้ ยกนั ” ดงั นัน้ พวกหมาเล้ยี งแกะจึงผละจากฝูงแกะตามพวกหมาป่ าไป เม่อื พากนั มาได้ระยะหน่ึงท่ี ไกลพอแลว้ พวกหมาป่ากห็ นั กลบั มาบอกกบั พวกหมาเลย้ี งแกะวา่ “เอาละทนี ้ีเรากไ็ ดพ้ าพวกเจา้ มาถงึ ทน่ี ่แี ลว้ เราจะกนิ พวกเจา้ ละ” วา่ แลว้ หมาป่าฝงู นนั้ กร็ มุ กนั กดั กนิ หมาเลย้ี งแกะ เรอ่ื งนี้สอนให้รวู้ ่า ผทู้ ห่ี ลงเช่อื คนงา่ ย ไมค่ ดิ ไตรต่ รองใหร้ อบคอบ มกั ตกเป็นเหยอ่ื ของคนชวั่ คมู่ ือการจดั กิจกรรมลูกเสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 4 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1 129
แผนการจดั กิจกรรมลกู เสือวิสามญั ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ท่ี 4, ประกาศนียบตั รวิชาชีพ(ปวช. 1) หน่วยที่ 7 การก่อไฟและปรงุ อาหาร เวลา 2 ชวั่ โมง แผนการจดั กิจกรรมที่ 11 การก่อไฟและปรงุ อาหาร 1.จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ ลกู เสอื สามารถก่อและจดุ ไฟแลว้ ปรงุ อาหารสาหรบั 2 คนได้ 2.เนื้อหา 2.1 สงิ่ อานวยความสะดวกในชวี ติ ประจาวนั 2.2 การฝึกปฏบิ ตั กิ จิ กรรมการก่อไฟและปรงุ อาหาร 3.สื่อการเรียนรู้ 3.1 แผนภมู เิ พลง,เกม 3.2 ใบความรู้ เรอ่ื ง การก่อกองไฟ 3.3 วสั ดุสาหรบั การก่อกองไฟ, เครอ่ื งปรงุ และอุปกรณ์ในการประกอบอาหาร 3.4 เรอ่ื งสนั้ ทเ่ี ป็นประโยชน์ 4.กิจกรรม 4.1 กิจกรรมครงั้ ที่ 1 1) พธิ เี ปิดประชุมกอง (ชกั ธงขน้ึ สวดมนต์ สงบนง่ิ ตรวจ แยก) 2) เพลงโอเ้ มอ่ื มไี ฟ หรอื เกมตอ้ นปลาเขา้ อวน 3) กจิ กรรมตามจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ (1) ลกู เสอื เลา่ ประสบการณ์การก่อกองไฟ (2) ผกู้ ากบั ลกู เสอื ใหล้ กู เสอื ดรู ปู ภาพกองไฟแบบต่าง ๆ ลกู เสอื แสดงความคดิ เหน็ เรอ่ื ง รปู แบบของกองไฟทใ่ี หค้ วามรอ้ น และทใ่ี หแ้ สงสว่าง ในกจิ กรรมการอยคู่ ่ายพกั แรม (3) ลกู เสอื และผกู้ ากบั ลกู เสอื รว่ มกนั สรปุ ประโยชน์ของกองไฟรปู แบบต่าง ๆ (4) หมลู่ กู เสอื ฝึกปฏบิ ตั กิ ่อกองไฟ 3 แบบ (แบบคอกหมแู บบกระโจม และแบบผสม) (5) ผกู้ ากบั ลกู เสอื ใหข้ อ้ เสนอแนะ ลกู เสอื นาทกั ษะประสบการณ์ไปใชใ้ นการอยคู่ า่ ย พกั แรม 4) ผกู้ ากบั ลกู เสอื เลา่ เรอ่ื งสนั้ ทเ่ี ป็นประโยชน์ 5) พธิ ปี ิดประชมุ กอง (นดั หมาย ตรวจเครอ่ื งแบบ ชกั ธง เลกิ ) 4.2 กิจกรรมครงั้ ท่ี 2 1) พธิ เี ปิดประชุมกอง (ชกั ธงขน้ึ สวดมนต์ สงบนิ่ง ตรวจ แยก) 2) เพลง หรอื เกม 3) กจิ กรรมตามจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 130 คมู่ อื การจดั กิจกรรมลูกเสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 4 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1
(1) ผกู้ ากบั ลกู เสอื ใหล้ กู เสอื แต่ละคกู่ ่อไฟ และประกอบอาหารตามท่ไี ดว้ างแผนไว้ ภายในเวลาทก่ี าหนด (2) ผกู้ ากบั ลกู เสอื และลกู เสอื รว่ มกนั ประเมนิ การปฏบิ ตั งิ านและสรุป (3) ผกู้ ากบั ลกู เสอื ใหข้ อ้ เสนอแนะเพม่ิ เตมิ เรอ่ื งการจดั เกบ็ ทาความสะอาดภาชนะ ประกอบอาหารและการฝึกฝนเพม่ิ เตมิ ในครอบครวั เพอ่ื เตรยี มพรอ้ มในการอยคู่ ่ายพกั แรม 4) ผกู้ ากบั ลกู เสอื เลา่ เรอ่ื งสนั้ ทเ่ี ป็นประโยชน์ 5) พธิ ปี ิดประชุมกอง (นดั หมาย ตรวจเครอ่ื งแบบ ชกั ธงลง เลกิ ) 5.การประเมินผล 5.1 สงั เกตความรว่ มมอื ในการปฏบิ ตั กิ จิ กรรม 5.2 สงั เกตการมสี ่วนรว่ มในการทากจิ กรรม และตรวจสอบความถูกตอ้ งในการปฏบิ ตั ิ ภาคผนวกประกอบแผนการจดั กิจกรรมที่ 11 เพลง มากินข้าวสิ มากนิ ขา้ วสิ (ซ้า) กบั ดๆี (ซ้า) มที งั้ แกงและตม้ ยา (ซ้า) อรอ่ ยดี ๆ เกม ต้อนปลาเข้าอวน แบง่ กองลกู เสอื ออกเป็น 2 กลุ่ม ใหก้ ลุ่มหน่งึ ทาหน้าทเ่ี ป็นอวน โดยใชม้ อื จบั กนั ไวเ้ ป็นลกู โซ่ ไล่ ตอ้ นอกี กลมุ่ ทท่ี าหน้าทเ่ี ป็นปลาใหเ้ ขา้ มาอยใู่ นวง จบั เวลา เมอ่ื ครบ 2 นาทกี รรมการนบั จานวนปลาทอ่ี ยู่ ในวง แลว้ ใหส้ ลบั หน้าทก่ี นั กล่มุ ทเ่ี ป็นปลากลบั มาจบั มอื กนั เป็นอวน ไล่ตอ้ นอกี กล่มุ เขา้ วง จนครบ 2 นาที การตดั สิน กลุม่ ใดตอ้ นปลาไดม้ ากกว่ากลุ่มนนั้ เป็นผชู้ นะ ค่มู อื การจดั กิจกรรมลูกเสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 4 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1 131
ใบความรู้ การเลือกเชื้อเพลิง เลอื กกงิ่ ไมแ้ หง้ เลก็ ๆ โดยเฉพาะทแ่ี หง้ คาตน้ จะตดิ ไฟงา่ ย ถา้ เป็นกงิ่ ใหญ่ควรผ่า ออกเป็นซกี ๆ ก่อน แต่ถา้ เปียกชน้ื ควรนาไปผง่ึ แดดใหแ้ หง้ การจดุ ไม้ขีดไฟ ผจู้ ดุ นงั่ ในลกั ษณะบงั ลม จดุ โดยหนั ขดี ออกนอกตวั เมอ่ื กา้ นไมข้ ดี ตดิ ดแี ลว้ รบี นาไปจดุ เชอ้ื ไฟต่อ ข้อควรระวงั ตอ้ งดบั ไฟใหเ้ รยี บรอ้ ยทุกครงั้ เมอ่ื เลกิ ใช้ แลว้ เกบ็ เศษถ่านและขเ้ี ถา้ ลงหลมุ กลบแลว้ ปรบั พน้ื ทใ่ี หอ้ ยใู่ นสภาพเดมิ 132 ค่มู ือการจดั กิจกรรมลกู เสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 4 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1
เรื่องสนั้ ท่ีเป็นประโยชน์ ไก่กบั สนุ ัขจิ้งจอก สุนัขจง้ิ จอกตวั หน่ึงคอยเดนิ วนเวยี นอย่ใู กลๆ้ กบั เล้าไก่ สรา้ งความหวาดกลวั ใหก้ บั ลูกไก่มาก ไก่ตวั หน่งึ จงึ บนิ ขน้ึ ไปอยบู่ นรวั้ และเฝ้าจบั ตาดสู ุนขั จง้ิ จอกดว้ ยความหวาดกลวั เมอ่ื ใดทเ่ี จา้ สนุ ขั จง้ิ จอก ขยบั ตวั เขา้ มาใกล้ มนั กจ็ ะบนิ หนไี ปอยา่ งรวดเรว็ ทาใหไ้ ก่ตวั อ่นื ๆ เยาะเยย้ ถากถางในการกระทาของ มนั และดหู มน่ิ ว่ามนั ขข้ี ลาด เจา้ ไก่ไดฟ้ ังดงั นนั้ กต็ อบออกไปวา่ “เจา้ จะเรยี กขา้ ว่าอยา่ งไรกไ็ ด้ แต่สาหรบั ขา้ แลว้ ขา้ รจู้ กั พษิ สงของสนุ ขั จง้ิ จอกดี และแน่ใจว่าถา้ พวกเจา้ ไดเ้ ผชญิ หน้ากบั สุนขั จง้ิ จอกเหมอื นอย่างทข่ี า้ เคยโดนมาแลว้ พวกเจา้ กอ็ าจจะมสี ภาพไมผ่ ดิ ไป จากขา้ อย่างแน่นอน” เร่ืองนี้สอนให้ร้วู ่า การยอมรบั ว่าตนเป็นคนขลาด แต่รจู้ กั ระวงั ภยั ดกี วา่ เสแสรง้ เป็นคนกลา้ หาญ แลว้ ตอ้ งพบจดุ จบในภายหลงั นกอินทรีกบั อีกา นกอนิ ทรตี วั หน่งึ คอยจอ้ งตะปบลกู แกะอยบู่ นยอดผาสูง เมอ่ื ไดโ้ อกาสเหมาะ มนั กโ็ ฉบเอาลกู แกะขน้ึ ไปดว้ ยอุง้ เลบ็ อนั แขง็ แกร่ง แลว้ บนิ กลบั ส่รู งั บนยอดผาสงู อกี าซง่ึ อยบู่ รเิ วณนนั้ เหน็ การกระทาของนกอนิ ทรมี าโดยตลอด กค็ ดิ จะเอาอยา่ งบา้ ง จงึ บนิ ถลา ตรงไปตะปบลกู แกะทก่ี นิ หญา้ อยเู่ พอ่ื จบั ตวั มนั บนิ ขน้ึ แต่ลกู แกะนนั้ ตวั หนกั เกนิ กว่าทม่ี นั จะพาบนิ ขน้ึ ไป ได้ มนั จงึ คดิ จะปลอ่ ยลกู แกะลงมา แต่อุง้ เลบ็ ของมนั กลบั จกิ แน่นเขา้ ไปในเน้อื ลกู แกะ ไมว่ ่าจะพยายาม สลดั ออกอยา่ งไรกไ็ มห่ ลดุ เมอ่ื คนเลย้ี งแกะเหน็ เขา้ กร็ อ้ งว่า “โอโ้ ห! น่มี นั นกอะไรกนั ” ลกู ชายผเู้ หน็ เหตุการณ์โดยตลอด จงึ กล่าวขน้ึ ว่า “พ่อ ทข่ี า้ เหน็ เมอ่ื คร่นู ้ี มนั แสดงทา่ ทางราวกบั เป็นนกอนิ ทรี แต่ตอนน้ขี า้ คดิ ว่า มนั คงเขา้ ใจแลว้ ละ่ ว่าตวั มนั นัน้ เป็นแคเ่ พยี งอกี าเทา่ นนั้ ” เรอ่ื งนี้สอนให้รู้ ว่าคนโงเ่ ขลามกั คดิ ทาในสง่ิ ทเ่ี กนิ ความสามารถของตนสว่ นคนฉลาดรวู้ า่ จะใช้ ความสามารถทม่ี อี ยขู่ องตนใหเ้ กดิ ประโยชน์ไดอ้ ยา่ งไร คมู่ อื การจดั กิจกรรมลกู เสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 4 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1 133
แผนการจดั กิจกรรมลกู เสือวิสามญั ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 4, ประกาศนียบตั รวิชาชีพ(ปวช. 1) หน่วยท่ี 8 แผนท่ีและเขม็ ทิศ เวลา 4 ชวั่ โมง แผนการจดั กิจกรรมที่ 12 แผนท่ีและเขม็ ทิศ 1. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1.1 ลกู เสอื สามารถอ่านและใชแ้ ผนทไ่ี ด้ 1.2 ลกู เสอื สามารถใชเ้ ขม็ ทศิ ได้ 1.3 ลกู เสอื สามารถหาทศิ โดยอาศยั ธรรมชาตไิ ด้ 2. เนื้อหา 2.1 ความหมายของประโยชน์ของแผนท่ี 2.2 การอ่านแผนท่ี 2.3 ความหมายของประโยชน์เขม็ ทศิ 2.4 การใชเ้ ขม็ ทศิ 2.5 การหาทศิ โดยอาศยั ธรรมชาติ 3. สื่อการเรียนรู้ 3.1 แผนภมู เิ พลง, เกม 3.2 ใบความรเู้ รอ่ื ง แผนท,่ี เขม็ ทศิ 3.3 แผนท,่ี เขม็ ทศิ 3.4 เรอ่ื งสนั้ ทเ่ี ป็นประโยชน์ 4. กิจกรรรม 4.1 กิจกรรมครงั้ ท่ี 1 1) พธิ เี ปิดประชุมกอง (ชกั ธงขน้ึ สวดมนต์ สงบนง่ิ ตรวจ แยก) 2) เพลง “ทศิ ทงั้ แปดทศิ ” 3) กจิ กรรมตามจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ (1) ผกู้ ากบั ลกู เสอื บรรยายนา เรอ่ื ง ความหมายประโยชน์และชนิดของแผนทจ่ี ากนนั้ แยก เรยี นเป็นฐาน ฐานท่ี 1 การเกบ็ รกั ษาแผนท่ี ฐานท่ี 2 สที ใ่ี ชใ้ นแผนท่ี ฐานท่ี 3 เสน้ ชนั้ ความสงู ฐานท่ี 4 การอ่านแผนท่ี (2) ผกู้ ากบั ลกู เสอื ทบทวนความรเู้ รอ่ื ง แผนท่ี ทไ่ี ดศ้ กึ ษาไปแลว้ จากนนั้ บรรยายเรอ่ื ง เขม็ ทศิ ในหวั ขอ้ ความหมาย, ประโยชน์, ชนดิ ของเขม็ ทศิ , ขอ้ ควรระวงั , การเกบ็ รกั ษา และความ ปลอดภยั ในการใชเ้ ขม็ ทศิ (3) ผกู้ ากบั ลกู เสอื รวมลกู เสอื ทดสอบความรู้ และสรปุ 134 คมู่ ือการจดั กิจกรรมลกู เสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 4 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1
4) ผกู้ ากบั ลกู เสอื เล่าเรอ่ื งสนั้ ทเ่ี ป็นประโยชน์ 5) พธิ ปี ิดประชุมกอง (นดั หมาย ตรวจเครอ่ื งแบบ ชกั ธงลง เลกิ ) 4.2 กิจกรรมครงั้ ที่ 2 1) พธิ เี ปิด (ชกั ธงขน้ึ สวดมนต์ สงบน่ิง ตรวจ แยก) 2) เกม“หาสง่ิ ของ” 3) กจิ กรรมตามจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ (1) ผกู้ ากบั ลกู เสอื ทบทวนความรเู้ รอ่ื ง เขม็ ทศิ ทไ่ี ดศ้ กึ ษาไปแลว้ จากนนั้ แยกเรยี นตาม ฐาน เรอ่ื งการใชเ้ ขม็ ทศิ ฐานท่ี 1 รอู้ ะซมิ ทุ หาทศิ ทางและรู้ทศิ ทาง หาอะซมิ ทุ ฐานท่ี 2 การเดนิ ออ้ มสง่ิ กดี ขวาง ฐานท่ี 3 เกมเกย่ี วกบั การใชเ้ ขม็ ทศิ (เช่น เกมการหาเหรยี ญ, เกมหน้าปัด เขม็ นาฬกิ า) ฐานท่ี 4 การหาทศิ พกิ ดั และระยะทางในแผนทโ่ี ดยใชเ้ ขม็ ทศิ (2) ผกู้ ากบั ลกู เสอื รวมสรปุ ความรเู้ กย่ี วกบั การใชเ้ ขม็ ทศิ และบรรยายเรอ่ื ง การหาทศิ โดยอาศยั ธรรมชาติ 4) ผกู้ ากบั ลกู เสอื เล่าเรอ่ื งสนั้ ทเ่ี ป็นประโยชน์ 5) พธิ ปี ิด (นดั หมาย ตรวจเครอ่ื งแบบ ชกั ธงลง เลกิ ) 5. การประเมินผล 5.1 สงั เกตความรว่ มมอื ในการปฏบิ ตั กิ จิ กรรม 5.2 สงั เกต การมสี ว่ นรว่ มในการทากจิ กรรม และตรวจสอบความถูกตอ้ งในการปฏบิ ตั ิ ค่มู ือการจดั กิจกรรมลกู เสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 4 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1 135
ภาคผนวกประกอบแผนการจดั กิจกรรมที่ 12 เพลง ทิศทงั้ แปดทิศ ทศิ ทงั้ แปดทศิ ขอใหค้ ดิ จาใหเ้ คยชนิ อุดรตรงขา้ มทกั ษณิ บรู พาประจมิ จาไว้ อสี านตรงหรดี ท่องอกี ทจี าใหข้ น้ึ ใจ พายพั นนั้ อยทู่ างไหน (ซ้า) ตรงขา้ มไปคอื อาคเนย์ เกม หาส่ิงของ การเตรยี มอปุ กรณ์ 1. เขม็ ทศิ แบบซลิ วา 2. กระดาษแขง็ 3. ปากกาเคมี 4. สงิ่ ของทต่ี อ้ งการใหห้ า เช่นเหรยี ญบาท ขนม ฯลฯ การจดั ทาฐานกิจกรรม 1.สถานท่ี ควรเป็นบรเิ วณกวา้ ง เชน่ บรเิ วณโรงเรยี น 2. การสารวจเพ่อื วางจดุ คาสงั่ ใหล้ กู เสอื ปฏบิ ตั ิ ผกู้ ากบั ลกู เสอื ตอ้ งสารวจใหถ้ ูกตอ้ งแมน่ ยา โดยวธิ นี าแผนผงั ของโรงเรยี นมาช่วยในการวางจดุ 3. เขยี นคาสงั่ ลงในกระดาษแขง็ เช่น “จากจดุ ท่ีท่านยืนให้ท่านหมนุ หน้าปัดเขม็ ทิศไปที่ มมุ 250 องศา แล้วเดินไปตามลกู ศรชี้ จานวน 24 ก้าว และรบั คาสงั่ ต่อไป” นากระดาษไปตดิ หรอื วางไวต้ รงจดุ ทท่ี าเครอ่ื งหมายไว้ 4. การฝึกปฏบิ ตั คิ วรวางจดุ ไวป้ ระมาณ 3 – 4 จดุ 136 ค่มู ือการจดั กิจกรรมลูกเสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 4 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1
ใบความรู้ แผนที่และเขม็ ทิศ แผนที่คืออะไร แผนท่ี คอื สง่ิ แสดงรายละเอยี ดของภูมปิ ระเทศบทพน้ื ผวิ โลก ทงั้ ทม่ี อี ยตู่ ามธรรมชาตแิ ละท่ี มนุษยส์ รา้ งขน้ึ โดยจาลองไวบ้ นวตั ถุพน้ื ระนาบมาตราส่วน ซง่ึ รายละเอยี ดเหล่าน้ี แสดงดว้ ยเสน้ สี และ สญั ลกั ษณ์ต่าง ๆ เช่น • สนี ้าเงนิ แก่ แสดงถงึ ทะเล มหาสมทุ รทล่ี กึ มาก • สฟี ้าอ่อน แสดงถงึ เขตน้าตน้ื หรอื ไหล่ทวปี • สเี ขยี ว แสดงถงึ ทร่ี าบระดบั ต่า • สเี หลอื ง แสดงถงึ ทร่ี าบระดบั สงู • สแี สด แสดงถงึ ภเู ขาทส่ี งู ปานกลาง • สแี ดง แสดงถงึ ภเู ขาทส่ี งู มาก • สนี ้าตาล แสดงถงึ ยอดเขาทส่ี งู มาก ๆ • สขี าว แสดงถงึ ยอดเขาทส่ี งู จนมหี มิ ะปกคลุม ประเทศไทย เรม่ิ ทาแผนทใ่ี นสมยั รชั กาลท่ี 4 พ.ศ. 2418 การปรบั ปรงุ แผนทข่ี องไทย เรม่ิ ใน พ.ศ. 2419 โดยความช่วยเหลอื จากรฐั บาลสหรฐั ส่งหน่วย ทาแผนทท่ี างอากาศมาทาการสารวจและจดั ทาแผนท่ี มาตราสว่ น 1 ต่อ 50,000 (2 ซ.ม. ต่อ กม.) และ กรมแผนทท่ี หารไดด้ าเนินการต่อมาจนปัจจบุ นั ชนิ ดของแผนที่ แผนทโ่ี ดยทวั่ ไป แบ่งออกเป็น 3 ชนิด 1. แผนทแ่ี บนราบ แสดงพน้ื ผวิ โลกความสงู ต่า ใชแ้ สดงตาแหน่ง ระยะทาง และเสน้ ทาง 2. แผนทภ่ี มู ปิ ระเทศ แสดงพน้ื ผวิ โลกในทางราบ ไมแ่ สดงความสงู ต่า ละเอยี ดกว่าและใช้ ประโยชน์ไดม้ ากกว่าแผนทแ่ี บนราบ 3. แผนทภ่ี าพถ่าย ทาขน้ึ จากภาพถ่ายทางอากาศ มคี วามละเอยี ดและความถูกตอ้ งมากกวา่ แผนท่ี ชนิดอ่นื มาก สามารถมองเหน็ สงิ่ ต่าง ๆ ตามธรรมชาติ และสงิ่ ทม่ี นุษยส์ รา้ งขน้ึ อยา่ งชดั เจน นอกจากน้ยี งั แบง่ ชนิดของแผนทต่ี ามลกั ษณะการใชง้ าน ตวั อยา่ ง เช่น • แผนทท่ี วั่ ไป เช่น แผนทโ่ี ลก แผนทป่ี ระเทศต่าง ๆ • แผนทท่ี รวดทรงหรอื แผนทน่ี ูน แสดงความสงู ต่าของประเทศ • แผนทท่ี หาร เป็นแผนทย่ี ทุ ธศาสตร์ ยทุ ธวธิ ี • แผนทเ่ี ดนิ อากาศ ใชส้ าหรบั การบนิ เพอ่ื บอกตาแหน่ง และทศิ ทางของเครอ่ื งบนิ • แผนทป่ี ระวตั ศิ าสตร์ แสดงอาณาเขตยคุ และสมยั ต่าง ๆ ค่มู ือการจดั กิจกรรมลกู เสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 4 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1 137
• แผนทก่ี ารขนส่ง แสดงการคมนาคมทางบก เรอื อากาศฯ สีที่ใช้ในแผนท่ี • สดี า ใชแ้ ทนรายละเอยี ดทเ่ี กดิ จากแรงงานมนุษย์ ยกเวน้ ถนน • สแี ดง ใชแ้ ทนรายละเอยี ดทเ่ี ป็นถนน • สนี ้าเงนิ ใชแ้ ทนรายละเอยี ดทเ่ี ป็นน้าหรอื ทางน้า เช่น ทะเล แมน่ ้า บงึ ฯลฯ • สเี ขยี ว ใชแ้ ทนรายละเอยี ดทเ่ี ป็นป่าไม้ และบรเิ วณทท่ี าการเพาะปลกู • สนี ้าตาล ใชแ้ ทนลกั ษณะทรวดทรงความสงู เส้นชนั้ ความสงู ในแผนที่ บรเิ วณภเู ขา จะมเี สน้ สนี ้าตาลเป็นวงรอบภเู ขาเป็นวงๆ แต่ละวงนนั้ จะหา่ งไมเ่ ท่ากนั บางวง ใกลช้ ดิ กนั บางวงห่างกนั เป็นเสน้ แสดงความสงู จากระดบั น้าทะเลปานกลาง (วดั ทเ่ี กาะหลกั จ. ประจวบครี ขี นั ธ)์ เราจะทราบวา่ ภเู ขาน้สี งู เท่าใด ลกั ษณะชนั หรอื ลาดไดจ้ ากเสน้ น้ี โดยระยะแต่ละวงนนั้ สงู ต่างกนั 500 ฟุต ถา้ วงอยชู่ ดิ กนั กจ็ ะชนั วงห่างกนั กจ็ ะลาด การอ่านแผนที่ วางแผนทใ่ี นแนวราบ บนพน้ื ทไ่ี ดร้ ะดบั ทศิ เหนือของแผนทช่ี ไ้ี ปทางเหนอื จดั ใหแ้ นวต่าง ๆ ใน แผนทข่ี นานกบั แนวทเ่ี ป็นจรงิ ในภมู ปิ ระเทศทกุ แนว โดยทวั่ ไปแผนทจ่ี ะบอกทต่ี งั้ ของสง่ิ ต่าง ๆ ระบบทใ่ี ชใ้ นการหาทต่ี งั้ ของสง่ิ ต่าง ๆ ทน่ี ิยมใชก้ นั มี 2 ระบบ คอื ระบบพกิ ดั ภูมศิ าสตร์ และระบบพกิ ดั ตาราง 1. ระบบพิกดั ภมู ิศาสตร์ ใชค้ ่าละตจิ ดู หรอื เสน้ รงุ้ และลองตจิ ดู หรอื เสน้ แวง เป็นตวั กาหนดทต่ี งั้ ของสง่ิ ต่าง ๆ ละตจิ ดู เป็นเสน้ ทข่ี ดี รอบโลกตามแนวนอนขนานกนั โดยมเี สน้ ศูนยส์ ตู ร (อเิ ควเตอร)์ เป็นเสน้ กาหนดเขตแบ่งโลกเป็นซกี โลกเหนอื และซกี โลกใต้ เสน้ ละตจิ ดู ทอ่ี ยเู่ หนอื และใตเ้ สน้ ศูนยส์ ตู รเรยี กวา่ ละตจิ ดู เหนอื และละตจิ ดู ใต้ มจี านวนซกี โลกละ 90 เสน้ มหี น่วยเป็นองศา ทข่ี อบแผนทจ่ี ะมเี ลขกากบั ว่า 10, 20, 30 เรากท็ ราบว่า 10 องศา, 20 องศา, 30 องศา 138 ค่มู ือการจดั กิจกรรมลูกเสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 4 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1
ลองตจิ ดู เป็นเสน้ ทล่ี ากจากขวั้ โลกเหนอื มายงั ขวั้ โลกใต้ โดยเรม่ิ จากเสน้ ทล่ี ากผา่ นเมอื งกรนี ิช ประเทศองั กฤษ เป็นเสน้ ลองตจิ ดู ท่ี 0 องศา ถ้าวดั ไปทางขวามอื จะเป็นซกี โลกตะวนั ออก มี 180 เสน้ ถา้ วดั ไปทางซา้ ยมอื จะเป็นซกี โลกตะวนั ตก มี 180 เสน้ มหี น่วยเป็นองศาเช่นกนั ในแผนท่ี จะมตี วั เลขกากบั ทข่ี อบบน เช่น 20, 30, 40, 50เรากท็ ราบว่า 20 องศา, 30 องศา, 40 องศา และกท็ ราบวา่ บรเิ วณนนั้ อย่ซู กี โลกตะวนั ออกหรอื ตะวนั ตก 2. ระบบพิกดั ตาราง อาศยั เสน้ ตรง 2 ชดุ เป็นตวั กาหนดทต่ี งั้ ของสงิ่ ต่าง ๆ เสน้ ค่ขู นานในแนวตงั้ เรยี กว่า เสน้ พกิ ดั ตงั้ เสน้ ค่ขู นานในแนวนอนเรยี กว่า เสน้ พกิ ดั ราบหรอื นอน เสน้ คขู่ นานทงั้ 2 ชดุ จะตดั กนั เป็นรปู สเ่ี หลย่ี ม จตุรสั เรยี กว่า พกิ ดั กรดิ ระหว่างเสน้ คู่ขนานแต่ละคทู่ งั้ แนวตงั้ และแนวนอนยงั แบ่งยอ่ ยออกเป็น 10 ชอ่ ง เท่าๆ กนั ระบบน้ีจะมใี นแผนทท่ี ล่ี ะเอยี ดมาก คอื มาตราสว่ น 1 ต่อ 50,000 ขน้ึ ไป (1ซ.ม. ต่อครง่ึ กม.) ตวั อยา่ ง การหาพกิ ดั จดุ A ในระบบตาราง (1) ดตู ารางสเ่ี หลย่ี มจตั ุรสั ทล่ี อ้ มรอบจดุ A (2) อ่านเสน้ พกิ ดั ในแนวนอน โดยอ่านตวั เลขทก่ี ากบั เสน้ ตงั้ จากซา้ ยไปขวาทผ่ี ่านจดุ A (3) อ่านเสน้ พกิ ดั ในแนวนอน โดยอ่านตวั เลขทก่ี ากบั เสน้ แนวนอนจากลา่ งขน้ึ บนทผ่ี ่านจดุ A (4) นาเลขชุดทอ่ี ่านไดใ้ นขอ้ (2)และ(3) มาเรยี งต่อกนั ตามลาดบั ตวั เลขน้จี ะเป็นเป็นพกิ ดั ของจดุ A ค่มู อื การจดั กิจกรรมลูกเสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 4 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1 139
จากตารางน้ี ตาแหน่งของจุด A จะอยทู่ เ่ี สน้ 93.7 ตดั กบั เสน้ 60.4 จงึ อ่านเป็น 937604 โดยอ่าน ต่อกนั ไมอ่ ่านและเขยี นคาว่าจดุ ตาแหน่งจุด B กเ็ ชน่ เดยี วกนั อยทู่ เ่ี สน้ 92 พอดี กค็ อื 92.0 ตดั กบั เสน้ ท่ี 58.5 กอ็ ่าน 920585 ระยะทางในแผนท่ี เป็นมาตราสว่ นทย่ี อ่ ขนาดลง คอื อตั ราสว่ นระหว่างระยะทางในแผนทก่ี บั ระยะทางในภูมปิ ระเทศ เชน่ 1:50,000 หมายความว่า 1 หน่วยของระยะในแผนทเ่ี ท่ากบั 50,000 หน่วยของระยะในภมู ปิ ระเทศ (ตอ้ งเป็นหน่วยเดยี วกนั ตวั อยา่ ง : 1 เซนตเิ มตรในแผนทเ่ี ทา่ กนั ระยะทาง 500 เมตรในพน้ื ท)่ี การหาทิศในแผนที่ ปกตหิ วั กระดาษแผนทจ่ี ะเป็นทศิ เหนือมลี กู ศรชอ้ี ยู่ วางแผนทใ่ี หห้ วั ลกู ศรในแผนทช่ี ไ้ี ปทางทศิ เหนอื ตามเขม็ ทศิ ทิศทงั้ 8 อุดร(เหนือ) NORTH อสี าน (ตะวนั ออกเฉยี งเหนือ) NORTH EAST บรู พา(ตะวนั ออก) EAST อาคเนย์ (ตะวนั ออกเฉียงใต)้ SOUTH EAST ทกั ษณิ (ใต)้ SOUTH หรด(ี ตะวนั ตกเฉยี งใต)้ SOUTHWEST ประจมิ (ตะวนั ตก) WEST พายบั (ตะวนั ตกเฉียงเหนือ) NORTHWEST เขม็ ทิศ เขม็ ทศิ เป็น 1 ใน 4 สงิ่ ประดษิ ฐท์ ส่ี าคญั ของจนี โบราณ (เขม็ ทศิ ดนิ ปืน กระดาษ และการพมิ พ)์ มปี ระวตั ยิ าวนานกวา่ 2,000 ปี เขม็ ทศิ ในยคุ แรกทาจากหนิ แมเ่ หลก็ ธรรมชาติ รปู รา่ งคลา้ ยช้อนทม่ี พี น้ื ดา้ นลา่ งเรยี บและมนั สามารถหมุนไดอ้ ยา่ งอสิ ระบนจานซง่ึ ทาจากทองแดงหรอื ไม้ เมอ่ื เขม็ ทศิ ทห่ี มนุ หยดุ น่ิงแลว้ ส่วนทเ่ี หมอื นดนั ชอ้ นของเขม็ ทศิ จะชไ้ี ปทางทศิ ใตเ้ สมอ ดงั นนั้ เขม็ ทศิ จงึ มชี ่อื เรยี กอกี ชอ่ื หน่งึ ว่า “ซอื หนาน” (เขม็ ชท้ี ศิ ใต)้ และเมอ่ื มกี ารใชเ้ ขม็ ทศิ กนั แพร่หลายมากขน้ึ จงึ มกี ารปรบั ปรงุ เขม็ ทศิ ใหส้ ะดวก ต่อการใชง้ านมากขน้ึ 140 ค่มู ือการจดั กิจกรรมลกู เสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 4 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1
นอกจากเป็นธรรมชาตแิ รกของโลกทป่ี ระดษิ ฐเ์ ขม็ ทศิ แลว้ จนี ยงั เป็นชาตแิ รกทน่ี าเขม็ ทศิ ไปใชใ้ น การเดนิ เรอื ในตน้ ศตวรรษท่ี 12 และชว่ ยใหเ้ กดิ การเปลย่ี นแปลงครงั้ สาคญั คอื ส่งผลใหก้ จิ การเดนิ เรอื ไดร้ บั การพฒั นา และเกดิ การแลกเปลย่ี นทางวฒั นธรรมระหว่างประเทศ พ่อคา้ ชาวอาหรบั และชาวเปอรเ์ ซยี ท่ี แพรไ่ ปสโู่ ลกตะวนั ตก ต่อมาชว่ งปลายศตวรรษท่ี 12 ตน้ ศตวรรษท่ี 13 ประเทศอาหรบั และยโุ รปจงึ ไดเ้ รมิ่ ใชเ้ ขม็ ทศิ ในการเดนิ เรอื ซง่ึ เกดิ ขน้ึ หลงั จากจนี ถงึ รอ้ ยกว่าปี ความหมายและประโยชน์ของเขม็ ทิศ เขม็ ทศิ หมายถงึ เครอ่ื งมอื ทใ่ี ชใ้ นการหาทศิ โดยอาศยั แรงดงึ ดดู ระหว่างสนามแมเ่ หลก็ ขวั้ โลก (Magnetic Pole) กบั เขม็ แมเ่ หลก็ ซง่ึ เป็นองคป์ ระกอบสาคญั ทส่ี ุดของเครอ่ื งมอื น้ี เขม็ แมเ่ หลก็ จะแกวง่ ไกว ไดโ้ ดยอสิ ระในแนวนอน เพ่อื ใหแ้ นวเขม็ ชอ้ี ยใู่ นแนวเหนือใต้ ไปยงั ขวั้ แมเ่ หลก็ โลกตลอดเวลาหน้าปัดเขม็ ทศิ ซง่ึ คลา้ ยกบั หน้าปัดนาฬกิ าจะมกี ารแบ่งโดยรอบเป็น 360 องศา นอกจากน้เี ขม็ ทศิ ยงั เป็นเครอ่ื งมอื สาหรบั ใชใ้ นการหาทศิ ของจดุ หรอื วตั ถุโดยมหี น่วยวดั เป็นองศา เปรยี บเทยี บกบั จดุ เรม่ิ ตน้ ประโยชน์ของเขม็ ทิศ 1. ใชป้ ระโยชน์ในการเดนิ ทางโดยตอ้ งมแี ผนทป่ี ระกอบ ทงั้ ทางบก ทางเรอื และทางเครอ่ื งบนิ 2. ใชห้ าทศิ จรงิ ในแผนท่ี เมอ่ื วางแผนทไ่ี ดต้ รงทศิ แลว้ จงึ จะสามารถใชแ้ ผนทไ่ี ดต้ ามวตั ถุประสงค์ 3. เป็นเครอ่ื งมอื ช่วยในการสารวจ ของนกั สารวจ ค่มู อื การจดั กิจกรรมลกู เสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 4 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1 141
ชนิดของเขม็ ทิศ เขม็ ทศิ มหี ลายชนดิ เช่น • เขม็ ทศิ ตลบั เป็นเขม็ ทศิ แมเ่ หลก็ เลก็ ๆ หาแนวทศิ เหนอื ไดอ้ ยา่ งเดยี ว • เขม็ ทศิ แบบเลนซาตกิ ฝาตลบั มชี อ่ งเลง็ ขงึ เสน้ ลวดไวต้ รงกลางเพ่อื ช่วยในการเลง็ ทห่ี มาย • เขม็ ทศิ ขอ้ มอื • เขม็ ทศิ ซลิ วา (Silva) เป็นเขม็ ทศิ ทน่ี ิยมใชใ้ นวงการลกู เสอื เขม็ ทศิ ซลิ วา (Silva) เป็นเขม็ ทศิ ทท่ี าในประเทศสวเี ดน มไี มโ้ ปรแทรกเตอรร์ วมอยดู่ ว้ ยกนั นิยมใชก้ นั ทวั่ โลก เน่อื งจากใชท้ าแผนทแ่ี ละหาทศิ ไดด้ ี นอกจากใชง้ ่ายแลว้ ยงั พกพาสะดวกและราคาถูกดว้ ย ส่วนประกอบของเขม็ ทิศซิลวา 1. แผน่ ฐานเป็นตวั วตั ถุโปรง่ ใส 2. ทข่ี อบมมี าตราสว่ นเป็นน้วิ และ/หรอื เซนตเิ มตร 3. มลี กู ศรชท้ี ศิ ทางทจ่ี ะไป 4. เลนสข์ ยาย 5. ตลบั เขม็ ทศิ เป็นวงกลมหมุนได้ บนกรอบหน้าปัดของตลบั เขม็ ทศิ แบ่งเป็น 360 องศา 6. ปลายเขม็ ทศิ เป็นแมเ่ หลก็ สแี ดง ซง่ึ จะชไ้ี ปทางทศิ เหนอื เสมอ 7. ขดี ตาแหน่งสาหรบั ตงั้ มุมและอ่านคา่ มุม อยบู่ นหน้าปัดตรงโคนลกู ศรชท้ี ศิ ทาง วิธีใช้เขม็ ทิศซิลวา • การหาทศิ เหนอื วางเขม็ ทศิ ในแนวระนาบ ปลายเขม็ ทศิ ขา้ งหน่งึ จะชไ้ี ปทางทศิ เหนอื ค่อยๆ หมนุ หน้าปัดของเขม็ ทศิ ใหต้ าแหน่งตวั เลขหรอื อกั ษรทบ่ี อกทศิ เหนอื บนหน้าปัดตรงกบั ปลายเหนือของเขม็ ทศิ เมอ่ื ปรบั เขม็ ตรง กบั ทศิ เหนอื แลว้ จะสามารถอ่านทศิ ต่าง ๆ ไดอ้ ยา่ งถกู ต้องจากหน้าปัดเขม็ ทศิ ลกู เสอื สามารถนาเขม็ ทศิ ไปใชใ้ นกจิ กรรมต่าง ๆ ได้ เชน่ การเดนิ ทางไกล การสารวจป่า การผจญภยั การ สารวจและการเยอื นสถานท่ี เป็นตน้ เมอ่ื เรมิ่ ออกเดนิ ทาง ลกู เสอื ควรหาทศิ ทจ่ี ะมงุ่ หน้าไปใหท้ ราบก่อนวา่ เป็นทศิ ใด เมอ่ื เกดิ หลงทศิ หรอื หลงทางจะสามารถหาทศิ ทางต่าง ๆ จากเขม็ ทศิ ได้ • กรณบี อกมุมอะซมิ ุทมาใหแ้ ละตอ้ งการรวู้ า่ จะตอ้ งเดนิ ทางไปในทศิ ทางใด สมมตุ วิ า่ อะซมิ ทุ 60 องศา 1) วางเขม็ ทศิ ในแนวระดบั ใหเ้ ขม็ แมเ่ หลก็ หมนุ ไปมาไดอ้ สิ ระ 2) หมนุ กรอบหน้าปัดของตลบั เขม็ ทศิ ใหเ้ ลข 60 อยตู่ รงขดี ตาแหน่งตงั้ มุม 142 ค่มู ือการจดั กิจกรรมลูกเสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 4 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1
3) หนั ตวั เขม็ ทศิ ทงั้ ฐานไปจนกว่าเขม็ แมเ่ หลก็ สแี ดงภายในตลบั เขม็ ทศิ ชต้ี รงกบั อกั ษร N บน กรอบหน้าปัด ทบั สนทิ กบั เครอ่ื งหมายหวั ลกู ศรทพ่ี มิ พไ์ ว้ 4) เมอ่ื ลกู ศรชท้ี ศิ ทางชไ้ี ปทศิ ใด ใหเ้ ดนิ ไปทางทศิ นนั้ โดยเลง็ หาจดุ เด่นทอ่ี ยใู่ นแนวลกู ศรช้ี ทศิ ทางเป็นหลกั แลว้ เดนิ ตรงไปยงั สงิ่ นนั้ • กรณที จ่ี ะหาคา่ ของมมุ อะซมิ ุทจากตาบลทเ่ี รายนื อยู่ ไปยงั ตาบลทเ่ี ราจะเดนิ ทางไป 1) วางเขม็ ทศิ ในแนวระดบั ใหเ้ ขม็ แมเ่ หลก็ หมนุ ไปมาไดอ้ สิ ระ 2) หนั ลกู ศรชท้ี ศิ ทางไปยงั จุดหรอื ตาแหน่งทเ่ี ราจะเดนิ ทางไป 3) หมนุ กรอบหน้าปัดเขม็ ทศิ ไปจนกว่าอกั ษร N บนกรอบหน้าปัด อยตู่ รงปลายเขม็ แมเ่ หลก็ สแี ดง ในตลบั เขม็ ทศิ 4) ตวั เลขบนกรอบหน้าปัดจะอยตู่ รงขดี ตาแหน่งสาหรบั ตงั้ มมุ และอ่านค่ามมุ คอื คา่ ของมมุ ทเ่ี รา ตอ้ งการทราบ การใช้เขม็ ทิศหาพิกดั ตาแหน่งในแผนท่ี ก่อนอ่นื จะตอ้ งรวู้ ่าตนเองอยู่ ณ ทใ่ี ดของแผนท่ี โดยใชเ้ ขม็ ทศิ ชว่ ยในการวางแผนทใ่ี หถ้ ูกทศิ ทาง หรอื วางแผนทใ่ี หข้ นานกบั เสน้ ทางหรอื ถนนพน้ื ทจ่ี รงิ การวางขนานกบั เสน้ ทางตอ้ งระวงั ไมใ่ หก้ ลบั ทางทศิ เหนือ-ใต้ โดยตรวจสอบสงิ่ อ่นื บนแผนท่ี ประกอบอย่างน้อย 2 แห่ง วางเขม็ ทศิ บนแผนท่ี ใหเ้ ครอ่ื งหมายศรชท้ี ศิ เหนือทางแนวทศิ เหนอื ในแผนท่ี จากนนั้ กห็ มุน กระดาษแผนท่ี (อยา่ ใหเ้ ขม็ ทศิ เคลอ่ื น) ไปจนเขม็ แดงศรชท้ี ศิ เหนอื แลว้ จงึ กดเขม็ ทศิ ตดิ กบั แผนทแ่ี ลว้ หมนุ แป้นบอกองศาใหต้ รงทศิ จากนนั้ ใหม้ องหาทห่ี มายจรงิ บนภมู ปิ ระเทศ กบั บนแผนทส่ี กั 2 แหง่ เช่น บนภมู ปิ ระเทศ A และ a บนแผนท่ี กบั B บนภูมปิ ระเทศ และ b บนแผนท่ี ใชบ้ รรทดั ลากเสน้ จาก A a และ B b และต่อเสน้ ใหต้ ดั กนั จะไดต้ าแหน่ง c บนแผนท่ี คอื ทท่ี เ่ี รายนื อยู่ คมู่ อื การจดั กิจกรรมลกู เสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 4 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1 143
ขนั้ ต่อไป จะหาตาแหน่งใด ๆ บนแผนท่ี ว่าของจรงิ บนภมู ปิ ระเทศอยทู่ ใ่ี ดกห็ าไดจ้ ากแผนทแ่ี ละตงั้ มมุ เขม็ ทศิ ไปไดต้ ลอดจนสามารถจะทราบระยะทางจรงิ บนภมู ปิ ระเทศไดโ้ ดยเทยี บมาตราสว่ นบนแผนท่ี ขอ้ ควรระวงั และการเกบ็ รกั ษาเขม็ ทศิ 1. จบั ถอื ดว้ ยความระมดั ระวงั เพราะหน้าปัดและเขม็ บอบบางอ่อนไหวงา่ ย 2. อยา่ ใหต้ ก แรงกระเทอื นทาใหเ้ สยี ได้ 3. ไมค่ วรอ่านเขม็ ทศิ ใกลส้ ง่ิ ทเ่ี ป็นแมเ่ หลก็ หรอื วงจรไฟฟ้า 4. อยา่ ใหเ้ ปียกน้าจนขน้ึ สนิม 5. อยา่ ใหใ้ กลค้ วามรอ้ น เขม็ ทศิ จะบดิ งอ 6. เมอ่ื ไมใ่ ชค้ วรปิดฝาและใส่ซอง ระยะปลอดภยั ในการใช้เขม็ ทิศ การใชง้ านใกลโ้ ลหะ และไฟฟ้าแรงสงู อาจคลาดเคลอ่ื นได้ มกี ารกาหนดระยะห่างดงั น้ี • หมวกเหลก็ 1 หลา • ปืนเลก็ 1 หลา • โทรศพั ท,์ ลวดหนาม 10 หลา • สายโทรเลข 10 หลา • ปืนใหญ่ 10 หลา • รถยนต,์ รถถงั 20 หลา • สายไฟฟ้าแรงสงู 60 หลา การหาทิศโดยอาศยั ธรรมชาติ ในกรณที ล่ี กู เสอื ไมม่ เี ขม็ ทศิ อาจหาทศิ โดยการสงั เกตจากสง่ิ ทม่ี อี ยตู่ ามธรรมชาติ หรอื สง่ิ แวดลอ้ มทเ่ี ป็นจดุ เดน่ สงั เกตไดง้ า่ ย ดงั น้ี 1. สงั เกตทศิ ทางลม โดยวธิ งี า่ ยๆ เชน่ โยนหญา้ แหง้ หรอื ฝ่นุ ขน้ึ ไปบนอากาศ เมอ่ื คดิ วา่ อาจ เดนิ หลงทางกใ็ หต้ รวจสอบทศิ ทางลมอกี ครงั้ หน่งึ 2. สงั เกตเถาวลั ย์ โดยธรรมชาตยิ อดเถาวลั ยจ์ ะพน้ ตน้ ไมไ้ ปทางทศิ ตะวนั ออก เพ่อื หนั เขา้ รบั แสงอาทติ ย์ เมอ่ื ทราบทศิ ตะวนั ออกกส็ ามารถหาทศิ อ่นื ๆ ได้ โดยยนื กางแขนหนั หน้าไปทางทศิ ตะวนั ออก ซา้ ยมอื คอื ทศิ เหนือ ขวามอื คอื ทศิ ใต้ และขา้ งหลงั คอื ทศิ ตะวนั ตก 3. สงั เกตความอุ่นของตน้ ไม้ หลงั อาทติ ยล์ บั ขอบฟ้าหาทศิ โดยใชแ้ กม้ แนบกบั ตน้ ไมใ้ หญ่ ดา้ น ทอ่ี ุ่นกวา่ แสดงวา่ เป็นทศิ ตะวนั ตก เน่อื งจากเพงิ่ ไดร้ บั แสงแดดมาไม่นานนกั เมอ่ื ทราบทศิ ตะวนั ตกก็ สามารถหาทศิ อ่นื ๆ ได้ โดยการยนื กางแขนหนั หลงั ชนตน้ ไมข้ า้ งทอ่ี ุ่น ดา้ นหน้าจะเป็นทศิ ตะวนั ตก ทศิ เหนอื อยขู่ วา ทศิ ใตอ้ ยซู่ า้ ย และดา้ นหลงั เป็นทศิ ตะวนั ออก 4. สงั เกตดวงอาทติ ย์ ใน 1 ปี ดวงอาทติ ยข์ น้ึ ตรงทศิ ตะวนั ออกและตกทางทศิ ตะวนั ตกพอดอี ยู่ 2 วนั คอื 21 มนี าคม และ 22 กนั ยายน ระหวา่ ง 22 มนี าคมถงึ 21 กนั ยายน จะขน้ึ และตกเฉยี งไปทาง ทศิ เหนอื และเฉียงเหนือมากทส่ี ดุ (23.5 องศา) ในวนั ท่ี 21 มถิ ุนายน ส่วนระหว่าง 23 กนั ยายนถงึ 20 มนี าคม จะขน้ึ และตกเฉียงไปทางทศิ ใต้ เฉยี งมากทส่ี ุด (23.5 องศา) ในวนั ท่ี 21 ธนั วาคม 144 คมู่ ือการจดั กิจกรรมลกู เสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 4 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1
ฤดหู นาว สงั เกตดวงอาทติ ยจ์ ากเวลาดงั น้ี 9.00 น. ทศิ ตะวนั ออกเฉียงใต้ 15.00 น. ทศิ ตะวนั ตกเฉยี งใต้ 6.00น. ทศิ ตะวนั ออกค่อนไปทางทศิ ใตเ้ ลก็ น้อย 12.00 น. ทศิ ใต้ 9.00 น. ทศิ ตะวนั ออกเฉียงเหนือ 18.00 น. ทศิ ตะวนั ตก 15.00 น. ทศิ ตะวนั ตกเฉยี งเหนือ ฤดรู อ้ น สงั เกตดวงอาทติ ยจ์ ากเวลาดงั น้ี 6.00น. ทศิ ตะวนั ออกเฉียงเหนือ 12.00 น. ทศิ เหนือ 18.00 น. ทศิ ตะวนั ตก 5. สงั เกตดวงจนั ทร์ มขี อ้ สงั เกตดงั น้ี วนั ข้างขึ้น ดวงจนั ทรจ์ ะสว่างไมเ่ ตม็ ท่ี และขน้ึ ก่อนดวงอาทติ ยล์ บั ขอบฟ้า หนั ดา้ นสว่าง ไปทางทศิ ตะวนั ตก และหนั ดา้ นแหว่งไปทางทศิ ตะวนั ออก วนั ขึ้น 15 คา่ ดวงจนั ทรส์ วา่ งเตม็ ดวงเป็นวงกลมสกุ ใส ขน้ึ ก่อนดวงอาทติ ยล์ บั ขอบฟ้า เลก็ น้อย วนั ข้างแรม ดวงจนั ทรจ์ ะสวา่ งไมเ่ ตม็ ท่ี และขน้ึ หลงั จากดวงอาทติ ยล์ บั ขอบฟ้าไปแลว้ หนั ดา้ นสว่างไปทางทศิ ตะวนั ออก และหนั ดา้ นแหวง่ ไปทางทศิ ตะวนั ตก 6. สงั เกตดาว สงั เกตจากดาวฤกษ์ซง่ึ ขน้ึ ประจาท่ี ไดแ้ ก่ 1) ดาวเหนอื ขน้ึ ตรงทศิ เหนอื เสมอ มแี สงสว่างมองเหน็ ดว้ ยตาเปลา่ ไดง้ า่ ย 2) กลมุ่ ดาวเต่า หรอื กลุ่มดาวพราน ประกอบดว้ ยดาวฤกษ์ 7 ดวงเรยี งกนั เหน็ ในช่วง หวั ค่าตงั้ แต่เดอื นธนั วาคมเป็นตน้ ไป ขน้ึ ทางทศิ ตะวนั ออก ชว่ งหวั ค่าจะอยตู่ รงศรี ษะพอดี และตกทางทศิ ตะวนั ตกในเดอื นเมษายน 3) กลมุ่ ดาวจระเขห้ รอื ดาวหมใี หญ่ ดาวฤกษ์ 7 ดวง เรยี งตวั คลา้ ยกระบวยตกั น้า ขน้ึ ประจาบนทอ้ งฟ้าทางทศิ เหนอื มองเหน็ ไดด้ ว้ ยตาเปล่า ชว่ งหวั ค่าเดอื นกุมภาพนั ธจุ์ ะเหน็ ขน้ึ ทางทศิ ตะวนั ออกเฉยี งเหนอื เมอ่ื ขน้ึ สงู สดุ แลว้ จะอย่ทู างทศิ เหนอื ประมาณ 45 องศาในเวลาเทย่ี งคนื และตกลบั ของฟ้าทางทศิ ตะวนั ตกเฉยี งเหนือในเวลาใกลส้ ว่าง 4) กล่มุ ดาวแมงป่อง เรยี งตวั คลา้ ยแมงป่อง ขน้ึ ทางทศิ ตะวนั ออกเฉียงใต้ โดยเอาหวั ขน้ึ ก่อน และตกลบั ขอบฟ้าทางทศิ ตะวนั ตกเฉยี งใตโ้ ดยเอาขา้ งลง ขน้ึ เวลาใกลส้ วา่ งชว่ งตน้ เดอื น กุมภาพนั ธ์ และขน้ึ ตอนหวั ค่าในเดอื นพฤษภาคม 5) กลุม่ ดาวคา้ งคาวหรอื กลมุ่ ดาวแคสสโิ อเปีย กลุม่ ดาวฤกษ์ 5 ดวง เหน็ เป็นรปู ตวั M ในขณะขน้ึ ทางทศิ ตะวนั ออกเฉียงเหนอื และเหน็ เป็นรปู W ในขณะตกทางทศิ ตะวนั ตกเฉียงเหนอื คมู่ อื การจดั กิจกรรมลูกเสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 4 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1 145
ตวั อย่างคาสงั่ จากแผนผงั จดุ เริ่มต้น “จากจดุ เร่ิมต้นท่ีท่านยืนอย่ใู ห้ท่านหมนุ หน้าปัดเขม็ ทิศ ไปที่ มมุ 40 องศา แล้วเดินไปตามลกู ศรชี้ จานวน 18 ก้าว และรบั คาสงั่ ต่อไป” จดุ ที่ 1 “จากจดุ ท่ี 1ให้ท่านหมุนหน้าปัดเขม็ ทิศไปท่ี มุม 260 องศา แล้วเดินไปตามลกู ศรชี้ จานวน 52 ก้าว และรบั คาสงั่ ต่อไป” จดุ ท่ี 2 “จากที่ 2 ให้ท่านหมนุ หน้าปัดเขม็ ทิศไปที่ มุม 35 องศา แล้วเดินไปตามลกู ศรชี้ จานวน 22 ก้าว และรบั คาสงั่ ต่อไป” 146 คมู่ อื การจดั กิจกรรมลกู เสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 4 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1
จดุ ที่ 3 “จากจดุ ที่ 3 ให้ท่านหมุนหน้าปัดเขม็ ทิศไปท่ี มมุ 110 องศา แล้วเดินไปตามลกู ศรชี้ จานวน 43 ก้าว แล้วรบั คาสงั่ ต่อไป” จดุ ที่ 4 “ท่านเดินทางมาถงึ จดุ หมายแล้วให้ท่านหาเหรยี ญที่ระลึก งานชุมนุมลกู เสือแห่งชาติครงั้ ที่ 15 แล้วนาไปมอบให้กบั ผกู้ ากบั ลกู เสือต่อไป” เรอื่ งสนั้ ท่ีเป็นประโยชน์ กบกบั หนู หนูแก่ตวั หน่งึ เดนิ ทางรอนแรมมาจนถงึ ลาธารทช่ี ายป่าหนูตอ้ งการจะขา้ มไปยงั ฝัง่ ตรงขา้ มจงึ เขา้ ไปหาเจา้ กบ ตวั น้อยทร่ี มิ ลาธารแลว้ เอ่ยขอใหก้ บชว่ ยพาขา้ ม ลาธารกบน้อยมองหนแลว้ ปฏเิ สธอยา่ ง สภุ าพว่า\" โธ่ ฉนั น่ะตวั เลก็ พอๆ กบั ทา่ น แลว้ จะพาทา่ นขา้ มไปได้ อย่างไรกนั ละ่ จ๊ะ \"แต่หนูไมย่ อม กลบั อา้ งว่าตนเป็นสตั วผ์ อู้ าวโุ สกวา่ ถา้ กบไมช่ ว่ ยตนกจ็ ะไปป่าวประกาศใหส้ รรพสตั วท์ งั้ หลายรถู้ งึ ความใจดา ของกบเมอ่ื ถูกขเู่ ขญ็ เช่นนัน้ กบจงึ ตอ้ งจายอมใหห้ นูเอาเทา้ ผกู กบั เทา้ ของตนแลว้ กพ็ าว่ายขา้ มลาธารแต่ ทวา่ พอว่ายไปไดแ้ คค่ รง่ึ ทางเท่านัน้ กบกเ็ รม่ิ หมดแรงก่อนทท่ี งั้ ค่จู ะจมน้าตาย เหยย่ี วตวั หน่งึ กโ็ ฉบลงมา จกิ เอาทงั้ กบและหนูไปกนิ เร่ืองนี้สอนให้รวู้ ่า คดิ ประโยชน์จากผทู้ ไ่ี มส่ ามารถใหไ้ ด้ ยอ่ มมแี ต่เสยี หาย โลภมากจะลาภหาย (กิจกรรมที่ 2) กาลครงั้ หน่งึ นานมาแลว้ ในสมยั ทส่ี ตั วพ์ ดู ได้มสี งิ โตตวั หน่งึ อาศยั อยใู่ นป่า วนั หน่งึ สงิ โตเกดิ ความรสู้ กึ หวิ โซ จงึ เดนิ หาอาหารไปในทงุ่ หญา้ บงั เอญิ พบลกู ววั ตวั หน่งึ กาลงั กนิ หญา้ อยู่ สงิ โตรสู้ กึ ดใี จ ยงิ่ นกั และคดิ วา่ วนั น้ตี วั เองโขคดี จงึ ยอ่ งเขา้ ไปหาลกู ววั อยา่ งชา้ ๆ และเงยี บ ดว้ ยความอรอ่ ยของหญา้ อ่อนเจา้ ววั น้อยจงึ ไมท่ นั ระวงั ว่าจะมภี ยั รา้ ยมาใกลต้ วั ทนั ใดนนั้ สงิ โตกต็ ะครบุ เจา้ ววั น้อยไวไ้ ด้ เจา้ ววั คมู่ ือการจดั กิจกรรมลกู เสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 4 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1 147
น้อยตวั สนั่ ดว้ ยความกลวั แต่กพ็ ยายามควบคุมความรสู้ กึ ของมนั เอาไว้ และพดู กบั เจา้ สงิ โตว่า “ท่าน พญาราชสหี ผ์ ยู้ งิ่ ใหญ่ ขา้ รวู้ ่าทา่ นกาลงั หวิ โซอยู่ แต่ตวั ขา้ น้อย ถงึ ท่านจะกนิ ถ้าตวั เดยี วทา่ นกค็ งไมอ่ มิ่ อยา่ กระนนั้ เลย ใหข้ า้ ไปพาเพอ่ื นมาอกี จะดกี วา่ ” ดว้ ยความโลภของเจา้ สงิ โตจงึ ยอมปลอ่ ยเจา้ ววั น้อยไป เจา้ ววั น้อยจงึ ถอื โอกาสหลบหนไี ป เร่ืองนี้สอนให้รวู้ ่า โลภมากจะลาภหาย การมสี ตสิ ามารถแกป้ ัญหา 148 คมู่ ือการจดั กิจกรรมลกู เสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 4 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1
แผนการจดั กิจกรรมลกู เสือวิสามญั ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 4, ประกาศนียบตั รวิชาชีพ(ปวช.1) หน่วยท่ี 9 การผกู เง่ือนและประโยชน์ของเงื่อน เวลา 1 ชวั่ โมง แผนการจดั กิจกรรมท่ี 13 เง่ือนเชือก 1. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1.1 ลกู เสอื สามารถอธบิ ายความหมาย คณุ สมบตั ิ ความสาคญั และชนดิ ของเชอื กได้ 1.2 ลกู เสอื สามารถผกู เงอ่ื นเชอื กตามหลกั สตู รลกู เสอื โลกได้ 1.3 ลกู เสอื สามารถอธบิ ายการใชป้ ระโยชน์จากเงอ่ื นเชอื กได้ 2. เนื้อหา 2.1 เครอ่ื งหมายและความสาคญั ของเชอื ก 2.2 คุณสมบตั แิ ละชนดิ ของเชอื ก 2.3 เงอ่ื นเชอื กตามหลกั สตู รลกู เสอื โลก 2.4 การใชป้ ระโยชน์จากเง่อื นเชอื กต่าง ๆ 3. ส่ือการเรยี นรู้ 3.1 แผนรปู เพลง/เกม 3.2 ใบความรู้ 3.3 แผนภูมเิ งอ่ื น, เชอื ก 3.4 อุปกรณ์การเล่นเกม ไดแ้ ก่ นกหวดี ไมง้ า่ ม และไมส้ าหรบั ผกู เลน่ เกม 3.5 เรอ่ื งสนั้ ทเ่ี ป็นประโยชน์ 4. กิจกรรม 4.1 พธิ เี ปิดประชุมกอง (ชกั ธงขน้ึ สวดมนต์ สงบน่งิ ตรวจ แยก) 4.2 เพลงหรอื เกม 4.3 กจิ กรรมตามจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1) ผกู้ ากบั ลกู เสอื นาเขา้ ส่บู ทเรยี น โดยใหล้ กู เสอื ผกู เงอ่ื นท่ตี นผูกไดค้ นละ 1 เงอ่ื น และ ผกู้ ากบั ลกู เสอื อธบิ ายถงึ ความสาคญั ของเชอื กและเงอ่ื นต่าง ๆ 2) ผกู้ ากบั ลกู เสอื บรรยายคุณสมบตั แิ ละชนิดของเชอื กประกอบการสาธติ เงอ่ื นเชอื ก ลกู เสอื โลก 3) ผกู้ ากบั ลกู เสอื แบง่ ลกู เสอื ออกเป็น 4 หมู่ จดั สอนแบบฐาน โดยใหช้ มตวั อยา่ งเงอ่ื นจาก แผงแสดงเงอ่ื นพรอ้ มทงั้ สาธติ ประกอบและใหป้ ฏบิ ตั ิ (ใชพ้ เ่ี ลย้ี งหรอื นายหมปู่ ระจาฐาน) - ฐานท1่ี เงอ่ื นพริ อด เงอ่ื นขดั สมาธิ เง่อื นบ่วงสายธนู - ฐานท2่ี เงอ่ื นผกู กะหวดั ไมเ้ งอ่ื น ตะกรดุ เบด็ เงอ่ื นประมง - ฐานท3่ี เงอ่ื นตาไก่ เงอ่ื นผกู ซุง เงอ่ื นผกู รงั้ - ฐานท4่ี ผกู แน่น ผกู ทแยง ผกู กากบาท ผกู ประกบ 4) ผกู้ ากบั ลกู เสอื สรปุ บทเรยี น โดยใหล้ กู เสอื เลน่ เกมผกู เงอ่ื นตามคาสงั่ คมู่ ือการจดั กิจกรรมลกู เสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 4 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1 149
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272