Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 10.aephnkaarcchadkicchkrrm_m_4-com_0

10.aephnkaarcchadkicchkrrm_m_4-com_0

Published by E-book Bang SAOTHONG Distric Public library, 2019-03-29 12:12:12

Description: 10.aephnkaarcchadkicchkrrm_m_4-com_0

Search

Read the Text Version

(2) กรรมการโดยตาแหน่ง ไดแ้ ก่ ผกู้ ากบั ลกู เสอื การสถานีตารวจภธู รของทุกอาเภอในเขตพน้ื ท่ี การศกึ ษา หรอื ผกู้ ากบั ลกู เสอื การสถานีตารวจนครบาลของทุกสถานีในเขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษาของ กรงุ เทพมหานคร (3) กรรมการประเภทผแู้ ทน ไดแ้ ก่ ผแู้ ทนองคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถนิ่ ผแู้ ทนสถานศกึ ษา ในสงั กดั เขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษา ผแู้ ทนสถานศกึ ษาเอกชน ผแู้ ทนสถานศกึ ษาอาชวี ศกึ ษา ผแู้ ทน สถาบนั อุดมศกึ ษา ผแู้ ทนศูนยบ์ รกิ ารการศกึ ษานอกโรงเรยี นอาเภอ ผแู้ ทนค่ายลกู เสอื และผแู้ ทน สมาคมหรอื สโมสรลกู เสอื ซง่ึ เลอื กกนั เองกลุม่ ละหน่งึ คน (4) กรรมการผทู้ รงคณุ วุฒจิ านวนไมเ่ กนิ เจด็ คน ซง่ึ ประธานกรรมการแต่งตงั้ โดยคาแนะนา ของกรรมการตาม (2) และ (3) ในจานวนน้จี ะตอ้ งแต่งตงั้ จากภาคเอกชนไมน่ ้อยกว่ากง่ึ หน่งึ ใหร้ องผอู้ านวยการสานกั งานเขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษาทไ่ี ดร้ บั มอบหมายเป็นกรรมการและ เลขานุการ และใหผ้ อู้ านวยการสานกั งานเขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษาแต่งตงั้ ขา้ ราชการในสานกั งานเขตพน้ื ท่ี การศกึ ษาอกี ไมเ่ กนิ สองคนเป็นผชู้ ว่ ยเลขานุการ หลกั เกณฑแ์ ละวธิ กี ารในการเลอื กกรรมการตาม (3) ใหเ้ ป็นไปตามขอ้ บงั คบั คณะกรรมการ บรหิ ารลกู เสอื แหง่ ชาติ มาตรา 37 ใหน้ าบทบญั ญตั มิ าตรา 16 มาใชบ้ งั คบั กบั วาระการดารงตาแหน่งและการพน้ จากตาแหน่งของกรรมการตามมาตรา 36 (3) และ (4) โดยอนุโลม มาตรา 38 ใหค้ ณะกรรมการลกู เสอื เขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษามอี านาจหน้าทภ่ี ายในเขตพน้ื ท่ี การศกึ ษา ดงั ต่อไปน้ี (1) ควบคุมดแู ลกจิ การลกู เสอื ใหเ้ ป็นไปตามกฎหมาย ขอ้ บงั คบั และระเบยี บของทาง ราชการและคณะกรรมการบรหิ ารลกู เสอื แหง่ ชาติ (2) สง่ เสรมิ และสนบั สนุนความมนั่ คงและความเจรญิ ก้าวหน้าของกจิ การลกู เสอื (3) สง่ เสรมิ และสนบั สนุนใหม้ กี ารจดั กจิ กรรมลกู เสอื ทงั้ ในและนอกสถานศกึ ษา (4) ควบคมุ ดแู ลทรพั ยส์ นิ ในกจิ การของลกู เสอื เขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษา (5) พจิ ารณารายงานประจาปีของสานกั งานลกู เสอื เขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษาและรายงานให้ คณะกรรมการลกู เสอื จงั หวดั ทราบ (6) ใหค้ วามเหน็ ชอบในแผนปฏบิ ตั กิ ารประจาปี (7) ใหค้ าแนะนาแก่ผอู้ านวยการสถานศกึ ษาในการปฏบิ ตั งิ านหรอื จดั กจิ กรรมลกู เสอื (8) จดั ใหม้ ที ะเบยี นและสถติ ติ ่าง ๆ เกย่ี วกบั ลกู เสอื (9) กากบั ดแู ล สนบั สนุนและส่งเสรมิ กจิ การลกู เสอื ชาวบา้ นในเขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษา (10) ออกระเบยี บปฏบิ ตั เิ ก่ยี วกบั กจิ การลกู เสอื เพ่อื ความเหมาะสมแก่การปกครองในเขตพน้ื ท่ี การศกึ ษา ซง่ึ จะตอ้ งไมข่ ดั แยง้ กบั กฎหมาย ขอ้ บงั คบั และระเบยี บของทางราชการและคณะกรรมการ บรหิ ารลกู เสอื แหง่ ชาติ มาตรา 39 ใหม้ สี านกั งานลกู เสอื เขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษาอย่ใู นสานกั งานเขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษานนั้ โดยมผี อู้ านวยการสานกั งานเขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษาเป็นหวั หน้าสานกั งานลกู เสอื เขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษา 50 ค่มู อื การจดั กิจกรรมลกู เสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 4 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1

บงั คบั บญั ชาและรบั ผดิ ชอบการดาเนินงานของสานักงานลกู เสอื เขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษา และใหร้ อง ผอู้ านวยการสานกั งานเขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษาซง่ึ ผอู้ านวยการสานกั งานเขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษามอบหมาย เป็นผชู้ ว่ ยหวั หน้าสานกั งานลกู เสอื เขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษา ส่วนที่ 5 ทรพั ยส์ ินของสานักงานลกู เสือแห่งชาติ มาตรา 40 บรรดาอสงั หารมิ ทรพั ยท์ ส่ี านกั งานลกู เสอื แหง่ ชาตไิ ดม้ าโดยมผี อู้ ุทศิ ใหห้ รอื ไดม้ าจากการให้ ซอ้ื ดว้ ยเงนิ รายไดข้ องสานกั งาน หรอื แลกเปลย่ี นกบั ทรพั ยส์ นิ ของสานกั งานลกู เสอื แห่งชาติ หรอื ไดม้ าโดยวธิ อี ่นื ไมถ่ อื เป็นทร่ี าชพสั ดุ และใหเ้ ป็นกรรมสทิ ธขิ ์ องสานกั งานลกู เสอื แหง่ ชาติ การจาหน่ายหรอื แลกเปลย่ี นอสงั หารมิ ทรพั ยข์ องสานกั งานตามวรรคหน่ึงใหก้ ระทาไดก้ แ็ ต่ โดยพระราชบญั ญตั ิ เวน้ แต่เป็นการโอนกรรมสทิ ธใิ ์ หแ้ ก่สว่ นราชการ รฐั วสิ าหกจิ หรอื หน่วยงานอ่นื ของรฐั เมอ่ื คณะกรรมการบรหิ ารลกู เสอื แหง่ ชาตไิ มข่ ดั ขอ้ งและไดร้ บั ค่าตอบแทนจากสว่ นราชการ รฐั วสิ าหกจิ หรอื หน่วยงานนนั้ แลว้ ใหก้ ระทาโดยพระราชกฤษฎกี า มาตรา 41 ทรพั ยส์ นิ ทม่ี ผี อู้ ุทศิ ใหแ้ ก่สานกั งานลกู เสอื แหง่ ชาตจิ ะตอ้ งจดั การตามเงอ่ื นไข ทผ่ี อู้ ุทศิ ใหก้ าหนดไว้ และตอ้ งเป็นไปตามวตั ถุประสงคข์ องสานกั งานลกู เสอื แห่งชาติ แต่ถา้ มคี วาม จาเป็นตอ้ งเปลย่ี นแปลงเงอ่ื นไขดงั กล่าว สานกั งานลกู เสอื แหง่ ชาตติ อ้ งไดร้ บั ความยนิ ยอมจากผอู้ ุทศิ ให้ หรอื ทายาท หากไมม่ ที ายาทหรอื ทายาทไม่ปรากฏจะตอ้ งไดร้ บั อนุมตั จิ ากคณะกรรมการบรหิ ารลกู เสอื แห่งชาติ มาตรา 42 ทรพั ยส์ นิ ของสานกั งานลกู เสอื แหง่ ชาตไิ มอ่ ยใู่ นความรบั ผดิ แห่งการบงั คบั คดี และบุคคลใดจะยกอายคุ วามขน้ึ เป็นขอ้ ต่อสกู้ บั สานกั งานลกู เสอื แห่งชาตใิ นเรอ่ื งทรพั ยส์ นิ มไิ ด้ หมวด 3 การจดั กล่มุ ประเภท และตาแหน่งลกู เสือ มาตรา 43 การตงั้ การยบุ การจดั หน่วยลกู เสอื เหลา่ ลกู เสอื และประเภทลกู เสอื ทงั้ ปวง ใหเ้ ป็นไปตามหลกั เกณฑแ์ ละวธิ กี ารทก่ี าหนดในกฎกระทรวง มาตรา 44 การเขา้ เป็นลกู เสอื การออกจากลกู เสอื การจดั ประเภท ชนั้ เหลา่ และ การฝึกอบรมลกู เสอื ในสถานศกึ ษาหรอื นอกสถานศกึ ษา ใหเ้ ป็นไปตามขอ้ บงั คบั คณะกรรมการบรหิ าร ลกู เสอื แห่งชาติ มาตรา 45 ตาแหน่งผบู้ งั คบั บญั ชาลกู เสอื มลี าดบั ดงั ต่อไปน้ี (1) ผอู้ านวยการใหญ่ (2) รองผอู้ านวยการใหญ่ (3) ผชู้ ่วยผอู้ านวยการใหญ่ คมู่ ือการจดั กิจกรรมลกู เสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 4 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1 51

(4) ผอู้ านวยการลกู เสอื จงั หวดั (5) รองผอู้ านวยการลกู เสอื จงั หวดั (6) ผชู้ ่วยผอู้ านวยการลกู เสอื จงั หวดั (7) ผอู้ านวยการลกู เสอื เขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษา (8) รองผอู้ านวยการลกู เสอื เขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษา (9) ผอู้ านวยการลกู เสอื โรงเรยี น (10) รองผอู้ านวยการลกู เสอื โรงเรยี น (11) ผกู้ ากบั ลกู เสอื กล่มุ ลกู เสอื (12) รองผกู้ ากบั ลกู เสอื กลมุ่ ลกู เสอื (13) ผกู้ ากบั ลกู เสอื กองลกู เสอื (14) รองผกู้ ากบั ลกู เสอื กองลกู เสอื (15) นายหมลู่ กู เสอื (16) รองนายหมลู่ กู เสอื มาตรา 46 ใหร้ ฐั มนตรวี ่าการกระทรวงศกึ ษาธกิ ารเป็นผอู้ านวยการใหญ่ ปลดั กระทรวง ศกึ ษาธกิ าร เลขาธกิ ารคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน เลขาธกิ ารคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา เป็นรองผอู้ านวยการใหญ่ และรองปลดั กระทรวงศกึ ษาธกิ าร เป็นผชู้ ่วยผอู้ านวยการใหญ่ ใหผ้ วู้ า่ ราชการจงั หวดั เป็นผอู้ านวยการลกู เสอื จงั หวดั รองผวู้ ่าราชการจงั หวดั เป็น รองผอู้ านวยการลกู เสอื จงั หวดั และปลดั จงั หวดั เป็นผชู้ ่วยผอู้ านวยการลกู เสอื จงั หวดั ใหผ้ อู้ า นวยการเขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษาเป็นผอู้ า นวยการลกู เสอื เขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษาและ รองผอู้ านวยการเขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษาเป็นรองผอู้ านวยการลกู เสอื เขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษา การแต่งตงั้ ผบู้ งั คบั บญั ชาลกู เสอื ตามมาตรา 45 (9) ถงึ (16) ใหเ้ ป็นไปตามขอ้ บงั คบั คณะกรรมการบรหิ ารลกู เสอื แหง่ ชาติ มาตรา 47 ตาแหน่งผตู้ รวจการลกู เสอื มลี าดบั ดงั ต่อไปน้ี (1) ผตู้ รวจการใหญ่พเิ ศษ (2) ผตู้ รวจการใหญ่ (3) รองผตู้ รวจการใหญ่ (4) ผตู้ รวจการลกู เสอื ประจาสานกั งานลกู เสอื แหง่ ชาติ (5) รองผตู้ รวจการลกู เสอื ประจาสานกั งานลกู เสอื แหง่ ชาติ (6) ผชู้ ว่ ยผตู้ รวจการลกู เสอื ประจาสานกั งานลกู เสอื แหง่ ชาติ (7) ผตู้ รวจการลกู เสอื จงั หวดั (8) รองผตู้ รวจการลกู เสอื จงั หวดั (9) ผชู้ ว่ ยผตู้ รวจการลกู เสอื จงั หวดั (10) ผตู้ รวจการลกู เสอื เขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษา (11) รองผตู้ รวจการลกู เสอื เขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษา 52 ค่มู อื การจดั กิจกรรมลูกเสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 4 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1

มาตรา 48 ใหน้ ายกรฐั มนตรเี ป็นผตู้ รวจการใหญ่พเิ ศษ รองนายกรฐั มนตรี และรฐั มนตรวี ่าการ กระทรวงมหาดไทย เป็นผตู้ รวจการใหญ่ ปลดั กระทรวงมหาดไทย ผตู้ รวจราชการกระทรวงศกึ ษาธกิ าร อธบิ ดกี รมการปกครอง และอธบิ ดกี รมส่งเสรมิ การปกครองทอ้ งถนิ่ เป็นรองผตู้ รวจการใหญ่ การแต่งตงั้ ผตู้ รวจการลกู เสอื และการกาหนดหน้าทข่ี องผตู้ รวจการลกู เสอื ตามมาตรา 47 (4) ถงึ (11) ใหเ้ ป็นไปตามขอ้ บงั คบั คณะกรรมการบรหิ ารลกู เสอื แหง่ ชาติ มาตรา 49 ผตู้ รวจการลกู เสอื มหี น้าทต่ี รวจตรา แนะนา ชแ้ี จง และรายงานเพ่อื ใหก้ าร บรหิ ารงานลกู เสอื เป็นไปตามนโยบาย ขอ้ บงั คบั ระเบยี บ และแบบธรรมเนียมของลกู เสอื หมวด 4 ธง เครื่องแบบ และการแต่งกาย มาตรา 50 ใหม้ ธี งคณะลกู เสอื แห่งชาติ และธงลกู เสอื ประจาจงั หวดั โดยรบั พระราชทาน จากประมขุ ของคณะลกู เสอื แห่งชาติ ใหม้ ธี งคณะลกู เสอื ไทยและธงลกู เสอื อ่นื ๆ เพ่อื ประโยชน์ในการรว่ มกจิ กรรมระดบั นานาชาติ ทงั้ น้ี ใหเ้ ป็นไปตามทก่ี าหนดในกฎกระทรวง มาตรา 51 เครอ่ื งแบบและการแต่งกายลกู เสอื ใหเ้ ป็นไปตามทก่ี าหนดในกฎกระทรวง มาตรา 52 ลกู เสอื ตอ้ งปฏบิ ตั ติ ามวนิ ยั ซง่ึ กาหนดไวใ้ นขอ้ บงั คบั คณะกรรมการบรหิ าร ลกู เสอื แห่งชาติ และตามแบบธรรมเนียมของลกู เสอื 2. กจิ กรรมขององคก์ ารลกู เสอื โลก 2.1 สมชั ชาลกู เสอื โลก (World Scout Conference) คอื ทป่ี ระชุมของผแู้ ทนคณะลกู เสอื ประเทศ ต่างๆ ปัจจุบนั มสี มาชกิ อยู่ 163 ประเทศ (ขอ้ มลู ในปี พ.ศ. 2553) ในปัจจบุ นั มกี ารประชุมทกุ 3 ปี มี หน้าทก่ี าหนดนโยบายทวั่ ไป พจิ ารณาแกไ้ ขธรรมนูญ และขอ้ บงั คบั ของคณะลกู เสอื โลกรบั สมาชกิ ใหม่ เลอื กตงั้ กรรมการลกู เสอื โลกและพจิ ารณารายงานขอ้ เสนอแนะของคณะกรรมการลกู เสอื โลก 2.2 คณะกรรมการลกู เสอื โลก (World Scout Committee) ประกอบดว้ ยบุคคล 12 คน จากผแู้ ทน ประเทศสมาชกิ 12 ประเทศ อยใู่ นตาแหน่งคนละ 6 ปี มกี ารประชมุ อยา่ งน้อยปีละ 1 ครงั้ มอี านาจหน้าท่ี ส่งเสรมิ กจิ การลกู เสอื ทวั่ โลก จดั หาทุนสาหรบั สง่ เสรมิ กจิ การลกู เสอื แต่งตงั้ เลขาธกิ ารสานกั งานลกู เสอื โลก และควบคุมการปฏบิ ตั หิ น้าท่ี ตลอดจนใหเ้ ครอ่ื งหมายลกู เสอื สดุดขี องคณะกรรมการลกู เสอื โลก 2.3 สานกั งานลกู เสอื โลก (World Scout Bureau) มเี ลขาธกิ ารเป็นผบู้ งั คบั บญั ชา มเี จา้ หน้าท่ี ประมาณ 40 คนเป็นผชู้ ่วย มสี านกั งานสาขาอกี 6 แห่ง คอื 2.3.1 เขตอนิ เตอร์ – อเมรกิ า 2.3.2 เขตเอเชยี – แปซฟิ ิก 2.3.3 เขตอาหรบั 2.3.4 เขตยโุ รป 2.3.5 เขตอฟั รกิ า 2.3.6 เขตยเู รเซยี ค่มู ือการจดั กิจกรรมลกู เสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 4 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1 53

3. ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งลกู เสอื นานาชาติ 3.1 กจิ การลกู เสอื ของทุกประเทศมหี ลกั การทส่ี าคญั อยา่ งเดยี วกนั 3.2 ประเทศสมาชกิ มกี จิ กรรมต่างๆ รว่ มกนั โดยเน้นการส่งเสรมิ ความสมั พนั ธข์ องประเทศสมาชกิ หมายเหตุ ศกึ ษาเน้อื หารายละเอยี ดในใบความรทู้ ่ี 2 กิจการของคณะลูกเสือแห่งชาติ คณะลกู เสือโลก และความสมั พนั ธ์ระหว่างลกู เสือนานาชาติ กิจการของคณะลูกเสือแห่งชาติ คณะลกู เสอื แห่งชาตเิ ป็นนิตบิ คุ คล โดยพระมหากษตั รยิ ท์ รงเป็นพระประมุขของลกู เสอื แหง่ ชาติ คณะลกู เสอื แหง่ ชาตปิ ระกอบดว้ ย ลกู เสอื ทงั้ ปวง ผบู้ งั คบั บญั ชาลกู เสอื ผตู้ รวจการลูกเสอื กรรมการลกู เสอื และเจา้ หน้าทล่ี กู เสอื คณะลกู เสอื แห่งชาติ มวี ตั ถุประสงคเ์ พอ่ื พฒั นาลกู เสอื ทงั้ ทางกาย สตปิ ัญญา จติ ใจ และศลี ธรรมให้ เป็นพลเมอื งดี มคี วามรบั ผดิ ชอบ ชว่ ยสรา้ งสรรคใ์ หม้ คี วามเจรญิ กา้ วหน้า เพ่อื ความสงบสขุ และความมนั่ คง ของประเทศชาตติ ามแนวทาง ดงั ต่อไปน้ี 1. ใหม้ นี ิสยั ในการสงั เกต จดจา เชอ่ื ฟัง และพง่ึ ตนเอง 2. ใหซ้ ่อื สตั ยส์ ุจรติ มรี ะเบยี บวนิ ยั และเหน็ อกเหน็ ใจผอู้ ่นื 3. ใหร้ จู้ กั บาเพญ็ ตนเพ่อื สาธารณะประโยชน์ 4. ใหร้ จู้ กั ทาการฝีมอื และฝึกฝนใหท้ ากจิ การต่างๆ ตามความเหมาะสม 5. ใหร้ จู้ กั รกั ษาและส่งเสรมิ จารตี ประเพณี วฒั นธรรม และความมนั่ คงของประเทศชาติ ทงั้ น้ีโดยไมเ่ ก่ยี วขอ้ งกบั ลทั ธกิ ารเมอื งใดๆ การดาเนิ นงานของคณะลูกเสือแห่งชาติ ประกอบด้วย สภาลกู เสอื แห่งชาติ คณะกรรมการบรหิ ารลกู เสอื แหง่ ชาติ คณะกรรมการลกู เสอื จงั หวดั คณะกรรมการลกู เสอื เขต 54 คมู่ อื การจดั กิจกรรมลูกเสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 4 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1

กิจการของคณะลูกเสือโลก และความสมั พนั ธ์ระหว่างลกู เสือนานาชาติ กิจการของคณะลกู เสือโลก กจิ การลกู เสอื เป็นขบวนการเยาวชนทเ่ี จรญิ กา้ วหน้าและขยายกวา้ งไปทวั่ โลกมสี มาชกิ มากกว่า 30 ลา้ นคน ใน 163 ประเทศทอ่ี ยตู่ ามดนิ แดนและแควน้ ต่างๆ การลกู เสอื เป็นขบวนการอาสาสมคั รไม่เก่ยี วขอ้ ง กบั การเมอื ง เป็นขบวนการทางการศกึ ษาสาหรบั เยาวชนทงั้ ทางกาย สตปิ ัญญา จติ ใจ สงั คมและศลี ธรรม การลกู เสอื เรมิ่ ตน้ ทป่ี ระเทศองั กฤษ เมอ่ื ปี ค.ศ. 1907 (พ.ศ. 2450) จากแนวความคดิ ของลอรด์ เบ เดน โพเอลล์ และหนงั สอื “การลกู เสอื สาหรบั เดก็ ชาย”หนงั สอื เล่มน้ีประกอบดว้ ยเรอ่ื งราวและกาหนดการ ต่างๆ ชวนใหเ้ ดก็ ๆ เกดิ ความคดิ ตรงกนั ในอนั ทจ่ี ะรว่ มใจกนั ทากจิ กรรมอยา่ งใดอยา่ งหน่งึ นนั่ คอื การจดั ตงั้ หมลู่ กู เสอื ขน้ึ โดยอสิ ระและกระจายออกไปทวั่ ทุกมมุ โลกอยา่ งรวดเรว็ แมใ้ นปัจจบุ นั โปรแกรมหรอื โครงการ ฝึกอบรมเหล่านนั้ กย็ งั เป็นทน่ี ยิ มแพร่หลายอยทู่ วั่ โลก ปัจจบุ นั วตั ถุประสงค์ คาปฏญิ าณและกฎของลกู เสอื ไดก้ ่อใหเ้ กดิ ภารดรภาพแห่งโลก กาหนดการ ของลกู เสอื ถูกปรบั ปรงุ ใหย้ ดื หยุ่นเหมาะสมกบั ความตอ้ งการของเยาวชนและสงั คมทอ่ี ยอู่ าศยั วตั ถุประสงคห์ ลกั ของการลกู เสอื กค็ อื การก่อประสบการณ์ใหก้ บั เยาวชนโดยเป็นการศกึ ษานอก โรงเรยี น ไมค่ านึงถงึ เรอ่ื งการเมอื งแต่เป็นการรว่ มมอื กนั ทุกคนทุกเหล่า เพอ่ื ก่อใหเ้ กดิ ความเจรญิ แก่ เยาวชนในทางกาย สตปิ ัญญา สงั คม จติ ใจและศลี ธรรม เพอ่ื เป็นบคุ คลทพ่ี งึ ประสงคข์ องสงั คมของชาตแิ ละ ของเพอ่ื นมนุษยด์ ว้ ยกนั ปลกู ฝังใหม้ คี วามจงรกั ภกั ดตี ่อชาติ ศาสนา พระมหากษตั รยิ ค์ วบค่ไู ปกบั การ ส่งเสรมิ ใหม้ สี นั ตสิ ขุ ในชุมชน ในสงั คม ในชาติ และระหวา่ งชาตดิ ว้ ย เป็นวธิ กี ารพฒั นาเยาวชนใหเ้ ป็นพลเมอื งดี อาศยั ความสมคั รใจและความเตม็ ใจเป็นสาคญั ความ รบั ผดิ ชอบพน้ื ฐาน ยดึ มนั่ คาปฏญิ าณและกฎของลกู เสอื เรยี นรโู้ ดยการกระทาและรว่ มมอื กนั ทาทเ่ี รยี กว่า ระบบหมู่ สง่ เสรมิ ความก้าวหน้าของบคุ คลโดยใชห้ ลกั สตู รและวชิ าพเิ ศษลกู เสอื จงู ใจและใหป้ ฏบิ ตั กิ นั จรงิ ๆ ซง่ึ สว่ นใหญ่จะเป็นกจิ กรรมกลางแจง้ โดยหลกั การดงั กล่าวมาแลว้ เพ่อื ความเป็นปึกแผน่ และดาเนินการไปทานองเดยี วกนั ชาตติ ่างๆ ท่ี มกี จิ กรรมลกู เสอื จงึ รวมตวั กนั เป็นองคก์ ารขน้ึ และขนานนามวา่ “ลกู เสอื โลก” (World Scout) มธี รรมนูญว่า ดว้ ยการปกครองเป็นบทบญั ญตั ใิ นการดาเนินการ การดาเนินงานขององคก์ ารลูกเสือโลกโดยสงั เขป องคก์ ารลกู เสอื โลก คอื องคก์ ารนานาชาติ ทไ่ี มใ่ ช่เป็นองคก์ ารรฐั บาลใดมอี งคป์ ระกอบสาคญั 3 ประการ คอื สมชั ชาลกู เสอื โลก คณะกรรมการลกู เสอื โลก และสานกั งานลกู เสอื โลก การประชุมสมชั ชาลกู เสือโลก ทป่ี ระชุม (Conference) คอื “สมชั ชาใหญ่”(General Assembly) ของการลกู เสอื โลกประกอบดว้ ย ประเทศสมาชกิ 163 ประเทศ จานวนลกู เสอื และผกู้ ากบั ลกู เสอื มากกว่า 30,000,000 คน ตงั้ อยใู่ นดนิ แดน ต่างๆ มากกวา่ 200 แห่ง ประเทศหน่งึ ทจ่ี ะมสี มาคมลกู เสอื ไดเ้ พยี งแห่งเดยี วกบั แต่ละประเทศจะมผี แู้ ทน เขา้ รว่ มประชุมสมชั ชาฯ ไดป้ ระเทศละ 6 คน และผสู้ งั เกตการณ์อกี จานวนหน่ึง โดยสมาชกิ ออกเสยี ง ลงคะแนนได้ 6 เสยี ง ถา้ ประเทศใดมสี มาชกิ ลกู เสอื มากกวา่ 1 แหง่ เพอ่ื สะดวกในการดาเนินงานใหร้ วมกนั เขา้ ในรปู สหพนั ธ์ ค่มู ือการจดั กิจกรรมลูกเสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 4 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1 55

ในการรบั รองประเทศต่างๆ เขา้ เป็นสมาชกิ สมชั ชาลกู เสอื ทุกประเทศจะตอ้ งยอมรบั ในหลกั การขนั้ มลู ฐานของลกู เสอื โลก เช่น สมาคมลกู เสอื แห่งประเทศนนั้ ๆ จะตอ้ งไมเ่ กย่ี วขอ้ งกบั การเมอื งและยอมรบั ใน เรอ่ื งกระบวนการอาสาสมคั ร ฯลฯ เป็นตน้ ประเทศหน่ึงจะมคี ณะลกู เสอื แหง่ ชาตไิ ดเ้ พยี งหน่งึ เท่านนั้ และจะเป็นตวั แทนของคณะลกู เสอื ทงั้ หมดในการประชุมสมชั ชาลกู เสอื คณะลกู เสอื แห่งชาติ อาจประกอบดว้ ยสมาคมลกู เสอื มากกว่าหน่งึ รวมกนั มรี ปู แบบเป็นสหพนั ธก์ ไ็ ด้ โดยมวี ตั ถุประสงคข์ องการลกู เสอื รว่ มกนั การประชุมสมชั ชาลกู เสอื โลก มกี ารประชุมทุกระยะ 2 ปี คอื ตงั้ แต่ครงั้ ท่ี 1 ถงึ ครงั้ ท่ี 32 แต่ต่อมา ไดม้ กี ารเปลย่ี นเป็นการประชุมทุกระยะ 3 ปี โดยเรม่ิ ตงั้ แต่ครงั้ ท่ี 33 ทจ่ี ดั ขน้ึ ณ ประเทศไทย ในปี พ.ศ. 2536 โดยไดจ้ ดั ขน้ึ ทป่ี ระเทศต่างๆ ดงั น้คี อื ครงั้ ท่ี 1 พ.ศ. 2463 ประเทศองั กฤษ ครงั้ ท่ี 2 พ.ศ. 2465 ประเทศฝรงั่ เศส ครงั้ ท่ี 3 พ.ศ. 2467 ประเทศเดนมารค์ ครงั้ ท่ี 4 พ.ศ. 2469 ประเทศสวสิ เซอรแ์ ลนด์ ครงั้ ท่ี 5 พ.ศ. 2472 ประเทศองั กฤษ ครงั้ ท่ี 6 พ.ศ. 2474 ประเทศออสเตรยี ครงั้ ท่ี 7 พ.ศ. 2476 ประเทศฮงั การี ครงั้ ท่ี 8 พ.ศ. 2478 ประเทศสวเี ดน ครงั้ ท่ี 9 พ.ศ. 2480 ประเทศเนเธอรแ์ ลนด์ ครงั้ ท่ี 10 พ.ศ. 2482 ประเทศสกอตแลนด์ ครงั้ ท่ี 11 พ.ศ. 2490 ประเทศฝรงั่ เศส ครงั้ ท่ี 12 พ.ศ. 2492 ประเทศนอรเ์ วย์ ครงั้ ท่ี 13 พ.ศ. 2494 ประเทศออสเตรยี ครงั้ ท่ี 14 พ.ศ. 2496 ประเทศลชิ เชนสไตน์ ครงั้ ท่ี 15 พ.ศ. 2498 ประเทศแคนนาดา ครงั้ ท่ี 16 พ.ศ. 2500 ประเทศองั กฤษ ครงั้ ท่ี 17 พ.ศ. 2502 ประเทศอนิ เดยี ครงั้ ท่ี 18 พ.ศ. 2504 ประเทศโปรตุเกส ครงั้ ท่ี 19 พ.ศ. 2506 ประเทศกรซี ครงั้ ท่ี 20 พ.ศ. 2508 ประเทศเมก็ ซโี ก ครงั้ ท่ี 21 พ.ศ. 2510 ประเทศสหรฐั อเมรกิ า ครงั้ ท่ี 22 พ.ศ. 2512 ประเทศฟินแลนด์ ครงั้ ท่ี 23 พ.ศ. 2514 ประเทศญ่ปี ่นุ ครงั้ ท่ี 24 พ.ศ. 2516 ประเทศเคนยา ครงั้ ท่ี 25 พ.ศ. 2518 ประเทศเดนมารค์ 56 ค่มู ือการจดั กิจกรรมลกู เสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 4 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1

ครงั้ ท่ี 26 พ.ศ. 2520 ประเทศแคนาดา ครงั้ ท่ี 27 พ.ศ. 2522 ประเทศองั กฤษ ครงั้ ท่ี 28 พ.ศ. 2524 ประเทศเซเนกลั ครงั้ ท่ี 29 พ.ศ. 2526 ประเทศสหรฐั อเมรกิ า ครงั้ ท่ี 30 พ.ศ. 2528 ประเทศเยอรมนั นีตะวนั ตก ครงั้ ท่ี 31 พ.ศ. 2531 ประเทศออสเตรเลยี ครงั้ ท่ี 32 พ.ศ. 2533 ประเทศฝรงั่ เศส ครงั้ ท่ี 33 พ.ศ. 2536 ประเทศไทย ครงั้ ท่ี 34 พ.ศ. 2539 ประเทศนอรเ์ วย์ ครงั้ ท่ี 35 พ.ศ. 2542 ประเทศอาฟรกิ าใต้ ครงั้ ท่ี 36 พ.ศ. 2545 ประเทศกรซี ครงั้ ท่ี 37 พ.ศ. 2548 ประเทศตนู ีเซยี ครงั้ ท่ี 38 พ.ศ. 2551 ประเทศเกาหลใี ต้ ครงั้ ท่ี 39 พ.ศ. 2554 ประเทศบราซลิ ครงั้ ท่ี 40 พ.ศ. 2557 ประเทศสโลวาเกยี ครงั้ ท่ี 41 พ.ศ. 2560 ประเทศอาเซอรไ์ บจาน หน้าที่ของสมชั ชาลูกเสือโลก สมชั ชาลกู เสอื โลกเป็นองคก์ รทก่ี าหนดนโยบายเป็นสาคญั ในทกุ 3 ปี จะมกี ารนดั หมายประชุมกนั ทใ่ี ดทห่ี น่ึง เพ่อื กาหนดนโยบายหรอื ใหข้ อ้ เสนอแนะในการดาเนินงาน รบั ทราบการดาเนินกจิ การของลกู เสอื ทวั่ โลก เลอื กตงั้ กรรมการลูกเสอื โลก พจิ ารณาสมาชกิ ใหม่ และตดั สนิ ใจในเรอ่ื งการขบั ออกจากสมาชกิ พจิ ารณารายงานและขอ้ เสนอแนะของคณะกรรมการลกู เสอื โลก คณะกรรมการลกู เสือโลก (World Scout Committee) คณะกรรมการลกู เสอื โลก ประกอบดว้ ยสมาชกิ 12 นาย อยใู่ นตาแหน่งคราวละ 6 ปี ซง่ึ เป็นผแู้ ทน ของแต่ละสมาคมทม่ี ารว่ มประชุมสมชั ชาฯ จะเป็นผลู้ งคะแนนเสยี งในการเลอื กตงั้ โดยวธิ ลี บั ครงั้ หน่งึ ของ จานวนคณะกรรมการลูกเสอื โลกจะหมดวาระ และจะตอ้ งเลอื กตงั้ ใหม่ในทุกๆ 3 ปี ทม่ี กี ารประชุมสมชั ชา ลกู เสอื โลกแต่ละครงั้ และอาจมกี ารเลอื กตงั้ ซ่อมแทนตาแหน่งทว่ี า่ งลงเน่อื งจากกรณที ล่ี าออกก่อนวาระ กาหนดหรอื ตาย ดว้ ยกรณใี ดๆ สานักงานลกู เสอื โลกจะเป็นผแู้ จง้ ใหบ้ รรดาประเทศสมาชกิ ทราบล่วงหน้า 6 เดอื น และใหป้ ระเทศสมาชกิ แจง้ ความจานงคข์ อสมคั รเขา้ รบั การเลอื กตงั้ ไปยงั สานกั งานลกู เสอื โลกภายใน 8 สปั ดาห์ ประเทศทม่ี บี คุ คลรว่ มเป็นกรรมการลกู เสอื โลกอยแู่ ลว้ ไมม่ สี ทิ ธใิ ์ นการขอรบั การเลอื กตงั้ คณะกรรมการลกู เสอื โลกจะมกี ารประชุมอยา่ งน้อยปีละ 1 ครงั้ สถานทแ่ี ลว้ แต่คณะกรรมการจะกาหนด ประธานคณะกรรมการลกู เสอื เขตฯ (Chairman, Regional Scout Committee) อาจไดร้ บั เชญิ ใหเ้ ขา้ รว่ ม ประชุมดว้ ย แต่ไมม่ สี ทิ ธอิ ์ อกเสยี ง ค่มู ือการจดั กิจกรรมลกู เสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 4 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1 57

เลขาธกิ ารคณะกรรมการลกู เสอื โลก จะทาหน้าทเ่ี ป็นเลขาธกิ ารคณะกรรมการลกู เสอื โลก คณะกรรมการลกู เสอื โลกมอี านาจและหน้าทด่ี งั ต่อไปน้ี อานาจของคณะกรรมการลกู เสอื โลก - สง่ เสรมิ ภราดรพน่ี ้องลกู เสอื รว่ มโลก โดยการเยย่ี มเยยี นตดิ ต่อทางจดหมาย - การฝึกอบรมและการรว่ มชุมนุมอ่นื - เป็นตวั แทนสมชั ชาลูกเสอื โลกในระหว่างการประชุม - ใหค้ าแนะนาและช่วยเหลอื ในการดาเนินงานต่างๆ ของลูกเสอื - สนบั สนุนในการทจ่ี ะยอมรบั ประเทศต่างๆ ทย่ี ่นื คารอ้ ง เพอ่ื ขอเขา้ เป็นสมาชกิ รบั และ ถอนการจดทะเบยี นดงั กล่าว - เพกิ ถอนหรอื ระงบั ขอ้ บงั คบั และระเบยี บวาระแห่งทป่ี ระชุมสมชั ชาลกู เสอื โลก - พจิ ารณาขอ้ เสนอแนะซง่ึ มาจากประเทศสมาชกิ ทงั้ หลาย - แต่งตงั้ ตาแหน่งเลขาธกิ ารสานกั งานลกู เสอื โลก - ดแู ลการดาเนินงานของสานกั งานลกู เสอื โลก - รบั ผดิ ชอบในการหาเงนิ กองทุนเพม่ิ เตมิ - เป็นตวั แทนของสานกั งานลกู เสอื ในกจิ การระหว่างชาติ หรอื นานาชาติ - อนุมตั กิ ารใหเ้ ครอ่ื งราชอสิ รยิ าภรณ์แก่ผบู้ รกิ ารประโยชน์ต่อกระบวนการลกู เสอื แห่งโลก หน้าท่ีของคณะกรรมการลูกเสือโลก แต่งตงั้ กรรมการเฉพาะคราว ตามวาระความจาเป็นในการดาเนินงานเกย่ี วกบั ปัญหาฉุกเฉินท่ี เกดิ ขน้ึ แต่งตงั้ อนุกรรมการซง่ึ จาเป็นตอ้ งปฏบิ ตั แิ ทนเฉพาะเรอ่ื ง โดยปกตจิ ะแต่งตงั้ จากบคุ คลซง่ึ เป็น สมาชกิ ในกระบวนการลกู เสอื โลก เช่น การใหเ้ ครอ่ื งราชอสิ รยิ าภรณ์การเงนิ ฯลฯ เป็นตน้ แต่งตงั้ กรรมการเฉพาะกจิ หรอื กรรมการทไ่ี ดร้ บั เลอื กใหท้ าหน้าทเ่ี ฉพาะเพอ่ื พจิ ารณาปัญหาเฉพาะ ซง่ึ อาจเกดิ ขน้ึ เป็นครงั้ คราว เป็นผอู้ ยใู่ นฐานะทป่ี รกึ ษาต่อคณะกรรมการลกู เสอื เขตฯ โดยคณะบคุ คลเหล่านนั้ ไดร้ บั การ เลอื กตงั้ มาจากสมชั ชาลกู เสอื ในเขตนนั้ ๆ ซง่ึ มธี รรมนูญการปกครองของตน โดยไดร้ บั ความยนิ ยอม เหน็ ชอบจากคณะกรรมการลูกเสอื โลกแลว้ และโดยเน้อื หาแห่งธรรมนูญลกู เสอื โลก คณะกรรมการลกู เสอื เขตฯ ยอ่ มมภี ารกจิ และหน้าทเ่ี กย่ี วกบั ขบวนการลกู เสอื เขตของตน แต่งตงั้ กรรมการทป่ี รกึ ษาตามความจาเป็นเฉพาะเรอ่ื งเกย่ี วกบั เทคนคิ ซง่ึ มผี ลกระทบกระเทอื นต่อ การพฒั นาอนั มนั่ คงหรอื อาจเป็นประโยชน์ทแ่ี ทจ้ รงิ ของกระบวนการลกู เสอื แต่งตงั้ กรรมการเกย่ี วกบั การศกึ ษาหรอื คณะทป่ี รกึ ษา ตามความจาเป็นเฉพาะเรอ่ื งเพ่อื ปฏบิ ตั งิ าน ตามภารกจิ และหน้าท่ี ซง่ึ คณะกรรมการลกู เสอื จะผพู้ จิ ารณาตามความตอ้ งการในเรอ่ื งนนั้ ๆ 58 คมู่ ือการจดั กิจกรรมลกู เสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 4 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1

สานักงานลกู เสือโลก ทาหน้าท่ีเป็นสานักงานเลขาธกิ ารดาเนินการให้เป็นไปตามคาแนะนาหรอื มติท่ีประชุมสมชั ชา ลูกเสือโลก (World Scout Conference) และคณ ะกรรมการลูกเสือโลก (World Scout Committee) มเี จา้ หน้าท่ปี ระจาสานักงานลูกเสอื โลกและสานักงานลูกเสอื เขตฯ อกี 5 เขต จานวน 31 คน คอื สานักงาน ใหญ่ประจาเมืองเจนีวา ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ และท่ีสานักงานของคณะลูกเสือเขตฯ ท่ีคอสตารกิ ้า ฟิลปิ ปินส์ เคนยา อยี ปิ ต์ และสวสิ เซอรแ์ ลนด์ กาเนิดสานักงานลกู เสือโลกโดยสงั เขป ในปี พ.ศ. 2463 ไดม้ กี ารชุมนุมลกู เสอื ขน้ึ ครงั้ แรกทก่ี รงุ ลอนดอน และในการชมุ นุมครงั้ น้ีไดจ้ ดั ใหม้ ี การประชุมบรรดาผู้นาทางการลูกเสอื นานาชาติครงั้ แรกด้วยในท่ปี ระชุมเห็นสมควรให้จดั ตงั้ สานักงาน ลกู เสอื โลกขน้ึ เพ่อื จะไดท้ าหน้าทเ่ี ป็นส่อื กลางประสานงานของคณะกรรมการลูกเสอื นานาชาติ เผยแพรแ่ ละ พฒั นาการลกู เสอื แก่นานาประเทศ วนั ท่ี 11 ตุลาคม 2463 สานักงานลูกเสือนานาชาติ (Boy Scout International Bureau) ก็ได้เปิด ดาเนินการขน้ึ ภายในอาคารสานักงานคณะลูกเสอื แห่งประเทศองั กฤษ ในกรุงลอนดอน โดยขอเช่าสถานท่ี จากสานกั งานคณะกรรมการลกู เสอื องั กฤษในการดาเนนิ งานครงั้ น้ี มิสเตอร์ เฟรเดริค เอฟ. พีบอด้ี (Mr. Frederick F. Peabody) ซ่ึงเป็ นคหบดีผู้มัง่ คัง่ ชาว สหรฐั อเมรกิ าเป็นผอู้ อกทุนคา่ ใชจ้ ่ายแก่สานกั งานฯ โดยตลอดสาหรบั ปีแรก ผูอ้ านวยการกติ ตมิ ศกั ดคิ ์ นแรก คอื มสิ เตอร์ เฮลเบธิ เอส. มารต์ นิ (Mr.Hubert S. Martin) และยงั ดารงตาแหน่งเป็นผตู้ รวจการลกู เสอื ฝ่ายต่างประเทศของคณะลูกเสอื องั กฤษดว้ ยเขาดารงตาแหน่งอยไู่ ด้ 18 ปี กถ็ งึ แก่กรรมเมอ่ื ปี พ.ศ. 2481 ผทู้ ่รี บั ช่วงต่อมากค็ อื พนั เอก เจ.เอส.วลิ สนั (J.S. Wilson) ไดร้ บั ตาแหน่งผู้อานวยการกติ ตมิ ศกั ดิ ์ คนท่ี 2 ขณะเดยี วกนั เขาเป็นผอู้ านวยการค่ายของกลิ เวลลป์ ารค์ ดว้ ย เม่อื พนั เอก เจ.เอส.วลิ สนั ไดร้ บั แต่งตงั้ ก็ไดย้ า้ ยท่ที าการของสานักงานลูกเสอื นานาชาตไิ ปท่ใี หม่ คอื 28 ถนนบคั๊ กง้ิ แฮม พาเลซ ในกรงุ ลอนดอน ปี พ.ศ. 2482 สงครามโลกครงั้ ท่ี 2 ไดเ้ กดิ ขน้ึ งานของสานักงานแห่งน้ีกซ็ บเซาลงเพราะการตดิ ต่อ สมั พนั ธร์ ะหวา่ งประเทศต่างๆ นนั้ ไมส่ ะดวก ปี พ.ศ. 2488 สานักงานลูกเสอื นานาชาตกิ เ็ รมิ่ คกึ คกั ขน้ึ อกี และไดย้ า้ ยท่ที าการของสานักงานไป อยทู่ ่ี 172 ถนนอบิ รู ่ี ตาบลเวช็ ทมนิ ซเทอะ เพราะสถานทเ่ี ดมิ หมดสญั ญาเช่า ปี พ.ศ. 2489 – 2496 กไ็ ดห้ นั มาฟ้ืนฟูการลกู เสอื ในประเทศลาตนิ อเมรกิ าและประเทศอ่นื ๆ ทช่ี ะงกั ไปขณะทเ่ี กดิ สงคราม ปี พ.ศ. 2496 นัน้ เอง พลตรี ดี.ซี.ซพไร (D.C.Spry) ก็ได้รบั เลือกตงั้ เป็นผู้อานวยการสานักงาน ลูกเสอื โลก คณะกรรมการบรหิ ารของสานักงานเหน็ ว่าควรยา้ ยทท่ี าการไปอย่ทู ่ที วปี อเมรกิ าเพราะสะดวก แก่การหาเงนิ และรายได้ เพ่อื จะไดน้ ามาค้าจุนในการดาเนินงาน เพราะลาพงั ค่าธรรมเนียมสมาชกิ ประจา จากประเทศต่างๆ นัน้ ไม่พอท่จี ะดาเนินงานและขณะนัน้ เศรษฐกิจของประเทศในยุโรปต่ามากเกือบทุก ประเทศการหาเงนิ มาบารงุ สานกั งานจงึ ทาไดล้ าบาก ค่มู ือการจดั กิจกรรมลูกเสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 4 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1 59

ดงั นัน้ สานกงานลูกเสอื โลกจงึ ยา้ ยจากกรุงลอนดอนไปอย่กู รุงออตตาวา ในประเทศแคนนาดาเม่อื วนั ท่ี 1 มกราคม 2501 ปี พ.ศ. 2508 ในคราวการประชุมสมชั ชาลูกเสอื โลก ครงั้ ท่ี 20 ณ เมอื งเมก็ ซโิ ก ระหว่างวนั ท่ี 26 กนั ยายน ถงึ วนั ท่ี 3 ตุลาคม 2508 พลตรี ด.ี ซ.ี ซพไร (D.C.Spry) กพ็ น้ จากตาแหน่งผูอ้ านวยการสานกั งาน ลูกเสือโลกไปตามวาระ คงให้ มิสเตอร์ รดิ ชาร์ด ที.ลูนด (Mr. Richard T. Lund) รกั ษาการในตาแหน่ง จนกระทงั่ พ.ศ. 2510 ในคราวการประชุมสมชั ชาลูกเสอื โลกไดป้ ระกาศแต่งตงั้ ด๊อกเตอร์ แลสซลี โอ นาก้ี (Dr. Laszlo Nagy) แทนตาแหน่งผู้อานวยการทว่ี ่างลง โดยเรยี กตาแหน่งเสยี ใหม่ว่าเลขาธกิ าร (Secretary General) เม่อื วนั ท่ี 1 พฤษภาคม 2510 และนอกจากนัน้ ท่ปี ระชุมสมชั ชาลูกเสอื โลกยงั ได้มมี ติเห็นพ้อง ต้องกันว่าให้ย้ายสานักงานใหญ่ สานักงานลูกเสือโลก จากออตตาวาไปอยู่ท่ีเมืองเจนีวา ประเทศ สวิสเซอร์แลนด์ ซ่งึ เป็นศูนย์แห่งยุโรปและการคมนาคมท่สี ะดวกท่สี ุด และขณะน้ีเมอื งเจนีวาก็คอื ท่ตี ัง้ สานกั งานนานาชาตหิ ลายสาขา ปี พ.ศ. 2531 ด๊อกเตอร์ แลสซลี โอ นาก้ี ไดพ้ น้ วาระจากการเป็นเลขาธกิ ารฯ ซง่ึ ไดต้ ่ออายมุ าหลาย ครงั้ แลว้ รวมระยะเวลาทด่ี ารงตาแหน่งเลขาธกิ ารฯ เป็นเวลา 21 ปี ปี พ.ศ. 2531 – 2547 ดอ๊ กเตอรจ์ ารค์ เมอรยิ อง (Jacques Moreillon) ชาวสวซิ เซอรแ์ ลนด์ ดารงตาแหน่งเลขาธกิ ารฯ โดยในระยะน้ี กจิ การลกู เสอื ทวั่ โลกมคี วามรดุ หน้าก้าวไปไกลอยา่ งมาก โดย จากเดมิ ในวนั เขา้ รบั ตาแหน่ง มลี กู เสอื 16 ลา้ นคน ใน 120 ประเทศทวั่ โลก และในวนั ทส่ี น้ิ สุดการดารง ตาแหน่ง มลี กู เสอื ถงึ 28 ลา้ นคน ใน 155 ประเทศ ปี พ.ศ. 2547 - 2550 ดอ๊ กเตอรเ์ อด็ ดอู าโด มซิ โซน่ี (Eduardo Missoni) ชาวอติ าลี ปี พ.ศ. 2550 - 2555 นายลุด พานซิ โซ่ (Luc Panissod) ชาวฝรงั่ เศส ในยคุ สมยั น้ไี ดใ้ หก้ าร สนบั สนุนดา้ นรฐั ธรรมนูญการวางแผนยุทธศาสตรแ์ ละการประเมนิ ผลเชงิ กลยทุ ธก์ ารส่อื สารและการ ต่างประเทศ และเขาไดร้ บั รางวลั Bronze Wolf ในปีพ. ศ. 2539 ปี พ.ศ. 2556 - 2559 นายสก๊อตซ์ เทยี ร์ (Scott A. Teare) ชาวอเมรกิ า เป็นเลขาธกิ ารฯคน แรกทไ่ี มไ่ ดแ้ ต่งตงั้ มาจากชาวยโุ รปโดยในยคุ สมยั น้ไี ดม้ กี ารปรบั ปรงุ โครงสรา้ งและยา้ ยทท่ี าการ สานกั งานลกู เสอื โลกเพ่อื รองรบั การเปลย่ี นแปลงของสภาพสงั คม และเขาไดร้ บั รางวลั Bronze Wolf ใน ปี พ. ศ. 2555 ปี พ.ศ. 2560 - ปัจจุบนั * นายอลั เหมด็ อลั เฮน็ ดาวี (Ahmad Alhendawi) ชาวจอรแ์ ดน เลขาธกิ ารฯคนปัจจบุ นั โดยมนี โยบายเช่อื มนั่ ในเป้าหมายการพฒั นาอย่างยงั่ ยนื (SDGs) และเชอ่ื มนั่ ใน การลงทุนทเ่ี หมาะสมกบั คนหนุ่มสาววา่ พวกเขาสามารถมสี ว่ นรว่ มอยา่ งมากในการบรรลุเป้าหมาย และ ยงั เป็นผทู้ ม่ี บี ทบาทสาคญั ในการมสี ่วนรว่ มในการรวมตวั ของสนั ตภิ าพในสถานทต่ี ่าง ๆ ซง่ึ นาไปส่กู าร ยอมรบั ดา้ นสนั ตภิ าพและความมนั่ คง *ขอ้ มลู ณ วนั ท่ี 8 มถิ ุนายน 2560 60 คมู่ อื การจดั กิจกรรมลูกเสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 4 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1

หน้าท่ีของสานักงานลูกเสือโลกมดี งั นี้คือ เป็นศูนยก์ ลางประสานงานและตดิ ต่อองคก์ ารลกู เสอื นานาชาตทิ เ่ี ป็นสมาชกิ ทวั่ โลก ใหค้ วามชว่ ยเหลอื และคาแนะนาแก่องคก์ รการลกู เสอื นานาชาตทิ ร่ี อ้ งขอไป ทาหน้าทว่ี จิ ยั คน้ ควา้ และวางโครงการระยะยาวในการพฒั นาการลกู เสอื ในนามสมชั ชาลกู เสอื โลก และกรรมการบรหิ ารลกู เสอื โลก ส่งเสรมิ ใหม้ กี ารก่อตงั้ องคก์ ารลกู เสอื ใหมๆ่ เพม่ิ ขน้ึ ตามความจาเป็นและช่วยพฒั นาองคก์ ารลกู เสอื เหลา่ นนั้ โดยการช่วยส่งเอกสารเกย่ี วกบั การลกู เสอื จดั ใหเ้ จา้ หน้าทส่ี านักงานลกู เสอื โลกไปเยย่ี มเยยี นและ จดั ใหม้ กี ารฝึกอบรมผบู้ งั คบั บญั ชาลกู เสอื จดั การตดิ ต่อโดยตรงกบั ประเทศในเครอื สมาชกิ โดยการไปเยย่ี มเยยี นของเลขาธกิ ารและ ผตู้ รวจการสานกั งานลกู เสอื โลกเสมอ แต่งตงั้ ผตู้ รวจการฝ่ายบรหิ ารและผตู้ รวจการฝ่ายฝึกอบรมในเขตต่างๆ ซง่ึ ประเทศสมาชกิ ในสงั กดั ตอ้ งการทจ่ี ะไดร้ บั ความช่วยเหลอื จดั ใหม้ กี ารประชุมผบู้ งั คบั บญั ชาลกู เสอื นานาชาตสิ องปีต่อครงั้ และจดั กจิ กรรมอ่นื ๆ ระหวา่ ง ลกู เสอื นานาชาติ สาหรบั ประเทศในเครอื สมาชกิ อย่างเพยี งพอ ทาหน้าทเ่ี ป็นสานกั งานเลขาธกิ ารของคณะกรรมการลกู เสอื โลก ทงั้ ตาแหน่งประจาและตาแหน่ง ชวั่ คราว เช่น คณะกรรมการลกู เสอื โลก ฝ่ายฝึกอบรม ฯลฯ สง่ เสรมิ ใหม้ กี ารฝึกอบรมผบู้ งั คบั บญั ชาลกู เสอื นานาชาติ ตามเขตต่างๆ ของสานักงานลกู เสอื โลก และใหม้ อี นุกรรมการฝ่ายฝึกอบรมประจาเขตนนั้ ๆ ออกวารสารลกู เสอื ฉบบั ประจาเดอื น และวารสารลกู เสอื ประจาเขตแต่ละเขต เพอ่ื เผยแพรข่ ่าวสาร การลกู เสอื สง่ เสรมิ ใหม้ กี ารเยย่ี มเยยี นระหว่างประเทศต่าง ๆ เป็นการตอบแทนซง่ึ กนั และกนั รวมทงั้ ให้ คาแนะนาและช่วยเหลอื ตามโครงการต่าง ๆ ทจ่ี าเป็น ช่วยเหลอื ในการปรบั ปรงุ กจิ การลกู เสอื ตามโปรแกรมการประชาสมั พนั ธท์ วั่ โลก ทาหน้าทต่ี ดิ ต่อกบั องคก์ ารอ่นื ๆ ของโลก เช่น สานกั งานลกู เสอื หญงิ แห่งโลก องคก์ าร สหประชาชาติ ยเู นสโก และองคก์ ารอ่นื ๆ ทเ่ี ก่ยี วขอ้ งในการพฒั นาชุมชนใหเ้ ป็นพลเมอื งดี สานกั งานลกู เสอื ไดแ้ บ่งการบรหิ ารลกู เสอื เป็นเขตๆ แต่ละเขตกม็ ผี ตู้ รวจการฝ่ายบรหิ ารประจาเขต ของตน และมศี นู ยก์ ลางดาเนนิ งานของแต่ละเขตดงั น้ี คอื เขตกลุ่มประเทศลาตนิ อเมรกิ า (Inter American Region) อยทู่ เ่ี มอื งซานโฮเช่ ในประเทศออสตา รกิ า เขตกลุ่มประเทศยโุ รป (Europan Region) สานกั งานตงั้ อยทู่ เ่ี มอื งเจนวี า ประเทศสวสิ เซอรแ์ ลนด์ เขตกลุ่มอาหรบั (Arab Region) สานกั งานอยทู่ เ่ี มอื งไคโร ประเทศอยี ปิ ต์ เขตเอเชยี -แปซฟิ ิก (Asia-Pacific Region) สานกั งานตงั้ อยทู่ เ่ี มอื งมะนิลา ประเทศฟิลปิ ปินส์ เขตอาฟรกิ า (Afriga Region) สานกั งานตงั้ อยทู่ เ่ี มอื งไนโรบี ประเทศเคนยา เขตยเู รเซยี (Urasia Region) สานกั งานตงั้ อยทู่ เ่ี มอื งยลั ตาเคอรซ์ ฟั ประเทศยเู ครน คมู่ อื การจดั กิจกรรมลูกเสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 4 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1 61

ภมู ิหลงั ของท่ีประชุมสมชั ชาลูกเสือเขตเอเชีย – แปซิฟิ ก กรรมการลกู เสอื โลกไดจ้ ดั ตงั้ สานักงานเขตตะวนั ออกไกล (Far – East Region) ขน้ึ เมอ่ื พ.ศ. 2499 ขณะนนั้ มปี ระเทศสมาชกิ อยเู่ พยี ง 10 ประเทศ รวมประเทศไทยดว้ ย ครนั้ ต่อมาการลกู เสอื ในเขตน้ีมกี าร ขยายตวั ขน้ึ เรอ่ื ยๆ สองปีต่อมามปี ระเทศสมาชกิ เพม่ิ ขน้ึ เป็น 14 ประเทศ จงึ ไดจ้ ดั ใหม้ กี ารประชุมลกู เสอื เขตตะวนั ออกไกลขน้ึ (Far – East Scout Conference) เป็นครงั้ แรก ณ เมอื งบาเกยี ว ประเทศฟิลปิ ปินส์ และต่อมากม็ กี ารประชุมทุก 2 ปี ในปี พ.ศ. 2513 ประเทศสมาชกิ เพมิ่ ขน้ึ เป็น 18 ประเทศ และไดเ้ ปลย่ี นจากเขตตะวนั ออกไกลเป็น เขตเอเชยี -แปซฟิ ิก (Asia-Pacific Region) และปัจจบุ นั น้ีมปี ระเทศสมาชกิ เพมิ่ ขน้ึ เป็น 20 ประเทศแลว้ ท่ี เพมิ่ ขน้ึ มา มเี นปาล บงั คลาเทศ ฟิจิ ปาปัวนิวกนี ี และบรไู น คณะกรรมการลกู เสือเขตเอเชีย-แปซิฟิ ก จากธรรมนูญลกู เสอื เขตเอเชยี -แปซฟิ ิก กาหนดใหม้ คี ณะกรรมการ 10 คนจาก 10 ประเทศอยใู่ น ตาแหน่งคราวละ 6 ปี โดยทป่ี ระชุมลกู เสอื เขตเอเชยี -แปซฟิ ิก เป็นผเู้ ลอื กตงั้ ทกุ ระยะ 3 ปี ทม่ี กี ารประชุม คณะกรรมการชดุ น้ีจะมกี ารประชุมทกุ ปี และอาจจะแต่งตงั้ อนุกรรมการหรอื กรรมการดาเนินงานในเรอ่ื งใด เรอ่ื งหน่ึง กย็ อ่ มทาไดต้ ามความจาเป็นในเขตของตน คนไทยท่ีเคยเป็นคณะกรรมการลกู เสือภาคพื้นเอเชียแปซิฟิ ก 1. นายแพทยแ์ สง สทุ ธพิ งษ์ (พ.ศ. 2503 - 2507) 2. นายอภยั จนั ทวมิ ล (พ.ศ.2507 - 2511) ไดร้ บั เลอื กเป็นประธานกรรมการ (พ.ศ.2509-2511) 3. นายจติ ร ทงั สุบุตร (พ.ศ. 2511 - 2513) 4. นายเพทาย อมาตยกุล (พ.ศ. 2515 - 2519) 5. นายแพทยบ์ ุญสม มารต์ นิ (พ.ศ. 2519 - 2523) 6. พลโทเยย่ี ม อนิ ทรกาแหง (พ.ศ. 2523 - 2525) 7. นายสาอาง พ่วงบุตร (พ.ศ. 2525 - 2529) 8. นายอาณฐั ชยั รตั ตกุล (พ.ศ. 2529 - 2535) 9. นายสุธรรม พนั ธุศกั ดิ ์ ไดร้ บั เลอื กเป็นรองประธานกรรมการคนท่ี 1 (พ.ศ.2535 – 2541) 10. นายประกอบ มกุ ุระ ไดร้ บั เลอื กเป็นรองประธานกรรมการคนท่ี 1 (พ.ศ. 2550 – 2556) 11. นายพทั ธโรจน์ กมลโรจน์สริ ิ สมยั ท่ี 1 (พ.ศ.2557 – 2558) ,สมยั ท่ี 2 (พ.ศ.2558 – ปัจจบุ นั *) *ขอ้ มลู ณ วนั ท่ี 8 มถิ ุนายน 2560 เก่ียวกบั การเงิน นอกจากการกาหนดใหเ้ กบ็ ค่าบารงุ ลกู เสอื โลกสาหรบั ลกู เสอื ในเครอ่ื งแบบแลว้ ยงั ไดเ้ งนิ มาจาก รางวลั หรอื เงนิ บรจิ าคมลู นธิ ิ บรษิ ทั และบคุ คลในวงการต่างๆ มหี ลายประเทศทด่ี อ้ ยพฒั นาไดร้ บั ความ ช่วยเหลอื จากกองเงนิ ลงทุนลกู เสอื นานาชาติ ซง่ึ นาไปช่วยเหลอื พน่ี ้องของเราและสานกั งานลกู เสอื โลก เป็นผจู้ ดั สรรในเรอ่ื งงบประมาณและไดน้ าเงนิ กองทนุ ไปฝากไวใ้ นธนาคารต่างๆ 10 แห่ง ใน 9 ประเทศ แผนภมู ิการบริหารงานของสานักงานลูกเสือโลก 62 ค่มู อื การจดั กิจกรรมลกู เสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 4 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1

World Organization of the Scout Movement (WOSM) 169 MEMBER COUNTRIES Send 6 delegates to a biennial ส่งผแู้ ทน 6 คน ไปร่วมการประชุมทุก 3 ปี elects 12 mem Staggered basis WORLD GENERAL ASSEMBLY OF six – year term WORLD SCOUTING 12 คนอยใู่ นตาแหน่งคราวละ 6 ปี สมชั ชาลกู เสอื Sets policy supervise WORLD BOARD OF DIRETOR OF The work of the WSB COMMITTEE WORLD SCOUTING วางนโยบายดแู ลการดาเนินงาน คณะกรรมการอานวยการ ของสานักงานลกู เสอื โลก Implementation relationships WORLD SECRETARIAT OF Eo – ordination promotion WORLD SCOUTING ดาเนินการ ตดิ ต่อประสานงาน สานักงานเลขาธกิ าร และส่งเสรมิ AFRICA ARAB ASIA EUROPE INTER URESIA PACIFIC AMERICA Information Training World Jamboree Visits Direct RublicaNtion & Advice การฝึกอบรม & Moot การเยยี่ มเยยี น Research การใหค้ าช้ีแจง การชุมนุม และการ การพมิ พเ์ อกสาร แนะนา ลูกเสือช่วยเหลือโดยตรง และการวจิ ยั 169 MEMBER COUNTRIES ค่มู ือการจดั กิจกรรมลกู เสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 4 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1 63

ความสมั พนั ธ์ระหว่างลกู เสือนานาชาติ ลกู เสอื นานาชาตมิ คี วามสมั พนั ธก์ นั ดงั ต่อไปน้ี 1. กจิ การลกู เสอื ทุกประเทศมหี ลกั การทส่ี าคญั อยา่ งเดยี วกนั 1.1 หน้าทต่ี ่อพระผเู้ ป็นเจา้ และศาสนา 1.2 ความจงรกั ภกั ดตี ่อประเทศชาตขิ องตน 1.3 มคี วามศรทั ธาในมติ รภาพ และความเป็นพน่ี ้องของลกู เสอื ทวั่ โลก 1.4 การบาเพญ็ ประโยชน์ต่อผอู้ ่นื 1.5 การยอมรบั และปฏบิ ตั ติ ามคาปฏญิ าณและกฎของลกู เสอื 1.6 การเขา้ เป็นสมาชกิ ดว้ ยความสมคั รใจ 1.7 มคี วามเป็นกลางไมข่ น้ึ กบั อทิ ธพิ ลทางการเมอื ง 1.8 มกี าหนดการพเิ ศษสาหรบั การฝึกอบรมโดยอาศยั ระบบหมู่ การทดสอบเป็นขนั้ ๆ เครอ่ื งหมายวชิ าพเิ ศษ กจิ กรรมกลางแจง้ 2. ยดึ หลกั การพฒั นาลกู เสอื 8 ประการ 2.1 พฒั นาความคดิ เรอ่ื งศาสนา 2.2 พฒั นาใหม้ คี วามรสู้ กึ ดา้ นค่านิยม 2.3 การพฒั นาทางร่างกาย 2.4 การพฒั นาทางสตปิ ัญญา 2.5 การพฒั นาทางสงั คม 2.6 สมั พนั ธภาพทางสงั คมในกลุ่มลกู เสอื 2.7 ความรบั ผดิ ชอบต่อชุมชน 3.ความรบั ผดิ ชอบต่อสงิ่ แวดลอ้ มมกี ารจดั งานชุมนุมลกู เสอื โลก งานชุมนุมลกู เสอื เขตต่างๆ เช่น งานชุมนุมลกู เสอื เขตเอเชยี แปซฟิ ิก เป็นตน้ การจดั งานชุมนุมลกู เสอื ทาใหล้ ูกเสอื ประเทศต่างๆ ไดม้ ี โอกาสมารว่ มชุมนุม ไดม้ โี อกาสทากจิ กรรมต่างๆ รว่ มกนั ไดแ้ ลกเปลย่ี นความรู้ ประสบการณ์ ทาใหม้ ี ความสมั พนั ธก์ นั มากขน้ึ มเี พ่อื นต่างชาตเิ พมิ่ ขน้ึ และอาจมกี ารตดิ ต่อกนั หลงั จากงานชุมนุมลกู เสอื แลว้ จะ ทาใหค้ วามสมั พนั ธต์ ่างๆ แนบแน่นขน้ึ จากเดมิ มโี ครงการแลกเปลย่ี นลกู เสอื เพ่อื ศกึ ษาดงู านกจิ การลกู เสอื ของแต่ละประเทศ ทาใหล้ กู เสอื ไดม้ โี อกาสรว่ มโครงการดงั กล่าว ไดศ้ กึ ษากจิ การลกู เสอื และสรา้ ง ความสมั พนั ธอ์ นั ดกี บั ลกู เสอื ในประเทศทแ่ี ลกเปลย่ี นตามโครงการ ยงั ผลใหค้ วามสมั พนั ธเ์ กย่ี วกบั กจิ การ ลกู เสอื ของประเทศมคี วามผกู พนั กนั มากขน้ึ จะเหน็ ไดว้ ่าจากหลกั การและกจิ กรรมต่างๆ ดงั กล่าวนนั้ กจิ การลกู เสอื เป็นกจิ การทส่ี ง่ เสรมิ ใหพ้ ่ี น้องลกู เสอื ทวั่ โลกมคี วามสมั พนั ธก์ นั เป็นอยา่ งดี ดงั นนั้ หลกั การทว่ี ่าลกู เสอื เป็นมติ รของทกุ คนและเป็นพ่ี น้องกบั ลกู เสอื อ่นื ทวั่ โลก 64 ค่มู อื การจดั กิจกรรมลูกเสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 4 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1

แบบทดสอบ แผนกิจกรรมที่ 2 คาสงั่ ใหเ้ ขยี นเครอ่ื งหมายกากบาท (  ) ทบั ตวั อกั ษรหน้าขอ้ คาตอบทถ่ี ูกทส่ี ดุ 1. นายกรฐั มนตรดี ารงตาแหน่งใดในสภาลกู เสอื แหง่ ชาติ ก. ประธานสภาลกู เสอื แห่งชาติ ข. สภานายกของสภาลกู เสอื แห่งชาติ ค. อุปนายกของสภาลกู เสอื แหง่ ชาติ ง. ผอู้ านวยการใหญ่ของสภาลกู เสอื แหง่ ชาติ 2. ประธานคณะกรรมการบรหิ ารลกู เสอื แหง่ ชาตคิ อื ใคร ก. นายกรฐั มนตรี ข. รองนายกรฐั มนตรี ค. รฐั มนตรวี า่ การกระทรวงศกึ ษาธกิ าร ง. อธบิ ดกี รมพลศกึ ษา 3. ขอ้ ใดท่ี ไมใ่ ช่ อานาจหน้าทข่ี องคณะกรรมการบรหิ ารลกู เสอื แห่งชาติ ก. ดาเนินการตามนโยบายของสภาลกู เสอื แหง่ ชาติ ข. ดาเนินการตามวตั ถุประสงคข์ องคณะลกู เสอื แห่งชาติ ค. จดั ใหม้ กี ารฝึกอบรมลกู เสอื และผบู้ งั คบั บญั ชาลกู เสอื ง. พจิ ารณารายงานประจาปีของคณะลกู เสอื แห่งชาติ 4. ผวู้ ่าราชการจงั หวดั ทาหน้าทใ่ี ด ในคณะกรรมการลกู เสอื จงั หวดั ก. ทป่ี รกึ ษาคณะกรรมการฯ ข. ประธานกรรมการฯ ค. อุปนายก ง. กรรมการผทู้ รงคุณวุฒิ 5. ประธานคณะกรรมการลูกเสอื เขตคอื ใคร ก. นายอาเภอ ข. ปลดั อาเภอ ค. ผอู้ านวยสานกั งานเขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษาประถมศกึ ษา ง. ผอู้ านวยการสานกั งานการศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั 6. ในปัจจบุ นั สมชั ชาลกู เสอื โลกมกี ารประชุมทุกๆ กป่ี ี ก. 1 ปี ข. 2 ปี ค. 3 ปี ง. 4 ปี 7. คณะกรรมการลกู เสอื โลก ประกอบดว้ ยผแู้ ทนกค่ี น ก. 6 คน ข. 8 คน ค. 10 คน ง. 12 คน 8. สานกั งานลกู เสอื โลก มใี ครเป็นผบู้ งั คบั บญั ชา ก. เลขาธกิ ารสานกั งานลกู เสอื โลก ข. เลขานุการสานกั งานลกู เสอื โลก ค. ผอู้ านวยการสานกั งานลกู เสอื โลก ง. ประธานสานกั งานลกู เสอื โลก 9. สานกั งานลกู เสอื โลกมี สานกั งานสาขากแ่ี ห่ง ก. 3 แห่ง ข. 5 แหง่ ค. 7 แหง่ ง. 9 แหง่ ค่มู ือการจดั กิจกรรมลูกเสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 4 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1 65

10. ขอ้ ใด ไมใ่ ช่ หลกั การสาคญั ของกจิ การลกู เสอื ก. มคี วามจงรกั ภกั ดตี ่อประเทศชาติ ข. การบาเพญ็ ประโยชน์ต่อผอู้ ่นื ค. ไมเ่ กย่ี วขอ้ งกบั อทิ ธพิ ลทางการเมอื ง ง. ไมจ่ าเป็นตอ้ งมศี าสนา เฉลยแบบทดสอบ 1.ข 2.ค 3.ง 4.ข 5.ค 6.ค 7.ง 8.ก 9.ข 10.ง เรื่องสนั้ ที่เป็นประโยชน์ ทางเตียนเวียนลงนรก ทางรกวกขึ้นสวรรค์ เดก็ ชายคนหน่งึ เป็นลกู ของคนร่ารวย เกดิ มา พ่อ – แมใ่ หท้ ุกอยา่ ง ตามใจทุกอย่าง การเรยี นไม่มี ความตงั้ ใจถอื ว่า พอ่ – แมร่ วย อยมู่ าไม่นานนกั พ่อ – แม่ เสยี ชวี ติ ลงทรพั ยส์ มบตั ติ ่างๆ ทม่ี อี ยกู่ ถ็ กู ลกู คน น้ผี ลาญหมดจนสน้ิ พอหมดทรพั ยส์ นิ ท่ี พอ่ – แมห่ าไวใ้ ห้ เดก็ คนน้กี ค็ ดิ สนั้ เลยฆา่ ตวั ตาย แต่มเี ดก็ อกี คนหน่ึงเกดิ มามคี วามลาบาก อดทนต่อสชู้ วี ติ ทกุ อย่างดว้ ยตวั เอง มคี วามตงั้ ใจเรยี น แมม้ อี ุปสรรคต่างๆ ทเ่ี ป็นอุปสรรคต่อการเรยี น เดก็ คนนนั้ กส็ ามารถแกป้ ัญหาไดจ้ นประสบความสาเรจ็ ใน ชวี ติ อยา่ งราบรน่ื ทุกวนั น้ี เร่ืองนี้สอนให้ร้วู ่า หากคนเราไมม่ คี วามตงั้ ใจและอดทน ถงึ แมจ้ ะมที รพั ยส์ นิ เงนิ ทองมากมายกช็ ว่ ยอะไร ไมไ่ ด้ เพราะฉะนนั้ ลกู เสอื เนตรนารวี สิ ามญั ควรตงั้ ใจศกึ ษาหาความรแู้ ละอดทนต่อความยากลาบากเพอ่ื ความสาเรจ็ ในชวี ติ 66 ค่มู อื การจดั กิจกรรมลูกเสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 4 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1

แผนการจดั กิจกรรมลกู เสือวิสามญั 1 ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ท่ี 4, ประกาศนียบตั รวิชาชีพ (ปวช. 1) หน่วยท่ี 3 คาปฏิญาณและกฎของลกู เสือ เวลา 2 ชวั่ โมง แผนการจดั กิจกรรมที่ 4 คาปฏิญาณและกฎของลูกเสือวิสามญั 1.จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1.1 ลกู เสอื สามารถบอกความหมายของคาปฏญิ าณและกฎของลกู เสอื วสิ ามญั ได้ 1.2 ลกู เสอื ปฏบิ ตั ติ ามคาปฏญิ าณและกฎของลกู เสอื วสิ ามญั ได้ 2.เนื้อหา 2.1 ความหมายของคาปฏญิ าณและกฎของลกู เสอื 2.2 กฎของลกู เสอื เปรยี บเสมอื นหลกั การของศาสนา 2.3 การปฏบิ ตั ติ ามคาปฏญิ าณและกฎของลกู เสอื 3.ส่ือการเรยี นรู้ 3.1 แผนภมู เิ พลง/เกม 3.2 ใบความรู้ 3.3 เรอ่ื งสนั้ ทเ่ี ป็นประโยชน์ 4. กิจกรรม 4.1 พธิ เี ปิดประชุมกอง (ชกั ธงขน้ึ สวดมนต์ สงบนิ่ง ตรวจ แยก) 4.2 เกมสรา้ งหุ่น 4.3 กจิ กรรมตามจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1) ผกู้ ากบั ลกู เสอื บรรยาย คาปฏญิ าณและกฎของลกู เสอื ประกอบภาพในเหตุการณ์ปัจจบุ นั 2) ลกู เสอื รอ้ งเพลง กฎของลกู เสอื โดยผกู้ ากบั ลกู เสอื รอ้ งเพลงใหฟ้ ังเป็นตวั อยา่ งแลว้ ให้ ลกู เสอื รอ้ งตาม 3) ใหล้ กู เสอื แต่ละหมู่ เตรยี มเรอ่ื งแสดงบทบาทสมมตุ เิ กย่ี วกบั เรอ่ื งคาปฏญิ าณและกฎของ ลกู เสอื โดยผกู้ ากบั ลกู เสอื มหี วั ขอ้ เรอ่ื งใหแ้ ต่ละหมจู่ บั ฉลากเลอื กเรอ่ื ง แลว้ ใหแ้ ต่ละหมเู่ ตรยี มการแสดง บทบาทสมมตุ เิ พอ่ื นาเสนอต่อไป 4) ใหล้ กู เสอื ออกมาแสดงบทบาทสมมตุ เิ รอ่ื งทจ่ี บั ฉลากไดโ้ ดยใหแ้ สดงทลี ะหมู่ 5) ผกู้ ากบั ลกู เสอื และลกู เสอื รว่ มกนั สรปุ การแสดงบทบาทสมมตุ ขิ องลกู เสอื ซกั ถาม รายละเอยี ดเพมิ่ เตมิ และเพม่ิ เตมิ สว่ นทย่ี งั ไมส่ มบรู ณ์ 6) ผกู้ ากบั ลกู เสอื เสนอแนะใหล้ กู เสอื ท่องคาปฏญิ าณและกฎของลกู เสอื แลว้ นาไปปฏบิ ตั ใิ ช้ ในชวี ติ ประจาวนั 4.4 ผกู้ ากบั ลกู เสอื เล่าเรอ่ื งสนั้ ทเ่ี ป็นประโยชน์ 4.5 พธิ ปี ิดประชมุ กอง (นดั หมาย ตรวจเครอ่ื งแบบ ชกั ธงลง เลกิ ) คมู่ อื การจดั กิจกรรมลกู เสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 4 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1 67

5.การประเมิน 5.1 สงั เกตความรว่ มมอื ในการปฏบิ ตั กิ จิ กรรม 5.2 สงั เกตกระบวนการคดิ จากการอภปิ รายและบทบาทสมมตุ ิ ภาคผนวกประกอบแผนการจดั กิจกรรมที่ 4 เพลง กฎคาปฏิญาณ กฎคาปฏญิ าณ ทกุ วนั เราต่างจดจา ไมเ่ คยลมื คา น้อมนาไวใ้ นดวงใจ ยดึ มนั่ หนกั หนา ไมว่ า่ จะอยแู่ ห่งใด พวกเราลกู เสอื ยดึ มนั่ ไวใ้ นคาปฏญิ าณ กฎของลกู เสือ กฎขอ้ หน่งึ พงึ จาใหด้ ี ลกู เสอื ตอ้ งมเี กยี รตเิ ชอ่ื ถอื ได้ กฎขอ้ ทส่ี องนนั้ รองลงไป จะภกั ดใี หผ้ มู้ พี ระคุณ กฎขอ้ ทส่ี ามนนั้ บาเพญ็ บญุ ชว่ ยเหลอื เกอ้ื กลู ผอู้ ่นื เรอ่ื ยไป นะเธอ อยา่ ลมื อยา่ ลมื ๆ กฎขอ้ สน่ี นั้ มาคดิ จะเป็นมติ รกบั คนทวั่ ไป กฎขอ้ หา้ ท่านวา่ เอาไว้ มารยาทนนั้ ไซรห้ ดั ใหง้ ามๆ กฎขอ้ หกนรกไมต่ าม เพราะน้าใจงามกรณุ าสตั วม์ นั นะเธอ อยา่ ลมื อยา่ ลมื ๆ กฎขอ้ เจด็ จงเชอ่ื ฟัง ในคาสงั่ โดยดษุ ฎี กฎขอ้ ทแ่ี ปดยม้ิ ยม้ิ ไวซ้ ี ลกู เสอื ไมห่ นตี ่อความยากลาบาก กฎขอ้ ทเ่ี กา้ ออมเอาไวย้ ามยาก จะไมล่ าบากเงนิ ทองมากมี กฎขอ้ ทส่ี บิ ประพฤตคิ วามดี ทงั้ กายวจมี โนพรอ้ มกนั นะเธอ อยา่ ลมื อยา่ ลมื ๆ 68 ค่มู อื การจดั กิจกรรมลูกเสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 4 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1

เกม สรา้ งห่นุ จานวนผเู้ ล่ม 20 – 40 คน อปุ กรณ์ - สถานท่ีเล่น สนาม วิธีการเล่น 1. จดั ผเู้ ลน่ เป็นแถวแบบรปู วงกลมโดยใหน้ งั่ ชดิ กนั ผนู้ าเกมใหผ้ เู้ ล่นคนแรกหนั หน้าไปหาผเู้ ล่นคนทางขวามอื แลว้ จดั ท่าทางต่างๆ ตามทต่ี อ้ งการ เช่น จบั แขนยกขน้ึ บนศรี ษะ ในขณะ ทผ่ี เู้ ลน่ คนทจ่ี ดั ท่าทางต่างๆ อยู่ ผเู้ ล่นทถ่ี ูกทานนั้ จะตอ้ งอยเู่ ฉยๆ ไมห่ วั เราะหากหวั เราะจะตอ้ งออกจาก การแขง่ ขนั จะทาต่อกนั ไปจนครบทุกคน 2. ผทู้ ไ่ี มห่ วั เราะเลยจะเป็นผทู้ ช่ี นะ ข้อควรระวงั การจดั ท่าทางต่างๆ ทจ่ี ดั ใหผ้ เู้ ลน่ ตอ้ งคานงึ ถงึ ความเหมาะสมดว้ ย ประโยชน์ 1.เป็นการฝึกการควบคุมอารมณ์ และความอดทน 2.ทาใหเ้ กดิ ความสนุกสนานเพลดิ เพลนิ ใบความรู้ คาปฏิญาณและกฎลกู เสือ คาปฏิญาณและกฎของลกู เสือ คาว่า “ปฏิญาณ” ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน แปลว่า “ให้คามนั่ สัญญาโดยมาก มกั เป็นไปตามแบบพธิ ”ี ลกู เสอื จะต้องสานึกว่า การกล่าวคาปฏิญาณเป็นไปดว้ ยสมคั รใจของตนเอง ไมม่ กี ารบงั คบั อน่ึง จะต้องเขา้ ใจดว้ ยว่า ผจู้ ะเรยี กไดว้ ่าเป็น “คนจรงิ ” เพ่อื ใหผ้ อู้ ่นื นับถอื หรอื เช่อื ถอื ไดน้ นั้ จะตอ้ งเป็นผรู้ กั ษา คาพดู โดยเฉพาะทเ่ี ป็นคาปฏญิ าณ หรอื คามนั่ สญั ญาของตน กลา่ วคอื ถา้ สญั ญาวา่ จะทาอยา่ งไรแลว้ ตอ้ ง ทาเหมอื นปากพดู ทุกอยา่ ง คาปฏิญาณของลูกเสือไม่มคี าว่า “อย่า” หรอื “ต้อง” คือไม่มีการห้ามหรอื บงั คับ แต่เป็นคา ปฏญิ าณหรอื คามนั่ สญั ญาท่ลี ูกเสอื และผู้บงั คบั บญั ชาลูกเสอื ไดก้ ล่าวรบั รองด้วยเกยี รติของตนเองด้วย ความสมคั รใจ กฎของลูกเสอื ประกอบดว้ ยขอ้ บงั คบั ซง่ึ ใชก้ บั ลกู เสอื ทวั่ โลก เพ่อื ใหล้ ูกเสอื ถอื เป็นหลกั ปฏบิ ตั ใิ น ชวี ติ ประจาวนั คาปฏญิ าณและกฎของลูกเสอื เป็นหลกั การสาคญั ประการหน่ึงของการลูกเสอื ลูกเสอื ทุกคน จะต้องยอมรบั และปฏบิ ตั ติ ามคาปฏญิ าณและกฎของลกู เสอื ประเทศทเ่ี ป็นสมาชกิ ของสมชั ชาลกู เสอื โลก จะต้องกาหนดให้มคี าปฏิญาณและกฎของลูกเสือสาหรบั ลูกเสือของตน โดยอนุโลมตามหลักการท่ี กาหนดไวใ้ นธรรมนูญของสมชั ชาของลกู เสอื โลก คาปฏญิ าณและกฎของลกู เสอื ทกุ ขอ้ สอดคลอ้ งกบั ศลี ธรรมของศาสนาทุกศาสนา คมู่ ือการจดั กิจกรรมลูกเสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 4 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1 69

คาปฏญิ าณและกฎของลกู เสอื ทาให้ลูกเสอื มคี วามจงรกั ภกั ดตี ่อชาติ ศาสนา พระมหากษตั รยิ ์ รจู้ กั บาเพญ็ ประโยชน์ต่อผอู้ ่นื มรี ะเบยี บวนิ ัย อยใู่ นกรอบประเพณีอนั ดงี ามและไม่ก่อใหเ้ กดิ ความยงุ่ ยาก ใดๆ ในบา้ นเมอื ง คาปฏิญาณของลกู เสือสามญั สามญั ร่นุ ใหญ่และวิสามญั มี 3 ขอ้ ดงั ต่อไปน้ี ดว้ ยเกยี รตขิ องขา้ ขา้ สญั ญาว่า ขอ้ 1. ขา้ จะจงรกั ภกั ดี ต่อชาติ ศาสนาพระมหากษตั รยิ ์ ขอ้ 2. ขา้ จะชว่ ยเหลอื ผอู้ ่นื ทกุ เมอ่ื ขอ้ 3. ขา้ จะปฏบิ ตั ติ ามกฎของลกู เสอื จากคาปฏญิ าณของลกู เสอื แสดงใหเ้ หน็ วา่ ลกู เสอื มหี น้าทด่ี งั ต่อไปน้ี หน้าท่ีต่อชาติ ชาตเิ ป็นทร่ี วมของบุคคลคณะหน่งึ ซง่ึ มเี ชอ้ื ชาตกิ าเนดิ เกดิ มาจากบรรพบุรษุ สายเดยี วกนั ชาตไิ ทย คอื แผ่นดนิ และน่านน้าท่รี วมเรยี กว่าประเทศไทย ประกอบดว้ ย ประชาชน พลเมอื งท่ี รวมกนั เรยี กวา่ คนไทย ธงชาติ เป็นเคร่อื งหมายแทนชาติ ฉะนัน้ ธงชาตจิ งึ เป็นสง่ิ ท่คี วรแก่การเคารพ เป็นหน้าท่ขี อง ลกู เสอื ทุกคน จะตอ้ งแสดงความเคารพในโอกาสทช่ี กั ธงขน้ึ สยู่ อดเสาและชกั ธงลงจากยอดเสา พธิ ชี กั ธงชาตขิ น้ึ ส่ยู อดเสา หรอื ชกั ธงลงจากยอดเสานนั้ เป็นพธิ ที ส่ี าคญั อยา่ งหน่ึงของลกู เสอื ซง่ึ จะต้องกระทาดว้ ยความพถิ พี ถิ นั เป็นระเบยี บเรยี บรอ้ ย ผู้ทไ่ี ดร้ บั มอบหมายให้มหี น้าท่ชี กั ธงชาตขิ น้ึ ลง ก่อนชกั ธงควรเชญิ ธงชาตไิ ปผูกให้เรยี บรอ้ ย และเวลาชกั ธงลงต้องระวงั ไม่ให้ธงชาตสิ มั ผสั กบั พ้นื เป็น เดด็ ขาด เม่อื ชกั ธงลงแลว้ ควรแก้ธงชาตพิ บั ให้เรยี บรอ้ ย วางบนพานท่เี ตรยี มไวแ้ ล้วเชญิ ธงชาตไิ ปเก็บ รกั ษาไวใ้ นทเ่ี หมาะสม เพลงชาติ เป็นสญั ลกั ษณ์อย่างหน่งึ ของไทย ลกู เสอื ต้องรอ้ งเพลงชาตไิ ดอ้ ย่างถูกต้องและเมอ่ื ได้ ยนิ การรอ้ งหรอื บรรเลงเลเพลงชาตติ อ้ งแสดงความเคารพทกุ ครงั้ ลูกเสอื จะต้องปฏบิ ตั ิต่อชาติ ด้วยความเคารพ ยกย่อง เทดิ ทูน ไม่กระทาการใดๆ อนั ท่จี ะนา ความเสอ่ื มเสยี มาส่ชู าตขิ องเรา หน้าท่ีต่อศาสนา ศาสนามพี ระคุณแก่เรามาก โดยช่วยแนะนาสงั่ สอนใหร้ ผู้ ิดชอบชวั่ ดี สง่ิ ใดควรละเว้นคอื ให้เรา สรา้ งความดลี ะเวน้ ความชวั่ ไม่เบยี ดเบยี นกนั ลกู เสอื ทกุ คนต้องมศี าสนา จะเป็นศาสนาใดกไ็ ด้ เพราะทุก ศาสนาสอนใหค้ นเป็นคนดี โดยการละเวน้ ความชวั่ กระทาแต่ความดี และทาใจใหบ้ รสิ ุทธิ ์ ลูกเสอื จะต้องประพฤติและปฏบิ ตั กิ ิจทางศาสนา ตามจารตี ประเพณี นับถอื ด้วยใจบรสิ ุทธไิ ์ ม่ แสดงการลบหล่ศู าสนา ไม่ว่าศาสนาใดๆ ควรหาโอกาสปฏบิ ตั กิ จิ กรรมทางศาสนาตลอดเวลาทส่ี ามารถ ทาได้ 70 คมู่ ือการจดั กิจกรรมลกู เสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 4 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1

หน้าที่ต่อพระมหากษตั ริย์ พระมหากษตั รยิ ท์ รงเป็นประมขุ ของชาติ ทรงเป็นอคั รศาสนูปถมั ภก ทรงเป็นจอมทพั ไทยเป็นท่ี รวมแห่งความเคารพสกั การะและความสามคั คขี องคนไทยทงั้ ชาติ นอกจากนนั้ พระองคท์ รงเป็นพระ ประมขุ ของคณะลกู เสอื แห่งชาติ ลกู เสอื จะตอ้ งถวายความจงรกั ภกั ดี เคารพสกั การะต่อพระองคแ์ ละสมเดจ็ พระนางเจา้ พระบรมราชนิ ีนาถ ตลอดจนพระบรมวงศานุวงคท์ กุ พระองค์ และต่อพระพรมฉายาลกั ษณ์ ไมแ่ สดงกริ ยิ า วาจาอนั เป็นการลบหล่ดู หู มน่ิ หรอื ทาใหเ้ สอ่ื มเสยี พระเกยี รตยิ ศ ยอมสละเลอื ดเน้อื ถวายชวี ติ เป็นราชพลี ได้ หน้าท่ีต่อผอู้ ่ืน ดงั คาปฏญิ าณขอ้ 2 ทว่ี า่ ขา้ จะชว่ ยเหลอื ผอู้ ่นื ทกุ เมอ่ื การบาเพญ็ ประโยชน์ต่อผอู้ ่นื เป็นหลกั สาคญั ประการหน่ึงของลกู เสอื และเป็นสง่ิ ทท่ี าใหก้ าร ลกู เสอื มชี ่อื เสยี ง ไดร้ บั การยกยอ่ งจากประชาชนโดยทวั่ ไป ในการบาเพญ็ ประโยชน์ ควรเรมิ่ จากสงิ่ ทม่ี ี อยใู่ กลต้ วั ตนก่อนไดแ้ ก่ ทบ่ี า้ นของตนเอง โดยการชว่ ยเหลอื งานในบา้ นและครอบครวั ชว่ ยเหลอื และทา ประโยชน์ใหแ้ ก่เพอ่ื น หอ้ เรยี น โรงเรยี นหรอื กองลกู เสอื ทส่ี งั กดั ชุมชน สงั คม และประเทศชาตใิ นมใ่ี น ทส่ี ดุ โดยลกู เสอื ตอ้ งตระหนกั ว่าการชว่ ยเหลอื ผอู้ ่นื เป็นสง่ิ มเี กยี รติ และปฏบิ ตั ดิ ว้ ยความสมคั รใจ หน้าที่ต่อการปฏิบตั ิตามคาปฏิญาณและกฎของลกู เสือ ลกู เสอื ทกุ คนมหี น้าทป่ี ฏบิ ตั ติ ามคาปฏญิ าณและกฎของลกู เสอื เปรยี บเสมอื นศลี ของลกู เสอื ท่ี ตอ้ งถอื ปฏบิ ตั ิ โดยถอื เป็นหลกั ยดึ เหนยี วใหป้ ฏบิ ตั แิ ต่สง่ิ ทด่ี งี าม หลกั เลา่ น้เี ป็นหลกั สากลซง่ึ ลกู เสอื ทกุ ประเทศถอื ปฏบิ ตั เิ ชน่ เดยี วกนั ทวั่ โลก กฎของลกู เสอื มี 10 ขอ้ ดงั ต่อไปน้ี ขอ้ 1 ลกู เสอื มเี กยี รตเิ ช่อื ถอื ได้ ขอ้ 2 ลกู เสอื มคี วามจงรกั ภกั ดตี ่อชาติ ศาสนา พระมหากษตั รยิ ์ และซ่อื ตรงต่อผมู้ พี ระคณุ ขอ้ 3 ลกู เสอื มหี น้าทก่ี ระทาตนใหเ้ ป็นประโยชน์และช่วยเหลอื ผอู้ ่นื ขอ้ 4 ลกู เสอื เป็นมติ รของคนทุกคน และเป็นพน่ี ้องกบั ลกู เสอื อ่นื ทวั่ โลก ขอ้ 5 ลกู เสอื เป็นผสู้ ภุ าพเรยี บรอ้ ย ขอ้ 6 ลกู เสอื มคี วามเมตตากรณุ าต่อสตั ว์ ขอ้ 7 ลกู เสอื เชอ่ื ฟังคาสงั่ ของบดิ ามารดา และผบู้ งั คบั บญั ชาดว้ ยความเคารพ ขอ้ 8 ลกู เสอื มใี จรา่ เรงิ และไมย่ อ่ ทอ้ ต่อความยากลาบาก ขอ้ 9 ลกู เสอื เป็นผมู้ ธั ยสั ถ์ ขอ้ 10 ลกู เสอื ประพฤตชิ อบดว้ ยกาย วาจา ใจ หมายเหตุ กฎของลกู เสอื ขอ้ 10 น้ี ไดด้ ดั แปลงมาจากกฎของลกู เสอื ขอ้ 10 ตามธรรมนูญของ สมชั ชาลกู เสอื โลกทว่ี า่ “ลกู เสอื เป็นผสู้ ะอาดในทางความคดิ วาจา และการกระทา” ความหมายและรายละเอยี ดของกฎลกู เสอื ค่มู ือการจดั กิจกรรมลูกเสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 4 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1 71

ขอ้ 1ลกู เสือมเี กียรติเช่ือถือได้ เกยี รตขิ องลกู เสอื เป็นสงิ่ ทม่ี คี า่ ยง่ิ เกยี รตเิ ป็นศกั ดสิ ์ ทิ ธิ ์เมอ่ื ได้ กลา่ วออกมาแลว้ จะทาอยา่ งไรแลว้ ตอ้ งปฏบิ ตั ติ ามคาพดู ทนั ทโี ดยไม่มเี งอ่ื นไขใดๆ และตอ้ งทาดว้ ยความ ตงั้ ใจจรงิ เตม็ ความสามารถ คนทร่ี จู้ กั รกั ษาเกยี รตเิ ป็นผเู้ ช่อื ถอื ได้ ในฐานะทท่ี ่านเป็นลกู เสอื วสิ ามญั ท่าน ตอ้ งไมย่ อมใหส้ ง่ิ ใดๆมาทาใหท้ ่านเสยี เกยี รตหิ รอื ละเมดิ คามนั่ สญั ญาเป็นอนั ขาด ข้อ 2 ลกู เสือมีความจงรกั ภกั ดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษตั ริย์ และซ่ือตรงต่อผมู้ พี ระคณุ คือ ลกู เสอื ตอ้ งมคี วามซอ่ื ตรง ซอ่ื สตั ย์ จงรกั ภกั ดตี ่อชาติ ศาสนา พระมหากษตั รยิ ์ และผอู้ ุปการะคณุ ดว้ ยการยกยอ่ งเทดิ ทนู เคารพรกั เมอ่ื มภี ยั อนั ตรายยอมสละชวี ติ ป้องกนั ได้ ในฐานะทท่ี ่านเป็นลกู เสอื วสิ ามญั ทา่ นจะตอ้ งตระหนักถงึ เรอ่ื งความซ่อื ตรง ซ่อื สตั ย์ และจงรกั ภกั ดตี ่อ สถาบนั ทงั้ 3 และผมู้ ี พระคณุ ตอ้ งแสดงออกทกุ เมอ่ื ๆ มโี อกาส ข้อ 3ลูกเสือมีหน้าที่กระทาตนให้เป็นประโยชน์และช่วยเหลือผอู้ ่ืนคอื พยายามกระทาตน ใหเ้ ป็นประโยชน์และชว่ ยเหลอื ผอู้ ่นื ดว้ ยความจรงิ ใจ โดยไมห่ วงั สง่ิ ตอบแทนใด ๆ เชน่ ช่วยเหลอื ใหพ้ น้ ทกุ ขพ์ น้ ภยั อนั ตราย ช่วยกจิ การบา้ นเมอื ง งานโรงเรยี น และชุมชน ตลอดจนสงั คมและประเทศชาตใิ น ฐานะทท่ี ่านเป็นลกู เสอื วสิ ามญั ทา่ นตอ้ งเตรยี มพรอ้ มเสมอทจ่ี ะช่วยเหลอื โดยไมเ่ หน็ แก่ความยากลาบาก และควรบาเพญ็ ประโยชน์ต่อผอู้ ่นื อยเู่ สมอ ข้อ 4 ลกู เสือเป็นมิตรของคนทกุ คน และเป็นพ่ีน้องกบั ลูกเสืออ่ืนทวั่ โลก คอื ลกู เสอื ตอ้ งมี ใจโอบออ้ มอารี เออ้ื เฟ้ือเผอ่ื แผแ่ ก่คนทุกชนั้ โดยไมเ่ ลอื กชาติ ศาสนาและชนั้ วรรณะ จะเป็นชาตเิ ดยี วกนั หรอื ต่างชาตกิ ย็ อ่ มถอื วา่ เป็นพวกเดยี วกนั เป็นพน่ี ้องกนั ตอ้ งช่วยเหลอื กนั เมอ่ื พบกนั ตอ้ งทักทาย ใน ฐานะทท่ี ่านเป็นลกู เสอื วสิ ามญั ท่านจะตอ้ งยอดรบั ว่าคนอ่นื เป็นเพ่อื นมนุษยแ์ ละไม่รงั เกยี จความแตกต่าง ในเรอ่ื งต่างๆ ควรมองหาสว่ นดขี องผอู้ ่นื และไมตรจี ติ มติ รภาพทแ่ี ทจ้ รงิ จะเกดิ ขน้ึ ข้อ 5 ลกู เสือเป็นผสู้ ภุ าพเรียบร้อย คอื เป็นผแู้ สดงกริ ยิ าวาจาสุภาพอ่อนโยน นอบน้อมมี สมั มาคารวะแก่บุคคลทวั่ ไป รจู้ กั ยกยอ่ งใหเ้ กยี รตแิ ก่ผอู้ ่อนกว่า และผทู้ ส่ี งู วยั กว่า ในฐานะทท่ี ่านเป็น ลกู เสอื วสิ ามญั ทา่ นตอ้ งคานึงถงึ การแสดงความสุภาพต่อบคุ คลทวั่ ๆไป โดยเฉพาะ ผหู้ ญงิ คนแก่ และ เดก็ แมก้ ระทงั่ ฝ่ายตรงขา้ มกบั ท่าน ข้อ 6 ลูกเสือมีความเมตตากรณุ าต่อสตั ว์ คอื เป็นผมู้ ใี จเมตตากรณุ า สงสารสตั ว์ ไมฆ่ า่ ไม่ ทรมาน หรอื รงั แกสตั วใ์ หเ้ จบ็ ปวด เพราะสตั วท์ งั้ หลาย มคี วามรกั และหวงแหนชวี ติ ของตนยงิ่ กวา่ สงิ่ ใด ทกุ ชวี ติ ปรารถนามคี วามสุข ความรกั ความอบอุ่น และการชว่ ยเหลอื เกอ้ื กูลกนั แต่เกลยี ดกลวั การปอง รา้ ย ในฐานะทท่ี ่านเป็นลกู เสอื วสิ ามญั ภารกจิ อนั สาคญั ทส่ี ุด คอื การชว่ ยเหลอื ผอู้ ่นื ใหพ้ น้ จากความทกุ ข์ และบรกิ ารใหผ้ อู้ ่นื ไดร้ บั ความสขุ ดงั นนั้ จงึ ควรจะเป็นผมู้ คี วามรกั และความเมตตาสตั วด์ ว้ ย ข้อ 7 ลกู เสือเช่ือฟังคาสงั่ ของบิดามารดาและผบู้ งั คบั บญั ชาด้วยความเคารพ คอื ลกู เสอื ตอ้ งเช่อื ฟังอยใู่ นโอวาทคาสงั่ สอยและคาแนะนาของบดิ ามารดา ญาตผิ ใู้ หญ่ ครบู าอาจารย์ และ ผบู้ งั คบั บญั ชาดว้ ยความจรงิ ใจ การปฏบิ ตั ติ ามคาสงั่ ตอ้ งกระทาโดยไมล่ งั เล ตอ้ งตงั้ ใจและอยใู่ นระเบยี บ วนิ ยั ในฐานะทท่ี า่ นเป็นลกู เสอื วสิ ามญั ท่านจะตอ้ งยอมรบั และเตม็ ใจเช่อื ฟังคาสงั่ สอน โดยชอบดว้ ย เหตุผลไมม่ กี ารโตแ้ ยง้ และปฏบิ ตั ดิ ว้ ยความเตม็ ใจวนิ ยั จะเกดิ ในตวั ท่าน ซง่ึ เป็นวนิ ัยจากภายใน 72 คมู่ อื การจดั กิจกรรมลูกเสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 4 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1

ข้อ 8 ลูกเสือมีใจร่าเริง และไม่ย่อท้อต่อความยากลาบาก คอื ลกู เสอื ตอ้ งเป็นผูท้ ม่ี หี น้าตา ยม้ิ แยม้ แจม่ ใสเสมอถงึ แมจ้ ะประสบต่อความยากลาบากกไ็ มบ่ ่น ไมแ่ สดงความย่อทอ้ ใหผ้ อู้ ่นื เหน็ ใน ฐานะทท่ี ่านเป็นลกู เสอื วสิ ามญั ท่านตอ้ งรา่ เรงิ อดทน และจะตอ้ งยนื หยดั ต่อสดู้ ว้ ยความเขม้ แขง็ ในเมอ่ื มี เหตุการณ์ต่างๆเกดิ ขน้ึ ข้อ 9 ลูกเสือเป็นผมู้ ธั ยสั ถ์ คอื ลกู เสอื ตอ้ งเป็นผูร้ จู้ กั กระเหมด็ กระแหมไ่ มใ่ ชจ้ า่ ยสุรุย่ สรุ า่ ยรจู้ กั รกั ษาทรพั ย์ และสง่ิ ของของตนและผอู้ ่นื รจู้ กั เกบ็ หอมรอมรบิ ไวส้ าหรบั ใชจ้ า่ ยตามความจาเป็นไมต่ อ้ ง คอยเบยี ดเบยี นผอู้ ่นื เมอ่ื ถงึ โอกาสอนั ควรกอ็ าจสละเพ่อื ประโยชน์ผทู้ ไ่ี ดร้ บั ดว้ ยความเตม็ ใจ นอกจากจะ รจู้ กั ประหยดั เงนิ ทองแลว้ ตอ้ งรจู้ กั ใชเ้ วลาวา่ งใหเ้ ป็นประโยชน์ ในฐานะทท่ี ่านเป็นลูกเสอื วสิ ามญั ทา่ น จะตอ้ งไมย่ อมเสยี เวลาหรอื เสยี เงนิ สาหรบั ความสุขสาราญในปัจจบุ นั แต่ควรใชโ้ อกาสนนั้ เพ่อื ใหบ้ รรลุ ความสาเรจ็ ในหน้าทท่ี งั้ ในปัจจบุ นั และอนาคตขา้ งหน้า ข้อ 10 ลกู เสือประพฤติชอบด้วยกาย วาจา ใจ คอื ลกู เสอื ตอ้ งประพฤตติ นใหถ้ ูกตอ้ งอยใู่ น ศลี ธรรม อยใู่ นกรอบประเพณที ด่ี ี ละเวน้ ความชวั่ และอกุศลกรรมต่างๆ ตอ้ งมหี ริ โิ อตตปั ปะ คอื รจู้ กั ละอายต่อบาป เกลยี ดชงั และกลวั ความชวั่ ไมเ่ หน็ แกสนิ จา้ งรางวลั มสี ตคิ อยเหน่ียวรงั้ ไมย่ อมใหใ้ จพาไป ในทางทผ่ี ดิ มวี าจาไพเราะไมก่ ล่าวส่อเสยี ดใหผ้ อู้ ่นื เดอื ดรอ้ น มจี ติ ใจดคี ดิ รา้ ยต่อผอู้ ่นื รู้จกั ใหอ้ ภยั ซง่ึ กนั กนั ในฐานะทท่ี า่ นเป็นลกู เสอื วสิ ามญั ท่านตอ้ งเป็นตวั ของตวั อง และเป็นตวั อยา่ งทด่ี แี ก่ผอู้ ่นื ในทกุ สงิ่ ทกุ อยา่ งทท่ี ่าน คดิ พดู และกระทา สรปุ คาปฏิญาณและกฎของลกู เสือ ในฐานะทเ่ี ป็นลกู เสอื วสิ ามญั ตอ้ งจาไวว้ ่า การขา้ มจากความเป็นเดก็ ไปส่คู วามเป็นผู้ใหญ่นนั้ มไิ ด้ เป็นแค่เพยี งเรยี นรใู้ นการปฏบิ ตั ติ ามกฎของลกู เสอื แต่ลกู เสอื วสิ ามญั ตอ้ งใชก้ ฎของลกู เสอื นนั้ สาหรบั ปฏบิ ตั ใิ นดา้ นการดาเนินชวี ติ ประจาวนั ในปัจจบุ นั ลกู เสอื วสิ ามญั ตอ้ งเป็นตวั อยา่ งแก่ผอู้ ่นื และอาจจะชกั นาเขาเหลา่ นนั้ ใหไ้ ปในทศิ ทางทด่ี หี รอื ทางชวั่ ได้ ถ้าลกู เสอื วสิ ามญั ปฏบิ ตั ติ ามคาปฏญิ าณและกฎของ ลกู เสอื กย็ อ่ มเป็นตวั อยา่ งทด่ี ี แต่ถา้ ไมป่ ฏบิ ตั ติ ามคาปฏญิ าณและกฎของลกู เสอื กอ็ าจจะชกั นาผอู้ ่นื ไป ในทางทไ่ี มด่ ี เพราะฉะนนั้ ลกู เสอื วสิ ามญั จะตอ้ งยดึ มนั่ คาปฏญิ าณและกฎของลกู เสอื ไวต้ ลอดเวลาโดยท่ี มไิ ดห้ มายถงึ การทอ่ งจาแบบนกแก้วนกขุนทอง ตอ้ งจาแลว้ นาไปประพฤตปิ ฏบิ ตั จิ นเกดิ ความเคยชนิ เป็น ปกตนิ ิสยั แลว้ จะประสบความสาเรจ็ ในชวี ติ ค่มู อื การจดั กิจกรรมลกู เสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 4 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1 73

เรื่องสนั้ ท่ีเป็นประโยชน์ ไม่เช่ือคาผ้ใู หญ่ ในกาลครงั้ หน่งึ มพี ่อคา้ เกวยี นคนหน่ึงพาบรวิ ารออกไปคา้ ขาย และไดพ้ กั อยทู่ ต่ี าบลหน่งึ ใน ตาบลแห่งน้ีมบี ่อเก่า ๆ อยบู่ อ่ หน่งึ แต่ไมม่ นี ้า พ่อคา้ จงึ พากนั ขดุ เพ่อื จะไดน้ ้าพอกนิ ครนั้ ขดุ ลกึ ลงไปกพ็ บ แกว้ ไพฑรู ย์ เป็นจานวนมาก แมจ้ ะไดม้ ากเพยี งใดกย็ งั ไมพ่ อความตอ้ งการของบรรดาบรวิ ารจงึ ขดุ ลกึ ลง ไปอกี พอ่ คา้ หวั หน้าเหน็ อศั จรรยเ์ ช่นน้ีจงึ พดู ว่า “พวกเราควรจะพอกนั เสยี ที เราไดม้ ากมายพอความ ตอ้ งการแลว้ ไมค่ วรขดุ ต่อไปอกี จะโลภไปถงึ ไหนกนั ” บรรดาบรวิ ารไมเ่ ชอ่ื ฟังจงึ ขดุ ลกึ ลงไปอกี จนกระทงั่ ดนิ ทะลถุ งึ ถนิ่ ทอ่ี ย่พู ญานาค พญานาคเหน็ มนุษยม์ ารบกวนเช่นนนั้ กโ็ กรธพน่ พษิ ขน้ึ มาใสบ่ รวิ ารพ่อคา้ จนถงึ แก่ความหมด คงเหลอื แต่พอ่ คา้ หวั หน้าคนเดยี ว ต่อมาพญานาคไดป้ ลอมตวั เป็นบุรษุ ผหู้ น่งึ มาหาพ่อคา้ แลว้ ถามวา่ “เกดิ เรอ่ื งอะไรหรอื ”พ่อคา้ กเ็ ล่าเรอ่ื งใหฟ้ ังโดยตลอดพญานาคได้ ฟังดงั นนั้ กเ็ ปรยขน้ึ ว่า “เพราะความโลภแทๆ้ เอาเถอะฉนั จะขนแกว้ ไพฑรู ยไ์ ปใหเ้ ราแบง่ กนั คนละครง่ึ ” พอ่ คา้ ยอมตาม พญานาคพาพอ่ คา้ ไปส่งถงึ บา้ น แลว้ กลบั ไปอยทู่ ข่ี องตน พ่อคา้ กลายเป็นคนร่ารวยเอา ทรพั ยอ์ อกมาทาบญุ ทาทานเพอ่ื กุศลผลบญุ ในภายภาคหน้า เรอ่ื งนี้สอนให้ร้วู ่า คนเราควรตระหนกั อยเู่ สมอวา่ เราจะตอ้ งเชอ่ื ฟังคาสงั่ ของผบู้ งั คบั บญั ชาหรอื ผใู้ หญ่ 74 ค่มู อื การจดั กิจกรรมลูกเสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 4 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1

แผนการจดั กิจกรรมลกู เสือวิสามญั ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 4, ประกาศนียบตั รวิชาชีพ (ปวช. 1) หน่วยท่ี 3 คาปฏิญาณและกฎของลกู เสือ เวลา 1 ชวั่ โมง แผนการจดั กิจกรรมที่ 5 การคบเพ่ือน 1. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1.1 ลกู เสอื สามารถบอกแนวทางในการเลอื กคบเพอ่ื นทม่ี ผี ลต่อชวี ติ ได้ 1.2 ลกู เสอื สามารถอธบิ ายคณุ ลกั ษณะเพ่อื นทค่ี วรคบได้ 2. เนื้อหา เพ่อื นมคี วามสาคญั ต่อชวี ติ ของคนเรา การรจู้ กั เลอื กคบเพอ่ื นทด่ี จี ะนาพาชวี ติ ใหเ้ ป็นสขุ ได้ 3. ส่ือการเรียนรู้ 3.1 แผนภมู เิ พลง/เกม 3.2 ใบความรู้ 3.3 เรอ่ื งสนั้ ทเ่ี ป็นประโยชน์ 4. กิจกรรม 4.1 พธิ เี ปิดประชุมกอง (ชกั ธงขน้ึ สวดมนต์ สงบนิง่ ตรวจ แยก) 4.2 เกมหรอื เพลง 4.3 กจิ กรรมตามจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1) ผกู้ ากบั ลกู เสอื เกรน่ิ นาเร่อื งการคบเพอ่ื นมผี ลอยา่ งไรต่อชวี ติ และใหล้ กู เสอื 1-2 คนเล่า ประสบการณ์ตรง ทงั้ ทางใหค้ ุณและใหโ้ ทษ 2) ผกู้ ากบั ลกู เสอื แบ่งกล่มุ ลกู เสอื ออกเป็นกลมุ่ ละ 8 คน (โดยคละเพศชาย – หญงิ ) ระดม คณุ ลกั ษณะเพอ่ื นพงึ คบหรอื มติ รแท้ 3) ผแู้ ทนกลุ่มนาเสนอ ผกู้ ากบั ลกู เสอื นาอภปิ ราย เพม่ิ เตมิ ตามใบความรู้ ช่นื ชมการเรยี นรู้ ของลกู เสอื และสรปุ 4.4 ผกู้ ากบั ลกู เสอื เลา่ เรอ่ื งสนั้ ทเ่ี ป็นประโยชน์ 4.5 พธิ ปี ิดประชมุ กอง (นดั หมาย ตรวจเครอ่ื งแบบ ชกั ธงลง เลกิ ) 5. การประเมินผล 5.1 สงั เกตความรว่ มมอื ในการปฏบิ ตั กิ จิ กรรม 5.2 สงั เกตกระบวนการคดิ จากการอภปิ ราย 6. องคป์ ระกอบทกั ษะชีวิตสาคญั ที่เกิดจากกิจกรรม คอื ความคดิ วเิ คราะห์ ความคดิ สรา้ งสรรค์ เขา้ ใจตนเอง และเขา้ ใจเหน็ ผอู้ ่นื คมู่ ือการจดั กิจกรรมลูกเสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 4 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1 75

ภาคผนวกประกอบแผนการจดั กิจกรรมท่ี 5 เพลง รวมเงิน รวมเงนิ รวมเงนิ วนั น้ี รวมกนั ใหด้ อี ยา่ ใหม้ ผี ดิ พลาด ผหู้ ญงิ ใหเ้ ป็นเหรยี ญบาท(ซ้า) ผชู้ ายเก่งกาจเป็นหา้ สบิ สตางค์ ใบความรู้ คนที่จะคบหา (มิตรแท้ - มิตรเทียม) การคบเพ่อื นเป็นสงิ่ สาคญั มผี ลต่อความเจรญิ กา้ วหน้าและความเสอ่ื มของชวี ติ อยา่ งมาก มี หลกั ธรรมทเ่ี กย่ี วกบั เรอ่ื งมติ รทค่ี วรคบกบั ทไ่ี มค่ วรคบและหลกั ปฏบิ ตั ติ ่อกนั ระหว่างมติ รสหายดงั ต่อไปน้ี มิตรแท้ 4 ประเภท มิตรเทียม 4 ประเภท 1. มิตรอปุ การะ มีลกั ษณะ 4 1. คนปอกลอก ขนเอาของเพื่อนไปถ่ายเดียว 1 เพอ่ื นประมาท ชว่ ยรกั ษาเพ่อื น 1 คดิ เอาแต่ไดฝ้ ่ายเดยี ว 2 เพอ่ื นประมาท ช่วยรกั ษาทรพั ยส์ นิ ของเพอ่ื น 2 ยอมเสยี น้อย โดยหวงั จะเอาใหม้ าก 3 เมอ่ื มภี ยั เป็นทพ่ี ง่ึ พานกั ได้ 3 ตวั มภี ยั จงึ มาชว่ ยทากจิ ของเพ่อื น 4 มกี จิ จาเป็น ช่วยออกทรพั ยใ์ หเ้ กนิ กวา่ ทอ่ี อกปาก 4 คบเพอ่ื น เพราะเหน็ แก่ประโยชน์ 2. มิตรรว่ มสขุ ร่วมทุกข์ มีลกั ษณะ 4 2. คนดีแต่พดู มีลกั ษณะ 4 1 บอกความลบั แก่เพอ่ื น 1 ดแี ต่ยกหมดของหมดแลว้ มาปราศรยั 2 รกั ษาความลบั ของเพอ่ื น 2 ดแี ต่อา้ งของยงั ไมม่ มี าปราศรยั 3 มภี ยั อนั ตรายไมล่ ะทง้ิ 3 สงเคราะหด์ ว้ ยสงิ่ ทห่ี าประโยชน์มไิ ด้ 4 แมช้ วี ติ กส็ ละใหไ้ ด้ 4 เมอ่ื เพอ่ื นมกี จิ อา้ งแต่เหตุขดั ขอ้ ง 3. มิตรแนะนาประโยชน์ มลี กั ษณะ 4 3. คนหวั ประจบ มลี กั ษณะ 4 1 จะทาชวั่ เสยี หาย คอยหา้ มปรามไว้ 1 จะทาชวั่ กเ็ ออออ 2 แนะนาสนับสนุนใหต้ งั้ อยใู่ นความดี 2 จะทาดกี เ็ ออออ 3 ใหไ้ ดฟ้ ังไดร้ สู้ งิ่ ทไ่ี มเ่ คยไดร้ ไู้ ดฟ้ ัง 3 ต่อหน้าสรรเสรญิ 4 บอกทางสุขทางสวรรคใ์ ห้ 4 ลบั หลงั นินทา 4. มิตรท่ีมีใจรกั มีลกั ษณะ 4 4. คนชวนฉิบหาย มลี กั ษณะ 4 1 เพอ่ื นมที ุกข์ พลอยไมส่ บายใจ (ทกุ ขๆ์ ดว้ ย) 1 คอยเป็นเพ่อื นด่มื น้าเมา 2 เพอ่ื นมสี ุข พลอยแช่มชน่ื ยนิ ดี (สขุ ๆ ดว้ ย) 2 คอยเป็นเพ่อื นเทย่ี วกลางคนื 3 เขาตเิ ตยี นเพ่อื น ชว่ ยยบั ยงั้ แกไ้ ข 3 คอยเป็นเพ่อื นเทย่ี วดกู ารเลน่ 4 เขาสรรเสรญิ เพอ่ื น ช่วยพดู เสรมิ สนบั สนุน 4 คอยเป็นเพอ่ื นไปเล่นการพนนั 76 คมู่ ือการจดั กิจกรรมลูกเสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 4 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1

หลกั ปฏิบตั ิต่อกนั ระหว่างมิตรสหาย หลกั ธรรมที่พึงปฏิบตั ิต่อมิตรสหาย หลกั ธรรมที่มิตรสหายอนุเคราะหต์ อบ 1 เผ่อื แผ่แบ่งปัน 1 เมอ่ื เพอ่ื นประมาท ชว่ ยรกั ษาป้องกนั 2. พดู จามนี ้าใจ 2 เมอ่ื เพ่อื นประมาท ช่วยรกั ษาทรพั ยส์ มบตั ขิ อง 3 ช่วยเหลอื เกอ้ื กูลกนั เพอ่ื น 4 มตี นเสมอ รว่ มสุขรว่ มทกุ ขด์ ว้ ย 3 ในคราวมภี ยั เป็นทพ่ี ง่ึ ได้ 5 ซ่อื สตั ยจ์ รงิ ใจ 4 ไมล่ ะทง้ิ ในยามทุกขย์ าก 5 นบั ถอื ตลอดถงึ วงศญ์ าตขิ องมติ ร เรอ่ื งสนั้ ที่เป็นประโยชน์ เพื่อนแท้ เม่อื หมาป่ากาลงั หวิ โซ มนั จงึ เดนิ หาอาหารอยทู่ วั่ ป่ า มนั ไดเ้ หน็ กระต่ายน้อยสองตวั มนั ดใี จนัก จงึ แอบซุ่มอยใู่ นพงหญา้ \"ฉันใหห้ ญ้ากองน้ีแก่เธอกแ็ ลว้ กนั \" กระต่ายขา่ วบอกกบั กระต่ายดา\"ขอบใจเธอ มากนะเพ่อื น\" กระต่ายดายนิ ดนี ัก\"แล้วไม่มอี ะไรให้ฉันเลยเหรอ\" หมาป่ ากระโดออกจากพุ่มไมม้ าอยู่ ตรงหน้ากระต่ายทงั้ สองอยา่ งรวดเรว็ \"พระเจา้ ช่วย ไดโ้ ปรด อยา่ ทารา้ ยพวกเราเลยนะ\" กระต่ายขาวรอ้ ง ขอชวี ติ \"ท่านหมาป่าผมู้ สี งา่ ราศี ท่านปลอ่ ยฉนั ไปเถอะนะจะ๊ \" กระต่ายดาออ้ นวอนเชน่ กนั \"จะทาอยา่ งไรดี ละ่ พวกเจา้ ทงั้ สองเป็นเพอ่ื นกนั เสยี ดว้ ย ฉนั จะปลอ่ ยไปคงไมไ่ ดห้ รอก เพราะตวั ฉนั เองกห็ วิ มาก แต่ปาก ปากและท้องของฉันคงกนิ ได้เพยี งตวั เดยี วก่อนส่วนอกี ตวั คงต้องเอาไว้ทหี ลงั ใครจะให้ฉันกินก่อนด\"ี หมาป่าบอกอย่างอารมณ์ดกี บั เหยอ่ื ตรงหน้าทงั้ สอง\"กระต่ายขาวเน้ือนุ่มกว่าฉนั แน่ เพราะแมแ้ ต่ขนยงั สี ขาว ส่วนฉันเน้ือคงเหนียวมาก ท่านดูซขิ นของฉันสดี าอปั ลกั ษณ์ยง่ิ นัก\" กระต่ายดาแสดงความเหน็ แก่ ตวั ทนั ท\"ี แกน่ีช่างน่ารงั เกยี จยงิ่ นัก ฉนั อุตสาหแ์ บ่งปันหญา้ ใหแ้ กไดก้ นิ แต่กลบั เหน็ แกตวั พดู เอาตวั รอด แต่เพยี งลาพงั \" กระต่ายขาวโมโหกระต่ายดามาก\"ในสถานการณ์แบบน้ี ใครไมร่ กั ตวั เองบา้ งละ่ ฉนั เองก็ กลวั ตายหรอื แกไม่กลวั ตายหา? “กระต่ายดาถามกลบั ไป\"ถึงฉันจะกลวั ตาย แต่การท่ฉี ันตายอย่างมี ศกั ดศิ ์ รยี งั คงดกี ว่าการทฉ่ี ันจะตอ้ งตายอย่างละอายใจ\" กระต่ายขาวบอกอยา่ งทรนง\"จรงิ ดว้ ยซิ พวกเจา้ ทงั้ สองคงกลวั ตายกนั แน่ กระต่ายดาอย่างเจา้ มนั ใจดาสมกบั ตวั ของเจา้ เอาเป็นว่าฉันจะกนิ พวกเจา้ ทงั้ สองพรอ้ มๆกนั เลยดกี ว่า\"หมาป่าพจู บจงึ ใชเ้ ลบ็ ทแ่ี หลมคม ตวดั ไปทต่ี วั กระต่ายดาและกระต่ายขาวอย่าง รวดเรว็ จากนนั้ จงึ จบั กระต่ายทงั้ สองตวั กนิ เป็นอาหารอนั โอชะทนั ที เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า การมีเพ่ือน ไม่จาเป็นต้องมมี ากมาย ขอเพียงมเี พ่ือนท่ีรู้ใจกัน และเข้าใจกัน ยามมภี ยั คอยชว่ ยเหลอื กนั ไดก้ เ็ พยี งพอ คมู่ อื การจดั กิจกรรมลูกเสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 4 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1 77

แผนการจดั กิจกรรมลกู เสือวิสามญั ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ท่ี 4, ประกาศนียบตั รวิชาชีพ(ปวช. 1) หน่วยท่ี 3 คาปฏิญาณและกฎของลกู เสือ แผนการจดั กิจกรรมที่ 6 การสร้างสมั พนั ธภาพและการส่ือสาร เวลา 1 ชวั่ โมง 1. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ ลกู เสอื สามารถอธบิ ายวธิ สี รา้ งสมั พนั ธภาพและการสอ่ื สารเชงิ บวกกบั ผอู้ ่นื ได้ 2. เนื้อหา 2.1 การสรา้ งสมั พนั ธภาพ 2.2 การสอ่ื สารเชงิ บวก 3. ส่ือการเรยี นรู้ 3.1 แผนภมู เิ พลง เกม 3.2 ใบความรู้ 3.3 เรอ่ื งสนั้ ทเ่ี ป็นประโยชน์ 4. กิจกรรม 4.1 พธิ เี ปิดประชุมกอง (ชกั ธงขน้ึ สวดมนต์ สงบน่ิง ตรวจ แยก) 4.2 เกมหรอื เพลง 4.3 กจิ กรรมตามจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1) ผกู้ ากบั ลกู เสอื และลกู เสอื รว่ มกนั สนทนาเกย่ี วกบั ความเป็นวยั รุ่นสรา้ งและเสรมิ สมั พนั ธภาพกบั เพ่อื นๆ หรอื ผอู้ ่นื ทงั้ เพศเดยี วกนั และต่างเพศ ตามสถานการณ์ในชวี ติ ประจาวนั และ โยงไปสอดคลอ้ งสมั พนั ธภาพกบั กฎลกู เสอื ขอ้ ท่ี 4 ลกู เสอื เป็นมติ รของคนทกุ คน และเป็นพน่ี ้องกบั ลกู เสอื อ่นื ทวั่ โลก 2) ผกู้ ากบั ลกู เสอื แบ่งลกู เสอื เป็น 4 กลุ่ม โดยกาหนดใหล้ กู เสอื ชาย-หญงิ คละกนั แต่ละกลุ่ม ศกึ ษาใบความรแู้ ละรว่ มกนั อภปิ รายถงึ วธิ กี ารหรอื คาพูดใดบา้ งในการสรา้ งสมั พนั ธภาพและสอ่ื สารตาม หวั ขอ้ ในเวลา 20 นาที ดงั น้ี กลมุ่ 1 ยงั่ ยนื เพอ่ื น ไมด่ ตี ่อกนั (เชงิ บวก) ต่างเพศ (เชงิ ลบ) กล่มุ 2 ยงั่ ยนื เพ่อื นเพศ ไมด่ ตี ่อกนั (เชงิ บวก) เดียวกนั (เชงิ ลบ) 78 ค่มู ือการจดั กิจกรรมลกู เสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 4 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1

กลุ่ม 3 ยงั่ ยนื รุ่นพี่ ไมด่ ตี ่อกนั (เชงิ บวก) (เชงิ ลบ) กลุ่ม 4 ยงั่ ยนื รุ่นนอ้ ง ไมด่ ตี ่อกนั (เชงิ บวก) (เชงิ ลบ) 3) ผแู้ ทนแต่ละกล่มุ นาเสนอผลงานอภปิ ราย กล่มุ ละ 2 นาที 4) ผกู้ ากบั ลกู เสอื และลกู เสอื รว่ มกนั สรปุ การสรา้ งสมั พนั ธภาพและการส่อื สารเชงิ บวก และ ผลดตี ่อชวี ติ ประจาวนั 4.4 ผกู้ ากบั ลกู เสอื เลา่ เรอ่ื งสนั้ ทเ่ี ป็นประโยชน์ 4.5 พธิ ปี ิดประชุมกอง (นดั หมาย ตรวจเครอ่ื งแบบ ชกั ธงลง เลกิ ) 5. การประเมินผล 5.1 สงั เกตความรว่ มมอื ในการปฏบิ ตั กิ จิ กรรม 5.2 สงั เกตกระบวนการคดิ จากการอภปิ ราย 6. องคป์ ระกอบทกั ษะชีวิตสาคญั ท่ีเกิดจากกิจกรรม คอื ความคดิ วเิ คราะห์ ความคดิ สรา้ งสรรค์ และเหน็ ความสาคญั ของการสรา้ งสมั พนั ธภาพ และการส่อื สารทางบวก ภาคผนวกประกอบแผนการจดั กิจกรรมท่ี 6 เพลง รว่ มเฮฮา รว่ มเฮฮา เมอ่ื เรามาเจอกนั (ซา้ ) ไมร่ เู้ ป็นอยา่ งไร ไมร่ เู้ ป็นอยา่ งไร ไมร่ เู้ ป็นอยา่ งไร ใจมนั ผกู พนั อยใู่ กลก้ นั ความสมั พนั ธเ์ รามากมี (ซา้ ) ไมร่ เู้ ป็นอย่างไร ไมร่ เู้ ป็นอยา่ งไร ไมร่ เู้ ป็นอยา่ งไร ใจมนั ผกู พนั เมอ่ื จากกนั อยา่ ลมื สมั พนั ธไ์ มตรี (ซา้ ) ไมร่ เู้ ป็นอยา่ งไร ไมร่ เู้ ป็นอย่างไร ไม่รเู้ ป็นอยา่ งไร ในมนั ผกู พนั ค่มู อื การจดั กิจกรรมลกู เสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 4 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1 79

ใบความรู้ การสร้างสมั พนั ธภาพและการสื่อสาร การส่อื สาร เป็นการแลกเปลย่ี นความคดิ ความรสู้ กึ ซง่ึ กนั และกนั โดยอาศยั ทงั้ การพูดคุยและ ทา่ ทางอริ ยิ าบถต่างๆ ดงั นนั้ ทกั ษะในการสอ่ื สารทงั้ ภาษาและท่าทางกจ็ ะส่งผลใหอ้ ยากพูดคุยเลา่ ปัญหา ต่างๆใหผ้ อู้ ่นื ฟังมากขน้ึ ดงั แนวทางต่อไปน้ี - สบตาขณะพดู คยุ กนั จะทาใหร้ บั รแู้ ละเขา้ ใจถงึ ความรสู้ กึ ซง่ึ กนั และกนั - แสดงสหี น้าทร่ี บั ฟังและยม้ิ แยม้ แจม่ ใส - แสดงท่าทางทร่ี บั ฟังอยา่ งตงั้ ใจและสนใจ โดยผงกศรี ษะรบั ฟัง โน้มตวั เขา้ หา - พยายามทาความเขา้ ใจถงึ ความรสู้ กึ และอารมณ์ โดยการสงั เกตสหี น้าท่าทางเพอ่ื สามารถสอ่ื สารตอบกลบั ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม - ขณะส่อื สารอาจใชก้ ารสมั ผสั โดยการจบั มอื จบั ตน้ แขน โอบกอดจะทาใหล้ กู รสู้ กึ อบอุ่น ใกลช้ ดิ สนิทสนม อยากพดู คยุ ดว้ ย - การพดู คยุ แต่ละเรอ่ื ง ควรปรบั ระยะห่างระหว่างผพู้ ดู กบั ผฟู้ ังอยา่ งเหมาะสมเพอ่ื สะดวกในการ แสดงสหี น้า ท่าทาง และน้าเสยี ง การเป็นผฟู้ ังทด่ี ี จะทาใหค้ นพดู กลา้ ทจ่ี ะเขา้ มาพดู คุย ปรกึ ษาและแสดงความคดิ เหน็ ได้ อยา่ งเตม็ ทด่ี ว้ ย เทคนิคการเป็นผฟู้ ังทด่ี มี ดี งั น้ี - ตงั้ ใจและสนใจฟัง โดยหนั มาสบตา พรอ้ มทงั้ พยายามทาความเขา้ ใจในประเดน็ ทพ่ี ดู - ขณะทฟ่ี ังควรแสดงการยอมรบั ฟังเรอ่ื งทพ่ี ดู โดยพยกั หน้า สบตาหรอื ยม้ิ - พยายามสงั เกตพฤตกิ รรมทค่ี นพดู แสดงออกมา จะทาใหเ้ ขา้ ใจความรสู้ กึ มากขน้ึ - ควรมกี ารตอบโตแ้ ละถามคาถามไปบา้ ง โดยใชค้ าถามทเ่ี ปิดโอกาสใหแ้ สดงความคดิ ความรสู้ กึ มากขน้ึ เมอ่ื ฟังแลว้ ไมค่ วรรบี สรปุ หรอื วพิ ากษ์วจิ ารณ์ในทนั ที ควรใหพ้ ดู จนจบเรอ่ื งแลว้ จงึ ค่อยแสดงความคดิ เหน็ รว่ มกนั ลกั ษณะของการส่ือสาร การส่อื สารมที งั้ ทางบวกและทางลบ รวมทงั้ การสอ่ื สารทไ่ี มต่ รงไปตรงมา - การสอ่ื สารทางบวก ทาใหผ้ รู้ บั พอใจและทาใหภ้ ูมใิ จ เชน่ การชน่ื ชม ยม้ิ รบั มอง สบตา จบั มอื พดู คุยดว้ ยความเป็นมติ ร การใหส้ งิ่ ทต่ี อ้ งการ ฯลฯ - การสอ่ื สารทางลบ ทาใหผ้ รู้ บั เสยี ใจและรสู้ กึ ดอ้ ย เช่นการพดู ตาหนิ ดา่ ทอ ประชดประชนั เปรยี บเทยี บกบั ผอู้ ่นื ในท่าทดี หู มนิ่ หรอื มกี ารใหแ้ ต่บน่ ว่า ลาเลกิ ดว้ ย ฯลฯ - การส่อื สารทไ่ี มต่ รงไปตรงมา เป็นการแสดงออกอยา่ งหน่งึ แต่มคี วามคดิ และความรสู้ กึ อกี อยา่ งหน่งึ ซอ่ นอยเู่ ป็นลกั ษณะไม่จรงิ ใจ ไมซ่ ่อื สตั ย์ เช่น การแสดงท่าทคี าพดู เหมอื นชน่ื ชมแต่ตอนทา้ ย จะดสู บั สน หรอื มคี วามหมายไปทางลบ เชน่ “เธอเป็นคนดที ส่ี ดุ คนหน่งึ ในโลก.....ถา้ คนอ่นื ตายหมด” หรอื 80 ค่มู ือการจดั กิจกรรมลกู เสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 4 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1

“ลายมอื สวยจรงิ ๆ เหมอื นยุงตกี นั ” ความใสใจ แสดงออกไดท้ งั้ คาพดู สายตา ท่าทาง ซง่ึ แต่ละคนอาจเลอื กรบั การใสใ่ จทางบวก ปฏเิ สธการใส่ใจทางลบและความใสใ่ จเคลอื บแฝง เราสามารถปรบั เปลย่ี นการใส่ใจใหเ้ หมาะสมกบั บคุ คล เวลาและสถานการณ์ วธิ กี ารสอ่ื สารทด่ี ไี มเ่ พยี งแต่การพดู จานุ่มนวล อ่อนหวาน มเี หตุผลเทา่ นัน้ แต่ตอ้ งรจู้ กั พดู จาให้ เขา้ ใจและชดั เจน สอ่ื ความหมายใหต้ รงตามความตอ้ งการของผพู้ ดู เช่น พดู ชมเชย ไมใ่ ชพ่ ดู ประชด ประชนั นอกจากน้กี ารสอ่ื สารทด่ี ตี อ้ งสอ่ื สารไดโ้ ดยตรงระวา่ งผพู้ ดู และผฟู้ ังอกี ดว้ ย วธิ สี อ่ื สารทไ่ี มด่ ี ไดแ้ ก่ การส่อื สารทก่ี ล่าวอา้ ง หรอื กล่าวโทษอกี ฝ่าย วธิ กี ารพดู เช่นน้ีทาใหโ้ ตง้ เถยี งกนั มากกวา่ ทจ่ี ะเขา้ ใจกนั ได้ ดงั นนั้ หลกั การสอ่ื สารทจ่ี ะสง่ เสรมิ สมั พนั ธภาพอนั ดคี วรเรม่ิ ตน้ ทก่ี าร พดู ถงึ ความรสู้ กึ ความตอ้ งการของตนเองก่อน หลกั ทวั่ ไปของการส่ือสารท่ีดี - บอกความรสู้ กึ นกึ คดิ ของตนก่อน - ถามและรบั ฟังความเหน็ ของอกี ฝ่ายหน่งึ - ถา้ ค่สู นทนายอมรบั กใ็ หข้ อบคณุ และแสดงความชน่ื ชม ถา้ ค่สู นทนาปฏบิ ตั ไิ มไ่ ดใ้ ห้ พยายามหาทางปรบั ใหย้ อมรบั ไดท้ งั้ สองฝ่าย การสอ่ื สารทว่ี ยั รนุ่ ตอ้ งการ วยั รนุ่ แมจ้ ะเป็นเดก็ ทเ่ี รมิ่ เปลย่ี นวยั แต่ยงั ตอ้ งการความรกั ความอบอุ่น ความสนใจจากพ่อ แม่ เชน่ เดยี วกบั เดก็ วยั อ่นื ๆ เพยี งแต่รปู แบบของความรกั ความสนใจอาจแตกต่างไปบา้ ง เชน่ - ตอ้ งการความช่นื ชมในสงิ่ ทเ่ี ขารบั ผดิ ชอบได้ หรอื สง่ิ ทเ่ี ขาตงั้ ใจทา แมจ้ ะไมเ่ ก่งไม่ฉลาดเท่าคน อ่นื แต่เป็นความสามารถและความเป็นตวั ของตวั เอง - ตอ้ งการใหป้ ลอบใจ ใหก้ าลงั ใจเมอ่ื คราวผดิ พลาดหรอื ทอ้ แท้ - ตอ้ งการความรกั ทใ่ี หอ้ สิ ระ ใหโ้ อกาสเป็นส่วนตวั ในขอบเขตทเ่ี ป็นธรรม - ไมต่ อ้ งการส่อื สารทางลบ เชน่ การดดุ า่ ประชดประชนั เปรยี บเทยี บใหด้ อ้ ย - ยงั ตอ้ งการความสะดวกสบายในชวี ติ ประจาวนั ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การกนิ อยู่ คา่ ใช่จา่ ยสว่ นตวั - ตอ้ งการคาพดู ทอ่ี ่อนโยน ไพเราะในการตกั เตอื น หรอื ชแ้ี นะทางในการปรบั ตวั ผลของการส่ือสารท่ีเหมาะสม เป็นสง่ิ ทช่ี ่วยใหเ้ กดิ ความภมู ใิ จในตวั เอง และเป็นปัจจยั สาคญั ในการสรา้ งสมั พนั ธภาพทด่ี รี ะหวา่ งคนในครอบครวั และเป็นแนวทางใหเ้ รยี นรทู้ จ่ี ะปรบั ตวั ในสงั คมต่อไป ในทางกลบั กนั ถา้ ไดร้ บั การส่อื สารทางลบอยเู่ สมอจะทาใหเ้ กดิ ความรสู้ กึ ไมพ่ อใจ น้อยใจและไม่รว่ มมอื ใน คาตกั เตอื น บางครงั้ มกี ารต่อตา้ นเรยี กรอ้ งความสนใจจากผอู้ ่นื แทน ซง่ึ จะเกดิ ปัญหาอ่นื ๆได้ เชน่ หนี ออกจากบา้ น ถกู ชกั จงู เขา้ กลุ่มเสย่ี งต่างๆ ตดิ ยาเสพตดิ ฯลฯ วธิ กี ารทท่ี าใหว้ ยั รนุ่ ยอมรบั และไมเ่ สยี ความรสู้ กึ ดา้ นดขี องตน ทาไดด้ ว้ ยการตาหนิทพ่ี ฤตกิ รรม แทนการตาหนทิ ต่ี วั วยั ร่นุ ดงั ตวั อยา่ งต่อไปน้ี คมู่ อื การจดั กิจกรรมลูกเสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 4 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1 81

- ไมค่ วรตาหนิดว้ ยคาพดู ว่า เป็นนสิ ยั ไมด่ ี หรอื สนั ดานไมด่ ี เพราะจะทาใหว้ ยั ร่นุ โกรธ ต่อตา้ น ไมย่ อมรบั หรอื แกลง้ เป็นอย่างนนั้ จรงิ ๆ - ไมค่ วรตาหนิลามไปถงึ พ่อแม่ เช่น “อยา่ งน้พี ่อแมไ่ มเ่ คยสอน ใชไ่ หม” เพราะสรา้ งความรสู้ กึ ต่อตา้ นอยา่ งแรง เป็นอนั ตรายต่อการสอ่ื สารและการสรา้ งความสมั พนั ธ์ - ไมค่ วรตาหนิแลว้ ลามไปถงึ เรอ่ื งอ่นื ๆ เรอ่ื งในอดตี เรอ่ื งทผ่ี ่านมาแลว้ เรอ่ื งทเ่ี คยตาหนิไปแลว้ - ไมค่ วรตาหนิแลว้ คาดหวงั ว่า วยั รนุ่ คงแกไ้ ขไมไ่ ด้ หมดหวงั - ไมค่ วรตาหนแิ ลว้ ซ้าเตมิ ประชดประชนั เสยี ดสี เช่น “ใชอ้ ะไรคดิ เน่ีย หวั นะมหี รอื เปลา่ ”“พ่อแม่ ใหม้ าแค่น้ีนะ”“เธอไปเกดิ ใหมด่ กี ว่า” - ไมค่ วรนาไปผกู พนั กบั เรอ่ื งอ่นื ทไ่ี มเ่ กย่ี วขอ้ งกนั เช่น “เธอรกั พ่อแมห่ รอื เปลา่ ถา้ รกั ทาไมทา อยา่ งน้ี” - ไมค่ วรใชค้ าพดู หยาบคาย ใชค้ าพดู สภุ าพ จรงิ จงั แต่นุ่มนวล 82 คมู่ อื การจดั กิจกรรมลกู เสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 4 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1

เรื่องสนั้ ที่เป็นประโยชน์ นกกระจอกลิ้นขาด นานมาแลว้ มตี ากบั ยายเลย้ี งนกกระจอกไวต้ วั หน่ึง ตานนั้ รกั นกกระจอกมาก ส่วนยายไมร่ กั เลย อยมู่ าวนั หน่ึง ตาเขา้ ป่าไปหาผลไม้ ส่วนยายเฝ้าบา้ น เมอ่ื ยายซกั ผา้ เสรจ็ แลว้ กจ็ ะลงแป้ง จงึ ใส่แป้งมนั ไว้ ในขนั ฝ่ายนกกระจอกกน็ ึกวา่ ยายเอาแป้งมนั มาใส่ขนั ใหก้ นิ นกกระจอกกเ็ ลยกนิ เสยี หมดขนั ยายรเู้ ขา้ ก็ โกรธ จงึ ตดั ลน้ิ นกกระจอก แลว้ ไลใ่ หไ้ ปอยปู่ ่า เมอ่ื ตากลบั มาจากป่า ไมพ่ บนกกระจอก พอรเู้ ร่อื งจากยายว่ายายไดต้ ดั ลน้ิ แล้วไล่เขา้ ป่าไปแลว้ ก็เสยี ใจมาก จงึ ออกไปตามหาในป่ า ในทส่ี ุดก็พบนกกระจอกตวั นัน้ นกกระจอกกเ็ ลย้ี งอาหารและรอ้ ง เพลงให้ตาฟัง และก่อนทต่ี าจะกลบั บา้ นนกกระจอกกน็ าของขวญั มาให้ตา โดยเอาหบี สองใบ มาให้ตา เลอื ก ใบหน่ึงหนัก และอกี ใบหน่ึงเบา ตานนั้ เป็นคนเจยี มสงั ขาร ไมโ่ ลภมากจงึ เลอื กหบี ทเ่ี บา เม่อื นาหบี ใบนัน้ มาถงึ บ้านก็เปิดดูปรากฏว่าในหบี มที องคา เพชร พลอย มากมาย ฝ่ ายยายเม่อื ตาเล่าเรอ่ื งให้ฟัง ทงั้ หมดกเ็ กดิ ความโลภอยากไดห้ บี ใบหนัก จงึ เดนิ ทางเขา้ ป่าไปหานกกระจอกเทศทนั ที นกกระจอกเทศ กแ็ สนดี ยกหบี 2 ใบ ออกมาใหย้ ายเลอื ก ยายก็เลอื กหีบใบท่หี นักเพราะอยากไดส้ มบตั มิ ากกว่าทไ่ี ด้ไป แล้ว ระหว่างเดนิ ทางกลบั บ้านนัน้ ยายอยากรวู้ ่าในหบี ท่หี นักแสนหนักนัน้ มอี ะไร อดใจไวไ้ ม่ได้จงึ เปิด ออกดูกป็ รากฏว่า มงี เู ตม็ ไปหมด ยายถงึ กบั รอ้ งลนั่ ...วง่ิ หนีเอาตวั รอดมาได้ ตงั้ แต่นัน้ เป็นต้นมา ยายก็ พฤตติ นเป็นคนดี มเี มตตา ไมโ่ ลภมาก และมใี จเออ้ื เฟ้ือเผอ่ื แผ่ ประกอบแต่กรรมดตี ลอดมา เร่อื งนี้สอนให้ร้วู ่า โลภมาก ลาภหาย ค่มู อื การจดั กิจกรรมลูกเสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 4 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1 83

แผนการจดั กิจกรรมลกู เสือวิสามญั ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 4, ประกาศนียบตั รวิชาชีพ (ปวช. 1) หน่วยที่ 3 คาปฏิญาณและกฎของลกู เสือ เวลา 2 ชวั่ โมง แผนการจดั กิจกรรมที่ 7 การเรยี นร้เู บญจภมู ิ 1. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ลกู เสอื สามารถอธบิ ายความสาคญั ของการรกั ษาและหวงแหนสาธารณสมบตั ขิ องชาตไิ ด้ 2. เนื้อหา 5 ภมู หิ รอื เบญจภมู ิ ไดแ้ ก่ 1. ภมู ปิ ระวตั ิ 2. ภมู ธิ รรม 3. ภมู พิ ล 4. ภมู ปิ ระชาไท 5. ภมู ใิ จในความเป็นไทย 3. สื่อการเรียนรู้ 3.1 แผนภมู เิ พลง/เกม 3.2 ใบความรู้ 3.3 วดิ ที ศั น์ 2 เรอ่ื ง 1) เรอ่ื งพระนเรศวร หรอื บางระจนั หรอื ภาพประวตั ศิ าสตรใ์ นการสรู้ บ 2) พระราชกรณยี กจิ ของพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั หรอื ภาพพระราชกรณยี กจิ 3.4 ภาพ 1) ภาพประชาชนไทยรว่ มกจิ กรรมในวนั สาคญั ของชาติ ศาสนา พระมหากษตั รยิ ์ 2) ภาพการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมทางศาสนาหรอื ภาพเอกลกั ษณ์ไทยทางดา้ นขนบธรรมเนียม ประเพณี ภาษา วฒั นธรรมภมู ปิ ัญญาไทย 3.5 เรอ่ื งสนั้ ทเ่ี ป็นประโยชน์ 4. กิจกรรม 4.1 พธิ เี ปิดประชุมกอง (ชกั ธงขน้ึ สวดมนต์ สงบนงิ่ ตรวจ แยก) 4.2 เพลงหรอื เกม 4.3 กจิ กรรมตามจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1) ผกู้ ากบั ลกู เสอื แบ่งลกู เสอื ออกเป็น 5 กลุ่ม เพ่อื เขา้ รว่ มกจิ กรรม 5 ฐาน ดงั น้ี - ฐานท่ี 1 ภูมปิ ระวตั ิ - ฐานท่ี 2 ภูมพิ ล - ฐานท่ี 3 ภมู ธิ รรม - ฐานท่ี 4 ภูมปิ ระชาไท 84 คมู่ อื การจดั กิจกรรมลูกเสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 4 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1

- ฐานท่ี 5 ภมู ใิ นความเป็นไทย 2) ผกู้ ากบั ลกู เสอื สรปุ ความสาคญั ของการรกั และหวงแหนสาธารณสมบตั ขิ องชุมชนและของชาติ คอื เบญจภมู ิ 4.4 ผกู้ ากบั ลกู เสอื เลา่ เรอ่ื งสนั้ ทเ่ี ป็นประโยชน์ 4.5 พธิ ปี ิดประชมุ กอง (นดั หมาย ตรวจเครอ่ื งแบบ ชกั ธงลง เลกิ ) 5. การประเมินผล 5.1 สงั เกตความรว่ มมอื ในการปฏบิ ตั กิ จิ กรรม 5.2 สงั เกตกระบวนการคดิ จากการอภปิ ราย 6.องคป์ ระกอบทกั ษะชีวิตสาคญั ท่ีเกิดจากกิจกรรม คอื ความคดิ วเิ คราะห์ ความคดิ สรา้ งสรรค์ และตระหนกั ถงึ ความสาคญั ของการรกั ษาและหวง แหนสาธารณสมบตั ขิ องชุมชนและของชาติ ค่มู อื การจดั กิจกรรมลูกเสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 4 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1 85

ภาคผนวกประกอบแผนการจดั กิจกรรมท่ี 7 เกม มอญซ่อนผ้า ลกั ษณะของการเล่น เล่นกลางแจง้ มบี ทรอ้ งประกอบ จานวนผเู้ ล่น ไมจ่ ากดั จานวน อปุ กรณ์การเล่น ผา้ 1 ผนื และมบี ทรอ้ งประกอบ ดงั น้ี ระวงั ตวั ไวใ้ หด้ ี ว่าผา้ ผนื น้จี ะวางตรงไหน แมต้ กอยขู่ า้ งหลงั ใคร ขอเชญิ ออกไปรา่ ยรา อยา่ เผลอปล่อย ใจลอยคอยเอามอื คลา ระวงั นะตอ้ งจดจา จะมผี นู้ าผา้ มาทง้ิ เอย ราซริ า่ ยรา อยา่ ทาเป็นเมนิ เฉย เลก็ ใหญ่เราไมล่ ะเลย แมเ้ ธอไมเ่ คยกต็ อ้ งรา วิธีเล่น เลอื กคนท่จี ะเป็นมอญโดยการจบั ไมส้ นั้ ไมย้ าว คนอ่นื ๆนัง่ ล้อมวงรวมกบั พ้ืน ตบมอื รอ้ งเพลงตาม จงั หวะ ผทู้ เ่ี ป็นมอญจะถอื ผา้ ซ่อนไวใ้ หม้ ดิ เรม่ิ ตน้ เดนิ รอบวงตามจงั หวะเพลงโดยเวยี นทางขวา ระหว่าง นนั้ คนทเ่ี ดนิ อยจู่ ะทง้ิ ผา้ ไวห้ ลงั ใครกไ็ ดแ้ ลว้ ตอ้ งพลางไว้ ทาเป็นว่ายงั ถอื ผา้ อยู่ เมอ่ื ผ่าน คนท่ี 3 คนนงั่ จงึ จะใชม้ อื คลาผา้ ขา้ งหลงั โดยไมห่ นั ไปมอง และเมอ่ื ผ่านถงึ คนท่ี 4 คนท่ี 2 จงึ จะคลาได้ หา้ มคนทน่ี งั่ ใน วงใชส้ ายตาบอกเพ่อื น ถา้ ใครคลาถูกกจ็ ะควา้ ผา้ ผนื นนั้ เดนิ แทน คนท่ี เป็นมอญกลบั มานงั่ แทนท่ี แต่ถ้า มวั รอ้ งเพลงเพลนิ หรอื คลาผา้ ไมถ่ ูก เมอ่ื ผซู้ อ่ นมาถงึ ตวั กจ็ ะใช้ ผา้ ผนื นนั้ ตคี นนงั่ เป็นอนั ว่าคนทถ่ี ูกตแี พ้ 86 คมู่ อื การจดั กิจกรรมลกู เสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 4 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1

จะตอ้ งลุกไปยนื รากลางวง เป็นการสนุกสนาน บางคนกอ็ ยากลุกขน้ึ มารา บางคนกอ็ ายไม่อยากรา บาง คนราสวย บางคนตลก ประโยชน์จากการเล่นเกมนี้ เป็นการออกกาลงั กาย ฝึกการสงั เกต พกั ผอ่ นสมอง ฝึกใหม้ คี วามกลา้ ทจ่ี ะแสดงออกโดยการราเดย่ี ว และใหค้ วามสนุกสนานดว้ ยการรอ้ งเพลง และทส่ี าคญั เป็นการอนุรกั ษว์ ฒั นธรรมประเพณีของไทยใหค้ งอยู่ สยามนุสติ หากสยามยงั อยยู่ งั้ ยนื ยง เรากเ็ หมอื นอยคู่ ง ชพี ดว้ ย หากสยามพนิ าศลง ไทยอยู่ ไดฤ้ า เรากเ็ หมอื นมอดมว้ ย หมดสน้ิ สกุลไทย ใครรานใครรกุ ดา้ ว แดนไทย ไทยรบจนสดุ ใจ ขาดดน้ิ เสยี เน้อื เลอื ดหลงั่ ไหล ยอมสละ สน้ิ แล เสยี ชพี ไป่เสยี สน้ิ ชอ่ื กอ้ งเกยี รตงิ าม ล้นเกล้าชาวไทย (ใชใ้ นฐานท่ี 3 ภมู พิ ล) ลน้ เกลา้ เผา่ ไทย ศูนยร์ วมใจคนไทยทงั้ ชาติ ขออภวิ าทเบอ้ื งบาทองค์ ภมู พิ ลยามใดไพรฟ่ ้า ปวงประชายากจน ทรงหว่ งกงั วลดงั่ หยาดฝนชโลมพน้ื หลา้ ถงึ ว่าป่าดง พฤกษ์ไพรพงทรงสดู้ นั้ ดน้ ถงึ กายหมองหมน่ แดดฝนไมค่ ดิ นาพา รว่ มสุขรว่ มทกุ ข์ ทกุ ขห์ รอื สุขมมี า ทรงแผเ่ มตตา ใหช้ าวประชาช่นื ใจ มงิ่ ขวญั ดวงใจ ชาวไทยทงั้ ผอง ทอแสงเรอ่ื งรอง ผุดผ่องดงั รม่ โพธใิ ์ หญ่ พระบารมี เป็นทล่ี อื ขานนามไกล ขา้ บาท ภมู ใิ จลน้ เกลา้ เผา่ ไทยแห่งวงคจ์ กั กรี เหนือยงิ่ สงิ่ ใด เหนือดวงใจชาวไทยรกั ยงิ่ เหมอื นเป็นขวญั มงิ่ พกั พงิ ยามทุกขภ์ ยั มี ชาวไทยแหนหวง ยง่ิ กวา่ ดวงชวี ี แมน้ ใครยา้ ยี ใตฝ้ ่าธลุ ี ขอพลชี พี แทน คมู่ ือการจดั กิจกรรมลูกเสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 4 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1 87

ใบความรู้ รายละเอียดฐาน 5 ภมู ิหรือเบญจภมู ิ ฐานท่ี 1 ภมู ิประวตั ิ นา VCD หรอื แผนภมู ภิ าพทแ่ี สดงใหเ้ หน็ ถงึ ความเป็นมาทางประวตั ศิ าสตรข์ อง ชาติ การสรา้ งวรี กรรมของบรรพบุรษุ ท่ไี ด้เสยี สละเลอื ดเน้ือและชวี ติ เพ่อื ปกป้องรกั ษาผนื แผ่นดนิ ใหก้ บั คนรนุ่ ต่อไปมาจนถงึ ปัจจบุ นั ฐานท่ี 2 ภมู ิธรรม เป็นการกลา่ วถงึ เรอ่ื งของคณุ ธรรม จรยิ ธรรม การรกั ษาศลี การปฏบิ ตั ธิ รรม เป็น เคร่อื งยดึ เหน่ียวทางจติ ใจของคนในสงั คมให้อยู่ร่วมกนั อย่างสนั ตสิ ุข แม้จะแตกต่างทางเช้อื ชาติและ การนบั ถอื ศาสนา ฐานที่ 3 ภมู ิพล นาภาพพระราชกรณียกจิ หรอื VCD พระราชกรณียกจิ หรอื VCD เพลงล้นเกลา้ ชาวไทย แล้วสรุปเพ่อื แสดงให้เห็นถงึ พระปรชี าสามารถของพระองค์ท่านในด้านต่างๆ และพระราช กรณียกจิ ท่ที รงงานอย่างตรากตราพระวรกายดว้ ยความห่วงใยในวถิ ชี วี ติ ความเป็นอยู่ ของพสกนิกร ไทย ดงั พระปฐมบรมราชโองการท่วี ่า “เราจะครองแผนดนิ โดยธรรมเพ่ือ ประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาว สยาม” ตลอดจนการพระราชทานแนวทางในการปรบั เปลย่ี น การพฤตปิ ฏบิ ตั ติ นของพสกนิกรไทยทม่ี ตี ่อ สงั คมทเ่ี ปลย่ี นแปลง ทงั้ น้เี พ่อื ใหเ้ กดิ ความสานึก ในพระมหากรณุ าธคิ ุณ เดนิ ตามรอยเบอ้ื งยคุ ลบาทดว้ ย การน้อมนาพระราชดารสั ไปยดึ ถอื เป็นแนวทางประพฤตปิ ฏบิ ัติ รวมทงั้ โครงการในพระราชดารติ ่างๆ ท่พี ระองค์ท่านได้พระราชทานให้แก่พสกนิกรไทยด้วยมพี ระเมตตาและมพี ระราชประสงค์จะเหน็ พสก นกิ รไทยมวี ถิ ชี วี ติ ทด่ี ขี น้ึ ฐานท่ี 4 ภูมิประชาไท นาภาพของการมสี ่วนร่วมของพ่ีน้องประชาชนไทยทุกคน ท่ีจะช่วยกัน ปกป้องรกั ษาทรพั ยากรของแผนดนิ ให้เกดิ ความหวงแหน เห็นคุณค่าและการแสดงออกซ่งึ ความเป็น หน่ึงใจเดยี วกนั ของคนในชาตอิ ยา่ งเหมาะสมตามวาระต่างๆ ทงั้ ในเรอ่ื งการแสดงพลงั ความร่วมมอื ในวนั สาคญั ของชาติ การปกป้องสถาบนั ชาติ ศาสนา พระมหากษตั รยิ ์ ซง่ึ ถอื เป็นหน้าทข่ี องประชาชนไทยทุก คน ฐานที่ 5 ภูมิใจในความเป็ นไทย นา VCD หรือภาพความเป็ นเอกลักษณ์ของชาติทัง้ ทาง ดา้ นขนบธรรมเนียมประเพณี ภาษา วฒั นะธรรม ค่านยิ ม ศลิ ปะการแสดงภมู ปิ ัญญาไทย มาเชดิ ชจู ดั เวที สาธารณะ ให้มกี ารแสดงออกถึงเอกลกั ษณ์ของชาติอย่างต่อเน่ือง และสรา้ งให้เกดิ ความตระหนักใน ความเป็นเอกลกั ษณ์ของชาติ เพ่อื ให้เกดิ ความภาคภูมใิ จ เหน็ คุณค่าในการอนุรกั ษ์ รกั ษาฟ้ืนฟู และ สบื สานสง่ ต่อแก่คนรนุ่ ต่อไป และใหล้ กู เสอื ทากจิ กรรมเลน่ เกมมอญซ่อนผา้ 88 คมู่ อื การจดั กิจกรรมลกู เสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 4 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1

เรื่องสนั้ ที่เป็นประโยชน์ อมตพจนา สมเดจ็ ย่าของปวงชน ต้นไมน้ ้ีมนั คลา้ ย ๆ คน ต้นบานช่นื น้ีฉันไม่ได้ปลูกดว้ ยเมลด็ แต่ไปซอ้ื ต้นเลก็ ๆ ท่เี ขาเพาะแล้วมา ปลกู แต่มนั กง็ ามและแขง็ แรงดี เพราะอะไรหรอื เพราะคนทข่ี ายนนั้ เขารวู้ ธิ วี ่าจะเพาะอยา่ งไร ซง่ึ ฉนั ไม่ สามารถทาไดเ้ ช่นเขา เมอ่ื ฉนั เอามาปลกู ฉันต้องดแู ลใส่ป๋ ยุ เสมอ เพราะดนิ ทน่ี ่ีไม่ดี ต้องคอยรดน้าพรวน ดนิ บ่อย ๆ ตอ้ งเอาหญา้ และตน้ ไมท้ ไ่ี มด่ อี อก เดด็ ดอกใบทเ่ี สยี ๆ ทง้ิ คนเรากเ็ หมอื นกนั ถ้ามพี นั ธ์ดเี ม่อื เป็นเดก็ กแ็ ขง็ แรง ฉลาด เม่อื พ่อแม่คอยสงั่ สอน เดด็ เอาของเสยี ออกและหาป๋ ยุ ทด่ี ใี สเ่ สมอเดก็ คนนนั้ กจ็ ะเป็นคนทเ่ี จรญิ และดเี หมอื นกบั ตน้ และดอกบานชน่ื เหลา่ นนั้ ” เรอ่ื งนี้สอนให้ร้วู ่า การเรมิ่ ตน้ ทด่ี ี ยอ่ มไดผ้ ลลพั ธท์ ด่ี ดี ว้ ย ค่มู อื การจดั กิจกรรมลกู เสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 4 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1 89

แผนการจดั กิจกรรมลกู เสือวิสามญั ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 4, ประกาศนียบตั รวิชาชีพ(ปวช. 1) หน่วยที่ 4 ระเบยี บแถว เวลา 4 ชวั่ โมง แผนการจดั กิจกรรมท่ี 8 ระเบียบแถวลกู เสือ 1. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ ลกู เสอื สามารถปฏบิ ตั ติ ามระเบยี บแถวลกู เสอื ได้ 2. เนื้อหา 2.1 การฝึกบุคคลท่ามอื เปล่า การฝึกบุคคลท่าประกอบอาวุธ 2.2 การเขา้ แถวรปู แบบต่างๆ ของลกู เสอื สากล 2.3 การสวนสนาม 2.4 สญั ญาณนกหวดี และสญั ญาณมอื 3. ส่ือการเรียนรู้ 3.1 แผนภมู เิ พลง/เกม 3.2 ใบแจง้ ความรู้ 3.3 ไมง้ า่ ม, นกหวดี 3.4 เรอ่ื งสนั้ ทเ่ี ป็นประโยชน์ 4. กิจกรรรม 4.1 กิจกรรมครงั้ ที่ (1 ครงั้ ละ 2 ชวั่ โมง) 1) พธิ เี ปิดประชุมกอง (ชกั ธงขน้ึ สวดมนต์ สงบนง่ิ ตรวจ แยก) 2) เพลงหรอื เกม 3) กจิ กรรมตามจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ (1) ผกู้ ากบั ลกู เสอื มอบหมายใหน้ ายหมลู่ กู เสอื ทาหน้าทฝ่ี ึกสมาชกิ ลกู เสอื ในหมขู่ องตน ในเรอ่ื งรหสั ลกู เสอื การฝึกบุคคลท่ามอื เปล่า ตามทไ่ี ดม้ กี ารฝึกซอ้ มกนั ลว่ งหน้าก่อนแลว้ (2) ผกู้ ากบั ลกู เสอื รวมลกู เสอื เพอ่ื ทดสอบผลการฝึก จากนนั้ สรปุ ผลการฝึกและให้ คาแนะนา (3) ผกู้ ากบั ลกู เสอื ทบทวนท่ารหสั ลกู เสอื ท่าบุคคลมอื เปล่า (4) ผกู้ ากบั ลกู เสอื มอบหมายนายหมใู่ หฝ้ ึกสมาชกิ ภายในหมู่ เรอ่ื ง การฝึกบคุ คลท่าประกอบ อาวธุ (5) ผกู้ ากบั ลกู เสอื รวมลกู เสอื เพ่อื ทดสอบผลการฝึกจากนนั้ สรปุ ผลการฝึกและใหค้ าแนะนา 4) ผกู้ ากบั ลกู เสอื เลา่ เรอ่ื งสนั้ ทเ่ี ป็นประโยชน์ 5) พธิ ปี ิดประชุมกอง (นดั หมาย ตรวจเครอ่ื งแบบ ชกั ธงลง เลกิ ) 90 ค่มู ือการจดั กิจกรรมลกู เสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 4 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1

4.2 กิจกรรมครงั้ ท่ี 2 (ครงั้ ละ 2 ชวั่ โมง) 1) พธิ เี ปิดประชมุ กอง (ชกั ธงขน้ึ สวดมนต์ สงบนงิ่ ตรวจ แยก) 2) เพลงหรอื เกม 3) กจิ กรรมตามจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ (1) ผกู้ ากบั ลกู เสอื ทบทวนท่าบุคคลมอื เปล่า และท่าบคุ คลประกอบอาวุธ (2) ผกู้ ากบั ลกู เสอื มอบหมายนายหมู่ ใหฝ้ ึกสมาชกิ ภายในหมู่ เรอ่ื ง สญั ญาณนกหวดี สญั ญาณมอื และการเขา้ แถวรปู แบบต่างๆ ของลกู เสอื สารอง (3) ผกู้ ากบั ลกู เสอื รวมลกู เสอื เพ่อื ทดสอบผลการฝึก จากนนั้ สรปุ ผลการฝึก และ ใหค้ าแนะนา (4) ผกู้ ากบั ลกู เสอื และนายหมู่ ฝึกทกั ษะในการสวนสนามใหแ้ ก่ลกู เสอื (5) ผกู้ ากบั ลกู เสอื สรปุ และนดั หมายการฝึกนอกเวลา เพอ่ื การเขา้ รว่ มกจิ กรรม ต่างๆ ทม่ี กี ารสวนสนาม เช่น งานวนั คลา้ ยวนั สถาปนาลกู เสอื แหง่ ชาติ (1 กรกฎาคมของทกุ ปี) 4) ผกู้ ากบั ลกู เสอื เลา่ เรอ่ื งสนั้ ทเ่ี ป็นประโยชน์ 5) พธิ ปี ิดประชุมกอง (นดั หมาย ตรวจเครอ่ื งแบบ ชกั ธงลง เลกิ ) 5. การประเมินผล 5.1 สงั เกตความรว่ มมอื ในการปฏบิ ตั กิ จิ กรรม 5.4 ลกู เสอื สามารถพฒั นาตนเองเป็นผฝู้ ึกสอนระเบยี บแถวลกู เสอื ได้ ค่มู อื การจดั กิจกรรมลกู เสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 4 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1 91

ภาคผนวกประกอบแผนการจดั กิจกรรมที่ 8 เพลง เราร่วมใจ (สรอ้ ย) รว่ มใจ เราพรอ้ มใจ (3 ครงั้ ) งานน้อยใหญ่พรอ้ มใจกนั ทา พวกเราลกู เสอื ไทย ต่าง พรอ้ มใจสามคั คี น้าใจเรากลา้ ผจญ บากบนั่ อดทน หมนั่ ทาความดี ผกู มติ รและมไี มตรเี หมอื นดงั่ น้องพร่ี บั ความ ช่นื บาน (สรอ้ ย) พวกเราลกู เสอื ไทย บุกป่าไปลยุ น้านอง แมน้ เราจะฝ่าภยั พาล แต่จติ ใจเบกิ บาน เพราะความ ปรองดอง มฟี ้าและน้าลาคลอง เสยี งคกึ คะนอง รอ้ งเพลงเพลนิ ใจ (สรอ้ ย) เกม สนุ ัขแย่งหาง ใหผ้ เู้ ล่นแบ่งเป็นหมู่ ๆ แลว้ ใชม้ อื กอดสะเอวคนขา้ งหน้า แต่ละแถวควรมจี านวนผเู้ ล่นเท่า ๆ กนั ใหค้ นขา้ งหน้าเป็นหวั สุนขั และคนสุดทา้ ยเป็นหาง วธิ เี ล่น คนหวั พยายามไปแตะคนหางของแต่ละ แถว ถา้ ใครถกู แตะแถวนนั้ กแ็ พ้ ข้อควรจา แต่ละแถวอยา่ ใหม้ ผี เู้ ลน่ มากเกนิ ไป อยา่ เล่นในทท่ี ม่ี สี ง่ิ กดี ขวางจะเกดิ อนั ตราย ใบความรู้ ระเบียบแถว การแสดงรหสั - รหสั ลกู เสอื เป็นเครอ่ื งหมายทแ่ี สดงใหร้ กู้ นั เฉพาะในวงการลกู เสอื เท่านนั้ ลกู เสอื ทกุ คนเมอ่ื เหน็ รหสั น้ี จะรบั รแู้ ละเขา้ ใจความหมายซง่ึ กนั และกนั ทนั ทวี ่า “เราเป็นพวกเดยี วกนั ” - โอกาสทใ่ี ชใ้ นการแสดงรหสั 1. เมอ่ื ลกู เสอื กลา่ วคาปฏญิ าณในพธิ ปี ฏญิ าณตนเขา้ ประจากอง และพธิ อี ่นื ๆ ทม่ี กี าร ทบทวนคาปฏญิ าณ 2. เมอ่ื พบกบั ลกู เสอื ชาตเิ ดยี วกนั หรอื ต่างชาตเิ ป็นการรบั รวู้ า่ เป็นพวกเดยี วกัน - วธิ กี ารแสดงรหสั ของลกู เสอื 1. ยนื อยใู่ นท่าตรง 2. ยกมอื ขวาเสมอไหล่ งอศอกชดิ ลาตวั 3. หนั ฝ่ามอื ไปขา้ งหน้า น้วิ หวั แมม่ อื งอกดปลายน้วิ กอ้ ยไว้ น้วิ ช้ี น้วิ กลาง และน้วิ นาง เหยยี ดตรงชดิ ตดิ กนั 92 ค่มู อื การจดั กิจกรรมลูกเสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 4 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1

- ความหมาย 1. หวั แมม่ อื กดปลายน้วิ กอ้ ยไดท้ าเป็นรปู วงกลม น้วิ ทงั้ สามเหยยี ดขน้ึ ไป หมายถึง หวั ของ รปู เฟลอรเ์ ดอลสี ใ์ นเครอ่ื งหมายลกู เสอื 2. น้วิ ทงั้ สาม หมายถงึ คาปฏญิ าณของลกู เสอื 3 ขอ้ 3. น้วิ หวั แมม่ อื กดทบั น้วิ กอ้ ย บง่ บอกถงึ ความรกั ใครเ่ หมอื นญาตพิ น่ี ้องทวั่ โลก การฝึ กระเบยี บแถวบคุ คลท่ามือเปล่า เป็นการฝึกใหล้ กู เสอื เกดิ ความพรอ้ มเพรยี ง มรี ะเบยี บวนิ ยั และความสามคั คี รวมทงั้ สามารถฟัง และปฏบิ ตั ติ ามคาสงั่ ได้ 1. ท่าตรง ทา่ ตรง เป็นทา่ เบอ้ื งตน้ และเป็นรากฐานของการปฏบิ ตั ใิ นท่าอ่นื ๆ ต่อไปและยงั ใชเ้ ป็นท่าสาหรบั การแสดงความเคารพไดท้ ่าหน่งึ ดว้ ย - คาบอก “แถว – ตรง” - การปฏบิ ตั ิ 1) ลาตวั ยดื ตรง อกผาย ไหลเ่ สมอกนั ตามองตรง 2) ยนื ใหน้ ้าหนกั ตวั อยทู่ เ่ี ทา้ ทงั้ 2 ขา้ ง สน้ เทา้ ชดิ กนั ปลายเทา้ แยกห่างกนั 1 คบื เขา่ เหยยี ดตงึ 3) แขนทงั้ 2 ขา้ ง เหยยี ดตรงแนบลาตวั พลกิ ศอกไปขา้ งหน้าเลก็ น้อย จนไหล่ตงึ 4) น้วิ มอื เหยยี ดและชดิ กนั น้วิ กลางแตะกง่ึ กลางตะเขบ็ กระโปรง 5) นิ่ง ไมเ่ คลอ่ื นไหวรา่ งกาย 2. ท่าพกั ทา่ พกั เป็นท่าเปลย่ี นอริ ยิ าบถจากท่าตรง เพ่อื ชว่ ยผอ่ นคลายความตงึ เครยี ดซง่ึ มี 4 ท่า ดงั น้ี 1) ทา่ พกั ตามปกติ ใชพ้ กั ในระหว่างการฝึกสอน เพอ่ื อธบิ ายหรอื แสดงตวั อยา่ งแก่ลกู เสอื - คาบอก “พกั ” - การปฏบิ ตั ิ (1) หยอ่ นเขา่ ขวา ต่อไปหยอ่ นเขา่ ซา้ ย หรอื เคล่อื นไหวสว่ นต่างๆ ของรา่ งกาย แต่หา้ ม เคลอ่ื นท่ี (2) เมอ่ื ไดย้ นิ คาว่า “แถว” ใหย้ ดื ตวั ขน้ึ สดู ลมหายใจเขา้ เตม็ ปอดและจดั ทุกสว่ นของ รา่ งกายใหอ้ ยใู่ นท่าตรง (3) เมอ่ื ไดย้ นิ คาว่า “ตรง” ใหก้ ระตุกเขา่ ขวากลบั ไปอยใู่ นท่าตรง 2) ทา่ พกั ตามระเบยี บ ใชพ้ กั ในโอกาสรอพธิ กี ารต่างๆ เชน่ รอรบั การตรวจพลสวนสนาม หรอื รออยใู่ นแถวกองเกยี รตยิ ศ ฯลฯ - คาบอก “ตามระเบยี บ – พกั ” - การปฏบิ ตั ิ ค่มู อื การจดั กิจกรรมลกู เสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 4 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1 93

(1) ลาตวั ยดื ตรง ขาทงั้ 2 ขา้ งตงึ ใหน้ ้าหนกั ตวั อยบู่ นเทา้ ทงั้ 2 ขา้ งเท่าๆ กนั (2) แยกเทา้ ซา้ ยออกไปขา้ งซา้ ยประมาณครง่ึ ก้าว อยา่ งรวดเรว็ และเขม้ แขง็ (3) เอามอื ไขวห้ ลงั โดยใหห้ ลงั มอื ซา้ ยแนบตดิ ลาตวั ในแนวกง่ึ กลางหลงั และอยู่ใตเ้ ขม็ ขดั เลก็ น้อย มอื ขวาทบั มอื ซา้ ยและยนื นิง่ (4) เมอ่ื ไดย้ นิ คาว่า “แถว – ตรง” กใ็ หช้ กั เทา้ ซา้ ยกลบั มาชดิ เทา้ ขวา พรอ้ มกบั ทง้ิ มอื ทงั้ 2 ขา้ งลงแนบลาตวั กลบั มาอยใู่ นท่าเดมิ 3) ท่าพกั ตามสบาย ใชพ้ กั ในโอกาสทร่ี อรบั คาสงั่ เพอ่ื ปฏบิ ตั ติ ่อไปเป็นระยะเวลาสนั้ ๆ เช่น เมอ่ื ผคู้ วบคมุ แถวตอ้ งไปรบั คาสงั่ จากผบู้ งั คบั บญั ชา เป็นต้น - คาบอก “ตามสบาย – พกั ” - การปฏบิ ตั ิ (1) หยอ่ นเขา่ ขวาก่อน ปฏบิ ตั เิ ช่นเดยี วกบั ท่าพกั ตามปกติ (2) เคลอ่ื นไหวรา่ งกายไดต้ ามสบาย แต่ตอ้ งอยกู่ บั ท่ี เช่น จดั เครอ่ื งแต่งกายเรยี บรอ้ ย จดั หมวกใหต้ รง เชด็ หน้า ผกู เชอื กรองเทา้ เป็นตน้ (3) พดู คยุ กนั ได้ แต่หา้ มเสยี งดงั และหา้ มนงั่ หากผกู้ ากบั ลกู เสอื ไมอ่ นุญาต (4) เมอ่ื ไดย้ นิ คาวา่ “แถว – ตรง” ใหก้ ลบั มายนื ตรงในทา่ เดมิ ทนั ที โดยปฏบิ ตั ิ เช่นเดยี วกบั ท่าพกั ตามปกติ 4) ท่าพกั นอกแถว ใชพ้ กั ในโอกาสทต่ี อ้ งรอคาสงั่ เพ่อื ปฏบิ ตั ติ ่อไปเป็นระยะเวลานานๆ - คาบอก “พกั แถว” - การปฏบิ ตั ิ (1) ทกุ คนแยกยา้ ยออกจากแถว แต่ตอ้ งอยใู่ นบรเิ วณใกลเ้ คยี งกบั ทต่ี งั้ แถว เพอ่ื ทจ่ี ะได้ ยนิ เมอ่ื ผกู้ ากบั ลกู เสอื เรยี กเขา้ แถวอกี ครงั้ (2) ไมส่ ง่ เสยี งอกึ ทกึ ครกึ โครม ใหเ้ ป็นทร่ี บกวนผอู้ ่นื (3) เมอ่ื ไดย้ นิ คาวา่ “แถว” ใหร้ บี กลบั มาเขา้ แถวตรงทเ่ี ดมิ โดยเรว็ ในรปู แถวเดมิ และเมอ่ื จดั แถวเรยี บรอ้ ยแลว้ ใหอ้ ยใู่ นทา่ ตรงจนกวา่ จะมคี าสงั่ ต่อไป 3. ท่าเคารพ 1) วนั ทยหตั ถ์ เป็นท่าแสดงการเคารพเมอ่ื อยลู่ าพงั นอกแถวของลกู เสอื ทกุ ประเภท โดยปฏบิ ตั ิ ต่อจากท่าตรง แบง่ ออกเป็นการฝึกขนั้ ตน้ และเมอ่ื มผี รู้ บั การเคารพ 1.1 การฝึกขนั้ ต้น - คาบอก “วนั ทยหตั ถ”์ และ “มอื ลง” - การปฏบิ ตั ิ ยกมอื ขวาขน้ึ โดยเรว็ และแขง็ แรง จดั น้วิ แบบเดยี วกนั ทา่ รหสั ของลกู เสอื ปลายน้วิ ชแ้ี ตะ ขอบล่างของหมวกคอ่ นไปขา้ งหน้าเลก็ น้อยในแนวหางตาขวา (ถา้ ไมส่ วมหมวกใหป้ ลายน้วิ ชแ้ี ตะทห่ี าง ตาขวา) เหยยี ดมอื ตามแนวแขนขวาท่อนลา่ ง แขนขวาท่อนบนยน่ื ไปทางขา้ งประมาณแนวไหล่ น้วิ 94 ค่มู อื การจดั กิจกรรมลูกเสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 4 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1

เหยยี ดตรงเรยี งชดิ ตดิ กนั ขอ้ มอื ไมห่ กั และเปิดฝ่ามอื ขน้ึ ประมาณ 30 องศา ถา้ อยใู่ นทแ่ี คบใหล้ ดศอกลง ไดต้ ามความเหมาะสม แต่รา่ งกายส่วนอ่นื ตอ้ งไมเ่ สยี ลกั ษณะท่าตรง เมอ่ื ไดย้ นิ คาบอกว่า “มอื ลง” ใหล้ ดมอื ขวาลงอยใู่ นทา่ ตรงโดยเรว็ และแขง็ แรง (สาหรบั ลกู เสอื สารองใหท้ าวนั ทยหตั ถ์ 2 น้วิ คอื น้วิ ชแ้ี ละน้วิ กลางเหยยี ดตรง ส่วนน้วิ ทเ่ี หลอื งอเขา้ หาฝ่ามอื ) 1.2 เมอ่ื มผี รู้ บั การเคารพ - คาบอก “ทางขวา (ทางซา้ ย, ตรงหน้า) – วนั ทยหตั ถ”์ - การปฏบิ ตั ิ ยกมอื ขวาขน้ึ โดยเรว็ และแขง็ แรง จดั น้วิ แบบเดยี วกนั ทา่ รหสั ของลกู เสอื ปลายน้วิ ชแ้ี ตะ ขอบลา่ งของหมวกคอ่ นไปขา้ งหน้าเลก็ น้อยในแนวหางตาขวา (ถา้ ไมส่ วมหมวกใหป้ ลายน้วิ ชแ้ี ตะทห่ี าง ตาขวา) เหยยี ดมอื ตามแนวแขนขวาท่อนลา่ ง แขนขวาท่อนบนยน่ื ไปทางขา้ งประมาณแนวไหล่ น้วิ เหยยี ดตรงเรยี งชดิ ตดิ กนั ขอ้ มอื ไมห่ กั และเปิดฝ่ามอื ขน้ึ ประมาณ 30 องศา ถ้าอยใู่ นทแ่ี คบใหล้ ดศอกลง ไดต้ ามความเหมาะสม แต่ร่างกายส่วนอ่นื ตอ้ งไมเ่ สยี ลกั ษณะทา่ ตรง เมอ่ื ไดย้ นิ คาบอกวา่ “มอื ลง” ใหล้ ดมอื ขวาลงอยใู่ นท่าตรงโดยเรว็ และแขง็ แรง (สาหรบั ลกู เสอื สารองใหท้ าวนั ทยหตั ถ์ 2 น้วิ คอื น้วิ ชแ้ี ละน้วิ กลางเหยยี ดตรง สว่ นน้วิ ทเ่ี หลอื งอเขา้ หาฝ่ ามอื ) 1.2 เมอ่ื มผี รู้ บั การเคารพ - คาบอก “ทางขวา (ทางซา้ ย, ตรงหน้า) – วนั ทยหตั ถ”์ - การปฏบิ ตั ิ สะบดั หน้าไปยงั ผรู้ บั การเคารพ พรอ้ มกบั ยกมอื ขวาทาวนั ทยหตั ถก์ ่อนถงึ ผรู้ บั การเคารพ 3 ก้าว ตามองจบั ไปทผ่ี รู้ บั การเคารพ และหนั หน้าตาม จนกว่าผรู้ บั การเคารพจะผ่านพ้นไปแลว้ 2 กา้ ว จากนัน้ สะบดั หน้ากลบั พรอ้ มกบั ลดมอื ลง ถา้ ผรู้ บั การเคารพไมไ่ ดเ้ คลอ่ื นทผ่ี ่าน ใหส้ ะบดั หน้ากลบั พรอ้ มกบั ลดมอื ลงตามคาบอกว่า “มอื ลง” ถา้ ผรู้ บั การเคารพอยตู่ รงหน้ากป็ ฏบิ ตั ไิ ดโ้ ดยไมต่ อ้ งสะบดั หน้า 2) แลขวา (ซ้าย) – ทา เป็นท่าแสดงการเคารพ เม่อื ลูกเสอื อย่ใู นแถวมอื เปล่าหรอื ถอื อาวุธท่ี ทาท่าวนั ทยาวุธไมไ่ ด้ และเป็นท่าแสดงเคารพตามลาพงั นอกแถวของลูกเสอื ในกรณีทไ่ี มส่ ามารถแสดง การเคารพดว้ ยทา่ วนั ทยหตั ถ์ - คาบอก “แลขวา (ซา้ ย) – ทา - การปฏบิ ตั ิ สะบดั หน้าไปทางขวา (ซ้าย) ประมาณก่งึ ขวา (ซ้าย) ก่อนถงึ ผู้รบั การเคารพ 3 ก้าว ตามองจบั ไปท่ผี ู้รบั การเคารพ พรอ้ มกบั หนั หน้าตามจนกว่าผู้รบั การเคารพจะผ่านพ้นไปแล้ว 2 ก้าว แล้วสะบดั หน้ากลบั ทเ่ี ดมิ ถา้ ผรู้ บั การเคารพไมไ่ ดเ้ คลอ่ื นทผ่ี า่ น ใหส้ ะบดั หน้ากลบั ทเ่ี ดมิ ตามคาบอกว่า “แล – ตรง” ข้อแนะนาในการแสดงการเคารพ - การแสดงเคารพในเวลาเคล่อื นท่ี แขนต้องไม่แกว่าง คงเหยยี ดตรงตลอดปลายน้ิว และ หอ้ ยอยขู่ า้ งตวั (มอื ไมต่ ดิ ขาเหมอื นอยา่ งอยกู่ บั ท)่ี ค่มู ือการจดั กิจกรรมลกู เสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 4 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1 95

-รศั มแี สดงการเคารพ ถอื เอาระยะทม่ี องเหน็ เครอ่ื งหมายหรอื จาไดเ้ ป็นเกณฑ์ - กรณีเขา้ แถวรวมลูกเสอื อาวุธ เม่อื ไดย้ นิ คาบอก “ทางขวา (ซ้าย)- ระวงั -วนั ทยา-วุธ” ให้ทาท่าแลขวา (ซ้าย) พรอ้ มกับผู้ทาวนั ทยาวุธ และทาท่า “แลตรง” เม่อื ขาดคาบอกว่า “เรยี บ-อาวุธ” - ในเวลาเคล่อื นท่ี เม่อื จะต้องแสดงการเคารพโดยวธิ หี ยุด ก่อนผู้รบั การเคารพจะเข้า มาถงึ ระยะแสดงการเคารพ ให้ทาท่าหนั ในเวลาเดนิ ไปทางทศิ ท่ผี ู้รบั การเคารพจะผ่านมา โดยหยุดชดิ เท้าในท่าตรงแล้วแสดงการเคารพ เม่อื เลกิ การเคารพแล้วให้ทาท่าหนั ไปใน ทศิ ทางเดมิ และกา้ วเทา้ หลงั เคลอ่ื นทต่ี ่อไปโดยไมต่ อ้ งชดิ เทา้ - ในกรณผี รู้ บั การเคารพอยกู่ บั ท่ี ผแู้ สดงการเคารพไมต่ อ้ งหยดุ แสดงการเคารพ - การแสดงการเคารพประกอบการรายงาน เช่น ในหน้าเวรยาม ให้วง่ิ เขา้ ไปหยุดยนื ห่างจากผู้รบั การเคารพ 3 ก้าว แล้วแสดงการเคารพ หลงั จากท่รี ายงานจบหรอื ซกั ถาม เสรจ็ แลว้ ใหล้ ดมอื ลง (จากวนั ทยหตั ถ)์ หรอื เรยี บอาวุธ (จากวนั ทยาวธุ ) และกลบั ไปปฏบิ ตั ิ หน้าทต่ี ่อไป 4. ท่าหนั อย่กู บั ที่ เป็นท่าทช่ี ่วยปรบั เปลย่ี นทศิ ทางการหนั หน้าของแถว แต่ก่อนทจ่ี ะมคี าบอกให้แถวหนั ไปยงั ดา้ น ใด ตอ้ งใหแ้ ถวอยใู่ นท่าตรงเสยี ก่อน ท่าหนั อยกู่ บั ทม่ี ี 3 ท่า ดงั น้ี 1) ท่าขวาหนั เป็นทา่ ทท่ี าใหแ้ ถวหนั ไปทางดา้ นขวา - คาบอก “ขวา–หนั ” - การปฏบิ ตั ิ มี 2 จงั หวะ จงั หวะท่ี 1 เปิดปลายเท้าขาวและยกส้นเท้าซ้าย ทนั ใดนัน้ ให้หนั ตวั ไปทางขวาจนได้ 90 องศา พรอ้ มกบั หมุนเทา้ ทงั้ 2 ขา้ งตาม โดยใหส้ น้ เทา้ และปลายเทา้ ซง่ึ เป็นหลกั ตดิ อย่กู บั พน้ื น้าหนักตวั อยทู่ เ่ี ทา้ ขวา ขาซา้ ยเหยยี ดตงึ บดิ สน้ เทา้ ซา้ ยออกขา้ งนอกเลก็ น้อย ลาตวั ยดื ตรง แขนแนบชดิ กบั ลาตวั จงั หวะท่ี 2 ชกั เทา้ ซา้ ยมาชดิ เทา้ ขวาในลกั ษณะทา่ ตรงอยา่ งรวดเรว็ และแขง็ แรง 2) ท่าซ้ายหนั เป็นท่าทท่ี าใหแ้ ถวหนั ไปทางดา้ นซา้ ย - คาบอก “ซา้ ย-หนั ” - การปฏบิ ตั ิ ปฏบิ ตั เิ ป็น 2 จงั หวะเช่นเดยี วกบั ท่าขวาหนั แต่เปลย่ี นหนั ไปทางซา้ ยแทน และให้ เทา้ ซา้ ยเป็นหลกั อยกู่ บั ทแ่ี ลว้ ดงึ เทา้ ขวามาชดิ 3) ท่ากลบั หลงั หนั เป็นทา่ สาหรบั เปลย่ี นการหนั หน้าของแถว จากดา้ นหน้าไปดา้ นหลงั - คาบอก “กลบั หลงั -หนั ” - การปฏบิ ตั ิ ทาเป็น2 จงั หวะ จงั หวะท่ี 1 ทาเชน่ เดยี วกบั ท่าขวาหนั จงั หวะท่ี 1 แต่หนั เลยไปจนกลบั จากหน้าเป็นหลงั ครบ 180 องศา ใหป้ ลายเท่าซา้ ยหนั ไปหยดุ อยขู่ า้ งหลงั เฉียงซา้ ยประมาณครง่ึ กา้ วและอยใู่ นแนวสน้ เทา้ ขวา จงั หวะท่ี 2 ชกั เทา้ ซา้ ยมาชดิ เทา้ ขวาในลกั ษณะทา่ ตรงอยา่ งรวดเรว็ และแขง็ แรง 96 ค่มู อื การจดั กิจกรรมลูกเสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 4 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1

5. ท่าเดิน เป็นท่าทช่ี ่วยใหก้ ารเคล่อื นยา้ ยหรอื การเดนิ ขบวนของแถวดเู ป็นระเบยี บและสงา่ งาม ก่อนทจ่ี ะมี คาบอกใหเ้ ดนิ ตอ้ งใหแ้ ถวอยใู่ นทา่ ตรงเสยี ก่อน มี 6 ท่า 1) เดนิ ตามปกติ - คาบอก “หน้า – เดนิ ” - การปฏบิ ตั ิ โน้มน้าหนักตวั ไปขา้ งหน้า พรอ้ มกบั ก้าวเท้าซ้ายออกเดนิ ก่อน ขาเหยยี ดตึงปลายเท้างุม้ สน้ เทา้ สูงจาพน้ื ประมาณ 1 คบื เมอ่ื จะวางเทา้ และกา้ วเทา้ ต่อไป ใหโ้ น้มน้าหนกั ตวั ไปขา้ งหน้าตบเตม็ ฝ่า เท้าอย่างแขง็ แรง แล้วจงึ ก้าวเท้าขวาตาม โดยเดนิ ตบเทา้ ซ้ายและขวาสลบั กนั เป็นจงั หวะอย่างต่อเน่ือง ทรงตวั และศรี ษะอยใู่ นท่าตรง แกว่งแขนตามปกตเิ ฉียงไปขา้ งหน้าและขา้ งหลงั พองาม เมอ่ื แกว่งแขนไป ขา้ งหน้าขอ้ ศอกงอเลก็ น้อย เม่อื แกว่งแขนไปขา้ งหลงั ใหแ้ ขนเหยยี ดตรงตามธรรมชาติ หนั หลงั มอื ออก นอกตวั แบมอื น้วิ มอื เรยี งชดิ ตดิ กนั ความยาวของกา้ วนับจากสน้ เทา้ ถงึ สน้ เทา้ ประมาณ 40-60 ซม. รกั ษาความยาวของกา้ วใหค้ งท่ี อตั ราความเรว็ ในการเดนิ นาทลี ะ 90-100 ก้าว การเดนิ เป็นหมตู่ ้องเดนิ ใหพ้ รอ้ มกนั ถ้ามจี งั หวะต้องเดนิ ใหเ้ ขา้ จงั หวะ 2) เดนิ ตามสบาย - คาบอก “เดนิ ตามสบาย” - การปฏบิ ตั ิ เปล่ียนจากเดินตามปกติเป็นเดินตามสบาย ระยะก้าวเช่นเดียวกับเดินปกติ แต่อัตรา ความเรว็ ในการเดนิ นาทลี ะ 120-150 กา้ ว ไม่ตอ้ งรกั ษาท่าทางใหเ้ คร่งครดั การเดนิ เป็นหม่ไู มจ่ าเป็นตอ้ ง เดนิ ใหพ้ รอ้ มกนั อาจพดู กนั ไดเ้ วน้ แต่จะมคี าสงั่ หา้ ม 3) เดนิ ครง่ึ กา้ ว - คาบอก “เปลย่ี นเทา้ ” - การปฏบิ ตั ิ ก้าวเท้าไปขา้ งหน้าอกี 1 ก้าว ยงั้ ตวั พรอ้ มกบั ก้าวเท้าหลงั ใหป้ ลายเท้าหลงั ชดิ ส้นเทา้ หน้า และกา้ วเทา้ ออกเดนิ เดนิ ต่อไป 4) เดนิ ครง่ึ กา้ ว - คาบอก “ครง่ึ กา้ ว – เดนิ ” - การปฏบิ ตั ิ เปล่ียนจากเดินตามปกติเป็นเดินตามสบาย ระยะก้าวเช่นเดียวกับเดินปกติ แต่อัตรา ความเรว็ ในการเดนิ นาทลี ะ 120-150 กา้ ว ไม่ตอ้ งรกั ษาทา่ ทางใหเ้ ครง่ ครดั การเดนิ เป็นหมไู่ มจ่ าเป็นตอ้ ง เดนิ ใหพ้ รอ้ มกนั อาจพดู กนั ไดเ้ วน้ แต่จะมคี าสงั่ หา้ ม ถ้าจะให้เดนิ เต็มก้าวต่อไป ให้ใช้คาบอกว่า “หน้า-เดนิ ” ส่วนท่าหยุดจากท่าเดินครง่ึ ก้าว ปฏบิ ตั เิ ชน่ เดยี วกบั ทา่ เดนิ ปกติ ค่มู ือการจดั กิจกรรมลกู เสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 4 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1 97

5) ซอยเทา้ - คาบอก “ซอยเทา้ – ทา” - การปฏบิ ตั ิ เม่อื หยุดอย่กู บั ท่ี ถ้าได้ยนิ คาบอกว่า “ซอยเท้า-ทา” ให้ยกเท้าขน้ึ ลงสลบั กนั อยู่กบั ท่ตี าม จงั หวะการเดนิ ในครงั้ นัน้ โดยยกเท้าซา้ ยขน้ึ ก่อน เท้าท่ยี กขน้ึ นัน้ พ้นื รองเท้าต้องสูงจากพ้นื ประมาณ 1 คบื มอื และการแกว่างแขนเป็นไปตามทา่ เดนิ ครงั้ นนั้ ถา้ กาลงั เดนิ เมอ่ื ไดย้ นิ คาบอกวา่ “ซอยเทา้ -ทา” ไมว่ า่ เทา้ ใดจะตกถงึ พน้ื กต็ าม ใหเ้ ดนิ ต่อไป อกี 1 ก้าว แลว้ กา้ วเทา้ หลงั ใหส้ น้ เทา้ หลงั เสมอแนวเดยี วกบั สน้ เทา้ หน้า และยกเทา้ เดมิ นนั้ ขน้ึ ก่อนต่อไป เป็นการปฏบิ ตั เิ ช่นเดยี วกบั เมอ่ื หยดุ อยกู่ บั ท่ี ทงั้ 2 แบบ เม่อื จะให้เดนิ ต่อไปใช้คาว่า “หน้า-เดนิ ” เม่อื เทา้ ซ้ายตกถงึ พ้นื ซอยเท้าขวาอยู่ กบั ท่ี แลว้ กา้ วเทา้ ซา้ ยออกเดนิ ต่อไป ถา้ จะใหห้ ยุดใชค้ าบอกว่า “แถว-หยุด” เช่นเดยี วกบั ท่าหยดุ ในเวลา เดนิ 6) เดนิ เฉยี ง - คาบอก “เฉียงขาว (ซา้ ย), – ทา” - การปฏบิ ตั ิ เม่อื ขาดคาบอกว่า “ทา” ในขณะทเ่ี ทา้ ขวา (ซา้ ย) ตกถงึ พน้ื ใหก้ า้ วเทา้ ซา้ ย (ขวา) ออกเดนิ ต่อไป พรอ้ มกบั บดิ ปลายเทา้ และหนั ตวั ไปทางกง่ึ ขวา (ซา้ ย) แลว้ กา้ วเทา้ หลงั เดนิ ไปในทศิ ทางใหม่ทเ่ี ป็น มมุ 45 องศา กบั ทศิ ทางเดนิ โดยต่อเน่ือง ไม่มกี ารหยุดชะงกั จงั หวะก้าวเป็นไปตามจงั หวะของท่าเดนิ ครงั้ นนั้ ถ้าจะใหก้ ลบั มาเดนิ ในทิศทางเดมิ ใชค้ าบอกว่า “เดนิ ตรง” ลกู เสอื กา้ วเทา้ ทากง่ึ ซา้ ย (ขวา) แล้ว เดนิ ตรงไปขา้ งหน้าต่อไป คาบอกตอ้ งบอกในขณะทเ่ี ทา้ ซา้ ย (ขวา) ตกถงึ พน้ื 6. ท่าหยดุ เป็นทา่ ทต่ี ดิ ตามจากท่าเดนิ ซง่ึ ชว่ ยทาใหก้ ารหยดุ แถวของลกู เสอื มคี วามพรอ้ มเพรยี งกนั - คาบอก “แถว – หยดุ ” - การปฏบิ ตั ิ ขณะกาลงั เดนิ ตามปกติ เมอ่ื ไดย้ นิ คาบอก “แถว – หยุด” ไมว่ ่าเทา้ ขา้ งใดขา้ งหน่ึงจะตกถงึ พน้ื กต็ าม ใหป้ ฏบิ ตั ิ 2 จงั หวดั คอื จงั หวะท่ี 1 กา้ วเทา้ ต่อไปอกี 1 กา้ ว จงั หวะท่ี 2 ชกั เทา้ หลงั ชดิ เทา้ หน้าในลกั ษณะท่าตรง อยา่ งแขง็ แรง 7. ท่าก้าวทางข้าง ใชฝ้ ึกลกู เสอื เพอ่ื นาไปใชต้ ามลาพงั ในแถว และเมอ่ื มกี ารจดั หรอื รน่ แถวในระยะสนั้ ๆ ซง่ึ ตอ้ งการ ความเป็นระเบยี บเรยี บรอ้ ย เชน่ ในพธิ ตี รวจพลสวนสนาม เป็นตน้ - คาบอก “กา้ วทา้ วขวา (ซา้ ย),ทา” - การปฏบิ ตั ิ 98 คมู่ ือการจดั กิจกรรมลกู เสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 4 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1

ยกสน้ เทา้ ทงั้ สองขา้ ง แลว้ กา้ วเทา้ ขวา (ซา้ ย) ไปทางขวา (ซา้ ย) 30 ซม. (หรอื ประมาณคร่ึง กา้ วปกต)ิ แลว้ ชกั เทา้ ซา้ ย (ขวา) ไปชดิ อยา่ งแขง็ แรง ระหว่างทใ่ี ชเ้ ทา้ เคล่อื นทน่ี นั้ เขา่ ทงั้ สองต้องตกึ สน้ เทา้ ยก และกา้ วทางขา้ งต่อไปในจงั หวะเดนิ ปกติ ถา้ จะใหห้ ยดุ จากท่ากา้ วทางขา้ ง ใหใ้ ชค้ าบอกวา่ “แถว – หยดุ ” ในขณะทเ่ี ทา้ ทงั้ สองขา้ งมา ชดิ กนั ให้ปฏิบตั ิโดยก้าวไปทางขวา (ซ้าย) อีก 1 ก้าว และหยุดด้วยการก้าวเท้าอีกข้างหน่ึงไปชิด จากนนั้ ใหอ้ ยใู่ นลกั ษณะท่าตรงทนั ที ถ้าทกี ารกาหนดจานวนก้าวให้ ลูกเสอื คงก้าวต่อไปตามจานวนก้าวท่กี าหนด แลว้ หยุดเอง โดยไมต่ อ้ งใชค้ าบอก “แถว – หยดุ ) 8. ท่าก้าวถอยหลงั ใช้ในการจดั แถวเม่อื อย่กู บั ท่ี และทาในระยะสนั้ ๆ เท่านัน้ เป็นการฝึกลูกเสอื เพ่อื นาไปใชต้ าม ลาพงั ในแถว หรอื ในความควบคุมตามคาบอก เชน่ “กา้ วถอยหลงั 3 กา้ ว, ทา” เป็นตน้ - คาบอก “กา้ วถอยหลงั , ทา” - การปฏบิ ตั ิ เอนตวั ไปขา้ งหลงั เลก็ น้อย พรอ้ มกบั ก้าวเทา้ ซ้ายถอยหลงั วางเทา้ ลงให้ปลายเท้าลงก่อน แกวา่ งแขนตามปกติ ระยะกา้ ว 30 ซม. (ครง่ึ กา้ วปกต)ิ จงั หวะกา้ วเชน่ เดยี วกบั ทา่ เดนิ ตามปกติ ถ้าจะให้หยุดจากท่าก้าวถอยหลงั ใหใ้ ช้คาบอกว่า “แถว – หยุด” ไม่ว่าเขา้ ขา้ งใดจะตกถงึ พน้ื ใหก้ ้าวถอยหลงั ไปอกี 1 ก้าว แลว้ ชกั เทา้ ทอ่ี ย่ขู า้ งหน้าไปชดิ ส้นเทา้ ทอ่ี ย่ขู า้ งหลงั และอยใู่ นลกั ษณะ ทา่ ตรงทนั ที ถ้ามกี ารกาหนดจานวนก้าวให้ ลูกเสอื คงก้าวต่อไปตามจานวนก้าวท่กี าหนด แล้วหยุดเอง โดยไมต่ อ้ งใชค้ าบอก “แถว – หยดุ ” 9. ท่าว่ิง ใชใ้ นโอกาสท่ตี ้องการความรวดเรว็ ในการเคล่อื นท่ี ระยะใกล้ ๆ หรอื ใช้เพ่อื การออกกาลงั กาย ของลกู เสอื 1) การว่ิง - คาบอก “วง่ิ , หน้า – วงิ่ ” - การปฏบิ ตั ิ ออกวงิ่ ด้วยเท้าซ้าย และวางปลายเท้าลงพ้นื ก่อน งอเข่าเล็กน้อย โน้มตวั ไปขา้ งหน้า ขา หลงั ไมต่ อ้ งเหยยี ดตงึ ปลายเทา้ ยกสงู จากพน้ื พอควร มอื ยกขน้ึ เสมอราวนม กามอื หนั ฝ่ามอื เขา้ หาตวั ยืด อก ศรี ษะตงั้ ตรง ขณะวงิ่ ให้แกว่งแขนท่งี อตามจงั หวะก้าวได้พอสมควร ระยะก้าวประมาณ 50-60 ซม. พยายามรกั ษาระยะกา้ วใหค้ งท่ี อตั ราความเรว็ นาทลี ะ 150-160 กา้ ว ท่าน้เี รม่ิ ไดท้ งั้ เวลาอยกู่ บั ทแ่ี ละขณะกาลงั เดนิ ถ้ากาลงั เดนิ อยู่ เมอ่ื สน้ิ คาบอกไม่วา่ เทา้ ใดจะ ตกถงึ พน้ื กต็ าม ใหก้ า้ วต่อไปอกี 1 กา้ วแลว้ เรม่ิ วง่ิ ทนั ที (ปกตคิ วรบอกเม่อื ตกเทา้ ขวา) ค่มู ือการจดั กิจกรรมลกู เสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 4 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 1 99


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook