Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 11._aephnkaarcchadkicchkrrm_m_5_m_6-com

11._aephnkaarcchadkicchkrrm_m_5_m_6-com

Published by E-book Bang SAOTHONG Distric Public library, 2019-03-29 12:14:02

Description: 11._aephnkaarcchadkicchkrrm_m_5_m_6-com

Search

Read the Text Version

5) คณะกรรมการประจากอง สรปุ เรอ่ื งพจิ ารณาเสนอต่อผกู้ ากบั ลกู เสอื 4.4 ผกู้ ากบั ลกู เสอื เลา่ เรอ่ื งสนั้ ทเ่ี ป็นประโยชน์ เรอ่ื ง ลาปลอมเป็นราชสหี ์ 4.5 พธิ ปี ิดประชมุ กอง (นดั หมาย ตรวจเครอ่ื งแบบ ชกั ธงลง เลกิ ) 5. การประเมินผล 5.1 สงั เกตความรว่ มมอื ในการปฏบิ ตั กิ จิ กรรม 5.2 สงั เกตกระบวนการคดิ จากการอภปิ ราย ภาคผนวกประกอบแผนการจดั กิจกรรมท่ี 5 เพลง บริการ (สรอ้ ย) บรกิ าร บรกิ าร งานทพ่ี วกเราทา เป็นประจา เราทาไปไมเ่ คยคดิ รวนเร เฮ้ (ซา้ ) เราทาดว้ ยความยนิ ดี ไมเ่ คยคดิ ทจ่ี ะเบ่อื เพราะเราน้เี ป็นลกู เสอื หน่วยงานบรกิ าร เกบ็ กวาดเราทาทกุ อยา่ ง สะอาดทุกทางทผ่ี ่าน หน้าทท่ี กุ ๆ สถาน เราน้ีบรกิ ารทวั่ ไป ใบความรู้ วิชาบริการ หลกั สตู ร (1) ทาหน้าทพ่ี เ่ี ลย้ี งลกู เสอื วสิ ามญั ทเ่ี ขา้ ใหม่ (2) ทาหน้าทเ่ี ป็นกรรมการของกอง (3) บาเพญ็ ประโยชน์ต่อกองลกู เสอื ขนตนไมน่ ้อยกวา่ 9 ครงั้ (4) บาเพญ็ ประโยชน์ต่อกองลกู เสอื อ่นื ไมน่ ้อยกวา่ 6 ครงั้ (5) บาเพญ็ ประโยชน์ต่อชุมชนไมน่ ้อยกวา่ 3 ครงั้ วตั ถปุ ระสงค์ 1. อธบิ ายถงึ หน้าทข่ี องพเ่ี ลย้ี งไดถ้ กู ตอ้ งและปฏบิ ตั หิ น้าทพ่ี เ่ี ลย้ี งของลกู เสอื วสิ ามญั ทเ่ี ขา้ ใหมไ่ ด้ 2. อธบิ ายถงึ หน้าท่คี ณะกรรมการประจากองไดถ้ ูกต้อง และปฏบิ ตั หิ น้าทใ่ี นคณะกรรมการประจา กองได้ 50 คมู่ ือการจดั กิจกรรมลกู เสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 5-6 และ ปวช.2-3

3. อธบิ ายความหมายของการบรกิ ารและประเภทของการบรกิ ารได้ 4. อธบิ ายหลกั ในการใหบ้ รกิ ารได้ 5. อธบิ ายงานและโอกาสท่จี ะให้บรกิ ารหรอื บาเพ็ญประโยชน์ต่อตนเอง ขบวนการลูกเสือและ ชุมชนได้ 6. ปฏบิ ตั ติ นไดต้ ามคตพิ จน์ของลกู เสอื วสิ ามญั แนวการจดั การฝึ กอบรม จดั ใหม้ กี ารฝึกอบรมใหม้ คี วามรทู้ างทฤษฎตี ามวตั ถุประสงคท์ ไ่ี ดก้ าหนดไว้ โดยใชว้ ธิ บี รรยายนาและ ให้อภิปรายกลุ่ม หรอื เทคนิคการสอนอ่ืนใดท่เี หมาะสม จากนัน้ ให้ได้รบั การฝึกด้านบรกิ ารแก่ขบวนการ ลูกเสือและชุมชนตามความเหมาะสมอย่างสม่าเสมอ จนกระทงั่ ลูกเสอื วสิ ามญั เห็นความสาคญั ของการ บรกิ าร และยนิ ดที จ่ี ะใหบ้ รกิ ารต่อผอู้ ่นื เสมอ เนื้อหาวิชาประกอบการฝึ กอบรมตามหลกั สตู ร 1. บทนา บ.ี พ.ี กลา่ วว่า “การลกู เสอื วสิ ามญั ประกอบดว้ ยคณะบุคคลทม่ี คี วามเป็นพน่ี ้องกนั ในการใชช้ วี ติ กลางแจง้ และในการใหบ้ รกิ ารแก่ผอู้ ่นื “ วตั ถุประสงคข์ องการลกู เสอื วสิ ามญั คอื (1) เพ่อื ใหก้ ารฝึกอบรมในหน้าท่พี ลเมอื งต่อจากท่ไี ด้ใหแ้ ก่ลูกเสอื สารอง ลูกเสอื สามญั และลูก สามญั รนุ่ ใหญ่ ไวแ้ ลว้ แต่มชี อ่ งทางทจ่ี ะปฏบิ ตั กิ วา้ งกว่า เพอ่ื ใหเ้ หมาะสมแกวยั ของลกู เสอื วสิ ามญั (2) เพ่อื สนับสนุนให้ลูกเสอื วสิ ามญั ประกอบอาชพี ท่เี ป็นประโยชน์แก่ตนเองและเพ่อื ให้บรกิ าร แกชมุ ชน การฝึกอบรมลกู เสอื วสิ ามญั อย่ใู นระหว่างระยะเวลาท่คี นหนุ่ม “กาลงั สรา้ งตนเอง” กล่าวคอื พฒั นานิสยั ใจคอของเขา กาลงั กายของเขา และพยายามทจ่ี ะช่วยเหลอื เขาใหน้ าเอาหลกั ของคาปฏญิ าณและ กฎของลกู เสอื มาปฏบิ ตั ใิ นการดาเนินชวี ติ ประจาวนั 2. บทบาทของพี่เลีย้ ง พเ่ี ลย้ี ง คอื ลกู เสอื วสิ ามญั รุ่นพท่ี ผ่ี ่านการเขา้ ประจากองแลว้ เป็นผทู้ ่มี คี วามรู้ ความสามารถ พ่ี เลย้ี งมหี น้าทด่ี งั น้ี (1) เป็นเพ่อื นท่ดี หี รอื เป็นพ่ที ม่ี คี วามปรารถนาดตี ่อเตรยี มลูกเสอื วสิ ามญั ใหญ่ซ่งึ เปรยี บเสมอื น น้อง และอาจจะยงั ไมเ่ ขา้ ใจว่าควรปฏบิ ตั หิ รอื บาเพญ็ ตนอยา่ งไรในกองลกู เสอื วสิ ามญั (2) เป็นตวั อยา่ งทด่ี แี ก่เตรยี มลกู เสอื วสิ ามญั ใหมใ่ นเรอ่ื งต่าง ๆ โดยทวั่ ไป (3) ชว่ ยเหลอื ชแ้ี จง แนะนา เตรยี มลกู เสอื วสิ ามญั ในเรอ่ื งธรรมเนียมประเพณีของกอง (4) ช่วยเหลอื ช้แี จง แนะนาเตรยี มลูกเสอื วสิ ามญั ในการฝึกอบรมตามหลกั สูตรเคร่อื งหมาย ลกู เสอื โลก ค่มู อื การจดั กิจกรรมลกู เสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 5-6 และ ปวช.2-3 51

(5) เป็นผมู้ บี ทบาทสาคญั ในพธิ เี ขา้ ประจากองของเตรยี มลูกเสอื วสิ ามญั ทต่ี นไดร้ บั มอบหมายให้ เป็นพเ่ี ลย้ี ง ผูท้ ไ่ี ด้รบั มอบหมายให้ทาหน้าท่พี ่เี ลย้ี งเตรยี มลูกเสอื วสิ ามญั ใหม่ ควรถือว่าเป็นงานทม่ี เี กยี รติ และควรปฏบิ ตั หิ น้าทต่ี ามทไ่ี ด้รบั มอบหมายอย่างจรงิ จงั นอกจากนัน้ การรบั หน้าทน่ี ้ียงั มปี ระโยชน์แก่ตัวพ่ี เลย้ี งเอง คอื เท่ากบั เป็นการฝึกอบรมในเร่อื งการเป็นผนู้ าตามตวั อยา่ ง นอกจากนนั้ ยงั เป็นการช่วยเหลอื งาน ของกองลกู เสอื วสิ ามญั ในการฝึกอบรมเตรยี มลกู เสอื วสิ ามญั ใหม้ คี ณุ ภาพและเป็นกาลงั ของกองต่อไปอกี ดว้ ย ลกู เสอื วสิ ามญั ทุกคนในกอง ควรมโี อกาสไดร้ บั มอบหมายใหท้ าหน้าท่ีพเ่ี ลย้ี งอยา่ งน้อยครงั้ หน่ึง ในโอกาสอนั สมควร ผู้ท่จี ะทาหน้าท่พี ่เี ล้ยี งจะต้อมคี วามรคู้ วามสามารถทางลูกเสอื เป็นอย่างดี และจะต้องเป็นผู้มี มนุษยสมั พนั ธท์ ด่ี ดี ว้ ย โดยการศกึ ษาหลกั มนุษยสมั พนั ธแ์ ละความเป็นผนู้ าทถ่ี กู ตอ้ ง มพี เ่ี ลย้ี งไมน่ ้อยทม่ี กั จะ ใชอ้ านาจทผ่ี ดิ กบั รนุ่ น้อง ซง่ึ เป็นการทาลายบุคลกิ ภาพของตนเอง รวมถงึ ทาลายความรสู้ กึ ทด่ี ขี องรนุ่ น้องต่อ ขบวนการลูกเสอื ฉะนัน้ ผู้ท่จี ะเป็นพ่เี ล้ยี งต้องไดร้ บั การฝึกอบรมให้มมี นุษยสมั พนั ธท์ ่ดี ี และมภี าวะความ เป็นผนู้ าทถ่ี กู ตอ้ ง 3. คณะกรรมการประจากองลกู เสือวิสามญั คณะกรรมการประจากองลูกเสือวิสามญั ประกอบด้วย หวั หน้านายหมู่เป็นประธาน ผู้ช่วย หวั หน้าเป็นรองประธาน กบั ใหน้ ายหมู่ รองนายหม่ใู นกองนัน้ เป็นกรรมการ แล้วเลอื กกนั เองเป็นกรรมการ ฝ่ ายต่าง ๆ เช่น เลขานุการ เหรญั ญิก ทะเบียน ปฏิคม วชิ าการ ประชาสัมพันธ์ พัสดุ กรรมการกีฬา กรรมการนนั ทนาการ กรรมการกลาง ฯลฯ และนาเสนอผกู้ ากบั พจิ ารณาอนุมตั แิ ละสงั่ แต่งตงั้ กรรมการประจากองใหอ้ ย่ใู นตาแหน่งไมเ่ กนิ 12 เดอื น ทงั้ น้ี เพ่อื เปิดโอกาสใหผ้ อู้ ่นื ไดป้ ฏบิ ตั ใิ น ตาแหน่งหวั หน้านายหมู่ ผู้ช่วยหวั หน้านายหมู่ และกรรมการดาเนินงานของกองบ้าง แต่ในบางกรณีท่ี ประชุมคณะกรรมการประจากองอาจเสนอให้ผู้กากบั ฯ พจิ ารณาแต่งตงั้ คณะกรรมการประจากองชุดเดมิ ปฏบิ ตั หิ น้าทต่ี ่อไปอกี หรอื จะใหม้ กี ารเปลย่ี นแปลงแต่บางตาแหน่งกไ็ ด้ ใหม้ กี ารประชมุ คณะกรรมการประจากองอยา่ งน้อยเดอื นละครงั้ ในการประชุมใหห้ วั หน้านายหมู่ เป็นประธานทป่ี ระชุม ผชู้ ่วยหวั หน้านายหมู่ 1 คน เป็นรองประธาน เลขานุการเป็นผู้จดั รายงานการประชุม สว่ นผบู้ งั คบั บญั ชาลกู เสอื ทเ่ี ขา้ ประชมุ ดว้ นใหท้ าหน้าทเ่ี ป็นทป่ี รกึ ษา คณะกรรมการประจากองมหี น้าทด่ี งั น้ี (1) วางแผนและจดั กจิ กรรมในวนั ประชุมกองประจาสปั ดาห์ (2) ในกรณีท่ีมกี ิจกรรมพิเศษ อาจจะพิจารณาแต่งตงั้ ลูกเสือวสิ ามญั ในกองคนหน่ึงให้เป็น หวั หน้ากจิ กรรมนนั้ (3) บรหิ ารกจิ การภายในกองลกู เสอื (4) รกั ษาเกยี รตขิ องกองลกู เสอื (5) ควบคมุ การรบั จา่ ยเงนิ ของกองลกู เสอื (6) ใหป้ ระธานหรอื ผแู้ ทนทร่ี บั มอบหมายเป็นผแู้ ทนของกอง ในการตดิ ต่อกบั บุคคลภายนอก 52 คมู่ ือการจดั กิจกรรมลกู เสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 5-6 และ ปวช.2-3

(7) จดั ให้มคี ูหา (Den) ของกอง ขนาดอย่างน้อย 4-6 เมตร เพ่อื ใช้เป็นสถานท่เี อนกประสงค์ ของกอง (8) คดั เลอื กลูกเสอื วสิ ามญั อาวุโส 1 หรอื 2 คน ท่รี อบรงู้ านลูกเสอื วสิ ามญั เพ่อื ให้ทาหน้าท่พี ่ี เล้ยี ง (Sponsor) เตรยี มลูกเสอื วสิ ามญั (Rover Squire) แต่ละคนจนกว่าเตรยี มลูกเสอื วสิ ามญั นัน้ จะผ่าน หลักสูตรเคร่อื งหมายลูกเสือโลก ผ่านการสารวจตัวเอง (Vigil) และได้เข้าประจากอง (Investiture) เป็น ลกู เสอื วสิ ามญั (Rover Scout) โดยสมบรู ณ์ งานสาคญั อย่างหน่ึงของการฝึกอบรมลูกเสอื วสิ ามญั คอื การรบั หน้าทเ่ี ป็นกรรมการประจากอง เพอ่ื รว่ มกนั ดาเนนิ งานของกอง ภายใตก้ ารนาและควบคุมดแู ลของผกู้ ากบั ฯ หน้าท่ขี องคณะกรรมการประจากองประการหน่ึงตามท่กี ล่าวแล้ว คอื จดั ให้มคี ูหาของกองซ่งึ รวมถงึ การจดั ใหม้ สี ง่ิ จาเป็นและการตกแต่ง คหู าลูกเสอื วสิ ามญั (Rover Den) หมายถงึ สถานทข่ี องลกู เสอื วสิ ามญั ซง่ึ เป็นสถานทป่ี ระกอบ กจิ กรรมของลูกเสอื วสิ ามญั เช่น การประชุมวางแผนหรอื ประกอบพธิ ปี ระดบั แถบสี (สาหรบั เตรยี มลูกเสอื วสิ ามญั และลกู เสอื วสิ ามญั ) ตอ้ งการใหล้ กู เสอื วสิ ามญั มสี ถานทร่ี วมจติ ใจ ยดึ มนั่ ในอุดมการณ์ของลกู เสอื (1) บรเิ วณสถานทค่ี วรเป็นทส่ี งบเงยี บ มบี รเิ วณกวา้ งขวาง มคี วามสะอาดโดยรอบบรเิ วณ (2) ลกั ษณะการปลูกสรา้ ง จะเป็นทรงใดก็ได้ให้ดแู ลว้ เป็นท่สี ะดุดตา อาจเป็นทรงไทยหรอื ทรงประยกุ ต์ (3) วสั ดุทใ่ี ชก้ ่อสรา้ ง จะใช้วสั ดุอย่างไร กแ็ ลว้ แต่ฐานะทางการเงนิ ของกองเป็นสาคญั การ ก่อนสรา้ งอาจจะใชไ้ มก้ ลม ปีกไม้ หรอื ก่ออฐิ แต่ทส่ี าคญั คอื ใหม้ คี วามคงทน (4) การสรา้ งภายในคหู า - มหี อ้ งประชมุ - มหี อ้ งสมดุ เกย่ี วกบั ลกู เสอื - มหี อ้ งเกบ็ เครอ่ื งหมาย - มหี อ้ งเกบ็ พสั ดุ - มหี อ้ งน้า - มที ส่ี าหรบั พกั (5) ส่ิงประกอบภายใจ คูหาลูกเสือวสิ ามญั เป็นสถานท่ซี ่ึงใช้สาหรบั พิธีการต่าง ๆ ของ ลกู เสอื วสิ ามญั ดว้ ย จงึ ตอ้ งมสี ง่ิ ต่าง ๆ ซง่ึ เป็นทเ่ี คารพสกั การะ ดงั น้ี - พระพุทธรูปและโต๊ะหมู่บูชา ถ้าลูกเสอื นับถือศาสนาเดียวกัน ก็ให้ป ระดิษฐาน พระพทุ ธรปู ไวบ้ นโต๊ะบชู า หรอื ศาสนาอ่นื กแ็ ลว้ แต่ความเคารพนบั ถอื - ธงชาติ ธงประจากอง - พระบรมฉายาลกั ษณ์พระประมขุ ของคณะลกู เสอื แห่งชาติ - พระบรมรปู รชั กาลท่ี 6 พระผพู้ ระราชทานกาเนดิ ลกู เสอื ไทย - รปู บ-ี พี ผกู้ ่อกาเนดิ ลกู เสอื โลก ค่มู ือการจดั กิจกรรมลูกเสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 5-6 และ ปวช.2-3 53

- คาปฏญิ าณและกฎของลกู เสอื (6) ลกั ษณะการใชค้ หู าลกู เสอื วสิ ามญั - ใชเ้ ป็นทส่ี อนและอบรมลกู เสอื - ใชเ้ ป็นทป่ี ระชมุ คณะกรรมการประจากองหรอื ประชุมสมาชกิ ของกอง - ใชค้ น้ ควา้ หาความรเู้ ป็นหอ้ งสมดุ - ใชท้ าพธิ ที างศาสนา เช่น ทาบุญในโอกาสครบรอบตงั้ กองลกู เสอื - ใชท้ าพธิ ที างลกู เสอื พธิ เี ขา้ ประจากอง เชน่ ตดิ แถบ ถวายราชสดุดี - ใชเ้ ป็นพพิ ธิ ภณั ฑข์ องทร่ี ะลกึ ทไ่ี ดม้ าจากทอ่ี ่นื ๆ หรอื ต่างประเทศ - ใชเ้ ป็นสานกั งานของลกู เสอื วธิ ปี ฏบิ ตั ใิ นการประชุมคณะกรรมการประจากอง มหี ลกั ปฏบิ ตั ใิ หถ้ ูกตอ้ งตามระเบยี บและวธิ กี าร ดงั น้ี การจดั ทป่ี ระชมุ (1) หอ้ งประชุม ในหอ้ งประชุมจดั ใหม้ โี ต๊ะหมบู่ ชู า มพี ระพุทธรปู ธงชาติ และพระบรมฉายา ลกั ษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หวั รชั กาลปัจจุบนั กบั มพี ระพุทธรูปของพระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั องคพ์ ระผพู้ ระราชทานกาเนดิ ลกู เสอื ไทย และรปู ของลอรด์ เบเดน โพเอล (2) โต๊ะประชุม ควรจดั ให้มเี ก้าอ้ปี ระชุมตามจานวนของนายหมู่ รองนายหมู่ และจัดเป็น พเิ ศษสาหรบั ผกู้ ากบั ฯ หรอื รองผกู้ ากบั ฯ ทจ่ี ะเขา้ ประชุมดว้ ยในฐานะทป่ี รกึ ษา โดยจดั ใหน้ งั่ อย่ทู างซา้ ยของ ประธาน (3) การจดั ท่นี งั่ จะตอ้ งกาหนดไวใ้ หท้ ราบ โดยมกี ารเขยี นป้ายหรอื เคร่อื งหมายแสดงไว้ ณ ท่นี ัน้ ๆ เช่น ประธาน รองประธาน เลขานุการ หมู่ 1 รอง ฯ หมู่ 1 หมู่ 2 หมู่ 3 รอง ฯ หมู่ 3 ฯลฯ และผู้ กากบั ลกู เสอื (4) ผเู้ ขา้ ประชุม - นายหมทู่ ุกหมแู่ ละรองนายหมทู่ ุกหมู่ - ผกู้ ากบั ลกู เสอื ถา้ ผกู้ ากบั ลกู เสอื ไมอ่ ยใู่ หร้ องผกู้ ากบั ฯ เขา้ ประชุมแทน - ผทู้ รงคณุ วุฒทิ ก่ี องลกู เสอื เชญิ มา เพ่อื แนะนาวชิ าการเป็นครงั้ คราว - หวั หน้านายหมู่ในฐานะประธาน รองหวั หน้านายหมู่ 1 คน ในฐานะรองประธาน และเลขานุการผจู้ ดรายงานการประชุม (5) การเขา้ หอ้ งประชุม เลขานุการจะเป็นผเู้ ชญิ โดยให้นายหม่แู ละรองนายหม่ตู ่าง ๆ เขา้ ก่อนแล้วจงึ เชญิ ประธานและท่ีปรกึ ษาเข้าเป็นคนสุดท้าย ผู้ท่เี ข้าประชุม ก่อนท่ีจะเข้านัง่ จะต้องไปไหว้ พระพุทธรูป และแสดงความเคารพต่อธงชาติ และพระบรมฉายาลกั ษณ์ของพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อย่หู วั ตามลาดบั เสยี ก่อน โดยวธิ วี นั ทยหตั ถ์ แลว้ จงึ ไปนงั่ ทข่ี องตน (ยกเวน้ ประธานจะต้องจดุ ธปู เทยี นและกราบท่ี หน้าพระ) 54 คมู่ อื การจดั กิจกรรมลกู เสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 5-6 และ ปวช.2-3

(6) การเปิดประชุม เป็นหน้าท่ขี องประธานท่ีจะกล่าวเปิด โดยลุกข้นึ ยนื หนั หน้าเข้าสู่ท่ี ประชุม ยน่ื มอื ขวาออกไปขา้ งหน้าทามุมประมาณ 45 องศา แขนเหยยี ดตรงแสดงรหสั ของลูกเสอื แลว้ กล่าว วา่ “บดั น้ีสมาชกิ ของทป่ี ระชุมไดม้ าครบองคป์ ระชมุ แลว้ ขา้ พเจา้ ขอเปิดการประชุม ขอใหส้ มาชกิ ทงั้ หลายได้ ใชส้ ทิ ธแิ ละเสรภี าพของท่านโดยเสรใี นการประชุม และขอใหถ้ อื วา่ การประชุมน้เี ป็นความลบั ไมเ่ ปิดเผย” เมอ่ื ประธานกล่าวจบ สมาชิกท่ีประชุมยนื ข้นึ พร้อมกนั พร้อมกับยกมือขวาข้นึ แสดงรหัสลูกเสอื แบบให้คา ปฏญิ าณของลูกเสอื และกล่าวพรอ้ มกนั ว่า “ข้าพเจ้าจะถือว่าการประชุมน้ีเป็นความลบั เวน้ ไวแ้ ต่จะได้รบั ความเหน็ ชอบจากทป่ี ระชุม” เสรจ็ แลว้ ประธานนงั่ ลง สมาชกิ นงั่ ลงพรอ้ มกนั จากนนั้ จงึ ใหด้ าเนินการประชุม ตามระเบยี บวาระต่อไป (7) การพูดในทป่ี ระชุม ก่อนพดู ตอ้ งยกมอื ขออนุญาต เมอ่ื ประธานอนุญาตจงึ จะพดู ได้ (และ จะตอ้ งพดู กบั ประธานทุกครงั้ ) เมอ่ื เวลาพดู ใหน้ งั่ ไมต่ อ้ งยนื (8) การนดั หมายเรยี กประชุม เป็นหน้าทข่ี องเลขานุการทจ่ี ะแจง้ นดั หมายไป (9) การจดั ระเบยี บวาระการประชุม เป็นหน้าทข่ี องเลขานุการทจ่ี ะแจง้ นดั หมายไป (10) เรอ่ื งทจ่ี ะจดั เขา้ วาระการประชมุ ควรเป็นเรอ่ื งทเ่ี กย่ี วกบั หน้าทค่ี วามรบั ผดิ ชอบในกอง ลูกเสอื ของตน จดั ทากาหนดการฝึกอบรม การอย่คู ่ายพกั แรม การเงนิ การลงโทษ การใหร้ างวลั และการ แกป้ ัญหาต่าง ๆ ฯลฯ เป็นตน้ (11) รายงานการประชุม ผเู้ ขา้ รว่ มประชุมจะตอ้ งถอื เป็นความลบั ไม่ควรเปิดเผยเวน้ แต่จะ ไดร้ บั ความเหน็ ชอบจาทป่ี ระชุม ใหเ้ ปิดเผยได้ (12) การจดรายงานการประชุมเป็นหน้าท่ีของเลขานุการ จะต้องเป็นผู้จดและจดั ทา รายงานการประชุม บนั ทกึ ลงในสมดุ และสาเนาแจง้ ใหผ้ เู้ ขา้ ประชุมทราบ (13) ผู้ดารงตาแหน่งประธานท่ปี ระชุม คอื ประธานคณะกรรมการประจากอง (หวั หน้า นายหม)ู่ ซง่ึ ผกู้ ากบั ฯ แต่งตงั้ จากนายหมทู่ น่ี ายหมสู่ ว่ นมากเหน็ ชอบดว้ ย (14) เลขานุการของท่ปี ระชุม คอื เลขานุการของคณะกรรมการประจากอง โดยให้นัง่ อยู่ ทางซา้ ยของประธาน (เลขาฯ จะเป็นผเู้ ชญิ นายหมู่ รองนายหมู่ เขา้ ท่ปี ระชุมทลี ะคน จนถงึ ประธาน แลว้ จงึ เชญิ ผกู้ ากบั ฯ เป็นคนสดุ ทา้ ย) (15) ผกู้ ากบั ลกู เสอื ทเ่ี ขา้ ประชุม ไม่มสี ทิ ธอิ อกเสยี งในทป่ี ระชุม แต่มสี ทิ ธยิ บั ยงั้ การกระทา ใด ๆ ทผ่ี กู้ ากบั ฯ เหน็ ว่า ถา้ จะปล่อยใหท้ าไปตามขอ้ ตกลงของทป่ี ระชุมแลว้ อาจก่อใหเ้ กดิ ผลเสยี หายขน้ึ ได้ (16) การปิดประชุม ประธานจะลุกขน้ึ ยนื หนั หน้าเขา้ ส่ทู ป่ี ระชุม ย่นื มอื ขวาออกไปขา้ งหน้า ทามุมประมาณ 45 องศา แขนเหยยี ดตรง แสดงรหสั ของลูกเสอื แลว้ กล่าวว่า “ขา้ พเจา้ ขอปิดการประชุม” เมอ่ื ประธานกล่าวจบใหน้ ายหมทู่ กุ คนลกุ ขน้ึ ทาวนั ทยหตั ถแ์ ก่ประธาน (ประธานทาวนั ทยหตั ถต์ อบ) (17) การออกจากหอ้ งประชุม ตามลาดบั ดงั น้ี คอื ทป่ี รกึ ษา ประธาน นายหมู่ และรองนาย หมตู่ ่าง ๆ (โดยปฏบิ ตั พิ ธิ กี ารเชน่ เดยี วกบั การเขา้ หอ้ งประชุม) ตวั อย่างผงั ท่ีประชมุ คณะกรรมการประจากอง คมู่ ือการจดั กิจกรรมลูกเสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 5-6 และ ปวช.2-3 55

56 คมู่ อื การจดั กิจกรรมลกู เสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 5-6 และ ปวช.2-3

(ตวั อย่างระเบียบวาระการประชุม) ระเบยี บวาระการประชุมคณะกรรกมารประจากอง ครงั้ ท.่ี ..................../ ........................ วนั ท.่ี ....................เดอื น...........................พ.ศ. ................. ณ........................................................................... วาระท่ี 1 เรอ่ื งทป่ี ระธานจะแจง้ ใหท้ ราบ (ถา้ ม)ี วาระท่ี 2 เรอ่ื งรบั รองรายงานการประชุม ครงั้ ท.่ี ................/.................... วาระท่ี 3 เรอ่ื งทส่ี บื เน่อื งจากการประชมุ ครงั้ ก่อน (ถา้ ม)ี วาระท่ี 4 เรอ่ื ง................................................(เป็นเรอ่ื งทจ่ี ะประชุมพจิ ารณากนั ในการประชมุ ถา้ มหี ลายเรอ่ื งกใ็ สว่ าระท่ี 5 ท่ี 6 จนหมดเรอ่ื งทจ่ี ะนามาประชุม) วาระท่ี 5 เรอ่ื งอ่นื ๆ (ถา้ ม)ี วาระท่ี 5 หรอื วาระอนั ดบั สุดทา้ ยน้เี ป็นวาระทก่ี าหนดสาหรบั เรอ่ื งทจ่ี ะมขี น้ึ ภายหลงั ทไ่ี ดก้ าหนดระเบยี บวาระไปแลว้ จะไดน้ ามาเขา้ พดู ในทป่ี ระชุมได้ ค่มู ือการจดั กิจกรรมลกู เสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 5-6 และ ปวช.2-3 57

(ตวั อย่างบนั ทึกรายงานการประชุม) บนั ทกึ รายงานการประชุมคณะกรรมการประจากอง ครงั้ ท.่ี ..................../ ........................ วนั ท.่ี ....................เดอื น...........................พ.ศ. ................. ณ........................................................................... ผเู้ ขา้ ประชมุ 1. ………………………………………………. 2. ………………………………………………. 3. ………………………………………………. 4. ………………………………………………. ฯลฯ ผไู้ มม่ าประชุม (ถา้ ม)ี เปิดประชมุ เวลา........................................................น. ประธานกลา่ วเปิดการประชุมแลว้ ดาเนินการประชุมตามระเบยี บวาระต่อไป วาระท่ี 1 เรอ่ื ง....................................................................................... ประธานเสนอว่า ทป่ี ระชมุ (มมี ตหิ รอื ตกลงอยา่ งไร) ฯลฯ ปิดประชุมเวลา.........................................................น. (ลงช่อื )..................................................ผจู้ ดรายงานการประชุม ทป่ี ระชุมรบั รองรายงานการประชมุ น้แี ลว้ (ลงชอ่ื )....................................................ประธาน (ลงช่อื ) ....................................................นายหมู่ 1 (ลงช่อื ) ....................................................รองนายหมู่ 1 ฯลฯ 58 คมู่ ือการจดั กิจกรรมลกู เสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 5-6 และ ปวช.2-3

(ตวั อย่างบญั ชีลงช่ือผเู้ ข้าประชมุ ) รายชอ่ื ผเู้ ขา้ ประชุมคณะกรรมการประจากองลกู เสอื วสิ ามญั ครงั้ ท.่ี ..................../ ........................ วนั ท.่ี ....................เดอื น...........................พ.ศ. ................. ณ........................................................................... ลาดบั ช่ือ – สกลุ ลายเซน็ ตาแหน่ง หมายเหตุ ที่ ประธาน นายหมหู่ มู่ 1 1 รองนายหมหู่ มู่ 1 2 นายหมหู่ มู่ 2 3 รองนายหมหู่ มู่ 2 4 เลขานุการ 5 6 ฯลฯ 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 ค่มู อื การจดั กิจกรรมลูกเสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 5-6 และ ปวช.2-3 59

4. ความหมายของการบริการ - คาว่า “บรกิ าร” หมายถงึ การช่วยเหลอื หรอื การบาเพญ็ ประโยชน์ต่อตนเอง ต่อผอู้ ่นื และต่อ ชุมชน ลูกเสอื วสิ ามญั จะต้องมคี วามเล่อื มใสศรทั ธาในคาว่า “บรกิ าร” และลงมอื ปฏบิ ตั เิ ร่อื งน้ีอย่างจรงิ จงั ดว้ ยความจรงิ ใจและโดยมที กั ษะหรอื ความสามารถในการใหบ้ รกิ ารนนั้ ดว้ ยความช่าชอง ว่องไว คอื ไวใ้ จได้ หรอื เชอ่ื ได้ - ความเหน็ ของ บ.ี -พ.ี เกย่ี วกบั “บรกิ าร” บ.ี พ.ี เหน็ ว่าการศึกษาท่เี ดก็ ได้รบั จากทางบ้าน ทางโรงเรยี น ทางวดั และอ่นื ๆ ยงั มชี ่อง โหว่อยู่ 4 ประการ ซ่ึงการลูกเสือมุ่งหมายท่ีจะอุดช่องโหว่เหล่านัน้ โดยเน้นการฝึกอบรมลูกเสอื ในเร่อื ง ต่อไปน้ี คอื (1) ลกั ษณะนสิ ยั และสตปิ ัญญา (2) สขุ ภาพและพลงั (3) การฝีมอื และทกั ษะ (4) หน้าทพ่ี ลเมอื งและการบาเพญ็ ประโยชน์ต่อผอู้ ่นื การลูกเสอื มุ่งหมายท่จี ะฝึกอบรมลูกเสอื ทงั้ ในทางร่างกาย สตปิ ัญญา ศีลธรรม จติ ใจ และ สงั คม เพ่ือให้ เป็นพลเมอื ดี รู้จกั หน้าท่ีรบั ผิดชอบและบาเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์แก่ชุมชน ตลอดจน ประเทศชาติ ตามคตขิ องลกู เสอื พลเมอื งดี คอื บุคคลทม่ี เี กยี รตเิ ชอ่ื ถอื ได้ มรี ะเบยี บวนิ ยั สามารถบงั คบั ใจ ตนเอง สามารพง่ึ ตนเอง ทงั้ เตม็ ใจและสามารถทจ่ี ะช่วยเหลอื ชมุ ชนและบาเพญ็ ประโยชน์ต่อผอู้ ่นื - ความมงุ่ หมายโดยเฉพาะของกจิ การลกู เสอื วสิ ามญั (1) เพ่อื ใหล้ กู เสอื ไดเ้ ขา้ รว่ มในขบวนการลกู เสอื วสิ ามญั ซง่ึ มผี ใู้ หญ่เป็นผชู้ ้ีแจง แนะนาและ ทาหน้าทเ่ี ป็นท่ปี รกึ ษา จะโดยใหล้ กู เสอื วสิ ามญั ในกองปกครองกนั เอง ประกอบกจิ กรรมต่าง ๆ และเรยี นรู้ โดยการกระทา (2) เพอ่ื ใหล้ กู เสอื วสิ ามญั ไดม้ โี อกาสฝึกปฏบิ ตั กิ ารตามทต่ี นถนดั (3) เพ่อื ใหล้ ูกเสอื วสิ ามญั ไดฝ้ ึกหดั รบั ผดิ ชอบต่อตนเองและผอู้ ่นื เป็นขนั้ ๆ และเพมิ่ การฝึก ใหก้ วา้ งขวางยงิ่ ขน้ึ โดยอาศยั ระบบหมู่ (4) เพ่อื ใหล้ กู เสอื วสิ ามญั มโี อกาสแสดงสมรรถภาพของตนเองดว้ ยความพงึ พอใจและความ ภาคภมู ใิ จ โดยการใชร้ ะบบเครอ่ื งหมายพเิ ศษ (5) เพ่อื ให้ลูกเสอื วสิ ามญั รจู้ กั อดทน นิยมชวี ติ กลางแจง้ และการบรกิ ารอย่างมชี ีวติ จติ ใจ โดยเฉพาะการบรกิ ารชมุ ชน (6) เพอ่ื ส่งเสรมิ การแสวงหาอาชพี ทเ่ี หมาะสม - การบรกิ ารหรอื การบาเพญ็ ประโยชน์ของลูกเสอื วสิ ามญั ในเร่อื งการบรกิ ารน้ีมจี ุดมุ่งหมาย เพ่ือให้ลูกเสอื วสิ ามญั ทุกคนได้เข้าใจความหมาย รู้วธิ กี ารในการให้บรกิ าร รูห้ ลกั ในการจดั กิจกรรมด้าน บรกิ าร และมคี วามเขา้ ใจสามารถปฏบิ ตั ดิ ว้ ยตนเองได้ การลูกเสอื วสิ ามญั ต้องการผู้เสยี สละ ผู้มจี ติ ใจเป็น 60 คมู่ อื การจดั กิจกรรมลูกเสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 5-6 และ ปวช.2-3

ลูกเสืออย่างแท้จรงิ (Scouting spirit) ไม่เป็นคนเห็นแก่ตัว ไม่ทาอะไรโดยหวงั ผลส่วนตนเป็นท่ีตัง้ อยู่ ตลอดเวลา ในเวลาเดยี วกนั การเสยี สละประโยชน์และความสุขส่วนตวั เพ่อื บรกิ ารตามความหมายของการ ลกู เสอื วสิ ามญั น้ีกต็ อ้ งใหค้ านึงถงึ สภาวะแวดลอ้ มและสถานภาพของตนเองอยเู่ สมอ ๆ เพ่อื จะไดต้ ระหนกั ถงึ ขดี ความสามารถของตนเอง จะไดไ้ มก่ ่อใหเ้ กดิ ความเดอื ดรอ้ นแก่ตนเองและครอบครวั 5. ประเภทหรอื ขนั้ ตอนในการบริการ (1) บรกิ ารแก่ตนเองก่อน เป็นการเตรยี มตวั เองใหพ้ รอ้ มเสยี ก่อนเพราะถ้าหากเรายงั ไมพ่ ร้อม เราก็ไม่อาจจะไปให้บรกิ ารแก่ผูอ้ ่นื ได้ หรอื ได้กไ็ ม่ดเี ท่าท่คี วร การบรกิ ารแก่ตนเองก่อนนัน้ เป็นการฝึกใน เร่ืองการบริการไปด้วย เพราะคาว่าการบริการแก่ตนเองนั้น หมายถึง ตัวเรา ครอบครวั ของเรา ผู้บงั คบั บญั ชาของเรา ผู้ใต้บงั คบั บญั ชาของเรา เพ่อื นร่วมงาน ญาติสนิทมิตรสหาย กล่าวโดยสรุปได้ว่า ก่อนทเ่ี ราจะออกไปให้บรกิ ารแก่ผอู้ ่นื นัน้ จาเป็นต้องสรา้ งความพรอ้ มใหแ้ ก่ตวั เองเสยี ก่อน เพราะตราบใดท่ี เรายงั ต้องขอความอุปการะ ต้องอย่ภู ายใต้การโอบอุ้มค้าชูของผอู้ ่นื ตอ้ งขอใหผ้ อู้ ่นื ช่วยเหลอื เราแลว้ แสดง วา่ เรายงั ไม่พรอ้ ม ฉะนนั้ ลกู เสอื วสิ ามญั ตอ้ งเตรยี มตวั ใหพ้ รอ้ มในทกุ ๆ ดา้ น ไมว่ า่ การเงนิ สุขภาพ เวลาวา่ ง สตปิ ัญญา ฯลฯ (2) บรกิ ารแก่หมู่คณะและขบวนการลูกเสอื เม่อื เราฝึกบรกิ ารตนเองแล้ว ต่อไปก็ขยายการ ใหบ้ รกิ ารแก่หม่คู ณะของเราก่อน เป็นการหาประสบการณ์หรอื ความชานาญ ดว้ ยการบรกิ ารเป็นรายบุคคล บรกิ ารแก่กองลูกเสอื ของเราในการงานต่าง ๆ อนั เป็นส่วนรวมและรวมไปถงึ การใหบ้ รกิ ารแก่กองลกู เสอื อ่นื ซง่ึ ถอื เป็นขบวนการของเรา ลูกเสอื วสิ ามญั ทุกคนควรไดร้ บั การส่งเสรมิ ให้ช่วยเหลอื การดาเนินกจิ การของ กองลูกเสอื สามญั หรอื กองลูกเสอื สารองในทุกวิถีทาง ทงั้ น้ี เพ่ือจะได้มปี ระสบการณ์ภาคปฏิบตั ิในการ ฝึกอบรมลูกเสอื ซง่ึ จะชว่ ยใหเ้ ขาเหมาะสมทจ่ี ะเป็นผกู้ ากบั ลกู เสอื และเป็นหวั หน้าครอบครวั ในอนาคต ลกู เสอื วสิ ามญั ควรได้รบั มอบหมายความรบั ผิดชอบในงานท่มี กี าหนดแน่นอนในการช่วยเหลือผู้กากับลูกเสือ ประเทศชาตติ ้องการอาสาสมคั รเป็นจานวนมาก เพ่อื ช่วยเหลือในเรอ่ื งการศกึ ษา มเี ร่อื งอ่นื ๆ อกี มากมาย นอกเหนือไปจากการอ่าน การเขยี น และการคดิ เลข ซ่งึ เป็นสงิ่ จาเป็นท่เี ด็กสมยั น้ีจะต้องเรยี นรเู้ พ่อื จะได้ ประสบความสาเรจ็ ในชวี ติ การท่เี วลาเรยี นมรี ะยะสนั้ และครกู ็มจี านวนจากดั ย่อมทาให้เดก็ ไม่มโี อกาสได้ เรยี นรสู้ ง่ิ ต่าง ๆ เหล่าน้ี ดงั นัน้ ความช่วยเหลอื ของชายหนุ่มรนุ่ พท่ี เ่ี ป็นอาสาสมคั รจงึ เป็นสง่ิ ทป่ี ระเทศชาติ ตอ้ งการอยา่ งยงิ่ ลกู เสอื สามญั ผู้ซ่งึ ให้ความช่วยเหลอื ในการฝึกอบรมหรอื ในการดาเนินงานของกองลูกเสอื สามญั หรอื กองลูกเสอื สารอง และโดยเฉพาะในการอย่คู ่ายพกั แรม นับไดว้ ่าเป็นผใู้ นบรกิ ารทม่ี คี ุณค่าอย่าง ยง่ิ ในเวลาเดยี วกนั งานน้ยี ่อมนาความพอใจมาใหล้ กู เสอื วสิ ามญั เอง เพราะการฝึกอบรมเดก็ นนั้ จะไดเ้ หน็ เขา สนุกสนาน มลี กั ษณะนิสยั ทด่ี ขี น้ึ ย่อมทาใหล้ กู เสอื วสิ ามญั รสู้ กึ ว่าไดท้ าอะไรบางอย่างทค่ี ุ้มค่าการฝึกอบรม แก่รนุ่ น้องนนั้ ลกู เสอื วสิ ามญั จะต้องทาตนใหเ้ ป็นตวั อย่างทด่ี ี เพ่อื ใหร้ ุ่นน้องทาตามดว้ ยการปฏบิ ตั ติ นใหเ้ ป็น คนสนุกสนาน รา่ เรงิ เป็นมติ รกบั คนทุกคน ซ่อื สตั ยส์ ุจรติ มกี รยิ าสุภาพ และใชว้ าจาสุภาพไมห่ ยาบโลน (3) บรกิ ารแก่ชุมชน เมอ่ื ฝึกบรกิ ารแก่ตนเอง แก่ขบวนการลกู เสอื แลว้ กส็ มควรทจ่ี ะไปบรกิ ารแก่ ชุมชนตามสตปิ ัญญา ประสบการณ์ และความสามารถ แนวคดิ ในการบรกิ ารแก่ชุมชน คอื การชาระหน้ีแก่ ชุมชนด้วยการร่วมมอื กนั เสยี สละ ร่วมกนั เพ่อื ดาเนินการจดั กจิ กรรมอนั เป็นสาธารณะประโยชน์ เช่น การ คมู่ อื การจดั กิจกรรมลูกเสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 5-6 และ ปวช.2-3 61

พฒั นาอาคารสถานท่ี บ้านเมอื งในชุมชนนัน้ การสร้างสาธารณสถาน การจดั งานร่นื เรงิ งานสงั คมเพ่ือ ประโยชน์ของสงั คมนนั้ ๆ ซ่งึ จะทาให้ลูกเสอื วสิ ามญั ไดป้ ระสบการณ์ จากชวี ติ จรงิ หลงั จากท่เี ขาพน้ วยั จาก การเป็นลกู เสอื วสิ ามญั ต่อไปเขาจะสามารถปรบั ตวั เขา้ กบั สงั คมทเ่ี ขาอาศยั อยไู่ ด้ โดยไมไ่ ดเ้ อารดั เอาเปรยี บ หรอื เหน็ แก่ตวั ได้ การบรกิ ารแก่ชุมชนนนั้ ควรเรมิ่ ตงั้ แต่ชุมชนท่ีกองลูกเสอื ตงั้ อย่บู รกิ ารในเรอ่ื งต่าง ๆ เช่น ทาความสะอาด การช่วยเหลอื ผู้ประสบอุบตั เิ หตุ การควบคุมการจราจร การดบั เพลงิ เป็นต้น ท่สี าคญั อีก ประการหน่งึ คอื การพฒั นาชุมชน 6. หลกั ของการให้บริการ (1) เป็นกจิ กรรมท่จี าเป็น-เหน็ ความจาเป็นทต่ี ้องให้บรกิ ารคอื ต้องดูว่าจะเป็นแค่ไหน สาหรบั เรอ่ื งนนั้ ทจ่ี ะตอ้ งไดร้ บั การบรหิ าร (2) ใหบ้ รกิ ารดว้ ยความสมคั รใจ เตม็ ในทจ่ี ะใหบ้ รกิ าร (3) ใหบ้ รกิ ารอย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ คอื มที กั ษะในการบรกิ าร เช่น การปฐมพยาบาล เทคนิคใน การช่วยชวี ติ ฯลฯ (4) ให้บรกิ ารแก่ผู้ท่ตี ้องการรบั บรกิ าร เช่น คนท่กี าลงั จมน้าจะได้คนช่วย การพัฒนาชุมชน ใหบ้ รกิ ารแก่ผทู้ ถ่ี ูกทอดทง้ิ เชน่ คนชรา คนป่วยและผไู้ มส่ ามารถชว่ ยตนเองได้ (5) บรกิ ารดว้ ยความองอาจ ตงั้ ใจทางานให้เสรจ็ ด้วยความมนั่ ใจ ด้วยความรบั ผดิ ชอบโดยใช้ ความรทู้ ่มี อี ยู่ให้เกดิ ประโยชน์อย่างแท้จรงิ อุทศิ เวลาให้แก่งานอย่างจรงิ จงั ในขณะนัน้ รจู้ กั แบ่งเวลาแบ่ง ลกั ษณะงาน มคี วามมุมานะในการทางานให้เป็นผลสาเรจ็ ตามเป้าหมายท่กี าหนดไว้ให้จงได้ย่อมจะได้รบั ความสาเรจ็ เรยี บรอ้ ยในการทางาน จะทาใหเ้ รารสู้ กึ ภมู ใิ จ 7. งานบริการทล่ี กู เสอื วสิ ามญั แต่ละคนหรอื กองลกู เสอื วสิ ามญั จะทาไดน้ นั้ มหี ลายประการเช่น - โครงการใชผ้ กั ตบชวาทาป๋ ุยหมกั โครงการน้ีเป็นโครงการท่ยี งิ นกสองตวั ในเวลาเดยี วกนั คอื เป็นการจากดั ผกั ตบชวา และเป็นการทาป๋ ุยหมกั เพ่อื ใชป้ ระโยชน์ในการปลกู พชื ผกั ต่าง ๆ ให้ได้ผลดี ยงิ่ ข้นึ โครงการน้ีเสยี ค่าใช้จ่าย สอดคล้องกบั นโยบายของรฐั และอย่ใู นวสิ ยั ท่กี องลูกเสอื วสิ ามญั จะทาได้ อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ - โครงการให้บรกิ ารแก่ชุมชน เช่น โครงการให้ความปลอดภยั ในการจราจร หางานให้คน พิการทา จดั ทาสนามเด็กเล่นสาหรบั เด็กยากจน พิการ โครงการบรกิ ารแก่ผู้ประสบอุบตั ิเหตุด้วยการ พยายามศกึ ษาหาความรใู้ นเร่อื งการปฐมพยาบาลเพ่อื จะไดช้ ่วยเหลอื ผู้ประสบอุบตั เิ หตุอยา่ งมสี มรรถภาพ การดบั เพลงิ ดว้ ยการเขา้ รบั การอบรมวชิ าบรรเทาสาธารณภยั ฯลฯ - โครงการพฒั นาชุมชน โดยทาการสารวจความต้องการของท้องถน่ิ แลว้ วางแผนและลงมอื ปฏบิ ตั ติ ามโครงการนนั้ - โครงการให้บรกิ ารแก่กิจกรรมลูกเสอื เช่น ปฏิบตั ติ ามหน้าท่ที ่ไี ด้รบั มอบหมายทาหน้าท่ี กรรมการของกอง ทาหน้าทพ่ี เ่ี ลย้ี งช่วยดแู ลคหู าลกู เสอื วสิ ามญั และช่วยเหลอื ในการฝึกอบรมลกู เสอื ประเภท อ่นื ๆ ในวชิ าทต่ี นถนดั เช่นการผกู เงอ่ื นเชอื ก การปฐมพยาบาล แผนทเ่ี ขม็ ทศิ ระเบยี บแถว เป็นตน้ 8. การปฏิบตั ิตนตามคติพจน์ของลกู เสือวิสามญั 62 ค่มู ือการจดั กิจกรรมลกู เสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 5-6 และ ปวช.2-3

คติพจน์ “บรกิ าร” นัน้ เป็นเสมอื น “หวั ใจ” ของการลูกเสอื วสิ ามญั ว่าจะต้องยดึ มนั่ การเสยี สละ ด้วยการบรกิ าร แต่การบรกิ ารน้ีมไิ ด้หมายถึงเป็นผู้รบั ใช้หรอื คนงานอย่างท่ีบางท่านเข้าใจ บรกิ ารใน ความหมายของการลูกเสอื วสิ ามญั น้ี เรามุง่ ท่จี ะอบรมนิสยั และจติ ใจใหไ้ ดร้ จู้ กั เสยี สละ ไดร้ จู้ กั วธิ หี าความรู้ และประสบการณ์อนั จะเป็นประโยชน์ต่อไปในอนาคต และในทส่ี ดุ กจ็ ะทาใหส้ ามารถประกอบอาชพี โดยปกติ สุขในสงั คม การบรกิ ารหมายถงึ ให้ประกอบคุณประโยชน์แก่มนุษยชาติ ดว้ ยการถอื ว่าเป็นเกยี รตปิ ระวตั ิ สงู สุดแห่งชวี ติ ของเราในการทร่ี จู้ กั เสยี สละความสุขส่วนตวั เพ่อื บาเพญ็ ประโยชน์แก่ผอู้ ่นื ทงั้ น้ี เพ่อื จุดหมาย ใหส้ งั คมสามารถดารงอยไู่ ดโ้ ดยปกติ เป็นการสอนใหล้ กู เสอื วสิ ามญั ตงั้ ตนอย่ใู นศลี ธรรมไมเ่ อารดั เอาเปรยี บ ผทู้ ย่ี ากจนหรอื ดอ้ ยกว่า นอกจากนนั้ การบรกิ ารแก่ผอู้ ่นื เปรยี บเสมอื นเป็นการชาระหน้ีทไ่ี ดเ้ กดิ มาแลว้ อาศยั อยู่ในโลกน้ีก็ด้วยความมุ่งหวงั จะให้ทุกคนเขา้ ใจการใช้ชวี ติ อยู่ร่วมกนั ในสงั คม มองเห็นความจาเป็นของ สงั คมว่าไมม่ ใี ครสามารถดารงชวี ติ อยไู่ ดโ้ ดยลาพงั ทุกคนจาเป็นตอ้ งพง่ึ พาอาศยั กนั ไมว่ ่าดา้ นอาหารการกนิ ดา้ นเคร่อื งนุ่งห่ม ทอ่ี ยอู่ าศยั ยารกั ษาโรค หรอื อ่นื ๆ กต็ าม เราต่างคนต่างมคี วามถนดั ในการงานอาชพี ของ แต่ละคน แล้วจงึ นาผลงานของตนไปแลกเปลย่ี นกนั ทงั้ น้ี เพ่อื ความอยู่รอดของท่านและของสงั คม ฉะนัน้ ท่านจงึ เปรยี บเทยี บการบรกิ ารหรอื การเสยี สละนัน้ เสมอื นเป็นการชาระหน้ีท่เี ราได้เกดิ มาและอาศยั อยู่ใน สงั คมนนั้ ๆ เพราะเราตอ้ งพง่ึ ผอู้ ่นื อยตู่ ลอดเวลานบั แต่แรกเกดิ วิชาเคร่อื งหมายวชิราวธุ หลกั สตู ร (1) ไดร้ บั เครอ่ื งหมายวชิ าพเิ ศษลูกเสอื วสิ ามญั อย่างน้อย 5 วชิ า (2) ผู้กากบั ลูกเสอื หรอื ผู้กากบั ลูกเสอื วสิ ามญั รบั รองว่า เป็นผู้ดาเนินชวี ติ แบบลูกเสอื และปฏบิ ตั ติ ามคตพิ จน์ ว่า “บรกิ าร” โดยเครง่ ครดั 3. เลขาธกิ ารคณะกรรมการบรหิ ารลกู เสอื แหง่ ชาติ ผอู้ านวยการลกู เสอื จงั หวดั ผอู้ านวยการลูกเสอื เขตพ้นื ทก่ี ารศกึ ษา แลว้ แต่กรณี เป็นผูแ้ ต่งตงั้ บุคคลท่มี คี ุณวุฒเิ หมาะสมทาการสมั ภาษณ์เม่อื เห็นว่าเป็นผู้เหมาะสมก็ให้รายงานไปตามลาดบั จนถงึ คณะกรรมการบรหิ ารลูกเสอื แห่งชาติ เพ่อื ขออนุมตั ิ วตั ถปุ ระสงคว์ ิชาเครอื่ งหมายวชิราวธุ 1. เพ่อื แสดงถงึ ความสามารถของลกู เสอื วสิ ามญั ทไ่ี ดร้ บั เครอ่ื งหมายสงู สุด 2. เป็นพเ่ี ลย้ี งลกู เสอื วสิ ามญั ทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพได้ 3. เป็นรองผกู้ ากบั ลกู เสอื วสิ ามญั ได้ แนวการจดั การฝึ กอบรม ค่มู ือการจดั กิจกรรมลูกเสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 5-6 และ ปวช.2-3 63

ผทู้ ไ่ี ดร้ บั เคร่อื งหมายวชริ าวุธจะต้องสอบไดว้ ชิ าพเิ ศษลูกเสอื วสิ ามญั อย่างน้อย 5 วชิ า ซ่งึ ควรจะมี วชิ าเหล่าน้ี คอื :- 1. วชิ าการลกู เสอื 2. วชิ าเดนิ ทางไกลและอยคู่ ่ายพกั แรม 3. วชิ าบรกิ าร 4. วชิ าผฝู้ ึกสอน 5. วชิ าปฐมพยาบาล วชิ าเหล่าน้ีถอื เป็นวชิ าหลกั ในการท่จี ะบรกิ ารผู้อ่นื ได้ตามวตั ถุประสงค์ของเคร่อื งหมายวชริ าวุธ ผู้กากบั ลกู เสอื วสิ ามญั จะตอ้ งจดั การสอนและฝึกอบรม เพอ่ื สอบวชิ าพเิ ศษเหลา่ น้ี โดยวธิ กี ารดงั น้ี เนื้อหาวิชาประกอบการฝึ กอบรมตามหลกั สตู ร วิชาการลกู เสือ หลกั สตู ร 1. ไดร้ บั การฝึกอบรมวชิ าผกู้ ากบั ลกู เสอื ขนั้ ความรเู้ บอ้ื งตน้ ประเภทของลกู เสอื สารอง หรอื ลกู เสอื สามญั อยา่ งใดอยา่ งหน่งึ 2. ไดท้ ดลองปฏบิ ตั หิ น้าทผ่ี กู้ ากบั ลกู เสอื ในกองนนั้ ๆ ไมน่ ้อยกวา่ 3 เดอื น วิธีปฏิบตั ิ จากขอ้ 1. - สง่ ลกู เสอื วสิ ามญั เขา้ รบั การอบรมวชิ าผกู้ ากบั ลกู เสอื สารอง หรอื สามญั ชนั้ ความรเู้ บอ้ื งตน้ ตามทห่ี น่วยงานต่าง ๆ ทเ่ี กย่ี วขอ้ งเปิดการฝึกอบรมขน้ึ หรอื - จดั ฝึกอบรมวชิ าผกู้ ากบั ลกู เสอื สารอง หรอื ลกู เสอื สามญั ขนั้ ความรเู้ บอ้ื งตน้ ข้นึ ในกองลูกเสอื วสิ ามญั นัน้ เอง ให้ครบทุกวชิ าแล้วประเมนิ ผลแต่ละวชิ าจนผ่านหมดทุกวชิ า ซ่งึ ผู้สอน จะตอ้ งไดร้ บั เครอ่ื งหมายวดู แบดจว์ สิ ามญั 2 ทอ่ น เป็นอยา่ งน้อย หรอื - จดั ฝึกอบรมวชิ าผกู้ ากบั ลกู เสอื สารอง หรอื ลกู เสอื สามญั ขนั้ ความรเู้ บอ้ื งตน ใหแ้ ก่ลกู เสอื วสิ ามญั แบบการอยคู่ า่ ยพกั แรม (คอื จดั เหมอื นอบรมชนั้ B.T.C. จรงิ ๆ แต่ไมไ่ ดร้ บั วฒุ บิ ตั ร) จากขอ้ 2. - ส่งลูกเสอื วสิ ามญั เขา้ ไปปฏบิ ตั หิ น้าท่ผี ู้กากบั ลูกเสอื สารอง หรอื ผูก้ ากบั ลกู เสอื สามญั ในกองลูกเสอื สารอง หรอื กองลูกเสอื สามญั จรงิ ๆ จนครบ 3 เดอื น และได้รบั คารบั รองจากผู้กากบั ลกู เสอื ของกองลกู เสอื นนั้ ๆ หรอื - ทดลองปฏบิ ตั หิ น้าทใ่ี นกองลกู เสอื วสิ ามญั นนั้ เอง ในกรณที ไ่ี มส่ ามารถจะส่ง ลกู เสอื วสิ ามญั ไปปฏบิ ตั หิ น้าทผ่ี กู้ ากบั ลกู เสอื สารอง หรอื สามญั ได้ โดยผกู้ ากบั ลกู เสอื วสิ ามญั รบั รองผลกงาน ใหก้ ไ็ ด้ (ในฐานะพเ่ี ลย้ี งปฏบิ ตั หิ น้าทแ่ี ทนผกู้ ากบั ลกู เสอื วสิ ามญั เป็นเวลา 3 เดอื น) การเดินทางไกลและอย่คู ่ายพกั แรม 64 ค่มู อื การจดั กิจกรรมลกู เสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 5-6 และ ปวช.2-3

หลกั สตู ร เดนิ ทางไกลไปกบั ลกู เสอื วสิ ามญั เป็นเวลา 4 วนั ตดิ ต่อกนั (อยทู่ ค่ี า่ ยพกั แรม 3 คนื ) หรอื เดนิ ทางไกลไปกับลูกเสือวสิ ามญั 2 ครงั้ แต่ละครงั้ ใช้เวลา 48 ชวั่ โมง โดยอยู่ค่ายพักแรม 2 คนื ไม่นับเวลา เดนิ ทางไปและกลบั การเดนิ ทางไกลดงั กล่าว ลูกเสอื จดั การเองโดยตลอด ทงั้ น้ีด้วยความเห็นชอบของผู้ กากบั ลูกเสอื วสิ ามญั การเดนิ ทางไกลและแรมคนื ต้องไดม้ าตรฐานสูง การเดนิ ทางไกล จะไปทางบก หรอื ทางน้า ภายในประเทศหรอื ต่างประเทศกไ็ ด้ ต้องแสดงว่าในการเดนิ ทางต้องใช้ความอดทน การพ่งึ ตนเอง ความคดิ รเิ รมิ่ ความมานะ และการ เป็นผนู้ า กบั ตอ้ งทาสมดุ ปมู รายงานการเดนิ ทางย่นื ต่อผกู้ ากบั ลกู เสอื วสิ ามญั ดว้ ย วิธีปฏิบตั ิ การเดนิ ทางไกลและอย่คู ่ายพกั แรมของลูกเสอื วสิ ามญั เพ่อื ให้ได้มาตรฐานตามหลกั สูตรน้ี ลูกเสอื วสิ ามญั เลอื กการเดนิ ทางได้ 2 วธิ ี คอื 1. เดนิ ทางไกลและอย่คู ่ายพกั แรมไปกบั ลกู เสอื วสิ ามญั อ่นื ๆ ทงั้ กอง เป็นเวลา 4 วนั ตดิ ต่อกนั และ อยคู่ ่ายพกั แรม 3 คนื ทากจิ กรรมของการอยคู่ า่ ยพกั แรมดงั น้ี - สรา้ งค่ายพกั แรมดว้ ยตนเอง ไม่ว่าจะเป็นการกางเตน็ ท์ หรอื สรา้ งเพงิ จากวสั ดุธรรมชาตใิ ห้ ป้องกนั ลม ฝน ได้ - จดั บรเิ วณค่ายให้สวยงาม สะอาด มกี ารทาอุปกรณ์การอย่คู ่ายพกั แรม เช่น เตาลอยท่เี ก็บ อุปกรณ์ครวั ทน่ี งั่ รบั ประทนอาหาร ทเ่ี กบ็ แกว้ น้าและอาหารสดต่าง ๆ ตลอดทข่ี ดุ หลุมเปียก หลมุ แหง้ ฯลฯ - มกี ารทดสอบการผจญภยั ตามหลกั เกณฑก์ ารอยคู่ า่ ยพกั แรม และวชิ าบุกเบกิ ด้วย - มกี ารฝึกการทาแผนทแ่ี ละการเดนิ ทางสารวจเป็นระยะทางไมน่ ้อยกวา่ 8 กโิ ลเมตร เพ่อื ใหม้ ี การเขยี นรายงานการเดนิ ทาง 2. เดนิ ทางไกลกบั ลกู เสอื วสิ ามญั 2 ครงั้ ครงั้ ละไมน่ ้อยกว่า 48 ชวั่ โมง อย่คู ่ายพกั แรม 2 คืน อาจไป โดยรถจกั รยาน หรอื ทางน้า (พายเรอื ไป) โดยทากจิ กรรมเหมอื น ขอ้ 1 ทงั้ 2 ขอ้ น้ี ผกู้ ากบั ลกู เสอื วสิ ามญั จะตอ้ งทราบวา่ ลกู เสอื วสิ ามญั จะไปอยคู่ ่ายพกั แรมทไ่ี หน? ไปโดย วธิ กี ารอยา่ งไร? ไปทากจิ กรรมอะไรบา้ ง? มคี วามปลอดภยั มากน้อยเพยี งใด? (ถ้าเหน็ ว่าไม่ปลอดภยั ต้อง สงั่ งดโดยเดด็ ขาด) และตอ้ งลงนามรบั รองผลการเดนิ ทางทกุ ครงั้ วิชาบริการ หลกั สตู ร 1. ทาหน้าทพ่ี เ่ี ลย้ี งของลกู เสอื วสิ ามญั ทเ่ี ขา้ ใหม่ 2. ทาหน้าทเ่ี ป็นกรรมการของกอง 3. บาเพญ็ ประโยชน์ต่อกองลกู เสอื ของตนไมน่ ้อยกวา่ 9 ครงั้ 4. บาเพญ็ ประโยชน์ต่อกองลกู เสอื อ่นื ไมน่ ้อยกว่า 6 ครงั้ 5. บาเพญ็ ประโยชน์ต่อชุมชนไมน่ ้อยกวา่ 3 ครงั้ ค่มู ือการจดั กิจกรรมลกู เสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 5-6 และ ปวช.2-3 65

วิธีปฏิบตั ิ ให้ลูกเสอื วสิ ามญั ทาหน้าท่ตี ่าง ๆ ดงั กล่าว ในหลกั สูตรทุกข้อ โดยมอบหมายให้ดาเนินการตาม ขนั้ ตอนทเ่ี หมาะสม แลว้ ใหผ้ กู้ ากบั ลกู เสอื ลงนามรบั รองในสมดุ บนั ทกึ ผลงานของลกู เสอื วสิ ามญั คนนัน้ ในกรณีทล่ี ูกเสอื วสิ ามญั มาจากกองอ่นื ให้พจิ ารณาจากสมุดบนั ทกึ ประจาวนั ของลกู เสอื วสิ ามญั คน นนั้ อย่างละเอยี ด ตลอดทงั้ การลงนามรบั รองของผกู้ ากบั ลกู เสอื ดว้ ย หากมขี อ้ สงสยั อาจใหท้ ดลองปฏบิ ตั จิ รงิ กไ็ ดต้ ามเหมาะสม วิชาผฝู้ ึ กสอน หลกั สตู ร 1. ผา่ นการฝึกอบรมขนั้ ความรเู้ บอ้ื งตน้ (B.T.C.) ประเภทใดประเภทหน่งึ ของหลกั สตู รลกู เสอื สารอง สามญั สามญั รนุ่ ใหญ่ 2. สามารถทาการสอนวชิ าลกู เสอื ตามประเภททต่ี นรบั การอบรมแลว้ อยา่ งน้อย 2 วชิ า 3. ไดท้ าการสอนเป็นทพ่ี อใจของผกู้ ากบั กองนัน้ ๆ เป็นเวลา 3 เดอื น โดยใหส้ อนอย่างน้อย 2 วชิ า วชิ าละ 3 ครงั้ วิธีปฏิบตั ิ จากข้อ 1 ใหด้ ูจากวุฒบิ ตั รว่าผ่านการฝึกอบรมจรงิ หรอื ไม่ หากไม่ผ่านการฝึกอบรมดงั กล่าว ให้ผู้ กากบั ลูกเสอื จดั ฝึกอบรมขน้ึ ภายในกองให้ครบทุกวชิ าเหมอื นการจดั การฝึกอบรมของวชิ าผู้กากบั ลูกเสอื สารอง สามญั หรอื สามญั รนุ่ ใหญ่ ขนั้ ความรเู้ บอ้ื งตน้ ประเภทใดประเภทหน่งึ แลว้ ลงนามรบั รองให้ จากข้อ 2 ใหท้ าการสอนใหด้ ู 2 วชิ า โดยใหส้ อนจรงิ ๆ หรอื สมั ภาษณ์ หรอื ใหเ้ ขยี นแผนการสอนให้ ดู อยา่ งอยา่ งหน่งึ ตามทผ่ี กู้ ากบั ลกู เสอื เหน็ สมควร จากข้อ 3 ส่งไปช่วยทาการสอนในกองลกู เสอื ทอ่ี ยใู่ กลเ้ คยี งเป็นเวลา 3 เดอื น ตามกาหนดแลว้ ขอดู ใบรบั รองผลงานจากผู้กากบั ลูกเสอื กองนัน้ ๆ หรอื ให้สอนในกองลูกเสอื วสิ ามญั ของตนเองโดยมผี ู้กากบั ลกู เสอื ควบคุมอยา่ งใกลช้ ดิ วิชาปฐมพยาบาล หลกั สตู ร 1. รแู้ ละสามารถปฏบิ ตั ติ ามหลกั ทวั่ ไปของการปฐมพยาบาลและขอ้ ควรจาของการปฐมพยาบาล 2. รแู้ ละสามารถสาธติ เรอ่ื งต่อไปน้ี วธิ กี ารหา้ มเลอื ด วธิ แี กไ้ ขอาการงนั (Shock) วธิ กี ารช่วยหายใจ หรอื ผายปอด นวดหวั ใจ วธิ กี ารขน เคลอ่ื นยา้ ยผปู้ ่วย หรอื ผบู้ าดเจบ็ รจู้ กั อาการของเรอ่ื งกระดกู หกั ในสว่ นต่าง ๆ ของรา่ งกาย 66 คมู่ อื การจดั กิจกรรมลกู เสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 5-6 และ ปวช.2-3

วธิ กี ารเขา้ เฝือกชวั่ คราว วธิ แี กบ้ าดแผลมพี ษิ 3. เรยี นรู้ถงึ โรคบางชนิดท่พี บบ่อย ๆ ในการเข้าค่ายพกั แรมงานชุมชน และยาท่ใี ช้ในการรกั ษา อยา่ งสงั เขป 4. การทดลองวชิ าปฐมพยาบาล ใหม้ ภี าคปฏบิ ตั แิ ละทดสอบดว้ ย คอื สามารถปฏบิ ตั ไิ ด้ สาธติ ได้ จน เป็นทพ่ี อใจของคณะกรรมการสอบ วิธีปฏิบตั ิ จากข้อ 1 อาจทาการฝึกอบรมขน้ึ ในกองลูกเสอื วสิ ามญั เอง หรอื ส่งไปเขา้ รบั การฝึกอบรมตามท่มี ี การฝึกอบรมวชิ าปฐมพยาบาลอยู่ หรอื ดจู ากหนงั สอื สาคญั ว่าผ่านการฝึกอบรมมาแลว้ (ถา้ ลูกเสอื คนนนั้ เคย รบั การฝึกอบรมมาแลว้ ) จากข้อ 2 ใหส้ าธติ ใหด้ ู หรอื ตอบคาถามในกระดาษ โดยอธบิ ายใหเ้ ขา้ ใจ จากข้อ 3 สมั ภาษณ์หรอื ใหเ้ ขยี นบรรยายใหด้ ู แลว้ ซกั ถามตามความเหมาะสม จากข้อ 4 ใหส้ าธติ ใหด้ จู นเป็นทพ่ี อใจของคณะกรรมการ หากลกู เสอื วสิ ามญั ผนู้ นั้ ไดเ้ คยผ่านวชิ าการต่าง ๆ ทไ่ี ดก้ าหนดไว้ อาจจะทงั้ หมดหรอื บางวชิ า กใ็ หผ้ ู้ กากบั ลูกเสอื สมั ภาษณ์หรอื ให้คณะกรรมการผู้ซ่งึ เป็นผู้เช่ยี วชาญเฉพาะวชิ า ทาการสมั ภาษณ์ตามแบบ สมั ภาษณ์ดงั น้ี คมู่ อื การจดั กิจกรรมลกู เสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 5-6 และ ปวช.2-3 67

แบบสมั ภาษณ์ลูกเสือวิสามญั เพ่ือรบั เครื่องหมายวชิราวธุ ชอ่ื (ลกู เสอื ) ...............................................................นามสกุล........................................................ กองลกู เสอื วสิ ามญั (โรงเรยี น, วทิ ยาลยั )................................................................................................ ท่ี วิชาท่ีสมั ภาษณ์ วนั เดือน ปี ความเหน็ ของผู้ หมายเหตุ สมั ภาษณ์ วชิ า………………………… ภาคทฤษฎี 1. 2. 3. 4. 5. 6. 7. 8. 9. 10. ภาคปฏิบตั ิ/ทกั ษะ 1. 2. 3. 4. 5. 6. 7. 8. 9. 10. 68 คมู่ ือการจดั กิจกรรมลูกเสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 5-6 และ ปวช.2-3

เสนอคณะกรรมการสอบเครอ่ื งหมายวชิ าพเิ ศษ เครอ่ื งหมายวชริ าวธุ ขา้ พเจา้ ไดท้ าการสอบสมั ภาษณ์ทงั้ ภาคทฤษฎแี ละภาคปฏบิ ตั ขิ องลกู เสอื วสิ ามญั ………………………………………..…………แลว้ เหน็ ว่า สมควร  ไดร้ บั เครอ่ื งหมายวชิ าพเิ ศษ /  ยงั ไมค่ วรไดร้ บั เครอ่ื งหมายวชิ าพเิ ศษ (ลงช่อื )................................................ (................................................) ผทู้ าการสมั ภาษณ์ ค่มู อื การจดั กิจกรรมลกู เสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 5-6 และ ปวช.2-3 69

แผนการจดั กิจกรรมลกู เสือวิสามญั ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 5-6 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ(ปวช.2-3) หน่วยท่ี 4 วิชาสงั คมสงเคราะห์ เวลา 2 ชวั่ โมง แผนการจดั กิจกรรมท่ี 6 สงั คมสงเคราะห์ 1. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1.1 ลกู เสอื สามารถอธบิ ายปัญหาสงั คมได้ 1.2 ลกู เสอื สามารถบอกแนวทางการปฏบิ ตั ติ ามคตพิ จน์ของลกู เสอื วสิ ามญั ได้ 1.3 ลกู เสอื สามารถอธบิ ายบทบาทและทาหน้าทช่ี ว่ ยเหลอื ผปู้ ระสบภยั ต่าง ๆ ได้ 2. เนื้อหา 2.1 สาเหตุทท่ี าใหเ้ กดิ ปัญหาทางสงั คม 2.2 ความรเู้ บอ้ื งตน้ เกย่ี วกบั การประชาสงเคราะห์ และการสงั คมสงเคราะห์ 2.3 จติ วทิ ยาเบอ้ื งตน้ ของผรู้ บั การสงเคราะห์ ประเภทต่าง ๆ 2.4 แนวทางปฏบิ ตั ติ ่อผรู้ บั การสงเคราะหป์ ระเภทต่าง ๆ 2.5 การออกหน่วยช่วยเหลอื ผปู้ ระสบภยั และการรบั บรจิ าคสงิ่ ของเหลอื ใช้ 3. สื่อการเรียนรู้ 3.1 แผนภมู เิ พลง 3.2 ใบความรู้ 3.3 แผนภาพ วดี ที ศั น์ ผปู้ ระสบภยั 3.4 สงิ่ ของเครอ่ื งใช้ ถุงยงั ชพี 3.5 เรอ่ื งสนั้ ทเ่ี ป็นประโยชน์ 4. กิจกรรม 4.1 พธิ เี ปิดประชมุ กอง (ชกั ธงขน้ึ สวดมนต์ สงบนิ่ง ตรวจ แยก) 4.2 เพลง หรอื เกม 4.3 กจิ กรรมตามจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1) ผกู้ ากบั ลกู เสอื นาปัญหาทเ่ี กดิ ขน้ึ รายวนั ในหน้าหนงั สอื พมิ พ์ สนทนากบั ลกู เสอื วสิ ามญั 2) ผกู้ ากบั ลกู เสอื ใหล้ ูกเสอื แบ่งกลมุ่ เพ่อื หาสาเหตุเบอ้ื งตน้ ของปัญหาทเ่ี กดิ ขน้ึ นาเสนอต่อกลุ่ม ลกู เสอื พรอ้ มหาวธิ แี กไ้ ขปัญหาเบอ้ื งตน้ 3) แบง่ กลุม่ ลกู เสอื จดั ทาแผนโครงการออกหน่วยชว่ ยเหลอื ผปู้ ระสบภยั และรบั บรจิ าคสงิ่ ของ 4) ผกู้ ากบั ลกู เสอื และลกู เสอื ทาความตกลงใหป้ ฏบิ ตั กิ จิ กรรมตามโครงการอยา่ งน้อย 3 ครงั้ เม่อื ดาเนินการเสรจ็ สน้ิ แลว้ ใหป้ ระเมนิ ผลโครงการและสรุปรายงานส่งตามกาหนดเวลา 5) ผกู้ ากบั ลกู เสอื และลกู เสอื รว่ มกนั สรปุ บทเรยี น 70 คมู่ อื การจดั กิจกรรมลกู เสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 5-6 และ ปวช.2-3

4.4 ผกู้ ากบั ลกู เสอื เลา่ เรอ่ื งสนั้ ทเ่ี ป็นประโยชน์ 4.5 พธิ ปี ิดประชุมกอง (นดั หมาย ตรวจเครอ่ื งแบบ ชกั ธงลง เลกิ ) 5. ประเมินผล 5.1 สงั เกตความรว่ มมอื ในการปฏบิ ตั กิ จิ กรรม 5.2 สงั เกตกระบวนการคดิ จากการดาเนินงานตามโครงการ ภาคผนวกประกอบแผนการจดั กิจกรรมท่ี 6 เพลง เราคือพ่ีน้อง เราคอื พน่ี ้อง ลกู เสอื เชอ้ื ไทย ดใี จ ทเ่ี ราไดม้ าเจอะกนั มาพบกนั มาพบกนั รกั เรามนั่ ตรงึ จติ เป็นนิมติ ดเี ลศิ ชา่ งประเสรฐิ ดแี ท้ รกั ไมเ่ ปลย่ี นแปร ผกู ใจสมั พนั ธ์ เราลกู เสอื ไทย เราลกู เสอื ไทย เราต่างรว่ มในสามคั คี เพอ่ื ชาตไิ ทยเรา จะไดร้ งุ่ โรจน์สดศรี รว่ มรกั รว่ มใจ รว่ มสามคั คี มไี มตรี เป็นมติ รทด่ี รี ่วมกนั พระมงกุฎเกลา้ ท่านทรงประทานหน้าทข่ี องเรานนั้ บรกิ าร พระมงกุฎเกลา้ ทา่ นทรงประทาน หน้าทข่ี องเรานนั้ บรกิ าร คมู่ ือการจดั กิจกรรมลกู เสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 5-6 และ ปวช.2-3 71

ใบความรู้ วิชาสงั คมสงเคราะห์ หลกั สตู ร มคี วามรแู้ ละความสามารถชแ้ี จงเรอ่ื งราวตามหวั ขอ้ ต่อไปน้ไี ดด้ พี อสมควร (1) ปัญหาสงั คม (2) ความรเู้ บอ้ื งตน้ เกย่ี วกบั กรมประชาสงเคราะหแ์ ละการ สงั คมสงเคราะห์ (3) การสรา้ งความสมั พนั ธก์ บั ผรู้ บั การสงเคราะห์ (4) บทบาทและหน้าทข่ี องงานประชาสงเคราะห์ (5) การสงเคราะหเ์ ดก็ และบุคคลวยั รนุ่ (6) การสงเคราะหค์ รอบครวั คนชรา คนพกิ าร คนขอทาน และคนไรท้ พ่ี ง่ึ (7) การสงเคราะหผ์ ปู้ ระสบภยั (8) องคก์ ารสงั คมสงเคราะหเ์ อกชนกบั งานสงเคราะหผ์ ปู้ ระสบภยั (9) การออกหน่วยช่วยเหลอื ผปู้ ระสบภยั (10) บทบาทและหน้าทข่ี องลกู เสอื ในการสงเคราะหผ์ ปู้ ระสบภยั อคั คภี ยั อุทกภยั และวาตภยั (11) การจดั ทพ่ี กั ชวั่ คราวสาหรบั ผปู้ ระสบภยั (12) การรบั บรจิ าคสง่ิ ของเหลอื ใชส้ าหรบั ผปู้ ระสบภยั วตั ถปุ ระสงคว์ ิชาสงั คมสงเคราะห์ 1. ........................................................................................................................................ 2. ........................................................................................................................................ 3. ........................................................................................................................................ แนวการจดั การฝึ กอบรม ................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................. 72 คมู่ ือการจดั กิจกรรมลกู เสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 5-6 และ ปวช.2-3

เนื้อหาวิชาประกอบการฝึ กอบรมตามหลกั สูตร 1. ปัญหาสงั คม ปัญหาสงั คม คืออะไร คอื “สภาพการณ์หรอื เหตุการณ์ทก่ี ระทบกระเทอื นต่อคนส่วนใหญ่ในสงั คม คนเหล่านนั้ ไมป่ รารถนา ให้เกิดข้นึ และร่วมมอื กนั หาทางป้องกนั แก้ไข” จากความหมายดงั กล่าวน้ี อาจจาแนกองค์ประกอบหรอื เง่อื นไขท่สี าคัญในการพิจารณาว่าเหตุการณ์ใด หรอื ปรากฏการณ์ใด ๆ เป็นปัญหาสงั คมหรอื ไม่ ได้ 3 ประการ คอื 1. เหตุการณ์นนั้ กระทบกระเทอื นต่อคนสว่ นใหญ่ หรอื คนจานวนมากพอสมควรในสงั คม 2. คนเหล่านนั้ ไมพ่ อใจ ไมพ่ งึ ปรารถนาใหเ้ กดิ ขน้ึ เพราะกระทบกระเทอื นผลประโยชน์ของตน 3. เรยี กรอ้ ง หรอื รว่ มมอื กนั หาทางป้องกนั แกไ้ ข ตวั อย่างสุนขั ตวั หน่งึ กดั เดก็ ซน ๆ คนหน่งึ ทเ่ี อาไมไ้ ปแหยม่ นั ยงั ไมเ่ ป็นปัญหาสงั คมเพราะเป็นเรอ่ื ง ในวงแคบกระทบกระเทือนผลประโยชน์ของคนเพยี งส่วนน้อยในสงั คมนัน้ แต่ถ้าสุนัขตัวนัน้ เป็นสุนัขบ้า เท่ยี วไล่กดั คนไมเ่ ลอื กหน้า พ่อแม่ ผปู้ กครองในละแวกบ้านจะรสู้ กึ เดอื ดรอ้ นกลวั ภยั มาถงึ ลูกหลานของตน ฉวยไมไ้ ลต่ กี นั เป็นโกลาหล เหตุการณ์น้เี ป็นปัญหาสงั คม หรอื ในสมยั หน่ึงการเกบ็ ค่าเช่านาแพง ๆ เป็นเร่อื งธรรมดาถอื เป็นความชอบธรรมของเจา้ ของนาท่ี จะกาหนดค่าเช่ายงั ไงก็ได้ เป็นเร่อื งสมยอมกนั ระหว่างลูกนากบั ผู้ให้เช่า แมล้ ูกนาจะไม่พอใจอย่างไรก็จา ยอม แต่ต่อมามชี าวนาท่ีล้มละลายกลายเป็นผู้เช่านามากขน้ึ ๆ จนในบางละแวกตาบลผู้เช่ามมี ากกว่า เจา้ ของนา การเกบ็ ค่าเช่าแพง ทาความเดอื ดรอ้ นใหค้ นจานวนมาก จงึ ไดม้ กี ารดน้ิ รนเรยี กรอ้ งใหม้ กี ารออก กฎหมายควบคมุ ค่าเช่านาขน้ึ ปัญหาการเกบ็ ค่าเช่านาแพงจงึ กลายเป็นปัญหาสงั คม สาเหตทุ ่ีทาให้เกิดปัญหาสงั คม สาเหตุทท่ี าใหเ้ กดิ ปัญหาสงั คมต่าง ๆ อาจกล่าวโดยรวม ๆ ไดว้ ่า เน่ืองจาก “การเปลย่ี นแปลงของ สงั คม” สงั คมกค็ อื ชุมชนของมนุษย์ เม่อื มองสงั คมกจ็ ะต้องมองถงึ องคป์ ระกอบหรอื โครงสรา้ งของสงั คม อนั ไดแ้ ก่ เศรษฐกจิ การเมอื งและวฒั นธรรม เศรษฐกจิ คอื เรอ่ื งเก่ยี วกบั การทามาหากนิ ซง่ึ รวมถงึ การผลติ การ จาแนกแจกจ่ายผลผลติ และการขนส่ง คมนาคม เป็นต้น การเมอื งเป็นเร่อื งเก่ยี วกบั การต่อสู้ระหว่างกลุ่ม ผลประโยชน์ในสงั คมนัน้ เพ่อื ให้ได้มาซ่งึ อานาจรฐั หรอื อานาจในการปกครองสงั คมวฒั นธรรม เป็นเร่อื ง เก่ียวกบั วถิ ีการดารงชวี ติ หรอื แบบแผนในการดารงชวี ติ นับตงั้ แต่การกินการอยู่การศึกษา การพกั ผ่อน ศาสนา ขนบธรรมเนยี มประเพณี เป็นตน้ ฉะนนั้ การเปลย่ี นแปลงทางสงั คม กค็ อื การเปลย่ี นแปลงในดา้ นเศรษฐกจิ การเมอื ง และวฒั นธรรม ในสงั คม การเปลย่ี นแปลงดงั กลา่ วน้ี เป็นเหตุทาให้ เกดิ ปัญหาทางสงั คมขน้ึ 1. การเปล่ียนแปลงทางเศรษฐกิจ เช่น ประชาชนส่วนใหญ่ในสมยั ก่อนปฏวิ ตั ิ อุตสาหกรรม ประกอบอาชพี ทางเกษตรกรรม มชี วี ติ อย่ใู นทอ้ งไร่ทอ้ งนา ครนั้ ไดม้ กี ารปฏวิ ตั อิ ุตสาหกรรมขน้ึ ในประเทศ ค่มู ือการจดั กิจกรรมลกู เสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 5-6 และ ปวช.2-3 73

องั กฤษและประเทศอุตสาหกรรมอ่นื ๆ ตามลาดบั เกดิ โรงงานอุตสาหกรรมขน้ึ ในเมอื งใหญ่ ๆ ประชาชน จากท้องนาพากนั เขา้ มาแสวงโชค หางานทาในเมอื คนงานมมี ากขน้ึ คนท่ฝี ากชวี ติ ไว้กบั ค่าจา้ งแรงงานมี มาก ก่อใหเ้ กดิ ปัญหาค่าจางแรงงานต่า ปัญหาความขดั แยง้ ระหว่างนายจา้ งกบั ลูกจา้ งและปัญหาการว่างงาน เป็นตน้ 2. การเปล่ียนแปลงทางด้านการเมืองทาให้เกิดปัญหาสงั คม เช่น ในสมยั ก่อน ๆ การมที าส การเอาคนลงเป็นทาสเป็นเร่อื งธรรมดา ถูกต้องชอบธรรมทุกประการแต่เมอ่ื ประชาชนเรมิ่ รสู้ าสานึกในสทิ ธิ ของตน ได้เข้าไปมีส่วนมีเสียงในการปกครองมากข้ึน จากระบบสมบูรณาญาสิทธิราช มาสู่ระบอบ ประชาธปิ ไตยระหว่างยุคต่อยคุ น้ี การมที าสกลายเป็นปัญหาสงั คม เป็นสงิ่ ไม่ถูกตอ้ ง ไม่พงึ ปรารถนาและมี การรณรงค์ต่อต้านจนเลกิ ไปในท่สี ุด หรอื ยอ้ นหลงั ไปเพยี ง 10 กว่าปีน้ีเอง จะเห็นว่าค่าจา้ งแรงงานของ ลกู จา้ งคนงานต่ามาก ชวี ติ ความเป็นอย่ขู องคนงานไทยระดบั ต่ากว่ามาตรฐานทวั่ ไปอย่างยงิ แต่เรอ่ื งน้ีไม่มี ปัญหา ไม่มกี ารกล่าวถงึ แมจ้ ะมคี วามไม่พอใจและเสยี งเรยี กรอ้ งกเ็ ป็นเรอ่ื งเฉพาะรายเท่านนั้ สงั คมไม่สนใจ ถอื ว่าเป็นกรรมของคนงานเป็นบุญของนายจา้ ง แต่เมอ่ื ประเทศมคี วามเป็นประชาธปิ ไตยมากขน้ึ ประชาชน มสี ทิ ธมิ เี สยี งในการปกครองมากขน้ึ ๆ เรอ่ื งน้กี ก็ ลายเป็นปัญหาขน้ึ มา และมกี ารเรยี กรอ้ งอยา่ งทกุ วนั น้ี 3. การเปล่ียนแปลงทางวฒั นธรรม ทาให้เกดิ ปัญหาสงั คม เช่น เรามกั จะไดย้ นิ ผเู้ ฒ่าผแู้ ก่บ่นให้ ฟังอย่เู สมอ ๆ วา่ สมยั ก่อนไมเ่ ป็นอย่างน้ี ไม่มปี ัญหาวุ่นวายและศลี ธรรมไมต่ าต่าขนาดน้ี ซง่ึ ถ้าเราไดศ้ กึ ษา เปรยี บเทยี บ จะพบว่าในยุคของท่านผู้เฒ่าวถิ ชี วี ติ ของคนไทยเราไม่มี คอฟฟ่ีชอ็ ฟ ไม่มบี าร์ ไม่มอี าบ อบ นวด ไนต์คลบั และไม่มอี กี หลายสงิ่ หลายอย่างอนั เป็นอารยธรรมตะวนั ตก ซ่งึ เรารบั เข้ามาอย่างไม่มกี าร จาแนกแยกแยะว่าอะไรเหมาะหรอื ไมเ่ หมาะกบั สงั คมเรา ปัญหาสงั คมของประเทศไทย การรวบรวมปัญหา ตลอดจนเรยี งลาดบั ความสาคญั ของปัญหาสงั คมในประเทศไทยยงั ไม่ได้มกี าร จดั ทากนั อย่างจรงิ จงั เพยี งแต่ไดม้ บี ุคคลบางคนหรอื ผสู้ นในบางกลุ่ม อาทิ นกั วชิ าการ กลุ่มอาชพี ทท่ี างาน เก่ยี วขอ้ ง หรอื มหี น้าทเ่ี ก่ยี วขอ้ ง รวบรวมแสดงความคดิ ความเหน็ ตามทศั นะท่แี ตกต่างกนั ไป แต่ปัญหาท่ี ไดร้ บั การกล่าวถงึ และยอมรบั กนั โดยทวั่ ไป ทส่ี าคญั ๆ มดี งั ต่อไปน้ี 1. ปัญหาความยากจน ความยากจน เป็นสภาพการดารงชวี ติ ของบุคคลทม่ี รี ายไดไ้ ม่เพยี งพอกบั รายจา่ ยทาใหม้ สี ภาพ ความเป็นอยตู่ ่ากว่าระดบั มาตรฐานในสงั คม ซง่ึ ในสงั คมไทยเรามขี อ้ เทจ็ จรงิ เป็นเคร่อื งชว้ี ่าประชาชนจานวน มากในประเทศไทย โดยเฉพาะท่ีอยู่ในชนบท มีฐานะยากจน ระดบั หรอื มาตรฐานท่ีจะวดั ความยากจน ธนาคารโลกเคยตงั้ มาตรฐานและรายงานไวว้ ่า ประชาชนในชนบทของไทย ควรจะมรี ายได้ 150 บาทต่อคน ต่อเดอื น และประชาชนในเขตเมอื ง ควรจะมรี ายได้ 200 บาทต่อคนต่อเดอื นขน้ึ ไป จงึ จะสามารถดารงชวี ติ อย่ไู ด้ตามมาตรฐานทวั่ ไปซ่งึ ปรากฏว่า มปี ระชาชนท่มี รี ายไดต้ ่ากว่ามาตรฐาน ในปี 2518-2519 เฉลย่ี ทวั่ ประเทศ ประมาณ 25% หรอื ประมาณกวา่ 10 ลา้ นคน 74 ค่มู อื การจดั กิจกรรมลูกเสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 5-6 และ ปวช.2-3

2. ปัญหาการว่างงาน การว่างงานไดแ้ ก่การท่บี ุคคลซง่ึ อยใู่ นวยั ทางาน ต้องอย่นู ิ่งเฉยไม่มงี านทา ทงั้ น้ี ไมร่ วมถงึ การ ไมท่ างานเพราะกรณีพพิ าทแรงงาน เจ็บป่วย หรอื การหยดุ พกั ผ่อน ซง่ึ ในแผนพฒั นาฉบบั ท่ี 4 ไดป้ ระมาณ การวา่ จะมผี วู้ ่างงานในขณะน้ถี งึ ปีละ 1 ลา้ นคน สาเหตุของการว่างงานทส่ี าคญั คอื - การสรา้ งงาน ไม่ไดส้ ดั ส่วนกบั อตั ราการเพมิ่ ของประชากรซง่ึ มอี ตั ราเพมิ่ ปีละ 2.1 % หรอื ประมาณ 1 ลา้ นคน - การว่างงานตามฤดูกาลเพราะประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรมมีแรงงานในภาค เกษตรกรรมถงึ รอ้ ยละ 80 เม่อื หมดฤดูทางดา้ นเกษตร ซง่ึ โดยเฉลย่ี แลว้ ใชเ้ วลาทางานจรงิ ๆ เพยี ง 141 วนั แรงงานดา้ นเกษตรจงึ อยใู่ นสภาพวา่ งงาน - การขาดแคลนเงนิ ทนุ ในดา้ นอุตสาหกรรม - การว่างงานเน่ืองจากการนาเคร่อื งจกั รกลมาใช้ เช่น คนงานยกของท่ที ่าเรอื จานวนหน่ึงได้ วา่ งงานลงเพราะการใชร้ ะบบยกขนดว้ ยเครอ่ื งจกั รทท่ี นั สมยั - การว่างงานเพราะเศรษฐกจิ ตกต่า ฯลฯ 3. ปัญหาอาชญากรรม ปัญหาอาชญากรรม เป็นปัญหาสงั คมท่มี ขี ดี ความสามารถแรงสูงปัญหาหน่ึงของสงั คมไทยใน ปัจจบุ นั อาชญากรรมทเ่ี กดิ ขน้ึ แต่ละครงั้ ไดท้ าลายความสงบสุข รวมทงั้ ชวี ติ และทรพั ยส์ นิ ของประชาชนเป็น อนั มาก และเป็นปัญหาทร่ี ฐั บาลถอื เป็นนโยบายสาคญั ทม่ี งุ่ ปราบปรามแกไ้ ขอย่างจรงิ จงั 4. ปัญหายาเสพติด จากผลการสารวจของคณะกรรมการต่าง และรายงานขององคก์ ารอนามยั โลกพบวา่ ในปัจจบุ นั น้ี มผี ตู้ ดิ ยาใหโ้ ทษประมาณ 600,000 คน และประมาณครง่ึ หน่ึงเป็นเยาวชนและตอ้ งเสยี เงนิ ในการซอ้ื ผงขาว นับเป็นพนั ล้านบาทต่อปี นับเป็นปัญหาสาคญั ท่สี ุดปัญหาหน่ึง ท่กี ่อให้เกิดปัญหารา้ ยแรงติดตามมาคอื ปัญหาอาชญากรรมและการสญู เสยี ทรพั ยากรกาลงั คนของชาติ 5. ปัญหาการศึกษา โดยทวั่ ไปแลว้ การศกึ ษามจี ดุ มงุ่ หมายดงั ต่อไปน้ี 1. ทาให้เกิดความรู้สึกเช่ือมันในตนเอง เพราะการศึกษ าจะช่วยให้บุคคลได้เข้าใจ ความสามารถและสตปิ ัญญาของตน พฒั นาขน้ึ และนาไปใชใ้ หเ้ ป็นประโยชน์ในการดารงชวี ติ 2. ทาใหม้ มี นุษยส์ มั พนั ธห์ รอื การรจู้ กั ปรบั ตวั เขา้ กบั ผอู้ ่นื 3. เพ่อื พฒั นาความรแู้ ละความชานาญทจ่ี ะประกอบอาชพี 4. สรา้ งความสานกึ รบั ผดิ ชอบต่อสงั คม รายงานจากหน่วยงานท่เี ก่ียวข้องช้ใี ห้เห็นว่าในปี 2503 ประชากรไทยไม่รูห้ นังสือประมาณ 30% และจนกระทงั่ บดั น้กี ม็ หี ลกั ฐานเช่อื ไดว้ ่ายงั มปี ระชากรทไ่ี มร่ หู้ นงั สอื อยปู่ ระมาณ 18% ค่มู อื การจดั กิจกรรมลกู เสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 5-6 และ ปวช.2-3 75

6. ปัญหาด้านสขุ ภาพอนามยั การขาดแคลนบรกิ ารทางการแพทย์ และการใหบ้ รกิ ารอยา่ งไมท่ วั่ ถงึ แก่ประชาชน โดยเฉพาะใน ถนิ่ ชนบทเป็นปัญหาท่ยี อมรบั กนั โดยทวั่ ไป ทงั้ น้ี จะเหน็ ได้จากสดั ส่วน จานวนแพทยต์ ่อประชากร คอื ใน ประเทศไทยมแี พทย์ 1 คน ต่อประชากรประมาณ 7,500 คน ในขณะท่ชี าวต่างประเทศมสี ดั ส่วนแพทยต์ ่อ ประชากร ดงั น้ี คอื สงิ คโปร์ 1 : 1,400 คน ญ่ปี ุ่น 1 : 860 คน สหรฐั , รสั เซยี 1 : 500 คน นอกน้ีจะเหน็ ว่า แพทย์จานวนประมาณ 3,500 คน อยู่ในกรุงเทพฯ ซ่ึงมปี ระชากรเพียง 5 ล้านคน และมีแพทย์เพียง ประมาณ 2,300 คน เทา่ นนั้ ทอ่ี ยใู่ นชนบทซง่ึ มปี ระชากรถงึ 40 ลา้ นคน นอกจากปัญหาดงั กล่าวแล้ว ยงั มปี ัญหาอ่นื ๆ อกี เป็นจานวนมากทงั้ ในระดบั ทวั่ ไปและระดบั เฉพาะทอ้ งถน่ิ เช่น ปัญหาประชากร, ปัญหาเดก็ และเยาวชน, ปัญหาทด่ี นิ ทากนิ , ปัญหาทอ่ี ย่อู าศยั ในเมอื ง และปัญหาสง่ิ แวดลอ้ ม เป็นตน้ ปัญหาเหล่าน้ีมีความเก่ียวเน่ืองสัมพันธ์กัน ปัญหาหน่ึงอาจจะส่งผลให้เกิดปัญหาอ่ืน ๆ เช่อื มโยงกนั เป็นลูกโซ่ และเป็นผลซ่งึ กนั และกนั การแก้ไขปัญหามอิ าจจะแยกกนั ไปได้โดยเดด็ ขาดและมิ อาจจะแก้ไขเพยี งหน่วยงานหน่ึงหน่วยงานใด หรอื กลุ่มหน่ึงกลุ่มใด แต่ลาพงั ได้ สมาชกิ ในสงั คมจะต้อง รว่ มมอื กนั โดยทวั่ ไป 2. ความรเู้ บือ้ งต้นเกี่ยวกบั การประชาสงเคราะห์ และการสงเคราะห์ ความหมาย 1. “การประชาสงเคราะห์” (Public Welfare)หมายถึง งานด้านบรกิ ารสังคมท่ีจดั ให้โดย ฝ่ ายรฐั บาลแก่ประชาชน โดยแท้จรงิ แล้วคาว่าการประชาสงเคราะห์น้ีใช้กนั เป็นท่ีปรากฏแพร่หลายใน ประเทศสหรฐั อเมรกิ า แล้วค่อยเผยแพร่ออกไปประเทศต่าง ๆ รวมทงั้ ประเทศไทยดว้ ย ตามความหมายท่ี อา้ งถงึ การประชาสงเคราะห์ จากดั ขอบเขตงานดา้ นบรกิ ารสงั คมเฉพาะแต่ทเ่ี ป็นความรบั ผดิ ชอบของรฐั บาล ทจ่ี ะให้แก่ประชาชนผู้ประสบความทุกขย์ ากเดอื ดรอ้ นผูด้ อ้ ยโอกาส และไม่สามารถคุม้ ครองหรอื ช่วยเหลอื ตนเองได้ อนั อาจเน่ืองมาจากสภาพชวี ติ ครอบครวั ความบกพรอ่ งทางรา่ งกายจติ ใจ และอารมณ์ ตลอดจน ความพยายามต่าง ๆ ของรฐั ท่ีมุ่งส่งเสรมิ ความกินดีอยู่ดีให้เกิดมแี ก่ประชาชนในทุก ๆ ด้าน อาทิ การ ส่งเสรมิ ให้เกดิ สวสั ดภิ าพแก่ประชาชน การกระจายรายได้ การบรกิ ารทางด้านการแพทยแ์ ละโภชนาการ อย่างทวั่ ถงึ และเพยี งพอ เป็นต้น โดยสรุปแล้ว การประชาสงเคราะห์มคี วามมุ่งหวงั ท่จี ะยกระดบั มาตรฐาน การครองชีพและความเป็นอยู่ของประชาชนทัว่ ประเทศ โดยเฉพาะให้เพ่งเล็งถึงอุดมคติท่ีจะส่งเสรมิ สนับสนุนให้ประชาชนได้มีท่ีอยู่ท่ีดีเหมาะสมแก่อัตภาพ มีสุขภาพสมบูรณ์ทวั่ ร่างกายและจติ ใจ ได้รบั การศกึ ษามกี ารพกั ผอ่ นหยอ่ นใจและไดร้ บั การบรกิ ารอ่นื ๆ รวมทงั้ อุปกรณ์ความผาสุกเพ่อื ประชาชนทุกคน โดยทงั่ ถงึ กนั ทงั้ น้ี โดยอาศยั หลกั ทฤษฎี วธิ กี ารทางสงั คมสงเคราะหเ์ ป็นหลกั ในการดาเนินงาน 2. การสงั คมสงเคราะห์ (Social Work)ไม่ได้มีความหมายอยู่แค่การ “ให้” หรอื “แจก” หรอื บรจิ าคทานตามทค่ี นส่วนมากเขา้ ใจแต่หมายถงึ ขบวนการช่วยเหลอื ผทู้ ุกขย์ ากเดอื ดรอ้ นหรอื ผปู้ ระสบปัญหา โดยมรี ะบบและขนั้ ตอนภายใตแ้ นวความคดิ ทว่ี ่า ชว่ ยเหลอื เขาเพ่อื เขาจะไดช้ ว่ ยตนเองได้ ดงั นนั้ ในปัจจบุ นั 76 ค่มู ือการจดั กิจกรรมลกู เสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 5-6 และ ปวช.2-3

การสงั คมสงเคราะหจ์ งึ มคี วามหมายกวา้ งขวางครอบคลุมถงึ การช่วยเหลอื สงเคราะหบ์ ุคคลผตู้ กทุกขไ์ ดย้ าก ได้รบั ความเดอื ดรอ้ นจากสาเหตุทางเศรษฐกจิ ภาวะสงั คม โดยประการต่าง ๆ และการดาเนินงานให้การ สงั คมก็มไิ ด้จากัดอยู่เฉพาะในวงงานของรฐั หรอื สถาบันในสถาบนั หน่ึงเท่านัน้ หากแต่เป็นหน้าท่ีของ ประชาชนทุกคนจกั ตอ้ งรว่ มมอื กนั รบั ผดิ ชอบในการดาเนินงานสงั คมสงเคราะหโ์ ดยทวั่ ถงึ และกวา้ งไกล ใหผ้ ู้ ประสบความทุกขย์ ากเดอื ดรอ้ นไดร้ บั บรกิ ารโดยทวั่ กนั 3. การให้ทานกบั การสงั คมสงเคราะห์ ทงั้ สองอย่างมคี วามคลา้ ยคลงึ กนั ตรงท่ี กริ ยิ าทใ่ี หแ้ ละมผี ู้ รบ แต่การให้ทานมุ่งประโยชน์ของผู้ให้เพ่อื หวงั บุญกุศลหรอื การจากดั ความตระหน่ีถ่เี หนียวของตนเป็น สาคญั ส่วนการสงั คมสงเคราะหเ์ ป็นการให้ท่วี เิ คราะห์ถงึ ความเดอื ดรอ้ นของผูจ้ ะรบั เป็นสาคญั โดยอาศยั หลกั เกณฑแ์ ละวธิ กี ารทางสงั คมสงเคราะห์ กอรป์ กบั ผดู้ าเนินการจะตอ้ งไดฝ้ ึกหดั อบรมมาเป็นอยา่ งดี 4. หลกั การพื้นฐานทางสงั คมสงเคราะห์ ในการปฏบิ ตั ิ การบรกิ ารสงั คมสงเคราะห์ทงั้ ของรฐั และเอกชนโดยทวั่ ไปนัน้ ไดอ้ าศยั หลกั การวธิ กี าร ตลอดจนเทคนิคเฉพาะอยา่ งของวชิ าการสงั คมสงเคราะห์ เป็ นข้อกาหนดในการดาเนินงาน ตามลักษณะแห่งปัญญาและความต้องการผู้รบั บริการ โดยทัว่ ไป หลกั เกณฑท์ างสงั คมสงเคราะห์ (Principle of Social Work) ทน่ี ิยมนามาประยกุ ตใ์ ชใ้ นงานประชาสงเคราะห์ ในปัจจบุ นั มี 5 ประการ จงึ จะขอนามากลา่ วพอเป็นสงั เขป ดงั ต่อไปน้ี 1. สงั คมสงเคราะหเ์ ฉพาะราย (Social Case Work) ไดแ้ ก่การช่วยเหลอื ปัจเจกบคุ คลผปู้ ระสบ ปัญหาไม่สามารถพ่งึ พาอาศยั หรอื ปรบั ตนเองใหพ้ บความสุขตามสมควรได้ เป็นรายบุคคลโดยเฉพาะ โดย นกั สงั คมสงเคราะหจ์ ะเป็นผู้ชว่ ยเหลอื ในการพฒั นาความรคู้ วามสามารถของผนู้ นั้ ๆ ใหส้ ามารถแกไ้ ขปัญหา อุปสรรคและปรบั สภาพชีวิตของตนให้ประสบความสุขตามควรแก่ฐานะ ทงั้ น้ีต้องอาศัยทรพั ยากรทาง ธรรมชาตแิ ละคณุ สมบตั เิ ฉพาะตวั ของผปู้ ระสบปัญหา เขา้ มาใชเ้ ป็นประการสาคญั 2. สงั คมสงเคราะห์กลุ่มชน (Social Group Work) หมายถึง การดาเนินงานช่วยเหลือกลุ่ม บุคคลหรอื ให้แต่ละบุคคลมบี ุคลกิ ลกั ษณะท่ดี สี ามารถปรบั ปรุงตนเองให้เขา้ กบั บุคคลอ่นื ๆ ได้ โดยอาศยั กจิ กรรมส่วนรวม ทรพั ยากรสมาชกิ ในกล่มุ แต่ละคนเขา้ มาเป็นส่วนช่วยเหลอื เพอ่ื ใหส้ มาชกิ แต่ละบุคคลของ กลมุ่ ไดร้ บั ความพอใจ เพลดิ เพลนิ และมคี วามผกู พนั ถงึ กลมุ่ ของตน 3. สงั คมสงเคราะหเ์ พ่อื ชุมชนหรอื การจดั ระเบยี บชุมชน (Community Organization) เป็นการ ช่วยเหลอื สงเคราะหท์ ม่ี งุ่ ยกระดบั ฐานะความเป็นอยทู่ งั้ ในแงว่ ตั ถุและสภาพจติ ใจของบุคคลในสงั คมใหพ้ บกบั สภาพชวี ติ ทน่ี ่าพงึ ประสงคข์ องทุก ๆ คน โดยการจดั หา นาออกมาใช้ และการจดั ระเบยี บแหง่ ทรพั ยากรจาก แหล่งต่าง ๆ ในชุมชนนัน้ ๆ เพ่อื ใหเ้ กดิ ความสมดุลกบั ความตอ้ งการของการประชาชนในแต่ละชุมชน การ สงั คมสงเคราะห์ประเภทน้ีจาเป็นต้องไดร้ บั ความร่วมมอื และความมุ่งประสงค์จากหลาย ๆ ฝ่ าย กอรป์ กบั จะต้องมแี หล่งทรพั ยากรทงั้ จากในส่วนของชุมชนนัน้ และชุมชนใกลเ้ คยี งเขา้ มาช่วยเหลอื ด้วยหน้าทส่ี าคญั ของผู้ให้บรกิ ารจงึ อย่ทู ่ตี วั เช่อื มใหเ้ กดิ การทางานในชุมชนอย่างมรี ะบบและดว้ ยความสามคั คี มุ่งผลอนั เอก อุดม คอื ความสุขของชมุ ชนเป็นสาคญั 4. การบรหิ ารงานสวสั ดกิ ารสงั คม (Social Welfare Administration) เป็นวธิ กี ารท่อี งคก์ ารทงั้ ของรฐั และเอกชนนามาใช้ในการให้บรกิ ารสงเคราะห์แก่ผู้ประสบปัญหาและผู้ทุกข์ยากเดือดร้อนให้มี ประสทิ ธิภาพและคุณภาพทนั ต่อเหตุการณ์ความทุกข์ยากเดอื ดรอ้ น และความจาเป็นรบี ด่วนของแต่ละ ค่มู ือการจดั กิจกรรมลูกเสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 5-6 และ ปวช.2-3 77

ปัญหา การบรหิ ารงานสวสั ดภิ าพสงั คมจะประกอบด้วยหลกั การด้านบริหาร การวางแผน การกาหนด ขนั้ ตอนในการปฏบิ ตั งิ าน รบั ผดิ ชอบในการจา่ ยเงนิ ใหเ้ ป็นไปตามวตั ถุประสงค์ และฝึกหดั ฝึกอบรมเจา้ หน้าท่ี บุคลากร เป็นตน้ g 5. การสารวจและวจิ ยั ทางสงั คมสงเคราะห์ (Social Survey and Rescorch) เป็นเทคนิคและ วธิ กี ารอกี อย่างหน่ึงท่นี ามาใช้ในการวางแผนงานปรบั ปรุงสวสั ดกิ ารสงั คมท่จี ะให้แก่ประชาชน โดยจะได้ อาศยั ขอ้ มลู ขอ้ สรปุ ตลอดจน fact ต่าง ๆ ทไ่ี ดค้ น้ พบโดยอาศยั เทคนิคทางการวจิ ยั สงั คม ทงั้ น้เี พ่อื ความสุข สมบรู ณ์แก่ประชาชนผทู้ ุกขย์ ากเดอื ดรอ้ น วิวฒั นาการของการประชาสงเคราะหใ์ นประเทศไทย การดาเนินงานดา้ นสงั คมสงเคราะห์ในประเทศทงั้ หลายทวั่ โลก นับว่าเป็นผลท่เี กดิ มาโดยตรงจาก ความอุตสาหพากเพยี รพยายามและความนึกคดิ ของมนุษยใ์ นส่วนท่จี ะได้มโี อกาสไดช้ ่วยเหลอื เก้อื กูลผูอ้ ่นื ตามกาลงั สามารถของตน การปฏบิ ตั ติ ่อผูอ้ ่นื ในลกั ษณะเป็นการช่วยส่งเสรมิ สนับสนุนและมคี วามห่วงหา อาทรถงึ ทุกขร์ อ้ นของผอู้ ่นื นนั้ นอกจากจะเป็นธรรมชาตขิ องมนุษยโ์ ดยตรงแลว้ ยงั ถอื ไดว้ ่าเป็นผลต่อเน่ือง แห่งความเจรญิ ทางวฒั นธรรมของมนุษย์ ทไ่ี ดอ้ บรมสงั่ สอนมาจากหลกั คาสอนทางศาสนาทม่ี ุ่งช่วยใหส้ งั คม มนุษยอ์ ยอู่ ยา่ งเป็นปกตสิ ุขโดยการช่วยเหลอื สงเคราะหซ์ ง่ึ กนั และกนั ตามสมควร ดงั นนั้ ในขนั้ แรกงานสงั คม สงเคราะหจ์ งึ เป็นเรอ่ื งระหว่างสมาชกิ ในแต่ละสงั คมจะปฏบิ ตั ติ ่อกนั ชว่ ยเหลอื สงเคราะหใ์ นหม่เู ครอื ญาตแิ ละ กว้างไกลออกไปจนถึงผู้คนในสงั คมอ่นื ๆ แต่เม่อื สงั คมได้ขยายตวั ออกไปเป็นสงั คม แบบสลบั ซบั ซ้อน ประชากรเพมิ่ ทวขี น้ึ จานวนมาก กอรป์ กบั ปัญหาข้อทุกข์ยากเดอื ดรอ้ นของประชาชนมมี ากขน้ึ เป็นอเนก ประการ การช่วยเหลอื สงเคราะหร์ ะหว่างญาตพิ น่ี ้องไมส่ ามารถจะทาไดอ้ ยา่ งทวั่ ถงึ ในทุก ๆ กรณี ดงั นนั้ จงึ เป็นโอกาสท่รี ฐั บาลจะต้องเขา้ ไปมบี ทบาทดาเนินงานให้ความช่วยเหลอื สงเคราะห์ประชาชน ทงั้ น้ี โดยมี หลกั การว่ารฐั นนั้ หาใช่แต่จะมหี น้าทเ่ี พยี งเพอ่ื จะพทิ กั ษ์รกั ษาความสงบเรยี บรอ้ ยของประชาชนอยา่ งเดยี วก็ หาไม่ แต่รฐั ยงั มหี น้าทส่ี าคญั ท่สี ุดอกี อนั หน่ึงคอื การช่วยดูแลและสงเคราะห์ใหป้ ระชาชนไดร้ บั การกนิ ดอี ย่ดู ี มคี วามผาสกุ โดยทวั่ ถงึ กนั สาหรบั ในประเทศไทย งานสงั คมไดเ้ จรญิ รุ่งเรอื งมาโดยลาดบั ตงั้ แต่สมยั พ่อขุนรามคาแหงมหาราช ซง่ึ ได้ใช้วธิ ปี กครองบ้านเมอื งแบบพ่อปกครองลูก โดยให้ผู้มปี ัญหาข้อทุกขร์ อ้ นได้ถวายฎกี าขอ้ ปัญหาให้ ทราบและพระองคท์ รงดาเนินการพจิ ารณาหาทางช่วยเหลอื โดยตรง นอกจากน้ี ยงั ปรากฏว่าวดั วาอาราม ทงั้ หลายในสมยั ก่อนไดเ้ ป็นศูนยร์ วมของประชาชนผมู้ ีปัญหาขอ้ ทุกขร์ อ้ น และเป็นศูนยก์ ลางแห่งการทาบุญ ใหท้ านแก่บุคคลผทู้ ุกขย์ ากเขญ็ ใจ เช่น คนไรญ้ าตขิ าดมติ ร หรอื คนชรา ทไ่ี มม่ ที พ่ี ง่ึ มกั เรร่ อนอาศยั วดั เป็นท่ี พง่ึ พา ในรชั สมยั ของพระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อย่หู วั สมเดจ็ พระศรพี ชั รนิ ทราพระบรมราชนิ ีได้ ทรงสถาปนาการอาสาสมคั รขน้ึ เรยี กว่า สภาอนุณาโลมแดง โดยมวี ตั ถุประสงคใ์ นการช่วยเหลอื สงเคราะห์ แก่ทหารทไ่ี ดร้ บั บาดเจบ็ จากสงคราม องคก์ ารน้ไี ดเ้ จรญิ ก้าวหน้ามาโดยลาดงั และไดก้ ลายมาเป็นสภากาชาด ไทย ในปัจจุบนั ในสมยั เดยี วกนั น้ี พระวมิ าดาเธอกรมพระสุทธาสนิ ีนาฏ ไดท้ รงบรจิ าคทรพั ยส์ ่วนพระองค์ สรา้ งโรงเรยี นเดก็ กาพรา้ อนาถาขน้ึ ทต่ี าบลสวนมะลิ ถนนบารงุ เมอื ง เมอ่ื พ.ศ. 2433 ต่อมาโรงเรยี นน้ีไดเ้ ลกิ 78 ค่มู อื การจดั กิจกรรมลูกเสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 5-6 และ ปวช.2-3

ไป และได้สร้างโรงเรียนชาติสงเคราะห์ข้ึนมาแทน ซ่ึงโรงเรียนน้ีได้อยู่ภายใต้การดูแลของกรม ประชาสงเคราะห์ ในกาลต่อมา เม่อื ประเทศไทยมกี ารเปลย่ี นแปลงระบบการปกครองประเทศเป็นระบบประชาธปิ ไตย ตัง้ แต่ ปี พ.ศ. 2475 เป็นต้นมา รฐั บาลได้กาหลดแนวนโยบายของรฐั ในส่วนท่ีเก่ียวกับการช่วยเหลือ สงเคราะหป์ ระชาชนไวใ้ นรฐั ธรรมนูญอยา่ งแจง้ จดั เช่น ในมาตรา 67 ของรฐั ธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทย พ.ศ. 2511 ระบุว่า “รฐั พึงส่งเสรมิ สนับสนุนการสังคมสงเคราะห์ เพ่ือสวสั ดิภาพและความผาสุกของ ประชาชน” ดงั น้ี จะอยา่ งไรกต็ ามการประชาสงเคราะหใ์ นประเทศไทย ไดถ้ อื กาหนดและดาเนนิ การโดยเปิดเผยเป็นท่ี รจู้ กั ของบุคคลอย่างกว้างขวางแพร่หลาย ในสมยั จอมพล ป.พบิ ูลสงคราม เป็นนายกรฐั มนตรไี ด้จดั ตงั้ กรม ประชาสงเคราะห์ข้นึ เม่ือวนั ท่ี 1 กนั ยายน 2483 โดยกาหนดให้มหี น้าท่ดี าเนินการส่งเสรมิ สวสั ดกิ ารของ ประชาชนในดา้ นการครองชพี ใหไ้ ดร้ บั ความสมบรู ณ์พนู สุข และมคี วามสดช่นื แจ่มใสเพ่อื เป็นพลานุภาพของ ประเทศชาตสิ บื ต่อไป ดงั นนั้ การดาเนินงานในชนั้ ต้นและในกาลต่อมาจนถงึ ปัจจบุ นั การสงเคราะหเ์ ดก็ และ บุคคลวยั รุ่น การสงเคราะห์ครอบครวั การสงเคราะห์สตรไี ร้อาชีพ เป็นต้น และฝ่ ายพัฒนาสังคม ซ่ึง รบั ผดิ ชอบในงานดา้ นพฒั นาและสง่ เสรมิ อาชพี เชน่ นิคมสรา้ งตนเอง งานสงเคราะหช์ าวเขา เป็นตน้ ขอบเขตของงานประชาสงเคราะห์ โดยท่งี านประชาสงเคราะห์เป็นงานใหญ่ มอี าณาเขตครอบคลุมไปถงึ บุคคลทุกประเภทตงั้ แต่แรก เกดิ จนถงึ กาลอวสานแต่งชาติ ดงั นัน้ รฐั บาลจงึ ได้กาหนดแนวนโยบายและวตั ถุประสงค์เพ่อื เป็นแนวทาง ปฏบิ ตั ไิ วเ้ ป็นแนวทางกวา้ ง ๆ เพ่อื ใหเ้ หมาะสมกบั สถานการณ์ของสงั คมเปลย่ี นแปลงไปเรอ่ื ย ๆ อนั ส่งผลให้ เกดิ ภาวะความทุกขย์ ากเดอื ดรอ้ นแก่ประชาชนกลุ่มใหญ่ แต่เน่ืองดว้ ยการสงั คมสงเคราะหท์ ด่ี าเนินการโดย รฐั บาลน้ี จะดาเนินการไดก้ โ็ ดยอาศยั เงนิ จากภาษอี ากร และงบประมาณของประเทศเป็นสาคญั ดงั นนั้ โดย สามารถแยกประเภทของประชาชนผอู้ ยใู่ นขา่ ยทจ่ี ะไดร้ บั การสงเคราะหด์ งั น้ี คอื 1. เดก็ และเยาวชนผมู้ ปี ัญหาอนั เกดิ จากสภาพครอบครวั ความประพฤตเิ บย่ี งเบน ไรท้ พ่ี ง่ึ กาพรา้ อนาถา พกิ ลพกิ ารทงั้ รา่ งกายและจติ ใจ 2. ครอบครวั ทย่ี ากจนหรอื ประสบปัญหา 3. สตรแี ละคนชรา ทไ่ี มม่ ที พ่ี กั พงิ หรอื ไมส่ ามารถจะปรบั ตวั ไดก้ บั ญาตพิ น่ี ้อง 4. คนพกิ ารทุพพลภาพ 5. ผปู้ ระสบปัญหาความคบั แคน้ ทางอารมณ์และจติ ใจ 6. คนไทยทป่ี ระสบทุกขย์ ากในต่างแดน 7. และบุคคลประเภทอ่นื ๆ ทม่ี ปี ัญหา ฯลฯ กล่าวโดยสรุปแล้ว บุคคลท่มี ปี ัญหาอนั อาจเกดิ จากสภาพทางเศรษฐกิจ ปัญหาสงั คม ความด้อย โอกาสไรค้ วามสามารถท่จี ะพ่งึ พาอาศยั ตนเองนัน้ ย่อมเป็นเป้าหมายของงานประชาสงเคราะห์ท่รี ฐั บาล ดาเนนิ งานอยใู่ นปัจจบุ นั ค่มู ือการจดั กิจกรรมลกู เสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 5-6 และ ปวช.2-3 79

บริการด้านประชาสงเคราะห์ ในปัจจุบนั การบรกิ ารทางสงั คมสงเคราะห์ท่จี ดั โดยรฐั บาลมขี อบเขตกวา้ งขวางกระจายอยใู่ นหลาย หน่ วยงานซ่ึงมีลักษณ ะเป็ นการแบ่งงานและประสานงานซ่ึงกันและกันแต่หากจะแบ่งงานด้าน ประชาสงเคราะหใ์ หเ้ หน็ แจม่ ชดั แลว้ กส็ ามารถแยกไดเ้ ป็นประเภทใหญ่ ๆ ดงั น้ี คอื 1. งานดา้ นสาธารรปู การ (Public Assistance) ไดแ้ ก่การใหค้ วามช่วยเหลอื โดยทวั่ ไปแก่ประชาชน ผู้มปี ัญหาข้อทุกข์ยากเดือดรอ้ นช่วยตนเองไม่ได้ การดาเนินงานให้บรกิ ารดงั กล่าว อาศยั การสอบสวน ข้อเท็จจรงิ ความจาเป็นก่อนหลงั โดยอาศัยบุคลากรท่ีมคี วามรู้และฝึกหัดงานด้านสงั คมสงเคราะห์ม า โดยเฉพาะ การช่วยเหลอื ทร่ี ฐั บาลจดั ใหต้ ามหลกั การน้ี เป็นการใหเ้ ปลา่ อาจมรี ปู ลกั ษณะต่าง ๆ เชน่ การให้ เงนิ ช่วยเหลอื เป็นค่ายงั ชพี ใหค้ วามช่วยเหลอื โดยรบั เขา้ อยใู่ นสถานสงเคราะหก์ ารบรกิ ารแนะนา เป็นตน้ 2. งานประกันสังคม (Social Insurance) เป็นงานด้านให้ประกันทางสังคมแก่ประชาชนโดยมี หลกั เกณฑก์ วา้ ง ๆ คอื ทงั้ รฐั บาล ประชาชน และนายจา้ ง เป็นผู้ออกเงนิ สมทบในกองทุนประกนั ตามส่วน ทงั้ น้เี พอ่ื จะไดน้ ามาใชใ้ นคราวเดอื ดรอ้ นจาเป็น เชน่ เจบ็ ป่วย ตกงาน เป็นตน้ 3. การบรกิ ารสาธารณะ (Public Service) คอื การบรกิ ารสงั คมท่รี ฐั จดั ให้แก่ประชาชนทุก ๆ คน โดยไม่คานึงถงึ ความต้องการของบุคคลเป็นรายเฉพาะ แต่มุ่งประโยชน์ต่อสาธารณชนโดยทวั่ ไป เช่น การ จดั ใหม้ ที พ่ี กั ผ่อนหยอ่ นใจ สวนสาธารณะ ตลอดจนสถานรน่ื เรงิ บนั เทงิ ต่าง ๆ นอกจากสง่ิ ทงั้ 3 ประการดงั กล่าวมานัน้ แล้ว รฐั บาลได้ดาเนินการบรกิ ารประชาสงเคราะห์อีกใน หลายรปู แบบใหส้ อดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการของประชาชน แต่โดยสาระแลว้ ยงั มนี ยั เป็นอย่างเดยี วกนั คอื มงุ่ ทจ่ี ะให้เกดิ ความสุขและการพฒั นาความสามารถของบุคคลแต่ละคนใหส้ ามารถช่วยเหลอื ตนเองไดใ้ นเวลา อนั ควร งานสงั คมสงเคราะหเ์ อกชน การดาเนินงานขององค์การกุศลเอกชนนัน้ กล่าวได้ว่าเป็นการสนับสนุนของรฐั ในการช่วยเหลือ สงเคราะหป์ ระชาชนผทู้ ุกขย์ ากเดอื ดรอ้ นในทุก ๆ รปู แบบ ดงั นนั้ จงึ กลา่ วไดว้ ่างานทงั้ 2 อยา่ งมขี อ้ แตกต่าง กนั อยตู่ รงท่อี งคก์ ารสงเคราะห์เอกชนอาศยั เงนิ ทุนและทรพั ยากรของตนเป็นหลกั แมจ้ ะไดเ้ งนิ อุดหนุนจาก รฐั บา้ งกม็ สี ่วนน้อย แต่สาหรบั การสงั คมสงเคราะหร์ ฐั บาลหรอื ประชาสงเคราะหน์ นั้ การดาเนินงานจดั ทาโดย รฐั และเงนิ ทองกไ็ ดจ้ ากภาษปี ระเทศเป็นสาคญั ส่วนเทคนิคและวธิ กี ารไม่มขี อ้ แตกต่างกนั มานัก ในปัจจบุ นั ประเทศไทยมอี งคก์ ารเอกชนทด่ี าเนินการดา้ นสงั คมสงเคราะหอ์ ยกู่ ว่า 700 แห่ง และรฐั ไดส้ นับสนุนการเงนิ และวทิ ยาการแก่องคก์ ารเหล่าน้ี ปีละกว่า 3 ลา้ นบาท แนวโน้มของงานประชาสงเคราะหใ์ นอนาคต โดยเหตุท่สี งั คมมไิ ด้หยุดยงั้ การเคล่อื นไหวและการเปล่ยี นแปลง ดงั นัน้ ในภายภาคหน้าเช่อื ว่า ปัญหาความทุกขย์ ากเดอื ดรอ้ นของประชาชนย่อมมมี ากขน้ึ เป็นเงาตามตวั ทงั้ น้ี ย่อมสบื เน่ืองมาแต่การท่ี สังคมเจริญ ข้ึนย่อมมีความสลับซับซ้อน ประชาชนมีจานวนเพ่ิมมากข้ึน โดยไม่ได้สัดส่วนกับ ทรพั ยากรธรรมชาติท่สี งั คมหยบิ ย่นื ให้พอเพียงแก่ความต้องการของมนุษย์ได้ ผู้มงั่ มเี งนิ ทองย่อมจะไม่ ประสบปัญหาขอ้ ยุ่งยากแต่ประการใด แต่สาหรบั ผคู้ นทย่ี ากจนและไมส่ ามารถทจ่ี ะไขว่ควา้ หาปัจจยั เครอ่ื งยงั 80 ค่มู ือการจดั กิจกรรมลกู เสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 5-6 และ ปวช.2-3

ชพี ให้พอแก่ความต้องการได้ ก็จาเป็นจะต้องด้นิ รนขวนขวายจนสุดความสามารถ เพ่อื จะให้ได้มาซ่งึ สิ่ง ดงั กล่าว ไมว่ ่าจะโดยความเหมาะสมถูกต้องหรอื ไมย่ อ่ มจะไม่คานึงถงึ ซง่ึ จะมผี ลกระทบต่อความผาสุขของ สงั คมโดยส่วนรวม ดงั นนั้ ภาระของรฐั บาลในการจดั หาซอ้ื บรกิ ารอนั จาเป็นขนั้ พน้ื ฐานใหแ้ ก่ประชาชนอยา่ ง พอเหมาะนนั้ นบั วา่ เป็นภาระผกู พนั อนั ยงิ่ ใหญ่ต่อไปในอนาคต 3. การสร้างความสมั พนั ธก์ บั ผรู้ บั การสงเคราะห์ ลูกเสือสงเคราะห์ซ่งึ เป็นอาสาสมคั รช่วยงานประชาสงเคราะห์นัน้ จะต้องติดต่อสมั พนั ธ์กบั บุคคล หลายประเภทซ่งึ มปี ัญหาความเดอื ดรอ้ น ฉะนัน้ การเรยี นรวู้ ชิ ามนุษยสมั พนั ธ์ จงึ เป็นสงิ่ สาคญั เพ่อื ช่วยให้ ลกู เสอื นาความรไู้ ปใชส้ รา้ งความสมั พนั ธก์ บั บุคคลเหลา่ น้ไี ดอ้ ยา่ งเหมาะสมตามวตั ถุประสงคข์ องการอบรม มนุษยสมั พนั ธค์ อื วชิ าทว่ี ่าดว้ ยศาสตรแ์ ละศลิ ปะในการเขา้ กบั บุคคลอ่นื และการสรา้ งความสมั พันธ์ อนั ดี เพ่อื ใหไ้ ดม้ าซง่ึ ความรกั ใคร่ นบั ถอื ความรว่ มมอื ร่วมใจ ความจงรกั ภกั ดแี ละความสาเรจ็ ถา้ จะแปลตาม ตวั คาว่า มนุษยสมั พนั ธ์ กห็ มายถงึ ความสมั พนั ธร์ ะหว่างมนุษยน์ นั่ เอง ความสมั พนั ธน์ ้ีคอื การพูดคยุ ตดิ ต่อ สมาคม การอยดู่ ว้ ยกนั ทางานดว้ ยกนั ฯลฯ แนวปฏิบตั ิต่อผรู้ บั การสงเคราะห์ ในทน่ี ้ี จะไดก้ ลา่ วถงึ แนวปฏบิ ตั ขิ องเจา้ หน้าทผ่ี ปู้ ฏบิ ตั งิ านประชาสงเคราะหต์ ่อผรู้ บั การสงเคราะหใ์ น ประการแรก ประการท่ีสองคือแนวปฏิบัติของลูกเสือสงเคราะห์ในฐานะอาสาสมัครช้ีแนะบริการ ประชาสงเคราะหใ์ หแ้ ก่ผทู้ ุกขย์ ากเดอื ดรอ้ น 1. แนวปฏิบตั ิของเจ้าหน้าท่ีต่อผรู้ บั การสงเคราะห์ นอกจากแนวปฏบิ ตั ทิ ส่ี าคญั บางประการแก่ ผู้รบั การสงเคราะห์แต่ละประเภทดังได้กล่าวข้างต้นไว้แล้ว โดยทัว่ ไปเจ้าหน้าท่ีจะยดึ หลักการสงั คม สงเคราะหใ์ นการปฏบิ ตั ติ ่อผรู้ บั การสงเคราะหท์ ุกประเภทดงั น้ี คอื (1) ในการปฏบิ ตั งิ าน การชว่ ยใหผ้ รู้ บั การสงเคราะหม์ คี วามผาสกุ หรอื สามารถช่วยตนเองได้ ไม่ เป็นภาระแก่สงั คมถอื เป็นจดุ หมายสาคญั เช่น คนชรากเ็ ลย้ี งดใู หม้ คี วามสขุ ในบนั้ ปลายของชวี ติ ผปู้ ระสบภยั กช็ ่วยแกป้ ัญหาเฉพาะหน้าจนกวา่ เขาจะชว่ ยตวั เองได้ (2) ผรู้ บั การสงเคราะหเ์ ป็นบุคคลทช่ี ่วยตวั เองไม่ได้ และมปี ัญหาความเดอื ดรอ้ น เจา้ หน้าท่จี ะ ใหก้ ารช่วยเหลอื โดยไมแ่ บ่งชนั้ วรรณะ แต่จะพจิ ารณาช่วยเหลอื ตามปัญหาความเดอื ดรอ้ นหรอื ช่วยใหต้ รง กบั ความตอ้ งการของเขา (3) เจา้ หน้าทป่ี ฏบิ ตั ติ ่อผรู้ บั การสงเคราะหอ์ ยา่ งไมม่ อี คติ แต่มคี วามเหน็ อกเหน็ ใจเขา้ ใจเขาและ ใกลช้ ดิ กบั เขา มคี วามคดิ ว่าทุกคนสามารถพฒั นาได้ถ้าได้รบั ความช่วยเหลอื อยา่ งถูกต้อง มกี ารใชว้ ชิ าชพี ทางสงั คมสงเคราะหม์ าช่วยเหลอื แก้ไขปัญหาของผู้รบั การสงเคราะห์ใช้วชิ าการแพทยม์ าบาบดั รกั ษาหรอื ฟ้ืนฟูปรบั สภาพผรู้ บั การสงเคราะหใ์ หช้ ่วยตวั เองได้ ไมเ่ ป็นภาระแก่สงั คมต่อไป 2. ลกู เสือสงั คมสงเคราะหค์ วามปฏิบตั ิตนในฐานะอาสาสมคั รอย่างไร (1) ศกึ ษาบรกิ ารทก่ี รมประชาสงเคราะหใ์ หก้ ารช่วยเหลอื แก่ประชาชนผตู้ กทกุ ขไ์ ดย้ าก จากการ อบรมครงั้ น้วี า่ อยอู่ ยา่ งไรบา้ ง ค่มู ือการจดั กิจกรรมลูกเสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 5-6 และ ปวช.2-3 81

(2) การแนะนา ช้ีช่องทางให้ผู้ทุกข์ยากเดือดร้อนไปติดต่อขอความช่วยเหลือจากกรม ประชาสงเคราะห์ โปรดใหค้ วามรแู้ ก่ผเู้ ดอื ดรอ้ นโดยเฉพาะเรอ่ื งคุณสมบตั ขิ องผจู้ ะขอรบั บรกิ ารอย่างถูกต้อง เพอ่ื ป้องกนั ความเขา้ ใจผดิ และผดิ พลาด (3) โปรดอยา่ ใหค้ วามหวงั แก่ผทู้ ุกขย์ ากเดอื ดรอ้ นเหล่าน้ีว่ากรมประชาสงเคราะหส์ ามารถแกไ้ ข ปัญหาทุกอย่างให้เขาได้ กรมประชาสงเคราะห์จะช่วยเหลือตามหลกั การสงั คมสงเคราะห์ โดยช่วยให้ เหมาะสมกบั สภาพความเดอื ดรอ้ น สตปิ ัญญา ความสามารถ แนวถนัดทเ่ี ขามอี ยแู่ ละทรพั ยากรทม่ี อี ยู่ แต่ผู้ เดอื ดรอ้ นกต็ อ้ งช่วยเหลอื ตนเองดว้ ยเพ่อื ใหเ้ ขาเกดิ ความภมู ใิ จว่าไดแ้ กไ้ ขปัญหาความเดอื ดรอ้ น สตปิ ัญญา ความสามารถ แนวถนัดทเ่ี ขามอี ย่แู ละทรพั ยากรทม่ี อี ยู่ แต่ผเู้ ดอื ดรอ้ นกต็ อ้ งช่วยเหลอื ตนเองดว้ ยเพ่อื ใหเ้ ขา เกดิ ความภาคภมู ใิ จว่าไดแ้ กไ้ ขปัญหาความเดอื ดรอ้ นสว่ นหน่งึ ดว้ ยตวั เอง (4) การสรา้ งความสมั พนั ธก์ บั ผทู้ ุกขย์ ากเดอื ดรอ้ น ขอใหใ้ ชห้ ลกั มนุษยส์ มั พนั ธ์ กล่าวคอื มที ่าที เป็นมติ ร สุภาพ จรงิ ใจและเตม็ ใจทจ่ี ะชว่ ยเหลอื หรอื ชแ้ี นะบรกิ ารใหแ้ ก่เขา การสรา้ งความสมั พนั ธ์กับผู้รบั การสงเคราะห์นัน้ เป็นบันไดขนั้ แรกของการอาสาสมคั ร ชว่ ยงานประชาสงเคราะหซ์ ง่ึ สามารถเรยี นรแู้ ละฝึกฝนได้ 4.การสงเคราะหเ์ ดก็ และบคุ คลวยั ร่นุ 1. วตั ถปุ ระสงคข์ องการสงเคราะหเ์ ดก็ และบคุ คลวยั รนุ่ กองสงเคราะห์เด็กและบุคคลวยั รุ่นได้บรกิ ารด้านต่าง ๆ ให้แก่เด็กอายุตงั้ แต่แรกเกดิ – 18 ปี ท่ี ประสบปัญหาความเดอื ดรอ้ นในกรณตี ่าง ๆ โดยมวี ตั ถุประสงค์ ดงั น้ี 1.1 เพ่อื ใหก้ ารสงเคราะหแ์ ละคุม้ ครองสวสั ดภิ าพแก่เดก็ ทค่ี รอบครวั ประสบปัญหาความเดอื ดรอ้ นใน ดา้ นต่าง ๆ ทวั่ ราชอาณาจกั ร 1.2 เพ่อื ใหก้ ารอุปการะเล้ยี งดู ให้การศกึ ษาดา้ นสามญั และด้านการฝึกวชิ าชพี ตลอดจนอบรมบ่ม นิสยั แกไ้ ขปัญหาความประพฤตแิ ละปัญหาครอบครวั แก่เดก็ กาพรา้ อนาถา ยากจน ขาดแคลน ถูกทอดท้งิ ไรท้ ่พี ่ึง เร่ร่อน มีปัญหาความประพฤติ พิการทางร่างกายและทางสมองและทางปัญญาตลอดจนจดั หา ครอบครวั ใหมใ่ หแ้ ก่เดก็ ทข่ี าดบดิ า มารดา และผอู้ ุปการะเล้ยี งดู 1.3 เพ่อื ส่งเสรมิ และคุม้ ครองสวสั ดภิ าพเดก็ ทร่ี บั บรกิ ารอย่ใู นสถานสงเคราะหเ์ ดก็ และสถานรบั เลย้ี ง ของเอกชน เพ่อื ใหเ้ ดก็ ไดร้ บั การพฒั นาทงั้ ทางรา่ งกาย จติ ใจ สตปิ ัญญา และสงั คม 1.4 เพ่อื สง่ เสรมิ การฝึกวชิ าชพี สาขาต่าง ๆ ใหแ้ ก่เดก็ ทวั่ ไปโดยจดั บรกิ ารและอานวยความสะดวกใน ดา้ นต่าง ๆ ให้ ตลอดจนจดั หางานใหเ้ ดก็ ทส่ี าเรจ็ การฝึกแลว้ 1.5 เพ่อื ฟ้ืนฟูสมรรถภาพเด็กท่มี ปี ัญหาความประพฤติ เด็กพกิ าร หรอื ติดยาเสพตดิ ให้สามารถ ดารงชพี โดยไมเ่ ป็นภาระของสงั คม 1.6 เพ่อื คุ้มครองป้องกัน และแก้ไขปัญหาเด็กท่ีตกเป็นเคร่อื งมอื แสวงหาประโยชน์โดยบุคคลท่ี กระทาอนั มชิ อบดว้ ยกฎหมาย 82 ค่มู อื การจดั กิจกรรมลูกเสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 5-6 และ ปวช.2-3

งานท่ีลกู เสือสามารถช่วยปฏิบตั ิได้ 1. ในด้านการสงเคราะหเ์ ดก็ 1.1แนะนาใหค้ รอบครวั ยากจนขาดแคลนท่มี เี ดก็ อายุแรกเกดิ ถงึ 18 ปี อย่ใู นความอุปการะ ซง่ึ ประสบปัญหาดา้ นการครองชพี ขาดแคลนเครอ่ื งอุปโภคบรโิ ภคทจ่ี าเป็นมาตดิ ต่อขอความช่วยเหลอื ทก่ี รม ประชาสงเคราะหจ์ งั หวดั ทวั่ ราชอาณาจกั ร 1.2แนะนาใหบ้ ุคคลทป่ี ระสบปัญหาเกย่ี วกบั เดก็ กาพรา้ อนาถา ไรท้ พ่ี ง่ึ ถกู ทอดทง้ิ หรอื เดก็ ทบ่ี ดิ า มารดา ผูป้ กครองไม่สามารถให้การเล้ยี งดูเองได้เพราะปัญหาความจาเป็นมาตดิ ต่อของความช่วยเหลอื ท่ี กรมประชาสงเคราะห์ หรอื ทท่ี ท่ี าการประชาสงเคราะหจ์ งั หวดั ทวั่ ราชอาณาจกั ร 1.3แนะนาใหค้ รอบครวั ทม่ี ฐี านะดไี ม่มบี ุตร ใหร้ บั เดก็ กาพรา้ อนาถาถูกทอดทง้ิ ไรท้ พ่ี ง่ึ ในความ อุประของสถานสงเคราะหเ์ ดก็ ไปอุปการะเป็นบตุ รบญุ ธรรม 1.4แนะนาใหค้ รอบครวั ทม่ี ฐี านะดแี ละมคี วามรกั เดก็ ใหร้ บั เดก็ กาพรา้ อนาถา ถูกทอดทง้ิ ไรท้ พ่ี ง่ึ ในความอุปการะของสถานสงเคราะหเ์ ดก็ ไปอุปการะแบบฝากเลย้ี งตามบา้ น 1.5แนะนาให้ครอบครวั ยากจนซ่งึ ไม่อยู่ในฐานะท่จี ะเล้ยี งดูเดก็ ได้ตามควรแก่อตั ภาพทาการ คุมกาเนดิ 2. ในด้านการค้มุ ครองสวสั ดิภาพเดก็ 2.1เม่อื พบเดด็ เรร่ ่อน เกเร ขอทาน ไรท้ ่พี ่งึ ถูกทอดท้งิ พลดั หลง หนีโรงเรยี น มวั่ สุมเล่นการ พนัน เสพยาเสพตดิ เป็นแก๊งลกั ขโมย หรอื ถูกใชแ้ รงงานโดยไม่เป็นธรรม หรอื ถูกทารณุ ดว้ ยวธิ กี ารต่าง ๆ เขา้ ไปในโรงรบั จานา สถานบรกิ ารหรอื สถานการคา้ ประเวณี ประพฤตติ นทานองชสู้ าวในทส่ี าธารณะ เทย่ี ว เตรใ่ นเวลากลางคนื ระหว่างเวลา 22.00 นาฬกิ า ถงึ เวลา 04.00 นาฬกิ า ของวนั รงุ่ ขน้ึ หลบหนจี ากสถานแรก รบั เด็กหรอื สถานสงเคราะห์เด็ก ก็ขอให้โทรศัพท์แจ้งกรมประชาสงเคราะห์ทราบท่ีหมายเลขโทรศัพท์ 2828618 หรอื แจง้ เจ้าหน้าท่ตี ารวจทราบโดยด่วน สาหรบั ต่างจงั หวดั ให้แจ้งท่ที ่ที าการประชาสงเคราะห์ จงั หวดั ทวั่ ราชอาณาจกั ร หรอื ตารวจทอ้ งท่ี 2.2แนะนาใหค้ รอบครวั ทม่ี เี ดก็ ซง่ึ มปี ัญหาความประพฤติ ปัญหาดา้ นการศกึ ษาเลา่ เรยี น ปัญหา ดา้ นการประกอบอาชพี มารบั คาแนะนาปรกึ ษา และรบั บรกิ ารทเ่ี หมาะสมจากกองสงเคราะห์ เดก็ และบุคคล วยั รนุ่ กรมประชาสงเคราะห์ 2.3เม่อื พบสถานท่เี ล้ยี งดูเดก็ หรอื บ้านท่รี บั จา้ งเล้ยี งเดก็ เกิน 5 คน ซ่งึ ไม่ใช่โรงเรยี นอนุบาล หรอื สถานพยาบาล กข็ อให้แนะนาผปู้ ระกอบการใหม้ าตดิ ต่อขอจดทะเบยี นจดั ตงั้ ใหถ้ ูกต้องตามกฎหมายท่ี กรมกจิ การเดก็ และเยาวชน ทอ่ี ยู่ 618/1 ถนน นิคมมกั กะสนั แขวง มกั กะสนั เขต ราชเทวี กรงุ เทพมหานคร 10400 หมายเลขโทรศพั ท์ 02 255 5850 สาหรบั ในต่างจงั หวดั แนะนาผปู้ ระกอบการใหต้ ดิ ต่อขอจดทะเบยี น จดั ตงั้ ใหถ้ ูกตอ้ งตามกฎหมาย ทส่ี านกั งานพฒั นาสงั คมและความมนั่ คงของมนุษยจ์ งั หวดั คมู่ ือการจดั กิจกรรมลกู เสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 5-6 และ ปวช.2-3 83

5.การสงเคราะหค์ รอบครวั คนชรา คนพิการ คนขอทานและคนไรท้ ี่พ่ึง เหตใุ ดจึงต้องให้การสงเคราะหบ์ คุ คลเหล่านี้ ในสมยั ก่อนเม่อื เกดิ มคี นตกทุกขไ์ ดย้ าก ครอบครวั ญาตพิ ่นี ้อง มติ รสหายทอ่ี ย่ใู กลช้ ดิ กจ็ ะเอาใจใส่ ช่วยเหลอื ตามกาลงั ความสามารถ นอกจากน้ีแลว้ วดั กไ็ ดเ้ ป็นศูนยก์ ลางความช่วยเหลอื แก่ประชาชนทวั่ ไป โดยเฉพาะคนยากจนมาแก่โบราณกาล เป็นต้นว่า เป็นโรงเรยี นสอนเดก็ ๆ เป็นท่พี บปะทาบุญกุศลของ ชาวบา้ นตามประเพณี ในสมยั ปัจจุบนั สงั คมเรายุ่งเหยงิ และมปี ัญหามากมาย เช่น ในชนบท ชาวนาชาวไร่มฐี านะยากจน สภาพฝนแลง้ น้าท่วม ทาใหเ้ กษตรไม่ไดผ้ ล ในเมอื งกม็ ปี ัญหาอาชญากรรม คนว่างงานยาเสพตดิ ฯลฯ ค่า ครองชพี สูงขน้ึ เร่อื ง ๆ สงั คมเป็นแบบตวั ใครตวั มนั มากขน้ึ เพราะทุกคนต่างก็ด้นิ รนเพ่อื ความอยู่รอด ก าร ช่วยเหลอื กนั ระหว่างคนในครอบครวั หรอื ฉันทญ์ าตสิ นิทมติ รสหายลดน้อยลงทุกที ดงั นนั้ รฐั บาลซง่ึ มหี น้าท่ี บาบดั ทุกขบ์ ารงุ สุขของประชาชนจงึ ตอ้ งยน่ื มอื เขา้ มาสงเคราะหบ์ ุคคลทเ่ี ดอื ดรอ้ นทุกขย์ าก เพ่อื ใหเ้ ขามชี วี ติ อยู่ในสังคมด้วยความสุขเหมือนคนอ่ืน ๆ หน่วยราชการท่ีทาหน้ าท่ีช่วยเหลือบุคคลเหล่าน้ีคือกรม ประชาสงเคราะห์ และหน่วยงานทม่ี หี น้าทร่ี บั ผดิ ชอบช่วยเหลอื ครอบยากจนคนชราคนพกิ ารทพุ พลภาพ คน ขอทานและคนไรท้ พ่ี ง่ึ กค็ อื กองสวสั ดกิ ารสงเคราะห์ ลกู เสือสงเคราะหช์ ่วยงานสงเคราะหค์ รอบครวั ได้อย่างไร ถ้าลูกเสอื สงเคราะหพ์ บเห็นครอบครวั ยากจนท่เี ดอื ดรอ้ น เพราะหวั หน้าครอบครวั ประสบเคราะห์ กรรมดงั ทก่ี ลา่ วมาแลว้ โปรดแนะนาใหไ้ ปตดิ ต่อขอความชว่ ยเหลอื ยงั กรมประชาสงเคราะห์ สถานท่ีติดต่อ ในกรุงเทพมหานคร กองสวัสดิการสงเคราะห์ ในบริเวณกรมประชาสงเคราะห์สะพานขาว ต่างจงั หวดั ทท่ี าการประชาสงเคราะหจ์ งั หวดั ศาลากลางจงั หวดั หลกั ฐาน เพอ่ื ประกอบการพจิ ารณาช่วยเหลอื คอื บตั รประชาชน สาเนาทะเบยี นบา้ นและหลกั ฐานอ่นื ทจ่ี าเป็น เช่น ใบรบั รองแพทยแ์ สดงว่าหวั หน้าครอบครวั เจบ็ ป่วย หรอื ใบมรณบตั ร ถ้าหวั หน้าครอบครวั เสยี ชวี ติ เป็น ตน้ ลกู เสือสงเคราะหช์ ่วยงานสงเคราะหค์ นชราได้อย่างไร ถา้ ลูกเสอื สงเคราะหไ์ ปพบเหน็ คนชราถูกทอดทง้ิ หรอื ฐานะครอบครวั ยากจนมากหรอื บางคนอยกู่ บั ลกู หลานไมไ่ ดร้ บั ความสุข โปรดแนะนาใหค้ นชรานนั้ ไปตดิ ต่อขอความชว่ ยเหลอื ยงั กรมประชาสงเคราะห์ สถานท่ีติดต่อ กรงุ เทพมหานคร กองสวสั ดกิ ารสงเคราะห์ ต่างจงั หวดั ตดิ ต่อทป่ี ระชาสงเคราะหจ์ งั หวดั ยกเวน้ จงั หวดั 4 จงั หวดั ทม่ี สี ถานสงเคราะหต์ งั้ อยู่ คอื เชยี งใหม่ ชลบรุ ี ยะลา และนครราชสมี า ตดิ ต่อไดโ้ ดยตรงทส่ี ถานสงเคราะห์ และประชาสงเคราะหจ์ งั หวดั 84 คมู่ อื การจดั กิจกรรมลกู เสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 5-6 และ ปวช.2-3

หลกั ฐานที่จาเป็น ใบรบั รองแพทย์ ใบแจง้ ผลการเอ๊กซเ์ รยป์ อด และสาเนาทะเบยี นบา้ น (ถา้ ม)ี ใบสงั คมสงเคราะหจ์ ะออกไปเยย่ี มบา้ น สอบขอ้ เทจ็ จรงิ เพ่อื พจิ ารณารบั เฉพาะคนชราทเ่ี ดอื ดรอ้ นจรงิ ๆ เขา้ อยใู่ นสถานสงเคราะห์ 6.การสงเคราะหค์ นพิการ คนพกิ าร คอื บุคคลท่ไี ม่สมประกอบทางร่างกายและจติ ใจ จนไม่สามารถปฏบิ ตั ิกิจวตั รประจาวนั ศกึ ษาเล่าเรยี น หรอื ทางานไดด้ เี หมอื นกบั คนปกติ ความบกพรอ่ งทางร่างกาย เชน่ หหู นวก ตาบอด แขนขา พกิ าร ความบกพรอ่ งทางจติ ใจ เชน่ เป็นโรคจติ ประสาท ลกู เสือสงเคราะหจ์ ะช่วยงานสงเคราะหค์ นพิการได้อย่างไร 1. คนพิการไร้ญาติ ขาดที่พึ่ง เม่ือลูกเสือพบเห็นคนพิการไร้ท่ีอยู่หรือถูกทอดท้ิงถ้าอยู่ใน กรุงเทพมหานคร ตดิ ต่อขอความช่วยเหลอื ท่ี กองสวสั ดกิ ารสงเคราะห์ สาหรบั ลูกเสอื ท่อี ยู่ต่างจงั หวดั ให้ ตดิ ต่อประชาสงเคราะหจ์ งั หวดั เมอ่ื กรมประชาสงเคราะหท์ าการสอบขอ้ เทจ็ จรงิ แลว้ ปรากฏว่าไรญ้ าตขิ าดท่ี พง่ึ จรงิ ๆ จงึ จะรบั เขา้ อุปการะในสถานสงเคราะห์ 2. คนพิการท่ีต้องการฝึ กอาชีพคนพกิ ารมภี มู ลิ าเนาในกรงุ เทพมหานคร ทม่ี คี ุณสมบตั คิ รบตามท่ี กาหนดไว้ และต้องการจะฝึกอาชีพ ลูกเสือควรจะแนะนาให้ไปติดต่อท่ีกองสวสั ดิการสงเคราะห์ กรม ประชาสงเคราะห์ คนพกิ ารท่อี ยู่ต่างจงั หวดั ติดต่อท่ที ่ที าการประชาสงเคราะห์จงั หวดั ศาลากลางจงั หวดั สาหรบั รายท่ยี ากจนไมอ่ าจเดนิ ทางไปตดิ ต่อประชาสงเคราะหจ์ งั หวดั ได้ ขอใหต้ ดิ ต่อกบั อาเภอทอ้ งทอ่ี าศยั อยู่ หลกั ฐานต่าง ๆ มสี าเนาทะเบยี นบา้ น รปู ถ่าย ใบรบั รองแพทย์ หลกั ฐานแสดงพน้ื ความรู้ 3. คนพิการขอความช่วยเหลือเครื่องช่วยคนพิการหรืออวยั วะเทียม ผพู้ กิ ารท่จี ะไดร้ บั ความ ช่วยเหลอื ต้องยากจนจรงิ ๆ และได้รบั คาวนิ ิจฉัยจากแพทยว์ ่าหากใช้เครอ่ื งช่วยเหลอื อวยั วะเทยี มแลว้ จะ เป็ นประโยชน์ สามารถมีงานมีรายได้เล้ียงตนเองหรือครอบครัวได้มิใช่เพ่ือความสวยงาน ในเขต กรุงเทพมหานคร ลูกเสอื แนะนาให้คนพกิ ารไปตดิ ต่อได้ทก่ี องสวสั ดกิ ารสงเคราะห์ ต่างจงั หวดั ติดต่อได้ท่ี อาเภอทอ่ี าศยั อยู่ หลกั ฐานทส่ี าคญั คอื เอกสารคาวนิ ิจฉยั จากแพทย์ สาเนาทะเบยี นบา้ น 4. ช่วยประชาสมั พนั ธศ์ นู ยช์ ่วยเหลือคนพิการ เพ่อื ใหม้ ผี บู้ รจิ าคช่วยเหลอื คนพกิ ารเป็นจานวน มาก ซ่ึงต้องการเคร่อื งช่วยเหลืออวยั วะเทียมอยู่ในขณะน้ี ในกรุงเทพมหานครติดต่อบรจิ าคไ ด้ท่ีกอง สวสั ดกิ ารสงเคราะห์ กรมประชาสงเคราะห์ ต่างจงั หวดั ตดิ ต่อทป่ี ระชาสงเคราะหจ์ งั หวดั 7.การสงเคราะหข์ อทานและคนไรท้ ่ีพึ่ง การสงเคราะห์คนขอทาน การขอทานเป็ นการผิดกฎหมาย ซ่ึงคนทัว่ ไปมักจะไม่ทราบตาม พระราชบญั ญตั คิ วบคุมการขอทาน พ.ศ. 2484 กาหนดไวว้ ่า “การขอทรพั ยส์ นิ ของผอู้ ่นื โดยไมไ่ ดท้ าการงาน อย่างใด หรอื ให้ทรพั ย์สนิ อย่างใดตอบแทน และไม่ใช่ขอกันในระหว่างญาติสนิทมติ รสหายให้ถือว่าเป็น ค่มู อื การจดั กิจกรรมลูกเสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 5-6 และ ปวช.2-3 85

ขอทาน” นอกจานน้ี “การขบั รอ้ ง ดดี สี ตรี เป่ า แสดงการละเล่นต่าง ๆ โดยขอทรพั ยส์ นิ ตามแต่คนฟังคนดู จะสมคั รใจให”้ กเ็ รยี กวา่ เป็นการขอทานเช่นเดยี วกนั กฎหมายน้ี กาหนดใหเ้ จา้ หน้าท่ตี รวจเป็นผู้ท่มี อี านาจจบั กุมคนขอทาน กรมประชาสงเคราะหไ์ ม่มี อานาจหน้าท่จี ะจบั กุม ต้องออกจบั ร่วมกับตารวจ แล้วนาคนขอทานส่งสถานสงเคราะห์คนไรท้ ่ีพ่ึงเพ่ือ ควบคุมตวั ไว้ และอบรมสงั่ สอนไม่ใหป้ ระพฤตเิ ป็นคนขอทานอกี รวมทงั้ ใหก้ ารฝึกอาชพี เช่น เกษตรกรรม ป่ าไม้ ช่างโลหะ จกั สาน งานโยธา ฯลฯ เพ่ือจะได้รูจ้ กั การทางาน และมอี าชพี เม่อื ปลดปล่อยจากสถาน สงเคราะหไ์ ปแลว้ อน่งึ คนขอทานทเ่ี ป็นโรคจติ โรคเรอ้ื น หรอื โรคตดิ ต่อถกู สง่ ไปกระทรวงสาธารณสุข ระยะเวลาควบคมุ ตวั เม่อื ถูกจบั กุมครงั้ แรกคนขอทานต้องถูกควบคุมตวั ไวไ้ ม่น้อยกว่า 1 เดอื น ครงั้ ทส่ี องควบคุมตวั ไวไ้ มน่ ้อยกว่า 6 เดอื น ครงั้ ทส่ี ามไมน่ ้อยกว่า 1 ปี การสงเคราะห์คนไร้ที่พ่ึง สถานสงเคราะห์ไรท้ ่พี ่งึ นอกจากจะควบคุมตวั คนขอทานไว้แลว้ ยงั รบั อุปการะคนยากจน ไมม่ ที อ่ี ยอู่ าศยั หรอื ถกู ทอดทง้ิ ทงั้ ชายและหญงิ อายุ 17 ปี ขน้ึ และไมม่ โี รคตดิ ต่อดว้ ย สถานสงเคราะหไ์ รท้ พ่ี ง่ึ ปัจจบุ นั มี 4 แหง่ คอื ภาคกลาง สถานสงเคราะหค์ นไรท้ พ่ี ง่ึ ธญั บรุ ี ปทุมธานี ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื สถานสงเคราะหค์ นไรท้ พ่ี ง่ึ บา้ นเมตตา นครราชสมี า ภาคใต้ สถานสงเคราะหค์ นไรท้ พ่ี ง่ึ กุ่มสะแก เพชรบรุ ี ภาคเหนอื สถานสงเคราะหค์ นไรท้ พ่ี ง่ึ ศรสี ุคตและวงั ทอง พษิ ณุโลก ลกู เสือสงเคราะหจ์ ะช่วยงานสงเคราะหค์ นขอทาน คนไรท้ ี่พ่ึงได้อย่างไร 1. หากพบเห็นคนขอทานโปรดว่ากล่าวตักเตือนให้ทราบว่าการขอทานผิดกฎหมายจะถูก เจา้ หน้าทต่ี ารวจจบั สง่ ไปควบคุมตวั ไวใ้ นสถานสงเคราะห์ 2. หากพบเหน็ คนไรญ้ าตขิ าดมติ ร ไมม่ ที อ่ี ย่อู าศยั ในกรงุ เทพมหานคร โปรดแนะนาใหไ้ ปตดิ ต่อรบั ความช่วยเหลอื ไดท้ ก่ี องสวสั ดกิ ารสงเคราะห์ ต่างจงั หวดั แนะนาใหไ้ ปตดิ ต่อ อาเภอ หรอื ประชาสงเคราะห์ จงั หวดั 8. การสงเคราะห์ผปู้ ระสบภยั หน้าท่ีความรบั ผิดชอบ “ภยั ” ตามความหมายในดา้ นการสงเคราะหผ์ ู้ประสบภยั หมายถงึ พฤตกิ ารณ์อย่างใดอยา่ งหน่ึงทท่ี า ใหป้ ระชาชนต้องไดร้ บั ความทุกขย์ ากเดอื ดรอ้ น ซง่ึ อาจจะเกดิ ขน้ึ เน่ืองจากความผนั ผวนของธรรมชาติ หรอื มคี นทาใหเ้ กดิ ขน้ึ ดว้ ยความตงั้ ใจหรอื ไมก่ ต็ าม กองสงเคราะห์ผู้ประสบภยั กรมประชาสงเคราะห์ มหี น้าท่รี บั ผดิ ชอบสงเคราะห์ผู้ประสบภยั พบิ ตั ิ ต่าง ๆ ทวั่ ราชอาณาจกั รดงั น้ี 1. อคั คภี ยั 2. ภยั ธรรมชาติ (อาทิ อุทกภยั วาตภยั ) 86 ค่มู ือการจดั กิจกรรมลกู เสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 5-6 และ ปวช.2-3

3. ราษฎรอตั คดั ขาดแคลนขา้ วบรโิ ภค 4. ราษฎรผู้ไดร้ บั ความเสยี หายเน่ืองจากการปฏบิ ตั กิ รของผกู้ ่อการรา้ ยคอมมวิ นิสต์หรอื กองกาลงั จากภายนอกประเทศ 5. ราษฎรประสบอากาศหนาวจดั ผดิ ปกติ 6. ชว่ ยราษฎรผตู้ กทกุ ขไ์ ดย้ ากทงั้ ในและนอกประเทศใหก้ ลบั ภมู ลิ าเนาเดมิ 7. ราษฎรขาดแคลนน้าบรโิ ภคในฤดรู อ้ น 8. ราษฎรยากจนในถนิ่ ทุรกนั ดารห่างไกลคมนาคม จากหน้าท่คี วามรบั ผดิ ชอบดงั กล่าวข้างต้นอาจจะสรุปได้ว่า งานสงเคราะห์ผู้ประสบภยั ของกรม ประชาสงเคราะห์นนั้ ให้ความช่วยเหลอื แก่ประชาชนผู้ประสบความทุกขย์ ากโดยแบ่งเป็นกลุ่มตามลกั ษณะ ของภยั พบิ ตั ไิ ด้ 3 กลุ่มดงั น้ี กลุ่มแรก ราษฎรประสบสาธารณภยั และภยั ธรรมชาติ ได้แก่ อคั คภี ยั วาตภยั อุทกภยั การอตั คดั ขาดแคลนขา้ วบรโิ ภค การขาดแคลนน้าบรโิ ภคและใหส้ อยในกรณีฉุกเฉินหรอื ภยั ธรรมชาตอิ ่นื ๆ ซง่ึ เกดิ กบั ประชาชนเป็นจานวนมาก กลุ่มท่ีสอง ประสบภัยจากผลทางการเมืองภายในและภายนอกประเทศ ได้แก่ ผู้ประสบภัย เน่ืองจากการกระทาของผู้ก่อการร้ายคอมมวิ นิสต์ และผู้ประสบภัยเน่ืองจากการกระทาของกองกาลงั ภายนอกประเทศ เช่น กรณีเขมรแดงบุกรุกทาลายชีวติ และทรพั ย์สนิ ของราษฎรไทยตามชายแดนด้าน กมั พชู า กล่มุ ที่สาม เป็นภยั ทางเศรษฐกจิ และสงั คม ไดแ้ ก่ การช่วยเหลอื ใหค้ นไทยทถ่ี กู หลอกลวงและไปตก ทุกขไ์ ด้ยากในต่างถนิ่ ใหก้ ลบั ภูมลิ าเนาเดมิ ซ่งึ มที งั้ ตกทุกขไ์ ด้ยากภายในประเทศและไปตกทุกขไ์ ด้ยากใน ต่างประเทศ รวมถงึ การช่วยเหลอื ราษฎรในทอ้ งท่หี ่างไกลคมนาคม โดยร่วมมือกบั หน่วยปฏบิ ตั กิ ารพเิ ศษ ของจงั หวดั ต่าง ๆ กระบวนการทางานสงเคราะห์ผ้ปู ระสบภยั ทางานเก่ยี วกบั ภยั พิบตั ติ ่าง ๆ มไิ ดม้ คี วามหมาย เฉพาะในแงข่ อการสงเคราะหช์ ่วยเหลอื เท่านนั้ หากจะต้องมกี ารป้องกนั เตรยี มพรอ้ มไปจนถงึ ขน้ึ ดาเนนิ งาน สงเคราะห์และฟ้ืนฟู สงิ่ เหล่าน้ีจะเป็นวงจรทป่ี ฏบิ ตั ติ ่อเน่ืองกนั อย่างไมข่ าดสาย มหี น่วยงานหลายฝ่ายของ รฐั บาลรบั ผิดชอบแบ่งแยกหน้าท่ีกันปฏิบัติ จงึ ต้องมีการประสานงานกันทัง้ ต้องมีการปรบั ปรุงแก้ไข ข้อบกพร่องในแต่ละครงั้ เสมอ เพ่ือให้เกิดความเข้าใจและมองเห็นลกั ษณะวิธีการปฏิบัติงานเก่ียวกับ ผปู้ ระสบภยั ไดช้ ดั แจง้ จงึ จาเป็นต้องศกึ ษาถงึ ขบวนการในการทางานเสยี ก่อนในทางวชิ าการแบ่งระยะการ ทางานออกเป็น 4 ขนั้ ตอน คอื 1. ระยะก่อนเกิดภยั ได้แก่การศึกษาค้นคว้า วจิ ยั ถึงสาเหตุท่ีทาให้เกิดภัย ขนาดและความ รา้ ยแรงของภยั เพ่อื นามาวางแผนการป้องกนั หรอื ลดอนั ตรายให้น้อยลง การทางานระยะน้ีเป็นเร่อื งทาง คมู่ อื การจดั กิจกรรมลกู เสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 5-6 และ ปวช.2-3 87

เทคนิควชิ าการโดยเฉพาะ ซ่งึ รวมไปถึงการเตรยี มสรรพกาลงั เพ่อื ต่อต้านหรอื บรรเทาภยั ตลอดจนการ ฝึกอบรมเจา้ หน้าทแ่ี ละอาสาสมคั รเพ่อื ทางานชว่ ยเหลอื ผปู้ ระสบภยั ดว้ ย 2. ระยะกาลงั เกิดภยั ไดแ้ ก่ การปฏบิ ตั งิ านตามแผนทว่ี างไวใ้ นระยะท่ี 1 ส่วนใหญ่งานในระยะน้ี เป็นเร่อื งของการต่อต้านภยั และระงบั ภยั คือทาให้ภยั สงบโดยเรว็ หรอื ลดอนั ตรายให้น้อยลง ได้แก่ การ ดบั เพลงิ การรอ้ื ถอน การซ่อมแซมเข่อื น ทานบ การช่วยชีวติ คนและสตั ว์ การอพยพทรพั ย์สนไปในท่ี ปลอดภยั ระยะน้เี ป็นการทางานของหน่วยกู้ภยั ซง่ึ สว่ นใหญ่ไดแ้ ก่ ตารวจ ทหาร และเจา้ หน้าทฝ่ี ่ายปกครอง 3. ระยะที่ภยั เพ่ิงสงบ คอื ภยั นนั้ หมดฤทธเิ ์ดชไม่เป็นอนั ตรายต่อไปอกี การทางานในระยะน้ี ไดแ้ ก่ การบรรเทาทุกขเ์ ฉพาะหน้าดว้ ยการแจกอาหาร เคร่อื งนุ่งห่ม จดั การรกั ษาพยาบาล จดั ทพ่ี กั อาศยั ชวั่ คราว ระยะน้ีเป็นระยะซ่งึ เจ้าหน้าท่กี รมประชาสงเคราะห์จะเข้าไปปฏิบตั งิ านพรอ้ มกบั องค์การกุศลต่าง ๆ เพ่อื บรรเทาความเดอื ดรอ้ นเฉพาะหน้าของผปู้ ระสบภยั 4. ระยะฟื้ นฟูได้แก่ การร้อื ถอนส่ิงสลกั หกั พัง การซ่อมแซมส่ิงสาธารณะประโยชน์ เช่น ถนน หนทาง สะพาน เขอ่ื นทานบ และพนกั กนั้ น้า ใหป้ ระชาชนไดใ้ ช้ประโยชน์โดยเรว็ ทส่ี ุด การวางผงั เมอื ง การ สงเคราะหอ์ าชพี และอ่นื ๆ เป็นงานใหญ่ทต่ี อ้ งอาศยั หน่วยงานหลายฝ่ายช่วยกนั ทาตามหน้าท่ี สาหรับงานในหน้าท่ีซ่ึงเป็ นส่วนความรบั ผิดชอบของกรมประชาสงเคราะห์นั้น เม่ือดูตาม กระบวนการแลว้ จะตอ้ งปฏบิ ตั ทิ งั้ 4 ขนั้ ตอน แต่งานหลกั หรอื หน้าทโ่ี ดยตรงแลว้ จะอยใู่ นระยะท่ี 3 ส่วนระยะ สนั้ ๆ เป็นระยะก่อนเกิดภยั นัน้ ก็จะเป็นเร่อื งของการทาแผนเตรยี มพร้อมทางด้านกาลงั คน วสั ดุอุปกรณ์ เครอ่ื งมอื เครอ่ื งใชใ้ นการทางาน การประสานงานเพ่อื แสวงหาทรพั ยากรจากทงั้ หน่วยงานของรฐั และเอกชน นอกจากน้ี ในระยะฟ้ืนฟู กรมประชาสงเคราะห์ก็จะเขา้ ไปร่วมกบั หน่วยงานอ่ืน ๆ เช่น การอพยพราษฎร กลบั ถนิ่ เดมิ และการเยย่ี มเยยี นตดิ ตามผล เพ่อื ใหค้ วามช่วยเหลอื ตามหลกั สงั คมสงเคราะห์ เป็นตน้ ในส่วน ระยะท่ตี ่อต้านภยั นัน้ กรมประชาสงเคราะห์ก็อาจจะเป็นผู้สนับสนุนในดา้ นเคร่อื งมอื เคร่อื งใช้ เช่นรถยนต์ เรอื ทอ้ งแบน ตามกาลงั ความสามารถทม่ี อี ยเู่ ทา่ นนั้ 9. การออกหน่วยช่วยเหลือผปู้ ระสบภยั การเตรียมการออกหน่วย เน่ืองจากงานบรกิ ารด้านสงเคราะห์ผู้ประสบภยั เป็นงานท่จี ะต้องถึงมอื ประชาชนผู้ประสบความ เดอื ดรอ้ นอยา่ งทวั่ ถงึ จงึ ตอ้ งยดึ หลกั 3 ประการ คอื รวดเรว็ หมายถงึ บรกิ ารสงเคราะหท์ ต่ี ้องถงึ มอื ประชาชนดว้ ยความรวดเรว็ ทนั ต่อเหตุการณ์ทเ่ี ป็น ความจาเป็นเฉพาะหน้า ระเบียบ บรกิ ารนัน้ จะต้องปฏิบตั ิอย่างมีระเบียบ หมายถึงการปฏิบตั ิงานโดยดาเนินการอย่าง ถกู ตอ้ งตามระเบยี บหลกั เกณฑท์ ก่ี าหนดไว้ เรียบรอ้ ย การปฏบิ ตั งิ านนนั้ จะตอ้ งมคี วามเรยี บรอ้ ย หมายถงึ ใหบ้ รกิ ารแก่ประชาชนอย่างทวั่ ถึงกนั ตามควรแก่ฐานานุรปู ไมส่ บั สนวุ่นวาย และสรา้ งความเขา้ ใจอนั ดแี ก่ประชาชนดว้ ย 88 คมู่ อื การจดั กิจกรรมลกู เสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 5-6 และ ปวช.2-3

ฉะนนั้ เพ่อื ใหก้ ารบรกิ ารสงเคราะหผ์ ปู้ ระสบภยั ไดผ้ ลตามเป้าหมาย จะต้องมกี ารเตรยี มพรอ้ มขณะท่ี ยงั ไมม่ ภี ยั เกดิ ขน้ึ ดงั นัน้ สงิ่ สาคญั ในช่วงน้ีคอื การวางแผนสาหรบั ปฏบิ ตั งิ านให้พรอ้ มสรรพทงั้ ด้านกาลงั คน วสั ดอุ ุปกรณ์ เครอ่ื งมอื เครอ่ื งใชใ้ นการทางาน สง่ิ เหลา่ น้จี ะตอ้ งมแี ละพรอ้ มเสมอทจ่ี ะใชไ้ ดท้ นั ที การประสานงานและการแสวงหาทรพั ยากรจากหน่วยงานทเ่ี ก่ยี วขอ้ งทงั้ ภาครฐั และภาคเอกชน ก็ เป็นสง่ิ ทต่ี ้องจดั ทาไวใ้ หพ้ รอ้ มในระยะน้ีดว้ ย โดยจดั ทาเป็นโครงการและแผนปฏิบตั งิ านดา้ นต่าง ๆ รวมทงั้ แผนปฏบิ ตั งิ านรว่ มกนั ในการสงเคราะหผ์ ปู้ ระสบภยั กบั เอกชน การเตรยี มการน้คี วรจะไดจ้ ดั แบง่ เป็น 2 ขนั้ คอื i.การวางแผนปฏบิ ตั งิ านตลอดจนการกาหนดหน้าท่ี ii.การปฏบิ ตั กิ ารเมอ่ื ทราบขา่ ววา่ มสี าธารณภยั การเตรียมการในขนั้ ที่ 1คอื การวางแผนปฏบิ ตั ิงานนัน้ ควรจะได้ดาเนินการแต่เนิ่น ๆ และได้มี การซกั ซ้อม แก้ไข ปรบั ปรุงแผนการใหเ้ หมาะสมรดั กุมยงิ่ ขน้ึ อย่เู สมอ โดยมกี ารกาหนดจดั แบ่งหน้าท่กี าร ปฏบิ ตั ิงาน การประสานงานระหว่างหน่วยต่าง ๆ ท่มี หี น้าท่ปี ฏบิ ตั ิงาน เม่อื เกิดสาธรณภยั ขน้ึ และมกี าร ประชุมซกั ซ้อมปรบั ปรงุ วธิ ดี าเนินการใหม้ สี มรรถภาพยงิ่ ขน้ึ เสมอ การวางแผนปฏบิ ตั งิ านตลอดจนกาหนด หน้าท่ี ดงั น้ี ก. ทาแผนการปฏบิ ตั งิ าน เพ่อื ใหก้ ารปฏบิ ตั งิ านของเจา้ หน้าทท่ี ุกฝ่ายสามารถร่วมมอื ประสานการ ปฏบิ ตั งิ านดว้ ยความเรยี บรอ้ ย รวดเรว็ และมปี ระสทิ ธภิ าพ โดยกาหนดอานาจหน้าทข่ี องเจา้ หน้าท่แี ต่ละคน ไวใ้ ห้ชดั เลย ตงั้ แต่ขนั้ เตรยี มเอกสาร เตรยี มสง่ิ ของสาหรบั แจก เคร่อื งมอื เคร่อื งใชย้ านพาหนะ ฯ จนถงึ ขนั้ ออกปฏบิ ตั งิ าน และใหม้ กี ารตรวจสอบความพรอ้ มอยเู่ สมอ ข. ตดิ ตามขา่ วความเคล่อื นไหวของเหตุการณ์และสภาพอากาศในพน้ื ทภ่ี าคต่าง ๆ ซง่ึ อาจมคี วาม โน้มเอยี ง ทาใหเ้ กดิ สาธารณภยั ขน้ึ ได้ ค. จดั หาและตรวจสอบของสารองจ่าย ๆ เช่น เส้ือผ้า เคร่อื งนุ่งห่ม มุ้ง ผ้าห่ม วสั ดุอุปกรณ์ เครอ่ื งมอื ต่าง ๆ ทใ่ี ชอ้ อกหน่วยใหค้ รบถว้ นพรอ้ มทจ่ี ะออกปฏบิ ตั งิ าน ง. ทาแผนประสานงานและอานวยความสะดวกแก่หน่วยราชการและองค์การสงั คมสงเคราะห์ เอกชน ในการให้การสงเคราะห์ผู้ประสบภยั ให้คาแนะนาปรกึ ษาและส่งเสรมิ สนับสนุนให้องค์การเอกชน ดาเนินงานสงเคราะห์ผู้ประสบภยั อย่างถูกต้องตามหลกั การสงั คมสงเคราะห์และเป็นไปตามนโยบายของ รฐั บาล จ. สารวจแหล่งทรพั ยากรดา้ นกาลงั คน อาสาสมคั ร อาสาสมคั ร เครอ่ื งมอื เคร่อื งใช้ เช่น รถดบั เพลงิ รถบรรทุกน้า ฯลฯ ของหน่วยราชการและองคก์ ารเอกชน โดยจดั ทาทะเบยี นไวเ้ ป็นหมวดหมู่ เพ่อื ใหส้ ะดวก ในการตดิ ต่อประสานงานและขอรบั การสนบั สนุน ฉ. เตรยี มแผนการปฏบิ ตั งิ านแผนท่ี 2 (แผนเสรมิ หรอื สง่ กาลงั บารงุ ) เพราะแผนการออกปฏบิ ตั งิ าน ตามแผนท่ี 1 อาจไมส่ มบรู ณ์พอ เม่อื ออกปฏบิ ตั งิ านอาจจะมขี อ้ บกพรอ่ ง เชน่ สง่ิ ของทน่ี าไปจ่ายไมเ่ พยี งพอ จะต้องติดต่อฝ่ ายพสั ดุเบกิ สงิ่ ของได้ทนั ทที ่ตี ้องการ หรอื จดั กาลงั เจา้ หน้าท่ี เคร่อื งมอื เคร่อื งใช้ไปเสรมิ ให้ เพยี งพอแก่การปฏบิ ตั งิ าน ค่มู อื การจดั กิจกรรมลกู เสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 5-6 และ ปวช.2-3 89

การเตรยี มการขนั้ ท่ี 2 การปฏบิ ตั กิ ารเมอ่ื ทราบขา่ วว่ามสี าธารณภยั เกดิ ขน้ึ นนั้ เจา้ หน้าทท่ี ุกฝ่ายเรมิ่ ดาเนินการและเตรยี มการในหน้าทข่ี องตนให้พรอ้ มทจ่ี ะรบั สถานการณ์เจา้ หน้าท่ปี ฏบิ ตั งิ านเหล่าน้ีถ้าออก ปฏบิ ตั งิ านไดร้ วดเรว็ มสี มรรถภาพ และการปฏบิ ตั งิ านเป็นไปตามขนั้ ตอนของการช่วยเหลอื รวมทงั้ ตดิ ตาม ผลการช่วยเหลอื ในระยะต่อมา จะทาใหผ้ ปู้ ระสบภยั ผ่อนคลายความเดอื ดร้อนลงตามสมควร และสามารรถ ช่วยเหลอื ตนเองไดใ้ นทส่ี ุด การปฏบิ ตั กิ ารเมอ่ื ทราบขา่ ววา่ มสี าธารณภยั เกดิ ขน้ึ ดงั น้ี 1) แจง้ ข่าวสารเม่อื เกดิ ภยั พบิ ตั ขิ น้ึ ใหร้ ายงานเหตุขนั้ ตน้ ต่อผบู้ งั คบั บญั ชา ตามลาดบั และเจา้ ขา่ ว ใหอ้ งคก์ ารสงั คมสงเคราะหเ์ อกชนทราบ 2) การจดั เจา้ หน้าท่อี อกหน่วย ฯ ให้หวั หน้างานเป็นหวั หน้าหน่วย เวน้ แต่ผู้บงั คบั บญั ชา หน่วย เหนือจะสงั่ การเป็นอยา่ งอ่นื ๆ เจา้ หน้าทป่ี ฏบิ ตั งิ านแบ่งเป็น 2 หน่วย ไดแ้ ก่เจา้ หน้าทป่ี ฏบิ ตั งิ านสนาม คอื ออกไปปฏบิ ตั งิ านในพน้ื ทท่ี เ่ี กดิ สาธารณภยั และเจา้ หน้าทป่ี ระจาหน่วยทต่ี งั้ ปกติ 3) การออกไปตรวจบรเิ วณท่เี กิดเหตุ อาจกาหนดตวั เจา้ หน้าท่ไี ว้หลายคนให้ความคล่องตวั เพ่อื สารวจความเสยี หายขนั้ ต้น ว่าภยั นนั้ มากน้อยเพยี งใด เกดิ ขน้ึ กบั ชมุ ชนอยา่ งไร จาเป็นตอ้ งจดั หน่วยออกไป ช่วยเหลอื ขนาดไหน และจะตงั้ หน่วยช่วยเหลอื ณ ทใ่ี ด 4) การจดั ยานพาหนะบรรทุกเพ่อื ลาเลยี งขนส่งสงิ่ ของและเจ้าหน้าท่ี เช่น รถยนต์บรรทุกขนาด ใหญ่ เรอื ทอ้ งแบน ฯ 5) การเปิดหบี ห่อและตรวจเสอ้ื ผา้ เครอ่ื งนุ่งหม่ และสงิ่ ของสาหรบั ออกหน่วย เชน่ มงุ้ ผา้ ห่ม เสอ้ื ผา้ และอาหารแหง้ ฯลฯ ใหพ้ รอ้ มทจ่ี ะบรกิ ารแก่ผปู้ ระสบภยั 6) จดั เคร่อื งมอื เคร่อื งใช้ และอุปกรณ์ท่ใี ช้ในการออกหน่วย ฯ เช่น เคร่อื งขยายเสยี ง โต๊ะ เก้าอ้ี เตน้ ท์ เครอ่ื งกาเนิดไฟฟ้า วทิ ยสุ นาม ใหเ้ หมาะสมกบั พน้ื ท่ี 7) แจง้ หน่วยประชาสมั พนั ธเ์ พ่อื ทาภาพยนตร์ ภาพน่งิ ทาขา่ วเผยแพรแ่ ก่ส่อื มวลชนและประชาชน 8) ทาบนั ทกึ ขออนุมตั อิ อกหน่วย การทาขา่ ววทิ ยุ โทรทศั น์ และทาบนั ทกึ รายงานเสนอหน่วยเหนอื 9) จดั เล้ยี งอาหาร (ถ้าจาเป็น) เพราะได้มีการตกลงในแผนปฏิบตั ิงานร่วมกันไว้แล้วว่าให้เป็น ภาระหน้าท่ขี ององค์การอ่ืน ๆ แต่กรมประชาสงเคราะห์ก็จะต้องเตรยี มพร้อมให้สนับสนุน หากเกินขดี ความสามารถขององคก์ ารเอกชนเหล่านนั้ หรอื ภยั พบิ ตั เิ กดิ ขน้ึ พรอ้ มกนั หลายแหง่ ในเวลาเดยี วกนั 10) เม่อื ภยั สงบแลว้ พจิ ารณาวางแผนร่วมกบั หน่วยงานทเ่ี กย่ี วขอ้ งเป็นเจา้ หน้าท่ฝี ่ ายปกครองและ มลู นิธกิ ารกุศลต่าง ๆ เพ่อื ใหก้ ารช่วยเหลอื ระยะยาว จดั หาทอ่ี ยอู่ าศยั ชวั่ คราว จดั หางาน หรอื ทท่ี ากนิ ใหแ้ ก่ ผปู้ ระสบภยั ทส่ี ้นิ เน้ือประดาตวั หรอื พจิ ารณาให้การช่วยเหลอื ในกรณีอ่นื ๆ ท่จี าเป็นต่อไปรวมทงั้ จดั ส่งนัก สงั คมสงเคราะหไ์ ปเยย่ี มเยยี นให้คาแนะนาปรกึ ษาแก้ปัญหาต่าง ๆ เพม่ิ เตมิ ตามความจาเป็นแต่ละกรณี ๆ ไป การปฏบิ ตั ใิ ห้ปฏบิ ตั ติ ามความเหมาะสมแก่เหตุการณ์ แต่ควรปฏบิ ตั ิไปพรอ้ ม ๆ กนั ทุกขอ้ (ถ้ามี กาลงั เจา้ หน้าทพ่ี อ) 90 ค่มู ือการจดั กิจกรรมลกู เสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 5-6 และ ปวช.2-3

การเกบ็ รกั ษา ควบคมุ และลาเลียงวสั ดุ เคร่ืองมอื เคร่ืองใช้ในการออกหน่วย เน่ืองจากการปฏบิ ตั งิ านสงเคราะห์ผู้ประสบภยั เป็นงานท่มี ลี กั ษณะพเิ ศษ ดงั นัน้ การปฏบิ ตั งิ านจงึ ตอ้ งกาหนดนโยบายไวเ้ ป็นหลกั 3 ประการดงั น้ี 1. ปัญหาเฉพาะหน้า คอื ใหก้ ารสงเคราะหป์ ระชาชนผปู้ ระสบภยั โดยเน้นหนกั ในปัญหาเฉพาะหน้า เพ่อื เป็นการผ่อนคลายความเดอื ดรอ้ น แลว้ ดาเนินการตดิ ตามผลเพ่อื ฟ้ืนฟูผปู้ ระสบภยั ใหช้ ว่ ยตนเองไดต้ าม หลกั วชิ าการสงั คมสงเคราะห์ 2. ประสทิ ธภิ าพ คอื ให้การสงเคราะห์แก่ประชาชนอย่างถูกต้องรวดเรว็ ทนั ทตี ่อเหตุการณ์และ ประหยดั 3. ประสานงาน คอื การดาเนนิ งานในฐานะแหล่งกลางการบรรเทาทกุ ขร์ ะหว่างรฐั บาลและเอกชน เพ่ือเป็นการสอดคล้องกับนโยบายดังกล่าว การปฏิบัติงานในด้านน้ีจาเป็นต้องกระทาอย่างมี ประสทิ ธภิ าพ งานเก็บรกั ษา ควบคุม และลาเลยี งวสั ดุครุภณั ฑ์ในการออกหน่วยน้ีเสมอื นกบั การส่งกาลงั บารุงในการทางานทงั้ หมด จงึ จดั ไดว้ ่ากระบวนการทางานน้เี ป็นหวั ใจสาคญั ยงิ่ เพราะงานน้ีตอ้ งสนองปัญหา เฉพาะหน้าของประชาชน หากหย่อนประสทิ ธภิ าพก็จะก่อใหเ้ กดิ ความเสยี หายและทาความลม้ เหลวให้แก่ งานได้ ดงั นนั้ จงึ จาเป็นต้องกาหนดขอบข่ายใหแ้ น่ชดั ว่า ในการปฏบิ ตั งิ านสงเคราะหผ์ ปู้ ระสบภยั นนั้ มวี สั ดุ เครอ่ื งมอื เครอ่ื งใชอ้ ย่างไรบา้ ง รวมไปถงึ ระบบในการเตรยี มการจดั หา เกบ็ รกั ษา ตลอดถงึ การนาออกใชส้ อย ในการทางานดว้ ย วสั ดใุ นการสงเคราะหผ์ ปู้ ระสบภยั หากจะจาแนกวสั ดุในการบรรเทาทุกขต์ ามลกั ษณะการจาแนกเป็นหมวดหม่ใู นทางวชิ าการบรหิ าร พสั ดุแลว้ กจ็ ะไม่เป็นการคล่องตวั ดงั นนั้ ในทน่ี ้ีจะแบ่งหมวดหม่วู สั ดุโดยอาศยั แนวทาง และการใชส้ อยเป็น หลกั ดงั น้ี วสั ดใุ นการบรรเทาทกุ ข์ เทา่ ทป่ี รากฏในงานสงเคราะหผ์ ปู้ ระสบภยั โดยทวั่ ไป แบ่งเป็นประเภทใหญ่ ๆ ได้ 5 ประเภท คอื 1. วสั ดปุ ระเภทเคร่ืองใช้และผ้าชนิ ดต่าง ๆ ได้แก่ เครอ่ื งนุ่งห่ม เช่น เสอ้ื ผา้ ผ้าขาวมา้ ผ้าห่ม นอน นอกจากนนั้ ยงั ไดแ้ ก่เคร่อื งใชป้ ระเภทต่าง ๆ อกี เช่น รองเทา้ ยาสฟี ัน เคร่อื งครวั ถงั น้า ขนั น้า ฯลฯ ซง่ึ ของเหล่าน้จี ะตอ้ งจดั จาแนกเป็นหมวดหมใู่ นการเกบ็ รกั ษาและบรรจุ เพราะจะมลี กั ษณะทไ่ี มเ่ หมอื นกนั 2. วสั ดปุ ระเภทอาหาร แยกออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ - อาหารประเภทเสยี ง่าย เช่น ของสดต่าง ๆ ซ่งึ ไดแ้ ก่จาพวกเน้ือสตั ว์ ไข่เป็ด ไข่ไก่ ผกั สด เป็นตน้ จะตอ้ งเรยี นรใู้ หท้ ราบถงึ ธรรมชาตขิ องสง่ิ ของนนั้ ๆ วา่ จะเกบ็ รกั ษาอยา่ งไร - อาหารประเภทเก็บไวไ้ ดน้ าน ได้แก่ พวกขา้ วสาร ของแหง้ ของเคม็ เครอ่ื งกระป๋ องต่าง ๆ เป็นตน้ จะตอ้ งศกึ ษาถงึ อายกุ ารใช้ วธิ เี กบ็ รกั ษาใหแ้ น่ชดั คมู่ ือการจดั กิจกรรมลูกเสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 5-6 และ ปวช.2-3 91

3. วสั ดปุ ระเภทยารกั ษาโรค - ยาทใ่ี ชร้ บั ประทาน ไดแ้ ก่ ยากลางบา้ นประเภทต่างๆ เช่น ยาธาตุ ยาลม ยาแกไ้ ข เป็นตน้ - ยาทไ่ี มใ่ ชร้ บั ประทาน ซง่ึ อาจเป็นยาทาหรอื ดม แลว้ แต่กรณี วสั ดุประเภทยาน้ี ตอ้ งศกึ ษาถงึ อายุ วธิ ใี ช้ การเกบ็ รกั ษา ใหถ้ ูกตอ้ ง 4. วสั ดุประเภทอนั ตรายอาจเป็นของใช้ หรอื ยาอย่างใดอย่างหน่ึง หรอื เป็นวสั ดุประเภทไวไฟ เชน่ น้ามนั เบนซนิ ไมข้ ดี ไฟ เป็นตน้ 5. วสั ดใุ นการก่อสรา้ งไดแ้ ก่ ตะปู สงั กะสี ไม้ เครอ่ื งมอื ก่อสรา้ ง วสั ดุ เคร่ืองมือเครื่องใช้และยานพาหนะในการออกหน่วยของกรมประชาสงเคราะห์ สาหรบั กรมประชาสงเคราะห์นัน้ เน่ืองจากมอี งค์การกุศลต่าง ๆ ร่วมมอื ในการปฏิบตั ิงานเป็นจานวนมาก และ องคก์ ารกุศลเหล่านนั้ ก็ไดจ้ ดั หาวสั ดุสาหรบั สงเคราะหผ์ ปู้ ระสบภยั โดยมใิ หซ้ ้าซ้อนกบั ตามแบบปฏบิ ตั งิ านท่ี ทาร่วมกนั ไว้ ดงั นัน้ วสั ดุท่กี รมประชาสงเคราะหจ์ ดั หาไวส้ าหรบั การออกหน่วยจงึ เป็นวสั ดุประเภทผา้ เป็น หลกั นอกจากในบางครงั้ ท่เี กดิ ภยั พบิ ตั เิ ป็นรายใหญ่ ๆ เช่น อุทกภยั ในต่างจงั หวดั จะมปี ระชาชนนาสงิ่ มา บรจิ าคจานวนมาก ๆ ซง่ึ สงิ่ ของเหลา่ น้ที างกรมประชาสงเคราะหก์ จ็ ะอาศยั หลกั ในการจาแนก เกบ็ รกั ษาและ ใช้สอยตามแนวทางข้างต้น สาหรบั ในการปฏิบตั ิงานทวั่ ไป กรมประชาสงเคราะห์จดั หาวสั ดุ เคร่อื งมือ เครอ่ื งใชต้ ลอดจนยานพาหนะในการออกหน่วยไวเ้ ป็นประจา ดงั นนั้ 1. วสั ดุประเภทผ้าชนิ ดต่าง ๆ ได้แก่ เสอ้ื ผ้าผู้ใหญ่ชาย ผู้ใหญ่หญิง เดก็ ชาย เด็กหญิง ผ้าห่ม ผา้ ขาวมา้ เครอ่ื งแบบนกั เรยี น มงุ้ 2. วสั ดใุ นการก่อสร้าง ไดแ้ ก่ ตะปู สงั กะสี เคร่อื งมอื ก่อสรา้ ง 3. เครื่องใช้สาหรบั การปฏิบตั ิงานในหน่วยเคลื่อนท่ี ไดแ้ ก่ โต๊ะ เก้าอ้ี เอกสารแบบฟอรม์ ต่าง ๆ เคร่อื งขยายเสยี ง เต้นท์สาหรบั ท่พี กั ชวั่ คราว ร่มกนั แดดขนาดใหญ่ เคร่อื งกาเนิดไฟฟ้าพรอ้ มอุปกรณ์ แผน่ ป้ายชอ่ื กรม แผ่นป้ายปลาสตกิ ระบชุ อ่ื หน่วยปฏบิ ตั งิ านสาหรบั ประชาชนตดิ ต่อได้ 4. เครอ่ื งมอื สื่อสาร วทิ ยสุ นาม (วอกกท้ี อกก)้ี 5. ยานพาหนะ ไดแ้ ก่ รถยนตบ์ รรทุกขนาดใหญ่ รถยนตป์ ิคอพั รถยนตบ์ รรทุกน้า รถจกั ยานยนต์ เรอื ทอ้ งแบนพรอ้ มเครอ่ื งยนต์ ขนั้ ตอนในการเตรียมการเกบ็ รกั ษา ควบคมุ และลาเลียงวสั ดุ เคร่อื งมือเครื่องใช้ยานพาหนะ ในการออกหน่วย เพ่อื ใหก้ ารเกบ็ รกั ษา ตลอดจนการควบคุมลาเลยี งวสั ดุเคร่อื งมอื เคร่อื งใชใ้ นการออก หน่วย ได้เป็นไปอย่างมีประสิทธภิ าพ จาเป็นต้องมรี ะบบการควบคุมเก็บรกั ษา เพ่ือให้พร้อมท่ีจะออก ปฏบิ ตั งิ านไดท้ นั ที สาหรบั ขนั้ ตอนนนั้ แบง่ ออกเป็น 3 ระยะ ดงั น้ี 1. การเตรยี มการก่อนเกิดภยั ปฏิบตั ิดงั นี้ ก. การจดั หาวสั ดุเคร่อื งมอื เครอ่ื งใช้ ได้แก่การจดั หาวสั ดุต่าง ๆ ตามท่กี าหนดไว้ เตรยี มการ เพ่อื สารองไวใ้ ชส้ อยไดท้ นั ทใี นยามเกดิ ภยั พบิ ตั ิ 92 คมู่ ือการจดั กิจกรรมลกู เสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 5-6 และ ปวช.2-3

ข. การควบคุมรกั ษาและการบรรจุหบี ห่อ ทาการคดั เลอื กวสั ดุ เคร่อื งมอื เคร่อื งใช้ ให้เป็น หมวดหมู่ แลว้ เกบ็ รกั ษาตามสภาพของวสั ดแุ ต่ละชนิดดงั น้ี - เส้ือผ้า จัดเป็ นชุดชาย หญิง เด็กชาย เด็กหญิง ใส่ถึงพ ลาสติกท่ีมีตรากรม ประชาสงเคราะห์ แลว้ เกบ็ รกั ษาไวเ้ พ่อื พรอ้ มทจ่ี ะจาออกใชไ้ ดเ้ สมอ และสว่ นหน่งึ ตอ้ งบรรจลุ งในหบี ห่อ หรอื กระสอบ เพอ่ื เตรยี มสารองไวล้ าเลยี งออกปฏบิ ตั งิ านไดท้ นั ที - เคร่อื งมอื เคร่อื งใช้ต่าง ๆ เช่น โต๊ะ เก้าอ้ี เอกสาร ต้องเกบ็ รกั ษาให้ดแี ละอย่ใู นสภาพท่ี พรอ้ มทจ่ี ะใชง้ านได้ โดยเฉพาะเครอ่ื งขยายเสยี ง เครอ่ื งกาเนิดไฟฟ้า วทิ ยสุ นาม จะต้องมกี ารนามาทดสอบ อยเู่ สมอ สาหรบั เครอ่ื งมอื เครอ่ื งใชเ้ หลา่ น้จี ะจดั เป็นชุดเตรยี มพรอ้ มไวใ้ ชง้ านไดท้ นั ที ค. การเตรยี มการด้วยยานพาหนะ จะต้องมกี ารกาหนดว่าเม่อื เกิดภัยพิบัติรายใหญ่จะใช้ ยานพาหนะชนิดใด และรายย่อยจะใชย้ านพาหนะอะไร สาหรบั ในปัจจุบนั กรมประชาสงเคราะห์ได้เตรยี ม วสั ดุสิ่งของเคร่อื งใช้ต่าง ๆ ซ่ึงพร้อมท่ีจะออกหน่วยได้ทนั ที สารองไว้ในรถยนต์ฮโี น่บัส ซ่ึงเป็นหน่ วย เคล่ือนท่ีขนาดกลางท่ีจะออกปฏิบัติงานได้ทนั ที นอกจากนัน้ ยงั มีเรอื ท้องแบน ซ่ึงเก็บรกั ษาไว้ท่ีศูนย์ สงเคราะหผ์ ู้ประสบภยั ประจาภาคทงั้ 4 ภาค ซง่ึ เรอื เหล่าน้ีจะต้องมกี ารทาความสะอาด ทดสอบ เคร่อื งเรอื ตลอดจนฝึกปฏบิ ตั เิ จา้ หน้าทข่ี บั เรอื เตรยี มไวเ้ สมอ 2. การปฏิบตั ิการเม่ือเกิดภยั เม่อื ทราบข่าวภยั พบิ ตั เิ กดิ ขน้ึ หน่วยจะต้องพรอ้ มปฏบิ ตั กิ ารทนั ที การปฏบิ ตั งิ านในขนั้ น้จี ะกระทาดงั น้ี ก. ลาเลยี งวสั ดสุ ง่ิ ของเครอ่ื งมอื เครอ่ื งใชข้ น้ึ ยานพาหนะทจ่ี ดั เตรยี มไวต้ ามขอ้ 1 ออกปฏบิ ตั งิ าน ทนั ที โดยกาหนดจานวนวสั ดุ เครอ่ื งมอื เครอ่ื งใช้ ใหเ้ หมาะแก่ขนาดของภยั พบิ ตั นิ นั้ ๆ ข. จดั เตรยี มเสรมิ บารงุ ในกรณีทเ่ี กดิ ภยั พบิ ตั ริ ายใหญ่ ๆ การปฏบิ ตั กิ ารตามขอ้ ก. ไมเ่ ป็นการ เพยี งพอ กจ็ ะมกี ารประสานงานจากหน่วยเคล่อื นท่ี ให้นาวสั ดุสงิ่ ของเคร่อื งมอื เคร่อื งใชไ้ ปเสรมิ ใหเ้ พยี งพอ แก่การทางาน ซง่ึ หน่วยจดั หาและควบคมุ จะตอ้ งใหบ้ รกิ ารในดา้ นน้ไี ดท้ นั ที 3. การปฏิบตั ิเม่ือภยั เสรจ็ สิ้นลงทาการสารวจวสั ดุ อุปกรณ์ เครอ่ื งมอื เครอ่ื งใชท้ ไ่ี ดเ้ ตรยี มการไว้ ในขอ้ 1 แลว้ ดาเนนิ การใหอ้ ยใู่ นสภาพทพ่ี รอ้ มจะปฏบิ ตั งิ านไดอ้ กี ทนั ที ก. เสอ้ื ผา้ เครอ่ื งนุ่งหม่ ตอ้ งตรวจสอบสต๊อค ควบคมุ บญั ชกี ารเบกิ จา่ ยและจดั หาเพมิ่ เตมิ ข. ขานพาหนะ ตอ้ งมกี ารตรวจสอบ บารงุ รกั ษา ค. เครอ่ื งมอื เครอ่ื งใช้ ตรวจสอบทาความสะอาดและเกบ็ รกั ษาใหเ้ หมาะสมแกสภาพ การสนับสนุนหน่ วยงานของกรมประชาสงเคราะห์ ตามปกติในการปฏิบัติงานช่วยเหลือ ผปู้ ระสบภยั นนั้ ศนู ยผ์ ปู้ ระสบภยั ภาคต่าง ๆ จะเป็นผอู้ อกปฏบิ ตั งิ านสนาม โดยดาเนินในการออกหน่วยตาม แนวทางดงั กล่าวขา้ งต้น แต่ส่วนกลางมหี น้าทใ่ี ห้การสนับสนุน วสั ดุ เคร่อื งมอื เคร่อื งใช้ด้วย ดงั นัน้ ในยาม ปกตสิ ่วนกลางต้องมกี ารจดั หาเพ่อื ส่งกาลงั บารงุ ให้แก่หน่วยงานดว้ ยซง่ึ ในการปฏบิ ตั ิจะต้องมขี นั้ ตอนการ ทางานดงั น้ี 1. การเตรียมการและบรรจหุ ีบห่อ ก. คดั เลอื กวสั ดใุ หเ้ ป็นหมดหมู่ เช่น เสอ้ื ผา้ ผา้ หม่ นอน ผา้ ขาวมา้ ค่มู ือการจดั กิจกรรมลูกเสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 5-6 และ ปวช.2-3 93

ข. จดั อุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น ลงั กระดาษ กระสอบ ถุงพลาสตกิ และเครอ่ื งใชต้ ่าง ๆ เช่น ตะปู คอ้ น กาว เทป เชอื ก สเี มจกิ เป็นตน้ นอกจากนนั้ กม็ เี ครอ่ื งมอื ทนุ่ แรงต่าง ๆ เพ่อื ผกู หรอื มดั ค. เตรยี มกาลงั คมเพ่อื ทาการบรรจุหบี ห่อซ่งึ ตอ้ งมกี ารฝึกหดั พอสมควรเม่อื ปัจจยั ทงั้ 3 ขอ้ พรอ้ มแลว้ จงึ ดาเนนิ การบรรจวุ สั ดเุ หลา่ นนั้ 2. การเตรียมการขนส่ง เมอ่ื บรรจหุ บี หอ่ เรยี บรอ้ ยแลว้ เพอ่ื เตรยี มการขนส่งจะตอ้ งกระทาดงั น้ี ก. การแจง้ สถานท่ปี ลายทาง หรอื สถานท่อี ย่นู ัน้ ๆ ช่อื ท่อี ยู่ ตาบล ของปลายทางจะต้อง ชดั เจนถูกตอ้ ง ข. การแจง้ จานวนจะตอ้ งเขยี นใหช้ ดั เจนโดยทาป้ายตดิ หรอื เขยี นลงบนหบี หอ่ นนั้ ๆ ค. การรกั ษาความปลอดภยั เช่น วสั ดุแตกงา่ ยจะต้องมขี อ้ ความหรอื เคร่อื งหมายเตอื นให้ ทราบ ตามปกติจะมีเคร่อื งหมายเป็ นรูปแก้วแชมเปญ หรือหากวัสดุนัน้ ไม่ควรให้เปียก เช่น เส้ือผ้า เครอ่ื งนุ่งหม่ กม็ กี ารเตอื นหรอื เครอ่ื งหมายเช่นกนั โดยทาเป็นรปู ร่ม เป็นตน้ การจดั ส่ง คอื การปฏบิ ตั เิ พ่อื ใหว้ สั ดนุ นั้ ถงึ ปลายทางจะตอ้ งมขี นั้ ตอนดงั น้ี ก. การประสานงาน จะตอ้ งมกี ารประสานงานระหว่างหน่วยขนส่งกบั หน่วยรบั คอื ตน้ ทางและ ปลายทาง เชน่ แจง้ จานวนบญั ชสี งิ่ ของ วนั เวลาทจ่ี ะจดั สง่ พาหนะชนิดใดทจ่ี ะใชช้ นส่ง ข. การเตรยี มการเรอ่ื งยานพาหนะ ในกรณีทจ่ี ดั ส่งเองจะตอ้ งเตรยี มการตรวจสอบยานพาหนะ ให้พรอ้ ม เลอื กขนาดของยานพาหนะใหเ้ หมาะแก่จานวนสง่ิ ของและสภาพการเดนิ ทาง การลาเลยี งของขน้ึ พาหนะควรคานึงถงึ ความสะดวกในการขนส่งและความปลอดภยั ในระหว่างทางดว้ ย แต่หากเป็นกรณีทต่ี อ้ ง ใชบ้ รกิ ารขนสง่ กต็ อ้ งสบื ราคาใหท้ ราบแน่นอน สาหรบั หน่วยราชการมกี ฎเกณฑว์ ่า ถา้ ขนส่งทางรถยนตต์ ้อง ใชบ้ รกิ ารของ ร.ส.พ. เวน้ แต่ในกรณที ไ่ี มม่ รี ถ ร.ส.พ. เดนิ ทางไปในทอ้ งถน่ิ นนั้ ๆ นอกจากนนั้ หากใชบ้ รกิ าร พาหนะอ่นื ๆ กจ็ ะตอ้ งศกึ ษาใหท้ ราบชดั ถึงกาหนดกฎเกณฑแ์ ละขอ้ หา้ ม เช่น รถไฟจะไม่บรรทุกของทเ่ี ป็น เชอ้ื เพลงิ ตดิ ไฟงา่ ย เชน่ ไมข้ ดี ไฟ เป็นตน้ ค. การเตรยี มบุคคล ในกรณที จ่ี ดั ใหม้ ผี คู้ วบคุมของไปในการจดั สง่ จะตอ้ งไมม่ องขา้ มเรอ่ื งการ เตรยี มบุคคลผูค้ วบคุม ผู้ควบคุมจะต้องทราบถงึ บญั ชสี ง่ิ ของ ประเภทของวสั ดุ ตลอดจนทราบขอ้ ตกลงใน การประสานงานไวก้ บั สถานีปลายทางดว้ ย หน่วยสงเคราะห์ผ้ปู ระสบภยั เคล่ือนท่ี เพ่อื ให้เขา้ ใจถงึ การปฏบิ ตั สิ งเคราะหผ์ ู้ประสบภยั ใน กรณีฉุกเฉินเฉพาะหน้าอย่างแท้จรงิ จงึ จาเป็นต้องเรยี นรถู้ งึ หน่วยสงเคราะห์ผูป้ ระสบภยั เคล่อื นท่ซี ่งึ เป็น หน่วยปฏบิ ตั งิ านสนามในการสงเคราะหผ์ ปู้ ระสบภยั ดงั น้ี องคป์ ระกอบของหน่วย 1. เจา้ หน้าทป่ี ระจาหน่วย สาหรบั ปฏบิ ตั งิ านในหน่วยสงเคราะหผ์ ปู้ ระสบภยั เคล่อื นทเ่ี จา้ หน้าท่ี ของหน่วยจะมากน้อยเท่าใดข้นึ อยู่กบั ขนาดของภยั พิบตั แิ ละกาบงั ของหน่วยงานนัน้ ๆ สาหรบั หน่วยท่ี สมบรู ณ์ควรประกอบดว้ ยเจา้ หน้าท่ดี งั น้ี 94 คมู่ ือการจดั กิจกรรมลูกเสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 5-6 และ ปวช.2-3

- หวั หน้าหน่วย ไดแ้ ก่ หวั หน้าศูนยส์ งเคราะห์ผู้ประสบภยั ประจาภาค ผชู้ ่วยหวั หน้าศูนย์ หรอื เจา้ หน้าทท่ี ไ่ี ดร้ บั มอบหมาย - นกั สงั คมสงเคราะห์ - เจา้ หน้าทป่ี ฏบิ ตั งิ าน - พนกั งานขบั รถ หรอื ขบั เรอื ตามประเภทของภยั พบิ ตั ิ - คนงาน - อาสาสมคั ร 2. ยานพาหนะ เคร่อื งมอื เครอ่ื งใชใ้ นการออกหน่วย ซ่งึ ไดจ้ าแนกรายละเอยี ดไวใ้ นหวั ขอ้ การ เกบ็ รกั ษา ควบคุมและลาเลยี งวสั ดุเครอ่ื งมอื เครอ่ื งใช้ 3. วสั ดใุ นการช่วยเหลอื ผปู้ ระสบภยั ซง่ึ ไดแ้ ก่ สงิ่ ของเครอ่ื งอุปโภคบรโิ ภค โครงสร้างของหน่วยสงเคราะหผ์ ปู้ ระสบภยั กล่าวโดยสรปุ ได้ดงั นี้ - หวั หน้าหน่วย เป็นผู้บงั คบั บญั ชาควบคุมการปฏิบตั ิงานและการรบั ผดิ ชอบ รวมถึงการ ตดั สนิ ใจโดยส่วนรวม ในการแกป้ ัญหา ตลอดจนประสานงานกบั หน่วยทเ่ี กย่ี วขอ้ ง - นักสังคมสงเคราะห์ ทาหน้าท่ีพิจารณาให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยโดยวินิจฉัยตาม หลกั เกณฑแ์ ละอาศยั หลกั การสงั คมสงเคราะหเ์ ป็นแนวทางปฏบิ ตั ิ - เจา้ หน้าทอ่ี ่นื ๆ ไดแ้ ก่ เจา้ หน้าทค่ี วบคุมทะเบยี นการจา่ ยของ เจา้ หน้าทแ่ี จกของ เจา้ หน้าท่ี ดแู ละเครอ่ื งมอื เครอ่ื งใช้ รวมถงึ วสั ดใุ นการออกหน่วยทกุ ประเภท - คนขบั รถ ดแู ลควบคมุ ยานพาหนะ และปฏบิ ตั หิ น้าทต่ี ามทไ่ี ดร้ บั มอบหมาย - คนงาน มหี น้าทล่ี าเลยี ง แบกหาม จดั ตงั้ เครอ่ื งมอื เครอ่ื งใช้ วสั ดุอุปกรณ์ในการออกหน่วย - อาสาสมคั ร ปฏบิ ตั งิ านตามหน้าทท่ี ่ไี ดร้ บั มอบหมายจากหวั หน้าหน่วย เช่น ปลุกปลอบใจ ผปู้ ระสบภยั การแนะนาใหผ้ ปู้ ระสบภยั มาขอรบั บรกิ ารโดยถูกวธิ ี ช่วยแจกและขนสง่ิ ของใหผ้ ปู้ ระสบภยั เป็น ตน้ สาหรบั โครงสรา้ งของหน่วยสงเคราะหผ์ ปู้ ระสบภยั น้จี ะสมบูรณ์หรอื ไมข่ น้ึ อยกู่ บั สภาวะแวดลอ้ ม หลายประการ เช่น กาลงั เจา้ หน้าท่เี พยี งพอหรอื ไม่ มกี ารมอบหมายหน้าท่กี นั อย่างชดั แจ้งเพยี งใด รวม ตลอดถงึ สภาวะแวดลอ้ มในขณะปฏบิ ตั งิ านดว้ ย บทบาทหน้าที่ของลูกเสือในการสงเคราะหผ์ ปู้ ระสบอคั คีภยั อทุ กภยั วาตภยั 1. อคั คีภยั หมายถงึ ภาวะทอ่ี าจทาใหเ้ กดิ การลุกไหมข้ องไฟ เชน่ การจดุ เผาของวตั ถุทต่ี ดิ ไฟแลว้ ยงั หมายถงึ การติดต่อลุกลามโดยอาศัยวสั ดุท่เี ป็นเช้อื เพลงิ ท่อี ยู่ใกล้เคียงกบั บรเิ วณเกิดไฟ เช่น อาคาร บา้ นเรอื น และสาเหตุทาใหเ้ กดิ อคั คภี ยั ส่วนมากมกั ไดแ้ ก่ 1.1เกิดจากความประมาทเลนิ เล่อในการหุงต้มหรือทาธุรกิจเก่ียวกบั การติดไฟ เช่น การตัด เชอ่ื มโลหะ การแตกรวั่ ของท่อแก๊ส คมู่ อื การจดั กิจกรรมลกู เสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 5-6 และ ปวช.2-3 95

1.2เกดิ จากไฟฟ้าชอ็ ต หรอื ลดั วงจร 1.3เกดิ จากฟ้าผ่า 1.4เกดิ จากไฟป่า 1.5เกดิ จากมผี จู้ งใจใหเ้ กดิ ขน้ึ การป้องกนั อคั คภี ยั คอื การกาจดั สาเหตุดงั กล่าวขา้ งต้นทอ่ี าจทาให้เกดิ อคั คภี ยั รวมตลอดจน การป้องกนั มใิ หต้ ดิ ต่อลุกลามและการระวงั อคั คภี ยั ดว้ ยวธิ กี ารต่าง ๆ ดว้ ย ผลเสียหายเกิดจากอคั คีภยั 1. ทาความสญู เสยี ใหแ้ ก่ชวี ติ และทรพั ยส์ นิ 2. ทาใหร้ ฐั บาลขาดรายไดจ้ ากภาษี 3. เพม่ิ ภาระแก่รฐั บาลในการดแู ลและสงเคราะหเ์ พมิ่ มากขน้ึ 2. อุทกภัย การเกิดอุทกภัย หมายถึง ระดับน้าในแม่น้าลาคลองเอ่อล้มฝั่งและตล่ิงไหลท่วม บา้ นเรอื น เรอื กสวนไรน่ า และความรุนแรงของกระแสน้า ทเ่ี อ่อไหลท่วมนัน้ ทาให้เกดิ ความเสยี หายทงั้ ชวี ติ และทรพั ยส์ นิ ไดเ้ สมอ สาเหตทุ ี่ทาให้เกิดอทุ กภยั 1. เกดิ ฝนตกหนกั ตดิ ต่อกนั เป็นเวลานาน ทาใหป้ รมิ าณน้าฝนทต่ี กลงมานนั้ ไมอ่ าจไหลส่แู ม่น้า ลาคลองไดท้ นั จงึ ท่วมบรเิ วณทต่ี ่า 2. เกดิ ฝนตกหนกั ในป่าหรอื เขาเป็นเวลานาน ทาใหน้ ้าป่าหรอื เขาไหลลงทต่ี ่าอย่างรนุ แรงทาให้ เกดิ ภาวะน้าท่วมอย่างกะทนั หนั ภายใน 24 ชวั่ โมง หรอื มากกว่า ทาใหบ้ ้านเรอื นราษฎร ไร่นาได้รบั ความ เสยี หายอยา่ งรนุ แรง แลว้ ระดบั น้ากล็ ดลงอยา่ งรวดเรว็ เชน่ กนั 3. เกดิ จากน้าทะเลหนุนเขา้ มาในแม่น้า ทาใหร้ ะดบั น้าในแมน่ ้าลาคลองซง่ึ ปกตไิ หลลงส่ทู ะเล ไมส่ ามารถไหลลงไปไดก้ เ็ อ่อท่วมสงู ขน้ึ ลน้ ฝัง่ ทาใหเ้ กดิ น้าท่วมแต่น้าทว่ มประเภทน้ไี มค่ ่อยเป็นอนั ตรายมากนกั ผลเสียหายอนั เกิดจากอทุ กภยั 1. ทาใหบ้ า้ นเรอื น ไรน่ า และทรพั ยส์ นิ ของราษฎรไดร้ บั ความเสยี หาย 2. การคมนาคมทางบกถูกตดั ขาด 3. การเกษตรกรรมไดร้ บั ความเสยี หาย 4. ทาใหป้ ระชาชนยากจนลง 5. ทาใหธ้ รุ กจิ ตอ้ งหยดุ ชะงกั ลง ทาใหร้ ายไดข้ องประเทศลดลง 3. วาตภยั หมายถงึ ลมท่มี คี วามเรว็ สูง สามารถพดั สงิ่ ท่กี ดี ขวางให้พงั ทลายได้ ซ่งึ ลมท่พี ดั แล้ว เกดิ อนั ตรายขน้ึ ไดน้ ้มี ชี อ่ื เรยี กแตกต่างกนั ออกไป คอื 3.1พายุดเี ปรสชนั่ เป็นพายุท่มี คี วามเรว็ สูงสุดใกล้บรเิ วณศูนยก์ ลางไม่เกนิ 33 น๊อต หรอื 61 กโิ ลเมตรต่อชวั่ โมง 3.2พายุโซนรอ้ นมคี วามเรว็ สูงสุดใกล้บรเิ วณศูนยก์ ลาง 34 น๊อต หรอื 62 กโิ ลเมตรต่อชวั่ โมง แต่ไมเ่ กนิ 63 น๊อต หรอื 117 กโิ ลเมตรต่อชวั่ โมง 96 ค่มู ือการจดั กิจกรรมลูกเสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 5-6 และ ปวช.2-3

3.3พายุใต้ฝ่ นุ ทม่ี คี วามเรว็ ใกลบ้ รเิ วณศูนยก์ ลางตงั้ แต่ 64 น๊อต หรอื 118 กโิ ลเมตรต่อชวั่ โมง เป็นพายุท่มี คี วามแรงทส่ี ุด ถ้าเกดิ ในมหาสมุทรอนิ เดยี เรยี กว่า ไซโคลน ถ้าเกดิ ในมหาสมุทรแอตแลนตคิ เรยี กว่า เฮอรเิ คน ฤดูท่มี กั จะเกดิ วาตภยั คอื ระหว่างเดอื นเมษายน-เดอื นตุลาคม แต่มพี ายุทเ่ี กดิ ขน้ึ ช่วงฤดูรอ้ น เรยี กวา่ พายรุ อ้ น จนเกดิ ระหวา่ งเดอื นมนี าคม เมษายน อนั ตรายที่เกิดจากวาตภยั บนบก จะก่อใหเ้ กดิ อนั ตรายบา้ นเรอื นราษฎร ต้นไมใ้ หญ่ลม้ ถอนรากถอนโคนลม้ ทบั บา้ นเรอื น เรอื กสวนไร่นาได้รบั ความเสยี หาย เสาไฟฟ้าล้ม ไฟฟ้าชอ็ ต ก่อให้เพลงิ ไหม้และมกั จะมีฝนตกด้วยอาจ ก่อใหเ้ กดิ น้าท่วมดว้ ย ในทะเล จะก่อใหเ้ กดิ คล่นื ลูกใหญ่ ลมแรงจดั ทาให้เรอื ขนาดใหญ่อาจถูกพดั ล่มจม หรอื ลดั ไป เกยตดิ ฝัง่ นอกจากน้ี ยงั ก่อใหเ้ กดิ ความเสยี หายแก่การประมงเป็นอยา่ งมาก เช่น ทาลายโป๊ ะจบั ปลา เป็นตน้ การเตรียมการป้องกนั 1. กรมอุตุนยิ มวทิ ยาแจง้ ชนิดการเคลอ่ื นไหวของพายใุ หท้ ราบล่วงหน้า ไมน่ ้อยกว่า 24 ชวั่ โมง 2. เตือนให้ประชาชนทราบล่วงหน้าเพ่ือให้เตรยี มตัวขนย้ายส่ิงของทรพั ย์สินไปไว้ในท่ี ปลอดภยั และใหอ้ ยไู่ กลจากอาคารบา้ นเรอื น หรอื ตน้ ไมใ้ หญ่ 3. เตรยี มเรอื หรอื แพไวเ้ พ่อื ช่วยบรรเทาความเดอื ดรอ้ นในกรณอี าจเกดิ น้าทว่ ม การช่วยเหลือในระหว่างเกิดภยั 1. การชว่ ยเหลอื ขณะเกดิ อคั คภี ยั 1.1ช่วยขนยา้ ยทรพั ยส์ นิ สง่ิ ของ ของผปู้ ระสบภยั ไปไวใ้ นทท่ี ป่ี ลอดภยั หรอื ทท่ี างเจา้ หน้าท่ไี ด้ กาหนดไว้ 1.2ชว่ ยดแู ลสงิ่ ของทรพั ยส์ นิ ของผปู้ ระสบอคั คภี ยั ทข่ี นยา้ ยมาอยใู่ นทป่ี ลอดภยั ดงั กล่าวขา้ งตน้ 1.3ช่วยกนั ผู้คนและผู้ไม่มสี ่วนเก่ยี วขอ้ ง มใิ ห้เขา้ ไปในบรเิ วณทเ่ี กดิ เหตุ ทงั้ น้ีเพ่อื ใหเ้ จา้ หน้าท่ี ปฏบิ ตั งิ านชว่ ยเหลอื ผปู้ ระสบภยั ไดส้ ะดวกเตม็ ท่ี 1.4ช่วยขนย้ายผู้ป่ วยเจบ็ ออกจากท่เี กิดเหตุ และให้การรกั ษาพยาบาลเบ้อื งต้นแก่ผู้ประสบ อุบตั เิ หตุ อนั เน่อื งมาจากอคั คภี ยั 1.4.1 การเคลื่อนย้ายผปู้ ระสบภยั โดยปราศจากเครื่องมอื (1) การแบกใส่บา่ (2) การชว่ ยพยงุ ใหเ้ ดนิ ไป (3) การใชข้ ห่ี ลงั (4) การอุม้ (5) การใหเ้ กาะหลงั คมู่ อื การจดั กิจกรรมลกู เสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 5-6 และ ปวช.2-3 97

(6) การแบกดว้ ยสะโพก (7) การคลานลาก (8) การอุม้ ลากหรอื การอุม้ เคลอ่ื นลงบนั ได (9) การแบกใหห้ ลงั ชนกนั (10) การคลานราบ (11) การแบกไวบ้ นหลงั 1.4.2 การเคลื่อนย้ายผปู้ ระสบภยั โดยใช้เครือ่ งมือ (1) การใชเ้ ปลพยาบาลแบกหาม (2) การใชล้ อกผกู กบั เปล (3) การโรยตวั ผปู้ ระสบภยั ลงทางบนั ได 1.4.3 การปฐมพยาบาลเบอื้ งต้นแก่ผปู้ ระสบภยั คอื การใหค้ วามช่วยเหลอื ขนั้ ต้นแก่ผูป้ ่ วยโดยปัจจุบนั จนกระทงั่ ถงึ มอื แพทยห์ รอื พยาบาล ทงั้ น้ีเพ่อื ป้องกนั อนั ตรายอนั อาจถงึ ชวี ติ และเพ่อื ป้องกนั มใิ หก้ ารเจบ็ ป่ วยนัน้ ลุกลามต่อไปดงั นัน้ บุคคลท่จี ะช่วยปฐมพยาบาลเบ้อื งต้น จะต้องปฏบิ ตั ิดว้ ยอาการสงบ ถูกต้องตามหลกั เบ้อื งต้น รวดเรว็ และ ทนั ที และใหไ้ ดผ้ ล จะหมดหน้าทเ่ี มอ่ื ผปู้ ่วยถงึ มอื แพทยห์ รอื พยาบาล การปฐมพยาบาลเบอ้ื งตน้ ทม่ี ผี มู้ หี น้าท่ี ช่วยเหลอื ผปู้ ระสบภยั ในกรณเี กดิ การเจบ็ ป่วยดงั กรณตี ่อไปน้ี 1. โลหติ ออก ต้องพยาบาลหา้ มเลอื ดและป้องกนั เช้อื มใิ ห้เขา้ แผล กดบรเิ วณแผล ดว้ ยมอื หรอื ผา้ สะอาด ๆ แลว้ พนั ผา้ ใหแ้ น่นจนเลอื ดหยดุ พยายามยกอวยั วะทบ่ี รเิ วณเลอื ดออกใหส้ งู ๆ เอาไว้ 2. การช่วยเหลอื ผปู้ ่วยหยดุ หายใจ คอื วธิ เี ป่ าปากหรอื เป่าจมกู ผายปอด ใชเ้ คร่ือง หายใจซง่ึ ควรมพี รอ้ มอยใู่ นรถพยาบาล 3. การช่วยผหู้ มดสตหิ รอื เป็นลม ตอ้ งพยายามเขา้ ทร่ี ม่ อยา่ ใหค้ นมงุ แกเ้ สอ้ื ผา้ ออก อยา่ ใหร้ ดั ใหค้ วามอบอุ่น ใหย้ าแอมโมเนยี ดม 4. การช่วยเหลอื ผไู้ ดร้ บั อนั ตรายจากความรอ้ น - ป้องกนั มใิ หเ้ ชอ้ื โรคเขา้ แผล - อยา่ แตะตอ้ งบาดแผลทเ่ี กดิ จากความรอ้ น หาผา้ สะอาดทส่ี ุดเท่าทจ่ี ะหาไดป้ ิด แผลเอาไวแ้ ละใหบ้ รเิ วณแผลอยนู่ ง่ิ ๆ - ใหด้ ่มื น้ามาก ๆ - อยา่ ถอดเสอ้ื ผา้ - อยา่ ทาใหแ้ ผลทพ่ี องแตก - อยา่ ทาดว้ ยน้ามนั 5. การเขา้ เฝือกชวั่ คราวเพ่อื ป้องกนั มใิ ห้กระดูกส่วนท่หี กั หรอื หลุดเคล่อื นไหวโดย ใช้วสั ดุต่าง ๆ ดงั กล่าวต่อไปน้ีช่วยมใิ หก้ ระดูกส่วนทห่ี กั หรอื แตกเคล่อื นไหวเพ่อื ลดความเจบ็ ป่ วย มใิ หเ้ กดิ อนั ตรายมากขน้ึ อกี และเคลอ่ื นยา้ ยคนไขไ้ ดส้ ะดวก 98 คมู่ ือการจดั กิจกรรมลกู เสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 5-6 และ ปวช.2-3

- เฝือก - ท่อนไม้ - ไมบ้ รรทดั - กระดาษแขง็ พนั หนา ๆ - ใชอ้ วยั วะสว่ นทใ่ี กลเ้ คยี ง เช่น พนั แผลตดิ กบั ตวั หรอื ขาซา้ ยกบั ขาขวา 2. การช่วยเหลือในระยะแรกหลงั ภยั สงบ 2.1อคั คีภยั เม่อื เกิดข้นึ ชวั่ ระยะหน่ึงก็จะสงบ ทงั้ น้ีขน้ึ อยู่กบั ภาวะและเหตุการณ์ ตลอดจน ความสามารถและความพร้อมเพรยี งของเจ้าหน้าท่ผี ู้มหี น้าท่ดี บั ไฟนัน้ เม่อื อัคคภี ยั สงบลงแล้วหน้าท่ใี น ระยะแรกทจ่ี ะตอ้ งใหค้ วามช่วยเหลอื ซง่ึ อยใู่ นหน้าทข่ี องกรมประชาสงเคราะหก์ บั เจา้ หน้าทป่ี กครอง องคก์ าร กุศล มลู นิธิ ทงั้ ของราชการและเอกชน กจ็ ะเขา้ ไปใหก้ ารช่วยเหลอื ผปู้ ระสบภยั โดยทนั ที โดยถอื หลกั ปฏบิ ตั ิ ดงั น้ี 1. ตงั้ หน่วยหรอื กองอานวยการให้การสงเคราะห์ช่วยเหลอื ผู้ประสบภยั ขน้ึ ใกล้เคยี งกบั บรเิ วณท่เี กดิ อคั คภี ยั โดยประกอบด้วยหน่วยราชการทม่ี หี น้าท่ใี ห้การช่วยเหลอื องคก์ ารกุศลเอกชนมูลนิธิ ต่าง ๆ พรอ้ มกนั เพอ่ื รว่ มใหก้ ารช่วยเหลอื 2. สาหรบั ของกรมประชาสงเคราะหม์ หี น่วยสงเคราะหผ์ ปู้ ระสบภยั เคล่อื นทซ่ี ง่ึ กม็ ารว่ มให้ การช่วยเหลืออยู่ในหน่วยหรอื กองอานวยการดงั กล่าวด้วย ซ่ึงหน่วยเคล่อื นท่ีน้ีประกอบด้วยนักสังคม สงเคราะห์ เจา้ หน้าท่ี และอาสาสมคั ร ช่วยงานประชาสงเคราะห์ร่วมดาเนินการใหก้ ารช่วยเหลอื ผู้ประสบ อคั คภี ยั อยดู่ ว้ ย 3. ก่อนทจ่ี ะใหก้ ารช่วยเหลอื เคร่อื งอุปโภคบรโิ ภคแก่ผูป้ ระสบภยั นนั้ จะต้องประสานงาน กบั เจา้ หน้าทอ่ี าเภอหรอื เขตในท้องทน่ี ัน้ เพ่อื ใหอ้ าเภอหรอื เขตออกใบรบั รองก่อนว่าผใู้ ดบา้ งทเ่ี ป็นผปู้ ระสบ อคั คภี ยั จากนนั้ ผปู้ ระสบภยั ทม่ี ใี บรบั รองจากอาเภอหรอื เขตว่าเป็นผปู้ ระสบภยั ก็นาใบรงั รองดงั กล่าวมาย่นื แสดงแก่เจา้ หน้ามห่ี รอื นกั สงั คมสงเคราะหข์ องหน่วยสงเคราะหผ์ ปู้ ระสบภยั เพ่อื พจิ ารณาตรวจสอบและออก บตั รผรู้ บั การสงเคราะหป์ ระจาครอบครวั ผปู้ ระสบอคั คภี ัยซง่ึ จะไดน้ าบตั รน้ีไปแสดงแก่หน่วยราชการ มลู นิธิ และองคก์ ารกุศลต่าง ๆ เพอ่ื ขอรบั การชว่ ยเหลอื สง่ิ ของเครอ่ื งอุปโภคบรโิ ภคต่อไป 4. การแจกจา่ ยเครอ่ื งอุปโภคบรโิ ภค - กรมประชาสงเคราะหแ์ จกจา่ ยเสอ้ื ผา้ เครอ่ื งนุ่งห่ม - มลู นธิ ริ าชประชานุเคราะหแ์ จกจา่ ยเครอ่ื งจกั รและสมดุ ดนิ สอแก่นกั เรยี น - องคก์ ารกุศลและมลู นิธเิ อกชนแบ่งแยกกนั แจกจา่ ยขา้ วสาร อาหารแหง้ การจดั เลย้ี ง อาหาร แจกจา่ ยเงนิ 5. การจดั ทอ่ี ยอู่ าศยั ชวั่ คราว - อาเภอหรอื เขตจดั หาทอ่ี ยอู่ าศยั ชวั่ คราวให้ - กรมประชาสงเคราะหส์ นบั สนุนเงนิ เป็นค่าวสั ดใุ นการจดั สรา้ งทพ่ี กั อาศยั ชวั่ คราว ค่มู ือการจดั กิจกรรมลูกเสือวิสามญั เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 5-6 และ ปวช.2-3 99


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook