Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore พาตweb

พาตweb

Published by E-book Bang SAOTHONG Distric Public library, 2019-09-12 04:16:43

Description: พาตweb

Search

Read the Text Version

แนวทางการดแู ลผ้ปู ว่ ยอัมพฤกษ์ อมั พาต ด้วยการแพทยผ์ สมผสาน สำ�นกั การแพทยท์ างเลอื ก กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทยท์ างเลอื ก กระทรวงสาธารณสุข http://www.thaicam.go.th 1

ISBN : 978 - 616 - 11 - 2725 - 1 ช่อื หนังสอื “แนวทางการดแู ลผปู้ ว่ ยอมั พฤกษ์ อมั พาต ดว้ ยการแพทยผ์ สมผสาน” พิมพค์ รั้งที่ 1 กรกฎาคม 2558 จ�ำ นวน 500 เล่ม ท่ีปรกึ ษา ผศ. (พิเศษ) ดร.นพ. ธวัชชยั กมลธรรม อธบิ ดกี รมพฒั นาการแพทย์แผนไทยและ การแพทย์ทางเลอื ก บรรณาธกิ ารบริหาร นายแพทย์เทวัญ ธานีรัตน์ ผูอ้ �ำ นวยการสำ�นักการแพทยท์ างเลอื ก ผ้ทู รงคุณวฒุ ิ แพทยห์ ญงิ ดารณี สุวพนั ธ ์ นายแพทยว์ ิรัตน์ เตชะอาภรณก์ ลุ นายแพทย์เชวงศกั ด์ิ ดิสถาพร นายแพทย์ชัชดนยั มสุ กิ ไชย นายแพทยช์ นินทร์ ลวี านนั ท์ ผศ. นายแพทย์จักรกริช กล้าผจญ อาจารย์มงคล ศรวิ ฒั น์ รศ. ดร.สมพร กนั ทรดษุ ฎี เตรียมชัยศร ี ผศ. สุวิดา ธรรมมณีวงศ์ อาจารย์อำ�ไพ ชัยชลทรพั ย ์ อาจารยร์ อน หลีเยาว ์ คณะบรรณาธกิ าร นางสาวปราณี ลิมปว์ รวรรณ นายแพทยอ์ งอาจ ศิริกลุ พิสทุ ธิ์ นางศริ ชิ ดา เปล่งพานิช นายแพทยส์ มเกียรติ ศรไพศาล นายวินัย แก้วมณุ ีวงศ ์ นางพันทิพา พงศก์ าสอ นายกฤษดา ปาส�ำ ล ี นางสาวกรกนก อุ่นจติ ร 2 สำ�นักการแพทย์ทางเลอื ก

คณะผู้จดั ท�ำ นางสาวปราณี ลิมปว์ รวรรณ นายแพทย์องอาจ ศริ ิกุลพสิ ทุ ธิ์ นางศริ ิชดา เปลง่ พานชิ นางสาวมาลินี สงู ตรง นางสาวเนตรนภา จตั รุ งค์แสง นางสาวภัทรฤทัย โฉมศรี นางสาวชนาภา พรมสวสั ด์ิ จัดพมิ พโ์ ดย : ส�ำ นกั การแพทย์ทางเลอื ก กรมพฒั นาการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทย์ทางเลอื ก กระทรวงสาธารณสขุ 88 หมู่ 4 อาคาร 2 ชน้ั 6 ตกึ กรมพฒั นาการแพทยแ์ ผนไทย และการแพทยท์ างเลอื ก กระทรวงสาธารณสขุ ถ.ตวิ านนท ์ ต.ตลาดขวัญ อ.เมอื ง จ.นนทบุรี 11000 โทรศัพท์ 0 2149 5636 โทรสาร 0 2149 5637 E-mail : [email protected] http://www.thaicam.go.th พิมพ์ท่ี : เอ็นย์ ดีไซน์ โทรศัพท์ 09 4249 7914 , 09 6879 4461 E-mail : [email protected] http://www.thaicam.go.th 3

กิตตกิ รรมประกาศ แนวทางการดูแลผู้ป่วยอัมพฤกษ์ อัมพาต เล่มนี้สำ�เร็จลงได้ด้วยดี เพราะไดร้ บั ความรว่ มมอื เปน็ อยา่ งดจี ากผรู้ แู้ ละผเู้ ชย่ี วชาญในศาสตรแ์ ละเทคนคิ ด้านการแพทย์ทางเลือกต่าง ๆ ที่ใช้ในการดูแลผู้ป่วยอัมพฤกษ์ อัมพาต ซง่ึ ทา่ นผรู้ แู้ ละผเู้ ชย่ี วชาญเหลา่ นไ้ี ดใ้ หข้ อ้ มลู ขอ้ เสนอแนะทเ่ี ปน็ ประโยชนอ์ ยา่ งสงู ตอ่ หนงั สอื แนวทางการดแู ลผปู้ ว่ ยอมั พฤกษ์ อมั พาต เลม่ น้ี กรมพฒั นาการแพทย์ แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ต้องขอขอบคุณเป็นอย่างสูงต่อผู้มีรายนาม ดังต่อไปนี้ u พญ. ดารณี สุวพันธ์ ผอู้ �ำ นวยการศูนยส์ ริ นิ ธรเพื่อการฟืน้ ฟู สมรรถภาพทางการแพทยแ์ ห่งชาติ u นพ. วริ ตั น์ เตชะอาภรณก์ ลุ ศนู ยส์ ริ ินธรเพ่ือการฟ้ืนฟูสมรรถภาพ ทางการแพทยแ์ หง่ ชาต ิ u นพ. เชวงศักดิ์ ดสิ ถาพร นักวชิ าการอิสระ u นพ. ชัชดนยั มสุ กิ ไชย นักวิชาการอสิ ระ u นพ. ชนินทร์ ลวี านนั ท ์ นกั วิชาการอสิ ระ u ผศ. นพ. จกั รกรชิ กลา้ ผจญ คณะแพทยศ์ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม ่ u อาจารยม์ งคล ศรวิ ัฒน ์ มหาวิทยาลัยศรนี ครินทรวิโรฒ u รศ. ดร. สมพร กนั ทรดษุ ฎี เตรยี มชัยศรี มหาวิทยาลยั มหดิ ล u ผศ. สวุ ดิ า ธรรมมณีวงศ์ มหาวทิ ยาลยั ศิลปากร u อาจารยอ์ �ำ ไพ ชัยชลทรัพย์ นกั วิชาการอสิ ระ u อาจารย์รอน หลีเยาว์ โรงพยาบาลควนโดน จงั หวดั สตลู 4 สำ�นักการแพทย์ทางเลือก

ที่ให้ข้อมูลในศาสตร์และเทคนิคต่าง ๆ ด้านการแพทย์ทางเลือก ท่ีนำ�มาใช้ในการดูแลผ้ปู ว่ ยอมั พฤกษ์ อัมพาต ขอขอบคณุ ผทู้ เ่ี ขา้ รว่ มประชมุ สมั มนาวชิ าการ เรอ่ื ง รปู แบบการดแู ล ผปู้ ว่ ยอมั พฤกษ์ อมั พาต ดว้ ยการแพทยผ์ สมผสาน ในวนั ท่ี 27 กมุ ภาพนั ธ์ 2558 ณ โรงแรมไมด้า งามวงศ์วาน จังหวัดนนทบุรี และการประชุมวิพากษ์ ฯ ในวนั ท่ี 19 มนี าคม 2558 ณ โรงแรมรชิ มอนด์ จงั หวดั นนทบรุ ี ทไ่ี ดใ้ หข้ อ้ คดิ เหน็ รวมถงึ ไดแ้ ลกเปลย่ี นประสบการณใ์ นการดแู ลผปู้ ว่ ยอมั พฤกษ์ อมั พาต เพอ่ื ชว่ ยให้ การจัดทำ�หนังสือเล่มนี้มีเนอ้ื หาท่ีหลากหลาย และมคี วามสมบูรณม์ ากยิ่งขน้ึ คณะผจู้ ดั ท�ำ สำ�นักการแพทย์ทางเลือก กรมพฒั นาการแพทย์แผนไทย และการแพทยท์ างเลอื ก http://www.thaicam.go.th 5

คำ�น�ำ ปจั จบุ นั ประชาชนปว่ ยด้วยโรคหลอดเลือดสมอง (Cerebrovascular disease) หรือโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต หรือทางการแพทย์เรียกกันว่า สโตรก (stroke) เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำ�คัญของโลกและประเทศ โดยมปี จั จยั เสย่ี งทส่ี �ำ คญั เชน่ ความดนั โลหติ สงู ไขมนั ในเลอื ดสงู การมปี ระวตั ิ ของการเกดิ โรคหลอดเลอื ดสมอง ภายในครอบครัว หรือการเปน็ โรคเบาหวาน เป็นตน้ ปัจจบุ นั โรคหลอดเลือดสมองสามารถเกดิ ขนึ้ ได้กบั ทุกวยั ในทุกช่วงอายุ นอกจากน้ี โรคหลอดเลอื ดสมองยงั มผี ลกระทบตอ่ ภาวะการเจบ็ ปว่ ย ความพกิ าร และอาจถึงแก่ชีวิตได้ จึงมีความจำ�เป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเรียนรู้และเข้าใจ โดยเฉพาะการป้องกันการเกิดโรค นอกจากนี้ควรทราบถึงวิธีการดูแลผู้ป่วย ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคหลอดเลือดสมอง ซึ่งมักมีความพิการทางด้าน ร่างกายไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ ต้องกลายเปน็ ผู้ป่วยอัมพฤกษ ์ อมั พาต และต้องใช้การบำ�บัดฟื้นฟูเพื่อให้ผู้ป่วยสามารถที่จะดำ�รงชีวิตในปัจจุบันได ้ อยา่ งมีคุณภาพ กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกตระหนักถึง ปญั หาทเ่ี กดิ ขน้ึ และมคี วามหว่ งใยตอ่ ผปู้ ว่ ยทต่ี อ้ งกลายเปน็ ผปู้ ว่ ยอมั พฤกษ์ อมั พาต และมีความพิการเกิดขึ้น ที่ต้องได้รับการช่วยเหลือดูแลจากญาติหรือผู้ดูแล ซง่ึ นอกเหนอื จากการดแู ลตามแนวทางของการแพทยแ์ ผนปจั จบุ นั แลว้ การแพทย์ ผสมผสานอื่น ๆ ในแนวทางของการแพทย์ทางเลือก เช่น การฝึกสมาธิ 6 ส�ำ นักการแพทย์ทางเลอื ก

การสวดมนต์ การใช้สมุนไพร การนวด การฝังเข็ม การบริหารร่างกาย แบบโยคะ ชก่ี ง ไทเ่ กก๊ หรอื การใชอ้ าหารสขุ ภาพ ฯลฯ ยงั เปน็ แนวทางการดแู ล ที่เสริมเข้ามาเพื่อช่วยให้การดูแลผู้ป่วย มีสุขภาวะครบมิติ กาย จิต สังคม และจิตวิญญาณ ซึ่งจะช่วยฟื้นฟูสุขภาพร่างกายให้ฟื้นตัวดีขึ้นและส่งผลให้ คณุ ภาพชีวิตดขี นึ้ ตามมา จงึ ได้จดั ทำ�แนวทางการดแู ลผู้ปว่ ยอัมพฤกษ์ อัมพาต ดว้ ยการแพทยผ์ สมผสาน ซง่ึ ญาตแิ ละผดู้ แู ลสามารถน�ำ ไปใชป้ ระโยชนก์ บั ผปู้ ว่ ย เพอ่ื ช่วยส่งเสริม ฟ้ืนฟสู ุขภาพ ให้ผู้ปว่ ยมคี ุณภาพชีวติ ทีด่ ยี ่งิ ขึ้น หวังเป็นอย่างยิ่งว่า แนวทางการดูแลผู้ป่วยอัมพฤกษ์ อัมพาต ด้วย การแพทย์ผสมผสานฉบับนี้จะเกิดประโยชน์ตอ่ ประชาชนท่ีไดร้ บั และส่งผลให้ มสี ุขภาพท่ีดี ท้ังกาย จติ สังคม และจติ วญิ ญาณอย่างยั่งยืนตลอดไป ผศ.(พิเศษ) ดร.นพ.ธวชั ชยั กมลธรรม อธิบดกี รมพัฒนาการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทยท์ างเลือก http://www.thaicam.go.th 7

สารบัญ หนา้ 1. บทน�ำ : สถานการณผ์ ปู้ ว่ ย อัมพฤกษ์ อัมพาต 13-15 และแนวทางการใช้การแพทย์ผสมผสาน 17 2. การดแู ลผูป้ ว่ ย อัมพฤกษ์ อมั พาต ด้วยการแพทย์ผสมผสาน 17 18 4 ความหมายของโรคหลอดเลอื ดสมอง 18-19 4 อาการน�ำ ที่พบในผู้ปว่ ยโรคหลอดเลอื ดสมอง 19-20 4 ปัจจัยเสยี่ งท่ีมีผลตอ่ การเกิดโรคหลอดเลือดสมอง 21-23 4 ตน้ เหตุของการเกดิ โรคหลอเลอื ดสมอง 4 หลกั 8 อ. กับการน�ำ มาใช้เป็นหลกั ปฏิบตั ิ 25 ในผูป้ ว่ ยอมั พฤกษ์ อมั พาต 25 3. การใช้การแพทย์ผสมผสานในการดแู ลผ้ปู ว่ ย 26 อมั พฤกษ์ อัมพาต กับหลกั 8 อ. 27-36 37-39 อ. อิริยาบถ 40-41 8 การฝกึ โยคะ 42-44 4 โยคะในผู้ปว่ ย อัมพฤกษ ์ 45-46 4 โยคะในผปู้ ่วย อัมพาต 8 สมาธิบ�ำ บัดแบบ SKT 4 สมาธิบำ�บัดแบบ SKT ในผู้ป่วยอัมพฤกษ ์ 4 สมาธบิ �ำ บดั แบบ SKT ในผ้ปู ่วยอัมพาต 8 ส�ำ นักการแพทย์ทางเลือก

หน้า 8 ไทเ่ ก๊ก 46-48 4ไท่เก๊กในผ้ปู ว่ ยอมั พฤกษ ์ 48-50 8 ไท่จี๋ชี่กง 51-52 4ไท่จ๋ีชกี่ งในผู้ป่วยอมั พฤกษ ์ 52-70 8 นวดกดจุดสะทอ้ นเท้า 71-77 4นวดกดจุดสะท้อนเท้าในผูป้ ่วยอัมพฤกษ์ อัมพาต 78-79 8 การฝงั เข็มในผูป้ ่วย อมั พฤกษ์ อัมพาต 79-84 8 แอสซิสต ์ 85-112 8 การนวด 113-117 อ. อารมณ์ 117 8 ดนตรบี ำ�บดั 117-118 4ดนตรบี ำ�บดั สำ�หรบั ผูม้ ปี ญั หาของระบบประสาท 119-128 และกลา้ มเนื้อ 4ดนตรบี �ำ บดั ในผู้ป่วยอมั พฤกษ ์ 129-132 4ดนตรีบ�ำ บัดในผู้ปว่ ยอมั พาต 132-135 8 หัวเราะบ�ำ บัด 135-137 4การประยกุ ต์ใช้หัวเราะบ�ำ บัดในผู้ปว่ ยอมั พฤกษ ์ 138-139 อ. อาหาร สมนุ ไพร วติ ามินและแรธ่ าตุ 139 139-144 8 อาหารแมคโครไบโอตกิ ส์ 145-147 8 วติ ามนิ แรธ่ าตุ http://www.thaicam.go.th 9

หน้า 8 สมุนไพร 148 4สมุนไพรไทยชนิดต�ำ รบั สำ�หรบั ผปู้ ่วยอมั พาต 148-149 4สมุนไพรไทยชนิดต�ำ รับส�ำ หรบั ผู้ป่วยอมั พฤกษ ์ 149-150 4สมุนไพรส�ำ หรบั ผปู้ ว่ ยอมั พฤกษ์ อัมพาต 1 50-153 4สมนุ ไพรจนี ส�ำ หรบั ผู้ปว่ ยอมั พฤกษ์ อัมพาต 153-154 อ. อากาศ 154 8 การรกั ษาดว้ ยออกซิเจนบริสทุ ธิภ์ ายใต้ความกดอากาศสูง 154-158 8 นำ�้ มันหอมระเหย 158-160 4การใช้นำ้�มนั หอมระเหยเพื่อผ่อนคลายและความรู้สึก 158-162 หายใจโล่งขึน้ ในผู้ปว่ ยอมั พฤกษ์ อัมพาต 4การใชน้ �้ำ มันหอมระเหยเพอ่ื ผ่อนคลายและชว่ ย 162 ให้นอนหลบั ในผู้ป่วยอมั พฤกษ์ อัมพาต 8 การฝกึ การหายใจในผู้ป่วยอัมพฤกษ ์ 163 อ. อาจิณ 164 4การใชน้ ้ำ�มนั หอมระเหยชว่ ยอาการท้องผกู และผน่ื คัน 164-165 ในผ้ปู ่วยอมั พฤกษ์ อัมพาต 4โยคะช่วยบรรเทาอาการทอ้ งผกู ในผปู้ ว่ ยอมั พฤกษ ์ 165-168 อ. อดุ มปัญญา 169 8 การสวดมนต์ 169-172 4การสวดมนต์ในผู้ปว่ ยอมั พฤกษ์ 172 173 4การสวดมนตใ์ นผปู้ ่วยอมั พาต 10 สำ�นกั การแพทย์ทางเลือก

หนา้ 4. ตัวอย่างโปรแกรมการดูแลผูป้ ว่ ย อมั พฤกษ์ อมั พาต 183 ดว้ ยการแพทย์ผสมผสาน 4กรณีผู้ปว่ ยสามารถช่วยเหลอื ตนเองได ้ 183 4กรณผี ปู้ ว่ ยไมส่ ามารถชว่ ยเหลอื ตนเองได ้ 184 4การประเมนิ โปรแกรมการดูแลผู้ป่วยอัมพฤกษ์ อมั พาต 185-186 ด้วยการแพทยผ์ สมผสาน 4หลกั การเก่ยี วกบั การใหค้ ะแนนแตล่ ะกจิ กรรม 187 ในแบบประเมนิ SNMRC Functional Assessment 4การแบ่งระดบั ความสามารถของผู้ปว่ ยโดยใช้คะแนนรวม 188 การประเมนิ SNMRC Functional Assessment 4ข้นั ตอนและรายละเอียดในการประเมิน 189-204 SNMRC Functional Assessment 207-209 5. สรุปการดูแลผูป้ ่วยอมั พฤกษ์ อมั พาต ด้วยการแพทย์ผสมผสาน ภาคผนวก 210 4การท�ำ เปลผ้าโสร่ง 211-212 4รอกผ้าขาวมา้ 213 4ยางยดื 214 4ทะลายมะพร้าวแอน่ อก 215-216 http://www.thaicam.go.th 11

12 ส�ำ นักการแพทยท์ างเลอื ก

บทน�ำ : สถานการณผ์ ปู้ ว่ ย อัมพฤกษ์ อมั พาต และแนวทางการใช้ การแพทย์ผสมผสาน 1 องคก์ ารอนามยั โลก (WHO) ประมาณวา่ ทกุ ปี มผี ปู้ ว่ ยโรคหลอดเลอื ดสมองมากกวา่ 15 ลา้ นคนทว่ั โลก 5 ล้านคนพิการถาวร 5 ล้านคนเสียชีวิต และ 2/3 อย่ใู นประเทศกำ�ลังพฒั นา และคาดวา่ ใน ปี 2563 จะ เพม่ิ ขึ้นเป็น 2 เท่า ประเทศไทยคาดว่ามีผ้ปู ่วยรายใหม่ ในแต่ละปี 150,000 ราย ส�ำ หรบั ประเทศไทย ปี 2552 มผี เู้ สยี ชวี ติ จากโรคน้ี 21 ตอ่ แสนประชากร (37 คน/วนั ) รองจากมะเร็งและโรคหัวใจ1 ทั้งนี้องค์การอนามัยโลก คาดการณ์ว่า ในปี พ.ศ. 2558 คนทั่วโลกจะเสียชีวิต จากโรคหลอดเลอื ดสมองถึง 65 ลา้ นคน 2 จากข้อมูลข้างต้นแสดงให้เห็นถึงภาระโรค และความสูญเสียของโรคหลอดเลือดสมองที่มีแนวโน้ม เพิ่มสูงขึ้น และไม่เพียงแต่โรคหลอดเลือดสมองจะเป็น สาเหตุของการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ ของคนไทยเท่านั้น แต่ผู้ที่รอดชีวิตต้องประสบกับความทุกข์ทรมานจาก ความพกิ ารเปน็ อมั พฤกษ์ อมั พาต และยงั กอ่ ความสญู เสยี http://www.thaicam.go.th 13

ทางเศรษฐกิจของครอบครัว ชุมชนและประเทศชาติ ซึ่งสาเหตุปัจจัยที่ทำ�ให้ สุขภาพของคนไทยอยู่ในขั้นที่น่าวิตก ทั้งภัยจากโรคร้ายสิ่งแวดล้อมที่เป็นพิษ การบรโิ ภคสง่ิ ทไ่ี มเ่ หมาะสม เชน่ เหลา้ บหุ รแ่ี ละสารเสพยต์ ดิ รวมถงึ พฤติกรรม ที่ทำ�ลายสุขภาพ เช่น ขาดการออกกำ�ลังกาย ขาดการพักผ่อน สะสม ความเครยี ดท�ำ งานเกนิ ก�ำ ลงั พฤตกิ รรมไมเ่ หมาะสมทเ่ี กดิ ขน้ึ เปน็ ประจำ�เหลา่ น้ี สามารถก่อให้เกิดโรค ที่เกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตมากมาย เช่น โรคเบาหวาน โรคความดนั โลหติ สงู โรคภมู คิ มุ้ กนั บกพรอ่ ง โรคหวั ใจ โรคอว้ น ซง่ึ เมอ่ื บคุ คลไดร้ บั อทิ ธพิ ลจากโรคภยั ขา้ งตน้ นลี้ ว้ นเปน็ สาเหตทุ ท่ี �ำ ใหเ้ กดิ โรคทางหลอดเลอื ดสมอง ที่ทำ�ให้เกิดการแตก ตีบ ตัน และมีอาการของอัมพฤกษ์ อัมพาตตามมาได้ การดแู ลผู้ปว่ ยด้วยโรคอมั พฤกษ์ อัมพาตนี้นอกจากการใชก้ ารแพทย์ แผนปจั จบุ นั ในการดแู ลผปู้ ว่ ยในระยะเบอ้ื งตน้ แลว้ การฟน้ื ฟสู ขุ ภาพรา่ งกายของ ผปู้ ว่ ยมคี วามจ�ำ เปน็ ดว้ ยเชน่ กนั เพราะผปู้ ว่ ยเหลา่ นจ้ี ะมกี ารสญู เสยี การท�ำ หนา้ ท่ี ของรา่ งกายบางสว่ นโดยเฉพาะระบบการเคลอ่ื นไหว ระบบสมองทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั ความจ�ำ และการพดู ระบบการกลนื การเคย้ี วอาหาร สว่ นดา้ นจติ ใจกส็ ง่ ผลกระทบ ต่อผู้ป่วยด้วยเช่นการ เช่น ความเครียด ความวิตกกังวล ความสูญเสีย การมีคุณค่าในตนเอง และไม่เพียงเท่านั้นผู้ดูแลที่ต้องดูแลผู้ป่วยเหล่านี้ก็มี ความเครียดที่ต้องหยุดงานทำ�ให้สูญเสียรายได้ ประกอบกับค่าใช้จ่ายที่ต้อง น�ำ มาดแู ลผปู้ ว่ ย ดังนั้น การดูแลผู้ป่วยในระยะนี้จึงมีความสำ�คัญไม่ยิ่งหย่อน ไปกว่าอาการความเจ็บป่วยในระยะแรกของการเป็นโรค การแพทยท์ างเลือกและการแพทยแ์ บบผสมผสานมีบทบาททน่ี �ำ มาใช้ ในระยะการฟน้ื ฟคู วามเจบ็ ปว่ ยในผปู้ ว่ ยโรคอมั พฤกษ์ อมั พาตไดเ้ ชน่ กนั อยา่ งกรณี การออกก�ำ ลงั กายในผปู้ ว่ ยอมั พฤกษ์ อมั พาต ซง่ึ อาจไมเ่ หมาะกบั การออกก�ำ ลงั กาย ทต่ี อ้ งใชแ้ รงอยา่ งมาก เชน่ ออกก�ำ ลงั กายประเภทแอโรบคิ การเดนิ แตค่ วรเปน็ 14 สำ�นกั การแพทย์ทางเลือก

การบริหารร่างกายโดยการยืดเหยียดกล้ามเนื้อมากกว่า เชน่ การใชฤ้ าษดี ดั ตน โยคะในท่าที่ง่าย ๆ ไท่เก๊ก เป็นต้น นอกจากนี้ผู้ป่วยที่มีภาวะความเครียด ความวิตกกังวลให้ใช้การฝึกสมาธิแบบ SKT ซึ่งมีการยืดเหยียดกล้ามเนื้อและ สมาธริ ว่ มดว้ ย หรอื จะผอ่ นคลายดว้ ยการนวดดว้ ยอะโรมา่ นวดกดจดุ สะทอ้ นฝา่ เทา้ การฟังเพลง หรือใช้การร้องเพลงเพ่ือฝึกการทำ�งานของระบบประสาทที่ใช้ใน การพูด หรือกรณีที่ผู้ป่วยมีปัญหาเรื่องการนอน เช่น นอนไม่หลับ หรือหลับ ไมส่ นทิ ใหใ้ ชน้ �ำ้ มนั หอมระเหย หยดส�ำ ลวี างไวใ้ กล้ ๆ หมอนเพอ่ื ชว่ ยใหน้ อนหลบั สว่ นการรบั ประทานอาหารเปน็ สง่ิ ส�ำ คญั ทจ่ี ะชว่ ยใหส้ ภาพรา่ งกายมกี ารฟน้ื สภาพ และนำ�ไปซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอและที่สำ�คัญไม่เป็นต้นเหตุให้ก่อเกิดโรค หรือ เปน็ สง่ิ สง่ เสรมิ ใหเ้ กดิ โรค อาหารของผปู้ ว่ ยควรเปน็ อาหารทม่ี กี ากใยสงู ยอ่ ยงา่ ย ไขมนั ต�ำ่ ส�ำ หรบั การแพทยท์ างเลอื กขา้ งตน้ นเ้ี หมาะกบั ผปู้ ว่ ยทท่ี �ำ เองไดแ้ ละญาติ เรียนรู้ที่จะไปทำ�ให้กับผู้ป่วย ส่วนกรณีการแพทย์ทางเลือกอื่นที่ผู้ป่วยสามารถ ไปรับบริการเพื่อให้การฟื้นฟูอาการของโรคดีขึ้น เช่น การไปรับบริการฝังเข็ม การไปเข้าโปรแกรมการล้างพิษ (กรณีผู้ป่วยอัมพฤกษ์ที่ช่วยเหลือตนเองได้) การรับบริการสปา เป็นตน้ ทงั้ นี้ การแพทยท์ างเลือกจะเปน็ สว่ นเสริมในการ ผสมผสานกับการแพทย์แผนปัจจุบัน เพื่อส่งเสริม ฟื้นฟู ให้ผู้ป่วยมีสุขภาพ กายจติ ที่ดขี ้นึ ทีจ่ ะส่งผลใหค้ ณุ ภาพชวี ติ ของผู้ป่วยดขี ้ึนเชน่ กัน http://www.thaicam.go.th 15

เอกสารอ้างองิ 1. ไทยนวิ ส์. (2557). โรคหลอดเลอื ดสมอง. [ออนไลน]์ . แหลง่ ทมี่ า : .www.thainews70.com/บทความเคาะสนิม/. 12 มีนาคม 2558. 2. World Stroke Organization. World stroke campaign. [ออนไลน]์ . แหล่งทมี่ า http://www.world stroke campaign.org. 13 มีนาคม 2558. 16 สำ�นกั การแพทยท์ างเลือก

การดแู ลผู้ปว่ ยอมั พฤกษ์ อมั พาต ด้วยการแพทย์ผสมผสาน 2 โรคหลอดเลือดสมอง หมายถึง ภาวะของ หลอดเลอื ดทไ่ี ปเลย้ี งทส่ี มองเกดิ การตบี ตนั หรอื มภี าวะ ของหลอดเลือดในสมองแตก (Burst) ส่งผลให้มีการคั่ง ของเลอื ดรอบเนื้อเยื่อสมองทำ�ให้ปริมาณเลือดที่ไปเลี้ยง ที่สมองลดลง สมองขาดออกซเิ จน และอาหารท�ำ ใหเ้ ซลล์ สมองตาย 1 ประเภทของหลอดเลือดสมองแบ่งออกได้ เปน็ 2 ประเภท ไดแ้ ก่ 1) ประเภทท่มี กี ารตีบ หรอื เกดิ การอุดตันของหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงสมองโดยเกิดขึ้น นานกว่า 24 ชั่วโมง ซึ่งเรียกว่า Ischemic stroke มี ประมาณ 80% ของโรคหลอดเลอื ดสมอง ในกรณที ี่เกิด การอดุ ตนั ของหลอดเลอื ดทไ่ี ปเลย้ี งทส่ี มองภายใน 24 ชว่ั โมง และอาการของผู้ป่วยดีขึ้นหลังจากนั้น การอุดตันของ หลอดเลอื ดทเ่ี กดิ ขน้ึ เปน็ เพยี งชวั่ คราว หรอื ทางการแพทย์ เรียกวา่ Transient ischemic attack 2) ประเภทท่มี ี การแตกของหลอดเลือดในสมองและทำ�ให้มีการคั่งของ เลอื ดรอบ ๆ เซลลส์ มอง ซง่ึ เรยี กวา่ Hemorrhagic stroke มปี ระมาณ 20% ของโรคหลอดเลอื ดสมอง 2 http://www.thaicam.go.th 17

โดยถ้ามีอาการอ่อนแรงแบบถาวร ไม่มีการฟื้นตัว และอาจมีอาการเกร็ง ร่วมด้วย เรียกว่า อัมพาต หรือถ้า อ่อนแรงชั่วคราว มีการฟื้นตัวบางส่วน เรียกว่า อมั พฤกษ์ 3 อาการน�ำ ท่พี บในผูป้ ่วยโรหลอดเลือดสมองมี ดงั น้ี 2 • แขน ขาดา้ นเดียวกนั ใบหนา้ มอี าการชา • สบั สน พูดไม่ชดั หรอื พูดไมไ่ ด้ • อาจมีตาพรา่ มองเหน็ ภาพไมช่ ดั หรือ เห็นภาพเพยี งบางส่วน หรอื เห็นภาพได้แคบลง • อาจหายใจเหนอ่ื ยหอบ ตดิ ขัด • มนึ งง วงิ เวยี น ทรงตัวไม่ได้ • ปวดศีรษะอยา่ งมากทันที • ถ้าเกิดจากมเี ลอื ดออกในสมอง ความดันในสมองมกั ขึ้นสูง สง่ ผล ให้เกดิ คลื่นไส้อาเจยี น • เมื่อมีอาการมาก อาจหมดสติ โคมา่ และเสียชีวติ ในทสี่ ดุ ปจั จยั เสี่ยงที่มผี ลตอ่ การเกิดโรคหลอดเลือดสมอง ปจั จยั เสย่ี งทม่ี ผี ลกระทบตอ่ การเกดิ โรค หลอดเลอื ดสมองแบง่ ออกได้ เปน็ 2 ประเภทคอื ปจั จยั เสยี่ งทไ่ี มส่ ามารถหลกี เลยี่ ง และปจั จยั เสย่ี งทส่ี ามารถ หลีกเล่ียงได ้ โดยปจั จัยเสีย่ ง ท่ไี มส่ ามารถหลกี เลี่ยง ได้แก่ อายุ เพศ และ ปจั จัยทางพนั ธุกรรม เป็นต้น อายแุ ละเพศ เป็นปัจจยั ทีส่ �ำ คัญของการเกิดโรค หลอดเลอื ดสมอง จากรายงานในตา่ งประเทศพบวา่ ผมู้ อี ายุ 55-64 ปี ในเพศชาย มโี อกาสเสย่ี งตอ่ การเกดิ โรคหลอดเลอื ดสมองไดม้ ากกวา่ เพศหญงิ ประมาณ 1.25 เทา่ ผู้มีอายุ 65-74 ปี ในเพศชายมีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรค หลอดเลือดสมอง ไดม้ ากกวา่ เพศหญงิ ประมาณ 1.50 เทา่ ผมู้ อี ายุ 75-84 ปี ในเพศชายมโี อกาสเสย่ี ง 18 ส�ำ นกั การแพทย์ทางเลือก

ตอ่ การเกดิ โรคหลอดเลอื ดสมองไดม้ ากกวา่ เพศหญงิ ประมาณ 1.07 เทา่ และในผู้ มอี ายุ 85 ปี หรอื มากกวา่ ในเพศชายมโี อกาสเสย่ี งตอ่ การเกดิ โรคหลอดเลอื ดสมอง ไดม้ ากกวา่ เพศหญงิ ประมาณ 0.76 เทา่ 4 กลา่ วโดยสรปุ คอื ในเพศชายวยั สงู อายุ มแี นวโนม้ เสย่ี งมากกวา่ กลมุ่ อนื่ ๆ ควรไดร้ บั การประเมนิ ปอ้ งกนั และควบคมุ การ เกดิ โรคหลอดเลอื ดสมอง ปจั จยั ทางพนั ธกุ รรมหรอื ประวตั คิ รอบครวั ของการมี โรคหลอดเลอื ดสมองเปน็ อกี ปจั จยั หนง่ึ ซง่ึ เสยี่ งตอ่ การเกดิ โรคหลอดเลอื ดสมอง ผู้มีภาวะเสี่ยงควรได้รับความรู้เพื่อการปฏิบัติตัวที่ถูกต้องเหมาะสมและเพื่อลด ความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดสมองปัจจัยเสี่ยงที่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ไดแ้ ก่ การเปน็ ความดนั โลหติ สงู โรคเบาหวาน ระดบั คอเลสเตอรอลในเลอื ดสงู การเปน็ โรคหวั ใจ และการสบู บหุ ร่ี 5 การเปน็ ความดนั โลหติ สงู พบวา่ เปน็ ปจั จยั หนง่ึ น�ำ ไปสกู่ ารเกดิ โรคหลอดเลอื ดสมอง นอกจากนร้ี ะดบั คอเลสเตอรอลในเลอื ดสงู การเป็นโรคหัวใจ และการสูบบุหรี่เป็นอีกปัจจัยเสี่ยงหนึ่งที่มีผลต่อการเกิดโรค หลอดเลอื ดสมอง ดังนน้ั การเกดิ โรคหวั ใจ จึงควรได้รบั การประเมนิ และควบคมุ เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดสมองรวมทั้งการงดหรือเลี่ยง การสบู บุหร่ีเพือ่ เปน็ การป้องกนั การเกดิ โรคหลอดเลือดสมอง ต้นเหตขุ องการเกดิ โรค 1. มีภาวะหลอดเลอื ดแดงแขง็ หรอื ตีบ (atherosclerosis) ซ่ึงภาวะนี้ จะทำ�ให้เกิดความเส่ือมและการอักเสบของหลอดเลือดทำ�ให้หลอดเลือดแข็งตัว แคบลงเลอื ดไปเลี้ยงน้อยลง หากคราบ plaque ทผี่ นงั หลอดเลอื ดฉีกขาดและ มีเกลด็ เลอื ดมาเกาะ ทำ�ให้เกิดลม่ิ เลอื ดอดุ หลอดเลอื ดเลก็ ๆ ของอวยั วะต่างๆ (หัวใจ และสมอง)กจ็ ะทำ�ให้เกิดการขาดเลอื ดทอี่ วยั วะนัน้ 2. การเกดิ ภาวะทมี่ ลี มิ่ เลอื ดลอยไปอดุ หลอดเลอื ดทเี่ รยี กวา่ Embolic stroke ปจั จยั เสย่ี งในการเกดิ ลม่ิ เลอื ดไดแ้ ก่ การเตน้ ของหวั ใจผดิ ปกตทิ เ่ี รยี กวา่ http://www.thaicam.go.th 19

หวั ใจเตน้ สน่ั พรว้ิ (atrial fibrilation) ซง่ึ ตอ้ งใหย้ าตา้ นการแขง็ ตวั ของเกรด็ เลอื ด 3. ภาวะความดนั โลหติ สงู หากความดนั โลหติ สงู เปน็ เวลานานจะมกี าร ทำ�ลายผนงั หลอดเลือด เม่ือความดันสงู มาก ๆ จะท�ำ ให้หลอดเลือดมีการแตก 4. Aneurysm เปน็ ภาวะทผ่ี นงั หลอดเลอื ดมกี ารโปง่ พองซง่ึ จะมโี อกาส แตกได้ ดงั นน้ั การฟน้ื ฟผู ปู้ ว่ ยมคี วามส�ำ คญั สามารถท�ำ ใหผ้ ปู้ ว่ ยมสี ภาพรา่ งกาย และจติ ใจกลบั คนื หรอื ไมม่ ภี าวะแทรกซอ้ นไดท้ ง้ั นน้ี อกจากจะใชก้ ารแพทยแ์ ผนปจั จบุ นั ในการดแู ลผปู้ ว่ ยแลว้ การใชก้ ารแพทยผ์ สมผสาน (Integrative Medicine) ซง่ึ หมายถงึ การใชก้ ารแพทยท์ างเลือกร่วมกับการแพทย์กระแสหลักเปน็ การผสม ผสานการแพทยท์ งั้ 2 ประเภทมาใชก้ บั ผปู้ ว่ ยเพอ่ื ชว่ ยเตมิ เตม็ ใหผ้ ปู้ ว่ ยมสี ขุ ภาพ รา่ งกายทด่ี ยี ง่ิ ขน้ึ กลา่ วคอื นอกจากจะชว่ ยใหผ้ ปู้ ว่ ยมสี ขุ ภาพทางกายดขี น้ึ แลว้ สุขภาพทางใจก็ดีขึ้น เพราะการแพทย์ผสมผสานมีการดูแลสุขภาพที่ครบองค์ รวมท้ังทางร่างกายและจิตใจนอกจากนี้ แนวการดูแลผูป้ ่วยอัมพฤกษ์ อัมพาต ด้วยการแพทย์ผสมผสานนี้ใช้แนวคิดการดูแลสุขภาพตามหลัก 8 อ. ซึ่งเป็น แนวคดิ ของ นพ. สญชยั วฒั นา ซง่ึ อดตี ทา่ นเคยเปน็ รองอธบิ ดขี องกรมพฒั นา การแพทยแ์ ผนไทยและการแพทยท์ างเลอื ก ไดจ้ ดั ท�ำ แนวทางการด�ำ เนนิ งานใน ศนู ยป์ รบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมสขุ ภาพดว้ ยการแพทยแ์ ผนไทยและการอบรมทางเลอื ก 8 อ. โดยแนวทางการดูแลในเล่มนี้นำ�มาเป็นกรอบแนวคิดในการดูแลผู้ป่วย เนอ่ื งจากหลกั การ 8 อ. ถอื เปน็ รปู แบบการดแู ลสขุ ภาพองคร์ วม ทท่ี างกรมพฒั นา การแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ได้พัฒนาขึ้นสู่ชุมชนสาธารณสุข เพื่อง่ายตอ่ การเข้าใจและปฏบิ ัติในที่นีจ้ งึ น�ำ หลักการ 8 อ. ดงั กลา่ วมาพฒั นาสู่ สุขภาพและการส่งเสริมการดูแลผปู้ ว่ ยโรคอมั พฤกษ์/อมั พาต ซึ่งมีดังน้ี 6 20 ส�ำ นักการแพทย์ทางเลือก

อ.ที่ 1 อริ ิยาบถ คอื การปรบั อริ ยิ าบถเพอ่ื ปรบั สมดลุ โครงสรา้ งรา่ งกาย ดว้ ยการบรหิ าร เคลอ่ื นไหวรา่ งกาย ซงึ่ มบี ทบาทส�ำ คญั ในการฟน้ื ฟู ผปู้ ว่ ยโรคอมั พฤกษ์ อมั พาต สามารถพัฒนาเซลล์ประสาทให้มีการสร้างใหม่ ประกอบกับการเรียนรู้จดจำ� การเคลอ่ื นไหวตา่ ง ๆ ของรา่ งกาย และลดอาการแทรกซอ้ นของโรค ไดแ้ ก่ ขอ้ ตดิ อาการปวดบวม นอกจากน้ีแล้วการออกกำ�ลังกายท่ีเหมาะสมยังมีส่วนช่วยใน การรกั ษาตน้ เหตุของการเกดิ โรคได้ อ.ที่ 2 อาหาร อาจแบ่งได้เป็น ประการแรกคือการบำ�บัดโดยการจัดรูปแบบของ อาหารท่เี รารับประทานในแตล่ ะวันใหเ้ หมาะสมกบั ชว่ งเวลา สาเหตุ และการ พัฒนาของโรค ประการที่ 2 การใช้สารองคป์ ระกอบธรรมชาติ เช่น สมุนไพร ทีม่ ีเป้าหมายเฉพาะในการส่งเสรมิ ป้องกนั รกั ษา โรคอมั พฤกษ์/อัมพาต การ เขา้ ใจหลักการปฏิบัตขิ อง อ. อาหาร จะสามารถสง่ เสริม ฟืน้ ฟผู ู้ป่วยไดอ้ ย่าง มปี ระสิทธภิ าพ อ.ท่ี 3 อากาศ ในการแพทยต์ ะวนั ออก ทกุ ศาสตร์ ใหค้ วามส�ำ คญั กบั พลงั งานทร่ี า่ งกาย ประสานกบั ธรรมชาตทิ ก่ี อ่ เกดิ ใหเ้ รามชี วี ติ อากาศน�ำ พาชวี ติ ประสานการหายใจ ที่รวมกายและจิตเป็นหนึ่ง มีส่วนสำ�คัญอย่างมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งในโรค อัมพฤกษ์/อัมพาต ที่มีความผิดปกติของระบบประสาท ที่ปรากฏอาการมาท่ี ร่างกาย การหายใจที่ถูกต้องสามารถ ลดอาการ ทางกาย และทางจิตใจ http://www.thaicam.go.th 21

ในระยะฟนื้ ฟขู องโรคได้ อ.ท่ี 4 อาโรคยา คอื ความเขา้ ใจในโรค และตวั ตนของตนเอง ไมใ่ หเ้ กดิ ปจั จยั เสย่ี งซ�ำ้ ซอ้ นของการเกดิ โรค อ.ท่ี 5 อาจณิ คอื ความสามารถในการพฒั นาความเขา้ ใจใน ตวั ตนของตนเอง รว่ ม กบั การเกดิ โรคมาพฒั นาปฏบิ ตั ิ ใหเ้ ปน็ กจิ วตั ร เพอ่ื การรกั ษาทต่ี อ่ เนอ่ื งจากภายใน อ.ท่ี 6 อเุ บกขา คอื ความสามารถในการพฒั นาความเขา้ ใจในตวั ตนของตนเอง รว่ มกบั การเกดิ โรคมาพฒั นาปฏบิ ตั ใิ หเ้ ปน็ กจิ วตั ร โดยไมย่ ดึ ตดิ ผกู มดั เปน็ อารมณ์ ขอ้ แม้ ของการรกั ษาสามารถปรบั เปลย่ี นตามชว่ งเวลาและภาวะสขุ ภาพ อ.ท่ี 7 อดุ มปญั ญา ทส่ี ามารถพฒั นา เขา้ ใจ และปรบั เปลย่ี นการรกั ษาทเ่ี หมาะสมแกต่ นเอง โดยสติ อ.ท่ี 8 อาชพี การนำ�หลักการทั้งหมดมาพัฒนาบำ�บัดรักษาตนเอง ที่ไม่เป็นภาระ ตอ่ ผอู้ น่ื หรอื นอ้ ยทส่ี ดุ 22 ส�ำ นักการแพทยท์ างเลือก

โดยแนวทางการดแู ลผปู้ ว่ ยอมั พฤกษ์ อมั พาตในหนงั สอื เลม่ นป้ี ระยกุ ต์ ใชเ้ พยี ง 5 อ. และปรบั อ. อารมณเ์ พม่ิ เขา้ มา เปน็ ดงั น ้ี อ. อริ ยิ าบถ อ. อาหาร อ. อากาศ อ. อาจณิ อ. อดุ มปญั ญา และ อ. อารมณ์ สว่ นอกี 4 อ. ทเ่ี หลอื ได้แก่ อาโรคยา อุเบกขา อุดมปญั ญา และอาชพี กล่าวไดว้ ่า อาโรคยา อเุ บกขา อดุ มปญั ญาเปน็ แนวคดิ ทแี่ ทรกอยใู่ นกจิ กรรมทเี่ ปน็ การบรหิ ารรา่ งกาย และจิต เช่น การฝึกโยคะ การทำ�สมาธิแบบ SKT เป็นต้น ส่วน อ. อาชีพ เปน็ เพยี งแนวคดิ ทว่ี า่ การท�ำ อาชพี ทส่ี จุ รติ ถอื ไดว้ า่ เปน็ การรกั ษาหรอื ปอ้ งกนั โรคได ้ เช่น ไม่ประกอบอาชีพค้าของผิดกฏหมาย ไม่ค้าประเวณี งดทำ�อาชีพที่ต้อง ฆ่าสตั ว์ตัดชีวติ เปน็ ต้น http://www.thaicam.go.th 23

เอกสารอา้ งองิ 1. NINDS. (2007c). What is stroke. Available from : http://www. ninds.nih.gov/disorders/stroke/stroke.htm [2015, February 7] 2. NINDS. (2007b). What causes a stroke. Available from : http:// www.ninds.nih.gov/disorders/stroke/knowstroke.htm#causes [2015, February 7] 3. พวงทอง ไกรพิบูลย์. (2557). อัมพาต อัมพฤกษ์ โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) [ออนไลน์]. แหล่งทมี่ า : http://www.Haamohh.com อมั พาต อมั พฤกษ์ โรคหลอดเลอื ดสมอง (Stroke).12 พฤศจกิ ายน 2557 4. American Heart Association. (2007). Heart disease and stroke statistics-2007 update. Available from : http://circ.ahajournals. org/content/115/5/e69.ful [2015, February 9] 5. Frizzell, J. P. (2005). Acute stroke : Pathophysiology, diagnoses, and treatment. AACN Clinical Issues, 16(4), 421-440. 6. เชวงศกั ดิ์ ดสิ ถาพร. ([email protected]). 8 อ. กับการประยกุ ต์ ใชใ้ นผปู้ ่วยอมั พฤกษ์ อมั พาต. E-mail to ศิรพิ ร เปลง่ พานชิ . ([email protected]). 1 พฤษภาคม 2558. 24 ส�ำ นกั การแพทยท์ างเลือก

การใชก้ ารแพทย์ผสมผสานในการ ดูแลผปู้ ่วยอัมพฤกษ์ อัมพาต 3 กับหลกั 8 อ. อ. อิริยาบถ คอื อาการเคลื่อนไหว เชน่ นง่ั เดนิ ยนื วงิ่ ทำ�งาน รวมทั้งการนอนด้วย คุณสมบัติของสิ่งมีชีวิต อยา่ งหน่งึ คือ การเคลือ่ นไหว ดังนัน้ ไม่วา่ กลางวันหรือ กลางคนื ตนื่ หรอื นอนหลบั มนษุ ยย์ อ่ มจะตอ้ งเคลอื่ นไหว อยเู่ สมอ แตผ่ ปู้ ว่ ยอมั พฤกษ์ อมั พาต มกั จะเคลอื่ นไหว ไดน้ อ้ ยมาก เมอ่ื นง่ั อยตู่ รงไหนจะนง่ั นง่ิ ๆ กลางคนื กอ่ นนอน อยใู่ นทา่ ไหน ตนื่ ขน้ึ กอ็ ยใู่ นทา่ นน้ั ท�ำ ใหป้ วดไหล่ ปวดคอ ปวดหลงั เมื่อเวลาตน่ื นอน ขอ้ เล็ก ๆ ตามมือและนิ้วจะ ตดิ ขัด ตึง แข็ง และเหยยี ดไมอ่ อก เสน้ เอ็นและพังผดื มีแนวโนม้ จะหดรง้ั เข้ามาจนเหยียดขอ้ ไมอ่ อก เนอื่ งจาก ขาดการเคลอ่ื นไหวขอ้ ตอ่ เหลา่ นนั้ การไดม้ กี ารเคลอ่ื นไหว หรือไดด้ ดั ดึง นวดจะท�ำ ให้มีการกระตุ้นของระบบการ ไหลเวยี นโลหติ ดีข้ึน http://www.thaicam.go.th 25

การใช้การแพทย์แบบผสมผสานมาใชใ้ นการดูแลผปู้ ่วยเหล่าน้ีจะช่วย กระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและช่วยให้มีการปรับเปลี่ยนอิริยาบถในผู้ป่วย เช่น การใช้โยคะ ไท่เก๊ก ไท่จี๋ชี่กง การบริหารร่างกายแบบ SKT การฝังเข็ม การท�ำ แอสซสิ ต์ เปน็ ตน้ ซงึ่ การแพทยท์ างเลอื กเหลา่ นจ้ี ะผสมผสานในการดแู ล ผู้ปว่ ยอัมพฤกษ์ อัมพาต ท�ำ ให้ผ้ปู ่วยมสี ขุ ภาพรา่ งกายดีขึน้ การฝกึ โยคะ โยคะ มาจากศัพท์ของคำ�ว่า “ยชุ ิร” หรอื ยชุ ซึง่ แปลวา่ เทียมแอก ผูกมดั ประกอบ อกี นยั หน่ึงของโยคะ คือ การเพ่ง หรือการควบคุมสมาธิ เพื่อควบคุมความปรวนแปรของจิต หรือการรวมเป็นหนึ่งของกาย-จิต จุดมุ่งหมายของโยคะที่แท้จริงนั้น คือ การเข้าถึงสภาวะจิตขั้นสูงสุด คือ การควบคุมกิเลส การละวางจากการยึดติดในวัตถุทั้งหลาย หรือเพื่อความ หลุดพ้น โยคะ มีต้นกำ�เนิดที่ประเทศอินเดียเมื่อประมาณ 5000-6000 ปี จากการคน้ พบหลกั ฐานทางโบราณคดบี รเิ วณลมุ่ แมน่ �ำ้ สนิ ธุ เปน็ ภาพบนแทน่ หนิ ที่แสดงท่าโยคะอีกหลักฐานหนึ่ง คือ ค้นพบโยคะอยู่ในคัมภีร์พระเวทย์และ ท่านมหาปตัญชลนี �ำ มาเรียบเรยี งใหม่จงึ ถอื ไดว้ ่าเป็นตำ�ราโยคะเล่มแรก และ ยกย่องให้ท่านมหาปตัญชลีเป็นบิดาของโยคะ โยคะเป็นศาสตร์ที่เกี่ยวข้อง กบั หลกั ปรชั ญาและศาสนา มหี ลกั การดแู ลสขุ ภาพไดอ้ ยา่ งครอบคลมุ ทงั้ รา่ งกาย จติ รวมทง้ั จติ วญิ ญาณ ใชห้ ลกั ของการยดื เหยยี ดกลา้ มเนอื้ พรอ้ มกบั การก�ำ หนด ลมหายใจเข้าออกที่สัมพันธ์กันเพื่อจัดปรับสมดุลของร่างกาย ส่งเสริมการมี สขุ ภาวะทดี่ ีทั้งกายและจิต 1 26 ส�ำ นกั การแพทยท์ างเลอื ก

โยคะในผปู้ ว่ ยอมั พฤกษ์ 2 คุณสมบตั ขิ องผ้ปู ว่ ย ผู้ป่วยสามารถที่จะยืนทรงตัวได้ด้วยตนเองและเคลื่อนไหวร่างกายได้ พอควรหรือมีญาตชิ ่วยดแู ล ข้อบง่ ช้ี ผ้ปู ่วยท่มี ีความวติ กกังวล ไมม่ ่ันใจตนเอง กลา้ มเนอื้ แขนขาอ่อนแรง วธิ กี ารปฏบิ ตั ิ 1) ขั้นการเตรียมตัว : ผู้ป่วยสวมเสื้อผ้าที่ยืดหยุ่นได้ดี ควรขับถ่าย ปัสสาวะ-อุจจาระให้เรียบร้อย ฝึกผู้ป่วยให้หายใจเข้าลึก ๆ หายใจออกยาว ๆ โดยหายใจเข้า ให้ท้องพองออก หายใจออกท้องยุบลง ทำ�ขณะท้องว่าง หรือ หลังรับประทานอาหาร 1 ชวั่ โมง 2) การปฏบิ ัติ : วธิ ีการฝึกปฏบิ ัตมิ ี 10 ท�ำ ต่อเน่ืองกนั ได้แก่ 1) ทา่ เรอื (nauka asana) 2) ทา่ นั่งผอ่ นคลาย (Base position-Prarambhik Sthiti) 3) ทา่ หมุนขอ้ เทา้ (gulf chakra (ankle rotation)) 4) ทา่ งอเขา่ (Knee Bending (janu naman) (continued)) 5) ทา่ หมุนขอ้ มือ (Wrist Bending (manibandha naman)) 6) ทา่ หมนุ หวั ไหล่ (Shoulder Socket Rotations (skandha cakra)) 7) ทา่ ต้นไม้ (tadasana (palm tree pose)) 8) ทา่ ภเู ขา (tiryaka tadasana (swaying palm pose)) 9) ท่ายนื หมุนเอว (kati chakrasana (waist rotating pose)) 10) ทา่ สควอซ ทา่ บรหิ ารกลา้ มเนอื้ ตน้ ขาดา้ นหนา้ (utthanasana (squat and rise pose)) http://www.thaicam.go.th 27

1. ท่าเรอื (nauka asana) ภาพท่ี 1 1. ให้ผปู้ ่วยนอนราบกบั พนื้ 2. ญาตพิ ยงุ ให้ยกศรี ษะและจบั ขา 2 ขา้ งข้ึนประมาณ 30 องศา ในลกั ษณะเหยียดตรง โดยทม่ี ือ 2 ขา้ งยกขึ้นขนานกบั ลำ�ตวั เกรง็ ข้างไว้ นับ 1 2 3 (ดงั ภาพ) 3. วางศรี ษะและขา 2 ขา้ ง ลงกบั พน้ื และเรม่ิ ท�ำ ขอ้ 2 และ 3 ท�ำ ประมาณ 5 รอบ 2. ท่านง่ั ผ่อนคลาย (Base position-Prarambhik Sthiti) ภาพท่ี 2 1. ญาตจิ บั ให้ผู้ปว่ ยนั่งในทา่ ตวั ตรง หายใจเขา้ ออก ลึก ๆ ยาว ๆ ประมาณ 5-6 รอบการหายใจ 28 ส�ำ นกั การแพทย์ทางเลือก

3) ทา่ หมนุ ขอ้ เท้า (gulf chakra (ankle rotation)) 13 2 ชุดท่ี 1 1. ญาตจิ ับใหผ้ ูป้ ว่ ยนง่ั ในทา่ ตวั ตรงเหยยี ดขา 2 ข้าง หายใจเข้า ออก ลึก ๆ ยาว ๆ หมุนเท้าเปน็ วงกลม 5-6 รอบ ชดุ ท่ี 2 1. ญาติจบั ให้ผ้ปู ่วยน่งั ในท่าตวั ตรงเหยียดขา 2 ข้าง โดยหายใจเขา้ ให้เกรง็ เท้ากระดกเข้าหาล�ำ ตัว 2. หายใจออกเกรง็ ปลายเท้าเขา้ หาพนื้ 3. ทำ�ขอ้ 1 และ 2 จำ�นวน 5-6 รอบ ชดุ ท่ี 3 1. ญาติจบั ให้ผปู้ ว่ ยนั่งในท่าตัวตรงเหยยี ดขา 2 ขา้ ง โดยหายใจเข้า เบเ้ ท้า 2 ขา้ งไปทางซ้าย 2. หายใจออก ดึงเท้ากลบั มาอยใู่ นต�ำ แหน่ง ต้ังตรง 3. หายใจเข้า เบ้เทา้ 2 ขา้ งไปทาง ขวา 4. หายใจออก ดึงเท้ากลบั มาอย่ใู นต�ำ แหน่ง ต้ังตรง 5. ท�ำ 1 2 3 4 5 จำ�นวน 5-6 รอบ http://www.thaicam.go.th 29

4. ทา่ งอเขา่ (Knee Bending (janu naman)) (continued) ภาพที่ 1 ภาพท่ี 2 ภาพท่ี 3 ท่าที่ 1 ยันร่างกายโดยให้ขาเหยียดตรงและยกปลายเท้าขึ้น เล็กนอ้ ย (ภาพที่ 1) ท่าท่ี 2 หายใจเขา้ พร้อมกับดงึ ขา 2 ข้างเข้าหาลำ�ตวั (ภาพที่ 2) ทา่ ท่ี 3 เหมือนกับท่าที่ 1 คือ เหยียดขา 2 ข้างออกพร้อม กับหายใจออก 30 สำ�นักการแพทยท์ างเลือก

5. ท่าหมนุ ข้อมือ (Wrist Bending (manibandha naman)) ภาพที่ 1 ภาพที่ 2 ท่าท่ี 1 ให้ผู้ป่วยนั่งขัดสมาธิพร้อมเหยียดแขนไปด้านหน้า ขนานกบั พน้ื โดยใหห้ กั ขอ้ มอื ใหป้ ลายนว้ิ ชล้ี งพน้ื (ภาพ 1) ท่าที่ 2 หายใจเขา้ กระดกมอื ขึน้ ปลายนว้ิ ชข้ี ้นึ (ภาพ 2) แลว้ กล้ันลมหายใจ นับ 1 2 3 ท่าท่ี 3 หายใจออกหักขอ้ มือลง ปลายนวิ้ ช้ีพ้ืน (ภาพ 1) ท่าที่ 4 ทำ� ท่า 2 และ ท่า 3 ซ้ำ�กัน ประมาณ 5-6 รอบ *** กรณนี ง่ั ขดั สมาธไิ มไ่ ด้ ใหน้ งั่ กบั พน้ื ราบเหยยี ดเขา่ ตรง 2 ขา้ งมาดา้ นหนา้ *** http://www.thaicam.go.th 31

6. ทา่ หมนุ หวั ไหล่ (Shoulder Socket Rotations (skandha cakra)) ทา่ ท่ี 1 นั่งขัดสมาธิ พับแขน 2 ข้าง โดยตั้งแขนให้ขนาน กบั พน้ื แลว้ ท�ำ นว้ิ มอื จบี วางทห่ี วั ไหล่ 2 ขา้ ง ภาพ A แลว้ หายใจเขา้ -ออก 1-2 ครง้ั ทา่ ที่ 2 หายใจเขา้ บดิ แขนเขา้ หาล�ำ ตวั กม้ หนา้ เลก็ นอ้ ย (ภาพ B) ทา่ ท่ี 3 หายใจออกยกแขนขน้ึ ขนานกบั พน้ื (ตามภาพ C) ทา่ ท่ี 4 หายใจเขา้ ยกแขนตง้ั ฉากกบั พน้ื (ตามภาพ D) ทา่ ท่ี 5 หายใจออกวางแขน (ตามภาพ E) *** กรณนี ง่ั ขดั สมาธไิ มไ่ ด้ ใหน้ ง่ั กบั พน้ื ราบเหยยี ดเขา่ ตรง 2 ขา้ งมาดา้ นหนา้ 32 สำ�นกั การแพทย์ทางเลือก

7. ท่าต้นไม้ (tadasana (palm tree pose)) ทา่ ท่ี 1 ยนื ตวั ตรงเหยียดแขน 2 ขา้ งขึน้ โดยหงายฝ่ามือ ใหม้ อื วางซอ้ นกนั ทา่ ที่ 2 หายใจเข้ายกสน้ เท้าขน้ึ ท่าท่ี 3 หายใจออก วางสน้ เทา้ ลง กลบั มายืนตวั ตรง ท�ำ 5-6 รอบ http://www.thaicam.go.th 33

8. ท่าภเู ขา (tiryaka tadasana (swaying palm pose)) ท่าท่ี 1 ยืนตัวตรงกางขาออก แล้วเหยียดแขน 2 ข้างขึ้น ขา้ งบนประสานมอื กนั หายใจเขา้ ออก ลกึ ยาว 1-2 รอบ ทา่ ท่ี 2 หายใจเขา้ เอนตัวไปทางซา้ ย ทา่ ที่ 3 หายใจออกกลบั มายนื ตวั ตรงยงั เหยยี ดแขนขน้ึ ขา้ งบนอยู่ ท่าท่ี 4 หายใจเข้าเอนตัวไปทางขวา ท่าท่ี 5 หายใจออกกลบั มายนื ตวั ตรงยงั เหยยี ดแขนขน้ึ ขา้ งบนอยู่ ทำ� ท่า 2 3 4 และ 5 ซ�ำ้ กนั ประมาณ 5-6 รอบ 34 ส�ำ นักการแพทย์ทางเลอื ก

9. ทา่ ยืนหมนุ เอว (kati chakrasana (waist rotating pose)) ท่ายนื หมุนเอว ท่าท่ี 1 ใหผ้ ปู้ ว่ ยยนื กางขา มอื ซา้ ยจบั ไหลข่ วา มอื ขวาจบั เอวซา้ ย หนั ศรี ษะไปทางซา้ ย อยใู่ นภาพ A หายใจเขา้ 1 ครง้ั แล้วหายใจออก 1 ครงั้ ทา่ ที่ 2 หายใจเข้า 1 คร้งั ยังอยู่ในภาพ A ทา่ ท่ี 3 หายใจออก กางแขน 2 ขา้ งออกจากล�ำ ตวั ตามภาพ (B) ท่าท่ี 4 หายใจเข้า มือขวาจับไหล่ซ้าย มือซ้ายจับเอวขวา หนั ศีรษะไปทางขวา ทา่ ที่ 5 หายใจออก กางแขน 2 ขา้ งออกจากล�ำ ตวั ตามภาพ (B) ทา่ ที่ 6 ท�ำ ซ�ำ้ 1-5 จำ�นวน 5-6 รอบ http://www.thaicam.go.th 35

10. ทา่ บรหิ ารกลา้ มเนอื้ ตน้ ขาดา้ นหนา้ ((Utthanasana (squat and rise pose))) ท่าที่ 1 ยืนกลางขา ประสานมือ 2 ข้าง วางไว้ด้านหน้า ล�ำ ตัวระหว่างขาหนบี หายใจ เขา้ 1 คร้งั หายใจออก 1 ครัง้ (ภาพ A) ท่าที่ 2 ยืนในท่าเดิม หายใจเข้า 1 ครั้ง แล้วหายใจออก พรอ้ มกับยอ่ เข่า 2 ข้าง (ภาพ B) ท่าท่ี 3 หายใจเข้า ยืนตามภาพ A แล้วทำ�ซ้ำ� 1 2 3 จำ�นวน 5-6 รอบ ระยะเวลาในการทำ�โยคะ ทั้ง 10 ท่า ประมาณ 30-45 นาที ทำ�วันละครั้ง นาน 10 สัปดาห์ 2 36 สำ�นกั การแพทยท์ างเลอื ก

โยคะในผปู้ ่วยอมั พาต คุณสมบัติของผู้ป่วย ผู้ป่วยช่วยเหลือตนเองไม่ได้แต่สามารถรับรู้ได้ และไม่มีการเกรง็ ของกล้ามเนื้อ ข้อบง่ ช้ี ผปู้ ว่ ยทม่ี คี วามวติ กกงั วล ไมม่ น่ั ใจตนเอง กลา้ มเนอ้ื แขนขาออ่ นแรง นอนไม่หลับ วธิ กี ารปฏิบตั ิ 1) ขน้ั การเตรียมตวั : ผู้ปว่ ยสวมเส้ือผา้ ทยี่ ืดหยุ่นได้ดี ควรขับถา่ ย ปัสสาวะ - อุจจาระให้เรียบร้อยฝึกผู้ป่วยให้หายใจเข้าลึก ๆ หายใจออกยาว ๆ โดยหายใจเขา้ ให้ท้องพองออก หายใจออกทอ้ งยุบลง ท�ำ ขณะทอ้ งวา่ ง หรือ หลงั รับประทานอาหาร 1 ชัว่ โมง 2) การปฏิบัติ : วิธีการฝึกปฏิบัติมี 3 ท่า ทำ�ต่อเนื่องกัน โดยให้ญาติช่วยพยุงใหท้ รงตัวในทา่ นง่ั หรอื ถา้ พยุงน่ังไมไ่ ด้ ให้นอนท�ำ http://www.thaicam.go.th 37

1. ท่าเรอื (nauka asana) 1. ใหผ้ ู้ป่วยนอนราบกับพื้น 2. ญาติพยุงให้ยกศรี ษะและจบั ขา 2 ข้างขึ้นประมาณ 30 องศา ในลักษณะเหยียดตรง โดยที่มือ 2 ข้างยกขึ้นขนานกับลำ�ตัว หรือปล่อย วางกับพื้น (กรณีที่ผู้ป่วยยกเองไม่ได้) เกร็งข้างไว้ นับ 1 2 3 (ดังภาพ) 3. วางศรี ษะและขา 2 ขา้ ง ลงกบั พน้ื และเรม่ิ ท�ำ ขอ้ 2 และ 3 ซ�ำ้ ทำ�ประมาณ 5 รอบ 2. ท่านง่ั ผอ่ นคลาย (Base position-Prarambhik Sthiti) 1. ญาตจิ บั ใหผ้ ปู้ ว่ ยนง่ั ในทา่ ตวั ตรง หายใจเขา้ ออก ลกึ ๆ ยาว ๆ ประมาณ 5-6 รอบการหายใจ 38 สำ�นักการแพทยท์ างเลือก

3) ท่าหมนุ ข้อเทา้ (gulf chakra (ankle rotation)) 13 2 ชุดที่ 1 1. ญาตจิ ับให้ผปู้ ่วยนั่งในท่าตัวตรงเหยียดขา 2 ขา้ ง หายใจเข้าออก ลกึ ๆ ยาว ๆ หมนุ เทา้ เปน็ วงกลม 5-6 รอบ ชดุ ท่ี 2 1. ญาติจับให้ผ้ปู ว่ ยนัง่ ในทา่ ตวั ตรงเหยียดขา 2 ข้าง โดยหายใจเข้า ใหเ้ กรง็ เทา้ กระดกเขา้ หาลำ�ตัว 2. หายใจออกเกรง็ ปลายเทา้ เขา้ หาพนื้ 3. ทำ�ขอ้ 1 และ 2 จำ�นวน 5-6 รอบ ชุดท่ี 3 1. ญาติจับใหผ้ ูป้ ่วยนัง่ ในท่าตัวตรงเหยยี ดขา 2 ข้าง โดยหายใจเข้า เบ้เทา้ 2 ข้างไปทางซ้าย 2. หายใจออก ดงึ เท้ากลับมาอยใู่ นตำ�แหนง่ ตง้ั ตรง 3. หายใจเขา้ เบเ้ ทา้ 2 ขา้ งไปทาง ขวา 4. หายใจออก ดึงเท้ากลบั มาอยใู่ นต�ำ แหนง่ ต้ังตรง 5. ท�ำ 1 2 3 4 5 จำ�นวน 5-6 รอบ ระยะเวลาในการปฏบิ ตั ทิ ง้ั 3 ทา่ ประมาณ 10-30 นาที ท�ำ วนั ละครง้ั http://www.thaicam.go.th 39

สมาธบิ ำ�บดั แบบ SKT 3 เปน็ การฝกึ สมาธแิ ละมกี ารบรหิ ารรา่ งกายไปพรอ้ มกนั โดยทม่ี าของค�ำ วา่ SKT คือ ตัวย่อที่มาจากชื่อของ รศ. ดร สมพร กันทรดุษฎี เตรียมชัยศรี อาจารย์ประจำ�ภาควิชาอาชีวอนามัยและความปลอดภัย มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งเป็นผู้พัฒนาและคิดค้นเทคนิคนี้ขึ้นมา โดยพบว่าการทำ�สมาธินั้นมีผลดี ต่อการทำ�งานของระบบประสาทส่วนกลาง ระบบประสาทส่วนปลาย ระบบ ประสาทอัตโนมัติ ระบบอารมณ์และพฤตกิ รรม ระบบภมู ติ ้านทานของรา่ งกาย ระบบไหลเวยี น และระบบอน่ื ๆ ในรา่ งกายไดเ้ ปน็ อยา่ งดี จงึ ไดน้ �ำ องคค์ วามรู้ เร่อื งสมาธิ โยคะ ชกี่ ง การออกก�ำ ลงั กายแบบยืดเหยียด การปฏิบัตสิ มาธิดว้ ย เทคนคิ การหายใจ และการควบคุมประสาทสัมผสั ทางตาและหู ผสมผสานกนั จนพฒั นาเปน็ รปู แบบสมาธบิ �ำ บัดแบบใหมข่ ้นึ 7 เทคนิค หรอื เรียกวา่ SKT 1-7 ที่ช่วยเยียวยาผู้ป่วยโรคเรื้อรังให้มีสุขภาพที่ดีได้ ซงึ่ การฝกึ สมาธิ แบบ SKT จะสง่ ผลใหม้ กี ารเปลย่ี นแปลงของสารเคมี ในบริเวณต่าง ๆ ของสมองระหว่างการปฏบิ ตั ิสมาธิ และเกิดผลดีต่อสุขภาพ กายและจติ ดงั นี้ 40 สำ�นักการแพทย์ทางเลือก

สารเคมรี ะบบ การ บรเิ วณของ ผลที่เกิดข้ึน ประสาท เปลย่ี นแปลง สมอง อาร์จนิ ีน (Arginine) เพ่มิ ขน้ึ ซบุ ปรา้ ออปตกิ นวิ เคลยี ส ความดันโลหิตกลับคืนสู่ปกติ วาโซเพรสซนิ (Vaso- (Supraoptic nucleus) อาการเม่อื ยล้าลดลง การตื่นตัว pressin) และรู้ตัวอย่เู สมอ กาบ้า (GABA) เพมิ่ ข้ึน ธาลามสั และอนิ ฮบิ ติ อร่ี เกิดการผอ่ นคลาย สทรคั เจอร์ (Thalamus and inhibitory struc-ture) เมลาโทนนิ (Mela- เพิ่มขนึ้ ไพเนียล แกรนด์ ผอ่ นคลาย ลดอาการปวด รกั ษา tonin) (Pineal gland) สภาพความเปน็ หนมุ่ สาว อายยุ นื หลบั งา่ ย ลดความดนั โลหติ เสรมิ ระบบภูมคิ ุ้มกัน ซโี รโทนนิ (Serotonin) เพ่มิ ขน้ึ ดอร์ซอล ราฟี่ ตา้ นซมึ เศรา้ หลับง่าย อยาก (Dorsal raphe) อาหาร สง่ เสริมการเจรญิ เติบโต อารมณอ์ มิ่ เอบิ คอรต์ ซิ อล (Cortisol) ลดลง พาราเวนตคิ ลู า่ นวิ เคลยี ส ผ่อนคลาย ฮอรโ์ มนความเครียด (Paraventricular nucleus) ลดลง นอรอ์ พิ เิ นพฟนิ (Nor- โลคสั เซรูลัส ผอ่ นคลาย ฮอรโ์ มนความเครียด epinephrine) ลดลง (Locus ceruleus) ลดลง เบต้าเอน็ ดอรฟ์ ิน จงั หวะเปลย่ี น อารค์ เู อท นวิ เคยี ส ลดอาการปวด ลดอาการตน่ื กลัว (Beta-Endorphin) ระยะไม่ (Arcuate nucleus) ลดความวิตกกังวล ทำ�ให้รู้สึก สนุกสนาน เคลิบเคล้ิม เปลี่ยนแปลง โดปามนี (Dopamine) เพม่ิ ขน้ึ ดอรซ์ อล แกงเกลีย่ อารมณ์อมิ่ เอิบ (Dorsal ganglia) ดงั นนั้ ผปู้ ว่ ยอมั พฤกษ์ อมั พาต (ในทน่ี ี้ คอื ผปู้ ว่ ยอมั พฤกษ์ อมั พาต ที่เกดิ จากภาวะเส้นเลือดในสมองเกดิ ภาวะ ตีบ แตก หรอื ตัน สว่ นใหญม่ าจาก สาเหตขุ องโรคเรอ้ื รงั เชน่ มปี ระวตั คิ วามดนั โลหติ สงู ไขมนั ในเลอื ดสงู โรคเบาหวาน โรคหวั ใจ เปน็ ตน้ แตไ่ มใ่ ชผ่ ปู้ ว่ ยอมั พฤกษ์ อมั พาต ทเ่ีกดิ จากอบุ ตั เิ หตุ และไขสนั หลงั ไดร้ บั บาดเจบ็ ) สามารถน�ำ วธิ กี ารฝกึ สมาธแิ บบ SKT มาประยกุ ตใ์ นการดแู ลสขุ ภาพได้ เชน่ เพอ่ื ลดอาการปวดแบบเฉยี บพลนั /เรอ้ื รงั ภาวะเครยี ดวติ กกงั วล อาการนอนไมห่ ลบั ภูมิแพ้ ระดับนำ้�ตาลในเลือดสูง หรือมีความดันโลหิตสูงเป็นต้น ซ่ึงผู้ป่วย อัมพฤกษ์ อัมพาต สามารถฝกึ สมาธิแบบ SKT ไดแ้ ต่อาจไมค่ รบ ท้งั 7 เทคนคิ โดยสามารถทำ�ได้ดงั นี้ http://www.thaicam.go.th 41

สมาธิบ�ำ บดั แบบ SKT ในผู้ป่วยอมั พฤกษ์4 ใช้เทคนิค 1,3,7 คณุ สมบัตขิ องผ้ปู ่วย ผปู้ ว่ ยสามารถทจี่ ะยนื ดว้ ยตนเองไดแ้ ละทรงตวั เองได้ และเคลอ่ื นไหว ร่างกายไดพ้ อควรหรือมีญาติช่วยดูแล ข้อบง่ ช้ี ผู้ปว่ ยทีม่ ีความวติ กกังวล ปวดเร้อื รงั /เฉยี บพลัน นอนไม่หลบั ภูมิแพ้ กลา้ มเนอื้ แขนขาออ่ นแรง ระดับนำ�้ ตาลในเลือดสงู ความดนั โลหติ สูง วิธกี ารปฏบิ ัติ ทา่ ที่ 1 ท่านั่งผ่อนคลาย ประสานกาย ประสานจติ เป็นการนัง่ หรอื นอน ปฏิบตั ิ สมาธิดว้ ยการหายใจ 1. ถา้ หากนง่ั ใหห้ งายฝา่ มอื ทง้ั สองขา้ ง วางแขนหงายมอื ไวข้ า้ งตวั หรอื คว�ำ่ ฝา่ มอื ไว้ทห่ี น้าทอ้ งบนหวั เขา่ หากนอน ให้วาง 2. คอ่ ย ๆ หลับตาลงช้า ๆ สูดลมหายใจเข้าทางจมูกลึก ๆ ช้า ๆ นบั 1-5 กลน้ั หายใจนบั 1-3 ชา้ ๆ แลว้ เปา่ ลมหายใจออกทางปากชา้ ๆ พรอ้ มกบั นบั 1-5 อกี ครั้ง ถอื วา่ ครบ 1 รอบ ทำ�ซำ้�แบบนท้ี ้งั หมด 30-40 รอบ แลว้ ค่อยลมื ตาขนึ้ ช้า ๆ 3. ใหป้ ฏบิ ัตวิ ันละ 3 รอบ กอ่ นหรือหลงั อาหาร 30 นาที “ลดความดนั โลหติ ผอ่ นคลายกลา้ มเนอ้ื และลดน�ำ้ ตาลในผปู้ ว่ ยเบาหวานไดด้ ”ี 42 ส�ำ นักการแพทยท์ างเลือก

ทา่ ที่ 3 “นง่ั ยืด - เหยียดผอ่ นคลาย ประสานกาย ประสานจติ ” 1. นั่งบนพื้นราบในท่าที่สบาย เหยียดขา เข่าตึง หลังตรง เท้าชิด คว่�ำ ฝ่ามือบนต้นขาทง้ั 2 ขา้ ง คอ่ ย ๆ หลับตาลงชา้ ๆ สดู ลมหายใจเขา้ ทาง จมกู ลกึ ๆ ชา้ ๆ นับ 1-5 กล้นั หายใจนบั 1-3 ช้า ๆ แลว้ เป่าลมหายใจออก ทางปากชา้ ๆ นบั 1-5 อกี ครงั้ ท�ำ แบบน้ี 3 รอบ (ดงั รูปท่ี 1) 2. หายใจเขา้ ลกึ ๆ ชา้ ๆ พรอ้ มกบั คอ่ ย ๆ โนม้ ตวั ไปขา้ งหนา้ แขนตงึ ผลกั ฝ่ามือทั้งสองขา้ งไปดา้ นหน้าจน ปลายมือจรดนิ้วเท้า หยุดหายใจช่ัวครู่ (ดงั รปู ที่ 2) 3. หายใจออกชา้ ๆ พรอ้ มกับค่อยๆดึงตวั และแขน เอนไปข้างหลงั ใหไ้ ดม้ ากท่ีสุด ค้างไว้สักครู่ (ดังรปู ท่ี 3) นับเป็น 1 รอบ ท�ำ ซำ�้ กัน 30 รอบ แลว้ คอ่ ย ๆ ลืมตาขึ้น “ชว่ ยลดไขมันหนา้ ท้อง ลดพงุ และลดระดับน�้ำ ตาลในเลือดได้เปน็ อย่างดี” http://www.thaicam.go.th 43

ทา่ ท่ี 7 1. ยนื หรอื นอนตวั ตรง แยกเทา้ ทง้ั สองขา้ งพอประมาณ คอ่ ย ๆ หลบั ตา ลงช้า ๆ สูดลมหายใจเขา้ ทางจมกู ลึก ๆ ชา้ ๆ นบั 1-5 กล้ันหายใจนบั 1-3 ชา้ ๆ แล้วเป่าลมหายใจออกทางปากช้า ๆ นับ 1-5 อกี ครั้ง ท�ำ แบบนี้ 5 รอบ 2. ค่อย ๆ ยกมือ แขน ขอ้ ศอกท้ังสองขา้ งอยรู่ ะดับเอว หันฝา่ มือ ทง้ั สองขา้ งเขา้ หากนั ขยบั ฝา่ มอื เขา้ หากนั ชา้ ๆ นบั 1-3 และขยบั มอื ออกชา้ ๆ นบั 1-3 (ดังรูปท่ี 1-2) ทำ�ทัง้ หมด 36-40 รอบ แลว้ ยืนอยใู่ นทา่ เดมิ 3. หายใจเขา้ ลึก ๆ นบั 1-5 คอ่ ย ๆ ยกมือข้นึ เหนือศรี ษะคล้ายกับ ก�ำ ลงั ประคองหรอื อมุ้ แจกนั ใบใหญ่ แลว้ คอ่ ย ๆ ยกมอื ลงในทา่ ประคองแจกนั เชน่ กนั นับเป็น 1 รอบ (ดังรปู ท่ี 3-4) ทำ�ทั้งหมด 36-40 รอบ แล้วยืนอยู่ในท่าเดิม ลดอาการทอ้ งผกู นอนไมห่ ลับ อาการปวดเรอื้ รัง/เฉยี บพลนั และภมู ิแพ้ ระยะเวลาในการปฏบิ ัติ โดยผู้ป่วยฝึกได้ 3 ท่า คือ SKT 1 , SKT 3 , SKT 7 ซึ่งแต่ละท่า ใช้เวลาประมาณ 10-15 นาที ประมาณ 30-45 นาที 44 ส�ำ นักการแพทยท์ างเลอื ก

สมาธิบำ�บัดแบบ SKT ในผปู้ ่วยอมั พาต ใชเ้ ทคนิคท่ี 1, 7 คุณสมบัติของผู้ป่วย ผปู้ ว่ ยชว่ ยเหลอื ตนเองไมไ่ ดแ้ ตส่ ามารถรบั รไู้ ดไ้ มม่ กี ารเกรง็ ของกลา้ มเนอ้ื ข้อบ่งช้ี ผปู้ ว่ ยทม่ี คี วามวติ กกงั วล ปวดเร้อื รัง/เฉยี บพลัน นอนไม่หลบั ภมู ิแพ้ ระดบั น�้ำ ตาลในเลอื ดสูง ความดันโลหิตสูง วธิ ีการปฏิบตั ิ ทา่ นง่ั ผอ่ นคลาย ประสานกาย ประสานจติ เปน็ การนงั่ หรอื นอนปฏบิ ตั ิ สมาธิดว้ ยการหายใจ ทา่ ท่ี 1 1. ถา้ หากนง่ั ใหห้ งายฝา่ มอื ทง้ั สองขา้ งวางแขนหงายมือไวข้ า้ งตัว หรือ คว�ำ่ ฝา่ มอื ไวท้ ห่ี น้าท้องบนหวั เข่า หากนอน ให้วาง 2. ค่อย ๆ หลับตาลงช้า ๆ สูดลมหายใจเข้าทางจมูกลึก ๆ ช้า ๆ นบั 1-5 กลน้ั หายใจนบั 1-3 ชา้ ๆ แลว้ เปา่ ลมหายใจออกทางปากชา้ ๆ พรอ้ มกบั นบั 1-5 อีกคร้ัง ถอื วา่ ครบ 1 รอบ ทำ�ซำ�้ แบบนีท้ ั้งหมด 30-40 รอบ แล้ว คอ่ ยลืมตาข้ึนชา้ ๆ 3. ให้ปฏบิ ัติวนั ละ 3 รอบ ก่อนหรือหลังอาหาร 30 นาที http://www.thaicam.go.th 45

ทา่ ท่ี 7 1. ยืนหรือนอนตัวตรง แยกเท้าทั้งสองข้าง พอประมาณ คอ่ ย ๆ หลบั ตาลงชา้ ๆ สดู ลมหายใจเขา้ ทางจมูกลึกๆ ช้าๆ นับ 1-5 กลน้ั หายใจนบั 1-3 ชา้ ๆ แลว้ เป่าลมหายใจออกทางปากช้า ๆ นับ 1-5 อีกครงั้ ทำ�แบบน้ี 5 รอบ 2. ค่อย ๆ ยกมือ แขน ข้อศอกทั้งสองข้าง อยู่ระดับเอว หันฝ่ามือทั้งสองข้างเข้าหากนั ขยับฝ่ามอื เข้าหากันช้าๆ นับ 1-3 และขยับมือออกช้าๆ นับ 1-3 (ดังรูปที่ 1-2) ทำ�ทัง้ หมด 36-40 รอบ แล้วยืนอยู่ในท่าเดิม 3. หายใจเข้าลึก ๆ นับ 1-5 ค่อย ๆ ยกมือขน้ึ เหนอื ศรี ษะคลา้ ยกบั ก�ำ ลงั ประคองหรอื อมุ้ แจกนั ใบใหญ่ แลว้ คอ่ ย ๆ ยกมอื ลงในทา่ ประคองแจกนั เชน่ กนั นบั เป็น 1 รอบ (ดังรปู ท่ี 3-4) ท�ำ ทงั้ หมด 36-40 รอบ แล้วยืนอยู่ในท่าเดิม ลดอาการท้องผูก นอนไมห่ ลบั อาการปวดเรื้อรงั /เฉยี บพลัน และภูมิแพ้ ระยะเวลาในการปฏบิ ัติ โดยผปู้ ว่ ยฝกึ ได้ 2 ทา่ คอื SKT 1, SKT 7 ซงึ่ แตล่ ะทา่ ใชเ้ วลาประมาณ 10-15 นาที ประมาณ 20-30 นาที ไทเ่ ก๊ก 5 วิชามวยไท่เก๊ก หรือ ไท่เก๊กคุ้ง เรียกชื่อภาษาจีนแต้จิ๋วตามชาวไทย เชอ้ื สายจนี อา่ นแบบจนี กลางวา่ ไทจ่ เ๋ี ฉวยี น เขยี นเปน็ ภาษาองั กฤษคอื Taijiquan หรอื Tai’chi Chuan แตใ่ นประเทศไทยเรยี กกนั หลายส�ำ เนยี งทง้ั ไทเ่ กก๊ ไทเ่ กก๊ ไท่เก๊ก ไท่จี๋ ไท่จี๋ ไทชิ ไทกิ๊บ วิชามวยไท่เก๊กเป็นศิลปยุทธ์ที่มีชื่อเสียง 46 สำ�นักการแพทย์ทางเลอื ก

ในประเทศจนี เชอ่ื กนั วา่ ปรมาจารยผ์ ใู้ หก้ �ำ เนดิ มวยไทเ่ กก๊ คอื นกั พรตชอ่ื จางซานฟง (เตยี ซ�ำ ฮงในภาษาแตจ้ ว๋ิ ) ซง่ึ มชี วี ติ อยใู่ นชว่ งครสิ ตศ์ ตวรรษท่ี 12-14 แตว่ ชิ าน้ี มามชี อ่ื เสยี งในสมยั ราชวงศช์ งิ โดยทา่ นหยางลฉู่ านซง่ึ เปน็ ผใู้ หก้ �ำ เนดิ มวยไทเ่ กก๊ ตระกลู หยาง และภายหลงั ไดแ้ พรข่ ยายขจรขจายไปทว่ั โลก ส�ำ หรบั ในประเทศไทย อาจารยต์ ง่ องิ เจย๋ี (ตง่ั เองเกย๊ี ก) น�ำ มวยไทเ่ กก๊ มาเผยแพรใ่ นเมอื งไทยเมอ่ื พ.ศ. 2498 ต่อมาในปี พ.ศ. 2499 อาจารย์ต่งส่งบุตรชายของท่านคือ อาจารย์ต่งหูหลิ่ง (ตง่ั โหวเนย่ี ) มาเปน็ ครมู วยไทเ่ กก๊ คนแรกในประเทศไทย จงึ กลา่ วไดว้ า่ มวยไทเ่ กก๊ ในไทยนน้ั สบื สายมาจากมวยไทเ่ กก๊ ตระกลู หยาง มวยไทเ่ กก๊ มลี กั ษณะนมุ่ นวล โอนอ่อน ผ่อนคลาย การเคลอ่ื นไหวลืน่ ไหลตอ่ เนอ่ื ง การหายใจสอดประสาน ไปกับการเคลื่อนไหว พร้อมทั้งต้องตั้งจิตติดตามการเคลื่อนไหวของร่างกาย ไปตลอดทำ�ให้เกิดสมาธิ เนื่องจากไม่มีการเกร็งกล้ามเนื้อ หรือการออกแรง กระแทก จึงมีโอกาสเกิดการบาดเจ็บร่างกายได้น้อยเมื่อเทียบกับกีฬาที่ใช้แรง ชนิดอื่น ๆ ทำ�ให้เหมาะกับคนทุกเพศทุกวัย แม้แก่ชราอายุ 90-100 กว่าปี ก็ยังฝึกฝนได้ ประโยชน์ที่ได้รับนอกจากจะช่วยให้สุขภาพแข็งแรงทั้งร่างกาย และจติ ใจแลว้ ยังสามารถใชเ้ ปน็ ศิลปะปอ้ งกนั ตวั ไดห้ ากได้รบั การฝกึ ฝนเพื่อใช้ ต่อสู้ ในปัจจุบัน ไท่เก๊กมีผู้นิยมฝึกฝนกันอย่างแพร่หลายทั่วโลก โดยเฉพาะ ผู้สงู อายุเพราะท�ำ ไดง้ ่ายไม่ตอ้ งออกแรงมาก นอกจากนย้ี งั มกี ารศกึ ษาการใชไ้ ทเ่ กก๊ ชว่ ยผปู้ ว่ ยโรคอมั พฤกษท์ ช่ี ว่ ยเหลอื ตนเองได้ในระยะฟื้นฟูเพื่อลดภาวะซึมเศร้าและการฟื้นความจำ�ในผู้ป่วยได ้ คณุ ลกั ษณะทสี่ �ำ คญั ของไทเ่ กก๊ มีอยู่ 5 ประการ คอื • ความชา้ ซง่ึ ช่วยพฒั นาความรับรู้ • ความเบา ช่วยให้การเคลอ่ื นไหวไปอยา่ งตอ่ เน่อื งราบร่นื • ความสมดุล ท�ำ ใหร้ า่ งกายอยูใ่ นท่าที่ไมต่ ้องเครียดเกรง็ http://www.thaicam.go.th 47

• ความสงบ ไดม้ าจากความตอ่ เนอื่ งทม่ี กี ารเคลอื่ นไหวแบบไหลเรอ่ื ย เสมอกัน • ความชดั เจน คอื การช�ำ ระจติ ใจใหส้ ะอาดปราศจากความคดิ ทเ่ี ขา้ มาในจิตใจ ไทเ่ ก๊กในผูป้ ่วยอมั พฤกษ์ 6 คุณสมบัติของผ้ปู ว่ ย ผปู้ ว่ ยสามารถทจี่ ะยนื ดว้ ยตนเองไดแ้ ละทรงตวั เองได้ และเคลอื่ นไหว ร่างกายไดพ้ อควรหรอื มญี าติช่วยดูแล ข้อบง่ ช้ที ี่ 1 ผู้ป่วยทม่ี กี ล้ามเน้ือไหล่ แขน มอื ออ่ นแรง วิธีการปฏิบตั ิ 6 1. ผฝู้ กึ หนั หนา้ เขา้ หาผปู้ ว่ ย ยน่ื แขนฝง่ั ตรงขา้ มใหก้ บั ผปู้ ว่ ยเพอ่ื ใหผ้ ปู้ ว่ ย พาดแขนของตนมาพาดบนแขนของผชู้ ว่ ย การพาดแขนนใ้ี หใ้ ชม้ อื ซอ้ นกนั หา้ ม มิให้ผ้ปู ว่ ยใชม้ อื จบั ข้อมอื ผู้ช่วยเดด็ ขาด การพาดทขี่ อ้ มอื นเ้ี ป็นการฝกึ ใหผ้ ปู้ ่วย บังคับข้อมือของตนเองให้ได้ ภาพท่ี 1 48 ส�ำ นักการแพทยท์ างเลือก

ภาพท่ี 2 ภาพท่ี 3 2. ผู้ช่วยเคลื่อนข้อมือในแนววงกลม กติกา คือ ผู้ป่วยต้องเคลื่อน ขอ้ มอื ตามขอ้ มอื ของผชู้ ว่ ย โดยไมใ่ หข้ อ้ มอื หลดุ ออกจากกนั ผชู้ ว่ ยตอ้ งสงั เกตความ สามารถในการเคลอ่ื นไหวของผปู้ ว่ ย โดยเฉพาะการเกรง็ ตวั เมอ่ื ฝกึ เคลอ่ื นขอ้ มอื เปน็ วงกลมแนวระนาบแลว้ ขอ้ สงั เกต คอื ความสามารถการใชข้ อ้ ศอกของผปู้ ว่ ย หากเหน็ ไดว้ า่ ผปู้ ว่ ยสามารถดงึ ขอ้ ศอก แสดงวา่ พลงั จ�ำ นวนหนง่ึ สามารถไหล มาทขี่ อ้ ศอกได้ จนศอกมีน�ำ้ หนกั ที่จะดงึ ออกไป แสดงว่าเซลล์สมองถูกกระตนุ้ ให้สรา้ งสัมพันธ์ใหม่จนสามารถควบคมุ การเคล่ือนไหวของศอกได้ ภาพท่ี 4 ภาพท่ี 5 3. เมื่อผู้ป่วยทำ�ได้ถึงขั้นนี้ ให้ผู้ป่วยเหยียดแขนชกเป็นหมัดออกมา ผู้ป่วยจะสามารถเหยียดแขนนี้ออกมาได้เป็นเส้นตรง เมื่อชกออกมาได้ สกั 2-3 ครงั้ จะสามารถส่งแรงมาสู่ปลายหมัดได้ ข้อมอื ทอ่ี ่อนแรงอย่จู ะมีพลัง เพม่ิ ขน้ึ มา หากตง้ั ใจฝกึ อยา่ งจรงิ จงั กจ็ ะสามารถเหยยี ดนว้ิ ออกมาได้ และท�ำ ให้ สามารถหยบิ จบั อะไรทำ�ได้ดขี ึ้น http://www.thaicam.go.th 49


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook