คู่มอื ครู Teacher Script คณติ ศำสตร์ ป.2 ชน้ั ประถมศึกษาปท ี่ 2 เลม่ 1 ตามมาตรฐานการเรยี นรู้และตัวชีว้ ดั กลมุ่ สาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร ์ (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาข้นั พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช 2551 ผเู้ รียบเรียงหนงั สือเรยี น ผตู้ รวจหนงั สอื เรยี น บรรณาธกิ ารหนงั สอื เรียน นายไพศาล จรรยา นางปรารถนา วรรณนรนั ทร์ นางกนกวล ี อุษณกรกุล ดร.ชิรา ลา� ดวนหอม นางนัยนา จ่ันบุญมี นางศุกร์ศริ ิ รบั คา� อนิ ทร์ นางสาวอรษา เจริญยง่ิ ผู้เรียบเรียงค่มู ือครู นางศุกร์ศริ ิ รบั คา� อนิ ทร์ บรรณาธกิ ารคู่มือครู นาวสาวนา�้ ทิพย ์ เรือแกว้ นางสาวประทพิ ย์ บญุ ตอ่ พมิ พค รั้งท่ี 1 สงวนลิขสทิ ธิต์ ามพระราชบัญญตั ิ รหสั สนิ คา 1246045
ค�ำแนะน�ำกำรใช้ คมู่ อื ครู รายวชิ าพน้ื ฐาน คณติ ศาสตร์ ป.2 เลม่ น ้ี จดั ทา� ขนึ้ สา� หรบั ใหค้ รผู สู้ อนใชเ้ ปน็ แนวทางวางแผนการจดั การเรยี นการสอน เพอื่ พฒั นา ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและการประกันคุณภาพผู้เรียนตามนโยบาย ของส�านักงานคณะกรรมการการศึกษาขัน้ พื้นฐาน (สพฐ.) เพ่มิ ค�าแนะน�าการใช้ ชวยสรางความเขาใจ เพ่ือใชคูมือครูได เพทโดยเลอื ก อยา งถูกตอ งและเกดิ ประสทิ ธภิ าพสงู สุด นาํ นํา สอน โซน 1สรปุ ประเมนิ เพิม่ ค�าอธบิ ายรายวิชา แสดงขอบขา ยเนอื้ หาสาระของรายวิชา ขน้ั นาํ (กระบวนการกลมุ สมั พนั ธ)์ 1หนวยการเรียนรูท่ี á¨ÅÒí ¹ÐÇ0¹¹ºÑ äÁà‹ ¡¹Ô 1,000 ซงึ่ ครอบคลมุ มาตรฐานการเรยี นรแู ละตวั ชว้ี ดั ตามทหี่ ลกั สตู ร นาํ เขา้ สบู ทเรยี น กําหนด 1. ครูกลาวทักทายนักเรียนและใหนักเรียนเปด หนงั สือเรยี น คณติ ศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 2 µÇÑ ªÇéÕ Ñ´ จากนั้นใหนักเรียนรวมกันแสดงความคิดเห็น เพม่ิ Pedagogy ชวยสรางความเขาใจในกระบวนการออกแบบ เกย่ี วกบั รปู ภาพทแี่ สดงในหนงั สอื เรยี น จากนน้ั จำนวนคู• บอกจํานวนของส่งิ ตา ง ๆ แสดงสิ่งตา ง ๆ จำนวนค่ี การจัดการเรียนการสอนแบบ Active Learning ไดอยางมี ครูถามนักเรียนวา “จํานวนที่มากที่สุดคือ ตามจํานวนทก่ี ําหนด อา นและเขยี น ประสทิ ธภิ าพ จํานวนใดและจํานวนที่นอยท่ีสุดคือจํานวนใด ตัวเลขฮินดูอารบิก ตวั เลขไทย 111 625 นักเรียนมีวิธีคิดอยางไร” โดยครูจะเฉลย 132 612ตวั หนงั สอื แสดงจํานวนนับไมเกนิ 1,000 347 593 คําตอบในทา ยหนวยการเรียนรู 729 943 และ 0 (ค 1.1 ป.2/1) 246 316• เปรียบเทียบจาํ นวนนับไมเ กนิ 1,000 และ 0 โดยใชเ ครอื่ งหมาย = > < (ค 1.1 ป.2/2) 774 942 • เรยี งลาํ ดบั จาํ นวนนับไมเ กนิ 1,000 และ 0 ตั้งแต 3 ถึง 5 จํานวนจาก สถานการณตาง ๆ (ค 1.1 ป.2/3) เพม่ิ Teacher Guide Overview ชว ยใหเ หน็ ภาพรวมของการ จัดการเรียนการสอนทั้งหมดของรายวิชากอนที่จะลงมือ สอนจรงิ เพิม่ Chapter Overview ชว ยสรา งความเขา ใจและเหน็ ภาพรวม ?¨íÒ¤¹×ÍǨ¹íÒ·¹ÕèÁÇÒ¹¡·ã´èÕÊØ´ ในการออกแบบแผนการจัดการเรยี นรูแ ตละหนวย ¨íÒ¤¹×ÍǨ¹íÒ·¹èչnj͹Âã·´èÕÊØ´ เพิ่ม ข้อสอบเน้นการคิด เพื่อเตรียมความพรอมของผูเรียนสู ÊÒÃСÒÃàÃÂÕ ¹ÃÙŒ การสอบในระดบั ตาง ๆ • การอา นและการเขยี นตวั เลขฮินดูอารบิก ตวั เลขไทย และตวั หนังสอื แสดงจาํ นวนนบั • การนับทีละ 2 ทีละ 5 ทลี ะ 10 และทีละ 100 • จาํ นวนคู จํานวนค่ี • หลัก คาของเลขโดดในแตละหลกั และการเขยี นตัวเลขแสดงจํานวนในรูปกระจาย • การเปรยี บเทียบจาํ นวน • การเรียงลาํ ดับจาํ นวน เพม่ิ กิจกรรม 21st Century Skills กจิ กรรมท่ีจะชวยพัฒนา เกร็ดแนะครู กิจกรรม เสริมสรางคุณลักษณะอนั พึงประสงค ผูเรียนใหมีทักษะที่จําเปนสําหรับการเรียนรูและการดํารงชีวิต การจัดการเรียนรูโดยใชกระบวนการกลุมสัมพันธ จะยึดผูเรียน ครูควรมีการจัดกิจกรรมใหนักเรียนจับคูกับเพื่อนในหอง เปนศูนยกลาง ยึดกลุมเปนแหลงเรียนรูท่ีสําคัญ เนนกระบวนการควบคูไปกับ เพือ่ ใหน ักเรียนมีปฏสิ มั พันธทีด่ ตี อกัน รจู ักการทาํ งานรวมกัน และ ผลงาน ครูผูสอนควรจัดกิจกรรมที่เนนใหผูเรียนคนหาคําตอบดวยตนเอง เสรมิ สรางความมีน้าํ ใจในหอ งเรียน ซง่ึ ลักษณะของกจิ กรรม มดี งั ตอ ไปนี้ ในโลกแหง ศตวรรษท่ี 21 1) การสรา งความคุน เคย 2) การทาํ งานเปน ทมี โซน 3 3) การสังเกตพฤติกรรม 4) การแสดงบทบาท 5) การเลน เกม 6) การฝก ฟง คดิ พูด 7) การบรหิ ารงานกลุม จนเกิดเปนความรูความเขาใจเกี่ยวกับการอานและการเขียนตัวเลขฮินดูอารบิก ตัวเลขไทย และตวั หนงั สอื แสดงจํานวนนบั ไมเ กิน 1,000 และ 0 หลกั คาของ โซน 2เลขโดดในแตละหลกั และการเปรยี บเทยี บจํานวนได T4 โซน 1 ชว่ ยครจู ัด โซน 2 ชว่ ยครูเตรยี มสอน กำรเรยี นกำรสอน โดยประกอบด้วยองคป์ ระกอบต่าง ๆ ท่ีเปน็ ประโยชน์ส�าหรบั แนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนให้ครูผู้สอน คร ู เพ่ือน�าไปประยกุ ต์ใชจ้ ัดกจิ กรรมการเรียนรใู้ นชัน้ เรียน โดยแนะน�าขั้นตอนการสอน และการจัดกจิ กรรมอยา่ งละเอยี ด เพื่อให้นักเรียนบรรลผุ ลสัมฤทธติ์ ามตวั ชีว้ ดั เกรด็ แนะครู น�ำ สอน สรุป ประเมิน ความรู้เสริมส�าหรับครู ข้อเสนอแนะ ข้อสังเกต แนวทางการจัด กจิ กรรมและอน่ื ๆ เพอื่ ประโยชน์ในการจัดการเรียนการสอน นักเรยี นควรรู้ ความรเู้ พม่ิ เตมิ จากเนอ้ื หา สา� หรบั อธบิ ายเสรมิ เพม่ิ เตมิ ใหก้ บั นกั เรยี น
โดยใช้ หนังสือเรยี นรายวิชาพนื้ ฐานคณติ ศาสตร ป.2 และแบบฝก หดั คณิตศาสตร ป.2 ของบริษัท อกั ษรเจริญทัศน์ อจท. จ�ากดั เปน็ สื่อหลกั (Core Materials) ประกอบการสอนและการจัดกจิ กรรมการเรียนร ู้ เพอื่ ใหส้ อดคลอ้ งกบั มาตรฐาน การเรียนรแู้ ละตัวชวี้ ดั ของกลุม่ สาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษา ข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 ซ่ึงคมู่ อื ครเู ลม่ นีม้ อี งคป์ ระกอบทง่ี ่ายต่อการใชง้ าน ดงั นี้ โดยเลือก Trim โซน 3 ชว่ ยครเู ตรยี มนักเรียน โซน 1 นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ประกอบด้วยแนวทางส�าหรับการจัดกิจกรรมและ เสนอแนะแนวขอ้ สอบ เพอื่ อา� นวยความสะดวกใหแ้ กค่ รผู สู้ อน เตรียมพรอ้ ม M AT H ขนั้ นาํ กิจกรรม 21st Century Skills กอ่ นเรียน นาํ เขา้ สบู ทเรยี น 2. ครูใหนักเรียนทําเตรียมพรอมกอนเรียน กิจกรรมท่ีให้นักเรียนได้ประยุกต์ใช้ความรู้ท่ีเรียนรู้มาสร้าง 1 เขยี นตัวเลขฮนิ ดอู ารบิก ตวั เลขไทย และตัวหนงั สอื แสดงจาํ นวนตอไปน้ี ช้ินงาน หรือท�ากิจกรรมรวบยอดเพื่อให้เกิดทักษะที่จ�าเป็น ในหนังสือเรียน คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 ในศตวรรษท ี่ 21 หนา 3 จากนั้นครูและนักเรียนรวมกันเฉลย คาํ ตอบ ขอ้ สอบเน้นการคดิ 1. 10 1010010100101001,01100011,000100,01001,020.01,6010,0ส0บิ0 กบั 3 หนวย ตัวอย่างข้อสอบท่ีมุ่งเน้นการคิด มีทั้งปรนัย-อัตนัย พร้อม เฉลยอยา่ งละเอยี ด 3. 10 1100100101010010010,0001,010,010,000 4. 2 สิบ กบั 9 หนว ย กจิ กรรมเสริมสรา้ งคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 2 พจิ ารณาแบบรปู ที่กาํ หนดให แลวเตมิ ตัวเลขแสดงจํานวนที่หายไป กิจกรรมท่ีมุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนด้านคุณธรรม ลงใน จริยธรรม ค่านยิ ม ตามทห่ี ลักสตู รกา� หนด 1. 10 30 40 60 70 2. 92 93 95 96 98 3 บอกหลกั และคา ของเลขโดดในแตละหลักของจาํ นวนตอไปนี้ 1. 82 2. 57 3. 13 4. 11 4 เขยี นจํานวนตอไปน้ีในรูปกระจาย 1. 9 สิบ กับ 7 หนว ย 2. 39 3. 85 5 94 49 ควรเตมิ = หรือ ลงใน 6 55 63 ควรเตมิ > หรอื < ลงใน 7 เรยี งลําดับ 56 37 29 14 และ 39 จากนอยไปมาก 8 เรยี งลําดบั 47 95 53 80 และ 62 จากมากไปนอ ย 3 ขอ สอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู กิจกรรมทา้ ทาย จากรูป ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ครูอาจจัดกิจกรรมทบทวนความรูเพิ่มเติม โดยติดบัตรตัวเลขบนกระดาน เสนอแนะแนวทางการจดั กจิ กรรม เพอื่ ตอ่ ยอดสา� หรบั นกั เรยี น มจี ํานวนก่ีคู แลว สมุ นกั เรยี นตอบคําถาม เชน ทีเ่ รียนรไู้ ดอ้ ย่างรวดเร็ว และต้องการท้าทายความสามารถใน 1. 4 • 9 สบิ 7 หนว ย เขยี นตวั เลขฮนิ ดอู ารบกิ ตวั เลขไทย ตวั หนงั สอื ไดอ ยา งไร ระดับทสี่ ูงข้นึ 2. 6 (แนวตอบ 97 ๙๗ เกาสบิ เจด็ ) 3. 8 •12 456 9 10 เติมตัวเลขทหี่ ายไป กิจกรรมสรา้ งเสรมิ (เฉลยคาํ ตอบ ขอ 1. เพราะจบั คูได 4 คู (แนวตอบ 3 7 8 ตามลําดบั ) เสนอแนะแนวทางการจัดกิจกรรมซ่อมเสริมส�าหรับนักเรียน ☆☆ ☆☆ ☆☆ ☆☆) ที่ควรได้รบั การพัฒนาการเรียนรู้ โซน 3 โซน 2 T5 บูรณาการอาเซียน เฉลยละเอียด ความรู้เสริมหรือการเชื่อมโยงในเรื่องที่เก่ียวข้องกับประชาคม หนงั สอื เรยี น คณติ ศาสตร ป.2 เลม่ 1 อาเซยี น สามารถเขาไปดาวนโ หลดไดที่ www.aksorn.com สือ่ Digital แนะน�าแหลง่ เรยี นร้แู ละแหล่งคน้ ควา้ จากส่อื Digital ตา่ ง ๆ แนวทางการวดั และประเมินผล เสนอแนะแนวทางการบรรลุผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของนักเรียน ตามมาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตวั ชีว้ ดั ที่หลกั สตู รกา� หนด
ค�ำอธิบายรายวิชา คณติ ศาสตร ์ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ คณติ ศาสตร์ เวลาเรียน 200 ช่ัวโมง/ปี ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 2 ศึกษาการอา่ นและการเขียนตวั เลขฮินดอู ารบิก ตัวเลขไทย และตัวหนังสอื แสดงจ�ำนวนนบั ไมเ่ กนิ 1,000 และ 0 การนบั ทลี ะ 2 ทีละ 5 ทลี ะ 10 ทีละ 100 จ�ำนวนคู่ จ�ำนวนคี่ หลัก คา่ ประจำ� หลกั ของเลขโดดในแตล่ ะหลกั การเขยี นตัวเลขแสดงจำ� นวนในรปู กระจาย การเปรยี บเทยี บจำ� นวน การเรยี งลำ� ดบั จำ� นวน การบวกจำ� นวนทม่ี ผี ลบวกไมเ่ กนิ 1,000 การลบจำ� นวนทมี่ ตี วั ตง้ั ไมเ่ กนิ 1,000 ความสมั พนั ธ์ ของการบวกและการลบ การหาตัวไม่ทราบค่าในประโยคสัญลักษณ์แสดงการบวกและการลบ โจทย์ปัญหาการบวก โจทย์ปัญหาการลบ การสรา้ งโจทยป์ ญั หา ความหมายของการคณู ความหมายของการหาร การคณู จำ� นวนทม่ี หี นง่ึ หลกั กบั จำ� นวนไมเ่ กนิ สองหลกั ความสมั พนั ธ์ ของการคูณและการหาร การหารที่ตัวหารและผลหารมีหน่ึงหลัก การหาตัวไม่ทราบค่าในประโยคสัญลักษณ์แสดงการคูณและการหาร การแก้โจทย์ปญั หาการคูณและโจทยป์ ญั หาการหาร การบวก ลบ คณู หารระคน การแก้โจทยป์ ัญหาการบวก ลบ คณู หารระคน แบบรปู ของจำ� นวนทีเ่ พม่ิ ขึ้นหรอื ลดลงทลี ะ 2 ทีละ 5 และทลี ะ 100 แบบรูปซำ�้ การจ�ำแนกลักษณะของรปู หลายเหล่ยี ม วงกลม และวงรี และ การเขยี นรปู เรขาคณติ สองมติ โิ ดยใชแ้ บบของรปู การวดั ความยาวเปน็ เมตรและเซนตเิ มตร การคาดคะเนความยาวเปน็ เมตร การเปรยี บเทยี บ ความยาวโดยใชค้ วามสมั พนั ธร์ ะหวา่ งเมตรและเซนตเิ มตร การแกโ้ จทยป์ ญั หาเกย่ี วกบั ความยาวทม่ี หี นว่ ยเปน็ เมตรและเซนตเิ มตร การบอก เวลาเป็นนาฬิกาและนาที การบอกระยะเวลาเปน็ ชวั่ โมง เปน็ นาที การเปรียบเทียบระยะเวลาเปน็ ชว่ั โมง เป็นนาที การอ่านปฏทิ ิน การแก้ โจทยป์ ัญหาเก่ียวกับเวลา การวดั นำ�้ หนกั เป็นกิโลกรัมและกรมั กิโลกรมั และขดี การคาดคะเนน้�ำหนกั เป็นกิโลกรมั การเปรียบเทียบนำ้� หนัก โดยใชค้ วามสมั พนั ธ์ระหว่างกโิ ลกรมั กับกรัม กโิ ลกรัมกับขดี การแก้โจทย์ปัญหาเกย่ี วกับนำ�้ หนกั ทีม่ ีหนว่ ยเป็นกโิ ลกรัมและกรัม กิโลกรัมและ ขีด การวดั ปริมาตรและความจโุ ดยใช้หน่วยท่ไี มใ่ ช่หนว่ ยมาตรฐานและหน่วยมาตรฐานเป็นช้อนชา ช้อนโต๊ะ ถ้วยตวง ลิตร การเปรียบเทยี บ ปริมาตรและความจุเป็นช้อนชา ช้อนโต๊ะ ถ้วยตวง ลิตร การแก้โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับปริมาตรและความจุท่ีมีหน่วยเป็นช้อนชา ช้อนโต๊ะ ถ้วยตวง ลิตร การอ่านแผนภมู ิรูปภาพ และการใช้ข้อมลู จากแผนภมู ิรูปภาพในการหาค�ำตอบของโจทยป์ ัญหา โดยการจัดประสบการณ์หรือสรา้ งสถานการณท์ ใ่ี กล้ตัวผเู้ รยี นไดศ้ ึกษา คน้ คว้า ฝึกทักษะ โดยการปฏิบัตจิ ริง ทดลอง สรปุ รายงาน เพ่ือพัฒนาทักษะและกระบวนการในการคิดค�ำนวณ การแก้ปัญหา การให้เหตุผล การสื่อสาร การสื่อความหมายทางคณิตศาสตร์ และ น�ำประสบการณด์ ้านความรู้ ความคิด ทกั ษะและกระบวนการที่ได้ไปใชใ้ นการเรียนร้สู งิ่ ตา่ ง ๆ และใช้ในชวี ิตประจ�ำวนั อยา่ งสร้างสรรค์ เพื่อให้เห็นคุณค่าและมีเจตคติที่ดีต่อคณิตศาสตร์ สามารถท�ำงานได้อย่างเป็นระบบ มีระเบียบ รอบคอบ มีความรับผิดชอบ มีวิจารณญาณ มีความคดิ ริเริ่มสรา้ งสรรค์ และมคี วามเช่ือมัน่ ในตนเอง ตัวช้ีวัด ค 1.1 ป.2/1 บอกจำ� นวนของสง่ิ ตา่ ง ๆ แสดงสง่ิ ตา่ ง ๆ ตามจำ� นวนทก่ี ำ� หนด อา่ นและเขยี นตวั เลขฮนิ ดอู ารบกิ ตวั เลขไทย ตวั หนงั สอื แสดง จำ� นวนนบั ไมเ่ กนิ 1,000 และ 0 ค 1.1 ป.2/2 เปรียบเทยี บจ�ำนวนนับไมเ่ กนิ 1,000 และ 0 โดยใชเ้ คร่อื งหมาย = ≠ > < ค 1.1 ป.2/3 เรยี งล�ำดบั จ�ำนวนนบั ไม่เกนิ 1,000 และ 0 ตง้ั แต่ 3 ถงึ 5 จำ� นวนจากสถานการณต์ า่ ง ๆ ค 1.1 ป.2/4 ห าคา่ ของตวั ไมท่ ราบคา่ ในประโยคสญั ลกั ษณแ์ สดงการบวกและประโยคสญั ลกั ษณแ์ สดงการลบของจำ� นวนนบั ไมเ่ กนิ 1,000 และ 0 ค 1.1 ป.2/5 หาค่าของตวั ไมท่ ราบคา่ ในประโยคสญั ลักษณ์แสดงการคณู ของจ�ำนวน 1 หลกั กบั จำ� นวนไม่เกิน 2 หลัก ค 1.1 ป.2/6 ห าค่าของตัวไม่ทราบค่าในประโยคสญั ลกั ษณแ์ สดงการหารท่ตี วั ตัง้ ไม่เกิน 2 หลัก ตัวหาร 1 หลัก โดยทผี่ ลหารมี 1 หลัก ทง้ั หารลงตัวและหารไมล่ งตัว ค 1.1 ป.2/7 หาผลลพั ธ์การบวก ลบ คณู หารระคนของจ�ำนวนนับไมเ่ กนิ 1,000 และ 0 ค 1.1 ป.2/8 แสดงวธิ ีหาค�ำตอบของโจทย์ปญั หา 2 ขน้ั ตอนของจ�ำนวนนับไมเ่ กนิ 1,000 และ 0 ค 2.1 ป.2/1 แสดงวธิ หี าคำ� ตอบของโจทยป์ ัญหาเก่ียวกบั เวลาท่มี หี น่วยเดี่ยวและหน่วยเดียวกนั ค 2.1 ป.2/2 วดั และเปรยี บเทยี บความยาวเปน็ เมตรและเซนตเิ มตร ค 2.1 ป.2/3 แสดงวิธีหาคำ� ตอบของโจทย์ปัญหาการบวก การลบเกีย่ วกบั ความยาวท่ีมีหนว่ ยเปน็ เมตรและเซนตเิ มตร ค 2.1 ป.2/4 วัดและเปรียบเทียบนำ้� หนกั เปน็ กโิ ลกรัมและกรัม กโิ ลกรัมและขดี ค 2.1 ป.2/5 แสดงวิธีหาค�ำตอบของโจทยป์ ัญหาการบวก การลบเกย่ี วกบั นำ้� หนกั ทม่ี หี นว่ ยเปน็ กิโลกรัมและกรมั กิโลกรัมและขีด ค 2.1 ป.2/6 วัดและเปรียบเทียบปริมาตรและความจเุ ปน็ ลติ ร ค 2.2 ป.2/1 จำ� แนกและบอกลกั ษณะของรูปหลายเหลี่ยมและวงกลม ค 3.1 ป.2/1 ใชข้ ้อมูลจากแผนภูมริ ปู ภาพในการหาคำ� ตอบของโจทย์ปญั หา เมื่อกำ� หนดรูป 1 รปู แทน 2 หน่วย 5 หน่วย หรือ 10 หนว่ ย ร วม 16 ตวั ชีว้ ัด
Pedagogy ค่มู อื ครู รายวิชาพื้นฐาน ค ณ ิตศาสตร์ ป.2 เลม่ 1 รวมถงึ สอ่ื การเรยี นรูร้ ายวิชาคณติ ศาสตร์ ชน้ั ป.2 ผจู้ ัดทำ� ได้ออกแบบการสอน (Instructional Design) อันเป็นวิธีการจัดการเรียนรู้และเทคนิคการสอนท่ีเปี่ยมด้วยประสิทธิภาพและมีความหลากหลาย ใหก้ บั ผเู้ รยี น เพอื่ ใหผ้ ูเ้ รียนสามารถบรรลผุ ลสัมฤทธ์ิตามมาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตัวชีว้ ัด รวมถึงสมรรถนะและคณุ ลกั ษณะ อันพึงประสงค์ของผู้เรียนที่หลักสูตรก�ำหนดไว้ โดยครูสามารถน�ำไปใช้จัดการเรียนรู้ในชั้นเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซ่ึงในรายวชิ าน้ี ไดน้ ำ� รูปแบบการสอนโมเดลซปิ ปา (CIPPA Model) มาใช้ในการออกแบบการสอน ดังน้ี รูปแบบการสอน โมเดลซิปปา (CIPPA Model) เลอื กใชร้ ปู แบบการสอนโดยยดึ ผเู้ รยี นเปน็ ศนู ยก์ ลาง : โมเดลซปิ ปา (CIPPA Model) เนอื่ งจากเปน็ กระบวนการเรยี นร ู้ ทใี่ หผ้ เู้ รยี นเปน็ ผสู้ รา้ งความรดู้ ว้ ยตนเอง (Construction of knowledge) และมปี ฏสิ มั พนั ธก์ บั เพอ่ื น บคุ คลอนื่ ๆ และสง่ิ แวดลอ้ ม รอบตวั โดยอาศยั ทกั ษะกระบวนการตา่ ง ๆ เปน็ เครอ่ื งมอื ในการสรา้ งความรู้ และยงั เปน็ รปู แบบการสอนทใ่ี หผ้ เู้ รยี นไดน้ ำ� ความร ู้ ไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวติ ประจ�ำวนั ซ่ึงรปู แบบน้ไี ดพ้ ฒั นาขึ้นจาก 5 แนวคดิ หลกั มาประสานกนั สรุปเป็นหลัก CIPPA ได้ ดงั นี้ C มาจากคำ� วา่ Construction of knowledge หลกั การสร้างความรู้ I มาจากค�ำว่า Interaction หลักการปฏสิ ัมพนั ธ์ P มาจากค�ำวา่ Process Learning หลักการเรยี นรูก้ ระบวนการ P มาจากคำ� ว่า Physical participation หลักการมสี ว่ นรว่ มทางร่างกาย A มาจากคำ� วา่ Application หลกั การประยกุ ตใ์ ชค้ วามรู้ ซ่ึงรูปแบบการสอนโมเดลซิปปา (CIPPA Model) ประกอบดว้ ยข้นั ตอนการด�ำเนินการจดั การเรียนรู้ 7 ข้นั ตอน ดังนี้ 1 การทบทวนความรู้เดิม 4 การแลกเปลีย่ นความร้คู วามเข้าใจกับกล่มุ 2 การแสวงหาความรู้ใหม่ 5 การสรปุ และจัดระเบยี บความรู้ 3 การศกึ ษาทำ� ความเข้าใจขอ้ มูล/ความรู้ใหม่ 6 การปฏบิ ตั ิและ/หรือการแสดงผลงาน 7 การประยุกตใ์ ชค้ วามรู้ และเชอ่ื มโยงความรใู้ หม่กบั ความร้เู ดมิ วิธีสอน (Teaching Method) เลอื กใชว้ ธิ กี ารสอนทหี่ ลากหลาย เชน่ การสาธติ นริ นยั อปุ นยั แบบคน้ พบ เพอื่ สง่ เสรมิ การเรยี นรแู้ ละเกดิ ความเขา้ ใจ ในเนื้อหาคณิตศาสตรอ์ ยา่ งถ่องแท้ ซ่งึ จะเนน้ ใชว้ ธิ ีสอนแบบอุปนัย (Inductive Method) เนื่องจากเป็นการสอนรายละเอยี ด ปลกี ยอ่ ยไปหากฎเกณฑ์ หรอื สอนจากตวั อยา่ งไปหากฎเกณฑ์ ซงึ่ ผเู้ รยี นไดเ้ รยี นรใู้ นรายละเอยี ดกอ่ น เพอ่ื คน้ หาองคป์ ระกอบ ทเี่ หมอื นกนั หรอื คลา้ ยคลงึ กนั จากตวั อยา่ งตา่ ง ๆ แลว้ จงึ สรปุ เพอ่ื ใหน้ กั เรยี นฝกึ ทกั ษะกระบวนการทางคณติ ศาสตร์ และทกั ษะ การเรยี นรูแ้ หง่ ศตวรรษที่ 21 ด้านการเรยี นรแู้ ละการแกป้ ญั หา เทคนคิ การสอน (Teaching Technique) เลือกใช้เทคนิคการสอนที่หลากหลายและเหมาะสมกับเร่ืองท่ีเรียน เช่น การต้ังค�ำถาม การยกตัวอย่าง การใช้สื่อ การเรียนรู้ที่น่าสนใจ เพ่ือส่งเสริมวิธีการสอนและรูปแบบการสอนให้มีประสิทธิภาพในการจัดการเรียนรู้ให้มากขึ้น ซ่ึงจะ ชว่ ยใหผ้ เู้ รยี นเกดิ การเรยี นรอู้ ยา่ งมคี วามสขุ สามารถปฏบิ ตั กิ จิ กรรมการเรยี นรไู้ ดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ และสามารถฝกึ ทกั ษะ การเรียนรใู้ นศตวรรษท่ี 21 ได้
Teacher Guide Overview คณิตศาสตร์ ป.2 เล่ม 1 หนว่ ย ตวั ชว้ี ัด ทกั ษะท่ีได้ เวลาทใี่ ช้ การประเมิน สื่อทีใ่ ช้ การเรียนรู้ 1 - บ อกจำ�นวนของสิ่งต่าง ๆ แสดง - ทักษะการสงั เกต - ตรวจใบงานที่ 1.1-1.8 - ห นงั สือเรยี น สง่ิ ตา่ ง ๆ ตามจำ�นวนทก่ี ำ�หนด - ทักษะการระบุ - ต รวจแบบฝกึ ทกั ษะ คณิตศาสตร์ ป.2 จ�ำนวนนบั ไม่เกิน อ่านและเขียนตัวเลขฮินดูอารบกิ - ทกั ษะการเช่ือมโยง ในหนงั สอื เรยี น เลม่ 1 1,000 และ 0 ตัวเลขไทย ตัวหนงั สือ แสดงจำ�นวนนับ - ทักษะการใหเ้ หตผุ ล คณติ ศาสตร ์ ป.2 เล่ม 1 - แบบฝกึ หัด - ทักษะการเปรยี บเทียบ ไม่เกิน 1,000 และ 0 - ทักษะการเรยี งลำ�ดบั - ตรวจแบบฝึกหดั คณิตศาสตร์ ป.2 (มฐ. ค 1.1 ป.2/1) - ทักษะกระบวน ในแบบฝึกหัด เล่ม 1 - เปรยี บเทียบจำ�นวนนับไม่เกิน 1,000 คณติ ศาสตร ์ ป.2 เล่ม 1 - QR Code และ 0 โดยใชเ้ ครอ่ื งหมาย = ≠ > < การคิดแก้ปัญหา 15 - การนำ� เสนอผลงาน - บัตรตัวเลข (มฐ. ค 1.1 ป.2/2) - สังเกตพฤติกรรม - บัตรขอ้ ความ ช่วั โมง - เรยี งลำ�ดับจำ�นวนนับไมเ่ กิน 1,000 การทำ� งานรายบคุ คล - บัตรภาพ และ 0 ตั้งแต่ 3 ถงึ 5 จำ�นวน - สังเกตพฤติกรรม - บัตรคำ� ถาม จากสถานการณ์ตา่ ง ๆ การทำ� งานกล่มุ - ตารางตัวเลข 1-100 (มฐ. ค 1.1 ป.2/3) - สงั เกตความมีวินัย - กระดาษ A4 ใฝ่เรียนรู้ มุ่งมั่น - ใบงาน ในการท�ำงาน - PowerPoint 2 - ห าคา่ ของตวั ไม่ทราบคา่ ในประโยค - ทักษะการเชอ่ื มโยง - ตรวจใบงานที่ 2.1-2.11 - ห นังสือเรยี น สัญลกั ษณแ์ สดงการบวกและประโยค - ท กั ษะการใหเ้ หตผุ ล - ต รวจแบบฝึกทักษะ คณิตศาสตร์ ป.2 การบวกจ�ำนวน สัญลักษณ์แสดงการลบของจำ�นวนนับ - ท กั ษะกระบวน ในหนังสอื เรยี น เลม่ 1 ท่ีมผี ลบวก คณติ ศาสตร ์ ป.2 เล่ม 1 - แบบฝึกหดั ไมเ่ กิน 1,000 และ 0 การคิดแกป้ ญั หา - ต รวจแบบฝกึ หัดใน คณิตศาสตร์ ป.2 ไม่เกนิ 1,000 (มฐ. ค 1.1 ป.2/4) - ทักษะกระบวน - แสดงวิธีหาคำ�ตอบของโจทย์ปญั หา การคิดสร้างสรรค์ แบบฝกึ หัด เลม่ 1 2 ขนั้ ตอนของจำ�นวนนบั ไม่เกิน 1,000 - ท กั ษะการน�ำความรไู้ ปใช้ คณติ ศาสตร ์ ป.2 เลม่ 1 - Q R Code และ 0 - การน�ำเสนอผลงาน - บ ัตรภาพ (มฐ. ค 1.1 ป.2/8) 20 - สงั เกตพฤติกรรม - บัตรตัวเลข การทำ� งานรายบุคคล - บัตรข้อความ ชั่วโมง - สังเกตพฤตกิ รรม - บ ตั รโจทยก์ ารบวก การทำ� งานกลุ่ม - บ ัตรโจทยป์ ัญหา - สังเกตความมีวนิ ัย - สลากขอ้ ความ ใฝเ่ รียนรู้ ม่งุ มน่ั - สลากตัวเลข ในการท�ำงาน - วงล้อตัวเลข - เครื่องคิดเลข - ใบงาน - PowerPoint 3 - ห าคา่ ของตัวไม่ทราบค่าในประโยค - ทักษะการเช่อื มโยง - ตรวจใบงานที่ 3.1-3.15 - ห นงั สอื เรียน สัญลกั ษณแ์ สดงการบวกและประโยค - ทักษะการใหเ้ หตผุ ล - ต รวจแบบฝึกทักษะ คณิตศาสตร์ ป.2 การลบจ�ำนวน สัญลกั ษณแ์ สดงการลบของจำ�นวนนับ - ทกั ษะกระบวน ในหนงั สือเรยี น เลม่ 1 ท่มี ีตัวตงั้ ไม่เกนิ 26 คณติ ศาสตร ์ ป.2 เลม่ 1 - แบบฝกึ หดั ไม่เกนิ 1,000 และ 0 การคดิ แกป้ ัญหา - ตรวจแบบฝกึ หดั คณติ ศาสตร์ ป.2 1,000 (มฐ. ค 1.1 ป.2/4) - ท กั ษะกระบวน ชั่วโมง การคดิ สร้างสรรค์ ในแบบฝกึ หดั เล่ม 1 - ทกั ษะการน�ำความรไู้ ปใช้ คณติ ศาสตร ์ ป.2 เลม่ 1 - Q R Code
หนว่ ย ตัวช้ีวดั ทักษะทีไ่ ด้ เวลาที่ใช้ การประเมนิ สือ่ ทีใ่ ช้ การเรยี นรู้ - แ สดงวิธีหาคำ�ตอบของโจทย์ปญั หา 2 ข้ันตอนของจำ�นวนนับไมเ่ กนิ 1,000 - ก ารน�ำเสนอผลงาน - บ ตั รภาพ และ 0 - สังเกตพฤตกิ รรม - บัตรตัวเลข (มฐ. ค 1.1 ป.2/8) - บ ัตรขอ้ ความ การท�ำงานรายบคุ คล - บ ัตรโจทยก์ ารลบ - สงั เกตพฤติกรรม - บัตรโจทย์ปัญหา - เกมจิกซอวก์ ารลบ การท�ำงานกลุ่ม - เครอ่ื งคิดเลข - สังเกตความมวี นิ ัย - ใบงาน ใฝ่เรยี นรู้ มงุ่ ม่ัน - P owerPoint ในการท�ำงาน 4 มกี ารจดั การเรยี นการสอน - ท กั ษะการสงั เกต - ต รวจใบงานท่ี 4.1-4.5 - ห นงั สอื เรยี น เพอ่ื เป็นพน้ื ฐานแตไ่ ม่วดั ผล - ท ักษะการระบุ - ต รวจแบบฝึกทักษะ คณิตศาสตร์ ป.2 แบบรูปของ - ทักษะการเชอ่ื มโยง ในหนังสือเรียน เล่ม 1 จำ� นวน - ท กั ษะการให้เหตผุ ล คณิตศาสตร ์ ป.2 เล่ม 1 - แ บบฝึกหดั - ทกั ษะกระบวน - ตรวจแบบฝกึ หัด คณิตศาสตร์ ป.2 การคิดแก้ปญั หา ในแบบฝกึ หัด เลม่ 1 คณิตศาสตร ์ ป.2 เลม่ 1 - QR Code 9 - การน�ำเสนอผลงาน - บ ัตรแบบรปู - สังเกตพฤติกรรม ของจำ� นวน ช่ัวโมง การท�ำงานรายบุคคล - ลูกบาศก์แบบรปู - สงั เกตพฤติกรรม ของจำ� นวน การท�ำงานกล่มุ - ใบงาน - สังเกตความมวี ินัย - P owerPoint ใฝเ่ รยี นรู้ มุ่งมั่น ในการท�ำงาน 5 จ�ำแนกและบอกลักษณะของ - ท ักษะการสงั เกต - ตรวจใบงานท่ี 5.1-5.3 - หนังสือเรยี น รปู หลายเหลี่ยมและวงกลม - ทกั ษะการระบุ - ต รวจแบบฝกึ ทักษะ คณิตศาสตร์ ป.2 รปู เรขาคณติ (มฐ. ค 2.2 ป.2/1) - ท ักษะการจ�ำแนก ในหนงั สอื เรียน เล่ม 1 ประเภท คณติ ศาสตร ์ ป.2 เล่ม 1 - แบบฝกึ หดั - ทกั ษะการจดั กลุม่ - ต รวจแบบฝกึ หดั คณิตศาสตร์ ป.2 ในแบบฝกึ หัด เลม่ 1 คณิตศาสตร ์ ป.2 เล่ม 1 - บตั รรปู เรขาคณิต 6 - การน�ำเสนอผลงาน - บัตรปา้ ยจราจร - สังเกตพฤติกรรม - แบบของรปู ชั่วโมง การท�ำงานรายบุคคล เรขาคณติ - สังเกตพฤติกรรม - สิ่งของรอบตวั การท�ำงานกลุ่ม - ใบงาน - สงั เกตความมีวนิ ัย - PowerPoint ใฝเ่ รียนรู้ มุ่งมน่ั ในการท�ำงาน
หน่วย ตัวชว้ี ัด ทกั ษะท่ีได้ เวลาทใี่ ช้ การประเมิน ส่อื ที่ใช้ การเรยี นรู้ - วดั และเปรียบเทยี บความยาวเปน็ เมตร - ทกั ษะการสังเกต - ตรวจใบงานท่ี 6.1-6.5 - หนังสอื เรยี น 6 และเซนตเิ มตร (มฐ. ค 2.1 ป.2/2) - ทักษะการระบุ - ตรวจแบบฝึกทกั ษะ คณิตศาสตร์ ป.2 - แสดงวิธหี าค�ำตอบของโจทย์ปัญหา - ท กั ษะการเชอ่ื มโยง ในหนังสือเรียน เล่ม 1 การวดั ความ - ท กั ษะการใชเ้ หตุผล คณิตศาสตร ์ ป.2 เล่ม 1 - แ บบฝกึ หัด ยาว การบวก การลบเก่ียวกับความยาว - ท ักษะการเปรยี บเทยี บ ทีม่ หี นว่ ยเปน็ เมตรและเซนตเิ มตร - ทักษะกระบวน (มฐ. ค 2.1 ป.2/3) - ตรวจแบบฝกึ หัด ค ณิตศาสตร์ ป.2 การคดิ แกป้ ญั หา ในแบบฝกึ หดั เลม่ 1 - ท ักษะการน�ำความร้ไู ปใช้ คณิตศาสตร ์ ป.2 เลม่ 1 - บัตรภาพ 14 - ก ารน�ำเสนอผลงาน - บตั รข้อความ - สงั เกตพฤติกรรม - บ ตั รโจทยป์ ัญหา ชั่วโมง การท�ำงานรายบุคคล - ใบงาน - สงั เกตพฤตกิ รรม - P owerPoint การท�ำงานกลมุ่ - สงั เกตความมวี ินยั ใฝเ่ รียนรู้ มุง่ ม่ัน ในการทำ� งาน 7 - แสดงวธิ หี าคำ�ตอบของโจทยป์ ญั หา - ท ักษะการสังเกต - ต รวจใบงานที่ 7.1-7.7 - หนงั สือเรียน เกี่ยวกับเวลาท่ีมีหน่วยเดย่ี วและ - ท ักษะการระบุ - ต รวจแบบฝึกทักษะ คณิตศาสตร์ ป.2 เวลา หน่วยเดียวกัน - ทกั ษะการเชือ่ มโยง ในหนงั สอื เรยี น เล่ม 1 (มฐ. ค 2.1 ป.2/1) - ท กั ษะการใหเ้ หตุผล คณิตศาสตร ์ ป.2 เลม่ 1 - แบบฝึกหดั - ทักษะการเปรียบเทยี บ - ตรวจแบบฝึกหัด ค ณิตศาสตร์ ป.2 - ทกั ษะการเรียงลำ�ดบั ในแบบฝกึ หัด เลม่ 1 - ทักษะกระบวน คณิตศาสตร ์ ป.2 เลม่ 1 - Q R Code การคดิ แกป้ ัญหา 20 - ก ารน�ำเสนอผลงาน - น าฬกิ าจรงิ - ตรวจชน้ิ งาน/ภาระงาน - บ ัตรภาพนาฬิกา - ท ักษะการนำ�ความรู้ไปใช้ ชวั่ โมง - สงั เกตพฤตกิ รรม - บตั รข้อความ การทำ� งานรายบุคคล - บัตรภาพ - สังเกตพฤตกิ รรม - บตั รสปี ระจำ� วัน การทำ� งานกล่มุ - บ ัตรจำ� นวนวัน - สังเกตความมีวนิ ัย - บ ัตรโจทยป์ ัญหา ใฝเ่ รียนรู้ มุ่งมัน่ - ใบงาน ในการทำ� งาน - P owerPoint
สำรบัญ Chapter Teacher Overview Script Chapter Title T2 T4 หนว่ ยการเรียนรทู ่ี 1 จ�ำนวนนบั ไม่เกนิ 1,000 และ 0 T34 T36 หน่วยการเรยี นรทู ่ี 2 กำรบวกจำ� นวนทม่ี ผี ลบวกไม่เกิน 1,000 T64 T66 หน่วยการเรยี นรทู ี่ 3 กำรลบจ�ำนวนท่มี ีตัวต้งั ไมเ่ กนิ 1,000 T102 T104 หน่วยการเรียนรทู ่ี 4 แบบรปู ของจำ� นวน T128 T130 หน่วยการเรียนรทู ่ี 5 รปู เรขำคณิต T150 T152 หน่วยการเรียนรทู ี่ 6 กำรวัดควำมยำว T184 T186 หน่วยการเรยี นรทู ี่ 7 เวลำ T216 บรรณำนุกรม
Chapter Overview แผนการจดั ส่ือที่ใช้ จดุ ประสงค์ วธิ ีสอน ประเมิน ทกั ษะท่ีได้ คุณลักษณะ การเรยี นรู้ อนั พึงประสงค์ แผนฯ ที่ 1 - ห นังสอื เรยี น 1. เข้าใจหลักการอา่ น กระบวนการ - ตรวจแบบทดสอบ - ท กั ษะการสงั เกต 1. มีวินยั การอ่านและ คณติ ศาสตร์ ป.2 เลม่ 1 และการเขยี นจำ� นวนนับ กลมุ่ สัมพนั ธ์ ก่อนเรียน - ท ักษะการระบุ 2. ใฝเ่ รยี นรู้ การเขยี นตวั เลข - แ บบฝกึ หัด ไม่เกิน 1,000 (K) - ตรวจใบงานท่ี 1.1 - ท ักษะการเช่อื มโยง 3. มงุ่ มั่นใน ฮินดูอารบิก คณติ ศาสตร์ ป.2 เล่ม 1 2. เขียนตัวเลข - ตรวจกิจกรรมฝึกทกั ษะ การทำ� งาน ตัวเลขไทย และ - ใบงานท่ี 1.1 ฮนิ ดูอารบิก ตัวเลขไทย เรื่อง การเขยี นตวั เลข ตวั หนังสอื แสดง - บ ัตรตวั เลข และตวั หนังสือแสดง ฮนิ ดอู ารบกิ ตวั เลขไทย จำ� นวนนับ - บัตรภาพ จ�ำนวนนับที่กำ� หนดให้ และตัวหนงั สอื แสดง 2 - PowerPoint ได้ถูกต้อง (P) จำ� นวนนบั 3. รับผดิ ชอบต่อหนา้ ที่ - ตรวจแบบฝกึ หดั ช่วั โมง ท่ีไดร้ ับมอบหมาย (A) เรอื่ ง การเขยี นตวั เลข ฮนิ ดอู ารบิก ตวั เลขไทย และตวั หนงั สอื แสดง จ�ำนวนนับ - สงั เกตพฤตกิ รรม การท�ำงานรายบุคคล - สังเกตพฤตกิ รรม การท�ำงานกลุ่ม - สงั เกตความมวี ินัย ใฝ่เรียนรู้ ม่งุ มน่ั ในการท�ำงาน แผนฯ ที่ 2 - หนงั สือเรยี น 1. เขา้ ใจหลักการนบั เพิ่ม แบบคน้ พบ - ต รวจใบงานท่ี 1.2-1.3 - ทักษะการสงั เกต 1. มีวนิ ัย การนับทีละ 2 คณิตศาสตร์ ป.2 เล่ม 1 ทีละ 2 ทลี ะ 5 ทีละ 10 (Discovery - ต รวจกิจกรรมฝึกทักษะ - ทกั ษะการระบุ 2. ใฝเ่ รียนรู้ ทีละ 5 ทีละ 10 - แบบฝึกหดั และทีละ 100 (K) Method) เร่ือง การนับทลี ะ 2 - ท กั ษะการเชอ่ื มโยง 3. ม่งุ มนั่ ใน และทีละ 100 คณิตศาสตร์ ป.2 เลม่ 1 2. เข้าใจหลกั การนบั ลด ทีละ 5 ทีละ 10 และ - ทักษะการให้เหตผุ ล การทำ� งาน - ใบงานท่ี 1.2-1.3 ทีละ 2 ทลี ะ 5 ทลี ะ 10 ทีละ 100 - ทกั ษะกระบวน 3 - ตารางตวั เลข 1-100 และทีละ 100 (K) - สังเกตพฤติกรรม การคิดแก้ปัญหา - บ ัตรตวั เลข 3. นบั เพิม่ หรือนับลด การท�ำงานรายบุคคล ชว่ั โมง ทลี ะ 2 ทีละ 5 ทีละ 10 - สงั เกตพฤตกิ รรม และทลี ะ 100 ได้ (P) การท�ำงานกลุ่ม 4. รบั ผิดชอบตอ่ หนา้ ที่ - สังเกตความมวี นิ ยั ทไ่ี ด้รบั มอบหมาย (A) ใฝเ่ รียนรู้ มงุ่ มน่ั ในการท�ำงาน แผนฯ ที่ 3 - หนังสอื เรียน 1. อ ธบิ ายลกั ษณะของ แบบค้นพบ - ต รวจใบงานท่ี 1.4 - ท ักษะการสังเกต 1. มวี นิ ยั จ�ำนวนคู่ คณติ ศาสตร ์ ป.2 เลม่ 1 จ�ำนวนคู่หรอื จำ� นวนคี่ (Discovery - ตรวจกจิ กรรมฝึกทักษะ - ท กั ษะการเชือ่ มโยง 2. ใฝ่เรียนรู้ จำ� นวนคี่ - แ บบฝึกหัด ได้ (K) Method) คณิตศาสตร์ ป.2 เล่ม 1 2. จ�ำแนกจำ� นวนทีก่ �ำหนด เร่อื ง จำ� นวนคู่ จ�ำนวนค่ี - ท ักษะการใหเ้ หตผุ ล 3. มุ่งมัน่ ใน 2 - ใบงานท่ี 1.4 ให้วา่ เปน็ จ�ำนวนคหู่ รือ - ต รวจแบบฝกึ หัด เร่อื ง - ท กั ษะกระบวน การทำ� งาน - บัตรตัวเลข จ�ำนวนคี่ได้ (P) ชัว่ โมง - ก ระดาษแขง็ 3. รับผิดชอบตอ่ หน้าท่ี จำ� นวนคู่ จ�ำนวนคี่ การคิดแก้ปญั หา - สงั เกตพฤติกรรม - QR Code ท่ีได้รับมอบหมาย (A) การท�ำงานรายบคุ คล - สงั เกตพฤตกิ รรม การท�ำงานกลมุ่ - สงั เกตความมีวนิ ัย ใฝ่เรยี นรู้ มงุ่ มัน่ ในการท�ำงาน แผนฯ ท่ี 4 - ห นังสอื เรียน 1. เขา้ ใจความหมายและ กระบวนการ - ต รวจใบงานที่ 1.5 - ทกั ษะการสังเกต 1. มีวินยั หลักและค่าของ คณิตศาสตร์ ป.2 เล่ม 1 ความสัมพันธ์ระหว่าง กลมุ่ สมั พันธ์ - ตรวจกิจกรรมฝกึ ทกั ษะ - ท กั ษะการเช่อื มโยง 2. ใฝเ่ รียนรู้ เลขโดด - แ บบฝึกหัด ค่าประจำ� หลักและคา่ เรือ่ ง หลักและคา่ ของ - ทักษะการให้เหตุผล 3. มุ่งม่นั ใน ในแตล่ ะหลกั คณติ ศาสตร์ ป.2 เลม่ 1 ของเลขโดดในแต่ละ เลขโดดในแต่ละหลกั - ท ักษะกระบวน การทำ� งาน - ใบงานที่ 1.5 หลกั (K) - ต รวจแบบฝกึ หัด เร่ือง การคิดแก้ปญั หา 1 2. บ อกหลกั และ หลักและค่าของเลขโดด คา่ ประจำ� หลกั ของ ในแต่ละหลัก ช่วั โมง จำ� นวนนบั ได้ (p) T2
แผนการจัด ส่ือท่ีใช้ จุดประสงค์ วธิ สี อน ประเมนิ ทักษะที่ได้ คณุ ลักษณะ การเรียนรู้ - บ ัตรตัวเลข 3. บอกค่าของเลขโดด อนั พึงประสงค์ - บ ัตรคำ� ถาม ในแตล่ ะหลกั ของ - สังเกตพฤตกิ รรม จำ� นวนนบั ไดถ้ กู ตอ้ ง (p) การท�ำงานรายบคุ คล 4. รับผิดชอบตอ่ หนา้ ที่ - สงั เกตพฤตกิ รรม ท่ีได้รับมอบหมาย (A) การท�ำงานกลุ่ม - ส ังเกตความมีวินยั ใฝเ่ รียนรู้ มุ่งมัน่ ในการท�ำงาน แผนฯ ที่ 5 - ห นังสอื เรยี น 1. เข้าใจวธิ กี ารเขียน กระบวนการ - ตรวจใบงานท่ี 1.6 - ทักษะการสังเกต 1. มวี ินัย การเขยี นตวั เลข คณติ ศาสตร์ ป.2 เล่ม 1 ตัวเลขแสดงจำ� นวน ปฏบิ ตั ิ - ตรวจกิจกรรมฝึกทกั ษะ - ทกั ษะการเชื่อมโยง 2. ใฝเ่ รยี นรู้ แสดงจำ� นวน - แ บบฝึกหดั ในรูปกระจาย (K) ในรูปกระจาย คณติ ศาสตร์ ป.2 เลม่ 1 2. เขยี นตวั เลขแสดง เร่ือง การเขยี นตัวเลข - ท ักษะการให้เหตผุ ล 3. มงุ่ มัน่ ใน - ใบงานที่ 1.6 จ�ำนวนในรูปกระจาย แสดงจำ� นวนในรปู - ท กั ษะกระบวน การทำ� งาน 2 - บตั รตัวเลข ได้ (P) กระจาย การคดิ แก้ปัญหา - บตั รคำ� ถาม 3. รบั ผิดชอบต่อหน้าท่ี - ต รวจแบบฝกึ หดั เรื่อง ช่วั โมง - กระดาษ A4 ทไี่ ดร้ ับมอบหมาย (A) การเขียนตวั เลขแสดง จำ� นวนในรูปกระจาย - ประเมินการน�ำเสนอ ผลงาน คณติ ศาสตร์ ป.2 เล่ม 1 - สังเกตพฤตกิ รรม การท�ำงานรายบุคคล - สังเกตพฤตกิ รรม การท�ำงานกลมุ่ - สังเกตความมีวินัย ใฝเ่ รียนรู้ ม่งุ มน่ั ในการท�ำงาน แผนฯ ที่ 6 - ห นงั สือเรียน 1. อ ธิบายวิธกี าร กระบวนการ - ตรวจใบงานที่ 1.7 - ทกั ษะการ 1. มีวนิ ัย การเปรยี บเทียบ คณิตศาสตร์ ป.2 เล่ม 1 เปรยี บเทียบจำ� นวนได้ กลุม่ สมั พนั ธ์ - ต รวจกจิ กรรมฝกึ ทักษะ เปรยี บเทียบ 2. ใฝเ่ รียนรู้ จำ� นวน - แบบฝึกหดั (K) เร่อื ง การเปรียบเทยี บ - ทักษะการระบุ 3. มงุ่ ม่นั ใน คณิตศาสตร์ ป.2 เลม่ 1 2. เปรียบเทยี บจำ� นวนสอง จ�ำนวน - ท กั ษะการใหเ้ หตผุ ล การทำ� งาน 2 - ใบงานท่ี 1.7 จ�ำนวนวา่ มีค่าเทา่ กัน - ตรวจแบบฝึกหัด เร่ือง - ท กั ษะกระบวน ชว่ั โมง - บ ตั รตัวเลข ไมเ่ ทา่ กัน มากกว่า หรือ การเปรียบเทยี บจ�ำนวน การคิดแก้ปัญหา - บตั รภาพ น้อยกว่าได้ถูกตอ้ ง (K) - สงั เกตพฤติกรรม - บตั รขอ้ ความ 3. เปรียบเทียบจำ� นวน การท�ำงานรายบุคคล สองจ�ำนวน โดยใช้ - สงั เกตพฤติกรรม เครือ่ งหมาย = > < การท�ำงานกลุ่ม ได้ถูกต้อง (P) - สงั เกตความมีวินัย 4. รับผิดชอบต่อหน้าท่ี ใฝ่เรยี นรู้ มุ่งมน่ั ท่ีไดร้ บั มอบหมาย (A) ในการท�ำงาน แผนฯ ท่ี 7 - หนงั สือเรยี น 1. เขา้ ใจหลกั การเรียง แบบคน้ พบ - ตรวจใบงานท่ี 1.8 - ทกั ษะการ 1. มวี ินยั การเรียงลำ� ดบั คณิตศาสตร์ ป.2 เลม่ 1 ล�ำดับจำ� นวนจากนอ้ ย (Discovery - ต รวจกจิ กรรมฝกึ ทกั ษะ เปรียบเทยี บ 2. ใฝ่เรียนรู้ จำ� นวน - แ บบฝกึ หัด ไปมาก และจากมากไป Method) เร่ือง การเรยี งลำ� ดับ - ทักษะการเรยี ง 3. มุ่งม่ันใน คณติ ศาสตร์ ป.2 เล่ม 1 นอ้ ย (K) จำ� นวน ลำ� ดับ การทำ� งาน 3 - ใบงานท่ี 1.8 2. เรยี งลำ� ดับจ�ำนวนจาก - ต รวจแบบฝกึ หดั เร่อื ง - ท ักษะการใหเ้ หตผุ ล - บัตรภาพ มากไปนอ้ ย และจาก การเรยี งล�ำดับจำ� นวน - ทักษะกระบวน ชั่วโมง - บัตรข้อความ นอ้ ยไปมากได้ (p) - สังเกตพฤติกรรม การคดิ แกป้ ญั หา - บัตรตาราง 3. รับผิดชอบตอ่ หน้าที่ การท�ำงานรายบุคคล ทีไ่ ดร้ บั มอบหมาย (A) - ส ังเกตพฤติกรรม การท�ำงานกล่มุ - สังเกตความมวี ินัย ใฝ่เรียนรู้ มงุ่ ม่นั ในการท�ำงาน - ตรวจแบบทดสอบ หลังเรียน T3
นาํ นํา สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ นาํ (กระบวนการกลมุ สมั พนั ธ)์ 1หนวยการเรียนรูที่ ¨áÅÒí ¹ÐÇ0¹¹ºÑ äÁà‹ ¡¹Ô 1,000 นาํ เขา้ สบู ทเรยี น µÑǪÕéÇ´Ñ 1. ครูกลาวทักทายนักเรียนและใหนักเรียนเปด จำนวนคู• บอกจํานวนของส่ิงตา ง ๆ แสดงสิ่งตา ง ๆ จำนวนค่ี หนังสือเรยี น คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 2 ตามจํานวนท่ีกําหนด อา นและเขียน จากน้ันใหนักเรียนรวมกันแสดงความคิดเห็น ตวั เลขฮินดูอารบกิ ตัวเลขไทย 111 625 เกยี่ วกบั รปู ภาพทแ่ี สดงในหนงั สอื เรยี น จากนนั้ 132 612ตัวหนังสอื แสดงจาํ นวนนับไมเ กนิ 1,000 347 593 ครูถามนักเรียนวา “จํานวนท่ีมากที่สุดคือ 729 943 จํานวนใดและจํานวนที่นอยท่ีสุดคือจํานวนใด และ 0 (ค 1.1 ป.2/1) นักเรียนมีวิธีคิดอยางไร” โดยครูจะเฉลย คาํ ตอบในทา ยหนวยการเรยี นรู 246 316• เปรยี บเทียบจํานวนนับไมเ กนิ 1,000 และ 0 โดยใชเ คร่ืองหมาย = > < (ค 1.1 ป.2/2) 774 942 • เรียงลําดบั จาํ นวนนบั ไมเกนิ 1,000 และ 0 ต้งั แต 3 ถึง 5 จํานวนจาก สถานการณตาง ๆ (ค 1.1 ป.2/3) ?¨íÒ¤¹×ÍǨ¹íÒ·¹èÕÁÇÒ¹¡·ã´èÕÊØ´ ¨íÒ¤¹×ÍǨ¹íÒ·¹èչnj͹Âã·´èÕÊØ´ ÊÒÃСÒÃàÃÂÕ ¹ÃŒÙ • การอา นและการเขยี นตัวเลขฮินดูอารบกิ ตัวเลขไทย และตวั หนงั สือแสดงจํานวนนบั • การนับทีละ 2 ทีละ 5 ทลี ะ 10 และทลี ะ 100 • จาํ นวนคู จาํ นวนคี่ • หลัก คาของเลขโดดในแตละหลัก และการเขยี นตวั เลขแสดงจํานวนในรูปกระจาย • การเปรยี บเทียบจาํ นวน • การเรยี งลําดับจาํ นวน เกร็ดแนะครู กิจกรรม เสริมสรา งคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค การจัดการเรียนรูโดยใชกระบวนการกลุมสัมพันธ จะยึดผูเรียน ครูควรมีการจัดกิจกรรมใหนักเรียนจับคูกับเพื่อนในหอง เปนศูนยกลาง ยึดกลุมเปนแหลงเรียนรูที่สําคัญ เนนกระบวนการควบคูไปกับ เพ่อื ใหนักเรียนมีปฏสิ มั พนั ธท ่ดี ีตอกนั รจู กั การทาํ งานรวมกนั และ ผลงาน ครูผูสอนควรจัดกิจกรรมท่ีเนนใหผูเรียนคนหาคําตอบดวยตนเอง เสรมิ สรางความมีนา้ํ ใจในหองเรียน ซึ่งลกั ษณะของกจิ กรรม มีดังตอ ไปนี้ 1) การสรา งความคุนเคย 2) การทาํ งานเปนทีม 3) การสังเกตพฤติกรรม 4) การแสดงบทบาท 5) การเลน เกม 6) การฝก ฟง คิด พูด 7) การบรหิ ารงานกลมุ จนเกิดเปนความรูความเขาใจเกี่ยวกับการอานและการเขียนตัวเลขฮินดูอารบิก ตัวเลขไทย และตัวหนังสอื แสดงจํานวนนับไมเกนิ 1,000 และ 0 หลกั คา ของ เลขโดดในแตละหลกั และการเปรียบเทียบจาํ นวนได T4
นาํ นํา สอน สรปุ ประเมนิ กเต่อรนียมเพรรยี ้อมน M AT H ขนั้ นาํ 1 เขยี นตัวเลขฮนิ ดูอารบิก ตวั เลขไทย และตัวหนังสือแสดงจํานวนตอไปนี้ นาํ เขา้ สบู ทเรยี น 2. ครูใหนักเรียนทําเตรียมพรอมกอนเรียน ในหนังสือเรียน คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 3 จากนั้นครูและนักเรียนรวมกันเฉลย คําตอบ 1. 10 1010010100101001,01100011,000100,01001,020.01,6010,0ส0บิ0 กบั 3 หนวย 3. 10 1100100101010010010,0001,010,010,000 4. 2 สิบ กบั 9 หนวย 2 พิจารณาแบบรูปที่กําหนดให แลว เตมิ ตวั เลขแสดงจาํ นวนทหี่ ายไป ลงใน 1. 10 30 40 60 70 2. 92 93 95 96 98 3 บอกหลักและคาของเลขโดดในแตล ะหลักของจาํ นวนตอ ไปน้ี 1. 82 2. 57 3. 13 4. 11 4 เขียนจาํ นวนตอ ไปนี้ในรูปกระจาย 1. 9 สิบ กับ 7 หนว ย 2. 39 3. 85 5 94 49 ควรเติม = หรอื ลงใน 6 55 63 ควรเติม > หรอื < ลงใน 7 เรยี งลําดับ 56 37 29 14 และ 39 จากนอยไปมาก 8 เรียงลําดบั 47 95 53 80 และ 62 จากมากไปนอย 3 ขอสอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู จากรูป ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ครูอาจจัดกิจกรรมทบทวนความรูเพิ่มเติม โดยติดบัตรตัวเลขบนกระดาน แลว สุมนกั เรยี นตอบคาํ ถาม เชน มีจํานวนกคี่ ู • 9 สบิ 7 หนว ย เขยี นตวั เลขฮนิ ดอู ารบกิ ตวั เลขไทย ตวั หนงั สอื ไดอ ยา งไร 1. 4 (แนวตอบ 97 ๙๗ เกา สิบเจ็ด) 2. 6 •12 456 9 10 เติมตวั เลขทหี่ ายไป 3. 8 (แนวตอบ 3 7 8 ตามลาํ ดับ) (เฉลยคาํ ตอบ ขอ 1. เพราะจบั คูได 4 คู ☆☆ ☆☆ ☆☆ ☆☆) T5
นาํ นํา สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั นาํ 1. Ρµ¹ÔÒÇÑ Ã˴͹ÍÙ ‹ÒÒѧ¹ÊÃáºÍ×3ÅÔ¡á1Ðʵ¡´ÑÇÒ§Ãà¨ÅàÒí¢¢¹ÂÕä·¹Ç2¹µÑǹáàѺÅÅТ 10 10 1010101010101,00001011,00010,010010,0010,0010, ¨Ò¡ÃÙ» à¢Õ¹᷹´ŒÇµÑÇàÅ¢ นาํ เขา้ สบู ทเรยี น ÎÔ¹´ÙÍÒúԡ µÑÇàÅ¢ä·Â áÅÐ µÑÇ˹ѧÊ×Í䴌͋ҧäà 3. ครูใหนักเรียนตอบคําถามทบทวนความรูเดิม มมุ ขวาบนของหนังสือเรยี น คณิตศาสตร ป.2 10 10 10001100010011010,11000100,1010100,0110100,01เ010ท0,001า 010ก0,010ับ010,0010,0010,010,0100000 1,000 เลม 1 หนา 4 (แนวตอบ 51 ๕๑ หา สบิ เอด็ ) 10 10 1100011000110001110,000110,0001110,0001101,0001101,00011เ0,ท0า01ก10,0บั0010,0100010,00110จ0,จ0ํา1าน01ก1,0ว00น0120ท0ี่0น10ับค3ตืออ... ขนั้ สอน 100 ถึง 999 เปนจํานวนที่มีสามหลัก เลขโดดทางขวาสุดอยูใน หลักหนวย เลขโดดทางซายท่ีติดกับหลักหนวยอยูในหลักสิบ เลขโดด จดั การเรยี นรู้ ทางซายทีอ่ ยตู ิดกบั หลักสบิ อยูในหลกั รอ ย เชน 1. ครูแบงนักเรียนเปนกลุม กลุมละ 4 คน 103 คละกันตามความสามารถ จากน้นั ใหนกั เรยี น แตละกลุมทําใบงานที่ 1.1 เร่ือง การเขียน หลักรอย หลักสิบ หลักหนวย ตวั เลขฮินดอู ารบิก ตวั เลขไทย และตวั หนงั สอื แสดงจํานวนนับไมเ กนิ 1,000 และ 0 100 100 10 10 10 1 2. ครูใหนักเรียนแตละกลุมออกมานําเสนอ 100 10 10 10 1 หนาชั้นเรียน โดยนักเรียนท่ีเหลือชวยกัน ตรวจสอบความถูกตอ ง 3. ครูใหนักเรยี นศกึ ษาความรเู รือ่ ง การอา นและ การเขยี นตัวเลขฮินดูอารบิก ตวั เลขไทย และ ตัวหนังสือแสดงจํานวนนับในหนังสือเรียน คณติ ศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 4-5 จากนัน้ ครูและนักเรียนรวมกันสรุปเกี่ยวกับการอาน และการเขียนตัวเลขฮินดูอารบิก ตัวเลขไทย และตวั หนังสือแสดงจาํ นวนนบั ทไ่ี มเกิน 1,000 และ 0 3 รอย 6 สิบ 2 หนวย จากรูป เขยี นแทนดวยตวั เลขฮนิ ดอู ารบิก 362 เขียนแทนดว ยตวั เลขไทย ๓๖๒ เขียนแทนดวยตวั หนงั สอื สามรอยหกสบิ สอง 4 นักเรียนควรรู ขอสอบเนน การคิด 1 ตัวเลขฮินดูอารบิก เปนตัวเลขท่ีนิยมใชกันท่ัวโลก ซึ่งชาวฮินดูเปนผูคิด ขอ ใดเขยี นตวั เลขฮนิ ดอู ารบกิ ตวั เลขไทย และตวั หนงั สอื แสดง และชาวอาหรบั เปน ผนู ําไปเผยแพร จาํ นวนนับเดยี วกนั ไดถูกตอ ง 2 ตวั เลขไทย สนั นษิ ฐานวา พอ ขนุ รามคาํ แหงฯ เปน ผปู ระดษิ ฐข น้ึ มาในเวลา เดยี วกบั ประดษิ ฐต วั อกั ษรไทย เมือ่ พ.ศ. 1826 1. 987 ๙๘๗ เการอ ยเจ็ดแปด 3 ตวั หนงั สือ สัญลกั ษณแ ทนเสยี งหรอื คําพดู 2. 761 ๙๖๑ เจด็ รอ ยหกสบิ เอ็ด 3. 526 ๕๒๖ หา รอ ยยส่ี บิ หก (เฉลยคําตอบ ขอ 3. เพราะ 526 เขยี นแทนดว ยตวั เลขไทย คอื ๕๒๖ และเขียนแทนดว ยตวั หนงั สือ คือ หา รอ ยยีส่ ิบหก) T6
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ 5 รอย 3 สิบ 6 หนวย ขนั้ สอน จากรูป เขยี นแทนดว ยตัวเลขฮินดอู ารบิก 536 จดั การเรยี นรู้ เขยี นแทนดวยตัวเลขไทย ๕๓๖ เขยี นแทนดว ยตัวหนังสอื หารอ ยสามสบิ หก 4. ครูยกตวั อยางโดยตดิ ภาพบนกระดาน แลวให นักเรียนออกมาเขียนตัวเลขฮินดูอารบิก 10 1010 10101,00010101,00010101,00100101,00100101,00100101,00010101,00010101,001000110,00เท01า0ก01,บั 000 1,000 ตัวเลขไทย และตัวหนังสือแสดงจํานวนภาพ บนกระดาน 10 รอย 1 พั น 5. ครูขออาสาสมัครนักเรียนออกมาเขียนตัวเลข 1 พัน เขยี นแทนดวยตวั เลขฮนิ ดูอารบิก 1,000 ๑,๐๐๐ ฮนิ ดอู ารบกิ บนกระดาน แลว ใหน กั เรยี นทเี่ หลอื เขยี นแทนดวยตวั เลขไทย หน่ึงพัน แขง กนั ออกมาเขยี นตวั เลขไทย หรอื ตวั หนงั สอื เขยี นแทนดวยตวั หนงั สือ บนกระดาน ครจู ดั กจิ กรรมในทาํ นองเดียวกัน 1,000 เปน จาํ นวนที่มีสห่ี ลัก มี 1 อยทู างซายของหลักรอ ย แตใหอาสาสมัครเขียนตัวเลขไทย หรือ เปนเลขโดดในหลกั พัน ตวั หนังสอื แลวใหน ักเรยี นทเ่ี หลอื เขยี นตัวเลข ฮินดอู ารบกิ 6. ครูเขียนขอความบนกระดาน แลวใหนักเรียน ชวยกันอาน และเขียนตัวเลขแสดงจํานวน เชน • 7 รอย กบั 7 สบิ กบั 3 หนว ย (แนวตอบ 773 ๗๗๓ เจด็ รอ ยเจด็ สบิ สาม) • 5 รอ ย กบั 0 สบิ กบั 5 หนวย (แนวตอบ 505 ๕๐๕ หา รอยหา ) • 9 รอย กับ 4 สิบ กบั 6 หนว ย (แนวตอบ 946 ๙๔๖ เกา รอยส่สี บิ หก) ตัวอยา งท่ี 1 เขยี นตัวเลขฮินดูอารบิก ตัวเลขไทย และตัวหนังสือแสดงจํานวน จาํ นวน ตวั เลขฮินดูอารบกิ ตัวเลขไทย ตัวหนงั สือ 3 รอย กบั 8 สิบ กบั 1 หนว ย 381 ๓๘๑ สามรอยแปดสบิ เอ็ด 5 รอ ย กบั 0 สบิ กับ 8 หนวย 508 ๕๐๘ หา รอยแปด 7 รอ ย กบั 9 สิบ กบั 0 หนวย 790 ๗๙๐ เจด็ รอยเกา สิบ 5 ขอสอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู 2 รอย กับ 0 สิบ กับ 8 หนวย เขียนแสดงดวยตัวเลข ครอู าจจดั กิจกรรมเพมิ่ เตมิ โดยใหนักเรียนคนแรกออกมาเขยี นตวั เลขไทย ฮินดอู ารบกิ และตวั เลขไทยไดอ ยา งไร ที่ตนเองชอบบนกระดาน คนท่ีสองเขียนตัวเลขฮินดูอารบิก คนที่สามอาน ออกเสียง พรอ มทัง้ เขียนตวั หนงั สือแสดงจาํ นวนดงั กลาวลงในสมดุ ใหถ ูกตอง 1. 280 ๒๘๐ 2. 208 ๒๐๘ 3. 820 ๘๒๐ (เฉลยคาํ ตอบ ขอ 2. เพราะ 2 รอ ย กบั 0 สิบ กบั 8 หนวย เขยี นแทนดว ยตวั เลขฮนิ ดอู ารบกิ คอื 208 และตวั เลขไทย คอื ๒๐๘) T7
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ สอน กจิ กรรมพัฒนาความรู จดั การเรยี นรู้ อปุ กรณ บัตรตัวเลข 7. ครูใหนักเรียนจับคูกันแลวใหนักเรียนแตละ ตัวอยา งบตั รตัวเลข คูทํากิจกรรมพัฒนาความรูในหนังสือเรียน คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 6 โดยครู 300 501 810 611 392 แจกบัตรตัวเลขแสดงจํานวนไมเกิน 1,000 คูละ 10 ใบ และจัดกิจกรรมตามขั้นตอน 944 782 279 421 1,000 ในหนังสือเรียน จากนั้นครูทําหนาที่สังเกต การทํางานของนักเรียน และพูดกระตุนให วิธจี ัดกิจกรรม นกั เรยี นทุกคนมสี วนรว มในการทาํ กจิ กรรม 1) ใหนักเรียนจบั คูกับเพือ่ น แลวครูแจกบัตรตวั เลขแสดงจาํ นวนไมเ กิน 8. ครูใหนักเรียนคูเดิมทํากิจกรรมเพ่ือนชวย 1,000 คูล ะ 10 ใบ เพอ่ื นในหนงั สอื เรยี น คณติ ศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 6 2) ใหน กั เรยี น 1 คนในแตล ะคู หยบิ บตั รตวั เลขทคี่ รแู จกใหแ สดงใหค ขู องตนดู แลว ใหเ พอ่ื นอา นจาํ นวนดงั กลา ว และเขยี นเปน ตวั เลขไทยและตวั หนงั สอื 9. นักเรียนทํากิจกรรมฝกทักษะ ขอ 1-4 ลงในสมุด จากหนังสือเรียน คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 7 เปนการบา น 3) แตล ะคผู ลดั เปลยี่ นหนา ทก่ี นั จนครบท้งั 10 ใบ แลว รวบรวมสมุดสง ครู ขน้ั สรปุ เขียนตัวเลขฮนิ ดูอารบิก ตวั เลขไทย และตัวหนังสือแสดงจาํ นวนตอไปน้ี ลงในสมดุ สรปุ และนาํ หลกั การไปประยกุ ต์ใช้ 1) 1. ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรูเกี่ยวกับ การอานและการเขียนตัวเลขฮินดูอารบิก ตัวเลขไทย และตัวหนังสือแสดงจํานวนนับ ไมเ กิน 1,000 และ 0 2 รอย 4 สบิ 5 หนว ย 2) 8 รอ ย กับ 0 สิบ กับ 0 หนวย 3) 3 รอ ย กบั 1 สิบ กบั 7 หนวย 6 บูรณาการอาเซียน ขอสอบเนน การคิด ครูอธิบายเพ่ิมเติมวา ประเทศสมาชิกอาเซียนมีคําที่ใชแทนการนับ จาํ นวนใดบางท่ีอยูระหวาง 347 กบั 353 จํานวน 100 กบั 1,000 เปนภาษาของแตล ะประเทศ ดงั นี้ 1. 348 349 350 351 352 2. 347 348 349 350 351 จํานวน ไทย บรูไน ประเทศ อนิ โดนเี ซีย ลาว 3. 349 350 351 352 353 100 หน่งึ รอ ย เซอราตุส กมั พูชา เซอราตสุ หน่งึ รอย 1,000 หนงึ่ พนั เซอริบู มวยโรย เซอริบู หน่งึ พนั (เฉลยคําตอบ ขอ 1. เพราะจาํ นวนท่ตี อ จาก 347 คอื 348 349 มวยปวน 350 351 352) จํานวน มาเลเซยี เมียนมา ประเทศ สงิ คโปร เวยี ดนาม 100 เซอราตุส ติทยาร ฟลิปปน ส อไี ป โหมดจมั 1,000 เซอริบู ตทิ ท็อง อสิ าง ดาอัง อีเชียน โหมดหงิน่ อสิ าง ลโี บ T8
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ กิจกรรมฝกทักษะ ขนั้ สรปุ 1 เขียนตัวเลขฮนิ ดูอารบิก ตัวเลขไทย และตวั หนงั สอื แสดงจาํ นวนรูปตอไปนี้ สรปุ และนาํ หลกั การไปประยกุ ต์ใช้ รูป ฮนิ ตดัวูอเาลรขบกิ ตวั เลขไทย ตัวหนังสอื 2. ครูติดบัตรภาพบนกระดาน แลวใหนักเรียน อานและเขียนตัวเลขฮินดูอารบิก ตัวเลขไทย 1.10 1010 1001,000 11,000100 10101001000 1,010,010,000 และตัวหนงั สือแสดงจํานวนตามบตั รภาพ 2.21. .10 100 10 110,010001001100 110,010110,10001010,0010010010010,010,010,010,010,000 3. นักเรียนทําแบบฝกหัดในหนังสือแบบฝกหัด 2 เขยี นตวั เลขฮนิ ดูอารบกิ ตัวเลขไทย และตวั หนงั สอื แสดงจํานวน คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 เร่ือง การอา นและ การเขียนตัวเลขฮินดูอารบิก ตวั เลขไทย และ 1. 1 รอ ย กับ 3 สบิ กับ 2 หนวย ตวั หนังสอื แสดงจํานวนนับไมเกนิ 1,000 และ 2. 3 รอย กับ 1 สบิ กับ 7 หนวย 0 ลงในสมดุ เปน การบา น 3. 2 รอ ย กบั 5 สบิ กบั 5 หนว ย 4. ครูใหนักเรียนตอบคําถามในหัวขอ “ความรู 3 เขยี นตวั เลขไทยและตวั หนังสือแสดงจํานวน ทไ่ี ด” ในหนงั สือเรียน คณติ ศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 7 แลว รวมกนั เฉลยคําตอบ 1. 331 2. 898 3. 405 4. 776 ขน้ั ประเมนิ 4 เขียนตวั เลขฮินดูอารบิกและตัวหนังสอื แสดงจาํ นวน วดั และประเมนิ ผล 1. ๑๐๑ 2. ๖๘๐ 3. ๒๖๙ 4. ๗๑๑ 1. ครูประเมินผลโดยการสังเกตการตอบคําถาม ฝกทําตอใน และการรวมกนั ทาํ กิจกรรมกลุม บฝ.คณติ ศาสตร ป.2 เลม 1 2. ครูตรวจสอบผลจากการทําใบงานท่ี 1.1 เรือ่ ง การอานและการเขียนตัวเลขฮินดูอารบิก ตัวเลขไทย และตัวหนังสือแสดงจํานวนนับ ไมเ กนิ 1,000 และ 0 3. ครูตรวจสอบผลจากการทํากิจกรรมฝกทักษะ ในหนังสือเรียน และตรวจสอบผลการทํา แบบฝกหดั ในหนงั สอื แบบฝกหดั ความรทู ่ีได จาํ นวนทมี่ สี ามหลกั เลขโดดทางขวาสดุ อยใู นหลกั ใด เลขโดดทางซา ยทต่ี ดิ กบั หลกั หนว ยอยใู นหลกั ใด และเลขโดดทางซา ยทต่ี ดิ กบั หลกั สบิ อยใู นหลกั ใด 7 ขอ สอบเนน การคดิ แนวทางการวัดและประเมินผล ขอใดถูกตอ ง ครูสามารถวัดและประเมนิ ผลพฤตกิ รรมการทาํ งานกลมุ จากการทาํ ใบงาน 1. 1 รอ ย กบั 4 สบิ กับ 3 หนวย คือ 134 ที่ 1.1 เร่ือง การอา นและเขยี นตวั เลขฮินดอู ารบิก ตัวเลขไทย และตวั หนังสอื 2. 4 รอ ย กบั 7 สบิ กบั 1 หนว ย คอื 741 ของจํานวนนับไมเกนิ 1,000 และ0 โดยศกึ ษาเกณฑก ารวดั และการประเมนิ ผล 3. 9 รอย กับ 3 สบิ กบั 0 หนวย คอื 930 จากแบบประเมนิ ของแผนการจัดการเรียนรใู นหนวยการเรยี นรทู ่ี 1 (เฉลยคําตอบ ขอ 3. เพราะ แบบสังเกตพฤติกรรมการทางานกล่มุ ขอ 1. 1 รอ ย กับ 4 สิบ กับ 3 หนว ย คือ 143 ขอ 2. 4 รอ ย กับ 7 สิบ กับ 1 หนว ย คือ 471 คาช้แี จง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ลงในชอ่ งท่ี ขอ 3. 9 รอ ย กบั 3 สบิ กับ 0 หนว ย คอื 930) ตรงกับระดบั คะแนน ลาดบั ท่ี ชื่อ – สกลุ การแสดง การยอมรับ การทางาน ความมีน้าใจ การมี รวม ของนกั เรยี น ความคิดเหน็ ฟงั คนอ่ืน ตามท่ีไดร้ ับ สว่ นร่วมใน 15 มอบหมาย การปรบั ปรงุ คะแนน ผลงานกล่มุ 321321321321321 เกณฑ์การให้คะแนน ลงชอื่ ...................................................ผปู้ ระเมนิ ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสมา่ เสมอ ............../.................../............... ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง ให้ 3 คะแนน ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมบางครัง้ ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ตา่ กวา่ 8 ปรบั ปรงุ T9
นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั นาํ (Discovery Method) 2. ¡ÒùºÑ ·ÅÕ Ð 2 ·ÅÕ Ð 5 ·ÅÕ Ð 10 30 31 32 33 34 35 36 ໚¹¡ÒùѺ¨íҹǹà¾èÔÁ¢Öé¹·ÕÅÐ นาํ เขา้ สบู ทเรยี น áÅзÅÕ Ð 100 à·‹Òã´ 1. ครูทบทวนความรูโดยขออาสาสมัครนักเรียน 2.1 การนับเพม่ิ หรือนับลดทลี ะ 2 ออกมาเขียนตัวเลขฮินดูอารบิก ตัวเลขไทย หรือตัวหนังสือแสดงจํานวนนับบนกระดาน ตวั อยา งท่ี 2 แลวใหนักเรียนท่ีเหลือชวยกันอานจํานวนท่ี เพอ่ื นเขียน 201 203 205 207 2. ครูใหนักเรียนตอบคําถามทบทวนความรูเดิม 201 + 2 203 + 2 205 + 2 มุมขวาบนในหนังสือเรียน คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 8 จากจํานวนขางตนเปนการนบั เพ่ิมทีละ 2 โดยเร่มิ จาก 201 (แนวตอบ เปน การนบั จาํ นวนเพ่ิมขน้ึ ทีละ 1) ตัวอยางที่ 3 ขน้ั สอน 364 362 360 358 สอน 364 - 2 362 - 2 360 - 2 1. ครูถามนักเรียนวา ถาเรานับส่ิงของตาง ๆ โดยนับเพิ่มทีละ 2 นักเรียนจะสามารถนับได จากจาํ นวนขางตน เปน การนับลดทลี ะ 2 โดยเริ่มจาก 364 อยางไร (แนวตอบ 2, 4, 6, 8, 10, …) 2.2 การนับเพ่ิมหรอื นับลดทลี ะ 5 2. ครแู บง นกั เรยี นเปน กลมุ กลมุ ละ 4 คน คละกนั ตัวอยางที่ 4 ตามความสามารถ แลวแจกตารางตัวเลข 1-100 ใหแตละกลุม จากนั้นใหระบายสี 273 278 283 288 ในตารางท่ีนับเพิ่มทีละ 2 นับลดทีละ 2 นับ เพ่มิ ทีละ 5 นบั ลดทลี ะ 5 โดยครเู ปนผกู าํ หนด 273 + 5 278 + 5 283 + 5 จาํ นวนเร่มิ ตน จากจํานวนขางตนเปนการนับเพ่ิมทลี ะ 5 โดยเรม่ิ จาก 273 3. ถาเราเร่ิมนับโดยนับเพ่ิมทีละ 5 นักเรียน จะสามารถนบั ไดอยางไร 8 (แนวตอบ 5, 10, 15, 20, 25, …) 4. ครูใหน ักเรียนแตละกลุมทาํ ใบงานท่ี 1.2 เรอ่ื ง การนับทีละ 2 และทีละ 5 เม่ือเสร็จแลว ใหแตละกลุมออกมานําเสนอหนาช้ันเรียน โดยนักเรียนท่ีเหลือชวยกันตรวจสอบความ ถูกตอง จากนั้นครูและนักเรียนรวมกันเฉลย กจิ กรรมในใบงานที่ 1.2 ขอสอบเนน การคดิ 790 788 786 จาํ นวนใน คอื จํานวนใด และเปนการนบั เพิ่มหรือนับลดทลี ะเทาใด 1. 784 และ 786 เปน การนับเพมิ่ ทีละ 2 2. 791 และ 796 เปน การนบั เพ่ิมทลี ะ 5 3. 784 และ 782 เปน การนับลดทีละ 2 (เฉลยคําตอบ ขอ 3. เพราะ 790 788 786 เปนการนบั ลด ทีละ 2 และจํานวนถัดไป คอื 784 และ 782) T10
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ตัวอยา งท่ี 5 ขน้ั สอน 922 917 912 907 สอน 922 - 5 917 - 5 912 - 5 5. ครูใหนักเรียนศึกษาความรูเร่ือง การนับเพ่ิม หรอื การนบั ลดทลี ะ 2 และทลี ะ 5 ในหนงั สือ- จากจาํ นวนขางตนเปนการนับลดทีละ 5 โดยเริ่มจาก 922 เรียน คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 8-9 จากนนั้ ครูใหน ักเรยี นจบั คกู ันแลว ทาํ กิจกรรม พจิ ารณาจาํ นวนในแตล ะขอ วา เปน การนับเพิม่ หรือนับลดทีละเทาใด เพอ่ื นชวยเพ่อื นในหนังสอื เรยี น หนา 9 และเรม่ิ จากจาํ นวนใด 6. ครูและนักเรียนรวมกันสรุปสิ่งท่ีไดเรียนรู 1) 140 142 144 146 148 รว มกนั ดงั นี้ 2) 648 653 658 663 668 - การนับเพ่ิมทีละ 2 เปนการบวกเพิ่มจาก 3) 472 477 482 487 492 จํานวนเรม่ิ ตน ทีละ 2 เชน 366 368 370 4) 319 317 315 313 311 372 374 5) 578 573 568 563 558 - การนับลดทีละ 2 เปนการลบออกจาก จํานวนเริม่ ตนทลี ะ 2 เชน 966 964 962 2.3 การนบั เพ่มิ หรือนับลดทลี ะ 10 960 958 - การนับเพ่ิมทีละ 5 เปนการบวกเพ่ิมจาก ตวั อยางท่ี 6 จํานวนเร่ิมตนทลี ะ 5 เชน 560 565 570 575 580 - การนับลดทีละ 5 เปนการลบออกจาก จาํ นวนเริม่ ตนทีละ 5 เชน 960 955 950 945 940 123 133 143 153 123 + 10 133 + 10 143 + 10 จากจํานวนขางตนเปน การนบั เพมิ่ ทีละ 10 โดยเริ่มจาก 123 9 กิจกรรม ทาทาย เกร็ดแนะครู ขอ 1 440 443 444 446 448 ครูอธิบายเพิ่มเติมใหนักเรียนไดเห็นถึงการนับเพิ่มทีละ 2 และทีละ 5 ขอ 2 667 657 647 637 617 โดยใชอ วยั วะภายนอกของรา งกายตวั เอง เชน ครถู ามนกั เรยี นวา อวยั วะของเรา ขอ 3 789 787 786 783 781 มอี ะไรบางท่ีมีจํานวนสอง (แนวตอบ ตา ขา แขน หู) ครถู ามนักเรยี นวา ถาเรา ขอ 4 820 815 800 790 780 นบั สิ่งของตางๆ โดยนับเพม่ิ ทลี ะ 2 นกั เรียนจะสามารถนับไดอ ยางไร (แนวตอบ ใหนักเรียนพิจารณาจํานวนในตารางวา แตละขอเปนการนับ 2, 4, 6, 8, 10, 12, …) และครถู ามนักเรียนตอ วา อวัยวะของเรามีอะไรบางท่มี ี เพ่ิมหรือเปนการนับลดทีละเทาใด และมีจํานวนใดท่ีนับไมถูกตอง จาํ นวนหา (แนวตอบ นวิ้ มอื ขา งซา ยและนว้ิ มอื ขา งขวา) ครถู ามนกั เรยี นวา ถา เรา ใหนักเรยี นแกไขใหถ กู ตอ งโดยเขยี นลงในสมดุ นับเพิม่ ทลี ะ 5 สามารถนับไดอ ยางไร (แนวตอบ 5, 10, 15 , 20, 25, ...) T11
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั สอน ตัวอยา งที่ 7 สอน 444 434 424 414 7. ครกู ําหนดจาํ นวนนับ 4-5 จาํ นวน ที่เปน การ 444 - 10 434 - 10 424 - 10 นบั เพม่ิ ทลี ะ 2 นบั ลดทีละ 2 นับเพ่ิมทลี ะ 5 จากจาํ นวน1ขางตน เปน การนบั ลดทลี ะ 10 โดยเรมิ่ จาก 444 และนบั ลดทลี ะ 5 โดยใหน กั เรยี นบอกจาํ นวน ถดั ไปทีละคน 3-4 คน ตามลําดับ 2.4 การนบั เพม่ิ หรอื นับลดทีละ 100 8. เมอื่ ครใู หน กั เรยี นนบั เพม่ิ ทลี ะ 10 และนบั เพมิ่ ตวั อยางท่ี 8 ทลี ะ 100 นกั เรยี นจะมีวธิ นี ับอยา งไร (แนวตอบ นับเพ่มิ ทีละ 10 ใหบ วกเพ่มิ ทลี ะ 10 200 300 400 500 เร่ิมจากจํานวนแรก และนับเพ่ิมทีละ 100 200 + 100 300 + 100 400 + 100 ใหบวกเพิ่มทีละ 100 เร่ิมจากจํานวนแรก เชน กนั ) จากจํานวนขา งตน เปน การนบั เพ่มิ ทีละ 100 โดยเร่ิมจาก 200 9. ครูใหนักเรียนจับกลุมศึกษาความรูเร่ือง ตวั อยา งท่ี 9 การนับเพิ่มหรือการนับลดทีละ 10 ทีละ 100 ในหนังสือเรียน คณิตศาสตร ป.2 1,000 900 800 700 เลม 1 หนา 9-10 และใหน กั เรยี นแตล ะกลมุ ทาํ 1,000 - 100 900 - 100 800 - 100 ใบงานที่ 1.3 เรอ่ื ง การนบั ทลี ะ 10 และทลี ะ 100 เม่ือเสร็จแลวใหแตละกลุมออกมานําเสนอ จากจํานวนขางตน เปน การนับลดทีละ 100 โดยเรมิ่ จาก 1,000 หนาชั้นเรียน โดยนักเรียนท่ีเหลือชวยกัน ตรวจสอบความถกู ตอ ง 10 10. ครูและนักเรียนรวมกันสรุปสิ่งที่ไดเรียนรู รว มกนั ดงั นี้ - การนบั เพ่ิมทลี ะ 10 เปนการบวกเพม่ิ จาก จาํ นวนเรม่ิ ตน ทลี ะ 10 เชน 466 476 486 496 506 - การนับลดทีละ 10 เปนการลบออกจาก จาํ นวนเรม่ิ ตน ทลี ะ 10 เชน 860 850 840 830 820 - การนับเพ่ิมทีละ 100 เปนการบวกเพ่ิม จากจํานวนเร่ิมตนทีละ 100 เชน 561 661 761 861 961 - การนับลดทลี ะ 100 เปนการลบออกจาก จํานวนเรมิ่ ตน ทีละ 100 เชน 944 844 744 644 544 นักเรียนควรรู ขอสอบเนน การคดิ 1 จํานวน ใชบอกปริมาณ เชน ดินสอ 2 แทง และบอกลําดับท่ี เชน 113 118 123 128 อีก 3 จํานวนถัดไปคอื จํานวนใด สอบไดคะแนนเปน ลาํ ดบั ที่ 13 ของหอ ง 1. 133 138 143 2. 133 134 135 3. 133 143 153 (เฉลยคาํ ตอบ ขอ 1. เพราะ 113 118 123 128 เปนการนบั เพ่มิ ทลี ะ 5 ดงั น้นั 3 จาํ นวนถัดไป คือ 133 138 143) T12
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ กจิ กรรมพฒั นาความรู ขนั้ สอน อุปกรณ บัตรตวั เลข สอน วิธีจัดกจิ กรรม 11. ครูใหนักเรียนจับคูกันแลวใหนักเรียนทํา กิ จ ก ร ร ม พั ฒ น า ค ว า ม รู ใ น ห นั ง สื อ เ รี ย น 1) ใหน กั เรียนจบั คกู บั เพอื่ น แลวสงตวั แทนออกมาหยบิ บตั รตัวเลข คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 11 โดยให แสดงจํานวนไมเกิน 1,000 คูละ 3 จาํ นวน สงตัวแทนออกมาหยิบบัตรตัวเลขแสดง จํานวนไมเกิน 1,000 คูละ 3 จํานวน และ 2) จากบตั รตวั เลขทไี่ ดใ หน ักเรียนชวยกันเขยี นจาํ นวนแสดงการนับ จัดกิจกรรมตามข้ันตอนทกี่ าํ หนด จากนนั้ ครู เพิม่ ทลี ะ 2 ทีละ 5 ทีละ 10 ทลี ะ 100 และนับลดทลี ะ 2 ทลี ะ 5 ทาํ หนา ท่สี งั เกตการทํางานของนกั เรยี น และ ทีละ 10 ทลี ะ 100 โดยเรมิ่ นบั จากจาํ นวนในบัตรตัวเลขลงในสมดุ เชน พดู กระตนุ ใหน กั เรยี นทกุ คนมสี ว นรว มในการ ถาจาํ นวนในบตั รตัวเลขของนกั เรียนเปน 232 จะเขียนจํานวนแสดง ทํากจิ กรรม การนับเพม่ิ ทีละ 2 ดังน้ี 232 234 236 238 240 12. ครูใหนักเรียนจับคูกัน แลวทํากิจกรรม 3) เสรจ็ แลว นาํ สมดุ สงครูผูสอนตรวจสอบความถูกตอง เพ่อื นชว ยเพ่ือนในหนงั สอื เรยี น คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 11 และเฉลยพรอมกัน พิจารณาจํานวนในแตล ะขอวา เปน การนับเพ่ิม1หรือนบั ลด2ทลี ะเทา ใด ในช้ันเรยี น และเริม่ จากจํานวนใด 1) 457 467 477 487 497 2) 400 500 600 700 800 3) 955 945 935 925 915 4) 344 444 544 644 744 5) 912 812 712 612 512 6) 880 890 900 910 920 7) 951 851 751 651 551 8) 528 518 508 498 488 11 ขอ สอบเนน การคดิ นักเรียนควรรู 876 886 906 926 จํานวนที่หายไป 1 การนับเพิ่ม เปน การบวกเพ่มิ จากจํานวนทกี่ าํ หนดทีละเทาๆ กัน คือขอใด 2 การนับลด เปนการลบออกจากจํานวนที่กาํ หนดทลี ะเทาๆ กนั 1. 936 916 896 2. 916 936 896 3. 896 916 936 (เฉลยคาํ ตอบ ขอ 3. เพราะ 876 886 896 906 916 926 936 เปน การนับเพ่มิ ทลี ะ 10) T13
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ สอน กิจกรรมฝกทักษะ ฝก ทกั ษะ จาํ นวนในแตละขอ ตอ ไปนี้ เปนการนบั เพ่ิมหรอื นับลดทีละเทา ใด 1. ครใู หน กั เรยี นทาํ กจิ กรรมฝก ทกั ษะ ในหนงั สอื - 1. 916 918 920 922 924 เรียน คณติ ศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 12 โดยครู 2. 736 741 746 751 756 และนกั เรียนรวมกนั เฉลยคําตอบ 3. 518 508 498 488 478 4. 244 239 234 229 224 2. ครใู หน กั เรยี นทาํ แบบฝก หดั เรอื่ ง การนบั ทลี ะ 2 5. 502 402 302 202 102 ทลี ะ 5 ทีละ 10 และทีละ 100 ในแบบฝก หัด 6. 350 360 370 380 390 คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 เปนการบาน 7. 115 215 315 415 515 8. 218 216 214 212 210 ขนั้ สรปุ ฝกทาํ ตอใน สรปุ บฝ.คณติ ศาสตร ป.2 เลม 1 1. ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรูเก่ียวกับ ความรทู ่ีได การนับทีละ 2 ทีละ 5 ทลี ะ 10 และทลี ะ 100 1. ยกตัวอยางการนับเพม่ิ ทลี ะ 2 และการนบั ลดทีละ 2 มา 5 จํานวน 2. ยกตัวอยางการนับเพิ่มทลี ะ 5 และการนับลดทีละ 5 มา 5 จาํ นวน 2. ครูใหนักเรียนตอบคําถามในกรอบ “ความรู 3. ยกตัวอยางการนบั เพิม่ ทีละ 10 และการนับลดทีละ 10 มา 5 จาํ นวน ทีไ่ ด” ในหนังสอื เรยี น คณติ ศาสตร ป.2 เลม 1 4. ยกตัวอยา งการนบั เพิ่มทลี ะ 100 และการนับลดทลี ะ 100 มา 5 จาํ นวน หนา 12 ขน้ั ประเมนิ 1. ครูประเมินผลโดยการสังเกตพฤติกรรมการ ทํางานรายบุคคลและการรวมกันทํากิจกรรม กลมุ 2. ครูตรวจสอบผลจากการทาํ ใบงานที่ 1.2 เรอ่ื ง การนบั ทีละ 2 และทีละ 5 3. ครตู รวจสอบผลจากการทําใบงานท่ี 1.3 เรอ่ื ง การนับทีละ 10 และทีละ 100 4. ครูตรวจสอบผลจากการทํากิจกรรมฝกทักษะ ในหนังสือเรียน และทําแบบฝกหัดในหนังสือ แบบฝก หดั 12 แนวทางการวัดและประเมินผล กิจกรรม สรางเสริม ครูสามารถวัดและประเมินพฤติกรรมการทํางานกลุมจากการทําใบงานที่ 1. ครแู บง นกั เรยี นเปน กลมุ กลมุ ละ 3-4 คน แลว ใหก ลมุ แรกกาํ หนด 1.2 เรอื่ ง การนบั ทลี ะ 2 และทลี ะ 5 และจากการทําใบงานท่ี 1.3 เร่ือง การนบั จํานวน 1 จํานวน โดยเขียนบนกระดานและมีคําสั่งระบุวา ทีละ 10 และทีละ 100 โดยศึกษาเกณฑการวัดและการประเมินผลจากแบบ ใหน บั เพมิ่ หรอื นบั ลดทลี ะเทา ใด จากนน้ั ใหก ลมุ ท่ี 2 บอกจาํ นวน ประเมนิ ของแผนการจัดการเรียนรใู นหนวยการเรยี นรูที่ 1 ถดั ไปอีก 3 จาํ นวน แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานกลุม่ 2. ใหน กั เรยี นทงั้ สองกลมุ สลบั หนา ทกี่ นั กลมุ ใดตอบไดถ กู ตอ งและ มคี ะแนนมากทีส่ ุด กลมุ นั้นชนะ คาชแ้ี จง : ให้ผสู้ อนสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ลงในช่องท่ี ตรงกบั ระดับคะแนน ลาดับที่ ช่ือ – สกุล การแสดง การยอมรับ การทางาน ความมีนา้ ใจ การมี รวม ของนกั เรียน ความคิดเห็น ฟงั คนอืน่ ตามท่ีได้รบั ส่วนรว่ มใน 15 มอบหมาย การปรบั ปรงุ คะแนน ผลงานกลุม่ 321321321321321 เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ลงชอื่ ...................................................ผู้ประเมนิ ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤติกรรมอย่างสมา่ เสมอ ............../.................../............... ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤติกรรมบ่อยครัง้ ให้ 3 คะแนน ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤติกรรมบางครัง้ ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ต่ากว่า 8 ปรบั ปรุง T14
นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ 3. ¨Òí ¹Ç¹¤‹Ù ¨Òí ¹Ç¹¤Õè ¨Ò¡ÃÙ» ¨Ñº¤Ù‹´Í¡äÁŒä´Œ¡èÕ¤Ù‹¤ÃѺ ขน้ั นาํ (Discovery Method) 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 นาํ เขา้ สบู ทเรยี น 1. ครูทบทวนความรูโดยกําหนดจํานวนเริ่มตน แลวใหนักเรียนยกตัวอยางจํานวนที่นับเพิ่มที ละ 2 ทลี ะ 5 ทีละ 10 และทลี ะ 100 และจัด กิจกรรมทํานองเดียวกันแตใหนักเรียนบอก จาํ นวนเรมิ่ ตน แลว นกั เรยี นทเ่ี หลอื บอกจาํ นวน ทนี่ ับลดทีละ 2 ทลี ะ 5 ทลี ะ 10 และทลี ะ 100 2. ครูใหนักเรียนตอบคําถามทบทวนความรูเดิม มุมขวาดานบนในหนังสือเรียน คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 13 (แนวตอบ จบั คูด อกไมไดทง้ั หมด 3 คู) จากรูป ขน้ั สอน ไขไก 1 ฟอง 3 ฟอง 5 ฟอง 7 ฟอง และ 9 ฟอง เม่ือนํามาจดั เปนคู จะเหลอื ไขไก 1 ฟอง สอน เรียกจํานวน 1 3 5 7 และ 9 เปน จํานวนค่ี ไขไ ก 2 ฟอง 4 ฟอง 6 ฟอง 8 ฟอง และ 10 ฟอง เมอ่ื นํามาจดั เปน คู 1. ครูใหนักเรียนยกมือทงั้ สองขา ง แลว ตัง้ คาํ ถาม จะเหลือไขไ ก 0 ฟอง หรือครบคพู อดี วา ถาเราจบั คูน ว้ิ มอื ของเราจะจบั คไู ดก่คี ู เรียกจาํ นวน 2 4 6 8 และ 10 เปน จํานวนคู (แนวตอบ 5 คู) จาํ นวนคแู ละจาํ นวนค่ี 2. นักเรียนแบง กลุม กลุม ละ 4 คน โดยคละกัน ตามความสามารถ แลวครูตั้งคําถามและให 13 เวลาแตละกลุมคิดคําตอบขอละ 1-2 นาที กลุมท่ีไดคําตอบแลวใหยกมือเพื่อตอบคําถาม ถาคําตอบถูกตองไดขอละ 1 คะแนน เชน แมม ไี กไขอยู 2 ตวั ไกไ ขตัวแรกออกไขว ันละ 3 ฟอง และไกไ ขต วั ทสี่ องออกไขว ันละ 2 ฟอง ถาแมต องการจัดไขไกท้งั หมดเปนคู แมจ ะจัด ไดอยา งไร (แนวตอบ แมจ ัดไขไกเปน คไู ด 2 คู และเหลอื เศษ 1 ฟอง) 3. ครูใหนักเรียนในกลุมจับคูกันศึกษาความรู เร่ือง จํานวนคู จํานวนคี่ ในหนังสือเรียน คณติ ศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 13-14 เสร็จแลว ครูสุมนักเรียนออกมาอธิบาย พรอมท้ัง ยกตัวอยาง ขอสอบเนน การคิด สื่อ Digital (1) 55 61 77 93 103 ครูเปด สือ่ การเรียนรเู รือ่ ง จาํ นวนคู จาํ นวนคี่ ในหนังสือเรยี น คณติ ศาสตร (2) 32 66 88 108 222 ป.2 เลม 1 หนา 13 ใหนักเรียนดดู วยการสแกน QR Code (3) 25 73 99 231 445 ขอใดไมถ ูกตอ ง 1. ขอ (1) เปนจํานวนค่ที ง้ั หมด 2. ขอ (2) เปน จาํ นวนคทู ้งั หมด 3. ขอ (3) มจี าํ นวนคู 2 จํานวน มีจาํ นวนคี่ 3 จํานวน (เฉลยคําตอบ ขอ 3. เพราะ 25 73 99 231 445 และ ทกุ จาํ นวนเปนจํานวนค่)ี T15
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ สอน ตัวอยา งท่ี 10 สอน พจิ ารณาจํานวนตอไปนว้ี า เปนจาํ นวนคหู รือจาํ นวนค่ี 4. ครูใหนักเรียนคูเดิมชวยกันทํากิจกรรมเพ่ือน 13 1010 1011001010011001100101001010,1100,0101101,110,010100,101,01010,101,0010,10,0010,10,0010,000 ชวยเพอ่ื น ในหนังสอื เรียน คณติ ศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 15 โดยแตละคนทําลงในสมุด จากรปู เมื่อจดั เปน คแู ลว เหลือ 1 ดงั น้นั 13 เปนจํานวนค่ี เสรจ็ แลว นํามาสงครูผูสอน 22 1010 10110011001010011001010011001001,001,010010010,001,100010010,0001,100010001,0001,100010010,0001,0100010100,01,1001001,0001,001001,0001,00100,100,001,010,010,10,0 5. ครูใหนักเรียนแตกลุมทําใบงานท่ี 1.4 เรื่อง จาํ นวนคู จํานวนค่ี เม่อื เสรจ็ แลวใหแตละกลุม จากรปู เมอ่ื จัดเปน คแู ลว ครบคูพ อดี ดงั นัน้ 22 เปนจํานวนคู ออกมานาํ เสนอหนา ชน้ั เรยี น โดยครตู รวจสอบ ความถูกตอ ง จากตัวอยางที่ 10 นกั เรยี นจะเห็นวา จาํ นวนทม่ี หี ลกั หนว ยเปน จาํ นวนคี่ จาํ นวนนั้นจะเปน จาํ นวนคด่ี ว ย และจาํ นวนทม่ี หี ลกั หนว ยเปนจาํ นวนคู 6. ครูและนักเรียนรวมกันสรุปจากการทําใบงาน จาํ นวนนนั้ จะเปนจํานวนคดู วย วา จํานวนคู เปน จํานวนทีน่ บั ทลี ะ 2 หรือจดั เปนคูแลวไมเหลือเศษ จํานวนคี่ เปนจํานวน กจิ กรรมพัฒนาความรู ทน่ี บั ทลี ะ 2 หรือจดั เปนคูแลวเหลอื เศษ 1 อุปกรณ บตั รตวั เลข 0 ถงึ 9 วธิ จี ัดกิจกรรม 7. ครตู ดิ บตั รตวั เลขบนกระดาน แลว ครตู งั้ คาํ ถาม 1) ใหน กั เรยี นจดั กลมุ กลมุ ละ 3 คน แลว ใหแ ตล ะกลมุ ทาํ บตั รตวั เลข 0 ถงึ 9 กับนักเรียนวา จํานวนนั้นเปนจํานวนคูหรือ 2) ใหสมาชิกในกลุมจบั บัตรตวั เลขคนละ 1 ใบ แลว นาํ ตวั เลขทแ่ี ตล ะคน จํานวนค่ี และมีวิธพี จิ ารณาอยา งไร (แนวตอบ พจิ ารณาตวั เลขในหลกั หนว ย ถา เปน จับไดมาเขียนเปน จาํ นวนท่มี สี ามหลักลงในกระดาษ A4 0, 2, 4, 6, 8 จํานวนน้ันเปน จาํ นวนคู แตถา 3) ชว ยกันพจิ ารณาจาํ นวนดงั กลา ววาเปนจาํ นวนคูหรอื จาํ นวนคี่ ตวั เลขในหลกั หนว ยเปน 1, 3, 5, 7, 9 จาํ นวนนน้ั 4) ทาํ กจิ กรรมซา้ํ ขอ 2) - 3) อกี 9 รอบ จากนนั้ ใหแ ตล ะกลมุ นาํ เสนอผลงาน เปนจาํ นวนคี)่ หนาชั้นเรียน แลวสง ครผู ูสอน 8. ครแู บง นกั เรยี นเปน กลมุ กลมุ ละ 3 คน จากนนั้ ครูใหนักเรียนแตละกลุมทํากิจกรรมพัฒนา 14 ความรใู นหนงั สอื เรยี น คณติ ศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 14 โดยครูแจกอุปกรณและจัดกิจกรรม ตามขน้ั ตอนทห่ี นังสอื เรียนกําหนด เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคิด ครูอาจจัดกิจกรรมใหนักเรียนเลนเกม โดยใหแตละกลุมแขงขันกันบอก ขอใดถกู ตอ ง สิ่งของท่ีอยูในชีวิตประจําวันของนักเรียนที่มีการใชงานเปนคู หากกลุมใดบอก 1. 128 424 และ 320 เปน จํานวนคูท้งั หมด ไดมากท่ีสดุ จะเปน กลมุ ชนะ 2. 341 742 และ 553 เปน จํานวนคท่ี ั้งหมด 3. 479 979 และ 897 มีบางจาํ นวนเปน จาํ นวนคู (เฉลยคําตอบ ขอ 1. เพราะ 128 424 และ 320 มีเลขโดดใน หลักหนวยเปน 8, 4, 0 ตามลาํ ดับ ซง่ึ เปน จํานวนคูทั้งสามจาํ นวน) T16
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ 1. พจิ ารณาจํานวนตอ ไปนี้ แลว บอกวาจาํ นวนใดบางเปน จํานวนคู ขน้ั สอน 110 402 301 502 711 919 808 244 606 777 ฝก ทกั ษะ 2. เติมเลขโดดในหลกั หนว ยเพอื่ ใหไดซ งึ่ จํานวนคู ครใู หน กั เรยี นทาํ กจิ กรรมฝก ทกั ษะ ในหนงั สอื - เรียน คณติ ศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 15 โดยครู 70 51 62 91 84 62 54 และนักเรียนรวมกันเฉลยคําตอบ จากน้ันให นักเรียนทําแบบฝกหัดเร่ือง จํานวนคู จํานวนค่ี 3. เติมเลขโดดในหลักหนวยเพอื่ ใหไ ดซ ง่ึ จาํ นวนคี่ ในแบบฝกหัด คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 เปน การบาน 61 28 39 52 71 85 92 ขน้ั สรปุ กิจกรรมฝกทักษะ สรปุ 1 พิจารณาจาํ นวนตอ ไปน้ี แลว ตอบคาํ ถาม 1. ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรูเก่ียวกับ 151 242 720 399 715 จํานวนคูและจํานวนคี่ โดยครูถามคําถาม 134 613 646 388 927 นักเรยี น ดังน้ี • จํานวนท่ีสามารถนํามาจดั เปนคู แลว ครบคู 1. จํานวนใดบางเปน จํานวนคู พอดีหรือเหลือเศษ 0 เรยี กวาจํานวนอะไร 2. จํานวนใดบางเปนจํานวนค่ี (แนวตอบ จาํ นวนคู) 3. จาํ นวนคจู ากขอ 1. มีเลขโดดในหลักหนว ยเปนเลขโดดใดบาง • จํานวนที่สามารถนํามาจัดเปนคู แลวเหลือ 4. จาํ นวนคจ่ี ากขอ 2. มีเลขโดดในหลกั หนว ยเปนเลขโดดใดบาง เศษ 1 เรยี กวาจํานวนอะไร (แนวตอบ จาํ นวนค่)ี 2 สรา งจาํ นวนจากเลขโดดท่กี ําหนด โดยเลขโดดในแตล ะหลกั ตองไมซํา้ กนั 1. สรา งจํานวนคีท่ ม่ี ีสามหลักจากเลขโดด 2, 1, 9 2. ครูเขียนตัวเลขแสดงจํานวน 4-5 จํานวน ให 2. สรางจาํ นวนคทู มี่ ีสามหลกั จากเลขโดด 0, 4, 9 นกั เรยี นพจิ ารณาวา จาํ นวนใดบา งเปน จาํ นวน คแู ละจํานวนใดบา งเปนจาํ นวนคี่ เชน ฝกทําตอ ใน 372 591 723 690 795 784 บฝ.คณติ ศาสตร ป.2 เลม 1 (แนวตอบ จาํ นวนคู คือ 372, 690, 784 และ จํานวนค่ี คือ 591, 723, 795) 15 ขนั้ ประเมนิ 1. ครูประเมินผลโดยการสังเกตการตอบคําถาม และการรว มกันทํากจิ กรรมกลุม 2. ครตู รวจสอบผลจากการทําใบงานที่ 1.4 เรื่อง จํานวนคู จาํ นวนค่ี 3. ครูตรวจสอบผลจากการทํากิจกรรมฝกทักษะ ในหนังสือเรียน และทาํ แบบฝกหดั ในหนังสอื แบบฝก หัด ขอสอบเนน การคดิ แนวทางการวัดและประเมินผล 243 267 572 598 725 714 838 มีจํานวนคี่และจํานวนคู ครูสามารถวัดและประเมินพฤติกรรมการทํางานกลุมจากการทําใบงาน อยางละก่จี ํานวน ท่ี 1.4 เร่ือง จํานวนคู จํานวนคี่ โดยศึกษาเกณฑการวัดและการประเมินผล จากแบบประเมินของแผนการจดั การเรียนรูในหนวยการเรียนรทู ี่ 1 1. จํานวนค่ี 4 จํานวนคู 3 2. จํานวนคี่ 3 จาํ นวนคู 4 แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางานกลมุ่ 3. จํานวนคี่ 2 จาํ นวนคู 5 คาชีแ้ จง : ใหผ้ สู้ อนสงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ลงในช่องท่ี (เฉลยคําตอบ ขอ 2. เพราะจาํ นวนคี่ คือ 243 267 725 และ ตรงกับระดับคะแนน จาํ นวนคู คือ 572 598 714 838) ลาดับที่ ช่อื – สกุล การแสดง การยอมรับ การทางาน ความมนี า้ ใจ การมี รวม ของนักเรียน ความคดิ เหน็ ฟงั คนอ่นื ตามทไี่ ด้รับ ส่วนร่วมใน 15 มอบหมาย การปรับปรงุ คะแนน ผลงานกลุ่ม 321321321321321 เกณฑก์ ารให้คะแนน ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมนิ ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมอย่างสมา่ เสมอ ............../.................../............... ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤติกรรมบ่อยครง้ั ให้ 3 คะแนน ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมบางคร้งั ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ตา่ กว่า 8 ปรับปรุง T17
นาํ นาํ สอน สรุป ประเมนิ ขน้ั นาํ (กระบวนการกลมุ สมั พนั ธ) 4. ËÅ¡Ñ 1 ¤Ò‹ ¢Í§àŢⴴ2 85 58 ¤‹Ò¢Í§ 5 áÅÐ 8 㹨íҹǹ·éѧÊͧÁÕ¤‹Ò෋ҡѹ นาํ เขา สบู นเรยี น ã¹áµ‹ÅÐËÅÑ¡áÅСÒÃà¢ÂÕ ¹ ËÃ×ÍäÁ‹ 1. ครูทบทวนความรูโดยสุมนักเรียนใหบอกวา µÑÇàÅ¢áÊ´§¨Òí ¹Ç¹ã¹Ã»Ù ¡ÃШÒ จํานวนทคี่ รูกาํ หนดเปน จาํ นวนคูหรือจํานวนคี่ 4.1 หลักและคาของเลขโดดในแตล ะหลัก 2. ครูใหนักเรียนตอบคําถามทบทวนความรูเดิม มุมขวาดานบนในหนังสือเรียน คณิตศาสตร หลักรอ ย หลกั สบิ หลักหนวย หลักรอย หลักสิบ หลักหนว ย 363 ป.2 เลม 1 หนา 16 (แนวตอบ ไมเทากนั ) 363 ขนั้ สอน จาํ นวน 363 มคี าของเลขโดดในแตล ะหลกั ดงั นี้ จดั การเรยี นรู 3 อยูในหลกั หนวย มคี า เปน 3 6 อยใู นหลกั สิบ มคี าเปน 60 1. ครตู ดิ บตั รตวั เลขแสดงจาํ นวนนบั ไมเ กนิ 1,000 3 อยใู นหลกั รอ ย มคี า เปน 300 บนกระดาน แลวใหนักเรียนบอกวาเลขโดด แตล ะตัวอยใู นหลักใด และมีคาเทาใด หลักพนั หลักรอ ย หลักสิบ หลักหนวย หลกั พนั หลักรอ ย หลักสิบ หลักหนวย 1,000 2. นักเรียนศึกษาความรูเร่ือง หลักและคา 1000 ของเลขโดดในแตละหลัก ในหนังสือเรียน คณติ ศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 16 จากนน้ั ครขู อ จาํ นวน 1,000 มีคาของเลขโดดในแตละหลัก ดังนี้ อาสาสมคั รออกมาอธบิ าย พรอ มทงั้ ยกตวั อยา ง 0 อยใู นหลกั หนว ย มีคา เปน 0 0 อยใู นหลักสบิ มคี า เปน 0 3. ครูแบงนักเรียนออกเปนกลุม กลุมละ 4 คน 0 อยใู นหลักรอ ย มีคา เปน 0 โดยคละกันตามความสามารถ จากนั้นให 1 อยใู นหลกั พนั มคี าเปน 1,000 แตละกลุมทําใบงานที่ 1.5 เรือ่ ง หลักและคา ของเลขโดดในแตล ะหลกั แลว ออกมานาํ เสนอ เลขโดดตัวเดียวกนั ถา อยูในหลกั ตางกนั จะมีคาไมเทากัน โดยเลขโดดตัวน้นั จะมคี าตามหลักพนั หลกั รอย หลกั สิบ และหลกั หนวย ตามหลกั ที่เลขโดดอยู 4. ครูใหนักเรียนจับคูกันทํากิจกรรมเพื่อนชวย เพ่ือน ในหนังสือเรียน คณิตศาสตร ป.2 16 เลม 1 หนา 17 และทํากิจกรรมฝกทักษะ ขอ 1-2 หนา 18 เปนการบาน ขน้ั สรปุ สรปุ และนาํ หลกั การไปประยกุ ตใช 1. ครตู ง้ั คาํ ถามใหน กั เรยี นตอบวา คา ของเลขโดด ในแตล ะหลักมคี า เทา กนั หรือไม อยา งไร (แนวตอบ มคี า ไมเ ทา กนั ขน้ึ อยกู บั วา เลขโดดนน้ั อยูในหลักใดและมีคาประจาํ หลักเทาใด) 2. ครูและนักเรียนรวมกันตอบคําถามจากกรอบ “ความรูที่ได” ในหนังสือเรียน คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 18 นักเรียนควรรู ขอ สอบเนน การคดิ 1 หลัก คือ ตาํ แหนงของตวั เลข เชน หลักหนวย หลักสิบ หลกั รอ ย หลกั พัน เลขโดด 9 ในขอใดมีคา เทากับ 900 2 คา ของเลขโดด คอื ผลคณู ของเลขโดดนน้ั กบั คา ประจาํ หลกั ทเ่ี ลขโดดนน้ั อยู 1. 329 2. 590 3. 975 (เฉลยคําตอบ ขอ 3. เพราะ ขอ 1. 329 อยใู นหลักหนวย มคี า 9 ขอ 2. 590 อยใู นหลกั สบิ มีคา 90 ขอ 3. 975 อยใู นหลักรอย มคี า 900) T18
นาํ นํา สอน สรปุ ประเมิน 4.2 การเขียนตวั เลขแสดงจํานวนในรปู กระจาย1 ขนั้ ประเมนิ หลกั รอ ย หลกั สิบ หลกั หนว ย วดั และประเมนิ ผล 3 46 ครูประเมินผล โดยการสังเกตการตอบคาํ ถาม และการรวมกันทํากิจกรรมกลุม และตรวจสอบ 346 คอื 3 รอย กับ 4 สบิ กับ 6 หนวย ผลจากการทําใบงานท่ี 1.5 เร่ือง หลักและ 346 เขียนในรปู กระจายเปน 300 + 40 + 6 คา ของเลขโดดในแตละหลัก จากการทาํ กจิ กรรม 346 = 300 + 40 + 6 ฝกทักษะ ในหนังสอื เรียน 100 100 0 สบิ 111 409 คอื 4 รอ ย กบั 0 สบิ ขนั้ นาํ (กระบวนการปฏบิ ตั )ิ 100 100 111 กบั 9 หนวย 111 ครูทบทวนความรู โดยติดบัตรคําถามบน 4 รอ ย 409 เขียนในรูปกระจาย กระดาน แลวครขู ออาสาสมัครนกั เรยี น 2-3 คน 9 หนว ย เปน 400 + 0 + 9 ออกมาตอบคําถาม เชน 409 = 400 + 0 + 9 - ฉนั คอื จาํ นวนใด ถา มเี ลขโดด 2 อยใู นหลกั รอ ย และเลขโดด 1 อยใู นหลกั สิบ สว นเลขโดด ตวั อยา งที่ 11 การเขยี นตัวเลขแสดงจํานวนในรูปกระจาย เปนการนําคา ในหลกั หนว ย คอื ผลรวมของเลขโดดในหลกั ของเลขโดดในแตล ะหลักมาเขียนใหอยูในรปู การบวก รอ ยและหลักสบิ (แนวตอบ 213) 630 630 คอื 6 รอ ย กับ 3 สบิ กบั 0 หนวย ขนั้ สอน 630 เขยี นในรูปกระจายเปน 600 + 30 + 0 630 = 600 + 30 + 0 สงั เกต รบั รู้ 1. ครูใหนักเรียนศึกษาความรูเรื่อง การเขียน ตัวเลขแสดงจาํ นวนในรูปกระจาย ในหนังสือ- เรียน คณติ ศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 17 2. ครูอธิบายเพ่ิมเติมวา “การเขียนตัวเลขแสดง จํานวนในรูปกระจายเปนการนําคาของ เลขโดดในแตละหลักมาเขียนใหอยูในรูปของ การบวก ถา เลขโดดหลักใดเปน ศูนยไ มจําเปน ตอ งนาํ มาเขียนในรปู ของการบวก” พิจารณาจาํ นวนตอไปน้ี แลวบอกหลกั และคา ของเลขโดดในแตละหลกั ทาํ ตามแบบ 1) 476 2) 843 3) 579 4) 813 5) 925 แบง นกั เรยี นเปนกลมุ กลุมละ 4 คน คละกนั ตามความสามารถ จากน้ันแจกกระดาษ A4 ให 17 แตละกลุมชวยกันเขียนจํานวนนับไมเกิน 1,000 กลมุ ละ 10 จํานวน แลว ครูควา่ํ กระดาษ A4 ลง บนโตะ จากนั้นใหตัวแทนกลุมออกมาเลือก กระดาษ A4 ท่ีแตละกลุมเขียนไว แลวชวยกัน เขียนตวั เลขแสดงจาํ นวนในรปู กระจาย ขอสอบเนน การคิด เกร็ดแนะครู จํานวนในขอ ใด มคี ามากกวา 500 + 40 + 9 หลังจากท่ีนักเรียนเขาใจเรื่องคาของเลขโดดและการเขียนในรูปกระจาย 1. 500 + 50 แลว ครูควรนําชุดตัวเลขเดียวกัน แตสลับตําแหนงกันมาใหนักเรียนบอก 2. 500 + 40 + 1 คา ของเลขโดดและเขียนในรูปกระจาย เชน 3. 400 + 90 + 9 245 452 524 425 254 542 (เฉลยคาํ ตอบ ขอ 1. เพราะ 500 + 40 + 9 = 549 ซง่ึ ขอ 1. 500 + 50 = 550 นักเรียนควรรู ขอ 2. 500 + 40 + 1 = 541 ขอ 3. 400 + 90 + 9 = 499 1 การเขยี นตวั เลขแสดงจาํ นวนในรปู กระจาย เปน การเขยี นในรปู การบวกคา ดังนน้ั 500 + 50 มีคามากกวา 500 + 40 + 9) ของเลขโดดในหลกั ตา งๆ ของจํานวนนับ T19
นาํ สอน สรุป ประเมิน ขน้ั สอน กิจกรรมฝกทักษะ ทาํ เองโดยไมม แี บบ 1 บอกหลักและคา ของเลขโดดในแตละหลกั ของจํานวนตอ ไปน้ี ครูใหนักเรยี นแตล ะกลมุ ทาํ ใบงานท่ี 1.6 เร่ือง 1. 982 2. 311 3. 432 4. 208 5. 763 การเขียนตัวเลขแสดงจํานวนในรูปกระจาย แลว ครสู มุ ตวั แทนกลมุ ออกมานาํ เสนอ จากนน้ั ครแู ละ 2 เลขโดดที่ขีดเสน ใตตอไปน้ี อยใู นหลกั ใดและมคี า เทาใด นกั เรยี นรวมกันเฉลยคําตอบ 1. 191 2. 843 3. 972 4. 357 5. 179 ฝก ทาํ ใหช้ าํ นาญ 3 เลขโดดแตละตวั ของจาํ นวนตอ ไปน้ี อยูในหลักใดและมคี า เทาใด ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมฝกทักษะ ขอ 3-5 ในหนังสอื เรียน คณติ ศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 18 1. 972 2. 145 3. 182 4. 999 5. 718 และทําแบบฝกหัดเรื่อง หลัก คาของเลขโดด ในแตละหลักและการเขียนตัวเลขแสดงจํานวน 4 เขยี นจาํ นวนตอ ไปน้ใี นรปู กระจาย ในรูปกระจาย ในแบบฝกหัด คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 1. 255 2. 827 3. 320 4. 727 5. 948 ขนั้ สรปุ 5 เขยี นตัวเลขฮินดูอารบิกแสดงจํานวนและเขยี นในรูปกระจาย ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรูเก่ียวกับ 1. 3 รอย กบั 9 สบิ กับ 1 หนว ย การเขียนตัวเลขแสดงจํานวนในรูปกระจายจนได 2. 8 รอ ย กับ 4 สิบ กับ 2 หนว ย ขอสรุปรวมกันวา การเขียนตัวเลขแสดงจํานวน 3. 9 รอ ย กับ 3 สบิ กับ 9 หนวย ในรปู กระจาย เปน การนาํ คา ของเลขโดดในแตล ะ 4. 8 รอ ย กับ 0 สบิ กับ 5 หนว ย หลกั มาเขยี นใหอ ยูใ นรูปการบวก 5. 1 พัน กับ 0 รอ ย กบั 0 สิบ กับ 0 หนวย ขน้ั ประเมนิ ฝกทําตอ ใน บฝ.คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 1. ครูประเมินผลโดยการสังเกตการตอบคําถาม และการรวมกันทํากิจกรรมกลมุ ความรทู ี่ได จํานวนทีม่ สี ามหลกั ถา แตล ะหลักมีเลขโดดตวั เดยี วกนั เลขโดดนน้ั 2. ครูตรวจสอบผลจากการทาํ ใบงานท่ี 1.6 เรือ่ ง จะมคี า เปน อยา งไร การเขยี นตัวเลขแสดงจาํ นวนในรูปกระจาย 18 3. ครูตรวจสอบผลจากการทํากิจกรรมฝกทักษะ ในหนังสือเรียน และทําแบบฝกหัดในหนังสือ แบบฝก หดั แนวทางการวัดและประเมินผล ขอสอบเนน การคิด ครูสามารถวัดและประเมินพฤติกรรมการทํางานกลุมจากการทําใบงานที่ 903 เลขโดดที่ขดี เสนใต อยูในหลักใด และมคี า เทาใด 1.6 เร่ือง การเขียนตัวเลขแสดงจํานวนในรูปกระจาย โดยศึกษาเกณฑการวัด 1. 0 อยูในหลักหนว ย มีคา 0 และการประเมินผลจากแบบประเมินของแผนการจัดการเรียนรูในหนวย 2. 0 อยูใ นหลักสบิ มีคา 0 การเรียนรทู ่ี 1 3. 0 อยใู นหลกั รอย มีคา 100 (เฉลยคาํ ตอบ ขอ 2. เพราะจาก 903 จะไดว า แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลมุ่ 9 อยใู นหลกั รอ ย มคี า 900 0 อยูในหลกั สิบ มีคา 0 คาช้แี จง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ลงในชอ่ งที่ 3 อยูในหลกั หนว ย มีคา 3) ตรงกบั ระดับคะแนน ลาดบั ท่ี ชอื่ – สกลุ การแสดง การยอมรบั การทางาน ความมนี ้าใจ การมี รวม ของนกั เรยี น ความคิดเหน็ ฟงั คนอื่น ตามทีไ่ ด้รับ ส่วนรว่ มใน 15 มอบหมาย การปรบั ปรุง คะแนน ผลงานกลุม่ 321321321321321 เกณฑก์ ารให้คะแนน ลงชื่อ...................................................ผปู้ ระเมิน ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสมา่ เสมอ ............../.................../............... ปฏิบัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยครัง้ ให้ 3 คะแนน ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมบางครัง้ ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ตา่ กวา่ 8 ปรับปรงุ T20
นาํ นํา สอน สรปุ ประเมนิ 5. ¡ÒÃà»ÃÂÕ ºà·Õº1¨Òí ¹Ç¹ 97 79 ¤ÇÃàµÔÁ > < ขน้ั นาํ (กระบวนการกลมุ สมั พนั ธ)์ ËÃ×Í = ŧ㹠เปรียบเทียบจาํ นวน 457 กับ 357 นาํ เขา้ สบู ทเรยี น 400 > 300 1. ครูทบทวนความรูโดยติดบัตรตัวเลขบน กระดาน แลวขออาสาสมัครออกมาเขียน 457 = 400 + 50 + 7 จํานวนในรูปกระจายหนาช้ันเรยี น จากนั้นครู และนักเรียนที่เหลือชวยกันตรวจสอบความ หลกั รอย หลักสิบ หลักหนว ย ถูกตอง 357 = 300 + 50 + 7 2. ครูใหนักเรียนตอบคําถามทบทวนความรูเดิม มมุ ขวาดา นบน ในหนงั สอื เรียน คณิตศาสตร หลักรอย หลกั สิบ หลกั หนว ย ป.2 เลม 1 หนา 19 (แนวตอบ เตมิ >) เนื่องจาก 4 มากกวา 3 หรอื 3 นอยกวา 4 3. ครทู บทวนการใชเ คร่อื งหมาย > < = และ ดังน้นั 457 มากกวา 357 หรอื 357 นอยกวา 457 ในการเปรยี บเทียบจํานวน 457 > 357 หรอื 357 < 457 ขน้ั สอน การเปรยี บเทยี บจาํ นวนท่ีมสี ามหลกั ใหเ ปรียบเทยี บเลขโดดในหลกั รอ ยกอน จดั การเรยี นรู้ ถา เลขโดดในหลกั รอยของจาํ นวนใดมคี ามากกวา จาํ นวนนัน้ จะมคี า มากกวา 1. ครูใหนักเรียนจับคูกันศึกษาความรูเรื่อง 19 การเปรียบเทียบจํานวน ในหนังสือเรียน คณติ ศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 19-23 แลวครู ขออาสาสมัครออกมาอธิบายเก่ียวกับการ เปรียบเทยี บจาํ นวน พรอ มท้ังยกตัวอยาง 2. ครแู บง นกั เรยี นเปน กลมุ กลมุ ละ 4 คน คละกนั ตามความสามารถ จากน้ันครูติดบตั รภาพบน กระดาน แลว ถามนักเรียนแตละกลุม วา • นกั เรยี นมวี ธิ พี จิ ารณาอยา งไรวา “จาํ นวนใด มีคามากกวาหรือนอ ยกวากนั ” (แนวตอบ ใชการพิจารณาเปรียบเทียบทีละ หลัก โดยเร่ิมจากหลกั รอ ย) • ถาจํานวนทั้งสองจํานวนมีจํานวนหลักไม เทากัน จะพิจารณาอยางไรวาจํานวนใด มากกวาหรอื นอ ยกวา (แนวตอบ จํานวนที่มีจํานวนหลักมากกวา จะมคี า มากกวา สว นจาํ นวนทม่ี จี าํ นวนหลกั นอยกวา จะมคี า นอ ยกวา) ขอสอบเนน การคิด นักเรียนควรรู ขอ ใดถูกตอง 1 เปรียบเทียบ เปนการพิจารณาเทียบเคียงใหเห็นลักษณะท่ีเหมือนหรือ 1. 194 < 248 แตกตา งกนั ในทางคณติ ศาสตรใ ชใ นการเปรยี บเทยี บจาํ นวนนบั เพอื่ ใหท ราบวา 2. 415 415 มากกวา นอยกวา หรือเทา กัน 3. 342 > 400 (เฉลยคาํ ตอบ ขอ 1. เพราะ 194 และ 248 จะเหน็ วา 100 นอ ยกวา 200 รอ ย ดังนั้น 194 < 248) T21
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ สอน ตัวอยา งที่ 12 700 > 600 จดั การเรยี นรู้ เปรียบเทยี บจํานวน 762 กับ 627 762 = 700 + 60 + 2 3. ครูติดบัตรตัวเลขแสดงจํานวนสองจํานวนที่มี หลกั รอย หลักสิบ หลกั หนวย จาํ นวนหลกั เทา กนั บนกระดาน แลว ครขู ออาสา สมคั รตอบคาํ ถาม ดังน้ี 627 = 600 + 20 + 7 459 กับ 770 - เลขโดดในหลักรอยของจํานวนทั้งสองคือ หลักรอ ย หลกั สิบ หลกั หนวย เลขโดดตวั ใด (แนวตอบ 4 และ 7 ตามลาํ ดับ) เนอ่ื งจาก 7 มากกวา 6 หรือ 6 นอ ยกวา 7 - จาํ นวนใดมีคามากกวา ดงั นนั้ 762 มากกวา 627 หรือ 627 นอยกวา 762 (แนวตอบ 770) ตอบ 762 > 627 หรอื 627 < 762 589 กบั 570 - เลขโดดในหลักรอยของจํานวนทั้งสองคือ ตวั อยา งที่ 13 เลขโดดตัวใด (แนวตอบ 5) เปรียบเทยี บจํานวน 864 กบั 684 - เลขโดดในหลักสิบของจํานวนท้ังสองคือ เลขโดดตัวใด หลกั รอ ย หลกั สิบ หลกั หนว ย (แนวตอบ 8 และ 7 ตามลาํ ดับ) - จาํ นวนใดมีคา มากกวา 864 (แนวตอบ 589) 684 4. ครูขออาสาสมัครยกตัวอยางการเปรียบเทียบ 8 รอย > 6 รอย จํานวนสองจํานวนที่มีจํานวนหลักไมเทากัน ใหเพื่อนดูเพอ่ื ทาํ ความเขา ใจเพ่ิมเตมิ 2-3 ขอ เนือ่ งจาก 8 มากกวา 6 หรอื 6 นอ ยกวา 8 จากนั้นใหนักเรียนแตละกลุมทําใบงานท่ี 1.7 ดงั นัน้ 864 มากกวา 684 หรอื 684 นอยกวา 864 เร่ือง การเปรยี บเทียบจํานวน เม่อื เสร็จแลวให ตอบ 864 > 684 หรอื 684 < 864 แตล ะกลมุ ออกมานาํ เสนอหนา ชั้น 20 เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคิด ครูอธิบายเพ่ิมเติมวา จํานวนสองจํานวนที่มีจํานวนหลักเทากัน ให จาํ นวนในขอ ใดมคี านอยกวา 432 เปรียบเทียบเลขโดดในหลักรอยกอน ถาเลขโดดในหลักรอยของจํานวนใดมีคา 1. 4 รอย กบั 3 สิบ กบั 4 หนว ย มากกวา จํานวนนัน้ จะมีคา มากกวา 2. 4 รอ ย กับ 3 สิบ กับ 3 หนว ย 3. 4 รอ ย กับ 3 สิบ กับ 1 หนว ย (เฉลยคาํ ตอบ ขอ 3. เพราะ 4 รอย กบั 3 สิบ กบั 1 หนวย เทา กับ 431 ซงึ่ 431 < 432) T22
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ เปรียบเทียบจาํ นวน 245 กับ 232 ขนั้ สอน 200 = 200 จดั การเรยี นรู้ 40 > 30 5. ครูยกตัวอยางโดยติดบัตรตัวเลขแสดงจํานวน ที่มีจํานวนหลักเทากัน แลวครูขออาสาสมัคร 245 = 200 + 40 + 5 นักเรียน 2-3 คน เปรียบเทียบจํานวนสอง จาํ นวนหนาชน้ั เรยี น หลักรอ ย หลกั สบิ หลักหนว ย 6. ครูใหนักเรียนรวมกลุมเดิม แลวใหแตละกลุม 232 = 200 + 30 + 2 รวมกันทํากิจกรรมพัฒนาความรู ในหนังสือ- เรียน คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 23 โดย หลักรอ ย หลักสบิ หลักหนว ย ครเู ตรยี มอปุ กรณแ ละจดั กจิ กรรมตามขนั้ ตอน ท่หี นังสือเรียนกาํ หนด เนอื่ งจากเลขโด1ดในหลกั รอ ยเทากนั จงึ พิจารณาเลขโดดในหลักสบิ 4 มากกวา 3 หรอื 3 นอยกวา 4 7. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมแบบฝกทักษะใน หนงั สอื เรยี น คณติ ศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 24 ดังน้ัน 245 > 232 หรอื 232 < 245 และแบบฝกหัด เรอื่ ง การเปรยี บเทียบจาํ นวน ในแบบฝก หดั คณติ ศาสตร ป.2 เลม 1 จากนน้ั ครแู ละนักเรียนรวมกนั เฉลยคาํ ตอบ ถาเลขโดดในหลักรอยเทา กัน ใหพิจารณาเปรียบเทียบเลขโดดในหลกั สบิ ถา เลขโดดในหลักสบิ ของจาํ นวนใดมคี ามากกวา จํานวนนนั้ จะมคี ามากกวา 21 ขอสอบเนน การคิด นักเรียนควรรู จํานวนในขอใดมคี า มากกวา 783 1 เลขโดด เปน สญั ลกั ษณใ ชแ ทนจาํ นวน เชน เลขโดดสบิ ตวั ของตวั เลขฮนิ ด-ู 1. 780 อารบิก คือ 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 เปนตน 2. 782 3. 784 (เฉลยคําตอบ ขอ 3. เพราะ 784 > 783) T23
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ สรปุ ตัวอยา งท่ี 14 500 = 500 สรปุ และนาํ หลกั การไปประยกุ ต์ใช้ เปรียบเทียบจาํ นวน 518 กบั 541 10 < 40 1. ครแู ละนกั เรยี นรว มกนั สรปุ ความรเู กยี่ วกบั การ หลกั รอ ย หลักสิบ หลักหนว ย 518 = 500 + 10 + 8 เปรียบเทยี บจาํ นวน โดยครูตัง้ คําถามนักเรยี น ดงั น้ี 541 = 500 + 40 + 1 • ถาจํานวนสองจํานวนมีจํานวนหลักเทากัน นักเรียนจะพิจารณาเปรียบเทียบจํานวน หลกั รอย หลกั สิบ หลักหนว ย อยางไร (แนวตอบ ถาจํานวนสองจํานวนมีจํานวน เจนะือ่ไดงวจาากเลข1โดดนในอหยลกกัวรา1อ 4ยเทา หกรันอื จึงพจิ ารณาเลขโดดในหลกั สบิ หลกั เทา กนั ใหพ จิ ารณาเปรยี บเทยี บเลขโดด 4 มากกวา 1 ในหลักรอยกอ น ถาเลขโดดในหลักรอ ยของ ดังนั้น 518 นอยกวา 541 หรือ 541 มากกวา 518 จํานวนใดมีคามากกวา จํานวนนั้นจะมีคา มากกวา) ตอบ 518 < 541 หรือ 541 > 518 • ถาเลขโดดในหลักรอยเทากัน นักเรียน จะพจิ ารณาเปรียบเทยี บอยางไร ตัวอยางท่ี 15 (แนวตอบ ถาเลขโดดในหลักรอยเทากันให พิจารณาเปรียบเทียบเลขโดดในหลักสิบ ถาเลขโดดในหลักสิบของจํานวนใดมีคา มากกวา จํานวนนน้ั จะมคี า มากกวา ) เปรียบเทียบจาํ นวน 372 กบั 347 หลักรอ ย หลักสบิ หลักหนว ย 3 7 2 3 4 7 7 สบิ > 4 สบิ เจนะอ่ืไดงวจาากเลข7โดดมในาหกลกกัวรา2อ 4ยเทาหกรนั อื จงึ พิจารณาเลขโดดในหลักสบิ 4 นอยกวา 7 ดงั นัน้ 372 มากกวา 347 หรอื 347 นอยกวา 372 ตอบ 372 > 347 หรือ 347 < 372 22 เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคดิ ในการเตรียมส่ือการสอน เชน บัตรตัวเลข ครูอาจกําหนดจํานวนอ่ืนที่ จาํ นวนในขอใด มคี ามากกวา 647 แตน อยกวา 735 นอกเหนือจากจํานวนท่ีเสนอแนะไวในคูมือก็ได แตควรสอดคลองกับเนื้อหา 1. 548 ทีส่ อน 2. 701 3. 843 นักเรียนควรรู (เฉลยคําตอบ ขอ 2. เพราะ ขอ 1. 548 นอยกวา 647 และ 735 1 นอยกวา (less than) หมายถงึ จํานวนท่นี อ ยกวา อกี จาํ นวนหนึง่ ขอ 2. 701 มากกวา 647 และ 701 นอ ยกวา 735 2 มากกวา (greater than) หมายถึง จาํ นวนที่มากกวาอกี จาํ นวนหนึง่ ขอ 3. 843 มากกวา 647 และ 735) T24
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ตัวอยา งที่ 16 ขนั้ สรปุ เปรียบเทยี บจํานวน 122 กบั 122 สรปุ และนาํ หลกั การไปประยกุ ต์ใช้ 122 = 100 + 20 + 2 2. ครตู ดิ บตั รขอ ความตอ ไปนบ้ี นกระดาน แลว ให นักเรยี นตอบคาํ ถามตอไปนี้ หลกั รอย หลักสิบ หลักหนวย เทากนั ตน หอมออมเงนิ ได 456 บาท นิชาออมเงินได 355 บาท โบนาออมเงินได 784 บาท 122 = 100 + 20 + 2 - ตนหอมออมเงินไดมากกวาหรือนอยกวา นชิ า หลักรอ ย หลกั สิบ หลักหนว ย (แนวตอบ มากกวา เนอื่ งจาก 456 > 355) - ตนหอมออมเงินไดมากกวาหรือนอยกวา เน่ืองจากเลขโดดในหลกั รอ ย หลกั สิบ และหลักหนวยเทา กัน โบนา ดังน้นั 122 เทา กบั 122 (แนวตอบ นอ ยกวา เนื่องจาก 456 < 784) ตอบ 122 = 122 - นชิ าออมเงินไดม ากกวา หรอื นอยกวาโบนา (แนวตอบ นอยกวา เนอื่ งจาก 355 < 784) กจิ กรรมพฒั นาความรู อปุ กรณ บตั รตวั เลข วิธีจดั กิจกรรม 1) ใหน กั เรยี นจบั คกู บั เพอ่ื น แลว ครแู จกบตั รตวั เลขแสดงจาํ นวนทม่ี สี ามหลกั คลู ะ 10 ใบ จากน้ันใหแ ตละคนู ําบตั รตวั เลขคว่ําไมใ หเ หน็ จํานวนในบัตร 2) นกั เรยี นแตล ะคจู ับบัตรตัวเลขคนละ 1 ใบ แลวหงายบัตรข้นึ จากน้นั เปรยี บเทียบจํานวนทีอ่ ยบู นบัตรวาของใครมากกวา คนทม่ี ากกวา จะเปน ผูชนะ ครใู หน ักเรียนแตละคูเลน อกี 5 - 8 รอบ เปรียบเทียบจาํ นวนตอไปนี้ โดยเตมิ > < หรอื = ลงใน 978 1) 874 472 2) 777 777 3) 798 23 ขอสอบเนน การคิด เกร็ดแนะครู จาํ นวนในขอใด มีคา นอยกวา 6 รอ ย กบั 3 สบิ กบั 9 หนวย ครูแนะนําเทคนิคการจําเคร่ืองหมายมากกวา (>) และนอยกวา (<) วา 1. 679 จํานวนที่อยูทางดานกวางของเครื่องหมายเปนจํานวนที่มากกวา และจํานวนท่ี 2. 653 อยูทางดานแคบของเครอื่ งหมายเปน จาํ นวนที่นอยกวา เสมอ เชน 3. 618 111 > 101 (เฉลยคาํ ตอบ ขอ 3. เพราะ 6 รอ ย กบั 3 สบิ กบั 9 หนว ย คอื 639 784 < 847 ซึ่ง ขอ 1. 679 มากกวา 639 ขอ 2. 653 มากกวา 639 ขอ 3. 618 นอยกวา 639) T25
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ สอน กิจกรรมฝกทักษะ วดั และประเมนิ ผล 1 จาํ นวนใดมากกวา 2. 301 กบั 401 4. 758 กบั 359 1. ครูประเมินผลโดยการสังเกตการตอบคําถาม 1. 846 กบั 528 2. 333 กับ 444 และการรว มกนั ทํากิจกรรมกลมุ 3. 395 กบั 749 4. 929 กบั 990 2. ครตู รวจสอบผลจากการทําใบงานท่ี 1.7 เร่ือง 2 จํานวนใดนอ ยกวา การเปรยี บเทยี บจาํ นวน 1. 982 กบั 402 3. ครูตรวจสอบผลจากการทํากิจกรรมฝกทักษะ 3. 846 กับ 825 ในหนังสือเรียน และการทําแบบฝกหัด ในหนังสือแบบฝกหดั 3 เขียนเครื่องหมาย > หรอื < ใน 1. 846 528 2. 228 148 3. 395 749 4. 114 214 4 เขยี นเคร่ืองหมาย = หรอื ใน 1. 113 113 2. 284 284 3. 484 448 4. 532 523 ฝกทาํ ตอ ใน บฝ.คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 ความรทู ่ีได ถา นกั เรยี นตอ งการเปรยี บเทยี บจาํ นวนทม่ี สี ามหลกั นกั เรยี นจะเปรยี บเทยี บ เลขโดดในหลักใดกอน ถาเลขโดดในหลักนั้นมีคาไมเทากัน นักเรียนจะ สรุปอยา งไร และถาเลขโดดในหลักนนั้ มคี าเทา กนั นักเรียนจะทาํ อยางไรตอ 24 แนวทางการวัดและประเมินผล ขอสอบเนน การคดิ ครูสามารถวัดและประเมินพฤติกรรมการทํางานกลุมจากการทําใบงาน ขอใดไมถกู ตอ ง ที่ 1.7 เรอื่ ง การเปรียบเทยี บจํานวน โดยศึกษาเกณฑการวดั และการประเมนิ ผล 1. 231 232 จากแบบประเมินของแผนการจดั การเรยี นรูในหนว ยการเรียนรูท่ี 1 2. 600 + 90 + 9 < 700 + 90 + 4 3. 700 + 40 + 8 > 700 + 80 + 4 แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางานกลุ่ม (เฉลยคําตอบ ขอ 3. เพราะ 700 + 40 + 8 < 700 + 80 + 4 คาชีแ้ จง : ใหผ้ ้สู อนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ✓ลงในชอ่ งท่ี หรอื 748 < 784) ตรงกบั ระดบั คะแนน ลาดับท่ี ชอื่ – สกุล การแสดง การยอมรับ การทางาน ความมนี ้าใจ การมี รวม ของนักเรียน ความคดิ เห็น ฟังคนอืน่ ตามทไี่ ดร้ บั สว่ นร่วมใน 15 มอบหมาย การปรับปรงุ คะแนน ผลงานกล่มุ 321321321321321 เกณฑ์การให้คะแนน ลงช่ือ...................................................ผปู้ ระเมนิ ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมอย่างสม่าเสมอ ............../.................../............... ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤติกรรมบ่อยครง้ั ให้ 3 คะแนน ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมบางครัง้ ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน เกณฑก์ ารตดั สนิ คุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ตา่ กว่า 8 ปรบั ปรุง T26
นาํ นํา สอน สรปุ ประเมนิ 6. ¡ÒÃàÃÂÕ §ÅÒí ´ºÑ 1¨íҹǹ 79 80 54 32 24 ขน้ั นาํ (Discovery Method) àÃÕ§ÅíҴѺ¨íҹǹ¨Ò¡¹ŒÍÂä»ÁÒ¡ การเรยี งลําดบั จํานวน สามารถทาํ ได 䴌͋ҧäà นาํ เขา้ สบู ทเรยี น 2 ลกั ษณะ คอื 1. ครูทบทวนความรูเร่ือง การเปรียบเทียบ 1) เรยี งลําดับจํานวนจากนอ ยไปมาก จํานวน โดยครูติดบัตรภาพบนกระดาน แลว สุม นักเรยี น 2-3 คน ออกมาตอบคาํ ถามหนา 100 101 102 103 104 105 106 107 108 109 110 ชั้นเรียน โดยใหนักเรียนเปรียบเทียบจํานวน ทอี่ ยใู นบตั รภาพ การเรยี งลําดับจํานวนนบั 100 ถงึ 110 จากนอยไปมาก เปน การเรยี งจาํ นวน โดยนับเพิ่มขนึ้ ทลี ะ 1 จากซายไปขวา 2. ครูใหนักเรียนตอบคําถามทบทวนความรูเดิม มุมขวาดานบนในหนังสือเรียน คณิตศาสตร 2) เรยี งลําดับจาํ นวนจากมากไปนอย ป.2 เลม 1 หนา 25 (แนวตอบ 24 32 54 79 80) 110 109 108 107 106 105 104 103 102 101 100 ขน้ั สอน การเรยี งลําดบั จํานวนนับ 100 ถงึ 110 จากมากไปนอ ย เปนการเรยี งจาํ นวน โดยนับลดลงทลี ะ 1 จากซายไปขวา สอน 1. ครูใหน กั เรียนแบงกลมุ กลมุ ละ 4 คน คละกนั ตามความสามารถ แลว ใหน กั เรยี นแตละกลมุ ศึกษาความรูเรื่อง การเรียงลําดับจํานวน ในหนังสือเรียน คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 25-27 เราสามารถนาํ เสน จํานวนมาชวยในการเรียงลําดับจํานวนได ดังนี้ เสน จํานวน 100 101 102 103 104 105 106 107 108 109 110 จากเสนจาํ นวน จะเห็นวา จาํ นวนท่ีอยูท างซา ยจะมคี า นอ ยกวาจํานวน ทางขวาเสมอ 25 ขอ สอบเนน การคิด นักเรียนควรรู 278 482 144 288 123 ขอใดเรียงลาํ ดบั จากมากไปนอ ย 1 เรียงลาํ ดับ หมายถึง เรยี งกันไวใหเ ปนระเบยี บตามตาํ แหนง ไดถูกตอง T27 1. 482 288 248 123 144 2. 482 278 288 144 123 3. 482 288 278 144 123 (เฉลยคาํ ตอบ ขอ 3. เพราะ นอ ยทส่ี ุด 278 278 มากทส่ี ุด 144 288 มากที่สุด 482 144 288 นอยท่สี ุด 123 เรยี งลําดบั จาํ นวนจากมากไปนอยได ดงั น้ี 482 288 278 144 123)
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ สอน ตวั อยางท่ี 17 สอน เรยี งลาํ ดับจาํ นวนจากนอยไปมากโดยใชเสนจํานวน 2. ครใู หน ักเรียนแตล ะกลุม ทาํ ใบงานท่ี 1.8 เรอ่ื ง 10 1010 10101,0001001,00100 10,0101000110010011100,100101001,001010,010001100,100003041,510,0100,0100,0100,00000 การเรียงลําดับจํานวน แลวใหแตละกลุมออก มานําเสนอหนาช้ันเรียน โดยครูและนักเรียน 10 1010 10101,0001001,00100 10,0101000110010011100,10010100,01010,01000100,003041,310,0100,00000 ท่เี หลือรวมกันเฉลยใบงานที่ 1.8 10 1010 10101,0001001,00100 10,01010001100100110,00010,0010,0010,003040 3. ครูใหนักเรียนจับคูกันภายในกลุม แลวให นักเรียนแตละคูทํากิจกรรมเพ่ือนชวยเพ่ือน 340 341 342 343 344 345 346 347 348 349 350 ในหนงั สอื เรยี น คณติ ศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 27 จากเสนจํานวน เรียงลาํ ดับจาํ นวนจากนอยไปมากได ดังน้ี แตละคนทําลงในสมุด เสร็จแลวนํามาสงครู 340 343 345 ผูสอน ตวั อยางท่ี 18 4. ครแู ละนกั เรยี นรว มกนั สรปุ วา “การเรยี งลาํ ดบั จาํ นวนตอ งพจิ ารณาเปรยี บเทยี บจาํ นวนทลี ะคู เรยี งลาํ ดบั จาํ นวนจากมากไปนอ ยโดยใชเ สน จาํ นวน แลว จงึ เรยี งลาํ ดบั จากนอ ยไปมากหรอื จากมาก 482 486 483 489 ไปนอ ย” 480 481 482 483 484 485 486 487 488 489 490 จากเสนจาํ นวน เรียงลาํ ดบั จาํ นวนจากมากไปนอ ยได ดงั น้ี 489 486 483 482 26 ขอสอบเนน การคดิ ขอ ใดเรยี งลาํ ดบั จาํ นวนจากนอ ยไปมากไดถ กู ตอ ง 1. 220 225 230 312 2. 129 127 125 122 3. 332 330 328 310 (เฉลยคําตอบ ขอ 1. เพราะ 220 225 230 312 เรยี งลําดบั จาํ นวน จากนอยไปมาก แตขอ 2. และ 3. เรียงลําดับจํานวนจากมาก ไปนอย) T28
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ตวั อยางท่ี 19 ขน้ั สอน เรยี งลาํ ดับจํานวนจากนอ ยไปมากโดยการเปรยี บเทยี บ สอน 798 730 786 742 5. ครูยกตัวอยางจํานวนสองจํานวนบนกระดาน จาํ นวนมเี ลขโดดในหลกั รอยเทา กัน จงึ เปรียบเทียบเลขโดดในหลักสิบ จากน้ันครูใหนักเรียนเปรียบเทียบจํานวน ไดแ ก 9 3 8 4 จะพบวา 3 < 4 4 < 8 และ 8 < 9 แลว ครขู ออาสาสมคั รนกั เรยี น 2-3 คน ออกมา ดงั นน้ั เรยี งลาํ ดบั จํานวนจากนอ ยไปมากได ดงั นี้ 730 742 786 798 นาํ เสนอหนาชั้นเรียน กิจกรรมพัฒนาความรู 6. ครูใหนักเรียนรวมกลุมเดิม จากน้ันใหแตละ วิธจี ัดกจิ กรรม กลมุ ทาํ กจิ กรรมพฒั นาความรู ในหนงั สอื เรยี น 1) นักเรียนจัดกลมุ กลุมละ 4 - 5 คน คณติ ศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 27 โดยครเู ตรยี ม 2) สมาชิกแตล ะคนในกลุมเขียนจาํ นวนทมี่ สี ามหลักคนละ 1 จาํ นวน อปุ กรณแ ละจดั กจิ กรรมตามขนั้ ตอนทห่ี นงั สอื - 3) เมอื่ เขยี นเสร็จ ครกู ําหนดใหเรียงลําดับจาํ นวนที่สมาชกิ ในแตล ะกลมุ เรียนกําหนด แลวครูพูดกระตุนใหนักเรียน ทุกคนมีสวนรวมในการทํากิจกรรม จากนั้น เขียนจากมากไปนอย หรอื จากนอยไปมาก ครูเดนิ ตรวจสอบความถกู ตองของแตล ะกลมุ 4) นักเรยี นเรยี งลาํ ดบั จํานวนตามทคี่ รกู ําหนดลงในกระดาษ A4 5) ทาํ กจิ กรรมซํ้าขอ 2) - 4) อีก 2 - 3 รอบ แลว นําสงครตู รวจสอบ 7. ครูติดตารางแสดงจาํ นวนเงินออมของ ตน กิ่ง เนย และเหมาบนกระดาน แลว ครูใหน กั เรียน ความถกู ตอ ง ตอบคําถาม ดงั นี้ พิจารณาจํานวนตอไปน้ี แลว เรียงลําดับจาํ นวนจากมากไปนอ ย รายชื่อ จาํ นวนเงนิ ออม (บาท) ตน 611 1) 842 824 814 841 2) 199 299 399 499 ก่งิ 899 เนย 765 27 เหมา 600 - ใครออมเงนิ ไดมากที่สดุ (แนวตอบ ก่ิง) - ใครออมเงนิ ไดนอยทส่ี ุด (แนวตอบ เหมา) - เรียงลําดับตามจํานวนเงินออมจากมากไป นอ ย (แนวตอบ 899 765 611 600) - เรียงลําดับตามรายช่ือท่ีมีจํานวนเงินออม จากนอ ยไปมาก (แนวตอบ เหมา ตน เนย ก่งิ ) ขอสอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู 417 456 472 488 ควรเติมจํานวนใดลงในชอ งวาง ในการเตรียมการสอน ครูอาจนําจํานวนที่เกี่ยวของกับชีวิตประจําวันของ จงึ จะเปน การเรยี งลําดับจํานวนจากนอยไปมาก นักเรียนมาใชในการเรียงลําดับจํานวน เชน สวนสูงของนักเรียนในกลุม เชน 148 150 137 141 1. 406 2. 425 - เรยี งลาํ ดบั จาํ นวนจากนอยไปมาก เชน 137 141 148 150 3. 468 - เรยี งลําดับจํานวนจากมากไปนอย เชน 150 148 141 137 (เฉลยคําตอบ ขอ 3. เพราะจํานวนที่นํามาเติมในชองวางตอง เปนจาํ นวนทีม่ ากกวา 456 แตน อยกวา 472 ซ่งึ ขอ 1. 406 นอ ยกวา 456 และ 472 ขอ 2. 425 นอยกวา 456 และ 472 ขอ 3. 468 มากกวา 456 และ 468 นอยกวา 472) T29
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั สอน กิจกรรมฝกทักษะ เรยี งลาํ ดับจํานวนจากนอ ยไปมากและจากมากไปนอ ย ฝก ทกั ษะ 1. 498 496 490 493 2. 552 578 591 506 1. ครใู หน กั เรยี นทาํ กจิ กรรมฝก ทกั ษะในหนงั สอื - 3. 999 981 963 904 เรียน คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 28 ลงใน 4. 399 332 354 392 สมุด แลวครูและนักเรยี นรวมกันเฉลยคําตอบ 5. 174 170 172 178 6. 285 286 281 280 2. ครูใหนักเรียนทําแบบฝกหัด เรื่อง การเรียง ลาํ ดบั จํานวน ในแบบฝก หัด คณติ ศาสตร ป.2 เลม 1 เปนการบาน ฝกทําตอใน บฝ.คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 ความรทู ี่ได 1. ยกตัวอยางการเรยี งลาํ ดับจาํ นวน 4 จาํ นวน จากนอยไปมาก 2. ยกตัวอยางการเรียงลาํ ดบั จาํ นวน 4 จาํ นวน จากมากไปนอย µÃǨÊͺµ¹àͧ หลังจากเรียนจบหนวยแลว ใหนกั เรียนบอกสัญลกั ษณท ตี่ รงกบั ระดับ ความสามารถของตนเอง ดี พอใช ปรคบั วปรรงุ 1. สามารถอานและเขียนตัวเลขฮนิ ดูอารบิก ตวั เลขไทย และตัวหนังสือ แสดงจํานวนนับไมเกิน 1,000 และ 0 ได 2. สามารถนบั เพ่ิมหรือนับลดทีละ 2 ทีละ 5 ทีละ 10 และทลี ะ 100 ได 3. สามารถจําแนกจํานวนคู จาํ นวนคีไ่ ด 4. สามารถบอกหลัก คาของเลขโดดในแตล ะหลกั และเขยี นตวั เลขแสดง จาํ นวนในรูปกระจายได 5. สามารถเปรียบเทียบและเรียงลาํ ดบั จาํ นวนไมเ กิน 1,000 ได 28 เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคิด หลังจากเรียนจบหนวยการเรียนรูท่ี 1 ครูอาจใหนักเรียนประเมินตนเอง 843 833 813 ควรเตมิ ตวั เลขใดในชอ งวา ง ถาเรยี ง เพื่อตรวจสอบวาตนเองมีความรูความเขาใจในเน้ือหาท่ีเรียนผานมาท้ังหนวย ลําดบั จากมากไปหานอย การเรยี นรหู รอื ไม โดยดรู ายการประเมนิ ในหนงั สอื เรยี น คณติ ศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 28 1. 853 823 2. 803 823 3. 823 803 (เฉลยคาํ ตอบ ขอ 3. เพราะ 843 833 823 813 803 ) T30
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ สนกุ คิด ขนั้ สรปุ สนกุ ทํา สรปุ กจิ กรรม ..จ...าํ ..น....ว...น...น....บั....ไ.ม....เ..ก...นิ......1..,..0...0....0...... 1. ครแู ละนกั เรยี นรว มกนั สรปุ ความรเู กย่ี วกบั การ วิธีจดั กิจกรรม เรยี งลําดับจาํ นวน 1) ใหนกั เรยี นจัดกลุม กลุมละ 4 - 5 คน จากนนั้ ใหท กุ คนในกลุมหมนุ วงลอ 2. ครูและนักเรียนรวมกันตอบคําถามจากกรอบ ตัวเลขคนละ 3 ครงั้ เพอ่ื สรา งจาํ นวนทม่ี ีสามหลกั เชน “ความรทู ไ่ี ด” ในหนงั สอื เรยี น คณติ ศาสตร ป.2 • หมนุ วงลอครั้งท่ี 1 ไดต วั เลข 2 เลม 1 หนา 28 ใหเ ลขโดดในหลกั รอ ยเปน 2 2 3 แตถาหมุนครั้งที่ 1 ไดต ัวเลข 0 3. ครใู หน กั เรยี นบอกประโยชนข องการเรยี นเรอื่ ง 1 4 ใหหมนุ ครัง้ ที่ 1 ใหม การเรียงลําดับจํานวนที่สามารถนําไปใชใน ชวี ิตประจําวนั ได 0 5 • หมุนวงลอครัง้ ที่ 2 ไดตัวเลข 8 (แนวตอบ นักเรยี นสามารถตอบไดหลากหลาย ใหเ ลขโดดในหลกั สิบเปน 8 เชน สามารถเรยี งลาํ ดบั คะแนน หรอื ความสงู ได 9 6 • หมุนวงลอ ครัง้ ท่ี 3 ไดต ัวเลข 4 อยา งถูกตอ งและรวดเรว็ สามารถเปรียบเทียบ 8 7 ใหเ ลขโดดในหลกั หนวยเปน 4 ราคาสินคาท่ีมีหลายชนิดกอนตัดสินใจเลือก ซอ้ื ได) จะไดจ ํานวนทมี่ สี ามหลัก คือ 284 2) นาํ จาํ นวนท่สี รา งไดใ นขอ 1) มาเขยี นในรูปกระจาย แลว นาํ จาํ นวนของ 4. ครูและนักเรียนรวมกันเฉลยคําถามประจํา แตละคนในกลมุ มาเปรียบเทยี บกนั จากนนั้ เรียงลําดบั จากมากไปนอยและ หนวยการเรียนรูที่ 1 ในหนังสือเรียน จากนอ ยไปมาก คณติ ศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 2 3) นาํ จาํ นวนที่สรางไดใ นขอ 1) มาพจิ ารณาวาเปนจาํ นวนคหู รือจาํ นวนคี่ (แนวตอบ จํานวนที่มากท่ีสุด คือ 943 และ 4) ใหแตล ะคนนําจาํ นวนทตี่ นเองสรา งได แลกเปล่ยี นกับเพอ่ื นในกลมุ จากนั้น จาํ นวนทน่ี อยที่สดุ คือ 111) ใหเ พ่ือนนาํ จาํ นวนนั้นเปนจํานวนเร่ิมตน ในการนับเพม่ิ และนับลด ดงั น้ี 5. ครูจัดกลุมนักเรียน 4-5 คน แลวใหนักเรียน แตละกลุมทํากิจกรรม “สนุกคิด สนุกทํา” ในหนังสือเรียน คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 29 โดยครเู ตรยี มอปุ กรณแ ละจดั กจิ กรรม ตามขั้นตอนท่ีหนังสือเรียนกําหนด จากน้ัน ครเู ดินตรวจสอบความถูกตอ งของแตล ะกลุม • นบั เพ่ิมและนับลดทีละ 2 • นับเพิ่มและนับลดทีละ 5 • นับเพม่ิ และนับลดทลี ะ 10 • นบั เพมิ่ และนบั ลดทีละ 100 29 ขอสอบเนน การคิด เกร็ดแนะครู ขอ ใดเรยี งลําดับจาํ นวนจากนอยไปมาก ครอู าจจดั กจิ กรรมเพม่ิ เตมิ จากกจิ กรรม “สนกุ คดิ สนกุ ทาํ ” โดยใหน กั เรยี น 1. 764 586 437 104 97 แตละกลมุ สง ตัวแทนรอบละ 1 คน เพื่อมาแขง ขันกันสรา งจาํ นวนทีม่ ีสามหลัก 2. 255 311 314 670 760 จากการหมุนวงลอ แลวใหนักเรียนบอกหลักและคาของเลขโดดในแตละหลัก 3. 111 121 107 142 130 ของจํานวนที่สรางใหถูกตอง กลุมใดที่สรางจํานวนที่มีสามหลักมีคามากท่ีสุด กลมุ นัน้ ได 1 คะแนน (เฉลยคําตอบ ขอ 2. เพราะ 255 311 314 670 760 เรยี งลําดับ จาํ นวนจากนอยไปหามาก ดงั นี้ นอ ยทีส่ ดุ 255 311 นอยทีส่ ุด 311 314 314 670 มากทีส่ ดุ 670 มากท่สี ุด 760) T31
นาํ สอน สรุป ประเมนิ ขน้ั สรปุ ¤Ó¶ÒÁ·ÒŒ ·Ò¡Òä´Ô ¢é¹Ñ ÊÙ§ สรปุ ใหน กั เรียนเติมเลขโดดเพอื่ แสดงจํานวนลงในชองวา งใหถ กู ตองตามเง่ือนไข ตอไปนี้ 6. ครูใหนักเรียนชวยกันตอบคําถามทาทายการ คิดข้ันสูงและคําถามเชื่อมโยงสูชีวิตประจําวัน 1. คาของเลขโดดในหลกั ทอ่ี ยตู ิดกนั ตอ งตา งกัน 1 ในหนังสือเรียน คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 2. เลขโดดทีอ่ ยูในหลักเดียวกันของแตล ะจํานวนหามซ้ํากัน 30 แลว ครแู ละนักเรียนรว มกันเฉลยคําตอบ 3. จาํ นวนท่ี 1 มากกวา จํานวนท่ี 2 และจาํ นวนท่ี 2 นอยกวาจํานวนที่ 3 7. ครูใหนกั เรียนทําแบบทดสอบหลังเรียน หนวย จาํ นวนท่ี รอ ย หลกั หนวย การเรียนรูที่ 1 เรื่อง จํานวนนบั ไมเ กนิ 1,000 สบิ และ 0 เพอื่ ตรวจสอบความรคู วามเขาใจของ นักเรียน จากน้ันครูเฉลยคําตอบใหนักเรียน ตรวจคาํ ตอบดวยตวั เอง 18 23 1 3 54 àªè×ÍÁâ§ʋ٪ÕÇÔµ»ÃШÓÇ¹Ñ ในเดอื นมกราคม พ.ศ. 2561 นิธิศขายดอกไม 3 ชนดิ ไดเงนิ ดังนี้ • ดอกมะลิ 978 บาท • ดอกบวั 879 บาท • ดอกดาวเรอื ง 998 บาท นิธิศขายดอกไมชนิดใด ไดเ งนิ มากทีส่ ดุ 30 กิจกรรม 21st Century Skills 1. ครูใหนักเรียนจัดกลุม กลุมละ 3-4 คน จากนั้นมอบหมาย ใหแ ตล ะกลมุ นาํ คาํ ตอบทไ่ี ดจ ากคาํ ถามทา ทายการคดิ ขนั้ สงู ใน หนังสอื เรียน คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 30 มาเรยี งลําดบั จํานวนจากมากไปนอย จากนอยไปมาก จําแนกจํานวนคู จํานวนค่ี บอกหลัก คาของเลขโดดในแตละหลัก และเขียน ตัวเลขแสดงจาํ นวนในรูปกระจาย 2. กอ นลงมอื ทาํ ครใู หน กั เรยี นแตล ะกลมุ ชว ยกนั ตรวจสอบคาํ ตอบ ทไ่ี ดจ ากคําถามทา ทายการคิดขนั้ สงู ใหถ ูกตอ ง 3. เสรจ็ แลว ครใู หแ ตล ะกลมุ ออกมานาํ เสนอหนา ชน้ั เรยี น เพอ่ื นและ ครชู ว ยกันตรวจสอบคําตอบ T32
นาํ สอน สรุป ประเมิน ÊÃ»Ø ÊÒÃÐÊíÒ¤ÑÞ 1»ÃШÒí ˹‹Ç¡ÒÃàÃչ̷٠èÕ ขน้ั สรปุ จํานวนนบั ไมเ กนิ การอาน และการเขยี น สรปุ 1,000 และ 0 ตัวเลขฮินดอู ารบกิ 8. ครูมอบหมายใหนักเรียนแตละคนทําช้ินงาน การเรยี งลาํ ดบั จํานวน ตัวเลขไทย และตัวหนังสอื เรื่อง จิกซอวของจํานวนนับไมเกิน 1,000 แสดงจาํ นวนนบั และ 0 โดยใหนกั เรยี นจดั ทําจิกซอวจาํ นวนนบั - การเรยี งลําดับจาํ นวนจากนอยไปมาก ไมเ กนิ 1,000 และตกแตง ใหส วยงาม เมอ่ื เสรจ็ - กเชานรเ1ร0ยี 0งล1าํ0ด1 บั 1จ0ํา2นว1น03จาก10ม4ากไปนอย จาํ นวนที่นับตอจาก 100 คือ 101 102 ... แลว นําสงครผู ูสอน - ตัวเลขฮินดอู ารบิก เชน 105 104 103 102 101 ขนั้ ประเมนิ เชน 381 508 790 ... การเปรยี บเทียบจาํ นวน - ตวั เลขไทย 1. ครูประเมินผลโดยการสังเกตการตอบคําถาม และการรว มกจิ กรรมกลุมของนกั เรียน - เทา กนั และไมเ ทา กนั เชน ๓๘๑ ๕๐๘ ๗๙๐ ... เชน 131 = 131 - ตวั หนงั สอื 2. ครูตรวจสอบผลจากการทาํ ใบงานท่ี 1.8 เรือ่ ง 232 231 การเรยี งลาํ ดับจาํ นวน เชน สามรอ ยแปดสิบเอด็ หารอยแปด - มากกวาและนอ ยกวา เจด็ รอ ยเกาสบิ ... 3. ครูตรวจสอบผลจากการทํากิจกรรมฝกทักษะ เชน 349 > 107 ในหนังสอื เรียน และทาํ แบบฝกหัดในหนงั สือ- 107 < 349 การนบั ทีละ 2 ทลี ะ 5 แบบฝกหัด ทลี ะ 10 และทีละ 100 หลกั คา ของเลขโดดในแตล ะหลัก และการเขยี นตวั เลขแสดงจํานวน - การนับเพิ่มหรือนับลดทีละ 2 นับเพมิ่ ทลี ะ 2 เชน 111 113 115 117 ... ในรูปกระจาย นับลดทีละ 2 เชน 320 318 316 314 ... - หลกั และคาของเลขโดดในแตล ะหลกั - การนบั เพม่ิ หรือนับลดทีละ 5 เลขโดดตวั เดยี วกัน ถาอยใู นหลักตางกนั นบั เพิ่มทีละ 5 เชน 105 110 115 120 ... จะมคี า ไมเ ทากัน เชน นับลดทลี ะ 5 เชน 350 345 340 335 ... อยใู นหลกั รอย มคี า เปน 300 อยูในหลักสิบ มคี าเปน 30 - การนบั เพ่มิ หรอื นบั ลดทีละ 10 อยูในหลกั หนว ย มีคาเปน 3 นบั เพิม่ ทลี ะ 10 เชน 210 220 230 240 ... นับลดทลี ะ 10 เชน 402 392 382 372 ... - การเขียนจาํ นวนในรูปกระจาย เปน การนาํ คา ของเลขโดดในแตล ะหลัก - การนับเพ่มิ หรอื นับลดทีละ 100 มาเขยี นในรูปการบวก เชน นับเพม่ิ ทลี ะ 100 เชน 426 526 626 726 ... 245 คอื 2 รอย กับ 4 สบิ กับ 5 หนวย นบั ลดทีละ 100 เชน 837 737 637 537 ... 245 เขยี นในรปู กระจายเปน 200 + 40 + 5 245 = 200 + 40 + 5 จาํ นวนคู จาํ นวนค่ี - จาํ นวนที่มเี ลขโดดในหลกั หนว ย เปน 1 3 5 7 9 เรยี กวา จํานวนค่ี - จํานวนท่ีมเี ลขโดดในหลกั หนว ย เปน 0 2 4 6 8 เรยี กวา จาํ นวนคู 31 กจิ กรรม ทา ทาย เกร็ดแนะครู ครูควรใหนักเรียนรวมกันสรุปเน้ือหาหนวยการเรียนรูท่ี 1 ตามสรุปสาระ สาํ คญั ประจําหนว ยการเรยี นรทู ่ี 1 ในหนังสือเรยี น คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 31 เพือ่ ทบทวนความเขา ใจในเนือ้ หาทง้ั หนวยการเรยี นรทู เี่ รียนผา นมา 164 831 211 394 821 881 107 137 871 128 187 654 157 214 173 841 197 863 146 120 ใหนักเรียนพิจารณารูป แลวชวยกันบอกวา จํานวนใดเปน จํานวนคู จํานวนใดเปนจํานวนค่ี จํานวนใดมีคามากท่ีสุด และ จาํ นวนใดมคี า นอ ยทสี่ ดุ จากนน้ั ใหน กั เรยี นแตล ะคนเขยี นลงในสมดุ T33
Chapter Overview แผนการจัด สอ่ื ที่ใช้ จุดประสงค์ วธิ สี อน ประเมนิ ทักษะท่ีได้ คุณลกั ษณะ การเรียนรู้ อนั พึงประสงค์ แผนท่ี 1 - หนงั สอื เรียน 1. บอกวธิ กี ารหาผลบวก แบบค้นพบ - ตรวจแบบทดสอบ - ทักษะการเชือ่ มโยง 1. มวี ินยั การบวกจ�ำนวน คณติ ศาสตร์ ป.2 เลม่ 1 จ�ำนวนสองจ�ำนวนทม่ี ี (Discovery ก่อนเรียน - ทักษะการให้เหตุผล 2. ใฝเ่ รียนรู้ - แบบฝกึ หดั ผลบวกไมเ่ กิน 1,000 Method) - ตรวจใบงานท่ี 2.1-2.3 3. มุ่งมน่ั ใน สองจ�ำนวนทีม่ ี คณิตศาสตร์ ป.2 เล่ม 1 ตามแนวตั้ง (ไม่มีทด) - ต รวจกจิ กรรมฝกึ ทักษะ การทำ� งาน ผลบวกไม่เกนิ - ใบงานท่ี 2.1-2.3 ได้ (K) เร่ือง การบวกจ�ำนวน 1,000 - บัตรโจทยก์ ารบวก 2. แสดงขน้ั ตอนวิธีการหา สองจ�ำนวนทีม่ ีผลบวก ตามแนวตัง้ ผลบวกจ�ำนวนสอง ไม่เกิน 1,000 จ�ำนวนท่ีมีผลบวก - ต รวจแบบฝกึ หัด เรอื่ ง (ไม่มีทด) ไม่เกนิ 1,000 การบวกจ�ำนวนสอง ตามแนวตั้ง (ไมม่ ีทด) 3 ได้ (P) จำ� นวนทีม่ ผี ลบวก 3. รับผิดชอบตอ่ หนา้ ท่ี ไม่เกิน 1,000 ชั่วโมง - สงั เกตพฤตกิ รรม ทไี่ ด้รับมอบหมาย (A) การท�ำงานรายบคุ คล - สังเกตพฤตกิ รรม การท�ำงานกลุ่ม - สงั เกตความมีวนิ ยั ใฝเ่ รียนรู้ มุ่งมั่น ในการท�ำงาน แผนฯ ท่ี 2 - ห นงั สือเรยี น 1. บ อกวิธีการหาผลบวก แบบค้นพบ - ตรวจใบงานท่ี 2.4-2.6 - ทกั ษะการเช่อื มโยง 1. มีวินัย การบวกจำ� นวน คณิตศาสตร์ ป.2 เลม่ 1 จ�ำนวนสองจำ� นวนที่มี (Discovery - ตรวจกิจกรรมฝึกทกั ษะ - ทักษะการใหเ้ หตผุ ล 2. ใฝ่เรยี นรู้ - แบบฝึกหัด ผลบวกไมเ่ กนิ 1,000 Method) เรือ่ ง การบวกจ�ำนวน 3. มงุ่ ม่นั ใน สองจ�ำนวน คณติ ศาสตร์ ป.2 เลม่ 1 ตามแนวตงั้ (มีทด) ได้ สองจ�ำนวนที่มผี ลบวก การทำ� งาน ที่มผี ลบวก - ใบงานที่ 2.4-2.6 (K) ไม่เกนิ 1,000 ไม่เกิน 1,000 - บัตรโจทยก์ ารบวก 2. แ สดงข้นั ตอนวิธีการหา - ตรวจแบบฝกึ หัด เร่อื ง ตามแนวต้ัง - บัตรภาพ ผลบวกจ�ำนวนสอง การบวกจ�ำนวนสอง (มที ด) - QR Code จ�ำนวนท่ีมีผลบวก จำ� นวนท่ีมผี ลบวก ไมเ่ กิน 1,000 ไมเ่ กิน 1,000 3 ตามแนวตั้ง (มที ด) ได้ - สงั เกตพฤติกรรม (P) การท�ำงานรายบุคคล ชว่ั โมง 3. รบั ผดิ ชอบต่อหนา้ ที่ - สงั เกตพฤตกิ รรม ท่ไี ดร้ บั มอบหมาย (A) การท�ำงานกลมุ่ - สงั เกตความมีวินยั ใฝ่เรียนรู้ มุง่ มน่ั ในการท�ำงาน แผนฯ ที่ 3 - ห นงั สอื เรียน 1. บอกวิธกี ารหาผลบวก กระบวนการ - ต รวจใบงานท่ี 2.7 - ทกั ษะการเชอื่ มโยง 1. มีวินัย การบวก คณิตศาสตร์ ป.2 เล่ม 1 จ�ำนวนตามแนวนอน ปฏบิ ตั ิ - ตรวจกจิ กรรมฝกึ ทกั ษะ - ทกั ษะการให้เหตุผล 2. ใฝเ่ รยี นรู้ ตามแนวนอน - แ บบฝึกหัด โดยใช้ความสมั พันธ์ เรอื่ ง การบวกจำ� นวน 3. มุง่ ม่นั ใน โดยใช้ คณิตศาสตร์ ป.2 เล่ม 1 ของจ�ำนวน สองจำ� นวนท่มี ผี ลบวก การทำ� งาน ความสัมพนั ธ์ - ใบงานที่ 2.7 แบบสว่ นย่อย ไม่เกนิ 1,000 ของจำ� นวน - บ ตั รภาพ และสว่ นรวมได้ (K) - ตรวจแบบฝึกหัด เร่อื ง แบบส่วนย่อย - บตั รโจทยก์ ารบวก 2. แ สดงขนั้ ตอนวิธกี ารหา การบวกจ�ำนวนสอง และสว่ นรวม - เครือ่ งคิดเลข ผลบวกจำ� นวนตาม จำ� นวนทมี่ ผี ลบวก แนวนอนโดยใช้ ไมเ่ กนิ 1,000 3 ความสมั พันธ์ของ - ป ระเมนิ การน�ำเสนอ จ�ำนวนแบบสว่ นยอ่ ย ผลงาน ชวั่ โมง และสว่ นรวมได้ (P) - สังเกตพฤติกรรม 3. รับผดิ ชอบตอ่ หนา้ ที่ การท�ำงานรายบุคคล ทไี่ ดร้ บั มอบหมาย (A) - สงั เกตพฤติกรรม การท�ำงานกลมุ่ - สงั เกตความมีวินัย ใฝเ่ รียนรู้ ม่งุ ม่นั ในการท�ำงาน T34
แผนการจัด ส่อื ที่ใช้ จุดประสงค์ วิธสี อน ประเมนิ ทักษะที่ได้ คุณลกั ษณะ การเรียนรู้ อันพึงประสงค์ แผนฯ ที่ 4 - หนงั สือเรยี น 1. บ อกวธิ ีการหาผลบวก อุปนยั - ต รวจใบงานที่ 2.8 - ทักษะการเชือ่ มโยง 1. มวี นิ ัย การบวกจ�ำนวน คณติ ศาสตร์ ป.2 เล่ม 1 จ�ำนวนสามจำ� นวนทม่ี ี (Induction - ตรวจกิจกรรมฝึกทักษะ - ทกั ษะการใหเ้ หตุผล 2. ใฝ่เรียนรู้ สามจำ� นวน - แบบฝึกหดั ผลบวกไม่เกนิ 1,000 Method) เรื่อง การบวกจ�ำนวน 3. มุง่ ม่นั ใน ทม่ี ผี ลบวกไม่เกิน คณิตศาสตร์ ป.2 เลม่ 1 ได้ (K) สามจำ� นวนท่มี ีผลบวก การทำ� งาน - ใบงานท่ี 2.8 2. แ สดงข้นั ตอนวธิ กี ารหา ไมเ่ กิน 1,000 1,000 - บตั รโจทย์การบวก ผลบวกจำ� นวนสาม - ต รวจแบบฝึกหดั เร่ือง - วงล้อตวั เลข จำ� นวนท่มี ผี ลบวก การบวกจ�ำนวนสาม 3 - เครอื่ งคดิ เลข ไม่เกนิ 1,000 ได้ (P) จำ� นวนทม่ี ผี ลบวก 3. รับผิดชอบตอ่ หน้าที่ ไมเ่ กนิ 1,000 ชั่วโมง ทไ่ี ดร้ ับมอบหมาย (A) - ประเมินการนำ� เสนอ ผลงาน - สงั เกตพฤติกรรม การท�ำงานรายบุคคล - สงั เกตพฤติกรรม การท�ำงานกลุ่ม - สังเกตความมวี ินัย ใฝ่เรยี นรู้ มุ่งมนั่ ในการท�ำงาน แผนฯ ท่ี 5 - ห นังสอื เรียน 1. หาคำ� ตอบของ แบบค้นพบ - ตรวจใบงานที่ 2.9-2.10 - ท กั ษะการให้เหตุผล 1. มวี ินัย การแก้ คณติ ศาสตร์ ป.2 เล่ม 1 โจทย์ปัญหาการบวก (Discovery - ต รวจกิจกรรมฝกึ ทักษะ - ทักษะกระบวน 2. ใฝเ่ รยี นรู้ โจทย์ปญั หา - แ บบฝกึ หัด พรอ้ มท้งั ตรวจสอบ Method) เรอื่ ง โจทย์ปญั หาและ การคิดแก้ปัญหา 3. มุ่งม่นั ใน การบวก คณิตศาสตร์ ป.2 เลม่ 1 ความสมเหตสุ มผล การสร้างโจทยป์ ัญหา - ท กั ษะการน�ำ การทำ� งาน - ใบงานท่ี 2.9-2.10 ของค�ำตอบได้ (K) การบวก ความรู้ไปใช้ 4 - บัตรโจทยก์ ารบวก 2. วเิ คราะหโ์ จทยป์ ญั หา - ตรวจแบบฝึกหดั เรือ่ ง - บตั รโจทยป์ ัญหา การบวกทกี่ �ำหนดให้ได้ โจทย์ปญั หาและ ชวั่ โมง - เคร่อื งคดิ เลข (K) การสร้างโจทยป์ ญั หา 3. เขียนแสดงวิธีทำ� การบวก โจทย์ปัญหาการบวก - ป ระเมินการน�ำเสนอ ที่กำ� หนดให้ได้ (P) ผลงาน 4. รับผิดชอบตอ่ หน้าท่ี - สังเกตพฤติกรรม ทีไ่ ด้รบั มอบหมาย (A) การท�ำงานรายบคุ คล - สงั เกตพฤตกิ รรม การท�ำงานกลุม่ - สงั เกตความมีวนิ ัย ใฝเ่ รียนรู้ มุง่ ม่นั ในการท�ำงาน แผนฯ ที่ 6 - หนงั สือเรียน 1. อ ธบิ ายหลักการสรา้ ง กระบวนการ - ตรวจใบงานท่ี 2.11 - ท ักษะการเช่อื มโยง 1. มีวินยั การสรา้ ง คณติ ศาสตร์ ป.2 เลม่ 1 โจทย์ปัญหาการบวกได้ ปฏบิ ัติ - ตรวจกจิ กรรมฝกึ ทักษะ - ท ักษะกระบวนการ 2. ใฝ่เรยี นรู้ โจทย์ปญั หา - แ บบฝกึ หดั (K) เรื่อง โจทย์ปัญหาและ คิดสร้างสรรค์ 3. มุง่ มนั่ ใน การบวก คณติ ศาสตร์ ป.2 เล่ม 1 2. สร้างโจทยป์ ญั หา การสร้างโจทย์ปญั หา - ทกั ษะการน�ำ การทำ� งาน - ใบงานที่ 2.11 การบวกจากข้อมลู การบวก ความรไู้ ปใช้ 4 - บตั รข้อความ ท่กี ำ� หนดใหไ้ ด้ (P) - ต รวจแบบฝกึ หดั เรอื่ ง - บัตรตัวเลข 3. รับผดิ ชอบตอ่ หน้าที่ โจทยป์ ญั หาและ ช่ัวโมง - สลากตัวเลข ทีไ่ ดร้ บั มอบหมาย (A) การสร้างโจทยป์ ญั หา - สลากข้อความ การบวก - ป ระเมินการน�ำเสนอ ผลงาน - สังเกตพฤตกิ รรม การท�ำงานรายบคุ คล - สังเกตพฤตกิ รรม การท�ำงานกลมุ่ - สงั เกตความมีวินยั ใฝเ่ รยี นรู้ ม่งุ มน่ั ในการท�ำงาน - ตรวจแบบทดสอบ Tหลงั เรยี น 35
นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั นาํ (Discovery Method) 2หนวยการเรียนรูท่ี ¼¡ÒÅúºÇÇ¡¡äÁ¨Òíà‹ ¡¹¹Ô ǹ1,·00ÁèÕ 0Õ นาํ เขา้ สบู ทเรยี น µÇÑ ªÇéÕ ´Ñ • หาคา ของตวั ไมทราบคา ในประโยค 1. ครูใหนักเรียนเปดหนังสือเรียน คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 32 จากนั้นใหนักเรียน สญั ลกั ษณแ สดงการบวกและประโยค รวมกันแสดงความคิดเห็นเก่ียวกับรูปภาพ สัญลักษณแสดงการลบของจํานวนนบั ที่แสดงในหนังสือเรียน จากน้ันครูถาม ไมเกนิ 1,000 และ 0 (ค 1.1 ป.2/4) นกั เรยี นวา “แมตอ งจา ยเงินซ้อื วัตถุดบิ สําหรับ • แสดงวิธหี าคําตอบของโจทยป ญ หา ประกอบอาหารทงั้ หมดกบ่ี าท นกั เรยี นมวี ธิ คี ดิ 2 ข้ันตอนของจํานวนนบั ไมเ กิน 1,000 อยางไร” โดยครูจะเฉลยคําตอบในทาย และ 0 (ค 1.1 ป.2/8) หนว ยการเรียนรู แมตองการซ้ือวัตถุดิบเพ่ือนําไป ประกอบอาหารโดยมีรายการ ดังน้ี 1. หมึก 300 บาท 2. กุง 250 บาท 3. ผักกาดขาว 45 บาท 250 300 45 ÊÒÃСÒÃàÃÂÕ ¹ÃÙŒ áÁµ‹ ÍŒ §¨‹ÒÂà§¹Ô • การบวกจาํ นวนสองจาํ นวนท่มี ีผลบวกไมเกนิ 1,000 • การบวกจํานวนสามจํานวนทมี่ ผี ลบวกไมเกนิ 1,000 ?«×éÍÇµÑ ¶´Ø ÔºÊÒí ËÃѺ • โจทยป ญหาและการสรางโจทยปญหาการบวก »·ÃéѧÐË¡Áͺ´Í¡ÒÕºè ËÒ·Òà เกร็ดแนะครู ครคู วรจดั กระบวนการเรียนการสอนใหน กั เรยี นปฏบิ ตั ิ ดงั นี้ 1) ฝก ทักษะเชอ่ื มโยงและทกั ษะการใหเ หตผุ ล 2) อภปิ รายเกย่ี วกับวิธกี ารหาคาํ ตอบ 3) ยกตัวอยา งประกอบการอธิบาย จนเกิดเปนความรูความเขาใจเก่ียวกับการบวกจํานวนสองจํานวนที่มี ผลบวกไมเ กนิ 1,000 ตามแนวตง้ั (ไมม ที ดและมที ด) การบวกจาํ นวนสามจาํ นวน ท่มี ีผลบวกไมเกนิ 1,000 และแสดงวธิ หี าคาํ ตอบของโจทยการบวกได ครูยกสถานการณเกี่ยวกับการบวกจํานวนสองจํานวนที่มีผลบวกไมเกิน 1,000 ตามแนวตัง้ (ไมมีทดและมที ด) และการแกโจทยป ญ หาการบวก โดยให นกั เรยี นเปน ผเู ผชญิ ปญ หา ครคู อยใหค าํ แนะนาํ อยา งใกลช ดิ ซง่ึ ในการแกป ญ หา จะใชกระบวนการทักษะทางคณิตศาสตรใ นการแกป ญ หา T36
นาํ นํา สอน สรปุ ประเมนิ กเตอ่ รนียมเพรรียอ้ มน M AT H ขน้ั นาํ 1 แสดงวธิ ีหาผลบวกโดยการเขียนจํานวนในรูปกระจาย นาํ เขา้ สบู ทเรยี น 2. ครูใหนักเรียนทําเตรียมพรอมกอนเรียน ในหนงั สอื เรยี น คณติ ศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 33 จากน้ันครแู ละนกั เรียนรว มกนั เฉลยคําตอบ 1. 63 + 2 = 2. 58 + 20 = 3. 25 + 34 = 4. 71 + 17 = 2 แสดงวิธหี าผลบวกโดยการใชตารางหลัก 1. 61 + 28 = 2. 33 + 23 = 3. 30 + 45 = 4. 13 + 62 = 3 แสดงวธิ ีหาผลบวกตามแนวตัง้ โดยใชว ธิ ลี ัด 1. 4 5 + 2. 6 8+ 3. 7 5 + 14 20 21 4 พจิ ารณาผลบวกตอ ไปน้ีวาถูกตอ งหรือไม ถาไมถูกตองใหแ กไขใหถ กู ตอ ง 1. 64 + 22 = 96 2. 51 + 33 = 84 3. 81 + 18 = 99 4. 27 + 61 = 89 5 หาคําตอบของโจทยป ญ หาทก่ี ําหนด 1. โบออมเงนิ 37 บาท บอยออมเงินไดม ากกวา โบ 12 บาท บอยออมเงนิ ไดกีบ่ าท 2. ชาวสวนปลูกตน มะมว ง 22 ตน ปลกู ตนลาํ ไย 34 ตน ชาวสวน ปลูกตน ไมทง้ั สองชนดิ รวมกต่ี น 33 เกร็ดแนะครู ครอู าจจัดแขงขันหาผลบวกของโจทยก ารบวกทมี่ ีผลบวกไมเกนิ 100 เชน 40 + 18 = โดยครูใหนักเรียนแขงกันยกมือเพื่อหาผลบวก ใครหาผลบวกไดถูกตอง และเรว็ ทส่ี ดุ จะได 1 คะแนน เพ่อื เปนการทบทวนความรเู ดิม T37
นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ นาํ 1. ¡·ÒÕèÁÃ¼Õ ºÅǺ¡1Ǩ¡Òí2ä¹ÁNjࡹ¹Ô ÊÍ1,§0¨0Òí 0¹Ç¹ 33 + 23 ෋ҡѺ෋Òã´ áÅÐàÃÒÊÒÁÒöËҼźǡ นาํ เขา้ สบู ทเรยี น 1.1 การบวกตามแนวตง้ั ä´Œ¡èÕÇÔ¸Õ¤ÃѺ 1) การบวกตามแนวต้ัง (ไมมที ด) 3. ครูใหนักเรียนตอบคําถามทบทวนความรูเดิม มุมขวาบนของหนังสือเรยี น คณิตศาสตร ป.2 223 เลม 75 เลม เลม 1 หนา 34 (แนวตอบ 56 หาคาํ ตอบได 3 วธิ ี คอื หาผลบวก มีหนังสือทั้งหมด โดยเขียนจํานวนในรูปกระจาย หาผลบวก กี่เลมครับ โดยใชต ารางหลกั และหาผลบวกโดยใชว ธิ ลี ดั ) ประโยคสัญลักษณ 223 + 75 = 223 75 ขนั้ สอน ? สอน วธิ ีท่ี 1 หาผลบวกโดยเขยี นจํานวนในรปู กระจาย 1. ครแู บง นกั เรยี นเปน กลมุ กลมุ ละ 4 คน คละกนั 223 เขยี นในรปู กระจายได ดงั น้ี 200 + 20 + 53+ วิธีคิด ตามความสามารถ คอื เกง ปานกลางคอ นขา ง 223 = 200 + 20 + 3 70 + 1. 3 บวก 5 เปน 8 เกง ปานกลางคอนขางออน และออน โดยใหนกั เรยี นแตละกลุมศึกษาเรอ่ื ง การบวก 75 เขียนในรปู กระจายได ดงั นี้ 200 + 90 + 8 = 298 2. 20 บวก 70 เปน 90 ตามแนวตง้ั วธิ ที ่ี 1 หาผลบวกโดยเขยี นจาํ นวน 75 = 70 + 5 ในรูปกระจาย ในหนังสือเรียน คณิตศาสตร 3. 200 บวก 0 เปน 200 ป.2 เลม 1 หนา 34 ดังน้ัน 223 + 75 = 298 2. ครูเขียนโจทยการบวก 133 + 24 = 34 บนกระดาน แลว ใหน กั เรยี นชว ยกนั บอกวา 133 และ 24 เขียนในรูปกระจายไดอยางไร (แนวตอบ 133 = 100 + 30 + 3 และ 24 = 20 + 4) 3. ครแู สดงวิธกี ารหาผลบวกของ 133 + 24 = โดยวธิ เี ขยี นจาํ นวนในรปู กระจายใหน กั เรยี นดู บนกระดาน 4. ครูใหนักเรยี นแตล ะกลุมทําใบงานท่ี 2.1 เร่ือง การหาผลบวกโดยเขียนจํานวนในรูปกระจาย (ไมมที ด) แลว ครสู ุมนักเรยี น 2-3 กลมุ ใหส ง ตัวแทนกลุมออกมานําเสนอหนาชั้นเรียน จากนั้นครูและนักเรียนรวมกันเฉลยคําตอบ ในใบงาน นักเรียนควรรู ขอสอบเนน การคิด 1 การบวก การดาํ เนินการรวมจาํ นวน 2 จาํ นวนขึน้ ไปใหเปนจํานวนเดียว ขอ ใดเปนผลบวกของ 174 และ 11 2 ผลบวก ผลลพั ธทีไ่ ดจ ากการบวก 1. 175 2. 185 3. 195 (เฉลยคําตอบ ขอ 2. เพราะ 174 11 + 185 ดงั นั้น ผลบวกของ 174 และ 11 คอื 185) T38
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ วธิ ีท่ี 2 หาผลบวกโดยใชต ารางหลัก ขน้ั สอน วิธคี ิด 1. บวกจํานวนในหลักหนวย 3 หนวย บวก 5 หนวย สอน เปน 8 หนว ย 5. ครูใหนักเรียนแตละกลุมศึกษาเร่ือง การบวก 223 หลกั รอ ย หลกั สิบ หลกั หนวย ตามแนวตง้ั วธิ ที ่ี 2 หาผลบวกโดยใชต ารางหลกั 2 2 3 ในหนังสือเรียน คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 7 5 + หนา 35 8 6. ครยู กตวั อยา งโจทยก ารบวก เชน 820 + 15 = บนกระดาน แลวแสดงวิธีหาผลบวกโดยใช 75 2. บวกจํานวนในหลกั สบิ ตารางหลักใหนกั เรียนดู 2 สิบ บวก 7 สิบ เปน 9 สบิ 7. ครูใหนักเรียนแตละกลุมชวยกันเขียนโจทย หลกั รอ ย หลักสิบ หลักหนว ย การบวกกลมุ ละ 3 ขอ แลว หาผลบวกโดยใช 2 2 3 ตารางหลกั จากนนั้ สลบั กบั เพอ่ื นกลมุ ขา งๆ เพอื่ 7 5 + แลกเปลี่ยนกันตรวจสอบความสมเหตุสมผล ของคาํ ตอบ 98 8. ครูใหนักเรียนกลุมเดิมทําใบงานที่ 2.2 เร่ือง 3. บวกจาํ นวนในหลักรอย การหาผลบวกโดยใชตารางหลัก (ไมมีทด) 298 2 รอ ย บวก 0 รอย เปน 2 รอย เสรจ็ แลว ครสู มุ นกั เรยี น 2-3 คู ออกมานาํ เสนอ หนาช้ันเรียน จากนั้นครูและนักเรียนรวมกัน หลักรอ ย หลกั สิบ หลักหนว ย เฉลยคําตอบในใบงาน 2 2 3 7 5 + 9. นักเรียนแตละกลุมศึกษาเรื่อง การบวก ตามแนวต้ัง วธิ ที ่ี 3 หาผลบวกโดยวิธลี ดั ใน วิธที ี่ 3 หาผลบวกโดยวธิ ลี ัด 298 หนังสือเรยี น คณติ ศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 35 และใหศึกษาตวั อยางเพ่ิมเติม ในหนงั สือเรียน นาํ เลขโดดในหลกั สบิ มาบวกกัน 2 3 นําเลขโดดในหลักหนว ยมาบวกกัน คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 36-37 จากนั้น 7 5 เขียนผลบวก 8 ในหลกั หนว ย ครูอธิบายเพ่ิมเติมเพื่อใหนักเรียนเขาใจ 2เขยี นผลบวก 9 ในหลักสบิ 9 8 + มากยงิ่ ขึน้ 75 = 298 การตรวจสอบความสมเหตุสมผล นาํ เลขโดดในหลกั รอ ยมาบวกกนั ของคําตอบ 298 มากกวา 223 และ 75 2เขียนผลบวก 2 ในหลกั รอ ย 298 จึงเปน คาํ ตอบที่สมเหตุสมผล ดังน้ัน 223 + 35 ขอ สอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู ผลบวกในขอ ใดมากกวา 260 ครอู ธบิ ายเพม่ิ เตมิ ใหน กั เรียนเขา ใจมากขน้ึ วา 1. 230 + 35 = 10 หนวย เทา กบั 1 สบิ 2. 203 + 32 = 10 สิบ เทากับ 1 รอย 3. 220 + 25 = 10 รอย เทา กับ 1 พัน (เฉลยคําตอบ ขอ 1. เพราะ 1. 2 3 0 2. 2 0 3 3. 2 2 0 3 5 + 3 2 + 2 5 + 265 235 24 5 ดงั นนั้ ผลบวกของ 230 + 35 เทา กับ 265 มากกวา 260) T39
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั สอน ตัวอยา งท่ี 1 164 312 สอน หาผลบวกของ 164 + 312 = ? 10. ครยู กตวั อยา งอกี 2 ขอ เชน 113 + 63 = วิธที ี่ 1 หาผลบวกโดยเขียนจาํ นวนในรปู กระจาย และ 233 + 125 = แลวใหนักเรียน ชวยกันหาผลบวกโดยวธิ ลี ัด 164 เขียนในรูปกระจายได ดังนี้ 100 + 60 + 42+ วธิ ีคิด 164 = 100 + 60 + 4 300 + 10 + 1. 4 บวก 2 เปน 6 11. ครใู หน กั เรยี นจบั คภู ายในกลมุ แลว ทาํ กจิ กรรม 312 เขียนในรูปกระจายได ดังน้ี 2. 60 บวก 10 เปน 70 เพ่ือนชวยเพื่อน ขอ 1-3 ในหนังสือเรียน 312 = 300 + 10 + 2 400 + 70 + 6 = 476 3. 100 บวก 300 เปน 400 คณติ ศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 41 และทํา ใบงานที่ 2.3 เรอื่ ง การหาผลบวกโดยใชว ธิ ลี ดั ดงั นน้ั 164 + 312 = 476 (ไมม ที ด) แลว ครสู มุ นกั เรยี น 2-3 คน ออกมา ตอบ ๔๗๖ นาํ เสนอหนา ชน้ั เรยี น จากนน้ั ครแู ละนกั เรยี น รวมกันเฉลยคําตอบ วิธที ่ี 2 หาผลบวกโดยใชต ารางหลัก วธิ คี ิด 1. บวกจํานวนในหลักหนว ย ฝก ทกั ษะ 4 หนว ย บวก 2 หนว ย เปน 6 หนวย 1. ครูใหนกั เรียนทาํ กจิ กรรมฝก ทกั ษะ ขอ 1 ใหญ 164 ขอ 1-4, ขอ 2 ใหญ ขอ 1-4 และขอ 3 ใหญ หลักรอย หลกั สบิ หลกั หนวย ขอ 1-2 ในหนงั สอื เรยี น คณติ ศาสตร ป.2 เลม 1 16 4 หนา 45 31 2 + 2. ครูใหนักเรียนทําแบบฝกหัดเรื่อง การบวก 312 6 จํานวนสองจํานวนที่มีผลบวกไมเกิน 1,000 2. บวกจํานวนในหลกั สิบ ในแบบฝกหัด คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 6 สบิ บวก 1 สบิ เปน 7 สบิ เปน การบาน หลกั รอ ย หลกั สิบ หลักหนวย 16 4 31 2 + 476 76 3. บวกจาํ นวนในหลักรอ ย 1 รอ ย บวก 3 รอ ย เปน 4 รอย ดงั นัน้ 164 + 312 = 476 หลักรอ ย หลกั สิบ หลักหนว ย ตอบ ๔๗๖ 16 4 31 2 + 36 47 6 เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคิด ครอู ธบิ ายเพม่ิ เตมิ เกยี่ วกบั การหาผลบวกโดยวธิ ลี ดั ใหน กั เรยี นฟง วา การหา ขอใดมีผลบวกนอยทสี่ ุด ผลบวกของจํานวนสองจํานวนใหนําจํานวนที่อยูในหลักเดียวกันมาบวกกันและ 1. 200 + 95 = การเขียนแสดงวิธีหาผลบวกในแนวตั้ง ตองเขียนเลขโดดท่ีอยูในหลักเดียวกัน 2. 230 + 45 = ใหตรงกนั 3. 105 + 180 = (เฉลยคาํ ตอบ ขอ 2. เพราะ 1. 2 0 0 2. 2 3 0 3. 1 0 5 9 5 + 4 5 + 1 8 0 + 295 275 28 5 ดังน้ัน ผลบวกของ 230 + 45 เทากับ 275 ซึ่งมีผลบวก นอยท่สี ุด) T40
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ วธิ ีท่ี 3 หาผลบวกโดยวิธลี ดั นําเลขโดดในหลักหนว ยมาบวกกัน ขนั้ สรปุ เขียนผลบวก 6 ในหลกั หนว ย นาํ เลขโดดในหลักสิบมาบวกกัน 1 6 4 สรปุ เขยี นผลบวก 7 ในหลักสิบ 3 1 2 + ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรูเก่ียวกับ นําเลขโดดในหลักรอ ยมาบวกกนั 4 7 6 การตรวจสอบความสมเหตุสมผล การบวกจาํ นวนสองจาํ นวนทมี่ ผี ลบวกไมเ กนิ 1,000 เขียนผลบวก 4 ในหลกั รอ ย ของคําตอบ (ไมม ที ด) ตามแนวตง้ั แลว ครถู ามคาํ ถามนกั เรยี น ดังนี้ ดงั นน้ั 164 + 312 = 476 476 มากกวา 164 และ 312 ตอบ ๔๗๖ 476 จงึ เปน คําตอบที่สมเหตุสมผล • การหาผลบวกโดยเขยี นจาํ นวนในรปู กระจาย มขี ัน้ ตอนการหาอยางไร การบวกจํานวนสองจํานวนท่ีมีผลบวกไมเกิน 1,000 (ไมมีทด) (แนวตอบ ข้ันท่ี 1 เขียนจํานวนใหอยูใน ตามแนวต้ัง หาผลบวกไดโดยนําจํานวนที่อยูในหลักเดียวกันมาบวกกัน รูปกระจาย และขั้นที่ 2 นําจํานวนที่อยู ในหลักเดยี วกนั มาบวกกัน) 2) การบวกตามแนวตง้ั (มีทด) 234 คน • การหาผลบวกโดยใชตารางหลักและ 128 คน ใชวิธีลัด ทั้งสองวิธีน้ีมีขั้นตอนการหา เหมอื นกนั อยา งไร ทั้งสองหมูบาน (แนวตอบ ขน้ั ท่ี 1 เขยี นเลขโดดในแตล ะหลกั มีคนทั้งหมดกี่คน ใหตรงกัน และข้ันท่ี 2 นําเลขโดดท่ีอยู ในหลักเดียวกนั มาบวกกนั ) ประโยคสญั ลักษณ 128 + 234 = 128 234 ? ขน้ั ประเมนิ 37 1. ครูประเมินผลโดยการสังเกตการตอบคําถาม และการรว มกนั ทาํ กจิ กรรมกลมุ 2. ครตู รวจสอบผลจากการทําใบงานท่ี 2.1 เรอ่ื ง การหาผลบวกโดยเขียนจํานวนในรูปกระจาย (ไมมีทด) 3. ครูตรวจสอบผลจากการทาํ ใบงานท่ี 2.2 เรื่อง การหาผลบวกโดยใชตารางหลกั (ไมมที ด) 4. ครูตรวจสอบผลจากการทําใบงานท่ี 2.3 เรื่อง การหาผลบวกโดยใชวิธลี ดั (ไมม ีทด) 5. ครูตรวจสอบผลจากการทํากิจกรรมฝกทักษะ ในหนงั สอื เรยี น และทาํ แบบฝกหัด ในหนังสอื แบบฝกหัด กจิ กรรม สรางเสรมิ แนวทางการวัดและประเมินผล ใหนักเรียนจับคูแลวสรางโจทยการบวกคูละ 3 ขอ ลงใน ครูสามารถวัดและประเมินพฤติกรรมการทํางานกลุมจากการทําใบงานท่ี กระดาษ A4 แลวนําโจทยท ี่สรา งสลบั กับเพ่อื นคูขางๆ จากนั้นให 2.2 เรื่อง การหาผลบวกโดยใชตารางหลัก (ไมมีทด) โดยศึกษาเกณฑการวัด นักเรียนแตละคูรวมกันหาผลบวกโดยเขียนจํานวนในรูปกระจาย และการประเมินผลจากแบบประเมินของแผนการจัดการเรียนรูในหนวย ใชตารางหลัก และวิธีลัด เสร็จแลวสลับคืน จากนั้นใหแตละคู การเรยี นรูท่ี 2 รวมกนั เฉลยคาํ ตอบ แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางานกลุ่ม กจิ กรรม ทา ทาย คาช้ีแจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ✓ลงในช่องที่ ใหนักเรียนแตละคูรวมกันหาผลบวกโดยเขียนจํานวนใน ตรงกับระดับคะแนน รปู กระจาย ใชต ารางหลัก และวธิ ลี ัดของจาํ นวนตอไปน้ี ลาดับท่ี ชอื่ – สกุล การแสดง การยอมรบั การทางาน ความมนี า้ ใจ การมี รวม 1. 270 + 304 = และ 2. 301 + 404 = ของนกั เรียน ความคดิ เห็น ฟังคนอ่ืน ตามทีไ่ ด้รับ ส่วนร่วมใน 15 มอบหมาย การปรับปรุง คะแนน ผลงานกล่มุ 321321321321321 เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่าเสมอ ............../.................../............... ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยคร้งั ให้ 3 คะแนน ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤติกรรมบางคร้งั ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ตา่ กวา่ 8 ปรบั ปรงุ T41
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226