Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือครู อจท คณิตศาสตร์ ป2ล1

คู่มือครู อจท คณิตศาสตร์ ป2ล1

Description: คู่มือครู อจท คณิตศาสตร์ ป2ล1

Search

Read the Text Version

คู่มอื ครู Teacher Script คณติ ศำสตร์ ป.2 ชน้ั ประถมศึกษาปท ี่ 2 เลม่ 1 ตามมาตรฐานการเรยี นรู้และตัวชีว้ ดั กลมุ่ สาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร ์ (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาข้นั พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช 2551 ผเู้ รียบเรียงหนงั สือเรยี น ผตู้ รวจหนงั สอื เรยี น บรรณาธกิ ารหนงั สอื เรียน นายไพศาล จรรยา นางปรารถนา วรรณนรนั ทร์ นางกนกวล ี อุษณกรกุล ดร.ชิรา ลา� ดวนหอม นางนัยนา จ่ันบุญมี นางศุกร์ศริ ิ รบั คา� อนิ ทร์ นางสาวอรษา เจริญยง่ิ ผู้เรียบเรียงค่มู ือครู นางศุกร์ศริ ิ รบั คา� อนิ ทร์ บรรณาธกิ ารคู่มือครู นาวสาวนา�้ ทิพย ์ เรือแกว้ นางสาวประทพิ ย์ บญุ ตอ่ พมิ พค รั้งท่ี 1 สงวนลิขสทิ ธิต์ ามพระราชบัญญตั ิ รหสั สนิ คา 1246045

ค�ำแนะน�ำกำรใช้ คมู่ อื ครู รายวชิ าพน้ื ฐาน คณติ ศาสตร์ ป.2 เลม่ น ้ี จดั ทา� ขนึ้ สา� หรบั ใหค้ รผู สู้ อนใชเ้ ปน็ แนวทางวางแผนการจดั การเรยี นการสอน เพอื่ พฒั นา ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและการประกันคุณภาพผู้เรียนตามนโยบาย ของส�านักงานคณะกรรมการการศึกษาขัน้ พื้นฐาน (สพฐ.) เพ่มิ ค�าแนะน�าการใช้ ชวยสรางความเขาใจ เพ่ือใชคูมือครูได เพทโดยเลอื ก อยา งถูกตอ งและเกดิ ประสทิ ธภิ าพสงู สุด นาํ นํา สอน โซน 1สรปุ ประเมนิ เพิม่ ค�าอธบิ ายรายวิชา แสดงขอบขา ยเนอื้ หาสาระของรายวิชา ขน้ั นาํ (กระบวนการกลมุ สมั พนั ธ)์ 1หนวยการเรียนรูท่ี á¨ÅÒí ¹ÐÇ0¹¹ºÑ äÁà‹ ¡¹Ô 1,000 ซงึ่ ครอบคลมุ มาตรฐานการเรยี นรแู ละตวั ชว้ี ดั ตามทหี่ ลกั สตู ร นาํ เขา้ สบู ทเรยี น กําหนด 1. ครูกลาวทักทายนักเรียนและใหนักเรียนเปด หนงั สือเรยี น คณติ ศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 2 µÇÑ ªÇéÕ Ñ´ จากนั้นใหนักเรียนรวมกันแสดงความคิดเห็น เพม่ิ Pedagogy ชวยสรางความเขาใจในกระบวนการออกแบบ เกย่ี วกบั รปู ภาพทแี่ สดงในหนงั สอื เรยี น จากนน้ั จำนวนคู• บอกจํานวนของส่งิ ตา ง ๆ แสดงสิ่งตา ง ๆ จำนวนค่ี การจัดการเรียนการสอนแบบ Active Learning ไดอยางมี ครูถามนักเรียนวา “จํานวนที่มากที่สุดคือ ตามจํานวนทก่ี ําหนด อา นและเขยี น ประสทิ ธภิ าพ จํานวนใดและจํานวนที่นอยท่ีสุดคือจํานวนใด ตัวเลขฮินดูอารบิก ตวั เลขไทย 111 625 นักเรียนมีวิธีคิดอยางไร” โดยครูจะเฉลย 132 612ตวั หนงั สอื แสดงจํานวนนับไมเกนิ 1,000 347 593 คําตอบในทา ยหนวยการเรียนรู 729 943 และ 0 (ค 1.1 ป.2/1) 246 316• เปรียบเทียบจาํ นวนนับไมเ กนิ 1,000 และ 0 โดยใชเ ครอื่ งหมาย = > < (ค 1.1 ป.2/2) 774 942 • เรยี งลาํ ดบั จาํ นวนนับไมเ กนิ 1,000 และ 0 ตั้งแต 3 ถึง 5 จํานวนจาก สถานการณตาง ๆ (ค 1.1 ป.2/3) เพม่ิ Teacher Guide Overview ชว ยใหเ หน็ ภาพรวมของการ จัดการเรียนการสอนทั้งหมดของรายวิชากอนที่จะลงมือ สอนจรงิ เพิม่ Chapter Overview ชว ยสรา งความเขา ใจและเหน็ ภาพรวม ?¨íÒ¤¹×ÍǨ¹íÒ·¹ÕèÁÇÒ¹¡·ã´èÕÊØ´ ในการออกแบบแผนการจัดการเรยี นรูแ ตละหนวย ¨íÒ¤¹×ÍǨ¹íÒ·¹èչnj͹Âã·´èÕÊØ´ เพิ่ม ข้อสอบเน้นการคิด เพื่อเตรียมความพรอมของผูเรียนสู ÊÒÃСÒÃàÃÂÕ ¹ÃÙŒ การสอบในระดบั ตาง ๆ • การอา นและการเขยี นตวั เลขฮินดูอารบิก ตวั เลขไทย และตวั หนังสอื แสดงจาํ นวนนบั • การนับทีละ 2 ทีละ 5 ทลี ะ 10 และทีละ 100 • จาํ นวนคู จํานวนค่ี • หลัก คาของเลขโดดในแตละหลกั และการเขยี นตัวเลขแสดงจํานวนในรูปกระจาย • การเปรยี บเทียบจาํ นวน • การเรียงลาํ ดับจาํ นวน เพม่ิ กิจกรรม 21st Century Skills กจิ กรรมท่ีจะชวยพัฒนา เกร็ดแนะครู กิจกรรม เสริมสรางคุณลักษณะอนั พึงประสงค ผูเรียนใหมีทักษะที่จําเปนสําหรับการเรียนรูและการดํารงชีวิต การจัดการเรียนรูโดยใชกระบวนการกลุมสัมพันธ จะยึดผูเรียน ครูควรมีการจัดกิจกรรมใหนักเรียนจับคูกับเพื่อนในหอง เปนศูนยกลาง ยึดกลุมเปนแหลงเรียนรูท่ีสําคัญ เนนกระบวนการควบคูไปกับ เพือ่ ใหน ักเรียนมีปฏสิ มั พันธทีด่ ตี อกัน รจู ักการทาํ งานรวมกัน และ ผลงาน ครูผูสอนควรจัดกิจกรรมที่เนนใหผูเรียนคนหาคําตอบดวยตนเอง เสรมิ สรางความมีน้าํ ใจในหอ งเรียน ซง่ึ ลักษณะของกจิ กรรม มดี งั ตอ ไปนี้ ในโลกแหง ศตวรรษท่ี 21 1) การสรา งความคุน เคย 2) การทาํ งานเปน ทมี โซน 3 3) การสังเกตพฤติกรรม 4) การแสดงบทบาท 5) การเลน เกม 6) การฝก ฟง คดิ พูด 7) การบรหิ ารงานกลุม จนเกิดเปนความรูความเขาใจเกี่ยวกับการอานและการเขียนตัวเลขฮินดูอารบิก ตัวเลขไทย และตวั หนงั สอื แสดงจํานวนนบั ไมเ กิน 1,000 และ 0 หลกั คาของ โซน 2เลขโดดในแตละหลกั และการเปรยี บเทยี บจํานวนได T4 โซน 1 ชว่ ยครจู ัด โซน 2 ชว่ ยครูเตรยี มสอน กำรเรยี นกำรสอน โดยประกอบด้วยองคป์ ระกอบต่าง ๆ ท่ีเปน็ ประโยชน์ส�าหรบั แนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนให้ครูผู้สอน คร ู เพ่ือน�าไปประยกุ ต์ใชจ้ ัดกจิ กรรมการเรียนรใู้ นชัน้ เรียน โดยแนะน�าขั้นตอนการสอน และการจัดกจิ กรรมอยา่ งละเอยี ด เพื่อให้นักเรียนบรรลผุ ลสัมฤทธติ์ ามตวั ชีว้ ดั เกรด็ แนะครู น�ำ สอน สรุป ประเมิน ความรู้เสริมส�าหรับครู ข้อเสนอแนะ ข้อสังเกต แนวทางการจัด กจิ กรรมและอน่ื ๆ เพอื่ ประโยชน์ในการจัดการเรียนการสอน นักเรยี นควรรู้ ความรเู้ พม่ิ เตมิ จากเนอ้ื หา สา� หรบั อธบิ ายเสรมิ เพม่ิ เตมิ ใหก้ บั นกั เรยี น

โดยใช้ หนังสือเรยี นรายวิชาพนื้ ฐานคณติ ศาสตร ป.2 และแบบฝก หดั คณิตศาสตร ป.2 ของบริษัท อกั ษรเจริญทัศน์ อจท. จ�ากดั เปน็ สื่อหลกั (Core Materials) ประกอบการสอนและการจัดกจิ กรรมการเรียนร ู้ เพอื่ ใหส้ อดคลอ้ งกบั มาตรฐาน การเรียนรแู้ ละตัวชวี้ ดั ของกลุม่ สาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษา ข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 ซ่ึงคมู่ อื ครเู ลม่ นีม้ อี งคป์ ระกอบทง่ี ่ายต่อการใชง้ าน ดงั นี้ โดยเลือก Trim โซน 3 ชว่ ยครเู ตรยี มนักเรียน โซน 1 นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ประกอบด้วยแนวทางส�าหรับการจัดกิจกรรมและ เสนอแนะแนวขอ้ สอบ เพอื่ อา� นวยความสะดวกใหแ้ กค่ รผู สู้ อน เตรียมพรอ้ ม M AT H ขนั้ นาํ กิจกรรม 21st Century Skills กอ่ นเรียน นาํ เขา้ สบู ทเรยี น 2. ครูใหนักเรียนทําเตรียมพรอมกอนเรียน กิจกรรมท่ีให้นักเรียนได้ประยุกต์ใช้ความรู้ท่ีเรียนรู้มาสร้าง 1 เขยี นตัวเลขฮนิ ดอู ารบิก ตวั เลขไทย และตัวหนงั สอื แสดงจาํ นวนตอไปน้ี ช้ินงาน หรือท�ากิจกรรมรวบยอดเพื่อให้เกิดทักษะที่จ�าเป็น ในหนังสือเรียน คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 ในศตวรรษท ี่ 21 หนา 3 จากนั้นครูและนักเรียนรวมกันเฉลย คาํ ตอบ ขอ้ สอบเน้นการคดิ 1. 10 1010010100101001,01100011,000100,01001,020.01,6010,0ส0บิ0 กบั 3 หนวย ตัวอย่างข้อสอบท่ีมุ่งเน้นการคิด มีทั้งปรนัย-อัตนัย พร้อม เฉลยอยา่ งละเอยี ด 3. 10 1100100101010010010,0001,010,010,000 4. 2 สิบ กบั 9 หนว ย กจิ กรรมเสริมสรา้ งคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 2 พจิ ารณาแบบรปู ที่กาํ หนดให แลวเตมิ ตัวเลขแสดงจํานวนที่หายไป กิจกรรมท่ีมุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนด้านคุณธรรม ลงใน จริยธรรม ค่านยิ ม ตามทห่ี ลักสตู รกา� หนด 1. 10 30 40 60 70 2. 92 93 95 96 98 3 บอกหลกั และคา ของเลขโดดในแตละหลักของจาํ นวนตอไปนี้ 1. 82 2. 57 3. 13 4. 11 4 เขยี นจํานวนตอไปน้ีในรูปกระจาย 1. 9 สิบ กับ 7 หนว ย 2. 39 3. 85 5 94 49 ควรเตมิ = หรือ ลงใน 6 55 63 ควรเตมิ > หรอื < ลงใน 7 เรยี งลําดับ 56 37 29 14 และ 39 จากนอยไปมาก 8 เรยี งลําดบั 47 95 53 80 และ 62 จากมากไปนอ ย 3 ขอ สอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู กิจกรรมทา้ ทาย จากรูป ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ครูอาจจัดกิจกรรมทบทวนความรูเพิ่มเติม โดยติดบัตรตัวเลขบนกระดาน เสนอแนะแนวทางการจดั กจิ กรรม เพอื่ ตอ่ ยอดสา� หรบั นกั เรยี น มจี ํานวนก่ีคู แลว สมุ นกั เรยี นตอบคําถาม เชน ทีเ่ รียนรไู้ ดอ้ ย่างรวดเร็ว และต้องการท้าทายความสามารถใน 1. 4 • 9 สบิ 7 หนว ย เขยี นตวั เลขฮนิ ดอู ารบกิ ตวั เลขไทย ตวั หนงั สอื ไดอ ยา งไร ระดับทสี่ ูงข้นึ 2. 6 (แนวตอบ 97 ๙๗ เกาสบิ เจด็ ) 3. 8 •12 456 9 10 เติมตัวเลขทหี่ ายไป กิจกรรมสรา้ งเสรมิ (เฉลยคาํ ตอบ ขอ 1. เพราะจบั คูได 4 คู (แนวตอบ 3 7 8 ตามลําดบั ) เสนอแนะแนวทางการจัดกิจกรรมซ่อมเสริมส�าหรับนักเรียน ☆☆ ☆☆ ☆☆ ☆☆) ที่ควรได้รบั การพัฒนาการเรียนรู้ โซน 3 โซน 2 T5 บูรณาการอาเซียน เฉลยละเอียด ความรู้เสริมหรือการเชื่อมโยงในเรื่องที่เก่ียวข้องกับประชาคม หนงั สอื เรยี น คณติ ศาสตร ป.2 เลม่ 1 อาเซยี น สามารถเขาไปดาวนโ หลดไดที่ www.aksorn.com สือ่ Digital แนะน�าแหลง่ เรยี นร้แู ละแหล่งคน้ ควา้ จากส่อื Digital ตา่ ง ๆ แนวทางการวดั และประเมินผล เสนอแนะแนวทางการบรรลุผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของนักเรียน ตามมาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตวั ชีว้ ดั ที่หลกั สตู รกา� หนด

ค�ำอธิบายรายวิชา คณติ ศาสตร ์ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ คณติ ศาสตร์ เวลาเรียน 200 ช่ัวโมง/ปี ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 2 ศึกษาการอา่ นและการเขียนตวั เลขฮินดอู ารบิก ตัวเลขไทย และตัวหนังสอื แสดงจ�ำนวนนบั ไมเ่ กนิ 1,000 และ 0 การนบั ทลี ะ 2 ทีละ 5 ทลี ะ 10 ทีละ 100 จ�ำนวนคู่ จ�ำนวนคี่ หลัก คา่ ประจำ� หลกั ของเลขโดดในแตล่ ะหลกั การเขยี นตัวเลขแสดงจำ� นวนในรปู กระจาย การเปรยี บเทยี บจำ� นวน การเรยี งลำ� ดบั จำ� นวน การบวกจำ� นวนทม่ี ผี ลบวกไมเ่ กนิ 1,000 การลบจำ� นวนทมี่ ตี วั ตง้ั ไมเ่ กนิ 1,000 ความสมั พนั ธ์ ของการบวกและการลบ การหาตัวไม่ทราบค่าในประโยคสัญลักษณ์แสดงการบวกและการลบ โจทย์ปัญหาการบวก โจทย์ปัญหาการลบ การสรา้ งโจทยป์ ญั หา ความหมายของการคณู ความหมายของการหาร การคณู จำ� นวนทม่ี หี นง่ึ หลกั กบั จำ� นวนไมเ่ กนิ สองหลกั ความสมั พนั ธ์ ของการคูณและการหาร การหารที่ตัวหารและผลหารมีหน่ึงหลัก การหาตัวไม่ทราบค่าในประโยคสัญลักษณ์แสดงการคูณและการหาร การแก้โจทย์ปญั หาการคูณและโจทยป์ ญั หาการหาร การบวก ลบ คณู หารระคน การแก้โจทยป์ ัญหาการบวก ลบ คณู หารระคน แบบรปู ของจำ� นวนทีเ่ พม่ิ ขึ้นหรอื ลดลงทลี ะ 2 ทีละ 5 และทลี ะ 100 แบบรูปซำ�้ การจ�ำแนกลักษณะของรปู หลายเหล่ยี ม วงกลม และวงรี และ การเขยี นรปู เรขาคณติ สองมติ โิ ดยใชแ้ บบของรปู การวดั ความยาวเปน็ เมตรและเซนตเิ มตร การคาดคะเนความยาวเปน็ เมตร การเปรยี บเทยี บ ความยาวโดยใชค้ วามสมั พนั ธร์ ะหวา่ งเมตรและเซนตเิ มตร การแกโ้ จทยป์ ญั หาเกย่ี วกบั ความยาวทม่ี หี นว่ ยเปน็ เมตรและเซนตเิ มตร การบอก เวลาเป็นนาฬิกาและนาที การบอกระยะเวลาเปน็ ชวั่ โมง เปน็ นาที การเปรียบเทียบระยะเวลาเปน็ ชว่ั โมง เป็นนาที การอ่านปฏทิ ิน การแก้ โจทยป์ ัญหาเก่ียวกับเวลา การวดั นำ�้ หนกั เป็นกิโลกรัมและกรมั กิโลกรมั และขดี การคาดคะเนน้�ำหนกั เป็นกิโลกรมั การเปรียบเทียบนำ้� หนัก โดยใชค้ วามสมั พนั ธ์ระหว่างกโิ ลกรมั กับกรัม กโิ ลกรัมกับขดี การแก้โจทย์ปัญหาเกย่ี วกับนำ�้ หนกั ทีม่ ีหนว่ ยเป็นกโิ ลกรัมและกรัม กิโลกรัมและ ขีด การวดั ปริมาตรและความจโุ ดยใช้หน่วยท่ไี มใ่ ช่หนว่ ยมาตรฐานและหน่วยมาตรฐานเป็นช้อนชา ช้อนโต๊ะ ถ้วยตวง ลิตร การเปรียบเทยี บ ปริมาตรและความจุเป็นช้อนชา ช้อนโต๊ะ ถ้วยตวง ลิตร การแก้โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับปริมาตรและความจุท่ีมีหน่วยเป็นช้อนชา ช้อนโต๊ะ ถ้วยตวง ลิตร การอ่านแผนภมู ิรูปภาพ และการใช้ข้อมลู จากแผนภมู ิรูปภาพในการหาค�ำตอบของโจทยป์ ัญหา โดยการจัดประสบการณ์หรือสรา้ งสถานการณท์ ใ่ี กล้ตัวผเู้ รยี นไดศ้ ึกษา คน้ คว้า ฝึกทักษะ โดยการปฏิบัตจิ ริง ทดลอง สรปุ รายงาน เพ่ือพัฒนาทักษะและกระบวนการในการคิดค�ำนวณ การแก้ปัญหา การให้เหตุผล การสื่อสาร การสื่อความหมายทางคณิตศาสตร์ และ น�ำประสบการณด์ ้านความรู้ ความคิด ทกั ษะและกระบวนการที่ได้ไปใชใ้ นการเรียนร้สู งิ่ ตา่ ง ๆ และใช้ในชวี ิตประจ�ำวนั อยา่ งสร้างสรรค์ เพื่อให้เห็นคุณค่าและมีเจตคติที่ดีต่อคณิตศาสตร์ สามารถท�ำงานได้อย่างเป็นระบบ มีระเบียบ รอบคอบ มีความรับผิดชอบ มีวิจารณญาณ มีความคดิ ริเริ่มสรา้ งสรรค์ และมคี วามเช่ือมัน่ ในตนเอง ตัวช้ีวัด ค 1.1 ป.2/1 บอกจำ� นวนของสง่ิ ตา่ ง ๆ แสดงสง่ิ ตา่ ง ๆ ตามจำ� นวนทก่ี ำ� หนด อา่ นและเขยี นตวั เลขฮนิ ดอู ารบกิ ตวั เลขไทย ตวั หนงั สอื แสดง จำ� นวนนบั ไมเ่ กนิ 1,000 และ 0 ค 1.1 ป.2/2 เปรียบเทยี บจ�ำนวนนับไมเ่ กนิ 1,000 และ 0 โดยใชเ้ คร่อื งหมาย = ≠ > < ค 1.1 ป.2/3 เรยี งล�ำดบั จ�ำนวนนบั ไม่เกนิ 1,000 และ 0 ตง้ั แต่ 3 ถงึ 5 จำ� นวนจากสถานการณต์ า่ ง ๆ ค 1.1 ป.2/4 ห าคา่ ของตวั ไมท่ ราบคา่ ในประโยคสญั ลกั ษณแ์ สดงการบวกและประโยคสญั ลกั ษณแ์ สดงการลบของจำ� นวนนบั ไมเ่ กนิ 1,000 และ 0 ค 1.1 ป.2/5 หาค่าของตวั ไมท่ ราบคา่ ในประโยคสญั ลักษณ์แสดงการคณู ของจ�ำนวน 1 หลกั กบั จำ� นวนไม่เกิน 2 หลัก ค 1.1 ป.2/6 ห าค่าของตัวไม่ทราบค่าในประโยคสญั ลกั ษณแ์ สดงการหารท่ตี วั ตัง้ ไม่เกิน 2 หลัก ตัวหาร 1 หลัก โดยทผี่ ลหารมี 1 หลัก ทง้ั หารลงตัวและหารไมล่ งตัว ค 1.1 ป.2/7 หาผลลพั ธ์การบวก ลบ คณู หารระคนของจ�ำนวนนับไมเ่ กนิ 1,000 และ 0 ค 1.1 ป.2/8 แสดงวธิ ีหาค�ำตอบของโจทย์ปญั หา 2 ขน้ั ตอนของจ�ำนวนนับไมเ่ กนิ 1,000 และ 0 ค 2.1 ป.2/1 แสดงวธิ หี าคำ� ตอบของโจทยป์ ัญหาเก่ียวกบั เวลาท่มี หี น่วยเดี่ยวและหน่วยเดียวกนั ค 2.1 ป.2/2 วดั และเปรยี บเทยี บความยาวเปน็ เมตรและเซนตเิ มตร ค 2.1 ป.2/3 แสดงวิธีหาคำ� ตอบของโจทย์ปัญหาการบวก การลบเกีย่ วกบั ความยาวท่ีมีหนว่ ยเปน็ เมตรและเซนตเิ มตร ค 2.1 ป.2/4 วัดและเปรียบเทียบนำ้� หนกั เปน็ กโิ ลกรัมและกรัม กโิ ลกรัมและขดี ค 2.1 ป.2/5 แสดงวิธีหาค�ำตอบของโจทยป์ ัญหาการบวก การลบเกย่ี วกบั นำ้� หนกั ทม่ี หี นว่ ยเปน็ กิโลกรัมและกรมั กิโลกรัมและขีด ค 2.1 ป.2/6 วัดและเปรียบเทียบปริมาตรและความจเุ ปน็ ลติ ร ค 2.2 ป.2/1 จำ� แนกและบอกลกั ษณะของรูปหลายเหลี่ยมและวงกลม ค 3.1 ป.2/1 ใชข้ ้อมูลจากแผนภูมริ ปู ภาพในการหาคำ� ตอบของโจทย์ปญั หา เมื่อกำ� หนดรูป 1 รปู แทน 2 หน่วย 5 หน่วย หรือ 10 หนว่ ย ร วม 16 ตวั ชีว้ ัด

Pedagogy ค่มู อื ครู รายวิชาพื้นฐาน ค ณ ิตศาสตร์ ป.2 เลม่ 1 รวมถงึ สอ่ื การเรยี นรูร้ ายวิชาคณติ ศาสตร์ ชน้ั ป.2 ผจู้ ัดทำ� ได้ออกแบบการสอน (Instructional Design) อันเป็นวิธีการจัดการเรียนรู้และเทคนิคการสอนท่ีเปี่ยมด้วยประสิทธิภาพและมีความหลากหลาย ใหก้ บั ผเู้ รยี น เพอื่ ใหผ้ ูเ้ รียนสามารถบรรลผุ ลสัมฤทธ์ิตามมาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตัวชีว้ ัด รวมถึงสมรรถนะและคณุ ลกั ษณะ อันพึงประสงค์ของผู้เรียนที่หลักสูตรก�ำหนดไว้ โดยครูสามารถน�ำไปใช้จัดการเรียนรู้ในชั้นเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซ่ึงในรายวชิ าน้ี ไดน้ ำ� รูปแบบการสอนโมเดลซปิ ปา (CIPPA Model) มาใช้ในการออกแบบการสอน ดังน้ี รูปแบบการสอน โมเดลซิปปา (CIPPA Model) เลอื กใชร้ ปู แบบการสอนโดยยดึ ผเู้ รยี นเปน็ ศนู ยก์ ลาง : โมเดลซปิ ปา (CIPPA Model) เนอื่ งจากเปน็ กระบวนการเรยี นร ู้ ทใี่ หผ้ เู้ รยี นเปน็ ผสู้ รา้ งความรดู้ ว้ ยตนเอง (Construction of knowledge) และมปี ฏสิ มั พนั ธก์ บั เพอ่ื น บคุ คลอนื่  ๆ และสง่ิ แวดลอ้ ม รอบตวั โดยอาศยั ทกั ษะกระบวนการตา่ ง ๆ เปน็ เครอ่ื งมอื ในการสรา้ งความรู้ และยงั เปน็ รปู แบบการสอนทใ่ี หผ้ เู้ รยี นไดน้ ำ� ความร ู้ ไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวติ ประจ�ำวนั ซ่ึงรปู แบบน้ไี ดพ้ ฒั นาขึ้นจาก 5 แนวคดิ หลกั มาประสานกนั สรุปเป็นหลัก CIPPA ได้ ดงั นี้ C มาจากคำ� วา่ Construction of knowledge หลกั การสร้างความรู้ I มาจากค�ำว่า Interaction หลักการปฏสิ ัมพนั ธ์ P มาจากค�ำวา่ Process Learning หลักการเรยี นรูก้ ระบวนการ P มาจากคำ� ว่า Physical participation หลักการมสี ว่ นรว่ มทางร่างกาย A มาจากคำ� วา่ Application หลกั การประยกุ ตใ์ ชค้ วามรู้ ซ่ึงรูปแบบการสอนโมเดลซิปปา (CIPPA Model) ประกอบดว้ ยข้นั ตอนการด�ำเนินการจดั การเรียนรู้ 7 ข้นั ตอน ดังนี้ 1 การทบทวนความรู้เดิม 4 การแลกเปลีย่ นความร้คู วามเข้าใจกับกล่มุ 2 การแสวงหาความรู้ใหม่ 5 การสรปุ และจัดระเบยี บความรู้ 3 การศกึ ษาทำ� ความเข้าใจขอ้ มูล/ความรู้ใหม่ 6 การปฏบิ ตั ิและ/หรือการแสดงผลงาน 7 การประยุกตใ์ ชค้ วามรู้ และเชอ่ื มโยงความรใู้ หม่กบั ความร้เู ดมิ วิธีสอน (Teaching Method) เลอื กใชว้ ธิ กี ารสอนทหี่ ลากหลาย เชน่ การสาธติ นริ นยั อปุ นยั แบบคน้ พบ เพอื่ สง่ เสรมิ การเรยี นรแู้ ละเกดิ ความเขา้ ใจ ในเนื้อหาคณิตศาสตรอ์ ยา่ งถ่องแท้ ซ่งึ จะเนน้ ใชว้ ธิ ีสอนแบบอุปนัย (Inductive Method) เนื่องจากเป็นการสอนรายละเอยี ด ปลกี ยอ่ ยไปหากฎเกณฑ์ หรอื สอนจากตวั อยา่ งไปหากฎเกณฑ์ ซงึ่ ผเู้ รยี นไดเ้ รยี นรใู้ นรายละเอยี ดกอ่ น เพอ่ื คน้ หาองคป์ ระกอบ ทเี่ หมอื นกนั หรอื คลา้ ยคลงึ กนั จากตวั อยา่ งตา่ ง ๆ แลว้ จงึ สรปุ เพอ่ื ใหน้ กั เรยี นฝกึ ทกั ษะกระบวนการทางคณติ ศาสตร์ และทกั ษะ การเรยี นรูแ้ หง่ ศตวรรษที่ 21 ด้านการเรยี นรแู้ ละการแกป้ ญั หา เทคนคิ การสอน (Teaching Technique) เลือกใช้เทคนิคการสอนที่หลากหลายและเหมาะสมกับเร่ืองท่ีเรียน เช่น การต้ังค�ำถาม การยกตัวอย่าง การใช้สื่อ การเรียนรู้ที่น่าสนใจ เพ่ือส่งเสริมวิธีการสอนและรูปแบบการสอนให้มีประสิทธิภาพในการจัดการเรียนรู้ให้มากขึ้น ซ่ึงจะ ชว่ ยใหผ้ เู้ รยี นเกดิ การเรยี นรอู้ ยา่ งมคี วามสขุ สามารถปฏบิ ตั กิ จิ กรรมการเรยี นรไู้ ดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ และสามารถฝกึ ทกั ษะ การเรียนรใู้ นศตวรรษท่ี 21 ได้

Teacher Guide Overview คณิตศาสตร์ ป.2 เล่ม 1 หนว่ ย ตวั ชว้ี ัด ทกั ษะท่ีได้ เวลาทใี่ ช้ การประเมิน สื่อทีใ่ ช้ การเรียนรู้ 1 - บ อกจำ�นวนของสิ่งต่าง ๆ แสดง - ทักษะการสงั เกต - ตรวจใบงานที่ 1.1-1.8 - ห นงั สือเรยี น สง่ิ ตา่ ง ๆ ตามจำ�นวนทก่ี ำ�หนด - ทักษะการระบุ - ต รวจแบบฝกึ ทกั ษะ คณิตศาสตร์ ป.2 จ�ำนวนนบั ไม่เกิน อ่านและเขียนตัวเลขฮินดูอารบกิ - ทกั ษะการเช่ือมโยง ในหนงั สอื เรยี น เลม่  1 1,000 และ 0 ตัวเลขไทย ตัวหนงั สือ แสดงจำ�นวนนับ - ทักษะการใหเ้ หตผุ ล คณติ ศาสตร ์ ป.2 เล่ม 1 - แบบฝกึ หัด - ทักษะการเปรยี บเทียบ ไม่เกิน 1,000 และ 0 - ทักษะการเรยี งลำ�ดบั - ตรวจแบบฝึกหดั คณิตศาสตร์ ป.2 (มฐ. ค 1.1 ป.2/1) - ทักษะกระบวน ในแบบฝึกหัด เล่ม 1 - เปรยี บเทียบจำ�นวนนับไม่เกิน 1,000 คณติ ศาสตร ์ ป.2 เล่ม 1 - QR Code และ 0 โดยใชเ้ ครอ่ื งหมาย = ≠ > < การคิดแก้ปัญหา 15 - การนำ� เสนอผลงาน - บัตรตัวเลข (มฐ. ค 1.1 ป.2/2) - สังเกตพฤติกรรม - บัตรขอ้ ความ ช่วั โมง - เรยี งลำ�ดับจำ�นวนนับไมเ่ กิน 1,000 การทำ� งานรายบคุ คล - บัตรภาพ และ 0 ตั้งแต่ 3 ถงึ 5 จำ�นวน - สังเกตพฤติกรรม - บัตรคำ� ถาม จากสถานการณ์ตา่ ง ๆ การทำ� งานกล่มุ - ตารางตัวเลข 1-100 (มฐ. ค 1.1 ป.2/3) - สงั เกตความมีวินัย - กระดาษ A4 ใฝ่เรียนรู้ มุ่งมั่น - ใบงาน ในการท�ำงาน - PowerPoint 2 - ห าคา่ ของตวั ไม่ทราบคา่ ในประโยค - ทักษะการเชอ่ื มโยง - ตรวจใบงานที่ 2.1-2.11 - ห นังสือเรยี น สัญลกั ษณแ์ สดงการบวกและประโยค - ท กั ษะการใหเ้ หตผุ ล - ต รวจแบบฝึกทักษะ คณิตศาสตร์ ป.2 การบวกจ�ำนวน สัญลักษณ์แสดงการลบของจำ�นวนนับ - ท กั ษะกระบวน ในหนังสอื เรยี น เลม่ 1 ท่ีมผี ลบวก คณติ ศาสตร ์ ป.2 เล่ม 1 - แบบฝึกหดั ไมเ่ กิน 1,000 และ 0 การคิดแกป้ ญั หา - ต รวจแบบฝกึ หัดใน คณิตศาสตร์ ป.2 ไม่เกนิ 1,000 (มฐ. ค 1.1 ป.2/4) - ทักษะกระบวน - แสดงวิธีหาคำ�ตอบของโจทย์ปญั หา การคิดสร้างสรรค์ แบบฝกึ หัด เลม่ 1 2 ขนั้ ตอนของจำ�นวนนบั ไม่เกิน 1,000 - ท กั ษะการน�ำความรไู้ ปใช้ คณติ ศาสตร ์ ป.2 เลม่ 1 - Q R Code และ 0 - การน�ำเสนอผลงาน - บ ัตรภาพ (มฐ. ค 1.1 ป.2/8) 20 - สงั เกตพฤติกรรม - บัตรตัวเลข การทำ� งานรายบุคคล - บัตรข้อความ ชั่วโมง - สังเกตพฤตกิ รรม - บ ตั รโจทยก์ ารบวก การทำ� งานกลุ่ม - บ ัตรโจทยป์ ัญหา - สังเกตความมีวนิ ัย - สลากขอ้ ความ ใฝเ่ รียนรู้ ม่งุ มน่ั - สลากตัวเลข ในการท�ำงาน - วงล้อตัวเลข - เครื่องคิดเลข - ใบงาน - PowerPoint 3 - ห าคา่ ของตัวไม่ทราบค่าในประโยค - ทักษะการเช่อื มโยง - ตรวจใบงานที่ 3.1-3.15 - ห นงั สอื เรียน สัญลกั ษณแ์ สดงการบวกและประโยค - ทักษะการใหเ้ หตผุ ล - ต รวจแบบฝึกทักษะ คณิตศาสตร์ ป.2 การลบจ�ำนวน สัญลกั ษณแ์ สดงการลบของจำ�นวนนับ - ทกั ษะกระบวน ในหนงั สือเรยี น เลม่ 1 ท่มี ีตัวตงั้ ไม่เกนิ 26 คณติ ศาสตร ์ ป.2 เลม่ 1 - แบบฝกึ หดั ไม่เกนิ 1,000 และ 0 การคดิ แกป้ ัญหา - ตรวจแบบฝกึ หดั คณติ ศาสตร์ ป.2 1,000 (มฐ. ค 1.1 ป.2/4) - ท กั ษะกระบวน ชั่วโมง การคดิ สร้างสรรค์ ในแบบฝกึ หดั เล่ม 1 - ทกั ษะการน�ำความรไู้ ปใช้ คณติ ศาสตร ์ ป.2 เลม่ 1 - Q R Code

หนว่ ย ตัวช้ีวดั ทักษะทีไ่ ด้ เวลาที่ใช้ การประเมนิ สือ่ ทีใ่ ช้ การเรยี นรู้ - แ สดงวิธีหาคำ�ตอบของโจทย์ปญั หา 2 ข้ันตอนของจำ�นวนนับไมเ่ กนิ 1,000 - ก ารน�ำเสนอผลงาน - บ ตั รภาพ และ 0 - สังเกตพฤตกิ รรม - บัตรตัวเลข (มฐ. ค 1.1 ป.2/8) - บ ัตรขอ้ ความ การท�ำงานรายบคุ คล - บ ัตรโจทยก์ ารลบ - สงั เกตพฤติกรรม - บัตรโจทย์ปัญหา - เกมจิกซอวก์ ารลบ การท�ำงานกลุ่ม - เครอ่ื งคิดเลข - สังเกตความมวี นิ ัย - ใบงาน ใฝ่เรยี นรู้ มงุ่ ม่ัน - P owerPoint ในการท�ำงาน 4 มกี ารจดั การเรยี นการสอน - ท กั ษะการสงั เกต - ต รวจใบงานท่ี 4.1-4.5 - ห นงั สอื เรยี น เพอ่ื เป็นพน้ื ฐานแตไ่ ม่วดั ผล - ท ักษะการระบุ - ต รวจแบบฝึกทักษะ คณิตศาสตร์ ป.2 แบบรูปของ - ทักษะการเชอ่ื มโยง ในหนังสือเรียน เล่ม 1 จำ� นวน - ท กั ษะการให้เหตผุ ล คณิตศาสตร ์ ป.2 เล่ม 1 - แ บบฝึกหดั - ทกั ษะกระบวน - ตรวจแบบฝกึ หัด คณิตศาสตร์ ป.2 การคิดแก้ปญั หา ในแบบฝกึ หัด เลม่ 1 คณิตศาสตร ์ ป.2 เลม่ 1 - QR Code 9 - การน�ำเสนอผลงาน - บ ัตรแบบรปู - สังเกตพฤติกรรม ของจำ� นวน ช่ัวโมง การท�ำงานรายบุคคล - ลูกบาศก์แบบรปู - สงั เกตพฤติกรรม ของจำ� นวน การท�ำงานกล่มุ - ใบงาน - สังเกตความมวี ินัย - P owerPoint ใฝเ่ รยี นรู้ มุ่งมั่น ในการท�ำงาน 5 จ�ำแนกและบอกลักษณะของ - ท ักษะการสงั เกต - ตรวจใบงานท่ี 5.1-5.3 - หนังสือเรยี น รปู หลายเหลี่ยมและวงกลม - ทกั ษะการระบุ - ต รวจแบบฝกึ ทักษะ คณิตศาสตร์ ป.2 รปู เรขาคณติ (มฐ. ค 2.2 ป.2/1) - ท ักษะการจ�ำแนก ในหนงั สอื เรียน เล่ม 1 ประเภท คณติ ศาสตร ์ ป.2 เล่ม 1 - แบบฝกึ หดั - ทกั ษะการจดั กลุม่ - ต รวจแบบฝกึ หดั คณิตศาสตร์ ป.2 ในแบบฝกึ หัด เลม่ 1 คณิตศาสตร ์ ป.2 เล่ม 1 - บตั รรปู เรขาคณิต 6 - การน�ำเสนอผลงาน - บัตรปา้ ยจราจร - สังเกตพฤติกรรม - แบบของรปู ชั่วโมง การท�ำงานรายบุคคล เรขาคณติ - สังเกตพฤติกรรม - สิ่งของรอบตวั การท�ำงานกลุ่ม - ใบงาน - สงั เกตความมีวนิ ัย - PowerPoint ใฝเ่ รียนรู้ มุ่งมน่ั ในการท�ำงาน

หน่วย ตัวชว้ี ัด ทกั ษะท่ีได้ เวลาทใี่ ช้ การประเมิน ส่อื ที่ใช้ การเรยี นรู้ - วดั และเปรียบเทยี บความยาวเปน็ เมตร - ทกั ษะการสังเกต - ตรวจใบงานท่ี 6.1-6.5 - หนังสอื เรยี น 6 และเซนตเิ มตร (มฐ. ค 2.1 ป.2/2) - ทักษะการระบุ - ตรวจแบบฝึกทกั ษะ คณิตศาสตร์ ป.2 - แสดงวิธหี าค�ำตอบของโจทย์ปัญหา - ท กั ษะการเชอ่ื มโยง ในหนังสือเรียน เล่ม 1 การวดั ความ - ท กั ษะการใชเ้ หตุผล คณิตศาสตร ์ ป.2 เล่ม 1 - แ บบฝกึ หัด ยาว การบวก การลบเก่ียวกับความยาว - ท ักษะการเปรยี บเทยี บ ทีม่ หี นว่ ยเปน็ เมตรและเซนตเิ มตร - ทักษะกระบวน (มฐ. ค 2.1 ป.2/3) - ตรวจแบบฝกึ หัด ค ณิตศาสตร์ ป.2 การคดิ แกป้ ญั หา ในแบบฝกึ หดั เลม่ 1 - ท ักษะการน�ำความร้ไู ปใช้ คณิตศาสตร ์ ป.2 เลม่ 1 - บัตรภาพ 14 - ก ารน�ำเสนอผลงาน - บตั รข้อความ - สงั เกตพฤติกรรม - บ ตั รโจทยป์ ัญหา ชั่วโมง การท�ำงานรายบุคคล - ใบงาน - สงั เกตพฤตกิ รรม - P owerPoint การท�ำงานกลมุ่ - สงั เกตความมวี ินยั ใฝเ่ รียนรู้ มุง่ ม่ัน ในการทำ� งาน 7 - แสดงวธิ หี าคำ�ตอบของโจทยป์ ญั หา - ท ักษะการสังเกต - ต รวจใบงานที่ 7.1-7.7 - หนงั สือเรียน เกี่ยวกับเวลาท่ีมีหน่วยเดย่ี วและ - ท ักษะการระบุ - ต รวจแบบฝึกทักษะ คณิตศาสตร์ ป.2 เวลา หน่วยเดียวกัน - ทกั ษะการเชือ่ มโยง ในหนงั สอื เรยี น เล่ม 1 (มฐ. ค 2.1 ป.2/1) - ท กั ษะการใหเ้ หตุผล คณิตศาสตร ์ ป.2 เลม่ 1 - แบบฝึกหดั - ทักษะการเปรียบเทยี บ - ตรวจแบบฝึกหัด ค ณิตศาสตร์ ป.2 - ทกั ษะการเรียงลำ�ดบั ในแบบฝกึ หัด เลม่ 1 - ทักษะกระบวน คณิตศาสตร ์ ป.2 เลม่ 1 - Q R Code การคดิ แกป้ ัญหา 20 - ก ารน�ำเสนอผลงาน - น าฬกิ าจรงิ - ตรวจชน้ิ งาน/ภาระงาน - บ ัตรภาพนาฬิกา - ท ักษะการนำ�ความรู้ไปใช้ ชวั่ โมง - สงั เกตพฤตกิ รรม - บตั รข้อความ การทำ� งานรายบุคคล - บัตรภาพ - สังเกตพฤตกิ รรม - บตั รสปี ระจำ� วัน การทำ� งานกล่มุ - บ ัตรจำ� นวนวัน - สังเกตความมีวนิ ัย - บ ัตรโจทยป์ ัญหา ใฝเ่ รียนรู้ มุ่งมัน่ - ใบงาน ในการทำ� งาน - P owerPoint

สำรบัญ Chapter Teacher Overview Script Chapter Title T2 T4 หนว่ ยการเรียนรทู ่ี 1 จ�ำนวนนบั ไม่เกนิ 1,000 และ 0 T34 T36 หน่วยการเรยี นรทู ่ี 2 กำรบวกจำ� นวนทม่ี ผี ลบวกไม่เกิน 1,000 T64 T66 หน่วยการเรยี นรทู ี่ 3 กำรลบจ�ำนวนท่มี ีตัวต้งั ไมเ่ กนิ 1,000 T102 T104 หน่วยการเรียนรทู ่ี 4 แบบรปู ของจำ� นวน T128 T130 หน่วยการเรียนรทู ่ี 5 รปู เรขำคณิต T150 T152 หน่วยการเรียนรทู ี่ 6 กำรวัดควำมยำว T184 T186 หน่วยการเรยี นรทู ี่ 7 เวลำ T216 บรรณำนุกรม

Chapter Overview แผนการจดั ส่ือที่ใช้ จดุ ประสงค์ วธิ ีสอน ประเมิน ทกั ษะท่ีได้ คุณลักษณะ การเรยี นรู้ อนั พึงประสงค์ แผนฯ ที่ 1 - ห นังสอื เรยี น 1. เข้าใจหลักการอา่ น กระบวนการ - ตรวจแบบทดสอบ - ท กั ษะการสงั เกต 1. มีวินยั การอ่านและ คณติ ศาสตร์ ป.2 เลม่ 1 และการเขยี นจำ� นวนนับ กลมุ่ สัมพนั ธ์ ก่อนเรียน - ท ักษะการระบุ 2. ใฝเ่ รยี นรู้ การเขยี นตวั เลข - แ บบฝกึ หัด ไม่เกิน 1,000 (K) - ตรวจใบงานท่ี 1.1 - ท ักษะการเช่อื มโยง 3. มงุ่ มั่นใน ฮินดูอารบิก คณติ ศาสตร์ ป.2 เล่ม 1 2. เขียนตัวเลข - ตรวจกิจกรรมฝึกทกั ษะ การทำ� งาน ตัวเลขไทย และ - ใบงานท่ี 1.1 ฮนิ ดูอารบิก ตัวเลขไทย เรื่อง การเขยี นตวั เลข ตวั หนังสอื แสดง - บ ัตรตวั เลข และตวั หนังสือแสดง ฮนิ ดอู ารบกิ ตวั เลขไทย จำ� นวนนับ - บัตรภาพ จ�ำนวนนับที่กำ� หนดให้ และตัวหนงั สอื แสดง 2 - PowerPoint ได้ถูกต้อง (P) จำ� นวนนบั 3. รับผดิ ชอบต่อหนา้ ที่ - ตรวจแบบฝกึ หดั ช่วั โมง ท่ีไดร้ ับมอบหมาย (A) เรอื่ ง การเขยี นตวั เลข ฮนิ ดอู ารบิก ตวั เลขไทย และตวั หนงั สอื แสดง จ�ำนวนนับ - สงั เกตพฤตกิ รรม การท�ำงานรายบุคคล - สังเกตพฤตกิ รรม การท�ำงานกลุ่ม - สงั เกตความมวี ินัย ใฝ่เรียนรู้ ม่งุ มน่ั ในการท�ำงาน แผนฯ ที่ 2 - หนงั สือเรยี น 1. เขา้ ใจหลักการนบั เพิ่ม แบบคน้ พบ - ต รวจใบงานท่ี 1.2-1.3 - ทักษะการสงั เกต 1. มีวนิ ัย การนับทีละ 2 คณิตศาสตร์ ป.2 เล่ม 1 ทีละ 2 ทลี ะ 5 ทีละ 10 (Discovery - ต รวจกิจกรรมฝึกทักษะ - ทกั ษะการระบุ 2. ใฝเ่ รียนรู้ ทีละ 5 ทีละ 10 - แบบฝึกหดั และทีละ 100 (K) Method) เร่ือง การนับทลี ะ 2 - ท กั ษะการเชอ่ื มโยง 3. ม่งุ มนั่ ใน และทีละ 100 คณิตศาสตร์ ป.2 เลม่ 1 2. เข้าใจหลกั การนบั ลด ทีละ 5 ทีละ 10 และ - ทักษะการให้เหตผุ ล การทำ� งาน - ใบงานท่ี 1.2-1.3 ทีละ 2 ทลี ะ 5 ทลี ะ 10 ทีละ 100 - ทกั ษะกระบวน 3 - ตารางตวั เลข 1-100 และทีละ 100 (K) - สังเกตพฤติกรรม การคิดแก้ปัญหา - บ ัตรตวั เลข 3. นบั เพิม่ หรือนับลด การท�ำงานรายบุคคล ชว่ั โมง ทลี ะ 2 ทีละ 5 ทีละ 10 - สงั เกตพฤตกิ รรม และทลี ะ 100 ได้ (P) การท�ำงานกลุ่ม 4. รบั ผิดชอบตอ่ หนา้ ที่ - สังเกตความมวี นิ ยั ทไ่ี ด้รบั มอบหมาย (A) ใฝเ่ รียนรู้ มงุ่ มน่ั ในการท�ำงาน แผนฯ ที่ 3 - หนังสอื เรียน 1. อ ธบิ ายลกั ษณะของ แบบค้นพบ - ต รวจใบงานท่ี 1.4 - ท ักษะการสังเกต 1. มวี นิ ยั จ�ำนวนคู่ คณติ ศาสตร ์ ป.2 เลม่ 1 จ�ำนวนคู่หรอื จำ� นวนคี่ (Discovery - ตรวจกจิ กรรมฝึกทักษะ - ท กั ษะการเชือ่ มโยง 2. ใฝ่เรียนรู้ จำ� นวนคี่ - แ บบฝึกหัด ได้ (K) Method) คณิตศาสตร์ ป.2 เล่ม 1 2. จ�ำแนกจำ� นวนทีก่ �ำหนด เร่อื ง จำ� นวนคู่ จ�ำนวนค่ี - ท ักษะการใหเ้ หตผุ ล 3. มุ่งมัน่ ใน 2 - ใบงานท่ี 1.4 ให้วา่ เปน็ จ�ำนวนคหู่ รือ - ต รวจแบบฝกึ หัด เร่อื ง - ท กั ษะกระบวน การทำ� งาน - บัตรตัวเลข จ�ำนวนคี่ได้ (P) ชัว่ โมง - ก ระดาษแขง็ 3. รับผิดชอบตอ่ หน้าท่ี จำ� นวนคู่ จ�ำนวนคี่ การคิดแก้ปญั หา - สงั เกตพฤติกรรม - QR Code ท่ีได้รับมอบหมาย (A) การท�ำงานรายบคุ คล - สงั เกตพฤตกิ รรม การท�ำงานกลมุ่ - สงั เกตความมีวนิ ัย ใฝ่เรยี นรู้ มงุ่ มัน่ ในการท�ำงาน แผนฯ ท่ี 4 - ห นังสอื เรียน 1. เขา้ ใจความหมายและ กระบวนการ - ต รวจใบงานที่ 1.5 - ทกั ษะการสังเกต 1. มีวินยั หลักและค่าของ คณิตศาสตร์ ป.2 เล่ม 1 ความสัมพันธ์ระหว่าง กลมุ่ สมั พันธ์ - ตรวจกิจกรรมฝกึ ทกั ษะ - ท กั ษะการเช่อื มโยง 2. ใฝเ่ รียนรู้ เลขโดด - แ บบฝึกหัด ค่าประจำ� หลักและคา่ เรือ่ ง หลักและคา่ ของ - ทักษะการให้เหตุผล 3. มุ่งม่นั ใน ในแตล่ ะหลกั คณติ ศาสตร์ ป.2 เลม่ 1 ของเลขโดดในแต่ละ เลขโดดในแต่ละหลกั - ท ักษะกระบวน การทำ� งาน - ใบงานที่ 1.5 หลกั (K) - ต รวจแบบฝกึ หัด เร่ือง การคิดแก้ปญั หา 1 2. บ อกหลกั และ หลักและค่าของเลขโดด คา่ ประจำ� หลกั ของ ในแต่ละหลัก ช่วั โมง จำ� นวนนบั ได้ (p) T2

แผนการจัด ส่ือท่ีใช้ จุดประสงค์ วธิ สี อน ประเมนิ ทักษะที่ได้ คณุ ลักษณะ การเรียนรู้ - บ ัตรตัวเลข 3. บอกค่าของเลขโดด อนั พึงประสงค์ - บ ัตรคำ� ถาม ในแตล่ ะหลกั ของ - สังเกตพฤตกิ รรม จำ� นวนนบั ไดถ้ กู ตอ้ ง (p) การท�ำงานรายบคุ คล 4. รับผิดชอบตอ่ หนา้ ที่ - สงั เกตพฤตกิ รรม ท่ีได้รับมอบหมาย (A) การท�ำงานกลุ่ม - ส ังเกตความมีวินยั ใฝเ่ รียนรู้ มุ่งมัน่ ในการท�ำงาน แผนฯ ที่ 5 - ห นังสอื เรยี น 1. เข้าใจวธิ กี ารเขียน กระบวนการ - ตรวจใบงานท่ี 1.6 - ทักษะการสังเกต 1. มวี ินัย การเขยี นตวั เลข คณติ ศาสตร์ ป.2 เล่ม 1 ตัวเลขแสดงจำ� นวน ปฏบิ ตั ิ - ตรวจกิจกรรมฝึกทกั ษะ - ทกั ษะการเชื่อมโยง 2. ใฝเ่ รยี นรู้ แสดงจำ� นวน - แ บบฝึกหดั ในรูปกระจาย (K) ในรูปกระจาย คณติ ศาสตร์ ป.2 เลม่ 1 2. เขยี นตวั เลขแสดง เร่ือง การเขยี นตัวเลข - ท ักษะการให้เหตผุ ล 3. มงุ่ มัน่ ใน - ใบงานที่ 1.6 จ�ำนวนในรูปกระจาย แสดงจำ� นวนในรปู - ท กั ษะกระบวน การทำ� งาน 2 - บตั รตัวเลข ได้ (P) กระจาย การคดิ แก้ปัญหา - บตั รคำ� ถาม 3. รบั ผิดชอบต่อหน้าท่ี - ต รวจแบบฝกึ หดั เรื่อง ช่วั โมง - กระดาษ A4 ทไี่ ดร้ ับมอบหมาย (A) การเขียนตวั เลขแสดง จำ� นวนในรูปกระจาย - ประเมินการน�ำเสนอ ผลงาน คณติ ศาสตร์ ป.2 เล่ม 1 - สังเกตพฤตกิ รรม การท�ำงานรายบุคคล - สังเกตพฤตกิ รรม การท�ำงานกลมุ่ - สังเกตความมีวินัย ใฝเ่ รียนรู้ ม่งุ มน่ั ในการท�ำงาน แผนฯ ที่ 6 - ห นงั สือเรียน 1. อ ธิบายวิธกี าร กระบวนการ - ตรวจใบงานที่ 1.7 - ทกั ษะการ 1. มีวนิ ัย การเปรยี บเทียบ คณิตศาสตร์ ป.2 เล่ม 1 เปรยี บเทียบจำ� นวนได้ กลุม่ สมั พนั ธ์ - ต รวจกจิ กรรมฝกึ ทักษะ เปรยี บเทียบ 2. ใฝเ่ รียนรู้ จำ� นวน - แบบฝึกหดั (K) เร่อื ง การเปรียบเทยี บ - ทักษะการระบุ 3. มงุ่ ม่นั ใน คณิตศาสตร์ ป.2 เลม่ 1 2. เปรียบเทยี บจำ� นวนสอง จ�ำนวน - ท กั ษะการใหเ้ หตผุ ล การทำ� งาน 2 - ใบงานท่ี 1.7 จ�ำนวนวา่ มีค่าเทา่ กัน - ตรวจแบบฝึกหัด เร่ือง - ท กั ษะกระบวน ชว่ั โมง - บ ตั รตัวเลข ไมเ่ ทา่ กัน มากกว่า หรือ การเปรียบเทยี บจ�ำนวน การคิดแก้ปัญหา - บตั รภาพ น้อยกว่าได้ถูกตอ้ ง (K) - สงั เกตพฤติกรรม - บตั รขอ้ ความ 3. เปรียบเทียบจำ� นวน การท�ำงานรายบุคคล สองจ�ำนวน โดยใช้ - สงั เกตพฤติกรรม เครือ่ งหมาย = > < การท�ำงานกลุ่ม ได้ถูกต้อง (P) - สงั เกตความมีวินัย 4. รับผิดชอบต่อหน้าท่ี ใฝ่เรยี นรู้ มุ่งมน่ั ท่ีไดร้ บั มอบหมาย (A) ในการท�ำงาน แผนฯ ท่ี 7 - หนงั สือเรยี น 1. เขา้ ใจหลกั การเรียง แบบคน้ พบ - ตรวจใบงานท่ี 1.8 - ทกั ษะการ 1. มวี ินยั การเรียงลำ� ดบั คณิตศาสตร์ ป.2 เลม่ 1 ล�ำดับจำ� นวนจากนอ้ ย (Discovery - ต รวจกจิ กรรมฝกึ ทกั ษะ เปรียบเทยี บ 2. ใฝ่เรียนรู้ จำ� นวน - แ บบฝกึ หัด ไปมาก และจากมากไป Method) เร่ือง การเรยี งลำ� ดับ - ทักษะการเรยี ง 3. มุ่งม่ันใน คณติ ศาสตร์ ป.2 เล่ม 1 นอ้ ย (K) จำ� นวน ลำ� ดับ การทำ� งาน 3 - ใบงานท่ี 1.8 2. เรยี งลำ� ดับจ�ำนวนจาก - ต รวจแบบฝกึ หดั เร่อื ง - ท ักษะการใหเ้ หตผุ ล - บัตรภาพ มากไปนอ้ ย และจาก การเรยี งล�ำดับจำ� นวน - ทักษะกระบวน ชั่วโมง - บัตรข้อความ นอ้ ยไปมากได้ (p) - สังเกตพฤติกรรม การคดิ แกป้ ญั หา - บัตรตาราง 3. รับผิดชอบตอ่ หน้าที่ การท�ำงานรายบุคคล ทีไ่ ดร้ บั มอบหมาย (A) - ส ังเกตพฤติกรรม การท�ำงานกล่มุ - สังเกตความมวี ินัย ใฝ่เรียนรู้ มงุ่ ม่นั ในการท�ำงาน - ตรวจแบบทดสอบ หลังเรียน T3

นาํ นํา สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ นาํ (กระบวนการกลมุ สมั พนั ธ)์ 1หนวยการเรียนรูที่ ¨áÅÒí ¹ÐÇ0¹¹ºÑ äÁà‹ ¡¹Ô 1,000 นาํ เขา้ สบู ทเรยี น µÑǪÕéÇ´Ñ 1. ครูกลาวทักทายนักเรียนและใหนักเรียนเปด จำนวนคู• บอกจํานวนของส่ิงตา ง ๆ แสดงสิ่งตา ง ๆ จำนวนค่ี หนังสือเรยี น คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 2 ตามจํานวนท่ีกําหนด อา นและเขียน จากน้ันใหนักเรียนรวมกันแสดงความคิดเห็น ตวั เลขฮินดูอารบกิ ตัวเลขไทย 111 625 เกยี่ วกบั รปู ภาพทแ่ี สดงในหนงั สอื เรยี น จากนนั้ 132 612ตัวหนังสอื แสดงจาํ นวนนับไมเ กนิ 1,000 347 593 ครูถามนักเรียนวา “จํานวนท่ีมากที่สุดคือ 729 943 จํานวนใดและจํานวนที่นอยท่ีสุดคือจํานวนใด และ 0 (ค 1.1 ป.2/1) นักเรียนมีวิธีคิดอยางไร” โดยครูจะเฉลย คาํ ตอบในทา ยหนวยการเรยี นรู 246 316• เปรยี บเทียบจํานวนนับไมเ กนิ 1,000 และ 0 โดยใชเ คร่ืองหมาย = > < (ค 1.1 ป.2/2) 774 942 • เรียงลําดบั จาํ นวนนบั ไมเกนิ 1,000 และ 0 ต้งั แต 3 ถึง 5 จํานวนจาก สถานการณตาง ๆ (ค 1.1 ป.2/3) ?¨íÒ¤¹×ÍǨ¹íÒ·¹èÕÁÇÒ¹¡·ã´èÕÊØ´ ¨íÒ¤¹×ÍǨ¹íÒ·¹èչnj͹Âã·´èÕÊØ´ ÊÒÃСÒÃàÃÂÕ ¹ÃŒÙ • การอา นและการเขยี นตัวเลขฮินดูอารบกิ ตัวเลขไทย และตวั หนงั สือแสดงจํานวนนบั • การนับทีละ 2 ทีละ 5 ทลี ะ 10 และทลี ะ 100 • จาํ นวนคู จาํ นวนคี่ • หลัก คาของเลขโดดในแตละหลัก และการเขยี นตวั เลขแสดงจํานวนในรูปกระจาย • การเปรยี บเทียบจาํ นวน • การเรยี งลําดับจาํ นวน เกร็ดแนะครู กิจกรรม เสริมสรา งคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค การจัดการเรียนรูโดยใชกระบวนการกลุมสัมพันธ จะยึดผูเรียน ครูควรมีการจัดกิจกรรมใหนักเรียนจับคูกับเพื่อนในหอง เปนศูนยกลาง ยึดกลุมเปนแหลงเรียนรูที่สําคัญ เนนกระบวนการควบคูไปกับ เพ่อื ใหนักเรียนมีปฏสิ มั พนั ธท ่ดี ีตอกนั รจู กั การทาํ งานรวมกนั และ ผลงาน ครูผูสอนควรจัดกิจกรรมท่ีเนนใหผูเรียนคนหาคําตอบดวยตนเอง เสรมิ สรางความมีนา้ํ ใจในหองเรียน ซึ่งลกั ษณะของกจิ กรรม มีดังตอ ไปนี้ 1) การสรา งความคุนเคย 2) การทาํ งานเปนทีม 3) การสังเกตพฤติกรรม 4) การแสดงบทบาท 5) การเลน เกม 6) การฝก ฟง คิด พูด 7) การบรหิ ารงานกลมุ จนเกิดเปนความรูความเขาใจเกี่ยวกับการอานและการเขียนตัวเลขฮินดูอารบิก ตัวเลขไทย และตัวหนังสอื แสดงจํานวนนับไมเกนิ 1,000 และ 0 หลกั คา ของ เลขโดดในแตละหลกั และการเปรียบเทียบจาํ นวนได T4

นาํ นํา สอน สรปุ ประเมนิ กเต่อรนียมเพรรยี ้อมน M AT H ขนั้ นาํ 1 เขยี นตัวเลขฮนิ ดูอารบิก ตวั เลขไทย และตัวหนังสือแสดงจํานวนตอไปนี้ นาํ เขา้ สบู ทเรยี น 2. ครูใหนักเรียนทําเตรียมพรอมกอนเรียน ในหนังสือเรียน คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 3 จากนั้นครูและนักเรียนรวมกันเฉลย คําตอบ 1. 10 1010010100101001,01100011,000100,01001,020.01,6010,0ส0บิ0 กบั 3 หนวย 3. 10 1100100101010010010,0001,010,010,000 4. 2 สิบ กบั 9 หนวย 2 พิจารณาแบบรูปที่กําหนดให แลว เตมิ ตวั เลขแสดงจาํ นวนทหี่ ายไป ลงใน 1. 10 30 40 60 70 2. 92 93 95 96 98 3 บอกหลักและคาของเลขโดดในแตล ะหลักของจาํ นวนตอ ไปน้ี 1. 82 2. 57 3. 13 4. 11 4 เขียนจาํ นวนตอ ไปนี้ในรูปกระจาย 1. 9 สิบ กับ 7 หนว ย 2. 39 3. 85 5 94 49 ควรเติม = หรอื ลงใน 6 55 63 ควรเติม > หรอื < ลงใน 7 เรยี งลําดับ 56 37 29 14 และ 39 จากนอยไปมาก 8 เรียงลําดบั 47 95 53 80 และ 62 จากมากไปนอย 3 ขอสอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู จากรูป ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ครูอาจจัดกิจกรรมทบทวนความรูเพิ่มเติม โดยติดบัตรตัวเลขบนกระดาน แลว สุมนกั เรยี นตอบคาํ ถาม เชน มีจํานวนกคี่ ู • 9 สบิ 7 หนว ย เขยี นตวั เลขฮนิ ดอู ารบกิ ตวั เลขไทย ตวั หนงั สอื ไดอ ยา งไร 1. 4 (แนวตอบ 97 ๙๗ เกา สิบเจ็ด) 2. 6 •12 456 9 10 เติมตวั เลขทหี่ ายไป 3. 8 (แนวตอบ 3 7 8 ตามลาํ ดับ) (เฉลยคาํ ตอบ ขอ 1. เพราะจบั คูได 4 คู ☆☆ ☆☆ ☆☆ ☆☆) T5

นาํ นํา สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั นาํ 1. Ρµ¹ÔÒÇÑ Ã˴͹ÍÙ ‹ÒÒѧ¹ÊÃáºÍ×3ÅÔ¡á1Ðʵ¡´ÑÇÒ§Ãà¨ÅàÒí¢¢¹ÂÕä·¹Ç2¹µÑǹáàѺÅÅТ 10 10 1010101010101,00001011,00010,010010,0010,0010, ¨Ò¡ÃÙ» à¢Õ¹᷹´ŒÇµÑÇàÅ¢ นาํ เขา้ สบู ทเรยี น ÎÔ¹´ÙÍÒúԡ µÑÇàÅ¢ä·Â áÅÐ µÑÇ˹ѧÊ×Í䴌͋ҧäà 3. ครูใหนักเรียนตอบคําถามทบทวนความรูเดิม มมุ ขวาบนของหนังสือเรยี น คณิตศาสตร ป.2 10 10 10001100010011010,11000100,1010100,0110100,01เ010ท0,001า 010ก0,010ับ010,0010,0010,010,0100000 1,000 เลม 1 หนา 4 (แนวตอบ 51 ๕๑ หา สบิ เอด็ ) 10 10 1100011000110001110,000110,0001110,0001101,0001101,00011เ0,ท0า01ก10,0บั0010,0100010,00110จ0,จ0ํา1าน01ก1,0ว00น0120ท0ี่0น10ับค3ตืออ... ขนั้ สอน 100 ถึง 999 เปนจํานวนที่มีสามหลัก เลขโดดทางขวาสุดอยูใน หลักหนวย เลขโดดทางซายท่ีติดกับหลักหนวยอยูในหลักสิบ เลขโดด จดั การเรยี นรู้ ทางซายทีอ่ ยตู ิดกบั หลักสบิ อยูในหลกั รอ ย เชน 1. ครูแบงนักเรียนเปนกลุม กลุมละ 4 คน 103 คละกันตามความสามารถ จากน้นั ใหนกั เรยี น แตละกลุมทําใบงานที่ 1.1 เร่ือง การเขียน หลักรอย หลักสิบ หลักหนวย ตวั เลขฮินดอู ารบิก ตวั เลขไทย และตวั หนงั สอื แสดงจํานวนนับไมเ กนิ 1,000 และ 0 100 100 10 10 10 1 2. ครูใหนักเรียนแตละกลุมออกมานําเสนอ 100 10 10 10 1 หนาชั้นเรียน โดยนักเรียนท่ีเหลือชวยกัน ตรวจสอบความถูกตอ ง 3. ครูใหนักเรยี นศกึ ษาความรเู รือ่ ง การอา นและ การเขยี นตัวเลขฮินดูอารบิก ตวั เลขไทย และ ตัวหนังสือแสดงจํานวนนับในหนังสือเรียน คณติ ศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 4-5 จากนัน้ ครูและนักเรียนรวมกันสรุปเกี่ยวกับการอาน และการเขียนตัวเลขฮินดูอารบิก ตัวเลขไทย และตวั หนังสือแสดงจาํ นวนนบั ทไ่ี มเกิน 1,000 และ 0 3 รอย 6 สิบ 2 หนวย จากรูป เขยี นแทนดวยตวั เลขฮนิ ดอู ารบิก 362 เขียนแทนดว ยตวั เลขไทย ๓๖๒ เขียนแทนดวยตวั หนงั สอื สามรอยหกสบิ สอง 4 นักเรียนควรรู ขอสอบเนน การคิด 1 ตัวเลขฮินดูอารบิก เปนตัวเลขท่ีนิยมใชกันท่ัวโลก ซึ่งชาวฮินดูเปนผูคิด ขอ ใดเขยี นตวั เลขฮนิ ดอู ารบกิ ตวั เลขไทย และตวั หนงั สอื แสดง และชาวอาหรบั เปน ผนู ําไปเผยแพร จาํ นวนนับเดยี วกนั ไดถูกตอ ง 2 ตวั เลขไทย สนั นษิ ฐานวา พอ ขนุ รามคาํ แหงฯ เปน ผปู ระดษิ ฐข น้ึ มาในเวลา เดยี วกบั ประดษิ ฐต วั อกั ษรไทย เมือ่ พ.ศ. 1826 1. 987 ๙๘๗ เการอ ยเจ็ดแปด 3 ตวั หนงั สือ สัญลกั ษณแ ทนเสยี งหรอื คําพดู 2. 761 ๙๖๑ เจด็ รอ ยหกสบิ เอ็ด 3. 526 ๕๒๖ หา รอ ยยส่ี บิ หก (เฉลยคําตอบ ขอ 3. เพราะ 526 เขยี นแทนดว ยตวั เลขไทย คอื ๕๒๖ และเขียนแทนดว ยตวั หนงั สือ คือ หา รอ ยยีส่ ิบหก) T6

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ 5 รอย 3 สิบ 6 หนวย ขนั้ สอน จากรูป เขยี นแทนดว ยตัวเลขฮินดอู ารบิก 536 จดั การเรยี นรู้ เขยี นแทนดวยตัวเลขไทย ๕๓๖ เขยี นแทนดว ยตัวหนังสอื หารอ ยสามสบิ หก 4. ครูยกตวั อยางโดยตดิ ภาพบนกระดาน แลวให นักเรียนออกมาเขียนตัวเลขฮินดูอารบิก 10 1010 10101,00010101,00010101,00100101,00100101,00100101,00010101,00010101,001000110,00เท01า0ก01,บั 000 1,000 ตัวเลขไทย และตัวหนังสือแสดงจํานวนภาพ บนกระดาน 10 รอย 1 พั น 5. ครูขออาสาสมัครนักเรียนออกมาเขียนตัวเลข 1 พัน เขยี นแทนดวยตวั เลขฮนิ ดูอารบิก 1,000 ๑,๐๐๐ ฮนิ ดอู ารบกิ บนกระดาน แลว ใหน กั เรยี นทเี่ หลอื เขยี นแทนดวยตวั เลขไทย หน่ึงพัน แขง กนั ออกมาเขยี นตวั เลขไทย หรอื ตวั หนงั สอื เขยี นแทนดวยตวั หนงั สือ บนกระดาน ครจู ดั กจิ กรรมในทาํ นองเดียวกัน 1,000 เปน จาํ นวนที่มีสห่ี ลัก มี 1 อยทู างซายของหลักรอ ย แตใหอาสาสมัครเขียนตัวเลขไทย หรือ เปนเลขโดดในหลกั พัน ตวั หนังสอื แลวใหน ักเรยี นทเ่ี หลอื เขยี นตัวเลข ฮินดอู ารบกิ 6. ครูเขียนขอความบนกระดาน แลวใหนักเรียน ชวยกันอาน และเขียนตัวเลขแสดงจํานวน เชน • 7 รอย กบั 7 สบิ กบั 3 หนว ย (แนวตอบ 773 ๗๗๓ เจด็ รอ ยเจด็ สบิ สาม) • 5 รอ ย กบั 0 สบิ กบั 5 หนวย (แนวตอบ 505 ๕๐๕ หา รอยหา ) • 9 รอย กับ 4 สิบ กบั 6 หนว ย (แนวตอบ 946 ๙๔๖ เกา รอยส่สี บิ หก) ตัวอยา งท่ี 1 เขยี นตัวเลขฮินดูอารบิก ตัวเลขไทย และตัวหนังสือแสดงจํานวน จาํ นวน ตวั เลขฮินดูอารบกิ ตัวเลขไทย ตัวหนงั สือ 3 รอย กบั 8 สิบ กบั 1 หนว ย 381 ๓๘๑ สามรอยแปดสบิ เอ็ด 5 รอ ย กบั 0 สบิ กับ 8 หนวย 508 ๕๐๘ หา รอยแปด 7 รอ ย กบั 9 สิบ กบั 0 หนวย 790 ๗๙๐ เจด็ รอยเกา สิบ 5 ขอสอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู 2 รอย กับ 0 สิบ กับ 8 หนวย เขียนแสดงดวยตัวเลข ครอู าจจดั กิจกรรมเพมิ่ เตมิ โดยใหนักเรียนคนแรกออกมาเขยี นตวั เลขไทย ฮินดอู ารบกิ และตวั เลขไทยไดอ ยา งไร ที่ตนเองชอบบนกระดาน คนท่ีสองเขียนตัวเลขฮินดูอารบิก คนที่สามอาน ออกเสียง พรอ มทัง้ เขียนตวั หนงั สือแสดงจาํ นวนดงั กลาวลงในสมดุ ใหถ ูกตอง 1. 280 ๒๘๐ 2. 208 ๒๐๘ 3. 820 ๘๒๐ (เฉลยคาํ ตอบ ขอ 2. เพราะ 2 รอ ย กบั 0 สิบ กบั 8 หนวย เขยี นแทนดว ยตวั เลขฮนิ ดอู ารบกิ คอื 208 และตวั เลขไทย คอื ๒๐๘) T7

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ สอน กจิ กรรมพัฒนาความรู จดั การเรยี นรู้ อปุ กรณ บัตรตัวเลข 7. ครูใหนักเรียนจับคูกันแลวใหนักเรียนแตละ ตัวอยา งบตั รตัวเลข คูทํากิจกรรมพัฒนาความรูในหนังสือเรียน คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 6 โดยครู 300 501 810 611 392 แจกบัตรตัวเลขแสดงจํานวนไมเกิน 1,000 คูละ 10 ใบ และจัดกิจกรรมตามขั้นตอน 944 782 279 421 1,000 ในหนังสือเรียน จากนั้นครูทําหนาที่สังเกต การทํางานของนักเรียน และพูดกระตุนให วิธจี ัดกิจกรรม นกั เรยี นทุกคนมสี วนรว มในการทาํ กจิ กรรม 1) ใหนักเรียนจบั คูกับเพือ่ น แลวครูแจกบัตรตวั เลขแสดงจาํ นวนไมเ กิน 8. ครูใหนักเรียนคูเดิมทํากิจกรรมเพ่ือนชวย 1,000 คูล ะ 10 ใบ เพอ่ื นในหนงั สอื เรยี น คณติ ศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 6 2) ใหน กั เรยี น 1 คนในแตล ะคู หยบิ บตั รตวั เลขทคี่ รแู จกใหแ สดงใหค ขู องตนดู แลว ใหเ พอ่ื นอา นจาํ นวนดงั กลา ว และเขยี นเปน ตวั เลขไทยและตวั หนงั สอื 9. นักเรียนทํากิจกรรมฝกทักษะ ขอ 1-4 ลงในสมุด จากหนังสือเรียน คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 7 เปนการบา น 3) แตล ะคผู ลดั เปลยี่ นหนา ทก่ี นั จนครบท้งั 10 ใบ แลว รวบรวมสมุดสง ครู ขน้ั สรปุ เขียนตัวเลขฮนิ ดูอารบิก ตวั เลขไทย และตัวหนังสือแสดงจาํ นวนตอไปน้ี ลงในสมดุ สรปุ และนาํ หลกั การไปประยกุ ต์ใช้ 1) 1. ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรูเกี่ยวกับ การอานและการเขียนตัวเลขฮินดูอารบิก ตัวเลขไทย และตัวหนังสือแสดงจํานวนนับ ไมเ กิน 1,000 และ 0 2 รอย 4 สบิ 5 หนว ย 2) 8 รอ ย กับ 0 สิบ กับ 0 หนวย 3) 3 รอ ย กบั 1 สิบ กบั 7 หนวย 6 บูรณาการอาเซียน ขอสอบเนน การคิด ครูอธิบายเพ่ิมเติมวา ประเทศสมาชิกอาเซียนมีคําที่ใชแทนการนับ จาํ นวนใดบางท่ีอยูระหวาง 347 กบั 353 จํานวน 100 กบั 1,000 เปนภาษาของแตล ะประเทศ ดงั นี้ 1. 348 349 350 351 352 2. 347 348 349 350 351 จํานวน ไทย บรูไน ประเทศ อนิ โดนเี ซีย ลาว 3. 349 350 351 352 353 100 หน่งึ รอ ย เซอราตุส กมั พูชา เซอราตสุ หน่งึ รอย 1,000 หนงึ่ พนั เซอริบู มวยโรย เซอริบู หน่งึ พนั (เฉลยคําตอบ ขอ 1. เพราะจาํ นวนท่ตี อ จาก 347 คอื 348 349 มวยปวน 350 351 352) จํานวน มาเลเซยี เมียนมา ประเทศ สงิ คโปร เวยี ดนาม 100 เซอราตุส ติทยาร ฟลิปปน ส อไี ป โหมดจมั 1,000 เซอริบู ตทิ ท็อง อสิ าง ดาอัง อีเชียน โหมดหงิน่ อสิ าง ลโี บ T8

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ กิจกรรมฝกทักษะ ขนั้ สรปุ 1 เขียนตัวเลขฮนิ ดูอารบิก ตัวเลขไทย และตวั หนงั สอื แสดงจาํ นวนรูปตอไปนี้ สรปุ และนาํ หลกั การไปประยกุ ต์ใช้ รูป ฮนิ ตดัวูอเาลรขบกิ ตวั เลขไทย ตัวหนังสอื 2. ครูติดบัตรภาพบนกระดาน แลวใหนักเรียน อานและเขียนตัวเลขฮินดูอารบิก ตัวเลขไทย 1.10 1010 1001,000 11,000100 10101001000 1,010,010,000 และตัวหนงั สือแสดงจํานวนตามบตั รภาพ 2.21. .10 100 10 110,010001001100 110,010110,10001010,0010010010010,010,010,010,010,000 3. นักเรียนทําแบบฝกหัดในหนังสือแบบฝกหัด 2 เขยี นตวั เลขฮนิ ดูอารบกิ ตัวเลขไทย และตวั หนงั สอื แสดงจํานวน คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 เร่ือง การอา นและ การเขียนตัวเลขฮินดูอารบิก ตวั เลขไทย และ 1. 1 รอ ย กับ 3 สบิ กับ 2 หนวย ตวั หนังสอื แสดงจํานวนนับไมเกนิ 1,000 และ 2. 3 รอย กับ 1 สบิ กับ 7 หนวย 0 ลงในสมดุ เปน การบา น 3. 2 รอ ย กบั 5 สบิ กบั 5 หนว ย 4. ครูใหนักเรียนตอบคําถามในหัวขอ “ความรู 3 เขยี นตวั เลขไทยและตวั หนังสือแสดงจํานวน ทไ่ี ด” ในหนงั สือเรียน คณติ ศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 7 แลว รวมกนั เฉลยคําตอบ 1. 331 2. 898 3. 405 4. 776 ขน้ั ประเมนิ 4 เขียนตวั เลขฮินดูอารบิกและตัวหนังสอื แสดงจาํ นวน วดั และประเมนิ ผล 1. ๑๐๑ 2. ๖๘๐ 3. ๒๖๙ 4. ๗๑๑ 1. ครูประเมินผลโดยการสังเกตการตอบคําถาม ฝกทําตอใน และการรวมกนั ทาํ กิจกรรมกลุม บฝ.คณติ ศาสตร ป.2 เลม 1 2. ครูตรวจสอบผลจากการทําใบงานท่ี 1.1 เรือ่ ง การอานและการเขียนตัวเลขฮินดูอารบิก ตัวเลขไทย และตัวหนังสือแสดงจํานวนนับ ไมเ กนิ 1,000 และ 0 3. ครูตรวจสอบผลจากการทํากิจกรรมฝกทักษะ ในหนังสือเรียน และตรวจสอบผลการทํา แบบฝกหดั ในหนงั สอื แบบฝกหดั ความรทู ่ีได จาํ นวนทมี่ สี ามหลกั เลขโดดทางขวาสดุ อยใู นหลกั ใด เลขโดดทางซา ยทต่ี ดิ กบั หลกั หนว ยอยใู นหลกั ใด และเลขโดดทางซา ยทต่ี ดิ กบั หลกั สบิ อยใู นหลกั ใด 7 ขอ สอบเนน การคดิ แนวทางการวัดและประเมินผล ขอใดถูกตอ ง ครูสามารถวัดและประเมนิ ผลพฤตกิ รรมการทาํ งานกลมุ จากการทาํ ใบงาน 1. 1 รอ ย กบั 4 สบิ กับ 3 หนวย คือ 134 ที่ 1.1 เร่ือง การอา นและเขยี นตวั เลขฮินดอู ารบิก ตัวเลขไทย และตวั หนังสอื 2. 4 รอ ย กบั 7 สบิ กบั 1 หนว ย คอื 741 ของจํานวนนับไมเกนิ 1,000 และ0 โดยศกึ ษาเกณฑก ารวดั และการประเมนิ ผล 3. 9 รอย กับ 3 สบิ กบั 0 หนวย คอื 930 จากแบบประเมนิ ของแผนการจัดการเรียนรใู นหนวยการเรยี นรทู ่ี 1 (เฉลยคําตอบ ขอ 3. เพราะ แบบสังเกตพฤติกรรมการทางานกล่มุ ขอ 1. 1 รอ ย กับ 4 สิบ กับ 3 หนว ย คือ 143 ขอ 2. 4 รอ ย กับ 7 สิบ กับ 1 หนว ย คือ 471 คาช้แี จง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ลงในชอ่ งท่ี ขอ 3. 9 รอ ย กบั 3 สบิ กับ 0 หนว ย คอื 930) ตรงกับระดบั คะแนน ลาดบั ท่ี ชื่อ – สกลุ การแสดง การยอมรับ การทางาน ความมีน้าใจ การมี รวม ของนกั เรยี น ความคิดเหน็ ฟงั คนอ่ืน ตามท่ีไดร้ ับ สว่ นร่วมใน 15 มอบหมาย การปรบั ปรงุ คะแนน ผลงานกล่มุ 321321321321321 เกณฑ์การให้คะแนน ลงชอื่ ...................................................ผปู้ ระเมนิ ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสมา่ เสมอ ............../.................../............... ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง ให้ 3 คะแนน ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมบางครัง้ ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ตา่ กวา่ 8 ปรบั ปรงุ T9

นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั นาํ (Discovery Method) 2. ¡ÒùºÑ ·ÅÕ Ð 2 ·ÅÕ Ð 5 ·ÅÕ Ð 10 30 31 32 33 34 35 36 ໚¹¡ÒùѺ¨íҹǹà¾èÔÁ¢Öé¹·ÕÅÐ นาํ เขา้ สบู ทเรยี น áÅзÅÕ Ð 100 à·‹Òã´ 1. ครูทบทวนความรูโดยขออาสาสมัครนักเรียน 2.1 การนับเพม่ิ หรือนับลดทลี ะ 2 ออกมาเขียนตัวเลขฮินดูอารบิก ตัวเลขไทย หรือตัวหนังสือแสดงจํานวนนับบนกระดาน ตวั อยา งท่ี 2 แลวใหนักเรียนท่ีเหลือชวยกันอานจํานวนท่ี เพอ่ื นเขียน 201 203 205 207 2. ครูใหนักเรียนตอบคําถามทบทวนความรูเดิม 201 + 2 203 + 2 205 + 2 มุมขวาบนในหนังสือเรียน คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 8 จากจํานวนขางตนเปนการนบั เพ่ิมทีละ 2 โดยเร่มิ จาก 201 (แนวตอบ เปน การนบั จาํ นวนเพ่ิมขน้ึ ทีละ 1) ตัวอยางที่ 3 ขน้ั สอน 364 362 360 358 สอน 364 - 2 362 - 2 360 - 2 1. ครูถามนักเรียนวา ถาเรานับส่ิงของตาง ๆ โดยนับเพิ่มทีละ 2 นักเรียนจะสามารถนับได จากจาํ นวนขางตน เปน การนับลดทลี ะ 2 โดยเริ่มจาก 364 อยางไร (แนวตอบ 2, 4, 6, 8, 10, …) 2.2 การนับเพ่ิมหรอื นับลดทลี ะ 5 2. ครแู บง นกั เรยี นเปน กลมุ กลมุ ละ 4 คน คละกนั ตัวอยางที่ 4 ตามความสามารถ แลวแจกตารางตัวเลข 1-100 ใหแตละกลุม จากนั้นใหระบายสี 273 278 283 288 ในตารางท่ีนับเพิ่มทีละ 2 นับลดทีละ 2 นับ เพ่มิ ทีละ 5 นบั ลดทลี ะ 5 โดยครเู ปนผกู าํ หนด 273 + 5 278 + 5 283 + 5 จาํ นวนเร่มิ ตน จากจํานวนขางตนเปนการนับเพ่ิมทลี ะ 5 โดยเรม่ิ จาก 273 3. ถาเราเร่ิมนับโดยนับเพ่ิมทีละ 5 นักเรียน จะสามารถนบั ไดอยางไร 8 (แนวตอบ 5, 10, 15, 20, 25, …) 4. ครูใหน ักเรียนแตละกลุมทาํ ใบงานท่ี 1.2 เรอ่ื ง การนับทีละ 2 และทีละ 5 เม่ือเสร็จแลว ใหแตละกลุมออกมานําเสนอหนาช้ันเรียน โดยนักเรียนท่ีเหลือชวยกันตรวจสอบความ ถูกตอง จากนั้นครูและนักเรียนรวมกันเฉลย กจิ กรรมในใบงานที่ 1.2 ขอสอบเนน การคดิ 790 788 786 จาํ นวนใน คอื จํานวนใด และเปนการนบั เพิ่มหรือนับลดทลี ะเทาใด 1. 784 และ 786 เปน การนับเพมิ่ ทีละ 2 2. 791 และ 796 เปน การนบั เพ่ิมทลี ะ 5 3. 784 และ 782 เปน การนับลดทีละ 2 (เฉลยคําตอบ ขอ 3. เพราะ 790 788 786 เปนการนบั ลด ทีละ 2 และจํานวนถัดไป คอื 784 และ 782) T10

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ตัวอยา งท่ี 5 ขน้ั สอน 922 917 912 907 สอน 922 - 5 917 - 5 912 - 5 5. ครูใหนักเรียนศึกษาความรูเร่ือง การนับเพ่ิม หรอื การนบั ลดทลี ะ 2 และทลี ะ 5 ในหนงั สือ- จากจาํ นวนขางตนเปนการนับลดทีละ 5 โดยเริ่มจาก 922 เรียน คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 8-9 จากนนั้ ครูใหน ักเรยี นจบั คกู ันแลว ทาํ กิจกรรม พจิ ารณาจาํ นวนในแตล ะขอ วา เปน การนับเพิม่ หรือนับลดทีละเทาใด เพอ่ื นชวยเพ่อื นในหนังสอื เรยี น หนา 9 และเรม่ิ จากจาํ นวนใด 6. ครูและนักเรียนรวมกันสรุปสิ่งท่ีไดเรียนรู 1) 140 142 144 146 148 รว มกนั ดงั นี้ 2) 648 653 658 663 668 - การนับเพ่ิมทีละ 2 เปนการบวกเพิ่มจาก 3) 472 477 482 487 492 จํานวนเรม่ิ ตน ทีละ 2 เชน 366 368 370 4) 319 317 315 313 311 372 374 5) 578 573 568 563 558 - การนับลดทีละ 2 เปนการลบออกจาก จํานวนเริม่ ตนทลี ะ 2 เชน 966 964 962 2.3 การนบั เพ่มิ หรือนับลดทลี ะ 10 960 958 - การนับเพ่ิมทีละ 5 เปนการบวกเพ่ิมจาก ตวั อยางท่ี 6 จํานวนเร่ิมตนทลี ะ 5 เชน 560 565 570 575 580 - การนับลดทีละ 5 เปนการลบออกจาก จาํ นวนเริม่ ตนทีละ 5 เชน 960 955 950 945 940 123 133 143 153 123 + 10 133 + 10 143 + 10 จากจํานวนขางตนเปน การนบั เพมิ่ ทีละ 10 โดยเริ่มจาก 123 9 กิจกรรม ทาทาย เกร็ดแนะครู ขอ 1 440 443 444 446 448 ครูอธิบายเพิ่มเติมใหนักเรียนไดเห็นถึงการนับเพิ่มทีละ 2 และทีละ 5 ขอ 2 667 657 647 637 617 โดยใชอ วยั วะภายนอกของรา งกายตวั เอง เชน ครถู ามนกั เรยี นวา อวยั วะของเรา ขอ 3 789 787 786 783 781 มอี ะไรบางท่ีมีจํานวนสอง (แนวตอบ ตา ขา แขน หู) ครถู ามนักเรยี นวา ถาเรา ขอ 4 820 815 800 790 780 นบั สิ่งของตางๆ โดยนับเพม่ิ ทลี ะ 2 นกั เรียนจะสามารถนับไดอ ยางไร (แนวตอบ ใหนักเรียนพิจารณาจํานวนในตารางวา แตละขอเปนการนับ 2, 4, 6, 8, 10, 12, …) และครถู ามนักเรียนตอ วา อวัยวะของเรามีอะไรบางท่มี ี เพ่ิมหรือเปนการนับลดทีละเทาใด และมีจํานวนใดท่ีนับไมถูกตอง จาํ นวนหา (แนวตอบ นวิ้ มอื ขา งซา ยและนว้ิ มอื ขา งขวา) ครถู ามนกั เรยี นวา ถา เรา ใหนักเรยี นแกไขใหถ กู ตอ งโดยเขยี นลงในสมดุ นับเพิม่ ทลี ะ 5 สามารถนับไดอ ยางไร (แนวตอบ 5, 10, 15 , 20, 25, ...) T11

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั สอน ตัวอยา งที่ 7 สอน 444 434 424 414 7. ครกู ําหนดจาํ นวนนับ 4-5 จาํ นวน ที่เปน การ 444 - 10 434 - 10 424 - 10 นบั เพม่ิ ทลี ะ 2 นบั ลดทีละ 2 นับเพ่ิมทลี ะ 5 จากจาํ นวน1ขางตน เปน การนบั ลดทลี ะ 10 โดยเรมิ่ จาก 444 และนบั ลดทลี ะ 5 โดยใหน กั เรยี นบอกจาํ นวน ถดั ไปทีละคน 3-4 คน ตามลําดับ 2.4 การนบั เพม่ิ หรอื นับลดทีละ 100 8. เมอื่ ครใู หน กั เรยี นนบั เพม่ิ ทลี ะ 10 และนบั เพมิ่ ตวั อยางท่ี 8 ทลี ะ 100 นกั เรยี นจะมีวธิ นี ับอยา งไร (แนวตอบ นับเพ่มิ ทีละ 10 ใหบ วกเพ่มิ ทลี ะ 10 200 300 400 500 เร่ิมจากจํานวนแรก และนับเพ่ิมทีละ 100 200 + 100 300 + 100 400 + 100 ใหบวกเพิ่มทีละ 100 เร่ิมจากจํานวนแรก เชน กนั ) จากจํานวนขา งตน เปน การนบั เพ่มิ ทีละ 100 โดยเร่ิมจาก 200 9. ครูใหนักเรียนจับกลุมศึกษาความรูเร่ือง ตวั อยา งท่ี 9 การนับเพิ่มหรือการนับลดทีละ 10 ทีละ 100 ในหนังสือเรียน คณิตศาสตร ป.2 1,000 900 800 700 เลม 1 หนา 9-10 และใหน กั เรยี นแตล ะกลมุ ทาํ 1,000 - 100 900 - 100 800 - 100 ใบงานที่ 1.3 เรอ่ื ง การนบั ทลี ะ 10 และทลี ะ 100 เม่ือเสร็จแลวใหแตละกลุมออกมานําเสนอ จากจํานวนขางตน เปน การนับลดทีละ 100 โดยเรมิ่ จาก 1,000 หนาชั้นเรียน โดยนักเรียนท่ีเหลือชวยกัน ตรวจสอบความถกู ตอ ง 10 10. ครูและนักเรียนรวมกันสรุปสิ่งที่ไดเรียนรู รว มกนั ดงั นี้ - การนบั เพ่ิมทลี ะ 10 เปนการบวกเพม่ิ จาก จาํ นวนเรม่ิ ตน ทลี ะ 10 เชน 466 476 486 496 506 - การนับลดทีละ 10 เปนการลบออกจาก จาํ นวนเรม่ิ ตน ทลี ะ 10 เชน 860 850 840 830 820 - การนับเพ่ิมทีละ 100 เปนการบวกเพ่ิม จากจํานวนเร่ิมตนทีละ 100 เชน 561 661 761 861 961 - การนับลดทลี ะ 100 เปนการลบออกจาก จํานวนเรมิ่ ตน ทีละ 100 เชน 944 844 744 644 544 นักเรียนควรรู ขอสอบเนน การคดิ 1 จํานวน ใชบอกปริมาณ เชน ดินสอ 2 แทง และบอกลําดับท่ี เชน 113 118 123 128 อีก 3 จํานวนถัดไปคอื จํานวนใด สอบไดคะแนนเปน ลาํ ดบั ที่ 13 ของหอ ง 1. 133 138 143 2. 133 134 135 3. 133 143 153 (เฉลยคาํ ตอบ ขอ 1. เพราะ 113 118 123 128 เปนการนบั เพ่มิ ทลี ะ 5 ดงั น้นั 3 จาํ นวนถัดไป คือ 133 138 143) T12

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ กจิ กรรมพฒั นาความรู ขนั้ สอน อุปกรณ บัตรตวั เลข สอน วิธีจัดกจิ กรรม 11. ครูใหนักเรียนจับคูกันแลวใหนักเรียนทํา กิ จ ก ร ร ม พั ฒ น า ค ว า ม รู  ใ น ห นั ง สื อ เ รี ย น 1) ใหน กั เรียนจบั คกู บั เพอื่ น แลวสงตวั แทนออกมาหยบิ บตั รตัวเลข คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 11 โดยให แสดงจํานวนไมเกิน 1,000 คูละ 3 จาํ นวน สงตัวแทนออกมาหยิบบัตรตัวเลขแสดง จํานวนไมเกิน 1,000 คูละ 3 จํานวน และ 2) จากบตั รตวั เลขทไี่ ดใ หน ักเรียนชวยกันเขยี นจาํ นวนแสดงการนับ จัดกิจกรรมตามข้ันตอนทกี่ าํ หนด จากนนั้ ครู เพิม่ ทลี ะ 2 ทีละ 5 ทีละ 10 ทลี ะ 100 และนับลดทลี ะ 2 ทลี ะ 5 ทาํ หนา ท่สี งั เกตการทํางานของนกั เรยี น และ ทีละ 10 ทลี ะ 100 โดยเรมิ่ นบั จากจาํ นวนในบัตรตัวเลขลงในสมดุ เชน พดู กระตนุ ใหน กั เรยี นทกุ คนมสี ว นรว มในการ ถาจาํ นวนในบตั รตัวเลขของนกั เรียนเปน 232 จะเขียนจํานวนแสดง ทํากจิ กรรม การนับเพม่ิ ทีละ 2 ดังน้ี 232 234 236 238 240 12. ครูใหนักเรียนจับคูกัน แลวทํากิจกรรม 3) เสรจ็ แลว นาํ สมดุ สงครูผูสอนตรวจสอบความถูกตอง เพ่อื นชว ยเพ่ือนในหนงั สอื เรยี น คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 11 และเฉลยพรอมกัน พิจารณาจํานวนในแตล ะขอวา เปน การนับเพ่ิม1หรือนบั ลด2ทลี ะเทา ใด ในช้ันเรยี น และเริม่ จากจํานวนใด 1) 457 467 477 487 497 2) 400 500 600 700 800 3) 955 945 935 925 915 4) 344 444 544 644 744 5) 912 812 712 612 512 6) 880 890 900 910 920 7) 951 851 751 651 551 8) 528 518 508 498 488 11 ขอ สอบเนน การคดิ นักเรียนควรรู 876 886 906 926 จํานวนที่หายไป 1 การนับเพิ่ม เปน การบวกเพ่มิ จากจํานวนทกี่ าํ หนดทีละเทาๆ กัน คือขอใด 2 การนับลด เปนการลบออกจากจํานวนที่กาํ หนดทลี ะเทาๆ กนั 1. 936 916 896 2. 916 936 896 3. 896 916 936 (เฉลยคาํ ตอบ ขอ 3. เพราะ 876 886 896 906 916 926 936 เปน การนับเพ่มิ ทลี ะ 10) T13

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ สอน กิจกรรมฝกทักษะ ฝก ทกั ษะ จาํ นวนในแตละขอ ตอ ไปนี้ เปนการนบั เพ่ิมหรอื นับลดทีละเทา ใด 1. ครใู หน กั เรยี นทาํ กจิ กรรมฝก ทกั ษะ ในหนงั สอื - 1. 916 918 920 922 924 เรียน คณติ ศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 12 โดยครู 2. 736 741 746 751 756 และนกั เรียนรวมกนั เฉลยคําตอบ 3. 518 508 498 488 478 4. 244 239 234 229 224 2. ครใู หน กั เรยี นทาํ แบบฝก หดั เรอื่ ง การนบั ทลี ะ 2 5. 502 402 302 202 102 ทลี ะ 5 ทีละ 10 และทีละ 100 ในแบบฝก หัด 6. 350 360 370 380 390 คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 เปนการบาน 7. 115 215 315 415 515 8. 218 216 214 212 210 ขนั้ สรปุ ฝกทาํ ตอใน สรปุ บฝ.คณติ ศาสตร ป.2 เลม 1 1. ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรูเก่ียวกับ ความรทู ่ีได การนับทีละ 2 ทีละ 5 ทลี ะ 10 และทลี ะ 100 1. ยกตัวอยางการนับเพม่ิ ทลี ะ 2 และการนบั ลดทีละ 2 มา 5 จํานวน 2. ยกตัวอยางการนับเพิ่มทลี ะ 5 และการนับลดทีละ 5 มา 5 จาํ นวน 2. ครูใหนักเรียนตอบคําถามในกรอบ “ความรู 3. ยกตัวอยางการนบั เพิม่ ทีละ 10 และการนับลดทีละ 10 มา 5 จาํ นวน ทีไ่ ด” ในหนังสอื เรยี น คณติ ศาสตร ป.2 เลม 1 4. ยกตัวอยา งการนบั เพิ่มทลี ะ 100 และการนับลดทลี ะ 100 มา 5 จาํ นวน หนา 12 ขน้ั ประเมนิ 1. ครูประเมินผลโดยการสังเกตพฤติกรรมการ ทํางานรายบุคคลและการรวมกันทํากิจกรรม กลมุ 2. ครูตรวจสอบผลจากการทาํ ใบงานที่ 1.2 เรอ่ื ง การนบั ทีละ 2 และทีละ 5 3. ครตู รวจสอบผลจากการทําใบงานท่ี 1.3 เรอ่ื ง การนับทีละ 10 และทีละ 100 4. ครูตรวจสอบผลจากการทํากิจกรรมฝกทักษะ ในหนังสือเรียน และทําแบบฝกหัดในหนังสือ แบบฝก หดั 12 แนวทางการวัดและประเมินผล กิจกรรม สรางเสริม ครูสามารถวัดและประเมินพฤติกรรมการทํางานกลุมจากการทําใบงานที่ 1. ครแู บง นกั เรยี นเปน กลมุ กลมุ ละ 3-4 คน แลว ใหก ลมุ แรกกาํ หนด 1.2 เรอื่ ง การนบั ทลี ะ 2 และทลี ะ 5 และจากการทําใบงานท่ี 1.3 เร่ือง การนบั จํานวน 1 จํานวน โดยเขียนบนกระดานและมีคําสั่งระบุวา ทีละ 10 และทีละ 100 โดยศึกษาเกณฑการวัดและการประเมินผลจากแบบ ใหน บั เพมิ่ หรอื นบั ลดทลี ะเทา ใด จากนน้ั ใหก ลมุ ท่ี 2 บอกจาํ นวน ประเมนิ ของแผนการจัดการเรียนรใู นหนวยการเรยี นรูที่ 1 ถดั ไปอีก 3 จาํ นวน แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานกลุม่ 2. ใหน กั เรยี นทงั้ สองกลมุ สลบั หนา ทกี่ นั กลมุ ใดตอบไดถ กู ตอ งและ มคี ะแนนมากทีส่ ุด กลมุ นั้นชนะ คาชแ้ี จง : ให้ผสู้ อนสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ลงในช่องท่ี ตรงกบั ระดับคะแนน ลาดับที่ ช่ือ – สกุล การแสดง การยอมรับ การทางาน ความมีนา้ ใจ การมี รวม ของนกั เรียน ความคิดเห็น ฟงั คนอืน่ ตามท่ีได้รบั ส่วนรว่ มใน 15 มอบหมาย การปรบั ปรงุ คะแนน ผลงานกลุม่ 321321321321321 เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ลงชอื่ ...................................................ผู้ประเมนิ ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤติกรรมอย่างสมา่ เสมอ ............../.................../............... ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤติกรรมบ่อยครัง้ ให้ 3 คะแนน ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤติกรรมบางครัง้ ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ต่ากว่า 8 ปรบั ปรุง T14

นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ 3. ¨Òí ¹Ç¹¤‹Ù ¨Òí ¹Ç¹¤Õè ¨Ò¡ÃÙ» ¨Ñº¤Ù‹´Í¡äÁŒä´Œ¡èÕ¤Ù‹¤ÃѺ ขน้ั นาํ (Discovery Method) 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 นาํ เขา้ สบู ทเรยี น 1. ครูทบทวนความรูโดยกําหนดจํานวนเริ่มตน แลวใหนักเรียนยกตัวอยางจํานวนที่นับเพิ่มที ละ 2 ทลี ะ 5 ทีละ 10 และทลี ะ 100 และจัด กิจกรรมทํานองเดียวกันแตใหนักเรียนบอก จาํ นวนเรมิ่ ตน แลว นกั เรยี นทเ่ี หลอื บอกจาํ นวน ทนี่ ับลดทีละ 2 ทลี ะ 5 ทลี ะ 10 และทลี ะ 100 2. ครูใหนักเรียนตอบคําถามทบทวนความรูเดิม มุมขวาดานบนในหนังสือเรียน คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 13 (แนวตอบ จบั คูด อกไมไดทง้ั หมด 3 คู) จากรูป ขน้ั สอน ไขไก 1 ฟอง 3 ฟอง 5 ฟอง 7 ฟอง และ 9 ฟอง เม่ือนํามาจดั เปนคู จะเหลอื ไขไก 1 ฟอง สอน เรียกจํานวน 1 3 5 7 และ 9 เปน จํานวนค่ี ไขไ ก 2 ฟอง 4 ฟอง 6 ฟอง 8 ฟอง และ 10 ฟอง เมอ่ื นํามาจดั เปน คู 1. ครูใหนักเรียนยกมือทงั้ สองขา ง แลว ตัง้ คาํ ถาม จะเหลือไขไ ก 0 ฟอง หรือครบคพู อดี วา ถาเราจบั คูน ว้ิ มอื ของเราจะจบั คไู ดก่คี ู เรียกจาํ นวน 2 4 6 8 และ 10 เปน จํานวนคู (แนวตอบ 5 คู) จาํ นวนคแู ละจาํ นวนค่ี 2. นักเรียนแบง กลุม กลุม ละ 4 คน โดยคละกัน ตามความสามารถ แลวครูตั้งคําถามและให 13 เวลาแตละกลุมคิดคําตอบขอละ 1-2 นาที กลุมท่ีไดคําตอบแลวใหยกมือเพื่อตอบคําถาม ถาคําตอบถูกตองไดขอละ 1 คะแนน เชน แมม ไี กไขอยู 2 ตวั ไกไ ขตัวแรกออกไขว ันละ 3 ฟอง และไกไ ขต วั ทสี่ องออกไขว ันละ 2 ฟอง ถาแมต องการจัดไขไกท้งั หมดเปนคู แมจ ะจัด ไดอยา งไร (แนวตอบ แมจ ัดไขไกเปน คไู ด 2 คู และเหลอื เศษ 1 ฟอง) 3. ครูใหนักเรียนในกลุมจับคูกันศึกษาความรู เร่ือง จํานวนคู จํานวนคี่ ในหนังสือเรียน คณติ ศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 13-14 เสร็จแลว ครูสุมนักเรียนออกมาอธิบาย พรอมท้ัง ยกตัวอยาง ขอสอบเนน การคิด สื่อ Digital (1) 55 61 77 93 103 ครูเปด สือ่ การเรียนรเู รือ่ ง จาํ นวนคู จาํ นวนคี่ ในหนังสือเรยี น คณติ ศาสตร (2) 32 66 88 108 222 ป.2 เลม 1 หนา 13 ใหนักเรียนดดู วยการสแกน QR Code (3) 25 73 99 231 445 ขอใดไมถ ูกตอ ง 1. ขอ (1) เปนจํานวนค่ที ง้ั หมด 2. ขอ (2) เปน จาํ นวนคทู ้งั หมด 3. ขอ (3) มจี าํ นวนคู 2 จํานวน มีจาํ นวนคี่ 3 จํานวน (เฉลยคําตอบ ขอ 3. เพราะ 25 73 99 231 445 และ ทกุ จาํ นวนเปนจํานวนค่)ี T15

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ สอน ตัวอยา งท่ี 10 สอน พจิ ารณาจํานวนตอไปนว้ี า เปนจาํ นวนคหู รือจาํ นวนค่ี 4. ครูใหนักเรียนคูเดิมชวยกันทํากิจกรรมเพ่ือน 13 1010 1011001010011001100101001010,1100,0101101,110,010100,101,01010,101,0010,10,0010,10,0010,000 ชวยเพอ่ื น ในหนังสอื เรียน คณติ ศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 15 โดยแตละคนทําลงในสมุด จากรปู เมื่อจดั เปน คแู ลว เหลือ 1 ดงั น้นั 13 เปนจํานวนค่ี เสรจ็ แลว นํามาสงครูผูสอน 22 1010 10110011001010011001010011001001,001,010010010,001,100010010,0001,100010001,0001,100010010,0001,0100010100,01,1001001,0001,001001,0001,00100,100,001,010,010,10,0 5. ครูใหนักเรียนแตกลุมทําใบงานท่ี 1.4 เรื่อง จาํ นวนคู จํานวนค่ี เม่อื เสรจ็ แลวใหแตละกลุม จากรปู เมอ่ื จัดเปน คแู ลว ครบคูพ อดี ดงั นัน้ 22 เปนจํานวนคู ออกมานาํ เสนอหนา ชน้ั เรยี น โดยครตู รวจสอบ ความถูกตอ ง จากตัวอยางที่ 10 นกั เรยี นจะเห็นวา จาํ นวนทม่ี หี ลกั หนว ยเปน จาํ นวนคี่ จาํ นวนนั้นจะเปน จาํ นวนคด่ี ว ย และจาํ นวนทม่ี หี ลกั หนว ยเปนจาํ นวนคู 6. ครูและนักเรียนรวมกันสรุปจากการทําใบงาน จาํ นวนนนั้ จะเปนจํานวนคดู วย วา จํานวนคู เปน จํานวนทีน่ บั ทลี ะ 2 หรือจดั เปนคูแลวไมเหลือเศษ จํานวนคี่ เปนจํานวน กจิ กรรมพัฒนาความรู ทน่ี บั ทลี ะ 2 หรือจดั เปนคูแลวเหลอื เศษ 1 อุปกรณ บตั รตวั เลข 0 ถงึ 9 วธิ จี ัดกิจกรรม 7. ครตู ดิ บตั รตวั เลขบนกระดาน แลว ครตู งั้ คาํ ถาม 1) ใหน กั เรยี นจดั กลมุ กลมุ ละ 3 คน แลว ใหแ ตล ะกลมุ ทาํ บตั รตวั เลข 0 ถงึ 9 กับนักเรียนวา จํานวนนั้นเปนจํานวนคูหรือ 2) ใหสมาชิกในกลุมจบั บัตรตวั เลขคนละ 1 ใบ แลว นาํ ตวั เลขทแ่ี ตล ะคน จํานวนค่ี และมีวิธพี จิ ารณาอยา งไร (แนวตอบ พจิ ารณาตวั เลขในหลกั หนว ย ถา เปน จับไดมาเขียนเปน จาํ นวนท่มี สี ามหลักลงในกระดาษ A4 0, 2, 4, 6, 8 จํานวนน้ันเปน จาํ นวนคู แตถา 3) ชว ยกันพจิ ารณาจาํ นวนดงั กลา ววาเปนจาํ นวนคูหรอื จาํ นวนคี่ ตวั เลขในหลกั หนว ยเปน 1, 3, 5, 7, 9 จาํ นวนนน้ั 4) ทาํ กจิ กรรมซา้ํ ขอ 2) - 3) อกี 9 รอบ จากนนั้ ใหแ ตล ะกลมุ นาํ เสนอผลงาน เปนจาํ นวนคี)่ หนาชั้นเรียน แลวสง ครผู ูสอน 8. ครแู บง นกั เรยี นเปน กลมุ กลมุ ละ 3 คน จากนนั้ ครูใหนักเรียนแตละกลุมทํากิจกรรมพัฒนา 14 ความรใู นหนงั สอื เรยี น คณติ ศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 14 โดยครูแจกอุปกรณและจัดกิจกรรม ตามขน้ั ตอนทห่ี นังสอื เรียนกําหนด เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคิด ครูอาจจัดกิจกรรมใหนักเรียนเลนเกม โดยใหแตละกลุมแขงขันกันบอก ขอใดถกู ตอ ง สิ่งของท่ีอยูในชีวิตประจําวันของนักเรียนที่มีการใชงานเปนคู หากกลุมใดบอก 1. 128 424 และ 320 เปน จํานวนคูท้งั หมด ไดมากท่ีสดุ จะเปน กลมุ ชนะ 2. 341 742 และ 553 เปน จํานวนคท่ี ั้งหมด 3. 479 979 และ 897 มีบางจาํ นวนเปน จาํ นวนคู (เฉลยคําตอบ ขอ 1. เพราะ 128 424 และ 320 มีเลขโดดใน หลักหนวยเปน 8, 4, 0 ตามลาํ ดับ ซง่ึ เปน จํานวนคูทั้งสามจาํ นวน) T16

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ 1. พจิ ารณาจํานวนตอ ไปนี้ แลว บอกวาจาํ นวนใดบางเปน จํานวนคู ขน้ั สอน 110 402 301 502 711 919 808 244 606 777 ฝก ทกั ษะ 2. เติมเลขโดดในหลกั หนว ยเพอื่ ใหไดซ งึ่ จํานวนคู ครใู หน กั เรยี นทาํ กจิ กรรมฝก ทกั ษะ ในหนงั สอื - เรียน คณติ ศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 15 โดยครู 70 51 62 91 84 62 54 และนักเรียนรวมกันเฉลยคําตอบ จากน้ันให นักเรียนทําแบบฝกหัดเร่ือง จํานวนคู จํานวนค่ี 3. เติมเลขโดดในหลักหนวยเพอื่ ใหไ ดซ ง่ึ จาํ นวนคี่ ในแบบฝกหัด คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 เปน การบาน 61 28 39 52 71 85 92 ขน้ั สรปุ กิจกรรมฝกทักษะ สรปุ 1 พิจารณาจาํ นวนตอ ไปน้ี แลว ตอบคาํ ถาม 1. ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรูเก่ียวกับ 151 242 720 399 715 จํานวนคูและจํานวนคี่ โดยครูถามคําถาม 134 613 646 388 927 นักเรยี น ดังน้ี • จํานวนท่ีสามารถนํามาจดั เปนคู แลว ครบคู 1. จํานวนใดบางเปน จํานวนคู พอดีหรือเหลือเศษ 0 เรยี กวาจํานวนอะไร 2. จํานวนใดบางเปนจํานวนค่ี (แนวตอบ จาํ นวนคู) 3. จาํ นวนคจู ากขอ 1. มีเลขโดดในหลักหนว ยเปนเลขโดดใดบาง • จํานวนที่สามารถนํามาจัดเปนคู แลวเหลือ 4. จาํ นวนคจ่ี ากขอ 2. มีเลขโดดในหลกั หนว ยเปนเลขโดดใดบาง เศษ 1 เรยี กวาจํานวนอะไร (แนวตอบ จาํ นวนค่)ี 2 สรา งจาํ นวนจากเลขโดดท่กี ําหนด โดยเลขโดดในแตล ะหลกั ตองไมซํา้ กนั 1. สรา งจํานวนคีท่ ม่ี ีสามหลักจากเลขโดด 2, 1, 9 2. ครูเขียนตัวเลขแสดงจํานวน 4-5 จํานวน ให 2. สรางจาํ นวนคทู มี่ ีสามหลกั จากเลขโดด 0, 4, 9 นกั เรยี นพจิ ารณาวา จาํ นวนใดบา งเปน จาํ นวน คแู ละจํานวนใดบา งเปนจาํ นวนคี่ เชน ฝกทําตอ ใน 372 591 723 690 795 784 บฝ.คณติ ศาสตร ป.2 เลม 1 (แนวตอบ จาํ นวนคู คือ 372, 690, 784 และ จํานวนค่ี คือ 591, 723, 795) 15 ขนั้ ประเมนิ 1. ครูประเมินผลโดยการสังเกตการตอบคําถาม และการรว มกันทํากจิ กรรมกลุม 2. ครตู รวจสอบผลจากการทําใบงานที่ 1.4 เรื่อง จํานวนคู จาํ นวนค่ี 3. ครูตรวจสอบผลจากการทํากิจกรรมฝกทักษะ ในหนังสือเรียน และทาํ แบบฝกหดั ในหนังสอื แบบฝก หัด ขอสอบเนน การคดิ แนวทางการวัดและประเมินผล 243 267 572 598 725 714 838 มีจํานวนคี่และจํานวนคู ครูสามารถวัดและประเมินพฤติกรรมการทํางานกลุมจากการทําใบงาน อยางละก่จี ํานวน ท่ี 1.4 เร่ือง จํานวนคู จํานวนคี่ โดยศึกษาเกณฑการวัดและการประเมินผล จากแบบประเมินของแผนการจดั การเรียนรูในหนวยการเรียนรทู ี่ 1 1. จํานวนค่ี 4 จํานวนคู 3 2. จํานวนคี่ 3 จาํ นวนคู 4 แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางานกลมุ่ 3. จํานวนคี่ 2 จาํ นวนคู 5 คาชีแ้ จง : ใหผ้ สู้ อนสงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ลงในช่องท่ี (เฉลยคําตอบ ขอ 2. เพราะจาํ นวนคี่ คือ 243 267 725 และ ตรงกับระดับคะแนน จาํ นวนคู คือ 572 598 714 838) ลาดับที่ ช่อื – สกุล การแสดง การยอมรับ การทางาน ความมนี า้ ใจ การมี รวม ของนักเรียน ความคดิ เหน็ ฟงั คนอ่นื ตามทไี่ ด้รับ ส่วนร่วมใน 15 มอบหมาย การปรับปรงุ คะแนน ผลงานกลุ่ม 321321321321321 เกณฑก์ ารให้คะแนน ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมนิ ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมอย่างสมา่ เสมอ ............../.................../............... ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤติกรรมบ่อยครง้ั ให้ 3 คะแนน ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมบางคร้งั ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ตา่ กว่า 8 ปรับปรุง T17

นาํ นาํ สอน สรุป ประเมนิ ขน้ั นาํ (กระบวนการกลมุ สมั พนั ธ) 4. ËÅ¡Ñ 1 ¤Ò‹ ¢Í§àŢⴴ2 85 58 ¤‹Ò¢Í§ 5 áÅÐ 8 㹨íҹǹ·éѧÊͧÁÕ¤‹Ò෋ҡѹ นาํ เขา สบู นเรยี น ã¹áµ‹ÅÐËÅÑ¡áÅСÒÃà¢ÂÕ ¹ ËÃ×ÍäÁ‹ 1. ครูทบทวนความรูโดยสุมนักเรียนใหบอกวา µÑÇàÅ¢áÊ´§¨Òí ¹Ç¹ã¹Ã»Ù ¡ÃШÒ จํานวนทคี่ รูกาํ หนดเปน จาํ นวนคูหรือจํานวนคี่ 4.1 หลักและคาของเลขโดดในแตล ะหลัก 2. ครูใหนักเรียนตอบคําถามทบทวนความรูเดิม มุมขวาดานบนในหนังสือเรียน คณิตศาสตร หลักรอ ย หลกั สบิ หลักหนวย หลักรอย หลักสิบ หลักหนว ย 363 ป.2 เลม 1 หนา 16 (แนวตอบ ไมเทากนั ) 363 ขนั้ สอน จาํ นวน 363 มคี าของเลขโดดในแตล ะหลกั ดงั นี้ จดั การเรยี นรู 3 อยูในหลกั หนวย มคี า เปน 3 6 อยใู นหลกั สิบ มคี าเปน 60 1. ครตู ดิ บตั รตวั เลขแสดงจาํ นวนนบั ไมเ กนิ 1,000 3 อยใู นหลกั รอ ย มคี า เปน 300 บนกระดาน แลวใหนักเรียนบอกวาเลขโดด แตล ะตัวอยใู นหลักใด และมีคาเทาใด หลักพนั หลักรอ ย หลักสิบ หลักหนวย หลกั พนั หลักรอ ย หลักสิบ หลักหนวย 1,000 2. นักเรียนศึกษาความรูเร่ือง หลักและคา 1000 ของเลขโดดในแตละหลัก ในหนังสือเรียน คณติ ศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 16 จากนน้ั ครขู อ จาํ นวน 1,000 มีคาของเลขโดดในแตละหลัก ดังนี้ อาสาสมคั รออกมาอธบิ าย พรอ มทงั้ ยกตวั อยา ง 0 อยใู นหลกั หนว ย มีคา เปน 0 0 อยใู นหลักสบิ มคี า เปน 0 3. ครูแบงนักเรียนออกเปนกลุม กลุมละ 4 คน 0 อยใู นหลักรอ ย มีคา เปน 0 โดยคละกันตามความสามารถ จากนั้นให 1 อยใู นหลกั พนั มคี าเปน 1,000 แตละกลุมทําใบงานที่ 1.5 เรือ่ ง หลักและคา ของเลขโดดในแตล ะหลกั แลว ออกมานาํ เสนอ เลขโดดตัวเดียวกนั ถา อยูในหลกั ตางกนั จะมีคาไมเทากัน โดยเลขโดดตัวน้นั จะมคี าตามหลักพนั หลกั รอย หลกั สิบ และหลกั หนวย ตามหลกั ที่เลขโดดอยู 4. ครูใหนักเรียนจับคูกันทํากิจกรรมเพื่อนชวย เพ่ือน ในหนังสือเรียน คณิตศาสตร ป.2 16 เลม 1 หนา 17 และทํากิจกรรมฝกทักษะ ขอ 1-2 หนา 18 เปนการบาน ขน้ั สรปุ สรปุ และนาํ หลกั การไปประยกุ ตใช 1. ครตู ง้ั คาํ ถามใหน กั เรยี นตอบวา คา ของเลขโดด ในแตล ะหลักมคี า เทา กนั หรือไม อยา งไร (แนวตอบ มคี า ไมเ ทา กนั ขน้ึ อยกู บั วา เลขโดดนน้ั อยูในหลักใดและมีคาประจาํ หลักเทาใด) 2. ครูและนักเรียนรวมกันตอบคําถามจากกรอบ “ความรูที่ได” ในหนังสือเรียน คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 18 นักเรียนควรรู ขอ สอบเนน การคดิ 1 หลัก คือ ตาํ แหนงของตวั เลข เชน หลักหนวย หลักสิบ หลกั รอ ย หลกั พัน เลขโดด 9 ในขอใดมีคา เทากับ 900 2 คา ของเลขโดด คอื ผลคณู ของเลขโดดนน้ั กบั คา ประจาํ หลกั ทเ่ี ลขโดดนน้ั อยู 1. 329 2. 590 3. 975 (เฉลยคําตอบ ขอ 3. เพราะ ขอ 1. 329 อยใู นหลักหนวย มคี า 9 ขอ 2. 590 อยใู นหลกั สบิ มีคา 90 ขอ 3. 975 อยใู นหลักรอย มคี า 900) T18

นาํ นํา สอน สรปุ ประเมิน 4.2 การเขียนตวั เลขแสดงจํานวนในรปู กระจาย1 ขนั้ ประเมนิ หลกั รอ ย หลกั สิบ หลกั หนว ย วดั และประเมนิ ผล 3 46 ครูประเมินผล โดยการสังเกตการตอบคาํ ถาม และการรวมกันทํากิจกรรมกลุม และตรวจสอบ 346 คอื 3 รอย กับ 4 สบิ กับ 6 หนวย ผลจากการทําใบงานท่ี 1.5 เร่ือง หลักและ 346 เขียนในรปู กระจายเปน 300 + 40 + 6 คา ของเลขโดดในแตละหลัก จากการทาํ กจิ กรรม 346 = 300 + 40 + 6 ฝกทักษะ ในหนังสอื เรียน 100 100 0 สบิ 111 409 คอื 4 รอ ย กบั 0 สบิ ขนั้ นาํ (กระบวนการปฏบิ ตั )ิ 100 100 111 กบั 9 หนวย 111 ครูทบทวนความรู โดยติดบัตรคําถามบน 4 รอ ย 409 เขียนในรูปกระจาย กระดาน แลวครขู ออาสาสมัครนกั เรยี น 2-3 คน 9 หนว ย เปน 400 + 0 + 9 ออกมาตอบคําถาม เชน 409 = 400 + 0 + 9 - ฉนั คอื จาํ นวนใด ถา มเี ลขโดด 2 อยใู นหลกั รอ ย และเลขโดด 1 อยใู นหลกั สิบ สว นเลขโดด ตวั อยา งที่ 11 การเขยี นตัวเลขแสดงจํานวนในรูปกระจาย เปนการนําคา ในหลกั หนว ย คอื ผลรวมของเลขโดดในหลกั ของเลขโดดในแตล ะหลักมาเขียนใหอยูในรปู การบวก รอ ยและหลักสบิ (แนวตอบ 213) 630 630 คอื 6 รอ ย กับ 3 สบิ กบั 0 หนวย ขนั้ สอน 630 เขยี นในรูปกระจายเปน 600 + 30 + 0 630 = 600 + 30 + 0 สงั เกต รบั รู้ 1. ครูใหนักเรียนศึกษาความรูเรื่อง การเขียน ตัวเลขแสดงจาํ นวนในรูปกระจาย ในหนังสือ- เรียน คณติ ศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 17 2. ครูอธิบายเพ่ิมเติมวา “การเขียนตัวเลขแสดง จํานวนในรูปกระจายเปนการนําคาของ เลขโดดในแตละหลักมาเขียนใหอยูในรูปของ การบวก ถา เลขโดดหลักใดเปน ศูนยไ มจําเปน ตอ งนาํ มาเขียนในรปู ของการบวก” พิจารณาจาํ นวนตอไปน้ี แลวบอกหลกั และคา ของเลขโดดในแตละหลกั ทาํ ตามแบบ 1) 476 2) 843 3) 579 4) 813 5) 925 แบง นกั เรยี นเปนกลมุ กลุมละ 4 คน คละกนั ตามความสามารถ จากน้ันแจกกระดาษ A4 ให 17 แตละกลุมชวยกันเขียนจํานวนนับไมเกิน 1,000 กลมุ ละ 10 จํานวน แลว ครูควา่ํ กระดาษ A4 ลง บนโตะ จากนั้นใหตัวแทนกลุมออกมาเลือก กระดาษ A4 ท่ีแตละกลุมเขียนไว แลวชวยกัน เขียนตวั เลขแสดงจาํ นวนในรปู กระจาย ขอสอบเนน การคิด เกร็ดแนะครู จํานวนในขอ ใด มคี ามากกวา 500 + 40 + 9 หลังจากท่ีนักเรียนเขาใจเรื่องคาของเลขโดดและการเขียนในรูปกระจาย 1. 500 + 50 แลว ครูควรนําชุดตัวเลขเดียวกัน แตสลับตําแหนงกันมาใหนักเรียนบอก 2. 500 + 40 + 1 คา ของเลขโดดและเขียนในรูปกระจาย เชน 3. 400 + 90 + 9 245 452 524 425 254 542 (เฉลยคาํ ตอบ ขอ 1. เพราะ 500 + 40 + 9 = 549 ซง่ึ ขอ 1. 500 + 50 = 550 นักเรียนควรรู ขอ 2. 500 + 40 + 1 = 541 ขอ 3. 400 + 90 + 9 = 499 1 การเขยี นตวั เลขแสดงจาํ นวนในรปู กระจาย เปน การเขยี นในรปู การบวกคา ดังนน้ั 500 + 50 มีคามากกวา 500 + 40 + 9) ของเลขโดดในหลกั ตา งๆ ของจํานวนนับ T19

นาํ สอน สรุป ประเมิน ขน้ั สอน กิจกรรมฝกทักษะ ทาํ เองโดยไมม แี บบ 1 บอกหลักและคา ของเลขโดดในแตละหลกั ของจํานวนตอ ไปน้ี ครูใหนักเรยี นแตล ะกลมุ ทาํ ใบงานท่ี 1.6 เร่ือง 1. 982 2. 311 3. 432 4. 208 5. 763 การเขียนตัวเลขแสดงจํานวนในรูปกระจาย แลว ครสู มุ ตวั แทนกลมุ ออกมานาํ เสนอ จากนน้ั ครแู ละ 2 เลขโดดที่ขีดเสน ใตตอไปน้ี อยใู นหลกั ใดและมคี า เทาใด นกั เรยี นรวมกันเฉลยคําตอบ 1. 191 2. 843 3. 972 4. 357 5. 179 ฝก ทาํ ใหช้ าํ นาญ 3 เลขโดดแตละตวั ของจาํ นวนตอ ไปน้ี อยูในหลักใดและมคี า เทาใด ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมฝกทักษะ ขอ 3-5 ในหนังสอื เรียน คณติ ศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 18 1. 972 2. 145 3. 182 4. 999 5. 718 และทําแบบฝกหัดเรื่อง หลัก คาของเลขโดด ในแตละหลักและการเขียนตัวเลขแสดงจํานวน 4 เขยี นจาํ นวนตอ ไปน้ใี นรปู กระจาย ในรูปกระจาย ในแบบฝกหัด คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 1. 255 2. 827 3. 320 4. 727 5. 948 ขนั้ สรปุ 5 เขยี นตัวเลขฮินดูอารบิกแสดงจํานวนและเขยี นในรูปกระจาย ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรูเก่ียวกับ 1. 3 รอย กบั 9 สบิ กับ 1 หนว ย การเขียนตัวเลขแสดงจํานวนในรูปกระจายจนได 2. 8 รอ ย กับ 4 สิบ กับ 2 หนว ย ขอสรุปรวมกันวา การเขียนตัวเลขแสดงจํานวน 3. 9 รอ ย กับ 3 สบิ กับ 9 หนวย ในรปู กระจาย เปน การนาํ คา ของเลขโดดในแตล ะ 4. 8 รอ ย กับ 0 สบิ กับ 5 หนว ย หลกั มาเขยี นใหอ ยูใ นรูปการบวก 5. 1 พัน กับ 0 รอ ย กบั 0 สิบ กับ 0 หนวย ขน้ั ประเมนิ ฝกทําตอ ใน บฝ.คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 1. ครูประเมินผลโดยการสังเกตการตอบคําถาม และการรวมกันทํากิจกรรมกลมุ ความรทู ี่ได จํานวนทีม่ สี ามหลกั ถา แตล ะหลักมีเลขโดดตวั เดยี วกนั เลขโดดนน้ั 2. ครูตรวจสอบผลจากการทาํ ใบงานท่ี 1.6 เรือ่ ง จะมคี า เปน อยา งไร การเขยี นตัวเลขแสดงจาํ นวนในรูปกระจาย 18 3. ครูตรวจสอบผลจากการทํากิจกรรมฝกทักษะ ในหนังสือเรียน และทําแบบฝกหัดในหนังสือ แบบฝก หดั แนวทางการวัดและประเมินผล ขอสอบเนน การคิด ครูสามารถวัดและประเมินพฤติกรรมการทํางานกลุมจากการทําใบงานที่ 903 เลขโดดที่ขดี เสนใต อยูในหลักใด และมคี า เทาใด 1.6 เร่ือง การเขียนตัวเลขแสดงจํานวนในรูปกระจาย โดยศึกษาเกณฑการวัด 1. 0 อยูในหลักหนว ย มีคา 0 และการประเมินผลจากแบบประเมินของแผนการจัดการเรียนรูในหนวย 2. 0 อยูใ นหลักสบิ มีคา 0 การเรียนรทู ่ี 1 3. 0 อยใู นหลกั รอย มีคา 100 (เฉลยคาํ ตอบ ขอ 2. เพราะจาก 903 จะไดว า แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลมุ่ 9 อยใู นหลกั รอ ย มคี า 900 0 อยูในหลกั สิบ มีคา 0 คาช้แี จง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ลงในชอ่ งที่ 3 อยูในหลกั หนว ย มีคา 3) ตรงกบั ระดับคะแนน ลาดบั ท่ี ชอื่ – สกลุ การแสดง การยอมรบั การทางาน ความมนี ้าใจ การมี รวม ของนกั เรยี น ความคิดเหน็ ฟงั คนอื่น ตามทีไ่ ด้รับ ส่วนรว่ มใน 15 มอบหมาย การปรบั ปรุง คะแนน ผลงานกลุม่ 321321321321321 เกณฑก์ ารให้คะแนน ลงชื่อ...................................................ผปู้ ระเมิน ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสมา่ เสมอ ............../.................../............... ปฏิบัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยครัง้ ให้ 3 คะแนน ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมบางครัง้ ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ตา่ กวา่ 8 ปรับปรงุ T20

นาํ นํา สอน สรปุ ประเมนิ 5. ¡ÒÃà»ÃÂÕ ºà·Õº1¨Òí ¹Ç¹ 97 79 ¤ÇÃàµÔÁ > < ขน้ั นาํ (กระบวนการกลมุ สมั พนั ธ)์ ËÃ×Í = ŧ㹠เปรียบเทียบจาํ นวน 457 กับ 357 นาํ เขา้ สบู ทเรยี น 400 > 300 1. ครูทบทวนความรูโดยติดบัตรตัวเลขบน กระดาน แลวขออาสาสมัครออกมาเขียน 457 = 400 + 50 + 7 จํานวนในรูปกระจายหนาช้ันเรยี น จากนั้นครู และนักเรียนที่เหลือชวยกันตรวจสอบความ หลกั รอย หลักสิบ หลักหนว ย ถูกตอง 357 = 300 + 50 + 7 2. ครูใหนักเรียนตอบคําถามทบทวนความรูเดิม มมุ ขวาดา นบน ในหนงั สอื เรียน คณิตศาสตร หลักรอย หลกั สิบ หลกั หนว ย ป.2 เลม 1 หนา 19 (แนวตอบ เตมิ >) เนื่องจาก 4 มากกวา 3 หรอื 3 นอยกวา 4 3. ครทู บทวนการใชเ คร่อื งหมาย > < = และ ดังน้นั 457 มากกวา 357 หรอื 357 นอยกวา 457 ในการเปรยี บเทียบจํานวน 457 > 357 หรอื 357 < 457 ขน้ั สอน การเปรยี บเทยี บจาํ นวนท่ีมสี ามหลกั ใหเ ปรียบเทยี บเลขโดดในหลกั รอ ยกอน จดั การเรยี นรู้ ถา เลขโดดในหลกั รอยของจาํ นวนใดมคี ามากกวา จาํ นวนนัน้ จะมคี า มากกวา 1. ครูใหนักเรียนจับคูกันศึกษาความรูเรื่อง 19 การเปรียบเทียบจํานวน ในหนังสือเรียน คณติ ศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 19-23 แลวครู ขออาสาสมัครออกมาอธิบายเก่ียวกับการ เปรียบเทยี บจาํ นวน พรอ มท้ังยกตัวอยาง 2. ครแู บง นกั เรยี นเปน กลมุ กลมุ ละ 4 คน คละกนั ตามความสามารถ จากน้ันครูติดบตั รภาพบน กระดาน แลว ถามนักเรียนแตละกลุม วา • นกั เรยี นมวี ธิ พี จิ ารณาอยา งไรวา “จาํ นวนใด มีคามากกวาหรือนอ ยกวากนั ” (แนวตอบ ใชการพิจารณาเปรียบเทียบทีละ หลัก โดยเร่ิมจากหลกั รอ ย) • ถาจํานวนทั้งสองจํานวนมีจํานวนหลักไม เทากัน จะพิจารณาอยางไรวาจํานวนใด มากกวาหรอื นอ ยกวา (แนวตอบ จํานวนที่มีจํานวนหลักมากกวา จะมคี า มากกวา สว นจาํ นวนทม่ี จี าํ นวนหลกั นอยกวา จะมคี า นอ ยกวา) ขอสอบเนน การคิด นักเรียนควรรู ขอ ใดถูกตอง 1 เปรียบเทียบ เปนการพิจารณาเทียบเคียงใหเห็นลักษณะท่ีเหมือนหรือ 1. 194 < 248 แตกตา งกนั ในทางคณติ ศาสตรใ ชใ นการเปรยี บเทยี บจาํ นวนนบั เพอื่ ใหท ราบวา 2. 415 415 มากกวา นอยกวา หรือเทา กัน 3. 342 > 400 (เฉลยคาํ ตอบ ขอ 1. เพราะ 194 และ 248 จะเหน็ วา 100 นอ ยกวา 200 รอ ย ดังนั้น 194 < 248) T21

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ สอน ตัวอยา งที่ 12 700 > 600 จดั การเรยี นรู้ เปรียบเทยี บจํานวน 762 กับ 627 762 = 700 + 60 + 2 3. ครูติดบัตรตัวเลขแสดงจํานวนสองจํานวนที่มี หลกั รอย หลักสิบ หลกั หนวย จาํ นวนหลกั เทา กนั บนกระดาน แลว ครขู ออาสา สมคั รตอบคาํ ถาม ดังน้ี 627 = 600 + 20 + 7 459 กับ 770 - เลขโดดในหลักรอยของจํานวนทั้งสองคือ หลักรอ ย หลกั สิบ หลกั หนวย เลขโดดตวั ใด (แนวตอบ 4 และ 7 ตามลาํ ดับ) เนอ่ื งจาก 7 มากกวา 6 หรือ 6 นอ ยกวา 7 - จาํ นวนใดมีคามากกวา ดงั นนั้ 762 มากกวา 627 หรือ 627 นอยกวา 762 (แนวตอบ 770) ตอบ 762 > 627 หรอื 627 < 762 589 กบั 570 - เลขโดดในหลักรอยของจํานวนทั้งสองคือ ตวั อยา งที่ 13 เลขโดดตัวใด (แนวตอบ 5) เปรียบเทยี บจํานวน 864 กบั 684 - เลขโดดในหลักสิบของจํานวนท้ังสองคือ เลขโดดตัวใด หลกั รอ ย หลกั สิบ หลกั หนว ย (แนวตอบ 8 และ 7 ตามลาํ ดับ) - จาํ นวนใดมีคา มากกวา 864 (แนวตอบ 589) 684 4. ครูขออาสาสมัครยกตัวอยางการเปรียบเทียบ 8 รอย > 6 รอย จํานวนสองจํานวนที่มีจํานวนหลักไมเทากัน ใหเพื่อนดูเพอ่ื ทาํ ความเขา ใจเพ่ิมเตมิ 2-3 ขอ เนือ่ งจาก 8 มากกวา 6 หรอื 6 นอ ยกวา 8 จากนั้นใหนักเรียนแตละกลุมทําใบงานท่ี 1.7 ดงั นัน้ 864 มากกวา 684 หรอื 684 นอยกวา 864 เร่ือง การเปรยี บเทียบจํานวน เม่อื เสร็จแลวให ตอบ 864 > 684 หรอื 684 < 864 แตล ะกลมุ ออกมานาํ เสนอหนา ชั้น 20 เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคิด ครูอธิบายเพ่ิมเติมวา จํานวนสองจํานวนที่มีจํานวนหลักเทากัน ให จาํ นวนในขอ ใดมคี านอยกวา 432 เปรียบเทียบเลขโดดในหลักรอยกอน ถาเลขโดดในหลักรอยของจํานวนใดมีคา 1. 4 รอย กบั 3 สิบ กบั 4 หนว ย มากกวา จํานวนนัน้ จะมีคา มากกวา 2. 4 รอ ย กับ 3 สิบ กับ 3 หนว ย 3. 4 รอ ย กับ 3 สิบ กับ 1 หนว ย (เฉลยคาํ ตอบ ขอ 3. เพราะ 4 รอย กบั 3 สิบ กบั 1 หนวย เทา กับ 431 ซงึ่ 431 < 432) T22

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ เปรียบเทียบจาํ นวน 245 กับ 232 ขนั้ สอน 200 = 200 จดั การเรยี นรู้ 40 > 30 5. ครูยกตัวอยางโดยติดบัตรตัวเลขแสดงจํานวน ที่มีจํานวนหลักเทากัน แลวครูขออาสาสมัคร 245 = 200 + 40 + 5 นักเรียน 2-3 คน เปรียบเทียบจํานวนสอง จาํ นวนหนาชน้ั เรยี น หลักรอ ย หลกั สบิ หลักหนว ย 6. ครูใหนักเรียนรวมกลุมเดิม แลวใหแตละกลุม 232 = 200 + 30 + 2 รวมกันทํากิจกรรมพัฒนาความรู ในหนังสือ- เรียน คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 23 โดย หลักรอ ย หลักสบิ หลักหนว ย ครเู ตรยี มอปุ กรณแ ละจดั กจิ กรรมตามขนั้ ตอน ท่หี นังสือเรียนกาํ หนด เนอื่ งจากเลขโด1ดในหลกั รอ ยเทากนั จงึ พิจารณาเลขโดดในหลักสบิ 4 มากกวา 3 หรอื 3 นอยกวา 4 7. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมแบบฝกทักษะใน หนงั สอื เรยี น คณติ ศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 24 ดังน้ัน 245 > 232 หรอื 232 < 245 และแบบฝกหัด เรอื่ ง การเปรยี บเทียบจาํ นวน ในแบบฝก หดั คณติ ศาสตร ป.2 เลม 1 จากนน้ั ครแู ละนักเรียนรวมกนั เฉลยคาํ ตอบ ถาเลขโดดในหลักรอยเทา กัน ใหพิจารณาเปรียบเทียบเลขโดดในหลกั สบิ ถา เลขโดดในหลักสบิ ของจาํ นวนใดมคี ามากกวา จํานวนนนั้ จะมคี ามากกวา 21 ขอสอบเนน การคิด นักเรียนควรรู จํานวนในขอใดมคี า มากกวา 783 1 เลขโดด เปน สญั ลกั ษณใ ชแ ทนจาํ นวน เชน เลขโดดสบิ ตวั ของตวั เลขฮนิ ด-ู 1. 780 อารบิก คือ 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 เปนตน 2. 782 3. 784 (เฉลยคําตอบ ขอ 3. เพราะ 784 > 783) T23

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ สรปุ ตัวอยา งท่ี 14 500 = 500 สรปุ และนาํ หลกั การไปประยกุ ต์ใช้ เปรียบเทียบจาํ นวน 518 กบั 541 10 < 40 1. ครแู ละนกั เรยี นรว มกนั สรปุ ความรเู กยี่ วกบั การ หลกั รอ ย หลักสิบ หลักหนว ย 518 = 500 + 10 + 8 เปรียบเทยี บจาํ นวน โดยครูตัง้ คําถามนักเรยี น ดงั น้ี 541 = 500 + 40 + 1 • ถาจํานวนสองจํานวนมีจํานวนหลักเทากัน นักเรียนจะพิจารณาเปรียบเทียบจํานวน หลกั รอย หลกั สิบ หลักหนว ย อยางไร (แนวตอบ ถาจํานวนสองจํานวนมีจํานวน เจนะือ่ไดงวจาากเลข1โดดนในอหยลกกัวรา1อ 4ยเทา หกรันอื จึงพจิ ารณาเลขโดดในหลกั สบิ หลกั เทา กนั ใหพ จิ ารณาเปรยี บเทยี บเลขโดด 4 มากกวา 1 ในหลักรอยกอ น ถาเลขโดดในหลักรอ ยของ ดังนั้น 518 นอยกวา 541 หรือ 541 มากกวา 518 จํานวนใดมีคามากกวา จํานวนนั้นจะมีคา มากกวา) ตอบ 518 < 541 หรือ 541 > 518 • ถาเลขโดดในหลักรอยเทากัน นักเรียน จะพจิ ารณาเปรียบเทยี บอยางไร ตัวอยางท่ี 15 (แนวตอบ ถาเลขโดดในหลักรอยเทากันให พิจารณาเปรียบเทียบเลขโดดในหลักสิบ ถาเลขโดดในหลักสิบของจํานวนใดมีคา มากกวา จํานวนนน้ั จะมคี า มากกวา ) เปรียบเทียบจาํ นวน 372 กบั 347 หลักรอ ย หลักสบิ หลักหนว ย 3 7 2 3 4 7 7 สบิ > 4 สบิ เจนะอ่ืไดงวจาากเลข7โดดมในาหกลกกัวรา2อ 4ยเทาหกรนั อื จงึ พิจารณาเลขโดดในหลักสบิ 4 นอยกวา 7 ดงั นัน้ 372 มากกวา 347 หรอื 347 นอยกวา 372 ตอบ 372 > 347 หรือ 347 < 372 22 เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคดิ ในการเตรียมส่ือการสอน เชน บัตรตัวเลข ครูอาจกําหนดจํานวนอ่ืนที่ จาํ นวนในขอใด มคี ามากกวา 647 แตน อยกวา 735 นอกเหนือจากจํานวนท่ีเสนอแนะไวในคูมือก็ได แตควรสอดคลองกับเนื้อหา 1. 548 ทีส่ อน 2. 701 3. 843 นักเรียนควรรู (เฉลยคําตอบ ขอ 2. เพราะ ขอ 1. 548 นอยกวา 647 และ 735 1 นอยกวา (less than) หมายถงึ จํานวนท่นี อ ยกวา อกี จาํ นวนหนึง่ ขอ 2. 701 มากกวา 647 และ 701 นอ ยกวา 735 2 มากกวา (greater than) หมายถึง จาํ นวนที่มากกวาอกี จาํ นวนหนึง่ ขอ 3. 843 มากกวา 647 และ 735) T24

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ตัวอยา งที่ 16 ขนั้ สรปุ เปรียบเทยี บจํานวน 122 กบั 122 สรปุ และนาํ หลกั การไปประยกุ ต์ใช้ 122 = 100 + 20 + 2 2. ครตู ดิ บตั รขอ ความตอ ไปนบ้ี นกระดาน แลว ให นักเรยี นตอบคาํ ถามตอไปนี้ หลกั รอย หลักสิบ หลักหนวย เทากนั ตน หอมออมเงนิ ได 456 บาท นิชาออมเงินได 355 บาท โบนาออมเงินได 784 บาท 122 = 100 + 20 + 2 - ตนหอมออมเงินไดมากกวาหรือนอยกวา นชิ า หลักรอ ย หลกั สิบ หลักหนว ย (แนวตอบ มากกวา เนอื่ งจาก 456 > 355) - ตนหอมออมเงินไดมากกวาหรือนอยกวา เน่ืองจากเลขโดดในหลกั รอ ย หลกั สิบ และหลักหนวยเทา กัน โบนา ดังน้นั 122 เทา กบั 122 (แนวตอบ นอ ยกวา เนื่องจาก 456 < 784) ตอบ 122 = 122 - นชิ าออมเงินไดม ากกวา หรอื นอยกวาโบนา (แนวตอบ นอยกวา เนอื่ งจาก 355 < 784) กจิ กรรมพฒั นาความรู อปุ กรณ บตั รตวั เลข วิธีจดั กิจกรรม 1) ใหน กั เรยี นจบั คกู บั เพอ่ื น แลว ครแู จกบตั รตวั เลขแสดงจาํ นวนทม่ี สี ามหลกั คลู ะ 10 ใบ จากน้ันใหแ ตละคนู ําบตั รตวั เลขคว่ําไมใ หเ หน็ จํานวนในบัตร 2) นกั เรยี นแตล ะคจู ับบัตรตัวเลขคนละ 1 ใบ แลวหงายบัตรข้นึ จากน้นั เปรยี บเทียบจํานวนทีอ่ ยบู นบัตรวาของใครมากกวา คนทม่ี ากกวา จะเปน ผูชนะ ครใู หน ักเรียนแตละคูเลน อกี 5 - 8 รอบ เปรียบเทียบจาํ นวนตอไปนี้ โดยเตมิ > < หรอื = ลงใน 978 1) 874 472 2) 777 777 3) 798 23 ขอสอบเนน การคิด เกร็ดแนะครู จาํ นวนในขอใด มีคา นอยกวา 6 รอ ย กบั 3 สบิ กบั 9 หนวย ครูแนะนําเทคนิคการจําเคร่ืองหมายมากกวา (>) และนอยกวา (<) วา 1. 679 จํานวนที่อยูทางดานกวางของเครื่องหมายเปนจํานวนที่มากกวา และจํานวนท่ี 2. 653 อยูทางดานแคบของเครอื่ งหมายเปน จาํ นวนที่นอยกวา เสมอ เชน 3. 618 111 > 101 (เฉลยคาํ ตอบ ขอ 3. เพราะ 6 รอ ย กบั 3 สบิ กบั 9 หนว ย คอื 639 784 < 847 ซึ่ง ขอ 1. 679 มากกวา 639 ขอ 2. 653 มากกวา 639 ขอ 3. 618 นอยกวา 639) T25

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ สอน กิจกรรมฝกทักษะ วดั และประเมนิ ผล 1 จาํ นวนใดมากกวา 2. 301 กบั 401 4. 758 กบั 359 1. ครูประเมินผลโดยการสังเกตการตอบคําถาม 1. 846 กบั 528 2. 333 กับ 444 และการรว มกนั ทํากิจกรรมกลมุ 3. 395 กบั 749 4. 929 กบั 990 2. ครตู รวจสอบผลจากการทําใบงานท่ี 1.7 เร่ือง 2 จํานวนใดนอ ยกวา การเปรยี บเทยี บจาํ นวน 1. 982 กบั 402 3. ครูตรวจสอบผลจากการทํากิจกรรมฝกทักษะ 3. 846 กับ 825 ในหนังสือเรียน และการทําแบบฝกหัด ในหนังสือแบบฝกหดั 3 เขียนเครื่องหมาย > หรอื < ใน 1. 846 528 2. 228 148 3. 395 749 4. 114 214 4 เขยี นเคร่ืองหมาย = หรอื ใน 1. 113 113 2. 284 284 3. 484 448 4. 532 523 ฝกทาํ ตอ ใน บฝ.คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 ความรทู ่ีได ถา นกั เรยี นตอ งการเปรยี บเทยี บจาํ นวนทม่ี สี ามหลกั นกั เรยี นจะเปรยี บเทยี บ เลขโดดในหลักใดกอน ถาเลขโดดในหลักนั้นมีคาไมเทากัน นักเรียนจะ สรุปอยา งไร และถาเลขโดดในหลักนนั้ มคี าเทา กนั นักเรียนจะทาํ อยางไรตอ 24 แนวทางการวัดและประเมินผล ขอสอบเนน การคดิ ครูสามารถวัดและประเมินพฤติกรรมการทํางานกลุมจากการทําใบงาน ขอใดไมถกู ตอ ง ที่ 1.7 เรอื่ ง การเปรียบเทยี บจํานวน โดยศึกษาเกณฑการวดั และการประเมนิ ผล 1. 231 232 จากแบบประเมินของแผนการจดั การเรยี นรูในหนว ยการเรียนรูท่ี 1 2. 600 + 90 + 9 < 700 + 90 + 4 3. 700 + 40 + 8 > 700 + 80 + 4 แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางานกลุ่ม (เฉลยคําตอบ ขอ 3. เพราะ 700 + 40 + 8 < 700 + 80 + 4 คาชีแ้ จง : ใหผ้ ้สู อนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ✓ลงในชอ่ งท่ี หรอื 748 < 784) ตรงกบั ระดบั คะแนน ลาดับท่ี ชอื่ – สกุล การแสดง การยอมรับ การทางาน ความมนี ้าใจ การมี รวม ของนักเรียน ความคดิ เห็น ฟังคนอืน่ ตามทไี่ ดร้ บั สว่ นร่วมใน 15 มอบหมาย การปรับปรงุ คะแนน ผลงานกล่มุ 321321321321321 เกณฑ์การให้คะแนน ลงช่ือ...................................................ผปู้ ระเมนิ ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมอย่างสม่าเสมอ ............../.................../............... ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤติกรรมบ่อยครง้ั ให้ 3 คะแนน ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมบางครัง้ ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน เกณฑก์ ารตดั สนิ คุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ตา่ กว่า 8 ปรบั ปรุง T26

นาํ นํา สอน สรปุ ประเมนิ 6. ¡ÒÃàÃÂÕ §ÅÒí ´ºÑ 1¨íҹǹ 79 80 54 32 24 ขน้ั นาํ (Discovery Method) àÃÕ§ÅíҴѺ¨íҹǹ¨Ò¡¹ŒÍÂä»ÁÒ¡ การเรยี งลําดบั จํานวน สามารถทาํ ได 䴌͋ҧäà นาํ เขา้ สบู ทเรยี น 2 ลกั ษณะ คอื 1. ครูทบทวนความรูเร่ือง การเปรียบเทียบ 1) เรยี งลําดับจํานวนจากนอ ยไปมาก จํานวน โดยครูติดบัตรภาพบนกระดาน แลว สุม นักเรยี น 2-3 คน ออกมาตอบคาํ ถามหนา 100 101 102 103 104 105 106 107 108 109 110 ชั้นเรียน โดยใหนักเรียนเปรียบเทียบจํานวน ทอี่ ยใู นบตั รภาพ การเรยี งลําดับจํานวนนบั 100 ถงึ 110 จากนอยไปมาก เปน การเรยี งจาํ นวน โดยนับเพิ่มขนึ้ ทลี ะ 1 จากซายไปขวา 2. ครูใหนักเรียนตอบคําถามทบทวนความรูเดิม มุมขวาดานบนในหนังสือเรียน คณิตศาสตร 2) เรยี งลําดับจาํ นวนจากมากไปนอย ป.2 เลม 1 หนา 25 (แนวตอบ 24 32 54 79 80) 110 109 108 107 106 105 104 103 102 101 100 ขน้ั สอน การเรยี งลําดบั จํานวนนับ 100 ถงึ 110 จากมากไปนอ ย เปนการเรยี งจาํ นวน โดยนับลดลงทลี ะ 1 จากซายไปขวา สอน 1. ครูใหน กั เรียนแบงกลมุ กลมุ ละ 4 คน คละกนั ตามความสามารถ แลว ใหน กั เรยี นแตละกลมุ ศึกษาความรูเรื่อง การเรียงลําดับจํานวน ในหนังสือเรียน คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 25-27 เราสามารถนาํ เสน จํานวนมาชวยในการเรียงลําดับจํานวนได ดังนี้ เสน จํานวน 100 101 102 103 104 105 106 107 108 109 110 จากเสนจาํ นวน จะเห็นวา จาํ นวนท่ีอยูท างซา ยจะมคี า นอ ยกวาจํานวน ทางขวาเสมอ 25 ขอ สอบเนน การคิด นักเรียนควรรู 278 482 144 288 123 ขอใดเรียงลาํ ดบั จากมากไปนอ ย 1 เรียงลาํ ดับ หมายถึง เรยี งกันไวใหเ ปนระเบยี บตามตาํ แหนง ไดถูกตอง T27 1. 482 288 248 123 144 2. 482 278 288 144 123 3. 482 288 278 144 123 (เฉลยคาํ ตอบ ขอ 3. เพราะ นอ ยทส่ี ุด 278 278 มากทส่ี ุด 144 288 มากที่สุด 482 144 288 นอยท่สี ุด 123 เรยี งลําดบั จาํ นวนจากมากไปนอยได ดงั น้ี 482 288 278 144 123)

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ สอน ตวั อยางท่ี 17 สอน เรยี งลาํ ดับจาํ นวนจากนอยไปมากโดยใชเสนจํานวน 2. ครใู หน ักเรียนแตล ะกลุม ทาํ ใบงานท่ี 1.8 เรอ่ื ง 10 1010 10101,0001001,00100 10,0101000110010011100,100101001,001010,010001100,100003041,510,0100,0100,0100,00000 การเรียงลําดับจํานวน แลวใหแตละกลุมออก มานําเสนอหนาช้ันเรียน โดยครูและนักเรียน 10 1010 10101,0001001,00100 10,0101000110010011100,10010100,01010,01000100,003041,310,0100,00000 ท่เี หลือรวมกันเฉลยใบงานที่ 1.8 10 1010 10101,0001001,00100 10,01010001100100110,00010,0010,0010,003040 3. ครูใหนักเรียนจับคูกันภายในกลุม แลวให นักเรียนแตละคูทํากิจกรรมเพ่ือนชวยเพ่ือน 340 341 342 343 344 345 346 347 348 349 350 ในหนงั สอื เรยี น คณติ ศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 27 จากเสนจํานวน เรียงลาํ ดับจาํ นวนจากนอยไปมากได ดังน้ี แตละคนทําลงในสมุด เสร็จแลวนํามาสงครู 340 343 345 ผูสอน ตวั อยางท่ี 18 4. ครแู ละนกั เรยี นรว มกนั สรปุ วา “การเรยี งลาํ ดบั จาํ นวนตอ งพจิ ารณาเปรยี บเทยี บจาํ นวนทลี ะคู เรยี งลาํ ดบั จาํ นวนจากมากไปนอ ยโดยใชเ สน จาํ นวน แลว จงึ เรยี งลาํ ดบั จากนอ ยไปมากหรอื จากมาก 482 486 483 489 ไปนอ ย” 480 481 482 483 484 485 486 487 488 489 490 จากเสนจาํ นวน เรียงลาํ ดบั จาํ นวนจากมากไปนอ ยได ดงั น้ี 489 486 483 482 26 ขอสอบเนน การคดิ ขอ ใดเรยี งลาํ ดบั จาํ นวนจากนอ ยไปมากไดถ กู ตอ ง 1. 220 225 230 312 2. 129 127 125 122 3. 332 330 328 310 (เฉลยคําตอบ ขอ 1. เพราะ 220 225 230 312 เรยี งลําดบั จาํ นวน จากนอยไปมาก แตขอ 2. และ 3. เรียงลําดับจํานวนจากมาก ไปนอย) T28

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ตวั อยางท่ี 19 ขน้ั สอน เรยี งลาํ ดับจํานวนจากนอ ยไปมากโดยการเปรยี บเทยี บ สอน 798 730 786 742 5. ครูยกตัวอยางจํานวนสองจํานวนบนกระดาน จาํ นวนมเี ลขโดดในหลกั รอยเทา กัน จงึ เปรียบเทียบเลขโดดในหลักสิบ จากน้ันครูใหนักเรียนเปรียบเทียบจํานวน ไดแ ก 9 3 8 4 จะพบวา 3 < 4 4 < 8 และ 8 < 9 แลว ครขู ออาสาสมคั รนกั เรยี น 2-3 คน ออกมา ดงั นน้ั เรยี งลาํ ดบั จํานวนจากนอ ยไปมากได ดงั นี้ 730 742 786 798 นาํ เสนอหนาชั้นเรียน กิจกรรมพัฒนาความรู 6. ครูใหนักเรียนรวมกลุมเดิม จากน้ันใหแตละ วิธจี ัดกจิ กรรม กลมุ ทาํ กจิ กรรมพฒั นาความรู ในหนงั สอื เรยี น 1) นักเรียนจัดกลมุ กลุมละ 4 - 5 คน คณติ ศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 27 โดยครเู ตรยี ม 2) สมาชิกแตล ะคนในกลุมเขียนจาํ นวนทมี่ สี ามหลักคนละ 1 จาํ นวน อปุ กรณแ ละจดั กจิ กรรมตามขนั้ ตอนทห่ี นงั สอื - 3) เมอื่ เขยี นเสร็จ ครกู ําหนดใหเรียงลําดับจาํ นวนที่สมาชกิ ในแตล ะกลมุ เรียนกําหนด แลวครูพูดกระตุนใหนักเรียน ทุกคนมีสวนรวมในการทํากิจกรรม จากนั้น เขียนจากมากไปนอย หรอื จากนอยไปมาก ครูเดนิ ตรวจสอบความถกู ตองของแตล ะกลมุ 4) นักเรยี นเรยี งลาํ ดบั จํานวนตามทคี่ รกู ําหนดลงในกระดาษ A4 5) ทาํ กจิ กรรมซํ้าขอ 2) - 4) อีก 2 - 3 รอบ แลว นําสงครตู รวจสอบ 7. ครูติดตารางแสดงจาํ นวนเงินออมของ ตน กิ่ง เนย และเหมาบนกระดาน แลว ครูใหน กั เรียน ความถกู ตอ ง ตอบคําถาม ดงั นี้ พิจารณาจํานวนตอไปน้ี แลว เรียงลําดับจาํ นวนจากมากไปนอ ย รายชื่อ จาํ นวนเงนิ ออม (บาท) ตน 611 1) 842 824 814 841 2) 199 299 399 499 ก่งิ 899 เนย 765 27 เหมา 600 - ใครออมเงนิ ไดมากที่สดุ (แนวตอบ ก่ิง) - ใครออมเงนิ ไดนอยทส่ี ุด (แนวตอบ เหมา) - เรียงลําดับตามจํานวนเงินออมจากมากไป นอ ย (แนวตอบ 899 765 611 600) - เรียงลําดับตามรายช่ือท่ีมีจํานวนเงินออม จากนอ ยไปมาก (แนวตอบ เหมา ตน เนย ก่งิ ) ขอสอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู 417 456 472 488 ควรเติมจํานวนใดลงในชอ งวาง ในการเตรียมการสอน ครูอาจนําจํานวนที่เกี่ยวของกับชีวิตประจําวันของ จงึ จะเปน การเรยี งลําดับจํานวนจากนอยไปมาก นักเรียนมาใชในการเรียงลําดับจํานวน เชน สวนสูงของนักเรียนในกลุม เชน 148 150 137 141 1. 406 2. 425 - เรยี งลาํ ดบั จาํ นวนจากนอยไปมาก เชน 137 141 148 150 3. 468 - เรยี งลําดับจํานวนจากมากไปนอย เชน 150 148 141 137 (เฉลยคําตอบ ขอ 3. เพราะจํานวนที่นํามาเติมในชองวางตอง เปนจาํ นวนทีม่ ากกวา 456 แตน อยกวา 472 ซ่งึ ขอ 1. 406 นอ ยกวา 456 และ 472 ขอ 2. 425 นอยกวา 456 และ 472 ขอ 3. 468 มากกวา 456 และ 468 นอยกวา 472) T29

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั สอน กิจกรรมฝกทักษะ เรยี งลาํ ดับจํานวนจากนอ ยไปมากและจากมากไปนอ ย ฝก ทกั ษะ 1. 498 496 490 493 2. 552 578 591 506 1. ครใู หน กั เรยี นทาํ กจิ กรรมฝก ทกั ษะในหนงั สอื - 3. 999 981 963 904 เรียน คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 28 ลงใน 4. 399 332 354 392 สมุด แลวครูและนักเรยี นรวมกันเฉลยคําตอบ 5. 174 170 172 178 6. 285 286 281 280 2. ครูใหนักเรียนทําแบบฝกหัด เรื่อง การเรียง ลาํ ดบั จํานวน ในแบบฝก หัด คณติ ศาสตร ป.2 เลม 1 เปนการบาน ฝกทําตอใน บฝ.คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 ความรทู ี่ได 1. ยกตัวอยางการเรยี งลาํ ดับจาํ นวน 4 จาํ นวน จากนอยไปมาก 2. ยกตัวอยางการเรียงลาํ ดบั จาํ นวน 4 จาํ นวน จากมากไปนอย µÃǨÊͺµ¹àͧ หลังจากเรียนจบหนวยแลว ใหนกั เรียนบอกสัญลกั ษณท ตี่ รงกบั ระดับ ความสามารถของตนเอง ดี พอใช ปรคบั วปรรงุ 1. สามารถอานและเขียนตัวเลขฮนิ ดูอารบิก ตวั เลขไทย และตัวหนังสือ แสดงจํานวนนับไมเกิน 1,000 และ 0 ได 2. สามารถนบั เพ่ิมหรือนับลดทีละ 2 ทีละ 5 ทีละ 10 และทลี ะ 100 ได 3. สามารถจําแนกจํานวนคู จาํ นวนคีไ่ ด 4. สามารถบอกหลัก คาของเลขโดดในแตล ะหลกั และเขยี นตวั เลขแสดง จาํ นวนในรูปกระจายได 5. สามารถเปรียบเทียบและเรียงลาํ ดบั จาํ นวนไมเ กิน 1,000 ได 28 เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคิด หลังจากเรียนจบหนวยการเรียนรูท่ี 1 ครูอาจใหนักเรียนประเมินตนเอง 843 833 813 ควรเตมิ ตวั เลขใดในชอ งวา ง ถาเรยี ง เพื่อตรวจสอบวาตนเองมีความรูความเขาใจในเน้ือหาท่ีเรียนผานมาท้ังหนวย ลําดบั จากมากไปหานอย การเรยี นรหู รอื ไม โดยดรู ายการประเมนิ ในหนงั สอื เรยี น คณติ ศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 28 1. 853 823 2. 803 823 3. 823 803 (เฉลยคาํ ตอบ ขอ 3. เพราะ 843 833 823 813 803 ) T30

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ สนกุ คิด ขนั้ สรปุ สนกุ ทํา สรปุ กจิ กรรม ..จ...าํ ..น....ว...น...น....บั....ไ.ม....เ..ก...นิ......1..,..0...0....0...... 1. ครแู ละนกั เรยี นรว มกนั สรปุ ความรเู กย่ี วกบั การ วิธีจดั กิจกรรม เรยี งลําดับจาํ นวน 1) ใหนกั เรยี นจัดกลุม กลุมละ 4 - 5 คน จากนนั้ ใหท กุ คนในกลุมหมนุ วงลอ 2. ครูและนักเรียนรวมกันตอบคําถามจากกรอบ ตัวเลขคนละ 3 ครงั้ เพอ่ื สรา งจาํ นวนทม่ี ีสามหลกั เชน “ความรทู ไ่ี ด” ในหนงั สอื เรยี น คณติ ศาสตร ป.2 • หมนุ วงลอครั้งท่ี 1 ไดต วั เลข 2 เลม 1 หนา 28 ใหเ ลขโดดในหลกั รอ ยเปน 2 2 3 แตถาหมุนครั้งที่ 1 ไดต ัวเลข 0 3. ครใู หน กั เรยี นบอกประโยชนข องการเรยี นเรอื่ ง 1 4 ใหหมนุ ครัง้ ที่ 1 ใหม การเรียงลําดับจํานวนที่สามารถนําไปใชใน ชวี ิตประจําวนั ได 0 5 • หมุนวงลอครัง้ ที่ 2 ไดตัวเลข 8 (แนวตอบ นักเรยี นสามารถตอบไดหลากหลาย ใหเ ลขโดดในหลกั สิบเปน 8 เชน สามารถเรยี งลาํ ดบั คะแนน หรอื ความสงู ได 9 6 • หมุนวงลอ ครัง้ ท่ี 3 ไดต ัวเลข 4 อยา งถูกตอ งและรวดเรว็ สามารถเปรียบเทียบ 8 7 ใหเ ลขโดดในหลกั หนวยเปน 4 ราคาสินคาท่ีมีหลายชนิดกอนตัดสินใจเลือก ซอ้ื ได) จะไดจ ํานวนทมี่ สี ามหลัก คือ 284 2) นาํ จาํ นวนท่สี รา งไดใ นขอ 1) มาเขยี นในรูปกระจาย แลว นาํ จาํ นวนของ 4. ครูและนักเรียนรวมกันเฉลยคําถามประจํา แตละคนในกลมุ มาเปรียบเทยี บกนั จากนนั้ เรียงลําดบั จากมากไปนอยและ หนวยการเรียนรูที่ 1 ในหนังสือเรียน จากนอ ยไปมาก คณติ ศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 2 3) นาํ จาํ นวนที่สรางไดใ นขอ 1) มาพจิ ารณาวาเปนจาํ นวนคหู รือจาํ นวนคี่ (แนวตอบ จํานวนที่มากท่ีสุด คือ 943 และ 4) ใหแตล ะคนนําจาํ นวนทตี่ นเองสรา งได แลกเปล่ยี นกับเพอ่ื นในกลมุ จากนั้น จาํ นวนทน่ี อยที่สดุ คือ 111) ใหเ พ่ือนนาํ จาํ นวนนั้นเปนจํานวนเร่ิมตน ในการนับเพม่ิ และนับลด ดงั น้ี 5. ครูจัดกลุมนักเรียน 4-5 คน แลวใหนักเรียน แตละกลุมทํากิจกรรม “สนุกคิด สนุกทํา” ในหนังสือเรียน คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 29 โดยครเู ตรยี มอปุ กรณแ ละจดั กจิ กรรม ตามขั้นตอนท่ีหนังสือเรียนกําหนด จากน้ัน ครเู ดินตรวจสอบความถูกตอ งของแตล ะกลุม • นบั เพ่ิมและนับลดทีละ 2 • นับเพิ่มและนับลดทีละ 5 • นับเพม่ิ และนับลดทลี ะ 10 • นบั เพมิ่ และนบั ลดทีละ 100 29 ขอสอบเนน การคิด เกร็ดแนะครู ขอ ใดเรยี งลําดับจาํ นวนจากนอยไปมาก ครอู าจจดั กจิ กรรมเพม่ิ เตมิ จากกจิ กรรม “สนกุ คดิ สนกุ ทาํ ” โดยใหน กั เรยี น 1. 764 586 437 104 97 แตละกลมุ สง ตัวแทนรอบละ 1 คน เพื่อมาแขง ขันกันสรา งจาํ นวนทีม่ ีสามหลัก 2. 255 311 314 670 760 จากการหมุนวงลอ แลวใหนักเรียนบอกหลักและคาของเลขโดดในแตละหลัก 3. 111 121 107 142 130 ของจํานวนที่สรางใหถูกตอง กลุมใดที่สรางจํานวนที่มีสามหลักมีคามากท่ีสุด กลมุ นัน้ ได 1 คะแนน (เฉลยคําตอบ ขอ 2. เพราะ 255 311 314 670 760 เรยี งลําดับ จาํ นวนจากนอยไปหามาก ดงั นี้ นอ ยทีส่ ดุ 255 311 นอยทีส่ ุด 311 314 314 670 มากทีส่ ดุ 670 มากท่สี ุด 760) T31

นาํ สอน สรุป ประเมนิ ขน้ั สรปุ ¤Ó¶ÒÁ·ÒŒ ·Ò¡Òä´Ô ¢é¹Ñ ÊÙ§ สรปุ ใหน กั เรียนเติมเลขโดดเพอื่ แสดงจํานวนลงในชองวา งใหถ กู ตองตามเง่ือนไข ตอไปนี้ 6. ครูใหนักเรียนชวยกันตอบคําถามทาทายการ คิดข้ันสูงและคําถามเชื่อมโยงสูชีวิตประจําวัน 1. คาของเลขโดดในหลกั ทอ่ี ยตู ิดกนั ตอ งตา งกัน 1 ในหนังสือเรียน คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 2. เลขโดดทีอ่ ยูในหลักเดียวกันของแตล ะจํานวนหามซ้ํากัน 30 แลว ครแู ละนักเรียนรว มกันเฉลยคําตอบ 3. จาํ นวนท่ี 1 มากกวา จํานวนท่ี 2 และจาํ นวนท่ี 2 นอยกวาจํานวนที่ 3 7. ครูใหนกั เรียนทําแบบทดสอบหลังเรียน หนวย จาํ นวนท่ี รอ ย หลกั หนวย การเรียนรูที่ 1 เรื่อง จํานวนนบั ไมเ กนิ 1,000 สบิ และ 0 เพอื่ ตรวจสอบความรคู วามเขาใจของ นักเรียน จากน้ันครูเฉลยคําตอบใหนักเรียน ตรวจคาํ ตอบดวยตวั เอง 18 23 1 3 54 àªè×ÍÁâ§ʋ٪ÕÇÔµ»ÃШÓÇ¹Ñ ในเดอื นมกราคม พ.ศ. 2561 นิธิศขายดอกไม 3 ชนดิ ไดเงนิ ดังนี้ • ดอกมะลิ 978 บาท • ดอกบวั 879 บาท • ดอกดาวเรอื ง 998 บาท นิธิศขายดอกไมชนิดใด ไดเ งนิ มากทีส่ ดุ 30 กิจกรรม 21st Century Skills 1. ครูใหนักเรียนจัดกลุม กลุมละ 3-4 คน จากนั้นมอบหมาย ใหแ ตล ะกลมุ นาํ คาํ ตอบทไ่ี ดจ ากคาํ ถามทา ทายการคดิ ขนั้ สงู ใน หนังสอื เรียน คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 30 มาเรยี งลําดบั จํานวนจากมากไปนอย จากนอยไปมาก จําแนกจํานวนคู จํานวนค่ี บอกหลัก คาของเลขโดดในแตละหลัก และเขียน ตัวเลขแสดงจาํ นวนในรูปกระจาย 2. กอ นลงมอื ทาํ ครใู หน กั เรยี นแตล ะกลมุ ชว ยกนั ตรวจสอบคาํ ตอบ ทไ่ี ดจ ากคําถามทา ทายการคิดขนั้ สงู ใหถ ูกตอ ง 3. เสรจ็ แลว ครใู หแ ตล ะกลมุ ออกมานาํ เสนอหนา ชน้ั เรยี น เพอ่ื นและ ครชู ว ยกันตรวจสอบคําตอบ T32

นาํ สอน สรุป ประเมิน ÊÃ»Ø ÊÒÃÐÊíÒ¤ÑÞ 1»ÃШÒí ˹‹Ç¡ÒÃàÃչ̷٠èÕ ขน้ั สรปุ จํานวนนบั ไมเ กนิ การอาน และการเขยี น สรปุ 1,000 และ 0 ตัวเลขฮินดอู ารบกิ 8. ครูมอบหมายใหนักเรียนแตละคนทําช้ินงาน การเรยี งลาํ ดบั จํานวน ตัวเลขไทย และตัวหนังสอื เรื่อง จิกซอวของจํานวนนับไมเกิน 1,000 แสดงจาํ นวนนบั และ 0 โดยใหนกั เรยี นจดั ทําจิกซอวจาํ นวนนบั - การเรยี งลําดับจาํ นวนจากนอยไปมาก ไมเ กนิ 1,000 และตกแตง ใหส วยงาม เมอ่ื เสรจ็ - กเชานรเ1ร0ยี 0งล1าํ0ด1 บั 1จ0ํา2นว1น03จาก10ม4ากไปนอย จาํ นวนที่นับตอจาก 100 คือ 101 102 ... แลว นําสงครผู ูสอน - ตัวเลขฮินดอู ารบิก เชน 105 104 103 102 101 ขนั้ ประเมนิ เชน 381 508 790 ... การเปรยี บเทียบจาํ นวน - ตวั เลขไทย 1. ครูประเมินผลโดยการสังเกตการตอบคําถาม และการรว มกจิ กรรมกลุมของนกั เรียน - เทา กนั และไมเ ทา กนั เชน ๓๘๑ ๕๐๘ ๗๙๐ ... เชน 131 = 131 - ตวั หนงั สอื 2. ครูตรวจสอบผลจากการทาํ ใบงานท่ี 1.8 เรือ่ ง 232 231 การเรยี งลาํ ดับจาํ นวน เชน สามรอ ยแปดสิบเอด็ หารอยแปด - มากกวาและนอ ยกวา เจด็ รอ ยเกาสบิ ... 3. ครูตรวจสอบผลจากการทํากิจกรรมฝกทักษะ เชน 349 > 107 ในหนังสอื เรียน และทาํ แบบฝกหัดในหนงั สือ- 107 < 349 การนบั ทีละ 2 ทลี ะ 5 แบบฝกหัด ทลี ะ 10 และทีละ 100 หลกั คา ของเลขโดดในแตล ะหลัก และการเขยี นตวั เลขแสดงจํานวน - การนับเพิ่มหรือนับลดทีละ 2 นับเพมิ่ ทลี ะ 2 เชน 111 113 115 117 ... ในรูปกระจาย นับลดทีละ 2 เชน 320 318 316 314 ... - หลกั และคาของเลขโดดในแตล ะหลกั - การนบั เพม่ิ หรือนับลดทีละ 5 เลขโดดตวั เดยี วกัน ถาอยใู นหลักตางกนั นบั เพิ่มทีละ 5 เชน 105 110 115 120 ... จะมคี า ไมเ ทากัน เชน นับลดทลี ะ 5 เชน 350 345 340 335 ... อยใู นหลกั รอย มคี า เปน 300 อยูในหลักสิบ มคี าเปน 30 - การนบั เพ่มิ หรอื นบั ลดทีละ 10 อยูในหลกั หนว ย มีคาเปน 3 นบั เพิม่ ทลี ะ 10 เชน 210 220 230 240 ... นับลดทลี ะ 10 เชน 402 392 382 372 ... - การเขียนจาํ นวนในรูปกระจาย เปน การนาํ คา ของเลขโดดในแตล ะหลัก - การนับเพ่มิ หรอื นับลดทีละ 100 มาเขยี นในรูปการบวก เชน นับเพม่ิ ทลี ะ 100 เชน 426 526 626 726 ... 245 คอื 2 รอย กับ 4 สบิ กับ 5 หนวย นบั ลดทีละ 100 เชน 837 737 637 537 ... 245 เขยี นในรปู กระจายเปน 200 + 40 + 5 245 = 200 + 40 + 5 จาํ นวนคู จาํ นวนค่ี - จาํ นวนที่มเี ลขโดดในหลกั หนว ย เปน 1 3 5 7 9 เรยี กวา จํานวนค่ี - จํานวนท่ีมเี ลขโดดในหลกั หนว ย เปน 0 2 4 6 8 เรยี กวา จาํ นวนคู 31 กจิ กรรม ทา ทาย เกร็ดแนะครู ครูควรใหนักเรียนรวมกันสรุปเน้ือหาหนวยการเรียนรูท่ี 1 ตามสรุปสาระ สาํ คญั ประจําหนว ยการเรยี นรทู ่ี 1 ในหนังสือเรยี น คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 31 เพือ่ ทบทวนความเขา ใจในเนือ้ หาทง้ั หนวยการเรยี นรทู เี่ รียนผา นมา 164 831 211 394 821 881 107 137 871 128 187 654 157 214 173 841 197 863 146 120 ใหนักเรียนพิจารณารูป แลวชวยกันบอกวา จํานวนใดเปน จํานวนคู จํานวนใดเปนจํานวนค่ี จํานวนใดมีคามากท่ีสุด และ จาํ นวนใดมคี า นอ ยทสี่ ดุ จากนน้ั ใหน กั เรยี นแตล ะคนเขยี นลงในสมดุ T33

Chapter Overview แผนการจัด สอ่ื ที่ใช้ จุดประสงค์ วธิ สี อน ประเมนิ ทักษะท่ีได้ คุณลกั ษณะ การเรียนรู้ อนั พึงประสงค์ แผนท่ี 1 - หนงั สอื เรียน 1. บอกวธิ กี ารหาผลบวก แบบค้นพบ - ตรวจแบบทดสอบ - ทักษะการเชือ่ มโยง 1. มวี ินยั การบวกจ�ำนวน คณติ ศาสตร์ ป.2 เลม่ 1 จ�ำนวนสองจ�ำนวนทม่ี ี (Discovery ก่อนเรียน - ทักษะการให้เหตุผล 2. ใฝเ่ รียนรู้ - แบบฝกึ หดั ผลบวกไมเ่ กิน 1,000 Method) - ตรวจใบงานท่ี 2.1-2.3 3. มุ่งมน่ั ใน สองจ�ำนวนทีม่ ี คณิตศาสตร์ ป.2 เล่ม 1 ตามแนวตั้ง (ไม่มีทด) - ต รวจกจิ กรรมฝกึ ทักษะ การทำ� งาน ผลบวกไม่เกนิ - ใบงานท่ี 2.1-2.3 ได้ (K) เร่ือง การบวกจ�ำนวน 1,000 - บัตรโจทยก์ ารบวก 2. แสดงขน้ั ตอนวิธีการหา สองจ�ำนวนทีม่ ีผลบวก ตามแนวตัง้ ผลบวกจ�ำนวนสอง ไม่เกิน 1,000 จ�ำนวนท่ีมีผลบวก - ต รวจแบบฝกึ หัด เรอื่ ง (ไม่มีทด) ไม่เกนิ 1,000 การบวกจ�ำนวนสอง ตามแนวตั้ง (ไมม่ ีทด) 3 ได้ (P) จำ� นวนทีม่ ผี ลบวก 3. รับผิดชอบตอ่ หนา้ ท่ี ไม่เกิน 1,000 ชั่วโมง - สงั เกตพฤตกิ รรม ทไี่ ด้รับมอบหมาย (A) การท�ำงานรายบคุ คล - สังเกตพฤตกิ รรม การท�ำงานกลุ่ม - สงั เกตความมีวนิ ยั ใฝเ่ รียนรู้ มุ่งมั่น ในการท�ำงาน แผนฯ ท่ี 2 - ห นงั สือเรยี น 1. บ อกวิธีการหาผลบวก แบบค้นพบ - ตรวจใบงานท่ี 2.4-2.6 - ทกั ษะการเช่อื มโยง 1. มีวินัย การบวกจำ� นวน คณิตศาสตร์ ป.2 เลม่ 1 จ�ำนวนสองจำ� นวนที่มี (Discovery - ตรวจกิจกรรมฝึกทกั ษะ - ทักษะการใหเ้ หตผุ ล 2. ใฝ่เรยี นรู้ - แบบฝึกหัด ผลบวกไมเ่ กนิ 1,000 Method) เรือ่ ง การบวกจ�ำนวน 3. มงุ่ ม่นั ใน สองจ�ำนวน คณติ ศาสตร์ ป.2 เลม่ 1 ตามแนวตงั้ (มีทด) ได้ สองจ�ำนวนที่มผี ลบวก การทำ� งาน ที่มผี ลบวก - ใบงานที่ 2.4-2.6 (K) ไม่เกนิ 1,000 ไม่เกิน 1,000 - บัตรโจทยก์ ารบวก 2. แ สดงข้นั ตอนวิธีการหา - ตรวจแบบฝกึ หัด เร่อื ง ตามแนวต้ัง - บัตรภาพ ผลบวกจ�ำนวนสอง การบวกจ�ำนวนสอง (มที ด) - QR Code จ�ำนวนท่ีมีผลบวก จำ� นวนท่ีมผี ลบวก ไมเ่ กิน 1,000 ไมเ่ กิน 1,000 3 ตามแนวตั้ง (มที ด) ได้ - สงั เกตพฤติกรรม (P) การท�ำงานรายบุคคล ชว่ั โมง 3. รบั ผดิ ชอบต่อหนา้ ที่ - สงั เกตพฤตกิ รรม ท่ไี ดร้ บั มอบหมาย (A) การท�ำงานกลมุ่ - สงั เกตความมีวินยั ใฝ่เรียนรู้ มุง่ มน่ั ในการท�ำงาน แผนฯ ที่ 3 - ห นงั สอื เรียน 1. บอกวิธกี ารหาผลบวก กระบวนการ - ต รวจใบงานท่ี 2.7 - ทกั ษะการเชอื่ มโยง 1. มีวินัย การบวก คณิตศาสตร์ ป.2 เล่ม 1 จ�ำนวนตามแนวนอน ปฏบิ ตั ิ - ตรวจกจิ กรรมฝกึ ทกั ษะ - ทกั ษะการให้เหตุผล 2. ใฝเ่ รยี นรู้ ตามแนวนอน - แ บบฝึกหัด โดยใช้ความสมั พันธ์ เรอื่ ง การบวกจำ� นวน 3. มุง่ ม่นั ใน โดยใช้ คณิตศาสตร์ ป.2 เล่ม 1 ของจ�ำนวน สองจำ� นวนท่มี ผี ลบวก การทำ� งาน ความสัมพนั ธ์ - ใบงานที่ 2.7 แบบสว่ นย่อย ไม่เกนิ 1,000 ของจำ� นวน - บ ตั รภาพ และสว่ นรวมได้ (K) - ตรวจแบบฝึกหัด เร่อื ง แบบส่วนย่อย - บตั รโจทยก์ ารบวก 2. แ สดงขนั้ ตอนวิธกี ารหา การบวกจ�ำนวนสอง และสว่ นรวม - เครือ่ งคิดเลข ผลบวกจำ� นวนตาม จำ� นวนทมี่ ผี ลบวก แนวนอนโดยใช้ ไมเ่ กนิ 1,000 3 ความสมั พันธ์ของ - ป ระเมนิ การน�ำเสนอ จ�ำนวนแบบสว่ นยอ่ ย ผลงาน ชวั่ โมง และสว่ นรวมได้ (P) - สังเกตพฤติกรรม 3. รับผดิ ชอบตอ่ หนา้ ที่ การท�ำงานรายบุคคล ทไี่ ดร้ บั มอบหมาย (A) - สงั เกตพฤติกรรม การท�ำงานกลมุ่ - สงั เกตความมีวินัย ใฝเ่ รียนรู้ ม่งุ ม่นั ในการท�ำงาน T34

แผนการจัด ส่อื ที่ใช้ จุดประสงค์ วิธสี อน ประเมนิ ทักษะที่ได้ คุณลกั ษณะ การเรียนรู้ อันพึงประสงค์ แผนฯ ที่ 4 - หนงั สือเรยี น 1. บ อกวธิ ีการหาผลบวก อุปนยั - ต รวจใบงานที่ 2.8 - ทักษะการเชือ่ มโยง 1. มวี นิ ัย การบวกจ�ำนวน คณติ ศาสตร์ ป.2 เล่ม 1 จ�ำนวนสามจำ� นวนทม่ี ี (Induction - ตรวจกิจกรรมฝึกทักษะ - ทกั ษะการใหเ้ หตุผล 2. ใฝ่เรียนรู้ สามจำ� นวน - แบบฝึกหดั ผลบวกไม่เกนิ 1,000 Method) เรื่อง การบวกจ�ำนวน 3. มุง่ ม่นั ใน ทม่ี ผี ลบวกไม่เกิน คณิตศาสตร์ ป.2 เลม่ 1 ได้ (K) สามจำ� นวนท่มี ีผลบวก การทำ� งาน - ใบงานท่ี 2.8 2. แ สดงข้นั ตอนวธิ กี ารหา ไมเ่ กิน 1,000 1,000 - บตั รโจทย์การบวก ผลบวกจำ� นวนสาม - ต รวจแบบฝึกหดั เร่ือง - วงล้อตวั เลข จำ� นวนท่มี ผี ลบวก การบวกจ�ำนวนสาม 3 - เครอื่ งคดิ เลข ไม่เกนิ 1,000 ได้ (P) จำ� นวนทม่ี ผี ลบวก 3. รับผิดชอบตอ่ หน้าที่ ไมเ่ กนิ 1,000 ชั่วโมง ทไ่ี ดร้ ับมอบหมาย (A) - ประเมินการนำ� เสนอ ผลงาน - สงั เกตพฤติกรรม การท�ำงานรายบุคคล - สงั เกตพฤติกรรม การท�ำงานกลุ่ม - สังเกตความมวี ินัย ใฝ่เรยี นรู้ มุ่งมนั่ ในการท�ำงาน แผนฯ ท่ี 5 - ห นังสอื เรียน 1. หาคำ� ตอบของ แบบค้นพบ - ตรวจใบงานที่ 2.9-2.10 - ท กั ษะการให้เหตุผล 1. มวี ินัย การแก้ คณติ ศาสตร์ ป.2 เล่ม 1 โจทย์ปัญหาการบวก (Discovery - ต รวจกิจกรรมฝกึ ทักษะ - ทักษะกระบวน 2. ใฝเ่ รยี นรู้ โจทย์ปญั หา - แ บบฝกึ หัด พรอ้ มท้งั ตรวจสอบ Method) เรอื่ ง โจทย์ปญั หาและ การคิดแก้ปัญหา 3. มุ่งม่นั ใน การบวก คณิตศาสตร์ ป.2 เลม่ 1 ความสมเหตสุ มผล การสร้างโจทยป์ ัญหา - ท กั ษะการน�ำ การทำ� งาน - ใบงานท่ี 2.9-2.10 ของค�ำตอบได้ (K) การบวก ความรู้ไปใช้ 4 - บัตรโจทยก์ ารบวก 2. วเิ คราะหโ์ จทยป์ ญั หา - ตรวจแบบฝึกหดั เรือ่ ง - บตั รโจทยป์ ัญหา การบวกทกี่ �ำหนดให้ได้ โจทย์ปญั หาและ ชวั่ โมง - เคร่อื งคดิ เลข (K) การสร้างโจทยป์ ญั หา 3. เขียนแสดงวิธีทำ� การบวก โจทย์ปัญหาการบวก - ป ระเมินการน�ำเสนอ ที่กำ� หนดให้ได้ (P) ผลงาน 4. รับผิดชอบตอ่ หน้าท่ี - สังเกตพฤติกรรม ทีไ่ ด้รบั มอบหมาย (A) การท�ำงานรายบคุ คล - สงั เกตพฤตกิ รรม การท�ำงานกลุม่ - สงั เกตความมีวนิ ัย ใฝเ่ รียนรู้ มุง่ ม่นั ในการท�ำงาน แผนฯ ที่ 6 - หนงั สือเรียน 1. อ ธบิ ายหลักการสรา้ ง กระบวนการ - ตรวจใบงานท่ี 2.11 - ท ักษะการเช่อื มโยง 1. มีวินยั การสรา้ ง คณติ ศาสตร์ ป.2 เลม่ 1 โจทย์ปัญหาการบวกได้ ปฏบิ ัติ - ตรวจกจิ กรรมฝกึ ทักษะ - ท ักษะกระบวนการ 2. ใฝ่เรยี นรู้ โจทย์ปญั หา - แ บบฝกึ หดั (K) เรื่อง โจทย์ปัญหาและ คิดสร้างสรรค์ 3. มุง่ มนั่ ใน การบวก คณติ ศาสตร์ ป.2 เล่ม 1 2. สร้างโจทยป์ ญั หา การสร้างโจทย์ปญั หา - ทกั ษะการน�ำ การทำ� งาน - ใบงานที่ 2.11 การบวกจากข้อมลู การบวก ความรไู้ ปใช้ 4 - บตั รข้อความ ท่กี ำ� หนดใหไ้ ด้ (P) - ต รวจแบบฝกึ หดั เรอื่ ง - บัตรตัวเลข 3. รับผดิ ชอบตอ่ หน้าที่ โจทยป์ ญั หาและ ช่ัวโมง - สลากตัวเลข ทีไ่ ดร้ บั มอบหมาย (A) การสร้างโจทยป์ ญั หา - สลากข้อความ การบวก - ป ระเมินการน�ำเสนอ ผลงาน - สังเกตพฤตกิ รรม การท�ำงานรายบคุ คล - สังเกตพฤตกิ รรม การท�ำงานกลมุ่ - สงั เกตความมีวินยั ใฝเ่ รยี นรู้ ม่งุ มน่ั ในการท�ำงาน - ตรวจแบบทดสอบ Tหลงั เรยี น 35

นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั นาํ (Discovery Method) 2หนวยการเรียนรูท่ี ¼¡ÒÅúºÇÇ¡¡äÁ¨Òíà‹ ¡¹¹Ô ǹ1,·00ÁèÕ 0Õ นาํ เขา้ สบู ทเรยี น µÇÑ ªÇéÕ ´Ñ • หาคา ของตวั ไมทราบคา ในประโยค 1. ครูใหนักเรียนเปดหนังสือเรียน คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 32 จากนั้นใหนักเรียน สญั ลกั ษณแ สดงการบวกและประโยค รวมกันแสดงความคิดเห็นเก่ียวกับรูปภาพ สัญลักษณแสดงการลบของจํานวนนบั ที่แสดงในหนังสือเรียน จากน้ันครูถาม ไมเกนิ 1,000 และ 0 (ค 1.1 ป.2/4) นกั เรยี นวา “แมตอ งจา ยเงินซ้อื วัตถุดบิ สําหรับ • แสดงวิธหี าคําตอบของโจทยป ญ หา ประกอบอาหารทงั้ หมดกบ่ี าท นกั เรยี นมวี ธิ คี ดิ 2 ข้ันตอนของจํานวนนบั ไมเ กิน 1,000 อยางไร” โดยครูจะเฉลยคําตอบในทาย และ 0 (ค 1.1 ป.2/8) หนว ยการเรียนรู แมตองการซ้ือวัตถุดิบเพ่ือนําไป ประกอบอาหารโดยมีรายการ ดังน้ี 1. หมึก 300 บาท 2. กุง 250 บาท 3. ผักกาดขาว 45 บาท 250 300 45 ÊÒÃСÒÃàÃÂÕ ¹ÃÙŒ áÁµ‹ ÍŒ §¨‹ÒÂà§¹Ô • การบวกจาํ นวนสองจาํ นวนท่มี ีผลบวกไมเกนิ 1,000 • การบวกจํานวนสามจํานวนทมี่ ผี ลบวกไมเกนิ 1,000 ?«×éÍÇµÑ ¶´Ø ÔºÊÒí ËÃѺ • โจทยป ญหาและการสรางโจทยปญหาการบวก »·ÃéѧÐË¡Áͺ´Í¡ÒÕºè ËÒ·Òà เกร็ดแนะครู ครคู วรจดั กระบวนการเรียนการสอนใหน กั เรยี นปฏบิ ตั ิ ดงั นี้ 1) ฝก ทักษะเชอ่ื มโยงและทกั ษะการใหเ หตผุ ล 2) อภปิ รายเกย่ี วกับวิธกี ารหาคาํ ตอบ 3) ยกตัวอยา งประกอบการอธิบาย จนเกิดเปนความรูความเขาใจเก่ียวกับการบวกจํานวนสองจํานวนที่มี ผลบวกไมเ กนิ 1,000 ตามแนวตง้ั (ไมม ที ดและมที ด) การบวกจาํ นวนสามจาํ นวน ท่มี ีผลบวกไมเกนิ 1,000 และแสดงวธิ หี าคาํ ตอบของโจทยการบวกได ครูยกสถานการณเกี่ยวกับการบวกจํานวนสองจํานวนที่มีผลบวกไมเกิน 1,000 ตามแนวตัง้ (ไมมีทดและมที ด) และการแกโจทยป ญ หาการบวก โดยให นกั เรยี นเปน ผเู ผชญิ ปญ หา ครคู อยใหค าํ แนะนาํ อยา งใกลช ดิ ซง่ึ ในการแกป ญ หา จะใชกระบวนการทักษะทางคณิตศาสตรใ นการแกป ญ หา T36

นาํ นํา สอน สรปุ ประเมนิ กเตอ่ รนียมเพรรียอ้ มน M AT H ขน้ั นาํ 1 แสดงวธิ ีหาผลบวกโดยการเขียนจํานวนในรูปกระจาย นาํ เขา้ สบู ทเรยี น 2. ครูใหนักเรียนทําเตรียมพรอมกอนเรียน ในหนงั สอื เรยี น คณติ ศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 33 จากน้ันครแู ละนกั เรียนรว มกนั เฉลยคําตอบ 1. 63 + 2 = 2. 58 + 20 = 3. 25 + 34 = 4. 71 + 17 = 2 แสดงวิธหี าผลบวกโดยการใชตารางหลัก 1. 61 + 28 = 2. 33 + 23 = 3. 30 + 45 = 4. 13 + 62 = 3 แสดงวธิ ีหาผลบวกตามแนวตัง้ โดยใชว ธิ ลี ัด 1. 4 5 + 2. 6 8+ 3. 7 5 + 14 20 21 4 พจิ ารณาผลบวกตอ ไปน้ีวาถูกตอ งหรือไม ถาไมถูกตองใหแ กไขใหถ กู ตอ ง 1. 64 + 22 = 96 2. 51 + 33 = 84 3. 81 + 18 = 99 4. 27 + 61 = 89 5 หาคําตอบของโจทยป ญ หาทก่ี ําหนด 1. โบออมเงนิ 37 บาท บอยออมเงินไดม ากกวา โบ 12 บาท บอยออมเงนิ ไดกีบ่ าท 2. ชาวสวนปลูกตน มะมว ง 22 ตน ปลกู ตนลาํ ไย 34 ตน ชาวสวน ปลูกตน ไมทง้ั สองชนดิ รวมกต่ี น 33 เกร็ดแนะครู ครอู าจจัดแขงขันหาผลบวกของโจทยก ารบวกทมี่ ีผลบวกไมเกนิ 100 เชน 40 + 18 = โดยครูใหนักเรียนแขงกันยกมือเพื่อหาผลบวก ใครหาผลบวกไดถูกตอง และเรว็ ทส่ี ดุ จะได 1 คะแนน เพ่อื เปนการทบทวนความรเู ดิม T37

นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ นาํ 1. ¡·ÒÕèÁÃ¼Õ ºÅǺ¡1Ǩ¡Òí2ä¹ÁNjࡹ¹Ô ÊÍ1,§0¨0Òí 0¹Ç¹ 33 + 23 ෋ҡѺ෋Òã´ áÅÐàÃÒÊÒÁÒöËҼźǡ นาํ เขา้ สบู ทเรยี น 1.1 การบวกตามแนวตง้ั ä´Œ¡èÕÇÔ¸Õ¤ÃѺ 1) การบวกตามแนวต้ัง (ไมมที ด) 3. ครูใหนักเรียนตอบคําถามทบทวนความรูเดิม มุมขวาบนของหนังสือเรยี น คณิตศาสตร ป.2 223 เลม 75 เลม เลม 1 หนา 34 (แนวตอบ 56 หาคาํ ตอบได 3 วธิ ี คอื หาผลบวก มีหนังสือทั้งหมด โดยเขียนจํานวนในรูปกระจาย หาผลบวก กี่เลมครับ โดยใชต ารางหลกั และหาผลบวกโดยใชว ธิ ลี ดั ) ประโยคสัญลักษณ 223 + 75 = 223 75 ขนั้ สอน ? สอน วธิ ีท่ี 1 หาผลบวกโดยเขยี นจํานวนในรปู กระจาย 1. ครแู บง นกั เรยี นเปน กลมุ กลมุ ละ 4 คน คละกนั 223 เขยี นในรปู กระจายได ดงั น้ี 200 + 20 + 53+ วิธีคิด ตามความสามารถ คอื เกง ปานกลางคอ นขา ง 223 = 200 + 20 + 3 70 + 1. 3 บวก 5 เปน 8 เกง ปานกลางคอนขางออน และออน โดยใหนกั เรยี นแตละกลุมศึกษาเรอ่ื ง การบวก 75 เขียนในรปู กระจายได ดงั นี้ 200 + 90 + 8 = 298 2. 20 บวก 70 เปน 90 ตามแนวตง้ั วธิ ที ่ี 1 หาผลบวกโดยเขยี นจาํ นวน 75 = 70 + 5 ในรูปกระจาย ในหนังสือเรียน คณิตศาสตร 3. 200 บวก 0 เปน 200 ป.2 เลม 1 หนา 34 ดังน้ัน 223 + 75 = 298 2. ครูเขียนโจทยการบวก 133 + 24 = 34 บนกระดาน แลว ใหน กั เรยี นชว ยกนั บอกวา 133 และ 24 เขียนในรูปกระจายไดอยางไร (แนวตอบ 133 = 100 + 30 + 3 และ 24 = 20 + 4) 3. ครแู สดงวิธกี ารหาผลบวกของ 133 + 24 = โดยวธิ เี ขยี นจาํ นวนในรปู กระจายใหน กั เรยี นดู บนกระดาน 4. ครูใหนักเรยี นแตล ะกลุมทําใบงานท่ี 2.1 เร่ือง การหาผลบวกโดยเขียนจํานวนในรูปกระจาย (ไมมที ด) แลว ครสู ุมนักเรยี น 2-3 กลมุ ใหส ง ตัวแทนกลุมออกมานําเสนอหนาชั้นเรียน จากนั้นครูและนักเรียนรวมกันเฉลยคําตอบ ในใบงาน นักเรียนควรรู ขอสอบเนน การคิด 1 การบวก การดาํ เนินการรวมจาํ นวน 2 จาํ นวนขึน้ ไปใหเปนจํานวนเดียว ขอ ใดเปนผลบวกของ 174 และ 11 2 ผลบวก ผลลพั ธทีไ่ ดจ ากการบวก 1. 175 2. 185 3. 195 (เฉลยคําตอบ ขอ 2. เพราะ 174 11 + 185 ดงั นั้น ผลบวกของ 174 และ 11 คอื 185) T38

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ วธิ ีท่ี 2 หาผลบวกโดยใชต ารางหลัก ขน้ั สอน วิธคี ิด 1. บวกจํานวนในหลักหนวย 3 หนวย บวก 5 หนวย สอน เปน 8 หนว ย 5. ครูใหนักเรียนแตละกลุมศึกษาเร่ือง การบวก 223 หลกั รอ ย หลกั สิบ หลกั หนวย ตามแนวตง้ั วธิ ที ่ี 2 หาผลบวกโดยใชต ารางหลกั 2 2 3 ในหนังสือเรียน คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 7 5 + หนา 35 8 6. ครยู กตวั อยา งโจทยก ารบวก เชน 820 + 15 = บนกระดาน แลวแสดงวิธีหาผลบวกโดยใช 75 2. บวกจํานวนในหลกั สบิ ตารางหลักใหนกั เรียนดู 2 สิบ บวก 7 สิบ เปน 9 สบิ 7. ครูใหนักเรียนแตละกลุมชวยกันเขียนโจทย หลกั รอ ย หลักสิบ หลักหนว ย การบวกกลมุ ละ 3 ขอ แลว หาผลบวกโดยใช 2 2 3 ตารางหลกั จากนนั้ สลบั กบั เพอ่ื นกลมุ ขา งๆ เพอื่ 7 5 + แลกเปลี่ยนกันตรวจสอบความสมเหตุสมผล ของคาํ ตอบ 98 8. ครูใหนักเรียนกลุมเดิมทําใบงานที่ 2.2 เร่ือง 3. บวกจาํ นวนในหลักรอย การหาผลบวกโดยใชตารางหลัก (ไมมีทด) 298 2 รอ ย บวก 0 รอย เปน 2 รอย เสรจ็ แลว ครสู มุ นกั เรยี น 2-3 คู ออกมานาํ เสนอ หนาช้ันเรียน จากนั้นครูและนักเรียนรวมกัน หลักรอ ย หลกั สิบ หลักหนว ย เฉลยคําตอบในใบงาน 2 2 3 7 5 + 9. นักเรียนแตละกลุมศึกษาเรื่อง การบวก ตามแนวต้ัง วธิ ที ่ี 3 หาผลบวกโดยวิธลี ดั ใน วิธที ี่ 3 หาผลบวกโดยวธิ ลี ัด 298 หนังสือเรยี น คณติ ศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 35 และใหศึกษาตวั อยางเพ่ิมเติม ในหนงั สือเรียน นาํ เลขโดดในหลกั สบิ มาบวกกัน 2 3 นําเลขโดดในหลักหนว ยมาบวกกัน คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 36-37 จากนั้น 7 5 เขียนผลบวก 8 ในหลกั หนว ย ครูอธิบายเพ่ิมเติมเพื่อใหนักเรียนเขาใจ 2เขยี นผลบวก 9 ในหลักสบิ 9 8 + มากยงิ่ ขึน้ 75 = 298 การตรวจสอบความสมเหตุสมผล นาํ เลขโดดในหลกั รอ ยมาบวกกนั ของคําตอบ 298 มากกวา 223 และ 75 2เขียนผลบวก 2 ในหลกั รอ ย 298 จึงเปน คาํ ตอบที่สมเหตุสมผล ดังน้ัน 223 + 35 ขอ สอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู ผลบวกในขอ ใดมากกวา 260 ครอู ธบิ ายเพม่ิ เตมิ ใหน กั เรียนเขา ใจมากขน้ึ วา 1. 230 + 35 = 10 หนวย เทา กบั 1 สบิ 2. 203 + 32 = 10 สิบ เทากับ 1 รอย 3. 220 + 25 = 10 รอย เทา กับ 1 พัน (เฉลยคําตอบ ขอ 1. เพราะ 1. 2 3 0 2. 2 0 3 3. 2 2 0 3 5 + 3 2 + 2 5 + 265 235 24 5 ดงั นนั้ ผลบวกของ 230 + 35 เทา กับ 265 มากกวา 260) T39

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั สอน ตัวอยา งท่ี 1 164 312 สอน หาผลบวกของ 164 + 312 = ? 10. ครยู กตวั อยา งอกี 2 ขอ เชน 113 + 63 = วิธที ี่ 1 หาผลบวกโดยเขียนจาํ นวนในรปู กระจาย และ 233 + 125 = แลวใหนักเรียน ชวยกันหาผลบวกโดยวธิ ลี ัด 164 เขียนในรูปกระจายได ดังนี้ 100 + 60 + 42+ วธิ ีคิด 164 = 100 + 60 + 4 300 + 10 + 1. 4 บวก 2 เปน 6 11. ครใู หน กั เรยี นจบั คภู ายในกลมุ แลว ทาํ กจิ กรรม 312 เขียนในรูปกระจายได ดังน้ี 2. 60 บวก 10 เปน 70 เพ่ือนชวยเพื่อน ขอ 1-3 ในหนังสือเรียน 312 = 300 + 10 + 2 400 + 70 + 6 = 476 3. 100 บวก 300 เปน 400 คณติ ศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 41 และทํา ใบงานที่ 2.3 เรอื่ ง การหาผลบวกโดยใชว ธิ ลี ดั ดงั นน้ั 164 + 312 = 476 (ไมม ที ด) แลว ครสู มุ นกั เรยี น 2-3 คน ออกมา ตอบ ๔๗๖ นาํ เสนอหนา ชน้ั เรยี น จากนน้ั ครแู ละนกั เรยี น รวมกันเฉลยคําตอบ วิธที ่ี 2 หาผลบวกโดยใชต ารางหลัก วธิ คี ิด 1. บวกจํานวนในหลักหนว ย ฝก ทกั ษะ 4 หนว ย บวก 2 หนว ย เปน 6 หนวย 1. ครูใหนกั เรียนทาํ กจิ กรรมฝก ทกั ษะ ขอ 1 ใหญ 164 ขอ 1-4, ขอ 2 ใหญ ขอ 1-4 และขอ 3 ใหญ หลักรอย หลกั สบิ หลกั หนวย ขอ 1-2 ในหนงั สอื เรยี น คณติ ศาสตร ป.2 เลม 1 16 4 หนา 45 31 2 + 2. ครูใหนักเรียนทําแบบฝกหัดเรื่อง การบวก 312 6 จํานวนสองจํานวนที่มีผลบวกไมเกิน 1,000 2. บวกจํานวนในหลกั สิบ ในแบบฝกหัด คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 6 สบิ บวก 1 สบิ เปน 7 สบิ เปน การบาน หลกั รอ ย หลกั สิบ หลักหนวย 16 4 31 2 + 476 76 3. บวกจาํ นวนในหลักรอ ย 1 รอ ย บวก 3 รอ ย เปน 4 รอย ดงั นัน้ 164 + 312 = 476 หลักรอ ย หลกั สิบ หลักหนว ย ตอบ ๔๗๖ 16 4 31 2 + 36 47 6 เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคิด ครอู ธบิ ายเพม่ิ เตมิ เกยี่ วกบั การหาผลบวกโดยวธิ ลี ดั ใหน กั เรยี นฟง วา การหา ขอใดมีผลบวกนอยทสี่ ุด ผลบวกของจํานวนสองจํานวนใหนําจํานวนที่อยูในหลักเดียวกันมาบวกกันและ 1. 200 + 95 = การเขียนแสดงวิธีหาผลบวกในแนวตั้ง ตองเขียนเลขโดดท่ีอยูในหลักเดียวกัน 2. 230 + 45 = ใหตรงกนั 3. 105 + 180 = (เฉลยคาํ ตอบ ขอ 2. เพราะ 1. 2 0 0 2. 2 3 0 3. 1 0 5 9 5 + 4 5 + 1 8 0 + 295 275 28 5 ดังน้ัน ผลบวกของ 230 + 45 เทากับ 275 ซึ่งมีผลบวก นอยท่สี ุด) T40

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ วธิ ีท่ี 3 หาผลบวกโดยวิธลี ดั นําเลขโดดในหลักหนว ยมาบวกกัน ขนั้ สรปุ เขียนผลบวก 6 ในหลกั หนว ย นาํ เลขโดดในหลักสิบมาบวกกัน 1 6 4 สรปุ เขยี นผลบวก 7 ในหลักสิบ 3 1 2 + ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรูเก่ียวกับ นําเลขโดดในหลักรอ ยมาบวกกนั 4 7 6 การตรวจสอบความสมเหตุสมผล การบวกจาํ นวนสองจาํ นวนทมี่ ผี ลบวกไมเ กนิ 1,000 เขียนผลบวก 4 ในหลกั รอ ย ของคําตอบ (ไมม ที ด) ตามแนวตง้ั แลว ครถู ามคาํ ถามนกั เรยี น ดังนี้ ดงั นน้ั 164 + 312 = 476 476 มากกวา 164 และ 312 ตอบ ๔๗๖ 476 จงึ เปน คําตอบที่สมเหตุสมผล • การหาผลบวกโดยเขยี นจาํ นวนในรปู กระจาย มขี ัน้ ตอนการหาอยางไร การบวกจํานวนสองจํานวนท่ีมีผลบวกไมเกิน 1,000 (ไมมีทด) (แนวตอบ ข้ันท่ี 1 เขียนจํานวนใหอยูใน ตามแนวต้ัง หาผลบวกไดโดยนําจํานวนที่อยูในหลักเดียวกันมาบวกกัน รูปกระจาย และขั้นที่ 2 นําจํานวนที่อยู ในหลักเดยี วกนั มาบวกกัน) 2) การบวกตามแนวตง้ั (มีทด) 234 คน • การหาผลบวกโดยใชตารางหลักและ 128 คน ใชวิธีลัด ทั้งสองวิธีน้ีมีขั้นตอนการหา เหมอื นกนั อยา งไร ทั้งสองหมูบาน (แนวตอบ ขน้ั ท่ี 1 เขยี นเลขโดดในแตล ะหลกั มีคนทั้งหมดกี่คน ใหตรงกัน และข้ันท่ี 2 นําเลขโดดท่ีอยู ในหลักเดียวกนั มาบวกกนั ) ประโยคสญั ลักษณ 128 + 234 = 128 234 ? ขน้ั ประเมนิ 37 1. ครูประเมินผลโดยการสังเกตการตอบคําถาม และการรว มกนั ทาํ กจิ กรรมกลมุ 2. ครตู รวจสอบผลจากการทําใบงานท่ี 2.1 เรอ่ื ง การหาผลบวกโดยเขียนจํานวนในรูปกระจาย (ไมมีทด) 3. ครูตรวจสอบผลจากการทาํ ใบงานท่ี 2.2 เรื่อง การหาผลบวกโดยใชตารางหลกั (ไมมที ด) 4. ครูตรวจสอบผลจากการทําใบงานท่ี 2.3 เรื่อง การหาผลบวกโดยใชวิธลี ดั (ไมม ีทด) 5. ครูตรวจสอบผลจากการทํากิจกรรมฝกทักษะ ในหนงั สอื เรยี น และทาํ แบบฝกหัด ในหนังสอื แบบฝกหัด กจิ กรรม สรางเสรมิ แนวทางการวัดและประเมินผล ใหนักเรียนจับคูแลวสรางโจทยการบวกคูละ 3 ขอ ลงใน ครูสามารถวัดและประเมินพฤติกรรมการทํางานกลุมจากการทําใบงานท่ี กระดาษ A4 แลวนําโจทยท ี่สรา งสลบั กับเพ่อื นคูขางๆ จากนั้นให 2.2 เรื่อง การหาผลบวกโดยใชตารางหลัก (ไมมีทด) โดยศึกษาเกณฑการวัด นักเรียนแตละคูรวมกันหาผลบวกโดยเขียนจํานวนในรูปกระจาย และการประเมินผลจากแบบประเมินของแผนการจัดการเรียนรูในหนวย ใชตารางหลัก และวิธีลัด เสร็จแลวสลับคืน จากนั้นใหแตละคู การเรยี นรูท่ี 2 รวมกนั เฉลยคาํ ตอบ แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางานกลุ่ม กจิ กรรม ทา ทาย คาช้ีแจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ✓ลงในช่องที่ ใหนักเรียนแตละคูรวมกันหาผลบวกโดยเขียนจํานวนใน ตรงกับระดับคะแนน รปู กระจาย ใชต ารางหลัก และวธิ ลี ัดของจาํ นวนตอไปน้ี ลาดับท่ี ชอื่ – สกุล การแสดง การยอมรบั การทางาน ความมนี า้ ใจ การมี รวม 1. 270 + 304 = และ 2. 301 + 404 = ของนกั เรียน ความคดิ เห็น ฟังคนอ่ืน ตามทีไ่ ด้รับ ส่วนร่วมใน 15 มอบหมาย การปรับปรุง คะแนน ผลงานกล่มุ 321321321321321 เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่าเสมอ ............../.................../............... ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยคร้งั ให้ 3 คะแนน ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤติกรรมบางคร้งั ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ตา่ กวา่ 8 ปรบั ปรงุ T41