Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 32. สุขศึกษา พลศึกษา ทช21002 ม.ต้น สาระการดำเนินชีวิต

32. สุขศึกษา พลศึกษา ทช21002 ม.ต้น สาระการดำเนินชีวิต

Description: 32. สุขศึกษา พลศึกษา ทช21002 ม.ต้น สาระการดำเนินชีวิต

Keywords: 32. สุขศึกษา พลศึกษา ทช21002 ม.ต้น สาระการดำเนินชีวิต

Search

Read the Text Version

43 3. การออกกาํ ลังกายโดยการบริหารรา งกาย โดยแสดงทาทางตาง ๆ เพื่อเปนการบริหาร รา งกาย หรือเฉพาะสวนท่ีตอ งการใหก ลามเนอ้ื กระชบั อาทิ การบริหารแบบโยคะ หรือแอ โรบิค หลักการออกกาํ ลังกายเพอ่ื สขุ ภาพ คอื การออกกาํ ลังกายชนิดทเ่ี สริมสรางความอดทนของ ปอด หัวใจ ระบบไหลเวยี นเลือด รวมทง้ั ความแข็งแรงของกลา มเน้ือ ความออนตวั ของขอตอ ซึง่ จะ ชวยใหรางกายแขง็ แรงสมบรู ณ สงางาม และสขุ ภาพจิตดี การออกกาํ ลงั กายแบบแอโรบิค เปนกจิ กรรมที่ไดร ับการยอมรับ และเปนท่ีนยิ มกนั อยาง แพรห ลายทัว่ โลก ในดานการออกกาํ ลังกายเพื่อสขุ ภาพ (Exercise For Health) โดยยดึ หลักปฏบิ ัติงาย ๆ ดงั นี้ 1. ความหนกั ควรออกกาํ ลังกาย (Intensity) ใหห นักถงึ รอยละ 70 ของอตั ราการเตน สูงสุด ของหวั ใจแตล ะคน โดยคํานวณไดจากคา มาตรฐานเทากับ 170 ลบดว ยอายุของตนเอง คา ท่ไี ดคอื อตั ราการเตน ของหวั ใจคงทีท่ เี่ หมาะสม ท่ตี องรักษาระดับการเตน ของหวั ใจน้ี ไวช วงระยะเวลาหนึ่งท่ี ออกกําลังกาย 2. ความนาน (Duration) การออกกําลังกายอยางตอ เน่อื งนานอยา งนอ ย 20 นาที ขน้ึ ไปตอครัง้ 3. ระยะผอ นคลายรางกายหลงั ฝก (Cool Down) ประมาณ 5 นาที เพอื่ ยดื เหยียดกลา มเน้ือ และความออ นตัวของขอ ตอ รวมระยะเวลาท่อี อกกาํ ลังกายติดตอ กนั ท้ังสิน้ อยา งนอย 20 – 30 นาทีตอ วัน ผูที่ออกกาํ ลังกายมาก หรอื เปน นกั กีฬา จะมกี ารใชพลงั งานมากกวา บคุ คลทัว่ ไป และมีการ สญู เสยี นาํ้ และแรธาตมุ ากขนึ้ จึงควรกินอาหารทใี่ หพลงั งานอยางเพยี งพอสมดุลกับกิจกรรมทใี่ ชใ นแต ละวัน โดยควรเพิม่ อาหารประเภท ขาว แปง ผลไม หรือนาํ้ ผลไม เพือ่ เพมิ่ พลงั งาน และด่ืมน้ําให เพียงพอ ไมจ าํ เปนตอ งกินผลิตภณั ฑเ สรมิ อาหาร หรอื ดืม่ เครอ่ื งดื่มประเภทเกลือแร และเครื่องดม่ื ชู กําลงั

44 กจิ กรรมการเรียนรูท า ยบทที่ 2 กจิ กรรมท่ี 1 1. ใหนักศึกษาอธิบายตามความเขาใจของตนเอง ในหัวขอตอ ไปนี้ “จติ ที่สดใส ยอมอยูในรางกายท่สี มบูรณ” 2. ใหน กั ศกึ ษาฝก เขยี น แผนการวางแผนดูแลสุขภาพตนเองในเวลา 7 วัน กิจกรรมท่ี 2 1. ประโยชนข องการออกกําลงั กายดา นตา ง ๆ ทส่ี งผลตอสขุ ภาพของมนษุ ย จาํ แนกไดด า น อะไรบาง จงอธิบาย กจิ กรรมท่ี 3 1. การออกกําลังกายมผี ลตอพัฒนาการของมนุษยอยา งไร จงอธิบาย 2. กอ นทจ่ี ะออกกําลงั กาย เราควรใหค าํ แนะนําผจู ะออกกาํ ลงั กายอยางไร

45 บทท่ี 3 สขุ ภาพทางเพศ สาระสาํ คัญ ปญ หาหาเรอ่ื งการมีเพศสมั พันธกอนวัยอันควร กําลังเปนปญหาที่นาหวงใยในกลุมเยาวชน ไทย ดงั นนั้ การเรยี นรใู นเรอ่ื งของพฤตกิ รรมทจี่ ะนาํ ไปสกู ารมีเพศสมั พันธ การถกู ลวงละเมิดทางเพศ และการตง้ั ครรภไ มพ ึงประสงค จึงเปน เรือ่ งจําเปนที่จะไดป องกันตนเอง นอกจากน้ีการดูแลรางกาย โดยเฉพาะระบบสบื พนั ธุกเ็ ปนเรื่องทีจ่ ะทําใหทกุ คนมสี ขุ ภาวะที่ดี สามารถปฏิบตั ไิ ดถูกตอ งก็จะไมท ํา ใหเกิดปญหาดา นสขุ ภาพทางเพศ ผลการเรียนรูที่คาดหวงั 1. อธิบายการหลีกเลี่ยงพฤติกรรมท่ีนําไปสูการมีเพศสัมพันธ การลวงละเมิดทางเพศ การ ต้งั ครรภทไ่ี มพึงประสงค 2. อธบิ ายวธิ กี ารดแู ลสขุ ภาพทางเพศท่ีเหมาะสมและไมท าํ ใหเ กิดปญ หาทางเพศ ขอบขายเนอื้ หา เรอ่ื งที่ 1 สรีระรางกายทเี่ ก่ียวขอ งกับการสืบพันธุ เร่ืองที่ 2 การเปลย่ี นแปลงเม่อื เขาสูวยั หนมุ สาว เรื่องท่ี 3 พฤติกรรมทีน่ าํ ไปสกู ารมเี พศสมั พนั ธ เรอื่ งท่ี 4 สุขภาพทางเพศ

46 เรอื่ งท่ี 1 สรรี ะรางกายท่เี ก่ยี วขอ งกับการสืบพันธุ การเจริญเติบโตและพัฒนาการของมนุษยน้ัน หมายถึง การเจริญเติบโตและ พฒั นาการทางรางกายและจิตใจควบคกู นั ไปตลอด เร่ิมต้ังแต วยั เด็ก วยั แรกรนุ วยั ผูใหญ ตามลาํ ดับ โดยทว่ั ไปแลว การเจรญิ เติบโตและพัฒนาการทางรา งกายของคนเราจะสิ้นสุดลงเมอ่ื มอี ายุประมาณ 25 ป จากวัยน้ีอวัยวะตาง ๆ ของรางกายเร่ิมเส่ือมลง จนยางเขาสูวัยชราและตายใน ทส่ี ุด สว นการเจริญเติบโตและพฒั นาการทางจติ ใจนัน้ ไมมขี ดี จาํ กัด จะเจริญเติบโตและพัฒนาเจริญ งอกงามขน้ึ เรอื่ ย ๆ จนกระท่ังเขา สูวยั ชรา 1. อวยั วะสบื พันธแุ ละสุขปฏบิ ตั ิเกย่ี วกับอวัยวะสบื พนั ธุ การสืบพันธขุ องมนษุ ยเปน ธรรมชาติอยางหนงึ่ ทเ่ี กิดขน้ึ เพื่อดํารงไวซ่ึงเผาพันธุ การ สืบพันธนุ นั้ จาํ เปนตอ งอาศัยองคป ระกอบทส่ี ําคญั คอื เพศชายและเพศหญิง ท้งั เพศชายและเพศหญิง ตา งกม็ ีโครงสรางทีเ่ ก่ียวขอ งกบั อวัยวะเพศและการสบื พนั ธุโดยเฉพาะของตน 1.1 ระบบสบื พนั ธขุ องเพศชาย อวยั วะสบื พันธุชายสวนใหญอยูภายนอกของรา งกาย สามารถปองกันและระวังรักษา ไมใหเกดิ โรคตดิ ตอหรอื โรคติดเชื้อตาง ๆ ไดโดยงาย อวัยวะสืบพันธุชายมีความเกี่ยวของกับระบบ การขับถา ยปสสาวะ เพราะวา การขับน้ําอสุจิออกจากรา งกายตอ งผานทอปสสาวะดวย อวัยวะสบื พันธุ ชายประกอบดวยสวนตาง ๆ ทีส่ ําคัญดังน้ี (1.) ตอมอัณฑะ (Testis) มีลกั ษณะและรูปรา งคลายไขไกฟองเล็ก ยาวประมาณ 4 เซนติเมตร กวางประมาณ 4 เซนติเมตร หนาประมาณ 2-3 เซนติเมตร หนักประมาณ 15-30 กรัม อณั ฑะขางซายจะใหญกวา งขางขวาเลก็ นอย ตามปกตจิ ะมีอณั ฑะอยู 2 ลกู ภายในลูกอัณฑะมีหลอดเล็ก ๆ จํานวนมาก ขดเรียงอยูเปนตอน ๆ เรียกวา หลอด สรา งอสจุ ิ (Seminiferous Tabules) มีหนาท่ีผลิตฮอรโมนเพศชายและตัวอสุจิ สวนดานหลังของตอม อัณฑะ จะมกี ลมุ ของหลอดเล็ก ๆ อกี มากมายขดไปมา เรียกวาหลอดเก็บตัวอสุจิ (Epididymis) เปนที่ เกบ็ เชอ้ื อสจุ ชิ ่วั คราว เพอ่ื ใหเชื้ออสจุ เิ จรญิ เตบิ โตไดเต็มที่ (2.) ตอ มลกู หมาก (Prostate Gland) เปนตอ มทหี่ มุ อยรู อบทอ ปส สาวะสวนใน ตรง ดานลางของกระเพาะปสสาวะ มีหนาท่ีสรางของเหลวซ่ึงมีฤทธิ์เปนดางออน ๆ สงเขาไปในถุงเก็บ อสจุ ิ เพ่ือผสมกับนํา้ เล้ยี งตวั อสจุ ิ ของเหลวนจี้ ะไปทาํ ลายฤทธิก์ รดจากนํ้าเมือกในชองคลอดเพศหญิง ปอ งกันไมใหต ัวอสุจิถูกทําลายดว ยสภาพความเปน กรด เพอ่ื ใหเกดิ การปฏิสนธิขึน้ ได (3.) ลึงค หรือองคชาต (Penis) เปนสวนประกอบหนึ่งของอวัยวะสืบพันธุชาย ท่ี แสดงใหเห็นวาเปนเพศชายอยางชัดเจน มีลักษณะย่ืนออกมา สวนปลายสุดจะมีรูปรางคลายหมวก เหลก็ ทหารสวมอยู ขนาดใหญกวาลาํ ตวั ลึงคเลก็ นอย สวนน้จี ะมีเสน ประสาทมาหลอเล้ยี งมาก ทําให

47 มีความรสู ึกไวตอ การสัมผัส เมื่อมีความตองการทางเพศเกิดขึ้น จะทําใหลึงคเปล่ียนจากนุมเปนแข็ง เนื่องจากค่ังของเลอื ด ทาํ ใหข นาดใหญขน้ึ 1-2 เทาตวั ในระหวางการแขง็ ตวั ของลึงคม ตี อมเลก็ อยูใน ทอ ปส สาวะ ผลติ นํ้าเมือกเหนยี ว ๆ ซึ่งจะถูกขับออกมา เพ่ือชวยในการหลอล่ืนและยังทําใหตัวอสุจิ ผานออกสูภ ายนอกไดส ะดวกอกี ดว ย (4.) ทอพกั ตัวอสุจิ (Epididymis) มีลักษณะคลายรูปดวงจันทรครึ่งซีก หอยติดอยู กับตอมอณั ฑะสวนบนคอ นขางจะใหญเรยี กวา หวั (Head) จากหัวก็เปนตวั (Body) และเปน หาง (Tail) ทอ น้ปี ระกอบดว ยทอท่ีคดเค้ียวเปน จาํ นวนมาก เมอ่ื ตวั อสจุ ิถูกสรา งขน้ึ มาแลว จะถกู สงเขาทอ นเี้ พือ่ เตรยี ม ทจ่ี ะออกมาสทู อปสสาวะ (5.) ทอ นาํ ตวั อสุจิ (Vas Deferens) เปนทอ เลก็ ๆ ตอจากลูกอัณฑะ จะทําหนาที่พา ตวั อสจุ แิ ละน้ําอสุจิใหไ หลขน้ึ ไปตามหลอดและไหลเขาไปในถงุ น้าํ อสุจิ (6.) ถุงอัณฑะ (Scrotum) เปนถุงทหี่ อ หมุ ตอมอัณฑะไว ขณะทย่ี ังเปนตัวออ นอยู ตอ ม อณั ฑะจะเจริญเตบิ โตในโพรงของชอ งทอ ง เม่อื ครบกาํ หนดตอมอัณฑะจะคอย ๆ เคลื่อนลงลางจากชอง ทอ งมากอยูในถุงอัณฑะท่ีบริเวณขาหนบี ถุงอณั ฑะมีลักษณะเปน ผิวหนังบาง ๆ สีคลํ้า มีรอยยน มี แนวกลางระหวางทวารหนักไปจนถงึ ลงึ ค จะมกี ลามเน้อื บาง ๆ กั้นถุงอณั ฑะออกเปน 2 หอง ถุงอัณฑะ จะหอยตดิ อยูกบั กลามเนอ้ื ชนิดหน่ึง และจะหดตัวหรือหยอนตัว เม่ืออุณหภูมิของอากาศเปลี่ยนแปลง เพ่อื ชวยรักษาอุณหภมู ิใหเหมาะสมในการสรางอสุจิ และปองกันการกระเทือนจากภายนอก 1.1.1 การสรา งเซลลส ืบพนั ธเุ พศชายและการฝน เปย ก เซลลสืบพันธุเพศชายหรือตัวอสุจิ (Sperm) จะถูกสรางขึ้นในทอผลิตอสุจิ (Seminiferous Tubules) ตวั อสุจมิ ีขนาดเล็กมาก มีรูปรา งลกั ษณะคลาย ๆ ลกู กบแรกเกดิ ประกอบดว ย สว นหวั ทีม่ ีขนาดโต แลวคอ ยลงมาเปนสว นหางท่ียาวเรียว และสวนหางน้ีจะใชในการแหวกวายมา มีขนาดลาํ ตัวยาวประมาณ 0.05 มลิ ลเิ มตร มีขนาดเล็กกวาไขเพศหญิงหลายหมืน่ เทา หลังจากตัวอสุจิ ถูกสรางข้ึนในทอ ผลติ ตัวอสุจิแลว จะฝงตัวอยูในทอพักตัวอสุจิจนกวาจะเจริญเต็มท่ี ตอจากน้ันจะ เคลอ่ื นทไ่ี ปยงั ถุงเก็บตัวอสุจิ ในระยะนตี้ อ มลกู หมากและตอมอ่ืน ๆ จะชวยกันผลิตของเหลวมาเลี้ยง ตัวอสุจิ หากไมมีการระบายออกโดยมีเพศสัมพันธ รางกายจะระบายออก โดยใหน้ําอสุจิเคลื่อน ออกมาตามทอปส สาวะเองในขณะนอนหลบั ซ่งึ เปน การลดปริมาณนา้ํ อสุจิใหนอยลง โดยธรรมชาติ และยังเปนวิธีหนึ่งท่ีชวยลดความเครียดเก่ียวกับอารมณทางเพศได เราเรียกวาการฝนเปยก (Wet Dream) เปนปรากฎการณท ช่ี ้ใี หเห็นวาวยั รนุ ชายน้ันบรรลุวฒุ ิภาวะทางเพศแลว และรางกายก็พรอม ที่จะใหกําเนิดบตุ รได

48 1.1.2 สุขปฏิบตั เิ ก่ียวกับอวัยวะเพศชาย 1. อาบน้ําอยางนอยวันละ 2 ครั้ง ใชสบูชําระรางกายและอวัยวะเพศให สะอาดแลว เช็ดใหแหง 2. สวมเส้อื ผาทส่ี ะอาด โดยเฉพาะกางเกงในไมคบั และไมห ลวมเกนิ ไป 3. ไมใชส ว มหรอื ขบั ถา ยที่ผิดสขุ ลักษณะ 4. ไมส าํ สอน หรอื รว มประเวณกี บั ผูข ายบรกิ ารทางเพศ 5. หากสงสยั วาเปน กามโรคควรไปปรกึ ษาแพทย 6. ไมควรใชย าหรือสารเคมเี พอ่ื กระตนุ ความรสู กึ ทางเพศ 7. อยาหมกหมุน หรือหกั โหมเกย่ี วกบั ความสัมพันธทางเพศเกินไป ควรหา กจิ กรรมนนั ทนาการหรอื เลนกฬี า 8. ระวังอยาใหอวยั วะเพศถกู กระทบกระแทกแรง ๆ 1.2 ระบบสืบพนั ธขุ องเพศหญิง โ ค ร ง ส ร า ง ท่ี เ ก่ี ย ว ข อ ง กั บ อ วั ย ว ะ เ พ ศ แ ล ะ ก า ร สื บ พั น ธุ ข อ ง เ พ ศ ห ญิ ง ประกอบดวยหลายสวนดว ยกนั ในที่นีจ้ ะกลาวถึงเฉพาะสว นทสี่ าํ คัญเทาน้นั (1.) ตอมรังไข (Ovary) เปนตอ มสบื พันธุของเพศหญิง มีหนาท่ีผลิตเซลลสืบพันธุ ของเพศหญิงท่เี รยี กวา ไข (Ovum) ตอมรงั ไขนม้ี ีอยูด ว ยกัน 2 ตอม คือ ขางขวาและขางซาย ซึ่งอยูใน โพรงขององุ เชงิ กราน มรี ูปรา งคอนขางกลมเลก็ มีนํ้าหนกั ประมาณ 2-3 กรัม นอกจากนี้ตอมรังไขจะ หล่ังฮอรโมนเพศหญิงออกมาทาํ ใหไ ขส ุก และเกดิ การตกไข (2.) ทอรงั ไข (Pallopain Tubes) ภายหลังทไ่ี ขหลุดออกจากสวนท่ีหอหุมแลว จะผาน เขา สทู อ รังไข ทอนี้ยาวประมาณ 6-5 เซนตเิ มตร ปลายขา งหนง่ึ มีลักษณะคลา ยกรวย ซ่งึ อยใู กลกบั รังไข สวนปลายอกี ขา งหนึ่งนน้ั จะเรียวเลก็ ลงและไปติดกบั มดลกู ภายในทอรังไขจะมกี ลา มเน้อื พิเศษ ซ่ึงบุดวยเยื่อท่ีมีขนและบีบรดั ตัวอยูเสมอ ซึ่งทาํ หนาท่โี บกพัดเอาไขที่สุกแลวเขาไปในทอรังไข คอย การผสมพนั ธุจ ากตวั อสจุ ขิ องชาย และสง ไปสูมดลกู ตอ ไป (3.) มดลูก (Uterus) มดลูกอยูในอุมเชิงกรานระหวางกระเพาะปสสาวะกับทวารหนัก ปกติยาวประมาณ 7-8 เซนติเมตร กวางประมาณ 4 เซนติเมตร และหนาประมาณ 2 เซนติเมตร เปน อวัยวะทปี่ ระกอบดว ยกลา มเน้ือ และมีลักษณะภายในกลวง ซ่ึงมีผนังหนาไขจะเคลื่อนตัวลงมาตาม ทอรังไข เขาไปในโพรงมดลูก ถาไขไดผ สมกับอสจุ ิแลว จะมาฝงตัวอยใู นผนังของมดลูกที่หนาและมี เลือดมาเลีย้ งเปน จํานวนมาก ไขจ ะเจรญิ เตบิ โตเปน ตัวออนตรงบรเิ วณนี้ ภายหลังวยั หมดประจําเดือน แลว มดลูกจะเล็กและเหยี่ วลง

49 (4.) ชองคลอด (Vagina) มีลักษณะเปนโพรงซง่ึ มีความยาวประมาณ 8-10 เซนตเิ มตร ชองคลอดประกอบดวยกลามเนอื้ เรียบ สว นในสุดเปน สวนท่ีหุมอยูรอบปากมดลูก ภายในบุดวยเย่ือ บาง ๆ ลักษณะเปนรอยยนสามารถยืดหดและขยายตัวไดมากเวลาคลอด ที่ชองคลอดนี้จะมี เสน ประสาทมาเลี้ยงจาํ นวนมาก โดยเฉพาะอยา งยิ่งบรเิ วณรเู ปด ชองคลอด และชองคลอดยังทําหนาที่ เปน ทางผานของเลอื ดประจาํ เดอื นจากโพรงมดลูกออกจากรางกาย และเปนทางผานของตัวอสุจิจาก เพศชายเพ่อื ไปผสมกับไขท ที่ อรังไข (5.) คลิสตอริส (Clitoris) ลักษณะเปนกอนเน้ือเล็ก ๆ ต้ังอยูบนสวนของแคมเล็ก เปนเน้ือเย่ือท่ยี ึดหดได มีหลอดเลอื ดและเสนประสาท และไวตอความรูสึกทางเพศเชนเดียวกับลึงค ของชาย (6.) ตอมนาํ้ เมือก (Bartholin Gland) เปน ตอมเล็ก ๆ อยู 2 ขางของชองคลอด ตอม น้ีทําหนาท่ีหลงั่ นาํ้ เมอื กออกมา เพอื่ ใหช ว ยหลอลนื่ ชอ งคลอดในระหวางทมี่ ีการรวมเพศ (7.) ฝเย็บ (Perineum) อยูพื้นลางของอุงเชิงกรานที่ก้ันอยูระหวางชองคลอดกับ ทวารหนัก ขยายและยึดหดตัวได ประกอบดวยกลามเนื้อที่สําคัญ 3 มัด มีหนาท่ีชวยเสริมสราง กลา มเนื้อชอ งคลอดใหแ ขง็ แรง และปองกันชองคลอดหยอน ถาหากขาดแลวไมเย็บ จะทําใหมดลูก ตาํ่ ลงมาไดเ มอ่ื อายมุ ากขน้ึ (8.) เตา นม (Breast) มอี ยู 2 เตา ซ่งึ มีขนาดใกลเ คยี งกนั ตรงกลางของเตา นมจะมีผิว ท่ีย่นื ออกมาเรยี กวา หัวนม เตานมแตละเตาจะประกอบขึ้นดวยกอนเน้ือหลายกอน กอนเนื้อแตละ กอ นจะประกอบดว ยทอ ที่แตกแขนงไปมากมาย เตานมจะมีขนาดโตขึ้นเมื่อเขาสูวัยสาว เน่ืองจากมี เนอื้ เยอ่ื เกี่ยวพนั และไขมันเพิม่ ข้ึน ขณะที่ตง้ั ครรภเ ตา นมจะโตข้นึ เน่อื งจากมีการเจริญเตบิ โตของตอม นาํ้ นมและทอจาํ นวนมาก บริเวณเตานมนจ้ี ะมีหลอดเลือดและเสน ประสาทไปเลี้ยงอยูมาก จึงทําใหมี ความไวตอการสัมผัส

50 1.2.1 ความรูเกยี่ วกับผลของการบรรลุวฒุ ิภาวะทางเพศหญงิ เม่ือเพศหญิงเจริญเติบโตเปนสาว ไมเฉพาะแตจะมีลักษณะของความเปน หญงิ ดว ยการมีเตานมเจริญเติบโต และมีลกั ษณะเปลี่ยนแปลงอ่นื ๆ เกดิ ข้นึ เทาน้นั การบรรลุ วฒุ ิภาวะของเพศหญิงขึน้ อยูกับการมปี ระจาํ เดือนครง้ั แรก และมีประจําเดอื นทุก ๆ เดอื น โดยเฉลยี่ จะ เกดิ ขึ้นทุก ๆ 28 หรือ 30 วัน และการมปี ระจําเดือนแตละเดอื นอาจะแบง ออกไดเปน ระยะดังน้ี 1. ระยะทาํ ลาย (Destructive Phase) เปน ระยะท่ีมีเลือดออกมา เนื่องจากมี การทําลายของเยื่อบุภายในของผนังมดลกู ระยะน้ีจะใชเวลาประมาณ 3-7 วัน หรอื เรยี กวา จะมีเลือด ระดูออกมาอยปู ระมาณ 3-7 วัน จํานวนเลอื ดทีไ่ หลออกมามีจาํ นวนไมแ นนอนโดยทั่วไปจะมีปริมาณ 125 ลกู บาศกเซนติเมตร นอกจากเลือดท่ีไหลออกมาแลวยังมีเศษของผนังมดลูกท่ีถูกทําลายหลุดปน ออกมาดว ย ระยะทําลายนี้เริม่ แรกมักจะมีอาการท้ังทางรางกายและจิตใจ เชน ถายปสสาวะบอย มี สิวข้นึ บนใบหนา เตานมจะโตและแข็ง มอี าการปวดศรี ษะ เพลยี หงุดหงดิ เปนตน 2. ระยะฟอลลิคูลา (Follicular Phase) ตอมพิทูอิทารีสวนหนา (Anterior Lobe) หลั่งฮอรโ มนชนดิ หนง่ึ ออกมาและซมึ เขา กระแสเลอื ด แลวนาํ ไปยังตอมรังไขจ ะทําใหไขซ่ึงอยู ภายในรังไขเจริญเติบโตและสุกระยะนก้ี ินเวลาประมาณ 9 วนั และเม่อื รวมกบั ระยะทีม่ ีเลือดระดูไหล ออกมาในระยะทําลายจะกินเวลาประมาณ 14 วนั 3. ระยะลูเทียล (Luteal Phase) เปนระยะที่ไขสุกเต็มท่ีและจะหลุดออก จากรงั ไข รงั ไขจ ะสรา งฮอรโมนชนดิ หนง่ึ เพื่อกระตุนใหผนังมดลูกหนาและมีเลือดมาหลอเลี้ยงมาก เพ่ือรอรับไขท่ีจะถูกผสมพันธุ ถาไขไมไดรับการผสมพันธุฮอรโมนนี้จะลดลง ซ่ึงเปนการเริ่มตน ระยะทําลาย และจะมเี ลอื ดระดไู หลออกมาใหม 1.2.2 สุขปฏิบัตเิ กี่ยวกบั อวยั วะสืบพนั ธขุ องเพศหญิง 1. อาบน้ําชําระลา งกายใหส ะอาดอยูเสมอ เวลาอาบน้ําควรทําความสะอาด อวยั วะเพศเปนพิเศษ เชน ลาง เช็ดใหแหง โดยเฉพาะอยางย่ิงในชวงมีประจําเดือน ควรใชนํ้าอุน ชาํ ระสวนทเ่ี ปอ นเลือด เปนตน 2. หลังจากถา ยอุจจาระ ปสสาวะควรทาํ ความสะอาดแลวเชด็ ใหแหง 3. ควรสวมเสอื้ ท่สี ะอาด โดยเฉพาะอยา งยง่ิ กางเกงในตองสะอาด ไมค บั ไม หลวมเกินไป และควรเปลีย่ นทกุ วนั 4. รกั นวลสงวนตัว ไมค วรมเี พศสมั พนั ธก อนแตง งาน 5. ไมควรใชย ากระตุนหรือสารเคมีตออวยั วะเพศ 6. การใชสวมเพือ่ การขับถาย ควรคาํ นึงถงึ ความสะอาดและถูกสุขลกั ษณะ 7. ควรทาํ งานอดิเรก หรือออกกาํ ลังกายเสมอเพื่อเบนความสนใจทางเพศ

51 8. ในยามทม่ี ีประจําเดือนควรเตรียมผา อนามัยไวใหเพยี งพอ และเปลี่ยนอยู เสมออยา ปลอยไวน าน 9. ในชวงมีประจําเดือนไมควรออกกําลังกายท่ีผาดโผนและรุนแรง ควร ออกกาํ ลงั กายเพียงเบา ๆ และพกั ผอนใหเ พียงพอ 10. ควรจดบันทึกการมีประจําเดือนไว ถาประจําเดือนมาชาหรือเร็วบาง เลก็ นอยถอื วา ปกติ ถา ประจําเดือนมาชา หรือเร็วกวา ปกติ 7-8 วนั ข้นึ ไป ควรไปปรึกษาแพทย 11. ในชว งมปี ระจําเดือน ถามีอาการปวดทอ งควรใชกระเปาน้ํารอนมาวาง ที่ทอ งนอ ย เพอ่ื ใหค วามอบอุน และอาจรับประทานยาแกปวดไดบ าง 12. ถามีอาการผิดปกติทางรางกายในชวงมีประจําเดือน เชน ปวดทองมาก หรอื มีเลือดไหลออกมา ควรรบี ไปปรึกษาแพทยท ันที 13. ระวังอยา ใหอ วัยวะเพศกระทบกระแทกแรง ๆ 14. ถาหากมีการเปลย่ี นแปลงท่ผี ดิ ปกตขิ องอวัยวะเพศ ควรไปปรกึ ษาแพทย เร่ืองท่ี 2 การเปลย่ี นแปลงเมอ่ื เขาสูวยั หนมุ สาว 1. พัฒนาการทางเพศและการปรบั ตัวเมอ่ื เขาสูวยั รุน วยั รุนจะมีการเปลี่ยนแปลงทางรางกายอยางรวดเร็ว และมีพัฒนาการทางเพศควบคู กันไปดวย โดยเพศชายและเพศหญิงจะมีความแตกตา งกนั 1.1 การเปล่ียนแปลงทางรา งกายของเพศหญิง การเขาสูชว งวัยรนุ ของเดก็ หญิงจะเกดิ ข้นึ เรว็ กวาเด็กชาย คือ จะเร่ิมข้ึนเม่ืออายุ ประมาณ 11-13 ป ตอมใตสมองจะผลิตฮอรโ มนที่ไปกระตุนการเจริญเตบิ โต และกระตนุ การทํางานของ รังไขใหสรางเซลลสืบพันธุและผลิตฮอรโมนเพศหญิง ในชวงนี้วัยรุนหญิงจะมีการเจริญเติบโตอยาง รวดเรว็ สว นสูงและนําหนกั เพ่มิ มากข้นึ อวัยวะเพศโตข้ึน มีขนข้ึนบริเวณหัวเหนาและรักแร เอวคอด สะโพกผายออก เตานมโตขึ้น อาจมีสิวข้ึนตามใบหนา สวนมดลูก รังไข และอวัยวะท่ีเก่ียวของ เจรญิ เตบิ โตขึ้น เริ่มมปี ระจําเดอื น ซง่ึ ลกั ษณะการมีประจําเดือนในเพศหญงิ จะเปนการบงบอกวา วัยรนุ หญิงไดบรรลวุ ฒุ ิภาวะทางเพศแลว และสามารถตั้งครรภไ ด การมีประจําเดอื น (menstruation) เปน ปรากฏการณต ามธรรมชาติท่ีเกิดใน เพศหญิงเม่ือยางเขาสูวัยรุน โดยรังไขจะสรางฮอรโมนและผลิตไข ปกติไขจะเจริญเติบโตและสุก เดอื นละ 1 ฟอง สลับกนั ระหวางรังไขซา ยและขวา เมื่อไขสุกจะหลุดออกจากรังไขแลวถูกพัดพาเขา ไปในทอ รงั ไขห รอื ปก มดลกู เพ่อื รอรบั การผสมจากตวั อสจุ ิของเพศชาย ในขณะเดยี วกันฮอรโ มนเพศ หญงิ ท่ผี ลติ จากรงั ไขแ ละสงไปตามรางกาย จะทาํ ใหเกดิ การเปลี่ยนแปลงของเยื่อบุมดลูก โดยในชวง สัปดาหแรกของรอบเดือน ผนังมดลูกจะหนามากท่ีสุด มีหลอดเลือดมาเลี้ยงมากมาย เพื่อ เตรียมพรอมทจ่ี ะรบั การเกาะฝง ของไขทีไ่ ดรับการผสมจากตัวอสุจิ ถา หากไขไมไดรบั การผสม เย่ือบุ

52 มดลูกกจ็ ะคอ ย ๆ หลุดออก หลอดเลอื ดบรเิ วณเย่อื บุมดลูกก็จะลอกหลุดและฉีกขาด ทําใหเลือดไหล ออกทางปากมดลกู ผา นชอ งคลอดออกสภู ายนอก เรยี กวา ประจาํ เดอื น อาการเมือ่ มีประจําเดือน กอนมีประจําเดือน บางคนอาจมีอาการบางอยาง เกิดขนึ้ ได เชน ปวดศรษี ะ ทองอืดเฟอปวดเมื่อกลามเนื้อบริเวณหลังและบั้นเอว เตานมตึงและเจ็บ หงุดหงดิ งา ย อารมณไมปกตหิ รือเบอื่ อาหาร คลนื่ ไสอาเจียน ขอ ควรปฏบิ ัตขิ ณะมปี ระจาํ เดอื น คอื ใชผาอนามัยอยางถูกวิธี และลางมือ ใหสะอาดทกุ คร้งั นอกจากนี้ขณะมปี ระเดอื น บางคนมอี าการบางอยา งดังกลา วขา งตน และอาจมีการ ปวดทองนอยเพมิ่ ดวย ซง่ึ เปนอาการปกติท่ีจะหายไปเองเมื่อประจาํ เดือนหยุด หากมีอาการผิดปกติท่ี รุนแรง เชน ปวดทองมากขณะมีประจําเดือน มีประจําเดือนนานเกิน 7 วัน หรือประจําเดือนมา คลาดเคล่อื นจากปกตมิ าก ควรปรกึ ษาแพทยโดยเฉพาะสตู นิ รแี พทย ผาอนามัยควรเปลี่ยนบอย ๆ อยางนอยวันละ 2-3 คร้ัง และทุกคร้ังหลัง อาบนํา้ หรอื หลงั ถา ยอุจจาระ รกั ษาความสะอาดของรางกายและเสื้อผาที่สวมใส ไมใชเสื้อผารวมกับ ผูอ ่นื ออกกาํ ลงั กายใหน อ ยลงกวาปกติ พักผอ นใหเพียงพอ ทาํ จติ ใจใหรา เรงิ แจมใส ถามีอาการปวด ทอ งนอยมากใหน อนควาํ่ แลว ใชห มอนรองใตทองนอยประมาณ 15-20 นาที ประจําเดือนจะออกไดดี และชว ยใหทุเลาปวด อาจไมจาํ เปนตอ งใชย าแกปวด ควรรบั ประทานยาแกป วดหากมอี าการปวดมาก ถา ปวดทองรุนแรงมากหรือมีเลือดออกมากผิดปกติควรรีบปรึกษาแพทย และขณะมีประจําเดือนไม ควรอาบน้ําแบบแชในแมนํ้าลําคลอง อางน้ําในบานหรือสระวายนํ้า เพราะเช้ือโรคในน้ําอาจเขาสู โพรงมดลูกได เน่อื งจากปากมดลูกจะเปด เลก็ นอ ย จึงควรอาบนํ้าแบบตกั หรือใชฝก บัว 1.2 การเปล่ยี นแปลงทางรา งกายของเพศชาย เด็กชายจะเร่ิมเขาสูวัยรุนเมื่ออายุประมาณ 13-15 ป ตอมใตสมองจะผลิต ฮอรโมนท่ีไปกระตุนใหรางกายเจริญเติบโต และกระตุนใหอัณฑะผลิตเซลลสืบพันธุและฮอรโมน เพศชายมีการเปลยี่ นแปลงของรา งกายทเี่ ห็นไดช ัดโดยเฉพาะความสงู และนา้ํ หนกั ตวั ทเี่ พิม่ ขึ้น แขนขา ยาวเกง กา งไหลก วา งออก กระดูกและกลามเนื้อแข็งแรงขึ้นและมีกาํ ลงั มากขน้ึ เสียงแตก นมแตกพาน มีหนวดเครามีขนข้ึนที่หนาแขง รักแร และบริเวณอวัยวะเพศ บางคนอาจมีสิวข้ึนบริเวณใบหนา หนาอก หรอื หลงั อวัยวะเพศโตข้นึ และแข็งตวั เม่ือมีความรูสกึ ทางเพศหรือถูกสัมผัส และมีการหลั่ง นา้ํ อสจุ หิ รือน้ํากามออกมาในขณะหลับ (ฝนเปย ก) ซึ่งเปนอาการทบ่ี ง บอกวาไดบ รรลวุ ฒุ ภิ าวะทางเพศ แลว และยงั หมายถึงการมคี วามสามารถทจี่ ะทําใหเ พศหญิงเกิดการตง้ั ครรภไดอ กี ดว ย การฝน เปยก (wet dream) เปน ปรากฏการณต ามธรรมชาตทิ ี่เกิดในเพศชาย กลา วคอื ในดา นรางกายลูกอณั ฑะจะทําหนาท่สี รางฮอรโมนเพศชายและตวั อสุจิ โดยจะเกบ็ สะสมไวท ่ี ถุงเก็บนํ้าอสจุ ิ ในดานจติ ใจและอารมณ ฮอรโมนเพศจะมีผลทําใหวยั รนุ เร่ิมมคี วามรูสึกทางเพศ และ

53 สนใจเพศตรงขาม เมอื่ รา งกายมีการผลิตนํ้าอสุจิเก็บไวมากข้ึน ประกอบกับจิตใจและอารมณมีการ เปลยี่ นแปลงดงั กลาว จะมผี ลทาํ ใหเ กดิ ความตึงเครียดของประสาท ในขณะหลับอาจฝน จินตนาการ เกีย่ วกบั เรอ่ื งเพศหรือเรอ่ื งท่ีหวาดเสียว สง ผลใหถุงเก็บนา้ํ อสุจริ ดั ตวั ทาํ ใหต ัวอสุจิและน้ําหลอเล้ียงถูก บีบเขาสูทอปสสาวะและขับเคล่ือนออกมาภายนอกโดยอัตโนมัติ ซึ่งเรียกอาการที่เกิดข้ึนนี้วา ฝน เปย ก ซ่ึงนบั วา เปนการผอนคลายความตงึ เครยี ดทางจติ ใจและอารมณทางเพศตามธรรมชาติ จึงไมถือ วา ผดิ ปกตแิ ตอ ยางใด 1.3 ตอมไรทอทม่ี ีอิทธิพลตอ การควบคุมพฒั นาการทางเพศ ตอมไรทอท่ีมีอิทธิพลตอการเจริญเติบโตและพัฒนาการของวัยรุนท่ีสําคัญ ไดแก ตอมใตสมองหรือตอมพิทูอิทารี (Pituitary gland) ตอมเพศ (Gonads) ตอมไทรอยด (thyroid gland) และตอมหมวกไต (adrenal or suprarenal glands) ซ่ึงตอมไรทอแตละตอมสงผลตอการเจริญเติบโต และพฒั นาการของวัยรุน 1.4 อารมณท างเพศ (sexuality) หรอื ความตองการทางเพศ (sexusl desire) ในที่น้จี ะหมายถึง ความรสู ึกของบุคคลทีม่ ผี ลมาจากสิ่งเรา ภายในหรือสงิ่ เรา ภายนอก ท่เี ปนปจจยั ทม่ี ากระตุนใหเกดิ ความรูสกึ ทางเพศขึ้น โดยมีระดับความแตกตางมากนอยตา งกัน ขึน้ อยู กบั ความสามารถในการควบคมุ อารมณแ ละพ้ืนฐานทางดา นวฒุ ิภาวะของแตละบคุ คล จากความหมายดังกลา วจะเหน็ ไดวา สิ่งเราภายในและสิง่ เรา ภายนอกเปนปจจยั สําคัญ ที่จะสงผลใหอารมณและอารมณทางเพศเกิดข้ึน และเมื่อวิเคราะหในประเด็นที่เก่ียวของกับ ความสําคญั ของอารมณท างเพศกับวยั รนุ แลว สรปุ ประเดน็ ทีส่ ําคัญได ดังนี้ 1) อารมณทางเพศถือวาเปนสัญชาตญาณในการดํารงเผาพันธุของมนุษยที่ เกดิ ข้นึ ตามธรรมชาติ เปน ตัวบง ช้ปี ระการหน่งึ ทแี่ สดงใหเ ห็นถึงความสมบูรณข องพัฒนาการทางดาน รางกาย จิตใจ และอารมณข องวยั รนุ ทก่ี า วเขาสชู วงของวัยเจรญิ พนั ธมุ ากขน้ึ 2) ปจจุบนั ส่อื หลายรูปแบบท่ปี รากฏอยใู นสงั คมมีสวนชวยกระตนุ แรงขบั ทาง เพศ (Sex drive) ของวยั รุนใหเ กิดอารมณทางเพศไดงายขึ้น การนาํ เสนอภาพหรือขอความที่เกี่ยวของ กับเรื่องเพศผา นส่อื ตาง ๆ เปน ปจ จยั หนง่ึ ที่ยั่วยุใหว ยั รนุ เกิดอารมณทางเพศท่เี สยี่ งตอการมเี พศสัมพันธ ไดงายและเร็วขึน้ โดยส่ือตาง ๆ เหลานอ้ี าจอยใู นรูปแบบของหนังสือหรอื ภาพยนตรบางประเภท รวม ไปถึงขอมูลทไี่ ดจากการสบื คน ดวยระบบอนิ เทอรเน็ต ซ่ึงผลกระทบจากอารมณท างเพศในแงลบจะมี มากยิง่ ขึ้น หากวัยรุนขาดความรคู วามเขา ใจในแนวทางการควบคุมอารมณท างเพศอยา งถกู ตอ ง จนใน ทีส่ ุดอาจนาํ ไปสพู ฤติกรรมเสีย่ งตอการมเี พศสมั พันธโดยไมตั้งใจ และนาํ มาสูปญหาตาง ๆ ในสงั คมท่ี เก่ยี วขอ งกับพฤตกิ รรมทางเพศที่ไมเหมาะสมของวัยรุนได 3) อารมณทางเพศของวัยรุนหากขาดวิธีการควบคุมที่ถูกตอง จะนําไปสู ปญหาพฤติกรรมทางเพศท่ีไมเ หมาะสมของวัยรุน มากขนึ้ วยั รุนแมจะเปน วัยทม่ี แี รงขบั ทางเพศสูงกวา

54 ทุกวัย และพรอมท่ีจะมีเพศสัมพันธหรือมีบุตรไดก็ตาม แตสังคมและวัฒนธรรมของไทยก็ยังไม ยอมรับท่ีจะใหวัยรุนชาย-หญิง แสดงพฤติกรรมทางเพศที่ไมเหมาะสมดังกลาว โดยเฉพาะการมี เพศสมั พนั ธจ นกวา จะไดทําการสมรสหรอื ยูในชวงวัยทเ่ี หมาะสมอารมณทางเพศท่ีเกิดขึ้นในชวงการ เขาสวู ัยรุน เปนพฒั นาการอยา งหนง่ึ ทแี่ สดงใหเหน็ ถงึ ความพรอมของรางกายที่จะสบื ทอดและดาํ รงไว ซึ่งเผาพันธุ โดยมีสิ่งเราสําคัญใน 2 ลักษณะ ประกอบดวย ลักษณะของปจจัยท่ีเปนส่ิงเราภายใน (intrinsic stimulus) และลักษณะของปจจยั ทเี่ ปนสิ่งเราภายนอก (extrinsic stimulus) 1) ลักษณะของปจ จัยท่ีเปนสง่ิ เราภายใน ปจจัยท่ีเปนส่ิงเราภายใน ในท่ีนี้หมายถึง สิ่งเราซึ่งเปนผลที่เกิดจาก กระบวนการเปล่ียนแปลงตา ง ๆ ที่เกิดข้ึนในรางกาย โดยไดรับอิทธิพลมาจากการทํางานของระบบ ตอมไรทอ ซึ่งผลิตฮอรโมน ออกมาเพื่อกระตุนใหรางกายมีการพัฒนาอยางเปนระบบตอเนื่อง ฮอรโมนเพศเปนปจจัยภายในท่ีสําคัญที่เปนส่ิงเราใหวัยรุนมีพัฒนาการของอารมณทางเพศเกิดขึ้น และนําไปสกู ารเกิดความตองการทางเพศตามชวงวัย ในเพศชายฮอรโมนที่เปนปจจัยสําคัญในเร่ือง ดังกลา ว คอื ฮอรโ มนเทสโทสเตอโรน สว นในเพศหญิง คือ ฮอรโมนเอสตราดิโอล และ ฮอรโมน ฟอลลิควิ ลาร 2) ลักษณะของปจจัยท่เี ปน ส่งิ เราภายนอก ปจจัยท่ีเปนสิ่งเราภายนอก ในท่ีน้ีหมายถึง สภาพแวดลอมภายนอกตาง ๆ ที่ สามารถกระตนุ หรอื ยัว่ ยุใหผ ูทร่ี บั รู หรอื ไดร บั การถายทอดเกดิ ความรสู กึ ท่ีเกิดเปนอารมณทางเพศข้ึน ประกอบดว ย สอ่ื รปู แบบตาง ๆ ที่กระตุนหรือยั่วยุใหวัยรุนเกิดอารมณทางเพศ ปจจุบันมีส่ือ หลากหลายรูปแบบโดยเฉพาะ สอ่ื ทางเพศ ไดน าํ เสนอภาพและ/หรือขอ ความทเ่ี กย่ี วกบั เพศ ซ่ึงมักจะ นําไปสูการกระตุนหรือยั่วยุใหผูรับส่ือโดยเฉพาะในวัยรุน ความหลากหลายของสื่อในลักษณะ ดงั กลา วทาํ ใหม ีผเู ปรยี บเปรยสื่อตาง ๆ เหลาน้เี ปน สนิ คา เพศพาณิชย ซงึ่ นบั วันจะมีการผลติ และนาํ มา เผยแพรใ หเ หน็ เพม่ิ มากขน้ึ สภาพทางสังคมและวัฒนธรรมที่เปล่ียนไป ปจจุบันเปนที่ยอมรับกันอยาง หน่ึงวา สภาพทางสังคมและวัฒนธรรมไทยไดเปลี่ยนไปจากเดิม นับตั้งแตที่มีการรับวัฒนธรรม ตะวนั ตกเขาสสู งั คมไทย กอ ใหเ กิดการเปลย่ี นแปลงข้ึนหลายลกั ษณะ โดยเฉพาะในประเทศไทยเกิด ความเปล่ยี นแปลงทีเ่ กีย่ วขอ งกับเร่อื ง การคบเพ่ือนตางเพศของวัยรุนไทย พบวามีอิสระเพ่ิมมากขึ้น นอกจากนี้ปจจุบันสภาพของครอบครัวไทยมีการเปลี่ยนแปลงไป ผูปกครองมีเวลาใกลชิดกับบุตร หลานนอ ยลง ซ่ึงเปน ผลมาจากสภาพของภาวะเศรษฐกจิ นอกจากน้ยี ังพบวา ความมีอสิ ระของส่ือตอ การนาํ เสนอเรื่องราวท่ีเกี่ยวของกับเพศ จัดไดวาเปนส่ิงเราภายนอกท่ีสําคัญ ท่ีสามารถที่จะเราและ กระตนุ ใหว ยั รนุ เกดิ ความตองการทางเพศขนึ้ ได โดยเฉพาะหากขาดการดแู ลและการควบคมุ ที่ถกู ตอ ง เหมาะสม

55 คานิยมและพฤติกรรมท่ีไมเหมาะสมในบางลักษณะของวัยรุน ผลจากสภาพ ทางสังคมและวัฒนธรรมที่เก่ียวของกับเรื่องเพศท่ีเปล่ียนไป สงผลใหวัยรุนไทยเกิดคานิยม และมี พฤติกรรมท่ีไมเหมาะสมในหลายลักษณะ เปนตนวา คานิยมในเร่ืองการแตงกายตามสมัยนิยม (Fashion) ท่ีมากเกินควรของวัยรุน โดยไมคํานึงถึงผลกระทบท่ีอาจเกิดขึ้น เชน ลักษณะการสวม เสือ้ ผา ท่ีรัดรปู หรือเปดเผยสัดสวนรางกายของวัยรุนเพศหญิง ซึ่งการแสดงออกดังกลาวจะกระตุน และยั่วยุใหว ยั รุนชายเกิดอารมณท างเพศได นอกจากน้ียังพบวาวัยรุนมักจะมีคานิยมท่ีเกี่ยวกับความ ตองการในการแสดงออกโดยอสิ ระ เปน ตน วา การเท่ยี วเตรในเวลากลางคืน การสัมผัสรางกายของ เพศตรงขาม หรอื การจับมอื ถือแขนอยางเปดเผยในทสี่ าธารณะ การอยูตามลําพงั สองตอสอง หรือการ ไมใหค วามสําคัญในเรอื่ งการรักษาพรหมจารี ฯลฯ ซง่ึ ส่งิ ตา ง ๆ เหลานถ้ี อื วาเปนปจ จัยภายนอกที่สามารถ จะกระตุนหรอื ย่ัวยใุ หวัยรุนเกดิ อารมณท างเพศข้นึ ได ความเปลีย่ นแปลงทเ่ี กดิ ขึน้ ในขณะท่ีวัยรนุ เกดิ การ เปลีย่ นแปลงทางเพศ อารมณเพศหรือความตองการทางเพศที่เกิดข้ึนกับวัยรุน ไมวาจะเกิดจากสิ่งเรา ภายในหรือภายนอกก็ตาม มักจะทําใหเกิดการเปลี่ยนแปลงใน 2 ลักษณะสําคัญ ประกอบดวย ลักษณะการเปล่ียนแปลงที่เกิดขึ้นกับสภาพจิตใจ และลักษณะการเปล่ียนแปลงท่ีเกิดข้ึนกับสภาพ รางกาย 1) ลักษณะการเปลี่ยนแปลงทีเ่ กิดขึน้ กบั สภาพจิตใจ โดยปกติขณะทคี่ นเราเกิดอารมณท างเพศจะพบวา มีจิตนาการที่เกี่ยวของกับ เร่ืองเพศอยูในระดับหน่ึง ซ่ึงจะมากหรือนอยหรือมีความแตกตางกัน ยอมขึ้นอยูกับพ้ืนฐาน ความสามารถในการควบคมุ อารมณแ ละความรูสึกของแตละคน และโดยทั่วไปพบวา ความต่ืนเตน ทางเพศทเ่ี ปน พนื้ ฐานของการเกิดอารมณทางเพศในเพศหญิงจะเกิดไดชากวาเพศชาย อยางไรก็ตาม ท้งั เพศชายและเพศหญงิ เมอื่ เกดิ อารมณทางเพศขนึ้ หากความสามารถในการควบคุมอารมณและการ จดั การในเรื่องดงั กลาวไมดีพอ กม็ กั จะสงผลใหเ กดิ ปญ หาทางดานสขุ ภาพจติ ขน้ึ ได โดยเร่ิมจากภาวะ ทางดา นจติ ใจที่เกิดความเครยี ดขน้ึ แลว นาํ มาสภู าวะของความวิตกกังวลท่ีเกี่ยวของกับเรื่องเพศ จน อาจนําไปสูก ารขาดความเช่ือม่ันในตนเองได 2) ลกั ษณะการเปลีย่ นแปลงทเี่ กิดขึน้ กับสภาพรา งกาย ขณะท่ีสภาพจติ ใตมีการเปล่ียนแปลงและแสดงออกถึงความตองการทางเพศ ปฏกิ ิรยิ าของรางกายท่ีแสดงใหเห็นถึงภาวะความเปล่ียนแปลงดังกลาวของรางกายจะเห็นไดชัดเจน มากข้ึน โดยเฉพาะรางกายท่แี สดงใหเ ห็นถึงภาวะความเปล่ียนแปลงดังกลาวของรางกาย จะเห็นได ชัดเจนมากขึ้น โดยเฉพาะบริเวณอวัยวะเพศท่ีมีการไหลเวียนของเลือดที่สงมามากขึ้น สงผลให อวยั วะเพศเกิดการขยายตวั เพศชาย พบวา บรเิ วณองคชาตหรือลึงค (penis) จะมขี นาดเพมิ่ ขึ้นและแข็งตัว ข้นึ ผนงั ทห่ี มุ อัณฑะ (Scrotum) จะหนาขนึ้ ลูกอณั ฑะจะเคลือ่ นตัวสูงข้ึน

56 เพศหญิง พบวาบริเวณอวัยวะเพศนอกจากจะขยายตัวแลว บริเวณชองคลอด อาจมีการขับน้ําหลอล่ืนออกมา รวมท้งั กลามเนือ้ บริเวณดังกลา วยังอาจเกิดการหดรดั ตวั ขึน้ เปนระยะ นอกจากการเปลี่ยนแปลงบริเวณอวัยวะเพศแลว ผลจากการเกิดอารมณทาง เพศยังสงผลใหการสูบฉีดเลือดของหัวใจเพิ่มขึ้น ทําใหเลือดไหลเวียนเพ่ิมข้ึน เปนผลใหผิวหนัง บรเิ วณท่ีสงั เกตได มีการเปลย่ี นแปลงเปนสีแดงเพ่ิมขึน้ เชน บรเิ วณใบหนา ลําคอ อก และหนา ทอ ง นอกจากน้ี ในเพศหญงิ หัวนมและเตานมอาจมีการขยายตัวขึ้น ผลกระทบดานลบท่ีเกิดขึ้นจากการเกิดอารมณทางเพศของวัยรุน จนนํามาสู ปญหาทางสังคมท่เี หน็ ไดชดั อีกประการหน่ึงในปจจุบัน คือ การมีพฤติกรรมทางเพศที่ไมเหมาะสม ของวัยรนุ ซึ่งนํามาสูป ญหาตาง ๆ ตามมา เปนตน วา การเกิดปญหาการต้ังครรภที่ไมพึงประสงคใน วัยรุน การเกิดปญ หาการติดโรคทางเพศสัมพันธและโรคเอดสในวัยรุน โดยปญหาเหลาน้ีถือวาเปน ผลกระทบท่ีสืบเน่ืองมาจากการเกิดอารมณทางเพศของวัยรุนที่ไมไดรับการควบคุมและจัดการท่ี ถูกตองเหมาะสม ซึ่งผลกระทบดังกลาวถือไดวาเปนปญหาทางสังคมท่ีสําคัญอีกประการหนึ่งใน ปจจุบนั แนวทางในการจดั การกบั อารมณทางเพศของวยั รนุ การจัดการกับอารมณทาง เพศของวัยรุนมีแนวทางการปฏบิ ตั ทิ ่ีสาํ คัญอยู 2 ลักษณะ ประกอบดว ย แนวทางการปฏิบัติเพ่ือระงับ อารมณท างเพศ และแนวทางการปฏิบตั ิเพอื่ ผอนคลายความตอ งการทางเพศ 1) แนวทางการปฏิบตั ิเพอ่ื ระงับอารมณท างเพศ แนวทางการปฏบิ ตั เิ พอ่ื ระงบั อารมณท างเพศ หมายถงึ ความพยายามในการท่ี จะหลกี เลย่ี งตอ สง่ิ เรา ภายนอกที่มากระตุนใหอ ารมณทางเพศมีเพ่ิมมากข้ึน แนวทางในการปฏิบัติ มี ดังนี้ หลีกเลีย่ งการดหู รอื อา นขอ ความจากสื่อตา ง ๆ ทีม่ ีภาพหรือขอความที่สามารถ ยั่วยุใหเกิดอารมณทางเพศ เชน การดูหนังสือ หรือภาพยนตร หรือสื่ออินเทอรเน็ตที่มีภาพหรือ ขอ ความที่แสดงออกทางเพศ ซ่ึงเปน การยว่ั ยุใหเกิดอารมณท างเพศ หลีกเลี่ยงการปฏิบัติหรือการทําตัวใหวางหรือปลอยตัวใหมีความสบายเกินไป เชน การนอนเลน ๆ โดยไมหลบั การน่งั ฝนกลางวนั หรอื นัง่ จิตนาการที่เก่ียวของกับเรื่องเพศ การอยู ในสภาพของบรรยากาศท่ีมีแสงสเี สยี งทกี่ อหรือปลุกเราใหเกดิ อารมณท างเพศ อยางไรก็ตาม แมในทางจิตวิทยาและในทางการแพทยจะมีความเห็นท่ี สอดคลอ งกนั วา การบําบดั ความใครดว ยตนเองโดยท่วั ไปจะไมก อใหเกดิ ความผดิ ปกติท้ังทางรางกาย และจิตใจ แตก ไ็ มควรปฏิบัตบิ อยจนเกิดความหมกมุนตอเร่ืองดังกลาว ซึ่งจะกอใหเกิดเปนลักษณะ นิสัยซง่ึ อาจสง ผลลบตอ บุคลกิ ภาพและความเขม แขง็ ทางดานการควบคุมอารมณที่ดีได ดังน้ัน หากมี ความจําเปนและไมสามารถท่ีจะหลีกเล่ียงการปฏิบัติในเร่ืองดังกลาวได ควรระลึกและคํานึงถึง หลกั การปฏบิ ตั ทิ ่เี กี่ยวขอ งใน 3 ลกั ษณะท่สี ําคญั คือ ตองคํานึงในหลักของความสะอาดเปนพื้นฐาน

57 ตอ งคาํ นงึ ถงึ สถานทใ่ี นการปฏบิ ตั ิ คอื ตอ งมคี วามเปน สว นตัว ไมประเจดิ ประเจอ และตอ งไมป ฏิบัติ ดวยวธิ ีการที่รนุ แรง ซึ่งอาจกอ ใหเ กดิ บาดแผล หรอื มีการอักเสบ หรอื ตดิ เช้อื ได 1.5 การปรับตวั ทางเพศเมอื่ เขาสวู ัยรุน เม่ือเขาสูวัยรุน เพื่อชวยใหสามารถปรับตัวไดอยางถูกตองและเหมาะสมกับ เพศของตนดียง่ิ ขนึ้ วยั รนุ ควรมแี นวทางในการปฏิบัติ ดงั น้ี 1) ศกึ ษาใหเ ขาใจถึงการเปล่ียนแปลงทางเพศของรางกายและจิตใจ เมื่อยาง เขา สวู ยั รุน เราจะสงั เกตเห็นวา มกี ารเปลีย่ นแปลงเกดิ ขึน้ ในตวั เราหลายอยาง บางอยางก็อาจทําใหเรา ไมส บายใจ เชน วัยรุนชายบางคนไมอยากพูดคุยกับเพ่ือนเพราะอายท่ีเสียงแตกพรา สําหรับวัยรุน หญงิ ท่ีมีประจาํ เดือนเปนครั้งแรกอาจมคี วามรสู ึกกงั วลและมีอาการตาง ๆ เกิดข้ึน แตถาหากไดศึกษา และทาํ ความเขาใจเก่ียวกับสภาพการเปลี่ยนแปลงดังกลาว จะทําใหเขาใจและสามารถปฏิบัติตนได อยางถูกตอ ง 2) ปรับตวั เขากับเพื่อนตางเพศใหเ หมาะสม วัยรุน เปน วัยทมี่ ีการเปล่ียนแปลง ทางเพศหลายอยางท้ังชายและหญงิ เรมิ่ มีความสัมพันธก นั ทางสังคมมากขึ้น ทําใหชายและหญิงตางมี ความสนใจในเพื่อนตางเพศมากขึ้น การคบเพ่ือนตางเพศไมใชสิ่งเสียหาย แตตองปฏิบัติตนอยูใน ขอบเขตท่เี หมาะสมและรูจ ักมารยาทที่ควรปฏบิ ัตติ อกัน ดงั นี้ ฝายชาย ควรใหเกียรติฝายหญิง ไมเก้ียวพาราสีหรือฉวยโอกาส มีความ บริสทุ ธใิ์ จ และควรใหค วามชวยเหลอื ฝายหญิง เชน ชวยถือของ สละที่น่ังให ไมแสดงกิริยาวาจาท่ี ไมเ หมาะสม เชน พูดจาหยาบโลน หรือใชก าํ ลังรุนแรง เปนตน ฝายหญิง ควรวางตัวใหเหมาะสม สงวนตัว ไมอยูในท่ีรโหฐานกับเพศตรง ขามตามลําพัง ไมไปในที่เปล่ียว แตงตัวสุภาพ ไมแสดงกิริยาวาจาที่ไมเหมาะสม เชน สงเสียงดัง หรือ กลา วคําผรสุ วาท เปน ตน แสดงความมนี าํ้ ใจและใหเกยี รติฝา ยชาย 3) ควรรีบปรกึ ษาผูใหญเ ม่ือมปี ญหาหรือมีอุปสรรคใด ๆ เกี่ยวกับเร่ืองเพศ วัยรุน สว นมากมักจะมีความวิตกกงั วลในเรอ่ื งตา ง ๆ เกี่ยวกบั การเปล่ยี นแปลงทางดา นรา งกายและจติ ใจ เมือ่ มปี ญหาเกิดขนึ้ ควรจะปรกึ ษาพอแม ครู ญาตพิ น่ี อง และผใู หญทไ่ี วว างใจ เพราะทานมปี ระสบการณ มากกวา เรา ยอมจะชวยแนะแนวทางปฏิบัติทถ่ี ูกตอ งใหแ กเราได 4) ปฏิบตั ิตามขนมธรรมเนียมประเพณีอันดีงาม โดยการเคารพเช่ือฟงผูใหญ หมั่นศึกษาเลาเรียน ไมประพฤติไปในทางชูสาวกอนเวลาอันเหมาะสม การยึดมั่นใน ขนบธรรมเนียมประเพณีอันดงี ามจะชว ยเตอื นใจใหเราปฏิบตั ิในทางทถี่ ูก 2. วยั รุนกับการคบเพื่อน วัยรุนเปนวัยที่ใหความสําคัญกับเพ่ือนและตองการใหตนเองเปนท่ีนิยมชมชอบใน กลมุ เพื่อน การมเี พ่ือนท่ีดจี ะทาํ ใหว ัยรุน มผี ูท คี่ อยรวมทุกขรวมสุข ปรับทุกข ชี้แนะแนวทางในการ

58 แกไขปญหาอยา งถกู ตอ ง แตถาวยั รนุ คบเพื่อนทไ่ี มดีก็จะชกั นําไปสูท างทไ่ี มดี วัยรุนจึงควรรูจักเลือก คบเพอื่ นท่ีดแี ละสรา งความสมั พนั ธท ี่ดีกบั เพ่อื น ซึ่งจะชวยใหสามารถปรับตัวใหเ ขากับสงั คมไดตอไป 2.1 หลกั การคบเพือ่ น ควรมีหลักปฏิบัติในการคบเพ่ือน คือวัยรุนควรพิจารณากลุมเพ่ือนที่คบวามี ความประพฤติเปนอยางไร ถาเพื่อนคนใดประพฤติตนในทางไมดี ก็ควรแนะนําและชักจูงใหเขา ประพฤติในทางที่ดี รจู ักปฏเิ สธและไมห ลงเชื่อคําชักชวนหรือปฏบิ ตั ิตามเพ่ือนที่มีความประพฤติไมดี เชน ชวนใหห นีเรยี นเที่ยวกลางคืน เลน การพนัน เสพสารเสพตดิ เปนตน โดยในการพูดปฏิเสธนั้น ใหปฏิบตั ิดังนี้ พดู ดว ยน้ําเสียงหนกั แนน ม่นั คง ควรบอกความรสู ึกดกี วาบอกเหตผุ ลหรอื ขออา ง เพราะความรูส กึ เปน เรอ่ื งสวนตัวของแต ละบุคคล ถาบอกเหตุผลหรือขออาง เพ่ือนอาจจะนําเหตุผลอ่ืนมาลบลางใหปฏิเสธไมได และรูจัก แนะนําและชักชวนเพ่ือนปฏิบัติกิจกรรมที่ดีและมีประโยชน เชน เลนกีฬา เลนดนตรี เรียน ภาษาตางประเทศ เรยี นคอมพิวเตอร เขารวมในกิจกรรมพัฒนาตาง ๆ ในชุมชน เปนตน โดยเลือก ตามความสนใจและความเหมาะสมของตนเอง จะไดเปนการใชเ วลาวา งใหเ กดิ ประโยชน 2.2 หลกั ทั่วไปในการผกู มติ ร หลกั ทั่วไปในการผูกมติ ร มีแนวทางในการปฏบิ ัติ ดังน้ี 1) รจู ักยอมรบั คาํ ติชม เชน รับฟง ความคดิ เหน็ หรอื คาํ วิพากษวจิ ารณของผอู นื่ เก่ียวกับตวั เราเองดวยความเตม็ ใจ เปน ธรรม ไมล าํ เอยี งเขา ขา งตนเอง และสามารถควบคมุ อารมณไ ด 2) รูจักอารมณขัน มองโลกในแงดี และควรเปนคนย้ิมงาย เปน บุคลกิ ลักษณะท่ีดแี ละเปนเสนหทท่ี ําใหผ พู บเห็นหรือคบคาสมาคมดว ยรสู ึกชมชอบ เกิดความสุขและ ความสบายใจ นับวาเปน สง่ิ สําคัญยง่ิ อยา งหน่ึงทจ่ี ะนาํ ไปสูการตอ นรับและความรวมมอื ทีด่ ี 3) รูจักออนนอมถอมตน ไมคุยโออวดความสามารถของตน ไมพูดจาดูถูก หรือยกตนขมผูอน่ื และรูจักยอมรับขอ บกพรอ งหรือความดอ ยของตนในดา นตาง ๆ 4) รูจักรับผิดชอบตอหนาที่ เชน หนาท่ีสําคัญของนักเรียนคือเรียน ครูมี หนา ทใี่ หก ารศึกษาอมรมแกนักเรยี น นกั ศึกษา 5) รูจักประนีประนอม เม่ือเกิดปญหาหรืออุปสรรคข้ึน ควรจะมีการ ประนีประนอมหรือรอมชอมกัน ซึ่งเปนวิธีการหน่ึงที่คนเราอาจตกลงกันไดอยางยุติธรรมและมี เหตุผล 6) รูจักเอาใจเขามาใสใจเรา ใหคิดเสมอวาอะไรก็ตามท่ีเราเองไมชอบ ไม ตองการใหผอู น่ื กระทําตอเรา กจ็ งอยา กระทาํ สงิ่ นนั้ ตอบุคคลอ่ืน และถาตองการใหบุคคลอ่ืนกระทํา สิง่ ใดตอ เราก็จงกระทําสง่ิ นนั้ ตอเขา 7) รูจักใหกําลังใจคนอ่ืน เชน ยกยองใหเกียรติ ใหกําลังใจผูอื่นดวยการ ชมเชย รูจักแสดงความชืน่ ชมยินดีตอความสําเร็จของเพอื่ นรวมหอง เพอื่ นรวมงาน เปนตน

59 8) รจู กั ไววางใจคนอ่นื คอื รูจกั ไวเน้ือเช่อื ใจคนอนื่ บา งตามสมควร เพราะคน อ่ืนอาจมีความดอยเกินไปในดานตาง ๆ ไดเชนเดียวกับเรา นอกจากนี้บางคร้ังการประเมินคา ความสามารถของผูอน่ื ดอ ยเกินไป อาจนํามาซง่ึ ความผิดหวังไดดวย 9) รูจักรวมมือกับคนอ่ืน เชน การใหความรวมมือกับหมูคณะในการ ประกอบกจิ กรรมตาง ๆ ของสวนรวมดวยความเต็มใจ เพราะผูที่เห็นแกตัวหรือเอาแตไดยอมเปนที่ รงั เกียจของสังคม 10) รูจักเคารพสิทธิของผูอื่น เชน ไมควรใชทรัพยสิ่งของของผูอื่นโดย พลการ ไมกา วกา ย หรือละเมิดสิทธซิ ง่ึ เปนผลประโยชนอันชอบธรรมของผอู นื่ 2.3 หลกั ในการสรางเสรมิ ความสมั พนั ธอ นั ดกี ับกลมุ เพอื่ น หลกั ในการสรา งเสริมความสมั พนั ธอนั ดีกบั กลมุ เพ่อื น มีแนวทางปฏบิ ตั ิ ดงั น้ี 1) รูจ กั ตนเองและรูจ ักคนอน่ื วยั รนุ ตอ งมคี วามเขา ใจในความตองการของตน และของเพื่อนยอมรับสภาพความเปน จรงิ ของตน และยอมรบั ความแตกตางในตวั เพ่ือนกับตัวเอง ไม อจิ ฉาริษยาเพ่อื นท่มี ฐี านะดีกวา หรือมีความสามารถมากกวา และไมยกตนขมทานหรือดูถูกเหยียด หยามเพ่ือนท่ีดอยกวา ตน แตใ หย ินดีกบั ความสําเร็จของเพ่ือน และคอยชว ยเหลอื สนบั สนุนเพื่อนหาก มโี อกาส 2) มมี นุษยส มั พนั ธท่ีดี รูจกั พดู รูจักฟง เรยี นรูที่จะพูดเรื่องตาง ๆ ในจังหวัด ทเ่ี หมาะสม เปดโอกาสใหเ พอ่ื นไดแสดงความคิดเห็น และรบั ฟงความคดิ เหน็ ของเพื่อน เอาใจใสใน ตัวเพ่ือน และใหความสําคัญกับเพื่อนดวยความบริสุทธ์ิใจ ตลอดจนมีความซ่ือสัตยและจริงใจตอ เพ่อื น 3) การมองโลก ใหมองในแงทีเ่ ปน จริง ไมม องในแงดีจนเกินไป อันอาจถูก หลอกลวงและคดโกงได แตไมมองคนในแงรา ยจนเกินไป อันจะทําใหเปน คนใจแคบ ไมร ูจกั การให อภยั 4) มนี ํ้าใจเปนนักกีฬา ยอมรบั ผดิ เม่อื รวู าตนผิด ปฏิเสธในสิ่งที่ตนไมสามารถ ทําได เม่ือใหส ัญญาอยา งไรไวก บั ใครกต็ องพยายามทาํ ตามสัญญานัน้ ใหด ที ส่ี ุด นอกจากนี้ยังตองรูจัก เสยี สละและใหอ ภัยแกเ พ่อื นเมอ่ื เกดิ ขอ ผดิ พลาด โดยทําความเขาใจถึงสาเหตุท่ีทําใหเกิดขอผิดพลาด นนั้ และรวมมอื กันปรับปรงุ แกไ ขตามสาเหตทุ เ่ี กดิ ขนึ้ ตอไป หรือสงผลมากระทบ และเมื่อเกิดอารมณขึ้นก็มักจะพบวาพฤติกรรมการ แสดงออกดังกลาว มกั มีการเปลยี่ นแปลงหรอื แตกตางไปจากสภาพเดิม ซึ่งสังเกตเห็นไดชัดเจนหรือ อาจไมช ัดเจน ทั้งนี้ขึ้นอยูกบั ความสามารถในการปรับสภาพอารมณข องแตละบุคคล

60 เรือ่ งท่ี 3 พฤติกรรมทน่ี าํ ไปสูการมีเพศสมั พนั ธ ปจจบุ นั ปญหาจากพฤติกรรมทางเพศที่ไมเหมาะสมของวัยรุนมีหลายลักษณะ เชน การมีเพศสัมพันธกอนวัยอันควร การติดเช้อื เอดสแ ละโรคตดิ ตอทางเพศสมั พันธ รวมท้งั การต้ังครรภ ทไี่ มพ ึงประสงคในวยั รนุ ทง้ั ท่ีมาจากพฤติกรรมทางเพศท่ีไมเหมาะสมโดยตรง และมาจากอบุ ัติภัยทาง เพศนบั เปน ปญ หาทางเพศของวยั รนุ ที่อยูในอนั ดับตน ๆ อยางไรกต็ าม มีวัยรุนทจี่ ับคูก นั บางคไู มม ีเพศสมั พันธกัน ซงึ่ มีสาเหตุหลายประการ เชน พอแมดแู ลเอาใจใสอ บรมส่ังสอนดี พอ แมตดิ ตามดแู ลอยางใกลชิด ไมเปดโอกาสใหทั้งคูไดอยู ในสถานการณทีเ่ ส่ียงตอการมีเพศสัมพนั ธ วยั รุนคดิ ไปขา งหนาเกิดความเกรงกลัววาจะมีปญหาตาง ๆ ตามมามากมาย มคี วามละอายใจและรูสกึ วาผิด กลัวเสียชื่อเสียง และกลัวคนอื่นจะรู ไมมีโอกาสท่ี จะไดก ระทํา มีความยบั ยั้งชัง่ ใจ เปนตน การจับคูกันนั้นสวนใหญจ ะทาํ ใหก ารเรียนแยล ง การมีครู ักไมใชสัญลักษณของการ ประสบความสาํ เรจ็ ในชวี ิต ไมใชแฟชน่ั หากวัยรุนคนใดยังไมมีคูรักก็ไมควรรูสึกวาตัวเองดอยกวา เพื่อนที่มีคนรัก ไมจําเปนท่ีจะตองคบกับใครสักคนเปนคูรัก เพียงเพราะตองการใหตนเองเหมือน เพ่อื นคนอนื่ ๆ เทานั้น ความคาดหวงั ในเรอื่ งความรักของผูหญิงและผชู ายทแ่ี ตกตางกันน้ัน เปน สิ่งท่วี ยั รุนที่ จบั คูกนั ไมควรมองขา ม เพราะจะทาํ ใหรวู าหญงิ และชายจะปฏบิ ัตติ อ คนรักตางกนั ผชู ายจะคดิ ถงึ เร่ือง การไดสัมผัส ลวงเกินจนถึงข้ันมีเพศสัมพันธ จึงเปนสาเหตุหนึ่งท่ีจะทําใหผูหญิงตองเสียความ บริสุทธิก์ อนวยั อนั ควร และมักไมค อยเต็มใจ ซึ่งวยั รุนหญงิ จะตองระวงั ใหดีในเร่อื งน้ี 1. พฤติกรรมที่เสี่ยงตอ การมเี พศสมั พันธ วัยรุนเปน วยั ทเ่ี กดิ ความเปล่ียนแปลงและพัฒนาการอยางรวดเร็วในเร่ืองเพศ บางคน จงึ เกดิ ความสนใจในเพศตรงขา ม สนใจในเร่ืองเพศ การจับคเู ปน คูรกั กนั การเกิดอารมณทางเพศ การ ดสู อ่ื ลามก การมเี พศสมั พันธกับครู กั การมีสัมพนั ธกับหญิงขายบรกิ ารทางเพศ หรอื การขายบรกิ ารทาง เพศ เม่อื เปนเชนนีผ้ ลเสยี ที่ตามมา ไดแก การมีเพศสัมพนั ธกอ นวัยอันควร ทําใหเกิดความ วิตกกงั วล เสยี การเรยี นเพราะจะสนใจการเรียนนอยลง เกดิ การต้ังครรภที่ไมพึงประสงค การทําแทง ปญ หาลูกไมมีพอ ทารกถกู ทอดทิง้ โรคติดตอ ทางเพศสมั พันธ โรคเอดส เปนตน เหตุและผลดังกลาวขา งตนน้ี มกั จะเรมิ่ จากตัวของวัยรุนเองทีม่ ีพฤตกิ รรมเสยี่ งตอการ มีเพศสมั พันธ ซ่งึ มีดงั น้ี 1. สนใจเร่ืองเพศมาก ปกตวิ ัยรนุ กจ็ ะสนใจเรือ่ งเพศอยูแ ลว เพราะเปน ธรรมชาติของ วัย แตถา หมกมนุ กับเรอื่ งนม้ี ากเกินไป และโอกาสหรือสถานการณเอ้ืออาํ นวยวยั รนุ อาจมีเพศสัมพนั ธ

61 โดยไมคดิ ไมไ ดตัดสินใจหรอื ไมไ ดวางแผนลวงหนา คือปลอ ยใหเปนไปตามความตองการและอาจไม คดิ ถึงผลกระทบท่จี ะเกดิ ขึ้นภายหลงั 2. มีความหมกมุนในเรื่องเพศ มีวยั รุนจํานวนหน่ึงโดยเฉพาะวัยรนุ ชายทหี่ มกมุนใน เร่ืองเพศมากเกินไปอาจมีการสําเร็จความใครดวยตนเองบอยคร้ัง โดยไมพยายามหลีกเลี่ยง หรือ พยายามจดั การกับอารมณท างเพศ ในผูห ญิงก็อาจมีบางแตไมมากเทาผูชาย บุคคลประเภทนี้มีความ เสี่ยงตออาการมเี พศสมั พันธ 3. ชอบถูกเนื้อตองตัวเพศตรงขาม ผชู ายมักจะยินดที ไ่ี ดถ ูกเน้ือตอ งตัวผหู ญงิ หรอื ให ผูหญงิ มาถูกเน้อื ตอ งตัวตนเอง สว นผหู ญิงทค่ี ดิ เชนเดยี วกบั ผูชายนก้ี ม็ ีบา ง การถูกเนื้อตองตวั กนั ทาํ ให เกิดอารมณท างเพศได ถามโี อกาสหรอื สถานการณท ีเ่ อ้ืออาํ นวยกอ็ าจถงึ ข้นั การมเี พศสมั พนั ธกันได เร่อื งน้ีมักจะพบเหน็ อยบู อยครง้ั ในหมูวัยรุนท่ีมักถือโอกาสถูกเน้ือตองตัวกัน ถาถูก ผใู หญด ุหรอื เตือนก็จะบอกวา เปนเพ่อื นกัน ไมคดิ อะไร ถึงแมวาจะมบี างคนทไ่ี มไดค ดิ อะไรจรงิ ๆ แต กไ็ มเ หมาะสม เพราะจะถูกมองวาเปนหญิงสาวที่ไมรักนวลสงวนตัว ใหผูชายถูกเนื้อตองตัวงาย ๆ ผูชายก็ไมเปนสุภาพบุรุษเพราะชอบหาเศษหาเลยดวยการถูกเนื้อตองตัวผูหญิง ดังน้ันนักเรียนควร ปองกนั และหลีกเล่ยี งไมใหเ กิดพฤตกิ รรมน้ี 4. คดิ วา การมีเพศสัมพันธไ มใ ชเรื่องเสยี หาย ไมว าชายหรอื หญงิ ที่คิดเชนนี้จะเปนผู ทเี่ สีย่ งตอการมเี พศสัมพันธมาก ผชู ายมกั จะคดิ เชน น้ี ซ่ึงเปนนิสัยท่ีติดตัวของผูชายมาอยูแลว แตถา ผหู ญงิ คดิ เชนน้ีดว ยก็นับวา เปน การสนับสนนุ ใหผ ูชายสมหวงั ขนึ้ จนเปน เปนปญหาสําคัญปญ หาหนึ่ง ในครอบครัวและสังคมไทย เพราะเปนความคิดที่นําไปสูการมีเพศสัมพันธกอนวัยอันควร ซึ่งจะ กอ ใหเกิดปญ หาตามมามากมาย 5. ดูสอื่ ลามก ปจจุบนั น้ีมสี ื่อลามกขายกนั มากมายตามทองตลาด วัยรนุ หลายคนรูว า แหลง ซอ้ื ขายอยทู ใี่ ด การดูสื่อลามกประเภทนท้ี าํ ใหผูด ูเกิดอารมณท างเพศ วยั รนุ เปน วัยท่ีอยากรอู ยาก ลอง เม่ือดูแลวบางคร้ังอาจอยากทดลองทําตามคูพระนางในสื่อลามกน้ัน ดังวัยรุนที่มีขาวลงหนา หนงั สอื พมิ พวา ไปขม ขืนหรือไปมั่วสุมมเี พศสัมพันธกันแลวรับสารภาพวาทําตามอยางในส่ือลามกที่ เคยดู 6. เปนคนเจาชู คนเจาชูคนท่ีชอบมีคูรักหรือสามีภรรยามากกวา 1 คน หรือมีไป เรอ่ื ย ๆ ตามความพอใจ วัยรุนท่ีเปนคนเจาชูจะมีใจกลาในเรื่องน้ี และขาดความรับผิดชอบในส่ิงท่ี ตนเองกระทาํ ไมร ักใครจริง ถาเบื่อกพ็ รอมท่ีจะทอดท้งิ บุคคลประเภทน้จี ะมีเพศสัมพันธงาย ๆ ไมคิด อะไรมาก ผหู ญงิ เปน ฝา ยท่ีตองรับภาระในสง่ิ ที่ทัง้ คูไ ดก ระทาํ ลงไป เชน เปนฝา ยตงั้ ครรภอาจตอ งไป ทําแทง หรอื ตองคลอดลูกแลว เลยี้ งลูกตามลาํ พัง เปน ตน จึงตอ งระวังคนเจา ชูและตองไมเ ปนคนเจา ชู 7. เคยมีประสบการณทางเพศมาแลว ไมวาจะเปนผูชายหรือผูหญิงที่เคยมี ประสบการณในการมีเพศสัมพันธมาแลว ในครั้งตอ ๆ ไปมันจะไมคิดมาก ใจกลาข้ึน ไมกลัว หรือไมก ็ติดใจในเพศรสจึงเปนมลู เหตทุ ่ีทําใหเ กดิ ความเส่ยี งตอ การมีเพศสัมพันธซาํ้ ไดอีก

62 8. เสพสารเสพติด ผูทีเ่ สพสารเสพตดิ จะเกิดอาการมนึ เมาเคลบิ เคลิม้ ขาดความรูสึก ผดิ ชอบช่ัวดี ครองสติไมได จงึ มักทาํ อะไรลงไปแบบไมค ดิ อะไรมากหรืองง ๆ ไมคอยรูตัว ดังขาวที่ พบเหน็ บอย ๆ วา วยั รนุ ไปจดั ปารต้ยี าอี ยาบา หรอื ไมก็ไปดื่มแอลกอฮอล พอมึนเมาเสพสารเสพติด หรือยอมมีเพศสมั พนั ธเ พ่อื แลกกบั สารเสพติดในกรณีที่ติดสารเสพตดิ แลว 9. ขาดความไตรตรอง บุคคลประเภทนี้มักไมคิดถึงผลที่จะตามมาหรือผลกระทบ หลงั การมเี พศสมั พนั ธว า จะเปน อยางไร เปนคนแกปญหาเฉพาะหนาไปวันหน่ึง ไมคิดถึงอนาคตวา เปน อยางไร ตัดสินใจโดยขาดสติ 10. อยากรอู ยากลอง วัยรนุ เปนวยั ทอ่ี ยากรอู ยากลองอยูแลว แตถาอยากรูอยากลอง เรือ่ งเพศนน้ั นบั วาเปน อนั ตราย ปจ จัยที่กระตุนใหอยากรูอยากลองนอกจากจะมาจากตนเองแลว ยัง อาจมาจากปจ จยั อน่ื ๆ เชน เพ่อื นชักชวน อา นหนังสอื ลามก 2. การหลกี เลีย่ งและปอ งกนั ตนเองจากสถานการณการเสีย่ งตอ การตั้งครรภโดยไมตัง้ ใจ มผี หู ญงิ จาํ นวนไมน อยที่ตั้งครรภโดยไมตั้งใจ ทั้งน้ีเพราะไมคาดคิดมากอนวาจะมี เพศสมั พันธกบั ผูชายซง่ึ อาจเปน ครู กั ของตนเอง เปนเพ่ือน คนแปลกหนา พอเลี้ยง หรือแมแตญาติ ของตน และไมมีการปองกันการต้ังครรภแตอยางใด ดังน้ันผูหญิงควรเรียนรูถึงการหลีกเลี่ยงและ ปองกนั ตนเองจากสถานการณเ ส่ียงตอ การตงั้ ครรภโ ดยไมต้งั ใจ ซ่ึงมีขอ แนะนําดงั น้ี 1. ในกรณีเมือ่ อยกู บั คูรกั ของตนเอง ควรปฏิบตั ดิ ังนี้ 1.1 ไมย อมใหครู กั ไดส มั ผัส จบั มอื โอบกอด ถา ถกู กระทําเชน นี้ควรแสดงทาที ไมพ อใจและปฏเิ สธการกระทําดังกลาวอยางจริงจัง มิฉะนั้นอาจนําไปสูการมีเพศสัมพันธเนื่องจาก สภาพแวดลอมเหมาะสมและเปน ใจ 1.2 ไมอยใู นทีล่ บั ตาคนสองตอ สอง เพราะคูรกั อาจจะลวงเกินเราได และย่ิงเรา มีใจชอบฝายชายดวยก็อาจจะยินยอมจนถึงข้นั มีเพศสมั พนั ธได 1.3 ไมไ ปเที่ยวกนั แบบคางคืน เพราะการคางคืนจะเปนการเปดโอกาสใหฝาย ชายลว งละเมิดทางเพศได 1.4 ไมควรดสู อ่ื ลามกโดยเฉพาะกบั ครู กั เพราะจะทําใหท้ังสองฝายเกิดอารมณ ทางเพศและนาํ ไปสกู ารมีพฤติกรรมทางเพศทไ่ี มเหมาะสม 1.5 การไปเทย่ี วในงานวันสําคญั ตาง ๆ เชน วันวาเลนไทน วันลอยกระทง วัน ข้ึนปใหม ที่เปน การเท่ียวในเวลากลางคืน แลวจะไปตอกันในสถานท่ีท่ีอาจจะมีเพศสัมพันธกันได ดงั นนั้ การไปเท่ียวกบั ครู ักในวันสําคัญดังกลา วควรระมดั ระวังตัวใหด ี ถา เราคิดวาไมนาไววางใจก็ไม ควรไปโดยหาทางปฏเิ สธอยา งนุม นวล 1.6 การไปเทยี่ วงานสงั สรรคห รอื ตามสถานบันเทิงกับคนรักควรระมัดระวังตัว ดวย เพราะอาจด่มื เครอื่ งดม่ื ท่มี แี อลกอฮอลแลว ทาํ ใหมึนเมาไมรสู ึกตวั

63 1.7 อยาใจออนถาถูกขอท่ีจะมีเพศสัมพันธดวย อยาหลงคารมเขาเปนอันขาด และไมต องกลวั เขาโกรธ รกั ษาความบริสุทธ์ิของเราดีกวา หากพลาดพลั้งไปแลวก็ควรระวังอยาให เกดิ ขึน้ อีก 2. ในกรณีเม่ืออยกู บั เพ่อื นชาย ควรปฏบิ ัตดิ ังนี้ 2.1 อยา ใหมาถูกเนื้อตองตัวโดยไมจําเปน เพราะถาวันใดท่ีเพ่ือนชายมีโอกาส ผหู ญงิ อาจพลาดทาเสียทีได 2.2 อยาไวใจใครมากนกั มเี พื่อนหลายคนทห่ี ลอกพาเพอ่ื นไปขมขืน บางรายให เพือ่ นคนอน่ื ๆ ขมขนื ดวยตามท่ีมีขาวใหพบเหน็ อยูบ อย ๆ 2.3 ไมไปเที่ยวแบบคา งคืน ถึงแมจ ะไปเปนหมูคณะก็ตองระมดั ระวัง 2.4 การไปเทย่ี วตามสถานบนั เทิงแลว กลบั ดึกอาจเปนอันตราย ถามีเพ่ือนอาสา ไปสงบานกค็ วรระวัง เพราะอาจพาไปทีอ่ น่ื ได 3. ในกรณีเม่ืออยูกบั คนแปลกหนา ควรปฏิบตั ิดังน้ี 3.1 อยาไวใ จคนแปลกหนาเปน อนั ขาด เพราะยังไมรูจักนิสัยใจคอเขาดีพอ ถา หลงเชื่ออาจถูกเขาหลอกได โดยเฉพาะถาพบกันในสถานบันเทิงเริงรมยเขาอาจจะมองเราวาเปน ผหู ญงิ ท่รี กั สนกุ คงจะมีเพศสมั พนั ธดว ยไมยาก 3.2 ไมควรเดินทางไปในท่ีเปล่ียวยามค่ําคืน เพราะมีผูหญิงถูกคนรายลักพาตัว ไปขมขนื มาหลายรายจนนบั ไมถ วนแลวในสถานการณเ ชน นี้ 3.3 อยาเชอื่ คนท่รี จู กั กนั ทางอนิ เทอรเนต็ ถงึ แมจะคยุ กันจนเหมอื นรูจักกันดีแลวก็ ตาม เพราะยงั ไมเคยเห็นหนากนั ก็ยังคงเปนคนแปลกหนา อยูด ี หญงิ สาวหลายรายท่ีถูกคนทรี่ ูจักกันทาง อินเทอรเนต็ หลอกไปขมขืน บางรายมกี ารถายรูปไวเ พอื่ ขมขแู ละตอ รองเร่อื งอืน่ ๆอกี ดวย 4. ในกรณีเม่อื อยกู ับพอเล้ียงหรือญาติ ผูห ญงิ ทีถ่ ูกคนใกลชดิ ในครอบครวั ขม ขืนนั้น มีมาก และมักไมย อมบอกใคร บางรายถกู ขมขืนมานานนับป บางคร้ังเกดิ การต้ังครรภ เพราะคนใน ครอบครวั น้นั ใกลช ิดเหน็ กนั อยูทุกวันหรือพบกันบอย ไวใจกันมาก ในเร่ืองนี้ผูหญิงควรปฏิบัติตน ดังนี้ 4.1 ใหสังเกตการณสัมผัสของบุคคลเหลานั้นวา สัมผัสดวยความเอ็นดูแบบ ลูกหลานหรอื แบบชูสาว ถา มีการสมั ผสั นาน ลูบคลํา จับตองของสงวน ตองระมัดระวงั อยา เขาใกล 4.2 ควรนอนในหอ งทีม่ ดิ ชิดใสก ลอนหรือลอ็ คกุญแจใหเรียบรอ ย 4.3 ถาบุคคลเหลาน้ันมนึ เมาอยาไวใจ เพราะทําใหขาดสติ และกระทําในส่ิงท่ี ไมคาดคดิ ได 4.4 การแตง ตัวอยูบา น การอาบน้ําตอ งกระทาํ อยา งมิดชิด อยาเปดเผยเรือนราง มากนกั เพราะอาจเปน การย่ัวยุอารมณทางเพศแกบคุ คลเหลา นัน้ ได

64 4.5 ถาถกู บคุ คลเหลา น้ันลวนลามควรบอกใหค นในบา นทราบ หรือรองตะโกน ใหผูอืน่ ชว ยเหลือ ไมต องอายเพราะเขาทาํ ไมถูกตอง ขอควรคิดเก่ียวกบั การมเี พศสมั พันธ มีผูหญิงบางคนท่ีคิดวาการมีเพศสัมพันธเปนเร่ืองปกติไมใชเรื่องผิด ไมรับรูถึง ขนบธรรมเนียมและวฒั นธรรมไทย จงึ ควรตรวจสอบตนเองวา มคี วามรบั ผิดชอบตอตนเองและสังคม เพียงใด โดยตอบคาํ ถามเหลานใ้ี หไ ดเสยี กอนทจ่ี ะคิดมเี พศสัมพันธ 1. ถายนิ ยอมมเี พศสัมพนั ธ เราจะยอมรับกับผลท่ีจะตามมาไดเพียงใด เชน คําครหา ของคนในสังคม ความกลวั คนอนื่ จะลวงรู การตัง้ ครรภ การถูกผชู ายทิ้งหลังจากไดเสียกันแลว การ เสียความบริสุทธไ์ิ ปแลวผูชายคนน้ีคอื คนทีจ่ ะเปนคชู วี ิตของเราหรือไม เปนตน 2. เมื่อเรายังไมพรอมท่ีจะมีลูกจะปองกันตนเองอยางไร รูวิธีปองกันการต้ังครรภ เพียงใด เมอื่ ปอ งกันแลว จะผิดพลาดไดห รือไม ถา พลาดมลี กู ขึน้ มาจะทําอยางไร ผูชายจะรับผิดชอบ หรอื ไม ตนเองไมอบั อายคนอ่นื ๆ หรือถา จะตอ งไปทําแทง การทําแทง มอี ันตรายเพียงใด 3. การตง้ั ครรภท ีไ่ มพงึ ประสงคในวยั รนุ การต้ังครรภท ไี่ มพงึ ประสงคในวัยรุน หมายถึง การตั้งครรภที่เกิดขึ้นในวัยรุนเพศ หญงิ ซ่งึ เปนผลสืบเนื่องมาจากการมเี พศสมั พนั ธท เี่ กิดขน้ึ โดยไมไ ดต ัง้ ใจ โดยอาจมีสาเหตสุ ําคัญมาจาก พฤติกรรมทางเพศทไ่ี มเหมาะสมของวยั รนุ หรอื อาจเกดิ จากการถกู ขมขืนกระทําชําเรา 3.1 ปญหาและผลกระทบของการตั้งครรภที่ไมพ ึงประสงคใ นวยั รนุ ปญ หาการตงั้ ครรภทีไ่ มพ งึ ประสงคผ ลกระทบทสี่ ําคัญ ดังน้ี 1) สง ผลกระทบตอ วยั รนุ ทตี่ ัง้ ครรภโดยไมพึงประสงคโดยตรง ซึ่งผลกระทบ ดังกลาวสรา งปญหาท่ตี ิดตามมา เปนตนวา ปญหาทางดานจิตใจและอารมณ วัยรุนท่ีมปี ญหาการตั้งครรภท ไ่ี มพึงประสงค มักมคี วามรสู ึกวาตนเองทาํ ผิด เกิดความละอายใจ และมีความคิดวาไมมีใครรักใครตองการอีก ซึ่ง บางคนอาจแสดงพฤติกรรมทางเพศที่ไมเหมาะสมและรุนแรงข้ึน หรือบางคนอาจไมแสดงออกและ มักเกบ็ กดอยากทาํ ลายชีวติ ตนเอง ฯลฯ ซงึ่ ภาวะทางจิตใจและอารมณของวัยรุนท่ีต้ังครรภโดยไมพึง ประสงคน ้ีจะมมี ากหรอื นอยข้ึนอยูกบั การยอมรับและความเขาใจของคนในครอบครัว ถาครอบครัว ยอมรบั เขา ใจ และใหอภยั ปญหาทางดา นจติ ใจและอารมณก ็จะลดนอ ยลงได ปญหาทางดานสุขภาพ ปญ หาท่ีมักพบ คอื ปญ หาโรคเอดสแ ละโรคติดตอ ทางเพศสัมพันธ การมีเพศสัมพันธโดยไมไดมีการปองกันและคุมกําเนิดยอมมีโอกาสใหวัยรุนเพศ หญิงไดร บั เชอ้ื เอดส หรอื โรคติดตอ ทางเพศสัมพนั ธจ ากฝา ยชายในอตั ราเสี่ยงที่สูง ปญหาทางทําแทง

65 ซงึ่ มกั จะสงผลกระทบตอผูทาํ แทง ไดโ ดยเปน อันตรายตอชีวิต ซึ่งมักเกิดจากการตกเลือดหรือการติด เชอ้ื อยางรนุ แรง นอกจากนน้ั ยังเปน อปุ สรรคตอ การมบี ุตรในอนาคต แมก ารทําแทงจะผานพน ไป แต การทําแทงอาจทําใหเ กดิ การอักเสบเร้อื รงั ในโพรงมดลกู และทอ มดลูก เปนผลใหโพรงมดลูกและทอ มดลูกตบี ตนั มดลูกทะลหุ รืออกั เสบอยางรุนแรงเพราะเคร่อื งมอื ทาํ แทง ทาํ ใหบางคนตองตัดมดลกู ทิ้ง หรือการขยายปากมดลูกขณะทําแทงทําให ปากมดลูกฉีกขาด หูรูดของปากมดลูกหลวม เกิด ภาวการณแทงบุตรไดงาย และยังสงผลใหมีปญหาสุขภาพที่ตอเนื่อง โดยเฉพาะมักจะพบวามีการ อักเสบเรอ้ื รังในชองเชงิ กราน 2) สงผลกระทบตอครอบครัวของวัยรุนท่ีตั้งครรภโดยไมพึงประสงค มัก พบเสมอวาเม่อื วยั รุนเพศหญงิ ตง้ั ครรภโดยไมพึงประสงคขึ้น วัยรุนของเพศชายมักจะไมแสดงความ รับผิดชอบตอส่ิงที่เกิดขึ้นภาระความผิดชอบจึงตกเปนของฝายหญิงและครอบครัวเพียงฝายเดียว ถา ครอบครัวฝา ยหญิงมคี วามเขา ใจและใหอภัยตอความผิดพลาดท่ีเกิดข้ึน และครอบครัวยังพรอมท่ีจะ รวมแกปญ หาการเลีย้ งดเู ด็กท่ีจะเกิดขน้ึ ได กจ็ ะชว ยลดปญหาทางดา นอารมณแ ละจิตใจของวัยรุนเพศ หญงิ ลงได แตในทางตรงขาม หากครอบครัวของวัยรุนเพศหญิงไมสามารถยอมรับปญหาที่เกิดข้ึน ดงั กลา วกอ็ าจสงผลใหเกดิ ปญหาตา ง ๆ ตามมาได 3) สงผลกระทบตอสังคมและประเทศชาติ การตั้งครรภท่ีไมพึงประสงคของ วัยรนุ ทาํ ใหเ กิดปญ หาทางสงั คมตาง ๆ ตามมาดังทีไ่ ดกลาวมาแลว นอกจากนี้ ประเทศชาตติ อ งสญู เสีย งบประมาณบางสวนทีต่ องนาํ มาใชเพอื่ การบาํ บัดรักษา ดูแลสุขภาพของวัยรนุ เพศหญิงท่ตี งั้ ครรภโดยไม พงึ ประสงค ตอ งจัดงบประมาณในการเลีย้ งดปู ระชากรสว นหนึ่งท่ีเกดิ จากผลพวงของปญหาดงั กลา ว 3.2 การปองกันการตง้ั ครรภท ไ่ี มพ ึงประสงคใ นวัยรนุ การปองกันมีแนวทางในการปฏิบัติ ดงั น้ี 1) ตองรูจักหลีกเล่ียงสถานการณที่เอื้ออํานวยใหเกิดการมีเพศสัมพันธ มัก พบวา การมีเพศสมั พันธท ไี่ มไดต ้งั ใจของวัยรุนมักจะเกิดจากสถานการณหรือบรรยากาศที่เอื้อใหเกิด โอกาสตอการมเี พศสมั พนั ธ เชน การอยูตามลําพังสองตอสองในท่ีลับตาคน หรือการเขารวมในกิจกรรม พบปะสังสรรคทมี่ ีการดมื่ เคร่ืองผสมแอลกอฮอล เปน ตน 2) ตองรูจักใชทักษะในการปฏิเสธเพื่อแกไขสถานการณเส่ียงตอการมี เพศสัมพันธ วิธกี ารหลกี เล่ยี งและแกไขสถานการณด งั กลาว ฝา ยหญงิ ตองนาํ ทกั ษะการปฏิเสธไปใช ซ่ึง การปฏเิ สธของฝายหญิงจะเปนสัญญาณเตือนใหฝายชายหยุดแสดงพฤติกรรมทางเพศท่ีไมเหมาะสม ออกมา แนวทางในการใชค าํ พดู ทเี่ ปน ทกั ษะของการปฏิเสธ มหี ลายขอ ความ เชน “หยุดนะ อยาทํา แบบน”ี้ ฉนั ไมช อบหยดุ นะ” “อยา นะ ฉันจะตะโกนใหล ั่นเลย” “คุณไมมีสิทธิ์ท่ีจะทําแบบนี้” และ อืน่ ๆ ตามความเหมาะสมซงึ่ คาํ พูดท่เี ปน ทักษะในการปฏิเสธมักจะมีคําวา “ไม” “อยา ” หรือ “หยดุ ”

66 3) ตองรจู ักใหเ กียรตซิ ึ่งกันและกัน การท่ีฝายหญิงและฝายชายนําหลักความ เสมอภาคทางเพศ และการวางตวั ทเ่ี หมาะสมตอเพศตรงขามมาใช ถือวาเปนการใหเกียรติซ่ึงกันและ กัน ซ่ึงจะชวยปองกันอารมณในขณะพบปะพดู คยุ กันไมใหพ ฒั นาไปสคู วามตองการทางเพศได 4) ตองระมดั ระวังในเรื่องการแตงกาย ปจจบุ ันรปู แบบการแตงกายของวัยรุน โดยเฉพาะวัยรุน เพศหญงิ มักนยิ มสวมเส้ือผา ทร่ี ัดรปู หรอื นอ ยช้ืนเกินไป ซ่ึงการแตงกายดังกลาวจะทํา ใหเห็นรูปรางสัดสวนชัดเจนขึ้น การแตงกายในลักษณะดังกลาวจะสงผลเราใหเพศตรงขามเกิด อารมณและขาดความ ย้งั คดิ อาจนาํ ไปสกู ารแสดงพฤติกรรมการลวงละเมิดทางเพศท่ีเปนอันตราย จนถึงการตั้งครรภท่ีไม พงึ ประสงคใ นเพศหญงิ ได 5) ควรหลกี เลี่ยงการเดนิ ทางตามลาํ พังในยามวกิ าลหรือในเสนทางท่ีเปล่ียว จากสถติ ขิ องวยั รุนเพศหญิงพบวา อันตรายที่ไดรับจากการถูกขมขืนมักเกิดขึ้นในยามวิกาลหรือใน เสนทางที่เปล่ียวผูคนสัญจรนอย ดังนั้น วิธีการปองกันท่ีดีที่สุดหากจําเปนจะตองเดินทางใน สถานการณดังกลา ว ควรจะมีเพอ่ื นหรือญาตริ ว มเดินทางไปดว ยเพ่อื ปองกันอนั ตรายทอี่ าจเกิดข้นึ 4. ความรเู บ้ืองตองเกีย่ วกบั กฎหมายคมุ ครองสทิ ธผิ ถู กู ลวงละเมิดทางเพศ กฎหมายไดร ะบฐุ านความผิดเก่ียวกบั การถกู ลวงละเมดิ ทางเพศไว 2 ลกั ษณะ ดังนี้ 4.1 ความผิดฐานขมขนื กระทาํ ชําเรา ผูท่ีขมขืนกระทําชําเราเด็กหญิงอายุไมเกิน 15 ป ซึ่งมิใชภรรยาตน โดย เดก็ หญิงนนั้ จะยนิ ยอมหรอื ไมก ็ตาม ตองระวางโทษจาํ คกุ ตัง้ แต 4-20 ป และปรบั ตั้งแต 8,000-40,000 บาท (ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 277 วรรคหน่งึ ) ถาการกระทําความผิดตามวรรคแรก เปนการกระทําแกเด็กหญิงอายุไมเกิน 13 ป ตองระวางโทษจําคกุ ตัง้ แต 7 ป ถงึ 20 ป และปรับต้ังแต 14,000-40,000 บาท หรือจําคุกตลอด ชวี ิต (ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 277 วรรคสอง) ถาการกระทําผิดตามวรรคแรกหรือวรรคสอง ไดกระทําโดยรวมกระทํา ความผิดดว ยกนั อันมีลกั ษณะเปนการโทรมเด็กหญิง (คือรวมกันกระทําความผิดต้ังแต 2 คนข้ึนไป) โดย เด็กหญิงนั้นไมยินยอม หรือไดกระทําโดยมีอาวุธ เชน อาวุธปน หรือวัตถุระเบิด หรือโดยการใช อาวธุ อ่ืน ๆ ตองระวางโทษจาํ คกุ ตลอดชวี ติ (ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 277 วรรคสาม) แตม ขี อยกเวน คือ ถา การกระทาํ ดงั กลาวขางตนเปนการกระทําที่ชายกระทํา กบั เดก็ หญิงอายมุ ากกวา 13 ป แตไ มเกิน 15 ป โดยเด็กหญิงน้ันยินยอม และภายหลังศาลอนุญาตให สมรสกัน ผูกระทําผดิ ไมตองรบั โทษ และถาศาลอนุญาตใหสมรสกันในระหวางท่ีผูกระทําผิดกําลัง

67 รับโทษในความผดิ นนั้ อยู ศาลตอ งสัง่ ปลอยผูกระทําความผิดนั้นไป (ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 277 วรรคส่ี) ถา เปนการกระทาํ ชําเราเด็กหญงิ อายยุ ังไมเกิน 15 ป ซ่ึงมิใชภรรยาของตน โดย เด็กหญิงน้ันจะยินยอมหรือไมก็ตาม หรือเปนการกระทําแกเด็กอายุไมกิน 13 ป แลวเปนเหตุให เดก็ หญิงไดรบั อันตรายสาหสั เชน ไดรับบาดเจ็บสาหสั ผูกระทาํ ตองระวางโทษต้งั แต 15 ป ถึง 20 ป และปรับต้ังแต 30,000-40,000 บาท หรือจําคกุ ตลอดชีวิต (ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 277 ทวิ (1) ) และหากเดก็ น้นั ถึงแกความตาย ผูก ระทําตองระวางโทษประหารชวี ิต หรอื จาํ คุกตลอดชวี ติ (ประมวล กฎหมายอาญามาตรา 277 ทวิ (2) ) หากการกระทาํ ชาํ เราเด็กหญิงอายุยังไมเกิน 3 ป หรือการกระทําแกเด็กหญิง อายยุ ังไมเกิน 15 ป ดังกลา วขางตน ไดรวมกระทําความผิดดวยกันอันมีลักษณะเปนการโทรมหญิง หรอื กระทาํ โดยมีอาวุธปน หรอื วัตถุระเบิดหรือโดยการใชอาวุธ และเปนเหตุใหเด็กหญิงผูถูกระทํา ไดรบั อนั ตรายสาหัส ผูก ระทําตอ งระวางโทษประหารชวี ิต หรอื จําคกุ ตลอดชวี ิต และหากเด็กหญิงที่ ถูกกระทําถงึ แกค วามตาย ผูกระทําตองไดรับโทษประหารชีวิต และหากเด็กหญิงที่ถูกกระทําถึงแก ความตาย ผูกระทําตอ งไดรับโทษประหารชวี ิต (ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 277 ตรี) 4.2 ความผิดฐานกระทําอนาจารตอเด็ก ผทู ีก่ ระทําอนาจารแกบ ุคคลอายุตํา่ กวา 15 ป โดยขเู ข็ญดวยประการใด ๆ โดย ใชก าํ ลงั ประทุษราย โดยบุคคลนั้นอยูในภาวะท่ีไมสามารถขัดขืนได หรือโดยทําใหบุคคลน้ันเขาใจ ผดิ วาตนเปน บุคคลอืน่ ตองระวางโทษจาํ คกุ ไมเ กนิ 10 ป หรือปรับไมเกิน 20,000 บาท หรือทั้งจําท้ัง ปรบั (ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 279 วรรคหน่งึ ) ถา การกระทาํ อนาจารนนั้ กระทาํ ตอ เดก็ อายุไมเ กนิ 15 ป และผกู ระทําผดิ ได กระทาํ โดยการขเู ขญ็ ดวยประการใด ๆ โดยใชกาํ ลังประทุษราย โดยบคุ คลนน้ั อยูในภาวะทไ่ี มสามารถ ขัดขืนได หรอื โดยทําใหบ คุ คลน้ันเขา ใจผิดวาตนเปนบุคคลอ่ืน มีโทษหนักคือ ผูกระทําตองระวาง โทษจําคุกไมเกิน 15 ป หรือปรับไมเกิน 30,000 บาท หรือทั้งจําท้ังปรับ (ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 279 วรรคสอง) หากการกระทําดังกลาวขางตน เปนเหตุใหผูถูกกระทําไดรับอันตรายสาหัส ผูกระทาํ อนาจารตองระวางโทษจําคุกตั้งแต 5 ป ถึง 20 ป และปรับตั้งแต 10,000-40,000 บาท และ หากผูถูกกระทาํ ถึงแกค วามตาย ผกู ระทําตอ งระวางโทษประหารชีวติ หรือจาํ คุกตลอดชีวิต (ประมวล กฎหมายอาญามาตรา 280) การขมขนื กระทําชําเราผเู ยาว และการกระทาํ อนาจารแกเด็กอายุไมเกิน 15 ป โดยเด็กนัน้ จะยินยอมหรอื ไมก ต็ าม เปน ความผิดอาญาแผนดนิ ไมสามารถยอมความกนั ได

68 แตถาเปนการขมขืนกระทําชําเราหญิงท่ีมิใชภรรยาตน โดยเด็กหญิงน้ัน ไมใชผูเยาว และการกระทาํ อนาจารแกบ ุคคลอายตุ ํ่ากวา 15 ป ท้ังสองกรณีนี้ ถามิไดกระทําตอหนา ธารกํานลั คือในท่เี ปด เผย และไมเปน สาเหตใุ หผ ถู ูกกระทาํ ไดรับอันตรายสาหสั หรือถึงแกความตาย หรือมิไดเปนการกระทําแก ผสู บื สนั ดาน คอื ลูก หลาน เหลนของตนเอง มใิ ชเ ปน การกระทําตอ ศิษยซ่ึงอยใู นความดูแล มิใชเปน การกระทําตอ ผูอยใู นความควบคุมตามหนาท่รี าชการ หรือมใิ ชเ ปนการกระทําตอผูอยูในความพิทักษ หรอื ในความอนุบาล กรณีท้ังหมดที่กลาวมาเปนความผิดอันยอมความได คือเปนกรณีท่ีผูเสียหาย หรือผถู ูกกระทาํ และผกู ระทําความผิดตกลงหรือสมัครใจไมเอาความตอกัน ก็เปนอันเลิกแลวตอกัน (ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 281) กจิ กรรม 1. สรรี ะรา งกายทีเ่ กยี่ วขอ งกับการสบื พันธขุ องเพศหญิงและเพศชาย มีอะไรบาง จงอธบิ ายพอสังเขป เพศหญิง________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ เพศชาย________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ _____________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ 2. เขียนสรปุ เกย่ี วกับการเปล่ยี นแปลงเพ่ือเขา สวู ัยหนมุ สาว เพศหญิง________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________

69 ______________________________________________________________________________ เพศชาย________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ 3. วธิ ีการหลีกเลี่ยงพฤตกิ รรมทีน่ ําไปสูก ารมีเพศสัมพนั ธก อนวัยอนั ควรมอี ะไรบาง ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ เรอ่ื งที่ 4 สุขภาพทางเพศ “ความสขุ ”เปน สิง่ ทม่ี นุษยทกุ คนตองการไมเ คยถูกจํากดั ดวยเพศ วัย ชนชาติ “สขุ ภาวะทางเพศ”กเ็ ปนเร่ืองท่ที กุ คนลวนตอ งการเชน กัน แผนงานสรางเสริมภาวะทางเพศ โดยสํานักงานกองทุนสนับสนุนการสรางเสริมสุขภาพ (สส.)และมูลนธิ สิ รา งความเขาใจเร่ืองสุขภาพผูหญิง (สคส.)ไดดําเนินงานผลักดันวาระการสรางสุข ภาวะทางเพศขน้ึ อยา งตอ เนอื่ ง เพราะสขุ ภาวะทางเพศไมไ ดมีความหมายแคบๆแคเรื่องเพศสัมพันธแต มีความหมายลึกซึง้ และมติ ทิ ่ีกวา งกวา นนั้ เร่ืองเพศจึงไมใชแคเรื่องของเนื้อตัวรางกายแตยังหมายถึงความรับผิดชอบการดูแลสุขภาพ รางกายการสรางความสัมพันธท่ีดีระหวางกันการเคารพสิทธิกันและกันและความเทาเทียม เพราะ สงั คมน้นั มีความหลากหลายทางเพศมากวา แคห ญงิ หรือชาย ผทู ม่ี สี ขุ ภาวะทางเพศทดี่ ีกจ็ ะปฏิบตั ติ อคนทีม่ ีวถิ ที างเพศแตกตา งจากตัวเองดวยความเคารพไม วา จะเปน สาวประเภทสองหรือหญิงรักหญิงชายรักชาย หรือผูที่รักสองเพศและยังปฏิบัติกับเพ่ือคูรัก หรือชายทสี่ ําคัญคือมคี วามรับผิดชอบตอสังคมและตนเองในเรอื่ งการมเี พศสมั พันธท ่ีปลอดภัย สงั คมจาํ เปนตอ งลบความคิดทางลบวาเรอื่ งเพศเปนเร่ืองเพศเปนเรื่องสกปรก อันตรายที่ตอง หลกี ใหห า งแตความจริงเราจําเปนตอ งศึกษาเรียนรูใ หเขา ใจเพราะเรอื่ งเพศเปน สิ่งท่สี ามารถแสดงออก อยา งอสิ ระมคี วามสุขบนพน้ื ฐานของความปลอดภัยเพ่ือดาํ เนนิ ชีวติ ไดอยางเปน สขุ

70 แผนงานสรา งเสริมสุขภาวะทางเพศไดจดั ทําความรสู ขุ ภาวะทางเพศในแตละชวงวัยไวเพราะ แตล ะชวงวยั ก็จะมีความสนใจและความตอ งการตา งกนั ในวยั เดก็ เปนชว งเวลาแหง การสรางพ้ืนฐานสขุ ภาวะทางเพศท่ีดไี ด เดก็ เล็ก อายุ 5-8 ป เร่ิมรับรู ไดถึงบทบาททางเพศวา สังคมสรางใหห ญงิ ชายมคี วามแตกตางกัน ดว ยกจิ กรรม ดวยการกําหนดกรอบ กฎเกณฑตางๆท่ีชายทาํ ได หญงิ ทําไมได หญิงทําได ชายทําไมได ซง่ึ ขัดขวางพัฒนาการและสรา งความ เขาใจผดิ ๆใหเ ดก็ วนั แรกรุน อายุ 9-12 เปนชว งวัยท่ีตองเตรียมความพรอมเพ่ือกาวเขาสูวัยรุน ซ่ึงชวงนี้เปนวัย แหง การเปลย่ี นแปลงการไดร ับขอ มลู ท่ีถกู ตองและพรอมใช จึงเปน สิง่ ท่ีทาํ ใหเด็กมภี มู คิ มุ กันที่จะเขาสู วัยรุนไดอยางสวยงามจําเปนตองเขาใจและอธิบายถึงการเปลี่ยนแปลงนั้นและเปดโอกาสใหเด็ก รับผิดชอบในครอบครัวใหเ ดก็ ไดต ดั สนิ ใจดว ยตัวเองและรบั ผิดชอบผลทจี่ ะตามมาไมใ ชตดั สนิ ใจแทน ทุกอยา ง เด็กวัยนเ่ี รมิ่ จะมีการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ และความรูสึกทางเพศ ไมใชเรื่องผิดแตการให ขอ มูลและความรูท ี่ถูกตองเปนสิง่ จําเปนการตอบคาํ ถามแบบตรงไปตรงมา เปดโอกาสใหเดก็ ไดเ รียนรู ในสิง่ ทเ่ี หมาะทีค่ วรเปนเร่อื งทคี่ วรสง เสรมิ เมื่อกา วเขาสูวยั รนุ ชว งอายุ 13-18 ป ชวงแหงการเปล่ยี นแปลงในทุก ๆ ดา น จําเปนตองไดรับ ขอมลู เรื่องเพศอยางถกู ตอ งและรอบดาน เพื่อใหเทาทันการเปล่ียนแปลงของตัวเอง ท้ังดานกายใจและ อารมณ จาํ เปนตอ งสรางทกั ษะของเพศสัมพันธท ปี่ ลอดภยั รว มไปกับความรับผิดชอบเพ่ือใหสามารถ แยกแยะไดว า เซ็กสไ มใ ชแ คเรือ่ งสนกุ แตมีผลที่จะตามมาอกี มากมาย การใหความรูอยางตรงไปตรงมา ไมทาํ ใหเร่อื งเซ็กสเ ปนความผดิ ละอาย ทาํ ใหเ กดิ เพศสมั พันธทป่ี ลอดภยั และมีความรบั ผิดชอบขึ้นได ผูใหญจําเปนตองเขาใจกระบวนการเรียนรูของมนุษยวาตองใชเวลาในการสั่งสมความรู ประสบการณความภูมิใจในตัวเองจึงสามารถมีเพศสัมพันธท่ีมีความสัมพันธที่มีความปลอดภัยและ เปนสขุ ได “การใหขอ มูลไมไ ดเ ปนการชโี้ พรงใหกระรอก แตเปนการสรางความเขาใจและทักษะใน ชวี ิตใหเ ด็กสามารถเติบโตเปน ผูใหญทเ่ี ขา ใจและมีความรับผิดชอบได วิธีการปฏบิ ัติเพอ่ื การมีสขุ ภาพทางเพศท่ีดี ควรคาํ นึงถึง การมีเพศสมั พนั ธท ป่ี ลอดภยั โดยไมเปลี่ยนคูหรือมีเพศสัมพันธกับบุคคลท่ีไมใชสามีภรรยา ของตน ถาคดิ จะมีเพศสัมพันธกับบุคคลท่ีไมใชคูของตนควรปองกันความไมปลอดภัยท่ีอาจเกิดขึ้น โดยใชถงุ ยางอนามัย เนนการรักษาความสะอาดสวนบคุ คล เมอื่ มเี พศสัมพันธแลวควรตองรีบทําความสะอาดสวน บคุ คลไมหมักหมม เพราะจะทําใหเ กิดเชอื้ โรคซงึ่ เปนตน เหตุของอาการคนั จนลกุ ลามเปนโรคท่อี วัยวะ เพศได

71 ควรมีเพศสมั พนั ธแ บบธรรมชาติ ไมผิดธรรมชาติของคนปกติ เชน การใชว ัตถุแปลกปลอมใน การรวมเพศ การรว มเพศโดยใชว ตั ถเุ ลยี นแบบธรรมชาตเิ ชน ตุกตายาง ใหคํานงึ ถึงความปลอดภยั การคมุ กําเนิด เปน สวนหนึ่งของการวางแผนครอบครวั ในเร่อื งระยะทพ่ี รอมจะมบี ุตรเม่อื ใดคํานวณบตุ รทจี่ ะ มีกี่คน หรือระยะหางของการมีบุตรเวนนานเทาใด ท้ังน้ีเพื่อใหเหมาะสมกับความพรอมและความ ตองการของคูส มรส การคุมกาํ เนิดเปน วธิ กี ารปฏบิ ัตเิ พ่ือปอ งกันการต้ังครรภ การวางแผนครอบครวั และการคมุ กําเนดิ การวางแผนครอบครัวและการคุมกําเนิด (Family Planning and Birth Control) คือการท่ี คู สมรสวางแผนในเรื่องการมีบุตรวาจะมีบุตรเมื่อใด จะมีบุตรกี่คน แตละคนจะเวนนานเทาใดทั้งน้ี เพ่อื ใหเหมาะสมกับความพรอมและความตองการของคสู มรส สวนการคุมกําเนิดน้ันเปนวิธีการเพ่ือมิ ใหเ กิดการตง้ั ครรภซ ึง่ มอี ยหู ลายวธิ ี 1.การใชถงุ ยางอนามยั (Condom) ถุงยางอนามยั มลี ักษณะเปนถุงท่ที าํ ดวยยางบางๆยดื ได ใช สวมอวัยวะเพศชายขณะที่แข็งตัวพรอ มท่จี ะรวมเพศ การใชถ ุงยางอนามัยเปนการปองกนั ไมใ หต วั อสจุ ิ เขาไปในโพรงมดลกู ผสมกับไขข องฝา ยหญิงได เพราะถูกถงุ ยางปองกนั ไว ตวั อสจุ แิ ละนํ้าอสุจจิ ะอยู ในถงุ ยางอนามยั เมือ่ ใชเ สร็จแลวจะถอดออกใหใ ชกระดาษชําระจบั ขอบถุงยางใหก ระชบั อวัยวะเพศ กอนแลว จึงถอดถุงยางออกแลวนําไปทิง้ ถังขยะมกี ารผลิตถงุ ยางอนามัยสําหรับผหู ญงิ ใชเ หมอื นกนั ขนาดใหญกวา ถุงยางอนามยั ท่ีผูชายใชแตไ มคอ ยไดร บั ความนิยม 2.การรับประทานยาเม็ดคุมกําเนิด(Contraceptive Pill) ยาเม็ดคุมกําเนิดจะประกอบดวย ฮอรโมนสังเคราะห 2 ชนดิ คอื เอสโตรเจน โพรเจสเทอโรน ซึ่งจะออกฤทธ์ิคลายกับฮอรโมนที่มีอยู ตามธรรมชาตใิ นรา งกายของผูหญิง และสรา งกลไกตา งๆ ในรา งกายเพือ่ ที่จะปองกันการตั้งครรภดวย การปอ งกันไมใ หไขส ุกและยบั ยงั้ การตกไข ตลอดจนทําใหม ูกบริเวณ ปากมดลกู เหนยี วขนจนตวั อสุจิ จะผานเขาสูโพรงมดลูกไดยาก แตถากลไกทั้ง 2 ประการน้ีไมไดผล มันจะเปล่ียนแปลงเยื่อบุโพรง มดลกู ไมใ หเหมาะสมสําหรับการฝงตัวของไขท่ีถูกผสมแลว ยาเม็ดคุมกําเนิดที่ใชอยูทั่วไปมี 3 แบบ คอื 2.1 แบบ 21 เมด็ ยาเมด็ ในแผงจะประกอบดว ยฮอรโ มนทัง้ หมด การเร่มิ รบั ประทานยาเม็ดแรก ใหเ ร่ิมตรงกับวันของสปั ดาหท่รี ะบแุ ผงยา เชน ประจําเดือนมาวันแรกคือวันศุกรก็เร่ิมกินที่ “ศ” หรือ วันศกุ ร โดยรับประทานวันละ 1 เม็ดเปน ประจําทุกวนั ตามลกู ศรชจี้ นหมดแผง หลังจากน้ันใหหยุดใช ยา 7 วนั เมอ่ื หยุดยาไปประมาณ 2-3 วนั ก็จะมเี ลอื ดประจาํ เดือนมาและเมอ่ื หยุดจนครบ 7 วันแลวไมวา เลือดประจําเดือนจะหมดหรือไมก ต็ ามใหเรมิ่ แผงใหมทันที

72 2.2 แบบ 28 เมด็ ยาเมด็ ในแผงหน่ึงจะประกอบดว ยฮอรโมน 21 เม็ด และสวนทีไ่ มใชฮ อรโ มน อีก 7 เม็ด ซึ่งมักจะมีขนาดเล็กหรือใหญกวา 21 เม็ดแรก การเริ่มรับประทานยาแผงแรกใหเร่ิม รับประทานยาในวันแรกทป่ี ระจําเดอื นมา โดยรับประทานยาเม็ดแรกในสวนทีร่ ะบุวาเปนจุดเร่ิมตน 1 แลว รับประทานทุกวนั ตามลกู ศรชจ้ี นหมดแผง โดยเมื่อรบั ประทานหมดแผงแลว ใหรบั ประทานยาแผง ใหมตอไปเลยทันทีไมวาประจําเดือนจะหมดหรือยังก็ตาม วิธีรับประทานแบบ 28 เม็ดจะคอนขาง สะดวกกวาแบบ 21 เมด็ ที่ไมตอ จดจําวนั ท่ตี องหยุดยา ถาลมื รบั ประทาน 1 เมด็ ใหร ับประทานทนั ทีเมื่อนึกได และรบั ประทานเม็ดตอ ไปเวลาเดิม ถา ลืมรับประทาน 2 เม็ด ใหร ับประทานยาวนั ละ 2 เม็ด ติดตอกันไปเปนเวลา 2 วันโดยแบงรับประทาน ตอนเชา 1 เม็ด ตอนเยน็ 1 เมด็ และใชว ธิ กี ารคมุ กาํ เนิดแบบอ่นื รวมดวย เชนใชถ งุ ยางอนามัยเปนเวลา 7 วัน ถา ลมื รับประทาน 3 เม็ดขึน้ ไป ควรหยุดยาและรอใหเ ลือดประจําเดือนมากอ นแลวคอยเริ่มแผงใหม และใชวิธีการคุมกําเนิดแบบอนื่ รวมดว ย 2.3 แบบรบั ประทานหลังรว มเพศภายใน 24 ชั่วโมง แตเดือนหน่งึ ไมควรใชเกิน4 คร้ัง ยาน้ีใช กนิ ทันทหี รือภายใน 24 ช่วั โมงหลงั รวมเพศ และควรกนิ ยาอีกหน่ึงเม็ดในเวลา 12 ชว งโมงตอ มายาเม็ด นี้มักมปี ริมาณของฮอรโมนเอสโตรเจน (Estrogen) สูง การใชยาชนิดนี้ใหผลเสียมากกวาผลดี พบวา เปน อาการขางเคียง คือ คล่นื ไส อาเจียน มีเลอื ดออกมากกวา ปกติ และทําใหทอ นําไขเ คลื่อนไหวชา อนั เปน เหตุทําใหเกิดทอ งนอกมดลูกได 3.การฝง ยาเม็ดคุมกําเนดิ ใตผวิ หนงั ยาประเภทน้ีมีสวนประกอบของเอสโตรเจนสูงมีฤทธ์ิทํา ใหไขทีผสมแลวไมสามารถฝงตัวไดในผนังมดลูก เปนยาเม็ดคุมกําเนิดชนิดฝงไวใตผิวหนังบริเวณ ดา นใตท องแขนของฝา ยหญงิ มีลกั ษณะเปนแคปซูลเลก็ ๆ 6 อัน ยาจะซึมจากแคปซลู เขาสูรางกายอยาง สมํ่าเสมอ สามารถคุมกําเนิดไดนานถึง 5 ป ตัวยาที่ใสในแคปซูลเปนชนิดเดียวกับ ยาเม็ดคุมกําเนิด แบบ 21 เมด็ 4.การใสหวงอนามัย (Iucd :: Intra Uterine Contraceptive Device) ใชโดยการใสหวง อนามัยไวในโพรงมดลูก ซึ่งแพทยจะเปนผูใสหวงให สามารถคุมกําเนิดได 3-5 ป แลวจึงมาเปลี่ยน ใหมแตก ็มบี างชนดิ ที่ตองเปล่ียนทุกๆ 2 ป วิธีน้ีไมเ หมาะสําหรบั ผูหญงิ ท่ียงั ไมเ คยมบี ตุ ร 5.การฉดี ยาคมุ กําเนดิ ใชก บั ผูหญิงฉดี ครงั้ หนงึ่ ปอ งกันไดนาน 3 เดอื น อาจมีขอเสียอยูบางคือ เมอื่ ตองการมีบุตรอาจตองใชเวลานานกวาจะต้ังครรภ และไมเหมาะสําหรับผูท่ีมีประจําเดือนมาไม สม่าํ เสมอ

73 6.การนบั ระยะปลอดภัย (Count safe Period) คือนับวันกอนประจําเดือนมา 7 วัน และหลัง ประจําเดือนมา 7 วัน เพราะไขยังไมส กุ และเย่ือบุโพรงมดลูกกําลังเปล่ียนแปลง แตถาประจําเดือนมา ไมแ นน อน การคุมกาํ เนิดวิธีน้ีอาจผดิ พลาดได 7.การหลัง่ อสุจภิ ายนอก คอื การหลัง่ น้ําอสจุ อิ อกมานอกชอ งคลอด แตก็อาจมีนํ้าอสุจิบางสวน เขา ไปในชองคลอดได วธิ นี ี้จงึ มโี อกาสต้ังครรภไ ดสูง 8. การผาตดั ทาํ หมนั เปนการคมุ กาํ เนิดแบบถาวร ดังนัน้ ผูท่ีคดิ จะทําหมันจะตองแนใจแลววา จะไมม ีบตุ รอีก ซงึ่ สามารถทําไดท งั้ ผูหญงิ และผูชาย 8.1 การทําหมนั ชาย ทําโดยแพทยใชเวลาประมาณ 10 นาที โดยการใหผ ูท ี่จะทําหมันนอนบน เตียงผาตัด มีมานก้ันมิใหเห็นขณะท่ีแพทยกําลังผาตัดเจาหนาที่จะโกนขนบริเวณอวัยวะเพศออก เลก็ นอ ยแลว แพทยจ ะฉดี ยาชาเฉพาะที่ แลวจึงเจาะถุงอัณฑะเพื่อผูกทอ อสุจโิ ดยไมต อ งเย็บ หามแผลถูก นาํ้ 3 วนั หลงั ทาํ หมนั ชายแลวจะตองคมุ กําเนิดแบบอ่ืนไปกอนฝายชายจะหล่ังนาํ้ อสุจปิ ระมาณ 15 ครัง้ แลว นาํ้ อสจุ คิ ร้ังท่ี 15 หรือมากกวาไปใหแพทยตรวจวายังมีตัวอสุจิหรือไม ถาแพทยตรวจวาไมมีตัว อสจุ ิแลวกส็ ามารถมเี พศสมั พันธไ ดโ ดยไมต องใชก ารคุมกําเนิดแบบอนื่ อกี ตอไปเลย 8.2 การทาํ หมันหญงิ แบงออกเปน 2 แบบคอื 1.การทําหมันเปย ก คอื การทําหมันหลังคลอดบตุ รใหมๆ ภายใน 24-48 ชั่วโมง เพราะ จะทําไดงายเน่ืองจากมดลูกยังมีขนาดใหญและลอดตัวสูง โดยขอบบนอยูสูงเกือบถึงสะดือวิธีน้ีจะ ผาตัดทางหนา ทอง 2.การทําหมนั แหง คอื การทาํ หมนั ในระยะปกตขิ ณะทีไ่ มมีการต้ังครรภหรือหลังการ คลอดบตุ รมานานแลว มดลูกจะมีขนาดปกตแิ ละอยลู กึ ลงไปในองุ เชิงกราน การทําหมันแหงอาจทําได หลายวิธี เชน ผาตัดทางดานหนา ทอ ง ผาตัดทางชอ งคลอด โดยใชเคร่อื งมือตางๆที่ทันสมัยชวยการไป รับบริการทําหมันนี้สามารถไปรบั บรกิ ารไดใ นหลายหนวยงานทใ่ี หบรกิ ารทางดานสาธารณสขุ ทง้ั ของ ภาครัฐและเอกชน เชน โรงพยาบาลตางๆ สมาคมพัฒนาประชากรและชุมชน สมาคมวางแผน ครอบครัวแหง ประเทศไทย สมาคมทําหมันแหงประเทศไทย เปนตน 9.การคุมกําเนิดดวยยาเม็ดคุมกําเนิดฉุกเฉิน เปนการปองกันการตั้งครรภเฉพาะฉุกเฉินเชน การมีเพศสัมพนั ธโดยไมไ ดใชการปองกันวิธีอื่นมากอ น ใชถุงยางอนามัยเสร็จแลวไมแนใจวารั่วหรือ แตก ลมื กนิ ยาแบบประจาํ วันติดตอกันสองวัน ใสหวงอนามัยแตหวงหลุด มีเพศสัมพันธในชวงที่ไม ปลอดภยั กรณีถกู ขมขืน ซง่ึ องคก รอนามัยโลกไดใหการรับรองวาการกินยาเม็ดคุมกําเนิดแบบฉุกเฉิน เปนวิธที ีป่ ลอดภยั และมีประสทิ ธภิ าพในการปองกนั การต้งั ครรภไดระดบั หน่งึ

74 ยาเม็ดคมุ กําเนิดฉุกเฉินจะมีประสิทธิภาพสูงก็ตอเม่ือ มีการนํามาใชตามขอบงช้ีท่ีกําหนดไว และใชเ ทา ท่ีจําเปน เทานน้ั สาํ หรบั ผลขา งเคยี งที่เกิดข้ึนบอย คอื การมีรอบระดูผดิ ปกติ คลื่นไสอาเจียน แตห ากใชบอ ยและตอเนอ่ื งมโี อกาสตัง้ ครรภน อกมดลกู ได การทาํ แทง การทําแทง หมายถึง การทําใหการตั้งครรภส้ินสุดกอนอายุครรภ 28 สัปดาหสําหรับใน ประเทศไทยการทาํ แทงยังไมเ ปน เรอื่ งท่ผี ิดกฎหมายไมวา จะกระทาํ โดยแพทยปรญิ ญาหรอื หมอเถ่ือนก็ ตาม กฎหมายจะอนุญาตใหทําแทงได 2 กรณี คือ กรณีถูกขมขืนและกรณีต้ังครรภน้ันเปนอัตราตอ สุขภาพของมารดาและทารกในครรภ เทาน้ัน เม่ือเกิดการต้ังครรภไมพ่ึงประสงคเด็กวัยรุนจะเกิดความกังวลจากความไมพรอมที่จะเปน ผูรับผิดชอบกับการมีบุตร จึงคิดหาวิธีการทําลายเด็กในครรภ โดยการทําแทงกับหมอเถ่ือนที่ผิด กฎหมาย ผดิ ศลี ธรรม เพราะในสงั คมไทยไมเ ปด ใหม ีการทาํ แทงแบบเสรี นอกจากการตั้งครรภในคร้ัง นน้ั แพทยพิจารณาใหทาํ แทงได ในกรณีอาจเกดิ อันตรายถึงชวี ติ ผเู ปนแม เชน การทอ งนอกมดลกู ครรภ เปนพิษ ทองไขปลาดุก หรือในกรณีท่ีแมไดรับเช้ือโรคหลังจากการตั้งครรภแลว เชน ไดรับเช้ือหัด เยอรมัน การทําแทงโดยทวั่ ไปของเด็กวยั รนุ จะทาํ แทง กับผูท ี่ไมม คี วามรูดา นการแพทยทแี่ ทจ ริง จึงทํา ใหเกิดอันตรายกับผูมาทําแทง เชน เกิดการตกเลือด หรือไดรับอันตรายอาจเกิดการติดเชื้อโรค จาก เครื่องมือ อุปกรณท่ีนํามาใช เกิดความสกปรกจากการใชอุปกรณ สถานท่ีจนทําใหมารดาเปน บาดทะยกั ไดด ว ย การแทงบตุ รทท่ี าํ ใหเกิดอันตรายตอสุขภาพของผูเ ปน แมเ นอื่ งจากมบี างสวนของทารกหรือรก หลงเหลอื อยูจึงตอ งนําสวนทเ่ี หลอื ออกจากมดลูกใหห มดโดยแพทยต อ งใชเคร่ืองดูดหรือใชวิธีขูดจาก โพรงมดลูก หรอื อาจตอ งใชฮอรโมนที่ใหใหมดลูกเกิดการบีบตัวขับสวนท่ีคางออกและในบางกรณี แพทยตองใชย าปฏิชีวนะเพ่ือการรกั ษาหรอื ปองกันการติดเชอื้ ตดิ เชอ้ื HIVS สว นใหญเกิดจากการมีเพศสัมพันธกับบุคคลอื่นท่ีไดรับเชื้อไวรัส HIV ในรางกายรองลงมา เกดิ จาการใชสารเสพตดิ ชนดิ ฉีดเขา เสนเลือดทาํ ใหไ ดร บั เชื้อ HIV จากเลือดที่สัมผัสหรือเลือดท่ีไดรับ เขาสูร างกาย บคุ คลที่มีโอกาสไดร บั เชื้อไวรสั HIV VS โดยไมไ ดเกดิ จากการมเี พศสมั พันธและไมไ ดใ ชเ ข็ม ฉดี ยาใด ๆ สว นหนง่ึ จะเกดิ กบั บคุ คลสวนหน่ึงทางการแพทย ท่ีมีโอกาสสัมพันธน้ําเลือดน้ําเหลือง ท่ี คัดหล่งั จากผูปว ยโดยไมไดปองกนั ตนเองโดยการใชถ ุงมอื กอนสมั ผสั กับผูป วยจงึ มีโอกาสไดรับหรือ ตดิ เชื้อ HIV VS ไดก ารต้งั ครรภเ มอ่ื ไมมีความพรอม การมเี พศสัมพนั ธกอนวยั อันควร เปน ปญ หาของสงั คมไทยมากขน้ึ ท้ังนเี้ พราะคานิยมในเรื่อง การรักนวลสงวนตัวของเพศหญิง หรือการเห็นคุณคาในการรักษาความบริสุทธ์ิของตนจนถึงวัย แตงงาน เด็กวยั รุนปจจุบันไมไดคํานึงถึง ทั้งนี้อาจเปนเพราะการดูแลเอาใจใสใหการอบรมจากบิดา

75 มารดามนี อยลง เด็กยุคใหมร ับอารยะธรรมความกาวหนาหรืออิทธิพลตางประเทศมากข้ึน จึงไมคอย เชอื่ ฟงบิดามารดา จงึ เปน สง่ิ จาํ เปนทตี่ องปลกู ฝง ใหเกิดจิตสํานกึ โดยครอบครวั ชุมชนโรงเรียนสถาบัน ทมี่ ีสวนเกยี่ วขอ งควรเขา มามบี ทบาทรณรงคปองกันปญหานรี้ วมกัน การมีเพศสัมพันธกอนวัยอันควร เปนพฤติกรรมท่ีกอใหเกิดปญหาตางๆตามมาในชีวิต ตลอดจนเปนปญหาหรือภาระแกสังคม ชุมชนดวย เชนเกิดการติดโรคทางเพศสัมพันธและยังเปน บคุ คลแพรเ ชือ้ โรคทางเพศสมั พนั ธแกค นอื่นดวยถาบุคคลนั้นใหบริการทางเพศการตั้งครรภเมื่อไมมี ความพรอมหรือต้ังครรภโดยไมคาดคิดนอกจากจะสงผลกระทบตอชีวิตของตนเองแลว ยัง สงผล กระทบตอ ครอบครวั ทาํ ใหบดิ ามารดา ญาตพิ นี่ องอับอายเสียใจรวมสง ผลกระทบตอสังคม เชน ปญ หา เด็กถกู ทอดท้ิงเพราะพอ แมไมต อ งการบตุ ร หรือไมพ รอ มจะรับเลีย้ งดูบุตรเน่อื งจากยังไมมีอาชีพ เรียน ไมจบ ดงั นนั้ จงึ ตองใหค าํ แนะนําอบรมสงั่ สอนใหพฤติกรรมตนอยูในกรอบของสังคมที่ดีไมยุงเกี่ยว เรื่องเพศสัมพันธปองกันตนเองไมปลอยตัวใหมีเพศสัมพันธในวัยที่ยังไมสมควรใหต้ังใจศึกษาเลา เรียน และสามารถประกอบอาชีพจนเล้ียงตัวเองไดแลว จงึ คดิ มีครอบครัวภายหลัง 1.สอนความรเู รือ่ งเพศ เพศสัมพนั ธและการคุมกําเนดิ แกเ ดก็ นักเรยี น นักศึกษาท่กี าํ ลงั กา วเขา สู วัยรุนพรอ งท้งั ชี้ใหเหน็ ขอ ดีขอเสยี ของการมีเพศสัมพันธกอ นวัยอันควร และการต้ังครรภเ ม่อื ไมพรอม โดยเนนยํ้าใหเห็นผลเสีย ไดแก การสูญเสียโอกาสในการศึกษา และการประกอบอาชีพการงานท่ีดี ตลอดจนโอกาสในการเจอคูครองทีด่ ีในอนาคต 2.สอนวัยรุน ชายใหมคี วามรบั ผดิ ชอบและใหเ กยี รติผหู ญงิ เนอื่ งจากในสังคมไทยยัง ยกยอง เพศชายวาเปนเพศที่แข็งแรงกวาจึงควรสอนใหผูชายมีความคิดท่ีจะปกปองชวยเหลือ เพศหญิง มากกวานอกจากนี้เพศชายจะตองใหเกียรติผูหญิงและมีความรับผิดชอบในการกระทําของตนเอง ปญหาการทําแทงสว นใหญพ บวา ฝา ยชายไมยอมรับการต้งั ครรภ 3.ปลกู ฝงคานิยมในการรักนวลสงวนตัวตั้งแตวัยเด็ก และเนนยํ้ามากขึ้นในวัยรุน ไดแกการ แตงกายใหสุภาพ ไมแตงกายลอแหลม ย่ัวยุอารมณเพศตรงขามซ่ึงเปนเหตุใหเกิดการขมขืนกระทํา ชําเรา 4.สอนใหร จู ักการปฏเิ สธในสถานการณท่ีไมเหมาะสมไดแกปฏิเสธท่ีจะไปเท่ียวตอหลังเลิก เรียน ปฏเิ สธท่จี ะไปไหนๆกบั เพ่อื นชายตามลาํ พังไมเ ปดโอกาสใหเพศตรงขา มถูกเน้อื ตองตัว เปนตน แนวทางการแกไขปญหาการตัง้ ครรภไ มพ่งึ ประสงคน ค้ี งตอ งเร่มิ จากการปลกู ฝง นสิ ยั ตั้งแตวัย เดก็ ใหสอดคลอ งกบั สภาพสงั คมในยุคโลกาภิวัฒนน ้ี เชอ่ื วาปญหาการทําแทงผิดกฎหมายอาจเบาบาง ลงไป

76 บทท่ี 4 สารอาหาร สาระสาํ คญั ความตองการสารอาหาร ตาม เพศ วยั ของรา งกาย เปนความตองการสารอาหารในบคุ คลแตละ ชวง และแตละเพศ ยอ มมีความแตกตางกนั เปนที่ยอมรบั กนั ทั่วไปแลววา อาหารมสี วนสําคัญอยางมาก ในวยั เดก็ ทั้งในดานการเจรญิ เติบโตของรา งกายและการพัฒนาการในดานความสัมพนั ธของระบบการ เคลือ่ นไหวของรา งกาย ผลการเรยี นรูทคี่ าดหวัง 1. วิเคราะหปญหาสขุ ภาพทเ่ี กิดจากการบรโิ ภคอาหารไมถกู หลกั โภชนาการ 2. บอกสารอาหารทีร่ า งกายตอ งการตามเพศ 3. อธิบายวธิ กี ารประกอบอาหารเพือ่ รักษาคุณคาของอาหาร ขอบขา ยเนอ้ื หา เรื่องที่ 1. สารอาหาร เร่ืองที่ 2. วิธีการประกอบอาหารเพอ่ื คงคณุ คา ของสารอาหาร เร่ืองที่ 3. ความเชื่อและคานยิ มเกยี่ วกบั การบรโิ ภค เรือ่ งที่ 4. ปญ หาสุขภาพท่เี กดิ จากการบริโภคอาหารไมถูกหลักโภชนาการ

77 เรือ่ งท่ี 1 สารอาหาร ปรมิ าณความตองการสารอาหาร ตาม เพศ วัยและสภาพรางกาย ความสําคัญของอาหารและ ความตองการสารอาหารในบุคคลแตละชวง และแตละเพศ มีความแตกตางกันตามธรรมชาติ ดังนั้น ปรมิ าณของสารอาหารท่ีควรไดรับในแตละบคุ คลจะแตกตางกนั 1. ความตองการสารอาหารในวยั เด็ก เปนท่ียอมรับกันท่ัวไปแลววา อาหารมีสวน สําคัญอยางมากในวัยเด็กท้ังในดานการ เจรญิ เตบิ โตของรา งกายและการพฒั นาการในดา นความสัมพันธของระบบการเคลือ่ นไหวของรางกาย ตลอดจนในดานจิตใจ และพฤติกรรมในการแสดงออกและปจจัยที่มีสวนสําคัญที่ทําใหเด็กไดรับ อาหารที่ถกู หลกั ทางโภชนาการ ไดแก 1.ครอบครัวทคี่ อยดูแลและเปน ตวั อยา งท่ีดี 2.ตวั เดก็ เอง ทจี่ ะตองถูกฝก ฝน 3.สง่ิ แวดลอมทําใหเ กิดการปฏิบตั อิ ยางคนขางเคยี ง อาหารที่ถูกหลักโภชนาการในวัยเดก็ น้ัน เปน ทที่ ราบดอี ยแู ลววาเด็กตองการอาหารครบท้ัง 3 ประเภท เพอื่ การเจรญิ เติบโตและพัฒนาการ สง่ิ ทต่ี องคาํ นึงถึงคอื อาหารทีใ่ หเดก็ ควรไดรบั ไดแ ก 1.อาหารท่ีใหโปรตีน ไดแก นม ไข เนื้อสัตว ตลอดจนโปรตีนจากพืชจําพวกถั่วเขียว ถั่ว เหลือง 2.อาหารทใ่ี หพลังงาน ไดแกข า ว แปง นํา้ ตาล ไขมนั และนาํ้ มัน สวนน้ําอัดลม หรือขนมหวาน ลกู กวาดตาง ๆ ควรจํากัดลง เพราะประโยชนน อ ยมากและบางทที าํ ใหมปี ญ หาเรอื่ งฟน ผดุ ว ย 3.อาหารทีใ่ หวิตามินและเกลือแรไดแ ก พวก ผัก ผลไม และอาหารทม่ี ใี ยอาหารท่ีมีสวนทําให เก็บไมท อ งผูก 2. ความตองการสารอาหารของเด็กวยั เรยี น ในปจจบุ ัน ภาวะของความเรง รบี ในสังคมอาจจะทาํ ใหพอแมหรือผปู กครองละเลยเรอ่ื งอาหาร เชาของเด็กวัยเรยี น เดก็ วยั เรยี นเปน วยั ทีร่ างกายกําลังเจริญเติบโต ตองการอาหารเชา ถ า เ ด็ ก ไ ม ไ ด รบั ประทานอาหารเชา จะทาํ ใหเ ด็กขาดสมาธใิ นการเรียน สมองมึน งวง ซึม และถาเด็กอดอาหารเปน เวลานาน ๆ ตดิ ตอ กัน จะทําใหมีผลเสยี ตอระบบการยอ ยอาหาร และเปนโรคขาดสารอาหารไดดังนั้น การเลอื กอาหารเชา ทีเ่ ด็กวัยเรยี นควรไดร บั ประทานและหาไดง า ย คอื นมสด 1 กลอ ง ขาวหรือขนมปง ไข อาจจะเปนไขด าว ไขล วก หรอื ไขเ จียว ผลไมท ่หี าไดง าย เชน กลวยนํ้าวา มะละกอ หรือสม เทาน้ี เดก็ กจ็ ะไดรับสารอาหารท่ีเพียงพอแลว 3. ความตอ งการสารอาหารในวัยรุน วยั รุน เปนวัยท่มี กี ารเจรญิ เติบโตในดา นรางกายอยางมาก และมีการเปล่ียนแปลงทางอารมณ และจิตใจคอนขางสูง มีกิจกรรมตาง ๆ คอนขางมากทั้งในดานสังคม กีฬา และบันเทิง ความตองการ สารอาหารยอมมมี ากขนึ้ ซึ่งจะตอ งคํานึงทง้ั ปรมิ าณและคณุ ภาพใหถูกหลกั โภชนาการ

78 ปจจยั ทสี่ ําคญั คือ 1.ครอบครวั ควรปลกู ฝงนสิ ัยการรบั ประทานอาหารท่ถี ูกหลกั โภชนาการ เร่ิมตนจากที่บานท สาํ หรบั วัยรนุ ที่พยายามจํากัดอาหารลง คนในครอบครัวจะตองใหคาํ แนะนาํ เพ่ือไมไปจํากัดอาหารท่ีมี คณุ คา และจาํ เปนตอรา งกาย 2.วยั รุน จะเร่มิ มคี วามคิดเห็นเปน ของตัวเองมากขึ้น การรับความรเู กยี่ วกบั โภชนาการ มีความ จําเปนเพื่อใหเหน็ ความสําคัญของการรบั ประทานอาหารทมี่ คี ุณคาทางโภชนาการอยา งสมา่ํ เสมอซึ่งจะ มผี ลดตี อตัววยั รนุ เองโดยตรง 3.สง่ิ แวดลอ มในโรงเรยี นหรอื สถานศกึ ษาอทิ ธิพลจากเพือ่ นฝูงมีสวนท่ีทําใหวัยรุนเลียนแบบ กนั เรอื่ งการรับประทานอาหาร ตลอดจนการบริโภคสารอนั ตราย เชน เหลา บุหรี่ และยาเสพติด การ ดูแลอยางใกลชิดตลอดจนการสนับสนุนใหวัยรุนเลนกีฬา หรือทํากิจกรรมท่ีมีประโยชนจะมีผล ทางออม ทําใหนิสัยท่ีดีในการบริโภคอาหารไมถูกเบี่ยงเบนไป ความตองการอาหารที่ใหโปรตีน พลงั งาน และวติ ามนิ ตองเพยี งพอสําหรับวยั รนุ วติ ามนิ ตอ งเหมาะสมและโดยเฉพาะอยางย่ิงอาหารท่ีมี เกลือแรประเภทแคลเซยี มและเหลก็ ตองเพียงพอ 4. ความตอ งการสารอาหารในวยั ผใู หญ วยั ผใู หญถงึ แมจ ะหยุดเจรญิ เติบโตแลว รางกายยังตองการสารอาหารอยางครบถว น เพ่ือนําไป ทํานุบํารุงอวัยวะ และเนื้อเย่ือตาง ๆ ของรางกาย ใหคงสภาพการทํางานท่ีมีสมรรถภาพตอไป และ ปจจัยสําคัญอยางหน่ึง ท่ีจะทําใหวัยผูใหญยังคงแข็งแรงไดแก การบริโภคอาหารที่ถูกตองตามหลัก โภชนาการ การควบคมุ อาหารในวัยผูใหญ มขี อ แนะนาํ ดังนี้ 1.ใหบริโภคอาหารหลายชนิด เนื่องจากไมมีอาหารชนิดใดชนิดหน่ึงท่ีใหคุณคาทาง โภชนาการไดครบถวน 2. บรโิ ภคอาหารในปรมิ าณทีพ่ อเหมาะ เพ่อื ใหนาํ้ หนกั อยใู นเกณฑท ีต่ องการ 3. หลีกเลย่ี งการรับประทานท่มี ีไขมันมากเกินไป 4. บริโภคอาหารที่มีปริมาณของแปงและกากใยใหเพียงพอ 5. หลกี เลย่ี งการบรโิ ภคอาหารทีป่ รุงดว ยปริมาณนา้ํ ตาลจํานวนมาก 6. หลกี เล่ยี งการบรโิ ภคอาหารเคม็ มากเกนิ ไป 7. หลกี เลี่ยงเคร่อื งดืม่ ทม่ี ีแอลกอฮอล 5. ความตองการสารอาหารของวยั ผูสงู อายุ ผูสูงอายใุ นทน่ี ้หี มายถึงผทู ีอ่ ยใู นวยั 60 ปขนึ้ ไป สาํ หรับปญ หาเร่ืองอาหารการกนิ หรือโภชนาการในวัยน้ี ขอใหรับประทานอาหารใหครบทุก หมูและควบคุมปริมาณ โดยดูจากการควบคุมนํ้าหนักตัวไมใหมากข้ึน และกรณีน้ําหนักเกินอยูแลว ควรจะลดนาํ้ หนักใหสัมพันธกับสวนสูง

79 ขอ แนะนําในการดูแลเรอื่ งอาหารในผสู งู อายุมดี ังน้ี 1.โปรตีน ควรใหรับประทานไขวันละ 1 ฟอง และด่ืมนมอยางนอยวันละ 1 แกวสําหรับ โปรตนี จากเนือ้ สัตวควรลดนอ ยลง 2.ไขมนั ควรใชน ้าํ มันถว่ั เหลืองหรือนา้ํ มนั ขาวโพด ในการปรุงอาหารเพราะเปนน้ํามันพืชท่ีมี กรดไลโนเลอกิ 3.คารโบไฮเดรต คนสูงอายุควรรับประทานขาวลดลงและไมควรรับประทานนํ้าตาลใน ปรมิ าณทม่ี าก 4.ใยอาหาร คนสงู อายคุ วรรับประทานอาหารท่ีเปนพวกใยอาหารมากขึน้ เพอ่ื ชวยปองกันการ ทอ งผกู ชว ยลดระดบั โคเลสเตอรอลในเลอื ดและลดอบุ ตั กิ ารของการเกดิ มะเร็งลาํ ไสใหญล งได 5.นํา้ ด่มื คนสูงอายคุ วรดมื่ นํา้ ปรมิ าณ 1 ลติ รตลอดทง้ั วัน แตทัง้ นสี้ ามารถปรบั เองไดต ามความ ตองการของรางกาย โดยสังเกตดูวาถาปสสาวะมีสีเหลืองออน ๆ เกือบขาว แสดงวาน้ําในรางกาย เพียงพอแลว สวนเคร่ืองด่ืมแอลกอฮอลรวมท้ังนํ้าชา กาแฟ ควรงดเวนถาระบบยอยอาหารในคน สูงอายไุ มดี ทา นควรแบงเปน มอ้ื ยอย ๆ แลว รบั ประทานทีละนอ ย แตหลายม้ือจะดีกวา แตอาหารหลัก ควรเปนมือ้ เดียว 6.ความตอ งการสารอาหารในสตรีตง้ั ครรภ สตรีตั้งครรภ นอกจากตองมีสารอาหารทั้ง 6 ประเภทไดแกโปรตีน คารโบไฮเดรต ไขมัน วิตามนิ เกลือแร และนํา้ ในอาหารท่ีรบั ประทานเปน ประจําใหครบทุกประเภทแลว สตรีตั้งครรภตอง ทราบอกี วา ควรทีจ่ ะเพ่ิมสารอาหารประเภทใด จึงจะทําใหเดก็ ในครรภไดร ับประโยชนสงู สุดดงั นี้ 1.อาหารท่ใี หโ ปรตนี ไดแกไ ข นม เนื้อสัตว เคร่ืองในสัตวและถ่ัวเมล็ดแหง สตรีต้ังครรภจึง ควรรับประทานไขวันละ 1-2 ฟอง นมสดวันละ 1-2 แกว เน้ือสัตวบกและสัตวทะเล ซึ่งจะไดธาตุ ไอโอดีนดวยอาหารประเภทเตาหูและนมถ่ัวเหลือง ก็มีประโยชนในการใหโปรตีนไมแพเนื้อสัตว เชน กัน 2.อาหารทใี่ หพลังงาน ไดแ ก ขา ว แปง นาํ้ ตาล ไขมันและนํา้ มนั สตรตี ัง้ ครรภค วรรับประทาน ขา วพอประมาณรวมกบั อาหารทีใ่ หโ ปรตนี ดงั กลา วแลว ควรใชนาํ้ มันพชื ซ่ึงมีกรดไขมนั จําเปน ในการ ประกอบอาหาร เชน นํ้ามนั ถัว่ เหลอื ง นํ้ามนั ขาวโพด สตรตี ง้ั ครรภควรจะตอ งรบั อาหารทีจ่ ะใหพลังงาน มากขน้ึ วันละปริมาณ 300 แคลลอร่ี 3.อาหารท่ีใหว ิตามนิ และเกลอื แร สตรีตัง้ ครรภตอ งการอาหารท่ีมีวิตามินและเกลือแรเพิ่มข้ึน ควรรับประทานอาหารประเภทผักและผลไมทุกๆวันเชนสม มะละกอ กลวย สลับกันไป จะไดใย อาหารเพอื่ ประโยชนใ นการขบั ถายอุจจาระดว ย เกลือแรท่สี าํ คัญควรรับประทานเพิ่มไดแก แคลเซียม ฟอสฟอรัส แมกนเี ซียม เหล็ก สังกะสี และไอโอดีน สวนวิตามนิ ไดแ กก ลมุ ที่ละลายในไขมัน เชน เอ ดี อี เค และท่ลี ะลายในนา้ํ ไดแ กวิตามินบีและวติ ามินซี

80 รา งกายเราตอ งการสารอาหารทม่ี ีอยูใ นอาหารตางๆ เพื่อใหมีสุขภาพท่ีดี แตเราจะตองรูวาจะ กินอยางไร กินอาหารอะไรบา งมากนอ ยเพยี งใดจึงจะไดส ารอาหารครบเพียงพอกับความตองการของ รางกาย ขอปฏิบัติการกนิ อาหารเพ่ือสุขภาพที่ดีของคนไทย 9 ขอหรือโภชนาการบัญญัติ 9 ประการน้ี จะชวยไดถ าทานปฏิบตั ิตามหลกั ดังตอ ไปน้ี 1.กนิ อาหารครบ 5 หมแู ตล ะหมูใหหลากหลายและหมน่ั ดูแลนาํ้ หนกั ตัว 2.กินขาวเปนอาหารหลัก สลบั กับอาหารประเภทแปง เปน บางมือ้ 3.กินพชื ผักใหมากและกินผลไมเปนประจาํ 4.กินปลา เนอื้ สตั วท ี่ไมต ดิ มนั ไข ถัว่ เมลด็ แหงเปน ประจํา 5.ด่มื นมใหเหมาะสมตามวัย 6.กนิ อาหารทม่ี ไี ขมันพอสมควร 7.หลกี เลย่ี งการกินอาหารรสหวานจดั และเคม็ จดั 8.กินอาหารทสี่ ะอาดปราศจากการปนเปอ น 9.งดหรอื ลดเครือ่ งดมื่ ที่มแี อลกอฮอล สารตานอนมุ ูลอิสระ ในรางกายของคนเราเซลลจ ะผลติ สารชนิดหนึง่ เพอื่ ทาํ ลายเนื้อเยื่อตนเองเพิ่มมากข้ึน สารน้ัน เรยี กวาอนุมูลอิสระ อนุมูลอิสระน้ีเปนตัวการสําคัญท่ีทําใหเกิดปญหาทางสุขภาพหลายประการ ทั้ง ภาวะความจําเส่อื ม โรคมะเรง็ เปนตน ในขณะเดียวกันรางกายก็สามารถจัดการกับอนุมูลอิสระไดโดยสรางสารตานอนุมูลอิสระ ออกมาในกระแสเลือด เพื่อจับกับอนุมูลอิสระไดถึง 99.9 % คงเหลือทําลายเซลลอยูเพียง 0.1% แต กระนั้นก็ทาํ ใหเ ซลลเ กดิ การบาดเจ็บและยงิ่ นานวนั รอยแผลก็สะสมมากข้ึน เมื่อคนเราแกลงรางกายก็ จะสรางสารตานอนมุ ูลอิสระลดลงรางกายจะตองการสารตา นอนุมูลอสิ ระมากข้ึน เพอื่ สง ผลใหอายุยืน สุขภาพแขง็ แรงตอ ตานโรคชรา โรคมะเร็ง เปน ตน สารตานอนมุ ูลอสิ ระทส่ี าํ คญั ท่เี ราพบในแหลง อาหาร มีดงั น้ี 1.เบตา-แคโรทีน มีมากในแครอท และผักสีเหลืองสมผักสีเขียวเขมตางๆเชนมะเขือเทศ ฟก ทอง ตาํ ลึง ผักบุง ผกั กวางตงุ ผักคะนา ยอดแค เปนตน 2.วิตามินซี มีมากในฝรง่ั สม มะขามปอ ม มะนาว มะเขอื เทศ ผกั ผลไมส ด ตางๆ ผกั คะนาและ กระหล่ําดอกมีวติ ามินซสี ูงมาก วติ ามนิ ซี ถกู ทาํ ลายไดงาย ดว ยความรอนความขึน้ และแสง 3.วติ ามินอี มใี นรําละเอยี ด ในพวกธญั พืชท่ีไมขัดขาว ขา วโพด ถัว่ แดง ถั่วเหลือง ผักกาดหอม เมลด็ ทานตะวนั งา น้าํ มนั รํา น้ํามนั ถ่ัวลสิ ง น้าํ มนั จากเมลด็ พืชตา งๆ 4.ซีลเิ นยี ม พบในอาหารทะเลเน้ือสัตวธญั พืชที่ไมขดั ขาวนอกจากนี้ยังมีสารที่พบในผักผลไม ที่มีคณุ สมบัติในการตา นสารอนุมลู อสิ ระซ่งึ สามารถจับกบั อนมุ ลู อสิ ระลดอันตรายไมใหเ กดิ โรคมะเรง็

81 ได พบไดม ากในตระกลู สม องุน และผลไมสดอื่นๆรวมทั้งผักผลไมตางๆ เชน กระเทียม ผักตระกูล ผกั กาด ตัวอยาง ประเภทและจาํ นวนของอาหารท่ีคนไทยควรรับประทานอาหารใน 1 วนั สําหรบั เดก็ อายุ 6 ปข ึน้ ไปถงึ วยั ผูใหญแ ละผสู งู อายโุ ดยแบงตามการใหพลังงาน กลุมอาหาร หนวยครวั เรอื น พลงั งาน (กโิ ลแคลอร)ี 1,600 2,000 2,400 ขาว – แปง 1 ทัพพี = 60 กรัม หรือ คร่งึ ถว ยตวง 8 ทพั พี 10 ทพั พี 12 ทพั พี ผัก 1 ทพั พี = 40 กรัม หรือ ครึ่งถวยตวง 4 (6) ทพั พี 5 ทัพพี 6 ทพั พี ผลไม 1 สวน = สม เขยี วหวาน 1 ผล หรือ 3 (4) สวน 4 สว น 5 สวน กลวยนํา้ วา 1 ผล หรอื เงาะ 4 ผล เน้อื สัตว 1 ชอนกินขา ว = ปลาทคู รึ่งตวั หรือ 6 ชอ น 9 ชอ น 12 ชอ น ไขค รึง่ ฟอง หรือไกค รง่ึ นอ ง กินขา ว กินขา ว กินขา ว นม 1 แกว = 250 ซซี ี 2 (1) แกว 1 แกว 1 แกว นาํ้ มัน ใชแ ตนอยเทา ท่ีจาํ เปน นํา้ ตาล และ ชอ นชา เกลือ หมายเหตุ เลขใน ( ) คือปรมิ าณทีแ่ นะนําสาํ หรับผใู หญ 1,600 กโิ ลแคลอรี สําหรับ เด็กอายุ 6-13 ป หญงิ วัยทาํ งานอายุ 25-60 ป ผสู งู อายุ 60 ปข นึ้ ไป 2,000 กโิ ลแคลอรี สําหรบั วัยรนุ หญิง-ชาย อายุ 14-25 ป วยั ทาํ งานอายุ 25-60 ป 2,400 กโิ ลแคลอรี สาํ หรบั หญิง-ชาย ทใ่ี ชพลังงานมากๆ เชน เกษตรกร ผใู ชแรงงาน นกั กีฬา สรุป อาหารเปนปจ จัยท่ีมผี ลตอการเจริญเติบโต และพัฒนาการของมนุษย การรับประทานอาหาร ควรยึดหลักโภชนาการ เพื่อใหไดพลงั งานและสารอาหารท่ีพอเพียง วัยรุน เปนวัยท่ีกําลังเจริญเติบโต จึงควรบรโิ ภคอาหารใหถูกตองตามหลักโภชนาการ

82 เรอื่ งที่ 2 วธิ ีการประกอบอาหารเพอ่ื คงคุณคา ของสารอาหาร 1. หลกั การปรุงอาหารที่ถกู สุขลกั ษณะ เพื่อใหไดอาหารท่ีสะอาด ปลอดภัย และมีคุณคาทางโภชนาการ มีหลักการปรุงอาหารที่ถูก สุขลกั ษณะ โดยคาํ นงึ ถงึ หลกั 3 ส คอื สงวนคณุ คา สกุ เสมอ สะอาดปลอดภยั สงวนคุณคา คือ การปรุงอาหารจะตองปรุงดวยวิธีการปรุง ประกอบเพื่อสงวนคุณคาของ อาหารใหมปี ระโยชนเตม็ ท่ี เชน การลา งใหส ะอาดกอ นห่ันผัก การเลอื กใชเกลือเสริมไอโอดีน สกุ เสมอ คอื ตองใชค วามรอนในการปรุงอาหารใหส ุกโดยเฉพาะอาหารประเภทเนื้อสตั วท้ังนี้ เพ่ือตองการจะทําลายเช้ือโรคที่อาจปนเปอนมากับอาหาร การใชความรอนจะตองใชความรอนใน ระดับท่สี ูง ในระยะเวลานานเพยี งพอที่ความรอนจะกระจายเขาถึงทุกสวนของอาหาร ทําใหสามารถ ทาํ ลายเชื้อโรคไดอ ยางมีประสทิ ธภิ าพ สะอาดปลอดภัย คือ จะตองมีการตรวจสอบคุณภาพมาตรฐานของอาหารกอนการปรุง ประกอบวาอยูในสภาพที่สะอาด ปลอดภัย ไดมาตรฐาน เชน เน้ือหมูสด ตองไมมีเม็ดสาคู (ตัวออน พยาธิตัวตืด) น้ําปลา จะตองมีเครื่องหมาย อย.รับรอง เปนตน และจะตองมีกรรมวีธีข้ันตอนการปรุง ประกอบอาหารที่สะอาด ปลอดภยั และถูกสขุ ลักษณะ มีผปู รุง ผูเสริ ฟอาหารท่มี สี ขุ วิทยาสวนบุคคลทดี่ ี รจู ักวธิ ีการใชภาชนะอุปกรณและสารปรุงแตงรสอาหารท่ีถูกตองเชน วีการสดปริมาณสารพิษกําจัด ศตั รพู ืชที่ตกคา งในผักสด การใชช อนชิมอาหารเฉพาะในการชมิ อาหารระหวา งการปรงุ อาหาร 2. หลกั การทาํ อาหารใหส ะดวกและรวดเร็ว อาหารที่ปรงุ เองนอกจากจะประหยัดแลวยังไดอาหารที่สะอาด สด ใหม มีรสถูกปากและลด ความเส่ียงจากการมสี ารเคมีปนเปอนแต เวลา มักจะเปนขอจํากดั ในการลงมือทําอาหาร แมบานอาจมี วิธีการเตรยี มอาหารพรอ มปรงุ ในวนั หยุด เกบ็ ไวในตูเย็นแลวนํามาปรุงใหมไดโดยใชเวลานอยแตได คุณคา มากเรม่ิ จากอาหารประเภทเน้ือสัตว เชน หมู ไก กุง ปลา เม่ือซ้ือมาจัดเตรียมตามชนิดที่ตองการ ปรุงหรอื หงุ ตม แลว ทาํ ใหสุก ดวยวธิ ีการตมหรือรวน แลว แบงออกเปน สว นๆตามปริมาณที่จะใชแตละ คร้ัง แลวเกบ็ ไวใ นตเู ยน็ ถาจะใชในวันรงุ ขน้ึ หรือเก็บไวใ นชองแชแขง็ ถาจะเก็บไวใชนาน เมอ่ื ตองการ ใชก็นําออกมาประกอบอาหารไดทันที โดยไมตองเสียเวลา รอใหละลายเหมือนการเก็บดิบๆ ทั้งช้ิน ใหญโ ดยไมห่นั การเตรยี มลว งหนา วิธนี ี้ นอกจากจะสะดวก รวดเร็วแลว ยังคงรสชาติและคุณคาของ อาหารอีกดวย 3. หลักการเกบ็ อาหารใหส ะอาดปลอดภัย การเกบ็ อาหารตามหลักการสุขาภิบาลอาหารมีวตั ถปุ ระสงคเ พื่อยืดอายุของอาหารทีใ่ ชบริโภค โดยจะตอ งอยใู นสภาพที่สะอาดปลอดภยั ในการบริโภค หลักการในการเก็บอาหารใหคํานึงถึงหลัก 3 ส. คือสดั สว นเฉพาะ สิ่งแวดลอ มเหมาะสม สะอาดปลอดภัย สัดสว นเฉพาะ คอื ตอ งเกบ็ อาหารใหเ ปน ระเบียบ แยกเก็บตามประเภทอาหารโดยจัดใหเปน สดั สว นเฉพาะไมปะปนกัน มฉี ลากซอ้ื หรอื เครอื่ งหมายอาหารแสดงกํากับไว

83 สิง่ แวดลอมเหมาะสม คือ ตองเก็บอาหารโดยคํานึงถึงการจัดสภาพส่ิงแวดลอมใหเหมาะสม กับอาหารแตล ะประเภทโดยคํานงึ ถึงอุณหภูมิความชื้นเพื่อชวยทําใหอาหารสดสะอาดเก็บไดนานไม เนาเสียงา ยสง่ิ แวดลอ มของอาหารจะจัดการใหอยูในสภาพที่จะปองกันการปนเปอนได เชน การเก็บ อาหารกระปอ งในบรเิ วณทีม่ ี อาหารหมนุ เวียน สูงจากพืน้ อยา งนอย 30 ซม. การเกบ็ นมพาสเจอไรสไว ในอุณหภูมติ ่าํ กวา 7 องศาเซลเซยี ส เปน ตน สะอาดปลอดภยั คือ ตองเก็บอาหารในภาชนะบรรจุที่ถูกสุขลักษณะ สะอาด ปลอดภัย มีการ ทาํ ความสะอาดสถานทเี่ กบ็ อยางสมํา่ เสมอไมเ ก็บสารเคมที เ่ี ปนพิษอ่ืนๆเชน การใชถุงพลาสติก/กลอง พลาสติกสาํ หรับบรรจุอาหารในการบรรจุอาหารทีเ่ กบ็ ไวในตูเยน็ /ตูแชแข็ง เปน ตน 4. อณุ หภูมเิ ทา ไหรจงึ จะทําลายเช้อื โรคได เช้ือจุลินทรียมีอยูท่ัวไปตามสิ่งแวดลอมมนุษย สัตว อาหาร ภาชนะอุปกรณและสามารถจะ ดํารงชีวิตอยูไดในชวงอุณหภูมิต่ํากวา 0 องศาเซลเซียส จนถึง 75 องศาเซลเซียส โดยเฉพาะ เชื้อจุลนิ ทรียท่ีกอใหเ กดิ โรคระบาดทางเดินอาหารมกั จะเปนเช้ือจุลินทรยี ท ่ีสามารถเจริญเติบโตไดดีที่ อุณหภมู หิ อ งประมาณ 25 องศาเซลเซียส ถงึ 40 องศาเซลเซยี ส ฉะนน้ั การทําลายเช้ือจุลินทรยี ท กี่ อใหเ กดิ โรคระบบทางเดินอาหารจําเปนจะตองกําหนดชวง อุณหภูมทิ ี่เหมาะสมเพ่อื จะไดแนใ จวา เชื้อจุลินทรียถ ูกทําลายจนหมดส้ินในขบวนการผลิตอาหารทาง อุตสาหกรรมการทําลายเชอื้ โรคจําเปนตอ งอาศัยอณุ หภูมทิ ่ีเหมาะสมควบคูไปกับระยะเวลาทีเ่ หมาะสม จึงจะมีประสิทธิภาพในการทําลายที่ดี คืออุณหภูมิที่สูงมากใชระยะเวลาสั้น(121องศาเซลเซียสเปน เวลา 1 นาที)และอณุ หภมู ทิ ตี่ าํ่ ใชระยะเวลานาน(63 องศาเซลเซียส เปน เวลา 30 นาที)ท้ังทย่ี ังมปี จจัยอื่น ทเี่ ก่ยี วขอ งในการควบคุมไดแ กป ริมาณเชือ้ จลุ ินทรียประเภทของอาหารคา ความเปนกรด ดา ง ความชื้น สาํ หรบั ในการปรุงประกอบอาหารในครัวเรอื นอณุ หภูมิที่สามารถทําลายเช้ือจุลินทรีย คือ 80 องศาเซลเซียส-100 องศาเซลเซยี ส (อุณหภมู นิ ้ําเดือด)เปนเวลานาน 15 นาทีสําหรับอุณหภูมิในตูเย็น 5 องศาเซลเซียส-7องศาเซลเซียส เช้ือจุลินทรียส ามารถดํารงชีวิตอยูได และสามารถเพิ่มจํานวนไดอยาง ชา ในขณะที่อณุ หภูมแิ ซแ ข็งตํ่ากวา 0 องศาเซลเซียส เช้อื จุลินทรียส ามารถดํารงอยไู ดแตไมเพ่ิมจํานวน อุณหภูมทิ ี่เช้ือจุลินทรยี ต ายคือ-20องศาเซลเซียส และฉะน้ันเพ่ือความปลอดภัยในการบริโภคอาหาร โดยเฉพาะอาหารเน้ือสัตวควรปรุงอาหารใหสุกเสมอโดยทั่วทุกสวนท่ีอุณหภูมิสูงกวา 80 องศา เซลเซียส ข้นึ ไปหรือสกุ เสมอ สะอาด ปลอดภัย 5. อุณหภมู ทิ ่ีเหมาะสมในการเกบ็ อาหารสดประเภทเน้ือสัตว อาหารเนอ้ื สตั วสด เปนอาหารที่มีความเสี่ยงสูง เพราะมีปจจัยเอ้ือตอการเนาเสียไดงาย คือมี ปริมาณสารอินทรยี ส ูง มปี ริมาณน้ําสงู ความเปน กรดดา งเหมาะสมในการเจรญิ เติบโตของเชื้อจุลินทรยี  การเก็บเนื้อสัตวส ดทีถ่ ูกสุขลักษณะ คือตองลางทําความสะอาดแลวจึงหั่นหรือแบงเน้ือสัตว เปน ช้ิน ๆ ขนาดพอดที จี่ ะใชในการปรงุ ประกอบอาหารแตละครั้งแลวจึงเก็บในภาชนะที่สะอาดแยก เปนสัดสวนเฉพาะสําหรับเนื้อสัตวสดที่ตองการใชใหหมด ภายใน 24 ช่ัวโมงสามารถเก็บไวใน

84 อุณหภมู ิตูเย็นระหวา ง 5 องศาเซลเซียส -7 องศาเซลเซียสในขณะทีเ่ นอื้ สตั วส ดทต่ี องการเก็บไวใชนาน (ไมเกิน7วัน)ตองเก็บไวในอุณหภูมิตูแชแข็ง อุณหภูมิตํ่ากวา 0 องศาเซลเซียส ท้ังนี้เม่ือจะนํามาใช จําเปน จะตองนํามาละลายในไมโครเวฟ แตถาละลายในน้ําเย็นจะตองเปล่ียนนํ้าทุก 30 นาที เพื่อให อาหารยงั คงความเย็นอยแู ละน้ําทีใ่ ชละลายไมเปนแหลงสะสมของเช้อื จลุ นิ ทรยี ท่อี าจจะปนเปอนมาทํา ใหมีโอกาสเพ่ิมจาํ นวนไดม ากขึ้นจนอาจจะเกดิ เปนอนั ตรายได สรุปอุณหภูมิท่ีเหมาะสมในการเก็บอาหารเนื้อสัตวสดคืออุณหภูมิตูเย็นตํ่ากวา 7 องศา เซลเซียสในกรณีทจี่ ะใชภายใน 24 ชวั่ โมง และตา่ํ กวา 0 องศาเซลเซียส (อุณหภมู แิ ชแข็ง) ในกรณีที่จะ ใชภ ายใน 7 วนั ซึ่งเปน อุณหภมู ิทเ่ี ชอื้ จุลนิ ทรยี ย งั คงดาํ รงชวี ิตอยูไดแตมีอัตราการเจริญเติบโตตํ่าจนถึง ไมมกี ารเจริญเตบิ โตทาํ ใหสามารถเก็บรกั ษาเนือ้ สัตวใหส ด ใหม สะอาด ปลอดภัย 6. ภาชนะบรรจอุ าหารสาํ คัญอยา งไร ภาชนะบรรจุอาหารเปนปจจัยสําคัญที่เส่ียงตอการปนเปอนเชื้อโรค สารเคมีท่ีเปนพิษกับ อาหารที่พรอมจะบรโิ ภค ทัง้ นี้ สามารถจะกอใหเกดิ การปนเปอ นไดทุกข้ันตอน ตง้ั แตขั้นตอนการเก็บ อาหารดิบ ขัน้ ตอนการเสริ ฟ ใหกับผูบ รโิ ภค ขน้ั ตอนการเกบ็ อาหารดิบถา ภาชนะบรรจทุ ําดวยวสั ดุท่เี ปน พิษหรือภาชนะทปี่ นเปอนเช้อื โรค ก็จะทําใหอาหารทบี่ รรจุอยูปนเปอ นไดโดยเฉพาะภาชนะบรรจอุ าหารเน้ือสัตวสด เม่ือใชแลวตองลาง ทําความสะอาดใหถูกตองกอนจะนํามาบรรจุเนื้อสัตวสดใหมเพราะอาจจะเปนแหลงสะสมของ เชอ้ื จลุ นิ ทรยี ไดงา ยขัน้ ตอนการปรุงประกอบอาหารถาภาชนะอปุ กรณที่ใชใ นการปรุง ประกอบอาหาร ถาภาชนะอุปกรณที่ใชในการปรุงประกอบมีการปนเปอนดวยสารเคมีที่เปนพิษ ก็สามารถปนเปอน อาหารที่ปรุงประกอบไดเชน ตะแกรงทาสีบรอนดเวลาปงปลา สีบรอนด และสารตะก่ัวก็อาจจะ ปนเปอนกับเนื้อปลาไดใชภาชนะพลาสติกออนใสน้ําสมสายชูทําใหมีการปนเปอนสารพลาสติก ออกมากับนา้ํ สมสายชูทาํ ใหมีการปนเปอ นสารพลาสติกออกมากบั นาํ้ สม สายชไู ด ขั้นตอนการเสิรฟอาหารพรอมบริโภคอาหารปรุงสําเร็จถาภาชนะที่ใชลางไมสะอาดมีการ ปนเปอนเชื้อจลุ ินทรียสารเคมีที่เปนอนั ตรายกจ็ ะปนเปอ นอาหารจนอาจกอ ใหเ กดิ อนั ตรายกับผบู ริโภค ได ฉะน้ันเพ่อื ใหไดภ าชนะอุปกรณท่ีสะอาด ปลอดภัย ส่ิงสําคัญก็คือจะตองรูจักวิธีการเลือกใช ภาชนะอุปกรณท ถี่ กู ตอ งไมท าํ จากวัสดทุ ี่เปน พษิ และใชใ หเ หมาะสมกับประเภทของอาหารรวมทง้ั ตอง รูจักวธิ ีการลางและการเกบ็ ภาชนะอุปกรณใ หถกู ตอ ง เร่ืองที่ 3 ความเช่อื และคานยิ มเกย่ี วกบั การบรโิ ภค คานิยม (Value) หมายถึง ลักษณะดานสังคมซึ่งมีความเช่ือถือ (Beliefs) กันอยาง กวา งขวาง ซึ่งเปนแนวทางในการพิจารณาพฤตกิ รรมที่เหมาะสม โดยมีการยอมรับอยา งแพรห ลายจาก สมาชิกของสงั คม หรือหมายถึง ความเช่ือถือของสวนรวมซึ่งมีมานาน โดยมีจุดมุงหมายเพ่ือการมี

85 ชวี ิตอยูรว มกนั เปน ความรสู ึกเกีย่ วกบั กจิ กรรม ความสมั พนั ธกัน หรือจุดมงุ หมายซึ่งมีความสําคัญตอ ลักษณะหรอื ความเปนอยขู องชุมชน สิง่ ทคี่ นกลุมหน่ึง ๆ วาอะไรก็ตามท่ีคนในสังคมสวนใหญชอบ ปรารถนาหรอื ตองการใหเปน ในปจจุบนั เรามักจะใหย ินวา คนไทยมีคา นิยมชอบใชของตา งประเทศ ชอบเลยี นแบบ ชาวตางประเทศโดยรับเอาวัฒนธรรมของตางประเทศเขามามาก โดยลืมคิดถึงความเสียหายท่ีจะ เกดิ ขึ้น ซ่งึ คาํ วา “คา นยิ ม” ถอื วา เปนปจจัยภายนอกซึ่งเปนปจจัยที่มีอิทธิพลตอความรูสึกนึกคิดของ บุคคลเปน สิ่งท่เี กิดข้ึนจากการเรียนรู หรือส่ิงอื่นใดก็ตามท่ีเปนตัวกํากับหรือควบคุมพฤติกรรมของ บุคคลเปนส่ิงทเ่ี กิดขึ้นจากการเรียนรู หรือสิ่งอ่ืนใดก็ตามท่ีเปนตัวกํากับหรือควบคุมพฤติกรรมของ บุคคลที่อยใู นสังคมนั้น ๆ ซ่ึงความสําเร็จหรือความลมเหลวของธุรกิจทางการตลาดขึ้นอยูกับความ สอดคลองกบั คา นยิ มเปน สาํ คญั ดงั น้ัน คา นิยมจึงเก่ยี วของกบั การตอบสนองตอ ส่ิงกระตุนดวยวิธีที่มี มาตรฐาน ซึ่งบุคคลจะถกู กระตุน ใหม ีสว นรว มในพฤติกรรมเพอ่ื ใหบรรลุคานยิ ม และความเกี่ยวของ กับพฤติกรรมผูบริโภคและกลยุทธทางการตลาด ในขณะที่แตละช้ันของสังคมจะมีลักษณะของ คานยิ มและพฤติกรรมในการบริโภคจะแตกตางกันออกไป ตวั อยางคานิยมกับพฤติกรรมการบริโภค ของคนไทย มดี งั นี้ 1. กลมุ คา นิยมความร่าํ รวย และนยิ มใชข องจากตา งประเทศ จดุ เดนท่ีเปน นสิ ัยของคนไทย ชอบทําตัววาตัวเองเปนคนรํ่ารวยเน่ืองมาจากการใชสินคา สินคาท่ีนิยมใชจะเปน สนิ คา ทน่ี ําเขา มาจากตา งประเทศเทาน้ัน สวนท่เี กยี่ วขอ งกับพฤติกรรมการบริโภค เปน บคุ คลทช่ี อบใชข องแพง ๆ ทําใหคนอน่ื มองวาตัวเองเปนผูที่รํ่ารวย ตองการให คนยกยองนับถือ เปนคนที่ตองมีเกียรติ ตองการเปนผูนําในการใชสินคา นิยมใชสินคาท่ีนําเขามา เทานั้น มองวาสินคาในประเทศเปนสินคาท่ีไมมีคุณภาพ ไมมีมาตรฐาน เปนสินคาดอยคุณภาพ จะรูสึกภูมิใจทุกครั้งเมื่อไดใชสินคาท่ีเปนสินคาจากตางประเทศ ชอบไปเที่ยวตางประเทศเพื่อไป ซื้อสินคา บางครั้งซ้ือมาแลวก็ไมไดใชประโยชนก็จะซ้ือ หรือบางครั้งอาจจะไมมีเวลาไปเท่ียว ตางประเทศก็ชอบฝากใหคนอื่นซ้ือ มีความเปนตางชาติสูงมาก จะเปนบุคคลท่ีเนนการแตงกายดี ตั้งแตศ ีรษะจรดเทา เพื่อเสริมสรางบุคลิกภาพ สรางความนาเชื่อถือ นิยมใชบัตรเครดิตการด ชอบ ความสะดวกสบายไมชอบการรอคอยนาน ๆ ชอบสังคมกับเพ่ือนท่ีมีฐานะรํ่ารวย เทาเทียมกัน ไม ชอบคบหาสมาคมกันคนทีด่ อยกวา หรือจนกวา ทําอะไรคิดถึงตัวเองมากกวาคนอ่ืน บางคร้ังอาจจะ ประสบกับปญ หาทางดานการเงินแตกลัววา คนอื่นจะรูถึงฐานะของตนเองตองยอมกูเงินเพ่ือพยุงฐานะ ของตนเองก็ยอมเพ่ือรักษาภาพลักษณของตนเอง โดยไมตองการใหใครมามองวาตัวเองจนลําบาก หรือต่ําตอ ยกวา คนอ่ืน

86 ผลกระทบกบั คา นิยมแบบน้ี ลักษณะแบบน้ี ควรจะปรับปรุงแกไขเพือ่ สังคมจะไดดีขึ้น โดยเฉพาะคนรุนใหมไม ควรใหฟุงเฟอซ่ึงจะเปนการสรางคานิยมที่ไมดี และถือวาคานิยมแบบนี้จะเปนอันตรายตอ ประเทศชาตอิ ยา งมาก ซึง่ อาจกอ ใหเ กิดความเสียหาย เทากับวาประเทศของเราไดตกไปเปนเมืองข้ึน ของตา งชาติ ซ่งึ เปน การยากทเ่ี ราจะกูประเทศชาตกิ ลับคนื มาได ซ่ึงควรจะไดมกี ารปรับปรุงแกไ ข 2. คานิยมสขุ ภาพดี จุดเดนทเ่ี ปน นสิ ยั ของคนไทย เปน บคุ คลท่ีรกั ษาสุขภาพของตนเอง และครอบครัว เพ่ือท่ีจะไดมชี วี ิตยนื ยาว สวนทีเ่ กี่ยวของกับพฤตกิ รรมการบรโิ ภค พฤติกรรมของบุคคลที่มีคานิยมสุขภาพดี มักจะเปนคนท่ีดูแลตนเองเปนอยางดี มี การออกกําลังกายอยางสม่ําเสมอ ชอบความสะอาด ไปพบแพทยเปนประจํา มีการพักผอนอยาง เพียงพอเลือกรับประทานอาหารทีม่ คี ุณคา มปี ระโยชนตอรา งกาย เพื่อทําใหสุขภาพแข็งแรง รวมทั้ง ดูแลคนในครอบครัวดว ยตอ งการใหคนในครอบครวั ปราศจากโรคภัยไขเ จบ็ ตองการมีชีวติ ท่ยี นื ยาว มี รา งกายที่แขง็ แรงและสมบรู ณ ชอบพักผอ นอยูกบั บาน และทานอาหารในบา นเพราะเนน ความสะอาด ชอบดูหนงั ฟง เพลงอยูใ นบา น สนิ คา ที่นยิ มบริโภค ไดแ ก 1. อาหารมงั สวริ ัติ 2. อาหารเสรมิ 3. นมทีม่ แี คลเซียม เพื่อเสริมสรา งกระดูก 4. นมพรอ งมนั เนย, โยเกิรต 5. วิตามินตา งๆ เชน วิตามินซ,ี วติ ามินบี ฯลฯ 6. ผกั ปลอดสารพษิ 7. ดมื่ นํา้ ผลไม 8. ด่ืมนาํ้ แร 9. โสมเกาหล,ี เหด็ หลินจอื 10. ไกตนุ ยาจีน, ไกด าํ 11. ยารักษาโรค (จากแพทยสงั่ ) ผลกระทบกบั คานิยมแบบนี้ เปน คานิยมที่ดนี าจะมีการสนับสนนุ เพราะจะทาํ ใหคนมสี ขุ ภาพดขี ึ้น เพือ่ ชวี ติ ความ

87 เปน อยูในครอบครัวดีข้ึน และทาํ ใหครอบครวั มคี วามสุขมากขน้ึ บคุ คลที่มีคา นิยมแบบนี้ เปนบคุ คลทมี่ ีฐานะในระดับ B ข้นึ ไป และเปน ผูด ูแลเอาใจใสตอสขุ ภาพ กลุมเปาหมาย เปนกลมุ วยั กลางคนท่ีเนนดูแลสุขภาพใหแข็งแรงปลอดจากโรคภัย ไขเ จ็บ 3. คานิยมรกั ความสนกุ จุดเดนทเ่ี ปน นสิ ัยของคนไทย เปนบุคคลที่รักความสนุก มีความร่ืนเริงอยูตลอดเวลา ชอบ ENTERTAIN ชอบ สงั สรรคไมว า จะเปน เทศกาลใดกต็ าม สว นทีเ่ กย่ี วขอ งกับพฤตกิ รรมการบริโภค ลักษณะของพฤติกรรมบุคคลจะเปนบุคคลท่ีรักสนุก ชอบความรื่นเริง มีความ สังสรรคในหมูญาติพี่นอง เพื่อนฝูงอยูตลอดเวลา ไมวาจะเปนการจัดปารตี้ทุกสิ้นเดือน หรือเปน เทศกาลตา ง ๆ เชน วันขนึ้ ปใหม, วันตรษุ จีน, วันสงกรานต ฯลฯ ทุกเทศกาลก็จะมีความสนุกสนาน ตลอดเวลา สนิ คา ทนี่ ิยมบริโภค ไดแก 1. รบั ประทานอาหารทกุ ชนดิ เชน อาหารกับแกลม อาจทําทานเอง หรือไป ทานนอกบาน 2. เครอื่ งดื่มทกุ ชนิด เชน นาํ้ อดั ลม 3. ผลไมต าง ๆ (ผลไมไทยและผลไมนาํ เขา) 4. ขนมขบเค้ยี วตา ง ๆ 5. ด่มื สุรา (ผลิตในประเทศไทยและนําเขา จากตา งประเทศ) 6. ชอบรอ งเพลง KARAOKE (อาจจะรอ งเพลงอยูในบาน หรอื ตาม สถานเริงรมยตา ง ๆ) 7. ชอบดูภาพยนตร 8. ชอบไปรบั ประทานอาหาร และฟงเพลงตามโรงแรม, หองอาหารตาง ๆ และตามคาเฟ 9. ชอบไปเทีย่ วตามสถานที่ในตา งจงั หวัด เชน ไปนํ้าตก, ภเู ขา และทะเ ผลกระทบกับคานิยมแบบน้ี บคุ คลที่มคี านยิ มแบบนีอ้ ยา งนอ ยก็นาจะสนับสนุน เพราะทําใหเกิดสภาพคลองทาง การเงนิ ทาํ ใหเ งินทองไมไ หลออกนอกประเทศ มกี ารใชจ ายภายในประเทศ ซ่งึ เปนการกระจายรายได

88 ไปยงั สถานทอ งเทีย่ วตางๆ ภายในประเทศไดเปน อยางดี ทาํ ใหมีการจบั จา ยใชสอยและเปนการสราง รายไดใหกับชุมชนตางๆ และแหลงทองเที่ยวตางๆ ทําใหคนมีอาชีพมากข้ึนซ่ึงจะทําใหเกิดการ หมนุ เวียนทางดา นการเงินอาจสง ผลใหภ าวะทางเศรษฐกิจในประเทศดีขึ้น 4. คานิยมบรโิ ภคนยิ ม จุดเดนทเ่ี ปน นสิ ัยของคนไทย เปนบคุ คลที่มนี ิสัยชอบบรโิ ภคเปน หลกั ซงึ่ ไมไ ดคาํ นงึ ถงึ คุณภาพ สวนทเ่ี กย่ี วขอ งกับพฤตกิ รรมการบรโิ ภค ลักษณะพฤติกรรมการบริโภคชอบรับประทานอาหารนอกบาน พยายามสรรหา รานอาหารท่อี รอยๆ ไมวา จะอยใู กลหรือไกล ถา ข้ึนช่ือในระดับ เชลลชวนชิม, แมชอยนางรํา และ ไมลองไมรู ซ่ึงมีใบรับประกนั ชอบที่จะไปทดลองชมิ ดวู าอรอ ยสมช่ือหรือเปลา ชอบรานอาหารที่มี ลกั ษณะสะอาด มีความสะดวกสบาย มที จ่ี อดรถสะดวก บางครั้งบรโิ ภคมากจนเกินความจําเปนและ มีผลตอสุขภาพ ทําใหเ กดิ โรคตางๆ ไดงาย เชน โรคไขมันอุดตัน โรคเบาหวาน ความดัน อาหาร ไมยอ ยอาหารเปนพิษ ฯลฯ สินคา ที่นยิ มบรโิ ภค ไดแก 1. อาหารทกุ ชนดิ เชน รา นอาหารดังๆ 2. อาหาร fast food เชน KFC, McDonald 3. รา นอาหารญป่ี นุ เชน Oishi, ฟูจิ 4. รา นไอศกรมี เชน Swensens 5. ขนมขบเคย้ี วตา งๆ 6. เคร่อื งดม่ื ทุกชนิด 7. สรุ ายห่ี อตางๆ ผลกระทบกับคา นยิ มแบบน้ี บคุ คลท่ีมีคานยิ มแบบน้ี อาจจะปนทอนสุขภาพได เพราะไมไดระมัดระวังในเร่ือง ของการรับประทานอาหาร ควรจะมกี ารปรบั ปรงุ แกไขเพ่ือใหมีสุขภาพแข็งแรง และมีชีวิตท่ียืนยาว ได ผูท่ีมีคานิยมบริโภคแบบน้ี ถาเปนผูสูงอายุจะทําใหเกิดอันตรายตอสุขภาพ เชน มักจะพบกับ โรคภัยไขเจบ็ ตา งๆ และมักจะมีอายุสน้ั เรอ่ื งที่ 4 ปญหาสุขภาพทเี่ กดิ จากการบรโิ ภคอาหารไมถ ูกหลกั โภชนาการ ปจจุบันการดําเนินชีวิตของประชาชนโดยเฉพาะในเขตเมือง เปนไปอยางเรงรีบ ทําใหการ บริโภคอาหาร ก็เนน อาหารตามทีร่ ับประทานไดสะดวกรวดเร็ว เชน อาหารฟาสตฟูด (Fast Food) ทํา ใหเกิดปญ หาโรคอว น และโรคอ่ืนๆอกี มาก ดงั นัน้ จึงควรทาํ ความเขา ใจถึงองคป ระกอบสําคัญดงั น้ี

89 1) อาหาร (Food) หมายถึงสิ่งที่เรากินไดและมีประโยชนตอรางกาย ส่ิงที่กินไดแตไมเปน ประโยชนหรือใหโ ทษแกร า งกาย อาทิ สุรา เห็ดเมา เรากไ็ มเ รยี กส่ิงน้ันวา เปน อาหาร 2) โภชนาการ (Nutrition) มีความหมายกวางมากกวาอาหาร โภชนาการ หมายถึง เรื่องตางๆ ท่ีวาดวยอาหาร อาทิ การจัดแบงประเภทสารอาหาร ประโยชนของอาหาร การยอยอาหาร โรคขาด สารอาหาร เปน ตน โภชนาการเปนวิชาสาขาหน่ึงซึ่งมีลักษณะเปนวทิ ยาศาสตรประยุกต ที่กลา วถงึ การ เปล่ียนแปลงตางๆของอาหารที่เรารับประทานเขาไปเพื่อใชประโยชนในดานการเจริญเติบโตและ ซอ มแซมสวนตา งๆของรางกาย 3) สารอาหาร ( Nutrient) หมายถึง สารเคมีที่เปนสวนประกอบสําคัญในอาหาร สารเคมี เหลาน้มี ีความสาํ คญั และจําเปน ตอ รา งกาย อาทิ เปนตัวทําใหเกิดพลังงานและความอบอุนตอรางกาย ชวยในการเจรญิ เตบิ โต ชว ยซอ มแซมสว นท่สี กึ หรอทาํ ใหร า งกายทาํ งานไดตามปกติ เม่ือนําอาหารมา วเิ คราะหจ ะพบวา มีสารประกอบอยูมากมายหลายชนดิ ถา แยกโดยอาศัยหลักคุณคาทางโภชนาการจะ แบง ออกเปน 6 ประเภท ไดแ กโปรตีน คารโบไฮเดรต ไขมนั วติ ามนิ เกลือแร และน้าํ 4) พลงั งานและแคลอรี่ ไขมัน คารโบไฮเดรต และโปรตีน ใหประโยชนแกรางกายหลายอยางที่สําคัญคือ การใช พลังงานแกรา งกาย พลังงานในทน่ี ้หี มายถึงพลงั งานทรี่ า งกายจาํ เปน ตองมี ตอ งใชและสะสมไว เพื่อใช ในการทํางานของอวัยวะทั้งภายในและภายนอกรา งกาย นักวิทยาศาสตรวัดปริมาณของพลังงานหรือกําลังงานท่ีไดจากอาหารเปนหนวยความรอน เรียกวาแคลอร่ี โดยกําหนดวา 1 แคลอรี่ เทา กบั ปริมาณความรอ นทีท่ าํ ใหนํา้ 1 กรัม มีอุณหภูมิสูงข้ึน 1 องศาเซลเซียส แตในทางโภชนาการพลังงานท่ีไดรับจากการอาหารท่ีกินเขาไป 1 แคลอรี่ (ใหญ) เทา กบั ปริมาณ ความรอ น ท่ีทาํ ใหน้ํา 1 กิโลกรัม มอี ุณหภูมสิ ูงขน้ึ 1 องศาเซลเซียส 5) อาหารหลกั 5 หมู อาหารเปน สง่ิ จาํ เปนยง่ิ สําหรับการเจรญิ เติบโต การบํารุงเลี้ยงสวนตางๆ ของรา งกาย มักพบวาบางคนเลอื กท่ีจะกินและไมก ินอาหารอยางหน่ึงอยางใด ซ่ึงเปนการกระทําท่ีไม ถูกตอง หากไมกินอาหารตามความตองการของรางกาย การกินอาหารตองคํานึงถึงคุณคาของ สารอาหารมากกวา ความชอบหรอื ไมช อบ การเลือกกินหรอื ไมกินอาหารเกิดจากสาเหตุหลายประการ ดงั น้ี ความคุนเคย เราจะเลือกอาหารทเ่ี ราคนุ เคยหรอื กินอยเู ปน ประจํา และจะไมเลือกกินอะไรท่ีไม คุน เคยดงั นั้นจึงมีอาหารอีกหลายอยางท่เี รายังไมเ คยกิน ซง่ึ อาจจะอรอยถูกปากก็ได รสชาติ หรือความ “อรอย” เปนเหตุผลท่ีคนเราเลือกอาหาร ความอรอยของแตละคนจะไม เหมอื นกัน อาหารอยา งหนึ่งบางคนจะบอกวา อรอ ยแตบ างคนจะเฉยๆ หรอื ไมอรอ ย ลักษณะเฉพาะของเน้ืออาหาร อาทิ บางคนชอบอาหารกรอบ อาหารนุม บางคนชอบเคี้ยว อาหารพวกเนอื้ ทเี่ หนียวๆ เปน ตน

90 ทศั นะคติ ของคนไทยครอบครวั หรอื เพ่ือนจะมีอิทธิพลตอความชอบไมชอบอาหารของทาน อาทิในครอบครัวทพ่ี อ ไมกินตนหอมหรือผักชีเลย ไปกินอาหารท่ีไหนก็จะเข่ียตนหอมผักชีออกจาก จานทุกครั้ง ลกู ๆก็จะเลยี นแบบกลายเปนไมชอบไปดวย ดังน้ันเพ่ือสุขภาพเราจึงควรลองกินอาหารท่ีไมเคยกินทีละอยางสองอยางโดยคํานึงถึง ประโยชนข องมนั มากกวา เม่อื ไดล องกินแลวอาจะพบวา จริงๆ แลวมันก็อรอยไมแพอาหารจานโปรด และไมเ กิดปญหาสุขภาพที่เกดิ จากการบริโภคอาหารไมถ กู หลกั โภชนาการดว ย ปญ หาจากการบรโิ ภคอาหารไมถกู หลักโภชนาการไดแก - ภาวะทุพโภชนาการ - ภาวะโภชนาการเกิน (โรคอว น) ภาวะทพุ โภชนาการ (Malnutrition) ภาวะทุพโภชนาการ หมายถงึ ภาวะที่รางกายไดรับสารอาหารผดิ เบ่ยี งเบนไปจากปกติ อาจเกดิ จากไดร บั สารอาหารนอยกวา ปกตหิ รือเหตุ ทตุ ิยภูมิ คอื เหตุเนอื่ งจากความบกพรอ งตางจากการกินการ ยอยการดูดซมึ ในระยะ 2-3 ปแ รกของชีวิต จะมีผลกระทบตอระดับสติปญญา และการเรียนภายหลัง เนือ่ งจากเปน ระยะท่มี กี ารเจรญิ เตบิ โตของสมองสงู สุด ซงึ่ ระยะเวลาที่วิกฤติตอพัฒนาการทางรางกาย ของวัยเด็กมากที่สุดน้ันตรงกับชวง 3 เดือนหลังการตั้งครรภจนถึงอายุ 18-24 เดือนหลังคลอด เปน ระยะที่มีการปลอกหมุ เสนประสาทของระบบประสาท และมีการแบงตวั ของเซลล ประสาทมากท่ีสดุ เมอื่ อายุ 3 ป มีผลกระทบตอการเจริญเติบโต ถึงรอยละ 80 สําหรับผลกระทบทาง รางกายภายนอกท่ีมองเห็นไดคือเด็กมีรูปรางเตี้ย เล็ก ซุบผอม ผิวหนังเหี่ยวยนเน่ืองจากไขมันชั้น ผวิ หนัง นอกจากน้อี อวัยวะภายในตางๆ กไ็ ดรบั ผลกระทบเชน กนั 1. หวั ใจ จะพบวา กลามเนอ้ื หวั ใจไมแ นน หนา และการบบี ตวั ไมดี 2. ตับ จะพบไขมันแทรกอยูในตับ เซลลเน้ือตับมีลักษณะบางและบวมเปนน้ําสาเหตุให ทาํ งานไดไ มดี 3. ไต พบวาเซลลท ัว่ ไปมลี กั ษณะบวมนา้ํ และติดสจี าง 4. กลามเนอ้ื พบวา สวนประกอบในเซลลลดลง มีน้าํ เขา แทนท่ี นอกจากการขาดสารอาหารแลว การไดร ับอาหารเกิน ในรายทอ่ี ว นฉุก็ถือเปน ภาวะทุพโภชนาการเปน การไดร ับอาหารมากเกินความตองการ พลังงานท่ีมมี ากนัน้ ไมไดใ ชไป พลงั งานสว นเกินเหลาน้ันก็จะ แปลงไปเปนคลอเรสเตอรรอลเกาะจับแนนอยูตามสวนตางๆของรางกาย และอาจลุกลามเขาสูเสน เลอื ด ผลท่ีตามมาก็คอื โรคอว น โรคเบาหวาน โรคหวั ใจ และโรคตา งๆ การประเมนิ สภาวะโภชนาการ 1. ประวัติ ท่ีนําเดก็ มาจากโรงพยาบาลเพ่ือหาสาเหตุชกั นําใหเ กิดภาวะขาดสารอาหาร 2. การตรวจรางกาย เพือ่ หารอ งรอยการผดิ ปกตซิ ่งึ เกดิ จากการขาดสารอาหารและวิตามิน

91 การตรวจรางกาย เพือ่ ประเมินสภาวะโภชนาการของเดก็ แบงไดเปน 2 ตอน คอื การตรวจรา งกายทัว่ ไป กบั การตรวจโดยการวัดความเจริญทางรางกาย การตรวจรางกายทั่วไปโดยแพทย จะเปน แนวทางชว ยประเมินสภาวะของเดก็ และเปน แนวทางวนิ จิ ฉยั การขาดสารอาหารและวติ ามนิ การตรวจโดยการวัดความเจริญทางรางกาย เปนการวัดขนาดทางรางกายคือ สวนสูง และนํา้ หนกั เพ่อื บอกถงึ โภชนาการของเดก็ ภาวะโภชนาการเกิน เมอ่ื คนเราบริโภคอาหารชนดิ ใด ชนิดหน่ึง เกินความตองการของรางกาย จะทําใหเกิดภาวะ โภชนาการเกนิ จนเกดิ โรคได และโรคทีเ่ กดิ จากภาวะโภชนาการเกิน เปนสาเหตุของการสูญเสียชีวิต เปนจํานวนไมนอย และเปนตนเหตุของการเจ็บปวยที่ตองเสียคาใชจายในการรักษายาวนานเชน โรคหวั ใจและหลอดเลือด ตลอดจนโรคอวน เปนตน โรคหวั ใจและหลอดเลือด (Cardiovascular Disease) โรคหวั ใจและหลอดเลอื ด เปนสาเหตกุ ารตายทสี่ ําคัญในลาํ ดับตน ๆ ของประชาชนไทยมาโดย ตลอด โรคดังกลาวเปนการเปล่ียนแปลงทางอายุรศาสตรที่เก่ียวของกับหัวใจและหลอดเลือด ซึ่งจะ หมายรวมถึงโรคตางๆ และภาวะอาการของโรค เชน โรคหลอดเลือดหัวใจ (Coronary heart disease) ภาวะหลอดเลือดหัวใจแขง็ (Arteriosclerosis) และอาการความดนั เลือดสงู (Hypertension) เปนตน โรค ท่สี าํ คญั ในกลมุ น้ีคอื โรคหลอดเลอื ดหัวใจหรอื โรคหลอดเลอื ดหวั ใจตีบ ซงึ่ จดั วาเปน โรคท่ีเปนสาเหตุ ของการปว ย และการตายที่สงู ของประชาชนชาวไทยในปจ จุบัน โรคหลอดเลอื ดหัวใจ โรคหลอดเลอื ดหวั ใจ เปนโรคชนิดหน่ึงทเ่ี กดิ จากหลอดเลือดแดงหวั ใจแข็ง ตีบ ตนั ขาดความ ยืดหยนุ หลอดเลือดหัวใจตีบหรอื ตนั หรอื เกดิ จากลมิ่ เลือดอุดตันหลอดเลือดหัวใจ จนทําใหกลามเน้ือ หวั ใจขาดเลอื ด หรอื ทาํ ใหกลามเนื้อหวั ใจตาย โรคนี้เปนสาเหตุสําคัญของอัตราการปวยการตาย ของ คนไทยในปจจบุ ัน และมีแนวโนม จะเพมิ่ มากขนึ้ ในอนาคต สาเหตุ 1. กรรมพนั ธุ ผูที่พอ แม ปูยา ตายาย ปว ยเปน โรคหลอดเลอื ดหัวใจจะมคี วามเสย่ี งมากกวา ไขมนั ในหลอดเลอื ด ถาสูงกวา ปกติจะทาํ ใหห ลอดเลอื ดแข็ง เส่ยี งตอการเปน โรคหลอดเลอื ดหัวใจ 2. ความดันเลอื ดสูง 3. เบาหวาน ผทู เี่ ปนเบาหวานมักจะเปน โรคหลอดเลือดหัวใจดว ย 4. ความอวน ความอวนกับโรคหลอดเลือดหัวใจ มักจะเกิดข้ึนดวยกันเสมอ โดยเฉพาะคน อวนทพ่ี งุ มกั จะมไี ขมนั ในเลือดสงู จนเปนโรคหลอดเลือดหัวใจดวย

92 5. ออกกําลังกายนอยหรือขาดการออกกําลังกาย การไหลเวียนเลือดไมคลองพอ การเผา ผลาญพลังงานนอ ย ทําใหส ะสมไขมนั จนกลายเปนโรค 6. ความเครยี ด และความกดดนั ในชีวิต อาจสงผลทําใหเ ปน โรคนไี้ ด 7. การสูบบุหร่ี สารนิโคตนิ และทารจ ากควันบุหร่มี ผี ลตอ การเกดิ โรคนี้ นอกจากสาเหตทุ ่ีสาํ คญั ดังกลาว ซ่ึงจดั วาเปน ปจจัยทส่ี ามารถเปลี่ยนแปลงได อาจมีปจจัยเส่ียง อ่ืน ๆ ท่ีเปนสาเหตุของการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ เชน เพศ อายุ เชื้อชาติ เปนตน จากการศึกษา พบวา เพศชายเส่ยี งตอการเกดิ โรคนีม้ ากกวา เพศหญิง ยกเวนผูหญิงในวัยหมดประจําเดือนเนื่องจากมี ระดับฮอรโมนเอสโตรเจนลดลง มไี ขมนั ในเลือดสูง สําหรบั อายุพบวามีอัตราการเกิดโรคนี้สูงมากใน ผูส งู อายุ และเชอ้ื ชาตพิ บวา ในคนผิวดํามีอตั ราการเกิดโรคนมี้ ากกวาคนผิวขาว อาการ 1. เจบ็ หนา อกเปนๆ หายๆ หรอื เจบ็ เมือ่ เครียด หรอื เหน่อื ย ซง่ึ เปนลักษณะอาการเร่มิ แรก 2. เจ็บหนา อกเหมอื นมีอะไรไปบบี รดั เจบ็ ลึกๆ ใตก ระดกู ดา นซา ยราวไปถึงขากรรไกรและ แขนซายถงึ นว้ิ มือซา ย เจ็บนานประมาณ 15-20 นาที ผูปวยอาจมีเหง่ือออกมาก คล่ืนไสหายใจลําบาก รสู กึ แนนๆ คลา ยมีเสมหะติดคอ บางครั้งมีอาการคัดจมูกคลายเปนหวัด เมอ่ื เปนมากจะมอี าการหนา มืด คลา ยจะเปน ลม และอาจถึงข้นั เปน ลมได บางครัง้ พอเหน่อื ยกจ็ ะรูสกึ งวงนอนและเผลอหลบั ไดงาย 3. ผปู ว ยมีอาการหัวใจส่ัน หัวใจเตนไมสมาํ่ เสมอ 4. ในกรณที ร่ี ุนแรง อาการเจบ็ หนาอกจะรนุ แรงมาก มักจะเกิดจากการที่มีล่ิมเลือดไปอุดตัน บริเวณหลอดเลอื ดที่ตีบ ทาํ ใหเกิดกลา มเน้ือหวั ใจตาย ผูป ว ยอาจมีอาการหวั ใจวาย ชอ็ ก หัวใจหยุดเตน ทาํ ใหเ สยี ชวี ิตอยา งกะทนั หนั ได การปอ งกัน 1. หากพบวาบคุ คลในครอบครวั มปี ระวัติเปนโรคน้ี ควรเพ่ิมความระมัดและหลีกเล่ียงจาก ปจจัยเส่ยี ง เพราะอาจกระตุนการเกิดโรค 2. ลดอาหารทท่ี าํ จากน้ํามนั สัตว กะทิจากมะพราว น้าํ มนั ปาลม และไขแดง 3. ไมค วรรบั ประทานอาหารทม่ี รี สเค็มจดั 4. ลดอาหารจาํ พวกแปง คารโบไฮเดรต รบั ประทานอาหารพวกผกั ผลไมม ากๆ 5. งดอาหารไขมนั จากสัตวแ ละอาหารหวานจัด 6. ออกกาํ ลังกายอยางสม่ําเสมอ 7. พกั ผอ นใหเ พยี งพอวนั ละ 6-8 ชัว่ โมง และหาวธิ ผี อ นคลายความเครียด 8. หลกี เล่ียงหรอื งดการสบู บุหร่ี