43 3. การออกกาํ ลังกายโดยการบริหารรา งกาย โดยแสดงทาทางตาง ๆ เพื่อเปนการบริหาร รา งกาย หรือเฉพาะสวนท่ีตอ งการใหก ลามเนอ้ื กระชบั อาทิ การบริหารแบบโยคะ หรือแอ โรบิค หลักการออกกาํ ลังกายเพอ่ื สขุ ภาพ คอื การออกกาํ ลังกายชนิดทเ่ี สริมสรางความอดทนของ ปอด หัวใจ ระบบไหลเวยี นเลือด รวมทง้ั ความแข็งแรงของกลา มเน้ือ ความออนตวั ของขอตอ ซึง่ จะ ชวยใหรางกายแขง็ แรงสมบรู ณ สงางาม และสขุ ภาพจิตดี การออกกาํ ลงั กายแบบแอโรบิค เปนกจิ กรรมที่ไดร ับการยอมรับ และเปนท่ีนยิ มกนั อยาง แพรห ลายทัว่ โลก ในดานการออกกาํ ลังกายเพื่อสขุ ภาพ (Exercise For Health) โดยยดึ หลักปฏบิ ัติงาย ๆ ดงั นี้ 1. ความหนกั ควรออกกาํ ลังกาย (Intensity) ใหห นักถงึ รอยละ 70 ของอตั ราการเตน สูงสุด ของหวั ใจแตล ะคน โดยคํานวณไดจากคา มาตรฐานเทากับ 170 ลบดว ยอายุของตนเอง คา ท่ไี ดคอื อตั ราการเตน ของหวั ใจคงทีท่ เี่ หมาะสม ท่ตี องรักษาระดับการเตน ของหวั ใจน้ี ไวช วงระยะเวลาหนึ่งท่ี ออกกําลังกาย 2. ความนาน (Duration) การออกกําลังกายอยางตอ เน่อื งนานอยา งนอ ย 20 นาที ขน้ึ ไปตอครัง้ 3. ระยะผอ นคลายรางกายหลงั ฝก (Cool Down) ประมาณ 5 นาที เพอื่ ยดื เหยียดกลา มเน้ือ และความออ นตัวของขอ ตอ รวมระยะเวลาท่อี อกกาํ ลังกายติดตอ กนั ท้ังสิน้ อยา งนอย 20 – 30 นาทีตอ วัน ผูที่ออกกาํ ลังกายมาก หรอื เปน นกั กีฬา จะมกี ารใชพลงั งานมากกวา บคุ คลทัว่ ไป และมีการ สญู เสยี นาํ้ และแรธาตมุ ากขนึ้ จึงควรกินอาหารทใี่ หพลงั งานอยางเพยี งพอสมดุลกับกิจกรรมทใี่ ชใ นแต ละวัน โดยควรเพิม่ อาหารประเภท ขาว แปง ผลไม หรือนาํ้ ผลไม เพือ่ เพมิ่ พลงั งาน และด่ืมน้ําให เพียงพอ ไมจ าํ เปนตอ งกินผลิตภณั ฑเ สรมิ อาหาร หรอื ดืม่ เครอ่ื งดื่มประเภทเกลือแร และเครื่องดม่ื ชู กําลงั
44 กจิ กรรมการเรียนรูท า ยบทที่ 2 กจิ กรรมท่ี 1 1. ใหนักศึกษาอธิบายตามความเขาใจของตนเอง ในหัวขอตอ ไปนี้ “จติ ที่สดใส ยอมอยูในรางกายท่สี มบูรณ” 2. ใหน กั ศกึ ษาฝก เขยี น แผนการวางแผนดูแลสุขภาพตนเองในเวลา 7 วัน กิจกรรมท่ี 2 1. ประโยชนข องการออกกําลงั กายดา นตา ง ๆ ทส่ี งผลตอสขุ ภาพของมนษุ ย จาํ แนกไดด า น อะไรบาง จงอธิบาย กจิ กรรมท่ี 3 1. การออกกําลังกายมผี ลตอพัฒนาการของมนุษยอยา งไร จงอธิบาย 2. กอ นทจ่ี ะออกกําลงั กาย เราควรใหค าํ แนะนําผจู ะออกกาํ ลงั กายอยางไร
45 บทท่ี 3 สขุ ภาพทางเพศ สาระสาํ คัญ ปญ หาหาเรอ่ื งการมีเพศสมั พันธกอนวัยอันควร กําลังเปนปญหาที่นาหวงใยในกลุมเยาวชน ไทย ดงั นนั้ การเรยี นรใู นเรอ่ื งของพฤตกิ รรมทจี่ ะนาํ ไปสกู ารมีเพศสมั พันธ การถกู ลวงละเมิดทางเพศ และการตง้ั ครรภไ มพ ึงประสงค จึงเปน เรือ่ งจําเปนที่จะไดป องกันตนเอง นอกจากน้ีการดูแลรางกาย โดยเฉพาะระบบสบื พนั ธุกเ็ ปนเรื่องทีจ่ ะทําใหทกุ คนมสี ขุ ภาวะที่ดี สามารถปฏิบตั ไิ ดถูกตอ งก็จะไมท ํา ใหเกิดปญหาดา นสขุ ภาพทางเพศ ผลการเรียนรูที่คาดหวงั 1. อธิบายการหลีกเลี่ยงพฤติกรรมท่ีนําไปสูการมีเพศสัมพันธ การลวงละเมิดทางเพศ การ ต้งั ครรภทไ่ี มพึงประสงค 2. อธบิ ายวธิ กี ารดแู ลสขุ ภาพทางเพศท่ีเหมาะสมและไมท าํ ใหเ กิดปญ หาทางเพศ ขอบขายเนอื้ หา เรอ่ื งที่ 1 สรีระรางกายทเี่ ก่ียวขอ งกับการสืบพันธุ เร่ืองที่ 2 การเปลย่ี นแปลงเม่อื เขาสูวยั หนมุ สาว เรื่องท่ี 3 พฤติกรรมทีน่ าํ ไปสกู ารมเี พศสมั พนั ธ เรอื่ งท่ี 4 สุขภาพทางเพศ
46 เรอื่ งท่ี 1 สรรี ะรางกายท่เี ก่ยี วขอ งกับการสืบพันธุ การเจริญเติบโตและพัฒนาการของมนุษยน้ัน หมายถึง การเจริญเติบโตและ พฒั นาการทางรางกายและจิตใจควบคกู นั ไปตลอด เร่ิมต้ังแต วยั เด็ก วยั แรกรนุ วยั ผูใหญ ตามลาํ ดับ โดยทว่ั ไปแลว การเจรญิ เติบโตและพัฒนาการทางรา งกายของคนเราจะสิ้นสุดลงเมอ่ื มอี ายุประมาณ 25 ป จากวัยน้ีอวัยวะตาง ๆ ของรางกายเร่ิมเส่ือมลง จนยางเขาสูวัยชราและตายใน ทส่ี ุด สว นการเจริญเติบโตและพฒั นาการทางจติ ใจนัน้ ไมมขี ดี จาํ กัด จะเจริญเติบโตและพัฒนาเจริญ งอกงามขน้ึ เรอื่ ย ๆ จนกระท่ังเขา สูวยั ชรา 1. อวยั วะสบื พันธแุ ละสุขปฏบิ ตั ิเกย่ี วกับอวัยวะสบื พนั ธุ การสืบพันธขุ องมนษุ ยเปน ธรรมชาติอยางหนงึ่ ทเ่ี กิดขน้ึ เพื่อดํารงไวซ่ึงเผาพันธุ การ สืบพันธนุ นั้ จาํ เปนตอ งอาศัยองคป ระกอบทส่ี ําคญั คอื เพศชายและเพศหญิง ท้งั เพศชายและเพศหญิง ตา งกม็ ีโครงสรางทีเ่ ก่ียวขอ งกบั อวัยวะเพศและการสบื พนั ธุโดยเฉพาะของตน 1.1 ระบบสบื พนั ธขุ องเพศชาย อวยั วะสบื พันธุชายสวนใหญอยูภายนอกของรา งกาย สามารถปองกันและระวังรักษา ไมใหเกดิ โรคตดิ ตอหรอื โรคติดเชื้อตาง ๆ ไดโดยงาย อวัยวะสืบพันธุชายมีความเกี่ยวของกับระบบ การขับถา ยปสสาวะ เพราะวา การขับน้ําอสุจิออกจากรา งกายตอ งผานทอปสสาวะดวย อวัยวะสบื พันธุ ชายประกอบดวยสวนตาง ๆ ทีส่ ําคัญดังน้ี (1.) ตอมอัณฑะ (Testis) มีลกั ษณะและรูปรา งคลายไขไกฟองเล็ก ยาวประมาณ 4 เซนติเมตร กวางประมาณ 4 เซนติเมตร หนาประมาณ 2-3 เซนติเมตร หนักประมาณ 15-30 กรัม อณั ฑะขางซายจะใหญกวา งขางขวาเลก็ นอย ตามปกตจิ ะมีอณั ฑะอยู 2 ลกู ภายในลูกอัณฑะมีหลอดเล็ก ๆ จํานวนมาก ขดเรียงอยูเปนตอน ๆ เรียกวา หลอด สรา งอสจุ ิ (Seminiferous Tabules) มีหนาท่ีผลิตฮอรโมนเพศชายและตัวอสุจิ สวนดานหลังของตอม อัณฑะ จะมกี ลมุ ของหลอดเล็ก ๆ อกี มากมายขดไปมา เรียกวาหลอดเก็บตัวอสุจิ (Epididymis) เปนที่ เกบ็ เชอ้ื อสจุ ชิ ่วั คราว เพอ่ื ใหเชื้ออสจุ เิ จรญิ เตบิ โตไดเต็มที่ (2.) ตอ มลกู หมาก (Prostate Gland) เปนตอ มทหี่ มุ อยรู อบทอ ปส สาวะสวนใน ตรง ดานลางของกระเพาะปสสาวะ มีหนาท่ีสรางของเหลวซ่ึงมีฤทธิ์เปนดางออน ๆ สงเขาไปในถุงเก็บ อสจุ ิ เพ่ือผสมกับนํา้ เล้ยี งตวั อสจุ ิ ของเหลวนจี้ ะไปทาํ ลายฤทธิก์ รดจากนํ้าเมือกในชองคลอดเพศหญิง ปอ งกันไมใหต ัวอสุจิถูกทําลายดว ยสภาพความเปน กรด เพอ่ื ใหเกดิ การปฏิสนธิขึน้ ได (3.) ลึงค หรือองคชาต (Penis) เปนสวนประกอบหนึ่งของอวัยวะสืบพันธุชาย ท่ี แสดงใหเห็นวาเปนเพศชายอยางชัดเจน มีลักษณะย่ืนออกมา สวนปลายสุดจะมีรูปรางคลายหมวก เหลก็ ทหารสวมอยู ขนาดใหญกวาลาํ ตวั ลึงคเลก็ นอย สวนน้จี ะมีเสน ประสาทมาหลอเล้ยี งมาก ทําให
47 มีความรสู ึกไวตอ การสัมผัส เมื่อมีความตองการทางเพศเกิดขึ้น จะทําใหลึงคเปล่ียนจากนุมเปนแข็ง เนื่องจากค่ังของเลอื ด ทาํ ใหข นาดใหญขน้ึ 1-2 เทาตวั ในระหวางการแขง็ ตวั ของลึงคม ตี อมเลก็ อยูใน ทอ ปส สาวะ ผลติ นํ้าเมือกเหนยี ว ๆ ซึ่งจะถูกขับออกมา เพ่ือชวยในการหลอล่ืนและยังทําใหตัวอสุจิ ผานออกสูภ ายนอกไดส ะดวกอกี ดว ย (4.) ทอพกั ตัวอสุจิ (Epididymis) มีลักษณะคลายรูปดวงจันทรครึ่งซีก หอยติดอยู กับตอมอณั ฑะสวนบนคอ นขางจะใหญเรยี กวา หวั (Head) จากหัวก็เปนตวั (Body) และเปน หาง (Tail) ทอ น้ปี ระกอบดว ยทอท่ีคดเค้ียวเปน จาํ นวนมาก เมอ่ื ตวั อสจุ ิถูกสรา งขน้ึ มาแลว จะถกู สงเขาทอ นเี้ พือ่ เตรยี ม ทจ่ี ะออกมาสทู อปสสาวะ (5.) ทอ นาํ ตวั อสุจิ (Vas Deferens) เปนทอ เลก็ ๆ ตอจากลูกอัณฑะ จะทําหนาที่พา ตวั อสจุ แิ ละน้ําอสุจิใหไ หลขน้ึ ไปตามหลอดและไหลเขาไปในถงุ น้าํ อสุจิ (6.) ถุงอัณฑะ (Scrotum) เปนถุงทหี่ อ หมุ ตอมอัณฑะไว ขณะทย่ี ังเปนตัวออ นอยู ตอ ม อณั ฑะจะเจริญเตบิ โตในโพรงของชอ งทอ ง เม่อื ครบกาํ หนดตอมอัณฑะจะคอย ๆ เคลื่อนลงลางจากชอง ทอ งมากอยูในถุงอัณฑะท่ีบริเวณขาหนบี ถุงอณั ฑะมีลักษณะเปน ผิวหนังบาง ๆ สีคลํ้า มีรอยยน มี แนวกลางระหวางทวารหนักไปจนถงึ ลงึ ค จะมกี ลามเน้อื บาง ๆ กั้นถุงอณั ฑะออกเปน 2 หอง ถุงอัณฑะ จะหอยตดิ อยูกบั กลามเนอ้ื ชนิดหน่ึง และจะหดตัวหรือหยอนตัว เม่ืออุณหภูมิของอากาศเปลี่ยนแปลง เพ่อื ชวยรักษาอุณหภมู ิใหเหมาะสมในการสรางอสุจิ และปองกันการกระเทือนจากภายนอก 1.1.1 การสรา งเซลลส ืบพนั ธเุ พศชายและการฝน เปย ก เซลลสืบพันธุเพศชายหรือตัวอสุจิ (Sperm) จะถูกสรางขึ้นในทอผลิตอสุจิ (Seminiferous Tubules) ตวั อสุจมิ ีขนาดเล็กมาก มีรูปรา งลกั ษณะคลาย ๆ ลกู กบแรกเกดิ ประกอบดว ย สว นหวั ทีม่ ีขนาดโต แลวคอ ยลงมาเปนสว นหางท่ียาวเรียว และสวนหางน้ีจะใชในการแหวกวายมา มีขนาดลาํ ตัวยาวประมาณ 0.05 มลิ ลเิ มตร มีขนาดเล็กกวาไขเพศหญิงหลายหมืน่ เทา หลังจากตัวอสุจิ ถูกสรางข้ึนในทอ ผลติ ตัวอสุจิแลว จะฝงตัวอยูในทอพักตัวอสุจิจนกวาจะเจริญเต็มท่ี ตอจากน้ันจะ เคลอ่ื นทไ่ี ปยงั ถุงเก็บตัวอสุจิ ในระยะนตี้ อ มลกู หมากและตอมอ่ืน ๆ จะชวยกันผลิตของเหลวมาเลี้ยง ตัวอสุจิ หากไมมีการระบายออกโดยมีเพศสัมพันธ รางกายจะระบายออก โดยใหน้ําอสุจิเคลื่อน ออกมาตามทอปส สาวะเองในขณะนอนหลบั ซ่งึ เปน การลดปริมาณนา้ํ อสุจิใหนอยลง โดยธรรมชาติ และยังเปนวิธีหนึ่งท่ีชวยลดความเครียดเก่ียวกับอารมณทางเพศได เราเรียกวาการฝนเปยก (Wet Dream) เปนปรากฎการณท ช่ี ้ใี หเห็นวาวยั รนุ ชายน้ันบรรลุวฒุ ิภาวะทางเพศแลว และรางกายก็พรอม ที่จะใหกําเนิดบตุ รได
48 1.1.2 สุขปฏิบตั เิ ก่ียวกับอวัยวะเพศชาย 1. อาบน้ําอยางนอยวันละ 2 ครั้ง ใชสบูชําระรางกายและอวัยวะเพศให สะอาดแลว เช็ดใหแหง 2. สวมเส้อื ผาทส่ี ะอาด โดยเฉพาะกางเกงในไมคบั และไมห ลวมเกนิ ไป 3. ไมใชส ว มหรอื ขบั ถา ยที่ผิดสขุ ลักษณะ 4. ไมส าํ สอน หรอื รว มประเวณกี บั ผูข ายบรกิ ารทางเพศ 5. หากสงสยั วาเปน กามโรคควรไปปรกึ ษาแพทย 6. ไมควรใชย าหรือสารเคมเี พอ่ื กระตนุ ความรสู กึ ทางเพศ 7. อยาหมกหมุน หรือหกั โหมเกย่ี วกบั ความสัมพันธทางเพศเกินไป ควรหา กจิ กรรมนนั ทนาการหรอื เลนกฬี า 8. ระวังอยาใหอวยั วะเพศถกู กระทบกระแทกแรง ๆ 1.2 ระบบสืบพนั ธขุ องเพศหญิง โ ค ร ง ส ร า ง ท่ี เ ก่ี ย ว ข อ ง กั บ อ วั ย ว ะ เ พ ศ แ ล ะ ก า ร สื บ พั น ธุ ข อ ง เ พ ศ ห ญิ ง ประกอบดวยหลายสวนดว ยกนั ในที่นีจ้ ะกลาวถึงเฉพาะสว นทสี่ าํ คัญเทาน้นั (1.) ตอมรังไข (Ovary) เปนตอ มสบื พันธุของเพศหญิง มีหนาท่ีผลิตเซลลสืบพันธุ ของเพศหญิงท่เี รยี กวา ไข (Ovum) ตอมรงั ไขนม้ี ีอยูด ว ยกัน 2 ตอม คือ ขางขวาและขางซาย ซึ่งอยูใน โพรงขององุ เชงิ กราน มรี ูปรา งคอนขางกลมเลก็ มีนํ้าหนกั ประมาณ 2-3 กรัม นอกจากนี้ตอมรังไขจะ หล่ังฮอรโมนเพศหญิงออกมาทาํ ใหไ ขส ุก และเกดิ การตกไข (2.) ทอรงั ไข (Pallopain Tubes) ภายหลังทไ่ี ขหลุดออกจากสวนท่ีหอหุมแลว จะผาน เขา สทู อ รังไข ทอนี้ยาวประมาณ 6-5 เซนตเิ มตร ปลายขา งหนง่ึ มีลักษณะคลา ยกรวย ซ่งึ อยใู กลกบั รังไข สวนปลายอกี ขา งหนึ่งนน้ั จะเรียวเลก็ ลงและไปติดกบั มดลกู ภายในทอรังไขจะมกี ลา มเน้อื พิเศษ ซ่ึงบุดวยเยื่อท่ีมีขนและบีบรดั ตัวอยูเสมอ ซึ่งทาํ หนาท่โี บกพัดเอาไขที่สุกแลวเขาไปในทอรังไข คอย การผสมพนั ธุจ ากตวั อสจุ ขิ องชาย และสง ไปสูมดลกู ตอ ไป (3.) มดลูก (Uterus) มดลูกอยูในอุมเชิงกรานระหวางกระเพาะปสสาวะกับทวารหนัก ปกติยาวประมาณ 7-8 เซนติเมตร กวางประมาณ 4 เซนติเมตร และหนาประมาณ 2 เซนติเมตร เปน อวัยวะทปี่ ระกอบดว ยกลา มเน้ือ และมีลักษณะภายในกลวง ซ่ึงมีผนังหนาไขจะเคลื่อนตัวลงมาตาม ทอรังไข เขาไปในโพรงมดลูก ถาไขไดผ สมกับอสจุ ิแลว จะมาฝงตัวอยใู นผนังของมดลูกที่หนาและมี เลือดมาเลีย้ งเปน จํานวนมาก ไขจ ะเจรญิ เตบิ โตเปน ตัวออนตรงบรเิ วณนี้ ภายหลังวยั หมดประจําเดือน แลว มดลูกจะเล็กและเหยี่ วลง
49 (4.) ชองคลอด (Vagina) มีลักษณะเปนโพรงซง่ึ มีความยาวประมาณ 8-10 เซนตเิ มตร ชองคลอดประกอบดวยกลามเนอื้ เรียบ สว นในสุดเปน สวนท่ีหุมอยูรอบปากมดลูก ภายในบุดวยเย่ือ บาง ๆ ลักษณะเปนรอยยนสามารถยืดหดและขยายตัวไดมากเวลาคลอด ที่ชองคลอดนี้จะมี เสน ประสาทมาเลี้ยงจาํ นวนมาก โดยเฉพาะอยา งยิ่งบรเิ วณรเู ปด ชองคลอด และชองคลอดยังทําหนาที่ เปน ทางผานของเลอื ดประจาํ เดอื นจากโพรงมดลูกออกจากรางกาย และเปนทางผานของตัวอสุจิจาก เพศชายเพ่อื ไปผสมกับไขท ที่ อรังไข (5.) คลิสตอริส (Clitoris) ลักษณะเปนกอนเน้ือเล็ก ๆ ต้ังอยูบนสวนของแคมเล็ก เปนเน้ือเย่ือท่ยี ึดหดได มีหลอดเลอื ดและเสนประสาท และไวตอความรูสึกทางเพศเชนเดียวกับลึงค ของชาย (6.) ตอมนาํ้ เมือก (Bartholin Gland) เปน ตอมเล็ก ๆ อยู 2 ขางของชองคลอด ตอม น้ีทําหนาท่ีหลงั่ นาํ้ เมอื กออกมา เพอื่ ใหช ว ยหลอลนื่ ชอ งคลอดในระหวางทมี่ ีการรวมเพศ (7.) ฝเย็บ (Perineum) อยูพื้นลางของอุงเชิงกรานที่ก้ันอยูระหวางชองคลอดกับ ทวารหนัก ขยายและยึดหดตัวได ประกอบดวยกลามเนื้อที่สําคัญ 3 มัด มีหนาท่ีชวยเสริมสราง กลา มเนื้อชอ งคลอดใหแ ขง็ แรง และปองกันชองคลอดหยอน ถาหากขาดแลวไมเย็บ จะทําใหมดลูก ตาํ่ ลงมาไดเ มอ่ื อายมุ ากขน้ึ (8.) เตา นม (Breast) มอี ยู 2 เตา ซ่งึ มีขนาดใกลเ คยี งกนั ตรงกลางของเตา นมจะมีผิว ท่ีย่นื ออกมาเรยี กวา หัวนม เตานมแตละเตาจะประกอบขึ้นดวยกอนเน้ือหลายกอน กอนเนื้อแตละ กอ นจะประกอบดว ยทอ ที่แตกแขนงไปมากมาย เตานมจะมีขนาดโตขึ้นเมื่อเขาสูวัยสาว เน่ืองจากมี เนอื้ เยอ่ื เกี่ยวพนั และไขมันเพิม่ ข้ึน ขณะที่ตง้ั ครรภเ ตา นมจะโตข้นึ เน่อื งจากมีการเจริญเตบิ โตของตอม นาํ้ นมและทอจาํ นวนมาก บริเวณเตานมนจ้ี ะมีหลอดเลือดและเสน ประสาทไปเลี้ยงอยูมาก จึงทําใหมี ความไวตอการสัมผัส
50 1.2.1 ความรูเกยี่ วกับผลของการบรรลุวฒุ ิภาวะทางเพศหญงิ เม่ือเพศหญิงเจริญเติบโตเปนสาว ไมเฉพาะแตจะมีลักษณะของความเปน หญงิ ดว ยการมีเตานมเจริญเติบโต และมีลกั ษณะเปลี่ยนแปลงอ่นื ๆ เกดิ ข้นึ เทาน้นั การบรรลุ วฒุ ิภาวะของเพศหญิงขึน้ อยูกับการมปี ระจาํ เดือนครง้ั แรก และมีประจําเดอื นทุก ๆ เดอื น โดยเฉลยี่ จะ เกดิ ขึ้นทุก ๆ 28 หรือ 30 วัน และการมปี ระจําเดือนแตละเดอื นอาจะแบง ออกไดเปน ระยะดังน้ี 1. ระยะทาํ ลาย (Destructive Phase) เปน ระยะท่ีมีเลือดออกมา เนื่องจากมี การทําลายของเยื่อบุภายในของผนังมดลกู ระยะน้ีจะใชเวลาประมาณ 3-7 วัน หรอื เรยี กวา จะมีเลือด ระดูออกมาอยปู ระมาณ 3-7 วัน จํานวนเลอื ดทีไ่ หลออกมามีจาํ นวนไมแ นนอนโดยทั่วไปจะมีปริมาณ 125 ลกู บาศกเซนติเมตร นอกจากเลือดท่ีไหลออกมาแลวยังมีเศษของผนังมดลูกท่ีถูกทําลายหลุดปน ออกมาดว ย ระยะทําลายนี้เริม่ แรกมักจะมีอาการท้ังทางรางกายและจิตใจ เชน ถายปสสาวะบอย มี สิวข้นึ บนใบหนา เตานมจะโตและแข็ง มอี าการปวดศรี ษะ เพลยี หงุดหงดิ เปนตน 2. ระยะฟอลลิคูลา (Follicular Phase) ตอมพิทูอิทารีสวนหนา (Anterior Lobe) หลั่งฮอรโ มนชนดิ หนง่ึ ออกมาและซมึ เขา กระแสเลอื ด แลวนาํ ไปยังตอมรังไขจ ะทําใหไขซ่ึงอยู ภายในรังไขเจริญเติบโตและสุกระยะนก้ี ินเวลาประมาณ 9 วนั และเม่อื รวมกบั ระยะทีม่ ีเลือดระดูไหล ออกมาในระยะทําลายจะกินเวลาประมาณ 14 วนั 3. ระยะลูเทียล (Luteal Phase) เปนระยะที่ไขสุกเต็มท่ีและจะหลุดออก จากรงั ไข รงั ไขจ ะสรา งฮอรโมนชนดิ หนง่ึ เพื่อกระตุนใหผนังมดลูกหนาและมีเลือดมาหลอเลี้ยงมาก เพ่ือรอรับไขท่ีจะถูกผสมพันธุ ถาไขไมไดรับการผสมพันธุฮอรโมนนี้จะลดลง ซ่ึงเปนการเริ่มตน ระยะทําลาย และจะมเี ลอื ดระดไู หลออกมาใหม 1.2.2 สุขปฏิบัตเิ กี่ยวกบั อวยั วะสืบพนั ธขุ องเพศหญิง 1. อาบน้ําชําระลา งกายใหส ะอาดอยูเสมอ เวลาอาบน้ําควรทําความสะอาด อวยั วะเพศเปนพิเศษ เชน ลาง เช็ดใหแหง โดยเฉพาะอยางย่ิงในชวงมีประจําเดือน ควรใชนํ้าอุน ชาํ ระสวนทเ่ี ปอ นเลือด เปนตน 2. หลังจากถา ยอุจจาระ ปสสาวะควรทาํ ความสะอาดแลวเชด็ ใหแหง 3. ควรสวมเสอื้ ท่สี ะอาด โดยเฉพาะอยา งยง่ิ กางเกงในตองสะอาด ไมค บั ไม หลวมเกินไป และควรเปลีย่ นทกุ วนั 4. รกั นวลสงวนตัว ไมค วรมเี พศสมั พนั ธก อนแตง งาน 5. ไมควรใชย ากระตุนหรือสารเคมีตออวยั วะเพศ 6. การใชสวมเพือ่ การขับถาย ควรคาํ นึงถงึ ความสะอาดและถูกสุขลกั ษณะ 7. ควรทาํ งานอดิเรก หรือออกกาํ ลังกายเสมอเพื่อเบนความสนใจทางเพศ
51 8. ในยามทม่ี ีประจําเดือนควรเตรียมผา อนามัยไวใหเพยี งพอ และเปลี่ยนอยู เสมออยา ปลอยไวน าน 9. ในชวงมีประจําเดือนไมควรออกกําลังกายท่ีผาดโผนและรุนแรง ควร ออกกาํ ลงั กายเพียงเบา ๆ และพกั ผอนใหเ พียงพอ 10. ควรจดบันทึกการมีประจําเดือนไว ถาประจําเดือนมาชาหรือเร็วบาง เลก็ นอยถอื วา ปกติ ถา ประจําเดือนมาชา หรือเร็วกวา ปกติ 7-8 วนั ข้นึ ไป ควรไปปรึกษาแพทย 11. ในชว งมปี ระจําเดือน ถามีอาการปวดทอ งควรใชกระเปาน้ํารอนมาวาง ที่ทอ งนอ ย เพอ่ื ใหค วามอบอุน และอาจรับประทานยาแกปวดไดบ าง 12. ถามีอาการผิดปกติทางรางกายในชวงมีประจําเดือน เชน ปวดทองมาก หรอื มีเลือดไหลออกมา ควรรบี ไปปรึกษาแพทยท ันที 13. ระวังอยา ใหอ วัยวะเพศกระทบกระแทกแรง ๆ 14. ถาหากมีการเปลย่ี นแปลงท่ผี ดิ ปกตขิ องอวัยวะเพศ ควรไปปรกึ ษาแพทย เร่ืองท่ี 2 การเปลย่ี นแปลงเมอ่ื เขาสูวยั หนมุ สาว 1. พัฒนาการทางเพศและการปรบั ตัวเมอ่ื เขาสูวยั รุน วยั รุนจะมีการเปลี่ยนแปลงทางรางกายอยางรวดเร็ว และมีพัฒนาการทางเพศควบคู กันไปดวย โดยเพศชายและเพศหญิงจะมีความแตกตา งกนั 1.1 การเปล่ียนแปลงทางรา งกายของเพศหญิง การเขาสูชว งวัยรนุ ของเดก็ หญิงจะเกดิ ข้นึ เรว็ กวาเด็กชาย คือ จะเร่ิมข้ึนเม่ืออายุ ประมาณ 11-13 ป ตอมใตสมองจะผลิตฮอรโ มนที่ไปกระตุนการเจริญเตบิ โต และกระตนุ การทํางานของ รังไขใหสรางเซลลสืบพันธุและผลิตฮอรโมนเพศหญิง ในชวงนี้วัยรุนหญิงจะมีการเจริญเติบโตอยาง รวดเรว็ สว นสูงและนําหนกั เพ่มิ มากข้นึ อวัยวะเพศโตข้ึน มีขนข้ึนบริเวณหัวเหนาและรักแร เอวคอด สะโพกผายออก เตานมโตขึ้น อาจมีสิวข้ึนตามใบหนา สวนมดลูก รังไข และอวัยวะท่ีเก่ียวของ เจรญิ เตบิ โตขึ้น เริ่มมปี ระจําเดอื น ซง่ึ ลกั ษณะการมีประจําเดือนในเพศหญงิ จะเปนการบงบอกวา วัยรนุ หญิงไดบรรลวุ ฒุ ิภาวะทางเพศแลว และสามารถตั้งครรภไ ด การมีประจําเดอื น (menstruation) เปน ปรากฏการณต ามธรรมชาติท่ีเกิดใน เพศหญิงเม่ือยางเขาสูวัยรุน โดยรังไขจะสรางฮอรโมนและผลิตไข ปกติไขจะเจริญเติบโตและสุก เดอื นละ 1 ฟอง สลับกนั ระหวางรังไขซา ยและขวา เมื่อไขสุกจะหลุดออกจากรังไขแลวถูกพัดพาเขา ไปในทอ รงั ไขห รอื ปก มดลกู เพ่อื รอรบั การผสมจากตวั อสจุ ิของเพศชาย ในขณะเดยี วกันฮอรโ มนเพศ หญงิ ท่ผี ลติ จากรงั ไขแ ละสงไปตามรางกาย จะทาํ ใหเกดิ การเปลี่ยนแปลงของเยื่อบุมดลูก โดยในชวง สัปดาหแรกของรอบเดือน ผนังมดลูกจะหนามากท่ีสุด มีหลอดเลือดมาเลี้ยงมากมาย เพื่อ เตรียมพรอมทจ่ี ะรบั การเกาะฝง ของไขทีไ่ ดรับการผสมจากตัวอสุจิ ถา หากไขไมไดรบั การผสม เย่ือบุ
52 มดลูกกจ็ ะคอ ย ๆ หลุดออก หลอดเลอื ดบรเิ วณเย่อื บุมดลูกก็จะลอกหลุดและฉีกขาด ทําใหเลือดไหล ออกทางปากมดลกู ผา นชอ งคลอดออกสภู ายนอก เรยี กวา ประจาํ เดอื น อาการเมือ่ มีประจําเดือน กอนมีประจําเดือน บางคนอาจมีอาการบางอยาง เกิดขนึ้ ได เชน ปวดศรษี ะ ทองอืดเฟอปวดเมื่อกลามเนื้อบริเวณหลังและบั้นเอว เตานมตึงและเจ็บ หงุดหงดิ งา ย อารมณไมปกตหิ รือเบอื่ อาหาร คลนื่ ไสอาเจียน ขอ ควรปฏบิ ัตขิ ณะมปี ระจาํ เดอื น คอื ใชผาอนามัยอยางถูกวิธี และลางมือ ใหสะอาดทกุ คร้งั นอกจากนี้ขณะมปี ระเดอื น บางคนมอี าการบางอยา งดังกลา วขา งตน และอาจมีการ ปวดทองนอยเพมิ่ ดวย ซง่ึ เปนอาการปกติท่ีจะหายไปเองเมื่อประจาํ เดือนหยุด หากมีอาการผิดปกติท่ี รุนแรง เชน ปวดทองมากขณะมีประจําเดือน มีประจําเดือนนานเกิน 7 วัน หรือประจําเดือนมา คลาดเคล่อื นจากปกตมิ าก ควรปรกึ ษาแพทยโดยเฉพาะสตู นิ รแี พทย ผาอนามัยควรเปลี่ยนบอย ๆ อยางนอยวันละ 2-3 คร้ัง และทุกคร้ังหลัง อาบนํา้ หรอื หลงั ถา ยอุจจาระ รกั ษาความสะอาดของรางกายและเสื้อผาที่สวมใส ไมใชเสื้อผารวมกับ ผูอ ่นื ออกกาํ ลงั กายใหน อ ยลงกวาปกติ พักผอ นใหเพียงพอ ทาํ จติ ใจใหรา เรงิ แจมใส ถามีอาการปวด ทอ งนอยมากใหน อนควาํ่ แลว ใชห มอนรองใตทองนอยประมาณ 15-20 นาที ประจําเดือนจะออกไดดี และชว ยใหทุเลาปวด อาจไมจาํ เปนตอ งใชย าแกปวด ควรรบั ประทานยาแกป วดหากมอี าการปวดมาก ถา ปวดทองรุนแรงมากหรือมีเลือดออกมากผิดปกติควรรีบปรึกษาแพทย และขณะมีประจําเดือนไม ควรอาบน้ําแบบแชในแมนํ้าลําคลอง อางน้ําในบานหรือสระวายนํ้า เพราะเช้ือโรคในน้ําอาจเขาสู โพรงมดลูกได เน่อื งจากปากมดลูกจะเปด เลก็ นอ ย จึงควรอาบนํ้าแบบตกั หรือใชฝก บัว 1.2 การเปล่ยี นแปลงทางรา งกายของเพศชาย เด็กชายจะเร่ิมเขาสูวัยรุนเมื่ออายุประมาณ 13-15 ป ตอมใตสมองจะผลิต ฮอรโมนท่ีไปกระตุนใหรางกายเจริญเติบโต และกระตุนใหอัณฑะผลิตเซลลสืบพันธุและฮอรโมน เพศชายมีการเปลยี่ นแปลงของรา งกายทเี่ ห็นไดช ัดโดยเฉพาะความสงู และนา้ํ หนกั ตวั ทเี่ พิม่ ขึ้น แขนขา ยาวเกง กา งไหลก วา งออก กระดูกและกลามเนื้อแข็งแรงขึ้นและมีกาํ ลงั มากขน้ึ เสียงแตก นมแตกพาน มีหนวดเครามีขนข้ึนที่หนาแขง รักแร และบริเวณอวัยวะเพศ บางคนอาจมีสิวข้ึนบริเวณใบหนา หนาอก หรอื หลงั อวัยวะเพศโตข้นึ และแข็งตวั เม่ือมีความรูสกึ ทางเพศหรือถูกสัมผัส และมีการหลั่ง นา้ํ อสจุ หิ รือน้ํากามออกมาในขณะหลับ (ฝนเปย ก) ซึ่งเปนอาการทบ่ี ง บอกวาไดบ รรลวุ ฒุ ภิ าวะทางเพศ แลว และยงั หมายถึงการมคี วามสามารถทจี่ ะทําใหเ พศหญิงเกิดการตง้ั ครรภไดอ กี ดว ย การฝน เปยก (wet dream) เปน ปรากฏการณต ามธรรมชาตทิ ี่เกิดในเพศชาย กลา วคอื ในดา นรางกายลูกอณั ฑะจะทําหนาท่สี รางฮอรโมนเพศชายและตวั อสุจิ โดยจะเกบ็ สะสมไวท ่ี ถุงเก็บนํ้าอสจุ ิ ในดานจติ ใจและอารมณ ฮอรโมนเพศจะมีผลทําใหวยั รนุ เร่ิมมคี วามรูสึกทางเพศ และ
53 สนใจเพศตรงขาม เมอื่ รา งกายมีการผลิตนํ้าอสุจิเก็บไวมากข้ึน ประกอบกับจิตใจและอารมณมีการ เปลยี่ นแปลงดงั กลาว จะมผี ลทาํ ใหเ กดิ ความตึงเครียดของประสาท ในขณะหลับอาจฝน จินตนาการ เกีย่ วกบั เรอ่ื งเพศหรือเรอ่ื งท่ีหวาดเสียว สง ผลใหถุงเก็บนา้ํ อสุจริ ดั ตวั ทาํ ใหต ัวอสุจิและน้ําหลอเล้ียงถูก บีบเขาสูทอปสสาวะและขับเคล่ือนออกมาภายนอกโดยอัตโนมัติ ซึ่งเรียกอาการที่เกิดข้ึนนี้วา ฝน เปย ก ซ่ึงนบั วา เปนการผอนคลายความตงึ เครยี ดทางจติ ใจและอารมณทางเพศตามธรรมชาติ จึงไมถือ วา ผดิ ปกตแิ ตอ ยางใด 1.3 ตอมไรทอทม่ี ีอิทธิพลตอ การควบคุมพฒั นาการทางเพศ ตอมไรทอท่ีมีอิทธิพลตอการเจริญเติบโตและพัฒนาการของวัยรุนท่ีสําคัญ ไดแก ตอมใตสมองหรือตอมพิทูอิทารี (Pituitary gland) ตอมเพศ (Gonads) ตอมไทรอยด (thyroid gland) และตอมหมวกไต (adrenal or suprarenal glands) ซ่ึงตอมไรทอแตละตอมสงผลตอการเจริญเติบโต และพฒั นาการของวัยรุน 1.4 อารมณท างเพศ (sexuality) หรอื ความตองการทางเพศ (sexusl desire) ในที่น้จี ะหมายถึง ความรสู ึกของบุคคลทีม่ ผี ลมาจากสิ่งเรา ภายในหรือสงิ่ เรา ภายนอก ท่เี ปนปจจยั ทม่ี ากระตุนใหเกดิ ความรูสกึ ทางเพศขึ้น โดยมีระดับความแตกตางมากนอยตา งกัน ขึน้ อยู กบั ความสามารถในการควบคมุ อารมณแ ละพ้ืนฐานทางดา นวฒุ ิภาวะของแตละบคุ คล จากความหมายดังกลา วจะเหน็ ไดวา สิ่งเราภายในและสิง่ เรา ภายนอกเปนปจจยั สําคัญ ที่จะสงผลใหอารมณและอารมณทางเพศเกิดข้ึน และเมื่อวิเคราะหในประเด็นที่เก่ียวของกับ ความสําคญั ของอารมณท างเพศกับวยั รนุ แลว สรปุ ประเดน็ ทีส่ ําคัญได ดังนี้ 1) อารมณทางเพศถือวาเปนสัญชาตญาณในการดํารงเผาพันธุของมนุษยที่ เกดิ ข้นึ ตามธรรมชาติ เปน ตัวบง ช้ปี ระการหน่งึ ทแี่ สดงใหเ ห็นถึงความสมบูรณข องพัฒนาการทางดาน รางกาย จิตใจ และอารมณข องวยั รนุ ทก่ี า วเขาสชู วงของวัยเจรญิ พนั ธมุ ากขน้ึ 2) ปจจุบนั ส่อื หลายรูปแบบท่ปี รากฏอยใู นสงั คมมีสวนชวยกระตนุ แรงขบั ทาง เพศ (Sex drive) ของวยั รุนใหเ กิดอารมณทางเพศไดงายขึ้น การนาํ เสนอภาพหรือขอความที่เกี่ยวของ กับเรื่องเพศผา นส่อื ตาง ๆ เปน ปจ จยั หนง่ึ ที่ยั่วยุใหว ยั รนุ เกิดอารมณทางเพศท่เี สยี่ งตอการมเี พศสัมพันธ ไดงายและเร็วขึน้ โดยส่ือตาง ๆ เหลานอ้ี าจอยใู นรูปแบบของหนังสือหรอื ภาพยนตรบางประเภท รวม ไปถึงขอมูลทไี่ ดจากการสบื คน ดวยระบบอนิ เทอรเน็ต ซ่ึงผลกระทบจากอารมณท างเพศในแงลบจะมี มากยิง่ ขึ้น หากวัยรุนขาดความรคู วามเขา ใจในแนวทางการควบคุมอารมณท างเพศอยา งถกู ตอ ง จนใน ทีส่ ุดอาจนาํ ไปสพู ฤติกรรมเสีย่ งตอการมเี พศสมั พันธโดยไมตั้งใจ และนาํ มาสูปญหาตาง ๆ ในสงั คมท่ี เก่ยี วขอ งกับพฤตกิ รรมทางเพศที่ไมเหมาะสมของวัยรุนได 3) อารมณทางเพศของวัยรุนหากขาดวิธีการควบคุมที่ถูกตอง จะนําไปสู ปญหาพฤติกรรมทางเพศท่ีไมเ หมาะสมของวัยรุน มากขนึ้ วยั รุนแมจะเปน วัยทม่ี แี รงขบั ทางเพศสูงกวา
54 ทุกวัย และพรอมท่ีจะมีเพศสัมพันธหรือมีบุตรไดก็ตาม แตสังคมและวัฒนธรรมของไทยก็ยังไม ยอมรับท่ีจะใหวัยรุนชาย-หญิง แสดงพฤติกรรมทางเพศที่ไมเหมาะสมดังกลาว โดยเฉพาะการมี เพศสมั พนั ธจ นกวา จะไดทําการสมรสหรอื ยูในชวงวัยทเ่ี หมาะสมอารมณทางเพศท่ีเกิดขึ้นในชวงการ เขาสวู ัยรุน เปนพฒั นาการอยา งหนง่ึ ทแี่ สดงใหเหน็ ถงึ ความพรอมของรางกายที่จะสบื ทอดและดาํ รงไว ซึ่งเผาพันธุ โดยมีสิ่งเราสําคัญใน 2 ลักษณะ ประกอบดวย ลักษณะของปจจัยท่ีเปนส่ิงเราภายใน (intrinsic stimulus) และลักษณะของปจจยั ทเี่ ปนสิ่งเราภายนอก (extrinsic stimulus) 1) ลักษณะของปจ จัยท่ีเปนสง่ิ เราภายใน ปจจัยท่ีเปนส่ิงเราภายใน ในท่ีนี้หมายถึง สิ่งเราซึ่งเปนผลที่เกิดจาก กระบวนการเปล่ียนแปลงตา ง ๆ ที่เกิดข้ึนในรางกาย โดยไดรับอิทธิพลมาจากการทํางานของระบบ ตอมไรทอ ซึ่งผลิตฮอรโมน ออกมาเพื่อกระตุนใหรางกายมีการพัฒนาอยางเปนระบบตอเนื่อง ฮอรโมนเพศเปนปจจัยภายในท่ีสําคัญที่เปนส่ิงเราใหวัยรุนมีพัฒนาการของอารมณทางเพศเกิดขึ้น และนําไปสกู ารเกิดความตองการทางเพศตามชวงวัย ในเพศชายฮอรโมนที่เปนปจจัยสําคัญในเร่ือง ดังกลา ว คอื ฮอรโ มนเทสโทสเตอโรน สว นในเพศหญิง คือ ฮอรโมนเอสตราดิโอล และ ฮอรโมน ฟอลลิควิ ลาร 2) ลักษณะของปจจัยท่เี ปน ส่งิ เราภายนอก ปจจัยท่ีเปนสิ่งเราภายนอก ในท่ีน้ีหมายถึง สภาพแวดลอมภายนอกตาง ๆ ที่ สามารถกระตนุ หรอื ยัว่ ยุใหผ ูทร่ี บั รู หรอื ไดร บั การถายทอดเกดิ ความรสู กึ ท่ีเกิดเปนอารมณทางเพศข้ึน ประกอบดว ย สอ่ื รปู แบบตาง ๆ ที่กระตุนหรือยั่วยุใหวัยรุนเกิดอารมณทางเพศ ปจจุบันมีส่ือ หลากหลายรูปแบบโดยเฉพาะ สอ่ื ทางเพศ ไดน าํ เสนอภาพและ/หรือขอ ความทเ่ี กย่ี วกบั เพศ ซ่ึงมักจะ นําไปสูการกระตุนหรือยั่วยุใหผูรับส่ือโดยเฉพาะในวัยรุน ความหลากหลายของสื่อในลักษณะ ดงั กลา วทาํ ใหม ีผเู ปรยี บเปรยสื่อตาง ๆ เหลาน้เี ปน สนิ คา เพศพาณิชย ซงึ่ นบั วันจะมีการผลติ และนาํ มา เผยแพรใ หเ หน็ เพม่ิ มากขน้ึ สภาพทางสังคมและวัฒนธรรมที่เปล่ียนไป ปจจุบันเปนที่ยอมรับกันอยาง หน่ึงวา สภาพทางสังคมและวัฒนธรรมไทยไดเปลี่ยนไปจากเดิม นับตั้งแตที่มีการรับวัฒนธรรม ตะวนั ตกเขาสสู งั คมไทย กอ ใหเ กิดการเปลย่ี นแปลงข้ึนหลายลกั ษณะ โดยเฉพาะในประเทศไทยเกิด ความเปล่ยี นแปลงทีเ่ กีย่ วขอ งกับเร่อื ง การคบเพ่ือนตางเพศของวัยรุนไทย พบวามีอิสระเพ่ิมมากขึ้น นอกจากนี้ปจจุบันสภาพของครอบครัวไทยมีการเปลี่ยนแปลงไป ผูปกครองมีเวลาใกลชิดกับบุตร หลานนอ ยลง ซ่ึงเปน ผลมาจากสภาพของภาวะเศรษฐกจิ นอกจากน้ยี ังพบวา ความมีอสิ ระของส่ือตอ การนาํ เสนอเรื่องราวท่ีเกี่ยวของกับเพศ จัดไดวาเปนส่ิงเราภายนอกท่ีสําคัญ ท่ีสามารถที่จะเราและ กระตนุ ใหว ยั รนุ เกดิ ความตองการทางเพศขนึ้ ได โดยเฉพาะหากขาดการดแู ลและการควบคมุ ที่ถกู ตอ ง เหมาะสม
55 คานิยมและพฤติกรรมท่ีไมเหมาะสมในบางลักษณะของวัยรุน ผลจากสภาพ ทางสังคมและวัฒนธรรมที่เก่ียวของกับเรื่องเพศท่ีเปล่ียนไป สงผลใหวัยรุนไทยเกิดคานิยม และมี พฤติกรรมท่ีไมเหมาะสมในหลายลักษณะ เปนตนวา คานิยมในเร่ืองการแตงกายตามสมัยนิยม (Fashion) ท่ีมากเกินควรของวัยรุน โดยไมคํานึงถึงผลกระทบท่ีอาจเกิดขึ้น เชน ลักษณะการสวม เสือ้ ผา ท่ีรัดรปู หรือเปดเผยสัดสวนรางกายของวัยรุนเพศหญิง ซึ่งการแสดงออกดังกลาวจะกระตุน และยั่วยุใหว ยั รุนชายเกิดอารมณท างเพศได นอกจากน้ียังพบวาวัยรุนมักจะมีคานิยมท่ีเกี่ยวกับความ ตองการในการแสดงออกโดยอสิ ระ เปน ตน วา การเท่ยี วเตรในเวลากลางคืน การสัมผัสรางกายของ เพศตรงขาม หรอื การจับมอื ถือแขนอยางเปดเผยในทสี่ าธารณะ การอยูตามลําพงั สองตอสอง หรือการ ไมใหค วามสําคัญในเรอื่ งการรักษาพรหมจารี ฯลฯ ซง่ึ ส่งิ ตา ง ๆ เหลานถ้ี อื วาเปนปจ จัยภายนอกที่สามารถ จะกระตุนหรอื ย่ัวยใุ หวัยรุนเกดิ อารมณท างเพศข้นึ ได ความเปลีย่ นแปลงทเ่ี กดิ ขึน้ ในขณะท่ีวัยรนุ เกดิ การ เปลีย่ นแปลงทางเพศ อารมณเพศหรือความตองการทางเพศที่เกิดข้ึนกับวัยรุน ไมวาจะเกิดจากสิ่งเรา ภายในหรือภายนอกก็ตาม มักจะทําใหเกิดการเปลี่ยนแปลงใน 2 ลักษณะสําคัญ ประกอบดวย ลักษณะการเปล่ียนแปลงที่เกิดขึ้นกับสภาพจิตใจ และลักษณะการเปล่ียนแปลงท่ีเกิดข้ึนกับสภาพ รางกาย 1) ลักษณะการเปลี่ยนแปลงทีเ่ กิดขึน้ กบั สภาพจิตใจ โดยปกติขณะทคี่ นเราเกิดอารมณท างเพศจะพบวา มีจิตนาการที่เกี่ยวของกับ เร่ืองเพศอยูในระดับหน่ึง ซ่ึงจะมากหรือนอยหรือมีความแตกตางกัน ยอมขึ้นอยูกับพ้ืนฐาน ความสามารถในการควบคมุ อารมณแ ละความรูสึกของแตละคน และโดยทั่วไปพบวา ความต่ืนเตน ทางเพศทเ่ี ปน พนื้ ฐานของการเกิดอารมณทางเพศในเพศหญิงจะเกิดไดชากวาเพศชาย อยางไรก็ตาม ท้งั เพศชายและเพศหญงิ เมอื่ เกดิ อารมณทางเพศขนึ้ หากความสามารถในการควบคุมอารมณและการ จดั การในเรื่องดงั กลาวไมดีพอ กม็ กั จะสงผลใหเ กดิ ปญ หาทางดานสขุ ภาพจติ ขน้ึ ได โดยเร่ิมจากภาวะ ทางดา นจติ ใจที่เกิดความเครยี ดขน้ึ แลว นาํ มาสภู าวะของความวิตกกังวลท่ีเกี่ยวของกับเรื่องเพศ จน อาจนําไปสูก ารขาดความเช่ือม่ันในตนเองได 2) ลกั ษณะการเปลีย่ นแปลงทเี่ กิดขึน้ กับสภาพรา งกาย ขณะท่ีสภาพจติ ใตมีการเปล่ียนแปลงและแสดงออกถึงความตองการทางเพศ ปฏกิ ิรยิ าของรางกายท่ีแสดงใหเห็นถึงภาวะความเปล่ียนแปลงดังกลาวของรางกายจะเห็นไดชัดเจน มากข้ึน โดยเฉพาะรางกายท่แี สดงใหเ ห็นถึงภาวะความเปล่ียนแปลงดังกลาวของรางกาย จะเห็นได ชัดเจนมากขึ้น โดยเฉพาะบริเวณอวัยวะเพศท่ีมีการไหลเวียนของเลือดที่สงมามากขึ้น สงผลให อวยั วะเพศเกิดการขยายตวั เพศชาย พบวา บรเิ วณองคชาตหรือลึงค (penis) จะมขี นาดเพมิ่ ขึ้นและแข็งตัว ข้นึ ผนงั ทห่ี มุ อัณฑะ (Scrotum) จะหนาขนึ้ ลูกอณั ฑะจะเคลือ่ นตัวสูงข้ึน
56 เพศหญิง พบวาบริเวณอวัยวะเพศนอกจากจะขยายตัวแลว บริเวณชองคลอด อาจมีการขับน้ําหลอล่ืนออกมา รวมท้งั กลามเนือ้ บริเวณดังกลา วยังอาจเกิดการหดรดั ตวั ขึน้ เปนระยะ นอกจากการเปลี่ยนแปลงบริเวณอวัยวะเพศแลว ผลจากการเกิดอารมณทาง เพศยังสงผลใหการสูบฉีดเลือดของหัวใจเพิ่มขึ้น ทําใหเลือดไหลเวียนเพ่ิมข้ึน เปนผลใหผิวหนัง บรเิ วณท่ีสงั เกตได มีการเปลย่ี นแปลงเปนสีแดงเพ่ิมขึน้ เชน บรเิ วณใบหนา ลําคอ อก และหนา ทอ ง นอกจากน้ี ในเพศหญงิ หัวนมและเตานมอาจมีการขยายตัวขึ้น ผลกระทบดานลบท่ีเกิดขึ้นจากการเกิดอารมณทางเพศของวัยรุน จนนํามาสู ปญหาทางสังคมท่เี หน็ ไดชดั อีกประการหน่ึงในปจจุบัน คือ การมีพฤติกรรมทางเพศที่ไมเหมาะสม ของวัยรนุ ซึ่งนํามาสูป ญหาตาง ๆ ตามมา เปนตน วา การเกิดปญหาการต้ังครรภที่ไมพึงประสงคใน วัยรุน การเกิดปญ หาการติดโรคทางเพศสัมพันธและโรคเอดสในวัยรุน โดยปญหาเหลาน้ีถือวาเปน ผลกระทบท่ีสืบเน่ืองมาจากการเกิดอารมณทางเพศของวัยรุนที่ไมไดรับการควบคุมและจัดการท่ี ถูกตองเหมาะสม ซึ่งผลกระทบดังกลาวถือไดวาเปนปญหาทางสังคมท่ีสําคัญอีกประการหนึ่งใน ปจจุบนั แนวทางในการจดั การกบั อารมณทางเพศของวยั รนุ การจัดการกับอารมณทาง เพศของวัยรุนมีแนวทางการปฏบิ ตั ทิ ่ีสาํ คัญอยู 2 ลักษณะ ประกอบดว ย แนวทางการปฏิบัติเพ่ือระงับ อารมณท างเพศ และแนวทางการปฏิบตั ิเพอื่ ผอนคลายความตอ งการทางเพศ 1) แนวทางการปฏิบตั ิเพอ่ื ระงับอารมณท างเพศ แนวทางการปฏบิ ตั เิ พอ่ื ระงบั อารมณท างเพศ หมายถงึ ความพยายามในการท่ี จะหลกี เลย่ี งตอ สง่ิ เรา ภายนอกที่มากระตุนใหอ ารมณทางเพศมีเพ่ิมมากข้ึน แนวทางในการปฏิบัติ มี ดังนี้ หลีกเลีย่ งการดหู รอื อา นขอ ความจากสื่อตา ง ๆ ทีม่ ีภาพหรือขอความที่สามารถ ยั่วยุใหเกิดอารมณทางเพศ เชน การดูหนังสือ หรือภาพยนตร หรือสื่ออินเทอรเน็ตที่มีภาพหรือ ขอ ความที่แสดงออกทางเพศ ซ่ึงเปน การยว่ั ยุใหเกิดอารมณท างเพศ หลีกเลี่ยงการปฏิบัติหรือการทําตัวใหวางหรือปลอยตัวใหมีความสบายเกินไป เชน การนอนเลน ๆ โดยไมหลบั การน่งั ฝนกลางวนั หรอื นัง่ จิตนาการที่เก่ียวของกับเรื่องเพศ การอยู ในสภาพของบรรยากาศท่ีมีแสงสเี สยี งทกี่ อหรือปลุกเราใหเกดิ อารมณท างเพศ อยางไรก็ตาม แมในทางจิตวิทยาและในทางการแพทยจะมีความเห็นท่ี สอดคลอ งกนั วา การบําบดั ความใครดว ยตนเองโดยท่วั ไปจะไมก อใหเกดิ ความผดิ ปกติท้ังทางรางกาย และจิตใจ แตก ไ็ มควรปฏิบัตบิ อยจนเกิดความหมกมุนตอเร่ืองดังกลาว ซึ่งจะกอใหเกิดเปนลักษณะ นิสัยซง่ึ อาจสง ผลลบตอ บุคลกิ ภาพและความเขม แขง็ ทางดานการควบคุมอารมณที่ดีได ดังน้ัน หากมี ความจําเปนและไมสามารถท่ีจะหลีกเล่ียงการปฏิบัติในเร่ืองดังกลาวได ควรระลึกและคํานึงถึง หลกั การปฏบิ ตั ทิ ่เี กี่ยวขอ งใน 3 ลกั ษณะท่สี ําคญั คือ ตองคํานึงในหลักของความสะอาดเปนพื้นฐาน
57 ตอ งคาํ นงึ ถงึ สถานทใ่ี นการปฏบิ ตั ิ คอื ตอ งมคี วามเปน สว นตัว ไมประเจดิ ประเจอ และตอ งไมป ฏิบัติ ดวยวธิ ีการที่รนุ แรง ซึ่งอาจกอ ใหเ กดิ บาดแผล หรอื มีการอักเสบ หรอื ตดิ เช้อื ได 1.5 การปรับตวั ทางเพศเมอื่ เขาสวู ัยรุน เม่ือเขาสูวัยรุน เพื่อชวยใหสามารถปรับตัวไดอยางถูกตองและเหมาะสมกับ เพศของตนดียง่ิ ขนึ้ วยั รนุ ควรมแี นวทางในการปฏิบัติ ดงั น้ี 1) ศกึ ษาใหเ ขาใจถึงการเปล่ียนแปลงทางเพศของรางกายและจิตใจ เมื่อยาง เขา สวู ยั รุน เราจะสงั เกตเห็นวา มกี ารเปลีย่ นแปลงเกดิ ขึน้ ในตวั เราหลายอยาง บางอยางก็อาจทําใหเรา ไมส บายใจ เชน วัยรุนชายบางคนไมอยากพูดคุยกับเพ่ือนเพราะอายท่ีเสียงแตกพรา สําหรับวัยรุน หญงิ ท่ีมีประจาํ เดือนเปนครั้งแรกอาจมคี วามรสู ึกกงั วลและมีอาการตาง ๆ เกิดข้ึน แตถาหากไดศึกษา และทาํ ความเขาใจเก่ียวกับสภาพการเปลี่ยนแปลงดังกลาว จะทําใหเขาใจและสามารถปฏิบัติตนได อยางถูกตอ ง 2) ปรับตวั เขากับเพื่อนตางเพศใหเ หมาะสม วัยรุน เปน วัยทมี่ ีการเปล่ียนแปลง ทางเพศหลายอยางท้ังชายและหญงิ เรมิ่ มีความสัมพันธก นั ทางสังคมมากขึ้น ทําใหชายและหญิงตางมี ความสนใจในเพื่อนตางเพศมากขึ้น การคบเพ่ือนตางเพศไมใชสิ่งเสียหาย แตตองปฏิบัติตนอยูใน ขอบเขตท่เี หมาะสมและรูจ ักมารยาทที่ควรปฏบิ ัตติ อกัน ดงั นี้ ฝายชาย ควรใหเกียรติฝายหญิง ไมเก้ียวพาราสีหรือฉวยโอกาส มีความ บริสทุ ธใิ์ จ และควรใหค วามชวยเหลอื ฝายหญิง เชน ชวยถือของ สละที่น่ังให ไมแสดงกิริยาวาจาท่ี ไมเ หมาะสม เชน พูดจาหยาบโลน หรือใชก าํ ลังรุนแรง เปนตน ฝายหญิง ควรวางตัวใหเหมาะสม สงวนตัว ไมอยูในท่ีรโหฐานกับเพศตรง ขามตามลําพัง ไมไปในที่เปล่ียว แตงตัวสุภาพ ไมแสดงกิริยาวาจาที่ไมเหมาะสม เชน สงเสียงดัง หรือ กลา วคําผรสุ วาท เปน ตน แสดงความมนี าํ้ ใจและใหเกยี รติฝา ยชาย 3) ควรรีบปรกึ ษาผูใหญเ ม่ือมปี ญหาหรือมีอุปสรรคใด ๆ เกี่ยวกับเร่ืองเพศ วัยรุน สว นมากมักจะมีความวิตกกงั วลในเรอ่ื งตา ง ๆ เกี่ยวกบั การเปล่ยี นแปลงทางดา นรา งกายและจติ ใจ เมือ่ มปี ญหาเกิดขนึ้ ควรจะปรกึ ษาพอแม ครู ญาตพิ น่ี อง และผใู หญทไ่ี วว างใจ เพราะทานมปี ระสบการณ มากกวา เรา ยอมจะชวยแนะแนวทางปฏิบัติทถ่ี ูกตอ งใหแ กเราได 4) ปฏิบตั ิตามขนมธรรมเนียมประเพณีอันดีงาม โดยการเคารพเช่ือฟงผูใหญ หมั่นศึกษาเลาเรียน ไมประพฤติไปในทางชูสาวกอนเวลาอันเหมาะสม การยึดมั่นใน ขนบธรรมเนียมประเพณีอันดงี ามจะชว ยเตอื นใจใหเราปฏิบตั ิในทางทถี่ ูก 2. วยั รุนกับการคบเพื่อน วัยรุนเปนวัยที่ใหความสําคัญกับเพ่ือนและตองการใหตนเองเปนท่ีนิยมชมชอบใน กลมุ เพื่อน การมเี พ่ือนท่ีดจี ะทาํ ใหว ัยรุน มผี ูท คี่ อยรวมทุกขรวมสุข ปรับทุกข ชี้แนะแนวทางในการ
58 แกไขปญหาอยา งถกู ตอ ง แตถาวยั รนุ คบเพื่อนทไ่ี มดีก็จะชกั นําไปสูท างทไ่ี มดี วัยรุนจึงควรรูจักเลือก คบเพอื่ นท่ีดแี ละสรา งความสมั พนั ธท ี่ดีกบั เพ่อื น ซึ่งจะชวยใหสามารถปรับตัวใหเ ขากับสงั คมไดตอไป 2.1 หลกั การคบเพือ่ น ควรมีหลักปฏิบัติในการคบเพ่ือน คือวัยรุนควรพิจารณากลุมเพ่ือนที่คบวามี ความประพฤติเปนอยางไร ถาเพื่อนคนใดประพฤติตนในทางไมดี ก็ควรแนะนําและชักจูงใหเขา ประพฤติในทางที่ดี รจู ักปฏเิ สธและไมห ลงเชื่อคําชักชวนหรือปฏบิ ตั ิตามเพ่ือนที่มีความประพฤติไมดี เชน ชวนใหห นีเรยี นเที่ยวกลางคืน เลน การพนัน เสพสารเสพตดิ เปนตน โดยในการพูดปฏิเสธนั้น ใหปฏิบตั ิดังนี้ พดู ดว ยน้ําเสียงหนกั แนน ม่นั คง ควรบอกความรสู ึกดกี วาบอกเหตผุ ลหรอื ขออา ง เพราะความรูส กึ เปน เรอ่ื งสวนตัวของแต ละบุคคล ถาบอกเหตุผลหรือขออาง เพ่ือนอาจจะนําเหตุผลอ่ืนมาลบลางใหปฏิเสธไมได และรูจัก แนะนําและชักชวนเพ่ือนปฏิบัติกิจกรรมที่ดีและมีประโยชน เชน เลนกีฬา เลนดนตรี เรียน ภาษาตางประเทศ เรยี นคอมพิวเตอร เขารวมในกิจกรรมพัฒนาตาง ๆ ในชุมชน เปนตน โดยเลือก ตามความสนใจและความเหมาะสมของตนเอง จะไดเปนการใชเ วลาวา งใหเ กดิ ประโยชน 2.2 หลกั ทั่วไปในการผกู มติ ร หลกั ทั่วไปในการผูกมติ ร มีแนวทางในการปฏบิ ัติ ดังน้ี 1) รจู ักยอมรบั คาํ ติชม เชน รับฟง ความคดิ เหน็ หรอื คาํ วิพากษวจิ ารณของผอู นื่ เก่ียวกับตวั เราเองดวยความเตม็ ใจ เปน ธรรม ไมล าํ เอยี งเขา ขา งตนเอง และสามารถควบคมุ อารมณไ ด 2) รูจักอารมณขัน มองโลกในแงดี และควรเปนคนย้ิมงาย เปน บุคลกิ ลักษณะท่ีดแี ละเปนเสนหทท่ี ําใหผ พู บเห็นหรือคบคาสมาคมดว ยรสู ึกชมชอบ เกิดความสุขและ ความสบายใจ นับวาเปน สง่ิ สําคัญยง่ิ อยา งหน่ึงทจ่ี ะนาํ ไปสูการตอ นรับและความรวมมอื ทีด่ ี 3) รูจักออนนอมถอมตน ไมคุยโออวดความสามารถของตน ไมพูดจาดูถูก หรือยกตนขมผูอน่ื และรูจักยอมรับขอ บกพรอ งหรือความดอ ยของตนในดา นตาง ๆ 4) รูจักรับผิดชอบตอหนาที่ เชน หนาท่ีสําคัญของนักเรียนคือเรียน ครูมี หนา ทใี่ หก ารศึกษาอมรมแกนักเรยี น นกั ศึกษา 5) รูจักประนีประนอม เม่ือเกิดปญหาหรืออุปสรรคข้ึน ควรจะมีการ ประนีประนอมหรือรอมชอมกัน ซึ่งเปนวิธีการหน่ึงที่คนเราอาจตกลงกันไดอยางยุติธรรมและมี เหตุผล 6) รูจักเอาใจเขามาใสใจเรา ใหคิดเสมอวาอะไรก็ตามท่ีเราเองไมชอบ ไม ตองการใหผอู น่ื กระทําตอเรา กจ็ งอยา กระทาํ สงิ่ นนั้ ตอบุคคลอ่ืน และถาตองการใหบุคคลอ่ืนกระทํา สิง่ ใดตอ เราก็จงกระทําสง่ิ นนั้ ตอเขา 7) รูจักใหกําลังใจคนอ่ืน เชน ยกยองใหเกียรติ ใหกําลังใจผูอื่นดวยการ ชมเชย รูจักแสดงความชืน่ ชมยินดีตอความสําเร็จของเพอื่ นรวมหอง เพอื่ นรวมงาน เปนตน
59 8) รจู กั ไววางใจคนอ่นื คอื รูจกั ไวเน้ือเช่อื ใจคนอนื่ บา งตามสมควร เพราะคน อ่ืนอาจมีความดอยเกินไปในดานตาง ๆ ไดเชนเดียวกับเรา นอกจากนี้บางคร้ังการประเมินคา ความสามารถของผูอน่ื ดอ ยเกินไป อาจนํามาซง่ึ ความผิดหวังไดดวย 9) รูจักรวมมือกับคนอ่ืน เชน การใหความรวมมือกับหมูคณะในการ ประกอบกจิ กรรมตาง ๆ ของสวนรวมดวยความเต็มใจ เพราะผูที่เห็นแกตัวหรือเอาแตไดยอมเปนที่ รงั เกียจของสังคม 10) รูจักเคารพสิทธิของผูอื่น เชน ไมควรใชทรัพยสิ่งของของผูอื่นโดย พลการ ไมกา วกา ย หรือละเมิดสิทธซิ ง่ึ เปนผลประโยชนอันชอบธรรมของผอู นื่ 2.3 หลกั ในการสรางเสรมิ ความสมั พนั ธอ นั ดกี ับกลมุ เพอื่ น หลกั ในการสรา งเสริมความสมั พนั ธอนั ดีกบั กลมุ เพ่อื น มีแนวทางปฏบิ ตั ิ ดงั น้ี 1) รูจ กั ตนเองและรูจ ักคนอน่ื วยั รนุ ตอ งมคี วามเขา ใจในความตองการของตน และของเพื่อนยอมรับสภาพความเปน จรงิ ของตน และยอมรบั ความแตกตางในตวั เพ่ือนกับตัวเอง ไม อจิ ฉาริษยาเพ่อื นท่มี ฐี านะดีกวา หรือมีความสามารถมากกวา และไมยกตนขมทานหรือดูถูกเหยียด หยามเพ่ือนท่ีดอยกวา ตน แตใ หย ินดีกบั ความสําเร็จของเพ่ือน และคอยชว ยเหลอื สนบั สนุนเพื่อนหาก มโี อกาส 2) มมี นุษยส มั พนั ธท่ีดี รูจกั พดู รูจักฟง เรยี นรูที่จะพูดเรื่องตาง ๆ ในจังหวัด ทเ่ี หมาะสม เปดโอกาสใหเ พอ่ื นไดแสดงความคิดเห็น และรบั ฟงความคดิ เหน็ ของเพื่อน เอาใจใสใน ตัวเพ่ือน และใหความสําคัญกับเพื่อนดวยความบริสุทธ์ิใจ ตลอดจนมีความซ่ือสัตยและจริงใจตอ เพ่อื น 3) การมองโลก ใหมองในแงทีเ่ ปน จริง ไมม องในแงดีจนเกินไป อันอาจถูก หลอกลวงและคดโกงได แตไมมองคนในแงรา ยจนเกินไป อันจะทําใหเปน คนใจแคบ ไมร ูจกั การให อภยั 4) มนี ํ้าใจเปนนักกีฬา ยอมรบั ผดิ เม่อื รวู าตนผิด ปฏิเสธในสิ่งที่ตนไมสามารถ ทําได เม่ือใหส ัญญาอยา งไรไวก บั ใครกต็ องพยายามทาํ ตามสัญญานัน้ ใหด ที ส่ี ุด นอกจากนี้ยังตองรูจัก เสยี สละและใหอ ภัยแกเ พ่อื นเมอ่ื เกดิ ขอ ผดิ พลาด โดยทําความเขาใจถึงสาเหตุท่ีทําใหเกิดขอผิดพลาด นนั้ และรวมมอื กันปรับปรงุ แกไ ขตามสาเหตทุ เ่ี กดิ ขนึ้ ตอไป หรือสงผลมากระทบ และเมื่อเกิดอารมณขึ้นก็มักจะพบวาพฤติกรรมการ แสดงออกดังกลาว มกั มีการเปลยี่ นแปลงหรอื แตกตางไปจากสภาพเดิม ซึ่งสังเกตเห็นไดชัดเจนหรือ อาจไมช ัดเจน ทั้งนี้ขึ้นอยูกบั ความสามารถในการปรับสภาพอารมณข องแตละบุคคล
60 เรือ่ งท่ี 3 พฤติกรรมทน่ี าํ ไปสูการมีเพศสมั พนั ธ ปจจบุ นั ปญหาจากพฤติกรรมทางเพศที่ไมเหมาะสมของวัยรุนมีหลายลักษณะ เชน การมีเพศสัมพันธกอนวัยอันควร การติดเช้อื เอดสแ ละโรคตดิ ตอทางเพศสมั พันธ รวมท้งั การต้ังครรภ ทไี่ มพ ึงประสงคในวยั รนุ ทง้ั ท่ีมาจากพฤติกรรมทางเพศท่ีไมเหมาะสมโดยตรง และมาจากอบุ ัติภัยทาง เพศนบั เปน ปญ หาทางเพศของวยั รนุ ที่อยูในอนั ดับตน ๆ อยางไรกต็ าม มีวัยรุนทจี่ ับคูก นั บางคไู มม ีเพศสมั พันธกัน ซงึ่ มีสาเหตุหลายประการ เชน พอแมดแู ลเอาใจใสอ บรมส่ังสอนดี พอ แมตดิ ตามดแู ลอยางใกลชิด ไมเปดโอกาสใหทั้งคูไดอยู ในสถานการณทีเ่ ส่ียงตอการมีเพศสัมพนั ธ วยั รุนคดิ ไปขา งหนาเกิดความเกรงกลัววาจะมีปญหาตาง ๆ ตามมามากมาย มคี วามละอายใจและรูสกึ วาผิด กลัวเสียชื่อเสียง และกลัวคนอื่นจะรู ไมมีโอกาสท่ี จะไดก ระทํา มีความยบั ยั้งชัง่ ใจ เปนตน การจับคูกันนั้นสวนใหญจ ะทาํ ใหก ารเรียนแยล ง การมีครู ักไมใชสัญลักษณของการ ประสบความสาํ เรจ็ ในชวี ิต ไมใชแฟชน่ั หากวัยรุนคนใดยังไมมีคูรักก็ไมควรรูสึกวาตัวเองดอยกวา เพื่อนที่มีคนรัก ไมจําเปนท่ีจะตองคบกับใครสักคนเปนคูรัก เพียงเพราะตองการใหตนเองเหมือน เพ่อื นคนอนื่ ๆ เทานั้น ความคาดหวงั ในเรอื่ งความรักของผูหญิงและผชู ายทแ่ี ตกตางกันน้ัน เปน สิ่งท่วี ยั รุนที่ จบั คูกนั ไมควรมองขา ม เพราะจะทาํ ใหรวู าหญงิ และชายจะปฏบิ ัตติ อ คนรักตางกนั ผชู ายจะคดิ ถงึ เร่ือง การไดสัมผัส ลวงเกินจนถึงข้ันมีเพศสัมพันธ จึงเปนสาเหตุหนึ่งท่ีจะทําใหผูหญิงตองเสียความ บริสุทธิก์ อนวยั อนั ควร และมักไมค อยเต็มใจ ซึ่งวยั รุนหญงิ จะตองระวงั ใหดีในเร่อื งน้ี 1. พฤติกรรมที่เสี่ยงตอ การมเี พศสมั พันธ วัยรุนเปน วยั ทเ่ี กดิ ความเปล่ียนแปลงและพัฒนาการอยางรวดเร็วในเร่ืองเพศ บางคน จงึ เกดิ ความสนใจในเพศตรงขา ม สนใจในเร่ืองเพศ การจับคเู ปน คูรกั กนั การเกิดอารมณทางเพศ การ ดสู อ่ื ลามก การมเี พศสมั พันธกับครู กั การมีสัมพนั ธกับหญิงขายบรกิ ารทางเพศ หรอื การขายบรกิ ารทาง เพศ เม่อื เปนเชนนีผ้ ลเสยี ที่ตามมา ไดแก การมีเพศสัมพนั ธกอ นวัยอันควร ทําใหเกิดความ วิตกกงั วล เสยี การเรยี นเพราะจะสนใจการเรียนนอยลง เกดิ การต้ังครรภที่ไมพึงประสงค การทําแทง ปญ หาลูกไมมีพอ ทารกถกู ทอดทิง้ โรคติดตอ ทางเพศสมั พันธ โรคเอดส เปนตน เหตุและผลดังกลาวขา งตนน้ี มกั จะเรมิ่ จากตัวของวัยรุนเองทีม่ ีพฤตกิ รรมเสยี่ งตอการ มีเพศสมั พันธ ซ่งึ มีดงั น้ี 1. สนใจเร่ืองเพศมาก ปกตวิ ัยรนุ กจ็ ะสนใจเรือ่ งเพศอยูแ ลว เพราะเปน ธรรมชาติของ วัย แตถา หมกมนุ กับเรอื่ งนม้ี ากเกินไป และโอกาสหรือสถานการณเอ้ืออาํ นวยวยั รนุ อาจมีเพศสัมพนั ธ
61 โดยไมคดิ ไมไ ดตัดสินใจหรอื ไมไ ดวางแผนลวงหนา คือปลอ ยใหเปนไปตามความตองการและอาจไม คดิ ถึงผลกระทบท่จี ะเกดิ ขึ้นภายหลงั 2. มีความหมกมุนในเรื่องเพศ มีวยั รุนจํานวนหน่ึงโดยเฉพาะวัยรนุ ชายทหี่ มกมุนใน เร่ืองเพศมากเกินไปอาจมีการสําเร็จความใครดวยตนเองบอยคร้ัง โดยไมพยายามหลีกเลี่ยง หรือ พยายามจดั การกับอารมณท างเพศ ในผูห ญิงก็อาจมีบางแตไมมากเทาผูชาย บุคคลประเภทนี้มีความ เสี่ยงตออาการมเี พศสมั พันธ 3. ชอบถูกเนื้อตองตัวเพศตรงขาม ผชู ายมักจะยินดที ไ่ี ดถ ูกเน้ือตอ งตัวผหู ญงิ หรอื ให ผูหญงิ มาถูกเน้อื ตอ งตัวตนเอง สว นผหู ญิงทค่ี ดิ เชนเดยี วกบั ผูชายนก้ี ม็ ีบา ง การถูกเนื้อตองตวั กนั ทาํ ให เกิดอารมณท างเพศได ถามโี อกาสหรอื สถานการณท ีเ่ อ้ืออาํ นวยกอ็ าจถงึ ข้นั การมเี พศสมั พนั ธกันได เร่อื งน้ีมักจะพบเหน็ อยบู อยครง้ั ในหมูวัยรุนท่ีมักถือโอกาสถูกเน้ือตองตัวกัน ถาถูก ผใู หญด ุหรอื เตือนก็จะบอกวา เปนเพ่อื นกัน ไมคดิ อะไร ถึงแมวาจะมบี างคนทไ่ี มไดค ดิ อะไรจรงิ ๆ แต กไ็ มเ หมาะสม เพราะจะถูกมองวาเปนหญิงสาวที่ไมรักนวลสงวนตัว ใหผูชายถูกเนื้อตองตัวงาย ๆ ผูชายก็ไมเปนสุภาพบุรุษเพราะชอบหาเศษหาเลยดวยการถูกเนื้อตองตัวผูหญิง ดังน้ันนักเรียนควร ปองกนั และหลีกเล่ยี งไมใหเ กิดพฤตกิ รรมน้ี 4. คดิ วา การมีเพศสัมพันธไ มใ ชเรื่องเสยี หาย ไมว าชายหรอื หญงิ ที่คิดเชนนี้จะเปนผู ทเี่ สีย่ งตอการมเี พศสัมพันธมาก ผชู ายมกั จะคดิ เชน น้ี ซ่ึงเปนนิสัยท่ีติดตัวของผูชายมาอยูแลว แตถา ผหู ญงิ คดิ เชนน้ีดว ยก็นับวา เปน การสนับสนนุ ใหผ ูชายสมหวงั ขนึ้ จนเปน เปนปญหาสําคัญปญ หาหนึ่ง ในครอบครัวและสังคมไทย เพราะเปนความคิดที่นําไปสูการมีเพศสัมพันธกอนวัยอันควร ซึ่งจะ กอ ใหเกิดปญ หาตามมามากมาย 5. ดูสอื่ ลามก ปจจุบนั น้ีมสี ื่อลามกขายกนั มากมายตามทองตลาด วัยรนุ หลายคนรูว า แหลง ซอ้ื ขายอยทู ใี่ ด การดูสื่อลามกประเภทนท้ี าํ ใหผูด ูเกิดอารมณท างเพศ วยั รนุ เปน วัยท่ีอยากรอู ยาก ลอง เม่ือดูแลวบางคร้ังอาจอยากทดลองทําตามคูพระนางในสื่อลามกน้ัน ดังวัยรุนที่มีขาวลงหนา หนงั สอื พมิ พวา ไปขม ขืนหรือไปมั่วสุมมเี พศสัมพันธกันแลวรับสารภาพวาทําตามอยางในส่ือลามกที่ เคยดู 6. เปนคนเจาชู คนเจาชูคนท่ีชอบมีคูรักหรือสามีภรรยามากกวา 1 คน หรือมีไป เรอ่ื ย ๆ ตามความพอใจ วัยรุนท่ีเปนคนเจาชูจะมีใจกลาในเรื่องน้ี และขาดความรับผิดชอบในส่ิงท่ี ตนเองกระทาํ ไมร ักใครจริง ถาเบื่อกพ็ รอมท่ีจะทอดท้งิ บุคคลประเภทน้จี ะมีเพศสัมพันธงาย ๆ ไมคิด อะไรมาก ผหู ญงิ เปน ฝา ยท่ีตองรับภาระในสง่ิ ที่ทัง้ คูไ ดก ระทาํ ลงไป เชน เปนฝา ยตงั้ ครรภอาจตอ งไป ทําแทง หรอื ตองคลอดลูกแลว เลยี้ งลูกตามลาํ พัง เปน ตน จึงตอ งระวังคนเจา ชูและตองไมเ ปนคนเจา ชู 7. เคยมีประสบการณทางเพศมาแลว ไมวาจะเปนผูชายหรือผูหญิงที่เคยมี ประสบการณในการมีเพศสัมพันธมาแลว ในครั้งตอ ๆ ไปมันจะไมคิดมาก ใจกลาข้ึน ไมกลัว หรือไมก ็ติดใจในเพศรสจึงเปนมลู เหตทุ ่ีทําใหเ กดิ ความเส่ยี งตอ การมีเพศสัมพันธซาํ้ ไดอีก
62 8. เสพสารเสพติด ผูทีเ่ สพสารเสพตดิ จะเกิดอาการมนึ เมาเคลบิ เคลิม้ ขาดความรูสึก ผดิ ชอบช่ัวดี ครองสติไมได จงึ มักทาํ อะไรลงไปแบบไมค ดิ อะไรมากหรืองง ๆ ไมคอยรูตัว ดังขาวที่ พบเหน็ บอย ๆ วา วยั รนุ ไปจดั ปารต้ยี าอี ยาบา หรอื ไมก็ไปดื่มแอลกอฮอล พอมึนเมาเสพสารเสพติด หรือยอมมีเพศสมั พนั ธเ พ่อื แลกกบั สารเสพติดในกรณีที่ติดสารเสพตดิ แลว 9. ขาดความไตรตรอง บุคคลประเภทนี้มักไมคิดถึงผลที่จะตามมาหรือผลกระทบ หลงั การมเี พศสมั พนั ธว า จะเปน อยางไร เปนคนแกปญหาเฉพาะหนาไปวันหน่ึง ไมคิดถึงอนาคตวา เปน อยางไร ตัดสินใจโดยขาดสติ 10. อยากรอู ยากลอง วัยรนุ เปนวยั ทอ่ี ยากรอู ยากลองอยูแลว แตถาอยากรูอยากลอง เรือ่ งเพศนน้ั นบั วาเปน อนั ตราย ปจ จัยที่กระตุนใหอยากรูอยากลองนอกจากจะมาจากตนเองแลว ยัง อาจมาจากปจ จยั อน่ื ๆ เชน เพ่อื นชักชวน อา นหนังสอื ลามก 2. การหลกี เลีย่ งและปอ งกนั ตนเองจากสถานการณการเสีย่ งตอ การตั้งครรภโดยไมตัง้ ใจ มผี หู ญงิ จาํ นวนไมน อยที่ตั้งครรภโดยไมตั้งใจ ทั้งน้ีเพราะไมคาดคิดมากอนวาจะมี เพศสมั พันธกบั ผูชายซง่ึ อาจเปน ครู กั ของตนเอง เปนเพ่ือน คนแปลกหนา พอเลี้ยง หรือแมแตญาติ ของตน และไมมีการปองกันการต้ังครรภแตอยางใด ดังน้ันผูหญิงควรเรียนรูถึงการหลีกเลี่ยงและ ปองกนั ตนเองจากสถานการณเ ส่ียงตอ การตงั้ ครรภโ ดยไมต้งั ใจ ซ่ึงมีขอ แนะนําดงั น้ี 1. ในกรณีเมือ่ อยกู บั คูรกั ของตนเอง ควรปฏิบตั ดิ ังนี้ 1.1 ไมย อมใหครู กั ไดส มั ผัส จบั มอื โอบกอด ถา ถกู กระทําเชน นี้ควรแสดงทาที ไมพ อใจและปฏเิ สธการกระทําดังกลาวอยางจริงจัง มิฉะนั้นอาจนําไปสูการมีเพศสัมพันธเนื่องจาก สภาพแวดลอมเหมาะสมและเปน ใจ 1.2 ไมอยใู นทีล่ บั ตาคนสองตอ สอง เพราะคูรกั อาจจะลวงเกินเราได และย่ิงเรา มีใจชอบฝายชายดวยก็อาจจะยินยอมจนถึงข้นั มีเพศสมั พนั ธได 1.3 ไมไ ปเที่ยวกนั แบบคางคืน เพราะการคางคืนจะเปนการเปดโอกาสใหฝาย ชายลว งละเมิดทางเพศได 1.4 ไมควรดสู อ่ื ลามกโดยเฉพาะกบั ครู กั เพราะจะทําใหท้ังสองฝายเกิดอารมณ ทางเพศและนาํ ไปสกู ารมีพฤติกรรมทางเพศทไ่ี มเหมาะสม 1.5 การไปเทย่ี วในงานวันสําคญั ตาง ๆ เชน วันวาเลนไทน วันลอยกระทง วัน ข้ึนปใหม ที่เปน การเท่ียวในเวลากลางคืน แลวจะไปตอกันในสถานท่ีท่ีอาจจะมีเพศสัมพันธกันได ดงั นนั้ การไปเท่ียวกบั ครู ักในวันสําคัญดังกลา วควรระมดั ระวังตัวใหด ี ถา เราคิดวาไมนาไววางใจก็ไม ควรไปโดยหาทางปฏเิ สธอยา งนุม นวล 1.6 การไปเทยี่ วงานสงั สรรคห รอื ตามสถานบันเทิงกับคนรักควรระมัดระวังตัว ดวย เพราะอาจด่มื เครอื่ งดม่ื ท่มี แี อลกอฮอลแลว ทาํ ใหมึนเมาไมรสู ึกตวั
63 1.7 อยาใจออนถาถูกขอท่ีจะมีเพศสัมพันธดวย อยาหลงคารมเขาเปนอันขาด และไมต องกลวั เขาโกรธ รกั ษาความบริสุทธ์ิของเราดีกวา หากพลาดพลั้งไปแลวก็ควรระวังอยาให เกดิ ขึน้ อีก 2. ในกรณีเม่ืออยกู บั เพ่อื นชาย ควรปฏบิ ัตดิ ังนี้ 2.1 อยา ใหมาถูกเนื้อตองตัวโดยไมจําเปน เพราะถาวันใดท่ีเพ่ือนชายมีโอกาส ผหู ญงิ อาจพลาดทาเสียทีได 2.2 อยาไวใจใครมากนกั มเี พื่อนหลายคนทห่ี ลอกพาเพอ่ื นไปขมขืน บางรายให เพือ่ นคนอน่ื ๆ ขมขนื ดวยตามท่ีมีขาวใหพบเหน็ อยูบ อย ๆ 2.3 ไมไปเที่ยวแบบคา งคืน ถึงแมจ ะไปเปนหมูคณะก็ตองระมดั ระวัง 2.4 การไปเทย่ี วตามสถานบนั เทิงแลว กลบั ดึกอาจเปนอันตราย ถามีเพ่ือนอาสา ไปสงบานกค็ วรระวัง เพราะอาจพาไปทีอ่ น่ื ได 3. ในกรณีเม่ืออยูกบั คนแปลกหนา ควรปฏิบตั ิดังน้ี 3.1 อยาไวใ จคนแปลกหนาเปน อนั ขาด เพราะยังไมรูจักนิสัยใจคอเขาดีพอ ถา หลงเชื่ออาจถูกเขาหลอกได โดยเฉพาะถาพบกันในสถานบันเทิงเริงรมยเขาอาจจะมองเราวาเปน ผหู ญงิ ท่รี กั สนกุ คงจะมีเพศสมั พนั ธดว ยไมยาก 3.2 ไมควรเดินทางไปในท่ีเปล่ียวยามค่ําคืน เพราะมีผูหญิงถูกคนรายลักพาตัว ไปขมขนื มาหลายรายจนนบั ไมถ วนแลวในสถานการณเ ชน นี้ 3.3 อยาเชอื่ คนท่รี จู กั กนั ทางอนิ เทอรเนต็ ถงึ แมจะคยุ กันจนเหมอื นรูจักกันดีแลวก็ ตาม เพราะยงั ไมเคยเห็นหนากนั ก็ยังคงเปนคนแปลกหนา อยูด ี หญงิ สาวหลายรายท่ีถูกคนทรี่ ูจักกันทาง อินเทอรเนต็ หลอกไปขมขืน บางรายมกี ารถายรูปไวเ พอื่ ขมขแู ละตอ รองเร่อื งอืน่ ๆอกี ดวย 4. ในกรณีเม่อื อยกู ับพอเล้ียงหรือญาติ ผูห ญงิ ทีถ่ ูกคนใกลชดิ ในครอบครวั ขม ขืนนั้น มีมาก และมักไมย อมบอกใคร บางรายถกู ขมขืนมานานนับป บางคร้ังเกดิ การต้ังครรภ เพราะคนใน ครอบครวั น้นั ใกลช ิดเหน็ กนั อยูทุกวันหรือพบกันบอย ไวใจกันมาก ในเร่ืองนี้ผูหญิงควรปฏิบัติตน ดังนี้ 4.1 ใหสังเกตการณสัมผัสของบุคคลเหลานั้นวา สัมผัสดวยความเอ็นดูแบบ ลูกหลานหรอื แบบชูสาว ถา มีการสมั ผสั นาน ลูบคลํา จับตองของสงวน ตองระมัดระวงั อยา เขาใกล 4.2 ควรนอนในหอ งทีม่ ดิ ชิดใสก ลอนหรือลอ็ คกุญแจใหเรียบรอ ย 4.3 ถาบุคคลเหลาน้ันมนึ เมาอยาไวใจ เพราะทําใหขาดสติ และกระทําในส่ิงท่ี ไมคาดคดิ ได 4.4 การแตง ตัวอยูบา น การอาบน้ําตอ งกระทาํ อยา งมิดชิด อยาเปดเผยเรือนราง มากนกั เพราะอาจเปน การย่ัวยุอารมณทางเพศแกบคุ คลเหลา นัน้ ได
64 4.5 ถาถกู บคุ คลเหลา น้ันลวนลามควรบอกใหค นในบา นทราบ หรือรองตะโกน ใหผูอืน่ ชว ยเหลือ ไมต องอายเพราะเขาทาํ ไมถูกตอง ขอควรคิดเก่ียวกบั การมเี พศสมั พันธ มีผูหญิงบางคนท่ีคิดวาการมีเพศสัมพันธเปนเร่ืองปกติไมใชเรื่องผิด ไมรับรูถึง ขนบธรรมเนียมและวฒั นธรรมไทย จงึ ควรตรวจสอบตนเองวา มคี วามรบั ผิดชอบตอตนเองและสังคม เพียงใด โดยตอบคาํ ถามเหลานใ้ี หไ ดเสยี กอนทจ่ี ะคิดมเี พศสัมพันธ 1. ถายนิ ยอมมเี พศสัมพนั ธ เราจะยอมรับกับผลท่ีจะตามมาไดเพียงใด เชน คําครหา ของคนในสังคม ความกลวั คนอนื่ จะลวงรู การตัง้ ครรภ การถูกผชู ายทิ้งหลังจากไดเสียกันแลว การ เสียความบริสุทธไ์ิ ปแลวผูชายคนน้ีคอื คนทีจ่ ะเปนคชู วี ิตของเราหรือไม เปนตน 2. เมื่อเรายังไมพรอมท่ีจะมีลูกจะปองกันตนเองอยางไร รูวิธีปองกันการต้ังครรภ เพียงใด เมอื่ ปอ งกันแลว จะผิดพลาดไดห รือไม ถา พลาดมลี กู ขึน้ มาจะทําอยางไร ผูชายจะรับผิดชอบ หรอื ไม ตนเองไมอบั อายคนอ่นื ๆ หรือถา จะตอ งไปทําแทง การทําแทง มอี ันตรายเพียงใด 3. การตง้ั ครรภท ีไ่ มพงึ ประสงคในวยั รนุ การต้ังครรภท ไี่ มพงึ ประสงคในวัยรุน หมายถึง การตั้งครรภที่เกิดขึ้นในวัยรุนเพศ หญงิ ซ่งึ เปนผลสืบเนื่องมาจากการมเี พศสมั พนั ธท เี่ กิดขน้ึ โดยไมไ ดต ัง้ ใจ โดยอาจมีสาเหตสุ ําคัญมาจาก พฤติกรรมทางเพศทไ่ี มเหมาะสมของวยั รนุ หรอื อาจเกดิ จากการถกู ขมขืนกระทําชําเรา 3.1 ปญหาและผลกระทบของการตั้งครรภที่ไมพ ึงประสงคใ นวยั รนุ ปญ หาการตงั้ ครรภทีไ่ มพ งึ ประสงคผ ลกระทบทสี่ ําคัญ ดังน้ี 1) สง ผลกระทบตอ วยั รนุ ทตี่ ัง้ ครรภโดยไมพึงประสงคโดยตรง ซึ่งผลกระทบ ดังกลาวสรา งปญหาท่ตี ิดตามมา เปนตนวา ปญหาทางดานจิตใจและอารมณ วัยรุนท่ีมปี ญหาการตั้งครรภท ไ่ี มพึงประสงค มักมคี วามรสู ึกวาตนเองทาํ ผิด เกิดความละอายใจ และมีความคิดวาไมมีใครรักใครตองการอีก ซึ่ง บางคนอาจแสดงพฤติกรรมทางเพศที่ไมเหมาะสมและรุนแรงข้ึน หรือบางคนอาจไมแสดงออกและ มักเกบ็ กดอยากทาํ ลายชีวติ ตนเอง ฯลฯ ซงึ่ ภาวะทางจิตใจและอารมณของวัยรุนท่ีต้ังครรภโดยไมพึง ประสงคน ้ีจะมมี ากหรอื นอยข้ึนอยูกบั การยอมรับและความเขาใจของคนในครอบครัว ถาครอบครัว ยอมรบั เขา ใจ และใหอภยั ปญหาทางดา นจติ ใจและอารมณก ็จะลดนอ ยลงได ปญหาทางดานสุขภาพ ปญ หาท่ีมักพบ คอื ปญ หาโรคเอดสแ ละโรคติดตอ ทางเพศสัมพันธ การมีเพศสัมพันธโดยไมไดมีการปองกันและคุมกําเนิดยอมมีโอกาสใหวัยรุนเพศ หญิงไดร บั เชอ้ื เอดส หรอื โรคติดตอ ทางเพศสัมพนั ธจ ากฝา ยชายในอตั ราเสี่ยงที่สูง ปญหาทางทําแทง
65 ซงึ่ มกั จะสงผลกระทบตอผูทาํ แทง ไดโ ดยเปน อันตรายตอชีวิต ซึ่งมักเกิดจากการตกเลือดหรือการติด เชอ้ื อยางรนุ แรง นอกจากนน้ั ยังเปน อปุ สรรคตอ การมบี ุตรในอนาคต แมก ารทําแทงจะผานพน ไป แต การทําแทงอาจทําใหเ กดิ การอักเสบเร้อื รงั ในโพรงมดลกู และทอ มดลูก เปนผลใหโพรงมดลูกและทอ มดลูกตบี ตนั มดลูกทะลหุ รืออกั เสบอยางรุนแรงเพราะเคร่อื งมอื ทาํ แทง ทาํ ใหบางคนตองตัดมดลกู ทิ้ง หรือการขยายปากมดลูกขณะทําแทงทําให ปากมดลูกฉีกขาด หูรูดของปากมดลูกหลวม เกิด ภาวการณแทงบุตรไดงาย และยังสงผลใหมีปญหาสุขภาพที่ตอเนื่อง โดยเฉพาะมักจะพบวามีการ อักเสบเรอ้ื รังในชองเชงิ กราน 2) สงผลกระทบตอครอบครัวของวัยรุนท่ีตั้งครรภโดยไมพึงประสงค มัก พบเสมอวาเม่อื วยั รุนเพศหญงิ ตง้ั ครรภโดยไมพึงประสงคขึ้น วัยรุนของเพศชายมักจะไมแสดงความ รับผิดชอบตอส่ิงที่เกิดขึ้นภาระความผิดชอบจึงตกเปนของฝายหญิงและครอบครัวเพียงฝายเดียว ถา ครอบครัวฝา ยหญิงมคี วามเขา ใจและใหอภัยตอความผิดพลาดท่ีเกิดข้ึน และครอบครัวยังพรอมท่ีจะ รวมแกปญ หาการเลีย้ งดเู ด็กท่ีจะเกิดขน้ึ ได กจ็ ะชว ยลดปญหาทางดา นอารมณแ ละจิตใจของวัยรุนเพศ หญงิ ลงได แตในทางตรงขาม หากครอบครัวของวัยรุนเพศหญิงไมสามารถยอมรับปญหาที่เกิดข้ึน ดงั กลา วกอ็ าจสงผลใหเกดิ ปญหาตา ง ๆ ตามมาได 3) สงผลกระทบตอสังคมและประเทศชาติ การตั้งครรภท่ีไมพึงประสงคของ วัยรนุ ทาํ ใหเ กิดปญ หาทางสงั คมตาง ๆ ตามมาดังทีไ่ ดกลาวมาแลว นอกจากนี้ ประเทศชาตติ อ งสญู เสีย งบประมาณบางสวนทีต่ องนาํ มาใชเพอื่ การบาํ บัดรักษา ดูแลสุขภาพของวัยรนุ เพศหญิงท่ตี งั้ ครรภโดยไม พงึ ประสงค ตอ งจัดงบประมาณในการเลีย้ งดปู ระชากรสว นหนึ่งท่ีเกดิ จากผลพวงของปญหาดงั กลา ว 3.2 การปองกันการตง้ั ครรภท ไ่ี มพ ึงประสงคใ นวัยรนุ การปองกันมีแนวทางในการปฏิบัติ ดงั น้ี 1) ตองรูจักหลีกเล่ียงสถานการณที่เอื้ออํานวยใหเกิดการมีเพศสัมพันธ มัก พบวา การมีเพศสมั พันธท ไี่ มไดต ้งั ใจของวัยรุนมักจะเกิดจากสถานการณหรือบรรยากาศที่เอื้อใหเกิด โอกาสตอการมเี พศสมั พนั ธ เชน การอยูตามลําพังสองตอสองในท่ีลับตาคน หรือการเขารวมในกิจกรรม พบปะสังสรรคทมี่ ีการดมื่ เคร่ืองผสมแอลกอฮอล เปน ตน 2) ตองรูจักใชทักษะในการปฏิเสธเพื่อแกไขสถานการณเส่ียงตอการมี เพศสัมพันธ วิธกี ารหลกี เล่ยี งและแกไขสถานการณด งั กลาว ฝา ยหญงิ ตองนาํ ทกั ษะการปฏิเสธไปใช ซ่ึง การปฏเิ สธของฝายหญิงจะเปนสัญญาณเตือนใหฝายชายหยุดแสดงพฤติกรรมทางเพศท่ีไมเหมาะสม ออกมา แนวทางในการใชค าํ พดู ทเี่ ปน ทกั ษะของการปฏิเสธ มหี ลายขอ ความ เชน “หยุดนะ อยาทํา แบบน”ี้ ฉนั ไมช อบหยดุ นะ” “อยา นะ ฉันจะตะโกนใหล ั่นเลย” “คุณไมมีสิทธิ์ท่ีจะทําแบบนี้” และ อืน่ ๆ ตามความเหมาะสมซงึ่ คาํ พูดท่เี ปน ทักษะในการปฏิเสธมักจะมีคําวา “ไม” “อยา ” หรือ “หยดุ ”
66 3) ตองรจู ักใหเ กียรตซิ ึ่งกันและกัน การท่ีฝายหญิงและฝายชายนําหลักความ เสมอภาคทางเพศ และการวางตวั ทเ่ี หมาะสมตอเพศตรงขามมาใช ถือวาเปนการใหเกียรติซ่ึงกันและ กัน ซ่ึงจะชวยปองกันอารมณในขณะพบปะพดู คยุ กันไมใหพ ฒั นาไปสคู วามตองการทางเพศได 4) ตองระมดั ระวังในเรื่องการแตงกาย ปจจบุ ันรปู แบบการแตงกายของวัยรุน โดยเฉพาะวัยรุน เพศหญงิ มักนยิ มสวมเส้ือผา ทร่ี ัดรปู หรอื นอ ยช้ืนเกินไป ซ่ึงการแตงกายดังกลาวจะทํา ใหเห็นรูปรางสัดสวนชัดเจนขึ้น การแตงกายในลักษณะดังกลาวจะสงผลเราใหเพศตรงขามเกิด อารมณและขาดความ ย้งั คดิ อาจนาํ ไปสกู ารแสดงพฤติกรรมการลวงละเมิดทางเพศท่ีเปนอันตราย จนถึงการตั้งครรภท่ีไม พงึ ประสงคใ นเพศหญงิ ได 5) ควรหลกี เลี่ยงการเดนิ ทางตามลาํ พังในยามวกิ าลหรือในเสนทางท่ีเปล่ียว จากสถติ ขิ องวยั รุนเพศหญิงพบวา อันตรายที่ไดรับจากการถูกขมขืนมักเกิดขึ้นในยามวิกาลหรือใน เสนทางที่เปล่ียวผูคนสัญจรนอย ดังนั้น วิธีการปองกันท่ีดีที่สุดหากจําเปนจะตองเดินทางใน สถานการณดังกลา ว ควรจะมีเพอ่ื นหรือญาตริ ว มเดินทางไปดว ยเพ่อื ปองกันอนั ตรายทอี่ าจเกิดข้นึ 4. ความรเู บ้ืองตองเกีย่ วกบั กฎหมายคมุ ครองสทิ ธผิ ถู กู ลวงละเมิดทางเพศ กฎหมายไดร ะบฐุ านความผิดเก่ียวกบั การถกู ลวงละเมดิ ทางเพศไว 2 ลกั ษณะ ดังนี้ 4.1 ความผิดฐานขมขนื กระทาํ ชําเรา ผูท่ีขมขืนกระทําชําเราเด็กหญิงอายุไมเกิน 15 ป ซึ่งมิใชภรรยาตน โดย เดก็ หญิงนนั้ จะยนิ ยอมหรอื ไมก ็ตาม ตองระวางโทษจาํ คกุ ตัง้ แต 4-20 ป และปรบั ตั้งแต 8,000-40,000 บาท (ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 277 วรรคหน่งึ ) ถาการกระทําความผิดตามวรรคแรก เปนการกระทําแกเด็กหญิงอายุไมเกิน 13 ป ตองระวางโทษจําคกุ ตัง้ แต 7 ป ถงึ 20 ป และปรับต้ังแต 14,000-40,000 บาท หรือจําคุกตลอด ชวี ิต (ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 277 วรรคสอง) ถาการกระทําผิดตามวรรคแรกหรือวรรคสอง ไดกระทําโดยรวมกระทํา ความผิดดว ยกนั อันมีลกั ษณะเปนการโทรมเด็กหญิง (คือรวมกันกระทําความผิดต้ังแต 2 คนข้ึนไป) โดย เด็กหญิงนั้นไมยินยอม หรือไดกระทําโดยมีอาวุธ เชน อาวุธปน หรือวัตถุระเบิด หรือโดยการใช อาวธุ อ่ืน ๆ ตองระวางโทษจาํ คกุ ตลอดชวี ติ (ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 277 วรรคสาม) แตม ขี อยกเวน คือ ถา การกระทาํ ดงั กลาวขางตนเปนการกระทําที่ชายกระทํา กบั เดก็ หญิงอายมุ ากกวา 13 ป แตไ มเกิน 15 ป โดยเด็กหญิงน้ันยินยอม และภายหลังศาลอนุญาตให สมรสกัน ผูกระทําผดิ ไมตองรบั โทษ และถาศาลอนุญาตใหสมรสกันในระหวางท่ีผูกระทําผิดกําลัง
67 รับโทษในความผดิ นนั้ อยู ศาลตอ งสัง่ ปลอยผูกระทําความผิดนั้นไป (ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 277 วรรคส่ี) ถา เปนการกระทาํ ชําเราเด็กหญงิ อายยุ ังไมเกิน 15 ป ซ่ึงมิใชภรรยาของตน โดย เด็กหญิงน้ันจะยินยอมหรือไมก็ตาม หรือเปนการกระทําแกเด็กอายุไมกิน 13 ป แลวเปนเหตุให เดก็ หญิงไดรบั อันตรายสาหสั เชน ไดรับบาดเจ็บสาหสั ผูกระทาํ ตองระวางโทษต้งั แต 15 ป ถึง 20 ป และปรับต้ังแต 30,000-40,000 บาท หรือจําคกุ ตลอดชีวิต (ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 277 ทวิ (1) ) และหากเดก็ น้นั ถึงแกความตาย ผูก ระทําตองระวางโทษประหารชวี ิต หรอื จาํ คุกตลอดชวี ติ (ประมวล กฎหมายอาญามาตรา 277 ทวิ (2) ) หากการกระทาํ ชาํ เราเด็กหญิงอายุยังไมเกิน 3 ป หรือการกระทําแกเด็กหญิง อายยุ ังไมเกิน 15 ป ดังกลา วขางตน ไดรวมกระทําความผิดดวยกันอันมีลักษณะเปนการโทรมหญิง หรอื กระทาํ โดยมีอาวุธปน หรอื วัตถุระเบิดหรือโดยการใชอาวุธ และเปนเหตุใหเด็กหญิงผูถูกระทํา ไดรบั อนั ตรายสาหัส ผูก ระทําตอ งระวางโทษประหารชวี ิต หรอื จําคกุ ตลอดชวี ิต และหากเด็กหญิงที่ ถูกกระทําถงึ แกค วามตาย ผูกระทําตองไดรับโทษประหารชีวิต และหากเด็กหญิงที่ถูกกระทําถึงแก ความตาย ผูกระทําตอ งไดรับโทษประหารชวี ิต (ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 277 ตรี) 4.2 ความผิดฐานกระทําอนาจารตอเด็ก ผทู ีก่ ระทําอนาจารแกบ ุคคลอายุตํา่ กวา 15 ป โดยขเู ข็ญดวยประการใด ๆ โดย ใชก าํ ลงั ประทุษราย โดยบุคคลนั้นอยูในภาวะท่ีไมสามารถขัดขืนได หรือโดยทําใหบุคคลน้ันเขาใจ ผดิ วาตนเปน บุคคลอืน่ ตองระวางโทษจาํ คกุ ไมเ กนิ 10 ป หรือปรับไมเกิน 20,000 บาท หรือทั้งจําท้ัง ปรบั (ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 279 วรรคหน่งึ ) ถา การกระทาํ อนาจารนนั้ กระทาํ ตอ เดก็ อายุไมเ กนิ 15 ป และผกู ระทําผดิ ได กระทาํ โดยการขเู ขญ็ ดวยประการใด ๆ โดยใชกาํ ลังประทุษราย โดยบคุ คลนน้ั อยูในภาวะทไ่ี มสามารถ ขัดขืนได หรอื โดยทําใหบ คุ คลน้ันเขา ใจผิดวาตนเปนบุคคลอ่ืน มีโทษหนักคือ ผูกระทําตองระวาง โทษจําคุกไมเกิน 15 ป หรือปรับไมเกิน 30,000 บาท หรือทั้งจําท้ังปรับ (ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 279 วรรคสอง) หากการกระทําดังกลาวขางตน เปนเหตุใหผูถูกกระทําไดรับอันตรายสาหัส ผูกระทาํ อนาจารตองระวางโทษจําคุกตั้งแต 5 ป ถึง 20 ป และปรับตั้งแต 10,000-40,000 บาท และ หากผูถูกกระทาํ ถึงแกค วามตาย ผกู ระทําตอ งระวางโทษประหารชีวติ หรือจาํ คุกตลอดชีวิต (ประมวล กฎหมายอาญามาตรา 280) การขมขนื กระทําชําเราผเู ยาว และการกระทาํ อนาจารแกเด็กอายุไมเกิน 15 ป โดยเด็กนัน้ จะยินยอมหรอื ไมก ต็ าม เปน ความผิดอาญาแผนดนิ ไมสามารถยอมความกนั ได
68 แตถาเปนการขมขืนกระทําชําเราหญิงท่ีมิใชภรรยาตน โดยเด็กหญิงน้ัน ไมใชผูเยาว และการกระทาํ อนาจารแกบ ุคคลอายตุ ํ่ากวา 15 ป ท้ังสองกรณีนี้ ถามิไดกระทําตอหนา ธารกํานลั คือในท่เี ปด เผย และไมเปน สาเหตใุ หผ ถู ูกกระทาํ ไดรับอันตรายสาหสั หรือถึงแกความตาย หรือมิไดเปนการกระทําแก ผสู บื สนั ดาน คอื ลูก หลาน เหลนของตนเอง มใิ ชเ ปน การกระทําตอ ศิษยซ่ึงอยใู นความดูแล มิใชเปน การกระทําตอ ผูอยใู นความควบคุมตามหนาท่รี าชการ หรือมใิ ชเ ปนการกระทําตอผูอยูในความพิทักษ หรอื ในความอนุบาล กรณีท้ังหมดที่กลาวมาเปนความผิดอันยอมความได คือเปนกรณีท่ีผูเสียหาย หรือผถู ูกกระทาํ และผกู ระทําความผิดตกลงหรือสมัครใจไมเอาความตอกัน ก็เปนอันเลิกแลวตอกัน (ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 281) กจิ กรรม 1. สรรี ะรา งกายทีเ่ กยี่ วขอ งกับการสบื พันธขุ องเพศหญิงและเพศชาย มีอะไรบาง จงอธบิ ายพอสังเขป เพศหญิง________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ เพศชาย________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ _____________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ 2. เขียนสรปุ เกย่ี วกับการเปล่ยี นแปลงเพ่ือเขา สวู ัยหนมุ สาว เพศหญิง________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________
69 ______________________________________________________________________________ เพศชาย________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ 3. วธิ ีการหลีกเลี่ยงพฤตกิ รรมทีน่ ําไปสูก ารมีเพศสัมพนั ธก อนวัยอนั ควรมอี ะไรบาง ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ เรอ่ื งที่ 4 สุขภาพทางเพศ “ความสขุ ”เปน สิง่ ทม่ี นุษยทกุ คนตองการไมเ คยถูกจํากดั ดวยเพศ วัย ชนชาติ “สขุ ภาวะทางเพศ”กเ็ ปนเร่ืองท่ที กุ คนลวนตอ งการเชน กัน แผนงานสรางเสริมภาวะทางเพศ โดยสํานักงานกองทุนสนับสนุนการสรางเสริมสุขภาพ (สส.)และมูลนธิ สิ รา งความเขาใจเร่ืองสุขภาพผูหญิง (สคส.)ไดดําเนินงานผลักดันวาระการสรางสุข ภาวะทางเพศขน้ึ อยา งตอ เนอื่ ง เพราะสขุ ภาวะทางเพศไมไ ดมีความหมายแคบๆแคเรื่องเพศสัมพันธแต มีความหมายลึกซึง้ และมติ ทิ ่ีกวา งกวา นนั้ เร่ืองเพศจึงไมใชแคเรื่องของเนื้อตัวรางกายแตยังหมายถึงความรับผิดชอบการดูแลสุขภาพ รางกายการสรางความสัมพันธท่ีดีระหวางกันการเคารพสิทธิกันและกันและความเทาเทียม เพราะ สงั คมน้นั มีความหลากหลายทางเพศมากวา แคห ญงิ หรือชาย ผทู ม่ี สี ขุ ภาวะทางเพศทดี่ ีกจ็ ะปฏิบตั ติ อคนทีม่ ีวถิ ที างเพศแตกตา งจากตัวเองดวยความเคารพไม วา จะเปน สาวประเภทสองหรือหญิงรักหญิงชายรักชาย หรือผูที่รักสองเพศและยังปฏิบัติกับเพ่ือคูรัก หรือชายทสี่ ําคัญคือมคี วามรับผิดชอบตอสังคมและตนเองในเรอื่ งการมเี พศสมั พันธท ่ีปลอดภัย สงั คมจาํ เปนตอ งลบความคิดทางลบวาเรอื่ งเพศเปนเร่ืองเพศเปนเรื่องสกปรก อันตรายที่ตอง หลกี ใหห า งแตความจริงเราจําเปนตอ งศึกษาเรียนรูใ หเขา ใจเพราะเรอื่ งเพศเปน สิ่งท่สี ามารถแสดงออก อยา งอสิ ระมคี วามสุขบนพน้ื ฐานของความปลอดภัยเพ่ือดาํ เนนิ ชีวติ ไดอยางเปน สขุ
70 แผนงานสรา งเสริมสุขภาวะทางเพศไดจดั ทําความรสู ขุ ภาวะทางเพศในแตละชวงวัยไวเพราะ แตล ะชวงวยั ก็จะมีความสนใจและความตอ งการตา งกนั ในวยั เดก็ เปนชว งเวลาแหง การสรางพ้ืนฐานสขุ ภาวะทางเพศท่ีดไี ด เดก็ เล็ก อายุ 5-8 ป เร่ิมรับรู ไดถึงบทบาททางเพศวา สังคมสรางใหห ญงิ ชายมคี วามแตกตางกัน ดว ยกจิ กรรม ดวยการกําหนดกรอบ กฎเกณฑตางๆท่ีชายทาํ ได หญงิ ทําไมได หญิงทําได ชายทําไมได ซง่ึ ขัดขวางพัฒนาการและสรา งความ เขาใจผดิ ๆใหเ ดก็ วนั แรกรุน อายุ 9-12 เปนชว งวัยท่ีตองเตรียมความพรอมเพ่ือกาวเขาสูวัยรุน ซ่ึงชวงนี้เปนวัย แหง การเปลย่ี นแปลงการไดร ับขอ มลู ท่ีถกู ตองและพรอมใช จึงเปน สิง่ ท่ีทาํ ใหเด็กมภี มู คิ มุ กันที่จะเขาสู วัยรุนไดอยางสวยงามจําเปนตองเขาใจและอธิบายถึงการเปลี่ยนแปลงนั้นและเปดโอกาสใหเด็ก รับผิดชอบในครอบครัวใหเ ดก็ ไดต ดั สนิ ใจดว ยตัวเองและรบั ผิดชอบผลทจี่ ะตามมาไมใ ชตดั สนิ ใจแทน ทุกอยา ง เด็กวัยนเ่ี รมิ่ จะมีการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ และความรูสึกทางเพศ ไมใชเรื่องผิดแตการให ขอ มูลและความรูท ี่ถูกตองเปนสิง่ จําเปนการตอบคาํ ถามแบบตรงไปตรงมา เปดโอกาสใหเดก็ ไดเ รียนรู ในสิง่ ทเ่ี หมาะทีค่ วรเปนเร่อื งทคี่ วรสง เสรมิ เมื่อกา วเขาสูวยั รนุ ชว งอายุ 13-18 ป ชวงแหงการเปล่ยี นแปลงในทุก ๆ ดา น จําเปนตองไดรับ ขอมลู เรื่องเพศอยางถกู ตอ งและรอบดาน เพื่อใหเทาทันการเปล่ียนแปลงของตัวเอง ท้ังดานกายใจและ อารมณ จาํ เปนตอ งสรางทกั ษะของเพศสัมพันธท ปี่ ลอดภยั รว มไปกับความรับผิดชอบเพ่ือใหสามารถ แยกแยะไดว า เซ็กสไ มใ ชแ คเรือ่ งสนกุ แตมีผลที่จะตามมาอกี มากมาย การใหความรูอยางตรงไปตรงมา ไมทาํ ใหเร่อื งเซ็กสเ ปนความผดิ ละอาย ทาํ ใหเ กดิ เพศสมั พันธทป่ี ลอดภยั และมีความรบั ผิดชอบขึ้นได ผูใหญจําเปนตองเขาใจกระบวนการเรียนรูของมนุษยวาตองใชเวลาในการสั่งสมความรู ประสบการณความภูมิใจในตัวเองจึงสามารถมีเพศสัมพันธท่ีมีความสัมพันธที่มีความปลอดภัยและ เปนสขุ ได “การใหขอ มูลไมไ ดเ ปนการชโี้ พรงใหกระรอก แตเปนการสรางความเขาใจและทักษะใน ชวี ิตใหเ ด็กสามารถเติบโตเปน ผูใหญทเ่ี ขา ใจและมีความรับผิดชอบได วิธีการปฏบิ ัติเพอ่ื การมีสขุ ภาพทางเพศท่ีดี ควรคาํ นึงถึง การมีเพศสมั พนั ธท ป่ี ลอดภยั โดยไมเปลี่ยนคูหรือมีเพศสัมพันธกับบุคคลท่ีไมใชสามีภรรยา ของตน ถาคดิ จะมีเพศสัมพันธกับบุคคลท่ีไมใชคูของตนควรปองกันความไมปลอดภัยท่ีอาจเกิดขึ้น โดยใชถงุ ยางอนามัย เนนการรักษาความสะอาดสวนบคุ คล เมอื่ มเี พศสัมพันธแลวควรตองรีบทําความสะอาดสวน บคุ คลไมหมักหมม เพราะจะทําใหเ กิดเชอื้ โรคซงึ่ เปนตน เหตุของอาการคนั จนลกุ ลามเปนโรคท่อี วัยวะ เพศได
71 ควรมีเพศสมั พนั ธแ บบธรรมชาติ ไมผิดธรรมชาติของคนปกติ เชน การใชว ัตถุแปลกปลอมใน การรวมเพศ การรว มเพศโดยใชว ตั ถเุ ลยี นแบบธรรมชาตเิ ชน ตุกตายาง ใหคํานงึ ถึงความปลอดภยั การคมุ กําเนิด เปน สวนหนึ่งของการวางแผนครอบครวั ในเร่อื งระยะทพ่ี รอมจะมบี ุตรเม่อื ใดคํานวณบตุ รทจี่ ะ มีกี่คน หรือระยะหางของการมีบุตรเวนนานเทาใด ท้ังน้ีเพื่อใหเหมาะสมกับความพรอมและความ ตองการของคูส มรส การคุมกาํ เนิดเปน วธิ กี ารปฏบิ ัตเิ พ่ือปอ งกันการต้ังครรภ การวางแผนครอบครวั และการคมุ กําเนดิ การวางแผนครอบครัวและการคุมกําเนิด (Family Planning and Birth Control) คือการท่ี คู สมรสวางแผนในเรื่องการมีบุตรวาจะมีบุตรเมื่อใด จะมีบุตรกี่คน แตละคนจะเวนนานเทาใดทั้งน้ี เพ่อื ใหเหมาะสมกับความพรอมและความตองการของคสู มรส สวนการคุมกําเนิดน้ันเปนวิธีการเพ่ือมิ ใหเ กิดการตง้ั ครรภซ ึง่ มอี ยหู ลายวธิ ี 1.การใชถงุ ยางอนามยั (Condom) ถุงยางอนามยั มลี ักษณะเปนถุงท่ที าํ ดวยยางบางๆยดื ได ใช สวมอวัยวะเพศชายขณะที่แข็งตัวพรอ มท่จี ะรวมเพศ การใชถ ุงยางอนามัยเปนการปองกนั ไมใ หต วั อสจุ ิ เขาไปในโพรงมดลกู ผสมกับไขข องฝา ยหญิงได เพราะถูกถงุ ยางปองกนั ไว ตวั อสจุ แิ ละนํ้าอสุจจิ ะอยู ในถงุ ยางอนามยั เมือ่ ใชเ สร็จแลวจะถอดออกใหใ ชกระดาษชําระจบั ขอบถุงยางใหก ระชบั อวัยวะเพศ กอนแลว จึงถอดถุงยางออกแลวนําไปทิง้ ถังขยะมกี ารผลิตถงุ ยางอนามัยสําหรับผหู ญงิ ใชเ หมอื นกนั ขนาดใหญกวา ถุงยางอนามยั ท่ีผูชายใชแตไ มคอ ยไดร บั ความนิยม 2.การรับประทานยาเม็ดคุมกําเนิด(Contraceptive Pill) ยาเม็ดคุมกําเนิดจะประกอบดวย ฮอรโมนสังเคราะห 2 ชนดิ คอื เอสโตรเจน โพรเจสเทอโรน ซึ่งจะออกฤทธ์ิคลายกับฮอรโมนที่มีอยู ตามธรรมชาตใิ นรา งกายของผูหญิง และสรา งกลไกตา งๆ ในรา งกายเพือ่ ที่จะปองกันการตั้งครรภดวย การปอ งกันไมใ หไขส ุกและยบั ยงั้ การตกไข ตลอดจนทําใหม ูกบริเวณ ปากมดลกู เหนยี วขนจนตวั อสุจิ จะผานเขาสูโพรงมดลูกไดยาก แตถากลไกทั้ง 2 ประการน้ีไมไดผล มันจะเปล่ียนแปลงเยื่อบุโพรง มดลกู ไมใ หเหมาะสมสําหรับการฝงตัวของไขท่ีถูกผสมแลว ยาเม็ดคุมกําเนิดที่ใชอยูทั่วไปมี 3 แบบ คอื 2.1 แบบ 21 เมด็ ยาเมด็ ในแผงจะประกอบดว ยฮอรโ มนทัง้ หมด การเร่มิ รบั ประทานยาเม็ดแรก ใหเ ร่ิมตรงกับวันของสปั ดาหท่รี ะบแุ ผงยา เชน ประจําเดือนมาวันแรกคือวันศุกรก็เร่ิมกินที่ “ศ” หรือ วันศกุ ร โดยรับประทานวันละ 1 เม็ดเปน ประจําทุกวนั ตามลกู ศรชจี้ นหมดแผง หลังจากน้ันใหหยุดใช ยา 7 วนั เมอ่ื หยุดยาไปประมาณ 2-3 วนั ก็จะมเี ลอื ดประจาํ เดือนมาและเมอ่ื หยุดจนครบ 7 วันแลวไมวา เลือดประจําเดือนจะหมดหรือไมก ต็ ามใหเรมิ่ แผงใหมทันที
72 2.2 แบบ 28 เมด็ ยาเมด็ ในแผงหน่ึงจะประกอบดว ยฮอรโมน 21 เม็ด และสวนทีไ่ มใชฮ อรโ มน อีก 7 เม็ด ซึ่งมักจะมีขนาดเล็กหรือใหญกวา 21 เม็ดแรก การเริ่มรับประทานยาแผงแรกใหเร่ิม รับประทานยาในวันแรกทป่ี ระจําเดอื นมา โดยรับประทานยาเม็ดแรกในสวนทีร่ ะบุวาเปนจุดเร่ิมตน 1 แลว รับประทานทุกวนั ตามลกู ศรชจ้ี นหมดแผง โดยเมื่อรบั ประทานหมดแผงแลว ใหรบั ประทานยาแผง ใหมตอไปเลยทันทีไมวาประจําเดือนจะหมดหรือยังก็ตาม วิธีรับประทานแบบ 28 เม็ดจะคอนขาง สะดวกกวาแบบ 21 เมด็ ที่ไมตอ จดจําวนั ท่ตี องหยุดยา ถาลมื รบั ประทาน 1 เมด็ ใหร ับประทานทนั ทีเมื่อนึกได และรบั ประทานเม็ดตอ ไปเวลาเดิม ถา ลืมรับประทาน 2 เม็ด ใหร ับประทานยาวนั ละ 2 เม็ด ติดตอกันไปเปนเวลา 2 วันโดยแบงรับประทาน ตอนเชา 1 เม็ด ตอนเยน็ 1 เมด็ และใชว ธิ กี ารคมุ กาํ เนิดแบบอ่นื รวมดวย เชนใชถ งุ ยางอนามัยเปนเวลา 7 วัน ถา ลมื รับประทาน 3 เม็ดขึน้ ไป ควรหยุดยาและรอใหเ ลือดประจําเดือนมากอ นแลวคอยเริ่มแผงใหม และใชวิธีการคุมกําเนิดแบบอนื่ รวมดว ย 2.3 แบบรบั ประทานหลังรว มเพศภายใน 24 ชั่วโมง แตเดือนหน่งึ ไมควรใชเกิน4 คร้ัง ยาน้ีใช กนิ ทันทหี รือภายใน 24 ช่วั โมงหลงั รวมเพศ และควรกนิ ยาอีกหน่ึงเม็ดในเวลา 12 ชว งโมงตอ มายาเม็ด นี้มักมปี ริมาณของฮอรโมนเอสโตรเจน (Estrogen) สูง การใชยาชนิดนี้ใหผลเสียมากกวาผลดี พบวา เปน อาการขางเคียง คือ คล่นื ไส อาเจียน มีเลอื ดออกมากกวา ปกติ และทําใหทอ นําไขเ คลื่อนไหวชา อนั เปน เหตุทําใหเกิดทอ งนอกมดลูกได 3.การฝง ยาเม็ดคุมกําเนดิ ใตผวิ หนงั ยาประเภทน้ีมีสวนประกอบของเอสโตรเจนสูงมีฤทธ์ิทํา ใหไขทีผสมแลวไมสามารถฝงตัวไดในผนังมดลูก เปนยาเม็ดคุมกําเนิดชนิดฝงไวใตผิวหนังบริเวณ ดา นใตท องแขนของฝา ยหญงิ มีลกั ษณะเปนแคปซูลเลก็ ๆ 6 อัน ยาจะซึมจากแคปซลู เขาสูรางกายอยาง สมํ่าเสมอ สามารถคุมกําเนิดไดนานถึง 5 ป ตัวยาที่ใสในแคปซูลเปนชนิดเดียวกับ ยาเม็ดคุมกําเนิด แบบ 21 เมด็ 4.การใสหวงอนามัย (Iucd :: Intra Uterine Contraceptive Device) ใชโดยการใสหวง อนามัยไวในโพรงมดลูก ซึ่งแพทยจะเปนผูใสหวงให สามารถคุมกําเนิดได 3-5 ป แลวจึงมาเปลี่ยน ใหมแตก ็มบี างชนดิ ที่ตองเปล่ียนทุกๆ 2 ป วิธีน้ีไมเ หมาะสําหรบั ผูหญงิ ท่ียงั ไมเ คยมบี ตุ ร 5.การฉดี ยาคมุ กําเนดิ ใชก บั ผูหญิงฉดี ครงั้ หนงึ่ ปอ งกันไดนาน 3 เดอื น อาจมีขอเสียอยูบางคือ เมอื่ ตองการมีบุตรอาจตองใชเวลานานกวาจะต้ังครรภ และไมเหมาะสําหรับผูท่ีมีประจําเดือนมาไม สม่าํ เสมอ
73 6.การนบั ระยะปลอดภัย (Count safe Period) คือนับวันกอนประจําเดือนมา 7 วัน และหลัง ประจําเดือนมา 7 วัน เพราะไขยังไมส กุ และเย่ือบุโพรงมดลูกกําลังเปล่ียนแปลง แตถาประจําเดือนมา ไมแ นน อน การคุมกาํ เนิดวิธีน้ีอาจผดิ พลาดได 7.การหลัง่ อสุจภิ ายนอก คอื การหลัง่ น้ําอสจุ อิ อกมานอกชอ งคลอด แตก็อาจมีนํ้าอสุจิบางสวน เขา ไปในชองคลอดได วธิ นี ี้จงึ มโี อกาสต้ังครรภไ ดสูง 8. การผาตดั ทาํ หมนั เปนการคมุ กาํ เนิดแบบถาวร ดังนัน้ ผูท่ีคดิ จะทําหมันจะตองแนใจแลววา จะไมม ีบตุ รอีก ซงึ่ สามารถทําไดท งั้ ผูหญงิ และผูชาย 8.1 การทําหมนั ชาย ทําโดยแพทยใชเวลาประมาณ 10 นาที โดยการใหผ ูท ี่จะทําหมันนอนบน เตียงผาตัด มีมานก้ันมิใหเห็นขณะท่ีแพทยกําลังผาตัดเจาหนาที่จะโกนขนบริเวณอวัยวะเพศออก เลก็ นอ ยแลว แพทยจ ะฉดี ยาชาเฉพาะที่ แลวจึงเจาะถุงอัณฑะเพื่อผูกทอ อสุจโิ ดยไมต อ งเย็บ หามแผลถูก นาํ้ 3 วนั หลงั ทาํ หมนั ชายแลวจะตองคมุ กําเนิดแบบอ่ืนไปกอนฝายชายจะหล่ังนาํ้ อสุจปิ ระมาณ 15 ครัง้ แลว นาํ้ อสจุ คิ ร้ังท่ี 15 หรือมากกวาไปใหแพทยตรวจวายังมีตัวอสุจิหรือไม ถาแพทยตรวจวาไมมีตัว อสจุ ิแลวกส็ ามารถมเี พศสมั พันธไ ดโ ดยไมต องใชก ารคุมกําเนิดแบบอนื่ อกี ตอไปเลย 8.2 การทาํ หมันหญงิ แบงออกเปน 2 แบบคอื 1.การทําหมันเปย ก คอื การทําหมันหลังคลอดบตุ รใหมๆ ภายใน 24-48 ชั่วโมง เพราะ จะทําไดงายเน่ืองจากมดลูกยังมีขนาดใหญและลอดตัวสูง โดยขอบบนอยูสูงเกือบถึงสะดือวิธีน้ีจะ ผาตัดทางหนา ทอง 2.การทําหมนั แหง คอื การทาํ หมนั ในระยะปกตขิ ณะทีไ่ มมีการต้ังครรภหรือหลังการ คลอดบตุ รมานานแลว มดลูกจะมีขนาดปกตแิ ละอยลู กึ ลงไปในองุ เชิงกราน การทําหมันแหงอาจทําได หลายวิธี เชน ผาตัดทางดานหนา ทอ ง ผาตัดทางชอ งคลอด โดยใชเคร่อื งมือตางๆที่ทันสมัยชวยการไป รับบริการทําหมันนี้สามารถไปรบั บรกิ ารไดใ นหลายหนวยงานทใ่ี หบรกิ ารทางดานสาธารณสขุ ทง้ั ของ ภาครัฐและเอกชน เชน โรงพยาบาลตางๆ สมาคมพัฒนาประชากรและชุมชน สมาคมวางแผน ครอบครัวแหง ประเทศไทย สมาคมทําหมันแหงประเทศไทย เปนตน 9.การคุมกําเนิดดวยยาเม็ดคุมกําเนิดฉุกเฉิน เปนการปองกันการตั้งครรภเฉพาะฉุกเฉินเชน การมีเพศสัมพนั ธโดยไมไ ดใชการปองกันวิธีอื่นมากอ น ใชถุงยางอนามัยเสร็จแลวไมแนใจวารั่วหรือ แตก ลมื กนิ ยาแบบประจาํ วันติดตอกันสองวัน ใสหวงอนามัยแตหวงหลุด มีเพศสัมพันธในชวงที่ไม ปลอดภยั กรณีถกู ขมขืน ซง่ึ องคก รอนามัยโลกไดใหการรับรองวาการกินยาเม็ดคุมกําเนิดแบบฉุกเฉิน เปนวิธที ีป่ ลอดภยั และมีประสทิ ธภิ าพในการปองกนั การต้งั ครรภไดระดบั หน่งึ
74 ยาเม็ดคมุ กําเนิดฉุกเฉินจะมีประสิทธิภาพสูงก็ตอเม่ือ มีการนํามาใชตามขอบงช้ีท่ีกําหนดไว และใชเ ทา ท่ีจําเปน เทานน้ั สาํ หรบั ผลขา งเคยี งที่เกิดข้ึนบอย คอื การมีรอบระดูผดิ ปกติ คลื่นไสอาเจียน แตห ากใชบอ ยและตอเนอ่ื งมโี อกาสตัง้ ครรภน อกมดลกู ได การทาํ แทง การทําแทง หมายถึง การทําใหการตั้งครรภส้ินสุดกอนอายุครรภ 28 สัปดาหสําหรับใน ประเทศไทยการทาํ แทงยังไมเ ปน เรอื่ งท่ผี ิดกฎหมายไมวา จะกระทาํ โดยแพทยปรญิ ญาหรอื หมอเถ่ือนก็ ตาม กฎหมายจะอนุญาตใหทําแทงได 2 กรณี คือ กรณีถูกขมขืนและกรณีต้ังครรภน้ันเปนอัตราตอ สุขภาพของมารดาและทารกในครรภ เทาน้ัน เม่ือเกิดการต้ังครรภไมพ่ึงประสงคเด็กวัยรุนจะเกิดความกังวลจากความไมพรอมที่จะเปน ผูรับผิดชอบกับการมีบุตร จึงคิดหาวิธีการทําลายเด็กในครรภ โดยการทําแทงกับหมอเถ่ือนที่ผิด กฎหมาย ผดิ ศลี ธรรม เพราะในสงั คมไทยไมเ ปด ใหม ีการทาํ แทงแบบเสรี นอกจากการตั้งครรภในคร้ัง นน้ั แพทยพิจารณาใหทาํ แทงได ในกรณีอาจเกดิ อันตรายถึงชวี ติ ผเู ปนแม เชน การทอ งนอกมดลกู ครรภ เปนพิษ ทองไขปลาดุก หรือในกรณีท่ีแมไดรับเช้ือโรคหลังจากการตั้งครรภแลว เชน ไดรับเช้ือหัด เยอรมัน การทําแทงโดยทวั่ ไปของเด็กวยั รนุ จะทาํ แทง กับผูท ี่ไมม คี วามรูดา นการแพทยทแี่ ทจ ริง จึงทํา ใหเกิดอันตรายกับผูมาทําแทง เชน เกิดการตกเลือด หรือไดรับอันตรายอาจเกิดการติดเชื้อโรค จาก เครื่องมือ อุปกรณท่ีนํามาใช เกิดความสกปรกจากการใชอุปกรณ สถานท่ีจนทําใหมารดาเปน บาดทะยกั ไดด ว ย การแทงบตุ รทท่ี าํ ใหเกิดอันตรายตอสุขภาพของผูเ ปน แมเ นอื่ งจากมบี างสวนของทารกหรือรก หลงเหลอื อยูจึงตอ งนําสวนทเ่ี หลอื ออกจากมดลูกใหห มดโดยแพทยต อ งใชเคร่ืองดูดหรือใชวิธีขูดจาก โพรงมดลูก หรอื อาจตอ งใชฮอรโมนที่ใหใหมดลูกเกิดการบีบตัวขับสวนท่ีคางออกและในบางกรณี แพทยตองใชย าปฏิชีวนะเพ่ือการรกั ษาหรอื ปองกันการติดเชอื้ ตดิ เชอ้ื HIVS สว นใหญเกิดจากการมีเพศสัมพันธกับบุคคลอื่นท่ีไดรับเชื้อไวรัส HIV ในรางกายรองลงมา เกดิ จาการใชสารเสพตดิ ชนดิ ฉีดเขา เสนเลือดทาํ ใหไ ดร บั เชื้อ HIV จากเลือดที่สัมผัสหรือเลือดท่ีไดรับ เขาสูร างกาย บคุ คลที่มีโอกาสไดร บั เชื้อไวรสั HIV VS โดยไมไ ดเกดิ จากการมเี พศสมั พันธและไมไ ดใ ชเ ข็ม ฉดี ยาใด ๆ สว นหนง่ึ จะเกดิ กบั บคุ คลสวนหน่ึงทางการแพทย ท่ีมีโอกาสสัมพันธน้ําเลือดน้ําเหลือง ท่ี คัดหล่งั จากผูปว ยโดยไมไดปองกนั ตนเองโดยการใชถ ุงมอื กอนสมั ผสั กับผูป วยจงึ มีโอกาสไดรับหรือ ตดิ เชื้อ HIV VS ไดก ารต้งั ครรภเ มอ่ื ไมมีความพรอม การมเี พศสัมพนั ธกอนวยั อันควร เปน ปญ หาของสงั คมไทยมากขน้ึ ท้ังนเี้ พราะคานิยมในเรื่อง การรักนวลสงวนตัวของเพศหญิง หรือการเห็นคุณคาในการรักษาความบริสุทธ์ิของตนจนถึงวัย แตงงาน เด็กวยั รุนปจจุบันไมไดคํานึงถึง ทั้งนี้อาจเปนเพราะการดูแลเอาใจใสใหการอบรมจากบิดา
75 มารดามนี อยลง เด็กยุคใหมร ับอารยะธรรมความกาวหนาหรืออิทธิพลตางประเทศมากข้ึน จึงไมคอย เชอื่ ฟงบิดามารดา จงึ เปน สง่ิ จาํ เปนทตี่ องปลกู ฝง ใหเกิดจิตสํานกึ โดยครอบครวั ชุมชนโรงเรียนสถาบัน ทมี่ ีสวนเกยี่ วขอ งควรเขา มามบี ทบาทรณรงคปองกันปญหานรี้ วมกัน การมีเพศสัมพันธกอนวัยอันควร เปนพฤติกรรมท่ีกอใหเกิดปญหาตางๆตามมาในชีวิต ตลอดจนเปนปญหาหรือภาระแกสังคม ชุมชนดวย เชนเกิดการติดโรคทางเพศสัมพันธและยังเปน บคุ คลแพรเ ชือ้ โรคทางเพศสมั พนั ธแกค นอื่นดวยถาบุคคลนั้นใหบริการทางเพศการตั้งครรภเมื่อไมมี ความพรอมหรือต้ังครรภโดยไมคาดคิดนอกจากจะสงผลกระทบตอชีวิตของตนเองแลว ยัง สงผล กระทบตอ ครอบครวั ทาํ ใหบดิ ามารดา ญาตพิ นี่ องอับอายเสียใจรวมสง ผลกระทบตอสังคม เชน ปญ หา เด็กถกู ทอดท้ิงเพราะพอ แมไมต อ งการบตุ ร หรือไมพ รอ มจะรับเลีย้ งดูบุตรเน่อื งจากยังไมมีอาชีพ เรียน ไมจบ ดงั นนั้ จงึ ตองใหค าํ แนะนําอบรมสงั่ สอนใหพฤติกรรมตนอยูในกรอบของสังคมที่ดีไมยุงเกี่ยว เรื่องเพศสัมพันธปองกันตนเองไมปลอยตัวใหมีเพศสัมพันธในวัยที่ยังไมสมควรใหต้ังใจศึกษาเลา เรียน และสามารถประกอบอาชีพจนเล้ียงตัวเองไดแลว จงึ คดิ มีครอบครัวภายหลัง 1.สอนความรเู รือ่ งเพศ เพศสัมพนั ธและการคุมกําเนดิ แกเ ดก็ นักเรยี น นักศึกษาท่กี าํ ลงั กา วเขา สู วัยรุนพรอ งท้งั ชี้ใหเหน็ ขอ ดีขอเสยี ของการมีเพศสัมพันธกอ นวัยอันควร และการต้ังครรภเ ม่อื ไมพรอม โดยเนนยํ้าใหเห็นผลเสีย ไดแก การสูญเสียโอกาสในการศึกษา และการประกอบอาชีพการงานท่ีดี ตลอดจนโอกาสในการเจอคูครองทีด่ ีในอนาคต 2.สอนวัยรุน ชายใหมคี วามรบั ผดิ ชอบและใหเ กยี รติผหู ญงิ เนอื่ งจากในสังคมไทยยัง ยกยอง เพศชายวาเปนเพศที่แข็งแรงกวาจึงควรสอนใหผูชายมีความคิดท่ีจะปกปองชวยเหลือ เพศหญิง มากกวานอกจากนี้เพศชายจะตองใหเกียรติผูหญิงและมีความรับผิดชอบในการกระทําของตนเอง ปญหาการทําแทงสว นใหญพ บวา ฝา ยชายไมยอมรับการต้งั ครรภ 3.ปลกู ฝงคานิยมในการรักนวลสงวนตัวตั้งแตวัยเด็ก และเนนยํ้ามากขึ้นในวัยรุน ไดแกการ แตงกายใหสุภาพ ไมแตงกายลอแหลม ย่ัวยุอารมณเพศตรงขามซ่ึงเปนเหตุใหเกิดการขมขืนกระทํา ชําเรา 4.สอนใหร จู ักการปฏเิ สธในสถานการณท่ีไมเหมาะสมไดแกปฏิเสธท่ีจะไปเท่ียวตอหลังเลิก เรียน ปฏเิ สธท่จี ะไปไหนๆกบั เพ่อื นชายตามลาํ พังไมเ ปดโอกาสใหเพศตรงขา มถูกเน้อื ตองตัว เปนตน แนวทางการแกไขปญหาการตัง้ ครรภไ มพ่งึ ประสงคน ค้ี งตอ งเร่มิ จากการปลกู ฝง นสิ ยั ตั้งแตวัย เดก็ ใหสอดคลอ งกบั สภาพสงั คมในยุคโลกาภิวัฒนน ้ี เชอ่ื วาปญหาการทําแทงผิดกฎหมายอาจเบาบาง ลงไป
76 บทท่ี 4 สารอาหาร สาระสาํ คญั ความตองการสารอาหาร ตาม เพศ วยั ของรา งกาย เปนความตองการสารอาหารในบคุ คลแตละ ชวง และแตละเพศ ยอ มมีความแตกตางกนั เปนที่ยอมรบั กนั ทั่วไปแลววา อาหารมสี วนสําคัญอยางมาก ในวยั เดก็ ทั้งในดานการเจรญิ เติบโตของรา งกายและการพัฒนาการในดานความสัมพนั ธของระบบการ เคลือ่ นไหวของรา งกาย ผลการเรยี นรูทคี่ าดหวัง 1. วิเคราะหปญหาสขุ ภาพทเ่ี กิดจากการบรโิ ภคอาหารไมถกู หลกั โภชนาการ 2. บอกสารอาหารทีร่ า งกายตอ งการตามเพศ 3. อธิบายวธิ กี ารประกอบอาหารเพือ่ รักษาคุณคาของอาหาร ขอบขา ยเนอ้ื หา เรื่องที่ 1. สารอาหาร เร่ืองที่ 2. วิธีการประกอบอาหารเพอ่ื คงคณุ คา ของสารอาหาร เร่ืองที่ 3. ความเชื่อและคานยิ มเกยี่ วกบั การบรโิ ภค เรือ่ งที่ 4. ปญ หาสุขภาพท่เี กดิ จากการบริโภคอาหารไมถูกหลักโภชนาการ
77 เรือ่ งท่ี 1 สารอาหาร ปรมิ าณความตองการสารอาหาร ตาม เพศ วัยและสภาพรางกาย ความสําคัญของอาหารและ ความตองการสารอาหารในบุคคลแตละชวง และแตละเพศ มีความแตกตางกันตามธรรมชาติ ดังนั้น ปรมิ าณของสารอาหารท่ีควรไดรับในแตละบคุ คลจะแตกตางกนั 1. ความตองการสารอาหารในวยั เด็ก เปนท่ียอมรับกันท่ัวไปแลววา อาหารมีสวน สําคัญอยางมากในวัยเด็กท้ังในดานการ เจรญิ เตบิ โตของรา งกายและการพฒั นาการในดา นความสัมพันธของระบบการเคลือ่ นไหวของรางกาย ตลอดจนในดานจิตใจ และพฤติกรรมในการแสดงออกและปจจัยที่มีสวนสําคัญที่ทําใหเด็กไดรับ อาหารที่ถกู หลกั ทางโภชนาการ ไดแก 1.ครอบครัวทคี่ อยดูแลและเปน ตวั อยา งท่ีดี 2.ตวั เดก็ เอง ทจี่ ะตองถูกฝก ฝน 3.สง่ิ แวดลอมทําใหเ กิดการปฏิบตั อิ ยางคนขางเคยี ง อาหารที่ถูกหลักโภชนาการในวัยเดก็ น้ัน เปน ทที่ ราบดอี ยแู ลววาเด็กตองการอาหารครบท้ัง 3 ประเภท เพอื่ การเจรญิ เติบโตและพัฒนาการ สง่ิ ทต่ี องคาํ นึงถึงคอื อาหารทีใ่ หเดก็ ควรไดรบั ไดแ ก 1.อาหารท่ีใหโปรตีน ไดแก นม ไข เนื้อสัตว ตลอดจนโปรตีนจากพืชจําพวกถั่วเขียว ถั่ว เหลือง 2.อาหารทใ่ี หพลังงาน ไดแกข า ว แปง นํา้ ตาล ไขมนั และนาํ้ มัน สวนน้ําอัดลม หรือขนมหวาน ลกู กวาดตาง ๆ ควรจํากัดลง เพราะประโยชนน อ ยมากและบางทที าํ ใหมปี ญ หาเรอื่ งฟน ผดุ ว ย 3.อาหารทีใ่ หวิตามินและเกลือแรไดแ ก พวก ผัก ผลไม และอาหารทม่ี ใี ยอาหารท่ีมีสวนทําให เก็บไมท อ งผูก 2. ความตองการสารอาหารของเด็กวยั เรยี น ในปจจบุ ัน ภาวะของความเรง รบี ในสังคมอาจจะทาํ ใหพอแมหรือผปู กครองละเลยเรอ่ื งอาหาร เชาของเด็กวัยเรยี น เดก็ วยั เรยี นเปน วยั ทีร่ างกายกําลังเจริญเติบโต ตองการอาหารเชา ถ า เ ด็ ก ไ ม ไ ด รบั ประทานอาหารเชา จะทาํ ใหเ ด็กขาดสมาธใิ นการเรียน สมองมึน งวง ซึม และถาเด็กอดอาหารเปน เวลานาน ๆ ตดิ ตอ กัน จะทําใหมีผลเสยี ตอระบบการยอ ยอาหาร และเปนโรคขาดสารอาหารไดดังนั้น การเลอื กอาหารเชา ทีเ่ ด็กวัยเรยี นควรไดร บั ประทานและหาไดง า ย คอื นมสด 1 กลอ ง ขาวหรือขนมปง ไข อาจจะเปนไขด าว ไขล วก หรอื ไขเ จียว ผลไมท ่หี าไดง าย เชน กลวยนํ้าวา มะละกอ หรือสม เทาน้ี เดก็ กจ็ ะไดรับสารอาหารท่ีเพียงพอแลว 3. ความตอ งการสารอาหารในวัยรุน วยั รุน เปนวัยท่มี กี ารเจรญิ เติบโตในดา นรางกายอยางมาก และมีการเปล่ียนแปลงทางอารมณ และจิตใจคอนขางสูง มีกิจกรรมตาง ๆ คอนขางมากทั้งในดานสังคม กีฬา และบันเทิง ความตองการ สารอาหารยอมมมี ากขนึ้ ซึ่งจะตอ งคํานึงทง้ั ปรมิ าณและคณุ ภาพใหถูกหลกั โภชนาการ
78 ปจจยั ทสี่ ําคญั คือ 1.ครอบครวั ควรปลกู ฝงนสิ ัยการรบั ประทานอาหารท่ถี ูกหลกั โภชนาการ เร่ิมตนจากที่บานท สาํ หรบั วัยรนุ ที่พยายามจํากัดอาหารลง คนในครอบครัวจะตองใหคาํ แนะนาํ เพ่ือไมไปจํากัดอาหารท่ีมี คณุ คา และจาํ เปนตอรา งกาย 2.วยั รุน จะเร่มิ มคี วามคิดเห็นเปน ของตัวเองมากขึ้น การรับความรเู กยี่ วกบั โภชนาการ มีความ จําเปนเพื่อใหเหน็ ความสําคัญของการรบั ประทานอาหารทมี่ คี ุณคาทางโภชนาการอยา งสมา่ํ เสมอซึ่งจะ มผี ลดตี อตัววยั รนุ เองโดยตรง 3.สง่ิ แวดลอ มในโรงเรยี นหรอื สถานศกึ ษาอทิ ธิพลจากเพือ่ นฝูงมีสวนท่ีทําใหวัยรุนเลียนแบบ กนั เรอื่ งการรับประทานอาหาร ตลอดจนการบริโภคสารอนั ตราย เชน เหลา บุหรี่ และยาเสพติด การ ดูแลอยางใกลชิดตลอดจนการสนับสนุนใหวัยรุนเลนกีฬา หรือทํากิจกรรมท่ีมีประโยชนจะมีผล ทางออม ทําใหนิสัยท่ีดีในการบริโภคอาหารไมถูกเบี่ยงเบนไป ความตองการอาหารที่ใหโปรตีน พลงั งาน และวติ ามนิ ตองเพยี งพอสําหรับวยั รนุ วติ ามนิ ตอ งเหมาะสมและโดยเฉพาะอยางย่ิงอาหารท่ีมี เกลือแรประเภทแคลเซยี มและเหลก็ ตองเพียงพอ 4. ความตอ งการสารอาหารในวยั ผใู หญ วยั ผใู หญถงึ แมจ ะหยุดเจรญิ เติบโตแลว รางกายยังตองการสารอาหารอยางครบถว น เพ่ือนําไป ทํานุบํารุงอวัยวะ และเนื้อเย่ือตาง ๆ ของรางกาย ใหคงสภาพการทํางานท่ีมีสมรรถภาพตอไป และ ปจจัยสําคัญอยางหน่ึง ท่ีจะทําใหวัยผูใหญยังคงแข็งแรงไดแก การบริโภคอาหารที่ถูกตองตามหลัก โภชนาการ การควบคมุ อาหารในวัยผูใหญ มขี อ แนะนาํ ดังนี้ 1.ใหบริโภคอาหารหลายชนิด เนื่องจากไมมีอาหารชนิดใดชนิดหน่ึงท่ีใหคุณคาทาง โภชนาการไดครบถวน 2. บรโิ ภคอาหารในปรมิ าณทีพ่ อเหมาะ เพ่อื ใหนาํ้ หนกั อยใู นเกณฑท ีต่ องการ 3. หลีกเลย่ี งการรับประทานท่มี ีไขมันมากเกินไป 4. บริโภคอาหารที่มีปริมาณของแปงและกากใยใหเพียงพอ 5. หลกี เลย่ี งการบรโิ ภคอาหารทีป่ รุงดว ยปริมาณนา้ํ ตาลจํานวนมาก 6. หลกี เล่ยี งการบรโิ ภคอาหารเคม็ มากเกนิ ไป 7. หลกี เลี่ยงเคร่อื งดืม่ ทม่ี ีแอลกอฮอล 5. ความตองการสารอาหารของวยั ผูสงู อายุ ผูสูงอายใุ นทน่ี ้หี มายถึงผทู ีอ่ ยใู นวยั 60 ปขนึ้ ไป สาํ หรับปญ หาเร่ืองอาหารการกนิ หรือโภชนาการในวัยน้ี ขอใหรับประทานอาหารใหครบทุก หมูและควบคุมปริมาณ โดยดูจากการควบคุมนํ้าหนักตัวไมใหมากข้ึน และกรณีน้ําหนักเกินอยูแลว ควรจะลดนาํ้ หนักใหสัมพันธกับสวนสูง
79 ขอ แนะนําในการดูแลเรอื่ งอาหารในผสู งู อายุมดี ังน้ี 1.โปรตีน ควรใหรับประทานไขวันละ 1 ฟอง และด่ืมนมอยางนอยวันละ 1 แกวสําหรับ โปรตนี จากเนือ้ สัตวควรลดนอ ยลง 2.ไขมนั ควรใชน ้าํ มันถว่ั เหลืองหรือนา้ํ มนั ขาวโพด ในการปรุงอาหารเพราะเปนน้ํามันพืชท่ีมี กรดไลโนเลอกิ 3.คารโบไฮเดรต คนสูงอายุควรรับประทานขาวลดลงและไมควรรับประทานนํ้าตาลใน ปรมิ าณทม่ี าก 4.ใยอาหาร คนสงู อายคุ วรรับประทานอาหารท่ีเปนพวกใยอาหารมากขึน้ เพอ่ื ชวยปองกันการ ทอ งผกู ชว ยลดระดบั โคเลสเตอรอลในเลอื ดและลดอบุ ตั กิ ารของการเกดิ มะเร็งลาํ ไสใหญล งได 5.นํา้ ด่มื คนสูงอายคุ วรดมื่ นํา้ ปรมิ าณ 1 ลติ รตลอดทง้ั วัน แตทัง้ นสี้ ามารถปรบั เองไดต ามความ ตองการของรางกาย โดยสังเกตดูวาถาปสสาวะมีสีเหลืองออน ๆ เกือบขาว แสดงวาน้ําในรางกาย เพียงพอแลว สวนเคร่ืองด่ืมแอลกอฮอลรวมท้ังนํ้าชา กาแฟ ควรงดเวนถาระบบยอยอาหารในคน สูงอายไุ มดี ทา นควรแบงเปน มอ้ื ยอย ๆ แลว รบั ประทานทีละนอ ย แตหลายม้ือจะดีกวา แตอาหารหลัก ควรเปนมือ้ เดียว 6.ความตอ งการสารอาหารในสตรีตง้ั ครรภ สตรีตั้งครรภ นอกจากตองมีสารอาหารทั้ง 6 ประเภทไดแกโปรตีน คารโบไฮเดรต ไขมัน วิตามนิ เกลือแร และนํา้ ในอาหารท่ีรบั ประทานเปน ประจําใหครบทุกประเภทแลว สตรีตั้งครรภตอง ทราบอกี วา ควรทีจ่ ะเพ่ิมสารอาหารประเภทใด จึงจะทําใหเดก็ ในครรภไดร ับประโยชนสงู สุดดงั นี้ 1.อาหารท่ใี หโ ปรตนี ไดแกไ ข นม เนื้อสัตว เคร่ืองในสัตวและถ่ัวเมล็ดแหง สตรีต้ังครรภจึง ควรรับประทานไขวันละ 1-2 ฟอง นมสดวันละ 1-2 แกว เน้ือสัตวบกและสัตวทะเล ซึ่งจะไดธาตุ ไอโอดีนดวยอาหารประเภทเตาหูและนมถ่ัวเหลือง ก็มีประโยชนในการใหโปรตีนไมแพเนื้อสัตว เชน กัน 2.อาหารทใี่ หพลังงาน ไดแ ก ขา ว แปง นาํ้ ตาล ไขมันและนํา้ มนั สตรตี ัง้ ครรภค วรรับประทาน ขา วพอประมาณรวมกบั อาหารทีใ่ หโ ปรตนี ดงั กลา วแลว ควรใชนาํ้ มันพชื ซ่ึงมีกรดไขมนั จําเปน ในการ ประกอบอาหาร เชน นํ้ามนั ถัว่ เหลอื ง นํ้ามนั ขาวโพด สตรตี ง้ั ครรภควรจะตอ งรบั อาหารทีจ่ ะใหพลังงาน มากขน้ึ วันละปริมาณ 300 แคลลอร่ี 3.อาหารท่ีใหว ิตามนิ และเกลอื แร สตรีตัง้ ครรภตอ งการอาหารท่ีมีวิตามินและเกลือแรเพิ่มข้ึน ควรรับประทานอาหารประเภทผักและผลไมทุกๆวันเชนสม มะละกอ กลวย สลับกันไป จะไดใย อาหารเพอื่ ประโยชนใ นการขบั ถายอุจจาระดว ย เกลือแรท่สี าํ คัญควรรับประทานเพิ่มไดแก แคลเซียม ฟอสฟอรัส แมกนเี ซียม เหล็ก สังกะสี และไอโอดีน สวนวิตามนิ ไดแ กก ลมุ ที่ละลายในไขมัน เชน เอ ดี อี เค และท่ลี ะลายในนา้ํ ไดแ กวิตามินบีและวติ ามินซี
80 รา งกายเราตอ งการสารอาหารทม่ี ีอยูใ นอาหารตางๆ เพื่อใหมีสุขภาพท่ีดี แตเราจะตองรูวาจะ กินอยางไร กินอาหารอะไรบา งมากนอ ยเพยี งใดจึงจะไดส ารอาหารครบเพียงพอกับความตองการของ รางกาย ขอปฏิบัติการกนิ อาหารเพ่ือสุขภาพที่ดีของคนไทย 9 ขอหรือโภชนาการบัญญัติ 9 ประการน้ี จะชวยไดถ าทานปฏิบตั ิตามหลกั ดังตอ ไปน้ี 1.กนิ อาหารครบ 5 หมแู ตล ะหมูใหหลากหลายและหมน่ั ดูแลนาํ้ หนกั ตัว 2.กินขาวเปนอาหารหลัก สลบั กับอาหารประเภทแปง เปน บางมือ้ 3.กินพชื ผักใหมากและกินผลไมเปนประจาํ 4.กินปลา เนอื้ สตั วท ี่ไมต ดิ มนั ไข ถัว่ เมลด็ แหงเปน ประจํา 5.ด่มื นมใหเหมาะสมตามวัย 6.กนิ อาหารทม่ี ไี ขมันพอสมควร 7.หลกี เลย่ี งการกินอาหารรสหวานจดั และเคม็ จดั 8.กินอาหารทสี่ ะอาดปราศจากการปนเปอ น 9.งดหรอื ลดเครือ่ งดมื่ ที่มแี อลกอฮอล สารตานอนมุ ูลอิสระ ในรางกายของคนเราเซลลจ ะผลติ สารชนิดหนึง่ เพอื่ ทาํ ลายเนื้อเยื่อตนเองเพิ่มมากข้ึน สารน้ัน เรยี กวาอนุมูลอิสระ อนุมูลอิสระน้ีเปนตัวการสําคัญท่ีทําใหเกิดปญหาทางสุขภาพหลายประการ ทั้ง ภาวะความจําเส่อื ม โรคมะเรง็ เปนตน ในขณะเดียวกันรางกายก็สามารถจัดการกับอนุมูลอิสระไดโดยสรางสารตานอนุมูลอิสระ ออกมาในกระแสเลือด เพื่อจับกับอนุมูลอิสระไดถึง 99.9 % คงเหลือทําลายเซลลอยูเพียง 0.1% แต กระนั้นก็ทาํ ใหเ ซลลเ กดิ การบาดเจ็บและยงิ่ นานวนั รอยแผลก็สะสมมากข้ึน เมื่อคนเราแกลงรางกายก็ จะสรางสารตานอนมุ ูลอิสระลดลงรางกายจะตองการสารตา นอนุมูลอสิ ระมากข้ึน เพอื่ สง ผลใหอายุยืน สุขภาพแขง็ แรงตอ ตานโรคชรา โรคมะเร็ง เปน ตน สารตานอนมุ ูลอสิ ระทส่ี าํ คญั ท่เี ราพบในแหลง อาหาร มีดงั น้ี 1.เบตา-แคโรทีน มีมากในแครอท และผักสีเหลืองสมผักสีเขียวเขมตางๆเชนมะเขือเทศ ฟก ทอง ตาํ ลึง ผักบุง ผกั กวางตงุ ผักคะนา ยอดแค เปนตน 2.วิตามินซี มีมากในฝรง่ั สม มะขามปอ ม มะนาว มะเขอื เทศ ผกั ผลไมส ด ตางๆ ผกั คะนาและ กระหล่ําดอกมีวติ ามินซสี ูงมาก วติ ามนิ ซี ถกู ทาํ ลายไดงาย ดว ยความรอนความขึน้ และแสง 3.วติ ามินอี มใี นรําละเอยี ด ในพวกธญั พืชท่ีไมขัดขาว ขา วโพด ถัว่ แดง ถั่วเหลือง ผักกาดหอม เมลด็ ทานตะวนั งา น้าํ มนั รํา น้ํามนั ถ่ัวลสิ ง น้าํ มนั จากเมลด็ พืชตา งๆ 4.ซีลเิ นยี ม พบในอาหารทะเลเน้ือสัตวธญั พืชที่ไมขดั ขาวนอกจากนี้ยังมีสารที่พบในผักผลไม ที่มีคณุ สมบัติในการตา นสารอนุมลู อสิ ระซ่งึ สามารถจับกบั อนมุ ลู อสิ ระลดอันตรายไมใหเ กดิ โรคมะเรง็
81 ได พบไดม ากในตระกลู สม องุน และผลไมสดอื่นๆรวมทั้งผักผลไมตางๆ เชน กระเทียม ผักตระกูล ผกั กาด ตัวอยาง ประเภทและจาํ นวนของอาหารท่ีคนไทยควรรับประทานอาหารใน 1 วนั สําหรบั เดก็ อายุ 6 ปข ึน้ ไปถงึ วยั ผูใหญแ ละผสู งู อายโุ ดยแบงตามการใหพลังงาน กลุมอาหาร หนวยครวั เรอื น พลงั งาน (กโิ ลแคลอร)ี 1,600 2,000 2,400 ขาว – แปง 1 ทัพพี = 60 กรัม หรือ คร่งึ ถว ยตวง 8 ทพั พี 10 ทพั พี 12 ทพั พี ผัก 1 ทพั พี = 40 กรัม หรือ ครึ่งถวยตวง 4 (6) ทพั พี 5 ทัพพี 6 ทพั พี ผลไม 1 สวน = สม เขยี วหวาน 1 ผล หรือ 3 (4) สวน 4 สว น 5 สวน กลวยนํา้ วา 1 ผล หรอื เงาะ 4 ผล เน้อื สัตว 1 ชอนกินขา ว = ปลาทคู รึ่งตวั หรือ 6 ชอ น 9 ชอ น 12 ชอ น ไขค รึง่ ฟอง หรือไกค รง่ึ นอ ง กินขา ว กินขา ว กินขา ว นม 1 แกว = 250 ซซี ี 2 (1) แกว 1 แกว 1 แกว นาํ้ มัน ใชแ ตนอยเทา ท่ีจาํ เปน นํา้ ตาล และ ชอ นชา เกลือ หมายเหตุ เลขใน ( ) คือปรมิ าณทีแ่ นะนําสาํ หรับผใู หญ 1,600 กโิ ลแคลอรี สําหรับ เด็กอายุ 6-13 ป หญงิ วัยทาํ งานอายุ 25-60 ป ผสู งู อายุ 60 ปข นึ้ ไป 2,000 กโิ ลแคลอรี สําหรบั วัยรนุ หญิง-ชาย อายุ 14-25 ป วยั ทาํ งานอายุ 25-60 ป 2,400 กโิ ลแคลอรี สาํ หรบั หญิง-ชาย ทใ่ี ชพลังงานมากๆ เชน เกษตรกร ผใู ชแรงงาน นกั กีฬา สรุป อาหารเปนปจ จัยท่ีมผี ลตอการเจริญเติบโต และพัฒนาการของมนุษย การรับประทานอาหาร ควรยึดหลักโภชนาการ เพื่อใหไดพลงั งานและสารอาหารท่ีพอเพียง วัยรุน เปนวัยท่ีกําลังเจริญเติบโต จึงควรบรโิ ภคอาหารใหถูกตองตามหลักโภชนาการ
82 เรอื่ งที่ 2 วธิ ีการประกอบอาหารเพอ่ื คงคุณคา ของสารอาหาร 1. หลกั การปรุงอาหารที่ถกู สุขลกั ษณะ เพื่อใหไดอาหารท่ีสะอาด ปลอดภัย และมีคุณคาทางโภชนาการ มีหลักการปรุงอาหารที่ถูก สุขลกั ษณะ โดยคาํ นงึ ถงึ หลกั 3 ส คอื สงวนคณุ คา สกุ เสมอ สะอาดปลอดภยั สงวนคุณคา คือ การปรุงอาหารจะตองปรุงดวยวิธีการปรุง ประกอบเพื่อสงวนคุณคาของ อาหารใหมปี ระโยชนเตม็ ท่ี เชน การลา งใหส ะอาดกอ นห่ันผัก การเลอื กใชเกลือเสริมไอโอดีน สกุ เสมอ คอื ตองใชค วามรอนในการปรุงอาหารใหส ุกโดยเฉพาะอาหารประเภทเนื้อสตั วท้ังนี้ เพ่ือตองการจะทําลายเช้ือโรคที่อาจปนเปอนมากับอาหาร การใชความรอนจะตองใชความรอนใน ระดับท่สี ูง ในระยะเวลานานเพยี งพอที่ความรอนจะกระจายเขาถึงทุกสวนของอาหาร ทําใหสามารถ ทาํ ลายเชื้อโรคไดอ ยางมีประสทิ ธภิ าพ สะอาดปลอดภัย คือ จะตองมีการตรวจสอบคุณภาพมาตรฐานของอาหารกอนการปรุง ประกอบวาอยูในสภาพที่สะอาด ปลอดภัย ไดมาตรฐาน เชน เน้ือหมูสด ตองไมมีเม็ดสาคู (ตัวออน พยาธิตัวตืด) น้ําปลา จะตองมีเครื่องหมาย อย.รับรอง เปนตน และจะตองมีกรรมวีธีข้ันตอนการปรุง ประกอบอาหารที่สะอาด ปลอดภยั และถูกสขุ ลักษณะ มีผปู รุง ผูเสริ ฟอาหารท่มี สี ขุ วิทยาสวนบุคคลทดี่ ี รจู ักวธิ ีการใชภาชนะอุปกรณและสารปรุงแตงรสอาหารท่ีถูกตองเชน วีการสดปริมาณสารพิษกําจัด ศตั รพู ืชที่ตกคา งในผักสด การใชช อนชิมอาหารเฉพาะในการชมิ อาหารระหวา งการปรงุ อาหาร 2. หลกั การทาํ อาหารใหส ะดวกและรวดเร็ว อาหารที่ปรงุ เองนอกจากจะประหยัดแลวยังไดอาหารที่สะอาด สด ใหม มีรสถูกปากและลด ความเส่ียงจากการมสี ารเคมีปนเปอนแต เวลา มักจะเปนขอจํากดั ในการลงมือทําอาหาร แมบานอาจมี วิธีการเตรยี มอาหารพรอ มปรงุ ในวนั หยุด เกบ็ ไวในตูเย็นแลวนํามาปรุงใหมไดโดยใชเวลานอยแตได คุณคา มากเรม่ิ จากอาหารประเภทเน้ือสัตว เชน หมู ไก กุง ปลา เม่ือซ้ือมาจัดเตรียมตามชนิดที่ตองการ ปรุงหรอื หงุ ตม แลว ทาํ ใหสุก ดวยวธิ ีการตมหรือรวน แลว แบงออกเปน สว นๆตามปริมาณที่จะใชแตละ คร้ัง แลวเกบ็ ไวใ นตเู ยน็ ถาจะใชในวันรงุ ขน้ึ หรือเก็บไวใ นชองแชแขง็ ถาจะเก็บไวใชนาน เมอ่ื ตองการ ใชก็นําออกมาประกอบอาหารไดทันที โดยไมตองเสียเวลา รอใหละลายเหมือนการเก็บดิบๆ ทั้งช้ิน ใหญโ ดยไมห่นั การเตรยี มลว งหนา วิธนี ี้ นอกจากจะสะดวก รวดเร็วแลว ยังคงรสชาติและคุณคาของ อาหารอีกดวย 3. หลักการเกบ็ อาหารใหส ะอาดปลอดภัย การเกบ็ อาหารตามหลักการสุขาภิบาลอาหารมีวตั ถปุ ระสงคเ พื่อยืดอายุของอาหารทีใ่ ชบริโภค โดยจะตอ งอยใู นสภาพที่สะอาดปลอดภยั ในการบริโภค หลักการในการเก็บอาหารใหคํานึงถึงหลัก 3 ส. คือสดั สว นเฉพาะ สิ่งแวดลอ มเหมาะสม สะอาดปลอดภัย สัดสว นเฉพาะ คอื ตอ งเกบ็ อาหารใหเ ปน ระเบียบ แยกเก็บตามประเภทอาหารโดยจัดใหเปน สดั สว นเฉพาะไมปะปนกัน มฉี ลากซอ้ื หรอื เครอื่ งหมายอาหารแสดงกํากับไว
83 สิง่ แวดลอมเหมาะสม คือ ตองเก็บอาหารโดยคํานึงถึงการจัดสภาพส่ิงแวดลอมใหเหมาะสม กับอาหารแตล ะประเภทโดยคํานงึ ถึงอุณหภูมิความชื้นเพื่อชวยทําใหอาหารสดสะอาดเก็บไดนานไม เนาเสียงา ยสง่ิ แวดลอ มของอาหารจะจัดการใหอยูในสภาพที่จะปองกันการปนเปอนได เชน การเก็บ อาหารกระปอ งในบรเิ วณทีม่ ี อาหารหมนุ เวียน สูงจากพืน้ อยา งนอย 30 ซม. การเกบ็ นมพาสเจอไรสไว ในอุณหภูมติ ่าํ กวา 7 องศาเซลเซยี ส เปน ตน สะอาดปลอดภยั คือ ตองเก็บอาหารในภาชนะบรรจุที่ถูกสุขลักษณะ สะอาด ปลอดภัย มีการ ทาํ ความสะอาดสถานทเี่ กบ็ อยางสมํา่ เสมอไมเ ก็บสารเคมที เ่ี ปนพิษอ่ืนๆเชน การใชถุงพลาสติก/กลอง พลาสติกสาํ หรับบรรจุอาหารในการบรรจุอาหารทีเ่ กบ็ ไวในตูเยน็ /ตูแชแข็ง เปน ตน 4. อณุ หภูมเิ ทา ไหรจงึ จะทําลายเช้อื โรคได เช้ือจุลินทรียมีอยูท่ัวไปตามสิ่งแวดลอมมนุษย สัตว อาหาร ภาชนะอุปกรณและสามารถจะ ดํารงชีวิตอยูไดในชวงอุณหภูมิต่ํากวา 0 องศาเซลเซียส จนถึง 75 องศาเซลเซียส โดยเฉพาะ เชื้อจุลนิ ทรียท่ีกอใหเ กดิ โรคระบาดทางเดินอาหารมกั จะเปนเช้ือจุลินทรยี ท ่ีสามารถเจริญเติบโตไดดีที่ อุณหภมู หิ อ งประมาณ 25 องศาเซลเซียส ถงึ 40 องศาเซลเซยี ส ฉะนน้ั การทําลายเช้ือจุลินทรยี ท กี่ อใหเ กดิ โรคระบบทางเดินอาหารจําเปนจะตองกําหนดชวง อุณหภูมทิ ี่เหมาะสมเพ่อื จะไดแนใ จวา เชื้อจุลินทรียถ ูกทําลายจนหมดส้ินในขบวนการผลิตอาหารทาง อุตสาหกรรมการทําลายเชอื้ โรคจําเปนตอ งอาศัยอณุ หภูมทิ ่ีเหมาะสมควบคูไปกับระยะเวลาทีเ่ หมาะสม จึงจะมีประสิทธิภาพในการทําลายที่ดี คืออุณหภูมิที่สูงมากใชระยะเวลาสั้น(121องศาเซลเซียสเปน เวลา 1 นาที)และอณุ หภมู ทิ ตี่ าํ่ ใชระยะเวลานาน(63 องศาเซลเซียส เปน เวลา 30 นาที)ท้ังทย่ี ังมปี จจัยอื่น ทเี่ ก่ยี วขอ งในการควบคุมไดแ กป ริมาณเชือ้ จลุ ินทรียประเภทของอาหารคา ความเปนกรด ดา ง ความชื้น สาํ หรบั ในการปรุงประกอบอาหารในครัวเรอื นอณุ หภูมิที่สามารถทําลายเช้ือจุลินทรีย คือ 80 องศาเซลเซียส-100 องศาเซลเซยี ส (อุณหภมู นิ ้ําเดือด)เปนเวลานาน 15 นาทีสําหรับอุณหภูมิในตูเย็น 5 องศาเซลเซียส-7องศาเซลเซียส เช้ือจุลินทรียส ามารถดํารงชีวิตอยูได และสามารถเพิ่มจํานวนไดอยาง ชา ในขณะที่อณุ หภูมแิ ซแ ข็งตํ่ากวา 0 องศาเซลเซียส เช้อื จุลินทรียส ามารถดํารงอยไู ดแตไมเพ่ิมจํานวน อุณหภูมทิ ี่เช้ือจุลินทรยี ต ายคือ-20องศาเซลเซียส และฉะน้ันเพ่ือความปลอดภัยในการบริโภคอาหาร โดยเฉพาะอาหารเน้ือสัตวควรปรุงอาหารใหสุกเสมอโดยทั่วทุกสวนท่ีอุณหภูมิสูงกวา 80 องศา เซลเซียส ข้นึ ไปหรือสกุ เสมอ สะอาด ปลอดภัย 5. อุณหภมู ทิ ่ีเหมาะสมในการเกบ็ อาหารสดประเภทเน้ือสัตว อาหารเนอ้ื สตั วสด เปนอาหารที่มีความเสี่ยงสูง เพราะมีปจจัยเอ้ือตอการเนาเสียไดงาย คือมี ปริมาณสารอินทรยี ส ูง มปี ริมาณน้ําสงู ความเปน กรดดา งเหมาะสมในการเจรญิ เติบโตของเชื้อจุลินทรยี การเก็บเนื้อสัตวส ดทีถ่ ูกสุขลักษณะ คือตองลางทําความสะอาดแลวจึงหั่นหรือแบงเน้ือสัตว เปน ช้ิน ๆ ขนาดพอดที จี่ ะใชในการปรงุ ประกอบอาหารแตละครั้งแลวจึงเก็บในภาชนะที่สะอาดแยก เปนสัดสวนเฉพาะสําหรับเนื้อสัตวสดที่ตองการใชใหหมด ภายใน 24 ช่ัวโมงสามารถเก็บไวใน
84 อุณหภมู ิตูเย็นระหวา ง 5 องศาเซลเซียส -7 องศาเซลเซียสในขณะทีเ่ นอื้ สตั วส ดทต่ี องการเก็บไวใชนาน (ไมเกิน7วัน)ตองเก็บไวในอุณหภูมิตูแชแข็ง อุณหภูมิตํ่ากวา 0 องศาเซลเซียส ท้ังนี้เม่ือจะนํามาใช จําเปน จะตองนํามาละลายในไมโครเวฟ แตถาละลายในน้ําเย็นจะตองเปล่ียนนํ้าทุก 30 นาที เพื่อให อาหารยงั คงความเย็นอยแู ละน้ําทีใ่ ชละลายไมเปนแหลงสะสมของเช้อื จลุ นิ ทรยี ท่อี าจจะปนเปอนมาทํา ใหมีโอกาสเพ่ิมจาํ นวนไดม ากขึ้นจนอาจจะเกดิ เปนอนั ตรายได สรุปอุณหภูมิท่ีเหมาะสมในการเก็บอาหารเนื้อสัตวสดคืออุณหภูมิตูเย็นตํ่ากวา 7 องศา เซลเซียสในกรณีทจี่ ะใชภายใน 24 ชวั่ โมง และตา่ํ กวา 0 องศาเซลเซียส (อุณหภมู แิ ชแข็ง) ในกรณีที่จะ ใชภ ายใน 7 วนั ซึ่งเปน อุณหภมู ิทเ่ี ชอื้ จุลนิ ทรยี ย งั คงดาํ รงชวี ิตอยูไดแตมีอัตราการเจริญเติบโตตํ่าจนถึง ไมมกี ารเจริญเตบิ โตทาํ ใหสามารถเก็บรกั ษาเนือ้ สัตวใหส ด ใหม สะอาด ปลอดภัย 6. ภาชนะบรรจอุ าหารสาํ คัญอยา งไร ภาชนะบรรจุอาหารเปนปจจัยสําคัญที่เส่ียงตอการปนเปอนเชื้อโรค สารเคมีท่ีเปนพิษกับ อาหารที่พรอมจะบรโิ ภค ทัง้ นี้ สามารถจะกอใหเกดิ การปนเปอ นไดทุกข้ันตอน ตง้ั แตขั้นตอนการเก็บ อาหารดิบ ขัน้ ตอนการเสริ ฟ ใหกับผูบ รโิ ภค ขน้ั ตอนการเกบ็ อาหารดิบถา ภาชนะบรรจทุ ําดวยวสั ดุท่เี ปน พิษหรือภาชนะทปี่ นเปอนเช้อื โรค ก็จะทําใหอาหารทบี่ รรจุอยูปนเปอ นไดโดยเฉพาะภาชนะบรรจอุ าหารเน้ือสัตวสด เม่ือใชแลวตองลาง ทําความสะอาดใหถูกตองกอนจะนํามาบรรจุเนื้อสัตวสดใหมเพราะอาจจะเปนแหลงสะสมของ เชอ้ื จลุ นิ ทรยี ไดงา ยขัน้ ตอนการปรุงประกอบอาหารถาภาชนะอปุ กรณที่ใชใ นการปรุง ประกอบอาหาร ถาภาชนะอุปกรณที่ใชในการปรุงประกอบมีการปนเปอนดวยสารเคมีที่เปนพิษ ก็สามารถปนเปอน อาหารที่ปรุงประกอบไดเชน ตะแกรงทาสีบรอนดเวลาปงปลา สีบรอนด และสารตะก่ัวก็อาจจะ ปนเปอนกับเนื้อปลาไดใชภาชนะพลาสติกออนใสน้ําสมสายชูทําใหมีการปนเปอนสารพลาสติก ออกมากับนา้ํ สมสายชูทาํ ใหมีการปนเปอ นสารพลาสติกออกมากบั นาํ้ สม สายชไู ด ขั้นตอนการเสิรฟอาหารพรอมบริโภคอาหารปรุงสําเร็จถาภาชนะที่ใชลางไมสะอาดมีการ ปนเปอนเชื้อจลุ ินทรียสารเคมีที่เปนอนั ตรายกจ็ ะปนเปอ นอาหารจนอาจกอ ใหเ กดิ อนั ตรายกับผบู ริโภค ได ฉะน้ันเพ่อื ใหไดภ าชนะอุปกรณท่ีสะอาด ปลอดภัย ส่ิงสําคัญก็คือจะตองรูจักวิธีการเลือกใช ภาชนะอุปกรณท ถี่ กู ตอ งไมท าํ จากวัสดทุ ี่เปน พษิ และใชใ หเ หมาะสมกับประเภทของอาหารรวมทง้ั ตอง รูจักวธิ ีการลางและการเกบ็ ภาชนะอุปกรณใ หถกู ตอ ง เร่ืองที่ 3 ความเช่อื และคานยิ มเกย่ี วกบั การบรโิ ภค คานิยม (Value) หมายถึง ลักษณะดานสังคมซึ่งมีความเช่ือถือ (Beliefs) กันอยาง กวา งขวาง ซึ่งเปนแนวทางในการพิจารณาพฤตกิ รรมที่เหมาะสม โดยมีการยอมรับอยา งแพรห ลายจาก สมาชิกของสงั คม หรือหมายถึง ความเช่ือถือของสวนรวมซึ่งมีมานาน โดยมีจุดมุงหมายเพ่ือการมี
85 ชวี ิตอยูรว มกนั เปน ความรสู ึกเกีย่ วกบั กจิ กรรม ความสมั พนั ธกัน หรือจุดมงุ หมายซึ่งมีความสําคัญตอ ลักษณะหรอื ความเปนอยขู องชุมชน สิง่ ทคี่ นกลุมหน่ึง ๆ วาอะไรก็ตามท่ีคนในสังคมสวนใหญชอบ ปรารถนาหรอื ตองการใหเปน ในปจจุบนั เรามักจะใหย ินวา คนไทยมีคา นิยมชอบใชของตา งประเทศ ชอบเลยี นแบบ ชาวตางประเทศโดยรับเอาวัฒนธรรมของตางประเทศเขามามาก โดยลืมคิดถึงความเสียหายท่ีจะ เกดิ ขึ้น ซ่งึ คาํ วา “คา นยิ ม” ถอื วา เปนปจจัยภายนอกซึ่งเปนปจจัยที่มีอิทธิพลตอความรูสึกนึกคิดของ บุคคลเปน สิ่งท่เี กิดข้ึนจากการเรียนรู หรือส่ิงอื่นใดก็ตามท่ีเปนตัวกํากับหรือควบคุมพฤติกรรมของ บุคคลเปนส่ิงทเ่ี กิดขึ้นจากการเรียนรู หรือสิ่งอ่ืนใดก็ตามท่ีเปนตัวกํากับหรือควบคุมพฤติกรรมของ บุคคลที่อยใู นสังคมนั้น ๆ ซ่ึงความสําเร็จหรือความลมเหลวของธุรกิจทางการตลาดขึ้นอยูกับความ สอดคลองกบั คา นยิ มเปน สาํ คญั ดงั น้ัน คา นิยมจึงเก่ยี วของกบั การตอบสนองตอ ส่ิงกระตุนดวยวิธีที่มี มาตรฐาน ซึ่งบุคคลจะถกู กระตุน ใหม ีสว นรว มในพฤติกรรมเพอ่ื ใหบรรลุคานยิ ม และความเกี่ยวของ กับพฤติกรรมผูบริโภคและกลยุทธทางการตลาด ในขณะที่แตละช้ันของสังคมจะมีลักษณะของ คานยิ มและพฤติกรรมในการบริโภคจะแตกตางกันออกไป ตวั อยางคานิยมกับพฤติกรรมการบริโภค ของคนไทย มดี งั นี้ 1. กลมุ คา นิยมความร่าํ รวย และนยิ มใชข องจากตา งประเทศ จดุ เดนท่ีเปน นสิ ัยของคนไทย ชอบทําตัววาตัวเองเปนคนรํ่ารวยเน่ืองมาจากการใชสินคา สินคาท่ีนิยมใชจะเปน สนิ คา ทน่ี ําเขา มาจากตา งประเทศเทาน้ัน สวนท่เี กยี่ วขอ งกับพฤติกรรมการบริโภค เปน บคุ คลทช่ี อบใชข องแพง ๆ ทําใหคนอน่ื มองวาตัวเองเปนผูที่รํ่ารวย ตองการให คนยกยองนับถือ เปนคนที่ตองมีเกียรติ ตองการเปนผูนําในการใชสินคา นิยมใชสินคาท่ีนําเขามา เทานั้น มองวาสินคาในประเทศเปนสินคาท่ีไมมีคุณภาพ ไมมีมาตรฐาน เปนสินคาดอยคุณภาพ จะรูสึกภูมิใจทุกครั้งเมื่อไดใชสินคาท่ีเปนสินคาจากตางประเทศ ชอบไปเที่ยวตางประเทศเพื่อไป ซื้อสินคา บางครั้งซ้ือมาแลวก็ไมไดใชประโยชนก็จะซ้ือ หรือบางครั้งอาจจะไมมีเวลาไปเท่ียว ตางประเทศก็ชอบฝากใหคนอื่นซ้ือ มีความเปนตางชาติสูงมาก จะเปนบุคคลท่ีเนนการแตงกายดี ตั้งแตศ ีรษะจรดเทา เพื่อเสริมสรางบุคลิกภาพ สรางความนาเชื่อถือ นิยมใชบัตรเครดิตการด ชอบ ความสะดวกสบายไมชอบการรอคอยนาน ๆ ชอบสังคมกับเพ่ือนท่ีมีฐานะรํ่ารวย เทาเทียมกัน ไม ชอบคบหาสมาคมกันคนทีด่ อยกวา หรือจนกวา ทําอะไรคิดถึงตัวเองมากกวาคนอ่ืน บางคร้ังอาจจะ ประสบกับปญ หาทางดานการเงินแตกลัววา คนอื่นจะรูถึงฐานะของตนเองตองยอมกูเงินเพ่ือพยุงฐานะ ของตนเองก็ยอมเพ่ือรักษาภาพลักษณของตนเอง โดยไมตองการใหใครมามองวาตัวเองจนลําบาก หรือต่ําตอ ยกวา คนอ่ืน
86 ผลกระทบกบั คา นิยมแบบน้ี ลักษณะแบบน้ี ควรจะปรับปรุงแกไขเพือ่ สังคมจะไดดีขึ้น โดยเฉพาะคนรุนใหมไม ควรใหฟุงเฟอซ่ึงจะเปนการสรางคานิยมที่ไมดี และถือวาคานิยมแบบนี้จะเปนอันตรายตอ ประเทศชาตอิ ยา งมาก ซึง่ อาจกอ ใหเ กิดความเสียหาย เทากับวาประเทศของเราไดตกไปเปนเมืองข้ึน ของตา งชาติ ซ่งึ เปน การยากทเ่ี ราจะกูประเทศชาตกิ ลับคนื มาได ซ่ึงควรจะไดมกี ารปรับปรุงแกไ ข 2. คานิยมสขุ ภาพดี จุดเดนทเ่ี ปน นสิ ยั ของคนไทย เปน บคุ คลท่ีรกั ษาสุขภาพของตนเอง และครอบครัว เพ่ือท่ีจะไดมชี วี ิตยนื ยาว สวนทีเ่ กี่ยวของกับพฤตกิ รรมการบรโิ ภค พฤติกรรมของบุคคลที่มีคานิยมสุขภาพดี มักจะเปนคนท่ีดูแลตนเองเปนอยางดี มี การออกกําลังกายอยางสม่ําเสมอ ชอบความสะอาด ไปพบแพทยเปนประจํา มีการพักผอนอยาง เพียงพอเลือกรับประทานอาหารทีม่ คี ุณคา มปี ระโยชนตอรา งกาย เพื่อทําใหสุขภาพแข็งแรง รวมทั้ง ดูแลคนในครอบครัวดว ยตอ งการใหคนในครอบครวั ปราศจากโรคภัยไขเ จบ็ ตองการมีชีวติ ท่ยี นื ยาว มี รา งกายที่แขง็ แรงและสมบรู ณ ชอบพักผอ นอยูกบั บาน และทานอาหารในบา นเพราะเนน ความสะอาด ชอบดูหนงั ฟง เพลงอยูใ นบา น สนิ คา ที่นยิ มบริโภค ไดแ ก 1. อาหารมงั สวริ ัติ 2. อาหารเสรมิ 3. นมทีม่ แี คลเซียม เพื่อเสริมสรา งกระดูก 4. นมพรอ งมนั เนย, โยเกิรต 5. วิตามินตา งๆ เชน วิตามินซ,ี วติ ามินบี ฯลฯ 6. ผกั ปลอดสารพษิ 7. ดมื่ นํา้ ผลไม 8. ด่ืมนาํ้ แร 9. โสมเกาหล,ี เหด็ หลินจอื 10. ไกตนุ ยาจีน, ไกด าํ 11. ยารักษาโรค (จากแพทยสงั่ ) ผลกระทบกบั คานิยมแบบนี้ เปน คานิยมที่ดนี าจะมีการสนับสนนุ เพราะจะทาํ ใหคนมสี ขุ ภาพดขี ึ้น เพือ่ ชวี ติ ความ
87 เปน อยูในครอบครัวดีข้ึน และทาํ ใหครอบครวั มคี วามสุขมากขน้ึ บคุ คลที่มีคา นิยมแบบนี้ เปนบคุ คลทมี่ ีฐานะในระดับ B ข้นึ ไป และเปน ผูด ูแลเอาใจใสตอสขุ ภาพ กลุมเปาหมาย เปนกลมุ วยั กลางคนท่ีเนนดูแลสุขภาพใหแข็งแรงปลอดจากโรคภัย ไขเ จ็บ 3. คานิยมรกั ความสนกุ จุดเดนทเ่ี ปน นสิ ัยของคนไทย เปนบุคคลที่รักความสนุก มีความร่ืนเริงอยูตลอดเวลา ชอบ ENTERTAIN ชอบ สงั สรรคไมว า จะเปน เทศกาลใดกต็ าม สว นทีเ่ กย่ี วขอ งกับพฤตกิ รรมการบริโภค ลักษณะของพฤติกรรมบุคคลจะเปนบุคคลท่ีรักสนุก ชอบความรื่นเริง มีความ สังสรรคในหมูญาติพี่นอง เพื่อนฝูงอยูตลอดเวลา ไมวาจะเปนการจัดปารตี้ทุกสิ้นเดือน หรือเปน เทศกาลตา ง ๆ เชน วันขนึ้ ปใหม, วันตรษุ จีน, วันสงกรานต ฯลฯ ทุกเทศกาลก็จะมีความสนุกสนาน ตลอดเวลา สนิ คา ทนี่ ิยมบริโภค ไดแก 1. รบั ประทานอาหารทกุ ชนดิ เชน อาหารกับแกลม อาจทําทานเอง หรือไป ทานนอกบาน 2. เครอื่ งดื่มทกุ ชนิด เชน นาํ้ อดั ลม 3. ผลไมต าง ๆ (ผลไมไทยและผลไมนาํ เขา) 4. ขนมขบเค้ยี วตา ง ๆ 5. ด่มื สุรา (ผลิตในประเทศไทยและนําเขา จากตา งประเทศ) 6. ชอบรอ งเพลง KARAOKE (อาจจะรอ งเพลงอยูในบาน หรอื ตาม สถานเริงรมยตา ง ๆ) 7. ชอบดูภาพยนตร 8. ชอบไปรบั ประทานอาหาร และฟงเพลงตามโรงแรม, หองอาหารตาง ๆ และตามคาเฟ 9. ชอบไปเทีย่ วตามสถานที่ในตา งจงั หวัด เชน ไปนํ้าตก, ภเู ขา และทะเ ผลกระทบกับคานิยมแบบน้ี บคุ คลที่มคี านยิ มแบบนีอ้ ยา งนอ ยก็นาจะสนับสนุน เพราะทําใหเกิดสภาพคลองทาง การเงนิ ทาํ ใหเ งินทองไมไ หลออกนอกประเทศ มกี ารใชจ ายภายในประเทศ ซ่งึ เปนการกระจายรายได
88 ไปยงั สถานทอ งเทีย่ วตางๆ ภายในประเทศไดเปน อยางดี ทาํ ใหมีการจบั จา ยใชสอยและเปนการสราง รายไดใหกับชุมชนตางๆ และแหลงทองเที่ยวตางๆ ทําใหคนมีอาชีพมากข้ึนซ่ึงจะทําใหเกิดการ หมนุ เวียนทางดา นการเงินอาจสง ผลใหภ าวะทางเศรษฐกิจในประเทศดีขึ้น 4. คานิยมบรโิ ภคนยิ ม จุดเดนทเ่ี ปน นสิ ัยของคนไทย เปนบคุ คลที่มนี ิสัยชอบบรโิ ภคเปน หลกั ซงึ่ ไมไ ดคาํ นงึ ถงึ คุณภาพ สวนทเ่ี กย่ี วขอ งกับพฤตกิ รรมการบรโิ ภค ลักษณะพฤติกรรมการบริโภคชอบรับประทานอาหารนอกบาน พยายามสรรหา รานอาหารท่อี รอยๆ ไมวา จะอยใู กลหรือไกล ถา ข้ึนช่ือในระดับ เชลลชวนชิม, แมชอยนางรํา และ ไมลองไมรู ซ่ึงมีใบรับประกนั ชอบที่จะไปทดลองชมิ ดวู าอรอ ยสมช่ือหรือเปลา ชอบรานอาหารที่มี ลกั ษณะสะอาด มีความสะดวกสบาย มที จ่ี อดรถสะดวก บางครั้งบรโิ ภคมากจนเกินความจําเปนและ มีผลตอสุขภาพ ทําใหเ กดิ โรคตางๆ ไดงาย เชน โรคไขมันอุดตัน โรคเบาหวาน ความดัน อาหาร ไมยอ ยอาหารเปนพิษ ฯลฯ สินคา ที่นยิ มบรโิ ภค ไดแก 1. อาหารทกุ ชนดิ เชน รา นอาหารดังๆ 2. อาหาร fast food เชน KFC, McDonald 3. รา นอาหารญป่ี นุ เชน Oishi, ฟูจิ 4. รา นไอศกรมี เชน Swensens 5. ขนมขบเคย้ี วตา งๆ 6. เคร่อื งดม่ื ทุกชนิด 7. สรุ ายห่ี อตางๆ ผลกระทบกับคา นยิ มแบบน้ี บคุ คลท่ีมีคานยิ มแบบน้ี อาจจะปนทอนสุขภาพได เพราะไมไดระมัดระวังในเร่ือง ของการรับประทานอาหาร ควรจะมกี ารปรบั ปรงุ แกไขเพ่ือใหมีสุขภาพแข็งแรง และมีชีวิตท่ียืนยาว ได ผูท่ีมีคานิยมบริโภคแบบน้ี ถาเปนผูสูงอายุจะทําใหเกิดอันตรายตอสุขภาพ เชน มักจะพบกับ โรคภัยไขเจบ็ ตา งๆ และมักจะมีอายุสน้ั เรอ่ื งที่ 4 ปญหาสุขภาพทเี่ กดิ จากการบรโิ ภคอาหารไมถ ูกหลกั โภชนาการ ปจจุบันการดําเนินชีวิตของประชาชนโดยเฉพาะในเขตเมือง เปนไปอยางเรงรีบ ทําใหการ บริโภคอาหาร ก็เนน อาหารตามทีร่ ับประทานไดสะดวกรวดเร็ว เชน อาหารฟาสตฟูด (Fast Food) ทํา ใหเกิดปญ หาโรคอว น และโรคอ่ืนๆอกี มาก ดงั นัน้ จึงควรทาํ ความเขา ใจถึงองคป ระกอบสําคัญดงั น้ี
89 1) อาหาร (Food) หมายถึงสิ่งที่เรากินไดและมีประโยชนตอรางกาย ส่ิงที่กินไดแตไมเปน ประโยชนหรือใหโ ทษแกร า งกาย อาทิ สุรา เห็ดเมา เรากไ็ มเ รยี กส่ิงน้ันวา เปน อาหาร 2) โภชนาการ (Nutrition) มีความหมายกวางมากกวาอาหาร โภชนาการ หมายถึง เรื่องตางๆ ท่ีวาดวยอาหาร อาทิ การจัดแบงประเภทสารอาหาร ประโยชนของอาหาร การยอยอาหาร โรคขาด สารอาหาร เปน ตน โภชนาการเปนวิชาสาขาหน่ึงซึ่งมีลักษณะเปนวทิ ยาศาสตรประยุกต ที่กลา วถงึ การ เปล่ียนแปลงตางๆของอาหารที่เรารับประทานเขาไปเพื่อใชประโยชนในดานการเจริญเติบโตและ ซอ มแซมสวนตา งๆของรางกาย 3) สารอาหาร ( Nutrient) หมายถึง สารเคมีที่เปนสวนประกอบสําคัญในอาหาร สารเคมี เหลาน้มี ีความสาํ คญั และจําเปน ตอ รา งกาย อาทิ เปนตัวทําใหเกิดพลังงานและความอบอุนตอรางกาย ชวยในการเจรญิ เตบิ โต ชว ยซอ มแซมสว นท่สี กึ หรอทาํ ใหร า งกายทาํ งานไดตามปกติ เม่ือนําอาหารมา วเิ คราะหจ ะพบวา มีสารประกอบอยูมากมายหลายชนดิ ถา แยกโดยอาศัยหลักคุณคาทางโภชนาการจะ แบง ออกเปน 6 ประเภท ไดแ กโปรตีน คารโบไฮเดรต ไขมนั วติ ามนิ เกลือแร และน้าํ 4) พลงั งานและแคลอรี่ ไขมัน คารโบไฮเดรต และโปรตีน ใหประโยชนแกรางกายหลายอยางที่สําคัญคือ การใช พลังงานแกรา งกาย พลังงานในทน่ี ้หี มายถึงพลงั งานทรี่ า งกายจาํ เปน ตองมี ตอ งใชและสะสมไว เพื่อใช ในการทํางานของอวัยวะทั้งภายในและภายนอกรา งกาย นักวิทยาศาสตรวัดปริมาณของพลังงานหรือกําลังงานท่ีไดจากอาหารเปนหนวยความรอน เรียกวาแคลอร่ี โดยกําหนดวา 1 แคลอรี่ เทา กบั ปริมาณความรอ นทีท่ าํ ใหนํา้ 1 กรัม มีอุณหภูมิสูงข้ึน 1 องศาเซลเซียส แตในทางโภชนาการพลังงานท่ีไดรับจากการอาหารท่ีกินเขาไป 1 แคลอรี่ (ใหญ) เทา กบั ปริมาณ ความรอ น ท่ีทาํ ใหน้ํา 1 กิโลกรัม มอี ุณหภูมสิ ูงขน้ึ 1 องศาเซลเซียส 5) อาหารหลกั 5 หมู อาหารเปน สง่ิ จาํ เปนยง่ิ สําหรับการเจรญิ เติบโต การบํารุงเลี้ยงสวนตางๆ ของรา งกาย มักพบวาบางคนเลอื กท่ีจะกินและไมก ินอาหารอยางหน่ึงอยางใด ซ่ึงเปนการกระทําท่ีไม ถูกตอง หากไมกินอาหารตามความตองการของรางกาย การกินอาหารตองคํานึงถึงคุณคาของ สารอาหารมากกวา ความชอบหรอื ไมช อบ การเลือกกินหรอื ไมกินอาหารเกิดจากสาเหตุหลายประการ ดงั น้ี ความคุนเคย เราจะเลือกอาหารทเ่ี ราคนุ เคยหรอื กินอยเู ปน ประจํา และจะไมเลือกกินอะไรท่ีไม คุน เคยดงั นั้นจึงมีอาหารอีกหลายอยางท่เี รายังไมเ คยกิน ซง่ึ อาจจะอรอยถูกปากก็ได รสชาติ หรือความ “อรอย” เปนเหตุผลท่ีคนเราเลือกอาหาร ความอรอยของแตละคนจะไม เหมอื นกัน อาหารอยา งหนึ่งบางคนจะบอกวา อรอ ยแตบ างคนจะเฉยๆ หรอื ไมอรอ ย ลักษณะเฉพาะของเน้ืออาหาร อาทิ บางคนชอบอาหารกรอบ อาหารนุม บางคนชอบเคี้ยว อาหารพวกเนอื้ ทเี่ หนียวๆ เปน ตน
90 ทศั นะคติ ของคนไทยครอบครวั หรอื เพ่ือนจะมีอิทธิพลตอความชอบไมชอบอาหารของทาน อาทิในครอบครัวทพ่ี อ ไมกินตนหอมหรือผักชีเลย ไปกินอาหารท่ีไหนก็จะเข่ียตนหอมผักชีออกจาก จานทุกครั้ง ลกู ๆก็จะเลยี นแบบกลายเปนไมชอบไปดวย ดังน้ันเพ่ือสุขภาพเราจึงควรลองกินอาหารท่ีไมเคยกินทีละอยางสองอยางโดยคํานึงถึง ประโยชนข องมนั มากกวา เม่อื ไดล องกินแลวอาจะพบวา จริงๆ แลวมันก็อรอยไมแพอาหารจานโปรด และไมเ กิดปญหาสุขภาพที่เกดิ จากการบริโภคอาหารไมถ กู หลกั โภชนาการดว ย ปญ หาจากการบรโิ ภคอาหารไมถกู หลักโภชนาการไดแก - ภาวะทุพโภชนาการ - ภาวะโภชนาการเกิน (โรคอว น) ภาวะทพุ โภชนาการ (Malnutrition) ภาวะทุพโภชนาการ หมายถงึ ภาวะที่รางกายไดรับสารอาหารผดิ เบ่ยี งเบนไปจากปกติ อาจเกดิ จากไดร บั สารอาหารนอยกวา ปกตหิ รือเหตุ ทตุ ิยภูมิ คอื เหตุเนอื่ งจากความบกพรอ งตางจากการกินการ ยอยการดูดซมึ ในระยะ 2-3 ปแ รกของชีวิต จะมีผลกระทบตอระดับสติปญญา และการเรียนภายหลัง เนือ่ งจากเปน ระยะท่มี กี ารเจรญิ เตบิ โตของสมองสงู สุด ซงึ่ ระยะเวลาที่วิกฤติตอพัฒนาการทางรางกาย ของวัยเด็กมากที่สุดน้ันตรงกับชวง 3 เดือนหลังการตั้งครรภจนถึงอายุ 18-24 เดือนหลังคลอด เปน ระยะที่มีการปลอกหมุ เสนประสาทของระบบประสาท และมีการแบงตวั ของเซลล ประสาทมากท่ีสดุ เมอื่ อายุ 3 ป มีผลกระทบตอการเจริญเติบโต ถึงรอยละ 80 สําหรับผลกระทบทาง รางกายภายนอกท่ีมองเห็นไดคือเด็กมีรูปรางเตี้ย เล็ก ซุบผอม ผิวหนังเหี่ยวยนเน่ืองจากไขมันชั้น ผวิ หนัง นอกจากน้อี อวัยวะภายในตางๆ กไ็ ดรบั ผลกระทบเชน กนั 1. หวั ใจ จะพบวา กลามเนอ้ื หวั ใจไมแ นน หนา และการบบี ตวั ไมดี 2. ตับ จะพบไขมันแทรกอยูในตับ เซลลเน้ือตับมีลักษณะบางและบวมเปนน้ําสาเหตุให ทาํ งานไดไ มดี 3. ไต พบวาเซลลท ัว่ ไปมลี กั ษณะบวมนา้ํ และติดสจี าง 4. กลามเนอ้ื พบวา สวนประกอบในเซลลลดลง มีน้าํ เขา แทนท่ี นอกจากการขาดสารอาหารแลว การไดร ับอาหารเกิน ในรายทอ่ี ว นฉุก็ถือเปน ภาวะทุพโภชนาการเปน การไดร ับอาหารมากเกินความตองการ พลังงานท่ีมมี ากนัน้ ไมไดใ ชไป พลงั งานสว นเกินเหลาน้ันก็จะ แปลงไปเปนคลอเรสเตอรรอลเกาะจับแนนอยูตามสวนตางๆของรางกาย และอาจลุกลามเขาสูเสน เลอื ด ผลท่ีตามมาก็คอื โรคอว น โรคเบาหวาน โรคหวั ใจ และโรคตา งๆ การประเมนิ สภาวะโภชนาการ 1. ประวัติ ท่ีนําเดก็ มาจากโรงพยาบาลเพ่ือหาสาเหตุชกั นําใหเ กิดภาวะขาดสารอาหาร 2. การตรวจรางกาย เพือ่ หารอ งรอยการผดิ ปกตซิ ่งึ เกดิ จากการขาดสารอาหารและวิตามิน
91 การตรวจรางกาย เพือ่ ประเมินสภาวะโภชนาการของเดก็ แบงไดเปน 2 ตอน คอื การตรวจรา งกายทัว่ ไป กบั การตรวจโดยการวัดความเจริญทางรางกาย การตรวจรางกายทั่วไปโดยแพทย จะเปน แนวทางชว ยประเมินสภาวะของเดก็ และเปน แนวทางวนิ จิ ฉยั การขาดสารอาหารและวติ ามนิ การตรวจโดยการวัดความเจริญทางรางกาย เปนการวัดขนาดทางรางกายคือ สวนสูง และนํา้ หนกั เพ่อื บอกถงึ โภชนาการของเดก็ ภาวะโภชนาการเกิน เมอ่ื คนเราบริโภคอาหารชนดิ ใด ชนิดหน่ึง เกินความตองการของรางกาย จะทําใหเกิดภาวะ โภชนาการเกนิ จนเกดิ โรคได และโรคทีเ่ กดิ จากภาวะโภชนาการเกิน เปนสาเหตุของการสูญเสียชีวิต เปนจํานวนไมนอย และเปนตนเหตุของการเจ็บปวยที่ตองเสียคาใชจายในการรักษายาวนานเชน โรคหวั ใจและหลอดเลือด ตลอดจนโรคอวน เปนตน โรคหวั ใจและหลอดเลือด (Cardiovascular Disease) โรคหวั ใจและหลอดเลอื ด เปนสาเหตกุ ารตายทสี่ ําคัญในลาํ ดับตน ๆ ของประชาชนไทยมาโดย ตลอด โรคดังกลาวเปนการเปล่ียนแปลงทางอายุรศาสตรที่เก่ียวของกับหัวใจและหลอดเลือด ซึ่งจะ หมายรวมถึงโรคตางๆ และภาวะอาการของโรค เชน โรคหลอดเลือดหัวใจ (Coronary heart disease) ภาวะหลอดเลือดหัวใจแขง็ (Arteriosclerosis) และอาการความดนั เลือดสงู (Hypertension) เปนตน โรค ท่สี าํ คญั ในกลมุ น้ีคอื โรคหลอดเลอื ดหัวใจหรอื โรคหลอดเลอื ดหวั ใจตีบ ซงึ่ จดั วาเปน โรคท่ีเปนสาเหตุ ของการปว ย และการตายที่สงู ของประชาชนชาวไทยในปจ จุบัน โรคหลอดเลอื ดหัวใจ โรคหลอดเลอื ดหวั ใจ เปนโรคชนิดหน่ึงทเ่ี กดิ จากหลอดเลือดแดงหวั ใจแข็ง ตีบ ตนั ขาดความ ยืดหยนุ หลอดเลือดหัวใจตีบหรอื ตนั หรอื เกดิ จากลมิ่ เลือดอุดตันหลอดเลือดหัวใจ จนทําใหกลามเน้ือ หวั ใจขาดเลอื ด หรอื ทาํ ใหกลามเนื้อหวั ใจตาย โรคนี้เปนสาเหตุสําคัญของอัตราการปวยการตาย ของ คนไทยในปจจบุ ัน และมีแนวโนม จะเพมิ่ มากขนึ้ ในอนาคต สาเหตุ 1. กรรมพนั ธุ ผูที่พอ แม ปูยา ตายาย ปว ยเปน โรคหลอดเลอื ดหัวใจจะมคี วามเสย่ี งมากกวา ไขมนั ในหลอดเลอื ด ถาสูงกวา ปกติจะทาํ ใหห ลอดเลอื ดแข็ง เส่ยี งตอการเปน โรคหลอดเลอื ดหัวใจ 2. ความดันเลอื ดสูง 3. เบาหวาน ผทู เี่ ปนเบาหวานมักจะเปน โรคหลอดเลือดหัวใจดว ย 4. ความอวน ความอวนกับโรคหลอดเลือดหัวใจ มักจะเกิดข้ึนดวยกันเสมอ โดยเฉพาะคน อวนทพ่ี งุ มกั จะมไี ขมนั ในเลือดสงู จนเปนโรคหลอดเลือดหัวใจดวย
92 5. ออกกําลังกายนอยหรือขาดการออกกําลังกาย การไหลเวียนเลือดไมคลองพอ การเผา ผลาญพลังงานนอ ย ทําใหส ะสมไขมนั จนกลายเปนโรค 6. ความเครยี ด และความกดดนั ในชีวิต อาจสงผลทําใหเ ปน โรคนไี้ ด 7. การสูบบุหร่ี สารนิโคตนิ และทารจ ากควันบุหร่มี ผี ลตอ การเกดิ โรคนี้ นอกจากสาเหตทุ ่ีสาํ คญั ดังกลาว ซ่ึงจดั วาเปน ปจจัยทส่ี ามารถเปลี่ยนแปลงได อาจมีปจจัยเส่ียง อ่ืน ๆ ท่ีเปนสาเหตุของการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ เชน เพศ อายุ เชื้อชาติ เปนตน จากการศึกษา พบวา เพศชายเส่ยี งตอการเกดิ โรคนีม้ ากกวา เพศหญิง ยกเวนผูหญิงในวัยหมดประจําเดือนเนื่องจากมี ระดับฮอรโมนเอสโตรเจนลดลง มไี ขมนั ในเลือดสูง สําหรบั อายุพบวามีอัตราการเกิดโรคนี้สูงมากใน ผูส งู อายุ และเชอ้ื ชาตพิ บวา ในคนผิวดํามีอตั ราการเกิดโรคนมี้ ากกวาคนผิวขาว อาการ 1. เจบ็ หนา อกเปนๆ หายๆ หรอื เจบ็ เมือ่ เครียด หรอื เหน่อื ย ซง่ึ เปนลักษณะอาการเร่มิ แรก 2. เจ็บหนา อกเหมอื นมีอะไรไปบบี รดั เจบ็ ลึกๆ ใตก ระดกู ดา นซา ยราวไปถึงขากรรไกรและ แขนซายถงึ นว้ิ มือซา ย เจ็บนานประมาณ 15-20 นาที ผูปวยอาจมีเหง่ือออกมาก คล่ืนไสหายใจลําบาก รสู กึ แนนๆ คลา ยมีเสมหะติดคอ บางครั้งมีอาการคัดจมูกคลายเปนหวัด เมอ่ื เปนมากจะมอี าการหนา มืด คลา ยจะเปน ลม และอาจถึงข้นั เปน ลมได บางครัง้ พอเหน่อื ยกจ็ ะรูสกึ งวงนอนและเผลอหลบั ไดงาย 3. ผปู ว ยมีอาการหัวใจส่ัน หัวใจเตนไมสมาํ่ เสมอ 4. ในกรณที ร่ี ุนแรง อาการเจบ็ หนาอกจะรนุ แรงมาก มักจะเกิดจากการที่มีล่ิมเลือดไปอุดตัน บริเวณหลอดเลอื ดที่ตีบ ทาํ ใหเกิดกลา มเน้ือหวั ใจตาย ผูป ว ยอาจมีอาการหวั ใจวาย ชอ็ ก หัวใจหยุดเตน ทาํ ใหเ สยี ชวี ิตอยา งกะทนั หนั ได การปอ งกัน 1. หากพบวาบคุ คลในครอบครวั มปี ระวัติเปนโรคน้ี ควรเพ่ิมความระมัดและหลีกเล่ียงจาก ปจจัยเส่ยี ง เพราะอาจกระตุนการเกิดโรค 2. ลดอาหารทท่ี าํ จากน้ํามนั สัตว กะทิจากมะพราว น้าํ มนั ปาลม และไขแดง 3. ไมค วรรบั ประทานอาหารทม่ี รี สเค็มจดั 4. ลดอาหารจาํ พวกแปง คารโบไฮเดรต รบั ประทานอาหารพวกผกั ผลไมม ากๆ 5. งดอาหารไขมนั จากสัตวแ ละอาหารหวานจัด 6. ออกกาํ ลังกายอยางสม่ําเสมอ 7. พกั ผอ นใหเ พยี งพอวนั ละ 6-8 ชัว่ โมง และหาวธิ ผี อ นคลายความเครียด 8. หลกี เล่ียงหรอื งดการสบู บุหร่ี
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208