293 ๒.๘ การเปลี่ยนผลการเรียน “มส” การเปล่ยี นผลการเรียน “มส” มี ๒ กรณี ดังนี้ ๑) กรณผี ู้เรียนไดผ้ ลการเรียน “มส” เพราะมเี วลาเรยี นไม่ถึงร้อยละ ๘๐ แต่มีเวลาเรียน ไม่นอ้ ยกวา่ ร้อยละ ๖๐ ของเวลาเรียนทง้ั หมด ใหส้ ถานศกึ ษาจัดให้เรยี นเพมิ่ เตมิ โดยใช้ช่ัวโมงสอนซอ่ มเสริม หรือ เวลาว่าง หรือวันหยุด หรือมอบหมายงานให้ทำ จนมีเวลาเรียนครบตามที่กำหนดไว้สำหรับรายวิชานั้นแล้วจงึ ให้สอบเป็นกรณีพิเศษ ผลการสอบแก้ “มส” ให้ได้ระดบั ผลการเรียนไม่เกิน “๑”การแก้ “มส”กรณีน้ีให้กระทำ ให้เสร็จสิ้นในปีการศึกษานั้น ถ้าผู้เรียนไม่มาดำเนินการแก้ “มส” ตามระยะเวลาที่กำหนดไว้นี้ให้เรียนซ้ำ ยกเวน้ มีเหตุสดุ วิสยั ให้อยู่ในดุลยพินจิ ของสถานศึกษาที่จะขยายเวลาการแก้ “มส” ออกไปอีกไม่เกิน ๑ ภาค เรียน แตเ่ ม่อื พน้ กำหนดนี้แล้ว ใหป้ ฏิบัติดงั น้ี ให้เรียนซ้ำรายวิชา ถา้ เปน็ รายวชิ าพน้ื ฐาน ให้เรียนซ้ำหรือเปลี่ยนรายวิชาเรียนใหม่ ถ้าเป็นรายวิชาเพิ่มเติมโดยให้อยู่ในดุลย พนิ ิจของสถานศกึ ษา ๒) กรณีผู้เรียนได้ผลการเรียน “มส” และมีเวลาเรียนน้อยกว่าร้อยละ ๖๐ ของเวลาเรียน ทั้งหมด ให้สถานศึกษาจัดให้เรียนซ้ำในรายวิชาพื้นฐานและรายวิชาเพิ่มเติม หรือเปลี่ยนรายวิชาใหม่ได้ สำหรบั รายวชิ าเพิ่มเตมิ เท่าน้นั ในกรณีที่เปลี่ยนรายวิชาเรียนใหม่ ให้หมายเหตุในระเบียนแสดงผลการเรียนว่าเรียนแทนรายวิชา ใหม่ ในกรณีภาคเรียนท่ี ๒ หากผู้เรียนยังมีผลการเรยี น “๐”“ร”“มส” ใหด้ ำเนินการให้เสรจ็ สน้ิ ก่อนเปิดเรยี นปีการศึกษาถัดไป สถานศึกษาอาจเปิดการเรยี นการสอนในภาคฤดรู ้อนเพ่ือแก้ไขผล การเรยี นของผูเ้ รียนได้ ท้ังน้ี โดยสำนักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษา/ต้นสังกัดควรเปน็ ผู้พจิ ารณาประสานให้ มีกา๒ร.ด๙ำเนกินากรเาปรเลรี่ยียนนกผาลรกสาอรนเใรนียภนาค“ฤมดผรู ”้อนเพื่อแก้ไขผลการเรียนของผู้เรียน หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พื้นฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ กำหนดใหผ้ เู้ รียน เขา้ รว่ มกิจกรรมพัฒนาผูเ้ รียน ๓ กจิ กรรม คือ ๑) กิจกรรมแนะแนว ๒) กิจกรรมนักเรียน ซึ่งประกอบด้วย กิจกรรมลูกเสือ เนตรนารี ยุวกาชาด ผู้บำเพ็ญประโยชน์ หรือนักศึกษาวิชาทหาร โดยผู้เรียนเลือกอย่างใดอยา่ งหนง่ึ ๑ กิจกรรมและเลือกเขา้ รว่ มกจิ กรรมชุมนุม หรอื ชมรมอีก ๑ กจิ กรรม ๓) กจิ กรรมเพื่อสงั คมและสาธารณประโยชน์ ในกรณีที่ผูเ้ รียนไดผ้ ลการเรียน “มผ” สถานศึกษาต้องจัดซ่อมเสริมให้ผู้เรียนทำกิจกรรมจน ครบตามเวลาที่กำหนด หรอื ปฏบิ ัตกิ จิ กรรมเพ่ือพัฒนาคุณลักษณะที่ต้องปรบั ปรงุ แกไ้ ข แลว้ จึงเปล่ียนผลการ เรียนจาก “มผ” เป็น “ผ” ทั้งนี้ดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายในปีการศึกษานั้น ยกเว้นมีเหตุสุดวิสัยให้อยู่ใน ดุลยพนิ ิจของสถานศกึ ษา ๒.๑๐ การเล่ือนช้ัน ผู้เรียนจะไดร้ ับการตัดสนิ ผลการเรียนทกุ ภาคเรียนและได้รับการเลื่อนชั้นเมื่อสนิ้ ปกี ารศึกษา โดย มคี ุณสมบตั ติ ามเกณฑ์ ดงั น้ี
294 ๑) รายวิชาพ้ืนฐาน ได้รบั การตดั สนิ ผลการเรียนผ่านทุกรายวิชา ๒) รายวชิ าเพม่ิ เติม ได้รบั การตัดสินผลการเรียนผ่านตามเกณฑ์ท่ีสถานศกึ ษากำหนด ๓) ผู้เรียนต้องได้รับการประเมินและมผี ลการประเมินผ่านตามเกณฑ์ที่สถานศกึ ษากำหนด ใน การอา่ น คิดวิเคราะหแ์ ละเขียน คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์และกจิ กรรมพัฒนาผเู้ รยี น ๔) ระดับผลการเรียนเฉลย่ี ในปีการศกึ ษานน้ั ควรไดไ้ มต่ ำ่ กว่า ๑.๐๐ ทั้งนี้รายวิชาใดที่ไม่ผ่านเกณฑ์การประเมิน สถานศึกษาสามารถซ่อมเสริมผู้เรียนให้ได้รับ การแกไ้ ขในภาคเรยี นถัดไป ๒.๑๑ การเรียนซ้ำ สถานศึกษาจะจดั ใหผ้ ูเ้ รยี นเรยี นซ้ำใน ๒ กรณี ดงั นี้ กรณีที่ ๑ เรียนซ้ำรายวิชา หากผู้เรียนได้รับการสอนซ่อมเสริมและสอบแก้ตัว ๒ ครั้งแล้ว ไม่ผ่านเกณฑ์การประเมิน ให้เรียนซ้ำรายวิชานั้น ทั้งนี้ ให้อยู่ในดลุ ยพินจิ ของสถานศึกษาในการจัดให้เรยี นซ้ำ ในชว่ งใดชว่ งหนงึ่ ท่ีสถานศึกษาเห็นว่าเหมาะสม เชน่ พกั กลางวนั วนั หยดุ ช่ัวโมงว่างหลงั เลกิ เรยี น ภาคฤดู รอ้ น เป็นต้น กรณที ี่ ๒ เรียนซ้ำชั้น มี ๒ ลักษณะ คอื ผู้เรียนมีระดับผลการเรียนเฉลี่ยในปีการศึกษานั้นต่ำกว่า ๑.๐๐และมีแนวโน้มว่าจะเป็น ปญั หาตอ่ การเรยี นในระดับชนั้ ท่ีสงู ขนึ้ ผ้เู รียนมผี ลการเรียน ๐ , ร , มส เกนิ คร่งึ หน่งึ ของรายวชิ าทีล่ งทะเบียนเรยี นในปีการศึกษานนั้ ทั้งนี้ หากเกิดลักษณะใดลักษณะหนึ่ง หรือทั้ง ๒ ลักษณะ ให้สถานศึกษาแต่งตั้งคณะกรรมการ พิจารณา หากเห็นว่าไม่มีเหตุผลอันสมควรก็ให้ซ้ำชั้น โดยยกเลิกผลการเรียนเดิมและ ให้ใช้ผลการเรียนใหม่ แทน หากพจิ ารณาแล้วไมต่ ้องเรียนซำ้ ชน้ั ให้อยู่ในดลุ ยพนิ จิ ของสถานศึกษาในการแก้ไขผลการเรียน ๒.๑๒ การสอนซ่อมเสรมิ การสอนซ่อมเสริม เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการจัดการเรียนรู้และเป็นการให้โอกาสแก่ ผู้เรียนได้มีเวลาเรียนรู้สิ่งต่างๆ เพิ่มขึ้น จนสามารถบรรลุตามมาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัดที่กำหนดไว้ การ สอนซ่อมเสริมเป็นการสอนกรณีพิเศษนอกเหนือไปจากการสอนตามแผนจัดการเรียนรู้ปกติเพื่อแก้ไข ข้อบกพร่องที่พบในผู้เรียน โดยจัดกระบวนการเรียนรู้ที่หลากหลายและคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล ของผู้เรยี น การสอนซอ่ มเสริมสามารถดำเนินการไดใ้ นกรณีดังต่อไปน้ี ๑) ผู้เรียนมีความรู้/ทักษะพื้นฐานไม่เพียงพอที่จะศึกษาในแต่ละรายวิชานั้น ควรจัด การ สอนซอ่ มเสริม ปรับความรู/้ ทกั ษะพนื้ ฐาน ๒) การประเมินระหว่างเรียน ผู้เรียนไม่สามารถแสดงความรู้ ทักษะกระบวนการ หรือ เจตคติ / คณุ ลกั ษณะท่กี ำหนดไวต้ ามมาตรฐานการเรียนร้/ู ตัวช้ีวดั ๓) ผลการเรียนไม่ถึงเกณฑ์ และ/หรือต่ำกว่าเกณฑ์การประเมิน โดยผู้เรียนได้ระดับผล การเรยี น “๐” ตอ้ งจัดการสอนซ่อมเสรมิ ก่อนจะให้ผเู้ รยี นสอบแกต้ วั ๔) ผู้เรียนมีผลการเรียนไม่ผ่าน สามารถจัดสอนซ่อมเสริมในภาคฤดูร้อน ทั้งนี้ให้อยู่ใน ดลุ ยพนิ ิจของสถานศึกษา
295 การเทยี บโอนผลการเรยี น สถานศึกษาสามารถเทียบโอนผลการเรียนของนักเรียนที่เรียนรู้จากสถานศึกษาได้ในกรณีต่างๆ ได้แก่ การย้ายสถานศึกษา การเปลี่ยนรูปแบบการศึกษา การย้ายหลักสูตร การละทิ้งการศึกษาและขอกลับ เข้ารับการศึกษาต่อ การศึกษาจากต่างประเทศและขอเข้าศึกษาต่อในประเทศ นอกจากนี้ยังสามารถเทียบโอน ความรู้ ทักษะ ประสบการณ์จากแหล่งการเรียนรู้อื่นๆ เช่น สถานประกอบการ สถาบันทางศาสนา สถาบัน การฝึกอบรมอาชีพ การศกึ ษาโดยครอบครัว การเทียบโอนผลการเรียนควรดำเนินการในช่วงก่อนเปิดภาคเรียนแรกหรือต้นภาคเรียนแรก ท่ี สถานศึกษารับผู้ขอเทียบโอนเป็นนักเรียน ทั้งนี้นักเรียนที่ได้รับการเทียบโอนผลการเรียนต้องศึกษาต่อเนื่อง ในสถานศึกษาที่รับเทียบโอนอย่างน้อย ๑ ภาคเรียน โดยสถานศึกษาที่รับการเทียบโอนควรกำหนดรายวิชา จำนวนหนว่ ยกิตท่ีจะรบั เทียบโอนตามความเหมาะสม การพจิ ารณาการเทียบโอนสามารถดำเนนิ การได้ดงั นี้ ๑. พิจารณาจากหลักฐานการศึกษา ซึ่งจะให้ข้อมูลที่แสดงความรู้ ความสามารถของนักเรียนใน ดา้ นตา่ งๆ ๒. พิจารณาจากความรู้ ประสบการณ์ตรงจากการปฏบิ ตั ิจริง การทดสอบ การสัมภาษณ์ เป็นต้น ๓. พจิ ารณาจากความสามารถ และการปฏบิ ตั ิจรงิ ๔. ในกรณีมีเหตุผลจำเป็นระหว่างเรียน นักเรียนสามารถแจ้งความจำนงขอไปศึกษาบางรายวิชาใน สถานศึกษา/สถานประกอบการอื่น แล้วนำมาเทียบโอนได้ โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการบริหาร หลักสตู รและวิชาการของสถานศึกษา ๕. การเทียบโอนผลการเรียนให้ดำเนินการในรูปของคณะกรรมการการเทียบโอนจำนวนไม่น้อย กวา่ ๓ คน แตไ่ ม่ควรเกิน ๕ คน ๖. การเทียบโอนใหด้ ำเนนิ การดงั น้ี ๖.๑ กรณีผู้ขอเทียบโอนมีผลการเรียนมาจากหลักสูตรอื่น ให้นำรายวิชาหรือหน่วยกิตที่มี ตัวชีว้ ดั /มาตรฐานการเรียนร้/ู ผลการเรยี นรู้ท่คี าดหวงั /จุดประสงค์/เนื้อหาทีส่ อดคลอ้ งกันไม่น้อยกว่าร้อยละ ๖๐ มา เทียบโอนผลการเรียนและพจิ ารณาใหร้ ะดบั ผลการเรียนให้สอดคลอ้ งกบั หลักสูตรทรี่ บั เทยี บโอน ๖.๒ กรณีการเทียบโอนความรู้ ทักษะและประสบการณ์ ให้พิจารณาจากเอกสารหลักฐาน (ถ้ามี) โดยให้มกี ารประเมินด้วยเคร่อื งมือทห่ี ลากหลายและใหร้ ะดบั ผลให้สอดคล้องกบั หลกั สูตรท่รี ับเทียบโอน ๖.๓ กรณีการเทียบโอนที่นักเรียนเข้าโครงการแลกเปลี่ยนต่างประเทศ ให้ดำเนินการตาม ประกาศกระทรวงศึกษาธิการเรื่องหลักการและแนวปฏิบัติการเทียบชั้นการศึกษาสำหรับนักเรี ยนที่เข้าร่วม โครงกาแลกเปลย่ี น ทั้งน้ี วธิ ีการเทียบโอนผลการเรียนให้เป็นไปตามประกาศของกระทรวงศกึ ษาธกิ ารและ แนวปฏบิ ัติที่เก่ียวขอ้ ง แผนการวดั และประเมินผลการเรยี นรขู้ องสถานศกึ ษา เม่ือสถานศึกษาจดั ทำหลักสูตรท่ีสอดคลอ้ งกับหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้นั พ้นื ฐานและเหมาะสม กับสภาพบริบทของตนเองแล้ว ภารกิจต่อไปคือวางแผนการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ให้สอดคล้องกับ หลักสูตร เพื่อใช้เป็นแนวทางในการดำเนินการวัดและประเมินผลในระดับช้ันเรียนสำหรับผู้สอน โดยในการ ประเมินความรู้ และทักษะต่าง ๆ นั้นควรยึดบูรณาการไปพร้อมๆ กับการประเมินคุณลักษณะอื่นๆ มี รายละเอยี ดทส่ี ถานศกึ ษาตอ้ งประเมิน ดงั น้ี
296 ๑. การประเมนิ ผลการเรียนรู้ตามกล่มุ สาระการเรียนรู้ ๒. การประเมนิ การอา่ น คิดวเิ คราะห์และเขียน ๓. การประเมนิ คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ ๔. การประเมนิ กจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี น นอกจากนี้ สิ่งที่สถานศึกษาต้องตรวจสอบเพิ่มเติมเพื่อให้มั่นใจว่าการจัดการเรียนรู้และการ ประเมินผลการเรียนรู้ที่ครูผู้สอนดำเนินการนั้น นำสู่การพัฒนาสมรรถนะสำคัญของผู้เรียนตามหลักสูตร แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน ๕ ด้าน ได้แก่ ความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถในการคิด ความสามารถในการแก้ปัญหา ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิตและความสามารถในการใช้เทคโนโลยี โดย การประเมินสมรรถนะสำคัญทั้ง ๕ ด้านนั้นควรเป็นการประเมินในลกั ษณะบูรณาการไปพรอ้ มๆ กับการประเมนิ คุณลักษณะอนื่ ๆ การประเมนิ ผลการเรียนรตู้ ามกลมุ่ สาระการเรยี นรู้ การประเมนิ ผลการเรียนรู้ตามกลุ่มสาระการเรยี นร้ทู ั้ง ๘ กลุม่ สาระ เป็นการประเมนิ ผลการเรยี นรู้ตาม ตัวชี้วัดในหลกั สูตร ซึ่งจะนำไปสู่การสรปุ ผลการเรียนรูข้ องผู้เรยี นตามมาตรฐานการเรียนรู้ต่อไป ภารกิจของ สถานศึกษาในการดำเนนิ การประเมินผลการเรยี นรูต้ ามกลุ่มสาระการเรยี นรู้ มรี ายละเอยี ดดงั นี้ ๑. กำหนดสัดส่วนคะแนนระหว่างเรียนกับคะแนนปลายปี/ปลายภาค โดยให้ความสำคัญของ คะแนนระหว่างเรียนมากกวา่ คะแนนปลายปี/ปลายภาค เชน่ ๖๐:๔๐ , ๗๐:๓๐ , ๘๐:๒๐ เป็นต้น ๒. กำหนดเกณฑ์การตัดสินผลการเรียน โดยพิจารณาความเหมาะสมตามระดับชั้นเรียน เช่น ระดับประถมศึกษาอาจกำหนดเป็นระดับผลการเรียน หรือระดับคุณภาพการปฏิบัติของผู้เรียนเป็นระบบ ตัวเลข ระบบตัวอักษร ระบบร้อยละและระบบคุณภาพสะท้อนมาตรฐาน สำหรับระดับมธั ยมศึกษากำหนด เป็นระดับผลการเรียน ๘ ระดับ และกำหนดเงือ่ นไขตา่ งๆ ของผลการเรียน เช่น การประเมินท่ี ยงั ไม่สมบูรณ์ (ได้ ร) การไม่มีสิทธิเข้ารับการสอบ (ได้ มส) เป็นต้น นอกจากนี้ สถานศึกษาอาจกำหนดคุณลักษณะของ ความสำเร็จตามมาตรฐานการศึกษาแตล่ ะชน้ั ปเี ป็นระดบั คุณภาพเพ่ิมอีกก็ได้ ๓. กำหนดแนวปฏิบัตใิ นการสอนซอ่ มเสรมิ การสอบแก้ตวั กรณผี ้เู รียนมรี ะดับ ผลการเรยี น “๐” และแนวดำเนินการกรณผี เู้ รยี นมผี ลการเรียนท่ีมเี งอ่ื นไข คือ “ ร ” “ มส.” ๔. กำหนดแนวปฏิบัติในการอนุมตั ิผลการเรียน ๕. กำหนดแนวทางในการรายงานผลการประเมนิ ต่อผู้เกีย่ วขอ้ ง เช่น ผู้ปกครอง ๖. กำหนดแนวทาง วิธีการในการกำกับ ติดตามการบันทึกผลการประเมินในเอกสารหลักฐาน การศึกษา ทัง้ แบบทีห่ ลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พื้นฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ และแบบท่สี ถานศกึ ษากำหนด การประเมินการอา่ น คดิ วิเคราะห์และเขยี น หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ กำหนดให้มีการประเมินการอ่าน คิด วิเคราะห์และเขียน ดังนั้นสถานศึกษาต้องวางแผนการพัฒนาความสามารถ ด้านการอ่าน คิดวิเคราะห์และ เขียน ควบคไู่ ปกับการจัดการเรียนร้ใู นรายวิชาตา่ งๆ สถานศึกษาอาจกำหนดข้ันตอนดำเนนิ การ ดงั แผนภาพ
297 ขนั้ ตอนดำเนนิ การประเมินการอา่ น คดิ วเิ คราะหแ์ ละเขียน รูปภาพประกอบที่ 1 แสดงขัน้ ตอนการประเมนิ การอา่ น การคดิ วเิ คราะห์และเขยี น แนวดำเนินการพัฒนาและประเมนิ การอ่าน คิดวิเคราะห์และเขยี น การพัฒนาและประเมินความสามารถการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขยี น สถานศึกษาอาจกำหนดแนว ดำเนินการ ดังนี้ ๑. คณะกรรมการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน ของสถานศึกษากำหนดผลการเรียนรู้ หรอื ความสามารถ การอ่าน คดิ วเิ คราะห์และเขยี น จากกลุ่มสาระการเรียนรพู้ รอ้ มกำหนดเกณฑ์ตัดสินคุณภาพ (ดีเย่ียมดีและผ่าน)ให้เหมาะสมกบั ระดบั การศึกษา ๒. ผู้สอนแต่ละกลุ่มสาระออกแบบการประเมิน เพื่อประเมินความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์และ เขยี น ใหเ้ หมาะสมกบั ผู้เรียนแตล่ ะชั้นปีและการจดั การเรยี นรใู้ นแตล่ ะภาคเรยี น รูปแบบและวิธกี ารพฒั นาและประเมนิ การอา่ น คดิ วิเคราะห์และเขียน คณะกรรมการการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน สามารถดำเนินการไดห้ ลายวิธีดังนี้ ๑. ประเมินจากผลงานและการเข้ารว่ มกิจกรรม ๑.๑ กรณีท่ีบคุ ลากรสอนตามเพยี งพอ ใชว้ ิธีการบรู ณาการความสามารถ การอ่าน คิดวเิ คราะห์ และเขียน เข้ากับหน่วยการเรียนรู้ ในรายวิชา ที่มีสัดส่วนเพียงพอสามารถเป็นตัวแทนได้ เมื่อนำหน่วยการ เรียนรูไ้ ปจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ แต่ละรายวิชาแล้ว มีผลการประเมินของผู้เรียนเป็นผลงานในหน่วยการเรียนรู้ น้ัน ใหน้ ำผลการประเมินนน้ั นับเข้าเป็นผลการประเมินการอา่ น คดิ วเิ คราะหแ์ ละเขยี นดว้ ย ๑.๒กรณีที่สถานศึกษามีบุคลากรเพียงพอ นอกจากส่งเสริมและพัฒนาการอ่าน คิดวิเคราะห์และ เขยี น ในกลมุ่ สาระที่สอนแลว้ ยงั สามารถจดั โครงงาน/กจิ กรรมเสรมิ อีก เช่น โครงการรักการอ่าน-การเขียน เป็นต้น การประเมินผลก็ใช้ผลจากการประเมินในกล่มุ สาระและผลจากการเข้ารว่ มโครงการและกจิ กรรม
298 ๒. ประเมินจากแบบทดสอบมาตรฐานประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และ เขียน โดยทดสอบกับ ผู้เรียนทุกคน การนำแบบทดสอบมาตรฐานมาใช้ประเมินผลต้องมีความมั่นใจในความเที่ยงตรง(Validity) ความยุติธรรม(Fair) และความเชอื่ ถอื ได้ (Reliability) เกณฑก์ ารตดั สินผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขยี น การวเิ คราะห์ข้อมูลเพ่ือตัดสนิ ระดับคณุ ภาพ ใช้วธิ กี ารทเ่ี หมาะสมกับลักษณะของข้อมูลซ่ึงไม่ยุ่งยาก ซับซ้อน ได้แก่ ฐานนิยม (Mode) แล้วตัดสินผลตามเกณฑ์ที่กำหนด ส่งผลให้แก่คณะกรรมการดำเนินการ ประเมนิ การอา่ น คิดวิเคราะหแ์ ละเขียน เพ่ือดำเนินการส่งเสรมิ พัฒนาต่อไป เกณฑ์การตัดสินผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ให้กำหนดเป็นระดับคุณภาพดีเยี่ยม ดีและผ่าน อย่างไรก็ตามใน กระบวนการพัฒนา สถานศึกษาควรกำหนดให้ผู้สอนได้ให้ข้อมูลย้อนกลับแก่ผู้เรียนเพื่อการพัฒนา การอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน ได้บรรลุเป้าหมายของสถานศึกษา การให้ข้อมูลย้อนกลับจะทำได้ดีหากมีการใช้เกณฑ์ การให้คะแนน (Rubrics) เป็นแนวทางการกำหนดเกณฑก์ ารใหค้ ะแนน สถานศกึ ษาสามารถดำเนินการไดด้ ังนี้ ๑. กำหนดระดับคุณภาพตามที่หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานกำหนดไว้ ได้แก่ ดีเยี่ยม ดี และผ่าน ๒. กำหนดประเดน็ การประเมนิ ให้สอดคลอ้ งกับความสามารถทจ่ี ะประเมนิ เชน่ - การนำเสนอเนื้อหา - การใชภ้ าษา ๓. ใหค้ ำอธิบายระดบั คณุ ภาพของประเดน็ การประเมิน ดังตัวอยา่ ง ตารางท่ี 1.54 เกณฑก์ ารตัดสินผลการประเมินการอา่ น คดิ วิเคราะห์และเขียน ประเดน็ ระดบั คะแนน การ ๓ ๒ ๑ ประเมิน - เรยี งลำดบั เรือ่ งราวได้ แตม่ กี ารวกวนบา้ ง การนำเสนอ - เรียงลำดับเร่อื งราวได้ เหมาะสม ไม่ - เรียงลำดับเร่อื งราวได้ - แสดงความคดิ เหน็ ประกอบ เน้ือหา วกวน เหมาะสม ไมว่ กวน - ขอ้ มูลสนับสนนุ หรอื ประเดน็ ยังไม่ชดั เจน - แสดงความคิดเห็นประกอบได้อย่าง - แสดงความคดิ เหน็ มีเหตผุ ลและสรา้ งสรรค์ ประกอบไดอ้ ยา่ งมี - นำเสนอประเด็นสำคัญที่ทำให้เห็น เหตุผล ความชัดเจนของเรอ่ื ง - นำเสนอข้อมูลชัดเจน - ประเมินสิ่งท่ีเป็นประโยชน์ในการ แต่บางประเดน็ ไม่ชัดเจน ดำเนนิ ชีวติ ไดถ้ ูกต้อง การใช้ภาษา - เขียนสะกดคำถกู ต้องตามอักขรวิธี - เขียนสะกดคำถูกต้องตาม - เขียนสะกดคำถูกต้องตาม - เลอื กใชค้ ำตรงความหมาย - ใชภ้ าษาเหมาะสมกบั ระดบั ภาษา อักขรวธิ ี อักขรวธิ ี - ใช้ภาษาสอ่ื สารตรงจดุ ประสงค์ - เลือกใช้คำตรงความหมาย - เลอื กใช้คำตรงความหมาย - ใช้ภาษาเหมาะสมกับระดับ ภาษา
299 การประเมินคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ คุณลักษณะอันพึงประสงค์หมายถึงลักษณะที่ต้องการให้เกิดขึ้นกับผู้เรียนอันเป็นคุณลักษณะท่ี สังคมต้องการ ในด้านคุณธรรมจริยธรรมค่านิยม จิตสำนกึ สามารถอยู่ร่วมกับผู้อืน่ ในสังคมได้อย่างมีความสุข ทั้งในฐานะพลเมืองไทยและพลโลก ตามที่หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานกำหนดซึ่ง มีอยู่ ๘ คุณลักษณะ ได้แก่ รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ซื่อสัตย์สุจริต มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ อยู่อย่างพอเพียง มุ่งมั่นในการ ทำงาน รกั ความเปน็ ไทย มีจิตสาธารณะ นอกจากนีส้ ถานศึกษาสามารถกำหนดคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์เพ่ิมเตมิ ให้สอดคล้องกับบริบทและ จุดเน้นของตนเองได้ การพฒั นาคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ของสถานศึกษาจะบรรลผุ ลได้นั้น ตอ้ งอาศยั การบรหิ ารจัดการ และการมีส่วนร่วมจากทุกฝ่าย ได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษา คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ครูที่ปรึกษา ครูผูส้ อน ผู้ปกครองและชุมชนทตี่ ้องมุ่งขัดเกลา บ่มเพาะ ปลกู ฝังคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ให้เกดิ ขนึ้ แกผ่ ู้เรียน ในการพัฒนาคุณลักษณะอันพึงประสงค์สามารถกระทำไ ด้โดยนำพฤติกรรมบ่งชี้หรือพฤติกรรมท่ี แสดงออกของคุณลักษณะแต่ละด้านที่วิเคราะห์ไว้ บูรณาการในการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ใน กลุ่มสาระการ เรียนรู้ต่าง ๆ ในกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนและโครงการพิเศษต่าง ๆ ที่สถานศึกษาจัดทำขึ้น เช่น โครงการวันพ่อ วันแม่แห่งชาติ โครงการลดภาวะโลกร้อน วันรักษส์ ่ิงแวดลอ้ ม แห่เทียนพรรษา ตามรอยคนดี หรือกิจกรรม ทอี่ งค์กรในท้องถ่นิ จดั ข้ึน เปน็ ต้น สำหรับการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์นั้น สถานศึกษาควรจัดให้มีการประเมินเป็นระยะๆ โดยอาจประเมินผลเป็นรายสัปดาห์ รายเดือน รายภาค รายปีด้วย เพื่อให้มีการสั่งสมและการพัฒนาอย่าง ต่อเน่อื ง โดยเฉพาะการนำไปใชใ้ นชวี ติ ประจำวนั และประเมินผลสรุปเมื่อจบปีสุดท้ายของแต่ละระดับการศึกษา รปู ภาพประกอบท่ี 2 ข้นั ตอนการวดั และประเมินคณุ ลักษณะอนั พึงประสงคข์ องสถานศกึ ษา
300 แนวดำเนินการพฒั นาและประเมินคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ สถานศึกษาควรดำเนินการพัฒนาและประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์เป็นขั้นตอนที่ชัดเจน สามารถตรวจสอบกลับการดำเนินงานได้ แผนภูมิ แสดงขั้นตอนการดำเนินการวัดและประเมินคุณลักษณะ อนั พึงประสงค์ทสี่ ถานศกึ ษาสามารถนำไปปรับใช้ตามบรบิ ทของสถานศึกษา โดย ๑) แต่งต้ังคณะกรรมการการพัฒนาและประเมนิ คุณลักษณะอนั พงึ ประสงคข์ องสถานศึกษา เพอ่ื ๑.๑กำหนดแนวทางในการพัฒนาและแนวทางการประเมิน เกณฑ์การประเมิน และแนวทาง การปรบั ปรงุ แก้ไขปรบั พฤตกิ รรม ๑.๒พิจารณาตัดสินผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์รายปี (ระดับประถมศึกษา) รายภาค (ระดับมธั ยมศึกษา) และจบการศึกษาแต่ละระดบั ๑.๓จัดระบบการปรับปรุงแก้ไขปรับพฤติกรรมด้วยวิธีการอันเหมาะสมและส่งต่อข้อมูลเพื่อการ พฒั นาอย่างต่อเน่ือง ๒) พิจารณานิยามหรือความหมายของคุณลักษณะแต่ละตัว พร้อมทั้งกำหนดตัวช้ีวัดหรือพฤติกรรม บ่งชี้หรือพฤติกรรมที่แสดงออกของคุณลักษณะแต่ละตัว และหากสถานศึกษาได้กำหนดคุณลักษณะอันพึง ประสงคเ์ พมิ่ เตมิ สถานศกึ ษาต้องจัดทำนยิ าม พรอ้ มทง้ั ตัวชว้ี ดั เพมิ่ เตมิ ดว้ ย ๓) กำหนดเกณฑ์และแนวทางการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ให้สอดคล้องกับบริบทและ จุดเน้นของสถานศึกษา กำหนดระดับคุณภาพ หรือเกณฑ์ในการประเมินตามที่หลักสูตรแกนกลางการศึกษา ขน้ั พน้ื ฐานกำหนดไว้ ๓ ระดับ คอื ดเี ยี่ยม ดี และ ผ่าน กำหนดประเด็นการประเมนิ ให้สอดคล้องกับตัวชี้วัด คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ๔) เลือกใช้วธิ ีการวเิ คราะห์ข้อมูลทีไ่ ม่ยุ่งยาก ซับซ้อน ได้แก่ ค่าฐานนิยม (Mode) แล้วตัดสินผลตาม เกณฑ์ทีก่ ำหนดไว้ นำผลการตัดสินให้คณะกรรมการพฒั นาและประเมนิ คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ พิจารณา เพื่อดำเนนิ การส่งเสรมิ พัฒนาตอ่ ไป ๕) ให้ครูผู้สอนแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้และผูท้ ี่ได้รบั มอบหมายรับผิดชอบการพัฒนาและประเมิน คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ การประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์จะทำการประเมินแยกจากการประเมินของกลุ่ มสาระการ เรียนรโู้ ดยดำเนนิ การดงั น้ี ๑. คณะกรรมการการพัฒนาและประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของสถานศกึ ษาทำความเข้าใจ กบั คณะครผู ู้สอนทุกกลุ่มสาระการเรยี นรู้/รายวิชาครูท่ปี รึกษาครูผูด้ ูแลกิจกรรมพัฒนาผู้เรยี น ถึงนโยบายของ สถานศึกษาในการพัฒนาคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียนโดยขอให้ครูที่ปรึกษา ครูประจำสาระวิชา ครู ผ้รู ับผดิ ชอบโครงการต่างๆได้ให้ความสนใจรว่ มกันพัฒนา คุณลกั ษณะอนั พึงประสงคข์ องผูเ้ รียนทุกข้อและร่วม กำหนดตัวชี้วัดหรือพฤติกรรมบ่งชี้ หรือพฤติกรรมที่แสดงออกของแต่ละคุณลักษณะตามที่คณะกรรมการ พฒั นาและประเมนิ คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ของสถานศึกษาได้วเิ คราะห์ไว้ ให้เหมาะสมกับธรรมชาติของวัย และวุฒภิ าวะของนักเรียน ๒. กำหนดเกณฑ์และคำอธบิ ายระดบั คุณภาพให้สอดคล้องกับเกณฑ์การประเมนิ ท่หี ลักสูตร แกนกลางกำหนด ๓. กำหนดวธิ กี ารประเมนิ และเคร่ืองมือการประเมินใหเ้ หมาะสมกบั ตัวช้วี ดั ๔. ดำเนินการประเมินผ้เู รยี นอยา่ งต่อเนือ่ งและรายงานผลการประเมินเป็นระยะๆ
301 ๕. กำหนดระดับของพฤติกรรมที่บ่งชี้ว่า พฤติกรรมนักเรียนอยู่ในระดับ “เสี่ยง” กล่าวคือการ พัฒนาคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ของผู้เรียนดว้ ยวธิ ีธรรมดาอาจจะไมส่ ามารถทำใหผ้ ู้เรียนบรรลุตามเกณฑ์ได้มี ความจำเป็นที่ครูที่ปรึกษาหรือครูผู้สอนร่วมกับคณะกรรมการพัฒนาและประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ของสถานศึกษาตอ้ งใช้กระบวนการวิจัยเข้ามาช่วยในการแกป้ ญั หาโดยทำกรณศี ึกษา ๖. เมื่อสิ้นภาคเรียน/สิ้นปีครูผู้สอนส่งผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียนทุกคนท่ี รบั ผิดชอบใหค้ ณะกรรมการของสถานศกึ ษาซง่ึ มคี รูวดั ผลเป็นเลขานุการ ๗. ครวู ดั ผลดำเนินการประมวลผลตามเกณฑท์ ี่สถานศกึ ษากำหนด โดยใชฐ้ านนิยม (mode) ๘. นำเสนอผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษาเพ่อื พจิ ารณาอนมุ ตั ิ การประเมนิ กจิ กรรมพัฒนาผเู้ รยี น กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เป็นกิจกรรมที่สถานศึกษาต้องจัดให้ผู้เรียนทุกระดับช้ัน เพื่อส่งเสริมพัฒนา ความสามารถของตนเองตามความถนัดความสนใจ ให้เต็มศักยภาพโดยมุ่งเน้นการพัฒนาองค์รวมของความเป็น มนุษย์ทั้งด้านร่างกายสติปัญญาอารมณ์และสังคม สร้างเยาวชนของชาติให้เป็นผู้มีศีลธรรม จริยธรรม มีระเบียบ วินัย ปลูกฝังและสร้างจิตสำนึกของการทำประโยชน์เพื่อสังคมและสามารถบริหาร การจัดการตนเองได้ กจิ กรรมพฒั นาผ้เู รียนแบง่ เป็น ๓ ลักษณะ ได้แก่ ๑. กิจกรรมแนะแนวเป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียนให้สอดคล้องกับความสามารถ ความ ถนัดและความสนใจ โดยคำนงึ ถงึ ความแตกต่างระหวา่ งบุคคล ด้วยกระบวนการทางจิตวิทยา การแนะแนว ให้ สอดคลอ้ งครอบคลุมด้านการศึกษา อาชีพสว่ นตัวและสังคม กจิ กรรมสำคัญในการพัฒนาได้แก่ กิจกรรมการรู้จัก เข้าใจและเห็นคุณค่าในตนเองและผู้อื่น กิจกรรมการปรับตัวและดำรงชีวิต กิจกรรมแสวงหาและใช้ข้อมูล สารสนเทศ กิจกรรมการตัดสินใจและแก้ปัญหา เป็นต้น ๒. กิจกรรมนักเรียนเป็นกิจกรรมที่มุ่งพัฒนาความมีระเบียบวินัย ความเป็นผู้นำ ผู้ตามที่ดี ความ รับผิดชอบ การทำงานร่วมกัน การรู้จักแก้ปัญหา การตัดสินใจที่เหมาะสมความมีเหตุผล การช่วยเหลือแบ่งปันกัน เอื้ออาทรและสมานฉันท์ โดยจัดให้สอดคล้องกับความสามารถ ความถนัด และความสนใจของผู้เรียน ให้ ผู้เรียนได้ปฏิบัติด้วยตนเองในทุกข้ันตอน ได้แก่ การศึกษาวิเคราะห์ วางแผน ปฏิบัติตามแผน ประเมินและ ปรับปรงุ การทำงาน เน้นการทำงานรว่ มกนั เปน็ กลมุ่ ตามความเหมาะสม และสอดคลอ้ งกับวุฒิภาวะของผู้เรียน บรบิ ทของสถานศกึ ษาและทอ้ งถน่ิ กจิ กรรมนกั เรยี นประกอบดว้ ย ๒.๑กิจกรรมลูกเสอื เนตรนารี ยวุ กาชาด ผู้บำเพ็ญประโยชน์และนักศึกษาวิชาทหาร เป็น กิจกรรมท่ีมุ่งพัฒนาความมรี ะเบียบวนิ ัย ความเปน็ ผู้นำผตู้ ามท่ีดี ความรับผิดชอบ การทำงานรว่ มกนั การ รจู้ กั แกป้ ญั หา การตัดสนิ ใจท่ีเหมาะสม ความมเี หตผุ ล การช่วยเหลอื แบง่ ปันกัน การประนปี ระนอม เพื่อ ส่งเสริมให้ผเู้ รยี นเจริญเติบโตเป็นผใู้ หญ่ทมี่ คี วามสมบูรณ์ พรอ้ มทง้ั ด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สงั คมและ สติปัญญา เป็นตน้ ๒.๒ กิจกรรมชุมนุม ชมรมเป็นกจิ กรรมท่ีสง่ เสริมและพฒั นาผู้เรยี นใหส้ อดคล้องกับ ความสามารถ ความถนดั และความสนใจ โดยเนน้ ใหผ้ เู้ รยี นปฏิบตั ดิ ว้ ยตนเอง ตั้งแต่การศึกษาวิเคราะห์ วางแผน ปฏิบตั ติ ามแผน ประเมินและปรับปรุงการทำงาน เนน้ การทำงานร่วมกนั เป็นกลุ่ม กจิ กรรมสำคัญใน การพฒั นา ไดแ้ ก่ ชมุ นุมหรอื ชมรมตา่ งๆ ท่ีสถานศกึ ษากำหนดขนึ้ ตามความเหมาะสมและสอดคล้องกบั วฒุ ิ ภาวะของผเู้ รยี นและบริบทของสถานศกึ ษาและท้องถ่ิน
302 ๓. กิจกรรมเพ่ือสังคมและสาธารณะประโยชน์เป็นกิจกรรมทส่ี ง่ เสริมให้ผเู้ รียนได้ทำประโยชน์ตาม ความสามารถ ความถนดั และความสนใจในลกั ษณะอาสาสมัคร เพ่ือแสดงถึงความรับผดิ ชอบ ความดงี าม ความเสียสละต่อสงั คม มีจิตใจม่งุ ทำประโยชนต์ ่อครอบครัว ชมุ ชนและสงั คม กจิ กรรมสำคัญได้แก่ กิจกรรม บำเพญ็ ประโยชน์ กจิ กรรมสร้างสรรค์สังคม กิจกรรมดำรงรักษา สืบสานศาสนา ศลิ ปะและวฒั นาธรรม กจิ กรรมพฒั นานวัตกรรมและเทคโนโลยีเพ่ือสังคม เป็นต้น เวลาเรยี นสำหรับกิจกรรมพฒั นาผู้เรยี นทก่ี ำหนดไวใ้ นหลกั สตู รแกนกลาง ในระดบั ชั้น ประถมศกึ ษาปที ี่ ๑ ถึงมัธยมศึกษาปีที่ ๓ ปลี ะ ๑๒๐ ช่วั โมง และชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ ๔-๖ จำนวน ๓๖๐ ชวั่ โมง เป็นเวลาสำหรับปฏิบัติกิจกรรมแนะแนว กิจกรรมนักเรยี นและกจิ กรรมเพ่ือสงั คมและสาธารณประโยชน์ใน ส่วนกจิ กรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ใหส้ ถานศึกษาจัดสรรเวลาใหผ้ ู้เรยี นดงั น้ี ระดับประถมศึกษาปที ่ี ๑-๖ รวม ๖ ปี จำนวน ๖๐ ชว่ั โมง(เฉลี่ยปลี ะ ๑๐ ชวั่ โมง) ระดับมัธยมศึกษาปที ่ี ๑-๓ รวม ๓ ปี จำนวน ๔๕ ช่ัวโมง(เฉลี่ยปลี ะ ๑๕ ช่ัวโมง) ระดับมธั ยมศึกษาปีท่ี ๔-๖ รวม ๓ ปี จำนวน ๖๐ ชวั่ โมง(เฉลีย่ ปีละ ๒๐ ชวั่ โมง) การจัดกจิ กรรมเพ่ือสงั คมและสาธารณะประโยชน์ สามารถนำไปสอดแทรก หรือบูรณาการ ใน กจิ กรรมลูกเสือ เนตรนารี ผู้บำเพญ็ ประโยชน์ ได้ตามความเหมาะสม ท้ังน้ี การทำกจิ กรรมเพ่ือสังคมและ สาธารณประโยชน์ ใหผ้ ูเ้ รยี นรายงานแสดงการเขา้ ร่วมกิจกรรมและมผี ูร้ ับรองผลการเข้าร่วมกจิ กรรมดว้ ย การประเมินผลการจดั กจิ กรรมพัฒนาผู้เรยี น เป็นเง่ือนไขสำคญั ประการหน่ึงสำหรบั การเลือ่ น ชน้ั และการจบระดบั การศึกษา ผเู้ รียนต้องมเี วลาเขา้ รว่ มและปฏบิ ตั ิกิจกรรมพฒั นาผู้เรยี น ตลอดจนผ่านการ ประเมนิ ตามเกณฑ์ทสี่ ถานศึกษากำหนด โดยแนวทางการประเมินกิจกรรมพฒั นาผเู้ รยี น แนวดำเนนิ การประเมินกจิ กรรมพฒั นาผูเ้ รียน สถานศกึ ษาควรมีการดำเนินการประเมนิ กิจกรรมพัฒนาผเู้ รียนเป็นข้นั ตอนที่ชดั เจน ๑. การประเมนิ กิจกรรมพัฒนาผเู้ รียนรายกจิ กรรม มแี นวปฏบิ ตั ดิ ังน้ี ๑.๑ ประเมินกิจกรรมพฒั นาผู้เรยี นจากการปฏบิ ตั ิกิจกรรมและผลงานของผ้เู รียนตามเกณฑท์ ่ี สถานศึกษากำหนด ดว้ ยวิธีการท่ีหลากหลาย และใช้การประเมนิ ตามสภาพจรงิ ๑.๒ ตรวจสอบเวลาเขา้ ร่วมกจิ กรรมของผ้เู รยี นว่า เปน็ ไปตามเกณฑท์ ส่ี ถานศึกษากำหนดไว้ หรือไม่ ๑.๓ ในกรณที ี่ กิจกรรมใดตอ้ งใชเ้ วลาปฏิบัติตลอดปี เมือ่ สิ้นภาคเรยี นแรก ควรจดั ใหม้ ีการ ประเมินผลการปฏิบัติกิจกรรมของผู้เรียน เพื่อสรุปความก้าวหน้า ปรับปรุงแก้ไข และรายงานให้ผู้ปกครอง ทราบ (โดยนำผลการประเมินในภาคเรียนแรกไปรวมกับผลการประเมินในภาคเรียนที่สอง เพื่อตัดสินผลการ ผ่านกิจกรรมพัฒนาผเู้ รยี นเมอ่ื จบปีการศกึ ษาในระดับประถมศึกษาและเมื่อส้นิ ภาคเรียนในระดับมัธยมศกึ ษา) ๑.๔ ผเู้ รียนท่ีมีเวลาการเข้าร่วมกิจกรรม การปฏบิ ัตกิ ิจกรรมและผลงานของผู้เรียนตามเกณฑ์ที่ สถานศกึ ษากำหนด เป็นผผู้ ่านการประเมนิ รายกิจกรรมและนำผลการประเมินไปบนั ทึกในระเบียนแสดงผลการ เรยี น ๑.๕ ผู้เรียนที่มีผลการประเมินไม่ผ่านในเกณฑ์เวลาการเข้าร่วมกิจกรรม หรือเกณฑ์การ ปฏิบัติกิจกรรมและผลงานของผู้เรียนหรือทั้งสองเกณฑ์ ถือว่าไม่ผ่านการประเมินผลกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ผู้สอนต้องดำเนินการซ่อมเสริมและประเมินจนผา่ น ทั้งนี้ควรดำเนินการให้เสร็จสิ้นในปีการศึกษานั้น ยกเว้นมี เหตสุ ดุ วสิ ยั ใหอ้ ยใู่ นดุลพินจิ ของสถานศกึ ษา
303 ๒.การประเมินกจิ กรรมพัฒนาผู้เรียนเพื่อเล่อื นช้นั และจบระดับการศึกษา การประเมินกจิ กรรมพัฒนาผ้เู รียน เพ่อื เลือ่ นชน้ั และจบระดับการศกึ ษาเป็นการประเมินการ ผ่านกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เป็นรายปี / รายภาค เพื่อสรุปผลการผ่านในแต่ละกิจกรรม สรุปผลรวมเพื่อเลื่อนช้ัน และประมวลผลรวมในปีสุดท้ายเพ่ือการจบแตล่ ะระดบั การศึกษา โดยการดำเนินการดงั กลา่ วมีแนวปฏิบตั ิ ดงั นี้ ๒.๑กำหนดให้มีผู้รับผิดชอบในการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการรว่ มกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ของผเู้ รยี นทกุ คนตลอดระดบั การศกึ ษา ๒.๒ผู้รับผิดชอบสรุปและตัดสินผลการร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนของผู้เรียนเป็น รายบุคคลตามเกณฑ์ที่สถานศึกษากำหนด (เกณฑ์การจบแต่ละระดับการศึกษาที่สถานศึกษากำหนดน้ัน ผู้เรียนจะตอ้ งผ่านกจิ กรรม ๓ กจิ กรรมสำคัญ ดงั นี้ ๑) กจิ กรรมแนะแนว ๒) กิจกรรมนักเรียน ซึ่งได้แก่ (๑) กิจกรรมลูกเสือเนตรนารียุวกาชาด ผู้บำเพ็ญ ประโยชน์และนกั ศึกษาวชิ าทหาร(๒) กจิ กรรมชมุ นมุ ชมรม ๓) กิจกรรมเพอ่ื สังคมและสาธารณะประโยชน์ ๒.๓นำเสนอผลการประเมินต่อคณะอนุกรรมการกลุ่มสาระการเรียนรู้และกิจกรรมพัฒนา ผู้เรียน เพอื่ ให้ความเหน็ ชอบ ๒.๔เสนอผู้บริหารสถานศึกษา พิจารณาอนุมัติผลการประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนผ่าน เกณฑ์การจบแตล่ ะระดับการศกึ ษา ๓.ขอ้ เสนอแนะ การประเมนิ ผลการเข้ารว่ มกิจกรรมพัฒนาผเู้ รียนน้นั จะตอ้ งคำนงึ ถึงสิง่ ตอ่ ไปนี้ ๓.๑ เวลาการเข้าร่วมกิจกรรมของผู้เรียนตามเกณฑ์ที่สถานศึกษากำหนดสถานศึกษาควร กำหนดเวลาไมน่ ้อยกวา่ ร้อยละ ๘๐ ๓.๒ ผลการปฏิบัติกิจกรรมและผลงานของผู้เรียนให้เป็นไปตามเกณฑ์ที่สถานศึกษา กำหนดโดยอาจจดั ให้ผเู้ รยี นแสดงผลงาน แฟม้ สะสมงานหรอื จัดนิทรรศการ ๓.๔ ผู้เรียนทุกคนต้องมีผลการประเมินระดับผ่าน ทั้งเวลาการเข้าร่วมกิจกรรม การ ปฏิบัติกิจกรรมและผลงานของผู้เรยี นจึงจะได้ผลการประเมินเป็นผา่ น (ผ) เพื่อบันทึกในระเบียนแสดงผลการ เรยี น ๓.๕ กรณที ผี่ ้เู รียนไมผ่ ่านกจิ กรรม (มผ) ใหเ้ ปน็ หน้าทข่ี องครู หรอื ผูร้ บั ผดิ ชอบกจิ กรรม นั้น ๆ ที่จะต้องซ่อมเสริม โดยให้ผู้เรียนทำกิจกรรมจนครบตามเวลาที่ขาดหรือปฏิบัติกิจกรรมให้บรรลุตาม วัตถุประสงคข์ องกิจกรรมนั้นแล้วจึงประเมินใหผ้ า่ นกิจกรรมเพื่อบันทึกในระเบียนแสดงผลการเรียน ยกเว้นมี เหตุสดุ วิสัยใหร้ ายงานผู้บรหิ ารสถานศึกษาทราบเพ่ือดำเนินการช่วยเหลือผเู้ รียนอยา่ งเหมาะสมเป็นรายกรณีไป ๓.๖ ในการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน หากสถานศึกษามีบุคลากรไม่เพียงพอ หรือไม่ สามารถจัดกิจกรรมได้อย่างหลากหลาย สถานศึกษาอาจจัดกิจกรรมในลักษณะบูรณาการ หรือสอดแทรกใน กิจกรรมหรือโครงการต่าง ๆ เช่นกิจกรรมโฮมรูม กิจกรรมวันสำคัญ กิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ เป็นต้น ซึ่ง สถานศึกษาสามารถดำเนินการประเมินผลการเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าวและนำมาเป็นส่วนหนึง่ ในการประเมนิ กจิ กรรมพัฒนาผูเ้ รยี นได้
304 เกณฑก์ ารผ่านการประเมนิ กิจกรรมพฒั นาผ้เู รยี น ผู้เรียนจะต้องได้รับการประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนและผ่านเกณฑ์ตามที่สถานศึกษา กำหนด โดยกำหนดเกณฑใ์ นการประเมนิ อย่างเหมาะสม ดงั น้ี ๑. กำหนดคุณภาพหรือเกณฑ์ในการประเมินตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน กำหนด ไว้ ๒ ระดับ คอื ผา่ น และไม่ผา่ น ๒. กำหนดประเด็นการประเมนิ ใหส้ อดคล้องตามจุดประสงค์ในแต่ละกิจกรรมและกำหนด เกณฑก์ ารผา่ นการประเมิน ดงั นี้ ๒.๑ เกณฑ์การตดั สินผลการประเมินรายกิจกรรม ผ่าน หมายถึง ผเู้ รยี นมีเวลาเขา้ รว่ มกิจกรรมครบตามเกณฑ์และปฏบิ ัติ กจิ กรรมและผลงานของผเู้ รียนตามเกณฑ์ทส่ี ถานศึกษา กำหนด ไม่ผ่าน หมายถึง ผูเ้ รียนมีเวลาเข้ารว่ มไม่ครบตามเกณฑ์ หรือไม่ผ่าน การปฏบิ ตั ิกิจกรรมและผลงานของผเู้ รยี นตามเกณฑ์ ทส่ี ถานศกึ ษากำหนด ๒.๒ เกณฑ์การตดั สินผลการประเมินกจิ กรรมพฒั นาผู้เรยี นในแตล่ ะภาค/ปี ผา่ น หมายถงึ ผูเ้ รยี นมผี ลการประเมินระดับ “ผ่าน” ในกจิ กรรมสำคัญท้ัง ๓ กิจกรรม คือ กจิ กรรมแนะแนว กิจกรรมนักเรียน กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ ไม่ผ่าน หมายถงึ ผู้เรียนมผี ลการประเมินระดับ“ไมผ่ ่าน” ในกิจกรรมสำคัญ กจิ กรรมใดกิจกรรมหนึ่งจาก ๓ กิจกรรม คือ กิจกรรม แนะแนว กิจกรรมนักเรียน กิจกรรมเพื่อสังคมและ สาธารณประโยชน์ ๒.๓ เกณฑ์การตดั สินผลการประเมินกิจกรรมพัฒนาผูเ้ รียนเพอ่ื จบระดบั การศกึ ษา ผา่ น หมายถึง ผู้เรียนมผี ลการประเมินระดับ “ผ่าน” ทุกชัน้ ปี ในระดับการศกึ ษานัน้ ไมผ่ า่ น หมายถึง ผเู้ รียนมผี ลการประเมินระดับ “ ไมผ่ า่ น ” บางช้นั ปี ในระดับการศึกษาน้ัน
โรงเรียนเซนตย์ อแซฟสกลนคร สำนกั งำนคณะกรรมกำรส่งเสริมกำรศึกษำเอกชน กระทรวงศึกษำธิกำร
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313