สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง ๕๒ มารถนำมาใช้เป็นแหล่งพลังงาน สาระการเรียนรู้ท้องถน่ิ ในการผลิตไฟฟ้า และนำไปใช้ - น์ นสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วใช้ความรู้และทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์ สรรค์ด้วยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม เลือกใช้เทคโนโลยี อย่างเหมาะสมโดย สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง สาระการเรยี นรู้ท้องถ่นิ - - ชีวติ จริงอย่างเปน็ ขัน้ ตอนและเปน็ ระบบใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่ือสารในการ สาระการเรยี นรู้แกนกลาง สาระการเรียนรทู้ อ้ งถ่นิ - ทมึ เป็นขน้ั ตอนที่ใช้ในการแกป้ ญั หา ดงอัลกอริทึมทำได้โดยการเขียน บอก ภาพ หรอื ใชส้ ัญลักษณ์
รหัสตัวช้ีวดั ตัวชวี้ ัด ว ๔.๒ ป ๓/๒ - ตัวอย่าง ว ๔.๒ ป ๓/๓ เกม Tetri ทำความส ๒. เขียนโปรแกรมอย่างงา่ ย โดยใช้ซอฟต์แวร์ - การเขีย หรือส่อื และตรวจหำขอ้ ผิดพลาดของโปรแกรม คำสง่ั ให้ค - ตวั อย่าง ตัวละครท - การตรว คำสั่งที่แจ เป็นไปตาม ละคำสั่ง - ซอฟต์แ เช่น ใช้บ Code.org ๓. ใช้อินเทอรเ์ น็ตค้นหาความรู้ - อินเทอร การติดตอ่ เป็นแหล่ง การดำเนนิ - เว็บเบร เอกสารบน
สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง ๕๓ งปัญหา เช่น เกมเศรษฐี เกมบันไดงู is เกม OX การเดินไปโรงอาหาร การ สาระการเรยี นรูท้ อ้ งถ่ิน สะอาดหอ้ งเรยี น - ยนโปรแกรมเป็นการสร้างลำดับของ คอมพวิ เตอรท์ ำงาน - งโปรแกรม เช่น เขยี นโปรแกรมที่สั่งให้ ทำงานซ้ำไมส่ ้นิ สดุ วจหาข้อผิดพลาดทำได้โดยตรวจสอบ จ้งข้อผิดพลาด หรือหากผลลัพธ์ไม่ มที่ต้องการให้ตรวจสอบการทำงานที แวร์หรือสื่อที่ใช้ในการเขียนโปรแกรม บัตรคำสั่งแสดงการเขียนโปรแกรม, g ร์เน็ตเป็นเครือข่ายขนาดใหญ่ช่วยให้ อส่ือสารทำได้สะดวกและรวดเรว็ และ งข้อมูลความรู้ที่ช่วยในการเรียน และ นชวี ิต ราว์เซอร์เป็นโปรแกรมสำหรับอ่าน นเว็บเพจ
รหสั ตวั ชี้วดั ตัวชว้ี ัด - การสืบค ว ๔.๒ ป ๓/๔ เว็บไซต์สำ ๔. รวบรวม ประมวลผล และนำเสนอข้อมูล เหมาะสมจ โดยใชซ้ อฟต์แวรต์ ามวัตถุประสงค์ – ข้อมูลค กระดาษ ชาติไทย ( ทีเ่ ป็นประ - การใช้อ การดแู ลข - การรวบ ต้องการ เ - การประ จดั กลุ่ม เร - การนำเ ความเหม เอกสารรา - การใช้ซอ ใช้ซอฟต์แ สร้างแผน ทำป้ายป ซอฟต์แว ขอ้ มลู
สาระการเรียนรู้แกนกลาง ๕๔ ค้นข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตทำได้โดยใช้ สาระการเรยี นรูท้ อ้ งถ่ิน ำหรับสืบค้น และต้องกำหนดคำค้นที่ - จึงจะได้ขอ้ มลู ตามต้องการ ความรู้ เช่น วิธีทำอาหาร วิธีพับ - เป็นรูปต่าง ๆ ข้อมูลประวัติศาสตร์ (อาจเปน็ ความรู้ในวชิ าอน่ื ๆ หรือเร่อื ง ะเด็นท่สี นใจ ในชว่ งเวลานั้น) อินเทอร์เน็ตอย่างปลอดภัยควรอยู่ใน ของครู หรอื ผปู้ กครอง บรวมข้อมูล ทำได้โดยกำหนดหัวข้อที่ เตรยี มอุปกรณใ์ นการจดบนั ทึก ะมวลผลอย่างง่าย เช่น เปรียบเทียบ รียงลำดบั เสนอข้อมูลทำได้หลายลักษณะตาม มาะสม เช่น การบอกเล่า การทำ ายงาน การจัดทำป้ายประกาศ อฟตแ์ วร์ทำงานตามวตั ถปุ ระสงค์ เช่น แวร์นำเสนอหรือซอฟต์แวร์กราฟฟิก นภูมิรูปภาพ ใช้ซอฟต์แวร์ประมวลคำ ประกาศ หรือเอกสารรายงาน ใช้ วร์ตารางทำงานในการประมวลผล
รหสั ตัวช้ีวดั ตวั ช้ีวัด - การใชเ้ ท ว ๔.๒ ป ๓/๕ เช่น ปกป้อ ๕. ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศอย่างปลอดภยั - ขอความ ปฏบิ ัติตามข้อตกลงในการใช้อินเทอรเ์ นต็ เกิดปญั หา บุคคลทท่ี ำ - การปฏิบ จะทำให้ไม เช่น ไมใ่ ชค้ เสียหาย ห
สาระการเรียนรแู้ กนกลาง ๕๕ ทคโนโลยีสารสนเทศอยา่ งปลอดภัย สาระการเรยี นรูท้ อ้ งถ่ิน องข้อมลู สว่ นตัว - มช่วยเหลอื จากครู หรือผปู้ กครองเม่ือ าจากการใชง้ าน เมื่อพบข้อมลู หรอื ำใหไ้ มส่ บายใจ บัติตามข้อตกลงในการใชอ้ ินเทอรเ์ น็ต ม่เกดิ ความเสียหายต่อตนเองและผู้อนื่ คำหยาบ ลอ้ เลยี น ด่าทอ ทำให้ผอู้ ่ืน หรอื เสียใจ
ตัวชีว้ ดั และสาระกา ชัน้ ประถมศ สาระท่ี ๑ วิทยาศาสตรช์ ีวภาพ มาตรฐาน ว ๑.๑ เขา้ ใจความหลากหลายของระบบนิเวศ ความสมั พนั ธร์ ะ ระบบนิเวศ การถา่ ยทอดพลงั งาน การเปลี่ยนแปลงแทนที่ในระบบนิเวศ ความหมายขอ ในการอนรุ กั ษ์ทรัพยากรธรรมชาติและการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมรวมทัง้ นำความรู้ไปใ รหัสตัวชี้วดั ตวั ชวี้ ัด -- สาระที่ ๑ วิทยาศาสตรช์ ีวภาพ มาตรฐาน ว ๑.๒ เข้าใจสมบัติของสิ่งมีชีวิต หน่วยพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต กา สัตวแ์ ละมนุษย์ท่ีทำงานสัมพนั ธ์กัน ความสัมพันธ์ของโครงสรา้ ง และหน้าทข่ี องอวยั วะต รหัสตวั ชี้วัด ตวั ชี้วดั ว ๑.๒ ป ๔/๑ ๑. บรรยายหนา้ ทขี่ องราก ลำต้น ใบ และดอก - ส่วนต่าง ของพชื ดอกโดยใช้ข้อมลู ที่รวบรวมได้ - รากทำห - ลำต้นทำ ของพืช - ใบทำหน คือนำ้ ตาล
๕๖ ารเรยี นร้แู กนกลาง ศึกษาปีที่ ๔ ะหวา่ งสิ่งไม่มชี ีวิตกับสิ่งมชี ีวิตและความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมชี วี ิตกับส่ิงมีชีวิตต่าง ๆ ใน องประชากรปัญหาและผลกระทบที่มีต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แนวทาง ใช้ประโยชน์ สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรยี นรทู้ ้องถนิ่ -- ารลำเลียงสารผ่านเซลล์ความสัมพันธ์ของโครงสร้าง และหน้าที่ของระบบต่าง ๆ ของ ตา่ ง ๆ ของพืชท่ีทำงานสัมพนั ธ์กนั รวมท้ังนำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ สาระการเรยี นรู้แกนกลาง สาระการเรยี นรทู้ ้องถ่นิ ง ๆ ของพืชดอกทำหน้าทแี่ ตกตา่ งกัน - ศึกษา โครงสร้างของพืชที่พบในบริเวณสวน หน้าทีด่ ูดนำ้ และแรธ่ าตขุ ึ้นไปยังลำต้น โรงเรียนวัดบางหญ้าแพรกเชน่ ต้นมะนาว ำหน้าที่ลำเลียงน้ำต่อไปยังส่วนต่าง ๆ ตน้ พริก เป็นต้น น้าที่สร้างอาหาร อาหารที่พืชสร้างข้นึ ลซงึ่ จะเปล่ยี นเป็นแป้ง
รหัสตวั ชี้วัด ตวั ชว้ี ัด - ดอกทำ ส่วนประก เกสรเพศผ แต่ละสว่ น สาระที่ ๑ วทิ ยาศาสตร์ชวี ภาพ มาตรฐาน ว ๑.๓ เข้าใจกระบวนการและความสำคญั ของการถ่ายทอดลักษ ความหลากหลายทางชีวภาพและวิวัฒนาการของสิง่ มชี วี ติ รวมท้ังนำความรไู้ ปใช้ประโย รหสั ตัวชี้วดั ตัวชีว้ ัด ว ๑.๓ ป ๔/๑ ๑. จำแนกสงิ่ มีชวี ิตโดยใช้ความเหมือนและ - สิ่งมีชีวิต ความแตกตา่ งของลกั ษณะของสงิ่ มีชีวติ ใช้ ความเห ออกเปน็ กลุ่มพชื กล่มุ สัตว์ และกล่มุ ท่ีไมใ่ ช่พืช ต่าง ๆ เช และสัตว์ เคลื่อนที่ด อื่นเป็นอา และสตั ว์ เ ว ๑.๓ ป ๔/๒ ๒. จำแนกพชื ออกเป็นพืชดอกและพืชไม่มดี อก - การจำ โดยใช้การมีดอกเป็นเกณฑ์ โดยใช้ขอ้ มูล ที่ เกณฑ์ ใน รวบรวมได้ มีดอก
สาระการเรยี นรู้แกนกลาง ๕๗ ำหน้าที่สืบพันธุ์ ประกอบด้วย สาระการเรยี นรู้ทอ้ งถ่นิ กอบต่าง ๆ ได้แก่ กลีบเลี้ยง กลีบดอก ผู้ และเกสรเพศเมีย ซึ่งส่วนประกอบ นของดอก ทำหนา้ ทแ่ี ตกต่างกัน ษณะทางพันธกุ รรม สารพันธุกรรม การเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมที่มีผลต่อสิ่งมชี วี ติ ยชน์ สาระการเรยี นรู้แกนกลาง สาระการเรียนรทู้ ้องถน่ิ ตมีหลายชนิด สามารถจัดกลุ่มได้โดย - สำรวจ จัดกลุ่ม สิ่งมีชีวิตที่พบบริเวณบ่อปลา หมือนและความแตกต่างของลักษณะ ในโรงเรยี นวดั บางหญ้าแพรก และในชุมชน ช่น กลุ่มพืชสร้างอาหารเองได้ และ ด้วยตนเองไม่ได้ กลุ่มสัตว์กินสิ่งมีชีวิต าหารและเคลื่อนที่ได้ กลุ่มที่ไม่ใช่พืช เชน่ เหด็ รา จลุ ินทรยี ์ ำแนกพืช สามารถใช้การมีดอกเป็น - สำรวจ จำแนก พืชออกเปน็ พืชดอกและพืชไม่ นการจำแนก ได้เป็นพืชดอกและพืชไม่ มดี อก ในโรงเรียนวัดบางหญา้ แพรก
รหัสตัวช้ีวดั ตวั ชวี้ ดั ว ๑.๓ ป ๔/๓ ๓. จำแนกสัตวอ์ อกเปน็ สัตวม์ ีกระดูกสันหลัง - การจำแ ว ๑.๓ ป ๔/๔ และสัตว์ไม่มีกระดูกสนั หลงั โดยใชก้ ารมี หลัง เป็น กระดูกสันหลงั เป็นเกณฑ์ โดยใช้ขอ้ มูลท่ี กระดูกสนั รวบรวมได้ - สัตว์มีกร ๔. บรรยายลกั ษณะเฉพาะทส่ี ังเกตไดข้ องสตั ว์มี ปลา กลุ กระดูกสนั หลังในกลุ่มปลา กล่มุ สตั ว์สะเทินนำ้ สัตว์เลื้อย สะเทินบก กล่มุ สตั ว์เลอ้ื ยคลาน กล่มุ นก และ ด้วยน้ำนม กลมุ่ สตั ว์เลี้ยงลกู ดว้ ยน้ำนม และยกตวั อยา่ ง สังเกตได้ ส่ิงมีชีวิตในแตล่ ะกลุ่ม
สาระการเรียนร้แู กนกลาง ๕๘ แนกสัตว์ สามารถใช้การมีกระดูกสัน สาระการเรยี นรูท้ อ้ งถ่ิน นเกณฑ์ในการจำแนก ได้เป็นสัตว์มี - นหลงั และสัตวไ์ ม่มีกระดกู สันหลัง ระดูกสันหลังมีหลายกลุ่ม ได้แก่ กลุ่ม ่มสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก กลุ่ม ยคลาน กลุ่มนก และกลุ่มสัตว์เลี้ยงลูก ม ซึ่งแต่ละกลุ่มจะมีลักษณะเฉพาะที่
สาระท่ี ๒ วิทยาศาสตรก์ ายภาพ มาตรฐาน ว ๒.๑ เข้าใจสมบตั ิของสสาร องคป์ ระกอบของสสาร ความสัมพ ธรรมชาติของการเปลย่ี นแปลงสถานะของสสาร การเกดิ สารละลาย และการเกดิ ปฏิกริ รหสั ตวั ช้ีวัด ตัวชว้ี ัด - วัสดุแต่ล ว ๒.๑ ป ๔/๑ กัน วสั ดทุ ๑. เปรียบเทยี บสมบัตทิ างกายภาพด้านความ มีสภาพยืด ว ๒.๑ ป ๔/๒ แขง็ สภาพยืดหยุ่น การนำความรอ้ น และการ มากระทำ นำไฟฟ้าของวัสดโุ ดยใช้หลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์ ร้อนจะร้อ จากการทดลองและระบุการนำสมบัตเิ ร่อื ง ที่นำไฟฟ ความแข็ง สภาพยืดหยนุ่ การนำความร้อน ดังน้ันจึงอ และการนำไฟฟา้ ของวัสดุไปใชใ้ น ใช้ในกระ ชวี ติ ประจำวัน ผา่ นกระบวนการออกแบบ ประโยชน ช้นิ งาน ๒. แลกเปล่ียนความคดิ กับผู้อ่ืนโดยการ อภปิ รายเกยี่ วกับสมบัตทิ างกายภาพของวสั ดุ อยา่ งมเี หตผุ ลจากการทดลอง
๕๙ พนั ธร์ ะหว่างสมบตั ิของสสารกบั โครงสร้างและแรงยึดเหน่ยี วระหว่างอนภุ าค หลักและ รยิ าเคมี สาระการเรยี นรู้แกนกลาง สาระการเรยี นรทู้ อ้ งถน่ิ ละชนิดมีสมบัติทางกายภาพแตกต่าง - สำรวจขยะที่พบบริเวณโรงเรียนวัดบางหญ้า ทีม่ คี วามแข็งจะทนต่อแรงขูดขีด วัสดทุ ่ี แพรก และเปรยี บเทยี บสมบตั ขิ องวัสดุ ดหยุ่นจะเปล่ยี นแปลงรปู ร่างเม่ือมีแรง ำและกลบั สภาพเดิมได้ วสั ดุท่ีนำความ อนได้เร็วเมื่อได้รับความร้อน และวัสดุ ฟ้าได้ จะให้กระแสไฟฟ้าไหลผ่านได้ อาจนำสมบัติต่าง ๆ มาพิจารณาเพ่ือ ะบวนการออกแบบชิ้นงานเพื่อใช้ น์ในชวี ิตประจำวนั
รหัสตวั ช้ีวดั ตวั ชว้ี ดั - วัสดุเป็น ว ๒.๑ ป ๔/๓ สสารมีสถ ๓. เปรียบเทียบสมบตั ขิ องสสารทง้ั ๓ สถานะ ของแข็ง ม ว จากข้อมลู ท่ีได้จากการสงั เกต มวล การ ปริมาตรค ๒.๑ ป ๔/๔ ตอ้ งการทอี่ ยู่ รปู รา่ งและปริมาตรของสสาร เฉพาะส่ว ปริมาตรแ ๔. ใช้เครื่องมือเพ่ือวัดมวล และปรมิ าตรของ บรรจุ สสารทง้ั ๓ สถานะ สาระที่ ๒ วทิ ยาศาสตร์กายภาพ มาตรฐาน ว ๒.๒ เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจำวัน ผลของแรงท ประโยชน์ รหัสตวั ช้ีวัด ตัวช้วี ัด ว ๒.๒ ป ๔/๑ ๑. ระบผุ ลของแรงโน้มถว่ งที่มีต่อวตั ถุจาก - แรงโน หลกั ฐานเชิงประจักษ์ กระทำต่อ ว ๒.๒ ป ๔/๒ ๒. ใช้เครอ่ื งชัง่ สปริงในการวัดนำ้ หนกั ของวตั ถุ และเป็นแ วตั ถหุ นงึ่ ๆ วัตถุมีน้ำห ชั่งสปริง น โดยวัตถุท มวลน้อยจ
สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง ๖๐ นสสารเพราะมีมวลและต้องการที่อยู่ สาระการเรยี นร้ทู อ้ งถน่ิ ถานะเปน็ ของแข็ง ของเหลว หรือแก๊ส - มีปริมาตรและรูปร่างคงที่ ของเหลวมี คงที่ แต่มีรูปร่างเปลี่ยนไปตามภาชนะ - วนที่บรรจุของเหลว ส่วนแก๊สมี และรูปร่างเปลี่ยนไปตามภาชนะท่ี ที่กระทำต่อวัตถุ ลักษณะการเคลื่อนที่แบบต่าง ๆ ของวัตถุ รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ สาระการเรยี นร้แู กนกลาง สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น - น้มถ่วงของโลกเป็นแรงดึงดูดที่โลก อวัตถุ มีทิศทางเข้าสู่ศูนย์กลางโลก แรงไมส่ ัมผัส แรงดงึ ดูดทโ่ี ลกกระทำกับ ๆ ทำให้วตั ถตุ กลงสูพ่ นื้ โลก และทำให้ หนัก วัดน้ำหนักของวัตถุไดจ้ ากเคร่ือง น้ำหนักของวัตถุขึ้นกับมวลของวัตถุ ที่มีมวลมากจะมีน้ำหนักมาก วัตถุที่มี จะมนี ้ำหนักน้อย
รหัสตวั ช้ีวดั ตวั ชว้ี ดั ว ๒.๒ ป ๔/๓ ๓. บรรยายมวลของวัตถทุ มี่ ีผลตอ่ การ - มวล ค เปล่ยี นแปลงการเคล่ือนทีข่ องวัตถุจากหลักฐาน ประกอบก เชิงประจกั ษ์ ในการเปล ท่ีมีมวลมา กว่าวัตถุท นอกจากจ แล้วยังหม เคลอ่ื นทีข่ สาระที่ ๒ วิทยาศาสตรก์ ายภาพ มาตรฐาน ว ๒.๓ เขา้ ใจความหมายของพลงั งาน การเปลี่ยนแปลงแ ชวี ติ ประจำวนั ธรรมชาตขิ องคลื่น ปรากฏการณ์ที่เกย่ี วข้องกบั เสยี ง แสง และคลน่ื แมเ่ ห รหสั ตัวช้ีวดั ตัวชว้ี ัด ว ๒.๓ ป ๔/๑ ๑. จำแนกวตั ถเุ ปน็ ตวั กลางโปร่งใส ตวั กลาง - เมอ่ื มองส โปร่งแสง และวัตถุทึบแสง จากลักษณะ การ แสง จะท มองเหน็ สงิ่ ตา่ ง ๆ ผ่านวตั ถนุ ้ันเปน็ เกณฑโ์ ดยใช้ ชัดเจนต่า หลักฐานเชงิ ประจกั ษ์ ตัวกลางโป ชัดเจน ตัว ๆ ได้ไม่ชัด เหน็ สง่ิ ตา่ ง
สาระการเรียนรแู้ กนกลาง ๖๑ ือ ปริมาณเนื้อของสารทั้งหมดที่ สาระการเรยี นรู้ท้องถิ่น กันเป็นวัตถุ ซึ่งมีผลต่อความยากง่าย - ลี่ยนแปลงการเคลื่อนที่ของวัตถุ วัตถุ ากจะเปล่ียนแปลงการเคลื่อนที่ได้ยาก ที่มีมวลน้อย ดังนั้น มวลของวัตถุ จะหมายถึงเนื้อทั้งหมดของวัตถุนั้น มายถึงการต้านการเปลี่ยนแปลง การ ของวัตถนุ ัน้ ดว้ ย และการถ่ายโอนพลังงาน ปฏสิ ัมพันธร์ ะหว่างสสารและพลังงาน พลังงานใน หล็กไฟฟ้า รวมท้ังนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง สาระการเรียนรทู้ ้องถนิ่ สง่ิ ต่าง ๆ โดยมวี ตั ถุต่างชนิดกันมาก้ัน - ทำให้ลักษณะการมองเห็นสิ่งนั้นๆ างกัน จึงจำแนกวัตถุที่มากั้นออกเป็น ปร่งใส ซึ่งทำให้มองเห็นสิ่งต่าง ๆ ได้ วกลางโปร่งแสงทำให้มองเห็น สิ่งต่าง ดเจน และ วัตถุทึบแสงทำให้มองไม่ ง ๆ น้นั
สาระท่ี ๓ วิทยาศาสตร์โลก และอวกาศ มาตรฐาน ว ๓.๑ เขา้ ใจองค์ประกอบ ลกั ษณะ กระบวนการเกิด และวิวัฒ ระบบสรุ ิยะท่ีสง่ ผลต่อสิง่ มชี วี ิตและการประยกุ ต์ใช้เทคโนโลยีอวกาศ รหัสตัวช้ีวัด ตวั ชีว้ ัด ว ๓.๑ ป ๔/๑ ๑. อธิบายแบบรปู เสน้ ทางการข้นึ และตก ของ - ดวงจันท ดวงจันทร์ โดยใชห้ ลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์ หมุนรอบต หมุน รอบ ตวั เองของ ในทิศทาง เหนือ ทำ ทางด้าน ตะวนั ตกห ว ๓.๑ ป ๔/๒ ๒. สรา้ งแบบจำลองทีอ่ ธิบายแบบรปู การ - ดวงจัน เปลี่ยนแปลงรูปร่างปรากฏของดวงจันทร์ และ ของดวงจัน พยากรณร์ ูปรา่ งปรากฏของดวงจันทร์ ดวงจันทร โดยในแต เป็นเสี้ยวท ดวง จาก แหวง่ และ เห็นดวงจ จันทร์จะเ การเปลี่ย เดอื น
๖๒ ฒนาการของเอกภพ กาแล็กซีดาวฤกษ์ และระบบสรุ ิยะ รวมทงั้ ปฏิสมั พนั ธภ์ ายใน สาระการเรยี นร้แู กนกลาง สาระการเรียนรู้ทอ้ งถ่ิน ทร์เป็นบริวารของโลก โดยดวงจันทร์ - ตัวเองขณะโคจรรอบโลก ขณะที่โลกก็ บตัวเองด้วยเช่นกัน การหมุนรอบ งโลกจากทิศตะวันตกไปทศิ ตะวันออก งทวนเข็มนาฬิกาเมื่อมองจากขั้วโลก ำให้มองเห็น ดวงจันทร์ปรากฏขึ้น ทิศตะวันออกและตกทางด้านทิศ หมนุ เวียนเปน็ แบบรูปซำ้ ๆ นทร์เป็นวัตถุที่เป็นทรงกลม แต่รูปร่าง - สังเกตรูปร่างของดวงจันทร์ในแต่ละคืนที่บ้าน นทร์ที่มองเห็นหรือรูปร่างปรากฏของ ของนักเรียน ร์บนท้องฟ้าแตกต่างกันไปในแต่ละวัน ต่ละวันดวงจันทร์จะมีรูปร่างปรากฏ ที่มีขนาดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนเต็ม นั้นรูปร่างปรากฏของดวงจันทร์จะ ะมีขนาดลดลง อยา่ งต่อเนอ่ื งจนมองไม่ จันทร์ จากนั้นรูปร่างปรากฏของดวง เป็นเสี้ยวใหญ่ขึ้นจนเต็มดวงอีกคร้ัง ยนแปลงเช่นนี้เป็นแบบรูปซ้ำกัน ทุก
รหัสตัวช้ีวดั ตวั ชว้ี ัด - ระบบส ว ๓.๑ ป ๔/๓ ศูนย์กลา ๓. สรา้ งแบบจำลองแสดงองค์ประกอบของ เคราะห์แป ระบบสุริยะ และอธบิ ายเปรยี บเทยี บคาบ การ ละดวงมีข โคจรของดาวเคราะหต์ ่าง ๆ จากแบบจำลอง แตกต่างก แคระ ดาว เล็กอื่น ๆ เล็กอื่น ๆ แรงโน้มถ่ว ผีพุง่ ไตแ้ ล สาระท่ี ๓ วิทยาศาสตรโ์ ลก และอวกาศ มาตรฐาน ว ๓.๒ เขา้ ใจองคป์ ระกอบ และความสมั พนั ธ์ของระบบโลก กร เปลย่ี นแปลงลมฟา้ อากาศและภูมิอากาศโลกรวมทัง้ ผลต่อสิง่ มีชวี ิตและสงิ่ แวดลอ้ ม รหสั ตัวช้ีวดั ตวั ชว้ี ดั -- สาระที่ ๔ เทคโนโลยี มาตรฐาน ว ๔.๑ เขา้ ใจแนวคดิ หลักของเทคโนโลยเี พื่อการดำรงชีวติ ในสัง คณติ ศาสตร์ และศาสตร์อื่น ๆ เพ่อื แกป้ ัญหา หรือพัฒนางานอยา่ งมีความคิดสร้างสรรค คำนงึ ถึงผลกระทบต่อชวี ิต สงั คม และส่งิ แวดล้อม รหสั ตัวช้ีวดั ตวั ชีว้ ดั -- สาระที่ ๔ เทคโนโลยี
สาระการเรียนรแู้ กนกลาง ๖๓ สุริยะเป็นระบบที่มีดวงอาทิตย์เป็น สาระการเรียนร้ทู ้องถนิ่ างและมีบริวารประกอบด้วย ดาว - ปดดวงและบริวาร ซึ่งดาวเคราะห์แต่ ขนาดและระยะห่างจากดวงอาทิตย์ กัน และยังประกอบด้วย ดาวเคราะห์ วเคราะหน์ อ้ ย ดาวหาง และวตั ถขุ นาด โคจรอยู่รอบดวงอาทิตย์ วัตถุขนาด เมื่อเข้ามาในชั้นบรรยากาศเนื่องจาก วงของโลก ทำให้เกิดเป็นดาวตกหรือ ละอกุ กาบาต ระบวนการเปลีย่ นแปลงภายในโลกและบนผิวโลก ธรณีพบิ ตั ิภัย กระบวนการ สาระการเรยี นรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้ทอ้ งถน่ิ - - งคมที่มกี ารเปล่ียนแปลงอยา่ งรวดเรว็ ใช้ความรู้และทักษะทางด้านวทิ ยาศาสตร์ ค์ด้วยกระบวนการออกแบบเชงิ วิศวกรรม เลอื กใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสมโดย สาระการเรียนรแู้ กนกลาง สาระการเรยี นรู้ท้องถิ่น - -
มาตรฐาน ว ๔.๒ เข้าใจและใชแ้ นวคดิ เชิงคำนวณในการแก้ปญั หาท่ีพบในช การเรยี นรู้ การทำงาน และการแก้ปัญหาได้อย่างมปี ระสิทธภิ าพ รูเ้ ท่าทนั และมจี รยิ ธร รหสั ตวั ชี้วัด ตวั ช้วี ัด ว ๔.๒ ป ๔/๑ ๑. ใชเ้ หตุผลเชิงตรรกะในการแก้ปญั หา การ - การใช้เห อธบิ ายการทำงาน การคาดการณผ์ ลลพั ธ์ จาก หรือเงื่อน ปัญหาอย่างง่าย ในการแก การคาดก - สถานะเร ใหผ้ ลลพั ธ
๖๔ ชีวิตจริงอยา่ งเปน็ ข้ันตอนและเป็นระบบใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสารใน รรม สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง สาระการเรียนรู้ทอ้ งถิน่ หตุผลเชิงตรรกะเป็นการนำกฎเกณฑ์ - ไขทีค่ รอบคลมุ ทุกกรณีมาใชพ้ ิจารณา ก้ปัญหา การอธิบายการทำงาน หรือ การณ์ผลลพั ธ์ รมิ่ ตน้ ของการทำงานท่ีแตกต่างกันจะ ธ์ท่แี ตกต่างกัน
รหสั ตวั ช้ีวัด ตัวช้วี ดั ว ๔.๒ ป ๔/๒ - ตัวอย่าง การคำนว และ มีกา ระหว่างกัน ตา่ ง ๆ ๒. ออกแบบ และเขยี นโปรแกรมอยา่ งงา่ ย โดย - การออก ใช้ซอฟต์แวร์ หรอื สอื่ และตรวจหาขอ้ ผดิ พลาด อ อ ก แ บ และแก้ไข ออกแบบอ - การเขีย คำสั่ง ให้ค ตาม ควา ตรวจสอบ ทำให้ผลล จะไดผ้ ลลพั - ตัวอยา่ ง การตอบโต ประจำวัน การฝึกตร ผู้อื่นจะช ปัญหาได้ด
สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง ๖๕ งปัญหา เช่น เกม OX, โปรแกรมที่มี วณ, โปรแกรมที่มีตัวละครหลายตัว สาระการเรยี นรูท้ อ้ งถ่ิน ารสั่งงานที่แตกต่าง หรือมีการสื่อสาร น, การเดินทางไปโรงเรียนโดยวิธีการ - กแบบโปรแกรมอย่างง่าย เช่น การ บ โ ด ย ใ ช ้ storyboard ห ร ื อ ก า ร อลั กอรทิ ึม ยนโปรแกรมเป็นการสร้างลำดับของ คอมพิวเตอร์ทำงาน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ ามต้องการ หากมีข้อผิดพลาดให้ บ การทำงานทีละคำสั่ง เมื่อพบจุดที่ ลัพธ์ ไม่ถูกต้อง ให้ทำการแก้ไขจนกว่า พธ์ท่ถี ูกต้อง งโปรแกรมท่ีมเี ร่อื งราว เช่น นิทานทม่ี ี ต้กับผใู้ ช้ การ์ตนู ส้นั เลา่ กิจวตั ร น ภาพเคลื่อนไหว รวจหาข้อผิดพลาดจากโปรแกรมของ ช่วยพัฒนาทักษะการหาสำเหตุของ ดียงิ่ ขนึ้
รหัสตวั ช้ีวัด ตวั ชี้วดั ว ๔.๒ ป ๔/๓ -ซอฟต์แว ว ๔.๒ ป ๔/๔ Scratch, ๓. ใช้อนิ เทอรเ์ น็ตคน้ หาความรู้ และประเมนิ - การใช้ค ความนา่ เช่อื ถือของขอ้ มลู ได้ ผลลพั ธ - การประ พิจารณาป เผยแพร่ขอ้ - เมื่อได้ข จะต้องนำ เลือกขอ้ ม - การทำร นำข้อมูล ตนเอง ท่ีเ นำเสนอ ( ๔. รวบรวม ประเมนิ นำเสนอขอ้ มลู และ - การรวบ สารสนเทศ โดยใช้ซอฟต์แวร์ทห่ี ลากหลาย เพื่อ ต้องการ เ แก้ปญั หาในชวี ิตประจำวนั - การประ จัดกลมุ่ เร - วิเคราะ ประเมินท
สาระการเรยี นรู้แกนกลาง ๖๖ วร์ที่ใช้ในการเขียนโปรแกรม เช่น สาระการเรยี นรูท้ อ้ งถ่ิน logo - คำค้นที่ตรงประเด็น กระชับ จะทำให้ - ธ์ท่รี วดเร็วและตรงตามความตอ้ งการ ะเมินความน่าเชื่อถือของข้อมูล เช่น ประเภทของเว็บไซต์ ผู้เขียน วันที่ อมลู การอา้ งอิง ข้อมูลที่ต้องการจากเว็บไซต์ต่าง ๆ ำเน้ือหามาพิจารณา เปรียบเทียบ แล้ว มูล ท่มี คี วามสอดคลอ้ งและสัมพันธ์กัน รายงานหรือการนำเสนอข้อมูลจะต้อง ลมาเรียบเรียง สรุป เป็นภาษาของ เหมาะสมกับกลุ่มเปา้ หมายและวิธีการ (บรู ณาการกบั วชิ าภาษาไทย) บรวมข้อมูล ทำได้โดยกำหนดหัวข้อ ที่ เตรียมอุปกรณใ์ นการจดบันทึก ะมวลผลอย่างง่าย เช่น เปรียบเทียบ รียงลำดับ การหาผลรวม ะห์ผลและสร้างทางเลือกที่เป็นไปได้ ทางเลือก (เปรยี บเทยี บ ตัดสนิ )
รหสั ตวั ชี้วดั ตัวชวี้ ดั ว ๔.๒ ป ๔/๕ - การนำเ ความเห เอกสารรา - การใช ชีวิตประ กลางวันโ และเก็บข ประมวลผ คุณค่าทาง สำหรับ ๕ สำรวจ รา ข้อมูลดา้ น ๕. ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภยั - การใช้เท เข้าใจสิทธแิ ละหน้าทขี่ องตน เคารพในสทิ ธิของ เขา้ ใจสิทธ ผู้อ่นื แจง้ ผู้เกยี่ วข้องเม่ือพบข้อมลู หรอื บุคคลที่ ผู้อื่น เช่น ไม่เหมาะสม ไม่สร้าง ค สแปม ข้อ ส่วนตัวขอ ข้อมูลส่วน ไม่ได้รับอน บญั ชีของผ
สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง ๖๗ เสนอข้อมูลทำได้หลายลักษณะตาม สาระการเรยี นรูท้ อ้ งถ่ิน ห ม า ะ ส ม เ ช ่ น ก า ร บ อ ก เ ล่ า ายงาน โปสเตอร์ โปรแกรมนำเสนอ - ช้ซอฟต์แวร์เพื่อแก้ปัญหาใน ะจำวัน เช่น การสำรวจเมนูอาหาร โดยใช้ซอฟต์แวร์สร้างแบบสอบถาม ข้อมูล ใช้ซอฟต์แวร์ตารางทำงานเพื่อ ผลข้อมูล รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับ งโภชนาการและสร้างรายการอาหาร ๕ วัน ใช้ซอฟต์แวร์นำเสนอผลการ ายการอาหารที่เป็นทางเลือก และ นโภชนาการ ทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย ธิและหน้าท่ีของตน เคารพในสิทธิของ น ไม่สร้างข้อความเท็จและส่งให้ผู้อ่ืน ความเดือดร้อนต่อผู้อื่นโดยการส่ง อความลูกโซ่ ส่งต่อโพสต์ที่มีข้อมูล องผู้อื่น ส่งคำเชิญเล่นเกม ไม่เข้าถึง นตัวหรือการบ้านของบุคคลอื่นโดย นุญาต ไม่ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์/ ชื่อ ผู้อื่น
รหสั ตัวช้ีวัด ตวั ชี้วดั - การสื่อส - การปกป ระบบเมื่อ เลขประจำ
สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง ๖๘ สารอย่างมีมารยาทและรกู้ าลเทศะ สาระการเรยี นรูท้ อ้ งถ่ิน ป้องข้อมูลส่วนตัว เช่น การออกจาก - อเลิกใช้งาน ไม่บอกรหัสผ่าน ไม่บอก ำตัวประชำชน
ตัวช้วี ัดและสาระกา ชั้นประถมศ สาระท่ี ๑ วิทยาศาสตรช์ ีวภาพ มาตรฐาน ว ๑.๑ เข้าใจความหลากหลายของระบบนิเวศ ความสัมพันธ ในระบบนิเวศ การถ่ายทอดพลังงาน การเปลี่ยนแปลงแทนที่ในระบบนิเวศ ความห แนวทางในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละการแก้ไขปญั หาส่งิ แวดล้อมรวมทงั้ นำค รหัสตวั ชี้วัด ตวั ช้วี ดั ว ๑.๑ ป ๕/๑ ๑. บรรยายโครงสรา้ งและลกั ษณะของสงิ่ มีชวี ิต - สิ่งมีชีว ทีเ่ หมาะสมกับการดำรงชีวติ ซ่ึงเป็นผลมาจาก ลกั ษณะ ท การปรับตวั ของสิ่งมีชวี ิตในแต่ละแหลง่ ท่ีอยู่ ผลมาจาก ดำรงชีวิตแ ผักตบชวา น้ำได้ ต้น ค้ำจุนทำใ เคล่อื นทใ่ี น
๖๙ ารเรียนรแู้ กนกลาง ศกึ ษาปที ่ี ๕ ธ์ระหว่างสิ่งไม่มีชีวิตกับส่ิงมีชีวิตและความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ หมายของประชากรปัญหาและผลกระทบที่มีต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่ งแวดล้อม ความรู้ไปใช้ประโยชน์ สาระการเรียนร้แู กนกลาง สาระการเรียนรทู้ อ้ งถิ่น - วิตทั้งพืชและสัตว์มีโครงสร้างและ ทีเ่ หมาะสมในแตล่ ะแหล่งที่อยู่ ซึง่ เป็น ก การปรับตัวของสิ่งมีชีวิต เพื่อให้ และอยูร่ อดไดใ้ นแต่ละแหล่งท่อี ยู่ เชน่ ามีช่องอากาศในก้านใบ ช่วยให้ลอย นโกงกางที่ขึ้นอยู่ใน ป่าชายเลนมีราก ให้ลำต้นไม่ล้ม ปลามีครีบช่วยในการ นนำ้
รหสั ตัวชี้วัด ตัวช้วี ัด ว ๑.๑ ป ๕/๒ ๒. อธบิ ายความสัมพนั ธร์ ะหว่างส่ิงมชี ีวิตกับ - ในแหล ว ๑.๑ ป ๕/๓ ว ๑.๑ ป ๕/๔ สิง่ มชี ีวติ และความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งสง่ิ มชี ีวติ กบั ความสัมพ สิ่งไมม่ ชี วี ติ เพื่อประโยชน์ตอ่ การดำเนินชีวติ สิ่งไมม่ ีชวี ิต ๓. เขยี นโซอ่ าหารและระบบุ ทบาทหนา้ ทีข่ อง ความสัมพ สงิ่ มีชวี ติ ที่เปน็ ผ้ผู ลติ และผบู้ ริโภคในโซ่อาหาร เป็นแหล่ง ๔. ตระหนักในคณุ ค่าของสิง่ แวดลอ้ มท่มี ีต่อ ออ่ น ใชอ้ า การดำรงชวี ิตของสิ่งมีชีวติ โดยมีสว่ นร่วม ใน - สิ่งมีชีวิต เป็นทอด การดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม สามารถร ผ้ผู ลติ และ สาระที่ ๑ วทิ ยาศาสตร์ชีวภาพ มาตรฐาน ว ๑.๒ เขา้ ใจสมบัติของสิ่งมชี วี ิต หน่วยพ้ืนฐานของสง่ิ มีชวี ิต ก สตั ว์และมนุษยท์ ่ีทำงานสมั พนั ธก์ ัน ความสัมพนั ธข์ องโครงสร้าง และหนา้ ที่ของอวัยวะต รหสั ตวั ช้ีวัด ตวั ชว้ี ดั --
๗๐ สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรยี นรู้ทอ้ งถนิ่ ล่งที่อยู่หนึ่ง ๆ สิ่งมีชีวิตจะมี - สำรวจ และอธบิ ายความสัมพันธ์ของส่ิงมีชีวิต พันธ์ ซึ่งกันและกันและสัมพันธ์กับ ทีพ่ บในโรงเรียน และบริเวณหน้าอาคารเรียน ต เพ่อื ประโยชนต์ ่อการดำรงชีวิต เช่น - เขียนโซ่อาหารแสดงความสัมพันธ์ของ พันธ์กัน ด้านการกินกันเป็นอาหาร ส่ิงมีชีวิตภายในโรงเรียน และบริเวณหน้า งที่อยู่อาศัย หลบภัยและเลี้ยงดูลูก อาคารเรียน ากาศในการหายใจ ตมีการกินกันเปน็ อาหารโดยกินต่อกัน ด ๆ ในรูปแบบของโซ่อาหารทำให้ ระบุบทบาทหน้าที่ของสิ่งมีชีวิตเป็น ะผู้บรโิ ภค การลำเลยี งสารผ่านเซลล์ความสัมพันธข์ องโครงสร้าง และหนา้ ทข่ี องระบบต่าง ๆ ของ ตา่ ง ๆ ของพืชที่ทำงานสัมพันธก์ นั รวมท้งั นำความรู้ไปใช้ประโยชน์ สาระการเรยี นรู้แกนกลาง สาระการเรยี นรูท้ อ้ งถิน่ --
สาระท่ี ๑ วิทยาศาสตรช์ ีวภาพ มาตรฐาน ว ๑.๓ เขา้ ใจกระบวนการและความสำคัญของการถ่ายทอดลัก ความหลากหลายทางชวี ภาพและวิวฒั นาการของส่ิงมีชวี ิต รวมทั้งนำความรูไ้ ปใช้ประโย รหสั ตวั ช้ีวดั ตัวช้วี ัด ว ๑.๓ ป ๕/๑ ๑. อธิบายลักษณะทางพนั ธุกรรมท่มี กี าร - สิ่งมีชีวิต ถ่ายทอดจากพ่อแม่ส่ลู ูกของพืช สตั ว์ และ จะมีการส มนษุ ย์ โดยลูกที่เ ว ๑.๓ ป ๕/๒ ๒. แสดงความอยากรู้อยากเห็นโดยการถาม ทางพันธุก คำถามเกย่ี วกับลักษณะที่คล้ายคลงึ กันของ พันธุกรรม ตนเองกับพ่อแม่ อืน่ - พชื มีการ ลักษณะขอ - สัตว์มีก เช่น สขี น - มนุษย์ม เช่น เชิงผ การหอ่ ลน้ิ
๗๑ กษณะทางพนั ธุกรรม สารพันธกุ รรม การเปล่ยี นแปลงทางพันธุกรรมทมี่ ีผลต่อส่ิงมีชีวิต ยชน์ สาระการเรียนรแู้ กนกลาง สาระการเรียนรทู้ อ้ งถน่ิ ตทั้งพืช สัตว์ และมนุษย์ เมื่อโตเต็มท่ี - สืบพันธุ์เพื่อเพิ่มจำนวนและดำรงพันธุ์ เกิดมาจะได้รับการถ่ายทอดลักษณะ กรรมจากพ่อแม่ทำให้มีลักษณะทาง - มที่เฉพาะแตกต่างจากสิ่งมีชีวิตชนิด รถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม เช่น องใบ สดี อก การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม ลกั ษณะของขน ลักษณะของหู มีการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม ผมที่หน้าผาก ลักยิ้ม ลักษณะหนังตา น ลักษณะของตงิ่ หู
สาระท่ี ๒ วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ มาตรฐาน ว ๒.๑ เขา้ ใจสมบัติของสสาร องคป์ ระกอบของสสาร ความสัมพ ธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร การเกิดสารละลาย และการเกดิ ปฏกิ ริ รหสั ตวั ช้ีวัด ตัวชี้วัด ว ๒.๑ ป ๕/๑ ๑. อธิบายการเปล่ียนสถานะของสสาร เม่ือทำ - การเป ใหส้ สารร้อนขึ้นหรือเย็นลง โดยใช้หลกั ฐานเชิง เปลี่ยนแป ประจกั ษ์ ให้กับสสา ของแข็งเป การหลอม จนถึงอีกร เรียกว่า ก ลงถึงระด ของเหลว ความร้อน เปลย่ี นสถ สสารบาง ของแข็งเป เรียกว่า ก เปลี่ยนสถ ของเหลว
๗๒ พนั ธ์ระหว่างสมบัตขิ องสสารกบั โครงสร้างและแรงยึดเหนี่ยวระหวา่ งอนภุ าค หลักและ รยิ าเคมี สาระการเรียนรแู้ กนกลาง สาระการเรยี นรู้ทอ้ งถนิ่ ปลี่ยนสถานะของสสารเป็นการ - ทดลอง และอธบิ ายการเปล่ยี นสถานะของน้ำ ปลงทางกายภาพ เมื่อเพิ่มความร้อน เม่อื ไดร้ ับความร้อน ารถึงระดับหนึ่งจะทำให้สสารที่เป็น - วิเคราะห์ผลผลิตที่ได้ เมื่อให้ความร้อนกับน้ำ ปลี่ยนสถานะเป็นของเหลว เรียกว่า จนน้ำระเหยออกหมด มเหลว และเม่ือเพิ่ม ความร้อนต่อไป ระดบั หน่ึงของเหลวจะเปลีย่ นเป็นแก๊ส การกลายเป็นไอ แต่เมื่อลดความร้อน ดับหนึ่งแก๊สจะเปลี่ยนสถานะเป็น ว เรียกว่า การควบแน่น และถ้าลด นต่อไปอกี จนถึงระดับหนึง่ ของเหลวจะ ถานะเป็นของแข็ง เรยี กวา่ การแข็งตัว งชนิดสามารถเปลี่ยนสถานะจาก ป็นแก๊สโดยไม่ผ่านการเป็น ของเหลว การระเหิด ส่วนแก๊สบางชนิดสามารถ ถานะเป็นของแข็งโดยไม่ผ่าน การเป็น เรยี กวา่ การะเหิดกลบั
รหัสตวั ช้ีวดั ตัวชี้วัด - เมื่อใส่ส ว ๒.๑ ป ๕/๒ ๒. อธบิ ายการละลายของสารในนำ้ โดยใช้ เดียวกันก ว ๒.๑ ป ๕/๓ หลกั ฐานเชิงประจกั ษ์ ละลาย เร ๓. วเิ คราะห์การเปล่ยี นแปลงของสาร เมื่อเกิด ว ๒.๑ ป ๕/๔ การเปล่ยี นแปลงทางเคมี โดยใชห้ ลักฐานเชงิ - เมื่อผส ประจักษ์ เกิดขึ้น ซ สารชนิดเ ๔. วเิ คราะหแ์ ละระบุการเปล่ียนแปลงทผี่ ัน ใหม่เกิดข กลับไดแ้ ละการเปลี่ยนแปลงทผ่ี ันกลับไม่ได้ เปลี่ยนแป กลิ่นต่างจ ตะกอนเก อณุ หภูมิ - เมื่อสา สามารถเป เปลี่ยนแป การกลาย เกิดการเป กลับเป็นส กลบั ไม่ได้
สาระการเรยี นรู้แกนกลาง ๗๓ สารลงในน้ำแล้วสารนั้นรวมเป็นเน้ือ กับน้ำทั่วทุกส่วน แสดงว่าสารเกิดการ สาระการเรยี นรูท้ อ้ งถ่ิน รยี กสารผสมท่ไี ดว้ ่าสารละลาย - มสาร ๒ ชนิดขึ้นไปแล้วมีสารใหม่ - ซึ่งมีสมบัติต่างจากสารเดิม หรือเม่ือ เดียว เกิดการเปลี่ยนแปลงแล้วมีสาร - ขึ้น การเปลี่ยนแปลงนี้เรียกว่า การ ปลงทางเคมี ซึ่งสังเกตได้จากมีสี หรือ จากสารเดิม หรือ มีฟองแก๊ส หรือมี กิดขนึ้ หรอื มีการเพ่ิมขน้ึ หรือลดลงของ ารเกิดการเปลี่ยนแปลงแล้ว สาร ปลี่ยนกลับเป็นสารเดิมได้ เป็นการ ปลงที่ผันกลับได้ เช่น การหลอมเหลว ยเป็นไอ การละลาย แต่สารบางอย่าง ปลี่ยนแปลง แล้วไม่สามารถเปลี่ยน สารเดิมได้ เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ผัน เช่น การเผาไหม้ การเกิดสนมิ
สาระท่ี ๒ วิทยาศาสตร์กายภาพ มาตรฐาน ว ๒.๒ เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจำวัน ผลของแรงท ประโยชน์ รหัสตัวชี้วดั ตวั ชีว้ ัด ว ๒.๒ ป ๕/๑ ๑. อธิบายวธิ ีการหาแรงลัพธ์ของแรงหลายแรง - แรงลัพธ ว ๒.๒ ป ๕/๒ ว ๒.๒ ป ๕/๓ ในแนวเดยี วกันทก่ี ระทำตอ่ วัตถุในกรณีทีว่ ตั ถุ โดยแรงล อย่นู งิ่ จากหลักฐานเชิงประจักษ์ เดียวกันจ ๒. เขียนแผนภาพแสดงแรงท่ีกระทำตอ่ วตั ถุที่ สองเมื่อแ อยใู่ นแนวเดียวกันและแรงลัพธ์ที่กระทำตอ่ วตั ถุ ทิศทางเด ๓. ใช้เครอ่ื งชง่ั สปรงิ ในการวดั แรงท่กี ระทำต่อ ของแรงท วัตถุ เดียวกันแ อยู่น่ิง แรง - การเขีย สามารถเ แสดงทิศท แสดงขนา
๗๔ ที่กระทำต่อวัตถุ ลักษณะการเคลื่อนที่แบบต่าง ๆ ของวัตถุ รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ สาระการเรียนรแู้ กนกลาง สาระการเรียนรทู้ อ้ งถน่ิ - ธ์เป็นผลรวมของแรงที่กระทำต่อวัตถุ ลัพธ์ของแรง ๒ แรงที่กระทำต่อวัตถุ - จะมีขนาดเท่ากับผลรวมของแรงท้ัง - แรงทั้งสอง อยู่ในแนวเดียวกันและมี ดียวกัน แต่จะมีขนาดเท่ากับผลต่าง ทั้งสองเมื่อแรงทั้งสอง อยู่ในแนว แต่มีทิศทางตรงข้ามกัน สำหรับวัตถุที่ งลัพธ์ทกี่ ระทำตอ่ วตั ถมุ คี า่ เป็นศูนย์ ยนแผนภาพของแรงที่กระทำต่อวัตถุ เขียนได้โดยใช้ลูกศร โดยหัวลูกศร ทางของแรง และความยาวของลูกศร าดของแรงท่ีกระทำตอ่ วัตถุ
รหสั ตัวช้ีวดั ตัวชว้ี ดั ว ๒.๒ ป ๕/๔ ๔. ระบผุ ลของแรงเสยี ดทานท่มี ีตอ่ การ - แรงเสีย ว ๒.๒ ป ๕/๕ เปล่ียนแปลงการเคลื่อนที่ของวัตถุจากหลักฐาน ผิวสัมผัสข เชิงประจักษ์ วัตถุนั้น โ ๕. เขียนแผนภาพแสดงแรงเสียดทานและแรง บนพื้นผิว พื้นผิวนั้น ทีอ่ ยใู่ นแนวเดียวกันทก่ี ระทำตอ่ วัตถุ วตั ถกุ ำลงั เ นนั้ เคลือ่ น สาระที่ ๒ วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ มาตรฐาน ว ๒.๓ เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและกา ธรรมชาตขิ องคลน่ื ปรากฏการณท์ ่เี กี่ยวข้องกับเสยี ง แสง และคล่นื แมเ่ หล็กไฟฟา้ รวม รหัสตัวช้ีวัด ตัวชวี้ ดั ว ๒.๓ ป ๕/๑ ๑. อธิบายการไดย้ ินเสยี งผ่านตัวกลาง จาก - การได้ย หลักฐานเชิงประจกั ษ์ เป็นของแ ส่งผ่านตัว
สาระการเรียนรแู้ กนกลาง ๗๕ ยดทานเป็นแรงที่เกิดขึ้นระหว่าง สาระการเรียนรูท้ ้องถ่ิน ของวัตถุ เพื่อต้านการเคลื่อนที่ของ - โดยถ้าออกแรงกระทำต่อวัตถุที่อยู่น่ิง วหนึ่งให้เคลื่อนที่ แรงเสียดทานจาก - ก็จะต้านการเคลื่อนที่ของวัตถุ แต่ถ้า เคลอื่ นที่ แรงเสียดทานก็จะทำให้วัตถุ นทช่ี ้าลง หรอื หยดุ นง่ิ ารถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสัมพันธ์ระหว่างสสารและพลังงาน พลังงานในชีวิตประจำวัน มท้งั นำความรไู้ ปใช้ประโยชน์ สาระการเรยี นรู้แกนกลาง สาระการเรียนรทู้ อ้ งถนิ่ ยินเสียงนั้นต้องอาศัยตวั กลางโดยอาจ - แข็ง ของเหลว หรืออากาศ เสียงจะ วกลางมายังหู
รหสั ตวั ช้ีวัด ตวั ชว้ี ดั - เสียงที่ไ ว ๒.๓ ป ๕/๒ ๒. ระบตุ วั แปร ทดลองและอธิบาย ลกั ษณะ ขึ้นกับควา และการเกิดเสียงสูง เสยี งตำ่ โดยเมื่อแห ว ๒.๓ ป ๕/๓ เกดิ เสียงต ๓. ออกแบบกำรทดลองและอธบิ าย ลักษณะ สูง ส่วนเส ว ๒.๓ ป ๕/๔ และการเกดิ เสยี งดัง เสียงค่อย สั่นของแห ว ๒.๓ ป ๕/๕ เสียงสั่นพ ๔. วัดระดับเสียงโดยใชเ้ คร่อื งมอื วดั ระดับเสยี ง แหล่งกำเน เสยี งคอ่ ย ๕. ตระหนักในคุณค่าของความรูเ้ ร่ืองระดับ - เสียงดังม เสียงโดยเสนอแนะแนวทางในการหลกี เลย่ี ง เสียงที่ก่อ และลดมลพิษทางเสียง เสียง เดซ เสียง
สาระการเรียนรู้แกนกลาง ๗๖ ได้ยินมีระดับสูงต่ำของเสียงต่างกัน ามถี่ของการสั่นของแหล่งกำเนิดเสียง สาระการเรยี นรูท้ อ้ งถ่ิน หล่งกำเนิดเสียงสั่นด้วยความถี่ต่ำจะ - ต่ำ แต่ถ้าสนั่ ด้วยความถี่สูงจะเกิดเสียง สียงดังค่อยที่ได้ยินขึ้นกับพลังงานการ หล่งกำเนิดเสียง โดยเมื่อแหล่งกำเนิด พลังงานมากจะเกิดเสียงดัง แต่ถ้า นิดเสียงสั่นด้วยพลังงานน้อยจะเกิด มาก ๆ เป็นอันตรายตอ่ การได้ยินและ อให้เกิดความรำคาญเป็นมลพิษทาง ซิเบลเป็นหน่วยที่บอกถึงความดังของ
สาระท่ี ๓ วิทยาศาสตร์โลก และอวกาศ มาตรฐาน ว ๓.๑ เข้าใจองคป์ ระกอบ ลักษณะ กระบวนการเกดิ และววิ ฒั สุรยิ ะทส่ี ง่ ผลต่อส่งิ มชี ีวิตและการประยุกตใ์ ชเ้ ทคโนโลยอี วกาศ รหัสตวั ชี้วดั ตวั ชีว้ ัด ว ๓.๑ ป ๕/๑ ๑. เปรียบเทียบความแตกต่างของดาวเคราะห์ - ดาวที่มอ และดาวฤกษ์จากแบบจำลอง บริเวณที่อ ฤกษแ์ ละด แสงจึงสา ไม่ใช่แหล เนื่องจาก เคราะหแ์ ล ว ๓.๑ ป ๕/๒ ๒. ใช้แผนทีด่ าวระบตุ ำแหนง่ และเส้นทาง การ - การมอง ข้นึ และตกของกลุ่มดาวฤกษบ์ นทอ้ งฟ้า และ จากจินตน อธบิ ายแบบรปู เส้นทางการขึ้นและตก ของกลุ่ม ต่าง ๆ ท่ีป ดาวฤกษบ์ นท้องฟ้าในรอบปี แตล่ ะดวง การขึ้นแล ปรากฏตำ การขึ้นแล สามารถท และมุมเง สามารถใช สงั เกตดาว
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254