Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือการปลูกผัก

คู่มือการปลูกผัก

Description: คู่มือการปลูกผัก

Search

Read the Text Version

เพลีย้ ไฟ เพลี้ยไฟเปน็ แมลงท่เี ขา้ ท้าลายพืชตระกูลแตงหลายชนดิ เช่น แตงโม เมล่อน โดย การดดู น้าเล้ียง และใชป้ ากเขีย่ เซลให้เป็นแผลเพอื่ ดูดนา้ เล้ียง การท้าลายของเพล้ยี ไฟ ต่อส่วนการเจริญเติบโต จะท้าให้ยอดอ่อนแคระแกร็น เติบโตช้า พืชอ่อนแอ และท้า ให้ใบ ล้าต้น แห้งตายได้ เพล้ียไฟจะมีการแพร่กระจายโดยลม ท้าให้การระบาด เปน็ ไปอยา่ งกว้างขวาง และรวดเร็ว การปอ้ งกันก้าจดั 1. ฉีดพน่ เชื้อราบวิ เวอร์เรยี ทกุ ๆ 5-7 วัน 2. เพิ่มการให้น้าเมล่อน ในช่วงอากาศร้อน ในตอนกลางวนั จะชว่ ยลดการระบาดได้ 3. ใช้กับดักกาวเหนียว เพ่ือดักจับเพลี้ยไฟ ลดการระบาด 151

แมลงวันทอง แมลงวันทองจะท้าลายโดยการเจาะและวางไข่ท่ีผล ตัวอ่อนถ้ามีการระบาด รุนแรงจะท้าใหผ้ ลร่วงเนา่ หรอื แก่ก่อนเวลา ทา้ ใหไ้ ดผ้ ลมคี ุณภาพตา้่ การป้องกันกา้ จดั 1. ใช้กับดักแมลงวันทอง โดยใชส้ ารเมทิลยูจีนอล 2. ฉีดพ่นสารสกัด ข่า สะเดา ยาสูบ เพื่อขับไล่ แมลงวนั ทอง 152

ด้วงเต่าแตง ด้วงเต่าแตง จะพบเป็นปญั หาอยู่ เสมอกับแตงที่เริ่มงอกยังมีใบน้อย การท้าลายยอดแตงโดยแทะกัดกิน ใบหากการระบาดรุนแรงอาจท้าให้ ชะงักการทอดยอดได้ ด้วงเต่าแตง แดงพบระบาดในสวนแตงท่ีมีวัชพืช ขึ้นหนาแน่น ทั้งน้ีเพราะตัวอ่อน อาศัยกัดกินรากพืชจึงมักเป็นปัญหา ในแหล่งปลูกแตงใหม่บริเวณรอบๆท่ีไม่มีการไถพรวน และปราบวัชพืชเพียงพอ พบ ระบาดแทบทุกฤดูโดยเฉพาะในชว่ งทแี่ ตงเรมิ่ แตกใบจริง การปอ้ งกนั ก้าจดั 1. วิธีกลถ้าท้าได้โดยการจับท้าลายด้วยมือจะ ชว่ ยไดม้ าก โดยหมั่นดูสวนแตงในเวลาเช้าแดด ยังไม่จัด ขณะเดียวกันภายหลังเก็บเก่ียวผล เสร็จแล้ว ไม่ควรปล่อยต้นแตงทิ้งไว้ ควรถอน ท้าลายมิฉะนั้นจะกลายเป็นแหล่งสะสมของ ด้วงเต่าแตงต่อไป 2. ใช้กบั ดกั แมลง หรอื กาวดกั แมลง 3.ไสเ้ ดือนฝอยกา้ จัดแมลงฉดี พ่นเพื่อท้าลายตัว อ่อนในดิน 4. ฉดี พน่ สารสกัด ตะไครห้ อม ยาสบู บอระเพ็ด สะเดา ชว่ ยขบั ไลด่ ้วงเตา่ แตง 5. ใช้เชื้อราเมธาไรเซยี มฉีดพน่ เพ่อื กา้ จดั ตัวหนอน ทัง้ พ้นื ดินและบนต้นผกั 153

แมลงหว่ขี าว แมลงหวี่ขาวเข้าท้าลาย พื ช ต ร ะ กู ล แ ต ง ค่ อ น ข้ า ง กว้างขวาง โดยทั่วไปแมลง หว่ีขาวจะอยู่บริเวณใต้ใบ อ่อน แมลงชนิดน้ีจะเป็น พาหะของโรค ไวรัส ในพืช ตระกูลแตงหลายชนิด การป้องกนั กา้ จดั 1. ฉดี พ่นเชอื้ ราบิวเวอรเ์ รีย ทุกๆ 5-7 วนั ใช้ป้องกนั กา้ จัดแมลงหวขี่ าว 2. ฉดี พ่นสารสกดั ยาสบู วา่ นนา้ หรือหางไหล ฉีดพน่ ทุกๆ 5-7 วนั สลับกนั 3. เก็บใบท่ีมีตวั อ่อนแมลงหวี่ขาวไปท้าลาย 154

การพฒั นาของผลและการเกบ็ เกย่ี ว • อายุผล ฤดูร้อนประมาณ 40 วัน, ฤดูฝนประมาณ 43 วัน และฤดูหนาวประมาณ 45 วัน การเกบ็ เกย่ี ว • สีผลเขยี วเขม้ และตาขา่ ยขึ้นนูนชัดเจน เตม็ ผล • นบั อายผุ ลหลังการผสมดอก 43-45 วัน ขึ้นอย่กู ับสายพันธ์ุ • ข้วั ผลยกนนู หรอื มีแนวแยกตามยาวท่กี า้ นผล • ถา้ ก้นผลนมิ่ แสดงว่าสุกมากเกนิ ไป • สภาพตน้ ตอ้ งสมบรู ณ์ ไม่เป็นโรค • ระหว่างการเก็บเกี่ยวเม่ือเก็บเก่ียวแล้วไม่ควรต้ังผลเมล่อนบนพ้ืนดิน ควรจัดหา ภาชนะมารองรบั • ผลเมล่อนไม่ควรตากแดดหรอื ต้ังในสถานทท่ี ี่มอี ณุ หภมู ิสูง ควรเคล่ือนย้ายมายังทร่ี ่ม หรืออณุ หภูมติ ้่าเพอ่ื ลดอัตราการหายใจของผลผลิต • การตัดขั้วจะเปน็ ลักษณะเหมือนรูปดาบซามไู ร การตัดขวั้ ลักษณะเหมือนรูปซามไู ร 155

การปลกู กะเพราอนิ ทรีย์ 156

การเตรยี มดนิ กะเพราเป็นพืชที่มีระบบรากลึกปานกลาง การเตรียมดินควรขุดหรือไถดินลึก ประมาณ 20-25 เซนติเมตร ตากดินทิ้งไว้ 7-10 วัน ไถพรวนคราด ย่อยดินให้ระ เอียดเก็บเศษวัชพืชออกให้หมด หลังจากนั้นแปลงสูงประมาณ 10-15 เซนติเมตร กว้าง 1 เมตร ยาวตามความเหมาะเว้นชอ่ งว่างระหวา่ งแปลงประมาณ 30 เซนตเิ มตร เมื่อยกแปลงเสร็จแล้ว ให้ใส่ปุ๋ยคอกท่ีสลายตัวดีแล้วอัตรา 1-2 ตันต่อไร่ หว่านให้ กระจายทั่วแปลง คลุกเคล้าให้เข้ากับดินท่ีจะปลูก และควรใส่ปูนขาวหรือปูนมาร์ล เพื่อลดความเป็นกรดของดิน โดยมี pH ที่เหมาะสม 6.0 – 6.8 วธิ ีการปลูก การปลูกกระเพราควรกระท้าในตอนเย็น วธิ ีปลูกนิยมมี 2 วิธีด้วยกัน คอื 1. การเพาะกล้าย้ายปลูก โดยการหว่านเมล็ดให้กระจายทั่วแปลงแล้วใช้แกลบสด แกลบเผาหรือฟาง หวา่ นหรอื คลุมบางๆ แลว้ รดน้าตามทนั ที หลงั จากน้ันรดน้าทกุ เช้า เย็นจนกระทั้งเม่ืออายุได้ 20-25 วัน จึงท้าการย้ายปลูก โดยการถอนต้นกล้าแล้วเด็ด ยอดน้าไปปลูกในแปลง โดยใช้ระยะปลูก 20x20 เซนติเมตร เมื่อถอนกล้าออกจาก แปลงแล้วจะต้องปลูกให้เสร็จภายในวันเดียวกัน หลังจากการปลูกเสร็จควรหาฟาง หรือหญ้าแห้งมาคลมุ เพ่ือเกบ็ ความช้ืนและรดน้าตามทันที 2. การปักช้า โดยตัดกิ่งท่ีโตเต็มท่ียาวประมาณ 5-10 เซนติเมตร แล้วปลิดใบออกให้ หมดน้าไปปักช้าในแปลง โดยใช้ระยะปลูก 20x20 เซนติเมตร ใช้หญ้าแห้งหรือฟาง สะอาดคลมุ ให้ทั่วแปลง และรดน้าตามทนั ที 157

การดแู ลรักรักษา การใหน้ า้ กะเพราเป็นพืชท่ีต้องการความชื้นสูงสม้่าเสมอ ดงั นั้นจึงควรมีการรดน้าให้ทุกวัน แต่ระวังอยา่ ปล่อยใหม้ ีการท่วมขงั ในแปลง การก้าจดั วัชพืช ในระยะแรกควรท้าการพรวนดินและกา้ จัดวชั พืชทุกๆ 1-2 สัปดาห์ โดยการใชม้ ือ ถอน จอบหรือเสยี บดายหญ้าออก และควรท้าดว้ ยความระมัดระวังอย่าใหก้ ระทบต่อ ต้นและราก การใสป่ ุ๋ย ใส่ปุ๋ยคอกหมัก อตั รา 300-500 กิโลกรัม/ไร่ สปั ดาหล์ ะครัง้ หลังการปลกู 158

โรคทส่ี ้าคัญ ของกะเพรา 159

โรคใบจดุ สาเหตุ เกิดจากเช้อื ราซโู ดโมแนส ซคิ ลอรไิ อ (Pseudomonas cichorii) ลกั ษณะอาการ พ บ ม า ก ใน ช่ ว ง ฤ ดู ฝ น โ ด ย จ ะ พ บ อาการทใ่ี บมจี ุดสีนา้ ตาลเข้มถึงด้า ใบจะ ค่อยเปลีย่ นเป็นสเี หลือง และรว่ งตามมา และจะเกิดบริเวณใบล่างก่อน แล้วค่อย รกุ ลามจนถงึ ใบส่วนยอด การปอ้ งกันกา้ จัด 1. ถ้าพบต้นที่แสดงอาการใบจุด ก็ให้เก็บใบท่ีเป็น โรคไปเผาทา้ ลายทิ้ง ไม่ให้เป็นแหล่งแพร่ระบาด 2. ฉีดพ่นเชอ้ื แบคทเี รยี บาซิลลัส ซบั ทิรสิ ทกุ 5-7 วนั 3. ก่อนท้าการปลูกให้ท้าการไถตากดินเพ่ือท้าลาย เชื้อสาเหตุโรค หรือท้าการปลูกพืชหมุนเวียน โดย หลีกเลี่ยงการปลูกพืชในกลุ่มกะเพรา โหระพา ตดิ ต่อกนั เปน็ เวลานาน 160

โรคเห่ียวที่เกิดจากเชือ้ รา สาเหตุ เกิดจากเชื้อรา ฟูซาเรยี ม อ็อกซ่ีสปอรัม (Fusarium oxysporum) ลักษณะอาการ อาการของโรคน้ีจะแตกต่างจากอาการเหี่ยว ที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย เร่ิมแรกใบที่อยู่ต้านล่าง จะมีสีเหลือง ต่อมาใบท่ีอยู่ถัดช้ืนมาจะค่อยๆ เหลอื ง เพ่มิ มากชื้น การปอ้ งกันกา้ จัด 1. ถ้าพบต้นที่แสดงอาการ ให้ถอนท้าลายโดยการน้าออกนอกแปลง และเผาท้าลาย 2. ฉดี พ่นหรอื ราดด้วยเชอ้ื ไตรโคเดอรม์ า ในบรเิ วณท่ีเกดิ อาการโรคเหีย่ ว 3. ก่อนท้าการปลกู ให้ท้าการไถตากดนิ เพ่ือทา้ ลายเชื้อสาเหตโุ รค และพน่ เช้ือรา ไตรโคเดอร์มาลงไปในดินก่อนทา้ การปลูก หรือทา้ การปลูกพืชหมนุ เวยี น โดย หลีกเลยี่ งการปลูกพชื ในกลุ่มกะเพรา โหระพา ติดต่อกนั เป็นเวลานาน 161

โรคเห่ยี วท่ีเกดิ จากเช้ือแบคทีเรยี สาเหตุเกดิ จากเชอื้ แบคทีเรีย เออร์วิเนยี (Erwinia sp.) ลกั ษณะอาการ เกิดอาการใบเป็นแผล บรเิ วณแผลมี น้า และเมือก และแผลจะค่อยๆขยาย ใหญ่ลุกลามไปทั่วไปจนเน่าตาย ต้นที่ เป็นโรคจะแสดงอาการเหี่ยวท้ังต้นใน วันที่มีอากาศร้อน และ อาจจะพ้ืนคืนดี ใหม่ในเวลากลางคืน มีอาการอยู่ 2-3 วนั แล้วก็จะเห่ยี วตายไปในทสี่ ดุ การปอ้ งกันกา้ จดั 1. ถา้ พบตน้ ทีแ่ สดงอาการเหย่ี ว กใ็ ห้ถอนไปเผาทา้ ลายท้งิ ไมใ่ ห้เปน็ แหล่งแพรร่ ะบาด 2. ฉดี พ่นเช้อื แบคทีเรยี บาซิลลสั ซบั ทิริส ทุก 5-7 วนั 3. ก่อนท้าการปลูกให้ท้าการไถตากดินเพือ่ ท้าลายเชื้อสาเหตโุ รค หรือท้าการปลูกพืช หมนุ เวยี น โดยหลีกเล่ียงการปลกู พืชในกลุ่มกะเพรา โหระพา ติดต่อกนั เป็นเวลานาน 162

แมลงศตั รทู ส่ี า้ คัญ ของกะเพรา 163

เพลี้ยไฟ ลกั ษณะการเข้าทา้ ลาย เพลี้ยไฟเป็นแมลงที่เข้าท้าลายโดยการ ดูดน้าเล้ียง และใช้ปากเข่ียเซลให้เป็นแผล เพื่อดูดน้าเล้ียง การท้าลายของเพล้ียไฟต่อ ส่ ว น ก า ร เจ ริ ญ เติ บ โต จ ะ ท้ า ให้ ย อ ด อ่ อ น แคระแกร็น เติบโตช้า พืชอ่อนแอ และท้า ให้ใบ ล้าต้น แห้งตายได้ เพล้ียไฟจะมีการ แพร่กระจายโดยลม ท้าให้มีการระบาด เป็นไปอย่างกว้างขวาง และรวดเร็ว การป้องกันกา้ จัด 1. ฉดี พน่ เชอื้ ราบวิ เวอรเ์ รียทุก 5-7วนั 2. เพิ่มการให้น้าเมล่อน ในชว่ งอากาศร้อนในตอนกลางวันจะชว่ ยลดการระบาดได้ 3. ใชก้ บั ดกั กาวเหนียว เพ่ือดักจบั เพลีย้ ไฟลดการระบาด 164

เพล้ียออ่ น ลักษณะการท้าลาย เพลี้ยอ่อนชนิดนี้สามารถท้าลายพืชได้ ท้ังในระยะตัวอ่อนและตัวเต็มวัย โดยการ ดูดกินน้าเล้ียงจากพืชท้ังส่วนยอด ใบอ่อน และใบแก่ ลักษณะอาการท่ีเห็นได้ชัดคือ ยอดและใบจะหงิกงอ เมอ่ื เพลย้ี อ่อนเพิ่มข้ึน เรอ่ื ยๆพืชก็จะเห่ียว ใบที่ถกู ท้าลายจะคอ่ ยๆ มีสเี หลอื ง แคระแกร็น นอกจากนี้เพลี้ยอ่อน ยงั พบตามซอกใบ การปอ้ งกันกา้ จัด 1. ฉีดพน่ เชื้อราบิวเวอร์เรยี 60-80 กรัม/น้า 20 ลติ ร 2. ฉดี พ่นสารสกัดใบยาสูบ อัตรา 50-100 ซซี ี/น้าน้า 20 ลิตร ใชช้ ่วงเยน็ 3. ใชก้ ับดกั แมลงกาวเหนียว 4. หมักสะเดา หรือ นา้ หมกั ยาสูบ 165

หนอนชอนใบ ลกั ษณะการทา้ ลาย เป็นแมลงศัตรูส้าคัญ ท่ีท้าความ เสียหายในระยะแตกใบอ่อน โดยหนอน กัดกนิ นา้ เลี้ยงจากใบ หนอนชอนใบจะอยู่ ใน ระห ว่างผิวใบ ท้ าลายด้านใต้ใบ มากกว่าบนใบ บริเวณท่ีถูกท้าลายเห็น เป็นฝ้าขาวปรากฏเป็นทางคดเค้ียวไปมา ตามทางที่ตัวหนอนเคลื่อนผ่าน ต่อมาใบ จะหงิกงอ การระบาดรุนแรงจะท้าให้ใบ และตน้ แคระแกร็น การป้องกันก้าจัด 1. หากพบอาการระบาดหนอนชอนใบ ให้เก็บทา้ ลายเท่าท่ีทา้ ได้ แล้วฉดี พน่ บีที สลับกบั สารสกดั สะเดา หางไหล ยาสบู ทกุ 5-7 วัน 2. ถ้ามกี ารระบาดไม่มากให้เกบ็ ส่วนใบที่โดนท้าลายออกจากแปลงเพ่ือทา้ ลายตัว หนอนที่อยภู่ ายใน 166

การเกบ็ เกยี่ ว หลังปลูกประมาณ 40-50 วัน ก็สามารถเก็บเกี่ยวได้ โดยใช้มือเด็ดหรือกรรไกร ตัดก่ิงท่ีมียอดอ่อนไปบริโภคถ้าต้นออกดอกควรหมั่นตัดแต่งออกทิ้ง เพื่อให้ต้นมีทรง พุ่มที่แข็งแรงและมีอายุยืนยาวการเก็บเกี่ยวสามารถกระท้าได้ทุก15-20 วัน ไปจนถึง อายุ 7-8 เดอื น 167

การปลกู โหระพาอนิ ทรีย์ 168

การเตรียมดนิ โหระพาเป็นพืชท่ีมีระบบรากลึก ปานกลาง การเตรียมดินควรขุดหรือ ไถดินประมาณ 20-25 เซนติเมตร ตากดินท้ิงไว้ 7-10 วัน ไถพ รวน คราด ย่อยดินให้ละเอียด เก็บเศษ วัชพืชออกให้หมด หลังจากนั้นยก แปลงสูงประมาณ 10-15 เซนติเมตร ก ว้ า ง 1 เม ต ร ย า ว ต า ม ค ว า ม เหมาะสมเว้นชอ่ งว่างระหวา่ งแปลงประมาณ 30 เซนติเมตร เมื่อยกแปลงเสร็จแล้วจึง ใสป่ ุย๋ หมักทสี่ ลายตวั ดีแล้วอัตรา 1-2ตนั ต่อไร่ โรยให้ทว่ั แปลงหรือหว่านให้กระจายท่ัว แปลง คลุกเคลา้ ให้เขา้ กนั กับดินพร้อมทจ่ี ะปลกู การปลูก วธิ ีปลูก การปลูกโหระพาควรกระทา้ ในตอนเย็น วธิ กี ารปลูกทีน่ ยิ มมี 2 วิธดี ว้ ยกนั คอื 1. การเพาะกล้าย้ายปลูก โดยการหว่านเมล็ดให้กระจายท่ัวแปลงแล้วใช้แกลบสด แกลบเผาหรือฟาง หว่านหรือคลุมบางๆ แล้วรดน้าตามทันที หลังจากน้ัน รดน้าทุก วนั เช้าและเย็น จนกระทั่งเมื่ออายุได้ 20-25 วัน จึงท้าการย้ายปลูก โดยการถอนกล้า แล้วเด็ดยอดน้าไปปลูกในแปลง โดยใช้ระยะปลูก 20x20 เซนติเมตร เม่ือถอนกล้า ออกจากแปลงแล้วจะต้องปลูกให้เสร็จภายในวันเดียวกัน หลังจากปลูกเสร็จควรหา ฟางหรอื หญา้ แหง้ มาคลมุ เพือ่ เก็บความชื้นและรดน้าตามทนั ที 2. การปักช้า โดยตัดก่ิงที่โตเต็มท่ียาวประมาณ 5-10 เซนติเมตร แล้วปลิดใบออกให้ หมดน้าไปปักช้าในแปลง โดยใช้ระยะปลูก 20x20 เซนติเมตร ใช้หญ้าแห้งหรือฟาง แหง้ สะอาดคลุมให้ทัว่ แปลง และรดน้าตามทนั ที 169

การดูแลรกั รกั ษา การใหน้ า้ โหระพาเปน็ พืชท่ีต้องการความชื้นสูงสม่า้ เสมอ ดังนั้นจึงควรมีการรดน้าให้ทุกวัน แตร่ ะวงั อย่าปล่อยให้มกี ารท่วมขังในแปลง การกา้ จดั วชั พืช ในระยะแรกควรท้าการพรวนดนิ และกา้ จดั วัชพชื ทุกๆ 1-2 สัปดาห์ โดยการใช้มือ ถอน จอบหรอื เสียบดายหญ้าออก และควรท้าด้วยความระมัดระวังอย่าให้กระทบต่อ ต้นและราก การใสป่ ยุ๋ โหระพาเป็นพชื ทด่ี แู ลรักษาง่าย เจรญิ เติบโตดี ควรใสป่ ุ๋ยคอกหมกั อัตรา 300-500 กิโลกรมั /ไร่ สปั ดาหล์ ะคร้ังหลังการปลูก 170

โรคทส่ี ้าคัญ ของโหระพา 171

โรคใบจดุ สาเหตุ เกิดจากเช้อื รา ซูโดโมแนส ซคิ ลอริไอ (Pseudomonas cichorii) ลกั ษณะอาการ พบมากในชว่ งฤดูฝนโดยจะ พบอาการท่ีใบมีจดุ สนี า้ ตาลเข้ม ถึงด้า ใบจะค่อยเปล่ียนเป็นสี เหลือง และร่วงตามมา และจะ เกิดบริเวณใบล่างก่อน แล้ว คอ่ ยรกุ ลามจนถึงใบส่วนยอด การป้องกนั ก้าจัด 1. ถ้าพบตน้ ทแ่ี สดงอาการใบจดุ กใ็ ห้เกบ็ ใบทเ่ี ป็นโรค ไปเผาท้าลายทิง้ ไมใ่ หเ้ ป็นแหล่งแพรร่ ะบาด 2. ฉีดพ่นเช้ือแบคทเี รียบาซลิ ลสั ซับทริ ิส ทุก 5-7 วนั 3. ก่อนท้าการปลูกให้ท้าการไถตากดินเพื่อท้าลาย เช้ือสาเหตุโรค หรือท้าการปลูกพืชหมุนเวียน โดย หลีกเลี่ยงการปลูกพืชในกลุ่มกะเพรา โหระพา ตดิ ตอ่ กนั เปน็ เวลานาน 172

โรคเหี่ยวท่เี กิดจากเชอ้ื รา สาเหตุ เกิดจากเชื้อรา ฟซู าเรยี ม ออ็ กซส่ี ปอรมั (Fusarium oxysporum) ลักษณะอาการ อาการของโรคนจี้ ะแตกต่างจากอาการเหีย่ วที่ เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย เร่ิมแรกใบท่ีอยู่ต้าน ล่างจะมีสีเหลือง ต่อมาใบที่อยู่ถัดช้ืนมาจะ คอ่ ยๆ เหลอื ง เพ่มิ มากช้นื การปอ้ งกันกา้ จดั 1. ถา้ พบต้นทแ่ี สดงอาการ ให้ถอนท้าลายโดยการน้าออกนอกแปลง และเผาทา้ ลาย 2. ฉีดพ่นหรอื ราดด้วยเชอื้ ไตรโคเดอรม์ า ในบริเวณท่ีเกดิ อาการโรคเหีย่ ว 3. ก่อนท้าการปลูกให้ท้าการไถตากดินเพื่อท้าลายเช้ือสาเหตุโรค และพ่นเช้ือรา ไตรโคเดอร์มาลงไปในดินก่อนท้าการปลูก หรือท้าการปลูกพืชหมุนเวียน โดย หลีกเลี่ยงการปลูกพชื ในกลมุ่ กะเพรา โหระพา ติดต่อกนั เป็นเวลานาน 173

โรคเหีย่ วทเี่ กดิ จากเช้ือแบคทเี รีย สาเหตุ เกดิ จากเชื้อแบคทเี รยี เออรว์ ิเนยี (Erwinia sp.) ลักษณะอาการ เกิดอาการใบเป็นแผล บรเิ วณแผลมีนา้ และ เมือก และแผลจะค่อยๆขยายใหญ่ลุกลามไป ทั่วไปจนเน่าตาย ต้นที่เป็นโรคจะแสดงอาการ เหีย่ วท้ังต้นในวันทม่ี ีอากาศร้อน และ อาจจะพ้ืน คืนดีใหม่ในเวลากลางคืน มีอาการอยู่ 2-3 วัน แล้วก็จะเหี่ยวตายไปในทสี่ ดุ การปอ้ งกันกา้ จัด 1. ถ้าพบตน้ ทแี่ สดงอาการเห่ยี ว กใ็ ห้ถอนไปเผาทา้ ลายท้งิ ไมใ่ หเ้ ปน็ แหล่งแพร่ระบาด 2. ฉดี พ่นเชอื้ แบคทีเรียบาซลิ ลสั ซบั ทริ ิส ทุก 5-7 วัน 3. ก่อนท้าการปลูกให้ท้าการไถตากดนิ เพ่ือท้าลายเชอื้ สาเหตุโรค หรือท้าการปลูกพืช หมุนเวียน โดยหลีกเลีย่ งการปลกู พืชในกลุ่มกะเพรา โหระพา ตดิ ต่อกนั เปน็ เวลานาน 174

แมลงศตั รทู ส่ี า้ คัญ ของโหระพา 175

เพลยี้ ไฟ ลักษณะการเขา้ ท้าลาย เพล้ียไฟเป็นแมลงที่เข้าท้าลายโดยการ ดูดน้าเล้ียง และใช้ปากเขี่ยเซลให้เป็นแผล เพื่อดูดน้าเลี้ยง การท้าลายของเพลี้ยไฟต่อ ส่วนการเจริญเติบโต จะท้าให้ยอดอ่อน แคระแกร็น เติบโตช้า พืชอ่อนแอ และท้า ให้ใบ ล้าต้น แห้งตายได้ เพล้ียไฟจะมีการ แพร่กระจายโดยลม ท้าให้มีการระบาด เปน็ ไปอย่างกว้างขวาง และรวดเรว็ การปอ้ งกันกา้ จัด 1. ฉีดพน่ เช้อื ราบวิ เวอร์เรยี ทุก5-7 วนั 2. เพม่ิ การใหน้ ้าเมล่อน ในช่วงอากาศร้อนในตอนกลางวนั จะช่วยลดการระบาดได้ 3. ใช้กบั ดักกาวเหนยี ว เพ่ือดักจับเพลย้ี ไฟลดการระบาด 176

เพลีย้ ออ่ น ลักษณะการทา้ ลาย เพล้ียอ่อนชนิดนี้สามารถท้าลาย พืชได้ท้ังในระยะตัวอ่อนและตัวเต็ม วัย โดยการดูดกินน้าเล้ียงจากพืชทั้ง สว่ นยอด ใบออ่ น และใบแก่ ลกั ษณะ อาการที่เห็นได้ชัดคือยอดและใบจะ หงิกงอ เมื่อเพลี้ยอ่อนเพิ่มข้ึนเรื่อย ๆ พชื ก็จะเหย่ี ว ใบท่ีถูกทา้ ลายจะค่อย ๆ มสี เี หลือง แคระแกร็น นอกจากน้ีเพล้ยี ออ่ นยัง พบตามซอกใบ การปอ้ งกันก้าจดั 1. ฉีดพน่ เชอ้ื ราบวิ เวอรเ์ รีย 60-80 กรัม/น้า 20 ลิตร 2. ฉดี พ่นสารสกดั ใบยาสูบ อัตรา 50-100 ซีซ/ี น้าน้า 20 ลิตร ใชช้ ว่ งเยน็ 3. ใชก้ ับดกั แมลงกาวเหนียว 4. หมกั สะเดา หรือ น้าหมักยาสูบ 177

หนอนชอนใบ ลกั ษณะการทา้ ลาย เป็นแมลงศัตรูส้าคัญท่ีท้า ความเสียหายในระยะแตกใบ ออ่ น โดยหนอนกัดกนิ น้าเล้ียง จากใบ หนอนชอนใบจะอยใู่ น ระหว่างผิวใบ ท้าลายด้านใต้ ใบมากกว่าบนใบ บริเวณที่ถูก ท้าลายเห็นเป็นฝ้าขาวปรากฏ เป็นทางคดเค้ียวไปมาตามทางท่ีตัวหนอนเคลื่อนผ่าน ต่อมาใบจะหงิกงอ การระบาด รุนแรงจะท้าให้ใบและต้นแคระแกรน็ การป้องกนั กา้ จัด 1. หากพบอาการระบาดหนอนชอนใบ ใหเ้ ก็บท้าลายเท่าท่ีท้าได้ แลว้ ฉีดพ่นบีที สลบั กับ สารสกัด สะเดา หางไหล ยาสูบ ทุก 5-7 วนั 2. ถ้ามีการระบาดไม่มากให้เกบ็ ส่วนใบทีโ่ ดนท้าลายออกจากแปลงเพอ่ื ทา้ ลายตัว หนอนที่อย่ภู ายใน 178

การเกบ็ เก่ียว หลังจากปลูกได้ประมาณ 3 เดือน จะเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ และจะสามารถเก็บ เก่ียวไปได้เร่ือยๆ โหระพามีอายุเฉลี่ยประมาณ 1-2 ปี ปลูกครั้งเดียวแต่สามารถเก็บ เกี่ยวไปได้ตลอด ใช้มือเด็ดหรือกรรไกร ตัดก่ิงที่มียอดอ่อนไปบริโภค แต่สามารถเก็บ เกยี่ วไปได้เรอ่ื ยๆ ทุก 20-30 วัน ถ้าโหระพาออกดอก ควรหม่ันตดั แต่งออกท้ิง เพอ่ื ให้ โหระพามที รงพุ่มทแ่ี ขง็ แรง และมีอายุยืนยาว วิธีเก็บรักษาโหระพา ตดั ก่งิ โหระพาที่มียอดอ่อน แลว้ น้ามาล้างน้าให้สะอาด โหระพาเปน็ ผักที่บอบบาง ช้าง่ายและเหี่ยวง่ายกว่า เราจะมีวิธีเก็บรักษาให้สดนานๆ คือให้ล้างน้าให้สะอาดดี แล้วให้สะเด็ดน้าออกให้หมด แล้วน้ามาห่อด้วยกระดาษหรือผ้าขาวบาง แล้วใส่ถุง หรือกล่องพลาสติก แล้วนา้ ไปแชต่ ู้เย็น จะเกบ็ ไวใ้ ช้ไดน้ าน 179

การปลูก กระเจี๊ยบเขียว 180

กระเจ๊ียบเขียว กระเจี๊ยบเขียวเจริญเติบโตได้ดี ใน สภาพดินร่วนระบายน้าดี ไมช่ อบ ความชื้นมากเกินไป ในกรณีที่ระดับ น้าใต้ดินสูงหรือปลูกในฤดูฝนต้องยก ร่องสูง การเตรียมดินมีความส้าคัญ มาก เน่ืองจากระยะเวลาเก็บเก่ียว ผลผลิตนานถึง 6 เดอื น ดินปลูกต้อง ร่วนซุยไม่แน่น การพรวนดินต้องลึก ใส่อินทรีย์วัตถุ เช่น ปุ๋ยคอก มูลเป็ด มูลไก่ ฯลฯ ในอัตรา 500 กิโลกรัม ตอ่ ไร่ การเตรยี มดิน ไถตากดินทิ้งไว้ประมาณ 15-20 วันเพ่ือก้าจัดโรค พืช และศัตรูพืช จากน้ันหว่าน ปุ๋ยคอกเสริมคอกเสริมธาตุอาหารในดินประมาณ 0.5-1 ต้นต่อไร่ อาจเลือกติดต้ัง ระบบน้าแบบสปริงเกลอร์ หรือเลือกปล่อยน้าเขา้ ร่องแปลงก็ได้ จดั ระยะห่างระหว่าง ตน้ 50 เซนติเมตร ระหวา่ งแถว 1 เมตร (พร้อมร่องน้าประมาณ 50 เซนติเมตร) และ ควรใสป่ นู ขาวเพือ่ ปรบั สภาพความเปน็ กรดดา่ งของดินใหเ้ หมาะสมก่อนปลูก 181

การปลกู กระเจี๊ยบเขียวสามารถท้าการขยายพันธ์ุด้วยวิธีการเพาะเมล็ด โดยน้าเมล็ดพันธ์ุ แช่น้าหมักชีวภาพนาน 15-20 นาที เพื่อก้าจัดโรคที่อาจติดตามมากับเมล็ดพันธุ์ จากน้ันน้ามาผึ่งให้แห้ง ในที่ร่ม ก่อนน้าไปปลูกลงแปลงใช้เมล็ดพันธุ์ประมาณ 1 กิโลกรัม/ไร่ สามารถน้าเมล็ดพันธ์ุมาท้าการเพาะปลูกได้ โดยเลือกเมล็ดพันธ์ุที่ สมบูรณ์ ตรงตามสายพันธ์ุที่ต้องการ จากน้ันน้าลงแปลงปลูกได้เลย โดยใช้นิ้วจ้ิมดิน เป็นหลุมเล็กก่อนหยอดเมล็ดพันธ์ุประมาณ 3 เมล็ดต่อหลุม จากนั้นประมาณ 45 วัน จงึ พรอ้ มเรม่ิ เก็บเก่ยี วได้ การปลูกอาจท้าไดท้ ้ังแบบรอ่ งสวนและ แบบไร่ โดยท่วั ไปใช้ระยะระหว่างต้นและ แถว 50x50 เซนตเิ มตร ปลกู จา้ นวน 1-2 ต้นตอ่ หลุม 182

การดแู ลรักษา การให้น้า กระเจี๊ยบเขียวชอบความชื้นปานกลาง ในช่วงฤดูหนาวและร้อนควรให้น้าอย่าง สม่้าเสมอ ไม่ควรปล่อยให้แห้ง โดยเฉพาะในช่วงออกดอก และติดฝักปริมาณการติด ฝักจะข้ึนกับการปฏิบัติดูแลรักษาเป็นหลัก มากกว่าข้ึนกับพันธ์ุโดยเฉพาะการให้น้า ในช่วงน้ีควรหมั่นรดน้าอย่างสม้่าเสมอ เพื่อให้การเจริญเติบของต้นเป็นไปอย่าง ตอ่ เนอื่ ง ฝักมีคุณภาพดี และมปี รมิ าณฝักท่ีได้สูง ถา้ ขาดน้าผลผลิตจะต้่า ฝักเลก็ คดงอ ไมไ่ ดค้ ุณภาพ การใหป้ ุย๋ เน่ืองจากระยะเวลาในการปลูกยาวนานมาก ดังน้ันการใส่ปุ๋ยจึงตอ้ งให้เพียงพอจึง จะท้าใหฝ้ ักตกและคุณภาพดี ในพ้ืนที่ท่ีมีอนิ ทรียว์ ตั ถสุ ูง มีความอุดมสมบูรณ์ดีอยู่แล้ว โดยเฉพาะแปลงที่เคยปลูกผักกินใบมาก่อน ควรใช้ปุ๋ยคอกหมักทุกๆ 10-15 วัน/คร้ัง ท้ังนขี้ ึน้ กบั ความยาวนานของการเก็บเก่ยี วผลผลิตและความอดุ มสมบรู ณ์ของดินด้วย 183

โรคทส่ี ้าคญั ชอง กระเจ๊ียบเขียว 184

โรคฝกั จุดหรอื ฝกั ลาย สาเหตุ เกิดจากเช้ือราอัลเทอร์นาเรยี (Alternaria sp.) ลกั ษณะอาการ เช้ือราที่ติดมากับเมล็ดพันธุ์จะแสดงอาการเม่ือกระเจี๊ยบเขียวเร่ิมติดฝักเมื่ออายุ 45-50 วันหลังจากปลูก ท้าให้เกิดเป็นจุดสีด้าหรือสีน้าตาลเล็ก ๆ เท่าปลายเข็มหมุด ที่ผิวของฝัก แผลเหล่าน้ีจะกระจายอยู่ท่ัวไป จ้านวนแผลจะเพ่ิมมากข้ึนเมื่อ สภาพแวดล้อมเหมาะสม เม่ือระบาดรุนแรงแผลบนฝักจะขยายมองเป็นจุดใหญ่หรือ แผลติดตอ่ เป็นทางยาวสีนา้ ตาลเข้ม การปอ้ งกนั กา้ จดั 1. ในช่วงเตรียมดินปลูก ควรมีการไถตากดนิ เพื่อทา้ ลายเช้ือราในดินอย่างน้อย 7 วัน และ ผสมเชื้อราไตโคเดอร์มา ลงไปร่วมกบั ป๋ยุ คอกเพื่อป้องกนั เชือ้ ราดว้ ย 2. ฉีดพ่นเชื้อราไตรโคเดอรม์ า หรอื แบคทีเรีย บีเอส เพื่อป้องกนั ทกุ ๆ 5-7 วัน 185

โรคใบจดุ สาเหตุ เกิดจากเชื้อรา ซโู ดเซอโคสปอรา่ (Pseudocercospora sp.) ลกั ษณะอาการ มักจะเป็นกับต้นกระเจี๊ยบเขียวท่ีมี อายุต้ังแต่ 60 วัน ขึ้นไป ในระยะเร่ิมแรก เช้ือราจะเข้าท้าลายที่ใบล่างของล้าต้น แ ล ะ จ ะ ลุ ก ล า ม ข้ึ น ไ ป สู่ ย อ ด เม่ื อ พ ลิ ก ด้านล่างของใบดูพบว่าจะมีเช้ือราสีขาว เป็นผงคล้ายแป้ง หรือถ้าระบาดรุนแรง จะมสี ีเทาปนด้า ด้านหน้าใบจะเป็นแผลสี เหลืองปนน้าตาล ต้นทรุดโทรมเร็ว ใบ ร่วงและแห้งตายในที่สุด กระเจ๊ียบเขียวไม่ติดฝักหรือติดฝักน้อย ไม่สมบูรณ์ คดงอ แคระแกร็น ไม่เปน็ ทีต่ ้องการของตลาด การปอ้ งกนั ก้าจัด 1. ในชว่ งเตรียมดนิ ปลูก ควรมกี ารไถตากดนิ เพ่ือท้าลายเชื้อราในดนิ อย่างน้อย 7 วนั และ ผสมเชอ้ื ราไตรโคเดอร์มา ลงไปร่วมกับปุ๋ยคอกเพ่ือป้องกันเช้อื ราด้วย 2. ฉีดพน่ เช้ือราไตรโคเดอรม์ า หรอื แบคทีเรีย บเี อส เพื่อป้องกนั ทุกๆ 5-7 วัน 3. เช้อื ราชนดิ น้มี ักแพร่ระบาดมากในฤดูฝนหรือชว่ งทม่ี ีความชื้นมาก ในชว่ งดงั กล่าว ควรงดใหน้ า้ พืชตามความเหมาะสม 186

โรคเสน้ ใบเหลอื ง สาเหตุ เกดิ จากเชอื้ ไวรสั ออกา้ เยลโล่ เวน ไวรสั (Okra yellow vein virus) ลกั ษณะอาการ ตน้ กระเจีย๊ บที่เป็นโรค จะแสดงอาการเส้นใบเหลืองยอดเหลือง ฝักมีสีเหลือง ล้า ต้นเหลือง ต้นเต้ียและแคระแกรน จะระบาดรวดเร็วไปทง้ั แปลง มกั ระบาดมากในช่วง ที่มกี ารระบาดของแมลงหวข่ี าว เพราะแมลงหว่ขี าวเป็นพาหะใหโ้ รคไวรสั ดังกล่าว การป้องกนั กา้ จดั 1. หากพบต้นทแ่ี สดงอาการ ใหร้ บี ถอนท้งิ ท้าลายเพราะในปัจจุบันยังไมส่ ามารถรักษา โรคไวรสั ได้ 2. ควบคุมปริมาณการระบาดของแมลงหว่ีขาว โดยฉดี พ่นเช้ือราบิวเวอร์เรีย ทุกๆ 5- 7 วนั สลับกบั สารสกัด สะเดา ยาสบู หางไหล เป็นประจา้ เพื่อปอ้ งกันการระบาด 187

แมลงศัตรูท่สี ้าคัญ ของกระเจย๊ี บเขียว 188

หนอนกระทู้หอม (หนอนหลอดหอม หนอนหอม หนอนหนังเหนียว) ลักษณะ เป็นแมลงจ้าพวกผีเสื้อกลางคืนขนาดเล็ก แม่ผีเส้ือวางไข่เป็นกลุ่มสีขาว หนอนโตเตม็ ท่ีมีขนาด 3 เซนติเมตร สขี องหนอนมีแตกตา่ งกันได้ เชน่ สเี ขียวอ่อนเทา น้าตาล น้าตาลด้า เป็นต้น ลักษณะท่ีสังเกตได้ง่ายคือ หนอนมีล้าตัวอ้วนผนังล้าตัว เรียบ มีแนวสีขาวพาดไปตามความยาวด้านข้างของล้าตัวเม่ือโตเต็มท่ีจะเคล่ือนย้าย มาบรเิ วณโคนตน้ เพ่อื เขา้ ดกั แดใ้ นดนิ การปอ้ งกนั ก้าจัด 1. ฉีดพ่นเชื้อแบคทีเรีย บีที ทุกๆ 5-7 วัน สลับกับฉีดพ่น สารสกัด สะเดา ยาสูบ หนอนตายอยาก โดยฉีดพน่ ในชว่ งเยน็ 2. ควบคุมปริมาณของตัวแม่ผีเส้ือ โดยฉีดพ่น สารสกัดขม้ินชัน บอระเพ็ด สาบเสือ ในชว่ งเย็นเพอ่ื ขับไล่ ป้องกนั การวางไข่ 189

เพลีย้ จก๊ั จนั่ ฝ้าย ลักษณะ ตัวออ่ นมีสเี ขยี วอมเหลืองจาง ขนาดโตเตม็ ทีป่ ระมาณ 2 มิลลิเมตร สว่ นตัว เต็มวัย มีสีเขียวจาง ปีกโปร่งใส ขนาดล้าตัวยาว 2.5 มิลลิเมตร บินเร็วมากเม่ือถูก รบกวน การป้องกันก้าจัด 1. ฉีดพ่นสารสกัดยาสูบ บอระเพ็ด น้าส้มควันไม้ สลับกับ เชื้อราบิวเวอร์เรีย ทุกๆ5-7 วนั 2. ใชก้ ารให้นา้ ในเวลากลางวันช่วยลดความรุนแรงในการระบาด 190

หนอนกระท้ผู ัก ลกั ษณะ ลักษณะหนอนจะมีล้าตัวอว้ นผวิ หนงั เรียบ ลายสดี า้ จะสงั เกตเหน็ แถบด้าที่ คอชดั เจน ตัวโตเต็มท่ปี ระมาณ 3-4 ซม. เคล่ือนไหวชา้ การป้องกนั ก้าจัด 1. หนอนกระท้ผู ักสามารถป้องกนั จา้ กัดได้ไมย่ าก เมอ่ื พบกลุ่มไขห่ รือหนอนท่ีฟักออก จากไข่ควรเก็บท้าลาย หากปลอ่ ยใหห้ นอนโตจนหนอนจะแยกยา้ ยหลบซ่อนตวั กัด กินเจาะเป็นรูสึก ในใบ ดอก และฝัก 2. ฉดี พน่ เช้อื แบคทีเรีย บีที ทุกๆ 5-7 วนั สลับกบั ฉดี พ่น สารสกดั สะเดา ยาสบู หนอนตายอยาก โดยฉีดพ่นในชว่ งเยน็ 3. ควบคมุ ปริมาณของตัวแม่ผีเส้อื โดยฉีดพ่น สารสกดั ขมิ้นชนั บอระเพ็ด สาบเสอื ในช่วงเย็นเพื่อขบั ไล่ ป้องกันการวางไข่ 191

หนอนเจาะสมอฝา้ ย ลกั ษณะ เปน็ แมลงจา้ พวกผีเส้ือกลางคนื ขนาดกลาง วางไข่ฟองเด่ียวตามบริเวณ สวนของพืช เชน่ ใบ ดอกตูม และฝัก ไข่มสี ีขาวนวล ลกั ษณะกลมคล้ายฝาชี หนอนโต เตม็ ที่ ขนาด 4 ซม. มีสี แตกต่างกัน ผวิ ล้าตวั มีเสน้ ขนเล็ก ๆ ทว่ั ไปตรงรอยต่อ ระหว่างปล้อง การปอ้ งกันก้าจดั 1. ฉดี พ่นเชอ้ื แบคทเี รยี บีที ทุกๆ 5-7 วัน สลบั กับฉดี พน่ สารสกัด สะเดา ยาสบู หนอนตายอยาก โดยฉดี พน่ ในช่วงเยน็ 2. ควบคุมปรมิ าณของตวั แม่ผีเสอ้ื โดยฉีดพน่ สารสกดั ขม้นิ ชัน บอระเพด็ สาบเสือ ในชว่ งเยน็ เพอ่ื ขับไล่ ป้องกันการวางไข่เป็นมวนตวั ค่อนข้างโต ตวั เต็มวยั มลี กั ษณะ ลา้ ตวั ยาว 192

มวนแดงฝ้าย ลักษณะการทา้ ลาย ตัวออ่ นและตวั เตม็ วัย จะดูดกนิ น้าเลีย้ งจากฝักกระเจ๊ียบเขยี ว ทา้ ให้ฝกั ไม่ สมบูรณ์ แตระแกรน หงกิ งอ และไม่ได้คณุ ภาพ การปอ้ งกนั ก้าจัด 1. หมน่ั ตรวจสอบการระบาดของมวนแดงฝา้ ย หากพบไม่มากใหจ้ บั ทา้ ลายทงิ้ มวน กลมุ่ นี้สามารถจับท้าลายได้ง่าย 2. ฉดี พ่นสารสกดั ยาสบู หางไหล สะเดา เพือ่ ป้องกันกา้ จดั ทุกๆ 5-7 วนั หากมีการ ระบาด ให้ฉดี พ่นทุกๆ 3 วนั 3. ควรปลกู พชื หมนุ เวียน ไม่ปลูกกระเจี๊ยบเขยี วซา้ ในแปลงเดิมเป็นเวลานาน รวมทั้ง ไถดนิ ตากแดด เพอื่ เปน็ การท้าลายไข่ของมวนแดงฝ้ายในดิน 193

การเกบ็ เก่ียว กระเจ๊ียบเขียวเป็นพืชท่ีโตเร็ว เม่ืออายุได้ 40 วัน จะเริ่มออกดอก หลังดอกบาน 5 วัน ฝักจะยาว 4-9 เซนติเมตร ซ่ึงสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตฝักสดได้ มีขนาดและ คณุ ภาพฝกั ดี คือ ฝกั กระเจ๊ียบมีความอ่อนน่มุ มรี สชาติ และเนอื้ สมั ผสั ที่ผู้บรโิ ภคพอใจ ไม่มเี ส้นใยตรงตามทต่ี ลาดตอ้ งการ ฝกั กระเจยี๊ บเขียวโตเรว็ มากโดยเฉพาะอากาศร้อน จะเติบโตวันละ 2-3 เซนติเมตร เกษตรกรจึงต้องเก็บเก่ียวทุกวัน และไม่ควรปล่อยทิ้ง ฝกั ที่สามารถตัดได้ให้หลงเหลืออยู่บนตน้ เพราะตน้ จะต้องสง่ อาหารมาเล้ียง ท้าใหผ้ ล ผลิตต่้า เกษตรกรจะสามารถเก็บฝักที่มีคุณภาพดีได้ประมาณ 1-2 เดือน ฝักท่ีแตก ยอดจะเร่ิมหมดและไม่แข็งแรง สังเกตจะมกี ิ่งแขนงออกจากตน้ 2-3 ก่ิง ควรตัดต้นทิ้ง เพ่อื ให้แตกแขนงใหมซ่ งึ่ สามารถเก็บผลผลติ ได้อกี ประมาณ 2 เดอื น 194

การปลูก มะเขือเปราะอินทรีย์ 195

การปลูกมะเขือเปราะ การเตรยี มดิน ไถดินให้ลึก 30-40เซนติเมตร ตากดินไว้ 7-10วัน ย่อยดินให้ละเอียด หว่านปูน ขาวในพ้ืนที่อัตราสว่ น 50 กิโลกรัมต่อไร่ คลุกเคล้าในแปลง ยกแปลงสูงประมาณ 30 เซนติเมตร กว้าง 120เซนติเมตร เมื่อเตรียมแปลงปลูกแล้วให้ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก ในอัตราไร่ละ 500-1000 กิโลกรัมต่อไร่ หรือรองก้นหลุมประมาณ 1-2 กิโลกรัมต่อ หลุม และควรใช้เชื้อราไตรโคเดอร์มา250 กรัม/น้า50ลิตรผสมน้าฉีดพ่นให้ท่ัวแปลง ปลูกเพื่อป้องกนั เชอ้ื ราโรคพืชทอี่ ยูใ่ นดินจากน้ัน พรวนย่อยผิวหนา้ ดินใหล้ ะเอียด ระยะการปลูก ระยะการปลกู ระหว่างตน้ 70-80 เซนตเิ มตร ระหวา่ งแถว 90-100 เซนตเิ มตร การเตรียมกลา้ แช่เมล็ดไว้ 1 คืน จากนั้นเอามาบ่มผ้าไว้จนรากงอก แล้วเมล็ดมาใส่ดินที่ผสมลงใน ถาดเพาะกล้า (ดินท่ีร่อนแล้ว 3 ส่วน ปุ๋ยคออก 1 ส่วน ทรายหรือแกลบ 1 ส่วน) รด น้าและหยอดเมล็ดท่ีลงในถาดหลุมๆ ละ 1-2 เมล็ด รดน้าเช้า-เย็นประมาณ 14-21 วันแล้วยา้ ยปลกู 196

การดรู กั ษา การให้น้า ควรใหน้ ้าอยา่ งสม่้าเสมอ ให้พอเหมาะกับพืชไม่ควรให้แหง้ หรอื แฉะมากเกินไป (ใหค้ อยสงั เกตทด่ี นิ ปลูก) การใหป้ ุ๋ย หลังย้ายปลูกแล้ว 7-10 วัน ให้ใส่ปุ๋ยหมัก ควรโรยปุ๋ยห่างโคนต้นประมาณ 2-3 เซนตเิ มตรและรดน้าทันทีคร้ังต่อไปเม่ือตน้ พชื อายไุ ด้ 35-40 วัน , 55-60 วันหลังเก็บ เกี่ยวผลรอบแรก ควรใส่ปยุ๋ หมักหรือปุ๋ยคอกท่ีผา่ นการหมักแล้ว (ให้สังเกตพืชด้วยว่า ปุ๋ยหมกั เพียงพอกับความตอ้ งการหรือไม่อาจจะใหเ้ พิ่มอกี ได)้ 197

โรคทส่ี ้าคญั ของ มะเขอื เปราะ 198

โรคใบดา่ งเหลอื ง สาเหตุ ไวรัส โทเมโท โมเสก ไวรสั (Tomato mosaic virus) แพร่ระบาดได้โดยมีแมลงหว่ีขาว เป็นตัวพาหะ ลักษณะอาการ ยอดอ่อนของมะเขือจะเริ่ม ใบเหลืองทลี ะยอดกอ่ น จนเหลือง หมดทั้งต้ น ผลมะเขือแสดง อาการเหลืองด่างลาย โดยใบของ มะเขือ จะด่างลายมีสีเหลืองสลับเขียว ต้นชะงักการเจริญเติบโต และอาการที่พบใน ส่วนอื่น ๆ ของพืช เช่น ผลผลิตบิดเบี้ยว ขนาดเล็กกว่าปกติ แต่ถ้าเกิดกับมะเขือที่ยัง เล็กและไม่สมบูรณ์ จะไม่ให้ผลผลิตเลย หากทิ้งไว้นานจ้านวนต้นท่ีเป็นโรคจะเพิ่มข้ึน อยา่ งรวดเรว็ การป้องกนั กา้ จัด 1. กา้ จัดต้นทเ่ี ป็นทันทสี ้ารวจแปลงเสมอๆ หากพบ ถอนท้ิงทันที แลว้ รบี ปลูกซ่อม 2. อย่าให้แมลงหวีข่ าวระบาด โดยใชเ้ ชื้อราบิวเวอรเ์ รีย และสารสกัดยาสบู ฉีดพ่น 199

โรคใบจุด สาเหตโุ รค เชื้อรา อลั เทอร์นาเรยี (Alternaria sp.) ลักษณะอาการ อาการของโรคใบจุดขนาดเลก็ การ ขยาย ตัวของโรคใบจุดเกิดเป็นวงไมค่ ่อย ชัดเจน และแผลมักมสี เี หลืองลอ้ มรอบ อาการบนผลเปน็ จุดเล็ก ๆ กระจายอยู่ ทั่วไป แผลสีครมี หรอื น้าตาลอ่อน การปอ้ งกันกา้ จดั 1. พยายามรกั ษาความช้นื ในแปลงปลูกอย่าให้สงู มากเกนิ ไป 2. ในช่วงการเตรียมดินควรฉีดพ่นเชือ้ ราไตรโคเดอรม์ าลงในดนิ เพื่อควบคมุ โรค 3. เก็บใบท่เี ป็นโรคออกไปท้าลายในระยะแรกจะมีการระบาดไม่มาก 4. ฉีดพ่นเช้อื ราไตรโคเดอรม์ าทกุ ๆ 7 วนั เพือ่ ป้องกันโรค 200


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook