Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือการปลูกผัก

คู่มือการปลูกผัก

Description: คู่มือการปลูกผัก

Search

Read the Text Version

โรคแอนแทรคโนส สาเหตุ เช้อื ราโคลเล็ทโทตรคิ รมั เมลองเจน็ เน่ (Colletotrichum sp.) ลกั ษณะอาการ ลูกมะเขือที่โตเต็มท่ีหรือปล่อยทิ้งไว้จะเกิดอาการแผลค่อนข้างกลมสีน้าตาลยุบ เป็นแอ่งลงไปในเนื้อ แผลท่ีเกิดอาจเป็นเพียงจุดเล็ก ๆ หรือโตถึงคร่ึงนิ้ว และถ้า เป็นมากจนแผลท่ีเกดิ ขึน้ มาต่อเชื่อมกันแผลกอ็ าจใหญ่กวา่ นน้ั เมื่ออากาศชื้นจะพบว่า มผี งสปอรข์ องเชื้อราเป็นสีชมพูเห็นไดช้ ัดเจน ลูกมะเขือท่ถี กู ท้าลายรนุ แรงจะหลดุ ร่วง ลงดิน เหลือส่วนทีเ่ ป็นก้านติดอยู่กับต้น ต่อมาอาจมีพวกเชอ้ื เน่าเละเข้าท้าลายต่อท้า ให้เน่าท้ังลูก หรือไม่ก็เน่าแห้งเป็นสีด้า นอกจากบนผลแล้วเชื้ออาจเข้าท้าลายใบ มะเขือ ท้าให้เกิดอาการแผลจุดสีเหลืองหรือสีน้าตาลขึ้น แต่แผลที่ใบส่วนใหญ่จะไม่ กระทบต่อการเจริญเติบโตของต้นและผลผลิต ส่วนล้าต้นเป็นแผลสีน้าตาลรียาวตาม ความยาวของล้าต้น ต้นเหยี่ วเฉาและแห้งตาย กิง่ แห้งตาย การปอ้ งกันก้าจดั 1. คลกุ เมลด็ หรือฉดี พ่นดว้ ยเช้อื ราไตรโครเดอร์มา ลงดินก่อนการปลูก 2. เมื่อต้นกล้างอก และพบต้นท่ีเป็นโรคให้ ฉีดพ่นเช้ือราไตรโครเดอร์มา อัตรา 250 กรมั /นา้ 50 ลิตร กรณีระบาดหนักให้ฉีดพน่ ทกุ ๆ 3-5วัน/คร้ัง 3. หลีกเล่ียงการปลูกมะเขือซา้ ลงในแปลงหรือดินปลูกที่เคยมีโรคระบาดอย่างน้อย 3 ปี โดยนา้ พืชชนิดอน่ื มาปลูกหมุนเวยี น 4. เกบ็ ท้าลายซากพชื ท่เี ป็นโรค และต้นมะเขอื ทงี่ อกหลงั จากเก็บเกี่ยวแลว้ ใหห้ มด 201

โรคโคนเนา่ หรอื ตน้ เห่ียว สาเหตุ สเคอโรเทยี ร็อบฟิอาย (Sclerotium rolfsii) ลกั ษณะอาการ ต้นแสดงอาการเห่ียวเฉา เหมือนอาการขาดน้า ท่ีโคนต้นบริเวณใต้ผิวดินลงไป เล็กน้อยพบแผลแห้งตายที่ส่วนต้น และเปลือกจนรอบต้น ส่วนที่โคนต้นเหนือระดับ ดินจะมีเส้นใยของเช้ือราเป็นเส้นใยลักษณะหยาบ ๆ สีขาว บางคร้ังอาจพบเส้นใยรัด พันกันแน่นเป็นเม็ดกลมสีขาว ไปจนถึงน้าตาลอ่อน และน้าตาลแก่ ขนาดเท่าเมล็ด ผักกาด ติดอยู่ประปรายท่วั บริเวณโคนต้น การปอ้ งกันก้าจดั 1. รกั ษาความสะอาดแปลงปลูก โดยการเก็บเศษซากพชื ท่คี ้างอย่ใู นแปลงออกให้มาก ทส่ี ุดเทา่ ทจี่ ะท้าได้ 2. คลกุ เมล็ดหรือฉีดพน่ ดว้ ยเชื้อราไตรโครเดอร์มา ลงดนิ กอ่ นการปลูก 3. พบตน้ ท่เี ปน็ โรคควรถอนทิ้ง และถา้ ทา้ ได้ใหเ้ ผาท้าลาย 4. หลกี เลีย่ งการปลูกมะเขือซ้าลงในแปลงหรือดินปลูกที่เคยมีโรคระบาดอย่างน้อย 3 ปี โดยน้าพืชชนดิ อืน่ มาปลกู หมนุ เวียน 5. พบโรคระบาดให้ฉีดพ่นเชื้อราไตรโครเดอร์มา อัตรา 250 กรัม/น้า 50 ลิตร กรณี ระบาดหนักใหฉ้ ีดพน่ ทกุ ๆ 3-5วัน/คร้ัง 202

แมลงศัตรู ทสี่ ้าคญั ของ มะเขือเปราะ 203

เพล้ยี ไฟ ลกั ษณะการท้าลาย เนื้อใบไมแ่ ผ่เรียบมักจะหงิกงอเป็นคลื่นขอบ ใบจะมวนขึ้นพืชมีการเจริญไม่ปกติมักแคระ แกร็นมีขนาดเล็กลงเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับตอน ปกติ การป้องกนั และกา้ จดั 1. หมัน่ ส้ารวจตดิ ตามสถานการณ์ การระบาดของเพลยี้ ไฟในแปลง หากพบการ ระบาดให้ฉีดพน่ เชอื้ ราบวิ เวอรเ์ รีย ทกุ ๆ 5-7 วนั ควรพ่นในช่วงเย็น หรอื ชว่ งท่ีแดด ไมจ่ ดั 2. ช่วงทีไ่ รแดงมกี ารระบาด หากสามารถให้น้าในช่วงกลางวนั ได้ จะช่วยลดความ เสยี หายได้มาก 204

เพลย้ี แปง้ ลกั ษณะการท้าลาย เพลี้ยแป้งดูดกินน้าเล้ียงจาก บริเวณกิ่ง ใบ ช่อดอก ผลอ่อน ผลแก่ มีมดเป็นพาหะ ช่วยพาไป ตามส่วนต่าง ๆ ของพืช ส่วนของ พืชที่ถูกท้าลายจะแคระแกรน และเกิดราสดี ้า การป้องกนั และก้าจดั 1. หมนั่ ส้ารวจแปลงปลูก หากพบการระบาดของเพลี้ยแป้ง ให้เกบ็ ท้าลายทิ้ง แลว้ ฉีด พน่ ด้วย เช้อื ราบิวเวอร์เรีย หรือ สารสกัดยาสูบ ทุกๆ 3-5 วัน โดยผสมน้ายาล้างจาน เล็กน้อย 2. ควบคมุ ปรมิ าณมดเพราะมดเป็นพาหะของเพลย้ี แป้ง 3. เพลี้ยแป้ง มีศัตรูตามธรรมชาติอยู่มาก เช่น ด้วงเต่า แมลงช้างปีกใส แมลงเหล่าน้ี จะชว่ ยควบคมุ ปรมิ าณของเพลย้ี แป้งได้ 205

หนอนเจาะผลมะเขือ ลกั ษณะการท้าลาย ห น อ น เจ า ะ ผ ล ม ะ เขื อ ห น อ น เจ า ะ ช นิ ด น้ี ท้ า ค ว า ม เสียหายให้แก่ยอดมะเขือเป็น ประจ้าในบริเวณ พ้ืนท่ีปลูก มะเขือท่ัวๆ ไป ใน ระยะต้น มะเขือก้าลังเจริญเติบโต จะ พบว่ายอดเห่ียวเห็นชัดเวลา แดดจัด เพราะท่อน้าท่ออาหาร ของพืชถูกท้าลาย และเมื่อ ตรวจดูจะพบรูเจาะประมาณไม่เกิน 10 ซม. จากปลายยอด หนอนจะกัดกินภายใน การท้าลายต่อยอดบางครั้งสูงถึง 30 เปอร์เซ็นต์ผลเสียคือ ท้าให้ยอดที่แข็งแรงถูก ท้าลาย ยอดใหม่ท่ีแตกมามีขนาดเล็กกว่า และผลมะเขือที่เกิดมายังได้รับความ เสียหาย โดยหนอนเจาะผลท้าใหเ้ สียคณุ ภาพสง่ ขายไม่ได้ในช่วงระบาดรนุ แรงอาจถูก ทา้ ลายถงึ 50เปอรเ์ ซน็ ต์ การป้องกนั ก้าจัด 1. วิธีกล เก็บยอดและผลท่ีถูกท้าลาย ออกจากแปลง จะช่วยลดการระบาด 2. ใช้สารชีวภัณฑ์ บีที หรือเช้ือราเมธา ไรเซียม ฉีดพ่นทุกๆ 5-7 วัน หากมีการ ระบาดมากให้ฉีดพ่นทุก 3 วนั 3. ใช้สารสกัดธรรมชาติฉีดไล่แม่ผีเสื้อ เช่น ขมนิ้ ชนั ตะไครห้ อม เป็นต้น 206

แมลงหวีข่ าว ลกั ษณะและการทา้ ลาย ระบาดตลอดทั้งปี และ มักท้าความเสียหายให้กับพืช ท่ีปลูกในฤดูแล้ง และต้นฤดู ฝน ซึ่งมีอากาศร้อน แหง้ แล้ง อุณหภูมิและความชื้นสูง ถ้า การระบาดของแมลงหวี่ขาว เกิดข้ึนในช่วงเวลาเดียวกับ การระบาดของเพลี้ยอ่อนจะเพิ่มความรุนแรงของการท้าลายพืชได้มาก ท้าความ เสียหายโดยทั้งตัวอ่อนและตัวเต็มวัยดูดกินน้าเลี้ยงจากใบพืชท้าให้ใบเหลืองซีด ถ้า ระบาดมากในระยะแรกของการเจรญิ เติบโต จะทา้ ให้ตน้ แคระแกรน็ ผลผลติ ลดลง การปอ้ งกันกา้ จัด 1. หมั่นตรวจแปลงเมอื่ พบแมลงหว่ขี าวให้ ฉีดพน่ เชอื้ ราบวิ เวอรเ์ รีย สลับกบั สารสกัด จากยาสบู ฉดี พน่ ทุกๆ 5-7 วนั โดยผสมนา้ ยาลา้ งจานหรอื สารจบั ใบเลก็ นอ้ ยจะชว่ ย เพ่มิ ประสิทธิภาพ 2. ใชก้ ับดกั กาวเหนียวทาถงุ พลาสตกิ ติดบนแผน่ ฟิวเจอรบ์ อร์ดสีเหลอื ง จะชว่ ยลด ปรมิ าณแมลงหว่ีขาว 207

การเกบ็ เก่ยี ว การเก็บเกี่ยวผลผลิตมะเขือเปราะ มีอายุประมาณ 60 วัน หลังปลูก จะเร่ิมเก็บ ผลผลิตเมื่อมะเขือเปราะ มีผลโตเต็มท่ีมีสีเขียวอมขาว น้ากรรไกรมาตัด แล้วใส่ใน ภาชนะที่เตรยี มไว้ มรี ะยะเวลาเก็บเกย่ี วผลผลิต ได้เรือ่ ยๆตอ่ ไปประมาณ 1-2 ปี วิธีเก็บรักษามะเขอื เปราะ จะน้ามะเขือเปราะ แลว้ นา้ มาลา้ งนา้ ให้สะอาด เราจะมีวิธเี ก็บรักษาใหส้ ดนานๆ คอื ให้ลา้ งนา้ ให้สะอาดดี แล้วให้สะเดด็ น้าออกให้หมด แล้วน้ามาหอ่ ดว้ ยกระดาษหรอื ผ้าขาวบาง แล้วใส่ถงุ หรือกล่องพลาสตกิ แลว้ นา้ ไปแช่ตู้เยน็ จะเกบ็ ไว้ได้นาน 208

การปลกู มะเขอื เทศอนิ ทรีย์ 209

มะเขือเทศ มะเขือเทศเจริญเติบโตได้ดีท้ังในดินร่วนเหนียวและดินร่วนทราย ความเป็นกรด ด่าง (pH) ท่ีเหมาะสมประมาณ 5.5 - 7.0 และเป็นดินที่ระบายน้าดี มะเขือเทศไม่ ชอบน้าขังแฉะ ถ้าฝนตกติดต่อกัน จะต้องเร่งระบายน้าออกให้เร็วที่สุด นอกจากนี้ ควรเป็นแหล่งท่ีไม่เคยปลูกมะเขือเทศมาก่อนในระยะ 1 - 2 ปี ที่ผ่านมา เพราะจะมี โรคแมลงสะสมทา้ ใหก้ ารป้องกนั ก้าจัดทา้ ไดย้ าก การปลกู มะเขือเทศ การปลกู ท้าได้ 2 วธิ ี 1. เพาะกลา้ แล้วย้ายปลกู • บรรจวุ สั ดเุ พาะกล้าลงในถาดเพาะกลา้ ขนาด 104 หลุม ไม่แน่นเกนิ ไป รดน้าให้ชุ่ม • น้าเมล็ดมะเขอื เทศมาหยอดลงในถาดเพาะหรือแหง้ กลบด้วยวสั ดุเพาะกล้า แล้วกด ทับเบาๆวัสดุเพาะกล้าใช้ดินผสมแกลบเผาหรือขุยมะพร้าวและปุ๋ยหมัก อัตราส่วน 1:1:1 คลกุ ผสมให้เข้ากนั • รดน้าใหช้ ุ่ม น้าไปเก็บในโรงเรือนเพาะกล้า หรือบริเวณท่ีมีแสงแดดอาจใช้สแลน 50 - 60% พรางแสงในชว่ งทแ่ี ดดรอ้ นจัด • รดนา้ ทุกวนั เพ่อื ใหว้ สั ดเุ พาะกลา้ ชุ่มอยเู่ สมอ จนอายกุ ลา้ ได้ 14-21 วัน 210

2. หยอดเมลด็ ลงแปลงปลูกโดยตรง ใช้ในกรณีท่ีสามารถให้น้าได้ง่าย แต่จะเสียเวลาและแรงงาน ในการดูแลรักษา มากกว่า อีกทั้งต้องใช้เมล็ดพันธุ์มากขึ้นเป็น 80-100 กรัมต่อไร่ส้าหรับระยะปลูกที่ เหมาะสม ควรใช้ระยะระหว่างแถว 1 เมตร ระยะระหว่างต้น 25-50ซม. ปลูก 1 ต้น ต่อ หลุม ถ้าใช้ระยะปลูกแคบจะได้ผลผลิตต่อ พ้ืนท่ีมากข้ึน แต่การควบคุมโรคและ การปฏิบัติงานอ่ืน จะยุ่งยากขึ้นด้วย เนื่องจากมะเขือเทศเจริญเติบโตดี มีทรงพุ่มสูง ใหญ่กว่าฤดอู ืน่ ๆ การเตรียมดนิ ปลกู ไถหนา้ ดินให้ลกึ ประมาณ 20-30 cm.ใหใ้ สป่ ูนขาวเม่ือดินเป็นกรด ใสป่ ๋ยุ หมัก และปยุ๋ คอก อัตรา500กก./ไร่ แลว้ ไถแปรพรวนดนิ และยกแปลงปลกู สูง 30 เซนติเมตร ระยะห่างระหว่างสันแปลง 1.5 เมตร 211

การดูแลรักษา การพรวนดนิ กลบโคนตน้ เมื่อต้นกล้าตั้งตัวได้เต็มท่ี ควรท้าการพรวนดินกลบโคนต้น โดยเปิดเป็นร่อง ระหว่าง ในแปลงท่ไี ม่ได้คลุมพลาสติกทึบแสง เพือ่ ใหส้ ะดวกต่อการใหน้ ้า น้าไมข่ ัง วิธี นี้จะท้าให้รากมะเขือเทศเกิดมากและล้าต้นแข็งแรงหลังจากนั้นอีก 1 เดือน ควรท้า การกลบโดนซา้ อีกครั้งหนึ่ง การให้นา้ มะเขือเทศเป็นพืชท่ีต้องการน้าสม่้าเสมอต้ังแต่เริ่มปลูกไปจนถึงผลเริ่มแก่(ผล เปล่ียนสี) หลงั จากน้นั ควรงดการให้น้าลง มิฉะน้นั อาจท้าให้ผลแตกได้ นอกจากนี้การ ลดน้ามากเกินไปจะท้าให้ดินชื้น ซ่ึงจะท้าให้เชื้อราสาเหตุโรคเน่าเจริญเติบโตได้ดี แต่ ถา้ มะเขือเขือเทศขาดนา้ และมีการใหน้ ้าอย่างกระทันหนั ก็ท้าใหผ้ ลแตกเช่นกัน การใหป้ ุ๋ย การใส่ปุ๋ยให้ใส่ป๋ยุ คอกหมักทุกๆ 15 วัน ท้ังนี้ข้นึ อยูค่ วามเหมาะสมและความอุดม สมบูรณข์ องดิน การปกั ค้าง มะเขือเทศที่ทอดยอดหรือพันธ์ุเลอ้ื ยจ้าเป็นจะต้องมีการปกั ค้าง โดยใช้ไม้หลกั ปัก ค้างต้นก่อนระยะออกดอก ใช้เชือกผูกกับล้าต้นให้ไขว้กันเป็นเลข 8 และผูกเงื่อน กระตุกกับค้าง เพ่ือให้ต้นเจริญเติบโตได้ดี สะดวกต่อการดูแลรักษา สามารถฉีดสาร ป้องกนั กา้ จัดโรคแมลงไดอ้ ย่างทว่ั ถึง และผลไม่สัมผสั กับดิน สะดวกต่อการเก็บเกี่ยว 212

โรคที่สา้ คัญของ มะเขอื เทศ 213

โรคใบไหม้ สาเหตุ เกิดจากเช้ือราไฟทอปเทอร่า อิน เฟสแตน (Phytophthora infestans) ลกั ษณะอาการ จะพบอาการอยู่บนใบส่วนล่าง ๆ ของ ต้นก่อน โดยเกิดเป็นจุดฉ่้าน้าสีเขียวเข้ม เหมอื น ใบถกู น้าร้อนลวก รอยช้าน้ีจะขยาย ขนาดออกไปอย่างรวดเร็วทางด้านใต้ใบ โดยเฉพาะขอบ ๆ แผล จะสงั เกตเห็นเสน้ ใย สีขาวอยู่รอบ ๆ รอยช้านั้น เมื่อเช้ือเจริญ มากขึ้นใบจะแห้ง อาการท่ีกิ่งและล้าตน้ เป็น แผลสีด้า อาการบนผลมีรอยช้าเหมือนถูก นา้ ร้อนลวก การปอ้ งกนั กา้ จัด 1. ถา้ ปลกู มะเขือเทศแบบยกคา้ ง ควรตดั แตง่ ใบล่างใหโ้ ปร่งเพอื่ ป้องกนั การระบาด 2. ผสมเช้ือราไตรโคเดอร์มาลงคลกุ ในดินกอ่ นปลูก และฉีดพ่นทุกๆ 7 วนั 214

โรคใบจุด สาเหตุ เกิดจากเชื้อราอัลเทอนาเรีย โซรา ไน (Alternaria solani) ลกั ษณะอาการ สังเกตได้จากใบแก่เร่ิมจากเป็นจุดเล็ก ๆ สีน้าตาล แผลค่อนข้างกลมแล้วขยายใหญ่ ออกไป การขยายตัวของจุดจะปรากฏรอย การเจรญิ ของแผลเป็นวงสีน้าตาลซ้อน ๆ กัน ออกไป ถ้าเกิดบนกิ่ง ลักษณะแผลรียาวไป ตามล้าต้น สีน้าตาลปนด้าเป็นวงซ้อน ๆ กัน ผลแก่ที่เป็นโรคแสดงอาการท่ีขั้วผลเป็นแผล สีน้าตาลด้า และมีลักษณะวงแหวนเหมือน บนใบ การปอ้ งกันกา้ จัด 1. เก็บใบท่ีเปน็ โรคออกจากแปลงไปท้าลายเพ่ือลดการสะสมของโรค 2. ผสมเชอ้ื ราไตรโคเดอร์มาลงคลกุ ในดินกอ่ นปลูก และฉีดพน่ ทกุ ๆ 5-7 วนั สลบั กบั เชอ้ื แบคทีเรยี บาซลิ ลัส ซบั ทริ ิส 215

โรคใบดา่ ง สาเหตุ เกดิ จากไวรสั โทเมโท โมเสก ไวรัส (Tomato mosaic virus) ลกั ษณะอาการ ต้นมะเขือเทศแคระแกรน ใบมะเขือ เทศม้วนงอ ถ้าอาการรุนแรงมากขึ้น ใบ มะเขือเทศจะ เรียวเล็กกว่าปกติโรคนี้ สามารถถ่ายทอดโดยเพล้ียอ่อน และ วิธีการสัมผัสต้นมะเขือเทศที่แสดงอาการ ใบเรียวเลก็ น้ีต้ังแต่ระยะเล็ก ๆ จะไม่ติดผล หรือถา้ ตดิ ผลจะเล็ก การป้องกันกา้ จัด 1. ควบคุมเพลยี้ อ่อนซึ่งเปน็ พาหะของโรค โดยฉดี พ่นเช้ือราบวิ เวอรเ์ รยี สลับกับสาร สกัด ยาสบู บอระเพ็ด สะเดา สลบั กนั ทกุ ๆ 5-7 วัน 2. หากพบต้นที่เป็นโรคให้ถอนไปท้าลายท้ิง เพราะทา้ ใหโ้ รคระบาดไปยงั ตน้ อืน่ ๆ ได้ 216

โรคเหยี่ วเหลอื ง สาเหตุ เกดิ จากเชอ้ื ราฟวิ ซาเลียม ออกซีส่ ปอร์ลมั (Fusarium oxysporum) ลักษณะอาการ ต้นมะเขือเทศที่เป็นโรคนี้แสดงอาการเห่ียวเร่ิมจากใบส่วน ล่างของต้น เปลี่ยนเป็น สีเหลืองตายไปท้ังต้น และเห่ียว ถ้าผ่าตามยาวของต้นพบว่า บริเวณท่อ น้าท่ออาหารมีสีนา้ ตาลแดงหรือแดง ซ่งึ เป็นลกั ษณะส้าคญั ของโรคทเ่ี กิดจากเชือ้ การปอ้ งกนั กา้ จดั 1. รกั ษาความสะอาดแปลงปลกู ควรเก็บเศษซากพืชทต่ี กค้างอยู่ในพ้ืนที่ปลูก ออกให้ มากทสี่ ุดเท่าทจี่ ะท้าได้ โดยเฉพาะฟางข้าว 2. ปรับปรงุ ดนิ ดว้ ยปยุ๋ คอกและปูนขาว 3. ถ้าปรากฏต้นมะเขือเทศทเี่ ป็นโรคน้ี ควรรีบถอนท้าลายด้วยการเผา 4. ควรหมุนเวียนพชื ปลกู อย่าปลกู พืชติดต่อกันเป็นเวลานาน 5. การเตรียมดินควรคลุกเช้ือราไตรโคเดอร์มาลงในดิน และฉดี พน่ สลับกับเชื้อ แบคทเี รยี บาซลิ ลัส ซบั ทริ ิส ทุกๆ 5-7 วัน 217

แมลงศตั รทู ี่ส้าคัญ ของมะเขอื เทศ 218

แมลงหวี่ขาว ลกั ษณะและการทา้ ลาย ระบาดตลอดท้ังปี และมักท้า ความเสียหายให้กับพืชที่ปลูกในฤดู แล้ง และต้นฤดูฝน ซ่ึงมีอากาศร้อน แห้งแล้ง อุณหภูมิและความชื้นสูง ถ้ า ก า ร ร ะ บ า ด ข อ ง แ ม ล ง ห ว่ี ข า ว เกิ ด ข้ึ น ใ น ช่ ว ง เว ล า เดี ย ว กั บ ก า ร ระบาดของเพล้ียอ่อนจะเพ่ิมความรุนแรงของการท้าลายพืชได้มาก ท้าความเสียหาย โดยทงั้ ตวั อ่อนและตัวเต็มวยั ดูดกนิ นา้ เลย้ี งจากใบพืชท้าใหใ้ บเหลืองซดี ถ้าระบาดมาก ในระยะแรกของการเจริญเติบโต จะท้าให้ต้นแคระแกร็น ผลผลิตลดลง และเป็น พาหะของโรคไวรสั ใบดา่ งมะเขอื เทศ การปอ้ งกันกา้ จดั 1. หม่ันตรวจแปลงเมื่อพบแมลงหวข่ี าวให้ ฉีดพ่นเชือ้ ราบิวเวอรเ์ รยี สลบั กบั สารสกดั จากยาสบู ฉดี พน่ ทกุ ๆ 5-7 วัน โดยผสมน้ายาล้างจานหรอื สารจับใบเลก็ นอ้ ยจะช่วย เพ่ิมประสิทธิภาพ 2. ใชก้ บั ดกั กาวเหนียวทาถุงพลาสตกิ ตดิ บนแผ่นฟวิ เจอรบ์ อรด์ สเี หลอื ง จะช่วยลด ปริมาณแมลงหว่ีขาว 219

เพลี้ยไฟ ลักษณะและการทา้ ลาย เพลี้ยไฟเป็นแมลงประเภทท่ีมี ปากแหลมยาวใช้ดูดน้าเลี้ยงจาก ส่วนของพืช ชอบท้าลายส่วนอ่อน ๆ เช่น ยอด ตาดอก ใบอ่อน และใบ โดยทวั่ ไป เพลี้ยไฟ จะระบาดมากใน ฤ ดู แ ล้ งห รื อ ใน ช่ ว งฝ น ท้ิ งช่ ว งเป็ น เวลานานเมื่อมะเขือเทศถูกเพล้ียไฟ ดูดกินน้าเลี้ยงบริเวณยอดอ่อน หรือ ใบอ่อน จะท้าให้ ใบอ่อน หรือยอด อ่อนน้ันหงิก ขอบใบจะหงิกและม้วน หอ่ ขึน้ ดา้ นบนทง้ั สองขา้ ง การป้องกันก้าจัด 1. ควรหมั่นตรวจดเู พลี้ยไฟ ในข้ันต้นควรเพ่ิมความชื้นโดยการใหน้ ้าในชว่ งเวลา กลางวนั จะช่วยลดการระบาดได้ 2. ฉดี พ่นเชือ้ ราบวิ เวอร์เรีย สลับกบั สารสกัดยาสูบ ทุกๆ 5-7 วนั 220

หนอนชอนใบ ลักษณะการท้าลาย จะดูดกินน้าเลี้ยงจากใบ โดยจะ สังเกตเห็นเป็นทางเดินของหนอน ภายในใบ การป้องกันกา้ จัด 1. หากพบอาการระบาดหนอนชอน ใบ ให้เก็บท้าลายเท่าที่ท้าได้ แล้วฉีด พ่นบีที สลับกบั สารสกดั สะเดา หาง ไหล ยาสูบ ทุกๆ 5-7วนั 2. ถ้ามกี ารระบาดไมม่ ากให้เก็บส่วน ใบท่ีโดนท้าลายออกจากแปลงเพ่ือ ท้าลายตวั หนอนทีอ่ ยู่ภายใน 221

ดว้ งเตา่ มะเขือ ลักษณะการท้าลาย เข้าท้าลายโดยกัดกินผิว ใบของมะเขอื เทศ ทา้ ให้ใบเกิด ความเสียห าย ห ากมีการ ระบ าดมาก ต้นมะเขือจะ ชะงักการเจริญเติบโต และ ผลผลติ ลดลง การป้องกนั กา้ จัด 1. หมนั่ สา้ รวจแปลง หากพบตวั ให้จับทา้ ลาย โดยเฉพาะกลุ่มไขแ่ ละตวั อ่อนมักหลบ อยู่ใตใ้ บ 2. ฉดี พ่นสารสกัดจากบอระเพ็ด หางไหล ทุกๆ 3-7 วนั 3. ใช้กับดกั กาวเหนยี ว หรือใช้วิธีจับท้าลายด้วยมอื เปลา่ 222

เพล้ียแป้ง ลักษณะการท้าลาย เพลยี้ แปง้ ดดู กนิ น้าเลยี้ งจากบรเิ วณก่งิ ใบ ช่อดอก ผลอ่อน ผลแก่ มีมดเป็นพาหะ ช่วยพาไปตามสว่ นตา่ ง ๆ ของพชื สว่ นของพืชที่ถกู ท้าลายจะแคระแกรนและเกดิ ราสี ดา้ การปอ้ งกนั และกา้ จัด 1. หมนั่ ส้ารวจแปลงปลูก หากพบการระบาดของเพลี้ยแปง้ ใหเ้ ก็บท้าลายท้ิง แลว้ ฉีด พ่นด้วย เชอื้ ราบวิ เวอร์เรีย หรอื สารสกดั ยาสูบ ทุกๆ 3-5 วนั โดยผสมนา้ ยาล้างจาน เลก็ นอ้ ย 2. ควบคมุ ปริมาณมดเพราะมดเป็นพาหะของเพล้ียแป้ง 3. เพลี้ยแป้งมศี ัตรูตามธรรมชาติอยูม่ าก เช่น ดว้ งเตา่ แมลงช้างปีกใส แมลงเหล่าน้ี จะช่วยควบคุมปริมาณของเพลี้ยแปง้ ได้ 223

การเกบ็ เกีย่ ว เริ่มเก็บเก่ียวผลผลิตได้เม่ืออายุประมาณ 55 วัน หลังจากย้ายกล้า โดยเก็บผลท่ี เร่ิมเปลี่ยนสี เพ่ือหลีกเล่ียงผลแตกและผลสุกเกินไประหว่างการเก็บเกี่ยวเม่ือเก็บ เก่ียวแล้วไม่ควรตั้งผลมะเขือเทศบนพ้ืนดิน ควรจัดหาภาชนะมารองรับและไม่ควรให้ มะเขือเทศตากแดดหรือต้ังในสถานท่ีที่มีอุณหภูมิสูง ควรเคลื่อนย้ายมายังท่ีร่มหรือ อณุ หภมู ติ ้า่ เพ่อื ลดอตั ราการหายใจของผลผลติ 224

การจดั การ โรคและแมลง 225

ไตรโคเดอรม์ า เช้ือราไตรโคเดอร์มาเป็นเชื้อราช้ันสูงเจริญได้ดีในดิน เศษซากพืช ซากของ ส่งิ มชี วี ติ ต่างๆ และวัสดอุ นิ ทรีย์ตามธรรมชาติ เช้ือราไตรโคเดอร์มาจัดเป็นเช้ือราปฏิปักษ์ ที่สามารถใช้ควบคุมโรคพืชในดิน หลายชนิดโดยวิธีการเบียดเบียนหรือ เป็นปรสิต แข่งขันหรือแย่งใช้อาหารที่เชื้อโรค ตอ้ งการ เป็นเชอื้ จุลินทรียท์ ่เี ป็นศัตรูกบั ราทกี่ ่อให้เกิดโรคในพชื หลายชนิด ดงั นี้ 1. เชื้อราพเิ ทยี มสาเหตุโรคกล้าเน่า เมล็ดเน่า เนา่ ยบุ และเน่าคอดิน 2. เช้อื ราไฟทอปธอร่า สาเหตุโรครากเน่าโคนเน่า โรคเลทไบลท์ 3. เช้ือราสเคลอโรเทียม สาเหตโุ รคโคนเนา่ โรครากเน่า (ราเมลด็ ผักกาดขาว) 4. เชอ้ื ราไรช็อคดทเนีย สาเหตุโรคกลา้ เนา่ โคนเน่าขาว รากเน่า 5. เชอื้ ราฟวิ ซาเรียมสาเหตุโรคเหยี่ ว วิธีการใชเ้ ชอ้ื ราไตรโคเดอรม์ าชนิดสด 1. ก่อนน้าเชื้อสดที่เพาะเลี้ยงไปใช้ให้น้าเชื้อไปละลายกับน้า จากนั้นให้กรองด้วย กระชอนตาถ่ีเอาเฉพาะน้าสปอร์ที่มีสีเขียวไปใช้งาน ส่วนปลายข้าวท่ีใช้เล้ียงเชื้อรา สามารถน้าไปใสไ่ ว้ใต้โคนตน้ ไม้หรอื น้าไปผสมกบั เศษใบไมแ้ ห้งเพื่อใชเ้ ป็นปุย๋ หมกั ได้ 2. น้าน้าสปอร์ของเช้ือราไตรโคเดอร์มาที่กรองเอาข้าวออกแล้วใช้งานได้ทันที โดย การฉีดพ่นอตั ราสว่ นเชอื้ สด 100 กรมั ตอ่ น้า 20 ลติ ร 3. การคลุกเมล็ดใช้เช้ือราไตรโคเดอร์มา (เช้ือสด) 1-2 ช้อนแกง (10-20กรัม) ต่อ เมล็ดพืช 1 กก.โดยคลุกเคล้าให้เข้ากันในถุงอาจเติมน้าเล็กน้อยเพ่ือให้สปอร์ของเช้ือ ราเคลือบตดิ บนผิวของเมลด็ พชื ไดด้ ีย่งิ ข้ึน 226

ไส้เดอื นฝอยก้าจัดแมลงสายพนั ธ์ุไทย ไส้เดือนฝอย Steinernema สายพันธุ์ไทย เป็นส่ิงมีชีวิตขนาดเล็ก มองไม่เห็น ด้วยตาเปล่า มีศักยภาพในการควบคุมแมลงได้หลายชนิด ได้แก่ แมลงในกลุ่มหนอน ผีเส้ือ และกลุ่มหนอนด้วง เช่น หนอนใยผัก หนอนกระทู้หอม หนอนกระทู้ผัก ด้วง หมดั ผัก ดว้ งกหุ ลาบ ตลอดจนมศี ักยภาพในการก้าจดั จัดปลวกต่างๆ กลไกลการฆา่ แมลง เม่ือไส้เดือนฝอยที่อาศัยอยู่ในดินพบแมลงเหยื่อ จะเคลื่อนที่เข้าสู้ตัวแมลงโดย ผ่านทางช่องเปิดตามธรรมชาติได้แก่ ทางปาก ช่องขับถ่าย หรือรูหายใจทางผิวหนัง จากน้ันเข้าสู้ช่องว่างภายในตัวแมลงซ่ึงมีน้าเลือด ไส้เดือนฝอยจะปลดปล่อย แบคทีเรียแกรมลบ Xenorhabdus sp. ที่อาศัยอยู่บริเวณลา้ ไส้สว่ นหน้าของไส้เดือน ฝอยระยะเข้าท้าลายลงสู่กระแสของแมลง โดยแบคทีเรียดังกล่าวจะสามารถสร้าง สารพิษท่ีมีผลท้าให้แมลงเกิดภาวะเลือดเลือดเป็นพิษ และตายอย่างรวดเร็วภายใน 12 ชว่ั โมง และสขี องตวั แมลงจะเปล่ียนเปน็ สดี ้าแตไ่ ม่เน่าเละ วิธกี ารแยกล้างและอตั ราการใช้ แยกล้างไส้เดือนฝอยออกจากฟองนา้ โดยเทก้อนฟองน้าลงในภาชนะ และเติมน้า หยดน้ายาล้างจานเล็กน้อยเพื่อลดคราบไขมัน จากน้ันใช้มือบีบให้ไส้เดือนฝอยหลุด ออกมาอยู่ในน้า น้าไปใส่ถังพ่นสารเคมีแบบสะพายหลัง อัตราการใช้ 20 ถุงหรือ ภาชนะบรรจุ ต่อพื้นท่ี 1 ไร่ ฉดี พ่นช่วงเย็นทุก 5-7 วนั จนถงึ เก็บเก่ียวผลผลิต 227

เชือ้ ราบวิ เวอร์เรีย เชื้อราบิวเวอร์เรีย เป็นจุลินทรีย์ที่ท้าใหเ้ กิดโรคกบั แมลง ซ่ึงสามารถท้าลายแมลง ไดห้ ลายชนิด ซงึ่ ได้แกแ่ มลงจ้าพวกเพลี้ยต่างๆหนอนผเี สื้อ ด้วง และแมลงวนั หรอื ยงุ การเข้าท้าลายแมลงของเชื้อราบวิ เวอรเ์ รีย สปอร์เชื้อราตกติดอยู่กับผนังล้าตัวแมลงเข้าสู่ตัวแมลงทางผนังล้าตัว รูหายใจ บาดแผลบนผนังล้าตัว ความชื้นเหมาะสมกับการงอก สปอร์จะแทงทลุผิวหนังล้าตัว เช้ือราจะงอกสู่ช่องว่างล้าตัวแมลงเจริญเติบโตสร้างเส้นใยมากมายท้าลายแมลง เม่ือ แมลงตาย เส้นใยจะแทงผ่านผนังล้าตัวแมลงออกสู่ภายนอกตัวแมลง สปอร์จะ แพร่กระจายไปตามลม ฝนหรอื ติดกับตวั แมลง เช้ือราจึงสามารถขยายพนั ธุต์ ่อได้ การใช้เชอ้ื ราบิวเวอรเ์ รยี ควบคุมศัตรูพืช เนื่องจากเชื้อค่อนข้างอ่อนแอต่อแสงแดด และอุณหภูมิสูง จึงควรใช้เช้ือราบิว เวอร์เรียในช่วงเวลาเย็นถึงค้่า ระหว่างท่ีฉีด ให้กวนน้าเป็นระยะ และควรปรับหัวฉีด ใหพ้ น่ ฝอยละเอียด จะฉีดไดผ้ ลดีและได้พนื้ ทีเ่ พิม่ ขึน้ ควรฉีดเหนอื ลม และเดินฉดี หน้า หา่ งๆ 228

เช้ือราเมตาไรเซียม เปน็ จุลนิ ทรีย์ท่ีมีขนาดเล็กพบในดนิ มีคุณสมบตั ิในการท้าลายแมลงได้หลากหลาย ชนดิ สามารถทา้ ใหเ้ กิดโรคในแมลงและท้าให้แมลงตายลงในทีส่ ุด เชน่ ตัก๊ แตน หนอน ด้วง หนอนผีเส้ือ มวน และเพล้ียต่างๆ ซ่ึงข้ึนกับชนิดและสายพันธุ์ของเชื้อราเมตตา ไรเซียมดว้ ยลักษณะโดยทั่วไปของเชื้อราเมตตาไรเซียม คือเมื่อเจริญเติบโตเต็มที่จะมี สเี ขยี วหม่น สามารถมีชีวิตอยู่ในดนิ ได้นาน เปน็ เชื้อราทไ่ี ม่ทา้ อันตรายต่อไส้เดือนฝอย สัตว์ต่างๆ และมนุษย์จัดว่าเป็นการควบคุมโดยชีววิธีท่ีมีประสิทธิภาพมากวิธีหนึ่ง รวมท้ังเช้ือราเมตตาไรเซียมสามารถมีชีวิตอยู่ในดินได้นานกว่า 3 ปี ท้าให้มีระยะการ ควบคุมไดน้ าน วิธีการใช้เชอื้ ราเมธาไรเซยี มในการควบคุมแมลงศัตรูพชื 1. การโรยเช้ือพร้อมกับการปลูกพืช ในอัตรา 10 กก./ไร่ แล้วรีบกลบฝังทันทีเพ่ือ ไมใ่ หแ้ สงแดดเผาท้าลายเช้อื รา 2. ผสมน้าราดโดยใช้เช้อื ราเมธาไรเซียม 1 กก. ผสมน้า 200 ลิตร ผสมสารจับใบหรือ น้ายาล้างจานเล็กน้อย เพ่ือลดแรงตึงผิวของเช้ือราให้เข้ากับน้าได้ดี น้าไปราดหรือใส่ เคร่ืองพ่นยาฉีดพน่ ลงดนิ และตามต้นพืช 229

เชอ้ื แบคทีเรียบาซิลัส ทูริงเยนซิส หรอื บที ี เป็นจุลินทรีย์ชนิดหนึ่งในธรรมชาติท่ีมีฤทธ์ิในการท้าลายแมลง โดยเฉพาะหนอน ผเี สื้อ ที่เป็นศัตรูของพืชที่ส้าคัญทางเศรษฐกิจหลายชนิด เม่ือหนอนกนิ เช้ือบีทีเข้าไป สารพิษที่บีทีสร้างข้ึนจะไปมีผลท้าให้ระบบย่อยอาหารของแมลงล้มเหลว กระเพาะ บวมเตง่ และแตก สง่ ผลใหแ้ มลงหยุดกินอาหารเคลื่อนไหวช้า ชักกระตุก เปน็ อมั พาต และตายภายใน 1-2 วัน เช้ือบีทีจึงสามารถใช้ในการควบคุมหนอนผีเสื้อ ศัตรูพืช หลายชนิดท่ีดื้อต่อสารเคมีได้ดี ในขณะเดียวกันเชื้อบีที ยังเป็นเชื้อจุลินทรีย์ที่ไม่เป็น พษิ ต่อมนษุ ย์ สตั วแ์ ละไม่มพี ิษตกคา้ งในสง่ิ แวดลอ้ ม วธิ กี ารใช้เชอื้ บีที 1. เช้ือบีทีเป็นส่ิงมีชีวิต จะถูกท้าลายโดยรังสีอุลตร้าไวโอเลต (UV) จากแสงแดด ดงั น้ัน จึงควรพ่นบีทีหลังบ่ายสามโมงเย็นไปแล้ว จะช่วยยืดอายุเช้ือบีทีบนต้นพชื ให้มี ประสิทธภิ าพอยไู่ ดน้ านข้ึน 2. แมลงต้องกินเชื้อเข้าไป บีที จึงจะสามารถท้าลายแมลงได้ แมลงศัตรูผักบางชนิด เช่น หนอนใยผัก หนอนคืบกะหล่้า มักอาศัยกัดกินอยู่ด้านล่างของใบ ดังน้ัน การพ่น บีทีควรครอบคลมุ บรเิ วณส่วนล่างของใบพืชด้วย จึงจะสามารถควบคมุ หนอนได้อยา่ ง มีประสิทธภิ าพ 3. การปรับหัวฉีดเครื่องพ่นสารให้ละอองเล็กท่ีสุดจะช่วยให้ละอองยาเกาะผิวใบได้ดี และชว่ ยเพิ่มประสทิ ธภิ าพในการควบคมุ แมลงได้ดขี ้ึน 4. ควรผสมสารจับใบในการพน่ เช้ือบีทที กุ ครง้ั ตามอัตราแนะน้าการใชท้ ี่ขา้ งขวด 5. ไม่ควรผสมเช้ือบีทีกับสารป้องกันก้าจัดโรคพืช เพ่ือใช้พ่นในคราวเดียวกัน ทั้งนี้ เนือ่ งจากสารปอ้ งกนั ก้าจัดโรคพชื บางชนิดอาจท้าให้เชือ้ บีทีเส่ือประสทิ ภาพได้ 6. เม่ือพบการระบาดของแมลงรุนแรง ควรพ่นเช้ือบีทีตามอัตราแนะน้า โดยพ่น ติดต่อกัน 3 ครั้ง ระยะห่างกัน 3 – 4 วัน จะช่วยลดความเสียหายจากแมลงได้ดีกว่า การพ่นเพยี งคร้ังเดียว 230

สารสกัดสมนุ ไพรปอ้ งกันก้าจัดหนอนและแมลง สมุนไพรก้าจัดหนอนเถาบอระเพ็ด ลูกควินนิน เมล็ดมันแก้ว เปลือกต้นไกรทอง เถาวลั ย์ยาง เถาวัลย์แดง ต้นล้มเช้า หัวขมิ้นชนั เมล็ดลางลาด ใบแกด่ าวเรืองชะพลู พลูป่า กานพลู ฝักคูนป่า ลกู ย่ีโถ ใบมะลินรก หัวกลอย ใบหนามขี้แรดเมล็ดฝักข้าว สาบเสือ หาง ไหลขาวเปลือกต้นจิกสน เมล็ดสะเดา หนอนตาย-หยาก หัวไพล สมุนไพรไล่แมลง ใบ ผกากรอง ใบ ดอกตูมดาวเรือง ใบยอ หางไหลขาว/แดง ใบ/เมล็ดน้อยหน่า ใบมะระข้ีนก ต้นยาสูบ ยาฉุน เปลือกว่านหางจระเข้ ใบ / เมล็ด / ต้นสบู่ต้น ใบค้าแสด เมล็ดแตงไทย ใบ/ดอก/ผลลา้ โพง ขิงข่าดีปลีโหระพา สะระแหน่ พริกไทย กระชาย พริกสด ตะไคร้หอม/ แกง กระเทียม ใบมะเขือเทศ ยห่ี ร่า ทเุ รยี นเทศหวั กลอย เมล็ดละหงุ่ เมลด็ โพธิ์ ดอกแคขาว ดอกเฟื่องฟา้ ดอกชบา ดอกยโ่ี ถ มะกรดู สาบเสือ วา่ นน้า ปะทัดจนี การหมกั สมุนไพร วธิ ีที่ 1 หมกั ในเอ็ทธนิ แอลกอฮอร์ วธิ ที ี่ 2 เหล้าขาว 750 ซซี ี + หัวน้าสม้ สายชู 150 ซซี ี วิธีที่ 3 น้า 20 ลติ ร + เหลา้ ขาว 750 ซีซี วิธีที่ 4 น้า 20 ลติ ร + กากน้าตาล 500 ซซี ี วธิ ีที่ 5 หมักดว้ ยน้าเปลา่ วิธีท้า บด/สับ/ โขกสมุนไพรทั้งหมดแล้วคลุกเคล้าให้เข้ากัน บรรจุในภาชนะท่ีไม่ใช้โลหะ เติมสารหมกั สมนุ ไพรใหท้ ่วม 2 –5 เท่า คนหรอื เขยา่ ให้เขา้ กันดอี ีกครั้ง กดให้จมตลอดเวลา เก็บไว้ในทร่ี ่มอุณหภูมิหอ้ ง คนหรือเขยา่ บอ่ ยๆ หมกั นาน 7-10วนั เริ่มนา้ ไปใชไ้ ด้ โดยน้าหมกั ท่ีไดค้ อื –หวั เช้ือ – อตั ราการใช้ อตั ราปกติ 20-50 ซซี ี / น้า 20 ลติ ร ฉีดพน่ ให้โชกทว่ั ทรงพุม่ ทกุ 3-5 วนั หัว เช้ือใหม่ๆ มีสารออกฤทธ์ิแรงมาก หากใช้ในอัตราเข้มข้นเกินไปท้าให้ใบไหม้ได้ ดังนั้นต้อง ทดลองใช้ก่อน 1-2 ครั้ง แล้วดูอาการพืช ถ้าใบไหม้ก็ให้พิจารณาเพ่ิม หรือลดอัตราใช้ลง ตามความเหมาะสม 231

น้าสกัดชวี ภาพ ได้จากการสกัดน้าเลี้ยงออกจากเซลล์พืชและเซลล์สัตว์โดนใช้น้าตาลหรือกากน้า น้าตาล ด้วยกระบวนการหมักแบบไม่ต้องการอากาศโดยจุลินทรีย์ได้น้าสกัดชีวภาพสี น้าตาลใส มีจุลินทรีย์หลายชนิดและเซลล์สัตว์ต่างๆ ได้แก่ สารคาร์โบไฮเดรต โปรตีน กรดอะมิโน ฮอร์โมน และธาตุอาหารต่างๆ ซึงมีปริมาณแตกต่างกัน ข้ึนอยู่กับวัตถุดิบที่ น้ามาใช้ทา้ น้าสกดั ชวี ภาพ ซ่งึ มีดว้ ยกนั หลายสูตร ไดแ้ ก่ 1. นา้ หมักชีวภาพจากพชื แบง่ เปน็ 2 ชนิด คอื – ชนิดท่ีใช้ผัก และเศษพืช เป็นน้าหมักที่ได้จากเศษพืช เศษผักจากแปลงเกษตรหลังการ เก็บ และคดั แยกผลผลิต น้าหมักทไ่ี ดม้ ีลักษณะเป็นน้าขน้ สีน้าตาล มีกล่นิ หอม – ชนิดท่ีใช้ขยะเปียก เป็นน้าหมักท่ีได้จากขยะในครัวเรือน เช่น เศษอาหาร เศษผักผลไม้ นา้ หมกั ทีไ่ ด้มีลักษณะขน้ สีน้าตาลจางกว่าชนิดแรก และมีกล่ินหอมน้อยกว่า บางครัง้ อาจมี กล่นิ เหม็นบา้ งเลก็ น้อย ตอ้ งใช้กากน้าตาลเปน็ ส่วนผสม สตู รการหมกั พืชสด : กากนา้ ตาล 3 กก. : 1 กก. 2. น้าหมักชีวภาพจากสัตว์ เป็นน้าหมกั ที่ได้จากเศษเน้ือต่างๆ เช่น เน้ือปลา เนื้อหอย เป็น ตน้ น้าหมกั ท่ีได้จะมีสนี ้าตาลเขม้ มกั มีกลนิ่ เหมน็ มากกวา่ นา้ หมกั ทีไ่ ดจ้ ากวัตถุหมกั อื่น ตอ้ ง ใชก้ ากน้าตาลเปน็ สว่ นผสม สูตรการหมกั เศษเน้ือสด : กากนา้ ตาล 3 กก. : 1 กก. วธิ ที ้าน้าสกัดชีวภาพ การทา้ น้าสกัดแต่ละสูตร ใหน้ ้าชน้ิ ส่วนท่ีเป็นวัตถดุ ิบน้ามาต้า บด โขลก หรอื ห่นั ให้เป็น เป็นช้ินเล็กๆ แล้วบรรจุลงถงั หมัก เติมกากน้าตาล และส่วนผสมอื่นๆ ท่เี ปน็ ของเหลวลงไป คนหรอื คลุกเคล้าให้เข้ากนั หมกั ไว้ 7-15 วนั จงึ น้ามาใช้ได้ การนา้ ไปใช้ ฉดี พ่นพืชผักระยะเติบโตทางใบ ผกั กนิ ดอก ผักกินผล และผลไม้ อัตราการใช้ 15-20 ซีซี/ น้า 20 ลิตร ควบคู่การใหท้ างดนิ อตั รา 30-50 ซีซ/ี น้า 20 ลิตร ทุก 15-20 วัน ข้อควรระวงั ในการใช้น้าสกดั ชีวภาพ น้าหมักชีวภาพเป็นของเหลวท่ีเกิดจากการหมักย่อยสลายสง่ิ ต่างๆ ภายในเซลล์พืชและ เซลล์สตั ว์ ซ่ึงมีความเข้มข้นของสารละลายสูง เมื่อน้าไปฉีดพ่นต้นพืช จงึ ผสมน้าให้เจือจาง ถา้ ใช้ความเข้มข้นสูง จะท้าให้ชะงกั การเจริญเตบิ โต ใบรา่ งและตายได้ 232

ปุย๋ หมกั ชวี ภาพ ปุ๋ยหมัก หมายถึง ปุ๋ยอินทรีย์ที่ได้จากหมักบ่มสารอินทรีย์ด้วยจุลินทรีย์ท่ีท้าหน้าที่ย่อย สลายอินทรีย์วัตถุให้สลายตัว และผุพังไปบางส่วน ท้าให้ได้ปุ๋ยท่ีมีลักษณะสีคล้าด้า มี ลกั ษณะเป็นผง ละเอยี ดเหมาะ ส้าหรับการปรบั ปรงุ ดิน และใหธ้ าตุอาหารแก่พชื วธิ ีทา้ ปุ๋ยหมกั ชีวภาพ มูลสตั ว์ : ขแี้ กลบ : ร้าละเอยี ด : กากนา้ ตาล : น้าสะอาด : หวั เชอื้ จุลินทรยี ์ 400 กก. : 100 กก. : 30 กก. : 1 กก. : 200 กก. : 5 ลิตร ผสมมูลสัตว์ ข้ีเถ้าแกลบ ร้าละเอียด ให้เข้าด้วยกัน รดด้วยหัวเชื้อจุลินทรีย์ ผสม กากน้าตาล และน้าให้มีความช้ืน 40% เกลี่ยกองปุ๋ยหมกั สูง 30 ซม. คลุมด้วยกระสอบชุบ น้า แลว้ หมักทงิ้ ไว้ 30 วัน กอ่ นน้าใสต่ ้นไม้ การนา้ ไปใชป้ ระโยชน์ ผสมคลุกเคล้ากับดินในแปลงปลูกอัตรา 2 กก./ตรม.และโรยแต่งหน้าในแปลงพืชผัก อัตรา 50-100 กรัม/ต้น หรือไม้ผลอัตรา 5-10 กก. โดยใช้ 2 คร้ัง ก่อนออกดอกและใน ระยะตดิ ผล หลักพจิ ารณาปุ๋ยหมักพร้อมใช้ 1. ป๋ยุ หมักจะมีสีน้าตาลเข้มถงึ ดา้ 2. อุณหภูมทิ ่ัวกองปยุ๋ หมกั มคี ่าใกลเ้ คียงกนั เน่อื งจากเกิดปฏิกิริยาการหมักเกอื บหมดแลว้ 3. หากใช้นว้ิ มือบ้ี กอ้ นป๋ยุ หมกั จะแตกยยุ่ ออกจากกนั ง่าย 4. พบเห็ด เสน้ ใยรา หรอื พืชอนื่ ข้ึน 5. กลิ่นของกองป๋ยุ หมกั จะมีกล่ินฉนุ ที่เกดิ จากการหมัก 233

แบคทเี รียบาซลิ ลสั เบอร์1 ควบคุมโรคที่เหี่ยวจากแบคทีเรยี เบอร์ 2 ควบคมุ โรคใบจดุ ใบไหม้ แอนแทรคโนส เบอร์ 3 ควบคุมโรค รากเน่า โคนเน่า แคงเกอร์ วิธใี ช้ - พน่ ทนั ที 1 ซอง ผสมน้า 20 ลิตร - ขยายเช้ือก่อนพ่น วธิ ขี ยาย: เชอ้ื 1 ซองผสมน้าสะอาดที่ด่ืมได้ หรือน้าต้มสุกท่ีเย็นแลว้ 1 ลติ ร เขยา่ ให้ เข้ากนั 1-2 คร้ัง ต่อวนั บม่ ไว้ 2 วัน (48 ช่ัวโมง) วิธีใช:้ นา้ สะอาดท่ีบม่ เชือ้ ไว้ 2 วัน ปรมิ าตร 1 ลติ ร ผสมได้ 1 ลิตร ผสมน้าได้ 100 ลติ ร หากใช้ไม่หมดเก็บไวใ้ นตู้เย็น 8-10 องศาเซลเซียส หมายเหตุ 1. ใช้ได้กับพชื ทุกระยะการเจริญเติบโต สามารถพ่นได้บ่อยโดยไมม่ ีผลเสียกับตน้ พืช 2. ใชพ้ น่ สลับกับไตรโคเดอร์มาได้ แต่ไมค่ วรผสมร่วมกัน 234

กบั กาวเหนียว กับดักกาวเหนียว มีคุณสมบัติไม่มีสีไม่มีกล่ินและไม่มีพิษต่อสิ่งแวดล้อม จะใช้ใน การควบคุมปริมาณตัวเต็มวัยของแมลงศัตรูพืชได้หลายชนิด เช่น เพลี้ยไฟ ด้วงหมัด ผัก แมลงวันจะผล แมลงวันหนอนชอนใบ ผีเสื้อกลางวันชนิดต่างๆ ท้ังผีเส้ือกลางวัน ชนิดต่างๆ ท้ังผีเสอ้ื หนอนคืบและหนอนใย เปน็ ตน้ โดยท่ัวไปมกั นิยมใชก้ าวเหนยี วมา ทาบวัสดุท่ีมีสีเหลือง แผ่นพลาสติก ถุงพลาสติก เน่ืองจากแมลงชอบสีเหลือง โดยกับ ดักนี้จะใช้ล่อแมลงใหบ้ นิ มาตดิ กับดักกาวเหนยี วทท่ี าไว้ สา้ หรับการติดตั้งกับดักน้ัน ควรติดตงั้ ให้อยู่ในระดับเหนือยอดผักท่ีปลกู ประมาณ 1 ฟตุ โดยจะใชก้ ับดกั ประมาณ 60-80 กบั ดกั ต่อพื้นที่ 1 ไร่ ในชว่ งที่มีการระบาดมาก คือช่วงฤดูฝนและฤดูร้อน วธิ ีการ ทากาวเหนียวลงบนวัสดุที่เตรียมไว้ให้ทั่ว ด้วยแปรงทาสีแขวนกับดักตามต้นไม้หรือ ยึดติดกับหลักที่เตรียมไว้ ซง่ึ ในทางป่าไม้ใช้กับดักกาวเหนียวในการหาความหนาแน่น ของประชากร และความหลากหลายของชนิดแมลง ในระดับความสูงต่าง ๆ เช่น ใน ระดบั ยอดทรงพุม่ กลางทรงพ่มุ เปน็ ต้น 235

กบั ดักแสงไฟ เป็นการใช้แสงไฟจากหลอดฟลูออร์เรสเซนต์ (หลอดนีออน) หรือหลอดไฟแบล็คไลท์ ล่อแมลงใน เวลากลางคืน เช่น ผีเส้ือ หนอน กระทู้หอม หนอน กระทู้ผัก ให้มาเล่นไฟและตกลงในภาชนะที่บรรจุน้า มันเครื่องหรือน้าท่ีรองรับอยู่ด้านล่าง การติดต้ังกับดัก และแสงไฟจะติดตั้งประมาณ 2 จุด/พ้ืนที่ 1 ไร่ โดย ติดต้ังให้สูงจากพื้นดินประมาณ 150 เซนติเมตร และ ให้ภาชนะท่ีรองรบั อยู่ห่างจากหลอดไฟ 30 เซนติเมตร และควรปิดส่วนอ่ืนๆ ที่จะท้า ให้แสงสว่างกระจายเป็น บริเวณกว้างเพื่อล่อจับแมลงเฉพาะในบริเวณแปลง มใิ ช่ล่อแมลงจากที่อื่นให้เข้ามาในแปลง แมลงตวั หา้ ตัวเบยี น ตัวห้า เป็นส่ิงมีชีวิตท่ีท้าให้ศัตรูตายด้วยการกัดกินศัตรูเป็นอาหาร มักมีขนาด ใหญ่กว่าศัตรูพืช ได้แก่ มวนพิฆาต มวนเพชฌฆาต ด้วงเต่าตัวห้า แมลงช้างปีกใส ไร ตัวหา้ แมลงหางหนบี กบ เปน็ ตน้ ตัวเบยี น ทา้ ให้ศัตรูตายโดยการอยอู่ าศยั และขยายพนั ธุ์ภายใน หรอื บนตัวศตั รูพืช มีขนาดเล็กกว่าศัตรูพืชท้าลายศัตรูที่ละตัว และขยายพันธ์ุได้มาก ได้แก่แตนเบียน ชนิดต่างๆ 236

รวบรวมโดย www.baansanraorganic.com เกษตรอนิ ทรีย์ “บ้านแสนรกั ษ์” 88/2 หมู่ 3 ซ.ท่าอฐิ ถ.รตั นาธิเบศร์ ต.ไทรม้า อ.เมอื ง จ.นนทบรุ ี 11000 โทรศัพท/์ โทรสาร 081-626-5628, 02-922-1756 Email: [email protected] 237

ทีมงาน บา้ นแสนรกั ษ์ พมิ พ์พนติ จนั ทร์โอทาน กรรมการผ้จู ดั การ ดร.นิพนธ์ วิรสาทานนท์ ดร.นชุ นารถ ตงั้ จตึ สมคดิ ดร.จิรเดช แจ่มสวา่ ง ท่ีปรึกษา ทีป่ รึกษา ทป่ี รึกษา ฐิตมิ า ตรีโลเกศ นพสชุ า สดุ ใจ เบญจวรรณ เลศิ อดุ มธรรม สรัลลกั ษณ์ สายสรุ ิยา ฝ่ ายบริการฝึกอบรม ฝ่ายสง่ เสริมเกษตร ฝ่ายการตลาด ฝ่ายบญั ชีและการเงิน พชั รพร จึงประดษิ ฐ์ รัตนพล ศรีสขุ สร้อย ฝ่ ายบริการฝึกอบรม ฝ่ายสง่ เสริมเกษตร 238


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook