Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือการปลูกผัก

คู่มือการปลูกผัก

Description: คู่มือการปลูกผัก

Search

Read the Text Version

โรคตน้ เน่า สาเหตุ เกดิ จากเชอื้ ราฟิวซาเลี่ยม (Fusarium sp.) มักมีการระบาดมากในช่วงฤดูฝนและมนี ้าทว่ มขังในแปลงปลกู วธิ ปี อ้ งกันก้าจดั 1. ในชว่ งเตรียมดินปลูก ควรมกี ารไถตากดนิ เพ่ือท้าลายเช้ือราในดนิ อย่างน้อย 7 วัน และผสมเชื้อราไตโคเดอร์มา ลงไปร่วมกบั ปุย๋ คอกเพ่ือป้องกนั เช้ือราด้วย 2. ฉีดพ่นเช้อื ราไตรโคเดอร์มา หรือแบคทีเรียบีเอส เพ่ือป้องกันทุกๆ 5-7 วนั 3. หากพบตน้ ทีเ่ ป็นโรครีบถอนทา้ ลายทนั ที เพือ่ ป้องกนั การระบาด 51

โรคใบไหม้ สาเหตุ เกดิ จากเช้อื ราอลั เทอร์นาเรยี (Alternaria sp.) มักมกี ารระบาดมากในช่วงฤดฝู น วิธปี ้องกนั กา้ จดั 1. ในชว่ งเตรยี มดนิ ปลกู ควรมีการไถตากดนิ เพื่อท้าลายเช้ือราในดนิ อย่างน้อย 7 วนั และผสมเชือ้ ราไตรโคเดอร์มา ลงไปรว่ มกับปุ๋ยคอกเพื่อปอ้ งกนั เช้อื ราด้วย 2. ฉดี พ่นเชอ้ื ราไตรโคเดอร์มา หรือแบคทเี รีย บีเอส เพ่ือป้องกนั ทกุ ๆ 5-7 วัน 3. หากพบตน้ ที่เปน็ โรครบี ถอนทา้ ลายทนั ที เพื่อป้องกนั การระบาด 52

แมลงศัตรู ที่สา้ คัญของผักชี 53

เพลี้ยออ่ น ลกั ษณะและการท้าลาย เป็นแมลงจ้าพวกปากดูด ดูดกินน้าเลี้ยงพริกที่ถูกเพลี้ยอ่อนท้าลายจะเห็นใบเป็น คล่ืน ผิวใบเป็นมันคล้ายถูก ชะโลมด้วย น้ามัน ใบส่วนยอดจะเรียวเล็กหงิก ใบแก่จะ มีขนาดพื้นท่ีใบเกือบเท่าใบปกติ แต่เนื้อใบเป็นคล่ืน และ ม้วนงอเห็นไดช้ ัดเจน เพลี้ย อ่อนนอกจากจะดูดกินน้าเล้ียงจากส่วนอ่อน ๆ ของพริกแล้ว เพล้ียอ่อนยังเป็นพาหะ แพร่เชอื้ ไวรัสมายังต้นพรกิ ได้อีกดว้ ย การป้องกนั กา้ จดั 1. เน่ืองจากเพล้ียอ่อนมีแมลงศัตรูธรรมชาติหลายชนิด จึงควรอนุรักษ์ศัตรูธรรมชาติ ต่างๆ เช่น ด้วงเตา่ ลายหยกั หรือ ดว้ งเตา่ สสี ้ม หรอดว้ งเต่าลายขวาง 2. ฉดี พ่นเช้ือราบวิ เวอร์เรีย สลบั กบั สารสกดั จากยาสบู ฉีดพ่นทุกๆ 5-7 วนั โดยผสม น้ายาล้างจานเลก็ นอ้ ย และฉดี พน่ ในช่วงเยน็ หรือแสงแดดไม่จดั 54

การเก็บเกยี่ วผกั ชี ผักชีจะเร่ิมเก็บเกี่ยวได้เม่ืออายุประมาณ 40-45วัน ก่อนการเก็บเกี่ยวควรรดน้า ให้ซุ่มแปลงดินเพ่ือการถอนผักชีทีง่ ่ายขึน้ ท้าให้ต้นผักชีไม่ขาด การเกบ็ เก่ียวผักชีท้าได้ โดยการใช้มือจบั ท่ีโคนรากแล้วถอนดึงข้นึ มา แล้วสะบัดดินออก แล้วน้าไปล้างน้า คัด ใบสีเหลืองหรอื ใบท่ีเนา่ ออกมัดๆ เป็นก้าแล้วใส่ตะกร้าเพอ่ื ทา้ การขนส่งต่อไป ต้นผกั ชี ท่ีเป็นสเี ขยี วสม่้าเสมอจะขายไดร้ าคาดี 55

การปลูก ผกั ปวยเลง้ อินทรยี ์ 56

วิธีการปลกู 1. เตรยี มดิน ไถดินตากไว้ 7-10 วนั ไถพรวนดนิ ใหล้ ะเอียดข้ึน แล้วใสป่ ุ๋ยคอกหรือปุ๋ย หมักที่สลายตัวดีแล้วให้มากและใส่ปูนขาว ต่อมาให้คลุกเคล้าให้เข้ากับดินหรือให้ทั่ว พื้นที่ 2. การปลูก หว่านโรยห่างๆ หรือขีดร่องขวางแปลงลึกประมาณ 1 ซม. ห่างกัน 15 ซม. หยอดเมล็ดตามร่องห่างกัน 2-3 ซม. กลบเมล็ดด้วยดินละเอียด คลุมด้วยฟาง หญา้ แห้ง หรือวัสดุคลมุ แบบอน่ื ๆ ที่สามารถจัดหาได้ ดแู ลรกั ษาและรดน้าเชา้ เยน็ 3. การถอนแยก หลงั หยอดเมล็ด 15 วนั ถอนแยกต้นให้ห่างกัน 10 ซม. ถา้ ห่างพอดี อาจจะไมต่ ้องถอนแยกก็ได้ 4. ในพื้นที่ปลูก 100 ตารางเมตร หว่านเมล็ดประมาณ 0.5 กิโลกรัม จะได้ผลผลิต เฉล่ียประมาณ 60 กิโลกรัม โดยในฤดูหนาวจะเหมาะกับการปลูกปวยเล้งมากที่สุด และมีรอบระยะเวลาในการหว่านเมล็ดทุกๆ 3สัปดาห์/ครั้ง เพ่ือให้ได้ผลผลิตที่ ต่อเนอื่ ง 5. การเก็บเกี่ยว สามารถเก็บเก่ียวได้ เม่ือปวยเล้งมีอายุ 35-45 วัน แล้วแต่พันธ์ุหรือ ฤดูกาล โดยถอนต้นพร้อมรากหรือตัดลึกกว่าผิวดินเล็กน้อย ปล่อยให้ต้นอ่อนตัวในที่ ร่ม พืชไม่ควรเปียกเม่ือบรรจุ และไม่ควรล้างน้าแล้วบรรจุทันทีควรพ่ึงไว้ให้น้าหยด หมดกอ่ น 57

การดูแลรกั ษา การใหน้ า้ ควรให้น้าอย่างสม้่าเสมอ โดยพิจารณาจากความชุ่มช้ืนของดินเป็นหลัก ข้อควร ระวงั อยา่ ใหน้ ้ามากเกนิ ไปเพราะจะทา้ ใหเ้ กดิ โคนเน่าหลงั จากนนั้ การใส่ปุ๋ย การใส่ปุ๋ยจะต้องท้าการใส่ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกที่ผ่านการหมักแล้วคร้ังท่ี 1 ให้ใส่ ปุ๋ยผสมลงไปในแปลงปลูกก่อนหว่านเมล็ด ใส่คร้ังที่ 2 เม่ือต้นพืชอายุได้ 15-20 วัน ควรใสป่ ุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกท่ีผ่านการหมักแลว้ และสังเกตพืชด้วยว่าปุ๋ยหมักเพียงพอ กับความต้องการหรือไม่ หากดูแล้วไม่เพียงพอก็อาจจะใส่เพ่ิมอีกได้รวมทั้งยังต้อง ก้าจัดวัชพืชและพรวนดินร่วมด้วย เมื่อมีการถอนหญ้าให้พรวนดินโดยรอบต้นด้วย โดยให้สังเกตภายในแปลงตามความเหมาะสม ส่วนการให้น้า ควรให้น้าอย่าง สม่้าเสมอให้พอเหมาะกับพืชไม่ควรแห้งหรือแฉะมากเกินไป โดยให้คอยสังเกตท่ีดิน ปลกู 58

โรคทสี่ ้าคัญ ของปวยเล้ง 59

โรคใบจดุ สาเหตุ เกดิ จากเช้ือราออเทอร์นาเรยี (Alternariasp.) ลักษณะอาการ อาการทั่วๆ ไป จะเกิดขึ้นบนใบโดย หลังจากการเข้าท้าลายของเชื้อจะเกิด แผลจุดสีด้าหรือเทาเข้ม ส่วนใหญ่จะมี ลักษณะกลมหรือค่อนข้างกลมขนาด ต้ังแต่ ½ – 1 ซม. บางคร้ังอาจพบว่าที่ ขอบแผลมีสีน้าตาลแดงล้อมรอบอยู่ สี ด้า หรือเทาเข้มท่ีเห็นบนแผล การ ระบาดก็โดยโคนีเดีย(สปอร์) ซึ่งถูกพัด พาไปโดยลม น้า และสิ่งท่ีเคล่ือนไหวได้ ทกุ ชนดิ ทไ่ี ปสมั ผัสถูกตอ้ งเข้า การป้องกันกา้ จดั 1. ปลกู พืชหมนุ เวยี น โดยใช้พืชอื่นท่ไี ม่ใชถ่ ว่ั ปลกู สลับ 2. เลือกใช้เมล็ดพันธุ์ทส่ี ะอาดปราศจากโรค 3. ในชว่ งการเตรียมดินปลกู ควรฉีดพน่ เช้อื ราไตรโครเดอร์มาลงในดิน 4. หากพบการระบาดใหฉ้ ีดพ่นเชื้อราไตรโครเดอรม์ าทุกๆ 5-7 วนั 60

โรคราน้าค้าง ( Downy Mildew) สาเหตุ เกิดจากเชอ้ื รา พีโรโนสปอร์รา พาลาสติ กิ า (Peronospora parasitica) ลกั ษณะอาการ อาการเร่ิมแรกจะพบที่ใบล่าง โดยเกิด เป็นจุดสีเหลืองหรือสีน้าตาลขนาดเล็ก แล้วขยายขนาดใหญ่ข้ึนเป็นรูปเหล่ียมอยู่ ระห ว่างเส้น ใบ น อกจากนี้ สามารถ ตรวจสอบบริเวณใต้ใบโดยเฉพาะอย่างย่ิง ในตอนเช้ามืด จะปรากฏเส้นใยเช้ือราสี ขาว หรือสีเทา ใบพืชจะแห้งตายแต่ก้าน ใบจะชขู นึ้ ขอบใบมว้ น ใบจะรว่ ง การปอ้ งกนั กา้ จดั 1. ฉีดพ่นเชื้อราไตรโครเดอร์มาเปน็ ระยะๆ เพื่อปอ้ งกันการระบาด ทกุ ๆ 5-7 วัน 2. รานา้ ค้างจะพบมาในชว่ งทอ่ี ากาศชน้ื และเย็น ดังนนั้ ในช่วงอากาศดังกลา่ ว ใหฉ้ ดี พ่นเชอื้ แบคทีเรยี บาซลิ ลัส ซับทริ ิสทุกๆ 3-5 วัน 3. เมอื่ เก็บเกี่ยวผลผลิต ควรเกบ็ ซากพืชออกจากแปลงเพราะจะเป็นแหล่งสะสมโรค 4. ควรสลบั หมุนเวยี นพชื ปลูกบ้างเพื่อหลกี เลย่ี งการสะสมของโรค 61

แมลงศัตรูทีส่ ้าคัญ ของปวยเล้ง 62

หนอนกระทู้หอม (หนอนหลอดหอม หนอนหอม หนอนหนงั เหนยี ว) ลกั ษณะ เปน็ แมลงจ้าพวกผเี สอ้ื กลางคืนขนาดเล็ก แม่ผีเสื้อวางไข่เป็นกลุ่มสีขาว หนอนโตเต็มท่ี มีขนาด 3 เซนติเมตร สีของหนอนมีแตกต่าง กันได้ เช่น สีเขียวอ่อนเทา น้าตาล น้าตาล ดา้ เป็นตน้ ลักษณะที่สังเกตได้ง่ายคือ หนอน มีล้าตัวอ้วนผนังล้าตัวเรียบ มีแนวสีขาวพาด ไปตามความยาวด้านข้างของล้าตัว เม่ือโต เต็มที่จะเคลื่อนย้ายมาบริเวณโคนต้น เพ่ือ เขา้ ดกั แด้ในดิน การป้องกันก้าจดั 1. ฉีดพ่นเชื้อแบคทีเรีย บีที ทุกๆ 5-7 วัน สลับกับฉีดพ่น สารสกัด สะเดา ยาสูบ หนอนตายอยาก โดยฉีดพ่นในช่วงเยน็ 2. ควบคุมปริมาณของตัวแม่ผีเส้ือ โดยฉีดพ่น สารสกัดขม้ินชัน บอระเพ็ด สาบเสือ ในช่วงเย็นเพอ่ื ขบั ไล่ ป้องกนั การวางไข่ 3. ใชไ้ ส้เดือนฝอยก้าจัดแมลงอัตรา 1 ภาชนะบรรจ/ุ น้า 10 ลติ รฉีดพ่นทกุ ๆ 7 วันครงั้ 4. ใชเ้ ชอ้ื ราเมธาไรเซยี ม ฉีดพน่ ก้าจดั ตัวหนอนแมลง 63

หนอนกระทู้ผัก ลักษณะ ลักษณะหนอนจะมลี า้ ตวั อ้วนผิวหนังเรียบ ลายสดี ้าจะสงั เกตเหน็ แถบดา้ ทค่ี อ ชดั เจน ตวั โตเต็มทีป่ ระมาณ 3-4 ซม. เคล่ือนไหวช้า การปอ้ งกนั ก้าจัด 1. หนอนกระทูผ้ ักสามารถป้องกันจ้ากดั ได้ไมย่ าก เม่ือพบกลุ่มไขห่ รือหนอนท่ีฟักออก จากไข่ควรเก็บท้าลาย หากปลอ่ ยใหห้ นอนโตจนหนอนจะแยกย้ายหลบซ่อนตวั กดั กินเจาะเป็นรูสึก ในใบ ดอก และฝกั 2. ฉีดพ่นเช้ือแบคทเี รีย บีที ทุกๆ 5-7 วัน สลับกบั ฉีดพ่น สารสกดั สะเดา ยาสบู หนอนตายอยาก โดยฉีดพ่นในช่วงเยน็ 3. ควบคุมปรมิ าณของตัวแมผ่ ีเส้อื โดยฉดี พ่น สารสกัดขมิน้ ชนั บอระเพด็ สาบเสือ ในชว่ งเยน็ เพอื่ ขับไล่ ป้องกันการวางไข่ 4. ใชไ้ ส้เดือนฝอยก้าจัดแมลง อตั รา 1 ภาชนะบรรจ/ุ นา้ 10 ลติ รฉีดพ่นทกุ ๆ 7 วัน ครงั้ 64

เพล้ยี ออ่ น ลกั ษณะการท้าลาย จะเกาะติดเป็นกลุ่มสีด้าตามต้น, ใบ โดยดูดกินน้าเลี้ยง ท้าให้ชะงักการ เจริญเติบโต มีมดเป็นตัวน้าพามา จึง ควรหาทางก้าจัดมดไม่ให้เข้าไปใน แปลงปลูก การปลูกบนร่องท่ีมีน้า ล้อมรอบ ไม่ควรให้ไม้ทอดสะพานติด กับร่อง เพราะมดจะใช้เป็นทางเดินน้า เพล้ียอ่อนเข้ามายงั ตน้ ผักบุ้ง การป้องกันและก้าจดั 1. หม่นั ส้ารวจวา่ มีการระบาดของเพลย้ี อ่อนหรอื ไมห่ ากพบให้เก็บทา้ ลาย และฉีดพน่ เชอื้ ราบิวเวอรเ์ รีย หรอื สารสกัดยาสบู ผสมกับน้ายาลา้ งจานหรอื สารจับใบเลก็ น้อย ทกุ ๆ 3-7 วัน ควรฉดี พน่ ในช่วงเย็น 2. อนรุ ักษศ์ ัตรูธรรมชาติของเพลีย้ อ่อน คือดว้ งเต่า จะช่วยควบคมุ ปริมาณของเพลีย้ ออ่ นไม่ใหเ้ กดิ การระบาดมากเกิน ดว้ งเต่า 65

หนอนคบื กินใบ ลักษณะท้าลาย หนอนคืบกินใบเป็นแมลงศัตรูที่ท้าความ เสียหายต่อผักตระกูลกะหล้่าได้หลายชนิด เป็น หนอนขนาดกลางกินจุ ในระยะแรกตัวหนอนจะ กัดกินท่ีผิวใบ เมื่อตัวหนอนโตข้ึนจะกัดกินใบท้า ให้เป็นรอยแหว่งเหลือแต่ก้านใบ แมลงชนิดน้ีจะ ท้าลาย โดยกัดกินใบเป็นส่วนใหญแ่ ละการทา้ ลาย เป็นไปอยา่ งรวดเร็ว การป้องกันก้าจดั 1. ฉดี พ่นเชอ้ื ราบิวเวอรเ์ รยี อัตรา 60-80 กรมั /น้า 20 ลิตร 2. ใช้เช้ือราแบคทีเรียบีที (BT) อัตรา 60-80 กรัม ต่อน้า 20 ลิตร ผสมสารจับใบฉีด พ่นเวลาเยน็ สลบั กบั ฉีดพ่น สารสกดั สะเดา ยาสูบ หนอนตายอยาก โดยฉีดพ่นในช่วง เยน็ 3. ฉดี พ่นไส้เดอื นฝอยก้าจดั แมลงอัตรา 1 ภาชนะบรรจุ/ น้า 10 ลติ รฉดี พน่ ชว่ งเยน็ 4. ควบคมุ ปริมาณของตวั แมผ่ ีเสือ้ โดยฉีดพ่น สารสกัดขมน้ิ ชนั บอระเพ็ด สาบเสือ ในชว่ งเย็นเพื่อขบั ไล่ ป้องกนั การวางไข่ ตัวอยา่ ง แบคทเี รียบที ี ตวั อยา่ ง เชอ้ื ราบวิ เวอร์เรีย 66

การเกบ็ เก่ียว สามารถเก็บเกี่ยวได้เมื่อปวยเล้งมีอายุ 35-45 วัน แล้วแต่พันธุ์หรือฤดูกาล โดย ถอนต้นพร้อมรากหรือตัดลึกกว่าผิวดิน เลก็ น้อย ปลอ่ ยใหต้ ้นอ่อนตัวในท่ีร่ม พืชไม่ ควรเปียกเม่ือบรรจุ ( ไม่ควรรดน้า 24 ชม. ก่อนการเก็บเก่ียว หรือไม่ควรล้างน้าก่อน การบรรจ)ุ วธิ เี กบ็ รกั ษาปวยเล้ง เราจะมีวิธีเก็บรักษาให้สดนานๆ คือให้ล้างน้าให้สะอาดดี แล้วให้สะเด็ดน้าออก ให้หมด แล้วน้ามาห่อดว้ ยกระดาษหรือผ้าขาวบาง แล้วใส่ถุงหรือกล่องพลาสติก แล้ว น้าไปแชต่ เู้ ยน็ จะเก็บไวไ้ ด้นานข้นึ 67

การปลูก ถ่ัวฝักยาวอินทรีย์ 68

การเตรยี มดนิ ปลกู ถ่ัวฝกั ยาวเปน็ พืชที่สามารถเจรญิ เติบโตได้ดีในดินแทบทุกชนิด แต่ลักษณะดนิ ท่ีมี ความเหมาะสมในการปลูก คือดินร่วนปนทรายไถพรวนความลึกประมาณ 6-8 น้ิว ตากดินทิ้งไว้ 7 วัน เพ่ือท้าลายไข่แมลง และศัตรูพืชบางชนิดในดิน หลังจากนั้นให้ หว่านโรยด้วยปุ๋ยหมัก อัตรา 1 ตัน/ไร่ หากพื้นที่ปลูกมีดินเป็นกรด โดยเฉพาะแปลง ปลูกในพ้ืนที่ภาคกลางตอนล่าง และแถบภาคตะวันออก ควรหว่านปูนขาวร่วมด้วย อัตรา 300 กก./ไร่ หลังจากนั้นไถพรวนดินอีกคร้ัง และตากดินนาน 3-5 วัน และท้า การไถยกร่องแปลง โดยการปลูกแถวเดี่ยวให้ยกร่องแปลงกว้างประมาณ 80 ซม. แถวคู่ กว้างประมาณ 150 ซม. เว้นทางเดินประมาณ 50 ซม. ในระหว่างแถวโดยให้ หลุมลึกประมาณ 4 นิ้ว หยอดเมล็ดหลุมละ 3-4 เมล็ด แลว้ กลบดินให้ลึกประมาณ 5 เซนติเมตร จากน้ันรดน้าทันที การปลูกถ่ัวฝักยาวในเนื้อท่ี 1 ไร่ จะใช้เมล็ดพันธุ์ 2-3 กิโลกรัมคัดเมล็ดที่มีต้าหนิออก และควรคลุกเมล็ดด้วยเช้ือแบคทีเรีย ไรโซเบียม เพื่อ ช่วยตรึงไนโตรเจนให้ต้นถั่วแล้วคลุกเมล็ดอีกคร้ังด้วยไตรโคเดอร์มาเช้ือสด เพ่ือ ปอ้ งกนั เช้ือรา และโรครากเน่าโคนเนา่ 69

การดูแลรกั ษา การให้น้า การให้น้าระยะ 1-7 วัน ควรให้ทุกวัน ๆ ละ 1 ครั้ง แล้วแต่สภาพภูมิอากาศ และ สภาพดินด้วย หลังจากหยอดเมล็ดแล้วประมาณ 3-5วัน เมล็ดจะเริ่มงอกจากนั้นให้ น้าตามปกตวิ นั ละ 1 ครั้ง หากมฝี นตก อาจจะงดใหน้ ้าได้ ต้นกล้าเร่ิมมีใบจริงประมาณ 4 ใบ ถอนแยกต้นกล้าให้เหลือต้นแข็งแรงไว้ 2 ต้นต่อ หลุม ขณะท่ีถอนแยกให้พรวนดินและก้าจัดวัชพืช เพื่อไม่ให้วัชพืชมาแย่งน้า และ อาหารจากถว่ั ฝักยาว การใสป่ ุ๋ย ใส่ปยุ๋ คอก ปยุ๋ หมกั หรือปยุ๋ อินทรยี ์ ทุกๆ 15 วนั โดยโรยตามร่องปลูก หรือพรวน ดนิ ข้างร่องแล้วกลบท้ังนขี้ ้ึนอยู่กับความอุดมสมบรู ณข์ องดนิ ด้วย 70

การทา้ คา้ ง การท้าค้างจะเร่ิมเมื่อต้นถ่ัวมีความสูงประมาณ 15-20 ซม. ซึ่งต้นถั่วจะเร่ิมมีมือ เกาะ โดยการใช้ไมไ้ ผ่ปักระหว่างหลุม ความสูงประมาณ 2-3 เมตร ปักระยะห่าง 2-3 เมตร แลว้ รัดขงึ ด้วยเชือก หรือตะข่าย หรอื ลวดตามความสงู เป็นช้ันๆ ห่างกัน 30-40 ซม. หรอื อาจใชป้ ลายไม้ไผท่ มี่ ีแขนงปกั เปน็ ช่วงๆตามระยะความกว้างของแขนงไม้ไผ่ 71

โรคท่ีสา้ คัญของ ถ่ัวฝกั ยาว 72

โรคใบจดุ สาเหตุ เกดิ จากเช้ือราอัลเทอร์นาเรยี (Alternaria sp.) ลกั ษณะอาการ อาการท่ัวๆ ไป จะเกิดขึ้นบนใบโดย หลังจากการเข้าท้าลายของเช้ือจะเกิด แผลจุดสีด้าหรือเทาเข้ม ส่วนใหญ่จะมี ลั ก ษ ณ ะ ก ล ม ห รื อ ค่ อ น ข้ า ง ก ล ม ข น า ด ต้ังแต่ ½ – 1 ซม. บางครั้งอาจพบว่าท่ี ขอบแผลมีสีน้าตาลแดงล้อมรอบอยู่ สีด้า หรือเทาเข้มที่เห็นบนแผล การระบาดก็ โดยสปอร์ ซ่ึงถูกพัดพาไปโดยลม น้า และส่ิงที่เคลื่อนไหวได้ทุกชนิดที่ไปสัมผัส กับบริเวณทเ่ี ป็นโรค การป้องกันกา้ จดั 1. ปลูกพชื หมนุ เวยี น โดยใช้พืชอื่นทไ่ี มใ่ ชถ่ ่ัวปลูกสลับ 2. เลือกใชเ้ มล็ดพันธท์ุ ส่ี ะอาดปราศจากโรค 3. ในช่วงการเตรียมดินปลูกควรฉีดพ่นเชื้อราไตรโครเดอร์มาลงในดินเพื่อป้องกัน กา้ จัดโรคก่อนท้าการปลูกถว่ั ฝกั ยาว 4. หากพบการระบาดให้ฉดี พน่ เชื้อราไตรโครเดอร์มาทกุ ๆ 5-7 วัน 73

โรคราแป้ง สาเหตุ เชอ้ื ราอออเิ ดียม (Oidium sp.) ลักษณะอาการ จะพบผงสีขาวทั้งด้านใต้ใบ และบนใบถ้าเป็นมากผงสีขาวจะ หนาแน่นมองเห็นชัดเจนเมื่อเอา มือลูบจะหลุดออกเป็นผงแป้งจะ พบมากบริเวณใบแถวโคนต้นแล้ว ลุกลามขึ้นด้านบนและผงสีขาวจะ เป ล่ี ย น เป็ น สี น้ า ต า ล แ ด ง แ ล ะ ระบาดโดยปลิวไปตามลม การป้องกนั ก้าจัด 1. ไมค่ วรเกบ็ เมล็ดพนั ธุ์จากตน้ เป็นโรคไปปลกู ตอ่ 2. ควรรดน้าต้นถ่ัวให้เปียกท่ัวใบอย่างสม้่าเสมอ เพราะราแปง้ น้จี ะไมง่ อกถ้ามคี วามชน้ื มาก 3. ฉีดพ่นเชื้อแบคทีเรีย บาซิลลัส ซับทิริส ทุกๆ 5-7 วัน หากมีการระบาดมาก ให้ใช้ก้ามะถันฉีด พ่นได้ ห้ามฉีดพ่นในช่วงกลางวันที่อากาศร้อนจัด เพราะจะท้าให้ใบไหมแ้ ละดอกรว่ งได้ 4. แปลงทเ่ี ป็นโรคมากควรร้อื และเผาทา้ ลายทันที ไม่ควรปล่อยท้ิงไว้ให้เป็นแหล่งแพร่กระจายของ เชอื้ โรคต่อไป 74

โรคราสนิม สาเหตุ เช้อื รายโู รไมซีสUromyces sp. ลกั ษณะอาการ จะพบที่ใบแก่เป็นสวนมากโดยมีตุ่มนูน ขนาดเล็กๆสีเหลืองซีดตรงกลางตุ่มมีแผล แตกซึ่งจะมีผงสีสนิมเหล็กเกาะอยู่เป็นกลุ่ม เม่ือโรคระบาดมากขึ้นจ้านวนจุดต่อไปจะ มากขึ้นลุกลามจากส่วนล่างๆสู่ส่วนบนของ ต้นและใบที่เป็นมากจะเหลืองและรวงหล่น ไปมักจะพบอยู่เสมอในทุกๆแหล่งที่มีการ ปลูกถวั่ ฝักยาว การป้องกนั ก้าจัด 1. หม่ันตรวจดูแปลงปลูกอย่างสม้่าเสมอโดยเฉพาะใบในทรงพุ่มและใบแก่ตอนล่าง ของต้นถ่วั ฝกั ยาว 2. ฉีดพ่นเช้ือราไตรโครเดอรม์ า ทุก 5-7 วัน รวมทั้งราดหลุมปลกู กอ่ นปลกู 3. แปลงปลกู ที่ทรุดโทรมแล้วควรรบี รื้อออกและเผาท้าลายเพ่ือตัดต้นตอของโรคที่จะ ระบาดในการปลกู ครง้ั ต่อไปควรปลูกพืชหมนุ เวียนเพ่ือป้องกนั การสะสมของโรค 75

โรคใบดา่ ง สาเหตุ เกิดจากไวรัส คาว พี อัลฟดิ บอรน์ โมเสก ไวรสั (Cow pea aphid-borne mosaic virus (CAMV)) ลักษณะอาการ จะพบโรคใบด่างได้ท่ัวทุก แปลงที่ปลูกถั่วฝักยาวอาการคือ ใบจะด่างสีเหลืองสลับเขียวอ่อน และขาวซีดจะเห็นได้ชัดเจนโรค นี้จะแพร่กระจายโดยติดไปกับ เมล็ดพันธ์ุหรือแมลงปากดูดถ้า เป็นกับตนถั่วที่ยังเล็กจะไม่ให้ ผลผลติ การปอ้ งกนั ก้าจดั 1. หากพบอาการดังกล่าวให้รีบเก็บท้าลายออกจากแปลงปลูกเพราะอาจเกิดการ ระบาดไปยงั ตน้ อน่ื ได้ 2. ควบคมุ เพลี้ยอ่อน เพราะเปน็ พาหะของโรค โดยฉีดพ่นเช้อื ราบวิ เวอรเ์ รยี ทกุ ๆ 5-7 วนั สลบั การฉีดพ่นสารสกัด ยาสูบ สะเดา บอระเพด็ เป็นต้น 76

แมลงศตั รู ที่ส้าคญั ของ ถั่วฝกั ยาว 77

เพลี้ยอ่อน ลักษณะการท้าลาย จะเกาะติดเป็นกลุ่มสีด้าตาม ต้น, ใบ และดอก โดยดูดกินน้า เลย้ี ง ทา้ ให้ชะงักการเจรญิ เตบิ โต ดอกร่วง ไม่ติดฝัก และหากฝัก อ่อนถูกดูดกินน้าเล้ียงจะท้าให้ได้ ฝักขนาดเล็กลง มีมดเป็นตัว น้าพามา จึงควรหาทางก้าจัดมด ไม่ให้เข้าไปในแปลงปลูกถ่ัว การ ปลูกบนร่องท่ีมีน้าล้อมรอบ ไม่ควรให้ไม้ทอดสะพานติดกับร่อง เพราะมดจะใช้เป็น ทางเดนิ น้าเพล้ียออ่ นเขา้ มายังตน้ ถ่วั ฝักยาว การป้องกันและกา้ จดั 1. หมั่นส้ารวจว่ามีการระบาดของเพลี้ยอ่อนหรือไม่ หากพบ ให้เก็บท้าลาย และฉีด พ่นเชื้อราบิวเวอร์เรีย หรือสารสกัดยาสูบ ผสมกับน้ายาล้างจานหรือสารจับใบ เลก็ น้อย ทุกๆ 3-7 วัน ควรฉีดพ่นในช่วงเยน็ 2. อนุรักษ์ศัตรูธรรมชาติของเพล้ียอ่อน คือด้วงเต่า จะช่วยควบคุมปริมาณของเพลี้ย ออ่ นไม่ให้เกิดการระบาดมากเกิน 78

ไรแดง ลกั ษณะการท้าลาย ช อ บ ดู ด กิ น น้ า เล้ี ย ง อยู่ด้านใต้ใบ จะเห็นเป็น จุดด่างขาวท่ีใบ ถ้าระบาด รุนแรงใบจะขาวซีดและ แห้งเห่ียวไปในที่สุด ท้าให้ ต้นทรุดโทรมเร็วกว่าปกติ ดอกร่วง ในกรณีที่เกิดการระบาดของไรแดงบนพืชอย่างรุนแรง เรามักพบไรแดง รวมกันอยู่เป็นกลุ่มแล้วสร้างเส้นใยข้ึนปกคลุมกลุ่มไข่ ตัวอ่อนและตัวเต็มวัย ออกลูก ออกหลานเพ่ิมปริมาณอยู่ทีบ่ ริเวณหนา้ ใบหรือใตใ้ บ และพบคราบของไรเป็นผงขาว ๆ ตดิ อย่ตู ามใบคลา้ ยฝุ่นจบั การป้องกันและก้าจัด 1. หม่ันส้ารวจติดตามสถานการณ์ การระบาด ของไรแดงในแปลงถ่ัวฝักยาว หากพบการ ระบาดใหฉ้ ีดพน่ ก้ามะถนั ทุกๆ 5-7 วัน ควรพ่น ในช่วงเย็น หรือช่วงท่ีแดดไม่จัด เพราะอาจจะ ท้าให้ใบไหม้ได้ และหลีกเล่ียงการพ่นในช่วงท่ีมี ดอก เพราะจะท้าใหด้ อกร่วง 2. ช่วงที่ไรแดงมีการระบาด หากสามารถให้น้า ในช่วงกลางวันได้ จะช่วยลดความเสียหายได้ มาก 79

เพล้ยี ไฟ ลกั ษณะการทา้ ลาย อาการเน้ือใบไม่แผ่เรียบมักจะหงิกงอเป็น คล่ืนขอบใบจะมวนขึ้นพืชมีการเจริญไม่ปกติ มักแคระแกร็นมีขนาดเล็กลงเห็นได้ชัดเม่ือ เทยี บกับตอนปกติ การปอ้ งกนั และกา้ จัด 1.หม่ันส้ารวจติดตามสถานการณ์ การระบาด ของเพล้ียไฟในแปลงถ่ัวฝักยาว หากพบการ ระบาดให้ฉีดพ่น เชื้อราบิวเวอร์เรีย สลับกับ สารสกัดยาสูบ ทุกๆ 5-7 วัน ควรพ่นในช่วง เยน็ หรอื ช่วงท่ีแดดไมจ่ ัด 2. ช่วงที่เพล้ียไฟมีการระบาด หากสามารถให้น้าในช่วงกลางวันได้ จะช่วยลดความ เสียหายได้มาก 80

การเก็บผลผลติ จะเก็บได้เม่ือมีอายุ 45-50 วัน และจะสามารถเก็บได้นานราว 30-45 วัน ควร ทยอยเก็บทุก ๆ 2-3 วัน ไม่ควรปล่อยให้ฝักแก่ค้างคาต้น เพราะจะท้าให้ได้ผลผลิต น้อยลงควรเก็บช่วงเช้าหรือช่วงเย็น เก็บเสร็จอย่าให้ถั่วโดนแดด เพราะจะท้าให้ฝัก เหยี่ วหรอื ฝอ่ เรว็ หรือเก็บแช่ตู้เย็นที่อุณหภมู ิประมาณ 8-15 องศาเซลเซยี ส 81

การปลกู ผักสลัดอินทรยี ์ 82

การเตรียมดิน ไถพรวนดินตากไว้ประมาณ 7-10 วัน เพื่อทา้ ลายวัชพืช และศัตรูพืชบางชนิดท่ีอยู่ ในดิน จากนั้นจึงไถพรวนเก็บเอาเศษวัชพืชออก แล้วเตรียมแปลงขนาดกว้าง 1-1.2 เมตร โดยมีความยาวตามลักษณะของพ้ืนท่ี แล้วจึงใส่ปุ๋ยอินทรีย์ลงไป เพ่ือปรับ โครงสร้างของดินให้เหมาะสมกับการเจริญเติบโต สภาพดินควรร่วนซุย มีความอุดม สมบูรณ์ และมีอินทรียวัตถุสูง ควรมีหน้าดินลึก และอุ้มน้าได้ดีปานกลาง พื้นที่ปลูก ควรโล่ง และได้รับแสงแดดอย่างเต็มที่ เน่ืองจากผักสลัดมีลักษณะบาง ไม่ทนต่อฝน ดงั นนั้ ในชว่ งฤดฝู นควรมีสแลนดว้ ย การเตรยี มแปลงปลกู สลัด 83

วิธปี ลูก 1. เตรียมวัสดุ อปุ กรณ์สา้ หรับการเพาะเมลด็ ผักสลดั -เตรียมดนิ สา้ หรบั การเพาะเมลด็ ซง่ึ มอี งค์ประกอบดงั น้ี พีทมอส1 ส่วน แกลบด้า 1 ส่วน - เมล็ดพันธุผ์ ักสลัดทีต่ อ้ งการปลกู - ถาดเพาะกลา้ - ไมป้ ลายแหลม 2. วิธกี ารเพาะเมล็ด พีชมอส 1. นา้ พีชมอส 1 สว่ น แกลบดา้ 1 สว่ น ผสมคลกุ เคลา้ ใหเ้ ข้ากนั จากนนั้ นา้ ดินท่ีผสม ได้ แล้วน้าลงใสใ่ นถาดให้เตม็ แตไ่ ม่ต้องอดั แนน่ 2. ใช้ไม้ปลายแหลมแหลมกรีดเปน็ แถว เพ่ือเป็นร่องเลก็ ๆ ส้าหรบั หยอดเมลด็ ลงไป 3. หยอดเมล็ดสลดั ทเี่ ตรียมไว้ลงไปในหลุมถาดเพาะ หลุมละประมาณ 1-2 เมล็ด 4. ใชไ้ ม้ปลายแหลมกดเมล็ดสลดั ลงไปในร่องลึกประมาณ 2-3 มิลลิเมตร 5. ใชม้ ือเกลี่ยเบาๆ เพ่ือกลบเมลด็ 6. นา้ ถาดเพาะไปเรียงไว้ในโรงรอื น รดน้าเชา้ -เย็น โดยใชฝ้ ักบวั ฝอยท่ีเป็นฝอย ละเอียด 7. เม่ือตน้ กลา้ อายุ 15-20 วนั หรอื มีใบจริงประมาณ 3-4 ใบ กส็ ามารถยา้ ยปลูกได้ การเพาะสลดั ในถาดหลมุ กลา้ ผกั สลัดพร้อมปลกู พรอ้ มปลผู 84

ข้นั ตอนการยา้ ยกล้า ควรย้ายกล้าในช่วงตอนเยน็ แสงแดดอ่อนๆ รา้ ไร เพ่อื ตน้ กลา้ จะได้ต้ังตัวได้เรว็ ขั้นตอนการปลกู การปลูกผักสลดั สว่ นใหญจ่ ะใช้ระยะหา่ งระหวา่ งหลุมxระหวา่ งแถว 25x25 เซนตเิ มตร จากนั้นคลุมดว้ ยฟางข้าว เพ่ือลดการกระแทกของน้าเม่ือรดและปอ้ งกนั ไม่ใหร้ ากลอย ข้อควรระวงั ในการปลูกผัก - อยา่ ปลูกผักสลดั ในหลมุ ใหญห่ รือลกึ เพราะน้าอาจขังหากการระบายนา้ ไม่ดี อาจ ท้าใหเ้ น่าเสยี หาย - อยา่ เหยียบหลงั แปลงเพาะ จะท้าใหด้ ินแนน่ พืชเตบิ โตได้ไมด่ ี - กล้าผกั สลัดควรแขง็ แรงอายุไม่เกนิ 30 วัน เมือ่ ย้ายปลูก - ควรใส่ป๋ยุ คอกหรือปุย๋ หมัก ก่อนการลงแปลง - หลังย้ายกล้าผกั สลดั ในฤดูฝนใหร้ ะวังหนอนกระทู้ด้าและจงิ้ หรีด 85

การดูแลรักษา ผักสลัดเปน็ พชื ทช่ี อบแสงแดดจงึ ควรปลูกในพื้นท่ีโลง่ แจ้ง ควรมกี ารขึงสแลน ลดทอนความเขม้ แสงใหบ้ างเบาลงเพื่อไม่ให้พืชนัน้ ไดร้ บั แสงมากจนเกินไป เพราะผัก สลดั เปน็ พชื อากาศเยน็ จะท้าให้ผักโตช้ากวา่ ปกติ การให้น้า ผักสลัดเป็นผักรากตื้น ดังน้ันการให้น้าจึงควรให้อย่างสม่้าเสมอและเพียงพอควร มีการให้น้ามีเช้าเย็น โดยพ่นน้าเป็นละอองเล็กๆ เพ่ือไม่ให้ชุ่มหรือแฉะมากเกินไป เพราะจะทา้ ใหเ้ น่าและ การใสป่ ยุ๋ ท้าการใส่ปุ๋ยหมักสัปดาห์ละคร้ัง อัตรา 300 กิโลกรัมต่อไร่ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความ อุดมสมบรู ณ์ของดนิ การกา้ จดั วชั พืช ควรก้าจัดวัชพืชเป็นประจ้า เพ่ือป้องกันการเกิดโรคและแมลงโดยการถอนด้วย มือ การขึงสแลนเพอื่ ลดความเข้มของแสง 86

โรคที่สา้ คัญของ ผักสลัด 87

โรคใบจุด เช้อื สาเหตุ เกิดจากเช้อื ราออเทอรน์ าเรยี บราซคิ อ(ี้ Alternaria brassicae) ลักษณะอาการของโรค ถ้าเกดิ กบั ตน้ กลา้ จะพบจดุ แผลเลก็ ๆสีน้าตาลทโ่ี คนตน้ ถ้าต้นโตแล้วใบมแี ผล วงกลมสีน้าตาลซ้อนกันหลายชั้น เนอ้ื เยื่อรอบๆ แผลเปลย่ี นเปน็ สีเหลือง ขนาดของ แผลมที ัง้ เล็กและใหญ่ บนแผลมักจะมีเชื้อราช้นั บางๆ มองเห็นเป็นผงสดี า้ ผักบาง ชนิดและบางพันธ์มุ ีแผลที่ก้านใบเลก็ เป็นจุดสนี า้ ตาล ปนด้า เน้ือเยื่อบุ๋มลงไป เล็กน้อย การปอ้ งกนั ก้าจดั 1. ทา้ ลายต้นเป็นโรคโดยการขดุ ถอนไปเผาทงิ้ 2. ปลูกพชื หมุนเวียนเพื่อหลกี เลยี่ งการสะสมของโรค 3. ฉีดพ่นเชื้อราไตรโคเดอรม์ าเป็นระยะๆ เพอ่ื ป้องกนั การระบาดทกุ ๆ 7 วัน/ครัง้ 88

โรคเนา่ เละ เชอื้ สาเหตุ เกิดจากเชื้อแบคทีเรยี เออวเิ นยี คาโรโทโวรา (Erwinia carotovora) ลกั ษณะอาการของโรค เริม่ อาการของโรคเปน็ จดุ ฉ่า้ น้า ซ่ึงจะเน่าอยา่ งรวดเร็วท้าให้เนือ้ เย่ือเป่ือยเละเปน็ น้าเย้ิมและส่งกลิ่นเหมน็ ภายในเวลา 2-3 วนั ผกั จะเนา่ ยุบหายไปหมดท้ังตน้ และหวั หรอื แหง้ เป็นสีน้าตาลอยทู่ ่ีผวิ ดิน อาการเน่าจะเกิดทส่ี ว่ นใดก่อนกไ็ ด้ การป้องกนั ก้าจัด 1. ไถพรวนดิน พลิกหน้าดินขึ้นตากก่อนทา้ การปลูกพืช เพ่ือทา้ ลายเชื้อโรค 2. ท้าลายต้นเป็นโรคโดนขุดถอนไปเผาทง้ิ 3. ปลูกพชื หมนุ เวยี นในพน้ื ท่ีที่ระบาดเปน็ ประจ้า 4. อย่าท้าให้พืชช้าหรือเกิดแผลและควรเก็บรักษาท่ีอุณหภูมิต้่าอากาศถ่ายเทได้ สะดวก 5. ฉดี พ่นแบคทเี รียบาซลิ ลัส ซบั ทลี สิ เพ่ือป้องกันก้าจัดทกุ 5-7 วนั 89

แมลงศตั รพู ชื ที่ สา้ คญั ในผักสลัด 90

หนอนกระทู้ผัก ลักษณะการท้าลาย ผีเส้ือตัวเมียจะวางไข่เป็นกลุ่มคลุม ด้วยขนสีน้าตาลอ่อน 3-4 วัน ฟั ก ออกเป็นตัวหนอน เมื่อฟักออกจากไข่ ใหม่ ๆ จะรวมกลุ่มกัดกินผิวใบพืช เม่ือ โตขึ้นจะกระจายตัวออกไป กัดกินใบ กลีบเลย้ี ง และดอก เป็นรู เวา้ แหว่ง ซึ่งระบาดในพชื หลายชนดิ การป้องกันกา้ จดั 1. หนอนกระทู้ผักสามารถป้องกนั จ้ากดั ได้ไม่ยาก เมือ่ พบกล่มุ ไข่หรือหนอนท่ีฟักออก จากไข่ควรเกบ็ ท้าลาย หากปล่อยให้หนอนโตจนหนอนจะแยกยา้ ยหลบซ่อนตัว กดั กินเจาะเป็นรสู ึก ในใบ ดอก และฝกั 2. ฉีดพน่ เช้อื แบคทเี รียบีที ทุกๆ 5-7 วัน สลับกับฉีดพน่ สารสกดั สะเดา ยาสูบ หนอนตายอยาก โดยฉดี พน่ ในชว่ งเยน็ 3. ควบคมุ ปรมิ าณของตวั แม่ผีเสือ้ โดยฉดี พน่ สารสกดั ขมน้ิ ชัน บอระเพ็ด สาบเสือ ในช่วงเย็นเพ่อื ขบั ไล่ ป้องกันการวางไข่ 4. ฉีดพ่นไส้เดือนฝอยกา้ จัดแมลง อตั รา 1 ภาชนะบรรจุ/น้า 10 ลิตรฉดี พ่นทกุ ๆ 7 วนั ครัง้ 91

เพลี้ยไฟ ลกั ษณะการทา้ ลาย ตัวอ่อนและตัวเต็มวัยท้าลายส่วนต่างๆของพืช โดยการดูดน้าเล้ียงจากเซลล์พืช ท้าให้บริเวณที่ถูกดูดมีลักษณะอาการแตกต่างกัน เช่น การแตกยอดจะท้าให้ชะงัก การเจริญเติบโตยอดอ่อนแคระแกร็น เติบโตช้า พืชอ่อนแอ และท้าให้ใบ ล้าต้น แห้ง ตายได้ การระบาดมักพบเสมอในช่วงฤดูร้อนหรือช่วงที่มีอากาศแห้งแล้งฝนทิ้งช่วง เป็นเวลานาน การป้องกนั และก้าจัด 1. หม่ันสา้ รวจตดิ ตามสถานการณ์ การระบาดของเพล้ยี ไฟในแปลงผกั สลัด หากพบ การระบาดให้ฉีดพน่ เชือ้ ราบิวเวอร์เรยี 60-80 กรัม/น้า 20 ลิตร ทุกๆ 5-7 วนั สลบั กับฉดี พ่นสารสกัดใบยาสบู อัตรา 50-100 ซซี /ี น้า 20 ลิตร ชว่ งเย็น 2. ช่วงทเี่ พลีย้ ไฟมีการระบาด หากสามารถใหน้ ้าในช่วงกลางวันได้ จะช่วยลดความ เสยี หายไดม้ าก 92

การเกบ็ เกยี่ ว ผักสลัดจะเก็บเกี่ยวได้หลังจากปลูกได้ประมาณ 40-45วัน ควรตัดทันทีเพราะถ้า ผักสลัดแก่จะท้าให้มีความเหนียวกระด้าง และมีรสชาติขม ไม่น่ารับประทาน การตัด ผักสลดั โดยการใช้มีดตดั ตรงโคน แล้วน้าไปชบุ น้าเพื่อล้างน้ายางออก จากน้ันผ่ึงลมใน ท่ีร่มและคัดเกรดป้ายปูนแดงที่รอยตัดเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อโรคเข้าสู่หัวและบรรจุ ลงลงั พลาสติกเตรียมจ้าหนา่ ยตอ่ ไป ขอ้ แนะน้า ผกั สลดั มรี สชาติขม เนอื่ งจาก แก่เกนิ ไป ดังนน้ั จึงไมค่ วรเกบ็ เกยี่ วเกินกว่า 45 วัน และมีการเก็บเก่ียวในช่วงแดด ธรรมชาติของผักสลัดเป็นผักที่มียางค่อนข้างมาก ในขณะที่แดดจัดจะผลิตยางออกมามาก เพื่อปรับสมดุลให้กับตัวมันเอง ดังนั้นจึงควร เกบ็ เกีย่ วในชว่ งเชา้ หรือเย็น 93

การปลูก แตงกวาอนิ ทรีย์ 94

การเตรียมดนิ ก่อนการปลูกแตงกวา ไถพรวนดินตากไว้ประมาณ 7-10 วัน เพ่ือท้าลายวัชพืช และศัตรูพืชบางชนิดทอี่ ยู่ในดนิ จากนั้นจึงไถพรวนเก็บเอาเศษวัชพืชออก แล้วเตรียม แปลงขนาดกว้าง 1-1.2 เมตร โดยมีความยาวตามลักษณะของพ้ืนท่ี แล้วจึงใส่ปุ๋ย คอก หรือปุ๋ยหมัก อัตรา 500 กก./ไร่ปรับโครงสร้างของดินให้เหมาะสมกับการ เจริญเติบโตของแตงกวา การเตรียมหลุมปลูกน้ันควรก้าหนดระยะระหว่างต้น ประมาณ 60-80 เซนติเมตร ระหว่างแถวประมาณ 1 เมตร ในบางแหล่งอาจใช้ พลาสติกคลุมดินเพื่อรักษาความช้ืนในดิน ป้องกันความงอกของวัชพืช และพลาสติก บางชนิดสามารถท่ีจะไลแ่ มลงไมใ่ หเ้ ข้ามาท้าลายแตงกวาได้ การเตรยี มพันธุ์ ขัน้ ตอนการเตรียมพันธ์ุ นับวา่ เป็นขั้นตอนท่ีสา้ คญั ในการปลูก แตงกวา ซงึ่ พอแบง่ ไดด้ งั น้ี 1. การคดั เลือกเมล็ดพันธแ์ุ ตงกวา ควรคัดเลอื กเมลด็ พันธุ์ที่มีความสมบูรณ์ ซื้อจาก รา้ นค้าให้เลอื กซื้อจากรา้ นทเี่ ชอื่ ถือ 2. การเตรยี มดินเพาะกลา้ อัตราสว่ นดิน : ปยุ๋ คอก 3:1 อัตรา 0.5 กโิ ลกรัม คลุกให้ เข้ากัน แล้วบรรจุลงในถาดเพาะขนาด 50 หลมุ 3. การหยอดเมล็ดลงถาดเพาะ น้าเมล็ดที่ได้บ่มไวห้ ยอดลงแต่ละหลุม จ้านวนหลุมละ 1-2 เมลด็ แลว้ ใชด้ ินผสมหยอดกลบบางประมาณ 1 เซนตเิ มตร 95

การดแู ลรักษา หลังจากหยอดเมล็ดแล้ว ให้น้าทันที โดยวิธีการฉีดพ่นให้เป็นฝอยละเอียดที่สุด เท่าท่ีจะท้าได้ ปริมาณน้าที่ให้น้ันไม่ควรให้ปริมาณที่มากเกินไป ในช่วงฤดูร้อน ควร จะใหว้ ันละ 1 คร้ัง ทง้ั น้ีให้ตรวจดูความชน้ื ก่อนการใหน้ ้าทุกครั้ง กลา้ นีค้ วรเก็บไวใ้ นท่ี แดดไม่จัดหรือมีการใช้สแลน 50-60% ไม่ให้มากระทบต้นกล้ามากเกินเกินไปเมื่อ แตงกวา เร่ิมงอกให้หม่ันตรวจดูความผิดปกติของต้นกล้าเป็นระยะ ๆ หากมีการ ระบาดของแมลงหรือโรคพืช ต้องรีบก้าจัดโดยเร็ว และเม่ือต้นกล้ามีใบจริงประมาณ 3-4 ใบ จะอยใู่ นระยะพร้อมทจ่ี ะยา้ ยปลูก การใหน้ ้า การให้น้าควรใช้ระบบการให้น้าแบบร่อง เนื่องจากจะให้ผลดี เพราะท้าให้ผิวดิน ชุ่มน้ามากและเถาแตงไม่เปียกน้า หากให้น้าระบบท่ีท้าให้เถาแตงเปียกน้า อาจเป็น บ่อเกิดของโรคเน่าได้ ส่วนการพรวนดินควรท้าในระยะแรกเริ่มเพื่อก้าจัดวัชพืช เพราะในระยะตอ่ มาอาจท้าไดล้ ้าบาก เนื่องจากรากแตงจะอยู่ท่ผี ิวดินมาก หากพรวน ดนิ จะกระทบกระเทือนรากได้ และจะท้าให้เกิดการชะงักในการเจริญเติบโตหรือแตง อาจไม่ดีได้ การใสป่ ยุ๋ การให้ปุ๋ยน้ันควรใส่ปุ๋ยคอกตอนเตรียมดิน ซ่ึงมักใช้ในอัตรา 2 ตัน/ไร่ จากน้ันใส่ ทกุ 15 วัน/ครัง้ ทัง้ นข้ี ึน้ อยูก่ ับความอดุ มสมบรู ณข์ องดนิ 96

โรคของพืช ตระกูลแตง ทส่ี า้ คัญ 97

โรคราน้าค้าง สาเหตุ เชือ้ รา ซโู ดเฟอโรโน สปอรร์ ่า คเู บนซิส (Pseudoperonospora cubensis) ลกั ษณะอาการ เร่ิมเป็นจุดสีเหลืองบนใบ แผลนั้นจะขยายออกเป็นเหล่ียมในระหว่างเส้นใบ ถ้า เปน็ มาก ๆ แผลลามไปทั้งใบท้าให้ใบแห้งตาย ในตอนเช้าท่ีมีหมอกน้าคา้ งจัดช่วงหลัง ฝนตกติดต่อกันท้าให้มีความช้ืนสูง ในบริเวณปลูก จะพบว่าใต้ใบตรงต้าแหน่งของ แผลจะมีเสน้ ใยสีขาวเกาะเปน็ กลุ่มและมีสปอร์เป็นผง สดี า้ การป้องกันก้าจัด 1. ในช่วงเตรยี มหลุมปลูก ให้ราดไตรโคเดอร์มาลงในหลุมก่อนปลกู 2. ราน้าค้างจะพบมากในช่วงอากาศเย็นและมีความชื้นสูง ในช่วงดังกล่าวให้ฉีดพ่น เช้ือราไตรโคเดอร์มา สลับกับเชือ้ แบคทเี รยี บาซลิ ลสั ซบั ทีริส ทุกๆ 5-7 วนั 3. หากพบอาการให้รีบเก็บออกจากแปลงไปท้าลาย และหลังเก็บเก่ียวแล้วควรเก็บ ซากพชื ออกจากแปลง เพือ่ ป้องกนั การสะสมของโรค 98

โรคใบดา่ งแตง สาเหตุ เชอื้ ไวรัส คูแคมเบอร์ โมเสก ไวรสั (Cucamber mosaic virus) ลกั ษณะอาการ พชื จะมีอาการด่างหรือดา่ งเหลอื งบนใบพชื จ้าพวกแตง โดยใบพืชจะบิดเบี้ยว หด แคบ เรียวยาวและหงกิ งอ ผลแตงจะมลี ักษณะผิดปกตกิ ารติดและการระบาดของโรค เกิดขึ้นได้จากการน้าของแมลงต่างๆ หลายชนิด แต่ที่ส้าคัญที่สุดได้แก่ เพล้ียอ่อน การสัมผัสจับต้องตลอดจนเครื่องมือกสิกรรมต่างๆ ก็ท้าให้เกิดการติดและการ ถา่ ยทอดเชื้อไวรัสชนิดนี้ได้ การป้องกนั ก้าจดั 1. หากพบตน้ ทเ่ี ปน็ โรคให้ถอนท้าลายทิง้ ทันทีเพ่อื ป้องกันการระบาด 2. ก้าจัดพาหะของโรคคือเพล้ียอ่อน โดยฉีดพ่นเชื้อราบิวเวอร์เรีย สลับกับสารสกัด ยาสบู หางไหล สะเดา บอระเพ็ด 99

โรคราแปง้ สาเหตุ เช้ือราอออเิ ดียม (Oidium sp.) ลักษณะอาการ เช้ือสาเหตุเข้าท้าลายพืชตระกูลแตงทุกชนิด ลักษณะอาการขั้นต้น จะปรากฏ เป็นจุดเหลืองอ่อนท่ี ล้าต้น ยอดอ่อน ท้ังด้านบนและด้านล่างของใบ เม่ือแผลมีการ ขยายใหญ่ข้ึน จะมี สปอรข์ องเชื้อราสีขาวคล้ายแป้งปกคลุม หลังจากนั้นใบจะเปล่ียน เป็นสีเหลอื งอมนา้ ตาลและแห้งกรอบ การปอ้ งกนั และการกา้ จัด 1. ฉดี พน่ เชื้อราไตรโครเดอรม์ า เพื่อป้องกนั ทุกๆ 5-7 วนั 2. ฉีดพ่นด้วยก้ามะถนั ชนิดละลายน้าอัตรา 30- 40 กรัม ต่อน้า 20 ลิตร ฉดี ในสภาพ อุณหภูมติ ้่า ในช่วงเช้าหรือเย็น ในกรณที อ่ี ุณหภูมิสูงจะมผี ลใหใ้ บไหม้ 100


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook