195 1. จงทําใหเ ปน ผลสําเรจ็ แบบฝก หดั ที่ 4 1. (-12) – 7 4. (-5) – (-8) วิธที าํ (-12) – 7 = (-12) + (-7) วธิ ที ํา (-5) – (-8) = (-5) + 8 = - 19 =3 2. 7 – (-12) 5. [8 – (-2)] – 6 วิธที าํ 7 – (-12) = 7 + 12 วธิ ที าํ [8 – (-2)] – 6 = [ 8 + 2] + (-6) = 19 = 10 + (-6) 3. (-8) – (-5) =4 วธิ ีทํา (-8) – (-5) = (-8) + 5 6. 8 – [(-2) – 6] วธิ ีทาํ 8 – [(-2) + (-6)] = 8 – (-8) = -3 =8+8 = 16 2. จงหาคาของ a – b และ b – a เม่อื กําหนด a และ b ดังตอไปน้ี 1. a = 5, b = (-3) วธิ ที าํ a – b = 5 – (-3) b – a = (-3) – 5 = 5 + 3 = (-3) + (-5) = 8 = -8 2. a = (-14), b = (-6) b – a = (-6) – (-14) วิธที าํ a – b = (-14) – (-6) = (-6) + 14 = (-14) + 6 =8 = (-8) 3. a = (-4), b = (-4) b – a = (-4) – (-4) = (-4) + 4 วธิ ีทาํ a – b = (-4) – (-4) =0 = (-4) + 4 =0
196 จงหาผลลัพธ แบบฝก หัดที่ 5 1). [(-3) × (-5)] × (-2) 6). (-5) × [6 + (-6)] วิธที าํ [(-3) × (-5)] × (-2) = 15 × (-2) วิธีทํา (-5) × [6 + (-6)] = (-5) ×0 = (-30) =0 2). (-3) × [(-5) × (-2)] 7). [(-7) × (-5)] + [(-7) × 2] วธิ ีทํา (-3) × [(-5) × (-2)] = (-3) × 10 วธิ ีทาํ [(-7) × (-5)] + [(-7) × 2] = 35 + (-14) = -30 = 21 3). [4 × (-3)] × (-1) 8). (-7) × [(-5) + 2] วธิ ที ํา [4 × (-3)] × (-1) = (-12) × (-1) วธิ ีทาํ (-7) × [(-5) + 2] = (-7) × (-3) = 12 = 21 9). [5 × (-7)] + [5 × 3] 4). 4 × [(-3) × (-1)] วิธที ํา [5 × (-7)] + [5 × 3] = (-35) + 15 วธิ ีทํา 4 × [(-3) × (-1) ] = 4 × 3 = (-20) = 12 5). [(-5) × (-6)] + [(-5) × (-6)] 10). 5 × [(-7) + 3] วิธีทํา [(-5) × (-6)] + [(-5) × (-6)] = 30+30 วิธที ํา 5 × [(-7) + 3] = 5 × (-4) = 60 = (-20)
197 แบบฝก หดั ที่ 6 1. จงเติมคําตอบใหสมบูรณเพื่อแสดงหลักของความสัมพันธระหวางการหารและการคูณ ตอไปนี้ ประโยคที่แสดงความสัมพันธ a = b × c ประโยคที่แสดงความสัมพันธ a ÷ b = c หรอื a ÷ c = b 10 = 5 x 2 10 ÷ 5 = 2 หรอื 10 ÷ 2 = 5 35 = 7 x 5 35 ÷ 7 = 5 หรอื 35 ÷ 5 = 7 33 = 3 x 11 33 ÷ 3 = 11 หรอื 33 ÷ 11 = 3 (-14) = 7 x (-2) (-14) ÷7 = (-2) หรอื (-14) ÷ (-2) = 7 (-21) = 7 x (-3) (-21) ÷7 = (-3) หรอื (-21) ÷ (-3) = 7 (-15) = 3 x (-5) (-15) ÷3 = (-5) หรอื (-15) ÷ (-5) = 3 10 = (-5) x (-2) 10÷(-5) = (-2) หรอื 10÷(-2) = (-5) จงหาผลหาร 4. (-72) ÷ 9 1. 17 ÷ 17 วธิ ีทาํ (-72) ÷ 9 = -8 วธิ ีทํา 17 ÷ 17 = 1 2. 23 ÷ (-23) 5. [(-51) ÷ (-17)] ÷ [15 ÷(-5)] วธิ ที ํา 23 ÷ (-23) = -1 วธิ ที ํา [(-51) ÷ (-17)] ÷ [15 ÷(-5)] = 3 ÷ (-3) 3. 15 ÷ (-3) = -1 วธิ ีทํา 15 ÷ (-3) = -5 6. [(-72) ÷ 9] ÷ [ 16 ÷ (-2)] วธิ ที าํ [(-72) ÷ 9] ÷ [ 16 ÷ (-2)] = (-8) ÷ (-8) =1
198 แบบฝก หดั ท่ี 7 1. จงเติมจํานวนเต็มในชองวางท่ีเวนไวเ พ่ือใหแ ตละประโยคตอไปนี้เปนจรงิ 1.1 5 1.2 (-5) 1.3 7 1.4 6 1.5 (-9) 1.6 (-5) 1.7 (-13) 1.8 13 1.9 0 1.10 (-3) 2. เม่อื กําหนดให a = 8, b = 10, c = 3 และ d = -6 จงหาคาของ ac + bd a+b วธิ ที ํา (8× 3) + (10 × (− 6)) = 24 + (− 60) 8 + 10 18 = ( − 36 ) 18 = (-2)
199 1. จงเตมิ เศษสวนลงใน เฉลย บทที่ 2 เศษสวนและทศนิยม 1) แบบฝกหดั ท่ี 1 ใหถ กู ตอง 2) 2. จงเขยี นเสน จาํ นวนแลว หาจดุ ทแ่ี ทนจาํ นวนตอ ไปน้ี 1) 4 , 1 1 , 20 8 28 01 23 2) 1 1 , 4 3 , 29 2 66 * 11 2 3. จงเขยี นจาํ นวนตอไปนี้ใหอยใู นรปู ของทศนยิ ม 1. 6 = 0.6 2. 12 = 0.12 0.357 10 100 3. 357 = 4. 1 + 2 + 3 = 0.123 1000 10 100 1000
200 แบบฝกหดั ที่ 2 1. จงเปลย่ี นเศษสว นตอไปน้ีใหเปนทศนิยม โดยการทําสวนใหเปน 10 , 100 ,1,000,....... 1) 9 = 225 = 2.25 2) 1 3 = 175 = 1.75 4 100 4 100 3) 39 = 97.5 = 0.975 4) 7 = 28 = 0.28 40 100 25 100 5) 1 = 125 = 0.125 6) 8 = 64 = 0.064 8 1000 125 1000 2. จงเปลย่ี นเศษสว นตอไปน้ีใหเปนทศนิยม โดยการหารเศษสวน 1) 9 = 0.81 2) 3 1 = 3.14 11 7 3) 7 = 0.4375 4) 5 = 1.25 16 4 5) 5 = 0.83 6) 8 3 = 8.6 6 5
201 แบบฝกหัดท่ี 3 1. ใหเ ตมิ ตัวเศษหรอื ตวั สว นของเศษสว นลงใน เพ่ือใหไดเ ศษสวนท่ีเทา กัน 2. ใหเติมเคร่ืองหมาย > , < หรือ = ลงใน ใหถ ูกตอ ง
202 3. ใหนกั ศกึ ษาเตมิ เคร่ืองหมาย > , < หรอื = ระหวา งจํานวนสองจาํ นวน 1) -0.500 ......<........0.501 2) 103.012 .........>............. – 0.501 3) 5.28 .......... <.......... 5.82 4) – 5.28 .........=................. -5.28 5) 8.354 ......... <........ 8.534 6) -8.544 .............. <............. -8.534 7) -13.06 ......... <........ 13.06 8) 103.012 ......... >........... -103.012 9) -5.125 ..........=........ -5.1250 10) -7.10 .............. <........... -7.01 4. ใหนักศึกษาเรียงลําดับจํานวนตอไปนี้จากคานอยไปคามาก 5) -1.724, -1.738, 0.832, -2.000 - 2.000, - 1.738, -1.724, 0.832 6) -30.710, -31.170, -31.107, 30.017 -30.710, -31.170, -31.107, 30.017 7) 83.000, -38.000, -83.001, -138.500 -138.500, -83.001, -38.000, 83.000 8) -34.50, -37.40, -41.54, -39.62, -42.50 -42.50, -41.54, -39.62, -37.40, -34.50 แบบฝกหดั ท่ี 4 1. ใหห าผลลพั ธต อ ไปนี้ 1.2 6 = 1 1.1 12 = 6 12 2 2 1.4 16 = 1 5 1.3 24 = 2 11 11 12 1.6 2 = 1 1.5 2 = 1 24 12 12 6
203 2. ใหเ ติมจํานวนลงใน แลว ทาํ ใหประโยคเปน จริง 2.1 6 2.2 6 8 6 2.3 12 2.4 5 8 3 2.5 7 8 3. ใหหาจํานวนมาเตมิ ลงใน แลวทําใหป ระโยคเปนจรงิ 3.1 3 3.2 9 6 14 3.3 1 3.4 15 = 2 3 = 2 1 6 6 62 3.5 7 = 1 3 3.6 14 44 24 3.7 35 =117 3.8 111 18 18 28 4. ใหหาผลลพั ธต อไปนี้ 1. วิธีทํา = 3 + 14 + 20 2. วิธีทํา = 7 + 5 + 4 = 7 + 9 7 35 35 10 9 9 10 9 = 3 + 34 = 3× 5 + 34 = 15 + 34 = 7 +1 7 35 7 × 5 35 35 35 10 = 49 = 17 35 10 = 114 35 = 12 5 3. วธิ ีทาํ = 3 × 8 + 7 + 5 + 2 4. วธิ ที ํา = 46 + 7 − 7 5 8 8 5 5 11 3 33 = 24 + 35 + 2 = 46 + 7 × 11 − 7 40 40 5 11 3 11 33 = 59 + 2 = 46 + 77 − 7 11 33 33 40 5 = 59 + 2 × 8 = 46 + 70 40 5 8 11 33
204 = 59 + 16 = 46 × 3 + 70 11 3 33 40 40 = 138 + 70 = 208 = = 75 = 1 35 33 33 33 40 40 6 10 33 แบบฝกหัดท่ี 5 1. จงหาผลคูณตอไปนี้ 1) 2 1 ×11 35 วธิ ีทํา = 7 × 6 35 = 42 15 = 212 = 2 4 15 5 2) 11 × 5 59 วิธที าํ = 6 × 5 59 = 30 = 2 45 3 3) 5 2 ×11 11 9 วิธที าํ = 57 × 10 11 9 = 570 = 5 75 = 5 25 99 99 33 4) 16 2 × 7 3 10 วิธที าํ = 50 × 7 3 10 = 35 = 11 2 33 5) 5 × 2 2 ×1 2 16 3 5 วิธีทํา = 5 × 8 × 7 16 3 5 = 7 =11 66 6) 6 2 × 3 × 1 346
205 วธิ ีทาํ = 20 × 3 × 1 = 5×1×1 = 5 3 4 6 1× 2×3 6 7) 15 × 24 × 35 49 25 18 วิธีทาํ = 15 × 24 × 35 49 25 18 =4 7 8) 24 × 10 × 11 × 10 25 27 25 22 วิธีทาํ 24 × 10 × 11 × 10 25 27 25 22 = 8× 2×1×1 5 × 9 × 5 ×1 = 16 225
206 แบบฝกหดั ที่ 6 1. จงหาผลลัพธต อไปนี้ 1.1 วธิ ที าํ = 4 × 8 55 = 32 = 1 7 25 25 1.2 วิธีทาํ = 10 × 2 11 5 =4 11 1.3 วธิ ที าํ = 9 × 12 24 6 =3 4 1.4 วธิ ีทาํ = 15 × 24 16 5 = 9 =41 22 1.5 วธิ ที ํา = 99 × 25 100 11 = 9 =21 44 1.6 วธิ ีทํา = 3 × 1 23 =1 2
207 2. จงทําใหเ ปน ผลสาํ เร็จ 9 × 21 − 31 2.1 วิธีทาํ = 17 5 9 9 × 189 − 155 = 9 × 34 = 17 45 45 17 45 2 = 5 2.2 วิธีทํา = 3 + 2 ÷ 3 − 2 6 6 6 6 = 5 ÷1 = 5×6 = 66 6 2.3 วธิ ีทํา = = 5 = 2.4 วิธที ํา = 11 × 7 × 12 = 3 6 11 14 3 42 3 24 × 7 × 10 753 16
208 แบบฝกหดั ที่ 7 1. ใหหาคําตอบของโจทยปญหาตอไปนี้ 1) ตองมีเงิน 320 บาท ซอ้ื รองเทา 2 ของเงินทัง้ หมด ซ้ือเสือ้ 5 ของเงินทเ่ี หลอื จง 5 16 หาวาตองเหลือเงินเทาไร วิธีทํา ตองมีเงิน 320 บาท ซอ้ื รองเทา 2 ของเงินทั้งหมด คิดเปน 2 × 320 = 128 55 เหลอื เงินจากการซอ้ื รองเทา 320 – 128 = 192 บาท ซอ้ื เส้ือ 5 ของเงนิ ที่เหลือ คดิ เปน 5 ×192 = 60 บาท 16 บาท 16 192 – 60 = 132 เหลือเงินจากการซ้ือเส้ือ ตอบ ตองเหลอื เงิน 132 บาท 2) หองประชุมหองหนึ่งมีความยาวเปน 3 3 ของความกวาง และความกวางเปน 4 2 ของความ 45 สงู ถา หอ งสงู 3 1 เมตร และมนี ักเรยี น 462 คน จงหาวา โดยเฉลย่ี นกั เรยี นคนหนง่ึ มีอากาศ 2 หายใจกี่ลูกบาศกเมตร วธิ ีทาํ หองประชุมมีความกวาง 4 2 ของความสูง = 22 × 7 = 77 เมตร 5 52 5 มีความยาวเปน 3 3 ของความกวาง = 15 × 77 = 231 เมตร 4 45 4 ดังนั้นหองประชุมมีปริมาตร = 7 × 77 × 231 = 124,509 ลูกบาศกเมตร 25 4 40 ในหอ งประชุมมนี กั เรียน 462 คน โดยเฉลย่ี นกั เรยี นคนหน่ึงมอี ากาศหายใจ ตอบ โดยเฉลีย่ นกั เรยี นคนหน่งึ มีอากาศหายใจ = 124,509 ÷ 462 40 = 124,509 × 1 40 462 = 6.7375 ลูกบาศกเมตร 6.7375 ลูกบาศกเมตร
209 3) จา งคนปลูกหญาบนสนามรูปส่เี หล่ยี มผืนผา กวาง 6 4 เมตร ยาว 10 1 เมตร ในราคาตาราง 52 เมตรละ 45 บาท จะตองจายเงินทั้งหมดเทาไร วิธีทํา สนามรปู สเ่ี หลยี่ มผนื ผา กวา ง 6 4 เมตร = 34 เมตร 5 5 ยาว 10 1 เมตร = 21 เมตร 2 2 พื้นท่สี นาม = 34 × 21 = 357 ตารางเมตร 52 5 จายคาจางคนปลูกหญา ตารางเมตรละ 45 บาท ตองจายเงิน = 45 × 357 = 3,375 บาท ตอบ จายคาจางปลูกหญาบนสนามเทากับ 3,213 บาท 5 4) โทรทัศนเครื่องหนึ่งประกาศลดราคาลง 1 ของราคาที่ปดไวเ ดิม แตผ ูซ ้อื เปนเพื่อนกบั ผขู าย 4 ลดใหอ กี 1 ของราคาที่ประกาศลดแลว ในครงั้ แรก ซ่งึ ปรากฏวา ผซู อื้ จายไป 4,200 บาท จงหาวา 5 โทรทัศนเ ครอ่ื งนีป้ ดราคาเดิมไวเ ทาไร วิธีทาํ โทรทัศนเครื่องหนึ่งลดราคาลง 1 ของราคาทีป่ ด ไว 4 ถาลดราคา 1 บาท ราคาทล่ี ดแลว เหลือ 1− 1 = 3 บาท 44 4 ขายใหเพอื่ นลดใหอีก 1 ของราคาที่ประกาศลด 1×3 = 3 5 4 20 5 ขายไปจริงราคา 3 − 3 = 15 − 3 = 12 = 3 บาท 4 20 20 20 5 เศษสว น 3 คดิ เปนเงนิ 4,200 บาท 5 ดังนั้นราคาเดิมขายไว = 4,200 × 5 = 7,000 บาท ตอบ เดมิ ตดิ ราคาไว 7,000 บาท 3
210 5) ในการเดนิ ทางครงั้ หน่งึ เสยี คาท่ีพัก 2 ของคาใชจายทั้งหมด คาเดินทาง 1 ของคาใชจาย 54 ทั้งหมด คา ใชจายอ่นื ๆ คดิ เปน เงนิ 1,470 บาท จงหาวาคาใชจายทั้งหมดเปนเงินเทาไร วิธที ํา คาใชจายทั้งหมดเปนเงิน 1 บาท เสยี คาที่พกั 2 ของคาใชจายทั้งหมดเปนเงิน = 2 บาท 5 5 เสยี คา เดินทาง 1 ของคาใชจายทั้งหมดเปนเงิน = 1 บาท 4 4 รวมคาที่พักและคาเดินทาง = 2 + 1 = 13 บาท เปนคาใชจ ายอื่นๆ 5 4 20 ดังนั้น 7 คิดเปน เงิน 1,470 บาท = 1− 13 = 7 บาท 20 20 20 ดงั นนั้ คาใชจ ายทง้ั หมด = 1,470 x 20 = 4,200 บาท ตอบ คา ใชจา ยท้งั หมด 4,200 บาท 7 1. จงเตมิ ผลลัพธตอ ไปนี้ แบบฝกหดั ที่ 8 1.1 0.99 1.3 -0.1 1.2 -0.2 1.4 0.1 1.5 -16.7 1.7 50.09 1.6 -12.5 1.9 10.1 1.8 -15.15 1.11 -9.1 1.10 3.306 1.13 -36.7 1.12 -16.57 1.15 8.4782 1.14 -50.1 1.17 -57.03 1.16 2.7843 1.19 -3.237 1.18 -63.938 1.20 3.327
211 แบบฝกหดั ที่ 9 1. จงหาคาของ 1.2 -0.1176 1.1 -28.92 1.4 -32.6808 1.3 6.6742 2. จงหาคาของ 2.1 -1,240 2.2 -10.1802 2.3 -12.596 2.4 24.5746 2.5 -3.33 แบบฝกหดั 10 ใหน กั ศกึ ษาแกปญหาโจทยตอไปนี้ 1. เชอื กยาว 17.25 เมตร นําอกี เสน หนง่ึ ยาว 5.2 เมตร มาผกู ตอกันทาํ ใหเสยี เชือกตรงรอยตอ 0.15 เมตร นาํ เชือกท่ตี อแลว มาวางเปนรูปสี่เหล่ียมผืนผา ใหดา นกวา งยาวดา นละ 1.5 เมตร ดา น ยาวจะยาวดานละกี่เมตร วิธที ํา เชือกที่เหลือจากการนํามาตอกันคิดเปน (17.25 + 5.2) – 0.15 = 22.3 เมตร นาํ มาวางใหเ ปนรูปส่เี หลยี่ มผืนผา ใหด า นกวา งยาว 1.5 เมตร ดา นกวา งทั้ง 2 ดานจะใชเชอื กไป 1.5 x 2 = 3 เมตร เหลอื เชือกเปน ดา นยาว 22.3 – 3 = 19.3 แตด า นยาว มี 2 ดา น ดงั นน้ั ดานยาว ดา นละ 19.3 ÷ 2 = 9.65 เมตร ตอบ ดา นยาวจะยาวดา นละ 9.65 เมตร
212 2. นา้ํ ตาลถงุ หน่งึ หนกั 9.35 กิโลกรมั จํานวน 16 ถงุ ใชทาํ ขนมเฉล่ียแลววนั ละ 4.4 กโิ ลกรัม จะใชน ้ําตาลไดท ั้งหมดกว่ี ัน วธิ ที ํา น้ําตาลถงุ หนึ่งหนกั 9.35 กิโลกรมั จาํ นวน 16 ถงุ = 9.35 x 16 = 149.6 กโิ ลกรมั ใชท าํ ขนมเฉล่ยี แลววนั ละ 4.4 กโิ ลกรัม จะใชน ้ําตาลได = 149.6 = 34 วนั 4.4 ตอบ จะใชน ํา้ ตาลไดท ้งั หมด 34 วนั 3. หองรปู ส่ีเหล่ยี มผนื ผา กวาง 4.8 เมตร ยาว 9.6 เมตร นาํ กระเบ้อื งรปู ส่เี หลยี่ มจัตรุ ัสขนาด 32 ตารางเซนตเิ มตร มาปูหองจะตองใชก ระเบื้องกแ่ี ผน วธิ ที ํา พ้ืนทหี่ องสี่เหลย่ี มผืนผา กวา ง 4.8 เมตร ยาว 9.6 เมตร = 480 x 960 = 460,800 ตร.ซม. พ้ืนทกี่ ระเบ้อื งรปู สี่เหลยี่ มจัตุรัสขนาด = 32 ตร.ซม. ถา ปหู องจะตองใชก ระเบ้ือง = 460,80014,400 แผน ตอบ จะตอ งใชก ระเบ้ือง 14,400 แผน 32 4. มที องคาํ แทงหนง่ึ หนัก 12.04 กรมั ซอ้ื เพ่ิมอีก 25.22 กรัม แบงขายไปสองคร้ัง หนกั คร้ังละ 8.02 กรมั ทีเ่ หลือนําไปทาํ แหวน 5 วง หนักวงละ 3.45 กรมั เทา ๆ กัน จะเหลือทองอีกก่กี รมั วิธีทํา ทองคาํ แทงหน่ึงหนกั 12.04 กรมั ซ้อื เพิม่ อกี 25.22 กรัม = 12.04 + 25.22 = 37.26 กรมั แบงขายไปสองครั้ง หนักครั้งละ 8.02 กรมั = 8.02 x 2 = 16.04 กรมั เหลอื ทอง = 37.26 – 16.04 = 21.22 กรมั นาํ ไปทาํ แหวน 5 วง หนักวงละ 3.45 กรมั เทา ๆ กนั = 5 x 3.45 = 17.25 กรมั ทองที่เหลือจากการทําแหวนจะได = 21.22 – 17.25 = 3.97 กรมั ตอบ จะเหลือทองอีก 3.97 กรมั
213 เฉลย บทที่ 3 เลขยกกาํ ลงั แบบฝก หัดที่ 1 1. จงเขียนจาํ นวนตอไปน้ีในรปู เลขยกกาํ ลังทม่ี ีเลขช้ีกาํ ลงั เปน จาํ นวนเต็มท่ีมากกวา 1 พรอมท้งั บอกฐานและเลขชกี้ ําลัง 1.1 25 = ……… 5 x 5…………………=……..…52 …………….. มี = …………5…………….เปน ฐานและ..............2..................เปนเลขช้ีกาํ ลงั 1.2 64 = ………8 x 8…………………=……………82 ………….. มี = …………8…………….เปน ฐานและ...............2..................เปนเลขชกี้ ําลัง 1.3 169 = ………13 x 13……………....=……………132 …….….. มี = ……………13……….เปน ฐานและ..............2....................เปนเลขชก้ี าํ ลงั 1.4 729 = ……………27 x 27………..=………… 272 ……….….. มี = …………27………….เปน ฐานและ............2......................เปนเลขชก้ี ําลัง 1.5 -32 = …(-2) (-2) (-2) (-2) (-2)…….=………… (− 2)5 ……….. มี = …………(-2)…………เปน ฐานและ............5.....................เปนเลขชี้กําลัง 1.6 -243 = …(-3) (-3) (-3) (-3) (-3)……….=……… (− 3)5 ………….. มี = ……………(-3)………เปน ฐานและ............5.....................เปนเลขช้กี ําลงั 1.7 0.125 = …(0.5) (0.5) (0.5)………….=………… (0.5)3 ……..….. มี = …………(0.5)………เปน ฐานและ.....................3..............เปน เลขชีก้ าํ ลัง .2. จงเขยี นจาํ นวนที่แทนดว ยสญั ลักษณตอไปน้ี = 256 2.1 2 × 2 ×2 ×2 ×2× 2× 2 × 2 = 81 2.2 (-3) (-3) (-3) (-3) = 0.00243 2.3 (0.3) (0.3) (0.3) (0.3) (0.3) = 0.000000000064 2.4 (0.02) (0.02) (0.02) (0.02) (0.02) (0.02) = 1 2.5 1 1 1 27 3 3 3 =8 2.6 2 2 2 343 7 7 7 = 625 2.7 (-5) (-5) (-5) (-5) = -8 2.8 - (2×2×2) =1 2.9 1 1 1 1 1 100000 10 10 10 10 10 = 0.015625 2.10 (0.5) (0.5) (0.5) (0.5) (0.5) (0.5)
214 แบบฝก หัดที่ 2 1 จงเขยี นจาํ นวนตอไปน้ีในรูปสญั กรณวิทยาศาสตร 1. 4 x 105 2. 2.3 x 1010 3. 6.39 x 108 4. 2.475 x 108 2. ดาวเสารอยูหางจากดวงอาทิตยประมาณ1,430,000,000 กิโลเมตร จงเขียนใหอยใู นรูปสญั กรณ วิทยาศาสตร ตอบ 1.43 x 109 3. สญั กรณว ทิ ยาศาสตรในแตล ะขอ ตอไปน้ีแทนจาํ นวนใด 3.1 2,000,000 3.2 48,000,000,000,000 3.3 4,030,000,000 3.5 912,500 แบบฝก หดั ที่ 3 1 จงเขยี นจํานวนท่ีแทนดวยสญั ลกั ษณตอ ไปนี้ 1.1 25+6 = 2,048 1.2 32 x 9 = 288 1.3 63 = 216 1.4 0.752 = 0.5625 1.5 1 × 9 =1 = -216 9 1.6 (− 6)3 1.7 8 × 625 = 5 = 1 2 125 16 22 1.8 1 × 16807 = 1 224 117649 32 1.9 (0.125) 1 = 0.0078125 16 1.10 (−11)5 = 161051
215 2. จงเขียนผลคณู ของจํานวนในแตล ะขอตอไปนใ้ี นรูปเลขยกกาํ ลงั 2.1 22+3+7 = 212 2.2 ( )− 3 3+1+5 = (− 3)9 2.3 5× 5 4 × 5 2 = =5 1+4+2 5 7 2.4 11 2 ×11×11 2 = =11 2+1+2 11 5 2.5 ( )− 3 4+3+7 = (− )3 14 1. จงหาผลลัพธ แบบฝกหัดท่ี 4 1.1 29−2 1.2 36−1 = 27 = 35 1.3 113−6 = 11−3 = 1 1.4 1 4−2 11 3 5 = 1 2 1.5 (0.03)5−4 5 = (0.03) 1.6 ( 0.8 ) 5 ÷ ( 0.8 ) 7 = ( 0.8 ) 5−7 = ( 0.8 ) −2 = 1 ( 0.8 ) 2 1.7 5(3+4)−7 = 50 =1 1.8 7(6+1)−4 = 73 1.9 132+(4−5) = 13 1.10 m(6−7)+4 = m3 2. จงหาผลลัพธตอไปนใี้ นรูปท่ีมีเลขชีก้ าํ ลังเปน จํานวนเตม็ บวก 2.1 53+(−4) = 5−1 =1 2.2 38+(−6)−2 = 30 = 15 2.3 4(−6)−1 = 4−7 =1 2.4 26+(−1) = 25 47 2.5 (1.5)2−3 = (1.5)−1 =1 1 2.6 x2−5 = x −3 a = a 4−5 1.5 ( ) ( )2.7 a3+1 ÷ a0+5 =1 x3 = =a −1 2.8 =m−7−(−5) m −7+5 = m−2 = 1 m2
216 เฉลย บทท่ี 4 อัตราสว นรอ ยละ แบบฝก หัดที่ 1 1.จงเขียนอัตราสวนจากขอความตอไปนี้ 1.1 1 เซนตเิ มตร : 100 กโิ ลเมตร 1.2 200 กโิ ลเมตร : 3 ชั่วโมง 1.3 40 คน : 1,000 คน 1.4 72 คร้งั : 1 นาที 2. สลากกินแบงรัฐบาลแตละงวดเปนเลข 6 หลัก เชน 889748 ซึ่งมีหมายเลขตางกันทั้งหมด 1,000,000 ฉบับ ในจํานวนทั้งหมดนี้มีสลากที่ถูกรางวัลเลขทาย 2 ตวั ทง้ั หมด 10,000 ฉบับ ถกู รางวัลเลขทาย 3 ตวั 4,000 ฉบับ และถูกรางวัลที่ 1 อกี 1 ฉบับ 2.1 1 : 1,000,000 2.2 10,000 : 1,000,000 2.3 4,000 : 1,000,000 2.4 10,000 : 4,000 3. พอ คา จดั ลกู กวาดคละสขี นาดเทา กนั ลงในขวดโหลเดยี วกนั โดยนบั เปน ชดุ ดงั น้ี “ลกู กวาดสแี ดง 3 เมด็ สเี ขียว 2 เม็ด สเี หลอื ง 5 เมด็ ” จงหา 3.1 3: 10 3.2 3: 5 3.3 สเี หลืองเพราะมีจาํ นวนมากทส่ี ดุ ดังนนั้ โอกาสทจี่ ะหยิบไดสีเหลอื งจึงมีมาก แบบฝกหดั ท่ี 2 1. ถาอัตราการแลกเปลี่ยนเงินดอลลารตอเงินหนึ่งบาทเทากับ 1 : 43 จงเติมราคาเงินในตาราง 43 86 129 430 860 2. จงเขยี นอัตราสว นทเี่ ทา กบั อัตราสว นท่ีกําหนดใหต อไปนม้ี าอีก 3 อัตราสว น 2.1 4 , 6 , 8 6 9 12 2.2 10 , 15 , 20 18 27 36
217 3. จงตรวจสอบวาอตั ราสวนตอ ไปนี้เทากันหรอื ไม 6 x9 = 8 x 7 6≠7 54 ≠ 56 89 12 = 18 12 x15 = 18 x 10 10 15 180 =180 0.3 = 6 10 200 0.3 x200 = 6 x 10 60 = 60 4. จงทาํ ใหอ ัตราสว นตอ ไปนี้มีหนวยเดยี วกันและอยใู นรปู อยางงา ย 4.1 2x 24 : 10 หรอื 48 : 10 หรือ 24 : 5 4.2 200 : 1.5 x 1,000 เมตร หรือ 200 : 1,500 แบบฝก หัดที่ 3 1. พอ แบงเงนิ ใหลกู สามคนโดยกาํ หนด อัตราสวนของจาํ นวนเงินลกู คนโต ตอ คนกลาง ตอคนเลก็ เปน 5 : 3 : 2 จงหาอตั ราสว นตอ ไปน้ี 1.1 5 : 2 1.2 2 : 3 1.3 3 : 10 1.4 2 : 10
218 2. เศรษฐีคนหนึง่ ไดเขียนพนิ ัยกรรมไวกอนจะเสียชวี ิตวา ถา ภรรยาทกี่ ําลังตงั้ ครรภค ลอดลกู เปนชาย ใหแบง เงินในพนิ ัยกรรมเปน อตั ราสวนเงินของภรรยาตอบุตรชายเปน 1 : 2 แตถ า คลอดลกู เปนหญิง ใหแบงเงินในพินัยกรรมเปนอัตราสวนเงินของภรรยาตอบุตรหญิงเปน 2 : 1 เมื่อเศรษฐีคนน้ีเสยี ชีวิต ลงปรากฏวาภรรยาคลอดลูกแฝด เปนชาย 1 คน หญิง 1 คน จงหาอัตราสว นของเงนิ ในพนิ ยั กรรม ของภรรยาตอบุตรชาย ตอบุตรหญงิ ตอบ อัตราสวนเงินของภรรยาตอเงินของบุตรชาย เปน 1 : 2 อัตราสวนเงินของภรรยาตอเงินของบุตรหญิง เปน 2 : 1 เมื่อเศรษฐีเสยี ชีวิตลงภรรยาคลอดลูกเปน ฝาแฝด ชาย 1 คน หญิง 1 คน ตองแบงพินัยกรรมเปน สามสว น คือ อตั ราสว นเงินของภรรยาตอเงินของบุตรชาย เปน 1: 2 = 2: 4 อัตราสวนเงินของภรรยาตอเงินของบุตรหญิง เปน 2 : 1 นัน่ คือ อัตราสวนเงินของภรรยาตอเงินของบตุ รชายตอบุตรหญิงเปน 2 :4 : 1 แบบฝก หดั ที่ 4 1. จงเขยี นสดั สว นจากอตั ราสว นตอ ไปน้ี 1.1 3 = 6 48 1.2 A = 9 7 27 1.3 12 = B 10 5 1.4 5 = 65 4D 2. จงหาคา ตวั แปรจากสดั สว นทก่ี าํ หนดใหตอ ไปน้ี 2.1 A = 12 3 15 วธิ ีทํา A = 12 × 3 15 = 2.4 2.2 3 = 21 B 28 วิธที ํา B = 3× 28 21 =4
219 แบบฝก หดั ที่ 5 1. ขายมะละกอ 3 ผล ราคา 50 บาท ถาขาย มะละกอ 15 ผล จะไดเงินเทาไร วิธีทาํ ขายมะละกอ 3 ผล ราคา 50 บาท ขายมะละกอ 15 ผล ราคา x บาท จะได 3 = 15 50 x x = 15x50 3 x = 250 2. กศน.แหงหนึ่งมีนักศึกษาทั้งหมด 400 คน มจี ํานวนนกั ศกึ ษาหญิงตอ จํานวนนักศึกษาชาย เปน 5: 3 จงหาวา มีนักศึกษาชายกี่คนและนักศึกษาหญิงกี่คน วิธที ํา กศน. แหง หน่ึงมีนักศึกษาทั้งหมด 400 คน มจี าํ นวนนักศกึ ษาหญงิ ตอจาํ นวนนกั ศกึ ษาชาย เปน 5: 3 ด้ังนน้ั ถาแบง นกั ศึกษา กศน.ทั้งหมดออกเปน 5+3 = 8 สว น จะไดนกั ศกึ ษา กศน. สว นละ = 400 = 50 คน 8 ฉะน้ัน มนี ักศกึ ษาชาย อยู 3 สวน เปน 3 x 50 = 150 คน มนี ักศกึ ษาหญงิ อยู 5 สวน เปน 5 x 50 = 250 คน 3. พอแบงมรดกใหลูกสองคน โดยอัตราสวนของสวนแบงของลูกคนโตตอสวนแบงลูกคนเล็ก เปน 7: 3 ถาลูกคนโตไดเงินมากกวาลูกคนเล็ก 80,000 บาท จงหาสวนแบงที่แตละคนไดรับ วธิ ีทํา อัตราสวนของสวนแบงของลูกคนโตตอสวนแบงลูกคนเล็ก เปน 7: 3 ดังนั้น พอแบงเงินทั้งหมดเปน 10 สว น ลูกคนโตมีเงินมากกวาลูกคนเล็ก 4 สว น เปน เงิน 80,000 บาท ดงั นน้ั เงิน 1 สว น เปนเงนิ 80,000 = 20,000 บาท 4 สรปุ ไดวา ลกู คนโตไดร ับเงนิ มรดก 7 สว น เปนเงนิ 7 x 20,000 = 140,000 บาท ลกู คนเลก็ ไดร บั เงินมรดก 3 สว น เปนเงิน 3 x 20,000 = 60,000 บาท
220 1.1 90 แบบฝกหดั ที่ 6 1.2 48 1.3 7% 1.4 25% 1.5 600 1.6 0.5 แบบฝก หดั ที่ 7 20 % 1. 125 คน 250 บาท 2. 2.1 1,200 คน 250×100 = 1, 250 บาท 2.2 480 คน 3. 20 วธิ ีทํา สินคาทกุ ชนิดลดราคา คุณแมซื้อเคร่ืองแกว แลวไดส วนลด ดังนั้นรานคาปดราคา 4. วธิ ีทาํ สนามหญาแหงหน่ึงกวา ง 5 เซนติเมตร ยาว 8 เซนตเิ มตร มาตราสวน 1 เซนติเมตร : 50 เมตร ดังนนั้ สนามหญาจรงิ กวา ง 250 เมตร ยาว 400 เมตร หาพ้ืนท่สี เี่ หลี่ยมผืนผา จะได 250 x 400 = 100,000 ตารางเมตร
221 5. วิธที าํ นกนอ ยไดอัตราดอกเบยี้ รอยละ 3 ตอ ป แตถ กู หกั ภาษีรอยละ 15 คดิ เปน 15 ×3 = 0.45 100 เทา กบั ดอกเบี้ยทถี่ ูกหกั ภาษีแลว 3 – 0.45 = 2.55 นกนอ ยฝากเงนิ 10,000 บาท สนิ้ ปจ ะไดด อกเบี้ยท่ถี ูกหักภาษี รอ ยละ 2.55 คดิ เปน 2.55 ×10,000 = 255 บาท 100 รวมมีเงินบัญชี 10,000 + 225 = 10,225 บาทในตนปที่สอง สิน้ ปท่ีสองจะไดดอกเบี้ยรอ ยละ 2.55 ของเงินฝากปทีส่ อง = 2.55 ×10,255 = 261.50 บาท 100 ครบสองปจะมีเงินในบัญชี 10,255 + 261.50 = 10,516.50 บาท 6. วธิ ที ํา วีระซื้อรถยนต ราคา 200,000 บาท ขายตอ ไดก าํ ไร 20% เปน เงิน 20 × 200,000 = 40,000 บาท วรี ะมเี งินทงั้ หมด 100 บาท 240,000 บาท วรี ะเอาเงนิ ไปเลน หนุ ขาดทุน 20% เปนเงิน 20 × 240,000 = 48,000 100 ดงั นัน้ วีระเหลือเงิน 240,000 - 48,000 = 192,000 บาท
222 เฉลย บทท่ี 5 การวัด แบบฝก หัดที่ 1 1. จงเติมหนวยความยาวหรือหนวยพื้นที่ใหเหมาะสมกับขอความตอไปนี้ 1.1 มลิ ลิเมตร 1.2 เซนตเิ มตร, เซนติเมตร, มิลลิเมตร 1.3 กโิ ลเมตร 1.4 เมตร, เมตร, กโิ ลเมตร 1.5 เซนตเิ มตร, เซนติเมตร, มิลลิเมตร 1.6 ตารางเซนตเิ มตร 1.7 ตารางเมตร 1.8 เมตร หรือ วา , ไร-งาน-ตารางวา, ตารางเมตร 1.9 เมตร 2. จงเติมคําลงในชองวางที่กําหนดใหถูกตอง 2.1 1,600 2.2 170,000 2.3 7 ไร 3 งาน 19 ตารางวา 2.4 5 2.5 2 x 10 10 2.6 2,222 2.7 2.9 2.8 432 2.9 38 2.10 1,072 938,000 และ 1,400,000 3. จงตอบคําถามตอไปนี้ พรอมแสดงวิธีทํา 1) สวนแหง หนึง่ มีพ้นื ท่ี 4,800 ตารางเมตร คิดเปนพน้ื ทก่ี ี่ไร วิธที าํ พ้นื ท่ี 1,600 ตารางเมตร เทากับ 1 ไร พนื้ ที่ 4,800 ตารางเมตร เทากับ 4,800 = 3 ไร 1,600 2) พื้นท่ี 25 ตารางฟตุ คิดพ้ืนทก่ี ตี่ ารางเซนตเิ มตร วธิ ีทาํ 1 ฟตุ = 30 เซนตเิ มตร 1 ตารางฟุต = 30 x 30 ตารางเซนตเิ มตร 25 ตารางฟุต = 30 x 30 x 25 = 22,500 ตารางเซนตเิ มตร
223 3) ลงุ แดงแบงที่ดนิ ใหล ูกชาย 3 คน โดยแบง ใหล กู ชายคนโตได 2 ไร ลกู ชายคนกลาง 850 ตารางวา และลูกชายคนเล็กได 3,000 ตารางเมตร อยากทราบวาใครไดสวนแบงที่ดินมากที่สุด วธิ ที าํ คนโตได 2 ไร คิดเปน 2 x 1,600 = 3,200 ตารางเมตร คนที่สองได 850 ตารางวา คิดเปน 850 x 4 = 3,400 ตารางเมตร คนเลก็ ได 3,000 ตารางเมตร แสดงวา คนกลางไดม ากทสี่ ดุ 4) พื้นที่ 5,625 ไร คดิ เปนพน้ื ท่ี กี่ตารางกิโลเมตร วธิ ีทํา พ้นื ท่ี 625 ไร = 1 ตารางกิโลเมตร พ้ืนท่ี 5,625 ไร = 5,625 = 9 ตารางกิโลเมตร 625 5) สมเกยี รตซิ อื้ โลหะแผนชนิดหนึ่ง 3 ตารางเมตร ราคา 456 บาท สมนึกซอ้ื โลหะแผน ชนดิ เดยี วกัน 4 ตารางหลา ราคา 567 บาท อยากทราบวาใครซื้อไดถูกกวากัน ตารางเมตรละกี่บาท (กาํ หนด 1 หลา = 90 เซนตเิ มตร) วิธีทาํ 1 หลา = 90 เซนตเิ มตร 1 ตารางหลา = 90 x 90 ตารางเซนตเิ มตร 4 ตารางหลา = 90 x 90 x 4 ตารางเซนตเิ มตร 100 x 100 ตารางเซนตเิ มตร = 1 ตารางเมตร ดงั นัน้ 90 x 90 x 4 ตารางเซนตเิ มตร = 90x90x4 = 3.24 ตารางเมตร 100x100 ดังนัน้ สมนกึ ซื้อโลหะแผน ราคา 567 บาท คิดเปนราคาตารางเมตรละ 567 =175 บาท 3.24 สมเกยี รติซ้อื โลหะแผนราคา 456 บาท คิดเปนราคาตารางเมตรละ 456 =152 บาท 3 ดังนนั้ สมเกียรตซิ อ้ื ไดในราคาทถี่ กู กวา
224 แบบฝก หัด 2 1.จงเตมิ หนวยการวัดท่ีเหมาะสมลงในชองวา ง 2.1 เมตร 2.2 มลิ ลิเมตร 2.3 กโิ ลเมตร 2.4 กโิ ลกรมั 2.5 วนิ าที 2.6 องศาเซลเซยี ส 2.7 ไร – งาน – ตารางวา 2.8 ลูกบาศกเซนตเิ มตร หรอื ลติ ร 2.9 เซนตเิ มตร 2.10 กโิ ลกรมั แบบฝก หัด 3 1. จงหาพืน้ ที่สว นที่แรเงาของรปู ตอไปน้ี ตวั เลขทีเ่ ขยี นกํากับดา นไวถือเปนความยาวของดาน และมี หนว ยเปน หนว ยความยาว 1. 1 x20x15 = 150 ตารางหนวย 2. 1 x10x5 = 25 ตารางหนวย 2 2 2. รูปสามเหลีย่ มหนงึ่ รูปมพี นื้ ท่ี 90 ตารางเซนติเมตร มีฐานยาว 12 เซนติเมตร จะมีความสูงกี่ เซนตเิ มตร วธิ ที ํา 90 = 1 x12x สงู ความสูง 2 = 90x2 = 15 12
225 3. สามเหลี่ยมมุมฉาก ABC มีมุม BAC เปนมุมฉาก และกําหนดความยาวของดานดังรูป จงหาความ ยาวของดาน A วิธีทาํ ABC เม่อื AB เปนฐาน พ้ืนท่สี ามเหลย่ี มคือ 1 x6x8 = 24 − − − − −1 2 ABC เม่อื BC เปน ฐาน พื้นท่สี ามเหลีย่ ม คอื 1 x10xa − − − − − − − 2 2 สมการที่ 1 = สมการที่ 2 จะได 1 x10xa = 24 2 ดงั นน้ั a = 4.8 หนว ย 4. จงหาพื้นที่ของสวนที่แรเงาของไมฉากรูปสามเหลี่ยม ซึ่งมีขนาดตามรูป (ความยาวที่กําหนดมี หนว ยเปน เซนติเมตร) 30 วธิ ีทํา พืน้ ทส่ี ามเหลีย่ มรูปนอก = 1 x30x25 = 375 ตารางหนวย ตารางหนวย 2 พ้นื ท่ีสามเหลย่ี มรูปใน = 1 x24x20 = 240 2 ดังนัน้ พ้ืนท่ีสวนท่ีแรเงามีพนื้ ท่ีเทา กับ 375 – 240 = 135 ตารางหนว ย
226 แบบฝก หัด 4 1.1 พ้ืนทรี่ ูปสเ่ี หล่ยี มจตั ุรสั = ดา น x ดา น = 8 x 8 = 64 ตารางเซนตเิ มตร 1.2 พ้นื ท่รี ปู ส่เี หลี่ยมจัตุรัส = 1 x ผลคูณของเสนทแยงมุม = 1 ( 12×12 ) = 72 ตาราง 22 เซนตเิ มตร 1.3 พนื้ ทีร่ ูปสี่เหลี่ยมผืนผา = กวาง x ยาว = 4 x 7 = 28 ตารางเซนตเิ มตร 1.4 พ้ืนที่สี่เหลีย่ มดานขนาน = ฐาน x สูง = 12 x 8 =96 ตารางเมตร 1.5 พื้นทสี่ ่ีเหลี่ยมคางหมู = 1 x ผลบวกดานคูขนาน x สงู = 1 x(5 +11)x6 = 48 ตารางเมตร 22 1.6 พืน้ ทรี่ ูปสี่เหลี่ยมขนมเปย กปูน = 1 x ผลคูณของเสนทแยงมุม = 1 x12x8 = 48 ตารางเมตร 22 1.7 พนื้ ที่รูปสเ่ี หล่ียมรูปวา ว = 1 x ผลคณู ของเสนทแยงมุม = 1 x8x10 = 40 ตารางเมตร 22 1.8 พืน้ ทร่ี ปู สี่เหลย่ี มรูปวาว = 1 x ผลคณู ของเสน ทแยงมุม = 1 x7x12 = 42 ตารางเมตร 22 1.9 พน้ื ทรี่ ูปส่เี หล่ยี มใดๆ = 1 x เสนทแยงมุม x ผลบวกของเสนกิ่ง = 1 x10x(5 + 7) = 60 22 ตารางเมตร 2. จงหาพื้นที่สวนที่แรงเงา ตัวเลขที่เขียนกํากับไวถือวาเปนความยาวของดานและมีหนวยความยาว เปน เมตร วิธีทํา พน้ื ที่สามเหลย่ี มรปู เลก็ = 1 x4x4 = 8 ตารางเมตร 2 พนื้ ทส่ี ามเหลีย่ มรปู ใหญ = 1 x8x6 = 24 ตารางเมตร 2 จะเหน็ วา พ้ืนทีส่ ว นที่แรเงามีพืน้ ท่ีเทา กบั 24 – 8 = 16 ตารางเมตร
227 วธิ ีทํา พืน้ ที่ส่ีเหลี่ยมรูปใหญ = 50x40 = 2,000 ตารางเมตร พ้ืนทส่ี ่เี หล่ียมรูปเลก็ = 44x34 = 1,496 ตารางเมตร จะเห็นวาพื้นทสี่ วนทแี่ รเงามีพื้นท่เี ทากบั 2,000 – 1,496 = 504 ตารางเมตร แบบฝกหดั 5 1. จงหาพน้ื ทส่ี วนที่แรเงา ตัวเลขท่เี ขียนกาํ กับดา นมีหนวยเปนเซนติเมตร และจดุ O, Q แทนจดุ ศนู ยกลางของวงกลม 1.1 วิธที ํา พ้ืนทสี่ ามเหลี่ยม รปู 1 = 1 x8x3 = 12 พน้ื ที่สี่เหลี่ยม รปู 2 2 ดงั นน้ั พนื้ ทีท่ แ่ี รเงาท้งั หมด = 1 x10x8 = 40 2 = 12 + 40 = 52 ตารางหนวย
228 1.2 วธิ ีทํา พืน้ ทวี่ งกลม = 22 x3.5x3.5 พ้นื ทีท่ ่ีแรเงาท้ังหมด 7 = 38.5 ตารางหนวย 1.3 วธิ ที าํ พน้ื ทีว่ งกลม = 22 x7x7 = 154 ตารางหนวย พ้นื ที่สเ่ี หล่ียม 7 พ้นื ทท่ี แี่ รเงาทง้ั หมด = 14 x 14 = 196 = 196 – 154 = 42
229 1.4 11 2.5 2 6 วิธที าํ พ้ืนทีส่ ามเหล่ยี มรปู ท่ี 1 = 2.5 พน้ื ท่สี ามเหล่ยี มรปู ที่ 2 = 1x6=6 2x1=2 พืน้ ทส่ี ามเหลีย่ มรูปท่ี 3 = 1x6=6 6+2+6 = 14 ตารางหนวย ดังนน้ั พื้นทีแ่ รเงาท้งั หมด = 1.5 วิธีทํา พนื้ ท่ีสี่เหลย่ี มรปู ท่ี 1 = 4 x 5 = 20 พื้นท่ีสามเหลี่ยมรูปท่ี 2 = 1 x4x3 = 6 2 ดงั นัน้ พน้ื ทีท่ ้ังหมด = 20 + 6 = 26 ตารางหนว ย 1.6 วธิ ีทาํ พื้นทส่ี ามเหลี่ยมรปู ท่ี 1 = พื้นที่สามเหลี่ยมรูปที่ 2 พ้นื ท่สี ามเหลี่ยมรูปท่ี 1และรูปที่ 2 = 1 x3x2x2 = 6 พน้ื ทส่ี เ่ี หล่ียมรูปที่ 3 2 ดงั นนั้ พืน้ ที่ส่เี หลี่ยมทัง้ หมด = 5 x 3 = 15 = 6 + 15 = 21 ตารางหนว ย
230 แบบฝก หดั 6 1. แผนผังบา นหลงั หนงึ่ มีลกั ษณะและขนาดดังรปู ถาบริเวณที่แรเงาตองการเทปูนซเี มนต โดยเสีย คาใชจายตารางเมตรละ 250 บาท จะตองเสียคาใชจายทั้งหมดกี่บาท กําหนดความยาวมีหนวยเปน เซนตเิ มตร วธิ ที ํา พน้ื ท่สี เี่ หลี่ยมรูปท่ี 1 = 1x2 = 2 ตารางเมตร พน้ื ที่สี่เหลย่ี มรูปท่ี 2 = 1x3 = 3 ตารางเมตร 3 ตารางเมตร พ้นื ท่ีสี่เหลย่ี มรปู ที่ 3 = 1.5 x 2 = 8 ตารางเมตร 250 บาท ดงั นั้นพื้นท่สี วนท่ีแรเงา = 2+3+3 = 2,000 บาท ตองการเทปูนซีเมนตโดยเสียคาใชจายตารางเมตรละ จะตอ งเสยี คาใชจายทั้งหมด = 250 x 8 = 2. ตองการตัดเสอ้ื ตวั หนง่ึ มีลักษณะดงั รปู จะตองใชผากต่ี ารางเมตร (ไมคิดตะเข็บ) ความยาวที่ กาํ หนดมหี นวยเปน เซนตเิ มตร
231 วิธีทาํ พ้ืนทส่ี เี่ หล่ยี มสว นแขนเสือ้ สว นที่ 1= ( 1 x (0.2+0.3) x 0.15) = 0.0375 ตารางเมตร 2 พื้นที่ส่เี หล่ยี มสว นแขนเสอื้ สว นที่ 2= ( 1 x (0.2+0.3) x 0.15) = 0.0375 ตารางเมตร 2 พืน้ ทส่ี ี่เหลย่ี มสวนที่เปน ลําตัว = 0.4 x 0.4 = 0.16 ตารางเมตร พ้ืนทท่ี ้ังหมด คือ 0.0375 + 0.0375 + 0.16 = 0.235 จะตอ งใชผ า 2 ชิ้น จะตองใชผา ทัง้ หมด 0.235 x 2 = 0.47 ตารางเมตร แบบฝก หดั 7 1. จงคาดคะเนเวลาหรือชวงเวลาใหเหมาะสมกับสถานการณตอไปนี้ 1.1 5.00 นาฬกิ า 1.2 12.00 นาฬกิ า 1.3 หนาว , ธนั วาคม 2. จงวงกลมลอมรอบขอที่เหมาะสมที่สุด สําหรับใชหนวยในการคาดคะเน ระยะทาง น้ําหนัก หรือ ขนาดของสิ่งตอไปนี้ 2.1 ข 2.2 ข 2.3 ก 2.4 2.4.1 ค 2.4.2 ก 2.4.3 ข 2.4.4 ข 2.5 2.5.1 ข 2.5.2 ก 3. ทางหลวงสายพหลโยธินกรุงเทพฯ-แมสาย ยาว 952 กิโลเมตร รถประจําทางปรับอากาศวิ่งบน ทางหลวงสายนต้ี ลอดเสน ทางดว ยอัตราเรว็ 80-100 กโิ ลเมตรตอช่วั โมง 3.1 10 – 12 ชว่ั โมง 3.2 4.00 – 6.00 3.3 24.00 – 2.00
232 4. ลฟิ ตของโรงแรมแหงหน่ึงบรรทกุ ผูโดยสายไดเ ทีย่ วละไมเกิน 10 คน (600 กิโลกรัม) บางครั้งมี ผูโดยสารเขา ลิฟตเพยี ง 8 คน ลิฟตจ ะมเี สยี งเตือน บางครัง้ มีผโู ดยสาร 12 คน ลิฟตไมมีเสยี งเตือนยงั ใชงานไดเปนเพราะเหตุใด จงอธิบาย ตอบ ถา นํา้ หนกั ของคน 8 คน รวมกันเกนิ 600 กโิ ลกรมั ถาน้ําหนกั ของคน 12 คน รวมกนั ไมเ กิน 600 กโิ ลกรมั 5. ทางหลวงสายเพชรเกษม (กรุงเทพฯ-บานคลองพราน จังหวัดนราธิวาส) 1,352 กิโลเมตร ทาง หลวงสายมิตรภาพ (กรงุ เทพฯ-จงั หวดั หนองคาย) 508 กิโลเมตร ทางหลวงสายสุขุมวิท (กรุงเทพฯ- จงั หวดั ตราด) 400 กโิ ลเมตร 5.1 ระยะทาง 1,352 + 508 = 1,860 กโิ ลเมตร ใชอัตราเร็ว 90 – 100 กิโลเมตร ตอช่ัวโมง จะใชเ วลาประมาณ 19 – 22 ชั่วโมง 5.2 ใชเวลา 1,352 = 13.52 ชั่วโมง จะถึงนราธิวาสเมื่อเวลาประมาณ ตี 2 100 5.3 ใชเวลา 400 = 5 ชัว่ โมง 1,400 กโิ ลเมตร 80 5.4 ทางหลวงเพชรเกษม ประมาณ ทางหลวงมิตรภาพ ประมาณ 500 กโิ ลเมตร ทางหลวงสุขุมวิท ประมาณ 400 กโิ ลเมตร
233 เฉลย บทที่ 6 พื้นท่ีผิวและปริมาตร แบบฝกหัดที่ 1 1. จงหาพน้ื ทผี่ วิ และปรมิ าตรของปรซิ ึมตอไปนี้ วธิ ีทาํ ปริมาตร = พน้ื ที่ฐาน x สงู = 1 x8x3x5 = 60 ลูกบาศกเซนติเมตร 2 วิธที ํา ปริมาตร = พน้ื ทฐ่ี าน x สงู = 1 x12x2x4 = 48 ลูกบาศกเซนติเมตร 2 แบบฝก หัดท่ี 2 1. จงหาปริมาตร และพื้นที่ผิวทั้งหมดของทรงกระบอกสูง 10 เซนตเิ มตร มีเสน ผานศูนยกลาง 14 เซนตเิ มตร วธิ ที าํ ปริมาตร = ¶r2h = 22 x7x7x10 = 1,540 ลูกบาศกเซนติเมตร 7 พ้ืนทีฐ่ าน = ¶ r 2 = 22 x7x7 = 154 ตารางเซนตเิ มตร พื้นท่ผี วิ ขาง = 7 2¶rh = 2x 22 x7x10 = 440 ตารางเซนตเิ มตร 7 ดังนั้นพน้ื ทผ่ี ิวทงั้ หมด คือ 440 + (154 x 2) = 748 ตารางเซนตเิ มตร
234 2. จงหาปริมาตรของทรงกระบอกใบหนึ่งที่มีรัศมีของฐาน 3.5 น้วิ และสงู 5 นิ้ว วิธที าํ ปริมาตร = ¶r2h = 22 x3.5x3.5x5 = 192.5 ลูกบาศกนว้ิ 7 3. จงหาปรมิ าตรและพื้นทผ่ี วิ ทั้งหมดของถงั เก็บน้ํารูปทรงกระบอกใบหน่งึ ทีม่ ีรศั มที ี่ฐาน 3 เมตร สงู 4 เมตร 90 เซนตเิ มตร วิธีทํา ปริมาตร = ¶r2h = 22 x3x3x4.9 = 138.6 ลูกบาศกเมตร พนื้ ทีผ่ ิวขาง = 7 2¶rh = 2x 22 x3x4.9 = 92.4 ตารางเมตร พื้นทฐี่ านทงั้ 2 ขาง = 7 ดงั นั้นพ้นื ท่ีผิวท้งั หมด = 2 x (3.14)x 3x 3 = 56.52 ตารางเมตร 92.4 + 56.52 = 148.92 ตารางเมตร แบบฝก หดั ท่ี 3 1. จงหาปริมาตรและพนื้ ทีผ่ วิ ท้งั หมดของพีระมิดทีส่ ูง 6 เซนติเมตร ฐานเปนรูปส่เี หลย่ี มจัตุรัส ยาว ดา นละ 16 เซนตเิ มตร วิธที าํ หาสงู เอยี ง จากสตู ร c2 = a2 + b2 พน้ื ที่ฐานส่ีเหล่ียมจัตุรัส = c2 = 82 + 62 = 256 ตารางเซนตเิ มตร C = 10 512 ตารางเซนตเิ มตร 16 x 16 320 ตารางเซนตเิ มตร 576 ตารางเซนตเิ มตร ปริมาตรพีระมิด = 1 x พ้ืนท่ฐี าน x สงู 3 = 1 x256x6 = 3 พื้นท่ผี วิ เอยี ง = 1 x(4x16)x10 = ดังน้ันพ้นื ท่ผี ิวท้งั หมด = 2 256 + 320 =
235 2. จงหาพื้นที่ผิวเอียงของพีระมิดฐานรูปหกเหลี่ยมดานเทา มุมเทา ยาวดานละ 4 เซนติเมตร สูงเอยี ง 7.5 เซนตเิ มตร วิธีทาํ พ้ืนท่ผี ิวเอยี ง = 1 x ความยาวรอบฐาน x สงู เอยี ง 2 = 1 x (4 x 6) x 7.5 = 90 ตารางเซนติเมตร 2 = 2 x 6 x 7.5 แบบฝก หดั ท่ี 4 1. จงหาปริมาตร และพื้นที่ผิวทั้งหมดของกรวยกลมที่สูง 24 เซนติเมตร มีเสน ผา นศูนยก ลาง 14 เซนตเิ มตร วธิ ที ํา ปริมาตร = 1¶r2h 3 = 1 x 22 x7x7x24 37 = 1,232 ลูกบาศกเซนติเมตร สงู เอยี ง = A2 = 242 + 72 = 625 A = 25 พืน้ ทฐ่ี าน = ¶ r 2 = 22 x7x7 = 154 ตารางเซนตเิ มตร พน้ื ทีผ่ วิ เอียง = 7 ¶rl = 22 x7x25 = 550 ตารางเซนตเิ มตร = 704 ตารางเซนตเิ มตร 7 ดังนั้นพื้นท่ีผิวท้งั หมด = 154 + 550 2. จงหาปริมาตรและพื้นที่ผิวทั้งหมดของกรวยกลมที่สูงเอียง 5 เซนตเิ มตร มีเสนผานศูนยก ลาง 8 เซนตเิ มตร (ตอบในรูป π) วิธที ํา หาสงู ตรง c2 = a2 + b2 ปริมาตร a2 = 52 − 42 a =3 = 1¶r2h 3
236 = 1 ¶ 42 x3 = 16 ¶ ลูกบาศกเซนติเมตร พืน้ ทีผ่ ิวเอียง = 3 = 20 ¶ ตารางเซนติเมตร = ¶rl = 16 ¶ ตารางเซนติเมตร พืน้ ท่ฐี าน = ¶ (4)(5) = 36¶ ตารางเซนติเมตร = ¶r2 พื้นที่ผิวทง้ั หมด = ¶ 42 20 ¶ + 16¶ 3. จงหาปริมาตรจรวดทรงกระบอกมีปลายเปนกรวย มีเสนผานศูนยกลาง 14 เซนติเมตร ความยาว ทรงกระบอก 30 เซนตเิ มตร ความสงู ยอดกรวย 12 เซนตเิ มตร วิธีทํา ปริมาตรทรงกระบอก = ¶r2h ปริมาตรทรงกรวย ปริมาตรทั้งหมด = 22 x7x7x30 = 4,620 ลูกบาศกเซนติเมตร 7 = 1¶r2h 3 = 1 x 22 x7x7x12 = 616 ลูกบาศกเซนติเมตร 37 = 4,620 + 616 = 5,236 ลูกบาศกเซนตเิ มตร แบบฝก หัดที่ 5 1. จงหาปริมาตรและพื้นที่ผิวของทรงกลมซึ่งมีเสนผานศูนยกลาง 14 เซนตเิ มตร วธิ ีทํา ปริมาตรทรงกลม = 4 ¶r3 เซนตเิ มตร 3 พื้นท่ีผวิ ทรงกลม = 4 × 22 × 7× 7× 7 = 1,437.3 ลูกบาศก 37 = 4¶ r 2 = 4 x 22 x7x7 = 616 ตารางเซนติเมตร 7
237 2. ทรงกลมมีปริมาตร 38,808 ลูกบาศกเ ซนติเมตร จงหารัศมีและพ้นื ท่ผี วิ วิธีทํา ปริมาตรทรงกลม = 4 ¶r3 พนื้ ที่ผวิ ทรงกลม 38,808 = 3 4 x 22 xr 3 r3 = 37 r= 38,808× 3× 7 = 4× 22 21 เซนตเิ มตร 4¶ r 2 = 4x 22 x21x21 = 5,544 ตารางเซนติเมตร 7 3. ทรงกลมมพี ืน้ ท่ผี ิว 616 ตารางนิ้ว จงหาปริมาตรของทรงกลม วิธที าํ พื้นที่ผิวทรงกลม = 4¶ r 2 616 = 4 × 22 × r 2 7 r 2 = 616 × 1 × 7 4 22 r = 7 เซนตเิ มตร ปริมาตรทรงกลม = 4 ¶r3 3 = 4 × 22 × 7 × 7 × 7 37 = 1,437.33 ลูกบาศกเซนติเมตร 4. โลหะกลมลกู หน่ึง รศั มีภายนอก 21 เซนติเมตร รัศมีภายใน 7 เซนตเิ มตร จงหาปรมิ าตรเนอ้ื โลหะ วธิ ที ํา ปริมาตรทรงกลมรูปนอก = 4 ¶r3 3 = 4 × 22 × 21× 21× 21 37 = 38,808 ลูกบาศกเซนตเิ มตร ปริมาตรทรงกลมรูปใน = 4 ¶r3 ดงั นน้ั ปรมิ าตรเน้ือโลหะ 3 = 4 × 22 × 7 × 7 × 7 37 = 1,437.33 ลูกบาศกเซนติเมตร = 38,808 - 1,437.33 = 37,370.67
238 แบบฝกหัดที่ 6 1. สระแหง หนง่ึ เปน รูปสเ่ี หล่ียมผนื ผา กนสระกวาง 5 วา ลกึ 3 เมตร ยาว 15 เมตร ถาใชเครอ่ื งสบู นํ้า ออกจากสระไดนาทีละ 9,000 ลติ ร จะตองใชเ วลาสูบนํ้าเทาไร วธิ ที ํา ปรมิ าตรสระนาํ้ = กวาง x ยาว x ลึก = 10 x 15 x 3 ลูกบาศกเมตร = 450 ลูกบาศกเมตร 1 ลูกบาศกเมตร = 1,000,000 ลูกบาศกเซนติเมตร = 450 x 1,000,000 = 450,000,000 ลูกบาศกเซนติเมตร 1 ลติ ร = 1,000 ลูกบาศกเซนติเมตร = 450,000,000 = 450,000 ลติ ร สูบนํ้าออกจากสระไดนาทีละ = 1,000 9,000 ลติ ร ตองใชเ วลาสบู นาํ้ = 450,000 = 50 นาที 9,000 2. อางเลี้ยงปลาทรงสี่เหลี่ยมมุมฉากกวาง 90 เซนตเิ มตร ยาว 1.2 เมตร จุนา้ํ 540 ลิตร ตองการปู กระเบือ้ งภายในอา งดว ยแผนกระเบ้ืองรปู สีเ่ หลีย่ มจัตุรสั ยาวดา นละ 10 เซนติเมตร ตองใชกระเบื้อง อยางนอ ยทีส่ ดุ เทาไร วิธีทํา อางเลย้ี งปลาจนุ ้าํ 540 ลติ ร คดิ เปน 540 x 1,000 = 540,000 ลูกบาศกเซนติเมตร หาความลึกอางเลี้ยงปลาจาก 540,000 = 90 x 120 x ลึก ความลึก = 540,000 = 50 เซนตเิ มตร 90 ×120 หาพน้ื ท่ีอา งเล้ียงปลาดานท่ี 1 = 50 x 90 = 4,500 ตารางเซนตเิ มตร หาพน้ื ที่อางเล้ียงปลาดานที่ 2 = 50 x 90 = 4,500 ตารางเซนตเิ มตร หาพ้นื ที่อางเล้ียงปลาดานที่ 3 = 50 x 120 = 6,000 ตารางเซนตเิ มตร หาพื้นทอ่ี างเลี้ยงปลาดา นที่ 4 = 50 x 120 = 6,000 ตารางเซนติเมตร หาพื้นท่ีอา งเล้ยี งปลาดา นที่ 5 = 90 x 120 = 10,800 ตารางเซนติเมตร หาพื้นทอ่ี างเลยี้ งปลาดานที่ 6 = 90 x 120 = 10,800 ตารางเซนติเมตร ดังนัน้ พ้ืนท่ีอา งเลยี้ งปลาทง้ั หมด = 4,500 +4,500 +6,000 +6,000 + 10,800 +10,800= 42,600 ตารางเซนติเมตร หาพ้ืนที่กระเบื้อง = 10 x 10 = 100 ตารางเซนติเมตร ดังน้นั ตองใชก ระเบื้อง = 42,600 = 426 แผน 100
239 3. นา้ํ ยาบวนปากขวดหนึ่งปริมาตรสุทธิ 700 มิลลิลติ ร ใชอ มปวนปากครง้ั ละ 10 มลิ ลิลติ ร วันละ 2 คร้งั จะใชไ ดก ว่ี นั วิธที าํ น้ํายาบวนปากขวดหนง่ึ ปริมาตรสุทธิ 700 มิลลลิ ิตร ใชน าํ้ ยาบว นปาก ครงั้ ละ 10 มลิ ลลิ ติ ร วนั ละ 2 ครัง้ = 10 x 2 = 20 มิลลิลติ ร จะใชไ ดท ้ังหมด = 700 = 35 วนั 20 4. ถังน้ําทรงลูกบาศกยาวดานละ 2 เมตร จุนํา้ ไดก ลี่ ิตร วธิ ีทาํ ถังน้ําทรงลูกบาศก มีความจุ = 2x2x2 = 8 ลูกบาศกเมตร 8,000,000 ลูกบาศกเซนติเมตร คิดเปน = 8 x 1,000,000 = 8,000 ลติ ร จุน้ําได = 8,000,000 = 1,000 5. ถังทรงสี่เหลี่ยมมุมฉากวัดภายในกวาง 90 เซนตเิ มตร ยาว 1.50 เซนติเมตร สงู 1.20 เมตร บรรจนุ า้ํ เตม็ ถัง ถาตองการตวงน้าํ มนั จากถงั ใสแกลอนซึ่งมีความจุ 4.5 ลิตร จะไดน้าํ ทัง้ หมดกี่แกลอน วธิ ีทาํ ถังทรงสี่เหลี่ยมมีปริมาตร = 90 x 150 x 120 = 1,620,000 ลูกบาศกเซนติเมตร สามารถจุน้ําได = 1,620,000 และแกลอน 1 ใบสามารถจุน้ําได 1,000 = 1,620 ลติ ร = 4.5 ลติ ร ดังน้ัน นาํ้ 1,620 ลิตร สามารถจุได = 1,620 = 360 แกลอน 4.5
240 แบบฝกหัดท่ี 7 1. ถงั เก็บนา้ํ มนั ของปมแหงหนงึ่ เปนรูปทรงกลม มีเสนผา นศูนยก ลาง 7 เมตร ตองการทาสีครึ่งทรงกลม บน โดยเสียคาทาสีตารางเมตรละ 40 บาท ตองเสียคาทาสีกี่บาท วิธีทํา พื้นท่ีผวิ ทรงกลม = 4¶ r 2 พ้นื ท่ีผวิ คร่งึ ทรงกลม = 1 x 4¶ r 2 เสียคาทาสีตารางเมตรละ 2 จะเสียคาทาสี = 1 × 4 × 22 × 3.5 × 3.5 27 = 77 ตารางเมตร = 40 บาท = 77 x 40 = 3,080 บาท 2. หินออนทรงลูกบาศกมีขนาดดานละ 2.1 เมตร ถาตองการกลึงใหเปนรูปทรงกลมใหมีขนาดเสน ผานศูนยกลางเทากับความยาวของดานลูกบาศก จะหาวาจะตองกลึงหินออกไปปริมาตรเทาใด วิธีทาํ ปริมาตรลูกบาศก = ดา น3 ปริมาตรทรงกลม = 2.1 x 2.1 x 2.1 = 9.261 ลูกบาศกเมตร จะตอ งกลงึ ออก = 4 ¶r3 3 = 4 × 22 × 2.1 × 2.1 × 2.1 3 7 2 2 2 = 4.851 ลูกบาศกเมตร = 9.261 – 4.851 = 4.41 ลูกบาศกเมตร
241 3. นําแทงตะกั่วทรงสี่เหลี่ยมมุมฉากกวาง 8 นว้ิ ยาว 11 น้ิว หนา 5 นว้ิ ไปหลอมเปน ลูกปน ทรงกลม ขนาดรัศมี 1 นวิ้ จะหลอมไดก่ลี กู วิธีทาํ ปริมาตรของรูปสี่เหลี่ยมมุมฉาก = 8 x 11 x 5 = 440 ลูกบาศกนว้ิ ปริมาตรลูกปนทรงกลม 1 ลกู = 4 ¶r3 จาํ นวนลกู ปน ทไ่ี ด 3 = 4 × 22 × (1)3 37 = 88 ลูกบาศกน ว้ิ 21 = 440 ÷ 88 21 = 440 × 21 88 = 105 ลูก
242 เฉลยบทที่ 7 เร่อื งคูอนั ดบั และกราฟ แบบฝกหดั ที่ 1 1. จงเขยี นคอู ันดบั จากแผนภาพทก่ี าํ หนดใหต อไปน้ี 1.1 (1,-1), (2,-2), (3,-3), (4,-4) 1.2 (1,c), (2,b), (3,a) , (4,d) 1.3 (1,0), (2,-1), (3,-2), (4,-3),(5,-4) 2. จงหาคา x และ y จากเงอื่ นไขทก่ี าํ หนดใหใ นแตล ะขอตอไปนี้ 2.1 x = 4 , y = 3 2.2 x = y , y = 2 2.3 x = 6 , y = 0 2.4 x = 4 , y = 4 1.1 A = ( 1,3) B= (-1,2) แบบฝก หัดที่ 2 1.2 A = ( 0,2) B= (-3,1) C= (-4, -2) D=(1,-1) C= (4, 0) D=(3,-4)
243 2.1
244 2.2 แบบฝกหัดท่ี 3 กราฟขางลางแสดงการเดินทางของอนุวัฒนและอนุพันธ 3.1 2 ช่ัวโมง 3.2 3 ชว่ั โมง 3.3 320 กโิ ลเมตร 3.4 2 ช่วั โมง 3.5 160 กโิ ลเมตร
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268