45 แบบฝกหดั ที่ 10 1. ใหนกั ศกึ ษาแกป ญหาโจทยต อไปน้ี 1) เชอื กยาว 17.25 เมตร นําอีกเสนหนงึ่ ยาว 5.2 เมตร มาผกู ตอกันทําใหเสียเชือกตรง รอยตอ 0.15 เมตร นาํ เชือกทีต่ อ แลวมาวางเปนรปู สเี่ หล่ียมผนื ผา ใหด า นกวา งยาวดา นละ 1.5 เมตร ดา นยาวจะยาวดา นละกเ่ี มตร ........................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................... ……………………………………………………………………………………………………… 2. น้ําตาลถุงหน่งึ หนัก 9.35 กิโลกรมั จํานวน 16 ถงุ ใชท าํ ขนมเฉลย่ี แลว วนั ละ 4.4 กิโลกรมั จะใชนํา้ ตาลไดทั้งหมดกว่ี ัน ........................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................... ……………………………………………………………………………………………………… 3. หองรปู สี่เหลย่ี มผืนผา กวาง 4.8 เมตร ยาว 9.6 เมตร นาํ กระเบ้อื งรูปสเ่ี หลยี่ มจัตรุ ัสขนาด 32 ตารางเซนติเมตร มาปูหอ งจะตองใชก ระเบื้องกี่แผน ........................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................... ……………………………………………………………………………………………………… 4. มีทองคําแทงหนึง่ หนกั 12.04 กรัม ซื้อเพ่ิมอกี 25.22 กรัม แบง ขายไปสองครงั้ หนกั ครัง้ ละ 8.02 กรมั ที่เหลอื นําไปทําแหวน 5 วง หนกั วงละ 3.45 กรัมเทา ๆ กัน จะเหลือทองอีกก่ีกรมั ........................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................... ………………………………………………………………………………………………………
46 บทท่ี 3 เลขยกกาํ ลงั สาระสําคัญ สญั ลักษณข องการเขยี นแทนการคูณจาํ นวนเดยี วกนั ซํา้ ๆ หลาย ๆ ครงั้ เขยี นแทนดว ย an อา นวา a ยกกําลัง n และการเขยี นแสดงจาํ นวนในรปู สัญกรณว ิทยาศาสตรได ผลการเรยี นรูทคี่ าดหวัง 1. บอกความหมายและเขียนเลขยกกําลังที่มีเลขชี้กําลังเปนจํานวนเต็มแทนจํานวนที่ กาํ หนดใหได 2. บอกและนําเลขยกกําลังมาใชใ นการเขียนแสดงจํานวนในรูปสัญกรณวิทยาศาสตรได 3. อธิบายการคณู และหารของเลขยกกาํ ลังทมี่ ีฐานเดียวกนั และเลขชกี้ าํ ลงั เปน จํานวนเต็มได ขอบขา ยเน้ือหา เร่ืองท่ี 1 ความหมายและการเขียนเลขยกกําลัง เรื่องที่ 2 การเขียนแสดงจํานวนในรูปสัญกรณวิทยาศาสตร เรื่องที่ 3 การคูณและการหารเลขยกกําลังที่มีฐานเดียวกันและเลขชี้กําลังเปนจํานวนเต็ม
47 เรอื่ งที่ 1 ความหมายและการเขยี นเลขยกกําลงั เลขยกกาํ ลัง หมายถึง การใชส ญั ลกั ษณ เขยี นแทนจาํ นวนทเ่ี กิดข้ึนจากการคูณ ซ้าํ ๆ กนั หลายๆ ครัง้ เชน 3× 3× 3× 3 สามารถเขยี นแทนไดด ว ย 34 อานวา สามยกกาํ ลังส่ี ซึ่งมีบทนิยาม ดงั นี้ บทนิยาม ถา a แทนจาํ นวนใด ๆ และ n แทนจาํ นวนเตม็ บวก “a ยกกําลัง n” หรือ “a กําลงั n” เขยี นแทนดว ย an = a×a×a×......×a n เรียก an วาเลขยกกําลงั ทมี่ ี a เปน ฐานและ n เปน เลขช้ีกาํ ลงั เชน 45 แทน 4 × 4 × 4 × 4 × 4 45 มี 4 เปนฐาน และมี 5 เปนเลขชกี้ ําลงั สัญลกั ษณ 45 อานวา “สย่ี กกําลังหา” หรือ “สกี่ ําลงั หา” หรือกําลังหา ของสี่ (− 2)6 แทน (− 2) × (− 2) × (− 2) × (− 2) × (− 2) × (− 2) (− 2)6 มี (− 2) เปน ฐาน และมี 6 เปนเลขชีก้ ําลงั ในทาํ นองเดียวกันสญั ลักษณ (− 2)6 อานวา “ลบสองทั้งหมดยกกําลังหก” หรือกําลัง หกของลบสอง จงพจิ ารณาตารางตอ ไปน้ี เลขยกกาํ ลงั ฐาน เลขช้กี ําลงั เขยี นในรปู ของการคูณ แทนจาํ นวน 33 3 3 3×3×3 27 4 5 4×4×4×4×4 1,024 45 -2 4 (-2) ×(-2) ×(-2) ×(-2) 16 2 1×1 (− 2)4 1 1 22 1 2 2 4 2 y X×X×X…(y ครงั้ ) x X×X×X…(y คร้งั ) xy ตัวอยาง จงตอบคําถามตอไปนี้ วธิ ที ํา 1. 83 อา นวา 8 ยกกําลัง 3 1. 83 อา นวา อยางไร 2. 103 มี 10 เปน ฐาน 2. 103 มจี าํ นวนใดเปน ฐาน 3. 115 มี 5 เปน เลขช้กี าํ ลัง 3. 115 มีจาํ นวนใดเปน เลขช้กี าํ ลัง 4. 53 มีความหมายเทากับ 5 ×5×5 4. 53 มีความหมายอยางไร 5. (− 5)5 อา นวา (-5) ลบหาทั้งหมดยกกําลังหา 5. (− 5)5 อา นวา อยางไร
48 แบบฝกหดั ท่ี 1 1. จงเขียนจํานวนตอ ไปนี้ในรูปเลขยกกาํ ลงั ทมี่ ีเลขชก้ี าํ ลังเปนจํานวนเตม็ ที่มากกวา 1 พรอ มทั้ง บอกฐานและเลขชี้กําลัง 1.1 25 = ……………………………….=………………………….. มี = ………………………….เปน ฐานและ.................................เปนเลขช้กี ําลัง 1.2 64 = ……………………………….=………………………….. มี = ………………………….เปน ฐานและ.................................เปนเลขชี้กําลัง 1.3 169 = ……………………………….=………………………….. มี = ………………………….เปน ฐานและ.................................เปน เลขชี้กาํ ลัง 1.4 729 = ……………………………….=………………………….. มี = ………………………….เปน ฐานและ.................................เปนเลขชก้ี ําลัง 1.5 -32 = ……………………………….=………………………….. มี = ………………………….เปน ฐานและ.................................เปน เลขช้ีกําลัง 1.6 -243 = ……………………………….=………………………….. มี = ………………………….เปน ฐานและ.................................เปนเลขชี้กําลัง 1.7 0.125 = ……………………………….=………………………….. มี = ………………………….เปน ฐานและ.................................เปนเลขชีก้ ําลัง 2. จงเขยี นจาํ นวนทแ่ี ทนดว ยสญั ลกั ษณตอไปน้ี 2.1 28 =…………………………………=……………………………… 2.2 (− 3)4 =…………………………………=……………………………… 2.3 (0.3)5 =…………………………………=……………………………… 2.4 (0.02)6 =…………………………………=……………………………… 2.5 1 3 =…………………………………=……………………………… 3 2.6 2 3 =…………………………………=……………………………… 7 =…………………………………=……………………………… =…………………………………=……………………………… 2.7 (− 5)4 2.8 − 23 2.9 1 5 =…………………………………=……………………………… 10 2.10 (0.5)6 =…………………………………=………………………………
49 เรอ่ื งที่ 2 การเขยี นแสดงจํานวนในรปู สัญกรณวทิ ยาศาสตร การเขียนจํานวนที่มีคามาก ๆ ใหอยใู นรูปสัญกรณว ิทยาศาสตร มีรปู ท่ัวไปเปน A × 10n เม่ือ 1 ≤ A < 10 และ n เปนจํานวนเตม็ พิจารณาการเขียนจํานวนที่มีคามาก ๆ ใหอ ยูใ นรูปสญั กรณว ทิ ยาศาสตรตอไปน้ี 1. 2,000 = 2 × 1,000 = 2 × 103 2. 800,000 = 8 × 100,000 = 8 × 105 ตวั อยางท่ี 1 จงเขียน 600,000,000 ใหอ ยใู นรปู สัญกรณว ิทยาศาสตร วธิ ีทาํ 600,000,000 = 6 × 100,000,000 = 6 × 108 ตอบ 6 × 108 ตวั อยา งท่ี 2 จงเขยี น 73,200,000 ใหอยูใ นรูปสัญกรณว ิทยาศาสตร วธิ ที ํา 73,200,000 = 732 × 100,000 = 7.32 × 100 × 100,000 = 7.32 × 102 × 105 = 7.32 × 107 ตวั อยา งท่ี 3 ดาวเสารมีเสนผานศูนยกลางยาวประมาณ 113,000,000 เมตร จงเขยี นใหอ ยใู น รูปสัญกรณวิทยาศาสตร วธิ ที าํ ดาวเสารมีเสนผานศูนยกลางยาวประมาณ 113,000,000 เมตร 113,000,000 = 113 × 1,000,000 = 113 × 100 × 1,000,000 = 1.13 × 102 × 106 = 1.13 × 108 ตอบ 1.13 × 108 เมตร
50 แบบฝกหัดที่ 2 1. จงเขยี นจาํ นวนตอ ไปนใ้ี นรปู สัญกรณวทิ ยาศาสตร 1. 400,000 =……………………………………………………………… =……………………………………………………………… 2. 23,000,000,000 =……………………………………………………………… =……………………………………………………………… =……………………………………………………………… =……………………………………………………………… 3. 639,000,000 =……………………………………………………………… =……………………………………………………………… =……………………………………………………………… =……………………………………………………………… 4. 247,500,000 =……………………………………………………………… =……………………………………………………………… =……………………………………………………………… =……………………………………………………………… 2. ดาวเสารอยูหางจากดวงอาทิตยประมาณ1,430,000,000 กโิ ลเมตร จงเขียนใหอยใู นรปู สัญกรณ วิทยาศาสตร 1,430,000,000 =……………………………………………………………… =……………………………………………………………… =……………………………………………………………… =……………………………………………………………… 3. สัญกรณวิทยาศาสตรใ นแตละขอตอไปนแ้ี ทนจาํ นวนใด 3.1 2 × 106 =……………………………………………………………… =……………………………………………………………… 3.2 4.8 × 1013 =……………………………………………………………… =……………………………………………………………… 3.3 4.03 × 109 =……………………………………………………………… =……………………………………………………………… 3.4 9.125 × 105 =……………………………………………………………… =………………………………………………………………
51 3. การคูณและการหารเลขยกกาํ ลงั ท่มี ฐี านเดยี วกนั และเปน เลขชก้ี ําลังเปน จาํ นวนเตม็ 3.1 การคณู เลขยกกาํ ลงั เมื่อเลขชี้กําลงั เปน จาํ นวนเตม็ พจิ ารณาการคูณเลขยกกาํ ลังท่ีมฐี านเปน จํานวนเดยี วกนั ตอไปน้ี 23 × 24 = ( 2× 2× 2 )×( 2× 2× 2× 2 ) = 2 × 2 × 2 × 2 ×2 × 2 × 2 = 27 หรือ 23+4 32 × 33 = (3× 3)× (3× 3× 3) = 3 × 3 × 3 × 3 ×3 = 35 หรอื 32+3 1 3 × 1 2 = 1 × 1 × 1 × 1 × 1 3 3 3 3 3 3 3 = 1 × 1 × 1 × 1 × 1 3 3 3 3 3 = 1 5 หรือ 1 3 + 2 3 3 การคูณเลขยกกําลังที่มีฐานเปนจํานวนเดียวกันและมีเลขชี้กําลังเปนจํานวนเต็มบวกเปนไป ตามสมบัติของการคูณเลขยกกําลังดังนี้ เมอ่ื a แทนจาํ นวนใด ๆ m และ n แทนจาํ นวนเตม็ บวก =am × an am+n
52 แบบฝก หดั ที่ 3 1. จงเขยี นจํานวนทีแ่ ทนดว ยสญั ลกั ษณตอ ไปนี้ 1.1 25 × 26 =……………………………=………………………………… 1.2 25 × 32 =……………………………=………………………………… 1.3 (2 × 3)3 =……………………………=………………………………… 1.4 (0.75)2 =……………………………=………………………………… 1.5 −12 × 32 =……………………………=………………………………… =……………………………=………………………………… 3 1.6 (− 3× 2)3 1.7 2 3 × 5 4 =……………………………=………………………………… =……………………………=………………………………… 5 2 =……………………………=………………………………… =……………………………=………………………………… 1.8 1 6 × 7 5 7 2 1.9 (0.5)3 1 4 2 1.10 (−11)2 (−11)3 2. จงเขียนผลคูณของจาํ นวนในแตละขอตอไปนี้ในรูปเลขยกกาํ ลงั =……………………………=………………………………… 2.1 22 × 23 × 27 2.2 (− 3)3 × (− 3)× (− 3)5 =……………………………=……………………………… 2.3 5 × 625 × 5 2 =……………………………=………………………………… 2.4 121 × 11 ×112 =……………………………=………………………………… 2.5 (− 3)4 × (− 3)3 × (− 3)7 =……………………………=………………………………
53 3.2 การหารเลขยกกาํ ลังเม่อื เลขช้กี าํ ลงั เปน จาํ นวนเตม็ การหารเลขยกกําลังที่มีฐานเปนจํานวนเดียวกันและฐานไมเทากับศูนยมีเลขชี้กําลังเปน จํานวนเต็มบวกในรูปของ am ÷ an จะพจิ ารณาเปน 3 กรณี คือ เมอ่ื m > n , m = n และ m < n ดงั น้ี กรณีท่ี 1 am ÷ an เม่ือ a แทนจํานวนใด ๆ ทีไ่ มใชศ นู ย m,n แทนจาํ นวนเตม็ บวก และ m > n พิจารณาการหารเลขยกกําลังตอไปนี้ 1. 25 = 2×2×2×2×2 22 2×2 2. 37 35 = 2×2×2 = 23 หรือ 25−2 = 3×3×3×3×3×3×3 3×3×3×3×3 = 3 2 หรอื 3 7−5 3. (− 5)8 = (− 5)(− 5)(− 5)(− 5)(− 5)(− 5)(− 5)(− 5) (− 5)3 (− 5)(− 5)(− 5) = (− 5)(− 5)(− 5)(− 5)(− 5) = (− 5)5 หรอื (− )5 8−3 จากการหารเลขยกกําลังขางตนจะเห็นวา ผลหารเปนเลขยกกําลังที่มีฐานเปนจํานวนเดิม และเลขชี้กําลังเทากับเลขชี้กาํ ลังของตัวตั้ง ลบดวยเลขชี้กําลังของตัวหาร ซึ่งเปนไปตามสมบัติของ การหารเลขยกกําลังดังนี้ เมอ่ื a แทนจาํ นวนใด ๆ ทีไ่ มใ ชศ ูนย m , n แทนจาํ นวนเตม็ บวก และ m > n am ÷ an = am−n
54 ตวั อยางที่ 1 จงหาผลลพั ธ 510 ÷ 54 วิธีทํา 510 = 510−4 54 = 56 ตอบ 56 ตวั อยา งที่ 2 จงหาผลลัพธ (0.2)6 ÷ (0.2)3 วิธีทาํ (0.2)6 = (0.2)6−3 (0.2)3 = (0.2)3 = (0.2)(0.2)(0.2) = 0.008 ตอบ 0.008 กรณีท่ี 2 am ÷ an เมอื่ a แทนจาํ นวนใด ๆ ทไี่ มใ ชศนู ย m , n แทนจาํ นวนเตม็ บวก และ m = n พิจารณา 54 ÷ 54 ถาใชบทนิยามของเลขยกกําลังจะได 54 = 5× 5× 5× 5 54 5×5×5×5 =1 ถาลองใชสมบัติของการหารเลขยกกําลัง am ÷ an = am−n , a ≠ o ในกรณีที่ m = n จะได =54 54−4 54 = 50 แตจากการใชบทนิยามของเลขยกกําลังดังที่แสดงไวขางตน เราไดวา 54 ÷ 54 = 1 ดังนนั้ เพื่อใหสมบัตขิ องการหารเลขยกกําลัง am ÷ an = am−n ใชไ ดใ นกรณีที่ m = n ดวยจึงตองให 50 = 1 ในกรณีทั่ว ๆ ไปมีบทนิยามของ a0 ดงั น้ี บทนิยาม เมื่อ a แทนจํานวนใด ๆ ทีไ่ มใชศ ูนย a0 = 1 จะเหน็ วา am ÷ an = am−n , a ≠ o เปนจริงในกรณที ่ี m = n ดว ย
55 ตวั อยางท่ี 1 จงหาผลลพั ธ 73 × 75 78 วธิ ที ํา 73 × 75 = 73+8 78 78 = 78 78 = 78−8 = 70 =1 ตอบ 1 กรณีที่ 3 am ÷ an เม่อื a แทนจาํ นวนใด ๆ ที่ไมใชศูนย m , n แทนจาํ นวนเตม็ บวก และ m < n พิจารณา 25 ÷ 28 ถาใชบทนิยามของเลขยกกําลัง จะได 25 = 2×2×2×2×2 28 2× 2× 2× 2× 2× 2× 2× 2 =1 2×2×2 = 1 23 ถาลองใชสมบัติของการหารเลขยกกําลัง am ÷ an = ,am−n a ≠ 0 ในกรณที ี่ m < n จะได 25 = 25−8 28 2 −3 = แตจากการใชบทนิยามของเลขยกกําลังขางตน เราไดวา 25 ÷ 28 = 1 ดงั นั้นเพ่ือให 23 สมบัติของการหารเลขยกกําลัง =am ÷ an am−n ใชไ ดในกรณที ี่ m < n ดวยจงึ ตองให 2−3 = 1 ในกรณที ัว่ ๆ ไปมบี ทนยิ ามของ a−n ดงั น้ี 23 บทนยิ าม เมื่อ a แทนจํานวนใด ๆ ทีไ่ มใชศนู ยแ ละ n แทนจาํ นวนเตม็ บวก a−n = 1 an
56 ตัวอยางที่ 1 จงหาผลลพั ธ 116 ×114 ×117 ในรูปเลขยกกําลังที่มีเลขชี้กําลังเปนบวก 1113 ×113 ×112 วิธีทาํ 116 ×114 ×117 = 116+4+7 1113 ×113 ×112 1113+3+2 = 1117 1118 = = 1117−18 = 11−1 ตอบ 1 1 11 11
57 แบบฝก หัดที่ 4 1. จงหาผลลัพธ 1.1 29 ÷ 22 1.2 36 ÷ 3 1.3 113 ÷116 1.4 1 4 ÷ 1 2 5 5 1.5 (0.03)5 ÷ (0.03)4 1.6 (0.8)5 ÷ 4 7 5 1.7 ( )53 × 54 ÷ 57 1.8 ( )76 × 7 ÷ 74 ( )1.9 132 × 134 ÷135 1.10 (m6 ÷ m7 )× m4 เมอ่ื m ≠ 0 2. จงหาผลลัพธตอ ไปน้ีในรูปทม่ี ีเลขชี้กําลังเปน จาํ นวนเต็มบวก 2.1 53 × 5−4 2.2 38 × 3−6 32 2.3 4−6 ÷ 4 2.4 26 × 2−1 (− 2)0 2.5 (1.5)2 (1.5)3 2.6 x2 ÷ x5 เมอ่ื x ≠ 0 2.7 (a3 × a)÷ (a0 × a5 ) เมอ่ื a ≠ 0 2.8 m −7 เมอ่ื m ≠ 0 m −5
58 บทท่ี 4 อัตราสว นและรอยละ สาระสําคัญ 1. อัตราสวนเปนการเปรียบเทียบปริมาณ 2 ปริมาณขน้ึ ไป จะมหี นว ยเหมอื นกนั หรอื ตา งกนั ก็ได 2. รอ ยละเปน อตั ราสวนแสดงการเปรียบเทียบปริมาณใดปริมาณหนง่ึ ตอ 100 ผลการเรยี นรูทค่ี าดหวงั 1. บอกและกาํ หนดอัตราสว นได 2. สามารถคาํ นวณสดั สว นได 3. สามารถหาคารอยละได 4. สามารถแกโจทยปญหาในสถานการณตางๆ เกย่ี วกับอัตราสว น สัดสว น และรอยละได ขอบขา ยเน้ือหา เร่ืองท่ี 1 อัตราสว น เรื่องท่ี 2 สดั สว น เร่ืองที่ 3 รอยละ เรื่องที่ 4 การแกโจทยป ญหาเกี่ยวกบั อัตราสว น สดั สว น และรอยละ
59 เร่ืองที่ 1 อัตราสว น อตั ราสว น (Ratio) ใชเปรียบเทียบปริมาณ 2 ปริมาณ หรือมากกวา ก็ได โดยท่ีปรมิ าณ 2 ปรมิ าณท่นี ํามาเปรยี บเทยี บกันน้นั จะมหี นวยเหมือนกนั หรอื ตางกนั กไ็ ด บทนิยาม อัตราสว นของปริมาณ a ตอ ปริมาณ b เขยี นแทนดว ย a : b หรือ a b เรียก a วา จํานวนแรกหรือจํานวนท่หี นง่ึ ของอัตราสวน เรียก b วา จาํ นวนหลงั หรอื จาํ นวนทส่ี องของอัตราสว น (อตั ราสว น a : b หรอื a อานวา a ตอ b ) b การเขียนอัตราสว น มี 2 แบบ 1. ปริมาณ 2 ปริมาณมีหนว ยเหมอื นกัน เชน โตะ ตวั หนึง่ มีความกวาง 50 เซนตเิ มตร ยาว 120 เซนตเิ มตร เขยี นเปน อตั ราสว นไดว า ความกวางตอความยาวของโตะ เทากับ 50 : 120 2. ปริมาณสองปริมาณมีหนวยตางกัน เชน นมเปรีย้ ว 4 กลอง ราคา 23 บาท เขยี นเปน อตั ราสว นไดว า อัตราสวนของนมเปรี้ยวเปนกลองตอราคาเปนบาท เปน 4 : 23 ตัวอยางเชน ถาเปน ปริมาณที่มีหนว ยเหมอื นกัน อตั ราสวนจะไมมหี นว ยเขียนกํากับ เชน มานะหนกั 25 กโิ ลกรัม มานหี นกั 18 กโิ ลกรมั จะกลาววาอัตราสวนของน้ําหนักของมานะตอมานีเทากับ 25: 18 หรอื 25 18 ถา เปนปริมาณที่มหี นวยตางกัน อตั ราสวนจะตอ งเขียนหนวยแตล ะประเภทกาํ กบั ดวย เชน สดุ าสูง 160 เซนตเิ มตร หนกั 34 กโิ ลกรมั อัตราสวนความสูงตอน้ําหนักของสุดา เทากับ 160 เซนตเิ มตร : 34 กโิ ลกรมั
60 แบบฝก หดั ท่ี 1 1. จงเขียนอัตราสวนจากขอความตอไปนี้ 1). ระยะทางในแผนที่ 1 เซนติเมตร แทนระยะทางจริง 100 กโิ ลเมตร ……………………………………………………………………………………………... 2). รถยนตแ ลน ไดร ะยะทาง 200 กโิ ลเมตร ในเวลา 3 ชว่ั โมง ……………………………………………………………………………………………... 3). โรงเรียนแหงหน่ึงมคี รู 40 คน นกั เรียน 1,000 คน ……………………………………………………………………………………………... 4). อตั ราการเตนของหัวใจมนษุ ยเ ปน 72 คร้ังตอ นาที ……………………………………………………………………………………………... 2. สลากกินแบงรัฐบาลแตละงวดเปนเลข 6 หลัก เชน 889748 ซึ่งมีหมายเลขตางกันทั้งหมด 1,000,000 ฉบับ ในจํานวนทั้งหมดนี้มีสลากที่ถูกรางวัลเลขทาย 2 ตวั ทง้ั หมด 10,000 ฉบับ ถูก รางวัลเลขทาย 3 ตวั 4,000 ฉบบั และถูกรางวัลที่ 1 อีก 1 ฉบับ จงเขียนอัตราสวนแสดงการเปรียบเทียบจํานวนตอไปนี้ 1) จาํ นวนทีถ่ ูกรางวัลที่ 1 ตอทั้งหมด ……………………………………………………………………………………………... 2) จํานวนที่ถูกรางวัลเลขทาย 3 ตัวตอทัง้ หมด ……………………………………………………………………………………………... 3) จํานวนที่ถูกรางวัลเลขทาย 2 ตวั ตอท้ังหมด ……………………………………………………………………………………………... 4) อัตราสวนของสลากที่ถูกรางวัลเลขทาย 2 ตัว ตอเลขทา ย 3 ตวั ……………………………………………………………………………………………... 3. พอ คา จดั ลกู กวาดคละสขี นาดเทา กนั ลงในขวดโหลเดยี วกนั โดยนบั เปน ชดุ ดงั น้ี “ลกู กวาดสแี ดง 3 เม็ด สเี ขยี ว 2 เม็ด สเี หลือง 5 เมด็ ” จงหา 1) อัตราสว นจาํ นวนลกู กวาดสแี ดงตอ ลกู กวาดทง้ั หมด ……………………………………………………………………………………………... 2) อตั ราสว นของจาํ นวนลกู กวาดสแี ดงตอลกู กวาดสเี หลอื ง ……………………………………………………………………………………………... 3) ถาสุมหยิบลูกกวาดขึ้นมาจากโหลจาํ นวน 5 เมด็ นา จะไดล ูกกวาดสใี ดมากที่สุด เพราะ เหตใุ ด ……………………………………………………………………………………………... ……………………………………………………………………………………………...
61 อตั ราสว นที่เทา กัน การหาอัตราสวนที่เทากับอัตราสวนที่กําหนดให ทาํ ไดโ ดยการคูณหรือหารอัตราสว น ทง้ั ตวั แรกและตวั ทส่ี องดว ยจํานวนเดยี วกนั ตามหลกั การ ดังน้ี หลกั การคณู เมอ่ื คูณแตล ะจาํ นวนในอตั ราสว นใดดว ยจาํ นวนเดยี วกนั โดยทจ่ี าํ นวนนน้ั ไม เทากับศูนย จะไดอ ัตราสว นใหมที่เทา กบั อตั ราสวนเดิม นั่นคือ a = a × c = a × d เม่อื c ≠ 0 และ d ≠0 b b×c b×d หลกั การหาร เมอ่ื หารแตล ะจาํ นวนในอัตราสว นใดดว ยจาํ นวนเดยี วกนั โดยทจ่ี าํ นวนน้ันไม เทา กับศูนย จะไดอ ัตราสว นใหมเทากบั อตั ราสว นเดิม นั่นคอื a = a ÷ c = a ÷ d เม่ือ c ≠ 0 และ d ≠0 b b÷c b÷d ตวั อยาง จงหาอัตราสวนอีก 3 อตั ราสวนท่ีเทา กบั อัตราสวนทก่ี ําหนด วธิ ที าํ 3 : 4 หรือ 3 3× 4 12 == 4 4 × 4 16 3 3× 9 27 == 4 4 × 9 36 3 = 3×11 = 33 4 4 ×11 44 ดังน้ัน , , เปน อัตราสว นท่ีเทากับอัตราสว น 3 : 4 การตรวจสอบการเทา กนั ของอัตราสว นใดๆ ทําไดโดยใชลกั ษณะการคณู ไขว ไดโ ดยใชวธิ ดี งั น้ี เมอ่ื a , b, c และ d เปน จาํ นวนนบั 1) ถา a × d = b × c แลว a = c bd 2) ถา a × d ≠ b × c แลว a ≠ c bd
62 ตัวอยาง จงตรวจสอบวา อตั ราสว นในแตล ะขอ ตอไปน้ีเทา กนั หรือไม 1) 3 และ 5 46 2) 26 และ 39 30 45 1) พิจารณาการคณู ไขวข อง 3 และ 5 46 เน่ืองจาก 3× 6 = 18 4 × 5 = 20 ดงั นน้ั 3× 6 ≠ 4 × 5 น่นั คือ 3 ≠ 5 46 2) พิจารณาการคณู ไขวข อง 26 และ 39 30 45 เน่อื งจาก 26 × 45 = 1,170 30 × 39 = 1,170 ดงั นน้ั 26 × 45 = 30 × 39 นัน่ คือ 26 = 39 45 30 แบบฝกหดั ท่ี 2 1. ถาอัตราการแลกเปลี่ยนเงินดอลลารตอเงินหนึ่งบาทเทากับ 1 : 43 จงเติมราคาเงินในตาราง 2. จงเขียนอัตราสวนทเ่ี ทา กบั อัตราสวนทกี่ าํ หนดใหตอไปน้ีมาอีก 3 อัตราสว น 1) 2 = ............................................................................................................................... 3 2) 5 = ............................................................................................................................... 9
63 3. จงตรวจสอบวาอตั ราสว นตอ ไปน้ีเทากันหรอื ไม 4. จงทําใหอตั ราสว นตอไปนี้มีหนวยเดียวกันและอยใู นรปู อยา งงาย ตวั อยาง อัตราสวนความกวางตอความยาวของโตะเปน 50 เซนติเมตร : 1.2 เมตร มีความหมายเหมือนกับ 50 เซนตเิ มตร : 1.2 x 100 เซนตเิ มตร ดังนั้น อัตราสวนความกวางตอความยาวของโตะเปน 50 : 120 หรอื 5 : 12 1) อตั ราสว นของจาํ นวนวนั ท่ีนาย ก. ทํางาน ตอ ชว่ั โมงที่นาย ข. ทํางาน เปน 2 วนั : 10 ชั่วโมง ดังน้นั อตั ราสว นเวลาทน่ี าย ก. ทาํ งาน ตอเวลาทนี่ าย ข. ทํางานเปน ……………………………………………………………………………………………... ……………………………………………………………………………………………... 2) อัตราสวนของระยะทางจากบานไปตลาด ตอระยะทางจากบานไปโรงเรียนเปน 200 เมตร : 1.5 กิโลเมตร ดังนั้น อัตราสวนของระยะทางจากบานไปตลาด ตอระยะทางจากบานไปโรงเรียนเปน ……………………………………………………………………………………………... ……………………………………………………………………………………………...
64 อัตราสว นตอ เน่อื ง (อัตราสว นของจาํ นวนหลาย ๆ จาํ นวน) ในสถานการณจริงทีเ่ กีย่ วกับชีวิตประจําวัน เรามักจะพบความสัมพันธของจํานวนหลาย ๆ จํานวน เชน ขนมผิงบา นคุณยาย ใชส วนผสมดงั นี้ แปงขาวเจา 3 ถว ยตวง น้าํ กะทเิ ขม ขน 1 ถว ยตวง น้ําตาลมะพราว 1 ถว ยตวง 2 นน่ั คอื อตั ราสวนของจํานวนแปง ขาวเจาตอนา้ํ กะทเิ ปน 3 : 1 หรอื 6 : 2 อัตราสวนของจาํ นวนนาํ้ กะทติ อนาํ้ ตาลมะพรา วเปน 1 : 1 หรอื 2 : 1 2 อัตราสวนของจํานวนแปงขาวเจาตอน้าํ ตาลมะพราวเปน 3 : 1 หรือ 6 : 1 หรือเขียนในรูป 2 อตั ราสว นของจาํ นวนหลาย ๆ จาํ นวน ดงั น้ี อัตราสวนของแปงขา วเจา ตอ น้าํ กะทิ ตอ นา้ํ ตาลมะพราว เปน 3 : 1 : 1 หรือ 6 : 2 : 1 2 ตัวอยาง หองเรียนหองหนึง่ มีอัตราสวนของความกวางตอความยาวหองเปน 3 : 4 และความสูงตอ ความยาวของหองเปน 1 : 2 จงหาอัตราสวนของความกวาง : ความยาว : ความสูงของหอง วิธีทาํ อัตราสวนความกวาง : ความยาวของหอง เทากับ 3 : 4 อตั ราสว นความสูง : ความยาวของหอง เทากับ 1 : 2 หรอื 1 x 2 : 2 x 2 เทากับ 2 : 4 นั่นคือ อัตราสวนความกวางตอความยาว ตอความสูงของหอง เทากับ 3 : 4 : 2
65 แบบฝก หดั ที่ 3 1. พอ แบง เงนิ ใหล กู สามคนโดยกาํ หนด อตั ราสว นของจาํ นวนเงนิ ลกู คนโต ตอ คนกลาง ตอ คนเลก็ เปน 5 : 3 : 2 จงหาอตั ราสว นตอ ไปน้ี 1) อตั ราสวนจาํ นวนเงนิ ทลี่ ูกคนโตไดร ับตอลกู คนเลก็ ……………………………………………………………………………………………... ……………………………………………………………………………………………... 2) อตั ราสว นจาํ นวนเงินทลี่ กู คนเลก็ ไดร ับตอ ลูกคนกลาง ……………………………………………………………………………………………... ……………………………………………………………………………………………... 3) อัตราสว นจาํ นวนเงนิ ท่ีลูกคนกลางไดร ับตอ เงนิ ทั้งหมด ……………………………………………………………………………………………... ……………………………………………………………………………………………... 4) อัตราสวนจํานวนเงนิ ท่ลี ูกคนเล็กไดรับตอเงินทง้ั หมด ……………………………………………………………………………………………... ……………………………………………………………………………………………... 2. เศรษฐีคนหนึ่งไดเขยี นพินัยกรรมไวก อ นจะเสียชีวิตวา ถา ภรรยาท่ีกาํ ลังต้งั ครรภคลอดลูกเปนชาย ใหแบงเงินในพินัยกรรมเปนอัตราสวนเงินของภรรยาตอบุตรชายเปน 1 : 2 แตถา คลอดลูกเปนหญิง ใหแ บง เงนิ ในพนิ ัยกรรมเปนอัตราสวนเงินของภรรยาตอบุตรหญิงเปน 2 : 1 เม่อื เศรษฐคี นนี้เสียชวี ติ ลงปรากฏวาภรรยาคลอดลูกแฝด เปนชาย 1 คน หญงิ 1 คน จงหาอัตราสว นของเงนิ ในพนิ ยั กรรม ของภรรยาตอบุตรชาย ตอบุตรหญิง ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................
66 เรื่องที่ 2 สัดสว น สดั สว นเปน การเขยี นแสดงการเทา กนั ของอัตราสว นสองอตั ราสว น เชน a : b = c : d หรือ a = c อา นวา เอตอบี เทา กับ ซีตอ ดี bd ตวั อยา งที่ จงหาคา m ในสดั สว น 3 = 5 m 12 วธิ ีท่ี 1 3 = 5 m 12 3 = 5× 3 (ทําเศษใหเทากับ 3 โดยคณู ดว ย 3 ) 5 5 m 12 × 3 5 3= 3 m 7.2 ดังนั้น m มีคาเทากับ 7.2 วธิ ที ี่ 2 3 = 5 m 12 3 = 5 (คณู ไขว) m 12 3×12 = m 5 ดงั น้ัน m= 7.2 1. จงเขยี นสดั สว นจากอตั ราสวนตอ ไปนี้ แบบฝกหดั ท่ี 4 1) 3 ตอ 4 เทากับ 6 ตอ 8 …………………………………………………….. 2) A ตอ 7 เทากับ 9 ตอ 27 …………………………………………………….. 3) 12 ตอ 10 เทากับ B ตอ 5 …………………………………………………….. 4) 5 ตอ 4 เทากับ 65 ตอ D …………………………………………………….. 2. จงหาคาตัวแปรจากสัดสวนทก่ี าํ หนดใหตอ ไปน้ี 1) A = 12 3 15 ……………………………………………………..……………………………………………… 2) 3 = 21 B 28 ……………………………………………………..………………………………………………
67 การแกโจทยป ญหาโดยใชสดั สวน ในชีวิตประจําวันเราจะพบสถานการณที่ตองแกไขปญหาโดยการใชหลักการคิดคาํ นวณ เชน กาํ หนดอัตราสว นของเคร่ืองดื่มโกโกส ําเรจ็ รปู 1 ถว ย ตอ ผงโกโก 2 ชอนโตะ ตอน้ําตาล 1 ชอ นโตะ ตอนํา้ ตมสุก 1 ถวย เทา กบั 1 : 2 : 1 : 1 ถา มผี งโกโกท ้ังหมด 30 ชอนโตะ สมมติวา ชงเครื่องดื่มได A ถวย ใชนา้ํ ตาล B ชอนโตะ ครีมเทียม C ชอ นโตะ และนํา้ ตมสกุ D ถว ย ดงั นน้ั อัตราสว นของจํานวนถวยโกโกที่ชงไดต อจํานวนผงโกโก เทากับ 1 ถว ย ตอ 2 ชอน โตะ หรือ A ถวย ตอ 30 ชอนโตะ นน่ั คอื 1 : 2 = A : 30 หรอื 1 =A จะไดว า 2 30 1 x 30 = Ax2 A = 15 ดงั นนั้ ผงโกโก 30 ชอนโตะ จะชงเคร่ืองดม่ื ได 15 ถว ย ตัวอยาง ซื้อสม โอมา 3 ลูก ราคา 50 บาท ถามีเงิน 350 บาท จะซือ้ สม โอในอัตราเดมิ ไดก ่ีลกู วิธที ํา สมมติ มเี งนิ 350 บาท ซือ้ สมโอได A ลูก ราคาของสมโอ 50 บาท ซื้อได 3 ลกู จะไดว า A × 50 = 3 × 350 = Ä× 50 = 3× 350 50 50 A 21 จะซ้ือสม โอได 21 ลูก
68 แบบฝกหัดที่ 5 1. ขายมะละกอ 3 ผล ราคา 50 บาท ถาขาย มะละกอ 15 ผล จะไดเ งินเทาไร ……………………………………………………..……………………………………………… ……………………………………………………..……………………………………………… ……………………………………………………..……………………………………………… ……………………………………………………..……………………………………………… ……………………………………………………..……………………………………………… 2. กศน.แหงหนึ่งมีนักศึกษาทั้งหมด 400 คน มจี าํ นวนนกั ศึกษาหญงิ ตอ จาํ นวนนักศกึ ษาชาย เปน 5: 3 จงหาวา มีนักศึกษาชายกี่คนและนักศึกษาหญิงกี่คน ……………………………………………………..……………………………………………… ……………………………………………………..……………………………………………… ……………………………………………………..……………………………………………… ……………………………………………………..……………………………………………… ……………………………………………………..……………………………………………… ……………………………………………………..……………………………………………… ……………………………………………………..……………………………………………… ……………………………………………………..……………………………………………… 3. พอแบงมรดกใหลูกสองคน โดยอัตราสวนของสวนแบงของลูกคนโตตอสวนแบงลูกคนเล็ก เปน 7: 3 ถาลูกคนโตไดเงินมากกวาลูกคนเล็ก 80,000 บาท จงหาสวนแบงที่แตละคนไดรับ ……………………………………………………..……………………………………………… ……………………………………………………..……………………………………………… ……………………………………………………..……………………………………………… ……………………………………………………..……………………………………………… ……………………………………………………..……………………………………………… ……………………………………………………..……………………………………………… ……………………………………………………..……………………………………………… ……………………………………………………..……………………………………………… ……………………………………………………..………………………………………………
69 เร่ืองที่ 3 รอ ยละ ในชวี ติ ประจําวนั ผูเ รยี นจะเห็นวาเราเก่ยี วของกับรอยละอยเู สมอ เชน การซื้อขาย กาํ ไร ขาดทุน การลดหรือการเพิ่มทค่ี ดิ เปนรอยละ การคิดภาษีมลู คาเพิ่ม ฯลฯ คําวา รอยละ หรอื เปอรเ ซ็นต เปนอัตราสวนแสดงการเปรียบเทียบปริมาณใดปริมาณ หนง่ึ ตอ 100 เชน รอยละ 50 หรือ 50% เขยี นแทนดว ย 50:100 หรือ 50 100 รอยละ 7 หรือ 7% เขยี นแทนดว ย 7:100 หรอื 7 100 การเขยี นอัตราสว นใดใหอ ยูใ นรูปรอยละ จะตอ งเขยี นอัตราสวนนัน้ ใหอยใู นรูปทม่ี ีจาํ นวน หลงั อตั ราสว นเปน 100 ดังตวั อยางตอ ไปน้ี 4 = 80 = 80 % 5 100 0.2 = 2 = 20 = 20 % 10 100 การเขยี นรอยละใหเ ปน อัตราสว นทําไดโดยเขยี นอัตราสวนทมี่ จี ํานวนหลงั เปน 100 ดังตวั อยางตอ ไปน้ี 33% = 33 100 25.75 % = 25.75 = 2575 = 103 100 10000 400 ตัวอยาง จงเขยี น 3 ใหอยูในรปู รอยละ 7 วิธีทาํ วิธที ี่ 1 ทาํ ใหอ ัตราสว น 3 โดยมจี าํ นวนหลงั ของอัตราสว นเปน 100 7 100 300 3× 3= 7 =7 100 7 7× 100 7 ดังนัน้ 3 คดิ เปนรอยละ 300 หรือ 300 % 7 77 วธิ ีท่ี 2 สมมติ 3 = รอยละ A หรอื A 7 100 3 x 100 = Ax7 A= 3×100 = 300 77
70 การคํานวณเก่ียวกบั รอ ยละ ผูเ รยี นเคยคํานวณโจทยปญ หาเกย่ี วกบั รอยละมาแลวโดยไมไดใ ชสดั สว น ตอไปน้ีจะเปน การ นาํ ความรูเร่ืองสดั สว นมาใชคํานวณเกีย่ วกับรอยละ ซง่ึ จะพบใน 3 ลกั ษณะ ดงั ตวั อยา งตอ ไปน้ี 1. 25% ของ 60 เทากับเทาไร หมายความวา ถา มี 25 สว นใน 100 สว น แลวจะมีกี่สวน ใน 60 สว น ใหม ี a สว นใน 60 สว น เขยี นสัดสวนไดดงั น้ี a = 25 60 100 จะได a ×100 = 60 × 25 ดงั นน้ั a = 60 × 25 100 a = 15 นัน่ คือ 25% ของ 60 คอื 15 2. 9 เปน กเ่ี ปอรเซน็ ตข อง 45 หมายความวา ถามี 9 สว นใน 45 สว น แลวจะมีกส่ี ว น ใน 100 สว น ให 9 เปน x% ของ 45 x% หมายถึง x 100 เขยี นสดั สว นไดดงั น้ี 9 = x 45 100 จะได 9 ×100 = 45× x x = 9 ×100 45 ดงั นน้ั x = 20 นั่นคือ 9 เปน 20% ของ 45 3. 8 เปน 25% ของจํานวนใด หมายความวา ถามี 25 สว นใน 100 สว น แลว จะ มี 8 สว นในกส่ี ว น ให 8 เปน 25% ของ y เขยี นสดั สว นไดดงั น้ี 8 = 25 y 100 จะได 8×100 = y × 25 y = 8 ×100 25 ดงั นน้ั y = 32 น้ันคอื 8 เปน 25% ของ 32
71 แบบฝกหดั ที่ 6 1. จงแสดงวิธีหาคําตอบ 1) 15% ของ 600 เทากับเทาไร ……………………………………………………………………………………………... ……………………………………………………………………………………………... ……………………………………………………………………………………………... ……………………………………………………………………………………………... 2) 120% ของ 40 เทากับเทาไร ……………………………………………………………………………………………... ……………………………………………………………………………………………... ……………………………………………………………………………………………... ……………………………………………………………………………………………... 3) 28 คิดเปนก่ีเปอรเซ็นต ของ 400 ……………………………………………………………………………………………... ……………………………………………………………………………………………... ……………………………………………………………………………………………... ……………………………………………………………………………………………... 4) 1.5 เปน กเ่ี ปอรเซน็ ตข อง 6 ……………………………………………………………………………………………... ……………………………………………………………………………………………... ……………………………………………………………………………………………... ……………………………………………………………………………………………... 5) 180 เปน 30 % ของจาํ นวนใด ……………………………………………………………………………………………... ……………………………………………………………………………………………... ……………………………………………………………………………………………... ……………………………………………………………………………………………... 6) 0.125 เปน 25% ของจาํ นวนใด ……………………………………………………………………………………………... ……………………………………………………………………………………………... ……………………………………………………………………………………………... ……………………………………………………………………………………………...
72 เรือ่ งที่ 4 การแกโ จทยปญหาเก่ียวกับอัตราสว น สดั สวน และรอยละ ใหน กั เรยี นพิจารณาตัวอยางโจทยปญหาและวิธีแกป ญ หาเกยี่ วกบั รอยละ โดยใชสดั สว น หรอื อตั ราสว น ตอไปนี้ ตัวอยาง 1 ในหมูบ านแหง หนึ่งมคี นอาศยั อยู 1,200 คน 6% ของจํานวนคนท่ีอาศยั อยูในหมูบ าน ทํางานในโรงงานสับปะรดกระปอง จงหาจํานวนคนงานที่ทํางานในโรงงานแหงนี้ วิธีทาํ ใหจํานวนคนที่ทํางานในโรงงานสับปะรดกระปอง เปน s คน อัตราสวนของจํานวนคนที่ทํางานในโรงงานตอจํานวนคนทั้งหมด เปน s 1,200 อัตราสวนดังกลา วคดิ เปน 6% = 6 100 เขยี นสดั สว นไดด งั น้ี s =6 1,200 100 จะได s ×100 = 1,200 × 6 ดงั น้ัน s = 1,200 × 6 100 s = 72 นนั่ คอื จํานวนคนงานที่ทํางานในโรงงานสับปะรดกระปองเปน 72 คน ตอบ 72 คน ตัวอยา งที่ 2 โรงเรยี นแหง หนง่ึ มีนกั เรยี น 1,800 คน นักเรียนคนที่หนกั เกิน 60 กโิ ลกรมั มอี ยู 81 คน จง หาวา จาํ นวนนกั เรยี นทห่ี นกั เกนิ 60 กโิ ลกรมั คิดเปนก่ีเปอรเ ซน็ ตของจาํ นวนนกั เรยี นท้ังหมด วธิ ีทํา ใหจํานวนนกั เรยี นทห่ี นกั เกิน 60 กโิ ลกรมั เปน n% ของจาํ นวนนกั เรยี นทง้ั หมด เขยี นสดั สว นไดด งั น้ี n = 81 จะได 100 1,800 n ×1,800 = 100 × 81 ดังนั้น n = 100 × 81 1,800 n = 4.5 นน่ั คือ จาํ นวนนกั เรยี นทห่ี นกั เกนิ 60 กโิ ลกรัมคิดเปน 4.5% ของจํานวนนักเรียนทั้งหมด ตอบ 4.5 เปอรเ ซน็ ต
73 แบบฝก หัดท่ี 7 จงแสดงวิธีหาคําตอบ 1. นักศึกษา กศน. 500 คน สอบไดเ กรด 4 จาํ นวน 25% ของทง้ั หมด จงหาจาํ นวนนกั ศึกษาที่ สอบไดเ กรด 4 ……………………………………………………………………………………………... ……………………………………………………………………………………………... ……………………………………………………………………………………………... ……………………………………………………………………………………………... 2. โรงเรยี นแหง หนง่ึ มีนกั เรยี น 2,000 คน เปนชาย 40% ของทั้งหมด ในจาํ นวนนม้ี าจาก ตา งจงั หวัดรอยละ60 จงหา 1) จาํ นวนนกั เรยี นหญงิ ……………………………………………………………………………………………... ……………………………………………………………………………………………... 2) จํานวนนักเรียนชายที่ไมไดมาจากตางจังหวัดทั้งหมด ……………………………………………………………………………………………... ……………………………………………………………………………………………... 3. รานคาแหงหนึ่งประกาศลดราคาสินคาทุกชนิด รอยละ 20 ถา คณุ แมซอื้ เคร่ืองแกวมาไดรับ สว นลด 250 บาท จงหาวารานคาปดราคาขายผลิตภัณฑน ้ันกอนลดราคาเทาไร ……………………………………………………………………………………………... ……………………………………………………………………………………………... ……………………………………………………………………………………………... ……………………………………………………………………………………………... ……………………………………………………………………………………………... ……………………………………………………………………………………………... ……………………………………………………………………………………………... ……………………………………………………………………………………………...
74 4. แผนผงั สนามหญา แหง หนง่ึ กวา ง 5 เซนตเิ มตร ยาว 8 เซนติเมตร ใชมาตราสวน 1 เซนตเิ มตร : 50 เมตร จงหาวาสนามหญาแหงนี้มีพื้นที่เทาไร ……………………………………………………………………………………………... ……………………………………………………………………………………………... ……………………………………………………………………………………………... ……………………………………………………………………………………………... ……………………………………………………………………………………………... ……………………………………………………………………………………………... ……………………………………………………………………………………………... 5. นกนอยฝากเงินไวกับธนาคารเปนเวลา 2 ป อัตราดอกเบ้ียรอยละ 3 ตอ ป คิดดอกเบีย้ ทบตน ทกุ 12 เดอื นและถกู หักภาษดี อกเบีย้ 15% ถา นกนอยฝากเงินไว 10,000 บาท ครบ 2 ป จะมี เงินในบัญชีเทาไร ……………………………………………………………………………………………... ……………………………………………………………………………………………... ……………………………………………………………………………………………... ……………………………………………………………………………………………... ……………………………………………………………………………………………... ……………………………………………………………………………………………... ……………………………………………………………………………………………... 6. วีระซอื้ รถยนตมาคนั หนึ่งราคา 200,000 บาท นําไปขายตอไดกําไรรอยละ 20 ตอมาเอาเงิน ทั้งหมดไปเลนหุนขาดทุนรอยละ 20 วีระจะมเี งินเหลอื จากการเลน หุน เทาไร ……………………………………………………………………………………………... ……………………………………………………………………………………………... ……………………………………………………………………………………………... ……………………………………………………………………………………………... ……………………………………………………………………………………………... ……………………………………………………………………………………………... ……………………………………………………………………………………………... ……………………………………………………………………………………………...
75 บทท่ี 5 การวัด สาระสําคัญ 1. การวดั ความยาวพื้นที่ ที่มีหนวยตางกันสามารถนํามาเปรียบเทียบกันได 2. เคร่ืองมอื การวัด ตองเลือกใชใหเ หมาะสมกับสิ่งทจี่ ะวัด 3. การคาดคะเนเกิดจากประสบการณของผูสังเกตเปนสําคัญ ผลการเรยี นรูท่ีคาดหวงั 1. บอกการเปรียบเทียบหนวยความยาวพื้นที่ในระบบเดียวกันและตางระบบได 2. เลอื กใชห นว ยการวัดเกย่ี วกบั ความยาวและพน้ื ทไ่ี ดอ ยา งเหมาะสม 3. แสดงการหาพน้ื ทขี่ องรูปเรขาคณิตได 4. สามารถแกโจทยปญหาเกี่ยวกับพน้ื ที่สถานการณต าง ๆ ในชวี ติ ประจาํ วันได 5. อธิบายวิธีการคาดคะเนและนําวิธีการไปใชในการคาดคะเนเวลา ระยะทาง ขนาด นาํ้ หนกั ขอบขา ยเน้ือหา เรื่องที่ 1 การเปรียบเทียบหนวยความยาวและพื้นที่ เรื่องท่ี 2 การเลือกใชห นว ยการวดั ความยาวและพื้นที่ เรื่องท่ี 3 การหาพื้นที่ของรูปเรขาคณิต เรื่องที่ 4 การแกโจทยปญ หาเกี่ยวกับพืน้ ท่ีในสถานการณตาง ๆ เรื่องที่ 5 การคาดคะเนเวลา ระยะทาง ขนาด นาํ้ หนกั
76 เรอื่ งที่ 1 การเปรยี บเทยี บหนว ยความยาวและพื้นที่ การวดั การวัดเปนเรื่องที่มีความสําคัญ และจําเปนตอชีวิตประจําวันอยางมากในทุกยุคทุกสมัย ใน แตละถ่ินฐานแตละประเทศ จะมีหนว ยการวัดทแี่ ตกตางกันออกไป และเมื่อโลกเจริญกาวหนาทง้ั ดา นเทคโนโลยีและการสื่อสาร จึงมีความจําเปนที่ตองมีความชัดเจนของการสื่อสารความหมาย เกยี่ วกบั ปรมิ าณของการวัด หนว ยการวัด เพอื่ ใหเกดิ ความสะดวกในการนาํ มาเปรียบเทียบ และเพอื่ ประโยชนในการใชงาน โดยทั่วไปคนเรามักจะคุนเคยกับการวัด หมายถึง การชั่ง การตวง การวดั ความยาว การจบั เวลา เปน ตน ในความเปน จริงนน้ั การวัดมหี ลายอยา งเชน 1. การวดั ความยาว มหี นวยเปน มลิ ลิเมตร เซนติเมตร นว้ิ ฟุต เมตร กิโลเมตร 2. การวัดพนื้ ท่ี มีหนว ยเปน ตารางวา ตารางเมตร งาน ไร 3. การช่ัง มีหนวยเปน กรัม ขดี ปอนด ตัน 4. การตวง มหี นว ยเปน ลูกบาศกเซนตเิ มตร ลติ ร ถงั 5. การวัดอณุ หภูมิ มหี นว ยเปน องศาเซลเซียส องศาฟาเรนไฮต 6. การวดั เวลา มหี นว ยเปน วินาที นาที ช่ัวโมง วัน ป 7. การวดั ความเร็วหรอื อตั ราเรว็ มีหนว ยเปน กโิ ลเมตร/ชว่ั โมง 1.1 การเปรยี บเทียบการวัดความยาว หนวยการวัดความยาวที่นิยมใชกันในประเทศไทย หนว ยการวัดความยาวในระบบองั กฤษ ฟตุ 12 น้วิ เทา กับ 1 หลา ไมล 3 ฟตุ เทา กบั 1 1,760 หลา เทากบั 1 หนว ยการวัดความยาวในระบบเมตริก 10 มิลลเิ มตร เทา กับ 1 เซนตเิ มตร 100 เซนตเิ มตร เทากบั 1 เมตร 1,000 เมตร เทากบั 1 กโิ ลเมตร หนวยการวัดความยาวในมาตรไทย 12 นวิ้ เทากับ 1 คบื 2 คบื เทา กบั 1 ศอก
77 4 ศอก เทา กับ 1 วา 20 วา เทา กับ 1 เสน 400 เสน เทากับ 1 โยชน กําหนดการเทยี บ 1 วา เทากบั 2 เมตร หนว ยการวดั ความยาวในระบบองั กฤษเทยี บกับระบบเมตรกิ ( โดยประมาณ ) 1 นว้ิ เทากับ 2.54 เซนตเิ มตร 1 หลา เทากบั 0.9144 เมตร 1 ไมล เทากับ 1.6093 กโิ ลเมตร ตัวอยา ง การเปรียบเทียบหนวยการวัดในระบบเดียวกันและตางระบบกัน 1. สดุ าสงู 160 เซนตเิ มตร อยากทราบวาสุดาสงู ก่ีเมตร เนอ่ื งจาก 100 เซนติเมตร เทากับ 1 เมตร และสดุ าสูง 160 เซนตเิ มตร ดงั นน้ั สดุ าสงู 160 = 1.60 เมตร 100 2. ความกวางของรั้วบานดานติดถนนเปน 1.05 กโิ ลเมตร อยากทราบวาความกวางของรั้ว บา นดา นติดกบั ถนนเปนกเ่ี มตร เนอ่ื งจาก 1 กิโลเมตร เทา กบั 1,000 เมตร และรัว้ บา นกวาง 1.05 กโิ ลเมตร ดังนั้น ความกวางของรั้วบานเปน 1.05 x 1,000 = 1,050 เมตร 1.2 การเปรยี บเทยี บการวดั พ้ืนท่ี หนวยการวดั พน้ื ท่ีทสี่ าํ คญั ท่ีควรรจู กั หนวยการวัดพื้นที่ในระบบเมตริก 1 ตารางเซนตเิ มตร เทากบั 100 หรอื 102 ตารางมิลลิเมตร เทา กบั 10,000 หรอื 104 ตารางเซนตเิ มตร 1 ตารางเมตร เทากับ 1,000,000 หรือ 106 ตารางเมตร 1 ตารางกิโลเมตร ตารางนิ้ว ตารางนิ้ว 1 ตารางฟุต หนว ยการวดั พ้นื ท่ีในระบบอังกฤษ 1 ตารางหลา เทา กบั 144 หรอื 122 เทา กับ 9 หรอื 32 1 เอเคอร 1 ตารางไมล เทา กับ 4, 840 ตารางหลา หรอื 1 ตารางไมล เทา กับ 640 เอเคอร เทากบั 1, 7602 ตารางหลา
78 100 ตารางวา หนวยการวัดพนื้ ท่ใี นมาตราไทย 4 งาน เทากบั 1 งาน หรอื 400 ตารางวา เทา กับ 1 ไร เทา กบั 1 ไร 1 หนวยการวดั พื้นท่ีในมาตราไทยเทียบกับระบบเมตริก 1 ตารางวา เทากบั 4 ตารางเมตร หรอื 1 1 งาน เทากับ 400 ตารางเมตร ไร เทากับ 1, 600 ตารางเมตร ตารางกิโลเมตร เทา กับ 625 ไร หนว ยการวดั พ้นื ทีใ่ นระบบอังกฤษกับระบบเมตรกิ ( โดยประมาณ ) 1 ตารางนิ้ว เทากบั 6.4516 ตารางเซนตเิ มตร 1 1 ตารางฟุต เทา กบั 0.0929 ตารางเมตร 1 1 ตารางหลา เทา กับ 0.8361 ตารางเมตร ตัวอยาง เอเคอร เทา กับ 4046.856 ตารางเมตร ( 2. 529 ไร ) ตารางไมล เทา กบั 2.5899 ตารางกิโลเมตร 1. ท่ดี นิ 12.5 ตารางกิโลเมตร คิดเปนกีต่ ารางเมตร เนอื่ งจากพ้นื ท่ี 1 ตารางกโิ ลเมตร เทา กับ 106 ตารางเมตร ดงั น้นั พ้ืนที่ 12.5 ตารางกิโลเมตร เทากับ 12.5 x 106 = 1.25 x 107 ตารางเมตร ตอบ 1.25 x 107 ตารางเมตร 2. พ้ืนทชี่ น้ั ลา งของบานรูปส่เี หลย่ี มผนื ผา กวา ง 6 วา ยาว 12 วา ผูร บั เหมาปูพื้นคดิ คาปพู ้ืน ตารางเมตรละ 37 บาท จะตองเสียคาปูพื้นเปนเงินเทาไร พื้นที่ชั้นลางของบานมีความกวาง 6 วา ความยาว 12 วา ดงั น้ัน พน้ื ท่ีช้ันลางของบานมพี นื้ ที่เปน 6 x 12 = 72 ตารางวา พื้นที่ 1 ตารางวา เทากับ 4 ตารางเมตร ถาคดิ พืน้ ทเ่ี ปนตารางเมตร พ้นื ที่ชั้นลางของบานมีพืน้ ที่เปน 72 x 4 = 288 ตารางเมตร ดงั น้ัน เสียคา ปพู ืน้ เปนเงิน 288 x 37 = 10, 656 บาท ตอบ 10, 656 บาท
79 แบบฝกหดั ที่ 1 1. จงเตมิ หนวยความยาวหรือหนวยพื้นที่ใหเหมาะสมกับขอความตอไปนี้ 1) ไมอัดชนิดบางมีความหนาแผนละ 4 ......................................................................................... 2) สมุดปกออนมีความกวาง 16.5 .....................ยาว 24......................หนา 4 ................................ 3) จังหวัดเชยี งใหมแ ละจังหวัดเลยอยูห า งกนั ประมาณ 1,600 ...................................................... 4) สนามฟุตบอลแหงหนึ่งมีความกวาง 45 …………… มีความยาว 90 ..................... และถาวิ่ง รอบสนามแหงนี้สามรอบ จะไดระยะทาง 1 ............................... 5) แผน ดสิ กม คี วามกวาง 9 ................... ยาว 9.4 ........................... และหนา 3 ......................... 6) กระดาษ A4 มีพื้นที่ประมาณ 630 ......................................... 7) หองเรียนมีพ้นื ท่ีประมาณ 80 ................................................ 9) การวัดความยาวของที่ดินในประเทศไทยนิยมใชหนวยเปน ................... หรือ.................... และอาจบอกจาํ นวนพื้นที่ของที่ดินตามมาตราไทยเปน ..........................หรืออาจบอกโดยใช มาตรเมตริกเปน ........................ กไ็ ด 10) แมน้ําโขงชวงจังหวัดมุกดาหารมีความกวางประมาณ 200 ............................ 2. จงเติมคําลงในชองวางที่กําหนดใหถูกตอ ง 1) พน้ื ท่ี 1 ไร เทา กับ ..................................... ตารางเมตร 2) พืน้ ท่ี 17 ตารางเมตร คิดเปน พนื้ ที่ .................................. ตารางเซนติเมตร 3) ทด่ี นิ 3,119 ตารางวา เทากับที่ดิน ............................... (ตอบเปนไร งาน ตารางวา) 4) กระดาษแผนหนึ่งมพี ้ืนท่ี 720 ตารางนิ้ว กระดาษแผนนม้ี พี ้ืนท่ี ............................ ตารางฟุต 5) พื้นที่ 2 ตารางกโิ ลเมตร คดิ เปนพ้นื ท่ี .................... ตารางเซนตเิ มตร (ตอบในรปู A ×10n เมอ่ื 1 ≤ A < 10 และ n เปน จาํ นวนเตม็ ) 6) สวนสาธารณะแหง หน่ึงมีพน้ื ที่ 5 ไร 2 งาน 22 ตารางวา แลวสวนสาธารณะแหงนีจ้ ะมพี นื้ ที่ .................... ตารางวา 7) ท่นี า 2,900,000 ตารางเมตร เทากับที่นา ................................ ตารางกิโลเมตร 8) โลหะแผนหน่ึงมีพนื้ ท่ี 3 ตารางฟุต โลหะแผนนจ้ี ะมีพ้นื ที่ ................... .. ตารางนิ้ว 9) พ้นื ที่ 9.5 ตารางวา จะเทากับ .......................... ตารางเมตร 10) ลุงสอนมที ดี่ นิ อยู 2 งาน 68 ตารางวา คดิ เปนพน้ื ที่ ..................... ตารางเมตร แลวถาลุงสอน ขายที่ดินไป ตารางเมตรละ 875 บาท ลุงสอนจะไดรับเงิน ...................... บาท แสดงวาที่ดิน ของลุงสอน ราคาไรละ......................... บาท
80 3. จงตอบคําถามตอไปนี้ พรอมแสดงวิธีทํา 1) สว นแหง หนงึ่ มีพน้ื ที่ 4,800 ตารางเมตร คิดเปนพนื้ ท่กี ไ่ี ร 2) พื้นที่ 25 ตารางฟตุ คิดพ้ืนทก่ี ต่ี ารางเซนตเิ มตร 3) ลุงแดงแบงที่ดินใหล ูกชาย 3 คน โดยแบงใหลูกชายคนโตได 2 ไร ลกู ชายคนกลาง 850 ตารางวา และลูกชายคนเล็กได 3,000 ตารางเมตร อยากทราบวาใครไดสวนแบงที่ดินมากท่สี ดุ 4) พืน้ ท่ี 5,625 ไร คิดเปนพ้ืนท่ี กีต่ ารางกิโลเมตร 5) สมเกียรตซิ ้อื โลหะแผน ชนิดหน่งึ 3 ตารางเมตร ราคา 456 บาท สมนึกซื้อโลหะแผน ชนดิ เดยี วกนั 4 ตารางหลา ราคา 567 บาท อยากทราบวาใครซื้อไดถูกกวากัน ตารางเมตรละกี่บาท (กาํ หนด 1 หลา = 90 เซนตเิ มตร)
81 เรือ่ งที่ 2 การเลือกใชหนวยการวัดความยาวและพนื้ ที่ การวัดความยาว หรือการวัดพืน้ ท่ี ควรเลอื กใชห นว ยการวดั ทเ่ี ปนมาตรฐาน และเหมาะสมกบั ส่งิ ทต่ี อ งการวัด เชน - ความหนาของกระเบื้องหรือความหนาของกระจก ใชหนวยวดั เปน \"มิลลิเมตร\" - ความยาวของกระเปาหรือความสูงของนักเรียน ใชหนวยวัดเปน \"เซนตเิ มตร\" - ความยาวของถนน ความสูงของตึก ใชหนวยวัดเปน \"เมตร\" - ระยะทางจากรุงเทพฯ ถึงนครศรีธรรมราช ใชหนวยวัดเปน \"กิโลเมตร\" แบบฝก หัดท่ี 2 1.จงเตมิ หนว ยการวัดทเ่ี หมาะสมลงในชองวาง 1.ความยาวของรั้วโรงเรียน ………………………………… 2.ความหนาของหนังสือ …………………………………. 3. ระยะทางจากกรุงเทพฯ ถึงเชียงใหม …………………………….. 4. นาํ้ หนกั ของแตงโม ………………………………………….. 5. เวลาทน่ี ักเรยี นใชในการว่ิงแขง ในระยะทาง 100 เมตร …………………….. 6. อณุ หภมู ิหอง ..................................... 7. พนื้ ทสี่ วน ...................................... 8. ปริมาณของน้ํา 1 เหยือก ...................................... 9. สว นสูงของนักเรียน ..................................... 10. น้ําหนักของขาวสาร 1 ถุง ....................................
82 เรอื่ งท่ี 3 การหาพ้ืนทีข่ องรูปเรขาคณติ 1. รปู สามเหล่ยี ม รปู สามเหลย่ี ม คอื รูปปดที่มีดานสามดาน มุมสามมุม เมื่อกําหนดใหดานใดดานหนึ่งเปน ฐานของรูปสามเหลี่ยม แลวมุมที่อยูตรงขามกับฐานจะเปนมุมยอด และถาลากเสนตรงจากมุมยอด มาตง้ั ฉากกบั ฐาน หรือสว นตอของฐานจะเรียกเสนต้งั ฉากวาสวนสูง จากรูปสามเหลี่ยม ABC ใหกาํ หนด BC เปน ฐาน เรยี ก A วา มุมยอด เรียก AD วา สว นสูง จากรูปที่ 1 รปู ที่ 2 รปู ท่ี 3 พน้ื ทรี่ ูปสเ่ี หลี่ยมผืนผา ABCD แตล ะรปู เทา กบั 12 ตารางหนวย และพืน้ ท่สี ามเหล่ียมแตล ะรปู เทากบั ครึง่ หนึ่งของพน้ื ท่ีรูปสี่เหลี่ยมผืนผา จากสตู ร พืน้ ที่รูปส่เี หลี่ยมผนื ผา = ฐาน x สูง ดังนนั้ พื้นท่ีรูปสามเหลีย่ ม = 1 × ฐาน × สงู 2
83 ตัวอยา ง รปู สามเหลย่ี มรูปหนึง่ พ้นื ท่ี 40 ตารางเซนติเมตร และมีฐานยาว 8 เซนติเมตร จะมีความสูง กี่เซนตเิ มตร วธิ ที าํ ใหความสูงของสามเหลี่ยม h เซนตเิ มตร สตู ร พ้ืนท่ี = 1 × ฐาน × สูง 2 40 = 1 × 8 × h 2 40 × 2 = h 8 10 = h ดังนนั้ ความสูงของสามเหลี่ยมเทากับ 10 เซนตเิ มตร แบบฝกหดั 3 1. จงหาพ้นื ทสี่ วนท่แี รเงาของรปู ตอไปนี้ ตัวเลขที่เขียนกํากับดานไวถือเปนความยาวของดาน และมี หนว ยเปน หนว ยความยาว ....................................................................... .................................................................... ....................................................................... ....................................................................... ....................................................................... ....................................................................... ....................................................................... ....................................................................... ....................................................................... ....................................................................... ....................................................................... ....................................................................... ....................................................................... .......................................................................
84 2. รปู สามเหล่ียมหนง่ึ รูปมพี นื้ ท่ี 90 ตารางเซนติเมตร มีฐานยาว 12 เซนติเมตร จะมีความสูง กเี่ ซนตเิ มตร ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. 3. สามเหลี่ยมมุมฉาก ABC มีมุม BAC เปนมุมฉาก และกําหนดความยาวของดานดังรูป จงหาความ ยาวของดาน A ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................
85 4. จงหาพื้นที่ของสวนที่แรเงาของไมฉากรูปสามเหลี่ยม ซึ่งมีขนาดตามรูป (ความยาวที่กําหนดมี หนว ยเปน เซนติเมตร) 30 ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. 2. รปู ส่เี หลี่ยม 2.1 พน้ื ที่ของรูปส่ีเหลี่ยมมุมฉาก บทนยิ าม รปู สเ่ี หลีย่ มมุมฉาก คือ รปู สเ่ี หลยี่ มที่มมี มุ แตล ะมมุ เปน มมุ ฉาก รูปสีเ่ หล่ยี มมมุ ฉากมี 2 ชนดิ คอื ก) รูปสเี่ หล่ยี มจตั ุรสั เปนรูปสเ่ี หลีย่ มมมุ ฉากทีม่ ีดา นทกุ ดานยาวเทา กัน ข) รปู สเี่ หลย่ี มผนื ผา เปน รปู ส่เี หลีย่ มมมุ ฉากทีม่ ีดา นตรงขามยาวเทากัน ถาแบงรูปสี่เหลี่ยมมุมฉากออกเปนตาราง ๆ โดยแบงดานกวางและดานยาวออกเปนสวนๆ เทาๆ กัน แลวลากเสนเช่อื มจุดแบง ดังรปู
86 จากรูปตารางเล็กๆ ท่ีเกดิ จากแบงแตล ะรูป จะมีความกวาง 1 หนว ย และยาว 1 หนว ย คิด เปน พนื้ ท่ี 1 ตารางหนวย การหาพื้นของสี่เหลี่ยมมุมฉากรูปที่ 1 สีเ่ หล่ียมมุมฉากรปู ที่ 1 มีดานกวาง 3 หนว ย ดา นยาว 3 หนวย เมอ่ื แบง แลว ไดจาํ นวนตาราง 9 ตาราง หรือมพี ื้นท่ี 9 ตารางหนว ย ส่ีเหลย่ี มมมุ ฉากรูปท่ี 2 มีดานกวาง 3 หนว ย ดา นยาว 4 หนวย เมอ่ื แบง แลว ไดจาํ นวนตาราง 12 ตาราง หรือมีพื้นที่ 12 ตารางหนว ย การหาพื้นที่ดังกลาว สามารถคํานวณไดจากผลคูณของดานกวางและดานยาว นนั่ คือ พ้ืนที่รูปส่ีเหลยี่ มมมุ ฉาก = ดา นกวา ง x ดา นยาว ในกรณที ่ีเปน รปู สี่เหล่ยี มจัตุรสั จะมีดานกวางเทากับดา นยาว นนั่ คือ พื้นทรี่ ูปสเี่ หลยี่ มมุมฉาก = ดา น x ดา น หรือ พ้ืนท่รี ูปสเ่ี หลี่ยมมมุ ฉาก = (ดา น)2 ตวั อยาง จงหาพน้ื ท่ขี องรูปสเ่ี หลี่ยมตอไปนี้ วธิ ีทํา กวาง x ยาว (ก) พ.ท. สี่เหลี่ยมผืนผา =
87 = 5x8 ตอบ = 40 ตารางหนวย ดงั นัน้ พ้ืนทีส่ ่เี หลีย่ มผนื ผา เทากับ 40 ตารางหนวย (ก) พ.ท. ส่เี หลย่ี มผนื ผา = ดา น x ดา น ตอบ = 4x4 = 16 ตารางเซนตเิ มตร ดงั นนั้ พ้ืนทีส่ ่ีเหลย่ี มผืนผา เทา กับ 16 ตารางเซนตเิ มตร (ก) พ.ท. สเ่ี หลยี่ มผืนผา = (2x3) + (4x7) ตอบ = 6 + 28 = 34 ตารางน้ิว ดังน้นั พนื้ ที่สเี่ หล่ียมผนื ผา เทา กบั 34 ตารางนวิ้ 2.2 พน้ื ท่ขี องรูปส่ีเหลี่ยมดา นขนาน บทนิยาม รูปสเ่ี หลี่ยมดานขนาน คอื รูปสี่เหลี่ยมที่มีดานตรงขามขนานกันสองคู การหาพื้นทีข่ องรูปสเ่ี หลยี่ มดา นขนาน
88 ถา รปู สี่เหลี่ยมดา นขนาน ABCD กาํ หนด a แทนความยาวของดาน AB และ b แทนความ สงู DE จากรูปท่ี 1 ลากเสนทแยงมุม BD และลาก DE ใหต ้งั ฉากกบั AB ดงั รูปท่ี 2 เราสามารถ ใชพ้นื ทข่ี องรปู สามเหลีย่ มหาสูตรพ้นื ทข่ี องรปู ส่เี หลีย่ มดา นขนาน ABCD ไดด งั น้ี พ้ืนที่ของ ABCD เทากบั ผลบวกของพื้นท่ี ABD และพ้นื ที่ CDB เนอ่ื งจาก พ้นื ท่ี ABD เทากับ พน้ื ที่ CDB ดงั น้นั พ้นื ที่ ABCD = 2 เทาของพ้ืนที่ ABD = 2 × 1 × a × b 2 สตู รพน้ื ที่ รปู ส่เี หลยี่ มดา นขนาน = ความยาวของฐาน x ความสูง รูปสเ่ี หล่ียมดานขนานที่มีดา นทุกดา นยาวเทากนั และมุมไมเปน มมุ ฉาก เรียกวา รปู สีเ่ หล่ียม ขนมเปยกปูน ในกรณเี ปน รปู สี่เหลี่ยมขนมเปย กปูน ถา ลากเสน ทแยงมุม แบง รปู สีเ่ หลยี่ มออกเปน รปู สามเหล่ยี มสองรปู และไดส ตู รดังน้ี สูตรพ้นื ท่ี ขนมเปยกปูน = 1 × ผลคูณของเสนทแยงมุม 2 ตัวอยา ง จงหาพ้นื ทข่ี องส่เี หล่ยี มดา นขนาน ABCD วิธที าํ รปู ส่เี หลย่ี มดา นขนาน = ฐาน × สงู ตอบ = AB × AB = 10 × 7 ตารางเซนติเมตร ดังน้ัน พ้นื ทีส่ เ่ี หลย่ี มดา นขนาน ABCD = 70 ตารางเซนติเมตร 2.3 พื้นที่ของรูปสี่เหลี่ยมคางหมู บทนิยาม รูปสี่เหลี่ยมคางหมู คอื รปู ส่เี หล่ยี มท่ีมีดานขนานกนั หน่ึงคูเ ทาน้นั
89 รปู สเ่ี หลยี่ มท้ังสามรูป แตละรูปมีดา นขนานกนั เพียง 1 คูเทา น้นั รปู สามเหลี่ยมทง้ั สามรูปจึง เปนสี่เหลี่ยมคางหมู รูปสเ่ี หลย่ี มรูปที่ 2 มีดานทไ่ี มข นานกัน 1 ดาน ตัง้ ฉากกับดา นคขู นาน เรียกรูปส่ีเหลย่ี มคาง หมนู ี้วา สเี่ หล่ียมคางหมมู ุมฉาก รูปสี่เหลย่ี มรูปที่ 3 มดี า นทีไ่ มข นานกันยาวเทา กัน เรียกรูปสี่เหล่ยี มคางหมนู ีว้ า สี่เหลี่ยม คางหมูหนาจั่ว รปู ส่เี หลย่ี มคางหมู ABCD มดี า น AB ขนานกบั ดา น CD ลาก CE ใหต ้ังฉากกบั AB และลากเสนทแยงมุม AC ดงั รปู ที่ 2 กาํ หนด a แทนความยาวของดาน AB b แทนความยาวของดาน CD c แทนความสูง เราสามารถใชพ้ืนทขี่ องรปู สามเหล่ยี มหาสตู รพน้ื ทข่ี องรปู ส่เี หลย่ี มคางหมู ABCD ไดดงั น้ี พืน้ ที่ ABCD เทา กบั ผลบวกของ พนื้ ท่ี ABC และพืน้ ท่ี ACD จากพ้ืนท่ี ABC = 1×a×c พ้นื ที่ ACD = 2 1 ×b×c ดงั นนั้ พนื้ ที่ ABCE = 2 1 × a × e + 1 × b × e = 1 × c × (a + b) 2 2 2 สตู ร พน้ื ท่ี คางหมู = 1 × สงู × ผลบวกดา นคูขนาน 2
90 ตัวอยาง จงหาพนื้ ท่ีของสีเ่ หล่ียม ABCD วิธีทาํ พื้นทีส่ ่ีเหลย่ี มคางหมู ABCD = 1 × สูง × ผลบวกดานคูขนาน 2 = 1 × DE × (AB + DC) 2 = 1 × 6 × (12 + 8) 2 = 3 × 20 ตารางเซนติเมตร ดังน้นั พื้นทส่ี ่เี หลีย่ มคางหมู ABCD = 60 ตารางเซนติเมตร 2.4 พื้นทขี่ องส่เี หลีย่ มรปู วา ว บทนิยาม รปู สเี่ หลย่ี มรปู วาว คอื รปู สีเ่ หลี่ยมที่มีดา นประชดิ กันยาวเทา กนั สองคู เมื่อลากเสนทแยงมุมของรูปส่ีเหล่ยี มรูปวาว จะพบวา เสนทแยงมุมตัดกันเปนมุมฉาก และ แบง ครง่ึ ซึ่งกนั และกนั การหาพืน้ ท่รี ปู สี่เหลย่ี มรปู วา ว รปู สเ่ี หลย่ี มรูปวาว ABCD มี AB = AD และ BC = CD กาํ หนด a แทนความยาวของเสนทแยงมุม AC b แทนความยาวของเสนทแยงมุม BD เสนทแยงมุม AC และ BD ตัดกันที่จุด E ทําให DE ต้ังฉากกบั AC BE ต้ังฉากกับ AC
91 เราสามารถใชพนื้ ท่ีรปู สามเหลย่ี มหาสูตรพน้ื ท่ีสเ่ี หลี่ยมรูปวา ว ABCD ไดด งั น้ี พืน้ ที่ ABCD เทา กบั ผลบวกของ พน้ื ท่ี ACD และพื้นที่ ABC จาก ABC = 1 × a × 1 × b ADC = 2 2 ดังนน้ั พนื้ ที่ ABCD = 1 × a × 1 × b พืน้ ท่ี ABCD = 2 2 = = 1 × a × 1 × b + 1 × a × 1 × b 2 2 2 2 1 × a × 1 × b + 1 × b 2 2 2 1 × a × b + b 2 2 2 1 ×a×b 2 สูตร พ้นื ท่ีส่ีเหล่ยี มรปู วา ว = 1 × ผลคูณของเสนทแยงมุม 2 ตวั อยา ง จงหาพ้นื ทีร่ ปู สีเ่ หล่ยี มรปู วา ว ABCD ท่ีมี BD =10 เซนติเมตร และ AC =12เซนตเิ มตร วิธที าํ พนื้ ทีร่ ปู วา ว = 1 × ผลคูณของเสนทแยงมุม 2 = 1 × AC × BD 2 = 1 ×12 ×10 ตารางเซนตเิ มตร 2 ดงั นั้น พน้ื ท่ีรูปสี่เหลย่ี มรูปวาว ABCD = 60 ตารางเซนติเมตร
92 2.5 พน้ื ทขี่ องรปู สี่เหล่ียมใดๆ รูปสเี่ หลย่ี มใดๆ เปนรปู ส่ีเหลีย่ มทีไ่ มเ ขา ลกั ษณะของรปู สเี่ หลยี่ มขา งตน การหาพื้นที่อาจทาํ ไดโดยลากเสนทแยงมุม แลวหาพ้นื ที่ของรปู สามเหล่ียมท่เี กดิ ข้นึ จากรปู สเ่ี หลี่ยม ABCD เปน รูปสี่เหลย่ี มใดๆ จากเสนทแยงมุม AC จากจดุ B ลากเสน BE ใหตง้ั ฉากกับ AC D ลากเสน DF ใหตง้ั ฉากกบั AC ซ่งึ เสน BE และ DF เรียกวา เสนก่ิง พืน้ ที่ ABCD เทากบั ผลบวกของ พนื้ ที่ ABC และพื้นท่ี ADC จากพ้ืนท่ี ABC = 1 × AC × BE พืน้ ที่ ABD = 2 1 × AC × DF ดังนนั้ พ้ืนท่ี ABCE = 2 = 1 × AC × BE + 1 × AC × DF 2 2 ( )1 × AC × BE + DF 2 สตู ร พื้นที่ส่เี หลี่ยมใดๆ = 1 × ความยาวของเสนทแยงมุม × ผลบวกของความยาวของเสนกิ่ง 2 ตัวอยาง จงหาพืน้ ทข่ี องรปู ส่ีเหล่ียม ABCD มี AC = 10 เซนติเมตร เสน กงิ่ DF = 7 เซนตเิ มตร และ EB = 5 เซนตเิ มตร วิธีทํา พ้ืนที่ ABCD = 1 × เสนทแยงมุม × ผลบวกของความยาวของเสนกิ่ง 2 = 1 × AC × (BE + DF ) 2 = 1 ×10 × (7 + 5) ตารางเซนตเิ มตร 2 ดังน้นั พน้ื ท่ี ABCD = 60 ตารางเซนติเมตร
93 แบบฝกหัดท่ี 4
94 2. จงหาพ้นื ทสี่ ว นท่ีแรเงา ตวั เลขที่เขียนกํากับไวถือวาเปนความยาวของดานและมีหนวยความยาว เปน เมตร ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268