รายงานสถานการณ์ระบบยา พ.ศ. 2555-2559 (4) เขา้ ไปมสี ว่ นไดเ้ สียในฐานะเปน็ กรรมการ ท่ปี รึกษา ตัวแทน พนกั งานหรอื ลูกจา้ งในธุรกจิ ของเอกชน ซง่ึ อยภู่ ายใต้การกำ�กับ ดูแล ควบคมุ หรือตรวจสอบของหนว่ ยงานของรฐั ทีเ่ จ้าหนา้ ทขี่ องรฐั ผู้นน้ั สงั กดั อยหู่ รอื ปฏบิ ัตหิ นา้ ท่ีในฐานะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งโดยสภาพของผลประโยชน์ของธุรกิจของเอกชนนั้นอาจขดั หรือ แย้งต่อประโยชน์ส่วนรวม หรือประโยชน์ทางราชการ หรือกระทบต่อความมีอิสระในการปฏิบัติหน้าทีข่ อง เจ้าหนา้ ท่ีของรัฐผู้นั้น เจ้าหนา้ ท่ขี องรฐั ตำ�แหนง่ ใดทต่ี อ้ งห้ามมใิ หด้ �ำ เนนิ กจิ การตามวรรคหนึ่ง ใหเ้ ปน็ ไปตามท่ีคณะกรรมการ ป.ป.ช. กำ�หนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา ให้นำ�บทบญั ญัติในวรรคหนึ่งมาใช้บังคบั กบั ค่สู มรสของเจา้ หนา้ ท่ขี องรฐั ตามวรรคสอง โดยให้ถอื ว่าการ ด�ำ เนินกจิ การของคู่สมรสดงั กลา่ ว เปน็ การดำ�เนนิ กจิ การของเจา้ หนา้ ท่ขี องรฐั มาตรา 103 ห้ามมิให้เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ใดรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากบุคคล นอกเหนอื จากทรพั ย์สินหรอื ประโยชน์อันควรได้ตามกฎหมาย หรือกฎ ข้อบังคับที่ออกโดยอาศัยอำ�นาจตามบทบัญญตั ิ แหง่ กฎหมาย เว้นแต่การรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดโดยธรรมจรรยา ตามหลักเกณฑ์และจำ�นวนที่ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ก�ำ หนด บทบัญญัติในวรรคหนึ่งให้ใช้บังคับกับการรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดของผู้ซึ่งพ้นจากการเป็น เจ้าหนา้ ทข่ี องรัฐมาแล้วยงั ไมถ่ ึงสองปดี ว้ ยโดยอนุโลม มาตรา 103/1 บรรดาความผิดที่บัญญัติไว้ในหมวดนี้ให้ถือเป็นความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่หรือ ความผดิ ตอ่ ต�ำ แหนง่ หนา้ ทร่ี าชการหรอื ความผดิ ตอ่ ต�ำ แหนง่ หนา้ ทใ่ี นการยตุ ธิ รรม ตามประมวลกฎหมายอาญาดว้ ย มาตรา 123/5 ผู้ใดให้ ขอให้ หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐ เจ้าหนา้ ทขี่ องรัฐต่างประเทศ หรือเจ้าหนา้ ทีข่ ององคก์ ารระหว่างประเทศ เพ่อื จงู ใจใหก้ ระท�ำ การ ไม่กระท�ำ การ หรอื ประวงิ การกระทำ�อันมชิ อบดว้ ยหนา้ ที่ ตอ้ งระวางโทษจ�ำ คกุ ไม่เกินห้าปี หรอื ปรับไมเ่ กินหนง่ึ แสนบาท หรือ ท้ังจำ�ทง้ั ปรับ ในกรณีท่ีผู้กระทำ�ความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นบุคคลท่ีมีความเกี่ยวข้องกับนิติบุคคลใดและกระทำ�ไป เพอื่ ประโยชนข์ องนติ ิบุคคลนัน้ โดยนิติบุคคลดังกล่าวไม่มีมาตรการควบคุมภายในที่เหมาะสมเพื่อป้องกันมิให้ มีการกระท�ำ ความผิดนน้ั นติ ิบุคคลน้นั มคี วามผิดตามมาตราน้ี และต้องระวางโทษปรบั ต้ังแต่หนึ่งเทา่ แตไ่ ม่เกนิ สองเท่าของค่าเสยี หายทีเ่ กิดขน้ึ หรือประโยชน์ทไ่ี ด้รับ บุคคลทม่ี คี วามเกยี่ วข้องกบั นิติบคุ คลตามวรรคสอง ใหห้ มายความถึง ลกู จา้ ง ตวั แทน บรษิ ทั ในเครือ หรอื บคุ คลใดซึ่งกระท�ำ การเพ่ือหรือในนามของนิติบุคคลนั้น ไม่ว่าจะมอี ำ�นาจหน้าท่ีในการนั้นหรอื ไมก่ ต็ าม คร้ังที่ 7 การสนับสนุนการน�ำ เกณฑ์จริยธรรมไปปฏบิ ัติของคณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทจุ รติ แหง่ ชาติ หรอื ปปช. โดยเฉพาะเมอ่ื ครง้ั ทม่ี ขี อ้ เสนอตอ่ แนวทางการแกป้ ญั หา เก่ียวกับการใชส้ ิทธริ ักษาพยาบาลในระบบสวัสดกิ ารข้าราชการ คณะกรรมการปปช.ชดุ นี้ ได้น�ำ เสนอแนวทาง การแกป้ ัญหา โดยแนวทางหลักในขอ้ 2 ได้เสนอให้มกี ารปฏิบตั ติ ามเกณฑจ์ รยิ ธรรมท่ีเกี่ยวกบั การส่งเสริมการ ขายยา และในการประชุมของกระทรวงสาธารณสุขรว่ มกบั หน่วยงานทีเ่ กี่ยวข้องเพื่อพจิ ารณาข้อเสนอของปปช. ดังกลา่ วเม่อื วนั ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2560 ที่ประชมุ ได้มมี ติเหน็ ชอบกับข้อเสนอของคณะกรรมการป.ป.ช. ดงั น้ี 145
รายงานสถานการณร์ ะบบยา พ.ศ. 2555-2559 ข้อ ขอ้ เสนอของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ข้อเสนอของ 2 ข้อเสนอแนะเชงิ ภารกิจ กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานทเ่ี ก่ียวขอ้ ง 2.1 ใหห้ น่วยงานทเี่ ก่ยี วขอ้ งด�ำ เนินการบงั คบั ใชก้ ฎหมายอย่าง เห็นชอบตามที่คณะกรรมการ จรงิ จงั และเขม้ งวด ป.ป.ช. เสนอ 2.2 ผลักดันให้มีการปฏิบัติตามเกณฑ์จริยธรรมท่ีเกี่ยวกับการ เห็นชอบตามท่ีคณะกรรมการ สง่ เสริมการขายยา ป.ป.ช. เสนอ 2.2.1 ใหก้ ระทรวงสาธารณสุข และคณะกรรมการพัฒนา เห็นชอบตามท่ีคณะกรรมการ ระบบยาแห่งชาติ บังคับใช้เกณฑ์จริยธรรมอย่างเป็น ป.ป.ช. เสนอ รปู ธรรม ประชาสัมพนั ธ์ และปลกู ฝังใหบ้ คุ ลากรและภาค ประชาชนมีความตระหนักรู้ถึงความสำ�คัญของการเสนอ ขายยาอย่างเหมาะสม 2.2.2 ให้สภาวิชาชีพที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการสาธารณสุข เห็นชอบตามที่คณะกรรมการ จัดให้มีเกณฑ์จริยธรรมในส่วนท่ีเก่ียวข้องกับการเสนอ ป.ป.ช. เสนอ ขายยา และการสั่งจ่ายยาในจรรยาบรรณวชิ าชีพ 2.2.3 ให้เกณฑ์จริยธรรมเป็นกลยุทธ์เสริมสร้างธรรมาภิบาล เห็นชอบตามที่คณะกรรมการ ระบบจัดซ้ือและควบคุมค่าใช้จ่ายด้านยาของสถาน ป.ป.ช. เสนอ พยาบาล 2.3 ปลกุ จติ สำ�นกึ บุคลากรทีม่ คี วามเก่ียวข้อง และสง่ เสริมการ มีสว่ นร่วมของภาคประชาชน 2.3.1 ให้หน่วยงานต้นสังกัดประชาสัมพันธ์เผยแพร่ความรู้เก่ียว เห็นชอบตามท่ีคณะกรรมการ กบั เกณฑ์จริยธรรมให้บุคลากรรับทราบ และประกาศ ป.ป.ช. เสนอ เจตนารมณร์ ว่ มกันในการปฏิบตั ิตนตามเกณฑจ์ ริยธรรม 146
รายงานสถานการณ์ระบบยา พ.ศ. 2555-2559 ขอ้ เสนอของ ขอ้ ขอ้ เสนอของคณะกรรมการ ป.ป.ช. กระทรวงสาธารณสขุ และหน่วยงานทีเ่ ก่ยี วขอ้ ง 2.3.2 ให้สถานพยาบาลประชาสัมพันธ์เผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับ เห็นชอบตามที่คณะกรรมการ เกณฑจ์ รยิ ธรรม การสง่ เสริมการขายยา และการใชย้ า ป.ป.ช. เสนอ อย่างสมเหตุผลให้ประชาชนได้รับทราบในรูปแบบของ ส่ือท่มี คี วามเขา้ ใจง่าย สร้างเครือข่ายที่ประกอบไปด้วย บุคลากรในสถานพยาบาลและประชาชน ทำ�การเฝา้ ระวงั และตรวจสอบการส่งเสริมการขายยาและการใช้ยาอย่าง ไมเ่ หมาะสม รวมถึงมีช่องทางในการร้องเรียนและแจ้ง ข้อมูลการกระทำ�ผิดให้แก่หน่วยงานท่ีมีความรับผิดชอบ โดยตรง 2.3.3 ให้กรมบัญชีกลางประชาสัมพันธ์เผยแพร่ความรู้เก่ียวกับ ข้อเสนอเพิ่มเติม โดยขอแกไ้ ข การใช้สิทธิรักษาพยาบาลในระบบสวัสดิการข้าราชการ ข้อความดงั นี้ ให้ผู้ใช้สิทธมิ ีความรู้ ความเข้าใจและปฏิบัตติ นไดอ้ ยา่ งถกู ใ ห้ ก ร ม บั ญ ชี ก ล า ง ตอ้ งเหมาะสม ไมใ่ ช้สทิ ธขิ องตนโดยไมส่ ุจริต ประชาสัมพันธ์เผยแพร่ความ รู้เกี่ยวกับการใช้สิทธิรักษา พยาบาลในระบบสวัสดิการ ขา้ ราชการ ใหผ้ ู้ใชส้ ิทธิมีความ รู้ ความเขา้ ใจและปฏิบตั ติ นได้ อย่างถกู ตอ้ งเหมาะสม ไมใ่ ห้ สิทธขิ องตนถูกใชโ้ ดยไมส่ ุจรติ 2.4 การสร้างมาตรการควบคุมภายในท่ีเหมาะสมของภาค เห็นชอบตามที่คณะกรรมการ เอกชน เพือ่ ป้องกนั การส่งเสรมิ การขายยาทไี่ ม่เหมาะสม ป.ป.ช. เสนอ 147
รายงานสถานการณร์ ะบบยา พ.ศ. 2555-2559 3. ปญั หาส�ำ คญั และแนวทางทค่ี วรเรง่ ด�ำ เนนิ การแก้ไขทง้ั ในระยะสน้ั และในระยะยาว การน�ำ เกณฑจ์ รยิ ธรรมไปสกู่ ารปฏบิ ตั ไิ ดห้ รอื ไมน่ น้ั ขน้ึ กบั วา่ สภาวชิ าชพี และหนว่ ยงานตา่ งๆจะเหน็ ความสำ�คัญ หรอื ไม่ หากสภาวชิ าชพี ไดน้ �ำ เกณฑจ์ รยิ ธรรมฯนผ้ี นวกรวมกบั จรรยาบรรณวชิ าชพี หรอื จรรยาบรรณของหนว่ ยงาน ย่อมจะท�ำ ใหเ้ กณฑจ์ รยิ ธรรมนำ�ไปสู่การปฏิบัตไิ ด้อย่างแทจ้ รงิ และด้วยเหตุท่ียังพบว่าสมาชิกในสภาวิชาชีพและผู้ปฏิบัติงานในหน่วยงานภาครัฐและเอกชนท่ี เก่ียวขอ้ งมเี พยี งบางส่วนเท่านั้นที่รับรู้และเข้าใจเจตนารมณ์ของเกณฑ์จรยิ ธรรมฯ จึงจ�ำ เปน็ ท่ีสภาวิชาชีพและ หนว่ ยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องกับยาและสุขภาพจะต้องเร่งประชาสัมพันธ์ให้สมาชกิ รับทราบ ซ่ึงเปน็ เร่ืองเร่งด่วนเนื่องจากหน่วยงานต่างๆได้ร่วมลงนามรับรองท่ีจะนำ�เกณฑ์จริยธรรมไปสู่การปฏิบัตินั้นนานกว่า สองปแี ลว้ ซ่งึ ทางคณะอนุกรรมการส่งเสริมการใช้ยาอย่างสมเหตุผลกำ�ลังเตรียมการส�ำ รวจการรบั รแู้ ละความ เขา้ ใจตอ่ เกณฑจ์ ริยธรรมฯของสมาชิกของทัง้ 24 หนว่ ยงาน รวมถึงการวิจยั เพือ่ ติดตามและประเมินผลการนำ� เกณฑจ์ รยิ ธรรมฯนไ้ี ปปฏบิ ตั ิ จงึ ควรจดั ใหม้ กี ารส�ำ รวจเปน็ ขอ้ มูลพื้นฐานและควรตดิ ตามด�ำ เนนิ การอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง ในระยะยาวต่อไป ส�ำ หรบั แนวทางการแกป้ ญั หาในระยะยาว สามารถด�ำ เนินการไดด้ ว้ ยการน�ำ เกณฑจ์ ริยธรรมฯไปก�ำ หนด เปน็ เงื่อนไขในข้นั ตอนท่ีสำ�คญั ของระบบยา เชน่ การกำ�หนดใหเ้ ปน็ เง่อื นไขเพื่อขอรบั การประเมนิ เกณฑ์คณุ ภาพ ของโรงพยาบาล การกำ�หนดใหเ้ ป็นเงื่อนไขเพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณหรือค่ารายหวั ของโรงพยาบาล จากทั้ง 3 กองทนุ หรอื การก�ำ หนดเป็นเงื่อนไขให้สั่งซื้อยาจากบริษัทที่ไม่มีเรื่องร้องเรียนเกย่ี วกับจริยธรรมการ ส่งเสริมการขายยาเทา่ นนั้ เอกสารอา้ งองิ คณะกรรมการพฒั นาระบบยาแหง่ ชาต.ิ นโยบายแหง่ ชาตดิ า้ นยา พ.ศ.2554 และยทุ ธศาสตรก์ ารพัฒนาระบบยา แหง่ ชาติพ.ศ. 2555-2559. พมิ พค์ รงั้ ท่ี 1. กรงุ เทพฯ: โรงพมิ พช์ มุ นุมสหกรณก์ ารเกษตร แห่งประเทศไทย; 2554. คณะอนุกรรมการสง่ เสริมการใช้ยาอย่างสมเหตผุ ล คมู่ ือการด�ำ เนินงานโครงการโรงพยาบาลสง่ เสรมิ การใช้ยา อย่างสมเหตุผล กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ชมุ นมุ สหกรณก์ ารเกษตรแหง่ ประเทศไทย. 2558. ประกาศกระทรวงสาธารณสขุ วา่ ดว้ ยเกณฑ์จริยธรรมการจัดซ้ือจดั หายาและการส่งเสรมิ การขายยาและ เวชภัณฑท์ ม่ี ิใช่ยาของกระทรวงสาธารณสขุ พ.ศ.2557”. ลงวันที่ 30 ตุลาคม 2557. ประกาศคณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติเรอื่ ง “เกณฑ์จรยิ ธรรมวา่ ดว้ ยการส่งเสรมิ การขายยาของ ประเทศไทย พ.ศ. 2558”. ลงวันที่ 13 มกราคม 2558. แพทยสภา.ข้อบังคบั แพทยสภาว่าด้วยการรกั ษาจรยิ ธรรมแหง่ วชิ าชพี เวชกรรม พ.ศ. 2549. Available from https://www.tmc.or.th/service_law02_17.php. 148
รายงานสถานการณ์ระบบยา พ.ศ. 2555-2559 แผนงานพฒั นากลไกเฝ้าระวงั ระบบยา (กพย.). คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั . เกณฑ์จรยิ ธรรม ว่าดว้ ยการสง่ เสรมิ การขายยา องคก์ ารอนามัยโลก, 1988. พมิ พ์ครง้ั ท่ี 3. กรงุ เทพฯ:บริษัท ดาต้า เปเปอร์แอนดพ์ ริน้ ท์ จำ�กดั ; 2552. แผนงานพฒั นากลไกเฝ้าระวังระบบยา (กพย.). คณะเภสัชศาสตร์ จฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลยั . ยาวิพากษ.์ จดหมายขา่ วศูนยเ์ ฝ้าระวังระบบยา. ขบวนการการสง่ เสริมการขายยาทีข่ าดจริยธรรม. ปีที่ 1 ฉบับที่ 2 มิถุนายน 2552. แผนงานพัฒนากลไกเฝ้าระวังระบบยา (กพย.). คณะเภสชั ศาสตร์ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั . ยาวพิ ากษ์. จดหมายข่าวศูนยเ์ ฝา้ ระวงั ระบบยา. ร่วมสรา้ งมาตรฐานท่ีดใี นการส่งเสรมิ การขายยา. ปีท่ี 6 ฉบบั ท่ี 24 ธนั วาคม 2557. ส�ำ นกั งานปลดั กระทรวงสาธารณสขุ ศนู ยป์ ฏบิ ตั กิ ารตอ่ ตา้ นทจุ รติ กระทรวงสาธารณสขุ (ศปท.) คมู่ อื ผลประโยชน์ ทบั ซ้อน กรงุ เทพฯ: คอมพ์-อาร์ต. กมุ ภาพันธ์ 2560. สำ�นกั ยา ส�ำ นกั งานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข. เกณฑ์จริยธรรมว่าด้วยการส่งเสริมการ ขายยาของประเทศไทย พ.ศ.2557. กรุงเทพฯ: โรงพมิ พช์ มุ นุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย. กนั ยายน 2557. สมชั ชาสุขภาพแห่งชาตคิ ร้ังที่ 2. ยุติการส่งเสริมการขายยาที่ขาดจริยธรรม : เพื่อลดความสญู เสียทางเศรษฐกจิ และสุขภาพของผปู้ ว่ ย. 18 ธนั วาคม 2552. คน้ จาก http://www.samatcha.org/sites/default/ files/document/0204-Res-2-4.pdf เมอ่ื วนั ที1่ 4 เมษายน 2559. สุนทรี ท.ชัยสมั ฤทธ์ิโชค, นิธมิ า ส่มุ ประดษิ ฐ์และ ณชั ธญา นิลพานชิ ย.์ รายงานการสำ�รวจความคดิ เห็นของ ผ้อู ำ�นวยการและ หัวหนา้ ฝา่ ยเภสัชกรรมในโรงพยาบาลรฐั และโรงพยาบาลเอกชนต่อการสง่ เสรมิ การ ขายยาและมาตรการควบคมุ การส่งเสรมิ การขายยาในโรง พยาบาล, 2554. สนับสนุนโดยแผนงาน พัฒนากลไกเฝา้ ระวังระบบยา คณะเภสัชศาสตรจ์ ุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั . ศ.ดร.ดาราพร ถิระวัฒนแ์ ละคณะ.รายงานฉบบั สมบรู ณโ์ ครงการศกึ ษากฎหมายควบคมุ การส่งเสริมการขายยา ในตา่ งประเทศ, 2553. สญั ญาเลขที่ 51-00-0845/52-8. สนับสนนุ โดยแผนงานพฒั นากลไกเฝา้ ระวงั ระบบยา คณะเภสัชศาสตรจ์ ุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลยั . เอกสารประกอบการประชุมร่วมระหว่างกระทรวงสาธารณสขุ กระทรวงการคลงั กระทรวงกลาโหม กระทรวง พาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยตุ ธิ รรม กระทรวงศกึ ษาธกิ าร สำ�นกั งานตำ�รวจแหง่ ชาติ สำ�นักงานหลกั ประกนั สุขภาพแห่งชาติ สถาบนั วิจยั ระบบสาธารณสุข และหน่วยงานท่ีเกี่ยวขอ้ ง เพ่ือศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของขอ้ เสนอของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการ ทจุ ริตแห่งชาติ เมือ่ วันที่ 21 กรกฎาคม 2560 Viboon Wattananamkul. GiftExchange and “SI” inPharmaceutical Representative andPhycisian Relationships. [the Degree of Doctor of Philosophy (Medical and Health Social Sciences)]. Bangkok. Mahidol University, 2006. 149
รายงานสถานการณ์ระบบยา พ.ศ. 2555-2559 ภาคผนวก 1) ปฏสิ ัมพันธ์ระหว่างบุคลากรกับบริษัทยาหรือผู้แทน ต้องยึดหลักการประพฤติปฏิบัติที่เรยี บรอ้ ย ดีงาม ถูกตอ้ ง เหมาะสมกบั กาลเทศะ และวชิ าชพี 2) ค�ำ นึงถึงเจตนา ความเหมาะสม และผลกระทบกบั มาตรฐานการประกอบวชิ าชพี ในการรบั ส่ิงของใดๆ จากบรษิ ทั ยาหรือผแู้ ทน 3) รบั และส่งั ใช้ตวั อย่างยาหรือยาบริจาค ผา่ นระบบก�ำ กับดูแลของสถานพยาบาล 4) ดำ�เนินการผ่านระบบก�ำ กบั ดูแลของสถานพยาบาล ในการรับการสนับสนุนจากบรษิ ัทยา เพือ่ เขา้ ประชุม อบรม สมั มนา หรือดูงาน 5) เผยแพร่ความรทู้ ีม่ อี ย่างเทยี่ งธรรม โดยอ้างองิ ตามหลักฐานด้านสุขภาพที่เหมาะสม ทั้งแสดงโดยเปดิ เผย ถงึ ผลประโยชนท์ ับซ้อนท่ีอาจคาบเกีย่ วกบั เร่อื งนัน้ 6) เขา้ รว่ มด�ำ เนนิ การวิจัยท่ีถูกต้องตามระเบียบหรือขอ้ ก�ำ หนดของสถานพยาบาล และผา่ นการอนมุ ัติรบั รอง จากคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในคนแล้วเทา่ น้นั 7) ดำ�เนินตนเป็นแบบอย่างที่ดีแก่นิสิต/นักศึกษาถึงปฏิสัมพันธ์ท่เี หมาะสมกบั บริษัทยา ทง้ั สง่ เสริมนโยบาย ก�ำ กบั ดแู ลของสถาบันการศกึ ษาและสถานพยาบาล 8) สง่ เสริมให้สถานพยาบาลมรี ะบบคดั เลือก จัดซ้ือ จดั หายา ที่โปรง่ ใส สุจรติ เปน็ ธรรม ตรวจสอบได้ และอยู่ บนพนื้ ฐานของความสมเหตุผล 9) ด�ำ เนินการผ่านระบบของสถานพยาบาล ในการรบั การสนบั สนนุ จากบรษิ ทั ยา เพอ่ื จดั กจิ กรรมทางวชิ าการ หรอื บริการสขุ ภาพ และก�ำ กับดูแลให้มีวตั ถปุ ระสงค์ทเ่ี หมาะสม 10) ส่งเสริมใหส้ ถานพยาบาลมีระบบตรวจสอบภายในเพื่อติดตาม กำ�กับดูแล รายงานข้อมูลป้อนกลับด้าน จรยิ ธรรมฯ และระบบยกย่องบุคลากรผูเ้ ปน็ แบบอยา่ งที่ดี 150
รายงานสถานการณ์ระบบยา พ.ศ. 2555-2559 1) หลีกเลีย่ งปฏิสมั พนั ธก์ บั บริษทั ยาหรือผู้แทน ทจ่ี ดุ บริการผู้ป่วย 2) ไม่รับของขวญั ของชำ�รว่ ย ทรพั ย์สิน บรกิ าร หรือประโยชนอ์ ันเปน็ สว่ นตวั จากบรษิ ัทยาหรือผแู้ ทน 3) ไม่น�ำ ยาตวั อย่างหรือยาบริจาค ไปใช้เพ่อื ประโยชนส์ ่วนตน หรือนำ�ไปจำ�หนา่ ยแก่ผปู้ ่วย 4) ไม่รับการสนบั สนุนเพ่อื เข้ารว่ มกจิ กรรมทางวิชาการในส่วนที่เกินจำ�เป็น ฟุ่มเฟือย หรือเปน็ การสนบั สนุน ของผู้ติดตามที่ไม่เก่ยี วข้องกับกิจกรรม 5) ไมร่ ับเขียนบทความ เปน็ วทิ ยากร หรือที่ปรึกษาแกบ่ ริษัทยา ถา้ สงสยั วา่ จะมีผลกระทบตอ่ ความน่าเชอื่ ถอื ของตน วิชาชีพ หรือมไิ ด้เป็นไปตามระเบยี บของสถานพยาบาล 6) ไมด่ �ำ เนินการวิจัยหรือเผยแพร่ผลงานวจิ ยั เพียงเพอ่ื ส่งเสรมิ การขายของบริษัทยา มากกว่าการมงุ่ หวังถงึ ประโยชนต์ อ่ วิชาชพี และสังคมเปน็ ส�ำ คัญ 7) ไมอ่ นญุ าตใหน้ สิ ติ /นกั ศกึ ษาทย่ี งั ไมม่ ใี บประกอบวชิ าชพี มปี ฏสิ มั พนั ธใ์ ดๆโดยตรงกบั บรษิ ทั ยาหรอื ผแู้ ทน 8) ไมย่ อมรับการเสนอให้หรือการรับผลประโยชน์ในทุกรูปแบบ เพื่อโน้มน้าวหรอื ตอบแทนการตดั สนิ ใจ คดั เลือก จัดซือ้ จัดหายาของสถานพยาบาล 9) ไม่ยอมรบั ต่อขอ้ ผูกมัดกับการส่งเสริมการขาย หรือการโฆษณาชวนเชื่อแอบแฝงของผู้ให้การสนับสนุน กจิ กรรมทางวชิ าการหรือบรกิ ารสขุ ภาพ 10) ไมเ่ พิกเฉยเม่อื พบเหน็ การละเมิดหรอื พฤติกรรมทีส่ งสยั วา่ ผดิ เกณฑ์ทางจริยธรรมฯในสถานพยาบาล 151
รายงานสถานการณ์ระบบยา พ.ศ. 2555-2559 6.2 การประเมนิ การนำ�เกณฑ์จริยธรรมวา่ ดว้ ยการ สง่ เสริมการขายยาไปปฏบิ ัติในโรงพยาบาลชมุ ชน127 จนั ทร์จรยี ์ ดอกบวั โรงพยาบาลปทมุ ราชวงศา นุศราพร เกษสมบูรณ์ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยขอนแกน่ บทคดั ยอ่ วตั ถุประสงค์: เพ่ือประเมินกระบวนการนำ�นโยบายเกณฑ์จริยธรรมว่าด้วยการส่งเสริมการขายยา ไปสู่การปฏิบตั ใิ นโรงพยาบาลปทมุ ราชวงศา จงั หวัดอำ�นาจเจรญิ วธิ ีการ: การศกึ ษานเ้ี ป็นการวิจยั เชงิ คุณภาพ ผู้วจิ ยั เป็นหัวหน้ากลมุ่ งานเภสชั กรรมในโรงพยาบาลปทมุ ราชวงศาซง่ึ เปน็ สถานทว่ี จิ ยั ผวู้ จิ ยั เกบ็ ขอ้ มลู จากการทบทวน วรรณกรรมทเ่ี กีย่ วขอ้ ง ผลการประเมินตามตัวชี้วัดตามเกณฑ์จริยธรรมฯ บันทึกการประชุมคณะกรรมการ บรหิ ารของโรงพยาบาลปพี .ศ.2557-2558 รายงานประจ�ำ ปขี องกลมุ่ งานเภสชั กรรมปพี .ศ.2557-2558 ตลอดจน การสมั ภาษณผ์ บู้ รหิ ารโรงพยาบาลและหวั หนา้ หนว่ ยงานตา่ งๆในโรงพยาบาลทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การปฏบิ ตั ติ ามเกณฑ์ จริยธรรมฯ นอกจากน้ี ยงั มกี ารสงั เกตการณก์ ารท�ำ งานของบคุ ลากรทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การปฏบิ ตั ติ ามเกณฑจ์ รยิ ธรรมฯ วิเคราะหข์ อ้ มลู โดยใชก้ ารวเิ คราะหเ์ ชงิ เนอ้ื หา ผลการวจิ ยั : โรงพยาบาลปทมุ ราชวงศาประกาศใหเ้ กณฑด์ งั กล่าว เป็นนโยบายขององค์กร และกำ�หนดใหค้ ณะกรรมการเภสชั กรรมและการบ�ำ บดั รบั ผดิ ชอบในการด�ำ เนนิ การตาม เกณฑ์ ตลอดจนให้มีการสื่อสารให้บุคลากรได้รับทราบอย่างทั่วถึง โรงพยาบาลกำ�หนดแนวปฏิบัติเป็น ลายลักษณ์อักษรและมีแนวทางการรายงานผลการปฏิบัติงาน คณะกรรมการเภสัชกรรมและการบำ�บดั จัดระบบการตรวจสอบการดำ�เนินงานตามเกณฑ์ทั้งจากหน่วยงานภายในและหนว่ ยงานภายนอก หลัง 127 บทความนป้ี รบั ปรงุ จากงานศกึ ษาวจิ ยั เร่อื ง “การประเมนิ กระบวนการน�ำ นโยบายเกณฑ์จริยธรรมวา่ ดว้ ยการส่งเสริมการขายยาไปสูก่ ารปฏบิ ตั ใิ น โรงพยาบาลปทมุ ราชวงศา จังหวดั อ�ำ นาจเจริญ” ตพี ิมพ์ใน วารสารเภสชั กรรมไทย ปที 8่ี เล่มท2่ี กค.-ธค.2559 152
รายงานสถานการณ์ระบบยา พ.ศ. 2555-2559 การประกาศใช้เกณฑ์ดังกล่าว การจัดซื้อ-จัดหายาและเวชภัณฑ์ที่มิใช่ยามีมูลค่าการจัดซื้อลดลงเมื่อเทียบกับ แผนจัดซื้อและเทียบกับมูลค่าในปีงบประมาณที่ผ่านมา นโยบายนี้ทำ�ให้การบริหารจัดการการจัดซื้อยาและ เวชภณั ฑ์ที่มิใช่ยามีความโปร่งใสและตรวจสอบไดม้ ากยง่ิ ขน้ึ ผลการประเมนิ ตามตวั ชว้ี ดั วา่ ดว้ ยการจดั ซอ้ื ในระดับ โรงพยาบาลอยู่ในระดับ 4 โดยทโ่ี รงพยาบาลยงั ขาดการด�ำ เนนิ ในสว่ นของการยกยอ่ งเชดิ ชหู นว่ ยงานทป่ี ฏบิ ตั ติ าม เกณฑจ์ รยิ ธรรมฯ และการลงโทษหน่วยงานท่ีไมป่ ฏิบตั ติ ามเกณฑจ์ รยิ ธรรม สรปุ : นโยบายดงั กลา่ วเป็นนโยบาย ท่ีส�ำ คญั สามารถดำ�เนินการได้โดยไมย่ ุ่งยากในโรงพยาบาล ความสำ�เรจ็ ของการนำ�นโยบายไปส่กู ารปฏบิ ตั ิเกดิ จากการเปน็ โรงพยาบาลชุมชนขนาดเล็ก การได้รับการสนับสนุนจากทีมบริหาร การได้รับความร่วมมือจาก บคุ ลากรหลายระดบั การประสานงานทด่ี รี ะหวา่ งหน่วยงาน ความสามารถในการบรหิ ารจดั การและการตดิ ตาม กำ�กบั ตลอดจนความเพยี งพอและครบถ้วนของทรพั ยากรและเทคโนโลยี ขอ้ เสนอแนะ: โรงพยาบาลควรจดั ท�ำ และตดิ ตามดชั นภี าพลกั ษณค์ วามโปรง่ ใสซง่ึ ชว่ ยใหเ้ กดิ กระบวนการ เชดิ ชผู ทู้ �ำ ดแี ละควรมกี ารศึกษาถึงผลกระทบจากการน�ำ นโยบายไปสกู่ ารปฏบิ ตั ิ รวมถงึ ขยายผลการด�ำ เนนิ งานไปสู่ ในระดับจงั หวัดและระดบั เขตตอ่ ไป คำ�สำ�คญั : เกณฑจ์ ริยธรรมการสง่ เสรมิ การขายยา เภสชั กรรมโรงพยาบาล การจดั ซอ้ื ยาและเวชภัณฑ์ บทน�ำ ประเทศไทยประกาศใช้นโยบายแห่งชาติด้านยาฉบับแรกเมื่อปี พ.ศ.2524 โดยมีสาระสำ�คัญคือ นโยบายยาหลักแหง่ ชาติและการพง่ึ ตนเองด้านยา โดยจดั ให้มียาทป่ี ลอดภยั มคี ณุ ภาพดี ในราคาพอสมควร กระจายอยา่ งทวั่ ถึงโดยเฉพาะยาสำ�หรับสาธารณสุขมูลฐาน รวมถึงการพัฒนาอุตสาหกรรมการผลิตยาภายใน ประเทศและการพัฒนายาสมุนไพรและยาแผนโบราณ นโยบายแหง่ ชาติด้านยาฉบับท่ี 2 ในพ.ศ.2536 คงสาระ สำ�คัญตามนโยบายฉบบั เดมิ แตแ่ กไ้ ขเพม่ิ เตมิ ใหค้ รอบคลมุ ถงึ การสนบั สนนุ การใชย้ าตามบญั ชยี าหลกั แหง่ ชาตแิ ละ การคุ้มครองผูบ้ รโิ ภคด้านยา ตอ่ มาคณะกรรมการพฒั นาระบบยาแหง่ ชาตปิ รบั ปรงุ นโยบายแหง่ ชาตดิ า้ นยาผา่ น กระบวนการมสี ว่ นร่วมจากทุกภาคส่วน และอาศัยยุทธศาสตร์ตามมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาตทิ ่เี ก่ยี วขอ้ งจน ได้นโยบายแห่งชาติด้านยา พ.ศ. 2554 และยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบยาแห่งชาติ พ.ศ. 2555-2559 ซึ่งมีจุดมงุ่ หมายใหป้ ระชาชนได้รับบรกิ ารดา้ นยาทไ่ี ดม้ าตรฐาน โดยการประกนั คณุ ภาพ ความปลอดภยั และ ประสทิ ธิผลของยา การสร้างเสรมิ ระบบการใช้ยาอย่างสมเหตุสมผล การส่งเสริมการเข้าถงึ ยาจำ�เป็นใหเ้ ป็นไป อย่างเสมอภาค ยั่งยนื ทันการณ์ การสร้างกลไกการเฝา้ ระวังทมี่ ีประสทิ ธิภาพและอตุ สาหกรรมยามกี ารพฒั นา จนประเทศสามารถพึง่ ตนเอง(1) ได้ เขตเครอื ขา่ ยบริการสุขภาพที่ 10 อันประกอบด้วย 5 จังหวัดได้แก่ อุบลราชธานี อำ�นาจเจริญ มกุ ดาหาร ยโสธร และศรษี ะเกษ ไดป้ ระกาศใช้นโยบายเกณฑ์จริยธรรมว่าด้วยการส่งเสริมการขายยา(2) และ มกี ารน�ำ นโยบายลงสกู่ ารปฏิบัติทุกระดับ ทั้งยังมีการประกาศแนวทางปฏิบัติตามเกณฑ์ดังกล่าวทั้งยาและ เวชภัณฑท์ ีม่ ใิ ชย่ าอกี ด้วย นอกจากนีย้ งั มีการอบรมเจ้าหน้าที่พัสดุและผู้สั่งใช้ยาภายใต้โครงการสร้างเสริมและ 153
รายงานสถานการณ์ระบบยา พ.ศ. 2555-2559 พัฒนาศักยภาพบุคลากรสาธารณสุขตามระบบธรรมาภิบาลในเขตเครือข่ายบรกิ ารสุขภาพที่ 10 จากนน้ั แต่ละ หน่วยงานในเขตเครอื ขา่ ยฯก็ได้ด�ำ เนินการตามแนวทางปฏบิ ตั ิ โรงพยาบาลปทมุ ราชวงศา จังหวัดอ�ำ นาจเจริญ เป็นหน่วยงานหนึ่งที่ได้ดำ�เนินตามการประกาศนโยบายฯน้ันและยังเป็นหนึ่งในโรงพยาบาลนำ�ร่องท่ีดำ�เนิน โครงการ “โรงพยาบาลสง่ เสริมการใช้ยาอยา่ งสมเหตุสมผล” กุญแจส�ำ คญั ของการเปน็ โรงพยาบาลส่งเสรมิ การ ใช้ยาอย่างสมเหตผุ ลมี 6 ประการ กญุ แจดอกที่ 6 คอื การส่งเสริมจรยิ ธรรมและจรรยาบรรณทางการแพทย์ใน การสัง่ ใชย้ า(3) และเกณฑ์น้ีก็เป็นหนึ่งในเกณฑ์การตรวจสอบภายในและเกณฑ์ประเมินประสิทธิภาพในการ บริหารเวชภณั ฑ์ด้วย การประเมนิ การปฏิบัติตามเกณฑ์จริยธรรมฯเป็นเร่ืองท่ลี ะเอยี ดออ่ นและตอ้ งด�ำ เนนิ การ ด้วยความระมดั ระวงั เพอื่ ใหผ้ ลการประเมินเป็นท่นี ่าเชอื่ ถือและสง่ ผลดตี ่อความรว่ มมอื ในการประเมนิ ทีผ่ า่ น มายงั ไมม่ ีการประเมนิ กระบวนการของนโยบายดังกลา่ ว และยังไมม่ ีการประเมินผลจากนโยบายดังกลา่ ว ดงั นน้ั จงึ ตอ้ งมกี ารประเมนิ กระบวนการเชงิ ระบบในการนำ�นโยบายดงั กล่าวมาใช้ และประเมนิ ผลลพั ธ์จากการดำ�เนนิ งานเพอ่ื พฒั นาระบบของหนว่ ยงานตา่ งๆตอ่ ไป วธิ กี ารวจิ ยั การศึกษานใ้ี ช้วิธกี ารวจิ ัยเชิงคณุ ภาพ ดงั มรี ายละเอียดต่อไปน้ ี ผวู้ จิ ยั ประสบการณแ์ ละภมู หิ ลงั ของผวู้ จิ ยั มผี ลอยา่ งมากต่อขอ้ ค้นพบในการวจิ ยั เชงิ คณุ ภาพ ในทน่ี จ้ี งึ ขอกลา่ วถงึ ขอ้ มลู เกย่ี วกบั ผวู้ จิ ยั ชอ่ื แรกโดยสงั เขปเพราะเปน็ ผดู้ �ำ เนนิ การเกบ็ ขอ้ มลู และวเิ คราะหข์ อ้ มลู เปน็ หลกั ผู้วิจัยชื่อแรก เป็นชาวจังหวัดตรงั โดยก�ำ เนิด และรบั ราชการเป็นเภสัชกรโรงพยาบาลปทุมราชวงศาซึ่งเป็นสถานทีว่ จิ ัย ตั้งแตป่ พี .ศ.2542 จนถงึ ปัจจุบัน (พ.ศ.2559) มปี ระสบการณใ์ นการท�ำ งานบรหิ ารเวชภัณฑ์และงานตรวจสอบ ภายในโรงพยาบาลมากว่า 17 ปี ปัจจบุ ันเป็นหัวหนา้ กลุ่มงานเภสชั กรรม รบั ผดิ ชอบงานบริหารเวชภัณฑ์ งาน คมุ้ ครองผบู้ รโิ ภคดา้ นยา งานบรกิ ารเภสชั กรรมผปู้ ว่ ยใน งานคณุ ภาพและงานวชิ าการ และงานเภสชั กรรมปฐมภมู ิ ผวู้ จิ ัย ไดเ้ ขา้ รว่ มอบรมดา้ นระบบการตรวจสอบภายใน งานบริหารเวชภณั ฑ์ และเป็นผู้นเิ ทศงานบรหิ ารเวชภณั ฑแ์ ละ มาตรการความปลอดภยั ดา้ นยาและงานคลงั ท้ังในระดบั จงั หวดั และในระดับเขต ผู้วจิ ัยยงั อยูใ่ นคณะกรรมการ จดั ซอื้ ยาร่วมทั้งในระดับจังหวัดและระดับเขต อีกทัง้ ผู้วิจัยยังเป็นประธานชมรมเภสัชกรโรงพยาบาลชมุ ชน จงั หวดั อำ�นาจเจริญ ผู้วิจัยมีความคนุ้ เคยกับผ้ใู ห้ขอ้ มลู ในโรงพยาบาลเปน็ อย่างดี ด้วยเหตนุ ี้ จึงเชอ่ื วา่ ผใู้ ห้ข้อมลู กลา้ เปิดเผยข้อมลู อยา่ งตรงไปตรงมาและไม่ปิดบัง ท�ำ ให้ผู้วจิ ยั สามารถเข้าถงึ ข้อมูลได้ตามสภาพความเปน็ จริง การเกบ็ ขอ้ มลู ผวู้ ิจัยชือ่ แรกเป็นผู้เก็บข้อมูลด้วยตนเอง โดยเก็บข้อมูลจาก 1. การทบทวนวรรรณกรรมท่เี ก่ยี วข้อง 2. การประเมินตามตวั ชว้ี ัดของเกณฑจ์ รยิ ธรรมฯ ซ่งึ ใชแ้ บบประเมนิ ตวั ชว้ี ัดว่าด้วยการจดั ซอ้ื และจริยธรรมการ ส่งเสริมการขายยาที่ใหผ้ ้เู กย่ี วขอ้ งท�ำ การประเมนิ ตนเอง 3.บนั ทกึ การประชมุ คณะกรรมการบรหิ ารของโรงพยาบาล ปี พ.ศ. 2557-2558 4.รายงานประจำ�ปขี องกล่มุ งานเภสชั กรรมปี พ.ศ.2557-2558 5.การสมั ภาษณผ์ ูบ้ รหิ าร โรงพยาบาลและหัวหน้าหน่วยงานต่างๆในโรงพยาบาลที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติตามเกณฑจ์ ริยธรรมฯ และมี 154
รายงานสถานการณร์ ะบบยา พ.ศ. 2555-2559 ประสบการณ์การท�ำ งานในพน้ื ที่ อย่างน้อย 1 ปี จ�ำ นวน 25 คน 6.การสงั เกตการทำ�งานของบคุ ลากรที่เกย่ี วขอ้ ง กับการปฏิบัตติ ามเกณฑจ์ รยิ ธรรมฯ การวเิ คราะหข์ อ้ มลู ใชก้ ารวิเคราะหเ์ ชงิ เนื้อหา โดยประยุกต์ใชก้ รอบเชงิ วิเคราะห์ policy triangle framework ซ่ึง Gill Walt และ Lucy Gilson ได้นำ�เสนอไว้เพื่อวิเคราะห์นโยบายสาธารณะในประเด็นเนื้อหาของนโยบาย (content) บริบท (context) ผมู้ สี ว่ นไดเ้ สยี ในนโยบายสาธารณะ (actors) และกระบวนการนโยบาย (process)(4) ผลการวจิ ยั ผวู้ จิ ยั น�ำ เสนอผลการวิจัยเปน็ 3 ส่วนคือ 1) บรบิ ทและเน้อื หาของเกณฑจ์ รยิ ธรรมฯ 2) กระบวนการนำ� นโยบายเกณฑ์จรยิ ธรรมฯไปสู่การปฏิบัติในโรงพยาบาล 3) ผลการประเมินกระบวนการนำ�เกณฑ์จริยธรรมฯ ไปสกู่ ารปฏบิ ตั ิ ดังนี้ 1) บริบทและเน้ือหาของเกณฑจ์ รยิ ธรรมฯ ในปพี .ศ.2531 สมัชชาอนามัยโลกมีมติรับรอง “เกณฑจ์ รยิ ธรรมว่าดว้ ยการสง่ เสรมิ การขายยา” เพอ่ื ให้เป็นสิ่งสนับสนุนให้เกิดการใช้ยาอย่างสมเหตุผลและเรียกร้องให้ทุกประเทศทั่วโลกนำ�เกณฑ์จริยธรรมฯน้ีไป ปรับใช้ใหเ้ หมาะสมกับบริบททางสังคมและวัฒนธรรมของประเทศ ในส่วนของประเทศไทยมคี วามพยายาม ในการจัดท�ำ หลกั เกณฑห์ รือแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการส่งเสริมการขายยาหลายครั้ง เริ่มต้นในปีพ.ศ.2537 โดย ส�ำ นักงานคณะกรรมการอาหารและยาไดร้ ว่ มกับภาคีเครอื ขา่ ยตา่ งๆ ด�ำ เนินการพัฒนารา่ งหลักเกณฑ์จริยธรรม วา่ ด้วยการสง่ เสรมิ การขายยาข้นึ มา แต่ก็มิได้มกี ารประกาศหรอื มกี ารนำ�ไปใชแ้ ต่อยา่ งใด ต่อมาในปีพ.ศ.2552 สมัชชาสุขภาพแห่งชาติครง้ั ที่ 2 ไดร้ ับรองมติ “การยตุ กิ ารส่งเสริมการขายยาทขี่ าดจรยิ ธรรมเพอ่ื ลดความสญู เสียทางเศรษฐกิจและสขุ ภาพของผปู้ ว่ ย” ซึ่งตอ่ มาคณะรฐั มนตรีไดม้ ีมติเห็นชอบเม่ือวันท่ี 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2553 ในการน้คี ณะอนุกรรมการการใช้ยาอย่างสมเหตุผลได้มอบหมายให้คณะทำ�งานขับเคลอื่ นยทุ ธศาสตร์ การส่งเสริมจรยิ ธรรมผสู้ ง่ั ใชย้ าและยตุ ิการส่งเสรมิ การขายยาท่ขี าดจริยธรรมจัดทำ� “เกณฑ์จรยิ ธรรมว่าด้วยการ สง่ เสรมิ การขายยาของประเทศไทย” และตอ่ มาคณะอนกุ รรมการการใช้ยาอยา่ งสมเหตผุ ลกไ็ ดใ้ หค้ วามเห็นชอบ เกณฑด์ งั กล่าว หลังจากผา่ นการรบั ฟงั ความคดิ เหน็ จากทกุ ภาคส่วนทัง้ ภาครฐั ภาควชิ าชีพ ภาคการศกึ ษาและ ภาคอุตสาหกรรมยาแล้ว สดุ ทา้ ยไดม้ ีการน�ำ เสนอเกณฑ์นี้ต่อคณะกรรมการพัฒนาระบบยาแหง่ ชาติและมี มตเิ หน็ ชอบเม่ือวนั ท่ี 9 สิงหาคม พ.ศ.2555 เกณฑ์นนี้ บั เปน็ เกณฑ์จริยธรรมวา่ ดว้ ยการสง่ เสริมการขายยาฉบบั แรกของประเทศไทย และกระทรวงสาธารณสุขเปน็ หน่วยงานแรกที่นำ�เกณฑ์นี้มาจดั ท�ำ เป็น “ประกาศกระทรวง สาธารณสุขว่าด้วยเกณฑ์จริยธรรมการจัดซ้ือจัดหาและการส่งเสริมการขายยาและเวชภัณฑ์ที่มิใช่ยาของ กระทรวงสาธารณสขุ พ.ศ.2557” ซ่งึ หนว่ ยงานในสงั กดั ตอ้ งจัดท�ำ แนวทางปฏบิ ัติตามเกณฑน์ แ้ี ละประกาศเป็น ลายลกั ษณอ์ ักษรไว้ในท่เี ปิดเผยนบั ตั้งแตเ่ ดือนมกราคม 2558 เป็นต้นไป พร้อมกันนยี้ ังมปี ระกาศคณะกรรมการ พฒั นาระบบยาแห่งชาตเิ รือ่ งเกณฑจ์ ริยธรรมว่าดว้ ยการสง่ เสริมการขายยาของประเทศไทย พ.ศ.2558 เป็นแนว ปฏบิ ตั ใิ นการส่งเสรมิ ธรรมาภิบาลในระบบยาของประเทศอีกดว้ ย(3) เกณฑ์จริยธรรมฯฉบับนปี้ ระกอบดว้ ยเนอ้ื หา 7 หมวด ไดแ้ ก่ คำ�นิยาม ผสู้ ่งั ใชย้ า ผู้บริหารหรอื ผู้มอี ำ�นาจ เภสชั กร บริษัทยาและผู้แทนยา สถานพยาบาลและสถานบริการเภสัชกรรมหรือหน่วยงาน และสถานศึกษา เกณฑจ์ รยิ ธรรมฯ มกี ารก�ำ หนดกล่มุ เปา้ หมายหลักและข้อพึงปฏิบตั ิของแตล่ ะกล่มุ ไว้โดยยอ่ ดงั น้ี 1) ผู้ประกอบ 155
รายงานสถานการณ์ระบบยา พ.ศ. 2555-2559 วิชาชีพด้านสุขภาพและผู้เก่ียวข้องในการจัดซื้อจัดหายาของโรงพยาบาลไม่พึงรับเงินหรือส่ิงของใดๆจากการ สง่ เสริมการขายเปน็ การสว่ นตวั 2) สถานพยาบาลและสถานศกึ ษาพงึ จดั ใหม้ รี ะบบรองรบั ในการรับการสนบั สนนุ ใดๆจากบริษัทยา/ผู้แทนยาที่หน่วยงานต้นสังกัดรับรู้ 3) บริษัทยาพึงจัดกิจกรรมการส่งเสริมการขายยาทม่ี ุ่ง ประโยชนต์ อ่ ผูป้ ว่ ยเป็นสำ�คัญ ไมพ่ ึงให้ขอ้ มูลหรือค�ำ แนะนำ�แกผ่ ู้ป่วยหรอื สาธารณชนในเชิงโฆษณาหรือสง่ เสรมิ การขายยาเกนิ ความจรงิ และ 4) ผู้แทนยาพงึ เสนอขอ้ มลู ความร้เู กี่ยวกับยาท่ีทนั สมยั ถูกตอ้ ง ครบถว้ นและมี หลักฐานทางวชิ าการท่เี ชือ่ ถอื ได(้ 2) 2) กระบวนการน�ำ นโยบายเกณฑ์จรยิ ธรรมฯไปสกู่ ารปฏิบตั ใิ นโรงพยาบาล หลังจากทป่ี ระกาศกระทรวงว่าด้วยเกณฑ์จรยิ ธรรมฯมผี ลบงั คบั ใชน้ น้ั ทกุ หนว่ ยงานในสงั กดั เขตบริการ เครือข่ายสขุ ภาพที่ 10 อันประกอบไปด้วย 5 จังหวดั ได้แก่ อุบลราชธานี ศรสี ะเกษ มกุ ดาหาร ยโสธรและ อ�ำ นาจเจริญ ไดจ้ ดั ตั้งคณะท�ำ งานและมีการประกาศเขตบริการสุขภาพท่ี 10 เร่ือง แนวทางปฏบิ ตั ติ ามเกณฑ์ จริยธรรมการจัดซื้อจัดหายาและการส่งเสริมการขายยาและเวชภัณฑ์ที่มิใช่ยา ณ วันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ.2557 ลงนามโดยผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมทั้งจัดโครงการอบรมสร้างเสริมและพฒั นา ศกั ยภาพบคุ ลากรสาธารณสขุ ตามระบบธรรมาภิบาล เม่อื วนั ที่ 3 เมษายน พ.ศ.2558 กลมุ่ เปา้ หมายของการ อบรมคือ ผู้อำ�นวยการโรงพยาบาล สาธารณสขุ อ�ำ เภอ และเจ้าหน้าที่พัสดุในแต่ละหน่วยงานในพ้ืนท่ี ส�ำ นกั งานสาธารณสุขจังหวัดในนามคณะกรรมการเภสัชกรรมและการบำ�บัดจังหวัดอำ�นาจเจริญ ได้ แตง่ ต้งั คณะกรรมการตรวจประเมินการปฏิบัติตามเกณฑ์จริยธรรมฯแบบไขว้ ทั้งในเครือข่ายระดับเขตและ ระดับจังหวัด คณะกรรมการฯทำ�การประเมินไขว้ปีละ 2 ครั้ง ทั้งนี้เพื่อให้เกิดกระบวนการดำ�เนินงานที่ โปร่งใสและตรวจสอบได้ โดยกำ�หนดเกณฑจ์ ริยธรรมฯเปน็ หนง่ึ ในเกณฑ์ตรวจสอบภายในประจ�ำ ปีและเกณฑ์ ในการประเมินการดำ�เนินการตามมาตรการด้านยาและการบริหารเวชภัณฑ์ซึ่งกำ�หนดข้ึนโดยคณะกรรมการ ผ้เู ช่ยี วชาญดา้ นเภสัชกรรมเขตบริการสุขภาพท่ี 10 เกณฑก์ ารประเมินประกอบดว้ ย 9 ดา้ น คือ ระบบบรหิ าร จดั การยาและเวชภณั ฑ์ การคดั เลอื ก การจดั ซอ้ื และคลงั เวชภณั ฑ์ การตรวจรบั การควบคมุ /เกบ็ รกั ษา การเบิกจ่าย การใช้ ระบบรายงาน และการตรวจสอบ ซง่ึ ต่อมาได้เพ่มิ ดา้ นที่ 10 คอื เกณฑ์จรยิ ธรรม เพอ่ื ให้สอดคล้องกบั นโยบายที่ทางเขตประกาศใช้ จากผลการประเมนิ พบว่า โรงพยาบาลปทุมราชวงศาผ่านเกณฑท์ ้ัง 10 ด้าน ได้ คะแนนรอ้ ยละ 95.76 โรงพยาบาลปทุมราชวงศาเป็นโรงพยาบาลชุมชนขนาด 30 เตียง ตั้งอยู่ในเขตจังหวัดอำ�นาจเจริญ รับผิดชอบประชากร 47,864 คน มีอัตราการหมุนเวียนแพทย์เป็นประจำ�ทุกๆ 2 ปี เมื่อรับนโยบายเรื่อง เกณฑจ์ ริยธรรมฯ คณะกรรมการบริหารโรงพยาบาลโดยผู้อำ�นวยการโรงพยาบาลได้มอบหมายให้ คณะกรรมการเภสัชกรรมและการบำ�บดั เปน็ ผู้รบั ผดิ ชอบในการด�ำ เนินโครงการนี้ โดยมีเภสชั กรเป็นเลขานกุ าร และให้รายงานผลการด�ำ เนนิ การใหก้ บั คณะกรรมการบรหิ ารโรงพยาบาลทราบเป็นระยะๆ โรงพยาบาลไดอ้ อก ประกาศเป็นนโยบายของโรงพยาบาลปทุมราชวงศา เรอ่ื ง “แนวทางปฏิบัตติ ามเกณฑจ์ รยิ ธรรมการจัดซอื้ จดั หา ยาและการส่งเสริมการขายยาและเวชภณั ฑท์ ม่ี ใิ ช่ยา” โรงพยาบาลสอ่ื สารให้บคุ ลากรรบั ทราบแนวทางปฏบิ ัตนิ ้ี อย่างท่ัวถึง ตง้ั แต่ระดบั หวั หนา้ หนว่ ยงานจนถึงระดับผูป้ ฏบิ ัติ โรงพยาบาลแต่งตั้งคณะกรรมการติดตามและประเมินผลทั้งจากบุคลากรภายในโรงพยาบาลและจาก บุคลากรภายนอกโรงพยาบาล คณะกรรมการชดุ น้ปี ระเมินการดำ�เนินงานตามนโยบายปีละ ๒ ครั้ง การประเมิน เนน้ ในส่วนของระบบการจดั ซื้อจัดหายาและเวชภัณฑ์ที่มิใช่ยา ซึ่งต้องมีความโปรง่ ใสและสามารถตรวจสอบได้ 156
รายงานสถานการณร์ ะบบยา พ.ศ. 2555-2559 โรงพยาบาลมีการวางระบบเพ่ือความปลอดภัยจากการใช้ยาและเพิ่มความเข้มงวดในการกำ�กับดูแลตาม ระเบยี บส�ำ นักนายกรัฐมนตรีฯ และปฏิบัติตามแนวทางมาตรการปฏิรูประบบบริหารเวชภัณฑ์ โรงพยาบาล จดั ทำ�เกณฑ์การคดั เลือกยาเข้า-ออกจากบัญชีโรงพยาบาลที่ชัดเจน มีคณะกรรมการขอความเห็นชอบจาก ผูอ้ ำ�นวยการโรงพยาบาลกอ่ นซื้อ/จา้ ง คณะกรรมการดงั กลา่ วประกอบด้วยทีมสหสาขาวิชาชพี โดยมีแพทยเ์ ป็น ประธานกรรมการ เภสชั กรทำ�หน้าที่เลขานุการ และอนุมัติการสั่งซื้อโดยผู้อำ�นวยการโรงพยาบาล นอกจากน้ี โรงพยาบาลยงั มคี ณะกรรมการกำ�หนดราคากลางเพอ่ื ปอ้ งกนั การกำ�หนดคณุ ลกั ษณะทเ่ี ออ้ื ตอ่ บรษิ ทั ใดบริษัทหนึ่ง โรงพยาบาลมกี ารด�ำ เนินการจัดซื้อยาร่วมกันทั้งในระดับจังหวัดและระดบั เขต อีกทั้งมีการจัดซือ้ ยาดว้ ยวธิ ีการ สอบราคาเพอ่ื จัดซ้อื ยาทีไ่ ม่ได้จัดซือ้ ร่วมกันในระดบั จังหวดั ด้วย ในส่วนของการจัดกิจกรรมให้ความรู้ด้านสุขภาพและจัดประชุมวิชาการในบริเวณโรงพยาบาลน้ัน คณะกรรมการเภสัชกรรมและการบำ�บดั ไมอ่ นุญาตให้จัดกจิ กรรมฯทีม่ กี ารระบหุ รือกลา่ วถงึ ชอ่ื ทางการค้า ในประเด็นเกย่ี วกบั การสง่ เสริมการขาย พบว่า หน่วยงานไมอ่ นญุ าตให้ผ้แู ทนหรอื พนักงานขายยาและ เวชภัณฑ์ทีม่ ิใช่ยาเข้าพบบคุ ลากรในระหวา่ งปฏิบตั ิหน้าท่ใี ห้บรกิ ารผปู้ ว่ ย หรอื เขา้ พบนิสิตนักศกึ ษาทศ่ี กึ ษาหรือ ฝกึ ปฏิบัตงิ านในโรงพยาบาลปทมุ ราชวงศา เพอ่ื การโฆษณาหรอื การสง่ เสรมิ การขาย โรงพยาบาลก�ำ หนดชว่ งเวลา ในการเข้าพบชัดเจน พร้อมทง้ั ตดิ ปา้ ยหนา้ หนว่ ยงานใหผ้ แู้ ทนเหน็ ชดั เจนและไมใ่ หผ้ แู้ ทนเขา้ พบนอกเวลาทก่ี �ำ หนด การด�ำ เนนิ งานทผ่ี า่ นมา พบวา่ ผแู้ ทนเขา้ พบตามชว่ งเวลาทก่ี �ำ หนด และไมม่ กี ารวางยาตวั อย่างในโรงพยาบาล ส่วนระบบการตรวจสอบการสง่ั ใช้ยาของโรงพยาบาล (drug use review) ดำ�เนนิ การโดยคณะกรรมการ เภสัชกรรมและการบำ�บดั คณะกรรมการฯไดก้ �ำ หนดเกณฑส์ ำ�หรบั ตรวจสอบการสง่ั ใช้ยาของโรงพยาบาล โดย เน้นเกณฑส์ ำ�หรับกลุ่มยาทม่ี ีราคาแพง และยาที่มีปริมาณการสั่งใช้มากในแต่ละปี โรงพยาบาลมนี โยบายที่ สำ�คญั คือ เน้นการใช้ยาอยา่ งสมเหตุสมผลโดยส่งเสริมใหใ้ ช้ยาในบัญชียาหลักแห่งชาติ ผลการด�ำ เนินการพบว่า มีการทบทวนการใชย้ าอย่างสมเหตสุ มผลตามบัญชียาหลักแห่งชาติ เชน่ การใช้ยา omeprazole ในการป้องกัน ภาวะเลอื ดออกในระบบทางเดินอาหารจากยาแกป้ วดกลุ่ม NSAIDs จากเกณฑ์ทค่ี ณะกรรมการก�ำ หนดคอื ให้ แพทย์สงั่ ใช้ครง้ั ละ 1 เม็ด วันละ 1 ครงั้ ก่อนอาหารเชา้ แทนการส่งั ใชค้ ร้ังละ 1 เมด็ วันละ 2 คร้ัง กอ่ นอาหาร เชา้ -เย็น นอกจากน้ี คณะกรรมการฯได้ปรับเปลยี่ นการสง่ั ใช้ยาลดความดันโลหิตสูงทอ่ี ยใู่ นบัญชียาหลกั แหง่ ชาติ เช่น amlodipine 5 mg แทนการสงั่ ใชย้ า nifedipine 20 mg SR โรงพยาบาลพยายามลดรายการยาท่ไี ม่ใชย่ า ในบญั ชยี าหลกั ฯลง และผูส้ ัง่ ใชย้ าต้องระบเุ หตุผลทกุ คร้งั ทีม่ กี ารส่งั ใชย้ านอกบัญชยี าหลักแหง่ ชาติ การทบทวนการใชย้ าอย่างสมเหตสุ มผลตามบัญชียาหลกั แหง่ ชาติ พบประเดน็ ส�ำ คัญ เช่น แพทย์สง่ั ใช้ ยาสตู รผสม (พาราเซตามอลและยาคลายกล้ามเนอ้ื ) ร่วมกบั ยาพาราเซตามอล ทำ�ให้ผ้ปู ่วยเส่ียงตอ่ การได้รับ ยาพาราเซตามอลเกนิ ขนาด ดงั นน้ั คณะกรรมการจึงตดั ยาสตู รผสมออก และใชย้ าสมุนไพร “เถาวลั ยเ์ ปรียง” ทดแทนยาเดิม และคณะกรรมการฯได้กำ�หนดให้การใช้ยาพาราเซตามอลต้องอยู่ในขนาดที่เหมาะสมเพ่อื ป้องกนั การเกดิ พษิ ตอ่ ตับ คือ จากเดิมมีการสง่ั ใช้พาราเซตามอล 500 มลิ ลิกรัม กนิ ครั้งละ 2 เม็ดเฉพาะเวลาท่ี มอี าการปวดหรอื มีไข้ ทกุ 4-6 ชว่ั โมง เปลย่ี นเปน็ 325 mg กนิ ครง้ั ละ 2 เม็ดเฉพาะเวลาที่มีอาการปวดหรือมไี ข้ ทกุ 4-6 ช่วั โมง นอกจากนี้ โรงพยาบาลได้กำ�หนดนโยบายสง่ เสรมิ การใชย้ าปฏชิ ีวนะอยา่ งสมเหตุสมผลใน 3 โรคหลกั คอื หวดั ท้องรว่ ง และแผลเลอื ดออก และนโยบายการสั่งใชย้ าสมนุ ไพรทดแทนยาแผนปจั จุบนั ให้มากขึ้น ทำ�ให้ มกี ารใช้ยาสมุนไพรเพมิ่ มากขนึ้ ร้อยละ 19.66 157
รายงานสถานการณ์ระบบยา พ.ศ. 2555-2559 ในสว่ นนโยบายการติดตามประเมินการใช้ยาที่ต้องเฝ้าระวังหรือมมี ลู คา่ สงู พบวา่ งานบริการผปู้ ่วย นอกมีรายการยาทต่ี อ้ งประเมนิ ทงั้ สนิ้ 10 รายการ ผลการประเมนิ พบว่าแพทย์มีการสงั่ ใชย้ าเป็นไปตามเกณฑท์ ี่ ก�ำ หนดร้อยละ 100 ส่วนงานบรกิ ารผูป้ ่วยใน มีรายการยาที่ประเมนิ ท้ังสิ้น 2 รายการ ได้แก่ ยาฉดี ceftazidime 1 กรัมและยาฉีด ciprofloxacin 200 มิลลิกรัม ผลการประเมนิ พบวา่ การส่งั ใช้ยาฉดี ciprofloxacin มีความสม เหตุผลรอ้ ยละ 90 และการสั่งใช้ยาฉีด ceftazidime มคี วามสมเหตผุ ลร้อยละ 86.96 เมอื่ วิเคราะห์ในส่วนของกระบวนการนโยบายข้างต้น พบว่า ผู้มีส่วนได้เสียของนโยบายสนับสนนุ การนำ�นโยบายดงั กล่าวลงสกู่ ารปฏบิ ัติ ไมว่ า่ จะเป็นตง้ั แต่ระดบั เขต ระดบั จงั หวัด จนกระท่งั ในระดับโรงพยาบาล ผู้บริหารของโรงพยาบาลมีความชัดเจนในการนำ�กระบวนการนโยบายลงสู่การปฏิบัติ โดยคณะกรรมการ เภสชั กรรมและการบ�ำ บัด ไดจ้ ดั อบรม/ประชมุ ชแี้ จง ทำ�ความเข้าใจในนโยบายเกณฑจ์ รยิ ธรรมฯ ให้กับผู้ปฏบิ ัติ สง่ ผลให้โรงพยาบาลสามารถด�ำ เนินการตามนโยบายได้ดว้ ยดี และทกุ หนว่ ยงานใหค้ วามรว่ มมือ ด้วยข้อบงั คบั ในระเบยี บการจัดซ้อื -จดั หา ระบบการตรวจสอบภายในด้วยกนั เอง การปรับเปลยี่ นกระบวนการในการด�ำ เนนิ งานจัดซื้อ-จัดหา การมรี ะบบการรายงาน ประเมนิ ผล ควบคุมกำ�กบั รวมทัง้ กระบวนการตรวจสอบภายในจาก บุคคลภายนอก ส่งผลใหก้ ารนำ�นโยบายดังกล่าวลงสกู่ ารปฏบิ ตั ิในทุกๆหน่วยงานเป็นไปอย่างต่อเนื่อง 3) ผลการประเมนิ กระบวนการนำ�เกณฑจ์ รยิ ธรรมฯไปสกู่ ารปฏิบัติ คณะกรรมการเภสัชกรรมและการบำ�บัดของโรงพยาบาลได้จัดทำ�แนวทางการรายงานและติดตามผล การปฏบิ ตั ิในประเดน็ การจัดซื้อ-จัดหายาและเวชภณั ฑ์ที่มิใชย่ า การประเมินผลพบวา่ มูลคา่ การจัดซอ้ื ยา วสั ดุ การแพทยแ์ ละวัสดวุ ทิ ยาศาสตรใ์ นปงี บประมาณ 2558 ลดลงเมื่อเทยี บกับมูลคา่ ท่รี ะบุในแผนการจดั ซอื้ รอ้ ย ละ 8.42, 2.66 และ 17.53 ตามล�ำ ดับ และยังลดลงเมอ่ื เทยี บกบั มลู ค่าในปงี บประมาณ 2557 ร้อยละ 10.05, 25.53 และ 53.10 ตามลำ�ดับ ดงั แสดงในตารางท่ี 1 แตว่ สั ดทุ ันตกรรมมีมลู ค่าการจดั ซือ้ เพิม่ ขน้ึ เม่อื เทียบกับปี 2557 อยูร่ อ้ ยละ 26.68.68 และเพิม่ ขนึ้ ร้อยละ 12.11 เทยี บกับมลู ค่าท่ีระบุในแผนการจดั ซ้ือ นอกจากน้ผี ลของการมรี ะบบการไม่รบั สงิ่ สนบั สนุน ของขวัญและบริการทโี่ ปร่งใส ตรวจสอบได้ ส่งผล ให้ตน้ ทนุ คา่ ยาและเวชภัณฑท์ ีม่ ิใช่ยาต่อผู้ป่วย 1 ราย ลดลงจาก 101.67 บาทในปี 2557 เหลอื 67.17 บาทใน ปี 2558 ในส่วนของการรวมศนู ย์จัดซอ้ื ยาและเวชภัณฑท์ ่ีมใิ ช่ยารว่ มกันท้ังในระดับเขตและระดับจงั หวดั พบวา่ เพมิ่ ข้นึ จากรอ้ ยละ 7.61 ของมลู คา่ การจดั ซือ้ ทงั้ หมดในปี 2557 เป็นรอ้ ยละ 27.47 ของมลู คา่ การจัดซ้อื ท้ังหมด ในปี 2558 ดงั แสดงในตารางท่ี 2 นอกจากนโี้ รงพยาบาลยงั มีการจดั ซือ้ ด้วยวธิ ีการสอบราคายารวมทั้งส้ิน 5 รายการในปี 2558 ในขณะทใ่ี นปี 2557 ไมม่ ีการสอบราคา (มแี ตว่ ธิ ีตกลงราคา) ทำ�ใหก้ ารด�ำ เนินการจัดซื้อยา เปน็ ระบบและโปรง่ ใสมากขึ้น ตารางที่ 1 มูลคา่ การจัดซื้อยาและเวชภณั ฑม์ ใิ ช่ยาในปี 2557-2558 รายการ มลู ค่าการจดั ซือ้ จรงิ (บาท) มลู คา่ ปี 2558 มลู ค่าตาม รอ้ ยละที่ 2557 2558 เมื่อเทียบกับปี แผนปี 2558 คลาดเคลือ่ น ยา วัสดุการแพทย์ 2557 จากแผน วสั ดวุ ทิ ยาศาสตร ์ 8,410,247.52 7,564,943.99 -10.05 8,260,432.28 -8.42 วสั ดุทันตกรรม 2,950,786.49 2,350,561.33 -25.53 2,414,899.90 -2.66 5,653,030.00 3,692,330.30 -53.10 4,477,394.90 -17.53 590,223.81 747,690.29 +26.68 666,870.00 +12.11 158
รายงานสถานการณ์ระบบยา พ.ศ. 2555-2559 ตารางท่ี 2 มลู คา่ การจัดซ้อื ยารว่ มในระดบั เขตและระดบั จงั หวัด ในปี 2557 และ 2558 วธิ กี ารจดั ซ้อื ยา มลู คา่ การจัดซ้อื (บาท) 2557 2558 การจดั ซอ้ื ยาร่วมเขต 639,697.72 1,947,786.40 การจดั ซื้อยารว่ มจงั หวดั - 130,269.00 การจัดซื้อยาทง้ั หมด 8,410,247.52 7,564,943.99 ร้อยละการจดั ซ้ือยาร่วม 7.61 27.47 ในส่วนของการประเมินตามตัวชี้วัดผลการดำ�เนินงานในระดับโรงพยาบาลว่าด้วยการจัดซ้ือและ จรยิ ธรรมการสง่ เสริมการขายยานนั้ ผลการประเมินพบว่า ระดบั ที่ประเมินไดข้ องโรงพยาบาลปทุมราชวงศา คอื ระดับ 4 ซ่งึ รายละเอยี ดระดบั 4 หมายถงึ ทางโรงพยาบาลมกี ารกำ�หนดแนวปฏิบตั ติ ามเกณฑ์จริยธรรมในระดับ ท่ี 2 เปน็ ลายลักษณ์อักษรและมีแนวทางเพื่อการรายงานและการติดตามการปฏิบัติครบถ้วนแล้วทั้ง 7 ข้อ รวมทั้งมรี ะบบประเมินและปรบั ปรงุ กระบวนงานเปน็ บางขอ้ แต่ในสว่ นของผลการประเมินยงั พบส่วนทีต่ ้องเตมิ เตม็ เพือ่ ใหบ้ รรลุถึงระดบั ท่ี 5 โดยยังขาดในส่วนของการยกย่องเชิดชูหน่วยงานที่ปฏิบัติตามเกณฑ์จรยิ ธรรมฯ และมีกระบวนการลงโทษในหนว่ ยงานท่ไี มป่ ฏิบัติตามเกณฑ์จรยิ ธรรมฯ สรปุ และอภปิ รายผล โรงพยาบาลปทุมราชวงศาดำ�เนินการตามนโยบายเกณฑ์จริยธรรมว่าด้วยการส่งเสริมการขายยาและ เวชภัณฑท์ ม่ี ิใช่ยา และมกี ารประเมนิ การน�ำ นโยบายไปปฏบิ ตั ิ ผลการประเมนิ พบวา่ โรงพยาบาลมกี ลไกในการ ขบั เคล่ือน คอื มกี ารแต่งตงั้ คณะกรรมการทรี่ บั ผิดชอบอย่างชัดเจน คณะกรรมการฯกำ�หนดแนวปฏิบัตทิ ่ีรองรบั การขับเคล่ือนงานไดอ้ ย่างสอดคลอ้ งกบั เกณฑจ์ รยิ ธรรมฯ คณะกรรมการบริหารโรงพยาบาลให้การสนับสนนุ การดำ�เนนิ งานเปน็ อยา่ งดี ทีมงานทุกระดบั ให้ความรว่ มมอื ในการดำ�เนนิ งานอยา่ งเหมาะสม และมกี ารตดิ ตาม ผลการด�ำ เนนิ งานและปรับปรงุ กระบวนการท�ำ งานเป็นระยะด้วย ความส�ำ เรจ็ ของการนำ�นโยบายไปปฏิบัติในโรงพยาบาลปทุมราชวงศานั้น นอกจากจะขึ้นกับขนาด ขององค์กรที่เป็นองค์กรขนาดเล็ก (ทำ�ให้สามารถบริหารจัดการง่าย) ความร่วมมือของทีมงานในโรงพยาบาล การประสานงานระหว่างหน่วยงาน ความสามารถในการบริหารจัดการ และการติดตามกำ�กับแลว้ ยงั ข้นึ กบั นโยบายท่ีมีเป้าประสงคท์ ชี่ ดั เจน สง่ ผลใหเ้ กิดการยอมรับและไดร้ บั ความร่วมมอื มกี ารการสือ่ สารนโยบายอย่าง ต่อเนื่องจากทมี งานผบู้ ริหารของโรงพยาบาลไปยงั เจา้ หนา้ ทีร่ ะดับปฏบิ ตั ิ และมีการดำ�เนินงานตามแผนรวมถึง มกี ารตดิ ตามประเมนิ และปรบั ปรงุ กระบวนการท�ำ งานเปน็ ระยะดว้ ย ซง่ึ สอดคลอ้ งกับทัศนะของ Theodoulou และ Kofinis(5) ทีก่ ล่าววา่ การนำ�นโยบายไปสูก่ ารปฏบิ ตั มิ ีความทา้ ทาย 3 ประการ คือ เปา้ ประสงคข์ องนโยบายที่ ชัดเจน มขี มุ ปญั ญาส�ำ หรับสารสนเทศ และมีแผนยุทธศาสตร์หรอื กลยุทธ์ของนโยบาย 159
รายงานสถานการณร์ ะบบยา พ.ศ. 2555-2559 งานศึกษาวิจยั คร้ังน้ี มีข้อเสนอแนะว่า โรงพยาบาลควรมีการจัดทำ�ดัชนีภาพลักษณค์ วามโปร่งใสซง่ึ เป็นเคร่ืองมือที่ใช้บ่งช้ีและจัดอันดับเพื่อแสดงความโปร่งใสในการดำ�เนินการตามเกณฑ์จริยธรรมฯและบังคับ ใช้ให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมซ่ึงจะช่วยให้เกิดกระบวนการเชิดชูผู้ทำ�ดีและทำ�ให้มีเป้าหมายที่ชัดเจนมากข้ึนใน การกำ�กบั ดแู ลติดตามการด�ำ เนินการตามเกณฑจ์ รยิ ธรรมฯ นอกจากนี้โรงพยาบาลควรศึกษาถงึ ผลกระทบจาก กระบวนการนำ�นโยบายไปสู่การปฏิบัติและควรมีการขยายผลการดำ�เนินงานไปยังระดับจังหวัดและระดับเขต ต่อไป กติ ตกิ รรมประกาศ การวจิ ัยคร้ังนส้ี �ำ เรจ็ ได้ด้วยความอนุเคราะห์จากผู้ให้ข้อมูลทุกท่าน ขอขอบคุณวิทยาลัยการคุ้มครอง ผู้บรโิ ภคด้านยาและสุขภาพแห่งประเทศไทย (วคบท.) สภาเภสัชกรรม แผนงานพัฒนาวิชาการและกลไก คมุ้ ครองผบู้ รโิ ภคด้านสขุ ภาพ (คคส) แผนงานพฒั นากลไกเฝ้าระวังระบบยา (กพย.) ผศ.ภญ.ดร.สนุ ทรี ท.ชัย สมั ฤทธ์โิ ชค ภญ.นภาภรณ์ ภูรปิ ญั ญวานิช และภก.รงั สรรค์ ศริ ิชยั ส�ำ หรบั คำ�แนะนำ�และการสนบั สนุนการทำ�งาน ในครงั้ นี้ เอกสารอา้ งองิ 1. National Committee on Drug System Development. National drug policy B.E. 2554 and strategies for drug system development B.E. 2555-2559. Nontaburi: Publising House of the Agricultural Cooperative Federation of Thailand; 2011. 2. National Committee on Drug System Development. Ethical criteria on drug promo- tion. Nontaburi: Publising House of the Agricultural Cooperative Federation of Thailand; 2014. 3. Subcommittee on the Promotion of Rational Drug Use. Handbook on the project “rational drug use hospital”. Nontaburi: Publising House of the Agricultural Cooperative Fed- eration of Thailand; 2015. 4. Wall G, Gilson L. Reforming the health sector in developing countries: the central role of policy analysis. Health Policy and Plan 1994; 9: 353-70. 5. Theodoulou SZ, Kofinis C. The art of the game: understanding American public policy Making. Belmont, CA: Wadsworth, 2004. 160
รายงานสถานการณ์ระบบยา พ.ศ. 2555-2559 7. สถานการณ์ดา้ นการวจิ ยั 7.1 สถานการณ์การวจิ ัยเก่ียวกบั ระบบยาใน ประเทศไทย พ.ศ. 2554-2558 116611
รายงานสถานการณร์ ะบบยา พ.ศ. 2555-2559 7.1 สถานการณก์ ารวจิ ัยเก่ียวกับระบบยาในประเทศไทย พ.ศ. 2554-2558 ภญิ ญภุ า เปลยี่ นบางช้าง คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลยั นเรศวร รายงานนี้เป็นผลจากการทบทวนวรรณกรรมที่ตีพิมพ์เผยแพร่และไม่ได้ตีพิมพ์เผยแพร่ ระหว่าง 1 มกราคม พ.ศ.2554 - 31 ธนั วาคม พ.ศ.2558 ท่ีมีลักษณะเปน็ งานวิจยั (research paper, original paper หรือ short communication) ทั้งที่ตีพิมพ์เผยแพร่ด้วยภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษ โดยไม่รวมการทบทวน วรรณกรรมอยา่ งเป็นระบบ การวเิ คราะหอ์ ภมิ าน บทความฟ้นื ฟูวชิ าการ หรือบทความรับเชญิ วรรณกรรมท่ี ทบทวนมีเนื้อหาในหัวขอ้ ต่อไปนี้ คอื การวจิ ัยและพัฒนายา การคดั เลือกยา การจัดหาและกระจายยา การเงนิ การคลังท่ีเก่ียวกบั ยา การใช้ยา กฎหมายทีเ่ กีย่ วกบั ยา ระบบขอ้ มลู ข่าวสารดา้ นยา การผลิตยา ทรพั ยากรมนษุ ย์ ในระบบยา ที่มขี ้อมลู ในฐานขอ้ มลู วรรณกรรมตพี ิมพเ์ ผยแพร่: PubMed, Thai Index Medicus, ไทยเภสชั สาร, วารสารเภสชั กรรมไทย, วารสารเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลยั มหดิ ล, วารสารวิจยั ระบบสาธารณสุข, วารสาร อาหารและยา, ศรีนครินทร์เวชสาร, และฐานข้อมูลวรรณกรรมท่ีไม่ได้ตีพิมพ:์ ThaiLis โดยวรรณกรรมทค่ี ดั เข้า มาทบทวนต้องสามารถสบื ค้นเอกสารฉบับเตม็ (full paper) ได้ 162
รายงานสถานการณร์ ะบบยา พ.ศ. 2555-2559 ผลการสบื คน้ ผลการสบื คน้ จากฐานข้อมลู ต่างๆ พบหัวข้อรายการเอกสารท่เี กยี่ วขอ้ งดังน้ี PubMed 1,727 รายการ, Thai Index Medicus 795 รายการ, ไทยเภสชั สาร 61 รายการ, วารสารเภสชั กรรมไทย 41 รายการ, วารสาร เภสัชศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยมหดิ ล 39 รายการ, วารสารวิจยั ระบบสาธารณสุข 31 รายการ, ศรนี ครนิ ทรเ์ วชสาร 26 รายการ และThaiLis 216 รายการรวมทัง้ สนิ้ 2,956 รายการ รายการท่คี ดั ออกคอื รายการที่ไมส่ ามารถ สืบคน้ เอกสารฉบบั เตม็ ได,้ รายการท่ไี ม่เกีย่ วขอ้ งและรายการทพี่ บซา้ํ เหลอื วรรณกรรมท่ีเกีย่ วข้องกบั ระบบยา ของประเทศไทยระหวา่ ง พ.ศ. 2554-2558 ทั้งสิน้ 630 รายการ แบง่ เปน็ วรรณกรรมที่ตพี ิมพ์ในวารสารท้ังใน และตา่ งประเทศ 443 รายการ (เป็นภาษาองั กฤษ 267 รายการ ภาษาไทย 176 รายการ) และวรรณกรรมท่ไี มไ่ ด้ เผยแพร่ซึ่งเป็นปริญญานิพนธ์ การศึกษาค้นคว้าด้วนตนเอง และวิทยานพิ นธข์ องนสิ ิตนกั ศึกษาระดบั ปริญญา ตรถี ึงปริญญาเอก 187 รายการ (1 รายการเป็นภาษาองั กฤษ ทเี่ หลือเปน็ ภาษาไทย) ผลการทบทวนวรรณกรรม จากการประมวลผลการสืบค้นท้ังหมด 630 รายการ พบว่า 260 รายการ (รอ้ ยละ 41) ของวรรณกรรม ท่ที บทวนเปน็ การวจิ ยั และพฒั นายา รองลงมาเป็นการวจิ ัยเก่ยี วกบั การใชย้ า (190 รายการ, ร้อยละ 30) นอกน้นั เป็นการวจิ ัยเก่ียวกับทรพั ยากรมนุษย์ในระบบยา การจัดหาและกระจายยา กฎหมายท่ีเกยี่ วกบั ยาและจริยธรรม การเงินและการคลงั รวมทงั้ นโยบายท่เี ก่ียวกบั ระบบยา การคัดเลอื กยา การผลิตยา วรรณกรรมทพี่ บนอ้ ยทสี่ ุด คือการวิจัยเก่ียวกบั ระบบข้อมูลข่าวสารดา้ นยา รายละเอยี ดของวรรณกรรมในแตล่ ะกลุ่มเป็นดงั น้ี 1. การวจิ ยั และพฒั นายา วรรณกรรมในกลุ่มนมี้ ีจำ�นวนมากทสี่ ดุ โดยเฉพาะวรรณกรรมทไี่ ดร้ บั การตีพมิ พ์ในวารสารตา่ งประเทศ วรรณกรรมส่วนใหญเ่ ปน็ งานวิจัยในห้องปฏิบัติการ โดยการวิจัยทางเภสัชวิทยามีจำ�นวนมากท่สี ดุ การวจิ ัย ทางเภสัชวิทยาน้ีมักเปน็ การทดสอบฤทธข์ิ องสารสกดั จากธรรมชาติในหลอดทดลอง (เชน่ Asasutjarit et al., 2014) หรอื สัตว์ทดลอง (เชน่ Iamsaard et al., 2014) รองลงมาเปน็ การวจิ ยั ดา้ นการตงั้ สูตรตำ�รบั ซงึ่ มีท้ังการ พัฒนาสตู รต�ำ รับโดยใช้สว่ นประกอบใหม่ (เชน่ Kanjanabat et al., 2011) การปรับปรุงสตู รต�ำ รับเดมิ เพื่อเพ่ิม ประสิทธิภาพและความคงตวั ของยา (เช่น Okonogi et al., 2012) รวมทัง้ การพฒั นาระบบน�ำ ส่งยา (เชน่ Ma- nosroi et al., 2012) การวจิ ยั ที่พบมากอีกสาขาหน่ึงในกลมุ่ นี้ คือ เภสชั เคมีและเคมวี ิเคราะห์ โดยงานวจิ ยั ส่วน ใหญเ่ ปน็ การพัฒนาวธิ ีวิเคราะห์ (เชน่ Dechraksa et al., 2014) และหาโครงสรา้ งสารประกอบ (เชน่ Boonnak et al., 2013) การทดลองทางคลินิกและการวิจัยในมนุษย์ที่พบส่วนใหญ่อยู่ในวารสารตา่ งประเทศ และมักเป็นการ ทดลองทางคลินิกหลายสถาบันขนาดใหญ่ที่ดำ�เนินการในประเทศไทยหรือในหลายประเทศ (เช่น Aydinok et al., 2015) เปน็ ท่นี า่ สงั เกตวา่ มีการวจิ ัยทางคลนิ ิกหรอื การทดลองในมนุษยส์ ำ�หรบั สมุนไพรหรือสารสกัด จากธรรมชาติเพยี ง 4 รายการ (Aramwit et al., 2013) ซึ่งลว้ นแลว้ แตไ่ ดพ้ บประสทิ ธภิ าพของสมนุ ไพรหรอื 163
รายงานสถานการณ์ระบบยา พ.ศ. 2555-2559 สารสกดั ทีท่ ดสอบ ส่วนการทดสอบชวี สมมูลซงึ่ มอี รรถประโยชน์ในการขึ้นทะเบียนยาชือ่ สามัญ พบงานวจิ ยั ท่ไี ด้ รบั การตพี ิมพใ์ นวารสารต่างประเทศ 4 รายการ (Chuasuwan et al., 2014) ทกุ ชนิ้ พบชีวสมมูลระหว่างยาช่อื สามัญและยาตน้ แบบ 2. การคดั เลอื กยา การคัดเลอื กยาเป็นกระบวนการส�ำ คัญเพอื่ ใหไ้ ด้ผลติ ภัณฑท์ มี่ ีคณุ ภาพ ปลอดภยั และเหมาะสมในเชงิ เศรษฐศาสตรเ์ ขา้ มาอยู่ในระบบยาของประเทศ เป็นทนี่ า่ เสียดายวา่ วรรณกรรมในกลมุ่ นม้ี นี ้อยมาก วรรณกรรม สว่ นใหญ่เปน็ การวเิ คราะห์ความคุ้มทุนเชงิ เศรษฐศาสตร์ (เชน่ Chaiyakunapruk et al., 2011) วรรณกรรมท่ี เกีย่ วกบั ยาชื่อสามญั มีเพียง 1 รายการ เปน็ การสำ�รวจทศั นคตขิ องเภสัชกรโรงพยาบาลต่อยาชอื่ สามญั (สกุ ัญญา และคณะ, 2555) วรรณกรรมท่ีเกยี่ วกบั การข้นึ ทะเบยี นยามี 2 รายการ เกีย่ วขอ้ งกับการขึน้ ทะเบยี นยาชอื่ สามญั ตามมาตรฐานอาเซียนท้งั หมด (Payal et al., 2014) 3. การจดั หาและกระจายยา การจัดหาและกระจายยาเป็นกระบวนการสำ�คัญท่ีจะทำ�ให้ประชาชนได้ใช้ยาท่ีมีประสิทธิภาพและ ปลอดภัย วรรณกรรมในกลมุ่ นม้ี ีคอ่ นข้างนอ้ ย สว่ นใหญเ่ ป็นการวิจัยเก่ยี วกบั การกระจายยาในระดับต่างๆ ต้งั แต่ ระดับประเทศ (เช่น Dilokthornsakul et al., 2012) ระดบั ภูมภิ าค/จังหวดั (เช่น ไพรจิตร และคณะ, 2558) ไป จนถึงระดบั สถานพยาบาล (เชน่ Monton et al., 2014) ส่วนการวจิ ยั ดา้ นการตลาดยา เภสชั กรรมโรงพยาบาล และการบริหารจัดการสนิ คา้ คงคลงั นนั้ สว่ นใหญ่เป็นการวิจัยที่ไม่ได้ตีพิมพ์เผยแพร่อันเป็นส่วนหนึ่งของการ ศกึ ษาในระดบั ปริญญา โดยเฉพาะการตลาดยาในมิตติ า่ งๆ นยิ มศึกษาเพ่ือเปน็ วทิ ยานิพนธ์ และ/หรอื การศกึ ษา ค้นคว้าดว้ ยตนเองของสาขาบรหิ ารธรุ กจิ (เชน่ กษมา, 2555) 4. การเงนิ การคลงั และนโยบายเกย่ี วกบั ยา การเงนิ การคลังและนโยบายเกี่ยวกับยา เป็นหวั ข้อทม่ี ีวรรณกรรมจำ�นวนไม่มากเช่นกัน และสว่ นใหญ่ เปน็ การวิจัยของหน่วยงานระดับประเทศหรือองค์กรนานาชาติ (เชน่ Mohara et al., 2012) บางส่วนที่ตพี ิมพ์ ในวารสารของไทยเป็นการตดิ ตามประเมนิ ผลการปฏิบัตติ ามนโยบายดา้ นยาของประเทศ (เช่น เพชรรตั น์ และ คณะ, 2555) 5. การใชย้ า การใช้ยามีความหมายกว้าง ครอบคลุมการวิจยั หลายสาขา วรรณกรรมในกล่มุ การใช้ยามีจ�ำ นวนมาก รองจากวรรณกรรมกลุ่มการวจิ ัยและพฒั นา วรรณกรรมท่ีพบมากท่สี ุดในกลุ่มน้ี คอื งานวจิ ยั เก่ียวกับร้านยาใน แงม่ ุมตา่ งๆ เชน่ การศกึ ษาความเปน็ ไปไดใ้ นการดำ�เนนิ ธรุ กิจรา้ นยา (เชน่ ธวชั ชัย, 2555) การตลาดของรา้ นยา (กลุ ธดิ า, 2552) พฤติกรรมการจ่ายยาและพฤติกรรมผู้บรโิ ภคในร้านยา (เช่น เดน่ ชัย, 2554) นอกจากนี้ การ พัฒนาร้านยาในโครงการพัฒนาและรับรองคุณภาพร้านยาของสภาเภสัชกรรมยังคงเป็นหัวข้อท่ีได้รับความ สนใจอยา่ งต่อเนอ่ื ง โดยหวั ขอ้ วจิ ัยยงั คงเปน็ การสำ�รวจปัจจัยทางสังคมจิตวิทยาของเภสัชกร และ/หรอื เจ้าของ รา้ นยา (เชน่ ดวงทิพย์และพิมลศรี, 2554) ซึ่งผลการวิจัยคล้ายคลึงกับการวิจัยที่ผ่านมาท่ียงั พบปญั หาและ อปุ สรรคในการเขา้ ร่วมโครงการฯของรา้ นยาในกล่มุ ตวั อย่าง 164
รายงานสถานการณร์ ะบบยา พ.ศ. 2555-2559 พฤตกิ รรมการใชย้ าและความรว่ มมอื ในการรักษาด้วยยาเปน็ อกี กลมุ่ หัวขอ้ ทน่ี ิยมศกึ ษา โดยเฉพาะการ วิจัยซึง่ เป็นสว่ นหน่งึ ของหลักสตู ร การวิจัยส่วนใหญ่เป็นการพรรณนาพฤตกิ รรมการใชย้ าและความร่วมมอื ของ ผูป้ ว่ ยในการรกั ษาด้วยยา (เช่น โมเรศ, 2554) วรรณกรรมบางช้นิ มกี ารวิเคราะห์ความสัมพันธร์ ะหวา่ งตวั แปร ประชากรศาสตรก์ บั พฤติกรรมทสี่ นใจ (เช่น จนั ทิมา, 2555) หรือเปรียบเทียบพฤติกรรมของผ้ปู ่วยมากกวา่ 1 กลุ่ม (เช่น อรโุ ณทยั , 2555) บางสว่ นเปน็ การวจิ ยั และพฒั นาเพื่อปรับเปลยี่ นพฤติกรรมของผู้ป่วย (เช่น กลุ ธดิ า, 2554) วรรณกรรมที่เป็นความคิดริเร่ิมหรือการสร้างนวัตกรรมเกือบท้ังหมดในกลุ่มการใช้ยาเป็นงานวิจัย หวั ข้อบรบิ าลทางเภสัชกรรม (เช่น เจนจริ า และคณะ, 2558) และการใชย้ าอยา่ งสมเหตผุ ล (เช่น กาญจนพงษ,์ 2555) การวิจัยอื่นๆ เป็นการทดสอบประสทิ ธภิ าพของมาตรการบรบิ าลทางเภสชั กรรม การประสานรายการยา และการใชย้ าอยา่ งสมเหตุผล อย่างไรก็ตาม งานวิจัยสว่ นใหญเ่ ปน็ การวจิ ัยขนาดเลก็ กระท�ำ ในโรงพยาบาลหรอื สถานพยาบาลแห่งเดียวโดยเภสัชกร พยาบาล และ/หรอื ทมี สหวชิ าชีพ เพ่ือแก้ปญั หาท่เี กิดขึน้ ในหนว่ ยงานหรอื ในพน้ื ทรี่ ับผดิ ชอบเปน็ หลัก วรรณกรรมจ�ำ นวนหนึ่งมุ่งศึกษาพฤติกรรมการสั่งใช้ยาของแพทย์ ในจำ�นวนนี้เกือบทั้งหมดเปน็ การ วิจัยเชิงพรรณนาหรอื เชงิ วเิ คราะหเ์ พอ่ื อธบิ ายปรากฏการณก์ ารสง่ั ใชย้ าของแพทยใ์ นหนว่ ยงานตา่ งๆ (เชน่ ณฐั นชิ และคณะ, 2557) หรอื วเิ คราะหค์ วามสัมพันธ์ระหวา่ งปจั จัยทางสงั คมจติ วิทยาและปจั จัยทางการตลาดทส่ี ง่ ผล ต่อพฤติกรรมการส่ังใช้ยา (เช่น อารีวรรณ และคณะ, 2555) มีเพยี งช้ินเดียวทีใ่ ชก้ ารแทรกแซงเพือ่ ปรับเปล่ยี น พฤตกิ รรม (วรวรรณ และคณะ, 2558) วรรณกรรมในกล่มุ นท้ี พ่ี บจ�ำ นวนน้อย ได้แก่ วรรณกรรมเก่ียวกบั การรักษาดว้ ยยา(เชน่ Chang et al., 2011) ปัญหาท่ีเกดิ จากยา (Chumchit, et al., 2015) อาการอนั ไมพ่ งึ ประสงค์ทเ่ี กดิ จากยา (เช่น Supsong- serm et al., 2013) และการต้านยา (ภริตา และคณะ, 2556) และสว่ นใหญเ่ ป็นการวิจัยเชิงพรรณนา การวจิ ัย เกย่ี วกับการทบทวนการใชย้ า (รชั ฎาพร และคณะ, 2557) และการตรวจสอบระดบั ยาในเลือด (Lertsinudom et al., 2014) เป็นการประเมินเกณฑ์เดิมหรือวิธีการที่มีอยู่เดิมและไม่พบวรรณกรรมเกี่ยวกับการประเมนิ การใชย้ า การใช้ยาสมนุ ไพร ยาแผนโบราณ และภูมิปัญญาพื้นบ้านเป็นอีกหัวข้อหนึ่งที่มีการวิจัยจำ�นวนน้อย เกอื บทั้งหมดเป็นการส�ำ รวจภูมปิ ัญญาพืน้ บา้ นเก่ียวกับการใช้สมุนไพร (ซาลายา และคณะ, 2555) และการ วิจยั เอกสารเกย่ี วกับยาแผนโบราณ มเี พียงหนึ่งชิ้นที่เป็นการสำ�รวจความคิดเห็นของบุคลากรสาธารณสุขตอ่ การใช้สมุนไพรและยาแผนโบราณ (คัคนางค์ และคณะ, 2554) และหน่งึ ชน้ิ เป็นการประเมินการใช้ยาสมนุ ไพร และยาแผนไทย (ธีราวฒุ ,ิ 2558) การวิจัยท่ีเกยี่ วข้องกับยาสมนุ ไพรและยาแผนโบราณน้มี กั เปน็ การวิจยั เกย่ี ว กับประเด็นกฎหมาย เช่น การปลอมปนยาควบคุมพเิ ศษในยาแผนโบราณ (ซ่งึ จะกล่าวถึงในกลมุ่ กฎหมายและ จริยธรรมตอ่ ไป) 6. กฎหมายและจรยิ ธรรมทเ่ี กย่ี วกบั ยา วรรณกรรมเกย่ี วกับกฎหมายและจริยธรรมในดา้ นยามจี ำ�นวนน้อย และมักตีพมิ พ์ในวารสารในประเทศ หรือไมไ่ ด้ตีพมิ พ์ วรรณกรรมส่วนใหญเ่ ก่ียวข้องกับกฎหมายยา มีท้งั ทเี่ ป็นการส�ำ รวจการฝา่ ฝนื กฎหมายในร้าน ยาและรา้ นขายของชำ� (เชน่ นฤมล, 2558) การฝ่าฝืนกฎหมายในการโฆษณายาและผลิตภัณฑส์ ุขภาพ (เชน่ อรอุษาและสงวน, 2554) การปนเปือ้ นของผลิตภณั ฑ์ (เช่น จรยิ าและศรัณยพร, 2557) และความคดิ รเิ รม่ิ ท่ี 165
รายงานสถานการณร์ ะบบยา พ.ศ. 2555-2559 จะสง่ เสรมิ ให้มกี ารปฏบิ ัตติ ามกฎหมายยาในลักษณะตา่ งๆ (เชน่ ดรุ พิ ธั และสงวน, 2558) วรรณกรรมเกีย่ วกับ กฎหมายที่ตีพิมพ์ในวารสารต่างประเทศเป็นการทบทวนบทเรียนหรือเอกสารเก่ียวกับกฎหมายและการบังคับ ใช้ (Stirner, 2012) นอกจากนี้ ยังมวี รรณกรรมเกย่ี วกบั กฎหมายส่วนหน่ึงทเี่ ป็นการวจิ ัยเพอ่ื ปรญิ ญานิตศิ าสตร มหาบณั ฑิต ซงึ่ มกั เปน็ การพรรณนาและวเิ คราะห์กฎหมายต่างๆ (เช่น พรี พล, 2556) วรรณกรรมท่เี กย่ี วกับจริยธรรมและ/หรือจรรยาบรรณวิชาชีพทั้งหมดมลี ักษณะเป็นการส�ำ รวจ ทง้ั ใน หมู่นสิ ิตนกั ศกึ ษาและเภสชั กรผูป้ ฏบิ ตั ิหน้าที่ (เชน่ Plianbangchang et al., 2013) 7. ระบบขอ้ มลู ขา่ วสารดา้ นยา เปน็ กลมุ่ ทีม่ ีวรรณกรรมทง้ั ทต่ี พี มิ พแ์ ละไมไ่ ดต้ พี มิ พจ์ �ำ นวนนอ้ ยทส่ี ดุ คอื เพยี ง 5 รายการ วรรณกรรมทต่ี ี พมิ พม์ ลี กั ษณะเปน็ การทบทวนฐานขอ้ มลู ทม่ี อี ยเู่ พอ่ื เปน็ แนวทางการพฒั นาหรอื น�ำ ขอ้ มูลที่มีอยู่ไปประยุกต์ใช้ให้เกิด ประโยชนใ์ นระดับภูมภิ าค (Milea et al., 2015) การพัฒนาเว็บไซตห์ รอื พัฒนาฐานขอ้ มลู มกั เป็นการกระทำ�ใน ลกั ษณะวิทยานพิ นธห์ รือการศึกษาคน้ ควา้ ด้วยตนเองเพื่อปริญญา (พงษ์ศักดิแ์ ละวนั ชยั , 2555) ซงึ่ เป็นโครงการ ขนาดเลก็ ขาดการประเมินประสิทธภิ าพและแนวทางการขยายผลทีช่ ัดเจน 8. การผลติ ยา วรรณกรรมเกี่ยวกับการผลิตยาเกือบทั้งหมดเป็นวิทยานิพนธ์หรือการศึกษาค้นคว้าด้วยตนเองเพื่อ ปรญิ ญา และมักเปน็ งานวจิ ยั ของคณะวศิ วกรรมศาสตร์ทง้ั การวางผังโรงงาน (ธีรภัทร์, 2556) การจัดตารางการ ท�ำ งาน (เช่น โศภนิ , 2557) ไปจนถึงการวิจัยเชงิ ส�ำ รวจบุคลากรในโรงงานผลิตยา (กฤตธน, 2554) 9. ทรพั ยากรมนษุ ย์ในระบบยา หัวขอ้ ของการวิจัยในกลุ่มนี้ ได้แก่ เภสัชศาสตรศึกษา, กำ�ลังคน สมรรถนะ และคุณภาพชีวิตของ บุคลากรในระบบยา, และบทบาทเภสัชกรกับทีมสหวิชาชีพ มีทั้งที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารต่างประเทศ วารสารในประเทศ และทไ่ี ม่ไดร้ ับการตพี มิ พ์ เภสัชศาสตรศึกษา เป็นหัวข้อที่มีวรรณกรรมหลากหลายตั้งแต่รูปแบบการพรรณนาไปจนถึงการ ทดลองวจิ ัยและพฒั นาการเรียนการสอน เรือ่ งทีพ่ บว่ามีการวิจัยกันมากเป็นเร่อื งท่ีเกีย่ วข้องกับหลักสตู รบริบาล เภสัชกรรม (Pharmaceutical Care) และหลักสตู รเภสัชศาสตรบัณฑิต 6 ปีในมิติต่างๆ เช่น ลักษณะหลักสตู ร ในประเทศไทย (Chanakit et al., 2014) ความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Chanakit et al., 2015) ความคิดเห็นของผูเ้ รยี น (ณัฐพรและพนิดา, 2556) การวิจัยประเมินผลและการวิจัยและพัฒนามกั เปน็ โครงการ ขนาดเล็กเพ่อื ปรบั ปรงุ การจดั การเรยี นการสอนในรายวิชาตา่ งๆ (เชน่ กฤษณี และคณะ, 2558) วรรณกรรมเร่ืองกำ�ลงั คน สมรรถนะ และคณุ ภาพชวี ติ ของบคุ ลากรในระบบยา มกั เปน็ การวจิ ยั เชงิ ส�ำ รวจ เช่น การส�ำ รวจสมรรถนะของเภสชั กรในการปฏบิ ัติงาน (เช่น Sumpradit et al., 2014) การสำ�รวจทัศนคตติ ่อ การท�ำ งานในชนบทของเภสชั กร (Thammatacharee et al., 2013) และการส�ำ รวจตัวแปรเชิงจติ วทิ ยาสงั คม เชน่ คุณภาพชวี ติ (ปฐมพงษ,์ 2557) แรงจงู ใจในการทำ�งาน (เช่น ณัฐธมิ า, 2555) ความผูกพันต่อองค์กร (เช่น กนั ตศิ า, 2553) และความสุข (เช่น ดามรศั ม,์ 2556) ในกล่มุ เภสชั กรสาขาต่างๆ การวิจัยเพอ่ื คาดการณ์กำ�ลงั คน สำ�หรบั วางแผนอตั รากำ�ลงั ของเภสัชกรในประเทศไทยยังมจี �ำ นวนนอ้ ย และเปน็ การวิจยั ขนาดเล็ก (พิศาลสิทธ์ และนิลวรรณ, 2558) 166
รายงานสถานการณ์ระบบยา พ.ศ. 2555-2559 บทบาทเภสัชกรและทีมสหวิชาชีพมีลักษณะเป็นทั้งการวิจัยเชิงทดลองและการวิจัยเชิงสำ�รวจเพ่ือ ศกึ ษาผลสัมฤทธิ์หรือความเปน็ ไปไดใ้ นการเปิดบทบาทเภสชั กรและทมี สหวชิ าชพี ในงานบรบิ าลเภสัชกรรม (เช่น Dhippayom et al., 2013) และการคุ้มครองผู้บริโภคด้านยาและผลติ ภณั ฑส์ ขุ ภาพในโรงพยาบาลขนาดเลก็ (เช่น Kanjanarach et al., 2014) หรือในพ้ืนทีร่ บั ผิดชอบ (เช่น โศภติ และสงวน, 2558) ซ่งึ มักเปน็ การวิจยั ขนาดเล็ก ขอ้ สงั เกตและขอ้ เสนอแนะ การทบทวนวรรณกรรมการวิจัยท้ังภาษาไทยและภาษาอังกฤษเกี่ยวกับระบบยาในประเทศไทย ระหวา่ ง พ.ศ. 2554-2558 ทัง้ ท่ีตีพมิ พ์ในวารสารตา่ งประเทศ วารสารในประเทศ และวรรณกรรมท่ีไม่ไดต้ พี ิมพ์ ซึง่ เป็นงานวิจัยเพอ่ื ปริญญา มีขอ้ สังเกตและขอ้ เสนอแนะดังน้ี 1. ในภาพรวม การวิจัยในช่วง พ.ศ. 2554-2558 มีขอบเขตกวา้ งขวาง และตอบประเดน็ ในระบบยาได้ ชดั เจนกว่าชว่ งทผ่ี า่ นมา (พ.ศ. 2547-2551) ดังนี้ 1.1 ในด้านการเงินการคลัง หัวข้อการวิจัยขยายวงออกไปจากการวิเคราะห์ต้นทุน-ผลได้ทาง เศรษฐศาสตร์ของยาหรือวิธีการรักษา ครอบคลุมไปถึงความพยายามในการแสวงหา แนวทางลดค่าใชจ้ า่ ยดา้ นยาในระบบประกันสุขภาพ โดยเฉพาะสวสั ดกิ ารรักษาพยาบาลของ ขา้ ราชการ ซง่ึ เปน็ ประเด็นทขี่ าดการวจิ ัยในช่วงท่ีผ่านมา 1.2 การวิจัยเกยี่ วกับการใช้ยา แมจ้ ะยังคงมีลักษณะเป็นการวิจัยเชิงพรรณนา แตพ่ บว่า มกี าร วจิ ัยเชิงทดลองมากขึ้น โดยเฉพาะการวจิ ยั ดา้ นการบรบิ าลทางเภสชั กรรมและการสง่ เสรมิ การ ใช้ยาอยา่ งสมเหตุผลในสถานบรกิ ารระดบั ตา่ งๆ รวมทัง้ ในชุมชน ท้ังโดยเภสชั กรและบุคลากร สาธารณสุขอ่นื ๆ โดยเฉพาะพยาบาล ทั้งน้ี พบวา่ ผลของการวิจยั ทั้งหมดนน้ั การให้บริบาล ทางเภสัชกรรมและการส่งเสริมการใช้ยาอย่างสมเหตุผล ช่วยให้ผลลัพธ์ในการรักษาด้วย ยาและ/หรอื พฤตกิ รรมการใช้ยาของผ้ปู ว่ ยและ/หรือประชาชนดีขึ้นอย่างมนี ยั ส�ำ คัญ อยา่ งไร กต็ าม การวิจยั ทีต่ ีพมิ พส์ ว่ นใหญ่ยงั คงเปน็ งานวิจัยขนาดเลก็ เช่นเดียวกบั ในชว่ งท่ผี ่านมา เชน่ จ�ำ นวนตัวอยา่ งน้อย หรือเปน็ กรณศี ึกษาในสถานพยาบาล/รา้ นยา/เขตพืน้ ทีร่ บั ผดิ ชอบเพยี ง 1 แห่ง ดังนน้ั แมจ้ ะมีผลการทดลองนา่ พงึ พอใจ แต่อรรถประโยชนใ์ นการขยายผลยงั มีน้อย 1.3 บทบาทของเภสชั กรและทีมสหวิชาชีพ เป็นหัวข้อที่มีการวิจัยเพิ่มขึ้นแม้จะยังคงไม่มากนกั แสดงถึงความตระหนักของนักวิจัยในการเปิดบทบาทวิชาชีพในด้านการให้บริบาลเภสัชกรรม ในรปู แบบใหมๆ่ รวมทงั้ การคุม้ ครองผ้บู รโิ ภคด้านยาและผลติ ภณั ฑส์ ขุ ภาพ การวจิ ัยในหัวขอ้ น้ีมักเป็นการทดลองขนาดเล็กเช่นเดียวกับการวิจัยเก่ียวกับการบริบาลทางเภสัชกรรมและ การส่งเสรมิ การใชย้ าอยา่ งสมเหตผุ ล 1.4 การวิจยั เกี่ยวกับสมนุ ไพร ยาแผนโบราณ และภมู ิปญั ญาพืน้ บ้านยังคงเปน็ การทดลองในหอ้ ง ปฏบิ ตั ิการเปน็ หลกั การวจิ ยั ม่งุ เน้นการค้นหาและทดสอบฤทธิ์ของสมุนไพรในหลอดทดลอง หรอื สัตว์ทดลอง มบี า้ งทเี่ ป็นการทดลองในมนุษย์หรือการทดลองทางคลินกิ แต่กเ็ ป็นเพยี ง การทดลองเบ้ืองต้นเช่นเดียวกับระยะที่ผ่านมา ขาดการวิจัยเพื่อต่อยอดสู่การนำ�ไปใชท้ าง 167
รายงานสถานการณร์ ะบบยา พ.ศ. 2555-2559 คลินกิ อย่างจริงจังในลักษณะการแพทยท์ างเลอื ก รวมทงั้ การผลิตในระดบั อุตสาหกรรม การ วจิ ยั เชิงกฎหมายเกีย่ วกบั สมนุ ไพรและยาแผนโบราณยงั คงเปน็ การวิจยั เชิงพรรณนา เชน่ กรณี การปนเปือ้ นยาอนั ตรายหรอื ยาควบคมุ พเิ ศษในยาสมนุ ไพรหรอื ยาแผนโบราณ แมข้ ้อมลู ขนาด และความส�ำ คัญของปัญหาจะมปี รากฏชัดเจนอยแู่ ล้ว สง่ิ ทข่ี าดอยู่ คอื การวจิ ัยเพ่ือผลักดนั มาตรการคุ้มครองผู้บรโิ ภคในดา้ นสมนุ ไพรและยาแผนโบราณ รวมทั้งผลิตภัณฑ์เสรมิ อาหาร ซ่ึงมีขนาดและความส�ำ คัญของปัญหามากขนึ้ เรอื่ ยๆในปจั จุบัน 1.5 การเงนิ การคลงั และนโยบายเกี่ยวกับระบบยาเป็นหัวข้อที่มีวรรณกรรมเพิ่มจำ�นวนมากขนึ้ โดยเฉพาะเรื่องราคายาและการเบิกจ่ายของยาในระบบประกันสุขภาพ เพื่อสนองตอบ ต่อสถานการณ์ปัญหาค่าใช้จ่ายด้านยาที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรอ่ื ยๆ บญั ชียาหลักแหง่ ชาตเิ ป็น อีกประเด็นที่มีการวิจัยเพ่ือสำ�รวจสถานการณ์และประเมินผลการปฏิบัติตามนโยบายอย่าง สมา่ํ เสมอ ผลการวจิ ยั ยงั คงพบการปฏิบตั ิท่ีไม่เป็นไปตามมาตรการท่วี างไว้ตามสถานพยาบาล ต่างๆ แสดงถึงการด�ำ รงอยู่ของความขัดแยง้ ระหวา่ งนโยบายของรฐั และเวชปฏบิ ัติท่ยี ังคงเป็น ปญั หาทตี่ อ้ งแสวงหาแนวทางแก้ไขต่อไปในอนาคต 1.6 การวิจยั เกย่ี วกับกฎหมายและจริยธรรมมีจำ�นวนเพม่ิ ขน้ึ จากช่วงทผี่ ่านมาอย่างเหน็ ได้ชัด โดย เฉพาะการส�ำ รวจสถานการณ์การปลอมปนยา การขายยาอันตรายในร้านขายของช�ำ และ การโฆษณายาท่ีผิดกฎหมาย การวิจยั และพฒั นาเพื่อแกป้ ัญหาการโฆษณายาผิดกฎหมายโดย ความร่วมมือของทุกภาคส่วนเป็นความคิดริเริ่มที่ประสบความสำ�เร็จและน่าชื่นชม งานวิจยั ลกั ษณะนค้ี วรไดร้ บั การสนับสนนุ ในการขยายผลไปสรู่ ะดับภมู ิภาคและระดับประเทศต่อไป 1.7 ระบบขอ้ มลู ขา่ วสารด้านยาเปน็ หัวใจในการพัฒนาระบบยาของประเทศ เปน็ ที่นา่ เสียดายวา่ ยังคงเป็นประเด็นวิจยั ที่ไดร้ ับความสนใจน้อย ทง้ั การวิจัยเพอ่ื ตพี มิ พ์และการวจิ ยั เพอ่ื ปรญิ ญา งานวิจัยเกี่ยวกับระบบฐานข้อมูลเป็นการวิจัยทบทวนและประเมินคุณภาพฐานข้อมูลท่ีมีอยู่ เพอ่ื การน�ำ ไปใช้ประโยชน์เฉพาะ ไม่พบการวิจยั เพอ่ื พัฒนาฐานข้อมูลใหมข่ ึน้ ใช้ ส่วนการวจิ ยั เกยี่ วกับเทคโนโลยีข้อมูลข่าวสารเป็นการวิจัยขนาดเล็ก ขาดการประเมินผลและแนวทาง การนำ�ไปใช้อยา่ งเปน็ รูปธรรม ดงั นนั้ ในอนาคต ควรสนับสนุนงานวิจัยเชิงระบบเพื่อพัฒนา ระบบขอ้ มลู ขา่ วสารดา้ นยาให้มีประสิทธภิ าพมากข้ึน 1.8 งานวิจัยด้านเภสัชศาสตรศึกษามีจำ�นวนเพ่ิมขึ้นมากกว่าที่พบจากการทบทวนครั้งก่อนหน้า เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างย่งิ เรอื่ งหลกั สูตรบรบิ าลเภสัชกรรมในมิติต่างๆ ทงั้ กระบวนการ จัดการเรยี นการสอนของสถาบันต่างๆ การรับรู้ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และสมรรถนะของ บัณฑิต การวิจยั ในช้ันเรยี นเป็นหวั ขอ้ ท่มี ีการตพี มิ พโ์ ดยอาจารยใ์ นมหาวิทยาลยั เนอ่ื งจากการ วจิ ยั ในชั้นเรยี นนเ้ี ปน็ ส่วนหนึ่งของงานประจำ�อยู่แล้ว การวิจัยในชั้นเรียนจัดเป็นงานวจิ ัยทีม่ ี ประโยชนต์ อ่ การพฒั นาคณุ ภาพการจดั การเรยี นการสอนเป็นอย่างยง่ิ การจดั เวทแี ลกเปลี่ยน เรยี นรูป้ ระสบการณ์การวิจัยในชั้นเรียนระหว่างสถาบันควรได้รับการสนบั สนนุ เนอ่ื งจาก อาจารยท์ กุ คนทำ�การวิจยั เพื่อแกป้ ญั หาในรายวชิ าท่ีเหมอื นหรอื คล้ายคลึงกนั การแลกเปลี่ยน ประสบการณจ์ ะเปน็ การสรา้ งการเรยี นร้ทู างออ้ ม และส่งเสรมิ ใหเ้ กิดความรว่ มมือในการวิจัย หรือเกดิ แนวคดิ ท่ีจะตอ่ ยอดงานวิจัยต่อไป 168
รายงานสถานการณร์ ะบบยา พ.ศ. 2555-2559 1.9 งานวิจยั ดา้ นทรัพยากรมนุษยใ์ นระบบยา ในเรอ่ื งความพึงพอใจในงาน ความผูกพนั ต่อวชิ าชีพ แรงจูงใจในการทำ�งาน คุณภาพชีวิต และความสขุ ในการท�ำ งานของบุคลากรในระบบยาเปน็ หวั ข้อท่มี งี านวิจยั เพ่ิมขึ้นจากช่วงท่ีผ่านมา งานวิจัยเหล่านี้มักเป็นการวิจัยเชิงพรรณนาเพอ่ื ปริญญาทไี่ ม่ไดต้ พี ิมพ์ และกระท�ำ ในตัวอยา่ งขนาดเล็ก งานวิจัยท่ยี ังคงขาดหายไป ได้แก่ การ วิจัยเพอื่ วางแผนก�ำ ลังคนในระบบยา ซง่ึ พบการวจิ ยั เพยี ง 1 รายการ และเปน็ การวางแผน อตั รากำ�ลงั เภสัชกรเทา่ น้นั ขาดการวางแผนก�ำ ลงั คนที่เกย่ี วขอ้ งกบั ระบบยาในภาพรวม การ วิจยั เพ่ือวางแผนกำ�ลังคนมคี วามส�ำ คญั ย่งิ โดยเฉพาะในยุคที่สถานการณ์มีความผันแปรอยู่ ตลอดเวลา การวางแผนทั้งระยะยาว ระยะกลาง และระยะสั้น โดยมีการปรับเปลี่ยนแผน เพื่อตอบสนองตอ่ การเปลยี่ นแปลงเป็นระยะๆ จงึ เปน็ หวั ใจส�ำ คญั ของการพัฒนาระบบยา การ ศกึ ษาอนาคตดว้ ยเครื่องมอื ตา่ งๆ โดยเฉพาะการสำ�รวจแนวโนม้ (trend exploration) จาก ขอ้ มลู ปัจจบุ นั ร่วมกบั เทคนิคเดลฟาย (Delphi Technique) ท่ใี ชข้ ้อมูลจากผเู้ ช่ียวชาญเพอ่ื จ�ำ ลองสถานการณ์ที่เปน็ ไปในอนาคต เป็นสิ่งทค่ี วรสนับสนุน ข้อมลู ทีไ่ ดจ้ ากการวจิ ยั อนาคต น้ีจะเป็นประโยชน์อย่างย่ิงสำ�หรับผู้บริหารในการวางนโยบายและกำ�หนดแผนยุทธศาสตร์ใน ระยะเวลาตา่ งๆท่สี ถานการณเ์ ปล่ียนแปลงไป 1.10 การทดสอบชวี สมมูลเปน็ ขน้ั ตอนสำ�คัญในการขึ้นทะเบียนยาชอ่ื สามญั อนั จะชว่ ยลดคา่ ใชจ้ ่าย ในระบบสขุ ภาพของประเทศได้ จากการทบทวนพบวา่ จ�ำ นวนวรรณกรรมการทดสอบชวี สมมูล ของยาชอ่ื สามัญยังคงใกล้เคยี งกบั ชว่ งท่ผี ่านมา คอื มี 4 รายการ ผลการวิจัยทกุ ชน้ิ พบว่า ยา ชอ่ื สามญั มชี ีวสมมลู กับยาตน้ แบบ 2. รายการวรรณกรรมท่ีทบทวนในครั้งนี้มีจำ�นวนมาก และมีความครอบคลุมมิติตา่ งๆ ของระบบยา เน่ืองจากไดข้ ยายขอบเขตการสบื คน้ ใหร้ วมถงึ วรรณกรรมทีไ่ ม่ได้ตพี ิมพ์ซึง่ เปน็ วทิ ยานิพนธ์ และ/หรอื การศึกษา ค้นควา้ ดว้ ยตนเองเพ่อื ปรญิ ญา ซง่ึ พบงานวจิ ยั เพอ่ื ปรญิ ญาสาขาอน่ื ๆ นอกเหนอื จากเภสชั ศาสตรเ์ ปน็ จ�ำ นวนมากท่ี เกีย่ วขอ้ งกบั ระบบยาของประเทศไทย เชน่ การวิจยั ด้านการตลาดในการศึกษาหลักสูตรบริหารธุรกิจมหาบัณฑติ การวจิ ยั ดา้ นนวตั กรรมการนำ�ส่งยา รวมทงั้ นวตั กรรมการผลิตยา ในหลักสูตรวศิ วกรรมศาสตรมหาบณั ฑติ และ การวิจัยด้านการบริบาลทางเภสัชกรรมและการส่งเสริมการใช้ยาอย่างสมเหตุผลในหลักสูตรพยาบาลศาสตร มหาบณั ฑิต ดังน้นั การทบทวนวรรณกรรมที่มุ่งเน้นเฉพาะฐานข้อมลู งานวจิ ัยทตี่ ีพมิ พ์อาจไมค่ รอบคลุมการวจิ ยั ท่เี กย่ี วกบั ระบบยาในประเทศไทยทง้ั หมด เพราะการวจิ ัยโดยนกั วิจยั หรอื นสิ ติ นักศึกษาในคณะวชิ าหรอื หนว่ ยงาน ที่ไม่ใช่วิทยาศาสตร์สุขภาพอาจได้รับการตีพิมพ์ในวารสารที่ไม่ได้จัดอยู่ในฐานข้อมูลทางการแพทย์ที่นิยม สืบคน้ รายการวรรณกรรมท่ีทบทวนจึงน้อยกว่าจำ�นวนจริงของงานวิจัยที่เก่ียวขอ้ งกบั ระบบยาในประเทศไทย นอกจากน้ี ปรากฏการณท์ พ่ี บยงั แสดงใหเ้ ห็นวา่ หัวขอ้ วจิ ยั ทีเ่ กยี่ วข้องกบั ระบบยาในประเทศไทยเปน็ ทีส่ นใจของ ทุกภาคส่วน การกำ�หนดทิศทางการวิจัยเพื่อตอบสนองต่อการพัฒนาระบบยาจึงต้องแสวงหาภาคีห้นุ ส่วนที่ นอกเหนือไปจากหนว่ ยงานด้านเภสัชศาสตร์หรือวิทยาศาสตรส์ ุขภาพ 3. การวจิ ยั ทางคลินิกและการทดลองในมนุษย์ยังคงเป็นการทดลองยาแผนปัจจุบนั มีจ�ำ นวนน้อย ที่เป็นการทดลองเก่ยี วกับสมนุ ไพรหรือผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ หากแนวโน้มยังคงเป็นเช่นนี้ การพฒั นาสมุนไพร เพ่ือการพ่งึ พาตนเองคงเป็นไปได้ยาก การสนับสนุนของผู้เกี่ยวข้องเป็นปัจจัยสำ�คัญที่จะเอาชนะปัญหาและ 169
รายงานสถานการณ์ระบบยา พ.ศ. 2555-2559 อุปสรรคของการนำ�สมุนไพรและผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติเข้ามาเป็นส่วนหน่ึงของระบบการรักษาพยาบาลให้ มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิง่ การนำ�สมุนไพรหรือผลิตภัณฑ์จากภูมิปัญญาพื้นบ้านอันมีพื้นฐานแนวคดิ แบบ องค์รวมเขา้ สู่ระบบการวจิ ัยวทิ ยาศาสตรแ์ ผนตะวนั ตกอันมฐี านคดิ แบบแยกสว่ น ตัวอย่างทเี่ ห็นได้ชัดเจนในกรณี น้ี คือขม้นิ ชนั ซงึ่ มีสารเคอรค์ มู นิ เปน็ สารออกฤทธิ์ ขมน้ิ ชนั เป็นสมนุ ไพรทมี่ ีฤทธ์ทิ างเภสัชวทิ ยามากมาย และมี หลกั ฐานทางคลินกิ ว่า สามารถบรรเทาและรักษาอาการผิดปกติได้หลายระบบ จนได้รบั การบรรจเุ ขา้ ในบัญชี ยาจากสมนุ ไพรของประเทศ อยา่ งไรก็ตาม ปัญหาในการพฒั นาสมนุ ไพรชนดิ นี้ในทางวิทยาศาสตร์ คือ การขาด ขอ้ มลู ชีวประสทิ ธผิ ลของขม้นิ ชันในมนษุ ย์ ท�ำ ใหก้ ารทำ�ไตเตรทขนาดยา (dose titration) เพือ่ ก�ำ หนดระเบียบ วธิ ี (protocol) ในการทดลองทางคลนิ ิกเป็นไปไดย้ าก 4. การวจิ ยั ในลักษณะของการส�ำ รวจสว่ นใหญเ่ ป็นการวิจยั ขนาดเลก็ ในพืน้ ทรี่ ับผดิ ชอบ การวจิ ยั ในกลมุ่ เดยี วกนั หลายชิน้ มีวตั ถปุ ระสงคแ์ ละวธิ กี ารด�ำ เนนิ งานทค่ี ลา้ ยคลงึ กนั แตเ่ คร่อื งมือทีใ่ ชเ้ กบ็ ข้อมลู มคี วามหลากหลาย และมักเปน็ เครื่องมือท่สี รา้ งขนึ้ ใหม่ ทำ�ให้การเปรยี บเทยี บผลการส�ำ รวจขา้ มประชากรและ/หรือเมื่อเวลาผ่านไป น้ันกระท�ำ ได้ยาก การรวบรวมและ/หรือการวิจัยเพื่อสร้างเครื่องมือมาตรฐานรวมทั้งการสนับสนุนให้มกี ารใช้ เคร่อื งมอื มาตรฐานเปน็ สง่ิ ที่ควรด�ำ เนินการ เพื่อให้การวจิ ยั ในหัวข้อเดยี วกันสามารถเทียบเคียงกันได้ ซึง่ จะเป็น ประโยชนใ์ นการนำ�ข้อมูลมาใชป้ ระกอบการตดั สินใจพฒั นาระบบยาของประเทศ นอกจากนี้ เน่อื งจากการวิจยั ส่วนใหญม่ ขี นาดเลก็ ในลักษณะต่างคนต่างทำ� ทำ�ให้ผลกระทบทเี่ กิดขึ้นจากการวจิ ยั มนี ้อย ดงั นนั้ การพัฒนา เครือข่ายเพ่ือก�ำ หนดทศิ ทางการวิจยั รวมทั้งการสนับสนุนงบประมาณในการวิจยั จึงเปน็ อีกส่ิงหนง่ึ ทค่ี วรด�ำ เนนิ การ เพอ่ื ใหไ้ ดง้ านวจิ ัยท่มี ที ศิ ทางชัดเจนและมีขนาดใหญ่พอทจ่ี ะตอบประเด็นค�ำ ถามเพ่ือการพฒั นาระบบยาได้ อย่างมปี ระสิทธิภาพต่อไป 5. จากการทบทวนวรรณกรรม พบงานวจิ ยั ทเี่ กยี่ วกบั ยาชวี วัตถุ (biologics) และยาชีววตั ถุคลา้ ยคลึง (biosimilars) จ�ำ นวนน้อยมาก ปัจจุบันยาชีววัตถุมีบทบาทในระบบยาของประเทศไทยสูง และเป็นยาที่มี ราคาแพง การสนบั สนุนใหม้ กี ารวจิ ยั เกย่ี วกบั ยากลมุ่ น้ี โดยเฉพาะการพฒั นายาชีววตั ถุคล้ายคลงึ จึงมีความจ�ำ เปน็ อยา่ งยิง่ เพื่อเป็นแนวทางลดค่าใชจ้ า่ ยในระบบยา สรปุ งานวจิ ัยที่เกีย่ วกบั ระบบยาของประเทศไทยในรอบ 5 ปที ีผ่ า่ นมา (2554-2558) สะทอ้ นภาพรวมของ ระบบได้เป็นอยา่ งดี การวิจัยมีทิศทางที่กว้างขวาง สามารถตอบโจทย์ของระบบยาได้ครอบคลมุ ขนึ้ แตก่ าร วิจัยยังคงมุง่ เนน้ ไปทยี่ าแผนตะวันตก ในขณะที่สมนุ ไพร ยาแผนโบราณ และภูมิปัญญาพ้นื บ้านเป็นหัวข้อทย่ี ัง ได้รับความสนใจค่อนข้างน้อยโดยเฉพาะด้านการวิจัยทางคลินิกและการทดลองในมนุษย์แม้จะเป็นนโยบาย และทศิ ทางของประเทศ การสัง่ ใชย้ าและการใช้ยาอย่างไมเ่ หมาะสมยงั คงเป็นปัญหาในระบบ ท่ามกลางความ พยายามสร้างมาตรการตา่ งๆ เพ่ือส่งเสรมิ การสั่งใช้ยาและการใช้ยาอย่างสมเหตผุ ล บทบาทของเภสัชกรและทีม สหสาขาวิชาชีพในด้านการบริบาลทางเภสัชกรรมและการส่งเสริมการใช้ยาอย่างสมเหตุผลได้รับความสนใจมาก ขนึ้ ควบคูไ่ ปกบั การถกเถยี งเกย่ี วกบั ทิศทางการศกึ ษาเภสัชศาสตร์ทยี่ ังคงเป็นประเด็นทหี่ ลายฝ่ายให้ความสนใจ 170
รายงานสถานการณร์ ะบบยา พ.ศ. 2555-2559 การวิจัยเกยี่ วกบั ระบบยาโดยผู้วิจัยในประเทศยังคงมีขนาดเล็ก มีตัวอย่างจำ�นวนนอ้ ย และกระท�ำ ในสถาน พยาบาลหรือพนื้ ท่รี บั ผดิ ชอบเพยี ง 1 แหง่ หวั ขอ้ วิจยั ยงั คงแยกส่วน เช่นเดยี วกบั ระบบยาในประเทศที่ยงั คงถูก มองแบบแยกสว่ น ขาดการมองภาพเพ่อื พฒั นาแบบองค์รวม หวั ข้อทเ่ี กี่ยวกบั ระบบยาเปน็ ท่ีสนใจของนกั วิจยั นอกสาขาเภสชั ศาสตร์ โดยเฉพาะวิศวกรรมศาสตร์ นิตศิ าสตร์ บริหารธรุ กิจ และพยาบาลศาสตร์ น่าเสียดายว่า ภาคีผเู้ ป็นแหล่งความรู้สำ�คัญเหล่านม้ี ักถูกละเลยในการวางนโยบาย แผน หรือมาตรการเก่ียวกบั ระบบยาของ ประเทศ และเน่ืองจากระบบยามคี วามซับซอ้ นและเชื่อมโยงกบั ระบบอ่ืนๆในสังคมอยา่ งแยกไม่ได้ การพฒั นา ระบบยาของประเทศจำ�เป็นต้องมองระบบยาในฐานะเป็นระบบย่อยของระบบใหญ่ ตอ้ งอาศัยความร่วมมอื จากทุกภาคสว่ นในสงั คมต้งั แต่ระดับท้องถนิ่ จนถึงระดบั นานาชาติ จงึ จะสามารถสงั เคราะห์แนวทางการพฒั นา ระบบยาไดอ้ ยา่ งเป็นองค์รวม บรรณานกุ รม (เฉพาะรายการวรรณกรรมทอ่ี า้ งองิ ในบทความน)้ี กฤษณี สระมุณี, สมศกั ดิ์ อาภาศรีทองสกุล, ธนพงศ์ ภผู าลี, สุรศักด์ิ ไชยสงค์, ชนตั ถา พลอยเลื่อมแสง. การบรู ณาการการเรยี นรชู้ ุมชนในหลกั สตู รบริบาลเภสชั กรรม. วารสารเภสัชกรรมไทย 2558;7(2): 206-215. กษมา โชคคติวัฒน์. การออกแบบธรุ กิจ กรณศี กึ ษาร้านยาคณุ ภาพในระบบหลกั ประกันสขุ ภาพแห่งชาติ จังหวดั มหาสารคาม. การศึกษาอสิ ระ บธ.ม. มหาวทิ ยาลยั ขอนแกน่ . 2555. กนั ติศา เสร็จกิจ. ความผูกพนั ต่อองคก์ รของพนกั งานบริษัท ฟาร์มาสันตแ์ ล็บอราตอร่สี ์ จำ�กดั . การศึกษาคน้ ควา้ อิสระ บธ.ม. มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. 2553. กาญจนพงษ์ เพญ็ ทองด.ี การพฒั นาและประเมินโครงการ อย.นอ้ ย เพอื่ สง่ เสริมการใชย้ าท่เี หมาะสมในชมุ ชน ของอ�ำ เภอคำ�เขอ่ื นแกว้ จังหวัดยโสธร. วารสารอาหารและยา 2555;19(2):69-77. กลุ ธดิ า สิทธิวัง. ประสิทธิผลของการใช้แนวปฏิบตั ทิ างคลินกิ ส�ำ หรับสง่ เสรมิ ความรว่ มมอื ในการรกั ษาดว้ ยยาของ ผ้ทู ่เี ป็นโรคจติ เภท โรงพยาบาลสวนปรุง จังหวดั เชียงใหม.่ การคน้ คว้าแบบอสิ ระ พย.ม. การพยาบาล สขุ ภาพจิตและจติ เวช. มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม่. 2554. กลุ ธิดา สจุ รสั เศรษฐ์เมธา. ปจั จยั ส่วนประสมทางการตลาดทมี่ อี ิทธิพลต่อการเลอื กยาที่ผลติ ในประเทศเพอื่ จำ�หนา่ ยในร้านยากรงุ เทพมหานคร. การศึกษาค้นควา้ อสิ ระ บธ.ม. บริหารธรุ กิจ. มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร.์ 2552. คัคนางค์ โตสงวน, ณฏั ฐญิ า คา้ ผล, มนทรตั ม์ ถาวรเจรญิ ทรพั ย,์ เนติ สขุ สมบรู ณ,์ วนั ทนยี ์ กลุ เพง็ , ศรเี พญ็ ตนั ตเิ วสส, ยศ ตีระวฒั นานนท.์ ความคิดเหน็ ของบคุ ลากรสาธารณสขุ ต่อยาจากสมนุ ไพรและนโยบายการสง่ เสริม การใช้ยาจากสมุนไพรในสถานบริการสาธารณสุข. วารสารวิจยั ระบบสาธารณสขุ 2554;5(4):513-522. จรยิ า อคั รวรณั ธร, ศรณั ยพร กจิ ไชยา. โครงการส�ำ รวจการปนเปอ้ื นสารสเตยี รอยดใ์ นยาแผนโบราณใน 9 จงั หวดั . วารสารอาหารและยา 2557;21(3):64-72. จันทิมา ชว่ ยชมุ . ปจั จัยคดั สรรทสี่ ัมพนั ธ์กับความร่วมมือในการใชย้ าของผูป้ ว่ ยโรคลมชกั . วทิ ยานิพนธ์ พย.ม. พยาบาลศาสตร์. จฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลัย. 2555. 171
รายงานสถานการณร์ ะบบยา พ.ศ. 2555-2559 เจนจิรา ตนั ติวชิ ญวานิช, โพยม วงศ์ภวู รักษ,์ วิบลุ วงศภ์ วู รกั ษ์. การพฒั นาซอฟต์แวรส์ าธติ เพอื่ การดูแลผ้ปู ่วยท่ี ใช้ยาวาร์ฟารินในโรงพยาบาลปตั ตาน.ี วารสารเภสัชกรรมไทย 2558;7(2):288-304. ซาลายา กนู งิ , พริ ณุ รตั น์ แซ่ล้มิ , ศริ ิขวัญ มณ,ี เจษฎาพร บญุ พอ่ มี, พชั รวลัย ใจสมุทร, อรทัย เนียมสุวรรณ. การสํารวจภมู ปิ ญั ญาการใช้สมนุ ไพรจากหนงั สอื บดุ ขาวของหมอวงศ์ พมิ ท่าทอง อําเภอบ้านตาขุน จังหวัดสุราษฎรธ์ าน.ี วารสารไทยเภสัชศาสตร์และวทิ ยาการสขุ ภาพ 2555;7(2):61-66. ณฐั ธิมา ตอ่ ศร.ี แรงจงู ใจของเภสัชกรท่ีมผี ลต่อการพฒั นาคุณภาพระบบบริการเพื่อม่งุ สูก่ ารรบั รองคุณภาพ โรงพยาบาลของฝายเภสัชกรรมในโรงพยาบาลชุมชน จงั หวัดชัยภูม.ิ การศึกษาอิสระ ส.ม. การบรหิ าร สาธารณสขุ มหาวทิ ยาลัยขอนแก่น. 2555. ณฐั นิช ส้มจนั ทร,์ ดลพร นนั ทวุฒิพันธ์,ุ ขวญั ชนก อารีย์วงศ์, นิสา หวังเรืองสถติ ย,์ นนั ทวรรณ กิติกรรณากรณ์. การสำ�รวจการส่งั จา่ ยยายาลดไขมนั ในเลือดกล่มุ นอกบัญชยี าหลกั แหง่ ชาตปิ ี พ.ศ. 2551: กรณศี กึ ษาใน โรงพยาบาลโรงเรยี นแพทย์แหง่ หนงึ่ . ศรนี ครนิ ทรเ์ วชสาร 2557;29(4):350-356. ณัฐพร อยู่ปาน, พนิดา แจ่มผล. ทัศนคติและพฤติกรรมของนสิ ติ เภสชั ศาสตร์ตอ่ การเรยี น โดยใชร้ ูปแบบการ นําเสนอข้อมูลยาใหม่. วารสารไทยเภสชั ศาสตร์และวิทยาการสขุ ภาพ 2556;8(2):78-85. ดวงทิพย์ หงษ์สมทุ ร, พมิ ลศรี แสงคาร์. การน�ำ ร้านยาคุณภาพเข้าระบบหลักประกนั สขุ ภาพของประเทศไทย วารสารวิชาการสาธารณสขุ 2554;20(4):708-717. ดามรัศม์ รัตนนาคนิ ทร์. ปัจจัยท่มี ีผลตอ่ ความสขุ ในการทำ�งานของเภสัชกรโรงพยาบาลในสงั กัดส�ำ นกั งานปลดั กระทรวงสาธารณสขุ . วทิ ยานพิ นธ์ ภ.ม. การจดั การทางเภสัชกรรม. มหาวิทยาลัยขอนแกน่ . 2556. ดรุ ิพธั แจง้ ใจ, สงวน ลอื เกียรติบณั ฑติ . ประสิทธภิ าพของวิธีการแกไ้ ขปัญหาการโฆษณาผลิตภณั ฑ์สุขภาพท่ี ผดิ กฎหมายทางสถานีวทิ ยุท้องถิน่ . วารสารเภสัชกรรมไทย 2556;5(1):22-40. เด่นชัย ดอกพอง. การให้ข้อมลู ยา ของคลนิ กิ และรา้ นขายยา แก่ผปู้ ว่ ย อ�ำ เภอขุขนั ธ์ จังหวดั ศรสี ะเกษ. วารสาร อาหารและยา 2554;18(1):23-30. ธวัชชยั ศรมี ารกั ษ์. การศึกษาความตอ้ งการทางการตลาดของรา้ นยา 24 ชวั่ โมงในเขตเทศบาลนครขอนแกน่ . การศึกษาอสิ ระ บธ.ม. มหาวทิ ยาลัยขอนแก่น. 2555. ธีรภัทร์ กจิ เจรญิ . การตดั สินใจแบบพิจารณาหลายหลกั เกณฑ์ในปัญหาผังโรงงานผลิตยา. วิทยานพิ นธ์ วศ.ม. วศิ วกรรมอุตสาหการและระบบการผลติ . มหาวิทยาลยั เทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ ธนบรุ ี. 2556. ธรี าวฒุ ิ มชี �ำ นาญ. การประเมนิ การใชย้ าสมนุ ไพรและยาแผนไทยของสถานพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสขุ ในจงั หวัดร้อยเอ็ดในปี 2557. วารสารเภสชั กรรมไทย 2558;7(2):155-166. นฤมล สรุ นิ ทร.์ ความชกุ และลกั ษณะของร้านช�ำ ทจ่ี ำ�หนา่ ยยาปฏิชวี นะในเขตอ�ำ เภอเมอื งปาน จงั หวดั ล�ำ ปาง. วารสารเภสัชกรรมไทย 2558;7(2):200-205. พงษศ์ กั ด์ิ คูประเสริฐยงิ่ , วันชัย ตรียะประเสริฐ. การพฒั นาเวบ็ ไซตก์ ารจดั การความรู้สําหรบั เภสัชกรทีใ่ ห้บริการ เภสชั สนเทศ. วารสารไทยเภสัชศาสตร์และวิทยาการสุขภาพ 2555;7(1):29-38. พิศาลสิทธ์ ธนวุฒิ, นลิ วรรณ อยภู่ ักด.ี การคาดการณก์ �ำ ลงั คนสำ�หรบั การวางแผนอตั รากำ�ลงั เภสชั กรใน ประเทศไทย. วารสารวจิ ยั ระบบสาธารณสขุ 2558;9(3):294-305. พีรพล สิมมา. กฎหมายสิทธบิ ตั รกับปัญหาการเขา้ ถงึ ยารักษาโรค: ศกึ ษากรณปี ระเทศไทย. วิทยานพิ นธ์ น.เพยี ง พม. จฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลยั . 2556. 172
รายงานสถานการณร์ ะบบยา พ.ศ. 2555-2559 เพชรรตั น์ พงษ์เจริญสขุ , อังคณา แสงนภากาศ, อรลกั ษณ์ พัฒนาประทปี . การกำ�หนดราคาเบิกจ่ายของ ยาและผลกระทบตอ่ งบประมาณโรงพยาบาลภาครฐั ในปีงบประมาณ 2553. วารสารวิจัยระบบ สาธารณสุข 2555;6(2):185-193. ไพรจิตร ชยั จ�ำ รูญพันธ,์ุ พิมพ์ชนก หยวี ิยม, อภนิ นั ท์ วันโน. การจดั ทำ�กรอบบญั ชีรายการยาของจังหวัดพะเยา. วารสารเภสัชกรรมไทย 2558;7(2):145-154. ภรติ า บุญรกั ษา, คมกฤษณ์ ปัญญวฒั นกิจ, ทอม กำ�ภู ณ อยุธยา, วรี วรรณ แก้วทอง, กชกร พงศพ์ ิศาล, วนิ เตชะ เคหะกจิ . โรคปอดอักเสบจากการติดเชอื้ ในโรงพยาบาลในผู้ใหญ่ สาเหตแุ ละความชุกของการด้อื ตอ่ ยา ปฏชิ ีวนะชว่ งปี พ.ศ. 2554-2555 โรงพยาบาลสรุ าษฎรธ์ าน.ี วารสารวจิ ัยระบบสาธารณสุข 2556;7(2):296-302. โมเรศ ศรีบ้านไผ.่ ปัจจัยท่ีมคี วามสมั พนั ธ์ต่อความไม่รว่ มมอื ในการใช้ยาของผปู้ ว่ ยโรคพารก์ นิ สัน ณ โรงพยาบาล จฬุ าลงกรณ์. วทิ ยานพิ นธ์ ภ.ม. เภสชั กรรมคลินกิ . จุฬาลงกรณม์ หาวิทยาลัย. 2554. รชั ฎาพร สนุ ทรภาส, ภริ ุญ มตุ สิกพนั ธุ์, เชดิ ชัย สนุ ทรภาส. การทบทวนการใชย้ า Liposomal Amphotericin B ณ โรงพยาบาลศรนี ครินทร์. ศรนี ครนิ ทร์เวชสาร 2557;29(1):35-42. วรวรรณ ปลิโพธ, กวศี กั ดิ์ จติ ตวัฒนรตั น์, ชดิ ชนก เรือนก้อน, อรุณรตั น์ ลักษณศ์ ิริ. ผลของโปรแกรมควบคุม การใช้ยาปฏิชีวนะในผู้ปว่ ยหนักศลั ยกรรม โรงพยาบาลมหาราชนครเชยี งใหม่. วารสารไทยเภสชั ศาสตร์ และวทิ ยาการสขุ ภาพ 2558;10(2):59-66. วไิ ล บณั ฑิตานุกลู , อนนั ต์ชยั อัศวเมฆนิ , วรสดุ า ยงู ทอง, กิตติ สคุ ันโธ. การพัฒนาระบบการกำ�กบั ดแู ลยาชีววตั ถุ ในประเทศไทย: กรณีศกึ ษายา epoetin. วารสารอาหารและยา 2555;19(1):52-61. โศภิต สขุ สุพนั ธ,์ สงวน ลอื เกียรตบิ ัณฑิต. ผลกระทบของสถานการณค์ วามไม่สงบในสามจงั หวดั ชายแดนภาคใต้ ต่อการปฏิบัติงานค้มุ ครองผู้บริโภคและการปรบั ตัวของเภสชั กร. วารสารเภสัชกรรมไทย 2558;7(2):216-233. โศภนิ โบสทิ ธพิ ิเชฎฐ์. การจดั ตารางการผลิตของสายการผลติ ยาตา้ นไวรัสเอดส.์ วิทยานพิ นธ์ วศ.ม. วิศวกรรม อตุ สาหการและระบบการผลิต. มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี. 2557. สกุ ัญญา เจยี ระพงษ,์ สุรสทิ ธ์ิ ลอ้ จติ รอำ�นวย, ระพพี รรณ ฉลองสขุ , ณัฏฐญิ า คา้ ผล, ทศั นคตขิ องเภสชั กร โรงพยาบาลรัฐตอ่ คณุ ภาพยาสามัญในประเทศไทย. วารสารอาหารและยา 2555;19(3):58-70. อรอนงค์ วลีขจรเลศิ , ธนนรรจ์ รัตนโชติพานิช, พรพิศ ศลิ ขวุธท์, ธนภร ชัยจิต, ขวญั สุดา ชาตโิ สม, จฬุ าภรณ์ ลมิ วฒั นานนท์. การทบทวนระบบควบคุมราคายาในประเทศไทย. วารสารวิจัยระบบ สาธารณสุข 2555;6(2):156-167. อรอษุ า สุวรรณมณ,ี สงวน ลอื เกยี รตบิ ัณฑติ . การโฆษณาผลิตภณั ฑท์ ีเ่ ขา้ ข่ายเป็นยาโดยผิดกฎหมายทางวิทยุ ท้องถิ่น. วารสารเภสัชกรรมไทย 2554;3(2):41-56. อรโุ ณทัย พุทธสิมา. การเปรียบเทยี บคุณภาพชวี ิตของผู้ติดเชือ้ เอชไอวที ี่รบั ประทานยาตา้ นไวรัสและผตู้ ิดเชื้อที่ ไมไ่ ด้รบั ประทานยาต้านไวรัส. วิทยานิพนธ์ พย.ม. การพยาบาลเวชปฏบิ ตั ชิ ุมชน. มหาวิทยาลยั นเรศวร. 2555. 173
รายงานสถานการณร์ ะบบยา พ.ศ. 2555-2559 อารีวรรณ เช่ยี วชาญวัฒนา, ธนนรรจ์ รตั นโชตพิ านิช, อรอนงค์ วลขี จรเลศิ , พิมประภา กิจวธิ ี, รชั ตะ อุลมาน, วราภรณ์ สายสนุ ันทรารมย์, สมชาย สุรยิ ะไกร, จฬุ าภรณ์ ลมิ วัฒนานนท์. คุณภาพการสัง่ ใชย้ า ผปู้ ่วยนอก: ผลจากการวเิ คราะห์ข้อมลู 18 แฟ้มมาตรฐานของโรงพยาบาล. วารสารวิจัยระบบ สาธารณสขุ 2555;6(2):167-176. Aramwit P, Supasyndh O, Siritienthong T, Bang N. Mulberry leaf reduces oxidation and C-reac tive protein level in patients with mild dyslipidemia. Biomed Res Int. 2013;2013:787981. Asasutjarit R, Larpmahawong P, Fuongfuchat A, Sareedenchai V, Veeranondha S. Physicochemical properties and anti-Propionibacterium acnes activity of film-forming solutions containing alpha-mangostin-rich extract. AAPS PharmSciTech.2014;15(2):306-16. Aydinok Y, Kattamis A, Cappellini MD, El-Beshlawy A, Origa R, Elalfy M, Kilinç Y, Perrotta S, Karakas Z, Viprakasit V, Habr D, Constantinovici N, Shen J, Porter JB; HYPERION Investigators. Effects of deferasirox-deferoxamine on myocardial and liver iron in patients with severe transfusional iron overload. Blood. 2015;125(25):3868-77. Chaiyakunapruk N, Somkrua R, Hutubessy R, Henao AM, Hombach J, Melegaro A, Edmunds JW, Beutels P. Cost effectiveness of pediatric pneumococcal conjugate vaccines: a comparative assessment of decision-making tools. BMC Med. 2011 May 12;9:53. Chanakit T, Low BY, Wongpoowarak P, Moolasarn S, Anderson C.A Survey of Pharmacy Education in Thailand. Am J Pharm Educ. 2014;78(9):161. Chanakit T, Low BY, Wongpoowarak P, Moolasarn S, Anderson C. Does a transition in education equate to a transition in practice? Thai stakeholder’s perceptions of the introduction of the Doctor of Pharmacy programme. BMC Med Educ. 2015;15:205. Chanakit T, Low BY, Wongpoowarak P, Moolasarn S, Anderson C. Hospital pharmacists’ perceptions of the suitability of doctor of pharmacy graduates in hospital settings in Thailand. BMC Med Educ. 2015;15:181. Chang CB, Chen JH, Wen CJ, Kuo HK, Lu IS, Chiu LS, Wu SC, Chan DC. Potentially inappropriate medications in geriatric outpatients with polypharmacy: application of six sets of published explicit criteria. Br J Clin Pharmacol.2011;72(3):482-9. Chuasuwan B, Ratnatilaka Na Bhuket P, Supasena W, Manamuti C, Techatanawat I, Narakorn P, Rojanawiwat A, Eksaengsri A. Bioequivalence Study of Sildenafil 20 mg Tablets in Healthy Thai Male Volunteers. Mahidol University Journal of Pharmaceutical Sciences 2014;41(2):1-6. Chumchit C, Amrumpai Y, Treesak C. Recognition on Medication Safety and Look-alike/Sound- alike Medication Problems in Thai Public Hospitals. Silpakorn U Science & Tech J 2015;9(2):40-51. 174
รายงานสถานการณ์ระบบยา พ.ศ. 2555-2559 Dechraksa J, Suwandecha T, Maliwan K, Srichana T. The comparison of fluid dynamics parameters in an Andersen cascade impactor equipped with and without a preseparator. AAPS PharmSciTech.2014;15(3):792-801. Dhippayom T, Fuangchan A, Tunpichart S, Chaiyakunapruk N. Opportunistic screening and health promotion for type 2 diabetes: an expanding public health role for the community pharmacist. J Public Health (Oxf).2013;35(2):262-9. Dilokthornsakul P, Chaiyakunapruk N, Nimpitakpong P, Jeanpeerapong N, Sruamsiri R. The effects of medication supply on hospitalizations and health-care costs in patients with chronic heart failure. Value Health.2012;15(1Suppl):S9-14. Iamsaard S, Arun S, Burawat J, Sukhorum W, Wattanathorn J, Nualkaew S, Sripanidkulchai B. Phenolic contents and antioxidant capacities of Thai-Makham Pom (Phyllanthus emblica L.) aqueous extracts. J Zhejiang Univ Sci B. 2014;15(4):405-8. Kanjanabat S, Pongjanyakul T. Preparation and characterization of nicotine-magnesium aluminum silicate complex-loaded sodium alginate matrix tablets for buccal delivery. AAPS PharmSciTech.2011;12(2):683-92. Kanjanarach T, Jaisa-Ard R, Poonaovarat N. Performance of health product risk management and surveillance conducted by health personnel at sub-district health promotion hospitals in the northeast region of Thailand. Risk Manag Healthc Policy. 2014;7:189-97. Lertsinudom S, Chaiyakum A, Tuntapakul S, Sawanyawisuth K, Tiamkao S, Tiamkao S; Integrated Epilepsy Research Group. Therapeutic drug monitoring in epilepsy clinic: a multi-disci plinary approach. Neurol Int. 2014;6(4):5620. Manosroi A, Chutoprapat R, Abe M, Manosroi W, Manosroi J. Transdermal absorption enhancement of rice bran bioactive compounds entrapped in niosomes. AAPS PharmSciTech.2012;13(1):323-35. Milea D, Azmi S, Reginald P, Verpillat P, Francois C. A review of accessibility of administrative healthcaredatabasesintheAsia-Pacificregion.JMarkAccessHealthPolicy.2015;3:10.3402/ jmahp.v3.28076. Mohara A, Yamabhai I, Chaisiri K, Tantivess S, Teerawattananon Y. Impact of the introduction of government use licenses on the drug expenditure on seven medicines in Thailand. Value Health.2012;15(1Suppl):S95-9. Monton C, Charoenchai L, Suksaeree J. Purchasing and inventory management by pharmacist of a private hospital in northeast of Thailand. International Journal of Pharmacy and Pharmaceutical Sciences 2014;6(5):401-405. Okonogi S, Chaiyana W. Enhancement of anti-cholinesterase activity of Zingiber cassumunar essential oil using a microemulsion technique. Drug Discov Ther. 2012;6(5):249-55. 175
รายงานสถานการณร์ ะบบยา พ.ศ. 2555-2559 Payal BD, Maheshwari D. Regulatory Requirement for the Approval of generic Drug in Thailand as per ASEAN Common Technical Dossier (ACTD) – A Review. JPSBR 2014;4(4):243-251 Plianbangchang P, Chaijinda K, Wongruttanachai A, Sirirattanathorn A, Jetiyanon K. Pharmacy Professionalism among Thai Pharmacy Students. Thai Journal of Pharmacy Practice 2013;4(2):31-38. Stirner B. Learning from practice: compulsory licensing cases and access to medicines. Pharm Pat Anal.2012;1(5):555-75. Sumpradit N, Suttajit S, Hunnangkul S, Wisaijohn T, Putthasri W. Comparison of self-reported professional competency across pharmacy education programs: a survey of Thai pharmacy graduates enrolled in the public service program. Adv Med Educ Pract.2014;5:347-57. Supsongserm P, Boonmuang P, Nathisuwan S, Chaiyakunapruk N, Tanyasaensook K. Risk factors Related to Rhabdomyolysis in Thai Statin Users: A Case-control Study. Mahidol University Journal of Pharmaceutical Sciences 2013;40(4):1-7. Thammatacharee N, Suphanchaimat R, Wisaijohn T, Limwattananon S, Putthasri W. Attitudes toward working in rural areas of Thai medical, dental and pharmacy new graduates in 2012: a cross-sectional survey. Hum Resour Health. 2013;11:53. 176
รายงานสถานการณร์ ะบบยา พ.ศ. 2555-2559 8. สถานการณด์ า้ นปญั หาอบุ ตั ิใหม่ 8.1 สถานการณผ์ ลติ ภณั ฑส์ ุขภาพ ท่ีไมเ่ หมาะสมตามแนวชายแดน 8.2 สถานการณย์ าดองเหลา้ 117777
รายงานสถานการณ์ระบบยา พ.ศ. 2555-2559 8.1 สถานการณ์ผลติ ภณั ฑส์ ุขภาพท่ีไมเ่ หมาะสม ตามแนวชายแดน ไพลนิ สาระมนต์ โรงพยาบาลเวยี งแก่น จ.เชยี งราย อน่ิ แกว้ สงิ ห์แก้ว โรงพยาบาลสมเด็จพระยพุ ราชเชยี งของ จ.เชยี งราย เมฆินทร์ คุณแขวน สำ�นักงานสาธารณสุขจงั หวัดศรีสะเกษ สถานการณ์การบริโภคผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ไม่เหมาะสมในชุมชนยังคงดำ�รงอยู่ในทุกพ้ืนที่ของ ประเทศไทย ยงั พบไดเ้ สมอกบั การจ�ำ หน่ายยาอนั ตรายและยาควบคมุ พิเศษทงั้ ในรา้ นคา้ และตลาดนดั พบสเตยี รอยด์ ในรปู แบบยาชดุ และท่ผี สมลงไปในยาแผนโบราณ ในบางพื้นที่มีการโฆษณาทางวิทยุชุมชนโดยการอวดอ้าง สรรพคุณเกนิ จริง ทำ�ให้เกิดการใช้ผลติ ภณั ฑส์ ขุ ภาพทีไ่ ม่เหมาะสมกนั อย่างแพร่หลาย ยงิ่ ชมุ ชนทม่ี อี าณาเขตติดกับประเทศเพื่อนบ้าน ก็ยิ่งพบปัญหาผลิตภัณฑ์สุขภาพไมเ่ หมาะสมมากขน้ึ แมว้ า่ บางพนื้ ทจี่ ะยากแก่การเข้าถึงก็ยังมีผลิตภัณฑ์สุขภาพเหล่านี้เข้าไปปรากฏอย่ใู นหมูบ่ า้ น มรี ายงานผู้ไดร้ บั อนั ตรายจากการใชผ้ ลติ ภัณฑ์สขุ ภาพท่ีไมเ่ หมาะสมเพ่ิมข้นึ ในโรงพยาบาลหลายแหง่ ในพนื้ ท่เี หลา่ น้ี จากผลการเกบ็ ข้อมูลของเครือข่ายติดตามปัญหายาชายแดนและผลิตภัณฑ์สุขภาพขา้ มแดน (คยช.) โดยการสนบั สนุนของศนู ยว์ ชิ าการเฝ้าระวังและพฒั นาระบบยา ในพื้นทช่ี ายแดน ภาคเหนอื คอื อำ�เภอเชียงของ และอ�ำ เภอเวียงแก่น จงั หวัดเชียงราย และภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือคืออำ�เภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ พบว่า มกี ารจำ�หน่ายผลิตภณั ฑส์ ขุ ภาพท่ไี ม่เหมาะสมในชมุ ชนชายแดนมากมาย ทั้งยาอันตราย ยาควบคุมพเิ ศษ และ ผลติ ภัณฑส์ ขุ ภาพทไี่ ม่ได้ขึ้นทะเบยี นในประเทศไทยทีม่ าจากต่างประเทศมากมาย 178
รายงานสถานการณร์ ะบบยา พ.ศ. 2555-2559 1. สถานการณผ์ ลติ ภณั ฑส์ ขุ ภาพท่ีไมเ่ หมาะสมบรเิ วณชายแดน: กรณศี กึ ษา อ.เชยี งของ จ.เชยี งราย อำ�เภอเชยี งของเปน็ อ�ำ เภอทอ่ี ยตู่ ดิ ชายแดนไทย-ลาว และมแี นวชายแดนเปน็ ระยะทางประมาณ 100 กม. ซึ่งมีการขา้ มไป-มาไดห้ ลายจดุ แตม่ ีจุดผอ่ นปรนเปน็ ทางการท่หี าดบา้ ย และปจั จุบันมีการเปิดสะพานมิตรภาพ แห่งท่ี 4 ท�ำ ใหก้ ารขา้ มไปมาสะดวกยง่ิ ขน้ึ ซง่ึ รวมถงึ การนำ�เข้าและสง่ ออกสนิ ค้าผลิตภณั ฑส์ ขุ ภาพกม็ มี ากข้ึนด้วย ไดม้ กี ารส�ำ รวจพน้ื ทห่ี ลกั ๆ สองจดุ จดุ ท่หี นงึ่ คือตลาดนดั จุดผ่อนปรนบ้านหาดบ้าย ซึ่งตั้งอยู่ที่บ้านหาดบ้าย ม.1 ต.ริมโขง อ.เชียงของ จ.เชียงราย โดยตลาดนดั แห่งนจ้ี ะมที กุ วนั พฤหสั บดี การน�ำ สนิ คา้ ขา้ มชายแดนมาขายหรอื น�ำ ขา้ มชายแดนออกไป ไม่มีความเข้มงวด แทบจะไมม่ กี ารตรวจสอบใดๆจากเจ้าหน้าทเี่ ลย อยา่ งไรก็ตาม ผลจากการส�ำ รวจตลาดนัด แหง่ นจ้ี �ำ นวน 3 ครั้ง ไม่พบว่ามีการลักลอบนำ�ยาแผนปัจจุบันเข้ามาจำ�หน่าย พบเพียงเครื่องสำ�อางและยา แผนโบราณท่ีผสมสารสเตยี รอยด์ (จากการทดสอบด้วยชดุ ทดสอบสเตียรอยด์) จุดท่ีสองคือตลาดนัดเชียงของ ซึ่งจะมที ุกวนั ศุกร์ จากการส�ำ รวจตลาดนัดแห่งนีจ้ ำ�นวน 12 ครัง้ พบวา่ มกี ารลักลอบจำ�หน่ายยาที่นำ�เข้ามาจากต่างประเทศจำ�นวนมาก ทัง้ จากประเทศเมียนมาร์ ลาวและกัมพูชา มคี วามหลากหลายของผลิตภณั ฑส์ ุขภาพ ทงั้ แผนปัจจบุ ันและแผนโบราณ ดงั ตารางที่ 1 ตารางที่ 1 แสดงภาพผลิตภัณฑ์สุขภาพทีไ่ ม่เหมาะสมทพ่ี บท่ีตลาดนัดวนั ศุกร์ อ.เชียงของ จ.เชียงราย ชอื่ รายการยา ภาพถ่าย การกระจายยา / แหลง่ ที่พบ 1. ยาถ่ายพยาธสิ �ำ หรับสตั ว์ - ผูข้ ายเป็นชาวบา้ น อ.เชียงของ จ.เชยี งราย - ไม่ทราบส่วนประกอบ - นำ�เข้ามาจากประเทศลาว 179
รายงานสถานการณ์ระบบยา พ.ศ. 2555-2559 ชือ่ รายการยา ภาพถ่าย การกระจายยา / แหล่งทพ่ี บ 2. ยารกั ษาแมงกินฟัน - ผู้ขายเปน็ ชาวบา้ น อ.เชียงของ จ.เชียงราย - ไมท่ ราบส่วนประกอบ - นำ�มาจากจังหวัดล�ำ ปาง 3. ยาตรานกขนุ ทอง - ผขู้ ายเปน็ ชาวบา้ น อ.เชยี งของ ชมรมสมุนไพรล�ำ ปาง จ.เชียงราย - นำ�มาจากจังหวัดลำ�ปาง - ทดสอบสเตยี รอยด์ ผลเป็นบวก 4. ยาสมนุ ไพรแก้กระดกู - ผขู้ ายเป็นรถเร่ หิ้วตะกร้าขาย ทบั เสน้ - นำ�มาจากจังหวดั ล�ำ ปาง - ทดสอบสเตยี รอยด์ ผลเป็นบวก 5. ยาสมนุ ไพรแผนโบราณ - ผู้ขายเป็นรถเร่ หว้ิ ตะกร้าขาย 108 - น�ำ มาจากจงั หวัดล�ำ ปาง - ทดสอบสเตียรอยด์ ผลเป็นบวก 6. ยาถา่ ยพยาธเิ ด็ก - ผูข้ ายเป็นชาวบา้ น อ.เชียงของ - ไมท่ ราบแหล่งทีม่ า 180
รายงานสถานการณ์ระบบยา พ.ศ. 2555-2559 ชือ่ รายการยา ภาพถ่าย การกระจายยา / แหลง่ ท่ีพบ 7. ครีมหนา้ ขาว - ตลับสฟี า้ และสีส้ม ทดสอบ สเตยี รอยด์ ผลเป็นบวก - ตลบั สขี าวเปน็ วาสลีน 8. ครีมหนา้ ขาว - ตลบั สีฟา้ และสีชมพใู หญ่ ทดสอบสเตียรอยด์ ผลเปน็ บวก - ตลบั เล็กเป็นวาสลนี 9. ยาแกไ้ ขเ้ ด็ก - คนขายเปน็ ชาวเขาจาก 10. ยาแกไ้ อ อ.เวยี งแก่น - น�ำ เขา้ มาจากประเทศลาว - วธิ ีใช้ ใหน้ �ำ ยาในซองสีเหลือง กับซองสีขาวผสมกันในนํ้า แล้วเอายาในซองสีแดงผสม ลงไป 1-2 เม็ด - คนขายเป็นชาวเขาจาก อ.เวียงแกน่ - นำ�เข้ามาจากประเทศลาว 11. ยาแก้หดื หอบ - คนขายเปน็ ชาวเขาจาก ละลายเสมหะ อ.เวียงแกน่ - นำ�เข้ามาจากประเทศลาว 181
รายงานสถานการณ์ระบบยา พ.ศ. 2555-2559 ชอื่ รายการยา ภาพถา่ ย การกระจายยา / แหล่งทีพ่ บ 12. ยาไม่ทราบช่อื - คนขายเป็นชาวเขาจาก อ.เวียงแก่น - นำ�เขา้ มาจากประเทศลาว 13. ยาไม่ทราบชื่อ - คนขายเปน็ ชาวเขาจาก อ.เวยี งแกน่ - น�ำ เขา้ มาจากประเทศลาว 14. ยาสำ�หรับไก่ - คนขายเปน็ ชาวเขาจาก 15. ยาครมี อ.เวยี งแกน่ 16. ยาสเตียรอยด์ - น�ำ เข้ามาจากประเทศลาว - รปู ประกอบบนซองยา ขนาดบรรจุ 100 เมด็ ทำ�ใหเ้ ขา้ ใจวา่ เปน็ ยารกั ษา และ ยา Piroxicam โรคกระเพาะอาหาร 10 mg - คนขายเป็นชาวเขาจาก อ.เวยี งแกน่ - น�ำ เข้ามาจากประเทศลาว - กล่องสขี าวรกั ษานาํ้ กดั เท้า กลอ่ งสเี ขยี วกับสีฟ้า แกค้ นั ปจั จุบนั กระจายสู่ จังหวดั เชยี งใหม่แลว้ - คนขายเปน็ ชาวเขาจาก อ.เวยี งแกน่ - น�ำ เข้ามาจากประเทศลาว 182
รายงานสถานการณ์ระบบยา พ.ศ. 2555-2559 ภาพถ่าย 17. รูปการทดสอบ - ผลเปน็ บวก สเตียรอยด์ 18. รปู การทดสอบ - ผลเปน็ บวก สเตียรอยด์ - ผลเป็นบวก 19. รูปการทดสอบ สเตียรอยด์ 20. รปู การทดสอบ - ผลเปน็ บวก สเตยี รอยด์ 183
รายงานสถานการณร์ ะบบยา พ.ศ. 2555-2559 ช่ือรายการยา ภาพถา่ ย การกระจายยา / แหล่งที่พบ 21. สมุนไพรไมท่ ราบชนิด - คนขายเป็นชาวเขาจาก อ.เวยี งแกน่ - น�ำ เขา้ มาจากประเทศลาว 22. สมนุ ไพรไม่ทราบชนิด 23. รปู การจัดวางยา ในแผงลอยขายยา นอกจากสองจดุ หลกั ทท่ี �ำ การส�ำ รวจแลว้ ปจั จบุ นั ไดร้ ับรายงานจากรพ.สต.เครอื ขา่ ยวา่ ไดพ้ บการจ�ำ หนา่ ย ยาดงั กลา่ วที่ตลาดนดั บ้านแกน่ ต.หว้ ยซ้ออีกดว้ ย 184
รายงานสถานการณ์ระบบยา พ.ศ. 2555-2559 แหลง่ ทม่ี าของผลติ ภณั ฑส์ ขุ ภาพท่ไี มเ่ หมาะสมทพ่ี บในอ�ำ เภอเชยี งของ จ.เชยี งราย ทีมทำ�งานพน้ื ทเ่ี ชยี งของไดเ้ กบ็ ขอ้ มลู เพอ่ื ตรวจสอบเสน้ ทางการกระจายผลติ ภณั ฑส์ ขุ ภาพทไ่ี ม่เหมาะสม พบว่ามแี หล่งทม่ี าจาก 2 ทางดว้ ยกันคอื 1.1 ขา้ มมาจากประเทศเพ่อื นบา้ นทง้ั จากลาว เมียนมา่ รแ์ ละจนี 1.2 จากแหล่งผลติ ในประเทศ เช่น จากจังหวัดลำ�ปาง จากอำ�เภอแม่สาย และจากอ�ำ เภอเวยี งแก่น จงั หวดั เชียงราย การแก้ไขปญั หาดงั กลา่ วในเบอ้ื งตน้ ยังไม่สามารถระงับการจำ�หน่ายอย่างเด็ดขาดในทันทีได้ จึงได้ดำ�เนินการให้ความรู้แก่ชุมชนในเรื่อง อันตรายของผลติ ภณั ฑส์ ขุ ภาพเหลา่ นี้เพ่ือใหเ้ กิดความเขา้ ใจและเขา้ ร่วมเป็นกลมุ่ ชว่ ยเฝา้ ระวงั ภัยในชุมชน กรณีการจัดการในเชิงนโยบายของพื้นที่ มีการนำ�ปัญหาเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมกำ�นันผู้ใหญ่บ้านของ อำ�เภอเชยี งของเพือ่ ผลักดนั ใหเ้ ป็นวาระดา้ นสุขภาพของอำ�เภอตอ่ ไป 2. สถานการณผ์ ลติ ภณั ฑส์ ขุ ภาพท่ีไมเ่ หมาะสมบรเิ วณชายแดน: กรณศี กึ ษา อ.เวยี งแกน่ จ.เชยี งราย ทมี ทำ�งานอำ�เภอเวียงแก่น ซึ่งได้ร่วมกันทำ�งานแก้ไขปัญหาด้านสุขภาพในพื้นที่อำ�เภอชายแดนไทย- สปป.ลาว มาติดต่อกันอย่างยาวนาน ได้ร่วมกันวิเคราะห์สถานการณ์และสรุปได้ว่าพื้นที่เวียงแก่นนั้นยังไมม่ ี ระบบเฝ้าระวังและจัดการความเสี่ยงด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพ ขณะที่พบว่ามีอุบัติการณ์ผูป้ ่วยแพย้ าท่ซี อื้ ยาจาก รา้ นขายของช�ำ เขา้ มารับการรกั ษาในโรงพยาบาลเวยี งแก่นต้ังแตป่ ี 2554 – 2559 รวมจ�ำ นวนทงั้ สนิ้ 30 ราย อีกทง้ั ในการเยี่ยมบ้านผู้ป่วยในชุมชนนั้น ได้พบผู้ป่วยในชุมชนนิยมกินยาสมุนไพรที่มีสเตียรอยด์ ปลอมปนทง้ั ยาจนี และยาไทยเปน็ จำ�นวนมาก สว่ นการส�ำ รวจรา้ นชำ�และรถเรน่ ้ัน ทมี ท�ำ งานได้พบวา่ มียาอันตรายและยาควบคมุ พิเศษจ�ำ นวนมาก ขณะทีก่ ารส�ำ รวจแผงลอยในตลาดนดั บ้านแจมป๋อง ต.หล่ายงาวที่อยู่ติดชายแดนไทย-ลาวและตลาดนัดบ้านโล๊ะ ต.ท่าข้าม ก็ได้พบยาควบคมุ พเิ ศษ ยาอนั ตราย และยาสมนุ ไพรทไ่ี มไ่ ดข้ น้ึ ทะเบยี นในประเทศไทย (ยาต่างประเทศ) ท่คี นขายยาน�ำ เขา้ มาขายจากประเทศลาวและประเทศจีนอีกดว้ ย การประเมนิ สถานการณป์ ญั หา ทมี งานได้ตกลงกนั ว่าจะดำ�เนินการในพื้นทีน่ ำ�รอ่ ง 6 หมูบ่ า้ นในตำ�บลหล่ายงาว อ.เวยี งแกน่ จ.เชยี งราย ในชว่ งเดือน กรกฏาคม-กันยายน พ.ศ. 2559 โดยแกนนำ�เครือข่ายคุ้มครองผู้บริโภคในระดับตำ�บลมีส่วนร่วม 185
รายงานสถานการณร์ ะบบยา พ.ศ. 2555-2559 ตง้ั แต่การทำ�การส�ำ รวจ ร่วมคิด ร่วมตัดสินใจวางแผนกิจกรรม ร่วมลงมือปฏิบัติการ ร่วมกันแก้ไขปัญหา รวมถงึ ปรับปรงุ กระบวนการในอำ�เภอเวยี งแก่น โดยใชเ้ คร่ืองมือ คือแบบฟอร์มเก็บข้อมูลของคณะท�ำ งานดา้ น สาธารณสุขอำ�เภอเวยี งแกน่ ทมี ท�ำ งานไดส้ ำ�รวจแบบเจาะจงในร้านชำ�และแผงลอยในตลาดนัด ผู้สำ�รวจเปน็ เภสัชกร อสม. และ จนท.รพ.สต. โดยการออกเยีย่ มบ้านรว่ มกัน จากนั้นจึงท�ำ การวิเคราะห์ขอ้ มูลและสรุปบทเรียนรว่ มกัน จากข้อมลู ทส่ี �ำ รวจได้ พบวา่ .แหล่งกระจายผลิตภณั ฑ์สุขภาพเปน็ ร้านช�ำ ร้านขายของส่ง และตลาดนดั ร้อยละ 58, 11, และ 3 ตามลำ�ดับ ประเภทยาทก่ี ระจายไม่เหมาะสมในรา้ นชำ�เป็นยาอนั ตราย ยาบรรจุเสรจ็ และยาแผนโบราณ ร้อยละ 32, 32, และ 15 ตามลำ�ดับ ประเภทยาท่กี ระจายไม่เหมาะสมในตลาดนดั เป็นยา อันตราย ยาสมุนไพรปลอมปนสเตยี รอยด์ และยาควบคมุ พเิ ศษ ร้อยละ 41, 28, และ 15 ตามล�ำ ดับ ต้นทาง หลกั ท่ีกระจายยาใหก้ บั รา้ นชำ� ตลาดนดั ไดแ้ ก่ ร้านยา ขย. 2 , ตลาดนัดในประเทศและสปป.ลาว รอ้ ยละ 44, 40 ตามล�ำ ดับ จากการส�ำ รวจพฤติกรรมการใช้ยา พบว่า ชาวเวียงแก่นนิยมกินยา Dexamethasone acetate รว่ มกับยา Piroxicam ที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนในประเทศไทยและฉลากยาเป็นภาษาจีน ที่นำ�เข้ามาจากตลาด เวียงจันทน์ สปป.ลาวเป็นจำ�นวนมาก เนื่องจากเชื่อว่ากินแล้วหายปวดเมื่อย ทำ�งานต่อได้ และกินข้าวอร่อย คนขายบอกว่ายา Piroxicam เป็นยาแก้ของยา Dexamethasone ท�ำ ใหห้ นา้ ไมบ่ วม และพบผูป้ ว่ ยในชมุ ชน ชาวเวยี งแก่น 2 รายที่ใช้ยาดงั กล่าวอย่างตอ่ เน่อื งโดยคนท่ี 1 ชายไทยค่อู ายุ 68 ปี ประวตั โิ รคเกา๊ ท์และความดนั โลหติ สูงรายที่ 2 ชายไทยคู่ อายุ 54 ปี ได้ซื้อยา Dexamethasone และ Piroxicam (ยาฉลากภาษาจีน) มา กนิ เอง เมื่อตดิ ตอ่ เปน็ เวลานานพบวา่ มอี าการหนา้ บวม, ตัวบวมและเมือ่ หยุดกินยาแลว้ กลับมอี าการอ่อนเพลีย ลกุ ไมข่ น้ึ ทำ�งานไม่ได้ ภายหลงั ทท่ี มี ท�ำ งานไดป้ ระเมนิ สถานการณป์ ญั หาดา้ นการใชผ้ ลติ ภณั ฑส์ ขุ ภาพในพน้ื ทแ่ี ลว้ ไดด้ ำ�เนนิ การ คนื ข้อมลู ชดุ ความจริงให้แก่เครือข่ายและพยายามสร้างการมีส่วนร่วมของเครือขา่ ย พร้อมกับประชาสัมพันธ์ ให้ความรใู้ นชุมชน มีการเสนอให้มีมาตรการและกติกาหมู่บ้านหรือกติกาตำ�บล เพื่อจัดการปัญหาผลิตภัณฑ์ สขุ ภาพในชมุ ชน การมสี ว่ นรว่ มของชมุ ชนในการแก้ไขปญั หา ทีมงานได้เริม่ ต้นจากการหา key persons โดยการคน้ หาผนู้ �ำ การเปลี่ยนแปลงดว้ ยวธิ ี Mapping ซงึ่ เครือขา่ ยจะเลือกบคุ คลทม่ี คี วามเป็นผู้น�ำ ไดร้ บั การยอมรบั มีอทิ ธพิ ลต่อกลมุ่ เป้าหมายมาเปน็ ผขู้ บั เคล่ือนหลัก ในพน้ื ที่ กลมุ่ เปา้ หมายประกอบดว้ ย ผอ.รพ.สต. แกนน�ำ อสม. อสม.เชีย่ วชาญดา้ นคบส. อสม.ทม่ี ญี าติทไ่ี ดร้ ับ ผลกระทบจากผลติ ภณั ฑท์ ่ไี มป่ ลอดภัย ผู้ใหญ่บ้านที่อยู่ในเขตตลาดนัดชายแดนไทย-ลาว และพนื้ ทเี่ ป้าหมาย อปท. (ปลดั เทศบาล สมาชิกเทศบาล เจา้ หน้าทท่ี ี่รับผิดชอบงานคบส.) และสาธารณสขุ อำ�เภอ ผู้นำ�ฯจะทำ�ความเข้าใจปัญหาและร่วมมือกับทีมงานวางแผนพัฒนาระบบเฝ้าระวังและจัดการปัญหาฯ โดยการสนับสนุนงบประมาณจากกองทุน กสท.ต.หล่ายงาว ภายหลังการดำ�เนนิ การในระยะแรก ทีมงานเหน็ ว่า ความยั่งยนื ของการด�ำ เนนิ งานจะเกิดขึน้ ได้ จะต้อง มีการเกาะติดอย่างตอ่ เนื่อง จงึ ได้ชักชวนทีมอสม.เชี่ยวชาญด้านคบส.มารว่ มท�ำ งาน โดยเป็นแกนหลกั ในการ ประสานงานท้งั 6 หมูบ่ า้ นเป้าหมาย 186
รายงานสถานการณร์ ะบบยา พ.ศ. 2555-2559 ทมี งานและเครอื ขา่ ยอสม. รวมทง้ั ผใู้ หญบ่ า้ นไดร้ ว่ มกนั จดั เวทปี ระชาคมในหมบู่ า้ นแจมป๋อง เพอ่ื ผลกั ดนั ให้เกิดกติกาหมู่บ้านหรือกติกาตำ�บลในการเฝ้าระวังและจัดการปัญหาการจำ�หน่ายผลิตภัณฑ์ฯท่ีไม่ปลอดภัยใน รา้ นช�ำ และตลาดนดั ชายแดน ท้ังนี้ ไดต้ กลงกนั วา่ จะเนน้ การพูดคุยเพื่อท�ำ ความเข้าใจและขอความร่วมมือ โดย ไมเ่ น้นการบังคบั ใชก้ ฎหมาย 3. สถานการณผ์ ลติ ภณั ฑส์ ขุ ภาพท่ีไมเ่ หมาะสมบรเิ วณชายแดน: กรณศี กึ ษา อ.ภสู งิ ห์ จ.ศรสี ะเกษ อ�ำ เภอภูสิงห์เป็นอำ�เภอเล็กๆ ติดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยมีเทือกเขาพนมดงรักเป็นพรมแดน ธรรมชาติก้ันระหว่างสองประเทศ มีช่องสะงำ�เป็นจุดผ่านแดนถาวรในการไปมาหาสู่ของประชาชนไทยและ กัมพชู าซึ่งมวี ัฒนธรรม ขนบธรรมเนยี ม ประเพณี และความเชื่อทีค่ ลา้ ยๆกัน ผลิตภณั ฑ์สุขภาพที่ไม่เหมาะสมที่ลักลอบจำ�หน่ายกันตามแนวชายแดน ก็เช่น ยาชุดทม่ี ีสเตยี รอยด์ ยากระตนุ้ สมรรถภาพทางเพศ เครอื่ งส�ำ อางทมี่ ีสเตยี รอยด์ สถานการณย์ าชายแดนพน้ื ทภ่ี สู งิ ห์ ทมี งานภสู ิงห์ได้ดำ�เนินการสำ�รวจร้านชำ�จำ�นวน 98 ร้าน พบว่า 3 ลำ�ดับแรกที่เป็นแหล่งกระจายยา ให้รา้ นช�ำ ท่ีสำ�รวจ คอื รา้ นขายของส่งต่างอ�ำ เภอ 41 แหง่ ร้านขายของสง่ ในอ�ำ เภอ 34 แห่ง และร้านขายยา (ขย.1) ต่างอำ�เภอ 16 แหง่ โดยประเภทยาท่พี บมากเปน็ ล�ำ ดบั ตน้ ๆ คอื ยาอนั ตราย ยาสามัญประจำ�บ้าน และ ยาแผนโบราณตามล�ำ ดับ นอกจากนยี้ งั พบยาจากต่างประเทศจำ�หน่ายอย่างแพร่หลายในพื้นทภี่ ูสงิ ห์ โดยเปน็ ยาที่ไม่มีทะเบียน และไม่แสดงฉลากภาษาไทยจำ�นวนมาก ยาจากต่างประเทศทพี่ บมากที่สดุ คือ ยาจากประเทศจนี รองลงมา คือ ยาจากประเทศกมั พชู าและยาจากประเทศเวยี ดนาม ตามล�ำ ดบั ส�ำ หรบั รายการยาทไ่ี มเ่ หมาะสมจากตา่ งประเทศที่ พบมากที่สดุ คือ ยาสเตียรอยด์ชนดิ เมด็ และสเตยี รอยดช์ นดิ ครีมทีน่ �ำ มาใช้เปน็ ชุดเครอ่ื งส�ำ อางทีอ่ ้างสรรพคุณว่า ทำ�ใหผ้ ิวขาว การจดั การปญั หา พ้ืนที่ชายแดนภูสิงห์นั้นยังไม่มีหน่วยงานหลักท่ีรับผิดชอบจัดการปัญหาเน่ืองจากด่านอาหารและยา บริเวณพื้นทภ่ี สู ิงหน์ ี้ยังไม่มี ดงั น้ัน จึงต้องใช้คณะกรรมการในระดับจังหวดั ทำ�หน้าทเ่ี ป็นเจา้ ภาพหลกั ในการแกไ้ ข ปัญหาผลิตภณั ฑ์สขุ ภาพในพื้นท่ีชายแดน ซง่ึ มแี นวคิดที่จะประสานงานกับผู้รับผิดชอบงานด้านสาธารณสุขใน ประเทศกมั พชู า เพือ่ ใหก้ ารปฏบิ ัติงานมปี ระสทิ ธภิ าพมากย่ิงขึ้น 187
รายงานสถานการณร์ ะบบยา พ.ศ. 2555-2559 ตารางแสดงผลติ ภัณฑ์สุขภาพทไ่ี มเ่ หมาะสมซง่ึ พบในอ�ำ เภอภูสิงห์ ชอ่ื ผลิตภัณฑ์ รปู ผลิตภัณฑ์ รายละเอยี ด ชดุ เครื่องส�ำ อาง 3 ชนิด - พบในรา้ นช�ำ ในต�ำ บลไพรพฒั นา รวมในถุงเดยี ว บอกว่าซื้อมาจากช่องจอม มผี ลิตภณั ฑ์ 3 ช้ิน ชดุ เคร่อื งส�ำ อาง 3 ชนดิ - ครมี ในกล่องสเี ขยี วเปน็ steroid รวมในถงุ เดียว ชือ่ fluocinonide ไม่ไดผ้ ลิต ยาครีม Ketoconazole ในไทย มีสัญลกั ษณ์ CAM ครมี อีกชนดิ หนง่ึ มฉี ลากภาษาเวยี ดนาม สีฟา้ ไมท่ ราบสารสำ�คญั - พบในรา้ นช�ำ ในต�ำ บลไพรพัฒนา และหว้ ยตามอญ - ผลิตภณั ฑ์ 3 ชิ้น หนง่ึ ในน้นั ระบุ ช่ือ clobetasol propionate ผสมกับ Gentamicin - พบในร้านช�ำ หลายต�ำ บล - ไมม่ ฉี ลากภาษาไทย มแี ตภ่ าษาจนี และมภี าษาอังกฤษ ระบวุ ่าเป็น compound ketoconazole ยาครมี Ketoconazole - พบในรา้ นช�ำ หลายตำ�บล ระบวุ า่ ผสมกบั Clobetasol น�ำ มาใชเ้ ป็นเครือ่ งส�ำ อาง เป็น propionate ครีมรองพนื้ - ไมม่ ฉี ลากภาษาไทย มแี ตภ่ าษาจนี และมีภาษาอังกฤษ ระบุว่าเปน็ ketoconazole ผสมกบั clobetasol propionate 188
รายงานสถานการณ์ระบบยา พ.ศ. 2555-2559 ชอ่ื ผลิตภัณฑ์ รปู ผลิตภณั ฑ์ รายละเอียด ยาชุด หมอบญุ วิเศษสิทธิ - ยาชดุ สารพดั โรค ระบวุ า่ มาจาก ยาชุด แกผ้ ดิ สำ�แดง จงั หวัดเชยี งราย - พบในร้านชำ�ในพ้ืนทีห่ ลายต�ำ บล ยาชดุ แก้ผิดสำ�แดง - ยาชดุ แกผ้ ิดสำ�แดง พบในรา้ นชำ� ยาชุด กระจายเสน้ ต�ำ บลตะเคียนราม - ระบวุ า่ ซ้ือมาจากร้านขายยา ขย.1 ในอ�ำ เภอขขุ ันธ์ - ยาชดุ แกผ้ ิดสำ�แดง พบในร้านชำ� ต�ำ บลหว้ ยตึ๊กชู - ระบวุ า่ ซ้อื มาจากรา้ นขายยา ขย.1 ในอ�ำ เภอขุขันธ์ - ยาชุดกระจายเส้น พบในร้านชำ� ต�ำ บลห้วยตึ๊กชู - ระบุว่าซอื้ มาจากร้านขายยา ขย.1 ในอำ�เภอขุขนั ธ์ ยาฉลากภาษาจนี - พบในรา้ นชำ� ต�ำ บลไพรพฒั นา - ระบุวา่ ซอ้ื มาจากช่องสะง�ำ เขตประเทศกัมพชู า เป็นยาบ�ำ รุงก�ำ ลังทางเพศ ยาฉลากภาษาเวียดนาม - พบในรา้ นขายเครอ่ื งส�ำ อางตลาดนดั หว้ ยตึ๊กชู เอาไวล้ อกสวิ เสีย้ น เป็นภาษาเวยี ดนาม 189
รายงานสถานการณ์ระบบยา พ.ศ. 2555-2559 8.2 สถานการณย์ าดองเหลา้ รุ่งนภา กงวงศ์ โรงพยาบาลวารินชำ�ราบ จ.อุบลราชธานี ยาน้าํ แผนโบราณ มกั มสี ว่ นผสมของแอลกอฮอล์ ซง่ึ กฎหมายไดก้ �ำ หนดไวว้ า่ อนญุ าตใหม้ ไี ดไ้ มเ่ กนิ 15% แต่ถา้ ยาน้ําน้นั เปน็ ยาสามัญประจำ�บา้ นแผนโบราณ กฎหมายอนุญาตให้มแี อลกอฮอล์ได้ไม่เกิน 10% จะเหน็ ได้ วา่ ปรมิ าณแอลกอฮอล์ท่อี นุญาตให้ใชใ้ นยานา้ํ แผนโบราณ คอ่ นขา้ งสงู มาก สงู กวา่ เคร่ืองดื่มแอลกอฮอล์หลาย ชนิด เชน่ ปริมาณแอลกอฮอล์ในเบียร์มี 3.5-7% สาโท (สุราแช่ สรุ าพ้ืนเมือง) มี 6-7 % นํ้าขาว อุ กระแช่ มี 10% และไวนม์ ี 12% ดว้ ยเหตทุ ่ยี าแผนโบราณมีแอลกอฮอลเ์ ปน็ ส่วนผสม หลายคนจึงหันมาดื่มยาแทนเหล้า ดว้ ยความเชื่อท่ผี ดิ คิดว่ามีประโยชน์มากกวา่ การดมื่ เหลา้ พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมเช่นนี้เกิดขึ้นมาช้านานแล้ว แตท่ ่ีผา่ นมาผลกระทบท่เี กดิ ข้ึนไม่ชดั เจน จนเมอ่ื ประมาณปีพ.ศ.2557 เริ่มมีกระแสข่าวผูไ้ ด้รบั ผลกระทบ จาก การใชย้ าแผนโบราณ ชือ่ ยาบ�ำ รุงร่างกายตราพญานาค ที่มีจำ�หน่ายอย่างแพร่หลายตามร้านค้าในชมุ ชน ทั้ง บคุ คลทัว่ ไปและพระภิกษุพากันบริโภคอย่างกวา้ งขวาง เกิดผลกระทบต่อสุขภาพ สร้างปญั หาตอ่ ครอบครัวและ สงั คม โดยทำ�ใหเ้ กดิ การทะเลาะววิ าท มขี ่าวพระภกิ ษุเมายาออกมาอย่างตอ่ เนอื่ ง ทำ�ให้เกดิ ภาพลกั ษณท์ ี่ไมด่ ีตอ่ วงการศาสนาในสงั คมไทย 190
รายงานสถานการณ์ระบบยา พ.ศ. 2555-2559 จบั สกึ หลวงพดี่ ม่ื ยาดอง 10 ธ.ค. 57 ซด 3 ขวด พระเมาแอ๋ 8 พ.ย.58 พญานาคอาละวาด 14 พ.ย. 59 บรรดาเภสัชกรท่ีทำ�งานคุ้มครองผู้บริโภคเร่ิมเห็นผลกระทบจากยาบำ�รุงร่างกายตราพญานาคท่ีเกิดข้ึน กับประชาชน ทง้ั มติ ทิ างสังคมและสุขภาพ จงึ ได้มกี ารสำ�รวจสภาพปัญหาและแหล่งกระจายยาดงั กล่าว เฉพาะ การสำ�รวจในอำ�เภอวารินชำ�ราบจังหวัดอุบลราชธานี ได้สัมภาษณ์เพศชายอายุ 20 ปีขึ้นไป จำ�นวน 266 คน พบว่า เคยได้ยินและรู้จกั ยาบ�ำ รุงรา่ งกายตราพญานาคร้อยละ 80 แหลง่ ข้อมลู คือส่อื โทรทศั น์ เพือ่ นแนะน�ำ และ จากร้านคา้ มากน้อยตามล�ำ ดบั เคยด่ืมยาน้ีรอ้ ยละ 49 ดว้ ยเหตผุ ลคอื เพ่อื บ�ำ รงุ รา่ งกาย ดม่ื แทนเหล้าและเพื่อ เสรมิ สมรรถภาพทางเพศ มากนอ้ ยตามล�ำ ดบั หลังดื่มแลว้ รสู้ กึ ว่ารา่ งกายแย่ลงรอ้ ยละ 39 คือมีอาการออ่ นแรง วิงเวียน มึนเมา เหง่อื ออก ใจส่นั ทย่ี งั ใชต้ อ่ เนื่องมีรอ้ ยละ 24 แหลง่ ทซ่ี อ้ื รอ้ ยละ 92 คือรา้ นคา้ ปรมิ าณท่ีดื่มตอ่ วนั สงู สดุ คือ 4 ขวด และรอ้ ยละ 98 ดืม่ ยานเี้ กนิ ขนาดท่แี นะน�ำ ต่อวัน (ภญ.รุง่ นภา กงวงษ์, ส�ำ รวจสถานการณ์การ ใช้ยาบำ�รุงร่างกายตราพญานาค; 2558) ทั้งนี้ ได้มีการสง่ ข้อมูลใหศ้ นู ยเ์ ฝา้ ระวังความปลอดภัยด้านผลิตภัณฑ์ สขุ ภาพ (HPVC) ของส�ำ นักงานคณะกรรมการอาหารและยาเพือ่ รบั ทราบปญั หาด้วย นอกจากน้ี ในการสุ่มสำ�รวจการจำ�หน่ายยาทั้งตำ�รับที่เป็นยาสามัญประจำ�บ้านและยาแผนโบราณ ในพ้นื ที่ 9 จังหวัด ไดแ้ ก่ อำ�นาจเจริญ อบุ ลราชธานี ศรสี ะเกษ ยโสธร อดุ รธานี เลย หนองบัวล�ำ ภู ขอนแก่น และบึงกาฬ พบว่า ทงั้ รา้ นค้าสง่ รา้ นช�ำ และรา้ นสะดวกซอื้ มกี ารจำ�หน่ายยาบ�ำ รุงร่างกายตราพญานาคซึ่งจัด ประเภทเป็นยาแผนโบราณ ถึงร้อยละ 80 โดยวางจำ�หน่ายในตู้เย็นรวมกับกลุ่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และ เคร่อื งดม่ื ชูก�ำ ลงั ประหน่ึงว่าเปน็ เครื่องดืม่ ชนิดหน่งึ ที่ไม่ใช่ยา ซ่ึงการจ�ำ หนา่ ยยาแผนโบราณในรา้ นชำ�นั้น ถือวา่ ผดิ กฎหมายตามพระราชบญั ญตั ยิ า พ.ศ.2510 ในมาตรา 46 (หา้ มมใิ ห้ผูใ้ ดผลติ ขายหรอื นำ�เข้ายาแผนโบราณ โดยไม่มใี บอนญุ าต หากฝ่าฝนื มีความผดิ ตามมาตรา 111 ต้องระวางโทษจำ�คกุ ไม่เกนิ 3 ปี และปรับไมเ่ กิน 5,000 บาท) 191
รายงานสถานการณร์ ะบบยา พ.ศ. 2555-2559 ในมุมมองของประชาชนสว่ นใหญ่นั้น คดิ เห็นว่ายาตราพญานาคชนดิ น้ีเป็นเครือ่ งด่ืมท่สี ามารถซ้อื หามา ดมื่ ไดต้ ามสะดวก ไม่ได้กังวลถงึ เรอ่ื งอนั ตรายที่อาจจะเกิดขึ้นหากน�ำ ไปบรโิ ภคเปน็ ประจ�ำ เหมอื นเครอ่ื งด่มื ทวั่ ไป ในปีพ.ศ.2558 กรมวทิ ยาศาสตรก์ ารแพทยไ์ ด้เกบ็ ตัวอยา่ งยาแผนโบราณน�ำ มาตรวจวเิ คราะหห์ าปริมาณ แอลกอฮอล์ จำ�นวน 40 รายการ พบว่า ยาบาํ รุงร่างกายตราพญานาคแผนโบราณ มปี รมิ าณแอลกอฮอล์สูงทสี่ ดุ จากจ�ำ นวนตัวอย่างที่ตรวจทั้งหมด ค่าปริมาณแอลกอฮอล์ที่ตรวจพบตํ่าสุดคือร้อยละ 13.47 และสูงสุดคือ ร้อยละ 15.14 ซึ่งค่าสูงสุดนี้เกินค่ามาตรฐานที่กฎหมายกำ�หนด นอกจากนี้ ในบางรุ่นที่ผลิต ยังตรวจพบ คลอโรฟอรม์ ซงึ่ เป็นสารเคมีที่มีพิษต่อตับและไต และยังเป็นสารก่อมะเร็งอีกด้วย ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้ ประกาศห้ามใช้คลอโรฟอร์มเป็นส่วนประกอบในการผสมยาตั้งแต่ปีพ.ศ.2526 การตรวจวิเคราะห์ครั้งนี้ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้แจ้งผลแก่ผเู้ กย่ี วข้องและแจ้งเตือนประชาชนในหน้าตา่ งเตือนภยั สุขภาพ (Single window) ใน website www.tumdee.org/alert ตวั อย่างผลวิเคราะห์แสดงดังภาพดา้ นลา่ ง โรงพยาบาลหลายแหง่ พบผู้ปว่ ยเข้ารบั การรักษา อนั เกี่ยวเน่ืองกบั การใชย้ าน้าํ บำ�รงุ รา่ งกายนี้ เช่น อาการ มนึ เมาไม่ได้สตจิ ากการถอนพษิ สรุ า (Alcohol withdrawal) เลือดออกในระบบทางเดนิ อาหาร (GI bleeding) ยาน้ําตำ�รับที่มีแอลกอฮอล์ผสมจึงถือเป็นภัยคุกคามต่อชีวิตและสุขภาพของประชาชนท่ีมีแนวโน้มพบมากขึ้น และรนุ แรงมากขน้ึ นกั ศึกษาวิทยาลัยการคุ้มครองผู้บริโภคปีพ.ศ.2559 ได้วิเคราะห์สาเหตุของการนำ�ยาบำ�รุงร่างกาย ตราพญานาคไปใชใ้ นทางทีผ่ ดิ โดยทำ�การศึกษาในพื้นที่เขตตรวจราชการสาธารณสุขเขต 10 (อบุ ลราชธานี อำ�นาจเจรญิ ศรีสะเกษ ยโสธร และมุกดาหาร) พบวา่ มี 10 ประเดน็ ทท่ี �ำ ใหม้ กี ารใชย้ านี้อยา่ งกว้างขวาง ได้แก่ 192
รายงานสถานการณร์ ะบบยา พ.ศ. 2555-2559 1. ชื่อของยาบ�ำ รงุ ร่างกายนมี้ ผี ลจูงใจผ้บู รโิ ภคให้บริโภคมากขึน้ 2. ฉลากบนขวดของยานี้มเี นื้อหาคำ�เตือนท่ีไม่ชดั เจน และตวั อกั ษรของค�ำ เตอื นกม็ ขี นาดเลก็ มาก ทำ�ใหค้ �ำ เตือนไมม่ ีประโยชน์ในการลดการบริโภค 3. ยานี้มปี รมิ าณแอลกอฮอล์สงู ท�ำ ใหผ้ นู้ ิยมดมื่ สุราพอใจ 4. รูปแบบบรรจุภณั ฑ์และขนาดบรรจุภัณฑ์เหมือนเครื่องดื่ม ผู้บริโภคจึงไม่รู้สกึ วา่ กำ�ลงั ดม่ื ยา แต่กำ�ลังด่ืมเคร่ืองดื่มชนดิ หน่ึง 5. ชอ่ งทางการจ�ำ หนา่ ยและการสง่ั ซอ้ื ไมถ่ กู ควบคมุ ยานเ้ี ปน็ ยาแผนโบราณแตก่ ม็ ขี ายในร้านท่วั ไป ทำ�ให้ผู้บรโิ ภคหาซือ้ ได้โดยสะดวก 6. รปู แบบการจ�ำ หน่ายเหมอื นสรุ า คือแช่ในต้เู ย็น ท�ำ ให้นา่ ดืม่ มากขน้ึ 7. มีการใชท้ ดแทนแอลกอฮอล์ สำ�หรับผตู้ ดิ สรุ า 8. ฉลากยาสามญั ประจ�ำ บา้ นแผนโบราณกบั ยาแผนโบราณคลา้ ยกนั ท�ำ ใหเ้ ขา้ ใจวา่ เปน็ ยาเดยี วกัน 9. มีการโฆษณา ท�ำ ให้เปน็ ท่ีรจู้ กั มากขนึ้ สำ�หรับผู้ดืม่ รายใหม่ และมผี ลกระต้นุ ความอยากด่มื ของ ผู้ทดี่ ืม่ อย่แู ลว้ ใหด้ ื่มมากขึ้นอีก 10. ชาวบา้ นนิยมซอื้ ถวายพระ เพราะเหน็ วา่ มสี รรพคุณทางยา รายละเอียดเก่ยี วกบั ผลติ ภัณฑ์ยาตราพญานาคท่ีมปี ญั หา ทม่ี า : แนวทางการจดั การปญั หาการน�ำ ยาแผนโบราณไปใชใ้ นทางทผ่ี ดิ : กรณศี กึ ษายาบ�ำ รงุ รา่ งกายตราพญานาค โดย ภญ. นุชน้อย ประภาโส 193
รายงานสถานการณ์ระบบยา พ.ศ. 2555-2559 บรษิ ัทผู้ผลิตได้ขึ้นทะเบียนยานี้ครั้งแรกเมื่อปีพ.ศ.2551 ในชื่อ “ยาบํารุงร่างกายตราพญานาค” ประเภท “ยาแผนโบราณ” ต่อมาได้ขึ้นทะเบียน “ยาบํารุงร่างกายตราพญานาค สูตร 2” เป็นยาสามัญ ประจำ�บา้ นแผนโบราณ ทำ�ให้สามารถวางจำ�หน่ายได้ทั่วไป และบริษัทยังได้กระตุ้นยอดขายโดยการโฆษณา ทางโทรทัศน์ วทิ ยุ และเว็บไซต์ การโฆษณาทางโทรทศั น์ ของยาบํารงุ รา่ งกายตราพญานาคเป็นการเปดิ ตัวยา บาํ รงุ ทางเพศสาํ หรบั ผู้ชาย มีผลทาํ ให้เกิด กระแสความนยิ มและเกิดการใชก้ นั อย่าง มาก บา้ งกอ็ ยากทดลองใหร้ ู้สรรพคณุ บ้างกห็ ันมาใช้แทนเคร่อื งด่ืมแอลกอฮอล์ ทตี่ นดืม่ อยเู่ ปน็ ประจาํ ซึ่งการขึ้นทะเบียนเป็นยาสามัญประจำ�บ้าน เป็นการอาศัยช่องโหว่ของกฎหมายเพื่อให้สามารถ กระจายยาเข้าไปในรา้ นค้าท่วั ไปอยา่ งกวา้ งขวางได้ แต่เมื่อตรวจสอบสูตรยาที่วางอยู่ตามร้านค้า มักไม่ใช่สูตร ยาสามัญประจ�ำ บ้าน แต่เปน็ สูตรยาแผนโบราณ ทั้งนี้เนื่องจากเป็นที่ต้องการของประชาชนมากกว่าเพราะมี ปริมาณแอลกอฮอล์สงู กวา่ ตอ่ มาในปีพ.ศ.2556 มีการเปล่ียนแปลงประกาศกระทรวงสาธารณสขุ เรือ่ งยาสามญั ประจ�ำ บ้านแผนโบราณ ทำ�ให้ยาบาํ รงุ รา่ งกายตราพญานาคสตู ร 2 ถกู ปลดออกจากรายการยาสามญั ประจ�ำ บา้ น แผนโบราณ โดยหลงั จากวันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ.2559 จะต้องมีแตย่ าบํารงุ รา่ งกายตราพญานาคสตู ร 2 ท่เี ป็น ยาแผนโบราณเท่าน้ัน ซงึ่ ทางบริษทั ก็พยายามจดทะเบยี นยาสามัญประจ�ำ บ้านแผนโบราณใหม่ในชอ่ื “ยานํา้ แก้ ปวดเมอ่ื ยตราพญานาค” ดงั น้นั ในปพี .ศ.2558 จึงมที ั้งยาตราพญานาคสตู รยาแผนโบราณชื่อ “ยาบาํ รุงร่างกาย ตราพญานาค” และสูตรยาสามญั ประจ�ำ บา้ นแผนโบราณช่ือ “ยาน้าํ แกป้ วดเม่ือยตราพญานาค” ซง่ึ รปู ลักษณ์ ของผลติ ภัณฑ์คล้ายคลงึ กนั มาก หากมองเพยี งผวิ เผนิ จะคิดว่าคอื ชนิดเดียวกัน อยา่ งไรกต็ าม ยาบำ�รงุ รา่ งกาย ตราพญานาคได้รบั ความนยิ มจากผบู้ รโิ ภคมากกวา่ เนือ่ งจากมีปริมาณแอลกอฮอล์สูงกว่าและผู้บรโิ ภคเช่ือว่ามี ประโยชน์ตอ่ ร่างกายเพราะมีชอ่ื วา่ ยาบำ�รุง ภาพจาก กลุ่มงานค้มุ ครองผ้บู รโิ ภคและเภสชั สาธารณสุข ส�ำ นกั งานสาธารณสุขจังหวัดอบุ ลราชธานี 194
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210