แผนการจดั การเรยี นรู้ กล่มุ สาระการเรียนรู้ ภาษาไทย ภาคเรียนที่ ๑ รหัสวชิ า ท๓๒๑๐๑ รายวิชา ภาษาไทย ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ ๕ หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ ๑ มหาเวสสันดรชาดก กัณฑม์ ัทรี แบบอย่างบุพการี ผู้มีคุณ เวลา ๗ ช่ัวโมง แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ ๑ ปฐมนเิ ทศและประเมินผลกอ่ นเรียน เวลา ๑ ชวั่ โมง ผสู้ อน นางสาวกวกี านต์ สงั ข์ทอง สอนสปั ดาหท์ ี่..........วนั ท.่ี ........เดือน...........................พ.ศ......... ๑. มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตวั ช้วี ดั มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสรา้ งความร้แู ละความคิดเพือ่ นำไปใชต้ ัดสินใจ แก้ปัญหาในการ ดำเนินชวี ติ และมนี สิ ัยรักการอ่าน มาตรฐาน ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขียนเขยี นส่ือสาร เขียนเรียงความ ยอ่ ความ และเขียนเร่ืองราวในรูปแบบต่างๆ เขยี นรายงานขอ้ มลู สารสนเทศและรายงานการศึกษาคน้ คว้าอย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลือกฟังและดูอย่างมีวิจารณญาณ และพูดแสดงความรู้ ความคิด และ ความรู้สกึ ในโอกาสต่างๆ อย่างมีวิจารณญาณและสรา้ งสรรค์ มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษา และหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษา และพลังของภาษา ภูมิปัญญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไวเ้ ปน็ สมบัตขิ องชาติ มาตรฐาน ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่างเห็นคุณค่าและ นำมาประยุกต์ใช้ในชวี ติ จรงิ ๒. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ๑. นักเรียนทราบแนวการเรียนรายวิชา ท๓๒๑๐๑ ภาษาไทย (K) ๒. ตระหนกั ในความสำคัญของการศึกษาในรายวชิ า ท๓๒๑๐๑ ภาษาไทย (A) ๓. สาระสำคัญ การปฐมนิเทศและการประเมินผลก่อนการเรียน เป็นส่ิงท่ีจำเป็นอย่างยิ่งต่อการเรียนการสอน เพราะ นักเรียนจะได้รู้ถึงขอบเขตเนื้อหาของวิชาที่เรียน ผู้สอนได้ทราบพื้นฐานความรู้ของนักเรียนประวัติส่วนตัวคร่าวๆ และแนวคดิ และการใช้สานวนภาษาเพ่อื ประโยชนใ์ นการปรบั พน้ื ฐานของนกั เรยี นต่อไป ๔. สาระการเรียนรู้ ความรู้
คำอธบิ ายรายวิชา ท๓๒๑๐๑ ภาษาไทย กำหนดการสอนเนื้อหารายวิชา ท๓๒๑๐๑ ภาษาไทย และกำหนดการสอบ แบบทดสอบก่อนเรยี น แบบวเิ คราะหผ์ ้เู รียน และงานเขยี น “อยากรจู้ กั ฉันไหม” ทกั ษะ / กระบวนการ อ่าน เขยี น คดิ วเิ คราะห์ สังเคราะห์ และประเมินค่า ตามสาระการเรียนรแู้ กนกลาง ๕. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน ขอ้ ๑ ความสามารถในการส่ือสาร ข้อ ๒ ความสามารถในการคิด ขอ้ ๓ ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต ข้อ ๔ ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต ขอ้ ๕ ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี ๖. คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ ข้อ ๗ รักความเปน็ ไทย ๗. ช้นิ งาน / ภาระงาน / รอ่ งรอยการเรียนรู้ แบบทดสอบก่อนเรยี น งานเขียน “อยากรู้จักฉนั ไหม” ๘. กระบวนการจัดการเรยี นรู้ กิจกรรมนำเข้าสู่บทเรยี น ๑. ครูทักทาย แนะนำตัว และทำความรู้จักกับนักเรียน แล้วสนทนาเก่ียวกับการเรียน ในระดับช้ัน มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๕ ๒. ครูชี้แจงชื่อรายวชิ า รหัสวชิ า คำอธิบายรายวิชา และจุดประสงค์การเรียนรู้วิชา ท ๓๒๑๐๑ ภาษาไทย นักเรียนจดสรุปไว้ ๓. ครูแนะนำแหล่งการเรียนรู้ภายในโรงเรียนและภายนอกโรงเรียนเพ่ือการศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมนอกช้ัน เรยี น ๔. ครูช้ีแจงการเรียนรายวิชา ท ๓๒๑๐๑ ภาษาไทย เพ่ือให้นักเรียนเตรียมพร้อมในการเรียนรู้เนื้อหาและ การทำกจิ กรรมหรอื แบบฝึกเสรมิ ทกั ษะในบางเนือ้ หาสาระ ๕. ครแู นะนำวิธกี ารใช้หนังสอื เรียนวรรณคดวี ิจักษ์ ช้ัน ม. ๕ กระทรวงศึกษาธิการ และหนงั สือ เรียนหลักภาษาและการใชภ้ าษาเพ่ือการส่ือสาร ชน้ั ม.๕ กระทรวงศึกษาธกิ าร
กจิ กรรมพัฒนาผ้เู รยี น ๑. นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรยี นใช้เวลา ๑๕ นาที ครูเฉลยพรอ้ มอธบิ าย นกั เรยี นตรวจให้ คะแนนเอง ๒. นกั เรียนทำแบบวเิ คราะห์ผู้เรยี นและเขียนเรียงความสนั้ ๆ เรอื่ ง อยากรู้จกั ฉนั ไหม กจิ กรรมรวบยอด ครูสรปุ สาระสำคัญจากกิจกรรมทนี่ ักเรยี นทำ เนอ้ื หาการเรียนการสอน การวัดผลและประเมนิ ผล รวมท้ัง ใหข้ ้อแนะนำในการเรียนวิชาภาษาไทย ชั้น ม.๕ ๙. สือ่ การเรียนรู้ / แหลง่ การเรยี นรู้ ๑. หนงั สอื เรียน ภาษาไทยวรรณคดีวจิ ักษ์ ม.๕ กระทรวงศกึ ษาธกิ าร ๒. หนงั สือเรียนหลักภาษาและการใชภ้ าษาเพื่อการส่ือสาร ชนั้ ม.๕ กระทรวงศึกษาธิการ ๓. แบบทดสอบก่อนเรยี น ๑๐. การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ จุ จุดประสงค์การเรยี นรู้/ ส่ิงท่จี ะวดั วิธีการ เครอ่ื งมือ เกณฑ์ ๑. นักเรียนทราบแนวการเรยี น สังเกต แบบสงั เกต รายวิชา ท๓๒๑๐๑ ภาษาไทย สงั เกต แบบสงั เกต ๒. ตระหนกั ในความสำคญั ของ ประเมนิ การทำ แบบทดสอบกอ่ นเรยี น รอ้ ยละ ๖๐ แบบทดสอบกอ่ นเรยี น การศกึ ษาในรายวชิ า ท๓๒๑๐๑ ภาษาไทย ๓. ทราบพืน้ ฐานการเรยี นของ ตนเอง ลงชื่อ..................................................ครูผู้สอน ( นางสาวกวีกานต์ สังขท์ อง ) ตำแหน่ง ครู วทิ ยฐานะ ครูชำนาญการพิเศษ
คำอธิบายรายวิชา รหัสวชิ า ท๓๒๑๐๑ รายวิชาภาษาไทย กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ ๕ ภาคเรยี นที่ ๑ เวลาเรียน ๔๐ ช่ัวโมง/ภาคเรยี น ( ๒ ช่ัวโมง/สัปดาห)์ จำนวน ๑.๐ หนว่ ยกติ ______________________________________________________ ศึกษา และฝึกทักษะ การอ่านออกเสียงร้อยแก้วและร้อยกรอง การอ่านจับใจความสำคัญจากส่ือต่ างๆ แล้วตีความ แปลความ ขยายความ วิเคราะห์วิจารณ์ แสดงความคิดเห็นโต้แย้ง เสนอความคิดใหม่ เขียนกรอบ แนวคิด ผังความคิด บันทึก ย่อความ และรายงานเรื่องท่ีอ่าน ฝึกตอบคำถามจากเร่ืองที่อ่านในระยะเวลาท่ีกำหนด เขียนบันทึกจากการอ่าน เขียนสื่อสารในรูปแบบรายงานการประชุม การเขียนรายงานเชิงวิชาการ วิเคราะห์ แนวคิดการใช้ภาษาจากเรื่องท่ีฟังและดู การประเมินเรื่องที่ฟังและดู การพูดต่อท่ีประชุม ศึกษาหลักการแต่งบท ร้อยกรอง หลักการสร้างคำในภาษาไทย อิทธิพลของภาษาต่างประเทศและภาษาถิ่น ศึกษาหลักการวิเคราะห์ และวิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมเบ้ืองต้น การวิเคราะห์ลักษณะเด่นของวรรณคดีและวรรณกรรมเกี่ยวกับ เหตุการณ์ประวิติศาสตร์และวิถีชีวิตของสังคมในอดีต การวิเคราะห์และประเมินคุณค่าวรรณคดีและวรรณกรรม การสังเคราะห์วรรณคดีและวรรณกรรม ทอ่ งจำบทอาขยานและบทรอ้ ยกรองที่มีคณุ ค่าตามความสนใจและนำไปใช้ อา้ งอิง โดยใช้กระบวนการเรียนภาษา กระบวนการปฏิบัติ กระบวนการสร้างความตระหนัก กระบวนการกลุ่ม กระบวนการสร้างความรู้ความเข้าใจ กระบวนการคิดอย่างมีวิจารณญาณ และ การเสริมสร้างคุณลักษณะที่พึง ประสงค์ เพ่ือให้เกิดการพัฒนาสมรรถภาพการเรียนรู้ เกิดทักษะการอ่าน การเขียน การพูด การศึกษาค้นคว้า การ ใช้ภาษาในการส่อื สาร มวี ิจารณญาณในการฟังและดู เหน็ คุณค่าของวรรณคดีและวรรณกรรม นำความคิดไปใช้ใน การตัดสินใจแก้ไขปัญหาในการดำเนินชีวิต สังเคราะห์ความรู้จากการอ่านมาพัฒนาตน พัฒนาการเรียน และ พัฒนาความรู้ทางอาชีพ สร้างวิสัยทัศน์ในการดำรงชีวิตให้สอดคล้องกับขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรม สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตจริงได้ มมี ารยาทในการอ่าน การเขยี น การฟงั การดู และ การพูด และมนี ิสัยรัก การอา่ น การเขียน อนรุ กั ษ์ สบื สานภาษาไทยและภมู ิปญั ญาทางภาษาให้คงอยูค่ ู่ชาติไทยตลอดไป รหสั ตัวช้ีวัด ใช้กระบวนการอา่ นสรา้ งความร้แู ละความคิดเพ่ือนำไปใชต้ ัดสินใจ แกป้ ญั หาใน มาตรฐาน ท ๑.๑ การดำเนินชีวิตและมนี สิ ยั รักการอ่าน อ่านออกเสียงบทรอ้ ยแก้ว และบทรอ้ ยกรองได้อยา่ งถูกต้อง ไพเราะ และเหมาะสมกับ ม.๔-๖/๑ เรอื่ งท่ีอ่าน ตคี วาม แปลความ และขยายความเร่ืองท่อี า่ น ม.๔-๖/๒ ตอบคำถามจากการอ่านประเภทตา่ งๆ ภายในเวลาทีก่ ำหนด ม.๔-๖/๖ อา่ นเรื่องต่างๆ แลว้ เขียนกรอบแนวคิดผงั ความคิด บันทกึ ย่อความ และรายงาน ม.๔-๖/๗ สังเคราะห์ความรู้จากการอ่านส่อื ส่งิ พมิ พ์ สื่ออิเลก็ ทรอนกิ ส์ และแหลง่ เรียนรู้ตา่ งๆ มา ม.๔-๖/๘ พัฒนาตน พฒั นาการเรียน และพฒั นาความรูท้ างอาชีพ มีมารยาทในการอา่ น ม.๔-๖/๙
มาตรฐาน ท ๒.๑ ใชก้ ระบวนการเขียนเขียนสื่อสาร เขียนเรยี งความ ย่อความ และเขียนเร่ืองราวในรูปแบบต่างๆ เขยี นรายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาค้นคว้าอยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ ม.๔-๖/๖ เขยี นรายงานการศึกษาคน้ คว้า เรือ่ งทส่ี นใจตามหลักการเขียนเชิงวชิ าการ และใชข้ ้อมูล สารสนเทศอ้างอิงอย่างถูกต้อง ม.๔-๖/๗ บนั ทกึ การศกึ ษาคน้ ควา้ เพ่ือนำไปพัฒนาตนเองอย่างสมำ่ เสมอ มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลือกฟังและดูอย่างมีวิจารณญาณ และพูดแสดงความรู้ ความคิด และ ม.๔-๖/๒ ความรสู้ กึ ในโอกาสต่างๆ อย่างมวี ิจารณญาณและสร้างสรรค์ ม.๔-๖/๔ วิเคราะห์ แนวคิด การใชภ้ าษา และความนา่ เช่ือถือจากเรื่องทฟ่ี งั และดูอยา่ งมีเหตผุ ล ม.๔-๖/๕ มวี ิจารณญาณในการเลือกเรื่องทฟี่ ังและดู พูดในโอกาสต่างๆ พดู แสดงทรรศนะ โต้แย้ง โน้มน้าวใจ และเสนอแนวคดิ ใหม่ดว้ ย มาตรฐาน ท ๔.๑ ภาษาถกู ต้องเหมาะสม ม.๔-๖/4 เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปล่ียนแปลงของภาษา และพลังของภาษา ม.๔-๖/๕ ภมู ปิ ัญญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้เปน็ สมบัติของชาติ ม.๔-๖/๖ แต่งบทร้อยกรอง วิเคราะห์อทิ ธิพลของภาษาต่างประเทศและภาษาถ่นิ มาตรฐาน ท ๕.๑ อธิบายและวเิ คราะห์หลักการสรา้ งคำในภาษาไทย ม.๔-๖/๑ เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่างเห็นคุณค่าและ ม.๔-๖/๒ นำมาประยุกต์ใชใ้ นชีวติ จรงิ วิเคราะห์และวิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมตามหลักการวจิ ารณ์เบ้อื งต้น ม.๔-๖/๓ วิเคราะห์ลกั ษณะเดน่ ของวรรณคดีเชอื่ มโยงกับการเรยี นร้ทู างประวตั ศิ าสตรแ์ ละวิถีชวี ติ ม.๔-๖/๔ ของสงั คมในอดตี ม.๔-๖/๖ วเิ คราะห์และประเมินคณุ ค่าด้านวรรณศิลปข์ องวรรณคดีและวรรณกรรมในฐานะ รวม 19 ตวั ชว้ี ัด ท่เี ป็นมรดกทางวัฒนธรรมของชาติ สังเคราะหข์ ้อคิดจากวรรณคดีและวรรณกรรมเพื่อนำไปประยุกตใ์ ช้ในชีวิตจรงิ ทอ่ งจำและบอกคุณค่าบทอาขยานตามที่กำหนดและบทร้อยกรองที่มี คณุ คา่ ตามความสนใจและนำไปใชอ้ ้างอิง
ใบงาน ท่ี 1 จดุ ประสงค์ : 1. กรอกขอ้ มูลในแบบวิเคราะหผ์ ู้เรียนได้ 2. เขยี นเรยี งความแนะนำตนเองได้ กำหนดสง่ : ในคาบ และ ก่อนเรยี นคาบถัดไป คำช้แี จง 1. กรอกข้อมูลในแบบวเิ คราะห์นักเรยี นรายบคุ คล 2. เขียนเรยี งความแนะนำตนเอง
แบบวเิ คราะห์ผูเ้ รยี นรายบคุ คล 1. ช่อื – สกลุ …………………................…….…………..อายุ.........…….ปี ชือ่ ผูป้ กครอง………..............……………..………… 2. ผลการเรียนในปีการศกึ ษาทผ่ี า่ นมา ระดับชน้ั …….......................….……….เกรดเฉลยี่ …………….......……….……… 3. ขอ้ มลู ด้านสขุ ภาพ นำ้ หนัก ……….….กก. ส่วนสูง……….……ซม. โรคประจำตัว……………….............................… 4. ปัจจบุ นั อาศยั อยูก่ ับ ……...........…………บา้ นเลขท่ี……........…หมทู่ .ี่ .…....ถนน…….........….……..ซอย……....……..… ตำบล……............…………อำเภอ……..............……………จงั หวัด…......…………..โทร………….................................... 5. ผลการวเิ คราะหผ์ ู้เรยี นรายบุคคลวิชาภาษาไทย ชนั้ ……..........…………ปีการศึกษา…………............................. ท่ี รายการวเิ คราะห์ผเู้ รียน ผลการประเมนิ วิเคราะห์ผเู้ รยี น การปรบั ปรุงแกไ้ ข ดี ปานกลาง ปรับปรงุ 1 ความรู้ ความสามารถและประสบการณ์ ….. ……………… ……………… (1) ความร้พู น้ื ฐานของวชิ าภาษาไทย ….. ……………… ……………… (2) ความสามารถในการอา่ น ….. ……………… ……………… (3) ความสนใจและสมาธิในการเรียนรู้ ….. ……………… ……………… 2 ความพรอ้ มดา้ นสตปิ ญั ญา ….. ……………… ……………… ….. ……………… ……………… (1) ความคิดรเิ ร่ิมสรา้ งสรรค์ (2) ความมเี หตผุ ล ….. ……………… ……………… (3) ความสามารถในการเรยี นรู้ ….. ……………… ……………… ….. ……………… ……………… 3 ความพร้อมด้านพฤตกิ รรม ….. ……………… ……………… (1) การแสดงออก ….. ……………… ……………… (2) การควบคมุ อารมณ์ ….. ……………… ……………… (3) ความมงุ่ มน่ั อดทน ขยันหมัน่ เพยี ร ….. ……………… ……………… (4) ความรบั ผดิ ชอบ ….. ……………… ……………… 4 ความพร้อมดา้ นรา่ งกาย ….. ……………… ……………… ….. ……………… ……………… (1) ดา้ นสุขภาพร่างกายสมบูรณ์ (2) การเจรญิ เตบิ โตสมวยั (3) ความสมบรู ณ์ทางดา้ นสุขภาพจติ 5 ความพร้อมด้านสงั คม (1) การปรบั ตัวเขา้ กับผูอ้ ่นื (2) การชว่ ยเหลอื เสียสละ แบง่ ปนั (3) การเคารพครู กตกิ า และมรี ะเบยี บ ความคดิ เห็น ข้อเสนอแนะของคร…ู ………………………………………………………………………………………..................................................... ………………………………………………………………………………………………………………………………................................................................ ………………………………………………………………………………………………………………………………................................................................ ลงชอื่ …………………………………………………………. (นางสาวกวีกานต์ สงั ขท์ อง) ครูผสู้ อนสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย
แผนการจดั การเรยี นรู้ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย ภาคเรียนที่ ๑ รหัสวิชา ท๓๒๑๐๑ รายวชิ า ภาษาไทย ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี ๕ หน่วยการเรียนรทู้ ่ี ๑ มหาเวสสันดรชาดก กณั ฑ์มัทรี แบบอยา่ งบุพการี ผู้มีคณุ เวลา ๗ ชั่วโมง แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี ๒ เรอื่ ง การแต่งคำประพนั ธป์ ระเภทรา่ ย เวลา ๑ ชัว่ โมง ผู้สอน นางสาวกวกี านต์ สงั ข์ทอง สอนสปั ดาหท์ .ี่ .........วันที.่ ........เดอื น...........................พ.ศ......... ๑. มาตรฐานการเรยี นรู้/ ตัวช้วี ัด มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษา และพลัง ของภาษา ภูมิปัญญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้เป็นสมบัตขิ องชาติ ท ๔.๑ ม.๔-๖/๔ แต่งบทรอ้ ยกรอง ๒. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ ๑. อธบิ ายฉนั ทลกั ษณ์คำประพนั ธป์ ระเภทร่ายได้ (K) ๒. แต่งบทรอ้ ยกรองประเภทรา่ ยได้ถูกต้องตามฉันทลักษณ์ (P) ๓. มมี ารยาทในการเขยี น (A) ๓. สาระสำคญั การแตง่ คำประพันธ์ เปน็ การเรียบเรียงถ้อยคำใหเ้ ปน็ เร่ืองราว ตามรูปแบบของบทประพันธ์ประเภทน้นั ๆ ไม่ว่าจะเป็น โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน และรา่ ย ผู้ประพันธ์ควรรจู้ กั การเลน่ คำ เลน่ เสียงเพ่ือให้เกิดภาพพจน์ ซง่ึ ถอื วา่ มศี ลิ ปะในการแตง่ คำประพันธ์ ดงั นั้นจงึ ตอ้ งเรยี นร้เู รอ่ื งกฎเกณฑ์รูปแบบ ฉนั ทลกั ษณ์ของคำประพนั ธ์ชนดิ ต่างๆ เพอ่ื เปน็ พน้ื ฐานสำคัญในการฝกึ หัดแต่งคำประพันธ์ตอ่ ไป ๔. สาระการเรียนรู้ ความรู้ การแตง่ คำประพนั ธ์ประเภทร่าย ทกั ษะ / กระบวนการ ๑. ทกั ษะการอ่าน ๒. ทักษะการเขยี น ๕. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน ขอ้ ๑ ความสามารถในการสื่อสาร ๖. คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ ข้อ ๗ รกั ความเปน็ ไทย ตัวชว้ี ดั ที่ ๗.๑ ภาคภมู ใิ จในขนบธรรมเนยี มประเพณี ศิลปะ วฒั นธรรมไทย และมคี วามกตญั ญูกตเวที ๗. ชิน้ งาน / ภาระงาน / รอ่ งรอยการเรยี นรู้ ใบงาน แตง่ คำประพันธ์ประเภทรา่ ย
๘. กระบวนการจัดการเรียนรู้ กิจกรรมนำเข้าสู่บทเรียน 1. สนทนาซกั ถามนกั เรยี นเก่ยี วกบั หลกั การแตง่ คำประพนั ธ์ ๒. พดู คยุ เกย่ี วกบั คำประพนั ธ์ประเภทรา่ ย กิจกรรมพัฒนาผเู้ รียน ๑. ครใู หน้ กั เรียนดู สอื่ การสอนออนไลน์ เร่อื ง การแตง่ คำประพนั ธป์ ระเภทรา่ ย จากแหล่งเรยี นรู้ YouTube ๒. พดู คยุ เก่ยี วกับการแตง่ คำประพันธ์ประเภทร่าย จากส่ือท่นี ักเรยี นได้ดู 3. ให้นักเรียนศึกษาเร่ือง คำประพันธ์ประเภทร่ายเพ่ิมเติม จากหนังสือเรียนหลักภาษาและการใช้ภาษา เพอื่ การส่อื สาร ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ ๕ หน้า 283 และเอกสารใบความรู้ 4. ศกึ ษาเพ่ิมเตมิ จาก PPT คำประพันธ์ประเภทร่าย 5. นกั เรยี นสรุปสาระสำคัญของเรื่องลงในสมดุ 6. ให้นักเรยี นทำใบงานเร่ือง การแตง่ คำประพนั ธป์ ระเภทรา่ ย กจิ กรรมรวบยอด 1. ครูนำแผนภมู คิ ำประพนั ธ์ประเภทรา่ ย มาแขวนไวท้ หี่ น้าหอ้ งเรยี นแล้วให้นกั เรยี นออกมาสรุป หลกั การแตง่ คำประพันธ์ประเภทรา่ ย ๙. ส่อื การเรยี นรู้ / แหลง่ การเรียนรู้ ๑. หนังสือเรยี นหลกั ภาษาและการใชภ้ าษาเพ่ือการส่ือสาร ชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี ๕ ๒. สอื่ การสอนออนไลน์ เรอ่ื ง คำประพันธ์ประเภทรา่ ย จากแหล่งเรียนรู้ YouTube ๓. แผนภูมคิ ำประพันธป์ ระเภทรา่ ย 4. PPT คำประพนั ธ์ประเภทรา่ ย ๑๐. การวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ จุ จุดประสงค์การเรยี นร/ู้ สิ่งทจ่ี ะวัด วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ ตรวจแบบฝกึ หดั แบบฝึกหัด อธิบายฉันทลกั ษณ์คำประพันธ์ ผ่านเกณฑ์ ประเภทรา่ ย ตรวจผลงานการแตง่ แบบประเมนิ การแต่ง รอ้ ยละ ๖๐ บทรอ้ ยกรอง แตง่ บทร้อยกรองประเภทร่ายได้ สงั เกตพฤตกิ รรม แบบสังเกตพฤติกรรม ระดับคุณภาพ ถูกต้องตามฉันทลักษณ์ การเรยี น ๒ ผา่ นเกณฑ์ ธำรงอนุรกั ษ์ความเปน็ ไทย ระดบั คุณภาพ ๒ ผา่ นเกณฑ์ ลงชื่อ..................................................ครูผู้สอน ( นางสาวกวีกานต์ สังข์ทอง ) ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูชำนาญการพิเศษ ............../..................................../..............
แบบประเมนิ การแตง่ บทประพนั ธ์ รายการประเมิน ดมี าก (4) ระดับคณุ ภาพ / ระดับคะแนน ปรบั ปรุง (1) ดี (3) พอใช้ (2) 1. รูปแบบ รูปแบบฉันทลกั ษณ์ รปู แบบฉนั ทลกั ษณ์ รปู แบบฉันทลักษณ์ รปู แบบฉนั ทลักษณ์ ฉนั ทลักษณ์ ถูกต้อง ดมี าก ถกู ต้องเปน็ สว่ นมาก ถูกต้องเพยี งบางส่วน ถูกต้องเปน็ ส่วนน้อย 2. เนือ้ หาสาระ เน้ือหาสาระท่นี ำเสนอ เนื้อหาสาระท่นี ำเสนอ เน้ือหาสาระท่ี เน้อื หาสาระท่ี ท่นี ำเสนอ ถกู ตอ้ ง ครบถว้ น มีสาระอยู่ในเกณฑ์ดี นำเสนอ มสี าระ อยู่ นำเสนอ ไมม่ สี าระ ในเกณฑ์พอใช้ ชดั เจน 3. ความไพเราะ ความไพเราะ การเล่นคำ ความไพเราะ การเลน่ คำ ความไพเราะ การเล่น ขาดความไพเราะ การเลน่ คำ เลน่ อักษร เลน่ อกั ษร เลน่ สระ เลน่ อกั ษร เลน่ สระ คำ เล่นอักษร เลน่ ไม่มีการเลน่ คำ เลน่ สระ อยา่ งใดอยา่ งหน่งึ อยใู่ น อยา่ งใดอยา่ งหน่ึง อยู่ สระ อย่างใดอยา่ ง เล่นอักษร หรือเล่น ระดับดมี าก ในระดับดี หน่งึ อยู่ในระดับ สระ ขาดสมั ผัสใน พอใช้ วรรค 4. การเสนอ การเสนอแนวความคดิ การเสนอแนวความคิด การเสนอ การเสนอ แนวความคดิ โดดเดน่ แปลกใหม่ คอ่ นขา้ งโดดเดน่ แนวความคดิ ไมโ่ ดด แนวความคิด เดน่ ไม่น่าสนใจ ไม่มคี วามคดิ ใหม่ 5. การเขียน เขียนสะกดการนั ต์ได้ เขยี นสะกดการันต์ได้ เขียนสะกดการนั ต์ เขยี นสะกดการนั ต์ สะกดคำ ถกู ต้องตามพจนานกุ รม ถกู ต้อง มีผดิ 1-2 คำ ถกู ตอ้ ง มผี ดิ 2-3 ถกู ตอ้ ง มีผิดเกนิ 3 คำ คำ เกณฑ์การตดั สินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ 17-20 ดมี าก 13-16 ดี 9-12 พอใช้ 5-8 ปรบั ปรุง
แบบประเมนิ คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ ขอ้ ท่ี 7 รกั ความเปน็ ไทย นยิ าม รักความเป็นไทย หมายถึง คุณลักษณะที่แสดงออกถึงความภาคภูมิใจ เห็นคุณค่า ร่วมอนุรักษ์สืบทอด ภูมิปัญญาไทย ขนบธรรมเนียมประเพณี ศิลปะและวัฒนธรรม ใช้ภาษาไทยในการสื่อสารได้อย่างถูกต้องและ เหมาะสม ผู้ที่รักความเป็นไทย คือ ผู้ท่ีมีความภาคภูมิใจ เห็นคุณค่า ชื่นชม มีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ สืบทอด เผยแพร่ภูมิปัญญาไทย ขนบธรรมเนียมประเพณี ศิลปะและวัฒนธรรมไทย มีความกตัญญูกตเวที ใช้ภาษาไทยใน การส่ือสารอยา่ งถูกต้องเหมาะสม ตัวชีว้ ดั และพฤติกรรมบง่ ชี้ ตวั ชี้วัด พฤตกิ รรมบ่งช้ี 7.1 ภาคภูมิใจในขนบธรรมเนยี ม 7.1.1 แต่งกายและมีมารยาทงดงามแบบไทย มีสมั มาคารวะ กตญั ญูกตเวที ประเพณี ศิลปะ วฒั นธรรมไทย ตอ่ ผู้มีพระคุณ และมีความกตัญญูกตเวที 7.1.2 รว่ มกจิ กรรมที่เกยี่ วข้องกบั ประเพณี ศิลปะ และวฒั นธรรมไทย 7.1.3 ชักชวน แนะนำให้ผู้อื่นปฏบิ ตั ิตามขนบธรรมเนยี มประเพณี ศิลปะและ วัฒนธรรมไทย 7.2 เหน็ คุณค่าและใชภ้ าษาไทยใน 7.2.1. ใช้ภาษาไทยและเลขไทยในการส่ือสารได้อย่างถูกต้องเหมาะสม การสื่อสารได้อยา่ งถกู ต้องเหมาะสม 7.2.2 ชกั ชวน แนะนำใหผ้ อู้ ื่นเหน็ คณุ คา่ ของการใชภ้ าษาไทยที่ถูกตอ้ ง 7.3 อนรุ กั ษแ์ ละสบื ทอดภมู ปิ ัญญา 7.3.1 นำภูมิปัญญาไทยมาใช้ให้เหมาะสมในวิถชี ีวติ ไทย 7.3.2 รว่ มกจิ กรรมทเ่ี กี่ยวข้องกบั ภูมปิ ญั ญาไทย 7.3.3 แนะนำ มสี ่วนร่วมในการสืบทอดภมู ปิ ญั ญาไทย เกณฑก์ ารให้คะแนน พฤตกิ รรมบ่งชี้ ไมผ่ า่ น (0) ผ่าน (1) ดี (2) ดเี ย่ียม (3) ตามข้อ 7.1 – 7.3 ไม่มีสัมมาคารวะต่อ มสี ัมมาคารวะตอ่ มสี มั มาคารวะต่อ มสี ัมมาคารวะ ต่อครู ครอู าจารย์ ครอู าจารย์ อาจารย์ ปฏิบัติตนเป็น ครอู าจารย์ ใชภ้ าษาไทย เลข ปฏบิ ัตติ นเปน็ ผู้มี ผู้มมี ารยาทแบบไทย ไทยในการสือ่ สาร มารยาทแบบไทย ใช้ภาษาไทย เลขไทยใน ได้ถูกตอ้ ง ใชภ้ าษาไทย เลข การสือ่ สารได้ถกู ต้อง ไทยในการสือ่ สาร เขา้ รว่ มกจิ กรรมที่ ได้ถูกตอ้ ง เกยี่ วขอ้ งกบั เขา้ รว่ มกิจกรรมท่ี ภมู ิปญั ญาไทย เกยี่ วข้องกบั และมีส่วนรว่ มในการสบื ภมู ปิ ญั ญาไทย ทอดภมู ปิ ญั ญาไทย
ใบความรู้ การแตง่ คำประพนั ธป์ ระเภทร่าย คำประพันธ์ประเภทร่ายยาว หนึ่งบทจะมีก่ีวรรคก็ได้ แต่ส่วนมากมี ๕ วรรคข้ึนไป วรรคหน่ึง ๆ มีต้ังแต่ ๖ คำขึ้นไป ถึง ๑๐ คำหรือมากกว่า มีบังคับเฉพาะระหว่างวรรค คือ คำสุดท้ายของวรรคจะส่งสัมผัสไปท่ีคำท่ี ๑ ถึง ๕ ของวรรคต่อไป เมอ่ื จบตอนมักมคี ำสร้อย เช่น “น้นั แล” “น้ีแล” ร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดก เป็นร่ายยาวสำหรับเทศน์ จะมีคำศัพท์บาลีข้ึนก่อน แล้วแปลเป็น ภาษาไทย แล้วจึงมีร่ายตาม ในระหว่างการดำเนินเรื่องจะมีคำบาลีคั่นเป็นระยะ ๆ คำบาลีน้ันมีความหมาย เกย่ี วเนอ่ื งกับขอ้ ความท่ตี ามมา ตวั อยา่ งการแต่งร่ายยาว รา่ ยยาว.........แนะนำตวั ชอื่ ของฉันชลาลัยนั้นคอื สายน้ำ ปใู่ หค้ ำจำกดั ความวา่ เปน็ สายน้ำทจ่ี ะไมไ่ หลย้อนกลับ เปน็ คนคอยรับฟงั ปัญหาเพื่อนเเละมีนำ้ ใจ มักจะไมโ่ กรธเคืองใครไดน้ านนาน ไม่ใช่คนขีร้ ำคาญเเต่เป็นมติ ร เปน็ คนจติ ใจดเี เละรกั เด็ก ตวั เลก็ ผอมไม่สูงสายตาส้ัน ฉันมคี วามใฝ่ฝันว่าอยากจะเป็นนสิ ติ คณะอกั ษร ปรับเปน็ ชอื่ ฉนั ชลาลยั หรือก็คือแหล่งแห่งน้ำ ปู่ใหค้ ำขยายความเปน็ สายน้ำไม่ไหลกลบั เป็นคนคอยชอบจะรบั ฟงั ปัญหาของเพ่ือนเพื่อน มีน้ำใจ ไม่รู้เลอื น ไม่ขัดเคือง โกรธใคร ได้นานนาน ไมใ่ ชค่ นขร้ี ำคาญเเตเ่ ปน็ มติ รจิตใจดี ตัวฉันน้ีรักเดก็ ตัวเล็กเลก็ ผอมไมส่ งู สายตาส้ัน ใฝ่ฝันเปน็ นสิ ิต คณะ อักษร ฝากร่ายกานท์กลอนเปน็ บนั ทึกฉะนแ้ี ลฯ กรงุ เทพมหานคร อมรรัตนโกสนิ ทร์ มหินทรายุธยา มหาดลิ กภพ นพรตั นราชธานีบรู ีรมย์ อุดมราชนเิ วศนม์ หาสถาน อมรพมิ านอวตารสถติ สกั กะทัตติยวิษณกุ รรมประสทิ ธิ์
ใบงานท่ี 2 การแต่งคำประพนั ธ์ประเภทรา่ ย จุดประสงค์ : อธิบายคำประพันธป์ ระเภทรา่ ยได้ คำช้แี จง 1.เติมคำลงในช่องวา่ ง ให้มีความหมายชดั เจน 2.จงแต่งคำประพันธ์ประเภทร่าย 1. ฉันทลักษณข์ องคำประพันธ์ประเภทรา่ ยยาว การแต่งร่ายยาว บทหนง่ึ จะต้องม.ี ........................วรรค แตส่ ว่ นมากกำหนดไว้วา่ บทหน่งึ ตอ้ งม.ี ...... วรรคขน้ึ ไป วรรคหนึง่ ๆ จะตอ้ งมจี ำนวนคำตัง้ แต.่ ............ถึง............คำ หรอื มากกวา่ การสง่ สัมผสั คำสดุ ทา้ ยของวรรคหน้า ต้องสัมผสั กับคำท.ี่ .......หรอื ........หรอื .........หรอื ........หรอื ...... ของวรรคถดั ไป 2. ฉนั ทลักษณ์ของคำประพันธ์ประเภทร่ายสุภาพ การแตง่ รา่ ยสุภาพ วรรคหนึ่งจะต้องม.ี ..........คำ บทหนึ่งจะต้องมี...........วรรคข้ึนไป ความยาวก่ี วรรคกไ็ ด้ แต่ 3 วรรคก่อนจะตอ้ งเป็นคำประพันธป์ ระเภท........................เสมอ 3. จงแตง่ คำประพันธป์ ระเภทร่าย ตวั อยา่ ง ชือ่ ฉนั ชลาลยั หรือกค็ ือแหล่งแห่งนำ้ ปู่ให้คำขยายความเป็นสายน้ำไม่ไหลกลบั เป็นคนคอยชอบจะรับฟงั ปัญหาของเพื่อนเพื่อน มีนำ้ ใจ ไม่รเู้ ลอื น ไม่ขัดเคือง โกรธใคร ไดน้ านนาน ไมใ่ ช่คนขร้ี ำคาญเเต่เป็นมติ รจิตใจดี ตวั ฉนั นร้ี กั เดก็ ตวั เล็กเลก็ ผอมไมส่ ูง สายตาส้นั ใฝ่ฝันเปน็ นิสติ คณะอกั ษร ฝากร่ายกานท์กลอนเป็นบันทึกฉะนแ้ี ลฯ ......................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................ ............................. ............................................................................................................ ............................................................. ......................................................................................................................................................................... .............................................................................................................................................. ........................... .............................................................................................................. ........................................................... ......................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................ ......................... ................................................................................................................ ......................................................... ......................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................. ....................... ชอ่ื สกุล................................................................................................ช้นั .......................เลขท่.ี .....................
เฉลยใบงานท่ี 2 การแตง่ คำประพนั ธ์ประเภทรา่ ย จุดประสงค์ : อธบิ ายคำประพันธป์ ระเภทร่ายได้ คำชแ้ี จง 1.เติมคำลงในช่องว่าง ให้มีความหมายชดั เจน 2.จงแตง่ คำประพันธป์ ระเภทร่าย 1. ฉนั ทลักษณ์ของคำประพันธป์ ระเภทร่ายยาว การแต่งรา่ ยยาว บทหนง่ึ จะตอ้ งม.ี กี่วรรคก็ได้/ไมจ่ ำกดั วรรค แตส่ ว่ นมากกำหนดไวว้ า่ บทหนึ่งต้อง ม.ี ...5...วรรคขน้ึ ไป วรรคหน่ึงๆ จะต้องมจี ำนวนคำตั้งแต่....6.........ถงึ ...10....คำ หรอื มากกว่า การส่งสมั ผสั คำสดุ ทา้ ยของวรรคหน้า ต้องสัมผสั กับคำท.่ี ..1...หรอื ..2....หรอื ..3.หรือ...4...หรือ.. 5....ของวรรคถัดไป 2. ฉันทลกั ษณข์ องคำประพันธ์ประเภทร่ายสภุ าพ การแต่งร่ายสภุ าพ วรรคหนงึ่ จะต้องมี....5...คำ บทหน่ึงจะต้องม.ี ...5.วรรคข้ึนไป ความยาวกว่ี รรค กไ็ ด้ แต่ 3 วรรคก่อนจะจบ ต้องเปน็ คำประพันธป์ ระเภท...โคลงสอง....เสมอ 3. จงแต่งคำประพนั ธ์ประเภทร่ายยาว แนะนำตนเอง ตัวอย่าง ชื่อฉันชลาลยั หรือกค็ ือแหล่งแหง่ น้ำ ปู่ใหค้ ำขยายความเป็นสายน้ำไม่ไหลกลับ เปน็ คนคอยชอบจะรับฟงั ปัญหาของเพื่อนเพ่ือน มนี ำ้ ใจ ไม่ร้เู ลอื น ไม่ขดั เคือง โกรธใคร ได้นานนาน ไม่ใชค่ นขีร้ ำคาญเเตเ่ ป็นมิตรจิตใจดี ตัวฉนั นร้ี ักเดก็ ตวั เลก็ เลก็ ผอมไมส่ งู สายตาสั้น ใฝฝ่ นั เป็นนิสติ คณะอักษร ฝากร่ายกานท์กลอนเป็นบันทึกฉะนี้แลฯ ............................................................................................................................. ............................................ ......................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............................................ ............................................................................................................................. ............................................ ......................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............................................ ............................................................................................................................. ............................................ ......................................................................................................................................................................... ...................................................................................... .............................................................................. ..... ............................................................................................................................. ............................................ ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............................................ ชอ่ื สกุล................................................................................................ชน้ั ..................... ..เลขท.่ี .....................
แผนการจัดการเรยี นรู้ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ ภาษาไทย ภาคเรียนที่ ๑ รหสั วชิ า ท๓๒๑๐๑ รายวชิ า ภาษาไทย ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี ๕ หน่วยการเรียนรทู้ ่ี ๑ มหาเวสสันดรชาดก กณั ฑ์มัทรี แบบอยา่ งบุพการี ผมู้ ีคุณ เวลา ๗ ช่ัวโมง แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี ๓ เรื่อง การอ่านออกเสียงบทร้อยกรองประเภทร่าย เวลา ๒ ช่ัวโมง ผสู้ อน นางสาวกวีกานต์ สังข์ทอง สอนสปั ดาห์ที่..........วันที่.........เดือน...........................พ.ศ......... ๑. มาตรฐานการเรยี นรู้/ ตวั ชวี้ ัด มาตรฐาน ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอ่านสรา้ งความรู้และความคิดเพ่ือนำไปใชต้ ัดสนิ ใจ แกป้ ญั หาในการดำเนินชวี ติ และมีนิสยั รกั การอ่าน ตัวช้ีวัด ท๑.๑ ม ๔ – ๖ / ๑. อา่ นออกเสยี งบทรอ้ ยแก้ว และ บทรอ้ ยกรองไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง ไพเราะ และ เหมาะสมกบั เร่อื งทีอ่ า่ น ๒. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ๑. นักเรียนสามารถอธิบายวธิ กี ารอ่านออกเสยี งร้อยกรองประเภทร่ายได้อย่างถูกต้อง (K) 2. อา่ นออกเสียงบทร้อยกรองประเภทรา่ ยได้อยา่ งถกู ต้องและเหมาะสมกับเรือ่ งทอี่ า่ น (P) 3. เห็นความสำคญั ของการอ่านบทร้อยกรอง (A) ๓. สาระสำคัญ การอ่านออกเสียงบทร้อยกรองประเภทร่ายได้อย่างถูกต้อง ไพเราะและเหมาะสมกับเร่ืองที่อ่าน ต้องมี ความรูเ้ ก่ยี วกับหลักการอา่ น ๔. สาระการเรยี นรู้ ความรู้ การอ่านออกเสียงคำประพันธป์ ระเภทร่าย ทกั ษะ / กระบวนการ ๑. ทกั ษะการอ่าน ๕. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น ขอ้ ๑ ความสามารถในการส่ือสาร ๖. คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ รกั ความเปน็ ไทย ๗. ชนิ้ งาน / ภาระงาน / ร่องรอยการเรียนรู้ ใบงานความรู้การอ่านออกเสียง /ปฏิบตั ิอ่านออกเสยี ง ๘. กระบวนการจดั การเรียนรู้ คาบที่ 1 กจิ กรรมนำเข้าสูบ่ ทเรียน ๑. ครใู ห้นกั เรียนฟังซีดีการอา่ นบทร้อยกรองประเภทร่าย แล้วรว่ มกนั แสดงความคิดเห็นเกยี่ วกับการอา่ น
๒. นกั เรียนตอบคำถามสรา้ งความคิด “การอา่ นบทรอ้ ยกรองประเภทรา่ ย ควรนำไปใช้อ่านในโอกาสใดจงึ จะเหมาะสมกับท่วงทำนองการอา่ น” ขั้นสอน ๑. นักเรยี นจับกลุ่มกนั โดยการนับตัวเลข ๑ – ๔ แลว้ แบ่งเปน็ กลุม่ ๆ ร่วมกนั ศึกษาความรู้เรอ่ื ง การอ่านบทร้อยกรองประเภทรา่ ย จากใบความรู้ ๒. นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ รว่ มกนั ทำใบงาน เร่ือง การอ่านบทร้อยกรองประเภทร่าย โดยให้สมาชกิ แตล่ ะคนในกลุ่มหาคำตอบด้วยตนเองจนครบทุกข้อ จากน้ันจบั คกู่ ับเพอื่ นในกล่มุ ผลดั กันอธบิ ายคำตอบให้คู่ของ ตนเองฟัง (สมาชกิ กล่มุ อีกคหู่ นงึ่ กป็ ฏิบัติกจิ กรรมเช่นเดยี วกัน) ๓. นักเรยี นรวมกล่มุ ๔ คน ให้แต่ละคผู่ ลดั กันอธิบายคำตอบใหเ้ พือ่ นอีกคหู่ น่งึ ในกลุ่มฟัง เพื่อ ชว่ ยกันตรวจสอบความถกู ต้อง 4. ครูขออาสาสมัครตวั แทนนักเรียน ๑ – ๒ กลมุ่ นำเสนอคำตอบในใบงาน ครูและเพื่อน นักเรยี นกล่มุ อ่นื รว่ มกนั ตรวจสอบความถูกต้อง ๕. นักเรียนตอบคำถามสร้างความคดิ “การอ่านบทร้อยกรองประเภทร่ายแตกต่างจากการอา่ นบทร้อย กรองประเภทอน่ื ทีน่ กั เรียนเคยเรยี นมาแลว้ อยา่ งไร” ขั้นสรปุ ๑. นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ อา่ นร่ายสุภาพและร่ายยาวตามหลกั การอ่านรา่ ย จากหนังสือวรรณคดีวจิ กั ษ์ เรอื่ งมหาเวสสันดรชาดก เพ่ือให้ครูประเมินผล คาบที่ 2 นักเรียนปฏิบัติอา่ นออกเสยี งบทร้อยกรอง ๙. ส่อื การเรียนรู้ / แหลง่ การเรียนรู้ ๑. หนังสอื วรรณคดีวจิ กั ษ์ ม.๕ เรอ่ื งมหาเวสสนั ดรชาดก ๒. ใบงานเร่ือง การอา่ นบทร้อยกรองประเภทร่าย ๓. ไฟล์เสยี งเรอ่ื งการอา่ นร่าย ๑๐. การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ เกณฑ์การวดั วิธกี ารวัดผลและการประเมินผล เคร่ืองมือวัดและประเมินผล ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ ด้านความรู้ ตรวจใบงานเรือ่ ง การอ่านบทร้อย ใบงานเรอ่ื ง การอา่ นบทร้อย (K) กรองประเภทร่าย กรองประเภทร่าย ด้านทักษะ/ การอ่านบทร้อยกรองประเภทร่าย แบบประเมนิ การอ่านรา่ ย ระดับคุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ กระบวนการ เรือ่ งมหาเวสสนั ดรชาดก (P) ดา้ นคุณธรรม สงั เกตการทำงานเปน็ กลุม่ แบบสังเกตการทำงานเป็นกลุ่ม ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ จริยธรรม และ คา่ นยิ ม (A)
การประเมินผล ระดบั คณุ ภาพ ประเด็นการประเมิน 4 3 21 ดา้ นความรู้ ใบงานเรอื่ ง ตอบคำถามได้ถูกต้อง (K) การอา่ นบท ทกุ ข้อ สามารถ ตอบคำถามได้ 3–4 ตอบคำถามได้ 1- 2 ตอบคำถามได้ 1- 2 รอ้ ยกรอง ยกตวั อย่างประกอบ ข้อ สามารถยกตัวอย่าง ขอ้ สามารถยกตัวอย่าง ข้อ ไมส่ ามารถ ประเภทร่าย ชัดเจน ประกอบชัดเจน ประกอบไดบ้ ้าง ยกตวั อยา่ งประกอบ อ่านออกเสียง ดา้ นทักษะ/ การอ่านออก ได้ถูกต้อง ไดบ้ า้ ง กระบวนการ เสยี ง ตามอักขรวิธี เสยี งดงั ชดั เจน อา่ นออกเสยี ง อ่านออกเสียง อ่านออกเสียง (P) บทร้อยกรอง เว้นจังหวะ เหมาะสม ไดถ้ ูกตอ้ ง ไดถ้ ูกตอ้ ง ได้ถูกตอ้ ง ด้านคณุ ธรรม พฤติกรรม สามารถทอดเสียง ตามอักขรวิธี ตามอักขรวิธี ตามอักขรวธิ ี จรยิ ธรรม การทำงาน และเอ้ือนเสยี ง และคา่ นิยม กลมุ่ ได้ไพเราะ เสียงดงั ชัดเจน เสยี งดังชัดเจน เสยี งดังชัดเจน (A) เว้นจงั หวะ เวน้ จังหวะ แตย่ ังต้องปรบั ปรงุ แสดงความคดิ เหน็ เหมาะสม เหมาะสม เรอื่ งการเว้นจังหวะ ยอมรบั ฟังคนอ่ืน มีการทอดเสยี ง พยายามทอดเสียง และท่วงทำนอง และเอื้อนเสียง และเอื้อนเสียง ในการอ่าน ทำงานตามที่ได้รบั ในบางจงั หวะไดด้ ี ในบางจงั หวะ มอบหมายมนี ้ำใจ แต่ยงั ทำได้ไมด่ ีนัก แสดงความคดิ เหน็ แสดงความคดิ เหน็ แสดงความคดิ เหน็ มีส่วนร่วมในการ ยอมรบั ฟังคนอืน่ ยอมรับฟังคนอ่ืน ยอมรับฟงั คนอ่นื ปรับปรงุ ผลงานกลุม่ ทำงานตามทไ่ี ด้รับ ทำงานตามท่ไี ดร้ บั ทำงานตามทไ่ี ด้รบั อย่างสม่ำเสมอ มอบหมายมีนำ้ ใจ มอบหมายมนี ำ้ ใจ มอบหมายมีน้ำใจ มสี ว่ นรว่ มในการ มีส่วนรว่ มในการ มีส่วนรว่ มในการ ปรบั ปรุงผลงานกลุ่ม ปรับปรุงผลงานกลมุ่ ปรบั ปรุงผลงานกลุ่ม บ่อยครั้ง บางคร้งั นอ้ ยคร้งั ลงชื่อ..................................................ครผู ู้สอน ( นางสาวกวีกานต์ สงั ขท์ อง ) ตำแหน่ง ครู วทิ ยฐานะ ครูชำนาญการพิเศษ ............../..................................../..............
ใบความรู้ การอา่ นคำประพันธป์ ระเภทร่าย นิยมอ่านหลบเสยี งสูงใหต้ ่ำลงในระดับของเสียงท่ใี ช้อยู่ ส่วนเสียงตรที ี่หลบต่ำลงนั้นอาจเพ้ยี นไปบ้าง เช่น น้อยนอ้ ย เป็น นอยนอย แต่เสยี งจัตวา แม้จะหลบเสียงต่ำลงมักจะไม่เพีย้ น การอ่านรา่ ยทุกชนิดจะอ่านทำนองเหมอื นกนั คือ ทำนองสงู ดว้ ยเสียงระดับเดียวกัน และการลงจังหวะจะ อยทู่ ่ที า้ ยวรรคของทกุ วรรค สว่ นจะอ่านด้วยลีลาใดนั้นขนึ้ อยู่กับอารมณ์ตามเน้ือความ ดังนี้ เนอ้ื ความแสดงอารมณ์เศร้า ใช้นำ้ เสยี งเบาลง สั่นเครอื และทอดเสยี งใหช้ ้าลงกวา่ ปกติ เนอื้ ความแสดงอารมณ์โกรธ ใชน้ ำ้ เสียงหนกั แน่น เน้นเสยี งดงั กว่าปกติ กระชบั สัน้ เนื้อความแสดงอารมณ์ขบขัน ผู้อ่านต้องพยายามทำเสียงให้แสดงถึงความขบขัน โดยที่ ตัวเองต้องไม่ หัวเราะขณะอ่าน เนื้อความบรรยายหรือพรรณนา ต้องอ่านตามอารมณ์ของเน้ือความนั้น เช่น บรรยายหรือพรรณนา ความงาม ใช้น้ำเสียงแจม่ ใส ไม่ดงั หรอื ไม่เบาเกินไป เนอื้ ความแสดงความศกั ดิ์สิทธ์ิหรอื ยงิ่ ใหญ่ ใช้นำ้ เสยี งหนกั แนน่ เน้น แต่ไม่ห้วน เนอ้ื ความสง่ั สอน ใช้นำ้ เสียงไมด่ งั หรือเบาเกินไป เน้นคำทีส่ ัง่ สอน แต่ไม่ห้วน เนือ้ ความบรรยายการต่อสู้ ใชน้ ้ำเสยี งดงั หนกั แน่น ห้วน กระชบั เนื้อความแสดงความตกใจ ใช้นำ้ เสียงหนักเบา เสียงสน่ั ตามเนื้อความ เนื้อความตดั พอ้ ตอ่ วา่ ใช้น้ำเสยี งหนกั บา้ ง เน้นบา้ ง สะบดั เสียงบา้ ง การอ่านร่ายพยายามอ่านให้จบวรรค เพราะจังหวะหลักของร่ายทุกชนิดจะอยู่ท่ีปลายวรรค ซ่ึงเป็นคำส่ง สัมผัส ส่วนจังหวะเสริมจะอยู่ท่ีคำรับ ดังนั้นเมื่ออ่านถึงคำรับสัมผัสจะต้องเน้นเสียงหรือทอดเสียง ซ่ึงเป็นเสมือน การแบ่งวรรคไปในตัว เชน่ ลกู รกั เจา้ แม่เอย เจ้าเคยมาอาศัยน่งั นอน จงั หวะหลักอยทู่ ี่คำส่งสมั ผัส คอื เอย จงั หวะ เสรมิ อยทู่ ่ีคำรับสัมผัส คอื เคย การอา่ นตอนจบผอู้ ่านจะต้องทอดเสยี งให้ยาวกวา่ การทอดเสยี งท้ายวรรคอ่ืน ๆ เพือ่ ให้ผู้ฟังร้วู า่ เรื่องทฟ่ี ัง กำลังจะจบแลว้ และเป็นการสรา้ งความประทับใจใหผ้ ู้ฟังตอ้ งการฟังอกี
ใบงานท่ี 3 การอา่ นคำในเรือ่ งพระเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี แบบฝึกหัดการอา่ นออกเสียงคำ ร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดก กณั ฑ์มัทรี คำชแ้ี จง : จงเขยี นคำอา่ นของคำต่อไปน้ี ๑. พระมัทรี อ่านวา่ .................................................................................................................................. ๒. ผลาผล อ่านวา่ .................................................................................................................................. ๓. เดยี รดาษ อา่ นวา่ .................................................................................................................................. ๔. แสรกคาน อา่ นวา่ ........................................................แปลวา่ ............................................................... ๕. บทจร อ่านวา่ .................................................................................................................................. ๖. พญาพาฬมฤคราช อ่านวา่ ........................................................................................................................ ๗. มรคา อ่านวา่ ...................................................................................................................... ............ ๘. ทศนขั เบญจางค์ อา่ นวา่ ....................................................แปลว่า............................................................... ๙. บริจารกิ ากร อ่านวา่ ........................................................แปลว่า............................................................... ๑๐. อฏุ ฐาการ อ่านว่า........................................................แปลวา่ ............................................................... ๑๑. มุจลนิ ท์ อ่านว่า........................................................แปลว่า............................................................... ๑๒. กเลวระ อ่านวา่ ........................................................แปลวา่ ............................................................... ๑๒. น่งิ มธั ยสั ถ์ อ่านว่า........................................................แปลวา่ ............................................................... ๑๓. พระราชสมภาร อ่านว่า..................................................แปลวา่ ............................................................... ๑๔. เบญจางคจริต อ่านวา่ ..................................................แปลว่า............................................................... ๑๕. บริภาษณานาง อา่ นว่า..................................................แปลวา่ ............................................................... ๑๖. กระลี อ่านว่า........................................................แปลวา่ ............................................................... ๑๗. พ้นื ปริมณฑล อ่านว่า..................................................แปลว่า............................................................... ๑๘. โบกขรณี อ่านวา่ ........................................................แปลวา่ ............................................................... ๑๙. ประถมยาม อ่านวา่ ........................................................แปลว่า............................................................... ๒๐. ปัจจสุ มัย อ่านว่า........................................................แปลวา่ ........................................................ ....... ๒๑. หิมเวศ อา่ นว่า........................................................แปลว่า............................................................... ๒๒. ศโิ รเพฐน์ อ่านว่า........................................................แปลวา่ ........................................................ ....... ๒๓. กฤดาภนิ ิหาร อา่ นว่า..................................................แปลวา่ ............................................................... ๒๔. สัตพิธรัตน์ อ่านวา่ ........................................................แปลว่า........................................................ ....... ๒๕. ทานพาหริ กะ อ่านว่า...................................................แปลว่า............................................................... ชื่อ สกุล................................................................................ช้นั ......................เลขที่...............................
ใบงานท่ี 3 การอา่ นคำในเร่ืองพระเวสสันดรชาดก กณั ฑม์ ัทรี แบบฝกึ หดั การอา่ นออกเสียงคำ รา่ ยยาวมหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มทั รี คำชแ้ี จง : จงเขยี นคำอ่านของคำต่อไปนี้ ๑. พระมทั รี อ่านวา่ พระ - มัด - ซี ๒. ผลาผล อ่านวา่ ผะ - ลา - ผน ๓. เดียรดาษ อ่านว่า เดยี - ระ - ดาด ๔. แสรกคาน อ่านว่า สะ - แหรก – คาน แปลวา่ เครื่องหาบ ๕. บทจร อ่านวา่ บด - ทะ - จอน ๖. พญาพาฬมฤคราช อ่านวา่ พะ - ยา - พาน - มะ – รึ - คะ - ราด ๗. มรคา อา่ นว่า มอ - ระ - คา ๘. ทศนัขเบญจางค์ อ่านว่า ทด - สะ - นกั - ขะ – เบน็ - จาง แปลว่า กราบแบบเบญจางคประดษิ ฐ์ ๙. บริจาริกากร อ่านวา่ บอ- ร-ิ จา - ริ - กา - กอน แปลวา่ ผู้ทำหนา้ ท่รี บั ใช้ /พระมัทรี ๑๐. อุฏฐาการ อ่านว่า อดุ - ถา - กาน แปลวา่ ลกุ ขึ้น ๑๑. มจุ ลินท์ อา่ นว่า มุด - จะ - ลิน แปลว่า ช่ือสระใหญใ่ นป่าหมิ พานต์ ๑๒. กเลวระ อา่ นว่า กะ - เล - วะ - ระ แปลวา่ ซากศพ ๑๒. นง่ิ มัธยัสถ์ อ่านว่า นิง่ - มัด - ทะ - ยัด แปลว่า ประหยดั ถ้อยคำ ไม่ยอมพดู ๑๓. พระราชสมภาร อ่านว่า พระ - ราด - ชะ - สม - พาน แปลว่า พระราชาผู้ออกบวช ๑๔. เบญจางคจรติ อา่ นว่า เบน็ - จาง - คะ – จะ -หริด แปลว่า หญิงงาม ๕ประการ ๑๕. บริภาษณานาง อา่ นว่า บอ - ริ - พาด - สะ - นา - นาง แปลว่า กล่าวโทษ ๑๖. กระลี อา่ นวา่ กระ - ลี แปลว่า เหตุร้าย ๑๗. พื้นปริมณฑล อ่านวา่ พน้ื – ปะ - ริ - มน - ทน แปลวา่ พ้ืนท่โี ดยรอบ ๑๘. โบกขรณี อ่านว่า โบก - ขะ (ขอ)- ระ - นี แปลว่า สระบัว ๑๙. ประถมยาม อ่านวา่ ประ - ถม - มะ -ยาม แปลวา่ ยามแรก ๒๐. ปัจจุสมยั อ่านว่า ปัด - จุ - สะ – ไหม แปลว่า เวลาเชา้ มืด ๒๑. หมิ เวศ อ่านว่า หมิ - มะ - เวด แปลว่า ที่อยูอ่ ันหนาว ป่าหิมพานต์ ๒๒. ศิโรเพฐน์ อา่ นวา่ สิ - โร - เพด แปลว่า ผ้าโพกศีรษะในทนี่ ีห้ มายถึงศีรษะ ๒๓. กฤดาภนิ หิ าร อา่ นวา่ กริ - ดา - พิ - นิ - หาน แปลวา่ บญุ อนั ย่ิงใหญ่ที่ทำไว้ ๒๔. สัตพิธรัตน์ อา่ นว่า สดั - ตะ - พดิ - ตะ - รัด แปลวา่ แกว้ เจ็ดประการ ๒๕. ทานพาหริ กะ อา่ นวา่ ทาน - พา - หิ - ระ - กะ แปลวา่ ทานภายนอก ช่ือ สกุล..................................................................................ช้นั ......................เลขที่.......................................
แผนการจดั การเรยี นรู้ กลุม่ สาระการเรียนรู้ ภาษาไทย ภาคเรียนท่ี ๑ รหสั วชิ า ท๓๒๑๐๑ รายวชิ า ภาษาไทย ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๕ หน่วยการเรียนรู้ท่ี ๑ มหาเวสสนั ดรชาดก กัณฑม์ ัทรี แบบอย่างบุพการี ผ้มู ีคณุ เวลา ๗ ชั่วโมง แผนการจัดการเรียนร้ทู ่ี ๔ เร่ือง ศลิ ปะการประพนั ธ์ในวรรณคดีไทย เวลา ๑ ช่ัวโมง ผู้สอน นางสาวกวีกานต์ สงั ขท์ อง สอนสัปดาหท์ ่.ี .........วนั ที่.........เดอื น...........................พ.ศ......... ๑. มาตรฐานการเรียนรู้/ ตวั ชวี้ ดั มาตรฐาน ท ๕.๑ เขา้ ใจและแสดงความคิดเหน็ วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่างเหน็ คุณคา่ และนำมาประยกุ ต์ใชใ้ นชวี ิตจริง ท ๕.๑ ม.๔-๖/๑ วเิ คราะหแ์ ละวิจารณว์ รรณคดีและวรรณกรรมตามหลกั การวิจารณเ์ บ้ืองต้น ท ๕.๑ ม.๔-๖/4 สงั เคราะห์ข้อคิดจากวรรณคดแี ละวรรณกรรมเพ่ือนำไปประยุกตใ์ ชใ้ นชีวติ จรงิ ๒. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ๑. วิเคราะหศ์ ิลปะการประพันธ์ในวรรณคดีไทยได้ (K) ๒. เห็นความสำคัญของการอ่านวรรณคดี (A) ๓. สาระสำคัญ การอา่ นวรรณคดี เพ่อื ให้ได้รบั ความรแู้ ละความเพลิดเพลินน้ัน ผู้อ่านจะตอ้ งอ่านอย่างพิจารณาไตรต่ รองให้ ถ่องแท้ เพื่อให้เข้าใจเรื่องราวและได้อรรถรสของบทประพันธ์นั้น โดยพิจารณาว่าวรรณคดีเรื่องน้ัน ๆ มีความ ไพเราะงดงามเพียงใด การอ่านในลักษณะนี้คือ การวิจักษ์วรรณคดี นอกจากวิจักษ์แล้ว ผู้อ่านวรรณคดีควรนำ ความรู้จากการวจิ ักษ์ไปต่อยอด ให้สามารถวิเคราะหว์ ิจารณ์วรรณคดีอยา่ งมีคณุ คา่ ได้ ๔. สาระการเรยี นรู้ ความรู้ หลักการวเิ คราะห์และวิจารณ์วรรณคดแี ละวรรณกรรมเบื้องต้น - จุดมุ่งหมายการแตง่ วรรณคดแี ละวรรณกรรม - การพจิ ารณารปู แบบของวรรณคดแี ละวรรณกรรม - การพิจารณาเนื้อหาและกลวธิ ใี นวรรณคดีและวรรณกรรม - การวิเคราะห์และการวิจารณ์วรรณคดแี ละวรรณกรรม ทักษะ / กระบวนการ ๑. ทักษะการอ่าน ๕. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ข้อ ๑ ความสามารถในการสื่อสาร ๖. คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ ข้อ ๔ ใฝ่เรยี นรู้
๗. ช้นิ งาน / ภาระงาน / รอ่ งรอยการเรียนรู้ ศึกษาและเขยี นสรุปใจความสำคัญ เรือ่ ง การอา่ นวรรณคด/ี ทำแบบทดสอบในบทเรียนสำเรจ็ รปู ๘. กระบวนการจดั การเรยี นรู้ กจิ กรรมนำเข้าสูบ่ ทเรียน ๑. ทบทวนความรู้เรือ่ ง หลักการวเิ คราะหว์ ิจารณว์ รรณคดีและวรรณกรรมเบื้องตน้ ในประเด็นดังนี้ - จดุ ม่งุ หมายการแตง่ วรรณคดแี ละวรรณกรรม - การพจิ ารณารูปแบบของวรรณคดแี ละวรรณกรรม - การพจิ ารณาเน้ือหาและกลวิธีในวรรณคดแี ละวรรณกรรม - การวิเคราะห์และการวจิ ารณว์ รรณคดีและวรรณกรรม 2. ครแู จ้งให้นักเรยี นทราบจดุ ประสงค์ของการเรยี นรู้ และภาระงานท่ีนักเรยี นต้องปฏบิ ัติ กจิ กรรมพัฒนาผเู้ รยี น 1. แบง่ นกั เรยี นเป็น 5 กลุ่ม 2. ให้นักเรยี นแตล่ ะกลุม่ ศึกษาบทเรียนสำเรจ็ รูป เร่อื ง การอ่านวรรณคดี กิจกรรมรวบยอด นักเรียนสรปุ ผลการทำบทเรียนสำเรจ็ รปู ๙. สื่อการเรียนรู้ / แหลง่ การเรียนรู้ ๑. บทเรยี นสำเรจ็ รปู เรอื่ ง การอ่านวรรณคดี ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี ๕ ๑๐. การวดั และประเมินผลการเรียนรู้ จุดประสงค/์ สง่ิ ท่ตี ้องการวดั วิธีการ เครือ่ งมือ เกณฑ์ ๑. จบั ใจความสำคัญของเรื่อง การ ประเมนิ จากการทำแบบทดสอบ แบบประเมนิ ระดับคุณภาพ ๒ อา่ นวรรณคดีได้ บทเรยี นสำเรจ็ รปู ผา่ นเกณฑ์ 2. เหน็ ความสำคัญของการอ่าน สังเกตพฤตกิ รรม แบบสังเกต ระดับคุณภาพ ๒ วรรณคดี ผ่านเกณฑ์ การเรียน ลงชอื่ ..................................................ครผู สู้ อน ( นางสาวกวีกานต์ สงั ขท์ อง ) ตำแหน่ง ครู วทิ ยฐานะ ครูชำนาญการพิเศษ ............../..................................../..............
ใบงานท่ี 4 พระเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี คำชีแ้ จง จงตอบคำถามต่อไปนี้ ๑. ผแู้ ตง่ เรอื่ ง มหาเวชสนั ดรชาดก กณั ฑ์มทั รี คือใคร ตอบ.......................................................................................... ................................................................ ๒. ร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดก เป็นชาดกเรื่องที่ยิ่งใหญ่ที่สุด โดยกล่าวถึงเร่ืองราวของพระโพธิสัตว์ซึ่ง เสวยพระชาตเิ ป็นพระเวสสันดร เดิมแต่งเป็นภาษาใด ตอบ.......................................................................................................................................................... ๓. ตอ่ มามีการแปลเปน็ ใด ตอบ.......................................................................................................................................................... ๔. มหาชาตสิ ำนวนแรก คอื เร่ืองใด ตอบ....................................................................................... ................................................................... ๕. ทำไมมหาชาตใิ นเร่ืองแรกไม่สามารถเทศน์ให้จบภายใน ๑ วนั ตอบ.......................................................................................................................... ................................ ๖. กณั ฑใ์ ดทพ่ี ระนางผสุ ดี พระธิดาพระเจา้ กรุงมัทราชได้พร ๑๐ ประการจากพระอินทร์ ตอบ.......................................................................................................................... ................................ ๗. กัณฑ์ใดท่ีมีพราหมณ์ ๘ คนมาทูลขอช้างปัจจัยนาเคนทร์ พระเวสสันดรก็พระราชทานให้ ทำให้ประชาชนโกรธ แคน้ และขอใหเ้ นรเทศพระเวสสันดรออกจากเมือง ตอบ.......................................................................................................................... ................................ ๘. กัณฑ์ใดที่กษัตริย์ท้ัง ๖ พระองค์ได้พบกันต่างก็ดีพระทัยและเสียพระทัย กันแสงจนสลบไป เสนาอำมาตย์ ทั้งหลายกโ็ ศกเศรา้ จนสลบไปด้วย พระอินทร์จงึ บันดาลใหฝ้ นโบขรพรรษตกลงมา ตอบ.......................................................................................................................... ................................ ๙. กัณฑ์ใดท่ีพระเวสสันดรได้บริจาค สัตตสดกมหาทาน คือบริจาค ช้าง ม้า รถ โคนม สนม ทาสหญิง ทาสชาย อย่างละ ๗๐๐ ตอบ.......................................................................................................................... ................................ ๑๐. กณั ฑ์ใดทพ่ี ระอินทร์แปลงกายเป็นพราหมณม์ าทลู ขอพระนางมทั รี พระเวสสนั ดรกใ็ ห้ ตอบ.......................................................................................................................... ................................ ช่ือ สกุล ....................................................................................................ชัน้ .........................เลขที.่ ................
ใบงานท่ี 4 พระเวสสันดรชาดก กณั ฑ์มัทรี คำชแ้ี จง จงตอบคำถามต่อไปนี้ ๑. ผู้แตง่ เรื่อง มหาเวชสนั ดรชาดก กัณฑ์มทั รี คือใคร ตอบ เจ้าพระยาพระคลัง (หน) ๒. ร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดก เป็นชาดกเรื่องที่ยิ่งใหญ่ที่สุด โดยกล่าวถึงเรื่องราวของพระโพธิสัตว์ซึ่ง เสวยพระชาติเปน็ พระเวสสนั ดร เดมิ แต่งเป็นภาษาใด ตอบ ภาษาบาลี ๓. ตอ่ มามีการแปลเป็นใด ตอบ ภาษาไทย ๔. มหาชาตสิ ำนวนแรก คือเรือ่ งใด ตอบ มหาชาติคำหลวง ๕. ทำไมมหาชาตใิ นเร่ืองแรกไมส่ ามารถเทศน์ให้จบภายใน ๑ วนั ตอบ เนอื้ เรอ่ื งยาว ไมส่ ามารถเทศน์ใหจ้ บภายใน 1 วนั ๖. กัณฑ์ใดทีพ่ ระนางผุสดี พระธิดาพระเจ้ากรุงมัทราชไดพ้ ร ๑๐ ประการจากพระอนิ ทร์ ตอบ กณั ฑท์ ศพร ๗. กัณฑ์ใดท่ีมีพราหมณ์ ๘ คนมาทูลขอช้างปัจจัยนาเคนทร์ พระเวสสันดรก็พระราชทานให้ ทำให้ประชาชนโกรธ แค้นและขอให้เนรเทศพระเวสสันดรออกจากเมือง ตอบ กัณฑ์หิมพานต์ ๘. กัณฑ์ใดที่กษัตริย์ทั้ง ๖ พระองค์ได้พบกันต่างก็ดีพระทัยและเสียพระทัย กันแสงจนสลบไป เสนาอำมาตย์ ท้ังหลายกโ็ ศกเศร้าจนสลบไปดว้ ย พระอนิ ทร์จงึ บันดาลใหฝ้ นโบขรพรรษตกลงมา ตอบ กัณฑ์ฉกษตั ริย์ ๙. กัณฑ์ใดท่ีพระเวสสันดรได้บริจาค สัตตสดกมหาทาน คือบริจาค ช้าง ม้า รถ โคนม สนม ทาสหญิง ทาสชาย อย่างละ ๗๐๐ ตอบ กณั ฑ์ทานกณั ฑ์ ๑๐. กัณฑใ์ ดทพ่ี ระอินทรแ์ ปลงกายเป็นพราหมณม์ าทูลขอพระนางมทั รี พระเวสสันดรก็ให้ ตอบ กัณฑส์ กั บรรพ ช่อื สกุล ....................................................................................................ชั้น.........................เลขที่.................
แผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย ภาคเรียนที่ ๑ รหสั วิชา ท๓๒๑๐๑ รายวชิ า ภาษาไทย ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ ๕ หน่วยการเรยี นรู้ที่ ๑ มหาเวสสนั ดรชาดก กัณฑ์มัทรี แบบอยา่ งบุพการี ผมู้ ีคุณ เวลา ๗ ช่ัวโมง แผนการจัดการเรียนรูท้ ี่ ๕ เรื่อง การวิเคราะห์และประเมินคุณค่า มหาเวสสนั ดรชาดก กัณฑ์มัทรี (ต่อ) เวลา ๑ ช่ัวโมง ผสู้ อน นางสาวกวีกานต์ สังข์ทอง สอนสปั ดาห์ท.่ี .........วันท่ี.........เดอื น...........................พ.ศ......... ๑. มาตรฐานการเรียนรู้/ ตวั ชว้ี ดั มาตรฐาน ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคิดเหน็ วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่างเหน็ คุณคา่ และนำมาประยุกตใ์ ช้ในชวี ิตจริง ท ๕.๑ ม.๔-๖/3 วิเคราะห์และประเมินคุณค่าดา้ นวรรณศิลป์ของวรรณคดแี ละวรรณกรรมในฐานะท่ีเป็น มรดกทางวัฒนธรรมของชาติ ๒. จุดประสงค์การเรยี นรู้ ๑. วิเคราะห์และประเมนิ คุณคา่ เรื่อง มหาเวสสันดรชาดก กณั ฑ์มทั รไี ด้ (K) 2. เขยี นบทละครเรื่อง มหาเวสสันดรชาดก กณั ฑ์มทั รี พร้อมแสดงละคร (P) 3. เหน็ ความสำคญั วรรณคดแี ละวรรณกรรมในฐานะทเ่ี ป็นมรดกทางวฒั นธรรมของชาติ (A) ๓. สาระสำคญั ร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี เป็นวรรณคดีศาสนาอันทรงคุณค่า มุ่งปลูกฝังคุณธรรมหลายด้าน อาทิเช่น ความเสียสละ ความรับผิดชอบในหน้าที่ ความจงรักภักดี และความกตัญญูกตเวที การอ่านอย่าง พินจิ คณุ คา่ ทำให้ผอู้ ่านตระหนกั ถึงความสำคัญและเหน็ คุณค่าของวรรณคดี ๔. สาระการเรียนรู้ ความรู้ การวเิ คราะห์และประเมินคุณคา่ วรรณคดแี ละวรรณกรรม - ด้านวรรณศิลป์ - ด้านสังคมและวฒั นธรรม ทักษะ / กระบวนการ ๑. ทักษะการอา่ น
๕. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ขอ้ ๑ ความสามารถในการส่ือสาร ๖. คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ ขอ้ 7 รักความเปน็ ไทย ๗. ช้นิ งาน / ภาระงาน / ร่องรอยการเรยี นรู้ แสดงละคร / ทำแบบฝึกหัด ๘. กระบวนการจัดการเรียนรู้ กิจกรรมนำเข้าสู่บทเรยี น ๑. ใหน้ ักเรยี นรว่ มกนั แสดงความคดิ เหน็ โดยครูใชค้ ำถามทา้ ทาย ดังน้ี • นักเรียนเห็นด้วยหรือไม่กับคำกล่าวท่ีว่า “ไม่มีความรักใดท่ีจะยิ่งใหญ่เทียบเท่าความรักของพ่อ แม”่ • คุณคา่ ของวรรณคดแี ละวรรณกรรมท่อี า่ นมีประโยชน์ต่อนกั เรียนอย่างไร 2. ครูแจ้งใหน้ ักเรยี นทราบจุดประสงคข์ องการเรียนรู้ และภาระงานท่ีนักเรียนต้องปฏิบัติ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน 1. นกั เรยี นแตล่ ะกลุม่ แสดงบทละครตอนทต่ี นได้รบั มอบหมาย 2. นักเรียนและครรู ว่ มกันแสดงความคดิ เห็น ประเมินการแสดงละครของเพอ่ื น พร้อมจดสรปุ สาระสำคัญ ของเรอ่ื ง 3. ใหน้ ักเรียนทำแบบฝกึ หดั กจิ กรรมรวบยอด นกั เรยี นสรปุ คุณคา่ ของเรื่อง ๙. ส่อื การเรียนรู้ / แหลง่ การเรยี นรู้ ๑. หนงั สือเรยี น ภาษาไทยวรรณคดีวิจักษ์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕ ๒. แบบฝึกหัด
๑๐. การวดั และประเมินผลการเรียนรู้ จดุ ประสงค์/ส่ิงทตี่ ้องการวัด วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ แบบฝกึ หดั ผ่านเกณฑ์ ๑. วิเคราะห์และประเมินคุณคา่ เรือ่ ง ตรวจแบบฝึกหัด แบบประเมิน รอ้ ยละ 60 มหาเวสสนั ดรชาดก กัณฑ์มัทรี ระดับคุณภาพ ๒ แบบสงั เกต ผ่านเกณฑ์ ๒. เขยี นบทละครเรื่อง มหาเวสสันดร ตรวจบทละคร ชาดก กณั ฑ์มัทรี พรอ้ มแสดงละคร ประเมินการแสดง ระดับคุณภาพ ๒ ผา่ นเกณฑ์ ละคร ๓. เห็นความสำคัญของการอนุรกั ษแ์ ละ สังเกตพฤตกิ รรม สืบทอดวรรณคดีไทยใหค้ งอยู่ต่อไป การเรยี น ลงช่ือ..................................................ครผู ู้สอน ( นางสาวกวกี านต์ สังข์ทอง ) ตำแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครูชำนาญการพเิ ศษ ............../..................................../..............
แบบประเมนิ การเขียนบทละคร /การแสดงละคร ลำดับที่ รายการประเมิน ๔ ระดบั คะแนน ๑ ๓๒ ๑ การลำดับเรือ่ ง ความสร้างสรรค์ในการนำเสนอ ๒ เน้ือหาครบตามใจความสำคญั ของเร่ือง มีการ สอดแทรกคุณคา่ ด้านวรรณศิลป์ ๓ การใช้ภาษา นำ้ เสยี ง ๔ แสดงได้สอดคล้องกับเนื้อเร่อื ง อารมณ์ความร้สู กึ ของ ตัวละคร รวม ลงช่ือ ....................................................ผ้ปู ระเมนิ ................ /................ /................ เกณฑ์การให้คะแนน เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ ดีมาก = ๔ คะแนน ดี = ๓ คะแนน ช่วงคะแนน รระดับคณุ ภาพ พอใช้ = ๒ คะแนน ปรับปรุง = ๑ คะแนน ๑๔ – ๑๖ ดีมาก ๑๑ – ๑๓ ดี ๘ – ๑๐ พอใช้ ตำ่ กวา่ _๘ ปรับปรุง
ใบงานท่ี 5 พระเวสสันดรชาดก กณั ฑ์มัทรี คำช้แี จง : จงตอบคำถามต่อไปน้ี ๑. เหตใุ ดเทพยดาจงึ ต้องแปลงกายเป็นสัตวร์ า้ ยขวางทางพระนางมทั รี การกระทำของเทพยดาเหมาะสมหรือไม่ เพราะเหตุใด ตอบ.......................................................................................................................... ........................................ ......................................................................................................................................................................... ..................................................................................................... .................................................................... ................................................................................................................................... ...................................... ๒. พระนางมทั รีทำอย่างไรเม่ือพบสตั ว์ร้ายขวางทางสญั จร การกระทำดงั กลา่ วของพระนางมทั รสี ะทอ้ นความเชื่อ อยา่ งไร ตอบ.......................................................................................................................... ........................................ ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............................................ ๓. เพราะเหตุใดพระเวสสนั ดรจึงยกพระกัณหาและพระชาลีให้แก่เฒ่าชูชก ตอบ.......................................................................................................................... ........................................ ......................................................................................................................................................................... .................................................................................................................... ..................................................... ............................................................................................................................. ............................................ ๔. พระเวสสนั ดรใช้อุบายอยา่ งไรเพ่ือให้พระนางมัทรคี ลายทุกข์ อุบายดังกล่าวใช้ไดผ้ ลหรือไม่ เพราะเหตุใด ตอบ.......................................................................................................................... ........................................ ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............................................ ๕. เร่ืองร่ายยาวเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี แสดงบุคลิกลักษณะของพระนางมัทรี อย่างไรบ้าง อธิบายพร้อม ยกตวั อยา่ ง ตอบ.......................................................................................................................... ........................................ ...................................................................................................................................................................... ... ......................................................................................................................................................................... ...................................................................................... ................................................................ ................... ชอื่ สกุล ....................................................................................................ชน้ั .........................เลขท.ี่ ................
ใบงานที่ 5 พระเวสสนั ดรชาดก กัณฑ์มัทรี คำชแี้ จง : จงตอบคำถามต่อไปนี้ ๕. เหตใุ ดเทพยดาจงึ ต้องแปลงกายเป็นสัตวร์ ้ายขวางทางพระนางมัทรี การกระทำของเทพยดาเหมาะสมหรือไม่ เพราะเหตุใด ตอบ เพราะต้องการถว่ งเวลาไมใ่ ห้พระนางมัทรีเดนิ ทางกลับมาทอี่ าศรมเรว็ เพราะไม่ตอ้ งการใหม้ าขัดขวางการ ยกกณั หา กบั ชาลี ใหช้ ูชก ของพระเวสสนั ดร การกระทำดังกลา่ วเหมาะสม เพราะสามารถถว่ งเวลาไว้ได้ ๖. พระนางมทั รีทำอยา่ งไรเม่ือพบสัตว์รา้ ยขวางทางสญั จร การกระทำดังกลา่ วของพระนางมัทรสี ะท้อนความเชื่อ อย่างไร ตอบ วอนไหว้แล้วอภิวาทน์ พร้อมกราบแบบทศนัขเบญจางค์ (กราบแบบเบญจางคประดิษฐ)์ สะทอ้ นความเชือ่ เร่ือง เทพยดา สง่ิ ศกั ด์สิ ทิ ธิ์ที่คุ้มครองป่า ๗. เพราะเหตุใดพระเวสสนั ดรจงึ ยกพระกัณหาและพระชาลีให้แก่เฒา่ ชชู ก ตอบ เพอ่ื บำเพญ็ ทารบารมีอันยง่ิ ใหญ่ คอื บุตรทาน ๘. พระเวสสันดรใช้อุบายอยา่ งไรเพือ่ ใหพ้ ระนางมัทรีคลายทุกข์ อบุ ายดังกล่าวใช้ไดผ้ ลหรอื ไม่ เพราะเหตุใด ตอบ กล่าวคำบรภิ าษณานาง คือกล่าวโทษว่าท่นี างมาช้าเพราะมัวแต่ชมนกชมไม้ หรือไม่ก็มวั แตค่ ยุ อยู่กบั ฤาษี วิทยาธร คนธรรพ์ เทพารกั ษ์ทอ่ี ยู่ในปา่ หรือมัวแต่เพลินกับการกินผลไมใ้ นป่า อบุ ายดงั กล่าวใชไ้ ดผ้ ล เพราะ ทำใหน้ างมัทรเี จบ็ ใจท่ีพระเวสสันดรวา่ เช่นนน้ั ทำให้ลมื ความทกุ ขเ์ ร่ืองลูก ไปช่วั ขณะหนึ่ง ๕. เรื่องร่ายยาวเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี แสดงบุคลิกลักษณะของพระนางมัทรี อย่างไรบ้าง อธิบายพร้อม ยกตัวอย่าง ตอบ ๑. มคี วามรกั และผูกพนั กับลกู 2. มคี วามจงรกั ภักดีต่อพระเวสสนั ดรเป็นอย่างยิ่ง ชอ่ื สกุล ....................................................................................................ชนั้ .........................เลขที่.................
แผนการจัดการเรียนรู้ กล่มุ สาระการเรียนรู้ ภาษาไทย ภาคเรียนท่ี ๑ รหัสวชิ า ท๓๒๑๐๑ รายวชิ า ภาษาไทย ชนั้ มัธยมศึกษาปที ่ี ๕ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๑ มหาเวสสันดรชาดก กณั ฑ์มัทรี แบบอย่างบุพการี ผู้มีคุณ เวลา ๗ ชวั่ โมง แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ ๖ เร่ือง การสังเคราะห์วรรณคดีเรือ่ ง มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มทั รี เวลา ๑ ชวั่ โมง ผู้สอน นางสาวกวกี านต์ สังขท์ อง สอนสัปดาห์ท่ี..........วันท.่ี ........เดอื น...........................พ.ศ......... ๑. มาตรฐานการเรียนรู้/ ตัวชีว้ ดั มาตรฐาน ท ๕.๑ เขา้ ใจและแสดงความคิดเหน็ วจิ ารณว์ รรณคดแี ละวรรณกรรมไทยอย่างเห็น คุณคา่ และนำมาประยุกต์ใชใ้ นชีวติ จริง ท ๕.๑ ม.๔-๖/4 สังเคราะหข์ ้อคิดจากวรรณคดแี ละวรรณกรรมเพ่ือนำไปประยุกต์ใชใ้ นชีวติ จริง ๒. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๑. สังเคราะหข์ ้อคิด เรื่อง มหาเวสสันดรชาดก กัณฑม์ ัทรีได้ (K) 2. เห็นความสำคัญวรรณคดแี ละวรรณกรรมในฐานะที่เป็นมรดกทางวฒั นธรรมของชาติ (A) ๓. สาระสำคัญ คุณค่าทางอ้อมอีกประการหน่ึงของวรรณคดี คือ ประโยชน์จากการนำความรู้และข้อคิดไปประยุกต์ใช้ใน ชีวิตจริง ซ่ึงคุณค่านี้ผู้อ่านจะต้องสังเคราะห์ออกมาเองจากการอ่าน ซ่ึงแต่ละคนอาจได้ข้อคิดท่ีแตกต่างกันออกไป แล้วแตป่ ระสบการณช์ ีวติ และมุมมองของแตล่ ะบุคคล ๔. สาระการเรียนรู้ ความรู้ การสังเคราะห์วรรณคดีและวรรณกรรม ทกั ษะ / กระบวนการ ๑. ทกั ษะการอา่ น ๕. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น ขอ้ ๑ ความสามารถในการส่ือสาร ๖. คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ข้อ 7 รกั ความเปน็ ไทย ๗. ช้นิ งาน / ภาระงาน / ร่องรอยการเรยี นรู้ แสดงละคร / ทำแบบทดสอบ ๘. กระบวนการจดั การเรียนรู้ กจิ กรรมนำเขา้ สบู่ ทเรียน ๑. ใหน้ กั เรียนร่วมกนั แสดงความคิดเหน็ โดยครูใช้คำถามท้าทาย ดงั นี้
• เหตุใดเทพยดาจึงตอ้ งแปลงกายเป็นสตั ว์ร้ายขวางทางพระนางมัทรี การกระทำของ เทพยดาเหมาะสมหรือไม่ เพราะเหตุใด • พระนางมัทรที ำอย่างไรเม่ือพบสัตวร์ ้ายขวางทางสญั จร การกระทำดงั กลา่ วของพระนาง มทั รสี ะท้อนความเชอ่ื อย่างไร • เพราะเหตุใดพระเวสสันดรจงึ ยกพระกัณหาและพระชาลีให้แกเ่ ฒ่าชูชก • พระเวสสนั ดรใชอ้ ุบายอย่างไรเพ่ือให้พระนางมทั รคี ลายทุกข์ อุบายดังกลา่ วใช้ไดผ้ ล หรือไม่ เพราะเหตใุ ด 2. ครูแจ้งให้นกั เรยี นทราบจดุ ประสงคข์ องการเรียนรู้ และภาระงานท่นี ักเรียนต้องปฏบิ ตั ิ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน 1. นกั เรียนแต่ละกลุ่มแสดงบทละครตอนทต่ี นไดร้ ับมอบหมาย (ต่อ) 2. นักเรียนและครูรว่ มกันแสดงความคดิ เหน็ ประเมินการแสดงละครของเพื่อน พร้อมจดสรุปสาระสำคัญ ของเรื่อง 3. ครนู ำสนททนาเรอื่ ง การสงั เคราะห์ขอ้ คดิ จากวรรณคดีและวรรณกรรม 4. ให้นกั เรียนบอกขอ้ คิดทน่ี กั เรียนได้รบั จากเร่อื ง มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี 5. ให้นักเรยี นทำแบบทอสอบ กจิ กรรมรวบยอด นักเรยี นสรุปข้อคดิ จากเรื่อง มหาเวสสนั ดรชาดก กณั ฑ์มัทรี ๙. สอ่ื การเรียนรู้ / แหล่งการเรยี นรู้ ๑. หนงั สือเรียน ภาษาไทยวรรณคดีวจิ กั ษ์ ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี ๕ ๒. แบบทดสอบ ๑๐. การวดั และประเมินผลการเรียนรู้ จดุ ประสงค์/สิ่งทตี่ ้องการวัด วธิ กี าร เคร่อื งมือ เกณฑ์ ถามตอบปากเปลา่ ๑. สงั เคราะหข์ อ้ คิด เรื่อง มหา ตรวจแบบทดสอบ แบบทดสอบ ผ่านเกณฑ์ เวสสนั ดรชาดก กณั ฑม์ ัทรี แบบสังเกต รอ้ ยละ 60 สังเกตพฤติกรรม 2. เหน็ ความสำคญั วรรณคดีและ การเรียน ระดบั คุณภาพ ๒ วรรณกรรมในฐานะที่เป็นมรดกทาง ผา่ นเกณฑ์ วฒั นธรรมของชาติ ลงช่ือ..................................................ครผู ู้สอน ( นางสาวกวกี านต์ สงั ขท์ อง ) ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครชู ำนาญการพิเศษ
แบบทดสอบหลังเรียนหน่วยที่ ๑ เร่ือง พระเวสสนั ดร กัณฑ์มัทรี ๑.กณั ฑม์ ทั รีเปน็ กณั ฑท์ ่ีเท่าใดในเร่ืองรา่ ยยาวมหาเวสสันดรชาดก ก. กัณฑ์ท่ี ๘ ข. กัณฑ์ที่ ๙ ค. กัณฑท์ ี่ ๑๐ ง. กัณฑท์ ่ี ๑๑ ๒. ตัวละครในขอ้ ใดไม่มชี อ่ื ปรากฎในกัณฑม์ ัทรี ก. พระกัณหา ข. พระเวสสันดร ค. พญาพาฬมฤคราช ง. พระเจ้าสญชัย ๓. ปมปัญหาสำคัญในมหาเวสสันดรชาดก กณั ฑ์มทั รีคืออะไร ก. เทพยดาแปลงเปน็ พญาเสอื โครง่ มาขวางหน้าพระนางมัทรีไว้ ข. พระเวสสนั ดรทรงยกสองกุมารใหช้ ูชกไปแล้ว ค. พระเวสสนั ดรทรงบรภิ าษพระนางมทั รีอย่างเสยี หาย ง. พระนางมัทรที รงตามหาสองกมุ ารตลอดทง้ั คืนจนถึงรงุ่ เช้า ๔. พระเวสสันดรทรงใช้อุบายใดท่ีทำให้พระนางมัทรี “ ความโศกเส่อื มสวา่ งสงบจิต “ ก. ไม่ตอบคำถาม ข. แสดงความเกรยี้ วกราด ค. แสดงอาการหงึ หวง ง. แสดงอาการครา่ํ ครวญ ๕. พระนางมทั รเี ม่อื ได้ฟงั คำบริภาษของพระเวสสันดร ความโศกกห็ ายไป เพราะเหตุใด ก. โกรธ ข. เสียใจ ค. เจบ็ ใจ ง. กลวั ๖. “ดกู รสงฆผ์ ทู้ รงศลี วิสทุ ธสิ ิกขา เม่ือสมเดจ็ พระนางมัทรีเธอไดส้ มปฤาดคี ืนมา นางพระยาเจา้ ละอายแกเ่ ทพดานัก” ข้อใดคือเหตุผลทีท่ ำให้พระนางมัทรลี ะอายแกเ่ ทพดา ก. ทีท่ รงโศกเศร้าหนักจนถึงแกว่ ิสัญญีภาพ ข. ที่ความอาลัยรักพระลกู นั้นเกินควร ค. ด้วยเห็นวา่ นอนอยู่บนตักพระราชฤาษีมบิ ังควร ง. พระสามีก็มไิ ด้ตรัสปรานแี ต่สักนดิ สักหน่อยหนึ่ง ๗. ขอ้ ใดมิใช่พญาพาฬมฤคราช ข. พญาเสือเหลือง ก. พญาไกรสรราชสีห์ ง. พญาเสือดำ ค. พญาเสือโคร่ง ๘. เหตใุ ดพระเวสสันดรจงึ ไม่ตรสั บอกความจรงิ แก่พระนางมัทรีเสียต้ังแตแ่ รก ก. เพราะเกรงวา่ พระนางมัทรีจะรบั ความจรงิ ไม่ได้ ข. เพราะเกรงว่าพระนางมัทรีจะตามลกู ทัน ค. เพราะเกรงว่าพระนางมัทรีจะแคน้ ใจจนตาย ง. เพราะเกรงวา่ พระนางมัทรีจะเสียใจจนตาย
๙. “ทง้ั พวงแก้วและพวงทองก็โรยร่วงจากกลีบเมฆกระทำสกั การบูชาแก่สมเด็จนางพระยามทั รี “ คำประพนั ธ์ทยี่ กมานี้ พระนางมทั รีได้รบั การสักการะในเรอื่ งใด ก. ความซ่อื สตั ยต์ ่อสามี ข. การอนโุ มทนาในทานของพระเวสสนั ดร ค. ความรกั ลกู ง. ความเมตตาสงสาร ๑๐. “แถวโน้นก็แก้วเกดพิกุลแกมกับกาหลง ถัดไปกส็ ายหยุดประยงค์และยมโดย ยามพระพายพัด เคยรว่ งโรยรายดอกลงมูนมอง “ คำประพันธ์น้ีกลา่ วถงึ ไม้ดอกกชี่ นิด ก. ๖ ชนดิ ข. ๗ ชนดิ ค. ๘ ชนดิ ง. ๙ ชนิด ๑๑. “รัศมพี ระจนั ทร์ก็มวั หมอง เหมือนเศร้าโศกแสนวโิ ยคเมื่อยามปจั จสุ มยั ” คำที่ขีดเส้นใต้ หมายถึงเวลาใด ก. เวลาเชา้ มดื ข. เวลากลางวัน ค. เวลายาํ่ ค่ํา ง. เวลากลางคืน ๑๒. “ขอพระองค์จงเปรมปรีดิ์ปราศจากมจั ฉรยิ ธรรมอกุศล” คำท่ีขดี เส้นใต้หมายถึงอะไร ก. ความหว่ งใย ข. ความวิตกกังวล ค. ความตระหนี่ ค. ความเสียดาย ๑๙. “เทพเจ้าก็สังเวชในวญิ ญาณ จงึ พากนั อุฏฐาการคลาไคลใหม้ รรคา” คำท่ีขีดเส้นใตห้ มายถึงอะไร ก. หลกี ทาง ข. ลกุ ขนึ้ ค. ขยับตัว ง. พยักหน้า ๒๐. “ สัตพิธรัตน์ “ หมายถงึ แก้วกี่ประการ อะไรบ้าง ก. หา้ ประการ ได้แก่ เพชร ทอง นาก เงิน ทบั ทิม ข. หกประการ ได้แก่ เพชร ทอง เงนิ ทับทิม ไพฑูรย์ มุกดา ค. เจด็ ประการ ไดแ้ ก่ เพชร ทอง เงนิ ทับทมิ ไพฑูรย์ มุกดา แก้วประพาฬ ง. แปดประการ ได้แก่ เพชร ทอง เงนิ นาก ทบั ทิม ไพฑูรย์ มุกดา แก้วประพาฬ ๒๑. ขอ้ ใดแสดงใหเ้ ห็นอารมณ์ความรู้สกึ ที่เศร้าสะเทือนใจของพระนางมัทรีมากทสี่ ดุ ก. สองพระกรข้อนทรวงทรงพระกันแสงครวญครำ่ แลว้ รำพันว่า โอเ้ จา้ ดวงสรุ ยิ นั จนั ทรทั้งคู่ ของแมเ่ อ่ย แม่ไมร่ ูเ้ ลยว่าเจา้ จะหนีพระมารดาไปสู่พาราใดไม่รู้ท่ี ข. พระคุณเอย่ ถงึ พระองคจ์ ะสงสยั ก็นำ้ ใจของมัทรนี ้ีกตเวทเี ป็นไมเ้ ทา้ ก้าวสูท่ ่ีทางทดแทน อุปมาแมน้ เหมือนสีดาอนั ภกั ดตี ่อสามีรามบัณฑิต ค. เมื่อแรกจากไอศวรรย์มาอยดู่ งก็ปลงจิตไม่ได้คิดเปน็ สอง หวังจะเป็นเกือกทองฉลอง บาทยุคลทงั้ คู่แหง่ พระคณุ ผัว ง. ข้าพระบาทนี้รอ้ นรนไม่หยุดหยอ่ นแตส่ กั อยา่ ง แต่เดินมาก็บงั เกดิ ประหลาดลางขึ้นกลาง พนาลี
๒๒. ขอ้ ใดไม่มคี ำไวพจน์ ก. อน่งึ พระสรุ ิยศรีก็เยน็ ย่ําสนธยาสายัณห์แล้ว ข. เปน็ เวลาพระลกู แก้วอยากนมกำหนดเสวย ค. พระพ่เี จ้าของน้องเอ๋ยทั้งสามราขอเชญิ กลับไปยังรตั นคูหาห้องแกว้ ง. อนง่ึ น้องจะแบง่ ปนั ผลไมใ้ ห้สกั กึ่ง ครงึ่ หน่งึ น้ันน้องจะขอไปฝากพระหลานน้อยๆทั้งสองรา ๒๓. “สดุ สายนยั นาทแี่ มจ่ ะตามไปเลง็ แล สดุ โสตแลว้ ทแี่ ม่จะซบั ทราบฟงั สำเนียง สดุ สรุ เสียงทีแ่ ม่จะ รํ่าเรยี กพิไรร้อง สดุ ฝีเท้าทแ่ี มเ่ ยื้องยอ่ งยกยา่ งลงเหยยี บดิน กส็ ดุ ส้ิน สุดปัญญาสุดหาสุดค้นเหน็ สดุ คิด” ศิลปะการประพนั ธ์ข้อใดไมป่ รากฎในคำประพันธ์น้ี ก. การเลน่ คำสัทพจน์ ข. การพรรณนาใหเ้ กดิ ความสะเทือนใจ ค. การเล่นอักษรสมั ผัส ง. การซำ้ คำ ๒๔. ขอ้ ใดดีเดน่ ด้านการเลน่ เสยี งและคำซ้ำ ก. แสงพระจนั ทรด์ ั้นส่องต้องน้ำค้างท่ีขงั ให้ไหลลงหยดย้อย เหมือนหนึ่งน้ำพลอยพร้อยๆอยู่ พรายๆ ข. ก็กลายกลบั เปน็ ดอกดวงเดียรดาษอนาถเนตร ค. สะด้งุ พระทยั ไหวหวาดวะหวีดวิง่ วนแวะเขา้ ข้างทาง ง. ทุกห้วยธารละหานเหินเหวหุบห้องคหู าวาส ๒๕. ขอ้ ใดปรากฏโวหารสทั พจน์ ก. ทงั้ นกหกกง็ วั เงยี เหงาเงยี บทกุ รวงรัง ข. สมเดจ็ อรไทเธอเท่ียงตะโกนก่กู ๋กู ้อง ค. พระพายรำเพยพดั มาฉวิ เฉื่อย ง. พระพักตร์เธอฟูมฟองไปดว้ ยน้ำพระเนตร ชอื่ สกลุ ........................................................................................................ช้นั ..............................เลขท่.ี ..................
แบบทดสอบหลังเรยี นหนว่ ยท่ี ๑ เร่ือง พระเวสสนั ดร กัณฑ์มัทรี ๑.กณั ฑม์ ทั รเี ป็นกัณฑท์ ่ีเทา่ ใดในเร่ืองรา่ ยยาวมหาเวสสันดรชาดก ก. กัณฑ์ท่ี ๘ ข. กัณฑ์ท่ี ๙ ค. กัณฑ์ที่ ๑๐ ง. กัณฑท์ ่ี ๑๑ ๒. ตัวละครในข้อใดไม่มชี อ่ื ปรากฎในกัณฑม์ ัทรี ก. พระกัณหา ข. พระเวสสันดร ค. พญาพาฬมฤคราช ง. พระเจ้าสญชัย ๓. ปมปัญหาสำคัญในมหาเวสสนั ดรชาดก กณั ฑ์มัทรคี ืออะไร ก. เทพยดาแปลงเปน็ พญาเสอื โครง่ มาขวางหน้าพระนางมัทรีไว้ ข. พระเวสสนั ดรทรงยกสองกุมารใหช้ ูชกไปแลว้ ค. พระเวสสนั ดรทรงบรภิ าษพระนางมทั รีอย่างเสียหาย ง. พระนางมัทรที รงตามหาสองกมุ ารตลอดท้ังคืนจนถึงรุ่งเช้า ๔. พระเวสสันดรทรงใชอ้ ุบายใดท่ีทำให้พระนางมัทรี “ ความโศกเส่ือมสวา่ งสงบจิต “ ก. ไมต่ อบคำถาม ข. แสดงความเกรยี้ วกราด ค. แสดงอาการหงึ หวง ง. แสดงอาการครา่ํ ครวญ ๕. พระนางมัทรีเมื่อได้ฟงั คำบริภาษของพระเวสสันดร ความโศกกห็ ายไป เพราะเหตุใด ก. โกรธ ข. เสียใจ ค. เจบ็ ใจ ง. กลวั ๖. “ดูกรสงฆ์ผูท้ รงศลี วิสทุ ธสิ ิกขา เม่ือสมเดจ็ พระนางมทั รีเธอไดส้ มปฤาดคี ืนมา นางพระยาเจา้ ละอายแก่เทพดานัก” ข้อใดคือเหตุผลทีท่ ำให้พระนางมัทรลี ะอายแก่เทพดา ก. ทท่ี รงโศกเศร้าหนกั จนถึงแกว่ ิสัญญีภาพ ข. ท่ีความอาลัยรักพระลกู นั้นเกินควร ค. ดว้ ยเห็นวา่ นอนอยบู่ นตักพระราชฤาษีมบิ ังควร ง. พระสามีก็มไิ ด้ตรัสปรานแี ต่สักนดิ สักหน่อยหนงึ่ ๗. ข้อใดมิใช่พญาพาฬมฤคราช ข. พญาเสือเหลือง ก. พญาไกรสรราชสีห์ ง. พญาเสือดำ ค. พญาเสือโคร่ง ๘. เหตุใดพระเวสสันดรจงึ ไม่ตรัสบอกความจรงิ แก่พระนางมทั รเี สยี ตั้งแตแ่ รก ก. เพราะเกรงวา่ พระนางมัทรีจะรบั ความจรงิ ไม่ได้ ข. เพราะเกรงว่าพระนางมัทรีจะตามลกู ทนั ค. เพราะเกรงว่าพระนางมัทรีจะแคน้ ใจจนตาย ง. เพราะเกรงวา่ พระนางมัทรีจะเสียใจจนตาย
๙. “ทงั้ พวงแกว้ และพวงทองก็โรยร่วงจากกลบี เมฆกระทำสกั การบชู าแกส่ มเด็จนางพระยามทั รี “ คำประพนั ธ์ทยี่ กมานี้ พระนางมทั รไี ดร้ ับการสักการะในเร่อื งใด ก. ความซอ่ื สัตยต์ ่อสามี ข. การอนุโมทนาในทานของพระเวสสนั ดร ค. ความรักลูก ง. ความเมตตาสงสาร ๑๐. “แถวโน้นก็แก้วเกดพิกุลแกมกบั กาหลง ถัดไปกส็ ายหยุดประยงค์และยมโดย ยามพระพายพดั เคยร่วงโรยรายดอกลงมนู มอง “ คำประพันธ์นี้กล่าวถึงไมด้ อกกีช่ นิด ก. ๖ ชนิด ข. ๗ ชนิด ค. ๘ ชนดิ ง. ๙ ชนดิ ๑๑. “รศั มพี ระจันทรก์ ็มัวหมอง เหมือนเศร้าโศกแสนวโิ ยคเมอื่ ยามปจั จุสมยั ” คำท่ีขดี เส้นใต้ หมายถงึ เวลาใด ก. เวลาเชา้ มดื ข. เวลากลางวัน ค. เวลายํ่าคา่ํ ง. เวลากลางคนื ๑๒. “ขอพระองคจ์ งเปรมปรีดิ์ปราศจากมัจฉริยธรรมอกุศล” คำที่ขีดเส้นใต้หมายถึงอะไร ก. ความหว่ งใย ข. ความวิตกกงั วล ค. ความตระหนี่ ค. ความเสียดาย ๑๙. “เทพเจา้ ก็สังเวชในวญิ ญาณ จงึ พากันอุฏฐาการคลาไคลใหม้ รรคา” คำท่ขี ีดเสน้ ใตห้ มายถงึ อะไร ก. หลีกทาง ข. ลกุ ขนึ้ ค. ขยับตวั ง. พยักหน้า ๒๐. “ สตั พธิ รตั น์ “ หมายถึงแกว้ กป่ี ระการ อะไรบ้าง ก. ห้าประการ ไดแ้ ก่ เพชร ทอง นาก เงนิ ทบั ทิม ข. หกประการ ไดแ้ ก่ เพชร ทอง เงิน ทบั ทิม ไพฑรู ย์ มุกดา ค. เจด็ ประการ ไดแ้ ก่ เพชร ทอง เงนิ ทับทิม ไพฑรู ย์ มกุ ดา แกว้ ประพาฬ ง. แปดประการ ได้แก่ เพชร ทอง เงิน นาก ทบั ทิม ไพฑรู ย์ มกุ ดา แก้วประพาฬ ๒๑. ขอ้ ใดแสดงใหเ้ ห็นอารมณค์ วามรูส้ ึกที่เศร้าสะเทอื นใจของพระนางมัทรีมากทส่ี ดุ ก. สองพระกรข้อนทรวงทรงพระกันแสงครวญครำ่ แล้วรำพันว่า โอเ้ จ้าดวงสรุ ิยนั จนั ทรท้ังคู่ ของแมเ่ อ่ย แม่ไมร่ ู้เลยวา่ เจ้าจะหนีพระมารดาไปสพู่ าราใดไมร่ ู้ที่ ข. พระคุณเอย่ ถึงพระองคจ์ ะสงสยั กน็ ำ้ ใจของมทั รนี ี้กตเวทเี ป็นไม้เท้ากา้ วสู่ท่ีทางทดแทน อปุ มาแม้นเหมือนสีดาอันภักดตี ่อสามรี ามบัณฑิต ค. เมอื่ แรกจากไอศวรรย์มาอยดู่ งกป็ ลงจติ ไม่ได้คิดเป็นสอง หวงั จะเปน็ เกือกทองฉลอง บาทยคุ ลทงั้ คแู่ ห่งพระคุณผัว ง. ขา้ พระบาทน้ีร้อนรนไมห่ ยุดหยอ่ นแตส่ กั อย่าง แต่เดนิ มาก็บังเกิดประหลาดลางขึ้นกลาง พนาลี
๒๒. ขอ้ ใดไม่มคี ำไวพจน์ ก. อน่ึงพระสุริยศรีกเ็ ยน็ ยํ่าสนธยาสายณั ห์แล้ว ข. เปน็ เวลาพระลกู แก้วอยากนมกำหนดเสวย ค. พระพีเ่ จา้ ของน้องเอ๋ยทั้งสามราขอเชิญกลบั ไปยังรัตนคูหาห้องแก้ว ง. อนึ่งนอ้ งจะแบง่ ปันผลไม้ให้สักกึง่ ครึ่งหนึง่ น้ันน้องจะขอไปฝากพระหลานนอ้ ยๆท้ังสองรา ๒๓. “สุดสายนัยนาทีแ่ ม่จะตามไปเลง็ แล สุดโสตแลว้ ท่แี ม่จะซับทราบฟังสำเนียง สดุ สุรเสียงทแ่ี ม่จะ ร่ําเรยี กพิไรรอ้ ง สุดฝเี ทา้ ท่ีแม่เย้ืองยอ่ งยกย่างลงเหยียบดิน ก็สุดส้ิน สดุ ปญั ญาสุดหาสุดค้นเห็นสุดคดิ ” ศลิ ปะการประพนั ธข์ อ้ ใดไม่ปรากฎในคำประพันธ์น้ี ก. การเล่นคำสทั พจน์ ข. การพรรณนาให้เกดิ ความสะเทือนใจ ค. การเล่นอักษรสัมผัส ง. การซำ้ คำ ๒๔. ข้อใดดเี ดน่ ด้านการเลน่ เสียงและคำซ้ำ ก. แสงพระจันทรด์ ั้นสอ่ งต้องน้ำคา้ งท่ีขังให้ไหลลงหยดย้อย เหมือนหน่ึงน้ำพลอยพร้อยๆอยู่ พรายๆ ข. ก็กลายกลับเปน็ ดอกดวงเดียรดาษอนาถเนตร ค. สะดุ้งพระทยั ไหวหวาดวะหวีดว่งิ วนแวะเขา้ ข้างทาง ง. ทกุ หว้ ยธารละหานเหนิ เหวหบุ หอ้ งคหู าวาส ๒๕. ข้อใดปรากฏโวหารสทั พจน์ ก. ทง้ั นกหกก็งัวเงียเหงาเงยี บทกุ รวงรัง ข. สมเดจ็ อรไทเธอเทีย่ งตะโกนกู่กู๋ก้อง ค. พระพายรำเพยพัดมาฉวิ เฉ่ือย ง. พระพักตร์เธอฟูมฟองไปดว้ ยน้ำพระเนตร
แผนการจัดการเรียนรู้ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ ภาษาไทย ภาคเรียนท่ี ๑ รหัสวิชา ท๓๒๑๐๑ รายวิชา ภาษาไทย ชนั้ มัธยมศึกษาปที ่ี ๕ หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 2 การเพม่ิ คำในภาษา พัฒนาอย่างสร้างสรรค์ เวลา 6 ช่ัวโมง แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 1 เร่อื ง หลกั การสร้างคำในภาษาไทย (คำมูล) เวลา 1 ช่ัวโมง ผู้สอน นางสาวกวีกานต์ สังขท์ อง สอนสปั ดาห์ท่ี......... ม.5/1 วนั ท.ี่ ................................... ม.5/2 วันท.่ี ................................... ม.5/3 วนั ท.ี่ ................................... ๑. มาตรฐานการเรียนรู้/ ตัวชี้วดั มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปล่ียนแปลงของภาษา และพลังของภาษา ภมู ปิ ัญญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไวเ้ ปน็ สมบตั ิของชาติ ท ๔.๑ ม.๔-๖/๖ อธิบายและวเิ คราะห์หลักการสร้างคำในภาษาไทย ๒. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ๑. อธิบายและวเิ คราะห์หลกั การสรา้ งคำในภาษาไทย(K) ๒. พูดอธิบายหลักการสร้างคำไทยใหเ้ พือ่ นๆ ฟังได้ (P) 3. เห็นความสำคญั ของการสร้างคำไทย (A) ๓. สาระสำคญั การสรา้ งคำในภาษาไทยมีท้ังคำทส่ี รา้ งมาจากคำภาษาไทย และคำที่ยืมมาจากภาษาต่างประเทศ มีวิธีการ สร้างคำหลายวิธีทำให้มีคำใหม่ใช้ในภาษาไทยมากข้ึน ต้องมีความรู้เรื่องการสร้างคำโดยวิธีต่างๆ เช่น การประสม คำ การซ้อนคำ การซ้ำ การสมาสคำ ซ่ึงคำสมาสเกิดจากการนำคำบาลีหรือคำสันสกฤตตั้งแต่ ๒ คำขึ้นไปมา รวมกนั เปน็ วธิ ีการสร้างคำอีกวธิ หี น่ึงในภาษาไทยที่ควรแกก่ ารเรยี นรู้ ๔. สาระการเรยี นรู้ ความรู้ หลกั การสร้างคำในภาษาไทย ทักษะ / กระบวนการ ๑. ทักษะการอ่าน 2. ทักษะการพูด ๕. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น ขอ้ ๑ ความสามารถในการสื่อสาร ๖. คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ ขอ้ ๗ รักความเป็นไทย ๗. ช้นิ งาน / ภาระงาน / ร่องรอยการเรียนรู้ แบบฝึกหดั
๘. กระบวนการจดั การเรยี นรู้ กิจกรรมเตรียมความพร้อม / กจิ กรรมนำเขา้ สบู่ ทเรียน 1. ครูพดู คยุ เตรยี มความพรอ้ มของนักเรียน 2. ครยู กตวั อย่างคำที่มใี ช้อยใู่ นปัจจบุ นั และคำที่อดีตเคยใชแ้ ต่ปัจจุบนั ไม่มีใชแ้ ลว้ คำคะนอง พรอ้ มทั้งให้ นกั เรียนยกตัวอย่างเพ่มิ เตมิ ตวั อย่างคำ โปรไฟล์ เผางาน ตงิ๊ ตอ๊ ง เด็กแวน้ เด็กซิว่ เออ๋ โป๊ะแตก 3. ครูพดู คยุ วา่ “คำ อาจเปรียบไดก้ ับส่ิงมีชีวิตทงั้ หลาย คือ มเี กิด ดำรงอยู่ แลว้ กต็ ายไป” “ภาษาเหมือนต้นไม้ท่ีแตกกิ่งก้านสาขางอกงามออกไป การแตกก่ิงก้านของต้นไม้ก็ เหมือนกับการเพิ่มคำศัพท์ใหม่ของภาษา นับวันเราจะมีคำใหม่ๆ เพ่ิมมากขึ้น เพราะมีคนใช้ภาษามากข้ึน เร่ืองราว มากข้ึน คนก็สร้างคำมารองรับกับส่ิงที่เกิดข้ึนใหม่ คำใหม่ท่ีมีความหมายใหม่จึงเกิดข้ึนใหม่เสมอๆ ซ่ึงแต่ละภาษาก็ จะมีวิธีการสรา้ งคำทแ่ี ตกต่างกนั ออกไป” 4. ครแู จ้งจดุ ประสงค์ของการเรียน แนะนำวิธีการเรยี น 5. ใหน้ กั เรียนฟังเพลง คำมลู ทำนองแขกอุรดิ จาก YouTube กิจกรรมพฒั นาผูเ้ รียน 1. ครสู นทนาพูดคุยกับนักเรียนเก่ียวกับเนื้อหาในเพลง 2. ครูนำสนทนา และอธิบายเก่ียวกับเร่ือง การสร้างคำไทย (คำมูล) โดยครูใช้สื่อบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วย สอน CAI เร่อื งคำมลู จูนสมอง 5. นักเรียนศกึ ษาไปพร้อมๆ กัน และจดบนั ทึกสาระสำคัญ และทำแบบฝึกหดั ลงในสมุด กจิ กรรมรวบยอด 1. ครูพูดคยุ ซกั ถามความเขา้ ใจของนักเรียน ๙. สอื่ การเรยี นรู้ / แหลง่ การเรียนรู้ ๑. บทเรียนคอมพิวเตอร์ชว่ ยสอน CAI เร่อื งคำมูลจูนสมอง 2. เพลงคำมลู ทำนองแขกอุริด จาก YouTube ๑๐. การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ จุ จุดประสงค์การเรียนรู/้ ส่ิงท่จี ะวัด วธิ ีการ เครอื่ งมือ เกณฑ์ อธบิ ายและวิเคราะห์หลกั การสร้าง ตรวจแบบฝึกหัด แบบฝึกหดั ร้อยละ 60 คำไทย แบบสังเกต ผา่ นเกณฑ์ พูดอธบิ ายหลักการสร้างคำไทยให้ สังเกตจากการถาม ระดบั คุณภาพ เพอ่ื นๆ ฟงั ได้ ตอบใน Google แบบประเมิน ๒ ผ่านเกณฑ์ Meet เห็นความสำคญั ของการสรา้ งคำ สังเกตจากการทำ ระดบั คุณภาพ ไทย กิจกรรม ๒ ผ่านเกณฑ์ ลงชื่อ..................................................ครูผู้สอน ( นางสาวกวีกานต์ สังขท์ อง ) ตำแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครูชำนาญการพิเศษ
ส่อื / แหลง่ เรียนรู้
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218