Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 1.ชุดวิชา ทร21001 ม.ต้น

1.ชุดวิชา ทร21001 ม.ต้น

Published by Punyanut Keawnim, 2021-02-10 07:14:24

Description: วิชาการเรียนวิชาทักษะการเรียนรู้

Search

Read the Text Version

ใบความรทู ี่ ๑ วชิ า การเงินเพือ่ ชวี ิต ๒ สค 2๒01๖ เรื่อง ภยั ทางการเงนิ 7. ทวงหนีโ้ หด นอกจากภาระดอกเบยี้ ที่แสนแพงแลว ลูกหนเี้ งินกนู อกระบบอาจตองเจอกับ การทวงหนโ้ี หด หากไมช ําระตรงตามเวลา ซ่งึ เจาหนีอ้ าจไมไดแคขหู รือประจานใหไ ดอาย แต บางรายกถ็ ึงข้ันทาํ รายรา งกายวิธี ปองกนั ภยั หนี้นอกระบบ 1. หยุดใชเ งินเกินตวั – ตรวจสอบพฤตกิ รรมการใชเงนิ ของตนเองโดยการจด บันทกึ รายรบั -รายจาย แลว วางแผนใชเงินอยางเหมาะสมกบั รายไดและความจําเปน 2. วางแผนการเงนิ ลว งหนา – คํานงึ ถึงคา ใชจายกอนใหญท่ีอาจเกิดขึ้นใน อนาคต เชน คาเลาเรียนลกู แลว วางแผนทยอยออมลวงหนา รวมถึงออมเงนิ เผ่ือเหตุการณ ฉุกเฉนิ ดวย 3. คดิ ใหด ีกอนตัดสินใจกอหน–ี้ ทบทวนดคู วามจําเปนวาตองใชเ งนิ จริง ๆ หรือไม และหากตองกจู ริง ๆ จะ สามารถชาํ ระหนี้ไดห รือไม เพราะนอกจากดอกเบ้ียท่แี สนแพง แลว อาจตองเจอกบั เหตุการณทวงหนแี้ บบโหด ๆ อกี ดว ย 4. เลือกกูใ นระบบ – หากจําเปนตองกู ควรเลอื กกูในระบบดีกวา เพราะ นอกจากจะมีหนวยงานภาครฐั คอย ดูแลแลว ยังระบดุ อกเบย้ี ในสัญญาชดั เจนและเปน ธรรมกวา 5. ศกึ ษารายละเอียดผูใหกู– ดวู า ผใู หก นู ัน้ นา เช่ือถือหรอื ไม มเี งอื่ นไขชําระเงิน หรืออัตราดอกเบีย้ ทเ่ี อาเปรียบ ผูกเู กินไปหรือไม 6. ศกึ ษาวิธีคิดดอกเบ้ีย – หนนี้ อกระบบมักคดิ อตั ราดอกเบ้ียดวยวธิ เี งินตน คงที่ (flat rate) ซึ่งทาํ ใหลูกหน้ีตอง จา ยดอกเบ้ียมากกวา การคิดดอกเบีย้ แบบลดตน ลดดอก (effective rate) เพราะดอกเบย้ี จะถูกคดิ จากเงินตน ท้งั กอนแมว าจะทยอยจายคืนทกุ เดือน กต็ าม 7. หากจาํ เปน ตองกูเงนิ นอกระบบตองใสใจ • ไมเซ็นสัญญาในเอกสารทย่ี ังไมไดกรอกขอ ความหรอื วงเงินกไู มต รงกับ ความจรงิ • ตรวจสอบขอ ความในสัญญาเงนิ กู รวมถงึ ดวู าเปน เงอ่ื นไขทเ่ี ราทําไดจรงิ ๆ • เก็บสัญญาคูฉบับไวกับตัวเพอื่ เปน หลักฐานการกู • ทาํ สญั ญาจาํ นองแทนการทําสัญญาขายฝาก เพราะการขายฝากจะทําให กรรมสิทธ์ติ กเปนของเจาหนี้ทนั ที หากผกู ไู มมาไถคืนตามกําหนด 8. ติดตามขาวสารกลโกงเปน ประจาํ

ใบความรูท่ี ๑ วิชา การเงินเพอ่ื ชีวิต ๒ สค 2๒01๖ เร่ือง ภยั ทางการเงิน ทําอยา งไรเม่ือตกเปนเหย่อื หนีน้ อกระบบ หากเปนเหย่อื หนีน้ อกระบบแลว ผกู ูควรหาแหลงเงนิ กูในระบบท่ีมดี อกเบีย้ ถกู กวามาชําระคนื แตหากไม สามารถกยู ืมในระบบได ผูก ูอาจตองยอมขายทรัพยส ินบางสว น เพ่ือนาํ มาชาํ ระหนี้ เพ่ือแกไ ขปญ หาดอกเบ้ยี ที่ เพ่ิมข้นึ จนไมส ามารถชําระคืนได ทง้ั นี้ ลกู หน้เี งินกู นอกระบบสามารถขอรับคาํ ปรึกษาไดจ ากองคกรดังตอ ไปนี้ 1. ศนู ยร ับแจงการเงินนอกระบบ กระทรวงการคลัง โทร. 1359 2. กองบังคบั การปราบปรามการกระทาํ ผดิ เกย่ี วกบั การคุมครองผบู ริโภค สาํ นักงานตาํ รวจแหงชาติ โทร. 1135 3. สายดว นรัฐบาล สาํ นักนายกรฐั มนตรี โทร. 1111 4. ส านกั งานคุมครองสทิ ธิและชว ยเหลือทางกฎหมายแกประชาชน สํานกั อัยการสงู สุด โทร. 0 2142 2034 5. ศนู ยช ว ยเหลอื ลูกหนแ้ี ละประชาชนท่ไี มไดรบั ความเปน ธรรม กระทรวงยุติธรรม โทร. 0 2575 3344 6. ศูนยดาํ รงธรรม กระทรวงมหาดไทย โทร. 1567 7. หนวยงานทีร่ บั เรอ่ื งรองเรียนเก่ียวกับการทวงถามหน้ีไมเหมาะสม ไดแก กรมการปกครอง ส านักงาน เศรษฐกิจการคลงั ท่ีทําการปกครองจงั หวัด กองบญั ชาการตาํ รวจ นครบาล สถานีตาํ รวจทอ งท่ี และทว่ี า การ อาํ เภอทุกแหง

ใบความรทู ่ี ๒ วชิ า การเงนิ เพื่อชวี ติ ๒ สค 2๒01๖ เรื่อง ภัยทางการเงนิ เรอ่ื งที่ 2 แชรลกู โซ แชรล ูกโซเ ปน ภยั ทางการเงินที่อาจสรางความเสียหายไดตั้งแตเงินจาํ นวนนอย ๆ จนไปถึงเงินหลกั แสนหลกั ลาน มจิ ฉาชีพมักใช “โอกาสรวย” หรอื “สนิ คาราคาถูกมาก” มาหลอกลอใหเหยอื่ รวม ลงทนุ หรอื ซื้อสินคา แลว เชดิ เงนิ หนีไป ลักษณะกลโกงของแชรล กู โซในคราบธรุ กิจขายตรง มิจฉาชพี จะโฆษณาชวนเชอื่ ใหเหย่อื ทาํ ธุรกจิ ขายตรงที่มีผลตอบแทนสูง โดยท่ี เหย่ือไมตองทาํ อะไร เพยี งแค ชกั ชวนเพื่อนหรอื ญาติพ่ีนองใหรวมทาํ ธรุ กิจ ไมเนน การขาย สาธติ หรือทําใหส มาชิกเขาใจในตัวสินคา เมื่อ เหย่อื เริม่ สนใจ จะใหเหยอื่ เขารว มฟง สัมมนา และ โนมนา วหรอื หลอกลอใหเ หยื่อจายคา สมคั รสมาชกิ หรือซ้ือ สนิ คาแรกเขาซ่งึ มีมูลคา ท่ีคอ นขางสูง (สนิ คา สวนมากมกั ไมมีคณุ ภาพ) หรอื อาจใหเหย่ือซ้ือหนุ หรือหนวยลงทุน โดยไมต อ งรบั สินคา ไป ขาย แลว ก็รอรับเงินปน ผลไดเลย คาสมคั รสมาชกิ คาซื้อสินคาแรกเขา คา หุนหรอื คา หนวยลงทุนของสมาชิกใหมจ ะ ถูกนาํ มาจายเปน ผลตอบแทนใหก ับสมาชกิ เกา เม่ือไหรที่ไมสามารถหาสมาชิก ใหมไ ด แชรก จ็ ะลม เพราะไมสามารถหาเงินมาจายผลตอบแทนและเงินท่ลี งทนุ คืนสมาชิกได ปจ จุบนั ยังมกี าร โฆษณาชักชวนผลู งทุนผานอนิ เทอรเนต็ อกี ดวย โดยมจิ ฉาชีพจะ หลอกใหเ หยื่อกรอกขอมูลสวนตัวใน อินเทอรเนต็ แลว ตดิ ตอเหย่ือเพื่อชักชวนใหเขา รวมงาน สมั มนาโดยอางวามีบุคคลที่มชี ือ่ เสียงเขา รวมดวย วธิ ีปอ งกนั ภยั แชรล ูกโซ 1. ไมโลภไปกบั ผลตอบแทนหรือสนิ คาราคาถกู ที่นํามาหลอกลอ เพราะ ผลตอบแทนย่ิงสูง ยงิ่ มีความเสีย่ งมาก ทจ่ี ะเปนแชรล กู โซ 2. ไมกรอกขอมลู หรอื ใหขอ มูลสว นตัวในเวบ็ ไซต หรอื ตอบกลบั อีเมลท่ี ไมนาเชื่อถือ เพราะอาจกลายเปน เหยอ่ื แชรลกู โซ

ใบความรทู ่ี ๒ วชิ า การเงนิ เพื่อชีวิต ๒ สค 2๒01๖ เร่ือง ภยั ทางการเงิน 3. หลกี เล่ยี งการเขารว มกจิ กรรมกบั กลุมธรุ กิจทีไ่ มแ นใจ เพราะอาจถูก หวานลอ มใหรวมลงทุนในธุรกิจแชร ลกู โซ 4. อยา เกรงใจจนไมกลาปฏเิ สธ เม่ือมีคนชักชวนทาํ ธุรกจิ ที่มีลกั ษณะคลาย แชรล กู โซ เพราะอาจทําใหสูญเสยี เงินได 5. ศกึ ษาที่มาทไี่ ปของการลงทนุ หรอื สนิ คา ใหดีกอนการลงทนุ โดยเฉพาะ ธรุ กจิ หรอื สนิ คาท่ใี หผลตอบแทนสงู มากในเวลาสนั้ ๆ หรอื มรี าคาถกู ผดิ ปกติ 6. ติดตามขา วสารกลโกงเปน ประจํา ทําอยางไรเมื่อตกเปนเหยื่อแชรลูกโซ หากตกเปน เหย่ือแชรล กู โซ ควรรวบรวมเอกสารท่เี ก่ียวของทัง้ หมด แลวติดตอ ขอรับคาํ ปรกึ ษาไดที่ สวนปอ งปรามการเงนิ นอกระบบ สํานักนโยบายพัฒนาระบบการเงนิ ภาคประชาชน สํานักงานเศรษฐกจิ การคลัง กระทรวงการคลัง ซอยอารียสมั พนั ธ ถนนพระราม 6 สามเสนใน พญาไท กรงุ เทพฯ 10400 โทร. 1359

ใบความรทู ่ี ๓ วชิ า การเงนิ เพ่อื ชวี ิต ๒ สค 2๒01๖ เร่ือง ภยั ทางการเงนิ เรือ่ งที่ 3 ภยั ใกลตวั หลายครง้ั ทค่ี วามโลภกลายเปนจุดออนท่ีมจิ ฉาชีพใชโจมตเี หยื่อ โดยนาํ ผลประโยชนจํานวนมาก มาหลอกลอ ใหเ หยอื่ ยอมจายเงนิ จาํ นวนหนงึ่ ใหกอน แลว นาํ เงนิ หนไี ป ลักษณะกลโกงของภยั ใกลตวั 1. เบย้ี ประกันงวดสดุ ทา ย มิจฉาชีพจะแอบอางเปน พนักงานบริษัทประกันชวี ติ ติดตอ ญาติของผูต ายวา ผตู าย ทาํ ประกนั ชีวติ ไวก ับบริษัท แตขาดการชําระเบี้ยประกนั งวดสุดทาย หากญาตจิ ายคาเบ้ียประกันท่ีคางอยู ก็จะ ไดร ับเงนิ คนื ตามกรมธรรมซ งึ่ เปน จาํ นวนเงนิ คอ นขางมาก เมอ่ื เหย่ือจายเงนิ ให ผทู ่ีอางวา เปน พนักงานบริษทั ประกนั ภัยก็จะหายตัวไปพรอ มเงนิ ประกันงวดสดุ ทาย 2. ตกทอง/ลอตเตอรปี่ ลอม มจิ ฉาชีพจะอางวา มีทองหรือลอตเตอรี่รางวัลที่หนง่ึ แตไมมเี วลาไปขายหรือ ขน้ึ เงิน จงึ เสนอขายใหเหย่อื ในราคาถูก กวา จะรวู าเปนทองหรือลอตเตอรีป่ ลอม มจิ ฉาชพี ก็หายไปพรอมกับเงนิ ท่ี ไดไป วธิ ีปอ งกนั จากภยั ใกลตวั 1. ไมโ ลภ ไมอ ยากไดเงนิ รางวัลทีไ่ มมีท่ีมา หากมคี นเสนอให ควรสงสัยไว กอนวา อาจเปน ภัยทางการเงนิ 2. ไมรูจ ัก...ไมให ไมใ หทั้งขอมูลสว นตวั เชน เลขทบี่ ัตรประจําตวั ประชาชน วัน/เดือน/ปเ กิด และขอมูลทาง การเงนิ เชน เลขทีบ่ ญั ชี รหัสบัตรเอทีเอ็ม/บัตรเดบิต และไมโ อนเงนิ แมผ ูตดิ ตอจะอา งวาเปน หนว ยงาน ราชการหรอื สถาบนั การเงิน 3. ศกึ ษาหาขอมูล กอนเซ็นสัญญา ตกลงจา ยเงนิ หรือโอนเงนิ ใหใคร ควรศึกษาขอมลู เงอ่ื นไข ขอ ตกลง ความ นาเช่อื ถือและความนา จะเปนไปไดกอ น 4. อา งใคร ถามคนนั้น อางถงึ ใครใหสอบถามคนนั้น เชน ธนาคารแหง ประเทศไทย โทร. 1213 หรอื DSI โทร. 1202 5. สงสัยใหป รึกษา ควรหาที่ปรกึ ษาท่ีไวใจได หรือปรึกษาเกย่ี วกบั ภัยทาง การเงินไดท่ี ศคง. โทร. 1213 และ ศูนยรบั แจง การเงินนอกระบบ โทร. 1359 6. ตดิ ตามขา วสารกลโกงเปน ประจาํ เพ่ือรูเ ทาทันเลหเ หลีย่ มกล โกง รไู ว...ไมเสย่ี งเปนเหย่อื 1. อางหนว ยงานราชการไมไดแ ปลวา เช่ือถอื ไดมิจฉาชีพมักอางถึง หนว ยงานราชการหรือองคกรขนาดใหญเพื่อ สรา งความนาเชอื่ ถอื หากมีการอางถึง ควรสอบถามหนว ยงานนน้ั โดยตรง 2. ธุรกจิ ท่จี ดทะเบยี นแลว ไมไดแ ปลวา ไมโกง บางธรุ กิจจดทะเบียนอยา ง ถูกตองตามกฎหมายจรงิ แตไ มไ ด ประกอบธุรกิจตามที่ขออนุญาตไว 3. ไมมี “ทางลัดรวยทีม่ นี อยคนร”ู หากทางลดั น้มี ีจรงิ คงไมมใี ครอยากบอก คนอ่นื ใหร ู แอบรวยเงียบ ๆ คน เดยี วดกี วา 4. หัวขโมยไมหมิ่นเงนิ นอย มิจฉาชพี ไมไดมุงหวงั เงนิ หลกั แสนหลักหมื่น เทานั้น มิจฉาชีพบางกลุมมงุ เงิน จาํ นวนนอยแตห วังหลอกคนจํานวนมาก 5. อยาระวงั แคเร่ืองเงิน มจิ ฉาชพี บางรายกห็ ลอกขอขอมูลสว นตัวหรือขอมลู ที่ใชท ําธรุ กรรมการเงิน เพ่ือนาํ ไป ทําธุรกรรมทางการเงนิ ในนามของเหยื่อ 6. มิจฉาชพี ไมใชบญั ชตี นเองรบั เงนิ จากเหยือ่ มิจฉาชพี บางรายจา งคนเปด บัญชเี พ่อื เปน ทีร่ ับเงนิ โอนจากเหยื่อ อกี รายหนึ่ง เพอื่ หนีการจับกุมของเจาหนา ท่ตี าํ รวจ

ใบความรูที่ ๓ วิชา การเงินเพ่อื ชวี ิต ๒ สค 2๒01๖ เร่ือง ภยั ทางการเงิน รูหรือไมว า การรับจางเปด บัญชีหรอื การหลอกใหผูอ ื่นโอนเงนิ ใหเขา ขายฉอโกงประชาชน ซงึ่ เปน หน่งึ ใน ความผดิ มลู ฐานตามพระราชบญั ญตั ปิ อ งกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 60 ตอ งระวาง โทษจําคุกต้ังแตห นงึ่ ปถึงสบิ ป หรือปรบั ตง้ั แตส องหมนื่ บาท ถึงสองแสนบาท หรือทัง้ จําท้ังปรับ ดังน้ัน การเหน็ แกคา จา งเพียงไมก่บี าทจึงอาจทําให คุณตองตกเปนผูตอ งหาและไปใชชีวิตในเรอื นจาํ ได จงึ ไมควรหลงเชือ่ หรือ รับจา งเปดบญั ชโี ดย เดด็ ขาด

ใบความรทู ี่ ๔ วิชา การเงินเพื่อชวี ิต ๒ สค 2๒01๖ เรื่อง ภัยทางการเงนิ เร่ืองที่ 4 แกง คอลเซนเตอร แกง คอลเซนเตอรม ักใชว ธิ ีสุม เบอรโทรศพั ทเพื่อโทรไปหาเหยือ่ แลว ใชขอความ อตั โนมตั สิ รา งความต่นื เตน หรือ ตกใจใหแกเหยอื่ บางครัง้ ก็แอบอา งเปน เจา หนา ที่หนว ยงาน ตา ง ๆ โดยหลอกใหเ หยอ่ื ทาํ รายการทเี่ ครื่อง เอทเี อ็มเปนเมนภู าษาอังกฤษ อา งวา เปน การท า รายการเพื่อลา งหน้ี หรือหลอกใหเ หยื่อไปโอนเงินให หนวยงานภาครฐั อางวาเพ่ือตรวจสอบ ลักษณะกลโกงแกงคอลเซนเตอร 1. บญั ชีเงนิ ฝากถูกอายัดหรอื เปนหนบี้ ัตรเครดติ มจิ ฉาชีพจะหลอกเหยื่อวา บัญชเี งินฝากถกู อายดั หรอื เปน หน้ี บัตรเครดิตจาํ นวน หนง่ึ โดยเร่มิ จากการใชร ะบบตอบรบั อัตโนมัตแิ จงเหยอื่ วาจะอายัดบัญชเี งินฝากเน่ืองจาก เหตกุ ารณต าง ๆ เชน เปนหนบี้ ัตรเครดิตหรือกระทําการผดิ กฎหมาย โดยอาจมีเสยี งอัตโนมตั ิ เชน “คุณเปน หนี้บัตรเครดติ กับทางธนาคาร กด 0 เพอื่ ติดตอพนกั งาน” ซึ่งเหยอื่ สวนมากมกั จะ ตกใจและรีบกด 0 เพื่อ ติดตอ พนกั งานทนั ที หลงั จากนั้นมิจฉาชีพจะหลอกถามฐานะทางการเงินของเหย่ือ หากเหยอื่ มี เงินฝากจํานวน ไมม ากนัก มจิ ฉาชีพอาจหลอกใหเ หยอื่ โอนเงนิ ผา นเครื่องเอทเี อม็ โดยหลอกวา เปนการท ารายการเพอื่ ลา ง บญั ชหี น้ี 2. บญั ชเี งินฝากพวั พันกับการคา ยาเสพติดหรือการฟอกเงิน แตห ากมจิ ฉาชีพพบวา เหย่ือมีเงินฝาก คอนขางมาก ก็จะหลอกเหยื่อใหต กใจวา บญั ชเี งนิ ฝากน้นั พัวพนั กับการคา ยาเสพติดหรือการฟอกเงนิ และจะ ใหเหยอื่ โอนเงินท้งั หมดผา น เคร่ืองเอทเี อม็ / เคร่ืองฝากเงินอัตโนมตั ิ(CDM หรอื ADM) เพ่อื ทําการตรวจสอบ กบั หนวยงาน ราชการ ท้งั น้ี เพ่อื ปองกันไมใหเหยอ่ื ไดมีโอกาสสอบถามความจรงิ จากพนักงานธนาคาร 3. เงินคนื ภาษี นอกจากจะหลอกใหเ หยื่อตกใจแลว มิจฉาชีพบางรายก็อา งวา ตนเปน เจาหนา ที่ สรรพากร หลอกใหเหย่ือตนื่ เตนดีใจวา เหยือ่ ไดร บั เงนิ คนื คาภาษี แตตองทาํ รายการยืนยนั การรับเงินที่เคร่อื งเอทเี อ็ม และวนั นเี้ ปนวนั สุดทายท่จี ะยืนยันรับเงนิ คืน หากเลยกําหนดเวลาแลว เหย่อื จะไมไดรบั เงินคืนคาภาษี ดว ย ความรบี เรง และกลัววา จะไมไดเ งนิ คนื เหย่ือกจ็ ะรีบท าตามทมี่ ิจฉาชพี บอก โดยไมไ ดสังเกตวารายการที่ มจิ ฉาชีพใหทําทเี่ ครื่องเอทีเอ็มน้ัน เปนการโอนเงนิ ใหแ กมิจฉาชีพ 4. โชคดไี ดรบั รางวัลใหญ มจิ ฉาชีพบางรายก็หลอกใหเ หยือ่ ดใี จวา เหยือ่ ไดรับรางวลั ใหญท มี่ ีมูลคา สูงจาก การ จบั สลากรางวัล หรือเปด บรษิ ัทใหมจงึ จบั สลากมอบรางวัลแกล กู คา แตกอนทีล่ กู คาจะรบั รางวัล ลูกคา จะตอง จายคา ภาษีใหก ับทางผแู จกรางวลั กอน จงึ จะสามารถสง ของรางวัลไปให 5. ขอมลู สวนตวั หาย มจิ ฉาชีพประเภทนจ้ี ะโทรศัพทแ อบหลอกถามขอมลู สว นตวั ของเหยือ่ เพ่ือใช ประกอบการปลอมแปลงเอกสาร หรือใชบรกิ ารทางการเงินในนามของเหย่ือ โดยมจิ ฉาชพี จะ อา งวา ตนเปน เจาหนา ท่ขี องสถาบันการเงนิ ทเี่ หย่ือใชบ ริการอยู แตเกดิ เหตกุ ารณที่ทําใหข อมูล สว นตัวของลูกคา สญู หาย เชน นํา้ ทวม จงึ ขอใหเ หยอ่ื แจง ขอมลู สว นตวั เพ่อื ยนื ยันความถกู ตอง เชน วัน/เดือน/ปเ กดิ เลขทบ่ี ตั รประชาชน เลขที่บญั ชีเงินฝาก เม่อื ไดขอมูลสวนตัวของเหยื่อแลว มิจฉาชพี จะนําขอมูลเหลา นี้ไปแอบอา งใช บรกิ าร ทางการเงินในนามของเหย่อื เชน ขอสนิ เชือ่

ใบความรทู ่ี ๔ วชิ า การเงนิ เพ่ือชวี ิต ๒ สค 2๒01๖ เรื่อง ภยั ทางการเงิน 6. โอนเงินผิด หากมิจฉาชีพมีขอ มูลหรือเอกสารสวนตวั ของเหย่อื มิจฉาชีพอาจใชว ธิ ีหลอก เหยือ่ วาโอนเงนิ ผดิ แลวขอใหเหย่ือโอนเงนิ คนื โดยเรม่ิ จากใชเ อกสารและขอมูลสว นตัวของเหยอ่ื ติดตอ ขอสินเชื่อ เมอ่ื ไดร บั อนุมตั ิ สินเช่ือ สถาบนั การเงนิ จะโอนเงินกูท่ีไดรบั อนุมัติเขา บัญชี เงินฝากของเหยื่อ หลงั จากน้ันมจิ ฉาชีพจะโทรศพั ทไ ปแจง เหยื่อวา โอนเงินผดิ เขาบัญชีของเหยือ่ และขอให เหยือ่ โอนเงนิ คนื ให เมือ่ เหย่อื ตรวจสอบบัญชเี งินฝากของตนเองและพบวามเี งนิ โอนเงนิ เขา มาใน บญั ชจี รงิ เหยอ่ื ก็รีบโอนนั้นใหแกมจิ ฉาชีพทนั ที โดยไมร ูว าเงนิ น้ันเปนเงินสินเชอ่ื ท่ีมิจฉาชีพขอ ในนามของเหยื่อ วธิ ปี องกนั ภยั แกงคอลเซนเตอร 1. คิดทบทวน วาเรื่องราวท่ีไดยินมามีความเปน ไปไดม ากนอยแคไหน เคยทําธรุ กรรมกบั หนวยงานท่ีถูกอา งถงึ หรือไม หรือเคยเขา รว มชงิ รางวัลกบั องคกรไหนจริงหรือ เปลา 2. ไมรูจกั ไมคนุ เคย ไมใ หข อมูล ท้ังขอ มลู สวนตวั เชน เลขที่บัตร ประชาชนวัน/เดอื น/ปเกิด และขอมูลทาง การเงนิ เชน เลขที่บญั ชี รหสั กดเงิน 3. ไมทํารายการทเ่ี ครื่องเอทเี อม็ ตามคาํ บอก แมค นทโี่ ทรมาจะบอกวา เปน เจา หนา ที่ของรัฐหรอื สถาบัน การเงนิ เพราะหนวยงานของรัฐและสถาบนั การเงนิ ไมมีนโยบาย สอบถามขอมลู สวนตัวของประชาชนหรอื ลูกคา ผานทางโทรศัพท 4. ไมโอนเงินคนื เอง หากมีคนโอนเงนิ ผดิ เขา บญั ชี ควรสอบถามโดยตรงกับ สถาบันการเงินถงึ ท่ีมาของเงิน ดงั กลา ว หากเปน เงินท่ีโอนผิดจรงิ จะตองใหสถาบันการเงินเปน ผดู ําเนนิ การโอนเงินคนื เทา นนั้ 5. ตรวจสอบขอมลู กอนโอนเงนิ สอบถามสถาบันการเงินหรือหนว ยงาน ท่ถี ูกอา งถงึ โดยตรง โดยตดิ ตอ ฝา ย บริการลูกคา (call center) หรือสาขาของสถาบนั การเงิน นนั้ ๆ ทาํ อยางไรเม่ือตกเปน เหยื่อภัยแกงคอลเซนเตอร 1. ติดตอฝายบริการลูกคา (call center) ของสถาบันการเงินนั้น ๆ เพ่อื ระงบั การโอนและถอนเงิน โดย รวบรวมเอกสารท่ีเก่ยี วขอ งเพื่อเปน ขอมลู ประกอบการขอระงบั การโอนและถอนเงิน ท้ังนี้ แตละสถาบันการเงินมวี ิธีปฏบิ ัตทิ ่แี ตกตา งกนั ควรติดตอสอบถาม ข้นั ตอน จากสถาบนั การเงนิ โดยตรง 2. แจงเบาะแสไปยังกรมสอบสวนคดพี เิ ศษ (DSI) เลขท่ี 128 ถนนแจง วฒั นะ แขวงทุงสองหอง เขต หลักสี่ กรุงเทพฯ 10210 โทร. 1202

ชุดวชิ า การทาเกษตรผสมผสาน CS media Learning รหัสวิชา ทช23019 รายวชิ าเลือกบังคับ ระดบั มัธยมศึกษาตอนต้น ตามหลกั สูตรการศึกษานอกระบบระดบั การศกึ ษาขน้ั พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช 2551 ศูนย์การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั อาเภอชมุ แสง สานักงานส่งเสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั จงั หวัดนครสวรรค์ สานกั งานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั สานักงานปลัดกระทรวงศกึ ษาธกิ าร

ผนการเรียนรู้รายสปั ดาห์ กลม่ สาระการเรยี นรู้ ทกั ษะการดาํ เนินชวี ติ รายวิชา การทําการเกษตรผสมผสาน รหสั วชิ า ทช 23019 เรอ่ื ง เกษตรผสมผสาน ระดบั ช้นั มธั ยมศึกษาตอนต้น จาํ นวน 6 ชว่ั โมง การ บกลมุ ครั้งที่ ๑๕

ผนการเรยี นรรู้ ายสปั ดาห์ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ ทักษะการดำเนนิ ชวี ิต รายวชิ า การทำการเกษตรผสมผสาน รหสั วิชา ทช 23019 เรอ่ื ง เกษตรผสมผสาน ระดับช้ัน มัธยมศกึ ษาตอนต้น จำนวน 6 ชวั่ โมง วันทจ่ี ดั การเรียนการสอน...................................................การพบกลมุ่ คร้งั ท.ี่ ....................๑๕........................... 1. ตวั ชี้วัด 1. ผเู้ รยี นมีความรคู้ วามเขา้ ใจแนวทางการพัฒนาแหลง่ เรียนร้เู กษตรผสมผสาน 2. ผเู้ รียนมีความรคู้ วามเขา้ ใจในการบรหิ ารจดั การแหลง่ เรียนรู้เกษตรผสมผสาน 2. เนือ้ หา 1.ความหมายและความสำคญั ของการเกษตรแบบผสมผสาน 1.1 ความหมายของการเกษตรแบบผสมผสาน 1.2 ความสำคญั ของการเกษตรแบบผสมผสาน 2. ระบบการเกษตรแบบผสมผสาน 2.1 ไร่นาสวนผสม 2.2 เกษตรผสมผสานทีม่ ปี ฏสิ มั พันธแ์ บบเกอ้ื กลู 2.3 ปจั จยั และความสำเรจ็ ของระบบผสมผสาน 2.4 ประโยชน์ทีไ่ ดร้ ับของระบบ ขนั้ จดั กระบวนการเรียนรู้ ขนั้ ท่ี 1 กำหนดสภา ปญั หาความตอ้ งการในการเรียนรู้ - ครูใหน้ ักศึกษาทำ บบทดสอบก่อนเรียน - ครูกระตุ้นและนำเขา้ สูบ่ ทเรียนโดยครนู าํ ตัวอยา่ การเกษตรผสมผสานมาใหผ้ เู้ รียนดูแลว้ - ครแู ละผเู้ รยี นรว่ มกันสนทนาแลกเปลย่ี นเรียนรู้เกย่ี วกับการทำเกษตรผสมผสาน ขน้ั ที่ 2 การ สวงหาขอ้ มลู ละจดั การเรยี นรู้ - ครใู หผ้ ู้เรยี นศกึ ษาขอ้ มูลการทำเกษตรแบบดงั้ เดมิ และการทำการเกษตรผสมผสานจากตัวอย่าง เพื่อเปรยี บเทยี บความแตกตา่ ง ระหวา่ งการทำการเกษตรแบบดง้ั เดมิ และการทำการเกษตรแบบ ผสมผสาน การทำการเกษตรแบบด้ังเดมิ การทำการเกษตรผสมผสาน

-และศกึ ษาหาข้อมลู เพมิ่ เติมเรอ่ื งการทำการเกษตรผสมผสาน จากคลิปวีดีโอดงั แนบ https://www.youtube.com/watch?v=6oQZEGEBH70 ขัน้ ที่ 3 ปฏิบตั ิ ละนำไปประยกต์ใช้ - ครใู หผ้ เู้ รียนทำใบงาน เร่ือง การทำการเกษตรผสมผสาน ข้นั ที่ 4 ประเมินผลการเรียนรู้ - ผเู้ รยี นทำแบบทดสอบหลังเรยี น 3. สอ่ื ประกอบการเรยี นรู้ 1. ใบความรู้ เรอื่ ง การทำการเกษตรผสมผสาน 2. ใบงาน เรื่องการทำการเกษตรผสมผสาน

4. การวัดผล ละประเมนิ ผล 1 แบบทดสอบกอ่ นเรยี น-หลงั เรียน 2. แบบประเมินใบงาน 3. แบบสงั เกตพฤติกรรมการทำงานกลมุ่ 4. แบบประเมินด้านจติ พสิ ยั *** บบสอบถามความ งึ อใจ คลิก๊ *** ลงชื่อ.........................................................ผสู้ อน (........................................................) ตำแหน่ง.............................................................

1. ขอ้ ใดกลา่ วถงึ การเกษตรแบบผสมผสาน ไมถ่ กู ตอ้ ง ก. เกษตรทฤษฎีใหม่ ข. เกษตรเพือ่ คุณภาพชีวิต ค. เกษตรแบบย่งั ยืน ง. เกษตรแบบยังชี 2. ขอ้ ใดคอื ประโยชนข์ องการเกษตรแบบผสมผสาน ก. มีกิจกรรมหลากหลาย เพ่มิ รายได้ใหก้ ับครอบครัว ใช้ ทรัพยากรในไรน่ าอย่างดค้มุ ค่า มีอาหาร บริโภคในครอบครัว ข. ผลประโยชนท์ ี่ได้รบั ทำให้ครอบครัวมีความเป็นอยู่ท่ีดีขน้ึ ค. ทำใหส้ ภาพไร่นาไดร้ บั การบำรุง การดูแล และสามารถเก็บเก่ียวผลผลติ ได้ตลอดทั้งปี ง. ใช้ประโยชน์จากที่ดนิ ได้อย่างเต็มท่ีและช่วยประหยัดค่าใช้จา่ ยในการทำไรน่ า 3. ขอ้ ใดไม่ใชส่ ่วนประกอบของดนิ ก. อินทรีวัตถุ ข. น้ำ ค. แร่ธาตุ ง.เม็ดดิน 4. ส่งิ มชี ีวิตในดิน เช่น แมลง ไส้เดือน เชื้อรา แบคทีเรีย เป็นตน้ มปี ระโยชน์อย่างไร ก. ทำใหเ้ กิดพลงั งานนำมาใช้ในการดูดซับน้ำ ข. ช่วยทำให้ดินร่วนซยุ ค. ช่วยย่อยสลายสารอินทรียใ์ นดิน ง. ทำให้เกิดการระบายอากาศในดนิ ได้ดี 5. ขอ้ ใดกล่าวถงึ ปุ๋ยอนิ ทรยี ์ทเ่ี กดิ จากการสลายตัวผพุ งั ของส่ิงมชี ีวติ ไม่ถกู ตอ้ ง ก. ปุ๋ยผสม ข. ป๋ยุ คอก ค. ป๋ยุ หมัก ง. ปยุ๋ พืชสด

6. คุณสมบัตขิ องปุย๋ เคมีมลี กั ษณะใด ก. ทำให้รากพืชสามารถหย่งั รากลงลกึ และแผ่กวา้ ง ข. ทำให้ดนิ ร่วนซุย อ้มุ น้ำ ถา่ ยเทน้ำ และระบายอากาศไดด้ ี ค. สามารถกำหนดปรมิ าณธาตุอาหารให้เหมาะสมกับความต้องการของพืชแตล่ ะชนิดได้ ง. เป็นท่ีอยู่และเป็นอาหารแก่จุลินทรีย์ที่จะช่วยยอ่ ยทำลายซากพืชซากสัตว์ 7. ขอ้ ใดคือความหมายของเกษตรทฤษฎีใหม่ ก. เกษตรทฤษฎีใหมท่ ำให้สามารถสร้างรายไดเ้ พิ่มมากยงิ่ ขน้ึ ข. ทำให้เกดิ ผลผลิตทางการเกษตรตลอดทั้งปี ค. เป็นการแบ่งสัดส่วนในการใช้พ้ืนท่ีดินให้เกิดประโยชน์สูงสุด ง. เกษตรกรได้บริหารและจัดการเก่ียวกับดิน นำ้ ใหเ้ กดิ ประโยชนส์ ูงสุด เพ่ือเกิดผลผลิตและรายไดม้ า เล้ยี งตนเองและครอบครัวอยา่ งเพียงพอ 8. ลกั ษณะพันธพ์ ชื ท่ีคัดเลอื ก ควรเปน็ อยา่ งไร ก. ใหผ้ ลผลิตสูง รสชาติดี รูปร่างสวยงาม ข. ใหผ้ ลผลิตตามธรรมชาติ ค. สามารถปลกู ได้ในทุพ้ืนท่ี ง. ดูแลพชื ตามฤดกู าลปกติ 9. \"การตอนกิง่ \" มีความหมายวา่ อย่างไร ก. การนำกิ่งพันธุ์ดีมาเสียบบนลำต้นของตนอ่นื เพอื่ ใหเ้ ตบิ โตเป็นต้นใหม่ ข. การเช่อื มประสานเน้อื เย่อื ของพืชสองต้นเข้าด้วยกัน โดยต้นหนงึ่ เป็นต้นตอและอีกตน้ เปน็ พันธ์ุดี ค. การทำให้กงิ่ พืชเกิดรากขึ้นขณะตดิ อย่กู ับตน้ แม่แล้วตดั ไปปลูกเป็นต้นใหม่ มีลักษณะเหมือนต้นเดิม แต่ไมม่ ีรากแก้ว ง. การนำเอาส่วนใดส่วนหนึง่ ของพืช เช่น ราก ลำต้น ไปปลกู ในดินท่เี หมาะสม และเกิดการงอกใหม่ 10. ข้อใดกลา่ วถึงปจั จยั การเจริญเตบิ โตของพืช ไม่ถกู ต้อง ก. น้ำ ข. สารสะลาย ค. ธาตอุ าหาร ง. อุณหภูมิ

ใบงานที่ 1 วิชาการทำการเกษตรผสมผสาน ทช23019 เร่อื ง การทำการเกษตรผสมผสาน คำชี้ จง ใหน้ กั ศกึ ษาตอบคำตอบต่อไปนใ้ี ห้ถูกตอ้ ง (10 คะ นน) 1. จงอธิบายความหมายของการเกษตรผสมผสาน ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………..………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. การทำเกษตรแบบผสมผสานเป็นแนวคดิ ของใครและมีเป้าหมายเพ่ืออะไร ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………..……………………………………… 3. ลักษณะการเกษตรแบบผสมผสานเปน็ อย่างไรจงอธบิ าย ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. การเกษตรผสมผสานแบง่ พื้นทเี่ ลี้ยงสตั ว์กส่ี ว่ น ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………………………………………………………..……………………………………… 5. จงยกตัวอย่างพชื ทใี่ ช้ในการทำการเกษตรแบบผสมผสาน ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..… ……………………………………………………………………………………………………………………..………………………………………

ใบความรทู้ ี่ 1 วิชา การทำการเกษตรผสมผสาน เรือ่ ง ความหมายและความสำคญั ของการทำการเกษตร การเกษตร แปลมาจากคำว่า Agriculture (Agri / Ager (กรกี ) หมายถงึ ทงุ่ หรือดนิ , Culture หมาย ถงึ การปลูกหรอื ปฏิบัติ) ซงึ่ หมายถึง การปฏบิ ตั ิเกีย่ วกบั ทด่ี นิ เพอ่ื ใหเ้ กดิ การผลิต หรือการใชพ้ ื้นทเี่ พ่อื ใหเ้ กิดผลผลติ ขึ้นมาน่ันเอง และเมอ่ื นำไปใชใ้ นทางวชิ าการก็ได้ขยายความออกไปอีกวา่ การเกษตร คือ การปฏบิ ตั กิ ับทดี่ ินเพื่อให้เกิดผลผลิต ทง้ั การปลูกพชื เล้ยี งสตั ว์ การทำประมง และ การเกษตรผสมผสานโดยอาศยั ความรู้ ความชำนาญ ประสบการณ์ ทรัพยากรธรรมชาติ และเงินทุน เพอ่ื ใหพ้ ชื และสตั วเ์ จรญิ เตบิ โตใหผ้ ลผลติ ต่างๆ การเกษตร คือ กิจกรรมชนดิ หนง่ึ ของมนษุ ย์โดยมีจดุ ประสงค์ 2 ประการ คือ 1. เพ่ือการผลติ 2. ควบคมุ วิธีการใชพ้ ชื และสตั วไ์ ปในทางทเ่ี กิดประสิทธภิ าพสงู สดุ ดังนนั้ การผลติ ทางการเกษตรแบ่งการผลิตเป็น 2 ประเภท คือ พชื และสตั ว์ เทคโนโลยกี ารเกษตร คอื การใชศ้ ลิ ปะและวทิ ยาศาสตรใ์ นการปฏิบตั กิ บั ทด่ี นิ เพ่อื ใหเ้ กดิ การผลิตจัดเปน็ วิทยาศาสตรป์ ระยุกต์ (Applied Science) ซง่ึ เปน็ วทิ ยาศาสตรท์ กี่ ล่าวถงึ การนำเอาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ไปใช้ ในกจิ การตา่ ง ๆ ในชวี ิตประจำวัน ในอตุ สาหกรรม หรอื นำไปใชเ้ พ่ือเปน็ ประโยชน์ตอ่ มนุษย์ เกษตรกรรม (Cultural Practice) หมายถึง วธิ ีการทำการเกษตร ซงึ่ อาจหมายถงึ วิธีการปลกู พชื ซ่ึง มชี ื่อเฉพาะวา่ กสกิ รรม หรือวิธีการเล้ียงสตั วบ์ ก หรอื วธิ กี ารเลย้ี งสัตวน์ ำ้ กไ็ ด้

ความสำคญั ของการเกษตร 1. การเกษตรเป็นแหลง่ ทมี่ าของปจั จยั 4 คือ อาหาร เครอ่ื งนุ่งห่ม ทอี่ ยูอ่ าศัย และยารกั ษาโรค ซึ่งเปน็ ปจั จยั ของการดำรงชวี ิตของประชากรของโลก 2. การเกษตรมีอทิ ธพิ ลต่อเศรษฐกจิ ของประเทศ อย่างเชน่ ประเทศในแถบเอเชียหลายประเทศมีรายได้ หลักมาจากการสง่ สนิ ค้าการเกษตรออก จำหนา่ ยยงั ตา่ งประเทศ ซงึ่ รวมทง้ั ประเทศไทยดว้ ย พืชที่สง่ เปน็ สินค้าออกมากทส่ี ดุ คือ พชื ไร่ (ขา้ ว ข้าวโพด มันสำปะหลงั ยาสูบ อ้อย สปั ปะรด เปน็ ต้น) รองลงมา พชื สวน เช่น ไมผ้ ลตา่ งๆ (มะมว่ ง มังคุด ทเุ รยี น กล้วยหอมทอง เปน็ ตน้ ) นอกจากน้ี จะเปน็ พวกไมด้ อกไมป้ ระดบั เชน่ กลว้ ยไม้ หนา้ ววั และปาล์มประดบั เป็นต้น มิใช่เฉพาะเพียงผลผลติ ดา้ นพืช ในส่วนของผลผลิตทไ่ี ด้จากสัตว์ เชน่ ไข่ เนือ้ ไก่แชแ่ ขง็ เนอ้ื สุกร ปลา อาหารกระปอ๋ ง น้ำนม เปน็ ตน้ 3. เป็นแหลง่ ท่องเที่ยว 4. สร้างอาชีพ การเกษตรชว่ ยให้ประชากรของแตล่ ะประเทศมีงานทำ โดยเฉพาะประเทศไทยเม่อื 20 ปี ทแี่ ล้ว ประชากรประมาณร้อยละ 80 มอี าชพี อยู่ในภาคการเกษตร แต่ในปัจจบุ ันอาชีพการเกษตรลดน้อยลงมาก ทั้งนี้เพราะวา่ มีอาชพี ทางด้านอตุ สาหกรรมเกิดข้นึ มามากมายนั่นเอง 5. รกั ษาสมดลุ ทางธรรมชาติ 6. เสรมิ สรา้ งความสัมพันธ์อันดรี ะหว่างประเทศ ประโยชนแ์ ละความสำคญั ของการเกษตร (1) เป็นอาชพี เสรมิ อาชีพหลกั คือการทำการเกษตรเปน็ อาชพี ท่ีเสรมิ อาชีพอน่ื ทที่ ำเป็น งานหลกั อยแู่ ล้ว เช่น เล้ียงสุกร 5 - 10 ตวั ในขณะรับราชการครู (2) เปน็ อาชพี ธรุ กิจและบริการทางการเกษตร เชน่ จำหน่ายไมด้ อกไมป้ ระดับ รบั จดั สวนหย่อม จำหน่ายเครอ่ื งมือทางการเกษตรจำหนา่ ยผลผลติ เกษตร (3) เป็นอาชพี หลกั ได้แก่การทำการเกษตรเพ่อื เป็นรายไดห้ ลกั ของครอบครัว เช่น ปลกู ผกั เลย้ี งไก่ไข่ เลีย้ งกงุ้ ฯลฯ นอกจากนกี้ ารเกษตรกรรมยังมบี ทบาททส่ี ำคญั ตอ่ ประเทศในหลายๆ ดา้ น ไดแ้ ก่ (1) ด้านเศรษฐกจิ (2) ด้านสังคม (3) ดา้ นการเมืองการปกครอง (4) ดา้ นความสมั พันธ์ระหวา่ งประเทศ

ผนการเรียนร้รู ายสปั ดาห์ กล่มสาระการเรยี นรู้ ทักษะการดำเนนิ ชีวิต รายวชิ า การทำการเกษตรผสมผสาน รหสั วชิ า ทช 23019 เร่อื ง เกษตรผสมผสาน ระดับช้ัน มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ จำนวน 6 ชั่วโมง การ บกลม่ ครงั้ ท่ี ๑๖

ผนการเรียนรรู้ ายสัปดาห์ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ ทักษะการดำเนนิ ชวี ิต รายวชิ า การทำการเกษตรผสมผสาน รหสั วชิ า ทช 23019 เรอื่ ง เกษตรผสมผสาน ระดบั ชน้ั มธั ยมศึกษาตอนตน้ จำนวน 6 ช่วั โมง วันท่จี ดั การเรียนการสอน...................................................การพบกลุ่มครั้งท.่ี ..................๑๖........................... 1. ตวั ชว้ี ดั 1. ผเู้ รยี นมีความรู้ความเขา้ ใจในกระบวนการเกดิ แนวคดิ เกษตรทฤษฎีใหม่ หลกั การความสำคัญ และ ทมี่ าของเกษตรทฤษฎีใหม่และนำไปใช้ใหเ้ กดิ ประโยชนต์ อ่ ตนเอง ชุมชนและสงั คมตอ่ ไป 2.ผเู้ รียนมีความรู้ความเข้าใจในการจดั การนำ้ เพอื่ แกป้ ญั หาท่ีเกิดจากน้ำ เช่น น้ำทว่ ม ภยั แล้ง เพือ่ ให้ใช้ ประโยชน์ในการทำการเกษตรอยา่ งยงั่ ยนื 2. เนื้อหา 1. เกษตรตามแนวทฤษฏีใหม่ 1.1 เกษตรทฤษฏีใหม่ข้ันตน้ 1.2 ประโยชนข์ องทฤษฏีใหม่ 2. แนวคดิ และทฤษฏีเกี่ยวกบั เร่อื งนำ้ 2.1 น้ำของแผน่ ดนิ 3. เศรษฐกจิ พอเพียง 3.1 การนำปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี งไปใช้ 3.2 หลกั แนวคิดของเศรษฐกจิ พอเพียง 3.3 เศรษฐกจิ พอเพยี งกบั ทฤษฏใี หมต่ ามแนวพระราชดำริ ขนั้ จดั กระบวนการเรียนรู้ ขนั้ ท่ี 1 กำหนดสภา ปญั หาความต้องการในการเรียนรู้ - ครูให้นักศกึ ษาทำ บบทดสอบก่อนเรียน - ครกู ระตุน้ และนำเขา้ ส่บู ทเรยี นโดยครูนําตวั อย่างการทำเกษตรทฤษฎใี หม่ขน้ั ตน้ และประโยชน์ ของทฤษฎใี หม่มาใหผ้ เู้ รียนดู - ครแู ละผเู้ รยี นร่วมกนั สนทนาแลกเปล่ยี นเรียนรู้เกยี่ วกับการทำเกษตรทฤษฏใี หม่ข้นั ต้นและ ประโยชน์ของทฤษฏีใหม่

ขน้ั ที่ 2 การ สวงหาข้อมูล ละจดั การเรยี นรู้ - ครใู หผ้ ู้เรยี นศึกษาข้อมลู การทำเกษตรทฤษฏใี หม่แบบดั้งเดิมและการทำการเกษตรผสมผสาน จากตวั อยา่ งเพื่อเปรียบเทยี บความแตกต่าง ระหว่างการทำการเกษตรแบบดั้งเดมิ และการทำ การเกษตรแบบ ผสมผสาน เกษตรตามแนวทฤษฏีใหม่ แนวคดิ และทฤษฏเี กย่ี วกับเรอื่ งน้ำ -และศึกษาหาข้อมลู เพม่ิ เติมเร่ืองการทำการเกษตรผสมผสาน จากคลิปวดี ีโอดงั แนบ https://www.youtube.com/watch?v=6oQZEGEBH70 ขั้นท่ี 3 ปฏบิ ัติ ละนำไปประยกตใ์ ช้ - ครใู หผ้ เู้ รียนทำใบงาน เร่อื ง การทำเกษตรทฤษฏีใหม่

ขัน้ ท่ี 4 ประเมนิ ผลการเรยี นรู้ - ผู้เรียนทำแบบทดสอบ 3. สอ่ื ประกอบการเรียนรู้ 1. ใบความรู้ เรื่อง การทำการเกษตรผสมผสาน 2. ใบงาน เรอ่ื งการทำการเกษตรผสมผสาน 4. การวัดผล ละประเมนิ ผล 1 แบบทดสอบกอ่ นเรียน-หลงั เรียน 2. แบบประเมินใบงาน 3. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานกลมุ่ 4. แบบประเมินดา้ นจติ พสิ ยั *** บบสอบถามความ งึ อใจ คลิก๊ *** ลงชอื่ .........................................................ผสู้ อน (........................................................) ตำแหนง่ .............................................................

ใบความรทู้ ี่ 1 เรอ่ื ง เกษตรกรเปน็ สขุ ด้วยเศรษฐกิจพอเพียง การเกษตรกรรมถอื วา่ เปน็ อาชพี หลักของคนไทยมาเปน็ เวลาช้านานนบั จากร่นุ ป่ยู ่าตายาย และจะยงั ครอง ความสำคญั อย่เู ชน่ นต้ี อ่ ไปอกี เป็นเวลานบั รอ้ ยๆ ปี ทง้ั น้เี พราะเมอื งไทยเป็นเมืองทีอ่ ดุ มสมบรู ณ์ มีดนิ ฟา้ อากาศที่ เหมาะสม ดินดำนำ้ ชมุ่ พลเมืองสว่ นใหญจ่ งึ ยดึ อาชพี เกษตรกรเป็นหลกั การเกษตรจงึ มีความสำคัญตอ่ วถิ ชี วี ติ ความเป็นอยู่ของคนไทย วัฒนธรรม เศรษฐกิจและความม่ันคงของประเทศไทยเสมอ จากความสำคญั ยงิ่ ของอาชีพ เกษตรกรครงั้ อดีต จวบจนถงึ ปจั จบุ ันน้เี ราคงปฏเิ สธไมไ่ ดว้ ่าภาพวถิ เี กษตรกรรมทส่ี ืบทอดจากบรรพบุรษุ เรม่ิ เริ่มตก ต่ำลงทุกที เกษตรกรทเี่ คยอยูอ่ ยา่ งสุขสบายตามอัตภาพกลายเปน็ ต้องปากกดั ตีนถบี แขง่ ขัน รบี รอ้ น เครยี ด มี หนสี้ ินและต้องพึ่งพาเทคโนโลยเี พม่ิ ขึน้ สถานการณ์ทั่วไปของเกษตรกรไทยจากขอ้ มลู ปัจจบุ ันพบวา่ ประเทศไทยมผี ปู้ ระกอบอาชพี เกษตรกร และกลุ่มผมู้ อี าชีพเปน็ แรงงานภาคการเกษตรรวมกนั ประมาณ 24 ล้านคน อกี ท้งั มีแนวโน้มว่าจะลดลงแตจ่ ะ ยงั คงเป็นประชากรกลุม่ ใหญข่ องประเทศไปอีกกว่า 50 ปี เกษตรกรรายย่อยทเี่ หลอื อยจู่ ะเปน็ เพยี งผรู้ ักอาชีพที่ แท้จรงิ เท่าน้ัน บทบาทของสตรีในภาคเกษตรจะเพม่ิ ข้นึ เนอ่ื งดว้ ยผูช้ ายเข้าเมอื งเพ่ือขายแรงงาน ชาวชนบทส่วน ใหญ่มีการถือครองที่ดนิ ทำกินขนาดเลก็ เท่าน้ัน และที่สำคญั เกษตรกรจะยากจนเพม่ิ ขึน้ เรื่อยๆ จากปญั หาที่ยกมา น้ี จงึ สมควรอยา่ งย่งิ ที่หลายฝา่ ยจะต้องรว่ มมอื กันดำเนนิ ทกุ วิถีทางทจี่ ะเร่งรัดและพัฒนาการเกษตรใหก้ ลบั มา ร่งุ เรอื งและเกษตรกรสามารถยนื หยดั อย่ไู ด้ เพ่อื เป็นฐานสำคญั ในการพฒั นาประเทศชาติต่อไป แนวทางหนึง่ ท่ี สำคญั อันปรากฏเป็นนโยบายด้านการเกษตรในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสงั คมแหง่ ชาตฉิ บบั ที่ 9 (พ.ศ.2545- 2549) นั่นคือ การเสรมิ สร้างความเข้มแข็งของเกษตรกรดว้ ยการยดึ หลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยหู่ วั ทรงมพี ระมหากรุณาธคิ ุณพระราชทาน “หลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง” เพอื่ ให้คนไทยยดึ ปฏิบัตเิ พ่ือประโยชนส์ ุขแห่งตนมากกวา่ 30 ปแี ลว้ ดังพระราชดำรสั ว่า “เศรษฐกิจ พอเพยี งเป็นเสมือนรากฐานของชวี ิต รากฐานความมั่นคงของแผ่นดิน เปรยี บเสมือนเสาเขม็ ทถ่ี ูกตอกรองรบั บ้านเรอื นตวั อาคารไวน้ นั่ เอง สงิ่ กอ่ สรา้ งจะม่ันคงได้กอ็ ยทู่ ีเ่ สาเขม็ แตค่ นส่วนมากมองไมเ่ ห็นเสาเข็ม และลืม เสาเขม็ เสยี ด้วยซ้ำ” และ จากพระราชดำรสั อกี ตอนหน่งึ ว่า “ประเทศไทยสมยั กอ่ นน้ี พอมพี อกนิ มาสมัยนี้อสิ ระ ไมม่ พี อมีพอกิน จงึ จะตอ้ งเป็นนโยบายทจี่ ะต้องเปน็ นโยบายทจ่ี ะทำเศรษฐกจิ พอเพยี งเพ่อื ทจี่ ะใหท้ ุกคนพอเพยี งได้ พอเพยี งนก้ี ็มีความหมายว่า มีกนิ มีอยู่ ไมฟ่ มุ่ เฟือย ไม่หรหู รากไ็ ด.้ ..” และหลงั จากทรงมพี ระราชดำรสั เรอ่ื ง เศรษฐกจิ พอเพยี ง

บบทดสอบก่อนเรยี น-หลังเรียน 1. เศรษฐกจิ พอเพียง หมายถงึ อะไร ก. การทำเกษตรกรรม ข. การดำรงชีวิตอยอู่ ยา่ งพออยู่พอกนิ ค. การค้าขายใหไ้ ดเ้ งินเพียงพอสำหรบั ครอบครวั ง. การปลกู พชื และเลี้ยงสัตวเ์ พ่ือให้ครอบครวั พออยพู่ อกิน 2. เป้าหมายของปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี งคอื ข้อใด ก. มงุ่ แกไ้ ขปญั หาวิกฤตเศรษฐกิจชาติ ข. เพือ่ ใหส้ ามารถดำรงอยไู่ ด้อยา่ งมน่ั คง ค. เพ่ือใหก้ า้ วทันต่อโลกในยคุ โลกภิวฒั น์ ง. มุ่งใหเ้ กิดความสมดุลพรอ้ มรบั ตอ่ การเปลีย่ นแปลง 3. การปฏิบตั ติ นตามหลกั ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียงจะกอ่ ใหเ้ กดิ ผลดีตอ่ ตนเองและครอบครวั ยกเว้น ขอ้ ใด ก. มคี วามรบั ผิดชอบตอ่ สงั คม ข. มคี วามพอประมาณในการใชจ้ า่ ย ค. มีการวางแผนการบรหิ ารจดั การประเทศ ง. ทำใหร้ จู้ ักใช้เหตผุ ลในการวางแผนและการปฏิบัติตน 4. ดินชนดิ ใดเหมาะในการเพาะปลกู มากทส่ี ุด ก. ดนิ เหนียว ข. ดินเหนียวปนตะกอน ค. ดินร่วน ง. ดนิ รว่ นปนตะกอน 5. ที่ดนิ เปน็ กรดควรแกไ้ ขอยา่ งไร ก. ใชป้ ูนขาวหวา่ น ข. ระบายนำ้ เข้าที่ดิน ค. การใสป่ ยุ๋ พชื สด ง. การปลูกพืชหมนุ เวยี น 6. แนวทฤษฎใี หมใ่ ห้ความสำคญั กับการจัดทรัพยากรใหม้ ากที่สุด ก. มนุษย์ ข. ทรพั ยากรน้ำ ค. ทรัพยากรดิน ง. ทรัพยากรป่าไม้

7. แนวพระราชดำรเิ รอ่ื งเศรษฐกิจพอเพียงเริม่ ต้นเมื่อใด ก. พ.ศ. 2507 ข. พ.ศ. 2517 ค. พ.ศ. 2527 ง. พ.ศ. 2537 8. หลักคดิ ในการนำหลักปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี งมาใช้ในการดำเนินชีวติ ยกเว้นขอ้ ใด ก. ความมีเหตผุ ล ข. การมภี ูมิคมุ้ กนั ทด่ี ใี นตวั ค. ความขยนั หมั่นเพียร ง. ใชค้ ณุ ธรรมนำความรู้ 9. การนำหลกั ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี งมาประยุกต์ใช้ คอื การพฒั นาทส่ี มดุลและยั่งยนื พรอ้ มรับตอ่ การ เปล่ียนแปลงในทุกดา้ น ยกเว้น ด้านใด ก. สังคม ข. สงิ่ แวดลอ้ ม ค. วัฒนธรรม ง. พัฒนาประเทศ 10. การดำเนนิ กจิ กรรมต่าง ๆ ให้อยูใ่ นระดับพอเพียงนน้ั ตอ้ งอาศยั สงิ่ ใดเปน็ พ้นื ฐาน ก. ความซอ่ื สัตยแ์ ละความรู้ ข. ความร้แู ละคณุ ธรรม ค. คุณธรรมและความเพียร ง. ความเพียรและสตปิ ญั ญา 11. ขอ้ ใดเปน็ การปฏบิ ตั ิตนตามหลกั ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง ก. ร้จู ักประหยัด ข. ยืมเงนิ เพอื่ นและผอ่ นใช้ทหี ลงั ค. อดอาหารกลางวันเพอื่ เกบ็ เงนิ ใส่ออมสนิ ง. ทำงานหลงั เลกิ เรียนเพอื่ เกบ็ เงนิ ไว้ซื้อสงิ่ ของทอี่ ยากได้ 12. ขอ้ ใดคอื ความหมายของการพึง่ ตนเอง ก. มีความมน่ั ใจวา่ ตนเองเกง่ ข. มีความเอ้อื เฟ้ือเผือ่ แผ่ ค. ขอความช่วยเหลอื เมอ่ื ทำสง่ิ นน้ั ไมไ่ ด้ ง. พยายามทำทกุ อยา่ งดว้ ยตนเองแมจ้ ะทำไมไ่ ดด้ ี

13. เกษตรทฤษฎีใหมแ่ บง่ พื้นทำกินทอ่ี ยา่ งไร ก. ขุดสระน้ำ / ปลกู ขา้ ว / ปลกู ออ้ ย / ทอี่ ยู่ ข. ปลกู ข้าว / ปลูกอ้อย / ปลูกข้าวโพด / ทอ่ี ยู่ ค. ปลกู ขา้ ว / เล้ียงปลา / ปลกู ออ้ ย / ทีอ่ ยู่ ง. ขุดสระนำ้ / ปลูกพืช / ปลูกขา้ ว / ท่ีอยู่ 14. ขอ้ ใดเปน็ การปรบั เปลี่ยนพฤตกิ รรมเพือ่ ปลูกฝงั แนวคดิ หลกั เศรษฐกจิ พอเพยี งตอ่ ตนเอง ก. การนำนำ้ ลา้ งจานไปรดต้นไม้ ข. เปลี่ยนหลอดไฟเป็นแบบหลอดประหยัดไฟฟ้า ค. ไมท่ ง้ิ ขยะในท่สี าธารณะและแหลง่ น้ำในชมุ ชน ง. ใช้ถุงผา้ แทนถุงกระดาษแทนและถุงพลาสติกในการซอ้ื ของ 15. แผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คมแห่งชาตฉิ บบั ท่ี 10 ไดอ้ ัญเชิญปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี งมาปฏบิ ตั ิในการ พัฒนาแบบบรู ณาการเปน็ องค์รวม ยกเวน้ ข้อใด ก. คนเป็นศูนย์การพฒั นา ข. การปฏิบตั บิ นทางสายกลาง ค. การพฒั นาอย่างเปน็ ขั้นตอน ง. การแกป้ ญั หาความยากจน 16. สถานะภาพของประเทศทส่ี ำคญั ตามแผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสังคมแห่งชาตฉิ บบั ที่ 10 ยกเว้นขอ้ ใด ก. สถานะดา้ นธรรมาภิบาล ข. สถานดา้ นเศรษฐกิจของประเทศ ค. สถานะดา้ นความหลากหลายทางชวี ภาพ ง. สถานะดา้ นการพัฒนาบนรากฐานความหลากหลายทางสงั คม 17. โครงการใดต่อไปน้ีไมใ่ ช่โครงการพฒั นาประเทศตามหลักปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง ก. โครงการอนรุ กั ษท์ รพั ยากรธรรมชาติ ข. โครงการอนุรกั ษ์ภมู ปิ ัญญาทอ้ งถิ่น ค. โครงการสง่ เสริมสนิ ค้า OTOP ง. โครงการส่งเสริมประเพณี วัฒนธรรม 18. โครงการเสรมิ สรา้ งการเรยี นรูต้ ลอดชีวติ มปี ระโยชน์และความสำคญั อยา่ งไร ก. สร้างโอกาสทางการศกึ ษาอย่างต่อเน่ือง ข. สนับสนุนการศึกษา การจดั ทำหลกั สูตร ค. พัฒนาคณุ ภาพบคุ ลากรทางการศึกษา ง. สง่ เสรมิ ให้ประชาชนมคี วามเขา้ ใจและตระหนักในการเรยี นรู้

19. การกระจายอำนาจการบรหิ ารจัดการประเทศสูภ่ มู ภิ าค ท้องถนิ่ และชมุ ชนมคี วามสำคญั อยา่ งไร ก. สง่ เสริมภาคเอกชนใหม้ ีความเข้มแขง็ ข. สร้างความเจรญิ ทางเศรษฐกจิ และสงั คม ค. เสรมิ สรา้ งความเขม้ แข็งภาคประชาชน ง. เสริมสร้างศักยภาพของชุมชนในการอยรู่ ่วมกัน 20. คุณธรรมดา้ นใดท่ีมคี วามสำคญั กับหลกั เศรษฐกจิ พอเพียงมากทส่ี ุด ก. เปน็ คนมีศลี ธรรม ข. มีความละอายต่อบาป ค. เปน็ ผมู้ คี วามโอบออ้ มอารี ง. มีความซอ่ื สัตย์ ขยนั หมน่ั เพยี ร

ใบงานท่ี 3 วเิ คราะห์การเขียนเรียงความตามปรชั ญาของเศรษฐกิจ อเ ียง คำช้ี จง ให้นกั เรยี นเขยี นวิเคราะหก์ ารเขยี นเรียงความของตนเองว่าได้ใชป้ รชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง อย่างไรบ้าง หลักความ อประมาณ ............................................................................................................................. ....................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... ............................................................................................................................................. หลกั ความมเี หตผล .................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... ........................................................................................................................ การมีภูมิค้มกันในตัวในตัวที่ดี ........................................................................................................................ ............................................................ ............................................................................................................................. ....................................................... ........................................................................................................................ เงอ่ื นไขคณธรรม ............................................................................................................................. ....................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... ........................................................................................................................ เงอื่ นไขนำความรู้ ............................................................................................................................. ....................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... ......................................................................................................................



ชุดวชิ า บญั ชีครวั เรอื นเพอื่ ความพอเพยี ง CS media Learning รหัสวิชา ทช23036 รายวชิ าเลือกบงั คบั ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ตามหลกั สูตรการศึกษานอกระบบระดบั การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศกั ราช 2551 ศูนยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อาเภอชมุ แสง สานักงานสง่ เสริมการศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั จงั หวัดนครสวรรค์ สานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั สานกั งานปลดั กระทรวงศึกษาธิการ

แผนการเรยี นรรู้ ายสปั ดาห์ กล่มุ สาระการเรยี นรู้ บญั ชคี รวั เรอื นเพอ่ื ความพอเพยี ง รายวิชา บญั ชคี รวั เรอื นเพอื่ ความพอเพยี ง รหสั วิชา ทช ๒๓๐๓๖ เรอื่ ง บญั ชคี รวั เรอื น ระดบั ชนั้ มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ จานวน ๖ ชว่ั โมง การพบกล่มุ ครงั้ ที่ ๑๗

แผนการเรียนรู้รายสัปดาห์ กลุมํ สาระการเรยี นรู๎ บัญชีครวั เรอื นเพอ่ื ความพอเพยี ง รายวิชา บญั ชคี รวั เรอื นเพื่อความพอเพยี ง รหัสวชิ า ทช 23036 เรื่อง บัญชคี รัวเรอื น ระดบั ช้ัน มธั ยมศึกษาตอนตน๎ จาํ นวน 6 ช่ัวโมง วนั ทจี่ ัดการเรียนการสอน...................................................การพบกลํุมคร้ังท่ี.......................17......................... 1. ตัวชวี้ ดั 1. สามารถอธบิ ายความหมายของบัญชคี รวั เรือนได๎ถกู ต๎อง 2. สามารถวิเคราะห๑รายรบั -รายจํายและทาํ บญั ชีตนเอง บัญชคี รัวเรอื นได๎ 3. ตระหนักเหน็ คุณคําและนาํ หลักการและวิธีการทําบัญชีไปใชใ๎ นชีวิตประจาํ วันไดอ๎ ยาํ งตํอเนอื่ ง 4. สามารถอธบิ ายแนวทางการทําบัญชีครวั เรอื นและการประกอบอาชพี อยํางงํายไดถ๎ ูกต๎อง 5. สามารถอธบิ ายการการวางแผนการจัดทาํ บัญชีรายรับ-รายจําย เพ่ือการประยกุ ต๑ใช๎ในครวั เรอื น ทางการประกอบอาชีพ 2. เนื้อหา 1. วิธกี ารวิเคราะห๑รายรับ-รายจําย 2. วิธกี ารทําบญั ชรี ายรบั -รายจํายของตนเองและครอบครวั 3. แนวทางการทําบญั ชีครัวเรือนและการประกอบอาชีพอยาํ งงาํ ย 4. การวางแผนการจดั ทาํ บญั ชีรายรับ-รายจาํ ย เพื่อการประยุกต๑ใช๎ในครวั เรือนทางการประกอบอาชพี ข้นั จัดกระบวนการเรยี นรู้ ขัน้ ที่ 1 กาหนดสภาพปญั หาความต้องการในการเรียนรู้ - ครูใหน๎ ักศึกษาทาํ แบบทดสอบกอ่ นเรียน ขัน้ ที่ 2 การแสวงหาข้อมลู และจดั การเรยี นรู้ - ครใู หผ๎ เ๎ู รียนศึกษาข๎อมูลจากใบความร๎ู เรอื่ งบัญชีครัวเรือน

- และศกึ ษาหาขอ๎ มูลเพ่ิมเตมิ เร่ืองบัญชีครัวเรอื น จากคลิปวีดีโอดังแนบ https://www.youtube.com/watch?v=kL65cfZlZ4I ขัน้ ท่ี 3 ปฏบิ ตั แิ ละนาไปประยกุ ต์ใช้ - ครูให๎ผเ๎ู รยี นทําใบงาน เรอ่ื ง การจัดทาํ บัญชีครัวเรอื น ข้นั ที่ 4 ประเมนิ ผลการเรียนรู้ - ผูเ๎ รยี นทาํ แบบทดสอบหลังเรียน 3. สอ่ื ประกอบการเรียนรู้ 1. ใบความรู๎ เรือ่ ง บัญชคี รวั เรือน 2. ใบงาน การจัดทําบัญชคี รวั เรือน

4. การวดั ผลและประเมินผล 1 แบบทดสอบกํอนเรียน-หลังเรียน 2. แบบประเมนิ ใบงาน 3. แบบประเมินดา้ นจิตพิสยั ลงชอ่ื .........................................................ผส๎ู อน (.............................................) ตาํ แหนํง ครู กศน.ตาํ บล

คาชแี้ จง ให้นกั ศกึ ษาเลือกคาตอบทถ่ี กู ท่สี ดุ เพียงข้อเดียว 1. การทาํ บญั ชรี ายรับ-รายจําย ถา๎ มีเดอื นหนง่ึ ที่มีรายจาํ ยตดิ ลบควรแกไ๎ ขการใช๎จํายอยาํ งไร ก. ควรลดรายจํายรายการทีฟ่ ุมเฟือย ออกไปเพื่อให๎รายรบั -รายจาํ ยสมดลุ กนั ข. ควรใช๎จาํ ยเพ่มิ ข้ึน ค. ควรนําเงินทีไ่ ดไ๎ ปฝากไว๎ในธนาคารเพ่อื การออมใหม๎ ปี ระสิทธภิ าพ ง. ควรเพ่ือรายได๎ให๎มากข้ึน ไมใํ ห๎มีรายจาํ ยในเดือนนน้ั เลย 2. แนวคดิ และจุดมุงํ หมายของการทําบญั ชคี รวั เรอื น คอื ก. เพ่ือทาํ ให๎ครอบครัวมคี วามเปน็ อยํทู ดี่ ีขึ้น ข. เพือ่ ทาํ ให๎ชุมชน สงั คมมคี วามเปน็ อยทํู ี่ดีขึ้น ค. เพอื่ พัฒนาระบบเศรษฐกิจภายในประเทศ ง. เพอื่ ใหช๎ มุ ชนเกดิ กระบวนการจดั การการเรียนร๎ู 3. ข๎อใดคอื ประโยชนข๑ องการทําบัญชรี ายรับและบญั ชรี ายจําย ก. เพอื่ ให๎ทราบถึงวิธกี ารใชจ๎ ํายเงินในแตํละเดือน ข. เพือ่ ปอู งกันวิธกี ารใชจ๎ าํ ยเงินของตนเองและครอบครัว ค. เพื่อทาํ ให๎ทราบวําแตลํ ะเดอื นครอบครัวมรี ายรับ - รายจาํ ยอะไรบ๎าง ง. เพอื่ ใหง๎ าํ ยตํอการตรวจสอบและสะดวกตํอการดาํ เนินชวี ติ ประจําวนั 4. ข๎อใดไมํใชหํ ลกั การทําบญั ชีรายรบั รายจําย ก. สรปุ ยอดรายรับ -รายจาํ ยประจาํ วนั ข. สรุปและประเมินผลรายรบั -จาํ ยประจําวนั ค. จดั ทาํ แบบฟอรม๑ บัญชีรายรบั -รายจาํ ยอยาํ งงําย ง. จดบันทกึ รายการเรียงลาํ ดบั ตามเหตกุ ารณท๑ เ่ี ป็นจรงิ ทีเ่ กิดข้นึ 5. ขอ๎ ใดหมายถึงประโยชน๑ของการวเิ คราะห๑บัญชีครวั เรือน ก. เพอ่ื พิจารณาดวู ํารายรับ-รายจาํ ยมีความสมดุลกันหรือไมํ ข. ชวํ ยแกไ๎ ขปัญหาหน้สี ินและชวํ ยวางแผนการเงินของครอบครัว ค. ทําให๎สามารถตรวจสอบยอดเงนิ ท่มี ีในแตลํ ะวันได๎อยํางถูกตอ๎ ง ง. ทาํ ใหท๎ ราบวาํ ในแตํละเดือน ครอบครัวมรี ายรับ-รายจํายอะไรบา๎ ง

6. คาํ ใช๎จาํ ยทไี่ มจํ าํ เปน็ แกํการดํารงชีวิตคอื อะไร ก. คําอาหาร ข. คํายารักษาโรค ค. คาํ เลาํ เรียน ง. คําของเลํน 7. การบนั ทกึ บัญชคี รวั เรือนเพ่อื ต๎องการทราบขอ๎ มลู ในข๎อใด ก. รายรับ - รายจําย ข. คําใชจ๎ าํ ยฟุมเฟือย ค. รายรับในแตํละเดือน ง. เจา๎ หน้ี ลูกหนี้ รายรับ และรายจําย 8. ถ๎าอยากมีรายไดห๎ รอื มีเงินมากควรทาํ อยํางไร ก. ฝากเงินกบั ธนาคาร ข. ฝากเงนิ กบั สหกรณ๑ออมทรัพย๑ ค. ฝากเงินกบั กองทนุ หมํบู ๎าน ง. หารายไดเ๎ สรมิ นอกเวลาทํางานปกติ 9. การทาํ บัญชคี รวั เรอื นเหมาะกบั คนกลํุมใดมากทส่ี ดุ ก. นักธรุ กจิ ข. นกั เรยี น ค. เกษตรกร ง. ทุกกลุํมอาชีพ 10. บคุ คลใดตํอไปนมี้ วี ิธีการเพิ่มรายไดใ๎ ห๎กบั ครัวเรือนได๎ดที ี่สุด ก. เฟริ ๑น ชํวยทางบา๎ นโดยการไมํไปเรยี นหนงั สือ ข. บี ชํวยทางบา๎ นประหยดั โดยการงดข๎าวเยน็ ค. จกุ ชํวยพอํ เล้ยี งไกํและนําไขไํ กไํ ปขายทต่ี ลาดนัด ง. พร ชวํ ยพํอรบั จา๎ งทาํ งานปลกู ผักเพื่อนาํ เงนิ ไปเทย่ี วกบั เพ่อื น

ใบความรทู้ ี่ 1 วชิ า บญั ชีครวั เรอื นเพ่ือความพอเพยี ง ทช 23036 เรื่อง บญั ชีครวั เรอื น 1. วธิ กี ารวเิ คราะหร์ ายรบั -รายจา่ ย เปูาหมายท่ีสําคัญของตนเองและครอบครัวก็คือ การให๎ความเป็นอยูํของครอบครัวดีขึ้น ไมํประสบ ปัญหาเรื่องการใชจ๎ ํายเงนิ การใช๎จาํ ยเงินทดี่ กี ็ควรท่จี ะจัดทาํ แผนการใชเ๎ งนิ และจดั ทํางบประมาณของตนเอง และครอบครัวอยํางเป็นระบบ บคุ คลในครอบครัวก็ต๎องชํวยกันมาบันทึกบัญชีเงินสดของตนเอง เพ่ือที่จะได๎ นํา ของแตํละคนมารวบรวม ทําการเปรียบเทียบงบประมาณกับการจํายจริงของครอบครัว เปูาหมายท่ี สําคัญอีก ประการหนึ่งก็คือ การท่ีตนเองและครอบครัวมีเงินออมและสามารถนําเงินออมน้ันไปลงทุนทํา ธรุ กิจ การทําบัญชีครัวเรือนเป็นการจดบันทึกรายรับรายจํายประจําวันของครัวเรือน และสามารถนําข๎อมูล มาวางแผนการใช๎จาํ ยเงินในอนาคตได๎อยํางเหมาะสม ทําให๎เกิดการออม การใช๎จํายเงินอยํางประหยัดคุ๎มคํา ไมํ ฟมุ เฟือย วธิ ีการวิเคราะห์รายรบั -รายจ่าย ให๎นําบัญชีครัวเรอื นทผี่ าํ นมาในระยะเวลา 1 เดือน มาพจิ ารณาดวู ํา รายรบั -รายจําย มคี วามสมดลุ กัน หรือไมํรับมากกวําจํายหรือจํายมากกวํารับ โดยเฉพาะครอบครัวที่มีปัญหาเรื่องหนี้สิน รายจํายมักจะ มากกวํา รายรับ จึงต๎องให๎ความสําคัญในการพิจารณารายจํายให๎ดีวํา พอจะมีรายการไหนท่ีพอจะลดหรือ ตัดออกได๎ (รายการทีฟ่ ุมเฟือย) กใ็ ห๎หาทางปรบั ลดหรือตัดรายการรายจํายเหลํานี้ออกไป ตัวอย่างรายรับครวั เรอื น 1. ขายผลติ จากการทาํ นา ทําไรฯํ 2. ขายสัตวเ๑ ลย้ี ง เชํน หมูวัว เปด็ ไกฯํ 3. ขายผลิตภณั ฑจ๑ ากงานหัตถกรรม 4. การคา๎ ขายสินคา๎ ซื้อมา/ขายอาหาร 5. การขายพชื /สตั วห๑ าจากแหลงํ ธรรมชาติ 6. ค๎าจ๎างจาการทํางานหรือใหบ๎ รกิ าร 7. เงินเดอื น เบี้ยเล้ยี ง คําคอมมิชช่นั 8. เงนิ สงเคราะหแ๑ ละสวัสดิการตาํ งๆ 9. รายไดจ๎ ากการขาย/ใหเ๎ ชาํ ทีด่ ิน บา๎ น ฯ 10. รายรับจากดอกเบยี้ เงินกู๎/ดอกเบ้ยี ธนาคารฯ 11. รายได๎จากการเสย่ี งโชค 12. เงินที่ไดร๎ ับจากการกู๎ยมื 13. เงนิ ทีล่ กู หลาน ญาติพนี่ ๎อง สงํ มาให๎ 14 เงนิ ทผี่ ูอ๎ ่นื ชวํ ยงานตํางๆ 15. เงนิ /ลาภลอยทม่ี คี นมานําใหเ๎ ป็นกรณพี ิเศษ

ตัวอยํางรายจํายครัวเรือน หมวดที่ 1 : คําใชจ๎ าํ ยในการประกอบอาชพี 1.1. คําจา๎ งแรงงาน 1.2. คาํ เชํา/ซอ้ื วัสดุอปุ กรณห๑ รือลงทนุ เครอื่ งมือ ฯ 1.3. คาํ โดยสาร รถ เรือ รถไฟ ฯ คําแสตมปไ์ ปรษณีย๑ฯ 1.4. คําน้ํามันเชอื้ เพลิงพาหนะ เดนิ ทาง/ประกอบอาชพี 1.5. คําปุ๋ยชีวภาพ หรืออินทรีย๑ฯ 1.6. คาํ ปยุ๋ เคมี/ฮอร๑โมน ฯ 1.7. ยาฆาํ แมลง ยาปราบศตั รพู ืช 1.9. เงนิ สด เงินดาวน๑หรือเงินผอํ น เพ่ือซ้อื ยานพาหนะ 1.8 คําเมลด็ พนั ธ๑ุ 1.10. ซือ้ สินค๎ามาจาํ หนาํ ย หมวดที่ 2 : คาํ อาหาร 2.1. ขา๎ วสารทกุ ชนดิ 2.2. เน้อื สัตว๑บก สัตว๑นาํ้ แมลง และสตั ว๑อนื่ ๆ ทใี่ ช๎เป็นอาหาร 2.3. ผักสด และผลไมส๎ ดตํางๆ รวมทง้ั พรกิ หวั หอม กระเทียมฯ 2.4. ไขสํ ด เชนํ ไขํเป็ด ไขํไกไํ ขนํ กกระทา ฯ 2.5. เครื่องเทศ เชนํ พรกิ ไทย กานพลูขมิ้น ฯ 2.6. อาหารแห๎ง อาหารกระปอ๋ ง อาหารหมกั ดอง อาหารสําเรจ็ รูป ฯ 2.7. อาหารสําเร็จทีซ่ ้อื จากรา๎ น เชํน ขา๎ วผัด กว๐ ยเตี๋ยว ขนมหวาน ฯ 2.8. นา้ํ ดมื่ สะอาด เชนํ นํ้าแรนํ าํ้ โพลาลสิ ฯ 2.9. นํ้าอดั ลม ชา กาแฟ เครอื่ งดืม่ เกลอื แรฯํ 2.10. นมทุกชนดิ โอวัลติน ไมโล โกโก๎นํ้าผลไม๎ 2.11. ขนมขบเคย้ี ว ขนมกรบุ กรอบ ลูกอม 2.12. คาํ ขนมท่ใี หเ๎ ด็กไปโรงเรยี นรายวนั /รายเดอื น 2.14. เหล๎า เบยี ร๑ยาดอง ไวน๑กระแชํสาโท 2.15. คําเชือ้ เพลิงในการหุงต๎ม เชนํ แกส๏ ถาํ น ฟนื ฯลฯ หมวดท่ี 3 : ยา - สขุ ภาพอนามยั 3.1. ยาแก๎ปวด 3.2. ยารักษาโรคอื่นๆ 3.3 ยาหรืออปุ กรณ๑คมุ กําเนดิ 3.4. คาํ รักษาพยาบาลทงั้ ทีส่ ถานอี นามยั โรงพยาบาล และคลนิ กิ 3.5. ยาสูบ บหุ รีห่ มาก ยานตั ถฯ๑ุ ลฯ 3.6. จาํ ยเบยี้ ประกันชวี ิต เบย้ี ประกนั สุขภาพ และเบยี้ ประกนั ภยั

หมวดท่ี 4 : เสือ้ ผา๎ เครอ่ื งแตงํ กาย และเครอื่ งประดับ 4.1. เสอ้ื ผา๎ เครื่องแตงํ กาย และเคร่ืองนอน 4.2. คําใชจ๎ าํ ยในการเสริมสวย เชนํ ตดั ผม ดัดผม ย๎อมผม เคร่อื งสําอาง ฯ หมวดท่ี 5 : ทอี่ ยํอู าศยั 5.1. เงินสด เงนิ ดาวนห๑ รือเงินผํอน เพ่ือซือ้ /เชําท่ดี ิน ฯ 5.2. ซอํ มแซม ตํอเติมหรือปลูกบ๎าน หรือปรบั ปรุงบรเิ วณบ๎าน/ท่ดี นิ 5.3. เงินสด เงนิ ดาวนแ๑ ละเงนิ ผํอน เพ่อื ซอื้ /ซํอมเครื่องใชใ๎ นบา๎ น ฯ 5.4. ของใช๎ประจําวัน เชนํ สบํยู าสีฟนั ของเด็กเลํน ฯ 5.5. คําไฟฟูา 5.6. คําน้าํ ประปา 5.7. คาํ โทรศพั ทท๑ ง้ั ครัวเรอื น รายเดอื น/คําบัตรเติมโทรศพั ท๑ 5.8. คาํ หนังสือพมิ พห๑ นังสือ นิตยสาร 5.9. คําภาษีตํางๆ เชํน ภาษีบาํ รุงท๎องทีท่ ด่ี ิน ปาู ย ร๎านค๎า ฯ รวมคาํ ใชจ๎ ํายหมวดท่5ี หมวดที่ 6 : คาํ ใชจ๎ ํายเพื่อการลงทุน งานสังคม และเพอ่ื พักผํอนหยํอนใจ 6.1. ฝากธนาคาร ซ้ือพันธบัตร ฝากสหกรณอ๑ อมทรพั ยอ๑ อกเงินกู๎ 6.2. จาํ ยดอกเบ้ีย และเพื่อใช๎หนเ้ี งินกเ๎ู งนิ ยืม เงินแชร๑ 6.3. เงินทาํ บญุ หรอื บรจิ าค 6.4. เงนิ ชวํ ยงานหรอื เงนิ ใสํซอง เชนํ งานแตํงงาน งานศพ งานบวช ฯ 6.5. คาํ ใชจ๎ าํ ยในการจัดงานแตงํ งาน/งานศพ บวชนาค ขนึ้ บา๎ นใหมํฯ 6.6. จาํ ยพกั ผํอนหยํอนใจ เชํน คําแผนํ ซดี ีคาํ ตวั๋ ดูหนัง ดนตรีฯ 6.7. ซ้ือสตั ว๑เล้ยี ง เชนํ สนุ ัข นก ปลา ฯ หรอื ไม๎ดอกไม๎ประดับ 6.8. เงินเดอื นหรือเงินที่สงํ ไปชํวยเหลือญาตใิ นครอบครวั ทอี่ ยํูท่ีอน่ื 6.9. เงินเสยี ไปโดยไมเํ ต็มใจ เชํน ทาํ เงินหาย ถูกลักขโมย ถูกปรับ ฯ 6.10. เงินท่จี าํ ยเพือ่ การเสี่ยงโชค เชนํ ซ้อื หวย ล็อตเตอร่ีสลากกนิ แบงํ ฯ หมวดที่ 7 : คาํ ใชจ๎ าํ ยในการศึกษา 7.1. คาํ เทอม คําเรียนพิเศษ คํากิจกรรมพิเศษ 7.2. คําอปุ กรณก๑ ารเรยี น เชํน เคร่ืองเขียน สมดุ หนังสอื เรยี น กระเปา๋ ฯ 7.3. คาํ ชดุ นักเรยี น ชุดพละ ชุดลูกเสือ เนตรนารยี วุ กาชาด ฯ

2. วธิ ีการทาบญั ชรี บั – จา่ ยของตนเองและครอบครวั การทําบัญชีคือ การจดบันทึก ข๎อมูลเก่ียวกับเง่ือนไขปัจจัยในการดํารงชีวิตของตัวเอง และภายใน ครอบครวั ชมุ ชน รวมถึงประเทศ ขอ๎ มลู ท่ีไดจ๎ ากการบันทึกจะเป็นตวั บงํ ชอ้ี ดตี ปัจจุบนั และอนาคตของชีวิตของ ตัวเอง สามารถนําข๎อมูลอดีตมาบอกปัจจุบันและอนาคตได๎ข๎อมูลท่ีได๎ ท่ีบันทึกไว๎จะเป็นประโยชน๑ตํอการ วางแผนชวี ติ และกจิ กรรมตําง ๆ ในชวี ิต ในครอบครัว บัญชคี รัวเรือน มิได๎หมายถึง การทําบัญชหี รือบันทึกรายรับรายจํายประจําวันเทําน้ัน แตอํ าจหมายถึง การบันทึกข๎อมูลด๎านอ่ืน ๆ ในชีวิต ในครอบครัว เป็นต๎น ของเราได๎ด๎วย เชํน บัญชีทรัพย๑สิน พันธ๑ุพืช พันธุ๑ไม๎ ในบ๎านเราในชุมชนเรา บัญชีความรู๎ความคิดของเรา บัญชีผ๎ูทรงคุณ ผ๎ูร๎ูในชุมชนเรา บัญชีเด็กและเยาชนของ เรา บัญชีภูมิปัญญาด๎านตําง ๆ ของเรา เป็นต๎น หมายความวํา สิ่งหรือเร่ืองราวตําง ๆ ในชีวิตของเรา เราจด บันทึก ได๎ทุกเรื่อง หากประชาชนทุกคนจดบันทึกจะมีประโยชน๑ตํอตนเอง ครอบครัว ชุมชนและประเทศ จะ เป็นแหลํง เรียนรู๎ครอบครัวเรียนร๎ูชุมชนเรียนรู๎และประเทศเรียนรู๎การเรียนรู๎เป็นท่ีมาของปัญญา ปัญญาเป็น ท่ีมาของ ความเจริญท้ังกาย สังคม ใจ และจิตวิญญาณของมนุษย๑จะเห็นวํา การทําบัญชีหรือการจดบันทึกน้ี สาํ คญั ยิง่ ใหญมํ าก บุคคลสําคัญในประเทศหลายทํานเป็นตัวอยํางที่ดขี องการจดบันทึก เชํน ทํานพุทธทาส ใน หลวง และสมเด็จพระเทพ ล๎วนเป็นนักบันทึกทั้งสิ้น การบันทึก คือ การเขียน เม่ือมีการเขียนยํอมมีการคิด เม่ือมีการ คิดยํอมกํอปัญญา แก๎ไขปัญหาได๎โดยใช๎เหตุผลวิเคราะห๑พิจารณา ได๎ถูกต๎อง นั่นคือ ทางเจริญของ มนษุ ย๑ การทําบัญชีครัวเรือนในด๎านเศรษฐกิจ หรือการบันทึกรายรับรายจํายท่ีทางราชการพยายามสํงเสริม ให๎ ประชาชนได๎ทํากัน นั่น เป็นเรื่องการบันทึกรายรับรายจํายประจําวันประจําเดือนวํา มีรายรับจากแหลํง ใดบ๎าง จํานวนเทําใด มีรายจํายอะไรบ๎าง จํานวนเทําใด ในแตํละวัน สัปดาห๑เดือน และ ปีเพ่ือจะได๎เห็น ภาพรวมวํา ตนเองและครอบครัวทีรายรับเทําใด รายจํายเทําใด คงเหลือเทําใด หรือ เงินไมํพอใช๎เทําใด คือ รายจําย มากกวํารายรับ และสํารวจวํารายการใดจํายน๎อยจํายมาก จําเป็นน๎อยจําเป็นมาก จําเป็นน๎อย อาจ ลดลง จําย เฉพาะท่ีจําเป็นมาก เชํน ซ้ือกับข๎าว ซื้อยา ซื้อเส้ือผ๎า ซํอมแซมบ๎าน การศึกษา เป็นต๎น สํวน รายจํายที่ไมํจําเป็น ให๎ลด ละ เลิก เชํน ซ้ือบุหรี่ซื้อเหล๎า เลํนการพนัน เป็นต๎น เม่ือนํารายรับ รายจําย มาบวก ลบกันแล๎วขาดดลุ เกนดุลไปเทําใดิ เมื่อเห็นตัวเลข จะทําให๎เราคิดได๎วําส่ิงไมํจําเป็นน้ันมีมากหรือน๎อยสามารถ ลดได๎หรือไมํเลิกได๎ ไหม ถ๎าไมํลดไมํเลิกจะเกิดอะไร กับตัวเอง ครอบครัว ชุมชน และประเทศ หากเราวาง แผนการรับการจาํ ยเงนิ ของตนเองได๎เทาํ กับวํา รู๎จักความเป็นคนไดพ๎ ัฒนาตนเอง ให๎เป็นคนมีเหตมุ ีผล เป็นคน รูจ๎ ักพอประมาณ เปน็ คนรักตนเอง รกั ครอบครัว รักชมุ ชน และรกั ประเทศชาติมากขึน้ จึงเห็นได๎วาํ การทําบัญชีครัวเรือน ในเรื่อง รายรับรายจําย ก็คือวิถีแหํงการเรียนรู๎เพื่อพัฒนาชีวิต ตามปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียง นั่นเอง เพราะปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียง คือ ปรัชญาชีวิตท่ีถูกต๎องเหมาะสม พอดี สอดคล๎องถูกต๎องตามกฎธรรมชาตทิ ีม่ ที ้ังความเปน็ เอกภาพและดลุ ยภาพอยูํเสมอ วิธกี ารบันทกึ บัญชคี รัวเรอื น 1. ชอํ ง “วนั ท่ี” ใช๎บันทึก วันท่ีเดือน และปีพ.ศ. ท่ีเกิดรายการรับเงินหรือจํายเงินจริง แตหํ ากจําวันที่ เกิดรายการไมํได๎ให๎ใช๎วันที่ทําการบนั ทกึ บัญชแี ทน 2. ชํอง “รายการ” ใช๎บันทึกคําอธิบายหรือรายละเอยี ดของการรับเงินหรือจํายเงิน การรับเงิน เชํน รบั เงินเดอื น รับรายไดพ๎ ิเศษ การจาํ ยเงิน เชนํ คําอาหาร คําพาหนะเดินทาง จํายคาํ เลําเรียน เป็นต๎น 3. ชํอง “รับ” ใชบ๎ ันทึก “จํานวนเงิน” ท่ีไดร๎ ับเข๎ามาทุกรายการ ไมํวําจะเป็นรายรับจากอาชีพหลัก หรอื รายไดอ๎ น่ื ๆ

4. ชอํ ง “จาํ ย” ใช๎บนั ทกึ “จํานวนเงิน” ที่จาํ ยออกไปทุกรายการ ไมวํ ําจะจํายออกไปในเร่ืองใดกต็ าม 5. ชํอง “คงเหลือ” ใช๎บันทึก “จํานวนเงิน” คงเหลือ หลังจากได๎รับเข๎ามาหรือจํายออกไป ควร คํานวณ ทุกคร้ังท่ีมีการบันทึกบัญชีการรับเข๎าหรือจํายออก เพ่อื จะได๎ทราบวําปัจจุบันมีจํานวนเงินคงเหลืออยูํ เทําใด โดย ตั้งต๎นด๎วยจํานวนเงินคงเหลือลําสุด นํารายการรับมาบวกเข๎า และนํารายการจํายมาหักออก จะได๎ ยอดคงเหลอื ปัจจบุ ัน เพ่อื สามารถวางแผนการใชจ๎ าํ ยในอนาคตได๎อยํางมีประสทิ ธิภาพ 6. ชอํ ง “หมายเหตุ” ใช๎บันทกึ รายละเอียด ท่ีต๎องการบนั ทึกเพ่ิมเติมจากชํองรายการ 7. บรรทดั “ยอดคงเหลือยกมา” ใชบ๎ ันทกึ “จาํ นวนเงิน” ในชํองคงเหลอื โดยนําตัวเลขมาจากจํานวน เงินในชํอง “คงเหลือ” จากบรรทัด “รวม” (บรรทัดสุดท๎าย) ของหน๎าบัญชีกํอนหน๎านี้แตหํ ากเป็นการเริ่มตน๎ บันทึกบัญชเี ป็นคร้งั แรกในหนา๎ นี้ใหใ๎ สํจาํ นวนเงนิ คงเหลือตามตวั เลขท่มี เี งินคงเหลืออยเูํ ปน็ ตวั เลขตง้ั ต๎น 8. บรรทัด รวม รับ, จําย และยอดคงเหลือยกไป ใช๎บันทึก “จํานวนเงินรวม” ตามแนวต้ังในชอํ ง รับ และจําย สํวนชํองคงเหลือ เป็นจํานวนเงินคงเหลือท่ีเปน็ ปัจจุบัน โดยนําตวั เลขนี้มาจากชอํ งคงเหลือลําสุดของ หน๎าบญั ชีนี้ซึ่งจํานวนเงนิ นี้จะนาไปใสํในบรรทัดยอดคงเหลือยกมาในชํองคงเหลือของหน๎าบัญชีถัดไป แตํหาก ต๎องการทราบยอดรวมของรายรับและรายจํายในหน๎าบัญชีถัดไปด๎วย ก็ให๎ยกยอดรวมในชํองรับและจํายไปใสํ ในหน๎าบัญชีถัดไปพร๎อมกัน จํานวนเงินยอดคงเหลือยกไปในหน๎าบญั ชีน้ีจะต๎องเทํากับจํานวนเงินยอดคงเหลือ ยกมาในหนา๎ บัญชีถัดไป ตารางตัวอยา่ งแบบฟอร์มบญั ชีครัวเรอื น (บัญชีรายรบั และรายจา่ ย) บญั ชีรายรบั -รายจ่าย วันท่ี รายการ รบั จา่ ย คงเหลอื หมายเหตุ ยอดคงเหลอื ยกมา รวมรบั จาํ ย และยอดคงเหลือยกไป 3. แนวทางการทาํ บัญชคี รวั เรอื นและการประกอบอาชีพอยํางงาํ ย บญั ชรี ายรบั รายจํายในครอบครวั ทาํ ใหส๎ มาชิกในครอบครัวมีกจิ กรรมรํวมกันทกุ คนมีหน๎าท่รี ับผิดชอบ รวํ มบันทกึ รวํ มกนั ทํา รวํ มกนั วิเคราะหไ๑ ดพ๎ ดู คุยกนั มากยง่ิ ขึ้น บญั ชรี บั จํายครอบครัว ทาํ ให๎สมาชกิ ในครวั เหน็ ข๎อมูลการใช๎จาํ ยเงนิ ได๎ฉกุ คิด เกิดจติ สํานึกที่จะไมํ ฟมุ เฟือย ไมํ ตกเป็นเหยื่อของผ๎ูบริโภคนิยมที่กระต๎ุนให๎เสพมากๆ เพื่อหมุนวงล๎อเศรษฐกิจกันอยํางเอาเป็นเอา ตาย มี เหตุผลในการใชจ๎ าํ ยเงินมากขึ้น เกดิ ความคิดถึงกัน เอ้ืออาทรกันในครอบครัวมากข้ึน ทําให๎มีพฤตกิ รรม การใช๎ จํายเงินทถี่ ูกทค่ี วรมากข้นึ ในสังคมอเมริกันที่เป็นสังคมบริโภคนิยมสุดโตํง นําหน๎าประเทศทั่วโลกอยูํในขณะนี้ก็มีคนสํวนหน่ึง มองเห็นปัญหาของการตกเป็นเหยอ่ื บริโภคนิยม ทนุ นยิ มท่ีบบี คั้น สรา๎ งความอยรํู ๎อนนอนทุกขเ๑ พ่มิ ข้นึ แม๎วําจะ หารายไดไ๎ ด๎มากข้ึนก็ตาม พวกเขาชวนกันแสวงหาทางออกของการดาํ เนินชีวิตด๎วยวิธีการหลากหลายรูปแบบ ซงึ่ หนึง่ ในเคร่อื งมอื ทเ่ี ขาใช๎เพื่อเรยี นร๎ตู นเอง เพื่อปรับปรุงพฤติกรรมตนเองกค็ อื การทาํ บัญชรี ับจาํ ยครอบครวั การทําบัญชีรับจํายครอบครัว ไมํใชํเคร่ืองมือเฉพาะของครอบครัวเกษตรกรหรือคนมีรายได๎น๎อย แตํ เป็นเคร่ืองมือพื้นฐานของทุกครอบครัวไมํวํายากดีมีจน เป็นกระจกสะท๎อนให๎รู๎ตนเอง ด๎วยตนเองและเพ่ือ ตนเอง

การพฒั นาประเทศตามแนวคดิ เศรษฐกิจทุนนิยม เราถูกกําหนดกรอบให๎ผู๎ท่ีคิดถึงแตํการเพ่ิมรายได๎ให๎ มากท่ีสุดเทําท่ีความสามารถจะหาได๎ด๎วยทุกวิถีทาง และกระต๎ุนให๎ใช๎จํายให๎มากที่สุดเพ่ือกระตุ๎นการ เจริญเตบิ โตทางเศรษฐกิจอยูตลอดเวลา โดยทําให๎เชื่อดา๎ นเดียววํา การเสพมากๆ ซึ่งแทท๎ ่ีจริงแลว๎ ความอยํูเย็น เป็นสุขจะเกิดข้ึนได๎ต๎องอยูํบนความมีพอดีกินพอดีเป็นพอดี อยูํพอดีชีวิตมีความสมดุล ไมํสุดโตํงไปทางใดทาง หน่ึงเหมือนกับเราวิดนํ้าเข๎านา เรามัวแตํสนใจดูแตํ ขนาดทํอนํ้าเข๎า ดูปริมาณน้ําท่ีไหลเข๎ามาแล๎วหาแนวทาง เพิ่มขนาดทํอสูบน้ําเข๎านาให๎ได๎มากที่สุดเทําที่จะมาก ได๎แตํเรามักจะลืมดูวํามีชํองทําให๎นํ้าร่ัวไหลออกจากนา ตรงไหนบ๎างมากน๎อยแคํไหน ถ๎ามีชํองนํ้าไหลออก มาแล๎วเราไมํร๎ูไมํสนใจปิด หรือเผลอทะลวงให๎ชํองน้ําไหล ออกกวา๎ งย่ิงข้นึ ตอํ ใหเ๎ ราสูบเข๎าเทําใด นํ้าก็ไมํเคยพอ นากข็ าดน้ํามากข้นึ ไมรํ ๎ูจบ การทําบัญชีรายรับ รายจํายครอบครัวก็คือ เคร่ืองมือให๎เราได๎รู๎ท้ังน้ําไหลเข๎าไหลออก รู๎ปริมาณนํ้าท่ี สะสมอยํูในนา และร๎วู ําเราควรมีน้าํ สะสมไวเ๎ ทําใด จึงจะเกิดความสมดุลพอดีพอเพียงความสมดุลดีพอเพยี ง จะ ทําให๎เกดิ ความอยูํเย็นเป็นสุข ความสขุ โตงํ ไปขา๎ งใดข๎างหนง่ึ ไมวํ ําจะเปน็ จนเกนิ รวยเกิน การหาเกิน – เสพเกิน ลว๎ นสร๎างความอยํูร๎อนนอนทุกข๑ท้ังตอํ ตนเอง ตํอสง่ิ แวดลอ๎ มและตอํ ผอ๎ู น่ื เมื่อทําบัญชีรายรับรายจํายครอบครัว แล๎วพบวําเราได๎เรียนร๎ูอะไรตํอมิอะไรเก่ียวกับชีวิตเรา ชีวิตเรา และครอบครัวเราเพ่มิ มากขึ้นมากมาย ท่ีเคยหน๎าดําคร่ําเครียดว่ิงไขวํควา๎ หาแตํเงิน เงิน และไลํลําหาอะไรตอํ มิ อะไรมาเสพ เสพ ก็อาจจะฉุกคิด และค๎นพบความดีความพอประมาณได๎เอง ความอยํูเย็นเป็นสุขแบบฉับพลัน ก็จะเกิดขึ้นได๎ทันทีโดยไมํต๎องให๎ใครมาจับตีทะเบียน หรือจะมาบอก วําจะเอ้ืออาทร หรือหยิบยื่นอะไรให๎ แบบเดิมๆ 4. การวางแผนการจดั ทาํ บัญชรี ายรับ – รายจาํ ย เพอื่ การประยกุ ต๑ใช๎ในครัวเรือนทางการประกอบ อาชพี การวางแผนการใช๎จํายเงินให๎เหมาะสมระหวํางรายรับและรายจําย ครอบครัวต๎องมีรายรับมากกวํา รายจําย หากพบวํารายรับน๎อยกวํารายจําย ต๎องหาแนวทางนําเงินมาใช๎จํายให๎เพียงพอ โดยอาจต๎องกู๎ยืมเงิน มา ใช๎จาํ ย แตกํ ารกยู๎ ืมเงนิ ไมํใชแํ นวทางแก๎ไขปญั หาดงั กลาํ วได๎ เพียงแตชํ ํวยใหก๎ ารใช๎จํายมีสภาพคลํองช่ัวขณะ เทํานั้น และในระยะยาวยังสํงผลให๎ครอบครัวมีภาระหนี้สินจํานวนมาก ทั้งเงินต๎นและดอกเบ้ียซ่ึงจะเพ่ิม จํานวนมากขึ้น ตามระยะเวลาท่ียาวนานในการก๎ูยืมเงิน เปน็ ปัญหาท่ีแก๎ไขไดย๎ าก สําหรับการแก๎ไขปัญหาการ ขาดสภาพคลอํ งในการใชจ๎ าํ ยเงนิ หรือปญั หารายรบั ไมเํ พยี งพอกบั รายจาํ ยนั้นมีแนวทางดังน้ี 1. การตัดรายจํายที่ไมํจําเปน็ ออก เพ่ือลดภาระการจํายเงินออกจากครอบครัว เชํน รายจํายเก่ียวกับ การพนัน สิ่งเสพติดของมึนเมา รายจํายฟมุ เฟอื ย เปน็ ตน๎ เป็นการสร๎างนิสัยมใิ ห๎ใชจ๎ าํ ยฟมุ เฟอื ย 2. การลดรายจํายท่ีจําเป็นลง เพ่ือสร๎างนิสัยการประหยัด อดออม การใช๎ทรัพยากรที่มีอยํูจํากัดอยําง คุ๎มคํา เชํน การปลูกผัก ผลไม๎ไว๎รับประทานเอง เพื่อชํวยลดคําอาหาร และคําเดินทางไปตลาด อีกทั้งทําให๎ สุขภาพดีอกี ด๎วย ลดการใช๎นํ้ามันเช้ือเพลิงแล๎วหันมาออกกําลังกายโดยการป่ันจักรยาน หรือ การเดิน การ วิ่ง แทนการขับรถจกั รยานยนตห๑ รือรถยนตเ๑ ป็นตน๎ 3. การเพิ่มรายรับ หารายได๎เสริมนอกเวลาทํางานปกติ เชํน การใชเ๎ วลาวํางรับจ๎างตดั เย็บเสื้อผ๎า การ ขายอาหารหลงั เลิกงาน การปลูกผัก หรือเล้ียงสตั วไ๑ วข๎ าย เปน็ ตน๎ 4. การทําความเข๎าใจกันภายในครอบครัวเพ่ือให๎ทุกคนรํวมมือกันประหยัด รู๎จักอดออม การใช๎ ทรัพยากรตํางๆ ลด ละ เลิก รายจํายหรือส่ิงที่ไมํจําเป็น และชํวยกันสร๎างรายรับให๎เพียงพอ เหมาะสมกับ เศรษฐกจิ ปจั จุบัน

ประโยชนข๑ องการทาํ บญั ชีครัวเรอื น การทําบัญชีครัวเรือนจะทําให๎เราทราบวําในแตํละเดือน ครอบครัวมีรายรับ-รายจํายอะไรบา๎ ง คนเรา สํวนมากมักจะหลงลืม(ไมํสนใจที่จะจดจํา) เวลาใช๎จํายเงนิ ออกไปหรือรับเงินเข๎ามา พอเวลาผํานไป 2-3 วันก็ ลืมแล๎ว ดังน้ัน บัญชีครัวเรือนจะชํวยเตือนความจําให๎เรารู๎ถึงการใช๎จํายเงิน เพื่อนํามาเป็นข๎อมูลในการวาง แผนการใชจ๎ าํ ยเงนิ ของครอบครัวเพื่อแก๎ไขปญั หาหนี้สิน ใหค๎ รอบครวั มีความเปน็ อยูทํ ด่ี ขี ึน้ ได๎ 1. เพ่อื จดบันทึกรายการการดําเนินกจิ การเรียงลาํ ดบั กํอนหลัง 2. งํายตอํ การตรวจสอบ 3. เปน็ การควบคมุ รกั ษาทรพั ย๑สินของกิจการ 4. ปอู งกันความผดิ พลาดในการดําเนนิ กิจการ 5. สามารถปรับปรุงแก๎ไขทนั 6. ทําให๎ทราบฐานะของกิจการ 7. เปน็ ประโยชนใ๑ นการตรวจสอบผลกาํ ไร-ขาดทุนได๎ทกุ เวลา

ใบงาน วิชาบญั ชคี รวั เรอื นเพือ่ ความพอเพียง ทช23036 เรอ่ื ง การจดั ทาบัญชีครัวเรือน คาชแ้ี จง : จงตอบคาถามตอ่ ไปนี้ 1. ใหน๎ กั ศกึ ษาศึกษาความหมายของ การทําบญั ชคี ือ อะไร (จงอธบิ ายมาโดยสงั เขป) …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. 2. ให๎นักศกึ ษาอธบิ ายประโยชนข๑ องแนวทางการทําบญั ชีครวั เรอื นกบั การประกอบอาชพี มาพอสงั เขป …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. 3. ใหน๎ ักศึกษา บอกถงึ ประโยชนข๑ องการทาํ บญั ชคี รัวเรือนกับการประกอบอาชีพวํามีประโยชน๑อยํางไรบา๎ ง …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

แผนการเรยี นรรู้ ายสปั ดาห์ กล่มุ สาระการเรยี นรู้ บญั ชคี รวั เรอื นเพอื่ ความพอเพยี ง รายวิชา บญั ชคี รวั เรอื นเพอื่ ความพอเพยี ง รหสั วิชา ทช ๒๓๐๒๖ เรอื่ ง บญั ชกี บั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ระดบั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ จานวน ๖ ชว่ั โมง การพบกล่มุ ครงั้ ที่ ๑๘

แผนการเรียนรูร้ ายสปั ดาห์ แผนการเรียนรรู้ ายสัปดาห์ กลุมํ สาระการเรียนรู๎ บัญชคี รวั เรอื นเพอื่ ความพอเพียง รายวชิ า บญั ชคี รวั เรือนเพอื่ ความพอเพยี ง รหสั วชิ า ทช 23036 เรือ่ ง บัญชกี ับปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ระดับชัน้ มัธยมศกึ ษาตอนต๎น จํานวน 6 ชวั่ โมง วนั ท่ีจัดการเรียนการสอน................................................การพบกลํมุ ครง้ั ท.่ี .........18..... 1. ตัวชวี้ ดั 1. อธิบายแนวคดิ หลักการของปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียงได๎ 2. วิเคราะหบ๑ ัญชีชาวบา๎ น ให๎สอดคลอ๎ งกบั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 2. เน้ือหา 2.1 แนวคิด หลกั การของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง 2.2 บญั ชชี าวบ๎านตามหลักของปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง ขน้ั จัดกระบวนการเรยี นรู้ ข้นั ที่ 1 กาหนดสภาพปญั หาความตอ้ งการในการเรียนรู้ - นาํ เขา๎ สํูบทเรยี นโดยการเปิดคลปิ วดี โี อการ เร่ือง หลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง https://www.youtube.com/watch?v=G1arbHJVuEw - จากนั้นนกั ศึกษาทาํ แบบทดสอบกอ่ นเรียน คลกิ เพอื่ ทาแบบทดสอบ ! ข้ันท่ี 2 การแสวงหาข้อมลู และจัดการเรยี นรู้ - นกั ศึกษาศกึ ษาข๎อมลู เร่อื ง บัญชีกบั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง จากใบความร๎ู และ อินเตอรเ๑ นต็ CLIK HERE !

- และศกึ ษาหาขอ๎ มลู เพม่ิ เติมเรอื่ งบญั ชกี ับปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง https://pubhtml5.com/qsmh/qyto/basic CLIK HERE ! ขัน้ ท่ี 3 ปฏิบตั แิ ละนาไปประยุกตใ์ ช้ - ครใู หผ๎ ู๎เรยี นทาํ ใบงาน เร่อื งบญั ชกี ับปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง ข้นั ที่ 4 ประเมนิ ผลการเรยี นรู้ - ครแู ละผเ๎ู รียนชํวยกันสรุปสาระสาํ คัญทุกหัวขอ๎ - ผู๎เรยี นทาํ แบบทดสอบหลังเรยี น

3. ส่ือประกอบการเรียนรู้ 1. ใบความรู๎ เร่อื ง บญั ชกี บั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 2. ใบงาน เรอื่ ง บญั ชีกบั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง 4. การวดั ผลและประเมินผล 1 แบบทดสอบกอํ นเรยี น-หลงั เรยี น 2. แบบประเมินใบงาน 3. แบบประเมนิ ดา้ นจิตพสิ ัย ลงช่ือ.........................................................ผสู๎ อน (.........................................) ตาํ แหนํง ครู กศน.ตําบล

คาชแี้ จง ใหน้ กั ศกึ ษาเลอื กคาตอบที่ถกู ทสี่ ดุ เพยี งข้อเดียว 1. ขอ๎ ใดกลาํ วถกู ต๎องทส่ี ดุ ก. เศรษฐกิจพอเพียงเหมาะกับประเทศเกษตรกรรม ข. เศรษฐกิจพอเพียงเหมาะกับคนชนบทและประเทศเกษตรกรรม ค. เศรษฐกิจพอเพียงในสงั คมเป็นเรอื่ งยากทจี่ ะเข๎าใจ ง. เศรษฐกิจพอเพยี งเหมาะกับคนทุกเพศ ทุกวัย ทกุ อาชพี 2. เศรษฐกิจพอเพยี งหมายถึงอะไร ก. การพงึ พาตนเอง ข. ความพอประมาณ ค. ไมปํ ระมาณ ง. ถกู ทกุ ข๎อ 3. นายสมศักด์ิ อายุ 44 ปี ถกู บริษทั จา๎ งให๎ออกจากงาน พรอ๎ มท้งั ใหเ๎ งนิ สดจาํ นวนหน่ึง ถ๎าผเ๎ู รยี น เปน็ สมศกั ด์ิ จะทําอยํางไรจงึ จะไดช๎ ื่อวาํ ดําเนนิ ชีวิตตามหลกั เศรษฐกิจพอเพยี ง ก. เปิดร๎านขายของชาํ ข. นาํ เงินไปลงทุนในตลาดห๎ุน ค. นาํ เงนิ ไปซ้อื รถใหมปํ าู ยแดง ง. นําเงนิ ไปฝากธนาคารเพอื่ กนิ ดอกเบี้ย 4. แนวทางปฏบิ ตั ติ นตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง ขอ๎ ใดทผ่ี เ๎ู รียนควรยดึ เป็นแนวทางในการดาํ เนินชวี ิต ก. ประกอบอาชพี ด๎วยความสุจรติ ข. นําทรัพยากรมาใชอ๎ ยาํ งรู๎คณุ คํา ค. ใชค๎ วามรใ๎ู นการพัฒนาภมู ิปญั ญาท๎องถน่ิ ง. มคี วามประหยดั ลดความฟมุ เฟอื ยในการดํารงชวี ิต 5. ขอ๎ ใดกลาํ วไมํถูกต๎อง ก. เมษาจ๎างคนทาํ สวน เก็บผลผลิตไว๎กิน เหลอื สํงขาย ข. มนี าปลูกผกั ไว๎กิน เหลือกนิ กข็ ายข๎างบ๎าน สร๎างรายไดอ๎ ีกทาง ค. พฤษภาเปน็ คนรกั ครอบครวั ทาํ งานหาเงินเลย้ี งภายในครอบครัว ง. ไมถํ ูกทุกข๎อมิถุนาไปทํางานในโรงงาน สงํ เงนิ มาหาเล้ยี งครอบครัว

6. การดาํ รงชวี ติ ท่ีดคี วรจะทาํ อยํางไร ก. อยํแู บบยากจน ข. อยํูอยาํ งพอเพยี ง ค. อยํอู ยาํ งหมดหวงั ง. ถูกทกุ ข๎อ 7. ความพอเพียงมีความหมายอยาํ งไร ก. ความพอประมาณและมเี หตุผล ข. ความรวย ค. ความจน ง. ความทนั สมยั 8. การพัฒนาประเทศท่ดี คี วรจะทาํ อยํางไร ก. สํงเสรมิ การขายสนิ คา๎ ข. การค๎าขายกับตาํ งประเทศ ค. ความมกี ินมใี ช๎ของประชาชน ง. การประหยัดการใชจ๎ าํ ย 9. ถา๎ อยากมรี ายไดห๎ รอื มเี งนิ มากควรทาํ อยาํ งไร ก. ฝากเงนิ กับธนาคาร ข. ฝากเงนิ กับสหกรณอ๑ อมทรัพย๑ ค. ฝากเงินกับกองทุนหมบูํ ๎าน ง. หารายไดเ๎ สรมิ นอกเวลาทาํ งานปกติ 10. การใช๎จาํ ยท่ีควรปฏบิ ตั ิในครอบครัวควรทําอยํางไร ก. ใชจ๎ าํ ยตามสบาย ข. ใชต๎ ามผูอ๎ ืน่ ค. ใช๎อยาํ งระมดั ระวัง ง. ไมํตอ๎ งใชจ๎ ํายอะไร


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook