Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือครู วิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คู่มือครู วิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

Published by krittimuk.tommy, 2020-08-22 03:10:50

Description: ให้ศึกษาคู่มือก่อนการเข้าเรียนออนไลน์

Search

Read the Text Version

คูม่ อื ครรู ายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เล่ม 1 | หน่วยที่ 1 อาหารและการย่อยอาหาร 58 9.6 หลังจากสร้างแบบจ้าลองแล้ว นักเรียนต้องท้าอะไรต่อไป (น้าเสนอ ถ้านักเรียนไม่สามารถตอบ แบบจา้ ลอง) ค้าถามหรืออภิปรายได้ตามแนว ค้าตอบ ครูควรให้เวลานักเรียน 10. เม่ือนักเรียนเข้าใจวิธีการท้ากิจกรรมในทาอย่างไร ข้อ 5-6 แล้ว ให้ คิดอย่างเหมาะสม รอคอยอย่าง นักเรยี นเร่มิ ปฏิบตั ิตามขันตอน อดทน และรับฟังแนวความคิด ของนกั เรยี น 11. หลังจากท้ากิจกรรมแล้ว นักเรียนร่วมกันอภิปรายผลการท้ากิจกรรม โดยอาจน้าภาพโครงร่างของร่างกายที่ติดอวัยวะในระบบย่อยอาหาร ถูกต้อง หรือใช้แบบจ้าลองร่างกายประกอบการอภิปราย ตามแนว ค้าถามดงั นี 11.1 จากการสืบค้นข้อมูล และการสร้างแบบจ้าลอง พบว่าระบบย่อย อาหารประกอบด้วยอวัยวะใดบ้าง (ระบบย่อยอาหารประกอบด้วย ปาก หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร ล้าไส้เล็ก ตับ ตับอ่อน ล้าไสใ้ หญ่ และทวารหนกั ) 11.2นักเรียนสร้างแบบจ้าลองในรูปแบบใดบ้าง (นักเรียนตอบรูปแบบ ของแบบจ้าลองท่ีกลุ่มของตนสร้างซ่ึงอาจเป็น แผนภาพ การแสดง บทบาทสมมติ แอนิเมชัน stop motion) 11.3แบบจ้าลองที่นักเรียนสร้างขึน สามารถใช้บรรยายลักษณะและ หน้าท่ีของอวัยวะในระบบย่อยอาหารได้หรือไม่ อย่างไร (นักเรียน ตอบจากผลการใช้แบบจ้าลองที่กลุ่มของตนเองสร้างขึน เช่น แบบจ้าลองที่สร้างขึนสามารถใช้บรรยายลักษณะและหน้าท่ีของ ระบบย่อยอาหารได้ โดยแบบจ้าลองแสดงลักษณะท่ีใกล้เคียงกับ อวัยวะจริง และวางอยู่ในต้าแหน่งตามล้าดับการย่อยท่ีถูกต้อง รวมทังระบุหน้าที่ของแต่ละอวัยวะไว้อย่างชัดเจน หรือแบบจ้าลอง ที่สร้างขึนแสดงภาพเคล่อื นไหวของอวยั วะต่าง ๆ) 11.4 ในปากมีการย่อยอาหารหรือไม่ อย่างไร (ในปากมีการย่อยอาหาร โดยในปากมีลินและฟันท่ีท้าหน้าท่ีร่วมกันตัด บด และคลุกเคล้า อาหารกับนา้ ลายซง่ึ มเี อนไซม์ย่อยสารอาหารประเภทคารโ์ บไฮเดรต ทอี่ ยูใ่ นข้าวเหนยี วให้มีขนาดเล็กลง) 11.5 ในล้าคอมีอวัยวะอะไรท่ีเก่ียวข้องกับระบบย่อยอาหาร และมีหน้าที่ อย่างไร (ในคอมีหลอดอาหาร ท้าหน้าที่บีบตัวให้ก้อนอาหาร เคล่อื นท่ลี งสู่กระเพาะอาหาร) 11.6 กระเพาะอาหารมีลักษณะอย่างไร และมีการย่อยอาหารหรือไม่ อย่างไร (กระเพาะอาหารมีลักษณะเป็นถุง ผนังด้านในมีลักษณะ สถาบันส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 

59 คมู่ อื ครูรายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เล่ม 1 | หนว่ ยที่ 1 อาหารและการยอ่ ยอาหาร เป็นคลื่น กระเพาะอาหารจะหล่ังกรดเกลือ และสร้างเอ็นไซม์ ถ้ า ค รู พ บ ว่ า นั ก เ รี ย น ยั ง มี สา้ หรับย่อยโปรตีน) แนวคิดคลาดเคล่ือนเกี่ยวกับ 11.7 ถ้าเรารับประทานเนือสัตว์จ้านวนมาก จะส่งผลต่อกระเพาะอาหาร ลักษณะและหน้าที่ของอวัยวะ หรือไม่ เพราะเหตุใด (ส่งผล เพราะในเนือสัตว์มีโปรตีนเป็น ในระบบย่อยอาหาร ให้ร่วมกัน สารอาหารหลัก ถ้ารับประทานเนือสัตว์ปริมาณมากจะท้าให้ อภิปรายจนนักเรียนมีแนวคิดท่ี กระเพาะต้องสร้างเอนไซม์ส้าหรับย่อยโปรตีนมากกว่าปกติ และ ถูกต้อง ต้องใช้เวลาในการย่อยนาน และอาจทา้ ให้ยอ่ ยไมห่ มด) 11.8 หลังจากอาหารผ่านกระเพาะอาหารแล้วมีสารอาหารประเภทใด ขอ้ เสนอแนะเพ่มิ เติม อีกบ้างท่ียังไม่ถูกย่อย และสารอาหารนันจะมีการย่อยที่อวัยวะใด (ไขมัน โดยไขมันจะถูกย่อยที่ล้าไส้เล็ก นอกจากนีคาร์โบไฮเดรต หลงั จากทา้ กจิ กรรมตอนท่ี 1 แล้ว บางชนดิ ทยี่ งั ไม่ถูกย่อยท่ีปาก รวมทังโปรตีนบางชนดิ ที่ยังไม่ถูกย่อย ครูควรมอบหมายงานล่วงหน้าก่อน ท่กี ระเพาะอาหารก็จะถกู ย่อยท่ีล้าไส้เลก็ เชน่ กัน) ถงึ ช่ัวโมงเรียนกจิ กรรม ตอนท่ี 2 โดย 11.9 ล้าไส้เล็กมีลักษณะอย่างไร และมีหน้าท่ีอะไร (ล้าไส้เล็กมีลักษณะ ให้นักเรียนสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับโรค เป็นท่อยาวขดไปมาอยู่ในช่องท้อง และที่ผนังด้านในมีลักษณะ ห รื อ อ า ก า ร ที่ เ ก่ี ย ว กั บ ร ะ บ บ ย่ อ ย ตะปุ่มตะป่า ลา้ ไส้เลก็ ทา้ หนา้ ท่ีย่อยคาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน ให้ อาหาร รวมทงั ข้อมูลการป้องกันและ มีขนาดเล็กลงจนสามารถดูดซึมได้ นอกจากนียังท้าหน้าที่ดูดซึม การดูแลรักษาอวัยวะในระบบย่อย สารอาหารทกุ ประเภท) อ า ห า ร ใ ห้ ท้ า ง า น เ ป็ น ป ก ติ ซึ่ ง 11.10 ลักษณะของล้าไส้เล็กเหมาะสมต่อการดูดซึมสารอาหารอย่างไร แหล่งข้อมูลที่ครูสามารถแนะน้า นักเรียนไปสืบค้น เช่น เอกสาร (การที่ล้าไส้เล็กยาวท้าให้มีเวลาอย่างเพียงพอส้าหรับการดูดซึม เผยแพร่หรือเว็บไซต์ของหน่วยงาน สารอาหาร และเน่ืองจากผนังด้านในของล้าไส้เล็กมีลักษณะ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข หรือ ตะปุ่มตะป่าคล้ายนิวมือจ้านวนมากจึงเป็นการเพิ่มพืนท่ีผิวใน สามารถใช้ค้าค้นต่าง ๆ เช่น โรค การดดู ซมึ สารอาหารอีกดว้ ย) เกยี่ วกบั ระบบย่อยอาหาร เพือ่ ค้นหา 11.11 การย่อยไขมันต้องใช้สิ่งใดบ้าง (ต้องใช้น้าดีจากตับมาช่วยท้าให้ ขอ้ มลู ในเวบ็ ไซต์ ไขมันแตกตวั และใชเ้ อนไซม์จากล้าไส้เล็กย่อยไขมันให้มีอนุภาค เล็กลง) 11.12 ตับเก่ียวข้องกับการย่อยอาหารในระบบยอ่ ยอาหารอย่างไร (ตับ จะสร้างน้าดีและส่งไปเก็บท่ีถุงน้าดีและส่งต่อไปยังล้าไส้เล็ก น้าดีช่วยท้าให้ไขมันแตกตัวเล็กลง จึงง่ายต่อการย่อยโดย เอนไซม)์ 11.13 ตับอ่อนส้าคัญอย่างไร (ตับอ่อนมีหน้าที่สร้างเอนไซม์ส่งมาที่ ลา้ ไส้เลก็ เพื่อชว่ ยย่อยสารอาหาร) 11.14 สารอาหารที่ถูกดูดซึมจะเข้าไปที่ใด (สารอาหารจะเข้าสู่หลอด เลือดและทอ่ น้าเหลืองทอี่ ยู่ในผนังลา้ ไส้เล็ก)  สถาบนั สง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

คู่มือครูรายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 1 | หน่วยที่ 1 อาหารและการย่อยอาหาร 60 11.15 สารอาหารจะไปสู่ส่วนต่าง ๆ ของร่างกายอย่างไร (สารอาหาร ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ จะถูกล้าเลยี งไปกับเลือดทางหลอดเลอื ด) และทักษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 ท่ี 11.16 ถัดจากล้าไส้เล็กอาหารจะเคล่ือนท่ีต่อไปยังอวัยวะใด (ล้าไส้ นกั เรียนจะได้ฝึกจากการทากิจกรรม ใหญ)่ ตอนท่ี 2 11.17 ทลี่ ้าไสใ้ หญม่ กี ารยอ่ ยอาหารหรอื ไม่ (ไมม่ ี) S8 ลงความเห็นเก่ียวกับการดูและ 11.18 ล้าไส้ใหญ่มีลักษณะและหน้าที่อย่างไร (ล้าไส้ใหญ่มีลักษณะเป็น รั ก ษ า อ วั ย ว ะ ใ น ร ะ บ บ ย่ อ ย ทอ่ มหี นา้ ทด่ี ูดซมึ เกลอื แร่ และน้าจากกากอาหาร) อาหาร 11.19 วิตามินและเกลือแร่มีการย่อยและการดูดซึมที่อวัยวะใด C4 อภิปรายประสบการณ์การ เป็นโรคหรือมีอาการเกี่ยวกับ (วิตามินและเกลือแร่มีอนุภาคขนาดเล็กไม่จ้าเป็นต้องผ่านการ ระบบย่อยอาหาร ลักษณะ ย่อย และจะถูกดูดซึมท่ีล้าไส้เล็ก นอกจากนีเกลือแร่บางส่วนจะ อาการของโรค สาเหตุและ ถูกดูดซึมที่ลา้ ไสใ้ หญ่) แนวทางการป้องกันไม่ให้เกิด 11.20 ส่ิงท่ีเหลือจากการย่อยอาหารเรียกว่าอะไร และจะออกจาก โรคหรอื มีอาการนนั ซ้า ร่างกายทางใด (เรียกว่ากากอาหาร ออกจากร่างกายผ่านทาง C6 สืบค้นข้อมูลโรคหรืออาการท่ี ทวารหนกั ) เกีย่ วกบั ระบบย่อยอาหาร การ 12. ครเู ชอ่ื มโยงข้อมลู ท่ีได้จากการท้ากิจกรรมตอนที่ 1 ไปสู่การท้ากิจกรรม ป้ อ ง กั น แ ล ะ ก า ร ดู แ ล รั ก ษ า ตอนท่ี 2 โดยใช้ค้าถามว่าเรารู้มาแล้วว่าอวัยวะในระบบย่อยอาหาร อวัยวะในระบบยอ่ ยอาหาร สา้ คัญต่อรา่ งกาย รหู้ รือไมว่ ่าเรามีวธิ ีดแู ลอวยั วะเหลา่ นอี ย่างไร 13. นักเรียนอ่าน ทาอย่างไร ตอนที่ 2 แล้วร่วมกันอภิปรายเพ่ือสรุปล้าดับ ขันตอนในการท้ากิจกรรม ครูตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียนโดยใช้ ค้าถามดงั ตอ่ ไปนี 13.1 นักเรียนตอ้ งอภปิ รายและบันทกึ ผลเกยี่ วกับเร่อื งอะไร (ประสบการณ์ จ า ก ก า ร เ ป็ น โ ร ค ห รื อ มี อ า ก า ร ท่ี เ ก่ี ย ว ข้ อ ง กั บ ร ะ บ บ ย่ อ ย อ า ห า ร ลักษณะอาการของโรค สาเหตุและแนวทางการป้องกันไม่ให้เกิดโรค หรอื มอี าการนนั ซ้า) 13.2 โรคหรืออาการท่ีเก่ียวข้องกับระบบย่อยอาหารมีอะไรบ้าง (โรคหรือ อาการที่เกี่ยวข้องกับระบบย่อยอาหาร เช่น โรคกระเพาะอาหาร อกั เสบ ปวดทอ้ ง ทอ้ งอืด ทอ้ งเสยี ทอ้ งผกู ) 13.3 หลังจากอภิปรายแล้วนักเรียนต้องท้าอะไร (สืบค้นข้อมูลเพ่ิมเติม เก่ียวกบั โรคหรอื อาการทเี่ กี่ยวกบั ระบบยอ่ ยอาหาร รวมทังข้อมลู การ ป้องกันและการดูแลรักษาอวัยวะในระบบย่อยอาหารให้ท้างานเป็น ปกติ) 14. เม่ือนักเรียนเข้าใจวิธีการท้ากิจกรรมในทาอย่างไร ตอนที่ 2 แล้ว ให้ นกั เรยี นเริม่ ปฏิบตั ติ ามขนั ตอน สถาบันส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 

61 ค่มู อื ครูรายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 1 | หน่วยที่ 1 อาหารและการย่อยอาหาร 15. หลังจากท้ากิจกรรมแล้ว นักเรียนร่วมกันอภิปรายผลการท้ากิจกรรม ถ้านักเรียนไม่สามารถตอบ ตามแนวคา้ ถามดงั นี ค้าถามหรืออภิปรายได้ตามแนว 15.1 นักเรียนเคยเป็นโรคหรือมีอาการอะไรบ้างที่เกี่ยวกับระบบย่อย ค้าตอบ ครูควรให้เวลานักเรียน อาหาร (นกั เรียนตอบตามประสบการณข์ องตนเอง) คิดอย่างเหมาะสม รอคอยอย่าง 15.2 โรคหรืออาการท่ีนักเรียนเคยเป็นมีสาเหตุจากอะไร (นักเรียนตอบ อดทน และรับฟังแนวความคิด ตามประสบการณข์ องตนเอง) ของนกั เรียน 15.3 นักเรียนมีวิธีการป้องกันเพื่อไม่ให้เป็นโรคหรือมีอาการนันซ้าอีก อย่างไร (นักเรียนตอบตามประสบการณ์ของตนเอง เช่น ถ้ า ค รู พ บ ว่ า นั ก เ รี ย น ยั ง มี รับประทานอาหารท่ีปรุงสุก สะอาด รับประทานในปริมาณที่ แนวคิดคลาดเคล่ือนเกี่ยวกับ เหมาะสม รบั ประทานอาหารตรงเวลา เคยี วอาหารใหล้ ะเอียด) การดูแลรักษาอวัยวะในระบบ 15.4 โรคหรอื อาการทีเ่ ก่ยี วข้องกบั ระบบย่อยอาหารมีอะไรบ้าง (โรคหรือ ย่อยอาหารให้ท้างานเป็นปกติ อาการที่เกี่ยวข้องกับระบบย่อยอาหาร มีหลายโรค เช่น กรดไหล ให้ร่วมกันอภิปรายจนนักเรียนมี ย้อน กระเพาะอาหารอักเสบ เลือดออกในทางเดินอาหาร มะเร็ง แนวคดิ ท่ีถูกตอ้ ง ล้าไส้ใหญ่ ตับแข็ง ตับอ่อนอักเสบ ถุงน้าดีอักเสบ นิ่วในถุงน้าดี ริดสดี วงทวาร อาการปวดทอ้ ง ทอ้ งอดื ท้องเสยี ทอ้ งผูก) 15.5 นักเรียนสืบค้นข้อมูลจากแหล่งใดบ้าง (นักเรียนตอบตามผลการท้า กิจกรรมของตนเอง เชน่ เว็บไซต์ของหนว่ ยงานทางการแพทย)์ 15.6 นักเรียนมีวิธีป้องกันและดูแลรักษาอวัยวะในระบบย่อยอาหารให้ ท้างานเป็นปกติอย่างไร (นักเรียนตอบวธิ ีการปอ้ งกันและดูแลรักษา อวยั วะโดยอ้างองิ จากโรคหรืออาการทีร่ ะบุไว้ในข้อ 15.4 เชน่ ภาวะ กรดไหลย้อน มีวิธีป้องกันโดยไม่ควรนอนทันทีหลังรับประทาน อาหาร โรคกระเพาะอาหารอักเสบ ควรหลีกเล่ียงอาหารที่มีรสจัด แอลกอฮอล์ ลดความเครยี ด อาการท้องอดื ควรรับประทานผักและ ผลไมเ้ พมิ่ และต้องล้างใหส้ ะอาด เคียวอาหารใหล้ ะเอยี ด) 16. ครูเปิดโอกาสให้ซักถามในสิ่งท่ีอยากรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับลักษณะและ หน้าที่ของอวัยวะในระบบย่อยอาหาร รวมทังการดูแลรักษาอวัยวะ จากนันร่วมกันอภิปรายและลงข้อสรุปว่าอวัยวะในระบบย่อยอาหาร ประกอบด้วย ปาก หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร ล้าไส้เล็ก ตับอ่อน ตับ ล้าไส้ใหญ่ และทวารหนัก แต่ละอวัยวะมีลักษณะและหน้าท่ี แตกต่างกัน แต่ท้างานร่วมกันในการย่อยและดูดซึมสารอาหาร ระบบ ย่อยอาหารมีความส้าคัญมากเพราะเป็นระบบที่ท้าให้ร่างกายได้รับ สารอาหารที่เป็นประโยชน์ ดังนันนักเรียนจึงควรมีพฤติกรรมการ  สถาบนั สง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คูม่ ือครูรายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 1 | หนว่ ยท่ี 1 อาหารและการย่อยอาหาร 62 รบั ประทานอาหารทถี่ ูกต้องเพ่ือใหอ้ วัยวะในระบบย่อยอาหารได้ท้างาน เป็นปกติ ไมเ่ ปน็ โรคหรอื มอี าการทเี่ กี่ยวข้องกบั ระบบย่อยอาหาร (S13) 17. ครูให้นักเรียนตอบค้าถามใน ฉันรู้อะไร จากนันร่วมกันอภิปรายเพื่อให้ ได้แนวค้าตอบทถี่ ูกตอ้ ง 18. นกั เรยี นอ่าน สิ่งท่ีได้เรยี นรู้ และเปรยี บเทียบกับขอ้ สรปุ ของตนเอง 19. ครูชักชวนนกั เรยี นร่วมกันอภิปรายค้าถามชวนคิด ในหนังสือเรยี นหนา้ 24 โดยมอบหมายให้นกั เรียนไปสบื ค้นข้อมลู เพ่อื หาคา้ ตอบ 20. ครูกระตุ้นให้นักเรียนฝึกตังค้าถามเก่ียวกับเร่ืองที่สงสัยหรืออยากรู้ เพิ่มเติมใน อยากรู้อีกว่า จากนันครูอาจสุ่มนักเรียน 2 -3 คน น้าเสนอ ค้าถามของตนเองหน้าชันเรียน และให้นักเรียนร่วมกันอภิปราย เก่ียวกับค้าถามที่นา้ เสนอ 21. ครูน้าอภิปรายเพ่ือให้นักเรียนทบทวนว่าได้ฝึกทักษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตรแ์ ละทกั ษะแห่งศตวรรษที่ 21 อะไรบ้างในขนั ตอนใด 22. นักเรียนร่วมกันอ่านรู้อะไรในเรื่องนี้ ในหนังสือเรียน หน้า 26 ครูน้า อภิปรายเพื่อน้าไปสู่ข้อสรุปเก่ียวกับสิ่งท่ีได้เรียนรู้ในเรื่องนี จากนันครู กระตุ้นให้นักเรียนตอบค้าถามในช่วงท้ายของเนือเร่ืองว่า สิ่งเจือปนท่ี อยู่ในอาหารอาจมีอันตรายต่อสุขภาพ ดังนันก่อนน้าอาหารมา รั บ ป ร ะ ท า น จึ ง ต้ อ ง มี ก า ร แ ย ก สิ่ ง เ จื อ ป น เ ห ล่ า นั น อ อ ก จ า ก อ า ห า ร นักเรียนคิดว่าการแยกสิ่งต่าง ๆ ท้าได้อย่างไร ให้นักเรียนร่วมกัน อภิปรายเพื่อหาแนวทางการตอบค้าถาม ซึ่งครูควรเน้นให้นักเรยี นตอบ ค้าถามพร้อมอธิบายเหตุผลประกอบ และนักเรียนจะได้ไปร่วมกันหา ค้าตอบจากการเรียนหนว่ ยท่ี 2 การแยกสารเนือผสม สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 

63 คมู่ ือครูรายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เล่ม 1 | หน่วยที่ 1 อาหารและการย่อยอาหาร แนวคาตอบในแบบบันทกึ กจิ กรรม เกดิ จากพฤตกิ รรมการรับประทานอาหารที่ไมเ่ หมาะสม เช่น รับประทานอาหารมาก เกนิ ไป รับประทานอาหารไมต่ รงเวลา รับประทานอาหารเรว็ เกนิ ไป รับประทาน อาหารแล้วทากจิ กรรมอื่นทันที รบั ประทานอาหารท่ไี มส่ ะอาดหรือมรี สจดั ระบบยอ่ ยอาหารมีประโยชน์ โดยจะยอ่ ยสารอาหารท่มี ีอนภุ าคขนาดใหญ่ใหม้ ีขนาด เลก็ ลง และทาหนา้ ทีด่ ูดซมึ สารอาหารท่มี ขี นาดเลก็ เขา้ สู่เลอื ด เพ่ือนาไปใช้ ประโยชนท์ ีส่ ่วนตา่ ง ๆ ของร่างกาย 1. สังเกตและบรรยายลักษณะและหนา้ ท่ขี องปาก ลน้ิ ฟนั ขณะเคย้ี วอาหาร 2. รวบรวมข้อมูล และสร้างแบบจาลองบรรยายลักษณะและ หน้าที่ของอวัยวะในระบบย่อยอาหารและการดูดซึมสารอาหาร โดยใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม  สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

ค่มู อื ครรู ายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เล่ม 1 | หน่วยท่ี 1 อาหารและการยอ่ ยอาหาร 64 รปู รา่ งค่อนขา้ งรี สขี าว รวมตัวกันเป็นก้อน สีขาว ค่อนข้าง เหลว มรี สชาติ ปากจะปิดและขยับ ฟนั บนและฟนั ลา่ ง ล้นิ จะขยับและ ไปมา ขยับขน้ึ ลงเข้าหากนั คลกุ เคลา้ ขา้ วเข้ากบั ฟันลา่ งขยับไป น้าลาย ขา้ งหนา้ และหลัง คอมกี ารเคลอ่ื นไหว สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 

65 ค่มู อื ครูรายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เล่ม 1 | หนว่ ยที่ 1 อาหารและการย่อยอาหาร เปน็ ช่อง เปดิ -ปิดได้ เป็นแผ่นกล้ามเนื้อ เปน็ ซข่ี นาดเลก็ เรียง ปลายเรยี วหนา ต่อกัน สีขาว แข็ง เป็นช่องทางรับอาหารเข้า ช่วยตะล่อมและ บด สับ อาหารให้ สู่ร่างกาย และเป็นช่อง คลุกเคล้าอาหารกับ เปน็ ชิน้ เลก็ ๆ กกั เกบ็ อาหารขณะเคี้ยว นา้ ลายและเอนไซม์ 1 ปาก เป็นช่อง มีลิ้นและ เป็นทางเข้าของอาหาร มีฟัน ฟนั อยูภ่ ายใน สาหรับตัด สับอาหารให้มี ข น า ด เ ล็ ก มี ลิ้ น ต ะ ล่ อ ม คลุกเคล้าอาหารกับน้าลาย 2 หลอดอาหาร เป็นท่อตรง ยาวจาก แบลบี ะแเอลนะคไซลมาย์ เพ่ือดนั กอ้ น ป า ก ถึ ง ก ร ะ เ พ า ะ อาหารให้เคลื่อนลงสู่ กระเพาะอาหาร อาหาร  สถาบนั สง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

ค่มู อื ครรู ายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เล่ม 1 | หนว่ ยท่ี 1 อาหารและการยอ่ ยอาหาร 66 3 ก ร ะ เ พ า ะ เป็นถงุ ผนังดา้ นใน ย่ อ ย โ ป ร ตี น โ ด ย ใ ช้ อาหาร มีลกั ษณะเปน็ คล่นื เอนไซม์และกรดเกลอื 4 ลาไสเ้ ล็ก เ ป็ น ท่ อ ย า ว ข ด ไ ป ม า ยอ่ ยคารโ์ บไฮเดรต โปรตีน ไขมัน โดยเอนไซม์ 5 ตับ ที่ลาไส้เล็กสร้างขึน้ เองและจากตับอ่อน โดยมี 6 ตบั อ่อน ผนังด้านในตะปุ่มตะป่า น้ า ดี จ า ก ตั บ ม า ช่ ว ย ท า ใ ห้ ไ ข มั น แ ต ก ตั ว คล้ายน้วิ มอื น อ ก จ า ก น้ี ยั ง ท า ห น้ า ท่ี ดู ด ซึ ม ส า ร อ า ห า ร ทุกประเภท เ ป็ น อ วั ย ว ะ ท่ี มี สร้างน้าดีไปเก็บที่ถุงน้าดี ขนาดใหญ่ และส่งไปยังลาไส้เล็ก น้าดี ช่วยทาใหไ้ ขมนั แตกตวั เ ป็ น อ วั ย ว ะ รู ป ร่ า ง ส ร้ า ง เ อ น ไ ซ ม์ ส่ ง ไ ป ยั ง เรียวยาว ลาไส้เล็ก เพื่อช่วยย่อย สารอาหาร 7 ลาไส้ใหญ่ เป็นท่อขนาดใหญ่ ดูดซึมเกลือแร่ และน้า 8 ทวารหนกั แ ต่สั้น กว่าลาไ ส้ บีบตัวส่งกากอาหารไปยัง เล็ก ทวารหนัก เ ป็ น ช่ อ ง เ ปิ ด ท่ี อ ยู่ บีบตัวขับกากอาหาร ส่วนปลายสุดของ ออกนอกรา่ งกาย ทางเดนิ อาหาร การต์ ูนเรอื่ งลีมอนผจญภัย สถาบันส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 

67 คู่มอื ครรู ายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เล่ม 1 | หน่วยท่ี 1 อาหารและการยอ่ ยอาหาร นักเรียนไม่จาเป็นต้องเขียนแบบจาลองลงในแบบบันทึกหน้านี้ แต่อาจสร้าง แบบจาลองในรูปแบบอื่นๆ เชน่ อาจวาดรูปในกระดาษปร๊ฟู สร้างแอนิเมชัน หรือภาพเคลื่อนไหวในแอปพลิเคชันต่าง ๆ ซึ่งแบบจาลองของนักเรียนต้อง แสดงลักษณะ ตาแหน่ง และมีการอธิบายหน้าท่ีของอวัยวะต่าง ๆ ในระบบ ย่อยอาหารอย่างถูกตอ้ ง  สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

ค่มู ือครรู ายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เล่ม 1 | หน่วยท่ี 1 อาหารและการยอ่ ยอาหาร 68 รวบรวมข้อมูล และบอกแนวทางในการดูแลรักษาอวัยวะในระบบย่อย อาหารให้ทางานเป็นปกติ บนั ทึกขอ้ มูลตามประสบการณ์ของนกั เรียน เชน่ 1. จุ ก เ สี ย ด แนน่ จกุ ในทอ้ ง รั บ ป ร ะ ท า น รับประทานอาหารให้มี ท้อง อาหารท่ีมีไขมัน ปริมาณพอเหมาะ มาก 2. ก ร ะ เ พ า ะ ปวดท้องบริเวณล้ินปี เช่น ติดเช้ือแบคทีเรียที่ รับประทานอาหารทสี่ ะอาด อาหารอักเสบ อ า จ เ ป็ น ๆ ห า ย ๆ กระเพาะอาหาร หรือเกิด หลกี เลี่ยงอาหารรสจัด แอลกอฮอล์ คลนื่ ไส้ อาเจียน จากอาหารบางชนิด ความเครียด 3. ท้องผกู ขับถ่ายอุจจาระยาก รั บ ป ร ะ ท า น ผั ก รับประทานอาหารที่มีเส้นใย ไม่เปน็ เวลา ผลไม้น้อย ดื่มน้า อาหารมากขน้ึ ดม่ื น้ามากข้ึน นอ้ ย สถาบนั สง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 

69 คมู่ อื ครูรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 1 | หน่วยที่ 1 อาหารและการย่อยอาหาร บนั ทกึ ข้อมูลตามผลการสบื ค้นของนกั เรียน เช่น ภาวะกรดไหลย้อน ไม่ควรนอนทันทีหลังรับประทานอาหาร ถ้ามอี าการควรรับประทานยา กระเพาะอาหารอักเสบ หลีกเล่ียงอาหารรสจัด แอลกอฮอล์ กาแฟ มะเรง็ ลาไส้ใหญ่ ลดความเครียด ถ้ามอี าการควรรบั ประทานยา รดิ สีดวงทวาร รับประทานอาหารให้หลากหลาย รับประทาน ผักผลไม้เพิ่มขึ้น ลดอาหารป้ิงย่าง ถ้ามีอาการ ควรพบแพทย์เพื่อรับการรกั ษา หลกี เลีย่ งอาหารรสจดั ขบั ถา่ ยให้ตรงเวลา ถา้ มอี าการใหใ้ ชย้ าตามแพทย์สง่ั ท้องอดื รับประทานผักผลไม้ในปริมาณทีพ่ อเหมาะ ไม่ควรนอนทันทีหลังรับประทานอาหาร ถ้ามีอาการควรรบั ประทานยา เวบ็ ไซตโ์ รงพยาบาลบารงุ ราษฎร์ เวบ็ ไซต์โรงพยาบาลวิภาวดี  สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ค่มู ือครรู ายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 1 | หน่วยที่ 1 อาหารและการย่อยอาหาร 70 ข้าวสุกก่อนและหลังเค้ียวมีลักษณะแตกต่างกัน คือ ก่อนเคี้ยวจะมีรูปร่างเป็น เม็ดเรยี ว สีขาว มกี ลนิ่ หลงั เคย้ี วจะมลี กั ษณะเป็นก้อนเหลว สีขาว มรี สชาติ ทางานสมั พนั ธก์ ันโดยปากเปน็ ชอ่ งเปิดรับอาหาร ขณะเคย้ี วปากจะปดิ และขยับ ไปมา ขณะเดียวกันจะมีน้าลายออกมา ฟันทาหน้าท่ีบด สับอาหาร ลิ้นจะขยับ ตะลอ่ มคลกุ เคลา้ อาหารให้เขา้ กบั น้าลายและเอนไซม์ เน่ืองจากข้าวเหนียวมีสารอาหารทั้ง 6 ประเภท ส่วนหมูป้ิงมี โปรตีน ไขมัน เกลือแร่ วิตามิน และ น้า การย่อยสารอาหารประเภทเดียวกันที่อยู่ในหมูปิ้งและข้าวเหนียวจะเหมือนกัน ดังนี้ โปรตีนจะ ย่อยท่ีกระเพาะอาหารและลาไส้เล็ก ไขมันจะย่อยที่ลาไส้เล็ก วิตามิน เกลือแร่และน้าไม่ต้องย่อย ส่วนคาร์โบไฮเดรตในข้าวเหนียวจะย่อยท่ีปากและลาไส้เล็ก ส่วนการดูดซึมสารอาหารทุกประเภท จากข้าวเหนียวและหมปู งิ้ จะเกิดขึน้ ที่ลาไสเ้ ล็ก น้าและเกลือแร่บางสว่ นจะดดู ซึมท่ลี าไส้ใหญ่ ตับและตับออ่ นไม่ใชท่ างผา่ นของอาหาร แต่ชว่ ยในการยอ่ ยอาหารดังนี้ ตับสรา้ งนา้ ดไี ปเก็บ ที่ถุงน้าดี ถุงน้าดีจะบีบตัวเพื่อส่งน้าดีไปยังลาไส้เล็กช่วยทาให้ไขมันแตกตัว ส่วนตับอ่อน ทาหนา้ ทีส่ รา้ งเอมไซม์แล้วสง่ ไปยงั ลาไส้เลก็ เพื่อช่วยยอ่ ยสารอาหารต่าง ๆ ในลาไสเ้ ล็ก การดูดซึมสารอาหารส่วนใหญ่เกิดขึ้นที่ลาไส้เล็กซ่ึงมีความยาวมากทาให้มี เวลาดูดซมึ ไดน้ าน และผนังด้านในของลาไส้เลก็ มีลกั ษณะตะปุ่มตะป่าคล้าย นวิ้ มือเป็นการเพิม่ พนื้ ที่ผิวในการดูดซมึ ทาใหด้ ูดซึมสารอาหารไดม้ ากขน้ึ สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 

71 คมู่ ือครรู ายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 1 | หนว่ ยที่ 1 อาหารและการย่อยอาหาร สารอาหารประเภทวติ ามนิ เกลือแร่ และนา้ ไม่ตอ้ งผ่านการย่อย เพราะ มอี นุภาคขนาดเล็กทร่ี ่างกายสามารถดดู ซึมไปใช้ได้เลย ทวารหนักเป็นอวัยวะในระบบย่อยอาหาร เพราะเป็นส่วนหน่ึงของ ทางเดนิ อาหารท่มี หี น้าท่ขี บั กากอาหารออกจากร่างกาย อวัยวะในระบบย่อยอาหารประกอบด้วย ปาก หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร ลาไส้เล็ก ตับ ตับอ่อน ลาไส้ใหญ่ และทวารหนัก แต่ละอวัยวะมีลักษณะและหน้าที่แตกต่างกัน แต่ทางานร่วมกันใน การย่อยและดูดซมึ สารอาหาร ภาวะกรดไหลย้อน เป็นภาวะที่กรดเกลือจากกระเพาะอาหารไหลย้อนข้นึ มาทางหลอด อาหาร ทาให้ปวดแสบหรือจุกบริเวณหน้าอก มีสาเหตุจากความเครียด รับประทาน อาหารรสจัด ด่ืมน้าอัดลมหรือแอลกอฮอล์ กระเพาะอาหารบีบตัวลดลง นอนทันทีหลงั รับประทานอาหารเสรจ็ หรือรับประทานอาหารปริมาณมากในม้ือเดียว ปรบั พฤตกิ รรมการรบั ประทานอาหารให้ตรงเวลา หลีกเล่ียงอาหารรสจัด แอลกอฮอล์ หลีกเล่ียงความเครียด เว้นช่วงการนอนหลังจากรับประทานอาหารประมาณ 3-4 ชว่ั โมง  สถาบนั ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ค่มู ือครรู ายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 1 | หน่วยท่ี 1 อาหารและการย่อยอาหาร 72 การรับประทานอาหารจาพวกเน้ือสัตว์ท่ีมีโปรตีนและไขมันมากมีผลทาให้ อวัยวะในระบบย่อยอาหารทางานหนัก กระเพาะอาหารต้องสร้างกรดและ เอนไซม์จานวนมาก และอาจทาใหก้ ารยอ่ ยช้าลง อาหารจะคา้ งอยู่ในกระเพาะ อาหารเป็นเวลานาน เกดิ อาการแนน่ ท้อง ทอ้ งอดื ได้ โรคหรืออาการท่ีเก่ียวข้องกับระบบย่อยอาหารมีหลายอย่าง เช่น โรคกระเพาะอาหาร อักเสบ ท้องผูก ซ่ึงเกิดจากพฤติกรรมการรับประทานอาหารท่ีไม่เหมาะสม เช่น รับประทานอาหารมากเกินไป รบั ประทานอาหารไม่ตรงเวลา เราจึงควรปรับพฤติกรรมการ รับประทานอาหารเพ่อื ให้อวัยวะในระบบย่อยอาหารทางานเป็นปกติ ระบบย่อยอาหารมอี วัยวะหลายอวยั วะท่ีทาหน้าท่ีร่วมกนั ในการย่อยและดูดซึมสารอาหาร เพือ่ ใหร้ า่ งกายนาไปใชป้ ระโยชน์ จงึ ควรมีพฤตกิ รรมการรบั ประทานอาหารทถี่ กู ตอ้ งเพื่อให้ อวัยวะในระบบย่อยอาหารทางานได้เป็นปกติ ไม่เป็นโรคหรือมีอาการผิดปกติที่จะเกิดกับ ระบบยอ่ ยอาหาร ถ้าลาไส้เล็กส้นั ลงกว่าเดิม อาจทาให้ประสิทธภิ าพในการย่อยและดูดซึมสารอาหารที่ ลาไลเ้ ลก็ ลดลง สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 

73 คู่มอื ครรู ายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 1 | หนว่ ยที่ 1 อาหารและการยอ่ ยอาหาร คาถามของนกั เรยี นทต่ี ้ังตามความอยากรู้ของตนเอง       สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

คมู่ ือครูรายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เล่ม 1 | หนว่ ยที่ 1 อาหารและการย่อยอาหาร 74 แนวการประเมินการเรียนรู้ การประเมินการเรยี นรูข้ องนกั เรียนท้าได้ ดงั นี 1. ประเมนิ ความรเู้ ดิมจากการอภปิ รายในชันเรียน 2. ประเมินการเรยี นรู้จากคา้ ตอบของนกั เรียนระหวา่ งการจดั การเรยี นรแู้ ละจากแบบบันทึกกิจกรรม 3. ประเมินทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรแ์ ละทกั ษะแห่งศตวรรษท่ี 21 จากการท้ากจิ กรรมของนกั เรยี น การประเมนิ จากการทากจิ กรรมที่ 2 อวยั วะในระบบยอ่ ยอาหารมลี กั ษณะ และหน้าทอี่ ย่างไร รหัส สง่ิ ทีป่ ระเมิน คะแนน ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ S1 การสงั เกต S8 การลงความเห็นจากขอ้ มูล S13 การตีความหมายขอ้ มูลและลงข้อสรปุ S14 การสรา้ งแบบจา้ ลอง ทกั ษะแห่งศตวรรษท่ี 21 C4 การส่อื สาร C5 ความรว่ มมอื C6 การใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอ่ื สาร รวมคะแนน สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี 

75 คู่มอื ครูรายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เล่ม 1 | หนว่ ยท่ี 1 อาหารและการย่อยอาหาร ตาราง รายการประเมนิ และเกณฑ์การประเมินทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ทักษะกระบวนการ รายการประเมนิ เกณฑ์การประเมนิ ทางวิทยาศาสตร์ ดี (3) พอใช้ (2) ควรปรบั ปรงุ (1) S1 การสงั เกต การบรรยาย สามารถใช้ประสาทสมั ผัส สามารถใช้ประสาทสมั ผสั สามารถใช้ประสาท รายละเอียดข้อมลู เกบ็ รายละเอียดข้อมลู เก็บรายละเอยี ดข้อมูล สมั ผัสเกบ็ รายละเอยี ด ลกั ษณะของข้าวสวย ลกั ษณะของข้าวสวยก่อน ลกั ษณะของขา้ วสวยก่อน ขอ้ มูลลกั ษณะของข้าว ก่อนและหลงั การเคียว และหลงั การเคยี ว และ และหลงั การเคยี ว และ สวยก่อนและหลงั การ และลักษณะการ ลกั ษณะการท้างานของ ลักษณะการท้างานของ เคยี ว และลักษณะการ ทา้ งานของปาก ลนิ ปาก ลิน ฟนั และคอ ได้ ปาก ลนิ ฟัน และคอ ได้ ท้างานของปาก ลนิ ฟัน ฟัน และคอ ถกู ต้องครบถ้วนดว้ ย ถูกต้องครบถ้วน จากการ และคอ ไดเ้ พยี งบางสว่ น ตนเอง โดยไมเ่ พิ่มเติม ชีแนะของครหู รือผอู้ ่ืน แม้วา่ จะไดร้ บั ค้าชแี นะ ความคดิ เห็น หรือมีการเพมิ่ เติมความ จากครหู รอื ผู้อนื่ คดิ เหน็ S8 การลง การลงความเห็นจาก สามารถลงความเห็นจาก สามารถลงความเหน็ จาก สามารถลงความเห็นจาก ความเหน็ จาก ขอ้ มลู ได้ว่าอวยั วะใน ข้อมูลไดถ้ ูกต้องดว้ ยตนเอง ขอ้ มลู ได้อย่างถูกตอ้ งจาก ข้อมูลได้แต่ไมค่ รบถ้วน ขอ้ มูล ระบบย่อยอาหาร ว่าอวัยวะในระบบย่อย การชแี นะของครหู รอื สมบูรณ์แม้วา่ จะได้รบั คา้ ประกอบด้วย ปาก อาหารประกอบด้วย ปาก ผอู้ นื่ ว่าอวยั วะในระบบ ชแี นะจากครหู รือผู้อน่ื วา่ หลอดอาหาร กระเพาะ หลอดอาหาร กระเพาะ ยอ่ ยอาหารประกอบดว้ ย ระบบยอ่ ยอาหาร อาหาร ล้าไสเ้ ล็ก ตบั อาหาร ลา้ ไส้เลก็ ตับออ่ น ปาก หลอดอาหาร ประกอบด้วยอวัยวะต่าง ตับอ่อน ล้าไสใ้ หญ่ ตบั ลา้ ไส้ใหญ่ ทวารหนกั กระเพาะอาหาร ลา้ ไส้ ๆ ท่ีมลี ักษณะและหน้าที่ ทวารหนกั ซงึ่ แตล่ ะ ซง่ึ แตล่ ะอวยั วะมลี ักษณะ เลก็ ตับอ่อน ตบั ลา้ ไส้ แตกต่างกัน และโรคหรือ อวัยวะมีลักษณะและ และหน้าท่ีแตกต่างกัน แต่ ใหญ่ ทวารหนัก ซ่งึ แตล่ ะ อาการทีเ่ กยี่ วกับระบบ หน้าทแี่ ตกต่างกนั แต่ ทา้ งานรว่ มกันในการย่อย อวัยวะมลี ักษณะและ ยอ่ ยอาหารจะส่งผลตอ่ ทา้ งานรว่ มกันในการ และดดู ซึมสารอาหาร หน้าทแ่ี ตกต่างกนั แต่ สขุ ภาพ ยอ่ ยและดูดซึม รวมทังลงความเหน็ ไดว้ ่า ทา้ งานรว่ มกันในการย่อย สารอาหาร รวมทังลง โรคหรอื อาการทเ่ี ก่ยี วกบั และดดู ซมึ สารอาหาร ความเห็นได้ว่าโรคหรอื ระบบย่อยอาหารสง่ ผลต่อ รวมทงั ลงความเหน็ ไดว้ า่ อาการท่เี กย่ี วกับระบบ สขุ ภาพ เราจึงควรดูแล โรคหรอื อาการทเ่ี ก่ียวกบั ย่อยอาหารสง่ ผลต่อ รักษาอวยั วะเหล่านใี ห้ ระบบยอ่ ยอาหารสง่ ผล สขุ ภาพ เราจงึ ควรดูแล ทา้ งานเปน็ ปกติ ต่อสขุ ภาพ เราจึงควร รกั ษาอวัยวะเหล่านีให้ ดูแลรักษาอวัยวะเหลา่ นี ท้างานเปน็ ปกติ ให้ทา้ งานเป็นปกติ  สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

คู่มอื ครูรายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เล่ม 1 | หนว่ ยท่ี 1 อาหารและการย่อยอาหาร 76 ทักษะกระบวนการ รายการประเมิน เกณฑ์การประเมิน ทางวิทยาศาสตร์ ดี (3) พอใช้ (2) ควรปรับปรงุ (1) S13 การ การตคี วามหมายข้อมูล สามารถตคี วามหมาย สามารถตีความหมาย สามารถตีความหมาย ตีความหมายข้อมลู จากการสบื คน้ ขอ้ มูล ข้อมูลจากการสบื คน้ ข้อมูล ข้อมลู จากการสบื ค้น ขอ้ มลู จากการสบื คน้ และลงข้อสรุป และแบบจ้าลอง และแบบจ้าลองเก่ยี วกับ ข้อมลู และแบบจ้าลอง ขอ้ มูล และแบบจา้ ลอง เกย่ี วกบั ลกั ษณะและ ลกั ษณะและหนา้ ที่ของ เก่ยี วกับลักษณะและ เก่ยี วกับลักษณะและ หนา้ ท่ขี องอวยั วะใน อวยั วะในระบบยอ่ ย หน้าท่ขี องอวัยวะใน หนา้ ที่ของอวัยวะใน ระบบยอ่ ยอาหารและ อาหารและลงขอ้ สรุปได้ ระบบยอ่ ยอาหารและลง ระบบย่อยอาหารและลง ลงขอ้ สรุปไดว้ า่ ระบบ ถกู ต้องด้วยตนเองว่าระบบ ข้อสรุปได้ถูกต้องโดย ขอ้ สรุปไดแ้ ต่ไม่ครบถ้วน ยอ่ ยอาหารมีอวัยวะ ยอ่ ยอาหารมีอวัยวะหลาย อาศยั การชีแนะจากครู สมบูรณว์ ่าระบบย่อย หลายอวัยวะทที่ ้า อวยั วะที่ท้าหน้าทรี่ ่วมกัน หรอื ผ้อู ืน่ วา่ ระบบย่อย อาหารมีอวัยวะหลาย หนา้ ที่รว่ มกันในการ ในการย่อยและดดู ซึม อาหารมีอวยั วะหลาย อวัยวะท่ีทา้ หน้าทร่ี ว่ มกัน ยอ่ ยและดูดซมึ สารอาหาร เพื่อให้ร่างกาย อวัยวะท่ีท้าหน้าทีร่ ่วมกนั ในการย่อยและดูดซึม สารอาหาร เพื่อให้ นา้ ไปใช้ประโยชน์ จึงควร ในการย่อยและดูดซึม สารอาหาร เพื่อให้ รา่ งกายน้าไปใช้ มีพฤติกรรมการ สารอาหาร เพ่ือให้ ร่างกายนา้ ไปใช้ประโยชน์ ประโยชน์ จึงควรมี รับประทานอาหารท่ี รา่ งกายนา้ ไปใช้ จึงควรมีพฤติกรรมการ พฤติกรรมการ ถูกต้องเพื่อให้อวยั วะ ประโยชน์ จงึ ควรมี รบั ประทานอาหารที่ รบั ประทานอาหารที่ เหล่านนั ทา้ งานเป็นปกติ พฤติกรรมการ ถูกต้องเพ่ือให้อวัยวะ ถกู ต้องเพ่ือให้อวยั วะ ไมเ่ ป็นโรคหรือมีอาการ รบั ประทานอาหารที่ เหลา่ นันท้างานเปน็ ปกติ เหล่านันทา้ งานเป็น ผดิ ปกตทิ จี่ ะเกดิ กับระบบ ถกู ต้องเพ่ือให้อวยั วะ ไม่เป็นโรคหรือมีอาการ ปกติ ไมเ่ ป็นโรคหรือมี ยอ่ ยอาหาร เหล่านนั ทา้ งานเปน็ ปกติ ผดิ ปกตทิ จ่ี ะเกดิ กับระบบ อาการผิดปกตทิ จี่ ะเกิด ไม่เป็นโรคหรือมีอาการ ยอ่ ยอาหาร กับระบบย่อยอาหาร ผดิ ปกตทิ จี่ ะเกดิ กบั ระบบ ยอ่ ยอาหาร S14 การสรา้ ง การสร้างแบบจา้ ลอง สามารถสร้างแบบจ้าลอง สามารถสร้างแบบจา้ ลอง สามารถสรา้ ง แบบจา้ ลอง เพอ่ื บรรยายลักษณะ ทบี่ รรยายลกั ษณะและ ทบี่ รรยายลักษณะและ แบบจ้าลองทบ่ี รรยาย และหน้าทีข่ องอวัยวะ หนา้ ที่ของอวัยวะในระบบ หนา้ ทขี่ องอวัยวะใน ลกั ษณะและหน้าทขี่ อง ในระบบย่อยอาหาร ย่อยอาหารได้ถูกต้อง ระบบย่อยอาหารได้ อวัยวะในระบบยอ่ ย ครบถว้ นด้วยตนเอง ถกู ต้อง ครบถว้ น โดย อาหารได้แตไ่ มค่ รบถ้วน การชแี นะของครูหรือ สมบูรณ์ แม้วา่ จะไดร้ บั ผู้อ่ืน การชแี นะจากครูหรือ ผอู้ ่นื สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี 

77 ค่มู อื ครูรายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 1 | หน่วยท่ี 1 อาหารและการยอ่ ยอาหาร ตาราง รายการประเมนิ และเกณฑ์การประเมนิ ทักษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 ทกั ษะแห่ง รายการประเมนิ เกณฑ์การประเมนิ ควรปรบั ปรุง (1) ศตวรรษท่ี 21 ดี (3) พอใช้ (2) สามารถน้าเสนอขอ้ มลู C4 การสื่อสาร จากการสบื ค้นขอ้ มลู การน้าเสนอขอ้ มูล สามารถนา้ เสนอขอ้ มูล สามารถนา้ เสนอขอ้ มลู จาก เกย่ี วกบั ลักษณะและ C5 ความ จากการสืบค้น จากการสบื ค้นขอ้ มลู การสบื คน้ ข้อมลู เกีย่ วกับ หนา้ ทขี่ องอวยั วะใน รว่ มมอื ขอ้ มูลเกย่ี วกับ เกย่ี วกบั ลักษณะและ ลกั ษณะและหนา้ ท่ีของ ระบบยอ่ ยอาหารโดยใช้ ลกั ษณะและหน้าท่ี หนา้ ท่ขี องอวัยวะใน อวยั วะในระบบย่อยอาหาร แบบจา้ ลอง ใหผ้ ู้อื่น C6 การใช้ ของอวัยวะในระบบ ระบบยอ่ ยอาหารโดยใช้ โดยใชแ้ บบจา้ ลอง ให้ผอู้ ื่น เขา้ ใจได้เพียงบางสว่ น เทคโนโลยี ยอ่ ยอาหารโดยใช้ แบบจ้าลอง ให้ผู้อ่นื เข้าใจได้ถกู ต้อง โดยการ แม้วา่ จะไดร้ บั การชแี นะ สารสนเทศ แบบจ้าลอง ใหผ้ ู้อื่น เข้าใจได้ถูกต้อง ด้วย ชแี นะของครูหรือผอู้ ืน่ จากครูหรอื ผู้อื่น เข้าใจ ตนเอง สามารถทา้ งานร่วมกบั ผูอ้ ื่นในการสืบค้นข้อมูล ท้างานรว่ มกบั ผู้อืน่ สามารถท้างานรว่ มกบั สามารถท้างานรว่ มกบั ผ้อู นื่ การอภปิ รายและการ สร้างแบบจ้าลอง ในการสบื ค้นข้อมูล ผู้อื่นในการสืบค้นข้อมลู ในการสบื ค้นข้อมูล การ ลักษณะและหน้าทีข่ อง อวยั วะในระบบย่อย การอภิปรายและ การอภิปรายและการ อภปิ รายและการสรา้ ง อาหาร รวมทงั ยอมรับ ความคิดเห็นของผู้อ่นื การสร้าง สร้างแบบจา้ ลองลกั ษณะ แบบจา้ ลองลกั ษณะและ บางชว่ งเวลาทีท่ ้า กจิ กรรม ทังนีต้องอาศัย แบบจ้าลองลักษณะ และหนา้ ท่ีของอวยั วะใน หนา้ ทีข่ องอวัยวะในระบบ การกระตุน้ จากครูหรอื ผอู้ ่นื และหนา้ ท่ีของ ระบบย่อยอาหาร ย่อยอาหาร รวมทังยอมรบั สามารถสบื ค้นข้อมลู ทาง อินเทอรเ์ นต็ เกยี่ วกับ อวัยวะในระบบยอ่ ย รวมทงั ยอมรับความ ความคดิ เห็นของผู้อื่นในบาง ลกั ษณะและหนา้ ทข่ี อง อวยั วะในระบบยอ่ ย อาหารรวมทัง คิดเห็นของผูอ้ น่ื ตังแต่ ช่วงเวลาท่ที า้ กจิ กรรม ยอมรบั ความคิดเหน็ เรมิ่ ต้นจนสา้ เรจ็ ของผู้อืน่ การสืบค้นข้อมูลทาง สามารถสบื ค้นข้อมูลทาง สามารถสบื ค้นข้อมลู ทาง อินเทอร์เน็ต อินเทอรเ์ นต็ เกี่ยวกบั อินเทอร์เน็ต เกีย่ วกับ เกย่ี วกบั ลักษณะ ลกั ษณะและหนา้ ทขี่ อง ลักษณะและหน้าที่ของ และหนา้ ท่ีของ อวยั วะในระบบย่อย อวัยวะในระบบยอ่ ยอาหาร  สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

คมู่ ือครูรายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เล่ม 1 | หนว่ ยท่ี 1 อาหารและการยอ่ ยอาหาร 78 ทกั ษะแห่ง รายการประเมนิ เกณฑ์การประเมิน ศตวรรษท่ี 21 ดี (3) พอใช้ (2) ควรปรับปรุง (1) อวัยวะในระบบยอ่ ย อาหารจากแหลง่ ข้อมูลที่ จากแหลง่ ข้อมลู ทีน่ ่าเช่ือถือ อาหารจากแหลง่ ข้อมลู อาหารจาก น่าเช่อื ถือ หรือการใช้ หรอื การใชแ้ อปพลิเคชนั ใน ไดเ้ พยี งบางส่วน หรอื ไม่ แหลง่ ข้อมลู ท่ี แอปพลิเคชนั ในการสรา้ ง การสรา้ งแบบจ้าลองจากการ สามารถใชแ้ อปพลเิ คชนั น่าเชอื่ ถอื หรือการ แบบจ้าลองได้ดว้ ยตนเอง ชีแนะของครูหรือผู้อน่ื ในการสรา้ งแบบจ้าลอง ใช้แอปพลิเคชนั ใน แม้ว่าจะไดร้ บั ค้าชแี นะ การสร้าง จากครูหรือผู้อืน่ แบบจ้าลอง สถาบันสง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 

79 ค่มู ือครูรายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เล่ม 1 | หน่วยที่ 1 อาหารและการยอ่ ยอาหาร กิจกรรมท้ายบทท่ี 1 สารอาหารและระบบยอ่ ยอาหาร (1 ช่วั โมง) 1. ครูให้นักเรียนวาดรูปหรือเขียนสรุปส่ิงที่ได้เรียนรู้จากบทนี ในแบบบันทึก กิจกรรม หนา้ 30 2. นักเรียนตรวจสอบการสรุปส่ิงที่ได้เรียนรู้ของตนเองโดยเปรียบเทียบกับ แผนภาพในหวั ข้อ รู้อะไรในบทนี้ ในหนังสอื เรียน หน้า 28-29 3. นักเรียนกลับไปตรวจสอบค้าตอบของตนเองในสารวจความรกู้ ่อนเรียน ใน แบบบันทึกกิจกรรม หน้า 2-6 อีกครัง ถ้าค้าตอบของนักเรียนไม่ถูกต้องให้ ขีดเส้นทับข้อความเหล่านัน แล้วแก้ไขให้ถูกต้อง นอกจากนีครูอาจน้า ค้าถามในรูปน้าบทในหนังสือเรียน หน้า 2 มาร่วมกันอภิปรายค้าตอบ อกี ครงั ดังนี 1. อาหารมีความส้าคัญต่อร่างกายของเราอย่างไร ร่างกายน้าอาหาร มาใช้ประโยชน์ได้อย่างไร (อาหารเป็นแหล่งของสารอาหารที่มี ประโยชนต์ ่อการเจริญเติบโตและการด้ารงชวี ิตของเรา เราจะได้รับ สารอาหารที่มีอยู่ในอาหารผ่านกระบวนการย่อยอาหารและดูดซึม สารอาหาร ซ่ึงเปน็ กระบวนการทีเ่ กิดขนึ ในอวยั วะตา่ ง ๆ ของระบบ ย่อยอาหาร) 2. ในแต่ละวันเรารับประทานอาหารเพียงพอกับความต้องการของ ร่างกายหรือไม่ (นักเรียนตอบตามผลการท้ากิจกรรมท่ี 1 ของ ตนเอง และครูอาจน้าอภิปราย เพ่ือสรุปว่า ใน 1 วัน แต่ละคน ต้องการพลังงานงานจากอาหารไม่เท่ากัน เราจึงต้องรับประทาน อาหารให้เหมาะสมกับความตอ้ งการของรา่ งกายของตนเอง) 4. นักเรียนท้า แบบฝึกหัดท้ายบทท่ี 1 สารอาหารและระบบย่อยอาหาร ใน แบบบันทึกกิจกรรมหน้า 31-33 จากนันน้าเสนอค้าตอบหน้าชันเรียน ถ้า ค้ า ต อ บ ยั ง มี ค ว า ม ค ล า ด เ ค ล่ื อ น ไ ม่ ถู ก ต้ อ ง ค รู ค ว ร น้ า อ ภิ ป ร า ย ห รื อ ใ ห้ สถานการณเ์ พ่มิ เตมิ เพอื่ แกไ้ ขแนวคดิ คลาดเคลอื่ นใหถ้ ูกต้อง 5. นักเรียนร่วมกันท้ากิจกรรม ร่วมคิด ร่วมทา โดยให้นักเรียนระบุรูปร่างของ ตนเอง จากนันจัดกลุ่มนักเรียนที่มีรูปร่างเหมือนกันให้อยู่กลุ่มเดียวกัน แล้ว รว่ มกันอภิปรายและวิเคราะห์พฤติกรรมที่มผี ลต่อรูปร่างของรา่ งกายของคน ท่ีอยู่ในกลุ่มเดียวกัน รวมทังบอกแนวทางการบริโภคอาหารของคนในกลุ่ม เพ่ือให้มีสุขภาพดีและมีรูปร่างสมส่วน และร่วมกันออกแบบเมนูอาหารใน แตล่ ะวนั เปน็ เวลา 1 สปั ดาห์  สถาบนั ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

คูม่ ือครรู ายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เล่ม 1 | หน่วยที่ 1 อาหารและการย่อยอาหาร 80 6. นักเรียนอ่าน วิทย์กับอาชีพ เก่ียวกับอาชีพนักโภชนาการในหนังสือเรียน หน้า 33 และอาจให้นักเรียนอภิปรายหัวข้อนีในช่ัวโมงเรียนหรือมอบหมาย ให้อภิปรายนอกเวลาเรียน เพ่ือให้นักเรียนเห็นความส้าคัญของอาชีพ นกั โภชนาการ และเปน็ แนวทางการประกอบอาชพี ต่อไป 7. นักเรียนอ่านและอภิปรายเนือเรื่องในหัวข้อวิทย์ใกล้ตัว ในหนังสือเรียน หน้า 34 โดยครูกระตุ้นให้นักเรียนเห็นความส้าคัญของความรู้จากส่ิงท่ีได้ เรยี นร้ใู นหน่วยนี ว่าสามารถน้าไปใชป้ ระโยชนใ์ นชวี ติ ประจา้ วนั ได้อย่างไร 8. นักเรียนร่วมกันตอบคา้ ถามสา้ คญั ประจ้าหน่วยอีกครัง ดังนี - ร่างกายใช้ประโยชน์จากอาหารได้อย่างไร (ร่างกายมีระบบยอ่ ยอาหาร ที่ประกอบด้วยอวัยวะต่าง ๆ ที่ร่วมกันท้าหน้าท่ีย่อยสารอาหารที่มี อนุภาคขนาดใหญ่ ได้แก่ โปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน ให้มีขนาด อนุภาคเล็กลง และดูดซึมสารอาหารท่ีผ่านการย่อยจนมีขนาดเล็กลง แล้วรวมทังสารอาหารที่ไม่ต้องย่อย ได้แก่ วิตามิน เกลือแร่ และน้า เข้าสู่เลือด และล้าเลียงสารอาหารเหล่านีไปกับเลือดเพ่ือน้าไปใช้ ประโยชน์ยังสว่ นตา่ ง ๆ ของร่างกาย) ถ้าค้าตอบยังไม่ถูกต้อง ให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายเพื่อให้ได้ค้าตอบท่ี ถกู ตอ้ ง สถาบนั สง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี 

81 คมู่ ือครรู ายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 1 | หน่วยท่ี 1 อาหารและการย่อยอาหาร สรุปผลการเรียนรู้ของตนเอง รปู หรอื ข้อความสรุปสิ่งท่ไี ด้เรยี นรู้จากบทน้ตี ามความเขา้ ใจของนักเรยี น  สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คมู่ ือครรู ายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เล่ม 1 | หน่วยท่ี 1 อาหารและการย่อยอาหาร 82 แนวคาตอบในแบบฝกึ หดั ทา้ ยบท ค นน๐ ้ า สารอา หาร า ร์ มั โ ป ร ตี น บ พ ไ ฮ ลั เ ก ลื อ เ เ ร่ ง ดง รา วิ ต า มิ น สถาบนั สง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 

83 ค่มู ือครรู ายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เล่ม 1 | หนว่ ยท่ี 1 อาหารและการยอ่ ยอาหาร O ผชู้ ายคนนไ้ี ดร้ บั พลังงานจากอาหาร 1,890 กโิ ลแคลอรี ซงึ่ ไม่เพียงพอกบั ความต้องการของร่างกาย ใน 1 วัน แตไ่ ด้รับสารอาหารครบถว้ น ได้รับคาร์โบไฮเดรตจากข้าวและน้าอัดลม ได้รบั โปรตีน วิตามิน เกลือแร่ ไขมนั จากไข่เจยี วและข้าว ไดร้ ับนา้ จากนา้ อัดลม แนะนาใหพ้ ่อรับประทานอาหารใหห้ ลากหลาย เพิ่มการรบั ประทานอาหารทีใ่ หพ้ ลังงาน สงู รวมท้งั เพิม่ การรับประทานผัก ผลไม้ เน้อื สตั ว์เพ่ือใหไ้ ด้สารอาหารแตล่ ะประเภทอย่าง เพียงพอ นอกจากนีแ้ นะนาให้ลดการดืม่ นา้ อดั ลม โดยเปล่ยี นมาดื่มน้าเปลา่ ที่สะอาดแทน เน่อื งจากน้าอัดลมมีสารปรงุ แต่งและมนี า้ ตาลในปริมาณมาก เพราะการเค้ียวทาให้อาหารมีขนาดเล็กลง เพ่ิมพื้นที่ของอาหารให้สัมผสั กับน้าลายและเอนไซม์มากขน้ึ ทาให้การย่อยสารอาหารเรว็ ข้ึน  สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

ค่มู ือครรู ายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เล่ม 1 | หน่วยที่ 1 อาหารและการยอ่ ยอาหาร 84 เน่อื งจากการทตี่ บั ไม่สามารถสรา้ งและส่งนา้ ดไี ปยังลาไสเ้ ล็กได้ ทาใหไ้ ม่มีตัวชว่ ยทาใหไ้ ขมันแตกตัว การยอ่ ยไขมนั ท่ลี าไส้เลก็ จงึ เปน็ ไปไดย้ าก ดังนน้ั ผู้ป่วยจึงควรลดการรบั ประทานอาหารท่ีมไี ขมัน อาการแสบรอ้ นที่หน้าอก อาจเกดิ จากกรดเกลือในกระเพาะอาหารไหลยอ้ นขน้ึ มาทางหลอดอาหาร ซ่ึงอยู่บริเวณหนา้ อก กรดเกลือนีม้ ีหนา้ ท่เี ป็นตัวช่วยเอนไซมท์ ่ียอ่ ยโปรตนี ในกระเพาะอาหาร สถาบนั สง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี 

หนว่ ยท่ี 2 การแยกสารเนือ้ ผสม85 คมู่ ือครรู ายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 1 | หน่วยท่ี 2 การแยกสารเนอ้ื ผสม ภาพรวมการจัดการเรยี นรปู้ ระจาหนว่ ยท่ี 2 การแยกสารเนอื้ ผสม บท เรือ่ ง กจิ กรรม ลาดบั แนวคิดตอ่ เน่ือง ตัวช้ีวัด บทที่ 1 การแยก เรือ่ งที่ 1 วิธกี ารแยกสาร  สารทพี่ บในชีวติ ประจาวนั ว 1.2 ป. 6/1 สารเน้ือผสม เนอ้ื ผสมอยา่ งงา่ ย อย่างง่าย ส่วนใหญ่เป็นสารผสมซ่งึ อธบิ ายและเปรียบเทยี บ กิจกรรมท่ี 1.1 แยก ประกอบดว้ ยสารอย่างน้อย การแยกสารผสมโดย ของแขง็ ในสารเน้ือผสม 2 ชนิดผสมกนั มีทัง้ สารเนื้อ การหยิบออก การรอ่ น ออกจากกันได้อยา่ งไร เดียวและสารเนือ้ ผสม การใชแ้ ม่เหลก็ ดึงดดู กจิ กรรมท่ี 1.2 แยก การรินออก การกรอง ของแขง็ กบั ของเหลวใน  เมื่อต้องการสารในสาร และการตกตะกอน โดยใช้ สารเน้ือผสมออกจากกัน เนื้อผสมมาใชป้ ระโยชน์ ได้อย่างไร จะต้องแยกสารน้นั ออกจาก กิจกรรมที่ 1.3 แยกสาร สารเนือ้ ผสมโดยเลือกใช้ หลกั ฐานเชิงประจกั ษ์ แมเ่ หล็กออกจาก วธิ กี ารแยกสารทีเ่ หมาะสม รวมทั้งระบวุ ธิ ีแกป้ ญั หาใน สารเน้ือผสมได้อยา่ งไร กิจกรรมที่ 1.4 ใช้  การแยกสารเน้ือผสมอาจทาได้ ชีวิตประจาวันเก่ียวกบั ประโยชน์จากการแยก โดยการหยบิ ออก การร่อน การแยกสาร สารเน้ือผสมอยา่ งง่ายได้ อยา่ งไร การกรอง การตกตะกอน การใช้แมเ่ หลก็ ดึงดดู ซ่ึงจะใช้ วธิ ใี ดแยกสารข้ึนอยู่กับ ลกั ษณะและสมบตั ิของสารที่ เป็นส่วนผสม รว่ มคิด ร่วมทา  สถาบนั ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

ค่มู อื ครรู ายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 1 | หนว่ ยท่ี 2 การแยกสารเนอ้ื ผสม 86 สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 

87 คูม่ อื ครูรายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เล่ม 1 | หน่วยท่ี 2 การแยกสารเน้ือผสม บทท่ี 1 การแยกสารเนื้อผสมอย่างงา่ ย จุดประสงค์การเรียนรู้ประจาบท เมือ่ เรียนจบบทนี้ นักเรยี นสามารถ 1. อธิบายและเปรียบเทียบวิธีการแยกสารเนื้อผสม โดยการหยิบออก การร่อน การกรอง การใช้ แมเ่ หลก็ ดงึ ดดู การตกตะกอน และการรินออก 2. ระบวุ ิธีการแยกสารเพ่อื นาไปใชป้ ระโยชน์ในการ แก้ปญั หาในชวี ิตประจาวนั เวลา 10 ชัว่ โมง แนวคดิ สาคัญ การแยกสารเน้ือผสมซ่ึงประกอบด้วยสารอย่างน้อย บทน้ีมอี ะไร 2 ชนิดผสมกันโดยเนื้อสารไม่กลมกลืนเป็นอย่างเดียวกัน อาจทาได้โดยวิธีการหยบิ ออก การร่อน การกรอง การใช้ เร่ืองท่ี 1 วธิ กี ารแยกสารเน้อื ผสมอย่างงา่ ย แม่เหล็กดึงดูด การตกตะกอน และการรินออก การเลือก กิจกรรมท่ี 1.1 แยกของแข็งในสารเน้ือผสมออก วิธีท่ีเหมาะสมในการแยกสาร พิจารณาจากลักษณะและ สมบัติของสารที่ผสมกัน การแยกสารสามารถนาไปใช้ จากกันไดอ้ ยา่ งไร ประโยชน์ในการแก้ปญั หาในชวี ิตประจาวนั ได้ กจิ กรรมที่ 1.2 แยกของแขง็ กับของเหลวใน ส่ือการเรยี นรู้และแหล่งเรียนรู้ สารเนื้อผสมออกจากกนั ได้อย่างไร กจิ กรรมที่ 1.3 แยกสารแม่เหล็กออกจาก 1. หนงั สือเรยี น ป. 6 เลม่ 1 หนา้ 36-63 2. แบบบันทึกกจิ กรรม ป. 6 เล่ม 1 หนา้ 35-61 สารเนื้อผสมได้อย่างไร กจิ กรรมที่ 1.4 ใชป้ ระโยชนจ์ ากการแยก สารเนอ้ื ผสมอยา่ งง่ายได้อยา่ งไร  สถาบันส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

คู่มอื ครรู ายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เล่ม 1 | หนว่ ยท่ี 2 การแยกสารเนอื้ ผสม 88 ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์และทกั ษะแห่งศตวรรษท่ี 21 รหสั ทักษะ กิจกรรมที่ ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 1.1 1.2 1.3 1.4 S1 การสงั เกต   S2 การวัด S3 การใช้จานวน  S4 การจาแนกประเภท S5 การหาความสมั พันธร์ ะหว่าง  สเปซกบั สเปซ  สเปซกับเวลา S6 การจดั กระทาและสอ่ื ความหมายข้อมลู S7 การพยากรณ์    S8 การลงความเหน็ จากข้อมูล S9 การต้ังสมมตฐิ าน S10 การกาหนดนยิ ามเชงิ ปฏบิ ตั กิ าร S11 การกาหนดและควบคุมตวั แปร S12 การทดลอง S13 การตคี วามหมายข้อมลู และลงข้อสรุป     S14 การสรา้ งแบบจาลอง ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 C1 การสรา้ งสรรค์ C2 การคิดอย่างมวี ิจารณญาณ    C3 การแก้ปัญหา C4 การส่อื สาร   C5 ความร่วมมือ   C6 การใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการ ส่อื สาร หมายเหตุ : รหสั ทักษะท่ีปรากฏน้ี ใช้เฉพาะหนงั สือคู่มอื ครเู ลม่ น้ี สถาบนั สง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี 

89 คู่มือครูรายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เล่ม 1 | หน่วยท่ี 2 การแยกสารเนื้อผสม แนวคดิ คลาดเคลือ่ น แนวคิดคลาดเคล่ือนที่อาจพบและแนวคดิ ท่ีถกู ต้องในบทท่ี 1 การแยกสารเนื้อผสมอย่างง่าย มีดังตอ่ ไปน้ี แนวคดิ คลาดเคลื่อน แนวคิดทถ่ี ูกต้อง การรอ่ นกบั การกรองเหมือนกนั คือตา่ งเป็นวธิ ีแยก การร่อนและการกรองแตกต่างกนั คือ การรอ่ นเป็นการแยก ของแข็งออกจากของเหลว* ของแข็งออกจากของแข็งท่มี ขี นาดแตกต่างกันชัดเจน เชน่ กรวด ผสมกบั ทราย สว่ นการกรองเป็นการแยกของแข็งออกจาก การรอ่ นแร่ เปน็ การกรองอย่างหนึง่ * ของเหลวหรอื แก๊ส เชน่ แยกทรายออกจากน้า หรือแยกฝุ่นออก จากอากาศ การร่อนแร่เป็นวิธีการแยกสารทแ่ี ตกต่างจากการกรอง โดยการ รอ่ นแรใ่ ชแ้ ยกของแข็งออกจากของแข็งในสารเน้อื ผสมโดยใช้ เลยี งหรอื แรง่ ซงึ่ เป็นอุปกรณท์ ่ีทาจากไม้มีลกั ษณะคล้ายกระทะ แต่กน้ แบนมากกว่า การรอ่ นแรก่ ระทาโดยนาแรท่ ป่ี นกบั เศษหิน และดินใสใ่ นเลยี ง แยกเอาหินกอ้ นใหญ่ออกกอ่ น จากน้ันใช้มือ สองขา้ งจบั เลยี งแล้วแกวง่ หมุนวนในนา้ ทาใหเ้ ศษดนิ ทีเ่ บาหลุด ออกไปกับน้า สว่ นแร่ทหี่ นกั กว่าดนิ จะตกอย่ทู ่ีก้นเลยี ง ส่วนการกรองเปน็ การแยกของแขง็ ออกจากของเหลวหรอื แก๊สใน สารเนือ้ ผสมโดยใชต้ ะแกรง ถา้ ครูพบว่ามแี นวคิดคลาดเคลอ่ื นใดท่ียังไม่ได้แก้ไขจากการทากจิ กรรมการเรียนรู้ ครูควรจัดการเรยี นรู้เพ่ิมเตมิ เพอ่ื แก้ไขต่อไปได้ * ขอ้ มลู ท่ีไดจ้ ากการสังเกตชนั้ เรียนในการทดลองใช้หนังสือเรียนของ สสวท.  สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คมู่ ือครูรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เล่ม 1 | หน่วยที่ 2 การแยกสารเน้ือผสม 90 บทน้เี รมิ่ ตน้ อยา่ งไร (1 ชว่ั โมง) ในการทบทวนความรู้พื้นฐาน ครูควรให้เวลานักเรียนคิดอย่าง 1. ครูทบทวนความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับสารผสม โดยยกตัวอย่างสารต่าง ๆ เหมาะสม รอคอยอย่างอดทน เช่น น้าโคลน เกลือ แป้ง น้า น้ามันพืชผสมน้า น้าแป้ง พริกกับเกลือ นักเรียนต้องตอบคาถามเหล่าน้ีได้ น้าเกลือ โดยใช้คาถามต่อไปน้ี ถูกต้อง หากตอบไม่ได้หรือลืมครู 1.1 จากสารตัวอย่าง สารใดเป็นสารผสม เพราะเหตุใด (สารท่ีเป็นสาร ตอ้ งให้ความรูท้ ถี่ ูกต้องทนั ที ผสมได้แก่ น้าโคลน น้ามนั พชื ผสมน้า น้าแปง้ พริกกบั เกลือ นา้ เกลือ เพราะสารเหลา่ น้ีประกอบด้วยสารตั้งแต่ 2 ชนิดรวมกัน) ในการตรวจสอบความรู้เดิม 1.2 สารผสมชนิดใดเป็นสารเนื้อเดียว และชนิดใดเป็นสารเนื้อผสม ครูรับฟังเหตุผลของนักเรียนเป็น (สารเนื้อเดียว ได้แก่ น้าเกลือ สารเนื้อผสม ได้แก่ น้าโคลน สาคัญ ครูยังไม่เฉลยคาตอบใด ๆ นา้ มันพืชผสมนา้ นา้ แปง้ พริกกับเกลอื ) แต่ชักชวนให้หาคาตอบท่ีถูกต้อง จากกิจกรรมตา่ ง ๆ ในบทเรยี นนี้ 2. ครูตรวจสอบความรเู้ ดมิ ของนักเรียนเกี่ยวกับวิธีการแยกสารเนื้อผสมโดย ใช้คาถามว่าถ้าต้องการแยกสารเนื้อผสมออกจากกัน สามารถทาได้ อย่างไร (นกั เรยี นตอบตามความเขา้ ใจ เชน่ ทาไดโ้ ดยการกรอง การร่อน) 3. ครูชกั ชวนใหน้ ักเรียนศึกษาเร่ืองวิธีการแยกสารเนื้อผสม จากนัน้ นักเรียน อ่านช่ือหน่วย และอ่านคาถามสาคัญประจาหน่วยท่ี 2 ในหนังสือเรียน ดังนี้ การแยกสารมวี ธิ ีการและมีประโยชน์อย่างไร นักเรียนตอบคาถาม โดยครูยังไม่ต้องเฉลยคาตอบ แต่จะให้นักเรียน ย้อนกลับมาตอบอกี ครงั้ หลังจากเรยี นจบหน่วยนแ้ี ล้ว 4. ครูให้นักเรียนอ่านช่ือบท และจุดประสงค์การเรียนรู้ประจาบท ใน หนังสอื เรียน หน้า 37 จากน้นั ครใู ชค้ าถามเพ่อื ตรวจสอบความเข้าใจ ดงั น้ี 4.1 บทนี้นักเรียนจะได้เรียนเรื่องอะไร (เร่ืองการแยกสารเน้ือผสม อยา่ งงา่ ย) 4.2 เมื่อเรียนจบบทน้ี นักเรียนสามารถทาอะไรได้บ้าง (อธิบายและ เปรียบเทียบวิธีการแยกสารเน้ือผสมโดยการหยิบออก การร่อน การกรอง การใช้แม่เหล็กดึงดูด การตกตะกอน การรินออก และ ระบุวิธีการแยกสารเพ่ือนาไปใช้ประโยชน์ในการแก้ปัญหาใน ชีวติ ประจาวัน) 5. นักเรียนอ่านช่ือบทและแนวคิดสาคัญ ในหนังสือเรียนหน้า 38 จากน้ัน ครสู อบถามโดยใช้คาถาม ดังน้ี จากการอ่านแนวคดิ สาคัญ นักเรียนคิดว่า จะได้เรียนเก่ียวกับเรื่องอะไรบ้าง (เรียนเร่ืองการแยกสารเนื้อผสมด้วย วิธีการต่าง ๆ และการนาวธิ กี ารแยกสารไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจาวัน) สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 

91 คมู่ อื ครูรายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เล่ม 1 | หน่วยท่ี 2 การแยกสารเน้ือผสม 6. ครูชกั ชวนใหน้ ักเรียนสังเกตรปู และอา่ นเน้อื เร่ืองในหนังสือเรยี นหน้า 38 หากนักเรียนไม่สามารถตอบ โดยครูฝกึ ทักษะการอ่านด้วยวิธกี ารอ่านทเ่ี หมาะสมกับความสามารถของ คาถามหรืออภิปรายได้ตามแนว นักเรียน ครูตรวจสอบความเข้าใจจากการอ่าน โดยใชค้ าถามดงั นี้ คาตอบ ครูควรให้เวลานักเรียน 6.1 ในหนา้ นีม้ ีการนาเสนอข้อมูลเร่ืองอะไร (การทานมถ่วั เหลอื ง) คิดอย่างเหมาะสม รอคอยอย่าง 6.2 นมถว่ั เหลืองทามาจากอะไร (เมลด็ ถวั่ เหลอื งและน้า) อดทน และรับฟังแนวความคิด 6.3 นักเรียนคิดว่า การทานมถ่ัวเหลืองใช้วิธีการใดในการแยกสารและ ของนักเรยี น อยู่ในข้ันตอนใด (นักเรียนตอบตามความเข้าใจ เช่น การกรอง ใน ข้ันตอนหลังจากนาเมล็ดถ่ัวเหลืองปั่นรวมกับน้าสะอาดเพื่อแยก ของแข็งออกจากของเหลว) 7. ครชู ักชวนนักเรียนตอบคาถามเกี่ยวกับการแยกสารเนื้อผสมอยา่ งง่าย ใน สารวจความรู้ก่อนเรียน ในแบบบันทึกกิจกรรม หน้า 36-37 โดย นักเรียนอ่านคาถาม จากน้ันครูตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียน จน แน่ใจว่านักเรียนสามารถทากิจกรรมได้ด้วยตนเอง จึงให้นักเรียนตอบ คาถามซ่ึงคาตอบของแต่ละคนอาจแตกต่างกัน และคาตอบอาจถูกหรือ ผดิ ก็ได้ 8. ครูสังเกตการตอบคาถามของนักเรียนและตรวจสอบแนวคิดของนักเรยี น เก่ียวกับการแยกสารเนื้อผสมอย่างง่ายโดยอาจสุ่มนักเรียน 2-3 คน นาเสนอคาตอบของตนเอง ครูยังไม่ต้องเฉลยคาตอบ แต่จะให้นักเรียน ย้อนกลับมาตรวจสอบอีกครั้งหลังจากเรียนจบบทน้ีแล้ว ท้ังน้ีครูควร บันทึกแนวคิดคลาดเคล่ือนหรือแนวคิดท่ีน่าสนใจของนักเรียน แล้ว นามาใช้ในการออกแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อแก้ไขแนวคิดคลาดเคลื่อน ใหถ้ กู ตอ้ ง และตอ่ ยอดแนวคิดท่ีน่าสนใจของนกั เรียนต่อไป  สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

คู่มอื ครูรายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 1 | หน่วยท่ี 2 การแยกสารเนอ้ื ผสม 92 แนวคาตอบในแบบบันทกึ กจิ กรรม การทากิจกรรมสารวจความรู้กอ่ นเรยี น นักเรยี นอาจตอบคาถามถูกหรือผิดก็ได้ขน้ึ อยู่กับความรเู้ ดมิ ของนักเรียน แตเ่ มื่อเรียนจบบทเรียนแล้ว ให้นกั เรยี นกลบั มาตรวจสอบคาตอบอีกครั้งและแก้ไขให้ถกู ต้อง ดังตัวอยา่ ง การตกตะกอน การรนิ ออกแลว้ ใช้การกรอง วิธนี ้ใี ชแ้ ยกของแขง็ ท่ีแขวนลอยในของเหลว โดยมขี องแขง็ ผสมอยูใ่ นปรมิ าณมาก ของแขง็ จะตกตะกอนที่ ก้นภาชนะ ทาใหข้ องเหลวดา้ นบนใสแลว้ รินของเหลวใสออก จากนั้นนาไปกรองด้วยวัสดกุ รอง ของแขง็ จะ ค้างอยบู่ นวสั ดกุ รองแต่ของเหลวจะไหลผา่ นรวู ัสดุกรองลงสูภ่ าชนะรองรับ แตถ่ า้ น้าโคลนมีเนอ้ื โคลนผสมอยู่ น้อย อาจใชว้ ธิ ีการกรองโดยไม่ต้องตกตะกอนกไ็ ด้ การร่อน วธิ ีนี้สามารถใชต้ ะแกรงเพื่อรอ่ นแยกของแขง็ ท่ขี นาดแตกตา่ งกนั ออกจากกนั ได้โดยทรายจะผา่ นรู ตะแกรงเหลอื กรวดทม่ี ีขนาดใหญ่ค้างอยู่บนตะแกรง การกรอง วธิ ีนใ้ี ชแ้ ยกของแข็งทไ่ี มล่ ะลายในของเหลวโดยรนิ นา้ กระทิผสมกากมะพรา้ วผา่ นวัสดกุ รอง เช่น ผ้าขาวบาง หรอื กระชอน น้ากะทิจะไหลผา่ นรวู ัสดุกรอง ส่วนกากมะพรา้ วจะค้างอยู่ บนวัสดกุ รอง สถาบนั สง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 

93 คมู่ ือครูรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เล่ม 1 | หนว่ ยที่ 2 การแยกสารเน้ือผสม การใช้แม่เหล็กดึงดูด วธิ นี ้ใี ช้แยกสารแม่เหลก็ ท่ผี สมกบั สาร อน่ื ๆ โดยแมเ่ หลก็ จะดงึ ดดู ผงเหลก็ ออกจากผงถ่าน การรนิ ออก หรือการตกั ออก วธิ นี ้ีใชแ้ ยกสารทเ่ี ปน็ ของเหลวทไ่ี ม่ละลายในของเหลว โดยนา้ มันจะลอยอยู่ ดา้ นบนของนา้ แกง ถ้าน้ามันมปี ริมาณมากใช้วิธีการรนิ นา้ มันออกจากนา้ แกง แตถ่ ้านา้ มนั ทล่ี อยอยมู่ ปี ริมาณนอ้ ยใช้อุปกรณ์ เชน่ ช้อน ทพั พี ตกั น้ามันออก จากน้าแกงได้ การหยิบออกหรือการร่อน วธิ นี ้ีใช้แยกของแข็งที่มขี นาดแตกตา่ งกนั ออกจากกัน เน่อื งจากเปลอื กหอยมีขนาดใหญ่กว่าทรายมากจงึ สามารถใช้ มอื หยิบเปลือกหอยออกจากทรายได้ หรือใชก้ ารร่อน ทราย ซ่ึงมขี นาดเล็กกว่ารูตะแกรงสามารถลอดผ่านรูตะแกรงใน ขณะทเี่ ปลอื กหอยไม่สามารถลอดผา่ นรตู ะแกรงได้จงึ ค้างอยู่ บนตะแกรง  สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

คมู่ อื ครรู ายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 1 | หนว่ ยท่ี 2 การแยกสารเนื้อผสม 94 เรอื่ งที่ 1 วิธีการแยกสารเนื้อผสมอย่างง่าย ในเรื่องน้ีนักเรียนจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับวิธีการแยก สื่อการเรยี นรูแ้ ละแหล่งเรียนรู้ สารเน้อื ผสมอยา่ งงา่ ย จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. หนงั สอื เรียน ป.6 เลม่ 1 หน้า 40-59 1. สังเกต อธิบาย และเปรียบเทียบวิธีแยกของแข็งใน 2. แบบบันทกึ กจิ กรรม ป.6 เลม่ 1 หนา้ 38-57 สารเนอื้ ผสมออกจากกนั 2. อภิปรายและยกตัวอย่างวิธีการแยกของแข็ง ออกจากของแข็งใ นสารเน้ือผสมที่นาไปใช้ ประโยชน์ในชีวติ ประจาวัน 3. สงั เกต อธิบาย และเปรียบเทยี บวธิ กี ารแยกของแข็ง กบั ของเหลวในสารเนอ้ื ผสมออกจากกัน 4. อภิปรายและยกตัวอย่างวิธีการแยกของแข็งออก จากของเหลวในสารเนื้อผสมที่นาไปใช้ประโยชนใ์ น ชวี ติ ประจาวัน 5. สังเกตและอธิบายวิธีการแยกสารแม่เหล็กออกจาก สารอื่นในสารเน้อื ผสม 6. อภิปรายและยกตัวอย่างวิธีการแยกสารแม่เหล็ก ออกจากสารอ่ืนในสารเน้ือผสมไปใช้ประโยชน์ใน ชวี ิตประจาวนั 7. วิเคราะห์และระบวุ ธิ ีการแยกสารเนื้อผสมทีน่ าไปใช้ ประโยชนใ์ นชวี ิตประจาวัน เวลา 8 ชว่ั โมง วัสดุ อุปกรณ์สาหรับทากจิ กรรม ข้าวเปลอื ก ตะแกรง ครกและสาก ถาด กระดง้ น้าปูน ผ้าขาวบาง กระดาษกรอง แท่งแก้วคน กรวยกรอง แกว้ พลาสตกิ ใส ชอ้ นพลาสติก ชดุ ขาตัง้ ไม้หนีบ เมล็ด ข้าวเปลอื กท่มี ีผงเหลก็ ปน จานหรือแกว้ กระดาษหรอื แก้วพลาสตกิ แทง่ แม่เหล็ก ไม้จิ้มฟนั สถาบันส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 

95 คูม่ ือครูรายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 1 | หนว่ ยท่ี 2 การแยกสารเนอื้ ผสม แนวการจัดการเรยี นรู้ (60 นาท)ี ข้ันตรวจสอบความรู้ (10 นาที) 1. ครูตรวจสอบความรู้เดิมเก่ียวกับการสีข้าวจากข้าวเปลือกเป็น ในการตรวจสอบความรู้เดิม ขา้ วสารและวธิ ีการแยกสาร โดยใชแ้ นวคาถามดงั นี้ ครูเพียงรับฟังเหตุผลของนักเรียน 1.1 ข้าวสารที่เรารับประทานได้มาอย่างไร (นักเรียนตอบตามความ และยังไม่เฉลยคาตอบใด ๆ แต่ เข้าใจของตนเอง เช่น ได้มาจากการปลูกข้าวแลว้ นาข้าวเปลอื ก ชกั ชวนให้นักเรียนไปหาคาตอบด้วย มาสจี นไดข้ า้ วสาร) ตนเองจากการอ่านเนื้อเร่ือง 1.2 การสีข้าวเปลือกให้เป็นข้าวสาร ทาได้อย่างไร (นักเรียนตอบ ตามความเข้าใจของตนเอง เช่น นาข้าวเปลือกไปสีด้วย เครื่องสีขา้ ว หรอื นาขา้ วเปลอื กมาตาดว้ ยครกตาขา้ ว) 1.3 การสีข้าวเปลือกให้เป็นข้าวสารแต่ละข้ันต้องใช้วิธีการแยกสาร หรือไม่ อย่างไร (นักเรียนตอบตามความเข้าใจของตนเอง เช่น ใชก้ ารแยกสาร เช่น การร่อน) 1.4 นักเรียนรูจ้ กั วธิ ีการแยกสารอื่น ๆ อีกหรอื ไม่ (นกั เรียนตอบตาม ความเข้าใจของตนเอง เช่น การหยิบออก) 2. ครูเชื่อมโยงความรู้เดิมของนักเรียนสู่การเรียนเรื่องวิธีการแยกสาร เน้ือผสมอย่างง่ายว่ามีกี่วิธีและแต่ละวิธีใช้แยกสารท่ีมีลักษณะและ สมบตั อิ ยา่ งไร ขั้นฝกึ ทกั ษะจากการอา่ น (40 นาท)ี 3. นักเรียนอ่านช่ือเร่ืองและคาถามในคิดก่อนอ่าน ในหนังสือเรียน หากนักเรียนไม่สามารถตอบ หน้า 40 จากน้ันร่วมกันอภิปรายเพื่อหาแนวคาตอบตามความเข้าใจ คาถามหรืออภิปรายได้ตามแนว ของนกั เรยี น ครูบนั ทกึ คาตอบบนกระดานเพ่ือใชเ้ ปรียบเทยี บคาตอบ คาตอบ ครูควรให้เวลานักเรียนคิด หลงั จากอา่ นเน้ือเรอื่ ง อย่างเหมาะสม รอคอยอย่างอดทน แ ล ะ รั บ ฟั ง แ น ว ค ว า ม คิ ด ข อ ง 4. นักเรียนอ่านคาสาคัญ ท้ังภาษาไทยและภาษาอังกฤษ (หากนักเรยี น นกั เรียน อ่านไม่ได้ ครูควรสอนอ่านให้ถูกต้อง) จากน้ันครูชักชวนให้นักเรียน อธิบายความหมายของคาสาคัญตามความเขา้ ใจของตนเอง 5. นักเรียนอ่านเน้ือเร่ืองในหนังสือเรียนหน้า 40 โดยครูฝึกทักษะ การอ่านตามวิธีการอ่านที่เหมาะสมกับความสามารถของนักเรียน จากนัน้ ครูตรวจสอบความเขา้ ใจจากการอา่ น โดยใช้คาถามดงั นี้ 5.1 เร่ืองที่อ่านเป็นเร่ืองเกี่ยวกับอะไร (การผลิตข้าวสารหรือ การสขี ้าวเปลือกให้เป็นข้าวสาร)  สถาบันสง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คู่มือครรู ายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 1 | หนว่ ยท่ี 2 การแยกสารเนื้อผสม 96 5.2 การผลติ ข้าวสารทาไดอ้ ย่างไร (การสขี า้ ว) การเตรยี มตัวลว่ งหนา้ สาหรับครู 5.3 การสีข้าวมีวัตถุประสงค์เพ่ืออะไร (ทาให้เปลือกเมล็ดข้าวหลุด เพอ่ื จดั การเรียนรูใ้ นครงั้ ถัดไป ออกไดเ้ ป็นข้าวสาร) ในครั้งถัดไป นักเรียนจะได้ทา 5.4 การสีข้าวจะได้สารใดบ้าง (เมล็ดข้าวสาร เปลือกเมล็ดข้าวหรือ กิจกรรมท่ี 1.1 แยกของแข็งในสารเน้ือผสม ออกจากกันได้อย่างไร โดยครูมอบหมายให้ แกลบ ราข้าว) นักเรียนเตรียมกระดาษหนังสือพิมพ์ที่ใช้ 5.5 การแยกเมล็ดข้าวสารออกจากส่ิงท่ีปนอยู่ทาได้อย่างไร แล้วกลุ่มละ 1 แผ่นสาหรับปูโต๊ะไม่ให้สาร หกบนโตะ๊ ยกตัวอย่าง (ใช้วิธีแยกสารหลายวิธี เช่น การเป่าเปลือก เมลด็ ขา้ ว การฝัด การหยบิ ออก) 5.6 วิธีการแยกสารหมายถึงอะไร (วิธีการท่ีใช้ในการแยกสารที่ ปะปนกนั ออกจากกนั ) 5.7 การเลือกใช้วิธีการแยกสารพิจารณาจากส่ิงใด (ลักษณะและ สมบัตขิ องสารท่ผี สมอยู่ด้วยกัน) 5.8 วิธีการแยกสารมีวิธีใดบ้าง ยกตัวอย่าง (การหยิบออก การร่อน การฝัด การกรอง การใช้แม่เหล็กดึงดูด การตกตะกอน การรินออก) ข้ันสรุปจากการอ่าน (10 นาที) 6. นักเรียนร่วมกันสรุปเร่ืองท่ีอ่านซึ่งควรสรุปได้ว่า การผลิตข้าวสารจาก ข้าวเปลือกทาได้โดยการสีข้าวซ่ึงจะได้สารหลายอย่างผสมกันอยู่เป็น สารเนอื้ ผสม การแยกเมล็ดข้าวสารออกจากสารอืน่ ๆ ใชว้ ิธกี ารแยกสาร วธิ ตี า่ ง ๆ โดยต้องพจิ ารณาจากลักษณะและสมบตั ิของสารที่ผสมกันอยู่ 7. ครูกระตุ้นให้นักเรียนไปสืบค้นข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสีข้าวแล้ว วิเคราะห์ว่ามีการแยกสารด้วยวธิ ใี ดบา้ ง โดยให้คาแนะนาเกี่ยวกับคา ทใี่ ชใ้ นการสืบคน้ เชน่ การสขี า้ ว โรงสขี า้ ว การผลติ ข้าวสาร 8. นกั เรยี นตอบคาถามในรู้หรือยัง ในแบบบนั ทึกกิจกรรม หนา้ 38 9. ครแู ละนกั เรยี นร่วมกันอภิปรายเพื่อเปรียบเทียบคาตอบของนักเรียน ในรหู้ รอื ยงั กบั คาตอบทเี่ คยตอบและบันทกึ ไวใ้ นคดิ ก่อนอ่าน 10.ครูให้นักเรียนตอบคาถามท้ายเรื่องที่อ่าน ดังน้ี วิธีการแยกสารแต่ละ วิธี เช่น การหยิบออก การร่อน การกรอง การใช้แม่เหล็กดึงดูด การตกตะกอน การรินออก การฝัด ทาได้อย่างไร และแต่ละวิธี เหมาะสมกับสารที่มีลักษณะและสมบัติอย่างไร (นักเรียนตอบตาม ความเข้าใจของตนเอง) ครูยังไม่เฉลยคาตอบ แต่ชักชวนให้นักเรียนหาคาตอบจากการ ทากจิ กรรม สถาบันส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 

97 คู่มือครูรายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เล่ม 1 | หน่วยท่ี 2 การแยกสารเนื้อผสม แนวคาตอบในแบบบันทึกกิจกรรม การผลติ ข้าวสารเก่ยี วข้องกับการแยกสาร โดยเม่อื สีข้าวเปลอื กจะได้ สารเน้ือผสมที่มเี มลด็ ขา้ วสารปนอยู่กบั เปลือกข้าวหรือแกลบ และราขา้ ว ข้ันตอนต่อไปตอ้ งหาวธิ ีแยกเมล็ดข้าวสารออกจากสารทีป่ นอยู่ พจิ ารณาจากลักษณะและสมบตั ขิ องสารท่ีผสมอยดู่ ้วยกัน  สถาบนั สง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คู่มอื ครรู ายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 1 | หนว่ ยที่ 2 การแยกสารเนอ้ื ผสม 98 กิจกรรมท่ี 1.1 แยกของแข็งในสารเน้ือผสมออกจากกนั ได้อยา่ งไร กิจกรรมน้ีนักเรียนจะได้สังเกต อธิบาย และ เปรียบเทียบวิธีแยกของแข็งในสารเน้ือผสมออกจากกันและ ยกตวั อย่างวิธีการแยกของแขง็ ในสารเน้อื ผสมออกจากกัน เวลา 2 ชว่ั โมง จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. สงั เกต อธบิ าย และเปรียบเทียบวิธแี ยกของแข็ง ในสารเนอ้ื ผสมออกจากกนั 2. อภปิ รายและยกตัวอยา่ งวิธีการแยกของแข็ง ออกจากของแขง็ ในสารเนื้อผสมที่นาไปใช้ ประโยชน์ในชวี ิตประจาวัน วัสดุ อปุ กรณ์สาหรับทากจิ กรรม สงิ่ ที่ครูตอ้ งเตรียม/กลุ่ม 1. ขา้ วเปลือก ประมาณ 5 กรมั หรือ 1 กามือ 2. ครกและสาก 1 ชดุ 3. ถาด 1 ใบ 4. กระดง้ 1 ใบ สือ่ การเรยี นรู้และแหลง่ เรียนรู้ 5. ตะแกรง 1 ใบ 1. หนังสือเรียน ป.6 เลม่ 1 หน้า 42-44 2. แบบบนั ทึกกิจกรรม ป.6 เล่ม 1 หนา้ 39-43 ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ 3. วดี ิทศั นต์ วั อย่างปฏบิ ตั ิการวทิ ยาศาสตร์สาหรบั ครู เรอ่ื ง S1 การสังเกต แยกของแข็งที่มีลักษณะต่างกันได้อยา่ งไร S8 การลงความเห็นจากข้อมูล http://ipst.me/9894 S13 การตีความหมายข้อมูลและลงข้อสรุป ทักษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 C2 การคิดอยา่ งมีวจิ ารณญาณ C4 การส่อื สาร C5 ความรว่ มมือ สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี 

99 คูม่ อื ครูรายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 1 | หน่วยที่ 2 การแยกสารเน้ือผสม แนวการจดั การเรียนรู้ ในการตรวจสอบความรู้เดิม ครูเพียงรับฟังเหตุผลของนักเรียน 1. ครูตรวจสอบความรเู้ ดิมของนักเรียนเกี่ยวกับการแยกของแข็งในสารเนอื้ และยังไม่เฉลยคาตอบใด ๆ แต่ ชักชวนใหน้ กั เรียนไปหาคาตอบด้วย ผสมออกจากกนั ครูสร้างความสนใจโดยเลา่ นิทานเรื่องหนู ดังน้ี ตนเองจากการทากิจกรรม หนูผัวเมียคู่หนึ่งขุดรูอยู่ริมคันนา ขณะนั้นหนูตัวเมียกาลังตั้งท้อง ช่วงเวลานั้นข้าวในทุ่งนากาลังสุกเหลืองอร่าม ต่อมาไม่นาน แม่หนูก็ให้ กาเนิดลูกครอกหน่ึง แม่หนูต้องการน้านมมากเพียงพอท่ีจะเลี้ยงลูกหนู แม่หนูจึงต้องหาอาหารมากกว่าปกติโดยออกจากรังไปกัดรวงข้าว แม่หนู ใช้ฟันแทะเปลือกเมล็ดข้าว ให้หลุดออกไป เหลือแต่เมล็ดข้าวสารแล้ว นามาแทะกนิ อย่างเอร็ดอรอ่ ย ครตู รวจสอบความเขา้ ใจจากเรื่องท่ฟี งั โดยใช้คาถามดังนี้ 1.1 หนูทาอย่างไรจึงได้เมล็ดข้าวสารมากิน (ใช้ฟันแทะให้เปลือกของ เมลด็ ขา้ วเปลือกหลดุ ออกไป) 1.2 ถ้านักเรียนต้องการเมล็ดข้าวสารจากเมล็ดข้าวเปลือกจะทา อย่างไร (นกั เรยี นตอบตามความเขา้ ใจของตนเอง) 2. ครูเชื่อมโยงความรู้เดิมของนักเรียนเข้าสู่กิจกรรมที่ 1.1 โดยใช้คาถาม วา่ จะแยกของแขง็ ในสารเนือ้ ผสมออกจากกันทาได้อย่างไร 3. นักเรียนอ่านช่ือกิจกรรม และทาเป็นคิดเป็น จากนั้นร่วมกันอภิปราย เพ่ือตรวจสอบความเขา้ ใจเกีย่ วกับจุดประสงค์ในการทากิจกรรม โดยใช้ คาถาม ดังนี้ 3.1 กิจกรรมน้ีนักเรียนจะได้เรียนเร่ืองอะไร (วิธีการแยกของแข็งใน สารเนอ้ื ผสมออกจากกันและการนาวิธกี ารแยกของแข็งในสารเนื้อ ผสมออกจากกนั ไปใชป้ ระโยชน์) 3.2 นกั เรยี นจะได้เรยี นรู้เรอ่ื งนดี้ ้วยวิธใี ด (การสงั เกตและการอภปิ ราย) 3.3 เมื่อเรียนแล้วนักเรียนจะทาอะไรได้ (สามารถอธิบายและ เปรียบเทียบวิธีการแยกของแข็งในสารเน้ือผสมออกจากกัน และ ยกตัวอย่างการนาวิธีการแยกของแข็งในสารเน้ือผสมออกจากกัน ไปใชป้ ระโยชน์) 4. นักเรียนบันทึกจุดประสงค์ลงในแบบบันทึกกิจกรรม หน้า 39 และอ่าน สิ่งทต่ี ้องใช้ในการทากิจกรรม  สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คมู่ อื ครูรายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 1 | หนว่ ยท่ี 2 การแยกสารเน้ือผสม 100 5. นักเรียนอ่านทาอย่างไร โดยครูใช้วิธีฝึกทักษะการอ่านที่เหมาะสมกับ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ความสามารถของนักเรียน จากนั้นครูตรวจสอบความเข้าใจเกี่ยวกับ แ ละทักษะแ ห่งศ ตวรรษ ที่ 21 ที่ วิธีการทากิจกรรม จนนักเรียนเข้าใจลาดับการทากิจกรรม โดยใช้คาถาม นักเรียนจะได้ฝึกจากการทากจิ กรรม ดังนี้ 5.1 นักเรียนต้องทาส่ิงใดเป็นลาดับแรก (ตาข้าวเปลือกเบา ๆ ให้เปลือก S1 การสงั เกตลักษณะของสาร กะเทาะออกจากเมลด็ ขา้ วสาร สังเกตสารเนอื้ ผสมที่ได้) S8 การลงความเห็นเกยี่ วกับ 5.2 นักเรียนต้องทาอย่างไรต่อไป (ร่วมกันอภิปรายเพื่อหาวิธีแยกเมล็ด ข้าวสารออกจากสารเนื้อผสม) ลักษณะของสารในสารเนื้อผสม 5.3 หลังจากหาวิธีแยกเมล็ดข้าวสารได้แล้ว นักเรียนต้องทาอย่างไร C2 การตัดสนิ ใจและให้เหตุผล (เลือกวิธีแยกเมล็ดข้าวสารมาหนง่ึ วธิ ีและแยกเมล็ดข้าวสารตามวิธีท่ี เลอื ก) เก่ีวยกบั การเลือกวิธีการแยก 5.4 หลังจากแยกเมล็ดข้าวสารได้แล้ว ทาอย่างไรต่อไป (ร่วมกัน สาร อภิปรายวิธีการแยกสารและวิเคราะหข์ อ้ ดี ขอ้ จากดั ของวิธีท่เี ลอื ก) C4 การส่อื สารข้อมูลเก่ยี วกับการ 5.5 ข้ันตอนต่อไป นักเรียนต้องทาอะไรต่อ (ร่วมกันอภิปรายและ เลอื กวธิ ีการแยกสาร ยกตัวอยา่ งวิธีการแยกสารทนี่ าไปใช้ประโยชนใ์ นชีวติ ประจาวัน) C5 การร่วมมือกันทากิจกรรม 6. เม่ือนักเรียนเข้าใจวิธีการทากิจกรรมในทาอย่างไรแล้ว ให้นักเรียนรับ ขอ้ เสนอแนะเพ่ิมเตมิ อปุ กรณ์และเรมิ่ ปฏบิ ตั ิตามขัน้ ตอนการทากจิ กรรม ครอู าจแนะนานักเรียนใหต้ า 7. หลังจากทากิจกรรมและบันทึกผลการทากิจกรรมเรียบร้อยแล้ว ขา้ วเปลือกทลี ะน้อย และการใชส้ าก ให้นักเรียนนาเสนอและร่วมกันอภิปรายผลการทากิจกรรม ตามแนว บดเมลด็ ข้าวเปลอื กในครกจะทาให้ คาถามดังน้ี ไดเ้ มล็ดข้าวสารเตม็ เมลด็ จานวน 7.1 หลังจากตาข้าวเปลือกให้เปลือกข้าวกะเทาะออกจากเมล็ดข้าวสาร มากกว่าการใชส้ ากตา สารผสมที่ได้มีลักษณะอย่างไร (มีสารหลายอย่างปนกัน ได้แก่ เปลือกขา้ ว เมลด็ ข้าวเปลอื ก เมล็ดขา้ วสาร เศษชิ้นเลก็ ๆ (ราขา้ ว)) 7.2 สารท้งั หมดในสารเนื้อผสมมีสถานะใด (ของแข็ง) 7.3 นักเรยี นใช้วิธกี ารใดบ้างเพอ่ื แยกเมลด็ ข้าวสารออกจากสารอ่นื ๆ และทาอย่างไร (คาตอบข้นึ อยูก่ บั วธิ ีทน่ี กั เรยี นเลอื ก เชน่  การหยิบออก ทาไดโ้ ดยการใช้มือหยบิ เมล็ดขา้ วสารออกจากสาร อ่นื ๆ  การร่อนทาได้โดยนาสารผสมท้ังหมดใส่ลงในตะแกรงและเขย่า เปลือกข้าวหรือราข้าวที่มีขนาดเล็กจะหลุดลอดรูตะแกรง ส่วน ข้าวเปลือกและแกลบที่มีขนาดใหญ่กว่าจะค้างอยู่บนตะแกรง สถาบนั สง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 

101 คู่มอื ครรู ายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เล่ม 1 | หน่วยที่ 2 การแยกสารเนื้อผสม ในกรณีที่มีเปลือกข้าวหรือแกลบเหลืออยู่ให้แยกสารต่อไปด้วย ถ้านักเรียนไม่สามารถตอบ วธิ ีการฝดั คาถามหรืออภิปรายได้ตามแนว คาตอบ ครูควรให้เวลานักเรียน  การฝัดทาได้โดยนาสารเนื้อผสมท้ังหมดใส่กระด้งและขยับ คิดอย่างเหมาะสม รอคอยอย่าง กระด้งขึ้นลงให้ลมพัดพาแกลบซึ่งมีน้าหนักเบาปลิวออกไปจาก อดทน และรับฟังแนวความคิด กระด้ง เหลือเมล็ดข้าวสารและเมล็ดข้าวเปลือกบางส่วนอยู่ใน ของนกั เรียน กระด้ง จากน้ันใช้การหยิบออกโดยหยิบเมล็ดข้าวเปลือกออก จากเมลด็ ข้าวสาร ถ้าครูพบว่านักเรียนยังมีแนวคิด ค ล า ด เ ค ล่ื อ น เ กี่ ย ว กั บ ก า ร แ ย ก 7.4 การแยกสารท่เี ป็นของแขง็ ออกจากกนั ใช้วธิ ใี ดได้บา้ ง (การหยบิ ออก ของแขง็ ในสารเน้ือผสมออกจากกัน การรอ่ น และการฝดั ) ให้ครูดาเนินการโดยให้นักเรียน ร่ ว ม กั น อ ภิ ป ร า ย จ น นั ก เ รี ย น มี 7.5 การหยิบออก การร่อน และการฝัดใช้แยกสารเน้ือผสมท่ีมีลักษณะ แนวคดิ ท่ถี กู ต้อง และสมบัติอย่างไร (การหยิบออกใช้แยกสารเน้ือผสมท่ีเป็นของแข็ง ที่มีสีหรือขนาดแตกต่างกันอย่างชัดเจน การร่อนใช้แยกของแข็งท่ีมี ขนาดแตกต่างกันโดยของแข็งที่มีขนาดเล็กกว่ารูตะแกรงจะลอด ผ่านรูตะแกรง ส่วนของแข็งที่มีขนาดใหญ่กว่าจะค้างอยู่บนตะแกรง ส่วนการฝัดใช้แยกของแข็งท่มี ีนา้ หนักแตกตา่ งกันออกจากกัน) 7.6 การแยกสารโดยการหยิบออก การร่อน และการฝัดในกิจกรรมน้ีมี ขอ้ ดีและข้อจากัดอยา่ งไร (-การหยิบออกเป็นวิธีแยกสารโดยเลือกหยิบเมล็ดข้าวสารออกจาก สารอื่นที่ปะปนอยู่ มีข้อดีคือไม่ต้องใช้อุปกรณ์เพ่ิมเติม แต่ข้อจากัด คือใช้เวลานานและอาจหยิบลาบากถ้าสารน้ันมีขนาดเล็กมาก เช่น ราขา้ ว -การร่อนเป็นวิธีแยกราข้าวออกจากเมล็ดข้าวสารและเมล็ด ข้าวเปลือกได้อย่างรวดเร็ว ข้อดีคือใช้เวลาน้อย ข้อจากัดคือไม่ สามารถแยกเมล็ดข้าวเปลือกซึ่งมีขนาดเท่ากับเมล็ดข้าวสารออกไป ได้ -การฝัดเป็นวิธีการแยกเปลือกข้าวท่ีมีขนาดใกล้เคียงกับเมล็ด ข้าวสารแต่มีน้าหนักเบากว่าออกไป ข้อดีคือใช้เวลาน้อย ข้อจากัด คือ ไม่สามารถแยกเมล็ดข้าวเปลือกซ่ึงมีน้าหนักใกล้เคียงกับเมล็ด ขา้ วสารออกไปได้)  สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

ค่มู อื ครรู ายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เล่ม 1 | หนว่ ยที่ 2 การแยกสารเนอื้ ผสม 102 7.7 การหยิบออก การร่อน และการฝัดนาไปใช้ประโยชน์ใน ชีวิตประจาวันได้อย่างไร (นักเรียนตอบตามข้อมูลท่ีได้จากการ อภิปรายในกลุ่มหรือจากประสบการณ์ของตนเอง เช่น การหยิบ เมล็ดพืชที่เน่าเสียออกจากเมล็ดพืชที่สมบูรณ์ การร่อนทรายออก จากกรวด การฝัดเอาเย่ือหุ้มเมล็ดออกจากเมล็ดถ่ัวลิสงที่ค่ัวแล้ว การฝดั เปลอื กข้าวทมี่ ีน้าหนักเบาออกจากเมล็ดข้าวเมา่ ) 8. นักเรียนร่วมกันอภิปรายและตอบคาถามใน ฉันรู้อะไร โดยครูอาจใช้ คาถามเพม่ิ เตมิ ในการอภปิ รายเพอื่ ใหไ้ ด้แนวคาตอบทถ่ี ูกตอ้ ง 9. ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนตอบหรือซักถามในส่ิงที่อยากรู้เพิ่มเติมเก่ียวกับ การแยกของแข็งในสารเนื้อผสมออกจากกัน จากนั้นรว่ มกนั อภิปรายและ ลงข้อสรุปว่าการแยกของแข็งในสารเนื้อผสมออกจากกันทาได้โดยการ หยิบออก การร่อน และการฝัดซ่ึงสามารถนาไปใช้ประโยชน์ใน ชวี ติ ประจาวนั ได้ (S13) 10. นกั เรยี นอ่าน ส่งิ ท่ีไดเ้ รยี นรู้ และเปรียบเทียบกับข้อสรปุ ของตนเอง 11. ครูกระตุ้นให้นักเรียนฝึกต้ังคาถามเก่ียวกับเรื่องท่ีสงสัยหรืออยากรู้ เพ่ิมเติมใน อยากรู้อีกว่า จากนั้นครูอาจสุ่มนักเรียน 2 -3 คน นาเสนอ คาถามของตนเองหน้าชั้นเรียน จากน้ันนักเรียนร่วมกันอภิปรายเก่ียวกบั คาถามทน่ี าเสนอ 12. ครูนาอภิปรายเพ่ือให้นักเรียนทบทวนว่าได้ฝึกทักษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์และทกั ษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 อะไรบ้างและในขน้ั ตอนใด การเตรยี มตัวล่วงหน้าสาหรับครเู พอื่ จัดการเรยี นร้ใู นครัง้ ถดั ไป ในครั้งถัดไป นักเรียนจะได้ทากิจกรรมท่ี 1.2 แยกของแข็งออกจากของเหลวในสารเนื้อผสม ได้อยา่ งไร ครเู ตรยี มสื่อหรือเตรียมอปุ กรณ์ ดังนี้ 1. ตรวจสอบกรวยกรอง แท่งแก้วคน โดยต้องไม่มีรอยแตกร้าวหรือมีส่วนที่มีคม ก่อนนามา ให้นกั เรยี นทากิจกรรม 2. เตรียมน้าปูน โดยนาปูน (ปูนสาหรับกินหมาก) สีแดงหรือสีขาว ประมาณ 1 ช้อนโต๊ะผสม กบั น้าประมาณ 500 cm3 คนให้เข้ากนั สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 

103 คมู่ อื ครูรายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 1 | หนว่ ยที่ 2 การแยกสารเน้ือผสม แนวคาตอบในแบบบนั ทึกกจิ กรรม 1.สังเกต อธิบาย และเปรยี บเทียบวธิ แี ยกของแข็งในสารเนอื้ ผสมออกจากกนั 2. อภิปรายและยกตวั อยา่ งวธิ กี ารแยกของแข็งออกจากของแขง็ ในสารเนือ้ ผสม เพอื่ นาไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจาวัน มีสารหลายอย่างปนกัน ได้แก่ เมล็ดข้าวสาร เปลือกข้าวหรือแกลบ เมล็ดข้าวเปลือกที่ เหลอื อยู่ และเศษช้ินเลก็ ๆ (ราขา้ ว) คาตอบขึ้นอยกู่ บั ผลการอภปิ รายของนักเรยี น เช่น การหยบิ ออก การรอ่ น การฝัด  สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ค่มู ือครูรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เล่ม 1 | หน่วยท่ี 2 การแยกสารเนื้อผสม 104 (คาตอบขึ้นอยกู่ ับผลการทากิจกรรมและเหตผุ ลของนักเรียน เชน่ การหยบิ ออก) (คาตอบข้ึนอยู่กับเหตุผลของนักเรียน เช่น เลือกวิธีการหยิบออกเพราะ เป็นวิธีท่ีไม่ต้องใช้อุปกรณ์เพ่ิมเติมก็สามารถแยกเมล็ดข้าวสารออกจาก สารอน่ื ได้) เมลด็ ขา้ วสาร ของแขง็ สีนา้ ตาลออ่ น รปู รา่ งยาวรี เมล็ดขา้ วเปลอื ก ของแข็ง สีเหลือง รูปรา่ งยาวรี เปลือกข้าวหรือแกลบ ของแข็ง สีเหลอื ง มหี ลายขนาด และรา สถาบันส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 

105 ค่มู ือครรู ายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เล่ม 1 | หน่วยที่ 2 การแยกสารเน้อื ผสม ข้นึ อยู่กับผลการทากิจกรรมของนักเรียกนารเหชยน่ ิบออก ไม่ตอ้ งใช้อปุ กรณ์อื่นนอกจากใช้มือ หยิบได้ทีละเมล็ดทาให้ใช้เวลาแยก เมลด็ ขา้ วสารนาน เช่น การหยบิ เมลด็ พชื ทีเ่ นา่ เสียออกจากเมลด็ พชื ที่สมบูรณ์ การฝดั เอาเยอ่ื หุ้มเมลด็ ออกจากเมล็ดถั่วลสิ งทคี่ ่วั แล้ว การฝัดเอาสง่ิ เจือปนที่มีขนาดเลก็ ออกจากเมล็ดงา การรอ่ นทรายออกจากเศษหนิ  สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

ค่มู อื ครรู ายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 1 | หนว่ ยที่ 2 การแยกสารเนอ้ื ผสม 106 ทาได้โดยการหยิบเมล็ดข้าวสารออก เรียกว่า การหยิบออก หรือทาได้โดย การร่อนผ่านตะแกรง เรียกว่าการร่อน หรือทาได้โดยการฝัดในกระด้ง เรียกว่า การฝัด พจิ ารณาจากลักษณะและสมบตั ิของสารทผ่ี สมอยดู่ ้วยกนั การหยบิ เมล็ดข้าวเปลอื กออกจากข้าวสาร การฝัดเอาสิ่งเจือปนที่มขี นาดเลก็ ออกจากเมล็ดงา การรอ่ นทรายออกจากเศษหนิ การแยกเมล็ดข้าวสารออกจากเปลือกข้าวหรือแกลบ และเมล็ดข้าวเปลือกทาได้โดยใช้มือหยิบเมล็ด ข้าวสารออก เรียกการแยกสารนี้ว่าการหยิบออก หรือใช้วิธีการร่อนด้วยตะแกรงทาให้ราข้าวที่มีขนาด เล็กกว่ารูตะแกรงแยกออกไป เรียกว่า การร่อน แล้วนาส่วนท่ีเหลือไปฝัดในกระด้งทาให้แกลบหรือ เปลือกข้าวลอยออกไปจากกระด้งจะเหลือแต่เมล็ดข้าวสารและเมล็ดข้าวเปลือกจึงใช้มือหยิบเมล็ด ข้าวเปลอื กที่มปี ริมาณน้อยกว่าเมล็ดข้าวสารออกไปจากกระด้งกจ็ ะเหลอื เพยี งเมลด็ ข้าวสาร การแยกของแข็งในสารเนื้อผสมออกจากกันทาได้โดยการหยิบออก การรอ่ น และการฝดั สถาบนั สง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 

107 คมู่ ือครรู ายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 1 | หน่วยท่ี 2 การแยกสารเนื้อผสม คาถามของนกั เรยี นทต่ี ้ังตามความอยากร้ขู องตนเอง  สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook