Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือครู วิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คู่มือครู วิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

Published by krittimuk.tommy, 2020-08-22 03:10:50

Description: ให้ศึกษาคู่มือก่อนการเข้าเรียนออนไลน์

Search

Read the Text Version

ค่มู อื ครูรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เล่ม 1 | หนว่ ยท่ี 3 หนิ และซากดกึ ดาบรรพ์ 256 ซากดกึ ดาบรรพท์ ่ีมเี ปน็ ลักษณะโครงรา่ งและร่องรอยของสิ่งมชี ีวิตในอดีต มกี ารเกดิ และอาศัยส่ิงจาเป็นในการเกิดแตกต่างกัน และมีลักษณะของซากดึกดาบรรพ์แตกตา่ งกัน การเกิดซากดึกดาบรรพ์ทีม่ ีลกั ษณะเป็นโครงรา่ งจาเปน็ ต้องอาศัยโครงร่างของ สิ่งมีชีวิตในอดีตและการสะสมตัวของตะกอนมาปิดทับ และจาเป็นต้องมีสารต่าง ๆ ซึมเข้าสู่โครงร่างแข็ง เมื่อสารต่าง ๆ แข็งตัวจะกลายเป็นซากดึกดาบรรพ์ที่มีรูปร่างเหมือนโครงร่างแข็งของซากส่ิงมีชีวิต ส่วนซากดึกดาบรรพ์ ที่มีลักษณะเป็น ร่องรอยจาเป็นตอ้ งอาศัยรอยประทับของส่ิงมีชีวิตในอดีตลงบนตะกอนที่ยงั ไมแ่ ข็งตัว ซึ่งซากดึกดาบรรพ์ลักษณะน้ีปรากฏได้ ท้ังลกั ษณะรปู พมิ พแ์ ละรอยพิมพ์ ซากดกึ ดาบรรพท์ งั้ สองลักษณะจะเกิดขึ้นพรอ้ ม ๆ กับการเกิดหินตะกอน คาถามของนกั เรยี นท่ีตัง้ ตามความอยากรขู้ องตนเอง       สถาบันส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี 

257 คู่มือครรู ายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 1 | หน่วยท่ี 3 หินและซากดกึ ดาบรรพ์ แนวการประเมนิ การเรียนรู้ การประเมนิ การเรียนรูข้ องนักเรยี นทาได้ ดังนี้ 1. ประเมนิ ความรู้เดิมจากการอภปิ รายในชั้นเรยี น 2. ประเมินการเรียนรจู้ ากคาตอบของนกั เรยี นระหวา่ งการจัดการเรียนรแู้ ละจากแบบบนั ทึกกิจกรรม 3. ประเมนิ ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และทักษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 จากการทากจิ กรรมของนกั เรยี น การประเมินจากการทากิจกรรมที่ 2.1 ซากดกึ ดาบรรพเ์ กดิ ข้นึ ได้อยา่ งไร รหัส สง่ิ ทป่ี ระเมนิ คะแนน ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ S1 การสังเกต S2 การวดั S5 การหาความสมั พันธ์ระหว่างสเปซกับสเปซ S6 การจัดกระทาและสอื่ ความหมายขอ้ มลู S8 การลงความเห็นจากข้อมลู S13 การตคี วามหมายขอ้ มูลและลงขอ้ สรุป S14 การสร้างแบบจาลอง ทกั ษะแห่งศตวรรษที่ 21 C2 การคดิ อย่างมวี จิ ารณญาณ C4 การสื่อสาร C5 ความร่วมมอื รวมคะแนน  สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คูม่ ือครูรายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เล่ม 1 | หน่วยที่ 3 หินและซากดกึ ดาบรรพ์ 258 ตาราง รายการประเมนิ และเกณฑ์การประเมินทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ทกั ษะกระบวนการ รายการประเมิน เกณฑ์การประเมนิ ทางวิทยาศาสตร์ ดี (3) พอใช้ (2) ควรปรบั ปรงุ (1) S1 การสงั เกต การใชป้ ระสาทสัมผสั สามารถใชป้ ระสาทสัมผสั สามารถใชป้ ระสาทสมั ผัส สามารถใชป้ ระสาท เกบ็ รายละเอยี ดของ เกบ็ รายละเอยี ดของสิง่ ที่ เก็บรายละเอยี ดของส่งิ ท่ี สัมผัสเกบ็ ส่ิงทเ่ี กดิ ขนึ้ เกี่ยวกบั เกิดขน้ึ เกี่ยวกบั ลกั ษณะ เกิดขนึ้ เก่ยี วกบั ลักษณะ รายละเอยี ดของส่ิงท่ี ลักษณะและการเกิด และการเกดิ และการเกดิ เกดิ ข้ึนเก่ียวกบั ซากดึกดาบรรพ์ท่ี ซากดึกดาบรรพ์ที่จาลอง ซากดึกดาบรรพ์ท่ีจาลอง ลักษณะและการเกิด จาลองขึน้ ขนึ้ ได้ด้วยตวั เองโดยไม่ ข้ึนได้ จากการช้ีแนะของ ซากดึกดาบรรพ์ที่ เพม่ิ ความคิดเห็น ครหู รอื ผูอ้ นื่ จาลองขึน้ เพียง บางสว่ น แม้วา่ จะได้ รับคาชี้แนะจากครู หรอื ผอู้ นื่ S2 การวดั การใช้เคร่ืองชงั่ ในการ สามารถใชเ้ คร่ืองชั่งในการ สามารถใชเ้ ครื่องช่ังในการ ใช้เครื่องช่งั ในการชั่ง ชัง่ มวลทรายและปูน ชั่งมวลทรายและปูน ชั่งมวลทรายและปูน มวลทรายและปนู ปลาสเตอร์ และใช้ ปลาสเตอร์ และใช้บีกเกอร์ ปลาสเตอร์ และใช้บีกเกอร์ ปลาสเตอร์ และใช้ บกี เกอรใ์ นการตวง ในการตวงปริมาตรน้าได้ ในการตวงปริมาตรน้าได้ บีกเกอรใ์ นการตวง ปรมิ าตรน้า ถกู ต้องได้ด้วยตนเอง ถกู ต้อง จากการชแ้ี นะของ ปริมาตรน้าได้ถูกต้อง ครูหรือผู้อนื่ เพียงบางสว่ น แมว้ า่ จะ ได้รับคาชีแ้ นะจากครู หรอื ผู้อ่นื S5 การหาความ การบอก สามารถบอกความสัมพนั ธ์ สามารถบอกความสัมพนั ธ์ สามารถบอก สมั พนั ธ์ระหวา่ ง สเปซกับสเปซ ความสัมพนั ธร์ ะหว่าง ระหว่างการครอบครอง ระหว่างการครอบครอง ความสมั พนั ธร์ ะหว่าง การครอบครองพื้นท่ี พ้ืนท่ีของสารผสมทีเ่ ทลง พน้ื ทขี่ องสารผสมท่เี ทลง การครอบครองพนื้ ท่ี ของสารผสมทเ่ี ทลง ไปในรอยของตะกอนชน้ั ที่ ไปในรอยของตะกอนชัน้ ท่ี ของสารผสมทเ่ี ทลง ไปในรอยของตะกอน 3 ซงึ่ เปน็ รอยท่ีเกดิ จาก 3 ซงึ่ เปน็ รอยท่ีเกดิ จาก ไปในรอยของตะกอน ชัน้ ที่ 3 ซงึ่ เป็นรอยที่ การนาตีนไดโนเสาร์ การนาตีนไดโนเสาร์ ชั้นที่ 3 ซึง่ เปน็ รอยที่ เกดิ จากการนาตีน พลาสตกิ กดลงบนดิน พลาสตกิ กดลงบนดิน เกดิ จากการนาตีน ไดโนเสาร์พลาสติก นา้ มันให้เปน็ รอยลึก โดย นา้ มันให้เป็นรอยลึก โดย ไดโนเสารพ์ ลาสตกิ กดลงบนดินน้ามนั ให้ สังเกตจากลกั ษณะผิว สงั เกตจากลกั ษณะผิว กดลงบนดินนา้ มนั ให้ เป็นรอยลึก โดย ดา้ นบนของตะกอนชนั้ ท่ี 3 ดา้ นบนของตะกอนช้นั ที่ 3 เป็นรอยลึก โดย สงั เกตจากลกั ษณะ และผิวด้านลา่ งของ และผิวดา้ นลา่ งของ สงั เกตจากลักษณะ สถาบันสง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 

259 ค่มู ือครรู ายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เล่ม 1 | หน่วยที่ 3 หนิ และซากดกึ ดาบรรพ์ ทกั ษะกระบวนการ รายการประเมิน เกณฑก์ ารประเมิน ทางวิทยาศาสตร์ ดี (3) พอใช้ (2) ควรปรับปรุง (1) ผวิ ดา้ นบนของ ตะกอนชั้นที่ 4 หลังจากดึง ตะกอนชัน้ ท่ี 4 หลังจากดงึ ผิวด้านบนของ ตะกอนชน้ั ที่ 3 และ ตะกอนชน้ั ที่ 4 ออกมา ได้ ตะกอนชน้ั ท่ี 4 ออกมา ได้ ตะกอนช้นั ท่ี 3 และ ผิวด้านล่างของ อยา่ งถูกต้องดว้ ยตนเอง จากการชี้แนะของครูหรือ ผิวด้านล่างของ ตะกอนช้นั ท่ี 4 ผอู้ น่ื ตะกอนช้นั ที่ 4 หลงั จากดงึ ตะกอน หลังจากดงึ ตะกอน ช้ันที่ 4 ออกมา ชน้ั ท่ี 4 ออกมา ได้แต่ ไมค่ รบถ้วน แมว้ ่าจะ ได้รับคาชแี้ นะจากครู หรือผูอ้ ่ืน S6 การจัดกระทา การนาข้อมลู ท่ีไดจ้ าก สามารถนาข้อมูลท่ีได้จาก สามารถนาข้อมลู ท่ีได้จาก สามารถนาข้อมลู ที่ได้ และสอื่ ความหมาย การสงั เกตและการ การสังเกตและการ การสังเกตและการ จากการสงั เกตและ ข้อมูล รวบรวมเกย่ี วกับการ รวบรวมเกยี่ วกับการเกิด รวบรวมเก่ยี วกบั การเกิด การรวบรวมเกี่ยวกบั เกดิ ซากดกึ ดาบรรพ์ ซากดกึ ดาบรรพ์มาจัด ซากดกึ ดาบรรพ์มาจดั การเกิด มาจดั กระทาโดยการ กระทาโดยการเขยี น กระทาโดยการเขียน ซากดึกดาบรรพ์มา เขยี นแผนภาพและ แผนภาพและสื่อให้ผูอ้ นื่ แผนภาพและสื่อให้ผู้อ่นื จดั กระทาโดยการ ส่อื ใหผ้ อู้ นื่ เข้าใจถงึ เขา้ ใจถงึ การเกิด เขา้ ใจถึงการเกิด เขยี นแผนภาพและ การเกิด ซากดึกดาบรรพ์ ซากดึกดาบรรพ์ สอ่ื ใหผ้ ้อู นื่ เข้าใจถึง ซากดกึ ดาบรรพ์ได้ ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง ครบถ้วน ได้อย่างถกู ต้อง และ การเกดิ และเขา้ ใจง่ายด้วยตนเอง ครบถว้ น แต่เข้าใจได้ยาก ซากดึกดาบรรพ์ ไดถ้ ูกต้องบางส่วน และเข้าใจได้ยาก แมว้ ่าจะได้รบั การ ช้แี นะจากครหู รือ ผอู้ ื่น S8 การลงความเห็น การลงความเห็นจาก สามารถลงความเห็นจาก สามารถลงความเห็นจาก สามารถลงความเหน็ ข้อมลู ของการสร้าง จากข้อมูลของการ จากขอ้ มลู ขอ้ มูลของการสรา้ ง ข้อมลู ของการสร้าง แบบจาลองการเกดิ สร้างแบบจาลองการ ซากดกึ ดาบรรพ์ไดว้ า่ เกิดซากดึกดาบรรพ์ แบบจาลองการเกิด แบบจาลองการเกดิ ซากดกึ ดาบรรพ์ทมี่ ี ได้วา่ ซากดึกดาบรรพ์ ลักษณะเป็นโครงร่าง ทมี่ ลี กั ษณะเป็นโครง ซากดึกดาบรรพ์ไดว้ ่า ซากดกึ ดาบรรพ์ได้ว่า ซากดกึ ดาบรรพ์ทีม่ ี ซากดึกดาบรรพ์ท่มี ี ลักษณะเป็นโครงรา่ ง ลกั ษณะเป็นโครงรา่ ง  สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คู่มือครูรายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 1 | หน่วยท่ี 3 หนิ และซากดึกดาบรรพ์ 260 ทักษะกระบวนการ รายการประเมนิ เกณฑก์ ารประเมนิ ทางวิทยาศาสตร์ ดี (3) พอใช้ (2) ควรปรบั ปรงุ (1) จาเป็นต้องอาศยั โครง จาเป็นตอ้ งอาศัยโครงร่าง จาเปน็ ต้องอาศัยโครงร่าง รา่ ง จาเป็นต้องอาศัย ร่างของส่ิงมชี วี ติ ใน ของส่งิ มชี ีวิตในอดีตและ ของสง่ิ มชี วี ติ ในอดตี และ โครงร่างของสิ่งมชี วี ิต อดตี และการสะสม การสะสมตวั ของตะกอน การสะสมตวั ของตะกอน ในอดตี และการสะสม ตัวของตะกอนมาปิด มาปดิ ทับ และจาเป็นต้อง มาปิดทับ และจาเปน็ ต้อง ตัวของตะกอนมาปิด ทบั และจาเป็นต้องมี มสี ารต่าง ๆ ซึมเข้าสู่โครง มีสารต่าง ๆ ซึมเข้าสู่โครง ทบั และจาเปน็ ต้องมี สารตา่ ง ๆ ซมึ เข้าสู่ รา่ งแขง็ เม่ือสารตา่ ง ๆ รา่ งแข็ง เม่ือสารตา่ ง ๆ สาร ตา่ ง ๆ ซึมเขา้ สู่ โครงร่างแข็ง เม่ือสาร แขง็ ตวั จะกลายเป็นซาก แข็งตวั จะกลายเปน็ ซาก โครงรา่ งแข็ง เมื่อสาร ตา่ ง ๆ แขง็ ตวั จะ ดึกดาบรรพ์ทม่ี รี ูปรา่ ง ดกึ ดาบรรพ์ทม่ี ีรปู ร่าง ตา่ ง ๆ แขง็ ตัวจะ กลายเป็น เหมอื นโครงรา่ งแข็งของ เหมอื นโครงร่างแข็งของ กลายเปน็ ซากดกึ ดาบรรพ์ที่มี ซากสิ่งมีชีวติ สว่ น ซากสง่ิ มชี วี ติ ส่วน ซากดึกดาบรรพ์ทม่ี ี รปู ร่างเหมอื นโครง ซากดกึ ดาบรรรพ์ท่มี ี ซากดึกดาบรรรพ์ท่มี ี รปู ร่างเหมือนโครง รา่ งแข็งของซาก ลกั ษณะเป็นรอ่ งรอย ลักษณะเป็นรอ่ งรอย ร่างแข็งของซาก สิ่งมีชีวติ ส่วน จาเป็นต้องอาศยั รอย จาเปน็ ต้องอาศัยรอย สิง่ มีชีวิต สว่ น ซากดกึ ดาบรรรพ์ท่ีมี ประทับของสงิ่ มชี ีวติ ใน ประทับของสิ่งมชี วี ิตใน ซากดกึ ดาบรรรพ์ท่ีมี ลกั ษณะเป็นร่องรอย อดีตลงบนตะกอนทยี่ งั ไม่ อดตี ลงบนตะกอนทย่ี ังไม่ ลักษณะเป็นร่องรอย จาเปน็ ต้องอาศัยรอย แขง็ ตวั ซึ่ง ซาก แขง็ ตวั ซ่ึงซากดึกดาบรรพ์ จาเปน็ ตอ้ งอาศยั รอย ประทับของส่ิงมชี ีวิต ดกึ ดาบรรพ์ลักษณะนี้ ลกั ษณะนป้ี รากฏไดท้ ง้ั ประทบั ของสงิ่ มชี วี ติ ในอดตี ลงบนตะกอน ปรากฏได้ทงั้ ลักษณะรูป ลักษณะรูปพิมพ์และรอย ในอดีตลงบนตะกอน ทีย่ งั ไม่แข็งตัว ซ่ึง พิมพ์และรอยพิมพ์ ได้ดว้ ย พมิ พ์ จากการชแ้ี นะของ ที่ยงั ไม่แขง็ ตวั ซงึ่ ซากดกึ ดาบรรพ์ ตนเอง ครหู รอื ผู้อ่ืน ซากดกึ ดาบรรพ์ ลักษณะนปี้ รากฏได้ ลกั ษณะนป้ี รากฏได้ ทง้ั ลกั ษณะรูปพมิ พ์ ทงั้ ลกั ษณะรปู พมิ พ์ และรอยพมิ พ์ และรอยพิมพ์ แต่ไม่ สามารถบอกเหตุ ผลไดแ้ ม้ว่าจะได้รับ การชแ้ี นะจากครูหรอื ผู้อืน่ S13 การ การตีความหมาย สามารถตีความหมายข้อมลู สามารถตีความหมายข้อมลู สามารถตีความหมาย ตีความหมายข้อมลู ข้อมูลและลงข้อสรุป และลงข้อสรุปจากการใช้ และลงข้อสรปุ จากการใช้ ข้อมูลและลงข้อสรุป และลงข้อสรุป จากการใช้แบบจาลอง แบบจาลองการเกิด แบบจาลองการเกิด จากการใช้แบบจาลอง การเกิด การเกิด สถาบันส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 

261 คู่มอื ครูรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เล่ม 1 | หนว่ ยท่ี 3 หินและซากดกึ ดาบรรพ์ ทกั ษะกระบวนการ รายการประเมิน เกณฑก์ ารประเมนิ ทางวิทยาศาสตร์ ดี (3) พอใช้ (2) ควรปรับปรุง (1) ซากดึกดาบรรพ์ได้ว่า ซากดึกดาบรรพ์ได้อยา่ ง ซากดึกดาบรรพ์ได้อย่าง ซากดึกดาบรรพ์ได้ ซากดึกดาบรรพ์ที่มี ถกู ต้องด้วยตนเองว่า ถกู ต้อง โดยอาศยั จากการ เพียงบางสว่ นวา่ ลักษณะเป็นโครงรา่ ง ซากดึกดาบรรพ์ที่มีลกั ษณะ ชี้แนะของครูหรือผอู้ ่ืนวา่ ซากดกึ ดาบรรพ์ท่ีมี และร่องรอยของ เป็นโครงร่างและร่องรอย ซากดึกดาบรรพ์ทม่ี ีลกั ษณะ ลักษณะเปน็ โครงรา่ ง สิ่งมชี ีวิตในอดีต มี ของสง่ิ มชี ีวิตในอดตี มีการ เป็นโครงรา่ งและร่องรอย และรอ่ งรอยของ การเกิดและอาศัย เกิดและอาศยั สิ่งจาเปน็ ใน ของสิง่ มชี วี ิตในอดตี สิ่งมชี ีวิตในอดตี มี สง่ิ จาเปน็ ในการเกดิ การเกิดแตกตา่ งกัน และมี มกี ารเกิดและอาศยั การเกิดและอาศัย แตกตา่ งกัน และมี ลกั ษณะของซากดึกดา สง่ิ จาเปน็ ในการเกดิ ส่ิงจาเปน็ ในการเกิด ลักษณะของ บรรพ์แตกตา่ งกนั และ แตกตา่ งกนั และมีลักษณะ แตกต่างกัน และมี ซากดกึ ดาบรรพ์ ซากดึกดาบรรพ์ทัง้ สอง ของซากดึกดาบรรพ์ ลกั ษณะของ แตกตา่ งกนั และ ลักษณะจะเกิดขึ้นพร้อม ๆ แตกตา่ งกนั และ ซากดึกดาบรรพ์ ซากดึกดาบรรพ์ทง้ั กบั กระบวนการเกดิ หิน ซากดึกดาบรรพ์ทัง้ สอง แตกตา่ งกนั และ สองลักษณะจะเกิดขึ้น ตะกอน ลกั ษณะจะเกิดขึ้นพร้อม ๆ ซากดึกดาบรรพ์ทง้ั พร้อม ๆ กับ กบั กระบวนการเกดิ หิน สองลักษณะจะเกิดขึ้น กระบวนการเกิดหิน ตะกอน พร้อม ๆ กับ ตะกอน กระบวนการเกดิ หิน ตะกอน แม้วา่ จะได้ รบั คาชแ้ี นะจากครู หรือผู้อ่ืน S14 การสร้าง อธบิ ายกระบวนการ สามารถอธบิ าย สามารถอธิบาย อธบิ ายกระบวนการ แบบจาลอง เกดิ ซากดึกดาบรรพ์ที่ กระบวนการเกดิ กระบวนการเกิด เกดิ ซากดึกดาบรรพ์ท่ี มลี กั ษณะเป็นโครง ซากดึกดาบรรพ์ที่มี ซากดึกดาบรรพ์ท่ีมี มลี กั ษณะเปน็ โครง ร่างและลกั ษณะเป็น ลักษณะเป็นโครงร่างและ รอ่ งรอย โดยใช้ ลักษณะเปน็ โครงร่างและ ร่างและลกั ษณะเป็น แบบจาลองที่สร้างขึ้น ลกั ษณะเป็นร่องรอย โดย ลักษณะเป็นร่องรอย โดย รอ่ งรอย โดยใช้ ใชแ้ บบจาลองที่สรา้ งขน้ึ ใช้แบบจาลองท่ีสรา้ งขน้ึ ได้ แบบจาลองทส่ี รา้ งข้นึ ได้อยา่ งถกู ต้องได้ ดว้ ย อย่างถูกต้อง จากการ ได้ถูกตอ้ งบางส่วน ตวั เอง ช้แี นะของครูหรือผู้อ่นื แมว้ า่ ครหู รอื ผู้อ่นื ชว่ ยแนะนาหรือ ช้แี นะ  สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คูม่ ือครูรายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เล่ม 1 | หน่วยที่ 3 หนิ และซากดกึ ดาบรรพ์ 262 ตาราง รายการประเมินและเกณฑ์การประเมนิ ทักษะแหง่ ศควรรษที่ 21 ทกั ษะแห่ง รายการประเมิน เกณฑก์ ารประเมิน พอใช้ (2) ศตวรรษท่ี 21 ดี (3) ควรปรับปรงุ (1) สามารถวิเคราะห์และ สามารถวเิ คราะหแ์ ละ C2 การคิดอยา่ ง การวเิ คราะห์และ สามารถวเิ คราะห์และ ประเมนิ จากแบบจาลอง ประเมนิ จากแบบจาลอง เพ่อื อธบิ ายการเกดิ เพอื่ อธิบายการเกิด มีวจิ ารณญาณ ประเมินจาก ประเมนิ จากแบบจาลอง ซากดกึ ดาบรรพโ์ ครงรา่ ง ซากดกึ ดาบรรพ์โครงรา่ ง และลักษณะร่องรอยได้ และลักษณะร่องรอยได้ แบบจาลองเพ่ืออธิบาย เพ่ืออธิบายการเกิด ถูกต้องและสมเหตุสมผล ถูกต้องและสมเหตสุ มผล โดยตอ้ งอาศยั การชีแ้ นะ บางสว่ นแม้ว่าจะไดร้ บั คา การเกิด ซากดกึ ดาบรรพ์โครงร่าง จากครหู รอื ผู้อนื่ ช้ีแนะจากครูหรือผูอ้ ่ืน ซากดึกดาบรรพ์ และลักษณะร่องรอยได้ ลกั ษณะโครงร่างและ ถกู ต้องและสมเหตสุ มผล ลกั ษณะร่องรอย ดว้ ยตนเอง C4 การสอ่ื สาร การนาเสนอข้อมลู จาก สามารถนาเสนอขอ้ มูลการ สามารถนาเสนอข้อมลู การ สามารถนาเสนอข้อมูลท่ี การสร้างแบบจาลอง สรา้ งแบบจาลองเก่ยี วกบั สร้างแบบจาลองเกี่ยวกับ การสร้างแบบจาลอง เกยี่ วกบั การเกดิ การเกดิ ซากดึกดาบรรพ์ การเกิดซากดึกดาบรรพ์ เกีย่ วกบั การเกิด ซากดึกดาบรรพ์ ลกั ษณะโครงร่างและ ลกั ษณะโครงร่างและ ซากดึกดาบรรพ์ลักษณะ ลกั ษณะโครงร่างและ ลักษณะร่องรอย ลกั ษณะร่องรอย โครงร่างและลกั ษณะ ลักษณะร่องรอย ครอบคลุมเนอื้ หา เพอ่ื ให้ ครอบคลุมเน้อื หาเพื่อให้ รอ่ งรอย แต่ไม่ครอบคลุม เพ่ือใหผ้ ู้อืน่ เขา้ ใจ ผอู้ น่ื เขา้ ใจได้ ดว้ ยตนเอง ผู้อน่ื เข้าใจ จากการชแี้ นะ เนอ้ื หาเพื่อใหผ้ ู้อนื่ เขา้ ใจ ของครูหรอื ผอู้ ื่น แมว้ ่าจะได้รบั คาแนะนา จากครหู รอื ผู้อื่น C5 ความ การทางานร่วมมอื กบั สามารถทางานร่วมกับ สามารถทางานรว่ มกบั สามารถทางานรว่ มกบั ผู้อ่ืน รว่ มมอื ในการสรา้ งแบบจาลอง ผูอ้ ่นื ในการสรา้ ง ผู้อื่นในการสร้าง ผู้อื่นในการสรา้ ง นาเสนอ แสดงความ คดิ เห็นและอภปิ รายการ แบบจาลอง นาเสนอ แบบจาลอง นาเสนอ แบบจาลอง นาเสนอ เกดิ ซากดึกดาบรรพ์ รวมท้ังยอมรบั ความ แสดงความคิดเหน็ และ แสดงความคิดเห็น และ แสดงความคิดเห็นและ คิดเห็นของผอู้ ื่น ในบาง ชว่ งเวลาทที่ ากิจกรรม แต่ อภิปรายการเกิด อภิปรายการเกิด อภปิ รายการเกิด ไม่ค่อยสนใจในความ คดิ เห็นของผ้อู ่ืน ซากดกึ ดาบรรพ์ ซากดกึ ดาบรรพ์ รวมท้ัง ซากดกึ ดาบรรพ์ รวมท้ัง รวมทั้งยอมรับความ ยอมรับความคิดเหน็ ของ ยอมรบั ความคิดเห็นของ คิดเห็นของผอู้ น่ื ผอู้ ื่นตั้งแตเ่ รม่ิ ตน้ จนสาเร็จ ผู้อน่ื บางชว่ งเวลาท่ที า กจิ กรรม สถาบนั สง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี 

263 คมู่ ือครรู ายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 1 | หนว่ ยที่ 3 หนิ และซากดึกดาบรรพ์ กจิ กรรมที่ 2.2 ซากดึกดาบรรพม์ ีประโยชนอ์ ย่างไร กิจกรรมนี้นักเรียนจะได้รวบรวมข้อมูลเก่ียวกับประโยชน์ของ ซากดึกดาบรรพ์จากแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ ในการนามาใช้ศึกษาการลาดับ ชั้นหิน ระบุอายุของหินและเปรียบเทียบอายุชั้นหิน สภาพแวดล้อมใน อดีตของพ้ืนที่ และววิ ฒั นาการของสงิ่ มีชีวติ เวลา 1 ช่วั โมง จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ รวบรวมขอ้ มูลและอธบิ ายประโยชนข์ องซากดึกดาบรรพ์ ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ S6 การจัดกระทาและสอื่ ความหมายข้อมลู S13 การตคี วามหมายข้อมูลและลงข้อสรปุ ทักษะแห่งศตวรรษท่ี 21 C2 การคิดอยา่ งมวี จิ ารณญาณ C4 การสอ่ื สาร C5 ความรว่ มมอื C6 การใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการสอ่ื สาร สอ่ื การเรยี นร้แู ละแหลง่ เรียนรู้ 1. หนังสือเรียน ป.6 เล่ม 1 หนา้ 104-109 2. แบบบันทึกกจิ กรรม ป.6 เลม่ 1 หนา้ 98- 100 3. แหล่งเรียนรู้อื่น ๆ เช่น เวบ็ ไซต์สารานุกรมไทยสาหรบั เยาวชน http://saranukromthai.or.th/sub/book/book.php?book= 31&chap=6&page=t31-6-infodetail04.html เว็บไซต์กรมทรพั ยากรธรณี http://library.dmr.go.th/Document/DMR_Technical_Rep orts/2557/9472.pdf  สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คมู่ อื ครูรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 1 | หนว่ ยที่ 3 หินและซากดกึ ดาบรรพ์ 264 แนวการจัดการเรียนรู้ ในการตรวจสอบความรู้เดิม ครูรับฟังเหตุผลของนักเรียนเป็น 1. ครูตรวจสอบความรู้เดิมเก่ียวกับการใช้ประโยชน์ของซากดึกดาบรรพ์ สาคัญ ครูยังไม่เฉลยคาตอบใด ๆ โดยนาภาพวิวัฒนาการของสัตว์ในอดีตหลายล้านปีจนถึงปัจจุบันมาให้ แต่ชักช ว นให้นักเรียนไปหา นักเรียนดู เช่น ภาพวิวัฒนาการของม้าตั้งแต่ 60 ล้านปีก่อนจนถึง คาตอบด้วยตนเองจากการทา ปัจจุบัน และภาพซากดึกดาบรรพ์สัตว์ทะเลในหินบนภูเขาสูง จากนั้น กจิ กรรม ใหน้ กั เรยี นรว่ มกันอภปิ ราย โดยครูใช้คาถามดงั ต่อไปน้ี 1.1 เพราะเหตุใดเราจึงทราบวิวัฒนาการของม้าได้ (นักเรียนตอบตาม ความเข้าใจ แต่คาตอบที่ครูควรรู้ คือ ซากดึกดาบรรพ์เกิดมาจาก โครงร่างหรือร่องรอยของส่ิงมีชีวิตในอดีตท่ีปรากฏอยู่ในหิน ตะกอนท่ีมีอายุแตกต่างกัน จึงนาข้อมูลซากดึกดาบรรพ์ที่มีอายุ แตกต่างกันและจากที่พบหลาย ๆ แห่งมาร้อยเรียงทาให้อธิบาย การเปลย่ี นแปลงของสงิ่ มชี วี ติ จากอดตี จนถึงปัจจุบันได้) 1.2 เพราะเหตุใดจึงพบซากดึกดาบรรพ์ของสัตว์ทะเลบนภูเขาสูงได้ (นักเรียนตอบตามความเข้าใจ แต่คาตอบที่ครูควรรู้ คือ อาจ เป็นไปไดว้ ่าบรเิ วณดงั กลา่ วในอดีตอาจเคยเปน็ ทะเลมากอ่ น) 2. ครูเชือ่ มโยงเขา้ ส่กู จิ กรรม 2.2 โดยกลา่ วว่า ซากดกึ ดาบรรพ์มปี ระโยชน์ อย่างไร 3. นักเรียนอ่านชื่อกิจกรรม และทาเป็นคิดเป็น จากน้ันร่วมกันอภิปราย เพ่ือตรวจสอบความเข้าใจจุดประสงค์ในการทากิจกรรม โดยใช้คาถาม ดังน้ี 3.1 กิจกรรมนี้นักเรียนจะได้เรียนเรื่องอะไร (การใช้ประโยชน์ของ ซากดกึ ดาบรรพ)์ 3.2 นักเรียนจะได้เรยี นรู้เรอื่ งนดี้ ้วยวิธใี ด (รวบรวมข้อมลู ) 3.3 เมื่อเรียนแล้วนักเรียนจะทาอะไรได้ (สามารถอธิบายประโยชน์ ของซากดึกดาบรรพ์ได)้ 4. นกั เรียนบนั ทึกจดุ ประสงคล์ งในแบบบนั ทกึ กจิ กรรม หน้า 98 5. นักเรียนอ่านทาอย่างไร โดยครูใช้วิธีฝึกอ่านที่เหมาะสมกับ ความสามารถของนักเรียน จากนั้นครูตรวจสอบความเข้าใจว่าจะทา กิจกรรมอย่างไร จนนักเรียนเข้าใจลาดับการทากิจกรรม โดยใช้คาถาม ต่อไปนี้ สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี 

265 คู่มือครูรายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 1 | หนว่ ยท่ี 3 หินและซากดึกดาบรรพ์ 5.1. นักเรียนต้องทาอะไรบ้าง (อ่านใบความรู้และสืบค้นข้อมูลเพ่ิมเตมิ ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรแ์ ละ เกี่ยวกับประโยชน์ของซากดึกดาบรรพ์ และร่วมกันอภิปราย ทกั ษะแห่งศตวรรษที่ 21 ทน่ี กั เรียนจะ ประโยชนข์ องซากดึกดาบรรพ์ในดา้ นต่าง ๆ) ได้ฝกึ จากการทากิจกรรม 5.2. นกั เรียนจะสืบคน้ ข้อมลู จากแหลง่ ใดได้บ้าง (สืบคน้ จากหนังสือใน ห้องสมดุ หรือเว็บไซตท์ ่ีนา่ เช่อื ถือ เชน่ เวบ็ ไซต์สารานกุ รมไทย S6 การนาข้อมูลจากการสืบค้นข้อมูล สาหรบั เยาวชน และอ่านใบความรู้มาจัดกระทาใหอ้ ยู่ http://saranukromthai.or.th/sub/book/book.php?book= ในรูปแบบท่ีเข้าใจง่าย และนาเสนอ 31&chap=6&page=t31-6-infodetail04.html ใหผ้ ู้อืน่ เข้าใจ เว็บไซต์กรมทรัพยากรธรณี http://library.dmr.go.th/Document/DMR_Technical_Rep C2 การวิเคราะห์และอภิปรายการใช้ orts/2557/9472.pdf) ประโยชน์ของซากดึกดาบรรพ์ 5.3. หลังจากอ่านใบความรู้และสืบค้นข้อมูลแล้ว นักเรียนต้องทาอะไร C4 การนาเสนอข้อมูลจากการอ่านใบ ( อ ภิ ป ร า ย เ ก่ี ย ว กั บ ป ร ะ โ ย ช น์ ข อ ง ซ า ก ดึ ก ด า บ ร ร พ์ ความรู้เกี่ยวกับการใช้ประโยชน์ของ บันทึกผล และนาเสนอข้อมลู ในรูปแบบที่น่าสนใจ) ซากดกึ ดาบรรพ์ 5.4. นักเรยี นคิดวา่ การนาเสนอขอ้ มูลในรปู แบบทนี่ ่าสนใจทาได้อย่างไร C5 กา ร ทา งา นร่ วม กับ ผู้ อื่นในการ บ้าง (นักเรียนตอบตามความคิดของตนเอง เช่น ทาเป็นภาพ หรอื รวบรวมข้อมลู บันทึกผล นาเสนอผล infographic พิมพ์เป็นโปสเตอร์ หรือนาเสนอด้วยโปรแกรม แสดงความคิดเห็นและอภิปรายการ นาเสนอข้อมลู บนคอมพวิ เตอร์) ใช้ประโยชนข์ องซากดึกดาบรรพ์ (ครูอาจชว่ ยเขียนสรุปเปน็ ข้นั ตอนส้นั ๆ บนกระดาน) C6 การสืบค้นข้อมูลเก่ียวกับการใช้ 6. เม่ือนักเรียนเข้าใจลาดับการทากิจกรรมในทาอย่างไรแล้ว ครูให้ ประโยชน์ ของซากดึกดาบรรพ์ นกั เรยี นทากิจกรรมแต่ละข้ันจนเสร็จ และนาเสนอ 7. หลังจากทากิจกรรมแล้ว ครูนาอภิปรายผลการทากิจกรรม โดยใช้ หากนักเรียนไม่สามารถตอบ คาถามดังต่อไปนี้ คาถามหรืออภิปรายได้ตามแนว 7.1 ซากดึกดาบรรพ์มีประโยชน์อย่างไรบ้าง (ซากดึกดาบรรพ์มี คาตอบ ครูควรให้เวลานักเรียนคิด ประโยชน์ต่อการศึกษาในด้านต่าง ๆ มากมาย ท้ังใช้ศึกษาการ อย่างเหมาะสม รอคอยอย่างอดทน ลาดับช้ันหิน ใช้ระบุอายุของหินและเปรียบเทียบอายุช้ันหิน ใช้ แ ล ะ รั บ ฟั ง แ น ว ค ว า ม คิ ด ข อ ง ศึกษาสภาพแวดล้อมในอดีตของพื้นที่ และรวมถึงใช้ศึกษา นกั เรียน วิวฒั นาการของสิง่ มีชีวติ ) 7.2 ถ้าเราพบซากดึกดาบรรพ์ 2 ชนิดที่มีอายุต่างกันสะสมตัวอย่ใู นชั้น หินต่าง ๆ สามารถอธิบายอายุของชั้นหินนั้นได้อย่างไร (ซากดึกดาบรรพ์ที่มีอายุมากกว่าอยู่ช้ันหินใด แสดงว่าช้ันหินนั้นมี อายุมากกวา่ อีกช้นั หินหนง่ึ ท่ีมซี ากดกึ ดาบรรพ์ท่ีมีอายนุ ้อยกว่า)  สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คมู่ อื ครูรายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เล่ม 1 | หน่วยที่ 3 หินและซากดกึ ดาบรรพ์ 266 7.3 ชั้นหิน 2 บริเวณซ่ึงอยู่ต่างสถานที่กัน พบซากดึกดาบรรพ์ดัชนี ถ้ า ค รู พ บ ว่ า นั ก เ รี ย น ยั ง มี ชนิดเดียวกัน สามารถอธิบายอายุของชั้นหิน 2 บริเวณน้ีได้ว่า แนวคิดคลาดเคลื่อนเก่ียวกับ อยา่ งไร (ช้นั หนิ ทั้ง 2 บริเวณเกิดขึ้นในชว่ งระยะเวลาเดียวกันหรือ ประโยชน์ของซากดึกดาบรรพ์ ใกลเ้ คยี งกัน) ให้ร่วมกันอภิปรายจนนักเรียน มีแนวคิดท่ถี กู ตอ้ ง 7.4 เมื่อพบซากดึกดาบรรพ์ปะการังในชั้นหินปูน เราจะสามารถ อธิบายสภาพแวดล้อมในอดีตได้อย่างไร (บริเวณดังกล่าวในอดีต ช่วงที่เกิดหินปูนอาจเคยเป็นทะเลมาก่อน เพราะปะการังเป็นสตั ว์ ทะเล) 7.5 ถ้าพบซากดึกดาบรรพ์ของหอยน้าจืดบางชนิด เราจะสามารถ อธบิ ายสภาพแวดลอ้ มในอดตี ไดอ้ ยา่ งไร (พ้นื ท่ีท่ีพบนนั้ ในอดตี อาจ เคยเปน็ แหลง่ น้าจดื มากอ่ น) 7.6 ถ้าพบซากดึกดาบรร พ์ข อง พืช เราจะสามารถอธิ บ า ย สภาพแวดล้อมในอดีตได้วา่ อย่างไร (พ้ืนที่ท่ีพบนั้นในอดีตอาจเคย เป็นพน้ื ทที่ ่เี ป็นปา่ มากอ่ น) 7.7 ทาไมซากดึกดาบรรพ์จึงนามาศึกษาวิวัฒนาการของส่ิงมีชีวิตได้ (ซากดึกดาบรรพ์เกิดมาจากโครงร่างหรือร่องรอยของส่ิงมีชีวิตใน อดีตท่ีปรากฏอยู่ในหินตะกอนที่มีอายุแตกต่างกัน จึงนาข้อมูล ซากดึกดาบรรพ์ท่ีมีอายุแตกต่างกันและจากที่พบหลาย ๆ แห่งมา วิเคราะห์และศึกษาอย่างละเอียดและนาข้อมูลมาร้อยเรียงทาให้ อธบิ ายการเปลยี่ นแปลงของสิ่งมชี ีวติ จากอดีตจนถึงปัจจบุ ันได)้ 7.8 ยกตัวอย่างซากดึกดาบรรพ์ที่นามาศึกษาวิวัฒนาการของส่ิงมีชีวติ (พชื สัตว์เลี้ยงลกู ด้วยนา้ นม สัตวเ์ ลอื้ ยคลาน ไดโนเสาร์) 8. ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนซักถามในสิ่งท่ีอยากรู้เพ่ิมเติมเก่ียวกับการใช้ ประโยชน์ของซากดึกดาบรรพ์ จากน้ันร่วมกันอภิปรายและ ลงข้อสรุปว่า ซากดึกดาบรรพ์มีประโยชน์ต่อการศึกษาในด้าน ต่าง ๆ มากมาย ทั้งใช้ศึกษาการลาดับชั้นหิน ใช้ระบุอายุของหินและ เปรียบเทียบอายุช้ันหิน ใช้ศึกษาสภาพแวดล้อมในอดีตของพื้นที่ และ รวมถงึ ใชศ้ กึ ษาวิวัฒนาการของสงิ่ มชี ีวติ ได้ (S13) 9. นักเรียนร่วมกันอภิปรายเพ่ือตอบคาถามใน ฉันรู้อะไร โดยครูอาจใช้ คาถามเพม่ิ เตมิ ในการอภิปรายเพื่อใหไ้ ด้แนวคาตอบทถ่ี ูกตอ้ ง 10. นักเรียนอ่าน ส่ิงท่ีได้เรียนรู้ และเปรียบเทียบกับข้อสรุปท่ีได้จากการ อภิปราย สถาบนั สง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี 

267 คมู่ ือครรู ายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 1 | หน่วยท่ี 3 หินและซากดกึ ดาบรรพ์ 11. ครูกระตุ้นให้นักเรียนฝึกต้ังคาถามเกี่ยวกับเร่ืองที่สงสัยหรืออยากรู้ เพิ่มเติมใน อยากรู้อีกว่า จากนั้นครูอาจสุ่มนักเรียน 2-3 คน นาเสนอ คาถามของตนเองหน้าชั้นเรียน และให้นักเรียนร่วมกันอภิปราย เกยี่ วกับคาถามทน่ี าเสนอ 12. ครูนาอภิปรายเพ่ือให้นักเรียนทบทวนว่าได้ฝึกทักษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์และทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 อะไรบ้างในข้ันตอนใด แล้ว ให้บนั ทกึ ในแบบบันทึกกิจกรรม หนา้ 100 13. นักเรียนร่วมกันอ่าน รู้อะไรในเรื่องนี้ ในหนังสือเรียน หน้า 110 เพื่อ ทบทวนความรู้และครูนาอภิปรายเพื่อนาไปสู่ข้อสรุปเก่ียวกับ สงิ่ ท่ไี ด้เรียนร้ใู นเรื่องนี้  สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

ค่มู อื ครรู ายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 1 | หนว่ ยท่ี 3 หินและซากดกึ ดาบรรพ์ 268 แนวคาตอบในแบบบันทกึ กจิ กรรม รวบรวมขอ้ มลู และอธบิ ายประโยชนข์ องซากดึกดาบรรพ์ 1. ใชศ้ ึกษาการลาดบั ชัน้ หนิ เม่ือพบซากดึกดาบรรพที่มีอายุมากกว่าในชน้ั หินใด แสดงวา่ ชัน้ หนิ นน้ั เกดิ กอ่ นชน้ั หินทีม่ ซี ากดึกดาบรรพท์ มี่ ีอายนุ ้อยกว่า 2. ใช้ระบุอายุของหนิ และเปรยี บเทียบอายุช้นั หนิ โดยใช้ซากดึกดาบรรพ์ดชั นี เชน่ เมื่อพบ ซากดึกดาบรรพ์ไดโนเสารอ์ ยู่ในหินใด แสดงวา่ หินทเี่ กิดร่วมกับซากดกึ ดาบรรพ์ไดโนเสาร์ นี้จะมีอายอุ ยใู่ นช่วงประมาณ 245–65 ลา้ นปีก่อนเชน่ กนั 3. ใช้ศกึ ษาสภาพแวดลอ้ มในอดตี ของพื้นท่ี เช่น พบซากดึกดาบรรพป์ ะการังในหิน สามารถอธบิ ายได้ว่า บริเวณนน้ั ในอดีตอาจเคยเป็นทะเลมากอ่ น หรอื พบซากดึกดาบรรพ์ ของหอยนา้ จืดบางชนิดในหนิ สามารถอธิบายได้วา่ สภาพแวดลอ้ มของพืน้ ที่นน้ั ในอดีตอาจ เคยเป็นแหลง่ น้าจืดมากอ่ น หรอื พบซากดกึ ดาบรรพข์ องพชื ในหนิ สามารถอธิบายได้ว่า สภาพแวดล้อมของพน้ื ทนี่ ั้นในอดตี อาจเคยเป็นพ้นื ที่ท่ีเป็นป่ามากอ่ น 4. ใช้ศึกษาวิวฒั นาการของสิง่ มชี วี ติ เนื่องจากซากดึกดาบรรพเ์ กดิ มาจากโครงร่างหรอื รอ่ งรอยของสิง่ มชี วี ติ ในอดีตท่ีปรากฏอยูใ่ นหินตะกอนท่มี อี ายแุ ตกตา่ งกัน เม่อื นาขอ้ มลู ซากดกึ ดาบรรพท์ ีม่ ีอายแุ ตกตา่ งกนั และจากท่ีพบหลาย ๆ แหง่ มาวิเคราะห์และศึกษาอยา่ ง ละเอยี ดและนาขอ้ มลู มาร้อยเรียงจะทาให้อธิบายการเปลี่ยนแปลงของสิง่ มชี ีวิตจากอดีต จนถึงปจั จุบนั ได้ สถาบันสง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี 

269 คมู่ อื ครูรายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 1 | หนว่ ยที่ 3 หินและซากดกึ ดาบรรพ์ 1) ใชศ้ ึกษาการลาดับชน้ั หิน 2) ใช้ระบอุ ายขุ องหนิ และเปรียบเทยี บอายุช้นั หนิ 3) ใช้ศกึ ษาสภาพแวดล้อมในอดตี ของพน้ื ท่ี 4) ใช้ศึกษาวิวัฒนาการของสงิ่ มชี วี ิต ช้นั หนิ ท้งั สองบรเิ วณเกิดขึน้ ในชว่ งระยะเวลาเดยี วกันหรอื ใกลเ้ คียงกัน เพราะช้นั หิน 2 บริเวณมีซากดึกดาบรรพ์ดัชนชี นดิ เดยี วกนั ปรากฏอยู่ อาจเปน็ ไปไดว้ า่ บริเวณดังกลา่ วในอดตี อาจเคยเป็นทะเลมากอ่ นเพราะหอยทะเล เปน็ สตั วท์ ะเล ซากดกึ ดาบรรพ์ใช้ศกึ ษาการลาดับชนั้ หนิ เพื่ออธิบายช้นั หนิ หน่งึ เกดิ กอ่ นหรอื เกดิ หลังกบั อกี ช้ันหนิ หนึ่ง ซากดกึ ดาบรรพ์ใชร้ ะบุอายขุ องหินและเปรียบเทยี บอายชุ ั้น หิน ใชศ้ กึ ษาสภาพแวดล้อมในอดีตของพื้นที่หน่ึง ๆ ว่าอาจเคยมสี ภาพแวดล้อม เปน็ แบบใดมากอ่ น รวมถึงใช้ศกึ ษาววิ ัฒนาการของสง่ิ มีชีวติ เพื่ออธิบายการ เปลย่ี นแปลงของส่ิงมชี วี ติ จากอดีตจนถงึ ปจั จุบัน  สถาบันส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

ค่มู อื ครูรายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 1 | หน่วยท่ี 3 หินและซากดึกดาบรรพ์ 270 ซากดึกดาบรรพ์มปี ระโยชนม์ ากมาย ทง้ั ใชศ้ กึ ษาการลาดับชั้นหนิ ใช้ระบุอายขุ อง หนิ และเปรียบเทยี บอายชุ ้นั หิน ใช้ศกึ ษาสภาพแวดลอ้ มในอดีตของพน้ื ท่ี และใช้ ศกึ ษาวิวฒั นาการของส่งิ มชี ีวติ คาถามของนกั เรยี นทตี่ ง้ั ตามความอยากรขู้ องตนเอง     สถาบันส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี 

271 คู่มอื ครูรายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เล่ม 1 | หนว่ ยท่ี 3 หนิ และซากดกึ ดาบรรพ์ แนวการประเมนิ การเรียนรู้ การประเมินการเรยี นรขู้ องนักเรยี นทาได้ ดงั นี้ 1. ประเมนิ ความรเู้ ดมิ จากการอภิปรายในชั้นเรียน 2. ประเมินการเรียนร้จู ากคาตอบของนักเรียนระหวา่ งการจัดการเรียนรูแ้ ละจากแบบบนั ทึกกิจกรรม 3. ประเมินทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์และทักษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 จากการทากจิ กรรมของนกั เรยี น การประเมนิ จากการทากจิ กรรมที่ 2.2 ซากดกึ ดาบรรพ์มีประโยชนอ์ ย่างไร รหัส สง่ิ ที่ประเมิน คะแนน ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ S6 การจัดกระทาและส่ือความหมายข้อมลู S13 การตีความหมายข้อมลู และลงข้อสรุป ทักษะแห่งศตวรรษท่ี 21 C2 การคดิ อย่างมีวจิ ารณญาณ C4 การสื่อสาร C5 ความรว่ มมือ C6 การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสอ่ื สาร รวมคะแนน  สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ค่มู อื ครูรายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เล่ม 1 | หน่วยที่ 3 หนิ และซากดกึ ดาบรรพ์ 272 ตาราง รายการประเมนิ และเกณฑ์การประเมินทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ทกั ษะกระบวนการ รายการประเมนิ เกณฑก์ ารประเมนิ ทางวิทยาศาสตร์ ดี (3) พอใช้ (2) ควรปรับปรงุ (1) S6 การจัดกระทา การนาข้อมลู จากการ สามารถนาข้อมูลจากการ สามารถนาข้อมลู จาก สามารถนาข้อมลู จาก และส่ือความหมาย สืบคน้ ขอ้ มลู และอ่าน สืบคน้ ข้อมูลและอ่านใบ การสบื ค้นข้อมูลและ การสืบคน้ ข้อมลู และ ขอ้ มลู ใบความรเู้ รอื่ ง การใช้ ความรเู้ รอ่ื ง การใช้ อ่านใบความรเู้ ร่ือง การ อ่านใบความรเู้ รื่อง ประโยชนข์ อง ประโยชนข์ อง ใชป้ ระโยชนข์ อง การใช้ประโยชนข์ อง ซากดึกดาบรรพ์ มา ซากดึกดาบรรพ์ มาจดั ซากดกึ ดาบรรพ์ มาจัด ซากดกึ ดาบรรพ์ มาจดั จัดกระทาให้อยู่ใน กระทาให้อยู่ในรูปแบบท่ี กระทาใหอ้ ยู่ในรปู แบบ กระทาให้อยู่ในรูปแบบ รปู แบบท่ีเขา้ ใจงา่ ย เขา้ ใจง่าย และนาเสนอให้ ท่เี ขา้ ใจงา่ ย และ ที่เข้าใจงา่ ย และ และนาเสนอใหผ้ ้อู น่ื ผอู้ น่ื เข้าใจได้อย่างถูกตอ้ ง นาเสนอให้ผู้อ่ืนเขา้ ใจได้ นาเสนอให้ผู้อน่ื เข้าใจ เขา้ ใจ และครบถ้วน ด้วยตนเอง อยา่ งถูกต้องและ ไดอ้ ย่างถกู ต้อง แตไ่ ม่ ครบถ้วน จากการชี้แนะ ครบถว้ น แมว้ า่ ครูหรือ ของครูหรอื ผู้อ่นื ผอู้ น่ื ชว่ ยแนะนาหรือ ชแ้ี นะ S13 การ การตีความหมาย สามารถตีความหมาย สามารถตคี วามหมาย สามารถตคี วามหมาย ตคี วามหมายข้อมูล ขอ้ มูลและลงข้อสรุป ขอ้ มลู และลงข้อสรุปจาก ขอ้ มูลและลงข้อสรุปจาก ข้อมลู และลงข้อสรุป และลงข้อสรุป จากการสบื ค้นข้อมลู การสบื ค้นข้อมลู และอ่าน การสืบคน้ ข้อมลู และ จากการสบื คน้ ข้อมลู และอา่ นใบความรู้ได้ ใบความร้ไู ด้วา่ อ่านใบความรไู้ ด้ว่า และอ่านใบความรู้ได้วา่ ว่าซากดกึ ดาบรรพ์มี ซากดึกดาบรรพ์มี ซากดกึ ดาบรรพ์มี ซากดกึ ดาบรรพ์มี ประโยชน์ตอ่ ประโยชน์ต่อการศกึ ษาใน ประโยชน์ตอ่ การศึกษา ประโยชน์ต่อการศึกษา การศึกษาในด้าน ด้านตา่ ง ๆ ท้ังใชศ้ ึกษา ในดา้ นตา่ ง ๆ ทงั้ ใช้ ในด้านต่าง ๆ ทงั้ ใช้ ตา่ ง ๆ ทั้งใช้ศึกษา การลาดบั ชนั้ หิน ใชร้ ะบุ ศึกษาการลาดับช้ันหนิ ศึกษาการลาดบั ชั้นหนิ การลาดับชน้ั หนิ ใช้ อายุของหนิ และ ใช้ระบอุ ายุของหินและ ใช้ระบุอายุของหินและ ระบุอายุของหินและ เปรยี บเทยี บอายุชั้นหิน เปรยี บเทียบอายุชน้ั หิน เปรยี บเทียบอายุช้ันหิน เปรยี บเทียบอายุชน้ั ใช้ศึกษาสภาพแวดลอ้ มใน ใช้ศึกษาสภาพแวดล้อม ใชศ้ กึ ษา หนิ ใชศ้ ึกษา อดตี ของพนื้ ที่ รวมถึงใช้ ในอดีตของพ้นื ที่ รวมถึง สภาพแวดลอ้ มในอดีต สภาพแวดลอ้ มใน ศึกษาววิ ัฒนาการของ ใชศ้ ึกษาวิวัฒนาการของ ของพนื้ ที่ รวมถงึ ใช้ อดีตของพ้ืนท่ี รวมถึง สงิ่ มีชีวิต ได้อย่างถกู ต้อง สิ่งมชี วี ติ ได้อย่างถกู ต้อง ศกึ ษาวิวฒั นาการของ ใช้ศึกษาวิวัฒนาการ ดว้ ยตนเอง โดยอาศยั จากการชแี้ นะ สง่ิ มีชวี ติ ได้เพียง ของสงิ่ มีชีวิต ของครูหรือผอู้ ่นื บางสว่ น แมว้ า่ จะได้ รับคาชีแ้ นะจากครูหรอื ผ้อู ืน่ สถาบันส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 

273 คู่มอื ครรู ายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เล่ม 1 | หนว่ ยที่ 3 หินและซากดกึ ดาบรรพ์ ตาราง รายการประเมนิ และเกณฑ์การประเมินทักษะแหง่ ศควรรษที่ 21 ทกั ษะแห่ง รายการประเมนิ เกณฑก์ ารประเมนิ ศตวรรษที่ 21 ดี (3) พอใช้ (2) ควรปรบั ปรุง (1) C2 การคดิ อยา่ งมี การวิเคราะห์และ สามารถวิเคราะห์และ สามารถวิเคราะห์และ สามารถวเิ คราะห์และ วจิ ารณญาณ อภิปรายการใช้ อภิปรายการใช้ อภิปรายการใช้ประโยชน์ อภิปรายการใชป้ ระโยชน์ ประโยชนข์ อง ประโยชนข์ อง ของซากดึกดาบรรพ์ได้ ของซากดึกดาบรรพ์ได้ ซากดกึ ดาบรรพ์ได้ ซากดกึ ดาบรรพ์ได้ อย่างถูกต้อง จากการ อยา่ งถูกต้องบางส่วน อย่างถูกต้องด้วยตนเอง ชี้แนะของครหู รือผูอ้ นื่ แม้ว่าครูหรือผู้อื่นช่วย หรือมีการเพ่มิ เติมความ แนะนาหรือชแ้ี นะ คดิ เหน็ C4 การสือ่ สาร การนาเสนอขอ้ มลู สามารถนาเสนอข้อมูล สามารถนาเสนอข้อมูล สามารถนาเสนอขอ้ มูลจาก จากการสืบคน้ จากการสบื คน้ ข้อมลู จากการสืบค้นขอ้ มูลและ การสืบคน้ ข้อมลู และอา่ น ข้อมลู และอ่าน และอา่ นใบความรู้ อา่ นใบความรู้เกี่ยวกบั ใบความรู้เก่ยี วกับการใช้ ใบความรู้เก่ียวกับ เกีย่ วกับการใช้ การใช้ประโยชน์ของ ประโยชน์ของ การใชป้ ระโยชน์ ประโยชนข์ อง ซากดกึ ดาบรรพ์ โดยใช้ ซากดกึ ดาบรรพ์ โดยใช้ ของ ซากดกึ ดาบรรพ์ โดยใช้ การเขียนบรรยายหรือ การเขียนบรรยายหรือพดู ซากดึกดาบรรพ์ การเขียนบรรยายหรือ พดู ครอบคลุมเนื้อหา ไมค่ รอบคลุมเน้ือหาเพอื่ ให้ โดยใช้การเขียน พูด ครอบคลุมเนื้อหา เพือ่ ให้ผ้อู ่นื เข้าใจได้ จาก ผอู้ ่ืนเขา้ ใจได้ แม้วา่ จะได้ บรรยายหรือพูด เพอ่ื ใหผ้ ้อู น่ื เขา้ ใจได้ การชแี้ นะของครูหรอื รบั คาช้แี นะจากครหู รือ เพ่อื ให้ผู้อ่นื เข้าใจ ด้วยตนเอง ผูอ้ น่ื หรอื มกี ารเพ่ิมเตมิ ผอู้ ื่น ความคิดเหน็ C5 ความรว่ มมือ การทางานร่วมกบั สามารถทางานร่วมกบั สามารถทางานรว่ มกบั สามารถทางานร่วมกบั ผอู้ ืน่ ในการ ผอู้ ่ืนในการรวบรวม ผอู้ ่ืนในการรวบรวม ผู้อื่นในการรวบรวมข้อมูล รวบรวมข้อมลู ข้อมลู นาเสนอ ขอ้ มูล นาเสนอ นาเสนอ แสดงความ นาเสนอ แสดง แสดงความคิดเห็นและ แสดงความคิดเหน็ และ คิดเห็นและอภปิ รายการใช้ ความคดิ เห็นและ อภปิ รายการใช้ อภิปรายการใช้ประโยชน์ ประโยชน์ของซาก อภปิ รายการใช้ ประโยชน์ของซากดึก ของซากดึกดาบรรพ์ ดึกดาบรรพ์ รวมทง้ั ยอมรับ ประโยชนข์ อง ดาบรรพ์ รวมทงั้ รวมทง้ั ยอมรบั ความ ความคิดเห็นของผู้อื่น ใน ซากดึกดาบรรพ์ ยอมรบั ความคิดเหน็ คดิ เห็นของผอู้ น่ื บาง บางชว่ งเวลาท่ีทากิจกรรม รวมทงั้ ยอมรับ ชว่ งเวลาที่ทากิจกรรม  สถาบันส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คมู่ อื ครรู ายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 1 | หน่วยที่ 3 หินและซากดกึ ดาบรรพ์ 274 ทักษะแห่ง รายการประเมิน เกณฑก์ ารประเมนิ ควรปรบั ปรงุ (1) ศตวรรษที่ 21 ดี (3) พอใช้ (2) แต่ไม่ค่อยสนใจในความ คิดเหน็ ของผ้อู ่ืน C6 การใช้ ความคิดเหน็ ของ ของผู้อืน่ ตงั้ แตเ่ ริ่มต้น เทคโนโลยี ผู้อืน่ จนสาเรจ็ สารสนเทศและ การสื่อสาร การใชเ้ ทคโนโลยี สามารถใชเ้ ทคโนโลยี สามารถใชเ้ ทคโนโลยี สามารถใช้เทคโนโลยี สารสนเทศในการ สารสนเทศในการสบื ค้น สืบค้นขอ้ มูล สารสนเทศในการ สารสนเทศในการสืบคน้ ข้อมลู เก่ียวกบั การการใช้ เกี่ยวกบั การใช้ ประโยชน์ของ ประโยชนข์ อง สบื คน้ ขอ้ มูลเกย่ี วกับ ขอ้ มลู เกีย่ วกบั การใช้ ซากดกึ ดาบรรพ์ไดถ้ ูกต้อง ซากดึกดาบรรพ์ บางสว่ น จากแหลง่ ขอ้ มูลที่ การใช้ประโยชนข์ อง ประโยชน์ของ นา่ เช่ือถอื แม้วา่ จะได้รับ คาแนะนาจากครูหรือผอู้ ่ืน ซากดึกดาบรรพ์ได้ ซากดกึ ดาบรรพ์ได้อย่าง อยา่ งถูกต้องจาก ถูกต้อง จากแหล่งขอ้ มูล แหลง่ ขอ้ มลู ท่ีนา่ เชอ่ื ถือ ทน่ี า่ เช่ือถือ โดยอาศยั ไดด้ ้วยตนเอง การช้แี นะของครหู รอื ผูอ้ นื่ สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 

275 คู่มือครรู ายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 1 | หนว่ ยท่ี 3 หินและซากดกึ ดาบรรพ์ กิจกรรมท้ายบทที่ 1 หนิ วฏั จกั รหนิ และซากดกึ ดาบรรพ์ (1 ชั่วโมง) 1. ครูให้นักเรียนวาดรูปหรือเขียนสรุปส่ิงที่ได้เรียนรู้จากบทน้ี ในแบบบันทึก กจิ กรรม หนา้ 101 2. นักเรียนตรวจสอบการสรุปส่ิงท่ีได้เรียนรู้ของตนเองโดยเปรียบเทียบกับ แผนภาพในหวั ข้อ รูอ้ ะไรในบทน้ี ในหนังสือเรยี น หนา้ 112-113 3. นักเรียนกลับไปตรวจสอบคาตอบของตนเองในสารวจความรูก้ ่อนเรียน ใน แบบบันทึกกิจกรรม หน้า 65-66 อีกคร้ัง ถ้าคาตอบของนักเรียนไม่ถูกต้อง ให้ขีดเส้นทับข้อความเหล่านั้น แล้วแก้ไขให้ถูกต้อง นอกจากน้ีครูอาจนา คาถามในรูปนาบทในหนังสือเรียน หน้า 66 มาร่วมกันอภิปรายคาตอบ อีกคร้งั ดังนี้ 3.1 หินแต่ละประเภทมีองค์ประกอบแตกต่างกันหรือไม่ (หินแต่ละประเภท อาจมอี งคป์ ระกอบทั้งทเ่ี หมือนกันและแตกตา่ งกัน โดยหินอคั นีบางชนิด ประกอบด้วยแร่ บางชนิดประกอบด้วยแก้วภูเขาไฟ หินตะกอนบาง ชนิดประกอบด้วยแร่ บางชนิดมีเศษหินเป็นองค์ประกอบอยู่ด้วย และ หินแปรประกอบด้วยแร่) 3.2 หินแต่ละประเภทมีกระบวนการเกิดแตกต่างกันหรือไม่ (หินแต่ละ ประเภทมีกระบวนการเกิดแตกต่างกัน หินอัคนีเกิดจากการเย็นตัวและ ตกผลึกของแมกมา หรือเกิดจาการเย็นตัวและตกผลึกของลาวา หรือ เกิดจากการเย็นตัวและแข็งตัวของลาวา หินตะกอนเกิดจากการสะสม ตัวของตะกอนและการเช่ือมประสานตะกอน หรือเกิดจากการตกผลึก หรือตกตะกอนของสารบางชนิด และหินแปรเกิดจากการแปรสภาพ ด้วยความร้อน ความดัน และปฏกิ ริ ยิ าเคมี) 3.3 หนิ แต่ละประเภทสามารถเปลี่ยนแปลงเป็นวัฏจักรไดอ้ ยา่ งไร (หินแตล่ ะ ประเภทสามารถเปลี่ยนแปลงเป็นวัฏจักรหินได้โดยผ่านกระบวนการ ทางธรณวี ทิ ยาต่าง ๆ) 3.4 ซากดึกดาบรรพ์ที่พบในหินเกิดข้ึนได้อย่างไร (ซากดึกดาบรรพ์เกิดจาก โครงร่างหรือร่องรอยของส่ิงมีชีวิตในอดีตโดยผ่านกระบวนการต่าง ๆ เช่น การปิดทับของตะกอนไปที่โครงร่างของซากสิ่งมีชีวิต การมีสาร ต่าง ๆ แทรกซึมไปที่โครงร่างของซากส่ิงมีชีวิต หรือการมีตะกอนชุด ใหม่เข้าไปสะสมตวั ในรอยทสี่ ง่ิ มชี วี ิตไดป้ ระทบั รอยไวห้ รือที่เหยยี บไว้) 3.5 สามารถนาหิน แร่ และซากดึกดาบรรพ์ไปใช้ประโยชน์ได้อย่างไรบ้าง (มีการนาหินไปใช้ประโยชน์มากมาย เช่น ทาแผ่นปูพ้ืน ปูผนัง นาไป  สถาบนั สง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คมู่ ือครรู ายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 1 | หน่วยที่ 3 หนิ และซากดกึ ดาบรรพ์ 276 แกะสลักเพ่ือไปประดบั ตกแต่งสถานท่ี นาไปใช้ในงานก่อสร้าง นาไปทา ครก มีการนาแร่ไปทาประโยชน์มากมาย เช่น นาไปผลิตถ้วยหรือจาน กระบ้ือง นาไปผลิตกระจก แก้ว นาไปทาเคร่ืองสาอาง นาไปทา เคร่ืองประดับ และมีการนาซากดึกดาบรรพ์ไปใช้ประโยชน์มากมาย เชน่ นาไปใช้ศกึ ษาการลาดับช้ันหนิ ใช้ระบุอายขุ องหินและเปรยี บเทียบ อายุช้ันหิน ใช้ศึกษาสภาพแวดล้อมในอดีตของพ้ืนที่ ใช้ศึกษา วิวัฒนาการของส่งิ มชี ีวติ ) 4. นักเรียนทา แบบฝึกหัดท้ายบทที่ 1 หิน วัฏจักรหิน และซากดึกดาบรรพ์ ใน แบบบันทึกกิจกรรม หน้า 102-104 จากนั้นนาเสนอคาตอบหน้าชั้นเรียน ถ้า คาตอบยังมีความคลาดเคล่ือนไม่ถูกต้องครูควรนาอภิปรายหรือให้สถานการณ์ เพ่ิมเตมิ เพ่อื แก้ไขแนวคิดคลาดเคลือ่ นใหถ้ กู ต้อง 5. นักเรียนร่วมกันทากิจกรรม ร่วมคิด ร่วมทา โดยให้นักเรียนร่วมกันคิดว่า ถ้าตอ้ งการออกแบบสวนหินในพืน้ ที่แห่งหนง่ึ จะเลอื กหนิ ประเภทใดหรือหิน ชนิดใดมาตกแต่งสวนหิน เพราะเหตุใดจึงเลือกใช้หินดังกล่าว และนาเสนอ การออกแบบในรปู แบบทีน่ า่ สนใจ 6. นกั เรียนอา่ นวทิ ย์กับอาชีพ เกยี่ วกับนกั ธรณวี ิทยา ในหนังสอื เรยี นหน้า 119 และอภิปรายหัวข้อน้ีในช่ัวโมงเรียนหรือมอบหมายให้อภิปรายนอกเวลา เรียน เพ่ือให้นักเรียนเห็นความสาคัญของอาชีพน้ี และเป็นแนวทางการ ประกอบอาชพี 7. นักเรียนอ่านและอภิปรายเน้ือเรื่องในหัวข้อวิทย์ใกล้ตัว ในหนังสือเรียน หน้า 117 โดยครูกระตุ้นให้นักเรียนเห็นความสาคัญของความรู้จากส่ิงที่ได้ เรียนรู้ในหน่วยนี้ว่าสามารถนาไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจาวันได้อย่างไร บ้าง 8. นกั เรยี นรว่ มกนั ตอบคาถามสาคัญประจาหนว่ ยอีกครั้ง ดังนี้ - หินและซากดึกดาบรรพ์เกิดขึ้นได้อย่างไร และมีประโยชน์อย่างไร (หินอัคนีเกิดจากการเย็นตัวและตกผลึกของแมกมา หรือเกิดจาก การเย็นตวั และตกผลึกของลาวา หรือเกดิ จากการเยน็ ตัวและแข็งตัวของ ลาวา หนิ ตะกอนเกิดจากการทบั ถมของตะกอน หรอื เกดิ จากการตกผลึก และตกตะกอนจากสารบางชนิด หินแปรเกิดจากการแปรสภาพของหิน ด้วยปจั จัยความรอ้ น ความดนั และปฏกิ ิริยาเคมี หินอัคนี หินตะกอนและหินแปร มีการเปลี่ยนแปลงจากหิน ประเภทหน่ึงไปเป็นหินอีกประเภทหน่ึงและเปล่ียนแปลงกลับไปเป็นหิน สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี 

277 คู่มือครูรายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 1 | หน่วยที่ 3 หินและซากดกึ ดาบรรพ์ ประเภทเดิมได้ โดยมีกระบวนการเปล่ียนแปลงคงที่เป็นแบบรูปและ ต่อเน่ืองเป็นวฏั จกั รหิน หินและแร่แต่ละชนิดมีลักษณะและสมบัติแตกต่างกัน จึงมีการ นาไปใช้ประโยชน์ในชวี ติ ประจาวันและในดา้ นอ่ืน ๆ ไดแ้ ตกต่างกนั ซากดึกดาบรรพ์เกิดจากการทับถมหรือการประทับรอยของ ส่ิงมีชีวิตในอดีต และผ่านกระบวนการต่าง ๆ จนกลายเป็น ซากดึกดาบรรพ์ ซากดึกดาบรรพ์มีประโยชน์มากมาย เช่น ใช้ศึกษาการ ลาดับชั้นหิน ใช้ระบุอายุของหิน ใช้เปรียบเทียบอายุช้ันหิน ใช้ศึกษา สภาพแวดล้อมในอดีตของพื้นที่ รวมถึงใช้ศึกษาวิวัฒนาการของ ส่งิ มชี ีวิต) ถ้าคาตอบยังไม่ถูกต้อง ให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายเพื่อให้ได้ คาตอบท่ีถูกตอ้ ง  สถาบันสง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ค่มู ือครูรายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 1 | หน่วยที่ 3 หนิ และซากดึกดาบรรพ์ 278 สรุปผลการเรยี นร้ขู องตนเอง รูปหรือข้อความสรุปส่ิงทไ่ี ด้เรียนรูจ้ ากบทน้ีตามความเข้าใจของนกั เรยี น สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 

279 คมู่ อื ครูรายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เล่ม 1 | หนว่ ยท่ี 3 หนิ และซากดกึ ดาบรรพ์ แนวคาตอบในแบบฝกึ หดั ทา้ ยบท     หินอัคนีแทรกซอนและหินอัคนีพุมีเนื้อหินแตกต่างกัน เพราะมีกระบวนการเกิดแตกต่างกัน หินอัคนีแทรกซอนเกิดจากการเยน็ ตวั และตกผลึกของแมกมาบริเวณใต้ผิวโลก ทาให้เกิดเป็นหินที่ ประกอบไปด้วยผลึกแร่ที่มีขนาดใหญ่ หินมีเนื้อหยาบ ส่วนหินอัคนีพุเกิดจากการเย็นตัวและ ตกผลึกของลาวาบนผิวโลก ทาให้เกิดเป็นหินที่ประกอบไปด้วยผลึกแร่ท่ีมีขนาดเล็ก หินมี เนอื้ ละเอยี ด หรอื เกิดจากการเย็นตัวและแขง็ ตัวของลาวาบนผิวโลกทาให้เกดิ หินท่ีประกอบไปด้วย แกว้ ภเู ขาไฟ เนอื้ หินจะมีลกั ษณะเป็นเนอื้ แก้ว และอาจพบรพู รุนในเนือ้ หนิ อัคนพี ุ  สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ค่มู อื ครรู ายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เล่ม 1 | หน่วยที่ 3 หินและซากดกึ ดาบรรพ์ 280 ค. ข. ก. หินทรายและหินปูนมีเนื้อหินแตกต่างกัน เพราะมีกระบวนการเกิดแตกต่างกัน หินทรายเกิดจาก การสะสมตัวของตะกอนและการเช่ือมประสานตะกอน เน้ือหินจึงมีลักษณะเป็นเม็ดตะกอน ส่วน หนิ ปูนเกดิ จากการตกผลกึ หรอื ตกตะกอนจากสารบางชนดิ เน้ือหินจึงมีลกั ษณะเปน็ เนอ้ื ผลึก  หนิ ที่ถกู แปรสภาพด้วยปัจจัยต่าง ๆ ผลึกแรท่ ปี่ ระกอบกนั เปน็ หินอาจมี การ เรียงตัวขนานกันเปน็ แถบ หินอัคนีเกิดจากการเย็นตัวและตกผลึกของแมกมา หรือเกิดจาการเย็นตัวและตกผลึกของลาวา หรือ เกิดจากการเย็นตัวและแข็งตัวของลาวา หินตะกอนเกิดจากการสะสมตัวของตะกอนและการเช่ือม ประสานตะกอน หรือเกิดจากการตกผลึกหรือตกตะกอนจากสารบางชนิด หินแปรเกิดจาก การแปรสภาพของหนิ ด้วยปจั จยั ความรอ้ น ความดัน และปฏกิ ิริยาเคมี สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 

281 คมู่ อื ครรู ายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เล่ม 1 | หน่วยที่ 3 หินและซากดกึ ดาบรรพ์ - นาหินมาทาแผ่นหินปูพ้ืน ปูผนัง มาตกแต่งอาคาร นาไปใช้ในการก่อสร้าง นาไปบด เป็นผงปนู ซเี มนต์ นามาใช้เป็นวัสดุกรอง นามาถูตวั ทาหนิ ลบั มดี นามาทาครก - นาแร่มาผลิตฝ้าเพดาน ปูนปลาสเตอร์ ทาสุขภัณฑ์ ถ้วย จาน ชาม ปูนขาว กระจก เลนส์ แกว้ กระดาษทราย เครือ่ งสาอาง อุปกรณ์ไฟฟ้า สายไฟฟา้ เครอ่ื งประดับ เพราะกระบวนการเกิดของหินตะกอนและซากดึกดาบรรพ์มีกระบวนการเกิดพร้อม ๆ กัน เช่น มีการสะสม ตัวของตะกอนลงไปที่แอ่งสะสมตะกอน ซ่ึงในแอ่งสะสมตะกอนน้ันอาจมีโครงร่างแข็งของซากสิ่งมีชีวิตอยู่ ตะกอนนั้นก็จะไปปิดทับโครงร่างแข็งไม่ให้โครงร่างแข็งถูกปัจจัยต่าง ๆ พัดพาให้กระจัดกระจายไปและ ตะกอนเหล่าน้ันก็จะสะสมตัวอยู่ในแอ่งสะสมตะกอนน้ัน และอาจมีสารต่าง ๆ ท่ีละลายอยู่ในบริวเณน้ันจะ ค่อย ๆ ซึมเข้าสู่โครงร่างแข็งหรือค่อย ๆ ซึมเข้ามาเชื่อมประสานตะกอน เมื่อเวลาผ่านไป ตะกอนและสาร ตา่ ง ๆ จะแขง็ ตวั กลายเป็นหินตะกอนและซากดึกดาบรรพ์ ซึง่ กระบวนการตา่ ง ๆ จะเกิดข้ึนพรอ้ ม ๆ กนั ซากดึกดาบรรพ์ดัชนีแตกต่างจากซากดึกดาบรรพ์ทั่วไป คือ ส่ิงมีชีวิต ก่อนที่จะกลายเป็นซากดึกดาบรรพ์ดัชนี จะพบแพร่หลายอยู่ในอดีตใน ช่วงเวลาหนึ่งจากนนั้ ก็จะสญู พันธไ์ุ ป    สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ค่มู ือครรู ายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เล่ม 1 | หน่วยท่ี 3 หินและซากดกึ ดาบรรพ์ 282 สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 

283 ค่มู อื ครรู ายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 1 | แบบทดสอบทา้ ยเล่ม แนวคาตอบในแบบทดสอบทา้ ยเล่ม

ค่มู อื ครูรายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 1 | แบบทดสอบท้ายเลม่ 284

285 คู่มอื ครรู ายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 1 | แบบทดสอบทา้ ยเล่ม

ค่มู อื ครูรายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 1 | แบบทดสอบท้ายเลม่ 286

287 คู่มอื ครรู ายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 1 | แบบทดสอบทา้ ยเล่ม

ค่มู อื ครูรายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 1 | แบบทดสอบท้ายเลม่ 288

289 คู่มอื ครรู ายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 1 | แบบทดสอบทา้ ยเล่ม

ค่มู อื ครูรายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 1 | แบบทดสอบท้ายเลม่ 290

291 คู่มอื ครรู ายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 1 | แบบทดสอบทา้ ยเล่ม

ค่มู อื ครูรายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 1 | แบบทดสอบท้ายเลม่ 292

293 คู่มอื ครรู ายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 1 | แบบทดสอบทา้ ยเล่ม

ค่มู อื ครูรายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 1 | แบบทดสอบท้ายเลม่ 294

295 คู่มอื ครรู ายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 1 | แบบทดสอบทา้ ยเล่ม

ค่มู อื ครูรายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 1 | แบบทดสอบท้ายเลม่ 296

297 คู่มือครรู ายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เล่ม 1 | บรรณานุกรม บรรณานุกรม กรมทรัพยากรธรณี. (2562). ชนิดของหินจากแผนท่ธี รณีวิทยา. สืบค้นเมอ่ื 10 ธันวาคม 2562 จาก http://www.dmr.go.th/more_news.php?cid=296&filename=index กรมทรัพยากรธรณี. (2562). ประโยชนข์ องหินและแร่. สบื คน้ เมื่อ 15 ธนั วาคม 2562, จาก http://www.dmr.go.th กรมอนามยั . (2546). กินตามวยั ให้พอดี. สานกั โภชนาการ กรมอนามยั กระทรวงสาธารณสขุ . โรงพิมพ์องค์การทหารผา่ น ศกึ . กรงุ เทพฯ. โรงพยาบาลเกษมราษฎร์. (2014). โรคอ้วนและภาวะน้าหนกั เกิน. สืบคน้ เมื่อ 20 พฤศจิกายน 2562 จาก http://www.kasemrad.co.th/Sriburin/en/site/health_articles/detail/299 สถาบนั สง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี. (2551). หนงั สือเรียนรายวิชาพนื ฐาน วทิ ยาศาสตร์ดวงดาวและโลกของ เรา ชันมธั ยมศกึ ษาปีที่ 4-6 สา้ หรับนกั เรียนไมเ่ น้นวิทยาศาสตร์ กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ (พิมพ์ครังที่ 2). กรุงเทพฯ: สกสค. ลาดพร้าว. สถาบันสง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี. (2556). หนงั สือเรียนรายวิชาพนื ฐาน วทิ ยาศาสตร์ 3 ชันมัธยมศึกษาปี ที่ 2 เล่ม 1 กลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ (พิมพ์ครงั ที่ 3). กรงุ เทพฯ: สกสค. ลาดพร้าว. สนุ ทร ตรีนันทวนั . (2553). คณุ คา่ ทางโภชนาการของขา้ ว. สบื คน้ เมื่อ 7 พฤศจิกายน 2562 จาก https://www.scimath.org/article-biology/item/517-nutritional สานกั งานราชบัณฑิตยสภา. (2544). พจนานุกรมศพั ทธ์ รณีวทิ ยา ฉบับราชบณั ฑติ ยสถาน . กรุงเทพฯ: อรุณการพิมพ.์ สานักงานราชบัณฑิตยสภา. (2558). พจนานุกรมศพั ท์ธรณีวิทยา ฉบับราชบณั ฑิตยสถาน (พิมพ์ครังที่ 2). กรงุ เทพฯ: สานกั พมิ พค์ ณะรัฐมนตรแี ละราชกิจจานเุ บกษา. สานกั งานราชบณั ฑิตสภา. (2560). พจนานกุ รมฉบับราชบัณฑติ สถาน พ.ศ. 2554. พมิ พ์คร้ังที่ 2. กรงุ เทพมหานคร: นาน มบี คุ๊ พับลเิ คชันส์. Abangma, Y. (2015). Correcting student misconceptions about nutrition, health, and wellness. Departmental Honors in Psychology. Atlanta University Center. Allaby, A., & Allaby, M. (1991). The concise Oxford dictionary of earth sciences. New York: Oxford University Press. Earth Science Literacy Institute (ESLI). (2009). Earth Science Literacy Principles: The Big Ideas and Supporting Concepts of Earth Science. Retrieved November 18, 2019, from http://www.earthscienceliteracy.org/ Exploringnature. (2019). The rock cycle. Retrieved January 16, 2019, from https://www.exploringnature.org/db/view/Rock-Identification-and-the-Rock-Cycle Hamblin, W. K., & Christiansen. E. H. (2001). Earth’s dynamic systems (10th ed.). New Jersey: Pearson Education.  สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ค่มู อื ครูรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เล่ม 1 | บรรณานุกรม 298 Jeannie Evers. (2013). Fossil. Retrieved November 15, 2019, from https://www.nationalgeographic.org/encyclopedia/fossil/ King, C. J. H. (2010). An analysis of misconceptions in science textbooks: Earth science in England and Wales. International Journal of Science Education, 32(5), 565-601. Nitijessadawong, P. (2017). โปรดระวงั ! หากคณุ ลดความอว้ นด้วยการทานผลไม้เพียงอยา่ งเดียว. สืบคน้ เมื่อ 20 พฤศจิกายน 2562 จาก https://blog.vitaboost.me/caution-if-you-use-fruit-diet/ OSU. (2019). Common misconceptions about weathering, erosion, volcanoes, and earthquakes. Retrieved November 26, 2019, from https://beyondpenguins.ehe.osu.edu/issue/earths-changing- surface/common-misconceptions-about-weathering-erosion-volcanoes-and-earthquakes Pawinee. (2014). ไข 5 ความเชอ่ื ผดิ ๆ กนิ แล้วผอม. สถาบันวจิ ัยระบบสาธารณสุข (สวสร.). สบื ค้นเมอ่ื 7 พฤศจิกายน 2562 จาก https://www.hsri.or.th/people/media/care/detail/5705 Plummer, C. C., McGeary, D., & Carlson, D. H. (2001). Physical geology data (8th ed.). New York, NY: McGraw-Hill. Skinner, B. J., & Porter, S. C.. (1989). The dynamic earth an introduction to physical geology. New York, NY: John Wiley & Sons. Tarbuck, J. E., & Lutgens. F. K., & Tasa, D. (2012). Earth science (13th ed.). New Jersey: Pearson Prentice Hall. Tracy V. Wilson. (2019). Bone to stone. Retrieved November 20, 2019, from https://science.howstuffworks.com/environmental/earth/geology/fossil2.htm U.S. Geological Survey. (2018). Fossil. Retrieved November 15, 2019, from https://www.uen.org/lessonplan/view/33000 UCI. (2019). Misconceptions: weathering. Retrieved November 26, 2019, from http://sites.uci.edu/researchfilmmaking/files/2016/01/ES4L1V6.pdf Wodarski, L. A. (1976). Food and Nutrition Misconceptions, Knowledge, Related Interests, and Information Sources of Knoxville, Tennessee, High School Students. University of Tennessee-Knoxville. สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี 

299 คมู่ อื ครรู ายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เล่ม 1 | คณะทางาน คู่มือครูรายวชิ าพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ ช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ เลม่ ๑ ผู้อานวยการสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี คณะทป่ี รกึ ษา ผู้ช่วยผู้อานวยการสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี ศาสตราจารย์ ดร.ชกู ิจ ลมิ ปจิ านงค์ สถาบันส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ดร. วนิดา ธนประโยชน์ศักดิ์ สถาบันสง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี สถาบนั สง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี คณะผจู้ ัดทาค่มู ือครู สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี สถาบันส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี นางชุติมา เตมียสถิต สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี นางกงิ่ แก้ว คูอมรพัฒนะ สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี นางสาวดวงกมล เหมะรัต สถาบันสง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี นางสาววราภรณ์ ถิรสริ ิ สถาบนั สง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ดร. อรนษิ ฐ์ โชคชัย สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ดร. ศานกิ านต์ เสนีวงศ์ สถาบันส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ดร. พจนา ดอกตาลยงค์ สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ดร. เบญ็ จวรรณ หาญพิพฒั น์ สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ดร. วนั ชัย น้อยวงค์ สถาบนั สง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ดร. ณัฐธิดา พรหมยอด สถาบันส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ดร. เสาวลักษณ์ บวั อิน สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี นางสาวสณุ ิสา สมสมัย นางสาวลกั ษมี เปรมชัยพร นางสาวจีรนนั ท์ เพชรแกว้ นางสาวกมลลกั ษณ์ ถนัดกจิ ดร. วิลานี สุชวี บรพิ นธ์

คูม่ อื ครรู ายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 1 | คณะทางาน 300 คณะผพู้ ิจารณาคูม่ อื ครู โรงเรียนอนุบาลเชยี งใหม่ โรงเรียนชมุ ชนบา้ นตาหลังใน นางสาววรางคณา ปนั ทะนา โรงเรียนปิยฉัตร นางวรรณา ใจกว้าง โรงเรยี นบ้านชะอวด นายพรเทพ ทวีปรัชญา โรงเรยี นบคี อนเฮา้ ส์แยม้ สอาด ลาดพร้าว นายชยั แกว้ หนนั โรงเรียนอุดมวทิ ยา นางสาวสุรรี ัตน์ คุ่นชมพู นายชัชวาลย์ จนิ รอด สถาบันส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี สถาบันสง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี คณะทางานฝ่ายเสริมวชิ าการ จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั ฝ่ายนวตั กรรมเพื่อการเรียนรู้ มหาวิทยาลัยศรนี ครนิ ทรวโิ รฒ นางสาวภัทราพร ชนื่ รุ่ง ข้าราชการบานาญ ข้าราชการบานาญ คณะบรรณาธิการ ขา้ ราชการบานาญ ผศ.ดร.วชิ ัย จฑู ะโกสิทธ์ิกานนท์ ดร.เทพกญั ญา พรหมขตั แิ ก้ว ผชู้ ่วยศาสตราจารย์รชั ดา สุตรา นางณฐั สรวง ทพิ านกุ ะ หมอ่ มหลวงพิณทอง ทองแถม

299 คู่มอื ครรู ายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 1 | คณะทางาน สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี (สสวท.) The Institute for the Promotion of Teaching Science and Technology (IPST) www.ipst.ac.th


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook