ค่มู อื ครูรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 1 | หนว่ ยท่ี 3 หินและซากดึกดาบรรพ์ 206 แมกมา ลาวา รวดเร็วทนั ทที นั ใด ชา้ ๆ รวดเรว็ ใหญ่ เล็ก แก้วภเู ขาไฟ หยาบ ละเอียด แกว้ แกรนติ บะซอลต์ พมั มิซ ออบซิเดียน สถาบนั สง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
207 คมู่ อื ครูรายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 1 | หน่วยท่ี 3 หินและซากดกึ ดาบรรพ์ สะสมตวั ของตะกอนในแอ่ง ตกผลกึ และตกตะกอนของสารบางชนดิ สะสมตะกอน ผลึก แรงกดทบั ไปท่ีตะกอนและมี ปนู การเชอ่ื มประสานตะกอน แขง็ ตวั กลายเปน็ หนิ ใหญ่ เล็ก หยาบ ละเอยี ด กรวดมน ดินดาน ทราย ทรายแปง้ สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ค่มู ือครรู ายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เล่ม 1 | หนว่ ยที่ 3 หนิ และซากดกึ ดาบรรพ์ 208 การแปรสภาพ ความร้อน ความดนั และปฏิกริ ิยา เคมี ผลึกแร่เรยี งตัว ผลึก ขนานกัน ควอรต์ ไซต์ ไนส์ อ่อน ฟิลไลต์ ชนวน สถาบันส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
209 คมู่ อื ครรู ายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 1 | หน่วยที่ 3 หนิ และซากดึกดาบรรพ์ ก, ง หรือ ค, ข, จ, ก, ง หรือ ค, ข, ช, ก, ง หรอื ข, ช, ก, ง หรือ ข, จ, ก, ง หรอื ค, ก, ง ก, ฉ หรอื ค, ข, จ, ก, ฉ หรอื ค, ข, ช, ก, ฉ หรอื ข, ช, ก, ฉ หรอื ข, จ, ก, ฉ หรอื ค, ก, ฉ ค หรอื ก, ง, ค หรอื ก, ฉ, ค หรือ ข, ช, ค หรือ ข, จ, ค หรือ ก, ง, ก, ง, ค หรือ ก, ง, ก, ฉ, ค ข, ช หรือ ก, ง, ค ข, ช หรอื ก, ฉ, ค ข, ช หรือ ค, ข, ช หรอื ก, ง, ข, ช หรอื ก, ฉ, ข, ช ข, จ หรือ ก, ง, ค, ข, จ หรือ ก, ฉ, ค ข, จ หรอื ค, ข, จ หรือ ก, ง, ข, จ หรอื ก, ฉ, ข, จ ข, ช หรอื ค, ข, ช หรอื ก, ง, ค ,ข, ช หรือ ก, ฉ, ค ,ข, ช ข, จ หรอื ค, ข, จ หรือ ก, ง, ค ,ข, จ หรือ ก, ฉ, ค ,ข, จ ค หรอื ก, ง, ค หรือ ก, ฉ, ค หรือ ข ,ช ค หรือ ข, จ, ค หรือ ข, ช, ข, จ, ค ก, ง หรือ ค, ข, ช, ก, ง หรือ ค, ข, จ, ก, ง หรือ ข, จ, ก, ง หรือ ข, ช, ก, ง ก, ฉ หรอื ค, ข, ช, ก, ฉ หรอื ค, ข, จ, ก, ฉ หรือ ข, จ, ก, ฉ หรอื ข, ช, ก, ฉ ข, ช หรือ ก, ง, ค, ข, ช หรือ ก, ฉ, ค, ข, ช หรอื ก, ฉ, ข, ช หรือ ก, ง, ข, ช หรอื ค, ข, ช ข, จ หรอื ก, ง, ค, ข, จ หรอื ก, ฉ, ค, ข, จ หรอื ก, ฉ, ข, จ หรอื ก, ง, ข, จ หรือ ค, ข, จ ก, ง หรอื ข, จ, ก, ง หรือ ข, ช, ก, ง หรอื ข, ช, ข, จ, ก, ง หรือ ข, จ, ข, ช, ก, ง ก, เฉชห่นรอื ขข, ,ชจ,หกร, ือฉ หกร,อื งข,ค, ชข,, กช,,ฉหหรรือือ ขก, ชฉ,,ข, จ,,ขก,,ชฉ หรอื ข, จ, ข, ช, ก, ฉ ค หเชรือ่นขข, ,ช,ชคหหรรือือขก, จ,ง, ค,คหขร,ือชข,,หชร, อืก, งก, คฉห, รอื ,ขข, ,จช, ก, ง, ค หรอื ก, ฉ, ค หรอื ก, ง, ค เชน่ ข, จ, ก, ง หรอื ข, ช, ก,ง หรือ ก ,ง หมายเหตุ: เสน้ ทางของกระบวนการทางธรณีวิทยาทท่ี าให้หินประเภทหเชน่น่ึงเปขล,ีย่ นจแ,ปกล,งไงปเปห็นรหนิอื อกีขป,รชะเ,ภกทห,งน่งึ หแรลอื ะเปกล่ีย,งนกลับไปเป็น หินประเภทเดมิ อาจมีคาตอบมากกวา่ ทเ่ี ฉลยไว้ เช่น ข, จ, ก, ง หรือ ข, ช, ก,ง หรือ ก ,ง ฉ สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ค่มู อื ครูรายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 1 | หนว่ ยท่ี 3 หินและซากดกึ ดาบรรพ์ 210 จ ก ช ข ก ขข ก งฉ ค คก ค สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
211 คมู่ ือครรู ายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 1 | หนว่ ยที่ 3 หินและซากดกึ ดาบรรพ์ หินแต่ละประเภทมีลักษณะทางกายภาพบางอย่างทั้งท่ีเหมือนกันและ แตกต่างกัน ลักษณะทางกายภาพบางอย่างท่ีแตกต่างกัน เกิดจากหิน แตล่ ะประเภทมีกระบวนการเกิดแตกตา่ งกัน หินอัคนี หินตะกอน และหินแปร มีกระบวนการเกิดแตกต่างกัน หินอัคนีเกิดจากการเย็นตัวและ ตกผลึกจากแมกมา หรือเกิดจากการเย็นตัวและตกผลึกของลาวา หรือเกิดจากการเย็นตัวและ แข็งตัวของลาวา หินตะกอนเกิดจากการสะสมตัวของตะกอนและการเชื่อมประสานตะกอนหรือ เกิดจากการตกผลึกหรือตกตะกอนของสารบางชนิด หินแปรเกิดจากการแปรสภาพของหินทุก ประเภทโดยความรอ้ น ความดัน และปฏกิ ิริยาเคมี หนิ แตล่ ะประเภทมีลักษณะบางอย่างแตกตา่ งกนั เช่น หินอัคนีอาจมีเนื้อแก้วและ มีรูพรุน หินตะกอนมีเนื้อที่เป็นเม็ดตะกอนและมีเศษหินปะปนอยู่ในเนื้อหิน และ อาจพบการวางตวั ของตะกอนในเนื้อหินเปน็ ช้ัน ๆ และหนิ แปรผลึกแรจ่ ะเรียงตัว ขนานกันเป็นแถบ ซ่งึ อาจแซะหรอื กะเทาะแถบดังกลา่ วออกได้ หินอัคนี หินตะกอน และหินแปร สามารถเปลี่ยนแปลงไปเป็นหิน ประเภทอื่นได้ทุกประเภท และสามารถเปลี่ยนแปลงกลับไปเป็นหิน ประเภทเดมิ ได้ สถาบนั สง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ค่มู อื ครูรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เล่ม 1 | หนว่ ยท่ี 3 หินและซากดกึ ดาบรรพ์ 212 กระบวนการทางธรณีวิทยาท่ีทาให้หินแต่ละประเภทเกดิ การเปลี่ยนแปลงไปมาในวัฏจกั รหิน ได้แก่ การเย็นตัวและตกผลึกของแมกมา การเย็นตัวและตกผลึกของลาวา การเย็นตัวและ แข็งตัวของลาวา การผุพัง การสะสมตัวของตะกอนและการเช่ือมประสานตะกอน การตกผลกึ หรอื ตกตะกอนของสารบางชนิด การแปรสภาพ การหลอมเหลว การเปลี่ยนแปลงของหินในวัฏจกั รหินมีกระบวนการเปลย่ี นแปลงคงท่เี ป็นแบบรูปและต่อเน่ือง เช่น การทีห่ ินอัคนี จะเปล่ียนไปเป็นหินแปรจะผ่านกระบวนการทางธรณวี ิทยาต่าง ๆ เช่น หินอัคนีจะเกิดการผุพังกลายเป็นตะกอน จากตะกอนจะผ่านกระบวนการสะสมตัวของตะกอนและการเชือ่ มประสานตะกอนกลายเป็นหินตะกอน และจาก หินตะกอนจะผ่านกระบวนการแปรสภาพกลายเป็นหินแปร หรือหินอัคนีผ่านกระบวนการแปรสภาพกลายเป็น หินแปรเลยก็ได้ การเปลยี่ นแปลงจากหินอัคนีไปเป็นหินแปรดังตวั อย่างจะมีการเปล่ยี นแปลงคงท่ีเปน็ แบบรูปและ เกิดข้ึนตอ่ เนอ่ื ง ซงึ่ การเปลี่ยนแปลงในบางกระบวนการใชเ้ วลานอ้ ย บางกระบวนการใชเ้ วลายาวนานนับล้านปี เม็ดทรายเม็ดหนึ่งบนผิวโลก สามารถเปล่ียนแปลงไปเป็นส่วนหน่ึงของหินอัคนี หนิ ตะกอน และหินแปร ได้ เชน่ เม็ดทรายเม็ดดงั กล่าวถูกน้านาพาไปสะสมตวั อยู่ใน แอ่งสะสมตะกอนและมีการเชื่อมประสานตะกอน ก็จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของ หินตะกอน และถ้าหินตะกอนดังกล่าวถูกแปรสภาพก็จะกลายเป็นหินแปร หรือถ้า หินตะกอนดังกล่าวมีการหลอมเหลวก็จะกลายเป็นแมกมา และถ้าแมกมามี การเย็นตวั และตกผลกึ ก็จะกลายเป็นหินอคั นีแทรกซอนได้ สถาบนั ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
213 คมู่ อื ครูรายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 1 | หน่วยที่ 3 หินและซากดึกดาบรรพ์ หินอัคนี หินตะกอน และหินแปร มีกระบวนการเกิดแตกต่างกัน จึงทาให้หินทั้งสามประเภทมี ลักษณะทางกายภาพบางอย่างแตกต่างกัน หินอัคนีเกิดจากการเย็นตัวและตกผลึกของแมกมา หรือเกิดจากการเย็นตัวและตกผลึกของลาวา หรือเกิดจากการเย็นตัวและแข็งตัวของลาวา หินตะกอนเกิดจากการสะสมตัวของตะกอนและการเช่ือมประสานตะกอน หรืออาจเกิดจาก การตกผลึกหรือตกตะกอนของสารบางชนิด หินแปรเกิดจากการแปรสภาพของหินทุกประเภท โดยความร้อน ความดัน และปฏิกิริยาเคมี หินทั้งสามประเภทนี้มีการเปล่ียนแปลงจากหิน ประเภทหน่ึงไปเป็นหินอีกประเภทหนึ่งและเปล่ียนแปลงกลับไปเป็นหินประเภทเดิมได้ โดยมี กระบวนการเปลย่ี นแปลงคงทเี่ ปน็ แบบรูปและต่อเนือ่ งเป็นวฏั จกั รหิน หนิ อคั นี หินตะกอน และหินแปร มีกระบวนการเกิดแตกต่างกัน จงึ ทาให้ หินท้ังสามประเภทมีลักษณะทางกายภาพบางอย่างแตกต่างกัน หินทั้ง สามประเภทน้ีมีการเปล่ียนแปลงไปมาโดยมีกระบวนการเปลี่ยนแปลง คงท่เี ป็นแบบรปู และตอ่ เนื่องเป็นวัฏจกั ร คาถามของนกั เรียนทต่ี ้งั ตามความอยากรูข้ องตนเอง สถาบันส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ค่มู อื ครรู ายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 1 | หนว่ ยที่ 3 หนิ และซากดกึ ดาบรรพ์ 214 สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
215 ค่มู อื ครูรายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 1 | หนว่ ยท่ี 3 หินและซากดึกดาบรรพ์ แนวการประเมินการเรียนรู้ การประเมนิ การเรยี นรู้ของนักเรยี นทาได้ ดังนี้ 1. ประเมนิ ความร้เู ดมิ จากการอภิปรายในชั้นเรยี น 2. ประเมินการเรียนรจู้ ากคาตอบของนกั เรียนระหว่างการจดั การเรยี นรแู้ ละจากแบบบนั ทึกกิจกรรม 3. ประเมนิ ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์และทักษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 จากการทากิจกรรมของนักเรยี น การประเมินจากการทากจิ กรรมที่ 1.2 กระบวนการเกิดหนิ และวัฏจกั รหนิ เปน็ อยา่ งไร รหัส สง่ิ ที่ประเมนิ คะแนน ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ S1 การสังเกต S8 การลงความเหน็ จากข้อมลู S13 การตีความหมายขอ้ มูลและลงขอ้ สรปุ S14 การสรา้ งแบบจาลอง ทกั ษะแห่งศตวรรษท่ี 21 C2 การคดิ อย่างมีวิจารณญาณ C4 การสอื่ สาร C5 ความรว่ มมอื รวมคะแนน สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ค่มู ือครูรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เล่ม 1 | หนว่ ยที่ 3 หนิ และซากดึกดาบรรพ์ 216 ตาราง รายการประเมนิ และเกณฑ์การประเมินทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ทักษะ รายการประเมนิ เกณฑ์การประเมิน กระบวนการทาง ดี (3) พอใช้ (2) ควรปรับปรงุ (1) วทิ ยาศาสตร์ S1 การสังเกต การบรรยาย สามารถใช้ประสาทสัมผัส สามารถใช้ประสาทสัมผสั ใช้ประสาทสัมผสั รายละเอยี ดเกย่ี วกบั เกบ็ รายละเอยี ดของข้อมลู เกบ็ รายละเอียดของ เกบ็ รายละเอยี ดของ ลักษณะของหินแต่ละ ลักษณะของหนิ แต่ละ ข้อมลู ลักษณะของหนิ แต่ ข้อมลู ลักษณะของ ประเภท ประเภทด้วยตนเอง โดยไม่ ละประเภทได้ จากการ หนิ แตล่ ะประเภทได้ เพ่มิ เติมความคิดเหน็ ชแี้ นะของครูหรือผอู้ ื่น เพียงบางส่วน แม้ว่า หรอื มกี ารเพมิ่ เตมิ ความ จะไดร้ ับคาชีแ้ นะ คิดเห็น จากครูหรอื ผู้อ่นื S8 การลงความ การลงความเหน็ จาก สามารถลงความเหน็ จาก สามารถลงความเห็นจาก สามารถลงความเหน็ เห็นจากข้อมูล ข้อมลู ได้ว่า หนิ อคั นี ข้อมูลได้ถูกตอ้ งด้วยตนเอง ขอ้ มูลได้ถูกต้องจากการ จากข้อมูลได้แตไ่ ม่ หินตะกอน และหนิ ว่า หินอัคนี หนิ ตะกอน ช้ีแนะของครหู รือผู้อืน่ ว่า ครบถว้ นสมบรู ณ์ แปร มีกระบวนการ และหนิ แปร มี หินอัคนี หินตะกอน และ แม้ว่าจะไดร้ ับคา เกิดแตกตา่ งกนั ทาให้ กระบวนการเกดิ แตกต่าง หินแปร มีกระบวนการ ช้ีแนะจากครูหรือ ลกั ษณะทางกายภาพ กนั ทาให้ลักษณะทาง เกิดแตกตา่ งกนั ทาให้ ผูอ้ ่ืนวา่ หินอัคนี ของหนิ ทั้งสามประเภท กายภาพของหนิ ทัง้ สาม ลกั ษณะทางกายภาพของ หินตะกอน และหนิ มีลักษณะบางอยา่ ง ประเภทมลี กั ษณะ หนิ ทง้ั สามประเภทมี แปร มีกระบวนการ แตกต่างกนั หนิ อัคนี บางอยา่ งแตกต่างกนั ลกั ษณะบางอยา่ ง เกิดแตกต่างกนั ทา หนิ ตะกอน และหิน หนิ อคั นี หนิ ตะกอน และ แตกตา่ งกัน หนิ อัคนี ให้ลกั ษณะทาง แปร สามารถ หนิ แปร สามารถ หนิ ตะกอน และหนิ แปร กายภาพของหนิ ท้งั เปลี่ยนแปลงไปเปน็ หนิ เปล่ียนแปลงไปเป็นหนิ สามารถเปล่ียนแปลงไป สามประเภทมี ประเภทอืน่ และ ประเภทอื่น และ เปน็ หนิ ประเภทอืน่ และ ลกั ษณะบางอยา่ ง เปลย่ี นแปลงกลับไป เปลยี่ นแปลงกลบั ไปเป็น เปลย่ี นแปลงกลับไปเป็น แตกตา่ งกนั หนิ อัคนี เป็นหินประเภทเดิมได้ หินประเภทเดมิ ได้โดย หินประเภทเดิมไดโ้ ดย หินตะกอน และหิน โดยอาศยั กระบวนการ อาศัยกระบวนการทาง อาศยั กระบวนการทาง แปร สามารถ ทางธรณีวทิ ยาต่าง ๆ ธรณีวิทยาต่าง ๆ ธรณีวิทยาตา่ ง ๆ เปลี่ยนแปลงไปเปน็ หินประเภทอ่นื และ เปลย่ี นแปลงกลบั ไป เปน็ หินประเภทเดิม ไดโ้ ดยอาศยั สถาบันส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
217 คู่มือครรู ายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เล่ม 1 | หน่วยที่ 3 หนิ และซากดึกดาบรรพ์ ทกั ษะ รายการประเมนิ เกณฑก์ ารประเมนิ กระบวนการทาง ดี (3) พอใช้ (2) ควรปรับปรุง (1) วิทยาศาสตร์ กระบวนการทาง ธรณีวิทยาต่าง ๆ S13 การตีความ ตีความหมายข้อมลู สามารถตคี วามหมาย สามารถตคี วามหมาย สามารถ หมายขอ้ มลู และ และลงข้อสรุปจากการ ขอ้ มูลและลงข้อสรุปจาก ขอ้ มลู และลงข้อสรปุ จาก ตคี วามหมายข้อมูล ลงขอ้ สรุป สังเกต รวบรวมข้อมูล การสงั เกต รวบรวมข้อมลู การสงั เกต รวบรวมข้อมลู และลงข้อสรุปจาก จากการอภิปราย และ จากการอภปิ ราย และจาก จากการอภปิ ราย และ การสังเกต รวบรวม จากการสร้าง การสร้างแบบจาลองได้ จากการสรา้ งแบบจาลอง ข้อมูล จากการ แบบจาลองได้ว่า หนิ ถกู ต้องด้วยตนเองวา่ หิน ไดถ้ ูกตอ้ งโดยอาศัยการ อภปิ ราย และจาก อคั นี หินตะกอน และ อัคนี หนิ ตะกอน และหนิ ชี้แนะของครูหรือผู้อ่นื วา่ การสร้างแบบจาลอง หนิ แปร มกี ระบวนการ แปร มีกระบวนการเกดิ หนิ อคั นี หินตะกอน และ ไดไ้ มค่ รบถ้วนว่า เกิดแตกตา่ งกัน และมี แตกตา่ งกนั และมลี กั ษณะ หินแปร มกี ระบวนการ หนิ อัคนี หินตะกอน ลักษณะทางกายภาพ ทางกายภาพบางอย่าง เกดิ แตกตา่ งกนั และมี และหนิ แปร มี บางอย่างแตกต่างกนั แตกต่างกัน หนิ ทุก ลักษณะทางกายภาพ กระบวนการเกดิ หนิ ทุกประเภท ประเภทสามารถ บางอยา่ งแตกต่างกนั แตกตา่ งกนั และมี สามารถเปลย่ี นแปลง เปลี่ยนแปลงไปมาโดยมี หินทุกประเภทสามารถ ลักษณะทาง ไปมาโดยมี กระบวนการเปลี่ยนแปลง เปล่ยี นแปลงไปมาโดยมี กายภาพบางอย่าง กระบวนการ คงทเ่ี ปน็ แบบรปู และ กระบวนการเปลยี่ นแปลง แตกต่างกนั เปลี่ยนแปลงคงที่เป็น ต่อเน่ืองเปน็ วัฏจักรหนิ คงท่เี ปน็ แบบรปู และ หนิ ทุกประเภท แบบรูปและต่อเนื่อง ต่อเน่อื งเปน็ วฏั จกั รหิน สามารถ เป็นวัฏจักรหิน เปล่ยี นแปลงไปมา โดยมกี ระบวนการ เปล่ียนแปลงคงท่ี เป็นแบบรปู และ ต่อเน่อื งเป็นวัฏจกั ร หิน แมว้ ่าจะได้รับคา ช้ีแนะจากครหู รือ ผอู้ ื่น S14 การสร้าง การสรา้ งแบบจาลอง สามารถสรา้ งแบบจาลอง สามารถสร้างแบบจาลอง สามารถสร้าง แบบจาลอง เพือ่ เปรียบเทียบและ เพ่อื เปรียบเทยี บและ เพื่อเปรียบเทียบและ แบบจาลองเพื่อ อธบิ ายกระบวนการ อธบิ ายกระบวนการเกิด อธบิ ายกระบวนการเกิด เปรียบเทียบและ สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
คู่มือครรู ายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 1 | หนว่ ยท่ี 3 หนิ และซากดกึ ดาบรรพ์ 218 ทักษะ รายการประเมิน เกณฑ์การประเมิน กระบวนการทาง ดี (3) พอใช้ (2) ควรปรบั ปรุง (1) วทิ ยาศาสตร์ เกดิ และลักษณะของ และลกั ษณะของหินแตล่ ะ และลกั ษณะของหนิ แต่ละ อธิบายกระบวนการ หนิ แต่ละประเภท และ ประเภท และอธิบาย ประเภท และอธบิ าย เกิดและลักษณะของ อธบิ ายกระบวนการ กระบวนการเปลี่ยนแปลง กระบวนการเปลยี่ นแปลง หนิ แตล่ ะประเภท เปล่ียนแปลงของหนิ ของหนิ ทุกประเภทเปน็ ของหนิ ทุกประเภท และอธิบาย ทกุ ประเภทเปน็ วัฏจกั ร วฏั จักรหิน ไดถ้ กู ต้องดว้ ย เป็นวัฏจกั รหินได้ถกู ต้อง กระบวนการ หนิ ตนเอง จากการช้แี นะของครูหรือ เปลีย่ นแปลงของหนิ ผู้อน่ื ทุกประเภทเป็น วฏั จกั รหินไดถ้ กู ต้อง บางส่วน แมว้ า่ จะ ได้รับการชแ้ี นะจาก ครหู รอื ผู้อนื่ ตาราง รายการประเมนิ และเกณฑ์การประเมนิ ทักษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 ทกั ษะแห่ง รายการประเมิน ดี (3) เกณฑ์การประเมิน ควรปรับปรุง (1) ศตวรรษท่ี 21 พอใช้ (2) C2 การคิดอย่างมี การวิเคราะห์และ สามารถวิเคราะหแ์ ละ สามารถวิเคราะหแ์ ละ สามารถวเิ คราะห์และ วจิ ารณญาณ เปรียบเทยี บ เปรยี บเทยี บกระบวนการ เปรยี บเทียบกระบวนการ เปรยี บเทยี บกระบวนการ กระบวนการเกิดและ เกิดและลักษณะของหิน เกิดและลักษณะของหนิ เกดิ และลักษณะของหินแต่ ลกั ษณะของหนิ แตล่ ะ แต่ละประเภท และอธบิ าย แต่ละประเภท และ ละประเภท และอธบิ าย ประเภท และอธบิ าย กระบวนการเปล่ียนแปลง อธิบายกระบวนการ กระบวนการเปล่ยี นแปลง กระบวนการ ของหินทุกประเภทเปน็ เปล่ยี นแปลงของหินทกุ ของหินทุกประเภทเปน็ เปลีย่ นแปลงของหินทุก วัฏจักรหินจากแบบจาลอง ประเภทเป็นวัฏจักรหิน วฏั จักรหินจากแบบจาลอง ประเภทเป็นวฏั จกั รหนิ ได้ถูกตอ้ งและ จากแบบจาลองได้ถกู ต้อง ไดถ้ ูกตอ้ งและสมเหตุสมผล จากแบบจาลอง สมเหตสุ มผลดว้ ยตนเอง และสมเหตุสมผล โดย บางส่วน แมว้ ่าจะไดร้ ับคา ต้องอาศยั การชแ้ี นะจาก ช้ีแนะจากครูหรือผูอ้ ่ืน ครหู รือผู้อื่น C4 การสอื่ สาร การนาเสนอขอ้ มูลจาก สามารถนาเสนอข้อมูลจาก สามารถนาเสนอข้อมูล สามารถนาเสนอขอ้ มูลจาก การอภิปราย การอภปิ รายเพือ่ จากการอภิปราย การอภปิ ราย เพื่อ เพ่ือเปรยี บเทียบ เปรยี บเทียบกระบวนการ เพือ่ เปรยี บเทียบ เปรยี บเทียบกระบวนการ เกิดและลักษณะของหิน กระบวนการเกดิ และ เกดิ และลักษณะของหนิ แต่ สถาบนั สง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
219 คมู่ อื ครรู ายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เล่ม 1 | หนว่ ยที่ 3 หินและซากดกึ ดาบรรพ์ ทักษะแห่ง รายการประเมนิ เกณฑ์การประเมนิ ศตวรรษที่ 21 ดี (3) พอใช้ (2) ควรปรับปรงุ (1) C5 ความรว่ มมือ กระบวนการเกิดและ แต่ละประเภท และ ลกั ษณะของหนิ แตล่ ะ ละประเภท และ ลักษณะของหินแต่ละ กระบวนการเปลี่ยนแปลง ประเภท และ กระบวนการเปลย่ี นแปลง ประเภท และ ของหินทุกประเภทเป็น กระบวนการเปลีย่ นแปลง ของหนิ ทุกประเภทเปน็ กระบวนการ วัฏจักรหนิ ในรูปแบบ ของหนิ ทุกประเภท วฏั จกั รหนิ ในรูปแบบตา่ ง ๆ เปล่ยี นแปลงของหินทุก ตา่ ง ๆ ให้ผู้อน่ื เข้าใจได้ เปน็ วัฏจักรหนิ ในรปู แบบ ใหผ้ อู้ ื่นเข้าใจไดเ้ พยี ง ประเภทเปน็ วฏั จักรหิน อยา่ งถูกต้องได้ดว้ ยตนเอง ตา่ ง ๆ ให้ผู้อนื่ เขา้ ใจได้ บางสว่ น แม้ว่าจะไดร้ ับคา ในรปู แบบตา่ ง ๆ ให้ อย่างถูกต้อง จากการ ชแี้ นะจากครหู รือผอู้ ่ืน ผู้อื่นเขา้ ใจ ชแ้ี นะของครหู รือผู้อื่น การทางานร่วมกบั ผอู้ น่ื สามารถทางานรว่ มกบั สามารถทางานรว่ มกบั สามารถทางานรว่ มกับผู้อนื่ และการแสดงความ ผู้อืน่ และการแสดงความ ผู้อื่น และการแสดงความ ได้บา้ ง แต่ไม่คอ่ ยแสดง คิดเห็นในการสังเกต คดิ เห็นในการสงั เกต คดิ เหน็ ในการสงั เกต ความคิดเหน็ เกีย่ วกับการ อภิปรายและในการเลม่ อภปิ ราย และในการเล่ม อภปิ ราย และในการเลม่ สังเกต อภิปราย และใน เกม Rocks Dominoes เกม Rocks Dominoes เกม Rocks Dominoes การเลม่ เกม Rocks รวมทงั้ ยอมรับความ รวมทง้ั ยอมรับความ รวมท้ังยอมรับความ Dominoes รวมทัง้ ไม่แสดง คดิ เห็นของผู้อน่ื คิดเห็นของผู้อื่นตั้งแต่ คิดเหน็ ของผู้อ่นื ในบาง ความสนใจตอ่ ความคิดเหน็ เร่มิ ต้นจนสาเรจ็ ชว่ งเวลาท่ีทากจิ กรรม ของผู้อ่ืน ทงั้ น้ีต้องอาศัย การกระตนุ้ จากครูหรือผู้อื่น สถาบนั สง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
คูม่ ือครรู ายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 1 | หน่วยท่ี 3 หนิ และซากดกึ ดาบรรพ์ 220 กจิ กรรมท่ี 1.3 หินและแร่มปี ระโยชนอ์ ยา่ งไรบา้ ง กิจกรรมนี้นักเรียนจะได้รวบรวมข้อมูลและอธิบายการใช้ ประโยชน์จากหินและแร่ เวลา 2 ชว่ั โมง จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ รวบรวมข้อมูลและอธบิ ายการใชป้ ระโยชน์จากหินและแร่ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ S8 การลงความเหน็ จากข้อมลู S13 การตีความหมายข้อมูลและลงขอ้ สรปุ ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 C2 การคดิ อยา่ งมีวิจารณญาณ C4 การส่อื สาร C5 ความรว่ มมือ C6 การใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ส่อื การเรียนรู้และแหล่งเรียนรู้ 1. หนงั สอื เรยี น ป.6 เล่ม 1 หน้า 79-87 2. แบบบนั ทกึ กิจกรรม ป.6 เล่ม 1 หน้า 83-88 3. แหล่งสืบค้นข้อมูลเก่ียวกับประโยชน์ของหินและแร่ เช่น เว็บไซต์ กรมทรพั ยากรธรณี http://www.dmr.go.th สถาบนั สง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
221 คูม่ อื ครูรายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 1 | หน่วยท่ี 3 หนิ และซากดึกดาบรรพ์ แนวการจดั การเรียนรู้ ในการทบทวนความรู้พ้ืนฐาน คุณครูควรให้เวลานักเรียนคิด 1. ครูทบทวนความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับกระบวนการเกิดหินแต่ละ อย่างเหมาะสม รอคอยอย่าง ประเภททีท่ าให้หนิ มลี ักษณะแตกต่างกัน โดยใชค้ าถามดงั ตอ่ ไปน้ี อดทน นักเรียนต้องตอบคาถาม 1.1 องค์ประกอบของหนิ มีอะไรบา้ ง (แร่ เศษหนิ และแก้วภเู ขาไฟ) เหล่าน้ีได้ถูกต้อง หากตอบไม่ได้ 1.2 หินแต่ละประเภทมีลักษณะทางกายภาพเหมือนกันหรือไม่ (หิน หรอื ลมื ครตู ้องให้ความรู้ทถี่ ูกต้อง แต่ละประเภทมีลักษณะทางกายภาพบางอย่างท้ังที่เหมือนกัน ทนั ที และแตกต่างกัน ลักษณะทางกายภาพท่ีแตกต่างกัน เช่น การมี รพู รุนในเน้ือหนิ การทีห่ ินมลี กั ษณะเป็นเน้อื แกว้ ) ในการตรวจสอบความรู้เดิมครู 1.3 เพราะเหตใุ ดหินแตล่ ะประเภทจึงมลี กั ษณะบางอยา่ งแตกต่างกัน เพียงรับฟังเหตุผลของนักเรียน (หินแต่ละประเภทมีลักษณะบางอย่างแตกต่างกันเพราะมี เป็นสาคัญ ครูยังไม่เฉลยคาตอบ กระบวนการเกดิ แตกต่างกัน) ใด ๆ แต่ชักชวนให้นักเรียนหา คาตอบด้วยตนเองจากการทา 2. ครูตรวจสอบความรู้เดิมเกี่ยวกับประโยชน์ของหินและแร่ โดยใช้ กจิ กรรม คาถามดังตอ่ ไปน้ี 2.1 เพราะเหตุใดจึงนาหินและแร่แต่ละชนิดไปใช้ประโยชน์ในด้าน ต่าง ๆ แตกต่างกัน (เพราะหินและแร่แต่ละชนิดมีลักษณะและ สมบัตแิ ตกตา่ งกนั ) 3. ครูเชื่อมโยงความรู้เดิมของนักเรียนเข้าสู่กิจกรรมท่ี 1.3 โดยใช้ คาถามว่า รอบ ๆ ตัวเรามีส่ิงใดบ้างที่ทามาจากหิน หรือมีส่ิงใดบ้างท่ี ทามาจากแร่ 4. นักเรียนอ่านช่ือกิจกรรม และทาเป็นคิดเป็น จากนั้นร่วมกัน อภิปรายเพื่อตรวจสอบความเข้าใจเก่ียวกับจุดประสงค์ในการทา กจิ กรรม โดยใช้คาถามดงั น้ี 4.1 กิจกรรมน้ีนักเรียนจะได้เรียนเร่ืองอะไร (ประโยชน์ของหินและ แร่) 4.2 นักเรยี นจะได้เรยี นรู้เรอ่ื งนีด้ ้วยวิธีใด (รวบรวมขอ้ มลู ) 4.3 เมื่อเรียนแล้วนักเรียนจะทาอะไรได้ (อธิบายการใช้ประโยชน์ จากหินและแรไ่ ด)้ 5. นักเรียนบันทึกจุดประสงค์ลงในแบบบันทึกกิจกรรม หน้า 83 และ อา่ นสงิ่ ทีต่ ้องใช้ในการทากจิ กรรม 6. นักเรียนอ่านทาอย่างไร โดยฝึกอ่านตามความเหมาะสม จากนั้น ร่วมกันอภปิ รายขน้ั ตอนการทากิจกรรม โดยใชค้ าถามตอ่ ไปน้ี สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ค่มู ือครรู ายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เล่ม 1 | หนว่ ยท่ี 3 หินและซากดกึ ดาบรรพ์ 222 6.1 จากภาพในหนังสือเรียน หน้า 79 นักเรียนต้องศึกษาลักษณะ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรแ์ ละ และสมบัติของหินชนิดใดบ้าง (ศึกษาลักษณะและสมบัติของ ทกั ษะแห่งศตวรรษท่ี 21 ทน่ี กั เรียนจะได้ หินพัมมซิ หนิ แกรนติ หนิ ปูน หนิ ทราย และหนิ อ่อน) ฝกึ จากการทากจิ กรรม 6.2 จากภาพในหนังสือเรียน หน้า 80 นักเรียนต้องศึกษาลักษณะ และสมบัติของแร่ชนิดใดบ้าง (ศึกษาลักษณะและสมบัติของ S8 ลงความเห็นเก่ียวกับการนาหินและแร่ที่ แร่แกรไฟต์ แรร่ ัตนชาติ แรย่ ปิ ซัม แร่ควอตซ์ และแร่ทัลก์) มีลักษณะและสมบัติแตกต่างกันไปใช้ ประโยชน์ไดแ้ ตกตา่ งกนั 6.3 จากภาพในหนังสือเรียน หน้า 79 ลักษณะและสมบัติของหิน แต่ละชนิดมีอะไรบ้าง (ความแข็ง มีเน้ือละเอียด มีเน้ือหินเป็น C2 การจบั คู่ประโยชนข์ องหินและแร่ เมด็ ตะกอน มเี นอ้ื หนิ เป็นเนอื้ ผลึก มรี ูพรุน มลี วดลาย) C4 อภิปรายประโยชน์ของหินและแร่ C5 ร่วมมือในการอภิปรายประโยชน์ของหิน 6.4 จากภาพในหนังสือเรียน หน้า 80 ลักษณะและสมบัติของแร่แต่ ละชนิดมีอะไรบ้าง (สี ความแขง็ ความใส ความวาว ลกั ษณะผวิ ) และแร่ และในการสืบค้นข้อมูล C6 สืบค้นข้อมูลเพ่ิมเติมเกี่ยวกับการนาหิน 6.5 เมือ่ ศกึ ษาลกั ษณะและสมบตั ิของหินและแร่แล้วตอ้ งทาส่ิงใดบ้าง (นาข้อมูลลักษณะและสมบัติของหินและแร่ มาร่วมกันอภิปราย และแร่ไปใช้ประโยชน์ในการทาสิ่งต่าง ๆ เกี่ยวกับการนาหินและแร่ชนิดดังกล่าวมาใช้ประโยชน์ จากน้ัน จากแหลง่ เรียนรู้ตา่ ง ๆ ท่ีน่าเชอื่ ถอื อ่านใบความรู้เรื่องประโยชน์ของหินและแร่ และนาข้อมูลที่ได้ จากการอ่านใบความรู้ไปตรวจสอบและแก้ไขผลการอภปิ รายให้ หากนักเรียนไม่สามารถตอบ ถูกตอ้ งมากย่งิ ข้ึน) คาถามหรืออภิปรายได้ตามแนว คาตอบ ครูควรให้เวลานักเรียนคิด 6.6 ในกิจกรรมน้ีนกั เรียนต้องสืบค้นข้อมลู เก่ียวกบั เรื่องอะไร (สืบค้น อย่างเหมาะสม รอคอยอย่างอดทน ข้อมูลเก่ียวกับการนาหินและแร่ไปใช้ประโยชน์ในการทาส่ิง และรบั ฟังแนวความคดิ ของนกั เรียน ตา่ ง ๆ อกี อยา่ งนอ้ ย 3 อย่าง) ครูอาจเขียนสรุปเป็นข้ันตอนส้ัน ๆ บนกระดาน เพื่อเป็น แนวทางใหน้ ักเรยี นทากิจกรรมตามลาดับ 7. เมอ่ื นักเรยี นเขา้ ใจวิธกี ารทากิจกรรมในทาอย่างไรแลว้ ให้นักเรียนลง มอื ปฏิบัติตามข้ันตอน 8. หลังจากทากิจกรรมแล้ว ครูนาอภิปรายผลการทากิจกรรม โดยใช้ คาถามดงั ตอ่ ไปน้ี 8.1 มีส่ิงของใดบ้างทอ่ี ยรู่ อบตัวเราท่ที ามาจากหนิ และแร่ (สิ่งของรอบตวั เราหลายอยา่ งทามาจากหนิ และแร่ - สิ่งท่ีทามาจากหิน เช่น ครกหิน หินขัดตัว หินลับมีด ไสก้ รองในตู้ปลา แผ่นหินปูพ้นื ซีเมนต์ - สิ่งที่ทามาจากแร่ เช่น ปูนปลาสเตอร์ แก้วน้า กระจก ไสด้ ินสอดา เหรยี ญ จานกระเบ้อื ง เคร่ืองประดบั ) สถาบันส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
223 คมู่ อื ครูรายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 1 | หน่วยท่ี 3 หินและซากดึกดาบรรพ์ 8.2 การนาหินและแร่แต่ละชนิดไปใช้ประโยชน์ต้องพิจารณาสิ่ง ถ้ า ค รู พ บ ว่ า นั ก เ รี ย น ยั ง มี ใดบ้าง พร้อมยกตัวอย่าง (พิจารณาจากลักษณะและสมบัติ แนวคิดคลาดเคล่ือนเกี่ยวกับ ของหินและแร่ชนดิ น้นั ๆ เช่น การใช้ประโยชน์จากหินและแร่ - หินบางชนิดมีรูพรุนจึงมีการนาไปใช้เป็นวัตถุกรอง ให้ร่วมกันอภิปรายจนนักเรยี นมี สิง่ ต่าง ๆ แนวคิดทถี่ ูกตอ้ ง - หินบางชนิดมีเน้ือแนน่ มคี วามแข็ง จงึ นาไปทาครก - หินบางชนิดมีเนื้อเป็นเม็ดตะกอนจึงนาไปทาวัตถุขัด ส่ิงของตา่ ง ๆ - หินบางชนิดมีเน้ือแน่น มีความแข็งและมีลวดลาย สวยงาม จึงนาไปทาแผน่ หนิ ปูพน้ื หรอื แผน่ หินปูผนัง - แร่บางชนิดมีสีดา มีความแข็งน้อย เมื่อขีดบนวัสดุท่ีแข็ง กว่าจะเกิดผงละเอียดติดบนผิวของวัสดุนั้น จึงนาแร่ ดงั กลา่ วไปทาไส้ดินสอ - แรบ่ างชนดิ มคี วามแขง็ และบางก้อนใสไมม่ สี ี จึงนาไปทา เลนส์ แกว้ หรอื กระจก) 9. ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนซักถามในส่ิงที่อยากรู้เพิ่มเติมเก่ียวกับ ประโยชน์ของหินและแร่ จากนั้นร่วมกันอภิปรายและลงข้อสรุปว่า หินและแร่แต่ละชนิดมีลักษณะและสมบัติแตกต่างกัน มนุษย์จึงใช้ ประโยชน์จากหินและแร่ในการทาส่ิงต่าง ๆ ได้แตกต่างกัน สิ่งของ เคร่ืองใช้ส่วนใหญ่ที่อยู่รอบตัวเราส่วนใหญ่ผลิตมาจากหินและแร่ หรือมีส่วนผสมของหินและแร่ หินและแร่จึงเป็นทรัพยากรที่มี ประโยชน์อย่างย่ิง (S13) 10. นักเรียนตอบคาถามในฉันรู้อะไร และร่วมกันอภิปรายเพื่อให้ได้แนว คาตอบที่ถกู ตอ้ ง 11. นักเรียนสรุปส่ิงที่ได้เรียนรู้ในกิจกรรมนี้ จากนั้นครูให้นักเรียนอ่าน สงิ่ ทไี่ ดเ้ รียนรู้ และเปรยี บเทียบกบั ขอ้ สรุปของตนเอง 12. ครูกระตุ้นให้นักเรียนฝึกตั้งคาถามเกี่ยวกับเร่ืองที่สงสัยหรืออยากรู้ เพิ่มเติมในอยากรู้อีกว่า จากน้ันครูอาจสมุ่ นักเรียน 2-3 คน นาเสนอ คาถามของตนเองหน้าช้ันเรียน และให้นักเรียนร่วมกันอภิปราย เกีย่ วกบั คาถามท่นี าเสนอ 13. ครูนาอภิปรายเพ่ือให้นักเรียนทบทวนว่าได้ฝึกทักษะกระบวนการ ทางวิทยาศาสตร์และทักษะแห่งศตวรรษท่ี 21 อะไรบ้างในขั้นตอน ใด แล้วบันทึกลงในแบบบันทึกกจิ กรรม หนา้ 88 สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คมู่ อื ครูรายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เล่ม 1 | หน่วยท่ี 3 หนิ และซากดึกดาบรรพ์ 224 14. นักเรียนร่วมกันอ่านรู้อะไรในเร่ืองนี้ ในหนังสือเรียน หน้า 88 ครูนา การเตรียมตัวล่วงหนา้ สาหรับครู อภิปรายเพื่อนาไปสู่ข้อสรุปเก่ียวกับสิ่งท่ีได้เรียนรู้ในเร่ืองน้ี และอาจ เพือ่ จัดการเรยี นรใู้ นครงั้ ถดั ไป ให้นักเรียนศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับเร่ืองกระบวนการเกิดหิน ลักษณะ ทางกายภาพของหิน วัฏจักรหิน และการนาหินและแร่ไปใช้ ในครั้งถัดไป นักเรียนจะได้เรียน ประโยชน์ โดยสแกน QR code ในหนังสือเรียน หน้า 88 หรือ เร่ืองที่ 2 การเกิดซากดึกดาบรรพ์และ ดาวน์โหลดข้อมูลจากเว็บไซต์ http://ipst.me/10921 เม่ือสแกน การนาไปใช้ประโยชน์ ครูอาจจัดเตรียม หรือดาวน์โหลดข้อมูลแล้วจะพบสื่อประกอบเพ่ิมเติม เป็นใบความรู้ สื่อหรือเตรียมการจัดการเรียนการสอน ซ่ึงจะมีเน้อื หาและภาพประกอบ ครอู าจใหน้ ักเรียนหาเวลาวา่ งเข้าไป ดงั นี้ ศึกษา และอาจให้นักเรียนนาเสนอข้อมูลที่ได้จากการศึกษาใน รูปแบบตา่ ง ๆ ท่ีน่าสนใจ เตรียมรูปต่าง ๆ เช่น รูปก้างปลา จากน้ันครูกระตุ้นให้นักเรียนตอบคาถามในช่วงท้ายของ กระดูกหมู กระดูกไก่ ซากดึกดาบรรพ์ เนื้อเร่ือง ซึ่งเป็นคาถามเพื่อเชื่อมโยงไปสู่การเรียนเนื้อหาในเร่ือง ปลา ซากดึกดาบรรพ์รอยตีนไดโนเสาร์ ต่อไปดงั นี้ “ในบางครัง้ อาจพบซากดกึ ดาบรรพ์ในหนิ ตะกอน ซาก เพ่ือนามาใช้ในขั้นตรวจสอบความรู้เดิม ดึกดาบรรพ์ดังกล่าวเกิดข้ึนได้อย่างไร” นักเรียนสามารถตอบตาม เก่ยี วกบั ซากดกึ ดาบรรพ์ ความเข้าใจของตนเอง ซ่ึงจะหาคาตอบได้จากการเรียนในเรอ่ื งตอ่ ไป สถาบนั สง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
225 คู่มอื ครรู ายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 1 | หน่วยที่ 3 หนิ และซากดึกดาบรรพ์ แนวคาตอบในแบบบันทึกกจิ กรรม รวบรวมข้อมลู และอธิบายการใชป้ ระโยชน์จากหนิ และแร่ สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ค่มู ือครรู ายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เล่ม 1 | หน่วยท่ี 3 หินและซากดกึ ดาบรรพ์ 226 สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
227 คมู่ ือครรู ายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เล่ม 1 | หน่วยท่ี 3 หนิ และซากดกึ ดาบรรพ์ สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ค่มู อื ครูรายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 1 | หน่วยท่ี 3 หินและซากดึกดาบรรพ์ 228 มีการนาหินและแร่ไปใชป้ ระโยชนใ์ นการทาส่งิ ตา่ ง ๆ เช่น - นาหินไปทาครก วสั ดกุ รอง ซเี มนต์ หินขัดตวั หินลบั มดี แผ่นหินปพู ืน้ แผ่นหินปูผนัง ทาวัสดกุ ่อสร้าง นาไปแกะสลกั เปน็ หนิ ตกแตง่ สวน - นาแร่ไปทาปูนปลาสเตอร์ สว่ นผสมเครอื่ งสาอาง ไส้ดนิ สอดา แกว้ น้า ถ้วยหรือจานกระเบอ้ื ง เครือ่ งประดบั หนิ ชนวน แผน่ หนิ ปพู ้ืน แผ่นหินปูผนัง ใชม้ ุงหลงั คา ในอดตี ใช้ทากระดานชนวน หินไรโอไลต์ นาไปใช้ในการก่อสรา้ ง หินประดับตกแต่งสวน หนิ โรยทางรถไฟ แรฟ่ ลูออไรต์ เป็นส่วนผสมของผงซักฟอก ใช้เป็นส่วนผสมทาวัสดุเคลือบเหล็กและเหล็กกล้า ใช้เป็นส่วนผสม ทาอิฐบางชนิด ใช้ในอตุ สาหกรรมการผลติ ใยแกว้ ใช้ในอตุ สาหกรรมเคมี เชน่ ใช้ในการเตรียมสาร บางชนดิ ใช้ในการเคลอื บเครอื่ งป้ันดนิ เผา ถ้วยชาม และเครอ่ื งเคลอื บตา่ ง ๆ ใชท้ าเครื่องประดับ สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
229 คมู่ ือครูรายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เล่ม 1 | หน่วยที่ 3 หินและซากดกึ ดาบรรพ์ แรเ่ งนิ ใช้ผลติ เหรียญกษาปณ์ ทาเคร่ืองเรือน ทาเครื่องประดับ ผลิตอปุ กรณ์ทางการแพทย์ แร่ตะกัว่ ทาตะกั่วบัดกรี ทาแผ่นตะก่ัว ทาผนังกั้นรังสีในเครื่องมือ อุปกรณ์หรือในห้องปฏิบัติการ เกย่ี วกบั ปฏิกรณ์ปรมาณู เปน็ ส่วนผสมในการทาสี และใช้ทาผงตะกวั่ สาหรบั เคลอื บภาชนะ เพราะหนิ และแรแ่ ตล่ ะชนิดมีลกั ษณะและสมบัติทแ่ี ตกตา่ งกัน หินและแร่เก่ียวข้องกับชีวิตประจาวันของเราเพราะส่ิงของเครื่องใช้ต่าง ๆ ในชีวิตประจาวัน ของเรา ส่วนใหญ่ผลิตหรือมีส่วนผสมของหินและแร่ เช่น กระจก แก้วน้า ส่วนผสมของ เคร่ืองสาอาง ถ้วยหรือจานกระเบื้อง หม้อ ช้อนหรือส้อมโลหะ อุปกรณ์ไฟฟ้า สายไฟฟ้า เคร่อื งประดบั หินและแรช่ นดิ ต่าง ๆ ถูกนาไปใชป้ ระโยชนใ์ นการทาส่ิงตา่ ง ๆ ได้แตกตา่ ง กัน ตามลักษณะและสมบัติของหินและแร่นั้น ๆ สิ่งของรอบตัวเราหรือใน ชีวิตประจาวันของเราส่วนใหญ่ผลิตจากหินและแร่ หรือส่วนใหญ่มี สว่ นผสมของหนิ และแร่ สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ค่มู อื ครูรายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เล่ม 1 | หน่วยท่ี 3 หินและซากดึกดาบรรพ์ 230 หินและแร่แต่ละชนิดมีลักษณะและสมบัติที่แตกต่างกัน จึงมีการนาไปใช้ ประโยชน์ในการทาสิง่ ตา่ ง ๆ ไดแ้ ตกตา่ งกนั คาถามของนักเรียนที่ตัง้ ตามความอยากรู้ของตนเอง สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
231 คมู่ อื ครูรายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 1 | หน่วยที่ 3 หนิ และซากดกึ ดาบรรพ์ แนวการประเมนิ การเรียนรู้ การประเมนิ การเรียนรขู้ องนักเรยี นทาได้ ดังน้ี 1. ประเมินความรูเ้ ดิมจากการอภปิ รายในชนั้ เรยี น 2. ประเมินการเรยี นร้จู ากคาตอบของนกั เรียนระหวา่ งการจัดการเรยี นรู้และจากแบบบนั ทึกกิจกรรม 3. ประเมินทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และทักษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 จากการทากิจกรรมของนักเรยี น การประเมินจากการทากจิ กรรมท่ี 1.3 หินและแรม่ ีประโยชน์อย่างไรบ้าง รหสั สง่ิ ที่ประเมนิ คะแนน ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ S8 การลงความเห็นจากขอ้ มูล S13 การตีความหมายขอ้ มลู และลงขอ้ สรปุ ทักษะแห่งศตวรรษท่ี 21 C2 การคิดอย่างมวี จิ ารณญาณ C4 การสอ่ื สาร C5 ความร่วมมอื C6 การใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่ือสาร รวมคะแนน สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
คู่มือครรู ายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 1 | หน่วยที่ 3 หินและซากดกึ ดาบรรพ์ 232 ตาราง รายการประเมนิ และเกณฑ์การประเมินทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ทักษะ รายการประเมนิ เกณฑก์ ารประเมนิ กระบวนการทาง ดี (3) พอใช้ (2) ควรปรับปรงุ (1) วิทยาศาสตร์ S8 การลงความ การลงความเห็นจาก สามารถลงความเหน็ จาก สามารถลงความเห็นจาก สามารถลงความเห็น เหน็ จากข้อมูล ขอ้ มลู ไดว้ า่ มกี ารนา ขอ้ มูลไดว้ ่า มกี ารนาหิน ขอ้ มูลไดว้ ่า มีการนาหนิ จากข้อมูลได้เพียง หินและแร่ท่มี ีลักษณะ และแร่ที่มลี กั ษณะและ และแรท่ ่ีมลี กั ษณะและ บางส่วนว่า มีการนา และสมบัตแิ ตกตา่ งกัน สมบัติแตกตา่ งกนั ไปใช้ สมบตั ิแตกตา่ งกันไปใช้ หนิ และแร่ท่มี ี ไปใชป้ ระโยชน์ได้ ประโยชน์วได้แตกต่างกนั ประโยชน์ไดแ้ ตกต่างกัน ลกั ษณะและสมบตั ิ แตกต่างกนั ได้ด้วยตนเอง จากการช้ีแนะของครูหรือ แตกต่างกนั ไปใช้ ผู้อืน่ ประโยชน์ไดแ้ ตกต่าง กนั แมว้ า่ จะไดร้ บั การชแี้ นะจากครู หรือผ้อู ื่น S13 การตคี วาม การตคี วามหมาย สามารถตคี วามหมาย สามารถตีความหมาย สามารถ หมายขอ้ มลู และ ข้อมูลและลงข้อสรุป ขอ้ มูลและลงข้อสรุปจาก ขอ้ มูลและลงข้อสรปุ จาก ตคี วามหมายข้อมลู ลงขอ้ สรปุ จากการรวบรวมข้อมลู การรวบรวมขอ้ มลู และ การรวบรวมข้อมูลและ และลงข้อสรุปจาก และจากการอภิปราย จากการอภิปรายเกี่ยวกับ จากการอภปิ รายได้ การรวบรวมขอ้ มลู ไดว้ ่า หนิ และแร่แต่ละ หนิ และแร่ได้ถกู ต้องด้วย ถกู ต้องโดยอาศยั การ และจากการ ชนดิ มลี กั ษณะและ ตนเองว่า หนิ และแรแ่ ตล่ ะ ชแี้ นะของครูหรือผู้อื่นว่า อภปิ รายได้ไม่ สมบัติท่ีแตกต่างกนั จึง ชนิดมลี ักษณะและสมบัติที่ หนิ และแรแ่ ต่ละชนิดมี ครบถ้วนวา่ หินและ มกี ารนาไปใช้ แตกตา่ งกนั จึงมีการ ลักษณะและสมบตั ิที่ แรแ่ ต่ละชนดิ มี ประโยชนใ์ นการทาส่ิง นาไปใช้ประโยชนใ์ นการ แตกต่างกนั จงึ มีการ ลักษณะและสมบัติท่ี ตา่ ง ๆ ได้แตกต่างกัน ทาสิ่งต่าง ๆ ได้แตกต่างกัน นาไปใช้ประโยชนใ์ นการ แตกต่างกนั จงึ มีการ ทาส่ิงต่าง ๆ ได้แตกต่าง นาไปใชป้ ระโยชน์ใน กัน การทาสิ่งต่าง ๆ ได้ แตกต่างกนั แม้วา่ จะ ได้รับคาชี้แนะจาก ครูหรือผ้อู นื่ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
233 คูม่ อื ครรู ายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 1 | หน่วยที่ 3 หนิ และซากดกึ ดาบรรพ์ ตาราง รายการประเมินและเกณฑ์การประเมนิ ทักษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 ทักษะแห่ง รายการประเมิน เกณฑ์การประเมิน ศตวรรษท่ี 21 C2 การคดิ อยา่ งมี ดี (3) พอใช้ (2) ควรปรับปรงุ (1) วิจารณญาณ บอกเหตุผลในการ สามารถบอกเหตุผลในการ สามารถบอกเหตผุ ลใน สามารถบอกเหตผุ ล C4 การส่อื สาร จับคกู่ ารใช้ จบั คู่การใชป้ ระโยชน์จาก การจบั คู่การใช้ประโยชน์ ในการจับคู่การใช้ C5 ความร่วมมือ ประโยชน์จากหนิ หินและแร่ได้ถกู ตอ้ งและ จากหนิ และแร่ไดถ้ ูกต้อง ประโยชน์จากหนิ และแร่ได้ สมเหตสุ มผลดว้ ยตนเอง และสมเหตุสมผล โดย และแรไ่ ด้ถูกต้อง ต้องอาศัยการช้แี นะจาก และสมเหตสุ มผล ครหู รอื ผ้อู ่ืน บางสว่ น แม้ว่าจะได้ รับคาชแี้ นะจากครู หรอื ผู้อืน่ การนาเสนอขอ้ มลู สามารถนาเสนอข้อมลู จาก สามารถนาเสนอข้อมูล สามารถนาเสนอ จากการอภปิ ราย การอภิปรายการใช้ จากการอภิปรายการใช้ ข้อมลู จากการ การใช้ประโยชน์ ประโยชน์จากหินและแร่ ประโยชนจ์ ากหนิ และแร่ อภิปรายการใช้ จากหนิ และแร่ใน ในรปู แบบตา่ ง ๆ ใหผ้ ู้อน่ื ในรปู แบบตา่ ง ๆ ใหผ้ ู้อน่ื ประโยชนจ์ ากหิน รปู แบบต่าง ๆ ให้ เข้าใจได้อยา่ งถูกต้องได้ เข้าใจได้อยา่ งถูกต้อง จาก และแรใ่ นรูปแบบ ผู้อน่ื เขา้ ใจ ด้วยตนเอง การชแี้ นะของครหู รอื ผู้อืน่ ต่าง ๆ ใหผ้ ู้อ่ืนเข้าใจ ไดเ้ พยี งบางส่วน แมว้ า่ จะได้รบั คา ชี้แนะจากครหู รือ ผ้อู ่นื การทางานร่วมกบั สามารถทางานร่วมกับ สามารถทางานรว่ มกบั สามารถทางาน ผู้อน่ื และแสดง ผู้อื่น และแสดงความ ผู้อ่ืน และแสดงความ รว่ มกบั ผู้อนื่ ไดบ้ ้าง ความคิดเห็นในการ คิดเหน็ ในการอภิปราย คดิ เหน็ ในการอภปิ ราย แต่ไม่คอ่ ยแสดง อภปิ ราย การใช้ประโยชนจ์ ากหนิ การใชป้ ระโยชนจ์ ากหิน ความคิดเหน็ การใช้ประโยชน์ และแร่ และในการสืบคน้ และแร่ และในการสบื ค้น เกีย่ วกบั การ จากหนิ และแร่ และ ข้อมลู รวมทง้ั ยอมรับ ข้อมูล รวมท้งั ยอมรับ อภปิ ราย ในการสบื ค้นข้อมูล ความคดิ เหน็ ของผู้อืน่ ความคิดเหน็ ของผู้อื่นใน การใช้ประโยชนจ์ าก รวมทงั้ ยอมรับ ตัง้ แต่เริม่ ตน้ จนสาเรจ็ บางชว่ งเวลาทที่ ากจิ กรรม หนิ และแร่ และใน ความคิดเหน็ ของ การสืบคน้ ข้อมูล ผูอ้ ่นื รวมท้ังไม่แสดงความ สนใจตอ่ ความ คดิ เหน็ ของผู้อืน่ สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 1 | หน่วยที่ 3 หินและซากดกึ ดาบรรพ์ 234 ทักษะแห่ง รายการประเมิน เกณฑก์ ารประเมนิ ศตวรรษท่ี 21 ดี (3) พอใช้ (2) ควรปรบั ปรุง (1) ทัง้ น้ตี ้องอาศยั การ กระต้นุ จากครหู รือ ผู้อืน่ C6 การใช้ การใชเ้ ทคโนโลยี สามารถใช้เทคโนโลยี สามารถใช้เทคโนโลยี สามารถใช้ เทคโนโลยี สารสนเทศเพ่ือ สารสนเทศเพื่อสืบค้น สารสนเทศเพ่ือสืบคน้ เทคโนโลยี สารสนเทศและการ สบื ค้นขอ้ มลู ขอ้ มลู เกย่ี วกบั การนาหนิ ข้อมูลเกย่ี วกับการนาหิน สารสนเทศเพื่อ ส่ือสาร เกยี่ วกับการนาหนิ และแร่ไปใชป้ ระโยชนใ์ น และแรไ่ ปใชป้ ระโยชน์ใน สืบคน้ ข้อมูลเก่ียวกับ และแรไ่ ปใช้ การทาสิง่ ต่าง ๆ ได้ดว้ ย การทาสิ่งตา่ ง ๆ ไดจ้ าก การนาหินและแรไ่ ป ประโยชนใ์ นการทา ตนเอง การชีแ้ นะของครหู รอื ผู้อนื่ ใช้ประโยชน์ในการ ส่ิงตา่ ง ๆ ทาส่ิงต่าง ๆ ได้เพยี ง บางสว่ น แม้วา่ จะได้ รบั คาชีแ้ นะจากครู หรอื ผู้อื่น สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
235 ค่มู ือครรู ายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เล่ม 1 | หนว่ ยที่ 3 หนิ และซากดกึ ดาบรรพ์ เรือ่ งท่ี 2 การเกิดซากดกึ ดาบรรพ์และการนาไปใชป้ ระโยชน์ ในเรื่องนี้นักเรียนจะได้เรียนรู้เก่ียวกับการเกิดซากดึกดาบรรพ์และ ประโยชน์ของซากดึกดาบรรพ์ จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. สรา้ งแบบจาลองและอธิบายการเกิดซากดึกดาบรรพ์ 2. รวบรวมข้อมูลและอธบิ ายประโยชน์ของซากดึกดาบรรพ์ เวลา 4 ชั่วโมง วสั ดุ อปุ กรณ์สาหรบั ทากจิ กรรม ทรายละเอียด ปูนปลาสเตอร์ ดนิ น้ามันหรือดินเหนยี ว เปลอื ก หอย ไดโนเสาร์พลาสติก สีผสมอาหารแบบน้า น้า ช้อนพลาสติกหรือไม้ สาหรับคนสารผสม หลอดหยด พู่กันหรือแปรงขนาดเล็ก ไม้ไอศกรีม ภาชนะสาหรบั ผสม กรรไกร กลอ่ งนม บีกเกอร์ เครื่องชั่ง สอื่ การเรยี นรู้และแหลง่ เรียนรู้ 1. หนังสือเรยี น ป.6 เลม่ 1 หนา้ 92-110 2. แบบบนั ทึกกจิ กรรม ป.6 เลม่ 1 หน้า 89-105 3. พิพธิ ภัณฑไ์ ม้กลายเป็นหินต่าง ๆ 4. ศูนย์ศึกษาวิจัยและพิพธิ ภณั ฑ์ไดโนเสารภ์ เู วียง จงั หวดั ขอนแกน่ 5. พพิ ิธภณั ฑ์สริ นิ ธร จังหวดั กาฬสนิ ธ์ุ 6. แหล่งเรยี นรู้ซากดึกดาบรรพ์ จากเว็บไซต์กรมทรัพยากรธรณี http://fossil.dmr.go.th/?mod=museum สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มอื ครูรายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 1 | หนว่ ยที่ 3 หนิ และซากดึกดาบรรพ์ 236 แนวการจัดการเรยี นรู้ (60 นาท)ี ขั้นตรวจสอบความรู้ (10 นาที) 1. ครูทบทวนความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการเกิดหิน โดยใช้คาถามว่าหิน ในการทบทวนความรู้พ้ืนฐาน ประเภทใดที่เกิดจากการสะสมตัวของตะกอนและการเช่ือมประสาน ครูควรให้เวลานักเรียนคิดอย่าง ตะกอน (หินตะกอน) เหมาะสม รอคอยอย่างอดทน นักเรียนต้องตอบคาถามเหล่านี้ได้ 2. ครูตรวจสอบความรู้เดิมเก่ียวกับซากดึกดาบรรพ์ โดยครูนารูปก้างปลา ถูกต้อง หากตอบไม่ได้หรือลืม กระดูกหมู กระดูกไก่ ซากดึกดาบรรพ์ปลา ซากดึกดาบรรพ์รอยตีน ครตู อ้ งให้ความรูท้ ี่ถูกต้องทนั ที ไดโนเสาร์ มาให้นักเรยี นดูและนาอภิปราย โดยใช้คาถามดังนี้ 2.1. จากรูปอะไรบ้างท่ีเป็นซากดึกดาบรรพ์ (นักเรียนตอบตามความ ในการตรวจสอบความรู้เดิม เข้าใจ แตค่ าตอบทค่ี รคู วรรู้ คอื ซากดึกดาบรรพ์ปลา และ ซาก ครูเพียงรับฟังเหตุผลของนักเรียน ดึกดาบรรพร์ อยตีนไดโนเสาร)์ และยังไม่เฉลยคาตอบใด ๆ แต่ 2.2. ถ้าสัตว์เล้ียงของนักเรียนตายแล้วนาไปฝัง นักเรียนคิดว่าสัตว์เลี้ยง ชักชวนให้นักเรียนไปหาคาตอบ ของนักเรียนจะกลายเป็นซากดึกดาบรรพ์ได้หรือไม่ เพราะเหตุใด ดว้ ยตนเองจากการเนื้อเรอ่ื ง (นกั เรียนตอบตามความเข้าใจ) 2.3. ซากดึกดาบรรพ์มีลักษณะอย่างไร (นักเรียนตอบตามความเข้าใจ แต่คาตอบที่ครูควรรู้ คือ ซากดึกดาบรรพ์มีลักษณะเป็นโครงร่าง และร่องรอยของสิ่งมีชีวิตในอดตี ท่ีพบในหนิ ) 2.4. ซากดึกดาบรรพ์มีประโยชน์อย่างไร (นักเรียนตอบตามความเข้าใจ แต่คาตอบท่ีครูควรรู้ คือ ใช้ศึกษาการลาดับชัน้ หนิ ใช้ระบุอายุของ หินและเปรียบเทยี บอายุชัน้ หนิ ใช้ศกึ ษาสภาพแวดล้อมในอดตี ของ พนื้ ท่ี และใช้ศึกษาวิวัฒนาการของสิ่งมชี ีวิต) ครูเช่ือมโยงความรู้เดิมของนักเรียนสู่การเรียนเรื่องการเกิด ซากดึกดาบรรพ์และการนาไปใช้ประโยชน์ โดยใช้คาถามว่า นักเรียนรู้ หรือไม่ว่าซากดึกดาบรรพ์เกิดขึ้นได้อย่างไร และซากดึกดาบรรพ์ สามารถนาไปใช้ประโยชนไ์ ด้อยา่ งไรบ้าง ขน้ั ฝกึ ทกั ษะจากการอ่าน (30 นาท)ี 3. นักเรียนอ่านช่ือเร่ือง และคาถามในคิดก่อนอ่าน ในหนังสือเรียน หน้า 92 แล้วร่วมกันอภิปรายเพื่อช่วยกันหาแนวคาตอบและนาเสนอ ครู บันทึกคาตอบของนักเรียนบนกระดานเพ่ือใช้เปรียบเทียบคาตอบหลัง การอา่ นเร่ือง สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
237 คู่มอื ครรู ายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เล่ม 1 | หนว่ ยที่ 3 หนิ และซากดึกดาบรรพ์ 4. นักเรียนอ่านคาสาคัญ ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ (หากนักเรียน หากนักเรียนไม่สามารถตอบ อ่านไม่ได้ ครูควรสอนการอ่านให้ถูกต้อง) จากน้ันครูชักชวนให้นักเรียน ค า ถ า ม ห รื อ อ ภิ ป ร า ย ไ ด้ ต า ม อธิบายความหมายของคาสาคัญตามความเขา้ ใจของตนเอง แนวคาตอบ ครูควรให้เวลา นักเรียนคิดอยา่ งเหมาะสม รอ 5. นักเรียนอ่านเน้ือเร่ืองในหนังสือเรียน หน้า 92-93 โดยครูฝึกทักษะการ คอยอย่างอดทน และรับฟัง อ่านตามวิธีการอ่านท่ีเหมาะสมกับความสามารถของนักเรียน ครูใช้ แนวความคดิ ของนกั เรียน คาถามเพอื่ ตรวจสอบความเข้าใจจากการอ่าน โดยใชค้ าถามดงั น้ี 5.1. ซากดึกดาบรรพ์พบในหินทุกก้อนหรือไม่ อย่างไร (ไม่ทุกก้อน ซากดกึ ดาบรรพพ์ บได้ในหนิ บางก้อน) 5.2. โครงร่างหรือร่องรอยที่พบบนดินเป็นซากดึกดาบรรพ์หรือไม่ เพราะเหตุใด (ไม่เป็นซากดึกดาบรรพ์ เพราะซากดึกดาบรรพ์ต้อง พบอยใู่ นหิน) 5.3. ตัวอย่างซากดึกดาบรรพ์ท่ีพบในประเทศไทยมีอะไรบ้าง (ซากดึกดาบรรพ์หอย ซากดึกดาบรรพ์ไม้กลายเป็นหิน ซากดึกดาบรรพ์รอยตนี ไดโนเสาร์) ขน้ั สรุปจากการอา่ น (20 นาที) 6. ครูให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายเพื่อให้ได้ข้อสรุปว่าซากดึกดาบรรพ์เป็น การเตรียมตัวลว่ งหนา้ สาหรับครู โครงร่างหรือร่องรอยของสิ่งมีชีวิตในอดีตที่พบอยู่ในหิน เช่น เพอ่ื จัดการเรียนรใู้ นครงั้ ถัดไป ซ า ก ดึ ก ด า บ ร ร พ์ ห อ ย ซ า ก ดึ ก ด า บ ร ร พ์ ไ ม้ ก ล า ย เ ป็ น หิ น ซากดึกดาบรรพ์รอยตนี ไดโนเสาร์ ในครั้งถัดไป นักเรียนจะได้ทา 7. นักเรียนตอบคาถามจากเรื่องที่อ่านในรู้หรือยัง ในแบบบันทึกกิจกรรม กิจกรรมท่ี 2.1 ซากดึกดาบรรพ์เกิดขึ้น หนา้ 89 ไดอ้ ย่างไร ครูควรเตรยี มอปุ กรณต์ ่อกลุ่ม 8. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเพื่อเปรียบเทียบคาตอบของนักเรียนใน รู้หรือยัง กับคาตอบท่ีเคยตอบและบันทึกไว้ในคิดก่อนอ่าน (ถ้ามีเวลา ดงั น้ี ให้ย้อนกลับไปตอบคาถาม ในส่วนที่เคยท้ิงคาถามไว้ในตอนต้น เช่น นาเขา้ ส่บู ทเรียน) 1. กล่องนมขนาด 300 cm3 2. เปลอื กหอย 2-3 อัน ขนาดไมค่ วร 9. ครูชักชวนนักเรียนตอบคาถามท้ายเร่ืองท่ีอ่าน ดังนี้ ซากดึกดาบรรพ์ เกิน 3-4 เซนตเิ มตร เกิดขึ้นได้อย่างไรและมีประโยชน์อย่างไร (นักเรียนตอบตามความเข้าใจ 3. ไดโนเสาร์พลาสตกิ ท่ีมีขนาดรอยตนี ของตนเอง) ไม่เกิน 3 เซนตเิ มตร ครูยังไมเ่ ฉลยคาตอบแต่ชกั ชวนใหน้ กั เรยี นหาคาตอบจากการทากจิ กรรม สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ค่มู อื ครรู ายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เล่ม 1 | หน่วยท่ี 3 หนิ และซากดึกดาบรรพ์ 238 แนวคาตอบในแบบบนั ทกึ กจิ กรรม ซากดึกดาบรรพ์คือโครงร่างหรอื รอ่ งรอยของส่งิ มีชวี ิตในอดตี ทีพ่ บอยใู่ นหิน ซากดึกดาบรรพ์หอย ซากดกึ ดาบรรพไ์ ม้กลายเปน็ หิน ซากดึกดาบรรพ์รอยตีนไดโนเสาร์ แนวคาตอบจะอยู่ในกจิ กรรมท่ี 2.1 สถาบนั สง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
239 ค่มู อื ครูรายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 1 | หนว่ ยที่ 3 หนิ และซากดึกดาบรรพ์ กิจกรรมที่ 2.1 ซากดึกดาบรรพเ์ กดิ ข้ึนไดอ้ ยา่ งไร กจิ กรรมน้ีนักเรียนจะไดส้ ร้างแบบจาลองอธบิ ายการเกดิ ซาก ดกึ ดาบรรพ์ ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ เวลา 2 ชว่ั โมง S1 การสังเกต S2 การวดั จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ S5 การหาความสมั พนั ธ์ระหว่างสเปซกบั สเปซ สร้างแบบจาลองและอธบิ ายการเกิดซากดกึ ดาบรรพ์ และสเปซกบั เวลา S6 การจัดกระทาและสื่อความหมายข้อมลู วัสดุ อุปกรณส์ าหรบั ทากจิ กรรม S8 การลงความเห็นจากข้อมูล S13 การตคี วามหมายข้อมลู และลงข้อสรปุ สง่ิ ท่ีครูตอ้ งเตรียม/กลุ่ม S14 การสร้างแบบจาลอง 1. ทรายละเอยี ด 50 กรัม ทกั ษะแห่งศตวรรษที่ 21 2. ปนู ปลาสเตอร์ 250 กรัม C2 การคิดอยา่ งมวี จิ ารณญาณ C4 การสอ่ื สาร 3. ดนิ น้ามนั หรอื ดินเหนยี ว 150 กรัม C5 ความร่วมมอื 4. ชอ้ นพลาสติกหรอื ไมค้ น 1 คนั สาหรับสารผสม 5. หลอดหยด 1 อนั 6. พู่กันหรอื แปรงขนาดเล็ก 1 ดา้ ม 7. ภาชนะสาหรบั ผสม 1 ใบ 8. กรรไกร 1 เล่ม 9. บกี เกอรข์ นาด 150 cm3 1 ใบ 10. เปลือกหอย 2-3 อัน 11. ไดโนเสารพ์ ลาสตกิ 1 ตวั 12. ไม้ไอศกรมี 1 อนั 13. กล่องนมขนาด 300 cm3 1 กลอ่ ง 14. น้า 190 cm3 สง่ิ ท่ีครตู ้องเตรียม/ห้อง 1. เครอื่ งช่ัง 1 เคร่อื ง 2. สีผสมอาหารแบบนา้ 2 สี 2 ขวด สื่อการเรยี นรู้และแหลง่ เรียนรู้ 1. หนงั สือเรียน ป.6 เล่ม 1 หนา้ 94–103 2. แบบบันทึกกิจกรรม ป.6 เล่ม 1 หนา้ 89–97 สถาบันส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
คมู่ ือครรู ายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 1 | หนว่ ยที่ 3 หินและซากดกึ ดาบรรพ์ 240 แนวการจัดการเรียนรู้ ในการตรวจสอบความรู้เดิม ครูรับฟังเหตุผลของนักเรียนเป็น 1. ครูตรวจสอบความรู้เดิมเกี่ยวกับการเกิดซากดึกดาบรรพ์ โดยใช้คาถาม สาคัญ ครูยังไม่เฉลยคาตอบใด ๆ ดงั ตอ่ ไปน้ี แต่ชักช ว นให้นักเรียนไปหา 1.1 ซากดึกดาบรรพ์ท่ีมลี ักษณะเป็นโครงร่างและร่องรอยของส่ิงมีชีวิต คาตอบด้วยตนเองจากการทา ในอดีตมีลักษณะแตกต่างกันหรือไม่ อย่างไร (นักเรียนตอบตาม กจิ กรรม ความเข้าใจ แต่คาตอบท่ีครูควรรู้ คือ แตกต่างกัน คือซากดึกดา บรรพ์ท่ีมีลักษณะเป็นโครงร่างมีลักษณะเป็นโครงร่างแข็งของซาก สง่ิ มีชีวติ ต่าง ๆ ในอดตี ซึง่ โครงรา่ งแข็งนั้นได้ถูกแทนทด่ี ้วยสารต่าง ๆ จนเมื่อเวลาผ่านไปสารต่าง ๆ จะแข็งตัวกลายเป็นซากดึกดา บรรพ์ ส่วนซากดึกดาบรรพ์มีลักษณะเป็นร่องรอยมีลักษณะเป็น รอยประทับของสง่ิ มชี ีวติ ในอดีตทป่ี รากฏอยใู่ นหนิ ) 1.2 ซากดึกดาบรรพ์ในรูปท่ี 30 และ 31 ในหนังสือเรียน หน้า 92-93 เหมือนหรือแตกต่างกันอยา่ งไร เกิดขึ้นอย่างไร (นักเรียนตอบตาม ค ว า ม เ ข้ า ใ จ แ ต่ ค า ต อ บ ท่ี ค รู ค ว ร รู้ คื อ แ ต ก ต่ า ง กั น คื อ ซากดึกดาบรรพ์หอยและซากดึกดาบรรพ์ไม้กลายเป็นหินเป็น ซากดึกดาบรรพ์ท่ีมีลักษณะเป็นโครงร่างแข็งของซากส่ิงมีชีวิตใน อดีต โดยเกิดจากโครงร่างแข็งของซากสิ่งมีชีวิตในอดีต มีสาร ตา่ ง ๆ ซมึ เขา้ สู่โครงร่างแขง็ เมือ่ เวลาผ่านไปสารตา่ ง ๆ จะแข็งตัว กลายเป็นซากดึกดาบรรพ์ ส่วนรอยตีนไดโนเสาร์ เป็น ซากดึกดาบรรพ์ท่ีมีลักษณะเป็นรอยประทับของสง่ิ มีชวี ิตในอดีตท่ี ปรากฏอยบู่ นหิน โดยเกดิ จากส่งิ มชี วี ิตในอดีตไดป้ ระทบั รอยไว้บน ชน้ั ตะกอนท่ยี ังไม่แขง็ ตวั ) 2. ครูเชื่อมโยงเข้าสู่กิจกรรม 2.1 โดยถามว่า ซากดึกดาบรรพ์มีก่ีลักษณะ และแต่ละลกั ษณะเกดิ ขึน้ ได้อย่างไร 3. นักเรียนอ่านช่ือกิจกรรม และทาเป็นคิดเป็น จากน้ันร่วมกันอภิปราย เพ่ือตรวจสอบความเข้าใจเก่ียวกับจุดประสงค์ในการทากิจกรรมโดยใช้ คาถาม ดงั น้ี 3.1 กิจกรรมน้ีนักเรียนจะไดเ้ รยี นเรอ่ื งอะไร (การเกิดซากดึกดาบรรพ์) 3.2 นกั เรียนจะได้เรยี นรเู้ รอื่ งน้ีด้วยวิธีใด (สรา้ งแบบจาลอง) 3.3 เมื่อเรียนแล้วนักเรียนจะทาอะไรได้ (อธิบายการเกิดซาก ดกึ ดาบรรพ)์ สถาบนั สง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
241 คมู่ ือครรู ายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 1 | หนว่ ยที่ 3 หนิ และซากดึกดาบรรพ์ 4. นักเรียนบันทึกจุดประสงค์ลงในแบบบันทึกกิจกรรม หน้า 89 และอ่าน ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และ สิง่ ที่ต้องใช้ในการทากิจกรรม ถา้ นกั เรียนไมร่ จู้ ักวสั ดุ อปุ กรณบ์ างอย่าง ทกั ษะแห่งศตวรรษท่ี 21 ทนี่ ักเรยี นจะ ครูควรนาสิ่งน้ันมาแสดงให้ดู หรือถ้านักเรียนไม่รู้วิธีการใช้อุปกรณ์ใด ครูควรแนะนาและสาธิตวิธีการใช้อุปกรณ์นั้น เช่น หลอดหยด เคร่ือง ได้ฝึกจากการทากจิ กรรม ช่ัง บกี เกอร์ S1 สังเกตลกั ษณะของซากดึกดาบรรพ์ 5. นักเรียนอ่านทาอย่างไร โดยครูใช้วิธีฝึกอ่านท่ีเหมาะสมกับ แบบตา่ ง ๆ ทจี่ าลองขนึ้ ความสามารถของนักเรียน จากน้ันครูตรวจสอบความเข้าใจว่าจะทา กิจกรรมอย่างไร จนนักเรียนเข้าใจลาดับการทากิจกรรม โดยใช้คาถาม S2 การใช้เคร่ืองช่ังในการช่ังมวลทราย ต่อไปน้ี และปูนปลาสเตอร์ และใช้บีกเกอร์ 5.1 แบบจาลองตะกอนมีกี่ช้ัน แต่ละชั้นทาด้วยวัตถุใด (มี 4 ช้ัน ชั้นท่ี ตวงปรมิ าตรน้า 1 และ 4 ทาด้วยปูนปลาสเตอร์ น้า และสี ชั้นที่ 2 ทาด้วยปูน ปลาสเตอร์ ทราย นา้ และสี ชน้ั ที่ 3 ทาด้วยดินน้ามัน) S5 การระบุความสัมพันธ์ระหว่างการ 5.2 ปริมาณสารที่ใช้ทาตะกอนในช้ัน 1, 2, 4 แตกต่างกันหรือไม่ ครอบครองพื้นท่ีของสารผสมท่ีเทลง อย่างไร (แตกต่างกัน คือ ชั้นท่ี 1 และ 4 ปริมาณปูนปลาสเตอร์ ไปในรอยของตะกอนชั้นที่ 3 ซึ่งเป็น น้า และสีเท่า ๆ กัน แต่ใช้สีต่างกัน ส่วนช้ันที่ 2 ปริมาณปูน รอยที่เกิดจากการนาตีนไดโนเสาร์ ปลาสเตอร์ต่างจากชั้นที่ 1 และ 4 แต่มีทรายละเอียดเพิ่มเข้าไป พลาสติกกดลงบนดินน้ามันให้เป็น และใช้สีตา่ งจากสองชัน้ น)ี้ รอยลึก โดยสังเกตจากลักษณะผิว 5.3 แบบจาลองชน้ั ท่ี 3 ทาอย่างไร (ใช้ดนิ น้ามันหนา 1 เซนติเมตร ปดิ ด้านบนของตะกอนชั้นที่ 3 และผิว ทับตะกอนช้ันท่ี 2) ด้านล่างของตะกอนชั้นท่ี 4 หลังจาก 5.4 เม่ือเทตะกอนในชั้น 1, 2, 4 แล้ว ต้องคอยนานเท่าใดหรือจน ดงึ ตะกอนชัน้ ท่ี 4 ออกมา ตะกอนเปล่ยี นแปลงอย่างไร (ประมาณ 15-20 นาที หรือต้องคอย จนชนั้ ตะกอนแขง็ ตวั ) S6 น า ข้ อ มู ล ที่ ไ ด้ จ า ก ก า ร สั ง เ ก ต 5.5 ส่ิงที่วางไว้บนตะกอนช้ันที่ 1 คืออะไร และส่ิงที่ต้องทาบนตะกอน แบบจาลองและการรวบรวมเก่ียวกับ ช้ันท่ี 3 คืออะไร (สิ่งท่ีวางบนตะกอนชั้นท่ี 1 คือเปลือกหอย และ การเกิดซากดกึ ดาบรรพ์มาจัดกระทา ส่ิงที่ตอ้ งทาบนตะกอนชน้ั ท่ี 3 คอื ทารอยตนี ไดโนเสาร์) โดยการเขยี นแผนภาพและสือ่ ให้ผู้อนื่ 5.6 นักเรียนจะต้องสังเกตบริเวณตะกอนช้ันใดบ้าง (สังเกตผิวด้านบน เข้าใจ ของตะกอนชนั้ ที่ 3 และผวิ ด้านล่างของตะกอนชัน้ ที่ 4 ) 5.7 นักเรียนจะเรียงลาดับการทากิจกรรมได้อย่างไร ลาดับการทา S8 การลงความเห็นจากข้อมูลของการ กิจกรรมมีดงั น้ี ส ร้ า ง แ บ บ จ า ล อง ก า ร เ กิด ซ า ก (1) ตดั ดา้ นบนของกล่องนมออก ดกึ ดาบรรพ์ (2) จาลองตะกอนช้นั ที่ 1 (3) เมื่อตะกอนชนั้ 1 แขง็ ตัวใหว้ างเปลอื กหอย 2-3 อนั บนตะกอน S14 การสร้างแบบจาลองการ เ กิด ช้นั ท่ี 1 ห่าง ๆ กัน ซากดึกดาบรรพ์ C2 กา ร ใช้ แ บ บ จา ลอง อธิบายและ เช่ือมโยงส่ิงท่ีสังเกตได้กับการเกิด ซากดกึ ดาบรรพ์ทีเ่ กดิ ขน้ึ ในธรรมชาติ C4 ก า ร ร่ ว ม กั น อ ภิ ป ร า ย ก า ร เ กิ ด ซากดกึ ดาบรรพ์จากแบบจาลอง C5 การนาเสนอข้อมูลจากแบบจาลอง เก่ียวกับการเกิดซากดึกดาบรรพ์ใน รปู แบบอนื่ ๆ ใหผ้ อู้ ่นื เข้าใจ สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ค่มู ือครูรายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เล่ม 1 | หน่วยที่ 3 หนิ และซากดกึ ดาบรรพ์ 242 (4) จาลองตะกอนชน้ั ท่ี 2 ปดิ ทับตะกอนชั้นท่ี 1 หากนักเรียนไม่สามารถตอบ (5) เม่ือตะกอนช้นั ที่ 2 แข็งตัว จาลองตะกอนชัน้ ท่ี 3 โดยใช้ดนิ คาถามหรืออภิปรายได้ตามแนว น้ามนั หนา 1 เซนตเิ มตรปิดทับตะกอนชน้ั ท่ี 2 ให้มิด คาตอบ ครูควรให้เวลานักเรียนคิด (6) นาตนี ไดโนเสารพ์ ลาสติกกดบนตะกอนชนั้ ท่ี 3 ให้เกดิ รอยลกึ อย่างเหมาะสม รอคอยอย่างอดทน (7) จาลองตะกอนชน้ั ท่ี 4 ปิดทับตะกอนชั้นที่ 3 และรบั ฟงั แนวความคิดของนกั เรยี น 5.8 ระหว่างรอตะกอนแข็งตัว นักเรียนร่วมกันอภิปรายประเด็นใด และทาอะไรต่อไป (ร่วมกันอภิปรายว่า ถ้าใช้กรรไกรตัดกล่องนม ออก แล้วดึงชั้นตะกอนช้ันที่ 4 ออก ลักษณะของผิวด้านล่างของ ตะกอนชั้นที่ 4 และท่ีผิวด้านบนของตะกอนชั้นท่ี 3 จะมีลักษณะ อยา่ งไร และบันทึกผล) 5.9 เมื่ออภิปรายเสร็จแล้ว นักเรียนต้องทาอะไรต่อไป (ทากิจกรรม เพื่อตรวจสอบขั้นตอนท่ีระบุไว้ในทาอย่างไรในหนังสือเรียน ข้อท่ี 2 และสงั เกตลักษณะผวิ ของช้นั ตะกอนท้งั สองบริเวณ บันทึกผล) 5.10หลังจากทากิจกรรมเสรจ็ แลว้ นักเรียนต้องทาอะไรต่อไป (ร่วมกัน อภิปรายวา่ ถา้ ขูดตะกอนชน้ั ที่ 2 จะพบอะไรในช้ันตะกอน จากน้ัน ทากิจกรรมโดยแกะตะกอนชั้นที่ 3 ออก แล้วใช้ไม้ไอศกรีมขูดชั้น ตะกอนชั้นที่ 2 เพ่อื ค้นหาเปลือกหอยท่ฝี งั อย่ใู นช้นั ตะกอนชนั้ ที่ 1) 5.11นักเรียนต้องขูดตะกอนอย่างไร (ขูดเบา ๆ เพ่ือไม่ให้เปลือกหอย แตกหักหรือเสียหาย และขณะขูดช้ันตะกอนให้ใช้พู่กันหรือแปรง ขนาดเล็กปดั เศษตะกอนทข่ี ูดไว)้ 5.12นักเรียนต้องอ่านใบความรู้เรื่องอะไร (เรื่องการเกิดซากดึกดา บรรพ์) โดยครูอาจให้นักเรียนศึกษาการเกิดซากดึกดาบรรพ์ โดย ใช้แอปพลิเคชันสาหรับการสังเกตภาพเสมือนจริงสามมิติ (AR) เรื่อง การเกิดซากดึกดาบรรพ์ในหนังสือเรียน หน้า 98 เป็นส่ือ ประกอบเพม่ิ เติม 5.13เม่ืออ่านใบความรู้เสร็จแล้ว นักเรียนต้องร่วมกันอภิปรายและ บันทึกผลประเด็นใดบ้าง (นักเรียนร่วมกันอภิปราย 3 ประเด็น ดังนี้ (1) วัสดุต่าง ๆ ท่ีใช้ในแบบจาลอง แทนส่ิงใดใน การเกิด ซากดกึ ดาบรรพ์ตามธรรมชาติ (2) การเกิดซากดึกดาบรรพ์ในแบบจาลองน้ีเทียบได้กับการเกิด ซากดึกดาบรรพต์ ามธรรมชาตอิ ยา่ งไร สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
243 คมู่ ือครูรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 1 | หนว่ ยท่ี 3 หนิ และซากดึกดาบรรพ์ (3) เปรียบเทียบการเกิดซากดึกดาบรรพ์จากแบบจาลองท่ีเกิดข้ึน ในช้ันตะกอนที่ 2 และท่ีเกิดขึ้นระหว่างรอยต่อชั้นตะกอนที่ 3 และ 4 วา่ มีการเกดิ เหมอื นกันหรอื ไม่ อยา่ งไร (4) เปรียบเทียบลักษณะที่ปรากฏของซากดึกดาบรรพ์จาก แบบจาลองท่ีเกิดข้ึนในชั้นตะกอนที่ 2 และที่เกิดข้ึนระหว่าง รอยต่อชั้นตะกอนท่ี 3 และ 4 ว่ามีลักษณะเหมือนกันหรือไม่ อย่างไร) 5.14นั ก เ รี ย น ต้ อ ง เ ขี ย น แ ผ น ภ า พ อ ะ ไ ร ( แ ผ น ภ า พ ก า ร เ กิ ด ซากดึกดาบรรพ์ ท้ังที่เกิดจากโครงร่างของสิ่งมีชีวิตในอดีต และที่ เกดิ จากการประทบั รอยของสิง่ มีชีวติ ในอดีต) 5.15นักเรียนต้องทาอะไรต่อไป (นาเสนอข้อมูลแผนภาพการเกิด ซากดาบรรพ์ในรูปแบบที่น่าสนใจ (ครูอาจช่วยเขียนสรุปเป็นขั้นตอนสั้น ๆ บนกระดาน ดังตัวอย่าง แผนภาพ) สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ค่มู อื ครรู ายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 1 | หน่วยท่ี 3 หนิ และซากดกึ ดาบรรพ์ 244 แผนภาพการสร้างแบบจาลองการเกิดซากดึกดาบรรพ์ ชนั้ ที่ 1 ชั้นท่ี 1 เทปนู ปลาสเตอร์ 100 กรมั ทผ่ี สมนา้ 70 cm3 และสผี สมอาหารสีท่ี 1 จานวน 3 หยด วางไว้ 5 นาที ช้นั ที่ 2 วางเปลือกหอย 2-3 อัน บนตะกอนชัน้ ท่ี 1 ชั้นท่ี 2 เทปนู ปลาสเตอร์ 50 กรัม ทรายละเอยี ด 50 กรมั ชัน้ ท่ี 1 ทผ่ี สมน้า 50 cm3 และสผี สมอาหารสที ่ี 2 จานวน 3 หยด วางไว้ 15 นาที รอยตีนไดโนเสาร์จาลอง ชั้นที่ 3 ปิดทับด้วยดนิ นา้ มัน หนาประมาณ 1 cm ชนั้ ที่ 3 และนาตนี ไดโนเสาร์พลาสติกกดลงบนดนิ น้ามัน ชนั้ ท่ี 2 ชั้นท่ี 1 ใหเ้ ปน็ รอยลกึ 4-6 รอย ชัน้ ที่ 4 ชั้นที่ 4 เทปูนปลาสเตอร์ 100 กรมั ทผี่ สมนา้ 70 cm3 ชั้นที่ 3 และสผี สมอาหารสที ี่ 1 จานวน 3 หยด ช้นั ท่ี 2 ชั้นที่ 1 วางไว้ 20 นาที สถาบันสง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
245 คูม่ อื ครรู ายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 1 | หนว่ ยที่ 3 หนิ และซากดึกดาบรรพ์ 6. เมื่อนักเรียนเข้าใจลาดับการทากิจกรรมในทาอย่างไรแล้ว ครูแจกวัสดุ อุปกรณ์ และครูกากบั ให้นักเรยี นแต่ละกลมุ่ ท้งั ห้องทากจิ กรรมแต่ละข้ัน พร้อม ๆ กันจนเสรจ็ ขอ้ เสนอแนะเพม่ิ เติม 7. หลังจากทากิจกรรมแล้ว ครูนาอภิปรายผลการทากิจกรรม โดยใช้ เม่ืออภิปรายในข้อท่ี 4 เรียบร้อย แล้ว ควรรีบให้นักเรียนขูดตะกอนชั้น คาถามดังต่อไปนี้ ท่ี 2 ทันที ไม่ควรทิ้งเวลาไว้นาน จนเกินไป เพราะจะทาให้ขูดตะกอน 7.1 ซากดึกดาบรรพ์มีก่ีลักษณะ แต่ละลักษณะเกิดข้ึนได้อย่างไร ชนั้ ที่ 2 ไม่ได้ (ซากดึกดาบรรพ์มี 2 ลักษณะ คือ ลักษณะโครงร่างของสิ่งมีชีวิต หากนักเรียนไม่สามารถตอบ คาถามหรืออภิปรายได้ตามแนว ในอดตี และลักษณะรอ่ งรอยของสงิ่ มีชวี ิตในอดีต โดย ซาก คาตอบ ครูควรให้เวลานักเรียนคิด อย่างเหมาะสม รอคอยอย่างอดทน ดึกดาบรรพ์ท่ีมีลักษณะเป็นโครงร่างของสิ่งมีชีวิตในอดีตเกิดจาก แ ล ะ รั บ ฟั ง แ น ว ค ว า ม คิ ด ข อ ง นักเรยี น สิ่งมีชีวิตตายลงแล้วเหลือทิ้งไว้เฉพาะส่วนที่เป็นโครงร่างแข็ง จากน้นั มีตะกอนชุดใหม่มาปิดทับ และมสี ารตา่ ง ๆ ทล่ี ะลายอยู่ใน น้าบริเวณนั้นค่อย ๆ ซึมเข้าสู่โครงร่างแข็ง เมื่อเวลาผ่านไป สารต่าง ๆ จะแข็งตวั กลายเป็นซากดึกดาบรรพ์ สว่ น ซาก ดึกดาบรรพ์ท่ีมีลักษณะเป็นร่องรอยของส่ิงมีชีวิตในอดีตเกิดจาก ส่ิงมีชีวิตในอดีตได้ประทับรอยไว้ในชั้นตะกอนที่ยังไม่แข็งตัว ต่อมาเมื่อมีตะกอนชุดใหม่มาสะสมตัวตรงบริเวณรอยดังกล่าว จะ มีตะกอนเติมเข้าไปในรอย เม่ือตะกอนท่ีอยู่ในรอยแข็งตัวจะเกิด เป็นซากดึกดาบรรพ์ที่มีลักษณะเป็นรูปพิมพ์เหมือนรูปร่างหรือ โครงร่างของส่ิงมีชีวิตในอดีตท่ีสร้างรอยไว้ และตะกอนท่ีถูก ประทบั รอยไว้ เมอ่ื แขง็ ตัวกจ็ ะเกิดเปน็ ซากดึกดาบรรพ์ที่มีลักษณะ เป็นรอยพิมพ์ท่ีมีลักษณะเป็นรอยประทับของสิ่งมีชีวติ ในอดีตและ ตะกอนทที่ ับถมนัน้ จะแขง็ ตวั กลายเป็นหนิ ตะกอน) 7.2 ซากดึกดาบรรพ์จะเกิดขน้ึ พรอ้ ม ๆ กับกระบวนการเกดิ หินตะกอน หรือไม่ (ซากดึกดาบรรพ์จะเกิดข้ึนพร้อม ๆ กับกระบวนการเกิด หินตะกอน) 7.3 แบบจาลองที่แทนซากดึกดาบรรพ์แต่ละลักษณะอยู่ท่ีใดของชั้น ตะกอนในแบบจาลอง (ซากดึกดาบรรพ์ที่มีลักษณะเป็นโครงร่าง อยใู่ นตะกอนช้ันที่ 2 สว่ น ซากดึกดาบรรพ์ที่มลี กั ษณะเป็นรอ่ งรอย อยู่บริเวณผิวด้านบนของตะกอนช้ันที่ 3 และผิวด้านล่างของ ตะกอนช้นั ท่ี 4) 7.4 แบบจาลองน้ีเหมือนและแตกต่างจากการเกิดซากดึกดาบรรพ์แต่ ละลักษณะในธรรมชาติอย่างไร (แบบจาลองนี้มีบางส่ิงเหมือนใน ธรรมชาติ คือ มีลาดับเหตุการณ์การเกิดซากดึกดา บรรพ์ สถาบนั สง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มอื ครรู ายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เล่ม 1 | หน่วยที่ 3 หนิ และซากดึกดาบรรพ์ 246 เหมือนกัน แต่วัสดุ วัตถุ เวลาที่ใช้ในการเกิด และลักษณะและ ถ้ า ค รู พ บ ว่ า นั ก เ รี ย น ยั ง มี ขนาดของซากดึกดาบรรพแ์ ตกต่างกนั นอกจากนัน้ ดนิ นา้ มนั ที่เป็น แนวคิดคลาดเคล่ือนเกี่ยวกับ ตัวแทนของตะกอนชั้นท่ี 3 ในแบบจาลอง ยังขาดการแข็งตัว ซึ่ง การเกิดซากดึกดาบรรพ์ ให้ เป็นข้อจากัดของการสร้างแบบจาลองนี้ ในธรรมชาติเม่ือส่ิงมชี ีวติ ร่วมกันอภิปรายจนนักเรียนมี เหยียบหรือทิ้งรอยบนตะกอนท่ียังไม่แข็งตัวจะเกิดเป็นรอยอยู่บน แนวคดิ ท่ีถกู ตอ้ ง ตะกอน (ในแบบจาลองแทนด้วยดินน้ามัน) เมื่อเวลาผ่านไปรอยที่ เหยียบไว้จะแห้ง เกิดเป็นซากดึกดาบรรพ์ที่มีลักษณะเป็นรอย พมิ พ)์ 7.5 ซากดึกดาบรรพ์ท่ีมีลักษณะเป็นรอยพิมพ์กับรูปพิมพ์แตกต่างกัน หรือไม่ อย่างไร (แตกต่างกัน คือรอยพิมพ์เป็นรอยประทับของ ส่ิงมีชีวิตในอดีต มีลักษณะเป็นสามมิติ แต่รูปพิมพ์เป็นรูปร่าง เหมือนโครงร่างของสิ่งมีชีวิตในอดีตท่ีสร้างรอยไว้ มีลักษณะเป็น สามมติ เิ ชน่ กนั ) 8. ครเู ปดิ โอกาสใหน้ ักเรียนซักถามในส่ิงที่อยากรเู้ พ่ิมเติมเกยี่ วกับกระบวน การเกิดซากดึกดาบรรพ์ จากนั้นร่วมกันอภิปรายและลงข้อสรุปวา่ ซาก ดึกดาบรรพ์เกิดจากโครงร่างแข็งของส่ิงมีชีวิตในอดีตท่ีถูกทับถมด้วย ตะกอนและมีสารแทรกซึมเข้าไปที่โครงร่างแข็งนั้น และเกิดจากการ ประทับรอยของส่ิงมีชีวิตในอดีต ซึ่งการเกิดท้ัง 2 ลักษณะจะเกิดขึ้น พร้อม ๆ กับกระบวนการเกิดหินตะกอน ซากดึกดาบรรพ์ที่มีลักษณะ เป็นโครงร่างของสิ่งมีชีวิตในอดีตเกิดจากโครงร่างแข็งของสิ่งมีชีวิตใน อดีตถูกปิดทับด้วยตะกอน จากน้ันมีสารต่าง ๆ ที่ละลายอยู่ในน้าใน บริเวณดังกล่าวไดแ้ ทรกซึมเข้าสู่โครงรา่ งแขง็ เมื่อเวลาผ่านไปสารที่เขา้ ไปอยู่ในโครงร่างแข็งจะแข็งตัวกลายเป็นซากดึกดาบรรพ์ และ ซากดึกดาบรรพ์ที่มีลักษณะเป็นร่องรอยของสิ่งมีชีวิตในอดีต เกิดจาก สิ่งมีชีวิตได้ประทับรอยไว้บนผิวของชั้นตะกอนที่ยังไม่แข็งตัว ก่อนท่ีจะ มีชั้นตะกอนใหม่มาปิดทับ เมื่อตะกอนบริเวณท่ีมีการประทับรอย แข็งตัว จะเกิดเป็นซากดึกดาบรรพ์ที่มีลักษณะเป็นรอยพิมพ์ (หินที่ถูก ประทับรอยจากสิ่งมีชีวิตในอดีต) และเม่ือตะกอนที่เติมเข้าไปในรอย แข็งตัวจะกลายเป็นซากดึกดาบรรพ์ท่ีมีลักษณะเป็นรูปพิมพ์ (หินที่ ลักษณะเหมอื นโครงรา่ งของสง่ิ มีชีวิตในอดตี ทีส่ รา้ งรอยไว้) (S13) 9. นักเรียนร่วมกันอภิปรายเพ่ือตอบคาถามใน ฉันรู้อะไร โดยครูอาจใช้ คาถามเพม่ิ เติมในการอภปิ รายเพ่ือใหไ้ ด้แนวคาตอบทีถ่ ูกต้อง สถาบันสง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
247 ค่มู อื ครูรายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 1 | หนว่ ยที่ 3 หินและซากดกึ ดาบรรพ์ 10. นักเรียนอ่าน สิ่งท่ีได้เรียนรู้ และเปรียบเทียบกับข้อสรุปท่ีได้จากการ การเตรยี มตวั ลว่ งหนา้ สาหรับครู อภิปราย เพ่ือจัดการเรยี นรู้ในครง้ั ถดั ไป 11. ครูกระตุ้นให้นักเรียนฝึกตั้งคาถามเก่ียวกับเร่ืองท่ีสงสัยหรืออยากรู้ ในคร้ังถัดไป นักเรียนจะได้ทากิจกรรมที่ เพ่ิมเติมใน อยากรู้อีกว่า จากน้ันครูอาจสุ่มนักเรียน 2-3 คน นาเสนอ 2.2 ครูเตรียมภาพวิวัฒนาการของสัตว์ใน คาถามของตนเองหน้าชั้นเรียน และให้นักเรียนร่วมกันอภิปราย อดตี หลายลา้ นปีจนถงึ ปจั จบุ นั มาใหน้ ักเรยี นดู เกีย่ วกับคาถามท่ีนาเสนอ เช่น ภาพวิวัฒนาการของม้าต้ังแต่ 60 ล้านปี ก่อนจนถึงปัจจุบนั จากเวบ็ ไซต์ 12. ครูนาอภิปรายเพ่ือให้นักเรียนทบทวนว่าได้ฝึกทักษะกระบวนการทาง https:// วิทยาศาสตร์และทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 อะไรบ้างในข้ันตอนใด แล้ว tpequinevet.horse/2018/03/18/horse- ให้บันทกึ ในแบบบนั ทกึ กจิ กรรม หนา้ 97 evolution/ และภาพซากดกึ ดาบรรพส์ ตั ว์ ทะเลในหนิ บนภเู ขาสงู จากเวบ็ ไซต์ https://www.dmcr.go.th/detailAll/1304 4/nws/16 สถาบันส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ค่มู อื ครูรายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 1 | หน่วยท่ี 3 หนิ และซากดึกดาบรรพ์ 248 แนวคาตอบในแบบบนั ทกึ กจิ กรรม ซากดึกดาบรรพ์คือโครงร่างหรอื รอ่ งรอยของสิ่งมชี วี ติ ในอดีตทพ่ี บอยู่ในหนิ ซากดกึ ดาบรรพ์ที่พบในประเทศไทย เชน่ ซากดึกดาบรรพ์หอย ซากดึกดาบรรพ์ไม้กลายเปน็ หนิ ซากดึกดาบรรพ์รอยตนี ไดโนเสาร์ สร้างแบบจาลองและอธบิ ายการเกดิ ซากดึกดาบรรพ์ สถาบันสง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
249 คูม่ อื ครูรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 1 | หนว่ ยที่ 3 หินและซากดกึ ดาบรรพ์ มรี อยตนี ไดโนเสาร์เป็นรอยบมุ๋ มีรอยตนี ไดโนเสารท์ บ่ี ุม๋ เข้า ลงไปในดินนา้ มัน ไปในดินนา้ มนั หลายรอย (ขน้ึ อยู่กับจานวนครั้งทีก่ ดตนี ไดโนเสาร์พลาสติกลงบนดิน นา้ มนั ) มีรอยตีนไดโนเสาร์นูนออกมา มรี อยตีนของไดโนเสาร์ทน่ี นู จากปนู ปลาสเตอร์ ออกมาจากปนู ปลาสเตอร์ หลายรอย (ขน้ึ อยกู่ ับจานวน ครัง้ ทกี่ ดตนี ไดโนเสาร์ พลาสตกิ ลงบนดนิ น้ามนั ) สถาบนั สง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ค่มู ือครรู ายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เล่ม 1 | หน่วยที่ 3 หินและซากดึกดาบรรพ์ 250 โครงรา่ งแข็งของสงิ่ มชี วี ิตต่าง ๆ เช่น เปลอื ก กระดูก เกลด็ ฟัน กระดอง ตะกอน เช่น ดนิ ทถ่ี ูกนา้ พดั พามาสะสมปดิ ทับโครงร่างแขง็ รอ่ งรอยหรือรอยประทบั ของสิ่งมชี วี ิตในอดตี เช่น รอยตนี ของสัตว์ ตะกอน เชน่ ดินทถ่ี ูกน้าพดั พามาสะสมปิดทับ ร่องรอยหรือรอยประทับของสิง่ มชี ีวติ ในอดีต สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
251 คมู่ อื ครูรายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 1 | หนว่ ยที่ 3 หินและซากดึกดาบรรพ์ โครงรา่ งแขง็ ของสิง่ มชี วี ติ ต่าง ๆ เช่น เปลอื ก กระดูก เกลด็ ฟนั กระดอง ทีว่ างบน ดนิ หรือหินหรอื ในท้องนา้ ของแอ่งน้าท่นี งิ่ หรือมีการรบกวนจากปัจจัยอนื่ ๆ นอ้ ย ตะกอนชดุ ใหม่ท่ีมาปดิ ทบั โครงรา่ งแขง็ ของสง่ิ มชี วี ิตอยา่ งรวดเรว็ แลว้ มีสารต่าง ๆ ทีล่ ะลายอยใู่ นน้าในบรเิ วณชนั้ ตะกอนคอ่ ย ๆ ซึม เขา้ สู่โครงรา่ งแขง็ เมอื่ เวลาผา่ นไปเปน็ เวลานานสารตา่ ง ๆ จะแขง็ ตัว (หมายเหตุ: เปลือกหอยในแบบจาลองยังขาดการแทรกซมึ ของสาร เข้าไปในเปลอื กหอย ซง่ึ เป็นขอ้ จากดั ของการสร้างแบบจาลองนี้) การประทับรอยของสงิ่ มชี ีวิต บนผวิ ด้านบนของชน้ั ตะกอนท่ยี งั ไมแ่ ขง็ ตวั มตี ะกอนชุดใหมม่ าสะสมตวั ตรงบริเวณรอยประทับ ของสิ่งมชี ีวติ ดงั กลา่ ว จะมตี ะกอนเติมเข้าไปในรอย เมื่อตะกอนทเี่ ติมเขา้ ไปในรอยประทบั แข็งตวั จะเกดิ เป็นซากดึกดาบรรพ์ท่มี ลี ักษณะเปน็ รูปพิมพ์ หมายเหต:ุ ดินน้ามันท่เี ปน็ ตวั แทนของตะกอนชัน้ ที่ 3 ในแบบจาลอง ยังขาดการแขง็ ตวั ซึ่งเป็นขอ้ จากดั ของการสรา้ งแบบจาลองนี้ ในธรรมชาตเิ มื่อส่งิ มชี ีวติ เหยยี บหรอื ท้ิงรอยบน ตะกอนทยี่ งั ไมแ่ ขง็ ตวั จะเกดิ เป็นรอยอยบู่ นตะกอน (ในแบบจาลองแทนด้วยดนิ นา้ มัน) เมื่อ เวลาผ่านไปรอยทเ่ี หยียบไว้จะแห้ง เกดิ เปน็ ซากดกึ ดาบรรพ์ทมี่ ีลักษณะเปน็ รอยพมิ พ์ สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ค่มู ือครรู ายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 1 | หน่วยที่ 3 หนิ และซากดึกดาบรรพ์ 252 การเกิดซากดกึ ดาบรรพ์ ในช้นั ตะกอนท่ี 2 เกิดจากโครงร่างแขง็ ของส่ิงมชี วี ติ ใน อดีต ส่วนระหว่างรอยต่อของชั้นที่ 3 และ 4 เกิดจากการประทับรอยของสง่ิ มชี ีวติ ในอดตี ลกั ษณะของซากดกึ ดาบรรพ์ ในชน้ั ตะกอนที่ 2 มลี ักษณะเป็นโครงร่างแข็ง สว่ นระหวา่ งรอยต่อของชน้ั ที่ 3 และ 4 มีลกั ษณะเปน็ รอยพิมพ์และรปู พมิ พ์ สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
253 คมู่ ือครูรายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เล่ม 1 | หนว่ ยท่ี 3 หนิ และซากดึกดาบรรพ์ วาดรปู ตามความเข้าใจของนกั เรยี น ตวั อย่าง เชน่ โครงรา่ งแขง็ ตะกอนชดุ ใหม่มาปิดทบั แลว้ ตะกอนที่ทับถมอยู่รอบ ๆ และ มสี ารต่าง ๆ แทรกซมึ เข้าสู่ อยู่เหนือซากดกึ ดาบรรพจ์ ะ โครงรา่ งแข็ง เมือ่ เวลาผ่านไป แข็งตวั กลายเปน็ หนิ ตะกอน สารต่าง ๆ จะแข็งตวั ซากดกึ ดาบรรพ์ กลายเป็นซากดกึ ดาบรรพ์ หินทีท่ ับถมอยู่ดา้ นบนของ ซากดกึ ดาบรรพ์จะผพุ งั และกร่อน ออกไป ทาให้ซากดึกดาบรรพห์ ลุด หรือโผลพ่ ้นออกมาให้เห็น สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ค่มู ือครรู ายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เล่ม 1 | หนว่ ยท่ี 3 หนิ และซากดกึ ดาบรรพ์ 254 วาดรปู ตามความเขา้ ใจของนักเรยี น ตวั อยา่ ง เชน่ ตะกอนชดุ ใหม่มาสะสมตวั ตรงบรเิ วณรอย เม่ือเวลาผา่ นไปรอยทเี่ หยยี บไวจ้ ะ ดงั กล่าว ตะกอนเติมเข้าไปในรอย แห้งตัวทาให้มีลักษณะเป็นพิมพห์ รอื เมื่อตะกอนทเ่ี ติมเขา้ ไปในรอยและตะกอน เบ้าให้ตะกอนเขา้ ไปสะสมตวั ที่ถูกเหยยี บไวแ้ ขง็ ตัวจะกลายเปน็ ซากดึกดาบรรพ์ ตะกอนที่ทับถมนน้ั จะแข็งตัว กลายเป็นหินตะกอน รปู พิมพ์ ชั้นน้ีแข็งตวั เปน็ หนิ ตะกอน รอยพิมพ์ การแตกหลุดของชัน้ หนิ โดยปจั จยั ต่าง ๆ ตามธรรมชาตจิ ะทาให้ซากดกึ ดาบรรพ์ ปรากฏออกมาให้เหน็ ได้ สถาบนั สง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
255 คมู่ ือครูรายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 1 | หนว่ ยที่ 3 หนิ และซากดกึ ดาบรรพ์ ซากดกึ ดาบรรพ์ที่มลี ักษณะเป็นโครงรา่ งเกดิ จากโครงรา่ งแขง็ ของสงิ่ มชี วี ติ ในอดีตถูกทับถมดว้ ยตะกอนและมีสาร ต่าง ๆ ซมึ เขา้ สู่โครงร่างแขง็ เมอื่ เวลาผา่ นไปสารจะแขง็ ตัวเกดิ เปน็ ซากดกึ ดาบรรพ์ สว่ นซากดกึ ดาบรรพ์ทมี่ ี ลักษณะเปน็ รอ่ งรอยเกิดจากการประทบั รอยของสิ่งมชี วี ติ ในอดตี ลงบนตะกอนท่ยี งั ไมแ่ ข็งตวั เป็นหนิ จนเม่อื เวลา ผ่านไป ตะกอนที่ถกู ประทบั รอยไวแ้ ขง็ ตวั จะเกิดเปน็ รอ่ งรอยของส่ิงมชี ีวติ ในอดตี ท่ีปรากฏอยใู่ นหนิ ซากดึกดาบรรพท์ ่มี ลี กั ษณะเปน็ โครงรา่ งมีลักษณะเป็นโครงรา่ งแข็งของส่ิงมชี ีวิตในอดตี สว่ นซากดกึ ดาบรรพท์ ี่มี ลกั ษณะเปน็ ร่องรอยมลี ักษณะเป็นรอยพิมพแ์ ละรูปพมิ พ์ทป่ี รากฏอยู่ในหนิ ซากดึกดาบรรพ์ทีม่ ลี ักษณะเปน็ โครงร่างของสง่ิ มีชวี ิตในอดตี ตอ้ งอาศยั สง่ิ จาเปน็ ดังนี้ 1) โครงร่างแขง็ ของสิง่ มชี วี ิต 2) ตะกอนชดุ ใหมท่ ่ีมาปดิ ทบั โครงรา่ งแข็ง 3) สารตา่ ง ๆ ทม่ี าแทรกซมึ เขา้ ไปในโครงร่างแข็ง ซากดกึ ดาบรรพ์ทม่ี ีลักษณะเปน็ ร่องรอยของส่งิ มชี ีวติ ในอดีตต้องอาศยั สิ่งจาเปน็ ดงั นี้ 1) รอยประทับของสง่ิ มีชวี ิต 2) ตะกอนชดุ ใหม่ทม่ี าปดิ ทับ ไมท่ ุกครงั้ เนอ่ื งจากสภาพแวดลอ้ มในการเกิดซากดึกดาบรรพ์ทม่ี ีลักษณะเปน็ โครงร่าง ตอ้ งอยู่ในสภาพแวดล้อมทีไ่ ม่มสี งิ่ รบกวนและต้องมีตะกอนมาปิดทบั เพอื่ ไม่ให้ซาก ส่ิงมีชวี ิตถกู ปัจจยั ตา่ ง ๆ พัดพาใหก้ ระจัดกระจายไป การเกดิ ซากดกึ ดาบรรพ์จะเกิดขน้ึ พรอ้ ม ๆ กับการเกิดหนิ ตะกอน ซากดึกดาบรรพ์เกดิ จากโครงร่างและรอ่ งรอยของสิง่ มชี ีวติ ในอดีต ซ่ึงจะเกดิ ขนึ้ พรอ้ ม ๆ กบั การเกดิ หิน ตะกอน ซากดกึ ดาบรรพ์ทม่ี ีลกั ษณะเปน็ โครงรา่ งเกดิ จากโครงร่างแขง็ ของสงิ่ มชี ีวติ ในอดตี ถูกปดิ ทับดว้ ย ตะกอนและมีสารตา่ ง ๆ ทลี่ ะลายอยู่ในนา้ แทรกซมึ เขา้ สูโ่ ครงรา่ งแขง็ จนสารตา่ ง ๆ ดงั กล่าวแขง็ ตัว กลายเปน็ ซากดกึ ดาบรรพ์ ส่วนซากดกึ ดาบรรพ์ทมี่ ลี ักษณะเปน็ รอ่ งรอยเกิดจากสง่ิ มชี ีวติ ประทับรอยไวบ้ น ชนั้ ตะกอนที่ยังไม่แข็งตวั ตอ่ มามตี ะกอนชุดใหม่มาสะสมเติมเขา้ ไปในรอย เมื่อตะกอนในรอยแขง็ ตัวและ ตะกอนทถ่ี กู ประทับรอยไวแ้ ข็งตวั จะเกดิ เปน็ ซากดกึ ดาบรรพท์ ่ีมีลกั ษณะเปน็ รปู พิมพ์และรอยพิมพ์ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346