นาถะ ดวงวิชัย ผ้บู ังคับบัญชากลุม่ งานประธานรัฐสภา ผจู้ ัดทา เปรียบเทยี บรฐั ธรรมนูญ ปี ๒๕๔๐ - ๒๕๕๐ และรัฐธรรมนูญ ปี ๒๕๖๐ รัฐธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจักรไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๔๐ รฐั ธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ รฐั ธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศกั ราช ๒๕๖๐ หมวด ๑ ไม่มีการแก้ไข ไมม่ ีการแกไ้ ข บททั่วไป มาตรา ๑ ประเทศไทยเปน็ ราชอาณาจักรอนั หนงึ่ อันเดียว จะ ไม่มกี ารแก้ไข ไม่มกี ารแกไ้ ข แบ่งแยกมไิ ด้ มาตรา ๒ ประเทศไทยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตย ไมม่ กี ารแกไ้ ข ไม่มีการแกไ้ ข อันมพี ระมหากษตั ริยท์ รงเปน็ ประมุข มาตรา ๓ อานาจอธปิ ไตยเปน็ ของปวงชนชาวไทย พระมหา มาตรา ๓ อานาจอธิปไตยเปน็ ของปวงชนชาวไทย พระมหา มาตรา ๓ อานาจอธปิ ไตยเป็นของปวงชนชาวไทย พระมหา กษัตรยิ ์ผู้ทรงเปน็ ประมุขทรงใช้อานาจนัน้ ทางรัฐสภา คณะรัฐมนตรี กษัตริยผ์ ูท้ รงเป็นประมขุ ทรงใชอ้ านาจนนั้ ทางรฐั สภา คณะรัฐมนตรี กษตั ริย์ผ้ทู รงเปน็ ประมุขทรงใชอ้ านาจน้นั ทางรัฐสภา คณะรัฐมนตรี และศาล ตามบทบญั ญตั แิ หง่ รัฐธรรมนญู น้ี และศาล ตามบทบญั ญตั แิ หง่ รัฐธรรมนูญน้ี และศาล ตามบทบญั ญตั ิแห่งรฐั ธรรมนูญ มาตรา ๔ ศักดศิ์ รีความเปน็ มนษุ ย์ สิทธิ และเสรภี าพของ การปฏิบัตหิ น้าที่ของรฐั สภา คณะรฐั มนตรี ศาล รวมท้ังองคก์ ร รัฐสภา คณะรฐั มนตรี ศาล องค์กรอิสระ และหน่วยงานของรัฐ บุคคล ยอ่ มได้รบั ความคมุ้ ครอง ตามรฐั ธรรมนูญและหนว่ ยงานของรฐั ตอ้ งเป็นไปตามหลกั นติ ธิ รรม ตอ้ งปฏิบตั ิหน้าทใ่ี ห้เป็นไปตามรฐั ธรรมนญู กฎหมาย และหลกั นติ ิ ธรรม เพอ่ื ประโยชนส์ ่วนรวมของประเทศชาตแิ ละความผาสุกของ มาตรา ๕ ประชาชนชาวไทยไม่วา่ เหล่ากาเนดิ เพศ หรือ มาตรา ๔ ศักด์ศิ รีความเปน็ มนุษย์ สิทธิ เสรภี าพ และความ ประชาชนโดยรวม ศาสนาใด ย่อมอยใู่ นความคุ้มครองแห่งรฐั ธรรมนญู นี้เสมอกัน เสมอภาคของบุคคล ย่อมไดร้ ับความคมุ้ ครอง มาตรา ๔ ศกั ดศ์ิ รีความเปน็ มนุษย์ สิทธิ เสรภี าพ และความ มาตรา ๖ รัฐธรรมนญู เปน็ กฎหมายสงู สดุ ของประเทศ มาตรา ๕ ไมม่ กี ารแกไ้ ข เสมอภาคของบคุ คลยอ่ มไดร้ ับความคุม้ ครอง บทบัญญตั ิใดของกฎหมาย กฎ หรอื ข้อบงั คับ ขดั หรอื แย้งตอ่ รัฐธรรมนูญน้ี บทบญั ญตั ินั้นเป็นอนั ใชบ้ ังคับมิได้ ปวงชนชาวไทยยอ่ มได้รบั ความคมุ้ ครองตามรัฐธรรมนูญเสมอกัน มาตรา ๗ ในเมื่อไม่มบี ทบัญญตั ิแห่งรัฐธรรมนญู นบี้ งั คบั แก่ มาตรา ๖ ไมม่ กี ารแกไ้ ข มาตรา ๕ รฐั ธรรมนญู เป็นกฎหมายสูงสดุ ของประเทศ กรณีใด ให้วินจิ ฉัยกรณีนั้นไปตามประเพณีการปกครองในระบอบ มาตรา ๗ ในเม่อื ไมม่ บี ทบัญญตั ิแหง่ รฐั ธรรมนญู นีบ้ ังคบั แก่ บทบญั ญตั ใิ ดของกฎหมาย กฎ หรอื ข้อบังคับ หรือการกระทาใด ขัด ประชาธปิ ไตยอนั มีพระมหากษัตรยิ ์ทรงเปน็ ประมขุ กรณีใด ให้วนิ จิ ฉัยกรณนี ้นั ไปตามประเพณีการปกครองระบอบ หรือแย้งต่อรัฐธรรมนญู บทบญั ญตั หิ รือการกระทานัน้ เป็นอนั ใช้บังคับ ประชาธิปไตยอนั มีพระมหากษตั รยิ ท์ รงเป็นประมขุ มไิ ด้ หมวด ๒ พระมหากษตั รยิ ์ ไมม่ กี ารแกไ้ ข เมอื่ ไมม่ ีบทบัญญตั แิ ห่งรัฐธรรมนญู นบี้ งั คับแก่กรณีใด ใหก้ ระทา การนั้นหรอื วินิจฉัยกรณีนัน้ ไปตามประเพณกี ารปกครองประเทศไทย ในระบอบประชาธปิ ไตยอนั มพี ระมหากษตั รยิ ท์ รงเปน็ ประมขุ ไม่มีการแกไ้ ข
รฐั ธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๔๐ ๒ นาถะ ดวงวชิ ัย ผ้บู งั คับบัญชากลุ่มงานประธานรฐั สภา รัฐธรรมนญู แห่งราชอาณาจกั รไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ ผู้จัดทา มาตรา ๘ องค์พระมหากษัตริย์ทรงดารงอยู่ในฐานะอนั เปน็ ท่ี เคารพสักการะ ผใู้ ดจะละเมดิ มไิ ด้ ไมม่ ีการแก้ไข รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทย พุทธศกั ราช ๒๕๖๐ ผู้ใดจะกลา่ วหาหรือฟอ้ งรอ้ งพระมหากษัตรยิ ์ในทางใด ๆ มไิ ด้ ไม่มกี ารแกไ้ ข มาตรา ๖ ตรงกับบทบญั ญตั ิในมาตรา ๘ ของรฐั ธรรมนญู แหง่ มาตรา ๙ พระมหากษตั รยิ ์ทรงเป็นพทุ ธมามกะ และทรงเป็น ไมม่ ีการแก้ไข ราชอาณาจักรไทย พทุ ธศักราช ๒๕๕๐ อัครศาสนูปถมั ภก มาตรา ๑๑ ไม่มีการแกไ้ ข มาตรา ๑๐ พระมหากษัตรยิ ์ทรงดารงตาแหน่งจอมทัพไทย มาตรา ๑๙๒ ตรงกบั บทบัญญตั ิในมาตรา ๒๒๖ ของ มาตรา ๗ ตรงกบั บทบัญญัติในมาตรา ๙ ของรัฐธรรมนญู แห่ง รฐั ธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๔๐ ราชอาณาจกั รไทย พุทธศกั ราช ๒๕๕๐ มาตรา ๑๑ พระมหากษัตรยิ ท์ รงไว้ซ่งึ พระราชอานาจทจี่ ะ ไมม่ กี ารแกไ้ ข สถาปนาฐานันดรศกั ด์แิ ละพระราชทานเครอ่ื งราชอิสรยิ าภรณ์ มาตรา ๘ ตรงกับบทบัญญัตใิ นมาตรา ๑๐ ของรัฐธรรมนญู ไม่มีการแกไ้ ข แหง่ ราชอาณาจักรไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๐ มาตรา ๒๒๖ พระมหากษัตริย์ทรงไว้ซ่ึงพระราชอานาจในการ ถอดถอนฐานนั ดรศักดแิ์ ละเรียกคนื เคร่อื งราชอสิ รยิ าภรณ์ มาตรา ๑๔ องคมนตรีตอ้ งไม่เป็นสมาชิกสภาผ้แู ทนราษฎร มาตรา ๙ พระมหากษตั รยิ ท์ รงไวซ้ ่งึ พระราชอานาจทจ่ี ะ สมาชิกวุฒสิ ภา กรรมการการเลือกตั้ง ผูต้ รวจการแผน่ ดนิ กรรมการ สถาปนาและถอดถอนฐานนั ดรศกั ด์ิ และพระราชทานและเรียกคืน มาตรา ๑๒ พระมหากษตั ริย์ทรงเลือกและทรงแต่งตงั้ สทิ ธมิ นษุ ยชนแหง่ ชาติ ตุลาการศาลรัฐธรรมนญู ตุลาการศาล เครอ่ื งราชอิสรยิ าภรณ์ ผ้ทู รงคุณวุฒิเปน็ ประธานองคมนตรีคนหนึ่งและองคมนตรอี น่ื อกี ไม่ ปกครอง กรรมการปอ้ งกันและปราบปรามการทจุ รติ แหง่ ชาติ เกนิ สิบแปดคนประกอบเป็นคณะองคมนตรี กรรมการตรวจเงนิ แผน่ ดนิ ข้าราชการซ่ึงมีตาแหนง่ หรอื เงินเดือน มาตรา ๑๐ พระมหากษตั รยิ ์ทรงเลือกและทรงแตง่ ต้งั ประจา พนกั งานรัฐวสิ าหกิจ เจ้าหนา้ ที่อ่นื ของรฐั หรือสมาชกิ หรอื ผ้ทู รงคุณวฒุ เิ ป็นประธานองคมนตรีคนหนงึ่ และองคมนตรีอื่นอกี ไม่ คณะองคมนตรมี หี นา้ ท่ีถวายความเหน็ ตอ่ พระมหากษตั ริย์ใน เกินสบิ แปดคนประกอบเป็นคณะองคมนตรี พระราชกรณียกิจทั้งปวงท่ีพระมหากษตั รยิ ท์ รงปรกึ ษา และมีหน้าที่ อ่ืนตามทบ่ี ัญญตั ิในรฐั ธรรมนญู น้ี คณะองคมนตรมี ีหนา้ ทถี่ วายความเห็นต่อพระมหากษตั รยิ ์ใน พระราชกรณียกิจทั้งปวงท่พี ระมหากษัตริยท์ รงปรึกษา และมหี น้าท่ี มาตรา ๑๓ การเลอื กและแตง่ ตง้ั องคมนตรหี รอื การให้ อื่นตามท่ีบัญญตั ไิ ว้ในรัฐธรรมนญู องคมนตรพี ้นจากตาแหน่ง ให้เปน็ ไปตามพระราชอัธยาศยั มาตรา ๑๑ ตรงกับบทบญั ญัติในมาตรา ๑๓ ของรฐั ธรรมนญู ให้ประธานรัฐสภาเป็นผลู้ งนามรบั สนองพระบรมราชโองการ แห่งราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศักราช ๒๕๕๐ แต่งตง้ั ประธานองคมนตรหี รือใหป้ ระธานองคมนตรพี ้นจากตาแหน่ง มาตรา ๑๒ องคมนตรตี ้องไม่เป็นสมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร ใหป้ ระธานองคมนตรีเปน็ ผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ สมาชกิ วฒุ สิ ภา หรือดารงตาแหนง่ ทางการเมอื งอื่น ตุลาการศาล แต่งตัง้ องคมนตรอี ่นื หรอื ใหอ้ งคมนตรอี ่นื พน้ จากตาแหน่ง รฐั ธรรมนญู ผดู้ ารงตาแหนง่ ในองค์กรอสิ ระ พนักงานรัฐวสิ าหกจิ เจ้าหนา้ ที่อืน่ ของรฐั หรอื สมาชิกหรอื เจ้าหน้าที่ของพรรคการเมือง มาตรา ๑๔ องคมนตรีตอ้ งไม่เปน็ สมาชิกสภาผแู้ ทนราษฎร หรอื ขา้ ราชการเวน้ แต่การเป็นข้าราชการในพระองคใ์ นตาแหน่ง สมาชกิ วฒุ ิสภา กรรมการการเลอื กตั้ง ผูต้ รวจการแผน่ ดนิ ของรัฐสภา องคมนตรี และต้องไม่แสดงการฝกั ใฝ่ในพรรคการเมอื งใด ๆ กรรมการสทิ ธิมนษุ ยชนแห่งชาติ ตุลาการศาลรฐั ธรรมนญู ตุลาการ ศาลปกครอง กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจรติ แห่งชาติ กรรมการตรวจเงนิ แผน่ ดิน ข้าราชการซ่งึ มตี าแหน่งหรอื เงนิ เดือน ประจา พนักงานรัฐวสิ าหกจิ เจา้ หน้าทอ่ี ่นื ของรฐั หรอื สมาชกิ หรือ
๓ นาถะ ดวงวชิ ัย ผูบ้ ังคบั บัญชากลมุ่ งานประธานรฐั สภา ผ้จู ดั ทา รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พทุ ธศักราช ๒๕๔๐ รัฐธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจักรไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๐ รฐั ธรรมนญู แห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศกั ราช ๒๕๖๐ เจ้าหน้าทีข่ องพรรคการเมือง และตอ้ งไม่แสดงการฝักใฝใ่ นพรรค เจา้ หนา้ ที่ของพรรคการเมือง และตอ้ งไม่แสดงการฝักใฝใ่ นพรรค การเมอื งใด ๆ การเมอื งใด ๆ มาตรา ๑๓ ตรงกับบทบญั ญัตใิ นมาตรา ๑๕ ของรัฐธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจักรไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๐ มาตรา ๑๕ กอ่ นเข้ารับหนา้ ที่ องคมนตรตี อ้ งถวายสตั ย์ ไมม่ ีการแกไ้ ข ปฏิญาณตอ่ พระมหากษตั ริยด์ ว้ ยถอ้ ยคา ดังตอ่ ไปนี้ มาตรา ๑๔ ตรงกับบทบญั ญตั ใิ นมาตรา ๑๖ ของรัฐธรรมนญู ไมม่ กี ารแก้ไข แห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศกั ราช ๒๕๕๐ “ขา้ พระพุทธเจา้ (ช่ือผู้ปฏิญาณ) ขอถวายสัตย์ปฏิญาณวา่ ไมม่ กี ารแก้ไข ขา้ พระพุทธเจา้ จะจงรกั ภักดตี ่อพระมหากษตั รยิ ์ และจะปฏิบตั ิหนา้ ท่ี มาตรา ๑๕ การแต่งตั้งและการให้ขา้ ราชการในพระองค์พน้ ด้วยความซ่อื สตั ยส์ จุ รติ เพ่ือประโยชน์ของประเทศและประชาชน ทง้ั จากตาแหน่ง ให้เปน็ ไปตามพระราชอธั ยาศัย จะรกั ษาไว้และปฏิบัตติ ามซงึ่ รัฐธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทยทุก ประการ” การจดั ระเบยี บราชการและการบริหารงานบุคคลของราชการใน พระองค์ ใหเ้ ปน็ ไปตามพระราชอธั ยาศยั ตามท่บี ัญญตั ไิ ว้ในพระราช มาตรา ๑๖ องคมนตรีพ้นจากตาแหน่งเมือ่ ตาย ลาออก หรือมี กฤษฎีกา พระบรมราชโองการใหพ้ น้ จากตาแหน่ง มาตรา ๑๖ ในเม่ือพระมหากษตั ริย์จะไมป่ ระทับอย่ใู น มาตรา ๑๗ การแตง่ ตง้ั และการให้ขา้ ราชการในพระองค์และ ราชอาณาจกั ร หรือจะทรงบริหารพระราชภาระไมไ่ ดด้ ้วยเหตุใดกต็ าม สมหุ ราชองครักษพ์ น้ จากตาแหน่ง ใหเ้ ปน็ ไปตามพระราชอธั ยาศัย จะทรงแตง่ ต้งั บคุ คลคนหนึ่งหรอื หลายคนเปน็ คณะขึ้น ให้เปน็ ผ้สู าเร็จ ราชการแทนพระองคห์ รือไม่กไ็ ด้ และในกรณที ที่ รงแตง่ ตั้งผสู้ าเรจ็ มาตรา ๑๘ ในเม่ือพระมหากษัตรยิ ์จะไมป่ ระทับอย่ใู น ไมม่ กี ารแกไ้ ข ราชการแทนพระองค์ ให้ประธานรัฐสภาเป็นผลู้ งนามรบั สนองพระ ราชอาณาจักร หรือจะทรงบรหิ ารพระราชภาระไมไ่ ดด้ ว้ ยเหตุใดก็ตาม ไม่มกี ารแกไ้ ข บรมราชโองการ จะไดท้ รงแตง่ ต้ังผใู้ ดผ้หู นึ่งเป็นผูส้ าเรจ็ ราชการแทนพระองค์ และให้ ประธานรัฐสภาเปน็ ผลู้ งนามรบั สนองพระบรมราชโองการ มาตรา ๑๗ ในกรณีทีพ่ ระมหากษตั รยิ ์มไิ ด้ทรงแตง่ ต้งั ผูส้ าเรจ็ ราชการแทนพระองค์ตามมาตรา ๑๖ หรือในกรณีทีพ่ ระมหากษตั รยิ ไ์ ม่ มาตรา ๑๙ ในกรณีทีพ่ ระมหากษตั ริย์มไิ ดท้ รงแตง่ ตั้งผสู้ าเร็จ สามารถทรงแต่งตงั้ ผสู้ าเร็จราชการแทนพระองค์เพราะยังไมท่ รงบรรลุ ราชการแทนพระองคต์ ามมาตรา ๑๘ หรือในกรณีท่ีพระมหากษตั รยิ ์ นติ ภิ าวะหรือเพราะเหตุอืน่ แตต่ ่อมาคณะองคมนตรพี จิ ารณาเหน็ วา่ มี ไมส่ ามารถทรงแตง่ ต้ังผสู้ าเรจ็ ราชการแทนพระองค์เพราะยงั ไมท่ รง ความจาเปน็ สมควรแต่งตง้ั ผสู้ าเรจ็ ราชการแทนพระองคแ์ ละไมอ่ าจ บรรลนุ ติ ิภาวะหรอื เพราะเหตอุ นื่ ให้คณะองคมนตรเี สนอชื่อผู้ใดผูห้ นงึ่ กราบบงั คมทูลใหท้ รงแต่งตั้งไดท้ ันการ ให้คณะองคมนตรเี สนอช่อื ซึ่งสมควรดารงตาแหนง่ ผู้สาเรจ็ ราชการแทนพระองค์ตอ่ รฐั สภาเพ่ือ บคุ คลคนหนึ่งหรอื หลายคนเปน็ คณะ ตามลาดับทโี่ ปรดเกล้าโปรด ขอความเหน็ ชอบ เมือ่ รัฐสภาใหค้ วามเหน็ ชอบแลว้ ใหป้ ระธานรัฐสภา
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทย พุทธศกั ราช ๒๕๔๐ ๔ นาถะ ดวงวชิ ัย ผู้บงั คบั บัญชากลุ่มงานประธานรฐั สภา รัฐธรรมนญู แห่งราชอาณาจกั รไทย พุทธศกั ราช ๒๕๕๐ ผูจ้ ัดทา ประกาศในพระปรมาภไิ ธยพระมหากษตั ริย์ แตง่ ตงั้ ผู้นน้ั เปน็ ผสู้ าเรจ็ ราชการแทนพระองค์ ไม่มีการแก้ไข รฐั ธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศักราช ๒๕๖๐ ในระหว่างทสี่ ภาผู้แทนราษฎรสนิ้ อายุหรือสภาผู้แทนราษฎรถูก ไม่มกี ารแก้ไข กระหม่อมกาหนดไว้ก่อนแล้ว ใหเ้ ปน็ ผู้สาเรจ็ ราชการแทนพระองค์ ยบุ ใหว้ ุฒสิ ภาทาหน้าทร่ี ัฐสภาในการให้ความเหน็ ชอบตามวรรคหนงึ่ แลว้ แจง้ ประธานรัฐสภาเพือ่ ประกาศในพระปรมาภไิ ธย ไมม่ กี ารแกไ้ ข พระมหากษตั รยิ ์ แตง่ ตง้ั ผ้นู ั้นขึน้ เปน็ ผ้สู าเรจ็ ราชการแทนพระองค์ มาตรา ๒๐ ในระหว่างท่ีไม่มีผู้สาเรจ็ ราชการแทนพระองค์ ตามทบ่ี ญั ญัตไิ วใ้ นมาตรา ๑๘ หรอื มาตรา ๑๙ ใหป้ ระธานองคมนตรี มาตรา ๑๘ ในระหว่างทไ่ี ม่มีผสู้ าเร็จราชการแทนพระองคต์ าม เป็นผู้สาเรจ็ ราชการแทนพระองค์เป็นการชวั่ คราวไปพลางกอ่ น มาตรา ๑๗ ใหป้ ระธานองคมนตรเี ปน็ ผ้สู าเร็จราชการแทนพระองค์ เป็นการชั่วคราวไปพลางกอ่ น ในกรณีทผี่ สู้ าเร็จราชการแทนพระองค์ซงึ่ ได้รบั การแตง่ ตงั้ ตาม มาตรา ๑๘ หรอื มาตรา ๑๙ ไม่สามารถปฏบิ ตั หิ นา้ ท่ไี ด้ ให้ประธาน ในกรณีทีผ่ สู้ าเรจ็ ราชการแทนพระองคซ์ ่ึงได้รับการแตง่ ตัง้ ตาม องคมนตรีทาหน้าท่ผี สู้ าเร็จราชการแทนพระองคเ์ ปน็ การช่ัวคราวไป มาตรา ๑๖ หรือมาตรา ๑๗ ไม่สามารถปฏบิ ตั หิ นา้ ทไี่ ด้ ใหป้ ระธาน พลางกอ่ น องคมนตรีทาหนา้ ทีผ่ สู้ าเรจ็ ราชการแทนพระองคเ์ ป็นการชัว่ คราวไป พลางกอ่ น ในระหว่างที่ประธานองคมนตรีเปน็ ผู้สาเรจ็ ราชการแทน พระองค์ตามวรรคหน่งึ หรอื ในระหวา่ งทีป่ ระธานองคมนตรที าหน้าท่ี ในระหวา่ งทป่ี ระธานองคมนตรเี ปน็ ผสู้ าเร็จราชการแทน ผู้สาเร็จราชการแทนพระองคต์ ามวรรคสอง ประธานองคมนตรีจะ พระองค์ตามวรรคหนึ่ง หรือในระหว่างทปี่ ระธานองคมนตรที าหน้าท่ี ปฏบิ ัติหนา้ ที่ในฐานะเปน็ ประธานองคมนตรมี ไิ ด้ ในกรณีเชน่ ว่าน้ี ให้ ผูส้ าเร็จราชการแทนพระองค์ตามวรรคสอง ประธานองคมนตรจี ะ คณะองคมนตรีเลือกองคมนตรคี นหนึ่งขน้ึ ทาหน้าทป่ี ระธานองคมนตรี ปฏิบตั ิหน้าทใ่ี นฐานะเป็นประธานองคมนตรีมไิ ด้ ในกรณเี ช่นว่าน้ี ให้ เปน็ การช่วั คราวไปพลางกอ่ น คณะองคมนตรเี ลือกองคมนตรคี นหน่งึ ข้ึนทาหน้าท่ปี ระธานองคมนตรี เป็นการชวั่ คราวไปพลางก่อน มาตรา ๒๑ กอ่ นเข้ารบั หนา้ ที่ ผูส้ าเรจ็ ราชการแทนพระองค์ซึ่ง ได้รบั การแต่งตั้งตามมาตรา ๑๘ หรอื มาตรา ๑๙ ตอ้ งปฏญิ าณตนในท่ี มาตรา ๑๙ กอ่ นเข้ารบั หน้าที่ ผสู้ าเรจ็ ราชการแทนพระองค์ซ่งึ ประชมุ รฐั สภาด้วยถ้อยคาดงั ตอ่ ไปน้ี ได้รบั การแตง่ ตงั้ ตามมาตรา ๑๖ หรือมาตรา ๑๗ ต้องปฏิญาณตนในที่ ประชมุ รฐั สภาด้วยถอ้ ยคา ดังต่อไปน้ี “ขา้ พเจา้ (ชือ่ ผปู้ ฏิญาณ) ขอปฏิญาณว่า ขา้ พเจา้ จะจงรักภกั ดี ต่อพระมหากษตั รยิ ์ (พระปรมาภไิ ธย) และจะปฏบิ ัติหน้าทด่ี ้วยความ “ข้าพเจา้ (ชือ่ ผ้ปู ฏญิ าณ) ขอปฏญิ าณวา่ ขา้ พเจา้ จะจงรกั ภักดี ซ่อื สตั ยส์ จุ รติ เพื่อประโยชนข์ องประเทศและประชาชน ท้งั จะรักษาไว้ ตอ่ พระมหากษตั ริย์ (พระปรมาภไิ ธย) และจะปฏบิ ตั ิหนา้ ทด่ี ้วยความ และปฏบิ ตั ิตามซง่ึ รฐั ธรรมนญู แห่งราชอาณาจกั รไทยทกุ ประการ” ซื่อสตั ยส์ ุจรติ เพอ่ื ประโยชน์ของประเทศและประชาชน ท้งั จะรกั ษาไว้ และปฏบิ ตั ติ ามซึง่ รัฐธรรมนญู แห่งราชอาณาจักรไทยทกุ ประการ” ในระหวา่ งท่ีสภาผู้แทนราษฎรส้ินอายหุ รอื สภาผแู้ ทนราษฎรถกู ยบุ ให้วฒุ ิสภาทาหนา้ ทร่ี ฐั สภาตามมาตรานี้ ผูส้ าเรจ็ ราชการแทนพระองคซ์ งึ่ เคยไดร้ ับการแต่งตัง้ และ ปฏญิ าณตนมาแล้ว ไม่ต้องปฏญิ าณตนอีก มาตรา ๒๒ ภายใตบ้ งั คบั มาตรา ๒๓ การสืบราชสมบตั ใิ ห้ เปน็ ไปโดยนยั แหง่ กฎมณเฑยี รบาลว่าดว้ ยการสบื ราชสันตติวงศ์ พระ มาตรา ๒๐ ภายใตบ้ ังคับมาตรา ๒๑ การสบื ราชสมบตั ใิ ห้ พุทธศักราช ๒๔๖๗ เปน็ ไปโดยนัยแห่งกฎมณเฑียรบาลวา่ ดว้ ยการสืบราชสันตติวงศ์ พระ พทุ ธศักราช ๒๔๖๗
รฐั ธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจักรไทย พุทธศกั ราช ๒๕๔๐ ๕ นาถะ ดวงวชิ ัย ผบู้ ังคับบญั ชากลุม่ งานประธานรฐั สภา รฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจักรไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๐ ผู้จดั ทา การแก้ไขเพม่ิ เติมกฎมณเฑยี รบาลวา่ ด้วยการสบื ราชสันตติวงศ์ พระพุทธศักราช ๒๔๖๗ เปน็ พระราชอานาจของพระมหากษตั รยิ ์ รฐั ธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐ โดยเฉพาะ เมือ่ มีพระราชดาริประการใด ใหค้ ณะองคมนตรจี ดั ทารา่ ง กฎมณเฑียรบาลแกไ้ ขเพ่มิ เตมิ กฎมณเฑยี รบาลเดิมขนึ้ ทลู เกลา้ การแกไ้ ขเพม่ิ เติมกฎมณเฑยี รบาลว่าด้วยการสืบราชสนั ตตวิ งศ์ ทลู กระหมอ่ มถวายเพือ่ มีพระราชวนิ จิ ฉยั เมื่อทรงเห็นชอบและทรงลง พระพุทธศกั ราช ๒๔๖๗ เป็นพระราชอานาจของพระมหากษตั รยิ ์ พระปรมาภไิ ธยแล้ว ให้ประธานองคมนตรีดาเนนิ การแจง้ ประธาน โดยเฉพาะ เมือ่ มีพระราชดารปิ ระการใด ใหค้ ณะองคมนตรจี ดั ทารา่ ง รัฐสภาเพื่อให้ประธานรัฐสภาแจ้งให้รัฐสภาทราบ และให้ประธาน กฎมณเฑียรบาลแกไ้ ขเพิม่ เติมกฎมณเฑียรบาลเดิมข้นึ ทูลเกลา้ รฐั สภาลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ และเมือ่ ได้ประกาศใน ทลู กระหม่อมถวายเพ่อื มพี ระราชวินิจฉยั เมื่อทรงเห็นชอบและทรงลง ราชกจิ จานเุ บกษาแลว้ ให้ใชบ้ ังคบั เป็นกฎหมายได้ พระปรมาภไิ ธยแลว้ ให้ประธานองคมนตรีดาเนนิ การแจง้ ประธาน รัฐสภาเพอ่ื ให้ประธานรัฐสภาแจ้งให้รัฐสภาทราบ และให้ประธาน ในระหว่างที่สภาผูแ้ ทนราษฎรส้นิ อายุหรอื สภาผูแ้ ทนราษฎรถกู รัฐสภาลงนามรบั สนองพระบรมราชโองการ และเมอื่ ได้ประกาศในราช ยบุ ให้วุฒิสภาทาหนา้ ทรี่ ัฐสภาในการรบั ทราบตามวรรคสอง กจิ จานุเบกษาแลว้ ใหใ้ ชบ้ งั คบั เปน็ กฎหมายได้ มาตรา ๒๓ ในกรณที ่รี าชบลั ลังกห์ ากวา่ งลงและเปน็ กรณที ่ี ไม่มกี ารแก้ไข มาตรา ๒๑ ในกรณีท่ีราชบัลลังกห์ ากว่างลงและเปน็ กรณีท่ี พระมหากษตั รยิ ไ์ ด้ทรงแตง่ ตง้ั พระรชั ทายาทไว้ตามกฎมณเฑยี รบาล พระมหากษตั ริยไ์ ดท้ รงแตง่ ตงั้ พระรชั ทายาทไวต้ ามกฎมณเฑยี รบาลวา่ วา่ ด้วยการสบื ราชสนั ตตวิ งศ์ พระพุทธศักราช ๒๔๖๗ แล้ว ให้ ด้วยการสืบราชสันตตวิ งศ์ พระพุทธศักราช ๒๔๖๗ แลว้ ให้คณะรัฐมนตรี คณะรฐั มนตรีแจ้งใหป้ ระธานรฐั สภาทราบ และให้ประธานรฐั สภา แจ้งให้ประธานรัฐสภาทราบ และใหป้ ระธานรฐั สภาเรยี กประชมุ เรียกประชุมรฐั สภาเพื่อรบั ทราบและให้ประธานรฐั สภาอญั เชิญองคพ์ ระ รัฐสภาเพอื่ รับทราบ และให้ประธานรัฐสภาอญั เชญิ องค์พระรชั ทายาท รัชทายาทขน้ึ ทรงราชยเ์ ปน็ พระมหากษัตริยส์ บื ไป แล้วใหป้ ระธาน ขึน้ ทรงราชย์เปน็ พระมหากษตั ริยส์ บื ไป แล้วใหป้ ระธานรฐั สภา รฐั สภาประกาศให้ประชาชนทราบ ประกาศให้ประชาชนทราบ ในกรณีที่ราชบัลลงั กห์ ากวา่ งลงและเปน็ กรณีท่พี ระมหากษตั รยิ ์ ในกรณที ีร่ าชบัลลงั ก์หากวา่ งลงและเปน็ กรณที พี่ ระมหากษตั รยิ ์ มไิ ด้ทรงแตง่ ตั้งพระรัชทายาทไว้ตามวรรคหนงึ่ ให้คณะองคมนตรี มไิ ดท้ รงแต่งต้ังพระรชั ทายาทไว้ตามวรรคหนึง่ ใหค้ ณะองคมนตรีเสนอ เสนอพระนามผสู้ ืบราชสันตติวงศต์ ามมาตรา ๒๒ ต่อคณะรฐั มนตรี พระนามผสู้ บื ราชสนั ตตวิ งศ์ตามมาตรา ๒๐ ต่อคณะรัฐมนตรเี พ่ือเสนอ เพ่ือเสนอตอ่ รฐั สภาเพ่ือรฐั สภาใหค้ วามเหน็ ชอบ ในการนี้ จะเสนอ ตอ่ รัฐสภาเพ่ือรัฐสภาใหค้ วามเหน็ ชอบ ในการน้ี จะเสนอพระนาม พระนามพระราชธิดากไ็ ด้ เมือ่ รัฐสภาให้ความเห็นชอบแล้ว ให้ พระราชธดิ ากไ็ ด้ เมื่อรัฐสภาให้ความเห็นชอบแล้ว ให้ประธานรัฐสภา ประธานรัฐสภาอญั เชญิ องคผ์ สู้ บื ราชสันตติวงศข์ นึ้ ทรงราชยเ์ ป็น อัญเชิญองคผ์ สู้ ืบราชสนั ตตวิ งศข์ ึ้นทรงราชย์เป็นพระมหากษตั รยิ ส์ ืบไป พระมหากษัตรยิ ส์ บื ไป แลว้ ให้ประธานรฐั สภาประกาศใหป้ ระชาชนทราบ แล้วใหป้ ระธานรัฐสภาประกาศใหป้ ระชาชนทราบ ในระหวา่ งที่สภาผู้แทนราษฎรสนิ้ อายหุ รอื สภาผ้แู ทนราษฎรถูก ยบุ ใหว้ ุฒิสภาทาหนา้ ที่รัฐสภาในการรบั ทราบตามวรรคหนงึ่ หรอื ให้ ความเหน็ ชอบตามวรรคสอง
รัฐธรรมนญู แห่งราชอาณาจกั รไทย พุทธศกั ราช ๒๕๔๐ ๖ นาถะ ดวงวชิ ัย ผู้บงั คับบญั ชากลมุ่ งานประธานรัฐสภา มาตรา ๒๔ ในระหว่างที่ยงั ไมม่ ปี ระกาศอัญเชิญองค์พระรัช รัฐธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจักรไทย พทุ ธศักราช ๒๕๕๐ ผู้จัดทา ทายาทหรอื องค์ผู้สืบราชสนั ตตวิ งศ์ขึ้นทรงราชย์เป็นพระมหากษัตรยิ ์ ตามมาตรา ๒๓ ให้ประธานองคมนตรเี ปน็ ผสู้ าเร็จราชการแทน ไม่มกี ารแก้ไข รฐั ธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐ พระองค์เปน็ การช่ัวคราวไปพลางก่อน แต่ในกรณที ีร่ าชบัลลังก์วา่ งลง ในระหวา่ งที่ไดแ้ ตง่ ต้ังผู้สาเรจ็ ราชการแทนพระองคไ์ วต้ ามมาตรา ๑๘ มาตรา ๒๒ ในระหวา่ งทีย่ ังไมม่ ีประกาศอญั เชิญองคพ์ ระรชั หรอื มาตรา ๑๙ หรอื ระหว่างเวลาที่ประธานองคมนตรีเปน็ ผสู้ าเร็จ ทายาทหรือองค์ผู้สบื ราชสนั ตติวงศ์ข้ึนทรงราชย์เป็นพระมหากษตั รยิ ์ ราชการแทนพระองค์ตามมาตรา ๒๐ วรรคหนงึ่ ให้ผสู้ าเร็จราชการ ตามมาตรา ๒๑ ให้ประธานองคมนตรเี ป็นผูส้ าเรจ็ ราชการแทน แทนพระองคน์ นั้ ๆ แลว้ แต่กรณี เป็นผู้สาเร็จราชการแทนพระองค์ พระองค์เป็นการชว่ั คราวไปพลางกอ่ น แต่ในกรณีที่ราชบัลลงั ก์หากวา่ ง ตอ่ ไป ทงั้ น้ี จนกว่าจะไดป้ ระกาศอัญเชิญองค์พระรชั ทายาทหรอื องค์ผู้ ลงในระหว่างทไ่ี ด้แตง่ ตั้งผสู้ าเรจ็ ราชการแทนพระองคไ์ วต้ ามมาตรา สบื ราชสันตตวิ งศข์ ึน้ ทรงราชยเ์ ปน็ พระมหากษตั รยิ ์ ๑๖ หรอื มาตรา ๑๗ หรือระหว่างเวลาทีป่ ระธานองคมนตรเี ปน็ ผสู้ าเร็จราชการแทนพระองค์ตามมาตรา ๑๘ วรรคหนง่ึ ใหผ้ สู้ าเร็จ ในกรณีท่ีผสู้ าเรจ็ ราชการแทนพระองคซ์ ง่ึ ได้รับการแตง่ ตัง้ ไว้และ ราชการแทนพระองค์นั้น ๆ แลว้ แตก่ รณี เปน็ ผสู้ าเรจ็ ราชการแทน เปน็ ผู้สาเรจ็ ราชการแทนพระองค์ต่อไปตามวรรคหนึง่ ไมส่ ามารถ พระองค์ตอ่ ไป ทัง้ น้ี จนกวา่ จะไดป้ ระกาศอญั เชิญองค์พระรัชทายาท ปฏิบตั หิ นา้ ทไี่ ด้ ให้ประธานองคมนตรีทาหน้าที่ผสู้ าเร็จราชการแทน หรือองคผ์ ู้สบื ราชสนั ตติวงศข์ น้ึ ทรงราชยเ์ ป็นพระมหากษัตรยิ ์ พระองคเ์ ปน็ การชัว่ คราวไปพลางก่อน ในกรณที ี่ผสู้ าเร็จราชการแทนพระองค์ซึ่งได้รับการแต่งต้งั ไว้ ในกรณีทป่ี ระธานองคมนตรเี ปน็ ผสู้ าเรจ็ ราชการแทนพระองคต์ าม และเปน็ ผสู้ าเร็จราชการแทนพระองคต์ ่อไปตามวรรคหนง่ึ ไม่สามารถ วรรคหนึ่ง หรอื ทาหนา้ ทผ่ี ้สู าเร็จราชการแทนพระองคเ์ ป็นการชัว่ คราวตาม ปฏิบัตหิ น้าทไี่ ด้ ใหป้ ระธานองคมนตรที าหนา้ ทผ่ี สู้ าเรจ็ ราชการแทน วรรคสอง ให้นาบทบญั ญตั มิ าตรา ๒๐ วรรคสาม มาใช้บงั คบั พระองค์เปน็ การช่ัวคราวไปพลางก่อน ในกรณที ี่ประธานองคมนตรเี ป็นผสู้ าเรจ็ ราชการแทนพระองค์ ตามวรรคหนงึ่ หรือทาหน้าทผ่ี ้สู าเรจ็ ราชการแทนพระองค์เป็นการ ชวั่ คราวตามวรรคสอง ให้นามาตรา ๑๘ วรรคสาม มาใชบ้ งั คับ มาตรา ๒๕ ในกรณีทค่ี ณะองคมนตรจี ะต้องปฏิบตั ิหนา้ ท่ีตาม ไมม่ ีการแก้ไข มาตรา ๒๓ ในกรณที ่ีคณะองคมนตรีจะตอ้ งปฏบิ ตั หิ นา้ ทตี่ าม มาตรา ๑๙ หรือมาตรา ๒๓ วรรคสอง หรอื ประธานองคมนตรจี ะต้อง มาตรา ๑๗ หรือมาตรา ๒๑ วรรคสอง หรือประธานองคมนตรีจะต้อง ปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา ๒๐ วรรคหนึง่ หรอื วรรคสอง หรอื มาตรา ๒๔ เปน็ หรอื ทาหน้าทผ่ี สู้ าเรจ็ ราชการแทนพระองคต์ ามมาตรา ๑๘ วรรค วรรคสอง และอยู่ในระหวา่ งทไ่ี มม่ ปี ระธานองคมนตรหี รอื มแี ตไ่ ม่ หนงึ่ หรือวรรคสอง หรือมาตรา ๒๒ วรรคสอง และอยู่ในระหวา่ งทไ่ี มม่ ี สามารถปฏิบตั หิ น้าท่ไี ด้ ใหค้ ณะองคมนตรที ีเ่ หลอื อยู่เลือกองคมนตรคี น ประธานองคมนตรี หรือมีแต่ไม่สามารถปฏิบตั หิ น้าทีไ่ ด้ ให้คณะ หน่ึงเพือ่ ทาหนา้ ที่ประธานองคมนตรี หรอื ปฏิบตั ิหนา้ ทตี่ ามมาตรา ๒๐ องคมนตรที ี่เหลอื อยเู่ ลอื กองคมนตรคี นหน่ึงเพ่ือทาหน้าทปี่ ระธาน วรรคหนึ่งหรอื วรรคสอง หรอื ตามมาตรา ๒๔ วรรคสาม แลว้ แต่กรณี องคมนตรี หรือเปน็ หรอื ทาหน้าทผ่ี สู้ าเรจ็ ราชการแทนพระองคต์ าม มาตรา ๑๘ วรรคหนึ่งหรือวรรคสอง หรือตามมาตรา ๒๒ วรรคสอง แล้วแต่กรณี
๗ นาถะ ดวงวิชัย ผบู้ ังคับบญั ชากลุม่ งานประธานรฐั สภา ผู้จัดทา รฐั ธรรมนญู แห่งราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๔๐ รัฐธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศักราช ๒๕๕๐ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๒๔ การถวายสัตย์ปฏญิ าณตอ่ พระมหากษัตริย์ตาม รัฐธรรมนูญหรอื กฎหมาย พระมหากษตั ริยจ์ ะโปรดเกล้าโปรด กระหมอ่ มให้กระทาตอ่ พระรชั ทายาทซึง่ ทรงบรรลนุ ติ ิภาวะแลว้ หรอื ตอ่ ผูแ้ ทนพระองค์กไ็ ด้ ในระหว่างทีย่ งั มไิ ดถ้ วายสตั ย์ปฏญิ าณตามวรรคหนึ่ง จะโปรด เกล้าโปรดกระหมอ่ มให้ผู้ซ่ึงต้องถวายสตั ยป์ ฏิญาณปฏิบัติหน้าทไ่ี ป พลางก่อนก็ได้ หมวด ๓ ไม่มกี ารแก้ไข หมวด ๓ สิทธแิ ละเสรภี าพของชนชาวไทย สิทธแิ ละเสรภี าพของปวงชนชาวไทย ส่วนท่ี ๑ บททัว่ ไป มาตรา ๒๖ การใช้อานาจโดยองค์กรของรัฐทุกองค์กร ตอ้ ง มาตรา ๒๖ ไม่มีการแก้ไข มาตรา ๒๕ สิทธิและเสรภี าพของปวงชนชาวไทย นอกจากที่ คานงึ ถงึ ศกั ดศิ์ รคี วามเป็นมนุษย์ สทิ ธิ และเสรีภาพตามบทบัญญัติแหง่ มาตรา ๒๗ สทิ ธิและเสรภี าพทร่ี ฐั ธรรมนญู น้รี บั รองไว้โดยชดั บญั ญัติคมุ้ ครองไวเ้ ปน็ การเฉพาะในรัฐธรรมนญู แล้ว การใดท่มี ไิ ด้ห้าม รัฐธรรมนูญนี้ แจง้ โดยปริยายหรอื โดยคาวนิ ิจฉยั ของศาลรัฐธรรมนญู ย่อมได้รับ หรือจากดั ไว้ในรฐั ธรรมนญู หรอื ในกฎหมายอ่ืน บุคคลย่อมมสี ทิ ธแิ ละ มาตรา ๒๗ สิทธแิ ละเสรภี าพท่รี ฐั ธรรมนญู น้ีรบั รองไวโ้ ดยชัด ความคมุ้ ครองและผูกพันรฐั สภา คณะรัฐมนตรี ศาล รวมทั้งองค์กร เสรภี าพทจี่ ะทาการนน้ั ได้และไดร้ บั ความคุ้มครองตามรฐั ธรรมนญู แจง้ โดยปริยาย หรือโดยคาวนิ จิ ฉยั ของศาลรฐั ธรรมนญู ยอ่ มได้รบั ตามรัฐธรรมนญู และหนว่ ยงานของรฐั โดยตรงในการตรากฎหมาย ตราบเท่าท่ีการใช้สิทธหิ รอื เสรภี าพเช่นว่านน้ั ไมก่ ระทบกระเทอื นหรอื ความคมุ้ ครอง และผูกพันรฐั สภา คณะรฐั มนตรี ศาล และองคก์ รอ่ืน การใช้บงั คับกฎหมาย และการตคี วามกฎหมายทั้งปวง เปน็ อันตรายตอ่ ความมน่ั คงของรัฐ ความสงบเรยี บรอ้ ยหรือศลี ธรรมอันดี ของรฐั โดยตรงในการตรากฎหมาย การใชบ้ ังคับกฎหมายและการ มาตรา ๒๘ บคุ คลย่อมอ้างศกั ดศ์ิ รีความเปน็ มนษุ ยห์ รอื ใช้ ของประชาชน และไมล่ ะเมดิ สิทธิหรือเสรภี าพของบคุ คลอืน่ ตีความกฎหมายทง้ั ปวง สทิ ธแิ ละเสรภี าพของตนได้เทา่ ทไี่ ม่ละเมิดสิทธแิ ละเสรีภาพของบุคคล สิทธิหรือเสรภี าพใดที่รัฐธรรมนญู ใหเ้ ป็นไปตามท่กี ฎหมาย มาตรา ๒๘ บคุ คลย่อมอา้ งศักดิ์ศรีความเป็นมนุษยห์ รอื ใชส้ ิทธิ อืน่ ไมเ่ ป็นปฏปิ กั ษต์ อ่ รัฐธรรมนูญ หรือไมข่ ดั ตอ่ ศลี ธรรมอันดขี อง บัญญัติ หรอื ให้เปน็ ไปตามหลักเกณฑแ์ ละวธิ กี ารท่กี ฎหมายบญั ญตั ิ แม้ และเสรภี าพของตนไดเ้ ทา่ ท่ีไมล่ ะเมดิ สิทธแิ ละเสรภี าพของบคุ คลอนื่ ประชาชน ยงั ไมม่ ีการตรากฎหมายน้ันข้นึ ใช้บงั คบั บุคคลหรือชมุ ชนย่อมสามารถ ไมเ่ ปน็ ปฏิปักษ์ตอ่ รัฐธรรมนญู หรอื ไม่ขัดตอ่ ศลี ธรรมอันดีของ บคุ คลซง่ึ ถูกละเมดิ สทิ ธหิ รอื เสรภี าพท่รี ฐั ธรรมนญู นร้ี บั รองไว้ ใชส้ ทิ ธิหรอื เสรภี าพน้ันไดต้ ามเจตนารมณข์ องรัฐธรรมนูญ ประชาชน สามารถยกบทบัญญตั แิ หง่ รัฐธรรมนญู นีเ้ พื่อใชส้ ิทธทิ างศาลหรือ บคุ คลซงึ่ ถกู ละเมดิ สทิ ธิหรือเสรีภาพที่ไดร้ ับความคุ้มครองตาม บุคคลซง่ึ ถูกละเมดิ สทิ ธหิ รอื เสรีภาพที่รฐั ธรรมนญู น้ีรบั รองไว้ ยกขึน้ เป็นข้อต่อสคู้ ดใี นศาลได้ รัฐธรรมนูญ สามารถยกบทบัญญตั ิแห่งรัฐธรรมนูญเพ่ือใช้สทิ ธทิ างศาล สามารถยกบทบญั ญัติแห่งรฐั ธรรมนูญนเ้ี พื่อใชส้ ิทธิทางศาลหรือยกขน้ึ บุคคลย่อมสามารถใชส้ ิทธิทางศาลเพือ่ บังคบั ให้รฐั ตอ้ งปฏบิ ัติตาม หรอื ยกข้ึนเปน็ ข้อตอ่ สคู้ ดีในศาลได้ เป็นขอ้ ต่อสู้คดีในศาลได้ บทบัญญตั ใิ นหมวดน้ไี ดโ้ ดยตรง หากการใช้สทิ ธแิ ละเสรภี าพในเรื่องใด บุคคลซง่ึ ไดร้ บั ความเสยี หายจากการถูกละเมดิ สิทธหิ รอื เสรภี าพ มกี ฎหมายบัญญตั ิรายละเอียดแหง่ การใช้สทิ ธิและเสรภี าพตามที่ หรือจากการกระทาความผดิ อาญาของบุคคลอ่ืน ย่อมมสี ทิ ธทิ ีจ่ ะไดร้ บั รฐั ธรรมนูญนี้รับรองไว้แลว้ ใหก้ ารใช้สทิ ธิและเสรีภาพในเร่ืองนั้นเป็นไป การเยยี วยาหรือชว่ ยเหลือจากรัฐตามท่กี ฎหมายบัญญัติ ตามท่ีกฎหมายบัญญตั ิ
๘ นาถะ ดวงวิชัย ผบู้ ังคบั บญั ชากล่มุ งานประธานรฐั สภา ผู้จัดทา รัฐธรรมนญู แห่งราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศักราช ๒๕๔๐ รฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ รฐั ธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจักรไทย พทุ ธศักราช ๒๕๖๐ บคุ คลย่อมมสี ทิ ธไิ ด้รับการส่งเสรมิ สนับสนุน และชว่ ยเหลอื จากรัฐ ในการใชส้ ทิ ธิตามความในหมวดนี้ มาตรา ๒๙ การจากดั สิทธิและเสรีภาพของบคุ คลทร่ี ฐั ธรรมนญู มาตรา ๒๙ การจากดั สทิ ธิและเสรีภาพของบคุ คลทร่ี ฐั ธรรมนญู มาตรา ๒๖ การตรากฎหมายที่มผี ลเปน็ การจากดั สทิ ธิหรอื รบั รองไวจ้ ะกระทามไิ ด้ เวน้ แต่โดยอาศัยอานาจตามบทบญั ญัตแิ ห่ง รบั รองไว้ จะกระทามไิ ด้ เว้นแต่โดยอาศยั อานาจตามบทบญั ญัติแห่ง เสรภี าพของบคุ คล ตอ้ งเปน็ ไปตามเงื่อนไขท่ีบญั ญตั ไิ วใ้ นรัฐธรรมนญู กฎหมายเฉพาะเพอื่ การทรี่ ัฐธรรมนูญนีก้ าหนดไว้และเท่าทีจ่ าเปน็ กฎหมาย เฉพาะเพอื่ การทร่ี ัฐธรรมนูญนีก้ าหนดไว้และเทา่ ที่จาเป็น ในกรณที ี่รัฐธรรมนญู มไิ ดบ้ ัญญตั เิ งื่อนไขไว้ กฎหมายดงั กลา่ วต้องไม่ขดั เทา่ นัน้ และจะกระทบกระเทือนสาระสาคัญแห่งสทิ ธิและเสรภี าพนนั้ และจะกระทบกระเทือนสาระสาคญั แห่งสทิ ธิและเสรภี าพนั้นมไิ ด้ ตอ่ หลกั นิติธรรม ไม่เพม่ิ ภาระหรือจากดั สิทธหิ รอื เสรีภาพของบคุ คล มิได้ กฎหมายตามวรรคหนึ่งตอ้ งมีผลใช้บงั คบั เป็นการทว่ั ไป และไมม่ ุง่ เกินสมควรแก่เหตุ และจะกระทบต่อศกั ดิ์ศรคี วามเปน็ มนษุ ย์ของ กฎหมายตามวรรคหนึ่งต้องมผี ลใช้บังคบั เปน็ การทัว่ ไปและไมม่ ุ่ง หมายให้ใชบ้ ังคับแก่กรณีใดกรณีหนงึ่ หรือแก่บุคคลใดบุคคลหน่ึงเป็น บคุ คลมไิ ด้ รวมท้งั ตอ้ งระบุเหตผุ ลความจาเปน็ ในการจากัดสทิ ธิและ หมายให้ใช้บังคบั แก่กรณใี ดกรณหี นึง่ หรอื แกบ่ ุคคลใดบุคคลหนึ่งเป็น การเจาะจง ทงั้ ต้องระบุบทบัญญัตแิ ห่งรัฐธรรมนญู ท่ีใหอ้ านาจในการ เสรภี าพไวด้ ว้ ย การเจาะจง ทั้งต้องระบบุ ทบญั ญตั แิ หง่ รัฐธรรมนญู ท่ใี ห้อานาจในการ ตรากฎหมายน้ันดว้ ย กฎหมายตามวรรคหน่งึ ต้องมผี ลใช้บังคับเปน็ การทวั่ ไป ไมม่ ุ่ง ตรากฎหมายนนั้ ด้วย บทบญั ญตั ิในวรรคหนงึ่ และวรรคสองใหน้ ามาใช้บังคบั กบั กฎท่ี หมายใหใ้ ช้บังคบั แกก่ รณใี ดกรณหี นง่ึ หรือแก่บคุ คลใดบุคคลหนึง่ เป็น บทบัญญัตวิ รรคหนงึ่ และวรรคสองใหน้ ามาใช้บังคับกับกฎหรอื ออกโดยอาศยั อานาจตามบทบญั ญตั แิ ห่งกฎหมายดว้ ยโดยอนุโลม การเจาะจง ข้อบงั คบั ทอ่ี อกโดยอาศัยอานาจตามบทบัญญตั ิแห่งกฎหมายด้วย โดย อนโุ ลม สว่ นที่ ๒ ความเสมอภาค มาตรา ๓๐ บคุ คลย่อมเสมอกนั ในกฎหมายและไดร้ ับความ มาตรา ๓๐ บคุ คลย่อมเสมอกนั ในกฎหมายและไดร้ บั ความ มาตรา ๒๗ บุคคลยอ่ มเสมอกนั ในกฎหมาย มสี ทิ ธิและ คุ้มครองตามกฎหมายเท่าเทยี มกนั คุม้ ครองตามกฎหมายเท่าเทยี มกนั เสรภี าพและได้รบั ความคุม้ ครองตามกฎหมายเท่าเทียมกัน ชายและหญิงมสี ิทธิเท่าเทยี มกนั ชายและหญิงมสี ิทธิเท่าเทยี มกนั ชายและหญิงมีสทิ ธิเท่าเทยี มกัน การเลือกปฏบิ ัตโิ ดยไมเ่ ปน็ ธรรมตอ่ บคุ คลเพราะเหตแุ หง่ ความ การเลอื กปฏิบัติโดยไมเ่ ป็นธรรมตอ่ บคุ คลเพราะเหตุแห่งความ การเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมตอ่ บคุ คล ไมว่ ่าดว้ ยเหตุความ แตกตา่ งในเรอื่ งถ่นิ กาเนิด เช้อื ชาติ ภาษา เพศ อายุ สภาพทางกาย แตกตา่ งในเรอื่ งถิ่นกาเนิด เชื้อชาติ ภาษา เพศ อายุ ความพิการ แตกต่างในเรอ่ื งถ่ินกาเนดิ เช้ือชาติ ภาษา เพศ อายุ ความพกิ าร หรอื สุขภาพ สถานะของบุคคล ฐานะทางเศรษฐกิจหรือสังคม ความ สภาพทางกายหรือสขุ ภาพ สถานะของบุคคล ฐานะทางเศรษฐกิจ สภาพทางกายหรอื สขุ ภาพ สถานะของบคุ คล ฐานะทางเศรษฐกจิ หรือ เชือ่ ทางศาสนา การศกึ ษาอบรม หรอื ความคดิ เหน็ ทางการเมืองอันไม่ หรอื สังคม ความเชอื่ ทางศาสนา การศกึ ษาอบรม หรอื ความคดิ เห็น สงั คม ความเช่ือทางศาสนา การศกึ ษาอบรม หรอื ความคิดเหน็ ขดั ต่อบทบญั ญตั แิ ห่งรฐั ธรรมนญู จะกระทามไิ ด้ ทางการเมืองอันไมข่ ดั ต่อบทบญั ญตั แิ ห่งรัฐธรรมนญู จะกระทามไิ ด้ ทางการเมอื งอนั ไม่ขดั ต่อบทบญั ญตั ิแหง่ รัฐธรรมนูญ หรอื เหตุอนื่ ใด จะ มาตรการท่ีรฐั กาหนดขนึ้ เพ่อื ขจดั อปุ สรรคหรือส่งเสรมิ ให้บุคคล มาตรการทร่ี ัฐกาหนดข้ึนเพ่ือขจดั อุปสรรคหรือส่งเสรมิ ให้บุคคล กระทามไิ ด้ สามารถใช้สิทธิและเสรภี าพได้เช่นเดียวกับบคุ คลอนื่ ยอ่ มไม่ถือเปน็ สามารถใชส้ ทิ ธแิ ละเสรภี าพไดเ้ ช่นเดียวกับบคุ คลอนื่ ยอ่ มไมถ่ ือเป็นการ มาตรการทร่ี ัฐกาหนดขึน้ เพอ่ื ขจัดอปุ สรรคหรอื สง่ เสรมิ ให้บคุ คล การเลอื กปฏบิ ัติโดยไม่เป็นธรรมตามวรรคสาม เลือกปฏิบตั ิโดยไม่เป็นธรรมตามวรรคสาม สามารถใชส้ ทิ ธิหรอื เสรีภาพไดเ้ ช่นเดียวกบั บุคคลอ่นื หรอื เพ่ือคมุ้ ครอง มาตรา ๖๔ บคุ คลผเู้ ป็นทหาร ตารวจ ข้าราชการ เจา้ หนา้ ทีอ่ ื่น มาตรา ๓๑ บคุ คลผเู้ ป็นทหาร ตารวจ ขา้ ราชการ เจา้ หนา้ ทีอ่ ื่น หรอื อานวยความสะดวกให้แกเ่ ด็ก สตรี ผูส้ งู อายุ คนพกิ าร หรือ ของรฐั พนกั งานสว่ นท้องถน่ิ และพนกั งานหรอื ลกู จ้างขององค์การ ของรฐั และพนักงานหรือลกู จ้างขององค์กรของรัฐ ย่อมมีสิทธิและ
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทย พุทธศักราช ๒๕๔๐ ๙ นาถะ ดวงวิชยั ผูบ้ งั คบั บัญชากลุม่ งานประธานรฐั สภา ผู้จัดทา ของรฐั ย่อมมสี ทิ ธแิ ละเสรีภาพตามรัฐธรรมนญู เชน่ เดียวกับบุคคล รฐั ธรรมนญู แห่งราชอาณาจักรไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๐ ทวั่ ไป เวน้ แต่ที่จากดั ในกฎหมาย กฎ หรอื ขอ้ บังคับท่ีออกโดยอาศัย รัฐธรรมนญู แห่งราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศักราช ๒๕๖๐ อานาจตามบทบญั ญตั แิ ห่งกฎหมายเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกบั การเมอื ง เสรีภาพตามรัฐธรรมนญู เช่นเดียวกับบคุ คลท่ัวไป เว้นแต่ทีจ่ ากัดใน สมรรถภาพ วินัย หรอื จรรยาบรรณ กฎหมายหรอื กฎที่ออกโดยอาศัยอานาจตามบทบญั ญตั แิ ห่งกฎหมาย ผู้ดอ้ ยโอกาส ย่อมไม่ถอื วา่ เปน็ การเลอื กปฏบิ ตั ิโดยไมเ่ ป็นธรรมตาม เฉพาะในส่วนทีเ่ ก่ียวกับการเมือง สมรรถภาพ วินัย หรือจรยิ ธรรม วรรคสาม มาตรา ๓๑ บุคคลยอ่ มมสี ทิ ธิและเสรีภาพในชวี ติ และรา่ งกาย การทรมาน ทารณุ กรรม หรือการลงโทษด้วยวิธีการโหดร้าย สว่ นท่ี ๓ บคุ คลผเู้ ป็นทหาร ตารวจ ข้าราชการ เจ้าหน้าทีอ่ ื่นของรฐั และ หรอื ไรม้ นุษยธรรม จะกระทามไิ ด้ แตก่ ารลงโทษประหารชีวิตตามท่ี สทิ ธิและเสรภี าพส่วนบุคคล พนักงานหรือลูกจา้ งขององค์กรของรัฐย่อมมสี ิทธิและเสรภี าพ กฎหมายบญั ญตั ิ ไม่ถอื ว่าเปน็ การลงโทษด้วยวธิ กี ารโหดรา้ ยหรือไร้ มาตรา ๓๒ บุคคลยอ่ มมีสิทธแิ ละเสรีภาพในชีวิตและร่างกาย เช่นเดียวกบั บุคคลทวั่ ไป เวน้ แต่ที่จากดั ไวใ้ นกฎหมายเฉพาะในส่วนท่ี มนษุ ยธรรมตามความในวรรคนี้ การทรมาน ทารณุ กรรม หรอื การลงโทษด้วยวธิ ีการโหดร้าย เก่ียวกับการเมือง สมรรถภาพ วินยั หรอื จริยธรรม การจับ คมุ ขัง ตรวจค้นตัวบคุ คล หรอื การกระทาใดอันกระทบ หรอื ไรม้ นษุ ยธรรม จะกระทามไิ ด้ แต่การลงโทษตามคาพพิ ากษา ต่อสิทธิ และเสรีภาพตามวรรคหนง่ึ จะกระทามไิ ด้ เวน้ แตโ่ ดยอาศัย ของศาลหรอื ตามท่ีกฎหมายบญั ญัตไิ มถ่ ือว่าเปน็ การลงโทษด้วยวธิ กี าร มาตรา ๒๘ บคุ คลยอ่ มมีสทิ ธแิ ละเสรภี าพในชีวติ และรา่ งกาย อานาจตามบทบญั ญัติแห่งกฎหมาย โหดรา้ ยหรือไรม้ นุษยธรรมตามความในวรรคนี้ การจับและการคมุ ขงั บคุ คลจะกระทามไิ ด้ เว้นแต่มคี าส่งั หรอื การจับและการคมุ ขงั บคุ คล จะกระทามิได้ เวน้ แตม่ ีคาสงั่ หรือ หมายของศาล หรอื มีเหตอุ ยา่ งอื่นตามทีก่ ฎหมายบัญญัติ มาตรา ๓๒ บุคคลจะไมต่ ้องรบั โทษอาญา เว้นแตจ่ ะได้กระทา หมายของศาลหรอื มีเหตุอย่างอืน่ ตามทกี่ ฎหมายบัญญตั ิ การคน้ ตวั บุคคลหรือการกระทาใดอนั กระทบกระเทือนต่อสิทธิ การอันกฎหมายท่ีใชอ้ ยใู่ นเวลาที่กระทานน้ั บญั ญัตเิ ปน็ ความผิดและ การคน้ ตัวบุคคลหรือการกระทาใดอันกระทบต่อสทิ ธแิ ละ หรือเสรภี าพในชีวิตหรือร่างกายจะกระทามไิ ด้ เวน้ แต่มเี หตตุ ามท่ี กาหนดโทษไว้ และโทษที่จะลงแกบ่ คุ คลนั้นจะหนกั กวา่ โทษท่กี าหนด เสรภี าพตามวรรคหนง่ึ จะกระทามไิ ด้ เว้นแตม่ ีเหตตุ ามทก่ี ฎหมาย กฎหมายบญั ญตั ิ ไว้ในกฎหมายทใ่ี ชอ้ ย่ใู นเวลาที่กระทาความผดิ มไิ ด้ บัญญัติ การทรมาน ทารณุ กรรม หรือการลงโทษด้วยวิธีการโหดรา้ ยหรือ ในกรณีทีม่ กี ารกระทาซง่ึ กระทบต่อสทิ ธิและเสรภี าพตามวรรค ไรม้ นุษยธรรม จะกระทามิได้ หน่งึ ผเู้ สยี หาย พนักงานอยั การ หรือบคุ คลอื่นใดเพือ่ ประโยชนข์ อง ผ้เู สยี หาย มสี ิทธริ อ้ งต่อศาลเพ่อื ให้สั่งระงบั หรือเพกิ ถอนการกระทา มาตรา ๒๙ บุคคลไมต่ อ้ งรบั โทษอาญา เวน้ แตไ่ ด้กระทาการอนั เชน่ ว่านนั้ รวมท้ังจะกาหนดวิธกี ารตามสมควรหรอื การเยียวยาความ กฎหมายที่ใชอ้ ยใู่ นเวลาท่กี ระทานน้ั บญั ญัตเิ ป็นความผิดและกาหนด เสียหายท่ีเกิดข้ึนด้วยก็ได้ โทษไว้ และโทษทจ่ี ะลงแกบ่ ุคคลนน้ั จะหนกั กว่าโทษทบ่ี ัญญตั ไิ วใ้ น กฎหมายท่ใี ช้อยใู่ นเวลาท่กี ระทาความผดิ มไิ ด้ สว่ นท่ี ๔ สิทธใิ นกระบวนการยตุ ิธรรม มาตรา ๓๙ บคุ คลไมต่ ้องรับโทษอาญา เว้นแตไ่ ดก้ ระทาการ อันกฎหมายท่ีใชอ้ ย่ใู นเวลาท่ีกระทานัน้ บญั ญัตเิ ป็นความผิดและ กาหนดโทษไว้ และโทษทจ่ี ะลงแกบ่ ุคคลน้ันจะหนกั กวา่ โทษที่ กาหนดไว้ในกฎหมายท่ใี ชอ้ ย่ใู นเวลาท่กี ระทาความผดิ มไิ ด้
๑๐ นาถะ ดวงวิชยั ผบู้ งั คบั บัญชากลมุ่ งานประธานรัฐสภา ผู้จัดทา รัฐธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจักรไทย พุทธศกั ราช ๒๕๔๐ รฐั ธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจักรไทย พุทธศกั ราช ๒๕๕๐ รฐั ธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐ มาตรา ๓๓ ในคดอี าญา ตอ้ งสันนิษฐานไวก้ ่อนวา่ ผตู้ อ้ งหาหรอื ในคดีอาญา ตอ้ งสนั นิษฐานไวก้ อ่ นวา่ ผ้ตู ้องหาหรือจาเลยไม่มี ในคดีอาญา ให้สันนิษฐานไวก้ ่อนว่าผูต้ อ้ งหาหรือจาเลยไมม่ ี จาเลยไมม่ คี วามผดิ ความผดิ ความผิด และก่อนมีคาพิพากษาอนั ถงึ ทีส่ ุดแสดงว่าบุคคลใดไดก้ ระทา ก่อนมคี าพิพากษาอันถึงทส่ี ดุ แสดงว่าบคุ คลใดไดก้ ระทาความผดิ กอ่ นมคี าพพิ ากษาอันถงึ ทส่ี ุดแสดงว่าบุคคลใดไดก้ ระทา ความผดิ จะปฏบิ ตั ิตอ่ บคุ คลนน้ั เสมือนเปน็ ผกู้ ระทาความผดิ มิได้ จะปฏบิ ัตติ ่อบคุ คลน้ันเสมือนเปน็ ผู้กระทาความผดิ มไิ ด้ ความผิด จะปฏบิ ตั ติ อ่ บคุ คลน้นั เสมือนเปน็ ผกู้ ระทาความผิดมิได้ การควบคุมหรือคุมขังผตู้ อ้ งหาหรอื จาเลยใหก้ ระทาไดเ้ พียงเท่าที่ มาตรา ๒๓๙ คาขอประกนั ผูต้ อ้ งหาหรอื จาเลยในคดีอาญาตอ้ ง มาตรา ๔๐ บคุ คลย่อมมสี ิทธใิ นกระบวนการยตุ ธิ รรม ดังตอ่ ไปน้ี จาเป็น เพอ่ื ป้องกนั มิให้มีการหลบหนี ได้รบั การพิจารณาอยา่ งรวดเร็วและจะเรยี กหลักประกนั จนเกินควร (๔) ผู้เสยี หาย ผตู้ อ้ งหา โจทก์ จาเลย คูก่ รณี ผ้มู สี ่วนไดเ้ สยี หรอื ในคดีอาญา จะบังคับใหบ้ ุคคลใหก้ ารเปน็ ปฏปิ ักษต์ อ่ ตนเองมไิ ด้ แกก่ รณมี ไิ ด้ การไมใ่ หป้ ระกนั ต้องอาศัยเหตตุ ามหลกั เกณฑ์ท่บี ัญญตั ไิ ว้ พยานในคดมี สี ิทธไิ ดร้ ับการปฏบิ ตั ทิ เ่ี หมาะสมในการดาเนินการตาม คาขอประกนั ผตู้ ้องหาหรอื จาเลยในคดอี าญา ตอ้ งไดร้ ับการ โดยเฉพาะในกฎหมาย และตอ้ งแจ้งเหตผุ ลให้ผตู้ ้องหาหรือจาเลย กระบวนการยตุ ิธรรม รวมทงั้ สิทธิในการไดร้ ับการสอบสวนอยา่ งถกู ต้อง พิจารณา และจะเรยี กหลักประกันจนเกนิ ควรแกก่ รณีมไิ ด้ การไม่ให้ ทราบโดยเรว็ รวดเร็ว เปน็ ธรรม และการไมใ่ หถ้ ้อยคาเป็นปฏปิ ักษ์ต่อตนเอง ประกนั ต้องเปน็ ไปตามทก่ี ฎหมายบญั ญัติ สทิ ธทิ ี่จะอุทธรณค์ ดั ค้านการไม่ให้ประกนั ยอ่ มได้รบั ความ (๗) ในคดอี าญา ผตู้ ้องหาหรือจาเลยมีสทิ ธไิ ดร้ บั การสอบสวนหรอื คมุ้ ครองตามทก่ี ฎหมายบญั ญัติ การพิจารณาคดที ่ีถกู ต้อง รวดเรว็ และเป็นธรรม โอกาสในการตอ่ สู้คดี บุคคลผู้ถกู ควบคมุ คมุ ขงั หรือจาคกุ ยอ่ มมีสิทธิพบและปรกึ ษา อย่างเพียงพอ การตรวจสอบหรอื ได้รบั ทราบพยานหลกั ฐานตาม ทนายความเป็นการเฉพาะตวั และมสี ทิ ธไิ ด้รบั การเยย่ี มตามสมควร สมควร การไดร้ บั ความช่วยเหลือในทางคดีจากทนายความ และการไดร้ ับ มาตรา ๒๔๓ บุคคลยอ่ มมีสิทธไิ มใ่ หถ้ อ้ ยคาเปน็ ปฏิปกั ษต์ ่อ การปล่อยตวั ช่วั คราว ตนเองอนั อาจทาใหต้ นถกู ฟอ้ งคดอี าญา ถ้อยคาของบคุ คลซ่งึ เกิดจากการจงู ใจ มคี าม่ันสญั ญา ขู่เข็ญ หลอกลวง ถูกทรมาน ใชก้ าลังบงั คับ หรือกระทาโดยมิชอบประการ ใด ๆ ไม่อาจรับฟังเป็นพยานหลักฐานได้ มาตรา ๕๑ การเกณฑ์แรงงานจะกระทามไิ ด้ เวน้ แตโ่ ดยอาศยั มาตรา ๓๘ การเกณฑ์แรงงานจะกระทามไิ ด้ เว้นแตโ่ ดย มาตรา ๓๐ การเกณฑ์แรงงานจะกระทามไิ ด้ เว้นแตโ่ ดยอาศยั อานาจตามบทบญั ญตั ิแห่งกฎหมาย เฉพาะเพอ่ื ประโยชนใ์ นการปอ้ ง อาศยั อานาจตามบทบัญญตั แิ ห่งกฎหมาย เฉพาะเพ่ือประโยชน์ใน อานาจตามบทบญั ญตั ิแห่งกฎหมายทีต่ ราขนึ้ เพอื่ ปอ้ งกนั ภัยพบิ ตั ิ ปดั ภัยพิบัตสิ าธารณะอันมีมาเปน็ การฉุกเฉิน หรือโดยอาศัยอานาจ การป้องปดั ภยั พบิ ตั สิ าธารณะอนั มีมาเป็นการฉุกเฉิน หรอื โดยอาศยั สาธารณะ หรอื ในขณะที่มกี ารประกาศสถานการณ์ฉกุ เฉินหรอื ตามบทบญั ญัตแิ หง่ กฎหมายซงึ่ ใหก้ ระทาไดใ้ นระหวา่ งเวลาที่ประเทศ อานาจตามบทบญั ญัตแิ หง่ กฎหมายซึ่งใหก้ ระทาไดใ้ นระหวา่ งเวลาท่ี ประกาศใชก้ ฎอัยการศึก หรือในระหว่างเวลาท่ปี ระเทศอยใู่ นภาวะ อยใู่ นภาวะการสงครามหรือการรบ หรอื ในระหวา่ งเวลาทีม่ ีประกาศ ประเทศอยูใ่ นภาวะสงครามหรือการรบ หรือในระหว่างเวลาท่มี ี สงครามหรือการรบ สถานการณฉ์ กุ เฉินหรอื ประกาศใช้กฎอัยการศกึ ประกาศสถานการณฉ์ กุ เฉินหรอื ประกาศใช้กฎอยั การศกึ มาตรา ๓๘ บุคคลยอ่ มมีเสรภี าพบรบิ รู ณใ์ นการถือศาสนา มาตรา ๓๗ บุคคลย่อมมีเสรภี าพบรบิ ูรณใ์ นการถอื ศาสนา มาตรา ๓๑ บคุ คลยอ่ มมเี สรีภาพบรบิ รู ณ์ในการถือศาสนาและ นิกายของศาสนา หรือลทั ธนิ ิยมในทางศาสนา และย่อมมเี สรภี าพใน นิกายของศาสนา หรือลทั ธินยิ มในทางศาสนา และย่อมมเี สรภี าพใน ย่อมมีเสรภี าพในการปฏิบตั ิหรอื ประกอบพิธกี รรมตามหลักศาสนาของ การปฏบิ ัตติ ามศาสนบญั ญตั หิ รอื ปฏบิ ตั พิ ิธกี รรมตามความเช่อื ถือของ การปฏิบตั ติ ามศาสนธรรม ศาสนบญั ญตั ิ หรือปฏิบตั พิ ิธกี รรมตาม ตน แต่ต้องไมเ่ ป็นปฏิปกั ษต์ ่อหนา้ ทขี่ องปวงชนชาวไทย ไมเ่ ป็น ตน เม่ือไมเ่ ปน็ ปฏปิ ักษต์ อ่ หนา้ ที่ของพลเมอื งและไมเ่ ปน็ การขดั ตอ่ ความเช่ือถอื ของตน เมอ่ื ไม่เปน็ ปฏิปกั ษต์ ่อหนา้ ท่ีของพลเมอื งและไม่ อนั ตรายต่อความปลอดภัยของรัฐ และไมข่ ดั ตอ่ ความสงบเรียบร้อย ความสงบเรียบรอ้ ยหรือศลี ธรรมอนั ดีของประชาชน เปน็ การขดั ตอ่ ความสงบเรียบรอ้ ยหรือศีลธรรมอันดขี องประชาชน หรอื ศลี ธรรมอันดขี องประชาชน
รัฐธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจกั รไทย พุทธศักราช ๒๕๔๐ ๑๑ นาถะ ดวงวชิ ัย ผู้บังคับบัญชากลมุ่ งานประธานรฐั สภา ผู้จัดทา ในการใชเ้ สรภี าพดังกล่าวตามวรรคหนง่ึ บุคคลยอ่ มได้รบั ความ รัฐธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ ค้มุ ครองมใิ ห้รฐั กระทาการใด ๆ อนั เป็นการรอนสิทธิหรอื เสีย รฐั ธรรมนญู แห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ ประโยชนอ์ นั ควรมคี วรได้เพราะเหตุท่ถี อื ศาสนา นิกายของศาสนา ในการใชเ้ สรภี าพตามวรรคหนง่ึ บคุ คลยอ่ มไดร้ บั ความ ลัทธนิ ิยมในทางศาสนา หรอื ปฏบิ ตั ิตามศาสนบญั ญัตหิ รอื ปฏบิ ตั ิ คมุ้ ครองมิใหร้ ัฐกระทาการใด ๆ อนั เป็นการรอนสทิ ธหิ รือเสยี มาตรา ๓๒ บคุ คลยอ่ มมีสิทธใิ นความเป็นอยูส่ ว่ นตวั เกียรติยศ พธิ กี รรมตามความเชอ่ื ถือ แตกต่างจากบุคคลอื่น ประโยชนอ์ นั ควรมคี วรได้ เพราะเหตุที่ถือศาสนา นกิ ายของศาสนา ชื่อเสยี ง และครอบครัว ลัทธินยิ มในทางศาสนา หรอื ปฏิบตั ิตามศาสนธรรม ศาสนบัญญัติ มาตรา ๓๔ สทิ ธิของบุคคลในครอบครวั เกยี รตยิ ศ ชอ่ื เสยี ง หรอื ปฏบิ ตั ิพธิ ีกรรมตามความเช่อื ถอื แตกตา่ งจากบคุ คลอ่ืน การกระทาอันเป็นการละเมดิ หรอื กระทบตอ่ สิทธิของบคุ คลตาม หรอื ความเป็นอยสู่ ว่ นตวั ยอ่ มไดร้ บั ความคุม้ ครอง วรรคหน่งึ หรือการนาข้อมลู สว่ นบคุ คลไปใช้ประโยชนไ์ ม่วา่ ในทางใด ๆ มาตรา ๓๕ สิทธิของบุคคลในครอบครัว เกยี รตยิ ศ ช่อื เสียง จะกระทามไิ ด้ เว้นแตโ่ ดยอาศัยอานาจตามบทบญั ญตั แิ ห่งกฎหมายที่ การกล่าวหรอื ไขข่าวแพร่หลายซึง่ ขอ้ ความหรือภาพไม่วา่ ดว้ ยวธิ ี ตลอดจนความเปน็ อยสู่ ว่ นตัว ยอ่ มไดร้ บั ความคมุ้ ครอง ตราข้นึ เพียงเทา่ ท่ีจาเปน็ เพือ่ ประโยชน์สาธารณะ ใดไปยังสาธารณชน อันเปน็ การละเมิดหรอื กระทบถึงสิทธขิ องบุคคล ในครอบครัว เกียรติยศ ช่ือเสยี ง หรอื ความเปน็ อยสู่ ว่ นตัว จะกระทา การกล่าวหรอื ไขข่าวแพร่หลายซงึ่ ข้อความหรือภาพไม่วา่ ด้วยวิธี มาตรา ๓๓ บุคคลย่อมมีเสรภี าพในเคหสถาน มิได้ เวน้ แตก่ รณีท่เี ปน็ ประโยชน์ตอ่ สาธารณชน ใดไปยังสาธารณชน อันเป็นการละเมิดหรอื กระทบถึงสทิ ธขิ องบุคคลใน การเข้าไปในเคหสถานโดยปราศจากความยนิ ยอมของผู้ ครอบครัว เกียรติยศ ชื่อเสยี ง หรอื ความเปน็ อยสู่ ่วนตวั จะกระทา ครอบครอง หรอื การคน้ เคหสถานหรอื ที่รโหฐานจะกระทามิได้ เว้นแต่ มาตรา ๓๕ บุคคลยอ่ มมีเสรีภาพในเคหสถาน มไิ ด้ เวน้ แตก่ รณที เ่ี ป็นประโยชน์ตอ่ สาธารณะ มีคาสงั่ หรอื หมายของศาลหรือมเี หตุอยา่ งอื่นตามท่กี ฎหมายบญั ญัติ บุคคลยอ่ มไดร้ ับความคมุ้ ครองในการท่ีจะอยอู่ าศยั และ ครอบครองเคหสถานโดยปกตสิ ุข การเขา้ ไปในเคหสถานโดย บคุ คลย่อมมสี ิทธไิ ดร้ ับความคมุ้ ครองจากการแสวงประโยชนโ์ ดยมิ มาตรา ๓๔ บคุ คลย่อมมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ปราศจากความยินยอมของผ้คู รอบครอง หรือการตรวจคน้ เคหสถาน ชอบจากข้อมลู ส่วนบคุ คลทเี่ กี่ยวกบั ตน ท้งั นี้ ตามที่กฎหมายบญั ญตั ิ การพูด การเขยี น การพมิ พ์ การโฆษณา และการสอ่ื ความหมายโดยวิธี จะกระทามไิ ด้ เวน้ แต่โดยอาศยั อานาจตามบทบญั ญตั แิ ห่งกฎหมาย อ่นื การจากดั เสรภี าพดงั กลา่ วจะกระทามไิ ด้ เวน้ แต่โดยอาศัยอานาจ มาตรา ๓๓ บุคคลยอ่ มมีเสรภี าพในเคหสถาน ตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายทีต่ ราขึน้ เฉพาะเพอ่ื รักษาความมนั่ คงของ มาตรา ๓๙ วรรคหน่งึ บคุ คลยอ่ มมีเสรภี าพในการแสดงความ บุคคลย่อมไดร้ บั ความคมุ้ ครองในการทีจ่ ะอยอู่ าศยั และครอบครอง รัฐ เพอื่ คุ้มครองสิทธหิ รอื เสรภี าพของบคุ คลอ่นื เพื่อรกั ษาความสงบ คดิ เห็น การพูด การเขยี น การพมิ พ์ การโฆษณา และการสอ่ื ความหมาย เคหสถานโดยปกติสขุ เรียบร้อยหรือศลี ธรรมอนั ดีของประชาชน หรือเพอ่ื ป้องกันสุขภาพของ โดยวธิ ีอืน่ การเขา้ ไปในเคหสถานโดยปราศจากความยนิ ยอมของผคู้ รอบครอง ประชาชน หรือการตรวจคน้ เคหสถานหรอื ในที่รโหฐาน จะกระทามิได้ เว้นแตม่ ี วรรคสอง การจากัดเสรภี าพตามวรรคหน่งึ จะกระทามไิ ด้ เวน้ แต่ คาส่ังหรือหมายของศาล หรือมเี หตุอยา่ งอ่ืนตามท่ีกฎหมายบัญญัติ โดยอาศัยอานาจตามบทบญั ญตั ิแห่งกฎหมาย เฉพาะเพื่อรกั ษาความ ม่นั คงของรฐั เพื่อคมุ้ ครองสิทธิ เสรีภาพ เกียรตยิ ศ ช่อื เสยี ง สิทธิใน สว่ นที่ ๗ ครอบครวั หรอื ความเปน็ อยสู่ ่วนตัวของบุคคลอื่น เพ่อื รกั ษาความสงบ เสรภี าพในการแสดงความคดิ เห็นของบุคคลและส่ือมวลชน มาตรา ๔๕ วรรคหนึ่ง บุคคลยอ่ มมีเสรีภาพในการแสดงความ คิดเหน็ การพูด การเขียน การพมิ พ์ การโฆษณา และการสอ่ื ความหมายโดยวธิ ีอืน่ วรรคสอง การจากัดเสรภี าพตามวรรคหนง่ึ จะกระทามไิ ด้ เวน้ แตโ่ ดยอาศยั อานาจตามบทบัญญตั ิแห่งกฎหมาย เฉพาะเพือ่ รักษา ความม่นั คงของรฐั เพือ่ คุ้มครองสทิ ธิ เสรีภาพ เกยี รตยิ ศ ช่ือเสยี ง สิทธิในครอบครัวหรอื ความเปน็ อย่สู ว่ นตัวของบคุ คลอนื่ เพือ่ รักษา
๑๒ นาถะ ดวงวิชัย ผบู้ ังคับบญั ชากลุ่มงานประธานรฐั สภา ผูจ้ ดั ทา รฐั ธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๔๐ รัฐธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจักรไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๐ รัฐธรรมนญู แห่งราชอาณาจักรไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐ เรยี บร้อยหรือศลี ธรรมอนั ดขี องประชาชน หรือเพ่อื ป้องกันหรอื ระงับ ความสงบเรียบร้อยหรือศลี ธรรมอนั ดีของประชาชน หรอื เพื่อป้องกัน เสรภี าพทางวชิ าการย่อมได้รบั ความคุ้มครอง แต่การใช้เสรีภาพ ความเส่อื มทรามทางจิตใจหรือสขุ ภาพของประชาชน หรอื ระงบั ความเสือ่ มทรามทางจติ ใจหรอื สุขภาพของประชาชน นั้นตอ้ งไม่ขัดตอ่ หนา้ ที่ของปวงชนชาวไทยหรอื ศีลธรรมอันดีของ มาตรา ๔๒ บุคคลย่อมมเี สรภี าพในทางวชิ าการ มาตรา ๕๐ บคุ คลยอ่ มมเี สรีภาพในทางวิชาการ ประชาชน และตอ้ งเคารพและไมป่ ดิ กน้ั ความเห็นต่างของบุคคลอ่นื การศกึ ษาอบรม การเรียนการสอน การวจิ ยั และการเผยแพร่ การศึกษาอบรม การเรยี นการสอน การวิจยั และการเผยแพร่ งานวิจัยตามหลกั วิชาการ ย่อมไดร้ บั ความคุ้มครอง ทงั้ นี้ เทา่ ที่ไมข่ ดั ตอ่ งานวจิ ยั ตามหลกั วิชาการ ย่อมไดร้ ับความคุ้มครอง ท้ังนี้ เท่าทไ่ี มข่ ัด หนา้ ทีข่ องพลเมืองหรอื ศลี ธรรมอันดขี องประชาชน ตอ่ หน้าทีข่ องพลเมืองหรอื ศลี ธรรมอนั ดขี องประชาชน มาตรา ๓๙ วรรคสาม การสัง่ ปดิ โรงพิมพ์ สถานีวิทยุกระจายเสียง มาตรา ๔๕ วรรคสาม การสงั่ ปิดกิจการหนงั สอื พมิ พห์ รอื มาตรา ๓๕ บคุ คลซึ่งประกอบวิชาชีพสอื่ มวลชนย่อมมเี สรภี าพ หรอื สถานวี ทิ ยุโทรทศั น์ เพ่ือลิดรอนเสรภี าพตามมาตรานี้ จะกระทามิได้ สอ่ื มวลชนอื่นเพอ่ื ลดิ รอนเสรภี าพตามมาตราน้ี จะกระทามไิ ด้ ในการเสนอขา่ วสารหรอื การแสดงความคิดเห็นตามจริยธรรมแหง่ วรรคส่ี การใหน้ าขา่ วหรอื บทความไปให้เจา้ หนา้ ที่ตรวจก่อนนาไป วรรคสี่ การหา้ มหนังสอื พิมพ์หรอื สอื่ มวลชนอื่นเสนอข่าวสาร วิชาชพี โฆษณาในหนังสอื พิมพ์ สง่ิ พิมพ์ วิทยุกระจายเสยี ง หรอื วิทยุโทรทศั น์ หรอื แสดงความคดิ เห็นทั้งหมดหรอื บางสว่ น หรอื การแทรกแซงด้วย การสั่งปิดกจิ การหนงั สือพิมพห์ รือส่อื มวลชนอ่ืนเพื่อลดิ รอน จะกระทามไิ ด้ เวน้ แตจ่ ะกระทาในระหว่างเวลาทป่ี ระเทศอย่ใู นภาวะการ วธิ ีการใด ๆ เพอ่ื ลิดรอนเสรีภาพตามมาตรานี้ จะกระทามไิ ด้ เวน้ แต่ เสรภี าพตามวรรคหนง่ึ จะกระทามิได้ สงครามหรือการรบ แต่ท้ังน้จี ะต้องกระทาโดยอาศัยอานาจตาม โดยอาศยั อานาจตามบทบญั ญตั ิแหง่ กฎหมายซึ่งไดต้ ราขนึ้ ตามวรรค การให้นาขา่ วสารหรือขอ้ ความใด ๆ ทผี่ ู้ประกอบวิชาชพี บทบญั ญตั แิ ห่งกฎหมายซ่ึงได้ตราข้ึนตามความในวรรคสอง สอง ส่อื มวลชนจัดทาขน้ึ ไปใหเ้ จา้ หนา้ ทีต่ รวจกอ่ นนาไปโฆษณาใน วรรคห้า เจ้าของกิจการหนังสอื พมิ พห์ รือสอ่ื มวลชนอืน่ ตอ้ งเปน็ วรรคห้า การให้นาขา่ วหรือบทความไปใหเ้ จ้าหน้าทีต่ รวจก่อน หนังสอื พมิ พ์หรือส่อื ใด ๆ จะกระทามิได้ เวน้ แตจ่ ะกระทาในระหว่าง บุคคลสัญชาตไิ ทย ท้ังนี้ ตามท่กี ฎหมายบัญญตั ิ นาไปโฆษณาในหนังสอื พิมพ์ หรอื สือ่ มวลชนอื่น จะกระทามิได้ เว้นแต่ เวลาทีป่ ระเทศอยใู่ นภาวะสงคราม วรรคหก การใหเ้ งนิ หรอื ทรพั ยส์ นิ อยา่ งอ่นื อุดหนุนหนงั สือ จะกระทาในระหวา่ งเวลาท่ีประเทศอยู่ในภาวะสงคราม แตท่ ั้งนี้จะต้อง เจา้ ของกจิ การหนงั สอื พิมพห์ รือสอ่ื มวลชนอน่ื ตอ้ งเป็นบคุ คล พิมพห์ รือสอื่ มวลชนอน่ื ของเอกชน รฐั จะกระทามิได้ กระทาโดยอาศยั อานาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายซ่ึงไดต้ ราขนึ้ ตาม สญั ชาตไิ ทย มาตรา ๔๑ พนกั งานหรือลูกจ้างของเอกชนทีป่ ระกอบกจิ การ วรรคสอง การใหเ้ งินหรอื ทรัพยส์ นิ อื่นเพื่ออดุ หนุนกจิ การหนังสือพมิ พห์ รอื หนงั สอื พมิ พ์ วทิ ยกุ ระจายเสยี ง หรือวทิ ยุโทรทศั น์ ย่อมมเี สรภี าพใน วรรคหก เจ้าของกิจการหนังสือพมิ พ์หรือส่อื มวลชนอ่ืนต้อง สอ่ื มวลชนอืน่ ของเอกชน รฐั จะกระทามิได้ หนว่ ยงานของรัฐท่ีใช้ การเสนอขา่ วและแสดงความคดิ เหน็ ภายใตข้ อ้ จากดั ตามรัฐธรรมนญู เปน็ บคุ คลสญั ชาตไิ ทย จ่ายเงนิ หรือทรพั ยส์ นิ ใหส้ ่ือมวลชน ไม่ว่าเพอื่ ประโยชนใ์ นการโฆษณา โดยไม่ตกอยภู่ ายใต้อาณัตขิ องหนว่ ยราชการ หน่วยงานของรฐั วรรคเจด็ การใหเ้ งินหรือทรพั ยส์ ินอืน่ เพอ่ื อดุ หนนุ กจิ การ หรอื ประชาสัมพันธ์ หรือเพื่อการอน่ื ใดในทานองเดยี วกนั ตอ้ งเปดิ เผย รัฐวิสาหกจิ หรือเจ้าของกิจการนน้ั แต่ต้องไม่ขัดตอ่ จรรยาบรรณแห่ง หนังสือพมิ พห์ รือสอ่ื มวลชนอน่ื ของเอกชน รฐั จะกระทามไิ ด้ รายละเอยี ดใหค้ ณะกรรมการตรวจเงนิ แผน่ ดินทราบตามระยะเวลาท่ี การประกอบวิชาชพี มาตรา ๔๖ พนกั งานหรอื ลกู จา้ งของเอกชนทปี่ ระกอบกิจการ กาหนด และประกาศใหป้ ระชาชนทราบดว้ ย ข้าราชการ พนกั งาน หรือลกู จ้างของหน่วยราชการ หน่วยงาน หนังสือพิมพ์ วทิ ยกุ ระจายเสยี ง วิทยโุ ทรทศั น์ หรือสอื่ มวลชนอื่น เจ้าหนา้ ท่ขี องรฐั ซงึ่ ปฏบิ ตั หิ นา้ ที่สอื่ มวลชนยอ่ มมีเสรภี าพตาม ของรฐั หรอื รฐั วสิ าหกิจ ในกิจการวทิ ยกุ ระจายเสยี งหรอื วิทยโุ ทรทัศน์ ยอ่ มมเี สรีภาพในการเสนอข่าวและแสดงความคดิ เหน็ ภายใต้ วรรคหน่งึ แตใ่ หค้ านึงถึงวตั ถุประสงคแ์ ละภารกจิ ของหน่วยงานที่ตน ยอ่ มมเี สรภี าพเชน่ เดยี วกับพนกั งานหรือลกู จา้ งของเอกชนตามวรรค ข้อจากัดตามรฐั ธรรมนญู โดยไมต่ กอยู่ภายใต้อาณัตขิ องหน่วย สงั กัดอยู่ดว้ ย หนึ่ง ราชการ หนว่ ยงานของรัฐ รฐั วสิ าหกจิ หรือเจา้ ของกจิ การน้ัน แต่ ตอ้ งไมข่ ัดตอ่ จรยิ ธรรมแหง่ การประกอบวิชาชพี และมสี ทิ ธิจดั ตงั้
๑๓ นาถะ ดวงวิชยั ผบู้ งั คับบัญชากล่มุ งานประธานรัฐสภา ผู้จัดทา รฐั ธรรมนญู แห่งราชอาณาจกั รไทย พุทธศกั ราช ๒๕๔๐ รฐั ธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศักราช ๒๕๕๐ รัฐธรรมนญู แห่งราชอาณาจกั รไทย พุทธศกั ราช ๒๕๖๐ มาตรา ๓๗ บุคคลยอ่ มมีเสรภี าพในการสอื่ สารถงึ กันโดยทางที่ องคก์ รเพ่อื ปกปอ้ งสทิ ธิ เสรภี าพและความเปน็ ธรรม รวมท้งั มีกลไก ชอบด้วยกฎหมาย ควบคมุ กนั เองขององคก์ รวิชาชีพ การตรวจ การกัก หรือการเปดิ เผยสงิ่ สอื่ สารที่บุคคลมตี ดิ ตอ่ ถงึ กนั รวมทั้งการกระทาดว้ ยประการอื่นใดเพอื่ ให้ล่วงรู้ถึงขอ้ ความในสง่ิ ข้าราชการ พนักงาน หรือลกู จา้ งของหน่วยราชการ หน่วยงาน สอ่ื สารทงั้ หลายทบ่ี ุคคลมตี ิดต่อถึงกันจะกระทามไิ ด้ เว้นแตโ่ ดยอาศยั อานาจตามบทบญั ญัติแหง่ กฎหมายเฉพาะเพ่ือรักษาความม่ันคงของ ของรัฐ หรือรฐั วสิ าหกิจในกจิ การวิทยุกระจายเสยี ง วิทยุโทรทัศน์ หรือ รฐั หรอื เพ่อื รักษาความสงบเรยี บรอ้ ยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน สื่อมวลชนอื่น ยอ่ มมีเสรีภาพเช่นเดียวกับพนกั งานหรือลูกจ้างของ มาตรา ๔๘ สทิ ธขิ องบุคคลในทรพั ย์สนิ ย่อมได้รับความ คุ้มครอง ขอบเขตแหง่ สทิ ธิและการจากัดสิทธิเชน่ วา่ นี้ ยอ่ มเปน็ ไป เอกชนตามวรรคหนึ่ง ตามท่ีกฎหมายบญั ญัติ การกระทาใด ๆ ไม่วา่ โดยทางตรงหรอื ทางอ้อมของผูด้ ารง การสืบมรดกย่อมไดร้ ับความค้มุ ครอง สิทธขิ องบุคคลในการสบื มรดกย่อมเป็นไปตามทีก่ ฎหมายบญั ญตั ิ ตาแหน่งทางการเมอื ง เจา้ หนา้ ท่ขี องรัฐ หรือเจ้าของกจิ การ อนั เป็นการ มาตรา ๔๙ การเวนคืนอสงั หาริมทรพั ย์จะกระทามไิ ด้ เวน้ แต่ ขัดขวางหรอื แทรกแซงการเสนอข่าวหรือแสดงความคิดเหน็ ในประเดน็ โดยอาศยั อานาจตามบทบัญญตั ิแหง่ กฎหมายเฉพาะเพื่อการอนั เปน็ สาธารณะของบุคคลตามวรรคหน่ึงหรอื วรรคสอง ให้ถอื วา่ เป็นการจงใจ ใช้อานาจหนา้ ที่โดยมิชอบและไม่มีผลใช้บังคบั เวน้ แตเ่ ปน็ การกระทา เพอื่ ใหเ้ ปน็ ไปตามกฎหมายหรือจริยธรรมแห่งการประกอบวิชาชีพ มาตรา ๓๖ บุคคลย่อมมเี สรภี าพในการสอ่ื สารถึงกนั โดยทาง มาตรา ๓๖ บคุ คลย่อมมีเสรภี าพในการตดิ ต่อส่อื สารถงึ กนั ไม่ ทช่ี อบด้วยกฎหมาย วา่ ในทางใด ๆ การตรวจ การกัก หรือการเปิดเผยสง่ิ ส่ือสารท่บี คุ คลมีตดิ ตอ่ ถงึ การตรวจ การกกั หรอื การเปดิ เผยข้อมลู ทบ่ี ุคคลสอ่ื สารถึงกนั กนั รวมทงั้ การกระทาดว้ ยประการอืน่ ใดเพื่อให้ล่วงรถู้ งึ ข้อความใน รวมทง้ั การกระทาดว้ ยประการใด ๆ เพอ่ื ให้ล่วงรู้หรือได้มาซ่ึงขอ้ มูลท่ี สิ่งส่อื สารทัง้ หลายที่บุคคลมตี ิดตอ่ ถงึ กัน จะกระทามไิ ด้ เวน้ แตโ่ ดย บุคคลส่อื สารถึงกันจะกระทามิได้ เวน้ แต่มีคาสั่งหรือหมายของศาล อาศัยอานาจตามบทบัญญตั แิ หง่ กฎหมาย เฉพาะเพื่อรักษาความ หรือมเี หตอุ ยา่ งอ่ืนตามท่ีกฎหมายบัญญัติ มั่นคงของรฐั หรอื เพ่อื รกั ษาความสงบเรยี บร้อยหรอื ศลี ธรรมอันดี ของประชาชน สว่ นท่ี ๕ สิทธิในทรพั ยส์ นิ มาตรา ๔๑ สิทธขิ องบคุ คลในทรพั ยส์ ินย่อมไดร้ บั ความ มาตรา ๓๗ บคุ คลย่อมมีสิทธิในทรัพยส์ นิ และการสืบมรดก คมุ้ ครอง ขอบเขตแหง่ สทิ ธิและการจากัดสทิ ธิเชน่ ว่าน้ยี ่อมเปน็ ไป ขอบเขตแห่งสิทธแิ ละการจากดั สทิ ธิเช่นวา่ น้ี ใหเ้ ปน็ ไปตามท่ี ตามทีก่ ฎหมายบัญญตั ิ กฎหมายบญั ญตั ิ การสืบมรดกย่อมได้รับความค้มุ ครอง สทิ ธขิ องบุคคลในการ การเวนคืนอสังหาริมทรัพยจ์ ะกระทามไิ ด้ เว้นแตโ่ ดยอาศัย สบื มรดกยอ่ มเปน็ ไปตามท่ีกฎหมายบญั ญตั ิ อานาจตามบทบญั ญตั แิ หง่ กฎหมายท่ีตราขนึ้ เพอื่ การอันเปน็ มาตรา ๔๒ การเวนคืนอสังหารมิ ทรพั ย์จะกระทามไิ ด้ เวน้ แตโ่ ดย สาธารณปู โภค การปอ้ งกนั ประเทศ หรือการไดม้ าซงึ่ ทรัพยากร อาศัยอานาจตามบทบญั ญัติแห่งกฎหมาย เฉพาะกจิ การของรัฐเพอ่ื การอนั ธรรมชาติ หรือเพือ่ ประโยชนส์ าธารณะอยา่ งอืน่ และตอ้ งชดใชค้ ่า
๑๔ นาถะ ดวงวิชยั ผบู้ ังคบั บญั ชากลุม่ งานประธานรัฐสภา ผจู้ ดั ทา รัฐธรรมนญู แห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศกั ราช ๒๕๔๐ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๐ รฐั ธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจกั รไทย พุทธศกั ราช ๒๕๖๐ สาธารณูปโภค การอนั จาเป็นในการป้องกนั ประเทศ การได้มาซงึ่ เปน็ สาธารณปู โภค การอันจาเป็นในการป้องกันประเทศ การไดม้ าซง่ึ ทดแทนท่เี ปน็ ธรรมภายในเวลาอันควรแก่เจ้าของตลอดจนผ้ทู รงสิทธิ ทรพั ยากรธรรมชาติ การผงั เมือง การสง่ เสริมและรกั ษาคณุ ภาพ ทรัพยากรธรรมชาติ การผังเมอื ง การสง่ เสรมิ และรกั ษาคณุ ภาพ บรรดาทไี่ ดร้ ับความเสียหายจากการเวนคืน โดยคานงึ ถงึ ประโยชน์ ส่งิ แวดล้อม การพฒั นาการเกษตรหรือการอตุ สาหกรรม การปฏิรปู สง่ิ แวดล้อม การพฒั นาการเกษตรหรอื การอตุ สาหกรรม การปฏิรูปทด่ี นิ สาธารณะ ผลกระทบตอ่ ผ้ถู ูกเวนคนื รวมทัง้ ประโยชนท์ ผ่ี ู้ถกู เวนคนื ทีด่ นิ หรือเพอื่ ประโยชน์สาธารณะอย่างอนื่ และตอ้ งชดใชค้ ่าทดแทน การอนรุ กั ษ์โบราณสถานและแหล่งทางประวตั ศิ าสตร์ หรอื เพอื่ ประโยชน์ อาจไดร้ บั จากการเวนคืนนนั้ ท่ีเปน็ ธรรมภายในเวลาอนั ควรแกเ่ จ้าของตลอดจนผูท้ รงสทิ ธิบรรดาที่ สาธารณะอยา่ งอน่ื และตอ้ งชดใช้ค่าทดแทนทีเ่ ปน็ ธรรมภายในเวลาอนั ควร การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ให้กระทาเพยี งเทา่ ที่จาเปน็ ตอ้ งใช้ ไดร้ บั ความเสยี หายในการเวนคนื น้ัน ทง้ั นี้ ตามทกี่ ฎหมายบญั ญตั ิ แก่เจา้ ของตลอดจนผทู้ รงสิทธบิ รรดาท่ีได้รบั ความเสียหายจากการเวนคนื เพือ่ การที่บญั ญตั ิไว้ในวรรคสาม เว้นแตเ่ ป็นการเวนคนื เพื่อนา การกาหนดคา่ ทดแทนตามวรรคหนึ่ง ต้องกาหนดใหอ้ ยา่ งเปน็ นัน้ ทั้งนี้ ตามที่กฎหมายบญั ญตั ิ อสงั หารมิ ทรัพย์ท่ีเวนคืนไปชดเชยใหเ้ กดิ ความเปน็ ธรรมแก่เจ้าของ ธรรมโดยคานึงถงึ ราคาทซี่ ื้อขายกนั ตามปกติ การไดม้ า สภาพและท่ีตง้ั การกาหนดค่าทดแทนตามวรรคหนึ่งต้องกาหนดให้อย่างเป็น อสังหาริมทรัพย์ที่ถูกเวนคืนตามทกี่ ฎหมายบญั ญตั ิ ของอสังหาริมทรพั ย์และความเสยี หายของผถู้ ูกเวนคนื ธรรมโดยคานึงถงึ ราคาทซ่ี ือ้ ขายกันตามปกตใิ นทอ้ งตลาด การไดม้ า กฎหมายเวนคืนอสังหารมิ ทรัพยต์ อ้ งระบุวัตถุประสงค์แหง่ การ กฎหมายเวนคนื อสังหารมิ ทรพั ยต์ อ้ งระบุวตั ถปุ ระสงคแ์ ห่งการ สภาพและทต่ี ้ังของอสังหารมิ ทรัพย์ ความเสยี หายของผู้ถูกเวนคืน และ เวนคืนและกาหนดระยะเวลาการเข้าใชอ้ สงั หารมิ ทรัพยใ์ ห้ชดั แจ้ง ถา้ เวนคนื และกาหนดระยะเวลาการเข้าใช้อสังหารมิ ทรัพยไ์ ว้ใหช้ ัดแจง้ ประโยชน์ท่ีรฐั และผ้ถู ูกเวนคืนได้รับจากการใช้สอยอสงั หาริมทรัพย์ทีถ่ ูก มไิ ดใ้ ชป้ ระโยชน์เพือ่ การนั้นภายในระยะเวลาทีก่ าหนดหรอื มี ถ้ามไิ ดใ้ ช้เพ่ือการนนั้ ภายในระยะเวลาที่กาหนดดังกลา่ ว ตอ้ งคนื ให้ เวนคืน อสงั หารมิ ทรพั ยเ์ หลือจากการใชป้ ระโยชน์ และเจา้ ของเดิมหรือ เจ้าของเดมิ หรอื ทายาท กฎหมายเวนคนื อสังหาริมทรพั ยต์ ้องระบวุ ตั ถุประสงค์แห่งการ ทายาทประสงคจ์ ะไดค้ นื ใหค้ ืนแกเ่ จา้ ของเดิมหรือทายาท การคนื อสังหารมิ ทรัพย์ใหเ้ จ้าของเดิมหรือทายาทตามวรรคสาม เวนคืนและกาหนดระยะเวลาการเขา้ ใช้อสงั หารมิ ทรพั ยไ์ ว้ให้ชดั แจ้ง ถา้ ระยะเวลาการขอคืนและการคืนอสังหารมิ ทรพั ยท์ ่ีถกู เวนคืนท่ี และการเรยี กคืนค่าทดแทนท่ชี ดใชไ้ ป ให้เปน็ ไปตามท่กี ฎหมายบญั ญัติ มไิ ดใ้ ชเ้ พือ่ การนนั้ ภายในระยะเวลาท่กี าหนดดังกลา่ วตอ้ งคืนใหเ้ จ้าของ มิไดใ้ ชป้ ระโยชนห์ รอื ทีเ่ หลอื จากการใชป้ ระโยชนใ์ ห้แก่เจ้าของเดิมหรอื เดมิ หรอื ทายาท ทายาท และการเรยี กคนื ค่าทดแทนทช่ี ดใช้ไป ให้เป็นไปตามท่ี การคืนอสงั หาริมทรัพยใ์ ห้เจ้าของเดมิ หรือทายาทตามวรรค กฎหมายบญั ญตั ิ สาม และการเรยี กคนื คา่ ทดแทนทช่ี ดใช้ไป ใหเ้ ปน็ ไปตามท่ีกฎหมาย การตรากฎหมายเวนคนื อสงั หารมิ ทรพั ยโ์ ดยระบเุ จาะจง บญั ญัติ อสังหารมิ ทรัพย์หรอื เจา้ ของอสงั หาริมทรพั ยท์ ่ีถูกเวนคนื ตามความ จาเปน็ มใิ ห้ถือวา่ เป็นการขดั ตอ่ มาตรา ๒๖ วรรคสอง มาตรา ๓๖ วรรคหนึง่ บคุ คลย่อมมีเสรีภาพในการเดินทาง มาตรา ๓๔ ตรงกบั บทบัญญตั ิในมาตรา ๓๖ วรรคหนง่ึ และ มาตรา ๓๘ บคุ คลย่อมมีเสรีภาพในการเดินทางและการเลอื ก ถิน่ ท่อี ยู่ และมเี สรีภาพในการเลอื กถิ่นท่ีอยภู่ ายในราชอาณาจกั ร วรรคสอง ของรัฐธรรมนญู แห่งราชอาณาจกั รไทย พุทธศกั ราช การจากัดเสรภี าพตามวรรคหนึ่งจะกระทามไิ ด้ เวน้ แตโ่ ดยอาศยั วรรคสอง การจากดั เสรภี าพตามวรรคหนง่ึ จะกระทามไิ ด้ เวน้ ๒๕๔๐ อานาจตามบทบญั ญตั แิ หง่ กฎหมายท่ตี ราขึ้นเพอ่ื ความมนั่ คงของรัฐ ความสงบเรยี บรอ้ ยหรือสวสั ดภิ าพของประชาชน หรือการผงั เมือง แต่โดยอาศยั อานาจตามบทบัญญตั ิแหง่ กฎหมาย เฉพาะเพอ่ื ความ หรือเพือ่ รกั ษาสถานภาพของครอบครวั หรอื เพอ่ื สวสั ดภิ าพของผู้เยาว์ มน่ั คงของรัฐ ความสงบเรยี บรอ้ ยหรือสวัสดิภาพของประชาชน การผัง เมอื ง หรอื เพ่ือสวัสดภิ าพของผเู้ ยาว์
๑๕ นาถะ ดวงวชิ ยั ผบู้ ังคับบญั ชากลมุ่ งานประธานรัฐสภา ผจู้ ัดทา รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศกั ราช ๒๕๔๐ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๐ รัฐธรรมนญู แห่งราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐ มาตรา ๓๖ วรรคสาม การเนรเทศบคุ คลผมู้ สี ญั ชาตไิ ทยออก มาตรา ๓๔ วรรคสาม ตรงกบั บทบญั ญัตใิ นมาตรา ๓๖ วรรค มาตรา ๓๙ การเนรเทศบคุ คลสญั ชาตไิ ทยออกนอกราชอาณาจกั ร นอกราชอาณาจักร หรือห้ามมใิ หบ้ ุคคลผมู้ สี ญั ชาตไิ ทยเขา้ มาใน สาม ของรฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พุทธศกั ราช ๒๕๔๐ หรือห้ามมิใหผ้ ู้มสี ญั ชาตไิ ทยเขา้ มาในราชอาณาจกั ร จะกระทามไิ ด้ ราชอาณาจกั ร จะกระทามไิ ด้ การถอนสญั ชาติของบคุ คลซง่ึ มสี ญั ชาติไทยโดยการเกิด จะ กระทามไิ ด้ สว่ นท่ี ๖ สทิ ธแิ ละเสรภี าพในการประกอบอาชีพ มาตรา ๕๐ บุคคลย่อมมีเสรภี าพในการประกอบกจิ การหรือ มาตรา ๔๓ ตรงกบั บทบัญญัตใิ นมาตรา ๕๐ ของรัฐธรรมนญู มาตรา ๔๐ บคุ คลยอ่ มมเี สรีภาพในการประกอบอาชีพ ประกอบอาชีพและการแข่งขันโดยเสรอี ยา่ งเป็นธรรม แห่งราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศักราช ๒๕๔๐ การจากดั เสรภี าพตามวรรคหน่ึงจะกระทามไิ ด้ เวน้ แตโ่ ดยอาศัย การจากดั เสรีภาพตามวรรคหน่ึงจะกระทามไิ ด้ เว้นแต่โดยอาศยั อานาจตามบทบญั ญตั แิ ห่งกฎหมายท่ีตราข้ึนเพอ่ื รักษาความม่ันคงหรอื อานาจตามบทบัญญตั แิ ห่งกฎหมาย เฉพาะเพื่อประโยชน์ในการรกั ษา เศรษฐกจิ ของประเทศ การแข่งขันอย่างเปน็ ธรรม การปอ้ งกันหรอื ขจดั ความมั่นคงของรฐั หรอื เศรษฐกิจของประเทศ การคมุ้ ครองประชาชนใน การกดี กันหรอื การผูกขาด การคมุ้ ครองผบู้ รโิ ภค การจดั ระเบยี บการ ด้านสาธารณปู โภค การรักษาความสงบเรียบรอ้ ยหรือศีลธรรมอันดขี อง ประกอบอาชพี เพยี งเท่าทจ่ี าเป็น หรอื เพ่อื ประโยชนส์ าธารณะอย่างอน่ื ประชาชน การจัดระเบียบการประกอบอาชีพ การคุม้ ครองผูบ้ ริโภค การ การตรากฎหมายเพือ่ จัดระเบยี บการประกอบอาชพี ตามวรรค ผงั เมอื ง การรกั ษาทรัพยากรธรรมชาติหรอื สง่ิ แวดลอ้ ม สวสั ดิภาพของ สอง ต้องไมม่ ลี กั ษณะเป็นการเลอื กปฏิบตั หิ รือก้าวกา่ ยการจดั ประชาชน หรอื เพือ่ ป้องกันการผกู ขาด หรือขจัดความไม่เป็นธรรมในการ การศึกษาของสถาบันการศึกษา แข่งขัน มาตรา ๕๘ บุคคลยอ่ มมีสทิ ธไิ ดร้ บั ทราบข้อมลู หรือขา่ วสาร มาตรา ๕๖ บุคคลย่อมมีสทิ ธไิ ด้รบั ทราบและเขา้ ถงึ ข้อมลู มาตรา ๔๑ บุคคลและชมุ ชนย่อมมีสทิ ธิ สาธารณะในครอบครองของหน่วยราชการ หน่วยงานของรฐั หรอื ข่าวสารสาธารณะในครอบครองของหน่วยราชการ หนว่ ยงาน (๑) ไดร้ ับทราบและเขา้ ถงึ ข้อมูลหรือข่าวสารสาธารณะใน รฐั วสิ าหกิจ หรือราชการสว่ นท้องถ่ิน เว้นแตก่ ารเปดิ เผยข้อมูลนนั้ จะ ของรฐั รฐั วสิ าหกิจ หรอื ราชการสว่ นท้องถิน่ เวน้ แตก่ ารเปิดเผย ครอบครองของหน่วยงานของรฐั ตามท่กี ฎหมายบัญญตั ิ กระทบตอ่ ความม่นั คงของรัฐ ความปลอดภัยของประชาชน หรือสว่ น ข้อมลู หรือข่าวสารน้นั จะกระทบตอ่ ความมัน่ คงของรัฐ ความ (๒) เสนอเรื่องราวร้องทุกข์ตอ่ หนว่ ยงานของรัฐและไดร้ ับแจง้ ผล ไดเ้ สยี อันพงึ ไดร้ บั ความคมุ้ ครองของบคุ คลอ่นื ทง้ั น้ี ตามที่กฎหมาย ปลอดภัยของประชาชน หรือส่วนได้เสยี อันพงึ ไดร้ ับความคมุ้ ครอง การพิจารณาโดยรวดเรว็ บญั ญตั ิ ของบุคคลอ่ืน หรือเป็นข้อมูลสว่ นบุคคล ทั้งน้ี ตามทก่ี ฎหมายบญั ญตั ิ (๓) ฟ้องหนว่ ยงานของรฐั ใหร้ บั ผดิ เนือ่ งจากการกระทาหรอื การ มาตรา ๖๑ บคุ คลยอ่ มมีสิทธเิ สนอเร่อื งราวรอ้ งทุกข์และไดร้ ับ มาตรา ๕๙ บคุ คลย่อมมสี ิทธเิ สนอเร่อื งราวร้องทกุ ข์และ ละเวน้ การกระทาของข้าราชการ พนกั งาน หรอื ลูกจ้างของหน่วยงาน แจ้งผลการพจิ ารณาภายในเวลาอันสมควร ท้ังน้ี ตามทก่ี ฎหมายบัญญัติ ได้รบั แจง้ ผลการพจิ ารณาภายในเวลาอันรวดเร็ว ของรฐั มาตรา ๖๒ สิทธขิ องบุคคลที่จะฟ้องหนว่ ยราชการ หนว่ ยงาน มาตรา ๖๐ บุคคลยอ่ มมีสทิ ธทิ ี่จะฟ้องหน่วยราชการ หน่วยงาน ของรฐั รัฐวสิ าหกิจ ราชการสว่ นทอ้ งถ่นิ หรือองค์กรอ่ืนของรัฐ ที่เป็น ของรัฐ รฐั วสิ าหกิจ ราชการสว่ นทอ้ งถิ่น หรอื องคก์ รอ่นื ของรฐั ทเ่ี ป็นนิติ นติ ิบุคคล ให้รบั ผดิ เนื่องจากการกระทาหรอื การละเวน้ การกระทาของ บคุ คล ให้รบั ผิดเนือ่ งจากการกระทาหรอื การละเว้นการกระทาของ ข้าราชการ พนกั งาน หรอื ลกู จ้างของหน่วยงานน้นั ย่อมได้รบั ความ ข้าราชการ พนักงาน หรือลกู จา้ งของหน่วยงานนน้ั คมุ้ ครอง ท้ังน้ี ตามทกี่ ฎหมายบัญญัติ
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทย พุทธศกั ราช ๒๕๔๐ ๑๖ นาถะ ดวงวชิ ยั ผู้บังคับบัญชากลุ่มงานประธานรัฐสภา ผจู้ ดั ทา มาตรา ๔๕ บคุ คลยอ่ มมเี สรภี าพในการรวมกันเปน็ สมาคม รฐั ธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจกั รไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ สหภาพ สหพันธ์ สหกรณ์ กลมุ่ เกษตรกร องคก์ ารเอกชน หรือหมู่ รฐั ธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐ คณะอนื่ มาตรา ๖๔ บุคคลย่อมมีเสรภี าพในการรวมกันเปน็ สมาคม สหภาพ สหพันธ์ สหกรณ์ กล่มุ เกษตรกร องค์การเอกชน องคก์ าร มาตรา ๔๒ บุคคลยอ่ มมเี สรีภาพในการรวมกันเป็นสมาคม การจากัดเสรภี าพตามวรรคหน่ึงจะกระทามไิ ด้ เวน้ แตโ่ ดยอาศยั พัฒนาเอกชน หรือหมู่คณะอ่ืน สหกรณ์ สหภาพ องคก์ ร ชมุ ชน หรอื หม่คู ณะอื่น อานาจตามบทบญั ญัตแิ หง่ กฎหมาย เฉพาะเพ่อื คุม้ ครองประโยชน์ ส่วนรวมของประชาชน เพอ่ื รกั ษาความสงบเรียบรอ้ ยหรอื ศลี ธรรมอนั ข้าราชการและเจ้าหนา้ ที่ของรฐั ยอ่ มมีเสรภี าพในการรวมกลมุ่ การจากดั เสรภี าพตามวรรคหนง่ึ จะกระทามไิ ด้ เวน้ แต่โดยอาศัย ดขี องประชาชน หรือเพื่อป้องกันมิใหม้ กี ารผูกขาดตัดตอนในทาง เชน่ เดียวกบั บคุ คลท่วั ไป แต่ทั้งน้ีตอ้ งไมก่ ระทบประสทิ ธภิ าพในการ อานาจตามบทบญั ญตั ิแห่งกฎหมายท่ีตราข้ึนเพอ่ื คุ้มครองประโยชน์ เศรษฐกิจ บรหิ ารราชการแผ่นดนิ และความตอ่ เน่อื งในการจดั ทาบรกิ าร สาธารณะ เพ่อื รักษาความสงบเรียบรอ้ ยหรอื ศลี ธรรมอนั ดีของ สาธารณะ ท้งั น้ี ตามทีก่ ฎหมายบญั ญตั ิ ประชาชน หรอื เพอื่ การป้องกันหรอื ขจดั การกีดกันหรอื การผูกขาด มาตรา ๔๖ บุคคลซ่งึ รวมกันเป็นชุมชนทอ้ งถนิ่ ดง้ั เดิมย่อมมี สิทธิอนรุ กั ษ์หรือฟน้ื ฟูจารตี ประเพณี ภมู ิปญั ญาทอ้ งถน่ิ ศิลปะหรอื การจากดั เสรภี าพตามวรรคหน่งึ และวรรคสอง จะกระทามไิ ด้ มาตรา ๔๓ บคุ คลและชุมชนย่อมมีสทิ ธิ วัฒนธรรมอันดขี องทอ้ งถิ่นและของชาติ และมีสว่ นร่วมในการจัดการ เว้นแต่โดยอาศัยอานาจตามบทบญั ญัตแิ ห่งกฎหมาย เฉพาะเพ่อื (๑) อนุรกั ษ์ ฟนื้ ฟู หรอื สง่ เสริมภมู ปิ ัญญา ศลิ ปะ วฒั นธรรม การบารุงรกั ษา และการใช้ประโยชน์จากทรพั ยากรธรรมชาติและ คุ้มครองประโยชนส์ ว่ นรวมของประชาชน เพื่อรักษาความสงบ ขนบธรรมเนยี ม และจารตี ประเพณอี ันดีงามท้ังของท้องถ่ินและของชาติ สงิ่ แวดล้อมอยา่ งสมดลุ และยง่ั ยนื ทงั้ นี้ ตามทีก่ ฎหมายบญั ญตั ิ เรียบรอ้ ยหรือศลี ธรรมอันดขี องประชาชน หรือเพือ่ ปอ้ งกนั มิใหม้ กี าร (๒) จดั การ บารงุ รกั ษา และใช้ประโยชน์จากทรพั ยากรธรรมชาติ ผกู ขาดตดั ตอนในทางเศรษฐกจิ สิ่งแวดลอ้ ม และความหลากหลายทางชีวภาพอย่างสมดุลและย่ังยืน มาตรา ๕๖ สทิ ธิของบุคคลที่จะมีส่วนรว่ มกับรัฐและชุมชนใน ตามวธิ ีการท่กี ฎหมายบญั ญตั ิ การบารุงรกั ษา และการได้ประโยชนจ์ ากทรัพยากรธรรมชาติและ ส่วนที่ ๑๒ (๓) เขา้ ชอ่ื กนั เพ่ือเสนอแนะตอ่ หนว่ ยงานของรฐั ใหด้ าเนินการ ความหลากหลายทางชวี ภาพ และในการคุ้มครอง ส่งเสรมิ และรักษา สทิ ธิชมุ ชน ใดอนั จะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนหรอื ชุมชน หรอื งดเว้นการ คณุ ภาพส่ิงแวดลอ้ ม เพ่อื ให้ดารงชพี อย่ไู ดอ้ ย่างปกตแิ ละต่อเน่ือง ใน มาตรา ๖๖ บคุ คลซ่ึงรวมกันเปน็ ชุมชน ชุมชนท้องถิ่น หรือ ดาเนินการใดอนั จะกระทบต่อความเป็นอยอู่ ย่างสงบสขุ ของประชาชน ส่งิ แวดลอ้ มทจี่ ะไม่กอ่ ใหเ้ กดิ อันตรายต่อสขุ ภาพอนามัย สวสั ดภิ าพ ชุมชนท้องถิน่ ดง้ั เดมิ ย่อมมีสทิ ธิอนุรักษ์หรือฟ้ืนฟจู ารีตประเพณี ภมู ิ หรือชุมชน และไดร้ ับแจง้ ผลการพจิ ารณาโดยรวดเรว็ ทัง้ น้ี หน่วยงาน หรอื คณุ ภาพชีวติ ของตน ย่อมได้รบั ความคุ้มครอง ทงั้ นี้ ตามที่ ปัญญาทอ้ งถ่ิน ศิลปวฒั นธรรมอนั ดีของท้องถ่ินและของชาติ และมสี ่วน ของรัฐตอ้ งพจิ ารณาขอ้ เสนอแนะนั้นโดยใหป้ ระชาชนทเี่ กี่ยวข้องมีสว่ น กฎหมายบญั ญตั ิ รว่ มในการจัดการ การบารุงรักษา และการใช้ประโยชนจ์ ากทรัพยากร รว่ มในการพิจารณาด้วยตามวิธีการท่ีกฎหมายบญั ญตั ิ ธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม รวมท้ังความหลากหลายทางชีวภาพอย่างสมดลุ (๔) จัดให้มรี ะบบสวสั ดิการของชมุ ชน การดาเนินโครงการหรือกิจกรรมท่ีอาจก่อให้เกดิ ผลกระทบ และย่งั ยนื อยา่ งรุนแรงต่อคณุ ภาพสิง่ แวดล้อมจะกระทามิได้ เวน้ แต่จะไดศ้ กึ ษา มาตรา ๖๗ สิทธิของบุคคลทจ่ี ะมีสว่ นร่วมกับรัฐและชุมชนใน และประเมินผลกระทบต่อคณุ ภาพสง่ิ แวดล้อม รวมท้ังไดใ้ ห้องคก์ าร การอนรุ กั ษ์ บารงุ รกั ษา และการไดป้ ระโยชนจ์ ากทรัพยากรธรรมชาติ และความหลากหลายทางชีวภาพ และในการคุม้ ครอง สง่ เสรมิ และ รกั ษาคุณภาพสงิ่ แวดล้อม เพื่อใหด้ ารงชีพอย่ไู ดอ้ ย่างปกตแิ ละตอ่ เน่ือง ในสงิ่ แวดล้อมทจ่ี ะไม่ก่อใหเ้ กิดอนั ตรายตอ่ สุขภาพอนามยั สวสั ดภิ าพ หรือคณุ ภาพชวี ติ ของตน ย่อมไดร้ บั ความค้มุ ครองตามความเหมาะสม การดาเนินโครงการหรือกิจกรรมที่อาจก่อใหเ้ กดิ ผลกระทบต่อ ชุมชนอยา่ งรุนแรงทั้งทางดา้ นคุณภาพสิง่ แวดลอ้ ม ทรัพยากรธรรมชาติ และสขุ ภาพ จะกระทามไิ ด้ เวน้ แตจ่ ะได้ศึกษาและประเมนิ ผล
๑๗ นาถะ ดวงวชิ ยั ผูบ้ งั คับบญั ชากลุ่มงานประธานรฐั สภา ผจู้ ัดทา รัฐธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พุทธศักราช ๒๕๔๐ รัฐธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พุทธศกั ราช ๒๕๕๐ รฐั ธรรมนญู แห่งราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศักราช ๒๕๖๐ อิสระซง่ึ ประกอบดว้ ยผู้แทนองคก์ ารเอกชนดา้ นสงิ่ แวดลอ้ มและผแู้ ทน กระทบตอ่ คณุ ภาพส่งิ แวดล้อมและสขุ ภาพของประชาชนในชุมชน สิทธขิ องบุคคลและชมุ ชนตามวรรคหน่ึง หมายความรวมถงึ สิทธิ สถาบันอดุ มศึกษาทีจ่ ดั การศกึ ษาดา้ นสงิ่ แวดลอ้ ม ให้ความเห็น และจัดใหม้ ีกระบวนการรับฟงั ความคดิ เหน็ ของประชาชนและผู้มี ท่ีจะรว่ มกับองคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถิ่นหรือรัฐในการดาเนนิ การ ประกอบกอ่ นมีการดาเนนิ การดังกล่าว ทง้ั นี้ ตามทกี่ ฎหมายบญั ญตั ิ ส่วนไดเ้ สยี กอ่ น รวมทง้ั ได้ให้องค์การอิสระซ่งึ ประกอบดว้ ยผแู้ ทน ดงั กลา่ วด้วย สทิ ธขิ องบคุ คลทจี่ ะฟอ้ งหน่วยราชการ หนว่ ยงานของรฐั องค์การเอกชนดา้ นส่งิ แวดล้อมและสขุ ภาพ และผ้แู ทนสถาบนั รัฐวิสาหกจิ ราชการส่วนท้องถนิ่ หรือองคก์ รอน่ื ของรัฐ เพอ่ื ให้ปฏบิ ตั ิ อุดมศกึ ษาท่จี ดั การการศกึ ษาด้านสงิ่ แวดล้อมหรือทรัพยากร หนา้ ท่ตี ามท่บี ญั ญตั ไิ ว้ในกฎหมายตามวรรคหนงึ่ และวรรคสอง ย่อม ธรรมชาติหรือด้านสุขภาพ ใหค้ วามเหน็ ประกอบกอ่ นมกี าร ได้รบั ความคมุ้ ครอง ดาเนินการดังกล่าว มาตรา ๖๐ บุคคลย่อมมสี ทิ ธิมสี ว่ นร่วมในกระบวนการ สทิ ธิของชมุ ชนท่ีจะฟอ้ งหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ พจิ ารณาของเจ้าหนา้ ทขี่ องรฐั ในการปฏิบัตริ าชการทางปกครองอนั มี รฐั วิสาหกิจ ราชการสว่ นท้องถ่ิน หรือองค์กรอ่ืนของรฐั ทเี่ ป็นนติ บิ ุคคล ผลหรอื อาจมผี ลกระทบตอ่ สิทธแิ ละเสรีภาพของตน ทั้งนี้ ตามที่ เพ่ือใหป้ ฏิบัตหิ น้าท่ีตามบทบญั ญตั ิน้ี ย่อมได้รบั ความคุ้มครอง กฎหมายบญั ญตั ิ มาตรา ๕๘ บุคคลย่อมมสี ิทธมิ สี ว่ นรว่ มในกระบวนการ พจิ ารณาของเจ้าหน้าที่ของรฐั ในการปฏิบัตริ าชการทางปกครองอันมี ผลหรืออาจมผี ลกระทบตอ่ สิทธิและเสรภี าพของตน สว่ นที่ ๑๑ เสรีภาพในการชมุ นุมและการสมาคม มาตรา ๔๔ บคุ คลยอ่ มมีเสรภี าพในการชุมนมุ โดยสงบและ มาตรา ๖๓ ตรงกับบทบัญญัตใิ นมาตรา ๔๔ ของรัฐธรรมนญู มาตรา ๔๔ บคุ คลย่อมมีเสรีภาพในการชมุ นุมโดยสงบและ ปราศจากอาวธุ แห่งราชอาณาจกั รไทย พุทธศกั ราช ๒๕๔๐ ปราศจากอาวุธ การจากัดเสรภี าพตามวรรคหน่ึงจะกระทามไิ ด้ เว้นแตโ่ ดยอาศัย การจากัดเสรภี าพตามวรรคหนึง่ จะกระทามไิ ด้ เวน้ แตโ่ ดยอาศยั อานาจตามบทบญั ญตั แิ ห่งกฎหมาย เฉพาะในกรณกี ารชุมนุม อานาจตามบทบญั ญตั ิแหง่ กฎหมายทีต่ ราข้นึ เพอื่ รักษาความม่นั คงของ สาธารณะ และเพื่อคมุ้ ครองความสะดวกของประชาชนทจ่ี ะใชท้ ี่ รฐั ความปลอดภัยสาธารณะ ความสงบเรยี บร้อยหรอื ศลี ธรรมอันดี สาธารณะ หรอื เพือ่ รกั ษาความสงบเรียบร้อยในระหว่างเวลาท่ี ของประชาชน หรือเพอ่ื ค้มุ ครองสทิ ธิหรือเสรีภาพของบุคคลอ่ืน ประเทศอยู่ในภาวะการสงคราม หรอื ในระหว่างเวลาทมี่ ีประกาศ สถานการณ์ฉุกเฉนิ หรือประกาศใชก้ ฎอัยการศึก มาตรา ๔๗ บุคคลย่อมมเี สรภี าพในการรวมกันจดั ตงั้ เป็นพรรค มาตรา ๖๕ ตรงกบั บทบัญญัติในมาตรา ๔๗ ของรฐั ธรรมนญู มาตรา ๔๕ บุคคลยอ่ มมเี สรภี าพในการรวมกันจัดตั้งพรรค การเมืองเพอื่ สร้างเจตนารมณท์ างการเมอื งของประชาชนและเพ่ือ แห่งราชอาณาจักรไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๔๐ การเมอื งตามวถิ ีทางการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมพี ระมหา ดาเนินกิจการในทางการเมอื งให้เป็นไปตามเจตนารมณ์นน้ั ตาม กษตั ริย์ทรงเปน็ ประมุข ตามทก่ี ฎหมายบัญญตั ิ วิถีทางการปกครองระบอบประชาธิปไตยอนั มพี ระมหากษัตรยิ ์ทรง กฎหมายตามวรรคหนึง่ อย่างน้อยต้องมีบทบัญญตั เิ กย่ี วกบั การ เป็นประมขุ ตามทีบ่ ญั ญัตไิ ว้ในรฐั ธรรมนญู น้ี บริหารพรรคการเมืองซ่งึ ต้องกาหนดใหเ้ ปน็ ไปโดยเปิดเผยและ ตรวจสอบได้ เปดิ โอกาสใหส้ มาชิกมสี ว่ นรว่ มอย่างกว้างขวางในการ
รฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจักรไทย พทุ ธศักราช ๒๕๔๐ ๑๘ นาถะ ดวงวิชัย ผู้บงั คบั บญั ชากลมุ่ งานประธานรฐั สภา รัฐธรรมนญู แห่งราชอาณาจกั รไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ ผจู้ ัดทา การจดั องคก์ รภายใน การดาเนินกจิ การ และขอ้ บังคบั ของพรรค การเมอื ง ตอ้ งสอดคล้องกบั หลกั การพ้นื ฐานของการปกครองระบอบ รฐั ธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ ประชาธปิ ไตยอันมีพระมหากษัตรยิ ท์ รงเป็นประมขุ กาหนดนโยบายและการสง่ ผสู้ มัครรบั เลือกตัง้ และกาหนดมาตรการให้ สมาชิกสภาผูแ้ ทนราษฎรซ่งึ เปน็ สมาชกิ ของพรรคการเมือง สามารถดาเนนิ การโดยอสิ ระไมถ่ ูกครอบงาหรือชีน้ าโดยบุคคลซงึ่ มิได้ กรรมการบริหารของพรรคการเมอื ง หรือสมาชิกพรรคการเมอื งตาม เปน็ สมาชิกของพรรคการเมืองน้ัน รวมทง้ั มาตรการกากบั ดูแลมิให้ จานวนทก่ี าหนดในกฎหมายประกอบรัฐธรรมนญู ว่าดว้ ยพรรค สมาชกิ ของพรรคการเมืองกระทาการอันเป็นการฝ่าฝืนหรอื ไมป่ ฏิบตั ิ การเมือง ซง่ึ เห็นว่ามติหรือข้อบงั คบั ในเรอื่ งใดของพรรคการเมอื งทต่ี น ตามกฎหมายเกยี่ วกับการเลือกตัง้ เปน็ สมาชิกอยู่นั้นจะขดั ตอ่ สถานะและการปฏิบตั หิ นา้ ทขี่ อง สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรตามรฐั ธรรมนญู น้ี หรือขดั หรือแยง้ กับ หลักการพ้นื ฐานแหง่ การปกครองในระบอบประชาธปิ ไตยอนั มี พระมหากษตั รยิ ์ทรงเปน็ ประมุข มสี ทิ ธิรอ้ งขอใหศ้ าลรฐั ธรรมนูญ พิจารณาวนิ จิ ฉยั ในกรณีทีศ่ าลรฐั ธรรมนูญวนิ จิ ฉยั วา่ มติหรือขอ้ บังคบั ดังกลา่ วขัด หรอื แยง้ กบั หลักการพื้นฐานแหง่ การปกครองในระบอบประชาธปิ ไตย อนั มพี ระมหากษตั ริย์ทรงเป็นประมุข ใหม้ ติหรอื ขอ้ บงั คบั นั้นเป็นอัน ยกเลิกไป มาตรา ๕๗ สทิ ธิของบุคคลซ่ึงเปน็ ผู้บรโิ ภคย่อมไดร้ ับความ มาตรา ๖๑ สิทธิของบุคคลซ่ึงเปน็ ผู้บรโิ ภคย่อมไดร้ บั ความ มาตรา ๔๖ สทิ ธขิ องผบู้ รโิ ภคย่อมไดร้ บั ความคมุ้ ครอง คุม้ ครอง ทง้ั นี้ ตามทีก่ ฎหมายบัญญตั ิ ค้มุ ครอง ในการไดร้ บั ขอ้ มลู ท่ีเปน็ ความจริง และมีสิทธริ อ้ งเรยี น บคุ คลยอ่ มมสี ิทธิรวมกันจัดตั้งองคก์ รของผ้บู รโิ ภคเพอ่ื คุ้มครอง เพื่อให้ได้รบั การแก้ไขเยียวยาความเสยี หาย รวมทัง้ มีสิทธริ วมตวั กนั และพิทักษส์ ิทธขิ องผบู้ รโิ ภค กฎหมายตามวรรคหนง่ึ ต้องบญั ญตั ิให้มีองค์การอิสระซึ่ง เพ่ือพทิ กั ษ์สิทธิของผูบ้ ริโภค องคก์ รของผ้บู รโิ ภคตามวรรคสองมีสทิ ธริ วมกันจดั ต้งั เปน็ องคก์ ร ประกอบด้วยตัวแทนผบู้ ริโภคทาหนา้ ทีใ่ หค้ วามเห็นในการตรากฎหมาย ทม่ี คี วามเป็นอสิ ระเพอื่ ใหเ้ กดิ พลงั ในการคมุ้ ครองและพิทักษส์ ทิ ธขิ อง กฎ และขอ้ บังคบั และให้ความเหน็ ในการกาหนดมาตรการตา่ ง ๆ ให้มอี งคก์ ารเพอื่ การค้มุ ครองผู้บริโภคทเี่ ป็นอิสระจากหน่วยงาน ผูบ้ ริโภคโดยได้รับการสนบั สนุนจากรัฐ ทงั้ น้ี หลกั เกณฑแ์ ละวธิ กี าร เพื่อค้มุ ครองผบู้ ริโภค ของรฐั ซ่งึ ประกอบดว้ ยตัวแทนผูบ้ ริโภค ทาหน้าท่ีให้ความเห็นเพ่อื จดั ตั้ง อานาจในการเป็นตวั แทนของผู้บริโภค และการสนบั สนนุ ดา้ น ประกอบการพิจารณาของหน่วยงานของรัฐในการตราและการบังคับใช้ การเงินจากรฐั ให้เปน็ ไปตามทก่ี ฎหมายบญั ญตั ิ กฎหมายและกฎ และใหค้ วามเห็นในการกาหนดมาตรการตา่ ง ๆ เพ่อื คุ้มครองผบู้ รโิ ภค รวมท้งั ตรวจสอบและรายงานการกระทาหรือละเลย การกระทาอันเป็นการคมุ้ ครองผู้บริโภค ทั้งน้ี ให้รฐั สนับสนนุ งบประมาณในการดาเนนิ การขององค์การอิสระดงั กลา่ วด้วย
รฐั ธรรมนญู แห่งราชอาณาจกั รไทย พุทธศักราช ๒๕๔๐ ๑๙ นาถะ ดวงวชิ ยั ผบู้ ังคบั บญั ชากลมุ่ งานประธานรฐั สภา ผจู้ ัดทา มาตรา ๕๒ บคุ คลยอ่ มมีสทิ ธเิ สมอกันในการรบั บริการทาง รัฐธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ สาธารณสุขทไี่ ด้มาตรฐาน และผู้ยากไร้มสี ิทธไิ ดร้ ับการรักษาพยาบาล รฐั ธรรมนญู แห่งราชอาณาจักรไทย พทุ ธศักราช ๒๕๖๐ จากสถานบริการสาธารณสขุ ของรฐั โดยไมเ่ สยี ค่าใช้จ่าย ท้ังน้ี ตามท่ี สว่ นท่ี ๙ กฎหมายบญั ญตั ิ สทิ ธิในการได้รบั บริการสาธารณสุขและสวสั ดกิ ารจากรฐั มาตรา ๔๗ บคุ คลย่อมมสี ิทธไิ ดร้ บั บรกิ ารสาธารณสุขของรัฐ มาตรา ๕๑ บคุ คลย่อมมสี ิทธเิ สมอกนั ในการรับบริการทาง บคุ คลผยู้ ากไร้ย่อมมีสิทธไิ ด้รับบรกิ ารสาธารณสุขของรฐั โดยไม่ การบริการทางสาธารณสขุ ของรฐั ตอ้ งเปน็ ไปอย่างทวั่ ถงึ และมี สาธารณสขุ ทเี่ หมาะสมและไดม้ าตรฐาน และผยู้ ากไรม้ ีสิทธไิ ดร้ บั การ เสยี ค่าใชจ้ ่ายตามท่ีกฎหมายบญั ญตั ิ ประสทิ ธภิ าพ โดยจะต้องสง่ เสรมิ ใหอ้ งค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถิ่นและ รกั ษาพยาบาลจากสถานบริการสาธารณสขุ ของรฐั โดยไมเ่ สยี ค่าใช้จา่ ย บุคคลยอ่ มมีสทิ ธไิ ดร้ ับการปอ้ งกนั และขจดั โรคติดตอ่ อนั ตราย เอกชนมสี ว่ นรว่ มดว้ ยเทา่ ที่จะกระทาได้ บุคคลยอ่ มมสี ทิ ธไิ ด้รบั การบริการสาธารณสขุ จากรฐั ซ่ึงต้อง จากรัฐโดยไม่เสยี ค่าใช้จ่าย เปน็ ไปอยา่ งทัว่ ถึงและมปี ระสิทธภิ าพ การป้องกันและขจัดโรคตดิ ต่ออนั ตราย รัฐตอ้ งจดั ให้แก่ประชาชน บคุ คลยอ่ มมสี ทิ ธไิ ด้รบั การป้องกนั และขจดั โรคตดิ ตอ่ อนั ตรายจาก มาตรา ๔๘ สทิ ธขิ องมารดาในชว่ งระหวา่ งกอ่ นและหลังการ โดยไม่คดิ มลู คา่ และทนั ต่อเหตกุ ารณ์ ทง้ั นี้ ตามทก่ี ฎหมายบัญญตั ิ รฐั อยา่ งเหมาะสมโดยไมเ่ สียคา่ ใช้จา่ ยและทันต่อเหตกุ ารณ์ คลอดบุตรยอ่ มไดร้ บั ความคมุ้ ครองและช่วยเหลือตามที่กฎหมาย บญั ญตั ิ มาตรา ๕๔ บุคคลซึ่งมีอายเุ กนิ หกสิบปบี ริบรู ณ์และไม่มรี ายได้ มาตรา ๕๓ บุคคลซง่ึ มีอายุเกินหกสบิ ปีบริบรู ณ์และไม่มรี ายได้ เพียงพอแก่การยงั ชีพ มสี ิทธิไดร้ บั ความช่วยเหลอื อืน่ จากรฐั ท้ังน้ี เพียงพอแก่การยังชีพ มีสิทธิได้รับสวัสดิการ สิ่งอานวยความสะดวกอัน บุคคลซ่ึงมีอายเุ กินหกสบิ ปแี ละไมม่ รี ายได้เพียงพอแก่การยังชีพ ตามท่กี ฎหมายบัญญัติ เป็นสาธารณะอยา่ งสมศักดศ์ิ รี และความชว่ ยเหลือที่เหมาะสมจากรัฐ และบุคคลผยู้ ากไร้ ย่อมมสี ทิ ธไิ ดร้ บั ความช่วยเหลือทีเ่ หมาะสมจากรฐั ตามที่กฎหมายบัญญัติ มาตรา ๖๓ บคุ คลจะใช้สิทธิและเสรภี าพตามรฐั ธรรมนญู เพอื่ มาตรา ๕๕ บคุ คลซึง่ ไร้ท่อี ยู่อาศัยและไมม่ ีรายไดเ้ พยี งพอแก่การ ล้มลา้ งการปกครองระบอบประชาธปิ ไตยอนั มพี ระมหากษตั รยิ ท์ รง ยังชีพ ย่อมมสี ิทธิไดร้ ับความช่วยเหลอื ท่ีเหมาะสมจากรฐั มาตรา ๔๙ บคุ คลจะใชส้ ทิ ธิหรอื เสรภี าพเพ่อื ลม้ ลา้ งการ เป็นประมุขตามรฐั ธรรมนญู น้ี หรอื เพอ่ื ใหไ้ ด้มาซงึ่ อานาจในการ ปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมพี ระมหากษตั รยิ ท์ รงเป็นประมุข ปกครองประเทศโดยวธิ ีการซงึ่ มิไดเ้ ปน็ ไปตามวิถที างท่บี ญั ญตั ไิ ว้ใน ส่วนท่ี ๑๓ มิได้ รัฐธรรมนูญน้ี มไิ ด้ สิทธพิ ิทกั ษร์ ฐั ธรรมนญู มาตรา ๖๘ บคุ คลจะใช้สิทธิและเสรภี าพตามรัฐธรรมนญู เพือ่ ผใู้ ดทราบว่ามีการกระทาตามวรรคหน่งึ ย่อมมสี ิทธริ ้องตอ่ ในกรณที บี่ คุ คลหรือพรรคการเมืองใดกระทาการตามวรรคหนึ่ง ล้มลา้ งการปกครองระบอบประชาธปิ ไตยอันมพี ระมหากษัตรยิ ์ทรง อยั การสูงสดุ เพอ่ื รอ้ งขอให้ศาลรฐั ธรรมนญู วนิ จิ ฉยั สัง่ การใหเ้ ลิกการ ผรู้ ้เู หน็ การกระทาดังกลา่ วยอ่ มมสี ทิ ธิเสนอเร่อื งให้อยั การสงู สุด เปน็ ประมุขตามรฐั ธรรมนญู น้ี หรอื เพ่ือใหไ้ ดม้ าซึ่งอานาจในการ กระทาดงั กล่าวได้ ตรวจสอบข้อเทจ็ จริงและยน่ื คาร้องขอให้ศาลรฐั ธรรมนูญวินิจฉยั ส่งั ปกครองประเทศโดยวธิ ีการซงึ่ มไิ ดเ้ ปน็ ไปตามวถิ ีทางทีบ่ ัญญตั ไิ วใ้ น การให้เลิกการกระทาดงั กล่าว แตท่ ้ังน้ี ไม่กระทบกระเทอื นการ รฐั ธรรมนญู นี้ มไิ ด้ ในกรณที ่ีอัยการสูงสดุ มคี าส่ังไมร่ บั ดาเนินการตามทร่ี ้องขอ ดาเนนิ คดอี าญาตอ่ ผกู้ ระทาการดังกล่าว ในกรณีท่บี คุ คลหรือพรรคการเมอื งใดกระทาการตามวรรค หรอื ไมด่ าเนนิ การภายในสบิ ห้าวนั นับแตว่ ันท่ไี ดร้ ับคาร้องขอ ผูร้ ้องขอ หนงึ่ ผู้ทราบการกระทาดังกล่าวยอ่ มมสี ิทธิเสนอเร่อื งให้อยั การสูงสดุ จะย่นื คารอ้ งโดยตรงตอ่ ศาลรฐั ธรรมนูญก็ได้ ตรวจสอบขอ้ เท็จจรงิ และยน่ื คาร้องขอใหศ้ าลรฐั ธรรมนูญวินจิ ฉยั สง่ั การให้เลิกการกระทาดังกล่าว แต่ทง้ั นี้ ไม่กระทบกระเทือนการ ดาเนนิ คดีอาญาตอ่ ผกู้ ระทาการดงั กล่าว
๒๐ นาถะ ดวงวชิ ัย ผู้บงั คบั บญั ชากลมุ่ งานประธานรฐั สภา ผู้จัดทา รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศักราช ๒๕๔๐ รฐั ธรรมนญู แห่งราชอาณาจกั รไทย พุทธศกั ราช ๒๕๕๐ รัฐธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศักราช ๒๕๖๐ ในกรณีท่ีศาลรฐั ธรรมนญู วนิ จิ ฉัยสง่ั การใหพ้ รรคการเมอื งใดเลิก ในกรณที ศี่ าลรัฐธรรมนูญวนิ จิ ฉัยสงั่ การใหพ้ รรคการเมอื งใด การดาเนนิ การตามมาตราน้ไี มก่ ระทบตอ่ การดาเนินคดีอาญาต่อ กระทาการตามวรรคสอง ศาลรฐั ธรรมนญู อาจสั่งยบุ พรรคการเมือง เลิกกระทาการตามวรรคสอง ศาลรัฐธรรมนญู อาจสงั่ ยบุ พรรค ผกู้ ระทาการตามวรรคหนึ่ง ดงั กล่าวได้ การเมืองดังกลา่ วได้ ในกรณีท่ีศาลรัฐธรรมนูญมีคาส่ังยบุ พรรคการเมืองตามวรรคสาม ใหเ้ พกิ ถอนสิทธเิ ลือกต้ังของหัวหน้าพรรคการเมืองและกรรมการ บรหิ ารของพรรคการเมืองทถ่ี กู ยบุ ในขณะท่กี ระทาความผิดตามวรรค หนึง่ เป็นระยะเวลาห้าปนี ับแตว่ นั ที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคาสง่ั ดงั กล่าว มาตรา ๖๕ บุคคลย่อมมีสิทธติ ่อตา้ นโดยสนั ตวิ ิธซี ึ่งการกระทา มาตรา ๖๙ ตรงกับบทบัญญัตใิ นมาตรา ๖๕ ของรฐั ธรรมนญู ใด ๆ ที่เปน็ ไปเพ่ือให้ไดม้ าซ่งึ อานาจในการปกครองประเทศโดย แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศักราช ๒๕๔๐ วิธีการซง่ึ มไิ ดเ้ ปน็ ไปตามวถิ ีทางทบ่ี ัญญัตไิ วใ้ นรฐั ธรรมนญู น้ี หมวด ๔ ไมม่ กี ารแก้ไข หมวด ๔ หนา้ ที่ของชนชาวไทย หนา้ ทข่ี องปวงชนชาวไทย มาตรา ๖๖ บุคคลมีหน้าทีร่ ักษาไว้ซ่ึงชาติ ศาสนา พระมหา มาตรา ๗๐ บุคคลมหี นา้ ที่พทิ ักษร์ ักษาไวซ้ ง่ึ ชาติ ศาสนา มาตรา ๕๐ บคุ คลมหี น้าท่ี ดงั ต่อไปน้ี กษตั ริย์ และการปกครองระบอบประชาธปิ ไตยอันมพี ระมหากษัตรยิ ์ พระมหากษตั รยิ ์ และการปกครองระบอบประชาธปิ ไตยอันมี (๑) พิทกั ษร์ กั ษาไวซ้ ง่ึ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการ ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนญู น้ี พระมหากษตั รยิ ท์ รงเป็นประมขุ ตามรัฐธรรมนูญนี้ ปกครองระบอบประชาธปิ ไตยอันมพี ระมหากษัตรยิ ท์ รงเปน็ ประมุข มาตรา ๖๗ บุคคลมหี น้าท่ีปฏิบตั ติ ามกฎหมาย มาตรา ๗๑ บคุ คลมีหน้าที่ป้องกันประเทศ รกั ษาผลประโยชน์ (๒) ป้องกันประเทศ พิทกั ษ์รกั ษาเกียรตภิ มู ิ ผลประโยชน์ของ มาตรา ๖๘ บคุ คลมหี น้าที่ไปใช้สทิ ธิเลอื กตัง้ ของชาติ และปฏบิ ตั ติ ามกฎหมาย ชาติ และสาธารณสมบัติของแผ่นดนิ รวมทง้ั ใหค้ วามรว่ มมอื ในการ บุคคลซึ่งไม่ไปเลือกต้งั โดยไมแ่ จง้ เหตอุ นั สมควรทท่ี าให้ไมอ่ าจไป มาตรา ๗๒ บุคคลมหี น้าท่ไี ปใช้สทิ ธเิ ลือกตัง้ ปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภัย เลือกตง้ั ได้ย่อมเสียสิทธิตามทก่ี ฎหมายบัญญตั ิ บคุ คลซ่งึ ไปใช้สทิ ธหิ รือไมไ่ ปใชส้ ทิ ธโิ ดยไมแ่ จ้งเหตอุ ันสมควรที่ (๓) ปฏบิ ัตติ ามกฎหมายอยา่ งเครง่ ครดั การแจง้ เหตุที่ทาใหไ้ ม่อาจไปเลอื กต้ังและการอานวยความ ทาใหไ้ มอ่ าจไปใชส้ ทิ ธิได้ ยอ่ มไดร้ บั สทิ ธหิ รือเสยี สทิ ธติ ามท่ีกฎหมาย (๔) เข้ารบั การศึกษาอบรมในการศึกษาภาคบงั คบั สะดวกในการไปเลอื กต้ัง ให้เปน็ ไปตามทก่ี ฎหมายบญั ญัติ บญั ญัติ (๕) รับราชการทหารตามทก่ี ฎหมายบญั ญตั ิ มาตรา ๖๙ บคุ คลมหี นา้ ทปี่ อ้ งกันประเทศ รับราชการทหาร การแจง้ เหตุทที่ าใหไ้ ม่อาจไปเลือกตง้ั และการอานวยความ (๖) เคารพและไมล่ ะเมดิ สิทธิและเสรภี าพของบคุ คลอน่ื และไม่ เสียภาษีอากร ช่วยเหลือราชการ รบั การศกึ ษาอบรม พทิ ักษ์ ปกปอ้ ง สะดวกในการไปเลอื กต้งั ให้เป็นไปตามท่ีกฎหมายบญั ญตั ิ กระทาการใดที่อาจก่อใหเ้ กดิ ความแตกแยกหรือเกลียดชงั ในสงั คม และสบื สานศลิ ปวฒั นธรรมของชาตแิ ละภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถ่ิน และ มาตรา ๗๓ บคุ คลมหี นา้ ทร่ี บั ราชการทหาร ช่วยเหลือในการ (๗) ไปใช้สทิ ธิเลือกตัง้ หรือลงประชามตอิ ยา่ งอสิ ระโดยคานึงถึง อนุรักษ์ทรพั ยากรธรรมชาติและสงิ่ แวดลอ้ ม ทงั้ นี้ ตามทก่ี ฎหมาย ป้องกันและบรรเทาภัยพบิ ัติสาธารณะ เสียภาษีอากร ช่วยเหลือราชการ ประโยชนส์ ่วนรวมของประเทศเปน็ สาคญั บญั ญัติ รับการศึกษาอบรม พทิ ักษ์ ปกป้อง และสบื สานศลิ ปวฒั นธรรมของชาติ (๘) รว่ มมือและสนับสนุนการอนุรกั ษ์และคุ้มครองสงิ่ แวดลอ้ ม และภูมิปญั ญาทอ้ งถ่นิ และอนรุ ักษ์ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดลอ้ ม ทรัพยากรธรรมชาติ ความหลากหลายทางชีวภาพ รวมทัง้ มรดกทาง ทงั้ น้ี ตามที่กฎหมายบญั ญัติ วัฒนธรรม (๙) เสียภาษอี ากรตามที่กฎหมายบญั ญตั ิ
รฐั ธรรมนญู แห่งราชอาณาจกั รไทย พุทธศักราช ๒๕๔๐ ๒๑ นาถะ ดวงวชิ ยั ผบู้ ังคับบัญชากลมุ่ งานประธานรัฐสภา ผจู้ ัดทา มาตรา ๗๐ บคุ คลผู้เปน็ ข้าราชการ พนกั งาน หรือลกู จา้ งของ รฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ หน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรฐั วสิ าหกจิ หรือของราชการ รัฐธรรมนญู แห่งราชอาณาจกั รไทย พุทธศกั ราช ๒๕๖๐ สว่ นทอ้ งถิน่ และเจ้าหน้าทอ่ี น่ื ของรฐั มหี นา้ ทีด่ าเนินการใหเ้ ปน็ ไป มาตรา ๗๔ บคุ คลผเู้ ป็นข้าราชการ พนกั งาน ลูกจ้างของ ตามกฎหมายเพ่ือรกั ษาประโยชนส์ ่วนรวม อานวยความสะดวก และ หน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือเจ้าหน้าท่ีอื่นของ (๑๐) ไมร่ ่วมมือหรอื สนับสนนุ การทุจริตและประพฤตมิ ิชอบทุก ใหบ้ ริการแกป่ ระชาชน รฐั มหี นา้ ทดี่ าเนนิ การใหเ้ ป็นไปตามกฎหมายเพอ่ื รกั ษาประโยชน์ รปู แบบ สว่ นรวม อานวยความสะดวก และให้บริการแก่ประชาชนตามหลกั ในการปฏิบตั หิ นา้ ทีแ่ ละในการปฏบิ ตั กิ ารอน่ื ทเ่ี กยี่ วข้องกับ ธรรมาภิบาลของการบรหิ ารกจิ การบา้ นเมอื งท่ดี ี หมวด ๕ ประชาชน บคุ คลตามวรรคหน่งึ ตอ้ งวางตนเปน็ กลางทางการเมอื ง หนา้ ทข่ี องรฐั ในการปฏบิ ัตหิ นา้ ทแี่ ละในการปฏบิ ตั กิ ารอื่นทเี่ ก่ียวข้องกับ มาตรา ๕๑ การใดที่รฐั ธรรมนญู บัญญัตใิ หเ้ ป็นหน้าทีข่ องรฐั ในกรณีทบ่ี ุคคลตามวรรคหนง่ึ ละเลยหรือไมป่ ฏิบตั ิใหเ้ ปน็ ไปตาม ประชาชน บุคคลตามวรรคหนงึ่ ตอ้ งวางตนเปน็ กลางทางการเมือง ตามหมวดนี้ ถ้าการนนั้ เปน็ การทาเพอ่ื ใหเ้ กิดประโยชน์แกป่ ระชาชน หน้าทตี่ ามวรรคหนง่ึ หรอื วรรคสอง บคุ คลผูม้ สี ่วนได้เสยี ยอ่ มมสี ทิ ธิ โดยตรง ย่อมเปน็ สิทธขิ องประชาชนและชมุ ชนท่ีจะตดิ ตามและเรง่ รดั ขอใหบ้ คุ คลตามวรรคหนึ่งหรอื ผู้บงั คบั บญั ชาของบุคคลดงั กลา่ วชีแ้ จง ในกรณที ีบ่ ุคคลตามวรรคหนึ่งละเลยหรอื ไม่ปฏบิ ัตใิ ห้เปน็ ไป ใหร้ ฐั ดาเนนิ การ รวมตลอดทง้ั ฟ้องรอ้ งหนว่ ยงานของรัฐท่ีเก่ยี วขอ้ งเพื่อ แสดงเหตุผล และขอใหด้ าเนนิ การให้เป็นไปตามบทบญั ญัตใิ นวรรค ตามหนา้ ทีต่ ามวรรคหนงึ่ หรอื วรรคสอง บคุ คลผมู้ ีส่วนไดเ้ สยี ยอ่ มมี จดั ให้ประชาชนหรอื ชมุ ชนไดร้ ับประโยชน์นน้ั ตามหลกั เกณฑ์และ หน่งึ หรอื วรรคสองได้ สิทธขิ อใหบ้ คุ คลตามวรรคหนึ่ง หรอื ผู้บงั คับบัญชาของบคุ คล วธิ ีการท่ีกฎหมายบญั ญตั ิ ดังกลา่ ว ชแ้ี จง แสดงเหตผุ ล และขอให้ดาเนนิ การให้เป็นไปตาม หมวด ๕ บทบญั ญัตใิ นวรรคหนึง่ หรือวรรคสองได้ มาตรา ๕๒ รัฐต้องพทิ กั ษ์รกั ษาไว้ซ่ึงสถาบันพระมหา แนวนโยบายพน้ื ฐานแหงรฐั กษัตริย์ เอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งอาณาเขตและเขตที่ประเทศ มาตรา ๗๑ รฐั ต้องพิทักษร์ กั ษาไวซ้ ง่ึ สถาบนั พระมหากษตั รยิ ์ สว่ นที่ ๒ ไทยมีสิทธอิ ธปิ ไตย เกยี รตภิ ูมแิ ละผลประโยชนข์ องชาติ ความมั่นคง เอกราชและบรู ณภาพแห่งอาณาเขต แนวนโยบายด้านความม่ันคงของรฐั ของรฐั และความสงบเรยี บร้อยของประชาชน เพ่ือประโยชนแ์ ห่งการ มาตรา ๗๒ รัฐต้องจัดให้มกี าลงั ทหารไวเ้ พอ่ื พทิ กั ษ์รกั ษา มาตรา ๗๗ รัฐต้องพทิ กั ษร์ กั ษาไวซ้ ่ึงสถาบันพระมหากษัตรยิ ์ น้ี รัฐต้องจดั ให้มกี ารทหาร การทตู และการข่าวกรองที่มปี ระสทิ ธภิ าพ เอกราช ความมน่ั คงของรัฐ สถาบนั พระมหากษตั ริย์ ผลประโยชน์ เอกราช อธิปไตย และบูรณภาพแหง่ เขตอานาจรฐั และตอ้ งจัดใหม้ ี กาลงั ทหาร อาวุธยุทโธปกรณ์ และเทคโนโลยที ่ที นั สมยั จาเป็น และ เพยี งพอ เพื่อพิทกั ษร์ ักษาเอกราช อธิปไตย ความม่นั คงของรฐั สถาบนั พระมหากษัตริย์ ผลประโยชนแ์ หง่ ชาติ และการปกครอง
๒๒ นาถะ ดวงวิชยั ผ้บู งั คับบัญชากลุม่ งานประธานรัฐสภา ผจู้ ดั ทา รฐั ธรรมนญู แห่งราชอาณาจักรไทย พทุ ธศักราช ๒๕๔๐ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ รัฐธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ แหง่ ชาติ และการปกครองระบอบประชาธปิ ไตยอันมีพระมหากษตั รยิ ์ ระบอบประชาธิปไตยอนั มพี ระมหากษัตริย์ทรงเปน็ ประมขุ และเพ่อื กาลังทหารให้ใช้เพื่อประโยชนใ์ นการพัฒนาประเทศดว้ ย ทรงเป็นประมุข และเพอื่ การพัฒนาประเทศ การพฒั นาประเทศ สว่ นที่ ๕ แนวนโยบายด้านกฎหมายและการยุติธรรม มาตรา ๗๕ วรรคหนงึ่ รฐั ตอ้ งดแู ลใหม้ ีการปฏบิ ัตติ าม มาตรา ๘๑ รฐั ต้องดาเนินการตามแนวนโยบายดา้ นกฎหมาย มาตรา ๕๓ รัฐตอ้ งดแู ลให้มกี ารปฏบิ ัติตามและบงั คับใช้ กฎหมาย คมุ้ ครองสิทธแิ ละเสรภี าพของบุคคล จัดระบบงานของ และการยุตธิ รรม ดงั ต่อไปนี้ กฎหมายอย่างเคร่งครดั กระบวนการยตุ ธิ รรมให้มปี ระสิทธภิ าพและอานวยความยตุ ิธรรมแก่ (๑) ดแู ลให้มกี ารปฏิบตั แิ ละบังคบั การใหเ้ ปน็ ไปตามกฎหมายอยา่ ง ประชาชนอย่างรวดเร็วและเทา่ เทยี มกัน รวมท้ังจัดระบบงานราชการ ถูกตอ้ ง รวดเร็ว เป็นธรรม และทัว่ ถงึ ส่งเสรมิ การให้ความชว่ ยเหลือและให้ และงานของรฐั อยา่ งอื่นให้มีประสทิ ธิภาพเพอ่ื ตอบสนองความต้องการ ความร้ทู างกฎหมายแก่ประชาชน และจัดระบบงานราชการและงานของรฐั ของประชาชน อยา่ งอ่นื ในกระบวนการยตุ ธิ รรมใหม้ ปี ระสิทธิภาพ โดยใหป้ ระชาชนและ องคก์ รวิชาชพี มสี ว่ นร่วมในกระบวนการยตุ ธิ รรม และการช่วยเหลือ ประชาชนทางกฎหมาย สว่ นที่ ๘ สทิ ธิและเสรีภาพในการศึกษา มาตรา ๔๓ บคุ คลย่อมมสี ทิ ธเิ สมอกนั ในการรบั การศกึ ษาข้นั มาตรา ๔๙ บคุ คลย่อมมีสทิ ธเิ สมอกนั ในการรบั การศกึ ษาไม่ มาตรา ๕๔ รัฐต้องดาเนนิ การใหเ้ ดก็ ทกุ คนได้รับการศึกษาเป็น พื้นฐานไมน่ ้อยกว่าสบิ สองปที ี่รัฐจะตอ้ งจัดให้อย่างทวั่ ถึงและมี นอ้ ยกว่าสิบสองปีทีร่ ัฐจะตอ้ งจดั ใหอ้ ย่างท่วั ถึงและมคี ณุ ภาพ โดยไม่ เวลาสบิ สองปตี ง้ั แต่กอ่ นวยั เรยี นจนจบการศึกษาภาคบงั คบั อยา่ งมี คุณภาพโดยไมเ่ ก็บค่าใช้จา่ ย เก็บคา่ ใช้จ่าย คุณภาพโดยไม่เกบ็ ค่าใชจ้ า่ ย การจัดการศกึ ษาอบรมของรัฐตอ้ งคานึงถงึ การมีสว่ นรว่ มของ ผู้ยากไร้ ผพู้ ิการหรอื ทพุ พลภาพ หรอื ผอู้ ย่ใู นสภาวะยากลาบาก รัฐต้องดาเนินการใหเ้ ดก็ เล็กไดร้ บั การดแู ลและพฒั นาก่อนเขา้ องค์การปกครองสว่ นทอ้ งถ่นิ และเอกชน ท้งั นี้ ตามทีก่ ฎหมายบญั ญตั ิ ต้องไดร้ ับสทิ ธิตามวรรคหนง่ึ และการสนบั สนนุ จากรัฐเพ่อื ใหไ้ ดร้ ับ รับการศกึ ษาตามวรรคหน่งึ เพ่อื พฒั นารา่ งกาย จิตใจ วินยั อารมณ์ การจัดการศกึ ษาอบรมขององค์กรวิชาชพี และเอกชนภายใต้การ การศึกษาโดยทดั เทียมกับบุคคลอื่น สังคม และสตปิ ญั ญาใหส้ มกบั วัย โดยส่งเสริมและสนบั สนุนใหอ้ งค์กร กากับดแู ลของรัฐ ย่อมได้รบั ความคุ้มครอง ทั้งน้ี ตามที่กฎหมายบญั ญัติ การจดั การศกึ ษาอบรมขององค์กรวิชาชีพหรือเอกชน ปกครองสว่ นทอ้ งถ่นิ และภาคเอกชนเขา้ มีส่วนร่วมในการดาเนนิ การ มาตรา ๘๐ รฐั ต้องคุ้มครองและพัฒนาเด็กและเยาวชน การศกึ ษาทางเลือกของประชาชน การเรียนร้ดู ว้ ยตนเอง และการ ด้วย สง่ เสรมิ ความเสมอภาคของหญงิ และชาย เสรมิ สร้างและพัฒนาความ เรียนรตู้ ลอดชวี ิต ยอ่ มไดร้ ับความคุม้ ครองและสง่ เสรมิ ทเี่ หมาะสม รัฐตอ้ งดาเนินการใหป้ ระชาชนไดร้ บั การศึกษาตามความ เปน็ ปึกแผ่นของครอบครวั และความเขม้ แข็งของชมุ ชน จากรัฐ ตอ้ งการในระบบต่าง ๆ รวมท้ังส่งเสรมิ ให้มีการเรยี นร้ตู ลอดชวี ติ และ รฐั ตอ้ งสงเคราะห์คนชรา ผยู้ ากไร้ ผ้พู ิการหรอื ทพุ พลภาพและ มาตรา ๘๐ รฐั ต้องดาเนินการตามแนวนโยบายด้านสงั คม การ จดั ใหม้ ีการร่วมมือกนั ระหว่างรัฐ องค์กรปกครองส่วนทอ้ งถ่ิน และ ผู้ด้อยโอกาสใหม้ คี ณุ ภาพชีวิตทด่ี แี ละพง่ึ ตนเองได้ สาธารณสขุ การศึกษา และวฒั นธรรม ดงั ตอ่ ไปนี้ ภาคเอกชนในการจัดการศึกษาทกุ ระดบั โดยรฐั มหี นา้ ท่ดี าเนนิ การ มาตรา ๘๑ รฐั ตอ้ งจัดการศกึ ษาอบรมและสนบั สนุนใหเ้ อกชน (๑) คุม้ ครองและพฒั นาเดก็ และเยาวชน สนับสนนุ การอบรมเลี้ยง กากบั สง่ เสรมิ และสนับสนนุ ให้การจัดการศึกษาดังกลา่ วมคี ณุ ภาพ จดั การศึกษาอบรมให้เกดิ ความรคู้ คู่ ณุ ธรรม จดั ใหม้ กี ฎหมายเกี่ยวกบั ดแู ละให้การศกึ ษาปฐมวัย ส่งเสริมความเสมอภาคของหญงิ และชาย และได้มาตรฐานสากล ทง้ั นี้ ตามกฎหมายว่าด้วยการศึกษาแหง่ ชาติซ่ึง การศกึ ษาแหง่ ชาติ ปรบั ปรุงการศกึ ษาให้สอดคล้องกบั ความเปลยี่ น เสริมสร้างและพัฒนาความเป็นปกึ แผ่นของสถาบนั ครอบครัวและชุมชน อยา่ งน้อยต้องมบี ทบัญญตั ิเกยี่ วกบั การจดั ทาแผนการศึกษาแหง่ ชาติ
๒๓ นาถะ ดวงวชิ ยั ผบู้ ังคับบญั ชากลมุ่ งานประธานรัฐสภา ผจู้ ัดทา รฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจักรไทย พุทธศกั ราช ๒๕๔๐ รฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจักรไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๐ รัฐธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจักรไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐ แปลงทางเศรษฐกิจและสังคม สรา้ งเสริมความร้แู ละปลูกฝงั จติ สานกึ ท่ี รวมท้ังต้องสงเคราะห์และจัดสวสั ดิการใหแ้ ก่ผูส้ งู อายุ ผู้ยากไร้ ผูพ้ ิการ และการดาเนินการและตรวจสอบการดาเนนิ การให้เปน็ ไปตาม ถูกตอ้ งเกยี่ วกบั การเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอนั มี หรือทุพพลภาพ และผูอ้ ยู่ในสภาวะยากลาบาก ให้มีคณุ ภาพชีวิตที่ดีขน้ึ แผนการศกึ ษาแห่งชาตดิ ว้ ย พระมหากษตั รยิ ์ทรงเปน็ ประมุข สนับสนุนการค้นควา้ วจิ ยั ในศิลป และพ่ึงพาตนเองได้ การศกึ ษาทง้ั ปวงต้องมงุ่ พฒั นาผู้เรยี นใหเ้ ปน็ คนดี มวี ินยั ภมู ิใจ วิทยาการตา่ ง ๆ เร่งรัดพฒั นาวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยเี พอ่ื การ (๓) พฒั นาคณุ ภาพและมาตรฐานการจัดการศึกษาในทุกระดบั และ ในชาติ สามารถเชี่ยวชาญได้ตามความถนดั ของตน และมคี วาม พัฒนาประเทศ พัฒนาวิชาชีพครู และสง่ เสรมิ ภมู ิปัญญาทอ้ งถ่นิ ทุกรูปแบบใหส้ อดคล้องกับความเปลยี่ นแปลงทางเศรษฐกจิ และสงั คม จัด รับผดิ ชอบตอ่ ครอบครัว ชมุ ชน สังคม และประเทศชาติ ศิลปะและวฒั นธรรมของชาติ ใหม้ แี ผนการศกึ ษาแหง่ ชาติ กฎหมายเพ่อื พฒั นาการศกึ ษาของชาติ จัดให้ ในการดาเนินการใหเ้ ดก็ เล็กไดร้ ับการดูแลและพัฒนาตามวรรค มีการพัฒนาคณุ ภาพครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษาใหก้ ้าวหนา้ ทันการ สอง หรอื ให้ประชาชนได้รบั การศกึ ษาตามวรรคสาม รฐั ต้องดาเนินการ เปลยี่ นแปลงของสังคมโลก รวมท้งั ปลูกฝงั ใหผ้ ู้เรยี นมจี ิตสานกึ ของความ ให้ผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ได้รับการสนับสนนุ ค่าใชจ้ ่ายในการศึกษาตาม เปน็ ไทย มรี ะเบียบวนิ ยั คานึงถึงประโยชน์ส่วนรวม และยดึ มั่นในการ ความถนัดของตน ปกครองระบอบประชาธิปไตยอนั มีพระมหากษตั รยิ ท์ รงเป็นประมขุ ให้จัดต้งั กองทุนเพอ่ื ใชใ้ นการช่วยเหลือผขู้ าดแคลนทนุ ทรัพย์ (๔) สง่ เสริมและสนับสนนุ การกระจายอานาจเพอ่ื ใหอ้ งคก์ ร เพ่ือลดความเหลื่อมล้าในการศึกษา และเพอ่ื เสริมสรา้ งและพัฒนา ปกครองสว่ นท้องถิ่น ชมุ ชน องค์การทางศาสนา และเอกชน จัดและ คณุ ภาพและประสทิ ธภิ าพครู โดยให้รฐั จดั สรรงบประมาณให้แกก่ องทนุ มีส่วนรว่ มในการจัดการศึกษาเพอ่ื พฒั นามาตรฐานคณุ ภาพการศกึ ษา หรอื ใชม้ าตรการหรือกลไกทางภาษีรวมทัง้ การใหผ้ บู้ ริจาคทรพั ยส์ นิ เข้า ให้เท่าเทียมและสอดคล้องกับแนวนโยบายพนื้ ฐานแหง่ รัฐ กองทนุ ได้รบั ประโยชน์ในการลดหย่อนภาษีดว้ ย ท้ังนี้ ตามทกี่ ฎหมาย (๕) สง่ เสริมและสนับสนนุ การศึกษาวจิ ยั ในศิลปวิทยาการ บัญญตั ิ ซง่ึ กฎหมายดังกลา่ วอยา่ งน้อยตอ้ งกาหนดใหก้ ารบริหาร แขนงต่าง ๆ และเผยแพรข่ ้อมลู ผลการศกึ ษาวจิ ยั ที่ไดร้ บั ทนุ จดั การกองทุนเปน็ อิสระและกาหนดให้มีการใช้จ่ายเงินกองทนุ เพื่อ สนบั สนนุ การศกึ ษาวจิ ัยจากรฐั บรรลุวตั ถุประสงค์ดังกลา่ ว (๖) ส่งเสรมิ และสนับสนนุ ความรรู้ กั สามัคคแี ละการเรยี นรู้ ปลกู จติ สานกึ และเผยแพร่ศลิ ปวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี ของชาติ ตลอดจนค่านยิ มอนั ดงี ามและภูมิปญั ญาทอ้ งถ่นิ ส่วนที่ ๙ สิทธิในการไดร้ บั บริการสาธารณสุขและสวัสดกิ ารจากรฐั มาตรา ๕๒ บคุ คลย่อมมสี ทิ ธิเสมอกันในการรับบรกิ ารทาง มาตรา ๕๑ บคุ คลยอ่ มมีสทิ ธเิ สมอกันในการรับบริการทาง มาตรา ๕๕ รัฐต้องดาเนนิ การใหป้ ระชาชนได้รบั บรกิ าร สาธารณสขุ ทไ่ี ดม้ าตรฐาน และผ้ยู ากไร้มสี ทิ ธิได้รับการรักษาพยาบาล สาธารณสขุ ทีเ่ หมาะสมและไดม้ าตรฐาน และผู้ยากไรม้ สี ิทธิได้รับการ สาธารณสขุ ทม่ี ีประสิทธภิ าพอยา่ งทวั่ ถงึ เสริมสร้างใหป้ ระชาชนมี จากสถานบรกิ ารสาธารณสุขของรฐั โดยไม่เสียคา่ ใชจ้ ่าย ทง้ั นี้ ตามที่ รกั ษาพยาบาลจากสถานบริการสาธารณสขุ ของรฐั โดยไมเ่ สยี ความรพู้ ืน้ ฐานเกี่ยวกับการสง่ เสรมิ สขุ ภาพและการป้องกนั โรค และ กฎหมายบญั ญตั ิ คา่ ใช้จา่ ย ส่งเสรมิ สนับสนุนให้มกี ารพฒั นาภมู ิปัญญาดา้ นแพทยแ์ ผนไทยให้เกดิ การบริการทางสาธารณสุขของรัฐตอ้ งเปน็ ไปอย่างทว่ั ถงึ และมี บุคคลย่อมมสี ทิ ธไิ ดร้ ับการบรกิ ารสาธารณสุขจากรัฐซ่งึ ต้องเปน็ ไป ประโยชนส์ ูงสุด ประสิทธภิ าพ โดยจะตอ้ งสง่ เสรมิ ให้องคก์ รปกครองสว่ นท้องถิ่นและ อยา่ งทัว่ ถงึ และมปี ระสทิ ธิภาพ เอกชนมีสว่ นรว่ มด้วยเทา่ ที่จะกระทาได้
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๔๐ ๒๔ นาถะ ดวงวชิ ยั ผบู้ ังคบั บญั ชากลุม่ งานประธานรัฐสภา ผ้จู ัดทา การปอ้ งกันและขจัดโรคติดต่ออันตราย รฐั ต้องจัดใหแ้ ก่ รฐั ธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจักรไทย พุทธศกั ราช ๒๕๕๐ ประชาชนโดยไม่คดิ มลู คา่ และทันตอ่ เหตกุ ารณ์ ทง้ั นี้ ตามท่ีกฎหมาย รัฐธรรมนญู แห่งราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐ บัญญตั ิ บคุ คลย่อมมสี ทิ ธไิ ด้รบั การปอ้ งกนั และขจดั โรคติดตอ่ อันตรายจาก รัฐอย่างเหมาะสมโดยไมเ่ สียคา่ ใช้จา่ ยและทันตอ่ เหตุการณ์ บรกิ ารสาธารณสุขตามวรรคหน่ึง ต้องครอบคลมุ การส่งเสริม มาตรา ๘๒ รฐั ตอ้ งจดั และสง่ เสรมิ การสาธารณสขุ ให้ประชาชน สุขภาพ การควบคมุ และป้องกันโรค การรักษาพยาบาล และการฟืน้ ฟู ได้รบั บริการทไ่ี ดม้ าตรฐานและมปี ระสิทธภิ าพอย่างท่วั ถึง มาตรา ๘๐ รฐั ตอ้ งดาเนินการตามแนวนโยบายดา้ นสังคม การ สขุ ภาพดว้ ย สาธารณสขุ การศึกษา และวัฒนธรรม ดังตอ่ ไปนี้ มาตรา ๘๗ รัฐต้องสนบั สนนุ ระบบเศรษฐกจิ แบบเสรโี ดยอาศยั รฐั ตอ้ งพัฒนาการบริการสาธารณสขุ ให้มีคุณภาพและมมี าตรฐาน กลไกตลาด กากบั ดแู ลใหม้ กี ารแขง่ ขันอย่างเปน็ ธรรม คุม้ ครอง (๒) ส่งเสรมิ สนบั สนนุ และพัฒนาระบบสขุ ภาพท่ีเนน้ การสร้าง สงู ข้นึ อย่างตอ่ เนือ่ ง ผู้บริโภค และป้องกนั การผูกขาดตดั ตอนทัง้ ทางตรงและทางออ้ ม เสรมิ สุขภาพอันนาไปสู่สุขภาวะทยี่ ่ังยนื ของประชาชน รวมทั้งจัดและ รวมทงั้ ยกเลกิ และละเวน้ การตรากฎหมายและกฎเกณฑ์ทคี่ วบคมุ สง่ เสริมใหป้ ระชาชนไดร้ ับบริการสาธารณสุขที่มมี าตรฐานอยา่ งทั่วถึง มาตรา ๕๖ รัฐต้องจัดหรือดาเนนิ การใหม้ ีสาธารณปู โภคข้ัน ธุรกจิ ท่ไี มส่ อดคลอ้ งกบั ความจาเปน็ ทางเศรษฐกจิ และตอ้ งไม่ และมีประสทิ ธิภาพ และสง่ เสรมิ ใหเ้ อกชนและชุมชนมีสว่ นรว่ มในการ พืน้ ฐานทีจ่ าเปน็ ต่อการดารงชวี ิตของประชาชนอย่างทัว่ ถงึ ตาม ประกอบกิจการแข่งขันกับเอกชน เวน้ แต่มคี วามจาเป็นเพือ่ ประโยชน์ พฒั นาสุขภาพและการจดั บริการสาธารณสขุ โดยผู้มหี นา้ ที่ใหบ้ รกิ าร หลักการพฒั นาอย่างยง่ั ยนื ในการรักษาความมั่นคงของรฐั รกั ษาผลประโยชน์สว่ นรวม หรอื การ ดังกลา่ วซ่ึงไดป้ ฏิบตั หิ นา้ ที่ตามมาตรฐานวิชาชีพและจริยธรรม ย่อม จัดใหม้ ีการสาธารณปู โภค ได้รับความคมุ้ ครองตามกฎหมาย โครงสรา้ งหรอื โครงข่ายข้นั พ้ืนฐานของกจิ การสาธารณปู โภคขนั้ พ้ืนฐานของรัฐอันจาเป็นต่อการดารงชวี ิตของประชาชนหรือเพอ่ื ความ มาตรา ๘๔ รัฐตอ้ งดาเนินการตามแนวนโยบายด้านเศรษฐกิจ มั่นคงของรฐั รฐั จะกระทาด้วยประการใดใหต้ กเปน็ กรรมสทิ ธิ์ของ ดังต่อไปนี้ เอกชนหรอื ทาให้รฐั เป็นเจา้ ของน้อยกวา่ รอ้ ยละห้าสิบเอ็ดมไิ ด้ (๑๐) จัดใหม้ สี าธารณปู โภคขั้นพน้ื ฐานอันจาเปน็ ต่อการดารงชวี ิต การจดั หรือดาเนินการใหม้ สี าธารณปู โภคตามวรรคหนึ่งหรอื ของประชาชนเพ่อื ประโยชน์ในการรกั ษาความมนั่ คงของรฐั ในทาง วรรคสอง รัฐตอ้ งดูแลมใิ หม้ กี ารเรยี กเก็บคา่ บริการจนเป็นภาระแก่ เศรษฐกจิ และตอ้ งมใิ หส้ าธารณปู โภคขัน้ พ้ืนฐานอนั จาเป็นตอ่ การ ประชาชนเกนิ สมควร ดารงชีวติ ของประชาชนอยใู่ นความผกู ขาดของเอกชนอนั อาจกอ่ ความ เสยี หายแก่รัฐ การนาสาธารณปู โภคของรฐั ไปใหเ้ อกชนดาเนนิ การทางธุรกจิ ไม่ ว่าด้วยประการใด ๆ รัฐตอ้ งไดร้ บั ประโยชน์ตอบแทนอย่างเป็นธรรม ส่วนที่ ๘ โดยคานงึ ถึงการลงทุนของรฐั ประโยชนท์ ร่ี ัฐและเอกชนจะได้รับ และ แนวนโยบายด้านทด่ี นิ ทรพั ยากรธรรมชาติ ค่าบรกิ ารที่จะเรยี กเกบ็ จากประชาชนประกอบกัน และสง่ิ แวดลอ้ ม
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พทุ ธศักราช ๒๕๔๐ ๒๕ นาถะ ดวงวชิ ัย ผูบ้ ังคบั บัญชากล่มุ งานประธานรฐั สภา มาตรา ๘๑ รัฐต้องจัดการศกึ ษาอบรมและสนับสนนุ ให้เอกชน รัฐธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ ผู้จัดทา จดั การศึกษาอบรมให้เกดิ ความรคู้ คู่ ณุ ธรรม จัดใหม้ กี ฎหมายเก่ยี วกบั การศึกษาแห่งชาติ ปรับปรงุ การศกึ ษาให้สอดคลอ้ งกบั ความ มาตรา ๘๐ รฐั ต้องดาเนินการตามแนวนโยบายดา้ นสงั คม การ รฐั ธรรมนญู แห่งราชอาณาจักรไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐ เปล่ียนแปลงทางเศรษฐกิจและสงั คม สรา้ งเสรมิ ความรูแ้ ละปลกู ฝงั สาธารณสขุ การศกึ ษา และวฒั นธรรม ดงั ตอ่ ไปน้ี จิตสานึกทถ่ี กู ตอ้ งเกยี่ วกับการเมืองการปกครองในระบอบ มาตรา ๕๗ รัฐตอ้ ง ประชาธิปไตยอนั มีพระมหากษัตรยิ ท์ รงเปน็ ประมขุ สนบั สนนุ การ (๖) ส่งเสริมและสนับสนนุ ความรูร้ กั สามัคคีและการเรยี นรู้ (๑) อนรุ กั ษ์ ฟื้นฟู และสง่ เสรมิ ภมู ปิ ัญญาท้องถ่ิน ศิลปะ คน้ ควา้ วิจัยในศิลปวทิ ยาการตา่ ง ๆ เร่งรดั พฒั นาวทิ ยาศาสตร์และ ปลูกจติ สานึก และเผยแพรศ่ ลิ ปวฒั นธรรม ขนบธรรมเนยี มประเพณี วัฒนธรรม ขนบธรรมเนยี ม และจารีตประเพณีอันดีงามของทอ้ งถนิ่ เทคโนโลยีเพือ่ การพัฒนาประเทศ พฒั นาวิชาชีพครู และส่งเสริมภมู ิ ของชาติ ตลอดจนค่านยิ มอันดงี ามและภูมิปัญญาทอ้ งถิ่น และของชาติ และจดั ให้มีพืน้ ทีส่ าธารณะสาหรบั กจิ กรรมที่เกย่ี วข้อง ปญั ญาทอ้ งถน่ิ ศลิ ปะและวัฒนธรรมของชาติ รวมท้ังส่งเสริมและสนับสนุนใหป้ ระชาชน ชุมชน และองค์กรปกครอง มาตรา ๘๕ รัฐต้องดาเนนิ การตามแนวนโยบายด้านท่ดี นิ สว่ นทอ้ งถน่ิ ได้ใชส้ ทิ ธแิ ละมีส่วนรว่ มในการดาเนนิ การด้วย มาตรา ๗๙ รฐั ต้องส่งเสริมและสนบั สนุนใหป้ ระชาชนมสี ่วน ทรพั ยากรธรรมชาติ และสิง่ แวดลอ้ ม ดงั ตอ่ ไปนี้ (๒) อนรุ ักษ์ คุ้มครอง บารุงรักษา ฟนื้ ฟู บรหิ ารจดั การ และใช้ รว่ มในการสงวน บารุงรักษา และใช้ประโยชนจ์ ากทรัพยากรธรรมชาติ หรือจดั ใหม้ กี ารใชป้ ระโยชน์จากทรพั ยากรธรรมชาติ ส่ิงแวดล้อม และ และความหลากหลายทางชวี ภาพอย่างสมดลุ รวมทง้ั มสี ว่ นร่วมในการ (๑) กาหนดหลักเกณฑก์ ารใช้ท่ีดินใหค้ รอบคลมุ ทว่ั ประเทศ โดยให้ ความหลากหลายทางชีวภาพ ใหเ้ กดิ ประโยชนอ์ ยา่ งสมดลุ และยงั่ ยนื ส่งเสริม บารุงรกั ษา และคมุ้ ครองคุณภาพสง่ิ แวดลอ้ มตามหลกั การ คานึงถงึ ความสอดคลอ้ งกับสภาพแวดลอ้ มทางธรรมชาติ ทงั้ ผืนดิน ผืนน้า โดยตอ้ งให้ประชาชนและชุมชนในทอ้ งถ่นิ ที่เก่ียวขอ้ งมีสว่ นร่วม การพัฒนาทย่ี งั่ ยนื ตลอดจนควบคมุ และกาจดั ภาวะมลพษิ ทมี่ ีผลตอ่ วถิ ีชีวิตของชุมชนทอ้ งถิ่น และการดแู ลรักษาทรพั ยากรธรรมชาตอิ ยา่ งมี ดาเนินการและไดร้ ับประโยชนจ์ ากการดาเนนิ การดังกลา่ วดว้ ยตามท่ี สุขภาพอนามยั สวสั ดิภาพ และคณุ ภาพชีวติ ของประชาชน ประสทิ ธิภาพ และกาหนดมาตรฐานการใชท้ ี่ดนิ อยา่ งยงั่ ยืน โดยตอ้ งให้ กฎหมายบญั ญตั ิ ประชาชนในพ้ืนที่ท่ไี ดร้ ับผลกระทบจากหลกั เกณฑก์ ารใชท้ ่ีดนิ นั้นมีสว่ น รว่ มในการตัดสินใจดว้ ย (๒) กระจายการถอื ครองทดี่ ินอย่างเป็นธรรมและดาเนินการ ใหเ้ กษตรกรมกี รรมสิทธิห์ รอื สิทธิในท่ีดนิ เพ่ือประกอบเกษตรกรรม อย่างทว่ั ถึงโดยการปฏริ ูปที่ดนิ หรอื วธิ อี ่ืน รวมท้งั จัดหาแหล่งน้า เพ่ือใหเ้ กษตรกรมนี ้าใช้อย่างพอเพยี งและเหมาะสมแกก่ ารเกษตร (๓) จดั ให้มกี ารวางผงั เมือง พัฒนา และดาเนนิ การตามผงั เมือง อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพและประสิทธผิ ล เพ่ือประโยชน์ในการดูแลรักษา ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยนื (๔) จัดใหม้ ีแผนการบรหิ ารจดั การทรพั ยากรน้าและทรัพยากร ธรรมชาตอิ ่นื อยา่ งเป็นระบบและเกดิ ประโยชน์ตอ่ สว่ นรวม ทง้ั ตอ้ งให้ ประชาชนมีสว่ นรว่ มในการสงวน บารงุ รักษา และใช้ประโยชน์จาก ทรัพยากรธรรมชาติและความหลากหลายทางชีวภาพอย่างสมดลุ (๕) สง่ เสรมิ บารงุ รกั ษา และคมุ้ ครองคุณภาพส่ิงแวดล้อมตาม หลักการพัฒนาท่ีย่ังยืน ตลอดจนควบคมุ และกาจัดภาวะมลพษิ ทีม่ ีผล ต่อสขุ ภาพอนามยั สวสั ดภิ าพ และคณุ ภาพชีวติ ของประชาชน โดย ประชาชน ชมุ ชนท้องถิ่น และองค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่น ต้องมสี ว่ น ร่วมในการกาหนดแนวทางการดาเนินงาน
๒๖ นาถะ ดวงวิชยั ผูบ้ งั คับบญั ชากลุ่มงานประธานรฐั สภา ผ้จู ดั ทา รัฐธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจักรไทย พุทธศกั ราช ๒๕๔๐ รฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศักราช ๒๕๕๐ รัฐธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๘๖ รฐั ต้องดาเนินการตามแนวนโยบายดา้ นวิทยาศาสตร์ ทรัพยส์ นิ ทางปญั ญา และพลงั งาน ดงั ต่อไปน้ี (๒) สง่ เสริมการประดษิ ฐ์หรือการคน้ คดิ เพ่อื ใหเ้ กิดความร้ใู หม่ รกั ษาและพฒั นาภมู ิปญั ญาท้องถิ่นและภมู ิปญั ญาไทย รวมท้ังให้ ความคุ้มครองทรพั ย์สนิ ทางปัญญา มาตรา ๕๙ บคุ คลยอ่ มมีสิทธไิ ด้รบั ขอ้ มูล คาชี้แจง และเหตผุ ล มาตรา ๕๗ บคุ คลย่อมมสี ิทธไิ ดร้ บั ข้อมูล คาชแ้ี จง และเหตผุ ลจาก มาตรา ๕๘ การดาเนินการใดของรฐั หรือที่รัฐจะอนญุ าตใหผ้ ู้ใด จากหน่วยราชการ หนว่ ยงานของรฐั รฐั วิสาหกจิ หรือราชการส่วน หนว่ ยราชการ หนว่ ยงานของรฐั รฐั วสิ าหกจิ หรือราชการส่วนทอ้ งถ่นิ ดาเนินการ ถ้าการนั้นอาจมผี ลกระทบตอ่ ทรพั ยากรธรรมชาติ คุณภาพ ท้องถนิ่ กอ่ นการอนุญาตหรอื การดาเนินโครงการ หรือกิจกรรมใดที่ ก่อนการอนญุ าตหรอื การดาเนินโครงการหรือกจิ กรรมใดทอ่ี าจมผี ลกระทบ สงิ่ แวดลอ้ ม สุขภาพ อนามัย คณุ ภาพชวี ิต หรือส่วนไดเ้ สยี สาคญั อนื่ ใด อาจมผี ลกระทบต่อคณุ ภาพส่งิ แวดล้อม สขุ ภาพอนามัย คณุ ภาพชวี ติ ตอ่ คุณภาพสิง่ แวดล้อม สขุ ภาพอนามยั คณุ ภาพชีวิต หรือสว่ นไดเ้ สยี ของประชาชนหรือชุมชนหรือสงิ่ แวดล้อมอยา่ งรุนแรง รัฐต้องดาเนินการ หรือส่วนไดเ้ สียสาคญั อื่นใดทีเ่ กยี่ วกบั ตนหรอื ชมุ ชนท้องถิน่ และมสี ทิ ธิ สาคญั อน่ื ใดท่ีเกยี่ วกบั ตนหรือชุมชนทอ้ งถ่ิน และมสี ิทธิแสดงความคดิ เหน็ ให้มีการศกึ ษาและประเมินผลกระทบต่อคุณภาพสงิ่ แวดลอ้ มและ แสดงความคดิ เห็นของตนในเรอ่ื งดังกลา่ ว ท้ังนี้ ตามกระบวนการรบั ของตนต่อหนว่ ยงานทเ่ี กี่ยวขอ้ งเพือ่ นาไปประกอบการพจิ ารณาในเรื่อง สขุ ภาพของประชาชนหรือชุมชน และจดั ใหม้ ีการรบั ฟงั ความคดิ เห็น ฟงั ความคดิ เห็นของประชาชนที่กฎหมายบญั ญตั ิ ดังกล่าว ของผมู้ สี ่วนได้เสียและประชาชนและชมุ ชนทเ่ี กย่ี วขอ้ งกอ่ น เพื่อนามา มาตรา ๕๖ วรรคสอง การดาเนินโครงการหรอื กจิ กรรมที่อาจ การวางแผนพัฒนาสังคม เศรษฐกจิ การเมือง และวฒั นธรรม ประกอบการพิจารณาดาเนินการหรืออนุญาตตามที่กฎหมายบญั ญตั ิ กอ่ ใหเ้ กดิ ผลกระทบอยา่ งรนุ แรงตอ่ คณุ ภาพสง่ิ แวดล้อมจะกระทามิได้ การเวนคนื อสงั หารมิ ทรพั ย์ การวางผงั เมอื ง การกาหนดเขตการใช้ บุคคลและชมุ ชนยอ่ มมสี ทิ ธไิ ดร้ ับขอ้ มลู คาช้ีแจง และเหตุผล เวน้ แต่จะได้ศกึ ษาและประเมนิ ผลกระทบตอ่ คณุ ภาพส่ิงแวดลอ้ ม ประโยชน์ในทดี่ นิ และการออกกฎทอี่ าจมีผลกระทบต่อสว่ นไดเ้ สีย จากหน่วยงานของรัฐก่อนการดาเนนิ การหรืออนญุ าตตามวรรคหนง่ึ รวมทัง้ ได้ใหอ้ งค์การอสิ ระซ่งึ ประกอบดว้ ยผแู้ ทนองคก์ ารเอกชนดา้ น สาคัญของประชาชน ใหร้ ฐั จดั ให้มกี ระบวนการรับฟงั ความคดิ เห็น ในการดาเนินการหรืออนุญาตตามวรรคหน่ึง รัฐต้องระมดั ระวัง สง่ิ แวดล้อมและผู้แทนสถาบันอุดมศกึ ษาท่ีจดั การศกึ ษาดา้ น ของประชาชนอย่างทัว่ ถงึ กอ่ นดาเนนิ การ ให้เกดิ ผลกระทบต่อประชาชน ชมุ ชน สิง่ แวดลอ้ ม และความ สิง่ แวดลอ้ ม ให้ความเหน็ ประกอบก่อนมกี ารดาเนนิ การดงั กล่าว ทั้งนี้ มาตรา ๖๗ วรรคสอง การดาเนนิ โครงการหรือกิจกรรมที่ หลากหลายทางชวี ภาพน้อยท่สี ดุ และต้องดาเนินการใหม้ กี ารเยยี วยา ตามทก่ี ฎหมายบัญญตั ิ อาจก่อใหเ้ กดิ ผลกระทบต่อชมุ ชนอยา่ งรนุ แรงทง้ั ทางด้านคณุ ภาพ ความเดอื ดร้อนหรอื เสียหายใหแ้ กป่ ระชาชนหรือชุมชนท่ีไดร้ ับ สง่ิ แวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ และสุขภาพ จะกระทามไิ ด้ เวน้ แต่ ผลกระทบอย่างเป็นธรรมและโดยไมช่ กั ชา้ จะไดศ้ กึ ษาและประเมินผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมและ สุขภาพของประชาชนในชุมชน และจดั ใหม้ กี ระบวนการรับฟงั ความ คดิ เหน็ ของประชาชนและผมู้ ีสว่ นไดเ้ สยี กอ่ น รวมทัง้ ได้ให้องค์การ อิสระซง่ึ ประกอบดว้ ยผูแ้ ทนองค์การเอกชนดา้ นส่งิ แวดลอ้ มและ สขุ ภาพ และผู้แทนสถาบนั อุดมศกึ ษาทจี่ ัดการการศกึ ษาด้าน ส่ิงแวดลอ้ มหรอื ทรพั ยากรธรรมชาตหิ รอื ด้านสุขภาพ ใหค้ วามเหน็ ประกอบก่อนมีการดาเนินการดังกล่าว
๒๗ นาถะ ดวงวชิ ยั ผบู้ งั คับบัญชากลุ่มงานประธานรัฐสภา ผจู้ ดั ทา รัฐธรรมนญู แห่งราชอาณาจกั รไทย พุทธศักราช ๒๕๔๐ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๐ รฐั ธรรมนญู แห่งราชอาณาจกั รไทย พุทธศกั ราช ๒๕๖๐ สว่ นที่ ๑๐ สิทธิในขอ้ มลู ข่าวสารและการร้องเรียน มาตรา ๕๘ บคุ คลย่อมมีสิทธไิ ดร้ บั ทราบข้อมูลหรอื ขา่ วสาร มาตรา ๕๖ บุคคลยอ่ มมีสิทธไิ ดร้ บั ทราบและเข้าถงึ ขอ้ มลู มาตรา ๕๙ รฐั ต้องเปดิ เผยขอ้ มลู หรอื ขา่ วสารสาธารณะใน สาธารณะในครอบครองของหนว่ ยราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือข่าวสารสาธารณะในครอบครองของหน่วยราชการ หนว่ ยงาน ครอบครองของหนว่ ยงานของรัฐทม่ี ใิ ชข่ อ้ มูลเก่ียวกับความม่นั คงของ รัฐวิสาหกิจ หรอื ราชการสว่ นทอ้ งถ่ิน เว้นแต่การเปดิ เผยขอ้ มลู น้ันจะ ของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือราชการสว่ นทอ้ งถ่ิน เว้นแต่การเปิดเผย รัฐหรอื เป็นความลับของทางราชการตามท่ีกฎหมายบัญญตั ิ และต้อง กระทบตอ่ ความมนั่ คงของรฐั ความปลอดภยั ของประชาชน หรือส่วน ขอ้ มูลหรอื ขา่ วสารนน้ั จะกระทบตอ่ ความมัน่ คงของรฐั ความ จัดให้ประชาชนเขา้ ถงึ ขอ้ มลู หรือขา่ วสารดงั กล่าวไดโ้ ดยสะดวก ไดเ้ สยี อันพงึ ไดร้ ับความคมุ้ ครองของบุคคลอน่ื ทง้ั นี้ ตามทีก่ ฎหมาย ปลอดภยั ของประชาชน หรือส่วนไดเ้ สยี อนั พงึ ไดร้ ับความคมุ้ ครอง บญั ญัติ ของบคุ คลอ่นื หรือเปน็ ข้อมลู ส่วนบุคคล ท้ังน้ี ตามทก่ี ฎหมายบัญญตั ิ มาตรา ๖๒ บุคคลย่อมมสี ทิ ธติ ดิ ตามและร้องขอใหม้ ีการ ตรวจสอบการปฏิบตั ิหนา้ ทขี่ องผูด้ ารงตาแหนง่ ทางการเมือง หนว่ ยงานของรฐั และเจ้าหน้าทีข่ องรฐั บคุ คลซึง่ ใหข้ อ้ มูลโดยสจุ ริตแกอ่ งคก์ รตรวจสอบการใชอ้ านาจ รัฐหรือหน่วยงานของรฐั เกยี่ วกบั การปฏบิ ตั หิ นา้ ท่ขี องผดู้ ารง ตาแหนง่ ทางการเมือง หนว่ ยงานของรัฐ หรือเจ้าหน้าท่ีของรัฐ ย่อม ไดร้ บั ความค้มุ ครอง มาตรา ๔๐ คล่ืนความถี่ท่ใี ชใ้ นการส่งวทิ ยกุ ระจายเสยี ง วิทยุ มาตรา ๔๗ คลน่ื ความถีท่ ีใ่ ชใ้ นการส่งวิทยกุ ระจายเสียง วิทยุ มาตรา ๖๐ รฐั ต้องรักษาไวซ้ ง่ึ คลนื่ ความถีแ่ ละสทิ ธใิ นการเขา้ โทรทศั น์ และวิทยโุ ทรคมนาคม เปน็ ทรัพยากรสื่อสารของชาตเิ พ่ือ โทรทัศน์ และโทรคมนาคม เป็นทรัพยากรส่อื สารของชาติเพื่อ ใช้วงโคจรดาวเทยี มอนั เป็นสมบตั ขิ องชาติ เพื่อใช้ให้เกดิ ประโยชนแ์ ก่ ประโยชนส์ าธารณะ ประโยชนส์ าธารณะ ประเทศชาตแิ ละประชาชน ให้มีองคก์ รของรฐั ทเี่ ปน็ อสิ ระทาหน้าทจี่ ดั สรรคลน่ื ความถีต่ าม ให้มีองค์กรของรัฐทเี่ ป็นอสิ ระองค์กรหนงึ่ ทาหน้าทจี่ ดั สรรคลื่น การจัดใหม้ กี ารใช้ประโยชน์จากคลนื่ ความถี่ตามวรรคหนงึ่ ไม่ว่า วรรคหนง่ึ และกากับดูแลการประกอบกจิ การวิทยกุ ระจายเสียง วทิ ยุ ความถตี่ ามวรรคหนึ่ง และกากบั การประกอบกิจการวิทยกุ ระจายเสยี ง จะใช้เพอื่ ส่งวทิ ยุกระจายเสยี ง วิทยุโทรทัศน์ และโทรคมนาคม หรือ โทรทศั น์ และกจิ การโทรคมนาคม ทงั้ นี้ ตามที่กฎหมายบญั ญตั ิ วทิ ยโุ ทรทศั น์ และกจิ การโทรคมนาคม ท้ังน้ี ตามที่กฎหมายบญั ญตั ิ เพอ่ื ประโยชน์อ่ืนใด ต้องเปน็ ไปเพอ่ื ประโยชนส์ งู สดุ ของประชาชน การดาเนนิ การตามวรรคสองตอ้ งคานึงถงึ ประโยชนส์ ูงสดุ ของ การดาเนินการตามวรรคสองตอ้ งคานึงถึงประโยชน์สูงสุดของ ความมั่นคงของรฐั และประโยชนส์ าธารณะ รวมตลอดทงั้ การให้ ประชาชนในระดบั ชาตแิ ละระดับท้องถ่นิ ท้งั ในด้านการศกึ ษา ประชาชนในระดบั ชาติและระดับท้องถนิ่ ทง้ั ในดา้ นการศึกษา ประชาชนมสี ่วนไดใ้ ชป้ ระโยชน์จากคลื่นความถี่ด้วย ท้ังน้ี ตามท่ี วฒั นธรรม ความมนั่ คงของรฐั และประโยชนส์ าธารณะอนื่ รวมทงั้ การ วัฒนธรรม ความมน่ั คงของรัฐ ประโยชนส์ าธารณะอื่น และการแข่งขนั กฎหมายบญั ญตั ิ แขง่ ขนั โดยเสรีอยา่ งเป็นธรรม โดยเสรอี ย่างเป็นธรรม รวมท้ังตอ้ งจัดให้ภาคประชาชนมสี ่วนรว่ มในการ รฐั ต้องจัดให้มอี งคก์ รของรัฐทีม่ ีความเปน็ อสิ ระในการปฏบิ ตั ิ ดาเนนิ การส่อื มวลชนสาธารณะ หน้าที่ เพ่อื รับผิดชอบและกากับการดาเนินการเกยี่ วกบั คลื่นความถีใ่ ห้ การกากับการประกอบกิจการตามวรรคสองตอ้ งมมี าตรการ เปน็ ไปตามวรรคสอง ในการน้ี องคก์ รดงั กลา่ วต้องจดั ให้มีมาตรการ เพือ่ ป้องกันมิให้มกี ารควบรวม การครองสิทธขิ า้ มสือ่ หรือการ ปอ้ งกันมใิ ห้มกี ารแสวงหาประโยชน์จากผู้บรโิ ภคโดยไม่เป็นธรรมหรอื ครอบงา ระหว่างส่อื มวลชนดว้ ยกนั เองหรอื โดยบคุ คลอืน่ ใด ซง่ึ จะมี สร้างภาระแกผ่ ูบ้ รโิ ภคเกนิ ความจาเปน็ ปอ้ งกนั มิใหค้ ล่ืนความถี่
รัฐธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจักรไทย พุทธศกั ราช ๒๕๔๐ ๒๘ นาถะ ดวงวชิ ยั ผ้บู งั คับบญั ชากลุม่ งานประธานรฐั สภา ผจู้ ัดทา รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศกั ราช ๒๕๖๐ ผลเปน็ การขัดขวางเสรภี าพในการรับรู้ข้อมลู ข่าวสารหรอื ปดิ กนั้ การ ไดร้ บั ข้อมลู ขา่ วสารทหี่ ลากหลายของประชาชน รบกวนกนั รวมตลอดท้งั ป้องกนั การกระทาทีม่ ผี ลเป็นการขดั ขวาง เสรภี าพในการรับรู้หรอื ปดิ กน้ั การรบั รูข้ ้อมลู หรือข่าวสารท่ีถูกตอ้ งตาม ความเป็นจรงิ ของประชาชน และป้องกนั มใิ หบ้ ุคคลหรือกล่มุ บุคคลใด ใชป้ ระโยชนจ์ ากคลนื่ ความถี่โดยไม่คานึงถงึ สทิ ธิของประชาชนทั่วไป รวมตลอดทงั้ การกาหนดสดั สว่ นขนั้ ต่าที่ผู้ใช้ประโยชน์จากคลนื่ ความถี่ จะต้องดาเนนิ การเพ่อื ประโยชน์สาธารณะ ทั้งน้ี ตามที่กฎหมายบญั ญัติ มาตรา ๕๗ สทิ ธิของบุคคลซ่ึงเป็นผู้บริโภคยอ่ มไดร้ บั ความ มาตรา ๖๑ สิทธิของบคุ คลซึ่งเปน็ ผู้บรโิ ภคยอ่ มไดร้ ับความ มาตรา ๖๑ รฐั ตอ้ งจดั ใหม้ ีมาตรการหรือกลไกที่มีประสิทธิภาพ คุม้ ครอง ทั้งนี้ ตามทก่ี ฎหมายบญั ญัติ คุ้มครองในการไดร้ บั ข้อมลู ท่ีเป็นความจรงิ และมสี ทิ ธริ ้องเรียน ในการคุ้มครองและพทิ ักษ์สทิ ธขิ องผู้บรโิ ภคดา้ นต่าง ๆ ไม่วา่ จะเป็น เพอ่ื ใหไ้ ดร้ ับการแก้ไขเยียวยาความเสียหาย รวมทั้งมสี ิทธริ วมตัวกัน ด้านการรขู้ ้อมูลทเี่ ปน็ จรงิ ด้านความปลอดภัย ดา้ นความเป็นธรรมใน กฎหมายตามวรรคหนง่ึ ตอ้ งบญั ญตั ใิ ห้มีองค์การอสิ ระซึ่ง เพ่อื พิทกั ษส์ ทิ ธขิ องผู้บรโิ ภค การทาสัญญา หรอื ด้านอน่ื ใดอนั เป็นประยชนต์ อ่ ผบู้ รโิ ภค ประกอบดว้ ยตัวแทนผบู้ ริโภคทาหนา้ ท่ีใหค้ วามเหน็ ในการตรากฎหมาย กฎ และขอ้ บังคับ และใหค้ วามเหน็ ในการกาหนดมาตรการต่าง ๆ ให้มีองคก์ ารเพื่อการคมุ้ ครองผู้บริโภคที่เปน็ อิสระจากหน่วยงาน เพ่ือคุ้มครองผบู้ รโิ ภค ของรฐั ซงึ่ ประกอบด้วยตัวแทนผู้บริโภค ทาหน้าที่ให้ความเห็นเพอ่ื ประกอบการพิจารณาของหน่วยงานของรัฐในการตราและการบังคับใช้ กฎหมายและกฎ และใหค้ วามเห็นในการกาหนดมาตรการต่าง ๆ เพ่ือ คมุ้ ครองผบู้ ริโภค รวมทัง้ ตรวจสอบและรายงานการกระทาหรือละเลย การกระทาอันเป็นการคมุ้ ครองผบู้ ริโภค ทั้งน้ี ให้รัฐสนบั สนนุ งบประมาณในการดาเนินการขององค์การอสิ ระดังกลา่ วด้วย มาตรา ๘๔ รัฐตอ้ งดาเนินการตามแนวนโยบายดา้ นเศรษฐกิจ มาตรา ๖๒ รฐั ต้องรักษาวนิ ยั การเงนิ การคลังอย่างเครง่ ครดั ดงั ตอ่ ไปนี้ เพือ่ ให้ฐานะทางการเงินการคลงั ของรัฐมีเสถยี รภาพและม่ันคงอยา่ ง ยัง่ ยนื ตามกฎหมายว่าดว้ ยวินัยการเงนิ การคลงั ของรฐั และจดั ระบบ (๓) ควบคุมใหม้ กี ารรักษาวนิ ยั การเงินการคลังเพอ่ื สนบั สนนุ ภาษีให้เกดิ ความเป็นธรรมแกส่ ังคม เสถยี รภาพและความม่ันคงทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ปรบั ปรุงระบบการจดั เก็บภาษอี ากรใหม้ คี วามเป็นธรรมและ กฎหมายว่าดว้ ยวินยั การเงินการคลงั ของรฐั อยา่ งน้อยตอ้ งมี สอดคลอ้ งกบั การเปลยี่ นแปลงของสภาพเศรษฐกจิ และสังคม บทบัญญัตเิ ก่ียวกับกรอบการดาเนนิ การทางการคลังและงบประมาณ ของรัฐ การกาหนดวินยั ทางการคลังดา้ นรายไดแ้ ละรายจา่ ยทั้งเงิน งบประมาณและเงินนอกงบประมาณ การบริหารทรพั ยส์ ินของรฐั และ เงินคงคลงั และการบริหารหนี้สาธารณะ
รัฐธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจักรไทย พทุ ธศักราช ๒๕๔๐ ๒๙ นาถะ ดวงวชิ ยั ผ้บู งั คบั บัญชากลุม่ งานประธานรัฐสภา ผจู้ ดั ทา มาตรา ๘๘ บทบญั ญตั ิในหมวดนมี้ ีไวเ้ พอื่ เปน็ แนวทางสาหรบั รฐั ธรรมนญู แห่งราชอาณาจักรไทย พทุ ธศักราช ๒๕๕๐ การตรากฎหมายและการกาหนดนโยบายในการบริหารราชการ รฐั ธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐ แผน่ ดิน หมวด ๕ แนวนโยบายพนื้ ฐานแห่งรฐั มาตรา ๖๓ รฐั ต้องสง่ เสริม สนบั สนนุ และใหค้ วามรู้แก่ ในการแถลงนโยบายตอ่ รฐั สภาตามมาตรา ๒๑๑ คณะรฐั มนตรี ประชาชนถึงอนั ตรายทเ่ี กดิ จากการทุจรติ และประพฤติมิชอบทงั้ ใน ที่จะเข้าบรหิ ารราชการแผ่นดินต้องชี้แจงตอ่ รัฐสภาให้ชดั แจ้งว่าจะ ส่วนที่ ๑ ภาครฐั และภาคเอกชน และจดั ให้มีมาตรการและกลไกที่มปี ระสทิ ธิภาพ ดาเนินการใดเพื่อบริหารราชการแผน่ ดนิ ใหเ้ ปน็ ไปตามแนวนโยบาย บททัว่ ไป เพ่ือป้องกันและขจดั การทุจริตและประพฤตมิ ิชอบดังกล่าวอย่าง พ้นื ฐานแห่งรัฐตามท่บี ัญญตั ไิ ว้ในหมวดนี้ และตอ้ งจดั ทารายงาน มาตรา ๗๕ บทบัญญตั ใิ นหมวดนเ้ี ป็นเจตจานงใหร้ ฐั เขม้ งวด รวมท้ังกลไกในการส่งเสรมิ ให้ประชาชนรวมตัวกันเพือ่ มี แสดงผลการดาเนนิ การรวมทั้งปัญหาและอุปสรรค เสนอตอ่ รฐั สภาปี ดาเนนิ การตรากฎหมายและกาหนดนโยบายในการบรหิ ารราชการ ส่วนร่วมในการรณรงคใ์ ห้ความรู้ ตอ่ ต้าน หรือชี้เบาะแส โดยไดร้ บั การ ละหน่งึ ครง้ั แผน่ ดิน คุม้ ครองจากรัฐตามท่ีกฎหมายบญั ญัติ ในการแถลงนโยบายตอ่ รัฐสภา คณะรัฐมนตรที ่ีจะเขา้ บริหาร ราชการแผน่ ดินต้องชแ้ี จงต่อรฐั สภาใหช้ ดั แจง้ ว่าจะดาเนนิ การใด ใน หมวด ๖ ระยะเวลาใด เพอ่ื บริหารราชการแผน่ ดนิ ใหเ้ ปน็ ไปตามแนวนโยบาย แนวนโยบายแหง่ รฐั พ้นื ฐานแหง่ รฐั และตอ้ งจัดทารายงานแสดงผลการดาเนินการ รวมทั้งปญั หาและอปุ สรรคเสนอตอ่ รฐั สภาปลี ะหน่ึงครัง้ มาตรา ๖๔ บทบัญญัตใิ นหมวดนเี้ ปน็ แนวทางให้รัฐดาเนนิ การ ตรากฎหมายและกาหนดนโยบายในการบริหารราชการแผน่ ดิน มาตรา ๗๖ คณะรฐั มนตรีต้องจดั ทาแผนการบริหารราชการ แผน่ ดิน เพอื่ แสดงมาตรการและรายละเอียดของแนวทางในการปฏิบัติ มาตรา ๖๕ รฐั พึงจัดให้มียทุ ธศาสตรช์ าติเป็นเปา้ หมายการ ราชการในแตล่ ะปขี องการบรหิ ารราชการแผ่นดนิ ซึง่ จะตอ้ งสอดคล้องกบั พัฒนาประเทศอย่างยัง่ ยืนตามหลกั ธรรมาภบิ าลเพอื่ ใช้เปน็ กรอบใน แนวนโยบายพื้นฐานแห่งรฐั การจดั ทาแผนต่าง ๆ ให้สอดคล้องและบรู ณาการกันเพื่อใหเ้ กิดเปน็ พลังผลกั ดันรว่ มกนั ไปสเู่ ป้าหมายดังกล่าว ในการบรหิ ารราชการแผน่ ดนิ คณะรฐั มนตรีต้องจัดให้มี แผนการตรากฎหมายที่จาเปน็ ตอ่ การดาเนินการตามนโยบายและ การจดั ทา การกาหนดเปา้ หมาย ระยะเวลาท่ีจะบรรลเุ ปา้ หมาย แผนการบรหิ ารราชการแผน่ ดนิ และสาระท่พี งึ มีในยทุ ธศาสตร์ชาติ ให้เป็นไปตามหลกั เกณฑ์และ วิธีการทีก่ ฎหมายบญั ญตั ิ ทง้ั นี้ กฎหมายดงั กลา่ วตอ้ งมบี ทบัญญัติ เกย่ี วกับการมสี ่วนรว่ มและการรบั ฟังความคดิ เหน็ ของประชาชนทกุ ภาค สว่ นอย่างท่ัวถงึ ดว้ ย
รฐั ธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศกั ราช ๒๕๔๐ ๓๐ นาถะ ดวงวชิ ยั ผู้บงั คบั บญั ชากลุ่มงานประธานรฐั สภา ผจู้ ดั ทา มาตรา ๗๔ รัฐตอ้ งสง่ เสริมสมั พันธไมตรีกบั นานาประเทศ และ รฐั ธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ พงึ ถอื หลักในการปฏบิ ตั ติ ่อกนั อยา่ งเสมอภาค รัฐธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ ส่วนที่ ๖ มาตรา ๗๓ รัฐต้องใหค้ วามอุปถมั ภ์และคุม้ ครองพระพุทธ แนวนโยบายด้านการต่างประเทศ ยุทธศาสตรช์ าติ เมื่อได้ประกาศในราชกจิ จานุเบกษาแล้ว ใหใ้ ช้ ศาสนาและศาสนาอืน่ ส่งเสริมความเขา้ ใจอนั ดีและความสมานฉนั ท์ มาตรา ๘๒ รัฐตอ้ งส่งเสริมสัมพนั ธไมตรแี ละความรว่ มมือกบั บังคับได้ ระหว่างศาสนกิ ชนของทกุ ศาสนา รวมทง้ั สนบั สนนุ การนาหลักธรรม นานาประเทศ และพึงถือหลักในการปฏิบัตติ ่อกันอยา่ งเสมอภาค ของศาสนามาใชเ้ พ่อื เสรมิ สร้างคณุ ธรรมและพัฒนาคุณภาพชวี ติ ตลอดจนต้องปฏบิ ตั ิตามสนธสิ ญั ญาด้านสิทธิมนษุ ยชนท่ีประเทศไทย มาตรา ๖๖ รัฐพึงสง่ เสริมสมั พันธไมตรีกับนานาประเทศโดยถอื เปน็ ภาคี รวมท้ังตามพนั ธกรณที ี่ไดก้ ระทาไวก้ ับนานาประเทศและ หลักความเสมอภาคในการปฏิบัตติ ่อกัน และไม่แทรกแซงกจิ การ มาตรา ๒๓๗ ในคดอี าญา การจบั และคุมขงั บคุ คลใด จะ องค์การระหว่างประเทศ ภายในของกันและกัน ใหค้ วามรว่ มมอื กับองคก์ ารระหว่างประเทศ กระทามไิ ด้ เว้นแตม่ ีคาส่งั หรอื หมายของศาล หรอื ผ้นู ั้นไดก้ ระทา รัฐตอ้ งส่งเสริมการค้า การลงทุน และการท่องเท่ียวกบั นานา และค้มุ ครองผลประโยชนข์ องชาตแิ ละของคนไทยในตา่ งประเทศ ความผดิ ซึง่ หน้า หรือมเี หตจุ าเป็นอย่างอื่นใหจ้ ับได้โดยไมม่ หี มาย ประเทศ ตลอดจนต้องให้ความคุม้ ครองและดแู ลผลประโยชน์ของคน ตามทกี่ ฎหมายบญั ญตั ิ โดยผู้ถกู จบั จะต้องไดร้ ับการแจง้ ข้อกล่าวหา ไทยในต่างประเทศ มาตรา ๖๗ รัฐพึงอปุ ถมั ภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนาและ และรายละเอยี ดแห่งการจับ โดยไมช่ กั ช้า กบั จะต้องได้รับโอกาสแจง้ ศาสนาอ่ืน สว่ นท่ี ๔ แนวนโยบายด้านศาสนา สังคม การสาธารณสุข การศึกษา และ ในการอุปถมั ภ์และคมุ้ ครองพระพทุ ธศาสนาอนั เปน็ ศาสนาที่ ประชาชนชาวไทยสว่ นใหญน่ บั ถอื มาช้านาน รฐั พงึ ส่งเสรมิ และ วัฒนธรรม สนับสนุนการศกึ ษาและเผยแผห่ ลกั ธรรมของพระพทุ ธศาสนาเถรวาท มาตรา ๗๙ รฐั ตอ้ งให้ความอุปถัมภ์และคมุ้ ครองพระพุทธ เพื่อให้เกดิ การพฒั นาจติ ใจและปญั ญา และต้องมมี าตรการและกลไก ศาสนาซึง่ เป็นศาสนาท่ีประชาชนชาวไทยสว่ นใหญน่ บั ถอื มาชา้ นาน ในการป้องกันมิใหม้ ีการบอ่ นทาลายพระพุทธศาสนาไมว่ ่าในรปู แบบใด และศาสนาอ่ืน ทั้งต้องสง่ เสริมความเขา้ ใจอันดแี ละความสมานฉันท์ และพงึ ส่งเสรมิ ใหพ้ ุทธศาสนิกชนมีส่วนรว่ มในการดาเนนิ มาตรการ ระหวา่ งศาสนิกชนของทุกศาสนา รวมทง้ั สนบั สนนุ การนาหลักธรรม หรอื กลไกดังกล่าวด้วย ของศาสนามาใชเ้ พอ่ื เสริมสร้างคุณธรรมและพัฒนาคณุ ภาพชีวิต มาตรา ๖๘ รัฐพงึ จัดระบบการบรหิ ารงานในกระบวนการ มาตรา ๔๐ บคุ คลย่อมมสี ิทธิในกระบวนการยตุ ิธรรม ดังต่อไปน้ี ยุติธรรมทุกด้านใหม้ ปี ระสทิ ธิภาพ เปน็ ธรรม และไมเ่ ลอื กปฏบิ ัติ และ (๑) สทิ ธิเขา้ ถึงกระบวนการยตุ ิธรรมไดโ้ ดยง่าย สะดวก ใหป้ ระชาชนเขา้ ถึงกระบวนการยตุ ธิ รรมไดโ้ ดยสะดวก รวดเรว็ และไม่ รวดเร็ว และทั่วถึง เสยี ค่าใชจ้ ่ายสงู เกินสมควร (๒) สทิ ธิพน้ื ฐานในกระบวนพจิ ารณา ซ่งึ อย่างน้อยต้องมี หลักประกันขน้ั พ้ืนฐานเร่ืองการไดร้ ับการพิจารณาโดยเปดิ เผย การได้
๓๑ นาถะ ดวงวิชยั ผู้บังคบั บญั ชากล่มุ งานประธานรฐั สภา ผู้จัดทา รัฐธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจักรไทย พทุ ธศักราช ๒๕๔๐ รัฐธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๐ รฐั ธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐ ใหญ้ าติหรือผู้ซ่ึงผูถ้ ูกจบั ไว้วางใจทราบในโอกาสแรก และผ้ถู ูกจับซงึ่ ยัง รบั ทราบข้อเทจ็ จริงและตรวจเอกสารอย่างเพยี งพอ การเสนอ รฐั พงึ มีมาตรการคมุ้ ครองเจ้าหน้าทขี่ องรัฐในกระบวนการ ถูกควบคมุ อยู่ ตอ้ งถกู นาตัวไปศาลภายในสส่ี บิ แปดช่ัวโมงนบั แต่เวลา ขอ้ เทจ็ จริง ข้อโต้แยง้ และพยานหลักฐานของตน การคัดคา้ นผู้ ยตุ ิธรรม ใหส้ ามารถปฏบิ ตั หิ นา้ ทไ่ี ด้โดยเครง่ ครดั ปราศจากการ ทีผ่ ูถ้ ูกจับถกู นาตวั ไปถงึ ทที่ าการของพนกั งานสอบสวน เพื่อศาล พิพากษาหรือตลุ าการ การได้รับการพจิ ารณาโดยผ้พู ิพากษาหรือตุลา แทรกแซงหรือครอบงาใด ๆ พจิ ารณาวา่ มเี หตทุ ่ีจะขังผู้ถกู จับไวต้ ามกฎหมายหรอื ไม่ เวน้ แตม่ เี หตุ การทีน่ ่ังพิจารณาคดคี รบองค์คณะ และการไดร้ บั ทราบเหตุผลประกอบ รฐั พึงใหค้ วามช่วยเหลอื ทางกฎหมายท่จี าเปน็ และเหมาะสมแก่ สดุ วสิ ยั หรอื มเี หตจุ าเป็นอย่างอืน่ ตามท่กี ฎหมายบญั ญตั ิ คาวนิ จิ ฉัย คาพิพากษา หรือคาสั่ง ผูย้ ากไรห้ รือผ้ดู อ้ ยโอกาสในการเขา้ ถึงกระบวนการยตุ ิธรรม รวมตลอด หมายจับหรือหมายขังบคุ คลจะออกไดต้ อ่ เมือ่ (๓) บคุ คลย่อมมีสิทธิทจี่ ะให้คดขี องตนได้รับการพจิ ารณาอยา่ ง ถึงการจัดหาทนายความให้ (๑) มหี ลักฐานตามสมควรวา่ ผู้นั้นนา่ จะไดก้ ระทาความผดิ อาญา ถูกต้อง รวดเร็ว และเป็นธรรม ร้ายแรงทีม่ ีอัตราโทษตามท่ีกฎหมายบญั ญตั ิ หรอื (๔) ผู้เสยี หาย ผู้ตอ้ งหา โจทก์ จาเลย คกู่ รณี ผู้มสี ่วนไดเ้ สยี หรือ (๒) มหี ลกั ฐานตามสมควรวา่ ผูน้ ั้นนา่ จะไดก้ ระทาความผดิ อาญา พยานในคดมี สี ทิ ธไิ ดร้ บั การปฏิบตั ทิ เี่ หมาะสมในการดาเนนิ การตาม และมเี หตอุ ันควรเชื่อว่าผู้น้นั จะหลบหนี หรอื จะไปยุ่งเหยิงกบั กระบวนการยุตธิ รรม รวมทงั้ สทิ ธใิ นการไดร้ บั การสอบสวนอยา่ งถูกต้อง พยานหลกั ฐาน หรือก่อเหตุอันตรายประการอนื่ ดว้ ย รวดเร็ว เปน็ ธรรม และการไม่ใหถ้ อ้ ยคาเปน็ ปฏิปักษ์ตอ่ ตนเอง มาตรา ๒๓๘ ในคดอี าญา การค้นในทีร่ โหฐานจะกระทามไิ ด้ (๕) ผ้เู สยี หาย ผู้ตอ้ งหา จาเลย และพยานในคดีอาญา มีสิทธิ เวน้ แต่จะมคี าสั่งหรอื หมายของศาล หรอื มีเหตุให้ค้นได้โดยไมต่ ้องมี ได้รับความคมุ้ ครอง และความชว่ ยเหลอื ทีจ่ าเป็นและเหมาะสมจาก คาสัง่ หรอื หมายของศาล ท้ังน้ี ตามทีก่ ฎหมายบญั ญตั ิ รฐั สว่ นคา่ ตอบแทน คา่ ทดแทน และคา่ ใชจ้ า่ ยทีจ่ าเป็น ให้เปน็ ไป มาตรา ๒๓๙ คาขอประกนั ผู้ต้องหาหรือจาเลยในคดอี าญาต้อง ตามท่กี ฎหมายบัญญัติ ไดร้ ับการพิจารณาอยา่ งรวดเร็วและจะเรียกหลักประกันจนเกินควร (๖) เดก็ เยาวชน สตรี ผู้สงู อายุ หรอื ผพู้ ิการหรอื ทุพพลภาพ แก่กรณมี ไิ ด้ การไมใ่ ห้ประกันต้องอาศยั เหตตุ ามหลกั เกณฑ์ท่ีบัญญตั ไิ ว้ ยอ่ มมสี ิทธไิ ดร้ ับความคมุ้ ครองในการดาเนนิ กระบวนพจิ ารณาคดี โดยเฉพาะในกฎหมาย และต้องแจ้งเหตุผลใหผ้ ตู้ ้องหาหรอื จาเลย อยา่ งเหมาะสม และย่อมมสี ิทธไิ ดร้ ับการปฏบิ ัติทเี่ หมาะสมในคดที ่ี ทราบโดยเร็ว เกีย่ วกบั ความรุนแรงทางเพศ สทิ ธิที่จะอทุ ธรณค์ ดั ค้านการไม่ใหป้ ระกัน ยอ่ มไดร้ ับความ (๗) ในคดอี าญา ผตู้ ้องหาหรอื จาเลยมีสทิ ธิไดร้ บั การสอบสวนหรือ คุ้มครองตามทก่ี ฎหมายบัญญัติ การพิจารณาคดที ถี่ กู ต้อง รวดเรว็ และเป็นธรรม โอกาสในการต่อสู้คดี บคุ คลผูถ้ กู ควบคุม คมุ ขัง หรือจาคุก ยอ่ มมสี ทิ ธพิ บและปรึกษา อยา่ งเพียงพอ การตรวจสอบหรอื ไดร้ ับทราบพยานหลักฐานตาม ทนายความเปน็ การเฉพาะตวั และมีสทิ ธไิ ดร้ บั การเยยี่ มตามสมควร สมควร การไดร้ ับความชว่ ยเหลือในทางคดจี ากทนายความ และการไดร้ ับ มาตรา ๒๔๐ ในกรณที ่ีมกี ารคมุ ขังตัวบุคคลในคดอี าญาหรอื ใน การปล่อยตัวชั่วคราว กรณีอืน่ ใด ผ้ถู ูกคมุ ขงั เอง พนกั งานอยั การ หรือบุคคลอน่ื ใดเพอื่ (๘) ในคดีแพ่ง บคุ คลมสี ิทธิไดร้ บั ความช่วยเหลือทางกฎหมาย ประโยชนข์ องผูถ้ ูกคมุ ขัง มสี ิทธิร้องต่อศาลทอ้ งท่ที มี่ อี านาจพิจารณา อย่างเหมาะสมจากรฐั คดีอาญาว่าการคุมขงั เปน็ การมิชอบด้วยกฎหมาย เมอื่ มคี าร้องเชน่ วา่ มาตรา ๘๑ รัฐต้องดาเนินการตามแนวนโยบายด้านกฎหมาย น้ี ให้ศาลดาเนินการไตส่ วนฝา่ ยเดยี วโดยดว่ น ถ้าเห็นวา่ คาร้องน้นั มีมลู และการยุตธิ รรม ดังตอ่ ไปนี้ ศาลมีอานาจส่งั ผคู้ มุ ขงั ให้นาตัวผู้ถกู คมุ ขังมาศาลโดยพลนั และถา้ ผคู้ มุ
๓๒ นาถะ ดวงวิชัย ผู้บงั คับบัญชากล่มุ งานประธานรัฐสภา ผู้จดั ทา รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทย พุทธศักราช ๒๕๔๐ รัฐธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๐ รัฐธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ ขังแสดงให้เปน็ ทพ่ี อใจของศาลไมไ่ ด้ว่าการคมุ ขงั เปน็ การชอบด้วย (๑) ดูแลใหม้ กี ารปฏิบตั ิและบงั คับการให้เปน็ ไปตามกฎหมายอยา่ ง กฎหมาย ให้ศาลส่งั ปลอ่ ยตัวผู้ถกู คมุ ขงั ไปทันที ถูกต้อง รวดเร็ว เปน็ ธรรม และทัว่ ถึง สง่ เสรมิ การให้ความชว่ ยเหลอื และให้ มาตรา ๒๔๑ ในคดอี าญา ผูต้ อ้ งหาหรือจาเลยยอ่ มมีสิทธไิ ดร้ ับ ความรู้ทางกฎหมายแก่ประชาชน และจดั ระบบงานราชการและงานของรัฐ การสอบสวนหรือการพจิ ารณาคดดี ้วยความรวดเร็ว ตอ่ เนอื่ ง และเปน็ อย่างอื่นในกระบวนการยุติธรรมใหม้ ปี ระสิทธิภาพ โดยให้ประชาชนและ ธรรม องค์กรวชิ าชีพมีส่วนรว่ มในกระบวนการยตุ ธิ รรม และการชว่ ยเหลอื ในชนั้ สอบสวน ผ้ตู อ้ งหามสี ทิ ธิให้ทนายความหรอื ผู้ซ่งึ ตน ประชาชนทางกฎหมาย ไว้วางใจเขา้ ฟงั การสอบปากคาตนได้ (๒) คุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของบุคคลใหพ้ ้นจากการล่วงละเมดิ ผเู้ สยี หายหรอื จาเลยในคดีอาญายอ่ มมีสิทธิตรวจหรอื คดั สาเนา ทง้ั โดยเจา้ หน้าทีข่ องรัฐและโดยบุคคลอ่ืน และต้องอานวยความยตุ ธิ รรม คาใหก้ ารของตนในช้นั สอบสวนหรือเอกสารประกอบคาใหก้ ารของตน แก่ประชาชนอย่างเทา่ เทียมกนั เมอ่ื พนักงานอัยการได้ยน่ื ฟอ้ งคดตี ่อศาลแล้ว ท้งั น้ี ตามท่กี ฎหมาย (๔) จัดให้มีกฎหมายเพื่อจดั ตงั้ องคก์ รเพ่อื การปฏิรูปกระบวนการ บญั ญัติ ยุติธรรมท่ดี าเนนิ การเป็นอสิ ระ เพ่อื ปรับปรุงและพัฒนาการดาเนนิ งาน ในคดอี าญาทพี่ นกั งานอัยการมคี าสัง่ เด็ดขาดไม่ฟ้องแลว้ ของหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องกบั กระบวนการยุตธิ รรม ผู้เสยี หาย ผ้ตู อ้ งหา หรอื ผู้มสี ่วนไดเ้ สยี ย่อมมสี ทิ ธขิ อทราบสรปุ (๕) สนับสนุนการดาเนนิ การขององค์กรภาคเอกชนท่ีให้ความ พยานหลกั ฐานพรอ้ มความเห็นของพนกั งานสอบสวนและพนกั งาน ชว่ ยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน โดยเฉพาะผไู้ ด้รับผลกระทบ อัยการในการสั่งคดี ทง้ั นี้ ตามที่กฎหมายบญั ญตั ิ จากความรนุ แรงในครอบครวั มาตรา ๒๔๒ ผตู้ ้องหาหรอื จาเลยในคดีอาญายอ่ มมีสิทธไิ ด้รบั ความชว่ ยเหลอื จากรัฐด้วยการจดั หาทนายความให้ตามที่กฎหมาย บัญญัติ ในกรณที ีผ่ ูถ้ กู ควบคมุ หรอื คุมขงั ไมอ่ าจหาทนายความได้ รฐั ตอ้ งใหค้ วามช่วยเหลือโดยจดั หาทนายความใหโ้ ดยเรว็ ในคดีแพง่ บุคคลยอ่ มมสี ทิ ธิไดร้ ับความช่วยเหลอื ทางกฎหมาย จากรัฐตามที่กฎหมายบญั ญัติ มาตรา ๒๔๓ บุคคลย่อมมีสทิ ธไิ ม่ใหถ้ ้อยคาเป็นปฏิปกั ษต์ อ่ ตนเองอันอาจทาใหต้ นถูกฟ้องคดีอาญา ถอ้ ยคาของบคุ คลซ่ึงเกิดจากการจงู ใจ มีคาม่ันสัญญา ขู่เขญ็ หลอกลวง ถูกทรมาน ใชก้ าลังบังคบั หรอื กระทาโดยมิชอบประการ ใด ๆ ไม่อาจรับฟงั เปน็ พยานหลกั ฐานได้ มาตรา ๒๔๔ บุคคลซึ่งเป็นพยานในคดีอาญามสี ิทธไิ ดร้ ับความ คุ้มครอง การปฏิบตั ิที่เหมาะสม และค่าตอบแทนท่ีจาเป็นและสมควร จากรัฐ ทัง้ น้ี ตามท่ีกฎหมายบัญญตั ิ
๓๓ นาถะ ดวงวิชยั ผบู้ ังคบั บญั ชากลมุ่ งานประธานรัฐสภา ผจู้ ดั ทา รฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๔๐ รฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจักรไทย พุทธศกั ราช ๒๕๕๐ รฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจักรไทย พทุ ธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๒๔๕ บคุ คลซง่ึ เปน็ ผู้เสยี หายในคดอี าญามีสทิ ธไิ ด้รับ ความคุ้มครอง การปฏบิ ตั ิทเี่ หมาะสม และค่าตอบแทนทจี่ าเปน็ และ สมควรจากรฐั ท้ังน้ี ตามทีก่ ฎหมายบญั ญตั ิ บคุ คลใดได้รบั ความเสียหายถงึ แก่ชีวติ หรือแกร่ ่างกายหรอื จติ ใจ เนอ่ื งจากการกระทาความผดิ อาญาของผอู้ น่ื โดยตนมไิ ด้มีส่วน เก่ยี วข้องกบั การกระทาความผดิ นนั้ และไมม่ ีโอกาสได้รับการบรรเทา ความเสยี หายโดยทางอน่ื บคุ คลนน้ั หรอื ทายาทย่อมมสี ทิ ธิได้รบั ความ ชว่ ยเหลอื จากรัฐ ท้งั น้ี ตามเงอื่ นไขและวิธีการท่กี ฎหมายบญั ญตั ิ มาตรา ๒๔๖ บคุ คลใดตกเป็นจาเลยในคดีอาญาและถกู คมุ ขงั ระหวา่ งการพจิ ารณาคดี หากปรากฏตามคาพพิ ากษาอันถึงท่ีสุดในคดี นน้ั ว่าขอ้ เท็จจริงฟงั เปน็ ยุตวิ า่ จาเลยมไิ ดเ้ ป็นผู้กระทาความผดิ หรอื การกระทาของจาเลยไม่เปน็ ความผดิ บคุ คลน้นั ย่อมมสี ิทธิไดร้ ับคา่ ทดแทนและคา่ ใชจ้ า่ ยตามสมควร ตลอดจนบรรดาสิทธิท่เี สียไปเพราะ การน้ันคืน ทงั้ นี้ ตามเงอ่ื นไขและวธิ กี ารท่กี ฎหมายบญั ญตั ิ มาตรา ๒๔๗ บคุ คลใดตอ้ งรบั โทษอาญาโดยคาพพิ ากษาอันถงึ ทีส่ ุด บคุ คลนน้ั ผมู้ สี ว่ นได้เสยี หรอื พนักงานอัยการ อาจร้องขอใหม้ ี การรอื้ ฟื้นคดขี ้นึ พิจารณาใหม่ได้ และหากปรากฏตามคาพิพากษาของ ศาลทีร่ อ้ื ฟ้นื คดีข้นึ พิจารณาใหม่ว่าบุคคลนั้นมไิ ดเ้ ปน็ ผ้กู ระทาความผดิ บคุ คลนัน้ หรือทายาทยอ่ มมสี ิทธไิ ด้รบั คา่ ทดแทนและค่าใช้จ่ายตาม สมควร ตลอดจนบรรดาสทิ ธิท่เี สียไปเพราะผลแหง่ คาพิพากษานัน้ คนื ทั้งนี้ ตามเงือ่ นไขและวธิ กี ารทก่ี ฎหมายบญั ญตั ิ มาตรา ๗๕ รัฐต้องดแู ลใหม้ ีการปฏบิ ตั ติ ามกฎหมาย คมุ้ ครอง สทิ ธแิ ละเสรภี าพของบุคคล จดั ระบบงานของกระบวนการยุติธรรมให้ มปี ระสทิ ธภิ าพและอานวยความยตุ ธิ รรมแก่ประชาชนอย่างรวดเรว็ และเทา่ เทียมกนั รวมทง้ั จดั ระบบงานราชการและงานของรฐั อย่างอนื่ ใหม้ ปี ระสทิ ธภิ าพเพ่ือตอบสนองความต้องการของประชาชน รัฐต้องจดั สรรงบประมาณให้พอเพยี งกับการบริหารงานโดย อสิ ระของคณะกรรมการการเลอื กตง้ั ผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา คณะกรรมการสทิ ธิมนุษยชนแห่งชาติ ศาลรัฐธรรมนญู ศาลยุติธรรม
รฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจักรไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๔๐ ๓๔ นาถะ ดวงวิชัย ผบู้ ังคบั บญั ชากล่มุ งานประธานรัฐสภา รฐั ธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศักราช ๒๕๕๐ ผูจ้ ดั ทา ศาลปกครอง คณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปรามการทจุ ริต แหง่ ชาติ และคณะกรรมการตรวจเงนิ แผน่ ดิน รัฐธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๘๑ รฐั ตอ้ งจดั การศกึ ษาอบรมและสนับสนนุ ให้เอกชน มาตรา ๘๐ รฐั ต้องดาเนินการตามแนวนโยบายดา้ นสงั คม การ มาตรา ๖๙ รัฐพึงจัดใหม้ ีและส่งเสริมการวจิ ัยและพัฒนา จัดการศกึ ษาอบรมใหเ้ กดิ ความรคู้ คู่ ุณธรรม จัดใหม้ ีกฎหมายเก่ียวกบั สาธารณสขุ การศึกษา และวฒั นธรรม ดังต่อไปนี้ วทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี และศลิ ปวทิ ยาการแขนงตา่ ง ๆ ให้เกิดความรู้ การศึกษาแหง่ ชาติ ปรับปรงุ การศกึ ษาใหส้ อดคลอ้ งกบั ความ การพัฒนา และนวัตกรรม เพอ่ื ความเขม้ แขง็ ของสังคมและเสรมิ สรา้ ง เปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกจิ และสงั คม สรา้ งเสรมิ ความรู้และปลกู ฝงั (๕) ส่งเสริมและสนับสนนุ การศกึ ษาวิจัยในศลิ ปวิทยาการ ความสามารถของคนในชาติ จิตสานกึ ท่ถี ูกต้องเกี่ยวกบั การเมอื งการปกครองในระบอบ แขนงต่าง ๆ และเผยแพรข่ อ้ มลู ผลการศึกษาวจิ ยั ทีไ่ ดร้ บั ทนุ ประชาธิปไตยอนั มีพระมหากษตั รยิ ท์ รงเปน็ ประมขุ สนับสนนุ การ สนับสนุนการศกึ ษาวจิ ยั จากรฐั คน้ คว้าวิจยั ในศลิ ปวทิ ยาการต่าง ๆ เรง่ รดั พัฒนาวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยีเพ่ือการพฒั นาประเทศ พฒั นาวชิ าชีพครู และส่งเสรมิ ภมู ิ สว่ นท่ี ๙ ปัญญาท้องถิน่ ศลิ ปะและวฒั นธรรมของชาติ แนวนโยบายด้านวทิ ยาศาสตร์ ทรพั ย์สนิ ทางปัญญา และพลังงาน มาตรา ๘๖ รฐั ต้องดาเนนิ การตามแนวนโยบายด้านวทิ ยาศาสตร์ ทรพั ย์สินทางปัญญา และพลงั งาน ดงั ต่อไปน้ี (๑) สง่ เสรมิ ใหม้ ีการพฒั นาด้านวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี และ นวตั กรรมดา้ นต่าง ๆ โดยจดั ใหม้ ีกฎหมายเฉพาะเพือ่ การนี้ จัดงบประมาณ สนับสนนุ การศึกษา คน้ คว้า วจิ ัย และให้มสี ถาบนั การศกึ ษาและพัฒนา จัดใหม้ ีการใช้ประโยชน์จากผลการศกึ ษาและพฒั นา การถา่ ยทอด เทคโนโลยที มี่ ีประสิทธิภาพ และการพัฒนาบคุ ลากรท่เี หมาะสม รวมทั้ง เผยแพรค่ วามรู้ดา้ นวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยสี มัยใหม่ และสนบั สนนุ ให้ ประชาชนใช้หลกั ดา้ นวทิ ยาศาสตร์ในการดารงชีวติ (๒) ส่งเสรมิ การประดิษฐ์หรือการคน้ คดิ เพื่อใหเ้ กิดความรู้ใหม่ รกั ษาและพัฒนาภมู ิปัญญาท้องถ่ินและภมู ปิ ญั ญาไทย รวมทงั้ ให้ ความค้มุ ครองทรพั ย์สนิ ทางปญั ญา (๓) ส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัย พัฒนา และใช้ประโยชน์ จากพลังงานทดแทนซึ่งได้จากธรรมชาติและเปน็ คณุ ต่อสง่ิ แวดล้อม อยา่ งต่อเน่อื งและเป็นระบบ
รัฐธรรมนญู แห่งราชอาณาจักรไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๔๐ ๓๕ นาถะ ดวงวชิ ยั ผู้บงั คบั บัญชากลุ่มงานประธานรฐั สภา ผ้จู ดั ทา รฐั ธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๐ รัฐธรรมนญู แห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศกั ราช ๒๕๖๐ ส่วนที่ ๑๐ แนวนโยบายดา้ นการมีส่วนร่วมของประชาชน มาตรา ๗๖ รัฐต้องส่งเสรมิ และสนบั สนุนการมสี ่วนร่วมของ มาตรา ๘๗ รัฐตอ้ งดาเนินการตามแนวนโยบายดา้ นการมสี ว่ น ประชาชนในการกาหนดนโยบาย การตัดสนิ ใจทางการเมือง การวาง รว่ มของประชาชนดังตอ่ ไปน้ี แผนพฒั นาทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมอื ง รวมทงั้ การตรวจสอบ การใช้อานาจรัฐทกุ ระดบั (๑) ส่งเสรมิ ใหป้ ระชาชนมสี ว่ นร่วมในการกาหนดนโยบายและ วางแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสงั คมทง้ั ในระดบั ชาติและระดับทอ้ งถิน่ (๒) ส่งเสรมิ และสนับสนนุ การมสี ว่ นร่วมของประชาชนในการ ตัดสินใจทางการเมือง การวางแผนพฒั นาทางเศรษฐกิจ และสงั คม รวมทัง้ การจัดทาบรกิ ารสาธารณะ (๓) สง่ เสริมและสนบั สนุนการมีส่วนร่วมของประชาชนในการ ตรวจสอบการใชอ้ านาจรฐั ทุกระดับ ในรปู แบบองคก์ รทางวิชาชีพหรือ ตามสาขาอาชีพทหี่ ลากหลาย หรือรูปแบบอนื่ (๔) ส่งเสริมให้ประชาชนมีความเขม้ แขง็ ในทางการเมอื ง และจัด ใหม้ ีกฎหมายจดั ตั้งกองทุนพัฒนาการเมืองภาคพลเมืองเพอื่ ชว่ ยเหลือ การดาเนินกิจกรรมสาธารณะของชุมชน รวมทั้งสนบั สนุนการ ดาเนินการของกลุ่มประชาชนท่รี วมตวั กันในลกั ษณะเครอื ข่ายทุก รปู แบบใหส้ ามารถแสดงความคิดเห็นและเสนอความตอ้ งการของชุมชน ในพ้ืนท่ี (๕) ส่งเสริมและให้การศกึ ษาแก่ประชาชนเกี่ยวกับการพฒั นา การเมอื งและการปกครองระบอบประชาธปิ ไตยอันมีพระมหา กษตั รยิ ท์ รงเปน็ ประมขุ รวมทง้ั สง่ เสรมิ ใหป้ ระชาชนได้ใช้สทิ ธิ เลือกตง้ั โดยสจุ ริตและเทย่ี งธรรม การมสี ว่ นรว่ มของประชาชนตามมาตรานต้ี อ้ งคานึงถงึ สัดสว่ นของ หญิงและชายท่ใี กลเ้ คยี งกนั
๓๖ นาถะ ดวงวชิ ัย ผู้บังคบั บัญชากลุ่มงานประธานรฐั สภา ผ้จู ัดทา รัฐธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พุทธศกั ราช ๒๕๔๐ รฐั ธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจักรไทย พุทธศกั ราช ๒๕๕๐ รฐั ธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พทุ ธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๗๐ รฐั พึงสง่ เสรมิ และให้ความค้มุ ครองชาวไทยกล่มุ ชาตพิ นั ธ์ตุ า่ ง ๆ ใหม้ สี ิทธิดารงชวี ิตในสังคมตามวฒั นธรรม ประเพณี และวถิ ชี ีวิตดง้ั เดมิ ตามความสมัครใจไดอ้ ยา่ งสงบสุข ไม่ถูกรบกวน ทั้งน้ี เทา่ ท่ไี ม่เป็นการขดั ตอ่ ความสงบเรยี บรอ้ ยหรือศีลธรรมอนั ดขี อง ประชาชน หรือเปน็ อนั ตรายต่อความมั่นคงของรัฐ หรือสขุ ภาพอนามยั มาตรา ๕๓ เด็ก เยาวชน และบคุ คลในครอบครวั มีสิทธไิ ดร้ บั มาตรา ๕๒ เดก็ และเยาวชน มสี ทิ ธิในการอยู่รอดและไดร้ บั มาตรา ๗๑ รฐั พึงเสรมิ สรา้ งความเข้มแขง็ ของครอบครวั อนั ความค้มุ ครองโดยรัฐจากการใชค้ วามรนุ แรงและการปฏบิ ัตอิ ันไมเ่ ปน็ การพฒั นาด้านรา่ งกาย จิตใจ และสติปญั ญา ตามศักยภาพใน เปน็ องคป์ ระกอบพ้ืนฐานที่สาคญั ของสงั คม จดั ให้ประชาชนมที อ่ี ยู่ ธรรม สภาพแวดลอ้ มทเี่ หมาะสม โดยคานงึ ถึงการมีส่วนร่วมของเด็กและ อาศยั อยา่ งเหมาะสม ส่งเสรมิ และพัฒนาการสรา้ งเสริมสขุ ภาพเพือ่ ให้ เดก็ และเยาวชนซ่ึงไม่มีผดู้ ูแล มสี ทิ ธไิ ดร้ ับการเลี้ยงดแู ละ เยาวชนเป็นสาคญั ประชาชนมสี ุขภาพที่แขง็ แรงและมจี ติ ใจเขม้ แข็ง รวมตลอดทง้ั สง่ เสรมิ การศกึ ษาอบรมจากรัฐ ทั้งน้ี ตามทก่ี ฎหมายบญั ญตั ิ เดก็ เยาวชน สตรี และบคุ คลในครอบครวั มสี ิทธิไดร้ บั ความ และพัฒนาการกฬี าใหไ้ ปสู่ความเป็นเลิศและเกดิ ประโยชน์สูงสุดแก่ มาตรา ๕๕ บคุ คลซ่ึงพิการหรอื ทพุ พลภาพ มสี ิทธไิ ดร้ บั ส่ิง คุ้มครองจากรฐั ให้ปราศจากการใช้ความรุนแรงและการปฏบิ ัติอันไม่ ประชาชน อานวยความสะดวกอนั เป็นสาธารณะและความชว่ ยเหลอื อนื่ จากรฐั เปน็ ธรรม ทัง้ มีสทิ ธไิ ดร้ บั การบาบดั ฟืน้ ฟูในกรณที ม่ี เี หตดุ งั กลา่ ว รัฐพึงสง่ เสรมิ และพฒั นาทรัพยากรมนษุ ยใ์ ห้เป็นพลเมืองทด่ี ี มี ทง้ั น้ี ตามทก่ี ฎหมายบญั ญตั ิ การแทรกแซงและการจากดั สทิ ธขิ องเดก็ เยาวชน และบคุ คล คุณภาพและความสามารถสงู ขึ้น มาตรา ๘๐ รฐั ตอ้ งค้มุ ครองและพฒั นาเดก็ และเยาวชน ในครอบครัว จะกระทามไิ ด้ เวน้ แตโ่ ดยอาศยั อานาจตามบทบัญญตั ิ รฐั พงึ ใหค้ วามช่วยเหลอื เด็ก เยาวชน สตรี ผสู้ ูงอายุ คนพิการ ผู้ สง่ เสริมความเสมอภาคของหญิงและชาย เสริมสรา้ งและพฒั นาความ แห่งกฎหมาย เฉพาะเพือ่ สงวนและรักษาไว้ซงึ่ สถานะของครอบครวั ยากไร้ และผดู้ ้อยโอกาส ให้สามารถดารงชีวิตไดอ้ ย่างมคี ณุ ภาพ และ เป็นปึกแผน่ ของครอบครัว และความเขม้ แข็งของชุมชน หรอื ประโยชนส์ งู สดุ ของบคุ คลน้นั คุม้ ครองปอ้ งกันมิใหบ้ คุ คลดังกล่าวถกู ใชค้ วามรนุ แรงหรอื ปฏบิ ตั อิ ยา่ ง รฐั ต้องสงเคราะหค์ นชรา ผู้ยากไร้ ผู้พิการหรือทพุ พลภาพและ เดก็ และเยาวชนซง่ึ ไม่มีผูด้ แู ลมีสิทธไิ ดร้ บั การเล้ียงดแู ละ ไม่เปน็ ธรรม รวมตลอดท้ังให้การบาบัด ฟื้นฟูและเยียวยาผู้ถกู กระทา ผู้ด้อยโอกาสใหม้ ีคณุ ภาพชวี ิตท่ีดแี ละพง่ึ ตนเองได้ การศึกษาอบรมที่เหมาะสมจากรฐั การดังกลา่ ว มาตรา ๘๑ รัฐตอ้ งจัดการศึกษาอบรมและสนับสนนุ ให้เอกชน มาตรา ๕๔ บคุ คลซ่งึ พิการหรือทุพพลภาพ มีสทิ ธเิ ขา้ ถึงและใช้ ในการจัดสรรงบประมาณ รฐั พึงคานึงถงึ ความจาเป็นและความ จัดการศกึ ษาอบรมใหเ้ กดิ ความรคู้ คู่ ณุ ธรรม จดั ใหม้ กี ฎหมายเกี่ยวกบั ประโยชน์จากสวัสดิการ ส่ิงอานวยความสะดวกอนั เป็นสาธารณะ และ ต้องการท่ีแตกตา่ งกันของเพศ วยั และสภาพของบคุ คล ทงั้ นี้ เพอื่ การศึกษาแหง่ ชาติ ปรับปรุงการศกึ ษาใหส้ อดคลอ้ งกับความ ความช่วยเหลือท่ีเหมาะสมจากรัฐ ความเป็นธรรม เปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคม สรา้ งเสรมิ ความรู้และปลูกฝัง บุคคลวิกลจรติ ย่อมไดร้ ับความช่วยเหลอื ทเี่ หมาะสมจากรฐั จติ สานกึ ท่ถี กู ตอ้ งเกย่ี วกับการเมอื งการปกครองในระบอบ มาตรา ๘๐ รัฐตอ้ งดาเนินการตามแนวนโยบายดา้ นสงั คม การ ประชาธิปไตยอันมพี ระมหากษตั รยิ ท์ รงเปน็ ประมขุ สนับสนนุ การ สาธารณสขุ การศกึ ษา และวฒั นธรรม ดังตอ่ ไปนี้ คน้ ควา้ วจิ ัยในศิลปวทิ ยาการต่าง ๆ เรง่ รดั พฒั นาวทิ ยาศาสตรแ์ ละ (๑) คุ้มครองและพัฒนาเดก็ และเยาวชน สนบั สนนุ การอบรมเล้ียง เทคโนโลยีเพื่อการพัฒนาประเทศ พฒั นาวิชาชพี ครู และสง่ เสริมภมู ิ ดูและให้การศึกษาปฐมวัย ส่งเสรมิ ความเสมอภาคของหญงิ และชาย ปญั ญาทอ้ งถ่นิ ศิลปะและวัฒนธรรมของชาติ เสรมิ สร้างและพัฒนาความเป็นปึกแผ่นของสถาบนั ครอบครวั และชมุ ชน มาตรา ๘๒ รัฐต้องจดั และส่งเสรมิ การสาธารณสขุ ให้ประชาชน รวมทั้งตอ้ งสงเคราะห์และจดั สวสั ดิการใหแ้ ก่ผสู้ งู อายุ ผ้ยู ากไร้ ผพู้ ิการ ไดร้ ับบรกิ ารทไ่ี ดม้ าตรฐานและมปี ระสทิ ธิภาพอย่างท่วั ถึง
รัฐธรรมนญู แห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศกั ราช ๒๕๔๐ ๓๗ นาถะ ดวงวชิ ัย ผู้บงั คบั บัญชากลมุ่ งานประธานรัฐสภา ผ้จู ดั ทา มาตรา ๗๙ รฐั ต้องสง่ เสรมิ และสนบั สนนุ ให้ประชาชนมสี ว่ น รัฐธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจกั รไทย พุทธศกั ราช ๒๕๕๐ รว่ มในการสงวน บารงุ รกั ษา และใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ รฐั ธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ และความหลากหลายทางชีวภาพอย่างสมดลุ รวมทง้ั มสี ่วนรว่ มในการ หรือทพุ พลภาพ และผู้อยใู่ นสภาวะยากลาบาก ใหม้ ีคุณภาพชวี ิตทีด่ ขี ้นึ สง่ เสรมิ บารงุ รกั ษา และคมุ้ ครองคณุ ภาพส่งิ แวดลอ้ มตามหลกั การ และพึ่งพาตนเองได้ มาตรา ๗๒ รัฐพงึ ดาเนนิ การเก่ียวกับทด่ี ิน ทรัพยากรน้า และ การพัฒนาท่ยี ัง่ ยืน ตลอดจนควบคมุ และกาจัดภาวะมลพษิ ที่มีผลต่อ พลังงาน ดงั ตอ่ ไปนี้ สุขภาพอนามยั สวัสดิภาพ และคณุ ภาพชวี ติ ของประชาชน (๒) สง่ เสรมิ สนบั สนุน และพัฒนาระบบสขุ ภาพที่เน้นการสรา้ ง เสริมสขุ ภาพอันนาไปสู่สุขภาวะทย่ี ั่งยนื ของประชาชน รวมท้ังจัดและ (๑) วางแผนการใชท้ ด่ี นิ ของประเทศใหเ้ หมาะสมกบั สภาพของ ส่งเสรมิ ใหป้ ระชาชนได้รบั บริการสาธารณสขุ ทม่ี ีมาตรฐานอยา่ งทวั่ ถึง พนื้ ท่แี ละศักยภาพของที่ดนิ ตามหลักการพัฒนาอยา่ งยงั่ ยนื และมีประสิทธิภาพ และสง่ เสริมใหเ้ อกชนและชุมชนมีสว่ นรว่ มในการ พัฒนาสขุ ภาพและการจดั บริการสาธารณสุข โดยผ้มู หี นา้ ท่ีให้บริการ (๒) จดั ให้มกี ารวางผงั เมืองทกุ ระดบั และบงั คับการใหเ้ ปน็ ไป ดังกล่าวซึ่งได้ปฏิบัตหิ น้าท่ตี ามมาตรฐานวชิ าชีพและจริยธรรม ย่อม ตามผงั เมืองอย่างมปี ระสิทธิภาพ รวมตลอดทงั้ พัฒนาเมอื งให้มีความ ได้รับความคุม้ ครองตามกฎหมาย เจริญโดยสอดคลอ้ งกับความตอ้ งการของประชาชนในพ้ืนท่ี มาตรา ๘๕ รัฐต้องดาเนินการตามแนวนโยบายดา้ นท่ดี นิ (๓) จดั ให้มีมาตรการกระจายการถอื ครองท่ดี ินเพอื่ ใหป้ ระชาชน ทรพั ยากรธรรมชาติ และสง่ิ แวดลอ้ ม ดังตอ่ ไปน้ี สามารถมที ี่ทากนิ ได้อยา่ งทั่วถงึ และเป็นธรรม (๑) กาหนดหลกั เกณฑก์ ารใช้ท่ีดนิ ใหค้ รอบคลมุ ท่ัวประเทศ โดยให้ (๔) จดั ใหม้ ที รัพยากรนา้ ท่ีมีคณุ ภาพและเพยี งพอต่อการอปุ โภค คานึงถงึ ความสอดคล้องกบั สภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ ทั้งผนื ดิน ผืนนา้ บริโภคของประชาชน รวมทง้ั การประกอบเกษตรกรรม อุตสาหกรรม วถิ ชี ีวิตของชุมชนทอ้ งถ่นิ และการดแู ลรักษาทรพั ยากรธรรมชาติอยา่ งมี และการอ่ืน ประสิทธภิ าพ และกาหนดมาตรฐานการใชท้ ด่ี นิ อยา่ งยั่งยืน โดยตอ้ งให้ ประชาชนในพนื้ ท่ที ไี่ ดร้ ับผลกระทบจากหลักเกณฑ์การใชท้ ี่ดินน้นั มสี ว่ น (๕) ส่งเสรมิ การอนรุ ักษพ์ ลังงานและการใชพ้ ลังงานอยา่ งค้มุ คา่ รว่ มในการตัดสนิ ใจดว้ ย รวมทง้ั พัฒนาและสนับสนุนใหม้ กี ารผลิตและการใช้พลังงานทางเลือก เพอ่ื เสรมิ สร้างความม่นั คงด้านพลงั งานอยา่ งยง่ั ยนื (๒) กระจายการถอื ครองทด่ี นิ อยา่ งเปน็ ธรรมและดาเนนิ การ ให้เกษตรกรมีกรรมสิทธห์ิ รือสทิ ธิในทด่ี นิ เพ่ือประกอบเกษตรกรรม อย่างทว่ั ถึงโดยการปฏริ ูปท่ีดนิ หรอื วธิ ีอน่ื รวมทั้งจัดหาแหล่งนา้ เพอ่ื ใหเ้ กษตรกรมีนา้ ใชอ้ ย่างพอเพียงและเหมาะสมแก่การเกษตร (๓) จดั ใหม้ ีการวางผงั เมือง พัฒนา และดาเนนิ การตามผงั เมือง อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพและประสิทธิผล เพื่อประโยชน์ในการดแู ลรกั ษา ทรัพยากรธรรมชาตอิ ย่างยั่งยืน (๔) จัดใหม้ ีแผนการบรหิ ารจดั การทรัพยากรนา้ และทรัพยากร ธรรมชาตอิ ื่นอย่างเปน็ ระบบและเกดิ ประโยชน์ต่อสว่ นรวม ท้งั ตอ้ งให้ ประชาชนมีสว่ นร่วมในการสงวน บารุงรักษา และใชป้ ระโยชนจ์ าก ทรัพยากรธรรมชาติและความหลากหลายทางชวี ภาพอย่างสมดุล
๓๘ นาถะ ดวงวชิ ยั ผูบ้ งั คับบญั ชากล่มุ งานประธานรฐั สภา ผูจ้ ดั ทา รฐั ธรรมนญู แห่งราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศักราช ๒๕๔๐ รฐั ธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๐ รฐั ธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจักรไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐ (๕) ส่งเสรมิ บารุงรักษา และคุ้มครองคณุ ภาพสิ่งแวดลอ้ มตาม หลักการพัฒนาที่ย่ังยืน ตลอดจนควบคุมและกาจดั ภาวะมลพิษทีม่ ีผล ตอ่ สุขภาพอนามัย สวสั ดภิ าพ และคุณภาพชีวิตของประชาชน โดย ประชาชน ชุมชนท้องถิ่น และองคก์ รปกครองส่วนท้องถ่ิน ต้องมสี ่วน ร่วมในการกาหนดแนวทางการดาเนินงาน มาตรา ๘๖ รัฐต้องดาเนินการตามแนวนโยบายดา้ นวทิ ยาศาสตร์ ทรพั ยส์ นิ ทางปัญญา และพลงั งาน ดงั ตอ่ ไปนี้ (๓) ส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัย พัฒนา และใช้ประโยชน์ จากพลังงานทดแทนซึ่งได้จากธรรมชาติและเป็นคณุ ตอ่ สิง่ แวดลอ้ ม อย่างต่อเน่อื งและเปน็ ระบบ มาตรา ๘๔ รฐั ตอ้ งจัดระบบการถือครองที่ดนิ และการใชท้ ีด่ นิ มาตรา ๘๔ รัฐต้องดาเนนิ การตามแนวนโยบายด้านเศรษฐกิจ มาตรา ๗๓ รฐั พึงจดั ใหม้ ีมาตรการหรือกลไกท่ีช่วยใหเ้ กษตรกร อยา่ งเหมาะสม จัดหาแหลง่ นา้ เพอ่ื เกษตรกรรมให้เกษตรกรอยา่ ง ดงั ต่อไปนี้ ประกอบเกษตรกรรมได้อย่างมีประสทิ ธภิ าพ ไดผ้ ลผลิตทม่ี ปี รมิ าณ ทั่วถึง และรักษาผลประโยชน์ของเกษตรกรในการผลติ และการตลาด (๘) คุ้มครองและรักษาผลประโยชน์ของเกษตรกรในการผลติ และ และคณุ ภาพสงู มีความปลอดภัย โดยใชต้ น้ ทุนตา่ และสามารถแข่งขนั สนิ ค้าเกษตรให้ไดร้ บั ผลตอบแทนสูงสดุ รวมท้งั สง่ เสรมิ การรวมตวั ของ การตลาด สง่ เสรมิ ให้สินคา้ เกษตรไดร้ ับผลตอบแทนสงู สดุ รวมทั้งสง่ เสรมิ ในตลาดได้ และพึงชว่ ยเหลือเกษตรกรผยู้ ากไร้ใหม้ ีทท่ี ากินโดยการ เกษตรกรเพอื่ วางแผนการเกษตรและรกั ษาผลประโยชนร์ ว่ มกนั ของ การรวมกลมุ่ ของเกษตรกรในรปู ของสภาเกษตรกรเพ่ือวางแผนการเกษตร ปฏิรปู ที่ดินหรอื วธิ ีอืน่ ใด เกษตรกร และรักษาผลประโยชนร์ ว่ มกนั ของเกษตรกร (๑๔) ส่งเสรมิ อตุ สาหกรรมแปรรูปผลผลติ ทางการเกษตร เพื่อใหเ้ กิดมูลคา่ เพิ่มในทางเศรษฐกจิ มาตรา ๘๖ รัฐต้องสง่ เสรมิ ให้ประชากรวยั ทางานมงี านทา มาตรา ๔๔ บุคคลยอ่ มมีสิทธไิ ด้รบั หลกั ประกันความ มาตรา ๗๔ รัฐพงึ ส่งเสริมให้ประชาชนมคี วามสามารถในการ คุ้มครองแรงงานโดยเฉพาะแรงงานเด็กและแรงงานหญงิ จัดระบบ ปลอดภยั และสวสั ดภิ าพในการทางาน รวมทงั้ หลักประกันในการ ทางานอยา่ งเหมาะสมกับศักยภาพและวัยและใหม้ งี านทา และพึง แรงงานสมั พันธ์ การประกันสงั คม รวมทั้งค่าตอบแทนแรงงานใหเ้ ปน็ ดารงชีพทั้งในระหว่างการทางานและเม่ือพน้ ภาวะการทางาน ทั้งนี้ คมุ้ ครองผู้ใชแ้ รงงานให้ไดร้ บั ความปลอดภยั และมีสขุ อนามยั ทีด่ ีในการ ธรรม ตามท่ีกฎหมายบญั ญัติ ทางาน ไดร้ บั รายได้ สวสั ดกิ าร การประกันสงั คม และสิทธปิ ระโยชน์ มาตรา ๘๔ รัฐต้องดาเนนิ การตามแนวนโยบายด้านเศรษฐกจิ อ่นื ทเี่ หมาะสมแก่การดารงชีพ และพึงจดั ใหม้ ีหรอื สง่ เสรมิ การออมเพือ่ ดงั ต่อไปนี้ การดารงชพี เมอ่ื พน้ วัยทางาน (๗) สง่ เสรมิ ใหป้ ระชากรวยั ทางานมีงานทา คุ้มครองแรงงานเดก็ และ รัฐพงึ จัดให้มีระบบแรงงานสมั พันธ์ท่ที กุ ฝา่ ยที่เกย่ี วข้องมี สตรี จัดระบบแรงงานสมั พนั ธ์และระบบไตรภาคที ผ่ี ้ทู างานมสี ทิ ธเิ ลือก สว่ นร่วมในการดาเนนิ การ ผแู้ ทนของตน จัดระบบประกันสังคม รวมทั้งคมุ้ ครองใหผ้ ทู้ างานทม่ี ี คณุ คา่ อยา่ งเดียวกันไดร้ บั คา่ ตอบแทน สทิ ธปิ ระโยชน์ และสวัสดกิ ารท่ี เปน็ ธรรมโดยไมเ่ ลือกปฏิบตั ิ
รฐั ธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พทุ ธศักราช ๒๕๔๐ ๓๙ นาถะ ดวงวชิ ัย ผบู้ งั คบั บัญชากลุ่มงานประธานรัฐสภา ผู้จดั ทา รฐั ธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศักราช ๒๕๕๐ รัฐธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศักราช ๒๕๖๐ ส่วนที่ ๗ แนวนโยบายด้านเศรษฐกิจ มาตรา ๘๓ รัฐต้องดาเนนิ การใหม้ กี ารกระจายรายไดอ้ ย่างเป็น มาตรา ๘๓ รัฐตอ้ งสง่ เสรมิ และสนบั สนนุ ให้มกี ารดาเนินการ มาตรา ๗๕ รฐั พงึ จัดระบบเศรษฐกิจให้ประชาชนมีโอกาส ธรรม ตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง ไดร้ บั ประโยชนจ์ ากความเจรญิ เตบิ โตทางเศรษฐกจิ ไปพรอ้ มกนั อยา่ ง ทัว่ ถงึ เปน็ ธรรม และยัง่ ยืน สามารถพงึ่ พาตนเองได้ตามหลกั ปรัชญา มาตรา ๘๕ รฐั ตอ้ งส่งเสรมิ สนบั สนนุ และคมุ้ ครองระบบ มาตรา ๘๔ รฐั ต้องดาเนินการตามแนวนโยบายดา้ นเศรษฐกิจ ของเศรษฐกจิ พอเพียง ขจัดการผกู ขาดทางเศรษฐกจิ ทไี่ ม่เป็นธรรม สหกรณ์ ดังต่อไปน้ี และพัฒนาความสามารถในการแขง่ ขนั ทางเศรษฐกจิ ของประชาชน และประเทศ มาตรา ๘๗ รัฐตอ้ งสนับสนนุ ระบบเศรษฐกิจแบบเสรโี ดยอาศยั (๑) สนบั สนนุ ระบบเศรษฐกจิ แบบเสรแี ละเปน็ ธรรมโดยอาศัย กลไกตลาด กากบั ดูแลใหม้ กี ารแขง่ ขนั อยา่ งเป็นธรรม คมุ้ ครอง กลไกตลาด และสนบั สนุนใหม้ กี ารพัฒนาเศรษฐกิจอย่างย่ังยืน โดยตอ้ ง รฐั ต้องไมป่ ระกอบกิจการที่มีลกั ษณะเป็นการแข่งขันกับเอกชน ผูบ้ รโิ ภค และป้องกนั การผกู ขาดตดั ตอนท้งั ทางตรงและทางออ้ ม ยกเลิกและละเวน้ การตรากฎหมายและกฎเกณฑท์ ค่ี วบคมุ ธุรกิจซึง่ มี เว้นแตก่ รณที ีม่ ีความจาเปน็ เพอ่ื ประโยชน์ในการรักษาความมน่ั คงของ รวมท้ังยกเลิกและละเว้นการตรากฎหมายและกฎเกณฑท์ ีค่ วบคมุ บทบัญญัติท่ีไมส่ อดคล้องกับความจาเปน็ ทางเศรษฐกจิ และต้องไม่ รฐั การรักษาผลประโยชนส์ ่วนรวม การจดั ใหม้ สี าธารณปู โภค หรือ ธุรกจิ ทไ่ี มส่ อดคลอ้ งกบั ความจาเปน็ ทางเศรษฐกิจ และตอ้ งไม่ ประกอบกิจการท่มี ลี กั ษณะเป็นการแข่งขันกบั เอกชน เวน้ แตม่ ีความ การจดั ทาบริการสาธารณะ ประกอบกิจการแขง่ ขนั กับเอกชน เว้นแต่มคี วามจาเปน็ เพ่ือประโยชน์ จาเปน็ เพื่อประโยชนใ์ นการรกั ษาความมั่นคงของรัฐ รักษาผลประโยชน์ ในการรักษาความมน่ั คงของรัฐ รักษาผลประโยชน์สว่ นรวม หรือการ ส่วนรวม หรอื การจดั ให้มสี าธารณปู โภค รัฐพึงส่งเสรมิ สนับสนุน คมุ้ ครอง และสรา้ งเสถยี รภาพให้แก่ จัดให้มกี ารสาธารณปู โภค ระบบสหกรณ์ประเภทตา่ ง ๆ และกจิ การวสิ าหกจิ ขนาดย่อมและ (๒) สนับสนนุ ใหม้ กี ารใชห้ ลกั คณุ ธรรม จริยธรรม และหลัก ขนาดกลางของประชาชนและชมุ ชน ธรรมาภิบาล ควบคกู่ บั การประกอบกจิ การ ในการพัฒนาประเทศ รฐั พงึ คานงึ ถึงความสมดลุ ระหว่างการ (๔) จัดให้มีการออมเพ่ือการดารงชีพในยามชราแกป่ ระชาชนและ พฒั นาดา้ นวตั ถุ กับการพฒั นาดา้ นจติ ใจและความอยเู่ ยน็ เปน็ สุขของ เจ้าหนา้ ท่ขี องรัฐอยา่ งท่วั ถงึ ประชาชน ประกอบกนั (๕) กากับให้การประกอบกิจการมกี ารแข่งขนั อยา่ งเสรีและ เป็นธรรม ปอ้ งกนั การผูกขาดตัดตอนไม่วา่ โดยทางตรงหรอื ทางออ้ ม และคมุ้ ครองผูบ้ ริโภค (๖) ดาเนินการใหม้ กี ารกระจายรายไดอ้ ยา่ งเป็นธรรม คมุ้ ครอง สง่ เสริมและขยายโอกาสในการประกอบอาชีพของประชาชนเพ่ือการ พฒั นาเศรษฐกิจ รวมท้ังส่งเสรมิ และสนับสนุนการพัฒนาภมู ิปัญญา ทอ้ งถ่นิ และภมู ปิ ญั ญาไทย เพ่ือใช้ในการผลิตสนิ คา้ บริการ และการ ประกอบอาชีพ (๙) ส่งเสรมิ สนบั สนุน และคุ้มครองระบบสหกรณ์ใหเ้ ป็นอสิ ระ และการรวมกลมุ่ การประกอบอาชีพหรอื วชิ าชีพตลอดทั้งการรวมกลมุ่ ของประชาชนเพอื่ ดาเนินกจิ การด้านเศรษฐกิจ
รฐั ธรรมนญู แห่งราชอาณาจกั รไทย พุทธศกั ราช ๒๕๔๐ ๔๐ นาถะ ดวงวิชยั ผบู้ งั คับบญั ชากลุ่มงานประธานรัฐสภา ผูจ้ ัดทา รฐั ธรรมนญู แห่งราชอาณาจกั รไทย พุทธศกั ราช ๒๕๕๐ รัฐธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจักรไทย พุทธศกั ราช ๒๕๖๐ (๑๑) การดาเนนิ การใดทเี่ ป็นเหตใุ หโ้ ครงสร้างหรือโครงขา่ ยข้นั พน้ื ฐานของกจิ การสาธารณปู โภคข้นั พ้นื ฐานของรฐั อนั จาเปน็ ตอ่ การ ดารงชีวติ ของประชาชน หรือเพอ่ื ความมน่ั คงของรฐั ตกไปเปน็ กรรมสิทธ์ิ ของเอกชน หรือทาให้รฐั เปน็ เจา้ ของนอ้ ยกว่าร้อยละหา้ สบิ เอด็ จะกระทา มไิ ด้ (๑๒) สง่ เสรมิ และสนับสนุน กิจการพาณิชยนาวี การขนส่งทาง ราง รวมท้ัง การดาเนนิ การตามระบบบริหารจดั การขนสง่ ทั้งภายใน และระหวา่ งประเทศ (๑๓) สง่ เสรมิ และสนบั สนุนองค์กรภาคเอกชนทางเศรษฐกิจ ทง้ั ในระดบั ชาติและระดบั ทอ้ งถ่ินให้มคี วามเขม้ แขง็ ส่วนที่ ๓ แนวนโยบายด้านการบรหิ ารราชการแผ่นดนิ มาตรา ๗๗ รัฐต้องจดั ให้มีแผนพฒั นาการเมอื ง จัดทา มาตรา ๗๘ รัฐต้องดาเนินการตามแนวนโยบายด้านการบริหาร มาตรา ๗๖ รฐั พึงพัฒนาระบบการบรหิ ารราชการแผ่นดินทง้ั มาตรฐานทางคณุ ธรรมและจรยิ ธรรมของผู้ดารงตาแหน่งทางการเมอื ง ราชการแผน่ ดนิ ดังตอ่ ไปนี้ ราชการสว่ นกลาง สว่ นภมู ภิ าค สว่ นท้องถิ่น และงานของรฐั อย่างอ่ืน ขา้ ราชการ และพนักงานหรอื ลกู จา้ งอ่นื ของรฐั เพือ่ ป้องกนั การทจุ รติ (๑) บรหิ ารราชการแผ่นดนิ ใหเ้ ปน็ ไปเพ่อื การพัฒนาสังคม ให้เป็นไปตามหลกั การบรหิ ารกจิ การบา้ นเมอื งที่ดี โดยหนว่ ยงานของ และประพฤติมชิ อบ และเสริมสร้างประสทิ ธิภาพในการปฏิบัตหิ นา้ ที่ เศรษฐกจิ และความมัน่ คงของประเทศอยา่ งยง่ั ยนื โดยตอ้ งสง่ เสรมิ การ รัฐตอ้ งรว่ มมอื และชว่ ยเหลือกันในการปฏิบตั หิ นา้ ที่ เพอื่ ใหก้ ารบรหิ าร มาตรา ๗๘ รัฐตอ้ งกระจายอานาจใหท้ อ้ งถ่นิ พ่งึ ตนเองและ ดาเนนิ การตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี งและคานงึ ถงึ ผลประโยชนข์ อง ราชการแผ่นดิน การจดั ทาบริการสาธารณะ และการใชจ้ า่ ยเงิน ตัดสนิ ใจในกิจการทอ้ งถ่ินได้เอง พฒั นาเศรษฐกจิ ทอ้ งถน่ิ และระบบ ประเทศชาตใิ นภาพรวมเปน็ สาคญั งบประมาณมีประสิทธภิ าพสงู สดุ เพ่ือประโยชนส์ ุขของประชาชน รวม สาธารณูปโภคและสาธารณปู การตลอดท้งั โครงสรา้ งพ้นื ฐาน (๒) จดั ระบบการบริหารราชการสว่ นกลาง สว่ นภมู ิภาค และสว่ น ตลอดทั้งพฒั นาเจ้าหนา้ ทีข่ องรัฐใหม้ ีความซื่อสัตยส์ ุจรติ และมที ัศนคติ สารสนเทศในทอ้ งถ่นิ ใหท้ ่วั ถงึ และเทา่ เทยี มกนั ทั่วประเทศ รวมทัง้ ทอ้ งถ่นิ ให้มีขอบเขต อานาจหนา้ ที่ และความรบั ผดิ ชอบท่ีชดั เจน เป็นผู้ใหบ้ ริการประชาชนใหเ้ กดิ ความสะดวก รวดเร็ว ไมเ่ ลือกปฏิบตั ิ พฒั นาจงั หวัดทมี่ คี วามพรอ้ มใหเ้ ปน็ องค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถ่ินขนาด เหมาะสมแกก่ ารพฒั นาประเทศ และสนับสนุนใหจ้ งั หวดั มแี ผนและ และปฏบิ ตั หิ น้าทีอ่ ยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ ใหญ่ โดยคานงึ ถึงเจตนารมณ์ของประชาชนในจงั หวัดนัน้ งบประมาณเพอื่ พัฒนาจงั หวัด เพ่อื ประโยชน์ของประชาชนในพนื้ ที่ รัฐพงึ ดาเนินการใหม้ ีกฎหมายเกย่ี วกับการบรหิ ารงานบุคคล มาตรา ๒๓๐ การจดั ตั้งกระทรวง ทบวง กรม ขึน้ ใหม่ โดยมี (๓) กระจายอานาจให้องค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่นพึ่งตนเองและ ของหนว่ ยงานของรฐั ใหเ้ ป็นไปตามระบบคณุ ธรรม โดยกฎหมาย การกาหนดตาแหนง่ หรืออัตราของข้าราชการหรอื ลกู จ้างเพ่ิมขึ้น ให้ ตดั สนิ ใจในกจิ การของท้องถ่ินไดเ้ อง สง่ เสรมิ ให้องคก์ รปกครองสว่ น ดงั กลา่ วอย่างนอ้ ยตอ้ งมมี าตรการป้องกันมใิ หผ้ ู้ใดใช้อานาจหรือกระทา ตราเป็นพระราชบญั ญตั ิ ทอ้ งถ่ินมสี ว่ นร่วมในการดาเนินการตามแนวนโยบายพ้ืนฐานแห่งรฐั การโดยมิชอบท่เี ป็นการกา้ วกา่ ยหรือแทรกแซงการปฏิบตั ิหนา้ ที่ หรอื การรวมหรอื การโอนกระทรวง ทบวง กรม ทม่ี ีผลเป็นการจดั ตัง้ พฒั นาเศรษฐกิจของท้องถิ่นและระบบสาธารณูปโภคและสาธารณูปการ กระบวนการแต่งตง้ั หรอื การพิจารณาความดคี วามชอบของเจา้ หนา้ ท่ี เป็นกระทรวง ทบวง กรม ข้ึนใหม่ หรอื การรวมหรอื การโอนกระทรวง ตลอดทั้งโครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศในท้องถิ่น ให้ทั่วถึงและเท่าเทียม ของรฐั ทบวง กรม ที่มิไดม้ กี ารจัดตงั้ เป็นกระทรวง ทบวง กรม ขึ้นใหม่ ทั้งน้ี กนั ทวั่ ประเทศ รวมท้ังพัฒนาจังหวัดทม่ี คี วามพร้อมใหเ้ ป็นองคก์ ร
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทย พุทธศักราช ๒๕๔๐ ๔๑ นาถะ ดวงวชิ ัย ผบู้ ังคบั บัญชากล่มุ งานประธานรัฐสภา ผจู้ ดั ทา โดยไม่มีการกาหนดตาแหน่งหรอื อตั ราของขา้ ราชการหรือลูกจ้าง รัฐธรรมนญู แห่งราชอาณาจักรไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๐ เพิม่ ขน้ึ หรือการยุบกระทรวง ทบวง กรม ใหต้ ราเปน็ พระราช รฐั ธรรมนญู แห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศกั ราช ๒๕๖๐ กฤษฎกี า ปกครองสว่ นท้องถิ่นขนาดใหญ่ โดยคานงึ ถึงเจตนารมณข์ องประชาชน ในจังหวดั น้ัน รัฐพงึ จดั ใหม้ ีมาตรฐานทางจรยิ ธรรม เพอ่ื ใหห้ นว่ ยงานของรฐั ใช้ ภายในสามปนี ับแต่วนั ท่ีมกี ารรวมหรือการโอนกระทรวง ทบวง เปน็ หลกั ในการกาหนดประมวลจริยธรรมสาหรับเจ้าหนา้ ทข่ี องรัฐใน กรม ตามวรรคสอง จะกาหนดตาแหนง่ หรอื อัตราของข้าราชการหรอื (๔) พัฒนาระบบงานภาครฐั โดยมงุ่ เนน้ การพัฒนาคุณภาพ หน่วยงานนนั้ ๆ ซง่ึ ตอ้ งไมต่ า่ กวา่ มาตรฐานทางจรยิ ธรรมดังกล่าว ลูกจา้ งเพม่ิ ขนึ้ ในกระทรวง ทบวง กรม ท่จี ดั ตั้งขึน้ ใหม่ หรอื ใน คุณธรรม และจริยธรรมของเจา้ หน้าทขี่ องรฐั ควบคูไ่ ปกบั การปรับปรุง กระทรวง ทบวง กรม ที่ถกู รวมหรอื โอนไป มิได้ รูปแบบและวิธกี ารทางาน เพื่อใหก้ ารบริหารราชการแผน่ ดนิ เป็นไป อยา่ งมีประสิทธิภาพ และสง่ เสริมให้หนว่ ยงานของรฐั ใช้หลกั การ พระราชกฤษฎกี าตามวรรคสอง ให้ระบอุ านาจหนา้ ทขี่ อง บริหารกิจการบา้ นเมอื งทด่ี เี ปน็ แนวทางในการปฏิบตั ริ าชการ กระทรวง ทบวง กรม ทจี่ ดั ตั้งขึน้ ใหม่ การโอนอานาจหน้าท่ตี าม บทบญั ญตั ิแห่งกฎหมายซงึ่ หน่วยราชการหรือเจ้าพนกั งานทีม่ ีอยเู่ ดมิ (๕) จดั ระบบงานราชการและงานของรฐั อยา่ งอ่ืน เพือ่ ให้การ การโอนขา้ ราชการและลูกจ้าง งบประมาณรายจ่าย รวมท้งั ทรพั ย์สนิ จัดทาและการให้บรกิ ารสาธารณะเป็นไปอยา่ งรวดเรว็ มี และหนสี้ ิน เอาไวด้ ้วย ประสิทธภิ าพ โปร่งใส และตรวจสอบได้ โดยคานึงถึงการมสี ว่ นร่วม ของประชาชน การดาเนนิ การตามวรรคสองกบั กระทรวง ทบวง กรม ท่ีมี พระราชบญั ญตั ิจดั ตง้ั ขนึ้ แลว้ ให้ตราเปน็ พระราชกฤษฎีกา โดยให้ถอื (๖) ดาเนินการให้หน่วยงานทางกฎหมายที่มีหน้าท่ีให้ความเหน็ วา่ พระราชกฤษฎกี าที่ตราขนึ้ น้นั มีผลเป็นการแกไ้ ขเพม่ิ เตมิ บทบญั ญัติ เกยี่ วกับการดาเนนิ งานของรัฐตามกฎหมายและตรวจสอบการตรา ในพระราชบัญญัตหิ รอื กฎหมายทม่ี ผี ลใช้บงั คบั ไดด้ งั เชน่ กฎหมายของรฐั ดาเนินการอย่างเป็นอิสระ เพ่ือให้การบรหิ ารราชการ พระราชบญั ญัติในส่วนทีเ่ กย่ี วข้องด้วย แผน่ ดินเปน็ ไปตามหลักนิตธิ รรม (๗) จดั ให้มีแผนพฒั นาการเมอื ง รวมท้ังจัดใหม้ ีสภาพฒั นา การเมอื งทม่ี คี วามเป็นอสิ ระ เพอ่ื ตดิ ตามสอดส่องใหม้ กี ารปฏิบตั ิตาม แผนดังกลา่ วอยา่ งเคร่งครดั (๘) ดาเนนิ การใหข้ ้าราชการและเจา้ หน้าทีข่ องรัฐไดร้ ับสิทธิ ประโยชน์อย่างเหมาะสม มาตรา ๘๑ รฐั ต้องดาเนินการตามแนวนโยบายดา้ นกฎหมาย มาตรา ๗๗ รัฐพึงจดั ใหม้ กี ฎหมายเพยี งเทา่ ท่ีจาเป็น และ และการยุตธิ รรม ดงั ตอ่ ไปน้ี ยกเลกิ หรอื ปรับปรงุ กฎหมายทหี่ มดความจาเป็นหรอื ไมส่ อดคลอ้ งกบั (๓) จดั ใหม้ ีกฎหมายเพ่อื จัดต้ังองคก์ รเพ่ือการปฏริ ูปกฎหมายที่ สภาพการณ์ หรอื ทเ่ี ปน็ อุปสรรคตอ่ การดารงชีวติ หรอื การประกอบ ดาเนินการเปน็ อสิ ระ เพือ่ ปรบั ปรุงและพฒั นากฎหมายของประเทศ อาชพี โดยไม่ชกั ชา้ เพ่อื ไมใ่ หเ้ ปน็ ภาระแกป่ ระชาชน และดาเนินการให้ รวมท้ังการปรบั ปรงุ กฎหมายให้เปน็ ไปตามรัฐธรรมนูญโดยตอ้ งรับฟงั ประชาชนเข้าถงึ ตัวบทกฎหมายตา่ ง ๆ ไดโ้ ดยสะดวกและสามารถ ความคดิ เหน็ ของผทู้ ีไ่ ดร้ บั ผลกระทบจากกฎหมายนน้ั ประกอบดว้ ย เขา้ ใจกฎหมายไดง้ า่ ยเพือ่ ปฏบิ ตั ติ ามกฎหมายไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง
รฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศักราช ๒๕๔๐ ๔๒ นาถะ ดวงวชิ ยั ผ้บู งั คับบัญชากลุ่มงานประธานรฐั สภา รัฐธรรมนญู แห่งราชอาณาจกั รไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ ผู้จดั ทา รัฐธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ ก่อนการตรากฎหมายทุกฉบบั รัฐพึงจัดใหม้ ีการรับฟังความ คิดเหน็ ของผ้เู กย่ี วขอ้ ง วิเคราะหผ์ ลกระทบทอ่ี าจเกดิ ขึ้นจากกฎหมาย อย่างรอบดา้ นและเปน็ ระบบ รวมทัง้ เปดิ เผยผลการรบั ฟังความคดิ เห็น และการวเิ คราะห์น้นั ตอ่ ประชาชน และนามาประกอบการพจิ ารณาใน กระบวนการตรากฎหมายทกุ ข้นั ตอน เมือ่ กฎหมายมีผลใชบ้ ังคบั แลว้ รัฐพงึ จดั ใหม้ ีการประเมนิ ผลสมั ฤทธิ์ของกฎหมายทุกรอบระยะเวลาท่ี กาหนดโดยรบั ฟงั ความคดิ เห็นของผเู้ กี่ยวขอ้ งประกอบดว้ ย เพอื่ พฒั นา กฎหมายทุกฉบับใหส้ อดคล้องและเหมาะสมกบั บริบทต่าง ๆ ที่ เปล่ยี นแปลงไป รัฐพึงใชร้ ะบบอนญุ าตและระบบคณะกรรมการในกฎหมายเฉพาะ กรณีทีจ่ าเปน็ พึงกาหนดหลกั เกณฑก์ ารใช้ดลุ พนิ จิ ของเจา้ หนา้ ทขี่ อง รัฐและระยะเวลาในการดาเนนิ การตามขั้นตอนตา่ ง ๆ ที่บัญญตั ิไวใ้ น กฎหมายใหช้ ดั เจน และพึงกาหนดโทษอาญาเฉพาะความผดิ รา้ ยแรง มาตรา ๗๘ รฐั พงึ สง่ เสริมให้ประชาชนและชมุ ชนมีความรคู้ วาม เขา้ ใจที่ถูกตอ้ งเกยี่ วกบั การปกครองระบอบประชาธิปไตยอนั มี พระมหากษตั ริยท์ รงเป็นประมุข และมสี ว่ นรว่ มในการพัฒนาประเทศ ด้านตา่ ง ๆ การจดั ทาบรกิ ารสาธารณะทง้ั ในระดับชาติและระดบั ทอ้ งถ่นิ การตรวจสอบการใช้อานาจรฐั การต่อตา้ นการทจุ ริตและ ประพฤติมิชอบ รวมตลอดทัง้ การตัดสนิ ใจทางการเมือง และการอน่ื ใด บรรดาทอ่ี าจมผี ลกระทบต่อประชาชนหรอื ชมุ ชน
๔๓ นาถะ ดวงวชิ ยั ผบู้ ังคบั บญั ชากลมุ่ งานประธานรัฐสภา ผจู้ ดั ทา รัฐธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๔๐ รฐั ธรรมนญู แห่งราชอาณาจักรไทย พทุ ธศักราช ๒๕๕๐ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศกั ราช ๒๕๖๐ หมวด ๖ ไม่มีการแก้ไข หมวด ๗ รัฐสภา รฐั สภา ส่วนที่ ๑ ไมม่ ีการแกไ้ ข ไม่มีการแก้ไข บททัว่ ไป มาตรา ๙๐ รัฐสภาประกอบด้วยสภาผแู้ ทนราษฎรและวุฒสิ ภา มาตรา ๘๘ รฐั สภาประกอบดว้ ยสภาผู้แทนราษฎรและวฒุ ิสภา มาตรา ๗๙ รฐั สภาประกอบด้วยสภาผู้แทนราษฎรและวฒุ สิ ภา รฐั สภาจะประชมุ ร่วมกนั หรอื แยกกัน ย่อมเป็นไปตามบทบญั ญัติ รัฐสภาจะประชุมรว่ มกนั หรอื แยกกัน ยอ่ มเปน็ ไปตามบทบัญญตั ิ รฐั สภาจะประชมุ ร่วมกนั หรือแยกกัน ยอ่ มเปน็ ไปตามบทบญั ญตั ิ แห่งรฐั ธรรมนญู น้ี แหง่ รัฐธรรมนญู น้ี แหง่ รฐั ธรรมนญู มาตรา ๙๕ บุคคลจะเปน็ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชกิ บุคคลจะเปน็ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวฒุ สิ ภาใน บคุ คลจะเป็นสมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรและสมาชิกวุฒสิ ภาใน วฒุ ิสภาในขณะเดยี วกันมไิ ด้ ขณะเดียวกันมไิ ด้ ขณะเดยี วกันมไิ ด้ มาตรา ๙๑ ประธานสภาผแู้ ทนราษฎรเปน็ ประธานรฐั สภา มาตรา ๘๙ ตรงกบั บทบัญญตั ิในมาตรา ๙๑ ของรฐั ธรรมนญู มาตรา ๘๐ ประธานสภาผ้แู ทนราษฎรเปน็ ประธานรฐั สภา ประธานวุฒสิ ภาเปน็ รองประธานรฐั สภา แห่งราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศักราช ๒๕๔๐ ประธานวุฒิสภาเปน็ รองประธานรฐั สภา ในกรณีท่ไี ม่มีประธานสภาผู้แทนราษฎร หรอื ประธานสภา ในกรณที ไ่ี มม่ ปี ระธานสภาผู้แทนราษฎร หรือประธานสภา ผู้แทนราษฎรไมอ่ ย่หู รอื ไมส่ ามารถปฏบิ ตั หิ น้าท่ีประธานรฐั สภาได้ ให้ ผู้แทนราษฎรไม่อยหู่ รือไมส่ ามารถปฏบิ ตั ิหนา้ ท่ีประธานรัฐสภาได้ ประธานวุฒิสภาทาหน้าท่ปี ระธานรัฐสภาแทน ใหป้ ระธานวฒุ สิ ภาทาหนา้ ที่ประธานรัฐสภาแทน ประธานรัฐสภามอี านาจหนา้ ทตี่ ามทบี่ ญั ญัตไิ วใ้ นรัฐธรรมนญู นี้ ในระหว่างท่ปี ระธานวฒุ สิ ภาต้องทาหนา้ ทป่ี ระธานรฐั สภาตาม และดาเนนิ กจิ การของรฐั สภาในกรณีประชุมรว่ มกนั ใหเ้ ปน็ ไปตาม วรรคสอง แตไ่ มม่ ปี ระธานวุฒสิ ภา และเป็นกรณที ่เี กดิ ขึ้นในระหว่าง ขอ้ บังคบั ไมม่ สี ภาผแู้ ทนราษฎร ให้รองประธานวฒุ ิสภาทาหน้าทปี่ ระธาน รัฐสภา ถ้าไมม่ รี องประธานวฒุ สิ ภา ให้สมาชิกวุฒสิ ภาซ่งึ มอี ายมุ าก ประธานรฐั สภาและผู้ทาหนา้ ท่แี ทนประธานรัฐสภาตอ้ งวางตน ท่สี ุดในขณะนนั้ ทาหน้าทปี่ ระธานรัฐสภา และใหด้ าเนินการเลือก เปน็ กลางในการปฏบิ ัตหิ นา้ ท่ี ประธานวฒุ ิสภาโดยเรว็ รองประธานรฐั สภามอี านาจหนา้ ท่ีตามทีบ่ ญั ญัติไว้ในรัฐธรรมนญู ประธานรฐั สภามหี นา้ ท่แี ละอานาจตามรัฐธรรมนูญ และ น้ีและตามที่ประธานรฐั สภามอบหมาย ดาเนินกจิ การของรฐั สภาในกรณปี ระชุมรว่ มกนั ใหเ้ ปน็ ไปตามขอ้ บังคบั ประธานรัฐสภาและผู้ทาหนา้ ท่ีแทนประธานรัฐสภาตอ้ งวางตน เปน็ กลางในการปฏบิ ัตหิ น้าที่ รองประธานรฐั สภามหี นา้ ที่และอานาจตามรัฐธรรมนญู และ ตามทป่ี ระธานรฐั สภามอบหมาย
๔๔ นาถะ ดวงวิชัย ผู้บังคับบญั ชากลมุ่ งานประธานรัฐสภา ผจู้ ัดทา รัฐธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจักรไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๔๐ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๐ รฐั ธรรมนญู แห่งราชอาณาจักรไทย พทุ ธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๙๒ รา่ งพระราชบญั ญตั หิ รอื ร่างพระราชบัญญตั ิ มาตรา ๙๐ รา่ งพระราชบัญญตั ิประกอบรัฐธรรมนญู และร่าง มาตรา ๘๑ รา่ งพระราชบัญญตั ิประกอบรฐั ธรรมนญู และรา่ ง ประกอบรฐั ธรรมนญู จะตราข้ึนเปน็ กฎหมายไดก้ ็แตโ่ ดยคาแนะนาและ พระราชบญั ญตั ิจะตราข้นึ เปน็ กฎหมายไดก้ ็แตโ่ ดยคาแนะนาและ พระราชบญั ญตั ิจะตราข้นึ เป็นกฎหมายไดก้ ็แตโ่ ดยคาแนะนาและ ยินยอมของรัฐสภา ยินยอมของรัฐสภา และเมอ่ื พระมหากษัตรยิ ไ์ ดท้ รงลงพระ ยินยอมของรฐั สภา ปรมาภไิ ธยหรอื ถอื เสมอื นวา่ ได้ทรงลงพระปรมาภไิ ธยตาม ภายใต้บังคับมาตรา ๑๔๕ รา่ งพระราชบัญญัติประกอบ รฐั ธรรมนูญนแี้ ล้ว ให้ประกาศในราชกจิ จานุเบกษาเพอ่ื ใชบ้ งั คบั เป็น รัฐธรรมนูญและร่างพระราชบญั ญตั ิท่ไี ดร้ บั ความเห็นชอบของรัฐสภา กฎหมายตอ่ ไป แล้ว ใหน้ ายกรัฐมนตรีนาขึ้นทูลเกลา้ ทูลกระหม่อมถวายเพอื่ พระมหา กษตั ริย์ทรงลงพระปรมาภไิ ธย และเม่อื ประกาศในราชกิจจานเุ บกษา แล้ว ให้ใชบ้ งั คับเป็นกฎหมายได้ มาตรา ๙๖ สมาชิกสภาผแู้ ทนราษฎรหรอื สมาชิกวฒุ ิสภา มาตรา ๙๑ สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรหรือสมาชิกวฒุ ิสภาจานวน มาตรา ๘๒ สมาชกิ สภาผู้แทนราษฎรหรอื สมาชกิ วุฒสิ ภา จานวนไม่น้อยกว่าหนงึ่ ในสิบของจานวนสมาชกิ ทัง้ หมดเทา่ ทม่ี ีอยขู่ อง ไม่น้อยกว่าหน่ึงในสบิ ของจานวนสมาชกิ ทงั้ หมดเทา่ ทม่ี อี ยขู่ องแตล่ ะสภา จานวนไม่น้อยกวา่ หน่งึ ในสิบของจานวนสมาชิกทั้งหมดเทา่ ทมี่ อี ยู่ แตล่ ะสภา มสี ิทธิเขา้ ชอื่ รอ้ งตอ่ ประธานแห่งสภาทตี่ นเปน็ สมาชกิ ว่า มีสิทธิเขา้ ชือ่ ร้องต่อประธานแหง่ สภาทต่ี นเปน็ สมาชกิ วา่ สมาชิกภาพของ ของแต่ละสภา มสี ทิ ธเิ ขา้ ชื่อร้องตอ่ ประธานแหง่ สภาท่ตี นเป็นสมาชกิ สมาชกิ ภาพของสมาชิกคนใดคนหน่ึงแหง่ สภาน้ันสิ้นสดุ ลงตามมาตรา สมาชิกคนใดคนหนึ่งแหง่ สภาน้นั สนิ้ สดุ ลงตามมาตรา ๑๐๖ (๓) (๔) (๕) (๖) ว่าสมาชิกภาพของสมาชกิ คนใดคนหน่ึงแหง่ สภานั้นส้นิ สดุ ลงตาม ๑๑๘ (๓) (๔) (๕) (๖) (๗) (๘) (๙) (๑๑) หรอื (๑๒) หรอื มาตรา ๑๓๓ (๗) (๘) (๑๐) หรอื (๑๑) หรอื มาตรา ๑๑๙ (๓) (๔) (๕) (๗) หรอื (๘) แล้วแต่ มาตรา ๑๐๑ (๓) (๕) (๖) (๗) (๘) (๙) (๑๐) หรอื (๑๒) หรือมาตรา (๓) (๔) (๕) (๖) (๗) (๙) หรือ (๑๐) แลว้ แตก่ รณี และให้ประธานแหง่ กรณี และให้ประธานแหง่ สภาที่ไดร้ บั คาร้องส่งคารอ้ งนัน้ ไปยังศาล ๑๑๑ (๓) (๔) (๕) หรือ (๗) แล้วแตก่ รณี และใหป้ ระธานแห่งสภาท่ี สภาทไ่ี ดร้ บั คาร้องสง่ คารอ้ งนนั้ ไปยงั ศาลรฐั ธรรมนญู เพ่อื วินจิ ฉัยวา่ รัฐธรรมนญู เพอ่ื วนิ จิ ฉยั วา่ สมาชกิ ภาพของสมาชิกผนู้ ้ันสน้ิ สดุ ลงหรอื ไม่ ไดร้ ับคารอ้ ง สง่ คารอ้ งนัน้ ไปยงั ศาลรัฐธรรมนญู เพอื่ วินจิ ฉยั ว่าสมาชกิ สมาชิกภาพของสมาชกิ ผ้นู ้ันสนิ้ สุดลงหรือไม่ เมือ่ ศาลรฐั ธรรมนูญมคี าวนิ ิจฉยั แลว้ ใหศ้ าลรัฐธรรมนูญแจ้งคา ภาพของสมาชกิ ผู้นน้ั ส้ินสุดลงหรือไม่ เมือ่ ศาลรัฐธรรมนูญมคี าวินจิ ฉัยแลว้ ใหศ้ าลรัฐธรรมนูญแจง้ คา วินิจฉยั น้ันไปยังประธานแหง่ สภาท่ไี ด้รบั คาร้องตามวรรคหนึง่ เม่อื ไดร้ บั เรอื่ งไวพ้ จิ ารณา หากปรากฏเหตอุ ันควรสงสยั ว่า วนิ ิจฉยั นนั้ ไปยังประธานแหง่ สภาทไ่ี ด้รบั คาร้องตามวรรคหน่ึง ในกรณที ี่คณะกรรมการการเลือกตงั้ เหน็ วา่ สมาชิกภาพของ สมาชิกผถู้ กู ร้องมกี รณตี ามท่ถี ูกร้อง ให้ศาลรฐั ธรรมนญู มคี าสั่งให้ มาตรา ๙๗ การออกจากตาแหน่งของสมาชิกสภาผแู้ ทน สมาชกิ สภาผู้แทนราษฎรหรอื สมาชิกวฒุ สิ ภาคนใดคนหนง่ึ มเี หตุ สมาชิกผูถ้ ูกร้องหยดุ ปฏบิ ตั ิหน้าทจี่ นกวา่ ศาลรฐั ธรรมนูญจะมีคา ราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภาภายหลงั วันทสี่ มาชิกภาพสิน้ สดุ ลง หรือ ส้ินสุดลงตามวรรคหน่ึง ให้สง่ เรื่องไปยงั ประธานแห่งสภาทผ่ี ูน้ ั้นเป็น วนิ จิ ฉยั และเมือ่ ศาลรัฐธรรมนูญมคี าวินจิ ฉัยแลว้ ให้ศาลรฐั ธรรมนญู วันที่ศาลรัฐธรรมนญู มีคาวนิ ิจฉยั วา่ สมาชกิ ภาพของสมาชิกคนใดคน สมาชิก และให้ประธานแห่งสภานนั้ ส่งเรื่องไปยงั ศาลรฐั ธรรมนญู เพื่อ แจ้งคาวนิ จิ ฉยั นั้นไปยังประธานแหง่ สภาทไ่ี ด้รบั คารอ้ งตามวรรคหนงึ่ หนง่ึ สน้ิ สุดลง ยอ่ มไมก่ ระทบกระเทือนกิจการทสี่ มาชิกผนู้ ้นั ได้กระทา วินิจฉัยตามวรรคหนง่ึ และวรรคสอง ในกรณที ่ศี าลรัฐธรรมนญู วนิ จิ ฉัยวา่ สมาชกิ ภาพของสมาชิกผถู้ ูกร้อง ไปในหนา้ ทส่ี มาชิก รวมทัง้ การได้รบั เงนิ ประจาตาแหนง่ หรือประโยชน์ มาตรา ๙๒ การออกจากตาแหนง่ ของสมาชกิ สภาผู้แทนราษฎร สิ้นสดุ ลง ให้ผูน้ น้ั พ้นจากตาแหน่งนบั แต่วันท่หี ยดุ ปฏบิ ัติหน้าท่ี แตไ่ ม่ ตอบแทนอยา่ งอ่นื ก่อนท่สี มาชกิ ผนู้ ้นั ออกจากตาแหนง่ หรอื กอ่ นท่ี หรือสมาชกิ วุฒสิ ภาภายหลงั วนั ที่สมาชกิ ภาพสน้ิ สดุ ลงหรอื วันทีศ่ าล กระทบตอ่ กจิ การทผ่ี ู้น้ันไดก้ ระทาไปก่อนพน้ จากตาแหน่ง ประธานแห่งสภาทีผ่ นู้ ัน้ เป็นสมาชิกได้รับแจง้ คาวนิ จิ ฉัยของศาล รฐั ธรรมนญู มีคาวนิ ิจฉัยวา่ สมาชกิ ภาพของสมาชกิ คนใดคนหนงึ่ สนิ้ สดุ ลง มิให้นบั สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒสิ ภาซ่ึงหยดุ รัฐธรรมนูญ แล้วแตก่ รณี เวน้ แตใ่ นกรณีท่ีออกจากตาแหน่งเพราะเหตุ ยอ่ มไม่กระทบกระเทอื นกจิ การทส่ี มาชิกผู้นั้นไดก้ ระทาไปในหน้าท่สี มาชกิ ปฏบิ ตั หิ น้าทตี่ ามวรรคสอง เป็นจานวนสมาชกิ ทง้ั หมดเท่าที่มีอยขู่ อง ท่ผี นู้ ้ันไดร้ ับเลอื กตง้ั มาโดยไมช่ อบด้วยกฎหมายประกอบรฐั ธรรมนูญ รวมทั้งการไดร้ บั เงนิ ประจาตาแหน่งหรือประโยชน์ตอบแทนอยา่ งอนื่ สภาผู้แทนราษฎรหรือวฒุ สิ ภา วา่ ดว้ ยการเลอื กตง้ั สมาชิกสภาผแู้ ทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา ให้ ก่อนที่สมาชกิ ผู้นนั้ ออกจากตาแหนง่ หรือก่อนทป่ี ระธานแห่งสภาทผ่ี ู้น้ัน ในกรณที ี่คณะกรรมการการเลือกตัง้ เหน็ วา่ สมาชิกภาพของ เปน็ สมาชกิ ไดร้ บั แจ้งคาวนิ จิ ฉยั ของศาลรฐั ธรรมนญู แลว้ แต่กรณี เวน้ แต่ สมาชิกสภาผแู้ ทนราษฎรหรอื สมาชิกวฒุ สิ ภาคนใดคนหน่ึงมเี หตุ
๔๕ นาถะ ดวงวชิ ยั ผบู้ ังคบั บญั ชากลมุ่ งานประธานรฐั สภา ผ้จู ดั ทา รัฐธรรมนญู แห่งราชอาณาจกั รไทย พุทธศกั ราช ๒๕๔๐ รัฐธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๐ รัฐธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐ คนื เงนิ ประจาตาแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอย่างอ่นื ทผี่ ้นู น้ั ได้รับมา ในกรณีทอี่ อกจากตาแหน่งเพราะเหตทุ ผี่ นู้ น้ั ได้รับเลอื กตงั้ หรอื สรรหามา สน้ิ สดุ ลงตามวรรคหนึ่ง ใหส้ ง่ เรื่องไปยงั ศาลรัฐธรรมนูญเพ่อื วนิ ิจฉัย เน่ืองจากการดารงตาแหน่งดังกล่าว โดยไม่ชอบดว้ ยพระราชบญั ญตั ิประกอบรัฐธรรมนญู ว่าดว้ ยการเลือกตงั้ ตามวรรคหน่ึงได้ด้วย สมาชิกสภาผแู้ ทนราษฎรและการไดม้ าซึ่งสมาชิกวุฒิสภา ใหค้ ืนเงินประจา ตาแหนง่ และประโยชน์ตอบแทนอยา่ งอนื่ ท่ผี ้นู ้ันไดร้ บั มาเน่ืองจากการ ดารงตาแหน่งดังกล่าว ส่วนท่ี ๒ ไมม่ กี ารแก้ไข ไมม่ ีการแก้ไข สภาผู้แทนราษฎร มาตรา ๙๘ สภาผู้แทนราษฎรประกอบดว้ ยสมาชิกจานวนหา้ ร้อย มาตรา ๙๓ วรรคหนงึ่ สภาผแู้ ทนราษฎรประกอบด้วยสมาชิก มาตรา ๘๓ สภาผู้แทนราษฎรประกอบด้วยสมาชกิ จานวนห้า คน โดยเปน็ สมาชกิ ซึ่งมาจากการเลอื กต้งั แบบบัญชีรายช่อื ตามมาตรา จานวนห้าร้อยคน โดยเป็นสมาชกิ ซง่ึ มาจากการเลอื กต้ังแบบแบง่ รอ้ ยคน ดงั น้ี ๙๙ จานวนหนึ่งร้อยคน และสมาชิกซงึ่ มาจากการเลือกตง้ั แบบแบ่งเขต เขตเลอื กตงั้ จานวนสามร้อยเจด็ สบิ หา้ คน และสมาชกิ ซึ่งมาจากการ (๑) สมาชกิ ซ่งึ มาจากการเลอื กตัง้ แบบแบ่งเขตเลอื กต้ังจานวน เลอื กต้ังตามมาตรา ๑๐๒ จานวนสี่รอ้ ยคน เลือกตัง้ แบบบญั ชรี ายชอ่ื จานวนหนึ่งร้อยยี่สบิ ห้าคน สามร้อยหา้ สิบคน ในกรณที ่ตี าแหน่งสมาชกิ สภาผูแ้ ทนราษฎรว่างลงไมว่ ่าด้วยเหตุใด วรรคสี่ ในกรณีทตี่ าแหนง่ สมาชกิ สภาผูแ้ ทนราษฎรวา่ งลงไม่ (๒) สมาชกิ ซง่ึ มาจากบญั ชรี ายชอื่ ของพรรคการเมอื งจานวน และยังมิได้มีการเลือกตัง้ สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรขึ้นแทนตาแหน่งทวี่ ่าง วา่ ด้วยเหตใุ ด และยงั ไม่มีการเลอื กตัง้ สมาชิกสภาผ้แู ทนราษฎรขึ้น หนึ่งรอ้ ยห้าสิบคน ใหส้ ภาผแู้ ทนราษฎรประกอบด้วยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเทา่ ท่ีมีอยู่ แทนตาแหน่งท่วี า่ ง ให้สภาผู้แทนราษฎรประกอบดว้ ยสมาชกิ สภา ในกรณที ีต่ าแหนง่ สมาชกิ สภาผู้แทนราษฎรว่างลงไม่วา่ ดว้ ย มาตรา ๑๐๑ ภายใตบ้ งั คับมาตรา ๑๑๙ (๑) ในกรณที ่ีมเี หตุใด ๆ ผ้แู ทนราษฎรเทา่ ที่มอี ยู่ เหตุใด และยังไม่มีการเลอื กตง้ั หรอื ประกาศช่ือสมาชกิ สภาผ้แู ทน ทาให้ในระหวา่ งอายุของสภาผู้แทนราษฎรมสี มาชิกซงึ่ ไดร้ ับเลอื กตัง้ จาก วรรคห้า ภายใตบ้ ังคับมาตรา ๑๐๙ (๒) ในกรณที ีม่ ีเหตใุ ด ๆ ราษฎรขน้ึ แทนตาแหนง่ ทีว่ า่ ง ให้สภาผแู้ ทนราษฎรประกอบด้วย การเลอื กต้ังแบบบญั ชรี ายชือ่ มีจานวนไม่ถงึ หนึ่งรอ้ ยคน ให้สมาชิกซง่ึ มา ทาใหใ้ นระหว่างอายขุ องสภาผู้แทนราษฎรมสี มาชกิ ซ่ึงไดร้ ับการ สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรเทา่ ทีม่ ีอยู่ จากการเลอื กตง้ั แบบบัญชีรายช่ือประกอบด้วยสมาชิกเท่าท่ีมีอยู่ เลอื กตง้ั แบบบัญชรี ายชอ่ื มจี านวนไม่ถึงหน่ึงรอ้ ยยส่ี บิ ห้าคน ให้ ในกรณมี ีเหตุใด ๆ ทที่ าให้สมาชกิ สภาผู้แทนราษฎรแบบบญั ชี สมาชิกซ่ึงมาจากการเลือกตั้งแบบบญั ชรี ายชือ่ ประกอบดว้ ยสมาชิก รายชื่อมีจานวนไมถ่ งึ หนึ่งร้อยหา้ สบิ คน ให้สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร เท่าที่มีอยู่ แบบบัญชรี ายชอื่ ประกอบดว้ ยสมาชกิ เทา่ ที่มีอยู่ (มาตรา ๙๓ แกไ้ ขเพิ่มเติมโดยรฐั ธรรมนญู แห่งราชอาณาจักร มาตรา ๘๔ ในการเลือกตั้งทวั่ ไป เมือ่ มสี มาชิกสภาผู้แทน ไทย แกไ้ ขเพม่ิ เตมิ (ฉบับที่ ๑) พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๔) ราษฎรไดร้ บั เลอื กตัง้ ถึงรอ้ ยละเก้าสิบห้าของจานวนสมาชกิ สภา ผแู้ ทนราษฎรทงั้ หมดแลว้ หากมีความจาเปน็ จะตอ้ งเรยี กประชมุ มาตรา ๙๓ วรรคหก ในกรณที ี่มเี หตุการณ์ใด ๆ ทาใหก้ าร รัฐสภา ก็ให้ดาเนนิ การเรยี กประชมุ รัฐสภาได้ โดยให้ถอื วา่ สภา เลอื กตัง้ ท่ัวไปครง้ั ใดมีจานวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไมถ่ ึงหา้ ร้อยคน ผแู้ ทนราษฎรประกอบดว้ ยสมาชิกเทา่ ทม่ี ีอยู่ แตต่ อ้ งดาเนนิ การใหม้ ี แต่มจี านวนไม่นอ้ ยกว่าร้อยละเกา้ สิบห้าของจานวนสมาชิกสภาผแู้ ทน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใหค้ รบตามจานวนตามมาตรา ๘๓ โดยเร็ว ราษฎรท้ังหมด ให้ถอื ว่าสมาชิกจานวนน้ันประกอบเป็นสภาผแู้ ทน ราษฎร แตต่ ้องดาเนินการใหม้ ีสมาชกิ สภาผู้แทนราษฎรใหค้ รบตาม
รัฐธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๔๐ ๔๖ นาถะ ดวงวิชยั ผู้บังคับบญั ชากล่มุ งานประธานรัฐสภา ผูจ้ ดั ทา รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๐ รัฐธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พุทธศกั ราช ๒๕๖๐ จานวนที่บัญญตั ิไว้ในรฐั ธรรมนูญนี้ภายในหนึ่งร้อยแปดสบิ วนั และให้ อยู่ในตาแหน่งได้เพียงเทา่ อายุของสภาผู้แทนราษฎรทีเ่ หลืออยู่ ในกรณเี ช่นนี้ ให้สมาชกิ สภาผู้แทนราษฎรดงั กล่าวอยใู่ นตาแหน่งได้ เพียงเทา่ อายขุ องสภาผูแ้ ทนราษฎรที่เหลอื อยู่ (มาตรา ๙๓ แกไ้ ขเพม่ิ เตมิ โดยรฐั ธรรมนญู แห่งราชอาณาจักร ไทย แกไ้ ขเพิ่มเตมิ (ฉบบั ที่ ๑) พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๔) มาตรา ๑๐๒ วรรคหนึ่ง การเลือกตั้งสมาชกิ สภาผู้แทนราษฎร มาตรา ๙๓ วรรคสอง การเลือกตง้ั สมาชิกสภาผแู้ ทนราษฎร มาตรา ๘๕ สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรซึ่งมาจากการเลือกต้งั ซง่ึ มาจากการเลอื กตงั้ แบบแบง่ เขตเลอื กตงั้ ใหผ้ มู้ สี ิทธเิ ลอื กตง้ั ออก ให้ใชว้ ธิ ีออกเสยี งลงคะแนนโดยตรงและลับโดยให้ใช้บัตรเลอื กตัง้ แบบแบง่ เขตเลือกต้งั ให้ใช้วิธอี อกเสียงลงคะแนนโดยตรงและลับ เสยี งลงคะแนนเลือกตั้งผสู้ มัครรบั เลือกต้ังไดเ้ ขตละหนง่ึ คน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบละหนึ่งใบ โดยให้แตล่ ะเขตเลือกต้งั มสี มาชกิ สภาผ้แู ทนราษฎรได้เขตละหน่งึ คน มาตรา ๑๐๔ วรรคหน่งึ ในการเลือกตง้ั ทัว่ ไป ให้ผู้มสี ิทธิ วรรคสาม หลักเกณฑแ์ ละวิธีการการเลอื กต้ังสมาชิกสภา และผมู้ สี ิทธิเลือกต้ังมสี ทิ ธอิ อกเสียงลงคะแนนเลือกตง้ั ไดค้ นละหน่ึง เลอื กตัง้ มสี ิทธิออกเสียงลงคะแนนเลอื กบญั ชีรายชือ่ ผ้สู มัครรบั เลอื กต้ัง ผู้แทนราษฎรใหเ้ ป็นไปตามพระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรัฐธรรมนญู ว่า คะแนน โดยจะลงคะแนนเลือกผู้สมคั รรับเลอื กต้ังผู้ใด หรอื จะ ทีพ่ รรคการเมอื งจดั ทาขน้ึ เพียงบญั ชีเดยี ว และมสี ทิ ธิออกเสยี ง ดว้ ยการเลือกตัง้ สมาชิกสภาผูแ้ ทนราษฎรและการได้มาซง่ึ สมาชกิ ลงคะแนนไมเ่ ลือกผ้ใู ดเลยกไ็ ด้ ลงคะแนนเลือกผสู้ มัครรบั เลือกต้งั แบบแบง่ เขตเลือกต้งั ในเขตเลือกตง้ั วฒุ ิสภา ใหผ้ ู้สมคั รรบั เลอื กตั้งทไ่ี ดร้ บั คะแนนสงู สุดและมคี ะแนนสงู กว่า นั้นได้หนึ่งคน มาตรา ๙๔ วรรคหน่ึง การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร คะแนนเสยี งท่ไี มเ่ ลอื กผใู้ ด เป็นผไู้ ดร้ ับเลือกตงั้ วรรคสอง ในการเลอื กตัง้ สมาชิกสภาผแู้ ทนราษฎรแทน ซ่ึงมาจากการเลอื กตง้ั แบบแบง่ เขตเลือกตง้ั ให้ผู้มสี ทิ ธิเลอื กตั้งออก หลกั เกณฑ์ วธิ กี าร และเงอื่ นไขในการสมคั รรบั เลอื กตงั้ การ ตาแหน่งสมาชกิ สภาผู้แทนราษฎรทม่ี าจากการเลือกตง้ั แบบแบ่งเขต เสยี งลงคะแนนเลอื กต้งั ผู้สมัครรบั เลอื กตง้ั ไดเ้ ขตละหนงึ่ คน ออกเสยี งลงคะแนน การนับคะแนน การรวมคะแนน การประกาศ เลือกตงั้ ซ่ึงวา่ งลงตามมาตรา ๑๑๙ (๒) ใหผ้ มู้ สี ทิ ธิเลอื กตัง้ สมาชิกสภา วรรคหก ใหด้ าเนนิ การนับคะแนนทห่ี นว่ ยเลือกต้ัง และให้ ผลการเลือกตั้ง และการอน่ื ที่เกี่ยวขอ้ ง ให้เปน็ ไปตามพระราชบัญญตั ิ ผ้แู ทนราษฎรมสี ิทธิออกเสยี งลงคะแนนเลอื กตั้งผสู้ มัครรบั เลอื กตั้งใน ส่งผลการนบั คะแนนของหน่วยเลอื กตงั้ นั้นไปรวมทเ่ี ขตเลือกต้ัง เพอ่ื ประกอบรัฐธรรมนญู วา่ ด้วยการเลอื กตั้งสมาชกิ สภาผูแ้ ทนราษฎร เขตเลอื กตัง้ นัน้ ไดห้ น่งึ คน นับคะแนนรวม แลว้ ใหป้ ระกาศผลการนบั คะแนนโดยเปิดเผย ณ โดยกฎหมายดังกล่าวจะกาหนดให้ผสู้ มคั รรับเลือกตง้ั ตอ้ งยนื่ หลักฐาน วรรคสาม การเลือกต้งั ใหใ้ ช้วิธีออกเสียงลงคะแนนโดยตรง สถานทแ่ี ห่งใดแห่งหนึ่งแตเ่ พยี งแห่งเดียวในเขตเลอื กตง้ั นั้นตามท่ี แสดงการเสียภาษีเงินไดป้ ระกอบการสมคั รรบั เลอื กตั้งด้วยก็ได้ และลบั คณะกรรมการการเลอื กตั้งกาหนด เวน้ แตเ่ ปน็ กรณีท่ีมีความจาเปน็ ใหค้ ณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศผลการเลือกตงั้ เม่อื วรรคสี่ ในแต่ละเขตเลอื กต้งั ใหด้ าเนนิ การนบั คะแนนทกุ หน่วย เฉพาะทอ้ งที่ คณะกรรมการการเลอื กตั้งจะกาหนดใหน้ บั คะแนน ตรวจสอบเบอื้ งต้นแลว้ มเี หตอุ ันควรเช่ือว่าผลการเลอื กตง้ั เป็นไปโดย เลอื กตั้งรวมกนั และประกาศผลการนับคะแนนโดยเปดิ เผย ท้ังนี้ ณ รวมผลการนับคะแนน และประกาศผลการนับคะแนนเป็นอยา่ งอน่ื ก็ สจุ รติ และเทย่ี งธรรม และมจี านวนไม่น้อยกวา่ ร้อยละเกา้ สบิ หา้ ของ สถานท่แี หง่ ใดแห่งหนึ่งแต่เพยี งแหง่ เดยี วในเขตเลือกตงั้ นัน้ ตามท่ี ได้ ทงั้ นี้ ตามทบ่ี ัญญตั ไิ วใ้ นพระราชบญั ญัตปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู ว่า เขตเลือกตั้งทงั้ หมด ซ่งึ คณะกรรมการการเลือกตั้งตอ้ งตรวจสอบ คณะกรรมการการเลอื กตั้งกาหนด เวน้ แต่เป็นกรณีท่มี ีความจาเป็น ด้วยการเลอื กตง้ั สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรและการไดม้ าซง่ึ สมาชกิ เบือ้ งต้นและประกาศผลการเลอื กตง้ั ให้แล้วเสร็จโดยเรว็ แต่ตอ้ งไม่ เฉพาะทอ้ งที่ คณะกรรมการการเลอื กต้งั จะกาหนดเป็นอยา่ งอ่ืนก็ได้ วฒุ สิ ภา ช้ากว่าหกสบิ วันนับแต่วันเลอื กตั้ง ทง้ั นี้ การประกาศผลดังกลา่ วไม่ ท้ังนี้ ตามทบี่ ัญญตั ิในกฎหมายประกอบรฐั ธรรมนูญว่าด้วยการ เป็นการตดั หนา้ ทแ่ี ละอานาจของคณะกรรมการการเลือกตงั้ ท่ีจะ เลือกตง้ั สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวฒุ สิ ภา (มาตรา ๙๓ และมาตรา ๙๔ แกไ้ ขเพม่ิ เติมโดยรฐั ธรรมนญู ดาเนินการสบื สวน ไตส่ วน หรือวนิ ิจฉัยกรณมี ีเหตุอันควรสงสยั วา่ มี มาตรา ๑๑๒ ภายใต้บังคับบทบัญญัติแหง่ รัฐธรรมนูญนี้ แห่งราชอาณาจกั รไทย แกไ้ ขเพม่ิ เติม (ฉบับที่ ๑) พทุ ธศักราช การกระทาการทุจรติ ในการเลอื กตง้ั หรอื การเลอื กต้ังไมเ่ ปน็ ไปโดย หลกั เกณฑ์และวิธีการเลือกต้งั สมาชิกสภาผแู้ ทนราษฎรใหเ้ ปน็ ไปตาม ๒๕๕๔) สุจรติ หรือเทย่ี งธรรม ไมว่ า่ จะได้ประกาศผลการเลือกต้งั แล้วหรอื ไมก่ ต็ าม
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222