การสร้างชุดการสอนวชิ าวทิ ยาศาสตร์ เรื่อง การดารงชีวิตของพชื สาหรับนักเรียนช้ันประถมศึกษาปี ที่ 4 ราพงึ งามตา ศึกษาศาสตรมหาบณั ฑิต สาขาวชิ าเทคโนโลยที างการศึกษา บัณฑติ วทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่ กรกฎาคม 2557
การสร้างชุดการสอนวชิ าวทิ ยาศาสตร์ เรื่อง การดารงชีวิตของพชื สาหรับนักเรียนช้ันประถมศึกษาปี ท่ี 4 ราพงึ งามตา การค้นคว้าแบบอสิ ระนีเ้ สนอต่อมหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่เพอื่ เป็ นส่วนหนึ่งของการศึกษา ตามหลกั สูตรปริญญาศึกษาศาสตรมหาบณั ฑติ สาขาวชิ าเทคโนโลยที างการศึกษา บณั ฑติ วทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่ กรกฎาคม 2557 ก ข
R]:d:YArA{dT/q{ofl4!4n4-l:flou?T1?Yrurfl 1fl91: t: o{ fl 1:o ]:{ry ? fl 1,o{}lu eoiutrmv4:{uLtu<n.{l[i:uurulJ:voilfl nulilTl 4 :o'4tvt{ {'1ila1 n1:fviufliI'trruuood:euir-nlrYi-Sunt:v^l0t:ilr0uil96rq9trHuuuridlut dx,.ul,rul.-lflo{fl'l:flflud.191'l:J14nnqfl: a4ua il : aJ aJ 1 fl n H 1 fl 1 dgr : tJ 1.1'l U flt cyl 9l aln',inl,rr, lu laEvr rs n t : fi nu i niuvR::?Jn1:flou ei,a o1fl1:g1llJ:flU1 N(. Wg,::...:l:smun::rJnr: r, (:o{flrfla:ro'r:rtq:. n rnrqorf oqaiinril :. n:o{fl]iuoqoud olill:vflud). Rr-*-. n::ilfl1: (orot:u?ufui:l.. flftFn d?111vuul1u) 28 n:na]nil 2557 ooiau4or O au dTrto.tlJ14l?mulau[su{ tl.t}J
กติ ตกิ รรมประกาศ กำรคน้ ควำ้ แบบอิสระคร้ังน้ีสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี โดยควำมกรุณำจำก รองศำสตรำจำรย์ ดร.กรองกำญจน์ อรุณรัตน์ ที่ไดใ้ ห้ควำมช่วยเหลือ ให้คำปรึกษำ ให้คำแนะนำ ตลอดจนตรวจสอบ แก้ไขข้อบกพร่องต่ำงๆ เป็ นอย่ำงดี จนทำให้กำรค้นควำ้ แบบอิสระคร้ังน้ีเสร็จสมบูรณ์ ผูศ้ ึกษำ ขอกรำบขอบพระคุณเป็นอยำ่ งสูงไว้ ณ โอกำสน้ี ขอกรำบขอบพระคุณ รศ. ประจกั ษ์ สุดประเสริฐ และอำจำรย์ ดร. ศกั ดำ สวำทะนนั ทน์ ท่ีให้ ควำมกรุณำมำเป็ นคณะกรรมกำรสอบกำรคน้ ควำ้ แบบอิสระในคร้ังน้ี ซ่ึงไดใ้ ห้คำแนะนำ ตลอดจน ตรวจสอบแกไ้ ขขอ้ บกพร่องตำ่ งๆ เป็นอยำ่ งดี จึงใคร่ขอกรำบขอบพระคุณมำ ณ โอกำสน้ี ขอกรำบขอบพระคุณคณำจำรยส์ ำขำวิชำเทคโนโลยีทำงกำรศึกษำทุกท่ำน ที่ไดใ้ ห้ควำมรู้ อบรมสั่งสอนแก่ผูศ้ ึกษำ และขอขอบคุณเจำ้ หนำ้ ที่ในสำขำวชิ ำเทคโนโลยีทำงกำรศึกษำทุกท่ำน ท่ีใหค้ วำมอนุเครำะห์และอำนวยควำมสะดวกในทุกๆ ดำ้ นตลอดมำ ขอกรำบขอบพระคุณผูเ้ ช่ียวชำญทุกท่ำน ที่ให้ควำมกรุณำในกำรตรวจสอบเน้ือหำและ เครื่องมือตำ่ งๆ ท่ีใชใ้ นกำรคน้ ควำ้ แบบอิสระในคร้ังน้ี ขอกรำบขอบพระคุณคณะครูโรงเรียนบำ้ นผำลำด ทุกท่ำนที่ให้ควำมช่วยเหลือ ให้คำปรึกษำ ใหค้ ำแนะนำ และอำนวยควำมสะดวกตลอดระยะเวลำกำรศึกษำ ขอขอบคุณพ่ีๆ เพื่อนๆ และน้องๆ นักศึกษำระดับปริ ญญำโท สำขำวิชำเทคโนโลยี ทำงกำรศึกษำ มหำวทิ ยำลยั เชียงใหม่ ทุกคน ท่ีใหค้ วำมช่วยเหลือ และเป็นกำลงั ใจใหก้ นั ตลอดมำ สุดทำ้ ยน้ีขอกรำบขอบพระคุณ คุณพ่อทิศ คุณแม่จงดี คำจี๋มิ และคุณจิรำกร งำมตำที่ให้โอกำส ดว้ ยกำรส่งเสริมและเป็ นกำลงั ใจให้แก่ผูศ้ ึกษำมำโดยตลอด จนกระทง่ั กำรคน้ ควำ้ แบบอิสระในคร้ังน้ี สำเร็จและเสร็จสมบูรณ์ คุณค่ำและประโยชน์ใดๆ ที่เป็ นผลมำจำกกำรศึกษำคร้ังน้ี ขอมอบบูชำ แด่พระคุณบิดำ มำรดำ ผูใ้ ห้กำเนิด ตลอดจนครูอำจำรย์ทุกท่ำนที่ได้ประสิทธ์ิประสำทควำมรู้ให้ แก่ผศู้ ึกษำ รำพงึ งำมตำ ค ง
หวั ข้อการค้นคว้าแบบอสิ ระ การสร้างชุดการสอนวชิ าวทิ ยาศาสตร์ เรื่อง การดารงชีวติ ของพชื สาหรับนกั เรียนช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี 4 ผู้เขยี น นางราพงึ งามตา ปริญญา ศึกษาศาสตรมหาบณั ฑิต (เทคโนโลยที างการศึกษา) อาจารย์ทปี่ รึกษา รองศาสตราจารย์ ดร.กรองกาญจน์ อรุณรัตน์ บทคดั ย่อ การค้นควา้ แบบอิสระคร้ังน้ีมีวตั ถุประสงค์เพื่อสร้างชุดการสอน วิชาวิทยาศาสตร์ เรื่อง การดารงชีวติ ของพืช สาหรับนกั เรียนช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี 4 ท่ีมีประสิทธิภาพ โดยไดด้ าเนินการสร้าง ชุดการสอยและทดสอบประสิทธิภาพของชุดการสอนกบั นักเรียนช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 4 โรงเรียน บา้ นผาลาด อาเภอล้ี จงั หวดั ลาพูน ในภาคเรียนท่ี 1 ปี การศึกษา 2557 จานวน 32 คน เครื่องมือที่ใช้ ในการศึกษาประกอบด้วย 1. ชุดการสอน เรื่องการดารงชีวิตของพืช 2. ข้อสอบวดั ความรู้พ้ืนฐาน ก่อนเรียน 3. ข้อสอบก่อนเรียนและหลังเรียน จากน้ันนาข้อมูลท่ีได้มาวิเคราะห์ กาหนดเกณฑ์ ประสิทธิภาพของชุดการสอนไวท้ ่ี 80/80 จากการศึกษา พบวา่ ชุดการสอนท่ีผศู้ ึกษาสร้างข้ึนน้นั มีประสิทธิภาพ 89.58/83.72 ซ่ึงสูงกวา่ เกณฑท์ ่ีกาหนดไว้ ง
Independent Study Title Construction of a Science Instructional Package Titled Plant Life for Prathom Suksa 4 Students Author Mrs. Rompueng Ngamta Degree Master of Education (Educational Technology) Advisor Assoc. Prof. Dr. Krongkarn Arunrutana ABSTRACT The purpose of this independent study was to construct the Science Instruction package on the title of the plant life for Prathom Suksa 4 students. The instruction was constructed and tried out with 32 Prathom Suksa 4 students who studied in the first semester of the academic year 2014 at Ban Palad School, Li district, Lamphun province. The used instruments in this study consisted of 1.the plant life instruction package 2.the entry test 3.pretest and posttest. The data were collected and analyzed. The efficiency of this instruction was set at 80/80 The result of this study indicated that the Science instruction has the efficiency level at 89.58/83.72 which was higher than the set criterion จ
สารบาญ หน้า ค กิตติกรรมประกาศ ง บทคดั ยอ่ ภาษาไทย จ บทคดั ยอ่ ภาษาองั กฤษ ฌ สารบาญตาราง ฎ สารบาญแผนภมู ิ 1 บทที่ 1บบบทนา 1 1. ความเป็นมาและความสาคญั ของปัญหา 4 2. วตั ถุประสงคก์ ารศึกษา 4 3. นิยามศพั ทเ์ ฉพาะ 4 4. ประโยชนท์ ่ีไดร้ ับ 5 บทท่ี 2บบเอกสารและงานวจิ ยั ที่เกี่ยวขอ้ ง 6 1. หลกั สูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ 6 1.1 เป้ าหมายของการจดั การเรียนการสอนวทิ ยาศาสตร์ 6 1.2 วสิ ัยทศั น์การเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ 7 1.3 สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ 10 1.4 แนวทางการจดั การเรียนรู้ 11 1.5 กระบวนการเรียนการสอนที่ใชใ้ นการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ 15 2. การวดั และประเมินผลการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ 16 3. จิตวทิ ยาการสอนวทิ ยาศาสตร์ 21 4. แนวคิดและการสร้างชุดการสอน 21 4.1 ความหมายของชุดการสอน 22 4.2 ประเภทของชุดการสอน 24 4.3 องคป์ ระกอบของชุดการสอน 26 4.4 ข้นั ตอนการสร้างชุดการสอน 33 4.5 คุณค่าและลกั ษณะของชุดการสอนท่ีดี ฉ
สารบาญ (ต่อ) หน้า 33 4.6 การหาประสิทธิภาพของชุดการสอน 37 5. งานวจิ ยั ที่เกี่ยวขอ้ ง 39 บทท่ี 3บบวธิ ีดาเนินการสร้างเครื่องมือ 39 1. เขียนเป้ าหมายการเรียนการสอน 39 2. วเิ คราะห์การเรียนการสอน 45 3. เขียนจุดมุง่ หมายเชิงพฤติกรรม 47 4. การกาหนดพฤติกรรมก่อนเรียนและลกั ษณะของผเู้ รียน 49 5. พฒั นาขอ้ สอบอิงเกณฑ์ 118 6. พฒั นายทุ ธศาสตร์การเรียนการสอน 125 7. พฒั นาและเลือกสื่อการสอน 127 8. ประเมินผล 131 บทที่ 4บบการประเมินเคร่ืองมือและปรับปรุงแกไ้ ข 131 1. ผลการประเมินเครื่องมือที่ใชใ้ นการเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล 131 2. ผลจากการทดสอบเพือ่ หาประสิทธิภาพของชุดการสอน 145 3. ผลจากการสงั เกตพฤติกรรมของผเู้ รียนขณะเรียนโดยใชช้ ุดการสอน 146 บทท่ี 5บบสรุป อภิปรายผล และขอ้ เสนอแนะ 146 1. สรุปผลการศึกษา 147 2. อภิปรายผล 148 3. ขอ้ เสนอแนะ 149 4. ขอ้ เสนอแนะสาหรับการศึกษาคร้ังตอ่ ไป 150 152 บรรณานุกรม ภาคผนวก 154 ภาคผนวก ก รายนามผเู้ ช่ียวชาญในการตรวจสอบเคร่ืองมือ ที่ใชใ้ นการศึกษา ช
สารบาญ (ต่อ) หน้า 156 ภาคผนวก ข แบบฟอร์มขอความอนุเคราะห์เป็นผเู้ ช่ียวชาญ ภาคผนวก ค แบบตรวจสอบความสอดคลอ้ งของวตั ถุประสงคก์ บั แบบทดสอบ 157 แบบประเมินคุณภาพการออกแบบสื่อการเรียนการสอน 165 ในชุดการสอน ภาคผนวก ง การวเิ คราะห์หาความเท่ียงตรงของแบบทดสอบวดั ความรู้ 167 พ้ืนฐานก่อนเรียน การวเิ คราะห์หาความเที่ยงตรงของแบบทดสอบวดั ความรู้ 168 ก่อนเรียนและหลงั เรียน การวเิ คราะห์หาความเช่ือมนั่ ของแบบทดสอบวดั ความรู้พ้นื ฐาน 175 ก่อนเรียน การวเิ คราะห์หาความเชื่อมน่ั ของแบบทดสอบวดั ความรู้ 181 ก่อนเรียนและหลงั เรียน 183 ผลการประเมินคุณภาพการออกแบบส่ือการเรียนการสอน 191 ในชุดการสอน 195 ภาคผนวก จ คูม่ ือครู 217 คูม่ ือการใช้ ตวั อยา่ งแผนการสอน ประวตั ิผเู้ ขียน ซ
สารบาญตาราง ตาราง 1 แสดงตวั ช้ีวดั และสาระการเรียนรู้แกนกลางกลุ่มสาระการเรียนรู้วชิ า หน้า วทิ ยาศาสตร์ ระดบั ช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี 4 10 50 ตาราง 2 แสดงรูปแบบของแบบทดสอบที่ใชใ้ นการประเมิน 95 ตาราง 3 แสดงขอ้ บกพร่องและการปรับปรุงแกไ้ ขการกาหนดคุณลกั ษณะ 120 124 ของแบบทดสอบตามขอ้ เสนอแนะของอาจารยท์ ่ีปรึกษา 126 ตาราง 4 แสดงความสัมพนั ธ์ของวตั ถุประสงค์ เน้ือหา กิจกรรมการเรียนการสอน 127 132 สื่อการเรียนการสอน และการประเมินผล 133 ตาราง 5 แสดงปัญหาและการปรับปรุงแกไ้ ขในการออกแบบแผนการสอน 134 135 จากอาจารยท์ ่ีปรึกษา 136 ตาราง 6 แสดงขอ้ บกพร่องและการปรับปรุงแกไ้ ขส่ือการเรียนการสอนตามคาแนะนา 137 ของอาจารยท์ ี่ปรึกษา ตาราง 7 แสดงขอ้ บกพร่องและการปรับปรุงแกไ้ ขส่ือการเรียนการสอนตามคาแนะนา ของผเู้ ช่ียวชาญ ตาราง 8 แสดงขอ้ บกพร่องและการปรับปรุงแกไ้ ขชุดการสอน จากการทดสอบ แบบหน่ึงต่อหน่ึง ตาราง 9 แสดงการทดสอบวดั ความรู้พ้ืนฐานก่อนเรียนของนกั เรียนแตล่ ะคนใน ข้นั การทดสอบแบบกลุ่มเล็ก จานวน 6 คน ตาราง 10 แสดงผลการทดสอบก่อนเรียนของนกั เรียนแต่ละคนในข้นั การทดสอบ แบบกลุ่มเลก็ จานวน 6 คน ตาราง 11 แสดงการทดสอบหลงั เรียนของนกั เรียนแตล่ ะคนในข้นั การทดสอบแบบกลุ่มเล็ก จานวน 6 คน ตาราง 12 แสดงจานวนนกั เรียนที่บรรลุผลสาเร็จในการเรียนตามที่วตั ถุประสงคแ์ ต่ละขอ้ กาหนดในข้นั ตอนการทดสอบแบบกลุ่มเลก็ ตาราง 13 แสดงขอ้ บกพร่องและการปรับปรุงแกไ้ ขชุดการสอนจากการทดสอบ แบบกลุ่มเล็ก ฌ
สารบาญตาราง (ต่อ) ตาราง 14 แสดงคะแนนแบบทดสอบวดั ความรู้พ้ืนฐานก่อนเรียนของนกั เรียนกลุ่มศึกษา หน้า จานวน 32 คน 138 ตาราง 15 แสดงคะแนนแบบทดสอบก่อนเรียนของนกั เรียนกลุ่มศึกษาจานวน 32 คน 140 ตาราง 16 แสดงคะแนนแบบทดสอบหลงั เรียนของนกั เรียนกลุ่มศึกษาจานวน 32 คน 142 ตาราง 17 แสดงจานวนนกั เรียนท่ีบรรลุผลสาเร็จในการเรียนตามท่ีวตั ถุประสงคแ์ ตล่ ะ 144 ขอ้ กาหนด ตาราง 18 แสดงค่าความเท่ียงตรงของแบบทดสอบวดั ความรู้พ้ืนฐานก่อนเรียน 164 โดยผเู้ ช่ียวชาญ 5 ท่าน 166 ตาราง 19 แสดงคา่ ความเท่ียงตรงของแบบทดสอบก่อนเรียนและหลงั เรียน 167 โดยผเู้ ชี่ยวชาญ 5 ทา่ น ตาราง 20 แสดงคะแนนรายบุคคลของนกั เรียนช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี 4 ในการทา 168 171 แบบทดสอบวดั ความรู้พ้ืนฐานก่อนเรียนแบบปรนยั จานวน 82 ขอ้ ตาราง 21 แสดงการหาความเช่ือมน่ั ของนกั เรียนช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 4 ในการทา 174 แบบทดสอบวดั ความรู้พ้ืนฐานก่อนเรียนแบบปรนยั 175 ตาราง 22 แสดงการหาความเชื่อมนั่ ของแบบทดสอบวดั ความรู้พ้นื ฐานแบบอตั นยั 177 ตาราง 23 แสดงคะแนนรายบุคคลของนกั เรียนช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 4 ในการทา 180 แบบทดสอบวดั ความรู้ก่อนเรียนและหลงั เรียนแบบปรนยั จานวน 43 ขอ้ ตาราง 24 แสดงการหาความเช่ือมน่ั ของนกั เรียนช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 4 ในการทา แบบทดสอบวดั ความรู้ก่อนเรียนและหลงั เรียนแบบปรนยั ตาราง 25 แสดงการหาความเช่ือมน่ั ของแบบทดสอบก่อนเรียนและหลงั เรียนแบบอตั นยั ตาราง 26 แสดงความเห็นของผเู้ ชี่ยวชาญจานวน 3 ทา่ นจากการประเมินคุณภาพ ดา้ นออกแบบสื่อการสอนในชุดการสอน ญ
สารบาญแผนภูมิ หน้า 13 แผนภูมิ 1 แสดงวฎั จกั รการสืบเสาะหาความรู้ แผนภมู ิ 2 แสดงรูปแบบของระบบการเรียนการสอนของดิคส์และแคร่ี 38 40 ( Dick and Carey ) 41 แผนภูมิ 3 แสดงการวเิ คราะห์ Information – processing ของเป้ าหมาย 187 แผนภูมิ 4 แสดงการวเิ คราะห์ทกั ษะพ้นื ฐาน ( Prerequisite Analysis ) 193 แผนภูมิ 5 แสดงข้นั ตอนในการดาเนินการเรียนการสอน แผนภมู ิ 6 แสดงข้นั ตอนในการจดั การเรียนการสอน ฎ
บทที่ 1 บทนำ ควำมเป็ นมำและควำมสำคัญของปัญหำ มนุษยเ์ ราทุกวนั น้ีลว้ นมีความสมั พนั ธ์เชื่อมโยงกบั วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยจี นแทบจะ กล่าวไดว้ า่ เราตกอยภู่ ายใตอ้ ิทธิพลของวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยอี ยา่ งไม่อาจหลีกเล่ียงไดน้ บั ต้งั แต่ เกิดไปจนแก่ เจบ็ กระทงั่ ตายในที่สุด บทบาทและความสาคญั ของวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยที ่ีมี ตอ่ การดาเนินชีวติ และการดารงชีวติ ของคนเรานบั วนั จะเพิ่มมากข้ึนทุกขณะ วทิ ยาศาสตร์และ เทคโนโลยมี ีความเกี่ยวขอ้ งกบั เกือบทุกกิจกรรมในชีวติ ประจาวนั ต้งั แต่ต่ืนไปจนถึงหลบั แมย้ าม หลบั นอนกย็ งั ตอ้ งพ่งึ พาวทิ ยาศาสตร์หรือผลผลิตจากวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยจี ึงจะหลบั ได้ อยา่ งสบาย กล่าวไดว้ า่ การพฒั นาชีวติ ตามความจาเป็นพ้ืนฐานของมนุษยเ์ ราไมว่ า่ จะเป็ นเร่ืองอาหาร เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค การคมนาคมขนส่ง สื่อสาร ฯลฯ ลว้ นตอ้ งอาศยั ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ เป็นพ้ืนฐานท้งั สิ้น ( พงษเ์ ทพ บุญศรีโรจน์ , 2545 , หนา้ คานา ) ดว้ ยเหตุน้ีหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช 2551 จึงไดใ้ หค้ วามสาคญั กบั วชิ าวทิ ยาศาสตร์ โดยระบุไวว้ า่ วทิ ยาศาสตร์มีบทบาทสาคญั ยง่ิ ในสงั คมโลกปัจจุบนั และอนาคต ซ่ึงเกี่ยวขอ้ งกบั ทุกคนท้งั ในชีวติ ประจาวนั และการงานอาชีพตา่ ง ๆ ตลอดจนเทคโนโลยี เครื่องมือ เคร่ืองใชแ้ ละผลผลิตต่าง ๆ ที่มนุษยไ์ ดใ้ ชเ้ พ่ืออานวยความสะดวกในชีวติ และการทางานเหล่าน้ีลว้ น เป็นผลของความรู้วทิ ยาศาสตร์ ผสมผสานกบั ความคิดสร้างสรรคแ์ ละศาสตร์อ่ืน ๆ วทิ ยาศาสตร์ช่วย ใหม้ นุษยไ์ ดพ้ ฒั นาวธิ ีคิด ท้งั ความคิดเป็นเหตุเป็นผล คิดสร้างสรรค์ คิดวเิ คราะห์ วจิ ารณ์ มีทกั ษะ สาคญั ในการคน้ ควา้ หาความรู้ มีความสามารถในการแกป้ ัญหาอยา่ งเป็นระบบ สามารถตดั สินใจ โดยใชข้ อ้ มลู ที่หลากหลายและมีประจกั ษพ์ ยานที่ตรวจสอบได้ วทิ ยาศาสตร์เป็ นวฒั นธรรมของโลก สมยั ใหม่ซ่ึงเป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ ( Knowledge based society ) ดงั น้นั ทุกคนจึงจาเป็นตอ้ งไดร้ ับ การพฒั นาให้รู้วทิ ยาศาสตร์ เพอ่ื ท่ีจะไดม้ ีความรู้ความเขา้ ใจในธรรมชาติและเทคโนโลยที ่ีมนุษย์ สร้างสรรคข์ ้ึน สามารถนาความรู้ไปใชอ้ ยา่ งมีเหตุผล สร้างสรรค์ และมีคุณธรรม ( สานกั วชิ าการ และมาตรฐานการศึกษา สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พ้นื ฐาน กระทรวงศึกษาธิการ , 2551 , หนา้ 1 ) 1
ดงั น้นั การจดั การศึกษากลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์สาหรับหลกั สูตรการศึกษา ข้นั พ้นื ฐานจึงมุง่ หวงั ใหผ้ เู้ รียนไดเ้ รียนรู้วทิ ยาศาสตร์ท่ีเนน้ การเช่ือมโยงความรู้กบั กระบวนการ เพอ่ื นาไปสู่การสร้างองคค์ วามรู้ไดด้ ว้ ยตนเอง มีทกั ษะสาคญั ในการคน้ ควา้ โดยใชก้ ระบวนการ ในการสืบเสาะหาความรู้ และการแกป้ ัญหาท่ีหลากหลาย ใหผ้ เู้ รียนมีส่วนร่วมในการเรียนรู้ทุก ข้นั ตอน มีการทากิจกรรมดว้ ยการลงมือปฏิบตั ิจริง ท้งั เป็นกลุ่มและเป็นรายบุคคล เหมาะสมกบั ระดบั ช้นั ( สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พ้นื ฐาน กระทรวงศึกษาธิการ , 2551 , หนา้ 2 ) ดว้ ยเหตุน้ีครูผสู้ อนจึงควรมีบทบาทในการวางแผนการจดั การเรียนการสอนวทิ ยาศาสตร์ใหผ้ เู้ รียน เกิดการเรียนรู้ โดยจดั กิจกรรมการเรียนการสอนท่ีเนน้ การเรียนรู้ผา่ นประสบการณ์ตรง มีการกระตุน้ ใหผ้ เู้ รียนเกิดความสนใจ สร้างบรรยากาศในการเรียนการสอนใหผ้ เู้ รียนไดเ้ รียนรู้ดว้ ยตนเองอยา่ ง สนุกสนาน ใชส้ ื่อการสอนที่หลากหลาย เพอ่ื กระตุน้ ใหผ้ เู้ รียนมีความสนใจ ช่วยลดความน่าเบื่อหน่าย ของการเรียนในหอ้ งเรียน แต่จากสภาพการจดั การเรียนการสอนวชิ าวทิ ยาศาสตร์ ระดบั ช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี 4 โรงเรียนบา้ นผาลาด อาเภอล้ี จงั หวดั ลาพนู เมื่อพจิ ารณาจากคุณภาพของผเู้ รียน แลว้ พบวา่ ไมเ่ ป็นไปตามจุดมุ่งหมายที่วางไวก้ ล่าวคือ ผเู้ รียนส่วนใหญ่เรียนไมผ่ า่ นเกณฑต์ ามที่ จุดประสงคก์ าหนดไว้ โดยผเู้ รียนมีผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนวชิ าวทิ ยาศาสตร์ต่า โดยเฉพาะในเน้ือหา เรื่องการดารงชีวิตของพชื ( โรงเรียนบา้ นผาลาด , 2554 , หนา้ 16 ) ท้งั น้ีเพราะในการจดั การเรียน การสอน ครูผสู้ อนยงั คงใหค้ วามรู้แก่ผเู้ รียนดว้ ยการพดู บรรยายหนา้ ช้นั เรียน แลว้ ใหผ้ เู้ รียนเป็น ผรู้ ับฟังหรือใหผ้ เู้ รียนอ่านเน้ือหาในบทเรียนทีละคน พร้อมกบั ใหท้ าแบบฝึกหดั ครูผสู้ อนไม่มีการใช้ สื่อการสอนที่หลากหลาย จึงทาใหบ้ รรยากาศในการเรียนการสอนไมน่ ่าสนใจ ผเู้ รียนเกิดความ เบ่ือหน่ายไมอ่ ยากท่ีจะเรียน ซ่ึงก็ส่งผลใหค้ ะแนนผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนรายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ของ ผเู้ รียนส่วนใหญ่ต่ากวา่ เกณฑท์ ี่กาหนด จากปัญหาท่ีกล่าวมาขา้ งตน้ ผศู้ ึกษาในฐานะท่ีเป็นครูผสู้ อนในวชิ าวทิ ยาศาสตร์ ของโรงเรียน บา้ นผาลาด ไดพ้ จิ ารณาเห็นวา่ ในการที่จะแกป้ ัญหาดงั กล่าวที่เกิดข้ึนกบั ผเู้ รียนในวชิ าวิทยาศาสตร์ ไดน้ ้นั กโ็ ดย การจดั กิจกรรมการเรียนการสอนท่ีเหมาะสมกบั วตั ถุประสงค์ เน้ือหา และผเู้ รียน โดย ครูผสู้ อนจะตอ้ งมีการใชว้ ธิ ีการและส่ือการสอนที่เหมาะสม ท้งั น้ีเพือ่ ช่วยในการถ่ายทอดเน้ือหาและ เร้าความสนใจของผเู้ รียน พร้อมท้งั ใหผ้ เู้ รียนไดม้ ีส่วนร่วมในการคิด ลงมือปฏิบตั ิดว้ ยตนเองให้ มากท่ีสุด และเนน้ ท่ีวธิ ีการทางวทิ ยาศาสตร์ ซ่ึงจะทาใหผ้ เู้ รียนเกิดการเรียนรู้ไดด้ ีกวา่ และจดจาได้ นานกวา่ วธิ ีการสอนแบบเก่าท่ีเนน้ การอา่ นและท่องจารายละเอียด โดยส่ิงที่ผศู้ ึกษาเห็นวา่ น่าจะมี ความเหมาะสมสาหรับนามาใชใ้ นการแกป้ ัญหาในเรื่องน้ีไดก้ ็คือ ชุดการสอน ท้งั น้ีเพราะชุดการสอน เป็นสื่อประสมท่ีไดจ้ ากระบบการผลิตและการนาสื่อการสอนที่มีความสอดคลอ้ งและสัมพนั ธ์กบั จุดมุง่ หมาย เน้ือหาวชิ าและประสบการณ์ในการเรียนของแตล่ ะหน่วย ที่จะช่วยสนบั สนุนและ 2
ส่งเสริมการเรียนรู้เน้ือหาวชิ าไดอ้ ยา่ งต่อเนื่อง และช่วยในการเปล่ียนพฤติกรรมการเรียนรู้ของผเู้ รียน ใหบ้ รรลุผลตามจุดมุ่งหมายท่ีวางไว้ ( กรองกาญจน์ อรุณรัตน์ , 2536 หนา้ 193 ) นอกจากน้ีชุดการ สอนยงั ช่วยเร้าและกระตุน้ ความสนใจของผเู้ รียน โดยชุดการสอนจะเปิ ดโอกาสใหผ้ เู้ รียนมีส่วนร่วม ในการเรียนของตนเอง สนบั สนุนและสนองตอบต่อความแตกต่างระหวา่ งบุคคลของผเู้ รียน เปิ ด โอกาสใหผ้ เู้ รียนเป็ นผกู้ ระทากิจกรรมการเรียนดว้ ยตนเองและเรียนรู้ดว้ ยตนเองตามความสนใจ ความสามารถ หรือความตอ้ งการของตนเองได้ ซ่ึงจากผลการวจิ ยั ท่ีไดม้ ีการนาชุดการสอนไปใชใ้ น สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ พบวา่ ผเู้ รียนมีความกระตือรือร้น มีความสนใจ และมีความต้งั ใจ ท่ีจะ เรียนดว้ ยชุดการสอน ตลอดจนใหค้ วามร่วมมือในการทากิจกรรมเป็นอยา่ งดี ผเู้ รียนจะมีส่วนร่วมใน การปฏิบตั ิกิจกรรมตา่ ง ๆ ตามความสามารถของแต่ละบุคคล ( นวลละออ ทองยนุ้ , 2554 , หนา้ 54 ) นอกจากน้นั ชุดการสอนยงั ทาใหผ้ เู้ รียนทราบผลการปฏิบตั ิกิจกรรมน้นั ๆ อยา่ งรวดเร็ว ทาใหไ้ มเ่ กิด ความเบ่ือหน่าย หรือเกิดความทอ้ ถอยในการเรียน ดว้ ยเหตุผลดงั กล่าว ผศู้ ึกษาจึงมีความสนใจท่ีจะสร้างชุดการสอน เรื่อง การดารงชีวิตของพืช สาหรับนกั เรียนช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 4 ข้ึนโดยผศู้ ึกษาคาดวา่ ชุดการสอนท่ีสร้างข้ึนดงั กล่าวน้ีน่าจะทา ใหก้ ารเรียนการสอนวชิ าวทิ ยาศาสตร์ดาเนินไปอยา่ งไดผ้ ลดีมีประสิทธิภาพและช่วยพฒั นาผลสมั ฤทธ์ิ ทางการเรียนวชิ าวทิ ยาศาสตร์ของนกั เรียนใหส้ ูงข้ึน ตลอดจนใชเ้ ป็ นแนวทางในการพฒั นา และ ปรับปรุงการเรียนการสอนในเน้ือหาอ่ืน ๆ ของกลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ต่อไป วตั ถุประสงค์ของกำรศึกษำ เพือ่ สร้างชุดการสอนวชิ าวทิ ยาศาสตร์ เร่ือง การดารงชีวติ ของพชื สาหรับนกั เรียน ช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี 4 ที่มีประสิทธิภาพ นิยำมศัพท์เฉพำะ ชุดกำรสอน หมายถึง ชุดส่ือประสมวชิ าวทิ ยาศาสตร์เรื่อง การดารงชีวติ ของพืช สาหรับ นกั เรียนช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี 4 ท่ีสร้างข้ึนโดยวธิ ีการทางระบบ โดยเป็นชุดที่ครูผสู้ อนเป็นผใู้ ช้ ภายในชุด ประกอบดว้ ยหลกั การและเหตุผล รายละเอียดของเน้ือหา วตั ถุประสงคเ์ ชิง พฤติกรรม กิจกรรมการเรียน สื่อประสม แบบทดสอบก่อนเรียน แบบฝึกหดั และแบบทดสอบ หลงั เรียน พร้อมท้งั คู่มือครู นักเรียนช้ันประถมศึกษำปี ที่ 4 หมายถึง นกั เรียนที่กาลงั เรียนอยใู่ นระดบั ช้นั ประถมศึกษา ปี ที่ 4 โรงเรียนบา้ นผาลาด อาเภอล้ี จงั หวดั ลาพนู 3
ประสิทธิภำพของชุดกำรสอนวชิ ำวทิ ยำศำสตร์ เร่ือง กำรดำรงชีวติ ของพชื หมายถึง ประสิทธิภาพของชุดการสอน เร่ือง การดารงชีวิตของพืช สาหรับนกั เรียนช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี 4 ท่ีไดจ้ ากการทาแบบทดสอบหลงั เรียน โดยใชเ้ กณฑม์ าตรฐาน 80/80 ซ่ึงมีความหมาย ดงั น้ี 80 ตวั แรก หมายถึง คะแนนเฉล่ียจากการทาแบบทดสอบหลงั เรียนของผเู้ รียนทุกคน 80 ตวั หลงั หมายถึง ผเู้ รียนจานวน 80 % สามารถบรรลุผลสาเร็จในการเรียนตามที่ วตั ถุประสงคแ์ ตล่ ะขอ้ ของบทเรียนกาหนดไว้ ประโยชน์ทไี่ ด้รับ ทาใหไ้ ดช้ ุดการสอนวชิ าวทิ ยาศาสตร์ เร่ือง การดารงชีวติ ของพชื สาหรับนกั เรียนช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี 4 ที่มีประสิทธิภาพ เพื่อใหค้ รูผสู้ อนใชใ้ นการจดั กิจกรรมการเรียนการสอน วชิ าวทิ ยาศาสตร์ 4
บทที่ 2 เอกสารและงานวจิ ัยทเ่ี กย่ี วข้อง การคน้ ควา้ แบบอิสระเรื่อง การสร้างชุดการสอนวชิ าวทิ ยาศาสตร์ เรื่อง การดารงชีวติ ของพชื สาหรับผเู้ รียนช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี 4 ผศู้ ึกษาไดศ้ ึกษาเอกสาร ตาราและงานวจิ ยั ท่ีเก่ียวขอ้ ง เพือ่ เป็น แนวทางในการศึกษาคน้ ควา้ โดยไดศ้ ึกษาในหวั ขอ้ ดงั ต่อไปน้ี 1. หลกั สูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ 1.1 เป้ าหมายของการจดั การเรียนการสอนวทิ ยาศาสตร์ 1.2 วสิ ัยทศั น์การเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ 1.3 สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ 1.4 แนวทางการจดั การเรียนรู้ 1.5 กระบวนการเรียนการสอนท่ีใชใ้ นการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ 2. การวดั และประเมินผลการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ 3. จิตวทิ ยาการสอนวทิ ยาศาสตร์ 4. แนวคิดและการสร้างชุดการสอน 4.1 ความหมายของชุดการสอน 4.2 ประเภทของชุดการสอน 4.3 องคป์ ระกอบของชุดการสอน 4.4 ข้นั ตอนการสร้างชุดการสอน 4.5 คุณค่าและลกั ษณะของชุดการสอนที่ดี 4.6 การหาประสิทธิภาพของชุดการสอน 5. งานวจิ ยั ท่ีเก่ียวขอ้ ง 5
1. หลกั สูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ 1.1. เป้ าหมายของการจัดการเรียนการสอนวทิ ยาศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์เป็นเรื่องของการเรียนรู้เก่ียวกบั ธรรมชาติ โดยมนุษยใ์ ชก้ ระบวนการสังเกต สารวจ ตรวจสอบ และการทดลอง เก่ียวกบั ปรากฏการณ์ธรรมชาติและนาผลมาจดั ระบบ หลกั การ แนวคิด ทฤษฎี ดงั น้นั การเรียนการสอนวทิ ยาศาสตร์ จึงมุ่งเนน้ ใหผ้ เู้ รียนไดค้ น้ พบดว้ ยตวั เองให้ มากท่ีสุด นน่ั คือใหไ้ ดท้ ้งั กระบวนการและองคค์ วามรู้ ต้งั แต่วยั เริ่มแรกก่อนเขา้ วยั เรียน เม่ือยใู่ น สถานศึกษา และเมื่ออกจากสถานศึกษาไปประกอบอาชีพแลว้ การจดั การเรียนการสอนวทิ ยาศาสตร์ในสถานศึกษามีเป้ าหมายสาคญั ดงั น้ี 1. เพอ่ื ใหเ้ ขา้ ใจหลกั การ ทฤษฎีที่เป็นพ้ืนฐานในวทิ ยาศาสตร์ 2. เพอ่ื ใหเ้ ขา้ ใจขอบเขต ธรรมชาติ และขอ้ จากดั ของวทิ ยาศาสตร์ 3. เพ่อื ใหม้ ีทกั ษะสาคญั ในการศึกษาคน้ ควา้ และคิดคน้ ทางวทิ ยาศาสตร์และ เทคโนโลยี 4. เพื่อพฒั นากระบวนการคิดและจินตนาการ ความสามารถในการแกป้ ัญหาและ การจดั การ ทกั ษะในการส่ือสาร และความสามารถในการตดั สินใจ 5. เพอ่ื ใหต้ ระหนกั ถึงความสัมพนั ธ์ระหวา่ งวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี มวลมนุษย์ และสภาพแวดลอ้ มในเชิงท่ีมีอิทธิพลและผลกระทบซ่ึงกนั และกนั 6. เพ่ือนาความรู้ความเขา้ ใจในเร่ืองวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยไี ปใชใ้ หเ้ กิดประโยชน์ ต่อสงั คมและการดารงชีวติ 7. เพ่อื ใหเ้ ป็ นคนมีจิตวทิ ยาศาสตร์ มีคุณธรรม จริยธรรม และคา่ นิยมในการใช้ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยอี ยา่ งสร้างสรรค์ 1.2. วสิ ัยทัศน์การเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ วสิ ัยทศั น์เป็นมุมมองภาพในอนาคตท่ีมุง่ หวงั วา่ จะมีการพฒั นาอะไร อยา่ งไร ซ่ึงสอดคลอ้ ง กบั การปรับเปลี่ยนของสังคม วสิ ัยทศั น์การเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์กาหนดไวเ้ ป็นแนวทางใหผ้ บู้ ริหาร สถานศึกษา ผสู้ อน บุคลากรทางการศึกษา ผเู้ รียน และชุมชนร่วมกนั พฒั นาการศึกษาวทิ ยาศาสตร์ และปฏิบตั ิร่วมกนั สู่ความสาเร็จ วสิ ยั ทศั นก์ ารเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ ตามมาตรฐานหลกั สูตรการศึกษาข้นั พ้ืนฐานกาหนดไว้ ดงั น้ี 1. การเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์เป็นการพฒั นาผเู้ รียนใหไ้ ดร้ ับท้งั ความรู้ กระบวนการและเจตคติ ผเู้ รียนทุกคนควรไดร้ ับการกระตุน้ ส่งเสริมใหส้ นใจและกระตือรือร้นท่ีจะ เรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ มีความสงสยั เกิดคาถามในสิ่งตา่ ง ๆ ที่เกี่ยวกบั โลกธรรมชาติรอบตวั มีความ 6
มุง่ มน่ั และมีความสุขที่จะศึกษาคน้ ควา้ สืบเสาะหาความรู้เพ่อื รวบรวมขอ้ มูล วเิ คราะห์ผล นาไปสู่ คาตอบของคาถามสามารถตดั สินใจดว้ ยการใชข้ อ้ มลู อยา่ งมีเหตุผล สามารถสื่อสารคาถาม คาตอบ ขอ้ มูลและส่ิงท่ีคน้ พบจากการเรียนรู้ให้ผอู้ ่ืนเขา้ ใจได้ 2. การเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์เป็นการเรียนรู้ตลอดชีวติ เนื่องจากความรู้ วทิ ยาศาสตร์เป็นเร่ืองราวเก่ียวกบั โลกธรรมชาติ ( natural world ) ซ่ึงมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ทุก คนจึงตอ้ งเรียนรู้ เพ่อื นาผลการเรียนรู้ไปใชใ้ นชีวิตและประกอบอาชีพ เม่ือผเู้ รียนไดเ้ รียนวทิ ยาศาสตร์ โดยไดร้ ับการกระตุน้ ใหเ้ กิดความต่ืนเตน้ ทา้ ทายกบั การเผชิญสถานการณ์หรือปัญหา มีการร่วมกนั คิด ลงมือปฏิบตั ิจริง กจ็ ะเขา้ ใจและเห็นความเชื่อมโยงของวทิ ยาศาสตร์กบั วชิ าอื่นและชีวติ ทาให้ สามารถอธิบาย ทานาย คาดการณ์สิ่งต่าง ๆ ไดอ้ ยา่ งมีเหตุผล การประสบความสาเร็จในการเรียน วทิ ยาศาสตร์จะเป็นแรงกระตุน้ ใหผ้ เู้ รียนมีความสนใจ มุ่งมนั่ ที่จะสังเกต สารวจตรวจสอบ สืบคน้ ความรู้ท่ีมีคุณค่าเพ่มิ เติมอยา่ งไม่หยดุ ย้งั การจดั กิจกรรมการเรียนการสอนจึงตอ้ งสอดคลอ้ งกบั สภาพ จริงในชีวติ โดยใชแ้ หล่งเรียนรู้หลากหลายในทอ้ งถ่ิน และคานึงถึงผเู้ รียนที่มีวธิ ีการเรียนรู้ความสนใจ และความถนดั แตกต่างกนั 3. การเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์พ้นื ฐาน เป็นการเรียนรู้เพ่ือความเขา้ ใจ ซาบซ้ึงและ เห็นความสาคญั ของธรรมชาติและส่ิงแวดลอ้ ม ซ่ึงจะส่งผลใหผ้ เู้ รียนสามารถเช่ือมโยงองคค์ วามรู้ หลาย ๆ ดา้ น เป็นความรู้แบบองคร์ วม อนั จะนาไปสู่การสร้างสรรคต์ ่าง ๆ และพฒั นาคุณภาพชีวติ มี ความสามารถในการจดั การ และร่วมกนั ดูแลรักษาโลกธรรมชาติอยา่ งยงั่ ยนื 1.3. สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ 1.3.1.สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์มี 8 สาระ คือ สาระท่ี 1 ส่ิงมีชีวติ กบั กระบวนการดารงชีวติ สาระที่ 2 ชีวติ กบั ส่ิงแวดลอ้ ม สาระที่ 3 สารและสมบตั ิของสาร สาระท่ี 4 แรงและการเคล่ือนที่ สาระที่ 5 พลงั งาน สาระที่ 6 กระบวนการเปลี่ยนแปลงของโลก สาระที่ 7 ดาราศาสตร์และอวกาศ สาระที่ 8 ธรรมชาติของวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี 1.3.2.มาตรฐานการเรียนรู้การศึกษาข้นั พ้ืนฐานกลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ 1.3.2.1.สาระที่ 1 สิ่งมีชีวติ กบั กระบวนการดารงชีวิต 7
มาตรฐาน ว 1.1 เขา้ ใจหน่วยพ้ืนฐานของส่ิงมีชีวติ ความสัมพนั ธ์ของโครงสร้าง และหนา้ ที่ของระบบตา่ งๆ ของสิ่งมีชีวติ ที่ทางานสมั พนั ธ์กนั มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ สื่อสารสิ่งที่เรียนรู้และนาความรู้ไปใชใ้ นการดารงชีวติ ของตนเองและดูแลส่ิงมีชีวติ มาตรฐาน ว 1.2 เขา้ ใจกระบวนการและความสาคญั ของการถ่ายทอดลกั ษณะ ทางพนั ธุกรรม ววิ ฒั นาการของสิ่งมีชีวติ ความหลากหลายทางชีวภาพ การใชเ้ ทคโนโลยชี ีวภาพท่ีมี ผลกระทบต่อมนุษยแ์ ละส่ิงแวดลอ้ ม มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้และจิตวทิ ยาศาสตร์ ส่ือสาร สิ่งที่เรียนรู้ และนาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ 1.3.2.2.สาระที่ 2 ชีวติ กบั สิ่งแวดลอ้ ม มาตรฐาน ว 2.1 เขา้ ใจส่ิงแวดลอ้ มในทอ้ งถ่ิน ความสัมพนั ธ์ระหวา่ ง สิ่งแวดลอ้ มกบั สิ่งมีชีวติ ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งส่ิงมีชีวติ ต่าง ๆ ในระบบนิเวศ มีกระบวนการสืบ เสาะหาความรู้และจิตวทิ ยาศาสตร์สื่อสารสิ่งที่เรียนรู้และนาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ มาตรฐาน ว 2.2 เขา้ ใจความสาคญั ของทรัพยากรธรรมชาติ การใช้ ทรัพยากรธรรมชาติในระดบั ทอ้ งถ่ิน ประเทศ และโลกนาความรู้ไปใชใ้ นในการจดั การ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ มในทอ้ งถิ่นอยา่ งยงั่ ยนื 1.3.2.3.สาระท่ี 3 สารและสมบตั ิของสาร มาตรฐาน ว 3.1 เขา้ ใจสมบตั ิของสาร ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งสมบตั ิของสารกบั โครงสร้างและแรงยดึ เหน่ียวระหวา่ งอนุภาค มีกระบวนการสืบเสาะ หาความรู้และจิตวทิ ยาศาสตร์ ส่ือสารส่ิงท่ีเรียนรู้ นาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ มาตรฐาน ว 3.2 เขา้ ใจหลกั การและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะ ของสาร การเกิดสารละลาย การเกิดปฏิกิริยา มีกระบวนการสืบเสาะ หาความรู้และจิตวทิ ยาศาสตร์ ส่ือสารส่ิงที่เรียนรู้ และนาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ 1.3.2.4.สาระท่ี 4 แรงและการเคล่ือนที่ มาตรฐาน ว 4.1 เขา้ ใจธรรมชาติของแรงแม่เหลก็ ไฟฟ้ า แรงโนม้ ถ่วง และแรง นิวเคลียร์ มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ สื่อสารส่ิงที่เรียนรู้และนาความรู้ไปใชป้ ระโยชนอ์ ยา่ ง ถูกตอ้ งและมีคุณธรรม มาตรฐาน ว 4.2 เขา้ ใจลกั ษณะการเคลื่อนที่แบบต่างๆ ของวตั ถุในธรรมชาติมี กระบวนการสืบเสาะหาความรู้และจิตวทิ ยาศาสตร์ สื่อสารสิ่งท่ีเรียนรู้และนาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ 1.3.2.5.สาระที่ 5 พลงั งาน มาตรฐาน ว 5.1 เขา้ ใจความสัมพนั ธ์ระหวา่ งพลงั งานกบั การดารงชีวติ การเปลี่ยนรูปพลงั งานปฏิสัมพนั ธ์ระหวา่ งสารและพลงั งาน ผลของการใชพ้ ลงั งานต่อชีวติ และ สิ่งแวดลอ้ ม มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ ส่ือสารส่ิงที่เรียนรู้และนาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ 8
1.3.2.6.สาระท่ี 6 กระบวนการเปลี่ยนแปลงของโลก มาตรฐาน ว 6.1 เขา้ ใจกระบวนการต่าง ๆ ท่ีเกิดข้ึนบนผิวโลกและภายในโลก ความสมั พนั ธ์ของกระบวนการตา่ ง ๆ ท่ีมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ ภมู ิประเทศ และสัณฐาน ของโลก มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้และจิตวทิ ยาศาสตร์ ส่ือสารสิ่งท่ีเรียนรู้และนาความรู้ไปใช้ ประโยชน์ 1.3.2.7.สาระท่ี 7 ดาราศาสตร์และอวกาศ มาตรฐาน ว 7.1 เขา้ ใจววิ ฒั นาการของระบบสุริยะ กาแลก็ ซีและเอกภพการ ปฏิสมั พนั ธ์ภายในระบบสุริยะและผลตอ่ สิ่งมีชีวติ บนโลก มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้และ จิตวทิ ยาศาสตร์ การสื่อสารสิ่งที่เรียนรู้และนาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ มาตรฐาน ว 7.2 เขา้ ใจความสาคญั ของเทคโนโลยอี วกาศท่ีนามาใชใ้ นการสารวจ อวกาศและทรัพยากรธรรมชาติ ดา้ นการเกษตรและการสื่อสาร มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้และ จิตวทิ ยาศาสตร์ สื่อสารส่ิงที่เรียนรู้และนาความรู้ไปใชป้ ระโยชนอ์ ยา่ งมีคุณธรรมต่อชีวิตและ สิ่งแวดลอ้ ม 1.3.2.8.สาระท่ี 8 ธรรมชาติของวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี มาตรฐาน ว 8.1 ใชก้ ระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์และจิตวทิ ยาศาสตร์ในการสืบ เสาะหาความรู้ การแกป้ ัญหา รู้วา่ ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดข้ึนส่วนใหญม่ ีรูปแบบท่ีแน่นอน สามารถอธิบายและตรวจสอบได้ ภายใตข้ อ้ มูลและเคร่ืองมือท่ีมีอยใู่ นช่วงเวลาน้นั ๆ เขา้ ใจวา่ วทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี สังคม และสิ่งแวดลอ้ ม มีความเก่ียวขอ้ งสมั พนั ธ์กนั 1.3.3.ตวั ช้ีวดั และสาระการเรียนรู้แกนกลาง เนื่องจากผศู้ ึกษาทาการศึกษาในสาระท่ี 1 จึงขอนาเสนอเพียงสาระท่ี 1 สิ่งมีชีวติ กบั กระบวนการดารงชีวติ ดงั น้ี สาระท่ี 1 สิ่งมีชีวติ กบั กระบวนการดารงชีวติ มาตรฐาน ว 1.1 เขา้ ใจหน่วยพ้นื ฐานของส่ิงมีชีวิต ความสัมพนั ธ์ของโครงสร้าง และ หนา้ ท่ีของระบบต่างๆ ของส่ิงมีชีวติ ท่ีทางานสัมพนั ธ์กนั มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ ส่ือสารสิ่ง ท่ีเรียนรู้และนาความรู้ไปใชใ้ นการดารงชีวติ ของตนเองและดูแลส่ิงมีชีวติ โดยตวั ช้ีวดั และสาระการเรียนรู้แกนกลางของผเู้ รียนช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 4 มี รายละเอียดดงั น้ี 9
ตาราง 1 แสดงตวั ช้ีวดั และสาระการเรียนรู้แกนกลางกลุ่มสาระการเรียนรู้วชิ าวทิ ยาศาสตร์ ช้ัน ระดบั ช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 4 ป.4 ตัวชี้วดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง 1. ทดลองและอธิบายหนา้ ท่ีของทอ่ ลาเลียง ภายในลาตน้ ของพืชมีท่อลาเลียง และปากใบของพืช เพ่อื ลาเลียงน้าและอาหาร และในใบ มีปากใบทาหนา้ ท่ีคายน้า 2. อธิบายน้าแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ แสงและ ปัจจยั ที่สาคญั ต่อการเจริญเติบโตและ คลอโรฟิ ลล์ เป็ นปัจจยั ที่จาเป็นบางประการต่อ การสังเคราะห์ดว้ ยแสงของพชื ไดแ้ ก่ การเจริญเติบโตและการสงั เคราะห์ดว้ ยแสงของ น้า แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ แสง และ พชื คลอโรฟิ ลล์ 3. ทดลองและอธิบาย การตอบสนองของ พืชมีการตอบสนองต่อแสง เสียง และ พชื ตอ่ แสง เสียง และการสัมผสั การสมั ผสั ซ่ึงเป็นสภาพแวดลอ้ ม ภายนอก 1.4. แนวทางการจัดการเรียนรู้ พระราชบญั ญตั ิการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 มาตรา 22 ระบุวา่ การจดั การศึกษาตอ้ งยดึ หลกั วา่ ผเู้ รียนทุกคนมีความสามารถเรียนรู้และพฒั นาตนเองได้ และถือวา่ ผเู้ รียนมีความสาคญั ท่ีสุด กระบวนการจดั การศึกษาตอ้ งส่งเสริมใหผ้ เู้ รียนสามารถพฒั นาตามธรรมชาติและเตม็ ตามศกั ยภาพ ในส่วนของการจดั กระบวนการเรียนรู้ มาตรา 24 ไดร้ ะบุใหส้ ถานศึกษาและหน่วยงานท่ีเก่ียวขอ้ ง ดาเนินการดงั น้ี 1.4.1 จดั เน้ือหาสาระและกิจกรรมใหส้ อดคลอ้ งกบั ความสนใจและความถนดั ของผเู้ รียน โดยคานึงถึงความแตกตา่ งระหวา่ งบุคคล 1.4.2 ฝึกทกั ษะ กระบวนการคิด การจดั การ การเผชิญสถานการณ์ และการประยกุ ต์ ความรู้มาใชเ้ พ่อื ป้ องกนั และแกไ้ ขปัญหา 1.4.3 จดั กิจกรรมใหผ้ เู้ รียนไดเ้ รียนรู้จากประสบการณ์จริง ฝึกการปฏิบตั ิ ใหท้ าได้ คิดเป็น ทาเป็น รักการอา่ นและเกิดการใฝ่ รู้อยา่ งต่อเน่ือง 1.4.4 จดั การเรียนการสอนโดยผสมผสานสาระความรู้ดา้ นตา่ ง ๆ อยา่ งไดส้ ดั ส่วนสมดุล กนั รวมท้งั ปลูกฝังคุณธรรม คา่ นิยมที่ดีงามและคุณลกั ษณะอนั พึงประสงคไ์ วใ้ นทุกวชิ า 1.4.5 ส่งเสริมสนบั สนุนใหผ้ สู้ อนสามารถจดั บรรยากาศ สภาพแวดลอ้ ม สื่อการเรียน และ อานวยความสะดวกเพ่ือใหผ้ เู้ รียนเกิดการเรียนรู้และมีความรอบรู้ รวมท้งั สามารถใชก้ ารวจิ ยั เป็ นส่วน 10
หน่ึงของกระบวนการเรียนรู้ ท้งั น้ี ผสู้ อนและผเู้ รียนอาจเรียนรู้ไปพร้อมกนั จากส่ือการเรียนการสอน และแหล่งวทิ ยาการประเภท ต่าง ๆ 1.4.6 จดั การเรียนรู้ใหเ้ กิดข้ึนไดท้ ุกเวลาทุกสถานที่ มีการประสานความร่วมมือกบั บิดา มารดา ผปู้ กครอง และบุคคลในชุมชนทุกฝ่ าย เพือ่ ร่วมกนั พฒั นาผเู้ รียนตามศกั ยภาพ จากแนวคิดดงั กล่าว พอสรุปไดว้ า่ การจดั การเรียนการสอนวชิ าวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ควรจดั ใหผ้ เู้ รียนไดร้ ับท้งั ความรู้ ทกั ษะกระบวนการ มีเจตคติและคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ครูผสู้ อนจึงควรที่จะจดั กิจกรรมการเรียนการสอนที่เร้าความสนใจ เนน้ การเรียนรู้จากประสบการณ์ ตรง ที่มีบรรยากาศที่สนุกสนานเป็นกนั เอง ใชส้ ื่อท่ีหลากหลาย เพอื่ ใหผ้ เู้ รียนเกิดความสนใจ สนุกสนานและเกิดการเรียนรู้ได้ 1.5. กระบวนการเรียนการสอนทใี่ ช้ในการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ วธิ ีสอนหรือกิจกรรมในการจดั การเรียนการสอนวทิ ยาศาสตร์ที่นิยมใชม้ ีหลายวธิ ี แตไ่ ม่มี ขอ้ มลู ยนื ยนั วา่ มีวธิ ีสอนหรือกิจกรรมใดที่ดีที่สุด เหมาะสมกบั ทุกสถานการณ์ ดงั น้นั ครูวทิ ยาศาสตร์ จึงตอ้ งใชด้ ุลยพนิ ิจในการเลือกใชว้ ธิ ีสอนที่เหมาะสมกบั ความสามารถของผเู้ รียน เน้ือหาวชิ า ตลอดจนอุปกรณ์การสอนที่มีอยู่ ( ภพ เลาหไพบลู ย์ , 2542 , หนา้ 123 ) กรมวชิ าการ ( 2544 , หนา้ 79 ) ไดเ้ สนอวธิ ีสอนวทิ ยาศาสตร์ท่ีไดร้ ับการยอมรับวา่ มีความ เหมาะสมกบั ธรรมชาติของวชิ ามีดงั น้ี 1. การสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ ( Inquiry method ) เป็นการสอนท่ีเนน้ กระบวนการ แสวงหาความรู้ท่ีจะช่วยใหผ้ เู้ รียนไดค้ น้ พบความจริงต่าง ๆ ดว้ ยตนเอง ใหผ้ เู้ รียนมีประสบการณ์ตรง ในการเรียนรู้เน้ือหาวชิ า ซ่ึงประกอบดว้ ยข้นั ตอนที่สาคญั ดงั น้ี 1.1 ข้นั สร้างความสนใจ ( engagement ) เป็นการนาเขา้ สู่บทเรียนหรือเร่ืองที่สนใจ ซ่ึงอาจ เกิดข้ึนเองจากความสงสัย หรืออาจเริ่มจากความสนใจของตวั ผเู้ รียนเองหรือเกิดจากการอภิปราย ภายในกลุ่ม เรื่องที่น่าสนใจอาจมาจากเหตุการณ์ที่กาลงั เกิดข้ึนอยใู่ นช่วงเวลาน้นั หรือเป็นเร่ืองที่ เช่ือมโยงกบั ความรู้เดิมท่ีเพงิ่ เรียนรู้มาแลว้ เป็นตวั กระตุน้ ใหผ้ เู้ รียนสร้างคาถาม กาหนดประเด็นท่ีจะ ศึกษา ในกรณีที่ยงั ไม่มีประเดน็ ใดน่าสนใจ ครูอาจใหศ้ ึกษาจากส่ือตา่ ง ๆ หรือเป็นผกู้ ระตุน้ ดว้ ยการ เสนอประเด็นข้ึนมาก่อน แต่ไมค่ วรบงั คบั ใหผ้ เู้ รียนยอมรับประเด็นหรือคาถามที่ครูกาลงั สนใจเป็น เรื่องที่จะใชศ้ ึกษา 1.2 ข้นั สารวจและคน้ หา ( exploration ) เมื่อทาความเขา้ ใจในประเดน็ หรือคาถามที่สนใจ จะศึกษาอยา่ งถ่องแทแ้ ลว้ ก็มีการวางแผนกาหนดแนวทางการสารวจตรวจสอบ ต้งั สมมติฐาน กาหนดทางเลือกที่เป็นไปได้ ลงมือปฏิบตั ิเพอื่ เก็บรวบรวมขอ้ มลู ขอ้ สนเทศ หรือปรากฏการณ์ตา่ ง ๆ วธิ ีการตรวจสอบอาจทาไดห้ ลายวธิ ี เช่น ทาการทดลอง ทากิจกรรมภาคสนาม การใชค้ อมพวิ เตอร์ 11
เพอื่ ช่วยสร้างสถานการณ์จาลอง ( simulation ) การศึกษาหาขอ้ มลู จากเอกสารอา้ งอิงหรือจาก แหล่งขอ้ มลู ต่าง ๆ เพือ่ ใหไ้ ดม้ าซ่ึงขอ้ มูลอยา่ งเพียงพอท่ีจะใชใ้ นข้นั ตอ่ ไป 1.3 ข้นั อธิบายและลงขอ้ สรุป ( explanation ) เมื่อไดข้ อ้ มูลอยา่ งเพยี งพอจากการสารวจ ตรวจสอบแลว้ จึงนาขอ้ มลู ขอ้ สนเทศ ท่ีไดม้ าวิเคราะห์ แปลผล สรุปผล และนาเสนอผลที่ไดใ้ น รูปตา่ ง ๆ เช่น บรรยายสรุป สร้างแบบจาลอง หรือรูปวาด สร้างตาราง ฯลฯ การคน้ พบในข้นั น้ีอาจ เป็นไปไดห้ ลายทาง เช่น สนบั สนุนสมมติฐานท่ีต้งั ไว้ โตแ้ ยง้ กบั สมมติฐานที่ต้งั ไว้ หรือไม่เก่ียวขอ้ ง กบั ประเดน็ ที่ไดก้ าหนดไว้ แตผ่ ลท่ีไดจ้ ะอยใู่ นรูปใดกส็ ามารถสร้างความรู้และช่วยใหเ้ กิดการเรียนรู้ ได้ 1.4 ข้นั ขยายความรู้ ( elaboration ) เป็นการนาความรู้ท่ีสร้างข้ึนไปเชื่อมโยงกบั ความรู้เดิม หรือแนวคิดที่ไดค้ น้ ควา้ เพิม่ เติม หรือนาแบบจาลองหรือขอ้ สรุปท่ีไดไ้ ปใชอ้ ธิบายสถานการณ์หรือ เหตุการณ์อื่น ๆ ถา้ ใชอ้ ธิบายเร่ืองตา่ ง ๆ ไดม้ าก ก็แสดงวา่ ขอ้ จากดั นอ้ ย ซ่ึงกจ็ ะช่วยใหเ้ ชื่อมโยงกบั เร่ืองต่าง ๆ และทาใหเ้ กิดความรู้กวา้ งขวางข้ึน 1.5 ข้นั ประเมิน ( evaluation ) เป็ นการประเมินการเรียนรู้ดว้ ยกระบวนการต่าง ๆ วา่ ผเู้ รียน มีความรู้อะไรบา้ ง อยา่ งไร และมากนอ้ ยเพยี งใด จากข้นั น้ีจะนาไปสู่การนาความรู้ไปประยกุ ตใ์ ชใ้ น เร่ืองอ่ืน ๆ แผนภูมิ 1 แสดงวฏั จกั รการสืบเสาะหาความรู้ ( ท่ีมา : กรมวชิ าการ , 2544 หนา้ 80 ) 12
ภพ เลาหไพบูลย์ ( 2542 , หนา้ 123 ) ไดเ้ สนอวธิ ีสอนวทิ ยาศาสตร์ ไวด้ งั น้ี 1. การสอนแบบคน้ พบ ( Discovery method ) การคน้ พบ และการสืบเสาะหาความรู้ นกั การศึกษาจานวนมากใชค้ าสองคาน้ีในความหมายเดียวกนั คาริน และซนั ด์ ( Carin and Sund , 1975 , หนา้ 98-99 ) ไดใ้ หค้ วามหมายของการคน้ พบวา่ การคน้ พบจะเกิดข้ึนก็ต่อเม่ือบุคคลไดใ้ ช้ กระบวนการคิดอยา่ งมาก กระบวนการที่ใชค้ วามรู้ความคิดในการคน้ พบ เช่น การสังเกต การจาแนก ประเภท การวดั การพยากรณ์ การอธิบาย การลงความคิดเห็น เป็นตน้ ในการสอนแบบคน้ พบเป็น การสอนท่ีเนน้ กระบวนการตอบสนองของผเู้ รียนต่อสถานการณ์ต่างๆ ดว้ ยตนเอง บทบาทของครูเป็น ผชู้ ่วยเหลือ และเป็นที่ปรึกษาของผเู้ รียน ทกั ษะและความชานาญในการจดั กิจกรรมการสอนของครู เป็นสิ่งที่ช่วยใหก้ ารสอนแบบคน้ พบประสบความสาเร็จ 2. การสอนแบบสาธิต ( Demonstration ) เป็นการจดั แสดงประสบการณ์ การกระทา อยา่ งใดอยา่ งหน่ึงหนา้ ช้นั โดยครู ผเู้ รียนคนใดคนหน่ึงหรือกลุ่มผเู้ รียนกไ็ ด้ เป็นการแสดงการกระทา บางสิ่งบางอยา่ งใหผ้ อู้ ื่นดูตามวตั ถุประสงคท์ ี่วางไว้ อาจเป็นการแสดงการใชเ้ ครื่องมือ แสดงใหเ้ ห็น กระบวนการ เทคนิควธิ ีเป็ นการทดสอบยนื ยนั หรืออธิบายสิ่งท่ีไดท้ ราบแลว้ หรือเป็ นการทดลองซ่ึง จะใหผ้ ลลพั ธ์เป็นส่ิงที่นกั เรียนไมท่ ราบมาก่อน หรือเป็ นการทดสอบเพอื่ ยนื ยนั ส่ิงท่ีทราบมาแลว้ มี วตั ถุประสงคเ์ พื่อแสดงการทดลองเทคนิควธิ ีการและกระบวนการตา่ งๆใหผ้ เู้ รียนเกิดความเขา้ ใจใน เน้ือหาวชิ าและกระบวนการไปพร้อม ๆ กนั ในการสอนครูตอ้ งพจิ ารณาวา่ จะสอนแบบสาธิต แบบบอกความรู้ ที่ครูพยายามแนะนาบอกความรู้ใหผ้ เู้ รียน หรือสอนแบบสาธิต แบบการคน้ พบ ที่ครูพยายามใหผ้ เู้ รียนคน้ พบคาตอบดว้ ยตนเอง 3. การสอนแบบทดลอง ( Experimental method ) การทดลองกบั การปฏิบตั ิงานใน หอ้ งปฏิบตั ิการมีความหมายใกลเ้ คียงกนั การทดลองส่วนใหญท่ ่ีผเู้ รียนทาเป็ นส่วนหน่ึงของการ ปฏิบตั ิงาน และการปฏิบตั ิงานส่วนใหญ่เก่ียวขอ้ งกบั การทดลอง เป็นการจดั ประสบการณ์ในการ ทางานใหผ้ เู้ รียนตามข้นั ตอนของกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ประกอบดว้ ย 4 ข้นั ตอน คือข้นั กาหนดปัญหา ข้นั ต้งั สมมติฐาน ข้นั ทดลองและสังเกต และข้นั สรุปผลการทดลอง 4. การสอนแบบบรรยาย ( Lecture method ) การสอนแบบบรรยายวา่ เป็ นวธิ ีสอน ท่ีครูถ่ายทอดความรู้จานวนมากแก่ผเู้ รียนโดยตรง เป็ นวธิ ีการหน่ึงที่นาเสนอความรู้วทิ ยาศาสตร์ ในลกั ษณะองคค์ วามรู้ที่เลือกสรรและจดั ลาดบั ไวอ้ ยา่ งดี การดาเนินการอาจแบง่ ไดเ้ ป็น 4 ตอน คือ การกล่าวนา ตวั เน้ือเรื่อง การสรุปยอ่ ระหวา่ งนาเสนอ และการสรุปการบรรยาย 5. การสอนแบบอภิปราย ( Discussion method ) การสอนแบบอภิปรายวา่ เป็นการ แลกเปล่ียนความคิดเห็นซ่ึงกนั และกนั เก่ียวกบั เน้ือหาวชิ าความรู้จากความคิดเห็นในแง่มุมตา่ ง ๆ ของผเู้ รียนอาจเป็นการอภิปรายระหวา่ งผเู้ รียนดว้ ยกนั หรือการอภิปรายระหวา่ งครูกบั ผเู้ รียน ผเู้ รียน 13
ทุกคนมีอิสระท่ีจะแสดงความคิดเห็นของตน ซ่ึงผเู้ รียนจะตอ้ งมีความรู้พ้ืนฐานเกี่ยวกบั เร่ืองน้นั ก่อน โดยครูทาหนา้ ท่ีเป็ นผนู้ าอภิปราย ตอ้ งไม่ส่ังหรือครอบงาความคิดเห็นของผเู้ รียน การอภิปรายตอ้ งมี ความชดั เจน เขา้ ใจง่าย เนน้ หรือขยายความรู้ท่ีไดเ้ รียนมาแลว้ ใหก้ วา้ งขวางออกไป ดงั น้นั การอภิปราย จึงเป็นส่ิงจาเป็ นในการสอนวทิ ยาศาสตร์ เป็นการกระตุน้ ใหผ้ เู้ รียนตอ้ งคิดแกป้ ัญหาหรือหาขอ้ ยุติ การอภิปรายอาจสอดแทรกอยใู่ นวธิ ีการสอนอื่น ๆ ได้ เช่น การสอนแบบบรรยาย การสอนแบบสาธิต การสอนแบบทดลอง การสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ และการสอนแบบคน้ พบ 6. การสอนแบบพดู ถามตอบ ( Recitation method ) การสอนแบบพดู ถามตอบ เป็น การสอนที่ใชค้ าถามคาตอบ โดยครูเป็นผถู้ ามคาถามและผเู้ รียนเป็นผตู้ อบคาถามตามพ้ืนฐานความรู้ ท่ีผเู้ รียนไดอ้ ่านจากหนงั สือเรียน หรือหนงั สืออื่นที่ไดร้ ับมอบหมายใหอ้ ่าน หรือสิ่งท่ีครูไดน้ าเสนอ ในระหวา่ งการบรรยาย การสาธิต หรือกิจกรรมอื่นในการสอนแบบพดู ถามตอบ ครูควรอธิบายให้ ผเู้ รียนทราบถึงวตั ถุประสงคข์ องการสอนแบบน้ีวา่ เป็นการใหข้ อ้ มลู ป้ อนกลบั แก่ครู ซ่ึงครูจะไดใ้ ช้ ขอ้ มูลเหล่าน้ีในการขยายความและอธิบายเพม่ิ เติมแก่ผเู้ รียน สิ่งท่ีสาคญั ท่ีสุดในการสอนแบบพดู ถาม ตอบเพื่อใหไ้ ดผ้ ลดีท่ีควรคานึงถึงคือชนิดของคาถาม โครงสร้างของคาถาม และข้นั ตอนที่จะถามใน ระหวา่ งการสอน จากการศึกษาเกี่ยวกบั วธิ ีสอนวทิ ยาศาสตร์พบวา่ มีอยหู่ ลายวธิ ี ในการจดั การเรียน การสอนครูผสู้ อนวทิ ยาศาสตร์ควรเลือกวธิ ีสอน หรือกิจกรรมที่เนน้ ใหผ้ เู้ รียนมีประสบการณ์ดว้ ย ตนเองมากที่สุด อาจเลือกใชว้ ธิ ีสอนใดวธิ ีหน่ึง หรือนาหลายวธิ ีมาผสมผสานกนั เพื่อใหเ้ หมาะสม กบั เน้ือหาและสภาพการณ์โดยทว่ั ไปในช้นั เรียน 2. การวดั ผลและประเมนิ ผลการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ กรมวชิ าการ ( 2544 , หนา้ 91 ) กล่าววา่ การที่จะทราบวา่ การจดั กิจกรรมการเรียนการสอนทา ใหผ้ เู้ รียนเกิดการเรียนรู้หรือไมเ่ พียงใด จาเป็นตอ้ งมีการวดั และประเมินผลการเรียนรู้ของผเู้ รียน ใน อดีตการวดั และประเมินผลส่วนใหญ่ใหค้ วามสาคญั กบั การใชข้ อ้ สอบซ่ึงไมส่ ามารถสนองเจตนารมณ์ การเรียนการสอนท่ีเนน้ ใหผ้ เู้ รียนคิด ลงมือปฏิบตั ิดว้ ยกระบวนการหลากหลาย เพอ่ื สร้างองคค์ วามรู้ ดงั น้นั ผสู้ อนตอ้ งตระหนกั วา่ การเรียนการสอนและการวดั ผลประเมินผลเป็นกระบวนการเดียวกนั และจะตอ้ งวางแผนไปพร้อม ๆ กนั 1. แนวทางการวดั ผลและประเมินผลการเรียนรู้ การวดั และประเมินผลการเรียนรู้จะ บรรลุผลตามเป้ าหมายของการเรียนการสอนที่วางไวไ้ ด้ ควรมีแนวดงั ต่อไปน้ี 1.1 ตอ้ งวดั และประเมินผลท้งั ความรู้ความคิด ความสามรถ ทกั ษะและกระบวนการ เจตคติ คุณธรรม จริยธรรม คา่ นิยมในวทิ ยาศาสตร์ รวมท้งั โอกาสในการเรียนของผเู้ รียน 14
1.2 วธิ ีการวดั และประเมินผลตอ้ งสอดคลอ้ งกบั มาตรฐานการเรียนรู้ที่กาหนดไว้ 1.3 ตอ้ งเกบ็ ขอ้ มูลที่ไดจ้ ากการวดั และประเมินผลอยา่ งตรงไปตรงมา และตอ้ ง ประเมินผลภายใตข้ อ้ มลู ท่ีมีอยู่ 1.4 ผลการวดั และประเมินผลการเรียนรู้ของผเู้ รียนตอ้ งนาไปสู่การแปลผลและลง ขอ้ สรุปท่ีสมเหตุสมผล 1.5 การวดั และประเมินผลตอ้ งมีความเท่ียงตรงและเป็นธรรม ท้งั ในดา้ นของวธิ ีการวดั โอกาสของการประเมิน 2. จุดมุง่ หมายของการวดั ผลและประเมินผล 2.1 เพ่อื วนิ ิจฉยั ความรู้ความสามารถ ทกั ษะและกระบวนการ เจตคติ คุณธรรม จริยธรรมและค่านิยมของผเู้ รียน และเพอื่ ซ่อมเสริมผเู้ รียนใหพ้ ฒั นาความรู้ความสามารถและทกั ษะ ไดเ้ ตม็ ตามศกั ยภาพ 2.2 เพือ่ ใชเ้ ป็นขอ้ มลู ป้ อนกลบั ใหแ้ ก่ตวั ผเู้ รียนเองวา่ บรรลุตามมาตรฐานการเรียนรู้ เพยี งใด 2.3 เพ่ือใชข้ อ้ มลู ในการสรุปผลการเรียนรู้และเปรียบเทียบถึงระดบั พฒั นาการ ของการเรียนรู้ 3. จิตวทิ ยาการสอนวิทยาศาสตร์ ภพ เลาหไพบูลย์ ( 2542 , หนา้ 67 ) กล่าววา่ ครูวทิ ยาศาสตร์จะตอ้ งทาหนา้ ท่ีในการสอนให้ ผเู้ รียนเกิดการเรียนรู้ เกิดการเปล่ียนแปลงทางสติปัญญา เป็ นการเปลี่ยนแปลงอยา่ งถาวร เป็นผมู้ ี ความรู้ความสามารถทางวทิ ยาศาสตร์ ครูวทิ ยาศาสตร์ตอ้ งสอนใหผ้ เู้ รียนมีความรู้ทางวิทยาศาสตร์ เป็นผสู้ ืบเสาะหาความรู้ เป็นผคู้ น้ พบ เป็นผคู้ ิดอยา่ งพินิจพิเคราะห์และสามารถแกป้ ัญหาตา่ ง ๆ ได้ โดยประยกุ ตใ์ ชค้ วามรู้ที่ไดเ้ รียนวทิ ยาศาสตร์ไปแลว้ ดงั น้นั ครูวทิ ยาศาสตร์จึงจาเป็นตอ้ งรู้เกี่ยวกบั การเรียนรู้ท่ีจะพฒั นาผเู้ รียนใหม้ ีการเปล่ียนแปลงพฤติกรรมอยา่ งถาวรที่จะเป็ นผมู้ ีความรู้ ความสามารถทางวทิ ยาศาสตร์ การเรียนรู้เก่ียวกบั ทฤษฏีพฒั นาการทางสติปัญญาของเปี ยเจต์ ทฤษฏี เก่ียวกบั การสอนของบรูเนอร์ ทฤษฏีการสอนของออซูเบล และหลกั การเรียนรู้ของกาเย่ อาจช่วย ทาใหค้ รูรู้กระบวนการเรียน และสภาพการณ์ท่ีทาใหเ้ กิดการเปล่ียนแปลงพฤติกรรมที่ถาวร และ เป็นพฤติกรรมท่ีตอ้ งการให้เกิดในตวั ผเู้ รียนได้ กรมวชิ าการ ( 2544 , หนา้ 77 – 79 ) ไดก้ ล่าวไวว้ า่ การพฒั นาการเรียนการสอนต้งั แต่อดีต จนถึงปัจจุบนั อยบู่ นพ้ืนฐานของการศึกษาในส่วนของเน้ือหาและหลกั การทางดา้ นวทิ ยาศาสตร์ โดยตรง ประกอบกบั หลกั การดา้ นจิตวทิ ยาพฒั นาการท่ีสัมพนั ธ์กบั การเรียนรู้ ปัจจุบนั น้ีเป็นท่ียอมรับ 15
แลว้ วา่ พฒั นาการทางสมองของมนุษยใ์ นวยั ตา่ ง ๆ เป็นหวั ใจสาคญั ที่ส่งผลโดยตรงต่อการเรียนรู้ จึงนามาใชเ้ ป็นพ้ืนฐานในการจดั การเรียนการสอนวทิ ยาศาสตร์ ดงั น้ี 1. ทฤษฏีพฒั นาการทางสติปัญญา ( Theory of Cognitive Development ) ของพีอาเจต์ ( Jean Piaget ) ซ่ึงไดเ้ สนอไวว้ า่ พฒั นาการเรียนรู้ของเดก็ ต้งั แต่แรกเกิดจนสู่วยั ผใู้ หญ่จะแบง่ ออก เป็น 4 ระยะคือ 1.1 ระยะใชป้ ระสาทสัมผสั ( Sensory – organs stage ) เป็ นการพฒั นาของเดก็ ต้งั แต่ แรกเกิดจนถึง 2 ปี ในวยั น้ีเด็กจะเริ่มพฒั นาการรับรู้โดยใชป้ ระสาทสมั ผสั ตา่ ง ๆ ตลอดจนเร่ิมมีการ พฒั นาการใชอ้ วยั วะใหส้ ามารถทางานเบ้ืองตน้ ได้ เช่น ฝึกใชม้ ือหยบิ จบั ส่ิงของต่าง ๆ ฝึ กการไดย้ นิ และการมอง ฝึกเดิน ยนื ฝึกพูดและโตต้ อบ การพฒั นาเหล่าน้ีจดั เป็ นการพฒั นาท่ีเป็ นพ้ืนฐานสาคญั ในการพฒั นาข้นั ต่อไป เดก็ ในวยั น้ีจึงเรียนรู้โดยการไดห้ ยบิ จบั สัมผสั กบั ส่ิงตา่ ง ๆ รอบตวั 1.2 ระยะควบคุมอวยั วะตา่ ง ๆ ( Preoperational stage ) เป็นการพฒั นาในช่วงอายุ 2 ปี จนถึง 7 ปี เด็กวยั น้ีจะเร่ิมพฒั นาร่างกายอยา่ งเป็ นระบบมากข้ึน มีการพฒั นาของสมองเพ่อื ใช้ ควบคุมการพฒั นาลกั ษณะนิสยั เช่น นิสัยการขบั ถ่าย มีการฝึกใชอ้ วยั วะต่าง ๆ ใหม้ ีความสมั พนั ธ์กนั ภายใตก้ ารควบคุมของสมองและเช่ือมโยงกบั สิ่งต่าง ๆ ท่ีเป็นรูปธรรมที่เดก็ ไดส้ ัมผสั เช่น การเล่น กีฬา การขี่จกั รยาน การเล่นลอ้ เลื่อน 1.3 ระยะท่ีคิดอยา่ งเป็นรูปธรรม ( Concrete – operational stage ) เป็นพฒั นาการ ในช่วงอายุ 7 ปี ถึง 11 ปี เด็กช่วงน้ีจะมีการพฒั นาสมองมากข้ึนอยา่ งรวดเร็ว จนสามารถเรียนรู้และ จาแนกสิ่งต่าง ๆ ท่ีเป็นรูปธรรมได้ แต่จะยงั ไม่สามารถสร้างจินตนาการกบั เร่ืองราวท่ีเป็นนามธรรม ได้ เดก็ ในวยั น้ีจึงสามารถเล่นสิ่งของที่เป็นรูปทรงตา่ ง ๆ ไดเ้ ป็นอยา่ งดี แตไ่ มส่ ามารถเรียนรู้เร่ืองราว ที่เป็ นนามธรรมได้ 1.4 ระยะที่คิดอยา่ งเป็นนามธรรม ( Formal– operational stage ) เป็นพฒั นาการ ในช่วงสุดทา้ ยของเดก็ อายปุ ระมาณ 12 – 15 ปี ก่อนจะเป็นผใู้ หญ่ เด็กในช่วงน้ีสามารถคิดอยา่ งเป็น เหตุผลและคิดในส่ิงที่ซบั ซอ้ นอยา่ งเป็นนามธรรมไดม้ ากข้ึน เมื่อเดก็ พฒั นาไดอ้ ยา่ งเตม็ ที่แลว้ จะ สามารถคิดอยา่ งเป็นเหตุเป็นผลและแกป้ ัญหาไดอ้ ยา่ งดี จนพร้อมที่จะเป็นผใู้ หญ่ท่ีมีวฒุ ิภาวะต่อไป หลกั การสอนตามแนวคิดของพอี าเจต์ 1. การเรียนรู้จะเกิดข้ึนเมื่อผเู้ รียนไดม้ ีปฏิสมั พนั ธ์กบั ส่ิงแวดลอ้ มตามความสามารถ ทางสติปัญญา 2. มโนมติหน่ึง ๆ สามารถแบ่งไดห้ ลายระดบั ตามข้นั พฒั นาการสอนทางสติปัญญา 16
3. การพฒั นาสติปัญญาเกิดข้ึนไดโ้ ดยการปรับโครงสร้างความคิดใหอ้ ยใู่ นสภาวะ สมดุลโดยเพิม่ พนู สติปัญญาและขจดั อุปสรรคท่ีเกิดจากอิทธิพลดา้ นประสบการณ์ทางกายภาพและ สงั คม 4. การนาเสนอบทเรียน ควรให้ผเู้ รียนพบกบั ปัญหา ใชค้ วามคิดแกป้ ัญหา ทดลอง แกป้ ัญหา และหาเหตุผลสาหรับวธิ ีการแกป้ ัญหาดว้ ยตนเอง จากหลกั การสอนและแนวคิดเก่ียวกบั ทฤษฏีพฒั นาการทางสติปัญญาของเปี ยเจต์ จะมีประโยชน์ต่อครูวทิ ยาศาสตร์ในการจดั การเรียนการสอนวทิ ยาศาสตร์ คือ ครูควรจดั การเรียนการ สอนใหเ้ ดก็ ไดป้ ระสบการณ์ตรงเป็ นรูปธรรม เพราะเด็กจะไดม้ ีประสบการณ์ทางกายภาพและทาง สมอง ทาใหเ้ กิดการเรียนรู้ไดด้ ี ในการสอนน้นั ครูควรใหเ้ ดก็ เก็บรวบรวมขอ้ มลู และคน้ ควา้ หาความรู้ โดยการสังเกตและสรุปเป็นหลกั การ การจดั กิจกรรมที่ทาใหผ้ เู้ รียนสนใจและต้งั ใจเรียน การสอนตอ้ ง เนน้ ใหผ้ เู้ รียนใชศ้ กั ยภาพของตนเองใหม้ ากท่ีสุด จดั เน้ือหา อุปกรณ์การเรียนการสอนและกิจกรรม ต่าง ๆ ควรเริ่มจากสิ่งท่ีเป็ นรูปธรรมไปสู่สิ่งที่เป็นนามธรรม เนน้ การเรียนรู้ที่ตอ้ งอาศยั กิจกรรมการ เสาะแสวงหาความรู้และคน้ พบ ในการสอนครูควรถามคาถามมากกวา่ การใหค้ าตอบ 2. ทฤษฎีการเรียนรู้ของบรูเนอร์ แนวคิดของบรูเนอร์มีส่วนคลา้ ยกบั ทฤษฎีพฒั นาการทาง สติปัญญาของเพียเจต์ แตบ่ รูเนอร์ เนน้ ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งส่ิงแวดลอ้ มกบั พฒั นาการทางสติปัญญา บรูเนอร์ถือวา่ พฒั นาการทางความรู้ความเขา้ ใจ จะทาไดโ้ ดยผา่ นข้นั ตอน 3 ข้นั คือ การกระทา การ เกิดภาพในใจ และการใชส้ ญั ลกั ษณ์ ซ่ึงข้นั น้ีเปรียบไดก้ บั ข้นั ปฏิบตั ิการรูปธรรมของเพียเจตใ์ นการ สอนแบบคน้ พบดว้ ยตนเองของบรูเนอร์ นามาใชก้ บั ผเู้ รียนเพอื่ ให้เกิดการเรียนรู้ตามลาดบั ดงั น้ี 2.1 นาเสนอปัญหา 2.2 ใหผ้ เู้ รียนมีโอกาสทาความเขา้ ใจกบั ปัญหา 2.3 ใหผ้ เู้ รียนแกป้ ัญหาพร้อมกาหนดวสั ดุอุปกรณ์มาให้ 2.4 ใหผ้ เู้ รียนแสดงผลการแกป้ ัญหาดว้ ยตนเอง 2.5 อธิบายเพิม่ เติมโดยผเู้ รียนและผสู้ อนในเร่ืองท่ีเกี่ยวกบั การแกป้ ัญหา 2.6 สรุปผลท่ีไดจ้ ากการแกป้ ัญหา จากหลกั การสอนและข้นั พฒั นาการตา่ ง ๆ ของบรูเนอร์ จะมีประโยชน์ต่อครู วทิ ยาศาสตร์ในการจดั การเรียนการสอน คือ ครูควรจดั เน้ือหาวชิ าที่สอนแบ่งแยกออกเป็นส่วนยอ่ ย ๆ และจดั ลาดบั ใหเ้ หมาะสมกบั ผเู้ รียน การสอนตอ้ งคานึงถึงความพร้อมของผเู้ รียนและแรงจงู ใจ สอน ใหผ้ เู้ รียนเกิดการคน้ พบดว้ ยตนเอง โดยใหล้ งมือปฏิบตั ิกบั ของจริง การจดั กิจกรรมและประสบการณ์ การเรียนตอ้ งสร้างสิ่งแวดลอ้ มใหม่ท่ีทา้ ทายความคิดและการกระทา 17
3. ทฤษฎีการเรียนรู้อยา่ งมีความหมายของออซูเบล ออซูเบลกล่าวถึงการเรียนรู้วา่ จะเกิดข้ึน ไดถ้ า้ ในการเรียนรู้สิ่งใหม่น้นั ผเู้ รียนเคยมีพ้ืนฐานซ่ึงเชื่อมโยงเขา้ กบั ความรู้ใหมไ่ ด้ ออซูเบลได้ กาหนดการเรียนรู้เป็ น 2 มิติ คือ มิติท่ี 1 วธิ ีการเรียนรู้มี 2 แบบ คือ การเรียนรู้แบบรับรู้ไว้ ผสู้ อนบอก ใหห้ มด ผเู้ รียนไมต่ อ้ งคน้ ควา้ และการเรียนรู้แบบคน้ พบดว้ ยตนเอง ผเู้ รียนตอ้ งคน้ ควา้ สืบเสาะหา ความรู้ มิติท่ี 2 กระบวนการเรียนรู้ภายในของผเู้ รียนมี 2 แบบ คือ การเรียนรู้แบบท่องจา เม่ือเรียนรู้ แลว้ ทอ่ งจาไวเ้ พ่ือเป็ นประสบการณ์ของตนเองกบั การเรียนรู้อยา่ งมีความหมาย เม่ือเรียนรู้แลว้ สามารถเชื่อมโยงความรู้ใหม่ใหส้ ัมพนั ธ์กบั ความรู้เดิม การสอนโดยใชห้ ลกั การเรียนรู้อยา่ งมี ความหมายของออซูเบล มี 2 ลกั ษณะดงั น้ี 3.1 ก่อนจะสอนสิ่งใดใหม่ ตอ้ งสารวจความรู้ความเขา้ ใจของเดก็ เสียก่อนวา่ มี พอท่ีจะทาความเขา้ ใจเรื่องท่ีจะเรียนใหมห่ รือไม่ ถา้ ไม่มีจะตอ้ งจดั ให้ 3.2 ช่วยใหผ้ เู้ รียนจาส่ิงที่เรียนไปแลว้ ได้ โดยวธิ ีช่วยใหผ้ เู้ รียนมองเห็นความเหมือน และความแตกตา่ งของความรู้ใหม่และความรู้เดิม ตอ้ งใหผ้ เู้ รียนสามารถเช่ือมโยงความรู้ใหมเ่ ขา้ กบั ความรู้เดิมได้ เพ่ือช่วยใหเ้ กิดการเรียนรู้และการจาถึงแมว้ า่ ออซูเบลจะสนบั สนุนแบบอธิบายใหห้ มด แต่กย็ งั สนบั สนุนการเรียนการสอนแบบคน้ พบดว้ ย โดยมีความเห็นวา่ การเรียนแบบคน้ พบเหมาะ สาหรับเด็กที่มีอายรุ ะหวา่ ง 7-12 ปี ซ่ึงยงั อยใู่ นวยั ที่สามารถคิดแกป้ ัญหาหรือเหตุผลไดก้ บั สิ่งท่ีเป็น รูปธรรม ส่วนการสอนแบบอธิบายหมดน้นั เหมาะกบั เดก็ ที่มีอายเุ กินกวา่ 12 ปี ข้ึนไป ซ่ึงเป็นวยั ท่ี สามารถคิดหาเหตุผลในการแกป้ ัญหาไดก้ บั สิ่งที่เป็นนามธรรม จากหลกั การสอนและวธิ ีสอนการเรียนรู้อยา่ งมีความหมายของออซูเบล จะมีประโยชน์ ต่อครูวทิ ยาศาสตร์ในการจดั การเรียนการสอน คือ ก่อนที่ครูจะสอน ครูจะตอ้ งพยายามเรียบเรียงส่ิงท่ี ตอ้ งการจะใหผ้ เู้ รียนเรียนรู้ไวอ้ ยา่ งมีระเบียบแบบแผนเป็ นหมวดหมู่ และง่ายตอ่ การเขา้ ใจ ผเู้ รียน สามารถเชื่อมโยงความรู้ใหม่ใหเ้ ขา้ กบั ความรู้เดิมท่ีมีอยแู่ ลว้ ครูจะตอ้ งบอกให้ผเู้ รียนทราบถึง วตั ถุประสงคข์ องบทเรียน หรือเนน้ สิ่งท่ีตอ้ งการใหผ้ เู้ รียนเรียนรู้ แบง่ บทเรียนออกเป็ นข้นั ๆ เพอ่ื ผเู้ รียนจะไดเ้ ขา้ ใจได้ เมื่อสอนจบแตล่ ะข้นั ควรจะถามผเู้ รียน เพือ่ จะไดแ้ น่ใจวา่ ผเู้ รียนไดเ้ รียนรู้ดว้ ย ความเขา้ ใจก่อนท่ีจะเพ่ิมการสอนข้นั ต่อไป ผสู้ อนควรจะสรุปและทบทวนต้งั แต่ตน้ พร้อมกบั เนน้ ใจความสาคญั ของสิ่งที่เรียนรู้ใหม่ เพ่ือช่วยใหผ้ เู้ รียนเช่ือมโยงความรู้ใหมใ่ ห้เขา้ กบั ความรู้เดิม 4. ทฤษฎีการสอนของกาเย่ กาเยไ่ ดจ้ าแนกประเภทของการเรียนรู้ไว้ 8 ข้นั โดยที่ความรู้ใน ระดับที่สู งกว่าจะต้องอาศัยความรู้ในระดับท่ีต่ากว่า ลาดับข้ันท้ัง 8 ในการเรี ยนรู้มีดังน้ี ( Gagne' , 1970 ) 4.1 การเรียนรู้โดยสัญญาณ ( Signal learning ) 4.2 การเรียนรู้แบบตอบสนองต่อสิ่งเร้า ( Stimulus - response learning ) 18
4.3 การเรียนรู้แบบลูกโซ่ ( Chaining ) 4.4 การเรียนรู้โดยใชภ้ าษา ( Verbal association ) 4.5 การเรียนรู้โดยการจาแนก ( Discrimination learning ) 4.6 การเรียนรู้มโนมติ ( Concept learning ) 4.7 การเรียนรู้หลกั การ ( Principle learning ) 4.8 การเรียนรู้แบบแกป้ ัญหา ( Problem solving ) กาเย่ ได้เน้นบทบาทของครูในการจดั การเรียนการสอน เพื่อกระตุน้ ให้ผูเ้ รียนไดท้ า กิจกรรมต่าง ๆ และไดเ้ สนอแนวทางในการจดั ลาดบั ข้นั การสอนเป็น 9 ข้นั ดงั ต่อไปน้ี คือ 1.การเรียกความสนใจ เป็นการเร้าความสนใจเพอื่ นาเขา้ สู่บทเรียน เพ่ือใหผ้ เู้ รียนพร้อม ท่ีจะเรียน โดยใชส้ ิ่งเร้า เช่น รูปภาพ ภาพยนตร์ การใชค้ าถาม การสาธิต 2.การบอกให้ผูเ้ รียนทราบจุดประสงค์การสอน เพื่อให้ผูเ้ รียนทราบจุดประสงค์ ปลายทางของการเรียนการสอน และเป็ นแนวทางนาไปสู่จุดประสงคน์ ้นั อาจทาไดโ้ ดยตรงหรือโดย ใชค้ าถามก็ได้ 3.การกระตุน้ ให้ผเู้ รียนระลึกถึงความรู้เดิมที่ตอ้ งมีก่อน อาจใชค้ าถาม หรือบรรยายให้ ผเู้ รียนนาความรู้เดิมน้นั ไปเช่ือมโยงกบั ความรู้ใหม่ มีความพร้อมท่ีจะเรียนตอ่ ไป 4.การเสนอสิ่งเร้า ส่ิงเร้าที่ใช้ประกอบการสอนได้แก่ วสั ดุอุปกรณ์และสื่อการสอน อื่นๆ 5.การช้ีแนะการเรียนรู้ อาจใช้คาถามไปสู่การเรียนรู้ การแนะนาการใชอ้ ุปกรณ์และ เคร่ืองมือต่างๆ 6.จดั ให้ผเู้ รียนไดแ้ สดงพฤติกรรม ผเู้ รียนลงมือทากิจกรรม ปฏิบตั ิการทดลอง ผสู้ อน คอยใหค้ วามสะดวก จดั เตรียมเครื่องมือใหพ้ ร้อมสาหรับการปฏิบตั ิการ 7.การใหข้ อ้ มูลป้ อนกลบั เกี่ยวกบั ผลการทากิจกรรม เป็ นการให้ขอ้ มูลใหผ้ เู้ รียนทราบ ว่าการทากิจกรรมหรือปฏิบตั ิการทดลองไดถ้ ูกตอ้ งดีหรือตอ้ งแกไ้ ขเปล่ียนแปลง เพ่ือให้ผูเ้ รียนได้ เรียนรู้ตามจุดประสงคท์ ่ีกาหนดไว้ 8.การวดั ผลการเรียน อาจทาได้โดยการใช้คาถาม ให้ทาแบบฝึ กหัด หรือการทา แบบทดสอบ วดั ไดใ้ นขณะเรียนและเม่ือสิ้นสุดการเรียนเพอ่ื ใชใ้ นการปรับปรุงแกไ้ ขได้ 9.การทาใหผ้ เู้ รียนคงการเรียนรู้ และถ่ายโยงการเรียนรู้ เป็ นการใหผ้ เู้ รียนไดฝ้ ึกปฏิบตั ิ ซ้าๆกนั เพื่อใหม้ ีความคงทนของความรู้ มีการทบทวนและนาความรู้ไปใชใ้ นสถานการณ์ใหม่เพ่ือฝึ ก การถ่ายโยงการเรียนรู้ 19
จากท่ีนกั การศึกษาไดก้ ล่าวมาน้นั สรุปไดว้ า่ ในการจดั การเรียนการสอน วทิ ยาศาสตร์ท่ีจะใหไ้ ดผ้ ลดีน้นั ครูผสู้ อนตอ้ งสอนใหไ้ ดท้ ้งั เน้ือหาและกระบวนการ โดยการจดั สภาพการณ์ของการเรียนรู้ที่เหมาะสม เพอื่ ใหผ้ เู้ รียนเรียนรู้ไดอ้ ยา่ งมีความหมาย ผเู้ รียนตอ้ งกระทาให้ บรรลุตามวตั ถุประสงค์ ซ่ึงตอ้ งเรียงลาดบั ตามความต่อเนื่องของเน้ือหาและพฤติกรรม ครูผสู้ อนตอ้ ง เขา้ ใจลกั ษณะของความรู้แต่ละประเภท เขา้ ใจความสามารถของผเู้ รียน เพอ่ื จดั สภาพแวดลอ้ มและ ลกั ษณะของกิจกรรมการเรียนรู้ใหเ้ หมาะสมกบั ผเู้ รียน เป็ นการเพม่ิ พนู พฒั นาการทางสติปัญญาของ ผเู้ รียน และผเู้ รียนสามารถนาส่ิงที่เรียนรู้เช่ือมโยงกบั ความรู้หรือประสบการณ์เดิม 4. แนวคดิ และการสร้างชุดการสอน 4.1 ความหมายของชุดการสอน จากการศึกษาคน้ ควา้ ไดม้ ีนกั การศึกษา ใหค้ วามหมายของชุดการสอนไวห้ ลายแนวคิด ดว้ ยกนั ดงั น้ี กรองกาญจน์ อรุณรัตน์ ( 2536 , หนา้ 193-194 ) ไดใ้ หค้ วามหมายของชุดการสอนไวว้ า่ เป็น ชุดของสื่อประสม (multi-media )ท่ีสอดคลอ้ งกบั เน้ือหาวิชาและประสบการณ์ในการเรียนของแต่ละ หน่วย โดยนาวธิ ีการจดั ระบบมาใช้ ท้งั น้ีเพือ่ ช่วยในการเปล่ียนพฤติกรรมการเรียนรู้ของผเู้ รียนให้ บรรลุผลตามจุดมุง่ หมายท่ีวางไว้ และช่วยใหก้ ารสอนของครูดาเนินไปโดยสะดวกและมี ประสิทธิภาพ เพญ็ ศรี สร้อยเพชร ( 2542 , หนา้ 3 ) ไดใ้ หค้ วามหมายของชุดการเรียนการสอนไวว้ า่ เป็น ระบบการผลิตและการนาสื่อประสมท่ีสอดคลอ้ งกบั วชิ า หน่วยการเรียนรู้ การสอนและหวั เร่ืองมา ช่วยในการเปลี่ยนพฤติกรรมการเรียนรู้ของผเู้ รียนใหบ้ รรลุจุดมุง่ หมายอยา่ งมีประสิทธิภาพยงิ่ ข้ึน ส่วนใหญน่ ิยมจดั ไวใ้ นซองหรือกล่อง แบง่ เป็นหมวดหมใู่ หผ้ ใู้ ชส้ ามารถหยบิ ฉวยนาไปใชไ้ ด้ โดยสะดวกและจะตอ้ งมีคู่มือการใชช้ ุดดงั กล่าวควบคูก่ นั เพ่ือเป็นแนวทางในการใชช้ ุดการเรียน การสอน บุญเก้ือ ควรหาเวช ( 2542 , หนา้ 543 ) ไดใ้ หค้ วามหมายของชุดการเรียนการสอนไวว้ า่ เป็น สื่อการสอนที่เป็นชุดของส่ือผสม ( Multi-media ) ท่ีจดั ข้ึนสาหรับหน่วยการเรียนตามหวั ขอ้ เน้ือหา และประสบการณ์ของแต่ละหน่วยที่ตอ้ งการใหผ้ เู้ รียนไดร้ ับโดยจดั ไวเ้ ป็ นชุด ๆ บรรจุในซอง กล่อง หรือกระเป๋ า แลว้ แต่ผสู้ ร้างจะทาข้ึน นิภาวรรณ์ เจริญวยั ( 2551 ,หนา้ 8 ) ไดใ้ หค้ วามหมายของชุดการเรียนการสอนไวว้ า่ เป็ นการ นาส่ือประสมที่สอดคลอ้ งกบั เน้ือหามาช่วยในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการเรียนรู้ของผเู้ รียน เพอ่ื ใหบ้ รรลุจุดมุง่ หมายที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล 20
สใบทิพย์ แสนสุทรวจิ ิตร ( 2551 , หนา้ 12 ) ไดใ้ หค้ วามหมายของชุดการเรียนการสอนไวว้ า่ เป็นรูปแบบของการส่ือสารระหวา่ ง ครูกบั ผเู้ รียนในลกั ษณะของชุด วสั ดุ ชุดอุปกรณ์ อาจจะประกอบ ไปดว้ ยภาพยนตร์สไลด์ เทปบนั ทึกเสียง หรือสื่ออ่ืน ๆ บางคร้ังอาจจะประกอบดว้ ยเอกสารเพียงอยา่ ง เดียว เป็นการจดั ระบบส่ือในรูปของส่ือประสมใหส้ อดคลอ้ งกบั เน้ือหาวชิ าและวตั ถุประสงคเ์ พอื่ ให้ ผเู้ รียนมีโอกาสเรียนรู้ไดต้ ามความสามารถ และความสนใจของตนเองใหบ้ รรลุวตั ถุประสงคไ์ ดอ้ ยา่ ง มีประสิทธิภาพ เนรมิต โลภาพ ( 2552 , หนา้ 12 ) ไดใ้ หค้ วามหมายของชุดการสอนไวว้ า่ เป็นนวตั กรรมทาง การศึกษาชนิดหน่ึง ซ่ึงจดั ไวอ้ ยา่ งเป็นระบบโดยใชส้ ื่อประสม (Multi Media) ในการจดั กิจกรรม เพอ่ื ใหผ้ เู้ รียนเกิดการเรียนรู้ดว้ ยตนเองและมีประสบการณ์อยา่ งมีประสิทธิภาพ สุดา ธนพิบลู กลุ ( 2552 , หนา้ 44 ) ไดใ้ หค้ วามหมายของชุดการเรียนการสอนไวว้ า่ เป็ นส่ือ การเรียนท่ีถูกผลิตข้ึนอยา่ งมีระบบ มีข้นั ตอน ผสมผสานโดยยดึ ความสมั พนั ธ์กนั ของจุดมุ่งหมายการ เรียนรู้ เน้ือหากลุ่มวชิ า เทคนิคการสอนที่เหมาะสมกบั ผเู้ รียน ใหผ้ เู้ รียนมีปฏิสมั พนั ธ์กนั ในขณะ ดาเนินกิจกรรมการเรียน โดยมีครูเป็นผคู้ อยแนะนาใหค้ วามช่วยเหลือ ชุดการสอนเป็นสื่อประสมที่ จดั ทาข้ึนโดยยดึ ความสนใจของผเู้ รียน ช่วยอานวยความสะดวกแก่การเรียนการสอน และสนบั สนุน ใหก้ ารเรียนการสอนเป็นไปอยา่ งมีประสิทธิภาพ จากความหมายท่ีนกั การศึกษาและนกั เทคโนโลยที างการศึกษาไดก้ ล่าวมาแลว้ น้นั พอสรุป ไดว้ า่ ชุดการสอน คือ ชุดส่ือประสมซ่ึงผลิตข้ึนมาอยา่ งมีระบบ ใหม้ ีความสอดคลอ้ งกบั เน้ือหาวชิ า และวตั ถุประสงค์ โดยจดั ไวเ้ ป็นชุด ๆ บรรจุในซอง กล่อง หรือกระเป๋ า มีความสมบรู ณ์เบด็ เสร็จใน ตวั เอง นาไปใชไ้ ดส้ ะดวก เพ่อื ช่วยในการเปล่ียนพฤติกรรมการเรียนรู้ของผเู้ รียนใหบ้ รรลุจุดมุง่ หมาย อยา่ งมีประสิทธิภาพยงิ่ ข้ึน 4.2 ประเภทของชุดการสอน ชุดการสอนมีหลายประเภท แตล่ ะประเภทมีลกั ษณะการสร้างและการนาไปใชแ้ ตกต่างกนั ออกไป การนาชุดการสอนมาใชจ้ ะตอ้ งใหเ้ หมาะสมกบั ประเภทของชุดการสอน เพื่อใหช้ ุดการสอน น้นั เกิดประสิทธิภาพสูงสุด นกั การศึกษาไดแ้ บ่งประเภทของชุดการสอนไวด้ งั ต่อไปน้ี ชยั ยงค์ พรหมวงศ์ ( 2526 , หนา้ 118 ) ไดก้ ล่าวไวว้ า่ ชุดการสอนมี 3 ประเภทใหญ่ๆ คือ 1. ชุดการสอนประกอบคาบรรยาย เป็นชุดการสอนที่มุ่งขยายเน้ือหาสาระการสอน แบบบรรยายใหช้ ดั เจนข้ึน ช่วยผสู้ อนใหพ้ ดู นอ้ ยลง และใชส้ ่ือการสอนทาหนา้ ที่แทน 2. ชุดการสอนแบบกลุ่มกิจกรรม เป็นชุดการสอนที่มุง่ ใหผ้ เู้ รียนไดป้ ระกอบ กิจกรรมกลุ่ม เช่น การสอนแบบศูนยก์ ารเรียน กลุ่มสัมพนั ธ์ เป็นตน้ 21
3. ชุดการสอนตามเอกตั ภาพหรือชุดการสอนรายบุคคล เป็ นชุดการสอนท่ีมุง่ ให้ ผเู้ รียนสามารถศึกษาหาความรู้ไดด้ ว้ ยตนเองเพื่อขจดั ความแตกต่างระหวา่ งบุคคล อาจเป็นการเรียน ในโรงเรียนหรือท่ีบา้ นก็ได้ เพือ่ ใหผ้ เู้ รียนกา้ วหนา้ ไปตามความสามารถ ความสนใจ ความพร้อมของ ผเู้ รียนแตล่ ะคน ธีระชยั ปรู ณโชติ (2532 , หนา้ 4-19) ไดก้ ล่าวไวว้ า่ ชุดการสอนแบง่ ออกเป็น 3 ประเภท ดงั น้ี 1. ชุดการสอนประกอบการบรรยาย เป็นชุดการสอนที่ผลิตข้ึนสาหรับครูใช้ ประกอบการบรรยาย มุ่งนาเสนอเน้ือหา ประกอบดว้ ยส่ือการสอนมากมายหลายชนิด เช่น แผน่ โปร่งใส และอ่ืนๆ ชุดการสอนแบบน้ีเหมาะสาหรับการสอนเป็ นกลุ่มใหญ่ 2. ชุดการสอนสาหรับกิจกรรมกลุ่มหรือศนู ยก์ ารเรียน เป็นชุดการสอนที่ผลิตข้ึน สาหรับผเู้ รียนเป็นกลุ่มยอ่ ย มุ่งใหผ้ เู้ รียนเป็นศนู ยก์ ลางของการเรียนรู้โดยการจดั แบ่งผเู้ รียนออกเป็ น กลุ่มๆ อาจใชส้ าหรับศนู ยก์ ารเรียนก็ได้ โดยในแต่ละศนู ยจ์ ดั ใหม้ ีชุดการเรียนครบตามจานวนผเู้ รียน ในแตล่ ะศนู ยก์ ิจกรรมน้นั ให้ผเู้ รียนหมุนเวยี นทากิจกรรมในชุดการสอนที่จดั ไวป้ ระจาแตล่ ะกลุ่ม หรือศูนยต์ า่ งๆ จนครบทุกศูนย์ 3. ชุดการสอนรายบุคคลเป็นชุดการสอนท่ีมุ่งผเู้ รียนเป็นหลกั ในการเรียนรู้โดยให้ ผเู้ รียนแต่ละคนเรียนรู้ดว้ ยตนเองจากสื่อต่างๆ ในชุดการสอนแบบรายบุคคลน้ี ตามความสามารถของ ผเู้ รียนแตล่ ะคน และประเมินความกา้ วหนา้ ของตนเอง กรองกาญจน์ อรุณรัตน์ ( 2536 , หนา้ 194 ) ไดแ้ บง่ ชุดการสอนไดเ้ ป็น 2 ลกั ษณะ ดงั น้ี 1. ชุดการสอนประกอบการบรรยาย ใชส้ าหรับช่วยครูสอนผเู้ รียนกลุ่มใหญ่ เป็ นการ ใหเ้ น้ือหาและประสบการณ์ที่ผสู้ อนตอ้ งการวางพ้ืนฐานใหผ้ เู้ รียนไดร้ ับพร้อมกนั โดยเปิ ดโอกาสให้ ผเู้ รียนไดเ้ ขา้ ร่วมกิจกรรมการเรียนบา้ ง 2. ชุดการสอนแบบกลุ่ม ใชใ้ นการประกอบกิจกรรมการเรียนของผเู้ รียนเป็ นกลุ่ม ในชุดการสอนมีส่ือไวใ้ หส้ มาชิกแต่ละคนประกอบกิจกรรมตามคาสงั่ ในศูนยก์ ิจกรรมตา่ ง ๆ โดยเฉพาะในห้องเรียนที่ใชช้ ุดการสอนแบบกลุ่ม คือ หอ้ งเรียนแบบศูนยก์ ารเรียน จากแนวคิดดงั กล่าว พอสรุปไดว้ า่ ชุดการสอนแบง่ ออกเป็ น 3 ประเภท คือ 1. ชุดการสอนประกอบคาบรรยาย เป็นชุดการสอนประกอบคาบรรยายของ ครูผสู้ อนส่วนมากใชส้ อนผเู้ รียนในกลุ่มใหญ่ 2. ชุดการสอนแบบกิจกรรมกลุ่ม เป็นชุดการสอนที่จดั กิจกรรมใหผ้ เู้ รียนไดป้ ฏิบตั ิ กิจกรรมร่วมกนั เป็ นกลุ่มตามลาดบั ซ่ึงประกอบดว้ ยคาช้ีแจง คาส่งั และลาดบั ข้นั ของกิจกรรมที่ กาหนดไวใ้ นชุดการสอน เพื่อใหผ้ เู้ รียนไดท้ างานร่วมกนั ช่วยเหลือซ่ึงกนั และกนั 22
3. ชุดการสอนรายบุคคล เป็นชุดการสอนที่มุ่งใหผ้ เู้ รียนไดศ้ ึกษาดว้ ยตนเองตาม ความสามารถ ความสนใจของตน ซ่ึงประกอบดว้ ยจุดประสงค์ เน้ือหา กิจกรรม การเรียนการสอน และการประเมินผล เพื่อใหผ้ เู้ รียนทราบความกา้ วหนา้ ของตนเอง 4.3 องค์ประกอบของชุดการสอน ชุดการสอน ถือเป็นอุปกรณ์ท่ีสามารถพฒั นาการเรียนการสอนของครูใหม้ ีประสิทธิภาพดีข้ึน ชุดการสอนที่ดีจะตอ้ งมีองคป์ ระกอบท่ีแตกตา่ งกนั ไป ถา้ ขาดองคป์ ระกอบใดองคป์ ระกอบหน่ึง อาจจะมีผลต่อการพฒั นาการเรียนการสอน กรองกาญจน์ อรุณรัตน์, 2536, หนา้ 195- 202 ไดก้ ล่าวถึง ภายในชุดการสอนจะประกอบดว้ ย ส่วนสาคญั ตา่ ง ดงั น้ี 1. หลกั การและเหตุผล ( Rationale ) หลกั การและเหตุผลจะอธิบายถึงจุดมุ่งหมายของชุดการสอนและความสาคญั ของ กระบวนการท่ีนกั เรียนศึกษา โดยจะเป็นการดาเนินการในเร่ืองของความตอ่ เนื่องระหวา่ ง ประสบการณ์ในการเรียนที่มีมาก่อนกบั กรอบการทางานสาหรับประสบการณ์ตอ่ มาของนกั เรียนใน หลกั การและเหตุผลควรจะบอกใหผ้ เู้ รียนไดท้ ราบวา่ อะไรคือสิ่งท่ีนกั เรียนกาลงั จะเรียนตอ่ ไปและ ทาไมเขาจึงควรจะเรียน 2. รายละเอยี ดของเนือ้ หา ( Content Description ) รายละเอียดของเน้ือหาวชิ าจะช้ีใหเ้ ห็นถึงระดบั และความซบั ซอ้ นของเน้ือหาวชิ า และบอกใหท้ ราบถึงความคิดรวบยอด ทกั ษะ หรือคุณค่า ที่ผเู้ รียนพึงจะสามารถแสดงออกมาภายหลงั จากที่เรียนจากชุดการสอนจบแลว้ นอกจากน้ีในรายละเอียดของเน้ือหาวชิ ายงั รวมไปถึงขอบข่ายท่ี สาคญั ๆ ของเน้ือหาวชิ าซ่ึงจะถูกกาหนดข้ึนโดยมีเน้ือหายอ่ ยๆ เดินตามขอบขา่ ยสาคญั ของเน้ือหาวชิ า น้ีดว้ ย ซ่ึงตามปกติแลว้ ชุดการสอนส่วนใหญจ่ ะถูกออกแบบข้ึนมาสาหรับความคิดรวบยอดเพียงหน่ึง ความคิดรวบยอด หรือความคิดรวบยอดเลก็ ๆ หลายๆ ความคิดรวบยอด 3. วตั ถุประสงค์เชิงพฤติกรรม ( Behavioral Objectives ) วตั ถุประสงคใ์ นชุดการสอนจะตอ้ งกาหนดออกมาในรูปของวตั ถุประสงคเ์ ชิง พฤติกรรม ซ่ึงจะตอ้ งระบุวา่ ตอ้ งการใหน้ กั เรียนเกิดพฤติกรรมอะไรข้ึน โดยจะตอ้ งเป็ นพฤติกรรมท่ี สามารถวดั และสงั เกตเห็นได้ ซ่ึงการกาหนดวตั ถุประสงคเ์ ชิงพฤติกรรมน้ีจะช่วยครูผสู้ อนในการ เลือกใชแ้ ละการผลิตสื่อการสอน การจดั กิจกรรมการเรียนการสอน ตลอดจนการประเมินผลการเรียน การสอนและตวั นกั เรียนดว้ ย นอกจากน้ียงั จะทาใหน้ กั เรียนทราบหลงั จากที่เรียนจบแลว้ เขาจะเกิดการ เปลี่ยนแปลงไปในทางใด 23
4. กจิ กรรมการเรียนที่เป็ นทางเลอื ก ( Alternative Learning Activities ) กิจกรรมการเรียนที่จดั ใหผ้ เู้ รียนควรจะสอดคลอ้ งกบั นกั เรียนแต่ละคน โดยเฉพาะ อยา่ งยงิ่ กิจกรรมการเรียนในชุดการเรียนน้นั จะตอ้ งเปิ ดโอกาสใหผ้ เู้ รียนเลือกกิจกรรมที่เหมาะสม ท่ีสุดกบั รูปแบบการเรียน (Learning Style) ของผเู้ รียน นอกจากน้ีกิจกรรมทางเลือกที่จดั ข้ึนน้นั ควร เปิ ดโอกาสใหน้ กั เรียนไดเ้ ลือกวธิ ีการที่แตกต่างกนั ไป ท้งั น้ีเพอ่ื ท่ีนกั เรียนไดบ้ รรลุผลสาเร็จตาม วตั ถุประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม กิจกรรมการเรียนอาจจะประกอบไปดว้ ย การเขียน การอา่ น การดู การฟัง การอภิปราย การเขา้ มามีส่วนร่วม หรือการทาแบบฝึกหดั ใดๆกต็ าม ที่มีความสัมพนั ธ์กบั การ บรรลุผลสาเร็จในการเรียนตามท่ีวตั ถุประสงคข์ องชุดตอ้ งการ 5. ทางเลอื กทผ่ี ้เู รียนขอหรือกจิ กรรมทางด้านทศั นคติ ( Optional Quest or Attitudinal Activities ) ในชุดโดยเฉพาะในชุดการเรียนจะประกอบดว้ ยทางเลือกท่ีนกั เรียนขอหรือกิจกรรม ทางดา้ นทศั นคติ ท้งั น้ีเพ่ือช่วยใหน้ กั เรียนสามารถท่ีจะศึกษาไดล้ ึกและละเอียดภายใตข้ อบเขต โครงสร้างของกิจกรรมการเรียน นอกจากน้ีกิจกรรมทางเลือกจะช่วยทาใหป้ ระสบการณ์การเรียน ภายในชุดมีลกั ษณะพฒั นาและสร้างสรรคไ์ ดด้ ีเทา่ ๆ กบั แบบฝึกหดั การเรียนรู้ท่ีเนน้ พฤติกรรมการ แสดงออก ( performance-oriented learning exercise ) 6. เครื่องมอื การประเมินผลก่อนเรียน การประเมินผลตนเอง และการประเมนิ ผล หลงั เรียน ( Pre-Evaluation, Self-Evaluation, Post-Evaluation Instruments ) ในการท่ีจะบอกถึงความกา้ วหนา้ ของผเู้ รียน และผเู้ รียนสามารถบรรลุผลตามท่ี วตั ถุประสงคส์ ุดทา้ ยกาหนดไดน้ ้นั จะมีเคร่ืองมือที่ใชใ้ นการประเมินผลอยู่ 3 ประเภทที่มีอยภู่ ายใน ชุดคือ 1) แบบทดสอบก่อนเรียน (Pre-test) ใชท้ ดสอบเพือ่ ท่ีจะดูวา่ มีวสั ดุ เน้ือหา หรือ วตั ถุประสงคข์ อ้ ใด ที่นกั เรียนเขาทราบมาก่อนแลว้ และมีเน้ือหาใดที่นกั เรียนเขายงั ไม่ทราบ 2) แบบทดสอบตนเอง (Self-test) ใชป้ ระเมินนกั เรียนในระหวา่ งที่นกั เรียนกาลงั ทา กิจกรรมการเรียน 3) แบบทดสอบหลงั เรียน (Post-test) เพ่ือวดั วา่ นกั เรียนมีความสามารถเฉพาะตามที่ วตั ถุประสงคข์ องชุดกาหนดไวห้ รือไม่ 7. คู่มือครู ( Teachers’ Guide ) คู่มือครูพฒั นาข้ึนมาตามชุดการสอนท้งั น้ีเพื่อท่ีจะให้ขอ้ มูลเพ่ิมเติม โดยเป็ นขอ้ มูลที่ สัมพันธ์กับเน้ือหาและข้อมูลเก่ียวกับการใช้ชุด ภายในคู่มือครูของชุดการสอนโดยมากมักจะ ประกอบดว้ ย ส่วนสาคญั ต่างๆ ดงั น้ี 24
1) คานา 2) วตั ถุประสงค์ 3) พ้ืนฐานความรู้เดิม 4) เน้ือหา 5) ส่วนประกอบของชุด 6) คาช้ีแจงสาหรับครูในการใชช้ ุดการสอน 7) สิ่งที่ครูหรือนกั เรียนตอ้ งเตรียม 8) บทบาทของครูและนกั เรียน 9) การจดั ช้นั เรียน 10) แผนการสอน 11) เน้ือหาสาระ 12) แบบฝึกปฏิบตั ิ 13) แบบทดสอบก่อนเรียนและหลงั เรียน (พร้อมคาเฉลย) 4.4 ข้ันตอนการสร้างชุดการสอน Dick and Carey ( ค.ศ. 1985 อา้ งในกรองกาญจน์ อรุณรัตน์, 2536, หนา้ 84 - 153 ) ไดเ้ สนอ รูปแบบของระบบการเรียนการสอนข้ึนมา โดยระบบดงั กล่าวจะพูดถึง การออกแบบ การพฒั นา การ นาไปใช้ ตลอดจนการประเมินผลการเรียนการสอน ซ่ึงองค์ประกอบภายในระบบท้งั หมดจะทางาน ร่วมกนั เพื่อใหผ้ ใู้ ชส้ ามารถผลิตหรือทาให้การเรียนการสอนดาเนินไปอยา่ งมีประสิทธิผล ซ่ึงรูปแบบ ของระบบท่ี Dick and Carry คิดข้ึนมาน้นั ประกอบดว้ ยข้นั ตอนท้งั หมด 10 ข้นั คือ 25
วเิ คราะห์ การปรับปรุงการสอน การเรียน การสอน กาหนด เขียน พฒั นา พฒั นา พฒั นา ประเมิน เป้ าหมาย จุดมงุ่ หมายเชิง ขอ้ สอบ ยทุ ธวธิ ี วสั ดุ เพื่อการ การเรียน อิงเกณฑ์ การสอน การเรียน ปรับปรุง พฤติกรรม การสอน กาหนด ประเมิน พฤติกรรม ระบบ ก่อนเรียน การสอน แผนภูมิ 2 แสดงรูปแบบของระบบการเรียนการสอนของดิคส์และแคร่ี ( Dick and Carey ) ( ท่ีมา : กรองกาญจน์ อรุณรัตน์ , 2536 หนา้ 87 ) 1. การกาหนดเป้ าหมายของการสอน ( Identify Instructional Goals ) เป็นการกาหนดความ มุง่ หมายการสอน ซ่ึงตอ้ งพฒั นาใหส้ อดคลอ้ งกบั ความมุง่ หมายทางการศึกษา วเิ คราะห์ความจาเป็น (Needs Analysis) และวเิ คราะห์ผเู้ รียน ในการกาหนดเป้ าหมายของการเรียนการสอนน้นั กเ็ พือ่ ที่ 1.1 พจิ ารณาวา่ ผเู้ รียนมีความตอ้ งการการเรียนการสอนอยา่ งแทจ้ ริงในเน้ือหาน้นั ๆ หรือไม่ ซ่ึงในกระบวนการออกแบบการเรียนการสอน เราจะเนน้ ท่ีผเู้ รียน 1.2 พจิ ารณาถึงความชานาญของเราในขอบเขตของเน้ือหาที่เรากาหนด โดยผอู้ อกแบบ ระบบการเรียนการสอนตอ้ งทางานร่วมกบั ผเู้ ช่ียวชาญทางดา้ นเน้ือหา ผเู้ ชี่ยวชาญทางดา้ นสื่อการสอน และผเู้ ชี่ยวชาญทางดา้ นการออกแบบระบบการเรียนการสอน 1.3 เม่ือกาหนดเป้ าหมายของการเรียนการสอนแลว้ เป้ าหมายดงั กล่าวจะตอ้ งสัมพนั ธ์ กบั เน้ือหา 2. ดาเนินการวเิ คราะห์การเรียนการสอน ( Conduct Instructional Analysis ) เป็นการ วเิ คราะห์ภารกิจ หรือวเิ คราะห์ข้นั ตอนการดาเนินการสอน ผลการวเิ คราะห์การสอนที่ได้ จะเป็นการ จดั หมวดหมู่ของภารกิจ (Task Classification) ตามลกั ษณะของจุดมุง่ หมายการสอน ในการวเิ คราะห์ การเรียนการสอนจะประกอบดว้ ยข้นั 2 ข้นั คือ 26
2.1 แยกเป้ าหมายการเรียนการสอนออกมาเป็น domain การเรียนรู้ 2.2 ช้ีและกาหนดลาดบั ข้นั ตอนท่ีสาคญั ที่ตอ้ งการใหแ้ สดงออกมาตามท่ีเป้ าหมาย กาหนด หลงั จากที่แยกเป้ าหมายการเรียนการสอนออกเป็นข้นั ตอน จากน้นั ก็มาพิจารณาทกั ษะ ยอ่ ย ( Subordinate skill ) ซ่ึงทกั ษะยอ่ ยน้ีกค็ ือทกั ษะท่ีผเู้ รียนจะตอ้ งเรียนเพอ่ื ท่ีจะสามารถแสดง พฤติกรรมตามที่เป้ าหมายการเรียนการสอนกาหนดไวไ้ ดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ สาหรับกระบวนการท่ี ใชใ้ นการวเิ คราะห์ทกั ษะยอ่ ยมี ดงั ต่อไปน้ีคือ 2.2.1 วธิ ีการแบบลาดบั ( Hierarchical Approach ) จะนามาใชส้ าหรับ การวเิ คราะห์เป้ าหมายที่จดั อยใู่ นประเภท Intellectual skills 2.2.2 การวเิ คราะห์แบบกระบวนการ ( Procedural Analysis ) จะ นามาใชส้ าหรับการวิเคราะห์เป้ าหมายทางดา้ นทกั ษะ ( Psychomotor goal ) 2.2.3 การวเิ คราะห์แบบกลุ่ม ( Cluster Analysis ) 3. กาหนดพฤติกรรมก่อนเรียนและลกั ษณะผ้เู รียน ( Identify Entry Behaviors, Characteristics ) การศึกษาพฤติกรรมเบ้ืองตน้ และคุณลกั ษณะของผเู้ รียน (Identify Entry Behaviors) วา่ เป็นผเู้ รียนระดบั ใด มีพ้ืนความรู้มากนอ้ ยเพียงใด ก่อนที่จะเริ่มการเรียนการสอน โดย ไม่ใช่เพยี งแต่การจดรายการของสิ่งที่ผเู้ รียนทราบหรือสามารถทาไดเ้ ทา่ น้นั แต่เป็นการกาหนดลงไป วา่ ผเู้ รียนจะตอ้ งทาอะไรไดบ้ า้ งก่อนจะเร่ิมการเรียนการสอน นอกจากจะกาหนดพฤติกรรมก่อนการ เรียนของผเู้ รียนแลว้ กย็ งั จะสามารถกาหนดลกั ษณะของผเู้ รียนรวมเขา้ เป็ นพฤติกรรมก่อนการเรียนท่ี ผเู้ รียนควรจะมีก่อนท่ีจะเร่ิมเรียน 4. เขยี นวตั ถุประสงค์เชิงพฤติกรรม ( Writing Performance Objectives ) เม่ือเราพดู ถึง วตั ถุประสงคเ์ ชิงพฤติกรรมแลว้ เราจะหมายถึง การอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกบั ส่ิงที่ผเู้ รียนสามารถจะ กระทาไดเ้ ม่ือเขาเรียนจบหน่วยการเรียนการสอนน้นั แลว้ สาหรับวตั ถุประสงคเ์ ชิงพฤติกรรมจะไดม้ าจากการวเิ คราะห์การเรียนการสอน โดยอยา่ งนอ้ ย น้นั วตั ถุประสงคเ์ พียงหน่ึงวตั ถุประสงคห์ รือมากกวา่ น้นั สามารถที่จะนามาเขียนสาหรับทกั ษะแต่ละ ทกั ษะท่ีกาหนดในการวเิ คราะห์การเรียนการสอนดว้ ย ซ่ึงอาจจะรวมไปถึงทกั ษะที่กาหนดในลกั ษณะ ของพฤติกรรมก่อนการเรียน ( entry behaviors ) โดยเหตุผลท่ีสาคญั มากในการท่ีจะตอ้ งมีวตั ถุประสงค์ สาหรับพฤติกรรมก่อนการเรียนก็คือ วตั ถุประสงคเ์ ป็ นพ้นื ฐานสาหรับการพฒั นาขอ้ สอบ ท้งั น้ี ขอ้ สอบควรจะตอ้ งเขียนเพื่อประเมินทกั ษะอนั เป็นพฤติกรรมก่อนการเรียนท่ีกาหนดไวใ้ น วตั ถุประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม 27
ในการเขียนวตั ถุประสงคน์ ้นั จะประกอบดว้ ยองคป์ ระกอบท่ีสาคญั ๆ 3 องคป์ ระกอบดว้ ยกนั คือ 4.1 ทกั ษะหรือพฤติกรรม ( Skill or behavior ) ท่ีถูกกาหนดในการวเิ คราะห์ การเรียนการสอน โดยจุดประสงคต์ อ้ งบอกถึงส่ิงที่ผเู้ รียนสามารถทาได้ 4.2 เง่ือนไข ( Condition ) ซ่ึงกค็ ือเง่ือนไขที่จะทาใหผ้ เู้ รียนเกิดพฤติกรรมดงั กล่าว 4.3 เกณฑ์ ( Criteria ) ซ่ึงเกณฑน์ ้ีจะใชป้ ระเมินพฤติกรรมการแสดงออกของ ผเู้ รียนตามท่ีจุดประสงคก์ าหนด โดยเกณฑท์ ี่กาหนดข้ึนน้ีมกั จะกาหนดในรูปของวงจากดั หรือ ขอบเขตของการตอบคาถามของผเู้ รียน 5. พฒั นาข้อสอบองิ เกณฑ์ ( Develop Criterion – Referenced Test Items ) เป็นการ สร้างแบบทดสอบแบบอิงเกณฑ์ เพ่อื ประเมินการเรียนการสอน ดงั น้ี 5.1 ทดสอบและประเมินผลความกา้ วหนา้ ของผเู้ รียน 5.2 เสนอขอ้ มลู เกี่ยวกบั ประสิทธิผลของการเรียนการสอน ขอ้ สอบแบบอิงเกณฑท์ ่ีครูผสู้ อนใชจ้ ะมีอยู่ 4 ประเภทดว้ ยกนั คือ 1. Entry behavior test เป็นแบบทดสอบท่ีใชว้ ดั ทกั ษะของผเู้ รียนท่ีจะตอ้ งมี ก่อนท่ีจะเรียน 2. Pretest เป็นแบบทดสอบท่ีวดั ทกั ษะตา่ ง ๆ ท่ีครูจะทาการสอน 3. Embedded test แบบทดสอบประเภทน้ีใชเ้ พ่ือวตั ถุประสงค์ 2 ประการ คือ ประการแรกใชท้ ดสอบผเู้ รียนภายหลงั จากท่ีมีการเรียนการสอนในวตั ถุประสงคน์ ้นั และก่อนท่ีจะไป ทาแบบทดสอบหลงั เรียน ประการท่ีสองใชป้ ระกอบการสนบั สนุนการเรียนการสอนในข้นั สุดทา้ ย 4. Posttest เป็นแบบทดสอบหลงั เรียน โดยแบบทดสอบดงั กล่าวน้ีจะประเมิน จุดประสงคท์ ุกขอ้ และโดยเฉพาะจะเนน้ ท่ีการวดั จุดประสงคป์ ลายทาง 6. พฒั นายุทธวธิ ีการสอน ( Develop Instructional Strategies ) เป็นแผนการสอนหรือ เหตุการณ์การสอนที่ช่วยใหผ้ เู้ รียนสามารถเรียนรู้ไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพตามจุดมุง่ หมาย โดยจะ ประกอบดว้ ยส่วนประกอบท่ีสาคญั อยู่ 5 ส่วนคือ 6.1 กิจกรรมก่อนการเรียนการสอน ( Preinstructional activities ) ก่อนที่จะเริ่มมี การเรียนการสอนข้ึนน้นั จะมีปัจจยั อยหู่ ลายปัจจยั ที่น่าจะทาการพจิ ารณา คือ 6.1.1 ระดบั การจูงใจของผเู้ รียนที่เราใชว้ สั ดุการเรียนการสอนเอสอนเขา ท้งั น้ี ในการสอนผเู้ รียนน้นั อาจจะตอ้ งมีการจูงใจผเู้ รียนค่อนขา้ งสูง ดงั น้นั เราจึงจาเป็นจะตอ้ งนาเทคนิค พเิ ศษตา่ ง ๆ เป็นตน้ วา่ สีสนั การ์ตนู เร่ืองราวท่ีน่าสนใจ หรือวธิ ีการอื่น ๆ ท้งั น้ีเพื่อที่จะดึงความสนใจ ของผเู้ รียนใหเ้ ขา้ มาสู่การเรียนการสอนใหไ้ ด้ ซ่ึงวธิ ีการที่จะนามาใชใ้ นการจูงใจผเู้ รียนแตล่ ะคนก็ 28
อาจจะไม่เหมือนกนั แต่อยา่ งไรก็ตามเทคนิควธิ ีท่ีเป็นประโยชนก์ ็คือการแสดงใหผ้ เู้ รียนเห็นวา่ เขาจะ สามารถทาอะไรไดภ้ ายหลงั จากที่เรียนเสร็จแลว้ ซ่ึงจะตอ้ งบอกใหล้ ะเอียดกวา่ ท่ีกาหนดไวใ้ น วตั ถุประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม 6.1.2 เคร่ืองท่ีช้ีแสดงวา่ ผเู้ รียนสามารถกระทาอะไรไดภ้ ายหลงั จากท่ีเสร็จสิ้น จากการเรียนการสอนแลว้ สาหรับผเู้ รียนบางคนน้นั การท่ีกาหนดวา่ ผเู้ รียนจะสามารถจะทาอะไรได้ ในวตั ถุประสงคข์ องการเรียนการสอนก็นบั วา่ เป็นการเพยี งพอ แตส่ าหรับผเู้ รียนบางคนแลว้ อาจจะ ตอ้ งกาหนดออกมาในรูปประโยคที่ผเู้ รียนสามารถทาความเขา้ ใจไดอ้ ยา่ งแจม่ ชดั และกาหนด สถานการณ์ในการเรียนท่ีผเู้ รียนจะสามารถแสดงพฤติกรรมการเรียนออกมาดว้ ย 6.1.3 แนะนาผเู้ รียนเกี่ยวกบั ทกั ษะพ้ืนฐานเดิมท่ีจาเป็ นต่อการท่ีเร่ิมการเรียนการ สอน โดยอาจจะกระทาไดใ้ น 2 ลกั ษณะ คือ ใหแ้ บบทดสอบส้นั ๆ หรือ ใหค้ าอธิบายส้ัน ๆ แก่ผเู้ รียน เก่ียวกบั พฤติกรรมก่อนการเรียน 6.2 การนาเสนอเน้ือหา ( Information Presentation ) ในการเรียนการสอนน้นั ครูผสู้ อนจะนาเสนอเน้ือหาอะไรใหแ้ ก่ผเู้ รียน ก็คือ การวเิ คราะห์การเรียนการสอนของครูผสู้ อน สาหรับจานวนเน้ือหาท่ีจะสอนใหแ้ ก่ผเู้ รียนจะมีมากนอ้ ยเพยี งใดน้นั กม็ ีปัจจยั ท่ีจะนามาพิจารณาอยู่ 3 ปัจจยั คือ ระดบั อายขุ องผเู้ รียน ประเภทของการเรียนรู้ท่ีเกิดข้ึน และกิจกรรมการเรียนที่แปร เปลี่ยนไป ท้งั น้ีเพื่อใหผ้ เู้ รียนเกิดความสนใจในการเรียน โดยการนาเสนอเน้ือหาให้แก่ผเู้ รียนช้นั เลก็ ควรจะเป็ นการนาเสนอเน้ือหาทีละนอ้ ย ๆ แตส่ าหรับผเู้ รียนท่ีโตแลว้ สามารถนาเสนอเน้ือหาใหท้ ีละ มากๆ ได้ 6.3 การมีส่วนร่วมของผเู้ รียน( Student Participation ) สิ่งหน่ึงท่ีเป็นส่วนประกอบท่ี สาคญั มากในกระบวนการเรียนกค็ ือ การฝึกหดั พร้อมกบั ใหก้ ารเสริมแรง ซ่ึงในกระบวนการเรียนเรา จะฝึกหดั ผเู้ รียนโดยใหผ้ เู้ รียนทากิจกรรมที่สอดคลอ้ งโดยตรงกบั วตั ถุประสงค์ และเม่ือใหผ้ เู้ รียนทา กิจกรรมเสร็จแลว้ กจ็ าเป็นจะตอ้ งใหผ้ เู้ รียนไดร้ ับผลยอ้ นกลบั หรือขอ้ มูลท่ีเกี่ยวกบั พฤติกรรมของเขา เองวา่ สิ่งท่ีเขาทาน้นั ถูกหรือผดิ ซ่ึงผลยอ้ นกลบั ที่ใหแ้ ก่ผเู้ รียนน้นั อาจจะอยใู่ นรูปของการเสริมแรง 6.4 การทดสอบ ( Testing ) การทดสอบตรงจุดน้ีเป็นการทดสอบยทุ ธศาสตร์ การเรียนการสอน เช่น เราจะตอ้ งทาการตดั สินใจใหแ้ น่ชดั วา่ ยทุ ธศาสตร์การเรียนการสอนอะไรที่จะ ทดสอบ สิ่งท่ีเราจะตอ้ งทาการตดั สินใจก็คือ เราจะมีแบบทดสอบพฤติกรรมก่อนดารเรียน หรือไม่ จะใชแ้ บบทดสอบดงั กล่าวน้ีเม่ือไร แบบทดสอบก่อนเรียนจะมีหรือไม่ จะใชเ้ ม่ือไร และจะครอบคลุม ทกั ษะอะไรบา้ ง นอกจากน้ีแบบทดสอบระหวา่ งเรียนจะมีหรือไม่ และจะมีในช่วงตอนไหนของ การเรียนการสอน แบบทดสอบระหวา่ งเรียนจะทดสอบอะไร สาหรับแบบทดสอบหลงั เรียนน้นั เราจะใชต้ ่อเมื่อไหร่และอยา่ งไร 29
6.5 กิจกรรมติดตามผล ( Follow – Through Activities) ภายหลงั จากที่ผเู้ รียนทา แบบทดสอบหลงั เรียนเสร็จแลว้ เราอาจจะตอ้ งการวสั ดุ หรือ คาแนะนา เพื่อใหผ้ เู้ รียนไดก้ ระทาโดย ท้งั น้ีก็ข้ึนอยกู่ บั ผลจากการทาแบบทดสอบหลงั เรียนของผเู้ รียนวา่ ผเู้ รียนมีพฤติกรรมตามท่ีกาหนดไว้ หรือไม่ ถา้ หากผเู้ รียนทาแบบทดสอบหลงั เรียนไดไ้ ม่ดีหรือมีพฤติกรรมไมค่ รบตามท่ีกาหนดไว้ เรา จะมีวสั ดุสาหรับซ่อมเสริมใหแ้ ก่ผเู้ รียนเขาหรือไม่ และจะมีวสั ดุเพอ่ื เสริมความรู้ หรือกิจกรรม เสนอแนะเพอ่ื ใหผ้ เู้ รียนที่ประสบผลสาเร็จในการเรียน หรือเกิดการรอบรู้ในการเรียนหรือไม่ 7. พฒั นาและเลอื กวสั ดุการเรียนการสอน ( Develop and Select Instructional Materials ) เป็นการพฒั นาและเลือกสื่อการเรียนการสอนท้งั สื่อส่ิงพมิ พแ์ ละสื่อโสตทศั น์ ซ่ึงในการเลือกส่ือการ สอนน้นั มีปัจจยั อยหู่ ลายปัจจยั ดว้ ยกนั คือ 7.1 การเลือกสื่อการสอนท่ีเหมาะสมกบั ประเภทของกิจกรรมการเรียน เพราะ ส่ือการสอนบางอยา่ งสามารถท่ีจะสอนหรือใหค้ วามรู้แก่ผเู้ รียนไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิผลในขณะท่ีสื่อ การสอนบางชนิดสามารถท่ีจะใหค้ วามรู้ทางดา้ นทกั ษะไดเ้ ป็นอยา่ งดี 7.2 ความสะดวกในการใชส้ ่ือในสภาพแวดลอ้ มต่าง ๆ 7.3 ความสามารถของผอู้ อกแบบหรือผเู้ช่ียวชาญในการที่จะผลิตส่ือท่ีมีรูปแบบเฉพาะ 7.4 ความยดึ หยนุ่ ความคงทน และความเหมาะสมของสื่อ 7.5 ความคุม้ ทุนมีหรือไม่เมื่อเปรียบเทียบกบั ส่ือการสอนชนิดอ่ืน ส่ือการสอนบาง ชนิดอาจจะถูกกวา่ สื่อการสอนชนิดอื่นในการผลิต แต่อาจจะมีคา่ เท่ากนั เม่ือพจิ ารณาถึงราคาในแง่อื่น 8. ออกแบบและทาการประเมินผลย่อย ( Design and Conduct Formative Evaluation ) เป็นกระบวนการที่ครูผสู้ อนใชใ้ นการเก็บขอ้ มูลท้งั น้ีเพื่อนาขอ้ มลู ที่ไดด้ งั กล่าวไปปรับปรุงการเรียน การสอนของตนให้เป็นไปอยา่ งมีประสิทธิภาพและมีประสิทธิผลมากยงิ่ ข้ึน โดยจุดเนน้ ของการ ประเมินผลยอ่ ยน้ีก็คือการเก็บขอ้ มูลเพ่ือนามาปรับปรุงสื่อการเรียนการสอนใหม้ ีประสิทธิผลเทา่ ที่จะ เป็นไปได้ ซ่ึงมีข้นั ตอนหลกั อยู่ 3 ข้นั ดว้ ยกนั คือ 8.1 การประเมินผลแบบหน่ึงตอ่ หน่ึง ในข้นั น้ีผอู้ อกแบบการเรียนการสอนจะ ทางานร่วมกนั กบั ผเู้ รียนเป็นรายบุคคล โดยอาจจะเป็นผเู้ รียนซ่ึงเป็นตวั แทนของประชาการจานวน 3 คนหรือมากกวา่ น้นั กไ็ ด้ ท้งั น้ีเพ่ือใชใ้ นการเกบ็ ขอ้ มูลเพื่อนามาปรับปรุงแกไ้ ขส่ือการสอน โดยการ ทดสอบในข้นั น้ีมีวตั ถุประสงคท์ ี่จะแยกแยะและขจดั ขอ้ ผดิ พลาดในการเรียนการสอนใหไ้ ดม้ ากท่ีสุด พร้อมกนั น้ีกต็ อ้ งการท่ีจะไดร้ ับปฏิกิริยาจากผเู้ รียนเก่ียวกบั เน้ือหาดว้ ย 8.2 การประเมินผลแบบกลุ่มเล็ก ในการประเมินผลแบบกลุ่มเลก็ น้ีมีวตั ถุประสงค์ 2 ประการ คือ 1. เพ่ือกาหนดประสิทธิผลของการเปลี่ยนแปลงที่เกิดข้ึนภายหลงั จากการประเมินผล แบบหน่ึงต่อหน่ึง และเพ่ือช้ีใหเ้ ห็นถึงสิ่งที่ยงั คงเป็นปัญหาของการเรียนท่ีผเู้ รียนอาจจะมีในขณะที่ เรียน 2. เพ่อื กาหนดวา่ ผเู้ รียนสามารถใชช้ ุดการสอนโดยปราศจากการมีปฏิสมั พนั ธ์กบั ครูผสู้ อนได้ 30
8.3 การทดสอบภาคสนาม ในข้นั สุดทา้ ยของการประเมินผลยอ่ ย ผสู้ อนจะ พยายามใชส้ ถานการณ์การเรียนท่ีคลา้ ยหรือใกลเ้ คียงกบั สภาพความเป็นจริงในการใชส้ ่ือการเรียน การสอนมากที่สุด โดยในการประเมินผลข้นั น้ีมีวตั ถุประสงคเ์ พือ่ ดูวา่ การเปล่ียนแปลงภายหลงั จาก การประเมินผลกลุ่มเลก็ มีประสิทธิผลหรือไม่ และการเรียนการสอนสามารถท่ีจะจดั ในสภาพการณ์ที่ เตรียมไวไ้ ดห้ รือไม่ ในการท่ีจะตอบคาถามเหล่าน้ีไดน้ ้นั สื่อการสอนทุกชนิด รวมท้งั แบบทดสอบ และคู่มือครูควรจะไดร้ ับการปรับปรุงแกไ้ ขและพร้อมที่จะนาไปใช้ ในการประเมินผลข้นั น้ีครูผสู้ อน จะเป็นผนู้ าการเรียนการสอนไปใชไ้ ม่ใช่ผอู้ อกแบบการเรียนการสอน และผเู้ รียนที่จะนามาใชใ้ นการ ประเมินคร้ังน้ีมีจานวน 30 คน และจะตอ้ งเป็ นตวั แทนของประชากรกลุ่มเป้ าหมายดว้ ย 9. การปรับปรุงแก้ไขสื่อการเรียนการสอน ( Revising Instructional Materials ) ในการ ปรับปรุงแกไ้ ขส่ือการเรียนการสอนมีขอ้ ควรพจิ ารณาท่ีเป็ นพ้นื ฐานอยู่ 2 ประการคือ 9.1 การเปลี่ยนแปลงเก่ียวกบั เน้ือหาสาระหรือเน้ือหาของสื่อการเรียนการสอนท่ี จะทาใหเ้ ครื่องมือที่ใชใ้ นการเรียนมีความแมน่ ยาหรือมีประสิทธิภาพมากยงิ่ ข้ึน 9.2 การเปล่ียนแปลงที่มีความสัมพนั ธ์กบั กระบวนการท่ีใชใ้ นการใชส้ ื่อการสอน 10. การประเมินผลรวม ( Summative Evaluation ) หมายถึงการออกแบบการเกบ็ รวบรวม และการตีความขอ้ มูล เพ่อื นาไปจดั การเรียนการสอนให้ โดยมีจุดมุง่ หมายที่จะดูคุณค่าของ การเรียนการสอนน้นั ในการประเมินผลรวม ผปู้ ระเมินจะตอ้ งมีวสั ดุต่าง ๆ ไวใ้ หพ้ ร้อม ผปู้ ระเมินจะ วเิ คราะห์วสั ดุในแง่ ความคลอบคลุมของเน้ือหา วตั ถุประสงค์ และความสัมพนั ธ์ของเครื่องมือที่ใชใ้ น การทดสอบกบั วตั ถุประสงค์ นอกจากน้ีก็จะตอ้ งมีการทดสอบคูม่ ือครูดว้ ย โดยผปู้ ระเมินจะตอ้ งจดั ให้ ครูผสู้ อนท่ีไมไ่ ดม้ ีส่วนเก่ียวขอ้ งในกระบวนการออกแบบไดใ้ ชส้ ่ือการสอนกบั ผเู้ รียนที่เป็นประชากร กลุ่มเป้ าหมาย 4.5 คุณค่าและลกั ษณะของชุดการสอนทด่ี ี กรองกาญจน์ อรุณรัตน์ ( 2536, หนา้ 9 ) ไดก้ ล่าวถึงคุณค่าและลกั ษณะของชุดการสอนที่ดี ไวด้ งั น้ี 1. ช่วยใหผ้ สู้ อนถ่ายทอดเน้ือหาและประสบการณ์ที่สลบั ซบั ซอ้ นและมีลกั ษณะเป็น นามธรรมสูง 2. ช่วยเร้าความสนใจของผเู้ รียนตอ่ ส่ิงที่กาลงั ศึกษา เพราะชุดการเรียนการสอนจะเปิ ด โอกาสใหผ้ เู้ รียนมีส่วนร่วมในการเรียนของตนเองและสังคม 3. เปิ ดโอกาสใหผ้ เู้ รียนไดแ้ สดงความคิดเห็น ฝึกการตดั สินใจ แสวงหาความรู้ดว้ ยตนเอง และมีความรับผดิ ชอบต่อตนเองและสงั คม 31
4. ช่วยสร้างความพร้อมและความมนั่ ใจแก่ผสู้ อน เพราะชุดการเรียนการสอนผลิตไวเ้ ป็ น หมวดหมู่ สามารถหยบิ ไปใชไ้ ดท้ นั ที 5. ทาใหก้ ารเรียนการสอนของผเู้ รียนเป็ นอิสระจากอารมณ์ของครูผสู้ อน ชุดการเรียน การสอนสามารถทาใหผ้ เู้ รียนเรียนไดต้ ลอดเวลา ไม่วา่ อาจารยผ์ สู้ อนจะมีสภาพหรือความขดั ขอ้ งทาง อารมณ์มากนอ้ ยเพียงใด 6. ช่วยใหก้ ารเรียนเป็นอิสระจากบุคลิกภาพของผสู้ อน เน่ืองจากชุดการเรียนการสอนทา หนา้ ที่ถ่ายทอดแทนครู แมค้ รูจะพดู หรือสอนไม่เก่ง ผเู้ รียนกส็ ามารถเรียนไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ จาก ชุดการเรียนการสอนที่ไดผ้ า่ นการทดสอบประสิทธิภาพมาแลว้ 7. ในกรณีท่ีครูขาด ครูคนอื่นสามารถสอนแทนไดโ้ ดยใชช้ ุดการเรียนการสอน มิใช่เขา้ ไปนงั่ คุมช้นั ปล่อยใหผ้ เู้ รียนอยเู่ ฉย ๆ ท้งั น้ีเพราะมีเน้ือหาวชิ าอยภู่ ายในชุดการเรียนการสอนแลว้ ซ่ึง จะทาใหค้ รูผสู้ อนสามารถสอนแทนไดโ้ ดยไม่ตอ้ งเตรียมตวั มาก 4.6 การหาประสิทธิภาพของชุดการสอน การหาประสิทธิภาพชุดการสอนที่สร้างข้ึน เป็นการนาชุดการสอนไปทดลองใชแ้ ละนาผลที่ ไดจ้ ากการทดลองมาปรับปรุงแกไ้ ข เมื่อชุดการสอนที่ไดป้ รุงแกไ้ ขแลว้ จึงจะนาไปใชใ้ นการเรียน การสอนจริง ซ่ึงการหาประสิทธิภาพของชุดการสอนน้นั ผศู้ ึกษาขอนาเสนอรายละเอียดการหา ประสิทธิภาพของชุดการสอน ดงั น้ี 1. ข้ันตอนการหาประสิทธิภาพของชุดการสอน กรองกาญจน์ อรุณรัตน์ ( 2536 , หนา้ 354-356 ) ไดก้ ล่าวถึงข้นั ตอนการหาประสิทธิภาพของ ชุดการสอน สรุปไดด้ งั น้ี 1. แบบหน่ึงตอ่ หน่ึง ( 1 : 1 ) เป็นการนาชุดการสอนไปใชก้ บั ผเู้ รียน 1 คน โดยใชเ้ ด็ก ท่ีมีผลการเรียนออ่ น ปานกลาง และเก่ง ซ่ึงการทดลองในข้นั น้ีเป็นการทดสอบการส่ือความหมาย กล่าวคือ จะดูความสามารถในการสื่อความหมายของชุดการสอนเป็นหลกั ท้งั น้ีเพ่ือท่ีจะศึกษาถึง ขอ้ บกพร่องของส่ือการสอน ลาดบั ข้นั ของการนาเสนอเน้ือหา ความเหมาะสมของวธิ ีการ นาเสนอ เน้ือหาวชิ าความรู้วา่ มีความเหมาะสมกบั เน้ือหา วตั ถุประสงค์ และตวั ผเู้ รียนหรือไม่ ในการทดสอบ ข้นั น้ีมิไดม้ ุง่ เนน้ ที่จะนาเอาคะแนนผลสัมฤทธ์ิของผเู้ รียนภายหลงั จากท่ีศึกษาจากชุดการสอนมาเป็น เคร่ืองมือตดั สินประสิทธิภาพของชุดการสอน ดว้ ยเหตุน้ีจึงไม่จาเป็นที่จะตอ้ งให้ผเู้ รียนทา แบบทดสอบก่อนเรียนก่อนที่จะทาการศึกษาจากชุดการสอน หรือทาแบบทดสอบหลงั เรียนภาย หลงั จากที่ผเู้ รียนทาการศึกษาชุดการสอนเสร็จเรียบร้อยแลว้ ซ่ึงขอ้ มลู ที่จะนามาพจิ ารณาเพอื่ ปรับปรุง แกไ้ ขชุดจะไดม้ าจากการสังเกตพฤติกรรมของผเู้ รียน การสมั ภาษณ์ และตอบแบบสอบถามผเู้ รียน 32
2. แบบกลุ่ม ( 1 : 10 ) เป็นการนาชุดการสอนท่ีปรับปรุงแกไ้ ขแลว้ ไปทดลองใชก้ บั ผเู้ รียน 6-10 คน โดยเป็นการคละกนั ระหวา่ งผเู้ รียนที่เรียนเก่งกบั ผเู้ รียนที่เรียนอ่อน ในการทดลองข้นั น้ีมีจุดมุง่ หมายเพื่อดูความสามารถของชุดในลกั ษณะของปฏิสมั พนั ธ์ของเดก็ ท่ีใชช้ ุด และจะเป็นการ ทดลองตามข้นั ตอนของกระบวนการเรียนการสอนท่ีกาหนดไวใ้ นชุดการสอนน้นั โดยก่อนท่ีจะเรียน จะมีการใหผ้ เู้ รียนทาแบบทดสอบก่อนเรียน ภายหลงั จากที่ผเู้ รียนทาแบบทดสอบก่อนเรียนเสร็จแลว้ ครูจะใหผ้ เู้ รียนศึกษาจากชุดการสอน สาหรับการทาแบบทดสอบก่อนเรียนน้นั จะไมม่ ีการเฉลยให้ ผเู้ รียนทราบ ในขณะท่ีผเู้ รียนกาลงั ศึกษาจากชุดการสอนน้นั ครูผสู้ อนตอ้ งคอยสังเกตพฤติกรรมของ ผเู้ รียน จบั เวลาในการเรียน และคอยช่วยเหลือเมื่อผเู้ รียนประสบปัญหาในการเรียนข้ึน และภายหลงั จากที่ศึกษาเน้ือหาจบแลว้ ให้ผเู้ รียนทาแบบทดสอบหลงั เรียน ซ่ึงโดยส่วนใหญ่แบบทดสอบก่อน เรียนและแบบทดสอบหลงั เรียนมกั จะเป็นขอ้ สอบชุดเดียวกนั หรือถา้ หากจะใชข้ อ้ สอบคนละชุดกนั ก็ มกั จะสร้างขอ้ สอบแบบคูข่ นาน ภายหลงั จากที่นาชุดการสอนไปทดลองใชใ้ นข้นั ท่ี 1 และ 2 แลว้ ถา้ หากวา่ คะแนนที่ ไดอ้ อกมาเท่ากบั เกณฑท์ ่ีต้งั ไว้ กส็ ามารถนาชุดการสอนไปทดสอบเพอ่ื หาประสิทธิภาพในการ ทดลองข้นั ที่ 3 ( ภาคสนาม ) ตอ่ ไป แต่ถา้ หากวา่ คะแนนที่ไดอ้ อกมาต่ากวา่ เกณฑท์ ่ีต้งั ไว้ กจ็ ะตอ้ งนา ชุดการสอนไปทดลองใชแ้ บบกลุ่มกบั ผเู้ รียนกลุ่มใหม่ต่อไป เพ่ือหาทางปรับปรุงแกไ้ ขและขจดั ขอ้ บกพร่องใหม้ ากที่สุด ทาการทดลองซ้าจนกระทง่ั มีความแน่ใจวา่ ชุดการสอนมีประสิทธิภาพ เทา่ กบั เกณฑแ์ ลว้ จึงนาชุดการสอนดงั กล่าวไปทดสอบเพ่ือหาประสิทธิภาพในข้นั ที่ 3 ตอ่ ไป 3. ภาคสนาม ( 1 : 100 ) ในการทดลองข้นั น้ีจะเป็ นการนาชุดการสอนท่ีปรับปรุงแกไ้ ข แลว้ ไปทดลองใชใ้ นช้นั เรียนท่ีมีผเู้ รียนต้งั แต่ 30-100 คน โดยมีการดาเนินการทดลองตามข้นั ตอน เช่นเดียวกนั กบั การทดลองแบบกลุ่ม หากการทดลองภาคสนามช้ีใหเ้ ห็นวา่ ชุดการสอนมี ประสิทธิภาพไมถ่ ึงเกณฑม์ าตรฐานท่ีกาหนดไว้ กจ็ ะตอ้ งนาชุดการสอนน้นั ไปปรับปรุงแกไ้ ขและทา การทดสอบหาประสิทธิภาพซ้าอีกจนกระทง่ั ชุดการสอนน้นั มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 2. เกณฑ์ประสิทธิภาพของชุดการสอน ในการหาประสิทธิภาพของชุดการสอนน้นั ไดม้ ีนกั การศึกษาหลายทา่ นไดเ้ สนอไว้ ดงั น้ี กรองกาญจน์ อรุณรัตน์ ( 2536, หนา้ 357 - 358 ) ไดใ้ หค้ วามหมายของเกณฑป์ ระสิทธิภาพ ไวว้ า่ คือ ระดบั ประสิทธิภาพของชุดการสอนที่จะช่วยให้นกั เรียนเกิดการเรียนรู้ เป็ นระดบั ท่ีผผู้ ลิตชุด การสอนจะพึงพอใจวา่ หากชุดการสอนมีประสิทธิภาพถึงระดบั น้นั แลว้ ชุดการสอนน้นั กจ็ ะมีคุณคา่ ท่ี จะนาไปสอนนกั เรียน และคุม้ คา่ แก่การลงทุนผลิตออกมาเป็นจานวนมาก 33
ชยั ยงค์ พรหมวงศ์ ( อา้ งใน กรองกาญจน์ อรุณรัตน์, 2536, หนา้ 357) กล่าววา่ การกาหนด เกณฑป์ ระสิทธิภาพกระทาไดโ้ ดยการประเมินพฤติกรรมของนกั เรียน 2 ประเภท คือ พฤติกรรม ตอ่ เน่ือง (กระบวนการ) และพฤติกรรมข้นั สุดทา้ ย (ผลลพั ธ์) 1) การประเมินพฤติกรรมต่อเนื่อง(TransitionBehavior)คือการประเมินผลต่อเนื่องซ่ึงประกอบด้วย พฤติกรรมต่อเนื่องยอ่ ยหลายๆพฤติกรรมเรียกวา่ กระบวนการของนกั เรียนท่ีสังเกตจากการประกอบกิจกรรมกลุ่ม (รายงานของกลุ่ม)และรายงานของบุคคล ไดแ้ ก่ งานท่ีมอบหมายและกิจกรรมอื่นใดที่ผสู้ อนกาหนดให้ 2) พฤติกรรมข้นั สุดทา้ ย(TerminalBehavior)คือการประเมินผลลพั ธ์ (Products)ของนกั เรียนโดยพิจารณา จากการสอบหลงั เรียนและการสอบไล่ ซ่ึงประสิทธิภาพของชุดการสอนจะกาหนดเป็ นเกณฑท์ ี่ผสู้ อนคาดหมายวา่ นกั เรียนจะเปล่ียน พฤติกรรมที่พงึ พอใจ โดยกาหนดให้เป็นเปอร์เซ็นตข์ องผลการทดสอบหลงั เรียนของนกั เรียนท้งั หมด นน่ั คือ E1 / E2 E1 คือ คา่ ประสิทธิภาพของกระบวนการ คิดเป็นร้อยละของคะแนนเฉล่ียจากการทา แบบฝึกหดั และการประกอบกิจกรรม E2 คือ คา่ ประสิทธิภาพของผลลพั ธ์ (พฤติกรรมท่ีเปลี่ยนในตวั นกั เรียนหลงั เรียน) คิดเป็ นร้อย ละของคะแนนเฉลี่ยจากการทาแบบทดสอบหลงั เรียน นอกจากจะกาหนดเกณฑป์ ระสิทธิภาพของชุดการสอนโดยการประเมินพฤติกรรมต่อเนื่อง และพฤติกรรมข้นั สุดทา้ ยของผเู้ รียนแลว้ การกาหนดเกณฑป์ ระสิทธิภาพอาจจะยดึ ตามแนวที่ James E.Espich และ Bill Williams ค.ศ. 1968 ( อา้ งในกรองกาญจน์ อรุณรัตน์ , 2536 , หนา้ 360 ) ไดเ้ สนอ ไวเ้ ป็น 3 ลกั ษณะ โดยหน่ึงในสามลกั ษณะกเ็ ป็นการประเมินพฤติกรรมต่อเนื่องและพฤติกรรมข้นั สุดทา้ ยของผเู้ รียนดงั ไดก้ ล่าวไวใ้ นขา้ งตน้ ส่วนอีกสองลกั ษณะตอ่ มาก็คือ 1. ประเมินโดยพิจารณาคะแนนเฉลี่ยจากการทาแบบทดสอบหลงั เรียนของผเู้ รียนทุกคนและ ผเู้ รียนจานวน......% สามารถบรรลุผลสาเร็จในการเรียนตามที่วตั ถุประสงคแ์ ตล่ ะขอ้ ของบทเรียน กาหนดไว้ ( จานวนกี่เปอร์เซ็นต์ กข็ ้ึนอยกู่ บั เกณฑท์ ่ีผผู้ ลิตชุดการสอนต้งั ไว้ ) 2. ประเมินโดยพจิ ารณาจากการที่ผเู้ รียนจานวน........% สามารถทาแบบทดสอบหลงั เรียนได้ .........% ( สาหรับจานวนเปอร์เซ็นตน์ ้นั ผผู้ ลิตชุดการสอนจะเป็นผกู้ าหนด ) สาหรับเกณฑป์ ระสิทธิภาพของชุดการสอนท่ีผศู้ ึกษานามาใชใ้ นการศึกษาคร้ังน้ี จะยดึ ตาม แนวของ James E. Espich และ Bill Williams ค.ศ. 1968 ( อา้ งใน กรองกาญจน์ อรุณรัตน์, 2536, หนา้ 360 ) ท่ีไดก้ าหนดเกณฑป์ ระสิทธิภาพซ่ึงประเมินโดยพจิ ารณาคะแนนเฉล่ียจากการทาแบบทดสอบ หลงั เรียนของนกั เรียนทุกคนและนกั เรียนจานวน….% ที่สามารถบรรลุผลสาเร็จในการเรียนตาม วตั ถุประสงคแ์ ตล่ ะขอ้ ของบทเรียนกาหนดไว้ ซ่ึงในการศึกษาคร้ังน้ีผศู้ ึกษากาหนดเกณฑ์ 34
ประสิทธิภาพท่ี 80/80 ซ่ึงหมายถึง คะแนนเฉลี่ยจากการทาแบบทดสอบหลงั เรียนของนกั เรียนทุกคน เฉล่ียไมต่ ่ากวา่ 80% และนกั เรียนจานวน 80% ของนกั เรียนท้งั หมด สามารถบรรลุผลสาเร็จในการ เรียนตามจุดประสงคแ์ ต่ละขอ้ ของบทเรียนกาหนดไว้ 3. การยอมรับประสิทธิภาพของชุดการสอน ไดม้ ีผเู้ สนอไว้ ดงั น้ี กรองกาญจน์ อรุณรัตน์ ( 2536 , หนา้ 361 ) ไดก้ ล่าวถึงการยอมรับประสิทธิภาพของชุดการสอน วา่ ภายหลงั จากที่นาชุดการสอนไปทดลองเพื่อหาประสิทธิภาพน้นั ในกรณีท่ีประสิทธิภาพของชุดการสอน ท่ีสร้างข้ึนไมถ่ ึงเกณฑท์ ่ีต้งั ไว้เนื่องจากมีตวั แปรที่ควบคุมไมไ่ ด้ เช่น สภาพหอ้ งเรียน ความพร้อมของ ผเู้รียน เป็นตน้ อาจจะอนุโลมใหม้ ีระดบั ผดิ พลาดใหต้ ่ากวา่ มาตรฐานที่กาหนดไวป้ ระมาณ 2.5 % - 5 % โดยการยอมรับประสิทธิภาพของชุดการสอนท่ีสร้างข้ึนอาจกาหนดไว้ 3 ระดบั คือ 1. สูงกวา่ เกณฑ์ เมื่อประสิทธิภาพของชุดการสอนสูงกวา่ เกณฑท์ ่ีต้งั ไว้ มีคา่ เกินกวา่ 2.5 % ข้ึนไป 2. เท่าเกณฑ์ เมื่อประสิทธิภาพของชุดการสอนเท่ากบั เกณฑ์ หรือสูงกวา่ เกณฑ์ที่ต้งั ไว้ แต่ไมเ่ กิน 2.5 % 3. ต่ากวา่ เกณฑ์ เมื่อประสิทธิภาพของชุดการสอนต่ากวา่ เกณฑแ์ ต่ ไม่ต่ากวา่ 2.5 % ถือวา่ ยงั มีประสิทธิภาพยอมรับได้ ท้งั น้ีการยอมรับประสิทธิภาพของชุดการสอนดงั กล่าวใหถ้ ือค่าแปรปรวน 2.5 – 5 % นนั่ คือ ประสิทธิภาพของชุดการสอนไมค่ วรต่ากวา่ เกณฑเ์ กิน 5 % แต่โดยปกติเราจะกาหนดไว้ 2.5 % เทา่ น้นั 5. งานวจิ ัยทเ่ี กี่ยวข้อง นิภาวรรณ เจริญวยั ( 2551 ) ไดท้ าการวจิ ยั เร่ืองชุดการสอนการสอนเพื่อพฒั นาทกั ษะ กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์โดยวธิ ีสอนแบบสืบสวนสอบสวน เร่ืองแรงและการเคล่ือนที่ ช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี 3 อาเภอศรีสชั นาลยั จงั หวดั สุโขทยั พบวา่ ชุดการสอนที่สร้างข้ึนมีประสิทธิภาพ 72.42/74.61 และความพงึ พอใจของผเู้ รียนที่เรียนดว้ ยชุดการสอนเพือ่ พฒั นาทกั ษะกระบวนการทาง วทิ ยาศาสตร์โดยวธิ ีสอนแบบสืบสวนสอบสวน เร่ืองแรงและการเคลื่อนที่ ช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 3 อาเภอศรีสชั นาลยั จงั หวดั สุโขทยั อยใู่ นระดบั ความพึงพอใจมาก สใบทิพย์ แสนสุทรวจิ ิตร ( 2551 ) ไดท้ าการวจิ ยั เร่ืองการสร้างชุดการสอน เรื่อง แรงและ ความดนั สาหรับผเู้ รียนช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี 5 พบวา่ ชุดการสอนที่สร้างข้ึนมีประสิทธิภาพ 81.25/81.94 และค่าดชั นีประสิทธิผลเทา่ กบั 0.67 เป็นไปตามเกณฑท์ ี่กาหนด 35
จริญญา สุวรรณพิมพ์ ( 2552 ) ไดท้ าการวจิ ยั เรื่อง การพฒั นาชุดการสอน เรื่อง พืช กลุ่มสาระ การเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 4 พบวา่ ชุดการสอนที่สร้างข้ึนมีประสิทธิภาพเฉลี่ย 81.70/83.75 ซ่ึงสูงกวา่ เกณฑม์ าตรฐาน 80/80 ท่ีต้งั ไวแ้ ละผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของผเู้ รียนหลงั การเรียนดว้ ยชุดการสอนสูงกวา่ ก่อนเรียนดว้ ยชุดการสอนอยา่ งมีนยั สาคญั .01 เนรมิต โสภาพ ( 2552 ) ไดท้ าการวจิ ยั เรื่อง การพฒั นาชุดการสอน กลุ่มสาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ เรื่อง ดินและธาตุอาหารหลกั ของพชื สาหรับผเู้ รียนช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 1 พบวา่ ชุดการ สอนที่สร้างข้ึนมีประสิทธิภาพเฉลี่ย 87.42/84.17 ซ่ึงสูงกวา่ เกณฑม์ าตรฐาน 80/80 ท่ีต้งั ไว้ จินดา ประกอบธรรม ( 2553 ) ไดท้ าการวจิ ยั เรื่อง การสร้างชุดการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ เร่ือง อาหารท่ีเนน้ กิจกรรมการทาโครงงานวทิ ยาศาสตร์ สาหรับผเู้ รียนช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี 2 พบวา่ ชุดการสอนที่สร้างข้ึนมีประสิทธิภาพเฉลี่ย 90.26/90.91 ซ่ึงสูงกวา่ เกณฑม์ าตรฐาน 80/80 ที่ต้งั ไวแ้ ละผเู้ รียนที่เรียนดว้ ยชุดการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ เรื่อง อาหารท่ีเนน้ กิจกรรม การทาโครงงานวทิ ยาศาสตร์ มีผลสมั ฤทธ์ิการทาโครงงานวทิ ยาศาสตร์ผา่ นเกณฑป์ ระเมินร้อยละ 100 ปาริชาติ สิริสัณห์ ( 2553 ) ไดท้ าการวจิ ยั เร่ือง การพฒั นาชุดการสอนโดยการเรียนแบบ ร่วมมือ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ เรื่องระบบนิเวศ สาหรับผเู้ รียนช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี 3 พบวา่ ชุด การสอนโดยการเรียนแบบร่วมมือ ที่สร้างข้ึนมีประสิทธิภาพเฉล่ีย 83.83/81.66 ซ่ึงเป็ นไปตามเกณฑ์ 80/80 ที่ต้งั ไว้ และผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของผเู้ รียนหลงั การเรียนดว้ ยชุดการสอนโดยการเรียนแบบ ร่วมมือ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ เรื่องระบบนิเวศ สาหรับผเู้ รียนช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี 3สูงกวา่ ก่อน เรียนดว้ ยชุดการสอนอยา่ งมีนยั สาคญั 0.01 ความพึงพอใจของผเู้ รียนที่เรียนดว้ ยชุดการสอนโดยการ เรียนแบบร่วมมือ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ เรื่องระบบนิเวศ สาหรับผเู้ รียนช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี 3 อยใู่ นระดบั มาก นวลละออง ทองยนุ้ ( 2554 ) ไดท้ าการวจิ ยั เร่ือง การพฒั นาชุดการสอนสาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ เรื่อง ชีวติ สมั พนั ธ์ สาหรับผเู้ รียนช้นั ประถมศึกษาป่ี ที่ 3 พบวา่ ชุดการสอนชุดการสอน สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ เร่ือง ชีวติ สมั พนั ธ์ สาหรับผเู้ รียนช้นั ประถมศึกษาป่ี ท่ี 3 ที่สร้างข้ึนมี ประสิทธิภาพเฉล่ีย 81.92/82.33 ซ่ึงสูงกวา่ เกณฑม์ าตรฐาน 80/80 ท่ีต้งั ไวแ้ ละค่าเฉล่ียเจตคติต่อวชิ า วทิ ยาศาสตร์มีค่าเท่ากบั 4.63 ซ่ึงอยใู่ นเกณฑด์ ีมาก Langstaff ค.ศ. 1972 ( อา้ งในอรนุช ลิมตศิริ , 2541 , หนา้ 30 ) ไดท้ าการวจิ ยั เร่ือง การ พฒั นาและประเมินชุดการสอนเพ่ือการเรียนดว้ ยตนเอง สาหรับการฝึกหดั ครูของนกั ศึกษาและครู ประจาการท่ีมหาวทิ ยาลยั แคลิฟอร์เนียใต้ พบวา่ การเรียนจากชุดการสอนทาใหผ้ ลการเรียนดีข้ึน ช่วย ส่งเสริมความคิดริเร่ิมสร้างสรรค์ 36
Shorter ค.ศ.1982 ( อา้ งในนงเยาว์ พลู ศิริ , 2531 , หนา้ 20 ) ไดส้ ร้างชุดการสอน เพื่อแนะนา ประสบการณ์ดา้ นอาชีพเกษตรกรรม เร่ือง การใชจ้ า่ ยของนกั เรียน และเปรียบเทียบผลสมั ฤทธ์ิ ทางการเรียนโดยใชช้ ุดการสอนกบั การสอนปกติ ผลการวจิ ยั พบวา่ ไมม่ ีความแตกต่างกนั อยา่ งมี นยั สาคญั ทางสถิติระหวา่ งกลุ่มทดลองที่เรียนโดยใชช้ ุดการสอนกบั การสอนแบบปกติ Vivas ค.ศ. 1985 ( อา้ งในเนรมิต โสภาพ , 2552 ,หนา้ 91 ) ไดท้ าการวจิ ยั เกี่ยวกบั การ ออกแบบพฒั นาและประเมินค่าของการรับรู้ทางความคิดของนกั เรียนเกรด 1 ในประเทศเวเนซูเอล่า โดยใชช้ ุดการสอนจากการศึกษาเกี่ยวกบั ความเขา้ ใจในการพฒั นาทกั ษะท้งั 5 ดา้ น คือ ดา้ นความคิด ดา้ นความพร้อมในโรงเรียน ดา้ นความคิดสร้างสรรคด์ า้ นเชาวน์ปัญญา และดา้ นการปรับตวั ทาง สังคม กลุ่มตวั อยา่ งเป็นนกั เรียนเกรด 1 จากโรงเรียนนีสกวั เนียร์ เจตมิลินดา้ ประเทศเวเนซูเอล่า จานวน 214 คน แบง่ เป็นกลุ่มทดลอง 100 คน ไดร้ ับการสอนปกติ ผลการวจิ ยั พบวา่ นกั เรียนที่ไดร้ ับ การสอนโดยใชช้ ุดการสอนมีความสามารถเพิ่มข้ึนในดา้ นความคิด ความพร้อมในการเรียน ความคิด สร้างสรรค์ ดา้ นเชาวน์ปัญญาและดา้ นปรับตวั ทางสงั คม จากการศึกษางานวจิ ยั ที่เก่ียวกบั ชุดการสอน ทาใหเ้ ห็นวา่ การจดั กิจกรรมการเรียนการสอน โดยใชช้ ุดการสอนน้นั จะช่วยใหผ้ เู้ รียนเกิดการเรียนรู้ที่ดีข้ึนและสามารถบรรลุวตั ถุประสงคต์ ามที่ กาหนดไว้ จึงส่งผลใหผ้ ลสัมฤทธ์ิทางการเรียนสูงข้ึน จากเหตุผลดงั กล่าวจึงทาใหผ้ ศู้ ึกษาคิดวา่ หากนา ชุดการสอนไปใชใ้ นการสอนวชิ าวทิ ยาศาสตร์ เร่ืองการดารงชีวติ ของพชื สาหรับนกั เรียนช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 4 ข้ึนแลว้ จะช่วยพฒั นาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนวชิ าวทิ ยาศาสตร์ของนกั เรียนให้ สูงข้ึน 37
บทท่ี 3 วธิ ีดำเนินกำรสร้ำงเครื่องมอื ในการศึกษาคร้ังน้ีมีจุดประสงคเ์ พอ่ื สร้างชุดการสอนวชิ าวิทยาศาสตร์ เร่ือง การดารงชีวิต ของพืช สาหรับผเู้ รียนช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี 4 ท่ีมีประสิทธิภาพ ซ่ึงผศู้ ึกษาไดอ้ าศยั ระบบการเรียนการ สอนของ Dick and Carey ( กรองกาญจน์ อรุณรัตน์, 2536, หนา้ 12 ) มาใชเ้ ป็นแนวทางในการสร้าง โดยมีข้นั ตอนดงั น้ี วเิ คราะห์ การปรับปรุงการสอน การเรียน การสอน กาหนด เขียน พฒั นา พฒั นา พฒั นา ประเมนิ เป้ าหมาย จุดมงุ่ หมายเชิง ขอ้ สอบ ยทุ ธวธิ ี วสั ดุ เพื่อการ การเรียน อิงเกณฑ์ การสอน การเรียน ปรับปรุง พฤติกรรม การสอน กาหนด ประเมนิ พฤติกรรม ระบบ ก่อนเรียน การสอน แผนภูมิ 2 แสดงรูปแบบของระบบการเรียนการสอนของดิคส์และแคร่ี ( Dick and Carey ) ( ท่ีมา : กรองกาญจน์ อรุณรัตน์ , 2536 หนา้ 87 ) 38
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250